Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อับดุลลอฮ์ อิบนิสะบาอ์ และนิยายต่างๆ

อับดุลลอฮ์ อิบนิสะบาอ์ และนิยายต่างๆ

Published by thaiislamlib.com, 2022-06-07 03:31:04

Description: ตัวละครอุปโลกในประวัติศาสตร์อิสลามและเรื่อเล่าโกหกต่างๆ

Search

Read the Text Version

11. การศึกสงครามที-ตาบริสถาน วากีดี อบูมะอช์ รั และมาดาอินีไดบ้ นั ทึก ไวว้ า่ สะอีด อิบนิ อาสเขา้ สู่สมรภมู ิ ท-ีตาบริสถานในปี ฮ.ศ. 30 แต่ซยั ฟ์ กล่าว วา่ สุวยั ด์ อิบนิ มุกรั รอนทาํ สญั ญาสงบศึกแห่งตาบริสถานในสมยั ของอุมรั (ก่อนปี ฮ.ศ. 30 เป็นเวลานาน) ๑๔ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอแ์ ละนิยายต่างๆ สรุป นบั เป็นเวลาหลายปี มาแลว้ ท-ีฉนั ไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ ถึงเรื-องราวของ ประวตั ิศาสตร์อิสลาม หนงั สือฮะดิษและคาํ แนะนาํ ต่างๆ ของท่านศาสดา มุฮมั มดั (ศ็อลฯ) มาอยา่ งละเอียดถ-ีถว้ น ในปี 2492 ฉนั ไดอ้ ่านพบเรื-องราว ต่างๆของมุสลิมท-ีน่าสงสยั บางเร-ือง ในหนงั สือประวตั ิศาสตร์อิสลาม ฉนั รู้สึกงุนงงวา่ ในวาระต่างๆอนั มากหลาย ความสตั ยจ์ ริงไดถ้ ูกเพกิ เฉยและหรือ ละเลยไป แต่กลบั ไดเ้ ห็นเร-ืองราวที-เป็นนิยาย และตวั ละครท-ีถูกแต่งเร-ือง ข@ึนมาปรากฏอยใู่ นหนงั สือประวตั ิศาสตร์ต่างๆ โดยเฉพาะอยา่ งยง-ิ ในช่วงปี ตน้ ๆของอิสลาม นนั- คือในยคุ ของคอลีฟะฮส์ -ีคนแรก และราชวงศอ์ ุมยั ยะฮ์ (โดยเฉพาะอยา่ งยง-ิ มุอาวยิ ะฮ)์ ฉนั ไดต้ ิดตามเร-ืองนิยาย และตวั ละครที-ถูกแต่งเรื-องข@ึนมาเหล่าน@ีจาก ส-ิงพมิ พท์ -ีมีอยเู่ กือบท@งั หมด โดยเฉพาะสิ-งพิมพท์ -ีมีช-ือเสียงที-สุด ซ-ึงถือเป็น แหล่งขอ้ มลู หลกั ที-ใชก้ นั โดยทวั- ไปสาํ หรับนกั ประวตั ิศาสตร์อื-นๆ และนกั ประวตั ิศาสตร์ตะวนั ตก โดยเฉพาะอยา่ งยง-ิ ในประวตั ิศาสตร์อิสลาม ภายหลงั จากที-ไดศ้ ึกษาอยา่ งระมดั ระวงั ฉนั จึงเช-ือตระหนกั โดยปราศจากขอ้ สงสยั ใดๆท@งั สิ@นวา่ บางเร-ืองของมนั น@นั ถูกทาํ เทียมข@ึนมาเพื-อเจตนาพเิ ศษบางอยา่ ง 200

แหล่งที-มาของนิยาย และตวั ละครท-ีถูกแต่งเร-ืองข@ึน เหล่าน@ีก็คือซยั ฟ์ อิบนิ อุมรั อลั ตะมีมี ผปู้ ระพนั ธ์หนงั สือ อลั ฟุตุฮ์ อลั กะบีร วลั ริดดะฮ์ และอลั ญะมลั วะมะซีร อาอิชะฮว์ ะอะลี ซยั ฟ์ ไม่ไดแ้ ตกต่างจากแหล่งที-เป็นของจริง แทเ้ ฉพาะในดา้ นเน@ือหาเท่าน@นั แต่ในดา้ นสายรายงานดว้ ยเช่นกนั โดยการ ใชผ้ เู้ ล่าเรื-องที-เป็นผคู้ นท-ีไม่มีอยจู่ ริง ซยั ฟ์ ไดแ้ ต่งเร-ืองเหล่าน@ี และผเู้ ล่าเร-ืองท-ี ไม่มีอยจู่ ริง ก็เพ-ือเอาใจบรรดาผทู้ -ีปรารถนาท-ีจะปิ ดบงั ความจริง และ นาํ เสนอเหตุการณ์ของประวตั ิศาสตร์ใหม้ นั ดูตรงกนั ขา้ มกบั ท-ีมนั ไดเ้ กิดข@ึน จริง นกั ประวตั ิศาสตร์บางคนพบวา่ เรื-องของซยั ฟ์ สอดคลอ้ งกบั รสนิยมของ ตนเอง เหตุผลง่ายๆก็เพราะเหตุวา่ ซยั ฟ์ ไดส้ ร้างตวั ละครท-ีมีมนุษยธรรม วรี บุรุษ และบุคคลท-ีมีความดีงามล@าํ เลิศและมีเหตุผลจากบรรดาผปู้ กครอง เจา้ เมืองและผบู้ ญั ชาการกองทพั ข@ึนในเรื-องเล่าต่างๆของเขา เขาไดส้ ร้างเร-ือง ท-ีดูแปลกพสิ ดารข@ึนมาเช่นกนั และดูขดั กนั กบั กฎธรรมชาติท-ีเป็นจริง เพอ-ื ทาํ ใหม้ นั ดูราวกบั เป็นเรื-องอศั จรรยต์ ่างๆ เช่นทรายกลายเป็นน@าํ ทะเล เปล-ียนไปเป็นพ@ืนทราย และววั พดู กบั คน เพ-อื บอกถึงเรื-องที-หลบซ่อนของ พวกมนั ใหก้ บั กองทพั มุสลิมไดร้ ู้และอื-นๆ ยงิ- ไปกวา่ น@นั บรรดาผปู้ กครองเจา้ เมืองแม่ทพั และผคู้ นที-อิทธิพลต่างๆ ในยคุ แรกตน้ ของอิสลามไดเ้ ขา้ ไปพวั พนั กบั เรื-องต่างๆ ซ-ึงเป็นเรื-องท-ีไม่ เหมาะสม เร-ืองราวต่างๆของซยั ฟ์ ไดช้ ่วยปกปิ ดความผดิ เหล่าน@ี ดว้ ยขอ้ แก้ ตวั ท-ีฟังดูง่ายๆ และฉะน@นั จึงเป็นการป้ องกนั ไม่ใหม้ ีการวพิ ากษว์ จิ ารณ์ถึง พวกเขาเหล่าน@นั ดงั ตวั อยา่ งที-เราไดเ้ ห็นในขอ้ เขียนของซยั ฟ์ ดงั ต่อไปน@ี 201

1. ซยั ฟ์ ไดบ้ นั ทึกไวว้ า่ อะลี อิบนิ อบีฏอลิบ ไดใ้ หส้ ัตยาบนั กบั อบบู กั ร ในวนั เดียวกนั กบั บุคคลอื-นที-ไดใ้ หส้ ัตยาบนั ของพวกเขา !! ในขณะที-อะลี ปฏิเสธท-ีจะใหก้ ารยอมรับและใหส้ ัตยาบนั จนถึงวาระที-ภรรยาของเขา (ฟาฏิ มะฮ์ บุตรสาวของท่านศาสดา) ไดว้ ายชนมไ์ ปแลว้ 2. ซยั ฟ์ ไดบ้ นั ทึกไวว้ า่ สะอดั อิบนิ อุบาดะฮไ์ ดใ้ หส้ ัตยาบนั โดยไม่เตม็ ใจ !! ในขณะที-เขาปฏิเสธที-จะใหส้ ัตยาบนั และผลจากการกระทาํ เช่นน@ี เขา จึงถูกฆาตรกรรมในสถานที-ๆเขาถูกเนรเทศไป ณ เฮารอน 3. ซยั ฟ์ ไดบ้ นั ทึกไวว้ า่ ผคู้ นที-มาจากเผา่ พนั ธุ์ต่างๆท@งั หมดเหล่าน@นั ผซู้ -ึง ไดร้ ับคาํ สั-งใหต้ อ้ งถูกประหารชีวติ และบรรดาภรรยาของพวกเขาถูกจบั ตวั ไปเป็นเชลยศึกตกเป็นมุรตดั (หมายถึง ไดย้ อมรับอิสลามแลว้ ต่อมาได้ ปฏิเสธศาสนา !! ) ในขณะท-ีความจริงมีวา่ พวกเขาปฏิเสธท-ีจะใหส้ ตั ยาบนั ต่ออบูบกั ร 4. ซยั ฟ์ ไดบ้ นั ทึกคาํ กล่าวของท่านศาสดาท-ีวา่ ขณะที-ไดบ้ อกกล่าวถึง ผหู้ ญิงคนหน-ึงที-กาํ ลงั ขี-อูฐมาใกลเ้ ฮาอบั น@นั เป็น อุมมุ ซุมลั !! มาบดั น@ีเรา ทราบแลว้ วา่ นางคือ อาอิชะฮ์ อุมมุลมุอม์ ินีน (บุตรสาวของอบบู กั รและเป็น ภรรยาของท่านศาสดา) 5. ซยั ฟ์ ไดบ้ นั ทึกไวว้ า่ มุฆีเราะฮ์ อิบนิ ชุอบ์ ะฮ์ (เจา้ เมืองในสมยั ของ อุมรั ) กาํ ลงั อยใู่ นบา้ นของเขา เมื-อเขาถูกแลเห็นวา่ กาํ ลงั ร่วมประเวณีกบั ผหู้ ญิงคนหน-ึง บรรดาผทู้ -ีไดเ้ ห็นเขาน@นั ไม่อาจเห็นผหู้ ญิงคนน@นั ได้ และนาง อาจเป็ นภรรยาของเขาเอง !! เราไดต้ @งั ขอ้ สงั เกตไวแ้ ลว้ วา่ การบนั ทึกของนกั ประวตั ิศาสตร์คนอื-นๆ ขดั แยง้ กบั บนั ทึกของซยั ฟ์ โดยสิ@นเชิง มุฆีเราะฮ์ อิบนิ 202

ชุอบ์ ะฮ์ กาํ ลงั อยใู่ นบา้ นของอุมมุ ญะมีล และกาํ ลงั ร่วมประเวณีอยกู่ บั ผหู้ ญิง คนน@ีในขณะที-มีผมู้ าพบเห็น 6. ซยั ฟ์ ไดบ้ นั ทึกไวว้ า่ อบมู ิฮญ์ นั ษะกอฟี ถูกจองจาํ ในสมยั ของอุมรั เนื-องจากบทกวที -ีเขาไดอ้ ่าน ซ-ึงแสดงออกถึงความโปรดปรานการดื-มสุรา !! แต่ความจริงเป็ นวา่ เขาดื-มสุราจนเป็นอาจิณ บางทีนกั ประวตั ิศาสตร์ตะวนั ตกบางคนไดค้ น้ พบในสิ-งท-ีพวกเขากาํ ลงั มองหาอยเู่ ช่นกนั ในเร-ืองท-ีซยั ฟ์ ไดป้ ระดิษฐข์ @ึนมา นนั- คือการสังหารหมู่และ ความประพฤติอนั ป่ าเถื-อนของกองทพั และบรรดาทหารแห่งอิสลาม เราได้ เห็นจากเร-ืองเล่าของซยั ฟ์ ที-วา่ คอลิด อิบนิ วะลีด ใชเ้ วลาอยถู่ ึงสามวนั สาม คืน วนุ่ อยกู่ บั การตดั คอเชลยศึกสงคราม ยงิ- ไปกวา่ น@นั เราไดส้ ังเกตเห็นวา่ คอ ลิด ไดต้ ดั คอผคู้ นท-ีบริสุทธmิปราศจากความผดิ ดว้ ยเช่นกนั ท@งั หมดน@ีเป็น เพราะคอลิดเคยสาบานไวว้ า่ “เขาจะทาํ แม่น@าํ ข@ึนมาสายหน-ึงจากเลือดของ พวกเขาเหล่าน@นั !!” นบั เป็ นเร-ืองที-ไร้สาระโดยสิ@นเชิง นกั ประวตั ิศาสตร์ ตะวนั ตกไดอ้ ่านเร-ืองราวท-ีซยั ฟ์ แต่งข@ึน ดงั ท-ีวา่ มีผคู้ นเป็ นจาํ นวนเรือนแสน ตอ้ งถูกสังหารลงในสงคราม ส่วนใหญ่เกิดข@ึนในช่วงตน้ ของอิสลาม เพอ-ื เป็นการช@ีใหเ้ ห็นถึงความประพฤติท-ีเป็นอมนุษยแ์ ละป่ าเถื-อนของพวกเขา เพอ-ื ทาํ ลายลา้ งมนุษชาติ เช่นเดียวกบั ฮลู ากแู ละมองโกล พวกเขาไดต้ @งั ขอ้ สังเกตในการบนั ทึกของซยั ฟ์ ท-ีวา่ มุสลิมส่วนใหญ่ที- อาศยั อยรู่ อบนอกของมกั กะฮแ์ ละมะดีนะฮ์ ไดต้ กมุรตดั ภายหลงั จากท่าน ศาสดามุฮมั มดั (ศ็อลฯ) และพวกเขาตอ้ งถูกเปล-ียนกลบั มาอีก โดยใชก้ าํ ลงั และโดยอาศยั ดาบ เพือ- ช@ีให้เห็นวา่ อิสลามเผยแผ่ และขยายตวั ออกไปโดย อาศยั กาํ ลงั บงั คบั !! 203

และในทา้ ยที-สุดนกั ประวตั ิศาสตร์ตะวนั ตก ไดเ้ รียนรู้มาจากการบนั ทึก ของซยั ฟ์ วา่ ยวิ คนหน-ึงชื-อ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ มีอิทธิพลอยา่ งมากต่อ บรรดาสาวกผใู้ กลช้ ิดของท่านศาสดา ดว้ ยการหนั เหจิตใจของพวกเขาไป จากคาํ สอนหลกั ของอิสลาม และก่อใหเ้ กิดการกบฏอนั นาํ ไปสู่การสังหารคอ ลีฟะฮ์ ท@งั หมดที-เกิดข@ึนน@ี เป็นผลลพั ธ์มาจากความพยายามของยวิ ล@ีลบั คน หน-ึง !! และอื-นๆ บางทีนกั ประวตั ิศาสตร์ตะวนั ตก ชอบเรื-องราวของซยั ฟ์ ถึงกบั วา่ พวกเขา ยดึ เอางานวเิ คราะห์ของพวกเขาไวก้ บั การบนั ทึกของซยั ฟ์ และไม่สนใจไยดี ที-จะขดุ คน้ ไปสู่ความจริงท-ีบนั ทึกไวโ้ ดยผอู้ -ืน และพวกเขาไม่ยอมกล่าวถึง การบนั ทึกอื-นๆที-น่าเชื-อถือมากกวา่ ของซยั ฟ์ หลงั จากท-ีไดค้ น้ ควา้ การบนั ทึกของซยั ฟ์ อยา่ งละเอียดถ-ีถว้ นจากหนงั สือ อลั ฟุตูฮ์ วลั ริดดะฮ์ และ อลั ญะมาล วะมะซีร อาอิชะฮว์ ะอะลี เราจึงมาถึง ความจริงแทข้ อ้ น@ีคือ การบนั ทึกของซยั ฟ์ มีอิทธิพลอยา่ งใหญ่หลวงต่อ นกั เขียนอ-ืนๆอีกเป็นจาํ นวนมาก รวมท@งั นกั เขียนผมู้ ีช-ือเสียงอยา่ งเช่น ฏอบา รี อิบนิ อะซีร อิบนิ กะซีร และอิบนิ คอลดูน ยงิ- ไปกวา่ น@นั ขณะท-ีเรา เปรียบเทียบการบนั ทึกของซยั ฟ์ กบั การบนั ทึกของผอู้ ื-น เราจึงมาถึงขอ้ สรุป ดงั น@ีวา่ ผรู้ ู้ในสายของฮะดิษบางท่าน พดู ไวอ้ ยา่ งถูกตอ้ งดงั ที-วา่ “ซยั ฟ์ เป็นคน มุสา และเป็นนกั เขียนนิยาย” เท่าที-ซยั ฟ์ เป็นคนซินดีกคนหน-ึง (หนา้ ไหวห้ ลงั หลอก) ซ-ึงผทู้ รงความรู้ ในทางฮะดิษและนกั วชิ าการบางท่านไดก้ ล่าวหาเขาเอาไว้ เราจึงจะได้ วจิ ารณ์ถึงเร-ืองน@ีไวใ้ นหนงั สือ ช-ือ “หน-ึงร้อยหา้ สิบซอฮาบะฮ์ มุคตอลฆั ” (150 ซอฮาบะฮ์ ท-ีไม่มีตวั ตน) ในหนงั สือเล่มสามเราพยายามจะวจิ ารณ์และ วจิ ยั หนงั สือของซยั ฟ์ ที-ชื-อ อลั ญะมลั ซยั ฟ์ เขียนหนงั สือน@ีดว้ ยจุดมุ่งหมาย 204

เพอ-ื อธิบายถึงสาเหตุของการก่อกบฏ ในสมยั ของ คอลีฟะฮอ์ ุศมาน ปกป้ อง ผปู้ กครองแห่งราชวงศอ์ ุมยั ยะฮ์ เช่น มุอาวยิ ะฮ์ และอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ อบีซรั ฮ์ และอธิบายถึงเหตุผลต่างๆ ซ-ึงบรรดามุสลิมในประเทศต่างๆมีความโกรธ เคือง และสะอิดสะเอียนกบั บรรดาผปู้ กครองแห่งอุมยั ยะฮ์ และอ-ืนๆ เราจะ พยายามวจิ ยั ถึงฮะดิษเหล่าน@ี แหล่งท-ีมาและบรรดาผเู้ ล่าไวใ้ นหนงั สือเล่มที- สาม ..................... ซยั ยดิ มุรตะฎอ อสั การี 205

ตอนจบของการแปล หากไม่ใช่เป็นเพราะ “ความสิ@นหวงั ประดุจดงั การปฏิเสธในพระเจา้ แลว้ ” ฉนั คงไม่มีหวงั ท-ีจะทาํ ใหง้ านแปลน@ีสาํ เร็จลงได้ ผหู้ น-ึงยอ่ มเห็นไดจ้ ากความ ไม่ต่อเนื-องและความไม่ราบเรียบดงั วา่ งานน@ีไม่ใช่เป็นของบุคคลเพยี งคน เดียว หลงั จากที-ฉนั ไดอ้ ่านหนงั สือน@ีในฉบบั พมิ พภ์ าษาเปอร์เซีย ฉนั จึงได้ แนะนาํ ใหก้ บั เพ-ือนคนหน-ึงท-ีคู่หม@นั ของเขาเป็นผหู้ ญิงองั กฤษ เพือ- วา่ พวกเขา จะช่วยแปลหนงั สือน@ีเป็ นภาษาองั กฤษ แต่ในไม่ชา้ เขาท@งั สองสมรสกนั และ เปลี-ยนใจไม่รับงานน@ี เพราะฉะน@นั ฉนั จึงตดั สินใจท-ีจะทาํ มนั ดว้ ยตนเอง ท@งั ท-ีตระหนกั ดีวา่ งานน@ีมนั หนกั หนาเกินไปสาํ หรับฉนั น@นั คือ “ทาํ ทอ้ งทะเล ใหแ้ หง้ แลง้ ดว้ ยกบั กระป๋ อง” เวลา ! ภาษาองั กฤษ ! งานแปลของฉนั น@ี ไดร้ ับการแกไ้ ขจากบุคคลต่างๆและน@ีคือ คาํ ตอบถึงความไม่ราบเรียบของ มนั อยา่ งไรก็ตามฉนั ไดพ้ ยายามอยา่ งที-สุดที-จะเขียนหนงั สืออา้ งอิงใหถ้ ูกตอ้ ง แต่ฉนั ไม่ไดใ้ ส่ใจมากนกั กบั คาํ สะกดของชื-อต่างๆ เพราะมีการเปล-ียนการ ออกเสียงและคาํ สะกดตามไวยกรณ์อาหรับ (ตามตน้ ฉบบั ) แลว้ แต่กรณีและ เป้ าหมายของหนงั สือน@ี ไม่ใช่เป็นหนงั สือวรรณคดีแต่เป็ นการพิสูจน์ใหเ้ ห็น วา่ ซยั ฟ์ ไดบ้ ิดเบือนประวตั ิศาสตร์อิสลามเพือ- เห็นแก่การเอาใจผปู้ กครอง คอ ลีฟะฮ์ และเจา้ เมืองในสมยั น@นั ผซู้ -ึงตอ้ งการท-ีจะทาํ ใหผ้ คู้ นเช-ือถือวา่ พวกเขา เป็นผมู้ ีความถูกตอ้ ง และบรรดาผตู้ ามแนวทางของอะลีอยใู่ นหนทางที-หลง ผดิ ยงิ- ไปกวา่ น@นั ฉนั พยายามท-ีจะช@ีชวนใหเ้ ห็นถึงความคิดของผปู้ ระพนั ธ์ ตน้ ฉบบั ของหนงั สือใหก้ บั ผอู้ ่านไดเ้ ห็นวา่ ประโยคท@งั หมดท-ีใชเ้ ขียน หนงั สือประวตั ิศาสตร์อิสลามเล่มต่างๆที-ไดช้ ื-อวา่ เป็นของจริงแทน้ @นั ไม่ใช่ วา่ จะเป็นเรื-องท-ีถูกตอ้ งเสียท@งั หมด แต่ยงั มีตวั ละครท-ีถูกแต่งเร-ืองข@ึนมาเพอ-ื 206

มารับบทบาทต่างๆของวรี บุรุษ ผซู้ -ึงมีการยอมรับกนั วา่ เป็ นบุคคลท-ีมีอยจู่ ริง มาเป็นเวลานานนบั สิบส-ีศตวรรษแลว้ เป็นตน้ วา่ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เจ. มุกอดดสั , รักบี-, 28 เมษายน 2517 หมายเหตุจากบรรณาธิการ ฉนั รู้สึกเป็นเกียรติท-ีไดม้ ีโอกาสตรวจทาน จดั รูปเล่มและไดต้ รวจสอบคาํ แปลภาษาองั กฤษของหนงั สือน@ีความจริงที-อยเู่ บ@ืองหลงั นิยาย อบั ดุลลอฮ์ อิบ นิ สะบาอ์ (การศึกษาถึงประวตั ิศาสตร์อิสลามในยคุ ตน้ ) กบั คาํ แปลภาษา เปอร์เซีย ขอขอบคุณเป็นการเฉพาะต่อคุณมุฮมั มดั อะลาวี ผซู้ -ึงไดก้ รุณาช่วยอ่าน บางบทและเปรียบเทียบมนั กบั ตน้ ฉบบั เดิมที-เป็นภาษาเปอร์เซีย บางตอนไดม้ ีการเปลี-ยนแปลงไปบา้ งเลก็ นอ้ ยและบางตอนไดม้ ีการแกไ้ ข หรือไม่ก็ไดม้ ีการแปลใหม่ท@งั หมด นบั เป็นความหวงั ดว้ ยความจริงใจวา่ การศึกษาถึงเร-ืองน@ีจะเหน-ียวนาํ และกระตุน้ นกั วชิ าการตะวนั ตกให้ ดาํ เนินการคน้ ควา้ ยง-ิ ข@ึน เพ-อื การคน้ หาความจริงที-ซ่อนอยเู่ บ@ืองหลงั นิทาน ซ-ึงดาํ รงอยมู่ าเป็ นเวลาอนั ยาวนานหลายศตวรรษแลว้ 207

ฮุซเซน ซาฮิบ หมายเหตุ 1. ก่อนอะห์มดั อามีน รอชีด ริฎอ ไดเ้ ขียนเร-ืองน@ีไวใ้ นหนงั สือของเขา ชื-อ อลั ซุนนะฮ์ วลั ชีอะฮ์ 2. พวกเขาเป็นที-รู้จกั กนั วา่ เป็ นสาวกของท่านศาสดา (ซอฮาบะฮ)์ 3. เรื-องน@ีเป็นเรื-องเท็จและแต่งข@ึนโดยใชช้ ื-อ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ อบู ซรั ไม่เคยเผยแพร่เพอ-ื เป็นการต่อตา้ นคนรวย คาํ พดู ของเขามุ่งไปยงั มุอาวยิ ะฮ์ และราชวงศข์ องเขา ผซู้ -ึงไดย้ ดึ เอาทรัพยส์ ินของผคู้ นไปโดยใชก้ าํ ลงั และอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ถูกใชเ้ พอื- เป็นการปกปิ ดเรื-องน@ี ดว้ ยการแต่งเรื-อง นิทานเหล่าน@ีข@ึนมา 4. นบั เป็นความอบั โชคท-ีหนงั สือของอะห์มดั อะมีน ท-ีมีช-ือวา่ ฟัจรุล อิสลาม และของ ฮาซนั อี. ฮาซนั ช-ือ ประวตั ิศาสตร์การเมืองอิสลาม เป็น หนงั สือเพยี งสองเล่มที-เก-ียวกบั ชีอะฮ์ ใชส้ อนกนั อยใู่ นมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ ของตะวนั ตก 5. เผา่ ของ อบบู กั รและอุมรั 6. อิบนิ กะซีร (เล่ม 6 หนา้ 212) 7. สุยฏู ี ในหนงั สือ อลั คอซออิส (เล่ม 2 หนา้ 137) และอิบนิอบั ดุลบรั ใน หนงั สือ อลั อิสตีอาบ 8. อลั กามิล ของอิบนิ อะซีร เหตุการณ์ต่างๆของปี ฮ.ศ. 44 อลั อิสตีอาบ เล่ม 1 หนา้ 548-555 อลั อิซอบะฮ์ เล่ม 1 หนา้ 563 9. อบูบกั รอฮช์ ื-อของเขาคือ นุฟัยอ์ บุตรของมสั รุฮ์ ฮะบาชี และมีกล่าวไว้ วา่ บิดาของเขาช-ือ ฮาริษ อิบนิ กะละดะฮ์ อิบนิ อมั ร อิบนิ อิลาจ อิบนิ อบี ซะ ละมะฮ์ อิบนิ อบั ดุลอุซซา อิบนิกอยส์ 208

10. เรื-องราวของการละเมิดประเวณีของมุฆีเราะฮ์ ไดร้ ับการบอกเล่าไว้ โดย อิบนิ ญะรีร อิบนิ อะซีร และอบุลฟิ ดา อนั เป็ นเหตุการณ์ของปี ฮ.ศ. 17 11. ฮาซูวี เป็ นช-ือของภเู ขาลูกหน-ึง อยทู่ -ีเกาะแห่งหน-ึงซ-ึงผคู้ นที-ถูก เนรเทศตอ้ งไปอยทู่ -ีน@นั ในสมยั น@นั 12. ฏารีค อลั กามิล เล่ม 10 หนา้ 178 ชะซะรอตุซซะฮบั เหตุการณ์ในปี ฮ.ศ. 489 ลีซานุล มีซาน เล่ม 6 หนา้ 57. 479 และตสั กีรอตุล ฮุฟฟาซ อลั ซะ ฮาบี หนา้ 1224 13. ฏอบารีเล่ม 1 หนา้ 1892 เอรติดาด เฆตแพน ปี ฮ.ศ. 11 14. ฏอบารี เล่ม 1 หนา้ 2052 ข่าวที-ตาม ฮยั เราะฮม์ า 15. อุบุลละฮ์ เป็นชื-อเมืองๆหน-ึงใกลก้ บั แม่น@าํ ไตกรีสกบั บสั เราะฮ์ บสั เราะฮก์ ลายมาเป็นเมืองเก่าน@นั เป็นที-ต@งั ของศูนยบ์ ญั ชาการกองทพั โดยคาํ สั-ง ของคุสรอจาก มุอญ์ ะมุล บุลดาน ทา้ ยเล่มจากผตู้ รวจทาน ในระหวา่ งท-ี สาํ นกั พมิ พ์ 14 พบั ลิเคชนั- สถาบนั ส่งเสริมการศึกษาและ วจิ ยั เกี-ยวกบั อิสลาม กาํ ลงั จดั แปลและพมิ พห์ นงั สือเรื-อง “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ และนิยายต่างๆ” ของท่านศาสตราจารย์ อลั ลามะฮ์ ซยั ยดิ มุ รตะฎอ อสั การี ไดม้ ีบทความปรากฏอยใู่ นอินเตอร์เน็ต เวบไซต์ “มุสลิมไทย” หวั ขอ้ เร-ือง “อิบนิ สะบาอเ์ ป็นนิทานหรือเป็นเรื-องจริง” ซ-ึงแปลเป็นไทย มาจากหนงั สือของ ดร. มุฮมั มดั ยซู ุฟ อลั นากรามี เร-ือง Al-Shi’aa on The Scale แปลโดย อะห์มดั อิบรอฮีม อชั ชะรีฟ 1989 พิมพโ์ ดยสาํ นกั พิมพ์ ไร้ช-ือ จากหนา้ 48-64 ซ-ึงผเู้ ขียนพยายามท-ีจะพสิ ูจนใ์ หเ้ ห็นวา่ ท่านศาสตราจารย์ มุ รตะฎอ อสั การี เป็นนกั ประวตั ิศาสตร์อิสลาม ร่วมสมยั ท-ีไม่น่าเชื-อถือ เพ-อื ผเู้ ขียนตลอดจนสหายร่วมอุดมการณ์ของพวกเขา จะไดย้ ดึ มนั- กบั ความเชื-อ 209

เดิมของพวกเขาที-วา่ ชีอะฮม์ ีท-ีมาจากอลั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ผเู้ ป็นยวิ ดงั รายละเอียดแจง้ อยใู่ นบทความท-ีปรากฏอยใู่ นเวปไซตด์ งั กล่าวแลว้ น@นั เนื-องจากผตู้ รวจทานไดอ้ ่านเวปไซต์ ของบทความดงั กล่าวอยา่ งละเอียดถี- ถว้ นแลว้ จึงเห็นเป็นความจาํ เป็นที-จะตอ้ งใหค้ าํ อธิบายเพ-ิมเติมถึงความเป็น ปราชญผ์ ยู้ ง-ิ ยงของท่านศาสตราจารย์ มุรตะฎอ อสั การี ท-ีท่านไดต้ ดั สินใจนาํ ผลงานอนั ทรงคุณค่ายง-ิ ของท่าน ท-ีไดผ้ า่ นการศึกษาคน้ ควา้ วเิ คราะห์วจิ ยั และตรวจสอบอยา่ งละเอียดถี-ถว้ นแลว้ เพือ- การเผยแพร่เร-ืองราวของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอท์ -ีปรากฏอยใู่ นหนงั สือประวตั ิศาสตร์และเร-ืองราวท-ีเล่า สืบทอดต่อกนั มาจนถึงปัจจุบนั โดยจะเขียนอธิบายเพิ-มเติมถึงรายละเอียด ของเร-ืองน@ีเป็นขอ้ ๆไป ดงั ต่อไปน@ี 1. เน-ืองจาก ดร. มุฮมั มดั ยซู ุฟ อลั นากรามี ผวู้ จิ ารณ์ไดอ้ ่านหนงั สือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอแ์ ละนิยายต่างๆ” ของท่านศาสตราจารย์ มุรตะฎอ อลั อสั การี จากหนงั สือฉบบั แปลเป็นภาษาองั กฤษ โดย “กลุ่มพนี- อ้ งมุสลิม” ซ-ึงไดถ้ ูกแปลออกไปเพยี งภาคเดียว เหมารวมไปวา่ ท่านจงใจไม่พดู ถึง รายงานอื-นๆ ในเรื-องของอิบนิ สะบาอ์ วา่ กนั ตามจริงตน้ ฉบบั ที-เป็ นภาษา อาหรับน@นั มีจาํ นวนสองเล่ม และในปัจจุบนั ไดถ้ ูกตีพิมพเ์ ป็นคร@ังที- 6 ในปี ฮ. ศ. 1413 โดยสาํ นกั พมิ พ์ นชั รุเตาฮีด เตหะราน พิมพค์ ร@ังแรก ณ เมืองนะญฟั ประเทศอิรัค ปี ฮ.ศ. 1375 พมิ พค์ ร@ังท-ีสอง ณ เมืองไคโร ประเทศอียปิ ต์ ปี ฮ.ศ. 1381 พมิ พค์ ร@ังที-สาม ณ เมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ปี ฮ.ศ. 1388 และหนงั สือท@งั สองเล่มถูกแปลเป็นภาษาเปอร์เซีย เสร็จสิ@นในปี ฮ.ศ. 1384 ซ-ึงแบ่งออกเป็ นสามภาค และปัจจุบนั ไดถ้ ูกตีพมิ พเ์ ป็นคร@ังที- 5 ส่วน 210

ฉบบั แปลภาษาองั กฤษของสาํ นกั พมิ พ์ “กลุ่มพี-นอ้ งมุสลิม” ดงั กล่าวน@ีได้ แปลตน้ ฉบบั มาจากภาษาเปอร์เซียอีกทอดหน-ึง 2. จริงๆแลว้ ท่านอลั ลามะฮ์ อสั การีย์ ไดก้ ล่าวถึง เร-ืองอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ที-รายงานไวใ้ นหนงั สือ มุสนดั ของ อะห์มดั อิบนิ ฮมั บลั (อิมามฮมั บาลี) ไวใ้ นเล่ม 1 หนา้ 187 (ตน้ ฉบบั ภาษาอาหรับ พิมพค์ ร@ังท-ี 6) และ กล่าวถึง “หนงั สือรวมปกิณกะและกลุ่มคณะต่างๆ (อลั มะกอลาต วลั ฟิ รอก)” ของท่านสะอดั อิบนิ อบั ดุลลอฮ์ ไวใ้ นหนา้ 174 และในหนา้ 220-222 อา้ งถึง หนงั สือ “ฟิ รอก อลั ชีอะฮ”์ ของท่าน อบูมุฮมั มดั อลั ฮาซนั อิบนุ มูซา อลั เนาบคั ตีย์ ไวใ้ นหนา้ ท-ี 222 3. ไดอ้ า้ งถึงหนงั สือ ลิซาน อลั มีซาน ของซยั ฟิ น อิบนิ ฮาญรั อลั อซั กอ ลานีย์ ไวใ้ นเล่ม 1 หนา้ ท-ี 222 4. ไดอ้ า้ งถึง อิบนิ อะซากิร พร้อมสายรายงานอื-นของเขาที-มีอยใู่ น หนงั สือ ตารีค มะดีนะฮ์ ดิมิชก์ ไวด้ ว้ ยในเล่มหน-ึง เฉพาะในหนา้ ที- 232ถึง 234 ได้ กล่าวถึงรายงานอื-นๆ ของอิบนิ อะซากิรไวถ้ ึง 6 รายงาน 5. ดงั ท-ีไดก้ ล่าวในขอ้ ท-ี (1) แลว้ วา่ เนื-องจากผวู้ ิจารณ์ไดอ้ ่านเฉพาะภาคท-ี หน-ึง ดงั น@นั จึงไม่พบสิ-งท-ีท่านศาสตราจารย์ อลั อสั การีย์ กล่าวถึงในเรื-องอื-น ท่านศาสตราจารย์ อสั การีย์ ไดพ้ ดู ถึงและวเิ คราะห์ตาํ รับตาํ ราท@งั ของ ชีอะฮ์ และซุนนีไวโ้ ดยละเอียด แมก้ ระทงั- รายงานท@งั 5 รายงาน (หมายเลข 170-174) ของหนงั สืออิคติยาร มะอร์ ิฟัต อรั ริญาล ไวใ้ นหนงั สือ เล่มที-หน-ึง จากหนา้ ที- 167-254 ในสองหวั ขอ้ ใหญ่คือ 1. อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอใ์ นหนงั สือต่างๆของอะห์ลุลฮะดิษ 211

ในหวั ขอ้ น@ีไดน้ าํ เสนอและวจิ ารณ์ริวายะฮต์ ่างๆที-ท่านอบู อมั ร์ อลั กชั ชีย์ ไดอ้ า้ งไวใ้ น หนงั สือ “อรั ริญาล” ของตน โดยเฉพาะรายงานท@งั หา้ ที- ปรากฏอยใู่ นหนงั สือ “อิคติยาร มะอร์ ิฟัต อรั ริญาล” ของท่านอบูญะอฟ์ ัร อตั ตซู ีย์ และยงั กล่าวถึงริวายะฮจ์ ากหนงั สือของผทู้ รงความรู้ดา้ นอ-ืนๆดว้ ย เช่น –อลั กาฟี ย์ ของ เชคกลุ ยั นี -อิมาม อะห์มดั อิบนิฮมั บลั (อิมามฮมั บาลี - ตารีค อลั อิสลามี ของท่านซะฮะบี เป็นตน้ 2. อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอใ์ นหนงั สือต่างๆ ของ อะฮล์ ิลมะกอลาต (บรรดานกั รวบรวมปกิณกะ) เพยี งหลงั ฐานที-ไดก้ ล่าวมาน@ี ก็คงจะเพยี งพอเพ-ือจะช@ีใหเ้ ห็นวา่ ผวู้ จิ ารณ์ (ดร. มุฮมั มดั ยซู ุฟ อลั นากรามี) ยงั ไม่มีความรอบคอบพอในการวจิ ารณ์ หนงั สือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ของท่าน อลั ลามะฮ์ อสั การีย์ หรือมิ เช่นน@นั คงมีเจตนาตอ้ งการทาํ ใหผ้ ทู้ ี-อ่านบทวิจารณ์น@ีเกิดความคลางแคลง สงสยั และเขา้ ใจ ท่านอลั ลามะฮ์ อสั การีย์ ไปในทางลบวา่ ท่านไม่ใช่ นกั วเิ คราะห์ประวตั ิศาสตร์ที-แทจ้ ริง ในทางตรงกนั ขา้ มดูเหมือนวา่ ตวั ผวู้ จิ ารณ์หนงั สือเล่มน@ีเสียเอง ที-ยงั ไม่ รู้จกั บรรดานกั วชิ าการอิสลามดีพอ หรืออาจจะดว้ ยเจตนาอ-ืนท-ีพยายามกล่าว ถึงนกั วชิ าการซุนนี บางท่านวา่ เป็นชีอะฮ์ ตวั อยา่ งเช่น ดร. อะห์มดั อามีน ชาวอียปิ ต์ ซ-ึงจริงๆแลว้ ดร. อะห์มดั อามีน ผนู้ @ีคือ ผตู้ ่อตา้ นชีอะฮอ์ ยา่ ง รุนแรงยง-ิ ผลงานที-สาํ คญั ของท่านท-ีเป็ นท-ีรู้จกั กนั ดีน@นั มี 3 ชุด ฟัจญร์ ุล อิสลาม (รุ่งอรุณแห่งอิสลาม), ฎุฮา อลั อิสลาม (ยามสายแห่งอิสลาม), เยามุล อิสลาม (วนั แห่งอิสลาม) ในหนงั สือสองเล่มแรก ท่านไดโ้ จมตีหลกั ความ เชื-อของชีอะฮ์ อิมามิยะฮ์ อยา่ งรุนแรงเกี-ยวกบั เรื-องการที-ท่านนบีไดแ้ ต่งต@งั ท่านอิมามอะลีเป็ นผนู้ าํ สืบต่อจากท่าน และไดอ้ า้ งวา่ ท่านนบี(ศอ็ ลฯ) ได้ วางรากฐานในเร-ืองของการชูรอและเลือกต@งั คอลีฟะฮไ์ ว้ 212

แต่ในเล่มสุดทา้ ย (เยามุลอิสลาม) ซ-ึงท่านไดเ้ ขียนในช่วงสุดทา้ ยแห่งชีวติ ของท่าน โดยสารภาพถึงความผดิ พลาดของบรรดาซอฮาบะฮท์ ี-ไดค้ ดั คา้ น ท่านนบี ขณะที-ท่านตอ้ งการบนั ทึกคาํ สั-งเสียเก-ียวกบั ผซู้ -ึงจะเป็นผนู้ าํ ภายหลงั จากท่าน โดยเฉพาะการคดั คา้ นของท่านอุมรั ในวนั พฤหสั บดีแห่งความอบั โชคน@นั และการรวมตวั กนั ของซอฮาบะฮบ์ างท่านท-ีตาํ บลซะกีฟะฮ์ บนีซะอี ดะฮ์ เพ-อื แยง่ ชิงตาํ แหน่งคอลีฟะฮก์ นั ในวนั ท-ีท่านนบีเสียชีวติ ซ-ึงได้ กลายเป็นสาเหตุสาํ คญั แห่งความแตกแยกของมวลมุสลิม ในหนงั สือขา้ งตน้ ยงั ไดก้ ล่าวถึงสาเหตุของความเคียดแคน้ ท-ีประชาชนมีต่อท่านอุศมาน จนทาํ ใหอ้ ุศมานตอ้ งถูกลอบสังหาร โดยกล่าวถึงสาเหตุดงั กล่าวไวถ้ ึง 13 สาเหตุ ที- ช@ีใหเ้ ห็นถึงความไม่เป็ นธรรมของอุศมานและการเห็นแก่พวกพอ้ งและเครือ ญาติของตนเอง (โปรดดูหนงั สือ “เยามุลอิสลาม” พมิ พ์ ค.ศ. 1958 หนา้ 41-64 อา้ งจากหนงั สือ “อชั ชีอะฮ์ วะอตั ตะชยั ยอุ ”์ ของท่านมุฮมั มดั ญะ วาด มุฆนียะฮ์ พิมพโ์ ดย “มกั ตะบะตุลมดั รอซะฮ์ อะดารุลกิตาบ อลั ลุบนานี” ณ กรุงเบรุต) ส่วน ดร. ฏอฮา ฮูเซน ชาวอียิปตก์ ็เป็นชาวซุนนี เช่นกนั จากการท-ีผแู้ ปลไดแ้ ปลบทวิจารณ์ดงั กล่าวน@ีออกมาเป็นภาษาไทย บนั ทึก ไวใ้ นเวบไซตด์ งั กล่าวของอินเตอร์เน็ท ทาํ ใหเ้ รามนั- ใจวา่ ผแู้ ปลก็มี แนวความคิดคบั แคบเช่นเดียวกบั เจา้ ของบทวจิ ารณ์ และบางทีตนเองอาจจะ ยงั ไม่เคยไดส้ ัมผสั กบั หนงั สือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ เราจะจดั แปล และพิมพห์ นงั สือดงั กล่าวโดยสมบรู ณ์ท@งั สามภาค เพ-อื เป็นวทิ ยาทานแก่ผู้ แปลบทวจิ ารณ์น@ี และแก่ผทู้ ี-ยงั มีความเขา้ ใจท-ีผดิ พลาดท-ีคิดวา่ ชีอะฮม์ ีท-ีมา จากอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอจ์ ริงๆ 213

อลั ลามะฮ์ อสั การีย์ ไดก้ ล่าววา่ ท่านกชั ชีย์ ภายหลงั จากอา้ งริวายะฮท์ @งั 5 บทแลว้ ท่านกล่าววา่ ท่านไดร้ ายงานมาจากนกั ประวตั ิศาสตร์บางท่านวา่ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอเ์ ป็นชาวยะฮูดีต่อมาไดเ้ ขา้ รับอิสลาม และไดก้ ลายเป็นผู้ หน-ึงที-มีความรักต่อท่านอะลี อิบนิ อบีฏอลิบ (อ.) เขาคือผซู้ -ึงในขณะที-ยดึ ถือ ศาสนายวิ ไดม้ ีความเชื-อถือที-เลยเถิด (ฆุลูว)์ เกี-ยวกบั ยชู ะอ์ อิบนินูน (ผเู้ ป็ น วะศียข์ องท่านนบีมูซา(อ.)) เขาไดแ้ สดงพฤติกรรมและความเชื-อท-ีเลยเถิด เช่นเดียวกนั น@ีเก-ียวเกี-ยวกบั ตวั ท่านอะลี และเขาคือบุคคลแรกท-ีกล่าวอา้ ง ความเป็นอิมามของอะลี อิบนิ อบีฏอลิบ(อ.) และการเป็ นคอลีฟะฮข์ องท่าน ภายหลงั จากท่านศาสนทตู (ศ็อลฯ) และแสดงตนออกห่างและเป็นศตั รูต่อ บรรดาศตั รูของท่านอะลี และถือวา่ พวกเหล่าน@นั เป็ นผปู้ ฏิเสธ และจากจุดน@ี เองท-ีบรรดาฝ่ ายตรงขา้ มกบั ชีอะฮจ์ ึงพากนั กล่าววา่ แนวทางชีอะฮม์ ีตน้ กาํ เนิด มาจากยวิ (โปรดดุ สารอตั ตกั รีบ เล่ม 7) ท่านอลั ลามะฮไ์ ดอ้ ธิบายต่อไปในการวเิ คราะห์ริวายะฮต์ ่างๆวา่ การ อธิบายของท่านกชั ชีย์ ภายหลงั จากการอา้ งถึงริวายะฮท์ @งั 5 บทดงั กล่าวเป็น การสรุปเน@ือหาจากบรรดาริวายะฮ์ ซ-ึง “ซยั ฟ์ ” ไดเ้ ล่าไวเ้ กี-ยวกบั “อบั ดุลลอฮ์ อิบ สะบาอ”์ และฏอบรียก์ ็ไดอ้ า้ งมาจากน@นั เช่นกนั และบุคคล อ-ืนๆ ก็อา้ งต่อมาจากฎอบรียอ์ ีกทอดหน-ึง และเราไดว้ เิ คราะห์ไปแลว้ ใน หนงั สือเล่มท-ีหน-ึง และพวกท่านเองก็ยอมรับในเวปไซตข์ องท่านแลว้ วา่ ซยั ฟ์ เป็นนกั เล่านิทานจอมโกหก เช่น เร-ืองอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ เป็นตน้ ส่วนริวายะฮ์ ท@งั 5 บทน@ี ท-ีท่านกชั ชียไ์ ดอ้ า้ งถึงน@นั เราไดพ้ บวา่ เน@ือหา ดงั กล่าวน@ีมีปรากฏอยใู่ นหนงั สือต่างๆท-ีเกี-ยวกบั “อลั มิลลั วนั นิฮลั ” (กลุ่มและแนวทางต่างๆ) ซ-ึงมีอยกู่ ่อนยคุ สมยั ของท่านกชั ชีย์ หรือไดถ้ ูกเขียน ข@ึนมาในยคุ สมยั เดียวกบั ท่านกชั ชียร์ ่วมสมยั กบั อิบนิ เกาละวยั ฮ์ (มรณะ ฮ.ศ. 369) และเน@ือหาริวายะฮต์ ่างๆของเขาที-มีในหนงั สือ “อลั มะกอลาต” เรียบ 214

เรียงโดยซะอดั บิน อบั ดุลลอฮ์ อลั อชั อะรีย์ (มรณะ ฮ.ศ. 301) และ เช่นเดียวกนั น@ีในหนงั สือ “มะกอลาตุลอิสลามียนี ” ของ อะลี บินอิสมาอีล (มรณะ ฮ.ศ. 330) ท@งั หมดเหล่าน@ีไดถ้ ูกอา้ งรายงานไวก้ ่อน ท่านกชั ชีย์ และ อิบนิ เกาลาวยั ฮท์ @งั สิ@นจะต่างกนั ก็ตรงท-ีบุคคลเหล่าน@นั ไดอ้ า้ งริวายะฮด์ ว้ ย วธิ ีการเฉพาะแบบหน-ึงและปราศจากสายสืบ (สะนดั ) แต่ในริญาลกชั ชีย์ ได้ อา้ งไวใ้ นรูปต่างๆพร้อมดว้ ยสายสืบ ซ-ึงเราจะทาํ การตรวจสอบสายสืบ เหล่าน@นั กนั ต่อไป อลั ลามะฮ์ อสั การีย์ กล่าวต่อไปอีกวา่ ในการวเิ คระห์ตรวจสอบบรรดาริ วายะฮต์ ่างๆ ท-ีกล่าวถึงอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอท์ ี-มีปรากฏในบรรดาหนงั สือ ของชีอะฮน์ @นั เราไดร้ ับบทสรุปวา่ บรรดาริวายะฮท์ @งั หมดเหล่าน@นั ไดถ้ ูกอา้ ง มาจากหนงั สือ “ริญาล อลั กชั ชีย”์ ท@งั สิ@น ๑๕ อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอแ์ ละนิยายต่างๆ ท่านไดอ้ า้ งหนงั สือท-ีรายงานริวายะฮเ์ หล่าน@นั จากหนงั สือ ริญาล อลั กชั ชีย์ อีกทอดหน-ึงไวจ้ าํ นวน 11 เล่ม จากน@นั ท่านอลั ลามะฮไ์ ดเ้ ริ-มวเิ คราะห์สายสืบและวธิ ีการรวบรวมฮะดิษ ของท่าน กชั ชีย์ ซ-ึงจะขอสรุปเป็นบางส่วนดงั น@ี 1. กชั ชีย์ เป็นลูกศิษยข์ องอยั ยาชีย์ และไดเ้ รียนรู้สิ-งต่างๆมากมายจากเขา ท่านนจั ญาชียไ์ ดก้ ล่าวถึง อยั ยาชี วา่ เขาเป็นบุคคลท-ีอ่อนแอ (ฎออีฟ) และ ชอบรายงานฮะดิษจากบุคคลที-ไม่น่าเชื-อถือจาํ นวนมาก และเริ-มแรกทีเดียว 215

เขายดึ ถือมซั ฮบั อะห์ลิซซุนนะฮ์ และเขาไดร้ ับฟังฮะดิษของอะห์ลิซซุนนะฮ์ จาํ นวนมากมาย ดว้ ยเหตุน@ีเขาจึงรายงานฮะดิษประเภทน@ีไวอ้ ยา่ งมากมาย 2. ท่านนจั ญาชียไ์ ดก้ ล่าววา่ กชั ชีย์ มีหนงั สือเล่มหน-ึงเกี-ยวกบั “ริญาล” หนงั สือเล่มน@ีมีเน@ือหาต่างๆมากมาย แต่ขณะเดียวกนั ก็มีขอ้ ผดิ พลาดต่างๆ มากมายเช่นกนั 3. นจั ญาชียย์ งั ไดก้ ล่าวเกี-ยวกบั กชั ชียไ์ วเ้ ช่นน@ีอีกวา่ เขาเล่าฮะดิษจาก บุคคลท-ีอ่อนแอ (ฏออีฟ) และไม่น่าเช-ือถือ 4. เจา้ ของหนงั สือ “กอมซู อรั ริญาล” ไดก้ ล่าววา่ “จากหนงั สือริญาล ของกชั ชียน์ @นั ไม่มีตน้ ฉบบั ที-ถูกตอ้ ง(ซอเฮียะฮ)์ ตกถึงมือใครอีกเลย แมแ้ ต่ ท่านเชคฏูซียแ์ ละนจั ญาชีย”์ นจั ญาชียเ์ องไดก้ ล่าวเกี-ยวกบั เร-ืองน@ีไวว้ า่ “ริญาล กชั ชี มีเน@ือหาท-ีผดิ พลาดมากมาย” จากน@นั เจา้ ของ “กอมูซ ริญาล” ไดก้ ล่าววา่ “การถูกปลอมแปลง บิดเบือน ท-ีเกิดข@ึนในหนงั สือริญาลของกชั ชียน์ @นั มีมากเกินกวา่ จะคาํ นวณนบั ได้ เน@ือหาท-ีไม่ถูกบิดเบือนและปลอดภยั (ซาลิม) ในหนงั สือเล่มน@นั เหลือนอ้ ยมาก” ตวั อยา่ งเช่น จากน@นั ท่านได้ กล่าวถึงสาเหตุต่างๆของการถูกบิดเบือน 5. ริวายะฮท์ @งั หา้ บทดงั กล่าว 5.1 บรรดาอุลามาอส์ ่วนมากน@นั ไม่ยอมรับ ในริวายะฮเ์ หล่าน@ี ดงั น@นั จึง เห็นไดว้ า่ บรรดาเจา้ ของ “อลั กุตุบ อลั อรั บะอะฮ”์ คือ 1. อลั กาฟี ย์ ของเชคกลุ ยั นี (มรณะ ฮ.ศ. 329) 2. มนั ลายะฮฏ์ ูรุฮุลฟะกีฮ์ ของ เชคศุดูก (มรณะ ฮ.ศ. 381) 3. อตั ตะฮซ์ ีบ ของเชคฏูซีย์ (มรณะ ฮ.ศ. 460) 4. อลั อิศติบศอร ของเชคฏูซีย์ (มรณะ ฮ.ศ. 460) 216

จึงไม่กล่าวถึงริวายะฮเ์ หล่าน@ีไวแ้ ต่อยา่ งใดเลย 5.2 ในริวายะฮต์ ่างๆของชีอะฮเ์ อง มีริวายะฮอ์ ื-นๆอีกท-ีมีเน@ือหาขดั แยง้ (ตะนากุฎ) กบั ริวายะฮเ์ หล่าน@ีของกชั ชีย์ ซ-ึงจะช@ีใหเ้ ห็นถึงความเทจ็ (ตกั ซีบ) ของฮะดิษท@งั 5 บทดงั กล่าว จากน@นั อลั ลามะฮ์ ไดย้ กตวั อยา่ ง ฮะดิษสองบทท-ี ขดั แยง้ กบั ฮะดิษท@งั หา้ น@นั มาอา้ งไว้ (โปรดดูจากหนงั สือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ และนิยายต่างๆ” เล่ม 2 จากหนา้ 168-214 สาํ นกั พิมพน์ ชั รุตเตาฮีด เตหะราน พมิ พป์ ี ฮ.ศ. 1413 คร@ังที- 6) ฉะน@นั บุคคลท-ีจะนาํ ฮะดิษของชีอะฮม์ าอา้ งหรือวิเคราะห์น@นั จาํ เป็ นตอ้ งรู้ ดว้ ยวา่ วธิ ีการคดั เลือกฮะดิษและการยอมรับฮะดิษของชีอะฮน์ @นั เป็ นอยา่ งไร? เราเช-ือวา่ ผวู้ ิจารณ์และผแู้ ปลขอ้ วจิ ารณ์คงไม่ปฏิเสธวา่ หลกั การสาํ คญั ประการหน-ึงของอิสลามในการตรวจสอบฮะดิษน@นั คือการนาํ ฮะดิษมา เทียบเคียงอลั กุรอาน และสิ-งใดก็ตามที-ขดั แยง้ กบั อลั กุรอานจาํ เป็นท-ีจะตอ้ ง โยนทิ@งไป ดงั น@นั ไม่ใช่วา่ ทุกฮะดิษที-เราพบเห็นและอ่านพบน@นั จะสามารถนาํ ไปอา้ ง เป็นหลกั ฐานไดโ้ ดยไม่ตอ้ งวเิ คราะห์ตรวจสอบ ผวู้ จิ ารณ์ไม่รู้เรื-องน@ีจริงๆ หรือวา่ มีเจตนาท-ีจะนาํ ฮะดิษ และรายงาน เหล่าน@ีมาอา้ งอิง เพอ-ื สร้างภาพในทางเลวร้ายใหแ้ ก่ชีอะฮอ์ ิมามียะฮก์ นั แน่ ท่านอลั ลามะฮ์ ไดก้ ล่าวในช่วงทา้ ยของหสงั สือ โดยช@ีใหเ้ ห็นถึงความสับสน ของบรรดานกั รายงานฮะดิษ นกั ประวตั ิศาสตร์และนกั วชิ าการ “ฟิ ร็อก” ท@งั หลายเกี-ยวกบั เร-ืองของ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ท่านไดช้ @ีใหเ้ ห็นวา่ 217

เน@ือหาเกี-ยวกบั อิบนิ สะบาอ์ ในกรุ ุนที- 5 (ในยคุ 500 ปี ) สามารถสรุปออกได้ เป็น 3 ตวั ละครคือ 1. อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ วะฮบั อสั สะบาอี เป็นบุคคลระดบั แนวหนา้ ของกลุ่ม คอวาริจ เป็นบุคคลท-ีไม่เป็นที-รู้จกั ยกเวน้ ในหมู่อุลามาอบ์ างคนเท่าน@นั (คน น@ีมีอยจู่ ริงในประวตั ิศาสตร์) 2. อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ ท-ีถูกเรียกวา่ อิบนิ เซาดะฮ์ ที-มีปรากฏใน บรรดาริวายะฮข์ อง “ซยั ฟ์ ” คือผกู้ ่อต@งั แนวทาง “อสั สะบะอียะฮ”์ (คนน@ี คือตวั ละครที-ซยั ฟ์ สร้างข@ึน) 3. อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ คือผกู้ ่อต@งั แนวทาง “อสั สะบาอียะฮ”์ ซ-ึงมี ความเชื-อในเรื-องการเป็นพระเจา้ ของท่านอะลี (อบั ดุลลอฮ์ ผนู้ @ีเกิดจากระยะเวลายาวนานท-ีผา่ นไป และถูกเล่ากนั ต่อมา โดยประชาชนผไู้ ร้ความรู้ (เอาวาม) ในเร-ืองของอบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ์ จน เน@ือหาของเรื-องไดเ้ ปลี-ยนแปลงไป กลายเป็นเรื-องที-งมงายไร้สาระและไร้ แก่นสาร เป็นท-ีกล่าวขานกนั อยา่ งแพร่หลายในทุกสงั คมของมุสลิม และ ต่อมาบรรดานกั วชิ าการ “ฟิ ร็อก” (รวบรวมกลุ่มความเช-ือต่างๆ) จึงได้ นาํ มาบนั ทึกไวใ้ นหนงั สือ “ฟิ ร็อก” และ “อลั มิลลั วลั นิฮลั ” ท@งั หลาย ของตน จะเห็นวา่ หนงั สือเหล่าน@ีจะเล่าเรื-องราวต่างๆโดยปราศจากการอา้ ง สายรายงาน (อิสนาด) ตวั อยา่ งเช่นหนงั สือ - อลั มิลลั วลั นิฮลั ของชาห์ริสตานี - อลั ฟัรกุ บยั นลั ฟิ ร็อก ของท่านอบั ดุลกอฮิร บฆั ดาดี 218

(ดูรายละเอียดเร-ืองน@ีไดจ้ ากหนงั สือ “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอแ์ ละนิยาย ต่างๆ” ในหวั ขอ้ เรื-อง “อสั สะบาอียะฮ์ และอิบนิ สะบาอใ์ นประวตั ิศาสตร์” เล่ม 1 จากหนา้ 351-376 สาํ นกั พิมพ์ นชั รุตเตาฮีด) จากที-ไดช้ @ีแจงแถลงไขมาท@งั หมดขา้ งตน้ ก็เพือ- ใหข้ อ้ เขียนของผู้ ตรวจทาน ไดป้ รากฏเป็นหลกั ฐานยนื ยนั ไวใ้ นหนงั สือซ-ึงไม่อาจลบลา้ งให้ หมดไปได้ แต่จะแตกต่างกนั กบั ขอ้ มลู ท-ีปรากฏอยใู่ นเวบไซตม์ ุสลิมไทยที- ท่านสามารถจะลบทิ@งไปเมื-อใดก็ได้ โดยหาผใู้ ดมารับผดิ ชอบไดไ้ ม่ ดุจดงั ความเทจ็ ท-ีตอ้ งมลายหายไป เม-ือความสัตยจ์ ริงมาปรากฏ ดว้ ยความจริง ประการฉะน@ี จึงทาํ ใหเ้ ราไม่สงสยั เลยวา่ ทาํ ไมพวกทา่ นที-จดั ทาํ เวบไซต์ มุสลิมไทยข@ึนมา จึงนาํ เอาขอ้ มลู ท-ีลาํ เอียงและผดิ พลาดเกี-ยวกบั ชีอะฮแ์ ละ อิสลามมาบรรจุไวใ้ นเวบ็ ไซตข์ องท่าน เช่น เร-ือง “อบั ดุลลอฮ์ อิบนิ สะบาอ”์ ดงั กล่าวที-ไม่ปรากฏช-ือสาํ นกั พิมพ์ และการที-ท่านกล่าวไวใ้ นเวบ็ ไซต์ ดงั กล่าววา่ อลั กรุ อาน มีจาํ นวนสองแสนกวา่ คาํ และมีจาํ นวนอกั ษรที-นบั ไม่ ถว้ นซ-ึงตน้ ฉบบั ภาษาองั กฤษของหนงั สือท-ีท่านนาํ มาแปลน@นั ก็อยใู่ น หอ้ งสมุดของสถาบนั ฯ แต่ท่านกลบั ไม่ยอมอา้ งถึงแหล่งท-ีมาของขอ้ มูล เหล่าน@นั ฉะน@นั พวกท่านคือ ผทู้ -ีตอ้ งรับผดิ ชอบในความผดิ พลาดน@ีเตม็ ประตแู ต่เพียงผเู้ ดียว สุดทา้ ยน@ี เราขอแนะนาํ ใหพ้ วกท่านอยา่ มวั เสียเวลาอนั มีค่าไปกบั การเก็บ รวบรวมขอ้ มูลของพวกต่อตา้ นชีอะฮ์ มาแปลลงในเวบไซต์ มุสลิมไทยของ ท่านต่อไปอีกเลย แต่เราขอเรียกร้องใหท้ ่านเขียนหรือแปลหนงั สือแลว้ พิมพ์ ออกมาเป็ นเล่มๆ เพ-ือเผยแผอ่ ิสลามตามท-ีเป็นจริงใหก้ บั เพอ-ื นร่วมชาติของ เราไดร้ ับรู้สัจธรรมแห่งอิสลาม ดงั ท-ีสถาบนั ฯไดก้ ระทาํ มาแลว้ และกาํ ลงั กระทาํ อยแู่ ละกาํ ลงั จะกระทาํ ต่อไป (หากอลั ลอฮท์ รงประสงค)์ จะเป็นอามลั ที-ดีเลิศมากกวา่ และยงิ- ไปกวา่ น@นั พวกท่านยงั มีโอกาสที-จะไดท้ ุ่มเททรัพยส์ ิน 219

เงินทองและความรู้ไดอ้ ยา่ งมากมาย ปี ละนบั เป็นลา้ นๆ บาทไดอ้ ีกดว้ ย สรุป ก็คือ สิ-งท-ีท่านกาํ ลงั กระทาํ น@นั มนั ดูไร้ค่าและง่ายดายเหมือนสุกเอาเผากิน จง ทาํ ใหส้ มกบั ที-ท่านอา้ งตนเองวา่ เป็นผพู้ ิทกั ษซ์ ุนนะฮข์ องท่านศาสดา(ศอ็ ลฯ) เถิด คาํ กล่าวสุดทา้ ยของเรา ณ ที-น@ีก็คือ มวลการสรรเสริญเป็ นของอลั ลอฮ์ ขอ ความสนั ติสุขจากพระองคจ์ งมีแด่ท่านศาสดามุฮมั มดั (ศอ็ ลฯ)และวงศว์ าน แห่งอะห์ลุลบยั ต(์ อ.) ของท่านดว้ ยเถิด 220


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook