คู่มอื ครู Teacher Script เทคโนโลยี ป. 4(วิทยาการคํานวณ) ชั้นประถมศึกษาปท ี่ 4 กลุม สาระการเรยี นรูว ิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ผเู รยี บเรียงหนงั สอื เรยี น ผตู รวจหนังสือเรยี น บรรณาธิการหนงั สือเรียน ผศ. ดร.ณฐั ภทั ร แกวรัตนภัทร ดร.จารุมน หนูคง นายมงคล ทะกอง นายเอิญ สุริยะฉาย นางสาวพชั ราภรณ ตันติชยั พฤกษ ผเู รยี บเรียงคมู ือครู บรรณาธกิ ารคมู ือครู นายเอกพิศษิ ฏ อตุ รา นายสริ นั ทร เพียรพทิ กั ษ นางสาววรรณกาญจน บุญยก นางสาวกุลกันยา เมฆอรุณ นางสาวศศธิ ร คงอยู พมิ พค รัง้ ท่ี 3 สงวนลิขสิทธ์ติ ามพระราชบญั ญัติ รหัสสินคา 1448048
ค�ำแนะน�ำกำรใช้ คู่มือครูรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค�านวณ) ป.4 จดั ทา� ขนึ้ เพอื่ ใหผ้ สู้ อนใชเ้ ปน็ แนวทางวางแผนการจดั การเรยี นการสอน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน และประกันคุณภาพผู้เรียน ตามนโยบายของสา� นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน (สพฐ.) Chapter Overview เพทโดยเลอื ก Trim โครงสรา้ งแผนและแนวทางการประเมินผเู้ รยี น นาํ นาํ สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ ประจา� หนว่ ยการเรียนรู้ ขน้ั นาํ 1 ¢¹éÑ µÍ¹Ç¸Ô Õ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ Õè Chapter Concept Overview ¡Òรá¡ปŒ Þ˜ ËÒ 2. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยถามนักเรียนวา สรปุ สาระส�าคญั ประจา� หน่วยการเรยี นรู้ นักเรียนเคยดูการตูนโคนันเจาหนูยอดนักสืบ solve problem หรือไม โคนันเปนนักสืบท่ีมีไหวพริบดีมาก (แกป้ ัญหา) วนั นเี้ ราจะมาสวมบทบาทเปน นกั สบื แบบโคนนั ในตารางชอ งทีม่ ี ? logical reasoning ควรใสรูปอะไรดีนะ 3. ครูสนทนากับนักเรียนวา นักเรียนรูหรือไมวา ?(àหตؼลàªิ§ตรรกÐ) ในการสืบคดีหรือการแกปญหาตองทําอยาง เปน ลาํ ดบั ขนั้ ตอน และตอ งใชเ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ ชวยวเิ คราะหร ายละเอียดและหลกั ฐานตา ง ๆ 4. ครูถามคําถามประจําหนวยการเรียนรูวา เพ่ือน ๆ คิดวาควรใสรูปอะไรในตารางท่ีมี ? และเพราะอะไรจงึ ใสรูปนี้ à¾อè× น æ ¤ิ´วา‹ ¤วรใÊร‹ ปÙ อÐäรในตารา§ ·ÁèÕ Õ ? แลÐà¾ราÐอÐäร ¨§ึ ใÊ‹รปÙ น้ี แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู ตัวชวี้ ัด นักเรียนตอบตามประสบการณของตนเอง ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หา การอธบิ ายการท�างาน โดยคําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน การคาดการณ์ผลลัพธจ์ ากปญั หาอย่างง่าย รปู หา เหลยี่ ม เพราะรปู ทมี่ อี ยใู นตาราง คอื สามเหลย่ี ม ภาพจาก หนังสือเรียน หนา้ 2 ส่ีเหลี่ยม และหกเหลีย่ ม ขาดรปู หา เหลยี่ มไป โซน 1 ช่วยครูจดั เกร็ดแนะครู กำรเรียนกำรสอน ครูอาจใชกิจกรรมเพียง 1 กิจกรรม แตสามารถฝกใหนักเรียนเขียน แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ผู้สอน อัลกอรทิ มึ ไดท งั้ 3 แบบ เชน ขั้นตอนการกดเครื่องคิดเลขเพอ่ื คาํ นวณคําตอบ โดยแนะน�าขนั้ ตอนการสอน และการจัดกจิ กรรมอย่างละเอียด ของโจทย 7 × 2 + 4 - 5 + 3.2 - 8.5 = ? แลวแบง เด็กเปน 3 กลุม โดยกลุม ที่ เพ่ือใหน้ ักเรียนบรรลุผลสมั ฤทธ์ติ ามตวั ชว้ี ดั 1 เขียนอัลกอริทึมเปนขอความ กลุมท่ี 2 เขียนอัลกอริทึมเปนรหัสลําลอง กลมุ ท่ี 3 เขียนอลั กอริทึมเปนผังงาน แลวจงึ เปลย่ี นวิธใี นขอตอไปจนแตล ะกลุม นำ� สอน สรปุ ประเมิน ไดฝก การเขยี นอลั กอรทิ ึมครบท้ัง 3 วิธี โซน 3 โซน 2 T6 โซน 2 ชว่ ยครเู ตรยี มสอน สอื่ Digital ประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์เพ่ือ การแนะน�าแหลง่ ค้นคว้าจากส่ือ Digital ตา่ ง ๆ ชว่ ยลดภาระในการสอนของครูผ้สู อน แนวทางการวัดและประเมนิ ผล เกร็ดแนะครู การเสนอแนะแนวทางในการวดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นทส่ี อดคลอ้ ง ความรเู้ สรมิ สา� หรบั คร ู ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ สงั เกต แนวทางการจดั กบั แผนการสอน กจิ กรรมเพ่อื ประโยชน์ในการจัดการเรยี นการสอน นกั เรยี นควรรู้ ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอื้ หา เพอื่ ใหค้ รนู า� ไปใชอ้ ธบิ ายใหน้ กั เรยี น
โดยใชห้ นังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคาํ นวณ) ป.4 และแบบฝกหดั รายวิชาพื้นฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคาํ นวณ) ป.4 ของบริษทั อกั ษรเจรญิ ทศั น ์ อจท. จ�ากดั เปน็ สอ่ื หลัก (Core Material) ประกอบการสอนและการ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลย ี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยคมู่ อื ครมู อี งคป์ ระกอบทงี่ า่ ย ตอ่ การใชง้ าน ดงั น้ี โซน 1 นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ชว่ ยครูเตรยี มนักเรียน ในชีวิตประจําวนั 1. à˵¼ุ ÅàªÔ§µรร¡Ð ขน้ั สอน ประกอบด้วยแนวทางการจัดกิจกรรมและเสนอแนะ เราสามารถนาํ เหตผุ ลเชิงตรรกะ (logical reasoning) แนวข้อสอบ เพื่ออา� นวยความสะดวกให้แกค่ รูผ้สู อน เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอวา ในชีวิต มาใชแ กป ญ หาได คอื การใช้ เหตผุ ล กฎ กฎเกณฑ์ หรือเง่ือนไข ประจําวันเราสามารถนําเหตุผลเชิงตรรกะ กจิ กรรม 21st Century Skills ที่เก่ยี วข้อง เพอื่ ตรวจสอบความสมเหตุสมผล มาใชแ กปญหาไดอยา งไร อยางไร หรอื พจิ ารณาความเปน็ ไปไดข้ องการแกป้ ญั หา กิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างชิ้นงาน 2. ครูอธบิ าย เรอ่ื ง เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ เพมิ่ เติมใน หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอด เพอ่ื ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทร่ี ะบใุ นทกั ษะ จากภาพ หากนกั เรยี นนา� เหตผุ ลเชงิ ตรรกะมาหาภาพที่ หนังสือเรียน หนา 3 วา เหตุผลเชิงตรรกะ แห่งศตวรรษท่ี 21 หายไปจะสามารถพจิ ารณาได้ ดังนี้ คอื การใชเ หตุผล กฎ กฎเกณฑ หรือเงอื่ นไข ท่ีเก่ียวของ เพื่อตรวจสอบพิจารณาความ ขอ้ สอบเนน้ การคดิ สมเหตุสมผลหรือความเปนไปไดของการ แกปญหา และอธิบายตัวอยางการนําเหตุผล ตัวอย่างข้อสอบท่ีมุ่งเน้นการคิด มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อม เชงิ ตรรกะมาหาภาพทหี่ ายไปจากหนงั สอื เรยี น เฉลยอยา่ งละเอยี ด ใหน กั เรียนลองพจิ ารณาหาคาํ ตอบ กิจกรรมทา้ ทาย 1? เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอื่ ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น ✓ ทเ่ี รียนรไู้ ดอ้ ย่างรวดเร็ว และตอ้ งการทา้ ทายความสามารถใน ระดับทส่ี งู ขึ้น เม่ือพจิ ารณาภาพ จะสามารถแบง่ ภาพย่อย ๆ ไดเ้ ปน็ 3 ชุด ซึ่งแต่ละ ชดุ จะประกอบไปดว้ ยภาพทเ่ี หมอื นกัน 2 ภาพ ไดแ้ ก่ ชุดที่ 1 กิจกรรมสร้างเสรมิ ชุดท่ี 3 ดงั นนั้ ภาพทห่ี ายไป ? ในชดุ ที่ 2 ควรเปน็ ภาพทเ่ี หมอื นภาพโดนทั จะไดว้ ่าภาพทห่ี ายไป คือ ภาพ โดนัท เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นท่ี ควรได้รับการพฒั นาการเรียนรู้ 2 ?? ✓ แนวตอบ คาํ ถามสําคญั ประจาํ หวั ขอ นักเรียนตอบตามประสบการณของตนเอง เมื่อพิจารณาภาพ จะสามารถแบ่งภาพยอ่ ย ๆ ได้เป็น 2 ชุด ซึง่ แตล่ ะ ชดุ จะประกอบไปดว้ ยภาพทเ่ี รียงล�าดับ กัน 4 ภาพ ได้แก่ โดยคําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ดงั นัน้ ชดุ ที่ 1 ภาพท่ีหายไป ? ควรเปน็ ภาพพรกิ หวาน และชุดที่ 2 ภาพ ใชในการวางแผนแกปญหา การซ้ือของตาม ทหี่ ายไป ? ควรเป็นภาพข้าวโพด งบประมาณที่จํากัด การเดินทางอยางเรงรีบเพ่ือ ไปถึงที่หมายใหทันเวลา การกําหนดระยะเวลา 3 ของการจัดกิจกรรมตาง ๆ ในงานกีฬาสีโรงเรียน ใหเหมาะสมไมเกินเวลาเลิกเรียน ภาพจาก หนงั สือเรยี น หนา้ 3 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู พิจารณาแบบรูปตอไปน้ี วัตถุประสงคสําคัญสําหรับการทํากิจกรรมและแบบฝกหัด เรื่อง การใช 7, 1, 5, 3, 3, __ เหตุผลเชิงตรรกะ คือ เพื่อใหนักเรียนสามารถอธิบายเหตุผลในการตัดสินใจ แกปญหาไดอยางสมเหตสุ มผล ขอ ใดคือลาํ ดบั ตอไปของแบบรูปทีก่ าํ หนดให 1. 3 โซน 2 2. 5 3. 7 โซน 34. 9 (วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา แบบรูปเปนแบบลาํ ดบั เลขค่ีแบบนบั ลด (7, 5, 3) กบั แบบนบั เพม่ิ (1, 3, 5) วางสลบั กัน จาํ นวนลําดบั ที่ 6 ในแบบรปู จึงเปนเลข 5 ดังน้นั ตอบขอ 2.) T7 ความรเู้ สริม อธิบายความรู้เพม่ิ เตมิ ที่เกีย่ วขอ้ งกบั บทเรยี น
ค�ำอธิบายรายวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำนวณ) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง / ปี ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ศกึ ษาการแกป้ ญั หาอยา่ งงา่ ยโดยใชข้ น้ั ตอนวธิ กี ารแกป้ ญั หา การใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ การแสดงลำ� ดบั ขนั้ ตอนการทำ� งาน หรอื การแกป้ ญั หาโดยใชข้ อ้ ความ รหสั ลำ� ลอง หรอื ผงั งาน ตลอดจนการเขยี นโปรแกรมอยา่ งงา่ ยดว้ ย Scratch ศกึ ษาการใชง้ าน อนิ เทอรเ์ นต็ การสบื คน้ ขอ้ มลู โดยใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู การนำ� เสนอขอ้ มลู โดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ ประยกุ ตป์ ระเภทตา่ ง ๆ การใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งปลอดภยั การเปน็ พลเมอื งดจิ ทิ ลั ทดี่ ี โดยอาศยั กระบวนการเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (Problem-Based Learning) วฏั จกั รการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหา ความรู้ (5Es Instructional Model) กระบวนการคดิ เชงิ คำ� นวณ (Computational Thinking Process) และวธิ กี ารสอนโดยใชเ้ กม (Game) เพอ่ื เนน้ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรยี นรู้ จากการฝกึ แกป้ ญั หาตา่ ง ๆ ผา่ นกระบวนการคดิ การปฏบิ ตั อิ ยา่ งมรี ะบบ และสรา้ ง องคค์ วามรใู้ หมจ่ ากการใชป้ ญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ จรงิ ในชวี ติ ประจำ� วนั ได้ เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ มที กั ษะการคดิ เชงิ คำ� นวณ การคดิ วเิ คราะห์ แกป้ ญั หาเปน็ ขนั้ ตอนและเปน็ ระบบ มที กั ษะในการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ รกั ษาขอ้ มลู สว่ นตวั และการสอ่ื สารเบอ้ื งตน้ ในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชวี ติ จรงิ ไดอ้ ยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ ตลอดจนนำ� ความรคู้ วามเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และนำ� เทคโนโลยใี หมท่ เี่ กดิ ขนึ้ ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ สงั คม และการดำ� รงชวี ติ จนสามารถพฒั นากระบวนการคดิ และจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการจดั การทกั ษะในการ สอื่ สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ และเปน็ ผทู้ มี่ จี ติ วทิ ยาศาสตร์ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยอี ยา่ งสรา้ งสรรค์ ตัวช้วี ดั ว 4.2 ป.4/1 ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ญั หา การอธิบายการท�ำงาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ จากปัญหาอยา่ งง่าย ว 4.2 ป.4/2 ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรอื สอ่ื และตรวจหาข้อผดิ พลาดและแกไ้ ข ว 4.2 ป.4/3 ใช้อนิ เทอร์เน็ตคน้ หาความรู้ และประเมินความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มูล ว 4.2 ป.4/4 รวบรวม ประเมิน น�ำเสนอข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิต ประจำ� วัน ว 4.2 ป.4/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เข้าใจสทิ ธิและหน้าท่ขี องตน เคารพในสิทธิของผู้อน่ื แจง้ ผเู้ กีย่ วข้อง เมอ่ื พบขอ้ มูลหรือบคุ คลที่ไม่เหมาะสม รวม 5 ตัวช้วี ัด
Pedagogy คู่มือครูรายวิชาพ้นื ฐาน เทค โนโลยี จัดท�ำขึ้นเพ่ือให้ครูผู้สอนน�ำไปใช้เป็นแนวทางวางแผนการสอนเพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธ ิ์ (วทิ ยาการคำ� นวณ) ป.4 ทางการเรียนของผู้เรียน โดยผู้สอนสามารถวางแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้ หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี(วทิ ยาการคำ� นวณ) ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี4(ฉบบั อนญุ าต) ทที่ างบรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จำ� กดั จัดพิมพ์จ�ำหน่าย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ.2551 โดยออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้(InstructionalDesign) สอดคลอ้ งตาม รปู แบบการเรียนรทู้ ี่ส�ำคัญ 4 รปู แบบ คือ รปู แบบการสอนแบบ 5Es รปู แบบการสอนแบบใช้ปัญหาเปน็ ฐาน (PBL) รูปแบบการสอนแบบ กระบวนการคดิ เชิงคำ� นวณ (Computational Thinking Process) และวธิ ีการสอนโดยใชเ้ กม (Game) โดยมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี รูปแบบการสอน 5Es กระตุ้นความสนใจ อธบิ ายความรู้ ตรวจสอบผล 1 Engage 2 Explore 3 Explain 4 Expand 5 Evaluate ส�ำรวจค้นหา ขยายความรู้ เลอื กใชว้ ฏั จกั รการเรยี นรแู้ บบสบื เสาะหาความรู้ (5Es) เนอื่ งจากเปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ ต่ี อ้ งการใหผ้ เู้ รยี นสรา้ งองคค์ วามรู้ ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคดิ และปฏบิ ัติ และใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ เครือ่ งมอื ให้ผู้เรยี นไดฝ้ กึ วิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทกั ษะการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะทักษะดา้ นการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม วธิ กี ารสอน เทคนคิ การสอน ••• การใช้กรณีตวั อย่าง ทักษะการเรยี นรทู้ ีไ่ ด้ ••• ใช้คำ� ถาม การอภิปรายกลุ่มย่อย ใชผ้ งั กราฟิก ก ารใชส้ ถานการณ์ • การคดิ เชิงค�ำนวณ • การสอื่ สาร ใชต้ วั อยา่ งกรณศี ึกษา จ�ำลอง • การทำ� งานร่วมกัน • การแก้ปญั หา • การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ รปู แบบการสอนแบบใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (Problem-Based Learning; PBL) ก�ำหนดปัญหา ดำ� เนินการศกึ ษาคน้ คว้า สรปุ และประเมินคา่ ของค�ำตอบ 1 23456 ทำ� ความเข้าใจปัญหา สงั เคราะหค์ วามรู้ น�ำเสนอและประเมินผลงาน เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบใช้ปญั หาเปน็ ฐาน (PBL) เพราะเป็นรปู แบบการสอนท่ใี หผ้ เู้ รียนสรา้ งความรใู้ หมจ่ ากการใช้ ปญั หาท่ีเกดิ ขึ้นจรงิ ในโลก ซึง่ เปน็ บริบทของการเรยี นรู้ทท่ี ำ� ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทกั ษะในการคดิ วเิ คราะหแ์ ละคดิ แก้ปัญหา การเรียนรโู้ ดยใชป้ ญั หา เป็นฐานจึงเปน็ ผลมาจากกระบวนการท�ำงานทต่ี อ้ งอาศยั ความเข้าใจและการแก้ปญั หาเป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับวชิ าวทิ ยาการค�ำนวณ องค์ประกอบพื้นฐานในการออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้แบบ PBL หวั ขอ้ (Topic) สาระส�ำคญั สถานการณ์ (Situation) ค�ำถามท่เี กยี่ วกบั บทบาทของนักเรียน กจิ กรรมปดิ ทา้ ย (Theme) ปญั หา (Student Role) (Culminating Activity) เช่น พลงั งาน สถานีพลังงานในพน้ื ท่ีท่ี (Problem Question) ผลกระทบของ นกั เรียนคือประชาชน นักเรียนน�ำเสนองานและ วิกฤตพิ ลงั งาน นักเรียนอาศยั อยู่ไดถ้ ูกปดิ ลง เราจะลดผลกระทบ ในพื้นท่นี น้ั ซ่ึงอย่ ู หนทางการแก้ปัญหาของ ตอ่ มนุษยแ์ ละ ซึ่งเปน็ ผลมาจากแสงอาทิตย์ ตอ่ พน้ื ทขี่ องเรา ในทมี ท่ตี ้องคอย พวกเขาต่อคณะกรรมการ สิ่งแวดลอ้ ม นกั เรยี นตอ้ งประเมนิ สถานการณ์ จากการปดิ สถานี ชว่ ยเหลือฉุกเฉิน ทีด่ ูแลพนื้ ที่นี้ เพอ่ื ตัดสินใจ ในการหาแหลง่ พลงั งานใหม่ พลงั งานไดอ้ ยา่ งไร ส�ำหรับประเด็นท่ีสูญเสีย และแนวทางการแก้ปัญหาใน พลังงาน การสูญเสียพลังงาน
รูปแบบการสอนแบบกระบวนการคดิ เชงิ คำ�นวณ (Computational Thinking Process) เลอื กใชก้ ระบวนการคดิ เชงิ คำ� นวณ เนอ่ื งจากเปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ ใี่ หผ้ เู้ รยี นใชท้ กั ษะมงุ่ เนน้ การคดิ เชงิ ตรรกะมากขนึ้ ซ่งึ ผูเ้ รยี นจะสามารถอธิบายการคิดเชงิ ค�ำนวณอย่างเปน็ ระบบ หรอื เป็นการแก้ปัญหาอย่างเปน็ ล�ำดับข้นั ตอน โดยการเขา้ ใจ ปญั หาและวธิ กี ารในการแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ วธิ กี ารแกป้ ญั หาทที่ ง้ั มนษุ ยแ์ ละคอมพวิ เตอรส์ ามารถเขา้ ใจ รว่ มกันได้ ซ่ึงประกอบการใชท้ ักษะย่อย 4 ทกั ษะ ดงั น้ี 1 แนวคดิ การแยกยอ่ ย (Decomposition) 2 แนวคิดการจดจำ� รปู แบบ (Pattern Recognition) แนวคิดการแยกย่อยนี้เป็นการแตกปัญหาใหญ่ให้เป็น แนวคิดการจดจ�ำรูปแบบเป็นการก�ำหนดแบบแผนจาก ปัญหาย่อยท่มี ีขนาดเล็ก เพ่ือใหส้ ามารถจดั การไดง้ า่ ยข้ึน ปญั หายอ่ ย ๆ จากปญั หาทม่ี รี ปู แบบทห่ี ลากหลาย โดยปญั หา ตา่ ง ๆ มกั มคี วามคลา้ ยคลงึ กนั กลา่ วคอื เพอื่ ดคู วามเหมอื น ความแตกต่างของรูปแบบการเปลี่ยนแปลง ท�ำให้ทราบ แนวโนม้ เพื่อทำ� นายผลลัพธข์ า้ งหนา้ ได้ 3 แนวคดิ เชงิ นามธรรม (Abstraction) 4 แนวคิดการออกแบบขน้ั ตอน (Algorithm Design) แนวคิดเชิงนามธรรม เพื่อหาแนวคิดรวบยอดของแต่ละ แนวคิดการออกแบบขั้นตอนในการแก้ปัญหาเป็นการ ปัญหาย่อย เป็นการมุ่งเน้นความส�ำคัญของปัญหาโดย ออกแบบขั้นตอนการแก้ปัญหาด้วยการคิดเชิงอัลกอริทึม ไม่สนใจรายละเอียดท่ีไม่จ�ำเป็น เพื่อให้สามารถเข้าใจ เป็นความคิดพื้นฐานในการสร้างชุดของล�ำดับข้ันตอน ถึงแก่นแท้ของปัญหา ทักษะน้ีเทียบเท่ากับการคิด วิธีง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถน�ำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่มี สังเคราะห์ จนไดม้ าซ่ึงแบบจำ� ลอง เชน่ แบบจำ� ลองทาง ลักษณะแบบเดียวกันได้ ท�ำให้ทราบว่าต้องท�ำขั้นตอนใด คณิตศาสตร์ในรปู ของสมการหรอื สูตร กอ่ นหรอื หลงั วธิ กี ารสอนโดยใช้เกม (Game) เลอื กใช้วิธีการสอนโดยใชเ้ กม เนอื่ งจากเป็นวิธีการทีช่ ่วยใหผ้ ูเ้ รียนได้เรยี นรูเ้ รอ่ื งตา่ ง ๆ อยา่ งสนุกสนานและท้าทาย ความสามารถโดยผู้เรียนเปน็ ผู้เล่นเอง ท�ำให้ผู้เรยี นได้รับประสบการณ์ตรงจากการเลน่ เกม เปน็ วธิ กี ารทเ่ี ปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รียน มีส่วนร่วมสูง โดยใช้กระบวนการที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ การให้ผู้เรียนเล่นเกมตามกติกา และน�ำ เน้ือหาและข้อมูลของเกม พฤติกรรมการเล่น วิธีการเล่น และผลการเล่นเกมของผู้เรียนมาใช้ในการอภิปราย เพ่ือสรุป การเรยี นรู้ ซึง่ ประกอบด้วยลำ� ดบั การใชท้ กั ษะยอ่ ย 4 ทกั ษะ ดงั น้ี 4 1 2 3 ผสู้ อนประเมินผล ผ้สู อนน�ำเสนอเกม ผเู้ รยี นเล่นเกม ผ้สู อนและผู้เรียน วิธีการเล่น และกตกิ า ตามกตกิ า อภปิ รายผล การเรยี นรขู้ องผู้เรยี น เลอื กประเภทของเกม เทคนคิ การสอน ทกั ษะการเรียนร้ทู ่ีได้ ••• เกมแบบไม่มกี ารแขง่ ขนั •• ชแี้ จงกติกาการเล่นเกมใหเ้ ขา้ ใจ •••• การคดิ เชงิ คำ� นวณ •• การส่อื สาร เกมแบบแขง่ ขนั มุง่ ประเดน็ การอภปิ รายผลตาม การทำ� งานร่วมกัน การแกป้ ัญหา เกมจ�ำลองสถานการณ์ วัตถุประสงค์ของการสอน การคิดอย่างสรา้ งสรรค์ • ผูส้ อนต้องมีทักษะในการนำ� การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ การอภปิ รายทม่ี ีประสิทธภิ าพ
Teacher Guide Overview เทคโนโลยี (วิทยาการค�ำนวณ) ป.4 หนว่ ย ตัวชว้ี ัด ทกั ษะทีไ่ ด้ เวลาท่ใี ช้ การประเมิน สื่อท่ีใช้ การเรียนรู้ 1 - ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ - ทกั ษะการส่อื สาร - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - หนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน ในการแก้ปญั หา - ท กั ษะการแลกเปล่ียน ขัน้ ตอนวธิ ีการ การอธิบายการท�ำงาน ขอ้ มลู - ตรวจใบงาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) แก้ปัญหา การคาดการณ์ผลลัพธ์ - ทักษะการคิดวเิ คราะห์ - ทักษะการแกป้ ญั หา - ตรวจแบบฝึกหัด ป.4 - ทักษะการสงั เกต 9 - ต รวจชิ้นงาน/ภาระงาน - แบบฝึกหดั รายวชิ าพืน้ ฐาน จากปัญหาอย่างงา่ ย ช่วั โมง (รวบยอด) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) (ว 4.2 ป.4/1) - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ป.4 - สงั เกตพฤติกรรมการท�ำงาน - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น รายบุคคล - แบบทดสอบหลังเรียน - สังเกตคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ - ใบงาน - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 2 - อ อกแบบ และเขยี น - ทกั ษะการสื่อสาร - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ห นงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน การเขียน โปรแกรมอยา่ งงา่ ย - ทักษะการท�ำงานรว่ มกนั - ตรวจใบงาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) โปรแกรม อย่างง่ายด้วย โดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื สอ่ื - ท กั ษะการแลกเปล่ยี น - ตรวจแบบฝึกหัด ป.4 Scratch และตรวจหาข้อผิดพลาด ขอ้ มลู 12 - ต รวจชนิ้ งาน/ภาระงาน - แบบฝกึ หดั รายวิชาพื้นฐาน และแก้ไข - ทักษะการคิดวิเคราะห์ ชว่ั โมง (รวบยอด) เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) (ว 4.2 ป.4/2) - ทักษะการแก้ปญั หา - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ป.4 - ทักษะการสบื คน้ ขอ้ มูล - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน - แบบทดสอบก่อนเรียน รายบุคคล - แบบทดสอบหลังเรียน - สงั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุ่ม - ใบงาน - สงั เกตคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 3 - ใช้อินเทอร์เน็ตคน้ หา - ทกั ษะการสื่อสาร - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - ห นังสอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน ความรู้ และประเมนิ - ท กั ษะการแลกเปลย่ี น การใชง้ าน ความน่าเชือ่ ถือของ ข้อมลู - ตรวจแบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) อนิ เทอรเ์ น็ต ขอ้ มลู - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ - ท ักษะการสงั เกต 5 - สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน ป.4 (ว 4.2 ป.4/3) - ทักษะการแก้ปญั หา - ทักษะการสบื ค้นข้อมลู ชว่ั โมง รายบคุ คล - แบบฝกึ หัดรายวิชาพน้ื ฐาน - สังเกตคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) ป.4 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น 4 - รวบรวม ประเมิน - ทกั ษะการสอ่ื สาร - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน - ห นงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน นำ� เสนอขอ้ มลู และ - ท กั ษะการท�ำงานรว่ มกัน การนำ�เสนอ สารสนเทศ โดยใช้ - ทกั ษะความคดิ สร้างสรรค์ - ตรวจแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) ขอ้ มูลดว้ ย ซอฟต์แวร์ทีห่ ลากหลาย - ท กั ษะการคดิ อยา่ งมี ซอฟตแ์ วร์ เพ่อื แกป้ ัญหาในชีวติ วจิ ารณญาณ - ตรวจช้นิ งาน/ภาระงาน ป.4 ประจ�ำวนั 10 (รวบยอด) - แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐาน (ว 4.2 ป.4/4) ช่ัวโมง - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) - สงั เกตพฤติกรรมการท�ำงาน ป.4 รายบุคคล - แบบทดสอบกอ่ นเรียน - สงั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลุ่ม - แบบทดสอบหลงั เรียน - สงั เกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
หนว่ ย ตวั ชี้วัด ทักษะท่ไี ด้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ สอ่ื ท่ีใช้ การเรียนรู้ 5 - ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ - ทักษะการส่อื สาร - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน อย่างปลอดภัย เข้าใจ - ท ักษะการท�ำงานร่วมกัน - ตรวจแบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) การใชเ้ ทคโนโลยี สิทธแิ ละหน้าทขี่ องตน - ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ - ตรวจชนิ้ งาน/ภาระงาน ป.4 อย่างปลอดภัย เคารพในสิทธขิ องผอู้ ื่น - ท ักษะการคดิ อยา่ งมี 4 (รวบยอด) - แบบฝึกหัดรายวชิ าพน้ื ฐาน วิจารณญาณ แจง้ ผเู้ ก่ยี วขอ้ งเม่ือพบ ชว่ั โมง - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำ� นวณ) ขอ้ มูลหรือบุคคล - สงั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน ป.4 ทีไ่ มเ่ หมาะสม รายบคุ คล - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น (ว 4.2 ป.4/5) - สังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงานกลมุ่ - แบบทดสอบหลงั เรียน - สังเกตคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
สำรบัญ Chapter Title Chapter Chapter Teacher Concept Overview Script หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ขน้ั ตอนวธิ ีกำรแกป้ ญั หำ Overview T3 T4-T39 • เหตุผลเชงิ ตรรกะ T2 T41 T7-T12 • อลั กอรทิ ึม T40 T13-T31 ทา้ ยหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 T95 T32-T39 T94 T129 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 กำรเขยี นโปรแกรมอย่ำงงำ่ ย T128 T42-T93 ดว้ ย Scratch T169 T168 T45-T64 • โปรแกรม Scratch T65-T84 • การเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ Scratch เบือ้ งต้น T85-T93 ทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ท ่ี 2 T96-T127 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 กำรใช้งำนอนิ เทอร์เน็ต T99-T118 T119-T127 • การใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ ทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 T130-T167 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 กำรนำ� เสนอข้อมลู ด้วย T133-T155 ซอฟตแ์ วร์ T156-T162 T163-T167 • การน�าเสนอขอ้ มลู โดยใชซ้ อฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ • การใช้ซอฟต์แวรใ์ นการทา� งาน T170-T191 ทา้ ยหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 T173-T184 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 กำรใช้เทคโนโลยี T185-T191 อย่ำงปลอดภัย • การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในยุคดจิ ิทัลอย่างปลอดภยั ทา้ ยหนว่ ยการเรียนรทู้ ี ่ 5 บรรณำนกุ รม T192
Chapter Concept Overview หนวยการเรียนรทู้ ่ี 1 ขนั้ ตอนวิธีการแกปญ หา เหตุผลเชิงตรรกะ (Logical Reasoning) คือ การใช้หลักการ เหตุผล กฎเกณฑ์ เงื่อนไข เพ่ือตรวจสอบความสมเหตุสมผล หรือความเปน็ ไปได้ในการแก้ปญั หา อลั กอรทิ มึ (Algorithm) คอื กระบวนการแกป้ ญั หาทม่ี ลี า� ดบั ขน้ั ตอน ?1 ที่ชัดเจน สามารถใช้กับการแก้ปัญหาท่ัวไป และกับการเขียนโปรแกรม ทา� ความเข้าใจปญ หา คอมพิวเตอร์ได ้ มขี ้ันตอนวิธ ี ดงั น้ี 2 คิดวธิ กี ารแก้ปญ หา (อาจมหี ลายวธิ ีการ) 3 เรียงล�าดบั ขัน้ ตอนกอนและหลัง ในแตละวิธกี าร 4 ทบทวนข้ันตอนในแตละวิธีการอกี ครัง้ 5 ตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลลัพธ์ ที่ได้จากขัน้ ตอนในแตล ะวิธีการ 6 เลอื กวธิ ีการทใี่ หผ้ ลลัพธด์ ีท่ีสุด เพอื่ น�าไปใช้แกป้ ญหา การอธิบายอลั กอรทิ มึ แบ่งไดเ้ ปน็ 3 แบบ ดังนี้ • การแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ยรหสั ลา� ลองหรอื ซโู ดโคด้ (Psudocode) • ก ารแสดงอัลกอริทึมด้วยข้อความ คือ การใช้ข้อความ คอื การอธบิ ายขน้ั ตอนการแกป้ ญั หาโดยใชภ้ าษาทม่ี โี ครงสรา้ ง ใกลเ้ คยี งกับภาษาคอมพวิ เตอร์ ในการแสดงล�าดับและข้ันตอนการท�างาน เมือ่ นาฬก าปลุกดงั ¡ÒõÁŒ 䢋 repeat 3 เมือ่ ตอ้ งการตม้ ไข ่ จะมขี นั้ ตอน คอื กดปุ่มเลือ่ นปลกุ 1 เตรียมสว นประกอบและอุปกรณ์ wait until นาฬก าปลกุ ดัง นาํ้ ไข หมอ ปดนาฬกาปลกุ ตืน่ นอน 2 เติมนา�้ ในหม้อ ใสไขลงไป 3 น�าหมอ้ ตัง้ บนเตา เปด ไฟ อาบน้า� แตง่ ตวั 4 เมอ่ื นา้� เดอื ดจบั เวลา 5 น�าไขท ตี่ ม้ สกุ แล้ว อกี 4 นาที ปด ไฟ ออกจากหม้อ รบั ประทาน อาหารเช้า if อากาศ แจม่ ใส then เดนิ ไปโรงเรยี น else นง่ั รถไปโรงเรยี นกบั คุณพ่อ • ก ารแสดงอลั กอรทิ ึมดว้ ยผงั งานหรอื โฟลวชารต์ (Flowchart) คอื แผนผงั เร่ิมต้น แสดงขั้นตอนการท�างานท่ีมีการใช้สัญลักษณ์และค�าอธิบาย แบ่งเป็น ปอนชอื่ 2 แบบ คือ ผา่ นแปนพิมพ์ แสดงผลชอ่ื 1) ผงั งานแบบโครงสร้างเรียงล�าดับ (Sequential Structure) ออกทางหนา้ จอ 2) ผังงานแบบโครงสรา้ งทางเลอื ก (Selection Structure) สนิ้ สุด T2
Chapter Overview แผนการจดั ส่ือการเรย� นรู จด� ประสงค ว�ธ�สอน ประเมนิ ทักษะท่ีได คุณลกั ษณะ การเรย� นรู การเรย� นรู อนั พึงประสงค แผนฯ ท่ี 1 - แบบทดสอบก่อนเรยี น 1. อธบิ ายการทา� งาน - การอภิปราย - ตรวจใบงาน - ท กั ษะการสอ่ื สาร - มวี นิ ยั ขอความปริศนา - หนังสอื เรยี นรายวชิ า และคาดการณ์ผลลัพธ ์ - การแสดงบทบาท - ตรวจแบบฝก หัด - ท ักษะการ - ใฝเ่ รียนรู้ กบั เจาหนู พน้ื ฐาน เทคโนโลย ี โดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ สมมติ - สงั เกตพฤตกิ รรม แลกเปลีย่ นข้อมูล - ม ุ่งมั่นใน ยอดนกั สบื (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.4 และอลั กอริทมึ ได้ (K) - กระบวนการคดิ การทา� งาน - ท กั ษะการคดิ การทา� งาน 3 - แบบฝก หัดรายวิชา 2. ใ ชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ เชิงค�านวณ รายบุคคล วิเคราะห์ พืน้ ฐาน เทคโนโลย ี และอัลกอรทิ ึมในการ (Computational - ส ังเกตคณุ ลักษณะ - ท กั ษะการ ชั่วโมง (วิทยาการค�านวณ) ป.4 แก้ปญั หาอย่างง่ายได ้ Thinking Process) อนั พึงประสงค์ แก้ปญั หา - ใ บงาน เร่อื ง ขอ้ ความ (P) - ท กั ษะการสงั เกต ปริศนากับเจ้าหนู 3. เ ห็นประโยชน์ของ ยอดนกั สบื การแก้ปญั หา ในชวี ติ ประจา� วัน โดยใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะ และอลั กอรทิ มึ (A) แผนฯ ท่ี 2 - ห นังสอื เรยี นรายวิชา 1. อ ธิบายหลกั การเขียน - การอภิปราย - ตรวจใบงาน - ท กั ษะการสื่อสาร - มวี นิ ยั รหัสลับของ พ้ืนฐาน เทคโนโลยี อลั กอริทึมด้วย - ก ารแสดงบทบาท - ตรวจแบบฝกหดั - ท กั ษะการ - ใฝเ่ รียนรู้ นกั สบื เยาวชน (วิทยาการค�านวณ) ป.4 รหัสล�าลองได้ (K) สมมติ - ส งั เกตพฤตกิ รรม แลกเปลี่ยนข้อมลู - ม งุ่ ม่นั ใน - แ บบฝก หัดรายวิชา 2. แก้ปญั หาอยา่ งง่ายได้ - กระบวนการคิด การทา� งาน - ทกั ษะการคิด การทา� งาน 3 พืน้ ฐาน เทคโนโลย ี โดยใชอ้ ัลกอรทิ ึมดว้ ย เชิงคา� นวณ รายบุคคล วิเคราะห์ (วิทยาการค�านวณ) ป.4 รหัสล�าลอง (P) (Computational - สงั เกตคณุ ลกั ษณะ - ท กั ษะการ ช่ัวโมง - ใบงาน เรอ่ื ง รหสั ล�าลอง 3. เหน็ ประโยชนข์ อง Thinking Process) อันพงึ ประสงค์ แกป้ ัญหา - ใบงาน เรื่อง รหสั ลบั การแก้ปญั หา - ท ักษะการสังเกต ของนักสบื เยาวชน ในชวี ติ ประจา� วัน โดยใชอ้ ลั กอริทึม ดว้ ยรหสั ล�าลอง (A) แผนฯ ที่ 3 - ห นังสอื เรยี นรายวชิ า 1. อ ธบิ ายการท�างานของ - การอภปิ ราย - ตรวจใบงาน - ท ักษะการสอ่ื สาร - มีวินัย แผนผังแสนสนุก พน้ื ฐาน เทคโนโลยี อลั กอริทมึ ด้วยผงั งาน - กระบวนการคดิ - ตรวจแบบฝก หัด - ทกั ษะการ - ใฝเ่ รียนรู้ (วิทยาการคา� นวณ) ป.4 หรอื โฟลวชารต์ ได ้ (K) เชงิ คา� นวณ - ต รวจช้นิ งาน/ แลกเปล่ยี นข้อมูล - ม งุ่ ม่นั ใน 3 - แ บบฝก หัดรายวิชา 2. แกป้ ัญหาอย่างงา่ ยได ้ (Computational ภาระงาน - ท ักษะการคิด การทา� งาน พื้นฐาน เทคโนโลย ี โดยใช้อลั กอริทมึ ดว้ ย Thinking Process) (รวบยอด) วเิ คราะห์ ช่วั โมง (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.4 ผงั งานหรือโฟลวชารต์ - ตรวจแบบทดสอบ - ท กั ษะการ - แบบทดสอบหลังเรยี น (P) หลังเรยี น แกป้ ัญหา - ใบงาน เรอื่ ง 3. เหน็ ประโยชนข์ อง - ประเมินการ - ทักษะการสังเกต การเดินทางด้วยผังงาน การแก้ปัญหา น�าเสนอผลงาน - ช ้ินงาน/ภาระงาน ในชีวติ ประจ�าวนั - ส งั เกตพฤตกิ รรม รวบยอด โดยใช้อัลกอรทิ ึม การทา� งาน ดว้ ยผงั งานหรือ รายบุคคล โฟลวชาร์ต (A) - ส ังเกตคณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ T3
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 3เวลา ช่ัวโมง ข้อความปรศิ นากบั เจา้ หนยู อดนกั สบื 1. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั ตัวชี้วดั ว 4.2 ป.4/1 ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา การอธิบายการทำ� งาน การคาดการณผ์ ลลัพธจ์ ากปัญหาอย่างง่าย 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการท�ำงานและคาดการณ์ผลลัพธ์ โดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะและอัลกอริทึมได้ (K) 2. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะและอลั กอรทิ มึ ในการแกป้ ญั หาอย่างงา่ ยได้ (P) 3. เห็นประโยชนข์ องการแกป้ ญั หาในชีวติ ประจำ� วนั โดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะและอลั กอริทึม (A) 3. สาระการเรยี นรู้ - เหตุผลเชงิ ตรรกะและอัลกอริทมึ - การใช้เหตุผลเชิงตรรกะและอัลกอริทมึ ในการแกป้ ัญหา - การแสดงอัลกอริทมึ ด้วยขอ้ ความ 4. สาระสำ� คัญ/ความคดิ รวบยอด เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ คอื การใชเ้ หตผุ ล กฎ กฎเกณฑ์ หรอื เงอื่ นไขทเี่ กยี่ วขอ้ ง เพอ่ื ตรวจสอบความสมเหตสุ มผล มคี วามสำ� คญั ในการวเิ คราะหห์ าเหตผุ ล สรา้ งการจดั ลำ� ดบั เรอื่ งราวกอ่ นหลงั โดยแยกแยะความสำ� คญั ของเรอื่ งราวดว้ ยการเปรยี บเทยี บปจั จยั ตา่ งๆ ทำ� ใหก้ ารตดั สนิ ใจแกป้ ญั หาเปน็ ไปตามหลกั วทิ ยาศาสตร์ อัลกอริทึม คือ กระบวนการแก้ปัญหาที่มีล�ำดับข้ันตอน วิธีการแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่งอย่างเป็นข้ันตอนและชัดเจน ซง่ึ การแกป้ ญั หาโดยการใชอ้ ลั กอรทิ มึ นี้ สามารถใชแ้ กป้ ญั หาทวั่ ๆ ไปและยงั ใชก้ บั การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรด์ ว้ ย การแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ยขอ้ ความ คอื การใชข้ อ้ ความแสดงขนั้ ตอนการทำ� งาน มสี ว่ นประกอบ 2 สว่ น คอื ลำ� ดบั และ ขนั้ ตอนการทำ� งาน 5. สมรรถนะส�ำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำ� คัญของผู้เรยี น ทกั ษะ 4Cs คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. ท กั ษะการคดิ อย่างมีวิจารณญาณ 1. มวี ินัย 2. ความสามารถในการคดิ (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มงุ่ มัน่ ในการทำ� งาน 2. ท ักษะการท�ำงานร่วมกัน (Collaboration Skill) 3. ท กั ษะการสือ่ สาร (Communication Skill) 4. ท ักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking) 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : รปู แบบการสอนโดยเนน้ รปู แบบการอภปิ ราย วธิ กี ารสอนโดยใชก้ ารแสดง บทบาทสมมติ และรูปแบบการสอนแบบกระบวนการคิดเชงิ คำ� นวณ (Computational Thinking Process) T4
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ขน้ั นาํ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 1. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการ เรียนรูที่ 1 ขั้นตอนวิธีการแกปญหา เพื่อวัด ความรเู ดมิ ของนักเรียนกอ นเขา สกู จิ กรรม คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. จากภาพ จงถอดรหสั ตอ่ ไปนใ้ี ห้ถูกต้อง 6. ขอ้ ใดตอ่ ไปนเี้ รียงลาดบั การแสดงอัลกอริทมึ ดว้ ยข้อความ ไดถ้ กู ต้อง การปิดเคร่ืองคอมพิวเตอร์ - ปิดโปรแกรมทกุ โปรแกรม - คลิกเลือก Shut Down - คลกิ เลอื ก Start ก. 10 ข. 12 ค. 14 ง.16 ก. คลิกเลือก Start, คลิกเลอื ก Shut Down, ปิด 2. กาหนดให้ โปรแกรมทุกโปรแกรม ถ้าใหเ้ ร่ิมตน้ ที่ ข. ปิดโปรแกรมทกุ โปรแกรม, คลิกเลือก Start, คลิก มคี า่ เท่ากับเท่าไหร่ เลือก Shut Down ก. 4 ข. 5 ค. 6 ง. 7 3. ปจั จุบัน A อายมุ ากกว่า B อยู่ 5 ปี ในอกี 2 ปี A จะอายุ ค. ปดิ โปรแกรมทุกโปรแกรม, คลิกเลือก Shut Down, ข. คลกิ เลอื ก Start ง. คลกิ เลือก Shut Down, คลิกเลอื ก Start, ปิด โปรแกรมทุกโปรแกรม 7. สญั ลักษณก์ ารแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ยผงั งานใดหมายถงึ จดุ ส้นิ สดุ ก. เป็น 2 เทา่ ของ B ถามว่าปัจจุบนั A มอี ายุเท่าไหร่ ค. ง. ก. 5 ข. 6 ค. 7 ง. 8 4. ขอ้ ใดไม่ใช่ความหมายของอลั กอริทึม 8. ภาพสัญลักษณ์ ในผงั งานมี ความหมายว่าอย่างไร ก. ทางานทลี ะข้ันตอนจนจบ ก. จุดเชือ่ มตอ่ ข. ทางานตามความสาคัญ ค. ทางานตง้ั แตเ่ ร่ิมต้นจนจบ ข. การตัดสนิ ใจ ค. การแสดงผล ง. เขียนตามลาดับขน้ั ตอนก่อน-หลงั ง. ทศิ ทางการดาเนินงาน 5. พจิ ารณาข้อความต่อไปน้ี 1. เตมิ นา้ ในหมอ้ ใสไ่ ข่ลงไป 9. ข้อใดเป็นการแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ยผังงาน ก. เขียนอธบิ ายดว้ ยข้อความ 2. นาหม้อตง้ั บนเตา เปิดไฟ ข. เขียนอธบิ ายด้วยรหสั ข้อมลู 3. เตรียมส่วนประกอบและอุปกรณ์ 4. เมือ่ น้าเดือดจบั เวลาอีก 4 นาที ปิดไฟ ค. เขยี นอธิบายดว้ ยขอ้ ความพร้อมวาดภาพประกอบ ง. เขียนอธิบายดว้ ยสัญลกั ษณ์โดยใช้โครงสรา้ งเรยี งลาดบั 5. นาไข่ท่ีต้มสกุ แลว้ ออกจากหมอ้ 10. ขอ้ ใดไม่ใชป่ ระโยชนข์ องอลั กอริทึม ให้เรียงลาดับขั้นตอนในการแกป้ ญั หาการตม้ ไขใ่ ห้ถูกต้อง ก. 1 2 3 4 5 ก. ทาใหไ้ ม่สบั สนกบั ขัน้ ตอนการทางาน ข. ทาใหก้ ารทางานเกิดความซับซ้อนมากข้นึ ข. 2 1 3 4 5 ค. ทาใหเ้ ข้าใจข้ันตอนการแกป้ ญั หาได้งา่ ยข้นึ ค. 4 1 2 5 3 ง. 3 1 2 4 5 ง. ทาให้สามารถแกป้ ญั หาตา่ งๆ ได้อย่างมีระบบ เฉลย 1. ข 2. ค 3. ง 4. ข 5. ง 6. ข 7. ก 8. ข 9. ง 10. ข ภาพจาก แผนการสอน ท่ี 1 หนวยที่ 1 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ขอใดไมใ ชป ระโยชนข องอลั กอรทิ มึ เนอื้ หาในหนว ยการเรยี นรนู ้ีเปน เร่ืองเก่ียวกบั การแกปญหา โดยจะแบงเปน 1. ลดปญ หาลง เร่ือง การใชเหตุผลเชิงตรรกะ และเร่ือง กระบวนการแกปญหาอยางมีลําดับ 2. เพมิ่ ความรวดเร็วในการทํางาน ขั้นตอน ครูสามารถหาแบบฝกหัดสําหรับฝกทักษะกระบวนการคิดแกปญหา 3. ทาํ ใหไมส ับสนขั้นตอนการทาํ งาน จากอินเทอรเน็ตที่มีใหดาวนโหลดจํานวนมาก มาใชเปนแบบฝกหัดเสริม 4. เหมาะกบั การหาทางแกปญ หา แตไ มเ หมาะกับการหา ในหนว ยการเรียนรนู ไี้ ด สาเหตขุ องปญหา (วิเคราะหค ําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา ประโยชนของอัลกอริทึม คือ ทําใหไมสับสนข้ันตอนการทํางาน เพ่ิมความรวดเร็วในการทํางาน ลดปญหาลง และใชในการหา สาเหตขุ องปญ หาได ดังนั้น ตอบขอ 4.) T5
นา� นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ 1 ¢¹éÑ µÍ¹Ç¸Ô Õ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ èÕ ¡Òรá¡ปŒ Þ˜ ËÒ 2. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยถามนักเรียนวา นักเรียนเคยดูการตูนโคนันเจาหนูยอดนักสืบ solve problem logical reasoning หรือไม โคนันเปนนักสืบที่มีไหวพริบดีมาก (แกป้ ญั หา) วนั นเี้ ราจะมาสวมบทบาทเปน นกั สบื แบบโคนนั ในตารางชองที่มี ? ?(àหต¼Ø ลàªิ§ตรรกÐ) ควรใสรูปอะไรดีนะ 3. ครูสนทนากับนักเรียนวา นักเรียนรูหรือไมวา ในการสืบคดีหรือการแกปญหาตองทําอยาง เปน ลาํ ดบั ขนั้ ตอน และตอ งใชเ หตผุ ลเชงิ ตรรกะ ชว ยวิเคราะหรายละเอยี ดและหลกั ฐานตา งๆ 4. ครูถามคําถามประจําหนวยการเรียนรูวา เพ่ือนๆ คิดวาควรใสรูปอะไรในตารางที่มี ? และเพราะอะไรจงึ ใสรูปนี้ à¾×èอน æ ¤ิ´ว‹า ¤วรใÊ‹รปÙ อÐäรในตารา§ ·ÁèÕ Õ ? แลÐà¾ราÐอÐäร ¨§ึ ใÊ‹รปÙ น้ี แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู ตัวชีว้ ดั นักเรียนตอบตามประสบการณของตนเอง ว 4.2 ป.4/1 ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา การอธิบายการท�างาน โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน การคาดการณผ์ ลลัพธ์จากปญั หาอย่างง่าย รปู หา เหลยี่ ม เพราะรปู ทมี่ อี ยใู นตาราง คอื สามเหลยี่ ม ส่เี หลีย่ ม และหกเหล่ยี ม ขาดรปู หาเหล่ยี มไป ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 2 เกร็ดแนะครู ครูอาจใชกิจกรรมเพียง 1 กิจกรรม แตสามารถฝกใหนักเรียนเขียน อลั กอริทมึ ไดท้ัง 3 แบบ เชน ขน้ั ตอนการกดเครอ่ื งคิดเลขเพอ่ื คํานวณคาํ ตอบ ของโจทย 7 × 2 + 4 - 5 + 3.2 - 8.5 = ? แลว แบงเด็กเปน 3 กลุม โดยกลมุ ท่ี 1 เขียนอัลกอริทึมเปนขอความ กลุมที่ 2 เขียนอัลกอริทึมเปนรหัสลําลอง กลมุ ท่ี 3 เขียนอัลกอรทิ มึ เปน ผงั งาน แลว จงึ เปลีย่ นวธิ ใี นขอ ตอไปจนแตละกลุม ไดฝ ก การเขยี นอัลกอรทิ ึมครบทง้ั 3 วธิ ี T6
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ในชีวิตประจําวัน 1. à˵ุ¼ÅàªÔ§µรร¡Ð ขน้ั สอน เราสามารถนํา เหตุผลเชิงตรรกะ (logical reasoning) เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ 1. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอวา ในชีวิต มาใชแ กปญ หาได คอื การใช้ เหตผุ ล กฎ กฎเกณฑ์ หรอื เง่ือนไข ประจําวันเราสามารถนําเหตุผลเชิงตรรกะ ทเี่ กย่ี วข้อง เพื่อตรวจสอบความสมเหตุสมผล มาใชแกป ญหาไดอ ยา งไร อยา งไร หรอื พจิ ารณาความเปน็ ไปไดข้ องการแกป้ ญั หา 2. ครอู ธิบาย เร่ือง เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ เพิ่มเตมิ ใน จากภาพ หากนกั เรยี นนา� เหตผุ ลเชงิ ตรรกะมาหาภาพท่ี หนังสือเรียน หนา 3 วา เหตุผลเชิงตรรกะ หายไปจะสามารถพิจารณาได้ ดังนี้ คือ การใชเ หตผุ ล กฎ กฎเกณฑ หรอื เงอ่ื นไข ท่ีเกี่ยวของ เพื่อตรวจสอบพิจารณาความ สมเหตุสมผลหรือความเปนไปไดของการ แกปญหา และอธิบายตัวอยางการนําเหตุผล เชงิ ตรรกะมาหาภาพทห่ี ายไปจากหนงั สอื เรยี น ใหนกั เรียนลองพจิ ารณาหาคาํ ตอบ 1? ✓ เมื่อพจิ ารณาภาพ จะสามารถแบง่ ภาพย่อย ๆ ไดเ้ ป็น 3 ชดุ ซ่งึ แตล่ ะ ชดุ จะประกอบไปดว้ ยภาพท่ีเหมอื นกนั 2 ภาพ ไดแ้ ก่ ชดุ ที่ 1 ชุดท่ี 3 ดงั นนั้ ภาพทห่ี ายไป ? ในชดุ ที่ 2 ควรเปน็ ภาพทเ่ี หมอื นภาพโดนทั จะไดว้ า่ ภาพทหี่ ายไป คือ ภาพ โดนทั 2 ?? ✓ แนวตอบ คาํ ถามสาํ คัญประจําหวั ขอ เมื่อพจิ ารณาภาพ จะสามารถแบ่งภาพย่อย ๆ ได้เป็น 2 ชดุ ซ่งึ แตล่ ะ นักเรียนตอบตามประสบการณของตนเอง ชุดจะประกอบไปดว้ ยภาพท่เี รยี งลา� ดบั กัน 4 ภาพ ไดแ้ ก่ โดยคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ดงั นนั้ ชุดที่ 1 ภาพทหี่ ายไป ? ควรเป็นภาพพริกหวาน และชุดที่ 2 ภาพ ใชในการวางแผนแกปญหา การซ้ือของตาม ทห่ี ายไป ? ควรเปน็ ภาพขา้ วโพด งบประมาณท่ีจํากัด การเดินทางอยางเรงรีบเพ่ือ ไปถึงท่ีหมายใหทันเวลา การกําหนดระยะเวลา 3 ของการจัดกิจกรรมตางๆ ในงานกีฬาสีโรงเรียน ใหเ หมาะสมไมเกนิ เวลาเลกิ เรยี น ภาพจาก หนังสือเรยี น หนา 3 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู พิจารณาแบบรูปตอ ไปน้ี วัตถุประสงคสําคัญสําหรับการทํากิจกรรมและแบบฝกหัด เรื่อง การใช 7, 1, 5, 3, 3, __ เหตุผลเชิงตรรกะ คือ เพ่ือใหนักเรียนสามารถอธิบายเหตุผลในการตัดสินใจ แกป ญ หาไดอ ยางสมเหตุสมผล ขอ ใดคือลําดบั ตอ ไปของแบบรปู ทก่ี ําหนดให 1. 3 2. 5 3. 7 4. 9 (วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา แบบรูปเปนแบบลําดบั เลขค่ีแบบนบั ลด (7, 5, 3) กบั แบบนับเพ่มิ (1, 3, 5) วางสลับกัน จาํ นวนลําดับท่ี 6 ในแบบรูปจงึ เปน เลข 5 ดงั นั้น ตอบขอ 2.) T7
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ÁͧËÒáËŧ‹ ¹íéÒ 3. ครูอธิบายกติกาของกจิ กรรม มองหาแหลงน้าํ พจิ ารณาภาพ และลากเสนจากลูกศรทีก่ ําหนดให ไปหา ในหนงั สอื เรยี น หนา 4 วา ใหน กั เรยี นพจิ ารณา แหลงน้ํา โดยจุดท่ีเชื่อมตอกันจะตองเช่ือมตอกันเฉพาะสิงโต ภาพและลากเสนจากลูกศรท่ีกําหนดใหไปหา ลงิ และชางเทานน้ั แหลงน้ํา โดยท่ีจุดเชื่อมตอกันจะตองเช่ือม ตอกนั เฉพาะสิงโต ลิง และชางเทาน้ัน เรม่ิ ตน เดินหนา เดนิ ลง เดนิ ขวา เดินซา ย ภาพที่ 1.1 มองหาแหลง นา้ํ 4 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 4 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูสามารถหาแบบฝกหัดเพ่ิมเติมมาฝกกระบวนการคิดในการแกปญหา พจิ ารณาแบบรูปตอไปน้ี ใหกับนักเรียนได โดยใชเกมตรรกะ (Logic Game) หรือเกมคณิตศาสตร 1, 5, 6, 10, 11, __ ที่เหมาะกบั ระดบั ชัน้ ของนกั เรียนจากหนังสือหรอื อนิ เทอรเน็ต ขอ ใดคอื ลาํ ดบั ตอ ไปของแบบรปู ท่กี าํ หนดให 1. 11 2. 13 3. 15 4. 17 (วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา แบบรูปเปนแบบลําดับแบบนับเพิ่มครั้งละ 5 จํานวน 2 ชุด วางสลับกัน (1, 6, 10 กับ 5, 10, 15) จํานวนลําดบั ท่ี 6 ในแบบรูป จึงเปนเลข 15 ดงั นนั้ ตอบขอ 3.) T8
? นา� สอน สรปุ ประเมนิ ?? ขนั้ สอน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ 4. ครูใหน กั เรียนทาํ กจิ กรรมฝกทักษะ Com Sci ?½¡ƒ ·Ñ¡ÉÐ ในหนังสือเรียน หนา 5 โดยพิจารณาภาพที่ ??พจิ ารณาภาพท่ีกาํ หนดให พรอ มอธบิ ายวา ภาพ ถดั ไปในกรอบ ?ComSci กําหนดให พรอมอธิบายวา ภาพถัดไปควรมี ?????ควรมลี กั ษณะแบบใด บันทึกลงในสมุด ลักษณะแบบใด บนั ทึกลงในสมดุ ?1. ????????2. ????????3. ??????4. ????????5. ????????ภาพท่ี 1.2 ภาพประกอบกิจกรรม 5 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 5 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู พจิ ารณาแบบรปู ตอ ไปนี้ ครูอาจใหนักเรียนจับคูแลวคิดโจทยแบบรูปงายๆ เชน 1, 3, 2, 5, 3, MAM, NCP, OES, ____ 7, __ เลขตอ ไปคอื อะไร คนละ 2-3 ขอ พรอ มเฉลย แลว ลองนาํ มาแลกเปลย่ี นกนั ทํากับเพ่ือนเพ่ือหาคําตอบ ซ่ึงจะทําใหนักเรียนไดฝกทักษะการคิดที่สูงข้ึน ขอ ใดคอื ลําดับตอไปของแบบรูปท่กี าํ หนดให ไปอกี ขนั้ 1. PFV 2. PGU 3. PFU 4. PGV (วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา แบบรปู เปน แบบลาํ ดบั เพม่ิ ของชดุ ตวั อกั ษร 3 ตวั โดยอกั ษรตวั แรก เพิม่ ครงั้ ละ1 ลาํ ดบั (M -> N) อักษรตวั ท่ี 2 เพมิ่ คร้ังละ 2 ลําดบั (A -> C) อกั ษรตัวท่ี 3 เพ่ิมครง้ั ละ 3 ลําดับ (M -> P) ลําดับ ตอ ไปในแบบรปู คือ PGV ดงั นน้ั ตอบขอ 4.) T9
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ใบงาน เฉลย 5. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3-4 คน เรอ่ื ง ขอ้ ความปริศนากบั เจ้าหนยู อดนักสืบ แจกใบงาน เรือ่ ง ขอความปรศิ นากับเจาหนู ช่ือ………………………………………………………………………………….เลขที่....................ช้ัน................... ยอดนักสืบ ใหน ักเรียนทาํ กิจกรรมที่ 1 เรอ่ื ง สมบัติชนิ้ สุดทาย กจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง สมบัตชิ ้ินสุดทา้ ย คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนสบื คดี โดยการวิเคราะหภ์ าพและการจัดลาดบั ข้อความสถานการณ์ให้ถูกต้อง พร้อมทัง้ หา 6. ครูสมมติบทบาทใหนักเรียนเปนโคนัน คาตอบวา่ ใครเปน็ คนขโมยแหวนประจาตระกูล (ตัวอยา่ งคาตอบ) แลวเลาสถานการณใหนักเรียนฟงเพ่ือดึงดูด ความสนใจ 2 ชายชราสงสัยวา่ คนท่ขี โมยไปตอ้ งเป็นลูกคนใดคนหน่ึงของเขา 4 โคนันเรียกทกุ คนมาบริเวณที่เกดิ เหตุ แลว้ สอบปากคาทีละคน 7. ครูใหนักเรียนภายในกลุมชวยกันสืบคดี 9 ..…ภ…ูร…ิ ……..เป็นคนขโมยแหวนประจาตระกูล โดยการเรียงขอความในกิจกรรมที่ 1 เร่ือง 6 มนิ น่ใี ห้การว่าในวนั ท่ีเกดิ เหตุ เขาได้ออกไปช็อปป้ิงขา้ งนอก ฉันจะเอาเวลาทีไ่ หนขโมยล่ะ สมบัติชิ้นสุดทาย ใหถูกตอง และวิเคราะห 1 ชายชราได้เข้ามาในห้องแลว้ พบวา่ แหวนประจาตระกลู ไดห้ ายไป หาคาํ ตอบวาใครคอื ขโมย พรอมท้งั หลักฐาน 5 ชายชราใหก้ ารว่าไมม่ ใี ครเคยเปดิ ตู้เซฟนี้นอกจากเขา ภายในเวลา 15 นาที 8 โคนนั เดนิ ดรู อบ ๆ สถานทเ่ี กดิ เหตุอีกรอบ แลว้ ได้หลักฐานชิน้ สาคญั 7 ภรู ิใหก้ ารวา่ เขาไปเลือ่ ยไม้ทหี่ ลงั บ้าน ไม่ได้ขึ้นมาทนี่ เี่ ลย อีกอยา่ งตู้เซฟนี้ก็เปิดยาก 8. ครูสุมถามนักเรียนวา ใครคือขโมย เพราะ เหตุใด จึงคิดวาคนน้ีคือขโมย จากนั้น ผมทางานทัง้ วนั ไม่มีแรงเปดิ หรอก ถามนกั เรียนกลุม อืน่ ๆ ท่ไี ดคําตอบแตกตา ง 3 ชายชราจงึ ไมแ่ จ้งตารวจแต่จ้างนกั สืบมาสืบวา่ ใครคือขโมย พรอมเหตุผล หลกั ฐานอะไรที่ทาให้ตดั สนิ ได้วา่ คนนีค้ อื ขโมย .เ.น..ื่อ...ง..จ..า..ก..ช...า..ย..ช..ร..า..ใ..ห..้ก...า..ร..ว..า่ ..ไ.ม...่ม...ีใ.ค...ร..เ.ค..ย...เ.ป..ิ.ด..ต...ู้เ.ซ...ฟ..น...ีน้...อ..ก..จ...า..ก..เ.ข...า...แ..ต..ภ่...รู .ิบ...อ..ก..ว..า่ ..ต..้เู.ซ..ฟ...น...ีก้..เ็.ป..ิ.ด..ย...า..ก...แ..ส...ด..ง..ว.า.่ .ภ...รู .ิ....... 9. ครูและนักเรียนรวมกันวิเคราะหลําดับ .ต..้อ..ง..เ.ค..ย..พ...ย..า..ย..า..ม..เ.ป..ิ.ด..ต..้เู.ซ..ฟ...น..ี.้ .แ..ล..ะ..ห..้.อ..ง..น..กี.้ .็เ.ป..็.น..ห..้อ..ง..เ.ก..็บ...อ..ปุ..ก...ร.ณ...์ท..่ีภ...รู .ิก...า.ล...งั .ใ..ช..้ง..า..น..แ..ต..เ่.ข..า..ก..ล...บั ..โ.ก..ห...ก..ว..า่..ไ.ม..ไ.่ .ด..้ข..นึ.้ ..ม..า..ท..ห่ี..้อ...ง...... ขอ ความสรปุ วา ใครคอื ขโมย พรอ มหลกั ฐาน .น..ี.้ถ..้า..ส..งั..เ.ก..ต..ดุ...จู ..ะ..ม..เี.ศ..ษ...ข..เี.้ล..อื่..ย...ห..ล..น่..บ...ร.ิเ..ว..ณ...ต..้เู.ซ..ฟ............................................................. ............................................. 10. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายการใชเ หตผุ ล เชิงตรรกะในการแกปญหาวามีความสําคัญ อยา งไร (แนวตอบ มีความสําคัญในการวิเคราะห หาเหตุผล จัดลําดับเร่ืองราวกอนหลัง โดยแยกแยะความสาํ คัญของเร่ืองราว ทาํ ให การตดั สนิ ใจแกป ญ หามคี วามสมเหตสุ มผล) ภาพจาก แผนการสอน ท่ี 1 หนว ยท่ี 1 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ กิจกรรมการฝกทักษะการรวบรวมขอมูลและวิเคราะหหาเหตุผลงายๆ กําหนดให ก มเี งนิ มากกวา ข 9 บาท และ ค มีเงินมากกวา ข ทสี่ นกุ และนา สนใจสาํ หรบั หนว ยการเรยี นรนู ี้ คอื เกม 20 คาํ ถาม โดยครกู าํ หนด 12 บาท ขอ ใดตอไปนีส้ รปุ ผดิ หมวดหมขู องสงิ่ ทจี่ ะใหน กั เรยี นชว ยกนั ทายกอ น เชน ผลไม แลว จงึ เขยี นคาํ ตอบไว จากนน้ั ใหน กั เรยี นผลดั กนั ถามคาํ ถาม 20 คาํ ถาม โดยทค่ี รจู ะตอบไดแ ค 2 คาํ ตอบ 1. ค มเี งินมากกวา ก และ ก มเี งนิ มากกวา ข คอื ใชหรือไมใ ช เม่ือครบ 20 คําถามแลว นกั เรียนตองนาํ ขอมลู ทร่ี วบรวมไดม า 2. ก กับ ค มีเงนิ รวมกันมากกวา 2 เทา ของ ข สรปุ เพอ่ื ทํานายคําตอบที่ถกู ตองออกมา 3. ค มีเงินมากท่สี ดุ และมีเงินมากกวา ก และ ข รวมกัน 4. ก กับ ค จะมเี งนิ รวมกนั เทากบั 21 บาท ถา ข มเี งนิ 0 บาท (วเิ คราะหค ําตอบ จากตวั เลอื กทก่ี าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ค มเี งนิ มากทสี่ ดุ แตไ มส ามารถสรปุ ไดว า มเี งนิ มากกวา ก และ ข รวมกนั หรอื ไม ดังนนั้ ตอบขอ 3.) T10
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ใบงาน เฉลย ขนั้ สอน เรื่อง ขอ้ ความปรศิ นากบั เจ้าหนยู อดนกั สืบ 11. ครมู อบหมายงานใหนกั เรียนทํากิจกรรมที่ 2 เร่ือง ทางเลือกของโคนัน อาจแบงเวลา กจิ กรรมที่ 2 เร่อื ง ทางเลอื กของโคนนั ทาํ ทายคาบหรอื ใหท ําเปนการบาน คาชี้แจง จากตารางแผนท่ี ให้นกั เรยี นวางแผนการเดนิ ทางไปสืบคดีอย่างเปน็ ลาดบั ขัน้ ตอน โดยหาเส้นทางทด่ี ี ที่สุดเพื่อไปท่ีเกดิ เหตุให้เรว็ ท่ีสดุ (ตวั อย่างคาตอบ) 12. ครูและนักเรียนทบทวนความรูเดิมที่เรียน ในชวั่ โมงทีแ่ ลว ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……ข…ั้น…ต…อ…น…ที่…1…อ…อ…ก…จา…ก…บ…้าน…โ…ด…ยท…ีเ่ …ดิน…ต…ร…งม…า…จ…น…ถึง…ท…า…งเ…ล้ีย…ว…ท…ส่ี …อง…น…ับ…จ…าก…ห…น…้าบ…้า…น…ไป…โ…รง…เร…ีย…น…………………… 13. จากกจิ กรรมท่ี 2 เร่อื ง ทางเลอื กของโคนัน ……ข…ัน้ …ต…อ…น…ที่…2…เ…ลี้ย…ว…ข…วา…จ…าก…น…ั้น…เด…ิน…ต…ร…งไ…ป…ผา่…น…ห…น…้าโ…ร…งเ…รยี …น……แ…ละ…ผ…า่ …นส…่แี …ย…ก…จ…น…ถ…ึงส…า…มแ…ย…ก……………………… ครูสุมนักเรียนถามเสนทางท่ีดีท่ีสุด และให ………………………ห…น…า้ …สว…น…ส…ตั …ว์แ…ล…ว้ …เล…ี้ย…วซ…า้ …ย…………………………………………………………………………………………… นักเรียนบอกขั้นตอนการเดินทาง ในขณะ ……ข…น้ั …ต…อ…น…ที่…3…เ…ดิน…ต…ร…งไ…ป…เร…่ือ…ย…ๆ…จ…น…ก…ว่า…จ…ะถ…ึง…บ…้าน…ท…เี่ …กิด…เ…ห…ตุ………………………………………………………………… เดียวกันใหนักเรียนกลุมอื่นๆ ลองเดินตาม ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขั้นตอนทเี่ พ่ือนนําเสนอ (ครคู วรสุมนักเรยี น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1-2 กลุม เพ่ือใหนักเรียนนําเสนอขั้นตอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… การเดินทาง และตรวจสอบวาเพื่อนคนอื่น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สามารถทําตามขั้นตอนท่ีนักเรียนนําเสนอ …ห…ม…าย…เ…หต…ุ …น…ักเ…รีย…น…ส…า…มา…ร…ถ…เล…ือ…กเ…ส…น้ ท…า…ง…อ่ืน…ไ…ด…้ …………………………………………………………………………………… ไดห รือไม) 14. ครูถามนักเรียนวา ทําไมจึงคิดวาเสนทาง ทเี่ ลอื กนน้ั เปน เสนทางท่ีดที ี่สดุ 15. ครูถามคําถามนักเรียนวา ทําไมนักเรียน สามารถเดินทางไปถึงสถานที่เกิดเหตุตามท่ี เพ่อื นนาํ เสนอได (แนวตอบ เพราะนกั เรียนสามารถใชข อ ความ แสดงลาํ ดับขนั้ ตอนที่ชดั เจนได เมือ่ ใครอาน ขอความดังกลาวก็สามารถเดินทางไปถึง สถานทเี่ กดิ เหตไุ ด) ภาพจาก แผนการสอน ที่ 1 หนว ยท่ี 1 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู กาํ หนดใหตัวอกั ษรแตละตัวมีคะแนน ดังตารางตอไปนี้ ครูอาจหาแบบฝกหัดเชาวนปญญาประเภทเกมลากเสน เพื่อหาทางออก จากเขาวงกตที่มีการแบงระดับความยาก มาใหนักเรียนไดฝกการแกปญหา ตัวอกั ษร B E M O S เพ่ิมเติมได โดยใหลองฝกจากระดับงายไปยาก ซ่ึงจะทําใหเกิดประโยชน ตอการเรียนรูของนกั เรียนเปน อยางมาก คะแนน 4 3 2 1 0 คาํ ศัพทใ นขอใดมคี ะแนนเทา กนั 1. SOME กับ BOSS 2. BOMB กบั BOSS 3. SOME กบั MESS 4. BOSS กับ MESS (วเิ คราะหค ําตอบ จากตวั เลอื กทก่ี าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า คาํ ศพั ท BOSS กบั MESS มีคะแนนเทา กับ 5 เทา กัน ดังนนั้ ตอบขอ 4.) T11
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน Ẻ½¡ƒ ËÑ´ เหตุผลเชิงตรรกะ คะแนนเตม็ 16. ครูใหนักเรยี นทาํ แบบฝกหดั หนา 3-4 เรือ่ ง 10 เหตุผลเชิงตรรกะ โดยในขอ 1. ใหพ จิ ารณา ภาพท่ีโจทยกําหนด แลวเติมภาพที่หายไป 1. พิจารณาภาพท่ีกําหนด แลวเติมภาพท่ีหายไปลงในกรอบใหถูกตอง ใหถูกตอง และขอ 2. ใหพิจารณาภาพ ในโจทย แลวลากเสนตามเงื่อนไขที่กําหนด (5 คะแนน) จากบานไปถงึ โรงเรียน 1) 2) 3) เฉฉบลบั ย 4) ✘ ✘ O ✘ ✘ 2. พจิ ารณาภาพ แลว ลากเสนจากลกู ศรทีก่ าํ หนดใหไปหาโรงเรียน โดย ✘✘O ✘✘O ✘✘O ✘✘O จดุ ทเี่ ชอื่ มกนั จะตอ งเชอื่ มตอ กนั เฉพาะโรงพยาบาล สถานตี าํ รวจ และ O O O O✘O O✘O สนามเดก็ เลนเทา นนั้ (5 คะแนน) 5) เรมิ่ ตน เดินหนา เดินลง เดินขวา เดนิ ซาย 3 เฉฉบลับย เกณฑการใหคะแนน คะแนน/ขอ 1. การเตมิ ภาพ (5 คะแนน มี 5 ขอ ) 2. การลากเสนลูกศร (5 คะแนน) เตมิ ภาพทหี่ ายไปลงในกรอบไดถ ูกตอง 1 4 ลากเสนลกู ศรจากบา นไปหาโรงเรยี นไดถูกตอ ง 5 (ถามีขอผิดพลาดใหล ดทอนคะแนนลง จดุ ละ 1 คะแนน) ภาพจาก ขอ สอบเนน การคิด แบบฝกหดั พจิ ารณาแบบรปู ตอ ไปนี้ หน้า 3-4 รูปตอไปคอื รูปใด ... เกร็ดแนะครู 1. 2. ในการทําแบบฝก หดั เรื่อง เหตุผลเชิงตรรกะ ครตู องเนนยํา้ ใหนกั เรยี นฝก การทําความเขาใจเง่ือนไขของโจทย การสังเกต หาความสมั พันธ เชอื่ มโยงเหตุ 3. 4. และผล เพ่อื ทํานายคาํ ตอบไดอยางมหี ลักการและตรรกะทส่ี มเหตสุ มผล (วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา รูปตอไป คือ รูปสามเหลย่ี มตง้ั สสี ม ดังนน้ั ตอบขอ 3.) T12
นา� สอน สรปุ ประเมนิ การที่คนเรา 2. ÍÑÅ¡Íร·Ô ÁÖ ขนั้ สอน สามารถแกไข ปญ หาตา ง ๆ ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ นั้น เราควรใช้ 17. ครูถามคําถามสําคัญประจําหัวขอวา การที่ ไดนั้น ตอ งเริ่ม เหตผุ ล หรือกระบวนการมาพิจารณาประกอบ คนเราสามารถแกไขปญหาตางๆ ไดน้ัน การแก้ปัญหาอยา่ งเป็นข้นั ตอน ตอ งเรมิ่ จากอะไร ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ ราย จากอะไร คําตอบ อัลกอริทึม (Algorithm) คือ กระบวนการแก้ปัญหา 18. ครูใหนักเรียนศึกษา เร่ือง อัลกอริทึม ที่มีล�าดับข้ันตอนวิธีในการแก้ไขปัญหาใดปัญหาหนึ่งอย่างเป็น ในหนงั สอื เรยี น หนา 6 ขนั้ เปน็ ตอนและชดั เจน เมอ่ื เรม่ิ แกป้ ญั หาแลว้ จะตอ้ งไดผ้ ลลพั ธ์ อย่างไร โดยอัลกอริทมึ มขี ัน้ ตอนวิธี ดังน้ี แนวตอบ คําถามสําคัญประจาํ หัวขอ ?1 นักเรียนตอบตามประสบการณของตนเอง ทาí ¤วามàข้าใ¨ปญั หา โดยคําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน เชน ทําความเขาใจสาเหตุของปญหา รวบรวมขอมูล 2 ทเี่ กย่ี วกับปญหา ¤ิ´วธิ ีการแก้ปญั หา (อา¨มหี ลาÂวิธกี าร) 3 àรี§ลíา´ºั ขน้ั ตอนก‹อนแลÐหลั§ ในแต‹ลÐวธิ ีการ 4 ทºทวนขั้นตอนในแต‹ลÐวิธกี ารอีก¤ร้§ั 5 ตรว¨Êอº¤วาม¶Ùกตอ้ §ขอ§¼ลล¾ั ธ ทีèä´¨้ ากขัน้ ตอนในแต‹ลÐวธิ กี าร 6 àล×อกวธิ ีการทีè ให้¼ลล¾ั ธ´ ีทีÊè ´Ø à¾×อè นาí äปใª้แกป้ ัญหา ภาพที่ 1.3 ข้ันตอนวธิ ขี องอัลกอริทึม 6 ภาพจาก หนงั สือเรยี น หนา 6 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู กาํ หนดขอ มูลความสงู ของ ก ข ค ง ดงั นี้ ครูอาจยกตัวอยางการใชขั้นตอนวิธีของอัลกอริทึมใหนักเรียนดูประมาณ ค สงู กวา ก, ข สูงกวา ง, ง เตย้ี กวา ก และ ก เต้ยี กวา ข 1-2 ตวั อยา ง เพอื่ ใหน กั เรยี นเหน็ ภาพการนาํ ไปใชจ รงิ มากขน้ึ กอ นจะเขา สเู นอื้ หา ถัดไป ขอใดตอไปนี้สรปุ ผดิ 1. ข สงู ท่สี ุด 2. ง เต้ยี ท่สี ุด 3. ก สูงเปนอนั ดบั ท่ี 3 4. ค จะสูงท่สี ดุ เมอื่ ข สงู เปน อันดับที่ 2 (วิเคราะหคําตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ขอ 2. ขอ 3. และขอ 4. เปนขอสรุปท่ีสมเหตุสมผล แตไมสามารถ สรปุ ไดว า ข หรอื ค สูงท่ีสุด ดงั น้นั ตอบขอ 1.) T13
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน อลั กอรทิ มึ ประกอบดว้ ยวธิ กี ารเปน็ ขน้ั ๆ และมสี ว่ นทต่ี อ้ ง ท�าแบบวนซ�้าอีก จนกระท่ังแก้ปัญหาเสร็จ ซ่ึงการแก้ปัญหา 19. ครูอธิบายเพิ่มเติม เร่ือง อัลกอริทึม วา โดยใชอ้ ัลกอรทิ มึ น้ี สามารถใชแ้ กป้ ัญหาทว่ั ๆ ไป และยังใช้กบั อัลกอริทึมประกอบดวยวิธีการเปนลําดับ การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรด์ ว้ ย โดยการอธบิ ายอลั กอรทิ มึ ขั้น และมีสวนทท่ี ํางานแบบวนซา้ํ จนกระทัง่ แบ่งได้เป็น แกปญหาเสร็จ เราสามารถนํากระบวนการ ของอัลกอริทึมไปใชแกปญหาทั่วไปในชีวิต 2.1 การแสดงอลั กอริทึมดว้ ยข้อความ ประจําวันและใชในการเขียนโปรแกรม ไดดว ย คือ การใช้ข้อความแสดงขั้นตอนการท�างาน มีส่วน ประกอบ 2 สว่ น คือ ลา� ดับ และขน้ั ตอนการท�างาน เชน่ 20. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอื่ ง การแสดงอลั กอรทิ มึ ดวยขอ ความ ในหนังสอื เรยี น หนา 7 การตม้ äข‹ เมือ่ ต้องการต้มไข่ จะมีขั้นตอน คอื 1 เตรียมส่วน»รÐกอบ แลÐอ»ุ กรณ์ น�า้ äข่ หมอ้ 2 เติมนา้� ในหม้อ ใส่äขล่ งä» 3 นา� หมอ้ ตง้ั บนเตา เ»ด äฟ 4 เม่ือน�้าเดือดจับเวลา 5 น�าäข่ทตี่ ม้ สกุ แลว้ ออกจากหมอ้ อีก 4 นาที »ดäฟ ภาพท่ี 1.4 การตม้ ไข 7 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 7 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูอาจนําข้ันตอนการทํากิจกรรมท่ัวไปในชีวิตประจําวันท่ีมีประมาณ จงเรยี งลาํ ดบั ขัน้ ตอนการเกบ็ ของในลนิ้ ชกั ตอไปนี้ใหถูกตอ ง 5-6 ขั้นตอน ใน 1 กจิ กรรม มาสลับลาํ ดับหรือทําเปนปายขอความใหน กั เรยี น ก. ดนั ลิ้นชักเก็บเขาที่ ฝกเรียงลําดับข้ันตอนใหถูกตอง รวมท้ังถามคําถามฝกกระบวนการคิดดวยวา ข. ใสของลงในลนิ้ ชกั หากเกิดการสลับขั้นตอนขึ้นจะเกิดผลอยางไร เพ่ือใหนักเรียนไดเขาใจถึง ค. ไขกุญแจล็อกลน้ิ ชัก ความสาํ คญั ของลําดับมากข้นึ ง. ดึงลิน้ ชักออกมา จ. ไขกุญแจปลดลอ็ กลน้ิ ชัก 1. ง. จ. ข. ก. ค. 2. จ. ข. ง. ก. ค. 3. ค. ง. ข. ก. จ. 4. จ. ง. ข. ก. ค. (วิเคราะหคาํ ตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ลาํ ดบั ทีถ่ กู ตอ ง คือ จ. ง. ข. ก. ค. ดงั นน้ั ตอบขอ 4.) T14
นา� สอน สรุป ประเมิน จะเห็นไดวา การใชข อความ สามารถแสดงลําดบั ขนั้ สอน และขัน้ ตอนการทาํ งานที่ชัดเจนได เมื่อใครอา นขอ ความดังกลา วกส็ ามารถตมไขได 21. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ Com Sci คราวนเ้ี พ่อื น ๆ ลองอธิบายการสงอีเมล (E - Mail) ดูนะครับ ในหนงั สือเรียน หนา 8 โดยใหล ําดบั ขนั้ ตอน ในการสงอีเมลไปอวยพรวันเกิดคุณพอของ นิวใหถูกตอ ง ¡¨Ô ¡รรÁ Com Sci ขนั้ สรปุ ½ƒ¡·¡Ñ ÉÐ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูท่ีเรียนมา นิวต้องการส่งอีเมลไปอวยพรวันเกิดคุณพ่อ นิวต้องท�าอะไร และมี เรอ่ื ง เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ โดยครถู ามคาํ ถามนกั เรยี น ขั้นตอนวิธีอย่างไรบ้าง เพ่ือน ๆ ช่วยกันบอกล�าดับท่ีของขั้นตอนการส่ง เพื่อทบทวนความรูวา เหตุผลเชิงตรรกะคืออะไร อเี มลให้นิวหน่อยครับ แล้วเขยี นล�าดบั ท่ี และข้นั ตอนทเ่ี รยี งล�าดับถูกต้อง และมขี น้ั ตอนวธิ อี ยา งไร จากนน้ั ใหน กั เรยี นชว ยกนั แลว้ ลงในสมดุ หาคําตอบจากหนังสอื เรียน ล�าดบั ท่ี ขน้ั ตอนการท�างาน ขนั้ ประเมนิ ลงช่ือเขา้ ใชอ้ ีเมล ถา้ Username และ Password ? ถกู ตอ้ ง จะสามารถเขา้ อีเมลได้ ตารางการวดั และประเมินผล เกณฑก ารประเมิน ? ตรวจสอบการเขยี น และคลิกส่งอเี มล (Send) วธิ ีการ เคร่ืองมือ ประเมินตาม ? คลกิ เขียนอเี มล (Compose) สภาพจรงิ ? พิมพห์ วั เรือ่ ง (Subject) และพิมพ์ข้อความอวยพร ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ เปดเว็บเบราเซอร์ (Web browser) กอนเรียน กอ นเรยี น 1 พิมพ์ http://www.gmail.com ท่ีช่อง Address bar ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผานเกณฑ ? พิมพท์ อ่ี ยอู่ ีเมลคณุ พอ่ ([email protected]) ? ทช่ี ่อง to ตรวจแบบฝกหดั แบบฝก หดั รอยละ 60 ผา นเกณฑ คลกิ ออกจากอีเมล (Log out) สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คณุ ภาพ 2 การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ รายบคุ คล ทักษะการเรียนรใู้ นศตวรรษที ่ 21 8 1. ทกั ษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ 2. ทักษะการส่ือสาร ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 8 กจิ กรรม สรา งเสรมิ แนวทางการวัดและประเมินผล ครใู หนกั เรยี นแบง กลุม กลุมละ 2-3 คน โดยใหม จี ํานวนกลมุ ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลของนักเรียน โดยศึกษา ทง้ั หมดเปน เลขคู ใหแ ตล ะกลมุ คดิ โจทยก ารเรยี งลาํ ดบั ขนั้ ตอนทมี่ ี เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล จาํ นวนขน้ั ตอนประมาณ 5-6 ข้นั ตอน มากลุมละ 1 ขอ แลว ทํา ทแ่ี นบมาทา ยแผนการจดั การเรียนรทู ี่ 3 หนว ยการเรียนรูที่ 1 การจับคกู ับกลมุ อนื่ เพ่อื นําโจทยที่คดิ ขึ้นมาไปแลกเปลย่ี นกันทาํ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเห็น 2 การยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผอู้ ืน่ 3 การทางานตามหนา้ ที่ทไี่ ด้รับมอบหมาย 4 ความมีนาใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอื่ ................................................... ผูป้ ระเมิน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............/.................../................ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง T15
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 3เวลา ช่ัวโมง รหสั ลับของนกั สบื เยาวชน 1. มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด ตวั ชี้วัด ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำ� งาน การคาดการณ์ผลลัพธจ์ ากปัญหาอยา่ งงา่ ย 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายหลกั การเขยี นอัลกอรทิ มึ ด้วยรหสั ล�ำลองได้ (K) 2. แก้ปญั หาอยา่ งงา่ ยได้ โดยใชอ้ ลั กอริทึมดว้ ยรหสั ลำ� ลอง (P) 3. เห็นประโยชนข์ องการแก้ปัญหาในชีวิตประจำ� วนั โดยใช้อลั กอรทิ มึ ดว้ ยรหัสลำ� ลอง (A) 3. สาระการเรยี นรู้ - อัลกอริทึมดว้ ยรหัสล�ำลอง - การใช้อัลกอรทิ ึมดว้ ยรหสั ล�ำลองในการแก้ปญั หา 4. สาระส�ำคัญ/ความคดิ รวบยอด การแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ยรหสั ลำ� ลอง คอื การอธบิ ายดว้ ยรหสั โดยเราสามารถกำ� หนดรหสั ลำ� ลองขนึ้ เองได้ 5. สมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำ� คัญของผูเ้ รียน ทักษะ 4Cs คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ทกั ษะการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 1. มวี ินยั 2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. มุ่งม่ันในการทำ� งาน 2. ท ักษะการทำ� งานร่วมกัน (Collaboration Skill) 3. ทกั ษะการส่อื สาร (Communication Skill) 4. ทกั ษะความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : รปู แบบการสอนโดยเนน้ รปู แบบการอภปิ ราย วธิ กี ารสอนโดยใชก้ ารแสดง บทบาทสมมติ และรูปแบบการสอนแบบกระบวนการคิดเชงิ คำ� นวณ (Computational Thinking Process) T16
นา� น�า สอน สรปุ ประเมนิ 2.2 การแสดงอัลกอริทึมด้วยรหัสล�าลองหรือซูโดโค้ด ขนั้ นาํ (Pseudocode) 1. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเดิม คอื การอธบิ ายดว้ ยขอ้ ความทลี ะขนั้ ตอน โดยภาษาทใี่ ชจ้ ะ เรื่อง การแกป ญหาโดยใชอ ัลกอริทมึ มคี วามกา้� กึ่งกบั ภาษาคอมพิวเตอร์ 2. ครูสนทนาเก่ยี วกบั กิจกรรมท่ี 2 ทางเลือกของ ตวั อÂา‹ § อลั กอริทมึ ก¨ิ วัตรปรШíาวนั ในตอนàªา้ ขอ§นกั àรีÂน โคนัน จากชั่วโมงที่แลววานักเรียนไดเขียน อัลกอริทึมเปนขอความ ในช่ัวโมงน้ีนักเรียน â´Âใª้รหÊั ลíาลอ§ จะไดเขียนอลั กอรทิ มึ ดวยรหัสลําลอง เม่อื นาฬก าปลุกดงั ขน้ั สอน repeat 3 1. ครอู ธบิ ายการแสดงอลั กอรทิ มึ ดว ยรหสั ลาํ ลอง กดปุมเลอ่ื นปลุก หรือซูโดโคดวา เปนการอธิบายกระบวนการ ทํางานทีละขั้นตอน โดยใชภาษาที่มีความ wait until นาฬก าปลุกดงั ใกลเ คยี งกบั ภาษาคอมพวิ เตอร และใหน กั เรยี น ดูตวั อยา งรหัสลาํ ลองในหนงั สือเรยี น หนา 9 ปดนาฬกาปลกุ ตนื่ นอน อาบน�้า แต่งตวั รับประทาน อาหารเช้า if อากาศ แจ่มใส then เดินไปโรงเรยี น else น่ังรถไปโรงเรยี นกับคณุ พ่อ ภาพที่ 1.5 การเขยี นอัลกอริทมึ ในกจิ วัตรประจ�าวัน 9 ภาพจาก หนังสอื เรยี น หนา 9 กจิ กรรม สรางเสริม ความรูเสริม ครูสุมถามนักเรียน 3-4 คน วา การเขียนอัลกอริทึมเปน รหัสลําลองหรือรหัสเทียม เปนภาษาที่มีลักษณะใกลเคียงกับภาษา ขอความกับการเขียนอัลกอริทึมดวยรหัสลําลองมีส่ิงที่เหมือนและ คอมพิวเตอร แตในการนําไปใชตองทําการแปลงคําส่ังเปนภาษาคอมพิวเตอร ตางกนั อยางไร ท่ีผูใชตองการจะเขียนกอนจึงจะสามารถนําไปใชงานไดจริง แตรหัสลําลอง สามารถถอดความไปเขยี นเปน ภาษาคอมพวิ เตอรไ ดง า ยกวา การเขยี นอลั กอรทิ มึ เปน ขอความ T17
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน การหาทา§กลºั ºา้ น 2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม เรื่อง การหาทาง ใหน้ กั เรยี นแสดงอลั กอรทิ มึ โดยรหสั ลา� ลองหรอื ซโู ดโคด้ เพอ่ื พาเจา้ กลับบาน ในหนังสือเรียน หนา 10 โดยให ตบู กลับบา้ น ซ่ึงก�าหนดรหสั ล�าลองทใ่ี ช้ ดังนี้ ,เดินหน้า นกั เรยี นแสดงอลั กอรทิ มึ โดยใชร หสั ลาํ ลองหรอื ซูโดโคด เพอ่ื พาเจา ตูบกลับบาน เล้ยี ว ขวา เลีย้ ว ซ้าย if ทางเดนิ ตรงไป repeat until do do else ภาพท่ี 1.6 การหาทางกลบั บา้ น รหัÊลาí ลอ§หร×อ«Ùâ´â¤´้ ตรงไป เดนิ หน้า if ทางเดนิ ไปทางขวา do เลยี้ ว ขวา else เลยี้ ว ซา้ ย 10 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 10 เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย ครูอาจทบทวนความรูพ้ืนฐาน เร่ือง การใชงานกลองคําสั่งประเภทตางๆ ใหนักเรียนวาดเสนทางการเดินทางกลับบานของตนเอง ใหก ับนักเรียน เพือ่ ใหเกิดความเขาใจมากขึ้น กอนทจ่ี ะลงมอื ทํากจิ กรรม ลงกระดาษ แลวจับคูกับเพ่ือนแลกกระดาษเสนทางกลับบานกัน แลว นาํ เสนทางกลับบา นของเพ่ือนไปเขยี นอลั กอรทิ ึม T18
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ¡Ô¨¡รรÁ Com Sci ขนั้ สอน ½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ 3. ครูใหน ักเรยี นทํากจิ กรรมฝกทักษะ Com Sci นุ้ยต้องการต้มไข่ให้สุก เพื่อน�ามารับประทานเปนอาหารมื้อเที่ยง ในหนังสือเรยี น หนา 11 โดยใหใชรหัสลาํ ลอง เพอื่ น ๆ ชว่ ยกนั เขยี นอลั กอรทิ มึ โดยใชร้ หสั ลา� ลองหรอื ซโู ดโคด้ ของการตม้ หรอื ซโู ดโคด เขยี นอลั กอรทิ มึ การตม ไขข องนยุ ไขเ่ พอ่ื ใหน้ ยุ้ ได้ไขต่ ้มสุกตามตอ้ งการ แล้วบนั ทกึ ผลลพั ธล์ งสมุด เพอ่ื ใหไ ดไ ขส กุ ตามตอ งการ โดยใชร หสั ลาํ ลอง หรอื ซูโดโคด แลว บันทกึ ผลลงในสมดุ 1 เตรียมสว่ น»รÐกอบ แลÐอุ»กรณ์ น้�า äข่ หม้อ 2 เตมิ นา้� ในหม้อ ใส่äข่ลงä» 3 นา� หมอ้ ตงั้ บนเตา เ»ด äฟ 4 เม่ือน�้าเดือดจับเวลา 5 นา� äข่ทตี่ ้มสกุ แลว้ ออกจากหม้อ อกี 4 นาที »ดäฟ ทกั ษะการเรยี นรใู้ นศตวรรษที ่ 21 2. ทกั ษะการส่ือสาร 11 1. ทักษะการแกป้ ญั หา ภาพจาก หนังสอื เรยี น หนา 11 กิจกรรม ทา ทาย เกร็ดแนะครู ครูแบงนักเรียนออกเปน 3-4 กลุม ตามความเหมาะสม ครูอาจเสริมทักษะกระบวนการคิด เรื่อง ลําดับ ใหนักเรียนดวยโจทย ใหส มาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั เขยี นอลั กอรทิ มึ การทอดไขเ จยี วหมสู บั คณิตศาสตรที่หาคําตอบดวยวิธีการคิดแบบยอนกลับ (Work Backwards) โดยใชร หสั ลาํ ลองหรอื ซโู ดโคด โดยกาํ หนดวตั ถดุ บิ และอปุ กรณ ดงั นี้ เชน รถไฟจะออกจากสถานี 15.00 น. พริมใชเวลาเก็บกระเปา 25 นาที เดนิ ทาง วัตถดุ บิ มีดงั น้ี ไข 2 ฟอง ตนหอม 1 ตน เนื้อหมู 3 ขดี อปุ กรณ ไปที่สถานี 30 นาที พริมจะตองออกจากบานเวลาใด จึงจะไปถึงสถานี มีดงั น้ี มดี เขยี ง กระทะ นาํ้ มันพชื เตาแกส จาน กอ นรถไฟออก 10 นาที T19
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ใบงาน เฉลย 4. ครูอธิบายหลักการของรหัสลําลอง จากนั้น เรื่อง รหสั ลาลอง แจกใบงาน เรื่อง รหัสลําลอง ใหนักเรียน ไดท ดสอบความเขาใจภายในเวลา 10 นาที ชือ่ ………………………………………………………………………………….เลขท.ี่ ...................ช้ัน................... คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ (ตัวอย่างคาตอบ) 1. การแสดงอลั กอริทึมด้วยรหัสลาลอง คือ...ก...า.ร..อ...ธ..ิบ...า..ย..ด..้ว..ย...ข..้อ..ค...ว..า..ม..ท...ลี..ะ...ข..ั้น...ต..อ..น....โ..ด..ย...ภ..า..ษ...า..ท...ี่ใ.ช..้ม...คี..ว..า..ม..ก...า้ ..ก..ง่ึ... ..........ก...บั ..ภ...า..ษ...า.ค...อ..ม...พ...วิ ..เ.ต..อ..ร..์............................................................................................................................ 2. ใหน้ กั เรียนอธิบายความหมายของรหสั จาลองต่อไปนี้ และสรา้ งรหัสจาลองเพ่ิมพร้อมอธบิ ายความหมาย รหสั จาลอง ความหมาย เดนิ ไปทางขวา เดินไปทางซ้าย เดนิ ข้นึ ข้างบน เดนิ ลงข้างล่าง เดินขึ้นข้างบนไปทางขวา เดินขึ้นข้างบนไปทางซ้าย ตวั อยา่ ง เดินตรงแล้วเลี้ยวซา้ ย เดนิ ตรงแล้วเล้ยี วขวา หมนุ ซา้ ย90องศา หมุนขวา90องศา หยุด ภาพจาก แผนการสอน ที่ 1 หนวยที่ 1 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูอาจหาตัวอยางแบบฝกหัดการใชรหัสลําลองที่นาสนใจ เชน การเขียนรหัสลําลองในการเปลี่ยนเวลาจากภาพดานซาย เกมเขาวงกต มาใหนักเรียนไดฝกเขียนรหัสลําลองเพิ่มเติม โดยจัดเปน เปนภาพดา นขวาในขอใดถกู ตอ ง กจิ กรรมเดี่ยวหรือกลมุ ตามความเหมาะสม 1. หมนุ เข็มยาว 45 องศา ตามเขม็ นาฬก า T20 2. หมุนเข็มยาว 45 องศา ทวนเขม็ นาฬกา 3. หมุนเข็มยาว 90 องศา ตามเข็มนาฬกา 4. หมุนเขม็ ยาว 90 องศา ทวนเขม็ นาฬก า (วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไ ดวา ตอง หมนุ เขม็ ยาว 90 องศา ตามเขม็ นาฬก า ดังนัน้ ตอบขอ 3.)
นา� สอน สรปุ ประเมิน ใบงาน เฉลย ขน้ั สอน เรื่อง รหัสลับของนกั สืบเยาวชน 5. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน จากนนั้ ช่อื ………………………………………………………………………………….เลขท่ี....................ช้นั ................... ครแู จกใบงาน เรอื่ ง รหสั ลบั ของนกั สบื เยาวชน คาช้ีแจง ให้นกั เรียนหาเสน้ ทางเพ่ือทาภารกจิ ลับด้วยรหัสลาลอง (ตัวอย่างคาตอบ) 6. ครเู ลา สถานการณเ พอ่ื ดงึ ดดู ความสนใจ สมมติ ภารกิจของนักสบื ใหเ้ ดนิ ทางไปสบื คดรี ะดับชาติ โดยตอ้ งเดินทางไปสบื คดที ่ีต่างแดนผ่านทางเรอื วา นักเรียนไดรับภารกิจลับใหเดินทางไปสืบ ขนสง่ สินคา้ จดุ เร่มิ ต้นอยู่ที่บ้าน แตก่ อ่ นท่ีจะไปข้ึนเรือ นกั สืบจะตอ้ งเดนิ ทางไปเอาแผนทเ่ี ดินเรอื ที่กระท่อม คดีระดบั ชาติ โดยตองเดินทางไปสืบคดที ่ตี า ง หลงั ป่ามรณะ โดยหา้ มเขา้ ป่ามรณะจากนน้ั เดนิ ทางตอ่ ไปที่ปราสาท เพ่อื ขอความชว่ ยเหลือจากทหารให้ติดตาม แดนผานทางเรือขนสงสินคา จุดเริ่มตนอยูที่ ไปด้วยถงึ จะขา้ มสะพานไปขน้ึ เรือได้ บาน แตกอนที่จะไปข้ึนเรือ นักเรียนจะตอง เดนิ ทางไปเอาแผนทเี่ ดนิ เรอื ทกี่ ระทอ มหลงั ปา แนวคาตอบท่ี 1 สญั ลกั ษณ์ขึน้ อย่กู ับการตกลงระหว่างครูกับนักเรียน มรณะ โดยหา มเขาปา มรณะ จากนั้นเดินทาง ตอไปท่ีปราสาท เพ่ือขอความชวยเหลือจาก แนวคาตอบท่ี 2 สมมติให้นักเรียนเป็ นหุ่นยนต์ ทหารใหต ดิ ตามไปดว ยจงึ จะขา มสะพานไปขน้ึ เรือได 1. (หนั หนา้ ไปทางเร่ือหรือตง้ั เปน็ ทศิ เหนอื ) เดินหนา้ 2. เล้ียวขวา 3. เดินหน้า 3 ครัง้ 4. เลี้ยวขวา 5. เดนิ หนา้ 6. หยุด 7. เล้ียวขวา 2 ครง้ั 8. เดนิ หน้า 2 คร้งั 9. เลยี้ วซ้าย 7. ครูใหนักเรียนพิจารณาเสนทางการเดินทาง 10. เดนิ หน้า 11. หยุด 12. เดินหนา้ 2 ครง้ั 13. หยุด ในใบงาน และสรางรหัสลําลองการเดินทาง ในใบงานภายในเวลา 20 นาที หมายเหตุ เป็ นเพยี งตวั อยา่ งคาตอบเทา่ นนั้ ยงั สามารถไปได้หลายเส้นทาง ความหมายสญั ลกั ษณ์ ขนึ ้ อยกู่ บั การตกลงระหวา่ งครูกบั นกั เรียน ขนั้ สรปุ ภาพจาก 1. ครูสุมนักเรียนแตละกลุมออกมาเขียนรหัส ลําลองบนกระดาน และใหเพ่ือนกลุมอ่ืนๆ แผนการสอน ที่ 1 ชวยกันตรวจสอบ หนว ยท่ี 1 2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายหลักการแสดง อลั กอริทึมดว ยรหัสลําลอง และสรปุ ลงในสมดุ ขน้ั ประเมนิ ตารางการวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑก ารประเมนิ ตรวจใบงาน ใบงาน รอ ยละ 60 ผานเกณฑ ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ ยละ 60 ผานเกณฑ สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 การทาํ งาน พฤติกรรม ผานเกณฑ รายบคุ คล ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล การเขียนรหัสลําลองในการเปล่ียนเวลาจากภาพดานซายเปน ครูสามารถสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลของนักเรียน โดยศึกษา ภาพดา นขวาในขอ ใดถกู ตอง เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล ทแ่ี นบมาทายแผนการจัดการเรยี นรทู ่ี 3 หนว ยการเรียนรทู ี่ 1 1. หมุนเขม็ ยาว 45 องศา ตามเขม็ นาฬกา 2. หมนุ เขม็ ยาว 45 องศา ทวนเขม็ นาฬกา แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 3. หมุนเข็มยาว 90 องศา ตามเข็มนาฬกา คาชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องทีต่ รงกับระดับคะแนน 4. หมุนเข็มยาว 90 องศา ทวนเข็มนาฬกา (วเิ คราะหคาํ ตอบ จากตวั เลอื กทีก่ ําหนดให วิเคราะหไดวา ตอง ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 หมนุ เข็มยาว 45 องศา ตามเข็มนาฬก า ดงั น้ัน ตอบขอ 1.) 32 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผอู้ ื่น 3 การทางานตามหนา้ ท่ีท่ีไดร้ บั มอบหมาย 4 ความมีนาใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............/.................../................ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T21
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 3เวลา ช่ัวโมง แผนผงั แสนสนกุ 1. มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั ตัวช้วี ดั ว 4.2 ป.4/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา การอธบิ ายการทำ� งาน การคาดการณ์ผลลัพธจ์ ากปญั หาอยา่ งงา่ ย 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการท�ำงานของอลั กอริทมึ ดว้ ยผังงานหรือโฟลวชาร์ตได้ (K) 2. แกป้ ญั หาอย่างงา่ ยได้ โดยใชอ้ ลั กอริทึมดว้ ยผงั งานหรอื โฟลวชาร์ต (P) 3. เห็นประโยชน์ของการแกป้ ญั หาในชีวิตประจำ� วนั โดยใชอ้ ลั กอรทิ มึ ดว้ ยผงั งานหรอื โฟลวชาร์ต (A) 3. สาระการเรยี นรู้ - การแสดงอลั กอริทมึ ดว้ ยผังงานหรือโฟลวชารต์ - การแกป้ ัญหาโดยใชอ้ ลั กอรทิ ึมด้วยผงั งานหรอื โฟลวชารต์ 4. สาระสำ� คัญ/ความคิดรวบยอด การแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ยผงั งานหรอื โฟลวชารต์ คอื แผนผงั แสดงขน้ั ตอนการทำ� งาน ซง่ึ สามารถใชแ้ ผนผงั นแี้ สดงขนั้ ตอน การทำ� งานของโปรแกรมได้ การแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ยผงั งาน แบง่ ออกเปน็ 2 แบบ ไดแ้ ก่ ผงั งานแบบโครงสรา้ งเรยี งลำ� ดบั และผงั งานแบบโครงสรา้ งทางเลอื ก 5. สมรรถนะส�ำคัญของผูเ้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำ� คัญของผเู้ รียน ทกั ษะ 4Cs คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. ทกั ษะการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ 1. มวี นิ ัย 2. ความสามารถในการคิด (Critical Thinking) 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3. มุ่งมนั่ ในการท�ำงาน 2. ทกั ษะการทำ� งานรว่ มกัน (Collaboration Skill) 3. ท ักษะการส่ือสาร (Communication Skill) 4. ทกั ษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking) 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : รูปแบบการสอนโดยเนน้ รปู แบบการอภิปราย และรูปแบบการสอนแบบ กระบวนการคิดเชิงค�ำนวณ (Computational Thinking Process) T22
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ 2 ก(Fาlรoแwchงaอrtล) กอร งงาน รอ ฟล ชาร ขนั้ นาํ ือ แ น ังแ ดงข้ันตอนการทางาน ซ่ง ามาร ใช 1. ค รู ท บ ท ว น ค ว า ม รู เ ดิ ม โ ด ย ก า ร ถ า ม แ น ังน้ีแ ดงข้นั ตอนการทางานของโปรแกรม ด คําถามนักเรียนวา การแกป หาโดยใช อลั กอรทิ ึมสามารถแสดงไดกแ่ี บบ อะไรบาง การแ ดงอลั กอรทิ มดว ย งั งาน มี ั ลกั แ ละ าอ บิ าย (แนวคาํ ตอบ มี แบบ ไดแ ก การแสดงอลั กอรทิ ม ดงั นี้ ดวยขอความ การแสดงอัลกอริทมดวยรหัส ลําลองหรือ โดโคด และการแสดงอัลกอริทม ตารา ท่ี 1.1 ลก ก ารแ ด ลก รทมดว าน ดวย งั งานหรือโฟลวชารต) ลก า า ชอเร ก 2. ครสู นทนาเกี่ยวกบั กจิ กรรมท่ี 2 ทางเลอื กของ โคนัน จากช่ัวโมงท่ีแลววา นักเรียนไดเขียน จดเรม่ิ ตน หรอื จด ิ้น ด e in หรือ End อัลกอริทึมเปนขอความ ในชั่วโมงนี้นักเรียน ของการทางาน จะไดเขยี นอลั กอริทึมดวยรหัสลําลอง ทิ ทางการดาเนนิ งาน Flow line ขนั้ สอน การดาเนนิ งาน หรอื Process 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3-4 คน การประมวล ล Manual input จากน้ันแจกบัตรขอความชื่อและความหมาย การนาเขาขอ มูลดว ยการ Decision สั ลักษณ ังงานใหนักเรียนกลุมละ 1 ชุด ปอน า ทางแปน พิมพ Connection จากนั้นใหนักเรียนเลนเกมบัตรภาพแ น ัง การตดั ินใจตามเงอ่ื น ข เพือ่ ทดสอบความรแู ละไหวพรบิ ท่กี าหนด ว จดเชื่อมตอ 2. ครูบอกกติกาแกนักเรียนวา เมื่อครูชูบัตร ภาพรูปเรขาคณิตท่ีเปนสั ลักษณของ ังงาน ใหนักเรียนพิจารณาวาสั ลักษณที่ครูชูขึ้นน้ัน มชี อื่ และความหมายวา อยา งไร โดยใหน กั เรยี น แตละกลุมแขงกันยกบัตรขอความที่เปน คําตอบขึ้นแสดง กลุมใดตอบไดเร็วและ ถกู ตอง จะไดคะแนนครงั้ ละ 5 คะแนน การแ ดง ลบนหนา จอ Display การนาขอมลู เขาหรือออก General โดย มร ะบชนิดของอปกร input / output 12 ภาพจาก หนงั สอื เรียน หนา้ 12 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ั ลกั ใ ด ปกติ ะมไดแ คเ ง 2 า ใน ังงาน ครูอาจปรับเปล่ียนกติกาของกิจกรรมเกมบัตรภาพแ น ังไดตามความ เหมาะสม โดยข้ึนอยูกับจํานวนนักเรียนและสื่อการสอน เชน กลุมที่ตอบถูก 1. 2. ไดเร็วที่สุดได 3 คะแนน กลุมท่ีตอบถูกไดเร็วเปนอันดับท่ี 2 ได 2 คะแนน สว นกลุมทเ่ี หลอื จะได 1 คะแนน 3. 4. (วเิ คราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา สั ลัก ท จี่ ะมีไดแคเ ยี ง 2 ภา ใน งั งาน คือ เรมิ่ ตน ส้นิ สด ดังนั้น ตอบขอ .) T23
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน การแ ดงอลั กอริทมดวย งั งาน แบง ดเ ปน แบบ ือ ) งงานแบบ รง รางเร งลา บ ( e en i l 3. หลังจากเลนเกมครบทุกบัตรภาพแลว e) เปน งั งานทแี่ ดงขน้ั ตอนเรยี งลาดบั ตงั้ แต ขน้ั ตอน ครูอธิบายวา การแสดงอัลกอริทึมหรือโฟลว แรก ขนั้ ตอน ดั ป จน งขน้ั ตอน ดทา ย และ น้ิ ดการทางาน ชารตดวย ังงานแบงไดเปน 2 แบบ คือ เปนโ รง รางท่เี รยี บงา ย เชน ังงานแบบโครงสรางเรียงลําดับ และ ังงาน แบบโครงสรางทางเลือก จากนั้นครูอธิบาย การปอน อ ตอวา ังงานแบบโครงสรางเรียงลําดับ (Se uential Structure) เปนการแสดง ขั้นตอนที่เรียงตามลําดับต้ังแตขั้นตอนแรก ไปถงึ ขน้ั ตอนสดุ ทา ย และใหน กั เรยี นดตู วั อยา ง จากในหนังสอื เรียน หนา 13 เม่ือตอ งการปอ นชื่อผา นแปน พมิ พ เราตอ งเปด คอมพวิ เตอร เปดโปรแกรม ที่ตอ งการ แลวจงึ ปอ นชื่อ เริม่ ตน ปอนช่อื i านแปนพิมพ แ ดง ลชอ่ื ออกทางหนาจอ นิ้ ด ภาพที่ 1. การป น ่ โด เ ี น านแบบโ ร รา เรี ลาดบ 13 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา้ 13 ค รูเ ร ขอสอบเนน การคิด หากสังเกตใหดีจะพบวา ังงานแบบโครงสรางเรียงลําดับ จะไมมีการใช ั ลกั ใ ด ะไมมใน ังงานแบบโครง รา งเร งลําดับ สั ลักษณ การตัดสินใจตามเง่ือนไขที่กําหนดไว (Decision) และโครงสรา งของ งั งานจะเหมือนกบั เสนตรงเสน เดยี ว 1. 2. 3. 4. (วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา สั ลัก การตัดสินใจตามเง่ือนไขที่กําหนดไวจะไมมีใน ังงาน แบบโครงสรา งเรียงลําดบั ดังนั้น ตอบขอ 2.) T24
นา� สอน สรปุ ประเมนิ 2) ผงั งานแบบโครงสรา้ งทางเลอื ก (Selection Structure) ขน้ั สอน เปน็ ผังงานทใ่ี ช้แสดงทางเลือกในการตดั สินใจ (Decision) เชน่ 4. ครูอธิบายตอวา ผังงานแบบโครงสราง การป‡อนªอ×è แลÐรหÊั ทางเลือก (Selection Structure) เปนผงั งาน ทีม่ ีการแสดงทางเลือกในการตดั สินใจ และให เริม่ ต้น การตดั สินใจมี 2 ทิศทางเสมอ คอื นักเรียนดูตัวอยางผังงาน ในหนังสือเรียน ป้อนช่ือ ทศิ ทางเม่ือตัดสินใจวา ใช่ (Yes) และ หนา 14 (username) ทศิ ทางเม่ือตัดสินใจวา äม่ใช่ (No) ป้อนรหัสผ่าน 5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายการแสดง (password) อัลกอริทึมดวยผังงานหรือโฟลวชารตท้ัง 2 แบบ username “Pukpui” ไมใ ช ชอ่ื ผูใ้ ชไ้ มถ่ กู ต้อง ไมใ ช รหสั ไม่ถกู ต้อง ใช password “p123” ใช ชอ่ื ผู้ใชแ้ ละรหัส ผ่านถกู ตอ้ ง สนิ้ สุด ภาพท่ี 1.8 การปอนช่อื และรหัสโดยเขียนผงั งานแบบโครงสร้างทางเลอื ก 14 การแสดงอลั กอริทึมด้วยผงั งาน ภาพจาก หนงั สือเรยี น หนา 14 ขอ สอบเนน การคดิ ความรูเสริม ขมิ ตอ งการเขยี นโปรแกรมใหแ สดงวนั ทบ่ี นจอภาพ ขมิ ควรเลอื ก หากสังเกตใหดีจะพบวา ผังงานแบบโครงสรางทางเลือก จะมีการใช ใชสญั ลกั ษณใด สัญลักษณ การตัดสินใจตามเง่ือนไขที่กําหนดไว (Decision) อยางนอ ย 1 ครงั้ ในผังงาน แสดงวา ในกระบวนการทํางานของผังงานมขี ั้นตอน 1. 2. การตดั สนิ ใจทีม่ ีเง่อื นไขที่ทาํ ใหเ กดิ ทางเลือกมากกวา 1 ทางเลือก 3. 4. (วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เปน สัญลกั ษณแสดงการตดั สนิ ใจ ขอ 2. เปน สญั ลกั ษณแ สดงการประมวลผล ขอ 3. เปน สญั ลกั ษณก ารแสดง ผลบนหนา จอ ขอ 4. เปน สญั ลกั ษณแ สดงการนาํ เขา ทางแปน พมิ พ ดังน้นั ตอบขอ 3.) T25
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ¡¨Ô ¡ÃÃÁ Com Sci ½¡ƒ ·¡Ñ ÉÐ 6. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทกั ษะ Com Sci ในหนังสอื เรียน หนา 15 โดยใหเตมิ สญั ลักษณ กุก ไกต อ งการตรวจสอบจาํ นวนทีม่ คี า มากที่สดุ จากจํานวน 2 จาํ นวน แ ล ะ ข อ ค ว า ม ภ า ย ใ น ผั ง ง า น ใ ห ส ม บู ร ณ โดยเติมสัญลักษณและขอความภายในผังงานใหสมบูรณ เพื่อน ๆ ชวย แลว เขียนผังงานลงในสมดุ กกุ ไกตรวจสอบ แลว เขยี นผงั งานลงในสมุด 7. ครูสุมนักเรียนแตละกลุมออกมาเขียนรหัส อัลกอริทึมที่เปน ลําลองหนากระดาน และใหเพ่ือนกลุมอื่นๆ ขอ ความ ชวยตรวจสอบความถูกตอ ง 8. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายหลักการแสดง อัลกอรทิ ึมดว ยรหัสลําลอง และสรปุ ลงในสมุด อลั กอรทิ ึมทีเ่ ปนผังงาน 1. ปอ นจาํ นวนท่ี 1 2. ปอ นจาํ นวนที่ 2 3. ถา จาํ นวนที่ 1 มคี า มากกวา จํานวน ท่ี 2 ใหแสดงผล “จาํ นวนแรกมาก กวาจาํ นวนทส่ี อง” 4. นอกจากนน้ั ให แสดงผล “จาํ นวน ทส่ี องมากกวา จาํ นวนแรก” ทกั ษะการเรียนรูใ นศตวรรษที่ 21 2. ทักษะการคิดอยา งมวี ิจารณญาณ 15 1. ทกั ษะการแกป ญ หา 4. ทกั ษะการสอื่ สาร 3. ทกั ษะการคดิ เชงิ คาํ นวณ ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 15 เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย ครูสามารถตอยอดความเขาใจของนักเรียนได เชน ถากําหนดใหใช ครูถามนักเรียนวา ถาเกิดจํานวนท่ี 1 กับจํานวนที่ 2 มีคา การเปรียบเทียบแบบใชเงื่อนไขนอยกวาแทน นักเรียนจะแกไขอัลกอริทึมที่เปน เทากัน โปรแกรมจะแสดงผลอยางไร และเปนการแสดงผล ขอความอยา งไร ใหเ ขียนอลั กอริทึมท่เี ปนผังงานประกอบการอธบิ าย ท่ีถูกตองหรือไม ถาไมถูกตอง นักเรียนจะมีแนวคิดในการแกไข ใหถูกตองอยางไร T26
นา� สอน สรปุ ประเมนิ อัลกอริทึมมีประโยชน์ คือ ท�าให้ไม่สับสนกับข้ันตอน ขนั้ สอน ท�างาน เพราะทุกอย่างจะถูกจัดเรียงเป็นขั้นตอนวิธีการ และ ทางเลือกไว้ เมื่อน�าข้ันตอนวิธีมาประยุกต์ใช้จะท�าให้ท�างาน 9. ครูสรุปประโยชนของการใชอัลกอริทึม สา� เรจ็ อยา่ งรวดเรว็ ปญั หาลดลง หรอื สามารถคน้ หาตน้ เหตขุ อง แกปญหาจากหนังสือเรียน หนา 16 วา ปญั หาได้ เนอื่ งจากกระบวนการถูกแยกแยะกิจกรรม ขั้นตอน อัลกอริทึมชวยใหเห็นลําดับการทํางาน และความสัมพนั ธ์ ออกมาใหเ้ หน็ อยา่ งชดั เจน ท้ังหมด ทําใหไมสับสนขั้นตอนการทํางาน และงา ยตอ การตรวจสอบหาขอผิดพลาด ขา วปนนอนดกึ จงึ นงั่ หลับในหอ งเรียน 10. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมการแกปญหา จากสถานการณของขาวปนในหนังสือเรียน หนา 16 11. ครูถามคําถามทาทายการคิดข้ันสูงใน หนังสือเรียน หนา 16 วา อัลกอริทึม ชวยแกปญหาในชีวิตประจําวันของเรา ไดอยา งไรบา ง (แนวตอบ ชวยในการวางแผนปรังปรุงวิธี การทํางานเดิมใหมีประสิทธิภาพมากข้ึน หรือชวยใหคิดคนวิธีการใหมท่ีดีกวาเดิมมา แกป ญ หาได) จากภาพน้ี เพอื่ น ๆ ลองใช อัลกอริทมึ แกป ญ หา ใหขาวปน ดนู ะคะ ¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡Òä´Ô ¢é¹Ñ ÊÙ§ อลั กอรทิ มึ ชว่ ยแก้ไขปญั หาในชวี ติ ประจา� วนั ของเราไดอ้ ยา่ งไร บ้างนะ 16 ภาพจาก หนังสอื เรยี น หนา 16 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู นักเรียนคิดวา นอกจากวิชาวิทยาการคํานวณแลว วิชาใด หลงั จากสรปุ ประโยชนข องอลั กอรทิ มึ แลว ครอู าจเตรยี มตวั อยา งสถานการณ มคี วามเกย่ี วขอ งกบั อลั กอรทิ มึ มากทสี่ ดุ จงอธบิ ายเหตผุ ลประกอบ ปญหาประมาณ 2-3 สถานการณ มาเปนตัวอยา งครัง้ ละ 1 สถานการณ เชน การเขาแถวซ้ืออาหารกลางวันท่ีไมเปนระเบียบ และมีการแทรกแถวเกิดขึ้น (แนวตอบ นักเรียนตอบตามประสบการณของตนเอง เชน แลว สมุ ถามนกั เรยี นวา หากนกั เรยี นนาํ อลั กอรทิ มึ มาใชแ กป ญ หาจากสถานการณ คณิตศาสตร เพราะในการเรยี นโจทยป ญหามีการใชก ระบวนการ ดังกลาวจะเกิดประโยชนอยา งไรบา ง แกปญหาอยางเปน ลําดับข้ันตอนอยูแ ลว) T27
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน Ẻ½ƒ¡ËÑ´ อัลกอริทึม คะแนนเตม็ 2. อา นสถานการณท ี่กําหนด แลวตอบคําถาม (10 คะแนน) 12. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด หนา 5-7 ใน 25 แบบฝกหดั โดยใหนักเรียนตอบคําถาม เรอื่ ง อัลกอริทึม ในขอ 1. และอานสถานการณ 1. ตอบคําถามตอไปน้ี (5 คะแนน) นนี า เธอวา เรามาทาํ การด ดีสจิ ะโอโซน เรามคี อมพิวเตอรอยู ที่กําหนดใหเ ขา ใจ แลว ตอบคาํ ถามในขอ 2. 1) อัลกอริทึม (Algorithm) คือ กระบวนการแกป ญ หาทมี่ ลี าํ ดบั หรอื วธิ กี าร.............................................................................................................................. อวยพรวันเกิดใหอ ะตอม พอดี แตวา เราจะใชโปรแกรมอะไร ในการแกป ญ หาใดปญหาหนง่ึ อยา งเปน ขนั้ เปนตอนและชดั เจน................................................................................................................................................................................................................................... กันดีไหม? ทาํ การด อวยพรดีละ! 2) อลั กอรทิ ึม มขี นั้ ตอน ดงั นี้ ? ทาํ ความเขา ใจปญหา............................................................................................................................................................................................ คดิ วธิ ีการแกป ญหา (อาจมีหลายวธิ กี าร)........................................................................................................................................................................................................ เรียงลําดบั ขั้นตอนกอ นและหลงั ในแตละวธิ ีการ............................................................................................................................................................................................ ทบทวนขน้ั ตอนในแตละวธิ ีการอีกครง้ั........................................................................................................................................................................................................ เฉฉบลับย เฉฉบลับย ตรวจสอบความถกู ตองของผลลัพธใ นแตล ะวิธีการ............................................................................................................................................................................................ เพื่อน ๆ ชวยบอกชื่อโปรแกรมท่ีใชทําการดอวยพรใหโอโซนกับนีนา เลอื กวิธีการที่ใหผลลพั ธดีท่สี ดุ เพ่อื นาํ ไปใชแ กปญ หา........................................................................................................................................................................................................ หนอ ยครบั พรอมท้ังเขียนขัน้ ตอนการทาํ การด ท่ถี กู ตอง (แนวคาํ ตอบ) 3) การแสดงอลั กอริทมึ ดวยขอความ (Natural Language) คอื • โปรแกรมทใ่ี ชท าํ การดอวยพร คือ โปรแกรมเพนต.............................................................................................................. • ข้ันตอนการเปด โปรแกรม มดี ังนี้ การใชข อความแสดงขัน้ ตอนการทํางาน มีสว นประกอบ 2 สว น คือ................................................................................................................................................................................................................................... ลําดบั และขนั้ ตอนการทํางาน................................................................................................................................................................................................................................... 1. เล่อื นตัวชเ้ี มาสไ ปทีป่ ุม Start แลว คลิก........................................................................................................................................................................................................................................ 2. เลอ่ื นตวั ชี้เมาสไปท่ี All Programs แลวคลกิ........................................................................................................................................................................................................................................ 4) การแสดงอัลกอริทึมดว ยรหัสจําลองหรอื ซูโดโคด (Pseudocode) 3. เลือ่ นตวั ชี้เมาสไปที่ Accessories........................................................................................................................................................................................................................................ คือ การอธบิ ายดวยรหัส โดยสามารถกาํ หนดรหัสจาํ ลองข้ึนเองได........................................................................................................................................................................................................................ 4. เลอ่ื นตวั ชี้เมาสไ ปที่ Paint แลว คลกิ........................................................................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................ 5) การแสดงอัลกอรทิ ึมดวยผงั งานหรอื โฟลวชารต (Flowchart) คอื ........................................................................................................................................................................................................................................ แผนผังแสดงขนั้ ตอนการทํางาน ซึ่งการแสดงอลั กอรทิ ึมดวยผงั งาน................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................................ แบงไดเ ปน 2 แบบ คือ แบบโครงสรางเรยี งลําดับและแบบโครงสรา ง................................................................................................................................................................................................................................... ทางเลอื ก................................................................................................................................................................................................................................... 6 5 • ขน้ั ตอนการวาดภาพ มีดงั น้ี 1. คลิกเลอื กเคร่อื งมือ เพื่อวาดรูปตามตองการ........................................................................................................................................................................................................................................ 2. คลกิ เลอื กสีที่ตอ งการจากกลอ งสี........................................................................................................................................................................................................................................ 3. เลอื่ นตัวช้ีเมาสไปยังตาํ แหนง ท่ตี องการวาดภาพ........................................................................................................................................................................................................................................ 4. คลิกเมาส แลวลากเปน ภาพเรขาคณิตตามขนาดที่ตอ งการ........................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................ เฉฉบลบั ย • ข้ันตอนการพิมพขอความลงในภาพ มดี งั นี้ 1. คลกิ เลอื กเครอ่ื งมอื........................................................................................................................................................................................................................................ 2. เลื่อนตวั ชี้เมาสไปยังตําแหนงที่ตองการพิมพข อ ความ จากนน้ั คลกิ ลาก........................................................................................................................................................................................................................................ ขอบเขตทต่ี องการพิมพข อ ความ........................................................................................................................................................................................................................................ 3. เลอื กแบบของขอ ความจากดา นลา งของกลอ งเครอื่ งมอื วา จะพมิ พต วั อกั ษร........................................................................................................................................................................................................................................ บนพน้ื สีขาว หรือบนพื้นสีของสพี ้ืนหลัง........................................................................................................................................................................................................................................ 4. คลกิ คาํ ส่ังมมุ มอง (View) แลว เลอื ก Text Toolbar........................................................................................................................................................................................................................................ 5. เลอื กแบบตวั อกั ษร ขนาด และลักษณะตวั อกั ษรที่ตองการ........................................................................................................................................................................................................................................ 6. พมิ พขอ ความตามท่ีตองการ........................................................................................................................................................................................................................................ 7. คลกิ เมาสน อกกรอบท่พี มิ พขอความ เมอ่ื เสร็จสนิ้ การพิมพ........................................................................................................................................................................................................................................ 8. ตรวจสอบผลงาน และสั่งพิมพผลงานออกจากเครื่องพมิ พ........................................................................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................................................................ ภาพจาก 7 แบบฝก หดั หน้า 5-7 จาก แบบฝกหดั หนา 12 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครอู าจเตรยี มโปรแกรมทาํ การด อวยพรทเี่ ปน ฟรแี วร ไวใ นเครอื่ งคอมพวิ เตอร ขอ ใดเปน รปู แบบของอลั กอรทิ มึ ทเี่ ขยี นงา ยทสี่ ดุ กบั อลั กอรทิ มึ ที่ 2-3 โปรแกรม ใหนักเรียนไดเลือกใชเพ่ือตอบคําถามในแบบฝกหัด หนา 6-7 มีความใกลเคียงภาษาคอมพวิ เตอรมากทสี่ ดุ ตามลาํ ดบั เพอื่ ใหน ักเรียนมที างเลือกท่ีหลากหลายมากขนึ้ ในการตอบคําถาม 1. การแสดงอลั กอริทึมดวยขอความ การแสดงอลั กอริทึม T28 ดวยผงั งาน 2. การแสดงอัลกอริทึมดวยรหัสลําลอง การแสดงอัลกอริทึม ดวยผงั งาน 3. การแสดงอัลกอรทิ มึ ดวยผงั งาน การแสดงอลั กอรทิ ึม ดว ยรหัสลําลอง 4. การแสดงอัลกอริทึมดวยขอ ความ การแสดงอัลกอรทิ ึม ดว ยรหสั ลาํ ลอง (วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา อัลกอริทึมท่ีเขียนไดงายที่สุด คือ ขอความ อัลกอริทึมท่ีมีความ ใกลเคียงภาษาคอมพิวเตอรมากท่ีสุด คือ รหัสลําลอง ดังน้ัน ตอบขอ 4.)
นา� สอน สรปุ ประเมนิ 3. สืบคนข้ันตอนการทําเปเปอรมาเช แลวเขียนอัลกอริทึมโดยใชรหัส ขนั้ สอน จําลองหรอื ซูโดโคด ของการทําเปเปอรม าเช (5 คะแนน) 13. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัด หนา 8-9 (แนวคาํ ตอบ) ในแบบฝก หัด โดยใหน กั เรยี นสืบคน ขน้ั ตอน การทําเปเปอรมาเช แลวเขียนอัลกอริทึม (ติดภาพผลงาน) โดยใชรหัสลําลองหรือซูโดโคดในขอ 3. และอานสถานการณที่กําหนดใหเขาใจ เฉฉบลบั ย แลวแกปญหาโดยใชการแสดงอัลกอริทึม ดวยผังงานในขอ 4. 4. อา นสถานการณ แลว ใหน กั เรยี นแกป ญ หาโดยใชก ารแสดงอลั กอรทิ มึ ดวยผังงาน (5 คะแนน) หนุ ยนตตวั นี้ เรามีเงนิ แค 100 บาท 500 บาทจะ จะทาํ ยงั ไงเพื่อใหได หนุ ยนตต วั นด้ี ีนะ 8 110000 (แนวคาํ ตอบ) เร่ิมตน แมใหเ งนิ คาขนม วนั ละ 40 บาท ไมเ ก็บ เงนิ 40 บาท เกบ็ ขอแม 400 บาท เกบ็ เงินวันละ 20 บาท เฉฉบลับย ครบ 20 วนั มีเงินไปซ้ือหุน ยนต ส้นิ สดุ เกณฑก ารใหคะแนน คะแนน/ขอ 1 1. การตอบคาํ ถาม (5 คะแนน มี 5 ขอ ) ตอบคาํ ถามไดถ กู ตอง 1 3 2. การอานสถานการณแลว ตอบ เขียนชื่อโปรแกรมท่ีใชในการทาํ การด อวยพรไดถ ูกตอง 3 คําถาม (10 คะแนน) เขยี นลาํ ดับขั้นตอนการเปด โปรแกรมไดถกู ตอ ง ชัดเจน 3 5 เขียนลําดบั ขั้นตอนการวาดภาพไดถกู ตอง ชัดเจน 3 เขยี นลาํ ดับขัน้ ตอนการพมิ พขอความลงในภาพไดถูกตอ ง 29 3. การเขยี นรหัสจาํ ลองหรอื ซูโดโคด เขยี นรหสั จาํ ลองหรอื ซูโดโคดของการทําเปเปอรม าเช (5 คะแนน) ไดถกู ตอ งตามลาํ ดบั ข้นั ตอน 4. การเขียนผังงานจากสถานการณ เขียนลําดบั ข้ันตอนไดถ กู ตอง (5 คะแนน) เขียนสญั ลักษณในแตล ะข้นั ตอนไดถ ูกตอ ง ภาพจาก แบบฝก หัด หนา้ 8-9 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอใดไมเ หมาะกับการเขียนผงั งานแบบโครงสรา งทางเลือก หากมีขอ จํากดั ในการสอน ครอู าจใชวิธแี นะนําหรือทบทวนความรูพื้นฐาน 1. กระบวนการทํางานท่ีมีเงอ่ื นไขในการตัดสนิ ใจ ในการทําเปเปอรมาเชใหกับนักเรียนแทนการใหนักเรียนสืบคนขอมูลเองกอน 2. กระบวนการทํางานที่มลี ําดับข้นั ตอนท่ไี มแนน อน ทจี่ ะใหท ําแบบฝกหดั หนา 8 เพ่อื ปอ งกนั ปญ หากรณีทีม่ นี ักเรียนบางคนไมรูจ กั 3. กระบวนการทํางานทม่ี ที างเลือกในการแกปญ หามากกวา การทาํ เปเปอรมาเชมากอนก็ได 1 ทางเลือก 4. กระบวนการทาํ งานทม่ี ลี ําดับขัน้ ตอนทแี่ นน อนเพยี ง รูปแบบเดยี ว (วเิ คราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา กระบวนการทํางานท่ีมีลําดับข้ันตอนที่แนนอนเพียงรูปแบบเดียว เหมาะกับการเขียนผังงานแบบโครงสรางเรียงลําดับ ดังน้ัน ตอบขอ 4.) T29
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน เฉลย ใบงาน เรอื่ ง การเดินทางดว้ ยผังงาน 14. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3-4 คน คาช้แี จง ให้นักเรยี นพจิ ารณาข้อความตอ่ ไปนี้ เรียงลาดับขอ้ ความใหถ้ กู ต้อง จากน้ันแจกใบงาน เรื่อง การเดินทางดวย กิจกรรมที่ 1 รูปแบบโครงสรา้ ง.....เ.ร..ีย..ง..ล..ำ..ด..บั...................................................................................... ผงั งาน เร่มิ ต้น 15. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันทําใบงาน ตืน่ นอน เรอ่ื ง การเดินทางดวยผงั งาน แปรงฟัน อำบนำ เชด็ ตวั กจิ กรรมท่ี 2 รปู แบบโครงสร้าง......ท..ำ..ง..เ.ล..อื..ก....................................................................................... แตง่ ตวั ทำนอำหำรเชำ้ เดนิ ทำงไปโรงเรียน ถงึ โรงเรียน ตื่นนอน จนบ เริม่ ตน้ ออกจำกบ้ำน รอรถประจำทำง มี มรี ถหรือไม่ ไมม่ ี ขนึ รถ เรียกแทก็ ซ่ี ลงป้ำยรถประจำทำง ขึนแทก็ ซี่ เดินเขำ้ ซอย ถงึ บำ้ นคุณยำย ภาพจาก แผนการสอน ที่ 21 หนวยท่ี 1 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูอาจย้ําใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบคําตอบของใบงาน กําหนดคาความสงู (ซม.) ของนักเรยี น 4 คน คอื 128, 132, ใหเรียบรอยกอนท่ีจะสง เพราะในใบงานมีลําดับข้ันตอนจํานวนมาก หากไม 135, 139 กําหนดเงื่อนไข ดงั นี้ A สงู กวา B, C เตยี้ กวา A และ ตรวจทานใหด กี อ นอาจเกดิ การผิดพลาดได D สงู กวา C อยู 4 ซม. ขอ ใดถูกตอ ง 1. A สูง 135 ซม. 2. B สูง 132 ซม. 3. C สงู 135 ซม. 4. D สงู 132 ซม. (วเิ คราะหคําตอบ จากตวั เลอื กทกี่ าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า ลาํ ดบั ความสูงของนกั เรียนเรยี งจากนอ ยไปมาก คอื C, D, B, A ดงั นนั้ ตอบขอ 4.) T30
นา� สอน สรปุ ประเมนิ เเกล่นม กับ Com Sci ขน้ั สอน เลน่ เกม แข่งกบั เ¾่ือน 16. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 4-5 คน เพื่อทํากิจกรรมชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด กติกา เร่อื ง แผนผงั แสนสนกุ • เขียนตารางกว้าง 3 ช่อง ยาว 3 ชอ่ ง 17. ครแู จกอปุ กรณใ หน กั เรยี น ไดแ ก กระดาษปรฟู • ผ้เู ลน่ ทัง้ 2 คน กา� หนดว่า ใครจะเป็นฝายได้เล่นก่อน ผ้เู ลน่ คนแรก กลุมละ 1 แผน และปากกาเมจิกกลุมละ 2 ดา ม เขยี น O (หรือ X ก็ได)้ จากนัน้ ผู้เลน่ อีกคนเขียนเครื่องหมายตรงข้าม ผู้เลน่ คนแรก 18. ครูใหนักเรียนจับสลากเลือกสถานการณ • ผ้เู ล่นท้งั 2 คน ผลัดกนั เขียนเคร่อื งหมายของตนเอง จนเต็มกระดาน (ใหครูสรางสถานการณโดยที่แตละกลุม สถานการณไมซํ้ากัน ตัวอยางสถานการณ การตัดสนิ เชน การเดินทางจากโรงเรียนกลับบาน) แลวใหนักเรียนออกแบบการแกปญหา ผู้เล่นคนที่เขียนเครื่องหมายของตนเองเรียง โดยใชการแสดงอัลกอริทึมดวยผังงาน เปน็ แนวตรงหรอื แนวทแยงตอ่ กนั 3 อนั ภายในเวลา 15 นาที เป็นฝา ยชนะ 19. หลงั จากทน่ี กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรจ็ แลว ครใู ห กจิ กรรม สร»ุ ความร»้Ù รÐจา� หนว่ ยท่ี 1 นักเรียนแตละกลุมนําเสนอหนาชั้นเรียน กลุมละ 2-3 นาที µÃǨÊͺµ¹àͧ 20. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายกิจกรรม หลังจากเรียนจบหน่วยน้ีแล้ว ให้นักเรยี นบอกสัญลักษณ์ทีต่ รงกับระดับความสามารถ ชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด เร่ือง แผนผัง ของตนเอง แสนสนุก 21. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเลน เกมกบั Com Sci ในหนงั สอื เรียน หนา 17 โดยใหจบั คเู ลนเกม OX แขง กับเพอ่ื น ตามกติกาในหนงั สือเรียน รายการ เกณฑ์ ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 1. ใช้ความคิดเพ่ือหาเหตุผลมาพิจารณาแก้ไข ปัญหาตา่ ง ๆ ได้ 2. อธบิ ายการทา� งานและคาดการณผ์ ลทจี่ ะเกดิ ได้ 3. น�าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจ�าวนั ได้ 17 ภาพจาก หนงั สอื เรยี น หนา 17 ขอ สอบเนน การคิด ความรูเสริม กาํ หนดให # = 4 และ OOO = ## แลว เกม OX (โอเอกซ) หรอื ชอื่ ภาษาองั กฤษ เรยี กวา Tic-Tac-Toe (ทกิ แทก็ โท) OOOOOOOOO มีคาเทา ไร หรอื XO (เอกซโอ) เปนเกมกระดานชนดิ หนึ่งทผี่ ูเลน แตล ะฝา ยจะผลัดกันเขยี น O และ X ลงในกระดานขนาด 3 × 3 ชอ ง เปา หมายของเกม คอื การทาํ ใหส ญั ลกั ษณ 1. 20 ของตัวเอง 3 ชอง เรียงกนั เปนเสนตรงในแนวนอน แนวตัง้ หรอื แนวทแยงได 2. 22 เปนคนแรก จึงถือวาเปนผูชนะในเกมน้ัน โดยหามวาดสัญลักษณซํ้าลงในชอง 3. 24 ทมี่ กี ารวาดสัญลกั ษณแลว 4. 26 (วิเคราะหค าํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา เถพารา#ะฉ=ะน4ั้นแOOOลOOOวOOO ## = 4 + 4 เทา กบั 8 แสดงวา OOO =8 มคี าเทา กบั 3×8= 24 ดงั น้ัน ตอบขอ 3.) T31
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สร ÊÃØ» สาระส�าคญั การอธิบาย ดว ยรหสั ทีจ่ าํ ลอง 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูท่ีเรียนมา ลําดบั ในหนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 เรอ่ื ง ขน้ั ตอนวธิ กี ารแก ขนั้ ตอนวธิ ี ขนึ้ เอง ป หา ครูถามคําถามเพื่อทบทวนความรูกับ การทาํ งาน นกั เรยี นเกย่ี วกบั เหตุ ลเชงิ ตรรกะ ความหมาย และกระบวนการของอัลกอริทึม การแสดง อัลกอริทึมแบบตาง ใหนักเรียนหาคําตอบ โดยสืบคนจากหนงั สือเรียน การดแว สยดขงออคัลวกาอมริทมึ การแดสวดยงรอหัลกสั อริทมึ ? ขัน้ ใตนอกนาวรธิ แี กอป้ัลกัญอหราิทมึ การแสดงอลั กอริทมึ ดว ย โฟลวชารต การอธบิ ายขั้นตอน จดุ เริ่มตน หรือจุดส้นิ สุด วิธี โดยใชผ ังงานท่มี ี การดาํ เนนิ การ การตัดสนิ ใจ สัญลักษณ เชน 18 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา้ 18 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูอาจใหนักเรียนเขยี นสรปุ ขอดี-ขอ เสยี ของอัลกอริทึมท้ัง 3 แบบเพ่ิมเตมิ ั ลัก ใ ดไมม การเข นขอความใน ั ลกั เพ่ือใหเ กดิ ความรูแ ละความเขาใจในการนําไปใชม ากขน้ึ ดวย 1. 2. 3. 4. (วิเคราะหคาํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา สั ลัก จดเชื่อมตอ ทําหนาที่เช่ือมตอเสนทางการทํางาน ของ ังงานเทาน้ัน ไมสามารถเขียนขอความลงไปได ดังน้ัน ตอบขอ .) T32
นา� สอน สรปุ ประเมนิ กิจกรรม ขน้ั สรปุ เสริมสรางการเรียนรู 1. พิจารณาภาพทงั้ 2 ชุด และตอบคาํ ถามวาภาพทีห่ ายไป ? 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรมิ สรา งการเรยี นรู ควรเปนภาพใด โดยเลอื กจากภาพ 1 - 5 ท่ีกําหนดให ในหนงั สอื เรียน หนา 19 โดยพจิ ารณาภาพทั้ง ดา นลา ง และบนั ทกึ ลงในสมดุ 2 ชดุ และตอบคาํ ถามวา ภาพท่หี ายไปควรจะ 1. เปน ภาพใด โดยใหน กั เรยี นสามารถแลกเปลยี่ น ความคิดเห็นกันได จากนั้นใหคนที่ตอบถูก 12 ในแตละขอออกมาอธิบายเหตุผลในการเลือก ตอบของตนเองใหเพ่ือนรวมชนั้ เรียนฟง 3 45 1 23 45 1 23 4 5 1 23 4 5 2. 1 23 45 5 23 45 1 23 4 5 1 1 23 4 5 23 45 1 23 4 5 1 23 45 1 23 4 5 1 23 45 1 23 4 5 1 23 45 1 23 4 5 1 23 45 1 23 4 5 23 45 1 23 4 5 3. 1 23 45 1 23 4 23 45 5 1 23 45 1 23 4 5 1 1 23 45 1 23 4 5 1 23 45 19 1 1 ภาพจ1าก หนงั สือเร2ยี น หนา 319 4 1 2 ข3อ สอบเ4นน กา5 รคดิ เกร็ดแนะครู 17 ครูสามารถหาโจทยปญหาแบบตรรกะในอินเทอรเน็ตมาใหนักเรียนทํา 8 10 เพ่ิมเตมิ เพ่อื ฝกกระบวนการคดิ ได 17 21 T33 จากตารางขางบน ตัวเลขทหี่ ายไปควรจะเปนตัวเลขใดบาง 1. 3, 14, 16 2. 4, 14, 15 3. 3, 14, 15 4. 2, 13, 14 (วิเคราะหค าํ ตอบ จากตัวเลือกท่ีกําหนดให วิเคราะหไดวา ตวั เลขชอ งกลางจะมากกวา ชอ งดา นซา ยอยู 2 ตวั เลขชอ งดา นขวา จะมากกวาชอ งกลางอยู 4 ดงั นั้น ตอบขอ 3.)
นา� สอน สรุป ประเมนิ ขนั้ สรปุ 2. น า� กิจกรรมตอ่ ไปนเี้ รียงลา� ดบั ขั้นตอนตามแบบอลั กอรทิ มึ ลงในสมดุ 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรมิ สรา งการเรยี นรู เปรียบเทยี บอายโุ อโซนกบั นีน่า แลว้ บอกอายุคนท่มี ากกว่า ในหนงั สอื เรยี น หนา 20 โดยนาํ รายชอ่ื กจิ กรรม A. รับอายุนนี ่า ในหนงั สอื เรยี นมาเรยี งลาํ ดบั ขน้ั ตอนตามแบบ B. เปรียบเทียบอายโุ อโซนมากกว่าอายุนีน่าหรอื ไม่ อัลกอริทึม เพื่อหาขั้นตอนท่ีเหมาะสมลงใน C. รับอายุโอโซน สมุด เมื่อทําเสร็จแลวใหนักเรียนตรวจทาน D. ใหพ้ มิ พอ์ ายนุ ีนา่ ใหเรยี บรอยกอ นสงครู E. ให้พมิ พอ์ ายโุ อโซน F. ถา้ มากกว่า ???G. ถา้ ไมม่ ากกว่า เรยี งล�าดบั ข้นั ตอนทเี่ หมาะสมใหมไ่ ด้ ดังน้ี _ _ _ _ _ เรียงลําดบั อายุ ของนนี ากบั โอโซน ไดไหมคะเพอ่ื น ๆ โอโซน นนี า 20 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 20 เกร็ดแนะครู กจิ กรรม สรางเสรมิ ครูอาจสุมถามนักเรียนวา คําวา ถาไมมากกวา ในกิจกรรมขอ 2. ใหน ักเรยี นแบงกลมุ กลุม ละ 4-5 คน แลวลองชวยกนั เขียน หมายความวาอยางไร โดยใหตอบตามความเขาใจ เพื่อตรวจสอบความเขาใจ อลั กอรทิ มึ ขนั้ ตอนการโยนลกู เตา 2 ลกู แลว นาํ แตม มาเปรยี บเทยี บวา ของนักเรียนวา สามารถตีความเงื่อนไขไดตรงความจริงหรือไม และอาจ เทากันหรอื ไม โดยถา แตม เทา กันใหแ สดงขอความวา แตมเทา กนั ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเพ่ิมเติม เพื่อใหนกั เรียนไดฝ กฝนเพิม่ ข้นึ ถา แตมไมเทากนั ใหแสดงขอความวา แตมไมเ ทากนั T34
นา� สอน สรปุ ประเมนิ 3. จากอัลกอลิทึมโดยใช้ผังงานของการท�าแซนด์วิช ให้นักเรียน ขนั้ สรปุ ระบวุ า่ ตอ้ งใชเ้ บคอนกชี่ นิ้ และขนมปงั กแี่ ผน่ พรอ้ มทงั้ ใหเ้ หตผุ ล (เขียนอธิบายแนวคิดพร้อมทั้งเหตุผลลงในสมุด จากนั้นพูดคุย 4. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมเสรมิ สรา งการเรยี นรู ในหนังสือเรียน หนา 21 โดยพิจารณาวา แลกเปล่ียนกบั เพอ่ื นว่าได้ผลลพั ธเ์ หมือนกนั หรือต่างกนั อยา่ งไร) จากผังงานการทําแซนดว ิช นกั เรียนจะตอ งใช เบคอนก่ีช้ิน และขนมปงก่ีแผน พรอมท้ัง เรม่ิ ใหเ หตผุ ลลงในสมดุ จากนน้ั พดู คยุ แลกเปลย่ี น กับเพ่ือนวา ไดผลลัพธเหมือนกันหรือตางกัน อยางไร จากน้ันลองตรวจสอบคําตอบของ ตนเองอกี ครง้ั Set \"ขนมปงั \" เปน็ 0 Set \"เบคอน\" เป็น 0 วเพางม่ิ แผ\"ข่นนขมนปมงั ป\"ังทบลีนะจา1นแผ่น วางเบคอนบนขนมปัง เพม่ิ \"เบคอน\" ทลี ะ 2 ชน้ิ \"เบคอน\" <10 Yes No วเพาง่มิ แอผีก่นข1นแมผป่นงั แซนด์วชิ พร้อมรบั ประทาน หยุด ภาพท่ี 1.9 การเขยี นอลั กอรทิ มึ โดยผงั งานของการท�าแซนดว์ ิช 21 ภาพจาก หนังสือเรียน หนา 21 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู พิจารณาชุดตวั อกั ษรตอ ไปน้ี ความเขาใจที่สําคัญอีกอยางหนึ่ง คือ นอกจากนักเรียนจะสามารถตอบ TTHHH -> THTHH -> THHTH -> … จาํ นวนเบคอนและขนมปง ทใี่ ชไ ดถ กู ตอ งแลว นกั เรยี นควรรดู ว ยวา ในการทาํ งาน ของผังงานตามเง่ือนไขดังกลาวมีการวนซ้ําเกิดขึ้นท้ังหมดกี่รอบ เพราะในการ ชุดตวั อกั ษร HHHTT เปนลาํ ดบั ท่ีเทา ไร เขียนโปรแกรมการตรวจสอบจํานวนรอบของการวนซํ้าและคาตัวแปรท่ีมี 1. ลาํ ดบั ท่ี 6 การเปล่ียนแปลงในแตละรอบสามารถชวยในการวิเคราะหขอผิดพลาดในการ 2. ลาํ ดับท่ี 7 เขยี นโปรแกรมได 3. ลําดับท่ี 8 4. ลําดับท่ี 9 (วเิ คราะหคาํ ตอบ จากตวั เลอื กทก่ี าํ หนดให วเิ คราะหไ ดว า HHHTT เปน ลําดบั ที่ 7 ดังนัน้ ตอบขอ 2.) T35
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สรปุ ¡อÔ¨ลั ¡กÃอÃรÁิท½มึƒ¡ช·ว ¡Ñ ยÉไดÐ ·èÕ 1 Creating ไดค ะแนน คะแนนเต็ม Evaluating 5. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะท่ี 1 Analyzing 10 อัลกอริทึมชวยได ในแบบฝกหัด หนา 10 Applying โดยใชความรูเกี่ยวกับอัลกอริทึมแกปญหา Understanding จากสถานการณที่กําหนด โดยสามารถ Remembering แลกเปล่ียนความคิดเห็นกับเพ่ือนได จากนั้น ใหนักเรียนเรียบเรียงขอมูลที่ไดเขียนเปน ใหนกั เรยี นใชความรูเก่ียวกับอลั กอริทึมแกป ญ หา จากสถานการณท ่ีกําหนด อลั กอริทมึ เพอ่ื แกปญ หาใหก บั อะตอม อะตอม จากสถานการณ ถานักเรียน เปนอะไรจะ ครูครับ ผมสอบ เปนเพื่อนของอะตอม นักเรียนจะ วิชาคณติ ศาสตร ใชอัลกอริทึมแกปญหาใหอะตอมได ไมผ า นครบั อยา งไร (แนวคาํ ตอบ) ปญ หาของอะตอม คือ สอบวชิ าคณติ ศาสตรไ มผา น................................................................................................................................................................................... วิธกี ารแกป ญ หา มดี งั น้ี เฉฉบลบั ย ............................................................................................................................................................................................................................................................... เร่ิมตน ............................................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................ส...อ...บ...ค...ณ.....ติ ...ศ...า...ส...ต...ร..ไ...ม...ผ...า...น......................................................................................................... ..............................................................ไ..ม....ใ..ช... ........................................เ..ล...ือ...ก...เ..ร..ยี...น...เ..ส...ร...มิ ........................................ใ..ช... .................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................... .......................................ฝ...ก...ท....าํ ..แ...บ....บ...ฝ...ก...ห....ัด...เ.อ...ง.............................................................................................ห....า..ส...ถ....า..น....ท...เ่ี..ร..ีย...น....เ.ส...ร...ิม............................................ ............................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................ส...อ...บ...ซ....อ ...ม...ผ...า...น................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................................................................... ส้นิ สดุ ............................................................................................................................................................................................................................................................... (พิจารณาตามคาํ ตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของผูสอน) เกณฑการใหคะแนน คะแนน การแกป ญหาโดยใชอ ลั กอริทึม (10 คะแนน) 1 9 บอกปญ หาไดถ กู ตอง เขยี นขน้ั ตอนการแกป ญ หาไดถ กู ตอ งตามลาํ ดบั (ถา มขี อ ผดิ พลาดใหล ดทอนคะแนนลง จดุ ละ1 คะแนน) ทักษะการเรียนรใู นศตวรรษที่ 21 1. ฝกทกั ษะการคดิ อยางมวี จิ ารณญาณ 2. ฝก ทกั ษะการแกป ญหา 10 3. ฝกทกั ษะการส่อื สาร ภาพจาก แบบฝกหัด หนา้ ท1ี่ 40 เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills ครูอาจใหนักเรียนชวยกันคิดสาเหตุที่ทําใหอะตอมสอบคณิตศาสตร ใหนักเรียนแบงเปน 4 กลุม แลวใหแตละกลุมเลือกหัวขอ ไมผานกอ น วา เกิดจากสาเหตใุ ดไดบา งเปนอันดบั แรก แลว จึงใหนกั เรยี นเขียน ตอ ไปน้กี ลมุ ละ 1 หัวขอ ไมซา้ํ กัน อลั กอรทึ ึมแกป ญ หาใหอ ะตอมจากสาเหตทุ ่ตี นเองเลือก 1. ชอนพลาสตกิ 2. หลอดพลาสตกิ 3. ถุงพลาสตกิ ใสแ กง 4. กลอ งอาหารพลาสติกใสแบบใชครง้ั เดยี ว สมมติวา หัวขอท้ัง 4 หัวขอ เปนขยะพลาสติกที่พบมาก ทว่ั ประเทศ ใหแ ตล ะกลมุ คดิ อลั กอรทิ มึ เพอื่ ใหร า นอาหารลดการใช พลาสตกิ ตามหวั ขอ ทต่ี นเองเลอื ก แลว ออกมานาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น T36
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ¡คÔ¨ิด¡เÃปÃนÁร½ะ¡ƒบ·บ¡Ñ ÉзèÕ 2 Creating ไดค ะแนน คะแนนเต็ม ขน้ั สรปุ Evaluating Analyzing 10 6. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะท่ี 2 คดิ เปน Applying ระบบ ในแบบฝกหดั หนา 11 โดยใชค วามรู Understanding เกย่ี วกับอัลกอริทึมแกป ญหา จากสถานการณ Remembering ท่ีกําหนด จากนั้นใหนักเรียนเรียบเรียงขอมูล ทไ่ี ดเ ขยี นเปน อลั กอรทิ มึ เพอ่ื แสดงขนั้ ตอนการ ใหนักเรียนเขียนอัลกอริทึมขั้นตอนการออกกําลังกายโดยใชรหัสจําลองหรือ ออกกําลังกายใหมีสุขภาพท่ีดีขึ้นโดยใชรหัส ซโู ดโคด จากสถานการณทก่ี าํ หนด ลาํ ลองหรอื ซูโดโคด ผมอยากเร่ิมออกกาํ ลังกายใหมี สขุ ภาพดีขน้ึ เพอ่ื น ๆ ชว ยแนะนํา ทาออกกาํ ลงั กายหนอ ยสคิ รบั (แนวคาํ ตอบ) (ตดิ ภาพผลงาน) เฉฉบลับย เกณฑการใหคะแนน คะแนน การเขยี นอัลกอริทึมโดยใชร หัสจําลองหรอื ซโู ดโคด (10 คะแนน) 5 5 เขียนขน้ั ตอนการออกกาํ ลงั กายไดถ ูกตองตามข้นั ตอน 11 เขียนรหัสจาํ ลองหรือซูโดโคด ไดถูกตอ ง ภาพจาก ทกั ษะการเรียนรใู นศตวรรษที่ 21 2. ฝก ทกั ษะการสือ่ สาร 1. ฝก ทกั ษะการคดิ อยา งมวี จิ ารณญาณ แบบฝก หัด 3. ฝก ทกั ษะการตดั สนิ ใจ หนา้ ท1ี่ 41 กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับวิธีการออกกําลังกายเพื่อ ครอู าจใหเ วลานกั เรยี นสบื คน ขอ มลู เกยี่ วกบั การออกกาํ ลงั กาย เพอ่ื นาํ ความรู ลดน้าํ หนกั จากน้นั ใหน กั เรียนตัดสินใจวา ในการเขยี นอลั กอรทิ มึ ท่ีไดมาใชในการเขียนข้ันตอนการออกกําลังกายในกิจกรรมฝกทักษะท่ี 2 การออกกําลังกายเพื่อลดน้ําหนักดวยผังงาน นักเรียนจะเลือกใช คดิ เปน ระบบ เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดฝ ก เขยี นอลั กอรทิ มึ ทม่ี วี ธิ กี ารแกป ญ หาสอดคลอ ง ผังงานแบบโครงสรางเรียงลําดับหรือแบบโครงสรางทางเลือก กบั ความเปนจริงมากขนึ้ ดว ย เพราะเหตุใด แลว บนั ทกึ ลงในสมดุ แลวใหครูสมุ นักเรียน 4-6 คน ออกมานําเสนอเหตผุ ลในการเลือกผังงานทัง้ 2 แบบ ใหเพอื่ นฟง T37
นา� สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ แบบทดสอบ ไดค ะแนน คะแนนเตม็ 4. ปาลม มม่ี นี า้ํ หนกั เกนิ เกณฑม าตรฐาน เธอจงึ เรม่ิ คดิ สาเหตทุ ที่ าํ ใหต นเองมี »ÃШíÒ˹Nj ¡ÒÃàÃչ̷٠Õè 1 นา้ํ หนกั เกนิ เกณฑม าตรฐาน จากขอ ความตรงกบั ขน้ั ตอนอลั กอรทิ มึ ในขอ ใด 7. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบ ประจําหนวย 10 ก. ทําความเขาใจปญ หา การเรียนรูท่ี 1 ในแบบฝกหัด หนา 12-15 ข. คดิ วธิ ีการแกปญ หา ตอนท่ี 1 จาํ นวน 10 ขอ และตอนท่ี 2 จาํ นวน ตอนที่ 1 ค. เลือกวิธีการแกป ญ หา 1 ขอ ง. ทบทวนข้นั ตอนการแกปญหา วง ลอมรอบตัวอกั ษร ก, ข, ค และ ง หนาคําตอบที่ถกู ตอง 1. จากภาพขัน้ ตอนการทาํ ซชู ิ ภาพท่หี ายไปคือภาพในขอใด ก. ข. 5. จากคาํ ตอบในขอ 4. ข้ันตอนตอ ไปท่ีปาลมม่ตี อ งปฏบิ ัตคิ ือขอ ใด ก. จัดลาํ ดบั ตารางการออกกาํ ลงั กาย ข. ตรวจสอบผลลัพธท ่ีไดจากการออกกาํ ลงั กาย ค. ศกึ ษาวธิ กี ารทาํ ใหตนเองมีน้ําหนกั อยูในเกณฑม าตรฐาน ง. สรปุ วิธกี ารทีท่ ําใหต นเองมนี ํา้ หนักอยใู นเกณฑม าตรฐานและนําไปใช ค. ง. 6. การแสดงอลั กอรทิ ึมดว ยขอความ หมายถงึ ขอ ใด ก. การเขียนเรียงลําดบั ขัน้ ตอนการทาํ งาน เฉฉบลบั ย ข. การสรางรหัสจาํ ลองอธิบายขัน้ ตอนการทํางาน เฉฉบลับย ค. การใชส ัญลกั ษณเ รยี งลําดับขน้ั ตอนการทาํ งาน 2. จากภาพตัวเลข ภาพท่หี ายไปคือภาพในขอ ใด ง. การใชแ ผนผงั อธิบายลาํ ดับขน้ั ตอนการทํางาน 15 16 23 40 50 1. เปดเว็บเบราวเซอร พิมพ http://www.thailandpost.co.th ท่ีชอง Address bar ก. 9 27 ข. 9 32 2. เลือ่ นลอ็ กเพือ่ คน หาไปดา นขวา ค. 10 30 ง. 10 31 3. คลกิ เลือกตรวจสอบสถานะ EMS และไปรษณยี ลงทะเบยี น 4. พมิ พหมายเลขพสั ดทุ ปี่ รากฏในใบเสรจ็ รบั เงิน 13 หลกั 3. อลั กอริทมึ หมายถงึ ขอ ใด ก. การคาดการณผลลัพธจากปญ หา 7. จากขอ ความดา นบน ขอ ใดเรียงลาํ ดบั ข้นั ตอนการตรวจสอบสถานะของ ข. การใชเ ทคโนโลยใี นการแกปญ หา พัสดุท่สี ง ทางไปรษณียจากเว็บไซตไ ดถ กู ตอง ค. วธิ กี ารตรวจสอบข้นั ตอนการแกปญ หา ก. 1 4 3 2 ข. 1 3 4 2 ง. กระบวนการแกป ญ หาท่ีมีลาํ ดบั ข้นั ตอนชดั เจน ค. 3 2 4 1 ง. 4 3 2 1 12 13 8. ภาพสัญลักษณ ในผังงานมคี วามหมายวาอยา งไร ตอนที่ 2 ไดค ะแนน คะแนนเต็ม ก. จุดเรม่ิ ตน ข. การดาํ เนินงาน ค. การแสดงผล ง. การตดั สินใจ 5 9. จากผงั งาน ควรเติมขอ ความใดลงในชองวางจึงจะเหมาะสม ãËŒ¹Ñ¡àÃÂÕ ¹à¢Õ¹»˜ÞËÒ·Õèà¡´Ô ¢éÖ¹¡ºÑ µ¹àͧ 1 »Þ˜ ËÒ áÅŒÇà¢ÂÕ ¹Ç¸Ô Õ¡Òà ᡌ»˜ÞËÒâ´ÂãªÍŒ ÅÑ ¡ÍÃÔ·ÖÁ (แนวคาํ ตอบ) เริ่มตน • ปญ หาของฉนั คอื นาํ้ หนกั ตัวเกนิ มาตรฐาน........................................................................................................................................................................................... • ฉนั มวี ธิ กี ารแกป ญ หา ดังน้ี เร่มิ ตน............................................................................................................................................................................................................................................................... แตงตัวไปโรงเรยี น หาสาเหตุทที่ ําใหนํ้าหนักเกินเกณฑม าตรฐาน............................................................................................................................................................................................................................................................... ฝนตก ใช ไมใ ช ............................................................................................................................................................................................................................................................... เลือกวิธกี ารแกปญหาควบคุมอาหาร ออกกําลังกาย ………………………………. ............................................................................................................................................................................................................................................................... เฉฉบลับย มาโรงเรียน กินอาหารไมเกนิ วันละ 1,200 แคลอรี ทุกวนั วันละ 2 ช่วั โมง............................................................................................................................................................................................................................................................... เฉฉบลับย สิน้ สุด ............................................................................................................................................................................................................................................................... ก. รอฝนหยุดตก 6 เดอื น 3 เดอื น............................................................................................................................................................................................................................................................... ข. เดนิ ลุยฝนออกมา ค. ออกมาเลนนํ้าฝน ............................................................................................................................................................................................................................................................... ง. เปล่ียนเปน ชุดอยบู าน 10. ขอใดไมใชประโยชนของอลั กอรทิ ึม ............................................................................................................................................................................................................................................................... ก. แกป ญหาอยางเปน ระบบ ข. แกปญ หาไดร วดเรว็ นํา้ หนกั ตามเกณฑมาตรฐานและคงที่............................................................................................................................................................................................................................................................... ค. แยกแยะปญหาไดช ัดเจน ง. แกปญ หาไดโดยไมตองพ่งึ ผูอ ่นื สิ้นสดุ............................................................................................................................................................................................................................................................... 1ภ4าพจาก ............................................................................................................................................................................................................................................................... แบบฝกหดั เกณฑก ารใหคะแนน คะแนน หนา้ 12-15 การเขียนอธบิ ายวธิ กี ารแกปญ หา (5 คะแนน) 5 เขียนอธบิ ายขัน้ ตอนการแกป ญหาไดถ กู ตอ ง ตารางบนั ทกึ คะแนน ประจําหนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 รวมคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลการประเมินคณุ ภาพ เตม็ ได 4321 70 ตัวช้วี ัด แบบฝกหดั กจิ กรรม แบบทดสอบ เตม็ ได เต็ม ได เต็ม ได ว 4.2 ป.4/1 35 20 15 เกณฑก ารตดั สิน : ชวงคะแนนรอยละ 80 - 100 = 4 70 - 79 = 3 60 - 69 = 2 50 - 59 = 1 หมายเหตุ : นําคะแนนเตม็ ของแตล ะตัวชวี้ ัดมาหาคา รอยละ เพ่ือประเมนิ ระดับคุณภาพ เชน 1152 × 100 = 80 คะแนนเตม็ 15 ทาํ ได 12 คะแนน ถา คะแนนเตม็ 100 ทาํ ไดร อยละ 15 ดังน้นั รอยละ 80 เทยี บไดก ับระดบั คณุ ภาพ 4 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูอาจใช Google Form เปนสื่อการสอนได เชน ทําแบบฟอรมกรอก ขอ ใดไมใ ชป ระโยชนของอลั กอริทึม ขอมูลในการสมัครเขาชมนิทรรศการ แลวใหนักเรียนเขาใชงาน จากนั้นใหนํา 1. ชวยใหคน พบวิธีการแกปญหาทีด่ ที ่สี ดุ ขน้ั ตอนการสมคั รมาสรปุ เปน อลั กอรทิ มึ หรอื นาํ ขน้ั ตอนการสมคั รมาสลบั ตาํ แหนง 2. ชว ยแกปญหาไดอ ยา งรวดเร็วและไมสับสน แลวใหนกั เรยี นเรียงลําดบั ใหถ กู ตอง 3. ชวยใหเ ห็นภาพกระบวนการแกปญ หาไดอยา งชดั เจน 4. ชวยใหแ กปญ หาไดโ ดยไมต องใชกระบวนการทเี่ ปน ระบบ (วเิ คราะหค าํ ตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให วิเคราะหไดวา อัลกอริทึมเปนกระบวนการแกปญหาที่เปนระบบ ดังน้ัน ตอบขอ 4.) T38
นา� สอน สรุป ประเมิน แบบทดสอบหลงั เรยี น ขนั้ สรปุ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 8. ครสู รุปความรู เรอื่ ง ขัน้ ตอนวิธกี ารแกป ญ หา ใหนักเรียนฟง พรอมทั้งถามคําถามเพื่อเปน คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 6. ข้อใดต่อไปน้เี รยี งลาดบั การแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ย ข้อความ การทบทวนความรูของนักเรียนกอนที่จะทํา 1. กาหนดให้ แบบทดสอบหลังเรียน ได้ถูกต้อง การปดิ เครือ่ งคอมพิวเตอร์ 9. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย - ปิดโปรแกรมทุกโปรแกรม การเรียนรูท ี่ 1 เร่ือง ข้นั ตอนวธิ กี ารแกปญหา - คลกิ เลอื ก Shut Down ขนั้ ประเมนิ - คลิกเลือก Start ก. ปิดโปรแกรมทุกโปรแกรม, คลกิ เลอื ก Shut Down, ตารางการวัดและประเมินผล ถ้าให้เรม่ิ ต้นที่ คลิกเลอื ก Start วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑก ารประเมนิ มีค่าเทา่ กับเท่าไหร่ ก. 7 ข. 6 ค. 5 ง. 4 ข. คลกิ เลือก Shut Down, คลกิ เลือก Start, ปิด ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอยละ 60 ผา นเกณฑ 2. ปจั จบุ ัน A อายมุ ากกวา่ B อยู่ 5 ปี ในอีก 2 ปี A จะอายุ โปรแกรมทุกโปรแกรม หลงั เรียน หลงั เรยี น เปน็ 2 เทา่ ของ B ถามว่าปจั จบุ นั A มีอายเุ ท่าไหร่ ก. 8 ข. 7 ค. 6 ง. 5 ค. คลกิ เลือก Start, คลิกเลือก Shut Down, ปิด 3. จากภาพ จงถอดรหัสต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้อง โปรแกรมทุกโปรแกรม ง. ปดิ โปรแกรมทุกโปรแกรม, คลกิ เลือก Start, คลิก เลือก Shut Down 7. ภาพสัญลักษณ์ ในผังงานมี ความหมายวา่ อย่างไร ตรวจใบงาน ใบงาน รอยละ 60 ผานเกณฑ ก. ทิศทางการดาเนินงาน ตรวจแบบฝกหัด แบบฝก หดั รอยละ 60 ผา นเกณฑ ข. การแสดงผล ค. การตดั สนิ ใจ ง. จดุ เชอื่ มตอ่ ตรวจชน้ิ งาน/ ชน้ิ งาน/ ระดบั คุณภาพ 2 ก. 16 ข. 14 ค. 12 ง. 10 8. สญั ลกั ษณก์ ารแสดงอลั กอรทิ มึ ดว้ ยผังงานใดหมายถึง ภาระงาน ภาระงาน ผา นเกณฑ 4. พิจารณาข้อความต่อไปนี้ (รวบยอด) (รวบยอด) จุดสน้ิ สุด 1. เติมนา้ ในหม้อ ใสไ่ ข่ลงไป ก. ข. 2. นาหม้อต้ังบนเตา เปดิ ไฟ 3. เตรยี มส่วนประกอบและอุปกรณ์ ประเมนิ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 4. เมื่อนา้ เดือดจบั เวลาอกี 4 นาที ปดิ ไฟ ค. ง. การนาํ เสนอ การนาํ เสนอ ผานเกณฑ 5. นาไข่ที่ตม้ สุกแล้วออกจากหมอ้ 9. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระโยชน์ของอัลกอริทึม ใหเ้ รียงลาดับขัน้ ตอนในการแก้ปัญหาการตม้ ไขใ่ ห้ถูกต้อง ผลงาน ผลงาน ก. 3 1 2 4 5 ก. ทาใหไ้ ม่สับสนกบั ขั้นตอนการทางาน ข. 4 1 2 5 3 ข. ทาให้การทางานเกิดความซบั ซ้อนมากข้นึ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2 ค. 2 1 3 4 5 ค. ทาใหเ้ ข้าใจข้นั ตอนการแก้ปัญหาได้ง่ายข้ึน การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผานเกณฑ ง. 1 2 3 4 5 ง. ทาใหส้ ามารถแก้ปญั หาต่างๆ ได้อยา่ งมรี ะบบ รายบคุ คล 5. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ความหมายของอัลกอริทึม 10. ขอ้ ใดเป็นการแสดงอัลกอริทึมดว้ ยผงั งาน ก. เขยี นตามลาดับข้นั ตอนกอ่ น-หลงั ก. เขยี นอธบิ ายด้วยสญั ลกั ษณ์โดยใชส้ รา้ งเรยี งลาดบั ข. ทางานตง้ั แต่เร่ิมตน้ จนจบ ข. เขียนอธิบายด้วยข้อความพร้อมวาดภาพประกอบ ค. ทางานตามความสาคัญ ค. เขียนอธิบายด้วยรหัสขอ้ มลู ง. เขยี นอธบิ ายด้วยขอ้ ความ ง. ทางานทีละขนั้ ตอนจนจบ เฉลย 1. ค 2. ก 3. ค 4. ก 5. ค 6. ง 7. ค 8. ก 9. ข 10. ก ภาพจาก แผนการสอน ท่ี 1 หนว ยที่ 1 ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล นักเรียนคิดวา การแกปญหาแบบไมเปนระบบจะทําใหเกิด ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน ปญหาอะไรขนึ้ ไดบ า ง รายบคุ คลของนกั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนําเสนอผลงานและแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลท่ีแนบมา (แนวตอบ นักเรียนตอบตามประสบการณของตนเอง เชน ทายแผนการจัดการเรียนรทู ี่ 3 หนวยการเรียนรูท ่ี 1 อาจทําใหเกิดความสับสนในข้ันตอนการทํางาน อาจทําใหเกิด ความซาํ้ ซอ นในขนั้ ตอนการทาํ งาน ทาํ ใหเ สยี เวลามากขนึ้ อาจเกดิ แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ความผิดพลาดได) คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน คาชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 32 1 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา 1 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน 3 วิธีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าท่ีท่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ความมีนาใจ 5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมิน เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ............/................./................... ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............/.................../................ ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 11–13 ดี 8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง T39
Chapter Concept Overview หนวยการเรยี นรู้ท่ี 2 การเขียนโปรแกรมอยางงา ยดวย Scratch Scratch เป็นโปรแกรมภาษาคอมพวิ เตอรแ์ บบ Block-Based เปน็ โปรแกรมแบบใหใ้ ชฟ้ ร ี ไม่มีค่าลิขสทิ ธิ ์ ทสี่ ามารถน�ามาใชง้ าน พัฒนาเชิงสร้างสรรคไ์ ด ้ เช่น การสรา้ งนทิ าน เกม ส่อื น�าเสนอขอ้ มลู - การเขา้ ใชง้ านโปรแกรม Scratch การเขาใชงานแบบออนไลน การเขาใชงานแบบออฟไลน - องคป์ ระกอบของโปรแกรม Scratch เชน่ แถบเครื่องมอื เคร่ืองมือเวท ี เวท ี พื้นท่ีทา� งาน บลอ็ กค�าสง่ั ตา่ งๆ - การเขยี นโปรแกรมภาษาคอมพวิ เตอร์ Scratch เบอ้ื งตน้ เรียนรู้การเขยี นสครปิ ต์ให้ตวั ละคร ฉาก ทา� งานร่วมกนั การใชง้ านบล็อกค�าสง่ั ประเภทต่าง ๆ การสรา้ งสครปิ ตโ์ ปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร ์ Scratch T40
Chapter Overview แผนการจดั ส่อื การเร�ยนรู จ�ดประสงค ว�ธส� อน ประเมิน ทักษะที่ได คุณลักษณะ การเรย� นรู การเรย� นรู อันพงึ ประสงค แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. อ ธิบายลกั ษณะและ - ส บื เสาะหาความร ู้ - ตรวจแบบฝกึ หัด - ทักษะการสอ่ื สาร - ม วี ินัย เร่ือง สาํ รวจโลก - หนงั สือเรยี นรายวิชา ขั้นตอนการเขา้ ใช้งาน 5Es (5Es - สังเกตพฤตกิ รรม - ท ักษะการท�างาน - ใฝ่เรียนรู้ ของ Scratch พื้นฐาน เทคโนโลย ี โปรแกรม Scratch ได้ Instructional การทา� งาน รว่ มกัน - มงุ่ ม่ันใน (การเขา ใชงาน (วทิ ยาการค�านวณ) ป.4 (K) Model) รายบุคคล - ท ักษะการ การท�างาน โปรแกรม - แบบฝกึ หัดรายวิชา 2. เ ขา้ ใชง้ านโปรแกรม - ส ังเกตพฤติกรรม แลกเปลี่ยนข้อมลู Scratch) พ้ืนฐาน เทคโนโลย ี Scratch ทงั้ 2 วธิ ี การทา� งานกล่มุ - ท ักษะการคิด (วิทยาการค�านวณ) ป.4 ตามขน้ั ตอนทกี่ �าหนดได ้ - ส ังเกตคณุ ลักษณะ วเิ คราะห์ 3 (P) อันพึงประสงค์ - ทกั ษะการสังเกต 3. เ ห็นประโยชน์ของ - ท กั ษะการ ช่วั โมง การศกึ ษาโปรแกรม แกป้ ญั หา Scratch (A) - ทกั ษะการสืบคน้ ข้อมูล แผนฯ ท่ี 2 - ห นงั สอื เรยี นรายวชิ า 1. บอกองค์ประกอบตา่ ง ๆ - ใ ช้ปญั หาเป็นฐาน - ตรวจใบงาน - ทกั ษะการสื่อสาร - มีวนิ ัย การเขียน พืน้ ฐาน เทคโนโลยี ของโปรแกรม Scratch (Problem-Based - ตรวจแบบฝึกหัด - ท กั ษะการทา� งาน - ใฝเ่ รียนรู้ โปรแกรมภาษา (วทิ ยาการค�านวณ) ป.4 ได ้ (K) Learning) - ส ังเกตพฤตกิ รรม ร่วมกัน - มุ่งม่นั ใน คอมพิวเตอร - แบบฝกึ หดั รายวชิ า 2. ป ฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอน การทา� งาน - ทักษะการ การท�างาน Scratch พนื้ ฐาน เทคโนโลย ี การเขียนโปรแกรม รายบคุ คล แลกเปลย่ี นขอ้ มลู เบ้อื งตน (1) (วทิ ยาการคา� นวณ) ป.4 Scratch เบ้อื งต้นได้ (P) - ส ังเกตคุณลักษณะ - ทกั ษะการคดิ - ใ บงาน เรือ่ ง 3. เห็นความส�าคัญของ อันพงึ ประสงค์ วเิ คราะห์ 4 สว่ นประกอบของ การเขียนโปรแกรม - ทกั ษะการสงั เกต โปรแกรม Scratch Scratch (A) - ท ักษะการ ชั่วโมง - ใบงาน เรอื่ ง บลอ็ กคา� สง่ั แกป้ ญั หา - ทักษะการสืบคน้ ขอ้ มูล แผนฯ ท่ี 3 - แบบทดสอบหลังเรยี น 1. อธิบายล�าดบั ข้ันตอน - การสอนแบบกล่มุ - ตรวจแบบฝึกหดั - ทกั ษะการสอ่ื สาร - มวี นิ ัย การเขียน - ห นังสือเรยี นรายวชิ า การเขยี นโปรแกรม - ก ระบวนการคดิ - ตรวจช้ินงาน/ - ท ักษะการท�างาน - ใ ฝ่เรียนรู้ โปรแกรมภาษา พ้นื ฐาน เทคโนโลยี Scratch ได้ (K) เชงิ คา� นวณ ภาระงาน ร่วมกัน - มงุ่ ม่ันใน คอมพวิ เตอร (วิทยาการคา� นวณ) ป.4 2. อ อกแบบโปรแกรม (Computational (รวบยอด) - ทกั ษะการ การทา� งาน Scratch - แบบฝกึ หดั รายวิชา Scratch ตรวจหา Thinking Process) - ตรวจแบบทดสอบ แลกเปล่ียนข้อมลู เบอ้ื งตน (2) พืน้ ฐาน เทคโนโลย ี ขอ้ ผิดพลาดและแก้ไขได้ หลงั เรียน - ทักษะการคิด (วทิ ยาการค�านวณ) ป.4 (P) - ประเมินการ วิเคราะห์ 5 - ช ิน้ งาน/ภาระงาน 3. เ ห็นประโยชนข์ อง นา� เสนอผลงาน - ทกั ษะการสงั เกต (รวบยอด) การเขยี นโปรแกรม - สงั เกตพฤติกรรม - ทกั ษะการ ช่วั โมง Scratch (A) การทา� งาน แกป้ ญั หา รายบคุ คล - ทกั ษะการสืบค้น - ส ังเกตคณุ ลกั ษณะ ขอ้ มูล อนั พึงประสงค์ T41
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202