ในทส่ี ุดน้ี เราขอช้แี จงไปถึงหลกั ฐานที่พวกวะฮาบยี ย ึดถือมาเปนขอ หามสําหรบั การผกู มดั ตัวเพอ่ื เดนิ ทางไป เยยี่ มเยือนสสุ าน กลาวคอื พวกเขาไดทาํ การยกหลกั ฐานตามฮาดีษที่บันทึกโดย ทานบคุ อรี จากกระแสรายงานของทา นอะบีฮูร็อยเราะฮ ซ่งึ รับมาจากทา นนบี (ศ) วา : “ทา นอยา ผูกมดั ตัวในการเดินทาง ยกเวน ยังสามมสั ยิดตอ ไปน้ีคือมสั ยิด อัล-ฮะรอม มัสยิด อนั นะบี และมสั ยิดอัล-อักศอ” กลา วคอื แนนอนท่ีสุด ทานอบั ดลุ ลอฮ บิน มฮุ มั มดั บิน อบั ดุลวะฮาบ ไดกลา ววา : การ เย่ียมเยือนสสุ านของทานนบี (ศ) นัน้ เปนแบบอยางท่ีดถี งึ แมท า นจะไดหา มไววา อยา ผกู มดั ตัวกับ การเดนิ ทางใดๆ นอกจากเพอ่ื เยย่ี มมัสยดิ และนมาซในนั้นกต็ าม และถาเขาประสงคพรอมๆ กบั การ เยย่ี มอยางน้ี ก็ไมเ ปน ไร” (๑) ความจรงิ อยา งหนึง่ ท่มี ีอยกู ค็ ือวา ฮาดษี ท่พี วกวะฮาบยี ยึดถือเปน หลักน้ีมิไดมีเหตุผลวา หา ม การผกู มดั ตวั ในการเดินทาง เพือ่ เยีย่ มเยอื นสสุ านและสถานทีต่ า งๆ ที่มีเกยี รตสิ ูงสง เลย ทั้งน้ีกเ็ พราะ ขอ แมทีร่ ะบุไวอยางเบด็ เสรจ็ ในฮาดษี มนั ทาํ ใหข อ แมอ ืน่ ๆ ถกู ลบลา งออกไปดว ย กลา วคือฉนั ใดก็ ตามทีอ่ าจถอื กาํ หนดขอแมจากฮาดีษนว้ี า ทา นอยา ผกู มดั เร่ืองการเดินทางไปยังสถานท่ีใดๆ เลย” แลวกอ็ าจาถือกาํ หนดขอแมจากฮาดษี นไี้ ดเหมอื นกันวา “ทา นอยาผูกมดั การเดินทางไปมัสยิดใดๆ เลย” แตวา ความหมายท่ชี ัดเจนก็คือความหมายทสี่ อง เนอื่ งจากลักษณะของขอ แมเ ชอื่ มโยงกนั น่ันคือขอ แมตรงทหี่ มายถึง “มสั ยดิ ” อนั เปนตําแหนงของขอแมจากฮาดษี เทา น้นั เอง จะเปน อยา งอื่น ไปไมได นอกเหนือจากน้ี ก็ยังมขี อ แมเ ฉพาะเร่ือง ทอี่ นุญาตใหผ กู มัดการเดินทางไดเชน การเดินทาง ไปหาสนิ คา , การเดนิ ทางเพื่อการศกึ ษา, การเดนิ ทางเพ่อื ตอสูใ นสมรภมู ิ (ญิฮาด), การเยี่ยมเยือน นกั ปราชญ, และผูม ีคุณธรรม, การเดินทางเพื่อรักษาโรคและพักผอ น, และขอ แมส าํ หรับบรรดา มสุ ลมิ ในเทศกาลฮัจญท ่พี วกเขาผกู มดั ตวั กบั การเดินทางไปทงุ อะรอฟะฮ, มซุ ดะลิฟะฮ, และมนิ า ตลอดจนไปยังสถานทตี่ างๆ มากมาย พรอมกันนี้ จะเปนไปไดอ ยางไรในอนั ทจี่ ะกลาววา ฮาดษี นี้ หมายถึง “ทา นอยา ผูกมัดการเดนิ ทางไปยังสถานท่ใี ดๆ เลยนอกจากสถานที่ท้ังสามแหงนเ้ี ทานั้น” ผลในทส่ี ุดก็คือ เม่ือไดนําฮาดีษน้ีมาพิจารณากนั ตามหลักวิชาของภาษาและรูปประโยค แบบภาษาอาหรบั แลวก็ไมตอ งสงสยั เลยวา คาํ ท่วี า “ทานอยาผูกมัดการเดินทาง” น้ัน หมายถงึ ไม ควรจะใหใ ครเดนิ ทางไปมสั ยิดอื่นใดที่นอกเหนือจากมัสยดิ เหลา นี้ คอื มิไดหมายความวา อยา ใหเขา เดินทางไปสถานทใ่ี ดเลยอยา งเดด็ ขาด นี่คอื ใจความของฮาดีษและความหมายของมัน พรอ มกันนก้ี ็อยาไดเขาใจและคลุมเครอื กบั ความหมายของฮาดษี นวี้ า หามมใิ หเ ดนิ ทางไปยังมสิ ยิดอ่ืนๆ หากแตเ ปน ฮาดีษทใ่ี หความหมายระบุ
มาในเร่อื งของความประเสรฐิ ของมัสยิดเหลา น้ีเทานัน้ ในลักษณะทว่ี า ไมมมี ัสยิดอื่นใดจะมคี วาม ประเสรฐิ จนถึงระดับทตี่ องใหผ ูกมัดตวั เองวา จะตองเดินทางเพ่อื นมาซในมสั ยิดน้ันๆ สว นมสั ยิดอน่ื ๆ นัน้ มันไมมีคุณสมบัติอยา งนี้ เพราะวาการมงุ ไปยังทุกๆ มสั ยิดก็ไดรับผล บญุ อยแู ลว กลาวคือมสั ยิดตางๆ เชน มสั ยดิ กลาง มสั ยิดประจาํ เมือง มัสยดิ ประจําทอ งถ่นิ ตลอดจน ทุกๆ มัสยิดท่ีอยูตามบา นของผูคนก็อยใู นลกั ษณะเดียวน้ี ดงั นั้นจงึ ไมค วรจะใหม กี ารผกู มัดไวกับคน ในประเทศอนื่ วา ใหเดนิ ทางไปยังมสั ยิดเหลา นี้ ตราบเทา ทม่ี ันมีความประเสรฐิ เทา เทยี มกัน ใชแ ลว ที่วา ใหม กี ารเตรียมตวั อยางแขง็ ขันในการเดนิ ทางไปสูมัสยดิ ทั้งสามแหง นีใ้ หเหนอื กวา มสั ยิด ท้ังหลาย และดว ยเหตุนี้เอง จงึ เปนการกระทาํ ท่ีชอบสาํ หรับผูกมดั การเดินทางเพื่อไปยงั มัสยิดทง้ั สามแหง ดงั กลาว (๑) “อัรริซาละฮ อัษษานี มนิ รั เราะซาอิล เมาซูมะฮ” ฉบับ “ฮะดยี ะตุซซนุ นยี ะฮ” จึงสรุปไดวา ความหมายของฮาดษี ก็คือ มิใหผูกมัดตัวเองไวกับการเดินทางไปมสั ยิดหนง่ึ มัสยิดใดเทานั้น ซึง่ มิใช หา มวา อยาไปสถานทีห่ นึง่ สถานทีใ่ ด น่คี ือ ประการทหี่ น่ึง ประการทส่ี อง : การหา มมิใหผ ูกมัดการเดนิ ทางไวเพอื่ ไปยงั มสั ยิดอ่ืนนอกเหนือจากทั้งสาม แหงน้ี มใิ ชเปน ขอหา มท่เี ด็ดขาด หากแตมนั คือการใหคาํ แนะนาํ วา การมงุ หมายทจ่ี ะไปยังมัสยิด อืน่ ๆ น้ันมิไดรบั ผลบญุ ทมี่ ากมายแตป ระการใด หลกั ฐานในเรื่องนมี้ ีอยูวา ทานศาสนทตู (อัลลอฮทรงประทานความจาํ เริญแดทา นและแด ลูกหลานของทาน) เคยผูกมัดการเดินทางไปยังมัสยิดอ่ืนซ่ึงมิใชม ัสยิดที่ถูกระบุอยใู นฮาดีษน้มี าแลว ดงั ที่มีปรากฎอยใู นศอฮีฮ อัล-บุคอรี ความวา : ในหมวดวา ดวยการเดินทางยังมัสยดิ กุบาอ โดยพาหนะและเดนิ เทา จากทา นอิบนอุ ุมรั กลาววา “ทานนบี (อัลลอฮทรงประทานความจาํ เรญิ และความสันติแดท า น) เคยเดินทางมาที่กุบาอ โดยพาหนะและเดนิ เทา” (๑) ในหมวดวา ดว ยเร่ืองการเดินทางมาทม่ี ัสยดิ กบุ าอในทุกๆ วันเสาร รายงานโดยทา นอบิ นุ อมุ รั กลา ววา : ทานนบี (อัลลอฮทรงประทานความจาํ เริญและความสนั ติแดทาน) มาท่มี ัสยดิ กบุ าอ ทุกวนั เสาร โดยพาหนะและเดินเทา และทา นอบั ดุลลอฮ (บนิ อมุ รั ) ก็ทาํ อยา งนัน้ ดวย (๒) ในหมวดวาดว ยมัสยิดกุบาอ จากทา นอิบนุอมุ ัร ไดก ลาวถึงทา นศาสนทูตแหง อลั ลอฮ วา ได ไปเย่ยี มมันทัง้ โดยพาหนะและเดนิ เทา ”(๓) ดัวกลาวนี้ ทานอมิ าม บคุ อรี ไดรายงานไวใหเราทราบวา ทานนบี เคยผูกมดั การเดนิ ทางไป ยงั มัสยิดกบุ า ในทุกๆ วนั เสาร น่คี ือหลกั ฐานทแ่ี สดงวา อนุญาตใหผกู มัดการเดนิ ทางไปยังมัสยิดอื่น นอกจากทัส้ ามแหงนี้ไดม ิใชหรือ หนงั สือศอฮฮี บคุ อรมี ใิ ชหรือที่วา เปนหนังสอื ทสี่ มบูรณถกู ตองท่ีสุด ของอะฮล ซิ ซนุ นะฮ? เปนไฉนเสยี เลา สาํ หรับคาํ สดุดขี องทา นซะยฏู ยี ทีม่ ีตอ หนงั สอื นี้ทว่ี า :
“ไมเ คยมตี าํ ราใดถกู ตอ งเทาบคุ อรี และไมมีมสุ นัดใดลึกซงึ้ เทา มุสนดั อะหม ดั ”? แลวทาํ ไมพวกเขาจงึ ละทง้ิ มนั ไปไวเ สยี ขางหลัง และทาํ ไมพวกเขาจึงเช่อื มันบา งไมเชือ่ มัน บา งเลา ? 9- การเศาะลาฮ (นมาซ) ทีส่ ุสาน ทานอิบนตุ ัยมียะฮ กลา วไวใ นหนังสือ “ซยิ าเราะฮ กบุ รู ” วา : ไมเ คยมอี ิมามคนใดในอดีต กลาวเลยสกั คนวา การนมาซที่สสุ าน และในสถานที่สาํ คัญของสสุ านเปน การกระทาํ ท่ีชอบ และไม (๑) ศอฮีย บุคอรี เลม ๒ หนา ๖๑ (๒) ศอฮีย บคุ อรี เลม ๒ หนา ๖๑ (๓) ศอฮยี บคุ อรี เลม ๒ หนา ๑๖ เคยมีใครพูดวา การนมาซและการวิงวอนขอ (ดุอาอ) ณ สถานทเี่ หลาน้นั จะมีความประเสรฐิ กวา สถานท่อี ืน่ ๆ หากแตทุกคนเห็นพองตอ งกันวา การนมาซในมัสยิดตางๆ และตามบา นเรอื นน่ัน แหละ ประเสรฐิ กวาที่จะกระทาํ ณ สุสานของบรรดานบี” นี่คอื คาํ พดู ของทา นอบิ นตุ ยั มียะฮ และทพ่ี ดู ซาํ้ ๆ ซากๆ กันอยใู นหมูพวกวะฮาบีย ดงั ท่เี รา จะขอชแ้ี จงวา : แทจ ริงหลักฐานทแ่ี สดงวา อนญุ าตใหน มาซและวิงวอนขอในทกุ ๆ สถานทนี่ ั่นเองทแ่ี สดง วา ใหเ ห็นอยางเดน ชัดวา อนญุ าตใหน มาซและวิงวอนขอ ณ สสุ านของทา นนบี (ศ) และสสุ านของ บรรดานบตี างๆ อกี ทั้งสุสานของผูมีคณุ ธรรมทง้ั หลายไดอีกดว ย และไมตอ งสงสัยเลยวา หลักฐาน ทร่ี ะบวุ า อนญุ าตนัน้ มีอยูอยางพรอมมูลทงั้ ในอลั -กุรอานและในแบบฉบับ (ซุนนะฮ) สว นคํากลาว ตา งๆ นน้ั มเี พียงแตในเร่อื งความเนน หนกั ของเราทกี่ ระทาํ อยา งนัน้ ณ สุสานของพวกเขา ดังน้นั เรา จะขอกลาว ในประเด็นนี้กันตอไปคือ : แทจ รงิ การทาํ นมาซ ณ สสุ านเหลา น้ัน กเ็ พียงเพื่อแสวงหาความจาํ เรญิ ตอ ผูท่ถี กู ฝงอยูใน นัน้ และสถานที่แหง นี้ มคี วามสูงสง กับพวกเขาและมีความจาํ เริญตอ ผูที่ถูกฝง อยใู นนั้นและสถานที่ แหงน้ี มีความสูงสงกับพวกเขาและมีความจําเริญอยา งแทจ ริง ในความเปน จริงแลว การนมาซ มิได มีขนึ้ เพ่อื ใครนอกจากเพอื่ อลั ลอฮ ผูทรงสูงสุดเทา น้ัน มิไดมีขึ้นเพ่ือสุสานและมไิ ดม ีขึน้ เพ่ือคนใน สสุ าน เชน เดียวกบั ท่ีวา การนมาซในมสั ยิดก็มขี ้ึนเพ่ืออัลลอฮเชน กนั เพียงแตวา ความดเี ดนจะเกิด ข้นึ กับการกระทําทนี่ ่ีกเ็ น่ืองจากเกยี รตขิ องสถานท่ีนั่นเอง มิไดหมายความวา มันเปน การเคารพภักดี มัสยิด ดงั น้นั บรรดามุสลมิ จงึ นมาซ ณ สสุ านตา งๆ เพือ่ แสวงหาความจําเริญตอ ผทู ีถ่ ูกฝง อยใู นนั้น เพอ่ื มสี ว นไดรับความเปนศิรมิ งคลของผเู ปนเจาของสุสาน ซึง่ อัลลอฮทรงบันดาลใหพวกเขาเปน ผมู ี ความเปน ศิริมงคล ก็เปนเชนเดยี วกบั การท่ีพวกเขานมาซ ณ อลั -มะกอม (สถานที่ยืน) ซึ่งเปน “หนิ ”
ทีม่ ีเกยี รตอิ ันสูงสงเพราะเจา ท้ังสองของนบอี ิบรอฮมี อลั -คอลีลไดเ คยสมั ผัสน่นั เอง อัลลอฮ ทรงมี โองการวา : “และสูเจา จงถอื เอาสวนหนึง่ ของบรเิ วณท่ยี ืนเหยียบของอิบรอฮีมเปนท่ีนมาซเถดิ ” (อลั -บะเกาะเราะฮ- 125) กลา วคือการใหถ อื เอาบริเวณอัล-มะกอม (ท่ยี ืน) อันมีเกียรติย่ิงเปนที่นมาซนั้นกม็ ิไดเปน เพราะสาเหตุอื่นใด นอกจากเปนการแสวงหาความจาํ เริญ (ตะบัรรกุ ) ในฐานะทที่ า นนบอี ิบรอฮมี (ความสันติสุขพึงมแี ดทาน) เคยยืนบนมันและพวกเขาวงิ วอนขอตออัลลอฮ ณ สสุ านตางๆ กเ็ พราะ ความมเี กยี รตขิ องผทู ่ถี ูกฝง อยใู นสสุ านนั้น กลาวคือการวิงวอนขอของพวกเขา ณ ที่นั่นมขี ้ึนกเ็ พราะ สว นหลักฐานท่มี นี ้ําหนกั กค็ ือ สําหรบั การแสวงหาความจาํ เรญิ ตอผูถกู ฝง อยูเ ปนตน วา นบี หรือวะลียผูม เี กยี รตขิ องอัลลอฮน้นั ก็เหมอื นกับการแสวงหาความจาํ เริญตอ สถานทย่ี ืนของนบีอิ บรอฮีม ดงั น้ัน สถานที่ซ่ึงไดร บั ความจําเริญโดยท่ีมันไดเ ก็บเอาเรือนรา งของทานนบีผบู รสิ ุทธิ์ เอาไวน้นั ยอมมีความเปน ศริ มิ งคลยิ่ง สมควรย่ิงสําหรับการทีจ่ ะถอื วา การนมาซและการเคารพภักดี อัลลอฮในนั้น เปนการกระทําทีช่ อบ ทค่ี วรมใิ ชหรือ? เร่ืองน่นี าแปลกอยา งหน่ึงกค็ ือวา ทา นอบิ นุก็อยยิมไดกลาวในสิ่งท่ีขดั แยง กับความเชอื่ ถือ ของตวั เอง และความเชอ่ื ถือของทา นอิบนตุ ัยมียะฮไ วใ นหนังสือ “ซาดุลมอิ าด” วา : “ผลสนองแตค วามอดทนยง่ิ ของนางฮาญัรและบุตรชายของนางทถี่ ูกทอดทง้ิ ใหอ ยโู ดดเดย่ี ว วา เหว และการยินยอมใหเ ชือดบุตรชาย จนทาํ ใหส ิ่งตางๆ ที่เปน รอ งรอยของคนทงั้ สอง และท่ี เหยียบของเทาคนทัง้ สอง ไดเปน เคร่ืองหมายแหง การเคารพภักดขี องมวลผศู รทั ธา และเปนสถานที่ เคารพภักดขี องพวกเขาจนไปถงึ วันฟนคืนชีพ และนี่คือกฎของพระองค ผทู รงสงู สุด ท่ีมตี อ ผูท่ี พระองคท รงตองการยกยอ งเขาจากมวลมนษุ ยท่พี ระองคทรงสรางมา” (๑) ดงั น้ันในเมือ่ รองรอยของทานนบีอิสมาอลี และทา นหญิงฮาญรั อันเกดิ ข้ึนเพราะทุกขภยั บาง ประการ ยังมีสิทธิถงึ ขนาดไดรบั การยกยองใหเปน เครื่องหมายและพธิ ีการเคารพภกั ดีไดแ ลว รอ งรอยของศาสนทตู ผูมคี วามประเสรฐิ ทสี่ ดุ ผูซึ่งกลา ววา : “ทุกขภยั ของนบีใดๆ ก็ตาม ยงั ไม เทยี บเทา ทุกขภัยที่ฉนั ไดรบั เลย” น้ันเลา มันไมเ หมาะสมทอ่ี ัลลอฮจะทรงใหการยอมรับ และไม เหมาะสมทจ่ี ะใหม กี ารเคารพภักดตี อ อัลลอฮ ณ ท่ีนั่น อีกทง้ั การแสวงหาความจาํ เริญตอสถานท่ีน่ัน จะเปนการต้งั ภาคี และเปน การปฏเิ สธเอาเขา ไปอกี ดว ยกระน้ันหรอื ??? เปนอยางไรกันแน ในเม่อื ทานหญิง อาอซิ ะฮเองก็เคยพาํ นักอยูใ นหอ งทท่ี า นนบีถกู ฝง และ ทานหญงิ ก็ยงั คงพาํ นกั อยใู นนนั้ หลังจากท่ที า นนบีและสาวกของทานถูกฝง เร่อื ยมา ทานหญิงได นมาซในสถานท่ีแหงนั้น จะเปนไปไดไหมท่ีวา การกระทาํ ของนางอยา งนี้ คือ การเคารพภักดตี อผูที่ อยูใ นสสุ าน ขอทานลองใชดลุ ยพนิ ิจตรึกตรองดทู ีเถิด?
๑๐- การสาบานตอ สิง่ อื่นนอกจากอลั ลอฮและการเอย อา งถึงสง่ิ ถูกสรางหรือเอย อางถงึ สิทธขิ องผู นน้ั แนน อนท่สี ุด พวกวะฮาบียไ ดห า มมิใหส าบานตอสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮและถอื วา การทาํ เชน น้ัน คอื การตัง้ ภาคโี ดยแทเ ลยทีเดยี ว และพวกเขาถอื อยา งเดียวกนั นอ้ี ีกเชนกันกับการเอย อาง ตา งๆ ตออัลลอฮโดยอาศยั ผูถกู สรา งหรอื สิทธิของผูน้ันที่มีตอ พระองค เราจะขอเสนอคาํ อธิบายสองปญ หานแี้ กทาน ดงั น้ี : 1- การสาบานตอ สิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ ผทู รงมหาบริสทุ ธ์ิย่ิง กอ นทีเ่ ราจะเสนอหลักฐานทีแ่ สดงวา มกี ารอนญุ าตสําหรับเรอ่ื งนี้ จาํ เปน อยางยง่ิ ทเี่ รา จะตอ งเสนอปญหานี้ พิสจู นกบั คมั ภีรข องอัลลอฮ เพอ่ื เราจะไดเ ห็นวาอลั ลอฮทรงสาบานตอ ส่ิงถูก สรางบา งหรือไม? (๑) ซาดลุ มอี าด ฟ ฮัดยุ คอ็ ยรุลอบิ าด พิมพโดยสํานกั พมิ พ อลั บาบี ฮะละบยี ประเทศอยี ปิ ต การพจิ ารณาทบทวนโองการตางๆ ของอัล-กุรอานอันทรงเกยี รติไดทําใหเ ราทราบวา อลั ลอฮทรงสาบานตอ สงิ่ ถกู สรา งของพระองค ไวในที่ตา งๆ เกอื บสสี่ ิบแหง โดยถอื วา มันเปน สิง่ ที่ ถูกสาบานดว ย กลาวคอื พระองคท รงสาบานกับมะลาอิกะฮ (ซูเราะฮ อศั ศอฟาต, อลั -มุรซะลาต อนั นาซิ อาต และอัซซารยิ าต) และทรงสาบานตอ นบี ดังโองการทีว่ า : “ขอสาบานโดยอายขุ องเจา วา แทจรงิ พวกเขาเหลา น้นั ตกอยูในความมวั เมาพวกเขาหลงงม งายโดยแทจ ริง” (ซูเราะฮ อัล-ฮจิ ร-๗๒) ทรงสาบานไวใน (ซเู ราะฮ อลั บุรจู ญ-๓) และ (อลั -บะลดั -๑) ทรงสาบานกับอลั -กรุ อาน (ยา ซีน ๑-๓) และ (อัดดุคอน-๑-๓) และ (คอฟ-๑-๓) และ (อซั ซุ ครุฟ-๔๑) และ (ศอด-๑) ทรงสาบานดว ยชีวิตของผทู ีเ่ ปน มนษุ ย (อัชชัมส ๗-๑๐) และ (อัล-กยิ ามะฮ- ๒) ทรงสาบานดว ยอกั ษณ “นูน” และปากกา (อัล-เกาะลัม-๑) ทรงสาบานดว ยคัมภีร (อัฎฎร ๒-๓) ทรงสาบานดว ยมา ศกึ และมวลมาท่หี อบอยา งแรง (อลั -อาดิยาด-๒) ทรงสาบานดวยผใู หกําเนิดและสิง่ ทีไ่ ดกําเนิดมา (อลั -บะลดั -๓) ทรงสาบานดว ยดวงอาทติ ยและแสงของมนั (อชั ชัมส-๑) ทรงสาบานดวยชน้ั ฟา ท้ังหลาย (อัซซารยิ าต-๗ อัฎฎอริก-๑๑) ทรงสาบานดวยยามเชา (อลั มดุ ษั ษิร-๓๔๗ อัตตักวรี -๑๘ อัล-ฟจ ญร-๑)
ตอจากนน้ั พระองคกย็ งั ทรงสาบานดว ยยามกลางวนั , แสงอรุณ, การตกของดวงอาทิตย, กลางคนื , คืนทั้งสบิ , ดวงดาวและแผน ดนิ , ดวงเดอื นและลม, เมฆ, ทะเล, เรือ, ตน มะเดือ่ , ตนมะกอก, เวลา, สภาพค,ู สภาพคี่, และความมอี ยูข องสรรพสิ่งท้งั มวล ทํานองเดยี วกนั การยอ นกลบั ไปพจิ ารณา โองการตางๆ ของอลั -กุรอานในซูเราะฮต า งๆ ทเี่ รายังมไิ ดกลา วถึงกจ็ ะใหค วามชดั เจนไดอ ยาง ละเอียด หลงั จากทไ่ี ดพ ิสจู นกับบทเรียนบางสว นไปแลว มนั เปน ไปไดหรือทีว่ า การสาบานตอส่งิ อ่นื นอกเหนอื จากพระองค เปนการตั้งภาคี และ เปนเร่อื งท่ีนา เกลียดชงั ในเมื่อเรื่องน้ีไดถ ูกเสนอโดยอัลลอฮ ผทู รงมหาบรสิ ทุ ธ์ิ? มันเปน ไปไดอยางไรกันหรือ ทีว่ า การสาบานเชน นม้ี อี ยูในคมั ภนี รอ ันทรงเกียรติหลายคร้งั เหลอื เกิน ในขณะท่ีวา มันเปนส่ิงท่ตี องหามสาํ หรับผูอ น่ื นอกจากอลั ลอฮเทานั้นทจ่ี ะทรงกลาวในส่งิ ที่ตองหามและสิง่ ท่ีเปน อันตรายอยา งน้ีไวใ นคัมภรี อ นั ไพโรจนข องพระองคไ ด? ถูกตองไหม ที่เราจะกลา ววา : การสาบานตอ สิ่งถูกสรา งน้ันถา หากเปน การกระทาํ จากผถู กู สรางเอง กจ็ ะเปน การต้ังภาคี แตถา มาจากการกระทาํ ของอลั ลอฮ ในฐานะทรงเปนผูส ราง ผูบริสุทธิ์ แลวก็จะไมเปน การต้งั ภาคี ขออยา ไดพดู และกลา วใหเหลวไหล และไขวเขวไปเลย เพราะการ กระทําใดๆ ทมี่ เี นื้อหาสาระอยางเดียวนั้น จะไมส ะทอนภาพออกมาเปน สองสภาวะได และจะไมให ความหมายออกเปนสองลักษณะที่ขัดแยง กันไดห รอก สรุปไดว า ถาอัล-กรุ อานเปนแมแบบและเปน บทเรยี น และทกุ สิง่ ทุกอยา งทม่ี อี ยูในอัลกุ รอานไมว า จะเปนคาํ สอนหรอื การกระทําใดๆ ลว นเปนธรรมนูญสําหรบั มสุ ลมิ ทงั้ มวลแลว มันจะ เปนไปไดอยา งไรทีว่ า การสาบานตา งๆ เหลา น้ีมาจากอัลลอฮ ผูท รงมหาบริสุทธิไ์ ด และเปน ท่ี อนญุ าตสาํ หรับพระองคแ ตไ มอนุญาตสาํ หรับผอู ่ืน? สว นหนึ่งมันอยใู นความหมายของหลักเอกภาพ แตส วนหน่ึงมันเปนการต้งั ภาคี ทงั้ ๆ ทเี่ นอ้ื หาและสาระอนั แทจ ริงของการกระทาํ กเ็ ปน อยางเดียวกัน นี่คอื สว นวิเคราะหท ีเ่ ก่ยี วกบั คัมภรี ข องอลั ลอฮ ผทู รงสูงสุด สาํ หรับสว นวิเคราะหท ีเ่ กี่ยวกับหลักซุนนะฮ อนั บริสุทธ์ินั้น แนนอนทานมสุ ลมิ ไดร ายงาน ไวใน ศอฮีฮของทา นวา : มีชายคนหนึง่ มาหาทา นนบีแลวกลาววา ยารอซลุ ลัลอฮ ทานบริจาคอันใด ท่มี ีรางวัลย่งิ ใหญที่สุด? ทา นไดตอบวา “ขอสาบานตอ บดิ าของเจา วา แนน อนท่สี ดุ เจา ไดรับคําสั่ง สอนแลว วา ใหบริจาค แตเจา เปนคนตระหน่ีอยา งชัดแจง โดยเจา กลัวความยากจน” (๑) แนน อน ทา นศาสนทตู แหงอัลลอฮ (ศ) ไดสาบานตอบดิ าของผูถามโดยกลาววา “วะอาบี กะ” มรี ายงานอกี เชน กันวา ชายคนหน่งึ มาหาทา นศาสนทูตแหง อัลลอฮ ซึ่งมาจากชาวนะญดั เขา ไดถามเกยี่ วกบั อสิ ลาม แลว ทานศาสนทูตแหงอลั ลอฮ (ศ) ไดกลา ววา : มนี มาซหา อยางในวันหนงึ่ กับคนื หน่ึง เขากลาววา มอี ะไรเหนือตัวขา พเจาอกี ? ทานตอบวา ไมมีนอกจากทา นจะสมัครใจ และ มกี ารถือศลี อดในเดือนรอมฎอน เขากลาววา ยังมีอะไรเหนือตัวขา พเจา อกี ? ทานตอบวา ไมมี นอกจากทา นจะสมัครใจ และทา นศาสนทุตไดกลาวแกเ ขาวา บริจาค ซะกาต เขากลาววา แลว มี
อะไรเหนือตัวขา พเจา อีก ทานตอบวา ไมมี นอกจากทานจะสมัครใจ แลว ชายคนน้ันกผ็ ินหลังกลับ พลางกลาววา ขอสาบานตออัลลอฮ วา ฉนั จะไมทําอะไรเพิม่ เตมิ และมิใหบกพรองแกส่งิ น้ี ทานศา สนทตู แหงอัลลอฮ (ศ) กลา ววา : จาํ เริญเถิด ขอสาบานตอบดิ าของเขา ถา เขาทาํ จริงกจ็ ะไดเ ขา สวรรคข อสาบานตอบิดาของเขา ถา เขาทาํ จริง” (๑) ในฮาดษี อีกบทหนง่ึ ท่ีบันทึกในมุสนดั ของทานอิมาม อะหุมัด บิน หันบัลวา ทา นนบี (ศ) กลาววา “ขอสาบานตอ อายขุ องฉัน แนนอนถาหากทานกลา วคาํ พดู ทด่ี ี และหามปรามจากความชว่ั รา ย กย็ อมดีกวาการทท่ี า นน่ิงเงียบ” (๒) (๑) ศอฮฮี มสุ ลิม เลม ๓ หนา ๙๔ (๑) ศอฮีฮมุสลมิ เลม ๑ หนา ๓๑-๓๒ หมวดวา ดวย อิสลามคอื อะไร และอธิบายในสว นหนึ่ง (๒) มสุ นดั อะหม ดั บิน ฮนั บัล เลม ๕ หนา ๒๒๕ และเลม ๕ หนา ๒๑๒, สุนัน อิบนุมาญะฮ เลม ๔ หนา ๙๙๕ และเลม ๑ หนา ๒๒๕ มคี ําวินิจฉัยของบรรดาอิมามในสี่มัซฮบั บางทาน อนุญาตในเรื่องน้ีไวดวย ดังทปี่ รากฏใน หนังสือ “อัลฟกฮุ อะลลั มะซาฮิบุล อรั บะอะฮ” ดังตอ ไปน้ี สาํ นกั หะนาฟยกลา ววา : การสาบาน ตามทาํ นองทว่ี า ขอสาบานตอ บิดาของทาน และขอ สาบานตอ อายขุ องทา น และอน่ื ๆ ในทํานองน้ี นบั เปนเร่ืองอนญุ าต แตอ ยูในประเภทนารังเกยี จ สาํ นักชาฟอ ยี กลา ววา : การสาบานตอสงิ่ อน่ื นอกจากอลั ลอฮ เปน ส่ิงทนี่ ารังเกยี จ ถาหากไม ตรงกบั สิ่งใดๆ ท่ถี กู ระบอุ ยใู นคัมภีรอ ันสูงสุด (หมายถงึ การเกี่ยวพนั กับอลั ลอฮ) สาํ นกั มาลิกยี ไดกลา ววา : การสาบานตอผูมีเกียรตสิ ูงสง เชน ตอนบีและตอ อัล-กะอบ ะฮ และอนื่ ๆ ในทํานองสองสิ่งนี้ มกี ฎเกณฑป ระการหนึ่งโดยคําพูดสองสถาน คือมที ั้งที่พูดวา ตองหา ม และพึงรังเกียจ แตทร่ี ับรกู ันอยูสว นมากคอื ตอ งหาม สาํ นักอันบะลีย กลาววา : การสาบานตอส่งิ อื่นนอกจากอัลลอฮ และคุณลกั ษณะของ พระองค แมจะสาบานตอ บนีหรือตอ วะลียน ั้น เปนท่ตี อ งหาม” โดยอาศยั ขอสังเกตทุกๆ ประการ ไมวา ในสวนที่อนุญาตใหส าบานตอส่งิ อืน่ นอกจาก อัลลอฮผูท รงมหาบริสุทธิห์ รือไมกต็ าม มนั ยังมิไดหมายถงึ การตึ้งภาคี และผูทสี่ าบานก็ยังมใิ ชผ ูต ง้ั ภาคี เพราะวา การสาบานกบั สงิ่ หนงึ่ ๆ น้ัน ยังมไิ ดแ สดงวา ผูสาบานเชอ่ื ถอื ในสภาพความเปนพระ เจา และความเปนผอู ภิบาลของสง่ิ นั้นๆ อาจจาํ กดั ความใหถงึ ที่สุดไดก็เพยี งแตว า เขาเทิดเกีย่ รตแิ ละ ยกยอ งส่ิงดงั กลาวเทา นน้ั การใหค ําวินิจฉัยความ (ฟต วา) ทีแ่ ตกตา งกนั น้ัน แสดงใหเ ห็นวาในนั้น เปนปญ หาทม่ี ีความเหน็ ขดั แยงกันอยู แลวบรรดามุสลิมจะสามารถโมเมเอาวา เปนการตัง้ ภาคีกบั เรอ่ื งทีค่ ําวินิจฉัยความยังขัดแยง ซ่ึงกันและกนั อยูไดกระนนั้ หรือ? ใชแลว ไมม ใี ครจะผูกมัดการสาบานตอ ส่งิ อื่นนอกจากอัลลอฮ ผูทรงมหาบริสทุ ธ์ดิ อก และ การตดั สนิ พิพากษาใดๆ จะดาํ เนนิ ไปมไิ ดนอกจากตองมกี ารสาบานตอพระองค ผูท รงมหาบรสิ ุทธ์ิ
แตน ่กี ็มิไดหมายความวา การสาบานตอสิง่ อื่นนอกจากพระองค ผทู รงมหาบรสิ ทุ ธ์ิ ผูทรงสงู สดุ เปน หลักฐานทแี่ สดงวา ต้งั ภาคีหรือเปน ส่งิ ท่ีตองหา ม ๒- การเอย อางถึงสิ่งถูกสรา งและสทิ ธขิ องส่งิ ถกู สรา ง แนนอนท่สี ุดพวกวะฮาบียไดห ามการเอยอางถึงสิ่งถูกสรางใดๆ กต็ ามกบั อลั ลอฮ เชนการท่ี ผูข อคนหน่ึงจะกลาววา : ขา ขอเอย อา งตอ พระองค โดยนามของ...หรือโดยสทิ ธขิ อง...หรอื กลา ววา ขอวงิ วอนขอตอพระองคโ ดยนามของ... หรอื โดยสทิ ธิของ...ซ่งึ เปน ลักษณะการขออยา งหนงึ่ ในการ ตะวซั ซุล (แสวงหาสื่อ) เพราะฉะนน้ั ขอใหทานมารว มกนั วิเคราะหกับขาพเจา เกยี่ วกับขอหามอันนี้วามนั สอดคลองกับแนวทางภาคปฏบิ ัติของบรรดามุสลิมหรือไม กอนอื่น เราขอกลา ววา : การเอย อางถงึ สิ่งอืน่ นอกจากผูสรางน้นั มิไดหมายถึงการตง้ั ภาคี และผูสาบานก็มไิ ดเปนผตู ้ังภาคี ในเม่อื เราไดเ ขาใจไปตามที่เราไดวเิ คราะหอ อกมา โดยอาศัย มาตรการอนั เปน เครอ่ื งวดั วา อะไรคอื การตง้ั ภาคีหรือหลกั เอกภาพ ประเด็นทีจ่ ะกลาวถงึ มนั จึงมีอยู แตเพยี งประเด็นทว่ี า อนุญาตและไมอนุญาตใหกระทาํ เทา นนั้ ดังที่เราจะกลาวตอ ไปนี้ ไดตอ งสงสัยเลยวา อลั ลอฮ ผูท รงมหาบรสิ ทุ ธิ์ ไดยกยองบุคคลกลุมหน่งึ ไววา : “เปน พวกทอ่ี ดทน และสัจจรงิ และมีสมาธมิ น่ั และเสียสละ และเปนพวกทขี่ อการนิรโทษ ในยามดกึ ด่ืน” (อาลิ อมิ รอน-๑๗) กลาวคือ ถา หากวาชายคนหน่ึงไดกลา วในคําวิงวอนขอของเขาและในการคร่ําครวญของ เขาวา “โออัลลอฮ ขาขอตอพระองค โดยอางถงึ สทิ ธขิ องผูทข่ี อการนิรโทษในยามดึกด่ืน เพ่ือให พระองคนริ โทษกรรมใหแกขา ซง่ึ ความบาปของขา “จะหมายความวา เขาประพฤติในสงิ่ ท่ีเปน การ ตง้ั ภาคกี ระนัน้ หรอื แลว งานอันนี้ทเ่ี ขากระทาํ ลงไปเปน การตง้ั ภาคีอยางไร ในเมอื่ ทา นไดเขา ใจผาน มาแลววา เนื้อหาทแี่ ทจ รงิ สาํ หรับการต้งั ภาคีในแงข องการเคารพภกั ดีนน้ั มนั เพียงแตอยูในกรณีทีถ่ า หากวา ผวู งิ วอนขอเชอ่ื ถือในสภาพความเปน พระเจา และสภาพความเปน ผูอภิบาลของผูท ไ่ี ดรับการ วงิ วอนขอ แลวตามทีไ่ ดสงั เกตกับลักษณะท่เี ราหยิบยกมานนั้ มันแสดงใหเ ห็นวา ผพู ูดเชื่อม่นั ในตวั บคุ คลทเ่ี ขาเอย อา งถึงกับอัลลอฮ ในลักษณะท่ีมิไดถือวา คุณลกั ษณะของอัลลอฮ มีอยทู บี่ ุคคล เหลา น้นั แตป ระการใด ในขณะทเ่ี ขากลาววา “ผูท่ขี อนิรโทษกรรมในยามดึกดื่น”? เรือ่ งของการตั้งภาคี และเรื่องของหลักเอกภาพ มไิ ดดําเนินไปตามทัศนะของเราเอง กลาวคือมิใชเปนส่งิ ทถ่ี ูกละท้ิงมาไวกับเรา เพื่อเราจะไดต ดั สินวา งานใดเปนการตัง้ ภาคี และงานใด เปนหลักเอกภาพ คนนีเ้ ปนผูตงั้ ภาคี และคนนั้นเปน ผยู ึดหลกั เอกภาพ เพราะวา โดยแนน อน อลั -กุ รอานไดสอนใหรูถ ึงมาตรการในการตดั สินตามความเปน จรงิ สาํ หรับการต้งั ภาคแี ละหลักเอกภาพ
เอาไวแ ลว ในหลายๆ โองการ กลา วคอื ผตู ั้งภาคนี ้นั ไดแ ก ผูทอ่ี ลั ลอฮกลาวถงึ คุณลักษณะของเขาไว ดงั น้ี : “และในเมอื่ มกี ารรําลกึ ถงึ อัลลอฮองคเดียว จิตใจผูพ วกท่ีไมศ รัทธาตอ วนั ปรโลกก็จะหนาย แหนง และเมอื่ บรรดาสิ่งอน่ื นอกเหนือจากพระองคไดถ ูกรําลึกถึงแลว พลันพวกเขากแ็ สดงความปต ิ ยนิ ดี” (อซั ซุมรั -๔๕) บรรดาผูต้ังภาคนี ัน้ ไดแกผูที่อัล-กุรอาน อนั ทรงเกียรติไดกลา วถงึ คุณลกั ษณะไวอ กี วา : “แทจรงิ พวกเขาเหลา นนั้ ถา ในเมอื่ มีการกลา วแกพ วกเขาวา ไมมพี ระเจา ใดๆ นอก จากอลั ลอฮแลว พวกเขาจะแสดงความโอหังบงั อาจ และพวกเขากลาววา จะใหเ ราละทิ้งพระเจา ตางๆ ของเราเพียงเพ่ือนักกวีทบี่ าบอกระน้นั หรือ” (๑) (๑) อัศศอฟฟาต-๓๕-๓๖ ดงั นั้น จะเปน การถูกตอ งแกเราหรอื ไม ที่เราถอื เอาบุคคลทปี่ ระเสริฐในหมูม นษุ ยที่อัลลอฮ ทรงสรา งมาเปน ผูไดรบั การเอยอา งถึง ในฐานะทพี่ วกเขาเหลานน้ั เปนพวกทอี่ ลั ลอฮทรงกลา วถงึ คณุ ลกั ษณะของพวกเขาไวใ นหลายๆ โองการทผ่ี า นมา กลา วคือเมื่อเปน ทกี่ ระจางชดั วา การเอย อางถึงใครสกั คนหนง่ึ ตอ อัลลอฮมิไดหมายถงึ การ ตัง้ ภาคี ตามหลกั เกณฑท ่ีเปนมาตรการจากอลั -กุรอานแลว เราก็จะไดเ สนอประเด็นทเี่ กี่ยวกับ ฮาดีษ อันมเี กียรตอิ ีกตอไป โดยแนน อนที่สุด มรี ายงานจากทา นนบวี า ทานไดส อนคนตาบอดคนหน่งึ ให : กลาววา : “โออลั ลอฮ แทจรงิ ขา วงิ วอนขอตอ พระองคและนอมใบหนา สูพระองค โดยอา งถงึ นบีของ พระองคคอื มุฮัมมดั นบีแหงความเมตตา” (๑) ทาํ นองเดียวกันกับรายงานของอะบู ซะอีด อัล-คุดรีย จากทา นนบี ทีท่ านไดกลา ววา : “โออลั ลอฮ แทจริงฉันวิงวอนขอตอ พระองค โดยอา งถงึ สทิ ธขิ องผขู อทัง้ หลายที่มตี อ พระองคแ ละฉันวิงวอนขอตอ พระองคโดยอางถงึ สิทธิผทู ีเ่ ดินกับฉันอยูนี้” (๒) เรายังจะตอ งรอู กี อยางหนึ่งดวยวา พวกเขาเหลานน้ั ปฏเิ สธในเร่อื งน้วี า ไมมีใครเลยแมแ ต คนเดียวท่จี ะมสี ิทธอิ ยูที่อัลลอฮ กลาวคือพวกเขากลา ววา ประเดน็ ทีว่ า ดว ยสิทธขิ องผูถกู สรางนั้น ไม เปน ที่ยอมรับได เนื่องจากผถู ูกสรางจะตองไมม สี ทิ ธใิ ดๆ ณ ผูสราง คาํ ตอบก็คอื วา นคี่ ือคาํ พดู ที่ถกู ตอ ง ถาหากพระผสู รา งมไิ ดกาํ หนดวา ส่งิ อ่ืนกม็ ีสทิ ธิอยู ณ พระองคเอง แนน อนท่สี ุด พระองคก ําหนดไวอ ยางนี้ ดงั โองการท่วี า : “และเปน สทิ ธหิ นา ท่เี หนอื เราในการเปน ผชู ว ยเหลือผศู รัทธา” (อัรรูม-๔๗)
ทรงกลาวอกี วา : “เปนสัญญาสัจจะสาํ หรบั พระองค (สาํ หรบั คําส่งั ) ในคมั ภรี เ ตารอตและอินญีล...” (อตั -เตาบะฮ- ๑๑๑) ทรงกลา วอีกวา : “อันทจี่ รงิ แลวการใหอภัยนน้ั เปนเพยี งหนาทขี่ องอลั ลอฮทจ่ี ะตอ งมแี กบ รรดาผูกระทํา ความช่วั ลงไปโดยรูเ ทา ไมถงึ การณ” (อันนซิ าอ-๑๗) ขอความท่ปี รากฎในฮาดษี ตา งๆ มีดงั นี้ : 1- “สิทธิหนา ท่ีสาํ หรับอลั ลอฮประการหนึ่งนนั้ คอื การชว ยเหลือผูทแี่ ตงงานใหไ ดรับการ อภัยโทษจากสง่ิ ที่อัลลอฮทรงหามไว” (๑) (๑) สุนัน อิบนุมาญะฮ เลม ๑ หนา ๔๔๑, มุสนัดอะหม ัด เลม ๔ หนา ๑๓๘ และอื่นๆ (๒) สุนนั อิบนุมาญะฮ เลม ๑ หนา ๒๖๒, ๒๖๑ มุสนัดอะหมัด เลม ๓ ฮาดีษที่ ๒๑ (๑) อัล-ญามิอ อัศศอฆรี ของทา นซะยูฎยี เลม ๒ หนา ๓๓ ๒- เจา ยงั ไมร ูด อกหรือวา อะไรบา งทเ่ี ปน สทิ ธขิ องบา ว ทมี่ ีตอ อลั ลอฮ... (๒) ๓- ทานศาสนทตู ไดกลา ววา : มอี ยสู ามประการ ซ่งึ เปน หนาทส่ี าํ หรับอัลลอฮ ในอันที่ จะตองสนับสนนุ พวกเขาทส่ี ูรบในวถิ ีทางของอลั ลอฮ...(๓) ดงั นั้นจึงเปนท่ีเขาใจอยางชัดแจงจากคาํ อธบิ ายบทนี้ วา การสาบานตอสิ่งอืน่ นอกจาก พระองคผ ูทรงมหาบรสิ ทุ ธิ์และการเอย อางถงึ สิ่งถูกสราง มิไดเ ปนเรอ่ื งทถี่ งึ ขัน้ ของการตง้ั ภาคแี ต อยา งใดเลย ยง่ิ ไปกวา นั้น มันก็ยงั มิไดออกพน ไปจากกรอบของการใหเกยี รติและยกยองเกียรตคิ ุณ และการใหเกียรติ การยกยองทกุ อยา งโดยเฉพาะอยา งย่ิงการใหเกยี รตยิ กยองผูท่อี ัลลอฮทรงให เกียรติ มิไดเปนการต้ังภาคีแตอ ยา งใดเลย รายงานฮาดีษเปน จาํ นวนมากนอกเหนือจากน้ี เปนหลักฐานที่แสดงวา อนุญาตใหก ระทาํ อยา งน้ีได และอนโุ ลมใหกระทาํ ได เพราะฉะนัน้ หลังจากสัจธรรมแลว ยังจะมอี ะไรอกี นอกจาก ความหลงผิด ในท่ีสุดนี้ เราหวังเปนอยา งยง่ิ วา สาระตา งๆ นีม้ ีในหนงั สือ อันเกย่ี วกับมาตรการตัดสิน เร่ืองหลักเอกภาพกบั การต้งั ภาคี ตามหลักฐานในอัล-กรุ อาน อันทรงเกียรตเิ ลมน้ี อัลลอฮจะทรงให เปน คณุ ประโยชนแ กม วลมุสลมิ ท้ังหลาย และเปน กา วหนึ่งท่ีเดินอยบู นเสนทางแหง ความเปน เอกภาพของพวกเขาเหลานัน้ และเปนการสมานฉนั ทระหวา งกลมุ ตา งๆ ในหมพู วกเขา “เราขอวงิ วอนตอ พระองค แทจรงิ มวลการสรรเสริญเปนของอัลลอฮ ผูทรงอภบิ าลแหง สากลโลก” (๒) สุนัน อบิ นมุ าญะฮ เลม ๒ หนา ๘๔๑
(๓) อันนิฮายะตุ ของอบิ นุ อัล-อะษีร หมวดวาดว ยเรื่อง สทิ ธิหนา ท่ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211