Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานผลการใช้คู่มือนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา

รายงานผลการใช้คู่มือนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา

Published by Freedom Top, 2022-08-03 08:23:42

Description: หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา

Keywords: หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา

Search

Read the Text Version

41 อยา่ งมีประสิทธภิ าพ เกิดผลลัพธ์ทง้ั ในส่วนของชีวิต การทำงาน และวชิ าชพี ผลการปฏิบัติงานของ ตนเองสอดคล้องกับความเปน็ จรงิ ของผถู้ ูกชแ้ี นะเป็นสำคัญ โคช้ จะใหเ้ กยี รตผิ ู้รบั การโค้ชว่าเป็น ผเู้ ชย่ี วชาญในชีวติ ของตนเองและเชอ่ื วา่ ผรู้ บั การโคช้ ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ รอบรู้ และสมบรู ณ์ ในตนเอง ซึ่งการช้ีแนะท่ีดจี ะเกดิ ขึ้นได้ก็ต่อเม่ือมีความพร้อมโดยเป็นความพร้อมทัง้ ของผู้ช้ีแนะและ ผู้ถูกชแ้ี นะร่วมกนั เพ่ือเสรมิ สร้างและพฒั นาใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ และคณุ ลักษณะเฉพาะตัวในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ใหป้ ระสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ระบุไว้ โดยจะตอ้ งมกี ารตกลงยอมรับร่วมกนั ระหว่างผู้ชี้แนะและผ้ถู ูกชีแ้ นะ การนิเทศแบบชแ้ี นะผูท้ ม่ี บี ทบาทสำคญั อาจเปน็ ศกึ ษานิเทศก์ หรือ ผู้นเิ ทศ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา รวมทั้งเครอื ขา่ ยการนเิ ทศทส่ี ามารถเป็นผู้ชีแ้ นะได้ ผรู้ ับการช้ีแนะส่วน ใหญ่เปน็ ครูที่อยู่ในสถานศกึ ษาทเี่ ขา้ มามสี ่วนร่วมในการนิเทศการศึกษา การดำเนินการเพอ่ื เพิม่ ศกั ยภาพในการจัดการเรยี นรู้ให้แกค่ รูและผู้บรหิ ารสถานศึกษาใหส้ ามารถจดั กจิ กรรมการเรียนรูไ้ ด้ อย่างมีคุณภาพและไดม้ าตรฐาน การนำเทคนิคการนิเทศแบบช้แี นะมาใชใ้ นการนเิ ทศการศึกษาจงึ เปน็ วิธกี ารหน่งึ ที่จะชว่ ยในการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้มีประสิทธภิ าพมากข้ึนได้ เปา้ หมายของการนิเทศแบบชแ้ี นะ 1. การแก้ปัญหาในการทำงาน 2. การพฒั นาความรู้ ทักษะ หรอื ความสามารถในการทำงาน 3. การประยุกต์ใช้ทกั ษะหรือความรใู้ นการทำงาน ทต่ี ้ังอยู่บนหลกั การของการเรยี นรู้ รว่ มกัน โดยยึดหลักว่าไมม่ ีใครรู้มากกว่าใคร จงึ ตอ้ งเรียนไปพร้อมกันเพ่อื ให้คน้ พบวธิ ีการแกไ้ ขปญั หา ด้วยตนเอง หลกั การสำคญั ในการนิเทศแบบชแี้ นะ 1. การเรยี นรรู้ ่วมกัน คือ ไม่มใี ครรู้มากกวา่ ใคร จึงต้องเรียนไปพร้อมกัน 2. การเรียนรู้วธิ ีการทำงาน ลักษณะการเรยี นรเู้ ป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติงาน พฒั นา งานจากผ้เู ชยี่ วชาญทเ่ี สนอแนะอย่างใกลช้ ิด 3. ผชู้ ้แี นะหรือผ้เู ชี่ยวชาญมีความเชย่ี วชาญเพยี งพอท่จี ะเป็นผแู้ นะนำ 4. บรรยากาศของการนเิ ทศแบบชแี้ นะเป็นบรรยากาศของความเปน็ กลั ยาณมติ ร 5. การเสริมพลังเป็นการช่วยคน้ หาพลังในตวั บุคคล เมื่อค้นเจอกค็ นื พลงั นัน้ ใหเ้ ขาไป นน่ั คอื ต้องชใี้ หค้ น้ พบวิธกี ารแก้ปญั หาดว้ ยตนเอง บทบาทหนา้ ท่ขี องผู้ชี้แนะ ผู้โคช้ หรอื ผ้ชู ้แี นะควรเปน็ ผรู้ ักการอ่าน รักการแสวงหาความรู้ และเปน็ ผขู้ วนขวาย หาข้อมลู ความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา รวมท้ังแสวงหาประสบการณใ์ หม่ จากการเข้ากลมุ่ หรอื สมาคม ตา่ ง ๆ เพื่อจะได้นำความรู้และประสบการณท์ ่ีไดร้ บั มาทำหน้าท่บี ทบาทนักฝกึ อบรม นักพัฒนา

42 นกั เปล่ยี นแปลง ผใู้ ห้คำปรึกษา นกั จิตวิทยา นักแก้ไขปญั หา นักคาดคะเน นักคดิ นักประดษิ ฐ์ และ นกั ปฏิบตั ิ บทบาทดังกล่าวจะแสดงออกในบทบาทใดนน้ั ข้นึ อย่กู บั สถานการณ์ทีแ่ ตกต่างกันไป ซึ่ง บางครั้งอาจแสดงบทบาทเดียวหรือแสดงมากกวา่ หนง่ึ บทบาท ลักษณะนิสยั ของผู้ชแ้ี นะ ไมว่ ่าผู้ช้แี นะจะสวมบทบาทใดกต็ ามจะตอ้ งอยบู่ นพ้ืนฐานของลักษณะนิสัยท่ดี เี ปน็ ท่ียอมรับ ของลกู น้อง ลกั ษณะนสิ ัยที่ดี ไดแ้ ก่ การยอมรับความจรงิ เหน็ อกเหน็ ใจ มองโลกในแงด่ ี กระตือรอื รน้ ชอบใหโ้ อกาส ยดื หย่นุ มั่นใจในตนเอง กล้ารับผิดและรบั ชอบ และมองไปข้างหนา้ ควรหลีกเล่ียง ลกั ษณะนิสยั ท่ีไม่ดี ได้แก่ การไม่ไวว้ างใจ ขี้รำคาญ เอาแต่ได้ ถอื ตวั ชอบเปรียบเทยี บ รอไมไ่ ด้ ไม่มน่ั ใจในตนเอง ไมห่ วังดี และไมร่ บี ร้อน แนวทาง หลกั ปฏบิ ตั ิ และวธิ กี ารในการเป็นผูช้ แี้ นะ การนิเทศแบบชี้แนะจะเกิดขึ้นได้ ผู้ชี้แนะและผู้รับการชแี้ นะต้องมคี วามพร้อมดว้ ยกัน ทั้ง 2 ฝ่าย โดยไม่จำกดั วา่ จะตอ้ งเป็นเวลาใดที่แนน่ อน เกิดขึ้นไดท้ ุกเม่ือทุกเวลา ความพร้อม ได้แก่ 1. เรอื่ งเวลา ควรกำหนดเวลาใหพ้ อดีกับเนื้อหาที่ต้องการจะสอนและถา่ ยทอดได้อยา่ ง เป็นระบบและมเี หตุผล 2. อารมณ์ ควรมีสภาพจติ ใจหรือสภาวะอารมณท์ ี่ปกติ พร้อมทจี่ ะถา่ ยทอดข้อมลู 3. สขุ ภาพร่างกาย เพราะการมสี ภาพรา่ งกายท่ีพร้อมจะส่งผลต่อไปยังจติ ใจหรือความคิด 4. ข้อมูลเกี่ยวกบั เน้ือหา ขอบเขตงานทตี่ ้องรบั ผิดชอบ ฝังโครงสรา้ งองค์กร วิสัยทศั น์ นโยบายต่าง ๆ ขององคก์ ร กลุ่มเปา้ หมาย เช่น ศึกษานิเทศก์ ผู้เขา้ รับการฝกึ นักเรยี น หรอื ข้อมูล เกีย่ วกบั ลูกน้องตนเองหรอื ผมู้ ีสว่ นร่วม 5. สถานท่ี พจิ ารณาถึงจำนวนของผสู้ อนและผรู้ ับการสอนและลักษณะอปุ กรณท์ ่ีจะนำ มาสาธติ 6. อุปกรณ์เครื่องมือ ควรมีการทดสอบประสทิ ธภิ าพในการทำงานของอุปกรณ์หรือ เครอ่ื งมอื ว่าสามารถใช้การได้หรอื ทำงานไดต้ ลอดเวลาท่ที ำการสาธิตหรือนิเทศ 7. เข้าใจจติ วิทยาการเรยี นรู้ของผ้รู ับการชแ้ี นะท่ีเป็นผู้ใหญด่ ้วยวา่ เขาจะเรยี นรไู้ ด้ดีเมื่อไร เช่น เขาอยากเรยี นรู้ได้ดีเมอ่ื เขาอยากเรียนหรือทำใหเ้ ขารวู้ ่าถูกคาดหวังอะไร หรือเมื่อได้เอาสง่ิ ที่ได้ เรยี นรู้ไปใชไ้ ดจ้ รงิ และไดผ้ ล 8. ความพรอ้ มของผู้ช้แี นะกับผู้รบั การช้แี นะ ย่อมมสี ว่ นผลักดัน ส่งเสริมและ สนบั สนุนให้ การนิเทศประสบผลสำเร็จ

43 การนิเทศแบบช้ีแนะทไ่ี มบ่ รรลผุ ลสำเรจ็ มลี กั ษณะดงั นี้ 1. การจดั สภาพแวดลอ้ ม เนื่องจากสถานทที่ ่ีใช้สำหรบั การนเิ ทศอาจจะกว้างหรือเลก็ เกนิ ไป บรรยากาศในห้องประชุมอาจดูเป็นทางการหรือไมเ่ ปน็ ทางการ หรือเปน็ กันเองจนเกินไปหรือ ห้องประชมุ มเี สียงรบกวนทด่ี ังขนึ้ มา จนทำลายสมาธิของผู้ชี้แนะและผูร้ ับการชแ้ี นะ 2. การจดั หาอุปกรณห์ รือเคร่ืองมือ เนอื่ งจากไม่สามารถจัดหาและจดั เตรียมอปุ กรณ์ เครอ่ื งมือตา่ ง ๆ หรือมีไม่พรอ้ มในระหวา่ งการนิเทศ หรือไม่สามารถสาธิตวธิ ีการใชอ้ ปุ กรณ์หรอื เคร่ืองมอื ที่เก่ียวข้องกบั เร่ืองท่ีนิเทศได้ 3. งบประมาณ เนื่องจากองคก์ รไมไ่ ด้ใหค้ วามสำคัญทีจ่ ะพฒั นาผชู้ ้แี นะให้เกิดความรู้และ ทักษะในการชีแ้ นะ โดยไมไ่ ด้จัดสรรงบประมาณเพ่ือการน้ีไวโ้ ดยเฉพาะ 4. ตัวผู้ช้ีแนะ หรอื หวั หน้างาน โดยมสี าเหตุจากหลากหลายปัจจัย ไดแ้ ก่ 4.1 ผูช้ ้ีแนะหรือหัวหน้างานขาดความรู้และไมเ่ ขา้ ใจในเนื้อหา หลักสตู ร เน้อื หาสาระ การเรยี น 4.2 สภาวะไมเ่ อื้ออำนวย เช่น ไม่สามารถควบคุมเวลาในการช้ีแนะได้ 4.3 ขาดทักษะของการสอื่ สารและวิธีการถา่ ยทอดให้ผ้รู บั การชแี้ นะเข้าใจ 4.4 ประสบการณ์ความรขู้ องผู้ชแ้ี นะไม่มหี รอื มีไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้รบั การช้ีแนะต้องการ หรอื อาจจะไม่มีการตรวจสอบความรู้ ความเขา้ ใจของผรู้ บั การช้แี นะวา่ ขาดทักษะความรู้ อะไร 4.5 เขา้ ใจผิดคดิ ว่าตนเองกำลงั สอนงานลูกน้องอยูช่ อบสง่ั ขาดศลิ ปะการจูงใจ 4.6 ไมเ่ ห็นความจำเป็นของการนเิ ทศแบบชี้แนะ 4.7 หงดุ หงิดหรอื แสดงสีหน้าไม่พอใจ หากผรู้ ับการชี้แนะมีคำถามหรือสงสยั 4.8 ขาดความพรอ้ มในด้านสุขภาพกายหรือสขุ ภาพจติ ในขณะนิเทศ 4.9 วฒั นธรรมองคก์ รไมเ่ อื้อและไมไ่ ดร้ บั การส่งเสริมจากผู้บงั คับบัญชา นอกจาก หวั หน้างานเปน็ ส่วนหน่งึ ของการนเิ ทศท่ีไม่ประสบผลสำเร็จแลว้ พบว่าผู้รับการชแี้ นะอาจเป็นสาเหตุ หน่งึ ทีท่ ำให้การนเิ ทศประสบความลม้ เหลว ผรู้ บั การนิเทศจำพวกนีม้ ักจะหลีกเล่ียง หรือปฏเิ สธไมย่ อม ทำตามคำช้แี นะ ท้ังน้สี บื เนอื่ งมาจากไมม่ ีเปา้ หมายในการทำงาน หรือไม่สนใจทีจ่ ะพฒั นาตนเอง กลัวการเปล่ียนแปลง ไม่พร้อมทจ่ี ะรบั ฟัง หรอื ขาดความเคารพ ศรทั ธาผูช้ แ้ี นะ และอาจมีผู้ชี้แนะมาก เกินไป ทำใหม้ หี ลายแนวทางสง่ ผลใหผ้ ู้รับการชแี้ นะเกดิ ความสบั สน ดงั นั้นผู้ช้แี นะและผู้รับการช้ีแนะ จงึ มสี ว่ นอย่างมากต่อการสนับสนุนใหก้ ารนิเทศการศึกษาประสบความสำเร็จ หลกั การจดั ระบบการนเิ ทศแบบช้ีแนะในองคก์ รทเ่ี ปน็ รปู ธรรมชัดเจน 1. กำหนดให้ระบบการนิเทศแบบชแี้ นะเป็นนโยบายขององค์กร 2. สร้างสภาพแวดลอ้ มและบรรยากาศขององค์กรให้มีความไวเ้ น้อื เชื่อใจกัน โดยเฉพาะ อยา่ งยิง่ ระหว่างหวั หน้างานกับผูใ้ ตบ้ ังคับบัญชา ระหวา่ งศกึ ษานิเทศก์กับผู้เข้ารบั การฝึก

44 3. กำหนดและสรา้ งหรอื ฝึกวฒั นธรรมองค์กรใหเ้ ปน็ วัฒนธรรมของการเรียนรู้ (Learning culture) ซึ่งมีทง้ั Learning by Doing เรียนรโู้ ดยการลงมือทำ Learning by Teaching เรียนร้โู ดย การถ่ายทอด และ Learning by Sharing เรียนรโู้ ดยการแลกเปลยี่ นเรยี น รไู้ ปพร้อม ๆ กัน เพื่อจะได้ เชื่อมโยงสิง่ ท่ไี ด้เรยี นรู้มากับประสบการณช์ ีวติ ส่วนตวั 4. ประโยชน์จากการนิเทศแบบชี้แนะท่ีเกิดขึ้นส่งผลโดยตรงตอ่ ผนู้ เิ ทศและผู้รับการนิเทศ และต่อองค์กร สรปุ ไดว้ ่า การนเิ ทศแบบช้ีแนะ เป็นเทคนิคทผี่ ู้ชี้แนะและผรู้ ับการชแี้ นะซ่ึงคุ้นเคยกันใน ฐานะเพื่อนร่วมงาน รวมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรม การสงั เกตการสอน การวิจัย แบบเครือข่ายรว่ มกัน มีความปรารถนาดีต่อกนั ในการทกี่ ลา้ จะยอมหรือพอใจที่จะสอนหรอื ช้ีแนะหรือยอมรบั การชีแ้ นะ ผู้ถกู สอนพอใจท่จี ะรบั ด้วยวิธกี ารอยา่ งกัลยาณมติ ร การเป็นพเ่ี ลี้ยง เป็นวิธกี ารท่ผี ู้มปี ระสบการณ์ให้ ความชว่ ยเหลอื ผ้มู ปี ระสบการณ์น้อยกว่า ในเรื่องงานวิชาชพี ไปสู่เปา้ หมายที่ได้วางไว้รว่ มกนั เทคนิค ดงั กล่าวเปน็ เทคนิคท่ีอยใู่ นกลุ่มงานการนเิ ทศการศกึ ษาของศกึ ษานิเทศก์ เพราะการนิเทศเป็น การดำเนินงานโดยผมู้ ปี ระสบการณ์ มคี วามรมู้ ีความสามารถในการทจ่ี ะใช้กระบวนการ วิธีการ หรอื เทคนิคตา่ ง ๆ ในการใหค้ วามช่วยเหลอื อำนวยการ ส่งเสรมิ สนบั สนุน กำกับดูแล ชแ้ี นะให้คำปรึกษา คลี่คลายปญั หา อบรม ฝึกฝน และร่วมปฏิบตั ิกิจกรรมเพื่อผู้เขา้ รบั การฝกึ สามารถพฒั นาความรูค้ วาม สามารถได้ตามเปา้ หมายและบรรลุตัวชี้วดั แนวคิดเกี่ยวกบั การจัดทำคมู่ อื นเิ ทศ ความหมายของคู่มอื วนิดา ฤทธเ์ิ จริญ (2550, หนา้ 21) กลา่ ววา่ คู่มือ หมายถงึ เอกสารส่ิงพมิ พห์ รือหนงั สือ ท่ีแต่งข้นึ อยา่ งเปน็ ระบบ มีภาพประกอบและแผนภมู ิลักษณะตา่ ง ๆ เพ่อื ใหเ้ กิดความรคู้ วามเข้าใจ อำนวยความสะดวกและเปน็ แนวทางให้ผูท้ ศี่ ึกษาเกิดความรู้ในเรื่องใดเร่ืองหนง่ึ เพื่อให้ง่ายตอ่ การทำ ความเขา้ ใจ สทุ ศั น์ วิเศษสมบตั ิ (2550, หนา้ 18) ได้ให้ความหมายของคู่มือการปฏิบตั งิ าน หมายถงึ เอกสารที่สรา้ งขึ้นตามหลักวชิ า มกี ารทดลองและตรวจสอบคุณภาพของคู่มือ เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริง หรอื ขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ านหรือกิจกรรมอยา่ งใดอย่างหน่ึง ทำให้การปฏิบัติงาน หรือกจิ กรรมเปน็ ไป ด้วยความถูกต้อง สะดวก รวดเรว็ และบรรลผุ ลสำเรจ็ ตามวัตถุประสงค์ของงานหรอื กิจกรรมนั้น ๆ อนั เดร ไชยเผือก (2551, หน้า 31) อธบิ ายเก่ยี วกับความหมายของคูม่ ือไว้ว่า คมู่ ือเปน็ หนงั สือทีเ่ ขียนข้นึ เพื่อเป็นแนวทางให้ผูใ้ ชค้ ู่มือได้ศกึ ษาทำความเข้าใจและปฏิบัตติ ามเพือ่ ทำกิจกรรม ใดกิจกรรมหนึ่งใหม่มาตรฐานใกลเ้ คียงกันมากทีส่ ดุ และบรรลุผลสำเรจ็ ตามเปา้ หมายดว้ ยตนเอง

45 ดำรงศกั ดิ์ สขุ โคนา (2552, หนา้ 56) ไดส้ รุปวา่ คู่มือ หมายถึง หนังสอื ตำรา เอกสาร การแนะนำหรือเปน็ ส่ือทำความเขา้ ใจทีจ่ ัดทำขน้ึ เพ่ือเปน็ แนวทางใหผ้ ูใ้ ชค้ ู่มือได้ศึกษาเตรียมการ ทำความเข้าใจเร่อื งทจ่ี ะทำได้ง่ายและสามารถปฏบิ ัติได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ สำเร็จผล ตาม วัตถปุ ระสงค์ นริ ญั เรืองดำ (2552, หนา้ 11) ให้หมายของคูม่ ือ สรปุ ไดว้ ่า หนังสือตำรา เอกสารแนะนำ หรอื เปน็ สอ่ื ทำความเข้าใจท่ีจัดทำขึ้นเพ่อื เปน็ แนวทางปฏิบัติ ให้ผู้ใชค้ ่มู ือได้ศึกษาเตรียมการ ทำความเข้าใจเรอ่ื งทีจ่ ะทำงา่ ยข้ึน และสามารถปฏิบัติได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพสำเรจ็ ผลตาม วตั ถุประสงค์ บุศรินทร์ ทบั แบน (2552, หนา้ 46) ไดส้ รปุ ความหมายของคู่มือไวว้ า่ เป็นหนังสือหรือ เอกสารแนะนำท่ีใชเ้ ปน็ แนวทางในการปฏบิ ัติควบคู่ไปกับสิ่งใดสิ่งหนง่ึ ที่มเี น้ือหาสาระสั้น ๆ มีเน้ือหา ทัง้ ทฤษฎแี ละแบบฝึกปฏิบัตทิ ี่ผู้อา่ นสามารถนำไปใช้ปฏบิ ตั ไิ ด้ทนั จนบรรลุสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย สชุ าดา ลมิ่ สวสั ดิ์ (2552, หน้า 32) ให้ความหมายของคู่มือไว้ว่า เปน็ หนงั สอื หรอื เอกสารที่ ใหข้ ้อความรู้เกี่ยวกับการทำส่ิงใดสง่ิ หนึ่งแกผ่ ู้อา่ น โดยมงุ่ หวังใหผ้ อู้ ่านหรอื ผใู้ ช้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถดำเนินการในเร่ืองนั้นด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสมหรอื หนงั สอื หรือเอกสารทใี่ ชป้ ระกอบ ควบคู่เป็นแนวทางในการปฏิบัตงิ านอย่างใดอยา่ งหน่ึง เพ่ือใหบ้ รรลผุ ลสำเรจ็ ตามเป้าหมายอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ ปรีชา ช้างขวัญยนื (2556, หน้า 153) ให้ความหมายของคู่มอื ไว้วา่ คมู่ ือเป็นหนงั สือทีใ่ ช้ ควบคู่กบั การกระทำสง่ิ ใดสิง่ หนึ่ง โดยบอกแนวทางในการปฏิบตั ิแกผ่ ู้ใชใ้ ห้สามารถกระทำสงิ่ นน้ั ให้ บรรลผุ ลสำเร็จตามเป้าหมาย กันตภณ นฤวตั ปกรณ์ (2557, หนา้ 23) สรุปความหมายของคู่มือวา่ หมายถงึ เอกสารท่ี จัดทำข้นึ เพ่อื ใหเ้ ป็นแนวทางในการปฏบิ ัตกิ ารของผู้ใช้ ใหค้ วามรู้ ใหเ้ ข้าใจในเรื่องใดเรื่องหน่ึง สามารถ ศกึ ษาไดด้ ้วยตนเองจนบรรลุผลสำเร็จตามเปา้ หมาย ชัญญานุช สุวรรณกันธา (2557, หน้า 14) สรปุ ความหมายของค่มู ือไว้วา่ คมู่ ือเป็น สอ่ื ส่งิ พมิ พเ์ ฉพาะกจิ ส่อื ส่ิงพิมพ์ในรปู แบบพเิ ศษผลติ เผยแพร่ รวบรวมเร่ืองราว ขอ้ เทจ็ จรงิ เกยี่ วกับ บุคคลหรือเหตุการณ์ท่นี ่าสนใจเฉพาะดา้ นทงั้ ภาคทฤษฎีและแบบฝึกปฏิบตั ิ สามารถใชเ้ ป็น แหลง่ อา้ งองิ ข้อเท็จจรงิ เก่ยี วกับบุคคล เหตุการณ์มีคำอธบิ ายและคำตอบ รายละเอียดง่ายต่อ การเรียนรู้ สามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง สรปุ ไดว้ า่ คมู่ อื หมายถงึ หนังสือหรือเอกสาร ใช้ควบคู่กับการกระทำสง่ิ ใดสิ่งหนง่ึ ผใู้ ช้ สามารถศึกษาและทำความเข้าใจไดด้ ว้ ยตนเองทำให้ผูใ้ ช้ มคี วามสามารถและทักษะภายใตม้ าตรฐาน ทใี่ กล้เคยี งกนั และสามารถนำไปปฏบิ ัติจนบรรลผุ ลสำเรจ็ ตามเป้าหมาย สำหรับงานวจิ ัยน้ี คูม่ อื หมายถงึ หนงั สือทเ่ี ขยี นขนึ้ เพื่อเป็นแนวทางในการตดิ ตาม เรง่ รัด พัฒนาคุณภาพโรงเรยี น

46 มาตรฐานสากลที่พัฒนาตามเกณฑร์ างวัลคณุ ภาพแหง่ ชาติ (Thailand Quality Award: TQA) สามารถนำคู่มอื มาใชใ้ นการติดตามสถานศึกษาได้อย่างถูกตอ้ งและมปี ระสทิ ธภิ าพ ประเภทของคู่มือ ในการจัดทำคมู่ ือตา่ ง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคู่มือของทางราชการหรอื คู่มือขององค์กรเอกชน มนี ักวชิ าการหลายท่านกลา่ วถึงประเภทของคู่มือไวด้ งั น้ี มหาวิทยาลัยบูรพา (2550, หนา้ 27) ได้แบง่ ประเภทของคู่มอื แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. คมู่ อื ปฏิบัตกิ ิจกรรมทวั่ ๆ ไป เปน็ คู่มือทชี่ ่วยให้ทราบเร่ืองการดำเนินกจิ กรรมใน ชวี ติ ประจำวนั เช่น การออกแบบและบำรุงซ่อมแซมท่ีอยู่อาศัย งานอดิเรก นนั ทนาการ การสังคม และสมาคม เป็นต้น 2. คู่มอื ปฏิบัติการกจิ กรรมเฉพาะสาขาวิชา ใชป้ ระกอบในการศกึ ษาคน้ ควา้ ปฏบิ ตั ิการ ตา่ ง ๆ ในแตล่ ะสาขาที่ไมใ่ ชต่ ำรา ลกั ษณะสารสนเทศจะเป็นสรปุ ยอ่ ความรู้ท่ีไดศ้ ึกษาเสร็จสนิ้ แลว้ มากกวา่ จะเป็นความรู้ท่ีเปน็ ความก้าวหน้าในปจั จุบนั กาญจนา จำนงศักดิ์ (2551, หน้า 30) ได้สรุปประเภทของคู่มือออกเป็น 3 ประเภท ดังน้ี 1. คู่มือการสอนของครู เพอื่ เป็นแนวทางหรอื คู่มือทวั่ ไปมีไว้เพอ่ื ใหผ้ ู้ดำเนินการจดั กิจกรรมได้ มีหลกั การแนวทางในการดำเนนิ งานในเรื่องกจิ กรรมทกุ ประเภท มีข้อเสนอแนะใหค้ รูได้ ศกึ ษากอ่ นการเรียนการสอนในเรอื่ งหลกั การสอน วิธีการสอน และการจดั กจิ กรรมในหลักสูตรหรือ กจิ กรรมนอกหลักสตู ร จะได้นำไปปฏิบัตไิ ด้อย่างถูกต้อง ไม่หลงทาง ไม่ทำใหเ้ สียเงนิ เสียเวลา เช่น คมู่ ือการใชห้ ลักสตู ร คูม่ ือรายวิชา คู่มอื การใชส้ ่ือ 2. คู่มอื นักเรยี นให้นักเรยี นไวเ้ พื่อจะได้มีแนวทางในการปฏิบัตไิ ดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เชน่ คมู่ อื นกั เรียนของโรงเรยี นหรือเป็นค่มู ือตำราเรยี น เพ่ือจะไดใ้ ช้ตำราเรียนได้ถูกตอ้ งรวดเร็วและเกิด ประโยชน์สงู สดุ 3. คมู่ ือการจัดกิจกรรมจดั ทำไวเ้ พอ่ื ใหผ้ ู้ดำเนินการจดั กจิ กรรมไดม้ ีหลกั การแนวทางใน การดำเนนิ งานเร่ืองของกจิ กรรมทกุ ประเภทสะดวกและรวดเรว็ มปี ระสทิ ธผิ ล กิจกรรมท่ีจัดมคี ุณภาพ บรรลุตามวัตถุประสงค์ กาญจนา ยม้ิ พัฒน์ (2552, หน้า 67) ไดส้ รุปประเภทของคู่มอื ออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ 1. ค่มู ือการสอนหรอื คู่มือการจัดกิจกรรมเสรมิ เป็นคมู่ ือที่ให้ความร้แู ละขอ้ เสนอแนะแนว ปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับหลักสูตรการเรียนการสอน และการจัดกจิ รรม เช่น ค่มู ือการสอนรายวิชาต่าง ๆ คมู่ ือ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ 2. คมู่ ือหนังสอื เรยี น เป็นคูม่ ือทจ่ี ัดทำข้ึนควบคู่ไปกับหนังสอื ตำราเรียน เพื่อเป็นแนวทาง วธิ ีการใชห้ นังสือได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ทำใหผ้ ู้เรียนสามารถเขา้ ใจหนงั สือเรียนมากข้ึน ดำเนินการจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ไดส้ อดคลอ้ งกบั เน้อื หาของตำราเรยี น ทำให้ร้แู ละและเขา้ ใจได้ดขี ้นึ

47 กรรณิภา เมอื งแก้ว (2553) คู่มือแบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. ค่มู ือเกี่ยวกับการเรยี นการสอนตามหลักสูตร เป็นคู่มอื ทเี่ สนอแนะแนวทางหรอื เทคนิค วธิ กี ารสอน การใช้สอ่ื หรอื นวัตกรรมทส่ี ัมพันธก์ ับรายวิชาหนงึ่ ซง่ึ ระดับชนั้ เรียนตา่ ง ๆ ที่กำหนดไว้ หลกั สูตรนั้น ๆ เช่น ค่มู อื รายวิชา คู่มอื ระดบั ชั้นเรยี น คู่มือการใชส้ ่อื นวตั กรรม การเรยี นการสอน เปน็ ต้น 2. คมู่ อื การจัดกิจกรรมการสอนทวั่ ไป เปน็ คมู่ ือทเ่ี สนอแนะแนวทางหรอื เทคนคิ วธิ ีการ ดำเนนิ กจิ กรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสรมิ ใหก้ ารจัดการเรยี นการสอนตามหลกั สตู รบรรลุจดุ ประสงคท์ ่กี ำหนด ไว้และเปน็ คู่มอื ท่มี ิไดเ้ กย่ี วข้องสมั พนั ธ์กบั เนื้อหาหรอื คำอธิบายรายวชิ าใดวชิ าหนึง่ โดยตรง เช่น ค่มู ือ การจดั กจิ กรรมประชาธปิ ไตยในโรงเรียน คู่มอื กจิ กรรมสรา้ งนสิ ยั สำหรับโรงเรียนประถมศกึ ษาคู่มือจัด กจิ กรรมแนะแนวในสถานศึกษาสำหรบั อาจารย์ เป็นตน้ จติ รตรี บุญกรวย (2555, หน้า 34) สรปุ ว่า ประเภทของคู่มือนั้น แบ่งออกเปน็ 3 ประเภท ประกอบดว้ ย คู่มือครู คู่มือนักเรียน และคู่มอื ทั่วไป คมู่ ือทุกประเภทเปน็ หนังสือท่ีให้แนวทางและ อธบิ ายรายละเอยี ดในการทำสิง่ ใดส่ิงหนึง่ แกผ่ ู้อา่ นหรอื ผู้ใช้คมู่ ือ ซึ่งสามารถดำเนนิ การตามคำแนะนำ ของคูม่ ือได้ด้วยตนเอง สง่ ผลใหก้ ารดำเนินการไปในทิศทางเดียวกนั และบรรลุเปา้ หมายที่ไดก้ ำหนดไว้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ปรีชา ชา้ งขวญั ยนื (2556, หนา้ 153) ไดแ้ บง่ ประเภทของคมู่ ือไวด้ งั นี้ 1. คู่มอื ครู เป็นหนังสือท่จี ดั ทำข้ึนเพ่ือใชเ้ ปน็ แนวทางในการใหค้ ำแนะนำเก่ยี วกับเน้อื หา สาระวิชาการ กจิ กรรม สื่อ วสั ดอุ ปุ กรณ์ และเป็นแหลง่ ข้อมูลอ้างองิ 2. คู่มือผู้เรยี น เป็นหนังสอื ท่ีผูเ้ รียนใชค้ วบคูก่ ับตำราเรียนปกติ ประกอบดว้ ย สาระ แบบฝกึ หดั ตอบคำถามปญั หาตา่ ง ๆ สรปุ เน้ือหาต่าง ๆ 3. คมู่ อื การอบรม เป็นคู่มือที่ใช้ในการอบรมเพ่ือสอนให้นกั เรียนซึมซบั จนตดิ เปน็ นสิ ัย และแนะนำชแี้ จ้งให้ผใู้ ช้คู่มือมีความเขา้ ใจในเร่อื งที่ต้องการขดั เกลานิสยั 4. คู่มือท่ัวไป เปน็ หนังสอื ท่ีแนะนำใหค้ วามรูเ้ กี่ยวกบั สิง่ ใดส่งิ หนงึ่ แก่ผู้อ่านใหส้ ามารถ เข้าใจและดำเนินการตามคำแนะนำของคู่มอื ไดด้ ้วยตนเอง พิชาพัชญ์ เครือสิทธนิ นท์ (2556, หนา้ 11) สรปุ วา่ ประเภทของคู่มือขึ้นอยู่กบั วตั ถุประสงค์ และความต้องการของผูจ้ ดั ทำ เพ่ือให้ผใู้ ชค้ ู่มือมีความสะดวก เขา้ ใจและสามารถปฏิบตั ิงานได้บรรลุ วตั ถุประสงค์ของค่มู ือแตล่ ะประเภท ภายใต้มาตรฐานใกลเ้ คยี งกนั อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสิทธผิ ลสงู สุด สมเกียรติ ศิลปวิศาล (2556, หนา้ 43) ไดส้ รุปวา่ คู่มือ แบ่งเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่

48 1. คมู่ ือเกีย่ วกับการสอน เปน็ คมู่ ือในการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนตามกลุม่ ต่าง ๆ ที่ เสนอแนะแนวทางหรอื เทคนิค วธิ กี ารสอน การใช้ส่อื หรอื นวัตกรรมท่ีสัมพันธ์กนั เชน่ คมู่ ือรายวิชา ค่มู อื จัดกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น คู่มอื การจดั กจิ รรมส่งเสริมนิสัยรักการอา่ นและการเรียนรู้ 2. คู่มือการปฏิบัติกิจกรรม เป็นเอกสารท่เี สนอแนวทางการปฏบิ ัตกิ ารฝึกงานของผูเ้ รยี น ท้งั สถานศึกษา หรือสถานประกอบการ รวมทั้งใหผ้ ู้ท่มี สี ว่ นเก่ียวขอ้ งกับการฝึกงานได้มีแนวทางใน การปฏบิ ตั ิใหเ้ ปน็ ไปในทิศทางเดยี วกนั เปน็ คูม่ ือทเ่ี กย่ี วข้องกบั การปฏบิ ัติกจิ กรรมใดกจิ กรรมหนง่ึ ให้ บรรลวุ ตั ถุประสงค์ตามทก่ี ำหนดไว้ 3. คมู่ อื ทวั่ ไป เปน็ หนังสือท่ีใหค้ วามร้เู ก่ียวกบั การทำสงิ่ ใดส่ิงหนึ่งแก่ผอู้ า่ นโดยมงุ่ หวงั ให้ ผู้อา่ นหรือผู้ใช้เขา้ ใจ สามารถดำเนนิ การในเรื่องนนั้ ๆ ด้วยตนเองได้อยา่ งถกู ตอ้ ง จากทีก่ ล่าวข้างตน้ สรปุ ไดว้ ่า ประเภทของคู่มอื แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คอื คูม่ ือครู คู่มือ นกั เรยี น และคู่มือทวั่ ไป ส่วนคูม่ อื การอบรมสามารถใชไ้ ด้กับครู นักเรยี น และท่วั ไป คมู่ ือทุกประเภท เป็นหนงั สอื หรือเอกสารท่ีให้แนวทางและคำแนะนำเกย่ี วกับการทำสิ่งใดสิง่ หน่ึงโดยมุ่งหวังใหผ้ ู้อา่ น อ่านแล้วสามารถนำไปปฏิบัติได้ทนั ที องคป์ ระกอบของคมู่ ือ มนี ักวิชาการได้แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั องค์ประกอบของค่มู อื ไวด้ ังน้ี พชั รพร สันติวิจิตรกลุ (2553, หน้า 36) ไดส้ รปุ องค์ประกอบของค่มู ือไดว้ า่ ในการจดั ทำ คู่มือต้องประกอบดว้ ย องค์ประกอบที่สำคัญทสี่ ดุ คือ วิธีการใช้ค่มู อื หรือคำแนะนำในการใชค้ ูม่ ือ เนอื้ หาสาระ คำชแี้ จงเกีย่ วกบั การจัดเตรยี มวัสดอุ ปุ กรณ์ การจดั กจิ กรรม แหลง่ ข้อมลู อ้างอิง เพื่อ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใชเ้ ครอื่ งมือ ใหส้ ามารถดำเนินงานไดบ้ รรลุวตั ถปุ ระสงคอ์ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และแบบฝึกหดั หรือแบบฝึกปฏิบัตเิ พอื่ ชว่ ยในการฝึกฝน เพื่อประโยชน์ในการช่วยให้การปฏบิ ตั งิ าน ประสบความสำเรจ็ บรรลตุ ามเป้าหมาย ท้งั น้ียงั ชว่ ยในการประหยัดทรัพยากร ประหยดั เวลา และ บุคลากร ตลอดจนผลงานมีคุณภาพตามเปา้ หมาย วิชติ วงศล์ ีลากรณ์ (2555, หนา้ 31) สรุปว่า คู่มือสามารถใชเ้ ป็นแนวทางใน การเตรยี มพรอ้ มสำหรบั ครใู นการรบั การประเมินผลงานทางวิชาการ องค์ประกอบของคู่มอื จะเปน็ การเรยี นร้ทู ่ีต้องการให้ผู้อ่านไดเ้ ข้าใจไดง้ ่าย สามารถประยุกตใ์ ชใ้ นลกั ษณะต่าง ๆ เพ่ือให้บรรลุ วัตถุประสงค์ จิตรตรี บุญกรวย (2555, หน้า 37) มแี นวคิดเก่ียวกบั องคป์ ระกอบของคู่มอื เป็นส่งิ จำเป็น อยา่ งย่งิ สำหรับการจัดทำคู่มอื เพราะจะเปน็ แนวทางหรือเครื่องมือ ตวั บ่งชถี้ ึงแนวคิดหลัก ขอบข่าย วตั ถุประสงค์ของคมู่ ือ ประโยชน์ของคู่มือ เน้ือหาสาระของคมู่ อื คำชแี้ จงแนวทางการปฏิบัติ พิชาพัชญ์ เครือสิทธินนท์ (2556, หนา้ 13) สรุปว่าองคป์ ระกอบของคู่มือ ควร ประกอบดว้ ย คำช้แี จงในการใชค้ มู่ อื โดยครอบคลุมถงึ วตั ถุประสงค์ของค่มู ือ ความร้พู ื้นฐานท่จี ำเป็น

49 วิธกี ารใช้ คำแนะนำเกี่ยวกบั การใชค้ ู่มือ รวมถึงเนอ้ื หาหรือความรูภ้ ายในท่ไี ด้มาจากการวเิ คราะหห์ รือ สงั เคราะห์ ทีจ่ ะชว่ ยใหผ้ ู้ใชเ้ กิดความรู้ ความเข้าใจท่ีกระจา่ งข้นึ สมเกียรติ ศิลปวศิ าล (2556, หน้า 45) สรปุ วา่ องค์ประกอบของคมู่ ือเป็นสิ่งสำคญั ย่ิง สำหรบั การจดั ทำคู่มอื ควรมีองคป์ ระกอบใหเ้ หมาะสมกบั ชนิดหรือประเภทของคู่มือนั้น ๆ มี องคป์ ระกอบดังนี้ 1. ปก 2. คำนำ 3. สารบัญ 4. คำช้ีแจงในการใชค้ ู่มอื 5. กิจกรรม ประกอบดว้ ย ชือ่ กจิ กรรม วัตถปุ ระสงค์ สาระสำคญั การดำเนินกิจกรรม สื่อ อปุ กรณ์ และการประเมินผล ปรีชา ช้างขวัญยนื (2556, หนา้ 166-171) ได้กลา่ ววา่ คู่มือครคู วรประกอบดว้ ย รายละเอยี ดทส่ี ำคัญดังตอ่ ไปนี้ 1. คำชี้แจงการใชค้ ู่มือ โดยปกตจิ ะครอบคลุม วัตถุประสงค์ของคมู่ ือ ความรู้พื้นฐาน ท่จี ำเปน็ ในการใชค้ มู่ ือ 2. เน้อื หาสาระท่จี ะสอน จะมกี ารใหเ้ นื้อหาสาระท่ีจะสอน โดยมคี ำช้แี จงหรือคำอธิบาย ประกอบ และอาจมีการวเิ คราะหเ์ นอื้ หาสาระใหผ้ ู้อา่ นเกดิ ความเข้าใจทกี่ ระจ่าง 3. การเตรียมการสอน ประกอบดว้ ยรายละเอียดเกีย่ วกับการเตรียมสถานที่ วัสดุ สือ่ อปุ กรณ์ และเคร่ืองมือทจี่ ำเป็น การเตรยี มวัสดุ เอกสารประกอบการสอน แบบฝกึ หดั แบบฝึกปฏิบตั ิ ข้อสอบ คำเฉลย การติดตอ่ ประสานงานทจี่ ำเปน็ 4. กระบวนการ วิธีการ กิจกรรมการสอน ส่วนนนี้ บั ว่าเปน็ สว่ นสำคัญของคมู่ ือครูทตี่ ้องให้ ขอ้ มูลหรือรายละเอยี ดต่าง ๆ ดังต่อไปน้ี คำแนะนำเกย่ี วกับขั้นตอนและวธิ ดี ำเนนิ การสอน คำแนะนำ และตวั อยา่ งเกี่ยวกบั กจิ กรรมการสอน คำถาม ตวั อย่าง แบบฝึกหัด แบบฝกึ ปฏิบัติ และสื่อตา่ ง ๆ ข้อเสนอแนะเกย่ี วกบั สิ่งควรทำ ไมค่ วรทำซ่ึงมาจากประสบการณ์ของผู้เรยี น 5. การวดั และประเมนิ ผล คมู่ อื ทีด่ ีควรให้คำแนะนำที่เกย่ี วขอ้ งกบั การสอนอยา่ งครบถว้ น การวดั และประเมินผลการสอน นับเป็นองคป์ ระกอบสำคัญของการสอนที่ตอ้ งให้รายละเอียดตา่ ง ๆ เชน่ เครอ่ื งมือวัด วธิ วี ัดผล เกณฑก์ ารประเมิน 6. ความรู้เสรมิ คู่มอื ครทู ่ีดีต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้ จดั หาหรอื จดั ทำข้อมลู ทจ่ี ะชว่ ยส่งเสรมิ ความรขู้ องครู

50 7. ปญั หาและคำแนะนำเก่ยี วกับการป้องกันและแกไ้ ขปัญหา ผ้เู ขยี นคู่มือ ควรเป็นผู้มี ประสบการณ์ในเรือ่ งท่ีจะเขียน และสามารถนำประสบการณ์มาช่วยใหผ้ ู้ใชห้ รือผอู้ ่านให้สามารถ กระทำสิ่งนั้น ๆ ได้อย่างราบร่ืน ไม่เกิดอุปสรรคหรือปัญหา 8. แหลง่ ข้อมูลหรือแหลง่ อา้ งอิง คมู่ ือครูเป็นหนังสือที่ใชเ้ ป็นแนวทางในการสอนหากครู ได้รบั ข้อมูลเก่ยี วกบั แหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ สามารถไปศึกษาค้นคว้าต่อไป กจ็ ะเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งย่งิ ต่อ การสอน สรปุ ได้วา่ จากองคป์ ระกอบของคู่มอื ข้างต้น ในการจัดทำคู่มือมีองค์ประกอบทส่ี ำคัญ คือ คำช้แี จงหรอื คำแนะนำในการใช้คูม่ อื เน้ือหาสาระ ขัน้ ตอนและวธิ ีการปฏบิ ตั งิ าน การวดั ผลและ ประเมินผลแหล่งอ้างอิงเพื่ออำนวยความสะดวกแกผ่ ูใ้ ช้ในการค้นคว้าและศกึ ษาเพิ่มเติม รวมทัง้ แบบฝึกหดั และแบบฝกึ ปฏิบัติเพือ่ ช่วยให้ผ้ใู ชค้ มู่ ือได้ทบทวนความรู้ ความเขา้ ใจสามารถดำเนนิ การ บรรลตุ ามวตั ถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ลกั ษณะของคู่มอื ทด่ี ี คมู่ ือท่ีดีคือคู่มอื ทผี่ ้ใู ชส้ ามารถทำความเข้าใจและนำปฏบิ ตั ิไดอ้ ย่างถูกต้องตรงตาม วตั ถุประสงค์ท่ีตัง้ ไว้ มนี ักวิชาการไดใ้ ห้ทศั นะเกยี่ วกับลักษณะคู่มือทีด่ ี สรปุ ไดด้ งั นี้ เอกวุฒิ ไกรมาก (2551, หนา้ 57) ได้อธิบายเกีย่ วกบั ลักษณะที่ดีของคมู่ ือวา่ สามารถเข้าใจ ลักษณะเนือ้ หา ขอบขา่ ย หรือสง่ิ ท่ีจะสอนไดอ้ ยา่ งกระจ่างชัด มองเห็นโครงรา่ งของการสอนทงั้ หมด ชว่ ยให้สามารถดำเนนิ ตามแนวทางและข้ันตอนตา่ ง ๆ ได้ บุศรินทร์ ทับแบน (2552, หน้า 53) ทำการสังเคราะหล์ ักษณะของคมู่ ือท่ดี ีออกเปน็ 6 ด้าน ได้แก่ 1. มีเน้ือหาเหมาะสม ตรงกับเร่อื งที่ศกึ ษา ถกู ต้องและครอบคลุมเนอื้ หาสาระของคู่มอื นั้น 2. การจดั ข้อมูลเรยี งลำดบั นำเสนอเปน็ ขั้นตอนทเี่ ข้าใจงา่ ย 3. รายละเอียดของคู่มอื ชดั เจนไม่ยากเกินไป 4. ผู้ใชข้ อ้ มูลอ่านแล้วสามารถปฏิบตั ิด้วยตนเอง 5. มกี รณตี วั อยา่ งประกอบในบางเรอื่ ง เพื่อจะได้ทำความเข้าใจง่าย 6. รูปเล่ม เป็นรูปเลม่ ทีส่ วยงาม ชดั เจนและทนต่อการใชง้ าน กาญจนา ยม้ิ พัฒน์ (2552, หน้า 73) ได้กลา่ วไว้วา่ คมู่ ือทดี่ ีควรมีลกั ษณะดงั น้ีคอื จะต้องมี เนือ้ หารัดกุม ครอบคลุม อ่านแลว้ เข้าใจงา่ ย มีรูปแบบทด่ี งึ ดูดใจสะดวกในการหยบิ ไปใช้ ทนต่อ การใชง้ าน ดำรงศักดิ์ สขุ โคนา (2552, หน้า 57) ได้สรุปวา่ ลกั ษณะของคู่มือที่ดจี ะตอ้ งมเี นื้อหาท่ี รดั กมุ ครอบคลุมเขา้ ใจง่าย มีความสะดวกในการดำเนนิ การใชแ้ ละเมื่อใช้แลว้ มผี ลสมั ฤทธ์ิในการใช้ คมู่ อื

51 นพพร แท่นนิล (2555, หน้า 59) สรุปวา่ ค่มู ือทดี่ นี ัน้ ควรเปน็ หนงั สือหรอื เอกสารเพื่อช่วย ให้ครสู ามารถนำไปใชเ้ ปน็ แนวทางในการปฏิบัตใิ นเรื่องใดเร่ืองหนึ่งได้จรงิ ตอ้ งระบุใหช้ ัดเจนวา่ ครจู ะ ไดร้ ับประโยชนอ์ ะไรบ้าง มกี ารแนะนำการใชก้ ารเตรยี มและเตรยี มอุปกรณ์ หรือเคร่ืองมือสำคัญ จำเปน็ ตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ยี วข้องกบั การปฏิบัติมกี ารเขยี นเรยี งลำดับการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ในเรื่องน้นั ๆ ใน รูปแบบของการนำเสนอคู่มือ สว่ นใหญจ่ ะมกี ารใช้รปู แบบภาษา การใชต้ ัวอักษรท่ชี ัดเจน อ่านเขา้ ใจ เพ่ือความสะดวกในการศกึ ษาและปฏิบตั ิตามได้ทันที จิตรตรี บุญกรวย (2555, หน้า 36) สรปุ ว่า ลกั ษณะของคู่มือทดี่ ี ผู้ใชส้ ามารถนำไปปฏบิ ตั ิ โดยไมย่ ่งุ ยาก มเี นือ้ หาทถี่ ูกต้อง ตรงตามวตั ถุประสงค์ โดยเขียนขัน้ ตอนที่เข้าใจง่าย ซง่ึ ผู้ใชอ้ า่ นแลว้ มี ความเข้าใจและปฏบิ ัติได้ถูกต้อง รูปแบบการนำเสนอน่าสนใจ เป็นท่ีดงึ ดูดใจของผ้อู า่ น ปรีชา ช้างขวญั ยืน (2556, หน้า 132) ใหท้ ัศนะเก่ยี วกบั ลักษณะการเขียนค่มู ือท่ีดีวา่ คู่มือ จะตอ้ งมคี วามชดั เจน ใหร้ ายละเอียดท่ีครบถว้ นและครอบคลุม เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจ อย่างแจ่มแจง้ การเขียนคมู่ ือตอ้ งครอบคลมุ ประเดน็ ต่าง ๆ สรุปไดด้ งั นี้ 1. ระบุไว้ชัดเจนว่า คมู่ ือนัน้ เปน็ คมู่ อื สำหรบั ใคร ใครเป็นผู้ใช้ 2. กำหนดวัตถปุ ระสงค์ใหช้ ดั เจน ตอ้ งการใหผ้ ใู้ ชไ้ ด้อะไรบา้ ง 3. คูม่ ือนจ้ี ะช่วยผู้ใชไ้ ด้อยา่ งไร ผใู้ ช้จะได้ประโยชนอ์ ะไรบ้าง 4. ควรมีส่วนทใ่ี หห้ ลกั การหรือความร้ทู ่ีจำเป็นแกผ่ ู้ใช้ในการใช้เคร่ืองมือเพื่อให้สามารถใช้ คู่มือให้เกิดประสทิ ธภิ าพสูงสุด 5. ควรมสี ว่ นที่ให้คำแนะนำแก่ผู้ใชเ้ กยี่ วกับการเตรียมตวั วสั ดอุ ุปกรณ์ที่ต้องใช้ 6. ควรมสี ่วนทใ่ี ห้คำแนะนำแกผ่ ู้ใช้เกย่ี วกบั ข้ันตอนหรือกระบวนการในการทำ 7. ควรมคี ำถามหรือกิจกรรมเพอ่ื ใหผ้ ู้ใช้สามารถตรวจสอบความเขา้ ใจทไี่ ดจ้ ากการอา่ น หรือการปฏิบัติตามขั้นตอนท่ีกำหนด และเวน้ ทีว่ า่ งใหผ้ ้ใู ชค้ ู่มอื สามารถเขียนคำตอบ 8. ควรใช้เทคนิคต่าง ๆ เพือ่ ช่วยใหส้ ามารถใชค้ ู่มือได้อย่างสะดวก เชน่ รูปเล่ม ตัวอกั ษร ขนาดตัวอักษร การใช้ตัวดำ การใช้สี การใช้ภาพเนน้ ข้อความบางตอน เป็นตน้ 9. การอ้างแหลง่ ที่มาเพื่อประโยชน์แก่ผ้ใู ช้คมู่ ือ เชน่ บรรณานุกรม รายช่อื สถาบัน รายช่ือสอ่ื รายชื่อบุคคลอ้างอิง เป็นตน้ พิชาพัชญ์ เครือสทิ ธินนท์ (2556, หนา้ 14) ได้กลา่ ววา่ ในการพฒั นาคมู่ ือขึ้นมานัน้ จำเป็น จะตอ้ งคำนงึ ถงึ ลักษณะของคู่มอื ท่ดี ี เพราะผู้ใชศ้ ึกษาคมู่ ือน้ันจะให้ความสนใจหรือไม่ อาจจะเร่ิมตน้ ต้ังแตห่ น้าปกที่มสี สี นั สวยงาม น่าสนใจ ตวั หนังสอื มีขนาดที่เหมาะสม ชดั เจน อ่านงา่ ย เน้ือหาภายใน มีภาพประกอบ และควรระบุว่าเปน็ คมู่ อื สำหรับใครกำหนดวัตถุประสงคใ์ ห้ชัดเจน ใหห้ ลักการและ คำแนะนำผ้ใู ช้เกย่ี วกับความรู้ การเตรยี มตวั ขั้นตอนการใช้ควรใช้ภาษาที่เขา้ ใจง่าย และควรออกแบบ ค่มู อื ใหส้ วยงามนาสนใจ

52 สมเกียรติ ศลิ ปวิศาล (2556, หน้า 47) ไดส้ รปุ วา่ ลักษณะที่ดีของคู่มือจะต้องมี การเรยี งลำดบั ขั้นตอนการใช้ให้ชัดเจนและงา่ ยต่อการทำความเข้าใจ เม่ืออ่านต้องสามารถนำไป ปฏบิ ัติได้ถูกตอ้ งไมส่ บั สน ต้องเนน้ แนวปฏิบตั ทิ ่สี ำคัญ ควรแสดงแผนภาพ แผนภูมิ แผนผัง เพอ่ื ชว่ ยให้ ปฏบิ ัตติ ามขน้ั ตอนตา่ ง ๆ ไดง้ ่ายและรปู แบบของคูม่ ือควรจะมรี ปู แบบทน่ี า่ สนใจ สวยงามนา่ อ่าน และ ทนต่อการใชง้ าน สรุปไดว้ า่ คูม่ ือท่ีดตี ้องมเี นื้อหาสาระครอบคลมุ วตั ถุประสงค์ ไม่ยากเกนิ ไป แบ่งเป็น ขัน้ ตอนมีตวั อย่างหรือแผนภาพ แผนภมู ปิ ระกอบเหมาะสมกับเนอ้ื หาเพื่อชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย รวมท้งั มี รปู แบบที่น่าสนใจเหมาะสมกับผ้ใู ชแ้ ละมแี หลง่ อ้างองิ ท่สี ามารถค้นคว้าเพมิ่ เติมได้ การพัฒนาคมู่ อื บศุ รินทร์ ทับแบน (2552, หน้า 56) ไดส้ งั เคราะห์ทฤษฎีข้ันตอนการพัฒนาคู่มอื ประกอบด้วย3 ขนั้ ตอน ได้แก่ 1. การศกึ ษาขอ้ มูลพน้ื ฐาน เปน็ การสำรวจสภาพปจั จบุ ันปัญหา 2. การพัฒนาคมู่ ือ เปน็ การนำข้อมลู ทไ่ี ด้จากการศกึ ษาสภาพปญั หามาสรุป และกำหนด เปน็ โครงรา่ งคู่มือ หาคุณภาพค่มู อื โดยการหาคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ ง IOC (Index of Congruence) จากผู้เชย่ี วชาญ นำผลไปแก้ไขปรบั ปรงุ ค่มู ือและหาประสิทธิภาพคู่มอื โดยการทดลองเป็นรายบคุ คล (Individual Try Out) นำผลไปแก้ไขปรบั ปรุงคมู่ ือ 3. การประเมนิ ความเหมาะสมของคมู่ ือและการแก้ไขปรับปรุงคู่มือ เสถยี ร คามีศักดิ์ (2553, หนา้ 16) ไดเ้ สนอแนวคิดการเขยี นคมู่ อื การปฏบิ ัตงิ านไวว้ า่ 1. เป็นงานท่ีอยูใ่ นความรับผิดชอบ และมีความสำคัญตอ่ องคก์ ร 2. ครอบคลุมภาระหนา้ ทห่ี รือช้ินงานไดช้ ิน้ งานหนึ่ง 3. เป็นงานท่ตี นเองมคี วามรู้ความเข้าใจลึกซงึ้ 4. ต้องเป็นประโยชนต์ ่อการปฏิบัติหนา้ ท่ี รวมทง้ั ได้รับการสนับสนุนจากผบู้ งั คบั บญั ชา 5. ผอู้ ืน่ อา่ นแล้วสามารถปฏิบัติได้ 6. ลกั ษณะของค่มู ือการปฏิบัติงาน ตอ้ งมีลกั ษณะดังตอ่ ไปน้ี 6.1 ข้ันตอนการปฏิบัตงิ าน 6.2 กฎระเบยี บทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการปฏบิ ัติงาน 6.3 อธบิ ายการปฏิบตั งิ านแต่ละข้นั ตอนและเทคนคิ การปฏิบัติงาน 6.4 มีการยกตวั อย่างของเอกสารในแต่ละขั้นตอน 6.5 ปญั หาและข้อเสนอแนะในการปฏิบตั ิงาน

53 จติ รตรี บญุ กรวย (2555, หน้า 38) ไดส้ รุปว่า การเขียนคู่มือนั้นผู้เขียนต้องรู้จกั วเิ คราะห์ วางแผนใหเ้ ปน็ ไปตามขนั้ ตอนอยา่ งละเอยี ดรอบคอบ ไมท่ ำให้ผูใ้ ชค้ ู่มือสบั สนหรอื กังวลใจต่อการลงมือ ปฏิบตั ิ นพพร แทน่ นลิ (2555, หนา้ 60) ได้กล่าววา่ การเขียนคูม่ ือจะต้องเขยี นให้อ่านและเข้าใจ ง่าย มคี วามกระชับ ชัดเจนในเนื้อหาและใช้ภาษาในการเขยี นเรือ่ งราวใหช้ วนติดตาม ส่วนการจัด ภาพประกอบและข้อความต้องเหมาะสมทจ่ี ะอธบิ ายเรอื่ งราวน้ัน ๆ ไดด้ ี พร้อมท้งั ออกแบบใหด้ งึ ดูด ความสนใจของผ้อู า่ นดว้ ย จากข้นั ตอนการพฒั นาคู่มอื ของนักการศึกษาที่กลา่ วมา สรุปไดว้ า่ ขน้ั ตอนการพฒั นาคู่มือ ประกอบด้วย 3 ขน้ั ตอน คือ (1) การศึกษาข้อมูลพน้ื ฐาน (2) การพัฒนาค่มู ือ (3) การประเมนิ ความเหมาะสมและแก้ไขปรบั ปรงุ คูม่ ือ แนวคิดทฤษฎเี กยี่ วกบั ความพงึ พอใจ ความหมายของความพึงพอใจ ราชบณั ฑติ ยสถาน (2556, หนา้ 840) ได้ใหค้ วามหมายของความพึงพอใจ หมายถึง รักหรือชอบ อย่างไรกด็ ีความพึงพอใจในแต่ละบุคคลไมม่ ีวันสนิ้ สุด เปลยี่ นแปลงไดเ้ สมอตามกาลเวลา และสภาพแวดลอ้ ม บคุ คลจึงมีโอกาสไมพ่ ึงพอใจในส่งิ ทเี่ คยพึงพอใจ Good (1973, p. 384) กลา่ ววา่ ความพึงพอใจ หมายถงึ คุณภาพ สภาพ หรือระดบั ความพึงพอใจ ซง่ึ เป็นผลมาจากความสนใจ และเจตคติของบุคคลท่ีมีตอ่ งานของตน Kotler (2000, p. 112) กลา่ วว่าความพงึ พอใจหมายถึง พฤติกรรมของมนษุ ยเ์ กดิ ขึ้นต้องมี สงิ่ จงู ใจ (Motive) หรือแรงขับดัน (Drive) เป็นความต้องการที่กดดนั จนมากพอท่จี ะจูงใจใหบ้ คุ คลเกดิ พฤติกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง จิตใส เกตุแกว้ (2556) กล่าวว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ความรสู้ กึ ทดี่ ี ความรู้สึกรัก ชอบ ในสงิ่ ท่ีสอดคล้องกับความต้องการของตนเอง ความพึงพอใจก่อใหเ้ กดิ ความร่วมมอื ร่วมใจ ความเข้าใจ อันดตี ่อกัน และเปน็ ปจั จยั สำคญั ประการหน่ึงที่ช่วยใหก้ ารดำเนินงานประสบความสำเร็จ ความรู้สึกนี้ จะช่วยจูงใจให้เกิดความรกั ในงาน โดยเฉพาะเม่ือบุคคลนัน้ ไดม้ ีสว่ นรว่ มในงาน ทำให้มีความรู้สึก ภาคภูมใิ จ มีความกระตือรอื ร้น มีความรูส้ กึ ม่นั คง และมีความมงุ่ มั่นทจ่ี ะอุทิศตนและท่มุ เทให้กบั งาน อยา่ งเตม็ ท่ี งานทุกอย่างจะดำเนินไปอยา่ งมีประสิทธภิ าพและบรรลุเปา้ หมายทตี่ ั้งไว้ กานตม์ ณี เลิศมงคลธรรม (2556) ได้กลา่ ววา่ ความพึงพอใจ หมายถึง ความพอใจ ชอบใจ และมีความสขุ ความต้องการหรือเปา้ หมายที่ตั้งใจไว้บรรลุผลหรอื สมหวัง

54 สกุ ัญญา แสงศรี (2556, หนา้ 34) ได้กล่าวว่า ความพงึ พอใจ หมายถงึ ความรู้สึกชอบ เห็น ด้วย ประทับใจ ภูมใิ จ ยินดี ในสงิ่ ท่สี อดคล้องกบั ความต้องการของตัวเอง ความพึงพอใจกอ่ ใหเ้ กดิ ความรว่ มมือรว่ มใจ ความเข้าใจอันดีต่อกัน ความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นปัจจยั สำคญั ประการหนึง่ ท่ี ชว่ ยใหก้ ารดำเนนิ งานประสบความสำเร็จ สรุปความพึงพอใจ หมายถึง ความร้สู ึกพอใจที่แสดงออกเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ ของบุคคล โดยไดร้ บั ตรงตามจุดประสงค์ท่ีต้ังเป้าหมายไว้ เมอ่ื ไดร้ บั ตรงตามจุดประสงคแ์ ลว้ ก็จะรู้สกึ พอใจต่อส่ิงนัน้ ทฤษฎเี กี่ยวกบั ความพึงพอใจ ปรยี าพร วงศอ์ นุตรโรจน์ (2553, หนา้ 48-50) ได้กลา่ วถงึ ความพึงพอใจวา่ เป็น ความต้องการของมนษุ ยโ์ ดยท่ัวไปแบง่ ออกเป็น 2 ลักษณะ คอื (1) ความต้องการทางกายภาพ (Physiological needs) เป็นแรงผลักดนั ทเี่ กิดขึ้นพรอ้ มกบั ความตอ้ งการมชี วี ติ การดำรงชวี ติ วฒุ ภิ าวะไม่จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์การเรยี นรูแ้ ต่อย่างไร เกิดขน้ึ เน่ืองจากความต้องการทาง ร่างกาย ของเราเป็นสำคัญ เป็นแรงขบั เบ้ืองต้นท่ีร่างกายถูกกระตุ้นทำให้เกิดความรวู้ อ่ งไว กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวาที่จะต้องสนองต่อสงิ่ เรา้ เกิดขน้ึ จากสภาวะทางอารมณ์ สงิ่ กระตุน้ ท้งั จาก ภายนอกและภายใน (2) ความต้องการทางจิตใจและสังคม (Psychological and social) ความตอ้ งการประเภทนี้ค่อนข้างสลับซบั ซอ้ นและเกิดขึน้ จากสภาพสงั คม วฒั นธรรม การเรยี นรู้และ ประสบการณ์ท่ีบคุ คลนั้นได้รับและเปน็ สมาชิกอยู่ ความต้องการทางจิตใจและสงั คมน้ียงั แตกต่างกนั ไปตามแต่ละบุคคล แต่ละสงั คมและฐานะทางสงั คมของบุคคล รวมทงั้ เวลาและโอกาสทแี่ ตกต่าง ออกไปดว้ ย มีหลายทฤษฎีที่อธบิ ายความตอ้ งการของบคุ คล ท่ีแสดงถึงความพงึ พอใจ ดงั น้ี 1. ทฤษฎีความต้องการตามลำดับชั้นของ มาสโลว์ (Maslow’s hierarchy of needs) มาสโลว์ (Maslow, 1970, p. 970) อธบิ ายว่ามนุษยถ์ ูกกระตนุ้ จากความปรารถนาทจ่ี ะได้ ครอบครอง ความต้องการเฉพาะอยา่ ง ซ่ึงความต้องการนี้ เขา้ ได้ตั้งสมมตฐิ านเกย่ี วกบั ความตอ้ งการ ของบุคคลไว้ดังนี้ (Hick, 1967 อ้างถึงใน ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์, 2553, หนา้ 51-52) 1.1 บุคคลยอ่ มมคี วามต้องการอยเู่ สมอและไม่ส้ินสุด ขณะทค่ี วามต้องการใดไดร้ ับ การตอบสนองแล้ว ความต้องการอย่างอืน่ เกดิ ขึ้นอกี ไมม่ ีวนั จบสิ้น 1.2 ความต้องการที่ไดร้ บั การตอบสนองแล้วจะไม่เปน็ ส่งิ จูงใจของพฤติกรรมอื่น ๆ ต่อไป ความต้องการที่ยงั ไมไ่ ด้รบั การตอบสนองจึงเปน็ ส่งิ จงู ใจในพฤติกรรมของคนนัน้ 1.3 ความตอ้ งการของบุคคลจะเรยี งเปน็ ลำดับข้ันตอนความสำคัญ เมื่อความต้องการ ระดับตำ่ ไดร้ ับการตอบสนองแล้ว บุคคลกจ็ ะให้ความสนใจกบั ความต้องการระดับสูงต่อไป ลำดับความตอ้ งการของบุคคลที่กอ่ ให้เกิดความพงึ พอใจมี 5 ขนั้ ตอนตามลำดับดังนี้

55 1. ความตอ้ งการทางกายภาพ เปน็ ความต้องการข้นั พน้ื ฐานท่ีสดุ เพ่ือความมีชวี ิตอยู่รอด ได้แก่ ความต้องการอาหาร น้ำ อากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสม เปน็ ตน้ 2. ความต้องการความปลอดภยั เป็นความต้องการแสวงหาความปลอดภยั จากสง่ิ แวดลอ้ ม และความคมุ้ ครองจากผู้อืน่ 3. ความต้องการความรกั และการมีส่วนเป็นเจ้าของความร้สู ึกวา่ ตนได้รับความรัก และมี ส่วนร่วมในการเข้าหมู่พวก 4. ความตอ้ งการได้รับการยกยอ่ งนบั ถือ เปน็ ความต้องการใหค้ นอ่ืนยกย่องใหเ้ กียรติและ เห็นความสำคัญของตน 5. ความต้องการความสำเร็จในชวี ติ เป็นความตอ้ งการสงู สุดในชวี ิตของตน เปน็ ความต้องการทเ่ี กีย่ วกับการทางานท่ีตนเองชอบหรือต้องการเป็นมากกว่าทีเ่ ป็นอยู่ในขณะนี้ 2. ทฤษฎีความต้องการของแอลเดอร์เฟอร์ (Alderfer’s modifiled need hierarchy theory) แอลเดอรเ์ ฟอร์ (Alderfer, 1972 อ้างถงึ ใน ปรยี าพร วงศ์อนุตรโรจน์, 2553, หนา้ 52) ได้ คดิ ทฤษฎคี วามต้องการทเ่ี รียกว่าทฤษฎีออี าร์จี (ERG: Existence – Relatedness – growth theory) โดยแบง่ ความต้องการทส่ี ง่ ผลตอ่ ความพึงพอใจของบุคคลเปน็ 3 ประการ คือ 2.1 ความตอ้ งการมชี วี ิตอยู่ (Existence needs) เป็นความท่ตี อบสนองเพ่อื ใหม้ ีชีวิต อย่ตู อ่ ไป ได้แก่ ความตอ้ งการทางกายและความต้องการความปลอดภัย 2.2 ความต้องการมีสมั พันธภาพกับผู้อ่ืน (Relatedness needs) เป็นความต้องการ ของบุคคลท่ีจะมีมิตรสัมพันธ์กบั บุคคลรอบข้างอยา่ งมคี วามหมาย 2.3 ความต้องการเจริญก้าวหนา้ (Growth needs) เปน็ ความต้องการสูงสุด รวมถึง ความตอ้ งการไดร้ ับการยกยอ่ ง และความสำเรจ็ ในชวี ิต 3. ทฤษฎีความต้องการของเมอรเ์ รย์ (Murray’s manifest needs theory) เมอรเ์ รย (Murray ,1938 อา้ งถงึ ใน ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์, 2553, หนา้ 52 53) ได้ อธิบายวา่ ความตอ้ งการของบคุ คลมคี วามต้องการหลายอยา่ งในเวลาเดียวกนั ได้ ความต้องการของ บคุ คลทเี่ ป็นความสำคญั เก่ียวกับการทำงานมีอยู่ 4 ประการ คอื 3.1 ความตอ้ งการความสำเร็จ หมายถงึ ความต้องการท่จี ะทำสิง่ ใดสง่ิ หนึ่งให้สำเรจ็ ลุลว่ งไปดว้ ยดี 3.2 ความตอ้ งการมมี ิตรสมั พันธ์ ความต้องการมคี วามสัมพันธ์อันดีกบั บุคคลอื่น โดย คำนงึ ถงึ การยอมรับของเพื่อนร่วมงาน 3.3 ความต้องการอสิ ระ เป็นความต้องการท่ีเป็นตัวของตัวเอง

56 3.4 ความต้องการมีอำนาจ ความตอ้ งการท่ีจะมอี ิทธิพลเหนอื คนอ่ืน และต้องการทีจ่ ะ ควบคุมคนอืน่ ให้อยใู่ นอำนาจของตน 4. ทฤษฎีความต้องการความสำเรจ็ ของแมคคลีแลนด์ (Mc Cleland’s achievement motivation theory) แมคคลแี ลนด์ (Mc Cleland, 1965 อา้ งถึงใน ปรยี าพร วงศอ์ นุตรโรจน์, 2553, หนา้ 53) ได้เน้นความต้องการท่ชี ่วยให้บคุ คลมคี วามพงึ พอใจไว้ 3 ประเภท คอื 4.1 ความต้องการประสบความสำเรจ็ (Need for achievement) เปน็ ความตอ้ งการ มผี ลงานและบรรลเุ ปา้ หมายท่ีพึงปรารถนา 4.2 ความต้องการมิตรสมั พันธ์ (Need for affiliation) เป็นความต้องการมี สัมพันธภาพที่ดีกับผ้อู น่ื 4.3 ความต้องการอำนาจ (Need for power) เป็นความต้องการมีอิทธิพล และ ครอบงำเหนือผู้อ่ืน โดยสรุป ความต้องการของบุคคลมที ้ังความต้องการทางกายภาพ และความต้องการทาง จติ ใจหรือสังคม ความต้องการทแี่ ตกตา่ งกันของบุคคลทำใหก้ ารตอบสนองแตกตา่ งกนั ไปดว้ ย ความต้องการที่สำคญั ของบุคคลหรืออาจไมใ่ ช่ความตอ้ งการท่สี ำคัญของอีกคนหน่งึ ก็เปน็ ได้ เบอรน์ อาร์ด (Bernard ,1985, p. 559) ได้กลา่ วถึง สิง่ จงู ใจทใ่ี ชเ้ ปน็ เครอ่ื งกระตนุ้ บคุ คลให้ เกิดความพงึ พอใจในงานไว้ 8 ประการ คือ 1. สง่ิ จงู ใจทเ่ี ป็นวตั ถุ ไดแ้ ก่ เงิน สง่ิ ของ หรือสภาวะทางกายทใ่ี หแ้ กผ่ ปู้ ฏิบัตงิ านเปน็ การตอบแทน ชดเชย หรอื เป็นรางวลั ทเ่ี ขาไดป้ ฏิบตั ิงานให้แกห่ น่วยงานน้นั มาเป็นอย่างดี 2. ส่ิงจงู ใจท่เี ป็นโอกาสของบุคคลทีม่ ิใชว่ ัตถุ เป็นสิ่งจงู ใจสำคญั ทช่ี ว่ ยสง่ เสรมิ ความร่วมมือ ในการทางานมากกวา่ รางวัลทเี่ ปน็ วัตถุ เพราะส่งิ จงู ใจท่เี ป็นโอกาสน้ีบคุ ลากรจะได้รบั แตกตา่ งกัน เช่น เกยี รตภิ มู ิ การใช้สิทธิพิเศษ เปน็ ต้น 3. สภาพทางกายท่ีพึงปรารถนา หมายถงึ ส่ิงแวดลอ้ มในการปฏิบัติงาน ได้แก่ สถานที่ ทำงาน เครื่องมือการทำงาน สิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานต่าง ๆ ซึง่ เป็นส่ิงอนั ก่อให้เกดิ ความสุขทางกายในการทำงาน 4. ผลประโยชนท์ างอุดมคติ หมายถงึ สมรรถภาพของหนว่ ยงานทส่ี นองความต้องการของ บุคคลดา้ นความภาคภมู ิใจท่ีไดแ้ สดงฝีมอื การได้มโี อกาสช่วยเหลือครอบครัวตนเองและผูอ้ นื่ ทั้งได้ แสดงความภกั ดีต่อหนว่ ยงาน 5. ความดึงดดู ใจในสงั คม หมายถงึ ความสัมพันธฉ์ นั ทม์ ิตร ถา้ ความสมั พันธเ์ ป็นไปด้วยดี จะทาให้เกิดความผูกพนั และความพอใจท่จี ะร่วมงานกบั หน่วยงาน 6. การปรับสภาพการทำงานใหเ้ หมาะสมกับวิธกี ารและทศั นคตขิ องบุคคล หมายถงึ

57 การปรับปรงุ ตำแหน่งวิธีทำงานให้สอดคล้องกับความสามารถของบคุ ลากร 7. โอกาสทจ่ี ะร่วมมือในการทำงาน หมายถึง การเปดิ โอกาสให้บคุ ลากรรู้สึกว่ามีส่วนร่วม ในงานเป็นบุคคลสำคัญคนหน่ึงของหน่วยงาน มีความรู้สกึ เทา่ เทียมกนั ในหมู่ผูร้ ่วมงานและมีกำลังใจ ในการปฏิบตั งิ าน 8. สภาพของการอยรู่ ่วมกัน หมายถึง ความพอใจของบุคคลในดา้ นสังคมหรือความมั่นคง ในการทำงาน งานวิจยั ท่เี กย่ี วขอ้ ง วิลัยภรณ์ บุณโยทยาน (2552) ศกึ ษาการพฒั นาครดู ้านการจดั การเรยี นรูท้ เ่ี น้นผู้เรยี นเปน็ สำคญั โดยการนเิ ทศแบบมีส่วนร่วม โรงเรียนสกลราชวทิ ยานกุ ลู สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา สกลนคร เขต 1 โดยใช้การวจิ ัยเชงิ ปฏิบัติการแบบมีส่วนรว่ ม 4 ขั้นตอน คอื ข้ันวางแผน ขั้นปฏิบัติ ขั้นสังเกตการณ์ และข้นั สะท้อนผล กล่มุ ผรู้ ่วมวจิ ัยได้แก่ ผู้วิจัย ครูกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย จำนวน 17 คน และครูกลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ จำนวน 5 คน รวมทัง้ หมด 23 คน และกล่มุ ผูใ้ ห้ ข้อมูลได้แก่ ครกู ลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย จำนวน 17 คน ครูกลุ่มสาระการเรียนร้ศู ิลปะ 5 คน และตวั แทนนักเรียน จำนวน 361 คน รวมท้ังสิน้ 384 คน เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ประกอบดว้ ย แบบสอบถาม แบบทดสอบ แบบสังเกต แบบสมั ภาษณ์ แบบประเมิน และแบบบันทึก ผลการวจิ ยั พบวา่ สภาพปญั หาเกย่ี วกบั การพฒั นาครดู ้านการจดั การเรียนรูท้ ีเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ สอนโดยเนน้ เนอื้ หา และการจำ เพราะมีความต้องการใหน้ ักเรยี นไดร้ บั ความรู้ด้านทฤษฎีให้มากทีส่ ดุ เพือ่ การสอบแขง่ ขนั ในระดับสูงข้นึ ไป ครูมกี ารเตรยี มการสอนน้อย มกั ใชป้ ระสบการณก์ ารสอนมา นานจึงมักสอนตามตำราและความเคยชนิ นกั เรียนมีสว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้นอ้ ย สว่ น ใหญจ่ ะปฏบิ ตั ิตามท่คี รูบอก ด้านความตอ้ งการพัฒนาตนเองของครกู ลมุ่ เป้าหมาย พบว่า มคี วาม ตอ้ งการรบั การพัฒนามากทสี่ ุด โดยเฉพาะด้านการวัดผล ประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ และการเขยี น แผนการจัดการเรียนรู้ทเี่ นน้ เปน็ สำคัญ และรปู แบบท่ตี ้องการในการพฒั นาคือการประชุมเชิง ปฏิบัตกิ าร การพัฒนาครดู ้านการจดั การเรยี นรทู้ ่ีเนน้ ผ้เู รยี นเป็นสำคญั โดยมีการดำเนินการพัฒนาโดย การประชุมเชงิ ปฏิบัติการ ทำให้ครไู ดร้ ับความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่เี นน้ ผู้เรยี น เป็นสำคัญ ได้แก่ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ การเขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้ทเ่ี น้นผู้เรยี นเป็น สำคญั เทคนิคการจัดการเรยี นรทู้ ่เี น้นผ้เู รยี นเป็นสำคัญ การวัดผลและประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ และ การนิเทศแบบมีสว่ นรว่ มเพิ่มขนึ้ เป็นระดบั มากทส่ี ุด การตดิ ตามผลการพฒั นาครดู า้ นการจัดการเรียนรู้ ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสำคญั โดยการนิเทศแบบมสี ่วนร่วม ประกอบด้วยการประเมินแผนการจัดการเรยี นรู้ ท่เี น้นผู้เรียนเป็นสำคัญและการสงั เกตพฤติกรรมการจัดการเรยี นรูข้ องครู การสะทอ้ นขอ้ มูลยอ้ นกลบั

58 ของคู่นเิ ทศ การประชุมกลมุ่ ภายใต้การให้คำปรกึ ษาของฝ่ายบรหิ ารหลังการพฒั นาทงั้ 2 วงรอบ พบวา่ กลุ่มเปา้ หมายทุกคนสามารถจัดทำแผนการเรยี นร้ทู ่ีเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั ได้ถูกต้องครบตาม องค์ประกอบ และสามารถจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำคญั ได้อยู่ในระดับมากทสี่ ดุ ธีระวัฒน์ คำชมุ่ (2553) ทำการศกึ ษาการนิเทศแบบมีสว่ นร่วมของโรงเรียนในกลมุ่ หว้ ยชมภู เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาเชียงราย เขต 1 ประชากรที่ใชค้ อื ผู้บริหารโรงเรยี นและครูผู้สอนของ โรงเรยี นในกล่มุ หว้ ยชมพู เขตพนื้ ที่การศกึ ษาเชยี งราย เขต 1 ปีการศึกษา 2552 รวมจำนวนทัง้ สนิ้ 89 คน ผลการศึกษาพบวา่ ผูต้ อบแบบสอบถามสว่ นใหญ่ให้ขอ้ มูลไวว้ ่า ได้แลกเปล่ียนความคดิ เห็นกบั ครผู ู้สอนในเร่อื งการนเิ ทศ ประมวลปัญหาการนิเทศเพ่อื หาสภาพปัจจุบันและปัญหาการนเิ ทศ ได้กำหนดแนวทางและรูปแบบในการนเิ ทศรว่ มกัน กำหนดบทบาทผู้นิเทศรว่ มกนั ได้ประชุมครผู ูส้ อน ทกุ คนเพ่อื ปรึกษาการสร้างสื่อและเครื่องมือการนิเทศ เลอื กส่อื และเครอื่ งมอื ในการปฏบิ ตั ิการนิเทศ รว่ มกนั ได้ประชุมชแ้ี จงก่อนปฏบิ ตั ิการนิเทศ ไดน้ ิเทศภายในโรงเรยี นโดยผูบ้ รหิ ารโรงเรยี น ไดป้ ระเมินผลโดยการสังเกตพฤตกิ รรมครผู ้สู อน ประเมินผลโดยการสอบถามและสัมภาษณ์ ขณะที่ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนนอ้ ยได้เสนอปญั หาที่พบไว้ดงั น้ี การนิเทศภายในโรงเรียนไม่ไดท้ ำ อยา่ งต่อเนอื่ ง ผูน้ เิ ทศและผทู้ เี่ ก่ียวข้องไม่มีความรใู้ นการสรา้ งสือ่ และเครือ่ งมอื การนิเทศ โดยมี ข้อเสนอแนะวา่ ควรนิเทศภายในโรงเรียนอย่างเปน็ ระบบ ควรเปดิ โอกาสให้ครผู ู้สอนมีส่วนรว่ มใน การวางแผนการนเิ ทศและควรแจ้งผลการนเิ ทศเป็นลายลักษณอ์ ักษรให้ครูผู้สอนทราบ พนดิ า มาแกว้ สอง (2554) ทำการศกึ ษาเร่ือง การนเิ ทศแบบมสี ว่ นรว่ มท่ีส่งผลตอ่ การพัฒนาห้องสมดุ มชี วี ติ สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 15 มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อศึกษา ผลการดำเนนิ การนิเทศแบบมีสว่ นรว่ มและคูม่ อื การนเิ ทศ พบวา่ คู่มอื มีคณุ ภาพสอดคล้องและ เหมาะสม กับวตั ถุประสงค์ และองคค์ วามรทู้ ่ีเป็นเน้อื หาของคู่มือการนเิ ทศที่กำหนด เมื่อตรวจสอบ ความเหมาะสม และสอดคล้องขององคป์ ระกอบของคมู่ ือการนิเทศ จากการนำคำตอบของผเู้ ชีย่ วชาญ แต่ละทา่ นมาแปลคะแนนแลว้ ปรากฏวา่ เน้ือหาและรายละเอียดของคู่มอื การนเิ ทศ มคี ่าดัชนี ความสอดคล้องเท่ากบั 1.00 ทกุ ข้อ และกระบวนการนิเทศแบบมีสว่ นรว่ มเปน็ กระบวนการนิเทศที่ ผู้นเิ ทศและผ้รู บั การนิเทศตอ้ งร่วมมอื กนั ทกุ ขน้ั ตอน ต้ังแตก่ ารประชมุ วางแผน การวิเคราะห์ ร่วมคดิ รว่ มสงั เคราะห์ ร่วมปฏิบัติ และร่วมประเมนิ ผลสำเร็จของงานโดยมีการใหค้ วามรู้ ให้คำแนะนำให้ คำปรกึ ษาชี้แนะแนวทางการปรบั ปรงุ แก้ไข และพฒั นาทำให้ครบู รรณารักษ์ซ่ึงเป็นผรู้ ับการนเิ ทศ เกดิ ความเขา้ ใจต่อการบรหิ ารจัดการห้องสมุดมีชีวติ จนสามารถนำความรู้ไปพัฒนาห้องสมุดให้เกิด ความก้าวหน้า จีรวรรณ สวุ รรณสาม (2557) ทำการศึกษาเรื่อง การพัฒนาค่มู ือการนิเทศภายในแบบ คูส่ ญั ญาโรงเรยี นมัธยมพัชรกิตยิ าภา ๓ สรุ าษฎร์ธานี ศึกษาสภาพปญั หาและความต้องการ การนิเทศภายในและพฒั นาคู่มือการนิเทศภายในแบบคู่สัญญา และประเมินความเหมาะสมของค่มู ือ

59 การนเิ ทศภายในแบบค่สู ัญญา โรงเรียนมัธยม พชั รกติ ยิ าภา ๓ สุราษฎร์ธานี โดยเก็บรวบรวมขอ้ มูล จากผ้บู รหิ ารและครผู ู้สอน จำนวน 60 คน เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู เปน็ แบบสอบถาม วเิ คราะห์ข้อมูล ผลการวจิ ัยพบว่า สภาพปญั หาและความต้องการ ครตู อ้ งการให้สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจในเรอื่ งการนิเทศภายในแบบคสู่ ญั ญาใหแ้ ก่คณะครูทุกคนในโรงเรยี นใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจอยา่ งชดั เจน โดยดำเนินการในรูปแบบการอบรมใหค้ วามรู้ หรอื ดำเนินการศึกษาดว้ ย ตนเอง จากเอกสารค่มู ือการนิเทศภายในแบบค่สู ญั ญาของโรงเรยี น ผลการตรวจสอบโครงร่างค่มู ือ โดยผ่านผ้เู ช่ยี วชาญ จำนวน 5 ท่าน โดยการหาคา่ ความเท่ยี งตรงเชงิ เน้อื หา คา่ ความเชื่อม่ัน (IOC) ได้ ค่าท่ี 0.84 สว่ นผลการประเมินความเหมาะสมของคู่มอื การนิเทศภายในแบบคสู่ ัญญาของโรงเรียน มัธยมพชั รกติ ยิ าภา ๓ สุราษฎร์ธานี โดยรวมและรายด้านมีความเหมาะสมระดับมาก นงนุช พันธจ์ ยุ้ (2557) ศึกษาเรือ่ ง การพัฒนาชดุ นเิ ทศการจัดการเรยี นร่วมเพ่ือพฒั นา คณุ ภาพการศึกษาของนักเรยี นท่ีมคี วามต้องการพเิ ศษ วตั ถุประสงคเ์ พื่อสร้างและหาประสิทธิภาพ ชุดนเิ ทศการจดั การเรียนร่วมเพอื่ พฒั นาคุณภาพการศึกษาของนกั เรียนทม่ี คี วามตอ้ งการพิเศษ เพอ่ื เปรยี บเทียบผลการเรยี นรู้ของครผู ูส้ อนระหว่างกอ่ นและหลังการใช้ชุดนเิ ทศฯ เพ่ือศึกษาผลการใช้ ชุดนเิ ทศฯ และเพื่อศึกษาความพงึ พอใจของครผู ู้สอนทม่ี ีต่อชุดนิเทศฯ กลุ่มตวั อยา่ งเปน็ ครูผ้สู อน ทร่ี บั ผิดชอบนกั เรยี นพิการเรียนรว่ มโรงเรยี นละ 1 คน จำนวน 43 คน โดยเลือกกลุม่ ตวั อย่างแบบ เจาะจง ผลการศึกษาพบวา่ ชดุ นเิ ทศการจดั การเรยี นร่วมเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรยี น ทมี่ ีความต้องการพิเศษ มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เทา่ กับ 88.15/84.81 ซงึ่ สูงกวา่ เกณฑท์ ี่ตั้งไว้ (80/80) ผลการเรยี นรู้ของครูผ้สู อนระหว่างก่อนและหลังการใชช้ ดุ นิเทศฯ มีความแตกต่างกันอย่างมี นยั สำคญั ท่ีระดับ .01 คุณภาพของการดำเนินงานจดั การเรียนรว่ มของโรงเรียนจัดการเรียนรว่ มท่ี ได้รบั การนิเทศโดยใชช้ ดุ นเิ ทศฯ มคี ุณภาพในระดับมากถงึ มากท่สี ุด และครทู ีเ่ ข้ารับการนิเทศโดยใช้ ชุดนเิ ทศฯ มคี วามพึงพอใจตอ่ การใช้ชุดนเิ ทศโดยรวมอยู่ในระดบั มากทส่ี ดุ ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน ทีต่ ัง้ ไว้ กรรณิการ์ วมิ ตุ ิการ (2558) ทำการศึกษาเรื่อง การพัฒนาคู่มอื การนเิ ทศภายในของ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวดั สุราษฎรธ์ านี โดยเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากผู้บริหาร จำนวน 2 คน ครผู สู้ อน จำนวน 46 รวม จำนวน 48 คน โดยใชแ้ บบสอบถาม มีค่าความเชอ่ื ม่ัน 0.82 ผลการวิจัยพบว่า สภาพปญั หาการนิเทศภายในโรงเรยี นเอกชนสอนศาสนาอิสลาม โดยรวมและ รายด้านอยู่ในระดับปานกลาง เรยี งลำดับคือ ดา้ นกิจกรรมการนิเทศภายใน ดา้ นเครอ่ื งมือการนิเทศ ภายในโรงเรียน ดา้ นแนวทางการนเิ ทศภายในโรงเรยี น และดา้ นการประเมนิ ผลการนิเทศภายใน โรงเรียน ความเหมาะสมของคูม่ ือการนิเทศภายในโรงเรยี นเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน จังหวัดสุราษฎรธ์ านี โดยรวมอยใู่ นระดับมากท่ีสุด เรียงตามลำดบั คือ ด้านรูปเลม่ ดา้ นการออกแบบ ด้านการจัดการในเนอื้ หา ด้านเนอ้ื หาและด้านการใช้ภาษา

60 บญุ จันทร์ รงุ่ ฟา้ (2558) ทำการศึกษาเรื่อง การพฒั นาคมู่ ือการนเิ ทศภายในโรงเรียน ประถมศกึ ษาอำเภอดอนสัก สังกัดสำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสรุ าษฎรธ์ านี เขต 1 เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากผ้บู รหิ าร จำนวน 20 คน ครูผสู้ อน จำนวน 100 คน รวมจำนวน 120 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอยา่ งง่าย โดยใช้แบบสอบถาม มีค่าความเช่ือมัน่ 0.98 ผลการวจิ ยั พบวา่ สภาพ ปัญหาการนิเทศภายในโรงเรียนประถมศกึ ษาอำเภอดอนสกั โดยรวมและรายดา้ นอยู่ในระดบั ปานกลาง เรยี งลำดับคือ ดา้ นแนวทางการนเิ ทศภายในโรงเรยี นรองลงมาคอื ด้านกจิ กรรมการนเิ ทศ ภายในโรงเรียน ด้านเคร่ืองมือการนเิ ทศภายในโรงเรยี น และด้านการประเมินผลการนเิ ทศภายใน โรงเรียนมีคา่ เฉลี่ยต่ำทส่ี ดุ ความเหมาะสมของคู่มือการนเิ ทศภายในโรงเรียนประถมศึกษา อำเภอดอนสัก โดยรวมมคี วามเหมาะสมในการนำไปใช้อยใู่ นระดับมาก เรียงตามลำดับ คือ ดา้ นการ ใช้ภาษา ด้านการออกแบบและดา้ นรูปเลม่ มีค่าเฉลยี่ สูงสุด รองลงมาคือการจดั เนื้อหา และดา้ น เนอ้ื หา มีคา่ เฉลีย่ ต่ำสดุ ศุภอกั ษร แกว้ พรหม (2559) ทำการศึกษาเร่ือง การจดั ทำคู่มือการนเิ ทศแบบเพื่อน ช่วยเพ่อื นโรงเรยี นแมโ่ ถวิทยาคม จงั หวดั เชยี งใหม่ ซ่งึ มีขัน้ ตอนการศกึ ษา 3 ขน้ั ตอน คือ ข้นั ตอนท่ี 1 การศกึ ษาปัญหาและข้อเสนอแนะในการดำเนินการนเิ ทศแบบเพือ่ นชว่ ยเพื่อนโรงเรียนแมโ่ ถวทิ ยาคม จังหวัดเชยี งใหม่ ประชากร ไดแ้ ก่ ผู้บรหิ ารสถานศึกษาและครูผู้สอนโรงเรียนแม่โถวิทยาคม จำนวน 40 คน เครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการศึกษา คือ แบบสัมภาษณแ์ บบมีโครงสรา้ ง ขน้ั ตอนท่ี 2 การร่างคู่มือ การนเิ ทศแบบเพื่อนชว่ ยเพื่อนของโรงเรยี นแม่โถวทิ ยาคม จังหวดั เชยี งใหม่ กลมุ่ เป้าหมาย ไดแ้ ก่ ผบู้ ริหารโรงเรียนทม่ี ผี ลงานดา้ นการนิเทศดีเด่น ศึกษานเิ ทศก์ วิทยฐานะชำนาญการพิเศษข้ึนไปและ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการโรงเรยี นแม่โถวิทยาคม รวมท้ังส้นิ จำนวน 5 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ คือ แบบสัมภาษณแ์ บบมีโครงสรา้ ง และแบบร่างคู่มือการปฏิบัติงาน วเิ คราะห์ข้อมูลโดยการสังเคราะห์ ข้อมลู ท่ีได้จากจากการสมั ภาษณ์มาสรุปแบบอุปนยั และจดั ทำร่างค่มู ือปฏิบตั งิ าน และข้ันตอนที่ 3 การตรวจสอบคูม่ ือการนเิ ทศแบบเพื่อนชว่ ยเพื่อนของโรงเรียนแม่โถวทิ ยาคม จังหวัดเชียงใหม่ เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการศกึ ษา คือ แบบตรวจสอบประสิทธภิ าพของคู่มือจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ผลการศึกษาปญั หาการดำเนินงานการนิเทศแบบเพ่ือนชว่ ยเพือ่ นโรงเรยี นแม่โถวิทยาคม จังหวดั เชียงใหม่ พบวา่ ขัน้ การประชุมก่อนการสังเกต ปญั หาสว่ นใหญ่ทพ่ี บ คือ ขาดการประชมุ เพื่อ สร้างและรักษาความสัมพนั ธ์ระหว่างผนู้ ิเทศและผรู้ ับการนเิ ทศ ขน้ั การสงั เกตการสอน ปัญหา ส่วนใหญท่ พ่ี บ คือ ผนู้ เิ ทศไม่มีความพร้อมในการสังเกตการสอน ข้ันการวิเคราะห์ข้อมลู ปญั หา สว่ นใหญ่ทพ่ี บ คือ ขาดการวิเคราะห์และการสังเคราะห์ข้อมูลทีไ่ ดม้ าจากการสงั เกตการสอนรว่ มกัน ข้นั การประชมุ หลงั การสงั เกต ปัญหาส่วนใหญท่ ี่พบ คือ ผรู้ ับการนเิ ทศไม่ไดใ้ ห้ความสนใจใน การประชมุ หลงั การนเิ ทศเพราะว่าผู้นเิ ทศไม่ได้มีการตดิ ตามอย่างต่อเนื่องจึงไมม่ ีการแกไ้ ขปญั หา

61 หลงั จากการนิเทศและผูน้ ิเทศกม็ ไิ ด้นำผลการนิเทศไปปรับปรุงหรือพัฒนาการเรยี นการสอนอย่าง ตอ่ เนื่อง สำหรับขอ้ เสนอแนะในการดำเนินงานการนิเทศแบบเพือ่ นช่วยเพ่ือนโรงเรียนแม่โถ วิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่ คือ ขน้ั การประชุมกอ่ นการสงั เกต คอื ผบู้ ริหารสถานศึกษาควรรว่ มกนั เป็น เพ่ือนคคู่ ิดและคู่ทำและรว่ มกันรบั ผดิ ชอบในผลของการดำเนนิ งานทกุ ขน้ั ตอน มีการเตรยี ม ความพร้อมในการสงั เกตการสอนและพร้อมในการรบั การนิเทศโดยเตรียมแผนการจัดการเรยี น การสอน ขัน้ การดำเนนิ การสังเกต คือ ควรสร้างความเข้าใจกบั คสู่ ัญญาเพื่อใหก้ ารนิเทศเป็นไปอยา่ ง ราบร่ืนซึง่ คู่สญั ญาจะทำการสังเกตต้งั แต่การเตรยี มการสอน การนำเขา้ สบู่ ทเรียน ขัน้ การสอน การดำเนนิ การตามกจิ กรรมในแผนการจัดการเรยี นรู้ การใชส้ อื่ รวมถงึ การชว่ ยเหลือผู้เรียนและ รว่ มกนั เป็นเพ่ือนคู่คดิ และคู่ทำและร่วมกันรับผดิ ชอบในผลของการดำเนินงานทกุ ขนั้ ตอน ขั้น การวเิ คราะห์ขอ้ มลู คือ คูส่ ัญญาควรมกี ารวเิ คราะห์ข้อมูลหลังจากการนเิ ทศแบบเพ่ือนชว่ ยเพ่ือนโดย พจิ ารณาผลการนเิ ทศ จากจุดเดน่ และจุดด้อยของการจดั การเรียนการสอน มีการระบุวา่ มีพฤติกรรม ใดท่ีเป็นจุดเดน่ หรือจดุ ดอ้ ยและพฤติกรรมที่มปี ญั หาน้ันมาเปน็ ขอ้ มูลในการปรับปรงุ พัฒนาตอ่ ไป ขน้ั การประชมุ หลังการสังเกต คอื ควรดำเนนิ การปรกึ ษาหารือระหวา่ งคู่สัญญา เพ่ือใหข้ ้อมลู ย้อนกลับ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ การปรบั ปรุงแกไ้ ขในการพัฒนาการเรยี นการสอน หาข้อสรุปร่วมกนั ใน การปรับปรุงการจดั การเรียนการสอนเพอื่ วิเคราะหว์ า่ มีจดุ เดน่ หรือจุดด้อยทมี่ ีปัญหามาเป็นขอ้ มลู ใน การปรบั ปรุงการจดั ทำแผนการเรยี นรคู้ ร้งั ตอ่ ไป ผลการตรวจสอบความถูกต้อง ความเหมาะสม และความเปน็ ไปได้ของค่มู ือการนเิ ทศแบบ เพือ่ นชว่ ยเพ่ือนโรงเรยี นแมโ่ ถวทิ ยาคม จังหวัดเชียงใหม่ พบวา่ ทกุ องค์ประกอบของคมู่ ือ การปฏบิ ตั ิงานโดยรวมผา่ นเกณฑ์ทุกดา้ นอยู่ในระดับมากที่สดุ จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ยี วขอ้ งทง้ั หมดนัน้ ผู้รายงานมคี วามเห็นว่า การดำเนินการนิเทศให้ความชว่ ยเหลือแกค่ รทู ี่นำหลักสตู รตา้ นทุจริตศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษา มคี วามจำเป็นอยา่ งย่ิงทค่ี รคู วรไดร้ ับการนเิ ทศหลงั จากผ่านการอบรมเชงิ ปฏิบัติการการนำหลกั สตู ร ต้านทจุ ริตศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศึกษา ในระหวา่ งที่จัดการเรียนการสอน หรอื นำไปทำกจิ กรรมพฒั นา ผู้เรียน ไปพฒั นาการเรียนการสอนอาจมปี ัญหาในการสอน ฉะน้นั การนิเทศภายในจะช่วยแก้ปญั หา การสอนของครไู ด้ ประกอบกับรปู แบบการสอนคิดครูควรหารูปแบบให้เหมาะสมกับวัยของผเู้ รยี น และตรงตามธรรมชาติวชิ าทต่ี นเองสอนเพื่อพฒั นาผู้เรยี นให้มปี ระสิทธภิ าพการคดิ ผบู้ ริหาร สถานศึกษาตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลอื โดยการนเิ ทศภายใน ซึ่งผู้รายงานในฐานะเปน็ ศกึ ษานิเทศก์จงึ ได้ จดั ทำคมู่ ือนเิ ทศแบบมสี ่วนร่วมเพื่อการนำหลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษาข้ึนเพอื่ ใช้ใน การอบรมให้ความรูแ้ ก่ครูและเปน็ คมู่ อื ในการนเิ ทศให้กับผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผนู้ เิ ทศการศกึ ษา ใช้เป็นแนวทางในการนิเทศการจดั การเรยี นการสอนของสถานศกึ ษาต่อไป

บทท่ี 3 วธิ ีดำเนินการศึกษา การศึกษาผลการใชค้ ู่มือนเิ ทศแบบมสี ่วนร่วมเพอ่ื การนำหลักสูตรต้านทจุ ริตศึกษาไปใช้ใน สถานศึกษา ผู้รายงานได้ดำเนินการศึกษาตามลำดบั ข้นั ตอนดงั นี้ 1. การสรา้ งและหาคุณภาพคู่มือนเิ ทศแบบมีส่วนรว่ มเพ่ือการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ไปใชใ้ นสถานศกึ ษาสงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18 2. การศกึ ษาผลการใช้คู่มือนิเทศแบบมสี ว่ นรว่ มเพ่อื การนำหลกั สตู รต้านทจุ รติ ศึกษาไปใช้ ในสถานศกึ ษาสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 3. การศกึ ษาความพงึ พอใจของผ้บู ริหารสถานศึกษาและครผู ูส้ อนต่อคู่มือนิเทศแบบมี สว่ นรว่ มเพ่อื การนำหลักสตู รต้านทุจรติ ศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศึกษาสงั กัดสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 18 ตอนที่ 1 การสรา้ งและหาคุณภาพคู่มือนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อการนำ หลักสูตรต้านทจุ รติ ศกึ ษาไปใช้ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 18 1. เครอ่ื งมือที่ใช้ในการศึกษา ไดแ้ ก่ แบบตรวจสอบคุณภาพคู่มือนิเทศแบบมสี ่วนร่วมเพื่อ การนำหลักสูตรต้านทุจรติ ศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 มีลกั ษณะเป็นแบบสอบถามชนดิ มาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดับ ของลเิ คอรท์ (Likert) จำนวน 25 ข้อ 2. ประชากร ไดแ้ ก่ ผู้เช่ียวชาญดา้ นหลกั สูตร การวดั และการประเมินผล ศกึ ษานเิ ทศก์ และนักวิชาการศกึ ษาท่มี ีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และเชี่ยวชาญ ขึ้นไป จำนวน 5 คน 3. เนอื้ หาที่ใชใ้ นการศกึ ษา ไดแ้ ก่ เนื้อหาและกจิ กรรมของคู่มอื นเิ ทศแบบมีสว่ นรว่ มเพ่ือ การนำหลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษาไปใช้ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 4. ตัวแปรท่ีศกึ ษา ได้แก่ ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของคู่มือนิเทศแบบมีส่วนร่วม เพื่อการนำหลักสตู รตา้ นทจุ ริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษาสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา เขต 18

63 การสรา้ งค่มู ือนิเทศแบบมีส่วนรว่ มเพื่อการนำหลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษาไปใชใ้ น สถานศกึ ษาสังกัดสำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 18 1. ศกึ ษาข้อมลู จากเอกสาร บทความ งานวิจัย แนวคิด และทฤษฎี และนำมาวเิ คราะห์ ขอ้ มูล โดยดำเนินการดงั น้ี 1.1 ศกึ ษาสาระเนื้อหาจากเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กรอบการพัฒนาทักษะการคิดท่สี อดคล้องกับหลักสูตร กระบวนการทนี่ ำไปใช้ใน การวเิ คราะห์หลกั สตู ร การเขียนหนว่ ยการเรียนรู้ การเขยี นแผนการจดั การเรียนรู้ หลักสูตรตา้ นทจุ ริต ศกึ ษาและแนวทางการนำหลักสูตรต้านทจุ รติ ศึกษาไปใช้ในสถานศกึ ษา 1.2 ศกึ ษาเอกสาร งานวจิ ยั แนวคิด และทฤษฎีที่เก่ียวขอ้ งกับหลักการนเิ ทศการศึกษา การนิเทศแบบมีส่วนรว่ ม การนิเทศแบบช้แี นะ และการสรา้ งคมู่ ือการนิเทศการศกึ ษา 2. กำหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างคมู่ อื นิเทศแบบมสี ว่ นร่วมเพ่ือการนำหลกั สูตร ต้านทจุ รติ ศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศึกษา 3. วเิ คราะหก์ รอบเนื้อหาและกิจกรรมของคู่มอื นิเทศแบบมีสว่ นรว่ มเพื่อการนำหลกั สูตร ตา้ นทจุ ริตศึกษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษา 4. กำหนดแนวทางในการนำหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษา 5. จัดทำคู่มอื นเิ ทศแบบมีส่วนร่วมเพอ่ื การนำหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษาไปใช้ใน สถานศึกษาฉบับรา่ ง โดยมสี ่วนประกอบสำคญั ได้แก่ ปกหนา้ คำนำ คำชีแ้ จง สารบญั เนื้อหาสาระ บรรณานกุ รม และภาคผนวก ซ่งึ เนื้อหาในคู่มือนเิ ทศแบบมีส่วนรว่ มเพ่ือการนำหลักสตู รต้านทุจริต ศึกษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษา แบ่งออกเปน็ 5 ส่วน ดังน้ี สว่ นที่ 1 บทนำความเปน็ มา สว่ นที่ 2 การนเิ ทศแบบมสี ว่ นร่วมเพอื่ นำหลักสูตรตา้ นทจุ ริตศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สว่ นที่ 3 แนวทางการดำเนนิ การนิเทศ ส่วนท่ี 4 เคร่อื งมือเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลการนิเทศแบบมีสว่ นรว่ ม สว่ นที่ 5 การรายงานผลการนิเทศและการเผยแพร่ 6. ตรวจสอบประสทิ ธภิ าพของคู่มือนเิ ทศแบบมสี ว่ นรว่ มเพือ่ การนำหลกั สูตรต้านทจุ รติ ศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา โดยนำคูม่ ือไปให้ผเู้ ชีย่ วชาญ จำนวน 5 คน ตรวจสอบความเปน็ ไปได้ ความเหมาะสม และความคิดเหน็ เก่ียวกับคูม่ ือนิเทศแบบมีสว่ นร่วมเพ่ือการนำหลักสตู รต้านทุจริต ศึกษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษาในด้านจุดประสงค์ของคู่มือ เน้อื หาสาระ ขัน้ ตอนแนวทางการจัดกิจกรรม การใชภ้ าษา รปู เลม่ และการพมิ พ์ และการนำไปใช้ประโยชน์ ดว้ ยแบบตรวจสอบคุณภาพคูม่ ือนิเทศ แบบมสี ว่ นรว่ มเพอื่ การนำหลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษาไปใช้ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่

64 การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 18 ทผ่ี ่านการหาคุณภาพแล้ว (รายละเอยี ดแสดงในภาคผนวก ค หน้า 144-146) 7. ปรับปรุงแกไ้ ขคมู่ ือนเิ ทศแบบมสี ่วนร่วมเพ่อื การนำหลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษาไปใชใ้ น สถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 18 ตามข้อเสนอแนะของผู้เชยี่ วชาญ 8. จดั ทำค่มู ือนิเทศแบบมสี ่วนรว่ มเพ่ือการนำหลักสูตรตา้ นทจุ รติ ศึกษาไปใชใ้ น สถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 18 ฉบับจริง การสรา้ งแบบตรวจสอบคุณภาพคู่มอื นเิ ทศแบบมสี ่วนร่วมเพอื่ การนำหลกั สตู ร ต้านทจุ ริตศกึ ษาไปใช้ในสถานศกึ ษาสงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 18 1. ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ กย่ี วข้องเกยี่ วกับการสร้างแบบตรวจสอบคณุ ภาพของ คู่มือนเิ ทศ และแบบสอบถามชนดิ มาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดบั ของ ลเิ คอรท์ (Likert) (Best & Kahn, 1993, pp. 246-250) 2. รา่ งแบบตรวจสอบคณุ ภาพคมู่ ือนิเทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อการนำหลกั สตู รตา้ นทุจริต ศึกษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษาสังกัดสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18 จากข้อมูลท่ีไดจ้ าก การศกึ ษาทฤษฎี เอกสาร และงานวิจัยทีเ่ ก่ียวขอ้ งตามขอบขา่ ยของเนือ้ หาในแตล่ ะประเด็น จำนวน 25 ขอ้ 3. ตรวจสอบความถูกต้องตามกรอบเนื้อหา 4. นำแบบตรวจสอบคุณภาพคู่มือนเิ ทศท่สี รา้ งข้ึนเสนอใหผ้ ู้เชย่ี วชาญ จำนวน 5 คน ตรวจสอบความเทย่ี งตรงดา้ นเนื้อหา (Content validity) แลว้ นำแบบตรวจสอบคณุ ภาพคมู่ ือนเิ ทศ มาปรับปรงุ แก้ไข ตามข้อเสนอแนะของผเู้ ชีย่ วชาญ โดยคดั เลือกข้อคำถามท่ีมีค่าดชั นีความเท่ียงตรง ดา้ นเน้ือหา (Index of item objective congruence: IOC) ทม่ี คี ่ามากกว่า 0.5 (สมบัติ ท้ายเรือคำ, 2553, หน้า 105) ไว้ในแบบตรวจสอบคณุ ภาพคมู่ ือนเิ ทศซ่ึงเปน็ ขอ้ คำถามทสี่ ามารถวัดได้ตรงตาม วตั ถุประสงค์ท่ตี ้องการ สว่ นข้อคำถามที่มีค่า IOC ตำ่ กวา่ 0.5 นำมาปรบั ปรุง แก้ไขใหมใ่ หด้ ขี ้นึ แล้ว ใหผ้ ูเ้ ชย่ี วชาญประเมนิ อีกครัง้ จนกวา่ จะได้ค่า IOC ทม่ี คี ่ามากกว่า 0.5 ผลจากการคำนวณค่า IOC ของ แบบตรวจสอบคุณภาพคู่มอื นิเทศเป็นรายข้อ มีคา่ อย่รู ะหว่าง 0.80-1.00 (รายละเอียดแสดงใน ภาคผนวก ค หน้า 144-147) 5. นำแบบตรวจสอบคุณภาพคู่มอื นเิ ทศแบบมสี ว่ นร่วมเพ่ือการนำหลกั สตู รต้านทุจรติ ศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษาสังกัดสำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18 ไปทดลองใช้ (Try-out) กบั ครูในสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 (ครโู รงเรยี นสรุ ศกั ด์ิ วทิ ยาคม ภาคเรียนที่ 2/2561) ท่ีไม่ใช่แหล่งข้อมลู จำนวน 30 คน แล้วนำขอ้ มลู มาวิเคราะหห์ าคา่ ความเชือ่ ม่ัน (Reliability) โดยใชว้ ธิ หี าค่าสมั ประสทิ ธแ์ิ อลฟา (α-Coffient) ของครอนบาค (Cronbach) ได้

65 ค่าความเช่ือมนั่ ของแบบตรวจสอบคณุ ภาพคู่มือนเิ ทศทัง้ ฉบับเท่ากับ 0.86 (รายละเอียดแสดงใน ภาคผนวก ค หน้า 144-147) 6. จัดพมิ พ์แบบตรวจสอบคุณภาพคู่มือนิเทศแบบมสี ว่ นร่วมเพ่อื การนำหลกั สูตร ตา้ นทจุ ริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษาสังกดั สำนกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 เพื่อ นำไปใชเ้ ปน็ เคร่ืองมือในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลต่อไป 7. การเก็บรวบรวมข้อมลู ผู้รายงานดำเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยตนเอง โดยนำคมู่ ือ นิเทศแบบมีส่วนรว่ มเพอ่ื การนำหลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 18 ให้ผู้เชยี่ วชาญ จำนวน 5 คน ตรวจสอบคุณภาพ โดยใช้แบบตรวจสอบ คุณภาพคมู่ ือนิเทศแบบมสี ว่ นรว่ มเพ่ือการนำหลกั สูตรตา้ นทุจริตศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษาสงั กดั สำนักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 และได้รับแบบตรวจสอบคุณภาพคู่มือนิเทศคืนมา จำนวน 5 ฉบับ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 8. การวเิ คราะหข์ ้อมลู 8.1 นำแบบตรวจสอบคณุ ภาพคมู่ ือการนเิ ทศมาใหค้ ะแนนตามเกณฑ์ ซ่งึ มลี กั ษณะเป็น แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดบั ของ ลิเคอร์ท (Best & Kahn, 1993, pp. 246-250) กำหนด นำ้ หนกั คะแนน ดังนี้ 5 หมายถงึ มคี วามเป็นไปไดห้ รือมีความเหมาะสมมากท่ีสุด 4 หมายถึง มีความเป็นไปไดห้ รือมีความเหมาะสมมาก 3 หมายถงึ มีความเปน็ ไปไดห้ รือมีความเหมาะสมปานกลาง 2 หมายถึง มีความเปน็ ไปได้หรือมีความเหมาะสมน้อย 1 หมายถึง มีความเปน็ ไปได้หรือมีความเหมาะสมน้อยท่ีสุด 8.2 วเิ คราะห์ข้อมูลโดยการหาคา่ เฉล่ยี (Mean) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) 8.3 การแปลความหมายของข้อมลู โดยนำค่าเฉล่ยี ท่ไี ดม้ าเปรียบเทยี บกบั เกณฑ์ การแปลความหมาย โดยใช้เกณฑก์ ารพิจารณาระดบั ความคิดเห็นของ บุญชม ศรสี ะอาด (2556, หนา้ 23-24) แบ่งเป็นช่วงคะแนน ดงั นี้ 4.51-5.00 หมายถึง มีความเป็นไปไดห้ รือมีความเหมาะสมอยู่ในระดบั มากที่สดุ 3.51-4.50 หมายถึง มีความเปน็ ไปได้หรือมีความเหมาะสมอยู่ในระดบั มาก 2.51-3.50 หมายถงึ มีความเป็นไปได้หรือมีความเหมาะสมอยใู่ นระดบั ปานกลาง 1.51-2.50 หมายถงึ มีความเปน็ ไปได้หรือมีความเหมาะสมอยู่ในระดบั น้อย 1.00-1.50 หมายถงึ มีความเปน็ ไปได้หรือมีความเหมาะสมอยู่ในระดับน้อยทสี่ ุด

66 ตอนที่ 2 การศึกษาผลการใช้คมู่ อื นเิ ทศแบบมสี ว่ นรว่ มเพ่อื การนำหลักสตู ร ต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษาสงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 18 1. เคร่อื งมือทใี่ ชใ้ นการศึกษา ได้แก่ แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิก์ ่อนและหลงั การฝกึ อบรม การใช้คมู่ ือนิเทศแบบมีสว่ นร่วมเพื่อการนำหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษา สงั กัด สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18 ของครูและผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา 2. ประชากร ไดแ้ ก่ ผ้บู รหิ ารและครูผรู้ ับผดิ ชอบการนำหลักสูตรต้านทุจรติ ศึกษาไปใช้ใน สถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 18 ปีการศกึ ษา 2562 ท่ีเขา้ รว่ ม ฝกึ อบรม จำนวน 50 โรงเรียน โรงเรยี นละ 3 คน รวมทั้งส้นิ 150 คน (การศกึ ษาครั้งนี้ใชป้ ระชากร ทั้งหมดในการทดลองใช้คู่มอื การนิเทศแบบมสี ว่ นรว่ มเพ่ือการนำหลกั สตู รตา้ นทจุ ริตไปใชใ้ น สถานศกึ ษา) 3. เน้ือหาทใี่ ชใ้ นการศึกษา ได้แก่ แนวทางการนเิ ทศแบบมีส่วนร่วมเพื่อการนำหลักสูตร ต้านทุจริตศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 18 4. ตวั แปรทศ่ี ึกษา ไดแ้ ก่ ผลสมั ฤทธก์ิ ่อนและหลังการฝกึ อบรมการใช้คู่มือนิเทศแบบมี ส่วนร่วมเพอื่ การนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา สงั กัดสำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 18 ของครูและผูบ้ ริหารสถานศึกษา การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธก์ิ ่อนและหลังการฝึกอบรมการใช้คู่มอื นิเทศแบบมี ส่วนร่วมเพ่ือการนำหลักสตู รต้านทจุ รติ ศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18 ของครูและผบู้ ริหารสถานศกึ ษา 1. ศึกษาทฤษฎี เอกสาร และงานวจิ ัยท่เี กยี่ วข้องกับคู่มอื นิเทศแบบมสี ว่ นร่วมเพ่ือการนำ หลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษาไปใช้ในสถานศกึ ษา 2. กำหนดวัตถุประสงค์ในการสร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิก์ ่อนและหลังการฝึกอบรม การใช้ค่มู ือนิเทศแบบมสี ว่ นร่วมเพ่ือการนำหลักสตู รต้านทุจริตศึกษาไปใช้ในสถานศกึ ษา สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18 3. สร้างแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิก์ ่อนและหลงั การฝึกอบรมการใชค้ ่มู ือนเิ ทศแบบมี สว่ นรว่ มเพื่อการนำหลักสตู รต้านทุจริตศกึ ษาไปใช้ในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 18 ฉบับร่าง จำนวน 65 ขอ้ โดยแบง่ เป็นแบบทดสอบปรนัยชนดิ เลือกตอบ 4 ตัวเลือก วดั ความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับคู่มือนิเทศแบบมีสว่ นรว่ มเพือ่ การนำหลักสตู รต้านทุจริต ศกึ ษาไปใช้ในสถานศึกษาจำนวน 40 ข้อ และแบบทดสอบแบบถูก-ผดิ (True-False) วดั ความเขา้ ใจ เกยี่ วกบั หลกั การนเิ ทศแบบชีแ้ นะ จำนวน 25 ข้อ

67 4. นำแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธกิ์ ่อนและหลังการฝึกอบรมการใชค้ มู่ ือนิเทศแบบมี ส่วนรว่ มเพ่อื การนำหลักสตู รต้านทจุ รติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สงั กดั สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา มัธยมศกึ ษา เขต 18 ทสี่ รา้ งข้ึนไปให้ผเู้ ช่ียวชาญ จำนวน 5 คน ตรวจสอบความเท่ยี งตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) และความถูกต้องของภาษาทใี่ ช้ (Wording) โดยคดั เลือกแบบทดสอบ วดั ผลสมั ฤทธ์ิข้อที่มคี ่าดชั นคี วามเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) ทม่ี คี า่ มากกว่า 0.5 ไวใ้ นแบบทดสอบ วดั ผลสมั ฤทธิ์ ซง่ึ เปน็ ข้อคำถามท่สี ามารถวดั ได้ตรงตามวตั ถุประสงคท์ ีต่ ้องการ ส่วนข้อคำถามท่ีมีคา่ IOC ต่ำกวา่ 0.5 นำมาปรบั ปรงุ แก้ไขใหม่ใหด้ ขี น้ึ แลว้ ใหผ้ เู้ ชีย่ วชาญประเมนิ อกี ครัง้ จนกว่าจะได้ค่า IOC ทม่ี ีคา่ มากกวา่ 0.5 ผลจากการคำนวณค่า IOC ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธเ์ิ ป็นรายข้อมีค่าอยู่ ระหว่าง 0.60-1.00 (รายละเอยี ดแสดงในภาคผนวก ค หน้า 148-150) 5. นำแบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิกอ่ นและหลังการฝึกอบรมการใชค้ มู่ ือนเิ ทศแบบมี สว่ นรว่ มเพ่อื การนำหลักสตู รต้านทจุ ริตศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 18 ไปทดลองใช้ (Try-out) กับครูในสงั กัดสำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 18 (ครูโรงเรยี นสรุ ศักดิว์ ิทยาคม ภาคเรยี นที่ 2/2561) ท่ีไมใ่ ชแ่ หลง่ ข้อมูล จำนวน 30 คน แล้วนำ ขอ้ มลู วเิ คราะหห์ าค่าความยากงา่ ย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) และคา่ ความเช่อื มั่น โดยใช้สตู ร KR-20 ของคูเดอร์-ริชาร์ดสนั วเิ คราะห์โดยใชเ้ ทคนคิ 50% กลุ่มสูง-กลุ่มตำ่ ได้คา่ ความยากงา่ ยอยรู่ ะหว่าง 0.20-0.77 คา่ อำนาจจำแนกอย่รู ะหวา่ ง 0.20-0.87 และค่าความเช่ือม่นั ของแบบทดสอบทัง้ ฉบับ เทา่ กับ 0.88 (รายละเอียดแสดงในภาคผนวก ค หน้า 151-153) 6. จัดพมิ พ์แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิก์ ่อนและหลงั การฝกึ อบรมการใช้คมู่ ือนเิ ทศแบบมี สว่ นรว่ มเพ่ือการนำหลักสตู รต้านทจุ ริตศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สงั กดั สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา มัธยมศึกษา เขต 18 เพ่ือนำไปใชเ้ ป็นเคร่ืองมือในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ต่อไป (รายละเอียดแสดงใน ภาคผนวก ข หน้า 128-140) วธิ ดี ำเนนิ การทดลอง 1. แบบแผนการทดลอง การดำเนินการทดลองใช้ค่มู ือนเิ ทศแบบมีส่วนรว่ มเพ่ือการนำหลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษาไป ใชใ้ นสถานศกึ ษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 18 ในครงั้ น้ี ผ้รู ายงานได้ ทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั การนิเทศแบบมีส่วนรว่ มเพอ่ื การนำหลกั สูตรตา้ นทุจรติ ศกึ ษา ไปใชใ้ นสถานศกึ ษา ของครแู ละผนู้ เิ ทศ ดว้ ยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิท่ีสรา้ งขึน้ โดยใช้ แผนการทดลองแบบ One Group, Pretest-Posttest Design (กาญจนา วัฒายุ, 2550, หน้า 84) ดงั นี้

68 ตารางท่ี 3-1 รปู แบบแผนการทดลองแบบ One Group, Pretest–Posttest Design กลมุ่ Pre-test Treatment Post-test ทดลอง T1 X T2 เมอื่ X แทน การใช้คู่มอื นเิ ทศแบบมีสว่ นร่วมเพือ่ การนำหลักสูตรต้านทจุ รติ ศึกษาไปใช้ ในสถานศกึ ษา สงั กัดสำนกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 18 T1 แทน การทดสอบก่อนการทดลอง (Pre-test) T2 แทน การทดสอบหลงั การทดลอง (Post-test) 2. ข้ันตอนการดำเนนิ การทดลอง ข้นั ตอนการดำเนนิ การศึกษาผลการใช้คมู่ ือนเิ ทศแบบมีส่วนรว่ มเพื่อการนำหลักสูตร ต้านทจุ ริตศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศกึ ษา สังกัดสำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 18 ดำเนนิ การดงั นี้ 2.1 ทดสอบวัดความรู้ ความเข้าใจ ก่อนการอบรมเกยี่ วกับการนเิ ทศแบบมสี ว่ นรว่ ม เพ่ือการนำหลักสูตรตา้ นทุจริตศกึ ษาไปใช้ในสถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 18 โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์กอ่ นและหลงั การฝึกอบรมการใช้คู่มือนเิ ทศ แบบมีส่วนร่วมเพอื่ การนำหลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้นื ท่ี การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 18 จำนวน 65 ข้อ 2.2 ดำเนินการอบรมให้แก่ ครู และผนู้ เิ ทศทเ่ี ป็นกลมุ่ เปา้ เหมาย ตามขั้นตอนการนิเทศ แบบมสี ่วนร่วม ดังน้ี 2.2.1 ขัน้ ท่ี 1 วางแผนการนิเทศ 2.2.2 ขัน้ ท่ี 2 รว่ มคดิ ร่วมทำ 2.2.3 ข้ันที่ 3 รว่ มนเิ ทศตดิ ตาม 2.2.4 ขน้ั ท่ี 4 ร่วมสรปุ และประเมินผล 2.3 ทดสอบวัดความรู้ ความเขา้ ใจ หลังการอบรมเกยี่ วกับการนเิ ทศแบบมีสว่ นรว่ ม เพ่ือการนำหลักสูตรต้านทจุ ริตศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกดั สำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 18 โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิก่อนและหลงั การฝึกอบรมการใช้คู่มอื นิเทศ แบบมสี ่วนรว่ มเพอื่ การนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 18 จำนวน 65 ข้อ (ฉบับเดียวกนั )

ตารางที่ 3-2 การศึกษาผลการใช้คู่มือนเิ ทศแบบมีสว่ นร่วมเพื่อการนำหลกั สูตรต้านทุจ มัธยมศึกษา เขต 18 ขั้นตอน วตั ถปุ ระสงค์ กจิ กรรม ผู้มสี ่วนร่วม การประเมินผล วธิ กี าร ผลที่ได 1.ข้นั วางแผน 1. เพ่ือ 1. ศึกษา 1. ผู้บริหาร -ประชุม การนเิ ทศ การนเิ ทศ วางแผนงาน สภาพ 2. ครู วางแผน แบบมสี ่วน ในการนเิ ทศ ปจั จุบัน 3. ครู รว่ มเพอื่ แบบมสี ่วน ปัญหาและ ผู้รบั ผิดชอบ การนำ ร่วมทางการ ความ กจิ กรรม หลกั สตู ร นำหลักสูตร ตอ้ งการ พฒั นา ต้านทุจริต ตา้ นทุจริต ของ ผู้เรียน ศึกษา ศกึ ษา (วิชา การนำ 4. ไปใช้ใน เพมิ่ เติม การ หลกั สตู ร ศกึ ษานเิ ทศก์ สถานศึกษ ปอ้ งการ ตา้ นทุจริต 5. ทจุ รติ ) ไป ศกึ ษาไปใช้ นักวิชาการ ปรับใช้ใน ใน ปปช. การจดั การ สถานศึกษา 6. ครู เรยี น วทิ ยากร

จรติ ศกึ ษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา ด้ เครอ่ื งมอื วันเดอื นปี เอกสารท่ีเก่ยี วข้อง ศ - บนั ทึก น การประชมุ 30 พ.ค. - หนังสือเลขที่ ศธ04248/2867 62 ณ หอ้ ง ขอเชญิ วิทยากรประชมุ จังหวัดระยอง คมู่ อื นเิ ทศ ประชุม - หนังสอื เลขที่ ศธ04248/2868 หลักสตู ร สำนกั งาน ขอเชญิ วทิ ยากรประชุมจังหวัดชลบุรี ต้านทุจริต ปปช. - คำสง่ั 85/2562 ต ศกึ ษา ชลบรุ ี การอบรมปฏบิ ตั กิ ารการนำหลกั สูตร ษา ต้านทุจรติ ศกึ ษาไปใช้ในสถานศึกษา ลว. 1 มิ.ย 62 4 มถิ นุ ายน 62 ณ ห้อง ประชมุ โรงเรียน ระยอง วทิ ยาคม 69

ตารางที่ 3-2 การศึกษาผลการใช้คมู่ อื นิเทศแบบมีสว่ นรว่ มเพื่อการนำหลักสตู รตา้ นทจุ มัธยมศึกษา เขต 18 (ต่อ) ขนั้ ตอน วตั ถปุ ระสงค์ กจิ กรรม ผู้มสี ่วนร่วม การประเมนิ ผล วิธกี าร ผลท่ีได การสอนของ 2. ศึกษา สถานศึกษา แนวทาง 2. เพอ่ื การนำ กำหนด หลักสตู ร แนวทางการ ตา้ นทจุ ริต นำ ศึกษา หลักสูตรตา้ น (วิชา ทจุ รติ เพิม่ เติมการ ศกึ ษา ป้องกันการ (วชิ าการ ทุจรติ ) ป้องกันการ ไปปรบั ใช้ ทจุ รติ ) ไป ใน ปรับใช้ใน การจดั การ การจัด เรยี น

จรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ด้ เคร่อื งมือ วันเดอื นปี เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 70

ตารางที่ 3-2 การศกึ ษาผลการใช้คมู่ อื นิเทศแบบมีสว่ นรว่ มเพ่ือการนำหลกั สูตรต้านทจุ มัธยมศึกษา เขต 18 (ตอ่ ) ข้ันตอน วัตถุประสงค์ กิจกรรม ผู้มีส่วนรว่ ม การประเมนิ ผล วิธกี าร ผลท่ไี ด การเรียน การสอน การสอนของ ของ สถานศึกษา สถานศกึ ษา 3. กำหนด จดุ มงุ่ หมาย วธิ ีการ ดำเนนิ งาน ทีใ่ ช้ ข้อมูล พน้ื ฐานท่ี เกีย่ วขอ้ ง แนวทาง การ ประเมินผล การนิเทศ

จรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ด้ เคร่อื งมือ วันเดอื นปี เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 71

ตารางที่ 3-2 การศกึ ษาผลการใช้คูม่ ือนเิ ทศแบบมีส่วนร่วมเพ่ือการนำหลกั สตู รตา้ นทจุ มัธยมศกึ ษา เขต 18 (ตอ่ ) ขัน้ ตอน วตั ถุประสงค์ กิจกรรม ผ้มู สี ่วนร่วม การประเมนิ ผล วธิ กี าร ผลทไี่ ด 2. ขั้นร่วม คิดร่วมทำ 1. เพื่อ 1. รว่ ม 1. ผู้บริหาร - ประเมิน ความพร้อ ขับเคลอ่ื น วเิ คราะห์ สถานศกึ ษา ความรู้และ ในการนำ แนวทางการ สภาพ 2. ครู ความเขา้ ใจ หลักสตู ร ดำเนินการ ปัจจบุ นั 3. ครู เกี่ยวกบั ต้านทจุ รติ ขบั เคล่ือน บรบิ ทของ ผรู้ บั ผดิ ชอบ การนำ ศกึ ษาไปใ การทางการ สถานศึกษา กิจกรรม หลกั สูตร ในการ นำหลกั สตู ร หลกั สตู ร พฒั นา ต้านทจุ รติ จัดการ ต้านทุจริต สถานศกึ ษา ผเู้ รยี น ไปใช้ใน เรียนรู้ ศกึ ษา โครงสรา้ ง 4. สถานศกึ ษา ให้กบั (วชิ าเพม่ิ เตมิ รายวิชา ศึกษานิเทศก์ -การนิเทศ ผ้เู รยี น การปอ้ งการ เพ่อื นำ การจดั ความรู้ ทจุ ริต) หลกั สูตร กจิ กรรม ความเขา้ ใ ไปปรบั ใชใ้ น ต้านทจุ ริต การเรยี น เรื่องการน การจดั ศกึ ษา (วิชา การสอน หลกั สูตร

จรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกดั สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา ด้ เครือ่ งมือ วนั เดอื นปี เอกสารที่เกย่ี วข้อง อม แบบทดสอบ 7-8 มิ.ย. - คำสั่ง 85/2562 ำ วัด 62 การอบรมปฏิบตั กิ ารการนำหลักสูตร ผลสมั ฤทธ์ิ ณ ห้อง ตา้ นทจุ รติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา ลว. ต ก่อนและ ประชมุ 4 มถิ นุ ายน 62 ใช้ หลังการ ทองอไุ ร -หนังสือเลขท่ี ศธ04248/2885 ฝกึ อบรม โรงเรียน หนังสอื เชิญเข้าอบรมปฏบิ ตั ิการ การใชค้ ู่มือ ชลราษฎร การนำหลกั สูตรต้านทจุ ริตศกึ ษาไปใช้ นิเทศแบบมี อำรุง ในสถานศึกษา ระยอง ลว. สว่ นร่วมเพอื่ 17 พฤษภาคม 62 การนำ 14-15 -หนังสือเลขที่ ศธ04248/2886 หลักสูตร มิ.ย.62 หนงั สอื เชญิ เข้าอบรมปฏิบตั ิการ ใจ ต้านทจุ ริต ณ หอ้ ง การนำหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษาไปใช้ นำ ศกึ ษาไปใช้ ประชมุ ในสถานศึกษา ชลบุรี ลว. ใน โรงเรยี น 17 พฤษภาคม 62 72

ตารางที่ 3-2 การศึกษาผลการใช้คู่มือนเิ ทศแบบมสี ว่ นรว่ มเพื่อการนำหลักสูตรต้านทจุ มัธยมศกึ ษา เขต 18 (ตอ่ ) ข้นั ตอน วัตถุประสงค์ กิจกรรม ผมู้ ีส่วนรว่ ม การประเมนิ ผล วิธกี าร ผลทีไ่ ด การเรยี นการ เพม่ิ เติม - ประชุม ตา้ นทุจริต สอนของ การปอ้ ง เชิง ศึกษาไปใ สถานศกึ ษา การทจุ ริต) ปฏิบัติการ ใน 2. เพอ่ื ไปปรบั ใช้ การนิเทศ สถานศึกษ ทราบแนว ในการ การนำ ทางการ จดั การเรยี น หลักสูตร จัดการนำ การสอน ต้านทุจริต หลกั สูตรต้าน ของ ไปใชใ้ น ทุจรติ ศกึ ษา สถานศกึ ษา สถานศกึ ษา (วชิ าเพ่ิมเติม 2. รว่ มกนั การปอ้ งการ ศกึ ษาแนว ทุจริต) ไป ทางการนำ ปรบั ใชใ้ น หลกั สตู ร การจัดการ

จรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา ด้ เครอ่ื งมอื วันเดอื นปี เอกสารท่เี กี่ยวข้อง ต สถานศกึ ษา ระยอง ใช้ วิทยาคม ษา 73

ตารางที่ 3-2 การศกึ ษาผลการใช้คู่มอื นเิ ทศแบบมีสว่ นรว่ มเพื่อการนำหลกั สูตรต้านทจุ มธั ยมศึกษา เขต 18 (ตอ่ ) ขัน้ ตอน วัตถปุ ระสงค์ กจิ กรรม ผ้มู สี ่วนร่วม การประเมนิ ผล วิธกี าร ผลที่ได เรียนการ ต้านทุจริต สอนของ ศึกษาไป สถานศกึ ษา ใชใ้ น สถานศกึ ษา ท้ังผู้บรหิ าร สถานศกึ ษา ครูวิชาการ ครูผู้สอน ครู ผู้รับผดิ ชอบ โครงการ โรงเรียน สจุ ริต เพ่อื ทราบ

จรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ด้ เคร่อื งมือ วันเดอื นปี เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 74

ตารางที่ 3-2 การศกึ ษาผลการใช้คู่มือนเิ ทศแบบมสี ่วนร่วมเพ่อื การนำหลักสตู รต้านทจุ มัธยมศกึ ษา เขต 18 (ต่อ) ขั้นตอน วตั ถุประสงค์ กิจกรรม ผู้มสี ่วนร่วม การประเมินผล วิธีการ ผลท่ีได หลักการ และแนว ทางการ ปฏิบัติ 3. ผู้นิเทศ ให้ความรู้ ความเข้าใจ เร่อื งการ นิเทศ ติดตาม และรปู แบบ การนำ หลักสตู ร ตา้ นทุจริต

จรติ ศึกษาไปใช้ในสถานศกึ ษา สังกดั สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ด้ เครื่องมอื วันเดือนปี เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 75

ตารางท่ี 3-2 การศึกษาผลการใช้คู่มอื นิเทศแบบมีสว่ นร่วมเพื่อการนำหลักสตู รต้านทุจ มัธยมศึกษา เขต 18 (ต่อ) ขนั้ ตอน วัตถุประสงค์ กจิ กรรม ผู้มีส่วนรว่ ม การประเมนิ ผล วธิ ีการ ผลท่ีได ศึกษาไปใช้ ในการ จดั การเรยี น การสอน 4. ร่วมกัน ปฏิบตั ิ กจิ กรรม การนิเทศ ตามที่ กำหนดไว้ โดยใชก้ าร นิเทศแบบ Coaching ผนู้ เิ ทศและ

จรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ด้ เคร่อื งมือ วันเดอื นปี เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 76

ตารางท่ี 3-2 การศึกษาผลการใช้คูม่ ือนเิ ทศแบบมสี ่วนรว่ มเพ่ือการนำหลกั สูตรต้านทจุ มัธยมศึกษา เขต 18 (ต่อ) ขน้ั ตอน วัตถปุ ระสงค์ กิจกรรม ผมู้ ีส่วนรว่ ม การประเมินผล วธิ ีการ ผลทไ่ี ด 3. ข้นั ร่วม 1. ผู้บริหาร นิเทศ 1. เพอื่ ครจู ะ สถานศึกษา - นิเทศ -วิธีการ ติดตาม พฒั นาครู ปฏบิ ัตกิ าร 2. ครู กำกับ นเิ ทศการ ผบู้ รหิ าร นิเทศอย่าง 3. ครู ตดิ ตาม จัดการ สถานศกึ ษา เป็นระบบ ผูร้ ับผดิ ชอบ Coaching เรยี นการ ใหม้ ีความรู้ เป็นขน้ั ตอน กิจกรรม สอนทนี่ ำ ความเข้าใจ ซึง่ จะรว่ ม หลกั สตู ร กนั วางแผน 1. ผู้นเิ ทศ สร้างทีม เพ่ือนิเทศ ตดิ ตาม ร่วม ดำเนนิ การ

จรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา ด้ เครอื่ งมอื วนั เดือนปี เอกสารทเี่ กีย่ วขอ้ ง แบบสงั เกต กรกฎาคม - บันทกึ การนิเทศ ร การสอน 62 ถึง - ภาพการนเิ ทศ กมุ ภาพนั ธ์ -หนังสือที่ ศธ 04248/3543 2562 เรือ่ งการนิเทศตดิ ตามหลกั สูตร ต้านทุจรติ ศกึ ษา -คู่มือนเิ ทศหลกั สตู รตา้ นทุจริตศกึ ษา 77

ตารางท่ี 3-2 การศกึ ษาผลการใช้คู่มือนเิ ทศแบบมีสว่ นรว่ มเพ่ือการนำหลักสตู รตา้ นทจุ มธั ยมศกึ ษา เขต 18 (ต่อ) ขั้นตอน วัตถปุ ระสงค์ กิจกรรม ผมู้ ีส่วนรว่ ม การประเมินผล เก่ยี วกับ จัดการเรียน พฒั นา วธิ กี าร ผลทไ่ี ด หลักสตู รต้าน การสอน ผเู้ รยี น ต้านทจุ ริต ทุจริตศึกษา 2. ผนู้ ิเทศ 4. ไปใช้ใน 2. เพื่อให้ ค่อยให้ ศกึ ษานิเทศก์ สถานศึกษ ผบู้ รหิ าร ความ -แนว และครู ช่วยเหลอื ทางการจ สามารถ ช่วยแกไ้ ข กจิ กรรม บรหิ าร ปัญหา การเรียนร จดั การ สนับสนุน ตาม หลกั สูตรตา้ น และให้ หลกั สตู ร ทจุ รติ ศกึ ษา คำปรึกษา ตา้ นทุจริต ใน ในการ ศึกษา สถานศึกษา ปฏิบัตงิ าน ไดอ้ ย่างมี โดยร่วม

จรติ ศึกษาไปใช้ในสถานศึกษา สังกดั สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา ด้ เคร่ืองมอื วนั เดอื นปี เอกสารทเี่ ก่ียวขอ้ ง ต - คำสัง่ สพม.18 ที่ 136/2562 เร่ือง การประชมุ ปฏบิ ัติการสรปุ ผลการจัด ษา การเรียนรู้หลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษา และการวิจยั ผลการนิเทศการจัด จดั การเรียนการสอนตามหลกั สูตร ตา้ นทจุ ริตศึกษา ปีการศกึ ษา 2562 รู้ หนังสอื ศธ ท่ี 04248/4524 ลว. 2 สิงหาคม 62 เรื่อง เชญิ ประชุมสรุปผล การจดั การเรยี นการสอน ต ตามหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา -คำสั่ง สพม.18 ที่ 181/2563 เรือ่ งแต่งตง้ั คณะกรรมการนิเทศ ติดตาม การดำเนนิ งานโครงการเสรมิ สร้าง จรยิ ธรรมและธรรมาภิบาลในสถานศึกษา 78

ตารางท่ี 3-2 การศึกษาผลการใช้คมู่ ือนเิ ทศแบบมีส่วนรว่ มเพ่ือการนำหลักสตู รต้านทจุ มัธยมศกึ ษา เขต 18 (ตอ่ ) ข้ันตอน วตั ถปุ ระสงค์ กิจกรรม ผมู้ ีส่วนรว่ ม การประเมินผล วิธกี าร ผลที่ได ประสิทธภิ าพ นิเทศ 3. เพื่อให้ครู ตดิ ตาม สามารถนำ ครูผู้สอนใน หลกั สูตรตา้ น การนำ ทจุ รติ ศึกษา หลกั สตู ร ไปใชใ้ นการ ตา้ นทจุ รติ จัดการเรียนรู้ ศึกษา ใหก้ ับผูเ้ รยี น 3. ผู้นิเทศ ตั้งแต่ ให้ ระดบั ชั้น คำแนะนำ มัธยมศกึ ษาปี เก่ยี วกับ ท่ี 1-6 ซ่งึ การนิเทศ เปน็ การ แบบมสี ว่ น ปลกู ฝงั รว่ ม และ

จรติ ศึกษาไปใชใ้ นสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา ด้ เคร่อื งมือ วันเดอื นปี เอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 79