Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมเล่ม_นวัตกรรมด้านชิ้นงานสร้างสรรค์ 2566

รวมเล่ม_นวัตกรรมด้านชิ้นงานสร้างสรรค์ 2566

Published by Wanpen Instructor, 2023-07-29 17:48:11

Description: รวมเล่ม_นวัตกรรมด้านชิ้นงานสร้างสรรค์ พ.ศ. 2566 ในงานประชุมวิชาการ เรื่อง การวิจัยเชิงสุขภาพ สร้างดุลยภาพชีวิตในยุค Next Normal ณ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

Search

Read the Text Version

2.5 ข้นั พฒั นานวัตกรรม “หุน่ ฝึกกดนวดหวั ใจทารกแรกเกิด pumpy doll” โดยนาตกุ๊ ตาขนาดเท่าของ จริง มาใสอ่ ปุ กรณว์ ดั ความลกึ ในการกดหนา้ อก และนับจานวนการกดนวดหนา้ อกได้ 3. การประเมิน (check) ทดสอบคุณภาพของนวตั กรรมห่นุ ฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด โดย ผเู้ ชยี่ วชาญ ประเมินคณุ ภาพของนวตั กรรมหุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด และประเมินประสิทธิผล และความพึงพอใจของผูใ้ ช้นวัตกรรมหนุ่ ฝกึ กดนวดหัวใจทารกแรกเกดิ 4. การปรับปรงุ แกไ้ ขและดาเนินการต่อ (Act) โดยการรวบรวมโดยการใช้แบบฟอร์มข้อมลู สว่ นบุคคลและ ประเมนิ ผลลัพธ์ทไี่ ดร้ บั การใชน้ วัตกรรม และประเมินผลจากการบนั ทกึ จากแบบฟอร์มของเราและแปล ผลระดบั คะแนนของการใชน้ วตั กรรม นาไปวเิ คราะห์ผล และกาหนดแนวทางเพอื่ การปรับแก้ไข เพ่อื นาไปส่กู ารวางแผนใหมต่ อ่ ไป 5. รายละเอยี ดและวิธีการใช้งานนวตั กรรม วธิ ีการใช้งานนวัตกรรม 1.กดปมุ reset 2. วางมือในตาแหน่งหัวใจของทารก ตาแหน่งของมือเม่ือทาการกดหน้าอก วางนิ้วหัวแม่มือลงบนกระดูก หนา้ อก (sternum) เหนอื ตอ่ กระดูก xiphoid และใตร้ าวนม หา้ มวางน้ิวมือลงบนกระดูกซี่โครงหรือกระดูก xiphoid ตาแหน่งที่ ใช้นวดอยทู่ ่ี 1 ใน 3 ของกระดูกหนา้ อกสว่ นล่าง ตา่ กว่าราวนม เลก็ น้อย เหนอื สนิ้ ปี วธิ ีการนวดมี 2 วิธีคือ 1). 2 thumb - encircling hands technique ใช้มือ 2 ข้างโอบรอบหน้าอกของทารกไว้เพ่ือ ประคองสว่ นหลัง ไว้ ใชน้ วิ้ หัวแมม่ อื ท้งั 2 ข้างกดลงบนกระดกู กลางหนา้ อก เปน็ วธิ ีทไ่ี ด้ผลดี 2). 2 fingers technique ใชป้ ลายนิ้วช้กี ับนว้ิ กลางของมือข้างทีถ่ นัด กดตั้งฉากลงบน กระดูกกลาง หน้าอกตา่ กว่าราวนมและเหนือลิน้ ปี่ มอื อกี ขา้ งหน่งึ รองดา้ นหลงั ของ ทารกไว้ หรอื อาจให้ทารกนอนหงายบนพ้นื คอ่ นข้างแข็งก็ได้ 3. การกดหนา้ อกโอบรอบลาตัวดว้ ยมอื สองขา้ ง น้วิ หวั แมม่ อื กดลงบนกระดูกหนา้ อกน้วิ มอื ที่เหลือหนุนทางด้านหลัง ความลึกในการกดหน้าอก กดลงบนกระดกู หนา้ อกลกึ หน่ึงในสามส่วนของทรวงอกในแนวหน้าหลังน้ิวหัวแม่มือวางอยู่บนทรวงอก ตลอดเวลา 4. การใช้แรงกดให้กดกระดูกกลางหน้าอกยุบลงโดยกดลกึ 1 ใน 3 ของ Antero - posterior diameter ของทรวง อก แล้วปลอ่ ยใหก้ ระดกู คืนตวั กลับเอง โดยท่นี วิ้ มือวางอย่ทู ีเ่ ดมิ โดยไมต่ ้องยกนิว้ ออก นวดหัวใจ 3 ครั้งสลับกับการช่วย หายใจด้วย PPV 1 ครั้ง ใน 1 นาที ควรนวดหัวใจได้ 90 คร้ัง และช่วยหายใจได้ 30 คร้ัง และจะหยุดนวดหัวใจเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจ มากกว่า 80 ครง้ั /นาที 5.เม่อื ใชแ้ รงกดเหมาะสม หุ่น pumpy doll จะแสดงตวั เลขอตั ราการกดนวดหัวใจทารก 6. เมอ่ื ใช้แรงกดมากเกินไป หรือกดผิดท่ี จะมีเสียงรอ้ งของหนุ่ กดนวดหวั ใจทารก pumpy doll 6. ผลการทดลองใชน้ วตั กรรมและการอภิปรายผล ผลการทดลองใชน้ วตั กรรม 1.ข้อมูลทวั่ ไปของกลุม่ เป้าหมาย กลุ่มตวั อย่างเปน็ นกั ศกึ ษาพยาบาลช้ันปที ่ี 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏกาแพงเพชร อาเภอนครชุม จังหวัดกาแพงเพชร จานวน 30 คน

2.ประเมนิ คณุ ภาพของนวัตกรรมหุน่ ฝกึ กดนวดหวั ใจทารกแรกเกดิ ผลการประเมินมีรายละเอยี ดดังตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 ค่าเฉลย่ี สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน คณุ ภาพนวตั กรรมหนุ่ ฝกึ กดนวดหัวใจทารกแรกเกิด ของผู้เชยี่ วชาญ ประเมินคุณภาพนวตั กรรม Mean SD ระดบั คณุ ภาพ 1.คณุ ลักษณะนวัตกรรมสามารถกดนวดหนา้ อกไดล้ กึ 1.5 นวิ้ เสมือนจริง 4.80 0.45 มากทีส่ ดุ 2.หุ่นสามารถแสดงผลการกดนวดหวั ใจได้ 4.60 0.55 มากที่สดุ 3.หุ่นสามารถแสดงผลจานวนการกดนวดหวั ใจได้ 4.80 0.45 มากทส่ี ุด 4.นวัตกรรมสอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหาหรือความต้องการ 4.00 0.00 มาก 5.นวัตกรรมสามารถใช้งานไดจ้ ริง 4.80 0.45 มากที่สุด 6.นวตั กรรมมีประสิทธิภาพ สามารถกดนวดหัวใจทารกได้จรงิ 4.80 0.45 มากท่สี ดุ 7.นวตั กรรมมคี วามแข็งแรงทนทาน 4.00 0.00 มาก 8.นวัตกรรมมคี วามสะดวกในการใชง้ าน 4.20 0.45 มาก 9.นวัตกรรมมีความเหมาะสมในการใช้งาน 4.20 0.45 มาก 10.นวตั กรรมมีความคุ้มค่า เปน็ ประโยชน์ 4.60 0.55 มากทส่ี ุด โดยรวม 4.48 0.38 มาก จากตารางที่ 1 ผลการประเมินคณุ ภาพของนวัตกรรมหุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารกแรก สาหรับผู้เช่ียวชาญตรวจสอบ พบวา่ คุณภาพของนวัตกรรมหุน่ ฝกึ กดนวดหวั ใจทารกแรกเกดิ โดยรวม อยใู่ นระดับมาก (Mean 4.48,SD 0.38) ซง่ึ เมือ่ พิจารณาใน แต่ละข้อพบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับ อยู่ในระดับมากที่สุด คือ ครอบคลุมถึงเรื่อง คุณลักษณะนวัตกรรมสามารถกดนวด หน้าอกได้ลึก 1.5 นิ้ว เสมือนจริง (Mean 4.80,SD 0.45) หุ่นสามารถแสดงผลการกดนวดหัวใจได้ (Mean 4.60,SD 0.55) หุ่น สามารถแสดงผลจานวนการกดนวดหัวใจได้(Mean 4.80,SD 0.45) นวัตกรรมสามารถใช้งานได้จริง (Mean 4.80,SD 0.45) นวัตกรรมมีประสิทธิภาพ สามารถกดนวดหัวใจทารกได้จริง (Mean 4.80,SD 0.45) และนวัตกรรมมีความคุ้มค่า เป็นประโยชน์ (Mean 4.60,SD 0.55) ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก คือ นวัตกรรมสอดคล้องกับสภาพปัญหาหรือความต้องการ (Mean 4.00,SD 0.00) นวัตกรรมมคี วามแขง็ แรงทนทาน (Mean 4.00,SD 0.00) นวัตกรรมมีความสะดวกในการใช้งาน (Mean 4.20,SD 0.45) นวตั กรรมมคี วามเหมาะสมในการใชง้ าน (Mean 4.20,SD 0.45) 3.ผลการประเมนิ ประสิทธผิ ลและความพึงพอใจของผู้ใช้นวัตกรรมหุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด หลังการ ทดลองใชน้ วัตกรรมหุ่นฝึกกดนวดหวั ใจทารกแรกเกิด ไดท้ าการประเมินความพงึ พอใจต่อการใชน้ วัตกรรมหุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารก แรกเกดิ ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง ผลการประเมินมีรายละเอียดดงั ตาราง 2 ตารางท่ี 2 คา่ เฉล่ยี สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ประสิทธิผลและความพงึ พอใจต่อการใชน้ วัตกรรมของกล่มุ ตวั อย่าง การประเมิน Mean SD ระดับความคดิ เหน็ 1.นวัตกรรมสามารถใช้กดนวดหนา้ อกทารกได้ตามทเ่ี สมอื นจริง 4.40 0.72 มาก 2.นวตั กรรมมคี วามแขง็ แรงทนทาน 3.93 0.69 ปานกลาง 3.นวัตกรรมมคี วามปลอดภัยต่อการใชง้ าน 4.43 0.63 มาก 4.นวัตกรรมมีขนาดท่ีเหมาะสมกับการใช้งาน 4.53 0.63 มากทส่ี ดุ

การประเมนิ Mean SD ระดบั ความคดิ เห็น 5.นวตั กรรมมีความสะดวก สบาย ง่าย ต่อการใช้งาน 4.70 0.47 มากที่สดุ 6.นวัตกรรมมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน มีความม่ันใจในการกดนวดหน้าอก 4.80 0.41 มากทส่ี ุด มากขนึ้ 7.ความพงึ พอใจโดยรวมต่อนวัตกรรม 4.60 0.56 มากทสี่ ดุ 4.48 0.59 มาก โดยรวม จากตารางที่ 2 ผลการประเมินประสทิ ธผิ ลและความพงึ พอใจของผู้ใช้นวัตกรรมหุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรมโดยรวมของกลุ่มตัวอย่างนักศึกษาพยาบาลช้ันปีท่ี 1 อยู่ในระดับมาก (Mean 4.48,SD 0.59) ซ่ึงเมือ่ พิจารณาในแตล่ ะขอ้ พบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดบั อย่ใู นระดับมากที่สุด คือ นวัตกรรมมีขนาดท่ี เหมาะสมกับการใช้งาน (Mean 4.53,SD 0.63) นวัตกรรมมีความสะดวก สบาย ง่าย ต่อการใช้งาน (Mean 4.70,SD 0.47) นวัตกรรมมีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานมีความม่ันใจในการกดนวดหน้าอกมากขึ้น (Mean 4.80,SD 0.41) ความพึงพอใจโดยรวมต่อ นวัตกรรม (Mean 4.60,SD 0.56) ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก คือ นวัตกรรมมีความปลอดภัยต่อการใช้งาน (Mean 4.43,SD 0.63) ผลการประเมนิ อยูใ่ นระดบั ปานกลาง คอื นวัตกรรมมีความแขง็ แรงทนทาน (Mean 3.93,SD 0.69) การอภปิ รายผล การศึกษานวตั กรรมหุ่นฝกึ กดนวดหัวใจทารกแรกเกิด ในครั้งน้ี ขอนาเสนอการอภิปรายผลตามวัตถุประสงค์และ สมมตุ ิฐาน ดังนี้ 1. ผลการประเมินคณุ ภาพของนวตั กรรมหุน่ ฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด สาหรับผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เป็นไป ตามสมมุติฐาน พบว่า คณุ ภาพของนวัตกรรมหุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด โดยรวม อยู่ในระดับมาก (Mean 4.48,SD 0.38) ซ่งึ เมอ่ื พจิ ารณาในแต่ละข้อพบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับ อยู่ในระดับมากที่สุด คือ ครอบคลุมถึงเรื่อง คุณลักษณะนวัตกรรม สามารถกดนวดหน้าอกได้ลึก 1.5 น้ิว เสมือนจริง (Mean 4.80,SD 0.45) หุ่นสามารถแสดงผลการกดนวดหัวใจได้ (Mean 4.60,SD 0.55) หุ่นสามารถแสดงผลจานวนการกดนวดหัวใจได้(Mean 4.80,SD 0.45) นวัตกรรมสามารถใช้งานได้จริง (Mean 4.80,SD 0.45) นวตั กรรมมีประสิทธิภาพ สามารถกดนวดหัวใจทารกได้จริง (Mean 4.80,SD 0.45) และนวัตกรรมมีความคุ้มค่า เปน็ ประโยชน์ (Mean 4.60,SD 0.55) ผลการประเมนิ อยู่ในระดับมาก คือ นวัตกรรมสอดคล้องกับสภาพปัญหาหรือความต้องการ (Mean 4.00,SD 0.00) นวัตกรรมมีความแข็งแรงทนทาน (Mean 4.00,SD 0.00) นวัตกรรมมีความสะดวกในการใช้งาน (Mean 4.20,SD 0.45) นวัตกรรมมีความเหมาะสมในการใช้งาน (Mean 4.20,SD 0.45) จะเห็นได้ว่าเป็นไปตามสมมุติฐาน หุ่นช่วยฝึก กดนวดหวั ใจทารกแรกเกิด มีคุณภาพ สามารถใช้ฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิดได้ สามารถกดนวดหัวใจได้หรือ1.5 นิ้ว สามารถ แสดงผลจานวนการกดนวดหัวใจ สามารถใช้ได้จริง มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่าประหยัด แสดงผล การกดนวดหัวใจได้ สอดคลอ้ งกบั ปญั หา มีความแขง็ แรงทนทาน สะดวกและเหมาะสมในการใชง้ าน 2. ผลการประเมินประสิทธิผลของนวัตกรรมหุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด เป็นไปตามสมมติฐาน ผู้ที่ใช้ นวัตกรรม หุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด มีความคิดเห็นต่อประสิทธิผลที่ดีใช้ฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด พบว่า จากการ ประเมนิ ผลการประเมนิ ประสทิ ธิผลและความพงึ พอใจของผใู้ ชน้ วตั กรรมห่นุ ฝกึ กดนวดหวั ใจทารกแรกเกิด ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ความพึงพอใจต่อการใชน้ วตั กรรมโดยรวมของกลุ่มตัวอย่างนักศึกษาพยาบาลช้ันปีท่ี 1 อยู่ในระดับมาก(Mean 4.48,SD 0.59) ซึ่ง เม่ือพจิ ารณาในแต่ละข้อพบว่า ผลการประเมินอยู่ในระดับ อยู่ในระดับมากท่ีสุด คือ นวัตกรรมมีขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน

(Mean 4.53,SD 0.63) นวัตกรรมมีความสะดวก สบาย ง่าย ต่อการใช้งาน (Mean 4.70,SD 0.47) นวัตกรรมมีประโยชน์ต่อ ผู้ใช้งาน มีความม่ันใจในการกดนวดหน้าอกมากข้ึน(Mean 4.80,SD 0.41) ความพึงพอใจโดยรวมต่อวัตกรรม (Mean 4.60,SD 0.56) ผลการประเมนิ อยูใ่ นระดบั มาก คือ นวัตกรรมมีความปลอดภัยต่อการใช้งาน (Mean 4.43,SD 0.63) ผลการประเมินอยู่ใน ระดับปานกลาง คอื นวัตกรรมมีความแขง็ แรงทนทาน (Mean 3.93,SD 0.69) 7. ข้อเสนอแนะ 1.ในการใช้นวัตกรรมหุน่ ฝกึ กดนวดหัวใจทารก เป็นบันไดข้นั แรกของการชว่ ยฟนื้ คนื ชพี เท่านนั้ นวัตกรรมมีจุดมุ่งหมายท่ีจะ ฝกึ กดนวดหวั ใจเทา่ น้ัน 2. พฒั นาให้นวัตกรรมมนี า้ หนักเทา่ ของจริง 3. พฒั นาตอ่ ยอดนวัตกรรมดา้ นอื่น เชน่ ควรต่อสายใหม้ ีความยาวมากกวา่ น้ี เพ่ือความสะดวกต่อการใช้งานนวัตกรรม ทา ใหม้ ีเวลาปรากฎในการกดนวดหวั ใจ 4. สามารถพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณชิ ยไ์ ด้ 8. เอกสารอา้ งองิ กนกวรรณ ฉนั ธนะมงคล.(2554).การพยาบาลทารกแรกเกิด.สมุทรปราการ:มหาวทิ ยาลัยหัวเฉียวเฉลมิ พระเกียรติ กรุงเทพมหานคร:บรษิ ทั นีโอดิจิตอล จากดั ขจร อาชวานันทกุล,เกษมศรี ศรสี พุ รรณดิฐ,(2554), Neonatal Resuscitation:2010 American Heart Association Guidelines for Cardiopulmonary Resuscitation and Emergency Cardiovascular Care. ธติ ิดา ชยั ศภุ มงคงลาภ,อรุณวรรณ พฤทธิพนั ธุ์,ปิยะพร ชืน่ อ่ิม,(2548),ค่มู ือการ ชว่ ยกูช้ ีพในเด็ก(CPR). นกิ ร แสงงาม,(2565),เครอ่ื งช่วยหายใจแบบกึ่งอตั โนมตั ิสาหรับการช่วยเหลอื ผู้ปวุ ยฉุกเฉนิ .เว็บไซต์ (https://urms.rmutt.ac.th/research?pf=u2y223v2&rs=v2y20313) รัชฎา กิจสมมารถ,(2553), การช่วยกู้ชีพทารกแรกเกิด Neonatal Resuscitation.เวบ็ ไซต์ (https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/cpr/content/Neonatal%20resuscitation_2010.pdf) วลั ภา อดุ ชาชน.(2562). Neonatal Resuscitation,เวบ็ ไซต์ http://em.kkh.go.th วภิ าพร วรหาญ.(2552).การปฐมพยาบาลและการพยาบาลฉกุ เฉิน.ขอนแกน่ :ขอนแกน่ การพิมพ์ เว็บไซต(์ file:///C:/Users/ACER/Downloads/CPR_Newversion%20(1).pdf) สพุ ตั รา นตุ รกั ษ์.(2565).การพยาบาลเด็กเพือ่ การส่งเสรมิ สุขภาพและพฒั นาเดก็ ทุกช่วงวยั . เวบ็ ไซต์ (https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/topic-review/1666/)

ภาพการประดิษฐน์ วตั กรรม วิธีการประดิษฐ์นวัตกรรมหุ่นฝกึ กดนวดหวั ใจทารกแรกเกดิ เป็นนวัตกรรมท่ีใชฝ้ ึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิด โดยแสดงตาแหน่งการกดนวดหัวใจที่ถูกต้อง และ ความลึกท่ีมีประสิทธ์ิภาพการกดนวดหัวใจ ซึ่งในการประดิษฐ์นวัตกรรมหุ่นฝึกกดนวดหัวใจทารกแรกเกิดมีการ ประดษิ ฐ์นวตั กรรม ดงั นี้ 1.นาบอรด์ ไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino r3 มาเขียนโค้ดออกคาส่ังเม่ือมีแรงกระแทกแต่ละคร้ังจะ แสดงผลจานวนครั้งข้ึนที่หน้าจอแสดงผล จากการกดนวดหัวใจแต่ละคร้ัง ทาให้ตัวเซ็นเซอร์แสดงจานวนการกด ผา่ นหนา้ จอแสดงผล 2.นาตวั เครอ่ื งอปุ กรณท์ ี่ผา่ นการตดิ ตั้งโปรแกรมมาประกอบกับกล่องพลาสติกโดยการเจาะรู บริเวณ ทจี่ ะเช่อื มตอ่ สายไฟ 3.นาตุ๊กตามาเจาะตรงบริเวณหน้าอก เพื่อท่ีจะทาการยัดลูกบอลกับสายไฟเข้าในตุ๊กตา วางจุด ตาแหนง่ กดให้ตรงกบั บริเวณหวั ใจเดก็ แล้วทาการเยบ็ ปิดตกุ๊ ตาพรอ้ มกบั จัดตกแต่ง

4.ทาการทดสอบกดนวดหวั ใจ วา่ อัตราการกดข้นึ ตรงตามจานวนการกด

ตะแกรงล้างแผลสขุ สบาย นงนชุ สงั ขละผาสุข1*, เมธายุตม์ ยงั่ ยนื 2 , รพีพรรณ โชติชยั กร3 , รจุ ิกา คุณโอนด4 , ลลติ า เกษหนอ5 , ศศวิ มิ ล มีจน่ั 6 , ศุภกร กันตเกรียงวงศ7์ และอทติ ยา สมานมาก8 1วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จกั รีรชั คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบนั พระบรมราชชนก *[email protected] บทคดั ยอ่ บาดแผล (Wound) คอื การทผี่ ิวหนังและเน้อื เยอื่ ต่างๆได้รบั บาดเจ็บ (Trauma) ซึ่งการเกิดบาดแผลจะทำใหเ้ กิดการ ปริแยกหรือฉีกขาดของผิวหนัง และเนื้อเย่ือปกติ แต่ร่างกาย ก็มีกระบวนการที่จะทำใหบ้ าดแผลหายให้มีการประสานผิวหนัง ให้กลับมาติดกันได้ซึ่งเนื้อเยื่อของคนสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ภายใน 24–48 ชม. เนื้อเยื่อแผลชั้นนอกจะปิดคลุมแผล หลังจากนั้นจะจัดเรียงตัวใหม่เพ่ือให้เกิดความแข็งแรง ดังนั้นการทำความสะอาดบาดแผล จึงเน้นการล้างให้สะอาดทัง้ บริเวณ แผล และบริเวณรอบๆ ของแผลเป็นการป้องกันการติดเชื้อของแผลเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แผลหายเร็ว โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ เกิดอุบัตเิ หตหุ รอื ผ้ปู ่วยเบาหวานมีแผลทเ่ี ท้ามารับบริการทำแผล สว่ นใหญต่ อ้ งใชต้ ะแกรงลา้ งแผลในการทำแผล เพ่ือกำจัดส่ิง แปลกปลอม ลดการติดเชอื้ และส่งเสรมิ การหายของแผล แตก่ ารวางอวยั วะท่มี บี าดแผลบนตะแกรงทำแผล และยกคา้ งไว้เป็น เวลานานจนกว่าจะทำแผลเสร็จ ทำให้รสู้ กึ เจ็บจากแรงกดทับของตะแกรงทีม่ คี วามแขง็ ทำใหร้ สู้ กึ ทรมานในการทำแผลเปน็ การ เพิ่มความเจ็บปวดของแผล อาจจะทำให้เกิดการอักเสบของแผลได้ ดงั นน้ั ผู้จดั ทำจึงได้คดิ นวัตกรรม ตะแกรงลา้ งแผลสุขสบาย เพ่ือเพม่ิ ความสุขสบาย และลดความเจ็บปวดจากแรงกด ทับของตะแกรงลา้ งแผลใหผ้ ู้ทม่ี าลา้ งแผลเกดิ ความสขุ ภาพเพิม่ มากขึน้ คำสำคญั : บาดแผล ตะแกรงล้างแผล

Comfort Dressing Stool Nongnuch Sangklaphasuk1*, Maytayuth Yangyuen2, Rapeepan Chotchaiyakon3, Rujika Khunanod4, Lalita Ketnhor5, Sasiwimon Meejan6, Supakorn Kantakriangwong7 and Arthittaya Samanmak8 1 Boromarajonani College of Nursing, Chakriraj: Faculty of Nursing, Praboromrajchanok Institute * [email protected] Abstract Wound is an injury to the skin and various tissues Trauma, which causes the wound to split or tear the skin. And normal tissues, but the body has a process to make the wound heal to bring the skin back together, so that the human tissue can repair itself within 24–48 hours. The outer wound tissue will cover the wound. After that, it will be rearranged to create strength. Therefore, cleaning the wound therefore focusing on washing thoroughly the entire wound area and the surrounding area Of the scar, prevention of scar infection is one of the factors that make the wound heal faster. Especially in patients who have had an accident or patients with diabetes who have wounds on their feet come for wound dressing services. Most of the wounds need to use a sieve to clean the wound. To eliminate foreign matter reduce infection and promote wound healing But placing wounded organs on the wound grate and hold it for a long time until the wound is finished causing pain from the pressure of the hard sieve It makes it painful to make a scar, increasing the pain of the wound. May cause inflammation of the wound. Therefore, the organizers have come up with innovative ideas. Wound cleaning sieve to increase comfort And reduce the pain from the pressure of the wound washing grate to make the person who comes to wash the wound gain more health. Keywords : wounds, wound washing grate 1. บทนำ บาดแผล (Wound) คือการที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ได้รับบาดเจ็บ (Trauma) ซึ่งการเกิดบาดแผลจะทำให้เกดิ การปริแยกหรือฉีกขาดของผิวหนัง และเนื้อเยื่อปกติ แต่ร่างกาย ก็มีกระบวนการที่จะทำให้บาดแผลหายให้มีการประสาน ผิวหนงั ให้กลบั มาติดกันได้ (อรณุ ี เจตศรสี ุภาพ, 2555) ซ่งึ การจำแนกบาดแผล มีหลายวธิ ีเชน่ จำแนกตามสาเหตุลักษณะ การ ฉกี ขาด ความลึกของแผล การหายของแผล การปิดของแผล การตดิ เชอื้ ประโยชน์ของการจำแนกบาดแผลที่สำคญั คือ เพื่อใช้ เป็นแนวทางส่งเสริมการหายของบาดแผล การจำแนกแผลทางศัลยกรรมมักแบ่งเป็นแผลเปิดกับแผลปิด ซึ่งเนื้อเยื่อของคน สามารถซอ่ มแซมตัวเองได้ ภายใน 24–48 ชม. เนื้อเยื่อแผลชั้นนอกจะปิดคลุมแผล หลังจากนั้นจะจัดเรียงตัวใหมเ่ พ่ือให้ เกิด ความแข็งแรง (เกรียงศักดิ์ศิรริ ักษ์, 2555) ดังนั้นการทำความสะอาดบาดแผล จึงเน้นการล้างให้สะอาดทั้งที่บริเวณแผล และ

บริเวณรอบ ๆ ของแผลเป็นการป้องกันการติดเชื้อของแผลเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แผลหายเรว็ โรงพยาบาล และโรงพยาบาล สง่ เสริมสุขภาพตำบลหลายแห่งมีผูป้ ว่ ยทีเ่ กดิ อุบตั ิเหตุหรอื ผ้ปู ่วยเบาหวานมแี ผลที่เท้ามารบั บริการทำแผลจำนวนมาก และสว่ น ใหญ่ต้องใช้ตะแกรงล้างแผลในการทำแผลให้กับผู้ป่วยที่มารับบริการ โดยผู้ป่วยต้องได้รับการล้างทำความสะอาดแผลทุกวัน เพื่อกำจัดสิง่ แปลกปลอม ลดการตดิ เชื้อ และส่งเสริมการหายของแผล แต่การวางอวัยวะที่มีบาดแผลบนตะแกรงทำแผล และ ยกคา้ งไว้เป็นเวลานานจนกวา่ จะทำแผลเสร็จ ทำให้ผ้ปู ่วยรูส้ ึกเจบ็ จากแรงกดทบั ของตะแกรงทมี่ คี วามแขง็ ทำใหร้ สู้ กึ ทรมานใน การทำแผลเป็นการเพิ่มความเจบ็ ปวดของแผล อาจจะทำใหเ้ กิดการอกั เสบ เจ้าหนา้ ท่ีจึงดัดแปลงอุปกรณ์มาลองอวัยวะของผู้ เข้ารับบรกิ าร เช่น ขวดนำ้ เกลือเหลอื ใช้ หมอนลองขา ซึ่งอุปกรณท์ ่นี ำมาใชก้ ท็ ำความสะอาดได้อยาก เป็นแหละสะสมเช้ือโรค ได้ หรือในโรงพยาบาลการทำแผลบนตะแกรงบางครั้ง ต้องใช้พยาบาลมากกว่า 1 คน หรือการขอความช่วยเหลอื จากญาติใน การชว่ ยยกขาผปู้ ่วยเพือ่ ทำแผล ทำใหเ้ ป็นการใชบ้ คุ ลากรสน้ิ เปลอื ง เนื่องจากในการทำแผล เช่น ในตึกผ้ปู ่วยศัลยกรรมมีผู้ป่วย ที่ตอ้ งทำแผลจำนวนมาก การที่ตอ้ งใช้พยาบาลหลายคนในการทำแผลอาจจะทำใหเ้ กดิ ความลา่ ชา้ หรอื สิ้นเปลืองบุคลากรได้ จากการที่ได้ฝึกภาคปฏิบัติการพยาบาลอนามัยชุมชน 1 และการทบทวนวรรณกรรม จากแผนกงานอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตำบลหลายแหง่ พบปญั หาวา่ ผู้เข้ารบั บริการลา้ งแผลเกดิ ความไมส่ ขุ สบายในการวางอวยั วะท่มี แี ผล ไว้บนตะแกรงล้างแผลโดยตรง เนื่องจากมีความเจ็บปวดจากแรงกดทับ นอกจากนี้คณะผู้จัดทำได้เลือกแผนกงานอุบัติเหตุ ฉุกเฉินโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลาดบัวขาว เนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้สะดวกและท่ี สำคัญยังพบปญั หาท่ีเกิดขึ้นเชน่ เดียวกนั ทำให้คณะผู้จัดทำไดเ้ ห็นถึงปัญหาของการทำแผลท่ีต้องไดร้ ับการแก้ไข ในการทำหัตถการทีต่ ้องใช้ตะแกรงลา้ งแผล ในการการทำความสะอาดแผล เพ่ือนำเอาสง่ิ แปลกปลอมตา่ ง ๆ ออกจากแผล ซึ่งเปน็ การชว่ ยส่งเสริมการหายของแผล ในการ ทำแผลทีถ่ ูกวิธีจะช่วยใหแ้ ผลหายเร็วยิ่งขึ้น และจะช่วยลดการตดิ เช้ือของบาดแผลได้อีกด้วย (สำนักสง่ เสริมสุขภาพกระทรวง สาธารณสุข, 2553) หลักการทำแผล คือต้องสะอาดและปลอดภัย ประหยัดสิ่งของเครื่องใช้และเวลาโดยใช้หลักสะอาด ปราศจากเชื้อ (Aseptic technique) และจะต้องทำแผลสะอาดก่อน ทำแผลสกปรกหรือติดเชื้อเสมอ (สุภัทรา จินดาทรัพย์, 2549) ซึ่งการใช้อปุ กรณ์ตะแกรงล้างแผลในการทำหัตถการให้กบั ผู้ป่วยที่มีบาดแผลการทำแผลให้กับผูป้ ่วยในบางรายใชเ้ วลา ในการทำแผลมากกว่า 15 นาทีผู้ป่วยจึงต้องยกไว้เป็นเวลานานจนกว่าจะทำแผลเสร็จ ผู้ป่วยเกิดความไม่สุขสบายจากแรงกด ทบั ของตะแกรงท่มี ีความแข็งและตอ้ งใชเ้ จา้ หน้าที่หลายคนในการทำแผลอาจจะทำให้เกดิ ความลา่ ช้าหรอื ส้นิ เปลอื งบุคลากรได้ คณะผจู้ ัดทำจึงมคี วามสนใจทจี่ ะจดั ทำนวตั กรรม “ตะแกรงลา้ งแผลสขุ สบาย (Comfort Dressing Stool)” โดยมี การกระจายแรงกดบรเิ วณพื้นผวิ สมั ผสั ระหว่างผิวหนงั ของผปู้ ว่ ยกับพน้ื ผวิ ทรี่ องรบั น้ำหนักเพ่ือให้ผู้ปว่ ยเกดิ ความสขุ สบาย ลด ความทรมานใหก้ บั ผปู้ ่วยทต่ี ้องล้างแผล ท้งั นท้ี ส่ี ำคญั ยงั เปน็ การลดการสัมผสั เช้อื โรคท่ีจะส่งเสรมิ ให้แผลหายเร็วและ ประหยดั เวลาในการรักษาพยาบาลผปู้ ่วยอกี ด้วย 2. วิธวี จิ ัย 2.1 เครือ่ งมือและการตรวจสอบเครือ่ งมอื ท่ใี ช้ในการวจิ ยั เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยมีผู้วิจัยได้ร่วมกันทำการคิดค้นแบบประเมินความพึงพอใจและแบบประเมิน ความสุขสบาย ทั้งยังรวบรวมข้อคำถามในแต่ละด้านให้มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของนวัตกรรม ซึ่งสามารถนำไป ประยุกต์ใชใ้ นการปรบั ปรุงพัฒนานวัตกรรม 2.1.1 ตอนท1่ี แบบสอบถามข้อมลู ทว่ั ไป ประกอบดว้ ย เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ สญั ชาติ โรคประจำตัว และประวตั ิการ ไดร้ บั บาดแผลบรเิ วณอวยั วะส่วนปลาย

2.1.2 ตอนที่2 แบบสอบถามความพึงพอใจในการใช้นวัตกรรมตะแกรงล้างแผลสุขสบาย (Comfort Dressing Stool) จำนวน 10แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการออกแบบจำนวน 4 ข้อ, ด้านการใชง้ านจำนวน 3 ข้อ, ด้านประโยชน์จำนวน 3 ข้อ และดา้ นทรัพยากรและบคุ ลากรจำนวน 1 ขอ้ กำหนดข้อคำถามเป็น Rating Scale 5 ระดับ ไดแ้ ก่ ความพึงพอใจมากที่สุด = 5 มาก = 4 ปานกลาง = 3 นอ้ ย = 2 นอ้ ยทสี่ ดุ = 1 การแปลผลระดบั ความพึงพอใจแบง่ เปน็ 5 ระดบั ไดแ้ ก่ 4.51 – 5.00 หมายถงึ มากทสี่ ดุ 3.51 – 4.50 หมายถงึ มาก 2.51 – 3.50 หมายถึง ปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถึง น้อย ตำ่ กวา่ 1.50 หมายถึง น้อยทส่ี ดุ 2.1.3 ตอนที่3 แบบสอบถามความพึงพอใจในการใช้นวัตกรรมตะแกรงล้างแผลสุขสบาย (Comfort Dressing Stool) จำนวน 10แบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกายจำนวน 7 ข้อ, ด้านจิตใจ-จิตวิญญาณจำนวน 3 ข้อ กำหนดข้อคำถามเป็น Rating Scale 5 ระดบั ไดแ้ ก่ ความพงึ พอใจมากท่ีสุด = 5 มาก = 4 ปานกลาง = 3 นอ้ ย = 2 น้อยทส่ี ดุ = 1 การแปลผลระดบั ความพงึ พอใจแบ่งเป็น 5 ระดบั ไดแ้ ก่ 4.51 – 5.00 หมายถงึ มากที่สุด 3.51 – 4.50 หมายถงึ มาก 2.51 – 3.50 หมายถงึ ปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถงึ น้อย ต่ำกวา่ 1.50 หมายถึง น้อยทีส่ ดุ 2.2 การตรวจสอบคณุ ภาพของเครื่องมือวิจยั 2.2.1 การหาความเทยี่ งตรงของเน้ือหา ( Content Validity ) ความพงึ พอใจผลของการใช้นวัตกรรมตะแกรงลา้ งแผลสขุ สบาย ของบคุ ลากรและผรู้ ับบริการ ท่ีผู้วจิ ัยจะสร้างขนึ้ ได้ นำไป ตรวจสอบหาความตรงของเนื้อหา (Content validity) โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน ซึ่งประกอบด้วย พยาบาลใน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพส่วนตำบลปากแรต 1 ท่าน และอาจารย์พยาบาล 2 ท่าน ตรวจสอบเนื้อหาโครงสร้างและความ เหมาะสมของภาษา พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ผู้วิจัยมีการปรับปรุงแก้ไข และนำมาปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของ ผู้ทรงคุณวุฒิ คำนวณหาค่าดัชนตี รงตามเนื้อหา IOC (Index of Item - Objective Congruence) โดยใช้เกณฑ์ +1 หมายถึง คำถามน้นั สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์ 0 หมายถงึ ไม่แน่ใจว่าคำถามนนั้ สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์ -1 หมายถึง คำถามนั้นไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ แปลผล ถ้า IOC 2 0.5 แสดงว่าข้อคำถามนั้นวัดได้ ตรง (ใช้ได)้ IOC < 0.5 แสดงว่าข้อคำถามนัน้ วดั ไดไ้ มต่ รง (ตัดทง้ิ ) 2.2.2 การหาความเชอ่ื มัน่ ของเครอ่ื งมือ ( Reliability ) การใช้แบบสอบถามในกลุ่มผู้ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 30 คน ได้ค่า Reliability โดยใช้ สัมประสทิ ธ์ขิ องแอฟฟา (alpha - coefficient) ของครอนบาค (Cronbach, 1970) ซงึ่ มีสูตร ดงั แสดงตวั อย่างสมการที่ (1)

( (1) 2.3 การวิเคราะหข์ อ้ มูล ผู้วิจัยนำขอ้ มลู ที่เกบ็ รวบรวมได้ตามความต้องการแล้ว นำขอ้ มูลทัง้ หมดมาตรวจสอบความถกู ต้องและ สมบรู ณ์ แล้ว ทำการวิเคราะหเ์ พอื่ พสิ ูจนส์ มมติฐาน และนำมาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูล โดยใชส้ ถิติทีใ่ ช้ใน การวเิ คราะหข์ ้อมลู ดงั นี้ 1. ข้อมลู ส่วนบุคคลของกลมุ่ ตวั อยา่ งข้อมูลท่ีเปน็ ระดับนามบัญญตั ิ นำมาวเิ คราะห์ดว้ ยการใชส้ ถติ ิ พรรณนาโดยการ แจกแจงความถี่ ร้อยละ คา่ เฉล่ีย และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2. เปรียบเทียบคะแนนแบบประเมินความพึงพอใจหลังการใช้นวัตกรรมของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ สว่ นตำบลลาดบัวขาว ตำบลลาดบัวขาว อำเภอบ้านโป่ง จังหวดั ราชบุรี โดยใชส้ ถติ ิค่าเฉลยี่ รอ้ ยละ 3. เปรียบเทียบคะแนนแบบประเมินความสุขสบายก่อน-หลังการใช้นวัตกรรมของผู้เข้ารับบริการล้าง แผลของ โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพสว่ นตำบลลาดบัวขาว ตำบลลาดบวั ขาว อำเภอบา้ นโป่ง จงั หวดั ราชบรุ ี โดยใช้ Paired Sample T- test 3. ผลการวิจัย การศกึ ษาครัง้ น้เี ปน็ การศึกษา “เกย่ี วกับความสขุ สบายขณะลา้ งแผลส่วนปลาย” มีวัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ให้เกิดความสุข สบายต่อผู้ปว่ ยท่ีเข้ารับบริการลา้ งแผล ผลของการดำเนนิ งานนำเสนอในรปู แบบ แบบ ประเมิน แบง่ เป็น 3 สว่ น ดงั นี้ 3.1 ส่วนท่ี 1 ขอ้ มลู เกี่ยวกบั สถานภาพและข้อมลู พ้ืนฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม สถานภาพ ผู้ตอบแบบสอบถาม (n=6) จำนวน รอ้ ยละ 1. เพศ ชาย 2 33.33 หญิง 4 66.7 2. อายุ (ป)ี 36-45 3 50 46-55 1 16.67 56-66 2 33.33 3. การศึกษา ประถมศกึ ษา 2 33.33 มัธยมศึกษา 2 33.33 อนปุ รญิ ญาตรหี รือเทียบเท่า 1 16.67 ปรญิ ญาตรหี รอื เทยี บเทา่ 1 16.67

4. อาชีพ 2 33.33 แม่บ้าน 1 16.67 ครู 1 16.67 ค้าขาย 1 16.67 ขับรถ 1 16.67 รับจ้าง 2 33.33 5. โรคประจำตวั 1 16.67 เบาหวาน 1 16.67 เก๊าท์ 2 33.33 ไขมัน ไมม่ ี จากตาราง พบว่ากลุ่มตัวอย่าง 6 คน ผลการดำเนินงานนวัตกรรมพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็น เพศชาย ร้อยละ 33.3 เพศหญิงร้อยละ 66.7 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 50 46-55 ปี ร้อยละ 16.67 อายุ 56-66 ปี ร้อยละ 33.33 การศึกษาอยู่ใน ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาคดิ เป็นรอ้ ยละ 33.33 ระดับชั้นมธั ยมศึกษาคดิ เป็นร้อยละ 33.33 ระดับอนปุ รญิ ญาตรีหรือเทียบเท่าคิด เป็นร้อยละ 16.67 ระดับปริญญาตรีหรอื เทยี บเท่าคิดเป็นร้อยละ 16.67 ประกอบอาชีพแม่บ้านคิดเป็น ร้อยละ 33.33 อาชีพ ครูคิดเปน็ ร้อยละ 16.67 อาชีพค้าขายคิดเป็น ร้อยละ 16.67 อาชีพขับรถคิดเป็นร้อยละ 16.67 อาชีพรับจ้างคิดเป็น ร้อยละ 16.67 และโรคประจำตัวเป็น โรคเบาหวานร้อยละ 33.33 โรคเก๊าท์ร้อยละ 16.67 โรคไขมันร้อยละ 16.67 ไม่มโี รคประจำตวั ร้อยละ 33.33 มบี าดแผลทกุ รายคดิ เป็นร้อยละ 100 3.2 สว่ นท่ี 2 การประเมนิ ความสขุ สบายต่อนวตั กรรมกอ่ น-หลงั ให้บริการ ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลความสุขสบายจากการใช้แบบประเมิน โดยกำหนด เกณฑค์ ะแนน ค่าเฉลี่ย ดังนี้ 1.00 – 1.49 หมายถงึ มีความพงึ พอใจ อยใู่ นระดบั นอ้ ยท่สี ุด 1.50 – 2.49 หมายถึง มีความพงึ พอใจ อยใู่ นระดับ น้อย 2.50 – 3.49 หมายถึง มีความพึงพอใจ อย่ใู นระดับ ปานกลาง 3.50 – 4.49 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจ อยใู่ นระดบั มาก 4.50 – 5.00 หมายถึง มคี วามพึงพอใจ อยใู่ นระดับ มากท่สี ุด การประเมนิ ความสุขสบายตอ่ นวตั กรรมก่อนใหบ้ รกิ าร ระดบั ความสขุ สบาย รายการที่ประเมิน คา่ เฉล่ีย S.D. ระดบั ความสขุ สบาย ด้านร่างกาย 2 0.63 น้อย 1.ส่งเสรมิ ใหเ้ กิดความสขุ สบาย 2.16 0.75 นอ้ ย 2.สง่ เสรมิ ทา่ ทางทเ่ี หมาะสม 2.16 0.51 น้อย 3.อำนวยความสะดวก 2.16 0.4 น้อย 4.ความสะอาดของบาดแผล 2.33 0.51 น้อย 5.ลดความทรมานของการกดทบั อวยั วะ 2 0.89 น้อย 6.เพม่ิ ความปลอดภยั ในการทำแผล

รายการท่ีประเมิน คา่ เฉล่ีย ระดบั ความสุขสบาย 2.33 S.D. ระดับความสุขสบาย 7.ลดระยะเวลา/ลดความล้าชา้ ในการทำแผล 0.4 นอ้ ย ดา้ นจติ ใจ-จิตวญิ ญาณ 8.ลดความกลัวและวติ กกังวล 1.83 0.75 น้อย 9.มีคุณค่าและศกั ด์ิศรใี นตนเอง 2 0.63 น้อย 10.มคี วามเช่อื มัน่ ในนวตั กรรม 2.16 0.75 นอ้ ย การประเมนิ ความสุขสบายต่อนวตั กรรมหลังให้บริการ ระดบั ความสุขสบาย รายการที่ประเมนิ คา่ เฉลย่ี S.D. ระดับความสุขสบาย ดา้ นร่างกาย 3.6 0.82 มาก 1.ส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ ความสุขสบาย 3.6 0.82 มาก 2.สง่ เสรมิ ท่าทางท่เี หมาะสม 3.6 0.82 มาก 3.อำนวยความสะดวก 4 0.63 มาก 4.ความสะอาดของบาดแผล 3.84 0.75 มาก 5.ลดความทรมานของการกดทับอวัยวะ 4 0.63 มาก 6.เพิ่มความปลอดภัยในการทำแผล 3.6 0.82 มาก 7.ลดระยะเวลา/ลดความล้าช้าในการทำแผล ด้านจติ ใจ-จติ วิญญาณ 4.16 0.98 มาก 8.ลดความกลวั และวติ กกังวล 3.83 0.75 มาก 9.มีคุณค่าและศกั ดิ์ศรใี นตนเอง 3.83 0.75 มาก 10.มคี วามเชอ่ื ม่นั ในนวตั กรรม จากตาราง ผลการวิเคราะห์ข้อมูล กลุ่มตัวอย่าง 6 คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบมีความสะดวกสะบายใน การใช้ ตะแกรงล้างแผลสขุ สบาย (Comfort Dressing Stool) ก่อนรบั บรกิ ารโดยรวมอย่ใู นระดบั น้อย และหลัง รับบริการโดยรวมอยู่ ในระดับมาก คอื สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความสขุ สบาย สง่ เสรมิ ทา่ ทางท่เี หมาะสม อำนวยความ สะดวก ความสะอาดของบาดแผล ลด ความทรมานของการกดทับอวัยวะ เพิ่มความปลอดภัยในการทำแผล ลด ระยะเวลา/ลดความล้าช้าในการทำแผล ลดความ กลัวและวติ กกังวล มคี ุณคา่ และศักดศ์ิ รีในตนเอง และมคี วาม เชอ่ื มน่ั ในนวตั กรรม 3.3 ส่วนท่ี 3 การประเมินความพึงพอใจตอ่ นวัตกรรมการให้บรกิ าร ผลจากการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ความสุขสบายจากการใชแ้ บบประเมนิ โดยกำหนด เกณฑ์คะแนน คา่ เฉล่ยี ดงั น้ี 1.00 – 1.49 หมายถึง มคี วามพึงพอใจ อยู่ในระดับ นอ้ ยทสี่ ดุ 1.50 – 2.49 หมายถึง มีความพึงพอใจ อย่ใู นระดับ นอ้ ย 2.50 – 3.49 หมายถึง มคี วามพึงพอใจ อยใู่ นระดบั ปานกลาง 3.50 – 4.49 หมายถึง มคี วามพึงพอใจ อยใู่ นระดับ มาก 4.50 – 5.00 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจ อยู่ในระดบั มากท่ีสุด

รายการทปี่ ระเมิน ระดบั ความสขุ สบาย คา่ เฉลยี่ S.D. ระดับความสุขสบาย ดา้ นการออกแบบโครงสรา้ งนวตั กรรม 1.โครงสรา้ งนวัตกรรมมคี วามแข็งแรง 4.33 0.57 มาก 2.การออกแบบมีความคดิ สร้างสรรค์ 4.33 0.57 มาก 3.องค์ประกอบแตล่ ะช้ินไมส่ ง่ ผลใหเ้ กิดความอันตรายตอ่ 4.66 0.57 มากทีส่ ุด ผู้รบั บรกิ าร ดา้ นการใช้งานนวัตกรรม 4.33 0.57 มาก 4.นวตั กรรมมีความสะดวกตอ่ การเกบ็ ล้างทำความ สะอาด 3.66 0.57 มาก 5.นวตั กรรมมคี วามสะดวกต่อการใชง้ านและเคลอื่ นยา้ ย 3.66 0.57 มาก 6.นวัตกรรมมีความเหมาะสมในการปรับบรบิ ทของ ผรู้ ับบรกิ าร ดา้ นประโยชนข์ องนวัตกรรม 4.33 0.57 มาก 7.ช่วยลดความทรมานขณะล้างแผล 4.66 0.57 มากทีส่ ุด 8.ชว่ ยสง่ เสรมิ ความผอ่ นคลายตอ่ กลา้ มเนื้อขณะล้างแผล 3.66 0.57 9.ใชง้ านได้ราบร่นื ต่อเนอื่ ง ไม่ติดขดั มาก ด้านทรัพยากรของนวัตกรรม 4.33 0.57 10.ลดจำนวนเจ้าหนา้ ที่ บคุ ลากรในการทำแผล มาก จากตาราง ผลการวิเคราะห์ข้อมลู กลุม่ ตวั อยา่ ง 3 คน พบว่า ผตู้ อบแบบสอบมีความพึงพอใจในการ ใช้ ตะแกรงลา้ ง แผลสุขสบาย (Comfort Dressing Stool) โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด คือ องค์ประกอบแต่ ละชิ้นไม่ส่งผลให้เกิดความ อันตรายตอ่ ผู้รับบรกิ าร และช่วยส่งเสริมความผอ่ นคลายต่อกล้ามเน้อื ขณะลา้ งแผล อยใู่ นระดบั มาก คือโครงสร้างนวัตกรรมมี ความแข็งแรง การออกแบบมีความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมมีความ สะดวกต่อการเก็บล้างทำความสะอาด นวัตกรรมมีความ สะดวกต่อการใช้งานและเคลื่อนย้าย นวัตกรรมมีความ เหมาะสมในการปรับบริบทของผู้รับบริการ ช่วยลดความทรมานขณะ ล้างแผล ใช้งานไดร้ าบรน่ื ตอ่ เนือ่ งไมต่ ิดขัด และลดจำนวนเจา้ หนา้ ทบ่ี ุคลากรในการทำแผล 4. สรุปผล อภิปรายผล จากการศึกษาผลของการใช้นวัตรกรรมตะแกรงล้างแผลสุขสบาย (Comfort Dressing Stool) สามารถอภิปราย ผลไดด้ ังน้ี จากผลการวิจัยนวัตกรรมตะแกรงลา้ งแผลสขุ สบาย (Comfort Dressing Stool) มกี ารบรรลวุ ตั ถุประสงคค์ ือ เพ่อื ให้ เกิดความสุขสบายตอ่ ผปู้ ่วยทีต่ ้องลา้ งแผลเป็นเครอ่ื งมือทช่ี ่วยเพ่มิ ความพึงพอใจต่อเจา้ หน้าที่ หรือพยาบาลในการลา้ งแผล จาก ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยหลังใช้นวัตรกรรมมีความสุขสบายอยู่ระดับดีมาก และเจ้าหน้าที่ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สดุ คอื ด้านองคป์ ระกอบแต่ละชน้ิ ไม่ส่งผลใหเ้ กิดความอันตรายต่อผรู้ บั บริการสามารถลดจำนวนเจา้ หน้าที่ บุคลากรในการทำแผล และช่วยส่งเสริมความผ่อนคลายต่อกล้ามเนือ้ ขณะล้างแผล เนื่องมาจากงานวิจัยเรือ่ ง การเปรียบเทียบระหวา่ งการนอนหงาย ยกขาสูงและการนอนหงายต่อการฟนื้ ตัวของกลา้ มเนอื้ ข้อเขา่ ภายหนังการออกกำลังกายแบบพลยั โอเมตริกในชายสุขภาพดีท่ีมี กิจกรรมทางกายระดับต่ำ จะส่งผลการฟื้นตัวโดยการนอนหงายยกขาสูงมีแนวโน้มบรรเทาอาการกล้ามเนื้อเหยียดเข่าระบบ หลังการการออกกำลังกายแบบพลัยโอเมตริกได้ดีการนอนหงาย การนอนหงายยกขาสูง 30-60 องศา ช่วยลดอาการบวมและ การนอนหงายยกขาสูง30 องศา ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายมากที่สุด สอดคล้องการศึกษาของ (ธนวัฒน์ กิจสุขสันต์, 2562)

Chatzinikolaou, Fatouros และคณะพบว่าแรงโน้มถ่วงกระทบต่อการกระจายปริมาณของเลือดภายในร่างกายท่านอนราบ จะทำให้เลือดไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจได้ดีขึน้ เนื่องจากร่างกายตอบสนองโดยการลดแรงต้านของหลอดเลือดส่วนปลายทำให้ การไหลเวียนกลับของเลือดดำเพิ่มขึ้นหัวใจจึงทำงานน้อยลงการยกรยางค์จึงทำให้เลือดดำที่รยางค์ส่วนล่างไหลกลับเข้าสู่ บริเวณช่องอกได้มากขึ้นสอดคล้องกับการศึกษาของ Van den Bekerom และคณะด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบดั พบวา่ การยกรยางคส์ ว่ นล่างเม่อื เกิดปัญหาของหลอดเลอื ด หรือภายหลงั การผา่ ตดั จะทำใหผ้ ปู้ ่วยรู้สกึ สบายจากความดนั ภายใน หลอดเลือดท่ลี ดลงโดยองศาที่เหมาะสมคอื 30 องศาแตพ่ บว่า 90 องศาจะชว่ ยลดอาการบวมมากที่สุดเม่อื เปรียบเทียบกับท่า นอนราบแต่มุมดังกล่าวทำให้เกิดอาการปวดตึงต้นขาด้านหลงั และบริเวณสะโพกได้ในอาสาสมัคร จึงนำองค์ความรู้นี้มาใช้ใน งานวิจยั จึงเป็นทมี่ าของนวัตกรรมตะแกรงล้างแผลสุขสบาย (Comfort Dressing Stool) โดยผปู้ ว่ ยมีความสุขสบายหลงั การใช้ นวตั กรรมการทดลอง อยา่ งมีนยั สำคัญทางสถติ ิที่ระดบั .05 สรุปจากผลการวิจัยครั้งนี้จะเห็นได้ว่านวัตกรรมตะแกรงล้างแผลสุขสบาย (Comfort Dressing Stool) จะทำให้ ผู้ป่วยเกิดความสขุ สบายในการล้างแผลมากขึน้ ชิ้นงานมีความปลอดภยั เพิ่มความสะดวกต่อเจ้าหน้าที่และสามารถลดจำนวน บคุ คลากในการทำแผลได้

เอกสารอ้างองิ [1] กริ ณา สนี ลิ , กัสมีย์ สะนลิ เลาะ, จนั ทร์เพ็ญ มีชนะ, สซุ าดา อุษาวโิ รจน, สนุ ันทา มากมลู , วัชราภรณ์ ดวงโปธา, และคณะ. (2563). การดูแลบาดแผลขน้ั สูง. วชริ สารการพยาบาล, 22(1), 104-107. (In Thai) [2] จักรพงศ์ ปติ ิโชคโภคนิ ท์, นนั ทน์ ภัส ปิตโิ ชคโภคนิ ท,์ ใบศรี จึงม่ันคง. (2558). ขาหยงั่ ทำแผล: Khemmarat Wound Chair. วารสารวิชาการสาธารณสขุ . 24(1), 140-145. (In Thai) [3] ธนวฒั น์ กจิ สขุ สนั ต์ และคณะ. (2562). การเปรยี บเทยี บผลระหว่างการนอนหงายยกขาสูงและการนอนหงายต่อการฟ้ืน ตวั ของกล้ามเนอ้ื ข้อเขา่ ภายหลงั การออกกำลังกายแบบพลยั โอเมตริก ในชายสุขภาพดีท่มี กี ิจกรรมทางกายระดบั ต่ำ. วารสารวิทยาศาสตรก์ ารกฬี าและสขุ ภาพ. 20, 14-23. (In Thai) [4] สุรัตนา เหล่าไขย. (ม.ป.ป.). การศกึ ษาความรู้และทกั ษะดา้ นการทำแผลอย่างถูกวธิ ีกอ่ นออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพของ นกั ศกึ ษาสาขาสาธารณสขุ ชมุ ชน มหาวิทยาลัยราชภฏั มหาสารคาม. www.Laochai9620Surattana.pdf. (In Thai) [5] มณกร ศรีแปะ๊ บัว. (2557). ผลของโปรแกรมการพยาบาลระบบสนับสนนุ และใหค้ วามรู้ต่อการรับรู้ความสามารถในการ ดูแลเท้าและพฤตกิ รรมการดูแลเท้าในผ้ปู ว่ ยเบาหวานกลมุ่ เส่ยี งต่อการเกิดแผลท่เี ท้า [วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญาพยาบาล- ศาตรบณั ฑิต]. มหาวทิ ยาลัยบรู พา. (In Thai) [6] มหาวิทยาลัยบรู พา. (2561). ปจั จัยท่ีมีความสมั พันธก์ ับความสามารถในการดแู ลบาดแผล. collect lib.buu.ac.th/dcms/ files/48921611/chapter2.pdf. (In Thai)

Auto Feeding Bags นภัทร นยุ้ หงษ์, มาริสา ผินแสง, วรนิ ญา ไพรเถ่อื น, วิลาวณั ย์ ไทยอุบล, ศจมี าศ ชยั ภริ มย์กลุ , สริ วิ รรณ นะเขนิ , อรณุ ฤดี จนั ทรเศรษฐี และกมลวรรณ โชคสุกจิ นันท์ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จักรรี ัช คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบนั พระบรมราชชนก *ผใู้ ห้การตดิ ตอ่ (นภัทร น้ยุ หงษ์ e-mail [email protected]) บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) แบบกลุ่มเดียววัดหลัง ทดลองนวตั กรรม (One Group Posttest Design) โดยวัตถุประสงค์เพือ่ ศึกษาประสทิ ธิผลของนวัตกรรมถุงให้ อาหาร น้ำ และยาทางสายแบบอัตโนมัติ (Auto Feeding Bags) ต่อความพงึ พอใจของนักศึกษาพยาบาล ศาสตรบณั ฑิตชั้นปที ่ี 1 และของนักศกึ ษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีท่ี 2 ที่เตรยี มความพร้อมในการออกฝึก ภาคปฏิบัติการพยาบาลหอผู้ป่วย ในการทดลองคร้ังนี้เป็นการสุม่ แบบเจาะจงเนื่องจากเป็นตัวแทนของกลุม่ ตัวอยา่ งประชากรในการทดลองกบั หุน่ ทห่ี ้องปฏบิ ัตกิ ารพยาบาล วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จกั รีรัช ก่อน จะนำไปใช้กับผู้ในหอผู้ปว่ ยแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลบ้านโปง่ จังหวดั ราชบุรี ผู้วิจัยได้ทำการคัดเลอื กกลุ่ม ตวั อยา่ งตามคุณสมบตั ทิ ่กี ำหนด จำนวน 30 ราย ทเ่ี ข้ารว่ มการทดลองทห่ี ้องปฏิบตั กิ ารพยาบาล คำสำคัญ: นวัตกรรมทางการพยาบาล, นกั ศึกษาพยาบาล

Auto Feeding Bags Napat Nuyhong, Marisa Phinsaeng, Warinya Praithuan, Wilawan Thaiubon, Sachimat Chaiphiromkun, Siriwan Nakhern, Arunruedee jantarasetthee and Kamonwan Choksukitnan Faculty of Nursing, Boromarajonani college of nursing Jakkriraj, Praboromarajchanok Institute [email protected] Abstract This research It is a quasi-experimental research, one group posttest design, with the objective of studying the effectiveness of the innovative Auto Feeding Bags on student satisfaction. The 1st year of Bachelor of Nursing Science students and of the 2nd year of Bachelor of Nursing students who prepare for ward nursing practice. In this trial, it was randomized because it represented a population sample in an experiment with mannequins at the nursing laboratory. Boromarajonani college of nursing Jakkriraj before applying to patients in the internal medicine ward Ban Pong Hospital Ratchaburi Province The researcher selected 30 subjects according to the specified qualifications who participated in the experiment at the nursing laboratory. Keywords: Innovation in Nursing, Nursing Students

บทนำ ภาวะการเจบ็ ปว่ ยเร้ือรงั เป็นปัญหาสุขภาพท่สี ำคญั ของโลกและมอี ุบัตกิ ารณ์เจบ็ ป่วยเพิ่มสูงข้นึ ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อ จากรายงานขององค์การอนามัยโลกพบว่า มีประชากรถึง 40 ล้านคนจาก 56 ล้าน คนที่เสียชีวิตมีสาเหตุจากโรคไม่ตดิ ต่อ เรื้อรังโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศรายไดน้ ้อยถึงปานกลางที่มีการเสียชีวิตก่อนอายุ 70 ปี พบถึงร้อยละ 48 ซึ่งร้อยละ 80 มี สาเหตมุ าจากโรคทส่ี ามารถป้องกนั ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบ และเบาหวาน เปน็ ต้น สำหรบั ประเทศไทยน้ัน จากรายงานของสำนกั นโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสขุ ปี พ.ศ.2557 ไดร้ ะบถุ งึ สาเหตุการปว่ ยของผ้ปู ว่ ยใน ไดแ้ ก่ โรคความดันโลหติ สงู เบาหวาน โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ และโลหิตจางชนิดอืน่ ๆ ไตวาย ซึ่งโรคทั้งหมดจัดอยู่ในกลุม่ โรค เรือ้ รงั พบวา่ มแี นวโนม้ เพ่ิมขน้ึ ในทุก ๆ กลุ่มตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2546 เป็นตน้ มา นอกจากนีแ้ ล้วการเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากร ไทยทกี่ ำลังเคลอ่ื นเขา้ สูภ่ าวะประชากรสงู วัย(Population ageing) ซึ่งเป็นกลมุ่ ทม่ี ีความเสือ่ มของร่างกายที่เปน็ ไปตามอายุ จะ ทำให้พบการเจ็บป่วยเรื้อรงั เพ่มิ มากขึ้น และเปน็ ประชากรท่ีมีแนวโน้มในการเป็นผปู้ ว่ ยตดิ เตยี งมากกว่ากลุ่มวัยอน่ื จากข้อมูลสารประชากรมหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2561 รายงานข้อมูล ณ วันท่ี27 มกราคม 2561 ประเทศไทยมี จำนวนประชากรทัง้ หมด 66,234,000 คน มีประชากรผูส้ ูงอายุจำนวนทั้งหมด 11, 770,000คน คิดเป็นร้อยละ 17.77 8 ผล การสำรวจลา่ สุด มีผู้สงู อายุกว่า 1 ลา้ นคนทมี่ ีสขุ ภาพไมด่ ีนอนตดิ เตยี ง ต้องพึ่งคนอน่ื ดูแล คดิ เปน็ รอ้ ยละ 15 โดยมีประมาณ 960,000 คน ที่ช่วยเหลือตัวเองได้บางส่วน อีกประมาณ 63,000 คนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เลย 11 ในการที่มีกลุ่ม ผปู้ ว่ ยตดิ บา้ นติดเตียงอยูภ่ ายในบา้ น จะทำใหเ้ กิดปัญหาท้งั ตัวผปู้ ว่ ย เชน่ ภาวะการเกิดโรคแทรกซอ้ น การเกดิ แผลกดทบั เป็น ต้น ปัญหาสำหรับให้การดแู ลชว่ ยเหลือผู้ปว่ ยท่ีไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ และยังส่งผลกระทบระยะยาวต่อตัวผ้ปู ว่ ย ผู้ดูแล และครอบครัว ไมว่ า่ จะเป็นการประกอบอาชพี การดูแลสขุ ภาพ และคา่ ใช้จ่ายในครัวเรือน ในปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วย นอนติดเตียงเปน็ จำนวนมาก ซงึ่ ผูป้ ่วยเหลา่ น้ีมที ง้ั ทน่ี อนพกั รกั ษาตวั ในโรงพยาบาล และมานอนพกั รกั ษาตวั ที่บ้าน ซ่ึงถ้าหาก นอนในโรงพยาบาลก็จะมีทมี แพทยแ์ ละพยาบาลคอยดูแลอยา่ งใกล้ชิดและมีวิธกี ารดแู ลผู้ปว่ ยอยา่ งถกู ตอ้ งตามข้นั ตอนทางการ แพทย์ แตส่ ำหรับกรณีทผ่ี ู้ปว่ ยต้องพักรกั ษาตวั อยู่ทบ่ี ้าน บคุ คลภายในบ้านจะต้องมีหนา้ ทคี่ อยดูแลผู้ป่วยนอนติดเตียงเองซึ่ง ผู้ดูแลจำเป็นทีจ่ ะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการดแู ลผู้ป่วยอย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอนั ตรายและโรคแทรก ซ้อนต่าง ๆ ท่อี าจจะตามมาได้ ( ประหยดั ธรุ ะแพง, 2561 ) ผสู้ ูงอายุติดเตียงเป็นผู้ท่ีมีภาวะทุพพลภาพ ไม่สามารถเคล่ือนไหวและช่วยเหลือตนเองได้มีความตอ้ งการช่วยเหลือ ทางดา้ นกจิ วัตรประจำวันทง้ั หมด ไม่สามารถเข้าถึงอาหารได้ด้วยตนเองและรับประทานอาหารทางปากไม่ไดผ้ ู้สูงอายุกลุ่มน้ีมี ความจำเป็นต้องได้รับอาหารทางสายยางอย่างไรก็ตามในบางครั้งกระบวนการเตรียมอาหารเหลวที่ให้ทางสายยางไม่ได้ คุณภาพ มีสารอาหารไม่ครบถ้วนตามความต้องการของผู้สงู อายุติดเตียง ประกอบกับผู้สูงอายุกลุ่มนี้มักมีโรคเร้ือรังร่วมด้วย และการนอนติดเตียงทำให้กล้ามเน้ือไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานส่งผลให้การสังเคราะห์โปรตีนล้มเหลวส่งผลให้เกิดภาวะทุพ โภชนาการ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาทสัมผัสต่าง ๆ เนื้อเยื่อขาดความตึงตัว กระดูกบางลงมีการสลาย

กลา้ มเนอื้ เพ่มิ ขนึ้ ปริมาณกล้ามเน้อื และมวลกลา้ มเนื้อที่ปราศจากไขมนั ลดลง ซ่งึ หากมวลกลา้ มเนื้อลดลงร้อยละ 10 จะทำให้ ภมู คิ มุ้ กนั ของผ้ปู ่วยสูงอายุตดิ เตียงลดลง มโี อกาสตดิ เชื้อเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้งา่ ยและทำให้การเจบ็ ป่วยมีความรุนแรงข้ึน จากข้อมลู ดงั กล่าวแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความสำคญั ของการส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้สงู อายุติดเตียงเพ่ือปอ้ งกันโอกาสที่จะเกิด การเจบ็ ปว่ ยที่รนุ แรง การเสียชีวติ และการคงไวซ้ ึ่งคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยสงู อายุตดิ เตียง ( ณฐั ตนิ า วิชยั ดิษฐ์ ,2561 ) การตดิ เชอื้ ที่เป็นภาวะแทรกซ้อนของผ้ปู ่วยติดเตียงน้นั มหี ลายอยา่ ง เชน่ การติดเชือ้ ในระบบทางเดินปัสสาวะ การ ติดเชื้อทแี่ ผลจากการเกดิ แผลกดทับ หรือติดเชือ้ ระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยตดิ เตียงจะไม่สามารถ รบั ประทานอาหารเองได้จึงมีการใสส่ ายยางให้อาหารทางจมูกจนถึงกระเพาะอาหาร จงึ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุท่ีอาจส่งผลให้เกิด การตดิ เชอื้ ในระบบทางเดนิ หายใจ เช่น ไซนสั อักเสบ การระคายเคอื งเย่อื บทุ างเดนิ หายใจ สายยางทะลหุ ลอดอาหาร ภาวะลม ในชอ่ งเยอ่ื หุม้ ปอด ทางเดนิ หายใจอดุ กั้น ปอดอักเสบจากการสำลกั หรือการติดเชื้อทป่ี อด เป็นต้น จากขอ้ ความขา้ งตน้ ผวู้ จิ ัยจงึ มแี นวคดิ ในการทำวจิ ัยคร้ังนี้เพอื่ ช่วยลดความเสีย่ งในการเกดิ การตดิ เชือ้ จากการใสส่ าย ยางให้อาหารทางจมูกจนถึงกระเพาะอาหาร ทั้งนี้ยังสามารถส่งเสรมิ ภาวะโภชนาการแก่ผู้สูงอายุติดเตียง ป้องกันภาวะทพุ โภชนาการใหก้ บั ผูส้ งู อายตุ ิดเตยี งท่อี าจเกิดขึ้นในชีวติ ได้ และสามารถช่วยเพ่มิ ความสามารถผู้ดูแลผสู้ ูงอายุตดิ เตียงในการช่วย ใหร้ ะดับโภชนาการดีขนึ้ ได้ มปี ระสทิ ธภิ าพป้องกนั ความเส่ียงในการเกิดการตดิ เชือ้ ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้ดแู ลผู้สูงอายุตดิ เตียงมคี วามผาสุก ทำหน้าท่ีให้ การดูแลผู้สูงอายุตดิ เตียงไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ซง่ึ จะส่งผลใหผ้ สู้ ูงอายุตดิ เตยี งมคี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ีตอ่ ไป วตั ถุประสงค์ 1. เพ่อื สรา้ งนวตั กรรมถุงให้อาหาร นำ้ และยาทางสายแบบอตั โนมตั ิ (Auto Feeding Bags) 2. เพือ่ ศกึ ษาประสิทธิผลของนวตั กรรมถงุ ใหอ้ าหาร นำ้ และยาทางสายแบบอัตโนมัติ (Auto Feeding Bags) ตอ่ ความพึง พอใจของนกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปที 1่ี และนกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิตชัน้ ปีท2่ี ทเ่ี ตรยี มความพรอ้ มในการออก ปฏบิ ตั ิการพยาบาลหอผปู้ ว่ ย วธิ ดี ำเนินการวิจัย การวจิ ัยคร้งั นี้ เปน็ การวิจัยกง่ึ ทดลอง (Quasi Experimental Research) แบบกลุ่มเดยี ว วดั หลงั ทดลองนวตั กรรม (One Group Posttest Design) โดยวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิผลของนวัตกรรมถุงให้อาหาร น้ำ และยาทางสายแบบ อัตโนมัติ (Auto Feeding Bags) ต่อความพงึ พอใจของนกั ศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑติ ชั้นปีท่ี1และนกั ศึกษาพยาบาลศาสตร บัณฑติ ชน้ั ปีที่ 2 ทีเ่ ตรียมความพรอ้ มในการออกปฏิบตั กิ ารพยาบาลหอผปู้ ่วย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรทศ่ี ึกษา คือ คอื นกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตรบณั ฑติ ชั้นปีที่ 1 และนักศกึ ษาพยาบาลศาสตรบณั ฑติ ชนั้ ปที ี่2 กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ 1 และนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่2 ท่ี เตรียมความพร้อมในการออกปฏิบัติการพยาบาลหอผู้ป่วย เป็นการสุ่มแบบเจาะจงเนื่องจากเปน็ ตัวแทนของกลุ่มตัวอยา่ ง ประชากรในการทดลองกบั หุ่นทีห่ ้องปฏบิ ัติการพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จักรีรัช ก่อนจะนำไปใช้กับผ้ใู นหอ ผู้ป่วยแผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ผู้วิจัยได้ทำการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามคุณสมบัติทีก่ ำหนด จำนวน 30 ราย ท่ีเข้ารว่ มการทดลองทีห่ ้องปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล การกำหนดเกณฑค์ ดั เลอื กเข้ากลุม่

1. เป็นนักศกึ ษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่1และนกั ศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปที ่ี2 ที่เตรียมความพร้อมใน การออกปฏิบัตกิ ารพยาบาลหอผปู้ ว่ ย 2. ผ้ทู ก่ี ำลังศกึ ษาการดแู ลผู้ป่วยในผูป้ ว่ ยท่ีไมส่ ามารถรับประทานอาหารเองได้ 3. ผทู้ ดลองยินดีเข้าร่วมในการวจิ ัยโดยเซ็นใบยนิ ยอมเข้าร่วมในการวิจยั 2. เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการวิจัย (Research instruments) 2.1 แบบสอบถามความพึงพอใจของการใชน้ วัตกรรมถุงอาหารผ่านทางสายยางแบบอัตโนมัติของผดู้ ูแลผู้ป่วยที่ได้รับ อาหารทางสายยางแบง่ เป็น 3 ตอน ดงั น้ี ตอนที่1 ขอ้ มลู ท่ัวไปของผดู้ ูแล ไดแ้ ก่ เพศ อายุ การศกึ ษา อาชีพ รายได้ส่วนบคุ คลต่อเดอื น ระยะเวลาที่ใหก้ ารดูแล ผูป้ ว่ ย ตอนท่ี2 แบบสอบถามความพงึ พอใจของการใช้นวตั กรรมถุงอาหารผ่านทางสายยางแบบอตั โนมัติของผ้ดู ูแลผู้ป่วยท่ี ได้รบั อาหารทางสายยางไดจ้ ำนวน 10 ข้อ แบง่ เป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการใชง้ านจำนวน 5 ข้อ , ด้านความปลอดภยั จำนวน 1 ข้อ , ด้านความสวยงาม 2 ข้อ และด้านคุ้มคา่ คุ้มทนุ จำนวน 2 ขอ้ กำหนดข้อคำถามเปน็ Rating Scale 5 ระดบั ได้แก่ ความ พึงพอใจมากที่สุด = 5 มาก = 4 ปานกลาง = 3 น้อย = 2 น้อยทีส่ ุด = 1 การแปลผลระดบั ความพึงพอใจแบ่งเปน็ 5 ระดับ ไดแ้ ก่ 4.51 – 5.00 หมายถงึ มากทสี่ ดุ 3.51 – 4.50 หมายถึง มาก 2.51 – 3.50 หมายถงึ ปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถึง น้อย ตำ่ กวา่ 1.50 หมายถึง นอ้ ยทส่ี ุด ตอนที่ 3 แบบประเมินความเหมาะสมนวัตกรรมถุงอาหารผา่ นทางสายยางแบบอัตโนมัติของผูด้ แู ลผูป้ ว่ ยที่ได้รบั อาหารทางสายยางไดจ้ ำนวน 13 ขอ้ แบ่งเปน็ 3 ด้าน ไดแ้ ก่ ดา้ นโครงสรา้ ง 7 ขอ้ , ด้านการใชง้ าน 4 ข้อ และด้านคณุ ค่า 2 ขอ้ กำหนดขอ้ คำถามเป็น Rating Scale 5 ระดับ ไดแ้ ก่ เหมาะสมมากทีส่ ดุ = 5 มาก = 4 ปานกลาง = 3 น้อย = 2 นอ้ ยที่สุด = 1 การแปลผลระดับความพงึ พอใจแบ่งเป็น 5 ระดับ ได้แก่ 4.51 – 5.00 หมายถึง มากทีส่ ุด 3.51 – 4.50 หมายถงึ มาก 2.51 – 3.50 หมายถึง ปานกลาง 1.51 – 2.50 หมายถึง นอ้ ย ตำ่ กวา่ 1.50 หมายถึง นอ้ ยทส่ี ุด 3. วิธกี ารพัฒนาถงุ Auto Feeding Bags 1. สร้างนวัตกรรม

1.1 นำถุงพลาสติก polyethylene (PE) เคลือบด้วย Nylon ซีลขอบพลาสติก ตามขนาดสามช่อง และรูปแบบท่ตี อ้ งการ 1.2 ต่อข้อตอ่ บริเวณทีส่ ามารถบรรจอุ าหารได้สะดวก 1.3 ต่อขอ้ ต่อทำจากพลาสตกิ LDPE สำหรับต่อสายยางใหอ้ าหาร 1.4 ต่อสายใหอ้ าหารใส่ตัวสายยางเขา้ ไปในตัวเซน็ เซอรว์ ัดระดับนำ้ ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ 1.5 นำข้อต่อพลาสติกใสขอ้ แปลงวาลว์ ปรับลม 4 ทางเชอ่ื มกบั สายข้อตอ่ ถุงอาหาร NURI LINE C มี กระเปาะ และตวั ปรบั 4. การตรวจสอบคุณภาพเครือ่ งมือ การหาความตรงตามเนอ้ื หาของเครอ่ื งมอื (Content validity) ความพึงพอใจผลของการใช้นวตั กรรมถุงอาหารผ่าน ทางสายยางแบบอัตโนมัตขิ องผู้ดูแลผู้ป่วยทไ่ี ด้รบั อาหารทางสายยาง ที่ผูว้ ิจยั จะสร้างขึน้ ไดน้ ำไปตรวจสอบหาความตรงของ เนื้อหา (Content validity) โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน ซึ่งประกอบด้วย พยาบาลในหอผู้ป่วยอายรุ กรรม 1 ท่าน และ อาจารย์พยาบาล 2 ท่าน ตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างและความเหมาะสมของภาษา พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ผู้วิจัยมีการ ปรับปรงุ แก้ไข และนำมาปรับปรงุ แก้ไขตามขอ้ เสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิ คำนวณหาค่าดชั นตี รงตามเน้อื หา IOC (Index of Item – Objective Congruence) โดยใช้เกณฑ์ +1 หมายถึง คำถามนั้นสอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ 0 หมายถึง ไม่แน่ใจวา่ คำถามนน้ั สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ -1 หมายถึง คำถามนนั้ ไม่สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ แปลผล ถ้า IOC ≥ 0.5 แสดงวา่ ขอ้ คำถามน้ันวัดไดต้ รง (ใช้ได)้ IOC< 0.5 แสดงว่าข้อคำถามนนั้ วดั ไดไ้ ม่ตรง การหาความเช่อื ม่ันของเคร่ืองมือ (Reliability) การใช้แบบสอบถามในกลุ่มผูท้ ี่มีคณุ สมบัติใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 30 คน ได้ค่า Reliabilityโดยใช้ สัมประสิทธข์ิ องแอฟฟา (alpha - coefficient) ของครอนบาค (Cronbach, 1970) ซึง่ มีสตู รดงั นี้

5. การพทิ ักษส์ ิทธขิ องกลุ่มตวั อยา่ ง ผวู้ ิจยั นำโครงรา่ งวจิ ยั เสนอตอ่ คณะกรรมการ จริยธรรมของวิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จกั รีรัช กอ่ นทำการศึกษา วิจัยและผวู้ ิจัย พิทักษ์สทิ ธิของกลุ่มตัวอยา่ งแก่ผู้ดแู ลตั้งแตเ่ รม่ิ ต้นของการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยแจ้งให้ทราบวัตถปุ ระสงค์ของ การวิจัย ข้นั ตอนการรวบรวมข้อมูล และขอความรว่ มมือในการเขา้ รว่ มวิจัย โดยไม่มีการบังคับใด ๆ และแจ้งให้ทราบวา่ กลุ่ม ตัวอย่างสามารถออกจากการวิจยั ได้ทุกเวลา โดยไม่ต้องอธิบายเหตุผล และจะไม่มีผลต่อการดูแลรักษาพยาบาลที่จะได้รบั ข้อมูลทัง้ หมดของกลมุ่ ตวั อย่างจะเก็บเป็นความลบั การนำเสนอขอ้ มูลและการพมิ พ์เผยแพรจ่ ากการกระทำในภาพรวมเท่าน้ัน หากกลุม่ ตัวอยา่ งยนิ ดเี ข้ารว่ มในการวิจยั ขอความร่วมมอื กลมุ่ ตัวอย่างเซ็นใบยินยอมเข้ารว่ มวจิ ยั 6. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล การวจิ ยั คร้งั น้ี ผวู้ จิ ัยดำเนนิ การรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยนำหนังสอื ขอเข้าทดลองในหอ้ งปฏิบัติการ วิทยาลัย พยาบาลบรมราชชนนี จกั รรี ัช เพอ่ื ช้แี จงวตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั และขอความรว่ มมือในการรวบรวมข้อมูล เมือ่ ได้รับหนังสือ อนุมัติจากเจ้าหน้าที่ผูด้ ูแลห้องปฏิบตั ิการ จากนั้น ผู้วิจัยขอสำรวจหุ่นทดลองที่ใชฝ้ ึกใหอ้ าหารทางสายยางพร้อมนักศึกษา พยาบาลศาสตรบณั ฑติ ชัน้ ปที ่ี1 และนกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชน้ั ปีที่2 ที่มีคณุ สมบตั ติ ามเกณฑ์ท่กี ำหนด เพื่อคัดเลือก กลุม่ ตวั อย่างทมี่ ีให้ได้จำนวนตามต้องการ และดำเนนิ การในกลุ่มทดลอง ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาผลของการใช้นวัตกรรมถุงอาหารผ่านทางสายยางแบบอัตโนมัติของผู้ดูแลผู้ป่วยให้ อาหารทางสายยาง ในห้องทดลองปฏิบัติการพยาบาลที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จักรีรัช เก็บข้อมูลจากนักศึกษา พยาบาลศาสตรบัณฑติ ชน้ั ปีที1่ และนกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปที ี่2 ก่อนจะนำไปใช้กบั ผปู้ ่วยในหอผู้ป่วยแผนกอายุ รกรรม โรงพยาบาลบ้านโป่ง จงั หวดั ราชบุรี โดยใชเ้ ครื่องมอื ท่ีผู้วิจัยสรา้ งขึ้น ผลของการวิเคราะห์ขอ้ มูลนำเสนอเรียงตามลำดับ ดงั น้ี สว่ นท่ี 1 ข้อมูลสว่ นบคุ คลของกลมุ่ ตัวอย่าง ส่วนที่ 2 คะแนนแบบสอบถามความพึงพอใจของการใช้นวตั กรรมถงุ อาหารผ่านทางสายยางแบบอตั โนมัตขิ องผู้ดูแล ผปู้ ว่ ยท่ไี ด้รบั อาหารทางสายยาง ส่วนท่ี 3 คะแนนแบบประเมนิ ความเหมาะสมนวัตกรรมถุงอาหารผา่ นทางสายยางแบบอัตโนมัตขิ องผู้ดูแลผู้ป่วยที่ ได้รบั อาหารทางสายยาง

ส่วนที่ 1 ข้อมลู สว่ นบคุ คลของกล่มุ ตัวอยา่ ง กลุม่ ตวั อย่างในการศึกษาครั้งนีเ้ ปน็ นกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิตช้นั ปที ี่1 และนักศึกษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิตชัน้ ปีท่2ี จำวน 30 คน กลมุ่ ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 91.3 เป็นเพศหญงิ และเพศชายร้อยละ 8.70 มอี ายรุ ะหวา่ ง 19-25 ปี โดย สว่ นใหญเ่ ปน็ นักศึกษาฝึกภาคปฏบิ ัติการทดลองการให้อาหารทางสายยางในผู้ปว่ ยทไ่ี ม่สามารถรบั ประทานอาหารเองได้ นักศึกษาพยาบาลศาสตรบณั ฑติ ชั้นปีท่ี1 และนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชัน้ ปที ี2่ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญงิ คิด เป็นร้อยละ 91.31 และเพศชายรอ้ ยละ 8.70 มอี ายุส่วนใหญใ่ นช่วง 19-25 ปี คิดเป็นรอ้ ยละ 95.70 ส่วนที่ 2 คะแนนแบบสอบถามความพึงพอใจของการใช้นวัตกรรมถุงอาหารผ่านทางสายยางแบบอัตโนมัติของผู้ดูแล ผปู้ ว่ ยท่ีไดร้ บั อาหารทางสายยาง ระดับความพึงพอใจด้านการใช้งานคิดเป็นร้อยละ 24.61 ระดับความพึงพอใจด้านความปลอดภัยคิดเป็นร้อยละ 33.32 ระดบั ความพึงพอใจดา้ นความสวยงามคิดเป็นร้อยละ 33.33 ระดับความพงึ พอใจด้านการคุ้มค่า คุม้ ทุนคิดเป็นร้อยละ 33.33 พบวา่ ระดบั ความพงึ พอใจของนักศกึ ษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิตช้ันปีท่ี1 และนกั ศึกษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิตชัน้ ปที ี่2 ส่วนใหญ่อยู่ในด้านการคุ้มค่า คุ้มทุนคิดเป็นร้อยละ 33.33 ด้านความสวยงามคิดเป็นร้อยละ 33.33 รองลงมาด้านความ ปลอดภัยคดิ เป็นรอ้ ยละ 33.32 และดา้ นการใชง้ านคดิ เปน็ รอ้ ยละ 24.61ตามลำดบั ส่วนท่ี 3 คะแนนแบบประเมินความเหมาะสมนวตั กรรมถงุ อาหารผ่านทางสายยางแบบอตั โนมตั ิของผู้ดูแลผู้ป่วยท่ีได้รับ อาหารทางสายยาง ระดบั ความเหมาะสมด้านโครงสร้างคิดเป็นร้อยละ33.32 ระดบั ความเหมาะสมดา้ นการใช้งานคดิ เป็นรอ้ ยละ 33.31 ระดบั ความเหมาะสมด้านความคุม้ คา่ คิดเป็นรอ้ ยละ33.32 พบวา่ ระดับความเหมาะสมการใชน้ วตั กรรมของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิตชั้นปที ี่1 และนักศึกษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิต ชน้ั ปที ่ี2 ส่วนใหญ่อยใู่ นดา้ นโครงสรา้ งคดิ เปน็ ร้อยละ33.32 ด้านความคุม้ คา่ คิดเป็นร้อยละ33.32 รองลงมาด้านการใช้งานคิด เปน็ ร้อยละ 33.31 ตามลำดบั บทสรปุ ขอ้ มลู ทว่ั ไปของกลมุ่ ตัวอย่างส่วนใหญร่ อ้ ยละ 91.30 เปน็ เพศหญิง เปน็ เพศชาย 8.70 มีอายุระหวา่ ง 19-25 ปี โดยมี อายคุ ่าเฉลี่ย 95.70 กลุ่มตวั อยา่ งเป็นนกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตรบัณฑติ ช้ันปที ี่ 1 และนักศกึ ษาพยาบาลศาสตรบณั ฑิตช้ันปีท่ี 2 จำนวน 30 ราย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จักรีรัช คะแนนระดับความพึงพอใจด้านการใช้งานคดิ เป็นร้อยละ 24.61 ระดับความพึงพอใจด้านความปลอดภัยคิดเป็นร้อยละ 33.32 ระดับความพึงพอใจด้านความสวยงามคิดเป็นร้อยละ 33.33 และด้านการใชง้ านคดิ เป็นร้อยละ 24.61 กิตตกิ รรมประกาศ (ถา้ มี)

คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณอาจารย์ดร.อัญญา ปลดเปลื้อง ที่ท่านได้ให้การช่วยเหลือ ให้คำแนะนำชี้แจงและให้ คำปรึกษาในการทำวิจัยทางการพยาบาล ขอขอบคุณนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตชัน้ ปีที่ 1 และ 2 จึงทำให้วิจัยฉบบั น้ี สมบูรณ์ คณะผ้จู ดั ทำหวังเป็นอย่างยิ่งวา่ วิจัยฉบบั น้ีจะเป็นประโยชน์ตอ่ ผ้ทู ี่สนใจและหากมีขอ้ ผิดพลาดประการใด ทางคณะ ผู้จดั ทำขออภัยมา ณ ท่นี ่ีดว้ ย เอกสารอ้างอิง (References) เสาวภา ศรีแกว้ . หว่ งใยกระเช้าสีดา หนว่ ยงานผปู้ ่วยในชาย. สบื คน้ เมือ่ 1 สงิ หาคม 2565. สืบคน้ จาก http://58045419-6620170407132739.webstarterz.com/ nur/cqi-file/ipd1/ipd1-1.pdf รพ.สต.ทางพระ. (2562). นวตั กรรมอ่ิมสุข. สบื คน้ เมอื่ 1 สงิ หาคม 2565. สบื ค้นจาก http://164.115.41.180/pts/?q=node/91 เสาวนา ปิยะพสิ ทุ ธ. (2551). นวตั กรรมถงุ เกบ็ สายให้อาหารทางจมูกถึงกระเพาะอาหารสว่ นท่ีอยู่ภายนอก รา่ งกาย. สืบคน้ เมอื่ 1 สงิ หาคม 2565. สืบคน้ จาก https://www.rama.mahidol.ac.th/nursing/sites/ default/files/public/journal/2551/issue_02/02.pdf โรงพยาบาลอทุ ยั ธานี. (2559). นวตั กรรมจุกยางจุกยดึ สายให้อาหารทางหนา้ ทอ้ ง. สืบคน้ เม่อื 1 สงิ หาคม 2565. สืบคน้ จาก http://www.ayhosp.go.th/ayh/images/HA/thaiPSA/TPSA03.pdf สายยนต์ รตั นา และคณะ. (2555). ห่วงคลอ้ ง ผอ่ นแรง. สืบค้นเม่ือ 1 สงิ หาคม 2565. สืบค้นจาก http://49.231.188.70/Nursekhukhan/file/inno/img_60191a4f43029.pdf

ชอื่ นวตั กรรม เครอ่ื งควบคุมการใหอ้ าหารทางสายยาง ปลายรุง้ ภูม่ าลยั 1, ปวันรัตน์ เพยี งวัน2, พัชราภา สุตรตั 3, สริ ริ ัตน์ เกิดจรสั 4, สุดารัตน์ คุ้มทรัพย์5, อารดา ชาญประไพร6, อิศรญิ า ศรจี ันทรร์ ัตน์7 และ อมุ าพร ซ่อยหง8 1วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จักรรี ชั คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก *[email protected] บทคัดย่อ การศึกษาคร้ังน้ีเป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experiment) แบบหน่ึงกลุ่มวัดหลังการทดลอง (one group post-test design) มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใชเ้ ครอ่ื งควบคมุ การให้อาหารผ่านทางสายยางให้อาหารและศกึ ษาความพึง พอใจของญาติผู้ดูแลผู้สงู อายุติดเตียงที่ใสส่ ายยางให้อาหารผ่านทางรูจมูก(nasogastric tube; NG tube) หรือการใส่สายยางทาง ปาก (Orogastric tube intubation) จำนวน 20คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบประเมินภาวะแทรกซ้อนหลังใช้เคร่ืองควบคุมการให้ อาหารทางสายยาง และประเมินความพึงพอใจในการใช้เคร่ืองควบคุมการให้อาหารทางสายยาง มีความเที่ยง (Index of Item- Objective Congruence) ioc เท่ากับ 0.78 ค่าอัลฟ่าครอนบาช (Cronbach's alpha) เท่ากับ 0.96 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ บรรยาย ผลการศกึ ษาพบวา่ 1. เม่ือใช้เครื่องควบคุมการให้อาหารทางสายยาง 4 ครั้ง คร้ังละ 30 นาที โดยมีควบคุมระยะเวลาและมีเสียงเตือนเมื่อ อาหารหมด พบว่าผู้สงู อายุไม่เกิดภาวะแทรกช้อน เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด กดทอ้ งแข็ง จุกแน่น อาการเหน่ือย ไมม่ ีแรง ชัก สำลักอาหาร และภาวะรฟี ีดด่ิง ซินโดรม 2. ความพึงพอใจของญาติผ้ดู ูแล 20 คน ภายหลังใช้เครอ่ื งควบคุมการใหอ้ าหารทางสายยาง พบวา่ ความพึงพอใจในการใช้ นวตั กรรมในภาพรวมอยู่ท่ีระดับความพงึ พอใจมากทสี่ ดุ คา่ เฉลี่ยเท่ากับ 4.62 สว่ นเบ่ยี งเบนมาตราฐาน 0.16 คำสำคญั : เครือ่ งควบคมุ การให้อาหารทางสายยาง ผ้สู งู อายตุ ดิ เตียง การใหอ้ าหารทางสายยาง

Feeding Timer Plairung Poomalai1, Pawanrat Piangwan2, Phatcharapha Sutrat3, Sirirat Kerdjarat4, Sudarat Kumsub5, Arada Chanprapai6, Aitsariya Srijanrat7 and Aumaphon Soihong8 1Boromarajonani College of Nursing, Chakriraj: Faculty of Nursing, Praboromrajchanok Institute *[email protected] Abstract This study was a quasi-experiment with one group post-test design. To study the effectiveness of The feeding timer and to study the satisfaction of caregivers of elderly bedridden caregivers who had a feeding tube inserted through the nostrils (nasogastric tube; NG tube) or orogastric tube intubation, 20 people. Data were collected using the complication assessment form after using The feeding timer and The satisfaction assessment form for the use of the tube feeding controller had an index of Item-Objective Congruence (IOC) of 0.78. Cronbach's alpha value is 0.96. Data were analyzed by descriptive statistics. The results showed that 1. When using The feeding timer 4 times, 30 minutes each time, with time control and sound alarm when the food runs out. It was found that the elderly did not have spoon insertion conditions, such as nausea, vomiting, flatulence, or abdominal pressure. Tight nipples, tiredness, lack of energy, seizures, choking, and refeeding syndrome. 2. Relatives, caregivers 20 people from the study of the use of the feeding timer, it was found the satisfaction of using overall innovation was at the highest level of satisfaction. The mean is 4.62, the standard deviation is 0.16. Keywords: Satisfaction effect of tube feeding control in bed-bound elderly, Refeeding syndrome and complications from tube feeding.

1. บทนำ ในปี 2583 มกี ารคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมผี ู้สูงอายุจำนวน 20 ล้านคน และผู้สูงอายุมากกวา่ 80 ปีข้ึนไป จะมีมาก ถึง 3,500,000 คน (สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.), 2563) จากผลสำรวจสุขภาวะผู้สูงอายุไทยในปี 2556 พบว่า ผู้สูงอายุร้อยละ 1.5 อยู่ในสภาวะ “ติดเตียง” ปัญหาด้านสุขภาพที่สูงท่ีสุด คือ การเคลื่อนไหวร่างกายร้อยละ 57.8 (มูลนิธิ สถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย, 2558) สาเหตุของการติดเตียง ได้แก่ ความชราภาพ การเส่ือมถอยของอวัยวะ การได้รับ อบุ ัติเหตุหรือป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง หรอื อาจเป็นผปู้ ่วยระยะสุดทา้ ยทไ่ี ม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ (สำนักการพยาบาล, 2556) และผูส้ งู อายตุ ดิ เตียงยงั มีแนวโน้มเพ่ิมมากข้ึนเรอื่ ยๆ ผู้สูงอายุติดเตียงเป็นผู้ท่ีมีภาวะทุพพลภาพไม่สามารถเคลื่อนไหวและช่วยเหลือตนเองได้ มีความต้องการช่วยเหลือ ทางด้านกิจวัตรประจำวันท้ังหมด ไม่สามารถเข้าถึงอาหารได้ด้วยตนเอง และรับประทานอาหารทางปากไม่ได้ ผู้สูงอายุกลุ่มนี้มี ความจำเปน็ ต้องไดร้ ับอาหารทางสายยาง อยา่ งไรก็ตามในบางครั้งกระบวนการเตรยี มอาหารเหลวทใ่ี ห้ทางสายยางไม่ได้คุณภาพ มี สารอาหารไม่ครบถ้วนตามความต้องการของผู้สูงอายุติดเตียง ประกอบกับผู้สงู อายุกล่มุ น้ีมกั มีโรคเรื้อรังร่วมด้วย และการนอนติด เตยี งทำให้กล้ามเนือ้ ไมไ่ ด้ใช้งานเป็นเวลานาน ส่งผลให้การสังเคราะห์โปรตีนล้มเหลว ส่งผลใหเ้ กดิ ภาวะทุพโภชนาการส่งผลให้เกิด ความผดิ ปกตขิ องระบบประสาทสมั ผสั ต่างๆ เนอื้ เย่ือขาดความตงึ ตัว กระดูกบางลง มีการสลายกล้ามเนือ้ เพิ่มข้ึน ปริมาณกลา้ มเนื้อ และมวลกลา้ มเน้ือท่ีปราศจากไขมนั ลดลง ซง่ึ หากมวลกล้ามเน้ือลดลงร้อยละ 10 จะทำให้ภูมิคุ้มกันของผู้ปว่ ยสูงอายุติดเตียงลดลง มีโอกาสติดเชอื้ เจ็บป่วยและเสียชีวิตได้ง่าย และทำให้การเจ็บปว่ ยมีความรุนแรงขึน้ จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของการส่งเสริมภาวะโภชนาการของผสู้ ูงอายุติดเตยี ง เพื่อป้องกนั โอกาสที่จะเกดิ การเจ็บป่วยท่ีรุนแรง การเสียชีวิต และการคงไว้ ซ่ึงคณุ ภาพชวี ติ ของผู้ป่วยสูงอายตุ ิดเตียง ปัจจบุ ันการดูแลโภชนาการใหก้ ับผู้สูงอายุติดเตียงที่ใส่สายยางให้อาหารทางจมูกส่วนใหญ่เน้นการใหอ้ าหารทางสายยาง ตามปริมาณที่แพทย์ส่ังเป็นหลัก ผู้ดูแลยังไม่ได้รับการพัฒนา (ณัฐตินา วิชัยดิษฐและคณะ, 2561) เรือ่ งกระบวนการดูแลเพื่อลด ภาวะแทรกซ้อนขณะให้อาหารได้แก่ 1) คล่ืนไส้ อาเจียน ท้องอืด มักเกิดจากการให้อาหารป่ันเหลวมากเกินไป เร็วเกินไป ระบบ การย่อยและดูดซึมของร่างกายยงั ปรบั ไม่ได้ จึงต้องให้อาหารปั่นเหลวจำนวนน้อยในระยะแรกก่อน และให้อาหารโดยวิธกี ารหยด (drip) ภายใน 30-60 นาที 2) ท้องผูก เนือ่ งจากอาหารปั่นเหลวมีกากอาหารน้อย ขาดอาหารทมี่ ีกากใยอาหารทจ่ี ะช่วยระบบการ ยอ่ ยทำให้มีกากอุจจาระมากขึ้น หรือร่างกายได้รับนำ้ ไม่เพียงพอร่างกายอยู่ในภาวะ dehydration หรือผู้ปว่ ยขาดการเคล่ือนไหว รา่ งกาย บางรายเกิดท้องผูก ตอ้ งชว่ ยเหลือผู้ป่วยโดยการล้วงอจุ จาระ หรือสวนอุจจาระเพื่อความสุขสบาย และกำจัดกากอาหารท่ี หมักหมมสำหรับบางคนท่ลี ำไสใ้ หญ่ไมค่ ่อยทำงาน หากปลอ่ ยท้ิงไว้นานย่งิ ถ่ายลำบาก 3) ภาวะขาดสมดุลของนำ้ และอิเล็คโทรลัยท์ เนื่องจากร่างกายได้รับอาหารไม่เพียงพอ ดังน้ัน ผู้ป่วยท่ีได้รับอาหารทางสายต้องประเมินอิเล็คโทรลัยท์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มี แนวโน้มเกิดภาวะขาดสมดุล อิเล็คโทรลัยท์ ในผู้ป่วยท่ีรับประทานอาหารไม่ได้นานหลายวันก่อนใส่สาย หรือผู้ป่วยท่ีได้รับยาลด ความดันโลหิตสูง เพื่อจะทราบปญั หาเบ้ืองตน้ สำหรับวางแผนการดแู ลผ้สู ูงอายุตดิ เตียงท่ถี ูกต้อง เพอ่ื ภาวะแทรกซ้อนทีร่ ุนแรงท่ีอาจ เกิดกบั ผู้สูงอายุติดเตียงทีใ่ ส่ยางให้อาหาร 4 ) ท้องเดิน มักเกิดจากการให้อาหารปั่นเหลวมากเกนิ ไป หรอื อาหารป่ันเหลวมเี ช้ือโรค ปนเปอ้ื นหรือบูดเสยี ก่อนที่จะให้ผู้ปว่ ย ดังนั้นก่อนให้อาหารตอ้ งแน่ใจว่าอาหารไมเ่ สีย มกี ล่ินหรอื บูด การเก็บรักษาอาหารปั่นเหลว ท่ีเตรียมเสร็จแล้วจะต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิท่ีเหมาะสมและสะอาด โดยเก็บไว้ในตู้เย็นหรือกระติกน้ำแข็ง เก็บไว้ไม่นานเกิน 24 ชั่วโมง ก่อนใหอ้ าหารต้องอุ่นด้วยน้ำร้อนก่อน ถา้ ไม่มีตเู้ ย็นควรทำมื้อต่อมื้อ ไม่ทำล่วงหน้านานเกนิ 1 ช่ัวโมง หลงั ให้อาหารหมดแต่ ละม้ือควรให้น้ำทางสายประมาณ50-100 ซีซี เพ่ือล้างสายให้สะอาด 5) ภาวะโคม่าจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperosmolar Hyperglycemic State; HHS) จะพบในผู้ป่วยสูงอายุและไม่รู้สึกตัว อาหารปั่นเหลวท่ีเข้าอยู่ในระบบทางเดินอาหาร ถ้ามีความ เข้มข้นสูงเกินไป สามารถดึงน้ำในระบบการไหลหมุนเวียนโลหิตเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารทำให้ปริมาณเลือดในระบบไหลเวยี น

ลดลงอย่างรวดเรว็ ความดันโลหิตตำ่ เลือดไปเล้ียงสมองนอ้ ยขาดออกซเิ จน ทำให้ช็อค (shock) หรือหมดสติ บางรายอาจรนุ แรงถึง ข้นั เสียชีวติ พยาบาลควรตระหนักถึงภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว สังเกตอาการผดิ ปกตอิ ยา่ งใกล้ชิด 6) ภาวะทุพโภชนาการ สว่ นใหญ่ เกิดจากการได้รับอาหารทางสายในแต่ละมื้อไม่เพียงพอกับความความสามารถในการจัดการภาวะโภชนาการแก่ผู้สูงอายุติดเตียง (เสาวนา ปิยะพิสุทธ์ิ, 2555) โดยจากการศึกษาภาวะทุพโภชนาการผสู้ ูงอายุในจังหวดั สุรินทร์ พบภาวะทุพโภชนาการในผู้สูงอายุ ร้อยละ 24.43 (ณฎั ฐวุฒิ แก้วพิทูลย์ และสรญา แก้วพทิ ูลย์, 2555) กระบวนหรือวิธีการให้อาหารเตรียมอาหารเหลว วิธกี ารให้อาหารทางสายยางท่ีถูกต้อง วิธีการเก็บอาหาร และวิธีการ แก้ไขภาวะแทรกช้อนท่ีอาจจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุติดเตียง ตลอดจนความสามารถในการพิจารณาปรับเปล่ียนการดูแลและวาง แผนการดูแลภาวะโภชนาการให้กบั ผ้สู ูงอายุติดเตียง ดังน้ันการสง่ เสรมิ ความสามารถของผูด้ แู ลจึงมีความสำคญั ผู้ดแู ลถอื เปน็ บคุ คล หลักในการช่วยเหลอื และส่งเสริมภาวะโภชนาการแกผ่ ู้สงู อายุติดเตียง โดยผู้ดูแลต้องมีความรู้ ในการจัดการภาวะโภชนาการอย่าง รอบด้าน ได้แก่ มีความเข้าใจในการประเมินภาวะโภชนาการ และสามารถปฏิบัติการดูแลให้กับผู้สูงอายุติดเตียงได้ ตลอดจน วางแผนการดูแลได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงจะช่วยส่งเสริมภาวะโภชนาการและป้องกันภาวะ ทุพโภชนาการให้กับ ผู้สูงอายุตดิ เตียง นอกจากให้อาหารทางสายให้อาหารในเวลาที่เหมาะสม จะช่วยป้องกันการเกิดภาวะรีฟีดด่ิงซินโดรม (Refeeding Syndrome) ยังลดภาวะแทรกซ้อนจากการให้อาหารผ่านทางสายยางให้อาหารอีกด้วย ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความระมดั ระวังในการ เรม่ิ ต้นให้อาหารทางสายยาง ซง่ึ การดแู ลให้อาหารในผูป้ ว่ ยวกิ ฤตและผสู้ ูงอายตุ ิดเตียงจึงมีความสำคัญ โดยวธิ ีการดูแลใหอ้ าหารทาง สายยางให้อาหารควรใช้วธิ ีการหยดอย่างต่อเนื่อง (continuous feeding) ในระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ช่ัวโมง และใช้ เครื่องควบคุมอัตราการหยดอาหาร เพื่อให้สามารถควบคุมอัตราการหยดได้อย่างแน่นอน (วรัทยา ปุณณวัฒน์, 2562) ทาง โรงพยาบาลจึงมีการนำเครอ่ื ง Infusion pump เข้ามาช่วยควบคุมอัตราการไหล หากแต่การใช้เคร่ืองนี้น้ันมีคา่ ใช้จ่ายค่อนข้างสูง จงึ มเี พียงผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลเท่าน้ันท่ีสามารถเข้าถึงการใช้งานของเครอ่ื งน้ี ผปู้ ่วยติดเตียงที่จำเป็นต้องได้รบั อาหารผ่านทาง สายยางที่ได้รบั การรักษาท่ีบ้าน จึงมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับอาหารผ่านทางสายยาง เน่ืองจากไม่มีเครื่องมือ ควบคุมอัตราการไหลของอาหารที่เหมาะสม อีกท้ังยังไม่สามารถเข้าถึงเคร่ือง Infusion pump ของโรงพยาบาลได้ด้วยเพราะมี ราคาสูง จากปญั หาดังกลา่ วจึงมีการจัดทำเคร่ือง Feeding Timer ซึ่งมหี ลักการทำงานคล้ายคลึงกับเครื่อง Infusion pump ของ ทางโรงพยาบาล หากแต่เครื่อง Feeding Timer มีราคาท่ียอ่ มเยา ต้นทุนต่ำ ผู้ป่วยตดิ เตียงที่ได้รบั อาหารผ่านทางสายยางที่ได้รับ การรักษาทบี่ า้ นสามารถเข้าถงึ ได้ และยังสามารถปอ้ งกนั ภาวะแทรกซ้อนจากการให้อาหารผ่านทางสายยางอีกดว้ ย ดงั นั้นคณะผู้วิจยั จึงสนใจศึกษาเร่อื ง ประสิทธิผลของการใช้เคร่ืองควบคุมการให้สารอาหารทางสายยาง ต่อผลลัพธ์การ ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการให้อาหารผ่านทางสายยาง และความพึงพอใจของญาติผู้ดแู ลในผู้ป่วยท่ีติดเตียง เพ่ือป้องกัน การเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการให้อาหารเร็วเกิน ลดต้นทุนการผลิตให้บุคคลท่ัวไปสามารถเขา้ ถึงได้ และเพื่อพัฒนาอุปกรณ์ทาง การแพทย์ให้เกดิ ประโยชน์สงู สดุ ตอ่ ผู้รบั บรกิ าร วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือศกึ ษาประสิทธผิ ลของการใชเ้ คร่อื งควบคุมการใหอ้ าหารผ่านทางสายยางใหอ้ าหาร 2. เพ่ือศกึ ษาความพึงพอใจของญาตผิ ู้ดูแลผสู้ งู อายุตดิ เตยี งทีใ่ ส่สายยางให้อาหารผ่านทางรูจมกู (nasogastric tube; NG tube) และการใสส่ ายยางทางปาก (Orogastric tube intubation) วิธกี ารดำเนินการวจิ ยั การวิจัยนเี้ ป็นวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experiment) แบบหนึ่งกลมุ่ วดั หลงั การทดลอง (one group posttest design)

ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง ประชากร ได้แก่ ผู้สูงอายุติดเตียงที่ใส่สายยางให้อาหารผ่านทางรจู มูก (nasogastric tube; NG tube) และการใส่สาย ยางทางปาก (Orogastric tube intubation) กลุ่มตัวอย่าง คือ ผสู้ ูงอายุติดเตียงที่ต้องใส่สายยางให้อาหารผา่ นทางรจู มูก (nasogastric tube; NG tube) และการใส่ สายยางทางปาก (Orogastric tube intubation) โดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างตามที่พักอาศัยของนักศึกษาในจังหวัดกาญ จนบุรี ประกอบไปด้วย 4 อำเภอ ไดแ้ ก่ อำเภอทา่ ม่วง 8 คน, อำเภอ เมือง 2 คน, อำเภอ พนมทวน 6 คน, อำเภอ ท่ามะกา 4 คน จำนวน 20 คน เป็นเพศชาย 10 คน เพศ หญิง 10 คน อายุ 60-65 ปี 7 ราย รอ้ ยละ 35 อายุ 66-70 ปี 5 ราย ร้อยละ 25 มากกวา่ 70 ปี 8 ราย ร้อยละ 40 โรคท่ีทำให้ผู้สงู อายุมภี าวะตดิ เตยี งจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ รวมถึงไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ ต้องใสส่ ายให้อาหาร พบ โรคเสน้ เลอื ดสมองตีบ และเสน้ เลอื ดสมองแตก 15 ราย ร้อยละ 75 กลุ่มตวั อยา่ งดังกล่าวมีประวตั เิ ปน็ โรค ความดันโลหติ สงู ทกุ ราย เขา้ รับการผ่าตดั 5 ราย ร้อยละ 25 วธิ กี ารไดม้ าซง่ึ กล่มุ ตวั อย่าง ขนาดของกลุ่มตวั อย่าง การคดั เลอื กผู้เขา้ ร่วมการวิจัย (Subject selection and allocation) 1. เกณฑก์ ารคดั เลอื กอาสาสมัครเข้าร่วมการวจิ ัย (Inclusion criteria) 1.1. เปน็ ผสู้ ูงอายตุ ดิ เตียงท่มี ีอายมุ ากกวา่ 60 ทใี่ สส่ ายยางให้อาหารผา่ นทางรูจมูก และการใสส่ ายยางทางปาก 2. เกณฑก์ ารคัดออกผ้เู ข้าร่วมการวจิ ยั (Exclusion criteria) 2.1. ผู้สูงอายตุ ดิ เตยี งท่รี บั ประทานอาหารทางปาก เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพเครอื่ งมอื เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั คร้งั น้ีประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. เครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นการทดลอง เคร่ืองควบคุมการให้สารอาหารทางสายยาง เป็นเครื่องที่เขียนขึ้นจากโปรแกรมคิดไบร์ท (Kid Bright) เป็น โปรแกรมสำเร็จรูปในการควบคุมมอเตอร์ ให้ทำงามตามคำส่งั ท่กี ำหนด โดยการนำบล็อกคำส่ังมาเรยี งต่อกัน ซ่ึงออกแบบเครือ่ งควบคมุ การให้สารอาหารทางสายยาง ใชโ้ ปรแกรมคิดไบรท์ ควบคุมแกนหมนุ ของเซอร์โวลให้ได้องศาที่ กำหนด และกำหนดระยะเวลาในการหมุน ในการจัดทำเคร่ืองควบคุมการให้อาหารทางสายยาง มรี ายการการใช้งาน และใชง้ าน ดงั น้ี 1. ใส่ถ่าน 6 ก้อน บริเวณรางถา่ น 2. นำเคร่ืองติดต้ังบนเสาร์น้ำเกลือ แขวนถุงให้อาหารและปล่อยอาหารให้ถึงปลายสายหลังจากนั้น Clamp สายไว้ เชน่ เดมิ 3. นำสายให้อาหารติดเขา้ กับตวั ลอ็ คสายบรเิ วณดา้ นบนเคร่ือง 4. ต่อสายให้อาหารเขา้ กบั สาย NG tube 5. เปิดใชง้ านเครื่องผ่านแอพพลเิ คชันหรือผา่ นการกดสวิตชบ์ นตัวบอรด์ สวติ ช์1 คือ ปริมาณอาหาร 300 ml สวิตช์2 คือ ปริมาณอาหาร 200ml 6. ปลดตวั Clamp สายยางใหอ้ าหาร เพอื่ ให้อาหารไหลตามสาย

7. เมื่อครบเวลา 30 นาที จะมีเสียงแจง้ เตอื นดงั ขนึ้ หลงั จากน้นั ใหญ้ าตผิ ้ดู แู ลทำการ Feed น้ำตามประมาณ 50 ml 8. หลงั จากทำการใหอ้ าหารเสรจ็ จดั เก็บนวตั กรรมให้เรียบรอ้ ย และชารจ์ บอรด์ ไวส้ ำหรับใชง้ านคร้งั ตอ่ ไป 2.เครื่องมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ประกอบด้วย 2.1. แบบประเมินภาวะแทรกซ้อนท่ีเกิดขึ้นหลังใช้เครื่องควบคุมการให้สารอาหารทางสายยาง โดยกำหนดให้ประเมิน หลังใช้นวตั กรรม ซึ่งผู้วิจัยคัดเลือกข้อคำถามจากภาวะแทรกซ้อนที่พบมากที่สุดจากการให้อาหารผ่านทางสายยางไม่ถูกวิธี โดย อา้ งอิงจากข้อมูลการให้อาหารทางสายจมูกและภาวะแทรกซ้อนเขยี นโดย คณุ เสาวนา ปิยะพิสทุ ธ์ิ พยาบาลชำนาญการ ภาควิชา พยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหดิ ล เพอื่ ทดสอบว่าหลังจากการใชเ้ ครื่องมือช่วยกำหนดระยะเวลาการให้อาหารผา่ นทางสายยาง ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการได้รับอาหารผ่านทางสายยางให้อาหาร จำนวน 5 ข้อ โดยเลือกใช้ข้อคำถามปรนัยแบบ ปลายเปิด (Closed-ended questionnaires) ให้เลือกตอบระหวา่ ง พบหรอื ไม่พบ ผา่ นการตรวจสอบความตรงของเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ทา่ น หลังจากปรับปรุงตามคำแนะนำจากผู้ทรงคณุ วุฒิ ผู้วจิ ัย นำแบบทดสอบไปทดลอง ใช้กับกลุ่มตัวอย่างและทดสอบหาความเทย่ี ง 2.2. แบบประเมินความพึงพอใจของญาติผู้ดูแลท่ีใชเ้ ครอ่ื งควบคุมการให้สารอาหารทางสายยาง โดยผู้วิจัยได้นำมาจาก แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ดูแล โดยเป็นข้อคำถามเกี่ยวกับประโยชน์ความปลอดภัย และความคุ้มค่า คุ้มทุน จากการใช้ เคร่ืองมือช่วยกำหนดระยะเวลาการให้อาหารผ่านทางสายยาง (Feeding Timer) จำนวน 5 ด้าน 14 ข้อย่อย ลักษณะคําตอบ เปน็ มาตราสว่ นประมาณค่า 5 ระดบั การแปลผลคะแนน แบ่งออกเปน็ 5 ระดบั ดงั นี้ - ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.51 –5.00 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดับมากทส่ี ดุ - คา่ คะแนนเฉล่ีย 3.51- 4.50 หมายถึง ความพึงพอใจในระดับมาก - คา่ คะแนนเฉล่ีย 2.51– 3.50 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดับปานกลาง - ค่าคะแนนเฉลยี่ 1.51- 2.50 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดบั นอ้ ย - ค่าคะแนนเฉลีย่ 1.00 –1.50 หมายถึง ความพึงพอใจในระดับนอ้ ยท่สี ุด นำแบบประเมินตรวจสอบความตรงด้านภาษา โดยผู้เช่ียวชาญ 4 ท่าน ประกอบไปด้วย อาจารย์ประจำสาขาวิชาการ พยาบาลผู้ใหญแ่ ละผ้สู ูงอายุ จำนวน 4 ท่าน เร่ิมจากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง แล้วสร้างแบบประเมินความพึงพอใจของญาตผิ ู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงท่ี สร้างข้ึนโดยผ่านผู้เช่ยี วชาญ 4 ท่าน พิจารณาความสอดคล้องของความพึงพอใจ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่า IOC เพอื่ นำมา ปรับปรุงแกไ้ ขคุณภาพของเครอื่ งมือ ความตรงเชิงเน้ือหา ทดสอบโดยการพิจารณาความสอดคล้องจากการประเมินโดยให้ผู้เช่ียวชาญ 4 ท่าน ประเมินให้ คะแนนแตล่ ะข้อคำถาม โดยพจิ ารณาความสอดคล้องของขอ้ คำถามกับเนื้อหา ดงั น้ี ให้คะแนน +1 สำหรับข้อทีแ่ นใ่ จวา่ สอดคลอ้ ง ให้คะแนน 0 สำหรบั ขอ้ ท่ไี ม่แน่ใจวา่ สอดคลอ้ ง ให้คะแนน -1 สำหรับข้อท่ีแน่ใจวา่ ไม่สอดคลอ้ ง หาคา่ สมั ประสิทธ์ิความสอดคล้อง (Index of Item-Objective Congruence, IOC) ซงึ่ มสี ูตรคำนวณ คอื

∑������ ������������������ = ������ IOC ; ความสอดคล้องระหวา่ งวตั ถุประสงค์กบั เนอ้ื หา ∑R ; ผลรวมของคะแนนของผู้เชยี่ วชาญท้งั หมด N ; จำนวนผเู้ ชย่ี วชาญ เกณฑ์การพิจารณา คือ ข้อคำถามท่ีมีค่า IOC ตั้งแต่ 0.5 ข้ึนไป เป็นขอ้ คำถามที่ใช้ได้ ส่วนข้อคำถามทม่ี ีค่า IOC น้อยกวา่ 0.49 ลง มา เปน็ ข้อคำถามทต่ี ้องปรบั ปรงุ และตัดออก การตรวจสอบคณุ ภาพของเคร่อื งมอื การวิจัย ผวู้ จิ ัยนําแบบสอบถามท่ีพฒั นา ที่ผวู้ ิจัยสร้างขนึ้ เองให้ผู้ทรงคณุ วุฒิจำนวน 4 คน ประเมินความเทย่ี งตรงเชิงเน้ือหา และ หาดัชนคี วามสอดคล้อง (IOC) จากน้ันนํามาปรบั ปรุงแก้ไข หลังจากนัน้ นาํ เคร่อื งมอื ที่แก้ไขไปหาความเช่ือมน่ั โดยใชค้ า่ สมั ประสิทธ์ิ แอลฟาครอนบาค (Cronbach’salpha coefficient) ในผปู้ ่วยทมี่ ีลกั ษณะใกล้เคียงกบั กลุ่มตัวอย่างจำนวน 10 คนเท่ากับ .96 วิธีการรวบรวมขอ้ มูล การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ในการวิจัยครง้ั นี้ ผ้วู จิ ยั ดำเนินการตามข้นั ตอนดงั ต่อไปนี้ 1. สมุ่ ตวั อย่างจากบ้านเลขที่นักศกึ ษาประสานงานกับอาสาสมัครในพ้นื ที่แลว้ สอบถามหาผ้สู ูงอายุตดิ เตียงหรือ ที่ไมส่ ามารถรบั ประทานอาหารได้เองตามกลุ่มเป้าหมายท่ีกำหนดเพอ่ื ทำการเก็บรวบรวมขอ้ มลู 2. หลังจากชี้แจงและขอความร่วมมือจากญาติและผูด้ ูแลของกลมุ่ ตัวอยา่ งแล้ว ผู้วิจยั สง่ ใบยินยอมการเข้าร่วม เป็นผู้ให้ข้อมูล (information consent form) ลงนามด้วยความสมัครใจและแจ้งว่า กลุ่มตัวอย่าง สามารถถอนตัวได้ตลอดเวลา โดยไมจ่ ำเปน็ ต้องแจง้ เหตุผล ผู้วิจัยเปิดโอกาสให้สอบถามในส่วนท่ยี ังไม่ เข้าใจและเม่ือผู้วิจัยอธบิ ายรายละเอียดและข้อคําถามของ โครงการวิจัยจนเข้าใจแล้ว ญาติและผู้ดูแลของกลุ่มตัวอย่าง สามารถนําเอกสารชี้แจงผู้เข้าร่วมการวิจัยไปปรึกษาผู้อ่ืนเพื่อขอ คาํ แนะนาํ หรือความคดิ เห็นได้และ ส่งกลบั คนื มายังผวู้ ิจัยภายใน 1 สปั ดาห์ 3. ผวู้ ิจยั ตรวจสอบความสมบรู ณข์ องข้อมูลเพือ่ นาํ เขา้ โปรแกรมการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การพิทกั ษ์กลุ่มตัวอย่าง ไดด้ ำเนินการตามขั้นตอน รายละเอยี ดดงั น้ี 1. ผู้วิจัยอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการดำเนินการวิจัยคุณสมบัติบุคคลท่ีจะเข้า ร่วมการวิจัย จำนวน ผู้เข้าร่วมการวิจยั ท้ังหมด ระยะเวลาทีจ่ ะตอ้ งเข้าร่วมโครงการวจิ ัย ขั้นตอนการ เกบ็ รวบรวม ขอ้ มูล พรอ้ มทั้งประโยชน์โดยตรงกับ ผ้เู ข้าร่วมการวิจัย ประโยชน์โดยรวมท่ีได้จากการวิจัยในครั้งน้ี และขอความร่วมมือในการให้ข้อมูลด้วยความสมัครใจโดยไม่มีการ บังคับใดๆ และมีสิทธ์จิ ะถอนตัวออกจากการวิจัยได้ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผล ผู้วิจัยแจ้งต่อผู้เข้าร่วมวิจัยทราบ พร้อมท้ังส่งเอกสารการยินยอมเข้าร่วมการวิจัยให้ผู้ท่ีจะเข้าร่วมการวิจัยอ่าน โดยผู้เขา้ ร่วมการวิจัยสามารถติดต่อผู้วิจัยและคณะ หรือขอคำแนะนาํ ในกรณที มี่ ีปญั หาอนั มาจากผลการวจิ ัยไดต้ ลอดเวลาทีท่ ำงานและเบอร์โทรศพั ท์ 0614740490 2. ผู้วิจัยเปิดโอกาสให้ผู้ที่จะเข้าร่วมการวิจัยได้สอบถามในส่วนท่ียังไม่เข้าใจและเม่ือผู้วิจัย อธิบายรายละเอียดและข้อ คําถามของโครงการวิจัยจนเข้าใจแล้ว ผู้เข้าร่วมวิจัยสามารถนําเอกสาร ช้ีแจงผู้เข้าร่วมการวิจัยไปปรึกษาเพ่ือขอคำแนะนําหรือ ความคดิ เห็นจากบุคคลในครอบครวั หรือผูอ้ น่ื ทีต่ ้องการไดแ้ ละส่งกลบั คนื มายังผู้วจิ ัยภายใน 1 สปั ดาห์

3. ขณะระหว่างการดำเนินการวิจัยหากผเู้ ข้าร่วมวิจยั มีความประสงคอ์ อกจากการศึกษาวิจัย สามารถแจง้ ขอออกจากการ วิจัยไดก้ อ่ นการดำเนินการวิจยั จะเสรจ็ สิ้น ซงึ่ การกระทำดงั กลา่ วจะไมม่ ผี ลใดๆตอ่ กลุ่มตัวอย่างการวิจัยครงั้ นี้ 4. การวิจยั คร้ังนี้ได้รับอนุมัติโดยคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการทำวจิ ัยในมนุษย์ของ วิทยาลัยพยาบาลบรมราช ชนนี จกั รรี ัช 5. แบบสอบถามท้ังหมดไม่ได้ระบุชื่อผู้ตอบแบบสอบถามและขอ้ มูลท้ังหมดจะไม่มีการเปิดเผย อันนําไปสู่ความเสียหาย การนําเสนอข้อมูลจะนําเสนอในภาพรวมของผลการวิจัยเท่าน้ัน และข้อมูลท้ังหมดจะถูกทำลายภายใน 1 ปี ภายหลังจากท่ี ผลการวจิ ัยไดร้ ับการเผยแพรแ่ ล้ว การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1. ทำหนังสอื ถงึ ผดู้ แู ลผปู้ ่วย ต.ตะคร้ำเอน จ.กาญจนบุรี 2 คน, ต.ดอนชะเอม จ.กาญจนบุรี 2 คน, ต.แก่งเสี้ยน จ.กาญจนบุรี 2 คน, ต.วังศาลา จ. กาญจนบุรี 4 คน, ต.ท่าล้อ จ.กาญจนบรุ ี 4 คน, ต.หลุมหนิ จ.กาญจนบุรี 3 คน และ ต.ห้วยสะพาน จ.กาญจนบุรี 3 คน เพื่อขออนุญาตเก็บรวบรวมขอ้ มลู 2. พบกล่มุ ตวั อย่างเพื่อช้ีแจงวตั ถุประสงค์ของการวิจยั และขอความร่วมมือในการดำเนนิ การวิจัยด้วยความสมัครใจไม่มี การบงั คบั 3. หลงั จากชี้แจงและขอความรว่ มมือจากกลุ่มตัวอย่างแล้ว ผวู้ ิจยั ส่งใบยินยอมการเข้าร่วมเป็นผู้ใหข้ ้อมูล (Information consent form) ลงนามด้วยความสมัครใจ และแจ้งว่ากลุ่มตัวอย่างสามารถถอนตัวได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งเหตุผล ผู้วจิ ยั เปิดโอกาสใหส้ อบถามในสว่ นท่ียังไม่เข้าใจและเม่ือผู้วจิ ัยอธิบายรายละเอยี ดและข้อคําถามของโครงการวิจยั จนเข้าใจ 4. ผู้วิจัยดำเนินการตามขน้ั ตอนของรูปแบบและมีการประเมินความสามารถในการบริหารความเส่ียงก่อนและหลังการใช้ รูปแบบ การวเิ คราะหข์ ้อมลู 1. บรรยายลกั ษณะประชากรโดยใช้สถติ เิ ชิงพรรณนา แสดงคา่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน 2. วเิ คราะห์ความรูใ้ นการดูแลการให้อาหารผา่ นสายยางให้อาหารอย่างถกู วิธีทอี่ าจส่งผลต่อผลลัพธ์การวิจยั หลังจากการ ใช้เครื่องควบคุมการให้สารอาหารทางสายยาง ใชส้ ถิติเชิงพรรณนา แสดงค่าความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลีย่ และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 3. วิเคราะห์ภาวะแทรกซ้อนท่ีเกิดข้ึนกับผู้ป่วยหลังใช้เครื่องมอื ช่วยกำหนดระยะเวลาการให้อาหารผ่านทางสายยาง ใช้ สถติ เิ ชงิ พรรณนา แสดงคา่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 4. วิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้ดูแลท่ีใช้เคร่ืองควบคุมการให้สารอาหารทางสายยาง ใช้สถิติเชิงพรรณนา แสดง คา่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลย่ี และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experiment) แบบหน่ึงกลุ่มวัดหลังการทดลอง (one group posttest design) ประสิทธิผลของการใช้เครื่องควบคมุ การให้อาหารทางสายยาง ต่อผลลัพธ์การลด การเกิดภาวะแทรกซ้อนการใหอ้ าหาร ทางสายยาง และความพงึ พอใจของผู้ดูแลในผสู้ ูงอายตุ ดิ เตียง ดังตอ่ ไปน้ี

ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล ตารางที่ 1 ตารางแสดงข้อมลู สว่ นบคุ คลของผู้ตอบแบบประเมนิ เพศ ขอ้ มลู ประชากรทั้งหมด (N) = ร้อยละ (%) อายุ (ปี) 20 คน หญิง 10 50 โรค ชาย 10 50 60 - 65 7 35 66 – 70 5 25 มากกว่า 70 8 40 โรคหลอดเลือดสมองตบี และเสน้ 15 75 เลือดสมองแตก โรคความดนั โลหิตสงู 5 25 จากตารางที่ 1 พบว่า กล่มุ ตัวอย่าง จำนวน 20 คน เป็นเพศชาย 10 คน เพศ หญิง 10 คน อายุ 60-65 ปี 7 ราย ร้อย ละ 35 อายุ 66-70 ปี 5 ราย ร้อยละ 25 มากกว่า 70 ปี 8 ราย ร้อยละ 40 โรคที่ทำให้ผู้สูงอายุมีภาวะติดเตียงจนไม่สามารถ ชว่ ยเหลือตนเองได้ รวมถงึ ไม่สามารถรบั ประทานอาหารเองได้ ต้องใสส่ ายใหอ้ าหาร พบ โรคเส้นเลือดสมองตีบ และเสน้ เลอื ดสมอง แตก 15 ราย รอ้ ยละ 75 กลุ่มตวั อยา่ งดงั กล่าวมปี ระวัติเป็นโรคความดันโลหติ สงู 5 ราย คิดเปน็ รอ้ ยละ 25 ตารางที่ 2 ประเมินภาวะแทรกซ้อนหลงั ใชเ้ คร่ืองควบคุมการให้อาหารทางสายยางโดยผู้วิจัยเป็นผู้ประเมิน ภาวะแทรกซ้อน พบ (คน) ไมพ่ บ (คน) (ร้อยละ) 1.คลื่นไส้ อาเจยี น 0 20 (100) 2.ทอ้ งอืด เช่น ท้องมีลกั ษณะบวม กดท้องแขง็ จุกแน่น 0 20 (100) 3. อาการเหน่ือย ออ่ นเพลีย ไม่มแี รง ชัก 4.สำลักอาหาร 0 20 (100) 0 20 (100) รวม ร้อยละ 100 จากตารางที่ 2 พบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งหมดเมือ่ ใช้เคร่อื งควบคมุ การให้อาหารทางสายยาง ไม่พบภาวะแทรกซ้อนขณะให้ อาหารผา่ นทางสายยางให้อาหารในระยะเวลา 30 นาที คือ คลนื่ ไส้ อาเจยี น ท้องอดื เช่น ท้องมีลักษณะบวม กดท้องแขง็ จกุ แน่น อาการเหนอ่ื ย ออ่ นเพลยี ไม่มแี รง ชกั และสำลกั อาหาร

ตารางที่ 3 ตารางแสดงระดับความพงึ พอใจของผ้ดู แู ลท่ใี ชเ้ ครือ่ งควบคมุ การให้อาหารทางสายยาง รายการประเมนิ x̅ SD ระดับผลการ ประเมนิ ด้านการแก้ปัญหา 1.สอดคล้องตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้าหมายที่ระบุได้ 4.45 .75 มาก หรือพัฒนา ครบถ้วน 2.สามารถนำไปพฒั นา ประยุกตใ์ ชไ้ ดก้ บั ผปู้ ว่ ยใสส่ ายให้ 4.7 .57 มากทสี่ ุด ด้านโครงสร้าง อาหารทางสายยางทุกกรณี ของนวตั กรรม 4.5 .6 มากท่สี ุด รวม 4.4 .68 มาก 3.วัสดุมีความแข็งแรง ทนทาน 4.1 .78 มาก 4.วัสดุทีเ่ ลอื กใชส้ ามารถหาไดง้ า่ ย ราคาประหยัด ด้านการใชง้ าน 5.มคี วามเหมาะสมของรปู ร่าง ขนาดต่อการใช้งาน 4.8 .41 มากท่ีสดุ นวัตกรรม รวม 4.4 .69 มาก 4.55 .60 6.สามารถใชง้ านได้งา่ ยข้ันตอนไมซ่ บั ซ้อน 4.95 .22 มากท่ีสุด 7.นวัตกรรมมีความปลอดภยั มากทสี่ ดุ 8.สามารถทำความสะอาดได้ง่าย 4.3 .80 มาก รวม 4.6 .64 มากท่ีสดุ ดา้ นผู้ผลิต 9.มคี วามเข้าใจในการใช้นวัตกรรม 4.75 .44 มากทส่ี ดุ นวัตกรรม 10.สามารถถ่ายทอดรายละเอยี ดและวธิ ีการใชง้ านไดอ้ ย่าง 4.65 .48 มากทสี่ ุด ชดั เจน 11.สามารถตอบข้อซกั ถามของผ้ใู ช้งานได้อยา่ งชัดเจน 4.65 .48 มากที่สุด รวม 4.6 .64 มากที่สดุ ดา้ นประโยชน์ของ 12.นวัตกรรมทำใหท้ ่านเกิดความสะดวกสะบายในการให้ 4.85 .36 มากทสี่ ุด นวตั กรรมตอ่ อาหารทางสายยาง บุคลากรและ 13.นวัตกรรมมีนา้ํ หนกั เบา เล็กกระทดั รัดพกพาสะดวกและ 4.9 .30 มากท่สี ดุ ผ้ปู ่วย เคลอื่ นย้ายงา่ ย 14.นวัตกรรมมีประโยชน์ตอ่ ผ้ดู ูแลและผู้รับบรกิ ารเชน่ 4.75 .44 มากท่สี ดุ ปอ้ งกนั การเกิดภาวะแทรกซอ้ นและมเี สียงเตือนเมอื่ อาหาร หมด รวม 4.8 .37 มากทสี่ ดุ ดา้ นจุดเด่นของ 15.มแี นวคดิ แปลกใหมไ่ ม่เคยมปี รากฎมากอ่ น 4.75 .44 มากทีส่ ดุ นวัตกรรม 16.ใช้งบประมาณในการผลติ น้อยแตใ่ ชง้ านได้มี 4.5 .60 มาก ประสิทธิภาพ 17.มีการปรับปรุงจากแนวคิดเดิมและนำมาพฒั นาใหม่ 4.55 .51 มากทส่ี ุด รวม 4.6 .52 มากทสี่ ุด รวมทัง้ หมด 4.62 .16 มากท่สี ดุ

จากตารางที่ 3 พบวา่ ระดับความพึงพอใจของญาตผิ ู้ดแู ลทใ่ี ชเ้ ครอ่ื งควบคุมการใหอ้ าหารทางสายยาง มีคะแนนความพึง พอใจเฉล่ียเทา่ กับ 4.62 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน เทา่ กับ 0.16 โดยมีรายละเอียดดงั น้ี 1. ด้านการแก้ปัญหาหรือพัฒนา สอดคล้องตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายท่ีระบุได้ครบถ้วนสามารถนำไปพัฒนา ประยกุ ตใ์ ชไ้ ดก้ บั ผ้ปู ว่ ยใส่สายให้อาหารทางสายยางทุกกรณี ผูด้ ูแลมรี ะดบั ความพึงพอใจ x̅ = 4.5 SD = 0.67 แปลผล มากท่สี ุด 2. ด้านโครงสรา้ งของนวตั กรรม มีความแขง็ แรงทนทาน วัสดุสามารถหาไดง้ ่ายมีความเหมาะสมของรปู ร่าง ขนาดตอ่ การ ใช้งาน ผ้ดู แู ลมรี ะดับความพึงพอใจ x̅ = 4.4 SD = 0.69 แปลผล มาก 3. ด้านการใช้งานนวัตกรรม ใช้งานง่ายนวตั กรรมมีความปลอดภัย ทำความสะอาดได้ง่าย ผู้ดูแลมีระดับความพึงพอใจ x̅ = 4.6 SD = 0.64 มากท่สี ดุ 4. ด้านผผู้ ลิตนวัตกรรม มีความเข้าใจในการใชน้ วัตกรรม สามารถถา่ ยทอดรายละเอียดวธิ กี ารใช้ และตอบข้อซักถามของ ผู้ใชไ้ ดอ้ ยา่ งชัดเจน ผูด้ แู ลมรี ะดับความพงึ พอใจ x̅ = 4.6 SD = 0.64 มากที่สดุ 5. ประโยชน์ของนวัตกรรมต่อบุคลากรและผู้ป่วย เกิดความะดวกสบายในการให้อาหาร มีน้ำหนกั เบา พกพาสะดวก มี ประโยชน์ตอ่ ผูด้ ูแลและผู้รบั บริการ ป้องกนั การเกิดภาวะแทรกซอ้ นและมเี สียงเตือนเมอื่ อาหารหมด ผู้ดูแลมีระดับความพงึ พอใจ x̅ = 4.8 SD = 0.37 มากที่สุด 6. จุดเด่นของนวัตกรรม มีแนวคิดที่แปลกใหม่ ใช้งบประมาณในการผลิตน้อยแต่มีประสิทธิภาพมาก มีการปรับปรุง แนวคิดเดิมและนำมาพัฒนาใหม่ ผ้ดู แู ลมรี ะดับความพึงพอใจ x̅ = 4.6 SD = 0.52 มากท่สี ดุ สรปุ และอภิปรายผล 1. กลมุ่ ตัวอย่างผู้สูงอายตุ ิดเตยี งท่ีตอ้ งใส่สายยางให้อาหารผ่านทางรูจมกู (nasogastric tube; NG tube) และการใส่สาย ยางทางปาก (Orogastric tube intubation) ท้ังหมด 20 คน เพศชาย 10 คน และ เพศหญงิ 10 คน เม่อื ใช้เครื่องควบคุมการให้ อาหารทางสายยางคนละ 4 คร้ัง ครั้งละ 30 นาที โดยมีควบคมุ ระยะเวลา ผลการศึกษาพบว่า ผ้สู ูงอายุไม่มีเกิดภาวะแทรกซ้อน เชน่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด กดท้องแข็ง จุกแนน่ อาการเหน่ือย ไม่มแี รง ชักสำลกั อาหาร และภาวะ Refeeding ทั้งนี้พบว่า การ ปอ้ งกันการเกิดภาวะแทรกซอ้ นนั้น นอกจากการควบคมุ ระยะเวลายังมีชนิดและลักษณะของอาหาร วิธีการให้อาหาร การไหลของ อาหารการให้โภชนบำบัด และการตดิ ตามอาการอย่างสม่ำเสมอย่อมลดการเกดิ ภาวะแทรกซ้อนได้ดี และลดภาระคา่ ใช้จ่ายได้อีก ด้วย และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่งเสริมความสะดวกสบายให้กับผู้ดูแล เพื่อเสริมสร้างทักษะการใช้เทคโนโลยี การใช้ โปรแกรมต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2. ญาตผิ ู้ดูแล จำนวน 20 คน มรี ะดับความพงึ พอใจมากทส่ี ุด คอื ดา้ นการแก้ปัญหาหรือพฒั นา ด้านการใช้งานนวตั กรรม ด้านผู้ผลิตนวัตกรรม ประโยชน์ของนวตั กรรมต่อบคุ ลากรและผูป้ ่วย จดุ เดน่ ของนวตั กรรม และระดับความพงึ พอใจระดับมาก ด้าน โครงสรา้ งของนวัตกรรม จากการศึกษาการใชเ้ คร่ืองควบคุมการให้อาหารทางสายยาง พบว่า ความพึงพอใจในการใช้นวตั กรรมใน ภาพรวมอยู่ทร่ี ะดับความพึงพอใจมากท่ีสดุ ค่าเฉล่ียเท่ากบั 4.62 ส่วนเบ่ียงเบนมาตราฐาน 0.16 โดยหลงั การใชเ้ คร่อื งมือประเมิน ความพึงพอใจหลังใช้เคร่ืองควบคุมการให้อาหารทางสายาง พบว่า ผู้ดูแลมีความรู้ความเข้าใจอาการและอาการแสดงของ ภาวะแทรกซ้อน มีความเข้าใจในการใชน้ วตั กรรมสามารถถ่ายทอดรายละเอยี ดและวิธีการใชไ้ ดอ้ ย่างถูกต้อง

เอกสารอ้างอิง National Institute for Emergency Medicine. Emergency medical criteria: Continuous monitoring report. (NIEM). 2019. เขา้ ถึงเมอ่ื 5 ก.ค.65. Retrieved from https://ws.niems.go.th/KPI57/2557/kpireportcontinue01.as px. Pajak, A., Krolak-Olejnik, B., & Szafranska, A. Early hypophosphatemia in very low birth weight preterm infants. Adv Clin Exp Med 2018;27(6):841-847. SN service solutions. อาหารทางสายยาง. 2564. เขา้ ถงึ เมื่อ 25 สิงหาคม 2565. จาก https://snss.co.th/อาหารทางสายยาง/. กฤษณา บุญม่ัง และไพรนิ ทร์ ณิชาโชติสฤษฏ.์ Refeeding syndrome: บทบาทพยาบาลกบั การปอ้ งกัน. มหาวทิ ยาลยั สยาม 2562;20:110-119. จำนอง ชูโต, เฉลมิ ศรี นนั ทวรรณ, ทศั นีย์ พฤกษาชวี ะ, สนุ ทรี ภานุทัต และอำไพวรรณ พมุ่ ศรสี วสั ดิ์. การดูแลผสู้ ูงอายุท่ีมี ทุพโภชนาการ. วารสารราชธานีนวัตกรรมทางวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ 2560;1(1):1-15. ณัฎฐวฒุ ิ แก้วพิทูลย์ และสรญา แก้วพิทูลย์. รายงานการวจิ ัยภาวะโภชนาการ ผูส้ ูงอายุในจงั หวัดสุรินทร.์ นครราชสีมา: สํานักวิชา แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยสี รุ นารี;2555. ณัฐตนิ า วิชัยดิษฐ และคณะ.การพัฒนาโปรแกรมส่งเสรมิ ความสามารถของผู้ดแู ลในการจดั การภาวะโภชนาการในผสู้ ูงอายตุ ดิ เตียง ทใ่ี ส่สายใหอ้ าหารทางจมูก.วารสารสภาการพยาบาล 2561;33(4),109-123. บริษัท มายาเมย์ อินเตอร์เทรดด้งิ จำกัด. เครื่องควบคุมอาหารทางสายยางอตั โนมัติ Feeding Pump. 2565. เขา้ ถงึ เมื่อ 16 ส.ค. 2565. จาก https://thaismegp.com/product/620725b8537f82adb2445c79. ปรียะดา ภัทรสัจจธรรม. การออกแบบการเรยี นการสอนเชิงระบบโดยใช้แบบจำลอง ADDIE : การพัฒนาการคิดแบบเมตาคอกนิ ชนั (Metacognition) ของนักศกึ ษาพยาบาล.วารสาศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร,13(2),6-16. มลู นิธสิ ถาบันวิจยั และพฒั นาผู้สงู อายุไทย (มส.ผส) ร่วมกับสถาบนั วิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลยั มหิดล. สถานการณ์ ผสู้ ูงอายุไทย พ.ศ. 2557. กรงุ เทพมหานคร: อัมรินทรพ์ ร้นิ ต้ิงแอนด์ พบั ลชิ ซิง่ ;2557. มลู นิธิสถาบันวิจยั และพฒั นาผ้สู ูงอายุไทย. รายงานสถานการณผ์ ู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2557. 2558. เข้าถึงเม่ือ 6 ก.ค.2565. จาก วรัทยา กุลนิธิชยั . การพยาบาลเพอื่ ติดตามเฝ้าระวงั ภาวะทพุ โภชนาการอย่างต่อเน่ืองในผู้ป่วยวิกฤต. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและ ทรวงอก 2562;30(1):2-16. สมพร วรรณวงศ์. วธิ ีการดแู ลแผลบรเิ วณกระดกู ก้นกบเพ่ือป้องกันการปนเปื้อนสง่ิ ขับถา่ ย. สงขลานครนิ ทรเ์ วชสาร 2555;30(5):255-263. สํานักการพยาบาล. การพยาบาลผูป้ ่วยท่ีบา้ น Home Ward. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย;2556

1 ที่นอนหลอดซบั พอร์ต กันเป้อื น ญาดา เจริญจารโุ รจน์1*, ณฐั วดี ชา่ งสาน2 , ธมลวรรณ แกน่ อ่ำ3 , ประภามาศ ต๊ะตุ๋ย4 , ปุณยนชุ โสภา ปจั จุสมัย5 , พนาภรณ์ สงั ขสุจิต6 , พฤกษา จนิ ดาพลอย7 , พมิ พ์มาดา พนั ธช์ ัยทพิ ย์8 วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จักรีรชั คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบนั บรมราชชนก *[email protected] บทคดั ยอ่ แผลกดทบั เป็นปญั หาสุขภาพที่สำคัญที่พบได้บ่อยในผู้ปว่ ยโรคเรอื้ รังทีไ่ ม่สามารถชว่ ยเหลอื ตนเองได้หรือผู้ป่วยท่ีไม่ รู้สึกตัว ซ่งึ เป็นผู้ปว่ ยท่ีนอนเตียงนาน เมือ่ เกดิ แผลจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตถึง 4-6 เทา่ และมีแนวโน้มสูงขึ้นเม่ืออายุ มากขึ้น การใช้อปุ กรณ์เพอื่ ช่วยป้องกันแผลกดทบั เป็นอีกวิธีหนง่ึ ทน่ี ยิ มใช้ วัตถปุ ระสงคค์ อื เพือ่ ให้มีการลดแรงกระจายและแรง กดบริเวณพ้นื ผวิ สมั ผัสระหวา่ งผิวหนงั ของผู้ป่วยกับพน้ื ท่ีผวิ ทร่ี องรับน้ำหนกั การใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนบนทน่ี อนท่ีมีความนมุ่ กว่าท่ีนอน ท่วั ไปจะสามารถช่วยลดแรงกระจายและแรงกดบริเวณพ้ืนผวิ สัมผัสระหว่างผวิ หนังของผูป้ ว่ ยกับพ้นื ท่ีผวิ ท่ีรองรบั ได้ดี จึงมีการ ใช้ท่ีนอนทมี่ คี วามนุ่มทม่ี ีคณุ สมบัตหิ ลากหลายและแตกตา่ งกนั ไปเพอ่ื ปอ้ งกันการเกิดแผลกดทบั ทน่ี อนจากหลอดซับพอร์ต กัน เป้ือนเปน็ แนวคิดของทางคณะผู้จดั ทำท่ไี ดศ้ ึกษาได้วา่ ลักษณะของหลอดพลาสติกทีเ่ มอ่ื รวมตวั กันมาก ๆ แลว้ จะเกิดเป็นช่อง อากาศ เมื่อถูกกดทับจะยุบตัวตามสรีระแตไ่ ม่คนื ตวั ในทนั ทชี ่วยกระจายแรงกดทับและสามารถปรับรปู ทรงให้เข้ากบั สรีระของ แตค่ นได้ และลดการสะสมของไรฝุ่น ผศู้ กึ ษาจึงเห็นความสำคัญของการพัฒนานวตั กรรมท่ีนอนหลอดซับพอรต์ กันเป้ือนและ ปอ้ งกนั แผลกดทับจากวสั ดเุ หลือใช้ โดยม่งุ หวงั ว่าผู้ปว่ ยที่มีแผลกดทับ เมือ่ นอนบนนวตั กรรมที่นอนหลอดซบั พอร์ต กันเป้ือน และปอ้ งกันการเกิดแผลกดทับ ผูป้ ่วยและญาติมคี วามพงึ พอใจจากราคาถกู ประหยดั ค่าใชจ้ า่ ย สะดวกต่อการใช้งาน เหมาะแก่ การนำไปเปน็ ต้นแบบในการประยกุ ต์ใช้ในชมุ ชน หรือผู้ท่ขี าดแคลนทนุ ทรัพยใ์ นการซ้อื ท่นี อนเพอื่ ปอ้ งกนั แผลกดทับแบบอนื่ ซงึ่ มรี าคาค่อนข้างสูงและมีแนวคิดในการนำผ้ายางกันเป้ือนมาประกอบติดกบั ท่ีนอนหลอดซับพอรต์ กันเปือ้ นเพ่ือให้สะดวกต่อ การนำมาใช้และการทำความสะอาด และเพม่ิ เติมชอ่ งสำหรับเปลยี่ นถา่ ยหลอดพลาสติกเก่าออกเพอื่ ยดื อายกุ ารใช้งานของท่ี นอนหลอดซับพอร์ต กันเปอ้ื น นอกจากนี้ได้มกี ารเพ่มิ อปุ กรณใ์ นการชว่ ยพลกิ ตะแคงตวั ผู้ปว่ ยเพ่ิมเพ่อื ชว่ ยดนั ผู้ป่วยโดยอาศัย หลักการเดยี วกบั ทีน่ อนหลอดอีกท้ังเปน็ การนำหลอดทใี่ ชแ้ ลว้ กลบั มาแปรรูปเพ่ือทำใหเ้ กิดประโยชน์ได้ คำสำคัญ : ทน่ี อนหลอดซพั พอรต์ กนั เปื้อน, แผลกดทับ, ผปู้ ว่ ยตดิ เตียง

2 Mattress from plastic tube prevent dirt Yada Charoencharurot 1 , Nadtawadee Changsan2 , Thamonwan Kaenam3 , Praphamart Tatui 4 , Poonyanuch Sophapadjoosamai5 , Panaporn Sangkhasujit6 , Phrueksa Chindaphloi7 , Pimmada phanchaithip8 Abstract Pressure sores are a major health problem commonly found in chronically incapacitated or comatose patients. which is a patient who lies in bed for a long time When the injury increases the risk of death by 4-6 times and tends to increase with increasing age. Using Devices to Help Prevent Pressure Sores It is another method that is commonly used. The objective is to reduce the distribution of force and pressure on the contact surface between the patient's skin and the supporting surface area. Having the patient sleep on a mattress that is softer than normal mattresses can help reduce diffusion and pressure on the contact surface between the patient's skin and the supporting surface area. Therefore, a soft mattress with various and different properties is used to prevent the occurrence of pressure sores. Mattresses from subport tubes Apron is a concept of the organizers who have studied that Characteristics of plastic tubes that when gathered together will form air pockets. When being pressed, it will collapse according to the body but does not return immediately, helping to spread the pressure and be able to adjust the shape to suit the body of each person. and reduce the accumulation of dust mites The study therefore saw the importance of developing an innovative mattress with absorbent tubes. Waterproof and prevent pressure sores from waste materials. with the aim that patients with pressure sores when sleeping on an innovative mattress with absorbent tubes Waterproof and prevents pressure sores. Patients and relatives are satisfied from the cheap price and cost savings. convenient to use suitable for being a model for community application Or those who are short on funds to buy a mattress to prevent pressure ulcers, which are quite expensive and have the idea of bringing a rubber apron to attach to the mattress with a subport tube. Waterproof for ease of use and cleaning. And adding a hole for replacing the old plastic tube to extend the life of the mattress, anti-fouling tube. In addition, a device to help turn the patient more to help push the patient based on the same principle as the tube mattress. It is also a way to recycle used straws to make them useful. Keywords : Mattress from plastic tube prevent dirt, pressure sores, bedridden patients

3 บทนำ หลกั การและเหตผุ ล แผลกดทบั เปน็ ปัญหาสุขภาพทีส่ ำคัญท่ีพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเรือ้ รังท่ีไม่สามารถชว่ ยเหลือตนเองได้หรือผู้ป่วยที่ไม่ รสู้ กึ ตัว ซงึ่ เปน็ ผู้ปว่ ยทน่ี อนเตียงนาน เชน่ ผูป้ ว่ ยท่ีเปน็ อัมพาตจากโรคหลอดเลอื ดสมอง ผูป้ ่วยท่ีไดร้ บั บาดเจ็บจากศีรษะหรือ กระดูกสันหลัง ผู้ป่วยกระดกู ขาหักท่ีต้องใช้เครื่องดึงกระดูกหรอื เข้าเฝือกเป็นระยะเวลานาน ผู้สูงอายุทีช่ ่วยเหลอื ตนเองได้ นอ้ ย และผปู้ ่วยระยะสุดทา้ ย โดยผปู้ ว่ ยสงู อายุมคี วามเส่ยี งตอ่ การเกดิ แผลกดทับเพิม่ ขึน้ ถึงรอ้ ยละ 70 ผู้ป่วยสูงอายุมากกว่า 70 ปี เมื่อเกิดแผลจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตถึง 4-6 เท่า และมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ในประเทศไทยได้มี การศึกษาถงึ อบุ ัติการณ์การเกดิ แผลกดทบั ของผู้ป่วยท่เี ขา้ รับการรักษาในโรงพยาบาลในภาพรวมเม่อื 10 กวา่ ปีที่ผา่ นมาพบว่า สูงถงึ ร้อยละ 6.4 ถงึ รอ้ ยละ 55 และจะสูงขึ้นเมื่อกล่มุ ผ้ปู ว่ ยมีอายมุ ากกว่า 80 ปี (พรทิพย์ สารโี ส, 2560) ซึง่ เมอื่ ผปู้ ว่ ยนอนอยู่ กับท่นี าน ไม่มีการเคลอื่ นไหวส่งผลใหก้ ารไหลเวียนเลอื ดลดลง เน่อื งจากมกี ารตายของเซลล์จากการทำลายท้ังชั้นของผิวหนัง และเนอ้ื เยอื่ บรเิ วณแผลกดทับท่ีพบบ่อยมกั เป็นบริเวณ ผวิ หนัง ทเี่ ป็นจดุ รับน้ำหนกั ของรา่ งกายท่มี ีปุ่มยืน่ ของกระดกู เชน่ ก้น กบ สะโพก สะบกั หลัง ข้อศอกและสน้ เท้า เมือ่ เกดิ แผลกดทับส่งผลใหม้ กี ารอักเสบของเนอ้ื เย่ือ เกดิ การตดิ เชื้อในกระแสเลือด ที่รุนแรงจนอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ทำให้ค่าใช้จา่ ยในการดูแลแผล ค่ายา และอุปกรณส์ ิน้ เปลืองสูงขึ้น ผู้ป่วย ครอบครัว และ ผดู้ แู ล มีความทุกข์ มีความเครียดและวิตกกงั วล สญู เสยี ภาพลกั ษณ์ทำให้ความรสู้ กึ มีคณุ คา่ ในตนเองลดลง การใช้อปุ กรณ์เพื่อชว่ ยปอ้ งกันแผลกดทับ เปน็ อีกวธิ ีหนง่ึ ทน่ี ิยมใช้ วัตถุประสงค์คือเพื่อให้มกี ารลดแรงกระจายและ แรงกดบรเิ วณพนื้ ผวิ สมั ผสั ระหว่างผวิ หนังของผปู้ ว่ ยกบั พ้นื ที่ผวิ ท่ีรองรับน้ำหนักโดยเฉพาะบริเวณปุ่มกระดูก ได้แก่สะโพก ก้น กบ สะบักหลัง ตาตุ่ม และส้นเท้า เพราะเป็นบริเวณที่รับแรงกดมาก การกระจายของแรงกดมีน้อย เนื่องจากมีชั้ นของ กลา้ มเนือ้ และไขมนั รองรับนอ้ ยจากการทบทวนการศกึ ษาวิจัยพบว่าการลดแรงกดเพียงเลก็ นอ้ ยโดยใช้สิ่งนุ่มๆ รองบริเวณท่ี เกิดแผลกดทับไดง้ ่าย จะชว่ ยลดแรงกดต่อเน้ือเยอ่ื บริเวณปุ่มโปนกระดูก ดังนน้ั การใหผ้ ู้ปว่ ยนอนบนที่นอนที่มีความนุ่มกว่าที่ นอนทั่วไปจะสามารถชว่ ยลดแรงกระจายและแรงกดบริเวณพืน้ ผวิ สมั ผัสระหว่างผวิ หนังของผู้ป่วยกับพ้นื ท่ีผวิ ทีร่ องรับได้ดี จึงมี การใช้ที่นอนที่มีความนุ่มที่มีคุณสมบัติหลากหลายและแตกต่างกันไปเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ เช่น ที่นอนลมไฟฟ้า (Alpha bed) ท่ีนอนเจล ท่ีนอนยางพารา ท่ีนอนนำ้ และท่นี อนลูกโปง่ เปน็ ต้น (ปรัชญพร คำเมอื งลอื , 2564) ท่ีนอนจากหลอดซับพอร์ต กันเปอื้ นเปน็ แนวคดิ ของทางคณะผ้จู ัดทำทไี่ ด้ศกึ ษาได้วา่ ลกั ษณะของหลอดพลาสติกท่ี เม่ือรวมตวั กนั มาก ๆ แลว้ จะเกิดเป็นช่องอากาศ เมื่อถกู กดทับจะยบุ ตวั ตามสรรี ะแต่ไมค่ นื ตวั ในทันทีชว่ ยกระจายแรงกดทับ และสามารถปรับรปู ทรงใหเ้ ข้ากับสรีระของแตค่ นได้ และลดการสะสมของไรฝุน่ (อภนิ ันท์ จารุรตั นวงศ์, 2563) ผศู้ ึกษาจงึ เห็น ความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมท่ีนอนหลอดซับพอร์ต กันเปื้อนและปอ้ งกนั แผลกดทบั จากวัสดเุ หลือใช้ โดยมุ่งหวังว่า ผูป้ ว่ ยทมี่ ีแผลกดทบั เม่ือนอนบนนวตั กรรมที่นอนหลอดซับพอร์ต กันเป้อื นและป้องกันการเกดิ แผลกดทับ ผู้ป่วยและญาติมี ความพึงพอใจ จากราคาถูกประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถประดิษฐ์ได้ง่ายสะดวกต่อการใช้งาน เหมาะแก่การนำไปเปน็ ต้นแบบในการประยุกต์ใช้ในชุมชน หรือผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการซื้อที่นอนเพื่อป้องกันแผลกดทั บแบบอื่นซึ่งมีราคา คอ่ นข้างสูงแตจ่ ากการศึกษาและเก็บรวบรวมขอ้ มลู พบว่าท่นี อนหลอดพลาสติกในรปู แบบปกตนิ ้ันทำความสะอาดได้ยากและ เมื่อเปื้อนสารคัดหล่ังมากๆทำให้ไม่สามารถนำมาใช้ต่อได้และจากการค้นคว้า นวัตกรรมที่นอนหลอดซับพอร์ต กันเปื้อนยัง ไมไ่ ด้รับการจดทะเบียนสทิ ธิบัตรการประดษิ ฐ์ และลขิ สทิ ธ์มิ าก่อน จากปญั หาทพี่ บดงั กลา่ วทำใหม้ แี นวคดิ ในการนำผ้ายางกัน เปอ้ื นมาประกอบตดิ กับทนี่ อนหลอดซับพอรต์ กนั เปอื้ นเพ่อื ให้สะดวกตอ่ การนำมาใช้และการทำความสะอาด และเพม่ิ เตมิ ช่อง สำหรับเปลยี่ นถา่ ยหลอดพลาสตกิ เกา่ ออกเพ่อื ยืดอายุการใชง้ านของที่นอนหลอดซับพอร์ต กันเปื้อน นอกจากนี้ได้มีการเพ่ิม

4 อปุ กรณใ์ นการชว่ ยพลกิ ตะแคงตวั ผูป้ ว่ ยเพิ่มเพอื่ ชว่ ยดนั ผปู้ ่วยโดยอาศยั หลกั การเดียวกับท่นี อนหลอดอีกท้งั เป็นการนำหลอดที่ ใช้แล้วกลบั มาแปรรูปเพือ่ ทำให้เกดิ ประโยชนไ์ ด้ วัตถุประสงค์ 1.เพื่อสร้างนวัตกรรมที่นอนหลอดซับพอร์ต กันเปื้อน ที่ช่วยลดแผลกดทับและป้องกันการเปื้อนสารคัดหลั่งของ ผูป้ ว่ ย 2.เพ่ือศกึ ษาประสิทธิภาพของนวัตกรรมที่นอนหลอดซบั พอรต์ กันเป้ือน ต่อความพงึ พอใจของผู้ป่วยและผู้ดแู ล สมมุตฐิ านการวจิ ัย นวตั กรรมที่นอนหลอดซับพอรต์ กันเปอื้ น สามารถช่วยลดแผลกดทับและปอ้ งกันการเปื้อนสารคัดหล่งั ของผ้ปู ว่ ยได้ดี และใช้งานไดจ้ รงิ ขอบเขตงานวจิ ัย 1.ขอบเขตด้านเนอ้ื หา การทำวิจัยครัง้ น้ีเป็นวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research ) แบบกลุ่มเดียววัดหลังการทดลอง (One Group Posttest Design)โดยวตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือศึกษาประสิทธภิ าพของนวตั กรรมท่ีนอนหลอดซบั พอร์ต กนั เปอื้ น ตอ่ ความพงึ พอใจของผู้ปว่ ยและผูด้ ูแล - ตัวแปรต้น ไดแ้ ก่ ที่นอนหลอดซับพอร์ตกันเปอื้ น - ตวั แปรตาม ได้แก่ ผลความพงึ พอใจ 2.ขอบเขตดา้ นพ้ืนทที่ ศ่ี กึ ษา วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี จักรีรชั และหอผ้ปู ว่ ยโรงพยาบาลบา้ นโปง่ 3.ขอบเขตดา้ นประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากร คือ ผูป้ ่วยหอผ้ปู ่วยศลั ยกรรมชาย โรงพยาบาลบ้านโปง่ จังหวดั ราชบรุ ี กลมุ่ ตัวอยา่ ง คือ ผตู้ ิดเตยี งในหอผู้ป่วยศัลยกรรมชาย โรงพยาบาลบ้านโป่งจังหวัดราชบุรี เป็นการสุ่มแบบเจาะจง เนื่องจากเป็นตัวแทนของกลุ่มตัวอย่างประชากรในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ผู้วิจยั ได้ทำการคัดเลือกกลุ่มตัวอยา่ งตามคุณสมบัติท่ี กำหนดดังน้ี คอื ผู้ปว่ ยชายหญงิ ไทย ท่ตี ิดเตยี งตง้ั แตร่ ะยะเวลา 1 เดอื นขน้ึ ไป ทง้ั มีโรคประจำตวั และไม่มโี รคประจำตัว และมี การกำหนดค่าจากแบบประเมิน Barthel Activities of Daily Living : ADL ตั้งแต่ 1-11 คะแนน ที่สามารถสื่อสารได้ร้เู รื่อง จำนวน 10 คน ที่เขา้ รับการรกั ษาทโ่ี รงพยาบาลบ้านโป่ง จงั หวัดราชบุรี

5 4.ขอบเขตด้านเวลา ระยะเวลาในการดำเนินงานวจิ ัยต้ังแต่เดอื นมิถนุ ายน-เดือนตุลาคม พ.ศ.2565 นิยามศัพท์ ที่นอนหลอดซพั พอร์ต กันเป้ือน คือ ท่นี อนท่ีนำหลอดทีใ่ ชแ้ ลว้ มาลา้ งและฆา่ เชอ้ื ดว้ ยน้ำยาฆา่ เช้ือ นำมาตัดเป็นช้ิน เล็กๆ และนำมาประกอบเป็นไสฟ้ กู ทน่ี อน อุปกรณพ์ ลิกตะแคง หมอน ซง่ึ เป็นทรงส่ีเหลยี่ มผนื ผ้าท่ีมีลกั ษณะเป็นร่องๆ นำเทป ตนี ตุก๊ แกมาตดิ ด้านขา้ งของตวั ทีน่ อน และอุปกรณ์พลิกตะแคง เพ่ือใหส้ ามารถนำมาประกอบกนั เม่อื ต้องการใช้ได้ โดยท่ีนอนท่ี ทำจากหลอดจะสามารถระบายอากาศไดด้ ี ไมอ่ ับชื้นรวมทัง้ สามารถพับจดั เกบ็ ไดง้ ่าย ผู้ป่วยติดเตียง หมายถึง ผู้ป่วยที่มีความเจ็บป่วยเรื้อรังจนเกิดสภาวะร่างกายเสื่อมโทรม ทำให้ไม่สามารถใช้ ชีวิตประจำวนั ไดเ้ หมือนคนปกติ หรือช่วยเหลือตนเองได้นอ้ ย หรืออาจไม่สามารถชว่ ยเหลือตนเองไดเ้ ลยแม้แตน่ อ้ ย ผูป้ ว่ ยจึงไม่ อาจเลีย่ งทีจ่ ะตอ้ งนอนอยบู่ นเตยี งเปน็ เวลานานๆได้ แผลกดทบั หมายถงึ แผลทเ่ี กดิ จากการกดทับลงไปเป็นเวลานาน ทำให้ผวิ หนงั หรือเน้ือเยอ่ื ใต้ผิวหนังถูกทำลายแบบ เฉพาะที่ เกิดเนอื้ ตายและแผลข้นึ มา อาจมีอาการเจ็บปวดรว่ มด้วย ส่วนใหญจ่ ะเกิดบริเวณป่มุ กระดกู ต่างๆ เกณฑก์ ารประเมนิ /ตัวชีว้ ัด ผูป้ ่วยติดเตยี ง จำนวน 10 คน มคี วามพึงพอใจตอ่ นวตั กรรมในระดับมากทสี่ ุด ประโยชนแ์ ละคุณคา่ ทีใ่ ชใ้ นการประดษิ ฐค์ ิดคน้ 1.ทนี่ อนหลอดซบั พอรต์ กนั เป้ือน มีประสิทธภิ าพช่วยลดและป้องกันแผลกดทับใหผ้ ู้ใช้งานได้ 2.เพ่ือเพ่ิมความสะดวกสบายในการช่วยพลิกตะแคงตัวผู้ป่วย 3.ผใู้ ชง้ านทน่ี อนหลอดซับพอร์ต กนั เปอื้ น มีความพึงพอใจหลงั จากการใชง้ านในระดับดี วธิ ีการดำเนินงาน รูปแบบของการวิจยั การวิจัยครั้งน้ี เป็นการวิจัยกึง่ ทดลอง (Quasi Experimental Research) แบบกลุ่มเดยี ว วัดก่อนและหลังทดลอง นวัตกรรม (One Group Posttest Design) โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื เปรยี บเทียบความพึงพอใจในการใชท้ น่ี อนแบบทว่ั ไปกับท่ี นอนหลอดซบั พอร์ตกนั เปื้อน ในหอผปู้ ่วยแผนกอายศุ ัลยกรรมชาย โรงพยาบาลบา้ นโป่ง จังหวัดราชบรุ ี

6 ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากร ไดแ้ ก่ ผ้ปู ว่ ยตดิ เตยี งที่มแี ผลกดทบั และมผี ดู้ ูแลผูป้ ว่ ย กลมุ่ ตวั อยา่ งทใี่ ช้ในงานวจิ ัยครัง้ น้ี คอื ผ้ปู ว่ ยตดิ เตยี งในโรงพยาบาลบ้านโป่ง หอผปู้ ่วยศัลยกรรมชาย จำนวน 10 คน โดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างเป็นการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง และ มีการกำหนดค่าจากแบบประเมิน Barthel Activities of Daily Living : ADL ในช่วง ≤ 11 คะแนน ที่สามารถออกสอื่ สารไดร้ ู้เรอื่ ง กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกเขา้ กลุ่ม 1.เป็นผู้ป่วยตดิ เตียงท่ีมแี ผลกดทับโดยมีการรกั ษาตวั อยูใ่ นโรงพยาบาล 2.ผูป้ ว่ ยมคี ะแนน Barthel Activities of Daily Living : ADL ในช่วง ≤ 11 คะแนน 3.ผดู้ แู ลยินดีเข้าร่วมในการวิจยั โดยเซ็นใบยนิ ยอมเขา้ รว่ มในการวจิ ัย เคร่ืองมอื ที่ใชใ้ นการวจิ ยั 1. ประเมินความพึงพอใจในการนอนท่ีนอนทัว่ ไป โดยประเมินก่อนใช้งานใช้นวตั กรรม โดยแบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลเก่ยี วกบั สถานภาพและขอ้ มูลพนื้ ฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ คะแนนADL น้ำหนัก ส่วนสูง ระยะเวลาท่ีนอนตดิ เตยี ง ชนิดของทีน่ อนเดิมทใ่ี ช้ ตอนท่ี 2 การประเมนิ ความพงึ พอใจในการนอนท่ีนอนแบบทวั่ ไปของผู้ใช้นวัตกรรมจำนวน 9 ข้อ แบ่งเป็น 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ด้าน ความสะดวกสบายในการใช้งานจำนวน 4 ข้อ ด้านความปลอดภัยในการใช้งานจำนวน 2 ข้อ และด้านความคุ้มค่า คงทน จำนวน 3 ข้อ โดยกำหนดระดบั ความพงึ พอใจเป็น 5 ระดบั ได้แก่ ความพงึ พอใจมากทีส่ ุด = 5 ความพงึ พอใจระดับมาก = 4 ความพึงพอใจกับปานกลาง = 3 ความพึงพอใจกับระดับน้อย = 2 ระดับความพึงพอใจระดับน้อยทีส่ ุด = 1 และแปลผล ระดับความพงึ พอใจแบ่งเป็น 4 ระดับ ไดแ้ ก่ 1-9 คะแนน มรี ะดับความพึงพอใจนอ้ ย คิดเปน็ 20% 10-18 คะแนน ระดับความพึงพอใจปานกลาง คิดเป็น 40% 19-27 คะแนน มีระดบั ความพึงพอใจมาก คิดเป็น 60% 28-45 คะแนน มีระดับความพงึ พอใจมากทส่ี ุด คิดเปน็ 80% ตอนที่ 3 การประเมนิ ความพึงพอใจในการนอนที่นอนนวตั กรรมท่ีนอนหลอดซับพอรต์ กันเปื้อน ของผ้ใู ชน้ วตั กรรมจำนวน 11 ข้อ แบง่ เป็น 3 ด้าน ได้แก่ ดา้ นความสะดวกสบายในการใช้งานจำนวน 4 ข้อ ดา้ นความปลอดภัยในการใช้งานจำนวน 2 ข้อ และด้านความคมุ้ คา่ คงทนจำนวน 3 ขอ้ และดา้ นประสิทธิภาพ จำนวน 2 ขอ้ โดยกำหนดระดบั ความพึงพอใจเป็น 5 ระดับ ได้แก่ ความพงึ พอใจมากที่สุด = 5 ความพงึ พอใจระดับมาก = 4 ความพงึ พอใจกบั ปานกลาง = 3 ความพงึ พอใจกับระดับ นอ้ ย = 2 ระดับความพึงพอใจระดบั น้อยที่สุด = 1 และแปลผลระดบั ความพึงพอใจแบง่ เปน็ 4 ระดับ ได้แก่

7 1-11 คะแนน ระดบั ความพึงพอใจน้อย คดิ เป็น 20% 12-22 คะแนน มรี ะดบั ความพึงพอใจปานกลาง คดิ เปน็ 40% 13-33 คะแนน มรี ะดบั ความพงึ พอใจมาก คดิ เป็น 60% 34-44 คะแนน มีระดบั ความพงึ พอใจมากที่สุด คดิ เปน็ 80% การตรวจสอบคุณภาพเครอ่ื งมือ 1.การหาความตรงตามเนอ้ื หาของเครอ่ื งมือ (Content validity) ความพงึ พอใจผลของการใชน้ วตั กรรมที่นอนหลอดซบั พอร์ตกันเปอ้ื น ท่ผี ู้วิจยั จะสร้างข้นึ ไดน้ ำไปตรวจสอบหาความ ตรงของเนอ้ื หา (Content validity) โดยผ้ทู รงคุณวุฒจิ ำนวน 3 ท่าน ประกอบดว้ ย อาจารยพ์ ยาบาล 3 ท่าน ตรวจสอบเนอื้ หา โครงสร้างและความเหมาะสมของภาษา พร้อมทั้งข้อเสนอแนะ ผู้วิจัยมีการปรับปรุงแก้ไข และนำมาปรับปรุงแก้ไขตาม ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิคำนวณหาค่าดัชนีตรงตามเนื้อหา IOC (Index of Item - Objective Congruence) โดยใช้ เกณฑ์ +1 หมายถึงคำถามนั้นสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ 0 หมายถึง ไม่แน่ใจว่าคำถามนั้นสอดคล้องกับวัตถุปร ะสงค์ -1 หมายถึงคำถามนัน้ ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ แปลผล ถ้า IOC 2 0.5 แสดงว่าข้อคำถามนั้นวัดได้ตรง (ใช้ได้) IOC< 0.5 แสดงว่าขอ้ คำถามนน้ั วดั ได้ไมต่ รง (ตัดทิ้ง) 2.การหาความเช่ือมนั่ ของเคร่ืองมือ (Reliability) การใช้แบบสอบถามในกลุ่มผู้ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 10 คน ได้ค่า Reliability โดยใช้ สมั ประสทิ ธข์ิ องแอฟฟา (alpha - coefficient) ของครอนบาค (Cronbach, 1970) ซ่ึงมีสูตร ดงั นี้ การเก็บรวบรวมข้อมลู การวิจัยครง้ั นี้ ผ้วู จิ ัยดำเนนิ การรวบรวมข้อมลู ดว้ ยตนเอง โดยนำหนงั สอื แนะนำตวั ถงึ ผอู้ ำนวยการของ โรงพยาบาล บา้ นโป่ง จงั หวัดราชบรุ ี เพ่ือชี้แจงวัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัยและขอความร่วมมอื ในการรวบรวมข้อมูลเม่ือได้รับหนังสืออนุมัติ ผวู้ จิ ยั พบหวั หน้าตกึ ผู้ป่วยศลั ยกรรมรวม เพอื่ ชแี้ จงวตั ถปุ ระสงค์และขอความร่วมมอื จากนน้ั ผู้วิจยั ขอสำรวจผปู้ ว่ ยทีไ่ ดน้ อนติด เตียงท่ีมีคุณสมบตั ิตามเกณฑ์ทีก่ ำหนด เพอ่ื คดั เลือกกลุ่มตัวอย่างทีม่ ใี หไ้ ด้จำนวนตามต้องการ และดำเนินการในกลุ่มทดลอง ดังนี้

8 ขน้ั ท่ี 1ขน้ั ตอนการเตรยี ม 1.จัดเตรียมเครือ่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย 2.ดำเนินการสรา้ งนวัตกรรม 3. จดั ทำแผนดำเนินการทดลอง โดยการประสานงานกับหอผ้ปู ่วยศลั ยกรรมรวม โรงพยาบาลบา้ นโป่ง จังหวัดราชบุรี 4. ชี้แจงเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลและการนําเครื่องมือไปใช้กับทีมวิจัย โดยผู้วิจัยชี้แจง วัตถุประสงค์ของการวิจัย รายละเอียดเก่ียวกบั การดำเนินการทดลอง การใช้แบบสอบถาม ความพึงพอใจ ให้เข้าใจจุดมุ่งหมายของการวิจัยและเปดิ โอกาสให้ซักถาม 5. คัดเลือกกลมุ่ ตัวอย่างตามคณุ สมบัตทิ ่กี ำหนดไว้และกลุ่มตวั อย่างเซ็นชอ่ื เข้าร่วมวิจัย ขน้ั ท่ี 2 ระหวา่ งการทดลอง 1. เตรียมผู้ดูแลเมือ่ ไดค้ ณุ สมบัตติ ามที่กำหนด โดยสร้างสมั พนั ธภาพกับผ้ดู ูแล ซักถามอาการ ผู้ป่วย แนะนาํ ตัว บอก วตั ถุประสงค์และประโยชนใ์ นการเขา้ รว่ มวจิ ยั รวมทง้ั สทิ ธทิ ี่จะปฏิเสธในการเขา้ ร่วม 2. แนะนําวิธกี ารใช้นวัตกรรมทน่ี อนหลอดซับพอร์ตกันเป้อื น 3. เปิดโอกาสใหผ้ ดู้ ูแลซักถามปัญหาและขอ้ สงสัย ข้ันที่ 3 หลงั การทดลอง 1. แลกเปลย่ี นความคดิ เห็นและสรา้ งแรงจูงใจในการใช้นวัตกรรม 2. ประเมนิ ผลการใช้นวัตกรรมโดยให้ผ้ดู แู ลตอบสอบถามความพงึ พอใจของการใช้นวัตกรรม 3. ผวู้ ิจัยกลา่ วขอบคุณผดู้ แู ลทใี่ หค้ วามร่วมมือในการทดลอง การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เมื่อเก็บรวบรวมข้อมลู ได้ตามความต้องการแลว้ นําข้อมูลทั้งหมดมาตรวจสอบความถูกตอ้ งสมบรู ณ์ แล้ว ทำการ วเิ คราะห์เพื่อพิสจู นส์ มมติฐาน และนาํ มาเสนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล โดยมสี ถติ ทิ ี่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดังน้ี 1. ขอ้ มลู ทว่ั ไปของกลุ่มตวั อยา่ ง วิเคราะหด์ ว้ ยการแจกแจงความถ่ีและหาคา่ รอ้ ยละ 2. วเิ คราะหค์ ะแนนความพึงพอใจของผู้ดแู ลผู้ปว่ ยนอนติดเตียงของหอศลั ยกรรมรวม โรงพยาบาลบา้ นโป่ง จังหวัด ราชบรุ ี โดยหาค่าร้อยละ คา่ เฉลีย่ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

9 การพทิ ักษ์สิทธิของกลุ่มตัวอย่าง ผู้วจิ ัยไดน้ ำโครงรา่ งวิจัยเสนอตอ่ คณะกรรมการ จรยิ ธรรมของวทิ ยาลยั พยาบาลชนนี จักรรรี ัช กอ่ นทำการศกึ ษาวิจยั และผู้วิจยั พิทักษส์ ิทธิของกลมุ่ ตัวอย่าง แก่ผดู้ แู ลต้งั แตเ่ ร่ิมตน้ ของการเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยผวู้ ิจยั ขอความยินยอมจากกลุ่ม ตัวอย่างทัง้ หมด โดย การชีแ้ จงวัตถุประสงค์ วิธีการเกบ็ รวบรวมข้อมูลของ”นวัตกรรมที่นอนหลอดซับพอร์ตกันเป้ือน” โดย กลุ่มตัวอยา่ งสามารถซักถามขอ้ สงสัยจากผูว้ ิจยั และช้ีเแจง้ ให้ทราบวา่ การตอบรบั หรือปฎิเสธการเขา้ ร่วมวิจยั จะไม่มีผลกับกล่มุ ตวั อย่าง และมสี ิทธยิ ุติวิจัยไดท้ กุ เมื่อ ขอ้ มูลของกลุ่มตวั อย่างจะเก็บไว้เปน็ ความลับ และนำมาใชใ้ นการวิจัยเท่าน้ัน หากมีข้อ สงสยั สามารถสอบถามผวู้ จิ ัยได้ตลอดเวลา ผ้วู จิ ัยทำลายเอกสารเมื่อส้ินสุดการวิจัยและขอ้ มูลทไี่ ด้มานำไปเสนอเป็นภาพรวม หากกลมุ่ ตวั อยา่ งยนิ ดีเข้ารว่ มการวจิ ัยขอความร่วมมือกล่มุ ตวั อยา่ งเซน็ ใบยนิ ยอม สถิตทิ ่ีใชก้ ารวิเคราะห์ขอ้ มูล ผู้วจิ ยั นำข้อมลู ท่ีได้มาวเิ คราะหม์ รี ายละเอียดดงั น้ี 1. เกณฑก์ ารคดั เลอื กกลมุ่ ตัวอยา่ ง โดยขอ้ มูลทั่วไปของกลมุ่ ตวั อย่างมาแจกแจงความถแ่ี ละคำนวณคา่ ร้อยละ 2.คะแนนความพงึ พอใจตอ่ นวตั กรรมจากกลมุ่ ตัวอย่าง โดยหาค่าเฉล่ยี และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน วิธีการดำเนินงาน(ตามหลัก PDCA) ขน้ั ตอนการเตรียม Plan 1.กำหนดหัวขอ้ ปญั หา 2.สำรวจปญั หาในปจั จุบัน 3.วิเคราะหส์ าเหตุ และกำหนดแนวทางแกไ้ ข 4.กำหนดวตั ถปุ ระสงค์ และขอบเขตการดำเนินงาน 5.วางแผนดำเนินงาน 6.แบ่งหนา้ ที่ และมอบหมายความรบั ผดิ ชอบ การดำเนินการ Do 1.ดำเนินการตามแผนทีว่ างไว้ -รวบรวมขอ้ มลู จาก หนงั สือ ส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ และงานวิจยั ต่างๆ -ออกแบบช้ินงานนวตั กรรม -จดั หาวัสดุอุปกรณ์ ดงั นี้

10 -ประดิษฐ์ชน้ิ งานนวตั กรรม ขน้ั ตอนการตดิ ตาม Check 1.ประเมนิ ช้นิ งาน โดยใชแ้ บบประเมินความพงึ พอใจ 2.สรปุ ผลการประเมนิ โดยใชค้ ะแนนการประเมนิ ตามความจรงิ ข้ันตอนการนำผลการประเมนิ ไปปรับปรงุ พัฒนา Act ปรบั ปรุงแกไ้ ขในสว่ นท่มี ีปญั หา และตามข้อเสนอแนะจากแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ ผลการดำเนินการ การศึกษาครง้ั นเี้ ป็นการศึกษา “นวัตกรรมทีน่ อนหลอดซับพอรต์ กันเปอื้ น” มีวตั ถุประสงค์เพื่อท่ีช่วยลดแผลกดทับ และปอ้ งกนั การเปอื้ นสารคัดหลั่งของผู้ปว่ ย และเพอ่ื ทดสอบประสิทธภิ าพของนวัตกรรมทนี่ อนหลอดซบั พอร์ต กนั เปื้อน ต่อ ความพึงพอใจของผู้ปว่ ยและผ้ดู แู ล ผลของการดำเนินงานนำเสนอในรปู แบบ แบบประเมนิ ความพึงพอใจการใชง้ านนวัตกรรม แบง่ เป็น 3 ส่วน ดงั นี้ 1. ประเมินความพึงพอใจในการนอนทีน่ อนท่วั ไป โดยประเมนิ กอ่ นใชง้ านใช้นวัตกรรม โดยแบ่งออกเปน็ 3 ส่วน ดังน้ี ส่วนที่ 1 ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพและข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ คะแนนADL น้ำหนกั ส่วนสูง ระยะเวลาที่นอนติดเตยี ง ชนดิ ของท่นี อนเดิมทใ่ี ช้ ตารางที่ 4.1 จำนวนและคา่ ร้อยละของขอ้ มูลเกีย่ วกบั สถานภาพและขอ้ มูลพื้นฐานของผ้ตู อบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ คะแนนADL นำ้ หนัก ส่วนสงู ระยะเวลาทน่ี อนตดิ เตยี ง ชนดิ ของท่นี อนเดิมท่ีใช้ ข้อมูลขอ้ มลู พนื้ ฐาน จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 2 50.00 หญิง 2 50.00 รวม 4 100.00 อายุ ต่ำกว่า 60 ปี 1 25.00 60 – 80 ปี 2 50.00 มากกว่า 80 ปี 1 25.00 รวม 4 100.00 คะแนน ADL 0- 4 คะแนน 1 25.00

11 ขอ้ มูลขอ้ มูลพืน้ ฐาน จำนวน ร้อยละ 3 75.00 (ภาวะพ่งึ พาโดยสมบรู ณ์) 0 00.00 5 – 8 คะแนน 0 00.00 4 100.00 (ภาวะพ่งึ พารุนแรง) 0 00.00 9 - 10 คะแนน 1 25.00 2 50.00 (ภาวะพึง่ พาปานกลาง) 0 00.00 11 - 20 คะแนน 1 25.00 (ไมเ่ ป็นการพง่ึ พา) รวม ค่า BMI ค่า BMI < 18.5 (น้ำหนกั น้อยหรอื ผอม) คา่ BMI 18.5 – 22.90 (อยูใ่ นเกณฑป์ กติ) ค่า BMI 23 – 24.90 (น้ำหนักเกนิ ) ค่า BMI 25 – 29.90 (โรคอ้วนระดบั ท่ี 1) คา่ BMI 30 ขึน้ ไป (โรคอ้วนระดบั ที่ 2) รวม 4 100.00 ระยะเวลาท่ีนอนติดเตยี ง 1 25.00 ตำ่ กว่า 10 ปี 3 75.00 10-20 ปี 0 00.00 มากกวา่ 20 ปี 4 100.00 รวม 4 100.00 ชนิดของท่ีนอนเดิมท่ใี ช้ ท่นี อนใยมะพร้าว รวม 4 100.00 จากตารางที่ 4.1 จำนวนและค่าร้อยละของข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพและข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ คะแนนADL ค่า BMI ระยะเวลาทนี่ อนติดเตยี ง ชนดิ ของท่ีนอนเดิมท่ีใช้ พบว่ากลมุ่ ตัวอย่างเปน็ เพศชายร้อย ละ 50 เพศหญิงรอ้ ยละ 50 ชว่ งอายุต่ำกว่า 60 ปรี ้อยละ 25 ช่วงอายุ 60–80 ปี รอ้ ยละ 50 ชว่ งอายุมากกวา่ 80 ปี ร้อยละ 25

12 คะแนน ADL ภาวะพึ่งพาโดยสมบูรณ์ร้อยละ 25 ภาวะพึ่งพารนุ แรงร้อยละ 75 ค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละ 25 อยู่ใน เกณฑ์นำ้ หนักเกนิ รอ้ ยละ 50 อยู่ในเกณฑโ์ รคอ้วนระดบั ที่ 2 ร้อยละ 25 ระยะเวลาทีน่ อนติดเตียง ต่ำกวา่ 10 ปี ร้อยละ 25 ระยะเวลา 10-20 ปี ร้อยละ 75 ชนิดของท่ีนอนเดิมทใ่ี ช้ เปน็ ที่นอนยางพารารอ้ ยละ 100 ตอนท่ี 2 การประเมินความพงึ พอใจในการนอนท่ีนอนแบบท่วั ไปของผใู้ ช้นวัตกรรม ตารางท่ี 4.2 จำนวน รอ้ ยละ ค่าเฉล่ยี และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของการประเมินความพงึ พอใจในการนอนที่นอนแบบท่ัวไป ของผู้ใชน้ วตั กรรม ระดบั ความพงึ พอใจ เกณฑก์ าร ลำดับ รายการ 5 4 3 2 1 N ค่าเฉลี่ย รอ้ ยละ S.D. ประเมิน 1 เมอื่ นอนแลว้ ไม่รู้สึกปวดคอ หลงั เอว 0 0 1 3 0 4 2.25 15 0.43 นอ้ ย หรือแขน ขา 0 0 2 2 0 4 2.5 30 0.50 น้อย 2 นอนแล้วร้สู กึ พอดีตัว ไมอ่ ดึ อดั 3 นอนแลว้ ไม่รสู้ ึกร้อน ระบายอากาศไดด้ ี 0 0 1 1 2 4 1.75 35 0.83 น้อย 4 เมอ่ื นอนแลว้ รูส้ ึกผ่อนคลายขนึ้ สบาย 000224 1.5 40 0.50 นอ้ ยที่สุด ข้ึน 002204 2.5 30 0.50 นอ้ ย 220004 4.5 90 0.50 มาก 5 ทีน่ อนมคี วามยดื หยุ่น หนาแน่น รับ นำ้ หนักตวั ได้ดี 6 ที่นอนมคี วามแข็งแรง คงทน 7 ท่ีนอนทำความสะอาดไดง้ ่าย สามารถ 0 1 0 1 2 4 2 40 1.22 น้อย ใช้งานได้นาน 8 เม่อื นอนแล้วไมเ่ กดิ แผลกดทบั เพม่ิ จาก 0 0 3 1 0 4 2.75 45 0.43 ปานกลาง เดิม 9 เม่อื นอนแลว้ ไม่เกดิ อาการบาดเจบ็ 0 0 2 2 0 4 2.5 30 0.50 น้อย ระคายเคอื ง รวม 7 7 14 16 7 36 2.47 39.44 0.60 น้อย จากตารางที่ 4.2 การประเมนิ ความพงึ พอใจในการนอนทนี่ อนแบบทว่ั ไป พบวา่ ผทู้ ดลองมีความพงึ พอใจในการนอน ที่นอนแบบเดมิ อยใู่ นระดับนอ้ ย (x̅ = 2.47, S.D.= 0.6 ) เมือ่ พจิ ารณาเป็นรายข้อพบว่า เมือ่ นอนแล้วไมร่ ู้สกึ ปวดคอ หลัง เอว หรือแขน ขา(x̅ = 2.25, S.D.= 0.43) นอนแล้วรู้สกึ พอดีตัว ไม่อดึ อดั (x̅ = 2.5, S.D.= 0.5 ) นอนแล้วไม่รูส้ กึ ร้อน ระบายอากาศ ไดด้ ี(x̅ = 1.75, S.D.= 0.83) เมอ่ื นอนแลว้ รู้สกึ ผอ่ นคลายข้ึน สบายขนึ้ (x̅ = 1.5, S.D.= 0.5 ) ทนี่ อนมคี วามยดื หยุ่น หนาแน่น รับน้ำหนักตัวได้ดี(x̅ = 2.5, S.D.= 0.5 ) ที่นอนมีความแข็งแรง คงทน(x̅ = 4.5, S.D.= 0.5 ) ที่นอนทำความสะอาดได้ง่าย สามารถใชง้ านไดน้ าน(x̅ = 2, S.D.= 1.22 ) เมื่อนอนแล้วไม่เกิดแผลกดทบั เพ่มิ จากเดิม(x̅ = 2.75, S.D.= 0.43 ) เม่ือนอนแล้ว ไม่เกดิ อาการบาดเจบ็ ระคายเคือง(x̅ = 2.5, S.D.= 0.6 )

13 ตอนท่ี 3 การประเมินความพึงพอใจในการนอนท่นี อนนวตั กรรมที่นอนหลอดซับพอรต์ กันเปอ้ื น ตารางท่ี 4.3 จำนวน ร้อยละ คา่ เฉลีย่ และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานของการประเมนิ ความพึงพอใจในการนอนท่ีนอนนวัตกรรม ท่นี อนหลอดซับพอร์ตกันเปื้อน ลำดับ ระดับความพึงพอใจ เกณฑ์การ รายการ 5 4 3 2 1 N ค่าเฉล่ีย ร้อยละ S.D. ประเมนิ 1 เม่อื นอนแล้วไมร่ ู้สกึ ปวดคอ หลงั เอวหรือ 1 3 0 0 0 4 4.25 85 0.43 มาก แขน ขา 4.25 85 0.43 มาก 2 นอนแลว้ รู้สกึ พอดตี วั ไม่อึดอัด 13000 4 มาก มากสุด 3 นอนแลว้ ไม่รู้สึกร้อน ระบายอากาศไดด้ ี 1 1 2 0 0 4 3.75 75 0.83 มาก 4 เมื่อนอนแล้วรู้สึกผอ่ นคลายขึ้น สบายข้นึ 4 0 0 0 0 4 5 100 0.00 ปานกลาง มาก 5 ท่ีนอนมีความยืดหยนุ่ หนาแนน่ รบั น้ำหนกั 1 2 1 0 0 4 4 80 0.71 3.5 70 0.50 มากสดุ ตวั ไดด้ ี มาก 6 ที่นอนมีความแข็งแรง คงทน 02200 4 มาก 7 ทนี่ อนทำความสะอาดไดง้ ่าย สามารถใช้ 2 1 1 0 0 4 4.25 85 0.83 มาก งานได้นาน 4.75 95 0.43 มาก 8 เมือ่ นอนแลว้ ไม่เกดิ แผลกดทบั เพิ่มจากเดมิ 3 1 0 0 0 4 9 เม่ือนอนแล้วไมเ่ กดิ อาการบาดเจ็บระคาย 2 2 0 0 0 4 4.5 90 0.50 เคอื ง 10 นวัตกรรมมนี ้ำหนักเบา สะดวกต่อการ 12100 4 4 80 0.71 เคลอ่ื นยา้ ย 11 งา่ ยตอ่ การทำความสะอาดเมอื่ มีสารคดั 2 0 2 0 0 4 4 80 1.00 หลัง่ เปรอะเปื้อนท่นี อน รวม 18 17 9 0 0 44 4.20 84.09 0.58 จากตารางท่ี 4.2 การประเมินความพงึ พอใจในการนอนทีน่ อนหลอดซับพอร์ตกนั เปื้อน พบว่า ผู้ทดลองมีความพึง พอใจในการนอนท่นี อนหลอดซบั พอรต์ กนั เปื้อนอยใู่ นระดบั มาก (x̅ = 4.20, S.D.= 84.09 ) เมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายขอ้ พบว่า เม่อื นอนแล้วไมร่ ูส้ ึกปวดคอ หลงั เอวหรอื แขน ขา(x̅ = 4.25, S.D.= 0.43) นอนแลว้ รสู้ ึกพอดตี ัว ไมอ่ ึดอัด(x̅ = 4.25, S.D.= 0.43 ) นอนแล้วไม่รู้สึกรอ้ น ระบายอากาศได้ดี(x̅ = 3.75, S.D.= 0.83) เมอ่ื นอนแลว้ รู้สึกผอ่ นคลายขน้ึ สบายขึน้ (x̅ = 5, S.D.= 0.00 ) ทน่ี อนมคี วามยดื หยุน่ หนาแน่น รับน้ำหนักตัวได้ด(ี x̅ = 4, S.D.= 0.71 ) ที่นอนมีความแข็งแรง คงทน(x̅ = 3.5, S.D.= 0.50 ) ทน่ี อนทำความสะอาดได้งา่ ย สามารถใช้งานไดน้ าน(x̅ = 4.25, S.D.= 0.83 ) เม่ือนอนแลว้ ไมเ่ กิดแผลกดทับเพ่ิมจากเดิม(x̅ = 4.75, S.D.= 0.43 ) เมื่อนอนแลว้ ไม่เกิดอาการบาดเจ็บระคายเคอื ง(x̅ = 4.5, S.D.= 0.50 ) นวตั กรรมมนี ้ำหนกั เบา สะดวกต่อ การเคล่อื นย้าย(x̅ = 4, S.D.= 0.71) งา่ ยตอ่ การทำความสะอาดเมอ่ื มสี ารคดั หล่ังเปรอะ-เปื้อนท่ีนอน(x̅ = 4, S.D.= 1.00 )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook