Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดวิชาโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์

ชุดวิชาโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์

Published by Dr.Pakin Chaichuay, 2021-04-01 12:07:41

Description: ฝึกปฏิบัติ พัฒนาทักษะวิชาชีพด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและทีมสุขภาพ ในการป้องกันปัญหาและส่งเสริมสุขภาพด้านการแพทย์ฉุกเฉินในชุมชน โดยใช้หลักการวิจัยเบื้องต้นในการศึกษา การเก็บรวบรวมข้อมูล ระบุปัญหา การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา การเขียนโครงการ ศึกษากระบวนการและปฏิบัติงานตามแผนงานหรือโครงการที่กำหนดโดยใช้ทรัพยากร ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของชุมชน ตลอดจนประเมินและสรุปผลการดำเนินงานพร้อมทั้งนำเสนอการดำเนินการอย่างเป็นระบบ

Search

Read the Text Version

คูม่ ือการฝึกปฏิบัตงิ าน ชดุ วิชาโครงการพัฒนาทักษะวชิ าชพี ปฏบิ ตั ิการฉกุ เฉินการแพทย์ หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพชน้ั สงู สาขาปฏบิ ตั ิการฉุกเฉนิ การแพทย์ หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๙ หลกั สูตรหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชน้ั สูง สาขาปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ชั้นปที ่ี ๒ รุ่นท่ี ๑๑ ภาคการศกึ ษาที่ ๓ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ วิทยาลัยการสาธารณสขุ สิรินธร จังหวดั อุบลราชธานี สถาบันพระบรมราชชนก สำนกั งานปลัดกระทรวงกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงสาธารณสุข

ก คำนำ คู่มือการฝึกปฏิบัติงาน โครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ.๒๕๕ ๙ เป็นเอกสารที่ จัดทำขึ้น เพื่อให้นักศึกษา อาจารย์พี่เลี้ยง และอาจารย์นิเทศ ใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และประสบการณ์ ในการฝึกปฏิบัติงานตรงตามวัตถปุ ระสงค์ของการปฏบิ ัติงานท่ีกำหนดไว้ในหลกั สูตร กิจกรรมการฝึก ปฏิบัติงานจะเป็นการพัฒนานักศึกษาเม่ือสำเรจ็ การศึกษาสามารถนำความรู้และทักษะไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ เปน็ มาตรฐานเดียวกนั สาระในคู่มือประกอบด้วยลักษณะชุดวิชา ผลลัพธ์การเรียนรู้ วัตถุประสงค์ของการศึกษาภาคปฏิบัติ ระยะเวลาการฝึกปฏิบัติ สถานที่ฝึกปฏิบัติ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและ ประเมินผล โดยมีแบบประเมินทักษะ ตรวจสอบวัดผลการฝึกปฏบิ ัติงาน เพื่อให้นักศึกษาปฏิบัติงานได้ตามเกณฑ์ที่ กำหนดไว้ในชุดวิชาเมื่อสิ้นสุดการฝึกปฏิบัติงานนักศึกษาต้องมีทักษะการพัฒนาหรือ ส่งเสริมสุขภาพและป้องกัน ปัญหาดา้ นการแพทยฉ์ ุกเฉนิ โดยการมสี ่วนร่วมของชุมชน ตรงตามวัตถุประสงคข์ องชุดวิชา ในส่วนภาคผนวกเป็นความรู้ประกอบการฝึกปฏิบัติงานที่ได้มีการปรับปรุงตามความต้องการของนึก ศึกษาและอาจารย์พี่เลี้ยง โดยมีเนื้อหาประกอบด้วย เรื่องของ เครื่องมือศึกษาชุมชน ๗ ชิ้น เทคนิคกระบวนการ วางแผนแบบมีสว่ นร่วม(AIC) เทคนิคการวางแผนกลยทุ ธ์ (SWOT Analysis) ประชาคม การประชมุ และ การวนิ ิจฉัย ชมุ ชน คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณ อาจารย์ทุกท่านที่เรียบเรียงให้คู่มือวิชาการฉบับนี้สำเร็จสมบูรณ์ และ ขอขอบคุณอาจารย์ที่รับผิดชอบ ชุดวิชาโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ จากวิทยาลัยการ สาธารณสุขสิรินธรทุกแห่งท่ีได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และระดมความคิดเห็น เพอ่ื ให้คู่มือฉบับน้ีสำเร็จและนำไปใช้ได้ จริง ทั้งนี้วิทยาลัยสามารถปรับเปล่ียนกิจกรรมการเรียนรู้ได้ตามบริบทของแต่ละวิทยาลัย รวมทั้งขอขอบคุณอาจารย์พ่ี เลี้ยง/เจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในหน่วยกู้ชีพเทศบาล/ตำบล ศูนย์แพทย์ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในชุมชน และชุมชนทุกแห่งที่เป็นสถาบันท่ีฝึกงานของนักศึกษา ทไี่ ด้ให้ความรว่ มมือ เพ่ือให้การฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาบรรลุ ตามวตั ถปุ ระสงค์ท่ีกำหนดไว้ คณะผู้จัดทำ ภาควิชาปฏบิ ัติการฉุกเฉินการแพทย์ วิทยาลยั การสาธารณสุขสิรนิ ธร จงั หวัดอุบลราชธานี

ข สารบัญ หนา้ ท่ี ก คำนำ ข สารบัญ ๑ ๑. ชอื่ ชดุ วิชา ๑ ๒. ลกั ษณะชดุ วชิ า ๑ ๓. ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ ๑ ๔. วตั ถุประสงค์ของการศึกษาภาคปฏิบัติ ๑ ๕. ระยะเวลาการฝึกปฏิบตั ิ ๑ ๖. นักศกึ ษาในชนั้ ปี ๒ ๗. สถานทฝ่ี ึกปฏบิ ตั ิ ๒ ๘. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ๒ ๙. กิจกรรมการเรียนการสอน ๔ ๑๐. การวดั ประเมินผล ๕ ๑๑. ผปู้ ระเมิน ๕ ๑๒. บทบาทและหนา้ ทข่ี องอาจารยน์ เิ ทศ ๖ ๑๓. การจัดการดา้ นความเสยี่ ง ๗ ๑๔. เครอื่ งมอื ประเมนิ ทกั ษะการปฏิบตั ิงาน และพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิตน ๘ ๑๕. เกณฑ์การตดั สินการฝึกปฏบิ ัติงาน ๘ ๑๖. การทวนสอบและปรบั ปรงุ ๙ ๑๗. อาจารย์นเิ ทศ ๑๐ ๑๘. ภาคผนวก ก ออกแบบการฝกึ ปฏบิ ัตงิ าน ๑๓ ๑๙. ภาคผนวก ข แบบประเมนิ ทักษะการปฏิบัตงิ าน ๑๔ ๑.แบบประเมินกระบวนการวิจัยเบื้องตน้ เพ่ือแก้ไขปัญหาด้านการแพทย์ ฉุกเฉินในชุมชน ๑๕ ๒. แบบประเมนิ การเขียนโครงการ ๑๖ ๓. แบบประเมินรายงานโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันปัญหาการ บาดเจบ็ และเจ็บปว่ ยฉกุ เฉนิ ในชุมชน ๑๗ ๔. แบบประเมินการนำเสนอโครงการ ๑๘ ๕. แบบประเมินสรุปผลการฝึกปฏิบัติงานโครงการส่งเสริมสุขภาพและ ป้องกันปัญหาการบาดเจบ็ และเจบ็ ป่วยฉกุ เฉินในชุมชน

ค สารบญั (ต่อ) หนา้ ท่ี ๑๙ ๒๐. ภาคผนวก ค แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการปฏิบัติตน ๒๒ ๒๑. ภาคผนวก ง รูปแบบรายงานการฝกึ ปฏบิ ตั งิ าน ๓๑ ๒๒. ภาคผนวก จ ระเบยี บที่เกี่ยวข้องกับการฝึกปฏบิ ตั งิ าน ๓๒ - ระเบยี บสถาบันพระบรมราชชนกวา่ ด้วยการจดั การศึกษาของสถานศึกษา ๔๐ ในสังกดั พ.ศ. ๒๕๕๒(ฉบับปรับปรงุ ) ๒๓. ภาคผนวก ฉ รายละเอยี ดหลักสตู ร ( โดยสังเขป ) ๗๖ ๗๗ ๒๔. ภาคผนวก ช ความรู้ประกอบการฝึกปฏิบัตงิ าน ๘๘ ๑. เครื่องมือศึกษาชมุ ชน ๗ ช้นิ ๙๕ ๒. เทคนคิ กระบวนการวางแผนแบบมีสว่ นร่วม (AIC) ๑๐๕ ๓. เทคนคิ การวางแผนกลยุทธ์ (SWOT Analysis) ๑๐๖ ๔. ประชาคม (Civil Society) ๑๑๐ ๕. การประชมุ ๑๑๗ ๖. สถิติทีใ่ ช้ ๑๒๘ ๗. ระบาดวทิ ยา ๑๘๒ ๘. การวนิ จิ ฉัยชุมชน ๑๘๘ ๙. คำถามท้ายบท ๑๘๙ ๑๙๐ ๒๕. ภาคผนวก ซ รายชื่อ ๑๙๒ ๑. อาจารยน์ ิเทศงาน ๒. อาจารยพ์ เ่ี ลี้ยง ๓. รายช่ือนักศึกษา

๑ ๑. ช่ือวชิ า โครงการพฒั นาทักษะวิชาชพี ปฏิบตั ิการฉุกเฉนิ การแพทย์ หน่วยกิต ๔ (๐-๑๒-๐) (Project for Developing Professional Skill) ๒. ลกั ษณะวิชา ฝึกปฏิบัติ พัฒนาทักษะวิชาชีพด้านการแพทย์ฉุกเฉิน เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนและทีมสุขภาพ ในการป้องกันปัญหาและส่งเสริมสุขภาพด้านการแพทย์ฉุกเฉินในชุมชน โดยใช้หลักการวิจัยเบื้องต้นในการศึกษา การเก็บรวบรวมข้อมูล ระบุปัญหา การจัดลำดับความสำคัญของปัญหา การเขียนโครงการ ศึกษากระบวนการและ ปฏิบัติงานตามแผนงานหรือโครงการที่กำหนดโดยใช้ทรัพยากร ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของชุมชน ตลอดจนประเมินและสรุปผลการดำเนนิ งานพร้อมทั้งนำเสนอการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ๓. ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ ๑. ส่งเสรมิ สุขภาพและป้องกันปญั หาการเจบ็ ป่วยฉุกเฉนิ ในชมุ ชน ๒. เปน็ แบบอยา่ งทดี่ แี ละสามารถเปน็ ผูน้ ำในการสง่ เสริมสุขภาพ ป้องกันปญั หา หรอื แกไ้ ขปญั หาด้านการแพทย์ ฉุกเฉนิ โดยใชก้ ระบวนการคิดวิเคราะหอ์ ยา่ งมีวจิ ารณญาณเพ่ือแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานการแพทย์ฉุกเฉนิ ๔. วตั ถปุ ระสงคก์ ารฝกึ ปฏบิ ตั ิ นกั ศกึ ษาสามารถ ๑. ส่งเสริมสขุ ภาพและปอ้ งกนั ปัญหาการเจบ็ ป่วยฉุกเฉนิ ในชมุ ชน ๒. เป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นผูน้ ำในการสง่ เสริมสุขภาพ ป้องกันปัญหา หรือแก้ไขปัญหาด้านการแพทย์ฉุกเฉนิ โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์อยา่ งมีวิจารณญาณเพื่อแก้ปัญหาในการปฏิบตั งิ านการแพทย์ฉกุ เฉิน ๕. ระยะเวลาการฝกึ ปฏิบตั งิ าน ระหว่างวันท่ี ๒๖ เดอื น เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถงึ วันท่ี ๒๘ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ภาคการศึกษาที่ ๓ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ ระยะเวลาฝึก ๕ สปั ดาห์ รวม ๒๑๖ ชั่วโมง วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๔ นักศกึ ษารบั การปฐมนเิ ทศรายวชิ าโดยอาจารยน์ เิ ทศงาน วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ นกั ศึกษาเดินทางไปฝกึ ปฏิบัติงานด้วยรถวิทยาลัยฯ วนั ท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ นักศึกษาสรุปการฝึกปฏบิ ตั งิ าน ณ สำนักงานสาธารณสขุ อำเภอนำ้ ยืน วันท่ี ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ นักศกึ ษาสรุปการฝกึ ปฏิบัติงาน ณ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอนาจะหลวย วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ นักศกึ ษาเดนิ ทางกลบั ด้วยรถวทิ ยาลยั ฯ ๖. นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาวชิ าปฏิบตั ิการฉุกเฉินการแพทย์ ชน้ั ปที ่ี ๒ จำนวน ๒๖ คน คู่มือการฝกึ ปฏบิ ตั โิ ครงการฝกึ ปฏบิ ตั งิ านภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๒ ๗. สถานทฝี่ กึ ปฏิบตั งิ าน แหล่งฝึกปฏิบัติงาน ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอน้ำยืน ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล กุดเชียงมุน, รพ.สต.ตาโม, รพ.สต.ยางใหญ่, รพ.สต.บุเปือย, และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอนาจะหลวย ได้แก่ รพ.สต.โนนสว่าง, รพ.สต.โคกเทียม จังหวดั อุบลราชธานี ๘. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ แหลง่ เรียนรู้ ประสบการณ์การเรยี นรู้ ระยะเวลา (ชวั่ โมง) ชมุ ชน ๑. ศึกษาชุมชน โดยใชก้ ระบวนการวจิ ัยเบ้ืองต้น ดังนี้ ๒๑๖ - การศกึ ษาโครงสร้างทางกายภาพของชุมชน - การรวบรวมข้อมลู - การวเิ คราะห์ขอ้ มูล - การระบุปญั หา และจัดลำดับความสำคญั ของปญั หา - การนำเสนอปัญหาทส่ี ำคญั ทางด้านการแพทยฉ์ ุกเฉนิ ๒. จัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันปัญหา หรือแก้ไข ปญั หาดา้ นการแพทยฉ์ กุ เฉิน - เขียนโครงการ - ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามโครงการ - ประเมินและสรปุ ผลการดำเนินโครงการ - นำเสนอผลการดำเนนิ โครงการ ๙. กิจกรรมการเรียนการสอน ๙.๑ กจิ กรรมนกั ศกึ ษา ๙.๑.๑ เขา้ รว่ มปฐมนิเทศรายวชิ า ๙.๑.๒ เตรยี มความพรอ้ มการศึกษาชุมชนโดยรับฟังบรรยาย เรือ่ งการศึกษาชุมชนโดยใชเ้ คร่ืองมอื ๗ ช้ิน และ การศึกษาชมุ ชนโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๙.๑.๓ ศึกษาชมุ ชน และสำรวจปญั หาดา้ นการแพทยฉ์ ุกเฉินเปน็ รายกลมุ่ กลุ่มละ ๓-๔คน ๑) การศึกษาโครงสรา้ งทางกายภาพของชุมชน ๒) สร้างเครือ่ งมือเกบ็ รวบรวมข้อมลู และดำเนนิ การรวบรวมข้อมูล ๓) การวิเคราะหข์ ้อมูล ใช้วธิ ีการทางสถติ ิในการวิเคราะห์ และแปลความหมายของชุดขอ้ มูล ๔) ระบปุ ญั หาของชุมชน และจัดลำดบั ความสำคัญของปัญหา ๕) นำเสนอปัญหาท่สี ำคญั ทางด้านการแพทยฉ์ กุ เฉิน ๙.๑.๔ จดั ทำโครงการเพื่อสง่ เสริมสขุ ภาพ ป้องกันปัญหา หรือแกไ้ ขปัญหาดา้ นการแพทยฉ์ กุ เฉิน คมู่ อื การฝึกปฏิบตั ิโครงการฝกึ ปฏิบตั ิงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี ปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๓ ๑) เขียนโครงการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันปัญหา หรือแก้ไขปัญหาด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ท่สี อดคล้องกบั ชมุ ชน โดยอาศยั การมสี ว่ นรว่ มของชุมชน และภูมิปัญญาท้องถิ่นกลมุ่ ละ๒โครงการ ๒) ดำเนนิ โครงการในชุมชน ๓) ประเมินและสรปุ ผลการดำเนนิ โครงการ ๔) นำเสนอผลการดำเนินโครงการต่อชมุ ชน ๙.๑.๕ จัดทำรายงานการฝึกปฏิบัติงานโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ เป็นรายกลุ่มๆ ละ ๒เลม่ เสนออาจารยน์ เิ ทศ ๑เลม่ และเสนออาจารย์พีเ่ ลีย้ ง ๑เล่ม ๙.๑.๖ การฝึกปฏบิ ตั งิ านของนกั ศกึ ษา มขี อ้ ตกลง ดังน้ี ๑) นักศึกษาทุกคนต้องเข้ารับฟังการปฐมนิเทศการฝึกปฏิบัติงานจากอาจารยน์ ิเทศทีว่ ิทยาลัยฯ และ จากอาจารยพ์ ่ีเลี้ยงที่แหลง่ ฝึกก่อน จงึ จะสามารถออกฝกึ ปฏบิ ัตงิ านได้ ๒) แบง่ นกั ศึกษาเปน็ รายกลมุ่ กลมุ่ ละ๓–๔คน ในการสร้างเครือ่ งมือศึกษาชุมชน และเก็บรวบรวม ข้อมูล ตลอดจนระบุปัญหาของชุมชนและปัญหาที่สำคัญทางด้านการแพทย์ฉุกเฉิน และดำเนินโครงการ กลมุ่ ละ ๔-๕ คนต่อโครงการ ดำเนินการและประเมนิ ผล กลมุ่ ละ ๒โครงการ ๓) เลอื กหวั หนา้ กลมุ่ เพ่อื ประสานงานกับอาจารย์พี่เลย้ี งและอาจารยน์ เิ ทศ ๔) ฝกึ ปฏบิ ตั งิ านในเวร เช้า วันละ ๘ ชัว่ โมง หรืออาจมกี ารประสานเวลากบั ชุมชนตามความเหมาะสม ๕) เซ็นชื่อในสมดุ เซน็ ชอ่ื ปฏิบัตงิ านก่อนและหลงั ปฏิบัติงานทกุ ครั้ง ๖) การดำเนนิ โครงการนักศึกษาต้องดำเนินโครงการเพื่อสง่ เสริมสุขภาพ ปอ้ งกนั ปญั หา หรือแก้ไข ปัญหาด้านการแพทยฉ์ กุ เฉินทส่ี อดคล้องกับชมุ ชน ๗) ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ของอาจารย์นิเทศ หรืออาจารย์พี่เลี้ยงหมั่นทบทวน ความรู้ หรอื ศึกษาคน้ คว้าเพิม่ เตมิ เกี่ยวกบั การฝึกปฏิบตั งิ านอยเู่ สมอ ๙.๒ กจิ กรรมอาจารย์นเิ ทศ ๙.๒.๑เขา้ ร่วมปฐมนิเทศรายวชิ า ๙.๒.๒เตรียมความพร้อมการศึกษาชุมชนโดยรับฟังบรรยาย เรื่องการศึกษาชุมชนโดยใช้เครื่องมือ ๗ ชน้ิ และการศึกษาชุมชนโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๙.๒.๓ รับผิดชอบกลมุ่ นักศกึ ษาทีไ่ ด้รบั มอบหมายใหด้ ำเนินกิจกรรมในชมุ ชน ๙.๒.๔ ประสานงานกบั อาจารย์พี่เลี้ยงในแหลง่ ฝึกในการดำเนนิ กิจกรรมต่างๆ ในชมุ ชน ๙.๒.๕ ให้คำแนะนำและร่วมออกเก็บรวบรวมข้อมูล ดำเนินกิจกรรมโครงการ สรุปและประเมินผล โครงการในกลมุ่ ทร่ี ับผดิ ชอบ ๙.๒.๖ ใหข้ อ้ เสนอแนะแกน่ ักศึกษาในการระบุปญั หาด้านการแพทยฉ์ ุกเฉิน และการเขียนโครงการเพื่อ แกไ้ ขปัญหาในชุมชนตลอดจนการดำเนนิ กิจกรรมต่างๆ ในชมุ ชน ๙.๒.๗ ร่วมประเมินผลการฝกึ ปฏบิ ัติงานของนักศึกษา การตัดสนิ ผลการฝึกปฏิบัติงาน ๙.๒.๘ ตรวจสอบประสบการณ์การเรียนรู้ของนักศึกษา การดำเนินงานในชุมชนเป็นระยะๆ ใหส้ อดคล้องกบั ระยะเวลาการปฏิบตั แิ ละแผนการเรียนของนกั ศึกษา คู่มือการฝึกปฏิบตั โิ ครงการฝึกปฏิบตั ิงานภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี ปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๔ ๙.๒.๙ รวบรวมความคิดเห็นของอาจารย์พี่เลี้ยง เพื่อปรับปรุงการจัดโครงการ และการจัดการเรียน การสอนตอ่ ไป ๙.๓ กจิ กรรมอาจารย์พ่ีเล้ยี ง ๙.๓.๑ เขา้ รว่ มปฐมนเิ ทศรายวิชา ๙.๓.๒ เตรยี มความพร้อมการศึกษาชุมชนโดยรับฟังบรรยาย เรื่องการศกึ ษาชุมชนโดยใช้เครอ่ื งมือ ๗ ช้ิน และการศึกษาชมุ ชนโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๙.๓.๓ ปฐมนเิ ทศนกั ศกึ ษาแนะนำการผู้นำชุมชน ๙.๓.๔ มอบหมายใหน้ ักศกึ ษามีประสบการณก์ ารเรยี นรู้ตามกจิ กรรมท่ีกำหนด ๙.๓.๕ นิเทศและให้คำแนะนำการปฏิบัติกิจกรรมในชุมชนเพื่อให้เกิดความร่วมมือและประสบผลสำเรจ็ ในการดำเนินการตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินกิจกรรมโครงการหรือกิจกรรมในชุมชน สรุปและ การประเมินผล ๙.๓.๖ ร่วมประเมินผลการฝึกปฏบิ ัติกจิ กรรมในชุมชนกับนกั ศึกษาและอาจารย์นเิ ทศ ๙.๔ การเสริมความรู้ อาจารย์นิเทศและอาจารย์พี่เลี้ยงประจำกลุ่ม เสริมความรู้ระหว่างการฝึกปฏิบัติที่เหมาะสม ตามหวั ข้อทเี่ ก่ยี วข้องในเร่อื งทีน่ กั ศึกษาในกล่มุ มีความสนใจร่วมกนั ๑๐. การวดั และประเมนิ ผล การประเมนิ ผปู้ ระเมิน น้ำหนกั คะแนน (ร้อยละ) ๑๐ ๑. แบบประเมนิ กระบวนการวิจัยเบื้องตน้ เพื่อแก้ไข อาจารยน์ เิ ทศ ๓๐ ๕ ปัญหาด้านการแพทย์ฉุกเฉินในชุมชน อาจารย์พเ่ี ลี้ยง ๕ ๕ ๒. แบบประเมนิ การเขยี นโครงการ อาจารย์นเิ ทศ ๑๐ ๕ อาจารย์พ่เี ลยี้ ง ๕ ๕ ๓. แบบประเมินรายงานโครงการ อาจารย์นิเทศ ๕ ๕ อาจารยพ์ ี่เลีย้ ง ๑๐ ๑๐๐ ๔. แบบประเมนิ การนำเสนอโครงการ อาจารย์นิเทศ อาจารย์พเ่ี ล้ียง ๕. แบบประเมนิ พฤติกรรมการปฏบิ ัตติ น อาจารยน์ ิเทศ อาจารย์พเ่ี ล้ียง ๖. แบบประเมินสรุปผลการฝึกปฏบิ ตั งิ าน อาจารยน์ เิ ทศ ๗. ประเมนิ การสอบ อาจารยน์ ิเทศ รวม คู่มอื การฝึกปฏิบัติโครงการฝึกปฏบิ ัตงิ านภาคสนามชุดวชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๕ การประเมนิ พฤติกรรมการปฏบิ ตั ิตนใหค้ ะแนนเป็นรายบุคคล สว่ นการประเมนิ กระบวนการวิจัยเบ้ืองต้น การเขียนโครงการ การดำเนินกิจกรรมโครงการ รายงานโครงการ และการนำเสนอโครงการ รวมทั้งการสรุปผล การฝึกปฏิบัติงานใหค้ ะแนนเป็นรายกลุ่ม ๑๑. ผปู้ ระเมิน ๑๑.๑ อาจารยน์ เิ ทศ ๑๒. บทบาทและหน้าท่ีของอาจารย์นเิ ทศ ๑๒.๑ อาจารยน์ เิ ทศ อาจารย์นิเทศ หมายถึงอาจารย์ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ของวิทยาลัยฯหรืออาจารย์ในวิทยาลัยฯที่มีประสบการณ์ในด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่มีส่วนร่วมในการสอนนักศึ กษา ในหลักสูตร บทบาทหน้าที่ ๑. รับผดิ ชอบกลุ่มนักศึกษาที่ได้รับมอบหมายในการเป็นที่ปรึกษาและนิเทศ ตดิ ตามงานตามแผนที่ กำหนดอย่างกลั ยาณมิตร ๒. เข้ารว่ มปฐมนิเทศกับอาจารยพ์ ีเ่ ลย้ี ง และนกั ศึกษา ๓. เขยี นแผนการนเิ ทศเพ่ือติดตามการดำเนินกจิ กรรม ในชมุ ชนของนักศกึ ษา ๔. ดูแลตดิ ตามสอบถามความเปน็ อยู่ และความปลอดภยั ของนักศกึ ษา ๕. ช่วยเหลอื แก้ปัญหาอุปสรรคในการฝึกปฏิบตั ิงานของนักศกึ ษา ให้ความรู้ คำแนะนำ เพิ่มเติมใน สว่ นท่นี กั ศึกษาตอ้ งการและการดำเนนิ กจิ กรรมในชุมชน ๖. ประสานงานกับอาจารย์พี่เลี้ยงในแหล่งฝึกปฏิบัติงาน หน่วยงานที่รับผิดชอบในการช่วยเหลือ นกั ศึกษาให้การฝึกปฏบิ ตั งิ านเปน็ ไปด้วยความสะดวกเรยี บร้อยบรรลุตามวัตถุประสงค์ ๗. ดูแลให้นักศกึ ษามีความประพฤตอิ ยู่ในระเบยี บวนิ ยั ตลอดการฝึกปฏิบัตงิ าน ๘. ร่วมกับอาจารย์พี่เลี้ยงที่เปน็ แหล่งฝึกปฏิบัตงิ านในการพิจารณาตัดสินและลงโทษ เมื่อนักศึกษากระทำ ผดิ ระเบยี บ ๑๒.๒ อาจารยพ์ ่เี ลีย้ ง อาจารย์พเี่ ล้ียง หมายถงึ อาจารยแ์ พทย์ พยาบาลวชิ าชีพ/นักวชิ าการสาธารณสขุ เจา้ หน้าที่ ที่ปฏิบัติงานใน หนว่ ยกชู้ พี เทศบาล /ตำบล ศูนย์แพทย์ โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพในชมุ ชน ทีไ่ ดร้ ับมอบหมายใหม้ หี น้าทรี่ ับผดิ ชอบ การฝึกปฏบิ ตั งิ านของนักศกึ ษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้ันสูงปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ บทบาทหน้าท่ี ๑. เขา้ รว่ มปฐมนิเทศกบั อาจารยน์ ิเทศ และนักศึกษา ๒. ประสานงานรว่ มกับอาจารยน์ เิ ทศ ค่มู อื การฝกึ ปฏบิ ตั ิโครงการฝึกปฏิบตั ิงานภาคสนามชุดวชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี ปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๖ ๓. ดแู ลอำนวยความสะดวกใหอ้ าจารยน์ เิ ทศ นักศกึ ษา ในดา้ นความปลอดภยั และความเปน็ อยู่ ๔. ช่วยเหลอื แกป้ ัญหาอปุ สรรคในการฝึกปฏิบัติงานของนักศกึ ษา ๕. ดูแลให้นักศกึ ษามีความประพฤติอยู่ในระเบยี บวินยั ตลอดการฝึกปฏิบัติงาน ๖. รว่ มกับอาจารย์นิเทศ ประเมนิ ผลการฝึกปฏิบตั ิงานสรปุ และประเมินผลโครงการ ๗. พจิ ารณาตัดสินและลงโทษ เมอ่ื นักศึกษากระทำผิดระเบียบ ๑๓. การจัดการความเส่ยี ง ประเดน็ ความเส่ยี งทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ และจัดการความเสย่ี ง ดังนี้ ๑๓.๑ การเกบ็ ประสบการณไ์ ดไ้ ม่ครบตามท่ีกำหนดในรายวชิ า ๑) อาจารยผ์ ู้รับผดิ ชอบรายวชิ าชแ้ี จงวตั ถปุ ระสงค์รายวชิ า และประสบการณก์ ารเรียนรทู้ น่ี ักศึกษาต้อง ปฏิบตั อิ ยา่ งชดั เจน ๒) ใหน้ ักศกึ ษาจัดทำผังควบคุมกำกบั การดำเนินกจิ กรรมในชุมชนของแต่ละกลุม่ ส่งอาจารย์นิเทศและ อาจารยพ์ ี่เลีย้ ง ๓) อาจารย์นิเทศและอาจารย์พี่เลี้ยง ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินกิจกรรมในชุมชนของนักศึกษาอยา่ ง ต่อเนือ่ ง ๔) อาจารย์นิเทศและอาจารย์พี่เลี้ยง ร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขเมื่อนักศึกษามีปัญหาในการดำเนิน กจิ กรรมในชมุ ชน ๑๓.๒ การประพฤติผดิ ระเบียบวนิ ยั ๑) อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวชิ าชี้แจงระเบียบวินัยของนักศึกษาในการฝึกปฏิบัตงิ าน ในช่วงการเตรียม ความพร้อมนกั ศึกษาก่อนฝกึ ปฏบิ ัติงาน ๒) อาจารย์นิเทศและอาจารย์พี่เลี้ยง ติดตามดูแลควบคุมให้นักศึกษาประพฤติตามระเบียบวินัยของ นักศกึ ษาหากนกั ศกึ ษาท่ีประพฤติผิดระเบียบวินยั ใหเ้ ขยี นบันทกึ ขอ้ ความชแี้ จงเหตผุ ล ๓) อาจารยป์ ระจำกลุม่ รายงานถงึ การประพฤติผิดระเบียบวนิ ยั ของนักศึกษาใหอ้ าจารยท์ ีว่ ทิ ยาลัยฯ ทราบ ๔) คณะกรรมการบริหารหลักสูตรสอบสวนความผิดของนักศึกษา และนำข้อมูลเข้าที่ประชุมต่อคณะ กรรมการบริหารวิทยาลัยฯเพือ่ พิจารณาและตัดสินลงโทษตอ่ ไป ๑๓.๓ เกดิ อบุ ัติเหตุจราจรในระหวา่ งการฝึกปฏบิ ตั ิงาน ๑) อาจารย์นิเทศสอนและเน้นย้ำให้นักศึกษาตระหนักถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากการเกิดอุบัติเหตุ จราจรในระหวา่ งการเรยี นการสอน การเตรียมความพรอ้ มก่อนออกฝกึ ปฏิบัติงานและ การฝึกปฏบิ ัติงาน ๒) เน้นยำ้ ใหน้ กั ศกึ ษาระมดั ระวงั ในการเดนิ ทางไปดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในชมุ ชน ๓) กรณีเจ็บป่วยให้พบแพทย์เพื่อตรวจรักษา มีใบรับรองแพทย์ และให้ลาหยุดการฝึกปฏิบัติงาน เพ่ือดแู ลรักษาอาการจนกวา่ จะหายเป็นปกติ แล้วให้กลับมาฝกึ ปฏบิ ตั งิ านจนครบตามทกี่ ำหนด คมู่ อื การฝกึ ปฏิบตั ิโครงการฝกึ ปฏบิ ตั งิ านภาคสนามชุดวิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี ปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๗ ๑๔. เครือ่ งมือประเมินทกั ษะการปฏบิ ัติงานและพฤตกิ รรมการปฏบิ ตั ติ น เครื่องมือทีใ่ ชม้ ีดังน้ี ๑๔.๑ แบบประเมินทักษะการปฏบิ ตั งิ าน ใหอ้ าจารย์พ่เี ลยี้ งใช้เม่ือสิน้ สุดการปฏบิ ัติแตล่ ะทักษะ เน้นการตรวจสอบรายงาน ตามมาตรวัดอันดับของ Rating Scale มี ๕ ระดบั โดยมเี กณฑ์การใหค้ ะแนน ดงั นี้ ๕ คะแนน หมายถึง การปฏิบัติทกั ษะนัน้ ถกู ต้องตามขัน้ ตอน และหลักการทางวิชาการ นักศึกษา มีความคล่องแคล่วว่องไวและมั่นใจในการฝึกปฏิบัติงาน ตอบคำถาม ทางวิชาการไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งชดั เจน ผลงานมีคณุ ภาพอยใู่ นระดบั ดีมาก ๔ คะแนน หมายถึง การปฏิบัติงานทักษะนั้นถูกต้องตามขั้นตอน และหลักการทางวิชาการอาจ ขาดความมนั่ ใจในการฝึกปฏบิ ัติงาน แต่สามารถตอบคำถามทางวชิ าการได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน ผลงานมีคณุ ภาพ ดี ๓ คะแนน หมายถึง การปฏิบัติทักษะนั้นถูกต้องตามขั้นตอน และหลักการทางวิชาการ อาจขาด ความมั่นใจในการฝึกปฏิบัติงาน การตอบคำถามทางวิชาการถูกต้องแต่ยังไม่ชัดเจน เทา่ ที่ควร ผลงานมคี ุณภาพ พอใช้ ๒ คะแนน หมายถงึ การปฏิบัติทกั ษะน้ันถูกตอ้ ง ไม่ครบถว้ นทุกขัน้ ตอน และหลกั การทาง วิชาการ ผลงานคุณภาพ นอ้ ย ๑ คะแนน หมายถงึ การปฏิบตั ิทักษะนนั้ ถกู ตอ้ ง ไม่ครบถ้วนทกุ ข้ันตอน และหลกั การทาง วชิ าการ ผลงานคณุ ภาพ ปรบั ปรุง ๐ คะแนน หมายถงึ การปฏิบัติทกั ษะนั้นมีความจำเปน็ ต้องปฏบิ ัติ แตน่ กั ศกึ ษาข้ามขน้ั ตอน น้ันไป ถือว่าไมป่ ฏบิ ัติ จึงถือว่าไม่ผ่านในการสอบทกั ษะนน้ั ๆ – หมายถึง การที่นักศึกษาไมม่ ีความจำเป็นทตี่ ้องปฏบิ ัตใิ นกจิ กรรมนน้ั และไมน่ ำ กจิ กรรมดังกล่าวไปคดิ ค่าคะแนน กรณีที่อาจารย์พี่เลี้ยงมีความเห็นเพิ่มเตมิ ในผลการประเมิน สำหรับนักศึกษา ให้เขียนรายละเอียด ลงในขอ้ คิดเหน็ หรอื ขอ้ เสนอแนะ ในสว่ นทเี่ ว้นไว้ พรอ้ มทั้งลงนามอาจารยพ์ ่เี ล้ยี ง ๑๔.๓ แบบประเมินพฤตกิ รรมการปฏิบัตติ น แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติตน เป็นแบบประเมินพฤติกรรมในด้านความรับผิดชอบ ความ ซื่อสัตย์ ความเสียสละ การพัฒนาตนเอง และบุคลิกทั่วไปของนักศึกษา ตลอดระยะเวลาในการฝึกปฏิบัติงาน โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาได้มีการรับรู้เกี่ยวกับตนเอง มีการพัฒนาและปรับปรุงพฤติกรรมตนเองอยู่เสมอ และสามารถปฏิบัตงิ านรว่ มกบั ผ้อู นื่ ไดอ้ ย่างมคี วามสุขโดยมรี ายละเอียดการใชแ้ บบประเมินดังน้ี ผู้ประเมิน คอื อาจารยพ์ เ่ี ล้ยี งทนี่ ักศึกษาฝึกปฏบิ ัตงิ านและอาจารย์นิเทศ ระยะเวลาที่ประเมิน ให้อาจารย์พี่เลี้ยงประเมินผลทุกสัปดาห์ โดยทำเครื่องหมาย ✓ลงในช่องระดับ พฤตกิ รรม ซ่งึ จะมคี ะแนนรวมสัปดาห์ละ ๑๕๐คะแนนสำหรับอาจารย์นิเทศใหป้ ระเมนิ ทุกคร้งั ท่ีออกนิเทศ แบบประเมินชุดน้ีเป็นแบบตรวจสอบรายการตามมาตรวัดอันดบั ของ Likert Scale มี ๕ระดับ โดยมีเกณฑ์ ใหค้ ะแนนดังน้ี คมู่ ือการฝกึ ปฏบิ ตั ิโครงการฝกึ ปฏิบัตงิ านภาคสนามชุดวชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๘ ปฏบิ ตั ทิ ุกคร้ัง = ๕ = เมอื่ ท่านเห็นวา่ นกั ศึกษา มพี ฤติกรรมปฏบิ ัติทุกครัง้ ปฏบิ ัตบิ ่อยคร้งั = ๔ = ตรงกับความรู้สึก ความเข้าใจ หรือการรบั รขู้ องทา่ น ปฏิบัตบิ างครั้ง = ๓ = เม่อื ท่านเหน็ ว่า นักศกึ ษา มพี ฤตกิ รรมปฏบิ ตั บิ ่อยครัง้ ปฏิบตั นิ านๆคร้งั = ๒ = ตรงกบั ความรสู้ กึ ความเขา้ ใจ หรอื การรับรขู้ องทา่ น ปฏิบตั นิ อ้ ยที่สดุ = ๑ = เมื่อทา่ นเห็นวา่ นกั ศึกษา มพี ฤตกิ รรมปฏิบตั บิ างครั้ง ตรงกบั ความรูส้ กึ ความเขา้ ใจ หรอื การรบั รขู้ องทา่ น เมื่อท่านเห็นว่า นักศึกษา มีพฤติกรรมปฏิบัตินานๆ ครั้ง ตรงกับ ความรูส้ กึ ความเข้าใจ หรือการรับรขู้ องทา่ น เมื่อท่านเห็นว่า นักศึกษา มีพฤติกรรมปฏิบัติน้อยครั้งที่สุด ตรงกับ ความรสู้ ึก ความเข้าใจ หรอื การรับรู้ของท่าน กรณีที่อาจารย์พี่เลี้ยง / อาจารย์นิเทศ มีความเห็นเพิ่มเติมในผลการประเมิน สำหรับนักศึกษาให้เขียน รายละเอยี ดลงในขอ้ คดิ เห็นหรือขอ้ เสนอแนะ ในสว่ นท่เี ว้นไว้ พร้อมท้งั ลงนามอาจารยพ์ ีเ่ ลยี้ ง / อาจารย์นิเทศ และให้ นกั ศกึ ษาเซน็ รบั ทราบทุกครง้ั แบบประเมนิ นี้มีวัตถุประสงค์ให้นกั ศึกษามีการปรบั ปรุงและเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมให้เหมาะสมย่ิงขึ้นตลอด ระยะเวลาฝกึ ปฏบิ ตั งิ าน จึงต้องมกี ารประเมนิ ผลทุกสปั ดาหส์ ำหรับอาจารย์พเ่ี ลย้ี ง แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติตนจะสมบูรณ์ เมื่ออาจารย์พี่เลี้ยงลงนามและอาจารย์พี่เลี้ยงประจำ หลกั สตู รลงนามเม่ือสิน้ สดุ การฝกึ งาน ๑๕. เกณฑก์ ารตัดสนิ การฝึกปฏบิ ัติงาน นักศึกษาจะต้องผ่านการฝึกปฏิบตั ิกิจกรรมทั้งหมด และไดร้ ับการประเมินทักษะครบถ้วนทุกงานตามเกณฑ์ ท่กี ำหนดซ่งึ แต่ละทกั ษะและการปฏบิ ัติงานในภาพรวมต้องไดร้ ับคะแนนไม่ต่ำกวา่ รอ้ ยละ ๖๐การคดิ คะแนนใช้คะแนน รวม โดยมเี กณฑก์ ารตัดสินดงั น้ี ๘๔ – ๑๐๐ คะแนน =A ๗๘ – ๘๓ คะแนน = B+ ๗๒ – ๗๗ คะแนน =B ๖๖ – ๗๑ คะแนน = C+ ๖๐ – ๖๕ คะแนน =C ตำ่ กว่า ๖๐ คะแนน =F ๑๖. การทวนสอบและปรบั ปรงุ ๑๖.๑ การทวนสอบการใหค้ ะแนนชิน้ งาน อาจารย์นิเทศทวนสอบโดยพิจารณาคุณภาพของชิ้นงานกับคะแนนที่นักศึกษาได้รับ จากการสังเกต ขณะนิเทศ และความสำเร็จตามตวั ช้ีวดั ของโครงการ คู่มือการฝกึ ปฏิบัตโิ ครงการฝกึ ปฏบิ ัติงานภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๙ ๑๖.๒ การทวนสอบเกรด อาจารย์ผู้รับผิดชอบวิชาและคณะกรรมการทวนสอบที่ได้รับการแต่งตั้งจากวิทยาลัย ตรวจสอบความ เหมาะสมในการกระจายของเกรดและสัดส่วนคะแนนใหส้ อดคล้องกับคู่มือการฝึกปฏิบัติงานวิชาโครงการพัฒนาด้าน การแพทย์ฉกุ เฉนิ ในชุมชน ๑๖.๓ การปรบั ปรงุ อาจารย์ผู้รับผิดชอบวิชาจัดทำรายงานผลดำเนินการของรายวิชาที่ระบุข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง รายวชิ าเสนอตอ่ คณะกรรมการบริหารหลกั สูตร ๑๗. อาจารยน์ ิเทศงาน ๑๗.๑ อาจารย์นิเทศ ประกอบดว้ ย ๑. อ.ดร.ภคนิ ไชยชว่ ย ตำแหน่ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ (ดา้ นการสอน) (หวั หนา้ ทีม) ๒. อาจารยน์ ชุ จรินทร์ แกน่ บปุ ผา ตำแหน่ง พยาบาลวชิ าชีพชำนาญการพเิ ศษ (ดา้ นการสอน) ๓. อาจารยพ์ นาไพร โฉมงาม ตำแหนง่ พยาบาลวชิ าชีพชำนาญการพิเศษ (ด้านการสอน) ๔. อาจารย์นัจรนิ ทร์ เนืองเฉลิม ตำแหนง่ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ (ดา้ นการสอน) ๕. อาจารย์บัณฑติ า พฒั นี ตำแหนง่ วทิ ยาจารย์ ๑๗.๒ แผนการนเิ ทศงาน ๑. รอบที่ ๑ วันที่ ๕ – ๗ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ วนั /เดือน/ปี เช้า เยน็ รพ.สต.ยางใหญ่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รพ.สต.บเุ ปือย รพ.สต.ตาโม รพ.สต.โนนสว่าง ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รพ.สต.