ก็มธี รรมกาย พทุ ธรตั นะ ธรรมรตั นะ สงั ฆรตั นะ ยังเปน โคตรภู ยงั ไมเ ปน พระโสดา ทง้ั ประเทศเปน สขุ หมด นกี่ ด็ ว ยพระธรรมเทศนา ของพระศาสดาใหเกิดสุขจริง อยางนี้เปนสุขจริงๆ อยางนี้ เม่ือเปนสุขจริงๆ อยางนี้แลวไมใชแตเทาน้ัน ทรงตรัสเทศนา เปนลําดับไปจนถึงพระเจาสิริสุทโธทนะใหอํามาตยไปเชื้อเชิญ พระศาสดามาเมอื งกบลิ พสั ดตุ ามเดมิ ใหม าในชาตภิ มู ขิ องพระองค สง อํามาตยไปเปน ช้ันๆ กวาจะไดสส่ี บิ กวา ช้ัน ชนั้ ละพนั ๆ สง ไป ถงึ พระศาสดา พากนั บวชเสยี หมดไมก ลบั มาเลย แกไ ขจนกระทง่ั อํามาตยท่ีฉลาดๆ ท่ีจะพาพระศาสดากลับมาได จึงไดอํามาตย ทฉ่ี ลาดและกอ็ าราธนาพระศาสดาเสดจ็ มาเมอื งกบลิ พสั ดุไดส าํ เรจ็ เมื่อมาเมืองกบิลพัสดุแลวพระญาติทั้งหลาย มีทิฐิในพระองค วาพระองคเปนเด็กยังหนุมอยู เปนเด็กคราวลูกคราวหลาน จะนมสั การนนั้ ไมส มควร มานง่ั นง่ิ เฉยอยกู ม็ ี มาทาํ กริ ยิ ามารยาท ตางๆ กันใหลูกหลานข้ึนหนาบาง ตัวอยูหลังไมกลานมัสการ เพราะถือทิฐิมานะมาก กษัตริยในยุคโนน พระองคทรงเห็นวา เปนพระญาติกัน ยังไมเคารพเราในตถาคต ควรกระทําเชนไร ทรงเหาะไปในอากาศเดินจงกรมแลวทรงเทศนา ทรงกระทํา ยมกปฏหิ ารยิ ทรมานพระญาตทิ งั้ หลายเหลา นน้ั พระญาตทิ งั้ หลาย น้นั เห็นวา พระศาสดาเปน มหัศจรรยเชน นัน้ พระเจาสิริสทุ โธทนะ ยกพระหัตถขึน้ นมัสการ พระญาตทิ ้ังหลายก็พรอมกนั นมสั การ พระองค พระองคก็เสด็จกลับลงมา ฝนโบกขรพัสตตกเปน 139 139
มหัศจรรยเปนนํ้าสีแดง แตวาไมเปยกใครเลย เหมือนอยูในรม เวนเสียแตใครจะตองการใหเปยกก็เปยกชุมโชกไปหมดตาม ชอบใจ ตกแลว ไมเ ปอ นบนพนื้ แผน ดนิ ซมึ ลงไปใตพ นื้ แผน ดนิ กอ น ไมปรากฏเปนมหัศจรรยเขาเรียกวาฝนโบกขรพัสต บังเกิดข้ึน ในครั้งน้ัน ก็ดวยพุทธานุภาพของพระองค พระองคทรงตรัส เทศนาโปรดสตั วอ ยสู สี่ บิ หา พรรษา สตั วผ ใู ดไดร บั พระธรรมเทศนา ของพระศาสดาแลวเปนมหัศจรรยความรมเย็นเปนสุขเหลือที่จะ พรรณา ในระหวางที่พระองคทรงตรัสเทศนาอยูมีลูกสาวเศรษฐี คนหนงึ่ บดิ ามารดาเอาไปรกั ษาอยบู นปราสาทเจด็ ชน้ั มสี มบตั มิ าก แตว า เปลยี่ วใจเตม็ ท่ี แกทนไมไ หว แกมองจากหนา ตา งของปราสาท เหน็ นายพรานเขา แกตามนายพรานไพรในปา ก็ไปอยกู ับคนปา พอมีบตุ รขนึ้ มา กค็ ิดถงึ ความทคี่ ลอดจากมารดาออกมารอดมาได เกดิ ประสงคจ ะไปบา นมารดา ใหม ารดาอปุ ถมั ภค า้ํ ชู มาไดค รง่ึ ทาง อาวลกู ไดค ลอดเสยี แลว สามภี รรยาก็พากนั กลบั ไป น่ีคนทีห่ นึง่ คนท่ีสองก็เปนเชนนั้นอีกไปไมถึงคร่ึงทาง ก็คลอดเสียอีก คลอดคราวน้ีเปนอัศจรรยนักกําลังลูกจะคลอด ฝนพายุก็เกิด ยกใหญเปนมหัศจรรยนักมหาเมฆต้ังข้ึนยังฝนใหตกใหญทีเดียว ฝนก็ตกใหญล กู มันกจ็ ะคลอด สามีก็ไปหาใบไมม า เพ่ือจะแกไข ปอ งกนั ภรรยาใหไ ดร บั ความสขุ ไมใหเ ปย กฝน ไปทข่ี า งจอมปลวก งเู หา กดั ตายเสยี อกี แลว ไอน กี่ ล็ กู เลก็ คนหนง่ึ จงู ไวล กู คลอดใหมๆ นั่นก็อีกคนหนึ่ง ทาํ ไงกันละฝนกต็ กจ๊กั ๆ ลงมาใหส นุกสนานนกั 140 140
คราวน้ีพอคลอดเรียบรอยแลวฝนเงียบเรียบรอยแลว ไปดูสามี ตายเสียแลวจะทําอยางไร เอาใบไมมาสะๆ ไวตามเร่ืองมัน นนั่ ก็ลูกออ นออกใหมๆ ไปถึงแมนํ้าเขาทาํ อยา งไรละ แมกอ็ ุม ลกู จงู ลกู ขลกุ ขลกั ไปอยา งนน้ั แลว จะขา มแมน า้ํ ไดอ ยา ง ไมม เี รอื ขา ม จะวายขามไปเอาลูกคนเลก็ ไปไวฝ ง โนนกอ น สวนลูกคนโตเอาไว ฝง นี้ ลูกคนเล็กตวั แดงๆ ออกใหมๆ นกเหย่ียวบนิ มาเห็น นกึ วา ช้ินเนื้อมันก็จะจิกกิน มันก็จะโฉบลูกคนเล็กเอาไป แมอยูกลาง แมนํ้ายกมือขึ้นตบเพื่อจะใหนกตกใจ แตลูกคนโตขางน้ีนึกวา แมเรียก เด็กก็เดินลงไปในนํ้า ถูกกระแสน้ําพัดเอาลูกคนโต ตายเสียแลว ลูกขางโนนก็เหยี่ยวโฉบเอาไปเหลือแตตัวคนเดียว ก็เดินทางตอไปอีก จนถึงตําบลท่ีตัวอยูครั้งกอนน้ัน ไดทราบวา บิดามารดาตายเสียแลว เอาละคราวนี้มันทุกขเหลือทนผานุง ก็ไมมีถึงกับเปนบาผานุงไมมีติดกายเดินลอนจอนอยูครั้งน้ัน พระศาสดากาํ ลงั เทศนาอยู นางไดเ ดนิ ทะเลอ ทะลา เปลอื ยกายเขา ไป ไมมีใครจะวากระไรเฉยกันอยูนางก็เขาไป ในพุทธบริษัทน้ัน คร้ันไดฟงพระธรรมเทศนาก็น่ังลงพอฟงไปก็ไดบรรลุมรรคผล มคี วามละอายบุรษุ ทอ่ี ยูใกลเขาสงสารเอาผาขาวมา สง ให นางกน็ ุง ไดม รรคผลในขณะนน้ั เทศนาของพระพทุ ธศาสดาเปน มหศั จรรย อยางนี้ สัตวนั้นไดรับความทุกขเหลือทนหมดจากความทุกข เปนสุขทีเดียว ไดช่ือวาสุขา ธมฺมเทสนา ธรรมเทศนา เปนสุข จริงๆ อยางน้ี เหมือนพวกเรานี้ ภิกษุ สามเณร อุบาสก อบุ าสิกา 141 141
เมื่อไดฟงธรรมเทศนาแลวใหเขาเนื้อเขาใจเสียจะไดมีความสุข นี่ สขุ า ธมฺมเทสนา แสดงพระธรรมเปนสุขอยา งน้ี สขุ า สงฺฆสฺส สามคฺคี ความพรอมเพรียงของหมูเปนสุข ความพรอมเพรียง ของหมเู ปน สขุ เปน ไฉน? หมขู องพระพทุ ธเจา มเี ทา ใดไดม รรคผล มเี ทา ใด เปน พวกเดยี วหมเู ดยี วนา้ํ หนง่ึ ใจเดยี ว พดู เปน คนเดยี วกนั ไมข ดั แยง กนั เลยคนหนงึ่ พดู คนหนงึ่ กฟ็ ง จะถกู จะผดิ อยา งไรกช็ า ง ไมม กี ารขดั กนั พรอ มเพรยี งกนั มา พรอ มเพรยี งกนั ไป พรอ มเพรยี ง กนั นง่ั ลกุ ละมา ยคลา ยกนั พรอ มเพรยี งกนั อยา งนเ้ี ปน สขุ ลน เหลอื ทเี ดยี ว ในหมพู ระสงฆอ ยา งนน้ั อยสู กั กรี่ อ ยกพ่ี นั กห่ี มนื่ กแี่ สนกช็ า ง ไมไดกระทบกระเทือนกันเลยเปนสุขแทๆ น่ีทานไดมรรคผล แลวเปนสุขอยางน้ีความพรอมเพรียงของหมูเปนสุข ไมใชแต พระอริยบุคคลหมูของปุถุชนน่ันแหละถาพรอมเพรียงกันเขา เวลาใดจะเปนปุถุชนก็เปนสุข จะเปนโคตรภูบุคคลก็เปนสุขจะ เปนโสดาบันก็เปนสุข สกิทาคา อนาคาก็เปนสุขทั้งน้ันขอให พรอมเพรียงกันเทานั้นความพรอมเพรียงของหมูเปนสุข ไมเปนทุกขนี้เปนตัวสําคัญบานๆ หนึ่งถาพรอมเพรียงกันทั้งบาน แลวเปนสุข วัดหน่ึงๆ ถาพรอมเพรียงกันท้ังหมูละก็เปนสุข แตวาความไมพรอมเพรียงกันนั้นละเปนขอสําคัญนัก ทําอะไร ไมวาตามกันทําอะไรขัดกันแยงกันเสีย ถาวาตามกันแลวมันก็ เปนสุขจริงๆ สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี ความพรอมเพรียงเปนสุข ความไมพรอมเพรียงไมเปนสุขเปนทุกข สมคฺคานํ ตโป สุโข 142 142
ความสุขเปนตัปปธรรมของความพรอมเพรียงกัน เวลาใด ความพรอมเพรียงเปนเหตุ ใหเกิดสุขสําคัญเปนเคร่ืองแผดเผา กําจัดซ่ึงความไมพรอมเพรียงไดโดยฉับพลัน เมื่อเปนเชนน้ัน กเ็ ปนสุขเปนยอดสขุ ทเี ดียว อยูทค่ี วามพรอมเพรยี ง ภิกษหุ มูใด มคี วามพรอ มเพรียงกัน ภิกษหุ มูนนั้ ก็เปน สขุ สามเณรหมูใดก็มี ความพรอมเพรียงกัน สามเณรหมูน้ันก็เปนสุข อุบาสกหมูใด มีความพรอมเพรียงกัน อุบาสกหมูนั้นก็เปนสุข อุบาสิกาหมูใด มีความพรอมเพรยี งกัน อบุ าสิกาหมนู ัน้ กเ็ ปน สขุ หากขัดแยงกัน อยูแลว ไมเปนสขุ อยา วา แตมนษุ ยเ ลย นกกเ็ ปน ทกุ ขเ ปน สขุ ไมไ ด กลาวถึงนกชั้นเดิมมีความพรอมเพรียงกัน นายพรานตลบขาย ดวยประการใด ครอบดวยตาขายดวยประการใด ตลบติดได ดว ยประการใด กบ็ นิ ผลบึ เดยี วเทา นน้ั แหละ เอาตาขา ยเสยี ทง้ั ผนื ไปที่กอไผเพราะความพรอ มเพรยี งกันเทานน้ั หัวหนา นกบอกวา อยาเพิ่งออกกําลังเอาหัวลอดตาขายใหพรอมกัน เราบอกวา ออกกําลังใหพรอมกันพอหัวจุกชองตาขายใหพรอมกันแลว ก็ผลึบเดียวเทานั้นแหละ เชือกที่ผูกหลักไวก็จะลอยติดไปใน อากาศหมด เอาขา ยไปทงั้ หมดดว ยกนั สบิ เอด็ ครง้ั นายพรานตลบ น้ันนําเงินไปซ้ือดายมาอีกเย็บตลบใหไดเมียดาหลายครั้งวา แกอยาบาหลังไปเลยไมไดกินมันหรอก นกมันฉลาดอยางนี้ แกจะเอาเงนิ ไปใหพ อ คา ดา ยเปลา ๆ ไปทาํ มาหากนิ อยา งอนื่ ดกี วา แกอยา ไปเพียรมนั เลยเรือ่ งตลบขา ย สามนี ้นั ก็ไมย อม เอาเถอะ 143 143
มันมีฤทธ์ิเดชเทาไร ก็ลองดูทีเถอะ เราจะเอามันมาทําแกงกิน ใหไ ด นายพรานกท็ าํ ตาขา ยตลบอกี ครงั้ ทส่ี บิ สองสาํ เรจ็ เพราะนก แตกฝงู กนั ไมพ รอ มเพรยี งกนั ในวนั หนงึ่ นกตวั หนง่ึ บนิ ลงมากอ น นกตัวหนึ่งบินลงทีหลังเหยียบเอาคอนกตัวแรกเขา มันบอกวา ไมคิดถึงบุญคุณมันบางเลย ไดพนตลบมาหลายคร้ังแลวดวย กําลงั ของมันหากวา พลาดไปก็วา เอาเถดิ ไมไ ดแ กลง เลย นกตวั นนั้ กข็ นึ้ มายวั่ เยา อยู มนั กว็ า เอาบา ง ไมใชแ ตเ จา จะออกแรงแตค นเดยี ว เราก็ออกเหมือนกัน นกก็เลยแตกเปนสองพวกขึ้น พวกหน่ึง ก็วาอีกพวกหน่ึง นายฝูงที่เคยประกาศอยูก็รูสึกวานกพวกน้ีอยู รว มกนั ไมไ ด เราตอ งแยกกนั เถอะนายฝงู มนี กเทา ไรกแ็ ยกไปหมด พวกท่ีไมไปกับนายฝูงมีเทาไหรก็อยูอีกฝูงหนึ่ง นกฝูงเกาก็มา อยางเกานกท่ีแยกไปก็ไปยังท่ีอื่น แตวาแตกฝูงกันอยูนั่นแหละ คราวนถ้ี งึ กาํ หนดตดิ ตลบขา ยของนายพรานอกี แลว นกนนั้ แยง กนั ยงั ไงละ ทา นมแี รงกอ็ อกแรงนาํ เอาซิ เอาตาขา ยไปครอบกอไผพ น จากทกุ ขด ว ยกนั นน่ั ไงละ ตา งตวั ตา งสอดหวั เขา ทต่ี าขา ยยอ กแยก ทีละตัวสองตัว มันไหวอะไรได นกทั้งฝูงไปไมได หมดทั้งฝูง เปนเหยื่อของนายพราน น่ีความไมพรอมเพรียงเปนอยางนี้ ตายเปนเหย่ือนายพรานถาวาไมพรอมกันจริงๆ ละก็เปนเหยื่อ พญามัจจุราช บัดน้ีเขาประกาศกันในธรรมกาย วัดปากน้ําใหมี ธรรมกายแลวกพ็ นทุกขกนั ตองทําธรรมกายใหเปนมนั จงึ จะเปน หมเู ดยี วกนั พวกเดียวกนั เปน นํา้ หนึง่ ใจเดียวกนั ถา ทําธรรมกาย 144 144
ไมเ ปน กเ็ ปน แยง เขาน่ี เขาบอกทาํ อยา งน้ีไมท าํ เสยี อกี แลว ไปทาํ อนื่ เสยี ไปไถลทางอื่นเสียไมทาํ ธรรมกายใหเ ปน ขึ้น ไมเ อาใจใส จดอยทู ท่ี าํ ธรรมกาย เอาใจไปคดิ เรอ่ื งอนื่ เสยี ธรรมกายมนั ก็ไมเ ปน เมื่อธรรมกายไมเปนมันก็ออกแยกเหมือนนกกระจาบแตกฝูง น่ันแหละ ไมมีความพรอมเพรียงกัน ใหเขาใจอยางนี้นะ ภิกษุ สามเณร อบุ าสก อบุ าสกิ า ทาํ ธรรมกายใหเปน ถา ทาํ ธรรมกาย เปนละกันน่ันแหละ สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี ความพรอมเพรียง แหง หมเู ปน สขุ ทาํ ธรรมกายเกิดขนึ้ เทานนั้ เรยี กวา สโุ ข พทุ ฺธา นมปุ ปฺ าโท พระพุทธเจาเกดิ ขึน้ ในตวั ของเราแลว เราจะมีนบิ าต บอกความตกใจวา อโห พุทฺโธ ออนี่พระพุทธเจา อโห ธมฺโม ออนี่พระธรรม อโห สงฺโฆ ออน่ีพระสงฆก็จะเกิดความตกใจ ตื่นตัวของตัว เชนนี้พระพุทธเจาเกิดขึ้นในตัวของเราเอง สุโข พทุ ธฺ านมปุ ปฺ าโท พระพทุ ธเจา เกดิ ขนึ้ ในตวั ของตวั ซิ พระพทุ ธเจา โคตรภูท้ังหยาบทั้งละเอียด พระพุทธเจาท่ีเปนโสดาท้ังหยาบ ทงั้ ละเอยี ด สกทิ าคาทงั้ หยาบทง้ั ละเอยี ด อนาคาทงั้ หยาบทงั้ ละเอยี ด อรหัตตท้ังหยาบท้ังละเอียดแบบแผนที่วัดปากน้ําเขาทํากันเปน ต้ังรอยกวาคน เรายังไมเปนก็รีบทําใหเปนข้ึน ถาไมเปนละก็ เหมือนนกกระจาบแตกฝูง ทําลายตัวเองใหไดรับความทุกขละ ไมไ ดร บั ความสขุ ถา เหน็ ธรรมกายเสยี แลว เขา ถงึ ธรรมกายแลว ก็ เปน สขุ เทา นน้ั เมอ่ื เปน สขุ แลว สขุ า สทธฺ มมฺ เทสนา สงิ่ ใดเปน ทกุ ข ผิดธรรมผิดวินัยก็สอนตัวเองเทศนาตัวเอง สอนตัวเองไปแกไข 145 145
ตัวเอง ตัวของตัวดวยธรรมกายของตัวที่มีแลว มีพระพุทธเจา ในตวั แลว สขุ า สงฆฺ สสฺ สามคคฺ ี ความพรอ มเพรยี งกนั ของตวั เอง เห็น จํา คิด รู อยาเถียงตวั เองอยาลงโทษตวั เอง ใหถ ูกตอ งรอ งรอย ตามธรรม ธรรมไมใสไมส ะอาดแลว กอ็ ยา ไปทางนน้ั ทาํ ใหถ กู ตอ ง รองรอยใหใสใหสะอาดไมใหคลาดเคล่ือนของตัวใหพรอมเพรียง กันแนนอนในใจของตัวอยางนั้นท้ังกาย ทําใจท้ังวาจาไมให คลาดเคลอ่ื น ทกุ ๆ กายใหพ รอ มกนั สขุ า สงฆฺ สสฺ สามคคฺ ี สมคคฺ านํ ตโป สโุ ข ความสุขจะเกดิ ขน้ึ ดวยความเพยี ร เปนเคร่อื งแผดเผา ของผพู รอมเพรียงกนั กาํ จัดเสยี ซงึ่ ความไมพรอมเพรยี งกนั ก็จะ มคี วามพรอ มเพรียงกันอยู สขุ กจ็ ะสมมาตรปรารถนา ที่ไดช แ้ี จง แสดงมาในพระธรรมเทศนาท่ีพระองคไดทรงประทานไวทั่วสกล พุทธศาสนา แกพ ุทธบริษทั ทัง้ สี่ ภกิ ษุ ภิกษุณี อุบาสก อบุ าสิกา ในพระบวรพทุ ธศาสนา ทา นทง้ั หลายจงนมสั การในใจทกุ ถว นหนา ท่ีไดช้ีแจงแสดงมานี้ตามวาระพระบาลีคลี่ความเปนสยามภาษา ตามมตั ตยาธบิ ายพอสมควรแกเ วลา เอเตน สจจฺ วชเฺ ชน ดว ยอาํ นาจ ความสจั จที่ไดอ างธรรมปฏิบัตติ งั้ แตตน จนอวสานน้ี สทา โสตถี ภวนฺตุ เต ขอความสุขสวัสดีจงบังเกิดมีแตทานท้ังหลายบรรดา มาสโมสรในสถานท่ีนี้ทุกถวนหนา อาตมภาพช้ีแจงแสดงมา พอสมควรแกเวลาสมมติยุติธรรมมิกถา โดยอรรถนิยมความ เพยี งเทา น้ี เอวํ ก็มดี วยประการฉะน้ี 146 146
147
148
พระธรรมเทศนำ โดย พระภำวนำโกศลเถระ วัดปำกน้�ำ ภำษเี จรญิ ธนบรุ ี เทศนเรือ่ ง \"ภทเฺ ทกรตตฺ คำถำ\" เมอื่ วนั ที่ ๓ มีนำคม ๒๔๙๗ อตตี ํ นานฺวาคเมยฺย นปฺปฏิกงเฺ ข อนาคตํ ยทตีตมฺปหนี นฺตํ อปปฺ ตตฺ ฺจ อนาคตํ ปจฺจปุ ฺปนนฺ จฺ โย ธมฺมํ ตตฺถ ตตฺถ วปิ สสฺ ติ อสหํ ิรํ อสงกฺ ปุ ปฺ ตํ วิทธฺ า มนพุ ฺรูหเย อชเฺ ชว กิจฺจมาตปฺป โก ชฺ า มรณํ สเุ ว น หิ โน สงคฺ รนเฺ ตน มหาเสเนน มจจฺ ุนา เอวํ วิหารมิ าตาป อโหรตตฺ มตนฺทิตํ ตํ เว ภทฺเทกรตโฺ ตติ สนฺโต อาจิกฺขเต มุนีติฯ 149 149
ณ บัดนี้อาตมภาพ จักไดแสดงธรรมิกถา แกดวย ภทั เทกรัตตคาถา วาจาเครอ่ื งกลาวปรารภถงึ วันเดียวเจริญ หรือ ราตรีเดียวเจริญ จะช้ีแจงแสดงตามวาระพระบาลี คลี่ความ เปนสยามภาษาและตามมัตตยาธิบาย เปนเครื่องปฏิการสนอง ประคองศรทั ธา ประดบั สตปิ ญ ญาคณุ สมบตั ิ ของทา นพทุ ธบรษิ ทั ทั้งคฤหัสถและบรรพชิตบรรดามาสโมสรในสถานท่ีน้ี เปนวาจา เครื่องกลาวราตรีเดียวเจริญ แมมนุษยในสากลโลก หญิงก็ดี ชายก็ดี ไมวาบรรพชิต คฤหัสถเมื่อเดินตามภัทเทกรัตตคาถาน้ี เปนอยูวันเดียวคืนเดียวเจริญเลิศประเสริฐกวามนุษยท่ีเปนอยู ๑๐๐ ป สไู มไ ด เหตนุ ้ีในพระสตู รนเ้ี ปน พระสตู รกลนั่ ออกจากหทยั ของพระบรมศาสดาทเี ดยี ว เปน เปา หมายใจดาํ ของพระพทุ ธศาสนา หญงิ ชายคฤหัสถบ รรพชติ ทกุ ถวนหนา ถา รักตัวสงวนตัวจะใหต ัว ถึงซ่ึงความเจริญแลว จงดําเนินเดินตามภัทเทกรัตตคาถาน้ีเถิด ประเสรฐิ นัก ดงั จะแสดงดังตอ ไปน้ี ตามวาระพระบาลวี า อตตี ํ นานวฺ าคเมยยฺ บุคคลไมค วร คํานึงถึงส่ิงทล่ี วงไปแลว นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ ไมค วรหวังสงิ่ ท่ียงั มาไมถ งึ ยทตตี มปฺ หนี นตฺ ํ สงิ่ ใดทล่ี ว งไปแลว สงิ่ นนั้ ไดล บั ไปเสยี แลว กลบั มาไมไ ด อปปฺ ตตฺ จฺ อนาคตํ สง่ิ ใดที่ไมถ งึ สงิ่ นน้ั กย็ งั มาไมถ งึ ปจจฺ ุปปฺ นฺนฺจ โย ธมมฺ ํ ตตถฺ ตตถฺ วปิ สสฺ ติ บคุ คลใดเห็นแจง ชัด ซงึ่ ธรรม อนั ปรากฏเฉพาะหนา ในทน่ี น้ั ๆ อสหํ ริ ํ อสงกฺ ปุ ปฺ ไมง อ นแงน คลอนแคลน ตํ วทิ ธฺ า มนพุ รฺ หู เย บคุ คลนนั้ เหน็ ชดั ซงึ่ ธรรมนนั้ แลว ควรเจรญิ เนืองๆ อชฺเชว กจิ จฺ มาตปฺป ความเพยี รเครื่องใหก ิเลส เรา รอ นควรทาํ เสยี ในวนั นแี้ หละอยา ใหช า ไป โก ชฺ าฺ มรณํ สเุ ว ใครเลาจะพึงรูความตายจะมีในวันพรุงน้ี น หิ โน สงฺครนฺเตน 150 150
มหาเสเนน มุจฺจนา ความสูรบดวยพระยามัจจุราช ดวยมี เสนาใหญยอมไมมีแกเราทั้งหลายเสียเลย เอวํ วิหาริมาตาป อโหรตฺตมตนฺทติ ํ ตํ เว ภทฺเทกรตฺโตติ สนฺโต อาจิกเฺ ขเต มนุ ตี ิ นักปราชญผูมีใจสงบระงับสรรเสริญซ่ึงบุคคลผูมีคุณธรรม เปนเครื่องอยู มีความเพียรเผากิเลสใหเรารอน ไมเกียจคราน ทงั้ กลางวนั และกลางคนื อยา งนนี้ นั่ แหละ วา ผมู รี าตรเี ดยี วเจรญิ ดว ย ประการดงั นี้ นเ่ี นอื้ ความของพระสตู ร ภทั เทกรตั ตคาถา ขยายความ เปน สยามภาษาแตว ายังปนกับมคธภาษาอยู บัดน้ี จะขยายเนอ้ื ความภาษาไทย ออกจากภาษามคธ เสยี ทเี ดยี ว ใหเ ปน ภาษาไทยลว นทวนอกี บทหนงึ่ วา บคุ คลไมค วร คํานึงถึงสิ่งที่ลวงไปแลว ไมควรหวังสิ่งที่ยังมาไมถึง สิ่งใดท่ี ลวงไปเสียแลว ส่ิงนั้นละไปเสียแลว สิ่งใดท่ียังไมถึง สิ่งน้ัน ก็ยังมาไมถึง บุคคลใดเห็นแจง ชัดซึ่งธรรมอนั ปรากฏเฉพาะหนา ในทนี่ น้ั ๆ อนั ไมง อ นแงน ไมค ลอนแคลน บคุ คลนน้ั มาเหน็ ธรรมนน้ั ชดั แลว ควรเจรญิ ไวเ นอื งๆ ความเพยี รยงั กเิ ลสใหเ รา รอ นควรทาํ เสยี ในวนั นแ้ี ล ใครเลา จะรจู กั ความตายจะมาถงึ ในวนั พรงุ นี้ ความสรู บ ดวยพระยามัจจุราชผูมีเสนาใหญ ยอมไมมีแกเราท้ังหลายเลย นักปราชญผูมีใจสงบสรรเสริญบุคคลผูมีธรรมเปนเครื่องอยู มีความเพียรยังกิเลสใหเรารอน ไมเกียจครานแลวท้ังกลางวัน ทง้ั กลางคืนอยา งนน้ี น่ั แหละผมู รี าตรีเดยี วเจริญ น่เี นือ้ ความเปน ภาษาไทยลวน ไมเก่ยี วดว ยมคธภาษาเลย ตอนี้ จะอรรถาธบิ ายในภาษาไทยลว นนัน้ ตอ ไป บคุ คล ไมค วรหวัง ไมค วรคาํ นงึ ถงึ สิ่งที่ลวงไปแลว แตวา ยังมีคนๆ หน่งึ 151 151
คํานึงถึงสิ่งที่ลวงไปแลว ท่ีชอบใจก็ย้ิมแยมแจมใสอยูคนเดียว นอนอยูในมุงคนเดียวคํานึงถึงส่ิงท่ีลวงไปแลว ถาไมชอบใจก็ นํ้าตาไหลพรากๆ ไป ถาวาส่ิงท่ีกระทบกระเทือนใจก็ฮึดฮัดๆ ไมแตวามันลว งไปเสยี แลว ใหนึกไปเถอะตลอดวันแลว ถาถามวา ไดอ ะไรบา ง ไมไดอะไรเลย เพราะเหตทุ ่ีวา มันลว งไปเสียแลว จะ ไปนึกเอาอะไร นี่มันเสียเวลาอยางนี้ มนุษยหมดทั้งสากลโลก ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ความนึกความคิดมันไถลไป อยางน้ีพระพุทธเจาทานจึงไดแนะนําวา ไมควรคํานึงนึกถึงที่ ลวงไปแลว ถาไปคํานึงนึกถึงสิ่งที่ลวงไปแลวมันเสียประโยชน เปลาอยา งน้ี น่พี วกหนง่ึ อีกพวกหน่ึงหวังส่ิงที่ยังไมมาถึง น่ีมีเกลื่อนกลาดอีก เหมือนกัน การงานไมประกอบเขาใหเต็มหนาที่ มัวแตหวังวา เดอื นนเ้ี ถอะจะตอ งถกู เบอรห นง่ึ หรอื วา เดอื นนไ้ี มถ กู เดอื นหนา เถอะ ถกู เบอรห นง่ึ แน หรอื ไมเ ชน นนั้ เดอื นโนน เถอะจะตอ ง ถกู เบอรห นง่ึ นึกอยูอยางน้ีแหละ งานการไมประกอบ คาขายก็ไมทําให เปนหลักเปนฐานลงไป เรือกสวนไรนาไมทําลงไป ราชการ ไมทําเปนหลักเปนฐานลงไป นึกอยูแตสิ่งท่ียังไมมาถึง นึกวา คงจะไดวันใดวันหน่ึงแนนอนทีเดียว อยางชนิดน้ีเขาเรียกวา ม่ังมีในใจ แลนใบบนบก เอาจริงเอาแทแนนอนไมได มีคนคิด เกลื่อนกลนไมคิดเปนหลักฐาน คนที่หวังอยางน้ีเปนคนที่ ปราศจากปญญา ไมใชป ระกอบปญ ญา ยทตีตมฺปหีนนฺตํ เพราะ สิ่งท่ีลวงไปเสียแลวก็ละไปเสียแลวน่ีละจากตัวไปเสียแลว จะไป เอาอะไรได มนั ลวงไปเสียแลว อปฺปตตฺ ฺจ อนาคตํ สง่ิ ท่ียังไม มาถงึ มนั กย็ งั มาไมถ งึ จะไปนกึ วา มนั จะถงึ อยา งไรกนั ไมไ ดเ รอื่ ง 152 152
ไมไดราวทั้งนั้น จะตองช้ียืนยันอยูวา บุคคลผูเห็นแจงซ่ึงธรรม อันปรากฏเฉพาะหนาในที่นั้นๆ คอื เห็นดังน้ี งานการอันหนึง่ ใด ของเรามีอยู ลดสวนลงมา เมื่องานการในครอบครัวมีอยู ตอง รบี ทําเสยี ใหเ สร็จ อยา ไปรอไวเสียเวลาเปลาๆ เวลาน้ที าํ ใหเสร็จ ใหเ รยี บรอ ยทเี ดยี วจะไดไ ปทาํ กจิ การงานอนื่ ตอ ไป เมอ่ื ทาํ การงาน ในครอบครวั เสรจ็ แลว งานการอะไรมกี ็ไปสวมกบั งานนน้ั อยา ให ขาดมือทําไป เม่ือการงานในบานเรียบรอยทุกสิ่งทุกอยางแลว การงานขา งๆ บา นมหี รอื ไม ไปทาํ เสยี ใหเ รยี บรอ ย การงานขา งบา น เรยี บรอ ยแลว การงานนอกบานมีหรือไมมี ถา การงานนอกบาน มีกร็ ีบไปทาํ เสยี ใหเ รียบรอ ย เมอ่ื ทาํ เรยี บรอ ยทกุ สิ่งทกุ อยา งแลว ถา มกี จิ การงานอน่ื ใดจะไดแ กไ ข ดเู ครอ่ื งอปุ กรณอ น่ื อกี ผา นงุ ผา หม เคร่ืองสําหรับใชสอยตางๆ ไปทําเสียใหเรียบรอย อยาใหโสมม สกปรกอยูอยางน้ี คนอยางชนิดนี้มีงานปจจุบัน ไมใชหวังสิ่งท่ี ลว งไปแลว หรอื สง่ิ ทย่ี งั มาไมถ งึ ทาํ เฉพาะตอ หนา ทเี ดยี ว ถา หากวา เปนเด็ก ทํางานเฉพาะถึงเวลาเลาเรียน ใหหมดหนาที่ของการ เรียนใหจบหลักสูตรแลว จะทําอะไรก็ทําอยาใหขาด อยามัก เที่ยวเตรเสีย ทําใหสุดสามารถของตน จะเปนคนช้ันสูงได เพราะทําจนสุดความสามารถของตนแลว เปนหญิงก็เปนหญิง ชนั้ สงู ได เปน ชายกเ็ ปน ชายชน้ั สงู ได ถา หากวา เปน หญงิ เปน ชาย ไมเอาการเอางาน มัวคํานึงนึกถึงสิ่งท่ีลวงไปแลวหรือหวังสิ่งที่ ยังไมมาถึง พวกเหลาน้ันไมมีการมีงาน เดินเกะกะเท่ียวคุยไป โลเกการงานก็ไมทําจริง อาศัยพอแมอาศัยผูหลักผูใหญไป นั่นจะเปนเด็กท่ีเลว เพราะไมประกอบการงานเปนปจจุบันจริงๆ ปลอ ยการงานใหล าชา เสีย ไมขยนั ขนั แขง็ ไมมปี ญญา ถา มปี ญญา 153 153
แลว ละก็ ประกอบการงานท่เี กิดข้ึนเฉพาะหนา ไมขาดมือ ถาวา การงานไมขาดเชนน้ัน ไดชื่อวาคนหมั่นคนขยัน จะเปนท่ีนิยม ของคนทั่วไป พอแมจะมอบทรัพยสมบัติให เพราะเปนคนเอา ใจใสในพอแม ไมเกียจครานในการงาน นี่ลดชั้นลงมาอธิบาย ใหพอแมบานฟงก็พอไดความ ถาหากวาพอบานสูงไปกวานั้น พอบานครองเรือนตองมีการงานไมขาดสาย การงานขาดมือ เวลาใดเงนิ กข็ าดเมอื่ นนั้ ถา พอ บา นมกี ารงานไมข าดสายบา นนน้ั จะเจริญรุงเรืองสืบตอไป ถาวาพอบานนั้นมีการงานขาดมือ บานน้ันจะทรุดโทรมลงไป น้ีเปนใจความใหญทีเดียวตลอดจน กระท่ังวัด วัดก็เหมือนกัน ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เลา เรียนศกึ ษาจรงิ ๆ คนั ถธุระ วปิ สสนาธรุ ะประกอบแนวทเี ดียว คนั ถธุระก็ทําไปตามหนาท่ี ของคนั ถธุระ ไมร อเวลา ไมขาดมอื ไมข าดปาก ไมข าดใจ วปิ ส สนากด็ จุ เดยี วกนั ไมข าดมอื ไมข าดปาก ไมขาดใจ ทําอยูเสมอรํ่าไป ในคันถธุระและวิปสสนาธุระ หรือ มีศีลบริสุทธิ์ไมขาดตกบกพรอง ศีล ๕ ก็บริสุทธิ์อยูในศีล ๕ ศีล ๘ ก็บริสุทธิ์อยูในศีล ๘ ศีล ๑๐ ก็บริสุทธ์ิอยูในศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็บรสิ ทุ ธ์อิ ยูในศลี ๒๒๗ นก้ี เ็ ปน พระดี เณรดี อบุ าสกดี อบุ าสกิ า ดที เี ดยี ว เพราะประกอบอยูในปจ จบุ นั ธรรม ไมเ ฉอื่ ยชา เทยี่ วคยุ กนั เสยี ฟง ดกู ็ได คาํ่ ลงบอกวา จะจาํ ศลี ภาวนา คยุ กนั เสยี ไมเ อาจริงเอาจงั กันน่ี ทเ่ี ขาทําธรรมปรากฏอยู ตวั ไมท าํ เสยี แลว ไปคุยกนั เสีย นม่ี ันไดเรอ่ื งอะไร อยางน้ีเพราะไมมีปจ จบุ นั ธรรม เปน คนเกยี จครา นเปน คนลาชา แมจ ะปกครองเหยาเรือนกล็ า ชา เอารา่ํ เอารวยกบั เขาไมไ ด ไมม กี ารงานทเ่ี ปน ปจ จบุ นั อยู เพราะฉะนน้ั พึงรูเถอะ การงานท่ีเปนปจ จุบนั นี้แหละเปนขอ สําคญั นัก แตว า 154 154
ตามหลักของพระสูตรน้ี ไมโลเลเหลวไหลอยางที่แสดงไวแลวนน้ั ทานยนื ยนั ทเี ดียววา ปุคคฺ โล อนั วา บุคคลใด เห็นแจง ชดั ซ่ึงธรรม อนั ประกอบเฉพาะหนา ธรรมอะไรซง่ึ ปรากฏเฉพาะหนา นนั่ แหละ เปน ปจ จบุ นั ธรรม ธรรมทป่ี รากฏเฉพาะหนา เชน คนั ถธรุ ะกาํ ลงั ทอ ง กาํ ลงั บน อยูทเี ดียว คาปากคาใจอยูท เี ดยี ว น่นั เปนปจ จบุ ันธรรม ถา วา ผปู ฏบิ ตั ิในทางสมถะวปิ ส สนา เหน็ แปลกประหลาดเปน นติ ย บังเกิดขึ้น ปรากฏเห็นทีเดียว เห็นแจมอยูกลางตัวเปนดวงใส เทาดวงจันทรดวงอาทิตยน่ันแหละ ใสบริสุทธิ์เหมือนยังกระจก คันฉอ งสองเงาหนา กลมรอบตัวเห็นขนาดน้ันแหละเปนปจจบุ ัน ธรรมแทๆ ดวงนั้นแหละเรียกวาดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน เห็นปรากฏอยูกลางกายมนุษยน่ัน เมื่อเห็นเขารูปน้ันแลวละก็ ไมงอนแงนคลอนแคลนละ ธรรมดวงนั้นเห็นแจมแจงชัดทีเดียว ผูท่ีเห็นนั้นก็ ม่ันคงตอธรรมน้ันทีเดียว อชฺเชว กิจฺจมาตปฺป เม่อื เห็นดวงธรรมนนั้ แลว ความเพียรเผากเิ ลสควรทําเสียในวันน้ี ไมถอนใจออกจากธรรมดวงนั้น ไมใหหลุดจากธรรมดวงนั้น ตดิ อยกู ับธรรมดวงนนั้ เรอื่ ย นเี้ รยี กวา อชฺเชว กิจจฺ มาตปฺป โก ชฺ าฺ มรณํ สุเว ใครเลา จะพึงรูค วามตายละมีใน วนั พรงุ น้ี เดยี่ วนยี้ งั ไมต ายละ พรงุ นข้ี า ถงึ จะตาย วนั นยี้ งั ไมต ายแน รูจริงอยางนี้หรือ ถารูจริงอยางน้ีก็ปลอยใจใหหลุดจากธรรม ดวงน้ันได แตน้ีไมรูจริง เชนน้นั คาดคะเนเอา ใจหลุดจากธรรม ดวงนนั้ ไมไ ด ตอ งจดจาํ ไว จะตายไปเสยี เดยี๋ วนก้ี ็ไมร ู อยา งนก้ี ต็ อ ง จดกบั ธรรมดวงนนั้ อยา ใหห าย รกั ษาธรรมดวงนนั้ หนกั เขา หนกั เขา ๆ ไมป ลอยกนั ละ ไมว างกนั ละ กร็ ูทเี ดยี วเกียจครา นจะเลกิ เสียบา ง กเ็ อาเรอื่ งขเู ขา มาอกี น หิ โน สงคฺ รนเฺ ตน มหาเสเนน มจจฺ นุ า วา 155 155
ความตอ สดู ว ยพระยามจั จรุ าชผมู เี สนาใหญย อ มไมม แี กเ ราทงั้ หลาย เราสไู มไ ดท เี ดยี ว เมอ่ื เราสไู มไ ด เราจะปลอ ยธรรมไมไ ด จะตอ งยดึ ธรรมทเี ดยี วถา ปลอ ยพระยามจั จรุ าชมนั จะสงั หารเสยี ไมว างธรุ ะ เมือ่ ไมวางธรุ ะละก็ นักปราชญท า นยืนยนั วา ผมู ีใจสงบระงบั ยอ ม สรรเสริญบุคคลผูมีธรรมเปนเคร่ืองอยู ใจติดอยูกับดวงธรรมน้ัน เรอื่ ยไมใหห ลดุ ไป ไมใหห ายไปตดิ อยเู รอื่ ยทเี ดยี ว อยกู บั ธรรมนนั้ ผูมีใจติดอยูกับดวงธรรมน้ัน ก็เพียรเผากิเลสอยูรํ่าไป ไมปลอย ทั้งกลางวันกลางคืนไมเกียจครานเลยอยางน้ีแหละเรียกวาเปน ผูมีราตรีเดียวเจริญ เปนอยูสักวินาทีเดียวก็ชางเถอะ เปนอยู สัก ๒ ชัว่ โมง ก็ชางเถอะ น่ีแหละประเสรฐิ นัก ประเสริฐกวาคน เปน อยหู ลายรอ ยป แตไ มม ีใจติดอยูกบั ดวงธรรม ใหฉ ลาดอยา งน้ี ใหมธี รรมปจ จบุ นั อยรู าํ่ ไป จะไปไหนก็ ไปเถอะ เดนิ ก็ได นงั่ ก็ได ยนื ก็ได ทาํ การงานก็ได แตว า ใหใ จไปตดิ อยูก บั ธรรม ทวี่ ดั ปากนา้ํ มีปรากฏอยอู ยา งนนี้ ะ ใจตดิ อยกู บั ธรรม เขามี แตวามีนอย ไมมากนักใจติดอยูกับธรรมรํ่าไปไมใหหลุด ทีเดยี ว พระอรหันตทานไมห ยดุ เลย แตว าปุถชุ นติดอยกู บั ธรรม อยา งนี้ พระอรหนั ตท า นตดิ อยกู บั ดวงธรรมทที่ าํ ใหเ ปน พระอรหนั ต ไมห ลดุ เลยแนน เหมอื นเสาเขอ่ื น ทป่ี ก อยทู า นา้ํ ทเี ดยี ว ไมเ ขยอื้ น ติดอยูกับดวงธรรมที่ทําใหเปนพระอรหันตนั่นแหละ ลดสวน ลงมาทานติดอยูกับปจจุบันธรรมเชนนี้ ไมคลาดเคลื่อนทีเดียว ถา ลดสวนลงมาถงึ พระอนาคามี พระอนาคามี มีขยับเขยือ้ นบาง แตวาติดมากกวาขยับเขยื้อนทั้งหยาบทั้งละเอียด ลดสวนลง กวานั้นมาถึงพระสกิทาคา มีขยับเขย้ือนมากกวาพระอนาคา หนอ ยไมต ดิ ทเี ดยี ว ลดสว นลงกวา นนั้ มาถงึ พระโสดา ขยบั เขยอ้ื น 156 156
มากกวา พระสกทิ าคาลดสว นกวา นนั้ ลงมาถงึ พระโคตรภมู ธี รรมกาย ขยับเขยอื้ นมากกวา พระโสดาไปอีก ถาแมวาบุคคลผูมธี รรมกาย นั้นแหละ ในวัดปากนา้ํ มีรอยหา สบิ กวาคนนะ ท่ีใจติดอยูกับธรรม อยางนี้ น่แี หละธรรมอยา งนเ้ี ขาเรยี กวา ปจ จบุ ันธรรมแทๆ ในพระสูตรนี้สอนใหคิดใหติดแนนทีเดียว ไมใหปลอย ใหวาง ถาวาไมปลอยวางติดแนนอยู เชนน้ีละก็ ทําเบื้องหนา ตอไปไมม ีเลกิ ละกันทํารดุ หนา ตอไปในปจจบุ ันธรรมนน้ั เม่อื เหน็ ดวงใสขนาดนน้ั กลางดวงที่ใสนนั่ แหละ ใจหยดุ หนกั เขา ถกู สว นเขา จะเห็นดวงศีลเทานั้น ดวงเทาดวงจันทรดวงอาทิตยก็หยุดนิ่งอยู กลางดวงศีล พอใจหยุดอยูก ลางดวงศีลน่นั หนกั เขา ถกู สวนเขา จะเขาถึงดวงสมาธิ ดวงเทาๆ กันใสสะอาดหนักขึ้นไปอยูกลาง ดวงศลี นั่นแหละ ในหยดุ อยกู ลางดวงสมาธหิ ยดุ นานๆ หนกั เขา ๆ พอถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงปญญาอยูกลางดวงสมาธิ หยุดอยู กลางดวงปญญานั่นแหละ หยุดหนักเขาๆ พอถูกสวนเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงวมิ ตุ ตอิ ยกู ลางดวงปญ ญานนั่ หยดุ อยกู ลางดวงวมิ ตุ ตมิ น่ั หยุดหนักเขาๆ พอถูกสวนเขาก็เขาถึงดวงวิมุตติญาณทัสสนะ อยูกลางดวงวิมุตติน้ันแหละ ใจก็หยุดอยูกลางดวงวิมุตติญาณ- ทสั สนะหยดุ หนกั เขา กจ็ ะเหน็ กายมนษุ ยล ะเอยี ดในตวั ของตวั เอง เปน ข้ันๆ ขึ้นไปอยา งน้ี จนกระทงั่ มรรคผลทีเดียว ถาวา เปน ข้ันๆ ขึ้นไปอยางนี้ละก็ ไมถอยไมหยุดน่ิงอยูน่ิงแนนหนักเขาไปน่ีเขา เรยี กชอ่ื วา อชเฺ ชว กจิ จฺ มาตปปฺ ความเพยี รเครอ่ื งยงั กเิ ลสใหเ รา รอ น ควรทําเสียเดี๋ยวนี้แหละเรารอนอยางไรละเม่ือเขาถึงกายมนุษย ละเอียดแลว อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ ท่ีเปนกิเลสหยาบ อยกู ับกายมนุษยห ายไป เหลือแต อภชิ ฌา พยาบาท มิจฉาทฏิ ฐิ 157 157
อยางละเอียดอยูในกายละเอียดก็ไมพอเทาน้ัน ใชวิธี อชฺเชว กิจฺจมาตปฺป ความเพียรแผดเผากิเลสท่ีเปนอยูเดี๋ยวนี้นั่นแหละ ทาํ เสยี ทเี ดยี ว ควรทาํ ใจหยดุ หนกั ขน้ึ ไป ใจของกายมนษุ ยล ะเอยี ด ก็หยุดหนักข้ึน ศูนยกลางของดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน ดวงธรรมนั้น ก็มีอยูในกายทิพยละเอียดแบบเดียวกัน หยุดนิ่ง หนักเขาก็เขาถึงดวงศีล หยุดน่ิงหนักเขาก็เขาถึงดวงปญญา อยูกลางดวงสมาธิหยุดนิ่งหนักเขา เขาถึงดวงวิมุตติอยูกลาง ดวงปญญา หยุดน่ิงหนักเขาก็เห็นดวงวิมุตติญาณทัสสนะอยู กลางดวงวมิ ตุ ติ หยดุ นงิ่ หนกั เขา กเ็ หน็ กายทพิ ยพ อถงึ กายทพิ ยเ ขา อภชิ ฌา พยาบาท มจิ ฉาทฏิ ฐิ ไมเ หลอื เลย เรา รอ นทเี ดยี วอยไู มไ ด ไปถงึ โลภะ โทสะ โมหะ แลว เมอื่ เขา เขต โลภะ โทสะ โมหะ เชน นน้ั กายทพิ ยก ไ็ มเ ลนิ เลอ เผลอตวั ใจของกายทพิ ย หยดุ นงิ่ อยศู นู ยก ลาง ดวงธรรมที่ทําใหเปนกายทิพย ตอไปก็เห็นดวงธรรมานุปสสนา สติปฏฐาน หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน ถกู สว นเขาก็เหน็ ดวงศลี หยดุ นงิ่ อยูกลางศลี ถกู สวนเขา ก็เขา ถึง ดวงสมาธิ หยดุ นงิ่ อยศู นู ยก ลางดวงสมาธิ ถกู สว นเขา ถงึ ดวงปญ ญา หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงปญญา ถูกสวนเขาก็เขาถึงดวงวิมุตติ หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงวิมุตติถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติ ญาณทัสสนะ หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถกู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ กายทิพยละเอียด พอเขาถึงกายทิพยละเอียดเขา โลภะ โทสะ โมหะ อยา งหยาบหมดไปเหลอื แตล ะเอยี ด ใจกายทพิ ยล ะเอยี ด หยดุ นง่ิ อยูศูนยกลางดวงธรรมที่ทําใหเปนกายทิพยละเอีิยด ถูกสวนเขา ก็เห็นดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน หยุดน่ิงอยูศูนยกลาง 158 158
ดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏฐานถกู สวนเขา กเ็ ห็นดวงศีลอยกู ลาง ดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน หยดุ นงิ่ อยกู ลางดวงศลี ถกู สว นเขา ก็เขาถึงดวงสมาธิอยูกลางดวงศีล หยุดนิ่งอยูกลางดวงสมาธิ ถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงปญญาอยูกลางดวงสมาธิ หยุดนิ่งอยู ศูนยกลางดวงปญญาถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติอยูกลาง ดวงปญญา หยดุ น่ิงอยูศ นู ยกลางดวงวิมตุ ติถกู สว นเขา กเ็ ขาถงึ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะอยูกลางดวงวิมุตติ หยุดน่ิงอยูศูนยกลาง ดวงวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะถกู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ กายรปู พรหมพน แลว จาก โลภะ โทสะ โมหะ ทง้ั หยาบทัง้ ละเอยี ดหมดไป เรารอ นอยางน้ี อยไู มไ ด กิเลสอยไู มไ ดหมดไปเปนชัน้ ๆ หมดไปแลว โลภะ โทสะ โมหะ ทงั้ หยาบทง้ั ละเอยี ด หมดไปจากกาย รปู พรหมหยาบหยดุ นงิ่ อยูศูนยกลางดวงธรรม ท่ีทําใหเปนกายรูปพรหมหยาบเห็นดวง ธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน หยดุ นงิ่ อยกู ลางดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน ถูกสวนเขา เขาถึงดวงศีล หยุดนิ่งอยูกลางดวงศีลถูกสวนเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงสมาธิ หยดุ นง่ิ อยกู ลางดวงสมาธถิ กู สว น กเ็ ขา ดวงปญ ญา หยุดน่ิงอยูกลางดวงปญญาถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติ หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงวิมุตติถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติ- ญาณทัสสนะแบบเดียวกัน หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงวิมุตติ- ญาณทสั สนะถกู สว น เหน็ กายรปู พรหมละเอยี ด ในกายรปู พรหม- ละเอยี ดกห็ ยดุ นง่ิ อยศู นู ยก ลางดวงธรรมทท่ี าํ ใหเ ปน กายรปู พรหม- ละเอียดถูกสวนเขา เขาถึงดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน ถูกสวนเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงศีล หยดุ นิง่ อยูศ ูนยก ลางดวงศีลถกู สว นเขา ก็เขาถงึ ดวงสมาธิ หยุดนิ่งอยูศูนยกลางสมาธิถูกสวนเขา ก็เขาถึง 159 159
ดวงปญญา หยุดนิ่งอยูศูนยกลางปญญาถูกสวนเขา ก็เขาถึง ดวงวิมุตติหยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงวิมุตติถูกสวนเขา ก็เขาถึง ดวงวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ หยดุ นง่ิ อยศู นู ยก ลางดวงวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ ถูกสวนเขาก็ถึงกายอรูปพรหมหมดแลว โลภะ โทสะ โมหะ ท้ังหยาบท้ังละเอียดหมดไปแลว เรารอนอยูไมได กระเด็น ออกไปหมด เขา ถึงกายอรูปพรหมเสียแลวหลุดไปเปนชัน้ ๆ ดังน้ี กิเลสหลุดไปเปนชั้นๆ จริงๆ อยางน้ี ใจก็หยุดน่ิงอยูศูนยกลาง ดวงธรรมที่ทําใหเปนกายอรูปพรหมถูกสวนเขา ก็เขาถึง ดวงธรรมานุปส สนาสตปิ ฏ ฐาน หยดุ นงิ่ อยูศูนยกลางดวงธรรมา- นุปสสนาสติปฏฐาน ถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงศีล หยุดน่ิงอยู ศูนยกลางดวงศีลถูกสวนเขาก็เขาถึงดวงสมาธิ หยุดน่ิงอยู ศูนยกลางดวงสมาธิถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงปญญา หยุดน่ิงอยู ศนู ยก ลางดวงปญ ญาถกู สวนเขา กเ็ ขาถึงดวงวิมุตติ หยุดน่ิงอยู ศูนยกลางดวงวิมุตติถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติญาณทัสสนะ หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะถูกสวนเขาก็เขาถึง กายอรูปพรหมละเอียด ใจกายอรูปพรหมละเอียด ก็หยุดนิ่งอยู ศนู ยก ลางดวงธรรมทท่ี าํ ใหเ ปน กายอรปู พรหมละเอยี ดถกู สว นเขา ก็เขาถึงดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน หยุดนิ่งอยูศูนยกลาง ดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน ถกู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงศลี หยดุ นง่ิ อยูศูนยกลางดวงศีลถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงสมาธิ หยุดนิ่งอยู ศูนยกลางดวงสมาธิถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงปญญา หยุดน่ิงอยู ศูนยกลางดวงปญญาถกู สวนเขา กเ็ ขาถึงดวงวมิ ุตติ หยุดนิ่งอยู ศูนยกลางดวงวิมุตติถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติญาณทัสสนะ หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะถูกสวนเขา เขาถึง 160 160
กายโคตรภูบุคคล รูปเหมือนพระปฏิมากร เกตุดอกบัวตูมใส เหมอื นกระจกคนั ฉอ งสอ งเงาหนา หนา ตกั โตเลก็ ตามสว น ถา คน ทําไดก ห็ นาตกั ๔ วา ๕ วา หนาตกั ไมห ยอ นกวา ๔ วา ทีเดียว บางคนเขาไดก ห็ นา ตกั เพยี งศอก ๒ ศอกไปตามหนา ทไ่ี มเ หมอื นกนั ในโคตรภูบุคคล เมื่อถึงโคตรภูบุคคลแลว ราคะ โทสะ โมหะ หมดไป ไมใชหมดแต ราคะ โทสะ โมหะ เม่ือเขาถึงกาย อรูปพรหมทัง้ หยาบท้ังละเอียด ราคะ โทสะ โมหะหมดไป พอเขาถึงกายธรรมเขาเทานั้นแหละ กามราคานุสัย ปฏฆิ านสุ ยั อวชิ ชานสุ ัย ทั้งหยาบทั้งละเอยี ด ไมไ ดต ิดเขาไปเลย หลุดหมดทีเดียว กิเลสในภพหมดไปแลว ยังเหลือแตกิเลส นอกภพอกี สกั กายทฏิ ฐิ วจิ กิ จิ ฉา สลี พั พตปรามาส อยใู นธรรมกาย เปน สงั โยชนเ บอ้ื งบนทพี่ ระโสดาจะละได กเิ ลสเหลา นมี้ อี ยใู นธรรมกาย ไมไดมีในกายทั้งหมด ที่กลาวมาแลว กายมนุษยหนึ่ง สอง กายมนษุ ยล ะเอยี ดนส่ี ว น สกั กายทฏิ ฐิ วจิ กิ จิ ฉา สลี พั พตปรามาส ไมม ี พวกนตี้ าํ่ เกนิ ไป สามกายทพิ ย สกี่ ายทพิ ยล ะเอยี ด ไมม กี ายน้ี กไ็ มม ี หา กายรปู พรหม หกกายรปู พรหมละเอยี ด ในสองกายนก้ี ไ็ มม ี เจด็ กายอรปู พรหมหยาบ แปดกายอรปู พรหมละเอยี ด ทงั้ ๘ กายนี้ สกั กายทฏิ ฐิ วจิ กิ จิ ฉา สลี พั พตปรามาสไมม ี ทเ่ี ขา ถงึ ธรรมกายนนั้ อยใู นธรรมกาย จงึ ไดช อ่ื วา สกั กายทฏิ ฐิ วจิ กิ จิ ฉา สลี พั พตปรามาส เปน สังโยชนข องกายธรรมไมใชข องกายทั้ง ๘ น้ัน ธรรมกายกไ็ มห ยดุ ยงั้ ใจธรรมกายหยดุ นงิ่ อยใู นศนู ยก ลาง ดวงธรรมท่ีทําใหเปนธรรมกาย ดวงธรรมที่ทําใหเปนธรรมกาย นั้นใหญ ใหญโตไมเทาดวงจันทรดวงอาทิตยละคราวนี้ หนาตัก 161 161
ธรรมกายนั่นวาหนึ่ง วัดผาเสนศูนยกลางวาหนึ่งกลมรอบตัว ถาธรรมกายหนาตัก ๔ วา ดวงธรรมที่ทําใหเปนธรรมกาย วดั ผา เสน ศนู ยก ลางก็ ๔ วา กลมรอบตวั หนา ตกั ธรรมกายเทา ไหน ดวงธรรมท่ีทําใหเปนธรรมกายก็โตเทาน้ัน วัดผาเสนศูนยกลาง โตเทากันกลมรอบตัว ใจของธรรมกายก็หยุดน่ิงอยูศูนยกลาง ดวงธรรมทท่ี าํ ใหเ ปน ธรรมกาย ถกู สว นเขา กเ็ หน็ ดวงธรรมานปุ ส สนา สติปฏฐานโตเทาดวงเทากับดวงท่ีทําใหเปนธรรมกายนั้น หยดุ น่ิงอยศู นู ยก ลางดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐานถกู เขา กเ็ ขา ถงึ ดวงศลี หยดุ นงิ่ อยศู นู ยก ลางดวงศลี เทา กนั เขา ถงึ ดวงสมาธอิ ยู กลางดวงศลี หยุดนิ่งอยูศนู ยก ลางดวงสมาธิถกู สวนเขา ก็เขา ถงึ ดวงปญ ญาอยกู ลางดวงสมาธิ หยดุ นง่ิ อยศู นู ยก ลางดวงปญ ญาถกู สวนเขา ก็เขา ถงึ ดวงวมิ ตุ ตอิ ยกู ลางดวงปญญา หยุดนง่ิ อยูกลาง ดวงวมิ ตุ ตถิ กู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะอยกู ลางดวง วิมุตติ หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะถูกสวนเขา กเ็ หน็ ธรรมกายละเอยี ด หนา ตกั ๕ วา สงู ๕ วา เกตดุ อกบวั ตมู ใส หนักขน้ึ ไปนเ่ี ขา ถงึ แลว คราวน้ีสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ยังอยู ท้ังหยาบท้ังละเอียด แตวาธรรมกายละเอียดไมไดรออยูเน่ินชา อชฺเชว กิจฺจมาตปฺป เหตุเคร่ืองยังกิเลสใหเรารอน ความเพียร เครอ่ื งยงั กเิ ลสใหเ รา รอ น ไมถ อนทเี ดยี วทาํ เดย๋ี วนนั้ ไมไ ดห ยดุ ไมไ ด ลดละทําตอข้ึนไป เมื่อทําตอขึ้นไป ใจของธรรมกายละเอียด หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงธรรม ที่ทําใหเปนธรรมกายละเอียด ถูกสวนเขา ก็เขาถึงธรรมานุปสสนาสติปฏฐานดวงเทากัน วัดผาเสนศูนยกลาง ๕ วา กลมรอบตัว หยุดน่ิงอยูศูนยกลาง 162 162
ดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐานถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงศีล หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงศีลถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงสมาธิ หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงสมาธิถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงปญญา หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงปญญาถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติ หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงวิมุตติถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติ ญาณทสั สนะถกู สว นเขา เขา ถงึ กายพระโสดา หนา ตกั ๕ วา สงู ๕ วา เกตดุ อกบวั ตมู ใสหนกั ขนึ้ ไป นหี่ ลดุ แลว จาก สกั กายทฏิ ฐิ วจิ กิ จิ ฉา สลี พั พตปรามาส หลดุ ขาดจากใจทเี ดยี ว แตว า กามราคะพยาบาท มีลูกเตาน้ันยังมีอยูในพระโสดา นางวิสาขา มีลูก ๒๐ คน พระโสดาก็ไมประมาท ใจพระโสดาหยุดนิ่งอยูกลางดวงธรรม ทที่ าํ ใหเ ปน พระโสดา วดั ผา เสน ศนู ยก ลาง ๕ วา กลมรอบตวั หยดุ นง่ิ อยูกลางนั้นพอถูกสวนเขา ก็เห็นดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน ดวงเทากัน กลมเทากัน หยุดนิ่งอยูกลางดวงธรรมานุปสสนา สติปฏฐานพอถูกสวนเขาก็เขา ถึงดวงศีล หยุดน่ิงอยกู ลางดวงศลี พอถูกสวนเขาก็เขาถึงดวงสมาธิ หยุดนิ่งอยูกลางดวงสมาธิ ถกู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงปญ ญา หยดุ นง่ิ อยกู ลางดวงปญ ญาถกู สว นเขา กเ็ ขาถงึ ดวงวมิ ุตติหยดุ นง่ิ อยูก ลางดวงวิมตุ ติ ถูกสว นเขากเ็ ขา ถึง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ หยุดน่ิงอยูกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกสวนเขา ก็เขาถึงกายพระโสดาละเอียด หนาตัก ๑๐ วา สูง ๑๐ วา เกตุดอกบวั ตมู ใสหนกั ข้ึน แตว ากามราคะ พยาบาท อยางหยาบอยางละเอียดยังมีอยู ก็กายพระโสดาอยางละเอียด ยังมีอยู 163 163
ใจของพระโสดาละเอยี ดก็หยุดอยกู ลางดวงธรรมท่ที ําให เปน พระโสดาละเอยี ดพอถกู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงธรรมานปุ ส สนา สตปิ ฏ ฐานดวงเทา กนั วดั ผา เสน ศนู ยก ลางกลมรอบตวั หยดุ นงิ่ อยู กลางดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐานถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงศีล ดวงเทา กันหยดุ นงิ่ อยูกลางดวงศลี ถกู สวนเขา ก็เขา ถึงดวงสมาธิ หยุดนิ่งอยูกลางดวงสมาธิ พอถูกสวนเขาเขาถึงดวงปญญา หยดุ น่ิงอยกู ลางดวงปญญาถกู สวนเขา เขาถึงดวงวิมุตติ หยุดนง่ิ อยกู ลางวมิ ตุ ติ ถกู สว นเขา เขา ถงึ ดวงวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ หยดุ นง่ิ อยูกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะถูกสวนเขาเทาน้ัน เขาถึงกาย พระสกิทาคา หนาตัก ๑๐ วา สูง ๑๐ วา เกตุดอกบัวตูมใส หนกั ขน้ึ ไป คราวนี้หลดุ ละ กามราคะ พยาบาท หยาบและละเอียด ในข้นั นนั้ หลุด แตวา ละเอียดจริงๆ ข้นั สกิทาคายงั ไมหลุด ใจของ พระสกิทาคา ก็หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงธรรมที่ทําใหเปนกาย พระสกทิ าคา วดั ผาศนู ยก ลาง ๑๐ วา กลมรอบตัว พอถกู สว น เขาเห็นดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐาน หยุดน่ิงอยูศูนยกลาง ดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน พอถกู สว นเขา เหน็ ดวงศลี หยดุ นงิ่ อยูศูนยกลางดวงศีล ถูกสวนเขา เขาถึงดวงสมาธิ หยุดน่ิงอยู ศูนยกลางดวงสมาธิถูกสวนเขา เขาถึงดวงปญญา หยุดนิ่งอยู ศูนยกลางดวงปญ ญา ถกู สว นเขา เขา ถงึ ดวงวมิ ุตติ หยุดนิง่ อยู ศูนยกลางดวงวิมุตติ ถูกสวนเขา เขาถึงดวงวิมุตติญาณทัสสนะ หยุดนงิ่ อยศู ูนยกลางดวงวมิ ุตติญาณทสั สนะถูกสวนเขา ก็เขา ถึง กายพระสกทิ าคาละเอียด หนาตกั ๑๕ วา สงู ๑๕ วา เกตุดอกบัว ตมู ใสหนกั ขึน้ ไป 164 164
ใจของพระสกิทาคาละเอียด ก็หยุดน่ิงอยูศูนยกลาง ดวงธรรมทท่ี าํ ใหเ ปนกายพระสกทิ าคาละเอียด ๑๕ วา ดวงธรรม ทที่ าํ ใหเ ปน กายพระสกทิ าคาละเอยี ด วดั ผา เสน ศนู ยก ลาง ๑๕ วา กลมรอบตัวใจของพระสกิทาคาละเอียด ก็หยุดนิ่งอยูศูนยกลาง ดวงธรรมทที่ าํ ใหเ ปน พระสกทิ าคาละเอยี ด พอถกู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน หยดุ นงิ่ อยศู นู ยก ลางดวงธรรมานปุ ส สนา สติปฏฐาน พอถูกสวนเขา ก็เห็นดวงศีล หยุดนิ่งอยูศูนยกลาง ดวงศลี ถกู สว นเขา กถ็ งึ ดวงสมาธิ หยดุ นง่ิ อยศู นู ยก ลางดวงสมาธิ ถูกสวนเขา ก็เขาถงึ ดวงปญญา หยดุ นิ่งอยศู นู ยกลางดวงปญ ญา ถูกสวนเขา เขาถึงดวงวิมุตติ หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงวิมุตติ ถกู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ หยดุ นงิ่ อยศู นู ยก ลาง ดวงวิมุตติญาณทัสสนะถูกสวนเขา เขาถึงกายพระอนาคา หนา ตัก ๑๕ วา สงู ๑๕ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักข้นึ ไป คราวน้ี กามราคะ พยาบาท ข้ันละเอยี ดก็ไมเหลอื เลย เขาถึงพระอนาคาแลว หลดุ ไป กิเลสทําลายออกไปอยางน้ี แตว า อปุ กเิ ลสยงั อยู รปู ราคะ อรปู ราคะ มานะ อทุ ธจั จะ อวชิ ชา รปู ราคะ ยงั กาํ หนัดยินดีในรูปฌาน อรูปราคะ ยังกาํ หนดั ยินดีในอรปู ฌาน มานะ ยังยกเนือ้ ยกตวั อยู อุทธัจจะ ฟงุ ซานยังมีอยูบา ง แตทาํ ให เหน็ พระอรหันต อวชิ ชา มีอยู ยงั ไมส้ินสงสัย ยงั ไมรทู ่สี ดุ ของ พระอรหันต ตอแตน้ันพระอนาคาก็ไมหยุด ใจของพระอนาคา ก็หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงธรรมท่ีทําใหเปนพระอนาคา วัดผา เสนศูนยกลาง ๑๕ วา กลมรอบตัว พอถูกสวนเขาเทานั้น เหน็ ดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน ดวงเทา ธรรมดวงนนั้ หยดุ นง่ิ อยูศูนยกลางดวงธรรมานปุ สสนาสตปิ ฏฐานถกู สวนเขา กเ็ ขาถงึ 165 165
ดวงศลี ดวงเทา กนั หยดุ นง่ิ อยศู นู ยก ลางดวงศลี ถกู สว นเขา กเ็ ขา ถงึ ดวงสมาธิดวงเทากัน หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงสมาธิถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงปญญาดวงเทากัน หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงปญญา ถูกสวนเขาก็เขาถึงดวงวิมุตติดวงเทากัน หยุดน่ิงอยูศูนยกลาง ดวงวิมุตติถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงวิมุตติญาณทัสสนะ หยุดน่ิง อยูศูนยกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะถูกสวนเขาเทาน้ันแหละ เขาถึงกายธรรมพระอนาคาละเอียด หนัก ๒๐ วา สูง ๒๐ เกตดุ อกบัวตูม ใสหนักขึ้นไป ใจของพระอนาคาละเอยี ด หยุดนิ่ง อยูศูนยกลางดวงธรรมท่ีทําใหเปนพระอนาคาละเอียด พอถูก สว นเขา กเ็ หน็ ดวงธรรมานปุ ส สนาสตปิ ฏ ฐาน หยดุ นง่ิ อยศู นู ยก ลาง ดวงธรรมานุปสสนาสติปฏฐานถูกสวนเขา ก็เขาถึงดวงศีล หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงศีล ถูกสวนเขาเขาถึงดวงสมาธิ หยุดนิ่งอยูศูนยกลางดวงสมาธิ ถูกสวนเขา เขาถึงดวงปญญา หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงปญญาถูกสวนเขา เขาถึงดวงวิมุตติ หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงวิมุตติถูกสวนเขา เขาถึงดวงวิมุตติ- ญาณทัสสนะ หยุดน่ิงอยูศูนยกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถกู สว นเขา เหน็ กายธรรมพระอรหตั ต หนา ตกั ๒๐ วา สงู ๒๐ วา เกตุดอกบัวตูมใสหนักขึ้นไป น่ีหมดแลว รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา หลุดหมดแลว น้ีแหละความเพียร เครื่องยงั กเิ ลสใหเรา รอ นทาํ เสยี เด๋ยี วน้ี ทาํ ชาไมไ ด เคยสอนสามเณรบวชใหมๆ ไดชั่วบวชประเด๋ียวเดียว ครงึ่ ชว่ั โมงเทา นนั้ ทาํ ใหถ งึ นท้ี เี ดยี ว รจู กั ทางอยา งน้ี เมอื่ รจู กั แคน ้ี ใจของพระอรหตั ตก ็ไมป ระมาทหมดความประมาทแลว เปน วริ าคธาตุ วิราคธรรมแลว นี้แหละไดชื่อวาความเพียรเคร่ืองยังกิเลสให 166 166
เรารอนน้ีแหละ ภทฺเทกรตฺตคาถา วาจาเครื่องกลาวปรารภ เหตุเคร่ืองถึงซ่ึงความเจริญของบุคคลผูมีราตรีเดียวเจริญแทๆ ทีเดียว ใหจริงแนลงไปอยางนี้นะอยาไดคลาดเคลื่อน ถาไม คลาดเคลอื่ นอยา งน้ี ไมเ สยี ทที ไ่ี ดเ กดิ มาเปน มนษุ ยพ บพระพทุ ธศาสนา นี้ไดตัวจริงละ ถาผิดจากนี้ละก็เปนเหลวละ ไมถูกทางไปของ พระพทุ ธเจา พระอรหตั ตข อเตอื นทา นทงั้ หลายจงอยา นง่ิ นอนใจเลย เพราะวา ความผดั เพย้ี นหรอื ผอ นผนั หรอื สรู บดว ยพระยามจั จรุ าช ผูมีเสนาหมูใหญสูไมได ถาจะสูรบไดตองมีธรรมกายดังกลาว มาแลว น้ี จงึ จะสรู บกนั ได ถา ไมม ธี รรมกายสรู บไมไ ด ปถุ ชุ นธรรมดา นา สงสารใหเ ขาโขกเขาสับนา สมเพช ถามธี รรมกายซเิ ราจะเห็น ใหหม่ันขยันอยาเกียจคราน ไมมีสถานท่ีไหนที่ใดที่หนึ่ง หมด ประเทศไทยนะ มีสูพระยามัจจุราชได มีอยูวัดปากนํ้าวัดเดียว ตอ งขมีขมันทีเดยี ว เมอ่ื ไมประมาทเชน น้ีจะสูพระยามจั จรุ าชได ที่ไดช้ีแจงแสดงมาน้ี ตามวาระพระบาลีคลี่ความเปน สยามภาษาตามมตั ตยาธบิ าย พอสมควรแกเ วลา เอเตน สจจฺ วชเฺ ชน ดวยอํานาจความสัจจ ไดอางธรรมปฏิบัติตั้งแตตน จนอวสานนี้ สทา โสตถฺ ี ภวนตฺ ุ เต ขอความสขุ สวสั ดี จงบงั เกดิ มแี ดท า นทงั้ หลาย บรรดามาสโมสรในสถานท่ีนี้ทุกถวนหนา อาตมภาพชี้แจง แสดงมาพอสมควรแกเวลา สมมตวิ ายุติธรรมกิ ถาโดยอรรถนยิ ม ความเพยี งเทา นี้ฯ เอวํ ก็มดี ว ยประการฉะน้ีฯ 167 167
บทกรวดน�้ำ อมิ ินา ปุ ฺ กมฺเมน อปุ ชฺฌายา คณุ ตุ ฺตรา อาจรยิ ูปการา จ มาตา ปตา จ าตกา (นามของผทู จ่ี ะอทุ ศิ ให) ปย า มมํ สรุ โิ ย จนฺทิมา ราชา คุณวนตฺ า นราป จ พรฺ หฺมมารา จ อินทฺ า จ โลกปาลา จ เทวตา ยโม มติ ฺตา มนุสฺสา จ มชฌฺ ตฺตา เวริกาป จ สพเฺ พ สตตฺ า สุขี โหนตฺ ุ ปฺุานิ ปกตานิ เม สุขํ จ ติวธิ ํ เทนตฺ ุ ขปิ ปฺ ปาเปถ โวมตํ อิมินา ปุ ฺกมฺเมน อมิ ินา อุทฺทเิ สน จ ขปิ ปฺ าหํ สุลเภ เจว ตณฺหปุ าทานเฉทนํ เย สนตฺ าเน หนิ า ธมฺมา ยาว นิพฺพานโต มมํ นสฺสนตฺ ุ สพฺพทา เยว ยตถฺ ชาโต ภเว ภเว อุชุจติ ฺตํ สตปิ ฺ า สลฺเลโข วริ ิยมฺหนิ า มารา ลภนตฺ ุ โนกาสํ กาตุ จฺ วริ ิเยสุ เม พุทโฺ ธ ทปี วโร นาโถ ธมฺโม นาโถ วรุตตฺ โม นาโถ ปจเฺ จกพุทฺโธ จ สงฺโฆ นาโถตตฺ โร มมํ เตโสตตฺ มานภุ าเวน มาโรกาสํ ลภนตฺ ุ มา ฯ 168 168
ค�ำแปล ดวยผลบุญที่ขาพเจากระทําน้ี ขอพระอุปชฌายผูมีพระคุณ อันยง่ิ ใหญไพศาล อีกท้ังอาจารยผูไดส ง่ั สอนขาพเจา มา ท้ังมารดาบิดา และคณาญาตทิ ง้ั สน้ิ ตลอดจนพระอาทติ ยพ ระจนั ทร และพระเจา แผน ดนิ ผเู ปน ใหญในเอกเทศแหง เมทนดี ล และนรชนผมู คี ณุ งามความดที งั้ หลาย ทุกถ่ินฐาน อีกทาวมหาพรหมกับหมูมาร และทาวมัฆวานเทวราช ทงั้ เทพเจา ผฉู กาจรกั ษาโลกทง้ั สท่ี ศิ และพระยายมราช อกี มวลมติ รสหาย ทัง้ ผูขวนขวาย วางตนเปนกลาง และผูเปน ศัตรขู องขา พเจา ทกุ ๆ เหลา จงมีความเกษมสุขนิราศภัย ขอบุญที่ขาพเจากระทําไวดวยไตรทวาร จงบันดาลใหสําเร็จไตรพิธสุข ถึงความเกษมปราศจากทุกข คือ พระอมตมหานฤพานโดยพลนั อกี โสดหนง่ึ น้นั ดวยบุญกรรมน้ี และอุทิศเจตนานี้ ขอใหขาพเจาบรรลุทันที ซ่ึงการตัดขาดตัณหาอุปาทาน ธรรมอันชั่วในสันดานจงพินาศไปหมด จนตราบเทา ถงึ นพิ พานสน้ิ กาลทกุ เมอ่ื เทยี ว แมว า ขา พเจา ยงั จะทอ งเทย่ี ว ไปเกิด ในภพใดๆ ก็ขอใหมีจิตซ่ือตรงดํารงสติปญญาไวชาญฉลาด ใหม คี วามเพยี รกลา สามารถขดั เกลากเิ ลสใหส ญู หาย ขอหมมู ารเหลา รา ย อยาไดกลํา้ กรายสบโอกาสเพ่ือทาํ ใหขาพเจาพนิ าศคลายเพียรได อน่ึงไซร พระพุทธเจาผูเปนที่พึ่งอันยิ่งอยางประเสริฐ พระธรรม เปนที่พ่ึงอันล้ําเลิศยิ่งประมาณ พระปจเจกพุทธเจาเปนท่ีพ่ึงอันไพศาล และพระสงฆเปนที่พ่ึงอันอุดมยิ่งประมาณของขาพเจาน้ี ดวยอานุภาพ อันอุดมดีพิเศษสูงสุดของพระรัตนตรัย ขออยาใหหมูมารไดโอกาส ทุกเม่ือไปเทอญ. 169 169
เกดิ มำวำ่ จะมำหำแกว พบแลวไมก่ ำ� จะเกิดมำทำ� อะไร อำ ยที่อยำกมันกห็ ลอก อำ ยที่หยอกมนั กล็ วง ทำ� ใหจิตเปน ห่วงเปน ใย เลิกอยำกลำหยอก รีบออกจำกกำม เดนิ ตำมขนั ธส ำมเรอ่ื ยไป เสรจ็ กจิ สบิ หกไมต่ กกนั ดำร เรยี กวำ่ นิพพำนก็ได พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนทฺ สโร) หลวงพอ่ วดั ปำกน�ำ้ 171
หยุดน่นั แหละคือตัวส�ำเรจ็ พระมงคลเทพมุนี (สด จนทฺ สโร) หลวงพอ่ วดั ปำกน้�ำ 172
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183