ดว ยนามของพระผเู ปน เจาผูท รงกรุณาปรานผี ูท รงเมตตายง่ิ นริ นั ดร สารบัญ 1- ทานศาสดา ผูทรงเกียรติ และกลุมผูคนสองกลุม 2- ชายผหู นึ่งซึ่งขอความชว ยเหลือ 3- ความปรารถนาในดนุ ยา 4- ผกู มัดเขาของอูฐ 5- ผูร วมเดนิ ทางไปทาํ ฮัจญ 6- อาหารโดยสวนรวม (รบั ประทานรวมกนั เปนหม)ู 7- กองคาราวานทก่ี ําลงั เดนิ ทางไปทาํ พธิ ีฮจั ญ 8- ชาวมสุ ลิม และชาวอะหลกิ ตี าบ 9- การวิ่งเคยี งคูก นั ไปกบั คอลีฟะฮ 10- อิมามบากิร และชายมาซฮี ีย 11- ชายอาหรับกับทานรอซูลลลุ ลอฮผูท รงเกยี รติ 12- ชายชาวเมอื งชาม (ซเี รยี ) กับทา นอมิ ามฮเู ซน 13- ชายผูหนึ่งซ่ึงปรารถนาคําตักเตอื น 14- ครสิ ศาสนกิ ชนกบั เสือ้ เกราะของทานอมิ าม อะลี 15- อิมาม ซอดิก กับพวกซูฟก ลมุ หนึง่ 16- ทานอมิ าม อะลี และอาศิม 17- ชายผยู ากจนกบั มหาเศรษฐี 18- พอ คากับชายผูสัญจร 19- ฆอซาลีกับโจรผรู า ย (ท่ีคอยดักปลนสะดมผูเดินทาง) 20- บตุ รของสีนา และบุตรของมัสกาวัยห 21- คาํ ตกั เตือนของผูเครงครัด 22- ในงานเลยี้ งของคอลฟี ะฮ 23- ละหมาดอีด 24- เฝาฟง การวงิ วอน (ดุอาอ) ของมารดา 25- เบ้อื งหนาผพู พิ ากษา 26- ในผืนแผน ดินท่มี ีนา 27- การยกนํ้าหนัก 28- ผูท เี่ พงิ่ จะเขารบั อิสลาม 29- โตะ อาหารของคอลฟี ะฮ 30- คํารองทกุ ขข องเพอื่ นบาน 31- ตนอินทผาลัม 32- ในบา นของทา นหญงิ อมุ มุสะลามะห 1
33- ตลาดมืด 34- ผูต กคา งจากกองคาราวาน 35- สายเชอื กผกู รองเทา 36- ฮชิ าม และฟารอซดกั 37- บาซนั ฏีย 38- เมอื่ ทา นอะกีลเปน แขกของทา นอมิ ามอะลี 39- ความฝนทน่ี า สะพึงกลัว 40- ณ.ทพ่ี าํ นักของบนีสะอีดะห 41- สลามของพวกยาฮดู ยี 42- จดหมายฉบบั หน่ึงทีส่ งมายังอบซู ัร ฆฟิ ฟารี 43- สินจา งท่ีมไิ ดกําหนดราคา 44- บาวหรอื นาย (ถอ ยคาํ อันศกั ดส์ิ ทิ ธิประหน่ึงมนตส ะกด) 45- ณ.มีกอต 46- ถุงอินทผาลัม 47- เหงอ่ื ท่ีออกมาจากการทาํ งาน 48- เพอ่ื นซงึ่ ตอ งตัดขาดจากกัน 49- ผลลพั ธแหง วาจาทไี่ มระมัดระวัง 50- นาทสี ุดทายของลนิ้ ใบมีดโกน 51- เพ่ือนรวมงานท้งั สอง 52- การหา มดมื่ สรุ า 53- เสอื้ ของคอลฟี ะฮ 54- ชายหนุม กบั อากัปกริ ยิ าของเขา 55- ผอู พยพแหงอบสิ สเิ นยี 56- ผปู ระกอบการงานและแสงแดด 57- เพอ่ื นบานคนใหม 58- คาํ ส่ังเสยี สุดทา ย 59- นซุ ยั บะห 60- ความประสงคของทา นศาสดาอีซา 61- ความรจู ากการเกบ็ รวบรวมฟน ในทะเลทราย 62- สุราในวงอาหาร 63- การนิง่ ฟง เสียงการอานอลั กรุ อาน 64- ชายผูมชี อื่ เสียงในหมผู ูคน 65- ถอยคาํ ซงึ่ สรา งพละกําลังแกท านอบูฏอลิบ 66- นักศกึ ษาผูสงู อายุ 67- นักพฤกษศาสตร 2
68- นกั ปราศรัย 69- มรรคผลจากการไปเยือนฏออิฟ 70- อบู อิสฮกั ซอบยี 71- ปรารถนาความจริง (ในการคน หาความจรงิ ) 72- เสาะหาความยากนี (ความเช่ือม่ัน) 73- ผกู ระหายนา้ํ ในขณะท่ถี ุงใสนาํ้ อยูบนบา 74- การไมซ้ําเติมผู ไมม ีทางสู 75- ชายแปลกหนา คาํ นาํ ผแู ปล ดวยพระนามของพระผูเปนเจา ผทู รงกรุณาปรานียง่ิ เสมอ ความสนั ตพิ งึ มแี ดทา นศาสดามฮุ มั มัด และลูกหลานอะหลลุ เบต ทกุ ทา น หนังสือที่อยูในมือของทานขณะน้ี เปนผลงานชิ้นสําคัญอีกชิ้นหนึ่งของทานอุสตาซ อัชชะฮีด อายาตุลลอฮ มุเฏาะฮารี ที่ไดถูกถายทอดออกมาเปนภาษาไทย ซึ่งผูอานทุกทานคงจะไดเห็นได อานกันมาบางแลวตอผลงานช้ินอื่นๆของทาน ถาเราจะพิจารณากันอยางเผินๆ เกี่ยวกับหนังสือ เลมน้ีแลว บางทานอาจจะเขาใจวา มันคือตํารับตําราประเภทนิทานเร่ืองเลา ซ่ึงมาจากนวนิยายที่ ไมนาสนใจ คําตอบอันชัดแจงจากขอกังขาดังกลาวอยูในคํานําของผูเขียน คือทาน อุสตาซ อัช ชะฮดี อายาตลุ ลอฮ มเุ ฏาะฮารี (ผูลว งลับ) ขอพระผูเปนเจา ทรงเมตตาทา น อยา งชัดแจงแลว แตความสําคัญของเนื้อหาที่มาจากเร่ืองเลาของหนังสือเลมน้ีมีมากมายเหลือคณา อัน เนอื่ งมาจากผูเลา คือบรรดาผบู รสิ ุทธ์ิจากครอบครัวของทานศาสดา เพราะฉะน้ันหนังสือเลมนี้จึงมี ชื่อวา “เร่ืองเลาจากผูสัตยจริง” ซ่ึงตนฉบับที่เปนภาษาเปอรเชียไดถูกพิมพคร้ังแลวคร้ังเลานับไม ถว น สําหรับกระผมผูแปลตองขอขอบคุณตอพระผูเปนเจาผูทรงสูงสงท่ีไดทรงประทาน ความสําเร็จอันย่ิงใหญในชีวิตของกระผม เพราะมันคือผลงานแปลช้ินแรกของนักศึกษาวิชาการ ศาสนาตัวนอยๆ ผูหน่ึง มาตรวามันคือความสําเร็จในกาวแรกตามทัศนะของผูอานแลว นั่น หมายถึงการกาวไปสูงานช้ินตอไปของบรรดานักศึกษาวิชาการศาสนาอยางพวกเรา อินชาพระผู เปน เจาฮตุ าอาลา ขอพระองคทรงประทานความสะลามะฮเราะฮมะฮ เตาฟก และฮิดายะหแดบรรดาผู ปฏบิ ัตติ ามแนวทาง ทา นอะมีรลุ มอุ มนิ ีน อะลี บตุ รของ อบีฏอลบิ โดยทัว่ หนากันดว ยเทอญ ขอพระองคทรงรบั พรดว ยความเจยี มตน พระผูเปนเจาฮุมมา ศ็อลลิอาลามุฮัมมัด วาอาลิมุฮัมมัด วาอัจญิล ฟารอญะฮุม เชค มาลกี ี ภักดี 21 มิถุนายน 2544 3
คาํ นาํ ผเู ขียน ในขณะทข่ี า พเจา มุงม่นั อยูกับการเรยี บเรียงหนงั สอื ทเี่ กยี่ วกับเรื่องเลาตางๆเหลาน้ีอยูน้ัน เม่ือ ขาพเจาไดพบกับบรรดามิตรสหาย ขาพเจาไดบอกกับพวกเขาไปวาขณะน้ีขาพเจาอยูในระหวาง การเรียบเรียงหนังสือท่ีเก่ีวกับสวนหน่ึงของเรื่องเลาตางๆที่มีคุณประโยชนอยางมาก ซึ่งไดนํามา จากตํารารวบรวมฮาดษี และประวัตศิ าสตร ซง่ึ เปน ภาษาท่เี ขา ใจไดโดยงายแกผูสนใจทุกทาน และ เตรียมการท่ีจะจัดพิมพเผยแพรไปในหมูผูคนท่ัวไป บรรดามิตรสหายตางก็พึงพอใจไปตามๆกัน บางคนมองเหน็ วา มันจะเกิดประโยชนอ ยา งมากมายในหมเู ยาวชนและยอมรับวาน่ีคือการนําเสนอ ส่งิ ใหม อนั เนือ่ งมาจากหนังสอื ประเภทเกี่ยวกบั เร่อื งราวทเ่ี ลามาจากอัลฮาดษี ท่ที รงคณุ ประโยชนมี ปรากฏอยใู นสงั คมของนักอานนอยมาก ซึง่ บางคนกลาววา “หนังสือแนวนี้ยังไมมปี รากฏเลย” แตทวาตํารับตําราท่ีมีคุณประโยชนซ่ึงเปนตนฉบับที่แทจริงของจริยธรรม (อัคลาค) และ สังคมโดยเฉพาะนั้น ไดถูกเขียนและถายทอดออกมาแลว หรือหนังสือประเภทที่เก่ียวกับการ ดํารงชีวิตในรูปแบบของเร่ืองเลา (ซ่ึงแมวาทั้งความคิดและการเขียนของผูเขียนที่ไดอุปโลคขึ้นมา โดยปราศจากมูลความจริงแตอยางใด) ก็ยังถูกทําใหเปนรูปรางมาแลวเชนกัน หรือหนังสือที่ เกี่ยวกับแบบฉบับของการปฏิบัติ (ซีเราะห) ซึ่งตั้งแตแรกเร่ิมจนจบผูเขียนจะนําประวัติ หรือ แนวทางการใชชีวิตของบุคคลหนึ่งหรือหลายๆบุคคลท่ีทรงคุณวุฒิในประวัติศาสตรมากลาวไว แต จนบัดนี้ขาพเจาก็ยังไมเห็นหนังสือที่ไดคัดเลือกเร่ืองเลาตางๆซึ่งมีคุณประโยชนจากหนังสือ ประวตั ิศาสตร และอลั ฮาดษี เพอื่ ทีจ่ ะนาํ ทางไปสูจดุ หมาย รวมทั้งการขัดเกลาจิตวิญญาณ จากน้ัน ก็จดั พมิ พเ ปนรปู เลม และนาํ ออกแพรห ลายไปในหมปู ระชาชน อยา งไรกต็ ามถึงแมวาหนงั สือแนวน้ี จะถกู พมิ พมาบางแลว แตส วนมากกม็ ิไดน าํ หลกั ฐานมาจากอลั ฮาดีษหรอื ประวัตศิ าตร แนวความคิดน้ีบางทีอาจจะเปนส่ิงใหมท่ีถูกนํามาเสนอ หรือหรือบางทีอาจจะไมใช อยางไรก็ตามมันมิไดเริ่มตนมาจากขาพเจา และขาพเจามิไดเปนผูนําเสนอสิ่งนี้ข้ึนมา ในการ ประชุมคร้ังหน่ึงของคณะกรรมการสักนักพิมพแหงหน่ึงซึ่งถูกจัดต้ังข้ึนโดยคณาจารย และ ผูทรงคุณวุฒิหลายทาน และขาพเจาคือหน่ึงจากบรรดาคณาจารยเหลาน้ันดวยเชนกัน สมาชิก ทานหนึ่งไดเสนอความเห็นในที่ประชุมนั้นวาจะเปนการดีมากถาหากวาจะมีการรวบรวมหนังสือที่ เก่ียวกับอัคลาค (จริยธรรม) กันบาง แตจะตองไมอยูในประเภทของการอธถาธิบายกลาวคือใหอยู ในแนวของเรื่องเลา และเปนเรื่องเลาท่ีมีมูลความจริง หมายถึงจักตองถอดออกมาจากอัลฮาดีษ และประวัตศิ าสตร ฯลฯ มใิ ชเ รือ่ งเลาท่ถี ูกประดษิ ฐข ้นึ ความเห็นน้ีเปนท่ียอมรับของคณะกรรมการทุกทาน และขาพเจาคือผูหน่ึงที่สนับสนุนตอ ความคดิ อนั นี้เปน อยางยิ่ง และขาพเจาไดใหคํามั่นสัญญาตอทุกคนในท่ีน้ันวาขาพเจาขอรับหนาที่ 4
อันน้ีดวยตนเอง ดวยเหตุน้ีหนังสือที่ประจักษแกสายตาของผูอานผูมีเกียรติทุกทานในขณะนี้คือ มรรคผลจากการเสนอคววามคดิ และคําม่ันสญั ญาของขาพเจาดงั กลา ว แหลงอางอิงของเรื่องเลาตางๆในหนังสือเลมน้ีไดถูกนํามาบรรจุไวโดยบอกเลขหมายจาก หนาหนังสือที่ถูกอางอิง บางทีก็กลาวถึงสํานักพิมพของตําราเหลานั้นดวย และไดเขียนเอาไวใน บันทึกตอทายของแตละเรื่อง และบางคร้ังแหลงอางอิงจะถูกกลาวมากกวาหน่ึงเลม (หนังสือท่ี แตกตา งกนั ) ในความเปนจริงแลวขาพเจาอยากจะชใั้ หเ ห็นวาการรายงานฮาดีษบางรายงานบางที มขี าดหายไปบาง หรือมีเพ่ิมเติมข้ึนมา และมีส่ิงชี้ชัดวาบางรายงานมีการขาดหายไปบาง หรือบาง ทีอาจจะเปนที่นิยมของนักบรรดารายงานที่เขามมีความตั้งใจจะไมเสนอรายงานเร่ืองเลาทั้งหมดก็ อาจจะเปนได ขาพเจาจึงนําเอาตําราหลายเลมมากลาวเอาไว เพื่อผูอานจะไดตรวจสอบดูจาก หนงั สือเหลา น้ัน ท้งั ท่ีใจความของแตล ะเรือ่ งคือหนงึ่ เดียวกนั ในการรวบรวมหนังสือเลมนี้ขึ้นมามิไดมีการเพิ่มเติมการรายงานจากตนฉบับแตอยางใด และมันมิใชมาจากความนึกคิดของตัวขาพเจาเองในตัวบทของแตละเร่ือง และหนังสือเลมน้ีมิใช เรื่องราวแปลไดอยางงายบทหนึ่งท่ีอยูภายใตความหมายตามตัวอักษร แตทวามันไดถูกจัดสรรค ปนแตงพอสมควรตามเนื้อหาของขอความท่ีช้ีใหเห็น ซ่ึงจะทําใหเขากับสภาพแวดลอมและ ศีลธรรมของมนุษย ดังน้ันเน้ือหาอ่ืนมิไดถูกเพ่ิมเติมเขาไปในตัวบทแตอยางใด แตถูกจัดสรรโดย เลก็ นอยเทาน้ัน เพ่อื ใหงายตอการเขาใจตอ ผูศ ึกษาคน ควา โดยสวนมากแลวจุดเริ่มและยอหนาของแตละเร่ืองจะไมตรงกับตนฉบับจริง และวิธีการ บรรยายแตกตา งกันออกไป เพอื่ ทว่ี าทุกเร่ืองจักตอ งถกู จดั ระเบยี บอยางสมดลุ ย ถห ากวาผูอานไดมี โอกาสกลับไปเปดหนังสือตนฉบับดู ทานก็อาจจะเขาใจวาเน้ือหาถูกเปล่ียนไปบางเล็กนอย ซึ่งใน ความเปนจรงิ แลวมไิ ดถกู เปลย่ี นแปลงหรอื ดดั แปลงแตประการใดเลย เวนเสียแตวาเพื่อเปนการทํา ใหทุกๆเรอื่ งนานสนใจและนา อา นยงิ่ ขึน้ เทานัน้ เอง ในดานของผลลัพธของแตละเรื่องจากหนังสือเลมน้ีมิไดถูกอรรธถาธิบายเอาไวแตอยางใด เพราะบางคราวผลลัพธของแตล ะเรื่องกไ็ ดอธิบายเอาไวแลวในตัวบทของมันเอง แมกระทั่งชื่อเร่ือง ทีไ่ ดตง้ั เอาไวก ค็ ือสงิ่ ที่จะนาํ พาผอู านไปสูผ ลลัพธข องแตล ะเรื่องไดไปในตัว แตทวาความประสงคท่ี แทจริงของเราคือ ผลลัพธของแตละเรื่องควรจะเปนหนาที่ของตัวผูอานเองในการใครครวญหา ผลลัพธ หนังสือแตละเลมที่ผูอานไดอานมันผูอานจําเปนจะตองทําคววามเขาใจเพื่อใหเกิดผลลัพธ ดวยตัวเอง ผูอานจักตองพยายามใชความคิด เพื่อท่ีวาจะทําใหความรูสึกนึกคิดไดมีการพัฒนา กา วหนามากยิ่งขนึ้ ในดา นการคดิ ใครค รวญ ความคดิ ดังกลา วท่เี ปน ภาระของผูอานก็คือ การคิดใน ความหมายของประโยคและตัวบทตางๆ เทาท่ีโอกาสและเวลาอํานวย ซึ่งจําเปนจะตองทําความ เขา ใจตอ ตวั บท และความหมายตา งๆใหถองแท ดังนัน้ การใครครวญเพื่อใหไดมาซ่ึงผลลัพธจึงเปน หนา ท่ขี องผูอานเอง ทุกสิง่ ทุกอยางมาตรวาผอู า นมใิ ชค วามคิดตอ เรอ่ื งนัน้ ๆ และไมมสี ิ่งใดเพมิ่ พนู 5
ข้ึนมาเลยจากความคิดของตนเองเลย สิ่งน้ันก็จะไมมีวันซึมซาบหรือผสมผสานเขาไปภายในจิต วิญญาณและหัวใจของเขาได ในขณะเดียวกันมันก็จะไมบังเกิดผลใดๆในกิจการงานของเขา แต ความคิดเชนน้ันซ่ึงผูอานสามารถสัมผัสไดจากตัวบท นั่นก็คือผลลัพธหน่ึงที่ผูอานไดรับซึ่งมันจะ เกดิ เปนพืน้ ฐานแกผ อู านเองโดยปริยาย ตั้งแตเริ่มแรกที่ขาพเจาตั้งใจเอาไวแลวคือเร่ืองเลาตางๆเหลาน้ีจําเปนที่จะตองเลือกสรรค ออกมาจากหนังสืออัลฮาดีษ และผูท่ีเปนแบบอยางอันสูงสงของแตละเรื่องก็คือบรรดาผูนําท่ี ยิง่ ใหญแหงอิสลาม (บรรดาอิมาม ) แตทวามันมิไดขึ้นอยูกับสิ่งน้ันส่ิงเดียว ในขณะเดียวกันเราได คัดออกมาจากหนังสือประวัติศาสตร อัตชีวะประวัติบุคคล และจากซีเราะห และเรื่องเลาตางๆ จากบรรดาผูรูและบุคคลอื่นๆ ผูทรงคุณวุฒิ ซ่ึงมีคุณประโยชนอยางมากมายเชนเดียวกัน และ เชนกันในที่นี้เพ่ือไมใหเปนการแสดงออกถึงความมีอคติตอผูอ่ืน หรือถือทิฐิ เรื่องราวจึงมิใชจะมี เพียงแตเฉพาะอัตชีวะประวัติบุคคลของชีอะหเพียงอยางเดียวเทาน้ัน บางครั้งเรื่องราวของบุคคล อื่นๆ ที่เปน มสุ ลมิ หรือมใิ ชม ุสลมิ แตเปนท่ีนายกยองชมเชยก็ถูกนําเอามากลาวดวยเชนกัน ซึ่งทาน ผูอา นจะไดพ บเห็นในหนังสอื เลม นี้ ช่ือหนังสือเลมนี้ในฐานะที่สวนมากแลวผูที่เปนแกนนําในแตละเรื่องคือบุคคลผูซ่ึงมีความ สัตยจริง และอยูบนแนวทางที่เท่ียงตรง และในอัลกุรอานอันทรงเกียรติพวกเขาถูกเรียกวา “ศิด ดีกีน” (ผูสัตยจริง) เราจึงใหช่ือหนังสือเลมน้ีวา “เรื่องเลาจากผูสัตยจริง” แตถาเรามองในอีกดาน หนึ่ง ตามธรรมดาแลวผูอานท่ีประสงคจะอานหนังสือเร่ืองเลาประเภทน้ี มักจะเปนบุคคลผูซึ่ง ปรารถนาความสัตยจริง และหนังสือเลมนี้ก็ถูกเขียนขึ้นเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ เราจึงเชื่อวาเรื่อง เลาตางๆ เหลา น้ีคอื “เร่ืองเลาของผูสัตยจ ริง” เพราะวาเรื่องราวตา งๆ เหลา นี้มิไดถกู อุปโลคขึ้นมาจากความนึกคิดหรือเพอฝน แตมันคือ เรื่องราวท่ีเกิดขึ้นจริงมาแลวในอดีต ซ่ึงถูกบันทึกเอาไวในตําราตางๆอยางมากมาย เม่ือเร่ืองราว ตางๆ คือ “เร่ืองจริงที่ไมใชอิงนิยายแลว” ดังน้ันจึงเปนการสมควรอยางยิ่งท่ีจะตองนําคําวา “สัตย จรงิ ”มาเปน สวนหนึง่ ของหนังสือเลมนด้ี วย เร่ืองเลาตางๆเหลานี้มนุษยสามารถท่ีจะนํามาเปนแบบอยางในการปฏิบัติกิจการงาน ทางดานจริยะธรรม และในการใชชีวิตในสังคมไดเปนอยางดี และสามารถที่จะเปนตัวอธิบายถึง อิสลามท่ีแทจริงไดเชนเดียวกัน ผูอานสามารถท่ีจะทําความเขาใจตออิสลามท่ีแทจริงไดจาก เรื่องราวดังกลาวที่ผานพนไปแลว และสามารถท่ีจะนํามาเปรียบเทียบระหวางตัวผูอานเองกับ สภาพแวดลอ มของสงั คมแหง ตัวตนไดเปนอยางดี และจะเหน็ วาในสังคมหนึ่งที่เขาใชชีวิตอาศัยอยู นั้น ซ่ึงทุกๆชนชั้นเช่ือวาพวกเขาท้ังหมดคือมุสลิม และบางสวนจากพวกเขาเหลานั้นเชื่อวาจะมี เพียงแตพวกเขาเทานั้นท่ีเปนมุสลิม เราไมรูวาพวกเขาเหลานั้นนําเอาอิสลามท่ีแทจริงมาปฏิบัติ และบังคบั ใชไดม ากมายสกั เพยี งใด 6
เรื่องเลาตางๆเหลานี้สามารถใหประโยชนแกปจเจกบุคคล และบุคคลท่ัวไปได เชนเดียวกัน แตเปาหมายท่ีแทจริงของการเรียบเรียงหนังสือเลมนี้ขึ้นมาคือความตองการที่จะให เกิดประโยชนแกบุคคลท่ัวไปมากกวา เพราะวาในชุมชนตางๆ เหลานั้นมีความประสงคความ ยุติธรรม ความเสมอภาค และความออนนอมอยูในตัวพวกเขา ดวยเหตุนี้เม่ือใดที่พบกับคําพูดท่ี เปนสจั ธรรม พวกเขาพรอ มท่จี ะนอมรับมันทนั ที ศีลธรรมและความช่ัวรายของชนชั้นตางๆในสังคมสามารถสงผลตอกันและกันไดเปนไป ไมไดท่ีวาเราจะสรางกําแพงขึ้นมากั้นกลางระหวางชนชั้นทั้งหลาย และปกปองชนชั้นหน่ึงใหหลุด พนจากการแพรหลายของความชั่วรายหรือการแพรกระจายของศีลธรรมได แตโดยปกติธรรมดา แลวความชั่วรายจะเร่ิมจากกลุมชนเล็กๆ และแพรหลายไปในหมูผูคนสวนมาก แตในทางตรงกัน ขามคุณธรรมจะเร่ิมจากในหมูผูคนสวนมากที่ต่ืนตัวและนํากลุมชนเล็กๆเขามาสูคุณธรรมใน ลักษณะของการบังคับ หมายถึงตามความเปนจริงแลวความชั่วรายสวนมากจะมาจากที่สูงลงสูท่ี ตา่ํ และศีลธรรมจะมาจากที่ตา่ํ ข้นึ สูที่สงู จากพ้ืนฐานอันน้ีเราจะเห็นไดวาทานอิมามอะลี ในคําสอนอันสูงสงของทาน หลังจากท่ี ทา น ไดแ บงประชาชนออกเปน สองประเภท กลุม เล็ก (โดยเฉพาะ) และกลมุ ใหญ (โดยทั่วไป) ทาน รูสึกสิ้นหวังจากบุคคลกลุมเล็กตอการท่ีพวกเขาจะเขามาอยูในศีลธรรมความดี ดังน้ันทานจึงให ความสนใจตอบุคคลท่ัวไปเสียมากกวา ในคําสั่งเก่ียวกับการปกครองซึ่งรับหนาท่ีโดยมาลิก อัชตัร นาคาอีย ทานไดส ง สาสนไปวา “สําหรับผูปกครองแลวไมมีผูใดที่จะสรางความปนปวนในยามสงบ มากกวาบุคคลผูใ กลชิด (บุคคลรอบขา ง) พวกเขาจะใหความชวยเหลือเพียงเล็กนอยในยามคับขัน จงเกลียดจงชังและไมพึงใจในความถูกตองยุติธรรม และการมีสิทธิเทาเทียมกัน ยืนกรานเรียกรอง ในส่ิงตางๆ แตกลับรูจักการของคุณเพียงนอยนิด ไมรูจักการอภัยในยามโกรธ และออนแอตอ อุปสรรคทั้งหลาย แตบรรดามุสลิมสวนมากน้ัน (ท่ัวไป) คือผูคํ้าจุนศาสนา และตอตานบรรดาศัตรู ทั้งหลาย พวกเขาคือฐานแหงชัยชนะเหนือศัตรู ดังน้ันเจาจงใหความสําคัญตอพวกเขาเปนอยาง มากเถดิ ” มีความคิดอยูอยางหนึ่งซ่ึงเปนความคิดที่ไมถูกตอง จากบุคคลจําพวกหน่ึงซ่ึงฝกใฝการ ประณีประนอมและไกลเกล่ีย ซึ่งทุกครั้งท่ีพวกเขามีความคิดจะมุงแกไขสิ่งหน่ึงส่ิงใด พวกเขาจะ คํานงึ ถึงบรรดาผนู ําแหง ชนชั้นตา งๆ และรเิ รมิ่ มุงแกไขจากบคุ คลเหลา นนั้ กอ น ประสพการณไดชี้ใหเห็นแลววาทุกคร้ังในกิจการงานตางๆท่ีริเร่ิมจากบรรดาผูคน เหลาน้ัน (บรรดาผูนํา) ซึ่งในทัศนะของพวกเขาแลวถือวาเปนสิ่งถูกตองและจะเปนผลสําเร็จ แต ผลท่ีไดรับมาเกินความเปนจริง จากนั้นการแกไขส่ิงนั้น จึงกลายเปนการโฆษณาชวนเชื่อแกบุคคล ทั่วไปมากกวา ขาพเจามิสามารถที่จะปกปดเร่ืองๆหนึ่งได นั่นก็คือในขณะท่ีขาพเจากําลังเรียบเรียง หนังสือเลมน้ีอยู และกําลังจะพิมพ มีบางคนจากมิตรสหายของขาพเจา พรอมๆกับคําชมเชยของ 7
พวกเขาตอคุณงามความดีของหนังสือเลมนี้ พวกเขาก็แสดงความไมพอใจในตัวของขาพเจา ท่ี ขาพเจาไดละทิ้งกิจการงานที่จําเปนและสําคัญกวา และมาหมกมุนอยูกับการเรียบเรียงหนังสือ เลมน้ี และไดตําหนิติเตียนขาพเจาวา เหตุไฉนเลาทานเปนถึงนักเขียนท่ีโดงดังเขียนตํารับตําราท่ี เก่ียวกับวิชาการอันสูงสงในสาขาตางๆ อยางมากมาย แลวอยูๆไฉนจึงมาเขียนหนังสืองายๆ กระจอยรอยเชนนี้ ถึงขั้นวาบางคนจากพวกเขาไดขอรองแกขาพเจาวา ในเมื่อทานเขียนมันข้ึน มาแลว อยางนอยก็ขออยาใหหนังสือเลมน้ีพิมพออกมาในนามของทานเลย ขาพเจากลาวแกพวก เขาวา เปนเชนไรหรือ มันไมดีตรงไหน พวกเขาตอบวา “หนังสือที่จะพิมพออกมาในนามของทาน นั้น จําเปนจะตองอยูในแนวของปรัชญาเทานั้น งานนี้มันเล็กเกินไปสําหรับทาน” ขาพเจาถามวา “อะไรคือมาตรฐานในการเปรียบเทียบความเล็กและใหญ จากน้ันขาพเจาจึงไดรับรูวามาตรฐาน ของความเล็กและความใหญของกิจการงานในทัศนะของพวกเขา คือความยากและงายน่ันเอง ทุกๆการงานท่ียากพวกเขาถือวามันย่ิงใหญ และทุกๆการงานท่ีงายดายพวกเขาถือวามันเล็กนอย เขาใหความสาํ คญั ตอ ความใหญและเล็กโดยไมคาํ นงึ ถึงผลที่จะตดิ ตามมาแมแตนดิ ถา หากวา ความคิดเชน นี้เปนเพียงของใครคนหน่ึง หรือไมก่ีคนขาพเจาก็จะไมนําปญหา น้ีมากลาว ณ ท่ีนี่โดยเด็ดขาด แตเปนที่นาเสียดายที่ความคิดอันต่ําตอยเชนนี้ (ซึ่งถือไดวาเปน ความปวยไขชนิดหน่ึงของสังคมเราปจจุบัน และไดสรางความเสียหายและหันเหผูคนใหออกจาก ความจริงแหงอิสลาม) ในสงั คมของเรา และกําลังแพรหลายมากยงิ่ ขน้ึ ดวยเหตุนี้เองในยุคปจจุบันสังคมของเราจึงขาดหนังสือและตํารับตําราที่ทรงคุณคา โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับศาสนาและมัซฮับของเราทั้งๆที่เรานาจะมีมากกวาน้ี หลายตอหลาย คนท่ีนิยมชมชอบในการมีช่ือเสียงโดงดัง หรือคําชมเชยและเกียรติยศ พวกเขาพรอมที่จะไชเวลา เปนสิบๆปทนรอนทนหนาวเพื่อจะเขียนหนังสือสักเลมหนึ่ง เปาหมายเพียงตองการที่จะจารึกนาม ของตัวเองลงไปในหนังสือเลมนั้นดวยความภาคภูมิใจ โดยท่ีหนังสือเลมดังกลาวมิไดมี คุณประโยชนอันใดตอสภาพของสังคมเลย แตการท่ีมีใครคนหน่ึงเขียนหนังสือขึ้นมาหนึ่งเลมท่ีมี คุณประโยชนอยางยิ่งตอสังคม แตกลับไมมีคุณคาใดๆ เน่ืองจากวาหนังสือเลมน้ันมันงายตอการ เขียนและพากันไมยอมรับในผลงานนั้น สรุปแลวก็คือวาส่ิงท่ีนาจะนําเสนอและพิมพออกมาเพ่ือ เปนคุณประโยชนตอสังคมกลับไมกระทํา แตส่ิงซึ่งเม่ือเขียนขึ้นมาแลวไมมีผลท่ีติดตามมากลับถูก นําเสนอออกมา พิมพออกมากันเปนวาเลน มีคํากลาวที่นายกยองประโยคหนึ่งจากคํากลาวของ คอญะห นาซรี ุดดนี ตสู ีย ท่ีวา “มนั ชางนาสมเพชเสียนกี่ ระไร ตอ ส่งิ ที่ฉันนาํ ไปคือสิ่งทไี่ รค า สิ่งน้นั ท่ฉี ันรูจัก คอื สงิ่ ทไ่ี มค คู วรแกก ารรูจัก สิ่งนน้ั ท่ฉี ันหยิบยกมา คอื ส่ิงทฉ่ี นั จกั ตองปลอ ยวาง สงิ่ นน้ั ทีฉ่ ันปลอ ยวาง คอื สิง่ ทฉี่ ันตักตองหยบิ ยกมา” 8
ในทสี่ ดุ ขา พเจา ก็ไดต อบแกพวกเขาไปวา “คาํ ขอรองของพวกทานคือสิง่ เตือนใจแกฉันมัน คือความปวยไขทางสังคมประเภทหนึ่งในทัศนะของฉัน และมิใชเพียงแตวาฉันจะไมยอมปฏิบัติ ตามคําขอรองของพวกทานเพยี งเทา นั้น พรอ มกนั นนั้ ฉนั จะเอาคาํ ขอรองของพวกทา นนล้ี งในคํานํา ในหนงั สอื เลมน้ดี วย และฉันจะขนานนามแกมนั วาความปวยไขอยางหนงึ่ ของสังคม” หลังจากนั้นไมนานขาพเจาจึงคิดไดวา แนนอนการท่ีบุคคลกลุมหน่ึงมองการเขียน ตํารับตําราท่ีงายๆ (ถึงแมวาหนังสือเลมน้ันจะมีคุณคาสักเพียงใดก็ตาม) เปนส่ิงไรคา และการ เขียนหนังสอื ประเภทนัน้ คือการลดเกียรติยศของตัวเองลง ดังน้ันแนนอนบุคคลกลุมหน่ึงก็จักตองมี อยูเชนเดียวกัน ที่เมื่อใดก็ตามที่เขาไดรับรูหรือเขาใจคําส่ังหรือวิชาการ และฮิกมะฮ (วิทยปญญา) จากหนังสือที่งายๆเหลาน้ัน พวกเขาก็จะไมนํามาปฏิบัติ เพราะพวกเขากลัววาถายอมรับก็จะเปน การลดเกียรตยิ ศของตัวเองลง เพราะเพราะความรตู า งๆเหลา นนั้ มันมาจากหนงั สือทงี่ ายดาย เพ่ือเปนการใหเกียรติแกความสูงสงของคัมภีรอัลกุรอาน ในหนังสือเลมน้ีเรามิไดนํา เรื่องราวจากอัลกุรอานมาเลยแมแตสักเรื่องเดียว เราสัญญากันแลว เพราะวาหนังสือท่ีเกี่ยวกับ เรื่องเลาของอัลกุรอานก็มีการพิมพออกมาแลวเฉพาะแตเรื่องเลาจากอัลกุรอาน ทั้งภาษาอาหรับ และฟารซีย ส่ิงเดียวท่ีเราไดยึดเอาแบบอยางมาจากอัลกุรอาน ก็คือพ้ืนฐานหรือแนวของการเขียน หนังสือเลมน้ีเทาน้ันเอง เพราะวาหนังสือเลมแรกที่เปนเรื่องเลาท่ีแทจริง (ไมมีความคลางแคลง ใดๆอยูในน้ัน) และถูกประทานลงมาเพื่อเปนทางนําแกมนุษยชาติใหไปสูหนทางที่เที่ยงตรงก็คือ คมั ภรี อ ัลกุรอานอนั ทรงเกยี รตินนั่ เอง ในเลม แรกนี้มเี รือ่ งเลาบรรจุอยูดว ยกนั ถงึ 75 เรอื่ ง อันท่ีจรงิ แลว ขา พเจาไดเขียนเอาไวใน เลมน้ีถึง 100 เร่ือง และความประสงคของขาพเจาในเลมตอๆไป ทุกๆเลมขาพเจาจะเขียน 100 เรื่อง แตขาพเจาเห็นวาทัศนะของคณะกรรมการสํานักพิมพ ทุกคนไมเห็นดวยเนื่องจากวารูปเลม ของหนงั สือจะมีขนาดหนาเกนิ ไป และในขณะเดยี วกนั กระดาษที่จะใชในการพิมพหนังสือเลมน้ีอยู ในชว งท่ีหายากมาก ดว ยเหตุนเี้ องขา พเจา จึงจบหนังสือเลมนล้ี งดว ยจํานวน 75 เรือ่ งดังกลาว อีกประเด็นหนึ่งท่ีขาพเจาอยากจะเอยในท่ีน้ีก็คือ โดยสวนมากของเร่ืองเลาตางๆ จะ เปนไปในทางบวก และมีอยูสองสามเรื่องเทานั้นที่เปนไปในทางลบ ซ่ึงเหมือนกับวรรณคดีที่ลุก มานเคยสอนไว คือการชี้ใหเห็นถึงจุดออนของจริยะธรรม ซ่ึงอยูในรูปแบบของคําตักเตือนที่ ทรงคุณคา ดงั่ เชนเรื่อง “เพอื่ นซึ่งตอ งตดั ขาดจากกัน” และ “ผลลัพธแ หงวาจาทีไ่ มร ะมดั ระวงั ” และ เร่ือง “นาทีสุดทายของล้ินใบมีดโกน” ที่ไดนํามาบรรจุไวในหนังสือเลมนี้ ในตอนแรกขาพเจาก็มิได ใสใจตอสองสามเรื่องดังกลาวน้ีเทาใดนัก จากนั้นขาพเจาตองการท่ีจะคัดออกไปเสีย เพราะ ตองการใหเ รื่องทุกเรอื่ งจะตอ งใหอ ยูในแนวเดียวกันทั้งหมด ซึ่งอยากจะใหเรื่องทุกเรื่องที่นํามาเปน แบบอยางจกั ตอ งเปนไปในทางบวกเทานั้น ขาพเจาลังเลใจอยูระยะหนึ่งในท่ีสุดขาพเจาก็ตัดสินใจ ไมคัดออก และจะกลา วเอาไวใ นคํานําของหนงั สอื เพอ่ื ใหผ อู านไดรับทราบ 9
อยางไรก็ตามขาพเจาปรารถนาขอเสนอแนะจากผูรูและผูสนใจอยูเสมอ ทุกๆคําแนะนํา และทวงติงที่มีมายังขาพเจาจากผูอานผูมีเกียรติท้ังหลาย จักขอขอบพระคุณเปนย่ิงนัก และจะ นาํ มาพจิ ารณาอยา งแนน อน ขอพระผเู ปนเจา ทรงประทานทางนําและความผาสุขแดท ุกทา น เตหะราน 19 เดือนตีร ป 1339 ตามปส ุรยิ ะคติ ตรงกับ 15 มุหรั รอม ป 1380 ฮิจเราะหศ ักราช มุรตะฎอ มเุ ฏาะฮารี 1… ทา นศาสดา ผูทรงเกยี รติ และกลุมผูคนสองกลมุ วันหน่ึงเม่ือทานศาสดา ผูทรงเกียรติไดเขามายังมัสยิด (มัสยิดมะดีนะฮ) (1) สายตาของ ทานไดมองไปยังกลุมคนสองกลุม ซ่ึงกําลังสาละวนอยูกับการปฏิบัติหนาที่ ที่แตกตางกันแตละ กลุม กลุมแรกหมกมุนอยูกับการอิบาดะฮ (เคารพภักดีพระเจา) และรําลึกถึงพระผูเปนเจา และอีก กลมุ หน่งึ กําลงั หมกมุนอยกู บั การศกึ ษาเลาเรยี น ทานศาสดา รสู กึ ปปติยินดีท่ีไดเห็นการปฏิบัติของทั้งสองกลุม ทานจึงหันไปทางผูติดตาม ของทา น แลว กลา ววา “ทั้งสองกลมุ คอื ผปู ฏบิ ัติการงานท่ีดี พวกเขาอยบู นความประเสริฐและผาสุก ยงิ่ ” และทา นศาสดา ไดเสริมตอ ไปวา “แตทวาฉันถูกสง มาเพ่ือแนะนาํ ส่ังสอนพวกเขา” ดงั นั้นทานศาสดา จึงตรงไปยังกลุมของผูท ี่หมกมนุ อยูกบั การเรียนการสอน และไดน ่ังรวม ในวงสนทนากบั พวกเขา (2) 2… ชายผูขอความชวยเหลือ เม่ือเขาน่งั นึกทบทวนถงึ ความหลังทีเ่ ต็มไปดวยความยากลําบาก เขายงั จําไดดวี า ชา งเปนเวลา ที่แสนขมข่ืน และเจ็บปวดรวดราวยิ่งท่ีเขาไดประสบและผานพนมา ชวงระยะเวลาซ่ึงเขาก็แทบจะ ไมม คี วามสามารถอันใดเลย ที่จะแสวงหาแมกระทง่ั อาหารประจําวนั ของภรรยาและบรรดาลูกนอย ท่ีไรเดียงสา เขานั่งเฝาคิดอยูกับตนเองวา เปนไปไดอยางไรที่เพียงประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว ซึ่ง เขารับฟงเพียงสามคร้ัง จะเพิ่มจิตวิญญาณอันสูงสง พละกําลังมหาศาล เปลี่ยนแปลงจุดหมาย แหงการใชชีวิตของเขา ปลดปลอยเขาและครอบครัวใหหลุดพนจากความลําบากยากจนโดย ส้ินเชงิ เขาคือสาวกคนหนึ่งของทานศาสดา ซ่ึงมีฐานะท่ียากจนขัดสนมาก จนวันหนึ่งซึ่งเขามี ความรูสึกวาคมมีดไดปกลงสูกระดูกดําของเขาแลว (ไมมีทางเยียวยาได) ดวยคําปรึกษาและการ สนบั สนนุ จากภรรยา เขาจึงตดั สินใจไปหาทานศาสดา เพอื่ เลา ถึงสภาพของเขาใหท า นศาสดา ฟง และขอความชวยเหลอื จากทา น เขาเดนิ ทางไปหาทานศาสดา ดวยเจตจํานงน้ี แตไมทันท่ีจะเอยปากพูดสิ่งใดออกมา เขาได ยินคําพูดประโยคหนึ่งจากปากของทานศาสดา วา “ใครก็ตามที่ขอความชวยเหลือจากเรา เราจะ 10
ชวยเหลือเขา แตทวาใครก็ตามที่ตองการความชวยเหลือ แตเขามิไดเปดเผยตอสาธารณชน (วา เขาตองการความชวยเหลือ) พระผูเปนเจา จะทรงทําใหเขามีทุกส่ิงทุกอยาง (ร่ํารวย) “ วันน้ันเขา กลับมาบานของเขา โดยท่ีเขามิไดปริปากพูดสิ่งใดออกมาเลย แตบรรยากาศของปศาจแหงความ ยากจนอันนาสพึงกลัว ยังคงปกคลุมครอบครัวของเขาอยู ซึ่งเขาตองเผชิญหนาอยูกันมัน รุงข้ึนอีก วนั เขาไดไปรวม ชมุ นมุ กบั ทานศาสดา ดว ยความตั้งใจเดิมอกี และก็เชน เดียวกันเขาไดยินประโยค น้ันอกี ครั้งหนึง่ จากทา นศาสดา “ใครก็ตามท่ีขอความชวยเหลือจากเรา เราจะชวยเหลือเขา แตทวาใครก็ตามที่ตองการ ความชวยเหลือและเขามิไดเ ปดเผยออกมา พระผูเ ปนเจา (ซบ.) จะทําใหเขามีทกุ สง่ิ ทกุ อยา ง” คร้ังน้ีก็เชนกัน เขากลับมาบานโดยมิไดบอกส่ิงใดตอทานศาสดา เลย และเชนเคยเขา ยังคงตกอยูในกรงเล็บแหงความยากจน ซ่ึงเขาไมมีความสามารถอันใดที่จะรอดพนไปได เขาจึง ตัดสินใจไปหาทานศาสดา อีกคร้ังหน่ึง ณ สถานที่ชุมนุม ดวยเจตจํานงเดิม และก็เชนเคยเขาก็ได ยินถอยคําจากปากของทานศาสดา กลาวยํ้าประโยคนั้นอีก ซึ่งเพ่ิมความแนวแนเด็ดเดี่ยว และ พลังแกจิตใจและวิญญาณของเขา แตครั้งน้ีไมเหมือนครั้งกอน หัวใจของเขาแข็งแกรงข้ึนกวาเดิม มีความรูสึกวาไดพบกับกุญแจท่ีจะไขความยากลําบากของเขาแลว จากประโยคดังกลาวนั้น เขา กาวเทาออกมาจากสถานท่ีชุมนุมดวยความมั่นใจยิ่งขึ้น และบอกกับตัวเองวา ต้ังแตน้ีเปนตนไป เขาจะไมขอความชวยเหลือจากผูใดเด็ดขาด เขาจักตองพึ่งพิงยังพระผูเปนเจา และนําพละกําลัง ท้ังกายและใจ ความสามารถตางๆ อวัยวะทุกสวนท่ีมีอยูในตัวเขา ซึ่งพระองคทรงประทานมาให ออกมาใชป ระโยชน และขอใหพระองคทรงดลบันดาลใหเขาพบความสําเร็จในการงานท่ีจะกระทํา และขอแดพระองคใ หเ ขามที กุ สิง่ ทกุ อยา งในทสี่ ดุ เขาถามตัวเองวา มีความสามารถท่จี ะทาํ งานใดไดบา ง และในท่สี ุดจงึ ตดั สินใจเดินทางไปใน ทะเลทรายเพื่อเก็บฟน และนํามาขาย เขาไดสัมผัสกับรายไดที่ขวนขวายมาดวยนํ้ามือของตนเอง และปฏิบัติเชนนั้นเรื่อยมา จนสามารถมีสัตวเลี้ยงและขาวของเครื่องใชตางๆ เปนของตัวเอง จนกระทัง่ มที รพั ยสมบตั ิมากมาย และมีทาสไวในครอบครองในทสี่ ดุ วันหนึ่งทานศาสดา ไดพบกับเขา ทานเผยย้ิมออกมาพรอมกับกลาววา “ฉันมิไดบอกเจาดอก หรือวา ใครที่มาขอความชวยเหลือจากเรา เราจะชวยเหลือเขา แตทวาใครก็ตามที่ตองการความ ชว ยเหลือ และเขามไิ ดบอกกลา วแกผอู ่นื พระผูเปน เจาจะทาํ ใหเขามที กุ สิ่งทุกอยา ง” (3) 3…ความปรารถนาในโลกนี้ ชายผูหน่ึงมาหาทานอิมามซอดิก ดวยความกระวนกระวาย และกลาววา “โปรดชวยขอพรให ฉันดวยเถิด เพอ่ื ท่ีพระผูเปนเจา จะทรงประทานทุกสิ่งทุกอยางแกฉัน เพราะฉันยากจนและลําบาก เหลอื เกิน” อิมาม : ฉันจะไมขอพรใหเจา อยา งเดด็ ขาด 11
ชายผนู น้ั : ทาํ ไมหรือ อิมาม : เพราะวาพระผูเปนเจา ไดทรงช้ีแนะหนทาง สําหรับการงานตางๆ ท้ังหลายเอาไวแลว พระผูเปนเจา ทรงตรัสไวเสมอวา ใหขวนขวายอุตสาหะและขอจากพระองค เจาเพียงแตนั่งอยูแต ในบาน (ไมทํางาน) แลว จะใหไดท กุ สงิ่ ทุกอยางมาเพยี งการววิ อนขอไดอยา งไร. (4) 4…ผกู มัดเขาของอฐ เปนเวลาหลายช่ัวโมงที่กองคาราวานออกเดินทางมา ความเหน็ดเหน่ีอยไดแผกระจายไปทั่ว รวมท้ังผูขีแ่ ละสัตวท ใี่ ชเปน พาหนะ ดังนัน้ เม่ือถงึ บานหลังหนึ่งซ่ึงมีบอนํ้าอยู ทุกคนจึงหยุดพัก ทาน ศาสดา ซึ่งรวมเดินทางมากับกองคาราวานนี้ดวย ไดทําใหอูฐคุกเขาและลงจากหลังอูฐ ส่ิงแรกที่ ทุกคนจะตองกระทําในความคิดของทุกคนแลวคือการไปใหถึงบอนํ้าโดยเร็วที่สุดเทาท่ีจะเร็วได และดื่มมัน หลงั จากนั้นก็เตรยี มตัวทาํ น้ํานมาซเพื่อการนมาซ หลังจากท่ีทานศาสดา ลงจากหลังอูฐแลวก็มุงไปยังบอน้ํา แตหลังจากเดินไปไมกีกาวทานก็ หันหลังกลับมาท่ีอูฐ โดยมิไดพูดส่ิงใดเลย บรรดาสาวกและผูชวยเหลือทุกคนตางแปลกใจ และ กลาวแกตนเองวา การที่ไดหยุดพักท่ีนี่มิไดเปนการพึงใจของทาน ศาสดา ดอกหรือ และทานจะ ออกคําสง่ั ใหอ อกคําเดนิ ทางตอ กระน้นั หรือ ทกุ สายตาจองมอง และหูคอยฟงคําสั่งจากทานศาสดา ทุกคนย่ิงแปลกใจย่ิงขึ้น เม่ือทานไดเดินไปยังอูฐของทาน และหยิบเครื่องมือผูกมัดเขาของอูฐ และ มดั เขา ของมัน เม่ือเสร็จแลว ทานจึงไดเ ดินไปยังบอ นาํ้ เสียงถามกันตางๆ นานา ดังขึ้นวา “ โอ ทานศาสดา ทําไมทานจึงไมออกคําส่ัง ใหพวกเราให ปฏบิ ตั กิ ารงานน้แี ดท า นเลา ทาํ ไมทา นจึงทําดว ยตนเอง เราพรอมและยินดรี บั ใชท านเสมอ” ทานศาสดา ไดตอบพวกเขาวา “ จงอยาขอความชวยเหลือจากผูอ่ืน ในการงานของตนเอง แมก ระทัง่ เศษไมอนั หน่ึงของแปรงสฟี น ” (5) 5… ผรู ว มเดินทางไปทําฮจั ญ ชายผูหน่ึงซึ่งเพ่ิงเดินทางกลับจากการทําพิธีฮัจญ เขาไดเลาเรื่องราวตางๆ ในการเดินทาง และ ผูรวมเดินทางทุกคนแดทานอิมามซอดิก โดยเฉพาะเขาไดยกยองชมเชยผูรวมเดินทางของเขาผู หนี่ง วาเปนชายท่ีมีเกียรติอยางสูง เขารูสึกภูมิใจมากที่ไดมีผูรวมเดินทางเยี่ยงชายประเสริฐผูน้ี ต้ัง แตเร่ิมจนจบสิ้นการเดินทาง เขาจะมุงม่ันอยูกับการเคารพภักดีตอพระเจาอยูอยางสม่ําเสมอ เชน เม่ือเราหยุดพักอยูในบานหลังหน่ึง หลังจากที่เขาเขาไปในบานหลังน้ัน เขาไดมุงไปยังมุมหนึ่งทันที และปูผาออกและมุงม่นั อยกู ันการเคารพภักดีพระผเู ปนเจา ของเขา ทานอิมาม : “แลวผูใดคอยปฏิบัติภารกิจตางๆ ของเขา และผูใดท่ีคอยดูแลสัตวท่ีใชเปน พาหนะของเขาเลา ” 12
ชายผูนั้น : “ภารกิจตางๆ ของเขา ตกอยูกับเราดวยความภาคภูมิใจ เขาเพียงแตอยูกับการ งานทปี่ ระเสริฐของเขา เขามิไดเขามายงุ เกยี่ วกนั การงานนนั้ เลย” อมิ าม : “ดังนนั้ พวกทา นทุกคนประเสรฐิ และมีเกียรตกิ วา ชายผนู ้นั ซะอกี ” (6) 6… อาหารโดยสว นรวม (รบั ประทานรว มกันเปนหม)ู ในขณะที่ทานศาสดา และเหลาสาวก รวมท้ังผูชวยเหลือของทานหยุดพักระหวางทาง และทุก คนไดชวยกันยกสัมภาระวางลงบนพื้นดิน พวกเขาตัดสินใจเชือดแพะตัวหนึ่ง เพ่ือตระเตรียมเปน อาหาร บุคคลหน่ึงกลาววา “ ฉันขอเชือดมันเอง” อีกคนกลาววา “ฉันอาสาถลกหนังมัน” คนที่สาม กลาววา “ ฉันรับอาสาปรุงอาหารเอง” คนท่ีส่ี ……… คนที่หา…… ตางก็รับผิดชอบกันไปคน ละอยาง ทานศาสดา : “ฉนั จะเปน คนไปเก็บฟนในทะเลทรายเพื่อปรงุ อาหาร” ทุกคน : “โอ ทานศาสดา ทานไมตองลําบากหรอก ทานพักผอนใหสบายเถิด ดวยความ ภาคภูมิใจ เรายินดีทําทุกส่ิงทกุ อยางดว ยตวั ของพวกเราเอง” ทานศาสดา : “ฉันรูวาพวกทานยินดีทีจะกระทําทุกสิ่งทุกอยาง แตพระผูเปนเจา ไมทรงพึง พระทัยท่ีจะมองบาวของพระองค ในสภาพท่ีแตกตางกันระหวางบาวของพระองคทุกคน ซ่ึงเขาคิด วา ตัวของเขานั้นมีความเดนกวาผูอ ่ืน “ ดงั นนั้ ทานศาสดา จงึ มุง ออกสูทะเลทรายเพ่ือรวบรวมฟนมาปรุงอาหาร.(7) 7… กองคาราวานทกี่ าํ ลงั เดนิ ทางไปพิธฮี ัจญ คาราวานกองหนึง่ ซึง่ กําลงั มงุ ไปยงั เมืองมกั กะฮ เม่ือเดินทางมาถงึ เมอื งมะดีนะฮจ ึงหยุดพกั ตอ มาไมนานจงึ ออกเดินทางมงุ สจู ดุ หมายปลายทางคือเมอื งมกั กะฮ บนเสนทางระหวางเมืองมะดีนะฮ กับ เมืองมักกะฮ กองคาราวานไดพบกับชายคนหน่ึงซึ่ง รจู กั กนั ในบา นหลังหนึ่ง ในขณะท่ีพูดจาทักทายกนั อยนู ั้น ชายผนู เ้ี หลอื บไปเห็นบุคคลคนหนึง่ ซงึ่ อยู ทามกลางพวกเขา บุคคลผูนี้มีใบหนาแสดงออกถึงความเปนผูศรัทธาที่สูงสง มีความยําเกรง สําแดงใหเห็นกําลังวากําลังขะมักเขมนกระวีกระวาดอยูกับการงานตางๆ ท่ีกองคาราวานมีความ จําเปน ในบัดน้ันเองเขาก็รูจักบุคคลผูน้ันทันที เขาจึงถามผูที่อยูในกองคาราวานอยางประหลาดใจ วา “ผูทีก่ ําลงั ทํางานอยางแขง็ ขนั อยูน ั้น พวกทานรจู ักเขาหรอื ไม“ พวกเขาตอบวา “ไม ! เราไมร จู กั เขาเลย เขาเขามารว มเดนิ ทางกับเราในเมืองมะดนี ะฮ แตดูแลว จากลักษณะแลว เขาเปน ผทู ม่ี คี วาม ยําเกรงตอพระเจาและมีศรัทธาสูงย่ิง เรามิไดขอรองใหเขามาทํางานตางๆ ใหแกเรา แตเขามีความ สมคั รใจทจี่ ะรวมทาํ งานและชวยเหลอื ผูอน่ื ถาอยางน้ันพวกทานก็ไมรูจักเขาจริงๆ ถาหากพวกทานรูจักเขาแลว พวกทานคงไมเสีย มารยาทแบบน้ี และปลอยใหเขาทาํ งานเยี่ยงคนรับใชใ นกองคาราวานของพวกทา นดอก” 13
พวกเขาแปลกใจจึงถามวา “แลว เขาคอื ใครกันละ” ชายผนู ้ันตอบวา “เขาคืออะลี บตุ รของ ฮเู ซน ซยั นุลอาบิดนี (อิมามทา นท่สี ่ี)” ทุกคนในกองคาราวานจงึ ลุกข้นึ ยนื กนั อยางโกลาหล และขออภยั ทา น ดว ยการเขา ไปจบู มอื เทา ของทานอิมาม ขณะเดียวกันพวกเขาก็พูดในเชิงตําหนิตวเองข้ึนวา “นี่มันอะไรกัน ทําไมทานจึงทํา กบั พวกเราแบบนี้ ขอพระผเู ปน เจา อยาใหเปนเชนน้ัน มาตรวาเราไดกระทําในสิ่งที่มิบังควรตอทาน เราจะถกู ตราหนา วา คอื ผกู ระทาํ ผิดบาปอนั ใหญหลวงทเี ดยี ว อิมามกลาววา “ฉันเปนผูเลือกท่ีจะรวมเดินทางกับพวกทาน ดวยรูดีวาพวกทานไมรูจักฉัน เพราะบางคร้ังท่ีฉันเดินทางรวมกับบุคคลที่รูจักฉันดี พวกเขาจะปฏิบัติตอฉันอยางออนนอมและ เห็นอกเห็นใจ เน่ืองจากฉันคือผูมาจากครอบครัวของทานศาสดา และพวกเขาจะไมปลอยใหฉันมี หนาที่อนั ใดเลย ในการรับใชห รือปฏบิ ตั ิภารกิจการงาน ดว ยเหตนุ ี้ฉันจงึ ตองเลือกผูรวมเดินทางท่ีไม รูจักฉัน และจะไมแนะนําตัวใหพวกเขารูจักดวย เพ่ือที่ฉันจะไดรับใช และทํางานอยาง สะดวกสบาย” (8) 8… มุสลิมและชาวชาวคมั ภีร ในสมัยน้ันเมืองกูฟะฮ (ปจจุบันรวมอยูกับเมืองนะญัฟในอิรัก) คือศูนยกลางท่ีเขมแข็งใน การปกครองของอิสลาม ทุกอาณาจักรท่ีกวางใหญไพศาลตกอยูภายใตการปกครองของอิสลาม ในชวงน้ัน ยกเวนแถบซีเรีย ทุกสายตาตางคอยเฝามองวาจะมีคําส่ังอะไรหรือการตัดสินใจใดๆ มา จากเมืองกฟู ะฮแตเ พยี งเมอื งเดยี ว ณ ถนนที่มุงสูเมืองนี้ ชายสองคน คนหนึ่งเปนมุสลิมและอีกคนเปนชาวคัมภีร (ยิว คริส เตียนหรือโซโรอัสเตอร) ไดมาพบกัน ท้ังสองจึงถามจุดหมายปลายทางของกันและกัน หลังจากนั้น จึงรูวามุสลิมกําลังเดินทางไปกูฟะฮ และชายชาวคัมภีรกําลังจะไปแถบชานเมืองกูฟะฮ ทั้งสองจึง ตกลงใจทจ่ี ะเดนิ ทางรวมกัน และไดพ ดู คยุ กนั ไปตลอดทาง เขาท้ังสองพูดคุยกันอยางสนิทสนมในเรื่องราวตางๆ มากมาย และเม่ือเดินทางมาถึงทาง แยก ชายคัมภีรรูสึกแปลกใจอยางมาก ที่เห็นเพื่อนมุสลิมของเขาไมไดแยกทางไปอีกทางหน่ึง ซึ่ง เปนเสน ทางไปเมืองกฟู ะฮ แตกลบั เดนิ ทางมาพรอ มกับเขา ตามเสนทางท่ีจะไปชานเมืองกูฟะฮ เขา จึงถามขึน้ วา “ทานมไิ ดบ อกขา พเจาหรอื วา จะไปเมอื งกฟู ะฮ” มสุ ลิม : “ใช ทําไมหรอื ” ชาวคมั ภีร : “แลว ทาํ ไมถงึ มาทางน้ลี ะ ทางไปกูฟะฮน ั้นอยอู ีกทางหน่ึง” มสุ ลมิ :“ขา พเจา รูดี แตตองการที่จะมาสงทาน เนื่องดวยทานศาสดาของเรา เคยปรารภวา “คราใดก็ตามท่ีบุคคลสองคนไดรวมเดินทางกันและพูดคุยกัน เขาท้ังสองมีสิทธิอันชอบธรรมซึ่งกัน และกัน” และขณะนี้ทานมีสิทธิเหนือขาพเจาแลว ดวยสิทธิที่ทานมีตอขาพเจา ขาพเจาจึงตอง เดนิ ทางมาสงทานสักนดิ แลวขา พเจา จะกลบั ไปตามเสนทางเดิมภายหลัง” 14
ชาวคัมภีร : “โอ เปนท่ีชัดเจนวาดวยคุณธรรมอันสูงสงของทานน่ีเอง ศาสดาของทานจึง ไดรับการยอมรับและมอี ิทธิพลเหนือประชาชน และศาสนาของทา นจึงแพรหลายไปทว่ั อยา งรวดเร็ว ความประหลาดใจและความนยิ มยกยอ งของชายชาวคัมภีรผูนั้นไดไปสูจุดที่ เม่ือเขาไดรูวา เพือ่ นรวมทางของเขาผูน้ีคือ ผูนําของบรรดาผูศรัทธาอะลี บุตรของอบีฏอลิบ และตอมาไมนานชาย ผูน ้นั กเ็ ขา รับอิสลาม และตอมาจึงเปนสาวกทเ่ี ปน ผูศ รัทธามั่นและเสยี สละของทา นอมิ ามอะลี (9) 9… การวง่ิ เคียงคูก ันไปกับผูป กครอง (คอลีฟะฮ) ขณะท่ีเดินทางไปเมืองกูฟะห ทานอิมามอะลีไดเขาสูเมืองอัมบาร ซ่ึงประชาชนที่อาศัยอยู ในเมืองนัน้ เปน ชาวอหิ ราน ประชาชนทั้งหนุมสาวและแกเฒา ซึ่งเปนชาวไรชาวสวนในเมืองนั้นตางก็ดีใจ เพราะคอ ลีฟะฮผูเปนท่ีรักจะผานเมืองของพวกเขา ประชาชนจึงออกมาตอนรับทานอิมามอะลี ขณะที่มา ของทานวิ่งไปตามถนน พวกเขาก็เริ่มวิ่งตามกันไปเคียงคูกับมาของทาน เม่ือเห็นดังน้ันทานอิ มามอะลี จึงหยุดมา และเรียกพวกเขามาถามวา “ทําไมพวกทานจึงว่ิงตาม นี่พวกทานกําลังทํา อะไรกัน” พวกเขาตอบวา “นี่เปนการใหเกียรติอยางหนึ่ง ซึ่งเราจะกระทําตอผูปกครองและบุคคลท่ี เราใหเกียรติเขา ซ่ึงเปนมารยาทและประเพณีอยางหน่ึง ท่ีกระทํากันในหมูพวกเราเปนธรรมดาอยู เสมอ” ทานอิมามจึงกลาววา “การกระทําเชนนี้จะทําใหพวกทานเหน็ดเหน่ือยในโลกน้ี และจะ สรางความทุกขยากในโลกหนา จงละทิ้งการกระทําอันต่ําตอยและการกระทําอยางอ่ืนท่ีคลายคลึง กันน้ีเสีย สวนมากแลวการกระทําส่ิงนี้ไมมมีประโยชน และจะไมกอคุณประโยชนอันใดเลยแมแต นอย” (10) 10… อมิ าม บากริ และชายมาซีฮี ทานอิมามมุฮัมมัด บุตรของอะลี บุตรของฮูเซน) ฉายาของทานคือ “บากิร” หมายถึง “ผู จําแนกแยกแยะ” ทานถูกใหฉ ายาวา “ บากริ ลุ อุลมู ” หมายถึง “ ผจู าํ แนกแยกแยะวชิ าการตางๆ “ ชายผูหนึ่งซึ่งเปนคริสตศาสนนิกชน ไดเปล่ียนแปลงคําวา “บากิร” ใหผิดไปเปนคําวา “บักร” ซึ่งแปลวา “วัว” ในลักษณะเยยหยันทานอิมาม เขากลาวกับทานวา “อันตะบักร” ซ่ึงแปลวา ”ทานคือวัว” ทานอิมามจึงตอบเขาอยางใจเย็น โดยปราศจากการแสดงความโกรธแคนชิงชัง ออกมาใหเหน็ วา “ไม ฉันไมใชว วั ฉันคือ บากิร (ผจู ําแนกแยกแยะ) ชายผูนัน้ กลาววา : เจาคือบตุ รของหญงิ ซ่งึ เปน แมครวั ทาํ อาหาร ทานอมิ าม : อันนนั้ คืออาชีพของทา นซงึ่ มใิ ชเ ปน สง่ิ ท่ีอดสแู ละละอายใจ ชายผูนนั้ : มารดาของเจา ผิวดาํ และไมม ียางอาย แถมยงั ปากเสยี ดว ย 15
อมิ าม:ถาหากส่ิงท่ีทานกลาวหาตอมารดาของขาพเจาเปนความจริงละก็ ก็ขอใหพระผูเปน เจ ทรงนําทางทานดวยเถิดและอภัยโทษแกทานดวย แตหากไมเปนความจริง ก็ขอไหเปนบาปแก ทาน เพราะทานโกหกและใสรา ยมารดาของขา พเจา บทพิสจู นท่ีแสดงใหเหน็ ทั้งหมด คือความอดทนสุขุมของทานอิมาม ซ่ึงยนื หยัดตอสูไดในการ กลั่นแกลงเยยหยันทุกรูปแบบ จากชายผูซึ่งอยูนอกศาสนา น่ันคือส่ิงที่เพียงพอแลวตอการปฏิวัติ เปล่ียนแปลงจิตวิญญาณของชายชาวคริสเตียนผูน้ัน และนําเขาเขาสูอิสลาม และในท่ีสุดชายผูนั้น ก็ไดเ ขา รับอิสลาม (11) 11… ชายชาวอาหรบั กับทานศาสดาผูทรงเกยี รติ ชายอาหรับทะเลทรายท่ีดุดันผูหน่ึงไดเขามายังเมืองมะดีนะฮ และตรงไปยังมัสยิด เพ่ือขอ ทรพั ยส นิ จากทา นศาสดา เมือ่ เขาเขามายังมสั ยิด ทานศาสดานงั่ อยทู ามกลางเหลาสาวกและผูชวย เหลอื ของทาน เขาไดเอยถงึ ความตองการของเขา พรอมกับขอทรัพยสินจากทานศาสดา ทานจึงยื่น สิ่งหนึ่งให แตเขากลับไมพึงพอใจ ซ้ํายังมองวาเปนสิ่งท่ีไรคา เขาเริ่มใชคําพูดท่ีไรมารยาทตอทาน ศาสดาโดยไมใหเกียรติทานเลยแมแตนอย สรางความโกรธเคืองใหแกเหลาบรรดาสาวกและผูชวย เหลอื ของทาน จนชายผนู ้ันเกือบจะโดนประชาทันฑ แตทา นศาสดาหา มปรามพวกเขาเอาไว ตอมาทานศาสดาไดพาชายชาวอาหรับผูนั้นไปยังบานของทาน และไดใหสิ่งของตางๆ แก เขา ท่ีบานของทานศาสดานี่เองทําใหชายชาวอาหรับผูนั้นประจักษกับตาตนเองวา สภาพความ เปนอยขู องทา นศาสดานน้ั มไิ ดเหมือนกบั ผูน ําหรือผปู กครองคนอืน่ ๆ ท่ีเขาเคยพบมา เงนิ ทองทรพั ย สมบัติกม็ ิไดถกู เก็บสะสมอยูใ นบา นของทานเลย ชายชาวอาหรับผูน้ันแสดงความพึงพอใจออกมา และกลาวขอบคุณทานศาสดา อยาง ซาบซึ้งใจ ในชวงน้ันเองทานศาสดาจึงกลาวแกเขาวา “เมื่อวานน้ีถอยคําของทานไดสรางความไม พึงใจแกเหลาสาวกและผูชวยเหลือของฉัน ทุกคนโกรธแคน ฉันเกรงวาทานอาจจะถูกพวกเขาทํา ราย แตตอนนี้ทานมีความเขาใจและกลาวถอยคําที่ดีกวาตอฉัน จะเปนไปไดหรือไมที่ทานจะพูด ประโยคนี้อีกคร้ังตอหนาพวกเขา เพื่อใหความโกรธแคนท่ีพวกเขามีตอทานจะไดจางหายไป“ ชาย ชาวอาหรบั จงึ ตอบวา “ไดขอรับกระผม” วันตอมาชายชาวอาหรับผูน้ันก็ไดเขามายังมัสยิด ในขณะท่ีทุกคนน่ังรวมกันอยูทั้งหมด ทานศาสดาจึงหันไปยังผูคนเหลานั้นแลวกลาววา “ชายผูน้ีเขาไดพึงพอใจตอเราแลวจริงหรือไม” ชายชาวอาหรับตอบวา “ใช เชนน้ันแหละ” และเขาไดเอยคําขอบคุณอยางซาบซึ้งตอหนาผูคนอีก ครง้ั หน่งึ ดงั ท่เี ขาไดเ คยกลาวกับทา นศาสดา มาแลว ขณะน้ันเอง ทานศาสดาไดหันไปยังทุกคนแลวกลาววา “เรื่องที่เกิดข้ึนระหวางฉันกับเขา เหมอื นกบั เร่ืองของชายผูหนง่ึ ท่ีอูฐของเขาต่นื ตระหนกและวง่ิ หนีเตลดิ ไป ซึ่งเมอื ประชาชนเหน็ ดงั นน้ั พวกเขาคิดจะชว ยจบั อูฐใหแ กเจา ของอฐู พวกเขาจงึ ตะโกนเสียงดังและไลต ามอฐู ตวั นัน้ ไป ซงึ่ ทําให 16
อูฐย่ิงตกใจและหนีกระเจิดกระเจิงมากยิ่งขึ้นกวาเดิม ชายเจาของอูฐจึงรองตะโกนดวยเสียงอันดัง ข้ึนวา “ฉันขอรอ งใหทกุ คนอยาไดเ ขา มายุงกับอูฐของฉัน ฉันรูดวี าฉนั จะจบั อฐู ของฉนั ดวยวิธีใด” เมื่อประชาชนยุติการไลตามอูฐแลว ชายเจาของอูฐจึงหยิบหญามากําหนึ่ง และเดินไป ขางหนาอูฐอยางชาๆ โดยไมตองสงเสียงหรือวิ่งไลตาม อูฐจึงคอยๆ เดินเขามาหาเขา เม่ือเขาย่ืน หญา ที่อยใู นกาํ มือใหมัน ในท่ีสุดเขากจ็ บั อูฐของเขาไดอ ยา งงา ยดาย และจากไปในท่ีสุด ดังน้ันเชนกันเมื่อวานถาฉันใหความอิสระเสรีแกพวกทาน แนนอนชายชาวอาหรับผูน้ีก็ จะตองถูกฆาดวยน้ํามือของพวกทาน (ตายไปในสภาพของผูปฏิเสธ) แตฉันไดหามปรามพวกทาน เอาไว และทาํ ใหเขาเปน ผนู อบนอมในทสี่ ุดดว ยตวั ของฉนั เอง (12) 12… ชายชาวเมอื งชาม (ซีเรยี ) กับทา นอมิ ามฮเู ซน ชายผูหนึ่งซึ่งเปนชาวเมืองชามไดเดินทางมายังเมืองมะดีนะฮ เพ่ือทําพิธีฮัจญและความ ตง้ั ใจอ่ืนๆ สายตาของเขาจบั จอ งอยูท่ีชายซ่ึงน่ังอยูในมุมหนึ่ง ดวยความสงสัยเขาจึงถามบางคน ณ ทนี่ ้ันวา “ชายผูนัน้ คือใคร” และไดร บั คาํ ตอบวา “เขาคือฮเู ซน บุตรของอะลี บตุ รของอบีฏอลบิ ” การ โฆษณาชวนเชอื่ ทีแ่ ปลกประหลาด (13) ตลอดจนการใหรายปายสีที่มีตอครอบครัวทานศาสดา ยังคงซึมซาบอยูในจิตใจของเขาอยู อารมณของเขาจึงเดือดพลานข้ึนมาทันทีทันใด และตั้งใจวาจะ กระทาํ ทกุ อยางทส่ี ามารถทําได เพอื่ เหยยี ดหยามและดหู มนิ่ ทานอิมามฮเู ซน เขาไดก ระทําทุกอยา ง จนหมดสิ้น พูดทุกอยางที่เขาอยากพูดจนกระทั่งเขาโลงใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก อิมามฮูเซน มองไปยังเขาดวยความเมตตาปรานี โดยปราศจากความโกรธแคนชิงชัง และไดอานโองการอัล กุ รอานหลายโองการท่ีเกี่ยวกับจริยธรรมท่ีดี การใหอภัยและการเอ้ือเฟอเผ่ือแผ และกลาวกบเขาวา “ทานเปนชาวเมืองชามหรือ “ เขาตอบวา “ใช “ อิมามจึงกลาวตอวา “ฉันเจออากัปกิริยาเชนน้ีมา มากแลว ฉันรูที่มาของมันดี” หลังจากน้ันทานอิมามจึงกลาวตอวา “ทานคือคนแปลกหนาในเมือง ของเราถาหากทานมีความตองการอะไร เราพรอมที่จะชวยเหลือทาน เราพรอมท่ีจะตอนรับทาน หรอื เล้ยี งอาหารในบา นของเรา และพรอมทีจ่ ะมอบเคร่อื งนงุ หมและเงนิ ทองแกท า น” ชายชาวเมอื ง ชามผนู ัน้ ซง่ึ คาดดะเนเอาวาจะตองพบกบั การโตต อบท่ีรุนแรงอยางแนน อน แตใ นทสี่ ุดก็พลกิ ความ คาดหมายซึ่งเขาไมคิดมากอนเลยวาจะไดพบกับความนอบนอมถอมตน และเอื้อเฟอเผื่อแผเชนนี้ ดังนั้นอากัปกิริยาของเขาจึงเปล่ียนไป และกลาววา “ถาหากแผนดินไหวและแยกออกจากกันไดใน ขณะน้ี ฉันจะตอ งแทรกแผนดินหนีไปทันที และจะไมเ สียมารยาทเชน นอี้ กี ตอ ไป” กอนหนาน้ีบนหนาแผนดินไมมีใครนาเกลียดนาชังเทาฮูเซนและบิดาของเขาเลย แต ในขณะนี้มันตรงกันขาม สําหรับฉันแลวไมมีบุคคลใดเปนท่ีรักย่ิงนอกจากพวกเขา (ฮูเซนและบิดา ของเขา (อะลี) ) อีกเลย (14) 13… ชายผซู ่ึงปรารถนาคําตกั เตอื น 17
ชายผหู น่ึงเดนิ ทางจากทะเลทรายเขา มายงั เมอื งมะดีนะฮ และเขา ไปหาทานศาสดา และได รอ งขอคําตกั เตอื นจากทานศาสดา ทานจงึ กลาวกับเขาวา “จงอยา เคียดแคน ชิงชงั ” และไมไ ดกลาว สงิ่ ใดนอกจากสิง่ นี้ ชายผูน้ันเดินทางกลับไปยังหมูบาน (เผา) ของตน เม่ือกลับไปยังหมูบานแลว เขาไดรับรูวา ในชวงขณะท่ีเขาไมอยูนั้น มีเหตุการณสําคัญเกิดข้ึน นั่นก็คือบรรดาชายหนุมจากเผาของเขา ได โขมยทรัพยสมบัติของชนอีกเผาหน่ึงมา และพวกชนเผาเหลาน้ันไดแกแคนโดยการเขามาโขมย ทรัพยสมบัติในหมูบานของเขาเชนเดียวกัน เรื่องราวคอยๆ ลุกลามใหญโตจนกระท่ังทั้งสองเผาได ต้ังแถวเรียงหนากระดานเพ่ือท่ีจะทําสงครามกันในท่ีสุด เมื่อไดฟงเชนน้ัน จึงสรางความโกรธแคน เดือดดาลแกเ ขาเปน ยิง่ นกั เขาจึงเตรียมอาวุธพรอมเพ่ือทําสงคราม และเขารวมในกองกําลังชนเผา ของเขาทนั ที ในระหวา งน้นั เองเขาหวนนึกถึงเหตุการณท่ีผานมา และจําเหตุการณที่เขาไปเมืองมะดีนะฮ ได เขายังจาํ ไดดวี าเคยขอคาํ ตกั เตอื นจากทา นศาสดา และทานไดกลาวกบเขาวา “จงหักหามตวั เอง จากความโกรธแคน ชิงชงั ” เขาจงึ ครุน คดิ วาเหตใุ ด เขาจงึ ตน่ื ตระหนก และดวยเหตุอันใด เขาจึงตองเตรียมทําสงคราม และในขณะเดียวกัน ทําไมจึงตองพาตัวเองไปสูความตาย และทําใหผูอ่ืนตองตายดวย แลวทําไม เขาจึงตองโกรธแคนจนลุกเปนไฟโดยไมมีเหตุผล และขาดการไตรตรอง! เขาจึงกลาวกับตัวเองวา ถึงเวลาอันเปนการสมควรแลว ที่จะใชประโยชนจากประโยคสั้นๆ ดังกลาวนั้น (ท่ีเขาไดรับฟงจาก ทา นศาสดา) เขากาวเทาออกมาขางหนา และกลาวกับฝายตรงขามวา “เราจะทําสงครามเพื่ออะไรกัน หรือ ถา หากวา เปนเพราะความเสียหาย ทีเ่ กดิ ขึ้นจากความกราวราวเลวทราม ซ่ึงชายหนุมผูโงเขลา ของพวกเราไดกระทําขึ้นละก็ ฉันยินดีท่ีจะชดเชยและจายคาเสียหายดวยเงินทองของฉันเอง ไมมี เหตุผลอนั ใดทีเ่ ราจะมาทาํ สงครามกัน และเขนฆาซงึ่ กนั และกัน ฝา ยตรงขามเม่ือไดย ินคาํ พดู ท่มี ีเหตุผล ประกอบกบั เคยมรความสัมพันธกับชายผูน้ีมากอน ความมีเกียรติและศักด์ิศรีแหงความเปนชายชาตรีก็ถูกกระตุนขึ้น พวกเขาจึงกลาววา “เราก็เชนกัน ความผิดกม็ ไิ ดน อยไปกวาพวกทา นเลย ถาเปนเชน น้นั เราก็จะขอละเลยและไมส นใจตอ สงิ่ ทพี่ วกเรา เรยี กรองนน้ั เสีย” หลงั จากนน้ั ทง้ั สองฝายจึงแยกยายกันกลับสูเผา ของตนเองโดยสนั ติ (15) 14… ครสิ ศาสนิกชน กบั เสื้อเกราะของทานอมิ าม อะลี ในสมัยที่ทานอิมามอะลี ดํารงตําแหนงผูนํา (คอลีฟะฮ) ในเมืองกูฟะฮอยูน้ัน เส้ือเกราะ ของทานไดสูญหายไป ตอ มาไมนานก็พบวาไปอยทู ีช่ าวครสิ เตียนผูหน่งึ ทานอมิ ามอะลี จึงนําชายผู นนั้ ไปหาผพู พิ ากษา และย่นื คํารองวา “เสื้อเกราะตัวนี้เปนของฉันเอง ฉันไมไดขายใหใคร และไมได หยิบย่ืนแกผูใดเชนกัน แตตอนนี้ฉันพบมันอยูท่ีชายผูน้ี” ผูพิพากษาจึงบอกแกชายผูน้ันวา “คอ 18
ลีฟะฮไดอางเชนนั้นออกมา เจาจะวาอยางไร “ ชายผูน้ันตอบวา “เสื้อเกราะตัวนี้เปนของฉัน และ ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไมอ ยากปฏิเสธคําพูดของผูที่ดํารงตําแหนงคอลีฟะฮหรอก แตอาจเปนไปไดท่ี ทา นคอลฟี ะฮจะจําผิด” ผพู ิพากษาไดห ันไปหาทานอมิ ามอะลี แลว กลาววา “ทา นคือผูอางสิทธิ และเขาคอื ผูปฏิเสธ (ไมยอมรบั ) ดงั น้ัน ทานจะตองนาํ พยานหลักฐานมาเพ่ือทจ่ี ะยนื ยนั คําเรยี กรองของทา น” ทานอิมามไดเผยย้ิมออกมา และกลาววา “ทานผูพิพากษาพูดถูก ฉันจะตองนํา พยานหลกั ฐานมายืนยันในขณะนี้ แตฉันไมมพี ยานหลกั ฐานเลย” เม่ือผูพิพากษาเห็นดังน้ัน ซึ่งตามกฎเกณฑของผูอางสิทธิ ท่ีขาดพยานหลักฐาน คํา เรียกรองของผูน้ันจึงฟงไมข้ึน จึงตัดสินใหเส้ือเกราะตัวนั้น เปนกรรมสิทธิของชายคริสเตียนผูน้ันไป ชายผูนนั้ จงึ หยิบเสอ้ื เกราะและจากไป แตทวาชายผูน้ัน รูดีวาเสื้อเกราะตัวนี้เปนของผูใด หลังจากนั้นไมนานความรูสึกสํานึกใน ความผิด ทําใหเขาเกิดความกระวนกระวายใจ จึงนําเส้ือเกราะมาคืน แลวกลาววา “การปกครอง และความระพฤตเิ ชนนี้ มใิ ชอากัปกิริยาของปุถุชนธรรมดา แตเปนการปกครองของบรรดาผูท่ีพระผู เปนเจาดลบันดาลใหมาเปนผูนําส่ังสอนศาสนา (อัมบิยาอ)” และเขาก็สารภาพออกมาในท่ีสุดวา เสื้อเกราะตวั น้คี อื ของทา นอิมามอะลี ตอมาไมนาน มีคนเห็นเขาเปนมุสลิมดวยความรักและศรัทธายิ่ง นอกจากน้ันเขาคือผูหน่ึง ทท่ี ําสงครามกับศตั รอู ยภู ายใตร มเงาแหงธงรบของอสิ ลามในสงครามนะฮร อวาน (16) 15… อิมาม ซอดิกกับพวกนักรหัสยะ (ซูฟ) กลุมหนง่ึ ซุฟยาน เซารีย (17) เปนซูฟผูหนึ่งที่อาศัยอยูในเมืองมะดีนะห วันหนึ่งเขาไดเขาไปพบกับ ทานอิมามซอดิก ซ่ึงวันน้ันทานอิมามอยูในชุดเส้ือผาสีขาวบริสุทธิ์ผุดผอง และสวยงามประดุจดัง ใยลินินสดใส ทอ่ี ยทู ามกลางไขขาวภายในเปลือกของไขไก เมื่อเห็นดังน้ันซุฟยานจึงกลาวกับทานอิ มามในเชิงตักเตือนและทวงติงวา “เส้ือผาท่ีทานสวมใสอยูนี้ มิไดเหมาะสมกับทานเลยแมแตนอย ไฉนทา นจึงทาํ ใหต วั ของทา นเองแปดเปอ นกบั สงิ่ ประดบั ประดาของโลกน้ีเลา ทา นสมควรท่จี ะมชี วี ติ เยย่ี งผูทยี่ ําเกรงมีศรทั ธาอันสูงสง และปกปอ งตัวทานเองใหออกหางจากโลกนจี้ ะเปน การดกี วา” อิมามจึงกลา วตอบวา “ฉนั ตอ งการจะบอกอะไรแกท านเพอ่ื ใหร บั รไู ว จงฟงใหด ซี ึง่ มนั จะเปน ประโยชนแกทานท้ังในโลกนี้และโลกหนาเลยทีเดียว ถาหากวาทานหลงผิดจริงๆ หรือไมเขาใจมา กอนเลยวา ทัศนะที่แทจริงของศาสนาอิสลามเก่ียวกับเร่ืองน้ีมีวาอยางไร คําพูดของฉันก็จะมี ประโยชนตอทานยิ่งนัก แตมาตรวาเปาหมายที่แทจริงของทาน คือตองการท่ีจะสรางอุตริกรรม ข้ึนมาในศาสนา เพ่ือทําลายและเบ่ียงเบนความจริงใหออกจากวิถีทาง นั่นก็เปนอีกเร่ืองหนึ่ง และ คําพูดของฉัน ก็จะไมมีคุณประโยชนอันใดแกทานเลยแมเพียงนิดเดียว ซึ่งอาจจะเปนไปไดที่ทาน เคยรบั รถู งึ สภาพการใชช ีวิตแบบเรียบงา ยของทา นศาสดา และสาวกของทานในสมัยนนั้ ทา นไดน าํ 19
มันมาปฏิบัติตอตัวเอง ซึ่งทานคิดวามันคือหนาที่และภารกิจอยางหนึ่งที่จะตองกระทําสําหรับมวล มุสลิมจวบจนวันสิ้นโลก และการใชชีวิตแบบขัดสน เหมือนกับท่ีทานศาสดาเคยประสบมา จึง กลายเปนแบบอยา งแตทวาฉันอยากจะบอกแกทานวา ความเปนจริงแลว ทานศาสดาอยูในชวง และสถานการณห นึง่ ซึง่ ความทุกขยาก และความลําบากคนแคนมันไดแผกระจายไปท่ัวในขณะนั้น ประชาชนสวนมากขาดปจจัยยังชีพในการดํารงชีวิตอยู ดังน้ันสภาพการเปนอยูของทานศาสดา และสาวกของทานจําเปนตองสอดคลองกับสภาพการณท่ีเปนไปในชวงเวลานั้นเชนเดียวกัน แต อยางไรก็ตาม สมัยหน่ึงซ่ึงเคร่ืองอํานวยความสะดวกตางๆ ในการใชชีวิตของมนุษยถูกตระเตรียม และมีมากยิ่งขึ้น พรอมกับส่ิงตางๆ ท่ีไดรับความเมตตากรุณาจากพระผูเปนเจา เพื่อนํามันมาใชให เกิดประโยชนตอมนุษย บุคคลท่ีเหมาะสมและคูควรท่ีสุดตอการท่ีจะใชประโยชนจากความเมตตา ตางๆ เหลานั้นคือผูท่ีกระทําความดีมิใชผูที่กระทําชั่วราย และผูท่ีเปนมุสลิมผูนอบนอมมิใชผูที่ ปฏิเสธ ทานไดเหน็ ความบกพรองอันใดในตวั ฉันหรอื ขอสาบานตอ พระองคสิ่งท่ีทา นกาํ ลงั เหน็ อยใู น ขณะนี้แสดงใหเห็นวา ฉันคือผูหนึ่งท่ีไดใชประโยชนจากความเมตตากรุณาท้ังหลายของพระองค นับต้ังแตฉันจําความไดและเขาสูวัยบรรลุนิติภาวะแลว ทุกๆ ขณะจิตฉันจะเฝาคอยระมัดระวังและ ถาหากวาสทิ ธใิ ดๆ ไดบ งั เกดิ ขน้ึ ในทรพั ยสินของฉันแลว ฉันจะจัดการหยิบย่ืนมันไปในท่ีทางของมัน ทนั ที” เมื่อซฟุ ยานไมส ามารถท่จี ะโตตอบคําพดู อนั เปนสัจธรรมทชี่ ดั แจง ของทานอมิ ามได เขาจงึ กม หนาและเดินออกไปเสมือนหนึ่งยอมรับความพายแพ เขาไดเดินไปสมทบกับผูที่อยูรวมแนวทาง เดยี วกบั เขา และเลา เรอ่ื งราวทงั้ หมดใหพ วกเขาเหลา นั้นรับฟง กลมุ ซฟู ท งั้ หมดจงึ ตกลงใจรวมกันวา จะตอ งเดนิ ทางไปพบทานอิมาม เพ่ือชวยกนั ถกปญ หากบั ทานทงั้ กลมุ วันตอมาท้ังหมดจึงพากันไปอยางพรอมเพรียง ตอหนาของทานอิมาม ซูฟผูหนึ่งกลาววา “เพ่ือนของเราผูนีไ้ มส ามารถที่จะนําเอาเหตุผลที่ดี มาเอยใหทานไดรับฟงไดในวันกอน แตในขณะนี้ เราทกุ คนมาแลว และพรอมทจ่ี ะตั้งขอ ตําหนิแกท านดว ยเหตผุ ล และหลกั ฐานอันชดั แจงของเรา” อมิ าม :”หลกั ฐานของพวกทานคือสิ่งใดหรือ จงวามา “ พวกซฟู : “หลกั ฐานท้งั หลายของพวกเราจากคมั ภรี อลั กุรอาน” อมิ าม :”แนน อนไมมีหลกั ฐานใดท่ีจะดเี ลศิ ไปกวา อัล กรุ อานอกี แลว จงกลา วมาเถดิ ฉนั พรอ ม แลว ทจี่ ะรบั ฟง ” ซูฟกลาวขึ้นวา “เราจะนําโองการจากอัล กุรอานสองโองการดวยกันที่เราไดยึดถือเปน หลักฐาน ตอสิ่งที่เราไดนํามาอางและเปนหลักฐานตอความถูกตองแหงแนวทางของพวกเรา และ ถอื เปนการเพียงพอแลวสาํ หรบั พวกเราตอหลักฐานอันน้ี พระผูเ ปน เจไ ดทรงยกยอ งสรรเสริญบรรดา สาวกกลุมหน่ึงในอัล กุรอานวา “และบรรดา (ชาวอันศอร) ที่พํานักอยูใน (มะดีนะฮ) และมีจิต ศรัทธาม่ันกอนหนาพวกเขา (ชาวอพยพจะมาถึง) น้ัน มีความรักตอผูมุงอพยพมายังพวกเขา และ 20
พวกเขาไมมีความตองการ (ผลประโยชนใดๆ) ในหัวใจ ที่พวกเขาพึงไดรับ (จากชาวอพยพ) และ พวกเขาไดใหความสาํ คัญแกช าวอพยพ เหนือกวาตัวของพวกเขาเองเสียอีก และมาตรแมนวาพวก เขาจะประสบความขัดสนสกั ปานใดก็ตาม และผใู ดก็ตามท่ีระงับความละโมภของตัวเองไวได (ท้ังๆ ที่ตัวเองก็มีความตองการในสิ่งนั้น) แนแทพวกเขาเหลาน้ันเปนผูสมหวังโดยแทจริง” (อัลฮัซรุ โองการท่ี 9) และอีกโองการหนึ่งพระองคทรงตรัสวา “และพวกเขาไดใหอาหารดวยความเสนหหา ของเขา แกค นอนาถา เด็กกําพรา และเชลยศึก” (อดั ดะหริ โองการที่ 8) เมื่อพวกเขาไดกลาวถึงตรงน้ีชายผูหนึ่ง ซึ่งอยูในสถานท่ีน้ันดวยและคอยฟงคําพูดของพวก ซูฟอยูตั้งแตตนไดกลาวขึ้นวา “จนถึงขณะนี้เทาที่ฉันรูคือตัวของพวกทานเองก็มิไดมีความเช่ือตอ หลักการของพวกเทานเลยแมแตนอยนิด พวกทานนําเอาคําพูดตางๆ เหลานี้เปนเครื่องมือเพื่อให ประชาชนละความสนในจากทรพั ยส นิ ของพวกเขา และหันมาหยบิ ยืน่ ใหแกพวกทานแทน และพวก ทานก็ใชประโยชนจากทรัพยสินเหลานั้นเสียเอง ดวยเหตุนี้ฉันจังไมเคยเห็นเลยแแตสักครั้งเดียววา พวกทานจะหลกี เลีย่ งจากอาหารที่ดีๆ อันโอชะ และไมรับประทานอาหารเหลานน้ั ” อิมามซอดิกกลาววา “เอาละตอนน้ีมิใขเวลาที่จะพูดกันถึงสิ่งน้ัน เพราะมันจะไมกอ ประโยชนอันใดเลย” ทานอิมาม ไดหันไปทางกลุมซูฟเหลาน้ันแลวกลาววา “ไหนพวกเทานจงบอก มาซิวา การที่พวกเขาไดยึดเอาการปฏิบัติของพวกทานโดยการพิสูจนจากอัล กุรอานตามที่อางมา นั้น พวกทา นรูจ ักแยกแยะ โองการ ที่ชัดแจง (มุหกัม) คลุมเคลือ (มุตาชาบิฮาต) หรือโองการที่ถูก ยกเลิก (มันสูค) และโองการท่ีมายกเลิก (นาสิค) หรือไม หลายตอหลายคนดวยกันจากประชาชาติ นี้ ทห่ี ลงทางไปเพระใหความหมายของอัล กรุ อานโดยที่พวกเขาไมมีความรูตอ เร่อื งดังกลาวเลย” พวกเขากลา ววา “เราก็มีความรใู นเรอื่ งน้อี ยพู อสมควรแตไมถ ึงกบั สมบูรณ” อิมามซอดกิ กลา ววา “และน่ันคอื ความโชครา ยของพวกทานทีเดียว วจนะของทานศาสดา ก็ เหมือนกับโองการอัล กุรอานเชนเดียวกัน การท่ีจะเขาใจความหมายของตัวบทวจนะไดอยาง ถูกตองนน้ั จะตองมคี วามรู และความเขา ใจตอ กฏเกณฑท ส่ี มบรู ณแบบดว ย ดังนั้นโองการตางๆ จากอัล กุรอานที่พวกทานนํามาอางอิง มิไดเปนขอพิสูจนหรือเปน หลักฐานบง บอกในการหามแรา มใิ หรบั ประโยชนจากความโปรดปรานท้ังหลายของพระองค ท่ีทรง ประทานมา โองการเหลา นีม้ ีความเก่ียวโยงไปยังผูท ่ีมคี วามเอื้อเฟอ เผอ่ื แผ จติ ใจกวางขวางเสียสละ ในชวงสมัยหนึง่ ซึง่ พระองคทรงยกยองกลุมบุคคลเหลานั้นในชวงเวลาท่ีชัดเจน พวกเขาไดเสียสละ ดว ยการหยิบย่นื ทรพั ยสนิ ซง่ึ เปน ทอ่ี นุญาตสําหรบั พวกเขาแกผ ูอืน่ ถงึ แมวาพวกเขาจะไมหยิบยื่นสิ่ง น้ัน พวกเขาก็มิไดกระทําบาปแตอยางใด ดังนั้นการคาดโทษก็จะไมมีสําหรับพวกเขาอยางแนนอน พระองคมไิ ดท รงออกคําส่งั แกพวกเขาวา พวกเขา จะตองกระทําเชนนี้ และในขณะเดียวกันพระองค ก็มิไดทรงหามปรามพวกเขาดวยวาอยากระทําเชนน้ัน แตทวาพวกเขาหยิบย่ืนใหกับผูอื่นในฐานะ ของการแสดงออกถึงความรักความเมตตา และแมวาตัวของพวกเขาเองจะอยูในความขัดสน หรือ ลําบากก็ตาม แนนอนพระองคจะตองประทานรางวัลท่ีเลอเลิศแกพวกเขา ตอการกระทําความดี 21
ดังกลาว ดังน้ันโองการตางๆ ที่พวกทานยกมาอาง จึงมิไดตรงกับขอทวงติงเลย เพราะวาพวกทาน ไดขัดขวางหามปรามประชาชน และติเตียนพวกเขาเหลาน้ัน เนื่องจากวา พวกเขาไดใชประโยชน จากความโปรดปรานตางๆ ทพ่ี ระองคทรงประทานให ซ่ึงเปน กรรมสิทธของพวกเขาเอง ในสมัยหน่ึงท่ีพวกเขาไดเสียสละและชวยเหลือเจือจุนอยางมากมาย แตตอมาคําส่ังจาก พระองคท่ีสมบูรณ และครอบคลุมอยางกวางขวางไดถูกประทานลงมาเก่ียวกับเร่ืองนี้ พระองคทรง กําหนดขอบเขตที่ชดั แจงของการบริจาคนัน้ เอาไว คําสง่ั จากพระองคซ ง่ึ ถกู ประทานลงมาภายหลังนี้ คอื ตวั บทที่มายกเลกิ การปฏบิ ัตขิ องพวกเขาในทันที เราจึงตองปฏิบัติตามคําส่ังนี้มิใชปฏิบัติตามใน สิ่งทเี่ คยกระทาํ มากอ น เพ่ือเปนการพัฒนาทัศนะคติของผูศรัทธา ผานความโปรดปรานที่พิเศษของพระองค พระองคทรงหา มปราม ไมใ หพ วกเขาปลอ ยตวั เอง และครอบครัวใหตกอยูในความยากลําบาก และ มิใชวาทุกสิ่งทุกอยางท่ีเปนกรรมสิทธของเขาจะตองนําไปบริจาคแกผูอ่ืนจนหมดสิ้น เน่ืองมาจาก ภายในครอบครัวของเขายงั มผี ูออนแอ ดังเชนเด็กๆ และคนชราอาศัยอยู ซง่ึ พวกเขาไมสามารถท่ีจะ อดทนตอความลําบากได เพราะหากมีกฎเกณฑวา ฉันมีขนมปงอยูกอนหน่ึง และฉันจะตองบริจาค มนั ใหแ กผูอน่ื แลว ไซร คนในครอบครวั ซ่ึงอยใู นความดแู ลของฉัน ก็จะตอ งอดตายอยา งแนน อน ดว ย เหตนุ ้ีเองทา นศาสดาจงึ กลาววา “บคุ คลใดก็ตามท่มี ผี ลอนิ ทผาลมั เพยี งไมก่ผี ล ขนมปงไมก่ีช้ิน หรือ ทรัพยสินเงินทองเพียงเล็กนอย และเขาตั้งใจท่ีจะบริจาคส่ิงของเหลานั้น บุคคลประเภทแรกที่ จะตองไดีรับคือบิดามารดา ประเภทท่ีสองคือตัวเขาเอง ภรรยาและลูกๆ ของเขา ประเภทที่สามคือ ญาติพ่นี องทใ่ี กลช ดิ และพ่นี องผศู รัทธาท้งั หลาย และประเภททสี่ ่จี ึงจะเปน การบริจาคทาน หรอื การ สงเคราะหแกผูอ่ืน” บุคคลประเภทที่ส่ีตองมาหลังสุด หลังจากที่ทานศาสดาไดรับทราบวาชายผู หนึ่งจากผูชวยเหลือทานชาวเมืองมะดีนะฮเสียชีวิตลง และเขามีลูกที่ยังเล็กอยูหลายคน แตเขาได บริจาคทรัพยสมบัติที่มีเพียงนอยนิด ไปในหนทางของพระผูเปนเจาจนหมดส้ิน โดยไมเหลือไวให ลูกๆ เลยแมแ ตน อย ทานศาสดากลาววา “ถาหากฉนั ไดร บั รูเร่อื งนก้ี อน ฉนั จะไมใหฝ งรางของเขาใน สถานที่ฝงศพของบรรดามุสลิมอยางแนนอน เพราะเขาไดปลอยใหลูกๆ ตองแบมือขอจาก ประชาชน (กลายเปนขอทาน) ในท่ีสุด” บิดาของฉันคืออิมามบากิรบอกกับฉันวา ทานศาสดาไดกลาวเอาไววา “จงเริ่มการบริจาค ทานของทานแกครอบครัว ญาติพี่นองของทานเองกอนอยางสมํ่าเสมอ จากน้ันคือคนท่ีใกลชิด ซึ่ง ย่งิ ใกลชิดมากเทาไร กจ็ ะยง่ิ มคี วามประเสรฐิ มากเทาน้นั ” และท่ีแนนอนมากกวาสิ่งตางๆ เหลาน้ี ในหลักฐานจากอัล กุรอาน โองการทั้งหลายได ปฏิเสธแนวทางและความคิดของพวกทานอยางชัดแจง ซ่ึงพระองคทรงดํารัสวา “และบรรดาผูมี ความยําเกรง ผูซึ่งเมื่อใชจาย พวกเขาก็จะไมสุรุยสุราย และไมตระหนี่ถ่ีเหนียว แตเขาจะดํารง (ลกั ษณะการใชจ ายปานกลาง ) ในระหวา งน้นั ” (ฟุรกอน 67) 22
มีมากมายในโองการอลั กุรอานทหี่ ามปรามเรือ่ งสุรุยสุรา ยในการใชจาย และการบรจิ าคแก ผูอื่น พอๆ กับการหามปรามเรื่องของการตระนี่ถ่ีเหนียวและใจแคบ อัล กุรอานไดกําหนดขอบเขต จาํ กั และความสมดลุ ในการงานน้ไี วแ ลว มใิ ชว ามที รัพยส ินอยมู ากเพยี งใด ก็บรจิ าคแกผ อู น่ื จนหมด สิ้น และทําใหตัวเองอยูอยางขัดสนลําบาก หลังจากน้ันก็ยกมือข้ึนสูฟากฟา เพ่ือขอจากพระองค และวิงวอนวา โอพระองคโปรดทรงประทานทรัพยสินแกขาพระองคดวยเถิด ซึ่งพระองคจะมิทรง ตอบรับคําขอของบุคคลเหลานี้อยางแนนอน ดังทานศาสดาไดกลาววา มีผูคนบางกลุมที่คําวิงวอน ของเขาจะไมถูกยอมรบั จากพระผูเ ปน เจา คอื ก – บุคคลผปู รารถนาสงิ่ ทีไ่ มดีจากพระผูเปนเจา ใหเ กดิ ขึ้นแกบิดามารดาของตวั เอง ข - บุคคลซ่ึงใหผูอ่ืนยืมทรัพยสินของเขา และในขณะเดียวกันเขามิไดแตงต้ังพยานหรือราง ใบสัญญาการกูยืมแตอยางใด และเมื่อเขาถูกคดโกงจากผูท่ีกูยืม เขายกมือวิงวอนขอความสงสาร และขอความชวยเหลือจากพระผูเปนเจา การวิงวอนของเขาเชนน้ีจะไมถูกยอมรับจากพระองค เพราะเขาสรา งปญ หาใหเ กิดขนึ้ ดวยนาํ้ มือของตนเอง โดยการหยบิ ยน่ื ทรัพยสนิ ใหผ อู ่นื กูยืมโดยมไิ ด ทําสญั ญาหรอื แตงตง้ั พยานเอาไว ค – บุคคลซึ่งขอความอับโชคจากพระผูเปนเจา ใหประสบแกภรรยาของตนเอง คําวิงวอน ตางๆ ของเขา ก็จะไมถูกยออมรับดวย เพราะเขามีสิทธิที่จะหยารางกับนางได มาตรวาเขาเกิด ความไมพ ึงพอใจนางจริงๆ โดยทีไ่ มตอ งวิงวอนขอใหน างตองไดรบั ความอับโชค ง – บุคคลซึ่งเอาแตนั่งงอมืองอเทาอยูในบาน โดยปราศจากการเคลื่อนใหวแตอยางใด (ไม ประกอบกิจการงาน) แลววิงวอนขอความโปรดปรานจากพระองค พระองคไดใหคําตอบแกบาวผู โลภมากและเบาปญ ญาผูน้ีวา “โอบ าวของฉนั ฉนั มิไดเ ปดหนทางแหงการเคลอื่ นใหว ในการดําเนิน กจิ การงานแกเ จาดอกหรอื หรอื วา ฉันมไิ ดใ หอ วัยวะทค่ี รบถว นสมบรู ณแ กเจา ฉันไดใ หมอื เทา ตา หู และสติปญญา ซ่ึงเจาจะไดยินและไดเห็น จงใชความคิดและจงเคลื่อนไหวมือเทาของเจาในการ สรางทุกส่ิง ส่ิงเหลานั้นลวนมีเปาหมายท้ังสิ้น เจาจะไดรูคุณคาความโปรดปรานตางๆ ก็ตอเมื่อเจา นํามันมาใชงาน ดวยเหตุน้ีเองระหวางเจากับฉัน ฉันไดทําหนาที่ครบสมบูรณแลว ซ่ึงเจาจะตองลุก ขน้ึ แสวงหาดวยลาํ แขง ของเจาเอง และจงยอนกลับไปดูคําส่ังตางๆ ของฉัน ดวยการพยามท่ีจะตอง เคารพและดําเนินตาม และจงอยาขอความชวยเหลือจากผูอ่ืน ดังน้ันเมื่อการดําเนินชีวิตของเจา โดยรวมสอดคลองกับคําสั่งตางๆ ของฉันแลว ฉันจะมอบความโปรดปรานอยางมากมายแกเจาเอง และไมวาจะดวยเหตผุ ลใดก็ตาม ที่เปนสาเหตุใหการดาํ เนนิ ชวี ิตของเจาไมดีข้ึนเลยแมแตนอย ทั้งๆ ทไ่ี ดพยายามอยา งสดุ ความสามารถแลว เจาก็คือผูซ่ึงไดปฏิบัติหนาท่ีของตนอยางครบถวนแลว จึง ไมม คี วามผิดอันใดเลย” จ – บุคคลซ่ึงพระผูเปนเจา ทรงประทานความรํ่ารวยแกเขาอยางมากมาย ซ่ึงเขาไดบริจาค และหยิบย่ืนใหแกผูอ่ืนจนหมดส้ิน หลังจากนั้นก็ยกมือวิงวอนขอจากพระองค ใหไดมาซึ่งส่ิงน้ันอีก พระผูเปนเจาไดตอบแกบุคคลผูน้ันวา “ฉันมิไดมอบความม่ังมีมาแลวดอกหรือ ไฉนเจาจึงไมดํารง 23
ไวซ่ึงความสมดุลยเลา หรือวาฉันมิไดบอกแกเจาวา ใหเจาน้ันจงดํารงไวซ่ึงความสมดุลยในการ บรจิ าคและหยบิ ย่ืนแกผ อู น่ื ฉันมิไดห า มปรามการบริจาคแบบไมค ดิ หนาคดิ หลังไวหรอื อยางไร ช – บุคคลซึ่งวิงวอนจากพระผูเปนเจา เพื่อตัดความสัมพันธในเครือญาติ และขอจาก พระองคเพ่ือสงผลใหเกิดความสําเร็จ ในการตัดความสัมพันธดังกลาว (หรือบุคคลหน่ึงบุคคลใดท่ี เขาไดตัดขาดความสําพันธในเครือญาติแลว และเขากําลังวิงวอนขอดุอาอ) อน่ึงพระผูเปนเจา ทรง ตรัสและชี้นําวิธีการบริจาคทาน และหยิบย่ืนชวยเหลืออยางสมบูรณแลวในอัลกุรอาน โดยเฉพาะ แกศาสดาของพระองค เนื่องจากไดเกิดเหตุการณหน่ึงข้ึนมา เม่ือทานศาสดามีทองคําอยูจํานวน หน่งึ และทา นประสงคท จ่ี ะมอบใหแกผยู ากไร เพราะทานไมต องการใหทองคําจํานวนน้ันอยูในบาน ของทานแมช่ัวคืนเดียว ดังนั้นภายในเวลาคอนวัน ทานไดนําทองดังกลาวไปบริจาคใหผูขัดสน ผู ยากไรจนหมดสิ้น วันรุงข้ึนขอทานผูหน่ึงมาหาทานศาสดา และแสดงความประสงคที่จะขอความ ชวยเหลือจากทาน ซ่ึงขณะน้ันไมมีอะไรเหลืออยูในมือของทานเลย เพ่ือหยิบย่ืนใหชายผูนั้น ดวย เหตุน้ีทานจึงมีความเสียใจ และเศราโศกย่ิง จากน้ันโองการอัล กุรอานจึงถูกประทานลงมา ซึ่งเปน คําส่ังความวา “และเจาอยาไดนําเอามือของเจาเองคลองไวท่ีตนคอ (ดวยความตระหน่ี) และอยา แบมือจนสุดเหยียด (ดวยความฟุงเฟอสุรุยสุราย) อันเปนเหตุใหเจาตองถูกตําหนิอีกทั้ง สิน้ เน้ือประดาตวั ” (บะนีอิสรออีล โองการที่ 29) วจนะของทา นศาสดาเหลานี้ ไดร บั การยืนยันจากโองการตางๆ จากอลั กุรอานอยางชัดแจน แตสําหรับผูท่ีมีความศรัทธาในอัล กุรอานอยางถองแท และมีความเขาใจตอความหมายของ โองการตางๆ จาก อัลกุรอานเทาน้ัน เมื่ออบบู ักรใกลจ ะเสียชีวติ เขาถกู ถามในเร่อื งการส่ังเสยี เกี่ยวกับมรดกของเขา อบูบักรกลาว วา หน่ึงในหาจากทรัพยสินของฉันใหเปนการบริจาคทาน และท่ีเหลือเปนของทายาทของฉัน เขา สาํ ทับวา “หน่ึงในหา ดังกลาว กเ็ ปนจํานวนไมน อ ยเลย” อยางไรก็ตามอบูบักรส่ังเสียเรื่องการบริจาคทรัพยสินไวหน่ึงในหาขณะท่ีผูปวยหนักเม่ือ ใกลจะสิน้ ชวี ิต มีสทิ ธสิ ัง่ เสยี ตามสทิ ธิของเขาใหบ ริจาคไดถ ึงหนงึ่ ในสาม ถา เขารูวาจะเปนการดีกวา ท่ีเขาจะใชประโยชนจากสิทธิท่ีเขามีอยูโดยการสั่งเสียใหเปนหนึ่งในสาม เขาก็คงจะตองสั่งเสียให บริจาคหน่งึ ในสามไปกอ นหนานั้นแลว ซัลมานและอบูซัรซ่ึงพวกทานรูจักทานทั้งสองเปนอยางดีในความเปนผูศรัทธาท่ีสูงสง แนวทางและแบบอยา งของพวกทา นกเ็ ปนเชนเดยี วกับท่ฉี ันไดก ลา วมาแลวขางตน เมื่อซัลมานไดรับเงินปนผลปลายปในสวนของทาน จากเงินกองคลังกลาง ทานไดเก็บออม เงินเอาไวจํานวนหนึ่ง ซ่ึงเพียงพอแกการใชจายตลอดทั้งป หลายคนไดทวงติงวา “ผูมีความศรัทธา สงู สง อยา งทา นยังกักตุนเงนิ ของตวั เองเอาไวอีกหรือ บางทที านอาจจะไมมีชีวิตอยูรอดถึงวันพรุงน้ีก็ ได แลวไฉนทานจะมากักตุนเงิน เอาไวเพ่ือใชจายจนถึงทายปเลา“ ทานไดตอบแกผูคนเหลานั้นวา “ ถาหากฉันมีชีวิตจนถึงปลายปละ ทําไมพวกทานจึงสมมุติความตายเปนหลัก และเปนสิ่งถูกตอง 24
เพียงอยางเดียว การสมมุติอีกอยางหน่ึงก็มี นั่นก็คือสมมุติวาถาหากฉันมีชีวิตอยูจนถึงปลายปแลว ฉันจะเอาทรัพยสินที่ไหนมาใชส อย” โอบ รรดาผูเ บาปญ ญาเอย จดุ หนึ่งทีพ่ วกทา นลมื นกึ ถงึ คอื การดาํ รงอยูข องมนษุ ย ถา หากวา มนุษยไมมีสื่อในการใชชีวิตท่ีเพียงพอแลวไซร มนุษยก็จะไมมีโอกาสเคารพภักดีและปฏิบัติตาม คําส่ังของพระผูเปนเจาไดอยางสมบูรณเต็มที่หรอก พวกเขาจะไมมีจิตใจหรือพละกําลังที่จะปฏิบัติ ภารกิจการงานในหนทางของพระผูเปนเจาไดเลย รวมท้ังจะไมมีสื่อและมีจิตใจที่เบิกบานพรอมกับ พละกําลังท่ีแข็งแกรง เมื่อทุกอยางเพรียบพรอมเขาก็จะเคารพภักดีตอพระองคไดอยางสมบูรณ แบบ สําหรับอบูซาร ทานมีอูฐและแกะนิดหนอย เขาใชประโยชนจากนมของพวกมัน ขณะที่มี แขกหรือพบผทู ี่มีความตองการ ทานจะเชือดสัตวและแจกจายเนอ้ื ไปยงั ผทู ีต่ องการ โดยเหลือสวนท่ี เปนของทานไว ใครเลาท่ีจะมีความมัธยัสถมากไปกวาพวกทาน ทานศาสดาเคยกลาวยกยองทานทั้งสอง ไวซึ่งพวกทานก็รู พวกเขาไมเคยใชจายทรัพยสินไปจนหมดส้ิน ไมเคยเลือกแนวทางอยางที่พวก ทานแนะนําส่ังสอนกันอยูในขณะน้ี นั่นคือใหผูคนแจกจายทรัพยสินไปจนหมดสิ้น จนทําใหตัวเอง และครอบครัวเดือดรอน ฉันอยากจะแจงวจนะนี้ ซึ่งรายงานจากบิดาและปูของฉัน จนถึงทาน ศาสดาวา “ทัศนะที่แปลกประหลาดที่สุดที่ผูศรัทธามีคือ เมื่อรางกายของเขาถูกกรรไกรตัดออกเปน ช้นิ ๆ เขาจะรูถึงประสบการณแ หงความมงั่ คง่ั รํา่ รวย ฉันไมทราบวาคําพูดตางๆ ท่ีกลาวไปแลว เพียงพอหรือยังสําหรับพวกทาน หรือจะใหฉัน กลา วเพิม่ อกี พวกทานไมเคยไดรับรูมากอนเลยหรือวา การเผยแพรอิสลามในชวงแรก มุสลิมมีนอยมาก กฏเกณฑวาดวยการตอสู จึงระบุวามุสลิมคนหน่ึงจะตองตอสูกับศัตรูถึงสิบคน และถาหากวาไม เปนเชนน้ัน เขากจ็ ะไดช อื่ วา เปน ผทู ข่ี ดั ขนื และกระทําบาป แตต อมาภายหลังส่งิ อาํ นวยความสะดวก ทั้งหลายไดถ กู คนพบมากขนึ้ ดวยความเมตตาและปรานีพระผูเปนเจา พระองคทรงลดหยอนลงมา และเปล่ยี นแปลงกฏหมายขอน้ี เปน มสุ ลิมคนเดยี วจะตอ งตอ สกู ับศัตรูเพยี งสองคนเทานน้ั ฉันอยากจะตั้งคําถามพวกทานสักขอหน่ึง เกี่ยวกับกฏหมายการตัดสินคดีความในศาสนา อิสลาม สมมุติวาพวกทานคนหน่ึงอยูในระหวางการพิพากษา และขอหาของเขาคือรายจาย ท่ี ภรรยาของเขาพึงไดรับจากเขา และผูพิพากษาไดตัดสินใหเขาตองจายเงินจํานวนนี้แกภรรยาของ เขาตามกฏหมายอิสลาม (นาฟาเกาะฮ) เมื่อถึงตรงน้ีเขาจะทําเชนไร เขาจะถูกยกโทษใหหรือ เพียง เขากลาววา ขาฯคอื ผทู ศี่ รัทธาและยาํ เกรง ดงั น้ันขา ฯจึงไดหันหลังใหกับส่ิงตางๆ บนโลกนี้แลว ดวย คําแกตัวที่อางมา เขาจะถูกยกโทษใหกระนั้นหรือ ในความคิดของพวกทาน การท่ีผูพิพากษาได พิพากษาออกมาวา เขาจะตองมอบรายจายแกภรรยาของเขา เพื่อนางจะไดจับจายใชสอยบาง มัน สอดคลอ งกับความยุติธรรมและสัจธรรม หรือมันเปนความอธรรมและการกดข่ี ถาหากทานบอกวา 25
คําตัดสินความนี้ไมถูกตองและไมสามารถยอมรับไดเลย แนนอนพวกทานไดพูดโกหกอยางชัดแจง และพวกทานไดปายสี และใสรายแกบรรดามุสลิมทั้งมวล แตมาตรวาพวกทานกลาววา คําตัดสิน ความของผูพิพากษาถูกตอง ดังนั้น คําแกตัวของพวกทานก็โมฆะไปทันที และนั่นคือการยอมรับ โดยดษุ ณวี า แนวทางของพวกทา นนน้ั ผิดพลาด ในกรณีอื่นๆ ในบางสถานการณ ซึ่งมุสลิมจําเปนตองบริจาคทานท้ังที่เปนขอบังคับและ ไมใช หรือการจายคาเลี้ยงดู ที่น้ีสมมติวามนุษยทั้งหมดใชชีวิตสันโดษตามความตองการของทาน โดยหันหลังใหกับการใชชีวิตโดยมิไดสนใจตอธรรมชาติแหงความตองการทั้งหลาย ฉันจึงอยากจะ ถามพวกทานวาขอ บังคบั ในเรอื่ งของการบริจาคทาน และการจายคาเล้ียงดูที่เปนขอบังคับจะอยูใน รูปแบบใด รวมท้ังขอปฏิบัติในเร่ืองของการบริจาคทานตางๆ (ซ่ึงมีผลพวงและเก่ียวเน่ืองมาจาก ทอง เงิน แพะ แกะ อูฐ อินทผาลัม องุนแหง และอื่นๆ) จะเปนเชนไร กฏเกณฑทั้งหลายของการ บริจาคทานท่ีถูกกลาวมาแลว มิใชส่ิงท่ีจะทําใหผูยากจนขัดสนมีความเปนอยูที่ดีขึ้น และไดรับ ประโยชนจากการบริจาคเหลานั้นหรือ ส่ิงน้ีจะชี้ใหเห็นโดยชัดแจงวาเปาหมายแหงศาสนา และ เจตจํานงจากกฏเกณฑขอนี้ คือการนําไปสูการดําเนินชีวิตท่ีดี และเปนการไดรับประโยชนจากสิ่ง น้ัน ถาหากวาเปาหมายและจุดประสงคของศาสนา คือความยากจนขัดสน ในขณะเดียวกัน จุดสูงสุดแหงความดีเลิศในความกาวหนาของศาสนา อยูที่วามนุษยจะตองหันหลังใหกับทุกส่ิงทุก อยางบนโลกน้ีและใชชีวิตแบบแรนแคนอดอยาก ดังน้ันผูยากจนขัดสนทุกๆ คน ก็ไดไปสูจุดสูงสุด แหงความดงี ามกนั แลว และไมมีความจําเปน ใดๆ ท่ีจะหยบิ ยื่นหรอื ใหความชว ยเหลือแกพวกเขาอกี เลย เพราะจะทําใหพวกเขาตองหลุดพนจากความถูกตองเที่ยงธรรมและความผาสุก และใน ขณะเดียวกันพวกเขา ก็ไมสมควรท่ีจะรับเอาส่ิงหน่ึงสิ่งใดเลย เพราะพวกเขาไดไปสูจุดสูงสุดแหง ศาสนาแลว ทส่ี าํ คญั ท่สี ุด มาตรวาสจั ธรรมอสิ ลามเปนดงั เชนท่ีพวกทานกลาว คือไมเปนการสมควรเลยท่ี บุคคลใดไดเก็บกักตุนทรัพยสมบัติใวในครอบครอง แตตองบริจาคใหหมด ดังนั้นก็คงไมมีคําถาม ใดๆ เกี่ยวกบั การบรจิ าคทานหลงเหลืออยู ดังน้ันจึงเปนที่กระจางชัดแลววา พวกทานไดยึดเอาแนวทางท่ีเลวรายและอันตรายยิ่งมาถือ ปฏิบัติ และชักชวนประชาชนไปสูลัทธิดังกลาวนั้นดวย แนวทางซึ่งพวกเจากําลังยึดถืออยู และ ชักชวนใหผูอ่ีนเดินไปตามทางนั้น คือผลพวงแหงความโงเขลา ไมเขาใจในความหมายที่แทจริง ของอลั กุรอาน วจนะตลอดจนแบบอยา งของทานศาสดา วจนะเหลา นีเ้ ปนสงิ่ ที่ชดั แจง เพราะเปน วจนะซึ่งอลั กรุ อานยืนยนั และเปน สกั ขีพยานถึงความ ถูกตองเท่ียงแท แตทวาพวกทานไดปฏิเสธวจนะเหลาน้ัน ทั้งๆ ท่ีถูกตองเที่ยงธรรม ในกรณีท่ีขัดกับ แนวความคิดของทาน สิ่งน้ีก็เปนความเบาอวิชชาอีกประการหน่ึง พวกทานไมไดไตรตรองใน ความหมายของโองการจากอักุรอาน และจุดสําคัญตางๆ ที่มหัศจรรยย่ิงของโองการอัล กุรอาน พวกทานไมมีความรูในเร่ืองของ โองการที่มายกเลิก (นาสิค) และโองการที่ถูกยกเลิก (มันสูค) และ 26
โองการท่ีชัดแจง (มุหกัม) รวมท้ังโองการที่คลุมเครือ (มุตะชาบิฮาต) พวกทานไมสามารถแยกแยะ คาํ สั่งกบั ขอหา มออกจากกัน พวกทานมีความเหน็ อยางไรตอ เรอื่ งราวของทานศาสดาสุไลมานบุตรของดาวูด (โซโลมอน บุตรของเดวิด) ซึ่งทานขอเปนผูมีอํานาจเหนืออาณาจักรหนึ่งจากพระผูเปนเจา “โอองคอภิบาล โปรดประทานอาณาจักรหนึ่งแกขาพระองค ซ่ึงจะไมคูควรสําหรับผูใดภายหลังขาพระองค” (บท ซอด โองการที่ 35) พระองคจึงทรงประทานอาณาจักรท่ียิ่งใหญแกทานศาสดาสุไลมาน ดังที่ทาน ขอจากพระองค เพราะทานมิไดขอในส่ิงที่ผิดบทบัญญัติ ดวยเหตุนี้เองพระผูเปนเจา หรือผูศรัทธา ท้ังหลาย จึงมิไดตําหนิติเตียนทานศาสดาสุไลมานเลยแมแตนอย ที่ทานมีความตองการอาณาจักร ท่ียิ่งใหญในโลกน้ี เชนเดียวกันเร่ืองราวของทานศาสดาดาวูด มีชีวิตอยูกอนทานศาสดาสุไลมาน และเร่ืองราวของทานศาสดายูซุฟ ซึ่งกลาวแกกษัตยในสมัยนัน้ วา “ขอทานโปรดแตงต้ังฉันใหเปนผู ควบคมุ ทองพระคลงั แทจริงฉันเปนผูร กั ษา (พระคลังได) อกี ทงั้ มีความรู (พอทจ่ี ะบริหารได)” (ยูซุฟ โองการที่ 55) ผลสุดทายตําแหนงของทานไดข้ึนไปสูจุดหน่ึง เปนถึงผูควบคุมอาณาจักรณอียิปตต อันกวางขวางไปจนถึงเมืองยเมน ทําใหประชาชนในเขตพื้นท่ีดังกลาว สามารถเดินทางไปมาเพ่ือ จับจายซ้ือขายอาหาร และส่ิงของตางๆ ซึ่งกันและกัน แตเมื่อทานศาสดายูซุฟ มิไดปฏิบัติในสิ่งท่ี ไมถ กู ตองเทย่ี งธรรม และพระผเู ปน เจ ก็มิไดต าํ หนิติเตยี นทา นเลยในอัลกุรอาน และเชนเดียวกันเร่ืองราวของซุลกอรนัยน ซ่ึงเปนบาวผูหน่ึงท่ีพระผูเปนเจาทรงพึงพระทัย ตอ เขา และเขาเองกม็ คี วามรักตอ พระองคเปนอยางยงิ่ ดงั นน้ั ทกุ สงิ่ ทกุ อยางในโลกน้ี จงึ ถกู ประทาน ใหอ ยใู นอาํ นาจของเขา จนมีกรรมสิทธ์ิจากตะวนั ตก และตะวันออกในทสี่ ดุ โอพ วกเทา นท้ังหลาย จงออกหางจากแนวทางที่ไมถ กู ตองนี้เสียเถิด และจงปรับปรุงตัวของ พวกทานเอง ใหอยูในวิถีทางที่เที่ยงแทของอิสลาม และจงอยาลวงลํ้าในสิ่งท่ีพระผูเปนเจา ทรงสั่ง และทรงหามปราม จงอยาเพ่ิมเติมคําส่ังตางๆ ดวยตัวพวกทานเอง จงอยากาวกายในปญหาซ่ึง พวกทานไมมีความรู จงถามปญหาเหลาน้ันจากบรรดาผูที่รู จงแสวงหา และทําความเขาใจตอ โองการที่ถูกยกเลิก ท่ีเปนผูยกเลิก ที่แจงชัด ที่คลุมเครือ ท่ีอนุญาตและท่ีตองหาม ส่ิงน้ีจะเปนสิ่งที่ ดีกวา และงายดายกวาสาํ หรับพวกทา น และจะทาํ ใหพ วกทานออกหา งจากความโงเขลาเบาปญ ญา จงหางไกลจากความงมงายเสีย เพราะพลพรรคแหงความโงเขลาน้ันมากมายนัก แต ในทางตรงกนั ขามพลพรรคของผรู นู ัน้ มีเพยี งนอ ยนิด พระผูเ ปนเจาทรงตรัสวา “เหนือผูรูน้ันก็ยังมีผูรู (ดังสภุ าษติ ที่วา เหนือฟา ยงั มีฟา นนั่ เอง)” (18) ๑6… ทาน อมิ าม อะลี กับอาศิม หลังจากจบสิ้นการทําสงครามอูฐ (19) แลว ทานอิมามอะลีก็ไดเขาสูเมืองบัศเราะฮ ขณะที่ทานพํานักอยูในเมืองบัศเราะฮน้ัน วันหนึ่งทานไดไปเยี่ยมเยือนสหายของทานผูมีนามวา “อาลาอ บุตรของซียาด ฮารีซี” ซึ่งมีบานใหญโตและกวางขวาง เม่ือทานอิมามอะลี เห็นบานท่ี 27
หรูหราเชนนั้น ทานจึงกลาววา “บานท่ีใหญโตกวางขวางหลังน้ี เกิดผลอะไรแกทานบางในโลกนี้ ท้ังๆที่ ทานมีความตองการบานหลังใหญโตเชนนี้ในโลกหนามากกวา ถาทานตองการที่จะทําให บานหลังใหญโตหลงั น้ีเปน สื่อ เพอ่ื ทจี่ ะมบี านหลังใหญโตในโลกหนา ได ทานตองใชบ านหลงั นเี้ ปน ท่ี รองรับแขก สรางความสัมพันธในเครือญาติ สําแดงออกซ่ึงสิทธิของบรรดามุสลิมในบานหลังนี้ให ประจักษ จงทําใหบานหลังน้ีสรางชีวิตชีวาแหงสิทธิอันชอบธรรม และอยาทําใหบานหลังนี้เปนเอก สทิ ธสิ ว นบคุ คล” อาลาอ : “โอ ทานผูนําแหงมวลผูศรัทธา ฉันมีเรื่องจะฟองทานเก่ียวกับนองชายของฉันที่ ชอื่ อาศมิ ” อมิ าม : “ฟอ งเร่อื งอนั ใดหรอื ” อาลาอ : “เขาไดกลายเปนฤาษีไปเสียแลว ดวยการสวมเส้ือผาเกาๆ และอยูอยางสันโดษ โดยไมย งุ เกยี่ วกบั ใครเลย ละทิ้งทกุ สิง่ ทุกอยาง” อิมาม : “นําเขามาพบฉัน” อาศิมถูกนําตัวมาหาทานอิมามอะลี ทานอิมามไดหันไปทางอาศิม แลวถามขึ้นวา “โอ ศัตรแู หง วญิ ญาณของตวั เจา มารรา ยไดเขาครอบงําสติปญญาของเจาแลว ทําไมเจาจึงไมปรานีตอ ภรรยาและลูกนอยของเจา เจาคิดหรือวาพระผูเปนเจา จะทรงไมพึงพระทัยในความโปรดปราน ตางๆ อันบริสุทธ์ิในโลกนี้ที่พระองคทรงทําใหมันเปนที่อนุญาต แตเจาไมไดใชประโยชนจากส่ิง ตางๆ เหลา นั้นเลย ในทัศนะของพระองคแลว เจา คอื สง่ิ ทน่ี อยนิดกวา สงิ่ เหลาน้นั ซะอีก” อาศิม : “โอ ทานผูนําแหงมวลผูศรัทธา ทานเองก็เปนดั่งฉันนั่นแหละ ทานไดสรางความ ยากลําบากแกตัวเองเชนกันในการใชชีวิต ทานไมเคยสวมเสื้อผาแพรพรรณที่ดี ทานไมเคย รับประทานอาหารที่เอร็ดอรอยเลย ดังนั้น ฉันก็ปฏิบัติเชนเดียวกับที่ทานปฏิบัติ ฉันเลือกเดินตาม ทางที่ทานเดนิ ” อิมาม :” เจาทําผิดแลว สถานภาพของฉันน้ันแตกตางกับเจา ฉันมีตําแหนงที่เจาไมมี ฉัน อยูใ นสภาพของผูนําและผูปกครอง หนา ทข่ี องผูนําคือหนาทอี่ กี ประการหนึง่ พระผเู ปนเจาไดทรงทาํ ใหเปนสิ่งจําเปนในบรรดาผูนําตางๆ ที่ยุติธรรม ซึ่งจะตองเอาสภาพของชนชั้นที่ออนแอที่สุดมา เปรียบเทียบ และต้ังเปนพ้ืนฐานในการใชชีวิตของพวกเขาเอง และจะตองมีสภาพความเปนอยู เย่ียงบรรดาประชาชนที่ยากจนที่สุด เพ่ือที่วาความยากจนท่ีเขามีอยูจะไดไมมีผลตอพวกเขา ดวย เหตนุ ้ีเอง ฉนั จึงมภี าระหนาทขี่ องฉัน และเจากม็ ีหนาทขี่ องเจา (20) 17…ชายผูยากจนกบั มหาเศรษฐี ทานศาสดาจะน่ังอยูในสถานที่ชุมนุมของทานอยูเปนนิจ บรรดาผูชวยเหลือของทานจะจับ กลุมลอมรอบทานเสมือนหน่ึงวา ทานศาสดา คือ อัญมณีอันล้ําคาท่ีอยูตรงกลางระหวางพวกเขา ในระหวางนั้นมีชายมุสลิมผูหน่ึง ซ่ึงเปนชายยากจนสวมเสื้อผาเกาขาดกระรุงกระริ่ง ไดเขามายัง 28
สถานท่ชี ุมนุ ม ซ่งึ ตามมารยาทของอิสลามแลว ผใู ดก็ตามไมวาจะมีตําแหนงร่ํารวย หรือยากจนเม่ือ เขาไปยังสถานที่ชุมนุมใด จะตองมองหาท่ีน่ังท่ีวางอยูและน่ังลงท่ีน่ัน ไมเปนการสมควรอยางย่ิงท่ี จะน่ังในท่ีที่พิเศษจําเพาะ เพ่ือที่เขาจะไดคิดวาตนเปนผูที่ดีเดนแตกตางไปจากผูอ่ืน ชายผูนั้นมอง หาท่ีนั่งของเขา และเหลือบไปเห็นทีว่ างทีห่ นึง่ จึงตรงไปยังที่นัน้ ซ่ึงติดกับชายมหาเศรษฐีผูหน่ึงฝาย เศรษฐีเม่ือเห็นดังน้ันจึงรีบรวบชายเส้ือคลุม และถอยหางออกไปจากชายยากจนผูนั้น ทานศาสดา ซ่ึงเฝามองเหตุการณอยู จึงไดหันไปยังชายเศรษฐีผูนั้นแลวกลาขึ้นวา “ทานกลัววาความยากจน ของเขาจะแปดเปอ นเจากระน้นั หรอื ” ชายเศรษฐี : “ไมเ ลย โอท านศาสดา “ ทานศาสดา : “ทานกลัววา ความร่ํารวยของเจาจะติดตอไปยังเขากระนัน้ หรือ” ชายเศรษฐี : “ ไมเลย โอท านศาสดา “ ทา นศาสดา : “ทา นกลัวเส้อื ผาของเจาจะสกปรกหรอื ” ชายเศรษฐี : “ไมเ ลย โอท า นศาสดา” ทานศาสดา : “ แลว ไฉนทา นจงึ ถอยหา งจากเขาโดยไมน่ังใกลก ับเขาเลา ” ชายเศรษฐี : “ขาพเจาผิดไปแลวทานศาสดา ขาพเจาสํานึกผิดแลวขณะนี้ เพื่อเปนการ ชดเชยตอความผิดของขาพเจา ขาพเจาพรอมท่ีจะไถถอนความผิดนี้ โดยการยกทรัพยสมบัติ ครึง่ หนึง่ จของขาพเจา ใหแกช ายมุสลมิ ผูน้ี เพอื่ ความผดิ ท่ขี าพเจา ไดก ระทาํ ลงไปจะถกู ลบลา ง” ชายยากจน : “แตฉนั ไมยนิ ยอมท่ีจะรับสิ่งของเหลา นั้น” กลมุ ผคู น : “ทําไมละ!!!” ชายยากจน : “เพราะฉันเกรงวาวันหน่ึงฉันจะหย่ิงยะโสตอพ่ีนองของฉันเหมือนกับที่ชาย เศรษฐผูน แ้ี สดงออกตอ ฉนั ในวนั น้ี ฉนั กลวั เปนเชน นัน้ (21) 18… พอคากับชายผูสัญจร ชายผูหนึ่งซึ่งมีรางกายกํายําและสูงใหญสงางาม ใบหนาทรหดบึกบึน ดุจประหน่ึงนักรบผู ผานสงครามมาอยางโชกโชน อันเน่ืองจากปรากฏรองรอยบาดแผล ซึ่งมีใหเห็นอยูตามรางกาย หลายแหง เขากา วเดินอยางสภุ าพและมั่นใจในตลาดของเม่ืองกูฟะฮ และอีกดานหนึ่ง ชายผูปนพอ คาในตลาดกําลังน่ังอยูในรานของเขา ดวยความที่ตองการเรียกเสียงฮาขบขันจากหมูเพื่อนฝูงของ ตน เขาจึงหยบิ ขยะมากําหนึ่งแลวขวางใสชายแปลกหนาผูน้ันทันที ชายผูนั้นมิไดแสดงอาการสิ่งใด ออกมา ในขณะเดียวกันยังไดแสดง อากัปกิริยาของการใหอภัยออกมาใหเห็น และยังคงกมหนา เดนิ ดว ยความสมถะตอไป เมื่อเขาไดเ ดนิ หางออกไปไกลแลว เพอ่ื นของชายผูท่ขี วางขยะไดถ ามเขา วา “เจาไมรูดอกหรือวา ผูซึ่งเดินผานไปสักครูน้ี และเจาไดแสดงกิริยาดูหมิ่นเหยียดหยามเขา วา เปน ใคร “ 29
พอคา : ฉันไมรูจักเขาหรอก ฉันคิดวาเขาก็เหมือนกับผูคนอีกนับรอยพันคนที่เดินผานไปมา นน่ั แหละ ซึ่งเดนิ ผานหนารานเราทกุ ๆ วัน แลว เขาเปนใครกนั ละ ” เพื่อนของเขา : เจาไมรูจักเขาจริงๆ หรือน่ี เขาคือแมทัพผูมีชื่อเสียง มาลิก อัชตัร เจารูหรือ เปลา ” พอคา : “จริงหรือนี่ ที่เขาคือมาลิก อัชตัรกระน้ันหรือ มาลิกที่ผูคนลํ่าลือกันวา หัวใจของเสือ ยังตองละลายเปนนํ้า เพราะกลัวเขา และช่ือของเขาท่ีสามารถสรางความสั่นสะเทือนในหมูศตรูอยู เสมอนะหรือ” เพอ่ื นของเขา : “ใชละ เขาคนนัน้ แหละ” พอคา : “ความพนิ าศกิดกบั ฉนั แลว ฉันจะทําอยางไรดี ฉันทําอะไรลงไปเสียแลว แนนอนอีก สักครู เขาจะตอ งออกคําสง่ั ใหท หารมาจบั กุมฉนั และนําฉันไปลงโทษทณั ฑอ ยา งแนนอน ฉนั ตองรบี ตามไปหาเขาทนั ที และจะคุกเขาวิงวอนขออภัยจากเขา เพอื่ ใหเขายกโทษความผดิ ของฉนั ” พอคาผูนั้นไดว่ิงตามมาลิก อัชตัรไปทันที และเห็นเขามุงตรงไปยังมัสยิด พอคาผูโชครายจึง ตามไปท่ีมัสยิด และเห็นมาลิก อัชตัรกําลังปฏิบัตินมาซอยู จึงคอยจนกระท่ังการนมาซเสร็จส้ิน จึง ไดเขาไปหาและออนวอน พรอมกับแนะนําตัวเองวา “ฉันคือชายผูโงเขลา และทําสิ่งที่หม่ินเกียรติ ของทา น” มาลกิ อัชตรั : “ขอสาบานตอพระผูเปนเจา ที่ฉันมามัสยิดก็เพราะเจานั่นแหละ เพราะฉันรูดี วาเจาโงเขลา เบาปญญาและหลงทาง เจารังแกประชาชนโดยไมมีเหตุผล ฉันเมตตาเจา จึงมาขอ ดอุ อใ หเ จา และขอจากพระผูเปนเจา ใหทรงนําทางเจาสหู นทางท่ีถูกตอ ง ฉันไมไ ดม คี วามคดิ เหมอื น ที่เจาคดิ ตอฉันหรอก” (22) 19… ฆอซาลี กบั โจร ฆอซาลี คือผูรูท่ีมีช่ือเสียงของอิสลาม เขาเปนชาวเมืองตูส ใกลมัชฮัด (ในประเทศอิหราน) ในสมัยน้ัน (ประมาณศตวรรษที่ ๑๒) เมืองนีชาบูร คือศูนยกลางแหงวิชาการท่ีใหญโตในแถบนั้น และขึ้นชอ่ื วาเปนคลังของวชิ าการแหงหนึ่ง ซึ่งนักศกึ ษาวชิ าการตา งกห็ ล่ังไหลไปท่นี ชี าบรู เพ่ือศึกษา เลาเรยี นวชิ าการตางๆ ฆอ ซาลีก็เชน กนั เขาก็ไปๆ มาๆ ในระหวางนชี าบรู และกูรกอนอยูเ สมอ หลายตอหลายปดวยกันที่เขาเขารวมศึกษาวิชาการจากครูบาอาจารย และผูคงแกเรียน หลายคน เขาบนั ทึกบทเรยี นและความรูตา งๆ ของเขาเอาไวในกระดาษ เพื่อจะทําใหความรูของเขา คงอยูและไมลบเลือนไป เขาบันทึกทุกอยางที่ไดเรียนรู และรวบรวมเอาไวในสมุดบันทึกเล็กๆ และ ความรูภายในนั้น คอื มคั ผลแหงการอุตสาหะของเขาท่สี ะสมไวนานนบั ป หลายปตอมา หลังจากจบการศึกษา เขาไดเดินทางกลับสูมาตุภูมิ เขาบรรจงเก็บรวบรวม สมุดที่บันทึกความรูเอาไวลงในกระเปาเดินทาง และรวมเดินทางไปกับกองคาราวาน แตโชคราย กองคาราวานไดพบกับกลุมโจรปลนสดมผูเดินทาง กลุมโจรไดขวางหนากองคาราวานเอาไว และ 30
ยึดเอาสมบัติท่ีตองการจนหมดเปนรายบุคคล จนมาถึงฆอซาลีและสัมภาระของเขา เม่ือเห็นโจร ลวงมือลงไปควานหาของมีคาในกระเปาเดินทางของเขา ฆอซาลีจึงออนวอนและขอรองขึ้นวา “ทานอยากไดอะไรก็ตามกเ็ อาไป แตส ิง่ นข้ี อฉนั เถดิ ” พวกโจรเมื่อไดยนิ เชน นั้น จงึ เขาใจวาของสิ่งน้ันตองเปนส่ิงที่มีคาอยางมากมายแนนอน จึง ดึงมาและแกะหอ ออกดู แตกไ็ มพ บสง่ิ ใด นอกจากสมดุ เล็กๆ ทถ่ี ูกมดั รวมกันอยู พวกโจร : “นคี่ อื อะไร มนั มีประโยชนอ ันใดตอ เจา หรอื ” ฆอซาลี : “มันจะเปนอะไรก็ตามแตมันไมมีประโยชนตอพวกทานหรอก แตสําหรับฉันมันคือ คณุ คา มหาศาล” พวกโจร : “ ไหนมนั มปี ระโยชนอ ะไรตอเจา บอกมาซ”ิ ฆอ ซาลี : “นคี่ อื มรรคผลแหง วชิ าการตา งๆ ที่ฉันไดศ กึ ษาเลา เรียนมา ถา หากพวกทานเอาส่ิง น้ีไปจากฉันละก็ ความรูตางๆ ของฉันก็จะสูญหายไปหมด และหลายปดวยกันที่ฉันไดพยายามมา กจ็ ะสญู สนิ้ ไป” พวกโจร : “จรงิ หรอื .. ความรูของเจา อยใู นกระดาษนก้ี ระน้นั หรอื ..” ฆอซาลี : “ใชแ ลว” โจรผูหนึ่งกลาววา “ความรูที่ถูกเก็บอยูในหีบหอหรือถูกมัดรวมกันเชนนี้ และมีทางท่ีจะสูญ หายหรอื ถกู ขโมยไดน ั้น ไมใ ชค วามรูทแ่ี ทจ ริงหรอก เจา ลองสอบถามตวั เองดใู หด เี สียใหม” คําพูดท่ีงายๆ อยางธรรมดาสามัญจากโจรประโยคน้ี ไดทําใหความรอบคอบ และ สติปญญาท่ีหลักแหลมของฆอซาลีสั่นสะเทือนทันที ตั้งแตวันนั้นเขาครุนคิดอยูเร่ือยมาวา ตนเอง น้ันเปรียบเหมือนด่ังนกแกวที่หัดพูด (เมื่อถูกสอนพูดอะไรก็พูดตามนั้น โดยหารูไมวา ความหมาย ของมันนนั้ คืออะไร) สงิ่ ท่ไี ดย ินจากครูบาอาจารย เขาจะบนั ทึกเก็บไวในสมุดอยูเสมอ จากน้ันเขาจึง คิดวาจะตองพยายามอยางเต็มท่ี เพ่ือใหสมองไดรับการพัฒนาย่ิงขึ้น และในที่สุดวิชาการความรู ทั้งหลายกจ็ ะถกู บันทกึ เอาไวในสมองของเขา มากกวาที่จะอยูใ นสมดุ บนั ทึก ฆอซาลีกลาววา : “ฉันไดรับคําแนะนําท่ีดีเยี่ยมที่สุด ซึ่งเปนเสมือนแสงประทีปทางดาน ความคดิ ของฉนั และฉนั ไดยนิ มันจากปากของโจรคนหน่งึ แทๆ … (23) 20… อบิ นิของสนี า กับ อบิ นขิ องมัสกาวัยฮ อบู อะลี บุตรของสนี า จบการศึกษาวิชาการตางๆ หลายแขนง ในขณะท่ีอายุของเขายังไมถึง ยี่สิบปบริบูรณ เขาคือผูรูที่บรรลุแลวในสมัยของเขา ไมวาจะเปนวิชาการที่เก่ียวกับการรูจักพระผู เปนเจา ฟสิก เคมี คณิตศาสตรและวิชาการทางดานศาสนา วันหนึ่งท่ีเขาไดเขาไปรวมชั้นใน บทเรียนหน่ึง ซ่ึงสอนโดย อบู อะลี บุตรของมัสกาวัยฮ ซ่ึงเปนผูรูที่มีช่ือเสียงในสมัยน้ันเชนกัน เมื่อ เขา ไปถึง ดวยความหย่งิ ทนงตน (วา ตัวเองน้ันมีความรูอยางมากมาย) เขาจึงโยนลูกวอลนัท ลงตอ หนาอบิ นิมัสกาวยี ะฮ แลว ถามวา “จงบอกมาซวิ า ปริมาตรความกวา งของมนั เทา ไหร” 31
อิบนิ มัสกาวัยฮจึงหยิบหนังสือเลมหน่ึง ซ่ึงเปนหนังสือที่เก่ียวกับจริยธรรมและมารยาทวาง ลงตอ หนาอบิ นิสินา (หนงั สอื ดังกลา วคอื กีตาบฏุ อฮาเราะตลุ อารอก) และกลาววา “ส่ิงแรกที่จําเปน ท่ีสุดสําหรับทานตอนน้ี คือจงทําใหจริธรรมกิริยามารยาทของทานถูกตองเสียกอน หลังจากน้ันฉัน จะบอกทานวา ผลวอลนัทใบน้ีมีปริมาตรเทาใด เพราะวาตามความเปนจริงแลว จริยธรรมเปน ส่งิ จาํ เปน มากกวา ที่จะรวู า วอลนัทผลนี้มีปรมิ าตรเทาใด” อบู อะลี บุตรของสินาละอายใจเปนอยางมาก เมื่อไดฟงคําพูดเชนน้ีจากอบู อะลี บุตร ของมัสกาวัยฮ และจากนั้นเปนตนมา เขาจึงยึดเอาถอยคําดังกลาวมาเปนคติเตือนใจ ตอจริยธรรม ของเขาเองตลอดมา (24) 21… คําตกั เตอื นของผูเ ครง ครดั ในขณะที่ความรอนแผดเผาดวยแสงแดดอันรอนแรง ไดสองลงบนเรือกสวนไรนาในแถบ ชานเมืองมะดนี ะฮ ขณะน้ันเองชายผหู นง่ึ ซง่ึ มนี ามวามฮุ มั มดั บุตรของมนุ กาดิร (ซงึ่ รจู กั กนั วา เปน ผู ที่เครงครัดในศาสนาผูหนึ่ง) ดวยความบังเอิญ เมื่อเขาออกไปแถบชานเมืองมะดีนะฮ ทันใดน้ันเอง เขาเหลือบไปเห็นชายผูหนึ่ง ซึ่งออกมาจากบานและเขาไปในสวนของเขาเพื่อดูแลสวนผลไม ดวย ความท่อี ว นและดูเหนือ่ ยออน จงึ ตองมีคนสองสามคนซึ่งเปน เพือ่ นและญาตขิ องเขาชว ยประคอง เขากลาวแกตนเองวาชายผูน้ีคือใครกัน ซึ่งออกมาหมกมุนอยูกับการงานในโลกนี้ทามกลาง อากาศทรี่ อนจัด เมือ่ เขาไปใกลเขาก็ยิ่งงุนงง เมื่อชายผูน้ันที่เขาเห็นคือทานอิมามมุฮัมมัด บุตรของ อะลี บตุ รของฮเู ซน บรุ ษุ ผมู เี กยี รตยิ ิ่ง เขาครุนคิดในใจวา ทําไมบุรุษผูสูงสง จึงตองมาฝกไฝตอโลกนี้เชนน้ี ไมไดฉันจําเปนตอง ตกั เตือนเขา และหามปรามเขาจากการกระทําสิ่งนี้ เมือ่ เขาเขา มาใกลและใหสลามทา นอิมาม ทาน อิมามไดตอบสลามเขา ในอากปั กริ ิยาที่เหนด็ เหน่อี ย อิบนิมุนกาดิร :“มันเปนการสมควรหรือกับผูมีเกียรติเย่ียงทานท่ีจะออกมาสนใจตอโลกนี้ ในขณะท่ีอากาศรอนระอุ โดยเฉพาะรางกายของทานซ่ึงอวนทวนสมบูรณ และทานตองความ พยายามอยางมากในการทํางาน มีผูใดรูเรื่องความตายของตนเองบาง วาเขาน้ันจะตายเม่ือไหร บางทีความตายอาจมาสูทานในขณะน้ีก็ได ขอพระผูเปนเจา อยาใหเปนเชนนั้นเลย ถาหากวาเปน เชนน้ันละก็ ทานจะตายไปในสภาพเชนไร และอะไรจะเกิดข้ึนกับทาน ทานรูหรือเปลา มันไมเปน การสมควรเลยสําหรับทานที่จะออกมาแสดงความปรารถนาในโลกเชนน้ี ไมสมควรจริงๆ ไมนา เลย…. อิมามบากิรกลาววา “ถาหากวาความตายมาสูฉันในขณะน้ี ก็เทากับวาฉันไดจากโลกนี้ไป ในสภาพของผูท่ีกําลังปฏิบัติการเคารพภักดีและรับผิดชอบตอภาระหนาที่ เพราะงานที่ฉันกําลัง กระทําอยูน้ี ก็เสมือนหนึ่งการภักดีตอพระผูเปนเจา ในฐานะเปนบาวของพระองค การเคารพภักดี ตอพระองค ใชวาจะอยูเพียงการปฏิบัตินมาซ การรําลึกถึงหรือการวิงวอนขอตอพระองคเทานั้น 32
ฉนั ตองใชชีวิตประจําวัน ฉันมีรายจา ย ถา หากไมทํางานไมอุตสาหะพยายาม ฉันก็ตองขอจากผูอื่น หรือจากทานก็อาจเปนได ฉันออกไปหาสิ่งยังชีพดวยตัวของฉันเอง เพ่ือที่จะไมตองไปขอความ ชวยเหลือจากผูใดมายังชีพ เวลาที่ฉันกลัวมากที่สุดก็คือ เมื่อความตายมาสูฉัน ในขณะที่เปนเวลา แหง การกระทําบาป หรือขณะท่ีขัดขืนคําสั่งของพระผูเปนเจา ไมใชในสภาพเชนน้ี ซึ่งเปนชวงเวลา แหงการเคารพภักดีตอคําสั่งของพระองค และพระองคกําหนดแกฉันไววา อยาแบมือขอจากผูอื่น และใหขวนขวายมาดว ยตัวของฉันเอง” อิบนิมุนกะดิร : โอ ฉันผิดไปแลว ฉันคิดวาจะตักเตือนผูอื่นตอไป แตขณะน้ีฉันรูแลววาตัว ฉันเองน้ันเขาใจผิดอยางมาก และเดินทางผิดแลว ต้ังแตน้ีตอไปฉันปรารถนาท่ีจะนอมรับคํา ตักเตือนจากทานอยางสมบูรณแบบ (25) 22… ในงานเลย้ี งของคอลฟี ะฮ มุตะวักกิลคอลีฟะฮผูโหดรายและทรงอํานาจของราชวงคอับบาสิยะฮ มีความหว่ันวิตกเปน อยางย่ิง ตอการท่ีประชาชนใหความสนใจตอทานอิมามฮาดียเปนพิเศษ และมันไดเพิ่มความ เจ็บปวดแกเขามากขึ้น เม่ือประชาชนพรอมกันแสดงความยินดีดวยความเต็มใจ ท่ีจะเช่ือฟงคําสั่ง ของทานอิมาม บรรดาพวกประจบสอพลอ ชอบยุแหยและวิพากวิจารยไดบอกแกเขาวา อาจจะ เปนไปไดท่ีอะลี บุตรของมุฮัมมัด (อิมามฮาดีย) เตรียมการปฏิวัติโดยอาจจะสะสมอาวุธ ยุทโธปกรณ หลักฐานตางๆ ในการเตรียมงานท่ีบงบอกถึงการปฏิวัติ อาจจะซอนเรนอยูในบานของ ทา นอมิ าม ดว ยเหตุนีเ้ องในคํา่ คืนหนง่ึ ทดี่ ึกสงัด ขณะที่ประชาชนสว นมากกาํ ลังนอนหลับพกั ผอ น มตุ ะ วักกิลไดสงบรรดาทหารโหด และคนใกลชิดของเขา ใหเขาตรวจคนบานของทานอิมาม โดยมิได แจงใหทราบกอนลวงหนา พรอมกับนําตัวทานอิมามมาดวย (มุตะวักกิลดําเนินการน้ีในขณะที่เขา จัดงานเลี้ยงสังสรร และกําลังน่ังดื่มสุรากันอยู) บรรดาทหารที่ถูกสงไป ไดบุกรุกเขาในบานของ ทานอิมาม และคนหาตัวทานเปนสิ่งแรก พวกเขาเห็นทานอิมามนั่งอยูในหองหน่ึงโดยลําพัง และ เส้ือในหองถูกเก็บรวมอยู ณ มุมหน่ึง และทานไดน่ังอยูบนกอนกรวดเล็กๆ และมุงม่ันอยูกับการเขา เฝา พระผเู ปน เจา พวกทหารไดเ ขา ไปในหอ งอ่ืนๆ แตก ไ็ มพ บส่ิงหนึง่ สงิ่ ใดทีพ่ วกเขาตอ งการ เม่ือไมม ี ทางเลือกอน่ื ใด พวกเขาจงึ นาํ ตัวทา นอิมามไปพบกบั มตุ ะวกั กิล และเม่ือทานอิมามกําลังเดินเขามา มุตะวักกิลซึ่งนั่งอยูหัวแถวของงานเลี้ยง ไดออกคําส่ังให ทานอิมาม มานั่งขางๆ เขา ทานอิมามจึงเดินเขาไปน่ัง ในขณะที่เขากําลังด่ืมสุราอยู เขาไดยื่นแกว สุราทอี่ ยใู นมือใหทา นอมิ าม และเชอ้ื เชญิ ทา น ทา นอมิ ามปฏิเสธพรอ มกบั กลาววา “ขอสาบานตอ พระผูเปน เจา สรุ าและสิง่ มนึ เมายังไมเ คยเขา สเู ลอื ดเน้ือของฉนั เลยแมแตนิด จงอยาบงั คับฉนั เลย” มุตะวักกิลจึงเปลี่ยนใจและกลาววา “ถาเปนเชนนั้นทานจงกลาวบทกวีท่ีแสนจะไพเราะ หรือ บทประพนั ธเ ลือ่ งลือเยยี่ มยอด เพือ่ ใหงานเลยี้ งของเราย่ิงใหญแ ละสมเกยี รติยศสักบทหนงึ่ ” 33
ทานอิมามกลา ววา “ฉันมใิ ชนักกวีหรือนักประพันธ เพราะโดยสวนมากแลว ฉันจะจํามาจาก ผูค นรุน กอ นๆ เสยี มากกวา” มตุ ะวักกลิ กลาววา “แตทานจะตองกลาวมนั ใหไ ดในวันน้”ี ทานอิมาม จึงเร่ิมกลาวกวีบทหนึ่งโดยมีความหมายดังนี้ “พวกเขาไดสรางท่ีหลบภัยดวย ปราการที่สูงเสียดฟา และรายลอมไปดวยชายหนุม ท่ีเพรียบพรอมดวยอาวุธยุทโธปกรณคอยเฝา รักษาคุมกัน แตไมมีผูใดสักคนหนึ่งจากพวกเขา ที่สามารถจะหยุดย้ังความตายได และปกปองคุม กันเขาใหพนรอดจากภัยอันตรายในวันน้นั (วนั ฟนคนื ชพี ) ในทีส่ ดุ พวกเขาก็ถกู นาํ ลงสูห ลมุ ฝง ศพ จากกําแพงปองกันภัยที่สูงลิบน้ัน จากปอมปราการท่ี แข็งแกรง ปานหินผา พวกเขาถูกนาํ มาสหู ลมุ ฝง ศพดวยความอปั ยศทัง้ หลายที่เหลอื จะพรรณา จากน้ันก็จะมีผูรองตะโกนและขูตะคอกถามพวกเขาวา “ไหนละ ส่ิงประดับประดาทรัพยสิน สฤงคราญ และบรรดามงกฎุ ทเ่ี คยสวมใส ตลอดจนความรงุ โรจน และความย่งิ ใหญ ไหนละ บรรดาใบหนาท่ีเคยมีแตความผาสุกสําราญ ซ่ึงไดรับการดูแลประคบประหงมอยู เบื้องหลงั มา นอนั หลากสีสรรเปนนิจ และซอ นเรน ตนเองจากสายตาของประชาชน” ในท่ีสุดสุสานไดสรางความอัปยศแกพวกเขาเหลาน้ัน พวกท่ีใบหนาเคยเต็มไปดวยความ ปต ิยินดี บัดนีใ้ บหนา เหลานั้น กลับเต็มไปดว ยตวั หนอน ซึ่งเลือ้ ยคลานอยูบ นมัน นับเปนเวลาที่แสนยาวนานที่พวกเขาเคยด่ืม และบริโภคอาหารหลากหลายอยูบนโลกนี้ พวกเขาไดกลืนกินทุกส่ิงทุกอยาง แตบัดน้ีพวกเขาผูซึ่งเคยเปนผูกลืนกินทุกส่ิงทุกอยาง กลับเปนส่ิง ท่ถี ูกกิน (หรือถกู บรโิ ภคโดยตัวหนอน และตวั แมลงตางๆ ) เสียงอันไพเราะและกองกังวานของทานอิมาม ไดซึมซาบเขาสูจิตวิญญาณของผูที่มา รวมงานเล้ียง โดยเฉพาะตัวของมูตาวักเกลเอง เม่ือทานอิมามกลาวจบ ประหน่ึงวาความมึนเมาได จางหายไปจากพวกเขาในฉับพลัน มตาวักกลไดขวางแกวสุราท่ีอยูในมือลงบนพ้ืนอยางแรง และ น้ําตาไดร นิ หลง่ั ใหลออกมา เม่ือเปนเชนน้ันการสังสรรจึงตองยุติลง และรัศมีแหงสัจธรรมที่แทจริงสามารถลบลาง ความโหดรายทรนงยโสโอหังและหลงลืม จากจิตใจดวงหน่ึงไดในท่ีสุด แมวามันจะเปนชวง ระยะเวลาอนั สั้นกต็ าม (26) 23… ละหมาดวันตรษุ มะอมูนคอลีฟะฮที่เฉลียวฉลาด และเจาเหลหของราชวงศอับบาสิยะฮ ภายหลังจากท่ีมีชัย เหนอื นองชายของตัวเองมฮุ ัมมดั อามีน โดยวธิ ีการสงั หาร จากนั้นทกุ ๆ ดินแดนอันกวางใหญไพศาล ก็ตกอยูภายใตการปกครองของเขาจนหมดส้ินชวงเวลานั้น เขายังคงพํานักอยูในเมืองมัรว (ซึ่งเปน สวนหน่ึงของคูราซานในขณะน้ัน) เขาไดเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงทานอิมามริฎอ ซึ่งพํานักอยูใน เมืองมะดีนะห เพ่ือตองการใหทานเดินทางไปยังมัรว แตทานอิมามริฎอไดตอบปฏิเสธคําเชิญของ 34
เขา เพราะทานไมตองการเดินทางไปยังที่แหงน้ัน มะอมูนมิไดหยุดยั้งความพยายามเขาจึงเขียน จดหมายอีกหลายฉบับติดตอกัน จนกระทั่งเปนท่ีกระจางชัดแกทานอิมามวาคอลีฟะฮจะไมยุติการ เชญิ ชวนทานอยา งแนนอน อิมามริฏอจึงไดเร่ิมออกเดินทางจากมะดีนะหมุงสูเมืองมัรว ซ่ึงมะอมุนไดเสนอตําแหนงคอ ลีฟะฮแกทานอิมาม ซ่ึงเขาใจและรูถึงกลลวงมาต้ังแตตนแลว ทานทราบดีวาทั้งหมดนั้น คือเกม การเมอื ง ซงึ่ แอบแฝงอยเู บ้ืองหลัง ทานอิมาม จึงมิไดต อบรับขอเสนอนน้ั แตประการใด การตอรองไดดําเนินไปเปนเวลาเกือบสองเดือน ไมวามะอมูนจะขอรองหรือเรียกรองสัก เพียงใด ทานกย็ งั คงปฏิเสธไมยอมรบั เชนเคย ในทีส่ ดุ มะอม ูนเหน็ วา ขอ เสนอของเขานั้น จะไมมผี ลอันใดอยา งแนนอน เขาจึงเสนอตําแหนง รัชทายาทแกทานอมิ ามแทน ซ่งึ ทานอมิ ามไดยอมรบั ขอ เสนอน้ี ดว ยเงือ่ นไขท่ีวา ทานอิมามขอเพียง มีช่ือวารัชทายาทเทาน้ัน (ในแงของนามธรรม) และทานจะไมรับหนาท่ีใดๆ เลย พรอมกับจะไมยุง เกยี่ วไมว า ในเรอื่ งใดก็ตาม มะอม นู ก็ยอมตกลงตามน้ัน จากนน้ั มะอม นู จึงไดร ับการใหสตั ยาบนั จากประชาชน ดวยเหตุผลนี้เองเขาไดประกาศไปยัง เมืองตางๆ และออกคําสั่งใหทําเหรียญออกมาในนามของทานอิมาม และไดข้ึนแทนเทศนาเพื่อ กลาวสุนทรพจน โดยกลา วปราศรยั ในนามของทา นอมิ าม เมื่อวันตรุษไดมาถึง มะอมูนไดสงคนไปหาทานอิมาม และขอรองทานวา ในวันตรุษครั้งนี้ ขอใหทานนํานมาซรวมกับประชาชน เพื่อที่ประชาชนจะไดมีความม่ันใจตอการงานน้ีมากยิ่งข้ึน ทานอิมามไดส ง สาสนตอบมาวา “คาํ สญั ญา (เงื่อนไข) ของเรามีอยูวา ฉันจะไมยุงเกี่ยวกับกิจการท่ี เปน ทางการ ดังน้ันฉันจงึ ขออภัยมายงั ทานดว ยตอคาํ ขอรอ งนี”้ มะอมูนไดตอบกลับไปวา “อันท่ีจริงแลวเปนการสมควรอยางยิ่ง ที่ทานจะไปปรากฏตัว เพื่อท่ีจะเปนการพิสูจนถึงตําแหนงรัชทายาทใหเดนชัดย่ิงข้ึน” มะอมูนไดวิงวอนและขอรองตางๆ นานา จนในที่สุดทานอิมามไดกลาวแกเขาวา “ถาหากวาฉันจะไป ฉันก็จะไปเพ่ือปฏิบัติการงานที่ ประเสริฐนี้ เหมอื นดงั ท่ที านศาสดาและอะลี บตุ รของอบีฏอลิบไดเ คยปฏบิ ตั มิ าแลว” มะอมูนกลา วดว ยความยนิ ดีวา “จงปฏบิ ัติตามความปรารถนาของทานเถิด” เชาตรขู องวันตรุษบรรดานายทหารช้นั ผใู หญ และผสู งู ศกั ดิท์ ัง้ หลาย รวมท้งั ประชาชนตา งก็ แตงกายและสวมเสอื้ ผาอยา งเต็มยศทกุ คนตามสมยั ของคอลีฟะฮ นอกจากจะประดับประดาเครื่อง แตงกายจนสวยงามแลว มาทใี่ ชเ ปนพาหนะก็ถูกตกแตง อยางหรูหราอีกดวย ทุกคนเตรียมพรอมกัน อยูท่ีหนา ประตูบานของทานอมิ าม เพอื่ รว มพธิ ีนมาซวันตรุษ และมผี ูคนอีกมากมายท่ีอยูในเสนทาง ผาน ก็กําลังรอคอยการมาของทานอิมาม ซึ่งพวกเขาคาดคิดวาทานจะตองอยูในเคร่ืองแตงกายท่ี ภมู ฐิ านสวยหรูสมฐานะ ในตําแหนงรัชทายาท จนกระทั่งชายหญิงบางกลุมไดข้ึนไปบนดาดฟาของ บา น เพ่อื ท่จี ะไดช นื่ ชมยินดตี อ ความยงิ่ ใหญส งา งามของทานอิมามอยางใกลชิด ทุกคนตางก็เฝารอ คอยวา เมือ่ ไหรที่ประตูบานของทานอมิ ามจะถกู เปด ออกมา 35
ทางดานทา นอิมาม ดังทท่ี านไดใหค ํามนั่ สญั ญาจากมะอมนู ไวกอนหนา นน้ั แลว วาทานจะ รวมนมาซวันตรุษในครั้งนี้ ก็ตอเม่ือทานจะตองไดปฏิบัติตามแบบอยางที่ทานศาสดาและทานอะลี บุตรของอบีฏอลิบ บรรพบุรุษของทานเคยปฏิบัติมา มิใชตามแบบอยางท่ีผูปกครองรุนหลังกระทํา กัน ดังนั้นตั้งแตเชาทานอิมามไดอาบน้ําขําระรางกาย และโพกศรีษะดวยผาสีขาวบริสุทธ์ิ และ ปลอยใหชายผาสาระบั่นหอยลงมาท่ีหนาอกและอีกดานหน่ึงหอยลงมาระหวางไหลทั้งสอง ทานอิ มามถอดรองเทา ออก จบั ชายเสอ้ื และผาคลุมขึ้นมาเลก็ นอย ทานบอกแกครอบครัวและผูคนใกลชิด ของทานวา ใหปฏิบัติเชนนี้ดวย ทานหยิบไมเทาซ่ึงมีหัวเปนเหล็กถือกระชับแนน และกาวออกมา ขางนอก พรอมกบั ผตู ดิ ตาม และกลาวถอ ยคําสดุดีตามแบบอยา งของทา นศาสดาในวันนี้ ดวยเสียง อันดงั วา “พระผเู ปนเจาผทู รงยิ่งใหญ พระผูเปนเจาผูทรงย่ิงใหญ” บรรดาประชาชนตางกก็ ลา วกันอยางพรอ มเพรียงประสานเสียงกับทานอิมาม ซ่ึงจํานวนของ ผูคน ในวันนั้นมีมากมายเหลือคณา ดังนั้น เมื่อพวกเขากลาวตักบีรพรอมๆ กัน จึงเปนเสมือนดังวา ท่ัวท้ังผืนพิภพโลกาช้ันฟาท้ังหลาย ตางก็ไดยินเสียงสรรเสริญพระองคกันจนหมดสิ้น ทานอิมามได หยุดอยูหนาบานช่ัวขณะหน่ึง แลวจึงกลาวคําสรรเสริญดวยเสียงอันดังวา “พระผูเปนเจาผูทรง ยิ่งใหญ พระผูเปนเจาผูทรงย่ิงใหญ พระผูเปนเจาผูทรงย่ิงใหญ อาลามาฮาดานา พระผูเปนเจา ฮูอัคบัร อาลามารอซกั นา มินบาฮีมาต้ิลอันอาม อลั ฮมั ดุลิลลา อาลามา อบั ลานา” ผูคนท้งั หมดตางกก็ ลาวถอยคาํ ดังกลา วอยางพรอ มเพรียงกันดว ยเสยี งอันดัง หลายตอหลาย ครั้งดวยกัน ทุกคนอยูในสภาพของผูที่ร่ําใหฟูมฟายน้ําตาไหลรินนองใบหนา และมีความรูสึกที่ แปลกประหลาดตื่นเตนเราใจเปนย่ิงนัก บรรดานายทหาร และขบวนตางๆ ดวยเคร่ืองแตงกายเต็ม ยศ น่งั อยูบนหลงั มา มที ่ีวางเทาหุมขอ ยางหรูหรา ซ่ึงในชว งแรกพวกเขาคาดกนั วา คงจะตองทรงมา ทีป่ ระดับประดาอยางสงางาม และทานคงจะตองอยูในชุดเครื่องแตงกายที่สมตําแหนงและศักดิ์ศรี อยางแนนอน แตเม่ือพวกเขาไดเห็นทานอิมามอยูในสภาพท่ีเรียบงายธรรมดา เดินดวยเทาเปลา และอยูในอากัปกิริยาท่ีรําลึกแตพระผูเปนเจาองคเดียวอยูตลอดเวลา สิ่งนี้ไดสรางความรูสึกปลาบ ปล้ืมตอประชาชนเปนอยางยิ่ง จนกระท่ังน้ําตาหลั่งใหลออกมา พวกเขากระตือรือรนท่ีจะเอาเทา ของตัวเอง ออกจากที่วางเทาหุมขอที่ติดอยูกับมา ใครก็ตามในหมูพวกเขาเมื่อความีดไดก็จัดการ ตดั ทีว่ างเทา หุมขอออกทันที เพือ่ ทีจ่ ะลงไปรวมขบวนกบั ทา นอิมาม ตอมาไมนานเมืองมัรวก็เต็มไป ดวยฝูงชนกับการร่ําใหของพวกเขา ซ่ึงทุกคนมีความรูสึกอยางเดียวกับอิมามริฎอ ทุกๆ สิบกาวท่ี ทานเดินยางไปทานจะหยุด และกลาวตักบีรสี่คร้ัง ในขณะเดียวกันผูคนก็ไดกลาวตามดวยเสียงอัน ดัง พรอมท้ังนํ้าตา และเดินตามทานไปอยางชาๆ ณ.บัดนี้ แบบอยางที่เต็มไปดวยความหมาย ท่ี แทจริง ไดปลุกเราความรูสึกทั้งหลายของประชาชน ซ่ึงไดลบลางและทําลายแบบอยางอ่ืนๆ ไปจน หมดสนิ้ ขบวนของประชาชนอันยาวเหยียดมากมาย ไดเร่ิมเคลื่อนยายมุงสูสถานที่นมาซตรุษ เมื่อ สถานการณเปนเชนนั้น จึงมีผูสงขาวถึงมะอมูน บรรดาผูใกลชิดรายงานแกเขาวา มาตรวา 36
เหตุการณดังกลาวน้ี ยังคงดําเนินตอไป หรือเม่ือไหรท่ีอะลี บุตรของมูซา (อิมามริฎอ) ไดไปถึง สถานท่ีนมาซ เมื่อน้ันสัญญาณแหงการปฏิวัติอาจจะมีข้ึนได มะอมูนถึงกับส่ันสะทานดวยความ หวาดกลัว และรีบสงคนไปหาทานอิมามและขอรองใหทานเดินทางกลับ โดยอางถึงความไม ปลอดภัยที่อาจจะเกิดแกตัวทานเอง ทานอิมามจึงขอรองเทาและเส้ือคลุมเพื่อสวมใส จากนั้นทาน จึงเดนิ ทางกลบั สนู วิ าสถาน และกลาววา “ฉนั ไดบอกพวกเขาในตอนแรกแลววา จงอยาบงั คบั ฉันให ปฏิบัติหนาที่นี้เลย” (ตามความเปนจริงแลวการที่มะอมูนไดเชิญทานอิมาม ใหมาอยูภายใน ทําเนียบของเขา ก็หวังเพียงเพ่ือตบตาประชาชนท่ีจงรักภักดีตอบุตรหลานของทานศาสดา ซึ่งมี จํานวนมากมายเพียงเทาน้ัน ดวยเหตุนี้การแตงตั้งทานอิมาม ใหเปนผูสืบทอดตําแหนง จึงเปน การเสแสรงเทานั้นเอง (ผูแปล) ) (27) 24… เฝาฟงการวิงวอนของมารดา ในคํ่าคืนท่ีเงียบสงบดึกสงัด เด็กนอยเฝาตั้งใจฟงการวิงวอนของมารดาอยูตลอดท้ังคืน มัน เปนค่ําวันศุกร ผูเปนมารดานั่งอยูในมุมหนึ่งของหอง หันหนาไปทางบานของพระผูเปนเจา (บัยตุลลอฮ) ทั้งกม กราบ ยืนตรง และขอพรวิงอวนอยูตลอดทั้งคืน เนื่องจากทานผูนี้ยังเปนเด็กอยู จึงเฝามองมารดาวงิ วอนขอทุกสง่ิ ทุกอยางใหกบั พ่นี อ งทง้ั ชายหญงิ ผูเ ปน มารดาไดเ อยชื่อผูคนเหลา นน้ันทีละคนๆ และขอจากพระผูเปนเจา ใหพวกเขามีความเปนอยูท่ีดี ขอใหพวกเขาไดรับความ คุมครองและความชวยเหลือจากพระองคทุกคน ทานเฝาคอยฟงวาเม่ือไหรมารดาของทาน จะ วงิ วอนขอใหก ับตวั เองบาง คอยจนกระท่ังรุงอรุณทานก็ยังไมไดยินมารดาวิงวอนขอสิงใดใหแกตนเองเลยแมแตคร้ัง เดียว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเชา อิมามฮาซันก็ถามมารดาของทานวา “แมจา ฉันเฝาฟงการวิงวอนขอ ของแมอยูทั้งคืน แตไดยินคุณแมวิงวอนขอใหกับผูอ่ืนท้ังหมด ฉันไมไดยินเสียงแมขอดุอาอใหกับ ตัวเองเลยแมเ พยี งครั้งเดียว” ทา นหญิงฟาตมิ ะฮจ ึงกลาววา : “ลกู นอยทรี่ ักของแม เพอ่ื นบานและคนใกลเคยี งตองมาเปน อนั ดับแรกนะลกู จากน้ันกเ็ ปน บานของตัวเอง” (28) 25… เบ้ืองหนา ผูพิพากษา โจทกผูหนึ่งไดเขารองทุกขของเขาตอผูปกครองอาณาจักรอิสลาม ผูมีอํานาจในสมัยนั้น (อุมัร บุตรของค็อตฏ็อบ) เขารับเรื่องและเรียกผูพิพาททั้งสองฝายเขาพบ เพ่ือสืบสวนหาขอเท็จจริง ผทู ่เี ปนจาํ เลยคอื ทานผูนาํ แหง ผศู รทั ธา ทา นอะลี อมุ รั ไดข ้ึนนั่งเปนผพู ิพากษาเองตามกฎเกณฑของ ศาสนาอิสลาม ท้งั สองฝา ยที่มขี อ พิพาทจะตองน่งั ใกลชิดกัน และรกั ษาไวซึง่ ความเสมอภาคตอ หนา ศาล อมุ รั ไดเรยี กชอื่ ผรู องทุกข (โจทก) และสั่งใหยืนข้นึ ตอ หนา ผูพิพากษา ในท่ีๆ กําหนดเอาไวแลว และก็หันไปทางทานอะลี และกลาววา “โอ บิดาของฮาซัน จงเขาไปยืนติดกับโจทกของทาน” เม่ือ 37
ทานอะลไี ดยนิ คําพดู นน้ั ทานจงึ แสดงความไมพ อใจออกมาใหเหน็ บนใบหนา ของทา น อมุ ัรกลาววา “โอ อะลี ทานไมยินดีหรอื ไมพ อใจ ท่ีจะยนื ใกลก ับคกู รณีของทานกระนนั้ หรือ” อิมามอะลีกลาววา ฉันมิไดพอใจในส่ิงน้ัน (ท่ีจะยืนใกลชิดกับคูกรณีของฉัน) แตในทาง ตรงกันขาม สิ่งท่ีทําใหฉันไมพอใจก็คือ ทานมิไดรักษาความยุติธรรมอยางสมบูรณ เพราะทาน เรียกชื่อของฉันดวยการใหเกียรติ ซ่ึงเอยดวยสมญานาม (บิดาของฮาซัน) ของฉัน “ แตเมื่อทาน เรยี กชอื่ อีกฝายหนึ่ง ทานเรียกเขาดวยช่ือธรรมดาของเขา ท่ีฉันไมพอใจก็ดวยสาเหตุนี้ (และนี่แสดง ใหเห็นถึงการรักษายุติธรรมของทาน อิมาม อะลี อยางเครงครัด แมกระทั่งการเอยช่ือก็ตาม (ผู แปล) ) (29) 26… ในผืนแผนดนิ ท่ีมนี า ขณะที่ประชาชนซ่ึงไปรวมพิธีฮัจญ รวมตัวกันอยูในผืนแผนดินแหงมีนา อิมามญะอฟร อัซ ซอดิก และผูติดตามของทานกลุมหนึ่งไดนั่งรวมกันอยู ณ ท่ีหน่ึง และรับประทานผลองุนที่วางอยู ตรงหนา ขอทานผูหน่ึงไดเขามาขอความชวยเหลือ อิมามซอดิกไดหยิบผลองุนสวนหน่ึง ย่ืนให ขอทานผูนั้น แตเขาปฏิเสธ และกลาววา “โปรดใหเงินทองแกฉันเถิด” อิมามกลาววา “ฉันไมมีเงิน” ขอทานผูน้ัน จึงสิ้นหวังและจากไป เมื่อเดินไปไดไมกี่ยางกาว เขารูสึกเสียดายและสํานึกผิด เขาจึง เดินกลับมาและกลาววา “ไมเปนไรเอาองุนก็ได แตทานอิมามกลาววา “ไม” และก็ไมไดใหองุนแก ขอทานผนู ้ันเลย จากนั้นขอทานอกี ผูหน่งึ ไดเ ขามาขอความชวยเหลอื จากทานอิมามเชนกัน ทา นอมิ ามจงึ ยน่ื องุนใหอีกเชนเคย ชายขอทานผูนั้นรีบรับไป และกลาววา “ขอขอบคุณพระเจาแหงมนุษยชาติที่ได ประทานเครื่องยังชีพแกฉัน” เม่ือทานอิมามไดฟงเชนน้ัน จึงสั่งใหเขาหยุด และยื่นองุนอีกมากมาย ใหแ กเ ขา ชายขอทานผูน้นั จงึ ไดข อบคุณพระผเู ปนเจาเปนคร้งั ทส่ี อง ทานอิมามจึงกลาวแกเขาวา “เดี่ยวกอนอยาเพิงไป” ทานไดหันไปยังสาวกของทานผูหนึ่ง ซึ่งนั่งอยูที่น่ัน แลวกลาววา “ทานมีเงินติดตัวอยูเทาไหร” เมื่อสาวกคนดูและพบวามีอยูประมาณ ย่สี ิบดริ ฮมั เขาจงึ ยนื่ ใหขอทานผูนั้นไปโดยคําสั่งของทานอิมาม ชายขอทานจึงขอบคุณพระผูเปน เจาเปนคร้ังท่ีสามวา “มวลการสรรเสริญเปนสิทธิแดพระองคแตเพียงผูเดียว โอ พระผูเปนเจา ผูท่ี เมตตากรุณานิรนั ดร คอื พระองค ไมม ีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองคเ ลย” เม่ือทานอิมาม ไดยินประโยคน้ันทานจึงไดถอดผาคลุมของทานออก และยื่นใหขอทานไป เม่ือถึงจุดนี้ชายขอทานไดเปลี่ยนนํ้าเสียงของเขา โดยการขอบคุณอยางมากมาย และซาบซ้ึงตอ ทา นอมิ ามซอดิก เมอ่ื ไดยินเชน นัน้ ทา นอิมามจงึ หยดุ มอบสิ่งใดๆ แกเ ขาอกี ตอ ไป บรรดาผชู ว ยเหลือและสาวกที่อยูในเหตกุ ารณทัง้ หมด ไดวินจิ ฉยั ออกมาวา มาตรวา ขอทาน ผูน้ันยังคงขอบคุณพระผูเปนเจาอยูตอไป ทานอิมามก็ยังคงย่ืนความชวยเหลือแกเขาอีก 38
เชนเดียวกัน แตเม่ือเขาไดเปล่ียนถอยคําดวยการขอบคุณตอทานอิมามเอง แทนที่จะขอบคุณตอ พระผเู ปนเจา ตอ ไป เขาจงึ ไมไ ดรับสิ่งใดจากทา นอีกเลยตอจากนัน้ (30) 27… การยกน้าํ หนัก บรรดาชายหนุมกาํ ลังสนุกสนานอยูกับการทดสอบพละกําลัง และแขงขันยกนํ้าหนักกันอยู หินใหญกอนหนึ่งซึ่งวางอยูทามกลางพวกเขา คือเคร่ืองวัดความแข็งแกรง ความเปนชายชาตรีใน ระหวางพวกเขา และทกุ คนกพ็ ยายามยกมนั ขึ้นตามพละกาํ ลงั ท่ตี วั เองมีอยู ขณะนน้ั เองทา นศาสดา ผานมาเหน็ และถามข้ึนวา “ พวกทานกําลังทาํ อะไรกนั หรือ” บรรดาชายหนุม : “พวกเรากําลังทดสอบความแข็งแรงของแตละคนกันอยู ซึ่งเราตองการจะรู วาใครคนใดในหมพู วกเราคือคนทแ่ี ข็งแกรง ท่สี ุด” ทานศาสดา : “ยินดีหรอื ไมท่ฉี ันจะเปนกรรมการตดั สินวา ใครคอื ผทู ่ีแข็งแรงท่สี ดุ ” บรรดาชายหนุม : “จะมีอะไรดีไปกวาน้ี ถาทานศาสดาจะเปนผูตัดสินและมันคือความ ภาคภูมิใจเม่ือทา นศาสดาจะเปน ผชู ขี้ าด” หลังจากนน้ั ทุกคนก็เฝา รอคอยอยางใจจดจอวา ทานศาสดาจะชเู มอื ใครใหเ ปน ผชู นะเลิศ บาง คนคดิ วา ทา นศาสดา จะตอ งจบั มอื ข้นึ แลว บอกวา เขาคือผูชนะเลศิ ในการแขงขนั อยางแนน อน ทานศาสดา : ”บุคคลท่ีแข็งแรงและแข็งแรงที่สุด คือผูท่ีเขารักชอบตอส่ิงหน่ึงส่ิงใด และ หลงไหลในมัน แตความหลงไหลตอสิ่งนั้น มิไดนําเขาออกไปจากการความมนุษยและกรอบของสัจ ธรรม และไมแปดเปอนตอสิ่งเลวรายใดๆ และถาหากวาเขาเกิดความโกรธแคนข้ึนมาอยางมาก และอารมณแหงความแคนไดซึมซาบเขา ไปในจิตวิญญาณของเขา แตเขาสามารถมีอาํ นาจเหนอื ตวั เขาเองได (ควบคุมอารมณอยู) เขาจะไมพูดสิ่งใดนอกจากความจริง จะไมพูดมดเท็จ หรือใหราย ผูใด และเมื่อเขามีตําแหนงอํานาจ หรือเปนการงายสําหรับเขาท่ีจะฉกฉวยส่ิงใดๆ ก็ไดตาม อําเภอใจ โดยไมม ีสง่ิ ใดเปนอปุ สรรคขดั ขวาง แตเขาก็มิไดกระทํามนั มากกวาสิทธิที่เขามอี ยู (31) 28… ผทู ่เี พง่ิ จะเขารบั อิสลาม มีเพื่อนบานสองคน คนหน่ึงเปนมุสลิม และอีกคนเปนชาวคริสต บางครั้งบางคราวเขาท้ัง สองไดพูดคุยกัน เกี่ยวกับศาสนาอิสลามตามโอกาสอํานวย ชายที่เปนมุสลิมคือชายซึ่งเปนผูที่ เครงครัดในศาสนามาก เขาสาธยายเกี่ยวกับศาสนาอิสลามกับเพื่อนชาวคริสต ไดรับรูอยาง มากมาย จนกระท่ังชายครสิ เตยี นผนู ้ันเขารับอสิ ลามในที่สดุ คืนหน่ึงกอนเวลารุงอรุณ ชายผูซึ่งเพ่ิงเขารับอิสลามไดยินเสียงคนเคาะประตูบาน ดวย ความตกใจ เขาจึงถามข้ึนอยางรอนรนวา “ใครกัน” เสียงตอบมาจากหลังประตูวา “ฉันเอง (พรอม กบั เอยนามของเขาใหร ับร)ู เพ่อื นบา นของทานที่เชญิ ชวนทา นใหเ ขารบั อสิ ลามจําไดม ยั้ ” ชายท่ีเพง่ิ เขารับอสิ ลาม : “ทา นมกี ิจธุระอันใดหรือถงึ ไดมาเรียกฉันในเวลาอันดึกดนื่ เชน น”้ี 39
ชายมุสลิม : “รีบลุกข้ึน แลวทํานํ้านมาซโดยเร็ว จากน้ันก็สวมเสื้อผาไปมัสยิดดวยกันเพื่อ ปฏบิ ตั ินมาซ” ชายที่เพิ่งเขารับอิสลามก็ปฏิบัติตามน้ัน ซึ่งเปนการกระทําน้ํานมาซครั้งแรกในชีวิตของเขา และตามเพ่ือนมุสลิมของเขาไปยังมัสยิด ขณะน้ันยังมีเวลาเหลืออยูอีมาก กอนที่จะถึงรุงอรุณ ซ่ึง เปนเวลานมาซในยามค่ําคืน (นมาซชับ) เขาไดปฏิบัตินมาซอยูนานจนกระท่ังรุงอรุณ เขาเวลา นมาซซุบฮ เขาจึงกระทํานมาซน้ัน และสาละวนอยูกับการอานดุอาอตางๆ ภายหลังการนมาซ จนกระทั่งสวาง เขาจึงลุกข้ึนเพื่อที่จะกลับไปยังนิวสถานของเขา เพ่ือนชาวมุสลิมจึงถามข้ึนวา “จะ ไปไหนหรอื ” ชายท่ีเพ่ิงเขารับอิสลาม : “ฉันจะกลับบาน ฉันทํานมาซซุบฮเสร็จแลว ก็คงจะไมมีอะไรอีก แลวมใิ ชห รือ” ชายมุสลิม : “เด่ยี วกอนซอิ า นดุอาออกี สักครหู น่งึ จนกวาตะวันขึน้ แลวเราคอ ยแยกกันกลับ บา น” ชายท่ีเพ่ิงเขารับอิสลามจึงตกลงตามน้ัน เขาจึงน่ังลงรําลึกถึงพระผูเปนเจาตอไป และ วิงวอนขอดุอาอจนจบไปหลายเท่ียว จนดวงตะวันทอแสงจา เขาจึงลุกข้ึนเพ่ือท่ีจะกลับบานอีกคร้ัง หนึ่ง เพื่อนของเขาจึงยื่นอัล กุรอานใหแลวบอกวา “ฉันจะสอนใหทานอานอัล กุรอานสักหนอย เพ่ือใหตะวันโผลขึ้นมาเต็มดวงเสียกอน แลวจึงคอยออกกันไป และฉันอยากใหทานต้ังใจถือศีลอด เสียดวยเลยในวันน้ี ทานไมรูหรือวา การถือศีลอดนั้นผลบุญมากมายเพียงใด ชายมุสลิมพยายาม ชักชวนเพื่อนที่เพิ่งขารับอิสลามใหอยูดวยกัน จนกระทั่งเวลาบายก็คืบคลานเขามา ชายมุสลิมจึง กลาวกบั เขาวา “อีกสักครูก็จะถึงเวลาดุฮริแลว เรานมาซดุฮริกันที่มัสยิดเลยดีกวา” เมื่อรวมกันนมา ดุฮริเสร็จเขาก็บอกกับเพ่ือนของเขาอีกวา “อีกไมนานก็จะถึงเวลานมาซอัสริ แลวจะเปนการดียิ่งที่ เราจะไดนมาซในเวลาแรกของมนั ” และหลังจากนมาซอัสริ ผานไปแลว เขาพูดตอไปอีกวา “ จะคํ่า มืดอยูแลวจะรีบไปไหนละ” เขาไดกักตัวชายเพ่ิงรับอิสลามไวจนถึงเวลามัฆริบ และหลังจาก นมาซมัฆรบิ เสรจ็ แลว เพอื่ นของเขากข็ อตัวเพอื่ จะกลับบา นไปละศลี อด เพื่อนชาวมุสลิมจึงกลาวแก เขาวา “ยังเหลือนมาซอีกเวลาเดียวคืออีชาทนอีกสักนิดนะ” เม่ือถึงเวลานมาซอีชา ชายท่ีเพิ่งเขารับ อิสลามเมื่อปฏิบัตินมาซจนเสร็จสิ้น เขาจึงรีบลุกข้ึนกลับบานไปทันที ค่ําคืนตอมาเขาไดยินเสียง เคาะประตูบานอีกคร้ังหน่ึงเหมือนคืนกอนในเวลาเดิม เขาจึงถามวา “ นั่นใคร ” มีเสียงตอบมาวา “ฉันคือเพ่ือนบานของทานเอง รีบทําน้ํานมาซแลวไปมัสยิด” ชายท่ีเพ่ิงรับอิสลามตอบมาทันควัน วา”ฉันไดลาออก จากศาสนานี้ ตั้งแตเมื่อคืนนี้แลวทันทีท่ีกลับมาถึงบาน ทานหาคนอ่ืนเถิดที่เขา วางงานมากกวาฉัน ที่เขาไมมีงานทํา แลวเขาจะไดเอาเวลาของเขาไปน่ังอยูในมัสยิดเพียงอยาง เดียว ฉันเปนคนท่มี ฐี านะไมค อยจะดี ฉนั ตองทํางานเพอ่ื ท่ีจะหาเครอ่ื งยงั ชีพประจําวัน ฉันไมมีเวลา ที่จะปฏบิ ตั ิศาสนกิจเชนน้นั หรอก” 40
หลังจากท่ีทานอิมามญะอฟร อัซ ซอดิก ไดเลาเรื่องราวน้ี ใหเหลาผูติดตามและสาวกของทาน ฟง แลวทานจึงกลาววา “ในที่สุดชายมุสลิมท่ีเครงในศาสนา ท่ีชักชวนคนผูหน่ึงใหเขารับอิสลาม ก็ ไดทําใหบุคคลผูนั้น ออกจากอิสลามไปดวยสาเหตุนี้เอง ดังน้ันพวกทานจงจําเอาไววา อยาได เครงครัดกับประชาชนจนเกินเหตุ จงทําความเขาใจตอความสามารถของผูคนแตละคนวา เขามี ความสามารถแคไหน เพ่ือท่ีเขาจะไดเชิญชวนผูคนเขามาสูศาสนาอิสลามได มิใชทําใหพวกเขาหนี ออกหางจากอิสลาม เขาไมรูหรอกหรือวาการเมืองตามแบบฉบับของพวกอุมัยยะฮนั้น คือการ เขมงวด และเปน เร่อื งซงึ่ ยากลาํ บากทจ่ี ะทนรบั ได แตหนทางหรือแบบฉบับของเราอยู บนความออ น นอมประนีประนอม และความสัมพันธท ดี่ ีงาม และสามารถชักจงู ทกุ ๆ หัวใจใหค ลอ ยตามได “ (32) 29… โตะอาหารของผปู กครอง (คอลีฟะฮ) ชารีก บตุ รของ อับดุลลอฮ นากาอีย เขาคือผูนาํ ศาสนาคนหน่ึงที่มีช่ือเสียงในศตวรรษท่ีเกา เขาเปนผูที่มีความศรัทธาและความยําเกรง ซ่ึงเปนท่ีรูจักกันดีคนหน่ึง มะฮดี บุตรของมันซูร ซึ่งเปน ผูป กครองในราชวงคของอับบาสิยะฮข ณะนั้น มคี วามปรารถนาอยางยง่ิ ท่จี ะยกตาํ แหนงผูพิพากษา ใหแกชารีก บุตรของอับดุลลอฮ แตชารีกไมยอมรับตําแหนงน้ัน เพราะเขาไมตองการใหตัวเองเปน เครื่องมือ หรืออยูภายใตการปกครองของผูกดข่ี จากน้ันคอลีฟะฮจึงขอใหเขาเปนครูสอนพิเศษ บรรดาลูกๆ ของเขา เกี่ยวกับแบบอยางของทานศาสดา แตชารีกก็ปฏิเสธอีก เขายังคงอดทนอยูกับ การมชี ีวติ อยอู ยางเปน อสิ ระเสรีถึงแมจะยากจนแรนแคนก็ตาม วันหนึ่งคอลีฟะฮไดเรียกเขาใหเขาพบ และกลาววา “วันน้ีทานจะตองยอมรับคําขอของฉันขอ ใดขอหนึ่งจากสามขอ คือ ยอมรับตําแหนงผูพิพากษา หรือเปนครูสอนพิเศษใหแกลูกๆ ของฉัน หรอื ไมก็รวมรับประทาานอาหารเท่ยี งกบั ฉนั ในวนั นี้” ชารีกคิดอยูพักใหญจึงไดกลาวข้ึนวา “เมื่อไมมีทางเลือกเชนน้ีแลว จากทั้งหมดสามขอที่ทาน กลาวมา ขอ ทีส่ ามเปนส่งิ ทง่ี า ยท่ีสดุ สาํ หรับขาพเจา” คอลีฟะฮเม่ือไดยินเชนนั้น จึงส่ังใหพอครัวปรุงอาหารท่ีอรอยที่สุด เพื่อที่จะใหชารีกรับ ประทาน อาหารตางๆ หลากหลายซ่ึงถูกปรุงจากเนื้อเยื่อไขมันท่ีดีท่ีสุดในโพรงกระดูก ผสมกับ พืชผักและนํ้าผึ้งช้ันดีถูกวางอยูบนโตะอาหาร ชารีกซ่ึงต้ังแตเกิดมาเขายังไมเคยเห็น และลิ้มรส อาหารเหลาน้ีมากอนเลย จึงรับประทานดวยความเอร็ดอรอย คนจัดเตรียมอาหาร จึงกระซิบท่ีขาง หูของคอลีฟะฮวา “ขอสาบานตอพระเจา ชายผูน้ีจะไมเจอกับความผาสุกอีกตอไป (จะไมเปนผู ศรทั ธาอีกตอไป) “ ตอมาไมนานทุกคนก็เห็นเขารับตําแหนงผูพิพากษา และเปนครูสอนลูกๆ ของคอลีฟะฮ และ ไดร ับเงินจากคลังหลวงทุกเดอื น วันหนึ่งเขามีปากเสียงกับผูท ี่มีหนา ท่จี า ยเงนิ เดือน ซง่ึ กลาวแกเ ขาวา “ทา นมิเคยขายขา วใหแ ก เราเลย แมแตเพียงคร้ังเดียว (ไมไดใหส่ิงใด) ไฉนจึงมาเรียกรองขออยูเชนน้ี ชารีกตอบวา “ฉันได 41
ขายส่ิงลํ้าคา กวา ขา วเสียอกี ใหก ับทา น คือฉันน้ันไดขายศาสนาและตัวของฉันเอง (โดยการมารับใช กับพวกกดขี่ เปนผูฝกใฝใ นโลกน้ี) ใหแกพวกเจา” (33) 30… คํารอ งทกุ ขของเพ่อื นบาน ชายผูหน่ึงมาหาทานศาสดา และรองทุกขตอทานวา เขาถูกเพ่ือนบานรังแก และปฏิเสธท่ี จะอยูรวมกับเขา ทานศาสดากลาววา “จงอดทนไว และอยาสงเสียงรบกวนเพื่อนบานของเทาน เดด็ ขาด และใหเปลีย่ นวิธที ่ีจะแกไขเสยี ” ตอ มาไมน านชายคนนัน้ กม็ าหาทานศาสดาอกี ครงั้ หน่งึ และฟอ งทานศาสดาอีกเชนเคย ทา น ศาสดา จงึ บอกแกเขาอีกวา “จงอดทนไว” จากน้ันเขาก็มาหาทานศาสดาอีกเปนครั้งที่สาม และกลาวแกทานศาสดาวา “โอ ทาน ศาสดา เพอ่ื นบานของฉันคนน้ี เขาไมยุติการรบกวนฉนั เลย เขาคอยรงั แกฉันอยูตลอดเวลา” ครั้งน้ีทานศาสดาจึงบอกเขาวา “วันศุกรที่จะถึงนี้ ทานจงเก็บสัมภาระขาวของออกมานอก บาน แลวนํามันไปวางไวริมทางที่เปนทางผานของผูคน และพวกเขาจะถามทานวา ไฉนจึงเอาขาว ของมากองไวที่นี่ จงบอกพวกเขาไปวาเปนเพราะเพ่ือนบานที่เลวของฉัน และจงบอกกลาวเรื่องราว ท่ถี กู กลั่นแกลงทง้ั หมดใหผ ูค นไดร ับร”ู เมื่อถึงวนั ศกุ รเขาปฏิบตั ติ ามคําแนะนําของทานศาสดาจรงิ ๆ เพ่ือนบานผูรายกาจของเขาซ่ึง คิดวาทานศาสดาจะใหเพียงคําตอบแกชายผูนี้วา จงอดทนไวเสมอไป เขาไมรูวาเม่ือมีการริดรอน สิทธิเกิดข้ึน ผูมีศักดิ์ศรีในอิสลามจะไมยอมอยูรวมกับผูกราวราวและริดรอนสิทธิโดยเด็ดขาด (ปฏเิ สธตอผูรังควาญและตอส)ู เมื่อเพื่อนบานผูรังแกรูขาววาเชนน้ัน เขาจึงรีบไปขอรองใหชายผูนั้นเก็บขาวของกลับบาน ทนั ที และใหค ํามนั่ สัญญาวาจะไมกลนั่ แกลง และรงั แกอีกตอ ไป (34) 31… ตนอินทผาลัม ซามาเราะฮฮ บุตรของุนดับ เปนเจาของสวนอินทผาลัม และมีตนอินทผาลัมอยูตนหนึ่ง อยูในบริเวณบานของผูชวยเหลือทานศาสดา (ชาวอันศอร) ผูหน่ึง ซ่ึงอาศัยอยูพรอมกับครอบครัว และเปนทางผานท่ีจะเขาไปสวนอินทผาลัม บางครั้งซามาเราะฮฮจะมาดูแลตนอินทผาลัมของเขา หรอื มาเกบ็ เก่ียวผลอินทผาลัม และตามกฏเกณฑของอสิ ลามแลว ซามาเราะฮฮสามารถที่จะเขามา ในสวนน้ไี ดต ามอําเภอใจ ทุกครั้งท่ีซามาเราะฮตองการจะเขาไปในสวนอินทผาลัม เขาจะเขาไปโดยมิกลาวสิ่งใด เนื่องจากบา นของชาวอันศอรอยรู ะหวา งทางเขาออกสวนของเขา และบางคร้ังยังมองเขาไปในบาน ของชาวอันศอรแบบไรมารยาท ซ่ึงในบานของชาวอันศอรมีลูกและภรรยาของเขาอาศัยอยูดวย เจาของบานจึงขอรองเขาวา ทุกครั้งที่เขาจะเดินผานเขาไป โปรดอยาไดมาอยางเงียบๆ โดยมิไดสง 42
เสียง และไมทนั รูตัว แตเขากไ็ มรับฟง คําขอรอ งนน้ั และยังคงปฏบิ ตั เิ หมือนเชน เคย เม่ือหมดหนทาง ชาวอันศอรไดไปหาทานศาสดา และฟองตอทานศาสดาวา “ชายผูน้ี (ซามาเราะฮ) ไดเขาไปใน บริเวณบานของฉันอยางเงียบๆ โดยไมบอกกลาวใหรูตัว โปรดตักเตือนเขาดวยวา กอนที่เขาจะเขา ไปในบริเวณบานบอกใหเรารูตัวดวย เพื่อท่ีลูกและภรรยาของฉันจะไดแตงกายใหเรียบรอยกอน จะ ไดปกปดใหพ น จากสายตาทไ่ี มปรารถนาดีของเขา” ทานศาสดา จึงเรียกซามาเราะฮมาหา และกลาววา “มีผูมาฟองฉันถึงเร่ืองของทาน เขา บอกวา ทานเขาไปในบริเวณบานของเขาโดยไมบอกกลาวสิ่งใด และสายตาที่ทานจองมองไปยังลูก และภรรยาของเขานั้น เขาไมพอใจเปน อยางยิ่ง ต้ังแตน้ีเปนตนไป กอนท่ีทานจะเขาไปขอใหบอกให เขารูตวั กอ น อยา เขา ไปในลกั ษณะเชน น้ันอกี แตซะมาเราะฮปฏิเสธ ทานศาสดาจึงกลาวกับเขาวา “ถาเปนเชนน้ันทานจงขายสวนอินท ผาลัมตน น้ันเสีย” เขาก็ไมตกลงที่จะขายอีก ทานศาสดาจึงเพิ่มราคามากขึ้น เขาก็ยังไมยอมอีกเชน เคย ทานศาสดาจึงกลาววา “ถาทานปฏิบัติตามฉัน ทานจะเปนเจาของตนอินทผาลัมตนหนึ่งใน สรวงสวรรคร” แตเขาก็ยังไมยอมรับอีก เขายืนยันเชนเดิมไมขายท้ังตนอินทผาลัมและไมยอมที่จะ ขออนุญาตจากเจาของบาน กอนที่จะเขาไปยังสวนอินทผาลัม และไมยอมรับขอเสนอใดๆ ท้ังส้ิน (แมก ระทั่งรางวัลในสรวงสวรรคร) เม่ือเปนเชนนั้นทานศาสดาจึงกลาววา “ทานคือชายที่มีพิษรายและดื้อรั้น และในอิสลามไม ยอมรับส่ิงน”้ี ทา นศาสดาจงึ หันไปยังชาวอันศอรแลวกลาววา “ทานจงจัดการขุดตนอินทผาลัมนั้น แลวโยนลงตอ หนา ซามาเราะฮ เสียเด่ยี วน้ี” ชายผนู นั้ กก็ ลบั ไปปฏบิ ัติตามท่ีทานศาสดาสั่ง เมอ่ื เขาไดปฏบิ ตั เิ ชนน้ัน ทานศาสดาจึงกลาวกับซามาเราะฮวา “นี่คือตนอินทผาลัมของทาน พอใจทจี่ ะปลูกตรงไหนก็จงเอาไป” (35) 32… ในบานของทา นหญงิ อมุ มุสะลามะฮ คืนน้ันทานศาสดา พักผอนอยูที่บานของทานหญิงอุมมุสะลามะฮ ในยามเท่ียงคืนทาน หญงิ อุมมุสะลามะฮตื่นข้ึนมาไมเห็นทานศาสดา นางมีความกังวลและหวงใยวา จะเกิดอะไรข้ึนกับ ทาน นางจึงคนหาไปท่ัวทั้งหอง จึงไดพบทานศาสดายืนอยู ณ มุมมืด ในขณะเดียวกันสองมือของ ทานศาสดา ก็ยกขึ้นสูฟากฟาดวยนํ้าตานองใบหนา พรอมกับนํ้าเสียงท่ีคร่ําครวญวา “โอพระองค ความดีงามทุกสิ่งทุกอยางที่พระองคทรงประทานแกขาพระองคนั้น ขอพระองคไดโปรดอยาพราก มันไปจากขาพระองคเลย โอพระผูเปนเจา ขอแดพระองค อยาทรงใหขาพระองคถูกกลาวหาหรือ ถูกตาํ หนิจากเหลา ศตั รแู ละผอู ิจฉารษิ ยา โอพระผูเปนเจา พระองคไดทรงปกปองขาพระองคใหรอด พนจากส่ิงชั่วรายทั้งปวงมาแลว ขอไดโปรดอยาไดนําขาพระองคไปสูส่ิงนั้นอีกเลย โอพระผูเปนเจา ขอไดโปรดอยาไดป ลอยใหขาพระองคถ ูกตัดขาดจากพระองค แมเพียงกระพริบตาเดยี ว” 43
เม่ือทา นหญิงอุมมุสะลามะฮ ไดยินถอยคําทั้งหลายที่ทานศาสดาพร่ําวอน รางกายของนางก็ ส่ันสะทานดวยความเกรงกลัว นางจึงเดินไปยังมุมหน่ึง แลวเริ่มรองใหออกมาดวยเสียงอันดังจน ทานศาสดาไดยิน และเดนิ เขา มาถามนางวา “ไฉนเจา จึงรองใหเ ชน น”้ี นางตอบวา “จะไมใหฉันรองใหไดอยางไรกัน ในขณะที่ทานมีสถานภาพเปนถึงศาสดา ผู สื่อสารขององคพระผูเปนเจา ทานยังมีความเกรงกลัวตอพระองคถึงขนาดน้ี และทานยังขอตอ พระองคอยาไดทรงตัดขาดจากทาน แมเพียงชั่วกระพริบตาเดียว แลวมนุษยอยางฉันจะเหลือสิ่งใด เลา” ทานศาสดา “โออุมมุสะลามะฮ เจาจะหามไมใหฉันเปนหวงหรือประมาท และม่ันใจได อยางไร ในขณะที่ยูนุส ซ่ึงก็เปนศาสดาผูหนึ่งของพระองคยังถูกตัดขาดจากพระองคเปนระยะเวลา หนง่ึ ซ่ึงไดเกิดขน้ึ แลวกบั เขาแลว ในสิ่งทีเ่ กิดขึ้นไดเ สมอ” (36) 33… ตลาดมดื ในขณะท่ีรายจายนับวันจะเพิ่มมากข้ึนภายในครอบครัวของทานอิมามยะอฟร อัซ ซอดิก ทานอมิ ามจึงตัดสนิ ใจทีจ่ ะทําการคาสกั อยา งหน่งึ เพ่อื ใหม ีรายไดมาจุนเจือครอบครัวของทาน ทาน จึงเตรียมเงินหน่ึงพันเหรียญทอง และกลาวกบคนรับใชของทาน (ซึ่งมีนามวามาซอดิฟ) วา “จงรับ เงนิ หนง่ึ พันเหรียญทองนไ้ี ป และเตรยี มตวั เดนิ ทางไปคา ทเ่ี มอื งมศิ ร (อยี ปิ ต) อยา งมริ อชา” มาซอดิฟ รับเงินจํานวนนั้นไป และไดซ้ือสินคาชนิดหน่ึง ซ่ึงเปนสินคาท่ีพวกพอคามักจะ นําไปขายท่ีอิยิปต เขารวมเดินทางไปกับกองคาราวานของเหลาพอคา (ซึ่งพอคาทุกคนไดนําสินคา ชนดิ เดยี วกนั ทงั้ หมด) มุง สเู มืองอยี ิปตต ท นั ที ในระหวางทางที่ใกลจะถึงจุดหมาย พวกเขาไดพบกับกองคาราวานหน่ึง ซึ่งเพิ่งกลับมาจาก เมืองอยี ปิ ตต เมอ่ื พูดจาถามทุกขส ุขตอกัน โดยเฉพาะสถานการณของการคาขายทผ่ี านมา จงึ ทราบ วาในอียิปตขณะน้ีสินคาที่มาซอดิฟ และพวกพอคานํามานั้น กําลังเปนที่ตองการของตลาด พอคา ทุกคนตางกด็ ีอกดีใจกบั ความมีโชคของพวกเขา เพราะวาสินคา ทนี่ าํ มาเปนท่ตี องการของประชาชน นน่ั หมายความวา ราคาจะเทาไรกต็ าม ประชาชนกจ็ ะซื้อจนหมดสน้ิ หลังจากที่พอคาไดรับขาวดีเชนนี้ ในระหวางทางพวกเขาจึงรวมกันสัญญาวา ทุกคนจะไม ขายสินคาอยางเด็ดขาด ถาไมมีผลกําไรถึงหน่ึงเทาตัว จากนั้นพวกเขาจึงมุงหนาเขาเมืองอียิปต ทนั ที และสถานการณก ็เปนดงั่ เชนท่ีพวกเขาไดร ับขาวมา เนื่องจากคํามัน่ สัญญาที่ใหก ันไวรวมกนั พวกเขาจงึ รวมกันต้ังตลาดมืดขึ้นมา และขายสนิ คา ในราคาสูงถึงหนง่ึ เทาตัว มาซอดิฟกลับสูมะดีนะฮ พรอมกับผลกําไรอีกหน่ึงพันเหรียญทอง เขาจึงเขาพบทานอิมาม ซอดิก ดวยความดีใจและภาคภูมิใจอยางย่ิง เม่ือเขาวางถุงเงินสองถุง ซึ่งมีเงินอยูถุงละหน่ึงพัน เหรียญทองลงตอหนาทานอิมามซอดิก ทานอิมามจึงถามเขาวา “นี่คืออะไร” เขากลาววา “หน่ึง 44
จากสองถงุ นีค้ อื ตน ทุนที่ทา นใหแ กฉัน และอีกหนง่ึ ถงุ ซ่ึงมีจํานวนเทากบั ตนทุนคอื ผลกําไรที่ฉนั ไดรับ มา” อิมาม : “เหตุใดจึงมากมายเชนนี้! เจาลองบอกมาซิวาเจาคาขายอยางไร จึงไดผลกําไร อยางมากมายเชนน้”ี มาซอดิฟ : “ขณะท่ีกองคาราวานของเราใกลถึงเมืองอียิปต เราไดรับขาววาสินคาที่เราจะ นําไปขายน้ัน เปนที่ตองการของตลาดมาก พอคาทั้งหมดจึงสัญญารวมกันวา ถาไมไดผลกําไรถึง หน่ึงเทา ตวั เราจะไมขายสนิ คา ของเราเด็ดขาด และเรากป็ ฏิบตั ิเชน นั้นจริงๆ “ อิมาม :”มหาบริสุทธ์ิย่ิงแดพระผูเปนเจา เจาทําอยางนั้นจริงหรือ เจาสัญญารวมกัน เพ่ือท่ีจะต้ังตลาดมืดในหมูพี่นองประชาชนกระนั้นหรือ เจาสัญญากันวา ถาไมไดผลกําไรถึงหน่ึง เทาตัวเจาจะไมขายสินคากระน้ันหรือ ไม ฉันไมตองการผลกําไรจากการคา โดยวิธีการเชนน้ีอยาง เด็ดขาด” พดู จบทา นอิมาม จึงหยบิ เงินถงุ หนึง่ ข้ึนมา และกลาววา “นคี่ อื ตนทุนของฉัน” และทานมิได แตะตองเงินอีกถุงหนึ่งเลย ทานอิมามกลาววา “ฉันจะไมยุงเก่ียวกับมัน” จากนั้นทานอิมามก็กลาว ตอไปอีกวา “ โอ มาซอดิฟเอย การฆาฟนกนั นัน้ ยังงา ยยิง่ กวาการท่ีจะใหไ ดม าซึ่งสิ่งทอ่ี นญุ าต) เสยี อกี ” (37) 34… ผตู กคา งจากกองคาราวาน ในความมืดของค่ําคืนหน่ึงมีเสียงตะโกนโหวกเหวกขอความชวยเหลือของชายหนุมผูหนึ่ง ดังมาแตใกล อูฐที่ออนแอและผอมแหงแรงนอยของเขา ตกคางอยูหลังกองคาราวานและนอน หมอบลงดวยความเหน่ีอยลา เขาพยายามทจี่ ะทําใหอ ฐู ลกุ ขึน้ เดินทางตอไปอยางสุดความสามารถ แตก็ไมเปนผล เขาจึงขึ้นยืนบนหลังอูฐ แลวตะโกนรองขอความชวยเหลือ ในขณะนั้นเองทาน ศาสดา ซึง่ ตามปกติแลวทานจะตามหลงั กองคาราวานอยเู สมอ (เพราะถาหากวามีผูใดตกคางจาก กองคาราวาน ทานก็สามารถท่ีจะชวยเหลือได) ไดยินเสียงของชายหนุมผูน้ัน เม่ือทานเขามาใกล ทานจึงถามข้ึนวา “นน่ั ใครกนั ” ชายหนุม : “ฉันเอง ญาบิร “ ทา นศาสดา : “ไฉนเจาจงึ ไดลาชา กวาผอู ื่นเลา ” ญาบริ : “โอ ทานศาสดา อูฐของฉันมันเดนิ ตอ ไปไมไ หวเทานน้ั เอง” ทา นศาสดา :” เจา มไี มเ ทามาดวยหรือเปลา” ญาบริ : “ มีขอรบั กระผม” ทา นศาสดา : “สง มาใหฉนั ซิ “ เมื่อรับไมเทาจากญาบิรมาแลว ทานศาสดาไดทําใหอูฐของเขาเคล่ือนไหวดวยไมเทาอัน น้ัน จากนั้นจึงทําใหมันนอนลง และประสานมือของทานเขาดวยกัน (ใหเปนท่ียางเทา) แลวกลาว 45
กับญาบิรวา “ข้ึนหลังอุฐโดยเร็ว” ญาบิรจึงข้ึนนั่งบนหลังอูฐ และออกเดินทางพรอมกับทานศาสดา ขณะน้นั อูฐของญาบิรจึงเดินไดเร็วขึ้น ทานศาสดาไดแสดงความมีไมตรีจิตตอญาบิรตลอดทาง ญา บริ รวู า ทานศาสดาขออภัยโทษจากพระผเู ปน เจา ใหเขาถึงย่ีสิบหาครั้งดวยกัน จากจํานวนท่ีเขานับ ไว ในระหวา งทางทานศาสดาไดถามญาบิรวา “บดิ าเจามีลูกทองเดยี วกนั ทง้ั หมดกี่คน” ญาบิร : “ลกู สาวเจด็ คน และลกู ชายอีกหน่ึงคอื ฉันเองขอรับ” ทานศาสดา : “หนีส้ นิ ของบดิ าของเจา ยงั มเี หลอื อยูอ กี มัย้ ” ญาบิร : “มีขอรบั ” ทานศาสดา : “ถาเปนเชนน้ัน หลังจากกลับมาจากมะดีนะฮแลว เจาจงนัดหมายกับเจาหนี้ และเมอ่ื ถงึ เวลาเกียบเกยี่ วผลอินทผาลมั จงสงขาวใหฉนั รดู ว ย “ ญาบิร : “ขอรบั ทานศาสดา “ ทา นศาสดา : “เจา แตงงานแลวหรือยงั ” ญาบิร: “แตง แลวขอรับกระผม” ทานศาสดา : “แตงกบั ใครละ ” ญาบิร : “แตงกับหญงิ มา ยซึง่ เปนบุตรของชายผูห นึ่ง” ทานศาสดา : ไฉนเจาจงึ ไมแ ตง กับหญงิ สาวบรสิ ทุ ธ์ิ ในวัยไลเ ลีย่ กับเจา” ญาบิร: “โอ ทานศาสดา ฉันมีพ่ีสาวนองสาวหลายคน ซ่ึงท้ังหมดยังไมมีประสบการณ เทา ใดนัก (ยงั เด็กๆกนั อยู) ฉันจึงไมตองการผูหญิงท่ีสาวอยู ฉันเห็นวาจะเปนการดีที่จะเลือกผูหญิง ที่ เปนผูใ หญแลว ” ทานศาสดา : “ความคิดของเจา ดมี าก แลวอฐู ตวั นี้เจา ซอ้ื มาในราคาเทาไหร” ญาบิร : “จํานวนหาเหรียญทองขอรบั ” ทานศาสดา : “ฉันจะซ้ือจากเจาดวยราคาเดิม เม่ือมาถึงมะดีนะฮแลว จงมาเอาคาอูฐจาก ฉันไดเลย” การเดินทางส้นิ สดุ ลงและกองคาราวานไดกลับสมู ะดนี ะฮ ญาบิรจึงนําอูฐของเขาไปใหทาน ศาสดา ทานจึงกลาวแกบิลาลวา ”จงจายใหแกญาบิรจํานวนหาเหรียญทอง ซึ่งเปนราคาอูฐของ เขา และเพิม่ ใหอ กี สามเหรยี ญเพ่ือจะไดนาํ ไปจา ยหน้ีสินท่บี ิดาของเขาคา งอยู และมอบอฐู คนื ใหเ ขา ไปดวย หลงั จากนน้ั ทา นศาสดาจงึ ถามญาบริ วา “เจาไดนัดหมายกับเจาหน้ีหรอื ยงั ” ญาบริ : “ยงั เลย โอทานศาสดา “ ทานศาสดา : “ทรพั ยสนิ ที่เหลอื อยจู ากพอ ของเจาพอที่จะใชห น้ีของเขาไดหรือไม” ญาบิร : “ไมขอรบั โอท า นศาสดา “ ทานศาสดา : “ถาเปนเชนน้ัน เมื่อถึงเวลาเก็บเก่ียวผลอินทผาลัมก็จงสงขาวใหฉันไดรับรู ดวย เม่ือถึงเวลาเก็บผลอินทผาลัม เขาจึงสงขาวใหทานศาสดารับทราบ ทานศาสดา จึงไดมาพบ 46
เขา และชาํ ระหนีส้ ินตา งๆ ตอเจา หนีท้ กุ คนจนหมดสน้ิ และไดย กใหค รอบครวั ของญาบริ สว นหนงึ่ ซง่ึ เปน จํานวนทเี่ พียงพอ (38) 35… สายเชอื กผกู รองเทา ทา นอมิ ามซอดกิ และเหลา สาวกไดรว มกนั เดนิ ทางไปแสดงความเสียใจตอ เพ่อื นบา นผหู นง่ึ จากเหตุการณท่ีเกิดขึ้นกับเขา ในระหวางทางนั่นเองเชือกผูกรองเทาของอิมามซอดิก ไดขาดจนไม สามารถ จะสวมตอ ไปไดอกี ทา นอมิ ามจงึ ถอดรองเทาถือไวในมอื ของทา น แลว ออกเดนิ ทางตอดวย เทาเปลา อับดุลลอฮ บุตรของญะอฟูร (หน่ึงจากสาวกผูยิ่งใหญของทานอิมามซอดิก) จึงถอด รองเทาของเขาออกโดยเร็ว และดึงเชือกผูกรองเทาออกมา พรอมกับสงใหทานอิมามทันที เพ่ือให ทานใสแทนเชือกรองเทาของทานท่ีขาดไป และตัวของเขาเองจะเปนคนเดินดวยเทาเปลาแทน เมื่อ เห็นดังนน้ั ทานอมิ ามรูสึกไมพอใจ และเบอื นหนา หนีไปจากอับดุลลอฮ ทานไมยอมรับสิ่งน้ันจากเขา พรอมกับกลาววา “เมอ่ื ความยากลําบากเกดิ ข้นึ ตอ บคุ คลใดกต็ าม จะเปนการประเสรฐิ ยง่ิ กวา ทเี่ ขา จะไดอดทนมันดวยตัวของเขาเอง มิเปนการบังควรเลยเมื่อเกิดเหตุการณใดๆ ข้ึนกับบุคคลหน่ึง บุคคลใด แลวเขายอมท่ีจะใหผูอ่ืน มารวมลําบากกับเขาดวย ที่ดีท่ีสุดเขาควรจะตองอดทนดวย ตนเอง” (39) 36… ฮิชาม และฟารอซดกั ฮิชาม บุตรของอับดุลมาลิก ซึ่งมีตําแหนงเปนผูสืบทอดตําแหนงผูปกครอง ในชวงแรกของ ศตวรรษเกา ซึ่งเปนชวงท่ีการปกครองของราชวงศอุมัยยะฮมีอํานาจสูงสุด หลังจากเสร็จสิ้นการ เวียนรอบวิหารกะอบะฮแลว เขาตองการจะเขาไปใกลชิดตําแหนงหินดําเพ่ือจูบมัน แตก็ไมประสบ ผลสําเร็จสักครั้ง ประชาชนทุกคนอยูในชุดคลุมกายสีขาวท่ีเหมือนกัน คือการสวมใสชุดแสวงบุญ และกลาวถอยคําพรอมกับการปฏิบัติศาสนกิจอยางเสมอเหมือนกันหมด ทุกคนกําลังดื่มด่ําอยูใน ความรูสึกอันบริสุทธ์ิ ซ่ึงไมสามารถหรือไมมีเวลาท่ีจะมาสนใจตอตัวบุคคลและตําแหนงอันสูงสง ทางโลกของฮิชามได รวมท้ังบรรดาผูติดตามหลายคนที่เขานํามาจากเมืองชาม เพื่อปกปองรักษา ความปลอดภัย และยศฐาบรรดาศักด์ิของเขาก็มิไดรับความสนใจตอผูคนแตอยางใดเลย เม่ือตอง มาเผชญิ กับความยง่ิ ใหญแหง พิธีฮจั ญ ณ นครมกั กะฮ ฮิชามพยายามทุกวิถีทางเพื่อท่ีจะพาตนเองเขาไปถึงหินดําใหได เพราะตามแบบอยางของ ทานศาสดาแลว ผูประกอบพิธีฮัจญทุกคนควรจะตองปฏิบัติสิ่งนั้นใหได แตในที่สุดก็ยังไมเปน ผลสาํ เร็จ อันเนื่องมาจากฝูงชนมากมายมหาศาลท่ีมาประกอบพิธีฮัจญ เมื่อหมดหนทาง เขาจึงหัน หลังเดินกลับไปน่ังพักผอนอยู ณ สถานท่ีซ่ึงถูกตระเตรียมไวสําหรับเขา และเฝามองดูฝูงชนที่ เคลื่อนไหวประกอบการภักดีกันอยูอยางเนืองแนน พรอมกับบรรดาผูติดตามท่ียืนรายลอมรอบตัว เขาอยู 47
ขณะนั้นเองชายผูหนึ่งไดปรากฏตัวข้ึน ณ สถานที่แหงนั้น ชายผูน้ันมีใบหนาท่ีบงบอกถึง ความเปนผูมีศรัทธาอยางสูงสงอยางเดนชัด และชายผูน้ันก็มิไดมีอะไรแตกตางไปจากบุคคลอ่ืนๆ เลย เขาสวมใสเ คร่ืองแตงกายประเภทเดียวกันกับผูอ่ืน แตรองรอยแหงการเคารพภักดีตอพระผูเปน เจากับบุคลิคภาพของเขาเทานั้น ท่ีแสดงออกใหเห็นถึงความแตกตาง เม่ือเขาจะเร่ิมการเวียนรอบ วหิ ารกะอบ ะฮอยา งนอบนอ มถอ มตน ฝูงชนมากมายทีก่ ําลังเบียดเสยี ดกนั อยู เม่ือเห็นชายผูน้ันเดิน เขามาใกลหินดํา พวกเขาจึงพากันหลีกทางแยกออกเปนชองทาง เพ่ือใหชายผูน้ัน เขาไปไดถึงหิน ดําอยางฉับพลัน ชาวเมืองชามซ่ึงเห็นภาพท่ีเกิดขึ้นเบ้ืองหนาของพวกเขาเชนน้ัน (ซ่ึงเมื่อครูหน่ึงที่ ผานมา ฮิชามผูนําของพวกเขาซ่ึงมีตําแหนงเปนถึงรัชทายาท พรอมกับเกียรติยศอันสูงสง ยังไม สามารถที่จะเขา ไปถึงยังหนิ ดาํ ได พวกเขาจึงเกิดความเคยี ดแคน ระคนไปกบั ความประหลาดใจ ผูหนงึ่ จากพวกเขาไดถามฮิชามวา “เขาคือใครกัน” ฮิชามซ่ึงรูดีวาชายผูนั้นคืออะลี บุตรของฮูเซน ซัยนุลบอาบิดีน แตเขาก็เสแสรงทําเปนไม รูจักและตอบวา “ฉันไมรู” ขณะนั้นแมวาจะมีผูใดผูหน่ึงรูจักชายผูน้ันไดเปนอยางดี แตฮิชามผู โหดราย ซึ่งคมดาบของเขาสามารถท่ีจะหล่ังเลือดใครตอใครไดทุกขณะ จึงไมมีผูใดหาญกลาที่จะ แนะนําชื่อเสียงเรียงนามของชายผูน้ันใหรูวาเขาคือใคร แตในขณะนั้นเองอามาม บุตรของฆอลิบ ซ่ึงเปนท่ีรูจักกันในนามของ “ฟารอซดัก” กวีที่มีโวหารเฉียบแหลม และมีความสามารถในหมูชาว อาหรับดวยความชํานาญและประสบการณอันเหลือลนภายในตัวของเขา จิตใตสํานึกของเขาถูก ปลุกเราขึ้นมา ความรูสึกตางๆ เดือดพลาน เขาจึงกลาวขึ้นวา “แตทวาฉันรูจักชายผูนั้น” เขาคิดวา การแนะนําชายผูนั้นแบบธรรมดาเผินๆ ไมเปนการเพียงพอ เขาจึงกาวข้ึนไปยืนอยูบนท่ีสูง และ กลาวรอยกรองที่ดีเย่ียมบทหน่ึง (ซ่ึงเปนผลงานชิ้นเอกของไวยากรณอาหรับ และการกลาวรอย กรองเชนนี้ทําได ก็ตอเมื่ออยูในสถานการณที่ออนใหว และเผ็ดรอน ซึ่งวิญญาณของผูกลาวรอย กรองดังกลาวน้ีจักตองเปรียบเสมือนทะเลท่ีมีคลื่นลมแรงเทานั้น) เขาไดบรรจงเขียนมันและกลาว อยางคลอ งแคลว ซง่ึ มีใจความวา “บุคคลผูนี้คือผูซึ่งบรรดากรวดทรายใหญนอยแหงพื้นพิภพอันย่ิงใหญนี้ลวนรูจักเขาเปนอยาง ดี แมกระท่งั วหิ ารกะอบ ะฮนก้ี ็รูจกั เขา รวมทงั้ พ้นื แผนดนิ ในเมืองมักกะฮ และทอี่ ยนู อกมกั กะฮต า งก็ รจู กั เขา เขาคอื บตุ รของบาวท่ีดีเลิศแหงองคอภิบาล เขาคอื ผทู ม่ี ีความยําเกรงและศรัทธาย่งิ จากการท่ีทานบอกวาฉันไมรูจักเขา มันมิไดสงผลกระทบหรือสรางความเสียหายหรือต่ํา ตอยแกเขาแตประการใดเลย ถาหากมีทานเพียงคนเดียว ท่ีไมรูจักเขา แตทั่วทั้งอาหรับ และมิใช อาหรบั ตา งก็รูจกั เขา” เมื่อฮิชามไดยินเชนนั้น ไดสรางความโกรธแคนแกเขาเปนย่ิงนัก เขาจึงออกคําส่ังตัดเงินสวน แบงจากคลงั กลางของฟารอซดักตลอดชวี ิต และสัง่ จําคกุ ฟารอซดกั ในคกุ อสั ฟานซึง่ อยูร ะหวางมะดี นะฮกับมักกะฮ แตฟารอซดักมิไดใหความสําคัญและหวาดกลัวตอเหตุการณ หรือคําตัดสินท่ีมีตอ 48
เขาเลยแมแตนอย (ซึ่งมันคือผลลัพธแหงความกลาหาญในการเปดเผยความเช่ือและความรักของ เขาเอง) ไมวาจะเปนการถูกจําคุกหรือการถูกตัดเงินสวนแบงจากคลังกลาง และที่สําคัญก็คือเมื่อ เขาถูกจองจําอยใู นคกุ เขากย็ งั มิไดล ดละท่จี ะเขยี นบทกลอนดูหมนิ่ เยยหยันฮิชามอยา งไมห ยดุ ยัง้ อิมามอะลี บตุ รของฮูเซน ไดส ง เงินจาํ นวนหนึ่งไปใหฟารอซดักในสถานท่ีคมุ ขัง (เพราะเขาไม มีรายไดเลย) ฟารอซดักปฏิเสธที่จะรับเงินจํานวนนั้น และกลาววา “ฉันเขียนกลอนบทนั้นข้ึนมาใน วิถีทางแหงความเชื่อมั่นศรัทธาที่ฉันมีอยู และเพ่ือองคอภิบาล ฉันไมประสงคที่จะรับส่ิงใดเปนการ ตอบแทน” จากน้ันทานอิมาม จึงสงเงินไปใหฟารอซดักเปนครั้งท่ีสอง พรอมกับสงสานนไปยังเขา ดวย ทานกลาววา “พระผูเปนเจาทรงรูและทราบในความตั้งในของทานดี และพระองคจะทรง ประทานรางวัลอันดีเยี่ยมแกทาน ตอความตั้งใจดีของทาน และถาหากวาทานไดยอมรับการ ชวยเหลือน้ี ก็มิไดสรางความเสียหายแกรางวัลของทาน ณ พระองค แตเพียงอยางใดเลย” ฟารอซ ดักจงึ สาบานท่จี ะรับความชว ยเหลอื น้ัน และเขารบั เอาไวด วยความเตม็ ใจ (40) 37… บาซันฏีย อะหมัด บุตรของมุฮัมมัด บุตรของอบูบาศีร บาซันฏีย เปนผูรูท่ีมีชื่อคนหน่ึงในยุคสมัยของ เขา ภายหลังจากทเี่ ขาเขยี นจดหมายโตต อบและแลกเปล่ียนความคดิ เห็นกับทานอิมามริฎอจํานวน มาก โดยเฉพาะจากคําถามตางๆ ท่ีถามไป ซ่ึงไดรับคําตอบจากทานอิมามอยางแจมแจง เขาจึง ยอมรับการเปนผูนําของทานอิมามริฎอ ในที่สุดวันหนึ่งเขาไดกลาวกับทานอิมามวา ”แนนอนท่ีสุด ฉันปรารถนาที่จะมาหาทานดวยตนเอง เพื่อเรียนรูวิชาการทั้งหลายจากทาน เมื่อฉันมีโอกาสและ เมือ่ การไปมาหาสูของฉันกับทา น มไิ ดต กอยูในเปา สายตาจากกลมุ ชนของฝา ยปกครองผกู ดข”่ี เย็นวันหนึ่งทานอิมามริฎอ ไดสงสาวกพรอมกับมาท่ีเปนพาหนะสวนตัวของทานไปพบบา ซันฏีย และเชิญเขามาที่บานพัก ในคืนนั้นการสนทนาตางๆไดผานไปดวยคําถามและคําตอบแหง วิชาการอยางมากมายและตอเนื่อง บาซันฏียถามปญหาตางๆ จากทานอิมาม และทานก็ตอบเขา ในทุกเร่ืองราว บาซันฏียมีความภาคภูมิใจและปติยินดีเปนย่ิงนักตอเหตุการณท่ีเกิดขึ้นกับเขา รวมท้ังการตอ นรบั และดแู ลอยา งดีจากทานอิมาม เม่ือถึงเวลาพกั ผอน ทา นอิมามไดเรยี กคนรับใชม าและกลา ววา “จงนาํ เตียงของฉัน (ของใช สวนตวั ของทา นอมิ าม) มาตระเตรียมใหกับบาซันฏยี เพือ่ ทีเ่ ขาจะไดพ กั ผอน เม่ือเหตุการณเปนเชนนั้น (ตอความมีไมตรีของทานอิมาม) บาซันฏียจึงย่ิงมีความคิด ลองลอยไปไกล เขากลาวกับตนเองวา “บัดนี้ในโลกนี้คงจะไมมีใครโชคดีเทาเทียมฉันเลยแมแต เพียงสักคนเดียว ฉันคนนี้แหละ ท่ีทานอิมามสงมาประจําตัวของทานมารับ และนําฉันมายังบาน ของทาน ฉันคนน้ีแหละที่ทานอิมามน่ังสนทนาดวย จนดึกด่ืนแตเพียงลําพัง และท่ีสําคัญท่ีสุดฉัน คนน้ีอีกน่ันแหละ ที่ทานอิมามสั่งใหคนรับใชเอาเตียงนอนสวนตัวของทานมาตระเตรียมใหนอน แลว จะมีใครอกี ในโลกนี้ ที่จะโชคดีกวา ฉนั ” 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200