Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อัล-มุรอญิอาต เล่ม 1

อัล-มุรอญิอาต เล่ม 1

Published by thaiislamlib.com, 2022-06-06 05:29:41

Description: จดหมายสนทนาโตตอบทางวิชาการระหว่างอุลามาชีอะห์กับผู้รู้ซุนนี

Search

Read the Text Version

จํานวนมาก ทา นอิบนุ มุอนี ไดกลาววา “เขาเปนคนมีความสําคัญอยางย่ิงคนหนึ่ง” เขาไดเสียชีวิตใน ป ฮ.ศ. 235 ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูน้ีไดไมวาในหนังสือสุนันเลมใดที่เปนรายงานมา จากทา นชะรีด... 53. อับดุรเราะซัก บิน ฮะมาม บิน นะฟอฺ ฮุมัยรียฺ ศ็อลอานีย เขาผูนี้เปนคนสําคัญคนหน่ึง ของฝายชีอะฮฺ และเปนบรรพชนที่ประเสริฐยิ่งคนหน่ึงของพวกเขา ทานอิบนุ กุตัยบะฮฺไดระบุถึง บุคคลผูน้ีไวในหนังสือมะอาริฟวา “เปนนักปราชญของฝายชีอะฮฺ” ทานอิบนุ อัลอะษีรไดกลาวไว ในหนังสืออามีลหนา 211 วา “ทานอับดุรเราะซักไดเสียชีวิตที่เมืองศ็อลอาน เขาเปนนักฮาดีษระดับ อาจารยคนหนึ่งของทานอะหฺมัดและเขาเปนชีอะฮฺ” ทานมุตตะกีย ฮินดียก็ไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไว ในหัวขอฮาดีษที่ 5994 จากหนังสือกันซฯ โดยระบุวา “เขาเปนชีอะฮฺ” ทานซะฮะบียไดกลาวถึง บุคคลผูนี้ไวในหนังสือมีซาน วา “อบั ดรุ เราะซกั บนิ ฮะมาม บิน นะฟอฺ ชาวศอ็ ลอานผูน ี้เปนหนงึ่ ใน จํานวนนักปราชญที่มีความสําคัญทั้งหลาย” ทานไดกลาวอีกวา “บุคคลผูน้ีไดเขียนตําราตาง ๆ มากมายและไดรวบรวมตําราท่ีวาดวยเรื่องตาง ๆ ท่ีสําคัญ ๆ หลายเรื่อง เขาเปนคลังแหงวิชาการ ประชาชนจํานวนมากใหการยอมรับตอเขาเชน อะหฺมัด, อิสหาก, ยะหยา, ซะฮานีย, เราะมาดียและ อาบดิ เปนตน” หลงั จากนั้นทา นไดกลาวเพิ่มเติมถึงการกลาวอางของอับบาส บิน อับดุล อฺาซีม ท่ีวา “เขาเปน คนโกหก” ซึง่ เรอ่ื งนี้ทา นซะฮะบยี ไ ดปฏิเสธโดยกลาววา “น่ีคือความไมถูกตองของอับบาส และขอแตกตางระหวา งอบั บาสกับมสุ ลมิ ตลอดจนถงึ บรรดาผทู รงคณุ วุฒอิ ื่น ๆ และบรรดาผูนําทาง วิชาการสาขาตาง ๆ ซ่ึงไดใหการยอมรับตอบุคคลผูน้ี” หลังจากนั้นทานยังไดกลาวไวในหนังสือ ของทา นอกี วา ทา นตยั ยาละซยี ไ ดกลา ววา “ฉันไดย นิ ทา นอบิ นุ มอุ ีนไดก ลา ววา “ฉนั ไดย ินคาํ พูดตาง ๆ ของอับดุรเราะซักในวันหนึ่งที่แสดงใหเห็นวา เขาเปนชีอะฮฺคือเขากลาววา “แทจริง บรรดาครูบา อาจารยของทานทั้งหลาย ผูซึ่งทานไดยอมรับตอพวกเขาน้ันท่ีเปนนักปราชญซุนนะฮฺ เชน มุอัมมัร, มาลิก, อิบนุญาริห, ซุฟยาน, และเอาซาอียนั้น เขาเหลานี้ไดยอมรับเรื่องราวตาง ๆ มาจากมัซฮับ ชีอะฮฺ” ทานอะบูศอลิห มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล เฏาะรอรียไดกลาวไวดังมีคําอางในหนังสือมีซานวา “แนนอนท่ีสุดพวกเราไดรับวิชาการมาจากอับดุรเราะซัก แตวาอะหฺมัด และอิบนุมุอีน ตลอดถึงคน อื่น ๆ ตางไดละท้ิงฮาดีษของอับดุรเราะซัก คงเปนเพราะวาบุคคลเหลานั้น รังเกียจการเปนชีอะฮฺ ของเขา” หลังจากนั้นทานไดกลาวอีกวา “แนนอนท่ีสุด เราไดทุมเทและเราไดเดินทางมาศึกษา จน เหน็ดเหน่ือยแลว หลังจากน้ันฉันก็ไดออกไปทําฮัจญท่ีมักกะฮฺ ฉันไดเจอกับทานยะหฺยาที่น่ัน แลว ฉนั ไดถ ามเขา” เขากไ็ ดก ลา ววา “โออาบู ศอลหิ  ถงึ แมวา อบั ดุรเราะซักเขาจะออกนอกศาสนาอิสลาม

เสยี แลว กต็ าม แตฉ นั ก็จะไมล ะทง้ิ ฮาดีษของเขา” ทานอิบนุ อาดียไ ดก ลาวถงึ บุคคลผนู ้ี ดังมีคําอางอยู ในหนังสือมีซานวา “เขาไดเลาฮาดีษตาง ๆ ที่เก่ียวกับในเร่ืองของเกียรติยศ คุณงามความดีอยาง ถูกตอง ชนิดที่ไมมีผูใดเสมอเหมือน(113) ซึ่งคนอ่ืน ๆ น้ันมักจะมีความบกพรอง” และมีคนกลาวหา ทานในเรื่องการเปน ชีอะฮฺ แตก ระนั้นยงั ไดมคี นเคยกลา วแกทานอะหมฺ ัด บนิ ฮันบลั ดงั ทมี่ อี า งอยใู น หนังสือมีซานวา “ทานเคยเห็นฮาดีษที่มีสายสืบดีกวาของอับดุรเราะซักบางหรือไม?” ทานตอบวา “ไม” ทา นอิบนุ กัยสะรอนียไดกลาวไวในตอนทายของหนังสือรวบรวมประวัติของนักปราชญศอฮี้ ฮฺ ตอนอธิบายถึงช่ือของทานอับดุรเราะซัก โดยอางบันทึกของทานอิมามอะหฺมัดวา “เมื่อประชาชน ท้งั หลายมีความขดั แยง กันในฮาดีษของมอุ ัมมรั แลว ก็จะถอื กนั วา ใหยดึ เอารายงานของอับดรุ เราะซกั เปนหลกั ” ทานมคุ ็อลลิด ชะอรี ียไดก ลา ววา “ครัง้ หน่ึงฉันไดน ั่งอยูกับทานอับดุรเราะซัก ทันใดน้ันก็ ไดมีบุคคลผูหนึ่งเอยถึงช่ือมุอาวียะฮฺ” ทานอับดุรเราะซักไดกลาววา “อยาใหท่ีนั่งของเราตองแปด เปอ นดวยการเอยถงึ บตุ รของอาบู ซฟุ ยาน” และจากรายงานของทา นซัยด บิน มุบาเราะฮฺ ไดกลาววา พวกเราไดน ั่งรวมกนั กบั ทานอบั ดรุ เราะซกั แลวทานอิบนุฮัสสาน ไดเลาฮาดีษขึ้นมาบทหนึ่งวา “เม่ือ คําพูดของอุมัรไดถูกอานใหทานอาลี และทานอับบาส ฟงวา “ทานทําการขอมรดกของบุตรของ นองชายของทาน และคนน้ีมาขอมรดกภรรยาของเขาที่มาจากบิดาของเธอ” ทานอับดุรเราะซักได กลาวดังท่ีมีอางอยูในหนังสือมีซานวา “จงพิจารณาดูความคลุมเครือนี้ทีเถิดวาใครที่เปนบุตรของ นอ งชายของทาน? ใครคือบดิ าของเธอ? ซง่ึ เขาไมไ ดกลา วดว ยคําวาศาสนทูต (ศ)” ถึงกระน้ันบรรดา นักปราชญท้ังหลายก็ยังไดยอมรับ เอาหลักฐานตาง ๆ มาจากบุคคลผูน้ี จนกระทั่งมีการกลาวกันวา “หลังจากสมัยของทานศาสนทูต (ศ) แลวประชาชนไดมุงหมายไปศึกษากับบุคคลผูนี้มากที่สุด” ทานเกดิ เม่ือปท ่ี ฮ.ศ. 126 เสียชวี ติ ในเดือนเชาวาล เมื่อป ฮ.ศ. 211 ทานไดมีโอกาสใชชีวิตอยูในสมัย ของอมิ ามศอดกิ 22 ป(114)และไดเ สยี ชวี ิตในสมยั ของทานอมิ ามญะอฺฟร ญะวาด กอ นการวะฟาตของ ทา นอมิ าม 9 ป(115) (113) มีรายงานจากทาน อะหฺมัด บิน อัสฮัร ผูเชี่ยวชาญในดานหลักฐานที่ถูกตองคนหนึ่ง ไดกลาววาทานอับดุรเราะซัก ไดเลาเรื่องราวที่อยูในความทรงจําของทาน ใหแกฉันโดยรายงานมา จากมุอัมมัรฺ ซุรีย จากอุบัยติลละฮฺ จากอิบนุ อับบาส ซ่ึงไดกลาววา แทจริง ทานศาสนทูตไดมอง ไป ยังทานอาลี แลวกลาววา เจาคือประมุขท้ังในโลกน้ี และเปนประมุขในวันปรโลก ผูใดที่รักเจา เทากับรักฉนั ผูใดที่โกรธเจาเทากับโกรธฉัน คนที่เจารักนั้นคือที่รักของอัลลอฮฺคนท่ีเจาโกรธน้ันคือ

คนท่ีอัลลอฮฺโกรธขอความวิบัติพึงมีแดคนโกรธเจา รายงานโดยทานฮากิมหนา 128 ุซอฺที่ 3 หนงั สือมสุ ตัดรอ็ ก 54. อับดุลมาลิก บิน อะยุน พ่ีชายของสะรอเราะฮฺ ฮุมรอน บะกีบ อับดุรเราะมาน มะลิก มู ซา และอุมมุอัสวัด บะนีอะ ยุน บุคคลเหลาน้ีเปนบรรพบุรุษของนักปราชญชีอะฮฺ เขาเหลาน้ันได ทุมเทความพากเพยี รอยา งสูงเพื่อรับใชบทบัญญัติของอิสลาม บุคคลเหลาน้ีมีเชื้อสายท่ีเปนกัลปยาน ชน และดํารงอยูบนแนวทางและสายธารของพวกเขา สําหรับอับดุลมาลิกน้ัน ทานซะฮะบียได กลาวถึงเขาไวในหนังสือมีซานวา ทานอาบีวากิล และคนอ่ืน ๆ อีกหลายคนไดยืนยันวาอาบู ฮาติม ไดกลาววา “บุคคลผูน้ีเปนนักฮาดีษที่ดีเลิศ” ทานอิบนุ มุอัยนไดกลาววา “เขาไมมีความบกพรองแต อยางใดเลย” และทานไดกลาวอีกวา “เขาเปนคนซื่อสัตยแตหัวรุนแรง” อิบนุ อัยยีนะฮฺกลาววา “อับ ดุลมาลิก นักเลาฮาดีษของเราเปนคนหัวรุนแรง” อาบูฮาติมกลาววา “เขาเปนบุคคลสําคัญยิ่งของ นักปราชญชีอะฮฺ” ที่รายงานฮาดีษไดดีท่ีสุด ทานซุฟยานก็ไดรับรายงานฮาดีษมาจากบุคคลผูนี้ จาํ นวนมาก อบิ นุ กัยสะรอนยี ไ ดกลา วถึงบคุ คลผนู ใี้ นหนงั สอื “รวบรวมชีวประวตั ิของนักปราชญฮ า ดีษศอฮ้ีฮฺ” วา “อับดุลมาลิก บิน อะยุน พ่ีชายของหุมรอนแหงเมือง กูฟะฮฺ ผูนี้เปนชีอะฮฺ อาบู วาฮิล ไดศึกษาเร่ืองเตาฮีดจากบุคคลผูนี้ แลวทานบุคอรีบันทึก และศึกษาเร่ืองการอีมานโดยทานมุสลิม บันทึก” ทานไดเสียชีวิตในสมัยของทานอิมาม ศอดิกฯ ทานอิมามไดขอพรและทําธุระใหแกทาน และมคี วามเมตตาตอทานเปน อยา งยิง่ (114) เนือ่ งจากทานอิมาม (อ) ไดเ สยี ชวี ิตในป ฮ.ศ. 148 ทา นมีอายุ 65 ป (115) เนื่องจากทานอิมามญะวาต (อ) ไดเสียชีวิตในป ฮ.ศ. 200 ทานมีอายุ 25 ป ฉะน้ันผูท่ี กลาววาทานอับดุรเราะซักไดรับรายงานมาจากทานบากิรยอมเปนการคลาดเคลื่อนตอความจริง เพราะทานอิมามบากริ (อ) เสียชวี ิตในป 114 ทานมีอายุ 57 ปก อ นอบั ดรุ เราะซัก เกิด 12 ป 55. อุบัยดิลละฮฺ บิน มูซา อาบาซีย อัลกูฟย อาจารยคนหนึ่งของอิมาม บุคอรี เจาของตํารา ศอฮี้ฮฺ ทานอิบนุ กุตัยบะฮฺไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีในหมวดวาดวยนักปราชญฮาดีษของหนังสือมะอา ริฟวา “เขาผูน้ีม่ันคงกับการเปนชีอะฮฺของเขา” ทานอิบนุ สะอัดก็ไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหมวดที่ 6 หนังสือฏอบากอต หนา 279 วา “แทจริง บุคคลผูน้ีเปนผูจดจําฮาดีษมากมายในหมูนักปราชญ ชีอะฮฺ” ดวยเหตุนี้ ประชาชนเปนจํานวนมากตางพากันถือวา หลักฐานของเขาออนแอ ท้ัง ๆ ท่ีเขา เปน นักปราชญ ผเู ช่ียวชาญใน อัล-กุรอาน ทา นอบิ นุ อะษีรไดกลาวไวในตอนทายของหนังสือกามิล วาทานผูนี้ไดเสียชีวิตในปลายป ฮ.ศ. 213 และทานอุบัยดิลละฮฺ บิน มูซา ผูน้ีเปนนักปราชญชีอะฮฺ

เปนอาจารยคนหน่ึงของทานบุคอรี ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมีซานวา “อุบัยดิลละฮฺ บิน มูซา ผูนี้เปนอาจารยของทานบุคอรีที่สําคัญมากคนหน่ึง แตทวาเขาเปนชีอะฮฺ” ทานอาบู ฮาติม และอิบนุมุอีนตางไดใหความสําคัญกับบุคคลผูน้ี ทานอะหฺมัด บิน อับดุลลอฮฺ อะญะลียไดกลาววา “อุบัยดิลละฮฺ บิน มูซา เปนผูรูและจดจําอัล-กุรอานอยางดีเลิศ” ทานอาบู ดาวูด กลาววา “อุบัยดิลละฮฺ อะบาซีย ผูน้ีเปนชีอะฮฺ” กลาวไดวานักปราชญฝายซุนนะฮฺจํานวนมากได ยอมรับหลักฐานฮาดีษของทานอุบัยดิลละฮฺ ผูนี้มาบันทึกไวในตําราศอฮี้ฮฺของพวกเขา ทานไมอาจ หลีกพน ฮาดีษของบคุ คลผนู ีไ้ ดไ มว าในตาํ ราศอฮีฮ้ ฺ เลมใดโดยเฉพาะอยางย่ิงจากรายงานที่เลาโดยชัย บาน บิน อับดุรเราะมาน สําหรับศอฮี้ฮฺ บุคอรี น้ันมีในฮาดีษทุก ๆ รายงานของอะอฺมัช ฮิชาม บิน อุ รวะหฺ และอิสมาอีล บิน อาบี คอลิด สําหรับฮาดีษของเขาท่ีมีบันทึกอยูในศอฮี้ฮฺมุสลิมนั้นก็คือ รายงานตาง ๆ ที่เลาโดยอิสรออีล ฮาซัน บิน ศอลิห และอุสามะฮฺ บิน ซัยด และจากรายงานที่บุคคล ผูนี้เปนสื่อกลางก็คือ ทุก ๆ ฮาดีษท่ีเลาโดยอิสหาก บิน ซัยด และอาบีบักรฺ บิน อาบูชัยบะฮฺ ทานซะ ฮะบียไดกลาวในหนังสือมีซานวา “บุคคลผูนี้ไดเสียชีวิตในป ฮ.ศ. 213 เขาเปนคนสมถะและ เครงครัดในการเคารพภักดี และมีความสํารวมตนเปนอยางมากเขาไดเสียชีวิตในขางขึ้นของเดือน ซุลเกาะอดฺ ะฮ”ฺ 56. อุสมาน บิน อุมัยรฺ อะบู ยักซอน สะกูฟย อัลกูฟย บะญาลีย ทานผูน้ีไดรับการกลาวถึง ดว ยช่อื วาอุสมาน บิน อะบูซุรอะฮฺ, อุสมาน บิน กัยส และอุสมาน บิน อาบู ฮะมีร อีกดวย อาบู อะหฺ มดั ซุบยั รียไ ดกลา ววา “เขาผนู ้ีเปน คนศรทั ธาตอ การคืนกลบั ของอิมามมะฮฺดีย” ฮาดีษตาง ๆ ท่ีเขาได บอกเลาลวนมีนํ้าหนักแตพรอม ๆ กันน้ัน ก็มักจะถูกถือวาออนแอไปเสียสิ้น แตถึงกระนั้นการเปน ชีอะฮฺของเขาก็ยังไมอาจจะหามการบันทึกฮาดีษ จากเขาโดยนักปราชญอื่น ๆ อีกจํานวนมาก เชน อะอฺมัช, สุฟยาน, ชุอฺบะฮฺ, ชะรีค เปนตน หลักฐานฮาดีษของบุคคลผูน้ีมีบันทึกอยูในตําราของอาบู ดาวูด และติรมีซีย และบุคคลอื่น ๆ ซ่ึงเปนเจาของตําราสุนันอีกหลายเลม ทานซะฮะบียไดกลาวถึง บุคคลผูน้ีไวในหนังสือมีซานวา ชื่อของเขามีความหมายท่ีสําคัญย่ิงตอการยอมรับของนักปราชญ ฝา ยซนุ นะฮฺ 57. อะดีย บิน ษาบิต อัลกูฟย ทานอิบนุ มุอีนไดกลาวถึงเขาผูน้ีวา “เขาเปนชีอะฮฺท่ี ปราดเปร่ือง” ทานดาเราะกุฏนียไดกลาววา “เขาเปนผูรูที่หัวรุนแรงและเปนคนสําคัญมาก” ทานมัส อูดียไดกลาววา “เราไมเคยพบเห็นบุคคลใดท่ีเปนนักปราชญฝายชีอะฮฺ มีความจดจํามากกวาอะดีย บิน ษาบิต” ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีในหนังสือมีซานวา “เขาผูน้ีคือนักปราชญใหญคน

หนง่ึ ของฝายชอี ะฮฺ เปนคนซอ่ื สตั ยข องพวกเขาเหลานนั้ เปนผูพิพากษากรณพี พิ าทตา ง ๆ ในหมพู วก เขาเหลาน้ัน และเปนทั้งอิมามของประชาชนในมัสญิดของพวกเขาเหลาน้ัน” ถาหากวาชีอะฮฺ ท้ังหลายมบี ุคลิกเหมือนกับบุคคลผูนี้แลวไซร แนนอนความเขาใจผิดตาง ๆ ในหมูพวกเขาจะมีนอย มาก หลงั จากนัน้ ทา นก็ไดพ รรณนาถงึ ถอ ยคาํ ตาง ๆ ของบรรดานกั ปราชญทไ่ี ดอางถึงบุคคลนี้มี เปน จํานวนมาก ทานดาเราะกุฏนีย ทานอะหฺมัด บิน ฮันบัล ทานอะหฺมัด อะญะลีย และทานอะหฺมัด นะ สาอีย ตางก็ถือวาชื่อของบุคคลผูนี้เปนเครื่องหมายที่ตองยอมรับของบรรดานักปราชญตําราศอฮ้ีฮฺ ท้ังหกเลม ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูน้ีได ไมวาในหนังสือศอฮี้ฮฺบุคอรีหรือมุสลิม จาก รายงานทุก ๆ ฮาดีษที่มาจากบัรรออฺ บิน อาซิบ อับดุลลอฮฺ บิน ยะซีด และเขาผูน้ีก็ยังเปนปูแหง มารดาของอับดุลลอฮฺดวย ถัดไปอีกก็คืออับดุลลอฮฺ บิน อาบีเอาฟาอฺ สุลัยมาน บิน เซาะร็อค และ ทา นสะอีด บนิ บุ ยั รฺ สําหรับฮาดีษของทานท่ีเลามาทาง ซูร บิน ฮุบัยรฺ และอาบู ฮาซิม นั้นมีบันทึก อยเู ฉพาะแตเพยี งใน ศอฮ้ีฮฺมสุ ลมิ 58. อะฏียะฮฺ บิน สะอัด บิน ุนาดะฮฺ อัลอูฟยฺ อะบูฮาซัน อัลกูฟย เขาผูนี้เปนตาบิอีนที่มี ชื่อเสียง ทานซะฮะบียไดอางถึงชื่อของเขาไวในหนังสือมีซาน โดยอางอิงคําแถลงของซาลิม อัลมะ รอดียวา “แทจริงอะฏียะฮฺผูน้ีเปนนักปราชญของฝายชีอะฮฺ” ทานอิมาม อิบนุ กุตัยบะฮฺ ไดกลาวไว ในหมวดชีวประวัตินกั ปราชญฮาดษี จากหนงั สอื มะอารฟิ วา “เช้ือสายเผา พันธขุ องบุคคลผูนนี้ ้นั คือ ฮุ เซน บิน ฮาซัน บิน อะฏียะฮฺ” และไดกลาววา “อะฏียะฮฺ บิน สะอัด ผูนี้เปนนักปราชญในสมัยของ ฮัจญาจญและเขาเปนชีอะฮฺ” ทานอิบนุ กุตัยบะฮฺก็ยังไดระบุถึงบุคคลผูน้ีวา เปนนักปราชญชีอะฮฺ ทานอิบนุ กุตัยบะฮฺก็ยังไดระบุถึงบุคคลผูน้ีวา เปนนักปราชญชีอะฮฺ ทานอิบนุ สะอัดไดอางไวใน หนังสอื ฏอบากอต ุซอฺที่ 6 โดยไดกลาวถงึ การยึดมั่นทแ่ี ขง็ แกรง ของบคุ คลผนู ใ้ี นฝายชีอะฮฺ แทจ รงิ บิดาของเขาที่มีช่ือวาสะอัด บิน ุนาดะฮฺน้ันเปนสหายคนหนึ่งของทานอาลี ซ่ึงเขาและทานอาลีได เขาไปอยูในเมืองกูฟะฮฺดวยกัน เขาไดกลาววา “โอทานอะมีรุลมุมีนีน แทจริงฉันมีบุตรชายคนหนึ่ง โปรดตั้งชื่อใหเขาดวยเถิด” ทานอิมามอาลี (อาลัยฮิสลาม) ไดกลาววา “นี่คือความโปรดปราน ของอัลลอฮฺ ฉะนั้นจงเรียกชื่อของเขาวาอะฏียะฮฺเถิด” ทานอิบนุ สะอัดไดกลาววา “อะฏียะฮฺกับอิบ นุอัซอัษ ไดตั้งตัวแข็งขอตอฮัจญาจญ แตแลวกลุมทหารก็ไดจูโจมยึดตัวอิบนุอัซอัษ สวนอะฏียะฮฺก็ หนีไปยังเปอรเซีย” ดังน้ันฮัจญาจญจึงเขียนหนังสือไปยังมุฮัมมัด บิน กอสิมวา “ใหปลอยตัวอะฏี ยะฮฺได ถาหากเขาไดกลาวสาปแชงตออาลี บินอาบฏี อลบิ แตถาหากเขาไมกระทาํ อยางนนั้ กใ็ หเ ฆยี่ น เขา 400 ทีกับใหโกนผมและเคราของเขาเสีย ดังน้ันเขาจึงถูกเรียกตัวมาแลวใหอานหนังสือของ

ฮัจญาจญ ครั้นแลวอะฏียะฮฺก็ปฏิเสธที่จะกระทําเชนน้ัน เขาถึงถูกโบย 400 ที และถูกโกนผมและ เครา ตอมาในชวงหลังเมื่อเปลี่ยนการปกครอง เขาก็ไดรับอนุญาตใหเขาไปพํานักอาศัยอยูท่ีเมือง กูฟะฮฺจนกระท่ังไดเสียชีวิตที่นั่นในป ฮ.ศ. 111” ทานอิบนุ สะอัดไดเลาตอไปวาบุคคลผูน้ีเปนคน สาํ คัญยิง่ และเปนนักเลา ฮาดษี ที่ดีเลิศ ฉะน้ันผูสืบเชื้อสายของเขาคนน้ี ทุก ๆ คนลวนเปนนักปราชญ ชีอะฮฺท่ียึดมั่นอยูกับลูกหลานของทานศาสดามุฮัมมัดทั้งสิ้น แตละคนไดรับการทดสอบอยาง มากมายและเปนผูมีอุปนิสัยท่ีเต็มไปดวยความเสียสละทั้งส้ิน เชน ทานฮุเซน บิน ฮาซัน บินอะฏี ยะฮฺ เปนตน สําหรับอะฏียะฮฺ อัลกูฟยฺผูนี้เราสามารถกลาวไดวา เขาเปนบุคคลหนึ่งที่ อาบูดาวูดและ ติรมีซียฺ ไดใหการยอมรับในหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ของเขา ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูนี้ ได ในหนังสือศอฮี้ฮฺทั้งสองเลมน้ัน โดยเฉพาะอยางยิ่ง รายงานฮาดีษที่มาจากอิบนุ อับบาส อาบู ซะ อีด และอิบนุ อุมัร สําหรับทานน้ันยังไดรับการบอกเลาฮาดีษมาจากทานอับดุลลอฮฺ บินฮาซัน ซ่ึง ไดรับการบอกเลามาจากบิดาของเขา(ฮาซัน-อ-) ซึ่งไดรับริวายัตมาจากทานยาของเขา คือ ทานซะฮฺ รออฺ(ฟาฏมิ ะฮฺ-อ-)ประมขุ ของเหลา สตรชี าวสวรรคอีกดวย 59. อุลลาอ บิน ศอลิห อัตตัยนีย อัลกูฟย ทานอาบูฮาติม ไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ ดังที่มีบันทึก อยูในหนังสือมีซานวา “บุคคลผูน้ีเปนชีอะฮฺที่เครงครัดอยางยิ่ง” แตพรอม ๆ กันนั้น ทานก็ไดเปนที่ ยอมรับของอาบูดาวูด ติรมีซีย โดยเฉพาะอยางยิ่งอิบนุ มุอีน ไดใหความสําคัญตอเขามาก ทานอาบู ฮาตมิ และอาบซู รั อะฮฺ ไดกลาววา “บคุ คลผูน้ีไมมขี อบกพรอ งใด ๆ ฉะน้ันทา นไมอ าจหลกี พนฮาดีษ ของเขาได” โดยรายงานทีม่ าจาก ยะซีด บิน อะบีมรั ยัม และหุกม อิบนุ อุตัยบะฮฺในหนังสือศอฮี้ฮฺทั้ง สองเลมคือติรมีซียและอาบูดาวูด ตลอดจนถึงตํารามุสนัดของนักปราชญซุนนะฮฺเลมตาง ๆ นอกจากน้ีอาบูนาอีม และยะหยา บิน บะกีร ตลอดจนถึงนักปราชญทั้งหลายในกลุมนี้ก็ยังไดรับ รายงานมาจากเขาดวย นอกจากน้ีแลวก็ยังมีอุลลาอฺอีกคนหน่ึงซึ่งเปนบุตรของอาบูอับบาส ชาอิร มักกีย ซึ่งอุลลาอฺ ชาอิร ผูนี้เปนอาจารยคนหน่ึงของสุฟยาน สวนอุลลาอ บิน ศอลิห เปนชาวกูฟะฮฺ และอลุ ลาอฺชาอิรเปนชาวมักกะฮฺ ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลท้ังสองในหนังสือมีซานวา แทจริง บุคคลทง้ั สองนี้ คือ นักปราชญข องฝายชอี ะฮมฺ าตั้งแตเดมิ 60. อุลกอมะฮฺ บิน กัยส บิน อับดุลลอฮฺ นัคอีย อาบูชิบล ลุงของอัสวัดและอิบรอฮีม บุตร ของยะสีด ทานเปนผูส วามิภักดิ์ตอลูกหลานของทานศาสดามุฮัมมัด(ศ) ทานชะรอสตานียไดระบุถึง บุคคลผูนี้ไวในหนังสือมะลัลวา “เปนนักปราชญฝายชีอะฮฺและเปนหนึ่งในจํานวนของบุคคลช้ัน หัวหนา ของนกั ปราชญฮ าดีษ ท่ีอาบูอิสหาก เญาซญานียไดกลาวถึงทาน” โดยไดกลาวอีกวา เขาเปน

ชาวกูฟะฮฺซ่ึงประชาชนทั้งหลายไมคอยพอใจนักกับมัซฮับของพวกเขา โดยสาเหตุท่ีพวกเขาเปน ชีอะฮฺซึ่งพวกเขาเปนหัวหนาของบรรดานักเลาฮาดีษชาวกูฟะฮฺ... อุลกอมะฮฺผูน้ีไดตอสูรวมกับทาน อูบัย สหายคนหน่ึงของทานอาลี (อ) ในสงครามศิฟฟน ซึ่งอุบัยไดถึงชะฮีดท่ีน่ัน และปรากฏวา ทานอิมามไดขอพรใหแกอุบัยอยางมากมาย สําหรับอุลกอมะฮฺนั้น ดาบของเขาก็ไดมีโอกาสยอม ดวยเลือดของพวกทรยศอยางมากมาย เขาจึงเปนบุรุษคนหน่ึงท่ีไดทําการเสียสละในวิถีทาง ของอัลลอฮฺ และเขามิไดปลีกตนออกจากฝายศัตรูของมุอาวียะฮฺจนกระทั่งเขาไดเสียชีวิต คร้ังหนึ่ง อาบูบัรดะฮฺไดบันทึกช่ือของอุลกอมะฮฺไวในจํานวนของผูท่ีสวามิภักดิ์ตอมุอาวียะฮฺในสมัยการเปน คอลีฟะฮฺของเขา แตแลวอุลกอมะฮฺก็แสดงความไมพึงพอใจจนกระท่ังเขาไดเขียนหนังสือยื่นไปยัง อาบูบรั ดะฮฺวา “จงลบชื่อของฉัน จงลบชื่อของฉัน” เร่ืองนี้ทานอิบนุสะอัดไดบันทึกไวในหมวดท่ี 6 หนังสือฏอบากอตหนา 57 ตอนอธิบายประวัติของอุลกอมะฮฺ สําหรับความเท่ียงธรรมและเกียรติคุ รณของอุลกอมะฮฺน้ันไดถูกยอมรับโดยนักปราชญฝายซุนนะฮฺ ทั้ง ๆ ท่ีพวกเขาเหลานั้นตางก็รูดีวา บุคคลผูน้ีเปนชีอะฮฺ ซึ่งหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ของเขาก็ไดเปนที่ยอมรับของเหลาบรรดานักปราชญ เจาของตาํ ราศอฮฮ้ี ฺทงั้ หลายของฝา ยซุนนะฮฺ ทา นไมอาจหลีกพนฮาดีษของเขาไดไมวาในหนังสือศอ ฮ้ีฮฺบุคอรีหรือมุสลิมจากทุก ๆ รายงานท่ีมาจากทานอิบนุมัสอูด และอาบู ดัรดาอ ทานหญิงอาอีชะฮฺ สําหรับฮาดีษของบุคคลผูนี้ท่ีมีรายงานมาจากอุสมาน และอาบูมัสอูดนั้นมีในศอฮี้ฮฺมุสลิม ทานผูนี้ ไดเ สยี ชวี ติ ที่เมืองกฟู ะฮเฺ ม่ือป ฮ.ศ. 62 61. อาลี บิน บดุ ัยมะฮฺ ทานซะฮะบยี ไดบนั ทกึ ไวในหนงั สือมซี านของทา น โดยอา งคาํ แถลง จากทานอะหฺมัด บิน ฮันบัล วา “แทจริงบุคคลผูนี้เปนนักเลาฮาดีษที่ดียิ่ง และแทจริงบุคคลผูน้ีเปน หัวหนาในหมูนกั ปราชญฝ ายชอี ะฮ”ฺ ทา นอิบนุ มุอีนไดกลา ววา “บุคคลผูนีม้ ีความสําคญั อยางย่ิงและ เขาเองตลอดจนถงึ คนอ่ืน ๆ กไ็ ดรับรายงานฮาดีษของบุคคลผูนี้มาจากมิกรอมะฮฺ ชื่อของบุคคลผูนี้มี ความสําคญั ที่ตองยอมรับกันของบรรดานักปราชญฝ ายซนุ นะฮฺทั้งหลาย 62. อาลี บิน ุอดีย อาบูฮาซัน เญาฮะรีย บัฆดาดีย เมาลาบะนีฮาชิม เปนคนหน่ึงในบรรดา อาจารยของทานบุคอรี ทานอิบนุกุตัยบะฮฺไดระบุไวในหนังสือมะอาริฟวา “บุคคลผูน้ีเปน นักปราชญชอี ะฮ”ฺ ในหนังสอื มซี านกลาววา “แทจ ริงเม่ือเขามีอายุถึง 60 ป เขาไดถือศีลอด 1 วันแลว รับประทานอาหาร 1 วนั ผลัดเปลี่ยนกันไปจนตลอดชีวิต” ทานอิบนุ กยั สะรอนียไดกลาวถึงบุคคลผู น้ีไวในหนังสือ “รวบรวมชีวประวัติของบรรดานักปราชญศอฮี้ฮฺ” โดยกลาววา “ทานบุคอรีไดรับ

รายงานฮาดีษของบุคคลผูนี้มาบันทึกจํานวน 12 ฮาดีษ” บุคคลผูน้ีไดเสียชีวิตในป ฮ.ศ. 203 ทานมี อายุ 96 ป 63. อาลี บิน ซัยด บิน อับดุลลอฮฺ บิน ซุฮัยร บิน อาบู มุลัยกะฮฺ บิน ญิซอาน อาบูฮาซัน กุร ชีย อัตตัยมีย อัลบะศอรีย ทานอะหฺมัด อัจญลียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีวา “เขาคือนักปราชญชีอะฮฺ” ทา นยะษีร บิน สะริอฺไดกลาววา “อาลี บนิ ซัยด ผูนี้เปน คนหวั รุนแรงมาก แตพรอม ๆ กันน้ันบรรดา นักปราชญรุนตาบิอีนเชน ชุอฺบะฮฺ และอับดุลวาริษตลอดจนถึงบุคคลตาง ๆ ในกลุมน้ีไดใหการ ยอมรับตอ เขา เขาเปน คนหนึ่งในบรรดานักกฎหมายประจําเมืองบัสเราะฮฺท่ีมีช่ือเสียงโดงดังสามคน คือ กอตาดะฮฺ, อาลี บิน ซัยด และอัสอัซ ฮัดดานีย พวกเขาเหลาน้ีลวนตาพิการ เม่ือฮาซัน บัสรียได ถึงแกกรรมชาวเมืองบัสเราะฮฺก็ไดแตงตั้งใหอาลี บิน ซัยด อยูในตําแหนงของฮาซัน ดวยเหตุน้ี เกียรติยศของเขาจึงไดเล่ืองลือไปท่ัว” ทานซะฮะบียไดกลาวไวในหนังสือมีซานเหมือนกันกับ ขอเขียนของกัยสะรอนียท่ีบันทึกไวในหนังสือรวบรวมชีวประวัตินักปราชญศอฮ้ีฮฺ บุคคลผูนี้ได เสยี ชีวติ ในป ฮ.ศ. 131 (ขอความเมตตาจากอัลลอฮฺพึงมีแดเ ขา) 64. อาลี บิน ศอลิห พ่ีชายของฮาซัน บิน ศอลิห ซ่ึงเราไดกลาวถึงไปแลวเก่ียวกับเรื่องราว ของฮาซันนองชายของเขา เขาเปนนักปราชญฝายชีอะฮฺทานมุสลิมไดใหการยอมรับฮาดีษตาง ๆ ของบุคคลผูนี้ โดยนํามาบันทึกไวในหนังสือศอฮี้ฮฺของทาน ซึ่งไดรับรายงานมาจากทานสะลามะฮฺ บิน กุหัย และทานวากิอฺ ซึ่งบุคคลท้ังสองน้ีก็เปนนักปราชญฝายชีอะฮฺเชนกัน ทานอาลีไดเสียชีวิต ในป ฮ.ศ. 151 65. อาลี บิน ฆอรอบ อาบูยะหฺยา ฟสสารีย อัลกูฟย ทานอิบนุ หิบบาน ไดกลาววา “บุคคลผู นีเ้ ปนนกั ปราชญใหญของฝายชอี ะฮฺ ทา นอาบดู าวดู ไดก ลาววา “พวกเขา (นกั รายงานฮาดีษ) ไดทิง้ ฮา ดีษของบุคคลผนู ี้ แตทวาทานอิบนุ มอุ ีน และดาเราะกุฏนียไ ดใหความสาํ คัญตอ เขา” อาบฮู าติมกลาว วา “บุคคลผูน้ีไมมีความบกพรองใด ๆ” อาบูซุรฺอะฮฺกลาววา “เขาเปนคนที่ฉันเชื่อถือมากท่ีสุด” ทา นอะหฺมดั บนิ ฮนั บัล กลาววา “ฉนั มไิ ดเห็นวาเขาเปน อยา งไร นอกจากเห็นวา เขาเปนคนซื่อสัตย” ทานอบิ นุ มุอีนไดก ลา ววา “เขาเปนคนซื่อสัตย” ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีในหนังสือมีซาน ทํานองเดียวกันกับถอยคําของบรรดานักปราชญดังกลาวน้ี ช่ือของเขาไดเปนท่ียอมรับของบรรดา นักปราชญฝายซุนนะฮฺ ในดานหลักฐานฮาดีษ ซึ่งไดรับรายงานมาจากฮิชาม บิน อุรวะฮฺ และ อุบัยดลิ ละฮฺ บนิ อมุ ัร

ทานอิบนุ สะอัดไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในุซอฺท่ี 6 หนา 273 ของหนังสือฏอบากอตวา “อิสมาอีล บิน รอยะฮฺ ไดรับรายงานฮาดีษมาจากเขา” ทานไดเสียชีวิตที่เมืองกูฟะฮฺ เมื่อตนป ฮ.ศ. 184 สมัยของฮารนู 66. อาลี บิน กอดิม อาบูฮาซัน ก็อซซาอยี  อัลกูฟย  เปน อาจารยของอะหมฺ ดั บนิ ฟรรอด และ ยะอกูบ ฟสวีย นักฮาดีษรุนหลังตางก็ไดยอมรับหลักฐานตาง ๆ ของบุคคลผูนี้ ทานอิบนุ สะอัดได กลาวถึงบุคคลนี้ ในุซอฺที่ 6 หนังสือฎอบาฏอต หนา 282 วา “เขาเปนนักปราชญชีอะฮฺท่ีหัวรุนแรง มาก ดวยเหตุน้ีกระมังที่ยะหฺยาไดระบุวา ฮาดีษของเขาฏออีฟ?” ทานอาบูฮาติมไดกลาววา “หลักฐานทุกอยางของบุคคลผูน้ีลวนเปนความจริง” ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ไวใน หนังสือมีซาน โดยไดอางถอยแถลงของบรรดานักปราชญดังที่เราไดกลาวไปแลว ช่ือของบุคคลผูน้ี มีความหมายทสี่ าํ คญั อยางยิ่งตอทานอาบูอาวูด และติรมีซียโดยไดยอมรับมาบันทึก ทานไดเสียชีวิต ในป ฮ.ศ. 213 สมยั ของมะอมฺ ูน (ขออัลลอฮทฺ รงมีความเมตตาตอเขาดว ยเถิด) 67. อาลี บิน มันศูร ฏอรอกิฟย เปนอาจารยคนหน่ึงของทานติรมีซีย นะสาอีย อิบนุ ศออิด อับดุรเราะมาน บิน อาบีฮาติม และคนอื่น ๆ จากนักปราชญกลุมน้ีซ่ึงตางก็ไดใหการยอมรับตอ หลกั ฐานฮาดีษท่มี าจากเขา ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมีซานวา “ช่ือของเขาได เปนท่ยี อมรับของบรรดานักปราชญฝ ายซุนนะฮฺ ซึ่งแตล ะคนจะตองนําฮาดีษของเขามาบันทึก” ทาน นะสาอียไดกลาววา “ถึงแมวา อาลี บิน มันศูร จะเปนนักปราชญชีอะฮฺก็ตาม แตหลักฐานของเขา แขง็ แรงมาก” ทา นอบิ นุ ฮาตมิ ไดก ลาววา “ความซ่ือสัตยของเขามีนํ้าหนักมาก แทจริงเขาไดรายงาน ฮาดีษท่ีมาจากอิบนุ ฟะฎีล และอิบนุ อัยยีนะฮฺ วะลีด บิน มุสลิม ทานนะสาอีย ไดยอมรับฮาดีษของ เขามาบันทึกไวในตําราศอฮี้ฮฺของทาน” ทานอิบนุ มันศูรไดเสียชีวิตในป ฮ.ศ. 256 (ขออัลลอฮฺทรง ประทานความเมตตาตอ เขา.) 68. อาลี บิน ฮาชิม บะรีค อะบูฮาซัน อัลกูฟย ค็อดสาด อาอีซีย เปนคนหน่ึง ในจํานวนของ บรรดาอาจารยของอมิ าม อะหมฺ ัด อาบู ดาวูดไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีวา “เปนนักปราชญชีอะฮฺที่มีจิตใจ ม่ันคง” ทานอิบนุ ฮิบบานไดกลาววา “อาลี บิน ฮาชิม เปนนักปราชญอาวุโสของฝายชีอะฮฺ” ทานญะอฺฟร บิน อุบานไดกลาววา “ฉันไดยิน อิบนุ นุมัยรฺกลาววา “อาลี บิน ฮาชิมผูน้ี เปน นักปราชญช้ันผูใหญของฝายชีอะฮฺ” ทานบุคอรีกลาววา “อาลี บิน ฮาชิม และบิดาของเขาเปน นักปราชญนามกระเด่ืองในมัซฮับชีอะฮฺ” ดวยเหตุน้ีกระมังบุคอรีจึงละทิ้งฮาดีษของเขา แตอิมา มค็อมซะฮฺไดยอมรับหลักฐานของทาน อิบนุ มุอีน และคนอื่น ๆ ตางไดใหการยอมรับอยางแข็งขัน

ทานอาบู ดาวูดไดจัดใหบุคคลผูนี้ อยูในจํานวนของผูท่ีมีหลักฐานมั่นคงคนหน่ึง อาบู ซัรอะฮฺได กลาววา “บุคคลผูนี้มีความซ่ือสัตย” ทานนะสาอียไดกลาววา “บุคคลผูนี้ ไมมีความบกพรองใด ๆ” ทานซะฮะบียไดกลาวไวในหนังสือมีซาน ดังคําแถลงของบรรดานักปราชญเหลาน้ีท่ีไดกลาวถึงเขา มาแลว อิมามค็อมซะฮฺไดใหการยอมรับหลักฐานฮาดีษทุกบททุกตอนของอาลี บิน ฮาชิม และทาน ไมอ าจหลกี พน ฮาดีษของบคุ คลผูน ี้ได ในหมวดวาดวยการนิกาฮฺจากหนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิมซึ่งรายงาน ฮาดีษท่มี าจากฮชิ าม บิน อรุ วะฮใฺ นหมวดอิสติอซฺ าน ซง่ึ ฮาดีษทม่ี าจากรายงานของฏ็อลฮะฮฺ บิน ยะหฺ ยา ทา นไดเ สียชวี ติ ในป ฮ.ศ. 181 69. อัมมาร บิน ซารีก อัลกูฟย ทานสุลัยมานียไดระบุช่ือของบุคคลน้ีไวในจํานวนของพวก หัวรุนแรง ทํานองเดียวกันกับคําแถลงของซะฮะบียในหนังสือมีซาน แตพรอม ๆ กับความเปนคน หัวรุนแรงของเขาน้ี ทานมุสลิม อาบูดาวูด และทานนะสาอีย ตางไดใหการยอมรับตอเขา ทานไม อาจหลีกพน ฮาดษี ของบุคคลผูนี้ไดใ นตําราศอฮ้ฮี มฺ ุสลิม จากรายงานฮาดีษทกุ ๆ บทที่มาจาก อะอฺมัช , อาบอู สิ หาก, สบุ ยั อยี , มนั ศรู อับดลุ ลอฮฺ บนิ อสี า 70. อัมมาร บิน มุอาวียะฮฺ หรือ อิบนุ อาบู มุอาวียะฮฺ หรือมีคนเรียกวา อิบนุ คอบบาบ แลว ยังมีคนเรียกอีกวา อิบนุ ศอลิหฺ ดะฮามียฺ บัญจลียฺ อัลกูฟยฺ เขาเปนคนหน่ึงของบรรดานักปราชญฝาย ชีอะฮฺทไี่ ดถูกกวาดลา ง เขาเปนผปู ระสบภยั อนั ตราย เพราะยืนหยัดอยกู บั วิถีทางของลกู หลานศาสดา มุฮัมมัด เขาผูนี้เปนอาจารยคนหนึ่งของซุฟยานทั้งสอง ชุอฺบะฮฺ ชะรีก และอุบาล ซึ่งบุคคลเหลาน้ัน ตางไดใหการยอมรับหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ท่ีเขาไดส่ังสอนไว นอกจากน้ีทานอะหฺมัด ทานอิบนุ มุ อีน ทานอาบูฮาติม และทานอันนาส ตางก็ไดใหการยอมรับอยางแข็งขันตอบุคคลผูนี้ ทานมุสลิม และเหลาบรรดานักปราชญฝายซุนนะฮฺ ท้ังส่ีมัซฮับตางก็ไดบันทึกฮาดีษตาง ๆ ที่บุคคลผูนี้รายงาน ทานซะฮะบียไดก ลาวถงึ บคุ คลผนู ใ้ี นหนังสอื มซี านโดยไดอางองิ เรอ่ื งราวตาง ๆ ของเขาไปตามท่เี รา ไดอางมานี้ พรอมกับอธิบายตอไปวา เขาเปนนักปราชญชีอะฮฺท่ีมีนํ้าหนักที่ไดรับความเช่ือถืออยาง ย่ิงคนหน่ึง ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูน้ีไดในหมวดอัลฮัจญ จากหนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิม โดยรายงานของอาบู ซุบัยรฺทานไดเสียชีวิตในป ฮ.ศ. 133 (ขออัลลอฮฺทรงประทานความเมตตาตอ เขา.) 71. อุมัร บิน อับดุลลอฮฺ อาบูอิสหาก ซุบัยดีย ฮัมดานีย อัลกูฟย ทานอิบนุ กุตัยบะฮฺไดระบุ วา “บุคคลผูน เี้ ปนนักปราชญช อี ะฮฺ” ทา นชะรอสตานียฺไดกลาวไวในหนังสืออัลมะลัลวา “บุคคลผูน้ี เปนหัวหนาของบรรดานักเลาฮาดีษ ซึ่งประธานไมไดยกยองตอมัซฮับของพวกเขา เนื่องจากพวก

เขายึดม่ันอยูกับแนวทางท่ีอะฮฺลุลบัยตฺนํามาสั่งสอน” ทานเญาซฺญานียฺก็ไดกลาวเชนเดียวกันกับมี การอธิบายไวในหนังสือมีซานวา “บุคคลเหลาน้ีเปนนักปราชญชาวกูฟะฮฺท่ีประชาชนท้ังหลายไม คอยจะชนื่ ชอบตอมชั ฮับของพวกเขา พวกเขาเหลานั้นเปนหัวหนาของบรรดานักเลาฮาดีษ ชาวเมือง กฟู ะฮฺ เชน อาบอู สิ หาก มันศูร ซุบัยดฺ ยามียฺ และอะหฺมัด ตลอดจนถึงบุคคลอื่น ๆ อีกจํานวนมากที่มี ความผูกพันตอพวกเขา ประชาชนไดใหการยอมรับในความซื่อสัตยของพวกเขาดานการรายงานฮา ดีษ” และสวนหนึ่งของเร่ืองท่ีไดรับการพิจารณากันอยางหนักก็คือฮาดีษของเขาที่รายงานโดยอุมัร บิน อิสมาอีล ดังที่มีอางไวในหนังสือมีซานวา มีรายงานจากทานอาบูอิสหากผูนี้วา “ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ได กลา ววา “อาลีเปรียบเสมือนตนไม ฉันคือรากของมัน อาลีคือก่ิงของมัน ฮาซันและฮุเซนเปนผลของ มัน กลุมชีอะฮฺ (ผูปฏิบัติตาม) เปนใบของมัน” อยางไรก็ดีฮาดีษอื่น ๆ ของบุคคลกลุมนี้ก็ยังเปนที่ ยอมรับของบรรดานักปราชญเจาของตําราศอฮี้ฮฺท้ังหกเลม ตลอดจนกระท่ังบุคคลอื่น ๆ ทานไมอาจ หลีกพนฮาดีษของอาบู อิสหากได ไมวาในตําราศอฮ้ีฮฺทั้งหกเลม และไมวาตําราศอฮ้ีฮฺเลมใด ซึ่งฮา ดีษท่ีรายงานมาจากบัรรออฺ บิน อาซิบ, ทานยะซีด บิน อัรก็อม, ฮาริษะฮฺ บิน วาฮับ, สุลัยมาน บิน ศ็ อดดฺ, นุมาน บิน บะชีร, อับดุลลอฮฺ บิน ยะซีด คุตุมียฺ, อุมัร บิน มัยมูน ทานเกิดเม่ือสามปหลังของ สมัยทานอุสมานเปนคอลีฟะฮฺ และไดเสียชีวิตในป ฮ.ศ. 127 และบางคนก็กลาววา 128 บาง 129 บา ง ทา นยะหฺยา บนิ มุอนี กลาววา เขาไดเ สียชวี ติ เมือ่ ป ฮ.ศ. 132 (อลั ลอฮฺอาลัม) 72. เอาฟ บิน อาบีญะมีละฮฺ อัลบัสรียฺ อาบูซะฮัล ทานซะฮะบีย ไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ใน หนังสือมีซาน วา เอาฟไดถูกยอมรับวาเปนคนซ่ือสัตยและมีคนกลาววา “เขาเปนนักปราชญชีอะฮฺ แตกลุมนักปราชญไดใหการยอมรับตอเขาอยางแข็งแรง” แตทานไดอางคํากลาวของญะอฺฟร บิน สุ ลัยมาน วา “เขาเปนชีอะฮฺเปนคนหัวรุนแรง” ทานอิบนุ กุตัยบะฮฺไดระบุวา “บุคคลผูนี้เปน นักปราชญชีอะฮฺ” ทานรุหุ เฮาดะฮฺ ชุอฺบะฮฺ, นะฏ็อร บิน ชะมีล, อุสมาน บิน หัยซัม ไดใหการ ยอมรับตอบุคคลผูนี้ บรรดานักปราชญเจาของตําราศอฮี้ฮฺท้ังหกเลม ตางก็ไดใหการยอมรับตอ หลักฐานฮาดษี ทมี่ าจากทา น ไมอ าจจะหลกี พนฮาดีษของบุคคลผูน้ีไดในหนังสือศอฮี้ฮฺบุคอรีจากทุก ๆ รายงานของฮาซัน ซะอีด อับนีย อาบูฮาซัน บัสรีย มุฮัมมัด บิน ซัยรีน ซัยยาร บิน สะลาอะฮฺ และ ฮาดีษของบุคคลผูนี้ยังมีปรากฏอยูในศอฮ้ีฮฺมุสลิม จากรายงานของนะฏ็อร บิน ชะมีล สวนรายงาน

ฮาดีษของบุคคลผูนี้ที่มาจากรายงานของอาบู ราญาอฺ อะฏอริดียฺน้ันมีบันทึกอยูในหนังสือศอฮ้ีฮฺท้ัง สอง ทานไดเสยี ชีวติ เม่อื ป ฮ.ศ. 146 (ขออลั ลอฮฺทรงประทานความเมตตาตอ เขาดวยเถิด). 73. อัลฟฏ ล บิน ดักกนี ดกั กนี คอื อุมรั บินฮมั มาด บนิ ซุฮัยรฺ มะละอียฺ อัลกูฟยฺ ทานถูกรูจัก กนั ในนามของ อาบนู าอีมเปนอาจารยคนหน่ึงของทานบุคอรี สําหรับในความสําเร็จของหนังสือศอ ฮี้ฮฺของทาน เขาผูน้ีไดถูกระบุวา เปนนักปราชญฝายชีอะฮฺ โดยกลุมนักปราชญผูทรงคุณวุฒิ เชน ทาน อิบนุ กุตัยบะฮฺ ไดกลาวไวในหนังสือมะอาริฟ ทานซะฮะบียไดกลาวไวในหนังสือมีซานวา “ฟฏล บิน ดักกีน อาบูนาอีม ผูน้ีเปนผูสันทัดตอหลักฐานฮาดีษ เพียงแตวาเปนนักปราชญชีอะฮฺ” ทานซะฮะบียไดอางวา “แทจริง อิบนุ ญะนัยตฺ อัลฆุตลีย” ไดกลาววา “ฉันไดยินทานอิบนุ มุอีน ได กลาววาอาบู นาอีมผูน้ีเม่ือถูกเอยถึงแกประชาชนแลว ตางคนก็บอกวาเขาเปนคนดีเย่ียม ตางคนก็ยก ยองแกเขาทั้ง ๆ ที่เขาเปนนักปราชญชีอะฮฺ” ทานซะฮะบียกลาววา “คํากลาวน้ียังแสดงตอไปอีกวา ยะหยฺ า บนิ มุอีน มีทา ทที ่ใี หการยอมรบั ทง้ั ท่ีเขาไดเ ห็นฟฏลเปน ชอี ะฮฺโดยแทจริง” ทานซะฮะบียได อางไวในหนังสือมีซาน โดยหยิบยกคําพูดของเญาซฺญานียฺวา “แทจริงอาบู นาอีมผูน้ีเปนนักปราชญ ชาวกฟู ะฮฺ ผูอ ยูใ นมซั ฮบั ชอี ะฮ”ฺ แตโ ดยความจรงิ แลว การที่ทานฟฏ ล บนิ ดกั กีนผูนี้เปนชีอะฮฺก็ไมมี ส่ิงท่ีนาเคลือบแคลงสงสัยใด ๆ ในตัวของเขา แนนอนบรรดานักปราชญเจาของตําราศอฮี้ฮฺท้ังหก เลมตางก็ไดใหการยอมรับตอเขาทั้งส้ิน ทานไมอาจจะหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูนี้ที่มีบันทึกอยูใน หนังสือศอฮี้ฮฺบุคอรีได โดยรายงานทุก ๆ ฮาดีษท่ีมาจาก ฮะมาม บิน ยะหฺยา อับดุลอะซีซ บิน อาบู สะลามะฮฺ ซะกะรียา บิน อาบูสาอีดะฮฺ ฮิชาม ดัสตุวาอียฺ อะหฺมัด มัสอุด เษารียมาลิก อิบนุ อัยยีนะฮฺ ชัยบาน และซุฮัยรฺ สวนฮาดีษของบุคคลผูนี้ท่ีมีบันทึกอยูในหนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิมนั้น คือ รายงานฮา ดษี ทกุ ๆ บทท่มี าจากทานซัยด บนิ อาลีสุลัยมาน อิสมาอีล บิน มุสลิม อาบูอาซิม มุฮัมมัด บิน อัยยูบ อัษะษะกอฟยฺ อาบีอะมีส มูสา บิน อาลี อาบูฏิหาก มูสา บิน นาฟอฺ ฯลฯ สวนรายงานในบุคอรีน้ัน ไมมีบุคคลใดเปนส่ือกลาง ทานผูนี้เกิดเมื่อป ฮ.ศ. 130 เสียชีวิตที่เมืองกูฟะฮฺ เมื่อคืนวันอังคารปลาย เดือน ชะอบ านป ฮ.ศ. 210 74. ฟะฏีล บิน มัรษูบ อะอฺฆ็อร เราะวาสีย อัลกูฟยฺ อาบูอับดุรเราะมาน ทานซะฮะบียได กลาวถึง บุคคลผูนี้ในหนังสือมีซานวา “เปนที่รูกันดีวา เขาเปนนักปราชญฝายชีอะฮฺ” โดยไดอาง คํายืนยันเรื่องนี้จากซุฟยาน บิน อัยยีนะฮฺ ทาน อิบนุ มุอีน ไดกลาววา ทานอิบนุ อาดีย บอกวา “บุคคลผูน้ีไมมีขอบกพรองใด ๆ” หลังจากนั้น ทานยังไดอางคําพูดของฮัมสัม บิน ยะอฺมีล วา “ฟาฏีล บิน มรั ษูบ น้ันเปนนักปราชญระดับผูนําคนหนึ่ง มีความเปนอยูสมถะ และมีเกียรติยิ่ง” ทาน

ไดกลาวตอไปอีกวา “ทานมุสลิมไดยอมรับฮาดีษของบุคคลผูนี้มาบันทึกไวในหนังสือศอฮ้ีฮฺของ ทา น\" โดยรายงานมาจากชะกีก บิน อุกบะฮฺ ในเร่ือง “การนมาซ” และรับหลักฐานจากฮาดีษของเขา ในเรื่อง “การจายซะกาต” จากทานอะดีย บิน ซาบิร ทานผูน้ีไดเสียชีวิตเม่ือป ฮ.ศ. 158 (ขออัลลอฮฺ ประทานความเมตตาแกเขา) 75. ฟะฏ็อร บิน คุลัยฟะฮฺ อัลหันนาฎ อัลกูฟยฺ ทานอับดุลลอฮฺ บิน อะหฺมัดไดถามบิดาของ ทานเกยี่ วกับ ฟะฏ็อร บนิ คลุ ัยฟะฮฺ บิดาของทา นตอบวา “เขาเปน นักรายงานฮาดีษที่มีคนเช่ือถือมาก ท่ีสุด แตวาเขาเปนนักปราชญชีอะฮฺ” ทานอับบาสไดรับรายงานมาจากทาน อิบนุ มุอีนซึ่งกลาววา “แทจริง ฟะฏ็อร บิน คอลีฟะฮฺ ผูน้ีเปนนักปราชญคนสําคัญยิ่งทางฝายชีอะฮฺ” ทานอาบูบักรฺ บิน อี ยาจญ ไดกลาววา “ฉันไมเคยละท้ิงรายงานฮาดีษบทใดท่ีเลามาโดยฟะฏ็อร บิน คอลีฟะฮฺ ถึงแมจะมี คนรังเกียจมัซฮับของเขาก็ตาม” ทานเญาซฺญานียฺไดกลาววา “ฟะฏ็อร บิน คอลีฟะฮฺ ผูนี้เปนจอม ปราชญ” ทานอาบู ฮาติมไดกลาววา “เขาเปนนักฮาดีษท่ีดีท่ีสุดคนหน่ึง” ทานนะสาอียฺกลาววา “บุคคลผูน้ีไมมีขอตําหนิใด ๆ เลย” และกลาวอีกวา “เขาเปนคนสําคัญอยางยิ่งคนหน่ึง” ทานซะฮะ บียไดกลาวไวในหนังสือมีซาน โดยอางอิงจากถอยคําของบรรดานักปราชญ ตามท่ีเราไดกลาวไป แลวนี้(116) ทานอิบนุ กุตัยบะฮฺก็ไดกลาวยืนยันไวในหนังสือมะอาริฟวา บุคคลผูน้ีเปนนักปราชญ ชีอะฮฺ และแนนอนทานบุคอรีก็ไดน าํ ฮาดีษของบคุ คลผนู มี้ าบนั ทึก โดยสายสืบท่ีมาจากมญุ าฮดิ ทา น เญารียฺก็ไดรับรายงานฮาดีษของบุคคลผูน้ีมาบันทึกไวในหมวดท่ีวาดวย อัลอาดาบ (มารยาท) นักปราชญฝายซุนนะฮฺทั้งส่ีมัซฮับ ตางก็ไดใหการยอมรับหลักฐานฮาดีษที่เลามาโดยฟะฏ็อรท้ังน้ัน ทา นผนู ้ีไดเ สียชีวิตในป ฮ.ศ. 153 (ขออัลลอฮปฺ ระทานความเมตตาแกเ ขา) 76. มาลิก บิน อิสมาอีล บิน ซิยาด บิน ดิรฮัม อาบูฆ็อสสาน อัลกูฟย อัลฮิลอีย เปนอาจารย คนหนึ่งของทานบุคอรีท่ีมีผลงานปรากฏอยูในหนังสือศอฮ้ีฮฺของทาน ทานอิบนุ สะอัด ไดกลาวถึง บุคคลผูน้ีไวในหนา 282 ของุซอฺที่ 6 จากหนังสือฏอบากอตซ่ึงในตอนทายของคําบันทึก ทานได กลาวถึงเร่ืองราวของบุคคลผูน้ีวา “เขาคืออาบู ฆ็อสสาน เปนนักปราชญฝายชีอะฮฺ ท่ีแข็งขัน มี นา้ํ หนักในดา นความซอื่ สัตยย งิ่ คนหนึ่ง” ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมีซานโดย ไดอธิบายถึงความดีเดน ความเท่ียงธรรมของบุคคลผูนี้ และระบุวา “บุคคลผูน้ีไดยอมรับมัซฮับ ชีอะฮฺมาจากอาจารยคนหนึ่งของเขาช่ือฮาซัน บิน ศอลิหฺ” ทานอิบนุ มุอีนไดกลาววา “ไมมีชาว กฟู ะฮคฺ นใดในยุคน้ันท่ีจะสํารวมตนย่ิงไปกวาอาบู ฆ็อสสาน” ทานอาบูฮาติมก็ไดกลาววา “ฉันมิได เคยเห็นชาวกูฟะฮฺคนใดที่มีความสํารวมตนยิ่งไปกวาเขา” เขาเปนคนมีเกียรติย่ิงและเครงครัดใน

การอิบาดะฮฺ ฉันไดพิจารณามองไปยังบุคคลผูนี้แลวไดเห็นวา เขาเหมือนคนท่ีออกมาจากกุบุรของ เขา ทานบุคอรีไดรับรายงานจากบุคคลผูน้ีโดยมิไดมีสื่อกลางในการบันทึกในหนังสือ ศอฮี้ฮฺของ ทา น ทานมุสลิม กไ็ ดร ับรายงานมาจากบุคคลผูนี้ ซึ่งมบี นั ทึกไวใ นหนังสอื ศอฮ้ฮี ฺ โดยอาศยั ฮารนู บนิ อับดุลลอฮฺเปนสื่อกลางรายงานฮาดีษ ทานผูนี้ไดเสียชีวิตที่เมืองกูฟะฮฺ เมื่อป ฮ.ศ. 291 (ขออัลลอฮฺ ทรงประทานความเมตตาแกเ ขา) (116) ทานอิบนุ สะอัดไดอธิบายรายละเอียดของเรื่องน้ีไวในหนา 253 ุซอฺที่ 6 หนังสอื ฏอบากอต 77. มุฮมั มดั บนิ คอซมิ หรือท่ีรูจ ักกันในนามของ “อาบู มุอาวียะฮฺ ฎอริร ตะมีมียฺ อัลกูฟะฮฺ” ทา นซะฮะบยี ฺไดกลา วถงึ บคุ คลผูนี้ไวในหนังสือมีซานของทานวามุฮัมมัด บิน คอซิมผูนี้เปนผูไดรับ ความเช่ือถือทีม่ ัน่ คงอยางย่ิง ฉันไมเ คยไดร วู ามถี อยคําใด ๆ ของบรรดานักปราชญท่ีกลาววา “บุคคล ผนู มี้ ีความออนแอ” ทานไดก ลา วถึงตอไปอีกวา “อาบู มอุ าวยี ะฮฺ ฎอริรผนู ้เี ปนจอมปราชญคนหนึ่งที่ ไดรับความเชื่อถือเปนเยี่ยม” ทานไดกลาวอีกวา อาบูฮากิมไดกลาววา “ผูอาวุโสท้ังสอง (บุคอรีท้ัง สอง) ตางไดใหการยอมรับหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ของบุคคลผูนี้นักปราชญเจาของตําราศอฮี้ฮฺทั้งหก เลมตางก็ไดใหการยอมรับตอหลักฐานฮาดีษที่มาจากบุคคลผูน้ีท้ังสิ้น” ทานซะฮะบียฺระบุวา “ช่ือ ของบุคคลผูนี้มีความหมายท่ีสําคัญอยางย่ิงตอบรรดานักปราชญกลุมน้ัน” ทานสามารถจะพบฮาดีษ ของบุคคลผูนี้ไดในหนังสือศอฮี้ฮฺบุคอรีและมุสลิม โดยทุก ๆ รายงานที่มาจากอะหฺมัด ฮิชาม บิน อุ วะฮฺ แลวฮาดีษหลายบทของบุคคลผูนี้ไดมีบันทึกอยูในศอฮ้ีฮฺ มุสลิม นักปราชญผูซึ่งไดรับรายงาน ฮาดีษจากบุคคลผูน้ีมาบอกเลาแกทานบุคอรีนั้นมีรายชื่อตอไปนี้ อาลี บิน มะดานียฺ, มุฮัมมัด บิน สลาม, ยูซุฟ บิน อีสา, กุตัยบะฮฺ และมุสตัฏ สวนในศอฮี้ฮฺมุสลิมนั้นมีทานสะอีด วาสิฏียฺ, สะอีด บิน มันบรู , อะมัร นากิด, อะหฺมัด บิน สินาน, อิบนุ นุมัยรุ, อิสหาก ฮันศอลียฺ, อาบูบักรฺ บิน อาบีชัยยะฮฺ, อาบูกะรีม, ยะหฺยา บิน ยะหฺยา, และทานซุฮัยรฺ ทานอาบีมูอาวียะฮฺเกิดเมื่อป ฮ.ศ. 113 เสียชีวิตเม่ือป ฮ.ศ. 195 (ขออัลลอฮทฺ รงประทานความเมตตาแกเ ขา) 78. มฮุ มั มัด บนิ อับดลุ ลอฮฺ ฏ็อบบียฺ เฏาะฮานียฺ นัยสาบูรียฺ เขาผูน้ีคือ อาบู อับดุลลอฮฺ ฮากิม เปน หัวหนาผูทรงคุณวุฒิคนหนึ่งของบรรดานักปราชญฮาดีษเปนเจาของตํารา ซ่ึงมีไมนอยกวาหนึ่ง พนั หวั ขอ ประชาชนทั้งหลายในยคุ สมัยนัน้ ตางไดใหความเชอ่ื ถือในวชิ าความรูของบุคคลผูนี้ เปนท่ี รูจกั กันอยางดใี นสมัยนนั้ เชน เศาะลูกยี ฺ อมิ าม บิน ฟูรอ็ ก และบรรดานกั ปราชญอื่น ๆ ที่มีความเพียร ในการศึกษาก็หาความรูจากบุคคลผูน้ี ตางยอมรับวาบุคคลผูน้ีมีความเหนือกวาพวกเขาในทุก ๆ

ดาน เขาเปนผูโจมตีดวยขอหาวาเปนชีอะฮฺ ซึ่งเราสามารถจะรูเรื่องราวเหลาน้ีไดโดยละเอียดในคํา กลาวของทานซะฮะบียฺ ซึ่งทานไดกลาวไวในหนังสือมีซานวา “เขาเปนผูนําที่มีความซื่อสัตย เขา เปนนักปราชญชีอะฮฺท่ีมีช่ือเสียง” ทานอิบนุ ฏอฮิรไดกลาววา “ฉันไดถามอาบู อิสมาอีล อับดุลลอฮฺ ชาวอันศอรถึงเร่ืองของฮากิม อาบู อับดุลลอฮฺผูนี้” เขาตอบวา “เขาคือหัวหนาของบรรดานักฮาดีษ เปน ผูต อ ตา นท่ีแข็งขันกับความไมดีไมงามตาง ๆ” ทานซะฮะบียฺไดกลาววา “เขาคือผูมีวาทศิลปโดย ใชคําพูดท่ีเปนฮาดีษ ซึ่งมาจากทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุข แดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน)” ทานซะฮะบียฺไดกลาวตอไปวา “สําหรับความซื่อสัตย ของทานที่มีอยูในตัวและบุคลิกของทานนั้น เปนคุณลักษณะโดยท่ัวไปท่ีทานไดยึดถือปฏิบัติไว” ทา นเกิดเม่ือป ฮ.ศ. 405 (ขออัลลอฮทฺ รงประทานความเมตตาแดทา น) 79. มุฮัมมัด บิน อะบัยดิลละฮฺ บิน อาบูรรอฟอฺ มะดานียฺ เขาผูนี้คืออาบู อุบัยตินละฮฺ และมี พี่ชายสองคนคอื ฟฏ ล และอับดุลลอฮฺ บตุ รของอุบัยดิลละฮฺ ทานอาบู รอฟอฺเปนปูของเขา ลุงของเขา คือรอฟอฺฮาซัน มูฆีเราะฮฺ และทาน อาลี ซึ่งลูก ๆ ของพวกเขาทั้งหมดลวนเปนผูมีคุณธรรม ซึ่งเปน บรรพชนของนักปราชญฝายชีอะฮฺ สําหรับทานมุฮัมมัดผูน้ีทานอิบนุ อาดียฺไดกลาวถึงเขาวา เขาคือ คนหนงึ่ ในจาํ นวนนักปราชญช ีอะฮฺแหง เมอื งกูฟะฮฺ ทานซะฮะบียฺไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือ มีซานวา ชื่อของเขาไดเปนที่ยอมรับของบรรดานักปราชญฝายซุนนะฮฺและไดกลาวตอไปวา ทานผู นี้ไดรับรายงานฮาดีษมาจากบิดาและปูของทานผูซึ่งไดรับรายงานฮาดีษจากบุคคลผูนี้ก็คือทาน ฮิ บบาน บิน อาลี ยะหฺยาบิน ยะอฺลา และบางคนก็กลาววา “มุฮัมมัด บิน อุบัยดิลละฮฺ ยังไดรับรายงาน ฮาดษี มาจากพ่ชี ายของเขาทมี่ ชี ่ือวา อบั ดุลลอฮฺ บิน อุบัยดิลละฮฺอีกดวย” ทานฏ็อบรอนียฺไดบันทึกฮา ดีษของบุคคลผูน้ีไวในหนังสืออัลกาบีร โดยอางสายสืบระบุถึงช่ือมุฮัมมัด บิน อุบัยดิลละฮฺ บิน รอฟอฺซึ่งเลามาจากบิดาของเขาท่ีไดฟงมาจากปูของเขาวา “แทจริงทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรง ประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาวแกทาน อาลีวา “บคุ คลแรกทีจ่ ะไดเขาสวรรคกค็ อื ฉนั กบั เธอฮาซนั และฮเุ ซน และบรรดาผูสืบเชื้อสายของเรา หลังจากเรา และกลุมชีอะฮฺ (ผูปฏิบัติตาม) ของเรา ผูซ่ือสัตยตอพันธะสัญญาและเกียรติยศตาง ๆ ของพวกเรา” 80. มุฮัมมัด บิน ฟะฎีล ฆ็อซวาน อาบู อับดุรเราะมาน อัลกูฟยฺ ทานอิบนุ กุตัยบะฮฺไดระบุ ถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมะอาริฟของทานวา “เขาเปนนักปราชญฝายชีอะฮฺ” ทานอิบนุ สะอัดได กลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนา 271 ุซอฺท่ี 6 หนังสือฎอบากอตวา “เขาเปนคนซื่อสัตยท่ีไดรับความ

เชื่อถือ” ฮาดีษของเขาจํานวนมาก รายงานมาโดยนักปราชญชีอะฮฺ ฉะนั้นนักปราชญบางสวน จึง ไมไดใหการยอมรับตอเขา ทานซะฮะบียฺไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมีซานวา “เขาเปน นักปราชญชีอะฮฺที่มีความซ่ือสัตย” ทานไดกลาวอีกวา “เปนผูมีช่ือเสียงในดานของความซ่ือสัตย” ทานอะหฺมัดไดกลาววา “แทจริงเขาเปนนักฮาดีษฝายชีอะฮฺท่ีดีเสิศ” ทานอาบูดาวูดไดกลาววา “เขา เปนนักปราชญชีอะฮฺคนสําคัญเขาเปนนักฮาดีษท่ีไดรับการยกยอง” ทานอิบนุ มุอีน ไดใหความ เช่ือถือตอบุคคลผูนี้ ทานอะหฺมัดไดใหการรับรองความดีของบุคคลผูน้ี ทานนะสาอียไดกลาววา “บุคคลผูน้ีไมมีขอบกพรองใด ๆ” ฉะนั้นแนนอนที่สุด บรรดานักปราชญเจาของตําราศอฮ้ีฮฺทั้งหก เลมตางไดใหการยอมรับตอหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ของเขา ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูนี้ ได ไมวาในศอฮ้ีฮฺบุคอรีหรือมุสลิม จากรายงานฮาดีษทุก ๆ บทท่ีมาจากบิดาของเขา ผูมีช่ือวาฟะฎีล และจากอะอมฺ ชั อิสมาอลี บนิ อาบู คอลิด ผูรายงานฮาดษี จากเขาแลว มาบนั ทึกไวแ กทานบุคอรีน้ันมี มุฮัมมัด บิน นุมัยรฺ, อิสหาก หันศอลียฺ, อิบนุ อาบีชัยบะฮฺ, มุฮัมมัด บิน สลาม, กุตัยบะฮฺ อิมรอน บิน มัยสะเราะฮฺ, อมุ รั บิน อาลี และผูซ ึง่ ไดร บั รายงานมาจากเขาแลวมาบันทึกไวที่ทานมุสลิม ไดแก อับ ดุลลอฮฺ บิน อามิร, อาบู กะรีบ, มุฮัมมัด บิน ฏอรีฟ, วาศิล บิน อับดุลอะอฺลา ซุฮัยรฺ, อาบูซะอีด, อะ ชัดญ, มุฮัมมัด บิน ยะซีด, มุฮัมมัด บิน มุสันนา, อะหฺมัด, วะกีอียฺ, อับดุลอะษีร บิน อุมัร บิน อุบาน ทานไดเสียชีวิตท่ีเมืองกุฟะฮฺ เมื่อป ฮ.ศ. 195 แตบางทานก็บอกวาป ฮ.ศ. 194 (ขออัลลอฮฺทรง ประทานความเมตตาตอเขา) 81. มุฮัมมัด บิน มุสลิม บิน อัฏฏออิฟยฺ เขาเปนนักเสียสละคนหนึ่งในกลุมสหายของอิมาม อาบู อับดุลลอฮฺ ศอดิก อาลัยฮิสลาม ทานอาบู ญะอฺฟรไดกลาวไวในหนังสือของทานวา “บุคคลผูน้ี เปนนักปราชญฝายชีอะฮฺ” ทานฮาซัน บิน อาลี บิน ดาวูด ก็ไดอธิบายรายละเอียดของบุคคลผูน้ีไว ในบาบซิเกาะฮฺ โดยสรุปไวอยางนั้นเชนเดียวกัน ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูนี้โดยไดอาง คํายืนยันของยะหฺยา กุตัยบะฮฺวา พวกเขาไดรับรายงานฮาดีษมาจากบุคคลพวกน้ี ทานอับดุร เราะ มาน บิน มะอฺดียฺ ไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีวา “ทานมุฮัมมัด บิน มุสลิม อัฏฏออิฟยฺผูน้ีตําราตาง ๆ ของ เขานน้ั ลว นศอฮ้ีฮ”ฺ ทา นมะอฺรูฟ บิน วาศลิ ไดกลา ววา “ฉนั ไดเ ห็นซุฟยาน อษั ษรู ียนฺ ั่งอยูตอหนามุฮัม มัด บิน มุสลมิ อัฏฏออฟิ ยฺ แลวไดบ ันทกึ รายงานฮาดีษจากเขา” กลา วไดว า “แทจริงการท่นี กั ปราชญ ระบุความออนแอในหลักฐานฮาดีษของเขาก็เพียงแตเปนเพราะสาเหตุการเปนชีอะฮฺของเขาเทานั้น

แตทวาบรรดานักปราชญหาไดระบุถึงความออนแอท่ีมาจากความประพฤติที่เสียหายของเขาแต อยางใดไม” ฉะนั้นฮาดีษของบุคคลผูนี้ที่มาจากรายงานของอุมัร บิน ฎีนาร จึงมีบันทึกอยูใน หมวดวุฎอฺ จากหนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิม ซึ่งน่ันแสดงวาทานไดใหการยอมรับตอเขา ทํานองเดียวกันกับ ท่ีทานอิบนุสะอัด ไดกลาวไวในหนังสือฏอบากอต หนา 381 ุซอฺท่ี 5 วา “ฮาดีษของบุคคลผูนี้ยังมี อยใู นรายงานของวากีอฺ บิน ญิเราะฮฺ อีกนับจํานวนเปน รอย” 82. มุฮัมมัด บิน มูซา บิน อับดุลลอฮฺ ฟะฏอรียฺ มะดานีย ทานซะฮะบียไดกลาวถึงเร่ืองของ บุคคลผูนี้ในหนังสือมีซานของทานโดยหยิบยกคําอางของอาบู ฮาติม ท่ีกลาววา “บุคคลผูนี้ เปน นักปราชญชีอะฮฺ ทานติรมีซียไดใหความเชื่อถือในรายงานฮาดีษของบุคคลผูนี้ ชื่อของเขาไดเปน เคร่ืองหมายแหงการยอมรับของทานมุสลิม และนักปราชญเจาของตําราสุนันท้ังหลาย ซ่ึงตาง ชี้ใหเห็นวา พวกเขาเหลาน้ัน ไดใหการยอมรับตอหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ของบุคคลผูน้ี” ทานไมอาจ หลีกพนฮาดีษของบุคคลผูน้ีไดในหมวดวาดวยอาหาร ของหนังสือ ศอฮ้ีฮฺมุสลิม ซึ่งเปนรายงานท่ี เลาตอมาจาก อับดุลลอฮฺ บิน อับดุลลอฮฺ บิน อาบีฎ็อลฮะฮฺ ซึ่งบุคคลเหลานี้ไดรับรายงานฮาดีษของ เขา มาจากอบิ นุ อาบีฟะฎีก, อิบนมุ ะอดฺ ยี ฺและกุตยั บะฮฺ 83. มุอาวียะฮฺ บิน อัมมาร อัดดะหานียฺ ปจญลียฺ อัลกูฟยฺ เขาเปนบุคคลสําคัญคนหนึ่งในหมู นักปราชญของเรา เปนผมู คี ณุ ลักษณะท่ียิ่งใหญคนหน่ึง เปนผูไดรับการเชื่อถืออยางดีเยี่ยม บิดาของ เขาที่ชื่ออัมมารน้ันเปนแบบอยางของผูไดรับภัยอันตรายและเปนตัวอยางของผูที่ยืนหยัดอยูใน พื้นฐานของสัจธรรม อัลลอฮฺไดทรงทําใหเขาเปนอุทธาหรณสําหรับบรรดาผูมีความอดทนตอความ ขมข่ืนที่เกิดข้ึนในวิถีทางของพระองค บุตรของเขาคือมุอาวียะฮฺ ผูนี้ไดรับการสืบทอดคุณลักษณะ และแบบแผนแหงชีวิตมาจากบิดา เขาเปนสหายคนหน่ึงของทานอิมามศอดิกและกาซิม (อาลัยฮิ มัสสลาม) เขาเปนผูซ่ึงรับวิชาการตาง ๆ จากทานอิมามทั้งสองทานผูนี้ไดรับการบันทึกรายงานตาง ๆ จากทานอิมามมาเสนอแกพวกเรา รายงานตาง ๆ จากบุคคลผูนี้ไดสืบตอไปยังนักปราชญของเรา เชน อิบนุ อาบูอะมัร และคนอื่น ๆ ทานมุสลิม และนะสาอียก็ไดใหการยอมรับหลักฐานฮาดีษของ บุคคลผนู ี้ เชน ฮาดษี ทีว่ าดวยเรือ่ งการทําฮจั ญ ในหนงั สือศอฮฮี้ มฺ สุ ลมิ โดยรายงานท่ีมาจากซุบัยรฺ ผูท่ี ไดรับรายงานมาจากเขาแลว มาบันทึกไวแกทานมุสลิม ก็คือ ยะหฺยา บิน ยะหฺยา, กุตัยบะฮฺ ทานผูนี้ ยังมีรายงานฮาดีษอื่น ๆ อีกมากซึ่งเลามาโดยบิดาของทานที่ช่ืออัมมาร ซ่ึงไดถูกบันทึกไวโดย

นักปราชญกลุมหนึ่ง ผูเปนเจาของตํารามุสนัดตาง ๆ ของฝายซุนนะฮฺ ทานผูนี้ไดเสียชีวิตเม่ือป ฮ.ศ. 175 (ขออัลลอฮฺไดท รงประทานความเมตตาแกท า น) 84. มะอฺรูฟ บิน คอรบูซ อัลกัรคียฺ ทานซะฮะบียไดกลาวถึงเร่ืองราวของบุคคลผูน้ีไวใน หนังสือมีซานวา เปนนักปราชญชีอะฮฺผูซื่อสัตย ชื่อของเขาไดเปนที่ยอมรับของทานบุคอรี ทาน มุสลิม และอาบูดาวูด โดยชี้ใหเห็นวา บุคคลเหลานี้ไดบันทึกรายงานฮาดีษของเขา ทานไดกลาว ตอไปอีกวา บุคคลผูน้ีไดรายงานฮาดีษตาง ๆ ที่มาจากอาบีฏอฟล อาบูอาศิม อาบูดาวูด อุบัยดิลละฮฺ บิน มูสา และบุคคลอื่น ๆ ก็ไดรับการถายทอดฮาดีษมาจากเขา ทานไดอางคํากลาวของอาบีฮาติมวา ทานไดบันทึกฮาดีษของเขา เพราะเหตุนี้เองอิบนุ ค็อนกาน ไดกลาวไวในหนังสือวุฟยาตวา เขาคือ คนท่ีจงรักตอทาน อาลีบิน มูสา ริฎอ ทานมุสลิมไดใหการยอมรับอยางดียิ่งตอหลักฐานฮาดีษของ บุคคลผูน้ี ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของเขาไดในหมวดวาดวยการทําฮัจญหนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิมซึ่ง เปนรายงานท่ีมาจากอาบู ฏอฟล ทานไดเสียชีวิตที่กรุงแบกแดดเมื่อป ฮ.ศ. 200 กุบุรของเขายังได เปนที่รูจักแกผูเยี่ยมเยียนอยูเสมอ และปรากฏวาซะรียชะกอฎีก็เปนคนหน่ึงในจํานวนลูกศิษยของ เขา 85. มนั ศรู บนิ มุอตฺ ะมัร บิน อับดุลลอฮฺ สะละมียฺ อลั กฟู ย ฺ เขาเปน คนหน่งึ ในจาํ นวนสหายผู ใกลชดิ ของทานบากิร และทา นศอดิก (อาลยั ฮมิ ัสลาม) ดงั ท่ขี อ เขียนของหนงั สือมุนตาฮาไดกลาวไว และนอกจากนท้ี าน อบิ นุ กุตัยบะฮกฺ ไ็ ดระบวุ า เขาผูน ีค้ อื นกั ปราชญของฝายชอี ะฮฺ ทา นเญาซฺญานียฺก็ ไดกลาววา “เขาเปนคนหนึ่งในบรรดานักฮาดีษทั้งหลายท่ีประชาชนไมคอยศรัทธาตอมัซฮับของ พวกเขา ในเร่ืองของภาคปฎิบัติและรายละเอียดของศาสนา เนื่องจากพวกเขาเหลาน้ันรับหลักการ ท่ีมาจากบรรดาลกู หลานของศาสดามุฮมั มัด” ทานไดก ลาวในทํานองเดียวกันนอ้ี กี ดวยวา ชาวเมอื งฟู กะฮฺ นั้น เปนพวกท่ีประชาชนไมคอยยกยองตอมัซฮับของพวกเขา โดยชนช้ันระดับหัวหนาของนัก ฮาดีษชาวเมืองกูฟะฮฺ ดังเชน อาบู อิสหาก มันศูร ซุบัยดฺ อัลยามียฺ อะอฺมัช และบุคคลอ่ืน ๆ ท่ี ประชาชนไดใหความเชื่อถือในความซื่อสัตยของพวกเขาดานของการรายงานฮาดีษ อะไรคือ ส่ิงซึ่ง บรรดาผูที่มีความซ่ือสัตยเหลาน้ันไดตีตนใหเสมอกับทาน? พวกเขาเหลานั้น ไดยึดถือตออัษ-ษะ เกาะลัยน (ส่ิงสําคัญสองประการ) หรือ? หรือวาพวกเขาไดข้ึนข่ีนาวาท่ีใหความปลอดภัย? หรือวา พวกเขาไดเขาไปสูนครแหงความรูของทานนบี ทางประตูของมัน? หรือวาพวกเขาไดยอมรับส่ิงท่ี เปนหลักประกันความปลอดภัยใหแกชาวโลกทั้งหลายแลว? หรือวาทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรง ประทานความจาํ เรญิ และความสนั ตสิ ขุ แดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดพิทักษรักษาเขา

ไวในเช้ือสายของทาน? หรือวาความยําเกรงของพวกเขาและความหว่ันกลัวของพวกเขาที่มี ตออัลลอฮฺนั้นจะมากย่ิงไปกวาความเกรงกลัวของทาน? แมแตอิบนุ สะอัด ก็ยังไดกลาวถึงทาน มันศูร ไวในหนังสือฏอบากอต หนา 235 หมวดท่ี 6 วา “แทจริงบุคคลผูน้ีไดรองไหดวยความเกรง กลัวตออัลลอฮฺผูทรงสูงสุด จนตาของเขาแดงก่ํา เพราะหยาดนํ้าตาท่ีไหลรินอยูเปนเนืองนิจ” ทาน กลาวอีกวาผูคนตาง ๆ ไดยืนยันวา บุคคลผูนี้ถือศีลอดเปนนิจสิน เมื่อเปนเชนนี้แลว เขาควรจะได เปนตัวอยางท่ีตองไดรับความเชื่อถือจากประชาชนใชหรือไม? ทานอิบนุ สะอัดไดกลาวถึง มันศูรผู นี้จากคําบอกเลาของ หัมมาด บิน ซัยดฺ วา “ฉันไดเห็นทานมันศูรท่ีมักกะฮฺ ฉันนึกวาเขาไมใชคน โกหกแน” ขอใหเราไดยอนกลับมาพิจารณาถึงคํากลาวท่ีสอดคลองตองกันในดานของการใหความ ยอมรับตอมันศูร โดยบรรดานักปราชญเจาของตําราศอฮ้ีฮฺท้ังหกเลมซ่ึงไดใหการยอมรับตอเขา ท้ัง ๆ ที่รูวาเขาเปนนักปราชญชีอะฮฺ ฉะน้ันทานจึงไมอาจผานพนฮาดีษท่ีมาจาก อะบูวาอิล อาบีฎหา, อิบรอฮีม อันนัคอีย และบุคคลอื่น ๆ ในกลุมของนักปราชญเหลานี้ นอกจากน้ีในตําราศอฮี้ฮฺทั้งสอง ยังไดรับฮาดีษของบุคคลผูนี้มาบันทึกอีกเชนเดียวกัน โดยฮาดีษทุก ๆ บทที่มาจากชุอฺบะฮฺ, เษารีย, อิบนุ อัยยีนะฮฺ, หัมมาด บิน ซัยดฺ, ทานอิบนุ สะอัดไดกลาววา “มันศูรไดเสียชีวิตในปลายป ฮ.ศ. 132” (ขออัลลอฮทฺ รงประทานความเมตตาแกเ ขา) 86. มินฮาล บิน อุมัร อัลกูฟยฺ ดาลบิอีนผูมีช่ือเสียงของฝายชีอะฮฺแหงเมืองกูฟะฮฺ ดวยเหตุนี้ ทานเญาซฺญานียฺไดถือวาบุคคลน้ีรายงานฮาดีษออนแอโดยกลาวา “อยูในมัซฮับที่เลว” อิบนุฮาซันก็ ไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีในทํานองเดียวกัน สวนยะหฺยา บิน ซะอีดนั้นไดแสดงความเห็นอกเห็นใจ ทานอะหฺมัด บิน ฮันบัล ไดกลาววา “ปูชนียบุคคลที่ฉันรักยิ่งและใหความเชื่อถือแกเขานั้นคือมิน ฮาล” ท้ัง ๆ ที่เขาองก็รูวบุคคลผูน้ีเปนนักปราชญชีอะฮฺ ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ไวใน หนังสอื มีซาน โดยไดอ า งถอ ยคําของบรรดานกั ปราชญตาง ๆ ท่ีไดกลาวถึงเขามาบันทึกไว แลวระบุ วาทานบคุ อรีและทานมุสลิม ไดใหการยอมรับตอช่ือของบุคคลผูนี้โดยชี้ใหเห็นวา คนท้ังสองไดให การยอมรับตอเขา ฉะน้ันทานจึงไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลนี้ไดในหนังสือศอฮี้ฮฺบุคอรี จาก รายงานของสะอดี บิน ญบยั รฺ 87. มูซา บิน กัยส ฮัฏรอมีย ทานอุกัยลียไดระบุวา บุคคลผูนี้เปนคนหัวรุนแรงตัวฉกาจ คร้ัง หน่ึงซุฟยานไดถามเขาถึงเรื่องที่เกี่ยวกับอาบูบักรฺกับทานอาลี เขาผูน้ีกลาววา “อาลีคือท่ีรักของฉัน” มูซาผนู เี้ ปน ผูไดร ับรายงานฮาดีษมาจากสะลามะฮฺ บิน กุฮัยล จากอียาฎ บิน อียาฎ จากมาลิก บิน ญา

อูนะฮฺ ไดกลาววา “ฉันไดยินทานหญิงอุมมุสะลามะฮฺ กลาววา “อาลีนั้นอยูกับสัจธรรม ดังน้ันผูใด ปฏบิ ตั ติ ามเขา ก็เทากบั เขาอยูบนสัจธรรม ผูใดทอดทิ้งเขาก็เทากับทอดทิ้งสัจธรรมพันธะสัญญาตาง ๆ ทถ่ี ูกสญั ญาไว” รายงานโดยอาบูนะอีม อลั ฟฎ ล บิน ดะกีล จากมูซา บินกัยส มูซาผูนี้ไดรายงานฮา ดีษตาง ๆ ที่กลาวถงึ เกียรติยศของบรรดาอฮฺลุลบัยตฺ ซึ่งลวนแตเปนฮาดีษศอฮี้ฮฺทั้งส้ิน อิบนุมุอีนเปน คนหนึ่งที่ใหการยอมรับตอมูสา อาบูดาวูด ซะอีด บิน มันศูร ก็ไดยอมรับหลักฐานฮาดีษตาง ๆ ของ เขามาบันทึกไวในตําราสุนันของบุคคลทั้งสอง ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมี ซาน โดยใหรายละเอียดไปตามคําแถลงของบรรดานักปราชญท่ีไดกลาวไวในเร่ืองราวของเขา แลว สรุปวา ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูนี้ไดในหนังสือสุนันตาง ๆ ซ่ึงเปนรายงานฮาดีษท่ีเลา มาจากสะลามะฮฺ บิน กุหัยล และฮะญัร บิน อันบาสะฮฺ ทานฟฎล บิน ดะกีล และทานอุบัยดิลละฮฺ บิน มูซา ตลอดจนถึงบุคคลอื่น ๆ ที่มีความพิถีพิถัน ตางก็ไดรับรายงานมาจากบุคคลผูนี้ท้ังสิ้น ทาน ไดเ สียชวี ิตในสมยั ของมนั ศูร (ขออลั ลอฮฺทางประทานความเมตตาแกเขา) 88. นะฟย  บนิ ฮารษิ อาบูดาวูด อันนฆั อีย อัลกูฟย ฮัมดานีย สะบีอีย ทานอุกัยลียไดกลาววา “เขาเปนคนหัวรุนแรงอยางย่ิง” ทานบุคอรีกลาววา “พวกเขาไดพูดกันถึงบุคคลผูน้ีวา เปน นักปราชญชอี ะฮฺ” อยางไรก็ดีซุฟยานกไ็ ดยอมรับตอ เขารวมท้ังฮะมาม ชะรีคและนักปราชญอีกสวน หน่ึงในกลุมของบุคคลเหลาน้ี ก็ใหการยอมรับดวย สําหรับทานติรมีซียนั้นไดใหการยอมรับตอ หลักฐานฮาดีษตาง ๆ ของบุคคลผูน้ีโดยนํามาบันทึกไวในหนังสือศอฮี้ฮฺของทาน นอกจากน้ีบรรดา นักปราชญเจาของตํารามุสนัดท้ังหลายตางก็ไดบันทึกรายงานฮาดีษที่เลามาจากบุคคลผูน้ี ทานไม อาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูนี้ได ไมวาในหนังสือของติรมีซียหรืออ่ืน ๆ อันเปนรายงานที่มา จากอะนัส บิน มาลิก, อิบนุ อับบาส, อิมรอน บิน ฮุศัยน, ซัยด บิน อัรก็อม ทานซะฮะบีย ไดอธิบาย ถึงบคุ คลผูน โ้ี ดยไดก ลา วไปตามลกั ษณะเดยี วกันกับที่เราไดก ลา วมาแลว 89. นูห บิน กัยส รอบาห ฮะดานีย ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ไวในหนังสือมีซาน ของทานวา “เขาเปนนกั ปราชญฮาดีษ ผูมีคณุ ธรรมเปนอยา งย่ิง” ทานไดก ลาวตอไปอีกวา “ทานอะหฺ มัดและอิบนุมุอีนไดใหความเช่ือถือตอบุคคลนี้” อาบูดาวูดไดกลาววา เขาเปนนักปราชญชีอะฮฺ” ทานนะสาอยี ไดก ลา ววา “เขามิไดม คี วามบกพรอ งใด ๆ” ทานซะฮะบียไดกลาววา “ชื่อของบคุ คลผนู ้ี เปน ทย่ี อมรบั ของทานมุสลมิ และบรรดานักปราชญเ จา ของตําราสุนันท้งั หลาย” นั้นแสดงวาบุคคลนี้ เปนผทู รงคณุ วุฒิคนหนง่ึ ของตําราศอฮ้ีฮฺของพวกเขาเหลานั้น ฮาดีษของบุคคลกลุมนี้มีปรากฏอยูใน หนังสือศอฮ้ีฮฺมุสลิม หมวดท่ีวาดวย “การด่ืม” โดยรายงานของเขาท่ีมาจากอิบนุ เอานและมีใน

หนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิมอีกเชนเดียวกัน ในหมวดท่ีวาดวย “เครื่องนุงหม” โดยรายงานฮาดีษของเขาท่ี ไดรับมาจากพี่ชายของเขาคือ คอลิด บิน กัยส ผูท่ีไดรับรายงานจากเขาแลว ไดมาบันทึกไวแกทาน มุสลิมน้ัน คือ นะศิร บิน อะลี สวนผูที่ไดรับรายงานจากเขาแลวนําไปบันทึกไวกับคนอ่ืนนั้นไดแก อาบู อัชอัษ และไดมีบคุ คลตา ง ๆ ซง่ึ มีชือ่ เสียงข้นึ มาจากผลงานของทานอีกเปนจํานวนไมน อ ย 90. ฮารนู บนิ ซะอัด อัจญลีย อัลกูฟย  ทา นซะฮะบียไดกลา วถงึ บคุ คลผนู ไ้ี ววา ชื่อของเขาได เปนท่ียอมรับของทานมุสลิม ซ่ึงแสดงใหเห็นวาบุคคลผูนี้คือนักปราชญคนหนึ่งของทาน หลังจาก น้ันทานไดยอยองวา “เขาเปนคนมีลักษณะท่ีซื่อสัตยอยูในตัว แตทวาเขาเปนคนหัวรุนแรงอยางย่ิง” ทานอับบาสไดรับรายงานมาจากทานอิบนุมุอีน ซ่ึงกลาววา “ฮารูน บิน ซะอัดผูนี้เปนคน ปราดเปร่ืองในหมูนักปราชญชีอะฮฺ” สําหรับเขาน้ันไดจดจําฮาดีษที่มาจากอับดุรเราะมาน บิน อาบู ซะอีด คุดรีย มุฮัมมัด อิบนุอาบีหัฟศ อะฏอร มัสอูดีย ฮาซัน บิน หัยส อาบูฮาติมไดกลาววา “คนผูน้ี ไมมีความบกพรองใด ๆ” ขอใหสังเกตฮาดีษของเขาไดในหัวขอท่ีวาดวย ลักษณะของไฟนรกจาก หนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิม โดยผูรายงานของทานคือฮาซัน บิน ศอลิห ฮารูน บิน สะอัด อัจญลีย จาก รายงานของสลุ ยั มาน 91. ฮาชิม บนิ บะรดี บนิ ซยั ด อาบูอาลี อัลกูฟย ทานซะฮะบียไดกลาววา “ชื่อของบุคคลผูนี้ ไดเปน ท่ยี อมรับของทานอาบดู าวูด และทา นนะสาอยี  โดยแสดงใหเห็นวา แทจริงบุคคลผนู ไี้ ดเปนท่ี ยอมรับของทานอาบูดาวูด และทานนะสาอีย โดยแสดงใหเห็นวา แทจริงบุคคลผูน้ีเปนนักปราชญ คนหน่ึงในตําราศอฮี้ฮฺของผูอาวุโสทั้งสอง” ทานไดอางตอไปถึงการยอมรับของทานอิบนุมุอีนและ คนอ่ืน ๆ ที่มีตอบุคคลผูนี้ พรอม ๆ กันนั้นทุกคนก็ยืนยันวา แทจริงบุคคลผูน้ีเปนพวกหัวรุนแรง ทานกลาวอีกวา ทานอะหฺมัดไดกลาววา “เขาไมมีขอเสียหายใด ๆ” อยางไรก็ตามฮาชิม ไดรายงาน มาจากทานซัยดบิน อาลี และมุสลิม บะฏีน สวนหุรัยบียและบุตรของเขาคืออาลี บิน ฮาชิมนั้นตางก็ ไดรับรายงานฮาดีษมาจากเขา ซ่ึงเราไดกลาวถึงเร่ืองน้ีผานไปแลว เปนท่ีรูของบรรดานักปราชญ ท้ังหลายกันอยางดีวา ฮาชิมผูน้ีเปนนักปราชญคนสําคัญของฝายชีอะฮฺ ซ่ึงสามารถสังเกตดูไดจาก ขอ ความทีเ่ ราไดกลาวไปแลว ในหัวขอ ของอาลี บิน ฮาชิม จากหนังสือเลม น้ี 92. ฮุบัยเราะฮฺ บิน บุรัยม อัลฮุมัยรีย เขาเปนคนใกลชิดผูหน่ึงของทานอาลี (อาลัยฮิสลาม) เปนผูยึดมั่นอยูกับตําแหนงความเปนผูปกครองของทาน ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ใน หนังสือมีซานวา ช่ือของเขาไดเปนท่ีปรากฏอยูในตําราสุนันทั้งหลาย ซ่ึงแสดงใหเห็นวา เขาเปน ผูรายงานฮาดีษตาง ๆ ของพวกเขา ทานอะหฺมัดไดกลาวถึงบุคคลผูนี้วา “เขามิไดมีความบกพรองใด

ๆ เลย” ทานชะรอสตานียไดระบุถึงบุคคลผูน้ีในหนังสือมิลัลวา เขาผูน้ีคือนักปราชญของฝายชีอะฮฺ ฮาดีษของเขาที่มีรายงานมาจากทานอาลีนั้นปรากฏวามีบันทึกอยูในตําราหลายเลมของฝายซุนนะฮฺ อาบูอสิ ฮากและอาบฟู าคตี ะฮกิ ็ไดร ับรายงานฮาดีษมาจากบุคคลผูนี้ 93. ฮิชาม บิน ซิยาด อาบูมิกดาม อัลบัสรีย ทานชะรอสตานีย ไดระบุถึงบุคคลผูน้ีไวใน หนังสือมิลัลวา เปนนักปราชญฝายชีอะฮฺ ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ไวในหนังสือมีซาน เชนเดยี วกันวา “เขาเปน ผูท่ไี ดรับความเชื่อถอื อยางมัน่ คงจากนักปราชญฝายซุนนะฮฺ” ฉะนั้นทานไม อาจหลีกพนฮาดีษของเขาไดในหนังสือศอฮ้ีฮฺติรมีซีย ตลอดทั้งในตําราเลมอ่ืน ๆ ซึ่งรายงานฮาดีษ ท่ีมาจากฮาซันและกุรอฎีย ทานชัยบาน บิน ฟะรูค และทานเกาะวารียตลอดจนถึงบุคคลอ่ืน ๆ ก็ ไดร บั รายงานฮาดีษมาจากบคุ คลผูน้เี ชนเดียวกัน 94. ฮิชาม บิน อัมมาร บิน นะศีร บิน มัยสะเราะฮฺ อาบูวะลีด เขาเปนอาจารยคนหนึ่งของ ทานบุคอรี ดังท่ีปรากฏอยูในหนังสือศอฮี้ฮฺของทาน ทานอิบนุกุตัยบะฮฺไดระบุถึงบุคคลผูน้ีวา “เปน นกั ปราชญฝ า ยชีอะฮ”ฺ และมีการกลา วถงึ ในทํานองเดียวกันน้ีอีกเชนกันในหนังสือมะอาริฟ ทานซะ ฮะบียก็ไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ไวในหนังสือมีซานโดยไดจัดอันดับใหบุคคลผูน้ีอยูในฐานะอิมาม รายงานฮาดีษผูหนึ่ง แลวระบุวา “เขาเปนคอฏีบแหงเมืองดามัสกัส และเปนนักรายงานฮาดีษ ผทู รงคุณวุฒิประจาํ เมอื งน้ี เปนผมู ีความซือ่ สัตยอยางยิ่ง” ทานบุคอรีไดรับรายงานจากบุคคลผูน้ีโดย มิไดมีผูใดเปนส่ือกลางในบาบที่วาดวย “ใหพิจารณาตอผูคับแคน” จากกิตาบุลบุยูอฺ หนังสือศอฮ้ีฮฺ ของทา น บคุ คลผนู ปี้ รากฏวา ไดเ ปน ทยี่ อมรับอยางดีในหมูนักคนควาท้ังหลาย นอกจากนี้ขาพเจาคิด วาฮาดีษของเขายังมีปรากฏอยูอีกในกีตาบุล-มะฆอซีย และกิตาบุล-อัชรอบะฮฺ และหมวดวาดวย เกียรติยศของเหลาสาวกแหงทานนบี(ศ) ฮิชามผูน้ีไดรับรายงานฮาดีษท่ีมาจากยะหฺยา บิน ฮัมซะฮฺ ศอดาเกาะฮฺ บิน คอลิด อับดุลฮามีด บิน อาบีอิชรีน หนังสือมีซานไดมีกลาวตอไปอีกวา นักปราชญ เปน จํานวนมากที่ไดพากนั เดินทางไปศกึ ษาฮาดีษจากบุคคลผูนี้ แมแตวะลีด บิน มุสลิมก็ยังไดศึกษา ฮาดีษจากเขา ฉะนั้นเขาก็เปนอาจารยคนหนึ่งของทาน ทานฮิชามเกิดเม่ือป ฮ.ศ. 153 เสียชีวิตปลาย เดือนมฮุ ัรรอม เมื่อป ฮ.ศ. 245 (ขออลั ลอฮทฺ รงประทานความเมตตาแกท า นดวย) 95. ฮะชีม บิน บะชีร บิน กอซิม บิน ดีนาร สะลามีย วาสิฏี ทานอิบนุกุตัยบะฮฺไดระบุถึง บุคคลผูนี้วา “เปนนักปราชญของฝายชีอะฮฺ เขาคืออาจารยคนหน่ึงของอิมามอะหฺมัด บิน ฮันบัล ตลอดจนถึงกลุมนักปราชญอีกจํานวนมากในขายน้ี” ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวใน หนังสือมีซานอีกวา “ไดเปนท่ียอมรับในหมูบรรดานักปราชญ เจาของตําราศอฮ้ีฮฺทั้งหกเลม” และ

ทานซะฮะบียยังไดจัดใหบุคคลผูน้ีอยูในอันดับของผูทรงคุณวุฒิระดับสูงคนหน่ึง โดยทานไดกลาว วา “แทจริงบุคคลผูน้ีเปนหนึ่งในจํานวนนักปราชญที่ทานซุฮฺรียฺ ฮุศัยน บิน อับดุรเราะมาน ยังไดให การรับฟง ทานยะหฺยา กีฎอน ทานอะหฺมัด ทานยะกูบ อัดดูริกีย ตลอดจนถึงนักปราชญเปนจํานวน มากก็ยังตองรับรายงานฮาดีษจากบุคคลผูนี้” ฉะนั้นไมตองสงสัยเลยวา ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษ ของเขาไดในตําราศอฮ้ีฮฺทั้งสองเลม ไมวาจะเปนของทานบุคอรีหรือมุสลิม โดยรายงานฮาดีษตาง ๆ ที่มาจากฮามีด อัฏฏอวีล อิสมาอีล บิน อาบี คอลิด และอาบีอิสหาก ชัยบานียและอื่น ๆ อีกจํานวน หน่ึง นอกจากน้ีก็ยังมีอุมัร นากิดและอุมัรว บิน ซะรอเราะฮฺ และสะอีด บิน สุลัยมานซ่ึงไดรับ รายงานฮาดีษจากบุคคลผูน้ีมารายงานตอไวที่ตําราศอฮี้ฮฺทั้งสอง สําหรับเฉพาะทานบุคอรีน้ันได อาศยั รายงานฮาดษี สวนหนง่ึ ของบุคคลผนู ้ที เี่ ลาเปน สื่อกลาง โดยอุมัร บิน เอาฟ, สะอีด บิน นาฎ็อร, มุฮัมมัด บิน นุบฮาน, อาบู บิน อะดีนีย, และกุตัยบะฮฺ เปนตน ผูซ่ึงไดรับรายงานจากบุคคลผูน้ีแลว นํามาบันทึกไวในหนังสือมุสลิมก็คือ ทานอะหฺมัด บิน ฮันบัล, ชาริห ยะกูบ ดูริกีย, อับดุลลอฮฺ บิน มูฎีอฺ, ยะหฺยา บิน ยะอฺยา, สะอีด อิบนุ มัรสูร, อิบนุ อาบูชัยบะฮฺ, อิสมาอีล บิน ซาลิม, มุฮัมมัด บิน ศอบาห, ดาวูด บิน รอชีด, อาหฺมัด บิน มานีอ, ยะหฺยา บิน อัยยูบ, ซุฮัยรฺ บิน ฮะร็อก, และ อุสมาน บิน อาบชู ัยบะฮ,ฺ อาลี บนิ ฮะญรั และทาน ยะซดี บนิ ฮารนู ทานผูน้ไี ดเ สียชวี ิตกลับไปสูความเมตตา ของอัลลอฮฺ ผทู รงสงู สดุ ทเี่ มืองแบกแดด ป ฮ.ศ. 183 รวมอายุของทา นได 79 ป 96. วะกีอ บิน ญีรอห บิน มะลิห บิน อะดีย ทานอิบนุกุตัยบะฮฺ ไดระบุถึงบุคคลผูนี้ไวใน หนังสือมะอาริฟวา “เปนนักปราชญชีอะฮฺ” ทานอิบนุ มะดีนียก็ไดกลาวไวในหนังสือตะฮฺซีบวา “แทจริง วะกีอ คือ นักปราชญฝายชีอะฮฺ” มัรวาน บิน มุอาวียะฮฺ ยืนยันวา “แทจริงวะกีอผูนี้เปนคน หวั รนุ แรง” คร้งั หนงึ่ ยะหยา บิน มูอีน ไดเขาไปพบเขา แลวไดก ลบั มากลา วถงึ เขาวาอยางน้ันอยางนี้ ซ่ึงโดยสรุปแลวหมายถึง การกลาววา วะกีอเปนคนหัวรุนแรง อิบนุ มุอีน จึงไดกลาวแกเขาวา... “วะกีอเปนคนดีกวาทาน” เขากลาววา “ดีกวาฉันใชไหม?” อิบนุมุอีนตอบวา “ใชแลว” อิบนุมุอี นไดกลาวตอไปวา “เมื่อเรื่องน้ีไดยินไปถึงวะกีอ วะกีอก็กลาววา แทจริงยะหยาน้ันเปนสหายของ เรา” ทานอะหฺมัด บิน ฮันบัลไดถูกถามวา “เมื่อวะกีอกับอับดุรเราะมาน บิน มะหดีย เกิดขัดแยงกัน ขึน้ เราจะยดึ ถือบคุ คลไหนดี? ดังน้ันทานจึงยกใหทานอับดุรเราะมานเปนมาตรการตัดสิน โดยกลาว วา “อับดุรเราะมานน้ันเปนผูที่บรรพชนไดใหการยอมรับตอเขา ซ่ึงคุณสมบัติเหลาน้ีวะกีอ บิน ญี รอหยังไมไดรับ” ทานซะฮะบียไดอางถึงเร่ืองนี้ไวเชนเดียวกัน ในตอนทายของคําอธิบายประวัติ ของฮาซัน บิน ศอลิห โดยไดก ลา วถึงคําพูดของวะกีอวา “แทจริงฮาซัน บิน ศอลิห ไมใหเกียรติตออุ

สมาน” เขาไดกลาวขึ้นวา “แลวทานไดใหเกียรติตอฮัจญาจหรือ? ในขณะท่ีอุสมาน ก็ไดใชอํานาจ การปกครองอยางเดียวกันกับฮัจญาจ” ทานซะฮะบีย ไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมีซานของ ทาน โดยไดอางเรื่องราวตาง ๆ ของบุคคลผูนี้ไวดังที่ไดผานมาแลว บรรดานักปราชญเจาของตํารา ศอฮฮ้ี ทฺ ง้ั หกเลม และนักปราชญอ ืน่ ๆ ตา งไดใ หการยอมรบั หลกั ฐานการรายงานฮาดษี ของบคุ คลผูน้ี ฉะน้ันทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูน้ีได ไมวาในหนังสือศอฮี้ฮฺบุคอรีหรือในหนังสือ ศอฮี้ ฮฺมุสลิมก็ตาม ซ่ึงจากรายงานฮาดีษทุก ๆ บทที่มาจาก อะหฺมัด เษารีย ชุอฺบะฮฺ อิสมาอีล บิน อาบูคอ ลิด และอาลี บิน มุบาร็อก นักปราชญซึ่งไดรับรายงานจากบุคคลผูนี้แลวนํามาบันทึกใหแก บุคอรี และมสุ ลิม คอื อิสฮาก หนั ซอลีย มุฮัมมัด บิน นุมัยร ที่ไดรับรายงานจากบุคคลผูนี้แลวมาบันทึกไวที่ ทาน บุคอรีโดยเฉพาะนั้นคือ ทานอับดุลลอฮฺ ฮุมัยดีย, มุฮัมมัด บิน สลาม, ยะหยา บิน ญะอฺฟร บิน อะหยุน, ยะหยา บิน มูซา, และมุฮัมมัด บิน มะกอติลท่ีไดรับรายงานจากบุคคลผูน้ีแลวมาบันทึก ใหแกทานมุสลิมโดยเฉพาะ ไดแก ทานซุฮัยรฺ อิบนุอาบูชัยบะฮฺ, อาบูการิบ, อาบูสะอีด อะชัจญ, นะศิร บิน อาลี, ซะอีด บิน อัสหัร, อิบนุอาบูอุมัร, อาลี บิน ค็อชร็อม, อุสมาน บิน อาบูชัยบะฮฺ, และ ทานกตุ ยั บะฮฺ บนิ ซะอีด ทานผไู ดร บั ความเมตตาจากอัลลอฮฺ ไดเ สียชีวติ เมอื่ เดินทางกลับจากการทํา ฮจั ญเ มอื่ เดอื นมุฮรั รอม ป ฮ.ศ. 197 รวมอายุของทานได 68 ป 97. ยะหยา บิน ญาซาร อัรนีย อัลกูฟย เปนสหายคนหนึ่งของทานอามีรุลมุมีนีน อาลี (อาลัยฮิสลาม) ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมีซานของทานวา “ทานมุสลิมและ บรรดานกั ปราชญฝายซนุ นะฮเฺ ปน จํานวนมากไดใ หก ารยอมรบั ตอหลักฐานฮาดีษตา ง ๆ ของบุคคลผู น้ี” และทานยังไดระบุถึงความม่ันคงแข็งแรงในหลักฐานฮาดีษของบุคคลผูน้ีโดยไดกลาววา “เขา เปน คนซอ่ื สตั ย” ทานยังไดอา งตอไปถึงคําพูดของทานหุกม บิน อุตัยบะฮฺ ท่ีไดกลาววา “ยะหยา บิน ญาซารเปนผูปราดเปรื่องในหมูนักปราชญชีอะฮฺ” ทานอิบนุสะอัดไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ไวในุซอฺที่ 6 หนา 206 หนังสือฎอบากอตวา ยะหยา บิน ญาซาร เขาเปนนักปราชญชีอะฮฺและไดเปนที่ยอมรับ เปนเสียงเดียวกันวา เขาเปนนักรายงานฮาดีษที่มีหลักฐานม่ันคงแข็งแรง กลาวไดวา ทานอาจจะ สังเกตฮาดีษของบุคคลผูน้ีไดในหมวดวาดวยการนมาซในหนังสือศอฮ้ีฮฺมุสลิม อันเปนฮาดีษท่ีเขา ไดรับรายงานมาจากทานอาลี และฮาดีษของบุคคลผูน้ียังมีปรากฏอยูในหมวด วาดวยการศรัทธาใน หนงั สือศอฮ้ฮี มฺ สุ ลิมอกี เชน กนั อนั เปน ฮาดีษทเ่ี ขาไดร บั รายงานมาจากอับดุรเราะมาน บิน อาบีลัยลา ซึ่งทานหกุ ม บนิ อุตัยบะฮฺ และทานฮาซัน อัรนียไดรับรายงานมาจากเขาแลวนํามาบันทึกไวแกทาน มุสลิม

98. ยะหยา บิน ซะอีด อัลกีฏอน ทานอิบนุกุตัยบะฮฺไดระบุถึงบุคคลผูนี้ไวในหนังสือมะอา รฟิ ของทา นวา “เขาเปน นกั ปราชญชีอะฮฺ” และบรรดานักปราชญเ จาของตําราศอฮฮ้ี ทฺ ง้ั หกเลม ตลอด จนถึงนักปราชญอ่ืน ๆ ตางก็ไดใหการตอบรับตอหลักฐานฮาดีษของบุคคลผูนี้ ซึ่งฮาดีษของเขาน้ัน คอื รายงานท่มี าจากฮิชาม บนิ อรุ วะห อามีด ฏอวีล ยะหย า อบิ นซุ ะอดี อลั สอรยี  และบุคคลอ่ืน ๆ อีก ซ่ึงมีปรากฏอยูในหนังสือศอฮ้ีฮฺทั้งบุคอรีและมุสลิม ผูท่ีไดรับรายงานฮาดีษจากเขาแลวมาบันทึกไว แกทานท้ังสองนี้ก็คือมุฮัมมัด บิน มุษันนา บิน ดาร สวนผูท่ีไดรับรายงานมาแลวไดบันทึกไวใหแก บุคอรีน้ันคือมัสดัด อาลี บิน มะดีนีย, บะยาน บิน อุมัร ผูท่ีไดรับรายงานมาจากเขา แลวไดบันทึก ใหแกทานมุสลิมนั้น คือ มุฮัมมัด บิน ฮาติม, มุฮัมมัด บิน ดิลาด, บาฮิลีย อาบูกามิล ฟะอฎีล บิน ฮุ เซน ุหดารีย, มุฮัมมัด มุก็อดดามีย, อับดุลลอฮฺ บิน ฮาชิม, อาบูบักรฺ บิน อาบีชัยบะฮฺ, อับดุลลอฮฺ บิน ซะอีด, อะหฺมดั บิน ฮนั บลั , ยะกบู ดูรกิ ีย, อับดลุ ลอฮฺ เกาะวารีรีย, อะหฺมัด บิน อับดะฮฺ, อุมัร บิน อาล,ี อับดุรเราะมาน บิน บะชัร, ทานผูไดรับความเมตตาจากอัลลอฮฺไดเสียชีวิตเม่ือป ฮ.ศ. 198 ทาน มีอายุ 78 ป 99. ยะซีด บิน อาบีซิยาด อัลกูฟย อาบูอับดุลลอฮฺ เมาลาอฺ บะนีฮาชิม ทานซะฮะบียได กลาวถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมีซานของทานวา บุคคลผูน้ีไดเปนที่ยอมรับของทานมุสลิม และ กลุมนักปราชญ ฝายซุนนะฮฺท้ังส่ีมัซฮับ ซึ่งแสดงใหเห็นวาพวกเขาเหลานั้นไดรับรายงานฮาดีษจาก บุคคลผูนี้ ทานไดอางคํากลาวของอาบีฟะฎีลวา “ยะซีด บิน อาบูชิยาตผูนี้ เปนอิมามใหญคนหนึ่ง ของนักปราชญผูอาวุโสฝายชีอะฮฺ” ทานซะฮะบียไดยืนยันวา “แทจริงบุคคลผูน้ีคือหนึ่งในจํานวน ของบรรดานักปราชญผูมีชื่อเสียงแหงเมืองกูฟะฮฺ” พรอม ๆ กันน้ัน ก็มีคนต้ังขอหาตาง ๆ นานา ใหแกทา น พวกเขาเหลา น้นั ตางไดขัดขวางเทาท่พี วกเขามีความสามารถดว ยสาเหตทุ บ่ี ุคคลผนู ไ้ี ดเ ลา ฮาดีษโดยสายสืบของเขาที่มีไปถึงอาบูบัรซะฮฺวา พวกเราไดอยูรวมกับทานนบี (อัลลอฮฺทรง ประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและบรรดาลูกหลานของทาน) แลวทานไดยินเสียง รองรําทําเพลงซ่ึงขณะนั้นอุมัร บิน อาศ และมุอาวียะฮฺกําลังรองรําทําเพลงอยูทั้งสองคนแลวทาน รอซูลุลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลาน ของทาน) ไดกลาวข้ึนวา “โออัลลอฮฺขอไดทรงใหความเสื่อมของคนทั้งสองอยูในความเส่ือมทราม ท่ีชั่วรายเสียเถิด และขอไดทรงผลักใสคนทั้งสองลงสูไฟนรกดวยเถิด” อยางไรก็ตามทานไมอาจ หลีกพนฮาดีษของบุคคลผูน้ีไดในหนังสือศอฮ้ีฮฺมุสลิม หมวดวาดวย “เรื่องอาหาร” ซึ่งเปนรายงาน ฮาดีษที่นํามาจากอับดุรเราะมาน บิน อาบีลัยลา ทานสุฟยาน บิน อัยยีนะฮฺก็ไดรับรายงานฮาดีษมา

จากบุคคลผูนี้อีกดวยเชนกัน ทานผูนี้ไดรับความเมตตาจากอัลลอฮฺผูนี้ไดเสียชีวิตเมื่อป ฮ.ศ. 136 ทานมีอายยุ ืนยาวประมาณ 90 ป 100. อาบูอับดุลลอฮฺ ญัดลีย ทานซะฮะบียไดกลาวถึงบุคคลผูนี้ไววา “แทจริงเขาคือ นักปราชญผูอาวุโสคนหน่ึงของทานอาบีดาวูด และทานติรมีซียสําหรับการบันทึกตําราศอฮ้ีฮฺของ บุคคลทั้งสอง” แลวทานไดก ลาวถงึ ตอไปอีกวา “เขาเปน นกั ปราชญชีอะฮฺที่ไดรับการชิงชัง” ทานได อางคําแถลงของเญาซญาณียท่ีไดกลาววา “แทจริงบุคคลผูนี้เปนผูท่ีใหทัศนะอยางเปนอิสระ” และ ทานไดอางถอยคําของทานอะหฺมัดท่ีไดกลาวแสดงถึงความเชื่อถือของเขาท่ีมีตอบุคคลผูนี้ ทานชะ รอสตานียไดระบุถึงบุคคลผูน้ีไวในหนังสือมิลัลวา “เปนหนึ่งในจํานวนนักปราชญท้ังหลายของ ชีอะฮฺ” ทานอิบนุกุตัยบะฮฺไดกลาวถึงบุคคลผูนี้วา “เปนคนท่ีมีความคิดเห็นที่รุนแรงเปนพิเศษคน หน่ึง” ทานไมอาจหลีกพนฮาดีษของบุคคลผูน้ีไดไมวาจะเปน ตําราศอฮ้ีฮฺติรมีซียหรืออาบูดาวูด ตลอดจนถึงบรรดาตํารามุสนัดตาง ๆ ของฝายอะลิซซุนนะฮฺ ทานอิบนุสะอัดไดกลาวไวใน หนังสอื ฏอบากอต(117)วา “เขาเปน นักปราชญชอี ะฮทฺ ่ีเขมแขง็ ยงิ่ คนหนง่ึ ” นกั ประวัตศิ าสตรไดยืนยัน วา “บุคคลผูน้ีไดมีสวนในการวางเงื่อนไขใหแกมุคตาร” ในตอนที่อับดุลลอฮฺ บิน ซุบัยร ควบคุม บคุ คลจํานวนแปดรอยคน มุฮัมมัด บิน ฮานาพียะฮฺไดยับย้ังมิใหอิบนุซุบัยร ประสบความสําเร็จตาม วัตถุประสงคเปนเหตุใหอิบนุซุบัยรจับกุมอิบนุฮานาฟยะฮฺและบะนีฮาชิม โดยไดลอมพวกเขา เหลาน้ันดวยกองฟนเพ่ือจะทําการเผาทั้งเปน เน่ืองจากพวกเขาเหลานั้นตางพากันหยุดย้ังมิใหมีการ สตั ยาบันตอเขา แตทวาอาบอู บั ดุลลอฮฺ ญดั ลยี ไดช ว ยทาํ ใหพ วกเขาเหลา นัน้ พนมาจากภัยอันตรายใน ครั้งน้ี ดังนั้นอัลลอฮฺก็ไดทรงตอบแทนใหแกเขาที่เขาไดปฏิบัติโดยดีตอบรรดาลูกหลานแหงศาสดา ของพระองค นี่คือบุคคลสุดทายที่เราตองการกลาวถึงพวกเขาเหลานั้นใหยุติลงโดยเร็วที่สุด พวกเขาทั้ง หน่งึ รอยคนนลี้ ว นเปนบคุ คลท่ีถกู ปรักปรําในขอหาวาเปน ชีอะฮแฺ ตพ วกเขาเหลา น้นั เปนบรรทัดฐาน ท่ีสําคัญอยางย่ิงของฝายซุนนะฮฺและเปนกรอบแหงวิชาการท้ังปวงของประชาชาติอิสลาม โดย หนาที่ของพวกเขาเหลานั้นก็คือการเก็บรักษารวบรวมผลงานตาง ๆ ของทานศาสดา พวกเขา เหลานั้นคือมูลฐานแหงตําราศอฮ้ีฮฺสุนันและมุสนัดเลมตาง ๆ เราไดกลาวถึงบุคคลเหลานั้นดวย รายชื่อของพวกเขาผานไปแลว และเราก็ไดนําหลักฐานโดยละเอียดที่ฝายอะฮฺลุซซุนนะฮฺใหการ ยอมรับตอแนวทางและหลักฐานตาง ๆ ของพวกเขาที่สอดคลองลงเอยอยูกับหลักเกณฑของพวก

ทาน ซึ่งขา พเจาคิดวา บุคคลที่คัดคานท้ังหลาย เขาจะไดรูสึกสํานึกผิดแกตัวเขาเอง ในสิ่งท่ีเขาไดเคย เขาใจวา แนนอนที่สุดฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺจะไมยอมรับหลักฐานโดยนักปราชญของฝายชีอะฮฺ และ เขาจะไดรูเสียทีวา แทจริงมูลฐานท่ีสําคัญของพวกเขาไมวาในดานความสัตยและความสุจริตนั้น มิไดแบงแยกออกจากกันเลย ระหวางฝายซุนนะฮฺและฝายชีอะฮฺ เพราะถาหากไดหวนกลับไป พิจารณาฮาดีษของฝายชีอะฮฺโดยบริสุทธ์ิใจแลวก็จะสามารถมองเห็นถึงขอเท็จจริงตาง ๆ อันเปน รองรอยแหงทานศาสดาทั้งสิ้น ทํานองเดียวกันกับที่ทานซะฮะบียไดจํากัดความเอาไวในหนังสือมี ซาน หมวดการอธิบายถึงทานอุบาน บิน ตัฆลิบ ซ่ึงส่ิงเหลาน้ันเปนขอเสียหายอยางชัดแจง แตทวา ทานทั้งหลาย อัลลอฮฺไดทรงชวยเหลือใหพวกทานรับรูถึงสัจธรรมแลว ทานทั้งหลายไดรูวาแทจริง ในหมูบรรพชนของฝายชีอะฮฺนั้นยังมีบุคคลที่นักปราชญฝายอะฮฺลิสซุนนะฮฺไดใหการยอมรับตอ พวกเขาอีกเปนจํานวนมาก นอกเหนือจากรายช่ือของบุคคลที่เราไดกลาวไปแลว แนนอนพวกเขา เหลานั้นมีจํานวนมากกวาหนึ่งรอยคน พวกเขาเหลาน้ันมีคุณสมบัติสูงในการรายงานและจดจําฮา ดีษกันเปนจํานวนมาก และเปนผูทรงคุณวุฒิในวิชาการ เปนผูที่อยูในยุคสมัยกอนจริง ๆ เปนผูท่ี มั่นคงในการเจริญรอยตามแบบฉบับแตด้ังเดิม โปรดทราบไวดวยวาบรรดานักปราชญของฝายชี อะฮนฺ ั้นสว นหน่ึงก็คอื บรรดาศอฮาบะฮฺ (อัลลอฮฺทรงมีความปต ชิ น่ื ชมตอ พวกเขาเหลา นัน้ ทงั้ มวล) (117) หนา 159 ภาคที่ 6 ไดเ รยี กชอื่ ทา นผูนว้ี า อับดฮุ ฺ บนิ อับต บินอับดุลลอฮฺ บนิ อาบยู ะมัร แนนอนที่สุดเราไดเสนอรายนามของทานผูทรงเกียรติใหแกทาน ในตอนทายของขอความ ท่ีสําคัญยิ่งของเราผานไปแลว และในหมูตาบีอีน ซึ่งเปนผูที่ไดรับการเชื่อถือก็เปนบุคคลสําคัญของ ฝายชีอะฮฺ ทุกทานเหลาน้ันลวนเปนผูมีคุณสมบัติอันแข็งแกรง เปนผูเชี่ยวชาญ เปนผูกระตือรือรน เปนผูสํารวมตน เปนขอพิสูจน เชนเดียวกันน้ีพวกเขาคือบรรดาผูซึ่งเขาไดเสียสละชีวิตในวิถีทาง ของอัลลอฮฺ โดยการอนุเคราะหชวยเหลือทานอามีรุลมุมีนีน เมื่อครั้งสงครามอูฐท้ังสองวาระ สงครามศิฟฟน และนะฮฺรอวาน ตลอดท้ังในเมืองฮิญาซและยะมัน พวกเขาเหลานั้นยังมีสวนหนึ่งที่ เปนบรรดาผูซึ่งไดพลีชีพท่ีกัรบะลาอฺ พรอมกับทานประมุขของบุรุษหนุมชาวสวรรค (ทานอิมามฮุ เซนอาลยั ฮิสสลาม) และบรรดาผูซ ึ่งไดพลีชีพรวมกันกับเลือดเนื้อเช้ือไขของทาน น่ันคือทาน ชะฮีด ซัยด และบุคคลอื่น ๆ ท่ีตางเปนผูมอบหมายตนเองอยางสิ้นเชิงตออัลลอฮฺ ดวยการยึดม่ันตอ ลูกหลานของศาสดามุฮัมมัดและพวกเขาเหลานั้นคือบรรดาผูซ่ึงถูกเขนฆาอยางทารุณ ถูกทําลาย สมบัติพัสถานอยางไรความเปนธรรม เขาเหลาน้ันคือบรรดาผูซึ่งดําเนินชีวิตอยูดวยการปกปอง ตนเองใหพนจากความหวาดกลัง (ตะกียะฮฺ) และความขมข่ืน เชน ทาน อะหนัฟ บิน กัยส, อัศบัฆ

บิน นะบาตะฮฺ ยะหยา บิน ยะอมัร, คอลีล บิน อะหมัด, ผูเปนตนตํารับแหงวิชาดานภาษาศาสตร และคณิตศาสตร มุอาซ บิน มุสลิม ผูวางหลักสูตรวิชาไวยกรณ และบุคคลอื่น ๆ ซ่ึงรายละเอียดชีวิต ของแตละคนนั้นลวนมีความดีเดนอยูในระดับสูงท้ังสิ้น พวกเขาอยูหางไกลเกินไปจากขอหาของ ทานที่ปรักปรําดวยเรื่องเกี่ยวกับความมลทินมัวหมองใหแกพวกเขาเหลาน้ัน โดยถือวาพวกเขามี มาตรฐานความนาเช่ือถือตํ่า และกลาววา “ไมมีผูใดใหการยอมรับตอหลักฐานตาง ๆ ของพวกเขา เหลานั้น” จํานวนหนึ่งรอยคนตามท่ีไดกลาวมาแลวนี้ ลวนเปนบุคคลสําคัญที่มีความสันทัดจัดเจน และอุดมไปดวยวิทยาการแหงทางนําท่ีมาจากฝายผูปฏิบัติตามลูกหลานของทานศาสดามุฮัมมัด นักปราชญซุนนะฮฺไดละเลยในอันท่ีจะกลาวถึงบุคคลเหลาน้ัน แตทวานักปราชญฝายชีอะฮฺกลับถือ เปนกรณีพิเศษในอันท่ีจะกลาวขวัญถึงพวกเขา โดยไดถือเปนบทเรียนและพจนานุกรมท่ียิ่งใหญ และจากความอุตสาหะเหลาน้ันทานจงึ ไดม โี อกาสไดทราบรายละเอียดตาง ๆ ของพวกเขาอยางแจม แจงในดานการทําหนาท่ีรับใชบทบัญญัติอันบริสุทธิ์ที่สูงสงย่ิง ใครก็ตามท่ีไดมีโอกาสยืนหยัดอยู ตามครรลองของพวกเขาแลว เขาจะไดรูทีเดียววาแทจริงบุคคลตาง ๆ เหลานั้น ลวนแตเปน แบบอยางในดานของความซื่อสัตยสุจริต ความเครงครัด ความสมถะ การเคารพภักดีและความ บริสุทธิ์ใจที่มีอยางเพียรพยายามแดเอกองคอัลลอฮฺผูทรงสูงสุด และขึ้นตรงตอทานศาสนทูตของ พระองค (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของ ทาน) อีกท้ังขึ้นตรงตอพระคัมภีรของพระองค ผูทรงอานุภาพสูงสุด และตอบรรดาอิมามแหงมวล มุสลิมตลอดถึงตอบุคคลทั้งหลาย โดยท่ัวไป อัลลอฮฺไดทรงใหพวกเราไดรับผลประโยชน โดย ความจาํ เรญิ ของบคุ คลเหลา นน้ั และเปนความจาํ เริญแกพวกทานท้ังหลายดวย แทจรงิ พระองคเปนผู ทรงเมตตาเหนอื เมตตาใด ๆ วัสลาม (ช) อลั -มรุ อญิอะฮฺ 17 3 ซลุ -ฮิจญะฮฺ 1329 1. ผูใหทศั นะแสดงความพอใจ

2. การอธิบายที่วา ไมมีขอหามแกนักปราชญซุนนะฮฺในการจะยอมรับหลักฐานอันมั่นคง แข็งแรงจากฝายชอี ะฮฺ 3. เรมิ่ มีความศรัทธาตอบรรดาโองการตาง ๆ ท่กี ลาวถึงอะหฺลุลบยั ตฺ 4. ความหนกั ใจทเี่ ขามตี อการรวมตัวกันเพอ่ื ความเขาใจตอสิ่งนนั้ ๆ ระหวา งเรือ่ งราวเหลา นี้ กบั บรรดาอะฮฺลิซซนุ นะฮฺ 1. สําหรับหลกั ฐานทีส่ าํ คัญของทา น ตามที่ขาพเจา ไดป ระจักษแ กสายตาทง้ั สองของขา พเจา นัน้ นับวา เปนการปลกุ รา วทที่ า นไดบํารุงใหแกหัวใจ ขาพเจาไมเคยรวดเร็วตอการยอมรับอยางนี้มา กอน และหูท้ังสองของขาพเจาไมเคยไดรับฟงเหตุผลที่เขากับสติปญญาดวยความเฉียบขาดท่ีย่ิงไป กวาเหตุผลของทาน และไมมีใครที่จะมีสายตามองทะลุปรุโปรงยิ่งไปกวาและไมมีใครท่ีมีความ สนั ทดั จัดเจนตอหลักฐานตาง ๆ มากไปกวาทาน ขาพเจาไดรับแรงกระตุนในทุก ๆ ถอยคําของทาน อยางชนิดท่ีเหมือนไดรับแรงผลักดันมาจากกระแสนํ้าท่ีเชี่ยวกราด และขาพเจาไดเก็บรักษาทุกส่ิง ทุกอยางในถอยแถลงของทานไวเปนความเขาใจ เปนขอมูลสําหรับโสตประสาทสายตาและหัวใจ ดวยพระนามของอัลลอฮฺขอเขียนของทานคร้ังสุดทายน้ี (ขอความน้ันไมมีขอสงสัยใด ๆ ในน้ันอีก เลย) ไดโนมนาวการยอมรับใหเกิดขึ้นแกบุคคลตาง ๆ และตอกตรึงสัจธรรมใหแกผูท่ีมีทัศนะหลง ผิดท้ังหลาย 2. ฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺยอมไมมีขอหามใด ๆ หลงเหลืออยูเลย จากการท่ีจะยอมรับหลักฐาน ตาง ๆ ของพ่ีนองฝายชีอะฮฺของเขา เมื่อสิ่งน้ันไดประจักษแลววา มีหลักฐานที่ม่ันคงแข็งแรง ดังนั้น ทัศนะของทานในเร่ืองนี้เปนความจริงอยางเดนชัด สวนทัศนะของผูผลักไสนั้นยังดันทุรังและเปน สง่ิ ที่เปรยี บไดด ังโรคชนิดหนงึ่ ถอ ยคําของพวกเขาเหลานั้นไดอางถึงการไมยอมรับอยางเด็ดขาดตอ หลักฐานตาง ๆ ของฝายชีอะฮฺเปนถอยคําท่ีคานตอพฤติกรรมตาง ๆ ของพวกเขา เพราะพฤติกรรม ตาง ๆ ของพวกเขานั้นอยูในมูลฐานของหลักฐานตาง ๆ ท่ีถอยคําของพวกเขาปฏิเสธไมยอมรับ ฉะนั้นถอยคําและพฤติกรรมของพวกเขา จึงมิไดดําเนินอยูในรองรอยเดียวกัน และมิไดดําเนินไปสู เปาหมายท่ีสูงสุดแตอยางใด ทั้งสองประการนั้นตางปะทะกัน โดยตอสูกันอยูในความเปนจริงของ เขา ดวยเหตุนี้จึงเปนอันวา หลักฐานตาง ๆ ของพวกเขาเหลานั้นเปนเพียงสวนประกอบหรือ ภาคผนวก สวนหลักฐานของทานน้ันเปนสิ่งที่มีคาโดยแทจริงขาพเจาไดพิจารณาอยางละเอียดถ่ี ถวนแลว ในขอสรุปตา ง ๆ เหลา น้ี ซึ่งขาพเจาควรท่ีจะไดขนานนามใหแกทานเปนพิเศษวา “สายสืบ

ชีอะฮฺท่ีอยูในมาตรฐานของซุนนะฮฺ” เพ่ือท่ีหัวขอเรื่องน้ีจะไดเปนเปาหมายอันสุดยอด เบ้ืองหลัง ของมันน้ัน ไมมีชองวางใด ๆ ที่ปลอยใหเปนแนวทางไวแกผูศึกษาวิเคราะหวิจารณอีกตอไป และ ไมเปนลูทางสําหรับผูมีความปรารถนาหาความ ขาพเจาหวังเปนอยางย่ิงวาทานคงจะไดใหมัน ปรากฏขนึ้ ในโลกอสิ ลามเพ่อื ยังความดีงามที่รุงโรจน อนิ ชาอลั ลอฮฺ 3. ขาพเจามีความศรัทธาตอโองการของอัลลอฮฺทุกบททุกตอนและโองการท้ังหลาย ของอัลลอฮฺที่กลาวถึงในเร่ืองของ ซัยยิดีนา อามีรุลมุมีนีน อาลี บิน อาบีฏอลิบ และที่เกี่ยวกับ บรรดาอะหฺลุลบัยตฺ ขออัลลอฮฺทรงปติยินดีตอพวกเขามากกวาตามที่ทานทั้งหลายไดใหรายละเอียด มาแลว 4. ดังนั้นไมทราบวาดวยเหตุผลกลใดที่ชาวอะฮฺลิซซุนนะฮฺ จึงหลีกเล่ียงเบี่ยงบายจาก บรรดาอิมามแหงอะหฺลุลบัยตฺ ทําไมพวกเขาจึงไมยอมรับสิ่งหนึ่งสิ่งใดไมวาดานพ้ืนฐานหรือดาน รายละเอียดตาง ๆ ไวแกมัซฮับของพวกเขา และทําไมพวกเขาจึงมิไดยืนหยัดไปตามคําแถลงของ บรรดาอิมามแหงอะหฺลุลบัยตฺ ในเมื่อประสบปญหาขอขัดแยง และทําไมนักปราชญของประชาชาติ เหลาน้ันจึงไมยอมรับการอธิบายมาจากวิชาการของบุคคลเหลาน้ัน แตทวาพวกเขากลับแสดง ความเห็นขัดแยงในปญหาทางดานการใหทัศนะของพวกเขาเอง ถาหากวาโองการตาง ๆ แหงอัล-กุ รอาน ตลอดจนถึงหลักฐานตาง ๆ ท่ีถูกตองของฝายซุนนะฮฺ มีความเปนมาดังเชนท่ีทานไดกลาว แลว ทําไมอะฮฺลิซซุนนะฮฺจึงคลาดเคลื่อนไปจากนักปราชญของฝายอะหฺลุลบัยตฺซ่ึงนักปราชญ ฝายอะฮฺลิซซุนนะฮฺก็มิไดมีความพอใจท่ีจะเปลี่ยนแปลงไปจากพวกเขาเหลานั้น แตทวาพวกเขา เหลา นัน้ มไิ ดมคี วามเขา ใจตออัล-กุรอานและซุนนะฮตฺ าง ๆ ใหม ากยง่ิ ไปกวาการสดุดียกยองตออะหฺ ลุลบยั ตฺ อะฮฺลซิ ซุนนะฮฺกจ็ ึงดําเนินกิจการในศาสนาโดยมิไดเก่ียวของกับอะหฺลุลบัยตฺโดยถือวามิได มีความเสียหายแตอยางใด และเห็นวานักปราชญแหงอะหฺลุลบัยตฺนั้นเขาใจอัล-กุรอานและซุนนะฮฺ แตเพียงในแงของขอกําหนดที่จําเปนจะตองใหความรักและใหเกียรติตอบรรดาอะหฺลุลบัยตฺ สวน บรรพชนผูมีคุณธรรมนั้นเปนผูอยูในแนวทางท่ีถูกตอง และเปนผูที่เขาใจถึงคุณคาของซุนนะฮฺ ตลอดทัง้ อลั -กรุ อาน (ดงั นั้นโดยแนวทางของพวกเขาน้นั ขอใหทานไดด าํ เนินตาม) วัสลาม (ซ) อัล-มุรอญิอะฮฺ 18

4 ซลุ -ฮจิ ญะฮฺ 1329 1. กลาวขอบคณุ สาํ หรับการยกยอง 2. ผูรวมแสดงทัศนะมีความคลาดเคล่ือนในความเขาใจเพราะหลักจํากัดความของอะฮฺลิซ ซนุ นะฮฺ 3. การไมยอมรบั ตอแนวทางอะหฺลลุ บัยตฺน้ันขนึ้ อยูกับพนื้ ฐานการเมอื ง 4. อมิ ามทงั้ หลายแหงอะหลฺ ลุ บัยตฺ (กลา วโดยหลกั ฐานตาง ๆ ที่สรุป) 5. หลักการท่ยี ตุ ธิ รรมอนั ใดบางทต่ี ัดสนิ วา ผูท่ยี ดึ มน่ั ตอพวกเขาเหลาน้นั คอื ผทู ่ีหลงผิด 1. ขาพเจา ขอขอบคุณในขอ ความท่ีเต็มไปดวยความปรารถนาดีของทาน และความพยายาม ของพวกทาน ในการพิจารณาดวยสายตาที่มีความหวังดีขาพเจาขอนอมรับดวยสายตาของขาพเจา ตอ เบอ้ื งหนา ของความปรารถนาอันน้ีและขา พเจา จะถอื วา การยกยอ งทส่ี งู สง น้ยี ิ่งใหญนกั 2. โดยเหตุท่ีขาพเจาไดรับความปรารถนาดีมาจากความหวังดีของทาน ผูมีดุลยพินิจ พิจารณาในส่ิงดังกลาว สําหรับปญหาการหลีกเลี่ยงไมยอมรับอะหฺลุลบัยตฺของบรรดาอะฮฺลิซซุน นะฮฺน้ัน กอนอ่ืนทานตองใครครวญเสียกอนวาคร่ึงหน่ึงของบรรดาอะฮฺลิซซุนนะฮฺน้ันพวกเขาคือผู ปฏิบัติตามท่ีซ่ือสัตยของลูกหลานศาสดามุฮัมมัด พวกเขามิไดทําการบายเบี่ยงจากบรรดาอิมาม แหงอะหฺลุลบัยตฺไมวาในเร่ืองหนึ่งเร่ืองใดท่ีเกี่ยวกับพื้นฐานทางศาสนา และรายละเอียดตาง ๆ มา โดยตลอด แทจริงทัศนะของพวกเขาเหลานั้นตางเปนทัศนะท่ียอมจํานนตอแนวทางของบรรดาอิ มาม (อาลัยฮิมุสสลาม) ทั้งส้ิน เทาท่ีกําลังแหงสติปญญาจากความสามารถที่จํากัดอํานวยใหศึกษา ตามบทบัญญัติแหงอัล-กุรอานและซุนนะฮฺ ดังนั้นพวกเขาก็เปนผูเครงครัดในศาสนาของอัลลอฮฺ ผู ทรงสูงสุดกันอยางนี้อยูในทุกยุคทุกสมัยและทุกประเทศมาโดยตลอด กาลเวลาของบรรพชนผูมี คุณธรรมตาง ๆ เหลาน้ี ไดนับเนื่องผานมาต้ังแตสมัยครั้งท่ียังอยูภายใตการควบคุมของทานศาสน ทูตของอัลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลาน ของทา น) จนกระท่งั ถงึ ในยุคสมัยของเรา ปจ จบุ ันน้ี. 3. แทจริง พฤติการณที่หลีกเล่ียงจากอะหฺลุลบัยตฺ ในเร่ืองรายละเอียดและพื้นฐานตาง ๆ ของศาสนานนั้ สบื เนอ่ื งมาจากโครงสรางทางการเมืองของประชาชาติ และเหลาบรรดาผูปกครองที่ ไดดําเนินกิจการเชนนั้น นับมาตั้งแตพวกเขาไดสอพฤติการณบายเบี่ยง ออกจากอะหฺลุลบัยตฺโดย

ตําแหนงคอลีฟะฮฺ ซึ่งพวกเขาไดทําการคัดเลือกกันตามความถนัดใจ ท้ัง ๆ ท่ีมันเปนความหมาย โดยเฉพาะของทานอามีรุล-มุมีนีน อาลี บิน อาบีฏอลิบ ฉะน้ันเปนการชี้ใหเห็นวา แทจริงชาว อาหรับนั้นไมมีความอดทนตอการท่ีจะอยูในแบบแผนท่ีเจาะจงเปนการเฉพาะ พวกเขาผินหลังให ตอมลู ฐานเดิมของมนั ฉะนั้นพวกเขาจึงไดดําเนินการในเรื่องคอลีฟะฮฺไปดวยวิธีการคัดเลือกกันเอง ท้ังนี้ก็เพื่อท่ีจะใหบุคคลตาง ๆ ในหมูพวกเขาไดประสบความสมหวังกับส่ิงนั้น ถึงแมวายุคนั้นผาน ไปแลวก็ตาม เหตุการณนั้นก็ยิ่งปรากฏอยูอีกครั้งแลวครั้งเลา พวกเขาไดมีโอกาสรับกับทุกส่ิงทุก อยางท่ีพวกเขาไดพยายามมาจากกําลังและข้ันตอนที่ไดวางเอาไวสําหรับพ้ืนฐานอันนี้ และได ประสบความสําเร็จลุลวงไปกับทุกสิ่งทุกอยาง พวกเขาไดดําเนินการทุกวิถีทางอันเปนการกระดาง กระเด่อื งกับมัซฮับแหงอะหฺลุลบัยตฺและพวกเขาไดปฏิเสธกับทุกสิ่งทุกอยางที่แสดงใหเห็นถึงความ จําเปนของบัญญัติที่ใหยอมรับตอสิ่งน้ันจากอัล-กุรอานและซุนนะฮฺ ถาหากวาพวกเขาไดยอมจํานน ตอหลักฐานที่ชัดแจงดังกลาวแลวนั้น แนนอนเขาจะตองกลับไปยอมรับตออะหฺลุลบัยตฺ และพวก เขาจะยอนกลับไปหาอยางจําเพาะเจาะจงโดยทั่วไป ไมวาในดานของรายละเอียดแหงบทบัญญัติ ศาสนาหรือดานพ้ืนฐานกต็ าม แนนอนพวกเขาจะตอ งตดั ขาดจากหนทางตาง ๆ แตหนหลังของพวก เขา และแนนอนพวกเขาจะไดเห็นประจักษถึงขอเสนออันย่ิงใหญท่ีเรียกรองไปสูอะหฺลุลบัยตฺ และ นี่คือส่ิงที่ไมอาจอยูรวมกันไดกับบรรดาผูเปนหัวหนาของพวกเขา และไมสามารถสอดคลอง ตองกันกับพวกท่ีมีอํานาจและวางระเบียบในการปกครองพวกเขา ผูท่ีปดกั้นการศึกษาพิจารณาใน เร่ืองราวเหลานี้เขายอมรูอยูแกใจวา การบายเบี่ยงออกมาจากแนวทางของบรรดาอิมามแหงอะหฺ ลุลบัยตฺนั้นไมใชเพื่ออื่นใด นอกจากเปนเพียงเง่ือนไขของการจงใจหลีกเลี่ยงตอบรรดาอิมามที่มี ฐานะท่ัวไปหลังจากสมัยทานศาสนทูต(ศ) เทาน้ัน จึงไดมีการอธิบายหลักฐานตาง ๆ ไปในทํานอง วาเปนหลักฐานที่ระบุการเปนอิมามเพียงเฉพาะในกรณีหน่ึง ๆ ท้ัง ๆ ท่ีหลักฐานนั้น ๆ ตางระบุวา หมายถึง “อิมามในเหตุการณทั่วไป เพราะถาไมเปนเชนนั้น พวกเขาก็ไมมีขออางใด ๆ ที่จะอางกัน อีกเลย.” 4. เราจงึ ถกู เรยี กรอ งมาจากรายละเอียดตา ง ๆ และการอรรถาธิบายที่กล่นั กรองอยางละเอียด ถี่ถวน ทานไดเห็นวาพวกเขาเหลาน้ันมีความบกพรองในวิชาการหรือภาคปฏิบัติ หรือภาคของการ สํารวมกวาอิมามอัชอะรีย หรือบรรดาอิมามท้ังสี่ แมกระท่ังบุคคลอ่ืน ๆ บางไหม? เพราะถาหากวา พวกเขาเหลานั้นไมมีความบกพรองใด ๆ แลวไซร ทําไมจึงปรากฏวาไดมีผูอ่ืนที่มิใชพวกเขากลับ

เปนฝายไดรับการปฏิบัติตามยิ่งกวาพวกเขาเสียอีก? เพราะสัจธรรมท่ีแทจริงนั้นยอมไดรับการ ปฏิบตั ติ ามอยา งสมบูรณ 5. มีหลักฐานอ่ืนใดที่ชัดเจนบางซึ่งระบุตัดสินวา บุคคลท่ียึดมั่นตอบรรดาอะหฺลุลบัยตฺน้ัน หลงผิด แตทวาอะฮฺลิซซุนนะฮฺ วัลญามะอะฮฺ ตางไดรวมกันพิพากษาไวอยางน้ัน ขอความสันติสุข พึงมแี ดพ วกเขาท้งั หลาย วัสลาม (ช). อลั -มรุ อญอิ ะฮฺ 19 5 ซุล-ฮจิ ญะฮฺ 1329 1. ไมมีบทบัญญัติท่ียุติธรรมใด ๆ พิพากษาวา บรรดาผูยึดมั่นตออะหฺลิลบัยตฺ น้ันคือ ผูหลง ผิด 2. การปฏิบัติตามมัซฮับของพวกเขาเหลาน้ันเทากับเปนทางหนึ่งที่รอดพนจากความ ผิดพลาด 3. แทจริง พวกเขาเหลา นน้ั ก็ไดชือ่ วา เปน ผทู ่ีควรแกก ารปฏบิ ตั ติ าม 4. ขอ พสิ ูจนห ลกั ฐานตาง ๆ ในเรอื่ งคอลฟี ะฮฺ 1. ไมมีบทบัญญัติท่ียุติธรรมใด ๆ พิพากษาวา บรรดาผูยึดมั่นตออะหฺลิลบัยตฺ คือ ผูหลงผิด และขณะเดียวกันพวกเขาก็มิไดมีความบกพรองในเงื่อนไขของการเปนอิมามเชนเดียวกับบรรดาอิ มามทัง้ หลาย ไมว า ในดานคณุ สมบตั ปิ ระการหนงึ่ ประการใด 2. พฤติกรรมใด ๆ ก็ดีที่ขึ้นตอมัซฮับของพวกเขาเหลานั้น บรรดาบุคคลผูไดดําเนินการ ปฏิบตั ิไปยอมถือวาเขาไดรบั ความปลอดภัยจากความผิดพลาด เชน เดียวกันกับพฤติกรรมของบุคคล อื่น ๆ ที่ข้นึ ตรงกบั มซั ฮับทั้งสี่โดยไมมีขอ คลางแคลงใด ๆ 3. แตทวา แนนอนท่ีสุดไดเปนที่ยืนยันกันแลววา บรรดาอิมามท้ังสิบสองของพวกทานนั้น เปนผูทีค่ วรแกก ารเจริญรอยตามยงิ่ กวาบรรดาอิมามทง้ั ส่ี เนื่องจากบรรดาอิมามท้ังสิบสองน้ันอยูบน หลักการของมัซฮับเดียวกัน มีการยึดถืออยางถูกตองมั่นคงตามลักษณธที่เปนเอกฉันทระหวางพวก เขา ซึ่งแตกตางกันอยางกวางขวางในภาคของหลักการตาง ๆ แหงศาสนบัญญัติ จึงไมอํานวยใหมี ความสามารถในการที่จะดําเนินการศึกษาหรือจับความใหเขาใจอยางถองแทกับรายละเอียดตาง ๆ

เหลาน้ันโดยเหตุท่ีเปนท่ียอมรับกันโดยท่ัวไปแลววา แทจริงสําหรับส่ิงใดก็ตามท่ีบุคคลเพียงคน เดียวใหทัศนะตัดสินวาถูกตองนั้น ยอมไมเปนท่ีเพียงพอในเหตุผลอันควรยอมรับท่ีแทจริงไม เหมือนกับเหตุผลที่ตัดสินวา ถูกตองโดยอิมามสิบสองคน ทุกส่ิงทุกอยางเหลาน้ียอมเปนส่ิงท่ีไมมี อะไรซอนเรนใหหลงเหลืออยู สําหรับมาตรการตัดสินเพื่อความเปนธรรมในเร่ืองดังกลาวอีกแลว และไมมีขอแมใด ๆ ที่พอจะเหลือไวเพ่ือเปนขออางสําหรับผูมีคุณธรรมไดอีกตอไป แนนอนท่ีสุด ไดมีการคนควากันอยางขะมักเขมนจริงจังในสายสืบรายงานฮาดีษแหงมัซฮับของพวกทานที่ไปสู เร่ืองราวของบรรดาอิมามแหงอะฮฺลุลบัยตฺและแนนอนอีกเชนเดียวกัน การยึดถือปฏิบัติของพวก ทา นก็ดําเนินไปในหลักการท่ไี ดยนื หยดั อยูก บั หลักฐานตามทีไ่ ดกลา วไปแลวน้ี 4. บัดน้ีเพียงแตจะขอพิสูจนกับหลักฐานที่พวกทานท้ังหลายไดยืนยันกันมาโดยตลอด ซึ่ง หลักฐานท่ีวาดวยตําแหนงคอลีฟะฮฺของทานอิมามอาลี บิน อาบีฎอลิบขอใหทานนํามาพิสูจนอยาง ละเอียดกับหลกั ฐานทศ่ี อฮีฮ้ ฺของฝา ยอะฮฺลซิ ซุนนะฮฺ วัสลาม (ซ) ภาคการอธบิ าย อมิ าม (หรือ) คอลฟี ะฮฺ สืบตอจากทานรอซูลุลลอฮฺ (ศ) อัล-มุรอญอิ ะฮ 20

9 ซลุ ฮจิ ญะฮฺ 1329 1. การใหข อเสนอแนะทน่ี าํ ไปสหู ลกั ฐานโดยสรปุ 2. รายละเอียดบางสว นของ “บานหลงั นั้น” ในวัน “ตกั เตอื น” ทส่ี าํ คญั 3. ผบู ันทกึ หลักฐานตา ง ๆ เหลา นีเ้ ปน นักปราชญฝา ยซนุ นะฮฺ 1. สําหรับผูท่ีมีความรอบรูเกี่ยวกับวิถีชีวิตของทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญ และความสันติสุขแดทานและบรรดาลูกหลานของทาน) จะรูไดวาในการจัดต้ังสถาปนารัฐอิสลาม ดําเนินการวางหลกั แหง บทบัญญัติของอิสลาม การวางแนวทางสําหรับหลักการของอิสลาม การวาง แบบฉบับตาง ๆ เพื่อเปนกฎเกณฑของอิสลาม ตลอดจนถึงการจัดระบบตอสภาพการณตาง ๆ ของ อิสลามน้ัน ลวนเปนส่ิงที่มาจากอัลลอฮฺผูทรงอานุภาพสูงสุดท้ังส้ิน อีกท้ังเขาจะไดเห็นวา ทานอาลี นั้น เปนผูรวมภารกิจของทานรอซูลุลอฮฺในกิจการตาง ๆ ของพระองค เปนผูปรากฏตัวอยูกับทาน รอซูล ตลอดเวลาท่ีอยูตอหนาศัตรูของทาน เปนผูบันทึกวิชาการของทาน เปนทายาทแหงวิทยาการ ตาง ๆ ของทาน เปนผูไดรับมอบหมายใหทําหนาที่ตามพันธะสัญญาตาง ๆ ของทาน เปนผูดําเนิน ภารกิจตาง ๆ ทางศาสนา ภายหลังจากทาน ผูใดก็ตามที่เขาดํารงตนอยูบนคําสั่งของทานนบี และ พฤติการณตาง ๆ ของทาน (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแด บรรดาลูกหลานของทาน) แลวเขาก็จะไดเห็นวารายละเอียดแหงหลักฐานตาง ๆ เหลาน้ีมีอยาง ถูกตอ งสอดคลอ งซ่ึงกันและกันมาโดยตลอด นับเร่ิมมาตั้งแตทานไดเริ่มดําเนินภารกิจของทานจวบ จนวาระสดุ ทา ยแหงอายุขยั ของทาน 2. ทานเองก็พอจะทราบถึงเหตุการณท่ีเกิดข้ึนกับเร่ืองดังกลาวน้ีในตอนตน ๆ ของการ ประกาศศาสนาอิสลาม คือในยุคกอนที่อิสลามไดปรากฏโฉมหนาข้ึนที่เมืองมักกะฮฺน้ัน อัลลอฮฺผู ทรงสูงสุดไดประทานโองการหนึ่งมาใหแกศาสดาของพระองควา “และเจาจงตักเตือนญาติของเจา เหลาบรรดาผูใกลชิด” (อัล-กุรอาน) ดังน้ันทานจึงไดเรียกบรรดาบุคคลเหลาน้ันไปยังบานลุงของ ทาน คืออาบูฎอลีบ บุคคลท่ีมากันในวันน้ันมีจํานวนไมมากและไมนอยไปกวาสี่สิบคน ซึ่งใน จํานวนของบุคคลเหลานั้นก็ไดแกบรรดาผูเปนลุงของทาน เชน อาบูฎอลิบ ฮัมซะฮฺ อับบาส และ อาบูลาฮับ เปนตน สําหรับฮาดีษที่กลาวถึงเรื่องนี้ก็มีบันทึกอยูในตําราศอฮี้ฮฺท้ังหลายของฝายซุน

นะฮฺดวย ซ่ึงในตอนทายของฮาดีษเหลาน้ันไดระบุถึงคําพูดของทานรอซูลุลลอฮฺ (ขออัลลอฮฺทรง ประทานความจาํ เริญและความสนั ตสิ ุขแดท า นตลอดถึงบรรดาลกู หลานของทา น) ท่ไี ดก ลาววา “โอลูกหลานของอับดุลมุฏฏอลิบ แทจริงฉันขอสาบานดวยนามของอัลลอฮฺวา ไมมีคน หนมุ ผใู ดในแควน อาหรบั น้ีท่จี ะนําความประเสรฐิ ที่เลศิ เลอสูพรรคพวกของเขาใหย่ิงใหญไปกวาส่ิง ท่ฉี นั ไดน าํ มาใหแกพวกทา น ฉันไดนาํ ขอเสนอมาใหแ กพวกทานดวยสง่ิ ท่ปี ระเสริฐยงิ่ สาํ หรบั โลกนี้ และปรโลก โดยแนนอนท่ีสุดอัลลอฮฺไดทรงบัญชามายังฉันเพื่อใหทําการเรียกรองพวกทานไปสูสิ่ง นั้น ดังนั้นจะมีผูใดบางในหมูพวกทานที่จะรวมภารกิจกับกิจการอันนี้ของฉันเพื่อท่ีเขาจะไดเปนพ่ี นอ ง เปน ทายาท และเปน ตวั แทนของฉัน ซง่ึ มีในหมูพวกทา น?” ดังน้ันพรรคพวกที่มาประชุมกันตางก็ตกตะลึงเงียบงันกันไปหมด ยกเวนทานอาลีซ่ึง ขณะนน้ั ทานเปน บุคคลที่ออนวัยที่สุดในหมูพวกเขา ทานไดยืนขึ้นแลวกลาววา “ฉันเอง โอทานนบี ของอลั ลอฮฺ ฉันจะเปน ผูร ว มภารกิจของทานเก่ยี วกบั กจิ การนั้น” ดังน้ันทานรอซูลุลลอฮฺก็ไดจับที่ตนคอของทานแลวกลาววา “แทจริงน่ีคือพี่นองของฉัน ทายาทของฉันและตัวแทนของฉันในหมูพวกทาน ดังน้ันขอใหพวกทานทั้งหลายจงไดเชื่อฟงและ ปฏบิ ัตติ ามเขาเถดิ ” ทันใดนั้นพรรคพวกตางพากันลุกข้ึนแลวหัวเราะเยาะเยยพลางกลาวแกอาบูฎอลิบวา “แนน อนเขาไดส ัง่ ใหท า นเช่อื ฟงและปฏบิ ตั ิตามบุตรของทานแลว ” 3. ถอยแถลงดังกลาวน้ีไดถูกบันทึกไวเปนจํานวนมากโดยกลุมผูทําหนาท่ีพิทักษรักษา ผลงานตาง ๆ ของทานศาสดา เชน ทานอิบนุอิสหาก อิบนุญารีรฺ อิบนุอาบีฮาติม อิบนุมัรดุวียะฮฺ อาบูนะอีม ทานบัยฮากีย ในหนังสือสุนันและในหนังสือดะลาอิล ทานษะละบีอ ทานฎ็อบรียได บันทึกไวในการอรรถาธิบายซูเราะฮฺอัชชุรออฺจากหนังสือตัฟสีรอัลกะบีร ทานฎ็อบรียยังไดบันทึก ไวอีกแหงหน่ึงในหนังสือตารีคอุมัม วัลมุลูกญะซอฺท่ี 2(118) ทานอิบนุอัล-อะษีรก็ไดทําหนาที่บันทึก ฮาดีษบทน้ีไวเชนกันในุซอฺท่ี 2 หนังสือกามิลของทาน(119) โดยทานไดอางวาเปนตอนท่ีอัลลอฮฺได ทรงบัญชาใหนบีของพระองคทําการเผยแผศาสนาอยางเปดเผย ทานอาบุล-ฟะดาอฺก็ไดบันทึกไว ในซุ อฺที่ 1 จากหนังสือตารีคของทาน(120) ซ่ึงเปนตอนท่ีทานไดกลาวถึงบุคคลแรกของประชาชนท่ี เขา รับนบั ถือศาสนาอิสลาม ทา นอิมามอาบญู ะอฟฺ ร อัสกาฟย  มอุ ตฺ ะซลิ ียฺกไ็ ดบันทึกไวในหนังสือมัก ตุล อุสมานียะฮฺ โดยเปนผูยืนยันวาเปนฮาดีษศอฮ้ีฮฺ(121) ทานฮะลาบียฺไดอธิบายไวในบาบท่ีวาดวยผู สืบตําแหนงคอลีฟะฮฺของทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและ

แดบรรดาลูกหลานของทาน) และบรรดาสาวกของทานในหนังสืออัรก็อม(122) และจากหนังสือ ชีวประวัติตาง ๆ ของทานซ่ึงเปนท่ีรูจักกันโดยทั่วไป ฮาดีษเหลานี้ไดถูกนํามาบันทึกโดยลีลาทาง สาํ นวนทีใ่ กลเคียงกนั ซ่ึงมีจํานวนมิใชน อยจากตาํ ราอันเปนทเ่ี ชอ่ื ถือของฝา ยซุนนะฮฺ (118) หนา 217 โดยสาํ นวนจากสายสบื ตา ง ๆ หลายกระแส (119) หนา 22 (120) หนา 116 (121) ตามท่ีมีอยูในหนา 263 เลมที่ 3 หนังสือชะเราะฮฺ (อรรถาธิบาย) นะฮฺญลบะเฆาะฮฺ ของทานอิบนุอะบิล-หะดีด ตีพิมพที่ประเทศอียิปตสําหรับหนังสือมักตุล อุสมานียะฮฺน้ันเปน หนังสอื ที่ไมคอยไดมโี อกาสจะไดปรากฏสายตาแกผอู า น ทง้ั ๆ ที่มีขอเท็จจริงหลายประการที่ไดถูก อธิบายไวโดยผูรักความเปนธรรมซึ่งเร่ืองเหลาน้ีมีปรากฏอยูในหนา 257 และหนาถัดไปคือหนา 281 ของเลมที่ 3 หนังสือชะเราะฮฺห นะฮฺุลบะลาเฆาะฮฺในการอธิบายตอนทายของคุฎบะฮฺ กอศอิ ะฮฺ (122) ขอใหยอนกลับไปดูเลมที่ 4 ของบาบดังกลาว หรือหนาท่ี 381 ุซอฺที่ 1 หนังสือซี เราะตุล ฮะลาบยี ะฮฺ ซึ่งเปน เรือ่ งทอี่ บิ นุตัยมียะฮฺแสดงความไมคอ ยพอใจนักตอหลักฐานตาง ๆ ซง่ึ ได แสดงไวสําหรับเรื่องนี้ น่ันแสดงวาเขาเปนผูมีอคติคนหน่ึงซ่ึงเปนท่ีรูกันโดยทั่วไป ฮาดีษน้ีสมาคม นักเขียนของประเทศอียิปตโดยมุฮัมมัด ฮาซานัยน ฮัยกัล ก็ไดเคยบันทึกรายละเอียดเอาไว ซ่ึง สามารถยอนกลับไปดูไดในหัวขอท่ี 2 ฉบับท่ี 5 อันดับที่ 2751 หนังสือญารีดะฮฺ (เกี่ยวกับการเมือง) ซ่ึงออกในวันที่ 12 เดือนชุลกีอฺดะฮฺ ป 1350 ทานจะไดพบรายละเอียดอยางมากมายและถาหากทาน ไดยอนกลบั ไปดหู ัวขอท่ี 4 ของฉบับที่ 6 อนั ดับที่ 2785 ของวารสารการเมืองเลมน้ันดวยแลว ทานก็ จะไดพบวา เขาไดอางถึงฮาดีษน้ีทุก ๆ บทท่ีรายงานมาจากศอฮี้ฮฺมุสลิมและมุสนัดของอิมามอะหฺมัด และอับดุลลอฮฺ บิน อะหฺมัด ซึ่งบันทึกไวในหนังสือสิยาดาตุลมุสนัดทานอิบนุฮาญัรอัลหัยษุมียฺก็ได บันทึกไวในหนังสือญัมอุล ฟะวาอิด ทานอิบนุกุตัยบะฮฺก็ไดบันทึกไวในหนังสืออุยูนุล อัคบาร ทานอะหฺมดั บิน อบั ดุลรอ็ บบะฮฺไดบ ันทกึ ไวใ นหนงั สอื อุกดลุ ฟะรีด ทานอุมัรบิน บะริอฺ อัล-ยาหิซ ก็ไดบันทึกไวในหนังสือีสาละฮฺจากบานีฮาชิม ทานอิมามอาบูอิสหากษะละบียฺก็ไดบันทึกไวในตัฟ สีรของทาน นอกจากน้ีทานยอรชแหงประเทศอังกฤษก็ไดอางฮาดีษนี้บันทึกไวในหนังสือเมาสูม มะกอละฮฺ ฟลอิสลาม ซึ่งหนังสือเลมน้ีไดรับการแปลออกมาเปนภาษาอาหรับ โดยบัรวฺ ตัสตานีย แลว ไดต งั้ ชื่อหนงั สือเลม นว้ี า ฮาชมิ แหงอาราเบยี ฮาดีษนี้ทานสามารถพบไดในหนา 79 ของหนังสือ

ดงั กลาวฉบับตพี มิ พคร้ังท่ี 6 ฮาดีษนี้ไดเปนท่ีรูกันอยางกวางขวางในประเทศแถบยุโรป ซึ่งมีปรากฏ อยูในตําราของพวกเขาทั้งภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมัน โทมัส การลีลก็ไดนําไป สรุปไวในหนงั สืออลั อบั ฏอลของทา นดว ย ผทู รงคุณวฒุ ิของหลักฐานฮาดีษตาง ๆ เชน ฏอหาวีย และฏียาอฺ มุก็อดดาสียไดบันทึกไวใน หนังสือมุคตาเราะฮฺ ทานซะอีด บิน มันศูรก็ไดบันทึกไวในหนังสือสุนัน และหวังวาคงจะเปนที่ เพียงพอแกทาน สําหรับการบันทึกฮาดีษบทน้ีของทานอะหมัด บิน ฮันบัล จากฮาดีษที่รายงานโดย ทานอาลีในหนา 111 และในหนา 159 ของซุ อทฺ ่ี 1 หนังสอื มุสนัดของทานซ่ึงควรที่จะไดยอนกลับ ไปพิจารณา และอีกคร้ังหน่ึงที่ทานอะหฺมัดไดบันทึกฮาดีษบทน้ีก็คือในตอนตนของหนา 331 ุซอฺ ท่ี 1 ซึ่งเปนฮาดีษที่ไดรับการรายงานมาจากทานอิบนุอับบาส โดยทานไดรวมเอาไววาเปนเนื้อหา เดียวกันถึง 10 รายงานท่ีมีมาอยางเฉพาะเจาะจงกับคุณสมบัติพิเศษท่ีทานนบีไดมอบหมายใหแก ทานอาลีเหนือกวาบุคคลอ่ืน ๆ ฮาดีษอันทรงเกียรติน้ี ทานนะสาอียก็ยังไดบันทึกไวอีกดวย จาก รายงานของทานอิบนุอับบาสในหนาที่ 6 จากเคาะศออิศ อุลุวียะฮฺของทาน ทานฮากิมก็ไดบันทึกฮา ดีษบทน้ีไวในหนา 132 ซุ อทฺ ่ี 3 จากหนังสือศอฮ้ฮี มฺ ุสตดั รอ็ กของทาน นอกจากน้ีฮาดีษบทน้ีทานซะฮะบียก็ยังไดบันทึกไวในหนังสือตัลคิสซึ่งเปนที่รูจักกันอยาง ดีถึงความถูกตองที่เช่ือถือไดของตําราเลมน้ี และทานไมอาจท่ีจะหลีกพนฮาดีษบทนี้ไดซี่งมีปรากฏ อยูใ นซุ อทฺ ี่ 6 ของหนงั สือกลั ซนุ อมุ าล เพราะแทจ รงิ ในหนงั สอื เลมน้นั ไดม กี ารกลาวถึงฮาดีษบทนี้ ไวอ ยางตอ เนื่องกนั หลายแหง (123) และในขณะนี้ขอใหทานไดพิจารณาอยา งถ่ีถว นตอ หนังสือมุนตาค็ อบ กันซฺที่ไดรับการตีพิมพบันทึกรวมอยูในฮาดีษ ฮามิช มุสนัดอิมามอะหฺมัด แลวขอใหยอนกลับ ไปพิจารณาดูฮาดีษน้ีอีกคร้ังหนึ่ง ในหนังสือฮามิชหนา 41-43 ุซอฺที่ 5 หวังวาทานคงจะไดพบ รายละเอียดท่ีครบครัน คงเปนท่ีเพียงพอแกทานแลว สําหรับความถี่ถวนของหลักฐานอันประเสริฐ น้ี (123) ขอใหยอ นกลบั ไปพจิ ารณาดูเร่อื งน้ีไดจากฮาดีษที่ 6008 หนา 392 ซ่ึงทานจะไดพบวา ฮาดีษนี้ถูกอางโดยทานอิบนุ ญะรีร และขอใหดูฮาดีษที่ 6045 ในหนา 396 ซ่ึงทานจะไดเห็นวา ฮา ดีษบทน้ีถูกอางโดยทานอะหฺมัด ซึ่งบันทึกไวในมุสนัดของทานและทานฎิยาอฺ มุก็อดดะสียฺก็ได บันทึกไวในหนังสือมุคตาเราะฮฺ ทานเฎาะฮาวีย และอิบนุญะรีรไดรับรองวาฮาดีษน้ีศอฮี้ฮฺ และ ขอใหด ูฮาดษี ท่ี 6056 ในหนา 397 ทานจะไดพบวาฮาดีษบทน้ีถูกนํามาอางโดยทานอิบนุ อิสฮาก อิบ นุ ญะรีร อิบนุ อาบูฮาติม อิบนุมัรดุวียะฮฺ อาบูนะอีม และทานบัยฮากียในหมวดวาดวยการ อีมาน

และในหนังสือดะลาอิล และขอใหดูฮาดีษที่ 6102 หนา 401 ทานจะไดพบวาฮาดีษนี้ถูกนํามาอาง โดยทานอะหมฺ ดั ในมุสนดั ของทาน และอบิ นุ ญะรรี และฎยิ าอฺในหนังสือมุคตาเราะฮฺและสําหรับผูที่ ไดศ กึ ษาหนงั สือกัลซุลอุมาน แลว เขาก็จะไดเห็นวา ฮาดีษบทนม้ี ีปรากฏอยู วสั ลาม (ช) ในสถานทีอ่ นื่ ๆ ทีแ่ ตกตางกนั ออกไป คร้ันเม่ือทานไดยอนกลับพิจารณายังหนา 255 เลม 3 หนังสือ “อธิบายนะฮฺุลบะลาเฆาะฮฺ ของอิมามมุอฺตะซาลียฺ ฮะดีดียฺ และในตอนทายของการอธิบายคุฎบะฮฺ กอศอิ ะฮจฺ ากหนงั สอื เลม นั้นแลว ทานจะไดพบวาฮาดษี นมี้ รี ายละเอียดทย่ี ดื ยาว อลั -มรุ อญิอะฮฺ 21 10 ซุล-ฮจิ ญะฮฺ 1329 • ความสงสยั ทมี่ ีตอสายสืบของหลักฐานขอ นี้ แนนอนท่ีสุด ผูขัดแยงทานน้ัน ยังมิไดยอมรับสายสืบที่ควรแกการพิจารณาสําหรับฮาดีษบทน้ี และยังไดตอบโตสายสืบน้ีดวยวาจาท่ีรุนแรงเฉียบขาด ขอใหทานไดควรเขาใจไวดวยวา แทจริง ทานชัยคผูอาวุโสทั้งสอง (บุคอรีย-มุสลิม) ก็ยังมิไดบันทึกรายงานของฮาดีษบทน้ี แมแตนักปราชญ

เจาของตําราศอฮี้ฮฺบุคคลอ่ืน ๆ ก็เชนเดียวกัน ขาพเจายังไมคอยมีความมั่นใจนักวา ฮาดีษบทน้ีจะได มกี ารยอมรบั กันวา มาจากบรรทัดฐานท่ีเชื่อถือไดของนกั ปราชญฝ ายซุนนะฮฺ และขาพเจายังมิไดเ ห็น วา ทานไดแสดงเหตผุ ลที่ศอฮฮ้ี ฺใด ๆ อันมาจากมาตรฐานทางดา นสายสบื ของพวกเขาเหลาน้ัน วัสลาม (ซ) อัล-มุรอญิอะฮฺ 22 12 ซุล-ฮิจญะฮฺ 1329 1. มขี อ พิสูจนท ่ีชดั แจง สาํ หรบั หลกั ฐานขอ น้ี 2. ทําไมบุคคลเหลา น้นั จงึ ไดพ ากันปฏเิ สธจากหลกั ฐานน้ี? 3. โดยพฤติกรรมตาง ๆ ของพวกเขาเหลา น้ันทไี่ ดแสดงออกมาใหประจักษยอมไมเปนท่ีนา ประหลาดใจแตป ระการใด 1. ทําไมไมไดแสงหลักฐานท่ีรับรองวาถูกตองอยางเดนชัดมาจากบรรทัดฐานของ นักปราชญฝายซุนนะฮฺ เกี่ยวกับรายละเอียดที่ขาพเจาไดอธิบายไปแลวน้ันก็ในเมื่อเปนหลักฐานที่ ยืนยันโดยทานอิบนุ ญะรีรฺ และ อิมามอาบู ญะอฺฟร อัสกาฟยฺซ่ึงไดบันทึกวาฮาดีษน้ีมีหลักฐานที่ศอ ฮ้ีฮฺยืนยันอยูในหนังสืออิรสาลุล-มุสลีมาต(124) และมีผูยืนยันซึ่งเปนนักปราชญผูมีความจริงใจตอสัจ ธรรมอีกจํานวนไมนอยท่ีระบุวา หลักฐานในเรื่องน้ีศอฮ้ีฮฺ ขอใหทานไดสังเกตในความชัดเจนของ หลักฐานฮาดีษนี้ที่ระบุวาศอฮี้ฮฺ โดยบรรทัดฐานท่ีมั่นคงแข็งแรง กลุมบรรดานักปราชญเหลาน้ันคือ ผูซึ่งบรรดานักปราชญเจาของตําราศอฮี้ฮฺท้ังหลายไดใหการยอมรับตอพวกเขาในทุก ๆ เง่ือนไข ทานไมอาจจะหลีกเล่ียงใหพนจากหลักฐานน้ีไปไดในหนา 111 ุซอฺท่ี 1 หนังสือมุสนัด ของอิมาม อะหฺมัด ซ่ึงทานจะไดพบวาฮาดีษบทนี้ทานอิมามอะหฺมัดไดบันทึกมาจากทานอัสวัด บิน อามีร(125) จากทานชะรีค(126) จากทานอะหฺมัด(127) จากทานมินฮาร(128) จากทานอิบาด(129) บิน อับดุลลอฮฺ อัล-อะ สะดีย ซึ่งไดนํารายงานฮาดีษน้ีสืบไปไดถึงทานอาลีเอง บุคคลทุกคนเหลานั้นลวนเปนสายสืบที่ สัมพันธกันของมาตรฐานสายสืบหลักฐานที่มีเหตุผล และทุกคนเหลาน้ันก็ลวนแตเปนบุคคลระดับ นักปราชญที่ศอฮ้ีฮฺอยางไมมีขอแมใด ๆ กลาวตําหนิได บุคคลเหลาน้ันทานกัยสะรอนียไดกลาวถึง

เร่ืองราวของพวกเขาไวในหนังสือรวบรวมชีวประวัติของนักปราชญแหงตําราศอฮ้ีฮฺทั้งหลายจึง นับวาฮาดีษนี้เปนฮาดีษที่ศอฮี้ฮฺยอยางสมบูรณท่ีแทจริงเกินจากการกลาวหาใด ๆ บนเง่ือนไขที่วาฮา ดษี บทนไี้ ดม นี กั ปราชญเ ปนจาํ นวนมากยืนยันถึงสายสบื ท่อี างถงึ ซ่ึงกันและกันได (124) ขอใหยอนกลับไปดูฮาดีษท่ี 6045 จากหนังสือรวบรวมฮาดีษ อัล-กันซ หนา 396 ุซอฺ 6 แลวทานจะไดพบวาฮาดีษนี้ อิบนุ ฮะญัรไดระบุวาเปนฮาดีษศอฮ้ีฮฺ ครั้นเมื่อถาทานได ยอ นกลับไปพจิ ารณาดูในหนงั สือมุนตาค็อบ อลั -กันซที่มหี วั ขอเรื่องอยูใน “อะวาอิลฮามิช” หนา 44 ุซอฺที่ 5 ของหนังสือมุสนัด อะหฺมัด ทานก็จะไดพบวาอิบนุ ญะรีร ไดยืนยันวา ฮาดีษน้ีศอฮ้ีฮฺอีก เชนกัน สาํ หรบั อาบู ญะอฟฺ ร อัสกาฟยน้ัน ทานไดยืนยันไวอยางแข็งแรงตามมาตรฐานการตัดสินฮา ดีษศอฮ้ีฮฺของทานไวในหนังสือมักตุล อุสมานียะฮฺ และขอใหยอนกลับไปพิจารณาดูฮาดีษน้ีที่มี ปรากฏอยูในหนา 263 ภาคท่ี 3 ของหนังสือ “นะฮฺุลบะลาเฆาะฮฺ” ของทานฮะดีดีย ตีพิมพที่ ประเทศอยี ปิ ต (125) ทา นบุคอรแี ละมสุ ลิมไดเ คยยอมรบั หลักฐานจากบคุ คลผนู ี้ไวในหนังสือศอฮ้ฮี ทฺ ้ังสอง สําหรับท้ังสองเลมนี้บุคคลผูน้ีไดรับฟงฮาดีษมาจากทานชุอฺบะฮฺ เฉพาะในบุคอรีนั้นเขาไดรับฟงมา จากอับดุลอะซีซ เฉพาะในมุสลิมนั้นบุคคลผูน้ีไดรับฟงมาจากซุฮัยร บิน มุอาวียะฮฺ และฮัมมาด บิน สะลามะฮฺ รายงานท่ีบุคคลผูนี้บอกเลาท่ีมีอยูในศอฮี้ฮฺบุคอรีนั้นคือท่ีเลามาโดยมุฮัมมัด บิน ฮาติม บิน บะซิอฺ และผทู ี่ไดรบั การบอกเลามาจากบุคคลผูน้ีแลวมาบันทึกไวในหนังสือศอฮี้ฮฺมุสลิมน้ันคือ ฮารูน บนิ อบั ดลุ ลอฮฺ นากดิ อบิ นอุ าบีชัยบะฮแฺ ละชฮุ ัยร (126) ทานมสุ ลิมไดย อมรบั หลกั ฐานฮาดีษตาง ๆ ของบุคคลผูน้ีมาบันทึกไวในหนังสือศอฮี้ ฮฺของทา นดงั ทเ่ี ราไดอ ธิบายไปแลวในมรุ อญอิ ะฮทฺ ่ี 16 (127) ทานบุคอรีและมุสลิมไดยอมรับหลักฐานฮาดีษจากบุคคลผูนี้มาบันทึกไวในหนังสือ ศอฮฮ้ี ฺทัง้ สองเลม ดังทเี่ ราไดกลาวไปแลว ในมุรอญอิ ะฮฺที่ 16 (128) ทา นบคุ อรีไดร บั หลกั ฐานจากบุคคลผูนี้ ดังทีเ่ ราไดก ลาวไปแลวในมรุ อญิอะฮฺที่ 16 (129) เขาคอื อิบาด บิน อับดุลลอฮฺ บิน ชุฮัยร บิน อะวาม กุรชีย อัลอะสะดีย ทานบุคอรีและ มุสลิมไดรับหลักฐานจากบุคคลผูนี้ไปบันทึกไวในหนังสือศอฮี้ฮฺของทาน ทานไดยินเร่ืองราวมา จากอสั มาอฺและทา นอาอีชะฮฺบตุ รสาวของอาบีบกั รฺ และผทู ่ีไดร ับรายงานมาจากทานไปบันทึกไวใน หนังสือศอฮี้ฮฺท้ังสองเลมนั้น คือ อิบนุอาบู มุลัยกะฮฺ และมุฮัมมัด บิน ญะอฺฟร บิน ซุบัยร และฮิชาม บนิ อุมรั

2. สาเหตุท่ีแทจริงที่ผูอาวุโสทั้งสอง (บุคอรีและมุสลิม) ตลอดจนถึงนักปราชญอื่น ๆ อีก จํานวนหนึง่ มิไดท ําการบนั ทกึ ฮาดีษบทน้ี ก็เน่ืองมาจากบุคคลเหลานั้นเขมีความคิดเห็นวา ฮาดีษบท นี้กระทบกระเทือนทัศนะของเขาที่มีในเร่ืองคอลีฟะฮฺ และน่ีคือสาเหตุท่ีพวกเขาตองปฏิเสธกันอีก มากมายกับหลักฐานรายละเอียดท่ีศอฮี้ฮฺอ่ืน ๆ เพราะพวกเขาพากันกลัววาหลักฐานอันน้ีจะเปน อาวุธของฝายชีอะฮฺ พวกเขาจึงปดบังอําพรางมันไวทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ตระหนักดี พฤติการณเชนนี้มี เปนจํานวนมากในหมูนักปราชญของฝายอะลิซซุนนะฮฺ หวังวาอัลลอฮฺทรงเอื้อเฟอการอภัยใหแก พวกเขา พวกเขาเปนผูที่อยูกับความจริงดังกลาวนี้ แตพวกเขาปดบังทุกส่ิงทุกอยางท่ีเปนส่ิงซ่ึงมา จากบุคคลกลุมน้ี และสิ่งที่ประชาชนไดรับก็คือการตกอยูในสภาพที่ถูกปดบังมิใหรูจักแนวทางที่มี ความถูกตอ ง ทา นฮาฟซ อบิ นุ ฮะญัร ไดอา งถึงเรอ่ื งนี้ท่เี กี่ยวกับพวกเขาเหลานั้นไวในหนังสือฟตฮุล บารีย ทานบุคอรีก็ไดเนนความหมายของส่ิงเหลานี้ไวในตอนทายของหมวดวาดวย “วิชาความรู” จากุซอฺที่ 1 หนงั สอื ศอฮ้ฮี ฺของทา นโดยท่ที า นไดกลาววา หมวดวาดวย “ความจําเพาะของวชิ าการที่ พวกหน่ึงมเี หนืออีกพวกหนงึ่ ”(130) 3. ไดเปนท่ีรูกันถึงการซอนเรนของทานบุคอรีที่กระทําตอบทบาทของทานอามีรุล-มุมีนีน และบรรดาอมิ ามแหงอะฮลฺ ลุ บยั ตฺ และเปนที่รูกันวาแทจริงทานบุคอรีเปนผูท่ีมีความระมัดระวังเปน อยางยิ่งตอการบันทึกถึงเร่ืองเกียรติอันย่ิงใหญในรายงานตาง ๆ ท่ีกลาวถึงเกียรติคุณของบุคคล เหลานั้น และแทจริงทานไดทําเมินเฉยตอการที่จะอธิบายถึงเกียรติคุณที่มีอยูแกบุคคลเหลานั้น ฉะนน้ั ยอ มไมเปน สิ่งทน่ี า ประหลาดใจแตอ ยา งใดสําหรับการปฏเิ สธของทานท่ีมีตอฮาดีษเหลานี้ ไม มพี ลงั และไมม ีอาํ นาจใด ๆ เวนแตอ ํานาจของอัลลอฮฺผทู รงสูงสุด ผูทรงอานภุ าพทีย่ ่งิ ใหญ (130) หนา 25 วัสลาม (ช) อลั -มรุ อญิอะฮฺ 23 14 ซลุ -ฮจิ ญะฮฺ 1329 1. การยอมรับดวยความศรทั ธาท่ีมีตอ หลักฐานฮาดษี ที่แข็งแรง 2. ไมมเี หตุผลสาํ หรับหลักฐานใด ๆ อีกทจี่ ะมาทาํ การลบลางหลักฐานฮาดีษศอฮฮ้ี ถฺ กู ตอง

3. หลกั ฐานในเร่ืองน้ีแสดงใหเ ห็นถงึ การเปนคอลีฟะฮฺทเ่ี ฉพาะในเหตกุ ารณหน่ึง ๆ 4. หลักฐานน้ไี ดถ ูกยกเลกิ 1. ขาพเจาไดยอนกลับไปพิจารณาฮาดีษนี้ในหนา 111 ของุซอฺที่ 1 จากหนังสือมุสนัด อะหฺมดั แลว ขาพเจา ก็ไดพ บกับสายสืบฮาดีษน้ี โดยนักปราชญมากมายจนระอา ดังนั้นขาพเจาจึงได เห็นวาพวกเขาเปนผูนําหลักฐานฮาดีษที่ม่ันคงแข็งแรงอยางนาเชื่อถือยิ่ง หลังจากน้ันขาพเจาไดทํา การวิเคราะหพิจารณาอยางละเอียดถี่ถวนตอบรรดาสายสืบเหลาน้ีจนไดพิสูจนแลววา หลักฐาน เหลานี้คือแนวทางท่ีปะติดปะตออันเพ่ือการสงเคราะหใหไดมีโอกาสศึกษา ซ่ึงตางก็สามารถอางอิง ไดซ ่งึ กนั และกันดว ยเหตนุ ข้ี า พเจาจงึ เชอื่ มั่นอยางเหนียวแนน แลว ตอหลกั ฐานฮาดีษขอน้ี 2. ไมมีขออา งใด ๆ ท่ีจะกลาวหาวา พวกทา นไมมีหลักฐานท่ีกลาวระบุไวในเรื่องของอิมาม โดยหลักฐานฮาดีษศอฮี้ฮฺตอไปไดอ กี แลว เนือ่ งจากวาสงิ่ เหลา นไี้ ดประจักษข้ึนมาแลววา มีหลักฐาน ท่ีสอดคลองตรงกันทางดานสายสืบ ฉะนั้นจึงเปนอันวาอิมามในทัศนะของพวกทานน้ัน เปน พ้ืนฐานท่ีแทจริงของศาสนา และฮาดีษน้ีก็ไมควรที่จะไดรับการกลาวหาใด ๆ อีกตอไป เพราะเหตุ ท่ีวาเปนฮาดีษที่อยูในขอบขายของมาตรฐานท่ีถูกตองและไมมีมาตรการใด ๆ อีกแลวที่จะสามารถ ตงั้ แงห กั ลา งมนั ได 3. แตก็ยังมีขอสังเกตอีกประการหนึ่งที่ช้ีใหเห็นวา ฮาดีษนี้เปนเพียงหลักฐานท่ีแสดงวา ทานอาลีนั้นเปนตัวแทน (คอลีฟะฮฺ) ของทานศาสดา (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความ สันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) เฉพาะแตสําหรับบุคคลในครอบครัวของทาน ศาสดา โดยเฉพาะเทานั้น ฉะนั้นยังมีหลักฐานท่ีชัดแจงอ่ืนใดบางท่ีจะสามารถใหความกระจางวา ทานเปนคอลฟี ะฮฺ (หรือตวั แทน) ของทานศาสดาสาํ หรับมุสลิมโดยทวั่ ๆ ไป? 4. บางทีอาจจะมีขออางที่กลาวกันวา ฮาดีษบทน้ีไดรับการยกเลิกไปแลว เพราะทานนบีได แสดงออกโดยการกระทําของทาน มิฉะน้ันกลุมศอฮาบะฮฺทั้งหลาย คงจะไมรวมกันออกเสียงแสดง การใหสัตยาบันรับรองตอ 3 คอลีฟะฮฺ “ผูนําทาง” เปนแนแท ขออัลลอฮฺผูทรงสูงสุดทรงมีความปติ ชื่นชมยนิ ดีกับพวกเขาเหลา นนั้ ทัง้ หลาย วสั ลาม (ซ)

อลั -มรุ อญอิ ะฮฺ 24 15 ซุล-ฮิจญะฮฺ 1329 1. สาเหตใุ นการอางเหตุผลของเราเพราะไดพ ิสูจนถึงความจริงของฮาดษี บทนี้ 2. เรื่องของตําแหนงคอลีฟะฮฺท่ีมีข้ึนเพ่ือเฉพาะเจาะจงแกครอบครัวนั้นเปนที่ปฏิเสธกัน อยางเอกฉนั ทของบรรดาผทู รงคณุ วฒุ แิ หง มุสลมิ ทงั้ มวล 3. การยกเลกิ ในเรื่องนยี้ อมเปนส่ิงทเ่ี ปน ไปไมไ ด 1. แทจริงกลุมนักปราชญของฝายซุนนะฮฺน้ัน เขาไดพยายามที่จะอางเหตุผลเพ่ือโตแยงใน หลักฐานที่ม่ันคงของเรื่องอิมาม กับทุกบททุกตอนของฮาดีษที่ศอฮี้ฮฺ เขาจะทําเชนนี้เสมอ ไมวาจะ เปนเร่ืองราวท่ีมาจากฮาดีษท่ีมีสายสืบสอดคลองตรงกันอยางไรหรือไมก็ตาม ดังนั้นเราจึงไดอาง เหตุผลใหแกพวกเขา โดยอาศัยหลักฐานฮาดีษที่มีมาตรฐานศอฮ้ีฮฺมาจากบรรทัดฐานแหงสายสืบ ของพวกเขาเองเพื่อเปนการตอกยํ้าใหแนนย่ิงข้ึนแกพวกเขาวาสิ่งน้ันฝายของพวกเขาเองก็ไดยืนยัน อยา งเหนียวแนนกนั อยู แตสําหรับการแสดงหลักฐานตาง ๆ เกี่ยวกับเร่ืองนี้ ซ่ึงบงบอกถึงหลักการอิ มามอันเปนหลักฐานทางดานของเราน้ัน แนนอนที่สุดหลักฐานขอน้ีเปนรายงานฮาดีษที่มีความ สอดคลองตรงกันโดยมาตรฐานทางสายสบื ของเราอยางชนิดท่ีไมม ีอะไรซอนเรน 2. การอางเหตผุ ลวา แทจ รงิ ฮาดีษนี้มีความหมายเพยี งแตแสดงเปน หลักฐานวา ทานอาลเี ปน ตัวแทน (คอลีฟะฮฺ) ของทานรอซูลลุลลอฮฺ เฉพาะเพียงแตสําหรับบุคคลในเครือญาติของทาน เทานั้น อันความจริงแลว ใครก็ตามที่กลาววา “แทจริงทานอาลีเปนตัวแทนของทานรอซูลุลลอฮฺ สําหรับบุคคลในครอบครัวของทานแลว” น่ันแหละคือผูที่กลาววา ทานอาลีเปนตัวแทนของทาน รอซูลุลลอฮฺ สําหรับบคุ คลท่ัวไปดว ย ฉะน้นั ใครก็ตามทเ่ี ขาปฏเิ สธตําแหนง การเปน ตัวแทนของทาน แกบุคคลท่ัวไปแลว เขาก็ยอมปฏิเสธตําแหนงการเปนตัวแทนของทาน ที่มีเฉพาะแตกลุมบุคคลใน ครอบครัวน้ันดวย และมิไดเปนคํากลาวอางท่ียืนหยัดอยูกับเหตุผลท่ีถูกตอง มิฉะนั้นแลวปรัชญา ของการมีคอลฟี ะฮฺตา ง ๆ เหลา นี้ สําหรับสังคมสว นรวมของมุสลมิ นน้ั จะเปน ฉนั ทใ ด? 3. ทานและขาพเจาเองก็ยังไมลืมคํากลาวอางที่วากันวา ฮาดีษบทนี้ไดรับการยกเลิกโดย พฤติการณของทานนบี น่ันเปนสิ่งท่ีเปนไปไมไดสําหรับเหตุผลทางสติปญญาและบทบัญญัติ เน่ืองจากวา เปน การยกเลิกท่ีเกิดข้ึนกอนเหตุการณจริงจะไดมาปรากฏ โดยสาเหตุที่วาทานไมเคยได

มีคําส่ังยกเลิกเร่ืองราวเหลานี้ มิหนําซ้ํายังไดมีการยํ้าถึงเจตนาของเรื่องน้ีจากการแสดงออกของ ทานนบี ซึ่งก็ถือวาเปนขอความท่ีมีเหตุผลสําหรับฮาดีษเชนกัน วาความจริงขอน้ีทานนบี (อัลลอฮฺ ทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไมเคยได แสดงออกท่ีพอจะบอกเหตุวา ทานทําการยกเลิกเรื่องนี้ แตทวาหลักฐานรายละเอียดตาง ๆ ยิ่งเปน เหตุผลที่พร่ังพรูมาเปนหลักประกันที่ยืนยันอยางสอดคลองตองกันสามารถท่ีจะเอาเหตุการณใน บางสวนมาอา งอิงประกอบกับเหตุการณอ ีกบางสว นได ถา เปนความจริงวา ไมมีหลักฐานใด ๆ ที่บง บอกใหร ูถึงพน้ื ฐานทจ่ี ะสืบตอภายหลังจากทา นแลวไซร จะมใี ครที่ไหนบา งทีจ่ ะสามารถรวู า ทานน บีไดปฏิเสธจากขอความของทานที่ผานไปแลว จะมีใครท่ีสามารถช้ีใหเห็นไดวา ทานไดบายเบ่ียง จากขอ เสนอของทา นบาง? “พวกเขาเหลาน้ันมิไดปฏิบัติตามแนวทางใด นอกจากความสงสัยและตามความปรารถนา ของอารมณเทาน้ัน แตโดยแนนอนย่ิงทางนําจากพระผูอภิบาลของพวกเขาไดมีมายังพวกเขาแลว” (อัล-กุรอาน 53 : 23) วัสลาม (ช) อลั -มรุ อญิอะฮฺ 25 16 ซุล-ฮิจญะฮฺ 1329 1. การยอมรบั ดวยความเช่อื มน่ั ตอ รายละเอยี ดของฮาดีษบทนี้ง 2. ขอรองใหเ พ่ิมหลักฐานอีก 1. ขาพเจามีความเช่ือม่ันแลว วาทานเปนผูท่ีสามารถใหความกระจางแจงแกผูท่ีอยูใน ปญหาอันมืดมนได ความเขาใจผิดตาง ๆ ยอมไดรับการอธิบายอยางแจมแจงโดยตัวของทาน พระองคไดทําใหทานมีความเขาใจดังวาทานเปนสัญญาณหนึ่งแหงบรรดาสัญญาณท้ังหลายของ

พระองค และทานเปนผูทําหนาท่ีเปดเผยใหกระจางแจง ซึ่งขอพิสูจนตาง ๆ แหงโองการที่ชัดแจง ของพระองค 2. ขอใหทานไดโปรดเพิ่มเติมหลักฐานเหลานั้นใหแกขาพเจาหวังวาอัลลอฮฺทรงตอบแทน ใหแกท า น วสั ลาม (ซ) อลั -มุรอญิอะฮฺ 26 17 ซลุ -ฮิจญะฮฺ 1329 1. หลักฐานท่ีอธิบายถึงเกียรติยศอันสูงสงของทานอาลีนั้นยังมีอีกถึง 10 ขอความ มิใช เพยี งแตข อ ความเดียวเทาที่ไดผา นไปแลวเทานัน้ 2. การแสดงเหตุผลของทานเองท่ยี ืนยันถึงหลักฐานเร่อื งน้ี 1. เปนที่เพียงพอแกทานแลว สําหรับรายละเอียดตาง ๆ ของฮาดีษที่เกิดขึ้นในครอบครัว นอกจากน้ีทานอิมามอะหฺมัดก็ยังไดบันทึกฮาดีษอีกบทหนึ่งไวใน ุซอฺท่ี 1 หนังสือมุสนัด(131) ทานอิมามนะสาอียก็ไดบันทึกไวในหนังสือ เคาะศออิศ อัลอฺลูวียะฮฺ(132) ทานฮากิมก็ไดบันทึกไว ในุซอฺที่ 3 จากหนังสือศอฮ้ีฮฺมุสตัดร็อก(133) ทานซะฮะบียก็ไดบันทึกจํากัดความยืนยันถึงความ ถูกตองของฮาดีษไวในหนังสือตัลคัศของทาน และนอกเหนือจากบุคคลเหลาน้ีก็ยังมีกลุม นกั ปราชญเ จาของตําราฝายซุนนะฮฺท่ีมีความเช่ียวชาญในเรื่องสายสืบฮาดีษท่ีศอฮ้ีฮฺไดยืนยันฮาดีษที่ รายงานโดยอมุ รั บนิ มัยมูนท่ไี ดกลา ววา (131) ตอนทายของหนา 330 (132) หนา 6 (133) หนา 123 คร้งั หนึง่ ฉนั เคยไดนัง่ อยูรว มกบั ทานอิบนุ อับบาสซ่ึงขณะน้ันไดมีกลุมบุคคลระดับหัวหนา เขา มาหาทา นจาํ นวน 9 คน พวกเขาเหลานั้นไดกลาวแกทานอิบนุ อับบาสวา “โอทาน อิบนุ อับบาส

ทา นจะลุกขึ้นไปพรอมกับเรา หรือวาทานจะปลอยใหเราเปดเผยอะไรข้ึนทามกลางพวกเขาเหลาน้ีผู เปนสหายท้งั หลายของทา น ทานอิบนุ อับบาสไดกลาววา “แนนอนฉันจะลุกไปพรอมกับทานท้ังหลาย” ทานไดกลาว อีกวา “วันปรโลกนั้นความจริงจะตองปรากฏแกสายตา” ทานอับบาสไดกลาวตอไปอีกวา “พวก ทา นลุกขึ้นไปกนั เถอะ” ดังนั้นพวกเขาก็ไดพูดคุยกัน ซ่ึงฉันเองก็ยังไมไดรูวา เขาพูดกันอยางไรบาง เมื่อทานอิบนุ อับบาสไดกลับมาแลว ทานก็ไดกลาววา “พวกเขาพูดกันถึงเร่ืองของบุคคลท่ีมีเกียรติยศดีเดน 10 ประการ ซ่ึงไมม บี คุ คลใดเทียบทันเขาไดแมแ ตคนเดยี ว” พวกเขาพูดกันถึงเรื่องของบุคคลที่ทานนบี (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความ สันติสุขแดท า นและแดบ รรดาลกู หลานของทาน) ไดก ลา วแกเ ขาวา ... (1). แนนอนที่สุดฉันจะแตงต้ังบุคคลผูซึ่งอัลลอฮฺจะไมทรงทําใหเขาไดรับความอัปยศอดสู ช่ัวนิรันดร เขารักอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค ซ่ึงอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองคก็รักเขา ดังน้ันเขาจึงมีเกียรติยศคูควรสําหรับตําแหนงนั้นย่ิงกวาผูมีเกียรติใด ๆ และทานกลาววา “อาลีอยูท่ี ไหน? ทันใดนัน้ ทา นอาลีก็ออกมาโดยท่นี ยั นตาของทานบวมช้ําแทบจะมองไมเ ห็น ทา นศาสนทตู จงึ ไดพนน้ําลายไปที่นัยนตาของทานอาลี หลังจากน้ันทานก็ไดสะบัดธง 3 คร้ัง พลางไดมอบใหแก ทานอาลีโดยเฉพาะ (เพ่อื ไปทําสงครามคยั บัร) และหลังจากนัน้ ทานอาลีก็ไดกลับมาอยางมีชัยพรอม กับไดนําทา นหญิงศอฟยะฮฺบุตรสาวของหัยยม ามอบใหแกท า นศาสดา (2). ทานอิบนุอับบาสไดกลาวตอไปอีกวา เมื่อตอนที่ทานรอนซูลุลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรง ประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดทําการแตงต้ัง บุคคลนําขอความในซูเราะฮฺเตาบะฮฺ (เพื่อไปประกาศใหแกชาวมักกะฮฺ) นั้น ทานไดแตงตั้งใหทาน อาลีเปนผูนาํ ขอความนัน้ ไปจากทาน แลว กลาววา “จะไมมีผูใดนําขอความนี้ไปได นอกจากบุคคลผู ที่มาจากฉันและฉนั ไดม าจากเขา” (3). ทานอิบนุอับบาสไดกลาวตอไปวา ทานนบี (อัลลอฮฺประทานความจําเริญและความ สันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของเทาน) ไดกลาวแกเครือญาติของลุงของทานวา “ในหมู พวกทานนีจ้ ะมผี ูใดบา งทจี่ ะใหค วามอนุเคราะหชวยเหลือตอภารกิจของฉันที่มีความหมายตอโลกนี้

และปรโลก?” ทานอาลีซ่ึงนั่งอยู ณ ท่ีตอน้ันไดตอบรับวา “ฉันเองท่ีจะเปนผูใหความชวยเหลือใน ภารกิจของทานท่ีมีผลตอโลกนี้และปรโลก” ทานศาสนทูตจึงไดกลาวขึ้นวา “เธอน้ันคือผูใหความ ชวยเหลือท่ีแทจริงของฉันทั้งในโลกน้ีและปรโลก” เสร็จแลวทานก็ไดปลอยใหทานอาลีน่ังลง หลังจากน้ันทานไดกลาวขึ้นอีกวา “ในหมูพวกทานน้ีจะมีผูใดบางที่จะใหความอนุเคราะห ชวยเหลือตอภารกิจของฉันท่ีมีความหมายตอโลกนี้และปรโลก?” ทานอาลีจึงรับคําแลวกลาว เหมือนเดิมวา “ฉันเองที่จะเปนผูใหความชวยเหลือในภารกิจของทานที่มีตอโลกน้ีและปรโลก” แลวทา นจงึ ไดกลาวแกท านอาลีวา “เธอคอื ผชู ว ยเหลือท่ีแทจริงของฉนั ทง้ั ในโลกนี้และปรโลก” (4). ทานอิบนุอับบาสไดกลาววา “ทานอาลีเปนบุคคลแรกในหมูประชาชนท่ียอมรับ หลกั การของความศรทั ธาถดั จากทา นหญิงคอดีญะฮฺ” (5). ทานอิบนุบาสไดกลาววา ทานรอซูลุลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและ ความสนั ติสุขแดทา นและแดบรรดาลูกหลานของทา น) ไดเอาผาคลมุ ของทานมาวางลนตัวของทาน อาลี ทานหญงิ ฟาฏมิ ะฮฺ ทา นฮาซนั และทานฮุเซน แลว ไดกลา วโองการของอลั ลอฮุขึ้นวา “แทจริงเพียงแตอัลลอฮฺทรงพระประสงคท่ีจะขจัดความมลทินทั้งปวงออกไปจากสูเจา โออ หฺลุลบัยตแฺ ละพระองคท รงชําระขัดเกลาสูเจาทงั้ หลายใหส ะอาดบรสิ ุทธิ์ (33 : 33) (6). ทานอาลีไดขายชีวิตของทานโดยไดหมตัวดวยผาของทานนบีแลวไดนอน ณ ท่ีนอน ของทาน ในขณะที่บรรดามุชริกนี (ผูต้งั ภาคีตออลั ลอฮ)ฺ ไดย ิงธนูใสท า น (7). ทานไดกลาวอีกวา เมื่อตอท่ีทานรอซูลุลลอฮฺไดออกเดินทางไปทําสงครามตะบูก โดย ประชาชนก็ไดอ อกไปพรอมกบั ทานดวย ทานอาลจี งึ ไดกลาวแกทานนบีวา “ใหฉ ันออกไปพรอ มกบั ทานดวยไดหรือไม?” ทานศาสนทูต (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทาน และแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “ไมได” ดังน้ันทานอาลีจึงรองไห และแลวทาน รอซูลลุลลอฮฺ (ขอลัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทา น) ไดกลาววา “เจามไิ ดพอใจดอกหรือตอการที่เจากับฉันน้ีมีตําแหนงเหมือนฮารูน ท่ีมีกับมูซาเพียงแตวาจะไมมีนบีภายหลังจากฉันแลวเทาน้ันเอง ฉันไมควรท่ีจะออกไปไหน นอกจากวาตองใหเจา อยูเ ปน ตวั แทนของฉัน”

(8). ทานรอซูลุลลอฮฺไดกลาวแกทาน (อาลี) อีกวา “เจาคือผูปกครองของผูศรัทธาชายหญิง ทุกคนภายหลงั จากฉนั ” (9). ทานอิบนุอับบาสไดกลาววา “ทานรอซูลุลลอฮฺไดกั้นประตูตาง ๆ ที่เปนทางเดิน ไปมสั ญดิ โดยเวนไวเ ฉพระประตูของทา นอาลี ดงั น้นั ทานจงึ ไดเ ขา มัสญิดดวยทางเดินทางเดยี วกัน กบั ทานอาลี ในเมื่อเดินออกจากบา นของทา นมามัสญดิ ” (10). ทานอิบนุอับบาสไดกลาววา ทานรอซูลุลลอฮฺ (อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและ ความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของทาน) ไดกลาววา “บุคคลใดก็ตามท่ีฉันเปน ผปู กครองของเขาแลว ดังนั้นผปู กครองของเขาก็คอื อาลีดวย” ทานอิมามฮากิมไดกลาวหลังจากไดบันทึกฮาดีษบทนี้วา “นี่คือฮาดีษศออ้ีฮฺตรงตาม มาตรฐานทางดานสายสืบทุกประการ แตบุคคลท้ังสอง (บุคอรีและมุสลิม) มิไดบันทึกไวในตํารา ของเขา” ทานซะฮะบียก็ไดบันทึกฮาดีษบทนี้ไวในหลังสือตัลคีสของทาน หลังจากนั้นทานก็ได กลาววา “นีค่ อื ฮาดษี ศอฮ้ฮี ”ฺ 2. โดยหลักฐานท่ีเดนชัดและขอพิสูจนที่แนนอนดังท่ีไดกลาวไปแลวนี้ยอมไมเปนท่ีนา สงสัยใด ๆ อีกแลววา แทจริงทานอาลีนั้นคือผูมีอํานาจในดานการปกครองในยุคสมัยของทานศา สนดา และเปนตัวแทนของทานศาสดาภายหลังจากท่ีไดวายชนมไปแลว ขอใหทานไดเขาใจดวย วา ทานศาสนทูต(อัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดา ลูกหลานของทาน) ไดแตงตั้งไวทําไม สําหรับตําแหนงผูรวมภารกิจของทานทั้งในโลกน้ีและปก โลกซ่ึงทานควรที่จะฝากฝงหนาท่ีดังกลาวใหแกญาติมิตรคนอ่ืน ๆ ทั้งหลายของทานก็ได และทาน ไดแตงตั้งใหทานอาลีอยูกับทานโดยฐานะเชนฮารูนที่อยูกับมูซา โดยมิไดยกเวนกรณีพิเศษใด ๆ สําหรับความสําคัญทั้งมวลของตําแหนงนี้ นอกจากสภาวะของการเปนศาสดาซ่ึงกรณีพิเศษอันนี้ ถือไดวาเปนหลักฐานสาํ หรับประชาชาตโิ ดยสวนรวม ทานไดทราบเปนอยางดีอยูแลววา ตําแหนงท่ีแทจริงท่ีฮารูนมีตอมูซาน้ันก็คือ ผูรวมการ ดําเนินภารกิจของทานนบี มูซา ท่ีมีหนาที่รับผิดชอบในภาระหนาท่ีตาง ๆ รวมกันกับทาน ทานน บีฮารูนเปนตัวแทนผูสืบตอของทานนบีมูซา โดยหนาที่ที่จําเปนของบรรดาประชาชาติของทานน บีมซู าทั้งมวลทจ่ี ะตองเชอื่ ฟง ปฏบิ ตั ิตามทานนบีฮารนู ดวย โดยหลกั ฐานตาง ๆ ท่ที า นไดกลา ววา

“ขอพระองคไดท รงแตงตง้ั ผูรว มภารกิจมาจากบุคคลในครอบครัวของฉันคือฮารูน พ่ีนอง ของฉันใหแกฉันดวยเถิด เพ่ือภารกิจของฉันจะไดมั่นคงเขมแข็งข้ึนเพราะเขา และทรงใหเขารวม ในการดาํ เนนิ ภารกิจตาง ๆ ของฉนั (ฏอฮา : 29-32) และโองการทีอ่ ัลลอฮไฺ ดทรงประทานมาดงั มีใจความวา “และมูซาไดกลาวแกพ่ีนองของเขาคือฮารูนวา จงเปนตัวแทนของฉันในหมูพรรคพวก ของฉัน และจงปรับปรุงใหดี แตเจาอยาไดปฏิบัติตามแนวทางผูกอความเสียหาย” (อัล-อะอุรอฟ: 124) และพระองคผ ูทรงสูงสุดไดมีโองการอีกวา “แนนอนฉันไดมอบให แกเ จาแลวตามขอ เรยี งรองของเจาโอมูซา” (ฏอฮา : 36) ฉะนั้นทานอาลีก็จึงอยูในเง่ือนไขตามหลักการขอนี้เก่ียวกับเรื่องตําแหนงคอลีฟะฮฺ (ตัวแทน) ของทานรอซูลุลลอฮฺ สําหรับการทําหนาที่ตาง ๆ แทนทานศาสดาในประชาชาติชอง ทานเปนผูรวมภารกิจในหนาที่ตาง ๆ สําหรับครอบครัวของทาน เปนพันธะมิตรที่มีสวนรวมใน กิจการงานตา ง ๆ ของทาน ท้ังนี้เฉพาะบนแนวทางของการเปนคอลีพะฮฺ (ตัวแทน) ของทานเทาน นั้น มิใชบนแนวทางของการเปนศาสดา ทานอาลีจึงเปนบุคคลที่มีเกียรติยศที่ดีเดนท่ีสุดในหมู ประชาชาติของทาน เปนผูมีอํานาจเหนือบรรดาบุคคลเหลาน้ันทั้งในขณะที่ทานศาสดามีชีวิตอยู และไดเสียชีวิตไปแลวเปนหนาที่ของบรรดาประชาชาติทั้งมวลในยุคสมัยของทานนบี ที่จําเปน จะตองเชื่อฟงปฏิบัติตามทานอาลี โดยเหตุวาทานเปนผูรวมรับภารกิจของทานนบีน่ันเอง ทํานอง เดยี วกนั กบั ท่ีเคยปรากฏแกฮ ารนู โดยประชาชาติทั้งหลายของนบีมูซา ในยุคสมยั ของทา นนบมี ซู า ผูใดก็ตามที่เขาไดเรียนรูฮาดีษซึ่งวาดวยเรื่องของฐานะตําแหนง (มันซิละฮฺ) แลวแนนอน เขาจะยอมบังเกิดความรูสึกท่ีเขากันกับสติปญญาของเขาเก่ียวกับตําแหนงฐานะอันน้ีทุกประการ และไมม กี ารภวังคพะวงในรายละเอียดตาง ๆ ขงเร่ืองน้ีจากหลักฐานอันนั้น แนนอนที่สุดทานรอซู ลุลลอฮฺ (ขออัลลอฮฺทรงประทานความจําเริญและความสันติสุขแดทานและแดบรรดาลูกหลานของ ทาน) ก็ไดใหความกระจางแจงอยางดีที่สุดแลวสําหรับการออกคําส่ังที่ทานไดแสดงออกไปโดย วาจาของทานวา “ฉันไมควรที่จะออกไปไหนนอกจากวาตองใหเจาอยูเปนตัวแทนของฉัน” และนี่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook