Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุขภาพนักสร้างบารมี

สุขภาพนักสร้างบารมี

Description: สุขภาพนักสร้างบารมี

Search

Read the Text Version

สํขภาพนักสร้างบารมี กองวิ'๔าการ อาศรมบัณฑิต www.kalyanamitra.org

V, ri:--- \"Ml ส์ฃภาพนักสร้างบารมี www.kalyanamitra.org

ISBN: ๙๗๔ - ๘๘๑๔๗ -๘-๕ สขภาพนักสร้างบารมี ที่ปรึกษา พระตรีเทพ ชินังกุโร อ.ธุวณีย์ ศรีโสภา นพ.ชูชัย พรพัฒนาพันธุ นพ.อภิชน จีนเสวก คณะผู้จ้ดทำ น.พ.สมภพ เหล่าสัจจะ ท.พญ.อรเอม เสมอวงศ์ ออกแบบปก อรนุช ฐิติญาณพร สีลปกรรมแลร กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต รูปเล่ม กองการพิมพ์ กองพทธศิลป๋ พระสันติ ภิรสันโต ภาพประกอบ วิภารัตน์ วาจาพัฒนา กมลวรรณ กองศรี พิมพ์ครั้งที่ ๑ ศูนย์ภาพนิ่ง พระภูษิต ยุตตวิชโช จำ นวนพิมพ์ ลิขสิทธ ภิรมย์ สุขะจินดนากาญจน์ พิมพ์ที่ ๒๑ รันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ จัดพิมพ์โดย ๒๐,๐๐๐ เล่ม มูลนิธิธรรมกาย บรีษ้ท รุ่งศิลป็การพิมพ์(๑๙๗๗) จำ กัด มูลนิธิพัฒนาการศึกษาเพื่อศีลธรรม ๘๓/๓ หมู่ ๗ ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ๑๒๑๒๐ (๒) www.kalyanamitra.org

คำ นำ ผู้จัดทำ ๙■ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว ได้ปรารภกับคณะ ผู้จัดทำว่า การที่พวกเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีร่างกาย จิตใจ สติปัญญาที่สมบูรณ์เหมาะสมต่อการสร้างคุณงามความดี อีกทั้ง ได้พบพระพุทธศาสนา แล้วได้ใช้ร่างกายมนุษย์นี้สร้างความดี และสั่งสมบุญบารมีตามคำสอนของพระพุทธศาสนา เป็น ความโชคดีอย่างสุดประมาณ การที่บุคคลใดจะสามารถใช้และร้กษาความโชคดีนี้ไว้ ให้ถึงที่สุดได้นั้น ด้องตระหนักถึงการป้องกันบำรุงรักษาสุขภาพ ร่างกาย และจิตใจให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ ปราศจากโรคกัยไช้เจิบ ตราบกระทั้งจันหมดอายุขัย พระสัมมาล้มพุทธเจัาได้ตรัสสาเหตุแห่งโรคภัยไช้เจิบ ว่าหลักๆ แล้วมีอยู่ ๘ สาเหตุด้วยกัน คือ ๑. โรคเกิดแต่ดีให่โทษ ๒. โรคเกิดแต่เสมหะให้[ทษ ๓. โรคเกิดแต่ลมให่โทษ ๔. โรคเกิดแต่ทั้งดี เสมหะ และลมให่โทษ ๕. โรคเกิดแต่ฤดูแปรปรวน ๖. โรคเกิดแต่การผลัดเปลี่ยนอิริยาบถไม่เสมอ ๗. โรคเกิดแต่ความเพียร ๘. โรคเกิดแต่วิบากกรรม จะเห็นได้ว่า การไม่รู้จักระวังรักษาอิริยาบถ ๔ ได้แก่ (๓) www.kalyanamitra.org

ไม่ระวังท่านั่ง นอน ยืน เดิน ให้ถูกต้องสมดุล ตลอดจนสัดส่วน เวลาที่ไชในแต่ละอิริยาบถไม่พอสมกัน ปล่อยให้ร่างกายอยู่ใน ท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป เช่น ยืนหรือนึ่งนานๆ เวลานั่งก็นั่ง ต้วเอียงนานๆ เอนนานๆ เอี้ยวนานๆ เรนต้น อยู่เป็นประจำย่อม เป็นเหดุให้ระบบการทำงานภายในร่างกายผิดปกดิ จากนั้นก็มี เหดุอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ใน ๗ อย่างดังกล่าวมา สมทบซํ้าเติมให้ร่างกายอ่อนแอยิ่งขึ้น ในที่สุดก็เกิดเป็นโรคภัย ไข้เจ็บต่างๆ ดามมา ท่านจึงไต้ปรารภกับคณะผู้จัดทำอีกว่าทำอย่างไรบุคลากร ในวัดพระธรรมกายและเหล่ากัลยาณมิตรผู้ปฏิบัติธรรม รวมทั้ง พุทธบุตรทั้วสังฆมณฑล ที่มักเผลอทำกิจวัตรกิจกรรม อยู่ใน อิริยาบถเดียวตลอตวันเป็นประจำ จะเห็นความสำคัญในการ รักษาอิริยาบถทั้ง ๔ของคัวเองให้ถูกต้องและสมดุลอยู่เสมอตลอต จนตระหนักถึงโทษภัยที่เกิตจากการปล่อยตัวอยู่ในอิริยาบถที่ ผิดๆ ซึ่งจะเป็นเหดุให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไต้ ขณะเดียวกันก็ สามารถนำเอาความรัเรื่องการดแลรักษาสขภาพ มาเป็นอปกรณ์ 'น หรือบทผกสติสัมปชัญญะ เพAือเป็นอุปการะต่อการเจริญสมาธิ ภาวนาให้เข้าถึงธรรมภายในตัวไดโดยง่ายอีกต้วย จากคำปรารภของพระเดชพระคุณหลวงพ่อตังกล่าว คณะผู้จัดทำ จึงไต้จัดทำหนังสือ \"สุขภาพนักสร้างบารมี\" เล่มนี้ขึ้น สำ หรับไข้เป็นแนวทาง ในการดูแลรักษาสุขภาพ ต้วยตนเอง และ เป็นบทฟิกนิสัยดีงามต่างๆ อันเป็นอุปการะแก่การ บรรลธรรม ซึ่งเนี้อหาสาระของหนังสือเล่มนี้แปงออกเป็น๒ ภาค r (๔) www.kalyanamitra.org

ภาคที่๑ \"การดูแลสุขภาพน้กสร้างบารมี\" เป็นการ รวบรวมพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตรโว เกี่ยวกับการดแลรักษาสุขภาพของท่านเอง ที่ได้เคยเทศน์สอนใน โอกา๗ๆงๆโดยนามๆ^^ ภาคที่ ๒\"คุลยภาพบำบัด\" เป็นบทความซึ่งคณะผู้จัดทำ ได้เรียบเรียงจากคำแนะนำของนายแพทย์ถาวร กาสมส้น ซึ่งนอกจากจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว ยังชำนาญแพทย์ แผนจีน และแพทย์แผนไทย รวมถึงการสั่งสมประสบการถ! ในการรักษาแนวใหม่ แบบ \"ดุลยภาพบำบัด\" มาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลานานกว่าสิบปี ยิ่งไปกว่านั้น คุณหมอยังเป็นผู้รักบุญ รักการปฏิบัติธรรม รักการสรัางบารมี เข้าใจความแดกต่าง ระหว่างสภาพความเป็นอยู่ของชาววัดและชาวบัานเป็นอย่างดี ว่าโรคที่เกิดกับชาววัด ไม่ใช่โรคประเภทแส่หามาเองด้วยการ ผิดศีลและจมอบายมุข คำ แนะนำของคุณหมอจึงมุ่งเน้น เกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายด้วยตนเอง เพื่อให้มี สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรถ! ทนทานต่อโรคกัยไข้เจ็บที่มา เบียดเบียน พรัอมที่จะลุยสรัางบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ชนิดยอมตาย แต่ไม่ยอมแพ้ จนถึงลมหายใจเฮือกสุดห้าย เช่นเดียวกับ น้กสรัางบารมีในกาลก่อน คณะผู้จัดทำเชื่อมั่นว่า ท่านผู้อ่านจะมีสุขภาพร่างกาย แข็งแรงสมบูรถ! สามารถสั่งสมบุญบารมีได้ทุกรูปแบบและ ทุกระดับดลอดชีวิด หากท่านได้ศีกษาเนื้อหาสาระทั้ง ๒ ดอน ในหนังสือเล่มนื้ให้เข้าใจอย่างแห้จริง แล้วนำไปประพฤติปฏิบ้ต ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน จนกลายเป็นนิสัยประจำตัวดลอดไป (๕) www.kalyanamitra.org

คณะผู้จ้ดทำขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เป็นอย่างยิ่ง ที่มีความเมตตาและห่วงใยสุขภาพของลูกๆ และ เหล่านักสร้างบารมีทั้งหลาย อันเป็นแรงบันตาลใจในการจัตทำ หนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ขอขอบพระคุณ คุณหมอถาวร กาสมสัน ที่ไดให้ความรู้เป็นวิทยาทาน ขอขอบพระคุณ คุณวรรณา จิรกิติ ที่ได้แนะนำคุณหมอให้คณะผู้จัตทำได้รู้จัก และขอขอบพระคุณ ทุกท่านที่มีส่วนในการสนับสนุนให้การจัดทำหนังสือเล่มนี้สำเร็จ ลุล่IวงดV้วยdติทกปI ระการ พร้อมกันนี้ ขออาราธนาบารมีธรรมขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจัาทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระอรห้นตเจ้าทั้งปวง บารมีธรรมของมหาปูชนียาจารย์ และ กุศลผลบุญที่เกิดจากการให้ความรู้ด้านการป็องกันรักษาสุขภาพ นี้เป็นวิทยาทาน รวมทั้งบท?เกฝนนิสัยเพื่อการบรรลุธรรมเป็น ธรรมทาน จงส่งผลดลบันดาลให้ทุกท่านที่ตั้งใจ?]กดนตามหสัก ดุลยภาพบำบัด มีสุขภาพร่างกายสมบูรเน์แข็งแรง ปราศจาก โรคกัยไข้เจ็บทั้งปวง มีอายุข้ยยืนยาวได้สร้างบารมีไปนานแสน นาน ให้สามารถ?]กฝนตนเองจนมีนิสัยไม่ประมาท มีสติ สัมปชัญญะสมบูรถ!ทุกอิริยาบถ ติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติและ สามารถห้กติบเลิกนิสัยไม่เหมาะไม่ควรต่าง ๆ ได้โดยเด็ดขาด ตั้งแต่ชาตินี้ เข้าถึงธรรมภายในตัวได็โดยง่าย แดกฉานวิชชา ธรรมกายโดยเร็วพสัน ดราบกระทั้งเข้าลู่พระนิพพานเทอญ. กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต ๒๑ ชันวาคม ๒๕๔๙ (๖) www.kalyanamitra.org

สารบัญ ๕ ภาคที่ ๑ \"การดูแลสุขภาพนักสร้างบารมี\" ๑๕ ๑๙ บทนา ๓๗ ที่มาของความรู้เรื่องสุขภาพ ๔๗ ดื่มนํ้าอย่างไรให้ถูกดี ถึงดี พอดี การอั้นปัสสาวะและอั้นอุจจาระบั่นทอนสุขภาพ ๕๓ ท้องผูก-ริดสีดวงทวารหนัก ๕๙ การดูแลตัวเองเมื่อท้องเสีย ๖๓ ๖๗ อาหารคือยาหลัก ๗๑ นํ้าซุปดีอย่างไร ๘๑ การดื่มนํ้ามูดรเน่า อาหารสมุนไพรเพื่อการปฏิบ้ติธรรมบนดอย ๘๕ ๘๙ วิธีรักษาสุขภาพระหว่างเดินทาง ๙๕ ตันตำรับอาสนะสองชั้น นั่งสมาธิแลัวหลับคอดก ๑๐๗ การดูแลรักษาสุขภาพฟัน ๑๐๗ ๑๐๗ กาดที่ โฮ \"ดุลยภาพบำบัด\" ๑๐๙ ๑๑0 บทที่ ๑ รู้ท้นโรคจากภาวะปกติของร่างกาย ๑๑๑ ๑.ภาวะปกติของร่างกาย หมายถึงอะไร ๒.ความเจ็บป่วย คืออะไร ๓.ทำ ไมจึงตัองศึกษาภาวะปกติของร่างกาย ๔.ร่างกายตำรงภาวะปกติไตัอย่างไร ๔.๑. องค์ประกอบหลักภายในร่างกายปกติ (๗) www.kalyanamitra.org

๔.๒. ระบบการขนส่งขององค์ประกอบหลัก ๑๑๒ ภายในร่างกาย มีประสิทธิภาพ ๑๑๔ ๔.๓. เลันทางทำงานของระบบการขนส่ง ๑๑๗ ภายในร่างกาย ไม่มีการปีดกั้น ๑๑๘ ๔.๔. โครงสร้างของร่างกายต้องอยู่ในภาวะสมดุล ๕. องค์ประกอบโครงสร้างพื้นฐานของร่างกาย บทที่ ๒ ความเจ็บป่วยเนื่องจากโครงสร้างของร่างกาย เสิยสมดุล ๑๒๑ ๑. ตัวอย่างโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะโครงสร้างของร่างกาย เสยสมดุล ๑๒๓ ๒.ความรู้พื้นฐานที่นำไปสู่ความเข้าใจการเกิดโรค ๑๒๔ ๓.ตัวอย่างและสาเหดุของการเกิดโรคที่เกิดจาก การเสียดุลยภาพ ๑๓๓ ๔.สาเหดุที่ทำใหโครงสร้างของร่างกายเสียสมดุล ๑๔๑ บทที่ ๓ ดุลยภาพบำบัด ๑๔๕ ดุลยภาพบำบัด คืออะไร ๑๔๖ ดุลยภาพบำบัดมีวิธีปฏิบ้ตอย่างไร ๑๔๗ ๑. การระวังรักษาอิริยาบถต่างๆ ให้สมดุลดลอดเวลา ๑๔๗ ๒.การบริหารจัดโครงสร้างของร่างกายให้สมดุล ๑๔๗ ๓.การออกกำลังกายเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการ ๑๔๗ รกษาสมดุล ๑๔๗ ๔.การผ่อนคลายกลัามเนื้อและเส้นเอ็นเพื่อให้เกิด การไหลเวียนที่ดี บทที่ ๙ การระวังรักษาภาวะสมดุลของอิริยาบถ ๑๔๙ โครงสร้างของกระดูกลันหลัง ๑๕๑ (๘) www.kalyanamitra.org

อิริยาบถสมดุลพื้นฐาน ๑๕๑ อิริยาบถในชีวิตประจำวันที่ถูกและผิด ๑๕๔ บฑที่ ๕ การบริหารเพื่อจัดโครงสร้างของร่างกาย ๑(«๑ ทำ ไมต้องบริหารร่างกาย ๑๘๒ การบริหารร่างกาย มีวิธีปฏิบ้ตอย่างไร ๑๘๒ กายบริหารในท่านั่ง ๔ ท่า ๑๘๓ กายบริหารท่าที่ ๑ ๑๘๔ กายบริหารท่าที่ ๒ ๑๘๗ กายบริหารท่าที่ ๓ ๑๙๔ กายบริหารท่าที่ ๔ ๑๙๙ กายบริหารในท่านอน ๒ ท่า ๒๐๖ กายบริหารท่าที่ ๑ ๒๐๖ กายบริหารท่าที่ ๒ ๒๐๙ บริหารร่างกายแค่ไหนจึงจะพอดี ๒๑๔ ข้อควรระวังในการบริหารร่างกาย ๒๑๕ บทที่ ๖ การออกกำล้งกาย ๒๑๗ ออกกำลังกายเพื่ออะไร ๒๑๗ การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย ๒๑๘ ข้อควรระวังในการออกกำลังกาย ๒๒๑ บฑที่ ๗การผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ๒๒๓ การนวดคืออะไร ๒๒๔ นวดอย่างไร จึงจะเหมาะสมสำหรับผู้ปฏิบดธรรม ๒๒๕ บฑที่ ๘ การรักษาสมดุลโครงสร้างของร่างกายให้ติดเป็นนิสัย๒๓๓ นิสัย คืออะไร ๒๓๔ (๙) www.kalyanamitra.org

อานิสงส์ของการสรางนิสัยดี ๒๓๔ การสร้างนิสัยดีตามพุทธวิธี ๒๓๖ บท!!กสำหรับการสร้างนิสัยดี ๒๓๘ วิธีสร้างนิสัยดีอย่างถาวร ๒๓๙ นิสัยดีมีอปการะต่อการรักษาสมดลโครงสร้างของร่างกาย ๒๔๐ ภาคผนวก (พระสูตรที่นำมาอ้างอิง) ๒๔๘ บรรณานุกรม ๒๖๐ วิธี!]กสมาธิเบื้องต้น ๒๖๓ (๑๐) www.kalyanamitra.org

■M ภาคที่ ๑ การดูแลสุขภาพนักสร้างบารมี www.kalyanamitra.org

!i ..i % ... ;•ะ., fv,'.ะ:. /« 1^\"\" www.kalyanamitra.org

ประวัติ พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ฑตุตสิโว) ปัจจุบันดำรงสมณกิจ ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รองประธานมูลนิธิธรรมกาย และ PresicJent of Dhammakaya International Meditation Center(U.S.A.) เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๘๓ สำ เร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะกสิกรรมและสัตวบาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และ Diploma of Dairy Technology Hawkesbury College, Australia อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๔ ณ พัทธสีมาวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ๓ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

บทนำ บุคคลใดก็ตามหากได้ตั้งใจเข้าวัดปฏิบตธรรมมากพอ เขา ย่อมประจักษ์ด้วยตนเองว่า บุญเท่านั้น คือที่พึ่งที่แท้จริงของ เขาเอง อย่างอื่นหาใช่ไม่ เพราะว่า - บุญจากการไม่ฆ่าสัตว์ด้ตชีวิตนั่นแหละ ทำให้เขาอายุยืน - บุญจากการไม่เปียตเบียนรังแกสัตว์นั่นแหละ ทำ ให้เขา มีโรคน้อย - บุญจากการรู้จักข่มใจไม่โกรธง่ายนั่นแหละ ทำ ให้เขา หล่อ - สวย ผิวพรรณงาม - บุญจากการรู้จักรักษาใจ ไม่อิจฉาริษยาใครนั่นแหละ ทำ ให้เขามีอำนาจมาก เป็นกษัตริย์ก็เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งด้วยกษัตริย์ เป็น ภรรยาก็เป็นภรรยาหลวง ไม่เป็นน้อยใคร - บุญจากการขยันให้ทานนั่นแหละ ทำ ให้เขารวยไม่สร่าง - บุญจากการไม่กระด้างเย่อหยิ่ง รู้จักกราบไหวัผู้ที่ควร กราบนั่นแหละ ทำ ให้เขาเกิดในตระกูลสูง www.kalyanamitra.org

- บุญจากการขยันเข้าไปสอบถามธรรมะจากสมณ พราหมโน์นั่นแหละ ทำ ให้เขาฉลาดเฉลียว ปั'ญญๆมาก ฯลฯ นั่นก็คือบุญ ซึ่งเป็นที่มาของความสุข ความเจริญ ความ ดีงาม ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่การบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ล้วนต้องอาศัยบุญทั้งสิ้น แล้วบุญซึ่งทรงคุณค่าแสนวิเศษเหล่านี้ ใครเล่า เป็นผู้ทำ ให้เขา? เขาต้องทำบุญต่าง ๆ เหล่านั้นต้วยตัวของเขาเอง แล้วเขาใข้อะไรในต้วเขา ไปทำบุญ? เขาก็ต้องใช้ร่างกายที่ประกอบตัวยเลีอด เนื้อ หนัง เอ็น กระดูก ซึ่งกว้างศอก ยาววา หนาคืบและมีใจครอง นี่แหละไปทำบุญสิ่งอื่นๆ นอกจากนี้หาใข้ไปทำบุญแทนไดไม่ เพราะประจักษ์แก่ใจอย่างนี้ นักสร้างบุญบารมีทั้งหลาย จึงต่างรัก ต่างให้คุณค่าของร่างกายมนุษย์นี้ยิ่งนัก ชํ้ายังต่างถนอม ร่างกายมนุษย์นี้ ไฝต่างกับคนตาเคืยว ถนอมนัยน์ตาช้าง ที่เหลีอของเขาเลย ที่ต้องถนอมร่างกายมนุษย์เป็นนักหนา เพราะ ๑. ร่างกายมนุษย์นี้แตกดับง่าย เพียงแค่หายใจเข้าแล้ว ไม่ออก ก็ตาย หายใจออกแล้วไม่เข้า ก็ตาย ๒. ร่างกายมนษย์นี้ยังเป็นรังของโรคอีกต้วย เพราะแม้ www.kalyanamitra.org

แต่คนที่ได้ชื่อว่าแข็งแรงที่สุดในโลก ตั้งแต่วันที่เกิดออกจาก ครรภ์มารดา เขาก็มีโรคแฝงอยู่ในยีนส์ แฝงอยู่ในเนื้อเยื่ออยู่แล้ว รอแต่วันที่จะกำเริบแล้วก็นำความดายมาให้ร่างกายของแต่ละคน จึงไม่ต่างก้นก้มเรือไม้ผุๆ ที่รอวันพัง หากใครใช้เรือไม้ลำนื้พายข้ามฟาก ก็ด้องใช้ด้วยความ ทะนุถนอม ไม่พายเร็วไป ไม่บรรทุกหนักไป คลื่นลมแรงก็อย่า แนใช้ ด้องพักรอให้คลื่นลมสงบก่อน และหากมีรอยรั่ว แม้นํ้าชึม เช้าได้เพียงเล็กนัอย ก็ด้องรืบซ่อม ฉันใด การใช้ร่างกายของเราสร้างบุญบารมี ก็ด้องใช้อย่าง ทะนุถนอม ฉันนั้น คือด้องหมั่นรักษาสุขภาพให้ดีไม่หักโหมใช้งาน ไม่ว่างานการประกอบอาชีพ หรืองานปรารภความเพียร ในคราว ป่วยคราวไช้ก็ด้องรืบไปพบแพทย์ อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะหาก พลั้งพลาดไปมีโรคแทรกระหว่างนั้น จะแกไขไม่ทัน พระสัมมาล้มพุทธเจ้าทรงห่วงสุขภาพของเหล่าพุทธบริษัททั้ง ๔เป็นนักหนา ได้ดรัสสาเหตุแห่งความเจ็บไขได้ป่วยไวัว่า มาจาก เหตุ ๘ ประการใหญ่ๆ คือ ๑.โรคเกิดแต่ดีให้โทษ ๒. โรคเกิดแต่เสมหะให้โทษ ๓.โรคเกิดแต่ลมให้โทษ ๔.โรคเกิดแต่ฑั้งดี เสมหะ และลมให้โทษ ๗ www.kalyanamitra.org

๕.โรค๓ดแต่ฤดูแปรปรวน ๖. โรคเกิดแต่การผลัดเปลี่ยนอิริยาบถไม่สมรเสมอ ๗.โรคเกิดแต่ความเพียรเกินกำลัง ๘. โรคเกิดแต่วิบากกรรม หากมองแต่เพียงเผินๆ แล้ว อย่าว่าแต่ชาวบ้านธรรมดา แม้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคร้าย ก็ยากจะเห็นความ วิเศษของการตรัสแสดงถึงเหตุร้ายทั้ง ๘ ประการ เพื่อให้ชาวโลก นำ ไปใช้ป้องกันและรักษาสุขภาพของดนเอง เหตุแห่งโรค ๔ประการแรก แท้ที่จริงเท่ากับพระองค์ทรง บอกให้ชาวโลกแต่ละคนรู้จักระม้ดระรัง และรู้ประมาณในการใช้ สอยปัจจัย ๔เป็นหลัก เนื่องจากปัจจัยทั้ง ๔คือ อาหารที่อยู่อาศัย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และยาป้องกันรักษาโรค ล้วนเป็นเครื่อง ประศับประคองให้ชีวิตเป็นไปได้ แต่หากบริโภคใช้สอยไม่ถูกรัดถุ ประสงค์ของปัจจัย ๔ นั้นๆ หรือว่าถูกรัดถุประสงค์แต่ไม่ถูกวิธี หรือถูกวิธีแต่ไม่รู้จักประมาณ ก็จะนำโรคกัยไช้เจ็บมาให้แก่ผู้นั้น โดยขั้นด้นก็จะทำให้ผู้นั้นมีอาการดีผิดปกติให้โทษบ้าง เสมหะผิดปกติให้โทษบ้าง ลมในตัวทั้งที่หายใจเช้า หายใจออก ทั้งในกระเพาะ ในลำไล้ ในอรัยวะต่างๆ ผิดปกติให้โทษบ้างเป็น ครั้งคราว แต่หากยังปล่อยปละละเลย ไม่สนใจที่จะด้นหาสาเหตุ ให้เจอว่าอาการเจ็บไขได้ป่วยนั้นๆ เกิดจากความประมาท www.kalyanamitra.org

พลาดพลั้งในการใช้ปัจจ้ย ๔ ตัวใดแน่ ไม่ช้าก็จะทำให้เกิดอาการ เจ็บไขได้ป่วยเรื้อร้ง และมีอาการแทรกช้อนผสมโรง จากความผิด ปกติให้โทษประการหนึ่งไปสู่อีกป่ระการหนึ่ง จนกลายเป็นโรค ที่เกิดแต่ทั้งดี เสมหะ และลมให้โทษพร้อมกัน ปัจจุบันชาวโลกส่วนมากมักขาดความระมัดระวังในการ ใช้สอยปัจจัย๔อยู่เป็นประจำ ที่เห็นให้ความเอาใจใส่ดูแลกันอยู่ บัางก็คือ เรื่องอาหาร แล้วก็สรุปกันออกมาว่า\"You are what you eat\" ส่วนปัจจัยที่เหลืออีก ๓ อย่าง ก็ยังใช้สอยด้วยความประมาท มักง่ายดูเบากันอยู่เช่นเติม โดยย่อโรคอันเกิดแต่เหตุ ๔ ประการแรก ก็ล้วนมีสาเหตุ มาจากนิสัยประมาทในการใช้ปัจจัย ๔ นั่นเอง เหตุแห่งโรคประการที่ ๕ คือ โรคเกิดแต่ฤดูแปรปรวน ถ้าจะว่าไปแล้วโรคประเภทนี้ หากเจาะลึกลงไปก็จะพบว่ามี สาเหตุมาจาก ๑.ไม่สนใจศึกษาธรรมชาติของร่างกายดนเองให้มากพอ ประมาทว่าร่างกายนี้จะคงทน ราวกับทำมาจากหินจากเหล็ก ไม่ได้ประกอบขึ้นมาจากเลือดเนี้อ ๒.ไม่ระมัดระวังในการเลือกใช้ปัจจัย ๔ ให้เหมาะสมใน คราวฤดูแปรปรวน โดยย่อแล้วเหตุแห่งโลกประการที่ ๕ ก็ยังเกิดจากนิสัย ๙ www.kalyanamitra.org

ประมาทอยู่นั่นเอง คือประมาทในการสีกษๆทำความเข้าใจ ตนเอง และสิงแวดล้อมตามธรรมชาติ เหตุแห่งโรคประการที่ ๖ โรคเกิดแต่การผลัดเปลี่ยน อิริยาบถไม่สมาเสมอ หากศึกษาใหลึกซื้งอีกลักนิด ว่าร่างกาย มนุษย์นี้มีชื่อเต็มๆ ว่า สรีระยนต์ คือจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ใน อิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่งไม่เปลี่ยนเลยก็ไม่ได้หรีอเปลี่ยนอิริยาบถ แล้วแต่ไม่สมาเสมอก็ไม่ได้ เปีนการผิดธรรมชาติของเครื่องยนต์ เพราะเครื่องยนต็ไม่ว่าชนิดใดๆ จำ เปีนด้องมีการเคลี่อนไหว ไปใน ทิศทางต่างๆ ตามที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามที่ถูกกำหนดไว้ ย่อมเกิดอาการ \"Over Load\" คือเกินกำลังของอิริยาบถนั้น แล้วก็จะนำมาซึ่งความเสื่อมโทรม ถ้าเป็นบุคคลก็จะทำให้เจ็บไข้ ได้ป่วยไดโดยง่าย อีกเช่นกัน เหตุแห่งโรคประการที่ ๖ ก็ล้วนมาจากนิสัย ประมาท ขาดการหาความรู้เกี่ยวกับร่างกายตนเอง และมี นิสัยตามใจตนเองเป็นใหญ่ เหตุแห่งโรคประการที่ ๗ โรคเกิดแต่ความเพียรเกิน กำ ลัง ความจริงโรคที่เกิดแต่ความเพียรนี้ มักไม่เกิดแก่คนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ย่อมไม่เกิดกับคนเกียจคร้าน แต่กลับไปเกิด กับผู้ขยันที่มีปัญญาเห็นกัยในวัฏสงสาร จึงเร่งปรารภความเพียร หวังกำจัดกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษโดยเร็ว จึงเผลอไผล ใข้ร่างกายหักโหมเกินกำลัง เกินอายไปบ้าง เพราะด้องการ ๑๐ www.kalyanamitra.org

สร้างบุญสร้างบารมีแข่งกับเวลา แม้ว่าการปรารภความเพียร เป็นเรื่องที่ควรแก่การอนุโมทนา แต่ว่าหากหักโหมเกินไปก็เป็น โทษ การได้กัลยาณมิตรไว้คอยสะกิดเตือนกันบ้าง ใหัรู้จัก ประมาณก็จะสามารถแก่ไขผ่านเหตุ แห่งโรคประการที่ ๗ ไปได้ โดยไม่ยาก เหตุแห่งโรคประการที่ ๘ โรคเกิดแต่วิบากกรรม คือโรค อันเกิดจากผลกรรมชั่วในอดีด ที่ดนเคยกระทำไว้ดามมาหัน จึงนำ ความเจ็บไข่ได้ป่วยมาไห่โรคประเภทนี้ หากเกิดขึ้นแก่^ดแล้ว ก็ยากจะแก่ไขใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นสิ่งที่เราทำไว้เอง แล้วไม่ อาจจะเรียกคืนกลับ แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่า จะหมดปัญญาเสียทีเดียว พระล้มมาล้มพุทธเจัาทรงขึ้ทางผ่อนหนักให้เป็นเบาไวิใหั คือ ๑. เมื่อยังทำอะไรไม่ได้ ก็ใหัเร่งทำใจยอมรับความจริงว่า โรคภัยไข่'เจ็บประการนี้ไม่มีใครทำใหั แต่เราทำตัวของเราเอง เพราะฉะนั้นใหักัมหน้ากัมดายอมร้บและหัามไปโทษใครอื่นเด็ดขาดว่า เป็นผู้ทำใหั พร้อมทั้งหักหัามใจจะไม่ทำกรรมชั่วเข่นนั้นอีก ๒. เมื่อยอมรับผลแห่งอกุศลกรรมนั้นแล้ว ก็ใหัตั้งใจ สร้างบุญใหม่ทุกชนิดใหัเด็มกำล้งความสามารถ อำ นาจแห่ง บุญกุศลใหม่นี้หากอกุศลกรรมเก่าไม่มากนัก โรคร้ายไข่'เจ็บ ย่อม หายได้ แม่ไม่หายก็ผ่อนคลายทุกขเวทนาลง แม้ที่สุด หากอกุศล กรรมเก่ามากนัก ถึงคราวจักด้องดาย ถึงตายก็ไปดี มีสุคติเป็นที่ไป ๑๑ www.kalyanamitra.org

จากเหตุแห่งโรคทั้ง ๘ประการที่กล่าวมานี้ย่อมชี้ชัดลงไป ว่า โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายที่รุมเร้ากายมนุษย์ ไห่'ผุพังเร็วกว่าวัย อันควร ล้วนมีสาเหตุมาจากนิสัยประมาททั้งสิ้น คือ ๑. ประมาทขาดการสิกษาให้ทราบสภาพธรรมชาติ แท้จริงของร่างกาย ไอ. ประมาทขาดการสิกษาวิธีดูแล วิธีใช้ วิธีซ่อม บำ รุงร่างกายนี๋ให้คงทน ๓. ประมาทขาดการสิกษา ถึงการทำร่างกายนี๋ใป ประกอบคุณงามความติอย่างคุ้มค่า ให้เกิดเป็นบุญบารมี ติดตัวไปในภายภาคหน้า ขอให้ทุกคนตระหนักในพุทธดำรัสที่ว่า \"การได้เกิดในสภาพร่างกายเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก การได้พบพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยาก การได้ฟ้งคำสั่งสอนของพระสัมมาส้มพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก การได้โอกาสบรรลุธรรมก็เป็นเรื่องยาก\" บัดนี้สมบ้ติที่แสนจะได้ยากทั้ง ๔ ประการนี้ ลูกๆ ของ หลวงพ่อทุกรูป ทุกคน ต่างก็ได้รับมา ๓ ประการแรกแล้ว อย่าง ครบล้วน ยังเหลือเพียงสมบํตประการสุดห้วย คือ การบรรลุธรรม ซึ่งได้ยากเพียงไหน ลูกๆ ก็ทราบดีแก่ใจ และสิ่งสำคัญที่สุดในการ ๑๒ www.kalyanamitra.org

ที่จะได้สมบ้ติประการสุดท้ายนี้ก็คือ เราจำเปีนด้องอาศัยร่างกาย ที่ประกอบด้วยเลือดเนื้อ และด้องเป็นร่างกายที่มีสุขภาพดีด้วย จึงจะมีทางสำเร็จได้ ด้งนั้น ขอให้ลูกๆ ทุกรูปทุกคนจงตั้งใจศึกษาการดูแล รักษาสุขภาพจากหนังสือ \"สุขภาพนักสร้างบารมี\" เล่มนื้ให้ ละเอียดรอบคอบ แล้วนำมาปฏิบตในชีวิตประจำวัน จนกระทั่ง เป็นนิสัยไม่ประมาทในการรักษาสุขภาพ เพื่อการสร้างบารมีอัน ยิ่งใหโบ่ และการบรรลุธรรมในเวลาอันใกล้นื้โดยถ้วนหนัาเทอญ. (พระภาวนาวิริยคุณ) ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ ๑๓ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ที่มาของความรู้เรื่องสุขภาพ หลวงพ่อเองไม่ได้เรียนการแพทย์มาโดยตรง แต่มีความ จำ เป็นว่า จะด้องประคองรักษาสุขภาพด้วเองและหมู่คณะให้ดี เพื่อให้สามารถสรัางบารมีเป็นทีมไปได้ตลอดรอดฝัง ทำ ให้ด้อง ขวนขวายศึกษาหาความรู้เรื่องการดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มเติมอยู่ ดลอดเวลา เพราะดระหนักดีว่า หากดนเองล้มป่วยเป็นอะไรลงไป หมู่คณะคงจะพลอยลำบากไปด้วย แหล่งความรู้หลักๆที่หลวงพ่อได้มามีอยู่ ๓ แหล่งใหญ่ๆ คือ ๑. จากการสังเกตตนเอง สังเกดดนเองอย่างไร เช่น วันนี้ทำงานอะไรไปบ้าง หนักเบา ขนาดไหน แล้วผลต่อสุขภาพเป็นอย่างไร วันนี้ฉันอาหารอะไรไปบ้าง แล้วผลต่อสุขภาพออกมาเป็นอย่างไร เจ็บป่วยหมอให้การรักษา อะไรไปบ้าง แล้วผลออกมาเป็นอย่างไร เป็นด้น แม้การยืน การนอนก็ด้องสังเกด การขับถ่ายปัสสาวะ อุจจาระก็ด้องสังเกด ทั้งสี ทั้งกลิ่น ทั้งลักษณะความหยาบ ความละเอียด รวมทั้ง การออกกำลังกายก็ด้องสังเกตหมด อย่าลืมว่า การสรัางบุญ สร้างบารมีไม่มีใครสร้างแทนตัวเราได้ เมื่อเราด้องสร้างเอง ก็ด้อง มีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ความพร้อมจะเกิดขึ้นมาได้ ไม่ใช่อาศัยโชคช่วย แต่เกิดได้จากการหมั่นลังเกดและพยายาม ทำ ความร้จักตัวเองให้มากขึ้นทกวัน ๑๕ www.kalyanamitra.org

เตือนตนเองเสมอว่า แม้จะพบหมอเก่งเพียงใดก็ตาม ถ้าไม่รู้จักสังเกตเฝืาระวังดูแลตนเองด้วยแล้ว โอกาสที่จะหาย ป่วยไขโดยเด็ดขาดย่อมเป็นไปได้ยาก เพราะพอใกล้จะหายป่วย เราก็ปล่อยปละละเลยให้สุขภาพแย่ลงอีก ทำ นองเตืยวกับ คำ สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้พระองค์ทรงเป็นบรมครู ในทุกๆ เรื่อง พระองค์ก็ทรงโปรดได้เฉพาะแต่บุคคลที่ช่าง สังเกตและปฏิป้ตดามเท่านั้น ส่วนบุคคลที่สะเพร่าไม่ปฏิป้ตดาม พระองค์ ก็ทรงโปรดสงเคราะห็ไม่ได้ เพราะเหตุนี้พระญาติ ของพระองค์บางท่าน จึงด้องไปสู่ทุคติ ถึงขั้นดกนรกอเวจีทีเตืยว ความรู้พื้นฐานในการสังเกตระวังรักษาสุขภาพตนเองนี้ สำ คัญที่สุดคือจาก \"คิริมานันทสูดร®\" ซึ่งถึอได้ว่าเป็นวิธีการ สังเกตและรักษาสุขภาพคัวเองโดยละเอียดดามพุทธวิธี หากใครได้ศึกษาพิจารณาพระสูตรนี้จนเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว ย่อมสามารถสังเกตระวังรักษาสุขภาพตนเองได้อย่างดีเยี่ยม ๒. จากการช้กถๆมหมอ ครั้งใดที่หลวงพ่อมีอาการเจ็บไขได้ป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้น ก็จะซักถามหมอชนิดเอาเป็นเอาดายคันเลย ทั้งเรื่อง สาเหตุดลอดจนวิธีป้องคันรักษา เพื่อเป็นหสักประคันว่า โรค ชนิดนี้หสังจากหายแล้วจะไม่ย้อนกสับมาเป็นอีก เพราะฉะนั้น เมื่อไปหาหมอครั้งใด หลวงพ่อจะด้องได้ความรู้พรัอมทั้งวิธีป้องคัน รักษาสุขภาพกสับมาทุกครั้ง อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม ๒๔ หน้า ๑๒๙ , (อาทีนวลัญญา) ๑๖ www.kalyanamitra.org

๓. จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ร่างกายของเรานั้นเปรียบเหมือนรถยนต์ ตัวเราซึ่งเปรียบ เหมือนคนขับรถยนต์ จำ เป็นตัองศึกษาให้เขัาใจอย่างถูกตัองว่า อุปกรถ!แต่ละอย่างในรถทำหน้าที่อย่างไร เมื่อสงสัยตรงไหน ก็ตัอง ถามช่างหรีอถามพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ชำนาญ ถ้าไม่แน่ใจก็ซื้อ ดารามาศึกษาดู คู่มือซ่อมรถยนต์สมัยนี้ก็หาซื้อไตัง่าย ถึงแมัเรา ไม่ได้เรียนเป็นซางซ่อมโดยตรง แต่ถ้ารถมืปัญหาเล็กๆน้อยๆ เรา ก็พอจะอาศัยความรู้จากคู่มือมาซ่อมรถตัวเองในเบื้องตันได้ ใน ทำ นองเดียวกัน เราขับสรีรยนต์ ก็ตัองศึกษาส่วนประกอบของ สรีรยนต์นี้ว่า แต่ละอย่างทำหน้าที่ของมันอย่างไร เมื่อสงสัยสิ่งใดก็ สอบถามผ้ร'นีข'ํ หรีอศันคว้าจากหน้งสือเกี่ยวกับเรื่องการรักJษาสขภาพ ซึ่งมืทั้งแผนปัจจุบัน แผนไทยและแผนจีน แมัหน้งสือเกยวกับ กายวิภาค สรีรวิทยา เคมื ชีวะ ดลอดจนกายบริหารก็หาซื้อไดไม่ยาก จากการรวบรวมความรู้จากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาไชIนการ ดูแลรักษาสุขภาพดนเองและหมู่คณะอย่างสุด?เมือ โดยเน้นการป้อง กนเป็นหสัก จนในที่สุด ทำ ให้หลวงพ่อไตัขัอสรุปว่า ถ้าไฝใช่โรคที่ เกิดจากกรรมข้ามชาติแล้ว โรคส่วนมาก มักเกิดจากนิสัยมัก ง่ายดามใจตัวเองในการไข้สอยปัจจัย ๔ เช่นนิสัยตามใจปาก ตามใจท้อง นิสัยใข้เสือผ้าไม่เหมาะฤดูกาล นิสัยปล่อยปละ ละเลยไม่สังเกต การระบายอากาศภายในห้องนอนตลอด จน ความมักง่ายในอิริยาบถต่าง ๆเป็นตัน ซึ่งเป็นตัวปอนทำลาย สุขภาพที่แท้จริงของเรา เพราะฉะนั้น ถ้าใครตัองการรักษาสุขภาพ ให้ดไปดลอดชีวิด รวมทั้งหากพบว่า โรคภัยไขัเจ็บของเราเกิดจาก ความมักง่ายดามใจตัวเอง เรื่องใดเรื่องหนึ่งจะรักษาโรคให้ชะงัด ก็ตัองพยายามห้กดิบเลิกนิสัยไม่ดีของตัวเองให้หมดไปไวที่สุดเท่า ที่จะทำได้ ๑๗ www.kalyanamitra.org

www.kalyanamitra.org

ดื่มนํ้าอย่างไรให้ถูกดี ถึงดีพอดี โดยทั่วไปคนเราสามารถอดอาหารได้นานเป็นสัปดาห์ๆ แต่ถ้าร่างกายขาดนํ้าเพียง ๑-๒ วัน ก็ถึงขั้นปางตายได้ ด้งนั้น นํ้าจึงมีความสำคัญต่อชีวิตของเราอย่างมาก แต่ก็มีหลายคน ไม่ค่อยเห็นความสำคัญในเรื่องการดื่มนํ้า ความสำคัญของนํ้า คนเรามีส่วนประกอบที่เป็นนํ้า ถึง ๒ ใน ๓ ส่วนของ ร่างกาย'° และนํ้ายังเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของทุก ระบบภายในร่างกาย เช่น -ช่วยทำปฏิกิริยาทางเคมี ให้เกิดเป็นพสังงานแก่ร่างกาย เพื่อใช่ในการดำรงชีวิต -ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือด สามารถสำเลืยง อาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้ อย่างทั่วถึง -ช่วยให้ระบบการหายใจ ทำ งานได้อย่างสมบรถโ Water for life หน้า ๙ ๑๙ www.kalyanamitra.org

-ช่วยให้ระบบทางเดินอาหาร สามารถย่อยอาหารและ ดูดซึมสารอาหารไดิโดยสะดวก -ช่วยให้ระบบขับถ่าย สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกาย โดยทางปัสสาวะ อุจจาระ และทางเหงื่อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ -ช่วยหล่อลื่นอวัยวะต่างๆ เช่น ดวงดา ขัอต่อ ช่องห้อง เยื่อหุ้มปอด เป็นด้น ■ช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกาย เราเคยเรียนรู้มาจากวิชาวิทยาศาสตร์ แล้วว่า \"นํ้าเป็น ตัวนำความรัอนที่เลว\" ตัวอย่างเช่น ล้าเราใส่นํ้าลงในภาชนะ ประเภทแล้วใสๆ แล้วเอาไปด้ม สักครู่หนึ่งจะสังเกตเห็นว่า นํ้า ใน บริเวณด้านล่างภาชนะนั้นเดือดปุดๆ แต่ผิวนั้าด้านบนยังเย็นอยู่ ตรงกันขัามกับโลหะ ล้าเรานำเหล็กความยาวเท่ากับภาชนะแล้วใส ที่ใขัด้มนํ้าใบนั้น นำ ปลายขัางหนึ่งไปเผาไฟ ใช้เวลาเผาเท่ากับเวลา ที่เราด้มนั้าแล้วเห็นนั้าด้านล่างภาชนะเริ่มเดือดปุดๆจะพบว่า ปลาย อีกช้างหนึ่งของเหล็กจะร้อนอย่างมาก ทั้งนี้ก็เพราะโลหะเป็นด้วนำ ความร้อนที่ดื ด้งนั้นล้าในร่างกายของเรามีนํ้าเพียงพอ นั้าจะทำ หน้าที่ห่อหุ้มรักษาอุณหภูมิของเซลล์ต่างๆ ไวัเป็นการสร้างฉนวน หรีอสร้างภูมิด้านทานให้แก่ตัวเราได้เป็นอย่างดื ไม่ว่าอุณหภูมิ ภายนอกจะเปลื่ยนแปลงอย่างไร อวัยวะภายในของเราจะไม่ถูก กระทบกระเทือน ด้วอย่างเช่น เมื่อแขนของเราถูกแดดเผาก็จะร้อน แต่ผิวหน้งด้านหสังแขนเท่านั้น แต่ห้องแขนไม่ได้ร้อนดาม ไปด้วย ทั้งนี้เพราะนั้าซึ่งปนอยู่กับเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในแขนของ เรานั้น เป็นตัวนำความร้อนที่เลวนั้นเองตรงกันช้าม สมมุดิว่า แขนของเรา เป็นเหล็ก ล้าแดดเผา ทางหสังแขน สักครู่เดืยว ก็จะร้อนถึงห้องแขน ๒๐ www.kalyanamitra.org

-ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน แรงกระทบกระแทกจากภายนอก -ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ผิวตึง มีนํ้ามีนวล ไม่เหี่ยวแห้ง หยาบกระด้าง ฯลฯ เมื่อเป็นเช่นนี้อย่าให้ร่างกายขาดนํ้า ต้องดื่มนํ้าให้มากเพียงพอ นํ้าก็จะช่วยประคับประคองสุขภาพของเราให้ดำรงอยู่ไต้อย่างปกติสุข ร่างกายขาดใเาทำให้เกิดผลเสียอย่างไร เนื่องจากนํ้าเป็นส่วนประกอบสำคัญของการทำงานทุก ระบบในร่างกาย ถ้าระบบต่างๆขาดนํ้าก็จะทำให้การทำงานผิดปกติ ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ผลเสียจะมีมากหรือน้อยก็ขื้นอยู่คับ ปริมาณ และระยะเวลาที่ขาดนํ้าว่า มากน้อยต่อเนื่องยาวนานแค่ไหน ต่อไปนี้เป็นตัวอย่าง ผลเสียซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายขาดนํ้า อวัยวะภายในทำงานหนัก ระบบทางเตินอาหารขาดนํ้า กระเพาะอาหารและสำไส้ก็ด้อง ทำ งานหนักมากขึ้น ทั้งนี้เพราะในการบีบตัวเพื่อย่อยอาหารแต่ละ ครั้ง กระเพาะอาหารและลำไส้ด้องออกแรงมาก ทำ นองเดียวคับเรา บีบดินแห้งๆให้แดก ด้องออกแรงมากกว่าดินเปียกๆ หรือดินโคลน ในไม่ช้ากระเพาะและสำไส้ก็หมดแรง ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ระบบการไหลเวียนของเลือดขาดนํ้ามีผลทำให้เลือดช้นเพราะ เลือดมีนํ้าเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ ๙๐\" เมื่อเป็นเช่นนี้การไหลเวียน ของเลือดช้นจึงส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะที่สำคัญต่างๆ เช่น Water for life หน้า ๑๑ ๒๑ www.kalyanamitra.org

- หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น เหมือนกับการที่เรานำ เครื่องปัมนํ้าไปปัมโคลน ปัมเลน เครื่องปัมนํ้าก็จะพังเร็ว เพราะว่า โคลนมันข้นและหนืดกว่านํ้าหลายเท่าต้ว - ปอดต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะในการแลกเปลี่ยน ออกซิเจนเพื่อฟอกเลือด ต้องใข้นํ้าเป็นส่วนประกอบสำคัญ เพื่อ เปลี่ยนจากเลือดดำมาเป็นเลือดแดง เมื่อเลือดข้นการแลกเปลี่ยน ออกซิเจนก็ไม่สมบูรณ์ เลือดดำก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเลือดแดง ไต้ครบถ้วนร้อยเปอร์เซ็นต์ ครั้นเมื่อเลือดดำหมุนเวียนกลับมาใหม่ ปอดก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้นไปอีก เพื่อจะเปลี่ยนใหัเป็น เลือดแดงไต้มากที่สุด -ไตต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะไตต้องกรองเอาของเสีย ออกจากเลือดข้นๆ และต้องดูดนํ้ากลับเข้าสู่ร่างกายใหม่ ปล่อย ใหันํ้าหลุดออกไปเป็นปัสสาวะน้อยที่สุด เพื่อรักษาสมดุลของนํ้า ภายในร่างกาย ใครที่ปัสสาวะสีเหลืองข้นปอยๆ เป็นประจำ ระวัง ไตจะพิการเร็ว และกระเพาะปัสสาวะก็จะอักเสบปอยเพราะของเสีย ที่มาพักอยู่มืความเข้มข้นมาก เยื่อบุกระเพาะปัสสาวะจึงถูกของเสีย ที่เข้มข้นกัดและทำลายตลอดเวลาที่ปัสสาวะตกคัางอยู่ ฯลฯ ปวดสีรษะ คนที่ขาดนํ้า มักจะมือาการปวดศีรษะตุ๊บๆ เพราะการ ขาดนํ้าทำใหัเลือดข้น ปริมาตรของเลือดทั่วร่างกายจึงลดลง ระบบรักษาสมดุลของร่างกายจึงกระตุ้นเส้นเลือดใหัหดต้ว และ เพื่มอัดราการบีบต้วของหัวใจ เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ใหัเพียงพอ แต่เนื่องจากในเส้นเลือดแต่ละเส้น จะมีเส้นเลือดฝอย Isala www.kalyanamitra.org

เล็กๆ และเส้นประสาทพันรอบเส้นเลือดด้วย พอเส้นเลือดหดตัว จึงส่งผลให้เส้นเลือดฝอยๆ และแขนงเส้นประสาทถูกบีบ ทำ ให้ เกิดอาการปวดขื้น เพื่อส่งส้ญญาณเดือนใหรีบหาทางแกิไข ตามธรรมดาการสูบฉีดเลือดจากห้วใจขึ้นไปสู่ศีรษะ จะถูกแรงโน้มถ่วงของโลกด้านไว้ เลือดที่ข้นและมีจำนวนน้อย จึงไปถึงศีรษะได้น้อยกว่าปกติ นอกจากนี้ที่ศีรษะมีเส้นประสาท อยู่เป็นจำนวนมาก จึงไวต่อความรูสึกปวดมากกว่าส่วนอื่น จงพยายามสังเกตตัวเอง ขณะใดที่มีอาการตังกล่าวนี้ ใหรีบดื่มนํ้าเข้าไปมากๆ เพื่อเพื่มปริมาตรของเลือดให้กลับสู่ปกติ เส้นเลือดกิจะได้กลับสู่สภาพเติม อาการปวดตุ๊บๆ กิจะหายไป โดยไม่ด้องพื่งยาเลย คดจมูก ในขณะที่ร่างกายขาดนํ้า นํ้าที่มีอยู่ในตัวกิว้อนราวกับจะ เดือดขึ้น ทำ ให้มีอาการตัดจมูก นํ้ามูกไหล ผู้ที่ไม่เข้าใจมักจะติดว่า ตนมีปริมาณนํ้าในตัวมากเกินไปจึงล้นออกมา แต่ความจริง ไม่ใช่อย่างนั้น ให้นึกถึงหม้อนั้ารถยนต์ เวลานั้าในหม้อนั้าแห้ง ลงไปมาก นั้าที่เหลือกิจะเดือด นั้าและไอนํ้ากิจะทะลักออกมา ราวกับว่านั้าในหม้อนั้ามีมากจนล้น ไข้จากการขาดนํ้า อาการไข้เป็นภาวะที่ภายในร่างกายมีความร้อนสูงเกิน กว่าปกติ(ความร้อ*แภายในร่างกายปกติเท่ากับ ๓๗ องศาเซลเซียส) ความร้อนที่สงเกินกว่าปกตินี้เกิดได้จากหลายสาเหต ที่พบปอยคือ ๒๓ www.kalyanamitra.org

เกิดจากการได้รับเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่ง และการขาดนํ้ากิเป็น อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการไขได้ กลไกของไข้สูงจากการขาดนํ้า เข้าใจได้ง่ายๆ โดยลองนึก ถึงหม้อนํ้ารถยนต์ที่ไม่ค่อยได้เติมนํ้า เมื่อรถยนต์วิ่งไปนานๆ จนนํ้า ในหม้อนํ้าแห้ง ด้วเครื่องยนต์จึงไม่มีนํ้าไปหล่อเลี้ยงในการช่วย ระบายความรัอน จึงมีสัญญาณปรากฏโดยอัดโนม่ดขื้นที่หน้าปัทม์ เพื่อเตือนว่า ขณะนี้ตัวเครื่องยนต์มีความร้อนชื้นสูงมาก ด้องรีบหา ทางแกไขด่วน ร่างกายของเรากิทำนองเดียวกันมีความร้อน ที่เกิดจาก การเผาผลาญพลังงานออกมาตลอดเวลา จะมากหรีอน้อย กิชื้นอยูกับกิจกรรมที่ร่างกายกระทำ เมื่อนํ้าในร่างกายเหือดแห้งลง ไม่มีนํ้าไปช่วยหล่อเลี้ยงและระบายความร้อนออกอย่างทันท่วงที ความร้อนของร่างกายจึงสะสมชื้นสูง ที่เรียกว่า เป็นไข้ แผลร้อนใน คออ้กเสบ และทอลซิลอักเสบ แผลร้อนใน คออักเสบ และทอลซิลอักเสบ เกิดได้จากหลาย สาเหตุ แด่สาเหตุ หนึ่ง ที่เกิดได้ปอย คือ การขาดนํ้า เมื่อขาดนํ้า ความร้อนภายในร่างกายกิเพิ่มสูงชื้นขณะเดียว กัน เซลล์กิขาดนํ้าหล่อเลี้ยง จึงขาดฉนวนคุ้มกันความร้อน เยื่อบุผิวบริเวณใดได้รับผลกระทบด้งกล่าวมาก กิเกิดปัญหาตามมา มาก เพื่อให้เข้าใจง่าย ลองนึกถึงผิวหน้งบริเวณที่ถูกนํ้าร้อนลวก ผิวหน้งบริเวณนั้นจะมีลักษณะบวมแดง กัารุนแรงมากกิจะโป่งพอง เป็นถุงใสๆ หากถุงเหล่านั้นแตกเมื่อใดกิจะเป็นแผลป่วดแสบ สำหรับแผลภายในร่างกายที่เราเห็นกันได้ปอยๆ กิคือ ในช่องปาก ขั้นแรกกิบวมแดงแลัวเกิดเป็นตุ่มใสๆ ครั้นต่อมาแตกแล้ว ๒๔ www.kalyanamitra.org

ก็จะเป็นจุดแผลในช่องปาก มีอาการเจ็บปวด ขณะที่รับ ประทาน อาหารอะไรก็จะปวดแสบยิ่งขึ้น ปู ย่าดาทวด ของเรา เรียก แผลในช่องปากนี้ว่า แผลร้อนใน ถ้าเกิดขึ้นในลำคอ ก็ทำ ให้ คออักเสบ หรีอถ้าเกิดขึ้นที่ทอลชิล ก็ทำ ให้ทอลรลอักเสบ เนื่องจากในลำคอมีโอกาสติดเชื้อโรคได้ง่าย จากเขึ้อโรค ที่ปนเปีอนอยู่ในช่องปากบ้าง จากเชื้อโรคที่ปนเปีอนอยู่ใน ทาง เตินหายใจบ้าง ก็อาจจะกลายเป็นคออักเสบติดเชื้อหรีอทอลซิล อักเสบติดเชื้อได้ มีไข้เจ็บคอไอ เสมหะเขียวข้นตามมาด้องหายาฆ่า เชื้อโรคมารักษา ค่าใข้จ่ายก็เพิ่มตามมาอีก ท้องผูก-ริดสีดวงทวารหนัก ลำ ไส์ใหญ่มีอีกหน้าที่หนึ่งที่ลำค้ญ คือ ดดนํ้าจากกากอาหาร กลับคืน เข้าสู่กระแสเลือด หากร่างกายขาดนํ้า ร่างกายก็สั่งให้ลำไลั ใหญ่ดูดนํ้ากลับคืนจากกากอาหารให้มากชื้นไปกว่าเติมอีก อุจจาระ จึงแข็ง ยิ่งดูดนํ้าออกมากอุจจาระก็ยิ่งแข็งมาก หากในกากอาหาร นั้นไม่มีอาหารพวกเสนใยอยู่เลย ก็ยิ่งอัดแน่นแข็งมากชื้นไปอีก ครั้น ถึงเวลาข้บถ่ายลำไส้บีบให้ออกก็ออกยาก ท้องจึงผูก แส้วเวลาถ่าย ความแข็งของอุจจาระก็ไปบาดครูดเนี้อเยื่อทวารหนัก เกิด การอักเสบหรีอเป็นแผลปอยๆ เข้าในที่สุดก็เป็นริดสีดวงทวารหนัก นิ่ว ถ้าดื่มนั้าน้อย คนเราก็จะไม่ใคร่รูสีกปวดปัสสาวะ กล่าว อีกอย่างหนึ่งก็คือ การข้บถ่ายปัสสาวะจะทิ้งช่วงห่าง เนื่องจาก ปัสสาวะยังมีปริมาณน้อย จึงไม่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายรูสึกปวด ๒๔! www.kalyanamitra.org

ปัสสาวะแล้วขับออกมาได้ จึงด้องด้างอยู่ในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นเวลานาน ตะกอนที่อยู่ในปัสสาวะจึงตกด้างและค่อยๆ จับตัว กันเป็นก้อน ในที่สุตก็เกิตเป็นนิ่วในไต หรือนิ่วในท่อไต หรือนิ่วใน กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นอันตรายมาก เส้นยึด ร่างกายขาตนํ้า ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กล้ามเนื้อ เสนเอ็น และพังผืตเหี่ยว เสมือนพืชผักสวนครัว ถ้าหากวันใดไม่ได้รตนํ้า ก้าน ใบ แม้กระทั้งลำด้น ก็จะเหี่ยวเฉา เพราะในกล้ามเนื้อ มืนํ้าเป็น ส่วนประกอบถึงร้อยละ ๘๐'^ เมื่อเสนเอ็นและพังผืดเหี่ยวก็จะเกาะดิตก้นเป็นแผง มิหนำ ซํ้าบางเสนยังไขว้ก้นอีกด้วย แม้ต่อมาจะพยายามออกกำลังกาย เพิ่ม มากขึ้นเท่าไร บริหารยืตเล้นยืดสายอย่างไร อาการเล้นเอ็นและ พังผืดยืตก็ยากที่จะหลุดออกจากก้นกลับคืนสู่สภาพปกดิ เพราะ ฉะนั้นใครที่เสนยืดใครที่เห้าแพลงปอยๆ ขอให้ทราบเถิดว่า สาเหตุ หนึ่งที่สำคัญ คือ ท่านไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการดื่มนํ้า ดื่นแล้วไม่สดขึ้น บางคนเมื่อดื่นนอนดอนเช้า ก็ยังรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน ไม่อยากจะลุกขึ้น ทั้งๆ ที่นอนมาทั้งคืนแล้ว จึงม้กจะคิดว่าตนคงจะ เพลียมาก ยังพักผ่อนไม่เพืยงพอ แต่จริงๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้รู้สึก เช่นนื้ ก็เพราะเขาสฌเสึยนํ้าขณะหลับไปดลอดทั้งคืน ครั้นดื่นเช้า การออกกำลังกาย-ยาอายุวัฌ!เะ หน้า ๒๑ ๒๖ www.kalyanamitra.org

ขึ้นมาร่างกายจึงขาดนํ้า แต่ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วรีบดื่มนํ้าเข้าไปสัก ๒ - ๓ แถ้ว เชลล์ก็จะกสับชุ่มชื่นขึ้น เราก็จะรูสึกกระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้นใครก็ตามเมื่อตื่นนอนแล้วรูสึกหงอยเหงา ขอนอนบิดขึ้เกียจต่ออีก เพราะรูสึกว่า ยังนอนไม่พอ ก็ขอเตือนว่า ไหรีบลุกขึ้นเร็วๆ เถิด อย่านอนอมขึ้ฟันอยู่เลย แล้วดื่มนั้าเข้าไป สัก ๒-๓ แก้ว อาการเพลียก็จะหาย ความสดชื่นก็เข้ามาแทนที่ อิ่มแล้วง่วง บางคนรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ง่วง ถ้านั้งสมาธิ ก็จะหลับส้ปหงก สาเหตุที่สำคัญคือ ดื่มนํ้าน้อยไปหรีอรับประทาน อาหารมากไปจนไม่มีช่องว่างสำหรับนํ้า ทำ ให้อาหารในกระเพาะ ข้นมาก ยากต่อการย่อย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ทุกครั้งที่รับประทาน อาหารให้เตือนดนว่า อีก ๔-๕ คำ จะอิ่มให้หยุดเสิย แล้วก็ดื่ม นํ้ๆเข้าไปสักแก้วหนึ่ง'^ ใครก็ดามขณะที่รูสึกว่าอีก ๔-๕ คำ จะอิ่ม ความจริงคืออิ่มแล้ว เพราะอาหาร ๔-๕ คำ ที่เรารูสึกว่า ยังขาดนั้น กำ ลังเดินทางยังไม่ถึงกระเพาะในทันทีที่ทั้งหมดถึงกระเพาะจะรูสึก อิ่มพอตื บางคนพอพบกับข้าวอร่อยถูกปาก ทั้งที่อิ่ม แล้ว ยังขอแถม อีก ๔-๕ คำ นั้นแสดงว่า เมื่อดื่มนั้าแล้ว ก็เกินไปตั้ง ๙ คำ ๑๐ คำ ทำ ไมพระองค์จึงทรงสอนเช่นนั้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีที่ว่าง ในกระเพาะและสำไล้พอที่นั้าจะแทรกเข้าไปไคั อาหารก็จะเหลวลง ซึ่งจะช่วยให้การบีบคัวของกระเพาะและลำไล้สะดวก ไม่คัอง ขททกนิกาย เถรดาถา มหาจ?ทลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม ๒๖ หน้า ๕๐๐ ๒๗ www.kalyanamitra.org

ออกแรงมาก ร่างกายจึงไม่เพลีย ไม่ล้า การย่อยอาหารดำเนินไป ไดํโดยง่าย อิ่มแล้วก็ไม่ง่วง นั่งสมาธิก็ไม่สัปหงก สาเหตุของการขาดนา สาเหตุที่ร่างกายของคนเราขาดนํ้าที่พบปอยๆ คือ ๑. ไม่ทราบกลไกและความสำคัญของนํ้า ที่มีต่อร่างกาย แต่ละระบบ จึงดื่มนํ้าน้อย ทำ ไหไม่พอเพียงกับความต้องการ ของร่างกาย ๒. ความพลั้งเผลอ เมื่อต้องไปทำงานอยู่กลางแดด หรือ ถูกลมโกรก หรืออยู่หน้าพัดลมนานๆ หรืออยู่หน้าเดาไฟ แม่ดื่มนํ้า ในปริมาณเท่ากับในเวลาปกติ ก็ทำ ให้ร่างกายขาดนํ้าไต้ ๓. ไม่ไต้ออกกำสังกายเปีนประจำ กล้ามเนื้อและพังผืดจึง หดเกร็งอยู่ตลอดเวลา ทำ ให้การดูดซึมนํ้าไม่ดี แม้จะดื่มนํ้าเข้า ไปมาก็ดูดซึมไต้น้อย จึงเก็บนํ้าไม่อยู่ ข้บถ่ายออกเร็วและปัสสาวะถี่ เข้า ทำ นองเดียวกับดินที่ไม่ไต้พรวน ย่อมดูดซึมนํ้าที่ราดลงไปไต้ น้อย รดลงไปมากเท่าไรก็ไหลไปที่อื่นหมด ร่างกายจึงขาดนํ้า ๔. ดื่มนํ้าเย็นจัด ตามธรรมดาล้าร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วย แม้จะดื่มนํ้าเย็นก็ม้กไม่เปีนปัญหา แต่เมื่อใดร่างกายอ่อนแอ ล้าดื่มนํ้าเย็นจัดโดยเฉพาะนํ้าใส่นํ้าแข็ง หรือนํ้าในตูเย็นเข้าไปแล้ว ก็จะทำ ให้กล้ามเนื้อ กระเพาะ และสำไล้หดเกร็ง จึงดูดซึมไดํไม่ดี เพราะฉะนั้น พอดื่มนํ้าเย็นจัดไม่ถึง ๕ นาที นํ้าที่ดื่มเข้าไป ส่วนใหญ่ก็จะถูกข้บออกมาเปีนปัสสาวะ ร่างกายจึงขาดนํ้า ไปโดยปริยาย ๒๘ www.kalyanamitra.org

๕. เมื่อต้องเดินทางไปต่างประเทศ ในช่วงฤดูหนาวที่มี อากาศเย็นมาก ซึ่งมีสภาพอากาศแห้งอยู่แล้ว หากต้องพักอยู่ในห้อง ที่ใช้เครื่องทำความร้อน (Heater) จึงทำให้ร่างกายยิ่งขาดนํ้า บางครั้งถึงกับทำให้เล้นเลือดฝอยแตก เลือดกำเดาออก วิธีสังเกตอาการที่ร่างกายขาดนํ้า อาการที่ร่างกายขาดนํ้า สามารถสังเกตไต้จาก อาการปาก แห้ง คอแห้ง กระหายนํ้า ปากแตก ผิวแตก เสียงแหบ ท้องผูกจัด ร้อนใน ฯลฯ อาการด้งกล่าวนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ขณะนี้ร่างกายมีนํ้า ไม่เพียงพอ นั่นก็คือร่างกายได้ขาดนํ้าแล้ว ยิ่งกว่านั้นยัง เป็นสิ่งที่เตือนว่า นิสัยที่ไม่ตื คือ ขาดความสังเกต มักง่าย เอาแต่ ใจตน ไต้เกิดขึ้นในตัว เราแล้วอ ย่างใดอ ย่างหนึ่ง อนึ่ง ยังมีวิธีสำรวจตรวจสอบด้วเองง่าย ๆ ว่า ร่างกาย ขาดนํ้าหรือไม่ ก็คือ หากปัสสาวะมีสีเหลือง ยิ่งล้าเหลืองเข้ม เหมีอนกับนํ้าชาชงแก่ๆ แสดงว่าขาดนํ้าอย่างมาก ส่วนผู้ที่ปัสลาวะ สีเหลืองอ่อนหรือปัสสาวะใส แสดงว่าร่างกายมีนํ้าเพียงพอ ดื่มใเาอุ่นดีอย่างไร ร่างกายดูดซึมนั้าอุ่นไต้ง่ายกว่านั้าเย็น เพราะนั้าอุ่น มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับร่างกาย (อุณหภูมิปกติของร่างกาย ๓๗ องศาเซลเซึยส)ส่วนนํ้าเย็นมีอุณหภูมิตรกว่าภายในร่างกาย กล้ามเนี้อหรืออวัยวะภายในเมื่อถูกนํ้าเย็นจัดมากเท่าไร ก็หดตัวมากเท่านั้น พอหดตัวการดดซึมนั้าก็ไม่ดี การดดซึม ๒๙ www.kalyanamitra.org

จะเริ่มดีขื้นก็ต่อเมื่อร่างกายได้ปรับนํ้าเย็นนั้น ให้มีอุณหภูมิ ใกล้เคียงกับร่างกาย แต่ล้าเราดื่มนั้าอุ่น หรือจิบนั้ารัอนเข้าไป ร่างกายก็จะดูดซึมได้ทันที หลวงพ่อมีประสบการณ์เกี่ยวกับเริ่องนี้จากการเดินทาง ไปประเทศจีน ครั้งหนึ่งในขณะที่ด้องเดินทางฝานทะเลทราย ซึ่งอากาศแห้งจัด ทั้งๆ ที่ระมัดระวังตัวเริ่องการฉันนั้าให้เพียงพอ อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีอาการขาดนั้ากะทันห้น คือ ปากแตก หน้าแตก ปัสสาวะเหลืองอ๋อย พอรู้ตัวว่ามีอาการด้งนี้ก็รืบฉันนํ้าอย่างรวดเร็ว แต่เป็นนั้าเย็น ไม่ว่าดื่มมากเท่าไหร่ๆ มันก็ออกหมด ดื่มนํ้าไปสัก ๕ นาที ๑๐ นาที ก็ด้องเข้าห้องนํ้า ปัสส่าวะออกหมด ร่างกาย ไม่เก็บนั้า จึงยังมีอาการขาดนํ้าอยู่จนทำท่าจะมีอาการไข้ ทันใดนั้นก็ฉุกคิดถึงสมัยที่หลวงพ่อยังเป็นเด็ก เคยเห็น ผู้ใหญ่รุ่นพ่อรุ่นกัง ชอบจิบนั้าชารัอนๆ และนั้งสนทนากันได้ เป็นเวลานานๆ โดยไม่มีใครลุกไปเข้าห้องนํ้า จึงขอนํ้าอุ่นมาฉัน ไม่น่าเชื่อเลยว่า การเข้าห้องนํ้าทุกๆ ๑๐นาทีได้ยืดเวลาออกไปเป็น ๒๐ นาที ครั้นฉันนํ้าอุ่นเข้าไปเริ่อยๆ ทำ ให้ยืดเวลาไปได้ถึง ๑ ชั่วโมงจึงเข้าห้องนํ้า ต่อมาก็ยืดเวลาออกไปได้ถึง ๓ ชั่วโมง ครั้นแล้วอาการขาดนํ้าก็หายไป จากประสบการณ์Iนครั้งนั้น จึงได้ข้อคิดว่า ครั้งใดก็ดาม เมื่อรู้ตัวว่าขาดนั้า รู้ตัวว่า ป่วยรู้ตัวว่า มีอาการไข้ร่างกายเริ่มไม่ปกดิ อย่าได้ดื่มนํ้าเย็นเข้าไปเป็นอันขาด ล้าเราดื่มนั้ายิ่งเย็นมากเท่าไร ร่างกายจะยิ่งดูดซึมได้ใม่เด็มที่เท่านั้น เพราะว่าอุณหภูมิต่างกัน มาก ร่างกายจึงขับทิ้ง แต่ล้าดื่มนั้าอุ่นหรือจิบนํ้ารัอน อุณหภูมิ ใกล้เคียงกัน ร่างกายจึงดดซึมได้เด็มที่ และกสับหื๋เนตัวสดชื่นได้เร็ว ๓๐ www.kalyanamitra.org

การดื่มนํ้าให้เพียงพอ การดื่มนํ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายนั้น อย่าไปกำหนดเพียงว่าว้นนี้ต้องไต้ปริมาณของนํ้า ๑๐ แก้ว หรือ ๒๐ แก้วแล้วพอ แต่ให้คำนึงถึงสภาพดินฟ้าอากาศที่แวดล้อม ตัวเรา และกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวันต้วยเป็นเกณฑ์ ตัวอย่าง เช่น สมมุดิว่า ดามปกดิในแต่ละวัน เราดื่มนั้า ๑๐ แก้วก็เพียงพอ แต่ก้าวันใดไปยืนกลางแดดนานๆ หรือนั้งอยู่ในร่มแต่ถูกพัดลม เป่าทั้งวัน หรือออกกำลังกายทำให้เสียเหงื่อมากๆ อย่างนี้นํ้า ๑๐ แก้วไม่พอแล้ว อาจจะต้องเพิ่มเป็น ๑๔-๑๕ แก้ว เป็นต้น มีวิธีลังเกดอย่างง่ายๆ ก็คือ ปัสสาวะมีสีใสเหมือนนั้าที่ ดื่มเข้าไป แสดงว่าการดื่มนั้าในวันนั้นเพียงพอแน่นอน แต่ล้า ปัสสาวะขุ่นคลั่กเหลืองออย หรือเป็นสีชาชงแก่ๆ ต้องดื่มนํ้า เพิ่มเข้าไปอีกให้มากพอ ในการดื่มนํ้าให้มากพอ ไม่ใช่ดลอดทั้งวันดื่มนํ้าเพียง ๒-๓ ครั้ง โดยดื่มครั้งละมากๆ ถึง ๓-๔ แก้ว ถึอว่ารวมแล้ววันนั้น ก็ไต้สิบกว่าแก้ว อย่างนึ๋ไม่เกิดประโยชน์ ลองนึกถึงการรดนํ้า ต้นไม่ในกระถาง ก้าตักนั้ามา ๑ ถัง แล้วรดลงไปครั้งเดียวจนหมดถัง ผลคือ นั้าส่วนใหญ่ไหลออกนอกกระถาง มาแฉะอยู่ที่พื๋นดินใต้ กระถาง แต่ถัานั้า ๑ ถังเท่าถัน ใข้ข้นตักนํ้ารดลงไปครั้งละ ๑ ข้น รดไปเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวัน ต้นไม้ในกระถางก็สามารถ ดูดซึมนั้าไต้อย่างเต็มที่ นํ้าที่ล้นทิ้งนอกกระถางจึงแทบไม่มี นํ้า ๑ ถังเท่าถัน แต่ประโยชน์ที่ต้นไม่ใต้รับกลับไม่เท่าถัน เราเอง ก็เช่นถัน ต้องดื่มนั้าให้เป็น ถัาดื่มนํ้าไม่เป็นคือดื่มน้อยครั้ง แต่ครั้งละมากๆ เมื่อไปนั้งสมาธิภาวนาก็เดีอดรัอน เพราะต้อง ๓๑ www.kalyanamitra.org

เข้าห้องนํ้าบ่อยๆ เดินทางไบ่ทำงานก็เดือดร้อนหรือแม้แต่เวลานอน กลางคืนก็เดือดร้อน เพราะต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องนํ้าบ่อยๆ ไม่เป็นอันหลับนอน คนที่ดื่มนํ้าเป็น พอดื่นเข้าขึ้นมา เขาจะรืบดื่มนํ้าอุ่น ๒-๓ แกวทันที เพื่อให้ร่างกายสดชื่นเร็วที่สุด ก่อนร้บบ่ระทานอาหารเข้า อาจจะดื่มนํ้าอีกลักแก้ว ครึ่งแก้ว ก็ไต้แต่ไม่ควรมากกว่านั้น เพราะจะทำให้นั้าย่อยที่ออกมาตามเวลา เจือจางมากถึงก้มทำให้รับบ่ระทานอาหารไม่ลง รวมทั้งทำให้ บ่ระสิทธิภาพในการย่อยอาหารลดลงไบ่มาก ครั้นหลังรับบ่ระทาน อาหารเสร็จใหดื่มนั้าดามไบ่ลัก ๑ แก้วทันที เพราะว่า กระเพาะและ ลำ ไลัเรึ่มย่อยอาหารแล้ว จำ เป็นต้องไต้นํ้าไบ่ช่วยทำให้อาหารเหลว ลง เหมือนกับเวลาโม่แป้งก้าไม่หยอดนํ้าเลย จะ'ฝืดโม่ไม่ค่อยไบ่ แต่พอหยอดนั้าแล้วหมุนโม่คล่องเชียว เพราะฉะนั้น หากเรา ไม่ดื่มนั้าเข้าไบ่เลย กระเพาะและลำไส้ต้องไข้แรงบีบ แรงเต้นมาก แต่นำแก้วนั้นที่ดื่มดามเข้าไบ่ จะช่วยบรรเทาแรงบีบตัวให้กระเพาะ และลำไส้ไบ่ไต้เยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าวันไหนรับบ่ระทาน เนื้อลัดว์มาก เช่นรับบ่ระทานขาหมูเข้าไบ่ถึงหนึ่งขา ขาไก่อีกห้าขา สเด็กอีกขึ้นเบ้อเร่อ อย่างนื้ต้องดื่มนํ้าดามไบ่อีกมากพอควร ไม่อย่างนั้นกระเพาะและลำไส้จะออกแรงบีบจนส้า ยิ่งไบ่กว่านั้น นักวิจัยเขาพบว่า ในขบวนการย่อยโบ่รดืน ต้องใข้นํ้าในการทำ บ่ฏิกิริยาทางเคมืมากกว่าการย่อยแป้งและไขม้นเสียอีก ทำ ไมไม่ริบดื่มให้ครบ ๒ - ๓ แก้วตั้งแต่ทีแรก ทั้งนื้เพราะ ถ้าดื่มรวดเดืยวตั้งแต่ทีแรก นั้าย่อยจะเจือจางเกินไบ่ นํ้าเพียง ๑ แก้ว ในขั้นแรก ก็พอที่จะช่วยให้กระเพาะและลำไส้บีบต้วไต้ง่ายขึ้น ๓๒ www.kalyanamitra.org

เมื่อนํ้าย่อยเข้าไปแทรกอยู่ในอาหารเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้อาหาร จะยังไม่ละเอียด ก็ไม่เป็นไร ล้าดื่มนํ้าตามเข้าไปอีก ๑ - ๒ แล้ว โดยทิ้งระยะเป็นช่วงๆ กระเพาะและลำไล้ก็จะสามารถบีบตัว ย่อยอาหารได้ง่าย จึงทำไห้เราไม่ง่วงไม่เพลีย สำ หรับคนที่ตัองเดินทางออกจากบ้านในดอนเข้า เมื่อ รับประทานอาหารเข้าเสร็จก็ดื่มนํ้าเพียง ๑ แล้วก็พอ ในช่วงเวลา ๑ ชั่วโมงต่อจากนั้น ล้าไม่กระหายนัก ก็อย่าเพิ่งดื่ม ล้ารูสึกกระหาย ก็แค่จิบนํ้าเพียงนิดหน่อยเป็นระยะๆ ล้าทำได้เช่นนี้ก็จะไม่ลำบาก เรื่องการเข้าห้องนั้าระหว่างทาง ครั้นถึงที่หมายแล้ว จะดื่มนํ้าอีก กี่แล้วก็ดื่มได้ตามความพอใจ ไม่กระทบต่อระบบการย่อยอาหาร ก่อนนอนก็เหมือนกัน ก่อนนอน ๒ ชั่วโมงอย่าดื่มนั้ามาก ล้าในระหว่าง ๒ ชั่วโมงนี้ กระหายนํ้าก็ดื่มเพียงเล็กนัอย มิฉะนั้น จะด้องลุกเข้าห้องนั้าในตอนดึกอีก ในกรณีบุคคลที่ไม่สามารถดื่มนั้าได้มากเหมือนคนทั่วไป เช่น ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไต ผู้ที่ป่วยเป็นโรคห้วใจขั้นร็ายแรง(ห้วใจล้มเหลว หรีอห้วใจวาย) เป็นด้น คนไข้เหล่านี้ ล้าดื่มนั้ามากๆ อาจจะทำ ให้เกิดอาการบวม หรีออาการเหนื่อยหอบได้ วิธีการดื่มนํ้า อย่างไรให้เพียงพอ คงด้องไปปรึกษาแพทย์เป็นกรณีพีเศษ ประสบการณ์ที่ได้จากการดื่มนํ้า วันหนึ่งเมื่อรัด้วว่า เป็นไข้หวัด ปวดห้วตุ๊บๆ หลวงพ่อ ได้ฉันนํ้าเป็นระยะๆ ค่อนข้างกี่ ภายใน๒ ชั่วโมงหมดไป ๒-๔ ลิตร รวดแรกฉันไป ๓ แล้ว (แล้วหนึ่งประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ ซี.ซี.) ก็เกือบลิตรครื่ง อีก ๑๐ นาทีต่อมา ฉันดามไปอีก ๑-๒ แล้ว ๓๓ www.kalyanamitra.org

โดยฉ้นแบบจิบไปเรื่อยๆ ชั่วโมงแรกผ่านไป หลวงฟอก็ฉันนํ้าได้ ประมาณ ๓ ลิตร เมื่อรูสึกง่วงก็ไปเอนหลัง แต่เอนหลังไดไม่นาน มันปวดปัสสาวะด้องตื่นเข้าห้องนํ้า เข้าห้องนํ้าเสร็จก็ฉันนํ้าต่ออีก ประมาณสองชั่วโมงเศษๆ อาการไข้หวัดอันดรธานหายไปเหมือน ปลิดทิ้ง ถ้าเปรียบร่างกายคนเรากับด้นไมั เวลาด้นไมัเหี่ยว ทำ ท่าเหงาๆ เพราะขาดนํ้า ถ้าเรารดนํ้าลักหน่อยเดี๋ยวมันก็จะสดชื่น ขึ้นมาโดยง่ายฉันใด ถ้าวันใดเรามืความรู้สึกว่า เป็นไข้หวัด ก็ให้รีบตื่มนํ้าถี่ๆ ให้มากพอ นํ้านั้นก็จะส่งผลให้เซลล์ทั่วร่างกาย และไดทำงานได้เต็มที่ อาการไข้หวัดก็จะทุเลาลงอย่างรวดเร็ว จนหายไปในที่สุด คุณสมป้ติสำคัญของนํ้าอีกประการหนึ่ง ก็คือ เป็นยาระบาย ถ้าด้องการให้นํ้าช่วยเป็นยาระบาย เมื่อตื่นนอนขึ้นมา รีบดื่มนั้าอุ่น ให้ได้มากที่สุด จนรู้สึกว่า ถ้าเกินกว่านี้ก็จุก หรีออาจตื่มนํ้าใน ปริมาณ ที่คัวเองดื่มได้มากที่สุดในขณะนั้น ครั้นแปรงฟันลัางหน้า เสร็จแล้ว ให้ดื่มนํ้าซํ้าอีกหลายๆ แกัว การใข้นั้าเป็นยาระบาย ด้องดื่มนั้าในช่วงเข้าหลังดื่นนอนให้มาก เพราะห้องของเราอยู่ใน สภาวะที่ว่างมากที่สุดและนํ้าย่อยก็ยังไม่หลั่งออกมา เมื่อร่างกาย ของเราไม่สามารถดูดซึมนํ้าเข้าสู่เส้นเลือดได้ทั้งหมด นํ้าที่เหลือ ในปริมาณมากจึงไหลไปตามเส้นทางของทางเดินอาหาร ผ่าน กระเพาะอาหาร ลำ ไส้เล็ก ลำ ไส้ใหญ่ ไปจนถึงลำไส้ดรง (ลำไส้ส่วนสุดห้ายก่อนถึงทวารหนัก) แส้วก็เดินไปเดินมาลักพัก การเคลื่อนไหวร่างกายของเราก็จะทำให้ลำไส้บีบคัวถี่ขึ้น บวกกับ นํ้าที่ซึมเซาะเข้าไปในอุจจาระ ทำ ให้อุจจาระฟูขึ้นจนกระทั่ง กึ่งแข็งกึ่งเหลว (นึกถึงกัอนดินที่นำไปจุ่มในอ่างนั้าแส้วใข้มือบีบๆ ๓๔ www.kalyanamitra.org

จากที่เป็นก้อนแข็งๆ ก็จะกึ่งแข็งกึ่งเหลวจนกลายเป็นโคลน) ถ้าดื่มนํ้าไดในปริมาณที่มากพอ จนเกิดขบวนการดังกล่าว ไม่นานนักก็จะมีอาการปวดอุจจาระ แล้วอย่าไปอั้นอีกนะ รีบถ่าย พรวดออกไป จะรูสึกสบายดัวทันที หากเรารู้จักประมาณในการดื่มนํ้าไดัอย่างนี้ สุขภาพจะดี สามารถประพฤติปฏิบ้ติธรรมสร้างบารมีได้อย่างเต็มที่ก้นทุกคน 'พ: ๓๔f www.kalyanamitra.org

ษ www.kalyanamitra.org

การอั้นปัสสาวะและอั้นอุจจาระบั่นทอนสุขภาพ ผลเสียของการอั้นปัสสาวะนาน ๆ เวลาเราเดินทางไกลๆ หรือเล่นกีฬา หรือมีการประชุม มักจะอั้นปัสสาวะกันครั้งละนานๆ หรือบางคนนอนหล้บแล้ว ปวดปัสสาวะ แต่ไม่อยากลุกไปเข้าห้องนํ้า เพราะเสียดาย ความง่วงบ้าง กลัวผีบ้าง ขี้เกียจลุกขึ้นมาบ้าง เหล่านี้เป็นต้น เลยนอนอั้นปัสสาวะเอาไว้ตลอดทั้งคืน และใครที่อั้นปัสสาวะ จนมีความรูสึกว่า หายปวด อย่าเข้าใจผิดคิดว่า ร่างกายของเรา แข็งแรงนะ เพราะสภาวะเช่นนั้นกำลังก่อความพินาศฉิบหาย ให้กับร่างกายของเรา นับตั้งแต่ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โลหิต พิการ ตับว้อน ไตร้อน โรคภูมิแพ้ กลิ่นตัวแรง นิ่ว กระเพาะ ปัสสาวะเกร็ง เป็นตัน รวมไปถึงทำให้ผลของการปฏิบ้ดิธรรม ไม่กัาวหนัาอีกตัวย กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ผลของการอั้นปัสสาวะ ทำ ให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และอาการเบื้องตัน ก็คือ เวลาปัสสาวะจนร้สีกว่าหมดแล้ว แต่พอ เวลาผ่านไปไม่ถึง ๕ นาที จะกลับปวดปัสสาวะอีก ยิ่งไปกว่านั้น หากกระเพาะปัสสาวะอักเสบนานติดต่อกันเป็นอาทิตย์ พอ ปัสสาวะว่าหมดแล้ว ทันทีที่ลุกขึ้นมันจะหยดติ๋ง ๆ เลย ๓๗ www.kalyanamitra.org

ปัสสาวะจนหมดแล้ว แต่ทำไมเวลาผ่านไปไม่นาน รู้สึกปวดอีก กลับไปปัสสาวะใหม่ยังมีปัสสาวะออกมาอีก ที่เปีน เช่นนี้ก็เพราะเมื่อเราอั้นปัสสาวะนานๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึม ยัอนกลับ(Reabsorb)เข้าไปในเลันเลือด^ แล้วก็ถูกข้บออกมาใหม่ เพราะฉะนั้นจำนวนปัสสาวะออกมาใหม่เท่าไร ก็ฟ้องว่ามันได้ถูก ดูดซึมย้อนกลับเข้าไปอยู่ในเส้นเลือดเท่านั้น นึกเอาก็แล้วกันว่า มีอันตรายหรือไม่ บางคนมีการติดเชื้อแบคทีเรืยร่วมด้วย ซึ่งเชื้อโรคเหล่านี้ พบมากที่บริเวณทวารหนัก แล้วเกิดการปนเปีอนเข้าสู่ท่อปัสสาวะ จนมาถึงกระเพาะปัสสาวะ เมื่ออั้นปัสสาวะไว้นานๆ เชื้อโรคจึงมี ช่วงเวลาในการแปงด้วและเจริญเติบโต เพิ่มจำนวนชื้นเปีนอันมาก จนทำให้มีอาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรือขัดเบา และแสบ เวลาถ่ายปัสสาวะ บางคนอาจมีปัสสาวะขุ่นหรือมีเลือดปน บางคน เชื้อกระจายผ่านท่อไตชื้นมาที่กรวยได ทำ ให้มีอาการไข้สูงหนาวสั่น ปวดที่บริเวณสีข้างด้านที่มีการติดเชื้อ โลหิตพิการ ปัสสาวะของคนปกติ มีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ สังเกต ดูง่ายๆ จากเวลาที่เราปัสสาวะ ถ้ามันกระเด็นไปโดนผิวหนัง จะรู้สึก แสบค้น เด็กผู้ชายเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเวลายืนปัสสาวะมักกระเด็น ไปถูกหนัาแข้ง รู้สึกแสบๆ ค้นๆ ที่หนัาแข้ง ยิ่งในหนัาหนาว อาจจะทำให้ผิวหน้าแข้งแตก ^ ความรู้จากแพทย์แผนจีน www.kalyanamitra.org

ปัสสาวะมีคุณสมบ้ติเป็นกรด แต่โดยธรรมชาติเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาวรวมทั้งนํ้าเหลืองมีคุณสมบัติเป็นต่างอ่อนๆ ปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับ(Reabsorb)เข้าไปในเสนเลือดจะกลาย เป็นกรดขึ้นมา มีผลให้เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และนํ้าเหลือง ยาแย่ลง ปริมาณปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับเข้าไปยิ่งมาก และนานเท่าใด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และนํ้าเหลืองก็จะยิ่าแย่ ลงเท่านั้น นี่คือสาเหตุที่แท้จริงของโลหิดพิการ และเม็ดเลือดน้อย ตับร้อนไตร้อน ตับทำหน้าที่กรองและทำลายสารพิษ เช่น สารพิษที่ปนเฟ้อน ในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลง ผงชูรส เป็นตัน มีอะไร แปลกปลอมที่เป็นพิษปนเข้าไปในร่างกาย ตับจะกรองและ ทำ ลายก่อน ส่วนไตทำหน้าที่ข้บของเสียที่เป็นผลผลิตจากร่างกาย และกรองสารพิษที่หลงเหลือออกจากเส้นเลือต ใ5)ตง่ายๆ ก็คือ ไดทำหน้าที่กรองโลหิตให้บริสุทธ เมื่ออั้นปัสสาวะนานๆ ปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับ เข้าไปในเส้นเลือด ก็กลายเป็นของเสียที่ร่างกายตัองทำลาย และขับออก ของเสียในเลือดที่เพิ่มมากขึ้น ตับตัองทำงานหน้ก มากขึ้นตับจึงร้อน ไดทำงานหนักมากขึ้นไดจึงร้อน ยิ่งอั้นปัสสาวะ นานเท่าไร ตับและไดตัองทำงานหนักมากขึ้นตามไปเท่านั้น โรคภูมิแพ้ เมื่ออั้นปัสสาวะนานๆ ปัสสาวะที่ถูกดูดซึมย้อนกลับ เข้าไปในเส้นเลือด กลายเป็นทั้งเนั้อทั้งตัวแช่ปัสสาวะ แส้วร่างกาย ๓๙ www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook