รศรนิ ทร เกรย อมุ าภรณ ภทั รวาณชิ ย เฉลมิ พล แจมจันทร เรวดี สุวรรณนพเกา
มโนทศั นใ์ หมข่ องนยิ ามผูส้ งู อายุ : มมุ มองเชงิ จิตวิทยาสังคม และสุขภาพ New Concept of Older Persons : The Psycho–Social and Health Perspective ขอ้ มูลทางบรรณานกุ รม มโนทศั นใ์ หมข่ องนิยามผ้สู งู อายุ : มมุ มองเชิงจติ วทิ ยาสังคม และสุขภาพ = New Concept of Older Persons : The Psycho-Social and Health Perspective/รศรินทร์ เกรย์ … [และคนอื่นๆ]. -- พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. -- นครปฐม : สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล, 2556 (เอกสารทางวชิ าการ/สถาบนั วจิ ัยประชากรและสงั คม มหาวิทยาลยั มหิดล ; หมายเลข 417) ISBN 978-616-279-304-2 1. ผ้สู งู อายุ. 2. ผู้สงู อายุ--การดแู ล. 3. ผู้สงู อาย-ุ -สขุ ภาพและอนามยั . 4. ผสู้ ูงอายุ -- สุขภาพจิต. 5. ผสู้ ูงอายุ -- จติ วิทยา. 6. วัยชรา--แงจ่ ิตวิทยา. I. รศรนิ ทร์ เกรย.์ II. อมุ าภรณ์ ภทั รวาณชิ ย.์ III. เฉลิมพล แจ่มจนั ทร์. IV. เรวดี สวุ รรณนพเก้า. V. มหาวทิ ยาลยั มหิดล. สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสังคม. VI. ชื่อเรอ่ื ง: New Concept of Older Persons : The Psycho-Social and Health Perspective. VII. ชอ่ื ชดุ . WT20 ร451 2556 ท่ีปรึกษา : ศาสตราจารย์ ดร. ปราโมทย์ ประสาทกุล สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลัยมหิดล คณะท�างาน : รองศาสตราจารย์ ดร.รศรินทร์ เกรย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมุ าภรณ์ ภัทรวาณชิ ย์ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เฉลมิ พล แจ่มจนั ทร์ นางสาวเรวดี สวุ รรณนพเกา้ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลยั มหดิ ล พมิ พ์คร้ังท่ี 1 : กันยายน 2556 จา� นวน 500 เล่ม ปกและรูปเล่ม : สกุ ญั ญา พรหมทรัพย์ TaiSoiDesignNew พิมพท์ ่ี : บริษัท โรงพิมพ์เดอื นตุลา จา� กดั โทรศพั ท์ 02-996-7392-4 โทรสาร 02-996-7395 จัดพมิ พ์โดย : สถาบนั วจิ ยั ประชากรและสังคม มหาวิทยาลยั มหดิ ล เลขท่ี 999 ถนนพทุ ธมณฑลสาย 4 ต�าบลศาลายา อา� เภอพทุ ธมณฑล จงั หวัดนครปฐม 73170 โทรศัพท์ : 0 2441–9666; 0 2441–0201–4 โทรสาร : 0 2441–9333 Email : [email protected] Website : http://www.ipsr.mahidol.ac.th
iv มโนทัศนใ์ หม่ของนิยามผู้สงู อายุ : มุมมองเชงิ จิตวิทยาสงั คม และสุขภาพ ค�ำน�ำ ทกุ วนั น้ี ประเทศไทยมผี สู้ งู อายเุ พม่ิ มากขน้ึ อยา่ งสงั เกตเหน็ ไดช้ ดั ไมว่ า่ จะในครอบครวั ชมุ ชน หรอื ตาม สถานท่ีสาธารณะ เราจะเห็นและรู้สึกได้ว่ามีผู้สูงอายุอยู่มากจริง ๆ ปรากฏการณ์ที่มีผู้สูงอายุเพิ่มมากข้ึน เช่นน้ี ยืนยันด้วยสถิติข้อมูลประชากร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัย” มาตั้งแต่ ประมาณปี พ.ศ. 2548 แลว้ เมอื่ ประชากรอายุ 60 ปขี นึ้ ไปมสี ดั สว่ นสงู ขนึ้ ถงึ รอ้ ยละ 10 ของประชากรทง้ั หมด ยง่ิ ไปกวา่ นนั้ การฉายภาพประชากรไทยตอ่ ไปในอนาคตยงั แสดงใหเ้ หน็ วา่ สดั สว่ นของประชากรสงู อายจุ ะเพม่ิ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะกลายเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” เมื่อประชากรอายุ 60 ปขี ้ึนไปมสี ัดส่วนสงู ถึงรอ้ ยละ 20 ของประชากรทง้ั หมด เม่ือพูดถึงค�ำว่า “ผู้สูงอายุ” คนไทยเช่ือโดยสนิทใจว่าหมายถึงคนท่ีมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ความเช่ือนี้ ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยมานาน คนไทยเช่ือว่าอายุครบ 5 รอบปีนักษัตรคือ 60 ปี เป็นเส้นแบ่งส�ำคัญ ทคี่ นจะผา่ นเขา้ สวู่ ยั ชรา สอดคลอ้ งกบั ประเพณจี นี ทถ่ี อื วา่ อายุ 60 ปหี รอื 5 รอบปนี กั ษตั รเปน็ วาระสำ� คญั ของ ชวี ติ ท่เี รียกวา่ “แซยิด” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ้ ห้ความหมายของ “วยั ชรา” ว่า “วัยที่ต่อจากวัยกลางคน อายุเกิน 60 ปี” เกณฑ์อายุ 60 ปีข้ึนไปน้ีถูกตอกย�้ำลงไปในมโนทัศน์ ของคนไทยว่าเป็นผู้สูงอายุ ด้วยกฎหมายต่างๆ ในพระราชบัญญัติบ�ำเหน็จบ�ำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 มาตรา 13 “บ�ำเหน็จบ�ำนาญเหตุสงู อายุน้นั ใหแ้ ก่ข้าราชการผมู้ ีอายุครบหกสิบปีบรบิ ูรณ์แล้ว” ต่อมาเมือ่ ประเทศไทยมีพระราชบัญญตั ผิ ู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 ก็ได้ตอกย้�ำความเชื่อวา่ อายุ 60 ปีขึน้ ไป คอื ผสู้ งู อายุ ใหย้ งิ่ ลกึ ลงไปอกี ดว้ ยมาตรา 3 ทร่ี ะบวุ า่ “ในพระราชบญั ญตั นิ ้ี “ผสู้ งู อาย”ุ หมายความวา่ บคุ คล ซ่ึงมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ข้ึนไปและมีสัญชาติไทย” ย่ิงไปกว่านั้นในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ซง่ึ แมจ้ ะไมน่ ยิ ามไว้ตรงๆ วา่ ผู้สงู อายุคอื คนทม่ี อี ายุเท่าใด แตก่ ็ระบใุ นมาตรา 53 วา่ “บคุ คล ซ่ึงมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพมีสิทธิได้รับสวัสดิการ ส่ิงอ�ำนวย ความสะดวกอันเป็นสาธารณะอย่างสมศักด์ิศรี และความช่วยเหลือท่ีเหมาะสมจากรัฐ” แสดงนัยว่า ในรัฐธรรมนูญฉบบั นีผ้ สู้ งู อายคุ ือ ผูท้ มี่ ีอายุ 60 ปีบรบิ รู ณ์แลว้ อยา่ งไรกต็ าม ในชว่ งเวลาครงึ่ ศตวรรษทผ่ี า่ นมานี้ ประเทศไทยไดพ้ ฒั นากา้ วหนา้ ไปอยา่ งมากในทกุ ดา้ น โดยเฉพาะในดา้ นการสาธารณสขุ และชีวติ ความเปน็ อยขู่ องประชาชน คนไทยมสี ขุ ภาพดีขนึ้ มาก อายุเฉล่ีย ของคนไทยยืนยาวขึน้ อายคุ าดเฉลี่ยต้งั แต่แรกเกิดที่เคยสงู ไม่ถึง 50 ปี เมอ่ื 50 ปีกอ่ น ได้ยนื ยาวขึ้นจนถงึ ประมาณ 74 ปใี นปจั จบุ ัน คนไทยสมัยน้อี ายุ 60 ปีแลว้ กด็ ูยงั ไม่แก่ คนอายุ 60 กว่าปีจำ� นวนมากยงั ดูแขง็ แรง
มโนทศั นใ์ หมข่ องนยิ ามผู้สูงอายุ : มมุ มองเชิงจิตวทิ ยาสงั คม และสขุ ภาพ v ไม่ต่างจากคนวัยหนุ่มสาวหรือวัยกลางคน ดูเหมือนว่ามโนทัศน์ของนิยามผู้สูงอายุเดิม ที่หล่อหลอมด้วย ความเชื่อ ประเพณี และกฎหมายท้ังหลายจะล้าหลังและตามไม่ทันพัฒนาการด้านสุขภาพอนามัยของคน ในสังคมไทยไปเสยี แลว้ ผลการวิจัยเรื่อง “มโนทัศน์ใหม่ของนิยามผู้สูงอายุ : มุมมองเชิงจิตวิทยาสังคม และสุขภาพ” น้ี ได้น�ำข้อมูลเชิงคุณภาพท่ีเก็บรวบรวมมาแสดงให้เห็นว่านิยามผู้สูงอายุที่ใช้อายุ 60 ปีเป็นเกณฑ์ น่าจะต้อง ปรับเปลี่ยนเสียใหม่ ให้สอดคล้องกับพัฒนาการด้านสุขภาพอนามัยของคนไทย คณะผู้วิจัยได้ข้อสรุปว่า ควรขยบั อายุของผู้สูงอายจุ าก 60 ปใี หส้ ูงข้ึนเป็น 65 ปี (โดยไม่ไปตัดสิทธิประโยชน์ทคี่ นอายุ 60 ปี จะพึงได้ ตามนยิ ามเดมิ ) งานวิจัยเรอื่ งนี้มีความส�ำคญั ในแงจ่ ติ วิทยาเชงิ สังคม ถา้ เราเชอ่ื ขอ้ เสนอแนะจากงานวิจยั นี้ และน�ำไป รณรงคใ์ ห้คนในสงั คมมีนโนทศั นใ์ หมว่ ่าอายุ 60 ปียังไม่แกช่ รา ยังไม่เรยี กวา่ เปน็ ผูส้ ูงอายุ แม้อายเุ กิน 60 ปี ไปแลว้ กย็ ังมคี ุณคา่ มพี ลงั ยังทำ� งานเป็นผูผ้ ลิตได้ มโนทศั น์ใหม่ของนิยามผ้สู ูงอายุเชน่ นี้ กจ็ ะสรา้ งเสริมพลัง ให้กับสังคมไทยอีกมหาศาล นอกเหนือไปจากจะช่วยเพิ่มปริมาณแรงงานอายุ 60-64 ปีให้กับประเทศอีก อย่างน้อย 2.5 ล้านคน ศาสตราจารย์ ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล สถาบนั วิจยั ประชากรและสงั คม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล
มโนทัศน์ใหมข่ องนิยามผสู้ งู อายุ : มมุ มองเชงิ จิตวทิ ยาสังคม และสขุ ภาพ vii บทสรปุ สำ� หรับผู้บรหิ าร มโนทัศนใ์ หมข่ องนิยามผู้สงู อาย:ุ มุมมองเชิงจิตวิทยาสังคม และสุขภาพ รศรินทร์ เกรย,์ อมุ าภรณ์ ภทั รวาณิชย,์ เฉลมิ พล แจ่มจันทร์ และ เรวดี สวุ รรณนพเกา้ นยิ ามผสู้ งู อายทุ อ่ี ายุ 60 ปบี รบิ รู ณข์ นึ้ ไป สำ� หรบั ประเทศไทยใชม้ าเปน็ เวลานาน และเปน็ อายทุ เี่ รมิ่ ตน้ ได้รับสวัสดิการ และผลประโยชน์ต่างๆ จากทางราชการด้วย ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยได้เป็นสังคม ผ้สู งู อายแุ ล้ว คือมีผ้สู ูงอายมุ ากกวา่ รอ้ ยละ 10 ตามเกณฑ์ขององค์การสหประชาชาติ และจากการฉายภาพ ประชากรของประเทศไทยระหว่างปี 2553–2583 พบว่าจ�ำนวนและสัดส่วนของประชากรสูงอายุเพ่ิมขึ้น อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ในขณะทจี่ ำ� นวนและสดั สว่ นของประชากรวยั ทำ� งานลดลงอยา่ งตอ่ เนอื่ งเชน่ เดยี วกนั นอกจากนี้ ประเทศไทยไดม้ กี ารเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม และสขุ ภาพ ดงั นนั้ จงึ ควรมกี ารทบทวน ศกึ ษา ถงึ ความเหมาะสมของนยิ ามผสู้ ูงอายทุ ่ีใช้อยู่ในปัจจุบนั การศึกษาคร้ังนมี้ ีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือ 1) ค้นหาความหมายของการเปน็ ผูส้ ูงอายุ ทง้ั ในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ในมุมมองเชงิ จิตวทิ ยาสังคมและสุขภาพ เปรียบเทยี บกลุ่มคนเมอื ง และชนบท 2) คน้ หาผลกระทบ เชิงจติ วิทยาสังคม และสขุ ภาพ ต่อการเปล่ียนแปลงนยิ ามของผู้สงู อายุ และ 3) ความเปน็ ไปได้ในการนิยาม ความหมายใหม่ของผู้สูงอายุ และวิธีการเปลี่ยนแปลงนิยามผู้สูงอายุให้เป็นที่ยอมรับต่อสังคม โดยใช้วิธีการ วิจัยเชิงคุณภาพ จากเอกสาร สนทนากลุ่มกับประชาชนทั่วไป จ�ำนวน 45 กลุ่ม และสัมภาษณ์เชิงลึก กับผู้บริหาร นกั วชิ าการ และแพทย์ จำ� นวน 12 คน ส�ำหรบั กลุ่มประชาชนทว่ั ไป แบ่งออกเป็น กล่มุ วยั ทำ� งาน ไดแ้ กผ่ ้ทู ีม่ อี ายุ 35–59 ปี ท่ีท�ำงานในภาคราชการ เอกชน ธรุ กจิ ส่วนตวั และเกษตร จ�ำนวนท้งั ส้นิ 36 กล่มุ และกล่มุ วัยสงู อายุ อายุ 60 ปีขนึ้ ไป จำ� นวน 9 กลมุ่ กลมุ่ ละ 7–8 คน ทัง้ ชายและหญิง ในกรงุ เทพฯ และ 4 ภาค ภาคละ 1 จงั หวดั ในเขตเมือง และชนบท ได้แก่ เชียงใหม่ (ภาคเหนือ) ขอนแก่น (ภาคตะวันออก เฉียงเหนอื ) สงขลา (ภาคใต)้ และนครปฐม (ภาคกลาง) จ�ำนวนผเู้ ข้าร่วมสนทนากลมุ่ ทั้งสน้ิ จำ� นวน 351 คน เปน็ ชาย 162 คน และหญงิ 189 คน ดำ� เนนิ การสนทนากลมุ่ และสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ ระหวา่ งเดอื นตลุ าคม 2555– มกราคม 2556 ผลการศกึ ษาสรุปได้ดงั นี้คือ
viii มโนทศั น์ใหมข่ องนยิ ามผสู้ ูงอายุ : มมุ มองเชงิ จิตวทิ ยาสังคม และสขุ ภาพ จากการวิจัยเอกสาร พบว่าค�ำจ�ำกัดความหรือข้อตกลงเกี่ยวกับค�ำว่า “ผู้สูงอายุ” นั้น องค์การ สหประชาชาติ ไมไ่ ดม้ ีการกำ� หนดเกณฑอ์ ายุเรมิ่ ต้นทีเ่ ปน็ มาตรฐาน เพียงยอมรับโดยท่ัวไปว่าหมายถงึ บคุ คล หรือกลุ่มประชากรท่ีมีอายุตามปีปฏิทิน ตั้งแต่ 60 ปีข้ึนไป ซึ่งเป็นเกณฑ์อายุเริ่มต้นเดียวกับค�ำแนะน�ำ ขององค์การอนามัยโลกที่ใช้ในการก�ำหนดช่วงอายุของผู้สูงอายุ แต่ในทางปฏิบัติมีความแตกต่างระหว่าง ประเทศ กล่าวคือกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แม้ส่วนใหญ่ไม่ได้ก�ำหนดอย่างเป็นทางการหรือระบุชัดเจน ทางกฎหมาย แต่มักถูกอ้างอิงหรือตกลงไว้ที่เกณฑ์อายุต้ังแต่ 65 ปีขึ้นไป ในขณะที่ประเทศก�ำลังพัฒนา หลายประเทศ รวมถงึ ประเทศไทย กำ� หนดไว้หรือตกลงไว้ทีอ่ ายตุ ้งั แต่ 60 ปีขน้ึ ไป การกำ� หนดนยิ ามผสู้ ูงอายุ ท้ังในประเทศไทยและตา่ งประเทศ อยูภ่ ายใต้แนวคิดที่วา่ ผ้สู งู อายเุ ปน็ วัยทเ่ี ปราะบาง สมควรได้รบั สวัสดกิ าร การดแู ลหลงั จากการท�ำงาน จึงมักเปน็ อายุเดยี วกนั กบั อายเุ กษียณ นอกจากการก�ำหนดด้วยอายุแล้ว ความหมายของการเป็นผู้สูงอายุยังสามารถอธิบายโดยทฤษฎี ประกอบ ทางสังคมภายใต้มโนทัศน์เก่ียวกับการสร้าง “ภาพแทนความจริง” ว่าภาพลักษณ์ผู้สูงอายุท่ีถูก รับรู้และเข้าใจน้ัน เกิดจากการสร้างภาพข้ึนในแต่ละสังคม แต่ละวัฒนธรรม และแตล่ ะช่วงเวลา ซึ่งเปน็ เพียง ความจรงิ บางสว่ น ในสงั คมสมยั ใหม่ ภาพลกั ษณข์ องผสู้ งู อายทุ ป่ี รากฏมกั ถกู นำ� เสนอในดา้ นลบ ซงึ่ นำ� ไปสกู่ าร เลอื กปฏบิ ัติและการรังเกียจอันเน่ืองมาจากอายุ หรือ “วยาคต”ิ ตอ่ ผสู้ ูงอายุ สำ� หรบั ประเทศไทยในอดตี ตงั้ แตส่ มยั อยธุ ยา ถงึ แมจ้ ะไมม่ กี ารกำ� หนดนยิ ามผสู้ งู อายอุ ยา่ งเปน็ ทางการ แต่อนุมานได้ว่าหมายถึงผู้มีอายุ 60 ปีข้ึนไปเช่นกัน กล่าวคือระบบมูลนาย ซึ่งเป็นระบบท่ีมีไพร่ส�ำหรับ พระมหากษัตริย์หรือขุนนางใช้เป็นก�ำลังแรงงานในการสงคราม หรือท�ำงานต่างๆ เช่น การท�ำเกษตรกรรม และการก่อสร้าง กำ� หนดให้ผชู้ ายสิน้ สดุ การเปน็ ไพรเ่ มื่ออายุ 60 ปี ปจั จบุ นั ประเทศไทยไดก้ ำ� หนดนยิ ามผสู้ งู อายอุ ยา่ งเปน็ ทางการตามพระราชบญั ญตั ผิ สู้ งู อายุ พ.ศ. 2546 โดย “ผสู้ ูงอาย”ุ หมายถงึ บคุ คลซ่งึ มอี ายุเกนิ 60 ปีบรบิ รู ณข์ น้ึ ไปและมสี ญั ชาตไิ ทย ผลการสนทนากลุ่มและการสัมภาษณ์เชิงลึกมีความคล้ายคลึงกัน พบว่า นิยามผู้สูงอายุในปัจจุบัน ผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มพิจารณาจาก 1) เกณฑ์อายุตามปีปฏิทิน ส่วนใหญ่คิดว่า คือบุคคลท่ีมีอายุ 60 ปี ตามเกณฑ์ของทางราชการ 2) ดูจากลักษณะภายนอก เช่น หน้าตาที่ดูมีอายุ หรือแก่ ผิวหนังที่เหี่ยวย่น ผมหงอกสีขาว 3) การมีสุขภาพและความจ�ำไม่ดี เป็นวัยท่ีต้องพึ่งพิงผู้อื่น 4) ความสามารถในการท�ำงาน ลดลง หรือไม่สามารถท�ำงานได้แล้ว 5) พฤติกรรมและอารมณ์ เช่น จุกจิก ขี้บ่น ย�้ำคิดย�้ำท�ำ และ 6) การเปลี่ยนแปลงสถานภาพ เป็น ปู่ ยา ตา ยาย ทวด ส�ำหรับการก�ำหนดนิยามผู้สูงอายุในอนาคตควรจะเปลี่ยนแปลง โดยมีความเห็นเป็น 4 ทางเลือก เรียงจากความเห็นของผู้สนทนากลุ่มมากไปน้อยดังน้ี 1) ก�ำหนดด้วยอายุเท่าน้ัน เนื่องจากชัดเจนที่สุด และสามารถบรหิ ารจดั การกำ� ลงั คนได้ 2) กำ� หนดดว้ ยอายุ และคณุ ลกั ษณะของผสู้ งู อายทุ เี่ ปน็ เชงิ บวก เนอ่ื งจาก การก�ำหนดด้วยอายุมีความส�ำคัญ และการก�ำหนดลักษณะเชิงบวกท�ำให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่า และภูมิใจ ในตนเอง และทำ� ให้ผสู้ ูงอายุต้องท�ำตัวให้เหมาะสมกับลักษณะเชิงบวก 3) คณุ ลกั ษณะทเี่ ปน็ เชิงบวกเทา่ น้นั เนื่องจากการก�ำหนดอายุท่ีแน่นอน มีผลทางจิตวิทยา ท�ำให้รู้สึกว่าตนเองถึงวัยสูงอายุ ซึ่งทุกคนไม่ต้องการ ถงึ วยั นี้ นา่ จะเปน็ เพราะภาพจำ� ของผสู้ งู อายมุ ลี กั ษณะเชงิ ลบ และ 4) ไมม่ นี ยิ ามผสู้ งู อายุ เนอ่ื งจากการรบั รวู้ า่
มโนทศั นใ์ หมข่ องนยิ ามผสู้ ูงอายุ : มุมมองเชิงจติ วทิ ยาสงั คม และสขุ ภาพ ix ตนเองเป็นผู้สูงอายุข้ึนอยู่กับแต่ละบุคคล การก�ำหนดนิยามโดยใช้อายุท�ำให้รู้สึกว่าตนเองแก่ ส�ำหรับการ ก�ำหนดนิยามผู้สูงอายุในเชิงคุณค่านั้น ผู้ร่วมสนทนากลุ่มส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าน่าจะท�ำได้ยาก เนื่องจาก การใหค้ วามหมาย “คณุ คา่ ” ทแ่ี ตกตา่ งกนั ของแตล่ ะบคุ คล และผสู้ นทนากลมุ่ เกอื บทกุ คนเหน็ วา่ การใหน้ ยิ าม ผสู้ งู อายคุ วรเปน็ นยิ ามเดยี วทว่ั ประเทศไมว่ า่ จะเปน็ นยิ ามแบบใด เพอื่ ความเสมอภาค ถงึ แมค้ วามเปน็ ผสู้ งู อายุ มคี วามแตกตา่ งกนั ระหวา่ งเขตเมอื ง และชนบท หญงิ และชาย สำ� หรบั การกำ� หนดดว้ ยอายนุ นั้ ไมว่ า่ จะเปน็ ขอ้ เสนอท่ี 1 หรอื 2 สว่ นใหญข่ องผรู้ ว่ มสนทนากลมุ่ มคี วาม เห็นว่าน่าจะเลื่อนอายใุ ห้สงู ขนึ้ จาก 60 ปี เน่อื งจากในปจั จบุ นั คนไทยโดยเฉล่ยี มอี ายยุ นื ยาวข้นึ สขุ ภาพดขี ึ้น ซ่ึงอาจจะเลื่อนเป็นที่ 65 ปี หรือ 70 ปี แต่ต้องไม่กระทบสิทธิประโยชน์ท่ีได้รับในปัจจุบัน เช่น การได้รับ เบี้ยยงั ชีพ ตอ้ งยงั คงได้รบั เม่อื อายุ 60 ปขี ้นึ ไปเช่นเดมิ ผลกระทบทางบวกจากการเล่ือนนิยามผู้สูงอายุให้มีอายุสูงขึ้น จะท�ำให้มีสุขภาพจิตดีท่ีรู้สึกว่าตนเอง ยงั ไม่แก่ เม่อื สขุ ภาพจิตดสี ขุ ภาพกายยอ่ มดีตามไปดว้ ย มพี ลังในการท�ำงานยาวนานขน้ึ และถ้าการขยายอายุ ผ้สู งู อายุ น�ำไปสูก่ ารขยายอายุการท�ำงานดว้ ย จะทำ� ใหย้ งั มรี ายได้ ไม่ต้องพง่ึ พาลกู หลานมากจนเกินไป สง่ ผล ต่อความรู้สึกว่าตนเองยังมีคุณค่า มีความภาคภูมิใจในตนเอง ส�ำหรับในทางลบนั้น มีเป็นส่วนน้อยที่เห็นว่า ถ้าเช่ือมโยงอายุผู้สูงอายุที่เพ่ิมมากขึ้นและอายุเกษียณเป็นอายุเดียวกัน อาจท�ำให้คนรุ่นใหม่มีโอกาส ไดเ้ ขา้ ทำ� งานนอ้ ยลง และมกี ารเปลยี่ นแปลงวฒั นธรรมการเลยี้ งหลาน มผี สู้ งู อายเุ ลย้ี งหลานนอ้ ยลง เนอ่ื งจาก ผูส้ งู อายุออกมาท�ำงานมากขึน้ ส�ำหรับความหมายเชิงภาพลักษณ์หรือทัศนคติที่มีต่อผู้สูงอายุนั้นมีท้ังเชิงลบและเชิงบวก ส�ำหรับ เชิงลบดังกล่าวข้างต้นน้ันน่าจะเป็น “ภาพแทนความจริง” หรือภาพจ�ำของผู้สนทนากลุ่มทุกช่วงวัยและ ทกุ อาชพี มากกว่าภาพจำ� เชงิ บวก เนอ่ื งจากภาพลบเป็นประเดน็ ความเหน็ ท่ีมาจากผูเ้ ขา้ รว่ มสนทนากล่มุ กอ่ น ภาพลักษณ์เชิงบวก ส่วนภาพลักษณ์เชิงบวกน้ันต้องมีการกระตุ้นความคิดจากผู้ด�ำเนินการสนทนากลุ่ม ภาพลกั ษณ์เชงิ บวกจะม่งุ เน้นไปที่ความมคี ณุ ค่า เชน่ ความมปี ระสบการณ์ และการถา่ ยทอดภูมิปญั ญาส่คู น รุน่ หลงั อย่างไรก็ตามการเปลีย่ นนยิ ามผสู้ ูงอายุ ถา้ เปลีย่ นแตอ่ ายุ ประชาชนจะไมไ่ ด้รับประโยชน์ ประชาชน ควรได้รับประโยชน์ด้วย ดังน้ันจึงควรมีการเปลี่ยนทัศนคติของสังคมท่ีมีต่อผู้สูงอายุให้เป็นเชิงบวกมากขึ้น โดยการสนับสนุนผู้สูงอายุในการดูแลสุขภาพตนเอง ตลอดจนการมีส่วนร่วมในสังคม การปฏิบัติตนของ ผสู้ งู อายุเองจะเป็นประเดน็ ส�ำคญั ท่ที �ำให้สงั คมยอมรับในคณุ คา่ สำ� หรบั ขอ้ เสนอแนะจากการศกึ ษาครงั้ นค้ี อื นยิ ามผสู้ งู อายคุ วรใชเ้ ปน็ ตวั เลขที่ 65 ปี เนอื่ งจากเปน็ ความ เหน็ สว่ นใหญข่ องผสู้ นทนากลมุ่ และการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ และมหี ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษเ์ ชงิ ตวั เลขทางดา้ นวชิ าการ ประชากรศาสตร์ ได้แกก่ ารมีอายุยืนยาวที่เหลืออย่ขู องผูท้ ม่ี อี ายุ 65 ปีในปจั จบุ ันเทา่ กับของผ้ทู ีม่ ีอายุ 60 ปี เมอื่ กวา่ หา้ สบิ ปที ผี่ า่ นมา และการกำ� หนดดว้ ยอายอุ ยา่ งเดยี วจะทำ� ใหส้ ามารถบรหิ ารจดั การกำ� ลงั คนได้ สำ� หรบั ภาพลักษณ์เชิงบวกนั้น ควรใช้ส�ำหรับการปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อผู้สูงอายุ ไม่ใช้ในการก�ำหนดนิยาม เน่อื งจากไม่สามารถกำ� หนดเป็นมาตรฐานเดยี วกนั ได้
x มโนทัศนใ์ หมข่ องนิยามผูส้ ูงอายุ : มุมมองเชงิ จติ วิทยาสงั คม และสขุ ภาพ ถงึ แมว้ า่ ความเหน็ สว่ นใหญข่ องผเู้ ขา้ รว่ มสนทนากลมุ่ เหน็ วา่ การปรบั เปลยี่ นนยิ ามผสู้ งู อายตุ อ้ งไมก่ ระทบ สวัสดิการท่ีได้รับ เช่น อายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพ แต่ในอนาคตสวัสดิการเบี้ยยังชีพจะเป็นภาระต่องบประมาณ ของรัฐที่จะเพ่ิมขึ้นอย่างมาก เน่ืองจากการฉายภาพจ�ำนวนประชากรในอนาคต พบว่าสัดส่วนและจ�ำนวน ผสู้ งู อายจุ ะเพมิ่ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ในขณะทสี่ ดั สว่ นและจำ� นวนประชากรวยั แรงงานลดลง นอกจากนค้ี ณุ ลกั ษณะ ของผสู้ งู อายใุ นอนาคตจะมกี ารศกึ ษาสูงขึ้น รายไดม้ ากขึ้นด้วย จงึ ควรมกี ารศกึ ษาถงึ แผนรองรบั ในระยะยาว ถึงผลกระทบจากสวัสดิการเบ้ียยังชีพ นอกจากนี้การเปลี่ยนนิยามผู้สูงอายุให้เป็นท่ียอมรับต้องมีการส่ือสาร ชแ้ี จงลว่ งหนา้ เช่น การให้ความรเู้ กยี่ วกบั การเปลีย่ นแปลงของโครงสร้างอายุของประชากรท่จี ะมปี ระชากร วัยสูงอายุเพ่ิมข้ึนอยา่ งต่อเนอ่ื ง และผลกระทบที่อาจเกดิ ขึน้ ส�ำหรับนิยามเชิงบวกน้ัน ควรใช้ส�ำหรับการปรับเปลี่ยนทัศนคติของสังคมที่มีต่อผู้สูงอายุ เช่น การก�ำหนดให้มคี ำ� ขวญั หรือลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ของผสู้ ูงอายุ ในวนั ผู้สงู อายุแหง่ ชาตทิ ุกปี คล้ายกับค�ำขวัญ วันเด็กที่มีประจ�ำทุกปี เช่น ภาพลักษณ์เชิงบวกท่ีได้จากการสนทนากลุ่ม “แก่ช้า มีคุณค่า สุขภาวะดี” หรือ “มีคุณค่า และประสบการณ์” และที่ส�ำคัญคือการเตรียมพร้อมของประชากรให้เข้าสู่วัยสูงอายุอย่าง มคี ุณค่า เหมาะสมกับภาพลกั ษณ์เชิงบวก ซง่ึ ควรก�ำหนดไว้ในหลักสตู รการศกึ ษาตง้ั แต่ระดับต้นเพ่ือให้เข้าใจ กระบวนการสูงวัย และตระหนักถึงคุณค่าผู้สูงอายุ ผ่านการส่งเสริมการท�ำกิจกรรมที่เก่ียวข้องกับผู้สูงอายุ โดยมเี ดก็ เป็นแกนน�ำในการคดิ สร้างสรรค์กจิ กรรมเอง เพื่อใหเ้ ด็กเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ในการเตรยี มความพร้อม ให้ตนเองมคี ุณคา่ และเป็นท่ีนา่ เคารพนบั ถือเม่ือเขา้ สวู่ ยั สงู อายุ ส�ำหรับประชาชนโดยท่ัวไป ทัศนคติเชิงบวก และความรู้เก่ียวกับการเปล่ียนแปลงโครงสร้างอายุ ของประชากร อาจผ่านช่องทางการจัดประชุม สัมมนา ท่ีเกี่ยวข้องกับเร่ืองผู้สูงอายุ หรือประชาสัมพันธ์ ผา่ นส่อื ท่คี นท่ัวไปเขา้ ถงึ ได้ เช่น การจดั รายการวิทยุ โทรทศั น์ บทความ หนงั สอื พมิ พ์ หรือนิตยสาร เป็นตน้ ส�ำหรับการเชื่อมโยงอายุผู้สูงอายุกับอายุการท�ำงาน หรือการขยายอายุเกษียณในภาคราชการและ ภาคเอกชนนั้น ต้องได้รับการศึกษาอย่างรอบด้านถึงผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น ส�ำหรับภาคเอกชน ภาครัฐ ควรมมี าตรการจูงใจในการจา้ งแรงงานผสู้ งู อายุ
มโนทัศน์ใหม่ของนยิ ามผ้สู ูงอายุ : มุมมองเชงิ จิตวทิ ยาสังคม และสขุ ภาพ xi Executive Summary New Concept of Older Persons: The Psycho–socia and Health Perspective Rossarin Gray, Umaporn Pattaravanich, Chalermpol Chamchan and Rewadee Suwannoppakoa The definition of “older person” as a person of 60 completed years of age and over has been applied in Thailand for a long time. Sixty years is also the threshold age for initiating government pensions and other benefits. According to United Nations (UN) standards, Thailand can be considered an aging society, in that more than 10 percent of the population is older person. Population projections for the period from 2010 to 2040 indicate that the number and proportion of older persons will increase steadily as the number and proportion of the working age population declines. At the same time, Thai society continues to evolve in terms of socio–economic, cultural and health dimensions. Thus, it is appropriate to reconsider the definition of older person in the context of these changes. This study had the following objectives: (1) To review the definition of older person in the past, present and future from the psycho–social and health perspective, and by urban and rural settings; (2) To explore the impacts on psycho–social and health status on changing definition of the elderly; and (3) To consider the feasibility of introducing a new definition of “elderly” which is socially acceptable. This study used qualitative methods of data collection including review of existing documentation, focus group discussions (FGD) with 45 groups of people from the general population, and in–depth interviews (IDI) with 12 administrators, technical specialists and physicians. The groups of individuals for the FGD were working age population (35–59 years) consisting of 36 groups of individuals working
xii มโนทศั น์ใหมข่ องนยิ ามผสู้ ูงอายุ : มมุ มองเชงิ จิตวิทยาสงั คม และสุขภาพ in government sector, being self–employed, being private employee, and working in agricultural sector. The remaining nine groups comprised persons aged 60 years or older. Participants included male and female, were from urban and rural settings in each of the four geographic regions and Bangkok. The participants were from the following provinces: Chiang Mai (North) ; Khon Kaen (Northeast) ; Songkhla (South) ; and Nakorn Pathom (Central). The total number of participants in the FGD includes 162 males and 189 females, or a total of 351 persons. The FGD and ID were carried out during October 2012–January 2013. Following are highlights of the results. From the review of related literature, it can be seen that there is no specific age threshold for the UN definition of “older persons.” Instead, it is a matter of convention to consider a person or population group of age 60 years or older as “older persons.” This convention is consistent with the guidelines of the World Health Organization (WHO). In practice, there are differences among countries in classifying older persons in their society, that is, for the industrialized nations. Even though there is no fixed or legal definition of older persons in these societies, most tend to assign 65 years as the threshold for elderly. By contrast, in developing countries (including Thailand), elderly status begins at age 60. The rationale for classifying the elderly component of the population is the consideration that this age group represents persons who are generally more vulnerable than younger cohorts, and should receive welfare and care during their years of retirement. Thus, the age of official retirement is usually synonymous with “older person” . In addition to defining older persons by chronological age, another perspective concerns theoretical aspects of social perceptions of “elderly” in different societies, cultures, and eras. In modern times, the perception of “older person” is generally negative, and this can be a basis for age discrimination and ageism. Historically, in Thailand since the Ayutthaya period (i.e., covée system), although there was no official definition, it can be inferred that anyone over age 60 was considered older person. This was the system as applied by the Monarchy and nobility toward commoners with respect to Prai or covée’s service for agriculture or construction, for which service expired at age 60 years. At present, Thailand has legally (2003) designated “older person” to denote a Thai citizen of 60 completed years of age and older.
มโนทศั นใ์ หม่ของนยิ ามผ้สู งู อายุ : มุมมองเชงิ จติ วทิ ยาสงั คม และสขุ ภาพ xiii The results of the FGD and IDI were consistent in that the interpretation of “older person” takes into consideration: (1) Chronological age or, generally, age 60 in accordance with government criteria; (2) External appearance, e.g., wrinkles, white hair, etc.; (3) Failing health and memory, and increased dependency on others for daily functioning; (4) Reduced ability or inability to work; (5) Behavior and moods such as increased irritability or repetitiveness; and (6) Change of social status in being referred to as a grandfather, grandmother, or great–grandparent. In the future, the definition of older person should be modified based on four considerations, in order of priority as follows: (1) Defined solely by chronological age since that is most unambiguous and is more easily applied to groups of populations; (2) Defined by chronological age and positive attributes, in that chronological age is important and being viewed as a venerable member of the community instills a sense of self–worth and pride, and reinforces positive behavior among the elderly; (3) Define solely in terms of positive attributes since classifying someone by age has psychological implications and can make a person feel elderly, something that no one wishes for since the prevailing image of elderly is negative; and (4) Do not define older person, since elderly is a state of mind; classifying someone as elderly will make them feel old. Most of the FGD participants felt that defining positive attributes of “older person” would be difficult since sense of worth may vary widely among individuals. In addition, the participants uniformly felt that the definition of “older person” should be standardized throughout the country to promote equality, even though the characteristics of older person may differ between urban and rural settings, and men and women. The FGD participants also felt that the age definition of older person (as per criteria [1] and [2] above) should be adjusted upward (e.g. to 65 or 70 years) in view of the increased life expectancy and health status of Thais. However, this change should not adversely impact on payment of elderly welfare and other benefits currently being implemented. A favorable outcome of adjusting the age definition of older person upward includes the psychological benefit of not feeling “old” among those between age 60 years and the new older person age threshold. The improved mental health state should improve physical health and contribute to improved endurance to work longer and enable people to continue to be gainfully employed, reducing over–dependence on children and other younger relatives. These persons should also feel greater self–esteem as a result. Participants
xiv มโนทศั นใ์ หมข่ องนยิ ามผสู้ งู อายุ : มุมมองเชงิ จิตวทิ ยาสังคม และสขุ ภาพ cited potential negative effects of raising the age definition of older person if that is linked to age of mandatory retirement. If the older population is allowed or encouraged to work at higher ages, then job vacancy will be less for younger generation and there may be fewer older persons to care for grandchildren. Defining older person has both positive and negative perceptions. The negative disposition seems more powerful than any positive perceptions of the older generation since the moderators of the FGD had to prompt and probe the participants to suggest beneficial perceptions of the elderly. Those who did cite the positive attributes of the elderly referred to concepts of traditional wisdom and venerability. In any event, a change in the definition of older person should confer benefits for the population. An increase of the elderly age threshold needs to be accompanied by improved social perception of the positive attributes, improved health maintenance and social involvement of older person. This will increase social acceptance and sense of worth of older person. Based on the findings from the FGD and IDI in this study, it is recommended that the age definition of “older person” be increased to 65 years. This is supported by demographic analysis which shows that the remain life expectancy of the population currently age 65 is equal to the remain life expectancy of those aged 60 over 50 years ago. Using chronological age as a criterion makes it easier to administer services and conditions for older person. Defining older person based on perception, even if positive attributes are emphasized, is not feasible given the difficulty of implementing a standard set of criteria across the nation. Even though the participants in this study felt that raising the age definition of elderly should not adversely impact on welfare payments and other elderly benefits, for instance monthly allowance, it is inevitable that, as Thailand’s population continues to age, these payments will become an increasing burden on the government budget. This burden is further exacerbated by the relative decline of the working age population over the same time period. In addition, older persons of the future will be more educated, with higher income histories. Thus, impact of budget on monthly allowance need to be studied. Implementing a revised definition of “older person” requires a preparatory period of communication, awareness–raising, and education about the changing structure of the Thai population, and the implications of an aging society.
มโนทัศนใ์ หมข่ องนยิ ามผู้สงู อายุ : มุมมองเชิงจติ วิทยาสงั คม และสขุ ภาพ xv The positive attributes of being older person should be promoted to improve social attitudes and perceptions toward the older generation. For instance, there should be campaigns with slogans which reflect the aspirations for older person. Similar to National Children Day, these can be held annually on the National Day of Older Person. The FDG suggested such slogans as “staying young, value, and well being” or “value and experience.” Importantly, the younger age groups of the population need to be prepared for becoming older persons. Children can be encouraged to be thinking about ageing process and realizing value of older persons through inclusion of relevant course content in school curricula. In this regard, activities with older persons created by children are encouraged since they can learn how to become respectful older persons by their experiences. For general population, this information can be disseminated through meetings, seminars and using several kinds of media such as radio, television, newspaper and magazines. Whether to link an older age of “older person” with current criteria for retirement from government or private business requires more careful consideration and more research. Government should introduce incentive programs for private sectors to provide jobs to older persons.
สารบญั ค�านา� IV บทสรปุ สา� หรบั ผูบ้ ริหาร VII Executive Summary XI บทท่ี 1 : บทน�า 1 ความเปน็ มา 1 วตั ถปุ ระสงค์ 3 วิธีการศกึ ษา 3 โครงสรา้ งของรายงาน 4 บทที่ 2 : แนวคิด “นยิ ามผู้สงู อาย.ุ ...ไทย และเทศ” 5 นิยาม “ผสู้ ูงอายุ” 5 กระบวนทศั น์และการรับร้เู ก่ยี วกับ “ความสูงอาย”ุ 7 ใครคอื ผู้สงู อายุ? ในต่างประเทศ: อดีต และปจั จุบนั 10 ใครคอื ผู้สงู อาย?ุ ในประเทศไทย: อดตี และปัจจบุ ัน 12 การรับรู้เกย่ี วกับความสงู อายุในประเทศไทย 14 การใช้คา� ทเี่ หมาะสมส�าหรบั “ผสู้ ูงวัย” ในภาษาไทย และภาษาองั กฤษ 16 ผลกระทบของการเล่ือนอายุท่ตี ้งั ตน้ การเปน็ ผสู้ งู อายุใหส้ งู ขน้ึ 17 ผลกระทบในทางบวกต่อการเลอ่ื นอายุเริ่มต้นผสู้ ูงอายุให้สูงขึ้น 24 ผลกระทบในทางลบต่อการเลอ่ื นอายุเริ่มตน้ ผ้สู งู อายุใหส้ งู ข้ึน 24 บทท่ี 3 : กรุงเทพมหานคร 25 บทสรุปสนทนากลุ่ม 25
กลุม่ เกษตรกร 29 กลมุ่ ลกู จา้ งเอกชน 33 กลมุ่ ข้าราชการและพนกั งานรัฐวสิ าหกจิ 38 กลุ่มผู้ประกอบธรุ กิจสว่ นตัว 44 กลุ่มผู้สงู อายุ 49 บทท่ี 4 : จงั หวัดนครปฐม 53 บทสรปุ สนทนากลุ่ม 53 กลุ่มเกษตรกร 57 กลุ่มลกู จ้างเอกชน 62 กลุ่มข้าราชการและพนักงานรฐั วิสาหกิจ 66 กลุ่มผูป้ ระกอบธรุ กจิ สว่ นตัว 72 กลุ่มผู้สงู อายุ 77 บทท่ี 5 : จังหวดั ขอนแก่น 85 บทสรุปสนทนากลุ่ม 85 กลุ่มเกษตรกร 91 กลุ่มลูกจา้ งเอกชน 95 กลุ่มข้าราชการและพนักงานรฐั วิสาหกจิ 100 กลุ่มผปู้ ระกอบธรุ กจิ ส่วนตวั 105 กลมุ่ ผสู้ งู อายุ 110 บทที่ 6 : จังหวดั เชยี งใหม่ 115 บทสรปุ สนทนากลุ่ม 115 กลุ่มเกษตรกร 120 กลุ่มลูกจ้างเอกชน 126
กลุ่มขา้ ราชการและพนกั งานรฐั วิสาหกิจ 133 กลุ่มผปู้ ระกอบธรุ กิจสว่ นตวั 138 กลมุ่ ผู้สงู อายุ 145 บทท่ี 7 : จงั หวัดสงขลา 151 บทสรุปสนทนากลุ่ม 151 กลมุ่ เกษตรกร 155 กลุ่มลูกจ้างเอกชน 161 กลุม่ ขา้ ราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ 168 กลุม่ ผู้ประกอบธรุ กิจส่วนตวั 175 กลมุ่ ผสู้ งู อายุ 181 บทท่ี 8 : ผบู้ ริหาร นักวชิ าการ แพทย์ 187 บทสรุปสัมภาษณ์เชิงลึก 187 บทท่ี 9 : บทสรปุ 201 นยิ ามผู้สงู อายุในอดตี 201 นยิ ามผ้สู งู อายใุ นปัจจบุ นั 202 นยิ ามผผสู้ งู อายุในอนาคต 203 ผลกระทบทางบวกจากการเลื่อนนยิ ามผผู้สูงอายใุ หม้ ีอายุสูงขน้ึ 207 ผลกระทบทางลบจากการเลื่อนนิยามผผสู้ ูงอายใุ ห้มีอายสุ ูงขึน้ 207 ข้อเสนอแนะ 209 เอกสารอ้างอิง 211 ภาคผนวก 217
บทท่ี 1 บทนา� 1. ความเป็นมา ประเทศไทยไดเ้ ข้าสูส่ งั คมผสู้ ูงอายุแลว้ ตั้งแต่ปี 2550 คือมีประชากรสงู อายุมากกว่าร้อยละ 10 โดยใช้ อายุตามปีปฏิทินที่ 60 ปีบริบูรณ์ขนึ้ ไปเปน็ นิยามท่เี ปน็ ทางการของ “ผู้สูงอายุ” ตามพระราชบญั ญตั ผิ ู้สงู อายุ ฉบับปัจจุบัน พ.ศ. 2546 (พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546, มปป.) ในปี พ.ศ. 2550 ประเทศไทย มปี ระชากรสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเปน็ รอ้ ยละ 10.7 (ส�านักงานสถติ ิแห่งชาติ, 2551) และจากการฉายภาพ ประชากรพบวา่ สดั ส่วนของประชากรสูงอายจุ ะเพ่มิ ข้นึ อย่างตอ่ เนอื่ ง เปน็ รอ้ ยละ 13.2 ในปี 2553 เพ่มิ เป็น ร้อยละ 20.5 ในปี 2565 และ ร้อยละ 32.1 ในปี 2583 ท�าให้เกิดข้อกังวลในเรื่องการขาดแคลนแรงงาน เน่ืองจากในขณะที่ประชากรวัยสูงอายุสูงขึ้นอย่างต่อเน่ือง ในทางกลับกันประชากรในวัยแรงงานก็ลดลง อยา่ งตอ่ เน่ือง (ส�านักงานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาต,ิ 2556) การกา� หนดนยิ ามผ้สู ูงอายุไว้อย่างเปน็ ทางการ คือผู้ท่มี ีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ข้ึนไปนี้ เปน็ นยิ ามที่ใชเ้ ปน็ อายทุ เ่ี รม่ิ ไดร้ บั สทิ ธติ า่ งๆ จากทางราชการดว้ ย เชน่ อายเุ กษยี ณของขา้ ราชการ หรอื อายทุ เี่ รมิ่ ไดร้ บั เบย้ี ยงั ชพี อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์โครงสร้างทางอายุท่ีเปลี่ยนแปลงไป และความต้องการด้านความเชี่ยวชาญ ทีส่ ัง่ สมในตวั ผสู้ งู อายุ ในปัจจบุ นั บางอาชพี เช่น อาจารยม์ หาวิทยาลัย สามารถตอ่ อายรุ าชการได้ถงึ 65 ปี แตต่ ้องผา่ นการประเมนิ ประสิทธภิ าพในการท�างาน ส�าหรับสาขาอาชพี อน่ื ท่จี า� เป็น หรอื ขา้ ราชการท้ังระบบ สา� นกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื น ก�าลังพิจารณาแนวทางการขยายอายุเกษียณของข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยในขณะนี้ยังอยู่ในระหว่าง การศึกษาวิจัยถึงผลกระทบต่างๆ ทั้งในด้านประสิทธิภาพท่ีภาคราชการจะได้รับ และเกณฑ์ในการประเมิน ผ้ทู ่ีจะขยายการเกษยี ณอายรุ าชการ โดยในขณะนี้ มีความเห็นวา่ อาจจะขยายอายุข้าราชการไปจนถงึ 70 ปี (สา� นักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 2556)
2 มโนทัศนใ์ หมข่ องนยิ ามผสู้ ูงอายุ : มุมมองเชงิ จติ วทิ ยาสังคม และสุขภาพ การก�ำหนดอายุผู้สูงอายุที่ 60 ปีน้ีไม่ได้เป็นเกณฑ์หรือข้อตกลงที่เป็นสากล มีความแตกต่างกันไป ในแต่ละประเทศ ในประเทศที่พัฒนาแล้วใช้เกณฑ์อายุท่ี 65 ปี และนิยามผู้สูงอายุที่ก�ำหนดโดยปีปฏิทิน เปลยี่ นแปลงได้ เปน็ ไปตามกาลเวลา หรอื วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการทเี่ กยี่ วขอ้ ง (Laws,1993) ไดม้ นี กั วชิ าการ ท้ังในประเทศและต่างประเทศท่ีเป็นสังคมผู้สูงอายุ เสนอให้มีการเล่ือนนิยามผู้สูงอายุในประเทศของตนเอง ใหส้ งู ขนึ้ เชน่ ประเทศญ่ปี ุ่น จาก 65 ปี เป็น 75 ปี (Hinohara, 2006; Orimo et, al., 2006; Tokuda, & Hinohara, 2008) สำ� หรบั ประเทศไทยไดม้ กี ารเสนอใหเ้ ลอ่ื นอายผุ สู้ งู อายจุ าก 60 ปี เปน็ 65 ปี โดยวรชยั ทองไทย (2549) พบวา่ คนไทยทีอ่ ายอุ ย่ใู นช่วง 60–64 ปี สว่ นใหญ่ยังมสี ขุ ภาพดี และอย่างน้อย 2 ใน 3 ของคนในกลมุ่ อายนุ ี้ ยงั เปน็ แรงงานทีท่ ำ� การผลิตอยู่ สว่ นปราโมทย์ และปทั มา (2553) ใหค้ วามเห็นวา่ เกณฑ์อายุทใ่ี ชเ้ ป็นนยิ าม ผู้สูงอายุควรมีพ้ืนฐานมาจากอายุที่เหลืออยู่ ซึ่งน่าจะเหมาะสมสอดคล้องกับชีวิตของคนไทยที่ยืนยาวขึ้น ในปจั จุบนั นีผ้ ู้ท่ีมีอายุที่ 65 ปขี ้ึนไป มีอายยุ นื ยาวไปอกี 17 ปี ซ่ึงเทา่ กบั อายุท่ีเหลอื อยู่ของผู้ทม่ี อี ายุ 60 ปี ในอดตี (ปราโมทย์ ประสาทกลุ และปัทมา ว่าพฒั นวงศ์, 2553) นอกจากการให้นิยามผู้สูงอายุตามปีปฏิทินแล้ว ยังมีการให้นิยามในรูปแบบอื่นๆ เช่น การให้นิยาม ที่เป็นเสมือนภาพแทนความจริงของผู้สูงอายุ ซ่ึงมีลักษณะที่เหมือนกัน (Stereotype) ซ่ึงมักถูกตีความ ในลักษณะทางด้านลบ เช่น ความไม่มีประโยชน์ ความเป็นภาระต้องพึ่งพิงผู้อื่น ความไม่ทันกับเทคโนโลยี หรอื ความไมย่ ดื หยนุ่ ในการทำ� งาน ซง่ึ ภาพลกั ษณเ์ หลา่ นี้ กอ่ ใหเ้ กดิ ความอคตทิ างอายุ หรอื วยาคติ (Ageism) ตอ่ ผสู้ งู อายุ ทงั้ ในประเทศไทยและตา่ งประเทศ (สชุ าดา ทวสี ทิ ธ,ิ์ 2553; Dennis & Thomas, 2007; Nelson, 2005) ซง่ึ มผี ลตอ่ การจ้างงานผสู้ ูงอายุ นิยามผ้สู ูงอายทุ ่อี ายุ 60 ปีสำ� หรบั ประเทศไทย ซึ่งใช้อยา่ งไมเ่ ป็นทางการมาเปน็ เวลานานมาก ต้ังแต่ สมัยที่มีระบบมูลนาย (Corvée) (ขจร สุขพานิช, 2525) และผลการส�ำรวจความคิดเห็นของประชาชน เก่ียวกับความรู้และทัศนคติต่อผู้สูงอายุ พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2554 ประชาชนท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่างถึง ร้อยละ 62.8 และร้อยละ 65.7 ยังคงเห็นควรให้ก�ำหนดอายุของผู้สูงอายุหรือผู้สูงวัยท่ีอายุ 60 ปีขึ้นไป มเี พยี งร้อยละ 18.5 และร้อยละ 21 ตามลำ� ดับเทา่ นัน้ ทีเ่ หน็ ควรใหก้ ำ� หนด ณ อายุตั้งแต่ 65 ปีข้นึ ไป แตไ่ มม่ ี ขอ้ มลู เชงิ ลึกเก่ยี วกับเหตุผลถงึ ความคดิ เหน็ ดังกลา่ ว (สำ� นักงานสถิติแหง่ ชาติ, 2554) ในปัจจุบัน นิยามผู้สูงอายุท่ีอายุ 60 ปีส�ำหรับประเทศไทย จะยังเหมาะสมหรือไม่ หรือภาพลักษณ์ ของผสู้ งู อายใุ นเชงิ ลบ ยงั เหมอื นเดมิ หรอื ไม่ ในขณะทส่ี ถานการณท์ างดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม สขุ ภาพ ตลอดจนโครงสร้างทางอายุของประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ดังน้ันข้อมูลเชิงลึกเก่ียวกับความคิดเห็น อย่างรอบด้านของประชาชนเกี่ยวกับนิยามความเป็นผู้สูงอายุ ความเหมาะสมของการเปล่ียนหรือไม่เปล่ียน นยิ ามผสู้ งู อายุ และจะมผี ลกระทบอยา่ งไรบา้ งถา้ มกี ารเปลยี่ นแปลง จงึ มคี วามสำ� คญั ในเชงิ นโยบายดา้ นผสู้ งู อายุ ซ่ึงงานวิจัยน้ีเป็นมุมมองนิยามผู้สูงอายุทางด้านจิตวิทยาสังคม และสุขภาพ ของประชากรในวัยต่างๆ หลากหลายอาชีพ ผบู้ ริหาร นักวชิ าการ และแพทย์
บทนำ� 3 2. วตั ถปุ ระสงค์ การศกึ ษาคร้ังน้มี วี ตั ถปุ ระสงค์เพ่อื 1. คน้ หาความหมายของการเปน็ ผสู้ งู อายุ ทงั้ ในอดตี ปจั จบุ นั และอนาคต ในมมุ มองเชงิ จติ วทิ ยาสงั คม และสขุ ภาพ เปรียบเทียบกล่มุ คนเมือง ชนบท และต่างประเทศ 2. คน้ หาผลกระทบเชงิ จติ วิทยาสงั คม และสขุ ภาพ ต่อการเปลย่ี นแปลงนยิ ามของผสู้ งู อายุ 3. ตรวจสอบความเปน็ ไปไดใ้ นการนยิ ามความหมายใหม่ของผูส้ งู อายุ และวิธีการเปล่ียนแปลงนิยาม ผู้สงู อายใุ หเ้ ปน็ ท่ยี อมรบั ต่อสงั คม 3. วิธกี ารศึกษา เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการสนทนากลุ่มกับประชาชนทั่วไป และการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้บริหาร นักวชิ าการ และแพทย์ ประชากรที่ศึกษา ประกอบดว้ ย 3 กล่มุ คือ 1) กลุม่ ประชาชนท่วั ไป เนือ่ งจากความแตกตา่ งทางด้าน อายุ เพศ การศกึ ษา อาชีพ รวมถึงเชงิ พนื้ ที่ ท้ังในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ดังน้ันประชากรที่ศึกษาครั้งนี้คือ ผู้ท่ีมีอายุระหว่าง 35–77 ปี ทง้ั หญิงและชาย หลากหลายอาชพี เขตชนบทและเมอื ง ในกรุงเทพฯ และ 4 ภาค ภาคละ 1 จังหวดั ได้แก่ เชยี งใหม่ (ภาคเหนือ) ขอนแก่น (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) สงขลา (ภาคใต)้ และ นครปฐม (ภาคกลาง) 2) ผู้บริหารและนักวิชาการท่เี กย่ี วขอ้ งกับวิธกี ารเปลี่ยนแปลงนิยามผู้สงู อายุ 3) แพทยท์ ที่ ำ� งานดา้ นผสู้ ูงอายุ ในมมุ มองทางด้านสขุ ภาพกาย และสขุ ภาพจติ กลุ่มตัวอย่าง ประชาชนทัว่ ไป (สนทนากลมุ่ ) วธิ กี ารเลือกตวั อยา่ ง ในแต่ละจังหวัด สุ่มตัวอย่างเลือก 1 อ�ำเภอ โดยในอ�ำเภอน้ันแยกเป็นเขตเมือง และเขตชนบท แตล่ ะเขตเลอื กประชาชน 5 กลุ่มคอื กลุ่มที่ท�ำงานอายุระหวา่ ง 35–59 ปี ในภาค ราชการ เอกชน ธรุ กิจ สว่ นตัว (self–employed) เกษตร และกลุ่มผสู้ ูงอายุ (60–77 ปี) กลุ่มละ 6–9 คน ท้งั หญงิ และชาย ดังน้ัน แต่ละจังหวัดจะมีการสนทนากลุ่มจ�ำนวน 10 กลุ่ม (2 เขต* 5 กลุ่ม) ยกเว้นในกรุงเทพซึ่งถือเป็นเขตเมือง
4 มโนทศั นใ์ หม่ของนิยามผู้สูงอายุ : มุมมองเชิงจติ วทิ ยาสงั คม และสุขภาพ ทัง้ หมดจะมี 5 กลมุ่ รวมการสนทนากลุ่มท้งั สิน้ 45 กลมุ่ (4 ภาคๆ ละ 10 กลมุ่ + 5 กลุ่มในกทม.) จ�ำนวน ผู้เข้ารว่ มสนทนากลมุ่ ทงั้ ส้นิ จำ� นวน 351 คน เปน็ ชาย 162 คน และหญงิ 189 คน รายละเอยี ดคณุ ลกั ษณะของผเู้ ขา้ รว่ มสนทนากลมุ่ และผบู้ รหิ าร นกั วชิ าการ และแพทยอ์ ยใู่ นภาคผนวก แผนภาพท่ี 1 การเลอื กตวั อย่างกลมุ่ ท่ีเข้ารว่ มสนทนากล่มุ ภาค กรงุ เทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาเคฉตียงะเวหันนอืออก ภาคใต (เลือก 1 เขต) (เลจอื .นกค1รปอฐำมเภอ) (เลจือ.กเช1ียงอใำหเมภ อ) (เลจอื .กขอ1นอแำกเภนอ) (เลอื จก.ส1งขอลำาเภอ) เมือง เมอื ง ชนบท เมอื ง ชนบท เมอื ง ชนบท เมือง ชนบท –––––ผภเภธกุรสูาาษกคคงู ติจอรเอสราากยชวชนุกนาตรัว –ภาคราชการ –ภาคราชการ –ภาคราชการ –ภาคราชการ –ภาคราชการ –ภาคราชการ –ภาคราชการ –ภาคราชการ –ภาคเอกชน –ภาคเอกชน –ภาคเอกชน –ภาคเอกชน –ภาคเอกชน –ภาคเอกชน –ภาคเอกชน –ภาคเอกชน –ธุรกจิ สว นตัว –ธุรกิจสว นตัว –ธรุ กจิ สว นตัว –ธุรกจิ สว นตวั –ธุรกิจสวนตัว –ธุรกจิ สว นตวั –ธุรกิจสว นตัว –ธรุ กิจสว นตวั –เกษตร –เกษตร –เกษตร –เกษตร –เกษตร –เกษตร –เกษตร –เกษตร –ผสู งู อายุ –ผูส ูงอายุ –ผูส งู อายุ –ผสู งู อายุ –ผูสงู อายุ –ผสู ูงอายุ –ผูสงู อายุ –ผูสูงอายุ 4. โครงสรา้ งของรายงาน บทท่ี 2 เป็นการทบทวนวรรณกรรมการก�ำหนดนิยามผู้สูงอายุ ท่ีเป็นสากล ในต่างประเทศ และ ของประเทศไทย เพอ่ื แสดงใหเ้ หน็ วา่ นยิ ามมโนทศั นผ์ สู้ งู อายใุ นอดตี และปจั จบุ นั ของประเทศไทยเปน็ อยา่ งไร มีความคล้ายคลึงหรือแตกต่างจากความเป็นสากล และต่างประเทศ และผลที่ได้จากงานวิจัยท่ีผ่านมาถึงผล กระทบที่อาจเกิดขึ้นหากมีการเปลี่ยนแปลงนิยาม บทท่ี 3–บทที่ 7 เป็นผลท่ีได้จากการสนทนากลุ่ม ในกรุงเทพมหานคร นครปฐม ขอนแกน่ เชยี งใหม่ และสงขลา บทที่ 8 เปน็ ผลทีไ่ ด้จากการสัมภาษณ์เชงิ ลึก ผบู้ รหิ าร นกั วชิ าการ และแพทย์ บทที่ 9 บทสง่ ทา้ ย เปน็ การสรปุ สงั เคราะหผ์ ล และขอ้ เสนอแนะทไ่ี ดจ้ ากงาน วิจัย
บทที่ 2 แนวคดิ “นยิ ามผู้สูงอาย.ุ ....ไทย และเทศ” ปัจจุบันประเทศไทยก�าหนดนิยาม ผู้สูงอายุไว้อย่างเป็นทางการ คือผู้ท่ีมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ข้ึนไป ตามพระราชบญั ญตั ผิ สู้ งู อายฉุ บบั ปจั จบุ นั พ.ศ. 2546 และนยิ ามนไี้ ดใ้ ชเ้ ปน็ อายทุ เ่ี รมิ่ ไดร้ บั สทิ ธติ า่ งๆ จากทาง ราชการด้วย เช่น อายุเกษียณของขา้ ราชการ หรอื อายุทีเ่ ริ่มได้รับเบยี้ ยังชีพ อยา่ งไรกต็ าม การก�าหนดอายุ ที่ 60 ปีน้ีไม่ไดเ้ ป็นเกณฑห์ รือขอ้ ตกลงทเ่ี ปน็ สากล มคี วามแตกต่างกนั ไปในแตล่ ะประเทศ นยิ ามผสู้ งู อายทุ กี่ า� หนดโดยปปี ฏทิ นิ เปลยี่ นแปลงได้ เปน็ ไปตามกาลเวลา หรอื วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ ท่ีเก่ยี วข้อง (Laws,1993) ไดม้ นี ักวิชาการทง้ั ในประเทศและต่างประเทศทเี่ ป็นสังคมผสู้ งู อายุ เสนอให้มกี าร เลอื่ นนยิ ามผู้สูงอายุในประเทศของตนเองให้สูงขนึ้ เชน่ ประเทศญ่ีปุ่น จาก 65 ปี เป็น 75 ปี (Hinohara, 2006; Orimo et, al., 2006; Tokuda, & Hinohara, 2008) และสา� หรบั ประเทศไทยจาก 60 ปี เป็น 65 ปี (วรชัย ทองไทย, 2549; ปราโมทย์ ประสาทกุล และปัทมา ว่าพัฒนวงศ์, 2553) ซ่ึงน่าจะมีผลกระทบ ในวงกว้างท้ังทางด้านเศรษฐกิจ จิตวิทยาสังคม และสุขภาพ ดังน้ันบทที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพ่ือทบทวน วรรณกรรมเกยี่ วกบั การให้นิยามผสู้ ูงอายุท้ังในประเทศและตา่ งประเทศต้ังแตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จุบนั และปจั จัย ทท่ี า� ใหก้ า� หนดนยิ ามเชน่ นน้ั ตลอดจนผลกระทบทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ถา้ มกี ารเปลย่ี นนยิ าม ในมมุ มองทางดา้ นจติ วทิ ยา สงั คม และสุขภาพ 1. นิยาม “ผู้สงู อาย”ุ เน่อื งด้วย “กระบวนการสงู อายุ” เป็นกระบวนการที่ความเปน็ พลวตั ภายใตเ้ งอ่ื นไขเชิงโครงสรา้ งของ แตล่ ะสงั คมซงึ่ เปน็ ผ้ใู หค้ วามหมายหรอื ตีความการรบั รู้เก่ยี วกบั การสูงอายุ (Gorman, 2000 อา้ งใน WHO, n.a.) ท�าให้ “อายุเร่ิมต้น” ท่ีใช้ในการนิยามผู้สูงอายุ หรือ ระบุถึงการเข้าสู่ความสูงอายุของบุคคลท่ีใช้อยู่ ปจั จบุ นั ไมส่ ามารถอธบิ ายถงึ หลกั การและเหตผุ ลทช่ี ดั เจน หรอื เกณฑข์ อ้ ตกลงทเ่ี ปน็ สากล โดยทวั่ ไปพจิ ารณา จากองคป์ ระกอบในดา้ นตา่ งๆ เชน่ การสงู อายตุ ามวยั หรอื ตามปปี ฏทิ นิ ทผ่ี า่ นไป การเปลยี่ นแปลงทางชวี วทิ ยา ของสภาพรา่ งกายและความสามารถในการดา� เนนิ กจิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ หรอื การเปลยี่ นแปลงของสภาพและ บทบาททางสงั คมของบคุ คล มาตรฐานทใี่ ชใ้ นการกา� หนดได้ สว่ นใหญเ่ ปน็ การกา� หนดโดยใชอ้ ายตุ ามปปี ฏทิ นิ ของบุคคลท่ีเชื่อว่าสามารถแสดงถึงช่วงวัยของบุคคลท่ีมีลักษณะของความสูงอายุซ่ึงแตกต่างกันไปในแต่ละ
6 มโนทัศนใ์ หม่ของนยิ ามผสู้ ูงอายุ : มุมมองเชงิ จติ วทิ ยาสงั คม และสขุ ภาพ สังคม (Glascock, & Feinman, 1918 อ้างใน สุชาดา ทวีสิทธ์,ิ 2553; Uotinen, 2005; Orimo et, al., 2006; Anthony, 2010) คำ� จำ� กดั ความหรอื ข้อตกลงเกยี่ วกับคำ� วา่ “ผสู้ ูงอายุ” (elderly) นน้ั องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nations: UN) ไม่ได้มีการก�ำหนดเกณฑ์อายเุ ริม่ ต้นทีเ่ ปน็ มาตรฐาน เพียงยอมรับโดยทัว่ ไปวา่ หมายถึงบุคคล หรือกลมุ่ ประชากรทมี่ อี ายุตามปีปฏิทิน (calendar age, chronological age) ตั้งแต่ 60 ปีขน้ึ ไป ซ่ึงเปน็ เกณฑ์อายุเริ่มต้นเดียวกับขององค์การอนามัยโลกที่ใช้ในการก�ำหนดช่วงอายุของผู้สูงอายุ ในกลุ่มประเทศ พฒั นาแล้ว แม้ในบางกรณีอาจไมไ่ ด้กำ� หนดอยา่ งเปน็ ทางการหรือระบุชัดเจนทางกฎหมาย แต่โดยสว่ นใหญ่ มักถกู อ้างอิงหรือตกลงไวท้ เ่ี กณฑ์อายุตั้งแต่ 65 ปีข้ึนไป ในขณะที่ประเทศกำ� ลงั พฒั นาหลายประเทศ รวมถึง ประเทศไทย กำ� หนดไวห้ รือตกลงไว้ที่อายตุ ั้งแต่ 60 ปีข้ึนไป การมอี ายุ 60 ปี ยงั เป็นการครบรอบปีนักษัตร รอบท่ี 5 และเร่ิมต้นปีนักษัตรรอบที่ 6 จากรอบปีนกั ษัตร 12 ป1ี ซงึ่ เปน็ ทนี่ ยิ มในการนบั ในหลายๆ ประเทศ ทางเอเชีย (Cowgill, 1986) ส�ำหรับบางประเทศ เชน่ กลุม่ ประเทศในภมู ิภาคแอฟรกิ า ถกู เสนอให้ใช้ทเ่ี กณฑ์ อายุของบุคคล ต้ังแต่ 50 ปี หรอื 55 ปขี นึ้ ไป เนื่องจากยงั มอี ายไุ มย่ นื ยาวเทา่ กับภูมิภาคอ่ืนๆ (WHO, n.a) ทผ่ี า่ นมา งานศกึ ษาจำ� นวนหนงึ่ ไดพ้ ยายามอธบิ ายถงึ “ลกั ษณะของความสงู อาย”ุ เกยี่ วกบั ความหมาย และลักษณะฟังค์ชั่นของการสูงอายุในมุมมองต่างๆ ไว้พอสมควร (Roebuck, 1979; Freund, & Smith, 1999; Uotinen, 2005; Orimo et, al., 2006; Huff Pos, 2012) หากพิจารณาการเปล่ยี นแปลงทางด้าน ร่างกายและสุขภาพ ความสูงอายุมักถูกอธิบายในเชิงลบว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยท่ีเป็นระยะ สุดท้ายของชีวิตมนุษย์ ซึ่งมีลักษณะและพัฒนาการท่ีตรงข้ามกับวัยเด็ก มีแต่ความเส่ือมโทรมและสึกหรอ ซ่งึ ดำ� เนนิ ไปอย่างคอ่ ยเป็นค่อยไป มสี ภาพรา่ งกายทผ่ี วิ หนังเห่ียวย่น ผมหงอกขาว ฟันส่นั คลอน ด้านสขุ ภาพ ท่ีค่อยๆ เสื่อมสภาพ เร่ียวแรงน้อยลง เหนื่อยง่าย ตาฝ้าฟาง หูตึง รับกล่ินรสได้แย่กว่าแต่ก่อน ความจ�ำ เรมิ่ เสอ่ื ม เจบ็ ปว่ ยงา่ ยแตห่ ายไดช้ า้ และดา้ นจติ ใจทขี่ าดความมน่ั ใจในตนเอง กงั วลงา่ ย เหงา เศรา้ และขน้ี อ้ ยใจ บางคนโมโหรา้ ยและชอบแยกตวั จากลกั ษณะดงั กล่าวน้ี ท�ำให้นยั ทม่ี ีต่อคำ� ว่า ผูส้ ูงอายุ (หรอื ผ้ทู มี่ ลี กั ษณะ ของความสูงอายุ) มักถูกตีความในลักษณะ “ความไม่มีประโยชน์” และ “ความเส่ือมถอยด้านศักยภาพ ในการท�ำงานและการพึ่งพาตนเอง” (สุชาดา ทวีสิทธิ์, 2553) หรือมองว่าผู้สูงอายุมีลักษณะท่ีเหมือนกัน หรอื ท่เี รียกว่ามีการให้ stereotype ผสู้ ูงอายุในดา้ นลบ จากความไมช่ ดั เจนในหลกั นยิ ามของความสงู อายุ ในหลายครงั้ คำ� วา่ “ผสู้ งู อาย”ุ จงึ มกั ถกู นำ� ไปอา้ งองิ เปน็ กลมุ่ คนในชว่ งวยั ทไี่ มส่ ามารถทำ� งานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพอกี ตอ่ ไป ควรหยดุ หรอื เกษยี ณจากการทำ� งาน ซง่ึ ทา้ ยทสี่ ดุ ทำ� ใหค้ วามเขา้ ใจของคนในสงั คม เกย่ี วกบั อายเุ รมิ่ ตน้ ของการเปน็ ผสู้ งู อายถุ กู นำ� ไปผกู ตดิ กบั กำ� หนด เกษยี ณอายจุ ากการทำ� งาน วา่ เปน็ ทเ่ี กณฑอ์ ายเุ ดยี วกนั (Roebuck, 1979; Uotinen, 2005; Anthony, 2010) ซง่ึ อาจไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งเปน็ เชน่ นนั้ เสมอไป โดยเฉพาะในปจั จบุ นั ทคี่ นมอี ายยุ นื ยาวขนึ้ มสี ขุ ภาพและประสทิ ธภิ าพ ในการท�ำงานท่ีดี แต่อายุท่ีหยุดท�ำงานหรืออายุเกษียณในทางปฏิบัติกลับมีแนวโน้มอยู่ในช่วงอายุที่เร็วข้ึน (เฉลมิ พล แจ่มจนั ทร,์ 2555; Orimo et, al., 2006) 1 ปีนกั ษัตร ได้แก่ ชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเสง็ มะเมยี มะแม วอก ระกา จอ และกุน
แนวคดิ “นิยามผ้สู งู อาย.ุ ...ไทย และเทศ” 7 ในมุมมองเชงิ นโยบาย ผสู้ งู อายมุ ักถกู จัดเปน็ กลมุ่ ประชากรท่ตี อ้ งการการคุม้ ครอง การสนบั สนนุ และ การช่วยเหลือจากภาครัฐที่มากกว่าประชากรกลุ่มอื่น ทั้งในเชิงสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ท�ำให้การให้ ความหมายกบั ความสงู อายุ หรอื การเปน็ ผสู้ งู อายุ ซงึ่ กำ� หนดไวใ้ นเอกสารนโยบาย หรอื กฎระเบยี บทเี่ กยี่ วขอ้ ง มกั สะท้อนภาพของกลุม่ ประชากรท่ีมีลักษณะของความเปราะบาง มีความเสี่ยงตอ่ ความยากลำ� บาก การไม่มี งานทำ� และไมม่ รี ายได้ และทำ� ใหค้ วามเขา้ ใจของสงั คมเกย่ี วกบั อายเุ รมิ่ ตน้ ของการเขา้ สคู่ วามสงู อายุ ถกู นำ� ไป ผูกติดกับอายทุ ีส่ ามารถเรมิ่ รบั สทิ ธิ สวัสดกิ ารต่างๆ ทรี่ ฐั เป็นผจู้ ดั หาให้ (Mujahid, 2006; Anthony, 2010) ประเทศ OECD สว่ นใหญ่ ใชน้ ิยามผู้สงู อายุ และอายเุ กษียณเป็นอายเุ ดียวกนั คือ 65 ปี (OECD, 2012) ในทำ� นองเดยี วกัน ในตา่ งประเทศ เช่น ประเทศฝรงั่ เศส และเกาหลใี ต้ นยิ ามผสู้ งู อายุไวท้ ่ี 65 ปี แต่ อายเุ กษยี ณที่ 60 ปี ประเทศญป่ี ุ่น นิยามผสู้ ูงอายทุ ่ี 65 ปี แต่เกษียณอายุสำ� หรบั ชายท่ี 64 ปีและ 62 ปี สำ� หรบั หญิง ประเทศ OECD ส่วนใหญ่ ใช้นยิ ามผสู้ ูงอายุ และอายุเกษียณเปน็ อายเุ ดยี วกนั คือ 65 ปี (OECD, 2012) 2. กระบวนทัศนแ์ ละการรับรูเ้ กี่ยวกับ “ความสูงอาย”ุ กระบวนทศั นใ์ นการศกึ ษาเกยี่ วกับความเขา้ ใจ การรับรู้ วธิ คี ิดและวธิ ีปฏบิ ตั ิของคนในสังคม เกยี่ วกบั ความสูงอายุ อาจแบ่งได้เป็น กระบวนทัศน์ทางชีววิทยาการแพทย์ และกระบวนทัศน์พฤฒิวิทยาของการ ประกอบสร้างทางสังคม (สุชาดา ทวีสิทธ์ิ, 2553) กระบวนทัศน์แรกให้ความส�ำคัญกับร่างกายในฐานะ องคาพยพทางชีววทิ ยา (biological body) ฉายภาพรา่ งกาย และอวัยวะตา่ งๆ ของผู้สงู อายุ ในดา้ นมืดที่เตม็ ไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ความเสื่อมโทรม ความโรยรา และมองว่ากระบวนการของการเข้าสู่ความสูงอายุ เป็น กระบวนการธรรมชาติ มีความเป็นสากลซ่ึงไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการหล่อหลอมทางวัฒนธรรม ในขณะที่ กระบวนทัศน์ท่ีสอง เช่ือในทฤษฎีประกอบสร้างทางสังคม (social–constructionist theory) ภายใต้ มโนทัศน์เก่ียวกับ การสร้าง “ภาพแทนความจริง” (representation) ว่าภาพลักษณ์ผู้สูงอายุที่ถูกรับรู้ และเข้าใจนั้น เกิดจากการสร้างภาพแทนความจริงผู้สูงอายุท่ีถูกสร้างขึ้นในแต่ละสังคม แต่ละวัฒนธรรม และแตล่ ะชว่ งเวลาซง่ึ เปน็ เพยี งความจรงิ บางสว่ นและไมใ่ ชป่ ระสบการณข์ องผสู้ งู อายทุ กุ คน ในสงั คมสมยั ใหม่ ภาพลกั ษณข์ องผสู้ งู อายทุ ป่ี รากฏมกั ถูกนำ� เสนอในด้านลบซึ่งนำ� ไปสกู่ ารเลือกปฏบิ ัตแิ ละการรังเกยี จอนั เนอ่ื ง มาจากอายุ (ageism) ต่อผ้สู ูงอายุ กระบวนทัศนน์ ี้จงึ ให้ความส�ำคัญต่อการรอื้ ถอนภาพลักษณเ์ ชิงลบและการ สรา้ งภาพลกั ษณเ์ ชงิ บวกของผู้สูงอายใุ หเ้ พ่มิ มากข้ึน จากการทบทวนวรรณกรรมและการศกึ ษาในอดตี ทีเ่ ก่ยี วข้อง (Glascock, & Feinman, 1981 อ้างใน สุชาดา ทวสี ทิ ธิ,์ 2553; Uotinen, 2005; Orimo et, al., 2006; Anthony, 2010) การรับรู้เร่ืองความสูงอายุ หรือ การเข้าสู่วัยสูงอายุ ซึ่งเก่ียวข้องกับการรับรู้เร่ืองอายุของบุคคลอาจแบ่งออกได้เป็น 5 ลักษณะใหญ่ๆ ได้แก่ อายุตามปีปฏิทินหรืออายุตามวัย (Calendar age หรือ Chronological age) อายุทางชีววิทยา (Biological age) อายทุ างสงั คม (Sociological age) อายตุ ามอตั วสิ ยั (Subjective age) และอายใุ นมติ อิ นื่ ๆ
8 มโนทศั นใ์ หม่ของนิยามผ้สู งู อายุ : มมุ มองเชิงจิตวิทยาสงั คม และสขุ ภาพ 1.1 อายุตามปปี ฏิทนิ หรือ อายตุ ามวัย อายุตามปปี ฏทิ ิน หรอื อายุตามวัย เป็นตวั ชวี้ ดั อายุของบคุ คลหนึง่ ซ่ึงแสดงระยะเวลาจ�ำนวนปที บี่ ุคคล น้ันมีชีวิตมานับตั้งแต่เกิด เน่ืองจากอายุตามปีปฏิทินแสดงเป็นตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง สามารถน�ำมาแสดง เปรียบเทียบระหว่างบุคคล ไดช้ ดั เจน ท�ำใหถ้ ูกใช้เปน็ เกณฑบ์ ่งชี้อายแุ ละการสูงอายขุ องบคุ คล ท่แี พรห่ ลาย และเปน็ ทีย่ อมรบั มากกวา่ เมือ่ เปรียบเทยี บกบั เกณฑ์อายุอ่ืนๆ ในหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุม่ ประเทศกำ� ลังพฒั นา อายุตามปปี ฏิทนิ ที่ 60 ปี (และ 65 ปี สำ� หรบั ประเทศพฒั นาแลว้ สว่ นใหญ)่ มกั ถกู ใชเ้ ปน็ เกณฑก์ ำ� หนดความสงู อายหุ รอื เสน้ แบง่ กลมุ่ ประชากรทอ่ี ยใู่ นวยั สงู อายอุ อกจากกลุม่ ประชากรที่อยใู่ นชว่ งวัยกลางคน อย่างไรก็ตาม บคุ คลที่มอี ายุ 60 ปี เทา่ กนั อาจมีลักษณะ หรือเงื่อนไขในดา้ นตา่ งๆ ท้งั ทางกายภาพ จิตใจ สุขภาพ หรอื บทบาทหน้าทท่ี างสังคมที่แตกตา่ งกนั ไปตาม สภาพภูมิหลังทางสงั คม ประวตั ศิ าสตร์ คติความเชื่อ ระดบั การพัฒนา ภูมิภาค รวมถงึ ชว่ งเวลาที่แตกต่างกนั ประชากรอายุ 60 ปีในทวปี ยโุ รปซ่งึ เป็นภูมภิ าคทีม่ รี ะดับการพฒั นาสูง มีแนวโน้มทจ่ี ะแข็งแรงและมี สุขภาพในมิตติ ่างๆ ท่ดี ีกวา่ ประชากรอายุ 60 ปี ในทวปี แอฟริกาซ่งึ เปน็ ภูมิภาคที่มีระดับการพฒั นาท่ีต่ำ� กว่า เช่นเดียวกัน เมื่อพิจารณาในช่วงเวลาท่ีต่างกัน แม้ในประเทศหรือในภูมิภาคเดียวกัน ประชากรอายุ 60 ปี ในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพหรือความสามารถในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ท้ังทางกายภาพและ ทางจติ ใจทดี่ ีกว่ากวา่ ประชากรอายุ 60 ปี ในอดีต ดว้ ยอายุคาดเฉลย่ี ท่ียืนยาวขึ้นและคณุ ภาพชวี ติ ในมิติต่างๆ ทพี่ ฒั นาดขี น้ึ กวา่ แตก่ อ่ น ดงั นน้ั ภายใตแ้ นวคดิ ในการใช้ “อายตุ ามปปี ฏทิ นิ ” เปน็ เกณฑก์ ำ� หนดชว่ งวยั สงู อายุ หรอื การเขา้ สคู่ วามสงู อายขุ องกลมุ่ ประชากร ปจั จยั อน่ื ๆ โดยเฉพาะในมติ ทิ างดา้ นสขุ ภาพ คณุ ภาพชวี ติ และ บทบาทหน้าท่ที างสังคมของบคุ คล จึงมักถกู น�ำมาใช้พิจารณารว่ มดว้ ย (Anthony, 2010) 2.2 อายทุ างชีววทิ ยา บางครงั้ เรยี กวา่ อายเุ ชงิ ฟงั กช์ น่ั (functional age) (Uotinen, 2005) หมายถงึ อายทุ อี่ ธบิ ายดว้ ยการ เปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย (physical aging) และการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจของบุคคล (psychological aging) ซง่ึ สะทอ้ นผา่ นการเปลย่ี นแปลงของ ลกั ษณะทางกายภาพเมอื่ พจิ ารณาจากภายนอก (physical appearance) สถานะสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ (health status) หรือ ความสามารถ ในการท�ำบทบาทหน้าที่ของบุคคล (functioning) หลายครง้ั การใหค้ วามหมายตอ่ การสงู อายตุ ามการเปลยี่ นแปลงทางชวี วทิ ยามกั ถกู นำ� ไปผกู ตดิ กบั การ สูงอายุตามปีปฏิทิน ภายใต้สมมติฐานท่ีว่า สภาพร่างกายหรือความสามารถของบุคคลมักถดถอยหรือ เปลี่ยนแปลงไปตามจ�ำนวนปีท่ีเพ่ิมข้ึนของการมีชีวิตอยู่นับตั้งแต่ปีท่ีเกิด สมมติฐานน้ีอาจจะยังคงเป็นจริง อย่างไรก็ตาม งานศึกษาจ�ำนวนหนึ่งก็ได้ช้ีให้เห็นว่า ความเร็วของการถดถอยหรือเปลี่ยนแปลงน้ีตามอายุ ท่ีเพิ่มข้ึนมีแนวโน้มท่ีช้าลงในปัจจุบัน เม่ือเทียบกับในอดีต กล่าวได้ว่า ณ อายุตามปีปฏิทินเดียวกัน บุคคล ในปจั จุบนั มีแนวโนม้ ของการสงู อายุตามการเปลย่ี นแปลงทางชีววทิ ยา สภาพรา่ งกายและจติ ใจ ที่ชา้ ลงกว่า บุคคลในอดีตน่นั เอง (Orimo et, al., 2006)
แนวคิด “นยิ ามผู้สูงอาย.ุ ...ไทย และเทศ” 9 2.3 อายุทางสังคม หมายถึง อายุของบุคคลท่ีอธิบายด้วยการเปล่ียนแปลงของสถานภาพและบทบาททางสังคม (social status and social role) ของบุคคลน้ันในสังคมอาศัยอยู่ ซ่ึงจะเปลี่ยนแปลงไปตามลำ� ดับขั้นของช่วงชีวิต คนในแต่ละช่วง การเข้าสู่ความสูงอายุในทางสังคมมักเกิดข้ึนเม่ือบุคคลมีสถานภาพและบทบาท รวมถึง พฤติกรรมทางสังคมที่แตกต่างไปจากกลุ่มประชากรที่เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ ในหลายครั้งจากความเข้าใจ ของสังคมซ่ึงน�ำสถานภาพการท�ำงานมาใช้เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบน้ี ท�ำให้การเข้าสู่ความสูงอายุถูกน�ำไป ผูกตดิ กับอายุทีบ่ ุคคลหยดุ ท�ำงานหรือเกษียณอายุจากการท�ำงาน ภายใต้แนวคดิ “อายทุ างสังคม” วัยสูงอายุ ครอบคลมุ ช่วงวยั ทสี่ าม หรือ ช่วงวยั ทสี่ ่ี ของชีวิตบคุ คล แต่ละคน โดยช่วงวัยท่ีสาม หมายถึง ช่วงวัยของโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตและความเป็นอิสระจากภาระการงาน และครอบครัว ในขณะที่ ช่วงวัยทีส่ ี่ หมายถึง วยั ที่สขุ ภาพเรม่ิ เป็นปญั หามากข้ึน ความสามารถในการด�ำเนนิ กิจกรรมต่างๆ ถดถอย บุคคลเร่ิมมีการสูญเสียความสามารถในการพึ่งพิงตนเอง และต้องการการสนับสนุน หรอื การชว่ ยเหลอื จากบคุ คลอื่น (Uotinen, 2005) 2.4 อายทุ างอัตวิสัย ในทนี่ ี้ อาจเปน็ ไดท้ ัง้ อัตวสิ ยั ในระดบั บุคคล ซึ่งหมายถึง อายทุ ี่วัดประเมนิ หรือบ่งช้จี ากประสบการณ์ ส่วนบุคคลของบุคคลน้ันๆ หรือ อัตวิสัยในระดับชุมชน ซึ่งหมายถึง การสูงอายุของบุคคลซ่ึงตัดสินโดยการ รับรู้ คา่ นยิ ม และบรรทดั ฐานของชมุ ชนหรอื สงั คมนนั้ ๆ ท่ีบคุ คลอาศยั อยู่ ในระดบั บคุ คล การใหค้ วามหมายของการเขา้ สคู่ วามสงู อายยุ อ่ มแตกตา่ งไปในแตล่ ะบคุ คล การสงู อายุ ตามปีปฏิทิน การเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายและสุขภาพท่ีถดถอย การเปล่ียนแปลงของสถานภาพและ บทบาททางสงั คม อาจไม่ท�ำใหอ้ ายุทางอัตวสิ ัย (subjective age) ของบคุ คลเปลย่ี นแปลงเลยกเ็ ป็นได้ หรือ หากเปลยี่ นแปลงกย็ อ่ มแตกตา่ งกนั ระหวา่ งบคุ คลทมี่ ปี ระสบการณแ์ ละมมุ มองชวี ติ ทแ่ี ตกตา่ งกนั (Freund, & Smith, 1999) ในระดบั ชมุ ชน ภาพลกั ษณใ์ นเชงิ อตั วสิ ยั ตอ่ ความสงู อายมุ กั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากการใหค้ วามหมายตอ่ การ สงู อายุ ทงั้ ในดา้ นอายตุ ามปปี ฏทิ นิ ทเี่ พมิ่ ขน้ึ การเปลยี่ นแปลงในรปู ลกั ษณะภายนอก สภาพรา่ งกายและจติ ใจ ของบคุ คล และ การเปลยี่ นแปลงในสถานภาพและบทบาททางสงั คมของบคุ คล ซง่ึ หลอ่ หลอมผา่ นกระบวนการ และประสบการณ์ทางสงั คมในแตล่ ะชมุ ชนทีแ่ ตกต่างกัน 2.5 การสงู อายใุ นมิติอน่ื ๆ จากอายคุ าดเฉลยี่ ของประชากรในประเทศตา่ งๆ ทยี่ นื ยาวขนึ้ ขอ้ เสนอหนงึ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในประเทศไทย คอื การเสนอให้ใช้เกณฑ์จ�ำนวนปีที่คาดว่าบุคคลนั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปข้างหน้า (remaining life expectancy) เปน็ เกณฑ์ก�ำหนดอายุเรม่ิ ต้นของความสงู อายุ แทนทก่ี ารใช้จำ� นวนปปี ฏทิ ิน (calendar years) ท่ีบุคคลมอี ยู่ มาแล้วซึง่ เปน็ เกณฑท์ ีใ่ ช้อย่ใู นปัจจุบนั (ปราโมทย์ ประสาทกุล และ ปัทมา วา่ พัฒนวงศ์, 2553) ขอ้ เสนอน้ี เปน็ อกี หนึ่งมุมมองของลกั ษณะการสงู อายุ ซึ่งใช้อายุคาดเฉลี่ยท่ีเหลอื อยขู่ องบคุ คลเป็นเกณฑพ์ จิ ารณา
10 มโนทศั นใ์ หมข่ องนิยามผู้สูงอายุ : มมุ มองเชิงจิตวทิ ยาสงั คม และสขุ ภาพ ในบางกรณี โดยเฉพาะจากมมุ มองเชิงนโยบายด้านสิทธแิ ละสวสั ดกิ าร การสงู อายุ หรอื ความสงู อายุ ของบุคคล อาจพจิ ารณาจากระดบั ของความเปราะบาง (vulnerability) ระดบั ความยากลำ� บาก (hardship) และความต้องการความช่วยเหลือหรอื ความคุม้ ครองทางสงั คม (needs for social assistance and social protection) ของบุคคลน้ันๆ ร่วมด้วยกับการพิจารณาการสูงอายุตามปีปฏิทิน หรือ การสูงอายุตามสภาพ ร่างกาย หรือ ลักษณะภายนอก (Roebuck, 1979; Uotinen, 2005) จะเหน็ ไดว้ า่ การรบั รเู้ รอื่ งความสงู อายุ หรอื การเขา้ สวู่ ยั สงู อายุ ไมว่ า่ จะเปน็ ทางชวี วทิ ยา สงั คม อตั วสิ ยั หรอื จ�ำนวนปีท่ีคาดว่าจะมชี ีวิตอยู่ ต่างเก่ียวขอ้ งกับอายตุ ามปปี ฏิทินทงั้ ส้ิน 3. ใครคอื ผสู้ ูงอายุ? ในตา่ งประเทศ: อดตี และปจั จุบัน ในปจั จบุ ัน ประเทศก�ำลังพฒั นาส่วนใหญ่ ใหค้ ำ� นยิ ามของผสู้ งู อายหุ รอื อายุเร่ิมตน้ ของการเข้าสู่ความ สูงวัยของบุคคลในแนวทางเดียวกับที่กลุ่มประเทศพัฒนาใช้ ซ่ึงมักอ้างอิงตามเกณฑ์ก�ำหนดเกษียณอายุ (retirement age) หรืออายุที่บุคคลทั่วไปหยุดท�ำงาน อายุเร่ิมต้นโดยเฉล่ีย อยู่ท่ีอายุ 60 ปีขึ้นไป ส�ำหรับ ประเทศก�ำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทยและหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Mujahid, 2006) (หรือ 55 ปี สำ� หรบั บางประเทศในแอฟริกา) และ 65 ปีขน้ึ ไป ส�ำหรับประเทศพัฒนาแลว้ (Anthony, 2010; WHO., n.a.) ในอดีต ก่อนท่ีจะมีการก�ำหนดอายุเกษียณซ่ึงถูกใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการนิยามผู้สูงอายุเหมือน ในปจั จบุ ัน ค�ำว่า “ผู้สงู อาย”ุ มักไมไ่ ดม้ ีการใหค้ �ำจ�ำกัดความหรอื ก�ำหนดอายเุ ริ่มตน้ ไว้อย่างชดั เจนในเอกสาร ทางการหรือเอกสารทางกฎหมาย เป็นเพียงการรับรู้ การให้ความหมายและสร้างความเข้าใจอย่างหลวมๆ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะบคุ คลหรอื ในแต่ละชมุ ชน แตห่ ากต้องมีการพจิ ารณา “ความสงู อาย”ุ ของบคุ คลทีม่ ี ลกั ษณะทเี่ ป็นทางการแล้ว สองเง่ือนไขท่มี ักถกู นำ� มาพิจารณา ไดแ้ ก่ ลักษณะภายนอกของบคุ คลทีต่ อ้ งแลดู “สงู วยั ” และ ลกั ษณะเชงิ ฟงั คช์ น่ั ของบคุ คลทไี่ มส่ ามารถดแู ลตนเองไดท้ ง้ั หมดตอ้ งพงึ่ พงิ การชว่ ยเหลอื ในการ ท�ำกิจกรรมบางอย่างจากผู้อื่น โดยผู้ท่ีจะถูกพิจารณาว่าเป็น “ผู้สูงอายุ” ต้องเป็นผู้ที่มีลักษณะตามเง่ือนไข ท้ังสองเงือ่ นไขน้ี (Roebuck,1979) การให้คำ� จำ� กดั ความ หรือ นิยามค�ำว่าผู้สูงอายุอย่างเปน็ ทางการ เกิดข้ึนเม่ือประเทศต่างๆ เร่มิ มีการ พูดถึงและพัฒนาระบบสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ส�ำหรับกลุ่มประชากรวัยสูงอายุ ภายใต้แนวคิดท่ีว่า เมอ่ื ประชากรเขา้ สวู่ ยั สงู อายุ จะมคี วามเสอื่ มถอยทง้ั ทางรา่ งกาย และจติ ใจ ความสามารถในการทำ� งานลดลง จึงสมควรได้รับสวัสดิการจากรัฐ ดังนั้นนิยามค�ำว่าผู้สูงอายุ จึงมักหมายถึง วัยหลังเกษียณจากการท�ำงาน เช่น ในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีการก�ำหนดนิยามของผู้สูงอายุข้ึนในช่วงทศวรรษที่ 1880s–1890s อันเป็นผล มาจากการกอ่ ตัง้ ระบบบำ� นาญวัยสูงอายขุ องภาครัฐ (State Old Age Pension scheme) ขึ้น ซ่งึ จำ� เป็นตอ้ ง มีการให้ค�ำนิยามหรือค�ำจ�ำกัดความของบุคคลที่สูงอายุท่ีจะสามารถรับสิทธิประโยชน์ได้ โดยในยุคน้ัน การนิยามกม็ ปี ัญหาของความไม่ชดั เจนและความไมค่ งท่ขี องเกณฑก์ ารพิจารณาจากการใช้เกณฑอ์ ายรุ ่วมกบั เกณฑ์ความสามารถในเชิงฟังค์ชั่นของบุคคล นิยามผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิแตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร
แนวคิด “นิยามผ้สู ูงอาย.ุ ...ไทย และเทศ” 11 อยใู่ นช่วงอายุ 55, 60, 65, 70 และมคี วามแตกต่างกนั ระหว่างหญิง และชาย โดยพิจารณาจากความจ�ำเป็น ที่สมควรได้รับสวัสดิการร่วมด้วย เช่น ความยากจน การเป็นหม้ายของหญิง ซ่ึงในท้ายท่ีสุด อายุของการ รบั บ�ำนาญของผ้สู ูงอายุท่ีกำ� หนดโดยกฎหมายจากระบบบำ� นาญวยั สูงอายขุ องภาครัฐ อยทู่ ่อี ายุ 70 ปีขึ้นไป เนื่องมาจากเหตุผลทางเศรษฐกิจเป็นส�ำคัญ เน่ืองจากจะต้องใช้เงินเป็นจ�ำนวนมากกว่า ถ้าก�ำหนดผู้สูงอายุ ที่ต�่ำกว่านี้ (ถูกปรับลงเหลือที่อายุ 65 ปีในภายหลัง สงครามโลกครั้งที่ 1 เนื่องจากต้องการให้คนรุ่นหลัง เข้าสู่ระบบการท�ำงานได้มากข้ึน เป็นการลดการว่างงาน) ในขณะที่ในช่วงเวลาน้ัน บุคคลท่ีน่าที่จะสามารถ เรียกได้ว่าเป็น “ผู้สูงอายุ” หากพิจารณาจากลักษณะภายนอกและการท�ำฟังก์ชั่นในการดูแลตนเอง โดย ประมาณน่าจะเริ่มที่อายุต้ังแต่ 40 ปีขึ้นไป (Roebuck,1979) จากความไม่ชัดเจนในการตีความเกี่ยวกับ ความสูงอายุและก�ำหนดอายุเริ่มต้นของการเข้าสู่ความสูงอายุของบุคคล หลังจากนั้นเป็นต้นมา นิยามหรือ การกำ� หนดความหมายของผทู้ เี่ ปน็ ผสู้ งู อายุ จงึ มกั ถกู นำ� ไปเชอ่ื มโยงหรอื ใชเ้ กณฑอ์ ายเุ ดยี วกบั อายเุ กษยี ณหรอื อายุที่เร่ิมรับบ�ำนาญและสวัสดิการวัยสูงอายุ ในหลายประเทศ (Roebuck, 1979; Uotinen, 2005; Anthony, 2010) อย่างไรก็ดี จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ที่เกิดขึ้นแล้ว ในหลายประเทศ ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศก�ำลังพัฒนา การศึกษาจ�ำนวนหน่ึงจึงได้ตั้งค�ำถาม ต่อเกณฑ์และอายุเริ่มต้นที่ใช้ในการก�ำหนดการเป็น “ผู้สูงอายุ” ท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน สว่ นใหญม่ กั ลงทา้ ยดว้ ยขอ้ สรปุ หรอื ขอ้ คดิ เหน็ ตอ่ การเปลย่ี นหรอื ขยายนยิ ามอายเุ รม่ิ ตน้ ของผสู้ งู อายไุ ปในชว่ ง อายทุ สี่ ูงข้นึ แล้ว Orimo, et, al. (2006) ได้ทบทวนหลกั การในการนยิ ามความเปน็ ผสู้ ูงอายุในประเทศตา่ งๆ โดยพบว่า ที่ผ่านมายังคงไม่มีการก�ำหนดกฏเกณฑ์ที่ใช้ในการนิยามและหลักฐานสนับสนุนเชิงประจักษ์ท่ีชัดเจน โดย ในงานศึกษาได้น�ำเสนอข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ กรณีศึกษาของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันก�ำหนดผู้สูงอายุไว้ที่ 65 ปี โดยไม่ทราบเหตุผล ท่ีผ้ศู ึกษาเสนอวา่ ควรน�ำมาใช้เป็นเหตุผลสนับสนนุ หรอื เกณฑ์ในการนิยามผ้สู ูงอายุ โดยข้อมูลเชิงสังคมและวัฒนธรรม ประกอบด้วย ผลการส�ำรวจทัศนคติต่ออายุเริ่มต้นในการนิยามผู้สูงอายุ ของสาธารณะ (survey of public attitude) เอกสารรายงานตา่ งๆ ของคณะกรรมการหรือองค์กรภาครฐั (governmental reports) การนำ� เสนอและการเคลอื่ นไหวของสอื่ ต่างๆ ที่มีตอ่ การนิยามผสู้ ูงอายุ (media reports and movements) ในขณะท่ีข้อมูลอีกด้านซ่ึงเป็นในเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพของผสู้ งู อายุ (อายุ 65 ปีข้ึนไป) ในปัจจบุ นั เปรียบเทียบกบั ในอดีต ในดา้ นความ สามารถทางกายภาพ (physical activity) การพงึ่ พิงตนเองทางฟงั ค์ชนั่ (functional independence) และ ระดับความยืดหยนุ่ ของเสน้ เลือดในสมอง (youthfulness of cerebral arteries) จากข้อมูลทีแ่ สดงทง้ั หมด ในตอนท้ายของการศกึ ษาจงึ ได้น�ำไปสู่ข้อเสนอวา่ ในการนิยามผสู้ ูงอายุ สังคมควรค�ำนึงถงึ ปัจจัยด้านสถานะ ทางสขุ ภาพของคนรว่ มดว้ ย มากกวา่ พจิ ารณาเฉพาะปจั จยั ดา้ นอายุ (ตามปปี ฏทิ นิ ) เพยี งอยา่ งเดยี ว นอกจากน้ี ยงั ได้เสนอใหม้ ีการขยายอายุนิยามของผ้สู งู อายุในญ่ปี นุ่ ซ่ึงปจั จบุ นั เริ่มตน้ ท่ีอายุ 65 ปขี ้นึ ไป (แต่อายุเกษียณ ก�ำหนดที่ 60 ปี ก�ำลังจะมีการพิจารณาเพ่ิมเป็น 65 ปี) ให้เป็นในช่วงอายุที่สูงข้ึนที่อายุ 75 ปีขึ้นไปแทน ขอ้ เสนอน้ี สอดคลอ้ งกับ Tokuda and Hinohara (2008) ซงึ่ ใหเ้ หตผุ ลว่า เกณฑอ์ ายุทางการของผสู้ งู อายุ ท่ี 65 ปี เปน็ เกณฑ์ท่ีถูกกำ� หนดขนึ้ เมอื่ ประมาณ 45 ปีทแ่ี ล้ว ในขณะซ่ึงประชากรของประเทศมีอายคุ าดเฉลีย่
12 มโนทัศนใ์ หมข่ องนยิ ามผสู้ งู อายุ : มมุ มองเชงิ จติ วิทยาสังคม และสขุ ภาพ เพียง 68 ปี แต่ในปัจจบุ นั เมอ่ื อายคุ าดเฉลย่ี ของคนญีป่ นุ่ เพิม่ สูงเป็น 86 ปี และ 79 ปี สำ� หรับ เพศหญิงและ เพศชาย ตามล�ำดับ อีกทั้งบุคคลท่ีอายุ 65 ปี ยังสามารถท�ำงานได้อยู่ซ่ึงไม่ควรถูกปลดเกษียณด้วยเหตุผล จากการเป็นผู้สูงอายุ เพ่ือเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายทางสุขภาพและระบบบ�ำนาญของประเทศ รวมถึง รักษาขนาดของก�ำลังแรงงานไม่ให้หดตัวมากเกินไป เกณฑ์การก�ำหนดความเป็นผู้สูงอายุจึงถูกเสนอว่า ควรปรบั เพ่ิมเปน็ ท่ีอายุ 75 ปีขึน้ ไป Long and Pfau (1997) ทำ� การศกึ ษาเกยี่ วกบั ความยากจนและความเปราะบางทางเศรษฐกจิ ของกลมุ่ ประชากร จ�ำแนกตามกลุ่มอายุต่างๆ ในประเทศเวียดนาม และพบว่าอัตราความยากจน (poverty rate) ในประชากรสูงอายุของประเทศ (60 ปขี ึ้นไป) ซงึ่ คาดวา่ น่าจะมอี ตั ราท่ีสูงกว่าเม่อื เทียบกบั ประชากรในวยั อ่นื กลบั มอี ตั ราทตี่ ำ่� กวา่ โดยอตั ราความยากจนจำ� แนกตามกลมุ่ อายมุ ลี กั ษณะเปน็ ตวั ยู (u–shaped) มอี ตั ราทส่ี งู ที่สุดในช่วงอายุเด็กท่ีสุดและสูงอายุท่ีสุด มีอัตราท่ีต�่ำท่ีสุดในช่วงอายุ 50–60 ปี การศึกษาน้ีจึงได้เสนอว่า การนิยามผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีข้ึนไปในปัจจุบันของประเทศเวียดนาม อาจยังเป็นในช่วงอายุท่ียังไม่น่าจะ เหมาะสม ควรมีการขยายอายุเริ่มต้นของการสูงอายุออกไปโดยพิจารณาจากช่วงอายุท่ีบุคคลจะเริ่มประสบ กับความเปราะบางหรือความยากล�ำบากทางเศรษฐกิจ ซึ่งแนวคิดน้ีคล้ายกับประเทศอังกฤษในระยะเร่ิมต้น ท่ีมีการพิจารณาความยากจนร่วมด้วย ซึ่งถือว่าควรเป็นกลุ่มท่ีได้รับสวัสดิการจากรัฐเร็วกว่ากลุ่มท่ียากจน น้อยกวา่ (Roebuck, 1979) 4. ใครคือ ผูส้ ูงอาย?ุ ในประเทศไทย: อดตี และปัจจุบัน ในประเทศไทย ผูส้ ูงอายทุ ่ีหมายถงึ ผทู้ ีม่ ีอายุ 60 ปี มีมาอยา่ งยาวนาน นา่ จะเรม่ิ มาตัง้ แต่สมัยอยธุ ยา โดยที่ระบบมูลนาย (Corvée) ซ่ึงเป็นระบบท่ีมีไพร่ส�ำหรับพระมหากษัตริย์หรือขุนนางใช้เป็นก�ำลังแรงงาน ในการสงคราม หรือท�ำงานต่างๆ เช่น การท�ำเกษตรกรรม และการก่อสร้าง ก�ำหนดให้ส้ินสุดการเป็นไพร่ เม่ืออายุ 60 ปี ซึ่งน่าจะเป็นเพราะทางราชการเห็นว่าเป็นผู้ที่มีสุขภาพเสื่อมถอย ไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ี ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพเท่าคนอายนุ อ้ ยกวา่ ในสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 หรือสมเด็จพระณารายมหาราชย์ (พ.ศ. 2034–2072) ทรงจัดให้มีการ จัดระเบียบกองทัพและแต่งต�ำราพิชัยสงคราม โดยโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดท�ำบัญชีก�ำลังพลใน พ.ศ. 2061 เพือ่ เกณฑ์พลเมอื งเขา้ รบั ราชการทัง้ ฝ่ายทหารและพลเรือน โดยกำ� หนดใหไ้ พร่ทเ่ี ป็นชายอายตุ งั้ แต่ 18–60 ปี ต้องเข้ารับราชการทหาร ยกเว้นไพร่ท่ีมีบุตรชายเข้ารับราชการตั้งแต่สามคนข้ึนไป ผู้เป็นบิดาจึงพ้นหน้าท่ี รบั ราชการทหาร (พระโหราธบิ ดี, 2510) ในสมยั กรงุ รตั นโกสินทร์ ปลายรชั กาลท่ี 1 มีการเพิ่มอายไุ พรจ่ าก 60 ปี เป็น 70 ปี เนอ่ื งจากต้องการ ก�ำลังพลเพ่ือการทหารเป็นจ�ำนวนมาก ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (พ.ศ. 2411–2453) ได้มีการออกกฎหมายช่ือว่า “ประกาศก�ำหนดอายุบุคคนท่ีเปนฉกรรจ์ แลปลดชะรา รตั นโกสนิ ทรศก 118 (พ.ศ. 2443)” ซงึ่ ลดอายกุ ารปลดชราไพรเ่ ปน็ 60 ปี โดยทรงพระราชดำ� รวิ า่
แนวคิด “นิยามผ้สู งู อาย.ุ ...ไทย และเทศ” 13 “เปนการลำ� บากแกไ่ พรฟ่ า้ ขา้ แผน่ ดนิ ยงิ่ นกั ...แตน่ ต้ี อ่ ไป ถา้ ผใู้ ดมอี ายถุ งึ 60 ปี ใหป้ ลดจากเปนคนฉกรรจ์ เปนคนชะรา พ้นจากราชการทง้ั ปวง” (ชัย เรืองศิลป์, 2527) ในรชั กาลท่ี 5 ราวปี พ.ศ. 2446 ทม่ี กี ารทำ� บญั ชสี ำ� มะโนครวั ครง้ั แรก กำ� หนดใหผ้ สู้ งู อายุ หรอื ทเี่ รยี กวา่ “วัยชะรา” คือคนท่ีมีอายุ 50 ปีข้ึนไป (รศรินทร์ เกรย์ และคณะ, 2551) น่าจะเป็นเพราะคนในสมัยก่อน แกเ่ ร็วกว่าคนในสมัยน้ีมาก อายุ 50 ปีกเ็ ป็นปู่ ย่า ตา ยาย แลว้ กลายเป็นผ้อู าวุโสในสังคม และสมยั กอ่ น คนไทยมอี ายเุ ฉลยี่ ไมย่ นื ยาวนกั เฉลยี่ 40 กวา่ ปเี ทา่ นน้ั (ปราโมทย์ ประสาทกลุ , 2550) แตไ่ ดก้ ำ� หนดอายเุ กษยี ณ ของภาคราชการไว้ทอี่ ายุ 55 ปี ตามพระราชบัญญัตเิ บยี้ บำ� นาญ ร.ศ.120 (พ.ศ. 2445) และได้มาเปลีย่ นเปน็ 60 ปี ตามพระราชบญั ญตั บิ ำ� เหนจ็ บำ� นาญขา้ ราชการ พ.ศ. 2494 ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 (ส�ำนกั งานคณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น, 2542) หลังจากน้ัน กระบวนการท�ำงานของทางราชการ รวมถึงแนวคิดการให้สวัสดิการผู้สูงอายุซ่ึงเริ่มใน พ.ศ. 2496 ในสมัยรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นการบริการในรูปแบบสถานสงเคราะห์แก่ ผสู้ ูงอายุท่ีถกู ทอดท้งิ คือ สถานสงเคราะห์คนชราบา้ นบางแค (ปจั จบุ นั คือ ศูนย์พฒั นาการจดั สวัสดิการสงั คม ผู้สูงอายุบ้านบางแค) ต่อมาในปี พ.ศ. 2536 กรมประชาสงเคราะห์จึงได้จัดต้ังกองทุนส่งเสริมสวัสดิการ ผสู้ งู อายแุ ละครอบครวั ในชมุ ชน หรอื เรยี กวา่ “กองทนุ เบยี้ ยงั ชพี ผสู้ งู อาย”ุ ตามมตเิ หน็ ชอบจากคณะรฐั มนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2535 โดยด�ำเนินการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ ผู้สงู อายทุ ่ียากจน ถกู ทอดทง้ิ ขาดการดแู ลเอาใจใส่จากครอบครัว หรือไม่มคี รอบครัว โดยคดั เลือกมาหมู่บา้ น ละ 3–5 คน โดยจ่ายเบ้ียยังชีพให้คนละ 200 บาทต่อคนต่อเดือน การด�ำเนินการเรื่องเบี้ยยังชีพเป็นความ รับผิดชอบของศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจ�ำหมู่บ้านเพ่ือพิจารณาหาผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติและสิทธิในการ รับสิทธ์ิ ต่อมาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2541 จึงปรับเบ้ียเพิ่มเป็น 300 บาทต่อคนต่อเดือนโดยได้รับเงิน สนบั สนุนจากกองทนุ มยิ าซาวา่ (เจยี มจิต แสงสุวรรณ, 2555). พ.ศ. 2546 ไดม้ ีการออกตามพระราชบัญญตั ผิ สู้ ูงอายุ พ.ศ. 2546 โดย “ผู้สงู อาย”ุ หมายถึง บุคคล ซ่งึ มอี ายเุ กินหกสบิ ปบี ริบรู ณข์ นึ้ ไปและมีสญั ชาตไิ ทย (พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546) ต่อมาในปี 2552 ตามราชกิจจานุเบกษา วา่ ด้วยหลักเกณฑก์ ารจา่ ยเงินเบี้ยยงั ชีพผ้สู ูงอายุ พ.ศ. 2552 โดยอาศัยอ�ำนาจตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และมติที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เมื่อวันท่ี 19 กุมภาพันธ์ 2552 ก�ำหนดให้มีการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุท่ีไม่เป็นผู้ท่ีได้รับสวัสดิการหรือสิทธิ ประโยชน์อน่ื ใดจากหน่วยงานของรัฐ รฐั วสิ าหกิจ หรือองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นเปน็ เงิน 500 บาทต่อคน ต่อเดือน ต่อมาในปี 2555 ได้มีการเปล่ียนแปลงการจ่ายเบ้ียยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ โดยก�ำหนดเบี้ยยังชีพ รายเดอื นแบบขัน้ บันไดสำ� หรับผูส้ งู อายุ ดังน้ี ผ้สู งู อายุ 60–69 ปี จะได้รบั 600 บาท อายุ 70–79 ปี จะได้รบั 700 บาท อายุ 80–89 ปี จะได้รบั 800 บาท และอายุ 90 ปีข้ึนไป จะไดร้ ับ 1,000 บาท (สำ� นกั ส่งเสรมิ และ พทิ ักษ์ผสู้ งู อายุ กลมุ่ ยุทธศาสตรผ์ ูส้ งู อาย,ุ 2554) ดงั นนั้ เชน่ เดยี วกบั ตา่ งประเทศ ความหมายของผสู้ งู อายใุ นประเทศไทยจงึ ผกู ตดิ ไปกบั อายเุ กษยี ณและ อายุทไี่ ด้รับสิทธิ
14 มโนทัศน์ใหม่ของนยิ ามผ้สู ูงอายุ : มุมมองเชงิ จติ วทิ ยาสังคม และสขุ ภาพ 5. การรบั รูเ้ กี่ยวกับความสงู อายุในประเทศไทย การรบั รเู้ รอื่ งความสงู อายขุ องประชากรไทย พบเชน่ เดยี วกบั ประเทศอนื่ ๆ คอื แบง่ ออกเปน็ 5 ลกั ษณะ ดงั กลา่ วขา้ งตน้ ไดแ้ ก่ อายตุ ามปปี ฏทิ นิ หรอื อายตุ ามวยั อายทุ างชวี วทิ ยา อายทุ างสงั คม อายตุ ามอตั วสิ ยั และ อายทุ ค่ี งเหลอื อยู่ จากงานของนิศา ชูโต เร่ือง “คนชราไทย” ปี พ.ศ. 2525 โดยการสำ� รวจความคิดเห็นของผู้สูงอายุ เกี่ยวกับความชรา ได้ให้ความหมายของการสูงอายุไว้ 2 ประเด็น คือ 1) ความหมายของการสูงอายุตามปี ปฏิทิน และ 2) ความหมายของการสงู อายทุ างกายภาพ เม่อื พจิ ารณาจากความหมายแรก พบวา่ ร้อยละ 30 เหน็ วา่ ควรมีอายุ 60 ปี รองลงมา คิดวา่ ควรมอี ายุ 65 ปี (ร้อยละ 26.5) และรอ้ ยละ 15 คดิ ว่าควรมอี ายุ ต�่ำกว่า 60 ปี ส่วนการพิจารณาตามความหมายท่ีสอง พบว่า ร้อยละ 15 เห็นว่า ผู้สูงอายุเป็นช่วงชีวิตที่ ร่างกายอ่อนแอ ร้อยละ 14 เห็นว่าเป็นช่วงวัยท่ีลูกแต่งงานหมดแล้ว และร้อยละ 11 เห็นว่าเป็นช่วงที่มี คนอ่นื มาท�ำงานและธุรกิจแทนตนเอง (นศิ า ชโู ต, 2525) จากงานของบรบิ รู ณ์ พรพบิ ลู ย์ (2525) เรอ่ื ง “โลกยามชราและแนวการเตรยี มตวั เพอื่ เปน็ สขุ ” ไดก้ ลา่ ว ถึงอาขยาน หรือสุภาษิต/ค�ำพังเพยของชาวเหนือแต่โบราณ เป็นภูมิปัญญาล้านนา แต่ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง เก่ียวกับคุณลักษณะของผู้มีอายุตามวัย ช่วงอายุตั้งแต่ 60 ปีข้ึนไป เป็นช่วงวัยที่คนในภาคเหนือเห็นว่าเร่ิม ส่งผลกระทบตอ่ สภาพรา่ งกายของบุคคลแลว้ ดงั น้ี – อายุ 10 ปี คอื อาบนำ้� บฮ่ ้หู นาว หมายถงึ ผทู้ ี่อาบน้ำ� ไมเ่ คยหนาว – อายุ 20 ปี คือ เปน็ บา่ วเปน็ สาวบ่ก้าย หมายถึง ผู้ในวยั หน่มุ สาวท่สี นกุ สนานไมเ่ คยเบื่อหนา่ ยชีวติ – อายุ 30 ปี คือ บห่ น่ายสังขาร หมายถงึ เป็นผทู้ ่มี คี วามม่ันใจในตวั เอง – อายุ 40 ปี คอื ยะการเหมือนฟ้าผ่า หมายถึง เปน็ ผู้ทม่ี ุ่งม่ันในการท�ำงานเพ่ือครอบครวั มน่ั คง – อายุ 50 ปี คือ สาวน้อยด่าบ่เจ็บใจ หมายถึง คนวัยนี้ส่วนมากเป็นคนวัยกลับ คือ กลับไปชอบ เด็กสาวๆ – อายุ 60 ปี คือ ไอเหมือนฟานโขก หมายถงึ เริม่ มีรา่ งกายเสอ่ื มโทรม เวลาไอมีเสยี งดงั เหมอื นละมั่ง หรือเกง้ รอ้ ง – อายุ 70 ปี คือ มะโหกเต็มตัว หมายถึง กลายเป็นผู้ท่ีเมื่อยขบไปท้ังสังขารและเริ่มจะมีโรคภัย ไขเ้ จบ็ – อายุ 80 ปี คือ ไคห่ ัวเหมอื นไห้ หมายถึง เมอื่ หวั เราะจะมเี สียงเหมือนกับคนร้องไห้ – อายุ 90 ปี คือ ไขก้ ็ตายบ่ไขก้ ็ตาย หมายถึง มีสังขารแก่เตม็ ที มีสภาพคล้ายใบไมท้ แ่ี กจ่ ัดและเรม่ิ จะรว่ งหลดุ ออกจากกง่ิ เมอ่ื ใดก็ได้
แนวคดิ “นิยามผู้สงู อายุ....ไทย และเทศ” 15 จากงาน เรอื่ ง “ผลกระทบของการเปลยี่ นแปลงทางสงั คมและการมโี ครงการพฒั นาทม่ี ตี อ่ วถิ กี ารดำ� เนนิ ชีวิตของผู้สูงอายุในหมู่บ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย” ปี พ.ศ. 2533 ค�ำว่า “ผู้สูงอายุ” ในสายตาของชาวบา้ นอายุระหวา่ ง 69–80 ปี เห็นวา่ คนที่อายุ 55 ปีข้นึ ไปถอื ว่าเรมิ่ แก่แลว้ โดยเฉพาะผ้หู ญงิ เพราะสุขภาพไมด่ หี รือสงั ขารรว่ งโรยเร็ว และดูแก่เรว็ กว่าคนในเมืองท่ีชาวบา้ นมองว่าอายุ 60 ปไี ปแลว้ จงึ จะ เรม่ิ แก่ นอกจากนช้ี าวบา้ นยงั ใหค้ วามหมายของคำ� ทเ่ี กยี่ วกบั ผสู้ งู อายุ ดงั นี้ อายุ 55 ปี คอื เรมิ่ แก่ อายุ 65–70 ปี คอื คนแก่ และอายุ 70 ปีข้ึนไป คือ คนเฒา่ (วีระสทิ ธ์ิ สทิ ธ์ิไตร และโยธิน แสวงดี, 2533) จากงานของมาลินี วงษ์สทิ ธิ์ (2535) เรอื่ ง “ทัศนคติเกย่ี วกับผ้สู งู อายุของคนหนุ่มสาวไทย” จากการ สอบถามความหมายของการเป็นผู้สูงอายุจากหนุ่มสาว (อายุ 15–44 ปี) พบว่า ชายร้อยละ 25 และหญิง ร้อยละ 27 เห็นว่าบุคคลจะแก่เมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นอายุอ่อนกว่าเกณฑ์การให้ค�ำนิยามผู้สูงอายุ ของไทยถึง 10 ปี รองลงมา ชายรอ้ ยละ 19 และหญงิ ร้อยละ 15 เห็นวา่ บคุ คลจะแก่เม่อื มีอายุ 40 ปี สาเหตุ เนื่องมาจากคนหนุ่มสาวมองจากความรู้สึกของคนท่ีอายุน้อยกว่า นอกจากนี้ยังมองว่าผู้หญิงแก่ไวกว่าผู้ชาย แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้หญิงมีอายุขัยเฉล่ียนานกว่าผู้ชายหลายปี ท�ำให้ผู้หญิงอยู่ในสภาวะสูงอายุยาวนาน กวา่ ผชู้ าย (มาลินี วงษส์ ทิ ธ,ิ์ 2535) จากงานของนายแพทย์บรรลุ ศิรพิ านิช (2555) เร่ือง ปกิณกะ งานผ้สู ูงอาย2ุ ไดใ้ หค้ วามหมายของคำ� ท่ีเกี่ยวข้องกับผสู้ ูงอายุ ดงั น้ี 1) ผู้สูงอายุ หมายถงึ การเอาอายุเป็นหลักในการเรยี ก ในที่นค้ี ือ 60 ปขี นึ้ ไป 2) คนชรา หมายถึง การเอาลักษณะทางกายภาพเป็นหลกั ในการเรยี ก และ 3) ผูอ้ าวุโส หมายถึง การเอา สถานภาพทางราชการ แก่กว่า เกา่ กวา่ เปน็ หลกั ในการเรียก นอกจากน้ี มัลลิกา มัติโก และคณะ (2542) พบวา่ “ผสู้ งู อาย”ุ คอื บคุ คลทมี่ อี ายุ 60 ปขี นึ้ ไป ทม่ี สี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง เปน็ วยั ทที่ ำ� งานและกจิ กรรมตา่ งๆ ได้ พ่ึงตนเองและมีความสามารถช่วยเหลือตนเองได้ “คนแก่” คือบุคคลที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป มีสภาพและ บทบาทที่ลดลงตามความสามารถของก�ำลังหรือความแข็งแรงของร่างกาย เป็นกลุ่มที่สังคมเร่ิมถอดถอน จากสภาพทมี่ ีอำ� นาจทางเศรษฐกิจ และค�ำวา่ “ชรา” คือผู้ทมี่ ีอายุ 80 ปีขน้ึ ไป เปน็ ผู้ท่ตี อ้ งพึง่ พาบตุ รหลาน ในทกุ ๆ ด้าน จากการส�ำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความรู้และทัศนคติท่ีมีต่อผู้สูงอายุของส�ำนักงาน สถิติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2554 พบว่า แมป้ ระชาชนส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 65 ยังคงเห็นว่าการก�ำหนดอายุ ของผ้สู งู อายุหรอื ผูส้ ูงวัยควรเรม่ิ ทีอ่ ายุตง้ั แต่ 60 ปี แตร่ อ้ ยละ 21 เห็นวา่ ควรเริม่ ณ อายทุ ่ีมากกว่า 60 ปี เชน่ ที่อายุ 65 ปี หรือ 70 ปี ซ่ึงสัดส่วนน้ีเพิ่มสูงข้ึนกว่าผลการส�ำรวจในปี พ.ศ. 2550 ท่ีเท่ากับร้อยละ 18.5 (สำ� นกั งานสถติ ิแห่งชาติ, 2554) เหตุผลหนงึ่ ท่ีท�ำให้คนไทยสว่ นใหญ่ เช่อื วา่ ผู้สงู อายุ คอื บคุ คลท่มี อี ายุเร่ิมต้นต้งั แต่ 60 ปีขึ้นไป น่าจะ เป็นเพราะการสร้างบรรทัดฐานในการจัดระเบียบทางสังคม ด้วยการให้การจัดล�ำดับช้ันทางอายุ เป็นเกณฑ์ 2 จากเวบ็ ไซด์ http://www.anamai.moph.go.th/advisor/202/20210.html (22 กรกฎาคม 2555)
16 มโนทศั นใ์ หม่ของนิยามผูส้ งู อายุ : มมุ มองเชงิ จิตวิทยาสงั คม และสขุ ภาพ แบ่งความแตกต่างของความเปน็ ผู้สูงอายุ (มัลลกิ า มัติโก และคณะ, 2542) นอกจากน้ี การศกึ ษาของ ปรชี า อปุ โยคิน และคณะ (2541) พบว่า การทผี่ ู้สูงอายยุ อมรบั วา่ ตนเองเป็นผู้สงู อายุ เนอื่ งจากยอมรบั ในกฎเกณฑ์ ทางสงั คม เพราะมหี นงั สือจากราชการประกาศว่าผู้ท่ีมีอายุเกนิ 60 ปีจัดให้เป็นผสู้ งู อายุ สำ� หรบั บางคนคดิ ว่า ตนเองเปน็ ผสู้ งู อายุ เพราะตนไดร้ บั บตั รผสู้ งู อายจุ ากทางราชการ และไดใ้ หเ้ หตผุ ลวา่ ตนเองเปน็ ผสู้ งู อายเุ พราะ ลกู หลานเรยี กตา หรอื ยาย ซงึ่ เปน็ ตำ� แหนง่ ทางสงั คมทผ่ี ทู้ มี่ อี ายนุ อ้ ยจะเรยี กผทู้ มี่ อี ายมุ ากทกุ คน เดก็ เมอื่ เหน็ คนสงู อายุรนุ่ ราวคราวพอ่ แม่ หรือสงู กว่าจะเรยี ก ปู่ ยา่ ตา ยาย แมจ้ ะไม่ใช่ญาตเิ กี่ยวดองกนั กต็ าม วรชยั ทองไทย (2549) เสนอให้มีการ “เล่อื นอายเุ ร่ิมต้น” ของผสู้ งู อายไุ ทยจากท่ี 60 ปี เป็น 65 ปี จากข้อเท็จจริงท่ี ประชากรอายุ 60–64 ปี ยังคงท�ำงานอยู่เป็นจ�ำนวนมาก (ตาราง 1 และแผนภูมิ 1, 2 ในภาคผนวก) การเลื่อนอายุเร่ิมต้นน้ีเชื่อว่าจะสอดคล้องตามสภาพความจริงในปัจจุบัน และช่วยแก้ปัญหา การขาดแคลนแรงงานท่จี ะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตไดอ้ กี ทางหน่งึ ปราโมทย์ ประสาทกลุ และ ปทั มา ว่าพัฒนวงศ์ (2553) เสนอให้มีการเปลี่ยนหลักการท่ีใช้ในการนิยามผู้สูงอายุไทยจากเดิมท่ีพิจารณาจากเกณฑ์จ�ำนวน ปปี ฏทิ นิ ทบ่ี คุ คลมชี วี ติ อยมู่ าแลว้ มาเปน็ เกณฑจ์ ำ� นวนปที คี่ าดวา่ บคุ คลจะมชี วี ติ อยตู่ อ่ ไปขา้ งหนา้ (remaining life expectancy) แทน ซงึ่ หากใชเ้ กณฑพ์ จิ ารณาดงั กลา่ ว อายขุ องความเปน็ ผสู้ งู อายไุ ทยจากแตเ่ ดมิ ซงึ่ กำ� หนด ไวท้ ีอ่ ายุ 60 ปี เม่ือกวา่ 50 ปที แี่ ล้ว ถูกเสนอให้ขยายออกเปน็ ท่ีอายุ 65 ปี ซ่งึ เป็นอายุที่บคุ คลในปัจจบุ ัน คาดวา่ จะมีชีวิตอยู่ตอ่ ไปขา้ งหนา้ อกี ประมาณ 17 ปี ซ่ึงใกลเ้ คยี งกบั อายคุ าดเฉลยี่ ของคนไทย ณ อายุ 60 ปี เม่ือประมาณ 50 ปีที่แล้ว (ตาราง 2 ในภาคผนวก) นอกจากน้ียังพบว่าผู้สูงอายุมีแนวโน้มสุขภาพดีขึ้น (ตาราง 3 และแผนภมู ิ 3 ในภาคผนวก) โดยวดั จากการประเมนิ สุขภาพตนเอง การประเมนิ ภาวะสุขภาพกาย ของตนเองเป็นตัวชี้วัดที่ดีและมีประสิทธิภาพในการสะท้อนสุขภาพองค์รวม และภาวะการตาย (Idler, & Benyami, 1997) นอกจากการรับรู้ความสูงอายุในมิติต่างๆ ของคนไทยดังกล่าวข้างต้น ยังได้มีการใช้ค�ำต่างๆ เรียกผ้มู อี ายุมากในความหมายท่ีแตกตา่ งกันบา้ งเชื่อมโยงกับภาวะสุขภาพ และบทบาททีล่ ดลง เชน่ ผ้สู งู อายุ คนชรา คนแก่ คนเฒ่า 6. การใชค้ �ำที่เหมาะสมส�ำหรบั “ผูส้ งู วัย” ในภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ แต่เดิมการใช้ค�ำเพ่ือเรียกบุคคลที่มีอายุมาก จะใช้ค�ำว่า “วัยชรา” ซ่ึงมีความหมายตามพจนานุกรม ไทย3 ว่า แก่ด้วยอายุ ช�ำรุดทรุดโทรม แต่ค�ำน้ีไม่เป็นที่นิยมนัก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและนักวิชาการ เพราะค�ำนี้ก่อให้เกิดความหดหู่และถดถอยสิ้นหวัง ดังนั้น ในที่ประชุมคณะแพทย์ผู้อาวุโสและผู้สูงอายุจาก วงการต่างๆ โดยมี พลต�ำรวจตรี หลวงอรรถสิทธิ์ สิทธิสุนทร เป็นประธาน จึงได้ก�ำหนดค�ำว่า “ผู้สูงอายุ” ขนึ้ ใชแ้ ทนคำ� วา่ “คนแก”่ “คนชรา” เมอื่ วนั ท่ี 1 ธนั วาคม พ.ศ. 2505 ซง่ึ คำ� นใ้ี หค้ วามหมายทยี่ กยอ่ งใหเ้ กยี รติ แก่ผู้ชราภาพว่าเป็นผู้ท่ีสูงท้ังวัยวุฒิและประสบการณ์ (สุรกุล เจนอบรม, 2541) ในภาษาอังกฤษมีความ 3 พจนานุกรมไทย พ.ศ. 2542
แนวคิด “นยิ ามผู้สงู อาย.ุ ...ไทย และเทศ” 17 คลา้ ยคลงึ กับภาษาไทย คอื ให้ใช้คำ� ว่า “Older adults” หรือ “Older people” ซ่งึ มีความหมายในทางบวก แทนค�ำอ่ืนๆ เชน่ Elderly หรอื Senior ซึ่งมีความหมายในทางลบ (รายละเอยี ดใน ภาคผนวก) จากสถานการณส์ งั คมผสู้ งู อายทุ เ่ี กดิ ขนึ้ ในหลายประเทศ มมุ มองตอ่ ความเปน็ ผสู้ งู อายสุ ว่ นใหญเ่ ปน็ ไป ในทางการสร้างภาพลักษณ์ท่ีเป็นบวก ทดแทนภาพลักษณ์ในอดีตท่ีมักเป็นในด้านลบ เพ่ือสร้างคุณค่าและ ความหมายของความสูงอายุแก่กลุ่มประชากรที่จะมีขนาดจ�ำนวนเพ่ิมข้ึนเร่ือยๆ ในการท่ีจะสร้างประโยชน์ ใหแ้ กส่ งั คมตอ่ ไป ทง้ั ทางสงั คม เศรษฐกจิ ประเพณแี ละวฒั นธรรมซง่ึ ในบางครง้ั อาจไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารกำ� หนด หรือระบุความเป็นผู้สูงอายุ เพ่ือให้เป็น ageless society หรือ อาจใช้ค�ำอ่ืนในการเรียกประชากรกลุ่มนี้ ท่ใี หค้ วามหมายหรือคณุ คา่ ทีด่ ขี ้ึน เช่น คำ� วา่ New Agers, respected elders, (Huff Post, 2012) หรือ the long–living (Orimo, et, al., 2006) 7. ผลกระทบของการเลอื่ นอายทุ ่ตี งั้ ต้นการเปน็ ผู้สูงอายุใหส้ งู ข้ึน ปัจจุบันประชากรไทยส่วนใหญ่คิดว่า ผู้สูงอายุ คือผู้ที่มีอายุ 60 ปีข้ึนไป ถ้ามีการเปลี่ยนนิยามใหม่ ใหม้ ีอายุสงู ขน้ึ เช่น จะมผี ลในเชิงจติ วิทยาสงั คม และสขุ ภาพอยา่ งไรบ้าง? 7.1 บรรทดั ฐาน (norm) บรรทัดฐานทางสังคม (social norm) เป็นลกั ษณะของวฒั นธรรมทสี่ รา้ งข้ึน เพอื่ เปน็ แนวทางในการ กำ� หนดพฤติกรรมของแตล่ ะบุคคล ซงึ่ มีความแตกตา่ งกนั ออกไป การทผ่ี สู้ งู อายุเปน็ บคุ คลที่ประพฤติปฏิบัติดี เป็นท่ียอมรับของสังคม สังคมจึงได้ก�ำหนดบรรทัดฐานหรือแนวทางที่สมาชิกในสังคมได้ประพฤติปฏิบัติ ต่อผ้สู ูงอายุ 3 ประการคอื (สมศักดิ์ ศรีสันติสขุ , 2539) 1) วิถีประชา (folkways) เป็นลักษณะของพฤติกรรมมนุษย์ท่ีได้รับการอบรมขัดเกลาจากสมาชิก รนุ่ ก่อนๆ นำ� มาปฏิบตั จิ นเคยชนิ เป็นนิสยั เชน่ การยกมือไหว้ ทำ� อย่างอัตโนมัตติ ่อผ้สู งู อายุ 2) จารตี (mores) มลี กั ษณะคลา้ ยกบั วถิ ปี ระชา ทบี่ คุ คลมคี วามประพฤตมิ าหลายชว่ั รนุ่ อายตุ ลอดจน มคี วามสลบั ซบั ซ้อน มขี ั้นตอน มีพิธีรีตองมากข้นึ ตลอดจนมีข้อหา้ มต่างๆ ดว้ ย เช่น การเลีย้ งดูผูส้ งู อายุ และ ท�ำบุญอุทิศส่วนกุศลเม่ือถึงแก่กรรม ในสังคมชนบทได้ก�ำหนดบรรทัดฐานให้สมาชิกในสังคมต้องปฏิบัติ ต่อผู้สงู อายุในฐานะผู้อาวโุ สในหมูบ่ ้าน มคี วามเคารพนับถือ มคี วามกตัญญูรู้คุณต่อผ้สู งู อายุ 3) กฎหมาย (laws) เปน็ แนวทางในการกำ� หนดพฤตกิ รรมของบคุ คล อะไรควรละเวน้ และอะไรตอ้ งทำ� ซึ่งได้กำ� หนดเป็นลายลักษณอ์ ักษร เชน่ กฎหมายมรดกทผี่ ู้สงู อายจุ ะมอบใหแ้ กบ่ ตุ รธดิ าทเ่ี ล้ยี งดตู น ความกตัญญูรู้คุณที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธ ได้หล่อหลอมและยังมีอิทธิพลท�ำให้คนรุ่นหลังยังมี มุมมองที่ดตี ่อผสู้ งู อายุ (กาญจนา ตงั้ ชลทพิ ย์ และคณะ, 2553)
18 มโนทศั น์ใหมข่ องนิยามผู้สูงอายุ : มมุ มองเชงิ จติ วทิ ยาสังคม และสุขภาพ 7.2 คุณค่า (value) การเปล่ียนแปลงทางร่างกายและสังคม การที่ก�ำลังลดถอย การหยุดหรือการปลดจากงานประจ�ำ การเปลย่ี นแปลงวถิ ที างดำ� เนนิ ชวี ติ หลงั จากเคยทำ� มาในชว่ งเวลา 20–30 ปี การลดกจิ กรรมทเี่ กยี่ วขอ้ งตา่ งๆ ลง วงสังคมแคบ ท�ำให้เกิดความรู้สึกสูญเสียทางบทบาท ซึ่งอาจมีผลกระทบกระเทือนทางเศรษฐกิจ ท�ำให้ ความม่นั ใจในตนเองในความสามารถและคณุ คา่ ของตนเองลดลง อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงมุมมองของตัวผู้สูงอายุเองในเร่ืองของคุณค่าในตัวผู้สูงอายุ พบว่า ตัวผูส้ ูงอายเุ องเหน็ ว่า ทุกคนมคี ุณค่า คนท่ยี งั มีชีวิตอยทู่ ุกคน ไมว่ ่าจะแก่สกั เพยี งใด ก็ยังมโี อกาสสร้างคุณค่า ให้กับตนเอง หรือเปน็ คนทมี่ คี า่ ของคนอืน่ ได้ โดยคณุ คา่ ของคนแก่จะมมี ากหรอื น้อยก็ด้วยเงอ่ื นไขดังต่อไปนี้ (ปรีชา อุปโยคิน และคณะ, 2541; วณี า ศริ ิสขุ และคณะ, 2542; มลั ลกิ า มัตโิ ก และคณะ, 2542) 1) มีคุณค่าเพราะเกิดมานาน มีประสบการณ์มาก สามารถถ่ายทอดส่ิงต่างๆ ไปให้ลูกหลานได้ ประสบการณ์ทีม่ อี ย่ยู ่อมเปน็ ประโยชนแ์ ละมีคุณคา่ ต่อคนรนุ่ หลัง 2) มีคุณค่าเพราะความดี ทั้งนี้ความดีเกิดจาก การมีศาสนา การท�ำบุญท�ำทานที่วัด การอยู่ในศีล ในธรรม มีเมตตากรุณา จนถึงปฏิบัติตัวไม่ให้เป็นท่ีร�ำคาญของลูกหลาน เช่น ไม่พูดมาก ไม่พูดเพ้อเจ้อ และเปน็ คนใจดี มีคนนบั ถือ 3) มีคุณค่าเพราะมีโภคทรัพย์ หรือทรัพย์สินเงินทอง หรือสมบัติท่ีผู้สูงอายุเป็นเจ้าของ ประเด็นน้ี มีความคิดความเชื่อว่า “คนทั่วไปจะเห็นคุณค่าของคนแก่ถ้าเป็นผู้ที่มีสมบัติ” ดังน้ันคนแก่คนใดท่ีมีสมบัติ กจ็ ะมคี ุณค่า คนแกท่ ่ีไม่มีสมบัติ มฐี านะยากจนกไ็ ม่มีคุณค่า เพราะลกู หลานไมส่ นใจ 4) มีคุณค่าเพราะมีบุญคุณ จากการที่ผู้สูงอายุมีสถานภาพความเป็นพ่อแม่ จึงมีบุญคุณด้วยการ ให้ก�ำเนดิ อบรมเลีย้ งดูลูกๆ มา 5) มคี ุณค่าเพราะยังท�ำประโยชนใ์ หก้ บั ครอบครวั และสงั คมได้ 6) มคี ณุ คา่ เพราะเปน็ ทพ่ี งึ่ ทางใจ แมผ้ สู้ งู อายจุ ะทำ� อะไรไมไ่ ด้ ไมม่ ปี ระโยชนใ์ นการชว่ ยงานตา่ งๆ ไมม่ ี เงินทองทรพั ยส์ มบัติ แต่ผสู้ ูงอายกุ ็ยังเชือ่ วา่ ตนเองมีคณุ ค่าทางจิตใจให้ลกู หลานได้ 7) มคี ณุ คา่ เพราะมคี นใหค้ ณุ คา่ เชน่ ลกู หลานใหค้ า่ ดว้ ยการปฏบิ ตั ทิ แี่ สดงความเคารพ เอาใจใส่ ดแู ล ปรนนบิ ตั ิ สำ� หรบั ในมมุ มองของคนวยั หนมุ่ สาวในตา่ งประเทศ เชน่ เกาหลี และฮอ่ งกง พบวา่ มแี นวโนม้ ในการมอง ผสู้ ูงอายใุ นเชิงลบมากขน้ึ (Sung, & Kim, 2003; Cheung, Chan, & Lee, 1999) แต่สำ� หรับในประเทศไทย พบวา่ ทศั นคตขิ องประชากรวัยท�ำงาน และวัยนกั เรียน มีแนวโน้มท่ีดตี อ่ ผสู้ ูงอายทุ ั้งสองวยั แต่มีมมุ มองทด่ี ี ต่อผู้สูงอายุวัยปลาย (80 ปีข้ึนไป) น้อยกว่าโดยเปรียบเทียบกับผู้สูงอายุวัยต้น (60–69 ปี) (กาญจนา ตัง้ ชลทพิ ย์ และคณะ, 2553)
แนวคดิ “นิยามผสู้ ูงอาย.ุ ...ไทย และเทศ” 19 7.3 รปู แบบการดำ� เนนิ ชีวติ (lifestyle pattern) การเปล่ียนแปลงทางสังคม การเปลี่ยนแปลงฐานะทางเศรษฐกิจอันเน่ืองจากหยุดงานประจ�ำของคน สูงอายุโดยทัว่ ๆ ไป คือ การลดบทบาทและเกีย่ วขอ้ งทางสงั คม และกิจกรรมตา่ งๆ ทางสงั คมนอ้ ยลง กจิ กรรม ต่างๆ ช้าลงไปตามจังหวะของชีวิตตัวเอง วงสังคมแคบลงและการเก่ียวข้องกับคนอ่ืนก็จะมีเฉพาะกิจกรรม ท่ีตัวเองเปน็ ศูนยก์ ลาง เช่น การเจ็บป่วย เป็นตน้ กจิ กรรมตา่ งๆ จะนอ้ ยและชา้ ลง ไมค่ อ่ ยมกี ารเคลอ่ื นทมี่ ากนกั การซอ้ื และจบั จา่ ยใชส้ อยเครอื่ งอปุ โภค บริโภคต่างๆ กล็ ดลง กจิ กรรมส่วนใหญจ่ ะเปน็ เรือ่ งผ้รู บั มากกวา่ ผู้ให้ และเป็นการกระท�ำโดยล�ำพงั เอง เชน่ อา่ นหนงั สอื ฟงั วทิ ยุ มากกวา่ จะทำ� เปน็ กลมุ่ กอ้ น (นศิ า ชโู ต, 2525) และดว้ ยการทร่ี า่ งกายเสอื่ มถอยเรย่ี วแรง นอ้ ย การดำ� เนนิ ชวี ติ ของผสู้ งู อายจุ งึ แตกตา่ งจากหนมุ่ สาว เมอ่ื อายมุ ากแลว้ ไมเ่ กดิ ความคลอ่ งตวั ไมส่ นกุ สนาน ไม่สนใจสิ่งบันเทิง ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบแต่งตัวมาก ไม่อยากมีแฟน อยากแต่จะเข้าวัด ถือศลี ฟังเทศน์ การพูดการจาสภุ าพเรยี บร้อย พูดจามเี หตุผล (วีณา ศริ สิ ุข และคณะ, 2542) ส�ำหรบั รูปแบบ การดำ� รงชีวติ ของผสู้ งู อายทุ ไ่ี ม่มคี วามสุข ชศู ักด์ิ เวชแพศย์ (2532) กล่าวไวว้ ่า ผสู้ งู อายุท่ีไม่มีความสขุ มักจะ ขาดการออกกำ� ลงั กาย รบั ประทานอาหารไมเ่ หมาะสม นอนไมค่ อ่ ยหลบั รสู้ กึ หดหู่ ไมไ่ ดท้ ำ� งานทเี่ ปน็ ประโยชน์ อยโู่ ดดเดี่ยว เครยี ด สขุ ภาพไมด่ ี ดม่ื สุรามาก สูบบหุ รจ่ี ดั นำ�้ หนกั มาก และไม่เอาใจใสช่ วี ติ 7.4 การนบั ถือตนเอง ความภูมิใจในตนเอง (self–esteem) ผู้สูงอายุมองว่าบทบาทของตนเองเปล่ียนแปลงไปซ่ึงอาจไม่ได้หมายความว่ามีบทบาทน้อยลง แต่เป็นการเปลี่ยนบทบาทไปตามวัย ทั้งในเรื่องบทบาททางสังคมและครอบครัว เช่น เปลี่ยนจากบทบาท เป็นผู้ท�ำไร่ท�ำนามาเป็นที่ปรึกษาของลูกหลาน ช่วยท�ำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เปลี่ยนจากแม่เป็นยาย ช่วยเล้ยี งหลาน เป็นความภมู ิใจในบทบาทท่เี ป็นผสู้ งู อายุเหตุผลเพราะ (ปรีชา อุปโยคิน และคณะ, 2541) 1) ภูมิใจในศักด์ิศรีและคุณค่าของตนเอง ผู้สูงอายุท่ีมีความภูมิใจในลักษณะนี้ โดยให้เหตุผลว่ามี ลูกหลานดี คอยดูแลช่วยเหลือ ไม่เคยแสดงกิริยาไม่ดี ลูกหลานให้ความเคารพนับถือปัจจุบันยังคงอบรม สั่งสอนลูกหลานได้ ลูกหลานไม่ทอดท้ิง ทั้งน้ีเพราะตัวเองท�ำความดีไว้มากจึงมีคนยกย่อง สมัยก่อนอาจมี บทบาทนอ้ ย เดีย๋ วน้ที เี่ ปน็ ผู้สูงอายุกลับมบี ทบาทมาก เพราะมีคนนับถือมากข้ึน 2) ภมู ใิ จในความสามารถกบั งานทไี่ ดท้ ำ� ดว้ ยตนเองและยงั ทำ� อะไรไดบ้ า้ ง เชน่ ปลกู ผกั ได้ ทำ� ของชำ� รว่ ย ได้ เล้ียงดลู ูกหลานได้ และภูมิใจทีเ่ ป็นคนแก่ทไ่ี ด้ทำ� หนา้ ทม่ี ามาก ช่วยเหลอื ผคู้ นมากมาย 3) ภูมิใจในสุขภาพร่างกายที่อยู่มาได้ถึงขณะน้ี อยู่ได้ทนกว่าคนอ่ืน คนอ่ืนท่ีมีอายุน้อยกว่าตายไป จำ� นวนมากแลว้ ดใี จทต่ี นเองอยไู่ ดน้ านกวา่ คนอน่ื เพราะมสี ขุ ภาพดี มชี วี ติ ความเปน็ อยทู่ ดี่ ี ไมม่ อี ะไรตอ้ งทำ� ให้ คดิ มาก 4) ภูมิใจในประสบการณ์ที่มีมากขึ้น ได้พบได้เห็นอะไรมามากสามารถใช้ประสบการณ์แก้ปัญหา ช่วยเหลอื ลกู หลานได้
20 มโนทัศน์ใหมข่ องนยิ ามผสู้ ูงอายุ : มมุ มองเชิงจติ วทิ ยาสงั คม และสุขภาพ 7.5 การทำ� งาน การทำ� งาน นอกจากมคี วามจำ� เปน็ ทางเศรษฐกจิ เพอ่ื เลย้ี งดตู นเองและครอบครวั แลว้ ยงั ทำ� ใหผ้ ทู้ ำ� งาน มสี ขุ ภาพกายและใจสมบรู ณแ์ ขง็ แรงเปน็ ปกตดิ ี มสี ถานภาพทางสงั คม มเี พอ่ื นรว่ มงาน มผี นู้ บั หนา้ ถอื ตา ทำ� ให้ เกิดความเช่ือม่ันและนับถือตนเอง อย่างไรก็ตามการท�ำงานประจ�ำมาเป็นระยะเวลานานกว่า 30–40 ปี ก�ำลังกายและสติปัญญาเร่ิมเสื่อมถอย คนเราควรจะได้รับการพักผ่อนจากงานประจ�ำท่ีเคยท�ำจ�ำเจมาตลอด การศึกษาถึงสถานภาพการท�ำงานของผู้สูงอายุในอดีต พบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เคยมีงานท�ำมีรายได้ประจ�ำ มาก่อน ก็ยังคงท�ำงานต่อเพ่ือหารายได้จากงานท่ีท�ำประจ�ำนั้น (ร้อยละ 40) งานที่ท�ำส่วนใหญ่ ได้แก่ งานเกษตรกรรมและประกอบธรุ กจิ สว่ นตวั ของครอบครวั ในกลมุ่ ทย่ี งั ทำ� งานประจำ� นี้ รอ้ ยละ 77 ยงั ประสงค์ ทจ่ี ะทำ� งานตอ่ ไปอกี เพราะเหตผุ ลทางเศรษฐกจิ มากกวา่ สงิ่ อนื่ ใด จงึ ทำ� ใหผ้ สู้ งู อายยุ งั ทำ� งานตอ่ ไปหลงั จากอายุ 60 ปแี ลว้ จนกระทงั่ อายมุ ากๆ จนทำ� งานไมไ่ หว หรอื จนกระทงั่ สขุ ภาพจะไมอ่ ำ� นวย เพราะเหตผุ ลทางเศรษฐกจิ งานทที่ ำ� สว่ นใหญ่ ไดแ้ กง่ านเกษตรกรรม งานสว่ นตวั ดว้ ยเหตทุ ลี่ กั ษณะของงานทค่ี นไทยสว่ นใหญท่ ำ� เปน็ งาน เกษตรกรรมของครัวเรือน รายได้ต่�ำ ไม่มีหลักประกันหลังจากหยุดงานประจ�ำ ดังน้ัน อายุการปลดเกษียณ จากงานประจ�ำจึงไม่ตายตัวแน่นอน อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มว่าคนชราจะหยุดท�ำงานประจ�ำเมื่ออายุเกิน 64 ปีข้ึนไป (นิศา ชูโต, 2525) ส�ำหรับในปัจจุบันน้ี ผู้สูงอายุมีแนวโน้มในการท�ำงานมากขึ้น ข้อมูลจากส�ำรวจภาวะการท�ำงานของ ประชากร พ.ศ. 2546–2552 โดยสำ� นกั งานสถิติแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่า ในภาพรวม สดั สว่ นของผ้สู ูงอายุ ทยี่ งั คงทำ� งานอยู่ เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั ผสู้ งู อายทุ ง้ั หมด มแี นวโนม้ สงู ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ทงั้ นพ้ี บวา่ ปจั จยั สำ� คญั ๆ ที่มีผลต่อการท�ำงานของผู้สูงอายุ ได้แก่ อายุ การศึกษา การไม่ได้รับบ�ำนาญและเงินสนับสนุนจากบุตร การมีหนีส้ ิน ความสามารถในการทำ� กจิ กรรมประจำ� วนั และจำ� นวนโรคเรือ้ รัง (กุศล สุนทรธาดา, 2553) การศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น พบว่า การท�ำงานหลังอายุเกษียณ หรือ การทำ� งานทย่ี าวนานขน้ึ ไมว่ า่ จะเปน็ งานทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ รายได้ หรอื งานอาสาสมคั ร มผี ลดตี อ่ สขุ ภาพจติ เนอ่ื งจาก การคงอยู่ของบทบาททางสังคม การมีรายได้ท่ีต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากสังคม แต่ผลกระทบที่มีต่อ สุขภาพจติ มีความแตกตา่ งกนั ขนึ้ อยูก่ บั วถิ กี ารด�ำเนนิ ชวี ิต การเหน็ คุณค่าในตนเอง สถานภาพทางเศรษฐกจิ และสงั คม บรรทดั ฐานทางสงั คม และความเปน็ อสิ ระในการเลอื กอาชพี หลงั อายเุ กษยี ณ (Maimaris, Hogun, & Lock, 2010) กายกับจิตมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน สุขภาพจิตดีย่อมท�ำให้สุขภาพกายดีด้วย การตัดสินใจท่ีจะเกษียณข้ึนอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การมีหลักประกันสุขภาพ การได้รับประโยชน์จาก การประกนั สงั คม สุขภาพกาย และสุขภาพจติ รวมถงึ สถานภาพทางเศรษฐกจิ ของปจั เจกบุคคล (Dwyer, & Mitchell, 1999; Ettner et, al., 1997) 7.6 สุขภาพกาย ภาวะสงู อายทุ างสรรี ะวทิ ยาเปน็ การเปลย่ี นแปลงทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ผสู้ งู อายทุ างรา่ งกาย เปน็ การเปลยี่ นแปลง ทางกายภาพท่ีจะปรากฏใหเ้ ห็นอยา่ งชัดเจนกับรา่ งกายของคนเมอื่ วัยสงู ขนึ้ กระบวนการน้มี ี 2 ลักษณะ คอื การเปล่ยี นแปลงทางรา่ งกายและการเปล่ยี นแปลงทางสรรี ะวิทยา (สมศกั ดิ์ ศรสี นั ตสิ ขุ , 2539)
แนวคิด “นยิ ามผู้สงู อาย.ุ ...ไทย และเทศ” 21 1) การเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกาย เปน็ การเปลย่ี นแปลงทางกายภาพและโครงสรา้ งของรา่ งกายทป่ี รากฏ ใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจน เชน่ ผิวหนงั เห่ียวย่น ตกกระ ผิวบาง เกิดบาดแผลไดง้ ่าย กลา้ มเน้อื ลดจำ� นวนลงทำ� ให้ ความแขง็ แรงของกลา้ มเนอ้ื ลดลง กระดกู เปราะบาง กระดผู ุ กระดกู ขอ้ อักเสบ ฯลฯ 2) การเปลี่ยนแปลงทางสรีระวิทยาเป็นการเปล่ียนแปลงคุณภาพของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายที่เคย ใช้งานได้ดี เช่น การใช้สายตา หู ล้นิ ฯลฯ หย่อนสมรรถภาพลง จำ� นวนเซลลส์ มองลดลงทำ� ให้ความจำ� เสอ่ื ม ลงไป ระบบทางเดนิ หายใจ ทางเดนิ อาหาร ทางเดินปสั สาวะ ฯลฯ ท�ำงานได้น้อยลง ทำ� ใหเ้ กดิ อาการผิดปกติ ตามมา เช่น อาหารไม่ยอ่ ย เปน็ ไข้หวดั ไดง้ า่ ย อัน้ ปัสสาวะไม่ได้ ฯลฯ ผลการสำ� รวจสขุ ภาพของผสู้ งู อายไุ ทยในงานวจิ ยั จำ� นวนมาก พบวา่ ปญั หาหลกั ของผสู้ งู อายคุ อื ปญั หา สขุ ภาพ ทง้ั ทสี่ ขุ ภาพไมส่ มบรู ณ์ ไมแ่ ขง็ แรงเชน่ แตก่ อ่ น และปญั หาการเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยดว้ ยโรคตา่ งๆ ซง่ึ โรคทมี่ กั พบในผู้สงู อายุทัว่ ไปได้แก่ ปวดหลงั /เอว ไขขอ้ อักเสบ ความดนั โลหติ สงู โรคกระเพาะ โรคหวั ใจ ตอ้ กระจกตา ตอ้ เน้ือตา โรคเกยี่ วกับหู อัมพาต/อัมพฤกษ์ และจากการศกึ ษาของ ปรชี า อุปโยคิน และคณะ (2541) พบวา่ ผู้สูงอายุยอมรับว่าตนเองเป็นผู้สูงอายุ เพราะสังเกตและประเมินจากสุขภาพตัวเองเป็นส�ำคัญ ยอมรับความ บกพรอ่ งของรา่ งกาย และปญั หาสขุ ภาพโดยไดย้ กตวั อยา่ งภาวะเจบ็ ปว่ ยทส่ี ำ� คญั ๆ คอื ปวดเมอ่ื ยตามแขน ขา ไหล่ เขา่ ปวดหลงั ปวดขอ้ เวลาเดนิ ทางไปไหนมาไหนร้สู กึ เหน่อื ยงา่ ย เดนิ ไปไดไ้ ม่ไกลมคี วามออ่ นเพลีย ไม่มี เรยี่ วแรง และเปน็ ลมหนา้ มดื บอ่ ยๆ ตามวั มองอะไรไมค่ อ่ ยเหน็ หไู มค่ อ่ ยไดย้ นิ เวลาใครพดู ตอ้ งใชม้ อื ปอ้ งหู ฟนั หลดุ ผมหงอก ผิวหนงั เห่ียวย่นเป็นสญั ญาณท่บี ง่ บอกความชราภาพ รวมถงึ การมโี รคประจ�ำตัวซ่ึงจะไมค่ อ่ ย พบในวยั หนมุ่ สาว แตเ่ มอื่ มอี ายมุ ากขน้ึ และเปน็ ผสู้ งู อายุ สว่ นใหญห่ รอื แทบทกุ คนจะตอ้ งมโี รคใดโรคหนง่ึ เชน่ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สูง วณั โรค โรคหวั ใจ โรคระบบประสาท 7.7 สุขภาพจิต ความเปน็ ผสู้ งู อายสุ ามารถพจิ ารณาจากลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงทางดา้ นจติ ใจ (Psychological Aging) ทเี่ กดิ ขนึ้ ในวยั สงู อายุ เชน่ ซมึ เศรา้ จกุ จกิ จจู้ ้ี ขบ้ี น่ นอ้ ยใจ หรอื บางคนอาจจะสนกุ สนาน รา่ เรงิ ใจเยน็ มคี วาม สงบสขุ มากขนึ้ ฯลฯ นอกจากนยี้ งั รวมไปถงึ กระบวนการเปลย่ี นแปลงทางดา้ นสตปิ ญั ญาดว้ ย เชน่ ระบบความ จ�ำเปลี่ยนไป การรับรู้และเรียนรู้เริ่มลดถอยลง ส่ิงต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการของความสูงอายุน้ี จะแสดงออกมาให้เห็นทางด้านบุคลิกภาพและพฤติกรรมของบุคคลอย่างเห็นได้ชัดเจน (สุรกล เจนอบรม, 2541) ความเครียดของผู้สูงอายุมีเช่นเดียวกับบุคคลวัยอื่นๆ ต่างกันในเรื่องการปรับตัวต่อภาวะเครียด ไม่เท่ากัน สาเหตุของความเครียดอาจแตกต่างกัน ในผู้สูงอายุจะเกิดจากส่ิงต่อไปน้ี 1) ความบกพร่อง ของร่างกายที่ทำ� ให้ต้องพึ่งพาผู้อ่นื 2) ความรสู้ ึกว่าตนเองมีความสามารถลดลง 3) การมีโรคประจ�ำตวั และ 4) การเปล่ียนแปลงบทบาททางสังคม เช่น การเกษียณอายุ การสูญเสียบทบาทการเป็นหัวหน้าครอบครัว การเสียชีวติ ของคู่สมรส ญาติ คนใกล้ชิด หรอื เพอ่ื น ฯลฯ สาเหตดุ ังกลา่ วท�ำให้ผสู้ งู อายมุ ีทกุ ข์ ซ่ึงแสดงออก โดยมอี าการซึมเศร้า (สมศักด์ิ ศรีสนั ตสิ ขุ , 2539; นศิ า ชูโต, 2525)
22 มโนทศั นใ์ หม่ของนยิ ามผู้สงู อายุ : มมุ มองเชิงจติ วิทยาสงั คม และสุขภาพ การศกึ ษาถงึ สขุ ภาพจติ ของผสู้ งู อายใุ นระดบั ประเทศ พบวา่ ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ ภาวะเสยี่ งตอ่ การมปี ญั หา สุขภาพจิตของผูส้ งู อายุไทย คอื ภาค เพศ ศาสนา สถานภาพสมรส การศกึ ษา ลกั ษณะความพิการ ความ สามารถในการดแู ลตนเองในชวี ติ ประจำ� วนั อาชพี คา่ ใชจ้ า่ ยเฉลยี่ ตอ่ เดอื นของครวั เรอื น และภาวะความยากจน (ส�ำนกั งานสถติ แิ หง่ ชาต,ิ 2555) 7.8 สวสั ดิการ สทิ ธปิ ระโยชนแ์ ละสวสั ดกิ ารของผสู้ งู อายุ ไดก้ ำ� หนดไวใ้ นรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2540 แนวทางปฏบิ ตั ิปรากฏในพระราชบัญญัติผ้สู ูงอายุ พ.ศ. 2546 ท่เี ป็นกฎหมายค้มุ ครอง สง่ เสรมิ และสนบั สนุน ใหผ้ สู้ งู อายไุ ดร้ บั สทิ ธปิ ระโยชนต์ า่ งๆ โดยมงุ่ ใหผ้ สู้ งู อายสุ ามารถพง่ึ ตนเองไดแ้ ละดำ� รงชวี ติ อยา่ งมคี ณุ ภาพชวี ติ ท่ีดี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน สนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติท่ีชัดเจน กฎหมาย ประกาศและระเบียบท่ีออกตามความในพระราชบัญญัติ ผสู้ งู อายุ พ.ศ. 2546 ครอบคลมุ สทิ ธดิ า้ นตา่ งๆ ดงั นี้ (กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมนั่ ของมนษุ ย,์ 2548) 1) การบรกิ ารทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ เชน่ ชอ่ งทางเฉพาะสำ� หรบั ผสู้ งู อายใุ นแผนกผปู้ ว่ ยนอก โรงพยาบาลสงั กดั กระทรวงสาธารณสขุ เพือ่ ความสะดวกและรวดเรว็ ในการใช้บริการ 2) การศกึ ษา เชน่ การบรกิ ารการศกึ ษาตอ่ เนอื่ ง ศนู ยก์ ารเรยี นรใู้ นชมุ ชน มหี ลกั สตู รเกยี่ วกบั ผสู้ งู อายุ ในการศึกษาข้ันพ้ืนฐานถงึ อดุ มศกึ ษา 3) การประกอบอาชีพและการฝึกอาชีพ เป็นบริการจัดหางาน ให้ค�ำปรึกษาเก่ียวกับตลาดแรงงาน จัดอบรมหรอื ฝกึ อาชีพ 4) การจัดหาตลาดรองรับสินคา้ ใหค้ วามรเู้ รื่องการตลาด 5) การลดหย่อนค่าโดยสารและการอ�ำนวยความสะดวกในการเดินทาง เช่น รถโดยสารประจ�ำทาง รถไฟ และรถไฟฟ้าใต้ดนิ ลดค่าโดยสารครง่ึ ราคา สว่ นรถไฟฟ้า BTS จดั ลฟิ ต์บรกิ ารตามสถานีหลกั ๆ 6) การช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรมหรือถูกทอดทิ้ง โดยช่วยเหลือ ตามสภาพปญั หา และเบือ้ งต้นช่วยเหลือ 500 บาท 7) เบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุทุกคนท่ีอายุ 60 ปีบริบูรณ์และข้ึนทะเบียนตามก�ำหนด (ยกเว้นข้าราชการ บำ� นาญ) ไดร้ บั เงนิ ชว่ ยเหลอื เดอื นละ 500 บาทตลอดชวี ติ ตอ่ มาไดม้ กี ารเปลยี่ นแปลงดงั รายละเอยี ดทจ่ี ะเสนอ ต่อไป 8) การชว่ ยเหลือเงินสงเคราะหจ์ ัดการศพรายละ 2,000 บาท 9) การลดหย่อนภาษีเงินได้ ส�ำหรับผู้ท่ีดูแลบิดามารดา หักลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คน โครงการสวัสดิการเบ้ียยังชีพผู้สูงอายุของประเทศไทยเร่ิมด�ำเนินโครงการมาต้ังแต่ พ.ศ. 2536 รับผิดชอบโดยกรมประชาสงเคราะห์ โครงการนี้จัดตั้งข้ึนเพ่ือให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ยากจน ประสบ ปัญหาเดือดร้อน ขาดอุปการะเล้ียงดู ซง่ึ ในระยะแรก (ปี พ.ศ. 2536–2537) ไดจ้ ดั สรรใหผ้ ้สู ูงอายทุ ุกจงั หวัด
แนวคิด “นยิ ามผสู้ งู อายุ....ไทย และเทศ” 23 หมบู่ ้านละ 3–5 คน คนละ 200 บาทตอ่ เดือน จ�ำนวนผู้สูงอายทุ ี่ได้รบั เบยี้ ยังชีพมที ้งั หมด 20,000 คน ใชง้ บ ประมาณทั้งส้ิน 12 ล้านบาท (3เดือน) โดยจัดสรรเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพให้กับผู้สูงอายุท่ีมีคุณสมบัติ ต่อไปน้ี มีอายุเกิน 60 ปขี ้นึ ไป ไม่มรี ายได้เพยี งพอแก่การยังชพี ถูกทอดทิง้ หรอื ขาดผู้อุปการะเล้ยี งดู และไม่ สามารถเลี้ยงตนเองได้ (ระเบียบกรมประชาสงเคราะห์ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ เพ่ือการยังชีพส�ำหรับ ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2543 อ้างใน วรเวศน์ สุวรรณระดา และอาภาพรรณ ค�ำวชิรพิทักษ์, 2552) จนกระท่ังปี พ.ศ. 2542 ไดเ้ พ่ิมจ�ำนวนเงินเบ้ยี ยังชพี จากเดมิ คนละ 200 บาทต่อเดือน เป็นคนละ 300 บาทต่อเดอื น ในช่วงปี พ.ศ. 2540–2546 การให้บริการเบี้ยยังชีพได้ขยายกลุ่มเป้าหมายและงบประมาณเพิ่มข้ึน เป็นล�ำดับ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจรัฐบาลได้จัดสรรเงินสงเคราะห์เพ่ือการยังชีพผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2545 การดำ� เนนิ งานเรอ่ื งเบ้ยี ยงั ชีพผสู้ ูงอายุ ไดถ้ ูกถา่ ยโอนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมนั่ คงของมนษุ ย์ (กรมประชาสงเคราะหเ์ ดมิ ) ใหก้ ระทรวงมหาดไทย (กรมสง่ เสรมิ การปกครองสว่ นทอ้ ง ถ่ิน) นอกจากนี้ในระเบียบกรมประชาสงเคราะห์ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพ หรับผู้สูงอายุ (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 ได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์การพจิ ารณาคุณสมบัตขิ องผสู้ ูงอายทุ ่มี ีสิทธไิ ดร้ ับเงินสงเคราะห์ เพอ่ื การยงั ชพี เพมิ่ เตมิ วา่ “ใหผ้ สู้ งู อายทุ มี่ คี ณุ สมบตั พิ น้ื ฐานทมี่ ปี ญั หาซำ้� ซอ้ น สมควรใหไ้ ดร้ บั การพจิ ารณากอ่ น และให้ผู้สูงอายุท่ีอยู่ในพื้นท่ีทุรกันดาร ยากต่อการเข้าถึงบริการของรัฐ ให้มีสิทธิได้รับการพิจารณาในระดับ ต้นกอ่ น” ในปี พ.ศ. 2547–2549 งบประมาณในด้านเงนิ สงเคราะห์เพอ่ื การยังชพี ผู้สงู อายุมีการเติบโตทีเ่ ดน่ ชดั และในวนั ศกุ รท์ ี่ 12 ธนั วาคม พ.ศ. 2549 มตคิ ณะรฐั มนตรี ไดอ้ นมุ ตั เิ พมิ่ จำ� นวนเบย้ี ยงั ชพี จากคนละ 300 บาท ตอ่ เดอื น เปน็ คนละ 500 บาทตอ่ เดอื น ในปี พ.ศ. 2550 รฐั บาลไดจ้ ดั สรรเบยี้ ยงั ชพี ผสู้ งู อายเุ พม่ิ เปน็ 1,755,266 คน จำ� นวนงบประมาณทงั้ สนิ้ 10,532 ลา้ นบาท (วรเวศน์ สวุ รรณระดา และอาภาพรรณ คำ� วชริ พทิ กั ษ,์ 2552) โดยมีเกณฑก์ ารพจิ ารณาคณุ สมบตั ขิ องผู้สงู อายทุ ีไ่ ด้รบั เงินสงเคราะห์ คือ ต้อง มสี ัญชาติไทย และมภี ูมลิ �ำเนา อยใู่ นเขตองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ตามทะเบยี นบา้ น มอี ายุ 60 ปบี รบิ รู ณข์ นึ้ ไป และไมเ่ ปน็ ผไู้ ดร้ บั สวสั ดกิ าร หรือสิทธปิ ระโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวสิ าหกิจ หรอื องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ในปี พ.ศ. 2554 ไดม้ มี ตจิ ากคณะรฐั มนตรี เมอ่ื วนั ที่ 18 ตลุ าคม 2554 อนมุ ตั ใิ หก้ ำ� หนดอตั ราเบยี้ ยงั ชพี รายเดือนแบบข้ันบันไดส�ำหรับผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวมหาดไทยเสนอ ให้ด�ำเนินการตั้งแต่งบประมาณ รายจ่ายประจ�ำปี พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป โดยผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยยังชีพ ดังนี้ (ส�ำนักส่งเสริมและพิทักษ์ ผู้สงู อายุ กลมุ่ ยุทธศาสตรผ์ ูส้ งู อายุ, 2554) ผสู้ ูงอายุ 60–69 ปี จะไดร้ ับเบ้ยี ยังชีพ 600 บาท/คน/เดอื น ผู้สูงอายุ 70–79 ปี จะไดร้ บั เบ้ียยังชพี 700 บาท/คน/เดือน ผู้สูงอายุ 80–89 ปี จะไดร้ บั เบยี้ ยังชพี 800 บาท/คน/เดือน ผู้สงู อายุ 90 ปขี ึน้ ไป จะไดร้ บั เบี้ยยงั ชพี 1,000 บาท/คน/เดอื น
24 มโนทัศนใ์ หมข่ องนยิ ามผูส้ งู อายุ : มุมมองเชิงจติ วิทยาสงั คม และสขุ ภาพ 8. ผลกระทบในทางบวกต่อการเล่ือนอายุเร่มิ ต้นผ้สู งู อายุให้สูงขึน้ การเลื่อนอายุเริ่มต้นผู้สูงอายุให้สูงข้ึน น่าจะมีผลทางจิตวิทยาท�าให้รู้สึกว่าตนเองเป็นผู้สูงอายุช้าลง งานวิจัยในต่างประเทศ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า การรู้สึกว่าตนเองยังไม่แก่ (Age identity) (เช่น การวัด โดยอายุจริง หักลบจาก ค�าถามท่ีว่า คนจ�านวนมากรู้สึกว่าแก่กว่าหรืออ่อนกว่าอายุจริง ส่วนใหญ่คุณคิดว่า คุณอายุเท่าไร) มีผลในแง่บวก เช่น การมีประสิทธิภาพในการจัดการกับการป่วย (Boehmer, 2007) ความพึงพอใจในชีวิต (Westerhol, & Barrett, 2005) ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะทุพพลภาพ และ ความดันโลหิตสูง (Demakakos, Gjonca, & Nazroo, 2007) และการตาย (Uotinen, Rantanen, & Suutama, 2005) ผู้ที่รับรู้กระบวนการสูงอายุของตนเองในแง่บวกมากกว่า มีความสามารถในการปฏิบัติ กจิ กรรมตา่ งๆ เชน่ กจิ กรรมในบา้ น กจิ กรรมนอกบา้ น (functional health) สงู กวา่ เมอื่ ควบคมุ ดว้ ย สขุ ภาพ อายุ เพศ เชอ้ื ชาติ และสถานภาพทางเศรษฐกจิ และสงั คม ณ ปีเริ่มตน้ ของการส�ารวจ (Levy et, al., 2002) นอกจากนยี้ งั พบวา่ ผหู้ ญงิ ทร่ี สู้ กึ วา่ ตนเองแกก่ วา่ อายจุ รงิ มคี วามสมั พนั ธก์ บั การมองในแงล่ บของกระบวนการ รบั รู้ความชราภาพทางสติปญั ญาและเรยี นรู้ของตนเอง (Cognitive aging) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนงึ่ ท่ีสา� คญั ของกระบวนการชราภาพท่ีประสบความส�าเร็จ (successful aging) (Schafer,& Shippee, 2010) อายุตามความรู้สกึ มีความส�าคัญกว่าอายุจริงตามปปี ฏิทินอย่างชดั เจน ถ้าการเล่ือนผู้สูงอายุให้มีอายุมากข้ึน น�าไปสู่การขยายอายุเกษียณ หรืออายุที่เริ่มได้รับสวัสดิการ การท�างานท่ียาวนานขึ้นมีผลท�าให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีข้ึน และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีคุณค่า ต่อครอบครัว สังคม นอกจากนี้ยังส่งผลต่อระบบการจัดสวัสดิการส�าหรับผู้สูงอายุ จ�านวนผู้อยู่ในข่ายได้รับ สวสั ดกิ ารก็จะลดนอ้ ยลง จ�านวนปที ่ีผสู้ งู อายจุ ะได้รับสวัสดิการกจ็ ะสน้ั ลง ท�าใหภ้ าระของรัฐลดลง 9. ผลกระทบในทางลบต่อการเล่อื นอายเุ ริ่มต้นผู้สูงอายใุ ห้สงู ขึ้น ในทางกลบั กนั ถา้ การเปลย่ี นนยิ ามผสู้ งู อายุ ทา� ใหไ้ ดร้ บั สทิ ธิ และสวสั ดกิ ารชา้ ลง ทา� ใหเ้ กดิ แรงตอ่ ตา้ นได้ นอกจากน้ีบรรทัดฐานทางสงั คมที่ให้ความเคารพ กตัญญรู คู้ ุณ ตอ่ ผสู้ งู อายุ การเพม่ิ อายใุ ห้สงู ข้ึน อาจทา� ให้ บรรทดั ฐานน้ีเปล่ียนไปในทางลบต่อผ้ทู ี่มอี ายยุ ังไม่ถึงเกณฑ์ผสู้ งู อายุ เช่น อายุ 60–64 ปี
บทท่ี 3 กรงุ เทพมหานคร บทสรุปสนทนากล่มุ การสนทนากลุ่มในประเด็นการให้ความหมายและค�านิยามของผู้สูงอายุ ในกลุ่มตัวอย่าง กรุงเทพมหานคร ด�าเนินการในช่วงเดือนธันวาคม 2555–มกราคม 2556 จ�านวนท้ังสิ้น 5 กลุ่ม (กลุ่มละ 8 คน) ประกอบดว้ ย กลุม่ เกษตรกร กลุม่ ขา้ ราชการ/รัฐวสิ าหกิจ กลุ่มลูกจ้างเอกชน กล่มุ ธรุ กจิ ส่วนตัว และ กลุม่ ผ้สู งู อายุ โดยใน 4 กลมุ่ แรก ผูเ้ ขา้ ร่วมสนทนาเป็นหญิงและชายในวยั ทา� งานอายรุ ะหว่าง 40–58 ปี และ กลมุ่ ผสู้ งู อายุ เปน็ ผทู้ ม่ี อี ายรุ ะหวา่ ง 61–77 ปี ผลการสนทนากลมุ่ ในภาพรวม สามารถสรปุ ไดใ้ นแตล่ ะประเดน็ การสนทนา ดงั นี้ 1. การก�าหนดนิยามผู้สงู อายุ เมอ่ื สอบถามถึงใครคือ ผู้ทค่ี วรจะเรยี กว่า “ผสู้ งู อายุ” มีการใหน้ ยิ ามทห่ี ลากหลาย โดยพจิ ารณาจาก 1) เกณฑอ์ ายตุ ามปปี ฏทิ นิ เชน่ บคุ คลทมี่ อี ายุ 60 65 หรอื 70 ปขี นึ้ ไป 2) ดจู ากลกั ษณะภายนอก เชน่ หนา้ ตา ที่ดูมีอายุหรือแก่ ผิวหนังที่เห่ียวย่น ผมหงอกสีขาว 3) การมีสุขภาพและความจ�าไม่ดี 4) การเปล่ียนแปลง สถานภาพ เปน็ พอ่ แม่ ปู่ ยา ตา ยาย ทวด 6) ความสามารถในการทา� งานลดลง หรอื ไมส่ ามารถทา� งานไดแ้ ลว้ 7) พฤติกรรมและอารมณ์ เชน่ จกุ จิก ข้บี น่ ยา้� คิดย�้าทา� และ 8) เปน็ วัยทต่ี ้องพึ่งพิงผ้อู นื่ อยา่ งไรกต็ ามทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ เปน็ การนยิ ามความเปน็ ผสู้ งู อายคุ อ่ นขา้ งจะเปน็ ในเชงิ ลบ หากพจิ ารณา ในด้านบวกแล้ว การนิยามความเป็นผู้สูงอายุส่วนใหญ่ จะนึกถึงการมีคุณค่าของผู้สูงอายุ และการส่ังสม ประสบการณ์ ทงั้ นี้ คา� วา่ “คณุ คา่ ” (ของผสู้ งู อาย)ุ อาจหมายถงึ คณุ คา่ ทง้ั ทางสงั คม ทางครอบครวั และคณุ คา่ ต่อตัวเอง นอกจากนมี้ ขี อ้ เสนอใหก้ า� หนดนยิ ามความเปน็ ผสู้ งู อายดุ ว้ ยอายทุ เี่ ปน็ ตวั เลข ผสมผสานกบั นยิ ามเชงิ บวก ที่เน้นคณุ ค่า และประสบการณ์ ของตวั ผ้สู ูงอายุ เช่น “ผสู้ ูงอายุคอื ผู้ทม่ี ีอายุ 70 ปขี ้ึนไป ซึ่งมที ้งั คุณคา่ และ ประสบการณ์” เป็นต้น
26 มโนทัศนใ์ หม่ของนยิ ามผสู้ ูงอายุ : มมุ มองเชงิ จติ วทิ ยาสงั คม และสขุ ภาพ 2. ความแตกตา่ งของคำ� เรียก ค�ำเรียกที่สะท้อน “ความสูงอาย”ุ ท่ีนิยมใชก้ ันอยู่ในปัจจุบัน มคี วามหลากหลาย เชน่ ค�ำวา่ ผู้สูงอายุ คนชรา ผู้เฒา่ พอ่ เฒ่า แมเ่ ฒา่ คำ� เหล่านีส้ ามารถเรยี งล�ำดบั ความสงู อายุ จากนอ้ ยไปมาก ได้ดังน้ี ผสู้ งู อายุ ผอู้ าวโุ ส เป็นบคุ คลท่ยี ังมีความจำ� ดอี ยู่ ยังสามารถทำ� งานได้ มีอายรุ ะหวา่ ง 65–70 ปี คนชรา ผู้เฒ่า (พ่อเฒ่า แม่เฒ่า) สะท้อนความไม่แข็งแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องการ ความชว่ ยเหลอื จากผอู้ ่นื คือคนท่มี อี ายุ 80 ปีข้นึ ไป นอกจากนผ้ี รู้ ว่ มสนทนากลมุ่ ไดแ้ สดงความเหน็ วา่ คำ� เรยี ก ผสู้ งู อายเุ ปน็ คำ� เรยี กทใ่ี ชเ้ ปน็ มาตรฐานสากล ส่วนคำ� เรยี ก ผูเ้ ฒ่า พอ่ เฒา่ แมเ่ ฒ่า เปน็ ภาษาทอ้ งถน่ิ เปน็ คำ� เรียกทใ่ี ชก้ นั ส�ำหรับคนตา่ งจงั หวดั 3. ความเหมาะสมของนยิ ามผ้สู งู อายทุ ี่ 60 ปี ส�ำหรบั ความคิดเหน็ ถงึ ความเหมาะสมของการกำ� หนดนิยามผสู้ งู อายุที่ 60 ปี มีความคดิ เห็นออกเป็น 2 แนวทาง คือ เหน็ ควรว่าเหมาะสมแลว้ และเหน็ ควรวา่ ไม่เหมาะสม ซ่งึ ส่วนใหญ่จะเห็นควรว่าไมเ่ หมาะสม ท้ังนเี้ หตุผลต่างๆ จะเชื่อมโยงกบั เรื่องของสขุ ภาพ และการทำ� งาน เป็นหลกั เหมาะสม : เพราะมองวา่ คนอายุ 60 ปสี ว่ นใหญม่ สี ขุ ภาพไมแ่ ขง็ แรงแลว้ ทงั้ นไ้ี ดย้ กตวั อยา่ งคนในชมุ ชน ทตี่ นเองอยวู่ า่ สว่ นใหญค่ นทมี่ อี ายปุ ระมาณ 30–40 ปี กเ็ สยี ชวี ติ แลว้ เนอื่ งจากมโี รคประจำ� ตวั และมพี ฤตกิ รรม การดแู ลรกั ษาสขุ ภาพไมค่ อ่ ยดี หากนยิ ามความเปน็ ผสู้ งู อายทุ อี่ ายทุ ม่ี ากขน้ึ เชน่ 65 ปเี กรงวา่ จะเสยี ชวี ติ กอ่ น ทจี่ ะได้เป็นผสู้ งู อายุ ไม่เหมาะสม : เพราะ ปจั จบุ ันคนไทยมอี ายุยนื ยาวและมีสขุ ภาพทีด่ ขี ึน้ เน่อื งจากมีพฤติกรรมการดแู ล รกั ษาสขุ ภาพกนั มากขน้ึ ในเรอื่ งของอาหารการกนิ มยี าบำ� รงุ ทท่ี ำ� ใหส้ ขุ ภาพดี ใหค้ วามสำ� คญั กบั การออกกำ� ลงั กาย มากข้ึน ท�ำให้คนส่วนใหญ่มีสุขภาพแข็งแรง ยังคงมีสมรรถภาพและความสามารถในการท�ำงาน ได้ดีกว่า แตก่ อ่ น ผนวกกบั ในยคุ ปจั จบุ นั คนแตง่ งานชา้ ทำ� ใหม้ ลี กู ชา้ เมอ่ื อายุ 60 ปกี ย็ งั จำ� เปน็ ตอ้ งทำ� งานอยู่ เนอื่ งจาก ยงั มภี าระเรอื่ งการเลยี้ งดลู กู ดงั นนั้ การนยิ ามความเปน็ ผสู้ งู อายุ นา่ จะปรบั เปลย่ี นใหเ้ ขา้ กบั สถานการณป์ จั จบุ นั ได้ โดยเสนอว่า ควรนยิ ามท่อี ายปุ ระมาณ 65–70 ปี 4. ความแตกต่างระหว่างนยิ ามผู้สูงอายรุ ะหวา่ งชายกบั หญงิ ส่วนใหญร่ ายงานวา่ การกำ� หนดตัวเลขหรอื คำ� นิยามผสู้ งู อายุ ระหว่างชายกับหญิง ไมค่ วรแตกตา่ งกัน เนอื่ งจากสทิ ธขิ องชายและหญงิ เทา่ กนั แมว้ า่ บางกลมุ่ อาชพี (กลมุ่ ธรุ กจิ สว่ นตวั ) มองวา่ ผหู้ ญงิ อาจจะดรู า่ งกาย เส่อื ม หรือดูมอี ายเุ ร็วกว่าผชู้ าย เพราะตอ้ งผา่ นการคลอดลูก หรอื บางกลมุ่ (พนกั งานเอกชน) มองวา่ ผู้ชาย มกั ไมค่ อ่ ยดแู ลตวั เอง ชอบดมื่ เหลา้ สบู บหุ รี่ ทำ� ใหร้ า่ งกายทรดุ โทรมเรว็ กวา่ ผหู้ ญงิ อยา่ งไรกต็ ามกลมุ่ เกษตรกร
กรุงเทพมหานคร 27 เหน็ วา่ ผู้หญงิ ควรถกู ใหค้ ำ� จ�ำกัดความว่าเป็นผสู้ ูงอายุเร็วกว่าผชู้ าย คือ ผูห้ ญงิ อายุ 65 ปี และผู้ชายอายุ 70 ปี เนอ่ื งจากรา่ งกายผูห้ ญิงเส่ือมเรว็ กว่าชาย อันเนือ่ งมาจากการมบี ุตร 5. ความแตกต่างของนยิ ามผสู้ ูงอายรุ ะหวา่ งเมอื งกับชนบท โดยสว่ นใหญ่ มคี วามเหน็ วา่ คนเมอื งและคนชนบทมลี กั ษณะของความสงู อายุ “แตกตา่ งกนั ” กลา่ วคอื เมื่อดูจากลักษณะภายนอก คนชนบทดูสูงอายุกว่าคนเมือง เพราะท�ำงานหนักและต้องท�ำงานกลางแจ้ง โดยเฉพาะงานเกษตรกรรม แตเ่ ม่อื ดจู ากลกั ษณะภายในแล้ว เรอื่ งของสขุ ภาพ คนชนบทจะแขง็ แรงมากกวา่ คนเมือง เนื่องจากได้ออกก�ำลังกายมากกว่า อาหารการกินที่ดีกว่า (สารพิษน้อย) ได้รับอากาศบริสุทธ์กว่า รวมถึงได้มีโอกาสเข้าวัดท�ำบุญมากกว่าคนเมือง การเข้าวัดท�ำบุญ ท�ำให้คนชนบทมีสุขภาพใจที่ดี ท�ำให้ คลายเครยี ดมากกว่าคนเมอื ง เมอื่ สขุ ภาพใจดี ไม่เครียดก็ท�ำใหส้ ขุ ภาพกายดีไปดว้ ยทำ� ให้รา่ งกายแขง็ แรง อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามเกี่ยวกับ การก�ำหนดเกณฑ์หรือนิยามผู้สูงอายุว่าควรแตกต่างกันหรือไม่ ระหว่างคนเมอื งและคนชนบท โดยส่วนใหญ่ เหน็ วา่ ไม่ควรแตกต่างกนั เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเทา่ เทียมกันระหวา่ ง คนเมืองกับคนชนบท 6. ผลกระทบหากมกี ารเปลี่ยนแปลงนิยามผสู้ ูงอายุ ส�ำหรับผลกระทบที่จะเกิดข้ึนหากมีการเปล่ียนแปลงนิยามผู้สูงอายุท่ีขยายออกไป เช่น ที่อายุ 65 ปี หรอื 70 ปี ประเดน็ การสนทนากลุ่ม แบ่งออกเปน็ ผลกระทบที่จะมตี อ่ บรรทดั ฐานทางสงั คมต่อตวั ผสู้ ูงอายุ ผลกระทบต่อสขุ ภาพจิต ผลกระทบต่อตวั บคุ คล ครอบครวั และสงั คมในวงกวา้ ง ดงั มีรายละเอียดตอ่ ไปนี้ • ผลกระทบตอ่ บรรทัดฐานทางสงั คม ผู้ร่วมสนทนาโดยส่วนใหญ่เห็นว่าการเลื่อนอายุของนิยามผู้สูงอายุ จะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรทัดฐาน ทางสังคม ในเร่อื งความกตัญญู และความเคารพของเดก็ รนุ่ หลงั ทีม่ ตี ่อผู้สงู อายุ เนื่องจากสังคมไทย ส่วนใหญ่ จะให้ความเคารพนับถือกับคนที่อาวุโสมากกว่าอยู่แล้ว (อายุมากกว่า) โดยเฉพาะอย่างย่ิง ความสัมพันธ์ ในด้านสถานภาพ ความเปน็ พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย ลงุ ป้า นา้ อา • ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพจิต การก�ำหนดนิยามผู้สูงอายุให้สูงข้ึน ส่งผลกระทบท่ีดีต่อสุขภาพจิต เน่ืองจากไม่ถูกก�ำหนดว่าเป็น ผู้สูงอายุ ท�ำให้รู้สึกว่ายังมีคุณค่า มีก�ำลังใจ จิตใจสดใส สดช่ืน เพราะคิดว่าตนเองยังไม่แก่ ซึ่งจะเป็นผลดี ทางด้านจิตใจ • ผลกระทบต่อตวั บคุ คล ครอบครวั และสังคมในวงกว้าง การกำ� หนดนยิ ามผสู้ งู อายุให้สูงขึ้น อาจส่งผลให้ผสู้ งู อายไุ ด้ขยายอายุการทำ� งานต่อเนอ่ื งออกไป ท�ำให้ รู้สึกตนเองมีคุณค่ามากขึ้น และด้วยความรู้สึกท่ียังไม่เป็นผู้สูงอายุ ท�ำให้รู้สึกว่ายังสามารถท�ำอะไรได้อยู่
28 มโนทัศนใ์ หมข่ องนิยามผสู้ งู อายุ : มุมมองเชงิ จติ วทิ ยาสงั คม และสุขภาพ ไม่เป็นภาระของคนในครอบครัว เนื่องจากการที่กลายเป็นผู้สูงอายุ จะท�ำให้ผู้อ่ืนเป็นห่วง ต้องคอยมาดูแล เอาใจใส่ แต่ถา้ เล่ือนออกไปก็จะทำ� ใหล้ ูกหลานคดิ ว่ายังไม่แก่ ลูกหลานไม่ต้องเปน็ หว่ ง สำ� หรับผลกระทบทม่ี ีต่อระดับชุมชน สงั คม พบว่า ถ้าการนิยามความเปน็ ผ้สู งู อายจุ าก 60 ปี ไปเป็น 65 ปี ทำ� ใหช้ มุ ชนมคี นหนมุ่ สาวมากขนึ้ จะทำ� ใหส้ งั คมดขี น้ึ เนอ่ื งจากการเลอ่ื นอายุ ทำ� ใหจ้ ำ� นวนผสู้ งู อายนุ อ้ ยลง กำ� ลงั แรงงานในการผลติ เพม่ิ มากขน้ึ ทำ� ใหเ้ พมิ่ มลู คา่ ใหก้ บั ประเทศชาติ การรวมตวั กนั ในชมุ ชนเพอ่ื ทำ� กจิ กรรม กจ็ ะมีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคดิ ว่าตนเองไม่ไดเ้ ปน็ ผู้สงู อายุแลว้ ก็จะออกมาร่วมกันทำ� กิจกรรมเพิม่ มากข้ึน อย่างไรก็ตาม การขยายนิยามผู้สูงอายุออกไป ก็ส่งผลทางด้านลบ กับการท�ำงานของเด็กรุ่นใหม่ เช่นกนั เนอ่ื งจาก การเลือ่ นนิยามผสู้ ูงอายใุ หเ้ พ่มิ มากขึน้ ท�ำให้ผู้สูงอายสุ ่วนใหญค่ ิดวา่ ตนเองยังไม่แก่ และยงั สามารถท�ำงานตอ่ ไปได้ เกดิ ปญั หาเดก็ ตกงานกนั มากขน้ึ 7. ความเปน็ ไปไดข้ องการเล่อื นนิยามผู้สงู อายุ มื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการเล่ือนนิยามผู้สูงอายุโดยใช้อายุท่ีสูงขึ้น ผู้ร่วมสนทนาส่วนใหญ่ เห็นว่า หากการเลื่อนอายุนิยามไม่ถูกน�ำไปผูกติดกับอายุเริ่มรับเบ้ียยังชีพหรือท�ำให้เกิดผลกระทบใดกับการ ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เช่นสวัสดิการต่างๆ ของคนอายุ 60–64 ปี การเล่ือนอายุนิยามไปท่ีอายุ 65 ปี หรือ แมแ้ ตท่ ี่ 70 ปีก็ไมน่ า่ จะมปี ัญหาหรือแรงตอ่ ต้านจากสังคม ทง้ั นกี้ ารท่จี ะใหส้ งั คมยอมรับถงึ การ ขยายอายอุ อกไปน้ัน มวี ิธีการดงั ตอ่ ไปน้ี • สรา้ งความมน่ั ใจวา่ จะไมก่ ระทบกบั เบยี้ ยงั ชพี ผสู้ งู อายุ เนอ่ื งจากประเดน็ เบย้ี ยงั ชพี ผสู้ งู อายเุ ปน็ ขอ้ กังวลของทกุ กล่มุ ดังนนั้ ทกุ กลุ่มเสนอใหท้ ำ� การอธบิ าย หรอื ประชาสัมพนั ธใ์ หส้ ังคมรบั รมู้ ากขึ้นในเร่อื งการ ไมก่ ระทบกับเบ้ียยังชพี ผูส้ ูงอายุ หากมกี ารนยิ ามใหม่ทขี่ ยายอายุผู้สูงอายุออกไป • การให้สังคมรับรู้ข้อมูลด้านพัฒนาการด้านนิยามผู้สูงอายุ และข้อมูลด้านโครงสร้างประชากรว่า เปลย่ี นแปลงไปอยา่ งไร เชน่ จำ� นวนและสดั สว่ นของประชากรวยั 60 ปเี พม่ิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ในขณะทส่ี ดั สว่ น ของประชากรวัยเด็ก และวัยท�ำงานลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากมีข้อมูลเชิงประจักษ์เช่นนี้จะท�ำให้สังคม ยอมรบั ได้ • การเพิม่ กิจกรรมต่างๆ ในสังคม ทใี่ หค้ นอายุ 70 ปีเขา้ มามสี ว่ นรว่ มให้มากข้นึ กล่มุ ผู้สูงอายุมองวา่ การเพิ่มกิจกรรมน�ำผู้สูงอายุท่ีมีอายุมากเข้ามาร่วมกิจกรรมจะเป็นวิธีการเพิ่มความเช่ือม่ันให้สังคมหรือ คนทั่วไปว่า ความหมายของผสู้ งู อายุน่าจะมีอายสุ งู กวา่ 60 ปีขน้ึ ไป • การพดู คยุ เพอ่ื เตรียมตวั ล่วงหนา้ ในการใชช้ ีวิต หากเลอ่ื นอายุผสู้ งู อายสุ ูงข้ึน หน่วยงานหรือบริษทั บางแหง่ อาจเล่อื นอายุการท�ำงานออกไปอกี พนกั งานทีท่ �ำงานในบรษิ ทั บางคนอาจไม่เหน็ ด้วย ดงั นนั้ จำ� เปน็ ต้องมีการพูดคุยกับพนักงานว่า พนักงานสามารถเลือกได้ว่าเขาสามารถเกษียณการท�ำงานก่อนอายุ 65 ปี (ถ้าหาก 65 ปีถูกนิยามใหม่) โดยต้องมีเง่ือนไขด้านผลประโยชน์ที่จะได้รับจากประกันสังคม หรือจาก หน่วยงานทเ่ี ข้าสงั กดั อย่างไรด้วย
กรงุ เทพมหานคร 29 กลุม่ เกษตรกร กรุงเทพมหานคร กลมุ่ เกษตรกร ในเขตกรงุ เทพมหานคร ทร่ี ว่ มสนทนากลมุ่ เปน็ ชาย 3 คน และ หญงิ 5 คน (รวม 8 คน) ทัง้ หมดมอี ายรุ ะหว่าง 40–67 ปี จากการสนทนากลมุ่ สามารถสรุปประเดน็ เนื้อหาสาระทส่ี �ำคัญไดด้ ังน้ี 1. การก�ำหนดนยิ ามผู้สูงอายุ กลุ่มเกษตรกรให้นิยามผู้สูงอายุไว้ 3 แบบ คือ 1) พิจารณาจากอายุตามปีปฏิทิน คือบุคคลท่ีมีอายุ 70 ปขี ึน้ ไป 2) พิจารณาจากความสามารถในการท�ำงาน คนทย่ี งั สามารถท�ำงานได้อยู่ กไ็ มถ่ ือวา่ เป็นผูส้ งู อายุ และ 3) พจิ ารณาจากสุขภาพรา่ งกาย และความจ�ำ ผู้สงู อายสุ ่วนใหญ่จะมรี า่ งกายทีเ่ สื่อมโทรมและความจ�ำ ไม่ดี 2. ความแตกต่างของคำ� เรยี ก กล่มุ เกษตรกร ใหค้ วามหมายของค�ำว่า “ผู้สงู อาย”ุ “คนชรา” และ “ผู้เฒ่า” โดยใชเ้ กณฑ์ตามอายุ ปปี ฏิทนิ ดังน้ี ผูส้ งู อายุ คอื คนท่มี อี ายุ 65–70 ปี คนชรา คือ คนท่มี ีอายุ 80–90 ปี ผเู้ ฒา่ คือ คนทมี่ ีอายุ 90 ปีขึ้นไป ซ่ึงปัจจุบนั มจี ำ� นวนนอ้ ยมาก 3. ความเหมาะสมของนยิ ามผูส้ งู อายทุ ี่ 60 ปี เมอื่ สอบถามถงึ ความเหมาะสมของนยิ ามผสู้ งู อายถุ า้ กำ� หนดทอี่ ายุ 60 ปี เหมาะสมหรอื ไม่ สำ� หรบั กลมุ่ เกษตรกร คดิ วา่ ไมเ่ หมาะสมท่คี นอายุ 60 ปจี ะถกู เรียกผูส้ งู อายุ เหน็ ควรเรยี กวา่ ผูส้ ูงอายตุ ง้ั แต่ 70 ปขี ้นึ ไป เพราะคนท�ำงานเกษตรกรเจอแดด และออกก�ำลังกายทุกวัน รวมทั้งได้รับอากาศที่ดี ท�ำให้โรคภัยไข้เจ็บ มีน้อย ดงั นนั้ เกษตรกรจึงมีความแขง็ แรงกวา่ คนนง่ั ท�ำงานในหอ้ งแอร์ ซ่ึงสว่ นใหญ่จะไมค่ อ่ ยได้ออกกำ� ลงั กาย สรปุ ไดว้ า่ สำ� หรับคนทำ� อาชีพเกษตรกรการนิยามความเปน็ ผู้สูงอายทุ ่ี 60 ปยี งั น้อยไป “ผมนะในเร่ืองของความแขง็ แรง ตอนนีผ้ มอายุ 51 ปี ถา้ ไม่ตายยงั สไู้ ด้อกี 20 ปี ถ้าไม่ เจ็บป่วยนะ 70 ผมท�ำไหว เพราะอาชีพเกษตรกรได้ออกก�ำลังกายทุกวันท�ำให้แข็งแรง ส่วนอาชีพอื่นไม่รู้ ได้ออกก�ำลังกายทุกวันเหมือนพวกผมท�ำเกษตรหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ภายใน 60 ปยี ังทำ� งานเก่งอยู่ ยงั ไหวอยู่นะ” (เกษตรกร ชาย กทม.)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267