Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทางพ้นทุกข์

ทางพ้นทุกข์

Description: ทางพ้นทุกข์

Search

Read the Text Version

ลํ า ดั บ ญ า ณ ๑๐๑ The WayOut new.indd 101 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ ๗ จิตอยบู่ ้าน ปลอดภยั การหลุดพ้นจากส่ิงครอบงำ�หรือหลุดจากความยึดถือ ทั้งหลาย กค็ อื การหลุดพน้ จากความคิดปรงุ แต่งของตวั เอง กเิ ลสต่างๆ ก็ดี เขา้ มากับความคิด ถา้ เราอย่ใู นโลกของความ คิด ไม่วา่ จะคิดลกึ ซึ้งขนาดไหนก็เรียกว่าเปน็ วิญญาณพเนจร เป็นคนไม่มีบ้าน อยา่ งทางกายเรามีบา้ นอยหู่ น่ึงหลงั ตอน เช้าออกไปท�ำ งาน ตอนเยน็ ก็กลบั บ้าน แบบนคี้ ือทางกาย ทางใจกต็ ้องมบี า้ นใหใ้ จอยเู่ ช่นกนั เพียงแตม่ ีสตกิ ก็ ลบั บา้ น ได้ พกั ผอ่ นได้ บ้านในท่นี ้ีกค็ อื ลักษณะของการมฐี านให้จติ ๑๐๒ The WayOut new.indd 102 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย อยู่ บาลเี รียกว่า “สติปฏั ฐาน” ทต่ี ัง้ ให้เกิดสติ สถานทๆี่ ให้ จติ อยู่ มีอยู่ ๔ หลงั คอื กาย เวทนา จิต และธรรม เวลา ใจออกไปข้างนอก กเ็ หมอื นคนออกไปท�ำ งาน เวลาเรานกึ ได้ ก็กลับบา้ น จดุ ท่ีปลอดภัยทส่ี ุดคือกลับมาอยทู่ ี่ฐาน ฐานของ สติฐานใดฐานหนง่ึ ใหท้ ่านรวู้ ่าจติ ท่ีไม่อยู่ทีฐ่ าน จิตท่อี อกไป ข้างนอก เป็นจิตทไ่ี ม่ปลอดภยั อย่างจติ อยูก่ ับสิง่ ที่เห็นทางตา สวยๆ งามๆ ก็ชอบ เกดิ ความอยากได้ติดขอ้ ง ถา้ ท่านตาย ตอนน้ันก็ไปเกดิ เปน็ เปรต ดงั นัน้ การหลงออกขา้ งนอกกาย นอกใจจึงเปน็ จดุ ท่ีไมป่ ลอดภัยเพราะไม่ใชบ่ า้ น ผู้ทจี่ ติ หลุดบอ่ ยและนานเกนิ ไป ไหลออกไปเรื่อย ก็ ควรหาวิหารธรรมอันใดอันหนึ่งที่ท่านชอบให้จิตอยู่ อยู่ แลว้ จิตมีความสขุ ดนู ามและรูปในรา่ งกายทเี่ ปล่ียนแปลงไป เรอ่ื ยๆ ดูไปนานๆ กจ็ ะเขา้ ใจ เวลาปฏบิ ตั ิไปก็จะมีทง้ั คนดู และสิ่งทถ่ี กู ดู ท่านกไ็ ม่ต้องไปหา หรืองงวา่ จะท�ำ อยา่ งไรให้ ๑๐๓ The WayOut new.indd 103 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เกิดสภาวะนี้ การแยกได้ระหวา่ งผู้รู้กับสิ่งถกู รูน้ ัน้ เป็นกระ บวนการของสตทิ ี่พฒั นาแล้ว เรากส็ ามารถสรา้ ง และมคี วาม รู้สกึ อย่างนน้ั ได้ เพยี งแตย่ ังไมแ่ ทเ้ พราะวา่ สร้างขึ้นมา ต้อง ฝกึ ให้เกิดสภาวะอย่างนั้นจรงิ ๆ เกิดขึน้ มาเองโดยอัตโนมตั ิ ฝกึ รู้สึกตวั บอ่ ยๆ ไปเรือ่ ยๆ ก็จะมสี ภาวะของผรู้ ู้และสงิ่ ถกู รู้ แยกกนั ออกมา เปน็ สภาวะความรสู้ ึกปรากฏขึ้นในใจ ขณะนี้ท่านสามารถแยกผรู้ แู้ ละสิ่งถูกรู้ได้ โดยการทำ� ข้ึนมา ลองหลบั ตา หยิกตัวเองให้แรงหนอ่ ย แลว้ เอาความ รู้สกึ มองลงไป เหมอื นเราใช้ตาปกตมิ องที่สง่ิ ของบางอยา่ ง ใหท้ า่ นมองลงไปที่ความเจบ็ ความเจบ็ เป็นผู้ทถ่ี กู รู้ ส่วนตา ที่มองเป็นผรู้ ู้ ผ้ดู ู กใ็ ช้ตานัน่ แหละเลื่อนมามองที่ทอ้ งพองยุบ ก็ได้ แต่อย่ากม้ หนา้ นะ มองเฉยๆ ตาน้ีเปน็ ตาท่มี องได้รอบ ทศิ ไมม่ ขี ้อจำ�กัด สามารถร้สู ึกได้หมด ๑๐๔ The WayOut new.indd 104 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย ขอให้ฝึกรู้สึกตัวมากเข้าๆ สภาวะนี้ก็จะอยู่กับเรา บ่อยข้ึน ส่วนใหญเ่ ราไม่เคยแยก มนั ก็เลยรวมกันอยู่ เป็น เราเป็นเขาดว้ ยความยึดม่นั ถอื มน่ั อารมณ์ภายนอก ส่ิงทเ่ี หน็ ทไี่ ดย้ ิน ได้กลนิ่ ได้รส สัมผสั ทางกาย ความเย็นความร้อน มัน ไมไ่ ด้เข้ามาสู่รา่ งกายเรา แต่ที่เรารสู้ ึกกบั มัน ชอบหรือชงั มนั เพราะรูปแปลงเป็นนาม เวลาเห็นรูปแลว้ แปลงเปน็ ความ รสู้ กึ ทางใจ แปลงเปน็ เวทนา โดยเทียบกับสญั ญาเดิมของเรา ที่มอี ยู่ เกดิ ความชอบ ไม่ชอบ ด้วยความที่เราไม่มีผู้รู้ เราก็กลายเป็นสิ่งเดียวกับ สญั ญา เวทนา และสงั ขารที่ปรุงแตง่ แบบนโ้ี ดนกิเลสครอบง�ำ เอา ฉะนั้น เราจงึ ตอ้ งสร้างผู้รู้ขน้ึ มา ผรู้ ูค้ ือจิต ผู้รนู้ น้ั เปน็ สง่ิ ทม่ี ีอยแู่ ล้ว เป็นสมบตั ิภายในของแตล่ ะคน เหมือนดวง อาทิตย์ส่องแสงอย่แู ลว้ แตเ่ วลามีเมฆมาบดบงั ดวงอาทิตยก์ ็ ไม่ส่องแสง ผรู้ ูม้ อี ยกู่ ับเรา แตท่ เี่ ราไมร่ ู้ ก็เพราะถกู สญั ญา ๑๐๕ The WayOut new.indd 105 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เวทนา สังขารท่ีเขา้ มาในรปู ของความคิดปรุงแต่งครอบง�ำ เอา มนั เลยมดื มองไมเ่ ห็น ถา้ เพียงแต่เรารู้เท่าทัน มีสติ ผรู้ กู้ ็จะปรากฏตวั ออก มาเป็นผู้ดู เมื่อมสี ตสิ ัมปชญั ญะ สามารถก้นั สญั ญา เวทนา สังขาร จิตไม่ถกู ครอบงำ� ทำ�ใหจ้ ติ เปน็ ผดู้ ู ไมไ่ ดเ้ ปน็ ผูแ้ สดง ตามการครอบงำ�ของความคดิ ปรงุ แต่งต่างๆ ทา่ นจงึ ไมต่ อ้ ง ไปหาผูร้ ู้ท่ีไหน มีอยู่แล้วในตวั ทา่ น เพยี งแต่มีสตใิ ห้มากๆ มี สติอยกู่ ับกาย เวทนา จิต ธรรม ร้สู กึ ตัวไปเรื่อยๆ ท่านกจ็ ะรู้ เองว่า ผู้รเู้ ขาก็รู้มาแตไ่ หนแตไ่ รอยแู่ ลว้ เพยี งแต่ออกจากโลก ของความคิดกเ็ หน็ ความจรงิ แล้ว ท่ยี ากกต็ รงออกจากโลก ของความคิดนแ่ี หละ ผู้รู้จะใช้ในการเจริญวิปัสสนาเป็นการรู้ทางมโนทวาร ส่ิงทม่ี องเหน็ ได้ทางตาสามารถรไู้ ด้ ๒ ทวาร คอื ทางตาและ ทางใจ แตว่ ่าเวลาเจรญิ ๑วิป๐ัสส๖นา เอาทรี่ ทู้ างใจทีจ่ ะเห็น The WayOut new.indd 106 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย ความเปน็ ไตรลักษณ์ ปกติเวลาเราเหน็ แลว้ เราจะไปเสวย เวทนาในสง่ิ น้ัน เช่น เวลาเราเห็นรปู ทส่ี วย เรารสู้ ึกชอบรปู นั้น เวลาเหน็ รูปทีไ่ มส่ วย เรารู้สกึ ไมช่ อบรูปนน้ั เวลาท่เี รา ไดย้ นิ เสยี งดว้ ยหูแล้ว ใจเราก็จะไปเสวยอารมณ์ในเสียงนัน้ ถ้าชอบเสยี งนนั้ กเ็ ป็นโสมนสั ถา้ ไมช่ อบก็เป็นโทมนสั ถ้า เฉยๆ กับเสยี งนั้นกเ็ ปน็ อเุ บกขา นี่เรยี กวา่ ไปเสวยอารมณใ์ น เสียง เรอ่ื งมันเลยยาว ถ้าทา่ นอยกู่ ับการเคล่ือนไหวอยา่ งมสี ติ ความคิด ปรุงแตง่ เกิด พอรู้ทนั มนั จะหายไปทนั ที นีเ้ รียกวา่ รูแ้ จ้ง ดว้ ยใจ ก็สกั แต่วา่ รแู้ จง้ ถ้าใจไม่เขา้ ไปเสวยเวทนาในส่งิ ท่ไี ด้ เหน็ ได้ยนิ ไดก้ ลนิ่ ได้รส สมั ผสั ก็ไม่มีทุกข์ แตห่ ากเรา เข้าไปเสวยเวทนาแล้ว ตณั หาก็จะตามมา ส่ิงไหนทเ่ี ราชอบ เรากอ็ ยากจะยึดเอาไว้ สิง่ ทีไ่ ม่ชอบกอ็ ยากจะปัดออกไป น่ี เปน็ ลกั ษณะของตณั หา ตณั หาก็จะกอ่ อุปาทานและก่อภพ ๑๐๗ The WayOut new.indd 107 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เปน็ เราเห็น เราได้ยิน เรารสู้ ึก เราเป็นนนั่ เราเป็นน่ี ทำ�สง่ิ นัน้ สิ่งนีเ้ พ่ือตวั เรา เปน็ วงจรของทุกข์ขน้ึ มา สตจิ ะรกั ษาคนปฏบิ ตั ิ สตนิ เ้ี ปน็ ตวั รกั ษาจติ เปน็ ตวั ความไมป่ ระมาท เปน็ ตวั ธรรมะทจ่ี ะท�ำ ให้ถงึ โลกุตตระ ธรรมะเหลา่ นจ้ี ะรกั ษาคนปฏบิ ตั ิ บาลที า่ นวา่ “ธมโฺ ม หเว รกขฺ ติ ธมมฺ จารึ – ธรรมะนน่ั แหละรกั ษาคนปฏบิ ตั ธิ รรม” ตวั ธรรมะ แทท้ จ่ี ะน�ำ เราไปสคู่ วามเปน็ พระอรยิ ะเจา้ นเ้ี ขาจะรกั ษาเราตลอด ทา่ นฝกึ สตไิ ปบอ่ ยๆ การกระท�ำ ทไ่ี มด่ ี การพดู ทไ่ี มด่ จี ะ ลดลง ถา้ ฝกึ แลว้ ยงั พดู มากเหมอื นเดมิ อยา่ งนแ้ี สดงวา่ ไมไ่ ด้ ฝกึ สตแิ ตเ่ ขา้ ใจวา่ ฝกึ ถา้ ยงั พดู เพอ้ เจอ้ พดู ยกตนเอง ยงั ชอบ คลกุ คลี อยากใหต้ วั เองส�ำ คญั แบบนก้ี ไ็ มใ่ ช่ ถา้ ฝกึ สตถิ กู ตอ้ ง จะดขี น้ึ ทกุ วนั พสิ จู นไ์ ดแ้ ละเหน็ ไดด้ ว้ ยตวั ของเราเอง ถา้ ปฏบิ ตั ิ ไปแลว้ ไมด่ ขี น้ึ แสดงวา่ ขเ้ี กยี จปฏบิ ตั หิ รอื ปฏบิ ตั ไิ มถ่ กู ขยนั แต่ วา่ ท�ำ ไมถ่ กู กไ็ มไ่ ดผ้ ล ๑๐๘ The WayOut new.indd 108 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย ดังนัน้ ท่านทัง้ หลาย ควรอยทู่ ีบ่ ้านของตนเอง คือ อยูใ่ นกาย เวทนา จติ ธรรม เวลาเราฝึกไปบ่อยๆ จนสตเิ กดิ เปน็ อัตโนมัตแิ ลว้ จะไม่มกี ารแบง่ แยก ตอนแรกเหมอื นแบง่ แยก เช่น บางทา่ นใชล้ มหายใจเขา้ ออกเป็นวหิ ารธรรม ก็ เหมือนกับมกี ายเป็นบา้ น พอท�ำ ไปนานๆ กเ็ ห็นความคิด ความรสู้ กึ เห็นกเิ ลสตา่ งๆ บ้านกข็ ยายตัวออกมาเปน็ บา้ น ๔ หลงั อยา่ งนี้ท่ีต้งั ของสตกิ ม็ ากขน้ึ หลงลมื ก็กลับบา้ นได้เรว็ ในการปฏบิ ัตเิ พ่ือเข้าถึงพระนพิ พาน ใชอ้ นั ไหนก่อนกไ็ ด้ เนน้ อันไหนก่อนกไ็ ด้ สดุ ทา้ ยกเ็ หมอื นกนั หมด เวลาตรสั รูก้ ไ็ ด้สติ ปฏั ฐานทัง้ ส่ี การฝกึ รสู้ กึ ตวั เปน็ การพาใจมาสจู่ ดุ ทป่ี ลอดภยั หมด ทกุ ข์ทงั้ โลกนแี้ ละโลกหน้า เรยี กว่า “มชั ฌิมาปฏปิ ทา – ทาง สายกลาง” ไมห่ ลงไปในกามสขุ ัลลิกานโุ ยคหรอื อตั ตกลิ มถา นโุ ยค ท้ายที่สุดกถ็ ึงการปรนิ พิ พาน ๑๐๙ The WayOut new.indd 109 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ การหลงไปตามรปู เสยี ง กลน่ิ รส สมั ผสั ความคดิ เรอ่ื งราวตา่ งๆ เกย่ี วกบั สง่ิ เหลา่ นน้ั เปน็ กามสขุ ลั ลกิ านโุ ยค พวกที่เรียนหนังสอื มามากๆ มกั เป็นนักพเนจร จติ ก็ ชอบออกนอกทางอย่เู รอื่ ย จติ ไหลไปในความคิดปรุงแตง่ ทาง ใจเยอะ ท่านจะชอบเสียดว้ ยเพราะเหมือนเป็นคนมีความ รมู้ าก แต่วิญญาณพเนจรก็คือพเนจรน่ันแหละ แบบนี้หลง ไปทางใจ การท�ำ ใหก้ ายและจติ ตนเองล�ำ บาก เปน็ อตั ตกลิ มถานโุ ยค บางคนก็เดินเพง่ กายจนแข็งท่ือ หรือวา่ น่ังเกร็งจนตัวแขง็ เป็นกอ้ นหินไป นเ่ี รยี กวา่ ทำ�กายตนเองให้ลำ�บาก เป็นอัตต กิลมถานุโยคทางกาย ใหเ้ ราทำ�สบายๆ ถา้ ปวดหลงั ปวดขา กด็ เู พ่อื การศึกษา ถ้าไมไ่ หวกเ็ ปลยี่ นท่า ที่เราดูนี่ก็เพอื่ ให้รูจ้ กั ทกุ ข์ท่ีมนั แปะอยู่กับรูปรา่ งกาย ถา้ เราไม่ดู ทุกขก์ ม็ ีอยู่ มนั ทนสภาวะด้ังเดิมของมันไม๑ไ่ ด๑้ ๐เปลีย่ นไปเปล่ยี นมาอยูเ่ รอ่ื ย The WayOut new.indd 110 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย แต่เราไม่รู้ความจริง เรากเ็ ลยต้องดูใหร้ ู้ ทุกข์ทางกายที่ เห็นได้ชดั ก็ตอนจะเปลย่ี นอริ ยิ าบถ จะมีอาการเจ็บ และมี อาการร�ำ คาญทางใจ ไมพ่ อใจ จะต้องเปล่ยี น เรากจ็ ะเห็น ไดด้ ี ใหใ้ ช้เป็นเคร่ืองมอื ศกึ ษา จติ ก็ทำ�นองเดียวกนั อย่าไปบบี บงั คบั ให้เกิดความ ล�ำ บาก เชน่ จิตเปน็ ธรรมชาติท่ีต้องคดิ จนเคยชนิ เราจะไป หา้ มไมใ่ หค้ ิด อยา่ งนีม้ ันผิด เพยี งแต่เรารู้วา่ นจ่ี ิตมนั คิด จิต รู้สึกอย่างนี้ ชอบ ไมช่ อบก็รไู้ ป อย่าห้ามคิด ส่วนมากชอบ เปน็ นกั แปลงจติ นกึ ว่าตวั เองเปน็ อตั ตา เวลาความโกรธเกิด ก็เพ่งใส่ความโกรธ ความโกรธกห็ าย กลายเปน็ คนเก่ง เขา้ ใจ วา่ ตนเองเป็นผู้มีความสามารถ มกี เิ ลสเกิดกท็ �ำ ลายได้ อยา่ ง น้ีเป็นอตั ตกลิ มถานโุ ยคทางจิต การปฏิบตั ธิ รรมกบั ไม่ ปฏิบัติธรรม มันก็ตา่ งกนั ตรงท่รี ู้กับไมร่ ้เู ท่านัน้ ไม่ได้ตา่ งกนั เพราะเราไปทำ�ให้เกิดความตา่ งข้นึ ถ้ายังทำ�ใหเ้ กดิ ความ ๑๑๑ The WayOut new.indd 111 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ ต่างขึ้นระหว่างการปฏิบัติกับไม่ปฏิบัตินั้นเรียกว่านักสร้าง ภาพ ตอนไมป่ ฏบิ ัตเิ ป็นคนหน่ึง พอเข้าลู่จงกรมก็เปน็ อีกคน หน่งึ กลายเปน็ นักแสดงไป ถา้ แสดงเก่งกเ็ ปน็ คนดี ก็ทุกข์ แบบคนดี ใหเ้ ราร้เู ทา่ ทันนกั สรา้ งภาพดว้ ย ความคดิ ปรงุ แตง่ ของเรานั่นแหละที่มันชอบแสดง ให้ดูดๆี แลว้ จะเหน็ จะ เขา้ ใจ หนา้ ท่เี รา ฝกึ สติให้รูเ้ ทา่ ทนั ไปเร่อื ยๆ มคี วามรู้สกึ มคี วามคดิ ปรุงแตง่ อะไรมากด็ ู ดูไปเรอ่ื ยๆ ถา้ เมื่อไหร่เรา ไม่ดู เราจะถูกความคิดลากไป มนั มแี ต่สงิ่ ทีเ่ กิดเพราะเหตุ ปัจจยั แลว้ กด็ บั ไป เกดิ แลว้ ดบั ๆ เป็นกระแสไตรลักษณ์ เหมือนแม่นํา้ ทไ่ี หลไปไมเ่ คยหยดุ น่งิ ขนั ธ์ ๕ กเ็ หมอื นกบั กระแสนา้ํ เปน็ ของใหมอ่ ยตู่ ลอดเวลา ขนั ธ์ ๕ นมี้ าจากความ เปลย่ี นแปลง และก็จะเปล่ียนแปลงไปไม่เคยหยดุ นิ่ง เหมอื น เข็มวินาทีของนาฬกิ า เขม็ วนิ าทีทห่ี มุนไปไมห่ ยดุ คอื ลกั ษณะ ๑๑๒ The WayOut new.indd 112 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย ของปจั จุบัน ทีเ่ คลื่อนไปไม่หยุดอยกู่ ับที่ เพียงแต่เรารู้ อะไร มาก็รู้ นี่คือการรเู้ ท่าทันปัจจบุ นั การรเู้ ทา่ ทันปัจจบุ ัน ไมใ่ ช่ ไปกักปัจจุบนั ใหม้ าหยดุ ต่อหน้าเรา หนา้ ทขี่ องเราที่ทำ�กับ ปจั จุบันไดค้ ือรู้อย่างเดยี ว ถ้าท�ำ เกนิ กว่าน้ันแสดงว่าติดอดตี หรืออนาคต พอรู้เสร็จแลว้ อยากร้เู พ่มิ ไปเพง่ ไว้ รู้แล้วไม่ ชอบมนั อยากให้มันหาย อย่างน้ตี ดิ อดีต ร้แู ล้วไม่พอใจแค่ นั้น อยากจะรเู้ ยอะๆ หาวธิ ีท�ำ ยงั จะดี อยา่ งนต้ี ิดอนาคต ความเพียรที่ถูกต้องเป็นสัมมาวายามะก็คือการเพียร ร้บู ่อยๆ นีแ่ หละ เพียรมีสติ เวลาหลงลมื กเ็ พยี รฝึกให้ร้สู ึก กลับมาเร็วๆ หนอ่ ย อย่างหลงนาน ทา่ นท่ฝี กึ แรกๆ จะร้สู ึก ทรมาน โดยเฉพาะคนท่ชี อบคิดมาก ใจกจ็ ะไหลไปคิดอยู่ เรอ่ื ย ทา่ นกต็ ้องรู้แล้วกลับมารูส้ กึ อย่าหลงนาน ทำ�อยา่ ง นีบ้ อ่ ยๆ ซง่ึ ถา้ ท�ำ โดยไม่ยอมเบ่ือหนา่ ย ไมไ่ ด้คิดถึงผล จะได้ ผลหรอื ไมก่ ็อกี เรอ่ื งหน่ึง เพียรฝึกไปเรื่อย อยา่ งนเ้ี รียกได้วา่ ๑๑๓ The WayOut new.indd 113 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เป็นผมู้ ีความเพียร ซึ่งจะไดร้ บั ประโยชน์จากการปฏบิ ตั ิธรรม คนที่มีความเพียรทำ�ไปเร่อื ยๆ เรียกวา่ คนทีเ่ ช่อื มนั่ ใน กฎของกรรม ทำ�เมอ่ื ทำ�เหตุผลก็ต้องมี เรามีหนา้ ทเ่ี พียงแต่ ทำ�เหตุ ส่วนผลจะมาตอนไหนไมต่ อ้ งสนใจ ปลอ่ ยเปน็ กระ บวนการของธรรมะไป ผลมีมาเอง ดังนั้น ไมต่ ้องหวงั ผล จะท�ำ ใหเ้ สยี เวลาในการฝกึ สติ เรามกั จะพูดถงึ เรื่องการเกิด แก่ เจ็บ ตาย แตก่ ารประพฤตพิ รหมจรรยน์ นั้ ประพฤตเิ พือ่ ใหถ้ งึ การไมเ่ กิด ไมแ่ ก่ ไมเ่ จ็บ ไมต่ าย ๑๑๔ The WayOut new.indd 114 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย ถาม คำ�ว่า พจิ ารณาเหน็ เป็นอยา่ งไร ตอบ ในบาลจี ะมบี ่อยๆ เชน่ พจิ ารณาเหน็ รปู โดย ความเปน็ ตน พจิ ารณาเห็นตนมรี ูป เหน็ รูปในตน เหน็ ตนใน รปู พิจารณาเหน็ เวทนาโดยความเปน็ ตน อยา่ งน้ีเป็นต้น... การมองเห็นด้วยความรู้สึกน่ันแหละคือการพิจารณาเห็น แต่น่ีเป็นฝา่ ยเห็นผิด ถ้าฝา่ ยเห็นถูกกต็ รงกันขา้ ม ทา่ นเหน็ แล้วกร็ ู้สึกด้วยใจวา่ ไมใ่ ชส่ ัตว์ บคุ คล ตวั ตน อยา่ งน้ีเรียก วา่ การพจิ ารณาเหน็ ตอนนี้ท่านมองเห็นเป็นแท่งเป็นก้อนเพราะฆน สญั ญา จดจำ�เอาไว้ว่าเปน็ กลมุ่ กอ้ น ตอ่ ไปฝกึ มากข้ึน ก็ มองเหน็ เปน็ รปู นาม เหน็ วา่ เปน็ ส่งิ ไม่เท่ยี ง เป็นทุกข์ เปน็ อนัตตา เปน็ การทำ�ลายฆนสัญญา อยา่ งน้เี รยี กว่า พิจารณา เหน็ ไม่ใชค่ ดิ เอา แต่เปน็ ความรสู้ ึกท่ีเกดิ ข้นึ ในใจของผูป้ ฏบิ ตั ิ ๑๑๕ The WayOut new.indd 115 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ สัมมาทิฐิไม่ใช่ตัวความคดิ เหน็ แตค่ ือความร้วู า่ ความ คดิ เห็นนั้นไมใ่ ชต่ ัวตน เกดิ ขนึ้ กเ็ พราะมเี หตุปจั จยั เป็นของ ไม่เที่ยง คงอยู่ในสภาพเดมิ ไม่ได้ ตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์ รู้ว่านคี้ อื ทกุ ข์ น้ีคอื ทกุ ขสมทุ ยั นี้คอื ทุกขนโิ รธะ นี้คือทกุ ข นโิ รธคามนิ ปี ฏิปทา ลักษณะของปัญญาคือเหน็ ไตรลกั ษณ์ ถ้าทา่ นปฏบิ ตั ิ ไปแลว้ ไดค้ วามรูอ้ ะไรมากมาย แตไ่ มเ่ หน็ เกิดดับเสยี ที น้นั ยังไมถ่ ูก เพราะมัวหลงอยู่ พระโสดาบันรู้ว่า “ยํ กิญจฺ ิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ – สงิ่ ใดสิง่ หนึ่งมคี วามเกดิ ขนึ้ เป็นธรรมดา ส่ิงนนั้ ทง้ั มวลล้วนดบั ไปเป็นธรรมดา” การเปน็ พระโสดาบนั ไมต่ ้องการความจำ�หรอื ความ สามารถพิเศษอะไร ตอ้ งการเพียงความรสู้ ึกตัว ขยนั หมน่ั เพยี รท�ำ ไปเรื่อยๆ ให้เป็นคนธรรมดาๆ ถ้าปฏิบัติโดยถกู ตอ้ งแลว้ จะเป็นคนธรรมด๑าจ๑น๖ไม่มีคนสังเกตเห็น The WayOut new.indd 116 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย ถาม จะรไู้ ด้อย่างไรว่าปฏิบตั ิถูกหรือไม่ถกู ตอบ จริงๆ แลว้ ตวั เราจะรเู้ อง รทู้ ันกเิ ลสมากข้นึ กเิ ลสจะลดลง จติ ใจจะเบาสบายขึน้ ทุกข์นอ้ ยลง มคี วามสขุ มากขน้ึ การยึดม่นั ถอื มน่ั จะน้อยลง มองเหน็ ความสวยงาม มากข้ึน มีชีวิตท่เี ปน็ ธรรมดามากขน้ึ ไมม่ ีการแยกระหวา่ ง ความธรรมดาสามัญกบั ความอัศจรรย์ เพราะมันเปน็ สง่ิ เดียวกนั พอปฏบิ ตั ิไปจนสตเิ กิดเองได้ กจ็ ะมคี วามสขุ เลยไม่ ต้องรอนาน ๑๑๗ The WayOut new.indd 117 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ ถาม เหตุใกล้ของสัมมาทิฐิ คือปรโตโฆสะกับ โยนโิ สมนสกิ าร ใช่หรอื ไม่ ตอบ ถกู แล้ว โยนิโสมนสกิ ารเปน็ การมองถูกแงม่ ุม ทจี่ ะท�ำ ให้เกดิ ปัญญา มองถูกตัวสภาวธรรม โดยการสนใจ สภาวะในกายในใจบอ่ ยๆ จนเหน็ ความไม่เท่ียง เป็นทกุ ข์ เปน็ อนตั ตา ของทกุ อยา่ ง เปน็ เหตใุ หเ้ กิดของสมั มาทิฐิ สว่ นปรโตโฆสะคอื การไดฟ้ งั มาจากคนอน่ื โดยเฉพาะ ฟงั มาจากพระอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจ้า จนถงึ ฟงั จากครูบา อาจารยเ์ ป็นเหตภุ ายนอก ฟังแล้ว ทบทวน ใครค่ รวญ นำ�มา ประพฤตปิ ฏิบัติ โยนิโสมนสิการ เปน็ เหตภุ ายใน ๑๑๘ The WayOut new.indd 118 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย ถาม เพง่ กบั ดู ตา่ งกันอย่างไร ตอบ คำ�วา่ เพง่ เป็นภาษาไทย ถ้าในใชค้ วามหมายท่ี ถูก มนั กถ็ ูกเหมอื นกัน ความหมายกเ็ ทา่ กับดนู ั่นแหละ ถา้ ใช้ ไม่ถูกก็จะกลายเปน็ จดจ้องตามการบงการของตณั หา การทำ� สมถะนั้นเป็นการเพง่ อารมณ์ เรยี กวา่ อารัมมณปู นชิ ฌาน วิปัสสนานนั้ เป็นการเพ่งลกั ษณะ เรียกวา่ ลักขณูปนิชฌาน การเพ่งอารมณค์ อื การสนใจดอู ย่ทู อี่ ารมณ์เดยี ว ให้ รอู้ ารมณ์นัน้ สบายๆ โดยไม่ต้องสนใจอารมณ์อ่ืน เช่น ดูลม หายใจก็สนใจดูอย่างเดียวไปเลย นีเ่ รยี กวา่ เพ่งอารมณ์ เป็น วธิ ีการของสมถะ แบบนี้เปน็ การขม่ ความคิดอ่นื ไว้ โดย ใชค้ วามคดิ อย่างใดอย่างหนงึ่ หรือหลบไปสนใจอารมณใ์ ด อารมณ์หนึง่ เพอื่ ใหจ้ ิตสงบมีก�ำ ลงั ถา้ เป็นวิปัสสนานน้ั ดทู ล่ี กั ษณะ หรือเพง่ ทลี่ ักษณะ มนั จะจบั อนั ใดอนั หนงึ่ ไม่ได๑้ ๑เพ๙ราะลกั ษณะเปลย่ี นอยตู่ ลอด The WayOut new.indd 119 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เวลา เป็นไปตามกฎไตรลกั ษณ์ หนา้ ท่ีทท่ี ำ�ไดต้ ่อลกั ษณะคอื ดูเฉยๆ เหมือนดูนํ้าไหล จะดไู ดจ้ ติ ตง้ั มีความต้ังมน่ั เหมือน คนยนื อยรู่ มิ ตล่ิงมองดูนํ้า ๑๒๐ The WayOut new.indd 120 4/25/09 12:22 PM

จิ ต อ ยู่ บ้ า น ป ล อ ด ภั ย ๑๒๑ The WayOut new.indd 121 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ ๘ เหน็ ความคดิ ดบั ความทกุ ข์ อริยสัจนั้นเป็นกระบวนการแก้ปัญหาแบบครอบ จักรวาล คอื แกท้ เ่ี ดียวได้หมดทุกปัญหา ไม่ใชแ่ ก้ทลี ะปัญหา ไมส่ นใจวา่ มีปัญหากเ่ี รือ่ ง ก่ีรายละเอยี ด แกท้ ีเดียวหายหมด อยา่ งเราเครียดเพราะมีปัญหาต่างๆ รอ้ ยแปดประการ ถ้า ปฏิบัติตามแนวอรยิ สัจ ตามค�ำ สอนของพระผมู้ พี ระภาคแก้ ไดท้ ุกคน ไม่ว่าปัญหาอะไรก็แก้ไดห้ มด ไม่มีการสนใจราย ละเอียดของปัญหา เพราะเป็นการแก้ท่ตี ้นตอ น่ีคอื ความ อศั จรรรย์ของอรยิ สัจ ๑๒๒ The WayOut new.indd 122 4/25/09 12:22 PM

เ ห็ น ค ว า ม คิ ด ดั บ ค ว า ม ทุ ก ข์ การแกท้ ่ีตนตอ อุปมากอ็ ยา่ งเช่น ไฟดวงน้สี ว่าง เรา จะไมใ่ หไ้ ฟสวา่ ง กดสวทิ ช์ แสงสวา่ งกห็ าย นค่ี อื การสาวหาเหตุ ในแนวอริยสัจ ต้นตอของทกุ ขค์ ือความคิดปรุงแตง่ ความ คดิ ปรุงแต่งมาจากอวิชชา เวลาดบั ก็ดบั ท่คี วามคดิ ปรงุ แตง่ ใหร้ ทู้ ันความคิดปรงุ แตง่ ปญั หาก็หมด เราไดย้ ินคำ�พดู ว่า ให้ปล่อยวาง การปลอ่ ยวางคอื วางความปรงุ แต่ง การปฏิบตั ิ ท่ีทำ�ให้เข้าถึงการปล่อยวาง กค็ ือใหร้ ู้ทันความปรุงแต่ง เมื่อ ความปรงุ แต่งไม่มี ความทุกข์กไ็ ม่มี ในกระบวนการของการปฏิบัติเพ่ือที่จะให้ถึงการ พ้นทุกขน์ ัน้ ต้องเรม่ิ จากการปฏบิ ตั ิเป็นข้นั ๆ ไป ในขั้นต้น กม็ กี ารรักษาศลี ทำ�บุญ ไหวพ้ ระ สวดมนต์ แตบ่ างคนไม่ เคยท�ำ มาก่อนเลยกส็ ามารถมาฝึกได้เหมอื นกัน เพราะพวก นอกศาสนา ถ้าเขาตอ้ งการฝึกสตปิ ฏั ฐาน กม็ าฝึกได้ ไมไ่ ด้ หมายความว่าตอ้ งนบั ถอื พทุ ธศาสนากอ่ นจึงฝึกได้ เราอย่าไป ๑๒๓ The WayOut new.indd 123 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ พูดว่าต้องนบั ถือพุทธศาสนาเทา่ นัน้ เพราะจะไม่เหมอื นใน พระไตรปฎิ ก อยา่ งมพี ราหมณม์ าถามพระพทุ ธเจา้ ๆ เทศน์ จนพราหมณบ์ รรลไุ ปเลยกม็ ี เรอ่ื งการฝกึ ตามแนวสตปิ ฏั ฐาน จงึ ไมจ่ �ำ กดั เชอ้ื ชาติ ไมจ่ ำ�กดั ศาสนา เปน็ เรื่องกลางๆ ใครมี ทุกขก์ เ็ อาสตปิ ัฏฐานไปปฏบิ ัตไิ ด้ วิธกี ารปฏบิ ตั เิ รม่ิ ตน้ จากการฝกึ ใหม้ สี ติ อยา่ งทไ่ี ด้ กลา่ วไปแลว้ วา่ พน้ื ฐานชวี ติ มี ๒ อยา่ ง คอื ความหลงกบั ความ รสู้ กึ ตวั ความรสู้ กึ ตวั นจ้ี ะเปน็ กระบวนการปฏจิ จสมปุ บาท ฝา่ ยหมดทกุ ข์ เราจงึ ตอ้ งสรา้ งความรสู้ กึ ตวั ใหม้ ากๆ เหตผุ ลท่ี แนะน�ำ ใหท้ า่ นดสู ภาวะตา่ งๆ เดนิ ก็ให้รู้สกึ ตวั ทำ�อะไรกใ็ หร้ สู้ ึก ตวั มคี วามคิดมาก็ใหร้ ู้ มคี วามรสู้ กึ มากใ็ ห้รู้ นแ้ี หละเปน็ การ ฝกึ สติ สติจะเป็นอัตโนมัติก็ต่อเมื่อจิตสามารถจดจำ�สภาวะ ได้ เหตใุ กลใ้ หเ้ กิดสติเรยี ๑กว๒่า๔“ถริ สญั ญา” แปลวา่ การ The WayOut new.indd 124 4/25/09 12:22 PM

เ ห็ น ค ว า ม คิ ด ดั บ ค ว า ม ทุ ก ข์ จดจำ�สภาวะได้มัน่ คง สภาวะท่เี ป็นจรงิ เชน่ อาการทางกาย ความรสู้ ึกทางกาย ความรสู้ กึ ทางใจ สุข ทุกข์ เสียใจ ดใี จ โลภ โกรธ กลัว เครยี ด อิจฉา ฯลฯ นี่คอื ตัวสภาวะ ถา้ เราดูบอ่ ยๆ รสู้ กึ ถงึ มันบอ่ ยๆ ตอ่ ไปเม่ือจ�ำ ได้แม่น สตจิ ะเกิดเอง แค่เรา ขยบั ตวั สตกิ ็จะเกิด จติ ใจเปลย่ี นแปลง สติก็จะเกดิ ทา่ นที่ ฝึกไปพอสมควรจะเริ่มเหน็ ว่าอยดู่ ๆี สติกเ็ กดิ เอง เช่น เวลา คดิ ปับ๊ สตกิ เ็ กิด สติท่เี กดิ เอง ระลกึ รกู้ ายรใู้ จ เรยี กว่า สติ สมั โพชฌงค์ ลักษณะของสติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จติ ธรรม ถ้าจะพดู แบบเรยี งก็ไดด้ งั นี้ เราฝึกฐานกาย เช่น อานาปานปัพพะ ดูลมหายใจ เขา้ ออก อริ ิยาปถปัพพะ ดกู ายยนื เดิน นัง่ นอน หรอื การ เคล่อื นไหวของรา่ งกายในอ๑ิริย๒าบ๕ถตา่ งๆ The WayOut new.indd 125 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ สัมปชัญญปัพพะ ดกู ายทเี่ คลอื่ นไหวมกี ารคเู้ ข้า การ เหยยี ดออก การแล การเหลยี ว การนุ่งหม่ การทานอาหาร การถา่ ยอุจจาระและปสั สาวะ ทำ�ไปใหม้ ีความร้สู ึกตัว พอหัดดูทำ�อยา่ งน้ีไปบ่อยๆ กจ็ ะเกิดสัมปชัญญะขึน้ ลักษณะของสัมปชัญญะ เปน็ ความรสู้ ึกทวั่ ทง้ั ตวั กายขยับก็ รสู้ กึ ทั่วตัว หรอื ท่ีรจู้ กั กันว่า “รู้สกึ ตวั ทว่ั พรอ้ ม” การฝกึ ด้วยการดูลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดว้ ย การดอู ิรยิ าบถนอ้ ย อิรยิ าบถใหญต่ ่างๆ ระหว่างนี้กจ็ ะเห็น ความคิด เห็นความรสู้ ึก ปกตทิ ่านมกั จะถกู ความคิดลาก ไป ทา่ นจึงต้องคอยรสู้ ึก เวลาคิดกร็ ู้วา่ คิด แลว้ ก็กลบั มา ร้สู ึก แรกๆ ต้องอาศยั ความจงใจอยู่บา้ ง ตอ่ ไปถา้ ทา่ นมี สมั ปชัญญะแล้ว กไ็ มต่ อ้ งท�ำ ดว้ ยความจงใจ พอหลงคิดไป เมอื่ รู้จะเหน็ ความคดิ ดบั ไปตอ่ หนา้ ต่อตาทีเดยี ว ๑๒๖ The WayOut new.indd 126 4/25/09 12:22 PM

เ ห็ น ค ว า ม คิ ด ดั บ ค ว า ม ทุ ก ข์ ทา่ นก็ไมต่ ้องไปห้ามความคดิ ไมต่ อ้ งไปท�ำ ใหม้ ันคิด น้อยๆ คิดสนั้ ๆ มนั อาจจะคดิ ยาวบา้ ง สน้ั บา้ ง กใ็ หร้ ตู้ ามที่ มันเปน็ จริง ให้เห็นวา่ จิตมันเปน็ อนัตตา มนั คดิ ไดเ้ องของ มัน ไมส่ ามารถบังคับมนั ได้ มันไม่ใช่ตวั เรา ท้ังกศุ ลและอกุศลก็เหมือนกนั เปน็ สิ่งปรงุ แต่งท้งั สน้ิ อุปมาเหมอื นห้องทเ่ี รานอน ถา้ เราอยคู่ นเดียวก็ว่างๆ ที่น้มี ี แขกมาบา้ น มีทั้งแขกดำ�กับแขกขาว แขกด�ำ คืออกุศล เชน่ ความเครยี ด โลภะ โทสะ ท่แี อบเขา้ มากบั ความคดิ สว่ นแขก ขาวก็เป็นกศุ ล เชน่ ความมเี มตตา มีศรัทธา แต่แขกก็ยังเปน็ แขกวันยงั ค่าํ ผ่านมาแล้วกผ็ ่านไป ไม่ได้อยนู่ าน ดงั น้นั ท่ีทา่ นถามวา่ ช่วยคดิ แล้วจะเปน็ อยา่ งไรนนั้ ตอบว่า ถา้ คิดดเี ปน็ กุศลก็เป็นแขกขาวน่นั แหละ เป็นการ สร้างนาํ้ หนักให้กบั จิต ทา่ นลองฝึกดู ลองคดิ พจิ ารณาหัวขอ้ ธรรมะ แลว้ ลองสังเกตจิตด๑ๆี ๒จะ๗สงั เกตวา่ น้ําหนักของจติ เพม่ิ The WayOut new.indd 127 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ แต่อย่าหลงลืมแลว้ มวั คิดเอาๆ นะ ต้องมคี วามรูต้ ัว ลองดู ด้วยการสวดมนตก์ ไ็ ด้ สวดแลว้ คิดถึงความหมาย จะรู้สกึ ว่า จิตหนกั แตถ่ ้าสวดไปธรรมดาไม่นกึ ถงึ ความหมาย จิตจะไม่ หนัก พระอรหนั ตห์ มดการปรุงแตง่ ทีเ่ ป็นอภสิ งั ขาร หมดการ ทำ�กรรม ทา่ นจึงถงึ ทีส่ ดุ ทกุ ข์ ท่านก็ยังมีชวี ติ อยู่น่ันแหละ แต่ ท่านถงึ ที่สุดทกุ ขแ์ ลว้ เพราะว่าทา่ นรู้เทา่ ทันกระบวนการปรุง แตง่ ทัง้ หมด ในการปฏบิ ตั นิ น้ั กเ็ ปน็ การปฏบิ ตั เิ พอ่ื รแู้ จง้ อรยิ สจั ๔ คือ เวลาท่รี ทู้ กุ ขอ์ ย่างแจม่ แจง้ สมทุ ัยกไ็ มม่ ที ี่ตง้ั นิโรธก็ แจง้ มรรคก็อยู่ตรงน้ัน การเจริญมรรคกค็ ือสตสิ ัมปชญั ญะ ท่ีเราดนู ัน่ เอง ทำ�แบบนไ้ี ปเรอ่ื ยๆ จนกวา่ จะสมบรู ณ์ คนที่ จะเหน็ อริยสัจสมบรู ณค์ ือพระอรหนั ต์ ๑๒๘ The WayOut new.indd 128 4/25/09 12:22 PM

เ ห็ น ค ว า ม คิ ด ดั บ ค ว า ม ทุ ก ข์ ถาม ขอใหส้ รุปของแนวปฏบิ ตั ิเพอ่ื ละทกุ ข์แบบเรยี ง ตามล�ำ ดบั ตอบ คือการฝกึ สตินัน่ เอง ทา่ นจะฝึกเรียงแบบกาย เวทนา จิต ธรรม ก็ได้ ซึ่งเปน็ วิธที ดี่ ีและได้ผลดมี าก เพราะวา่ ถา้ ท่านฝกึ ดอู ันใดอนั หน่งึ ไป ทา่ นต้องฝึกอันอ่นื ด้วย เพราะ อันเดยี วไม่พอ อยา่ งบางท่านดจู ิตอย่างเดยี ว พอไปสกั พกั อาจมปี ัญหาเหมอื นกัน คือความคิดลากไปเยอะเกนิ ไป กเิ ลส แรงๆ ความเครยี ดแรงๆ ก็เอาไมอ่ ยู่ ทำ�ใหจ้ ติ ฟุ้งซา่ นมากเกิน ไป ทา่ นก็ต้องฝกึ อย่างอื่นดว้ ย เชน่ ดลู มหายใจ การเดนิ จงกรม แล้วแตใ่ ครชอบแบบไหน เพ่อื ใหม้ ีสติสมั ปชัญญะดี และจิตมกี �ำ ลังพอด้วย เราจึงฝึกรู้ท้ังกายทงั้ ใจ มคี วามรู้สกึ ทางใจขึ้นมากด็ ู เหน็ แล้วก็ปล่อยไป กลับมาดทู ล่ี มหายใจ กลบั มาดูกายที่เคลื่อนไหว ทีย่ กมอื ฯลฯ ที่ทำ�แบบน้ีเพอื่ ให้ สตดิ ีและมกี �ำ ลงั ดงั นัน้ เมื่อเราฝึกฐานอ่นื ๆ ด้วย ก็จะท�ำ ให้ ๑๒๙ The WayOut new.indd 129 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เรามคี วามสขุ การดูจติ ก็จะงา่ ยข้ึน ขณะทท่ี า่ นปฏบิ ตั ดิ กู าย ดเู วทนา ดจู ติ กเ็ ปน็ ฐาน ธมั มานปุ สั สนาอยเู่ หมอื นกนั แตว่ า่ มนั ยงั ไมค่ รบถว้ น เมอ่ื มสี ติ ปญั ญามากขน้ึ จะเปน็ ฐานธรรมะดว้ ยตวั ของมนั เอง เชน่ เราดู ลมหายใจเขา้ ออก เมอ่ื ดนู านจะเหน็ ความรสู้ กึ หายใจเขา้ รสู้ กึ อยา่ งไร หายใจออกรสู้ กึ อยา่ งไร จติ ใจเปน็ อยา่ งไร สบาย ไม่ สบาย สงบ ฟงุ้ ซา่ น กจ็ ะเหน็ ดว้ ย หรอื เวลาทเ่ี ราเดนิ จงกรม ตอนแรกกจ็ ะเหน็ การเดนิ อยา่ งเดยี ว ตอ่ ไปกจ็ ะเหน็ ความรสู้ กึ และเหน็ จติ ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ การเดนิ ดว้ ย เวลาทท่ี า่ นเหน็ อยา่ งน้ี ตวั ลมหายใจกจ็ ะกลายเปน็ สภาวะอยา่ งหนง่ึ ทไ่ี มใ่ ชต่ วั ตนอะไร เปน็ เพยี งธาตไุ หลเขา้ ธาตไุ หลออก แลว้ เหน็ วา่ ลมหายใจน้ี เกดิ ขน้ึ แลว้ กด็ บั ไป ลมหายใจเขา้ กอ็ นั หนง่ึ ลมหายใจออกก็ อนั หนง่ึ เหน็ ความไมเ่ ทย่ี ง เปน็ ทกุ ข์ เปน็ อนตั ตา กเ็ ปน็ หมวด ธมั มานปุ สั สนา เรยี กวา่ เหน็ เปน็ รปู ขนั ธ์ ๑๓๐ The WayOut new.indd 130 4/25/09 12:22 PM

เ ห็ น ค ว า ม คิ ด ดั บ ค ว า ม ทุ ก ข์ ฝึกตอนแรกเป็นกายานุปสั สนา ตามดกู าย เวทนานุ ปัสสนา ตามดูเวทนา จติ ตานุปสั สนา ตามดจู ิต ฝึกไปๆ ความร้เู พิ่มขึน้ สิง่ ต่างๆ ทีร่ ู้ จะรวมกลายเป็นตวั ธรรมะ ท้งั หมด รวมลงในความไม่เที่ยง เปน็ ทกุ ข์ เป็นอนัตตา เปน็ หมวดธมั มานุปัสสนา ความรูท้ ี่เป็นอยา่ งนจ้ี ะทำ�ให้เหน็ ทกุ สิง่ เสมอกัน ไม่ วา่ จะลมหายใจกด็ ี การเคล่ือนไหวก็ดี เวทนากด็ ี กุศลกด็ ี อกศุ ลก็ดี จะเสมอกันโดยความเป็นธรรมะ น่เี รียกวา่ ธัมมานุ ปัสสนาสตปิ ัฏฐาน ท่านจะจดั ลงหมวดไหนกไ็ ด้ หมวดขนั ธ์ ก็ได้ หมวดอายตนะก็ได้ หมวดอริยสัจกไ็ ด้ เวลาปฏิบัติเรา ไมไ่ ด้จดั แต่ในหนังสอื ท่านมแี สดงไว้ การฝึกสติเพ่ือไปพระนิพพานท่านต้องไปคนเดียว เอาเพือ่ นไปด้วยไมไ่ ด้ จริงๆ แล้ว ความโดดเดยี่ วก็มคี วามลุ่ม ลึกอยู่ในตวั มนั เอง ขอใหท้๑่า๓นพ๑ยายามอยู่คนเดยี ว มีสติให้ The WayOut new.indd 131 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ มากๆ เวลาเราไปยุ่งกับคนมากๆ จะท�ำ ใหก้ ารหยงั่ ลึกลงไป ในการศกึ ษาตนเองทำ�ได้ล�ำ บาก ไม่ใชว่ า่ เราอยใู่ นสงั คมแล้ว เราปฏิบัติธรรมไม่ได้ กป็ ฏบิ ตั ไิ ด้ แต่ถ้ามีโอกาสก็ควรอยคู่ น เดยี วเพอื่ จะไดศ้ กึ ษาอะไรให้ลึกซงึ้ ขน้ึ เพศพระภิกษจุ ึงเปน็ เพศทีเ่ หมาะกับการปฏิบัติ พวกโยมกอ็ ยา่ ไปสร้างภาระให้ พระมาก ทุกวันนกี้ ็เหน็ ท�ำ บญุ กันมาก บางเรอ่ื งสร้างภาระ ใหพ้ ระ ทา่ นตอ้ งคอยดูแล แค่นง่ั เจรญิ พรกับโยมกเ็ สยี เวลา แลว้ ดังนั้นเรากต็ ้องอ�ำ นวยความสะดวกให้แก่พระท้ังหลาย ด้วย ไมใ่ ช่นิมนตใ์ หไ้ ปเจรญิ พรหรอื รดนาํ้ มนต์ใหอ้ ย่เู ร่ือย ทา่ นจะไม่มีเวลาปฏบิ ัติ ๑๓๒ The WayOut new.indd 132 4/25/09 12:22 PM

เ ห็ น ค ว า ม คิ ด ดั บ ค ว า ม ทุ ก ข์ ถาม ท�ำ ไมทำ�สมาธแิ ลว้ เครียด ตอบ สมาธิแทๆ้ ถงึ จะเป็นแบบสมถะน้นั กไ็ ม่เครยี ด จิตจะสบาย เป็นกุศล มคี วามสงบอย่ใู นอารมณเ์ ดยี ว จติ ที่ หนกั ทีเ่ ครียด เปน็ จติ โทสะ เพราะท่านเพง่ แรงเกินไป จิต ตกไปในภมู อิ กุศล อยากจะได้ จงึ เครียด เปน็ มิจฉาสมาธิ ไมใ่ ชส่ มาธิแท้ เปน็ จติ อกุศล ถา้ จติ เปน็ กุศลต้องมธี รรม ๖ คู่ ประกอบอยู่ดว้ ยเสมอ คือ สงบ เบา ออ่ น ควรแกก่ ารงาน คล่องแคล่ว และตรง ไม่วา่ จะเปน็ กุศลแบบไหนก็ตอ้ งเป็น แบบน้ี ความเครียดไม่ได้เป็นผลจากการท�ำ สมถะแต่เป็นผล จากการทำ�ผิดน่นั เอง ทา่ นจะจอ้ งให้เป็นสมถะนั่นแหละ แต่ ไม่เปน็ กลายเป็นอกุศล การดูอารมณ์เดียวแบบสมถะน้ีก็ ตอ้ งท�ำ แบบสบายๆ ๑๓๓ The WayOut new.indd 133 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ ถาม การตง้ั ใจคดิ หวั ขอ้ ธรรมะจะเปน็ ตวั ปญั หาหรอื ไม่ ตอบ การคิดแบบตัง้ ใจคิดน้ใี ช้เฉพาะเท่าท่ีจ�ำ เป็น คอื ใชบ้ รหิ ารทกุ ข์ให้เปน็ ไปและใช้เพ่อื ประโยชนแ์ กห่ มู่สตั ว์ ถา้ ต้ังใจคิดแจกแจงหมวดธรรม โดยคดิ ว่า วิธีนเ้ี ปน็ ทางพน้ ทุกข์ จะทำ�ให้เกิดญาณปญั ญา เป็นสร้างนํ้าหนกั ให้กับจิต แตถ่ ้า เปน็ การแปลงจติ บ้างเป็นบางคร้งั ก็ไมเ่ ป็นไร เช่น เวลาเกิด ความขี้เกยี จข้นึ กห็ ยิบเรอื่ งมรณสติมาคิดให้จติ มันขยัน พอ จิตขยนั กเ็ ลิกคิด หรอื เวลาทีฟ่ ุ้งซา่ น ไม่ต้องไปดูหลายอารมณ์ ให้จบั อารมณเ์ ดียว เชน่ ดูลมหายใจเข้าออก หรือไปเพ่งอนั ใดอันหนงึ่ ใหจ้ ิตมันรวม พอรวมแล้วกป็ ลอ่ ย น่ีเรยี กว่าการ แปลงจติ ในกระบวนการปฏบิ ตั ิ เพอ่ื ใช้งาน ถา้ จติ ซึมๆ ท่ือๆ มึนๆ ท่านกอ็ าจต้องเดนิ มากๆ หรอื บางท่านตดิ ความสขุ ใน สมาธิ จิตไมย่ อมมาท�ำ งานดูกายดใู จใหเ้ หน็ ไตรลกั ษณ์ กใ็ ช้ วธิ คี ดิ ธรรมะตา่ งๆ ใหจ้ ติ ท�ำ งาน แลว้ กม็ าตามดกู ายดใู จตอ่ ไป ๑๓๔ The WayOut new.indd 134 4/25/09 12:22 PM

เ ห็ น ค ว า ม คิ ด ดั บ ค ว า ม ทุ ก ข์ ความคิดเร่ืองราวต่างๆ นี่ยงั หยาบอยู่ ลึกๆ ลงไป ธรรมะจะสอ่ งไมไ่ ดด้ ้วยคำ�พดู เพราะค�ำ พูดมาจากความคิด ตัวธรรมะแทๆ้ ไมใ่ ช่สิ่งทีร่ บั รู้ได้ด้วยคำ�พดู ตัวธรรมะแทๆ้ มันพูดไม่ได้ ตัวพดู ได้ เปน็ ความคิด เปน็ บัญญตั ิ ใชเ้ พอื่ ส่ือสารแนะน�ำ กัน ๑๓๕ The WayOut new.indd 135 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ ๙ สามญั ญผลสูตร จะอธบิ ายสามัญผลในพระพุทธศาสนา ในการแสดง สามญั ผลน้จี ะแสดงวิธีการปฏิบตั ิ ใหเ้ หน็ ผลประจักษ์ชดั ได้ ในชวี ิตประจำ�วนั และในชาติน้ี ไม่ต้องรอชาติหน้า ไดร้ บั ผล ตัง้ แตเ่ ริ่มต้นจนกระท่ังเปน็ พระอรหันต์ มลี ำ�ดับการปฏบิ ัติ ทเ่ี รียงกันไปตั้งแตต่ ้นจนจบ เรม่ิ ทก่ี ารประพฤติพรหมจรรย์ ไมใ่ ชเ่ ปน็ การท�ำ บญุ ทำ�ทาน การท�ำ วัตรสวดมนต์ ฯลฯ แต่ การกระท�ำ เหล่านนั้ กม็ ีประโยชน์ ช่วยให้จิตใจดงี ามขน้ึ เรา ตอ้ งไม่หยดุ อยูแ่ ค่นั้น ต้องมาประพฤตพิ รหมจรรย์ ฝกึ ฝนให้ ๑๓๖ The WayOut new.indd 136 4/25/09 12:22 PM

ส า มั ญ ญ ผ ล สู ต ร จติ ใจเกดิ ศลี มอี นิ ทรียสังวร มีสติ สมั ปชัญญะ และคณุ ธรรม อ่นื ๆ เพิม่ มากขึน้ ไปตามล�ำ ดับ ศลี ลักษณะของตัวศีลในพระพุทธศาสนาน้ีวัดกันที่จิต คอื เปน็ ลกั ษณะของจติ ท่ดี ีงาม ออ่ นโยน ซ่อื ตรง ไม่โดน อารมณ์ครอบง�ำ คนท่ีฝกึ สตไิ ปพอสมควร จะเรม่ิ มีความรสู้ ึก วา่ จิตมีศีล จติ จะออ่ นโยนลง เหน็ ใจคนอ่นื เพ่ิมข้นึ อตั โนมตั ิ ไม่เห็นแกต่ วั ไมเ่ อาความเห็นตวั เองเปน็ ใหญ่ ตอ่ ไปกจ็ ะ อ่อนลงเรื่อยๆ เอง จิตมีความอ่อนโยน น่ิมนวล มีความเอน็ ดู ตอ่ สัตว์ท้ังหลาย ถา้ ทา่ นอา่ นในเรอื่ งศีลก็จะเห็น เช่น การ มศี ีลขอ้ ทห่ี นงึ่ ละการฆ่าสตั ว์ จติ ก็จะมีความเอน็ ดตู ่อสตั ว์ ทัง้ หลาย มคี วามเหน็ อกเห็นใจ ท�ำ แตส่ ิ่งท่เี ปน็ ประโยชน์ ตอ่ กัน ถ้าฝึกสตไิ ปแลว้ จติ ใจแขง็ กระดา้ งข้นึ ไมถ่ ูก เพราะ ๑๓๗ The WayOut new.indd 137 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เป็นลักษณะของจิตไมม่ ีศีล ทา่ นฝกึ ไปกจ็ ะเห็นจิตเจา้ เล่ห์ ความมมี ายาสาไถย จะรู้จกั ว่าเปน็ อย่างไร เช่น บอกให้ปฏิบัติ สบายๆ จิตเจ้าเล่หก์ จ็ ะบอกวา่ สบายๆ คือขเ้ี กยี จ เปน็ ต้น ท่านตอ้ งตามดูมนั ไป อย่าไปท�ำ ตามมัน ผลของการมีศลี น้นั พระผู้มพี ระภาคไดส้ รุปไวใ้ นข้อ ๒๑๒ หนา้ ๗๒ วา่ มหาบพติ ร ภกิ ษผุ ู้สมบรู ณด์ ้วยศลี อย่างน้ี ยอ่ มไม่ ประสบภัยอนั ตรายจากการส�ำ รวมในศีลเลย เปรียบเหมอื น กษัตรยิ ผ์ ู้ได้รับมรู ธาภิเษกเปน็ พระราชา กำ�จัดขา้ ศึกไดแ้ ล้ว ยอ่ มไมป่ ระสบภัยอนั ตรายจากข้าศึกเลย ภิกษุผสู้ มบรู ณ์ด้วย อริยะศลี ขันธ์อยา่ งน้ยี อ่ มเสวยสขุ อนั ไม่มีโทษในภายใน มหาบพิตร ภกิ ษุชอื่ ว่าสมบรู ณ์ด้วยศลี เปน็ อยา่ งนแี้ ล จติ ท่มี ศี ีลอยู่ภายในน้ัน เปน็ ลักษณะทม่ี ีความสขุ ที่ไม่มีโทษในภายใน ซงึ่ โทษทั้งหลายก็คือความเหน็ แกต่ ัว ๑๓๘ The WayOut new.indd 138 4/25/09 12:22 PM

ส า มั ญ ญ ผ ล สู ต ร ความแข็งกระด้าง มายาสาไถย อจิ ฉารษิ ยา เจา้ ทฐิ ิ ถา้ จิตยงั มสี ่งิ ท่มี โี ทษอย่มู าก ชอ่ื ว่าจิตไม่มีศีล ถ้ามศี ีล กเิ ลสหยาบๆ จะถกู ละไป ทา่ นใชค้ �ำ ว่า “ภิกษผุ ู้สมบูรณ์ด้วยอรยิ ะศีลขันธอ์ ยา่ ง น”ี้ มีค�ำ ว่าอรยิ ะอยขู่ า้ งหน้า ศีลน้ันมีหลายแบบ ศีลท่ีรักษา แล้วเอามายดึ เพ่ือแบ่งพรรคแบ่งพวกก็มี เปน็ ศลี ทร่ี ักษาด้วย อำ�นาจตัณหาและทฐิ ิ เชน่ เรารักษาศลี ๘ ก็ทำ�ให้เกิดมานะ เกิดการยึดขนึ้ และแบ่งแยกเราเขาได้ วัตรปฏบิ ตั ติ ่างๆ ถา้ ปฏบิ ัตไิ มถ่ ูก กส็ ามารถจะเป็นเคร่อื งแบง่ แยกพวกได้ นี้ไมใ่ ช่ อริยะศลี ขนั ธ์ เพราะทำ�ใหจ้ ิตใจกระด้าง กลายเปน็ สีลพั พต ปรามาส ถา้ เป็นอริยะศลี ขันธ์ เปน็ ศลี ท่ีไม่เจือด้วยตัณหา และทฐิ ิ รกั ษาศีลอย่ดู ้วย รูอ้ ยู่ด้วยวา่ เปน็ จิตท่ีอ่อนโยน เป็น อธิศลี อยู่ในตัวจติ พิสูจน์ไดใ้ นตัวจติ ท่านท่ียังไม่ไดเ้ คยฝึก สติ อาจดูว่าตวั เองก็เปน็ คนออ่ นน้อมถอ่ มตน พูดดี ฯลฯ แต่ ๑๓๙ The WayOut new.indd 139 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ โดยความเปน็ จริงถ้าทา่ นได้ฝกึ สติ ทา่ นจะรวู้ ่าแต่เดิมน้นั จติ แข็งกระดา้ งเยอะ แต่เรานึกว่าเราเปน็ คนดี ส่วนใหญร่ ู้ไมท่ นั กิเลสของตนเอง ศลี ภายในนแ้ี หละจะส่งออกมาขา้ งนอก ทางค�ำ พูด ทางการกระท�ำ ตา่ งๆ ซ่ึงคนภายนอกกจ็ ะรู้เหมอื นกัน ถา้ ทา่ นบอกวา่ ท่านฝกึ สตไิ ปมากแลว้ แต่ยงั มักโกรธอยู่ ทำ� อะไรตงึ ตงั อยู่ พูดยกตนขม่ คนอื่น ชอบวา่ คนนัน้ คนน้ี ชอบวจิ ารณค์ นอืน่ ให้รไู้ ด้เลยว่าน่ันไม่ใช่จิตทม่ี ีศลี อินทรยี สงั วร เมอ่ื จบเรื่องศลี แลว้ ทรงแสดงในข้อ ๒๑๓ เรื่อง อนิ ทรยี สังวร หลงั จากทีท่ า่ นฝึกสตไิ ปเร่ือยๆ ตอ่ ไปกจ็ ะ เป็นการฝกึ แบบอินทรียสงั วร ทา่ นแสดงวา่ มหาบพติ รมหาบพติ ร ภกิ ษชุ อ่ื วา่ คมุ้ ครองทวารใน ๑๔๐ The WayOut new.indd 140 4/25/09 12:22 PM

ส า มั ญ ญ ผ ล สู ต ร อนิ ทรยี ท์ ง้ั หลายเปน็ อยา่ งไร คอื ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นเ้ี หน็ รปู ดว้ ยตาแลว้ ไมร่ วบถอื ไม่ แยกถอื ยอ่ มปฏบิ ตั เิ พอ่ื ส�ำ รวมในจกั ขนุ ทรยี ์ ซง่ึ เมอ่ื ไมส่ �ำ รวม แลว้ กจ็ ะเปน็ เหตใุ หถ้ กู บาปอกศุ ลธรรมคอื อภชิ ฌาและโทมนสั ครอบง�ำ ได้ จงึ รกั ษาจกั ขนุ ทรยี ์ ถงึ ความส�ำ รวมในจกั ขนุ ทรยี ์ ฟงั เสยี งดว้ ยหู ฯลฯ ดมกลน่ิ ดว้ ยจมกู ฯลฯ ลม้ิ รสดว้ ยลน้ิ ฯลฯ ถกู ตอ้ งโผฏฐพั พะดว้ ยกาย ฯลฯ รธู้ รรมารมณด์ ว้ ยใจแลว้ ไม่ รวบถอื ไมแ่ ยกถอื ยอ่ มปฏบิ ตั เิ พอ่ื ส�ำ รวมในมนนิ ทรยี ์ ซง่ึ เมอ่ื ไม่สำ�รวมแล้วก็จะเป็นเหตุให้ถูกบาปอกุศลธรรมคืออภิชฌา และโทมนสั ครอบง�ำ ได้ จงึ รกั ษามนนิ ทรยี ์ ถงึ ความส�ำ รวมใน มนนิ ทรยี ์ ภกิ ษผุ ปู้ ระกอบดว้ ยความส�ำ รวมอนิ ทรยี อ์ นั เปน็ อรยิ ะน้ี ยอ่ มเสวยสขุ อนั ไมร่ ะคนกบั กเิ ลสในภายใน มหาบพติ ร ภกิ ษุ ชอ่ื วา่ คมุ้ ครองทวารในอนิ ทรยี ท์ ง้ั หลายเปน็ อยา่ งนแ้ี ล ๑๔๑ The WayOut new.indd 141 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ นเ่ี ปน็ ลักษณะของอริยะอินทรยี สังวร การปฏบิ ตั ิใน ทางพุทธศาสนาต้องเป็นการปฏิบัติท่ีปราศจากตัณหาและ ทฐิ ติ ลอดสาย การที่จะร้ทู นั ตณั หาและทิฐิ ท่านต้องมสี ติ การฝึกสติจึงมีความสำ�คัญมากในกระบวนการฝึกธรรมะแต่ ละข้ันๆ มฉิ ะนั้นแลว้ การรักษาศลี อาจจะดดู ี แตก่ ลายเปน็ สลี พั พตปรามาสไป การฝกึ สมาธิกอ็ าจดูดี แต่กลายเปน็ สมาธิ นอกศาสนาไป การปฏบิ ตั ทิ ่ีถูกตอ้ งจงึ ต้องไม่เจอื ดว้ ยตัณหา และทิฐเิ สมอ ท่านจงึ มคี �ำ ว่าอรยิ ะก�ำ กบั เอาไว้ คำ�วา่ อรยิ ะน้ี คอื ความหา่ งไกลจากตณั หาและทฐิ ิ ตณั หาคือความอยากได้ ของดีๆ ไม่อยากไดข้ องที่ไมด่ ี ทิฐิคือความคดิ ความเหน็ ของ ตวั เอง ทา่ นใดทไ่ี ดอ้ า่ นหรอื ไดส้ วดมหาสตปิ ฏั ฐานสตู ร ตอน ทา้ ยๆ ของทกุ หมวด ก็จะลงท้ายดว้ ยการให้ปฏบิ ัตโิ ดยไมม่ ี ตัณหาและทฐิ ิเสมอ ๑๔๒ The WayOut new.indd 142 4/25/09 12:22 PM

ส า มั ญ ญ ผ ล สู ต ร ในอนิ ทรยี สังวรที่วา่ “ภิกษุช่อื วา่ คุม้ ครองทวารใน อนิ ทรยี ท์ ้ังหลายเปน็ อยา่ งไร คอื ภิกษุในธรรมวนิ ยั น้ีเห็นรปู ดว้ ยตาแลว้ ไม่รวบถือ ไมแ่ ยกถือ” นค้ี อื การไมต่ ิดในนิมิต และอนพุ ยัญชนะ การปฏิบัติวิปสั สนาตามท่ีพระผมู้ ีพระ ภาคแสดงไว้ ไม่ตอ้ งปิดก้ันการรบั รู้ แต่ให้ร้ทู ัน อย่ารวบถือ อย่าแยกถอื การให้มสี ติ ไม่ติดในนมิ ติ อนพุ ยัญชนะ อันเปน็ ภาพลวงตา เป็นส่งิ ท่ีความคดิ สรา้ งขน้ึ เห็นรปู ด้วยตาแลว้ กใ็ หส้ งั เกตปฏกิ ริ ยิ าตา่ งๆ จนเขา้ ใจ ชดั เจนแจม่ แจง้ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำ�ไมไ่ ด้ ถา้ ไม่ ได้ฝกึ สติ ตาเห็นรปู แลว้ อภิชฌาและโทมนสั เขา้ ครอบงำ� ไดง้ า่ ย เพราะเราไปอโยนิโสมนสกิ ารในสุภนิมิต คือหลงไป ในความคิดของเรานัน่ เอง เวลาหลงไปในนมิ ติ คอื เม่อื เห็น แล้ว ไปสนใจภาพลวงตาตามสมมตบิ ญั ญตั ิ เหน็ เปน็ คน หาก สนใจรายละเอยี ด เห็นผมสวย เห็นคิ้วสวย ตาสวย อกสวย ๑๔๓ The WayOut new.indd 143 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ ของเลก็ ๆ น้อยๆ นแ่ี หละ เป็นอนพุ ยญั ชนะ ทำ�ใหก้ ิเลสเกิด ขึน้ ครอบงำ�จติ พอเห็นหนา้ เป็นนาย ก. นี่นมิ ติ เข้า พอจ�ำ ได้ว่า นาย ก. เคยว่าพดู อย่างน้นั อยา่ งนี้ นีอ่ นุพยญั ชนะ หากเราตดิ ใน เร่ืองอย่างนโี้ ทสะก็เกดิ การหลงไปในความคิดจนตดิ นิมติ อนพุ ยญั ชนะ ท�ำ ใหก้ ิเลสเขา้ ไดโ้ ดยเฉพาะทางใจ ค�ำ วา่ ไมใ่ หอ้ ภชิ ฌาโทมนสั ครอบง�ำ นน้ั ไมไ่ ด้ หมายความไมใ่ หม้ ี เราอาจจะโกรธ แตค่ วามโกรธไมค่ รอบง�ำ เพราะเราเหน็ เรารทู้ นั ไมใ่ ชข่ ม่ ความโกรธไว้ ขม่ ไวก้ จ็ ะไมเ่ หน็ ไมเ่ ปน็ การรบั รธู้ รรมารมณด์ ว้ ยใจ ความโกรธเปน็ ธรรมารมณ์ ถนี มทิ ธะกเ็ ปน็ ธรรมารมณ์ เวลาความงว่ งปรากฏ อาการท่ี แสดงออกจะมมี าก จะเหน็ กต็ อ่ เมอ่ื ตาปดิ ไปแลว้ เรยี กวา่ สง่ ผลออกมาทางรปู กาย ตวั จรงิ มองไมเ่ หน็ ถนี มทิ ธะมสี ภาพท่ี ท�ำ ใหจ้ ติ หดหทู่ อ้ ถอย ตอ่ ไปเมอ่ื เราเหน็ เรารทู้ นั มนั กจ็ ะไม่ ๑๔๔ The WayOut new.indd 144 4/25/09 12:22 PM

ส า มั ญ ญ ผ ล สู ต ร สามารถท�ำ ใหจ้ ติ หดหไู่ ด้ กเิ ลสอน่ื ๆ กโ็ ดยท�ำ นองเดยี วกนั เมอ่ื เหน็ บอ่ ยๆ กจ็ ะละไดด้ ว้ ยปญั ญา ละเปน็ ตทงั คะ วกิ ขมั ภนะ จนกระทง่ั สมบรู ณล์ ะไดโ้ ดยเดด็ ขาดเปน็ สมจุ เฉทะ ส�ำ หรับผลของอินทรียสงั วร พระผ้มู พี ระภาคสรปุ ไว้ มีดังนี้ว่า “ภิกษผุ ปู้ ระกอบดว้ ยความสำ�รวมอนิ ทรียอ์ ันเปน็ อรยิ ะน้ี ย่อมเสวยสขุ อนั ไมร่ ะคนกับกเิ ลสในภายใน...” เสวย สุขอนั ไม่ระคนกบั กเิ ลสในภายใน เป็นลักษณะของการฝึก อธิจติ จติ กจ็ ะละเอียดขน้ึ ๆ เปน็ อสิ ระจากกเิ ลส แตไ่ มใ่ ช่ไมม่ ี กิเลส สตสิ มั ปชัญญะ เมื่อเฝ้าดูไปเรื่อยๆ ข้อปฏิบัติลำ�ดับต่อไปก็คือ สตสิ ัมปชัญญะ ข้อ ๒๑๔ สติสัมปชัญญะ มหาบพติ ร ภกิ ษชุ อ่ื ว่าประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เปน็ อย่างไร คือ ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนที้ ำ�ความรสู้ ึกตวั ในการ ๑๔๕ The WayOut new.indd 145 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ ก้าวไป การถอยกลับ การแลดู การเหลียวดู การคู้เขา้ การ เหยยี ดออก การครองสังฆาฏิ บาตรและจีวร การฉนั การด่มื การเค้ยี ว การลม้ิ การถ่ายอจุ จาระปสั สาวะ การเดิน การยนื การนั่ง การนอน การตื่น การ พดู การน่ิง มหาบพิตร ภิกษุชอื่ ว่าประกอบด้วยสติสัมปชญั ญะเป็นอย่างนแ้ี ล ถ้าท�ำ ได้อย่างน้ีก็ไดช้ อื่ ว่าเป็นผู้มีสตสิ มั ปชญั ญะ รู้ตัว อย่เู สมอในทกุ อริ ิยาบถ เหน็ นามรูปทกุ ตอนไป ไมว่ ่าจะเป็น ก้าวไป ถอยกลับ เหลยี วดู แลดู กร็ หู้ มด แสดงว่ามีความ ช�ำ นาญ บางท่านกน็ ยิ มไปฝึกในส�ำ นกั เพื่อให้ตอ่ เน่ือง จะได้ เห็นสภาวะ แต่เม่ือฝึกไปแลว้ ตอ้ งเอามาใชใ้ นชีวติ ประจำ�วนั ใหไ้ ด้ ตอ้ งทำ�ใหไ้ ดท้ ุกๆ ที่ สัมปชญั ญะที่ส�ำ คัญในตอนนม้ี ีสองอย่าง คอื โคจร สัมปชญั ญะ และอสมั โมหะสัมปชัญญะ โคจรสัมปชัญญะ หมายถึง การที่เราสา๑มา๔รถ๖แผ่กระจายอาณาจักรของ The WayOut new.indd 146 4/25/09 12:22 PM

ส า มั ญ ญ ผ ล สู ต ร กรรมฐานให้ออกไปส่ทู กุ ๆ กิจกรรม ทุกๆ การเคลอ่ื นไหว ใหเ้ ปน็ การปฏบิ ัติในทุกทเ่ี รยี กวา่ โคจรสมั ปชญั ญะ เปน็ การ ถือกรรมฐานไปถอื กรรมฐานกลับ อสัมโมหะสัมปชัญญะ คอื การเกิดปญั ญาไม่หลงวา่ มตี ัวตน ทำ�ส่ิงต่างๆ ด้วยความรูต้ วั การยึดถอื วา่ เปน็ ตวั ตนก็จะนอ้ ยลง เริ่มเหน็ สภาวธรรมแต่ละ อย่างๆ มากขึน้ เวลาที่มีสติมากขน้ึ เห็นว่ารูปเกา่ หมดไป รปู ใหมเ่ กดิ ข้ึน เหน็ ลักษณะของสภาวธรรมทไี่ ม่ได้เปน็ กลุ่มเปน็ ก้อน ตอนนม้ี องเห็นความจรงิ ความสืบเนื่องที่เหมอื นแถว มด กจ็ ะขาดไป อริ ยิ าบถที่เคยปิดบังตวั ทุกขเ์ อาไว้กจ็ ะเหน็ เพราะมีความรตู้ วั อยตู่ ลอด การรู้มีหลายทวาร ถ้าเปน็ ทวารกายกร็ ู้ เยน็ รอ้ น ออ่ น แข็ง ตงึ ไหว ถ้าร้ทู วารใจ กร็ ูท้ ง้ั รปู ทง้ั นาม รปู รา่ งกายเรากป็ รากฏ เหมือนเป็นหนุ่ ยนตต์ วั หนง่ึ ๑๔ม๗ีสว่ นประกอบหลายๆ อยา่ ง The WayOut new.indd 147 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เราเหน็ เปน็ เหมอื นหุ่นยนตเ์ ดินไปมาอยู่ เปน็ การรูท้ างมโน ทวาร อยา่ งการรวู้ ่ากายนงั่ อยนู่ ้เี ป็นการร้ทู างใจ เป็นการรู้ รูปปรมตั ถ์ เปรยี บเหมือนการดรู ูปในกระจก มองเหน็ เปน็ คนนงั่ อยู่ มีลักษณะการประกอบยึดกันไว้ของรปู ท่านท่ีฝกึ ไปบ่อยๆ กจ็ ะเห็น รู้สึกได้ด้วยใจ ค�ำ วา่ “ร้”ู เช่น รกู้ ารกระทบของเท้า ไม่ใชเ่ อาจิตไหล ลงไปแช่ไวใ้ นเท้า รทู้ ้องพองยบุ ไมใ่ ช่เอาจติ ไปแชไ่ วท้ ท่ี ้อง แคร่ แู้ บบเปน็ ผ้ดู ู มสี ติ ใจจะชอบไหลไป ทา่ นต้องหดั สังเกต ใหด้ ี ใจไหลลงไปก็ให้รดู้ ้วย เม่ือฝึกมากข้ึนก็สามารถขยายกรรมฐานออกไป เป็นการปฏบิ ัตใิ นชวี ติ ประจำ�วนั ของเราได้ จติ กเ็ ร่มิ มสี มาธิ เปน็ ผู้ดไู ด้บา้ งแล้ว แตถ่ ล�ำ ลงไปในอารมณบ์ า้ ง เปน็ ผู้ดบู ้าง สลับกันไป มีความหลงๆ ลมื ๆ ได้ไมเ่ ปน็ ไร แต่อย่าใหห้ ลงไป นาน ฝกึ ไปเรื่อยๆ การเป็นผรู้ ผู้ ดู้ ูนี้ จะมีช่วงทีเ่ ปน็ ผ้ดู จู ริงๆ ๑๔๘ The WayOut new.indd 148 4/25/09 12:22 PM

ส า มั ญ ญ ผ ล สู ต ร กบั ตอนช่วงท่ีถล�ำ เขา้ ไปในอารมณ์ด้วย สนั โดษ ต่อไปสภาวะจิตใจของท่านจะเร่ิมเปล่ียนไปเป็นผู้ที่มี ความสันโดษ ความมักน้อย ไม่คลุกคลี พูดน้อย เพราะจิต เกิดปญั ญาระดบั หนงึ่ แลว้ ในพระสูตรอืน่ อาจแสดงเรอื่ งอ่นื เช่น โภชเน มตั ตัญญตุ า ชาคริยานโุ ยคะ แต่ในสามญั ญผลสตู รนี้แสดง เรอ่ื งสนั โดษ แสดงถงึ สภาวะจติ ทีด่ ำ�เนินไปจากการฝกึ ฝน พดู นอ้ ยลง ไมค่ ลุกคลี คดิ นอ้ ยลงดว้ ย คิดเท่าทจ่ี �ำ เปน็ แต่เดมิ ทที่ ่านเห็นอะไรก็คิด คิดเร่อื งภเู ขา แมน่ าํ้ หนังละคร อะไร ตา่ งๆ ตอ่ ไปเห็นกไ็ มค่ ิดปรุงแตง่ ยาวจนเป็นเรอื่ งอย่างนนั้ สตกิ บั ความคดิ ปรงุ แตง่ เปน็ คตู่ อ่ สกู้ นั อยู่ คือถ้าสติเกดิ คตู่ อ่ สู้ คือความคิดกโ็ ดนสติตอ่ ยตาเลย เรือ่ งจะไมย่ าว ขอ้ ความ ๑๔๙ The WayOut new.indd 149 4/25/09 12:22 PM

ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ เรื่องสันโดษท่านแสดงว่า มหาบพติ ร ภกิ ษุชื่อว่าผสู้ นั โดษเปน็ อยา่ งไร คือ ภิกษุ ในธรรมวินยั นสี้ ันโดษดว้ ยจีวรพอคุม้ ร่างกาย และบณิ ฑบาต พออม่ิ ท้อง จะไป ณ ที่ใดๆ กไ็ ปได้ทนั ทีเหมอื นนกบนิ ไป ณ ท่ใี ดๆ ก็มแี ต่ปีกเป็นภาระ มหาบพิตร ภิกษุชื่อวา่ ผู้สนั โดษ เปน็ อย่างนีแ้ ล นี่ท่านกลา่ วถึงพระภิกษุ ต่อไปสภาวะจิตกจ็ ะพฒั นา ขึ้น ทา่ นยกตัวอยา่ งการใช้จีวรพอคุ้มร่างกาย แต่เดมิ ทีย่ งั ไม่ฝึก จะมวี ตั ถุอปุ กรณเ์ ยอะไปหมด ต่อมาเมือ่ ฝกึ เพิม่ ข้นึ วัตถุอปุ กรณต์ า่ งๆ จะน้อยลงไป จติ เป็นอยา่ งน้ัน ท่านก็ จะบณิ ฑบาตพออ่ิมท้อง ตอ้ งปฏิบตั ิไปและสังเกตตวั เองไป เร่ือยๆ ทา่ นจะเหน็ เดิมเคยตกั อาหารเหลอื ตอ่ ไปจะไมค่ อ่ ย เหลอื เปน็ คนมกั น้อย สนั โดษ ขัดเกลา และพูดนอ้ ยลง ต่อ มาก็จะเรม่ิ เหน็ ความสงบสขุ ภายใน ผู้ปฏบิ ัติจะเห็นว่า ความ ๑๕๐ The WayOut new.indd 150 4/25/09 12:22 PM


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook