กลาวได นั้นไดช อื่ วา พหสุ ตุ ฺโต เปน ผไู ดยนิ ไดฟ งมากศกึ ษามาก เลาเรยี นมาก สิปปฺ จฺ ขอ ที่ ๒ รองลาํ ดับลงมา ที่เรยี กวา ศลิ ปวทิ ยา สปิ ปฺ จฺ เปน ผมู ศี ลิ ปวทิ ยาอนั ไดศ กึ ษาดแี ลว ศลิ ปวทิ ยาทกุ ประการ การประดิษฐข องใชด วยมือ การทาํ ฤทธทิ์ ําเดชดว ยมือศลิ ปวทิ ยา ความประดษิ ฐท างวาจา ใชว าจาใหม ฤี ทธเ์ิ ดชได นเ้ี ปน ศลิ ปสาํ คญั ศลิ ปทางใจมอี กี ใจรจู กั คดิ รอบคอบประกอบวชิ านน้ั ๆ ใหป รากฏขน้ึ เอามาใชไดใหปรากฏแกประชุมชน สิ่งท้ังมวลลวนแตสําเร็จ ดว ยใจทงั้ นนั้ ทา นไดย นื ยนั วา มโนมยา สาํ เรจ็ แลว ดว ยใจ มโนเสฏ า มีใจประเสรฐิ กวา ใจสาํ คญั นกั ระเบดิ ปรมาณทู ม่ี อี าํ นาจอยูในโลก กําลังนี้ นน่ั กส็ าํ เรจ็ ดว ยใจ ใจคดิ คน เขา สําเร็จดว ยใจ เคร่ืองบนิ ก็สําเร็จดวยใจ เรือยนตกลไกก็สําเร็จดวยใจ ใจคิดท้ังน้ัน วิทยุ โทรเลข เหลาน้ีสําเร็จดวยใจ เครื่องอัดเสียงน้ีก็สําเร็จดวยใจ สําเร็จดวยใจแลว ก็ใชวาจาเขา ใชกายเขา นี่เปนศิลปสําคัญ นกั ศลิ ปออกจากใจทงั้ นนั้ นฝี่ า ยขา งปฏบิ ตั ติ อ งรชู ดั ดงั น้ี ศลิ ปทา น ยกศลิ ปอยา งต่ําๆ ปสปิ ฺป ศิลป ของบุรษุ เปลยี้ บุรษุ เปล้ยี ดีดกรวดขนึ้ ไปท่ตี น ไทร เปนรูปชา ง รูปมา ได ตา งๆ ปสปิ ฺป บุรษุ งอย ใชวชิ าอยา งนี้ ใชศิลปอยา งนี้ เลี้ยงตวั ได เมอ่ื ดดี เปนตัวสตั วต างๆ แลว พวกเดก็ เล็กก็หัวเราะคลืนทีเดยี ว เขาพนอเจางออยูน่ัน มีขนมนมเนยคนละช้ินคนละกอนเอามา 89 89
ใหบุรุษเปลย้ี นัน่ แลว ทาํ แครเ ล็กๆ ใหบุรุษเปล้ียขน้ึ นั่งบนแครนน้ั ชวยกนั หาม หามไมไหวก็หลายคนขางหนึ่งชวยกัน หามเอาไป ดีดตนไทร ใหเปนรูปสัตวพราวไปหมด ดูเพลินสนุกสนานกัน ตนน้ีเต็มแลว ก็หามไปตนโนนตอไปอีก ใหเอากรวดไปดีด ตนโนน ตอ ไป เม่อื คราวครัง้ หนึ่งตน ไทรใหญ เด็กหามบุรุษเปล้ีย ไปทต่ี น ไทรใหญน น้ั ไปดดี กรวดทต่ี น นน้ั เปน รปู ชา ง รปู มา รปู สตั วต า งๆ อยูบนตนไทรพราวไปหมดแลว ภายหลังพระเจาแผนดินมีเหตุ จําเปนท่ีจะตองเสด็จไปประทับท่ีตนไทรนั้น ฆองกลองตามกัน ออกมา พวกเด็กไมรูเดียงสาอะไร ก็พาบุรุษเปลี้ยซอนไวเสีย โคนตนไทร เอาไปไมทัน ตัวก็พากันหนีไปพระเจาแผนดินเมื่อ ทอดทสั นาเหน็ เขา วา รปู สัตวต า งๆ ใครทําใหป รากฏบนตนไทรนี้ เปนรูปสัตวตางๆ เชนนี้ใครทํา ก็ไดความวา บุรุษเปลี้ยกระทํา รบั สง่ั ใหห าตวั ทเี ดยี วหาบรุ ษุ เปลยี้ คน ไปกพ็ บเขา ในเชงิ ของรากไทร เอาตัวไปเฝาพระเจาแผนดิน พระเจาแผนดินก็ทรงรับสั่งวา น่ีเจา ทําหรือ ขา พระพทุ ธเจา ทํา รบั สั่งวา ดีละ เรามีพราหมณอยู คนหนง่ึ เราเดอื ดรอ นมากสนิ้ กาลชา นาน เราพดู คาํ ใดออกไปแลว คาํ หนง่ึ ตอ แตน นั้ เราไมไ ดร บั สง่ั อกี ตอ ไปแลว มนั พดู เสยี คนเดยี ว ไมไดหยุดไดหยอน เราจะพาทานไป ใหดีดขี้แพะเขาปาก พราหมณป โุ รหติ ในคราวนน้ั รบั สง่ั ใหน าํ ตวั บรุ ษุ เปลย้ี ไป พอถงึ เวลา พระเจาแผนดินออกรับขุนนางในท่ีสมควรแลวก็กั้นมาน แลวก็ เจาะเขาพอมองเห็น ใหบุรุษเปลี้ยนั่งใหตรงคอยดีดขี้แพะเขาปาก 90 90
เอาข้ีแพะมาทะนานหนึ่ง พอจัดการเรียบรอยแลวใหบุรุษเปลี้ย น่ังอยูในมาน พระเจาแผนดินก็รับสั่งพูดกับพราหมณปุโรหิต พราหมณปุโรหิตก็พูดผลอกเรื่อยๆ ไปเขาปากเรื่อยถึงคอกลืน เรื่อยเขาไป จนกระท่ังขี้แพะหมดทะนานหนึ่ง พระเจาแผนดิน ทรงรับสั่งวาเอาไปถายมันออกเสียทีทองมันจะอืดตาย ธาตุมัน จะเสีย เอาละเจา พรามหณ ก็อายเชยี วน่งั กม หนา ขแ้ี พะเขา ปาก ทะนานหนึ่งแลว พระเจาแผนดินก็รางวัลใหบุรุษเปล้ียใหอยู เปนสุขสําราญ นี้เปนอยูดวยเพราะ สิปฺป อันน้ี สิปฺป ปสิปฺป บุรุษเปล้ียน้ีมี สิปฺป ท่ีดีดไปบนตนไมท่ีเปนรูปสัตวตางๆ น้ัน นน่ั เปน วชิ าของเดก็ ๆ ชอบนกั ทเี ดยี ว แตว า ถงึ วชิ าเดก็ กอ็ ยา ประมาท เลี้ยงชีพไดชาติหน่ึง นี่แหละวิชาข้ันต่ํา วิชาสูงข้ึนไปกวานั้น จกั สานกด็ ี วชิ าเหลา นเ้ี ปน สปิ ปะทง้ั นนั้ จะทาํ กบั ขา วกด็ ี เปน สปิ ปะ ท้ังน้ัน กับขาวที่ดีน้ันสําคัญนักทีเดียว สิปปะสําคัญเทียว เปน เสนห เ ลห ล มสาํ คญั เทยี ว กบั ขา วทมี่ รี สอรอ ยนน้ั ฝม อื ดๆี เขาลอื กนั ครั้งพุทธกาล หลวงตา ๓ องค ถึงกับกอดคอกันรองไหเชียว แมม ธรุ ปรานี ฝม อื รสอรอ ยดตี ายไปเสยี กอดคอกนั รอ งไหเ สยี ดาย ฝม อื ดนี น้ั นสี้ ปิ ปะเหลา นไ้ี มใ ชเ ปน ของพอดพี อรา ย เราเปน หญงิ กด็ ี เปนชายก็ดี สิปปะเหลาน้ีตามหนาท่ีตองหาไวใสตัวไว มีอะไร ไมวาบัดน้ีสิปปะเขามีมาก สิปปะท่ีดัดผมก็เปนเงินเปนทอง สปิ ปะทแ่ี กไ ขทาํ ฟน ใหด ขี น้ึ เรยี กวา วทิ ยาศาสตร ปรงุ รา งกายของ มนุษยใหสะอาดข้ึนก็เปนสิปปะอีกเหมือนกัน เปนเงินเปนทอง 91 91
บัดนี้ประเทศนอกเขาแกไขรางกายวิทยาศาสตรของมนุษยมาก เนอ้ื หยอ นทาํ ใหเ นอื้ ตงึ ขนึ้ ฟน หกั ทาํ ใหฟ น ดขี นึ้ อวยั วะไมส มบรู ณ ทาํ ใหส มบรู ณข น้ึ เขาแกไ ขไดอ ยา งนนี้ ก่ี เ็ ปน สปิ ปะทง้ั นน้ั หรอื สปิ ปะ อยา งใดอยา งหนึ่งทีเ่ ขาใชกันในโลก ทผ่ี ลติ ขน้ึ ใชไดนีก่ ็เปนสปิ ปะ ท้ังนั้น สิปฺปฺจ สิปปะเหลานี้ศึกษาใหดีใหเพียบพรอมไปในตัว จะอยูในสารทศิ ใดอยูในสถานที่ใดไมอับปาง ไมต กต่ํา ไมย อยยับ ไมย ับเยนิ ไปอยูท่ีไหนตองเจริญทน่ี นั้ สปิ ปฺ จฺ วนิ โย จ สสุ กิ ขฺ โิ ต มวี นิ ยั อนั ศกึ ษาดแี ลว นวี้ เิ ศษ หนกั ขน้ึ ไป นี้ไดแ กพ วกเราชดั ๆ ทเี ดยี ว มาอยเู ปน ภกิ ษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาตองบริสุทธิ์ในศีล วินัยตองถูกตองรองรอย ความประสงคเชยี ว เบอ้ื งตนของวนิ ัย ทา มกลางของวนิ ยั วนิ ัย คอื บรสิ ทุ ธ์กิ าย บรสิ ุทธ์วิ าจา บรสิ ทุ ธิ์ใจ ใหม วี ินัยไวเสมอ เม่ือ มวี ินยั มีศีลบริสทุ ธิ์ ศลี ๕ ศลี ๘ ศลี ๑๐ ศีล ๒๒๗ บริสทุ ธิ์ บริบูรณ ไมมีขาดตกบกพรองดวยประการใดจับเสียหายไมได ตวั เองพนิ จิ พจิ ารณาดว ยตวั ของตวั เองกอ น กห็ าความผดิ ในตวั เอง ไมไ ด คนอนื่ จะมาพจิ ารณาจบั ความผดิ ก็ไมไ ด บรสิ ทุ ธอ์ิ ยูในศลี ๕ ศีล ๘ ศลี ๑๐ ศีล ๒๒๗ เปนอุบาสกจริงๆ เปนอุบาสิกาจริงๆ เปน ภิกษุจริงๆ เปน สามเณรจริงๆ ไมม ีเทจ็ เขา มาแทรกสงิ ไมม ี สงิ่ ไรเขา มาองิ มาแทรกอยา งน้ีไดช อ่ื วา มวี นิ ยั อนั ศกึ ษาดแี ลว รจู กั วนิ ยั ทง้ั เหตทุ งั้ ผลทง้ั ตน ทง้ั ปลายทงั้ กลาง ไมข าดตกบกพรอ งใดๆ เมือ่ รจู กั วินยั ชัดๆ อยางนก้ี ็ปฏิบัติใหอ ยูในกรอบของวินยั อยาให 92 92
คลาดเคล่ือน ออกไปจากวินัยอยาใหพนไปจากวินัย ในหนาท่ี ของวินัย ถาวาเปนฆราวาสไมใหเคลื่อนจากกฎหมายไมใหผิด กฎหมายไมใหอ อกนอกกรอบกฎหมายได คกุ ตารางไมมีเมื่ออยู ในพระวนิ ยั ไมอ อกนอกพระวนิ ยั อยูในกรอบพระวนิ ยั ไมล น กรอบ พระวนิ ยั ไปได อยใู นวดั ไหนอยใู นหมไู หน หมนู นั้ ตเิ ตยี นครหาไมไ ด หาความผิดใสไ มได ตอ งมคี วามดอี ยเู สมอไปน้ี วินโย จ สสุ กิ ฺขโิ ต เจริญหรอื ไมเ จริญ นีเ่ ห็นแลว เจริญ ผูที่ไดยินไดฟ ง มาก ยอ มถึง ซงึ่ ความเจรญิ พวกทม่ี ศี ลิ ปดกี ถ็ งึ ซงึ่ ความเจรญิ พวกรกั ษาวนิ ยั ดี ก็ถึงซึ่งความเจริญเหมือนกัน ไมตองสงสัย เมื่อรูจักหลักอันนี้ ใหประพฤติปฏิบัติตามหนาท่ีดังแสดงมาน้ี ใหถูกตองรอยรอย ความประสงค โดยยอๆ ดังนี้กอน แลวก็การพินิจพิจารณา การปฏิบตั ิใหพ นิ ิจพิจารณาไปหาเหตุหาผล ไปประกอบเหตุแลว สงั เกตผล ในวนั หนงึ่ ๆ ตอ งประกอบเหตุ แลว ตอ งสงั เกตผล อยรู า่ํ ไป เม่ือสมบูรณบริบูรณเปนพหูสูตรดวย เลิศลนพนประมาณใครๆ กน็ บั ถอื สปิ ปฺ จฺ มสี ปิ ปะอนั ศกึ ษาดแี ลว ฉลาดเปน ทกุ สง่ิ ทกุ อยา ง เปนสปิ ปะทุกส่งิ ทกุ อยา ง สว นวินยั เลารกั ษาวินยั ดีทุกสงิ่ ทกุ อยา ง มวี นิ ยั บรสิ ทุ ธิ์ บรบิ รู ณ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา ง สภุ าสติ า วาจา แลว มวี าจา เปน สภุ าษติ ดว ย เขา ไปใกลว าจาไมม พี ษิ เลยแมแ ตน ดิ เดยี ว วาจา ไพเราะเสนาะโสตท้ังสน้ิ ที่ไหนหญิงตอ งเขา ไปสวามภิ ักดอิ์ ยดู ว ย ชายก็ตองเขาไปสวามิภักด์ิอยูดวย เพราะถอยคําของแกไมครูด โสตใครไมก ระทบหูใคร ไมก ระทบใจใครไมค รดู ใจใคร วาจาของแก 93 93
นมุ นวลชวนสดบั ลว นแตเปน วาจาเปนสุภาษิต ดีทุกคําเบอ้ื งตน ของคําก็ดี ทามกลางของถอยคําก็ดี เบื้องปลายของถอยคําก็ดี หาติในวาจานั้นไมได ไมวาพูดกันคร้ังใด เม่ือนึกถึงวาจาท่ีพูด ของผูพูดน้ันก็เห็นเปนประโยชนไปหมดทีเดียว แกพูดใหเปน ประโยชนไปหมด เหมอื นธรรมกิ อบุ าสกในครง้ั พทุ ธกาล ปฏบิ ตั ิใน พระพทุ ธศาสนา ปฏบิ ตั ไิ ปๆ มพี วกอบุ าสกทเ่ี ปน บรวิ ารถงึ ๕๐๐ คน เพราะเหตุวาจาเปนสุภาษิตไมกลาววาจาเปนพิษ วาจาเปนพิษ วาจาฆาตวั เอง วาจาทาํ ลายหมู วาจาทําลายพวก วาจาทาํ ตวั ให กาํ ลงั นอ ยลง ยอ ยกาํ ลงั ของตวั เอง เพราะวาจาสภุ าษติ วาจาทพุ ภาษติ ฆา ตัวเอง ถาวาจาเปน สุภาษติ วาจานนั้ บาํ รงุ ตวั เอง ผดุงตัวเอง สนบั สนนุ ตวั เองใหส งู สนบั สนนุ พวกมาก เพราะวาจาเปน สภุ าษติ นน้ั สาํ คญั นกั วาจาเปน สภุ าษติ กลา วเขา แลว ทา นยกวาจาเหมอื นดงั มารดาบิดา ดาลกู หญงิ ก็ดี ลูกชายก็ดี ดาไมใหไ ปทาํ ชวั่ นก่ี เ็ ปน วาจาเปน สภุ าษติ เหมอื นกนั หา มไมใหท าํ ชว่ั แตว า กลา ว วาจานนั้ ไมน าฟง กลา ววาจาดา กลา ววาจาขู กลา ววาจาตะคอก เหลา นี้ เปนสุภาษิต เพราะเหตุวา ประสงคจะใหคําท่ีพูดนั้นใหลูกดี ไมใ หล กู ชว่ั วาจาทเ่ี ปน สภุ าษติ แทๆ หญงิ กด็ ี ชายกด็ ี เขา ไปใกลแ ลว กลาวแตวาจาใหเปนประโยชนผูท่ีเขาใกลท้ังน้ัน กลาววาจาให เปน ประโยชนท งั้ นน้ั ถา วา ไมฉ ลาดในอกั ขรสมยั กแ็ กไ ขใหเ ดก็ นน้ั ฉลาดในอกั ขรสมยั ดว ยวาจาของตน ถา วา ไมฉ ลาดในศลิ ปความรู ใดๆ กส็ อนเดก็ นน้ั ใหฉ ลาดในศลิ ปนน้ั ๆ ใหเ ฉลยี วฉลาดในศลิ ปนน้ั ๆ 94 94
ถาวาความประพฤติไมสม่ําเสมอไมเรียบรอยผิดธรรมวินัย ผดิ กฎหมาย แกไขใหถูกกฎหมายเสยี ไมใหข าดตกบกพรองใดๆ นกี้ เ็ ปน วาจาสภุ าษติ วาจาเหลา นวี้ าจาไมเ ปน พษิ วาจาเปน ประโยชน แกผูไดสดับตรับฟง เมื่อประพฤติต่ําอยู วาจาเปนสุภาษิต แนะนําใหประพฤติใหสูงข้ึน ใหประพฤติดีเสียประพฤติเลว อยูแกไขใหประพฤติดีเสีย ประพฤติช่ัวใหแกไขละเสียดวยวาจา ของตัว ประพฤติเปนที่กระทบกระเทือนคนอ่ืน แกไขเสียไมให กระทบกระเทือนคนอ่ืนเปนท่ีแตกราว วาจาเปนท่ีบาดหมาง วาจาสอเสียด แกไขใหกลาววาจาสมานดังน้ี ผูที่แตกราวฉาน ในกันและกัน กลาววาจานั้นใหสนิทชิดชมในกันและกัน น้ีเปน สุภาษิตทั้งนั้น วาจาเหลานี้ลวนแตเปนวาจาดี วาจาเปน สภุ าษติ น้แี หละเปน วาจา ชว ยตวั ของตัวเองได วาจาที่สนับสนุน ตวั ของตัวเองใหมีพวกมากได เปน วาจาทย่ี กยอ งเชดิ ชูตัวของตัว ใหสูงข้ึน ใหมีผูนับถือมั่นคงมากข้ึน ใหเปนหลักเปนฐานข้ึน เพราะวาจาเปนสุภาษิต วาจาเปนทุพภาษิตแลวหนักเขาก็เหลือ คนเดียว ใครเขาใกลไมได เขารําคาญถอยคํามันครูดหูเขา กระทบใจเขาน่ีตองระแวดระวัง สุภาษิตวาจา วาจาเปนสุภาษิต ใหร ักษาไวเปนนิจ เปน วาจาสําคัญ วาจาเปน ทพุ ภาษติ เปน วาจา ของทั่วโลกไปมีทุพภาษิตมาก มีสุภาษิตนอย วาจาเปนสุภาษิต ครงั้ พทุ ธกาลมธี รรมกิ อบุ าสก จติ คฤหบดปี รารภวา จะไปถวายทาน แดพ ระบรมศาสดา มวี าจาดนี กั จติ คฤหบดวี าจาไพเราะเสนาะโสตนกั 95 95
ไดเอาของบรรทกุ ใสเ กวียนนบั เปน จาํ นวน ๕๐๐ เลม บรรทุก กนั มาในครงั้ หนง่ึ ๆ บรรทกุ เครอื่ งเทยยธรรมมาถวายพระบรมศาสดา ในวิหารเชตวันในเมืองสาวัตถีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เพราะจิตคฤหบดีอยูไกลจากวิหารเชตวัน อยูไกลเมืองสาวัตถี พอปรารภวา จติ คฤหบดจี ะมาเฝา พระบรมศาสดาในเมอื งสาวตั ถี ชาวบานรานตลาดพากันตดิ ตามจติ คฤหบดีมา ทงั้ ภิกษุ ภิกษณุ ี อุบาสก อุบาสิกา มากันมากมายกายกองนัก มากมายทีเดียว แตถึงกระน้ัน จิตคฤหบดี จะไปจอดเกวียนลงในสถานท่ีใดๆ ปรารภจะหุงอาหารเล้ียงกันในเวลาใดๆ ชาวบานรานตลาดท่ี จิตคฤหบดีจอดเกวียนนั้นแหละ เอาวัตถุดิบขาวสุก ขาวสาร เนื้อปลามาทําบุญกับจิตคฤหบดี มาถวายทานแดจิตคฤหบดี ทภี่ ิกษุ ภิกษุณี ตามมา อุบาสก อุบาสกิ าตามมา เทยยธรรมวัตถุ ของจิตคฤหบดีในเกวียนไมไดออกจายเลยสักคร้ังเดียว ไมตอง เอาออกจา ยเลย ความพดู เพราะของจิตคฤหบดี พูดเปน สุภาษิต ทง้ั นนั้ จนกระทง่ั ถงึ วหิ ารเชตวนั วตั ถดุ บิ ในเกวยี นไมไ ดเ อาออกจา ย เลยสกั เวลาหนง่ึ มาตง้ั บรจิ าคทานอยูในวหิ ารเชตวนั อกี ชาวบา น รา นตลาดในท่ีใกลว หิ ารเชตวนั นน้ั เอาเทยยธรรมวตั ถมุ าบรจิ าคทาน กับจิตคฤหบดีเล้ียงพระทั้งวัดหมดทั้งวิหารเชตวัน และพวก จิตคฤหบดีก็มาก เลี้ยงไปไมหมดส้ิน เขาเอามาใหพอใช ไมไดเอาของในเกวียนท่ีบรรทุกมาเลยแมแตนอยหนึ่งข้ึนไป เมอื่ เปน ดงั นี้ จติ คฤหบดเี มอื่ จะกลบั บา นกถ็ วายพระบรมศาสดาจารย 96 96
เทยยธรรม วตั ถขุ า พระพทุ ธเจา บรรทกุ มา มาทาํ เปน วตั ถใุ หส กุ ขนึ้ สาํ เรจ็ ขึน้ เปนสูปพยัญชนะถวายแกภ กิ ษุ สามเณรจนบัดน้ี ไมได ใชเลยในเกวียนขาพระพุทธเจาทั้งหมดน้ีถวายพระองคทั้งหมด พระศาสดาตองรับส่ังต้ังคลังสงฆข้ึนรับเสบียงของจิตคฤหบดีไว เปนเสบียงของสงฆตอไป มีเงินทองถวายอีก จิตคฤหบดี มถี อ ยคาํ เปนสุภาษิตทุพภาษติ ไมใช บดั นเี้ ราเขา ใจ ภกิ ษกุ ด็ ี สามเณรกด็ ี อบุ าสกกด็ ี อบุ าสกิ า ก็ดี ถาวาใชคําเปนสุภาษิตแลวไปอยูท่ีไหนก็ตาม มีคนติด- หอมลอมอยูเปนนิจ นั่นแหละเปนถอยคําสุภาษิต เขาไปฟง คาํ สภุ าษติ ทพุ ภาษติ เขาไมฟ ง ออกหา งหมด หนหี มด นต่ี อ งคอย ระแวดระวงั ตวั ทกุ ทา นดว ยกนั วา ถอ ยคาํ ของเราใชไ ด หรอื ไมไ ด แลวก็ดูวาถอยคําของเราใชไดหรือไมได ถาถอยคําของเราใชได กเ็ ปน สภุ าษติ ถา ถอ ยคาํ ของเราใชไ มไ ดก เ็ ปน ทพุ ภาษติ เราไมร ตู วั เราตองแกไขของเราเสียใหม ใหเปนสุภาษิตไว อยาใหเปน ทุพภาษิตได ทัง้ หญงิ ท้งั ชาย ทงั้ คฤหัสถ บรรพชิตทกุ ถวนหนา นแี่ หละ ทา นถึงไดเชิดชวี้ า ความเปนพหูสูตร เปนเหตุเครื่องถงึ ซึ่งความเจริญเปนมงคลอันอุดม ความเปนผูมีศิลปวิทยามาก เปนพหูสูตร เปนมงคลอันสูงสุด ความเปนผูมีศิลปวิทยามาก เปนมงคลอันอดุ ม ความเปนผมู ีวนิ ัยอันศกึ ษาดีแลว กเ็ ปนมงคล อนั อดุ ม ความกลา ววาจาเปนสุภาษิตก็เปน มงคลอนั อุดม นเี่ ปน 97 97
ท่ีนิยมของมหาชนคนท้ังหลาย ทุกถวนหนาควรมนสิการ กาํ หนดได เปน ขอ เคา สาํ เนาความในทางพทุ ธศาสนาวา เหตเุ ครอื่ ง ถึงซึ่งความเจริญ พระพุทธเจา แนะนาํ ใหดาํ เนนิ กันมาอยา งนี้ ที่ไดช้ีแจงแสดงมาน้ีตามวาระพระบาลีคล่ีความเปน สยามภาษาตามมตั ยาธบิ าย พอสมควรแกเ วลา เอเตน สจจฺ วชเฺ ชน ดว ยอาํ นาจความสัจจที่ไดอ า งธรรมปฏบิ ัติ ตง้ั แตตน จนอวสานน้ี สทาโสตถฺ ี ภวนตฺ ุ เต ขอความสขุ สวสั ดี จงบงั เกดิ มแี ดท า นทงั้ หลาย ทั้งคฤหสั ถบ รรพชติ บรรดามาสโมสร ณ สถานท่ีนท้ี กุ ถวนหนา อาตมภาพชแ้ี จงแสดงมา พอสมควรแกเ วลา สมมตวิ า ยตุ ธิ รรมกิ ถา โดยอรรถนยิ มความเพียงเทานี้ ฯ เอวํ กม็ ีดวยประการฉะน้ี 98 98
99
100
เทศนำ เร่อื ง ของหำไดยำก แสดงโดย พระภำวนำโกศลเถระ ๒๑ กุมภำพันธ พ.ศ. ๒๔๙๗ นโม ตสสฺ ภควโต ฯลฯ ทลุ ลฺ ภฺจ มนสุ สฺ ตตฺ ํ พุทฺธุปปฺ าโท จ ทุลฺลโภ ทุลฺลภา ขณสมฺปตตฺ ิ สทธฺ มโฺ ม ปรมทุลฺลโภติ ฯ ณ บัดนอ้ี าตมภาพ จักไดแ สดงธรรมิกถา เฉลิมเพิ่มเติม ศรัทธาและปสาทะความเล่ือมใส ของทานทั้งหลายท้ังภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา บรรดามาสโมสรสันนิบาตประชุม พรอมกันในสถานท่ีนี้ เพื่อจะไดสดับสุนทรพาทีธรรมเทศนา ขององคสมเด็จพระบรมศาสดา วันน้ีจะแสดงธรรมิกถา แกด วย ทุลฺลภ ของหาไดยากทั้ง ๔ ประการ เพราะเราทานท้ังหลาย เกิดมาเปนมนุษยพบพุทธศาสนา ของหาไดดวยยากอยางนี้ 101 101
สมเดจ็ พระมนุ อี อกพระโอษฐโปรดรบั สงั่ วา เปน ของหาไดด ว ยยาก ของหาไดดวยยากน้ี บัดนี้เราจะไดประสบสมเจตนา เราจะ ไดประพฤติปฏิบัติใหสมกับพุทธโอวาทเปนของหาไดยาก ตองสงวนรักษาใหด ี ตอ งระมดั ระวงั ใหด ี รักษาใหบรสิ ุทธ์ิผองใส ใหเปนไปตามความประสงคของพระบรมศาสดา บัดนี้เจาภาพ มีเจตนาอยูบาง เพราะวันน้ีเปนวันอาทิตยเปนวันธรรมสวนะ วันหนึ่งในวัดปากนํ้า เพราะทางรัฐบาลไดมีคําส่ังทั่วพระราช อาณาจกั ร ใหม เี ทศนาในวนั อาทติ ยเ ปน ประจาํ ตง้ั แตว นั สงั่ นนั้ มา จนถงึ บดั นี้ไมม ขี าดเลยแตว นั หนง่ึ มนี อ ยนกั วดั ปากนา้ํ ไมไ ดข าด เลย คูกับวันพระมาเปนเนืองนิตยอัตรา เหตุนี้เราทานท้ังหลาย ก็เปนโอกาสท่ีจะไดสดับตรับฟงพระสัทธรรมเทศนา ในทุลฺลภ ท้ัง ๔ ประการนี้ สืบตอไป ตามวาระพระบาลีที่ยกขึ้นไวใน เบอ้ื งตนวา ทุลฺลภจฺ มนุสสฺ ตตฺ ํ ความไดเปน มนษุ ยเปน ของไดยาก ประการหน่ึง พุทฺธุปฺปาโท จ ทุลฺลโภ ความบังเกิดขึ้นของ พระพทุ ธเจา เปน ของไดย ากอกี ประการหนงึ่ ทลุ ลฺ ภา ขณสมปฺ ตตฺ ิ ทจี่ ะถงึ พรอ มดว ยขณะดว ยสมยั กเ็ ปน ของไดย ากอกี ประการหนงึ่ สทธฺ มโฺ ม ปรมทลุ ลฺ โภ สทั ธรรมเปน ของไดย ากอยา งยงิ่ ๔ ประการน้ี พระศาสดาจารยท รงประทานวา เปน ทลุ ลฺ ภ หาไดยาก ในขอตน ความบังเกิดขึ้นเปนมนุษย เปนของไดยาก ยากโดยประการไฉน มนษุ ยเ กลอ่ื นกลาดไป ถา จะเทยี บกบั สัตว 102 102
ดิรัจฉานอ่ืนจากมนุษย สัตวดิรัจฉานมากกวา มดปลวก หรือ มดรังเดียว มากกวามนุษยในชมพูทวีป น่ีเราจะวัดไดแลววา สัตวด ริ จั ฉานมากจริง ในยา นนํา้ เลก็ นอ ยใหญ ตลอดมหาสมุทร สตั วก ย็ งิ่ มากทบั ทวหี นกั ขน้ึ ไปอกี สตั วน าํ้ สตั วบ กกม็ าก สตั วส เ่ี ทา สองเทา เทาเหี้ยน มากเหลือประมาณที่จะนับ สัตวเพียงมาก อยูแคน้ี ก็พึงรูวาเกิดมาเปนมนุษยนี่นอยนักนอยหนา ไมใช เปน ของมากมายอนั ใด แตย ากทเ่ี รยี กวา เกดิ มาเปน มนษุ ย เปน ของ ไดยากน้ันยากโดยประการไฉน ยากเหมือนอะไร ยากเหมือน กับคนเดินหนทางไมรูจักทาง คนเดินทางไมรูจักทางผิดทางถูก มนั ยากเพยี งใด เดนิ ไปไมไ ด ทจี่ ะไดเ ปน มนษุ ยต อ งรจู กั ทางเปน มนษุ ย จงึ จะเปน มนุษยได ถาไมรูจกั ทางเปนมนษุ ยแลว เปน มนษุ ยไมได แมถ งึ เปน มนษุ ยแ ลว กต็ อ งกลบั ไปเปน สตั วเ ปน สง่ิ อน่ื ไป เปน มนษุ ย หาไดไม เพราะไมรูจักทางเดินของมนุษย ทางไปของมนุษยมี ทางบริสุทธ์ิทางเดียว บริสุทธิ์อะไร บริสุทธ์ิกาย บริสุทธ์ิวาจา บรสิ ทุ ธิ์ใจ ไมม รี อ งเสยี เลย บรสิ ทุ ธกิ์ ายเปน ไฉน ฆา สตั วด ว ยตวั เอง ก็ไมม ี ชวนใหเ ขาฆา ก็ไมม ี ยนิ ดีในการฆา ก็ไมม ี สรรเสรญิ ก็ไมม ี นบ่ี รสิ ทุ ธสิ์ ว นการฆา สตั ว ลกั ทรพั ยส มบตั ขิ องคนอนื่ มาเปน ของๆ ตน ตนลักดวยตนเองก็ไมมี ชักชวนใหเขาลักก็ไมมี ยินดีในการลัก ก็ไมม ี สรรเสรญิ ก็ไมม ี นบ่ี รสิ ทุ ธใิ์ นการลกั ตนประพฤตผิ ดิ ลว งกาม ผิดในกามทั้งหลายดวยตนเองก็ไมมี ชักชวนบุคคลผูอ่ืนให ผดิ ในกามกไ็ มม ี ยนิ ดใี นเรอ่ื งการประพฤตผิ ดิ ในกามกไ็ มม ี สรรเสรญิ ในเรอื่ งการประพฤติผิดในกามก็ไมมี นบ้ี รสิ ทุ ธิ์ในทางกาม 103 103
พูดปดดวยตนเองก็ไมมี ชักชวนบุคคลอ่ืนใหพูดปด ก็ไมมี ยินดีในการพูดปดก็ไมมี สรรเสริญในการพูดปดก็ไมมีนี้ บริสุทธิ์ทางวาจา สอเสียด พูดสอเสียดใหเขาแตกราวจากกัน ดวยตนของตนก็ไมม ี ชกั ชวนบุคคลผูอ ื่นใหส อเสียดก็ไมม ี ยินดี ในการสอเสียดก็ไมมี สรรเสริญในการสอเสียดก็ไมมี นี้บริสุทธิ์ ทางวาจาอกี สว นหนึ่ง กลา วคําหยาบดวยตนเองก็ไมม ี น่ียากจริง ชักชวนบุคคลผูอ่ืนใหกลาวคําหยาบก็ไมมี ยินดีในการกลาว คําหยาบก็ไมมี สรรเสริญในการกลาวคําหยาบก็ไมมี น้ีบริสุทธ์ิ ทางวาจาอีกสวนหนึ่ง พูดเหลวไหลไมเปนธรรมไมเปนวินัย ประสามหาว เพอื่ จะหวั เราะตอ กระซกิ เลน เปน ครง้ั เปน คราวเฮฮา ไปเทา นนั้ ภาษาคนขี้เมา พวกคนตลกคนองเชนน้ี พดู เหลวไหล เชน น้ี เมอ่ื ฟง แลว ไมไ ดป ระโยชน เขาเรยี กคาํ โปรยปรายประโยชน คําเหลาน้ี พูดดวยตนก็ไมมี ชักชวนบุคคลผูอ่ืนใหพูดเชนนั้น ก็ไมมี ยินดีในการพูดเชนน้ันก็ไมมี สรรเสริญก็ไมมี น้ีบริสุทธิ์ ทางวาจาอีกสวนหน่ึงเปน ๔ อยา ง โลภอยากไดของเขาดวยตนเองก็ไมมี ชักชวนบุคคล ผูอื่นใหโลภก็ไมมี ยินดีในการโลภก็ไมมี สรรเสริญในการโลภ ก็ไมม ี นี้ไดช อื่ วา บรสิ ทุ ธ์ิใจสว นหนง่ึ เปน ขอ ท่ี ๘ พยาบาทปองรา ย เขาใหถึงความวิบัติพลัดพรากดวยตนของตนเองก็ไมมี ชักชวน บคุ คลอน่ื ใหพ ยาบาทก็ไมม ี ยนิ ดีในการพยาบาทก็ไมม ี สรรเสรญิ ในการพยาบาทก็ไมม ี น่ีบรสิ ุทธ์ิใจอีกสวนหนึ่งเปน ขอท่ี ๙ เห็น ผดิ จากครองธรรม เห็นผดิ จากครองธรรม เหน็ ผดิ จากทางธรรม 104 104
ดวยตนของตนเองก็ไมมี ชักชวนบุคคลอื่นใหเห็นผิดตามตน ก็ไมมี ยินดีในการเห็นผิดก็ไมมี สรรเสริญในการเห็นผิดก็ไมมี นบ้ี รสิ ทุ ธ์ิใจอีกสว นหนง่ึ เปนขอ ที่ ๑๐ เรียกวา กุศลกรรมบท ๑๐ บริสุทธ์ิบริบูรณเชนนี้ จึงจะไดอัตภาพเปนมนุษย ถาไมได กุศลกรรมบท ๑๐ บริสุทธ์ิบริบูรณเชนนี้แลว เปนมนุษยไมได นี่ยากอยางนี้ ยากถึงไดอุปมาวายากเหมือนคนไมรูจักทาง ถาไมรูจักหนทางแลวก็ทําไมถูกทีเดียว ทางบริสุทธิ์ทั้ง ๑๐ น้ี ทําไมถูกทีเดียว ดําเนินไปไมไดทีเดียว ก็จะเปนมนุษยกับเขา ไมไดเทานั้น ถาวาผูท่ีไดเลาเรียนศึกษารูบริสุทธิ์ไมบริสุทธ์ิ ท้งั กายท้งั วาจาทงั้ ใจ เชนนแ้ี ลว หมัน่ รกั ษาตงั้ อกตัง้ ใจรักษาต้งั อยู ในสงั วรตง้ั อยูในความระวงั มนั่ คงเปน อนั ดี นนั้ จงึ จะเปน มนษุ ยได ไมใชเ ปนของงา ย ยากจริงอยางนี้ น่ีแหละทจี่ ะไดเ กิดเปน มนุษย เปนของยากอยา งนี้ เม่ือบริสทุ ธิด์ วยกายดวยวาจาดวยใจ ชอื่ วา บริสุทธิ์ผองใส โอวาทของพระองคมี ๓ ขอ กุสลสฺสูปสมฺปทา เปน ขอ ทส่ี อง สจติ ตฺ ปรโิ ยทปนํ ทาํ ใจของตนใหบ รสิ ทุ ธิ์ เปน ขอ สาม ไมท าํ ความชว่ั ดว ยกาย วาจา ใจ ดงั กลา วแลว น้ี กเ็ ปน พทุ ธโอวาท ถกู ความประสงคข องพระพทุ ธเจา พระอรหนั ตแ ลว แตว า ควรทาํ ดี ดวยกาย ดวยวาจา ดวยใจ เปนมนุษยเมื่อไมทําช่ัวดวยกาย วาจา ใจแลว ควรทาํ ดีดว ยกาย วาจา ใจ ทาํ ดีดว ยกาย วาจา ใจ แลวจะกระทําเปนไฉน เมื่อไมฆาสัตว ก็ชวยชีวิตสัตวตลอดจน กระท่ังเจ็บไขไดทุกข ชวยดูแลแกไขเอาใจใส น่ีตรงกันขาม จํางาย เมื่อไมลักทรัพยสมบัติของคนอ่ืนมาเปนของของตน 105 105
ใหสมบัติของตนแกคนอ่ืน สงเคราะหอนุเคราะห บริจาคทาน แกสมณพราหมณาจารย ยาจกวนพิ กคนกําพราอนาถา คนยาก คนจนชวยสงเคราะหอนุเคราะห นี้เปนวัตตจริยาท่ีพระพุทธเจา ทรงรบั สง่ั ทเี ดยี ว ใหท าํ ตรงกนั ขา มอยา งนี้ เมอ่ื ไมช วั่ แลว ทาํ ความดี ดังกลาวแลวน้ี ไมประพฤติผิดในกามท้ังหลาย ประพฤติชอบ ประกอบอยู แตค สู ามภี รรยาของตนไมก า วกา ยลน จากสามภี รรยา ของตนไป เพราะตนไมมสี ทิ ธิ์พอไปลว งเขา ผดิ กาเมสุมิจฉาจาร ถาผิดเชนน้ัน ก็ตองเวียนวายตายเกิดในวัฏฏะสงสาร ตองไป ทนทกุ ขเ วทนาอยใู นอบายภมู ิ นน่ั ลาํ บากนกั ไมป ระพฤตผิ ดิ ในกาม ประพฤติชอบอยูในกาม สงเคราะหอนุเคราะหคนอ่ืนดวย ถาบุคคลผูหนึ่งผูใด ท่ีควรจะแนะนําสั่งสอนไดหามปรามเสีย ไมใหป ระพฤตผิ ดิ ในกามทงั้ หลาย ใหป ระพฤตชิ อบในกามทงั้ หลาย เหมือนกับตัวบางดังนั้น ตัวประพฤติชอบแลวชวนผูอื่นให ประพฤติชอบบาง ยินดีในการประพฤติชอบ สรรเสริญพวก ประพฤติชอบ อยางน้ีก็เอาตัวรอดไดสวนกายไมพูดปดดวยตน ของตน ตองพูดจรงิ ตอ งพดู จริงทั้งน้ันทุกคําไป เมอื่ ตวั พดู จริง แลวใครใกลเ คยี งไมเขาใจ ชกั ชวนใหเ ขาพดู จริง สรรเสริญใหเขา พูดจริง ยินดีใหเขาพูดจริง ยินดีพวกเขาพูดจริงทั้งนั้นอยางน้ี เรียกวาถูกตองรองรอยวาจาสุจริต ถูกตองทีเดียวเมื่อเวนพูด ใหเขาแตกราวจากกันเสียแลว พูดใหเขากลมเกลียวดีดวยกัน และกนั กลา วถอ ยคาํ ใหเ ขาสมคั รสมานในกนั และกนั ใหเ ขารกั ใคร ในกนั และกนั เปน นาํ้ หนงึ่ ใจเดยี วในกนั และกนั เรยี กวา กลา ววาจา 106 106
เปน ท่ีสมานคนที่แตกสามัคคี ราวฉานใหก ลบั ดีในกนั และกันเสยี เมื่อตนกลาวเชนน้ัน ชักชวนบุคคลผูอ่ืนดวยใหกลาวเชนน้ัน ยินดีในการชักชวนในการกลาวเชนน้ัน สรรเสริญพวกกลาวคํา เชนน้ัน ตรงกันขามอยางน้ี เม่ือไมกลาวคําหยาบชาทารุณ หยาบชา ดา ตระกลู ดว ยตนของตน กลา วถอ ยคาํ ไพเราะเสนาะโสต ออนหวานใครไดฟงแลวดึงดูดในใจ ใหเขามาใกลอยูเสมอ ไมอยากแตกแยกออกไป แลวก็ชักชวนบุคคลผูอ่ืนใหกลาวคํา ไพเราะเชนน้ัน ยินดีพวกกลาวคําไพเราะสรรเสริญพวกกลาว คําไพเราะน้ีก็ตรงกันขามไมกลาวคําเหลวไหลโปรยปราย ประโยชนกลาวคําเปนหลักเปนธรรม เปนวินัยไมโปรยปราย ประโยชน ฟงเขาแลวเปนหลักเปนประธาน เปนที่เคารพ นบนอบเปนที่นับถือแกมหาชนคนท้ังหลายทีเดียว และชักชวน บคุ คลผอู นื่ ใหก ลา วถอ ยคาํ เชน นนั้ ยนิ ดีในการกลา วถอ ยคาํ เชน นน้ั สรรเสรญิ พวกกลา วถอ ยคาํ เชน นน้ั สว นทางใจเมอื่ ไมโ ลภอยากได ของเขาแลว คิดจะบริจาคทานแกสมณพราหมณาจารยยาจก วนิพกคนกําพราอนาถาเนืองนิตยอัตรา นี่ใจเปนทานชักชวน บุคคลอืน่ ใหบรจิ าคทานเหมอื นตนบา ง เหมอื นอยางกบั เจา ภาพ ท่ีไดบริจาคทานวันนี้ บริจาคทานดวยตนดวย ชักชวนบุคคล ผูอื่นใหบริจาคดวย ไมใชแตเพียงวาบริจาคแตตัวเทานั้น พระสงวนเปนคนมีศรัทธาเล่ือมใสเปนเจาภาพใหพระภิกษุ บวชใหม ใหส าํ เรจ็ เปน ภกิ ษภุ าวะ ไดส าํ เรจ็ เปน สามเณร เปน ภกิ ษุ ภาวะในพระพุทธศาสนาขึ้น ก็เพราะอาศัยศรัทธาความเล่ือมใส 107 107
ใหดวยตนเอง ชักชวนบุคคลผูอื่นใหไดดวย รวยทั้งสองฝาย ทั้งโภคสมบัติและบริวารสมบัติ การบริจาคทานในพุทธศาสนา พระศาสดายกยองสรรเสริญชมเชย พวกทําประโยชนทั้งสอง คอื ประโยชนของตนดว ยประโยชนของบคุ คลผูอื่นดวย ประโยชน ของตนพระพทุ ธเจา เปน ผรู บั สงั่ ดว ยพระองคเ อง ในทป่ี ระชมุ บรษิ ทั ทรงตรสั เทศนาเมอ่ื ทรงทาํ ภตั ตกิจสําเรจ็ ลง ทําภัตตานโุ มทากถา วา อตฺตนา ทานํ เทติ อปรํ น สมาทเปติ บคุ คลผใู ด ใหทาน ดวยตนมิไดชักชวนผูอื่น ในชาติที่ตอไปตองไดรับผลโภคสมบัติ เหลอื ใชเ หลอื สอย มเี งนิ ทองสกั เทา ไรตอ งใชต วั เอง อตตฺ นา ทานํ น เทติ ปรํ สมาทเปติ บคุ คลผใู ด ไมบ รจิ าคทานดว ยตนของตนเอง ชักชวนบุคคลผูอื่นฝายเดียวใหบริจาคทาน เกิดไปชาติใด ในภายภาคหนาเบื้องหนาโนน โภคสมบัติชักหนาไมถึงหลัง ไมพอใชสอย แตวาบริวารสมบัติ มากมายเหลือใชเหลือสอย อตฺตนา ทานํ เทติ ปรํ สมาทเปติ ตัวเองใหทานดวยของตนดว ย ชักชวนบุคคลผูอ่ืนใหทานดวย รวยทั้ง ๒ ฝาย โภคสมบัติ และบริวารสมบัติ ไมขาดตกบกพรอง แตอยางหนึ่งอยางใด อตฺตนา ทานํ น เทติ ปรํ น สมาทเปติ ตัวเองกม็ ไิ ดบ รจิ าคทาน คนอ่ืนก็มไิ ดชักชวนใหบริจาคทาน แมวัตถสุ กั วา ปลายขาวก็ไมมี ตดิ ทอ ง จนเตม็ ทหี่ รอื นาํ้ ขา วกไ็ มม ตี ดิ ทอ ง ไมม เี ครอื่ งบรโิ ภคทเี ดยี ว ขัดสนขนจนเต็มที ท่ีเจาภาพไดพากันบริจาคทานมากคนดวย กันเขาหุนกัน เปนเน้ือเปนตัวข้ึน คือพระสงวนศักติ์ อุบาสิกา เจริญแลวก็ชักชวนบคุ คลอื่นใหดําเนนิ ไป มากคนดว ยกนั เขา หนุ 108 108
เขา สว นกนั ไดบ รจิ าคทานกนั ไมใ ชน อ ย ตง้ั ฝา ยละ ๔,๐๐๐ มเี ศษอกี เขาชวยเหลือกันเปน ๘,๐๐๐ ไมใชนอยไดบริจาคทาน คิดถึง อปุ การะวงศาคณาญาติ หรอื ผอู ยบู า นใกลเ รอื นเคยี ง ทร่ี จู กั มกั คนุ ซง่ึ กนั และกนั บอกกลา วปา วรอ งซง่ึ กนั และกนั มาบรจิ าคทานกนั แลวก็เขียนช่ือเขามาวัดปากนํ้า เวลาเขาบริจาคทานทําบุญ ทํากศุ ลกัน เขาใหสว นบญุ กันได เขาใหส ว นบญุ กนั ถงึ มีธรรมกาย นําสวนบุญไปใหอยูในนรกก็นําไปใหถึง อยูสวรรคก็นําไปใหถึง แมเปนมนุษยก็นําใหถึงกายละเอียดๆ นี่ก็เปนของอัศจรรย ไมเคยมขี นึ้ ในประเทศไทย เม่ือมขี ึ้นเชน นี้กต็ างคนตา งตระหนก ตกใจถงึ วงศาคณาญาตขิ องตน พวกพอ งของตน เสยี เงนิ เสยี ทอง สักเทา ไรก็ไมว า ขอใหวงศาคณาญาติของตน ทีร่ กั ทช่ี อบของตน ไดบุญกุศลแลวก็เปนแลวกัน ก็อุตสาหพากันมาบริจาคทาน มากมายหลายคนดว ยกนั อยา งทเี่ มอ่ื คนื ทล่ี ว งมาแลว ไดอ าราธนา พระมาสวดอภิธรรม ๗ คมั ภรี แลว ก็พากนั ฟงอุทิศ สวนกศุ ล ไปให ทานผูละโลก น้ีแลวไปสูปรโลกเบ้ืองหนา ก็ไดสมเจตนา ไดเอาช่ือของคนท่ีไดทําบุญทํากุศลนั้นอานข้ึนใหผูมีธรรมกาย ไดย นิ ไดฟ ง ไปตามตวั กนั มา มาฟง ธรรมมาบรจิ าคทาน แลว อทุ ศิ สวนกุศลใหไดพรอมกันพวกธรรมกายเขายังจะใหอีก ท่ีขาดตก บกพรอ งดว ยประการใดเขาใหต ลอดทวั่ กนั นเ้ี จา ภาพไดท าํ เออ้ื เฟอ เผื่อแผเจือจานอยางน้ี ก็ไดช่ือวาแสดงความกวางขวาง แสดง ความเอื้อเฟอของตนน้ัน วาเกิดเปนคนเม่ือพบสิ่งท่ีเปนคุณ เปนประโยชนแลว ไมอุบนิ่งอยูแตผูเดียว เอาไปแจกจายเพื่อน 109 109
มนุษยหญิงชายทุกถวนหนา แมตายไปแลวยังแจกจายดวย ดงั น้ีเรยี กวา เมตตาวหิ ารี มีความเมตตารักใคร ปรารถนาจะให เปน สขุ ฝา ยบรรพชติ ก็ไดช อื่ วา เปน ผตู ง้ั อยูในเมตตาความรกั ใคร ปรารถนาจะใหเปนสุข จึงไดชวยอุตสาหขวนขวาย หาความดี สง ไปให การทาํ เชน น้ี ไมใชผ ดิ จากพทุ ธฎกี า ถกู ตอ งความประสงค ของพระบรมศาสดา เรียกวา จิตตัวจะคิดใหทาน บริจาคทาน ก็คิดกวา งขวางออกไปถึงกบั ชกั ชวนบุคคลผอู นื่ ดังนีก้ ็กวา งขวาง ออกไป ไดช อื่ วา ทาํ สมบตั ิใหแ กต วั เอง ทงั้ สองฝา ยไดท งั้ โภคสมบตั ิ และบรวิ ารสมบตั ิ ไดท ง้ั สองฝา ย ทพ่ี ระองคท รงรบั สง่ั ทเี่ ปน เปา หมาย ใจดาํ ของพทุ ธศาสนา ถา วาหญงิ ชายบรรพชติ หรอื คฤหสั ถไมว า เม่ือรูจักหลักอันน้ีละก็ทําประโยชนในศาสนาไดทุกคน ไมวา คนชั้นไหน ทําไดทุกคน ถาฟงเทาน้ีออกก็ทําประโยชนศาสนา ไดทุกคน เรอ่ื งนพี้ อจบธรรมเทศนาของพระบรมศาสดาลง มบี รุ ษุ คนหนง่ึ เรยี กวา บณั ฑติ บรุ ษุ ทเี่ รยี กวา บณั ฑติ บรุ ษุ นน้ั พระพุทธเจาทรงตั้งให พอบรษิ ทั ฟง ภัตตานโุ มทนาเรียบรอยแลว อุบาสกนั้นทําผาสไบเฉียง เขาไปกราบพระบรมศาสดา ไดทรง พระกรณุ าโปรดเถดิ พระพทุ ธเจา ขา พระองคพ รอ มดว ยพระภกิ ษสุ งฆ ๕๐๐ พรุงน้ีขาพระพุทธเจา ขอถวายทานท้ังหมด พระองคก็ ดษุ ณยี ภ าพนง่ิ อยู บรุ ษุ ผนู นั้ กส็ าํ คญั วา พระองคท รงรบั แลว สมเจตนา ลาพระบรมศาสดาออกไปจากสํานกั พระบรมศาสดา พอบุรุษนน้ั ลบั หลงั ออกไปพระองคร บั สง่ั แกพ ระภกิ ษทุ งั้ หลาย วา ปณฑฺ โิ ต ปรุ โิ ส คนดําเนินดวยคติของปญญา คนฉลาดมีทรัพยมากกวาเล็ก 110 110
นอ ย ทําบุญใหญโตเหมือนคนมีสมบัติมากมาย มีทรพั ยเ ล็กนอ ย เหมือนคนมีสมบัติมาก ทําบุญเล้ียงพระ ๕๐๐ องคได ตัวเอง เลยี้ งพระสกั ๙ หรอื ๑๐ องคเ ทา นนั้ ดว ยสามารถฟง ธรรมเทศนาออก ก็ชักชวนเขาตอไป เขาตามตรอกรานตลาดใหญนอย พอคุณ แมคุณเจาขา ใครจะบริจาคทานบาง ฉันไดอาราธนาพระภิกษุ มพี ระบรมศาสดาเปนประธาน มปี ระมาณ ๕๐๐ พอ คณุ แมค ุณ เจา ขา มกี าํ ลงั จะรบั ไดเ พยี งกอ่ี งคๆ ประกาศไป บางบา นเขากร็ ับ ๕ องค ๑๐ องค ๒๐ องค ๓๐ องค ๔๐ องค ตามกาํ ลงั ศรทั ธาของเขา พักเดียวเทานั้น พระ ๕๐๐ องคหมดแลวไมพอ แจกเสียหมด แตว า เรอื่ งแปลกอยไู ปถงึ ทคุ ตบรุ ษุ เขา คนหนงึ่ พอไปถงึ มหาทคุ ตบรุ ษุ บณั ฑติ บรุ ษุ จงึ พดู วา ทา นทคุ ตบรุ ษุ จะบรจิ าคทานกบั เขาบา งไหม สกั องคห นง่ึ ทา นมหาทคุ ตบรุ ษุ มองไปดหู นา บณั ฑติ ทา นบณั ฑติ บรุ ษุ เราจะบริจาคอยา งไรละ หาเชา กนิ คาํ่ เชา ๆ เราก็ไปทํางานสอง สามีภรรยาไดขาวสารมาคนละทะนาน ภรรยาของเรารับจาง ตําขาว เรารับจางผาฟน พอมาถึงบานก็มาหุงเสียทะนานหนึ่ง กินคนละอิ่มๆ แลวก็หลับนอนไปตามหนาท่ีพอรุงข้ึน เชาจะไป ทํางาน ก็เอาทะนานท่ีเหลือน้ันมาหุงอีกมากินคนละอ่ิมอีก แลวก็ไปทํางาน ทํางานแลวก็ไดขาวมาสองทะนานอยางนี้ หาเชา กินคา่ํ อยา งนแ้ี ลว เราจะไปหาอะไรมาทําทาน คนทเ่ี รยี กวา บณั ฑติ บรุ ษุ คนดาํ เนนิ ดว ยปญ ญา คนฉลาด ไมใชคนโง เขาเรียกวา สปฺา คนฉลาดเปนไปกับดว ยปญ ญา วทฺู ฉลาดพูด ฉลาดพูด ดวย ปราศจากความตระหนี่ดวย 111 111
อยา งนน้ั คนฉลาดเปน ดงั นนั้ บณั ฑติ บรุ ษุ กต็ อบวา ทา นมหาทคุ ตบรุ ษุ ถาชาติน้ีทานมาพบพระพุทธศาสนา พบพระพุทธเจา ทาน ไมบ รจิ าคทานเสยี บา ง ไปชาตหิ นา ทา นจะจนยง่ิ กวา น้ี ทา นจะวา กะไร สองสามภี รรยาดหู นา กนั ทาํ หนา ไมค อ ยดี เหน็ จะจรงิ ถา วา มนั จน ยิ่งกวานี้เราจะทําอยางไรดี น่ังมองตากันทั้งสองสามีภรรยา ภรรยาก็พูดข้ึนกอนวา เอาเถอะมันจะจนมันจะตายในชาติน้ี ก็ตายไป เราจะบริจาคทานในวันน้ี วันนี้เราอดกันก็แลวกัน ตายกต็ ายไป ตง้ั อกตงั้ ใจอยา งน้ี เอาจรงิ เอาจงั อยา งน้ี สามกี ต็ อ งยอม เม่ือบริจาคสองทะนาน มันก็อดกันวันหนึ่ง เชาก็ไมไดบริโภค เพลก็ไมไดบ ริโภค แลวเย็นก็ไมไ ดบ ริโภค ไมม ีบรโิ ภคละเลิกกนั ก็ยอมอดกัน เม่ือยอมอดกันเชนนั้นเขา สมเจตนาเชนนั้นเขา สองสามภี รรยากด็ อี กดใี จกนั นอนไมห ลบั คนื วนั นนั้ จะบรจิ าคทานกนั ไมไปตาํ ขา วไมไ ปทําการจา ง ฝา ยภรรยากบ็ อกวานาย เวลาเชา ลุกแตเ ชา แลวออกไปเก็บผัก ฉนั จะเขาครัว อาหารจะไมส มบูรณ จะนอยไปใหไปเกบ็ ผัก พอตี ๔ ตอนเชา กล็ ุกข้นึ เมียเขา ครัวบอก ใหผ วั ไปเกบ็ ผกั ชายแมน าํ้ ครนั้ จะเลา เรอื่ งมหาทคุ ตบรุ ษุ ใหย าวไป เวลากจ็ ะไมพ อ เรอื่ งเทศนน ย้ี งั อยมู าก เพราะฉนนั้ เมอื่ สาํ เรจ็ แลว เมอ่ื สามไี ปเกบ็ ผกั ไปพบกบั นายเกวตั ตๆ กบ็ อกวา ทา นจะมาเกบ็ ผกั ทาํ ไม พระทา นจะกนิ ผกั กนิ หญาไดอยา งไร มาชวยกันรอยปลา แลวเราจะให จึงไปชวยเขารอยปลา คนโนนเขาก็ซื้อพวงละ ๑ ๒ ๓ ๔ บาท รอ ยเทา ไรหมดๆ หนักเขา หมดปลาก็หมดคน มองไปดูหนานายเกวัตตๆ วาอยาวิตกไปเลย ปลาตะเพียนอีก 112 112
๗ ตัว เราเอาไปหมกไวท่ีรากไทร เด๋ียวเราจะเอาไปใหทาน นายเกวัตต ไปควักปลาตะเพียนในเนินทรายมาอีก ๗ ตัว ลางน้ําดีแลวก็สงใหมหาทุคตบุรุษๆ น้ันก็รีบกลับบานทันที พอถึงบานจึงสงใหพอครัว ในครัวนั้นพระอินทรมาชวยอยูแลว คือพระอินทรมาแสดงเปนคนจนผูแสวงหางานทําการจาง ภรรยาอยูขา งหลัง บอกวา ไมมจี า ง จะทํางานเลย้ี งพระองคเดียว เขาบอกวาถา เลย้ี งพระองคเดียวกจ็ ะชวยแรง ไมเอาเงนิ เอาทอง ชวยเปลาๆ ภรรยาก็ไมยอมใหชวย พระอินทรเขาไปชวยทําอยู แลวในครัวน้ัน มหาทุคตบุรุษสงปลาใหพอครัวๆ ทําเสียเดี๋ยว เดียว พระอินทรก็เนรมิตใหเรียบรอยเปนอันดี พอเสร็จแลว ภรรยาก็บอกวานายไปนิมนตพระมา พระที่นายนิมนตไวแลว มหาทุคตบุรุษจึงแตงตัวรีบไปถึงบัณฑิตบุรุษพระเขานิมนตกัน ไปหมดแลว พระองคเ ดยี วบัณฑติ บุรุษลมื ลงบญั ชี มหาทคุ ตบรุ ุษ เสียใจลงนอนดน้ิ ฝนุ ฟงุ ไมไดพระไปจะทาํ อยางไรกนั รองไหไป ทเี ดยี ว ผดู เี ศรษฐที เี่ ขาเลยี้ งพระมคี นมามากประชมุ กนั มากนั ใหญ มาดกู นั อยา งละครชาตรี สนกุ สนานกนั ใหญ คนผมู ปี ญ ญา เขาเขา มาดูแลวถามวา นเี่ รือ่ งอะไรกนั พอเขารูเร่อื งเขา เขาก็บอกวา อยาตกใจไปทานมหาทคุ ตบุรษุ อยาตกใจไป พระพุทธเจา ทา นไม เขา บญั ชีใคร ใครมาจดบญั ชที า นไมไ ด เขาเกรงพระทยั ทา น ทา น อยทู ี่วหิ าร เขาไปเถอะ อาจสมเจตนาได เพราะไมมพี ระอีกแลว มหาทคุ ตบุรษุ ก็ผลุดลุกไปท้งั นํา้ ตายังเต็มตาอยูทีเดียว พอไปถึง พระพุทธเจาก็กราบๆ ลง พระพุทธเจาเห็นทุคตบุรุษ พระองค 113 113
ตรัสถาม อสฺสมุโข มหาทุคคฺ โต มหาทุคตบุรษุ เปน อยา งไรน้ําตา จงึ เตม็ หนา อยลู ะ จงึ กราบทลู เลา ถวายพระองคต ง้ั แตต น จนอวสาน พระศาสดาจารยสงบาตรให มหาทุคตบุรุษรับออกมา รับบาตร ออกมาตามลําดับผคู นคับค่งั เหมือนกบั รบั พระเจา แผน ดินเสด็จ พอเหน็ มหาทคุ ตบรุ ษุ ถอื บาตรกใ็ หเ งนิ แกม หาทคุ ตบรุ ษุ ใหพ นั บาท สองพันบาท ทวีข้นึ ไป จนกระท่ังแสนบาท ลานบาท โกฏิหน่ึง ใหสมบัติเศรษฐีครึ่งหน่ึง เพ่ือจะอาราธนาพระพุทธเจาไปถวาย ภตั ตาหารเพยี งอยา งเดยี ว ไมไ ดม งุ อะไรดอี กดีใจ ใหส มบตั เิ ศรษฐี ทงั้ หมดก็ไมเ อาอกี เหมอื นกนั อาราธนาพระพทุ ธเจา ไปเลยี้ งจนได ถึงบานจนได พอจะไปแนเขา พระเจาแผนดินก็เสด็จตามไป กลัวพระพุทธเจาจะไปฉันบานคนจนดวยอาหารที่ไมดี ฉันไมได แตพ อไปเหน็ เครอื่ งไทยทานของมหาทคุ ตบรุ ษุ เขา แลว หนั พระพกั ตร กลับทันที เราก็ทําไมไดอยางนี้ พระอินทรทํา ไมใชมนุษยทํา พระพทุ ธเจา ทาํ ภตั ตกจิ สาํ เรจ็ แลว ทาํ ภตั ตานโุ มทนาใหม หาทคุ ตบรุ ษุ มหาทุคตบุรุษรับบาตรกลับมาวิหารดังกลาว พอกลับไปถึงบาน มหาทุคตบุรุษกลับกลายไปแลว เปนมหาเศรษฐีคหบดีใหญโต มโหฬารไปแลว เขา บา นไมถ กู ไดส มบตั ิใหญโ ตมโหฬารอยา งนนั้ ทท่ี าํ ทานตอ งทาํ จรงิ อยา งนน้ั ชวี ติ จติ ใจจะตายชา งมนั เอาจรงิ ๆ จงั ๆ อยางน้ันก็ไดการ อยางมหาทุคตบุรุษนั้นยอมตาย นั่นทําจริง ถกู จรงิ อยา งนี้ เพราะฉนนั้ ทานการใหม หาทคุ ตบรุ ษุ นน้ั ไปชวนเขานี่ แกจงึ ไดร วยกนั ยกใหญ มหาทคุ ตบรุ ษุ กถ็ กู บณั ฑติ บรุ ษุ ชกั ชวนอกี รวยใหญอีกเหมือนกัน เพราะฉะน้ันเจาภาพท้ังหลายก็ชักชวน 114 114
กันมาหลายคนดวยกัน บริจาคทานดวยกัน ไดท้ังโภคสมบัติ บริวารสมบัติ นี่สวนทาน และสวนใหบรรพชา เปนเจาภาพให บวชเปนสามเณรเปนภิกษุภาวะในพระพุทธศาสนา เปนภิกษุ เปนสามเณรภาวะในพระพทุ ธศาสนาอยางนี้ เปนเปาหมายใจดํา ของพระบรมศาสดา ไดอ บุ ตั บิ งั เกดิ ขน้ึ ในโลกแลว มงุ มาตรปรารถนา จะใหกุลบุตร ใหบรรพชาอุปสมบทเหมือนพระองคบาง เร่ืองนี้ เปน กลเมด็ สาํ คญั ถา วา อบุ าสก อบุ าสกิ าทง้ั หลาย ภกิ ษุ สามเณร ฉลาดฟง ธรรมออก ตามธรรมดาเจาลัทธเิ จา วิชาไหนๆ มคี วามรู ชนิดใด เปนคนฉลาดก็ชักชวนหมูมนุษยใหตามลัทธิของตัว มานเี่ ปน คนฉลาดกอ นพทุ ธกาลกม็ อี ยอู ยา งนี้ ถา ถอื ลทั ธอิ ะไรก็ให เปน หลกั ฐาน ยดึ ลทั ธนิ น้ั ใหม น่ั แลว กช็ กั ชวนบคุ คลอน่ื ใหเ ขา ลทั ธิ อนั เดยี วกนั ใหม คี วามเหน็ เปน เอกฉนั ทแ ลว มพี วกขนึ้ ไดต งั้ ๑๐๐ ตงั้ ๑,๐๐๐ ตงั้ ๑๐,๐๐๐ ตง้ั ๑๐๐,๐๐๐ นน่ั แหละถา วา หนกั ขน้ึ ไปๆ ก็ชักชวนพวกมากข้ึนไปๆ เต็มประเทศ เต็มประเทศเขาก็เปน เจา แผน ดนิ ลกึ ซงึ้ ขนาดนนั้ ทเ่ี ราไปทางถกู ไมใชไ ปทางผดิ ถา ไป ทางผดิ ไปทางคอมมิวนิสตเปนอยางหนงึ่ อยา งใดไมไ ด ถกู ตัดหวั หรอื ถกู ยงิ เปา ทเี ดยี ว นท่ี างถกู ทางพทุ ธศาสนาเปน ภกิ ษสุ ามเณร ใครใกลภ กิ ษสุ ามเณรใหจ บั ตวั มาบวชเปน ภกิ ษสุ ามเณรเหมอื นกนั เสยี หมด กเ็ ปน พวกของตวั หมดนน่ั เอง ใครเขา ใกลก ใ็ หเ ปน อบุ าสก ใหจําศีลใหทานฟงธรรมเสียหมด ถาเปนอุบาสิกา ใครเขาใกล ก็ใหเปนอุบาสิกาเสียใหหมด เม่ือเขาไปใกลก็โกนหัวนุงขาวเสีย พวกของตวั กม็ ากเขา ๆ ชกั ชวนใหจ าํ ศลี ใหท านฟง ธรรมเสยี นค่ี นฉลาด 115 115
คนมีปญญาหาพวกไมไดมากอยางนี้ ถาคนหาพวกไมเปน ต้ังแตหนุม จนแกค นเดยี วอยูน่นั แหละ เขา ใครไมติด ไมมีปญ ญา คนโง นน่ั เปนอยางไรจะหามเสา สกั ตนหน่งึ ก็ไมไหว ตวั คนเดียว หามอยางไรหามไมได ไมมีพวกไมฉลาด เพราะพระพุทธเจา ทา นสอนมนษุ ยใหฉ ลาด ไมใ ชส อนใหเ ปน คนโง ถา เปน อบุ าสก อบุ าสกิ า กห็ าพวกอุบาสก อุบาสกิ าใหม ากขน้ึ ถาเปน ภิกษุ สามเณรกห็ า พวกภกิ ษุ สามเณรใหมากข้นึ เร่อื งนคี้ รงั้ พุทธกาลปรากฏอยู บัณฑิตบุรุษไปชวนบุรุษวัดโนนไปฟงธรรมวัดโนนวัดน้ี ไปไกลออกไปเรอ่ื ยๆ ไป หมโู นน หมนู ้ีไปหนกั เขา หนกั เขา ไปเฝา พระบรมศาสดาครบ ๕๐๐ พอครบ ๕๐๐ ก็ไปเฝา พระบรมศาสดา เมอื่ ไปเฝาพระบรมศาสดาคนก็มากมายกายกอง จงึ เปน ทีเ่ ลา ลือ กันวา บัณฑิตบุรุษนั้นเปนคนหัวหนาพระศาสดาใหนามสมมติ สมญั ญาวา บณั ฑิตปรุ ิโส อีกเหมอื นกนั วา ผูด าํ เนินดว ยคติของ ปญญา คนมปี ญญา ชวนหมูพวกไดถงึ ๕๐๐ เปน คนมชี ่ือเสียง ในครั้งพุทธกาล น้ีตัวอยางเปนหลักเปนประธานอยางน้ี เมื่อ รูจักหลกั ดังนี้ กก็ ารใหท าน หรือการเปน เจาภาพใหก ลุ บตุ รบวช ในธรรมวินัยของพระศาสดา จงอุตสาหทําดวยตนของตนดวย ใหชักชวนบุคคลผูอ่ืนใหทําดวย ก็จะรวยท้ังสองฝาย เม่ือทํา ดวยตนของตนก็แคบไป ตองทําใหกวางๆ สามัคคีเกิดมากดวย เม่ือสามัคคีเกิดมากแลวความสุขเกิดมากดวย เพราะเหตุวา พระองครับส่ังวา สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี ความพรอมเพรียง ซ่ึงกันและกันเปนเหตุใหเกิดสุข แสวงหาความสุขก็ตองสุขกัน 116 116
อยา งนี้ นีท่ ่ีไหนไดมาวดั มาวาหมเู ดียวพวกเดียวกนั จาํ ศลี ภาวนา เมื่อมาทะเลาะกันเสยี เร่อื งอะไรกันแสนจะโง ไมโ งเ ดียว หน่งึ โง สองโง สามโง สี่โง รอ ยโง พนั โง หมน่ื โง แสนโง แสนโงอ ยา งไร กค็ อื ฆา ตวั เองเสยี ทง้ั เปน ฆา ตวั เองทง้ั เปน อยา งไร กไ็ ปโกรธกนั เสยี ก็ฆาตัวเองท้ังเปนใครเขาจะเขาใกล เขามาทําบุญทําทาน มารกั ษาศีลฟงธรรมกัน ไประหองระแหงกนั เสีย น้ีมนั แสนจะโง ไมฉลาด เขาเหน็ กย็ ม้ิ เยาะ กม็ าอยูในระหวางฟง เทศนฟ งธรรม จําศีลภาวนา ถา วา ไปแสดงโกรธเชน นัน้ ชาตติ อไปกม็ ีรูปไมส วย นาเกลียดนาชังใครเห็นก็ไมอยากเขาใกล ถาวาหนาย้ิมอยูร่ําไป เขาก็วา แมใจดี พอ ใจดี เลยี้ งลูกก็สวยงดงาม อยทู ี่ไหนกง็ ดงาม ทง้ั นัน้ เหตนุ ้ีใหอตุ สา หพยายาม อยา ทะเลาะววิ าทบาดหมางกัน อยาแกงแยงกนั เรอื นเดยี วหองเดยี วกันอยูไดต ง้ั ๑๐ คนเรยี กวา คบั ท่ีอยไู ดคบั ใจอยูยาก จะเปนอะไรอยูไดกนั ทง้ั นน้ั ใจอยา ใหค บั ใจกวา งขวาง นแ่ี หละเปน ทางไปของพระพทุ ธศาสนา ตอ งกลมเกลยี ว นา้ํ หนงึ่ ใจเดยี วในกนั และกนั ฟง เทศนฟ ง ธรรมจาํ ศลี ภาวนากเ็ ปน นํ้าหน่งึ ใจเดยี วกัน กลมเกลยี วในกนั และกัน ใหทานกพ็ รักพรอม กนั ทาํ ใจใหด ี อยา ทาํ ใหอ จิ ฉารษิ ยาอยา อวดดบิ อวดดีในกนั และกนั นั่นเปนพญามารบังคับใหเราเสียหาย ไมใชใหเปนคนหลักฐาน ตองเปนผูตั้งอยูในการใหทานฟงธรรมจําศีลภาวนาน่ันเปน ทางไปของพระพุทธเจา พระอรหันต เพราะฉะน้ันการใหทาน บริจาคทาน พระสงวนเปนผูชักชวนเพื่อนสพรหมจารีดวยกัน เปนเจาภาพใหอุปสมบทพระภิกษุภาวะในพระพุทธศาสนา 117 117
ภกิ ษอุ งคน น้ั มธี รรมกายดว ย บวชสองชน้ั มธี รรมกายกวา งขวางดี สอนคนอ่ืนก็ไดเปนครูเขาก็ไดมีธรรมกายไปนรกไปสวรรค ไปนิพพานได พระสงวนก็ตาดหี ดู ีเหมือนกัน รวู าองคน ้มี ธี รรมดี กเ็ ปน เจา ภาพบวชใหข า งในกเ็ ปน พระพทุ ธเจา ปรากฏอยู ขา งนอก ก็เปนภิกษุภาวะในพุทธศาสนา บวชอยางนี้ก็เรียกวา ถาวาถึง นักเลงโตกเ็ หลีย่ มถูกสองชน้ั ถูกเหลย่ี มที่ถกู เหลยี่ มน้นั เพราะถกู คนอน่ื บวชถา ตวั เอง ทาํ ใหม ธี รรมกายขน้ึ แลว บวชตวั เองเหมอื น อยางกับพระอยา งนนั้ กถ็ ูกสามช้นั ทีเดียว แตนี่เปน คนอนื่ เสียตวั คนอน่ื เขามธี รรมกาย แลว กเ็ ปน เจา ภาพบวชใหแ กเ ขาน่ีไดส องชนั้ เหตุน้ีพระสงวนก็มีปญญาสอดสองมองเห็นไปในภายหนาวา ทา นองคน เี้ มอื่ บวชเปน ภกิ ษภุ าวะในพทุ ธศาสนา เพราะเปน ธรรมกาย ตงั้ แตเ ปน ฆราวาสอยแู ลว กจ็ ะเปน อายพุ ระศาสนาตอ ไป กจ็ ะเปน อาจารยเ ขาทางวดั โนน วดั จนั ทรปะขาว เขา ไปในคลองภาษเี จรญิ เพราะเคยเขา ไปอยกู บั พวกเขาเหลา นน้ั เคยอปุ การะเขาอยบู า งแลว ตอไปก็จะเปนครูอาจารยในท่ีโนน แตตอนน้ียังมีคนรูจักนอย อยูพึ่งจะแผออกไป การใหอันน้ีเรียกวาธรรมทาน แลวก็ไปเปน ธรรมทานอีกชั้นหนึ่ง ธรรมทานเปนทานท่ีพระพุทธเจาทรง สรรเสริญนัก ทานจัดเปนสองอยาง อามิสทาน ธรรมทาน อามิสทานใหอามิส ท่ีเราบริจาคทานที่ทําแลวนี้เปนอามิสทาน ใหอุปการะแกพระพุทธศาสนา ถวายอาหารบิณฑบาตแกภิกษุ สามเณรเปนเนืองนิตย อัตราอยูก็ดี เปนคร้ังคราวก็ดี เรียกวา เปนกําลังของพุทธศาสนาใหศาสนามีกําลังเจริญรุงเรืองตอไป 118 118
เรียกวา อามิสทาน อามิสทานนี้ ถาไมมีศาสนาก็อยูไมได เปน หลกั พระศาสนาใหญโ ตเหมอื นกนั เปน ฐานรองพระพทุ ธศาสนา ใหญโตเหมือนกัน สวนธรรมทานพระศาสดาจารยเปนผู ไดตรัสรูแลว ก็มีธรรมทานดวย ธรรมทานนั้น ทําใหศาสนา รุงเรืองยิ่งใหญไพศาล ถาไมมีธรรมทาน ใครจะไดมรรคผล ธรรมทานเปนตัวใหถึงมรรคผลทีเดียว แตผูท่ีจะไดมรรคผล ถาหากวา ไมไดอาหารเมอื่ ตอนตนจะไดมรรคผลอยา งไร กอ็ าศัย ซึ่งกันและกัน หนทางเบ้ืองตนหนทางเบ้ืองปลาย มรรคผล เปน หนทางเบอื้ งปลาย ธรรมทานเปน หนทางเบอื้ งตน ธรรมทานน้ี พระองคร บั สง่ั วา ประเสรฐิ เลศิ กวา ทานทง้ั ปวง เลศิ กวา ทานทง้ั ปวง เพราะทานในเบื้องปลายไมมีผูหนึ่งผูใดจะใหได พระศาสดา อุบัติขึ้นในโลกจึงใหได จึงเปนธรรมทานสําคัญ ถาวาเม่ือ พระศาสดายังไมอุบัติข้ึนในโลก ไมมีผูหน่ึงผูใดจะใหธรรมทาน เหมือนพระศาสดาได แลวจะใหก็ทางมรรคผลไมมี พระศาสดา อุบัติข้ึน ทางมรรคผลจึงมีปรากฏข้ึน ธรรมทานในศาสนานี้จึง ไดชอื่ วา ประเสริฐเลศิ ดวยประการดงั นี้ เม่ือรูจักหลักอันน้ี เขาใจชัดเชนน้ี ท่ีจะเปนมนุษยตอง ประพฤติบริสุทธ์ิดวยกายดวยวาจาดวยใจ เม่ือประพฤติบริสุทธิ์ ดวยกายดวยวาจาดวยใจแลว ใหเปนผูคิดใหสมบัติของตน แก บุคคลผูอื่นไมโลภอยากไดของเขายินดีสรรเสริญพวกเหลานั้น ไมโกรธประทุษรายเขา มีเมตตาปราณีในเขาอยากใหเ ขาเปนสุข ทกุ ถว นหนา แลว กช็ กั ชวนบคุ คลอน่ื ใหเ มตตาปราณใี นเขา เหน็ ชอบ 119 119
ประกอบดว ยสจุ รติ ตามครองธรรม เหน็ ชอบตามครองธรรมดว ยตน ของตนแลว ชกั ชวนบคุ คลผอู น่ื ใหเ หน็ ชอบประกอบอยใู นความเหน็ ในครองธรรม ยนิ ดสี รรเสรญิ พวกดําเนินตามครองธรรมนน้ั ๆ นี้ ไดช ่อื วา กระทําความดดี ว ยกายวาจาใจ สมมาตรปรารถนา น่เี รา รูแลววาการเปนมนุษยเปนของไดยากอยางนี้ ความบังเกิดขึ้น ของพระผมู พี ระภาคเจาเปนของไดยาก ตอ งสรา งบารมี ๓๐ ทสั เครงครัดทีเดียว บารมี ๓๐ ทัสตอ งบริสุทธ์บิ รบิ รู ณถา ไมบริสุทธิ์ บริบรู ณ เปน พระพทุ ธเจา ไมไ ด กวา จะไดบารมี ๓๐ ทัส กต็ อง สรางไมใชเปนของธรรมเล็กๆ นอยๆ ทํายิ่งใหญไพศาล บารมี ๓๐ ทัส คือ ทานบารมี ทานอุปบารมี ทานปรมัตถบารมี ทานบารมีนั้น ตองกล่ันๆ บุญท่ีเราทําน้ี กล่ันกันจริงๆ กล่ันกันใหญทีเดียว บุญคืบหน่ึงรอบตัวกลมรอบตัว คืบหน่ึง กล่ันเอามาเปนบารมีไดน้ิวเดียว บารมีคืบหน่ึง กลมรอบตัว กลั่นเปนอุปบารมีไดน้ิวเดียว อุปบารมีคืบหน่ึง กลมรอบตัว กล่ันมาเปนปรมัตถบารมีไดนิ้วเดียว จึงตองสรางบารมี ไปกระทําบุญสรางบารมีไปอยางนี้ ทานบารมี ทานอุปบารมี ทานปรมัตถบารมี สามดวง ดวงหนึ่งวัดผาเสน ศูนยกลาง ๒๐ วา กลมรอบตวั ดวงหนง่ึ วดั ผา เสน ศนู ยก ลางกลมรอบตวั ๆ นส่ี ว นทาน แลว กต็ อ งศลี อกี ไมใชอ ยา งเดยี ว ศลี สมบรู ณบ รบิ รู ณแ บบเดยี วกนั ศลี บารมี ศลี อปุ บารมี ศลี ปรมตั ถบารมี ถา วา ไดบ ญุ มาโดยวธิ ศี ลี แลว กลน่ั แบบเดยี วกนั นนั้ จนกระทงั่ ศลี บารมี ศลี อปุ บารมี ศลี ปรมตั ถ- บารมี สามดวงน้ี ๒๐ วา กลมรอบตวั เทา ๆ กันกวาจะไดบารมี 120 120
เตม็ เชน นน้ั จะเปน เวลานานเทา ไรพระพทุ ธเจา นบั อสงไขยไมไ หว ทพ่ี ระพทุ ธเจา สรา งบารมเี ปน เอนกอนนั ตม ากนกั เนกขมั มบารมี การออกจากกามเปน นกั บวชอยา งนี้ เมอ่ื ไดบ ญุ มาจากนกั บวชแลว กลนั่ แบบเดยี วกนั กลน่ั เปน บารมี อปุ บารมี ปรมตั ถบารมี ดวงเทา ๆ กนั ๒๐ วา กลมรอบตวั เทา ๆ กนั ปญ ญาทเ่ี ราใชป ญ ญาเปน บญุ กศุ ล ที่ใชปญญาท่ีชอบประกอบดวยสุจริตที่ชักชวนบุคคลผูอื่นใหละ ใหเลิกความชั่วกระทําความดี เรียกวาเปนปญญาบารมี ปญญา บารมีท่ีส่ังสมอบรมมามากนอยเทาไรก็ตาม ถาวาเปนบุญเกิด จากปญ ญาแลวไดม ากนอยเทา ไรกก็ ล่ันแบบเดียวกัน จนกระท่ัง ไดดวงปญญา วัดได ๒๐ วา กลมรอบตัว สามดวงเหมือนกัน วริ ิยะ ขันติ สัจจะ เมตตา อุเบกขา แบบเดียวกันหมด จนกระท่ัง อุเบกขาบารมี บารมี ๑๐ ทสั แยกเปน อยางละสาม เปน บารมี ๓๐ ทัส ตองจัดเปนดวงบุญ บารมี อุปบารมี ปรมัตถบารมี วดั ผา ศนู ยก ลาง ๒๐ วา นนั้ เรยี กวา บารมเี ตม็ แลว พอบารมเี ตม็ แลว ตองมีอื่นอีก ประกอบอีกหลายประการ กวาจะเต็มมากมายนัก กวา จะไดเ ปน พระพทุ ธเจา แตล ะพระองค ทรงรบั สงั่ ดว ยพระองค- เองวา เราตถาคตไดบ รจิ าคทานบารมมี า บรจิ าคตดั ศรี ษะของเรา ใหเ ปน ทาน ผลมะพรา วในชมพทู วปี มากนอ ยเทา ใด นอ ยกวา ศรี ษะ ทเี่ ราตัดใหเ ปน ทานมากมายนัก น้ันเพยี งแตต ัดศีรษะ สว นเลอื ด ท่ีใหเปนทานนั้น น้ําในมหาสมุทรมากนอ ยเทาใด นอยกวาเลือด ของเราทเ่ี ราใหเ ปน ทานมากมายนกั ใหเ นอ้ื เปน ทาน แผน ดนิ ปฐพี มากนอ ยเทา ใดในชมพทู วปี นอ ยกวา เนอ้ื ของเราที่ใหเ ปน ทานนนั้ 121 121
มากมายนกั ใหก ระดกู เปน ทาน นบั กระดกู ภเู ขาในชมพทู วปี นอ ย กวากระดูกของเรา ทีเ่ ราควกั ลูกตาใหเ ปน ทาน ดวงดาวในอากาศ นอยกวามากมายนัก ที่เราควักลูกตาใหเปนทานมากกวาน้ัน อัศจรรยอยางน้ี กวาจะไดเปนพระพุทธเจาองคหน่ึงองคหน่ึง ไมใ ชง า ย ยากนกั ทา นยนื ยนั วา พทุ ธฺ ปุ ปฺ าโท จ ทลุ ลฺ โภ ความบงั เกดิ ขน้ึ ของพระพทุ ธเจา เปน ของไดย ากประการทส่ี อง ทลุ ลฺ ภา ขณสมปฺ ตตฺ ิ ทจ่ี ะถงึ พรอ มดว ยขณะดว ยสมยั คนทบี่ วช กวา จะไดบ วชไมใชเ ปน ของงาย ตอ งถึงพรอ มดวยขณะดวยสมัยจึงจะไดบวช ถงึ พรอ ม ดวยขณะดวยสมัยอยางไร ขณะสมัยท่ีจะถึงน้ัน พระพุทธเจา มาอบุ ตั ขิ น้ึ ในโลก ตนกม็ าเกดิ ในมนษุ ยโลกเหมอื นกนั แตไ ปเกดิ เสยี ปลายดงปลายปา บา นแขมเมอื งดอน รอ ยวนั พนั ปภ กิ ษุ สามเณร ไมไดกลายไปทางน้ันสักคร้ังหนึ่ง แลวจะไดบวชอยางไรกัน ไมไดบวชแนนอน หมดอายุเปลาๆ ไมไดบวชกับเขา น้ีไดยาก อยางน้ีพระพุทธเจามาอุบัติตรัสขึ้นในโลก แตไปเกิดในอรูปสัตว อสญั ญีสัตว อรูปสตั ว อสญั ญสี ตั วเ ปน อยา งไร อรูปสัตวห มายถึง อรูปพรหมช้ันที่สี่ อสัญญีสัตวก็ รูปพรหมชั้นที่ ๑๑ ช้ันที่ ๑๑ เมอ่ื เวลาจะตายได จตตุ ถฺ ฌาน ฌาณทส่ี ่ี เบอื่ นามตดิ รปู ทกุ ขย าก ลําบากก็เพราะนาม ถาไมมีนามเสียแลวก็ไมรูเรื่องรูราวอะไร เหมอื นกอ นดนิ หนิ กรวดจะไปทกุ ขอ ะไร เบอ่ื นามไปตดิ รปู พอตาย ไปเปนพรหมก็เหมือนอยางกับคนนอนหลับ นอนหลับอยูน้ัน เหมอื นอยางทอนไมก อนหินอยา งนั้น ถาวาไปนงั่ ตาย ก็ไปน่งั อยู เหมือนตุกตาหิน ถานอนตายก็ไปนอนอยู เหมือนตุกตาหิน 122 122
ทาํ อะไรไมไ ด ไมรเู หมือนคนนอนหลบั นนั้ เขาเรียกวา อสญั ญีสตั ว ตองไปเปนอสัญญีสัตวรับความสุขอยู ๘,๔๐๐ มหากัลป พระพุทธเจามาตรัสในโลกนับไมถวน ๘,๔๐๐ มหากัลป ถาอสัญญีสตว อรูปสัตว น่ันอรูปสัตว อสัญญีสัตว เบ่ือนาม ตดิ รปู ตองไปอยูนน่ั ใน ๕๐๐ มหากัลป อยูที่น่นั นานเหลือทน แตว า ไมถ งึ ๘,๔๐๐ ซง่ึ มากมายนกั ถา ไปเปน เสยี เชน นน้ั กพ็ ระพทุ ธเจา มาอบุ ตั ขิ น้ึ ในโลกจะไดพ บอยา งไร กเ็ ปน ไมถ งึ พรอ มดว ยขณะสมยั ขาดขณะขาดสมยั ไป ไมถ งึ พรอ มดว ยขณะดว ยสมยั พระพทุ ธเจา อุบัติตรัสในโลก แตไปเกิดในอเวจี เหมือนเทวทัต หรือสัตวที่ อยูในอเวจี จะไดมาบวชกันอยางไร บวชไมไดกันหรือในนรก ทง้ั ๔๕๖ ขมุ กบ็ วชไมไ ดก นั หรอื ไปเกดิ เปน เปรตเปน อสรุ กายเสยี กบ็ วชไมไ ด ไปเกดิ เปน สตั วเ ดรจั ฉานกบ็ วชไมไ ด ในเรอ่ื งนเ้ี ราเกดิ เปนมนุษยแทๆ แตวาไมเล่ือมใสก็ไปเกิดเปนมิจฉาทิฏฐิเสีย เหมอื นประเทศตา งๆ เวลานมี้ จี าํ เพาะพทุ ธศาสนาเทา นน้ั ทน่ี บั ถอื พระพุทธศาสนาตัวจริงอยู ที่ไมถือพุทธศาสนาก็เปนอขณะสมัย ทั้งนั้น ที่เกิดมาในมนุษยโลกน้ีเปนบาใบบอดหนวกเสีย เขาก็ ไมใหบวชมีรา งกายทพุ พลภาพวิกลจรติ เขาก็ไมใหบ วชอีก ไมได บวชกบั เขาอีก ฉะนั้นบดั นพ้ี งึ รวู า แตเพียงเปนผูห ญงิ เทา นัน้ จะ บวชเปนภิกษกุ ็ไมไ ด เขาเลิกบวชกนั เสียแลว เม่ือคร้ังพุทธกาล เขาบวชกนั ได ถา มพี ระอรหนั ต พระอรหนั ตเหาะเหนิ เดนิ อากาศได แลวนั้น ผูหญิงจึงจะกลับบวชไดอีก น่ีก็ยากอยู รางกายสมบูรณ บรบิ รู ณด อี ยกู บั พอ กบั แม ละเมดิ พอ แมไ ปมลี กู มเี มยี เสยี หว งลกู 123 123
หว งเมยี บวชไมไ ดจ นตายกม็ หี ลายรอ ยนบั พนั ไมไ หวในประเทศไทย บวชกบั เขาไมไ ด นนั่ เปน อขณะอสมยั ตอ เมอื่ ใดไดม ศี รทั ธาเลอ่ื มใส ขึ้นเหมือนกับคนผูบวชนี้ มาพบพุทธศาสนามีศรัทธาเลื่อมใส ไดเห็นพระรัตนตรัยมีธรรมกายข้ึน ส่ิงอื่นไมถึง การบวชน้ีเปน ของเลิศประเสริฐนัก ตองรักใครขนาดน้ีจึงจะไดบวชสมมาตร ปรารถนาเม่ือไดบวชสมเจตนาแลวใหรักษาธรรมที่ตนไดนั้น ไวใหม่ันคงในขันธสันดาน บุญกุศลก็จะเกิดย่ิงใหญไพศาลหนัก ข้ึนไปก็จะไดเปนครูบาอาจารยเขาหนักขึ้นไป ทําประโยชน พุทธศาสนาได ไมเสียทีท่ีพอแมอาบนํ้าปอนขาวอุมทองมา ไมห นกั เปลา ไมเ หนอ่ื ยเปลา ไมล าํ บากเปลา ไดช อื่ วา ใหป ระโยชน แกพอแมแทๆ แมบุคคลผูหน่ึงผูใดจะทูลตัวไวเหนือเกลาก็ ไมห นักเปลาเพราะเปน คนทําประโยชนใหแกชาติ ศาสนา ใหแก พระพุทธศาสนาโดยตรงทีเดียว ใหตั้งใจใหม่ันอยางน้ี เมื่อได เปนสมณะแลว อุตสาหต้ังอกต้ังใจ ไมไดเปนงาย ภิกษุสงฆท้ัง ๒๕ ตองยกข้นึ ตอ งมีอุปชฌายรบั เขาหมไู มไ ดเปนภิกษุไดง ายๆ เมื่อไดเปนแลวก็รักษาไวเปนเกียรติสําคัญของตัว นี่ฝาย คนผูบวชไดอานิสงสสําคัญในชาตินี้ ฝายเจาภาพผูบวชก็สําคัญ เหมอื นกัน เนือ่ งซึ่งกันและกันดังนี้ ทุลลฺ ภฺจ มนสุ ฺสตตฺ ํ ทลุ ฺลภา ขณสมฺปตฺติ ท่ีจะถึงพรอมดวยขณะดวยสมัยเปนของยาก บัดน้ี ผูบวชไดบวชสมเจตนา เจาภาพก็พลอยไดบุญไดกุศลไปดวย สมเจตนา สทฺธมฺโม ปรมทลุ ฺลโภ สัทธรรมเปน ของไดย ากอยางยงิ่ 124 124
ไมใชพอดีพอราย สัทธรรมคืออะไร ธรรมคือเครื่องสงบระงับ เครอ่ื งสงบระงบั อะไร สทั ธรรมเครอ่ื งสงบระงบั สงบระงบั ความโลภ ความโลภเกดิ ขนึ้ หรอื อภชิ ชา เพง อยากไดส มบตั ขิ องคนอนื่ ตอ งมี สทั ธรรมจงึ สงบได ถา สงบระงบั ไมไ ดก ต็ อ งลกั ขโมย ตอ งปลน เขา ตองมีสัทธรรมจึงสงบได สัทธรรมเปนของอยางนั้น ความโลภ อยากไดของๆ คนอ่ืนเกดิ ขน้ึ ตอ งพนิ ิจพิจารณา หากวาเราไปลัก เขาเขา เราไปปลน เขาเขา เขามาลักเรามาปลนเราเราชอบไหม ไมช อบตอ งคดิ ไปทวนมา ใหค วามทกุ ขแ กเ ขาไมด ตี อ งใหค วามสขุ แกเขาจึงจะดี จนกระท่ังใจมันยอม วาไมเอาเลิกลักเลิกปลน กันตอไป เลิกลักสงบเสียไดเชน นี้ เพราะสทั ธรรม ไมใชอ ่นื สงบ ระงบั อภชิ ฌาละโมภ ไมส มาํ่ เสมอพยาบาทเกดิ ขน้ึ อาฆาตปองรา ย หมายมาตรก นั จะไปยงิ ไปฆาไปฟน ไปแทง ใหเขาถึงความวบิ ัติ พลดั พรากตา งๆ กต็ องใชวิธีพจิ ารณาแบบเดียวกนั ถาเขาถกู ฆา เชนน้ันเขาเดือดรอนเขาทุกข เราถูกฆาเชนนั้น ถูกประทุษราย เชน นน้ั ถกู ทาํ ลายเชน นน้ั จะทกุ ขไหม เปน ทกุ ขแ น ตอ งคดิ ทบไป ทวนมาๆ จนกระท่ังไมไปประทุษรายเขา ไมปองรายเขาก็เลิก ขาดจากใจ น่ีสงบลงไดเพราะสัทธรรม เห็นผิดจากครองธรรม กแ็ กไ ขหาครบู าอาจารยห รอื ทา นผหู ลกั ผใู หญ ทา นผเู ลา เรยี นศกึ ษา เปน หลักเปน ประธาน เปนคนดีกเ็ ขาไปสูใกล ตอ งพนิ ิจพิจารณา ศึกษาไป จนกระท่ังทําความเห็นถูกตองรองรอยความประสงค ทางพุทธศาสนาใหไ ด เมอ่ื ความเหน็ ถกู ตอ งรองรอยไดแ ลว ก็ได ชื่อวาสัทธรรมอันสงบระงับ กลับความเห็นผิดใหเปนความเห็น ถูกได ความโลภเกิดข้ึน สงบความโลภไดดวยวิธีอันใด วิธีนั้น 125 125
เปนสัทธรรมความหลงเกิดขึ้นสงบระงับไดดวยวิธีอันใด วิธีนั้น เปน สทั ธรรม สทั ธรรมแปลวา ความสงบ สงบความชว่ั สงบชั่ว ดวยกาย ดีดวยวาจา ดวยใจ เหลือแตดีดวยกาย ดีดวยวาจา ดวยใจ น้นั เปนสทั ธรรม ของหาไดยากไมใชเปน ของหาไดงาย ครั้นจะชี้แจงแสดงในเทศนา ทุลฺลภ ทั้ง ๔ ประการ ชี้แจงแสดงใหกวางขวางออกไปเวลาก็ไมสูพอเพราะเจาภาพ ใจไมคอยสบายอยูแลว ถึงเวลาท่ีจะเจริญพระพุทธมนตตอไป ก็ตองไวเวลาไวโอกาสใหเขาใชเวลานั้นได เหตุนี้ผูเทศนจึงได ขอเทศนา ในทลุ ฺลภ ทง้ั ๔ ประการทีช่ ี้แจงแสดงมานี้ ตามวาระ พระบาลี คลี่ความเปนสยามภาษาตามมัตยาธิบาย ดวยอํานาจ สจั จวาจาท่ีไดอ า งธรรมเทศนาใน ทุลฺลภ ๔ ประการน้ี ต้ังแตต น จนอวสาน ขอความสุขวิเศษสําราญที่เบิกบานใจจงบังเกิดมีแก ทานเจาภาพ และสาธุชนทั้งหลายบรรดามาสโมสรในสถานที่น้ี ทุกถวนหนา สพฺพพุทฺธานุภาเวน ดวยอานุภาพพระพุทธเจา ท้ังปวง สพฺพธมฺมานุภาเวน ดวยอานุภาพพระธรรมทั้งปวง สพฺพสงฺฆานุภาเวน ดวยอานุภาพพระสงฆทั้งปวง ปฏกตฺตยา นุภาเวน ดวยอํานาจปฎกท้ัง ๓ คือ วินัยปฎก สุตตันตปฎก ปรมัตถปฎก ชินสาวกานุภาเวน ดวยอานุภาพชินสาวก สาวก ของทานผูชนะมาร จงดลบรรดาลความสุขสวัสด์ิใหอุบัติบังเกิด มีแกทานผูเปนเจาภาพ และสาธุชนท้ังหลาย บรรดามาสโมสร ในสถานท่ีน้ีทุกถวนหนา อาตมภาพชี้แจงแสดงมาพอสมควร แกเวลาสมมตวิ า ยตุ ธิ รรมมิกถาโดยอรรถนยิ มความเพียงเทานี้ เอวํ กม็ ดี ว ยประการฉะนี้ 126 126
127
128
พระธรรมเทศนำ โดย พระภำวนำโกศลเถระ วัดปำกน�้ำ ภำษีเจรญิ ธนบรุ ี เทศนเรือ่ ง \"พระพุทธเจำบงั เกดิ ขน้ึ เปนเหตุใหเ กดิ สขุ \" เมอื่ วันที่ ๒๖ ตลุ ำคม ๒๔๙๗ นโม ฯลฯ สโุ ข พุทฺธานมปุ ปฺ าโท สุขา สทธฺ มมฺ เทสนา สขุ า สงฺฆสสฺ สามคฺคี สมคคฺ านํ ตโป สโุ ขติฯ ณ บัดน้ีอาตมภาพจะได แสดงธรรมิกถา แกดวย พระพุทธเจาบังเกิดขึ้นเปนเหตุใหเกิดสุข พระองคทรงแสดง ธรรมเทศนาก็เปนเหตุใหเกิดสุข ธรรมเทศนาของพระองคได สาํ เรจ็ แกพ ทุ ธบรษิ ทั ปรากฏชดั ทา นผสู าํ เรจ็ ดว ยเทศนานร้ี วมเขา 129 129
เปน หมวดหมู ทเ่ี กดิ สขุ กเ็ กดิ จากความพรอ มเพรยี งซงึ่ กนั และกนั ความสุขเปนตัปปธรรมของความพรอมเพรียงโดยแทในกระแส เทศนาน้ี ออกจากพระโอษฐของพระบรมศาสดา พระองคได ทรงบรรลุพุทธการกธรรมสมมาตรปรารถนา จึงไดทรงเทศนา วางเนตติแบบแผนเห็นสภาวะปานฉะน้ี ก็บัดน้ีเราทานทั้งหลาย ทเี่ ปน ภกิ ษุ สามเณร อบุ าสก อบุ าสกิ า จะพงึ ไดฟ ง พระธรรมเทศนา เรอื่ งพุทธปญ ญาปรากฏตอ ไปบัดนี้ สโุ ข พทุ ธฺ านมุปฺปาโท ความบังเกิดขึน้ ของพระพุทธเจา เปน สขุ สุขา สทฺธมมฺ เทสนา การแสดงพระสทั ธรรมของพระองค เปน สขุ สขุ า สงฺฆสฺส สามคฺคี ความพรอ มเพรยี งของหมเู ปนสุข สมคคฺ านํ ตโป สโุ ข สขุ เปน ตปั ปธรรม ธรรมของความพรอ มเพรยี ง ทงั้ หลาย ธรรม ๔ ขอ น้ี เปน ตาํ รบั ตาํ ราท่ีเราทานทงั้ หลายจะได ประพฤตปิ ฏิบตั ิตามพระบรมศาสดา ในขอ นค้ี วามบังเกิดข้ึนของ พระพุทธเจาเปนสุขนั้น เปนไฉน? พระจอมไตรแสวงหาพุทธ- การกธรรมต้ังแตละราชสมบัติคือเมืองกบิลพัสดุออกบําเพ็ญ ทุกกรกิริยาถวนหกพระพรรษา ไดบรรลุเปนพระพุทธเจาใตควง ไมศรมี หาโพธ์ิ ที่ไดบรรลคุ วามเปน พระพุทธเจา นัน้ พระพทุ ธเจา มคี วามรเู หน็ ความเห็นแปลกออกไปอยา งไร? เมอ่ื พระองคไดไป ศึกษาในสํานักอาฬารดาบส และอุทกดาบสพระองคไดบรรลุ ฌานที่ ๑ ฌานท่ี ๒ ฌานท่ี ๓ ฌานที่ ๔ ฌานที่ ๕ ฌานที่ ๖ 130 130
ฌานที่ ๗ ฌานท่ี ๘ รปู ฌาน ๔ อรปู ฌาน ๔ เรยี กวา สมาบตั ิ ๘ นั่นพระองคทรงทราบรูจักกายรูปพรหมทั้งหยาบทั้งละเอียด แตวาเม่ือไดตรัสรูเปนพระพุทธเจาใตควงไมศรีมหาโพธ์ินั้น ทานเปนผูรูพิเศษข้ึนเม่ือไดรูจักกายธรรมท้ังหยาบท้ังละเอียด เปนช้ันๆ ขึ้นไป แตพอรูจักกายธรรมท้ังหยาบทั้งละเอียดแลว ความรูความเห็นผิดกับกายรูปพรหม อรูปพรหมทั้งหยาบท้ัง ละเอยี ด ยิ่งละเอียดหนกั เขา ยง่ิ เหน็ ไกลหนกั ข้นึ เหน็ ลกึ ซึ้งหนักข้ึน ไมม กี ายใดกายหนงึ่ เขา ไปถงึ กายธรรม ธรรมกายเมอื่ เกดิ ขนึ้ แลว ในปฐมยามเบ้ืองตน พระองคก็บรรลุ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณ ดวยตาธรรมกาย ดว ยญาณธรรมกาย เห็นความจุติ และปฏสิ นธิ เห็นความบังเกิดข้ึนของตัวเอง กายมนุษย กายมนุษยละเอียด กายทิพย กายทพิ ยล ะเอยี ด กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอยี ด กายอรูปพรหม กายอรูปพรหมละเอียด ทั้งแปดกายเห็นตลอด เห็นชาตเิ ดยี วหรอื ? เห็นนบั ชาตไิ มไหว เห็นเอนกชาตเิ หน็ ตลอด เห็นดวยตาธรรมกายรูดวยญาณธรรมกาย ทั้งหยาบทั้งละเอียด เห็นชัดๆ นย่ี ามตน ยามทส่ี องพระองคไดบรรลุเปน ลําดับขน้ึ ไป เขาถึงกายธรรมที่เปนโสดา สกิทาคาท้ังหยาบทั้งละเอียด เปนลําดับขึ้นไป เขาถึงกายธรรมที่เปนโสดา สกิทาคาท้ังหยาบ ทั้งละเอียด พระองครูละเมียดละไมเขาไปอีก จุตูปปาตาณ ญาณเคร่ืองปฏิสนธิของสัตวในโลก ไปเกิดมาเกิดเหมือนกับคน ยืนอยูในฝงแมนํ้านที นํ้าใสสะอาดเปนอันดี ปลาจะวายไปใน 131 131
ทิศเหนือ ทิศใต ก็ปรากฏดวยตาของบุคคลผูท่ียืนอยูท่ี ฝง แมน า้ํ นนั้ เหน็ ปรากฏชดั ดว ยตา ธรรมกายโสดา โสดาละเอยี ด สกิทาคา สกิทาคาละเอยี ด อนาคา อนาคาละเอยี ด เหน็ ปรากฏ ชัดอยทู ่ีปฏิสนธขิ องสตั วป รากฏหมด ไปเกิดมาเกิด เกดิ จากสัตว พวกน้ี ตายจากสัตวพวกน้ี ไปเกิดเปนสตั วพ วกโนนก็เห็นปรากฏ เกดิ จากสตั วพ วกโนน ตายจากสตั วพ วกโนน ไปเกดิ เปน สตั วพ วกโนน ไปเกิดเปนกายมนุษย กายทิพย กายรูปพรหม อรูปพรหมเห็น ปรากฏชดั เหน็ เหมอื นปลาวา ยนาํ้ ดงั น้ี ผดุ จากนี้ ลงดาํ นา้ํ ไปเหน็ ตวั วายเรอ่ื ยไป ไปผุดข้ึนโนน กเ็ หน็ ปรากฏ หรือดาํ จากโนนไปผดุ ขึ้นที่โนนก็เห็นปรากฏ เห็นหมดทุกสกลกายของปลาน้ัน ในน้ําน้ันเห็นปรากฏหมด อยางนี้เรียกวา จุตูปปาตาณ รูจักปฏิสนธิของสัตวอ่ืนแตวายังไมถึง อาสวกฺขยาณ พอเขา ปจฉิมยาม ทายของพระองคไดบรรลุอรหัตตูปนิสสัยไดบรรลุ เปนพระอรหัตตตัดกิเลสเปนสมุจเฉทปหานถึงวิราคธาตุ วริ าคธรรมหมดรปู ราคะ อรปู ราคะ มานะ อทุ ธจั จะ อวชิ ชาเขา ถงึ วิชชาแทๆ เขาถงึ วิชชาวมิ ุตตแิ ทๆ เรยี กวา วิชชาวมิ ุตตหิ ลดุ จาก อาสวะนน้ั ตลอดถงึ อวชิ ชา เมอื่ ไดบ รรลโุ พธญิ าณเปน พระอรหตั ต ตดั กเิ ลสเปน สมจุ เฉทปหานดงั นแ้ี ลว พระองคก ร็ ตู ลอดเหน็ ตลอด วาสุขจริงสบายจริง พอเปนพระอรหันตตัดกิเลส เปนสมุจเฉท- ปหานแลว สุขจรงิ สบายจริง นเ่ี ปน ปฏ ฐานที่ ๑ ของสัตตมหาปฏ ฐาน ๗ แหง ในสถานท่ีใกลเคียงกันเหลาน้ัน ไดทรงเสวยวิมุตติสุข 132 132
แหงละ ๗ วัน รวม ๔๙ วัน คือไดตรวจตราเสียหมดทีเดียว ที่ไดเปน พระพทุ ธเจาไดดว ยธรรมอะไร พระองคท รงตรวจตลอด ทรงตรวจตลอดแลว อยทู อ่ี ชปาลนโิ ครธ (ตน ไทร) นนั้ จะไปโปรดสตั ว นึกถึงอาฬารดาบส อุทกดาบส ทราบวาทิวงคตเสียแลว ทรงเปลงวาจาวา \"ฉิบหายใหญ\" ทานดาบสทั้งสองน้ี มีอีก กายเดียวเทานั้นก็จะบรรลุถึงกายธรรมอยางตถาคตอยางน้ี นี่เธอทิวงคตเสียแลว จะไปเสวยความสุข อยูในเนวสัญญานา สญั ญายตนะ น้ันเปน แปดหม่นื ส่ีพนั มหากัปป นเี่ กดิ ฉบิ หายใหญ อยางน้ี ทําไมจะแกตัวไดเลาเปนสุขอยูอยางนั้น พระพุทธเจา มาตรัสในโลก นับไมไหวก็ไมมาพบพระพุทธเจารับความสุข อยูอยางนั้น ไมเอาใจใสในเร่ืองเหลานี้ เพลินสุขเสีย มัวนอน- หลับเสีย เม่ือเปนเชนน้ัน พระองคก็สอดสองพระญาณตอไป จะไปโปรดใครอีกตอไปพระปญจวัคคียท้ัง ๕ ตามเรามานาน เขาตามเรามานานเราจะตอ งไปสงเคราะหเ ขาใหเ ขารเู หน็ เหมอื น อยา งเราบา ง เราจะเดนิ ไปหรอื จะเหาะไป หรอื ดาํ เนนิ ไป ประเพณี ของพระพุทธเจาในปางกอน ไปอยางไร ไปโปรดสัตว เม่ือได ตรัสรูแลว น่ีไปโปรดคร้ังแรกก็เห็นวาทุกๆ พระองคมาในอดีต ลวงแลวเทาไร ปจ จบุ นั นี้ก็ดี อนาคตกด็ ี เปนประโยชนทางไหน ทานก็ไปทางน้ัน ถาจะเปนประโยชนแกทานดวย เหาะเหิน เดนิ อากาศไปโปรดถาจะดาํ ดิน ไปโปรดทา นกท็ รงดาํ ดนิ ไปโปรด ถา จะดาํ เนนิ ไปดว ยยา งพระบาทไปโปรด ทา นกท็ รงดาํ เนนิ ไปดว ย 133 133
ยา งพระบาท บัดนเี้ ปนโอกาสท่ีจะไปอยางไร ออ! เปนประโยชน ที่จะดําเนินไปดวยยางพระบาท จะไปพบอาชีวกปจฉิมสาวก ของเรา จะไดสําเร็จมรรคผลตอน เมื่อเราจะเสด็จดับขันธ ปรนิ พิ พานโนน เหน็ ชดั ๆ กท็ รงดาํ เนนิ ไปเปน ลาํ ดบั ไปถงึ ทา มกลาง มรรคาไปพบอาชีวกเขาจริงๆ อาชีวกเม่ือเห็นพระศาสดา ก็แปลกประหลาดใจรศั มีพงุ พลานไปท่ัวทง้ั เน้ือตัว ฉพั พรรณรงั สี สวางไสวนา เล่อื มใสนาไหวน า บูชานักเขาไปใกลๆ ถามวา โภ ปรุ สิ ดกู อนบุรุษผเู จริญ ทา นเปน ใคร ใครเปน ศาสดาของทา น ส่งั สอน ทานใหไดเปน พระพทุ ธเจา ดงั นี้ พระองคทรงรับสั่งวา ใครจะเปน ศาสดาเราไมมี เราเปนสยัมภผู รู ูเ อง อาชีวกส่นั ศรีษะกรอกหนา ไมเชื่อหลีกไป ถึงอยางน้ันก็ข้ึนในใจเสมอวา ไปพบมนุษย อัศจรรยนักแตวาไมรูจักวาเปนพระพุทธเจา ตอจากนั้นพระองค กท็ รงเสดจ็ ไปเปน ลาํ ดบั ไปถงึ อสิ ปิ ตนมฤคทายวนั พระปญ จวคั คยี เห็นพระศาสดาแตไกลวา ก็ตกลงกันวาเราจะไมไหวไมบูชา ไมเ คารพละ เธอคลายความเพยี รเวยี นมาเปนคนเลวแลวจะดไี มไ ด จะรูความจริงไมได ครั้นพอพระองคเสด็จเขาไปใกล มีความ เกรงพระทัย ตางคนตางขลุกขลักชวยกันต้ังโนนต้ังน่ีเขา บางก็ ตกั นาํ้ บา งกห็ าภาชนะ บา งกว็ างผา เชด็ เทา ไวบ า ง ปอู าสนะใหบ า ง วางอาสนะไวห นา ทนี่ งั่ บา ง สดุ แตก ารตอ นรบั จะพงึ ทาํ ได ทพี่ ระองค ทรงโปรดพระปญ จวคั คยี ในครง้ั นน้ั ดว ยพระธรรมจกั กปั ปวตั ตนสตู ร คอื ทรงแสดงธรรมจกั กปั ปวตั ตนสตู ร โปรดทา นปญ จวคั คยี ท งั้ หา นน้ั 134 134
พระปญ จวคั คยี ท ง้ั หา ไดฟ ง พระธรรมเทศนานตี้ อนหนงึ่ เปน ตอนตน สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท ความบังเกิดข้ึนของพระพุทธเจาไดรับ ความสขุ จรงิ ๆ เสวยความสุขอยูสี่สิบเกาวัน ในท่ีมหาปฏ ฐานนนั้ สุขเสยี จรงิ ๆ คราวจะโปรดสัตว สุขา สทฺธมมฺ เทสนาโปรดสัตวให ไดร บั ความสขุ ตอ ไป แสดงธรรมใหพระปญจวคั คียฟ งวา เทฺว เม ภกิ ขฺ เว อนตฺ า ปพพฺ ชิเตน น เสวติ พพฺ า วา ดูกร ฤษปี ญจวคั คยี ท้ังหา ที่สุดทั้งสองอันบรรพชิตไมควรเสพ กามสุขลฺลิกานุโยค ยินดีอยูก บั กาม รปู เสียง กลน่ิ รส สัมผสั นีเ่ ปนท่สี ุดอันหนง่ึ อตฺตกิลมถานุโยค ยินดีในการปฏิบัติทรมานรางกาย ผิดธรรม ผดิ วนิ ยั ไมไ ดบ รรลมุ รรคผล เปน ทางไปของปถุ ชุ น อนั มกี เิ ลสหนา ไมใชทางไปของพระอริยบุคคลผูมีกิเลสบาง เพราะฉะนั้นทาง ท้ังสองนั้นบรรพชิตไมควรเสพ ขอปฏิบัติเปนกลางไมเขาไปใกล ทางน้ัน ขอปฏิบัติเปนกลางเปนไฉน คือปญญาอันเห็นชอบ ดําริชอบ กลา ววาจาชอบ เพยี รชอบ ประพฤติชอบ การงานชอบ เลยี้ งชพี ชอบ ตงั้ ใจไวช อบประกอบดว ยองคแ ปดประการ ยอ ลงไป เปน ศีล สมาธิ ปญ ญา น่ีแหละบรรพชิตควรเสพ เราไดดาํ เนนิ มาแลว ศีล สมาธิ ปญ ญา ซ่ึงปรากฏอยูกลางดวงธรรมท่ที ําให เปน กายมนษุ ยใสบรสิ ทุ ธ์ิ ขนาดดวงจนั ทร ดวงอาทิตย บริสทุ ธิ์ สนิทเปน อันดี พอเขาถึงดวงศีลไดแ ลว กลางดวงศีลมดี วงสมาธิ กลางดวงสมาธิมีดวงปญญา กลางดวงปญญามีดวงวิมุตติ กลางดวงวิมุตติมีดวงวิมุตติญาณทัสสนะ พระองคก็ทรงแสดง 135 135
ตามทพี่ ระองคไดท รงบรรลมุ าแลว ตามความจรงิ ทเี ดยี ว ปญ จวคั คยี กเ็ หน็ ตามดว ย ตามเทศนานน้ั เปน ลาํ ดบั ไปพระองคท รงแสดงเสรจ็ ลงไปแลว ในหนทางเปน กลางและทรงแสดงธรรมทงั้ ส่ี ทกุ ข สมทุ ยั นโิ รธ มรรค อนั ไดแ ก ทกุ ข เหตเุ กดิ ทกุ ข ความดบั ทกุ ข ขอ ปฏบิ ตั ิ ถึงความดับทุกขแสดงโดยสัจจญาณ กิจจญาณ กตญาณ สจั จญาณ ทกุ ขเ ปน ของจรงิ ควรกาํ หนดรู ไดก าํ หนดรแู ลว สมทุ ยั เปนเหตุใหเกิดทุกขจริง ควรละ ไดละแลว นิโรธเปนของจริง ควรทําใหแจง ไดทําใหแจงแลว มรรคเขาถึงความดับทุกข เปนของจริงควรเจริญ เปนของจริง ไดเจริญแลว ไดเจริญแลว เมื่อจบพระธรรมเทศนาลงในคร้ังน้ัน พระอัญญาโกณฑัญญะ ไดประกาศในท่ีตอหนานั้นวา ยงฺกิฺจิ สมุทยฺธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ สิ่งใดส่ิงหนึ่งซึ่งมีความเกิดขึ้น ส่ิงท้ังปวงนั้นก็มี ความดับไปเห็นเกิดกับดับหมดทั้งสกลโลกตัวเองก็มีเกิดดับๆ เม่ือเห็นความจริง เกิดดับดังน้ีแลว เห็นหมดท้ังสกลรางกาย กายมนุษยก็เกิดดับ กายมนุษยละเอียดก็เกิดดับ กายทิพย กายทิพยล ะเอียด กเ็ กิดดบั กายรูปพรหม กายรปู พรหมละเอียด ก็เกดิ ดบั กายอรปู พรหม กายอรูปพรหมละเอียดกเ็ กิดดบั เห็น ปรากฏชัดก็บรรลุธรรมกายเหมือนกัน บรรลุเขาถึงธรรมกาย เปนโคตรภูยังไมถึงพระโสดา โคตรภูบุคคลมีตาเห็นเหมือน พระองคแ ลว คราวนี้ใน ปพุ ฺเพนิวาสานสุ สฺ ติาณ เหน็ เหมือนกัน แลวพระองคก็ไดทรงแสดงเปนลําดับไปใหพระปญจวัคคีย อัญญาโกณฑัญญะไดเห็นเปนลําดับขึ้นไป ไดบรรลุโสดาท้ัง 136 136
กายหยาบกายละเอียด ทั้งมรรคท้ังผล สกิทาคาท้ังมรรคทั้งผล จนกระทง่ั บรรลถุ งึ อรหตั ตผ ลไดม รรคผล รจู กั พระพทุ ธเจา ทเี ดยี ว พระอัญญาโกณฑัญญะไดรับความสุขเปนลนพน ต้ังแตได เขาถึงธรรมกาย ก็ไดรับความสุขเปนลนพนเปนลําดับขึ้นไป พอหมดกิเลสเปนสมุจเฉทปหานแลวก็เหมือนพระศาสดาจารย เปน พระอรหัตตสมั มาสมั พทุ ธเจา พระพทุ ธเจา ทานเปนพระอรหัตต มากอนทานเปนกอนน่ันแหละเรียกวาพระพุทธเจา พระอรหัตต ทีหลังก็เปนพระพุทธเจาเหมือนกัน เรียกวาสาวกพระพุทธเจา ทานผูรูเองเห็นเองเปนสัพพัญูพุทธ น่ีถูกทานผูรูเองเห็นเอง สั่งสอนเขาเรียกวาสาวกพุทธ เปนแบบเดียวกัน ธรรมกาย แบบเดยี วกนั ไมค ลาดเคลอื่ นกนั เลยทเี ดยี วพระอญั ญาโกณฑญั ญะ ไดบรรลุแลวก็ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิไดบรรลุตาม เปน ลาํ ดบั ไป ทง้ั หา ไดอ รหตั ตต ดั กเิ ลสเปน สมจุ เฉทปหานเปน สาวก พระพุทธเจาไลๆ กัน ที่ทานไดบรรลุแคนี้ จะเปนสุขแคไหน สุขา สทฺธมฺมเทสนา ธรรมเทศนาของพระองคทําใหสัตวโลก เปนสุข อยางน้ีเปนสุขเหมือนพระองคไดอยางน้ี เพราะไดฟง พระธรรมเทศนาของพระองค เมือ่ ทรงแสดงเชน นนั้ แลว พอโปรด พระอญั ญาโกณฑญั ญะแลว โปรดปญ จวคั คยี แ ลว ก็โปรดพระยสะ หาสิบหา ภัททิยะราชกุมาร ๓๐ ชฎิลสามพนี่ องมบี รวิ าร ๑,๐๐๐ ทรงแสดงเทศนาปาฏหิ ารยิ ต้งั ๒,๐๐๐ กวา อยา ง ชฎลิ ยอมจาํ นน ยอมเปน ศษิ ยพระบรมศาสดา ใหลอยบรขิ ารลงแมน ้ํา แลวบวช 137 137
เสียในธรรมวินัยของพระศาสดา แลวพาไปเมืองราชคฤห พรอ มกนั ๑,๐๐๓ รูป ไปเมืองราชคฤห พระเจาพิมพิสารเหน็ เขา ราชบรพิ ารของพระเจา พมิ พสิ ารเหน็ เขา ตะลงึ พรงึ เพรดิ ตกอกตกใจ โอนพ่ี ระสมณโคดมจะเปน ศษิ ยข องอรุ ุเวลกสั สปะหรือ อุรุเวลกัสสปะ จะเปนศิษยของสมณโคดม ใครจะเปนศิษยของใครหนอน่ีหนอ ท่ึงในใจไมตกลงใจ พระองคทรงทราบอัธยาศัยของราชบริพาร ท้ังหลายเหลาน้ัน พระเจาพิมพิสารยังสงสัยเหมือนกัน กอนท่ีจะเทศนาโปรดพระเจาพิมพิสาร ใหปุราณชฎิลภิกษุน้ัน กราบพระบรมพระศาสดา ประกาศตนวาเปนพระศาสดาของเรา เราเปนสาวกของสมณโคดม พระสมณโคดมเปนศาสดาของเรา ประกาศ ๓ ครง้ั แลว เหาะไปในอากาศขนาดเจด็ ชวั่ ลาํ ตาลแลวก็ ลงมากราบพระศาสดาอกี ๓ ครง้ั ประกาศอกี วา เราเปน สาวกของ สมณโคดม พระสมณโคดมเปนศาสดาของเรา ๓ คร้งั แลวเหาะ ขึ้นไปในอากาศเจ็ดชั่วลําตาลอีกแลวลงมากราบพระศาสดาอีก ๒ คร้ัง พอครบ ๓ ครั้ง ราชบรพิ าร ๑๒ นหุต มีพระเจาพิมพิสาร เปน ประธานกราบพระศาสดาจารยดุจเดียวกนั ยอมหมดเหมือน ราชคฤหดวยธรรมเทศนาของพระองค สงเคราะหชฎิลแลว ทรงสงเคราะหร าชบรพิ ารของพระเจา พมิ พิสาร ตรัสเทศนาจบลง เทาน้ัน ราชบริพารของพระเจาพิมพิสาร ๑๒ นหุต มีพระเจา พิมพิสารเปนประธานไดสําเร็จมรรคผลเหลือนหุตเดียวต้ังอยูใน ไตรสรณคมนนอกน้ันไดสาํ เร็จมรรคผล ทต่ี ้งั อยูในไตรสรณคมน 138 138
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183