กุดเชยี งมนุ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รพ.สต.โคกเทียม ๒. รอบที่ ๒ วันที่ ๑๙ – ๒๑ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ วนั /เดอื น/ปี เช้า เย็น รพ.สต.กดุ เชยี งมนุ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รพ.สต.ตาโม รพ.สต.บเุ ปือย รพ.สต.โคกเทียม ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รพ.สต.ยางใหญ่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ รพ.สต.โนนสว่าง สรุปฝกึ ปฏบิ ัติงาน สสอ.นำ้ ยืน จังหวดั อุบลราชธานี วนั ที่ ๒๗ เดือน พฤษภาคม .พ.ศ. ๒๕๖๔ สรปุ ฝกึ ปฏบิ ัติงาน สสอ.นาจะหลวย จงั หวดั อุบลราชธานี วันที ๒๘ เดือน พฤษภาคม .พ.ศ. ๒๕๖๔ คูม่ ือการฝึกปฏบิ ตั ิโครงการฝึกปฏบิ ตั งิ านภาคสนามชุดวิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๑๐ ภาคผนวก ก ออกแบบการฝกึ ภาคปฏบิ ัติ ค่มู ือการฝกึ ปฏิบัติโครงการฝกึ ปฏิบัติงานภาคสนามชุดวชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๑๑ ออกแบบการฝกึ ภาคปฏบิ ัติ ผลลัพธร์ ายวิชา การวดั ประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู้ แหลง่ เรยี นรู้ ๑.ส่งเสริมสุขภาพ ๑.ประเมินการศกึ ษาปัญหาชุมชน ๑. นักศึกษาศึกษาชุมชนโดยใช้ ชมุ ชน และป้องกันปัญหา ดว้ ยกระบวนการทาง กระบวนการวจิ ยั เบือ้ งต้น โรงพยาบาลส่งเสริม การเจ็บป่วยฉุกเฉิน วิทยาศาสตร์โดยใช้แบบประเมิน ๑.๑ ศกึ ษาโครงสร้างทาง สุขภาพตำบล ในชมุ ชน กระบวนการวิจัยเบื้องต้นเพ่ือ กายภาพของชมุ ชน สำนักงาน แก้ไขปัญหาด้านการแพทย์ ๑.๒ สรา้ งเคร่อื งเก็บรวบรวม สาธารณสขุ จังหวดั ฉุกเฉนิ ในชมุ ชน รอ้ ยละ ๔๐ ข้อมูล และดำเนินการเก็บ ฯลฯ ๒.ประเมนิ การจัดทำโครงการเพ่ือ รวบรวมขอ้ มูล ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันปัญหา ๑.๓วิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการ หรือแก้ไขปัญหาด้านการแพทย์ ทางสถิติในการวิเคราะห์ และ ฉกุ เฉิน รอ้ ยละ ๕๐ แปลความหมายของชุดข้อมลู โดยใชแ้ บบประเมนิ ดังน้ี ๑.๔ระบุปัญหาของชุมชน ๒.๑ แบบประเมนิ การเขียน และจัดลำดับความสำคัญของ โครงการ ร้อยละ ๑๐ ปญั หา ๒.๒ แบบประเมินรายงาน ๑.๕ นำเสนอปัญหาที่สำคัญ โครงการส่งเสริมสุขภาพและ ทางดา้ นการแพทย์ฉุกเฉนิ ป้องกันปัญหาการบาดเจ็บและ ๒.นักศึกษาจัดทำโครงการ เ จ ็ บ ป ่ ว ย ฉ ุ ก เ ฉ ิ น ใ น ช ุ ม ช น ปอ้ งกนั ปญั หาการเจบ็ ป่วย รอ้ ยละ ๑๕ ฉุกเฉินในชุมชนตามความสนใจ ๒ .๓ แ บ บ ป ร ะ เ ม ิ น ก า ร และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน นำเสนอโครงการ รอ้ ยละ ๑๐ ชุมชน ๒.๔ แบบประเมินสรุปผล ๒.๑ เขียนโครงการเพ่ือ การฝึกปฏิบัติงานโครงการ ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันปัญหา ส่งเสริมสุขภาพและป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาด้านการแพทย์ ปัญหาการบาดเจ็บและเจ็บป่วย ฉุกเฉินที่สอดคลอ้ งกับชมุ ชนโดย ฉกุ เฉนิ ในชมุ ชน ร้อยละ ๕ อาศัยการมสี ว่ นรว่ มของชุมชน ๒.๕ การทดสอบความรู้ ๒.๒ดำเนินโครงการตาม ร้อยละ ๑๐ ข้ันตอนในชมุ ชน ๒.๓ ประเมินผลความสำเร็จ ของโครงการและสรุปผลการ ดำเนินโครงการ คู่มือการฝึกปฏิบัตโิ ครงการฝกึ ปฏบิ ัตงิ านภาคสนามชุดวิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชีพปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๑๒ ผลลัพธ์รายวิชา การวดั ประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู้ แหลง่ เรียนรู้ ๒.๔ นำเสนอผลการดำเนิน โครงการตอ่ ชุมชน ๒.๕ สรุปรายงานพร้อม นำเสนอผลการดำเนินโครงการ ต่อชุมชน ๒. เป็นแบบอย่างที่ดี ๑. ประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติ นักศึกษาแสดงพฤติกรรมการ ชมุ ชนโรงพยาบาล และสามารถเป็นผู้นำ ตนที่สะท้อนการมีคุณธรรม เป็นผู้นำในการดำเนินงาน สง่ เสริมสขุ ภาตำบล ใ น ก า ร ส ่ ง เ ส ริ ม จริยธรรม โดยใช้แบบประเมิน ป้องกันปัญหาการเจ็บป่วย สำนักงาน ส ุ ข ภ า พ ป ้ อ ง กั น พ ฤ ต ิ ก ร ร ม ก า ร ป ฏ ิ บ ั ต ิ ต น ฉุกเฉินโดยการมีส่วนร่วมของ สาธารณสขุ จงั หวดั ปัญหา หรือแก้ไข ร้อยละ ๑๐ ชมุ ชน ฯลฯ ปญั หาด้านการแพทย์ ฉ ุ ก เ ฉ ิ น โ ด ย ใ ช้ ก ร ะ บ ว น ก า ร คิ ด วิเคราะห์อย่ าง มี ว ิ จ า ร ณ ญ า ณ เ พื่ อ แก้ปัญหาในการ ปฏิบัติงานการแพทย์ ฉุกเฉิน คู่มอื การฝกึ ปฏิบตั ิโครงการฝึกปฏิบตั ิงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๑๓ ภาคผนวก ข แบบประเมนิ ทกั ษะการปฏิบตั งิ าน 1. แบบประเมินกระบวนการวิจัยเบื้องต้นเพื่อแก้ไขปัญหาด้านการแพทย์ ฉกุ เฉนิ ในชมุ ชน 2. แบบประเมนิ การเขยี นโครงการ 3. แบบประเมินรายงานโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันปัญหาการ บาดเจบ็ และเจ็บปว่ ยฉกุ เฉนิ ในชมุ ชน 4. แบบประเมินการนำเสนอโครงการ 5. แบบประเมินสรุปผลการฝึกปฏิบัติงานโครงการส่งเสริมสุขภาพและ ปอ้ งกนั ปญั หาการบาดเจบ็ และเจ็บปว่ ยฉกุ เฉนิ ในชมุ ชน คมู่ อื การฝกึ ปฏิบัตโิ ครงการฝึกปฏบิ ัติงานภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๑๔ แบบประเมนิ กระบวนการวิจัยเบอ้ื งตน้ เพ่ือแกไ้ ขปัญหาด้านการแพทยฉ์ กุ เฉินในชุมชน กล่มุ ............................................. ชื่อหมู่บ้าน..........................หม่ทู ี.่ ...........ตำบล..................อำเภอ.......................จงั หวดั ..................... คำช้แี จง กรุณาทำเครอ่ื งหมาย ✓ ในชอ่ งการปฏิบตั ิกิจกรรมของนักศึกษา รายการประเมิน ระดับคะแนน ๕ ๔๓๒ ๑ ๑.การเขา้ ถึงและการเตรียมชุมชน ๑.๑ การแนะนำตวั กบั ผู้นำและประชาชนในชมุ ชน ๑.๒ การเขา้ ร่วมกิจกรรมกับชุมชน ๒. การศึกษาชุมชน ๒.๑ แผนท่ีเดนิ ดิน ๒.๒ ผังเครือญาติ ๒.๓ โครงสร้างองค์กรชุมชน ๒.๔ ระบบสขุ ภาพชมุ ชน ๒.๕ ปฏิทินชุมชน ๒.๖ ประวัติศาสตร์ชุมชน ๒.๗ ประวัตชิ ีวติ บุคคลท่ีน่าสนใจ ๓. การรวบรวมขอ้ มูล ๓.๑ รวบรวมขอ้ มลู ได้ครอบคลมุ ๓.๒ เลือกกล่มุ ตัวอยา่ งไดถ้ ูกต้องเหมาะสม ๓.๓ สร้างเคร่อื งมอื ในการเกบ็ ข้อมูลไดต้ รงประเดน็ ๔. การวเิ คราะห์ข้อมลู ๔.๑ สถติ ทิ ่ีใช้ถูกตอ้ งเหมาะสม ๔.๒ การวิเคราะหแ์ ละแปลผลขอ้ มลู ถูกตอ้ ง ๕. การวินจิ ฉยั ชุมชน ๕.๑ การนำเสนอขอ้ มูลต่อชมุ ชน และระบุปัญหาร่วมกบั ชมุ ชน ๕.๒ การจัดลำดับความสำคญั ของปญั หาร่วมกับชมุ ชน ๖. การวิเคราะหส์ าเหตขุ องปัญหา ๖.๑ เทคนคิ ที่ใชใ้ นการหาสาเหตปุ ญั หา ๖.๒ กำหนดกลวิธ/ี ทางเลือกในการแก้ไขปญั หา รวมคะแนน ๙๐ คะแนน  อาจารย์นเิ ทศ รอ้ ยละ ๑๐  อาจารย์พเ่ี ล้ียง รอ้ ยละ ๓๐ ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ............................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................ ผปู้ ระเมนิ (......................................) ค่มู ือการฝึกปฏิบัตโิ ครงการฝึกปฏบิ ัติงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี ปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๑๕ แบบประเมินการเขียนโครงการ กลุ่ม............................................. ชือ่ หมบู่ า้ น..........................หมู่ท่ี............ตำบล..................อำเภอ.......................จงั หวัด..................... คำชีแ้ จง กรุณาทำเคร่ืองหมาย ✓ ในช่องการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมของนักศกึ ษา รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ๕๔๓๒ ๑ ๑. ช่อื โครงการชัดเจนสอดคลอ้ งกับประเด็นปัญหา ๒. การเขยี นหลักการและเหตผุ ลอิงข้อมลู ชุมชนและข้อมลู วิชาการ ๓. วัตถุประสงค์สะท้อนถึงการแก้ปัญหาทางด้านการแพทย์ ฉุกเฉนิ ในชุมชน ๔. กำหนดตัวชี้วดั ความสำเร็จชดั เจนและเปน็ ไปได้ ๕. กำหนดวนั เวลาและกลุ่มเป้าหมายเหมาะสมในการดำเนินงาน ๖. กิจกรรมแก้ไขปัญหาสอดคล้องกับวัตถุประสงค์โดยชุมชนมี สว่ นร่วม ๗. แผนการดำเนนิ โครงการ/กิจกรรม ชดั เจน ๘. กำหนดงบประมาณที่แยกเป็นหมวดหมู่และสัมพันธ์กับ กิจกรรม ๙. กำหนดการประเมินผลโครงการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และ ตวั ชี้วดั ๑๐. ระบผุ ลท่ีคาดว่าจะไดร้ บั สอดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์ รวมคะแนน ๕๐ คะแนน  อาจารยน์ ิเทศ ร้อยละ ๕  อาจารย์พ่ีเลยี้ ง รอ้ ยละ ๕ ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ลงชอ่ื ........................................ ผู้ประเมิน (......................................) คู่มอื การฝึกปฏิบัติโครงการฝึกปฏิบัติงานภาคสนามชุดวิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๑๖ แบบประเมินรายงานโครงการสง่ เสรมิ สุขภาพและปอ้ งกนั ปญั หาการบาดเจ็บและเจ็บป่วยฉุกเฉนิ ในชุมชน กลุ่ม............................................. ชื่อหม่บู ้าน..........................หมูท่ .่ี ...........ตำบล..................อำเภอ.......................จงั หวัด........... .......... คำช้ีแจง กรณุ าทำเครื่องหมาย ✓ ในช่องการปฏบิ ัติกจิ กรรมของนักศกึ ษา ทักษะ/กิจกรรม ระดับคะแนน ๑ หมายเหตุ ๕๔๓๒ ๑. รูปแบบการเรียงลำดับหัวข้อรายงาน ๒. ความถูกตอ้ ง ชัดเจน กะทดั รัดของเนื้อหา และ การใชภ้ าษา ๓. ความครอบคลมุ และครบถ้วนของเน้อื หา ๔. การสรุปผล อภิปรายปัญหาอุปสรรค และ ขอ้ เสนอแนะทีม่ คี วามเหมาะสมและเปน็ ไปได้ ๕. ความถกู ตอ้ งของการใช้เอกสารอ้างองิ ๖. ความสวยงามและเป็นระเบียบของรูปเล่ม รายงาน ๗. ส่งรายงานตามกำหนดเวลา รวมคะแนน ๓๕ คะแนน  อาจารยน์ เิ ทศ ร้อยละ ๕  อาจารยพ์ เ่ี ลย้ี ง ร้อยละ ๑๐ ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................... .............................................. ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ลงชอื่ ........................................ ผปู้ ระเมิน (......................................) คูม่ ือการฝึกปฏบิ ัติโครงการฝึกปฏบิ ตั ิงานภาคสนามชุดวชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๑๗ แบบประเมนิ การนำเสนอโครงการ คำช้ีแจง กรณุ าทำเครือ่ งหมาย ✓ ในช่องการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนกั ศึกษา ลำดับ หัวข้อ ดมี าก ดี พอใช้ นอ้ ย ปรับปรุง ไม่ปฏิบัติ ๕๔๓ ๒๑ ๐ ๑ นำเสนอประเด็นสำคัญได้ชัดเจนสมเหตุสมผล ๒ อ้างอิงหลกั วชิ าการไดถ้ ูกตอ้ ง ๓ ความครบถ้วนของประเด็นการนำเสนอ ๔ สรุปประเด็นความสำเร็จของโครงการได้ ชดั เจน ๕ ผลกระทบท่กี ่อให้เกดิ ประโยชนต์ ่อชุมชน ๖ รูปแบบการนำเสนอนา่ สนใจ ๗ เลือกใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสมกับเนื้อหาท่ี นำเสนอ ๘ ใชภ้ าษาในการสอ่ื สารได้ชดั เจน ๙ ตอบคำถามได้ตรงประเด็นและอยู่บนหลัก วชิ าการ ๑๐ มีความมนั่ ใจในการนำเสนอในประเด็นตา่ งๆ ๑๑ การรกั ษาเวลา รวมคะแนน ๕๕ คะแนน  อาจารยน์ ิเทศ รอ้ ยละ ๕  อาจารย์พเ่ี ลีย้ ง รอ้ ยละ ๕ ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................ ลงช่อื ........................................ ผู้ประเมนิ (......................................) ค่มู อื การฝึกปฏิบัติโครงการฝึกปฏบิ ตั ิงานภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชีพปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๑๘ แบบประเมนิ สรปุ ผลการฝึกปฏิบัตงิ านโครงการสง่ เสรมิ สุขภาพ และปอ้ งกันปญั หาการบาดเจ็บและเจ็บปว่ ยฉกุ เฉินในชมุ ชน คำชี้แจง กรณุ าทำเคร่อื งหมาย ✓ ในชอ่ งการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนกั ศึกษา ทักษะ/กจิ กรรม ระดับคะแนน ๑ ๕ ๔๓๒ ๑. ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการเก็บรวบรวม ข้อมลู ทางสขุ ภาพของชมุ ชนได้ ๒. ระบปุ ญั หาทีส่ ำคัญด้านการแพทยฉ์ ุกเฉินได้ ๓. เขียนโครงการเพอื่ สง่ เสรมิ สุขภาพ ปอ้ งกนั ปญั หา หรือแกไ้ ขปัญหาด้านการแพทย์ ฉุกเฉินทีสอดคล้องกับชุมชน โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของ ชมุ ชน และภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่นได้ ๔. ดำเนินโครงการและประเมนิ ผลโครงการได้ ๕. เปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีในการส่งเสริม สขุ ภาพ ป้องกันปญั หา หรอื แก้ไขปญั หาดา้ น การแพทยฉ์ ุกเฉินโดยใชก้ ระบวนการคดิ วเิ คราะห์ อยา่ งมีวิจารณญาณเพื่อแก้ปัญหาในการ ปฏิบัติงานการแพทยฉ์ ุกเฉนิ ได้อยา่ งเหมาะสม ๖.แสดงพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงการมีวินัย ความรับผิดชอบ เป็นแบบอย่างที่ดีทางด้านสุขภาพ เคารพในศักดิ์ศรีและ คุณค่าความเป็นมนุษย์ ตลอดจนการมีจิตสาธารณะในการ ฝกึ ปฏบิ ัติงาน รวมคะแนน ๓๐ คะแนน  อาจารย์นเิ ทศ ร้อยละ ๕ ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................ ผ้ปู ระเมิน (......................................) คู่มือการฝกึ ปฏบิ ตั ิโครงการฝึกปฏบิ ัตงิ านภาคสนามชุดวชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๑๙ ภาคผนวก ค แบบประเมนิ พฤติกรรมการปฏบิ ัตติ น คู่มือการฝกึ ปฏบิ ตั ิโครงการฝึกปฏบิ ตั งิ านภาคสนามชุดวิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๐ แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบตั ติ น สปั ดาหท์ .่ี ................ ชื่อนักศึกษา…………………………...............................………… กลมุ่ ท…่ี ………………………………………..…………… ตัง้ แตว่ นั ท่ี…………………………...................…………………..….. ถึงวนั ท่ี………..............………………………………… คำชแี้ จง กรุณาทำเคร่ืองหมาย ✓ ในชอ่ งการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมของนกั ศกึ ษา ระดบั พฤตกิ รรม ปฏิบัติ ปฏิบัติ ปฏิบัติ ปฏบิ ัติ ปฏิบตั ิ รายการ ทุกครั้ง บ่อยครง้ั บางคร้งั นานๆครงั้ นอ้ ยทีส่ ุด (๕) (๔) (๓) (๒) (๑) ๑. ความรบั ผิดชอบ (๓๕คะแนน) ๑.๑ ขึน้ ปฏิบตั ิงานตรงตามเวลาทสี่ ถานท่ฝี กึ งานกำหนด ๑.๒ ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายตามวัตถุประสงค์เสร็จทัน กำหนด ๑.๓ ปฏบิ ตั ติ ามกฎขอ้ บงั คบั ของวิทยาลัยฯและสถานท่ฝี ึกงาน ๑.๔ ช่วยรกั ษาสมบัติของสถานท่ีฝึกงาน บ้านพกั และประหยัด ทรัพยากรการ ฝกึ ปฏิบตั ิงานของสถานท่ฝี ึกงาน ๑.๕ ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายโดยไม่ต้องตักเตือนและไม่ ละทงิ้ หนา้ ท่ี ๑.๖ ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานกับผู้ร่วมงานตามความ เหมาะสม ๑.๗ ตดิ ตอ่ ประสานงานกบั หนว่ ยงานและผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๒. ความซอ่ื สตั ย์ (๓๐คะแนน) ๒.๑ ยอมรบั การกระทำเม่อื ตนเองปฏิบตั งิ านผิดพลาด ๒.๒ ไมป่ ลอมแปลงเอกสารของทางราชการ ๒.๓ บนั ทกึ และรายงานขอ้ มลู ตามความเปน็ จริง ๒.๔ ไมเ่ ปิดเผยความลบั ของผ้อู ่นื ๒.๕ ไม่นำของราชการมาใช้ส่วนตวั ๓. ความเสยี สละ (๒๕คะแนน) ๓.๑ ให้ความสำคัญกับประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วน ตนและใหค้ วามร่วมมอื ในกิจกรรมตา่ ง ๆ ของสถานท่ฝี ึกปฏบิ ตั ิงาน ๓.๒ ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่นตามโอกาสและความ เหมาะสม ๓.๓ ชว่ ยปฏิบตั ิงานด้วยความเต็มใจ ค่มู อื การฝกึ ปฏบิ ัติโครงการฝึกปฏิบัตงิ านภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี ปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๑ รายการ ระดบั พฤติกรรม ๓.๔ ยินดีปฏบิ ัตงิ านเกนิ เวลา ปฏบิ ัติ ปฏบิ ัติ ปฏบิ ัติ ปฏิบตั ิ ปฏิบตั ิ ทกุ ครัง้ บ่อยครงั้ บางครง้ั นานๆครง้ั นอ้ ยท่สี ุด (๕) (๔) (๓) (๒) (๑) ๓.๕ มนี ำ้ ใจเออ้ื เฟอื้ เผื่อแผ่และชว่ ยเหลอื ผู้อื่น ไม่แสดงท่าทรี งั เกยี จ หรอื รำคาญ ๔. การพัฒนาตนเอง (๓๐คะแนน) ๔.๑ ยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผอู้ ่นื ๔.๒ แกไ้ ขปรบั ปรุงขอ้ บกพร่องและปรับปรงุ การปฏิบตั ิงานให้ดีขึน้ ๔.๓ มีความอตุ สาหะและพากเพยี รในการปฏิบตั งิ าน ๔.๔ ศึกษาค้นควา้ และหาความรู้เพ่ิมเติมอยู่เสมอ ๔.๕ กล้าตัดสนิ ใจตามขอบเขตหนา้ ทข่ี องตนเอง ๔.๖ มีความม่ันใจและกล้าแสดงความคิดเห็นอยา่ งมีเหตผุ ล ๔.๗ แกไ้ ขปัญหาอปุ สรรคในการปฏิบตั งิ านไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๕. บคุ ลิกภาพท่ัวไป (๓๐คะแนน) ๕.๑ แตง่ กายสะอาดเรียบร้อยถกู ระเบียบและกาลเทศะ ๕.๒ กริ ยิ าวาจาสภุ าพ ไมส่ ่งเสียงดงั ๕.๓ อดทนและควบคุมอารมณ์ได้เหมาะสมตามกาลเทศะ ๕.๔ ปฏบิ ตั ิตนเป็นตัวอยา่ งทด่ี ีทางสขุ ภาพอนามัย ๕.๕ มีความกระตือรอื ร้นในการฝึกปฏิบัตงิ าน ๕.๖ มคี วามเป็นกันเองและปรบั ตวั เขา้ กับผูร้ ว่ มงานทกุ ๆ ระดบั ได้ รวมคะแนน(๑๕๐คะแนน)  อาจารย์นิเทศ ร้อยละ ๕  อาจารย์พี่เล้ียง รอ้ ยละ ๕ ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................ ผู้ประเมนิ (......................................) ค่มู อื การฝึกปฏิบัตโิ ครงการฝกึ ปฏบิ ัตงิ านภาคสนามชุดวิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๒๒ ภาคผนวก ง รูปแบบรายงานการฝึกปฏบิ ตั งิ าน คู่มอื การฝกึ ปฏิบัติโครงการฝกึ ปฏบิ ตั ิงานภาคสนามชุดวิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี ปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๓ รูปแบบรายงาน สรุปการฝกึ ปฏบิ ตั งิ านโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพปฏิบัตกิ ารฉุกเฉนิ การแพทย์ รายงานการฝกึ ปฏิบตั งิ านโครงการพฒั นาทักษะวิชาชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์นี้ ให้นกั ศกึ ษาจัดทำเปน็ ราย กลมุ่ ๆ ละ ๓ เลม่ สำหรบั สง่ อาจารยน์ ิเทศ ๑ เลม่ และอาจารย์พ่เี ลี้ยง ๑ เลม่ สสอ. ๑ เลม่ โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี้ ๑. ปกนอก ๒. ใบรองปก ๓. ปกใน ๔. คำนำ ๕. สารบัญ ๖. เน้อื หา ประกอบดว้ ย บทที่ ๑ บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญ เขียนใหเ้ ห็น ดังนี้ ๑. ย่อหนา้ แรก ปัญหาทส่ี ำรวจพบ(สำรวจ) และจากข้อมูลฑตุ ิยภูม(ิ อัตราปว่ ยหรือ ตายของ รพ.สต. เขียนใหเ้ หน็ มุมมองท่ีเป็นสาเหตุของปัญหา ๒. ย่อหน้าท่ี ๒ ปัญหาจากกระบวนการ AIC (A๑,A๒) เขียนให้เห็นมุมมองที่เปน็ สาเหตุของปัญหา และสิง่ ท่ีต้องการในอนาคต ๓. ย่อหน้าท่ี ๓ จากย่อหน้า ๑ และ ๒ จึงสรุป...จัดทำโครงการแก้ไขปญั หา ........................... สรปุ ตอนท้าย ดังน้ี จากหลกั การและเหตุผลขา้ งต้น คณะนักศึกษา.....วสส....รว่ มกับประชาชนในพืน้ ท่ี จึงได้ดำเนนิ งาน โครงการพฒั นาทกั ษวชิ าชีพปฏิบัติการฉุกเฉนิ การแพทย์ (ช่ือโครงการ) โดยใชร้ ปู แบบการวจิ ัย เป็นรูปแบบ การวจิ ัยเชงิ ปฏิบัติการ (Action Research) โดยกระบวนการดำเนนิ งาน ใชเ้ ทคนิค AIC .ในการค้นหาปัญหา ในชมุ ชน และใชเ้ ครอ่ื งมือ ๗ ช้นิ ในการวนิ จิ ฉัยชุมชน การฝึกปฏบิ ตั งิ านใช้กระบวนการวิจัยเชงิ ปฏบิ ตั ิการ โดยมีรูปแบบ ดังนี้ ๑. การวางแผน (Planning) ๒. การปฏิบัติ (Acting) ๓. การสงั เกต (Observing) ๔. การทบทวน/สะท้อนความคิด (Reflecting) คมู่ ือการฝึกปฏิบัตโิ ครงการฝกึ ปฏบิ ัตงิ านภาคสนามชุดวิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี ปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๔ วตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ัย เพื่อส่งเสริมการเรียนรใู้ นการแก้ปญั หาการจัดการ.....(เกยี่ วกับปญั หาท่ีกลุ่มฝกึ งานค้นพบดว้ ย กระบวนการ AIC ในชมุ ชนและไดเ้ ขยี นโครงการแก้ไขปญั หานน้ั ) ขอบเขตการวิจัย ๑. ขอบเขตด้านกลุ่มตัวอย่าง กลมุ่ ประชากรท่ีใชใ้ นการดำเนินการวิจัย คอื ประชาชนบา้ น........หม่ทู ่.ี .......อำเภอ........ จำนวน....คน(ทงั้ หมดของหมู่บา้ น) กลมุ่ ตัวอยา่ งใชใ้ นการดำเนินการวจิ ยั คือ ประชาชนบา้ น..........หมทู่ .่ี .......อำเภอ........ จำนวน......คนโดยการคัดเลอื กตัวอย่าง โดยเลอื กตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) โดยเกณฑ์ ในการเลือก คือ ๑.๑ เปน็ พนื้ ทที่ ีเ่ อื้อต่อความสะดวกของผวู้ ิจยั ในการเดนิ ทางเขา้ ไปตลอดการวจิ ัยเนื่องจาก การวิจัยเชงิ ปฏบิ ัติการ เป็นการวจิ ยั ทต่ี อ้ งมีความตอ่ เน่ืองในการวจิ ัย จงึ ต้องคานงึ ถึง ความสะดวกในการเขา้ ถงึ สถานท่ใี นการวิจยั ซงึ่ เป็นองค์ประกอบหนง่ึ ในการเลอื ก พื้นท่ใี นการวจิ ยั (สุภางค์ จันทวานิช, ๒๕๔๗) รวมท้ังผูว้ จิ ัยสามารถเดินทางเขา้ ออกได้ สะดวกไม่ไกลจากท่ีพกั ทำให้มีแนวโน้มของการศึกษาวิจัยได้ประสบความสำเร็จและ มีประสิทธภิ าพยงิ่ ขนึ้ ๑.๒ กลุ่มเป้าหมายเข้ารว่ มตามความสมัครใจ สามารถเขา้ รว่ มกิจกรรมได้มากกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของการจัดกจิ กรรมทั้งหมด ให้ความสำคญั และมีความต้องการทีจ่ ะแก้ไขปญั หา ๒. ขอบเขตดา้ นเนอ้ื หา ประเดน็ ปญั หาทีง่ านวจิ ัยนี้ต้องการศึกษาคอื การส่งเสรมิ การเรยี นรู้การจดั การกบั ปัญหา ทางดา้ นสาธารณสุข โดยกำหนดให้กล่มุ ตวั อย่างเขา้ ร่วมการวจิ ยั โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัตกิ าร มี ๔ ขนั้ ตอน Wilfred and Stephen (๑๙๘๖) ดงั นี้ ๑. Plan การวางแผน เป็นการกำหนดแนวทางปฏิบตั ิการไว้ก่อนล่วงหนา้ โดยอาศยั การคาดคะเน แนวโน้มของผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึน้ จากการปฏบิ ัติตามแผนท่วี างไว้ ประกอบกบั การระลกึ ถึงเหตุการณ์หรือ เรอื่ งราวในอดีตทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับประเด็นปญั หาที่ต้องการแก้ไขตามประสบการณ์ท้ังทางตรงและทางอ้อมของผู้ วางแผน ภายใต้การไตรต่ รองถงึ ปัจจยั สนบั สนนุ ขัดขวางความสำเร็จในการแกไ้ ข ปญั หาการต่อต้าน รวมทงั้ สภาวการณ์เงื่อนไขอื่นๆ ทแ่ี วดล้อมปัญหาอยูใ่ นเวลานัน้ โดยทวั่ ไปการวางแผนจะต้องคานึงถึงความยืดหยนุ่ ท้งั นี้เพื่อจะสามารถปรับเปล่ยี นให้เข้ากับเหตุการณ์ท่ีเกิดขน้ึ ในอนาคต ๒. Action การปฏบิ ัติ เป็นการลงมอื ดำเนินงานตามแผนท่ีกำหนดไว้อย่างระมดั ระวังและควบคุม การปฏิบัติงานใหเ้ ป็นไปตามที่ระบไุ วใ้ นแผน อยา่ งไรกต็ ามในความเป็นจรงิ การปฏบิ ัตติ ามแผนท่ีกำหนดไวม้ ี โอกาสแปรเปล่ยี นไปตามเง่ือนไขและข้อจากัดของสภาวการณ์เวลานัน้ ไดด้ ้วยเหตุนี้แผนปฏบิ ัติการท่ีดจี ะตอ้ ง มีลกั ษณะเป็นเพยี งแผนชว่ั คราว ซ่งึ เปิดช่องใหผ้ ู้ปฏบิ ตั ิการสามารถปรบั เปลีย่ นได้ตามเงื่อนไขและปจั จัยที่ คมู่ อื การฝกึ ปฏบิ ัตโิ ครงการฝกึ ปฏิบัติงานภาคสนามชุดวิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชีพปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๕ เปน็ อยู่ในขณะนัน้ การปฏบิ ตั ิการท่ดี จี ะต้องดำเนินไปอยา่ งตอ่ เนือ่ งเปน็ พลวตั รภายใต้การใช้ดุลยพินิจในการ ตัดสินใจ ๓. Observe การสงั เกต เปน็ การเก็บรวบรวมข้อมลู เกยี่ วกับกระบวนการและผลทเี่ กดิ ข้ึนจากการ ปฏบิ ัติงานทีไ่ ด้ลงมือกระทาลงไป รวมท้ังสังเกตการณ์ปจั จัยสนบั สนนุ และปจั จัยอุปสรรคการดำเนนิ งานตาม แผนทวี่ างไว้ ตลอดจนประเด็นปญั หาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหวา่ งปฏบิ ัตกิ ารตามแผนว่ามสี ภาพหรอื ลกั ษณะเป็น อยา่ งไร การสงั เกตการณ์ทด่ี ีจะต้องมกี ารวางแผนไวก้ ่อนลว่ งหน้าอยา่ งคร่าวๆ โดยจะตอ้ งมีขอบเขตไม่แคบ หรอื จำกัดจนเกินไป เพ่อื จะไดเ้ ป็นแนวทางสาหรบั การสะทอ้ นกลบั กระบวนการและผลการปฏบิ ัตทิ ่จี ะ เกดิ ข้ึนตามมา ๔. Reflect การสะท้อน เปน็ การให้ข้อมลู ถึงการกระทำตามที่บนั ทึกข้อมูลไว้จากการสงั เกตในเชงิ วิพากษ์กระบวนการและผลการปฏิบตั งิ านตามท่วี างแผนไว้ ตลอดจนการวิเคราะหเ์ กย่ี วกับปจั จัยสนับสนนุ และปจั จัยอุปสรรคการพฒั นา รวมทง้ั ประเด็นปญั หาต่างๆ ทีเ่ กดิ ขน้ึ วา่ เป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์หรือไม่ การ สะท้อนกลบั โดยอาศัยกระบวนการกลุม่ ในลักษณะวิพากษ์วจิ ารณ์ หรือประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานระหวา่ ง บุคคลที่มสี ่วนร่วมในการวิจัย จะเป็นวิธกี ารปรับปรุงวธิ กี ารปฏิบัตงิ านตามแนวทางดั้งเดิมไปเป็นการ ปฏิบตั ิงานตามวธิ กี ารใหม่ ซึ่งใชเ้ ปน็ ข้อมูลพ้นื ฐานสำหรบั การทบทวนและปรับปรงุ วางแผนปฏบิ ตั กิ ารใน วงจรกระบวนการวจิ ัยในรอบหรือเกลยี วต่อไป คำจำกัดความท่ใี ช้ในการวิจัย การวิจัยเชิงปฏิบัติการ หมายถึง กระบวนการที่ผู้วิจัยและกลุ่ม........ที่คัดเลือกร่วมกันหาแนว ทางแก้ไขปัญหาการจัดการ....................................ซึ่งมีขั้นตอนการดาเนินการวิจัย ๔ ขั้นตอน ดังนี้ ๑) การสำรวจ ปัญหาเพื่อนำไปสู่การวางแผน (Plan) ๒) การปฏิบัติ (Action) ๓) การสังเกตผลจากการปฏิบัติ (Observe) ๔) แล้ว จงึ สะท้อนผลที่ได้ (Reflect) เพอื่ สร้างกระบวนการเรยี นรู้การปฏิบัตใิ นครั้งตอ่ ไป โดยวงจรสามารถหมุนวนไปได้เร่ือย ๆ จนกว่าผ้ปู ฏบิ ัติงานจะเห็นว่าอิ่มตัว การวจิ ยั เชิงปฏบิ ัติการในงานวจิ ัยน้ีผ้วู จิ ยั จะตอ้ งเข้าร่วมการดำเนินงานในทุก ๆ ขน้ั ตอน รว่ มเรียนร้แู ละปฏบิ ัตไิ ปพรอ้ ม ๆ กับกลุ่ม...............ด้วย กระบวนการแก้ไขปญั หา หมายถงึ ................ กระบวนการเรยี นรู้ หมายถึง ............ ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รบั ๑. ไดท้ ราบถึง.... ๒. แบบอยา่ งจากการแก้ไขปญั หาสามารถ........ คมู่ อื การฝึกปฏบิ ัตโิ ครงการฝกึ ปฏิบตั งิ านภาคสนามชดุ วิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๖ กรอบแนวคดิ ในการวิจัย บทท่ี ๒ เอกสารและงานวจิ ัยท่เี ก่ยี วขอ้ ง ตอนที่ ๑ ข้อมลู บริบทชมุ ชนบา้ น......หมู่ท.ี่ .....อำเภอ..... ขอ้ มลู พนื้ ฐานบา้ น...... อาณาเขตบา้ น...... ลักษณะภูมิประเทศ ลกั ษณะภมู ิอากาศ อาชีพประชาชน การคมนาคม ศลิ ปวฒั นธรรม ประวัติบ้าน.....หมู่ที่ ...... คูม่ ือการฝกึ ปฏิบัตโิ ครงการฝึกปฏบิ ตั ิงานภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี ปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๗ ตอนที่ ๒ กระบวนการแก้ปัญหา ความหมายของปัญหาและการแกป้ ัญหา ประเภทของปญั หา การแก้ไขปัญหา ดว้ ยกระบวนการ AIC -A๑, A๒, I๑, I๒, C๑, C๒ (สรุปแตล่ ะข้นั ตอน) ตอนท่ี ๓ โครงการแก้ไขปญั หา ตอนท่ี ๔ แนวคดิ การวิจัเชิงปฏิบตั ิการ ๑. ความหมายของการวิจัยเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ๒. ประเภทของการวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ัติการ ๓. โมเดลของ Stephen Kemmis and Mc Taggart บทท่ี ๓ วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ัย ระยะที่ ๑ การเตรยี มความพร้อม ศกึ ษาสภาพเบ้ืองต้นของชุมชน สถานการณ์ด้านสงิ่ แวดลอ้ มและความร่วมมอื ของกลุม่ .......ในการทำ กจิ กรรมต่างๆ ประชากร คือใคร กลุ่มตวั อยา่ ง คอื ใคร ข้ันตอนการพฒั นาและหาคณุ ภาพของเครื่องมือ ๑. ศกึ ษาเอกสาร แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่เก่ียวข้องกับการวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั ิการในการแกป้ ญั หาการ จัดการ.................................. ๒. ขั้นพฒั นาเครื่องมือ ผูว้ จิ ยั พฒั นาเครอ่ื งมอื ....... เครื่องมือ ดงั น้ี เครอ่ื งมือท่ี ๑ แบบสัมภาษณ์ ประชาชนผู้เขา้ ร่วมการวิจัยเชิงปฏบิ ัตกิ าร เพ่ือสง่ เสริมการเรยี นรใู้ นการแก้ปัญหาการจัดการ......................... โดยสมั ภาษณเ์ ป็นรายบุคคล โดยผลจากเครอื่ งมือนเี้ พื่อทราบถงึ บริบทชมุ ชน และปัญหาในการจดั การ.................และข้อมูลเบื้องตน้ ใน การวางแผนการดำเนินการวจิ ัย โดยมีประเดน็ การสมั ภาษณ์ ดงั น้ี - ปัญหาการจดั การ................. - สาเหตขุ องปัญหาการจัดการ................... - การแกป้ ัญหาและการจัดการ........................ - ปญั หาอ่นื ๆ นอกจาการปัญหาการจัดการ.................. ผู้วิจัยนัดสัมภาษณ์......(ใคร) ที่บ้านของ (ใคร) โดยให้.........เลือกวันที่สะดวกในการให้สัมภาษณ์ โดยมีผู้สมัครใจเข้าร่วมให้ข้อมูลงานวิจัยทั้งหมด ............ คน เพื่อนำข้อมูลที่ได้เป็นแนวทางในการดำเนินการ คู่มอื การฝกึ ปฏบิ ตั ิโครงการฝึกปฏิบตั งิ านภาคสนามชดุ วิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๘ วิจัยของการวิจยั เชงิ ปฏบิ ัติการ เป็นการสัมภาษณ์เชิงลึก เพื่อให้ได้ปัญหาที่แท้จริง ประกอบกับการพูดคุยอย่าง ไมเ่ ปน็ ทางการ เคร่อื งมอื ที่ ๒ แบบบนั ทึกการประชมุ AIC ผ้เู ข้าร่วมการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในการแก้ปัญหาการจัดการ............................... โดยแบ่งหัวข้อการ ประชมุ กล่มุ ดังน้ี หวั ข้อที่ ๑ A๑ ได้อะไร ยอ่ ๆ หวั ข้อท่ี ๒ A๒ ได้อะไร หัวขอ้ ที่ ๓ I๑ ได้อะไร หัวขอ้ ท่ี ๔ I๒ ไดอ้ ะไร หวั ขอ้ ท่ี ๕ C๑ ไดอ้ ะไร หวั ข้อท่ี ๖ C๒ ไดอ้ ะไร เครอ่ื งมอื ท่ี ๓ แบบบนั ทกึ การสงั เกต ผเู้ ขา้ รว่ มการวจิ ยั เชิงปฏิบัตกิ าร เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในการแก้ปัญหาการจัดการ…………………………… แบบบันทึกนี้จะมี ผู้ช่วยผู้วิจัยคอยจดบันทึกและสังเกตการเรียนรู้และการปฏิบัติตลอดการวิจัย ตั้งแต่ขั้นตอน โดยแบง่ เป็นประเดน็ หลกั ๆ ดงั น้ี - วางแผน - ลงมือปฏิบัติ - สรปุ และสะทอ้ นผล - อื่นๆ เพิม่ เติม สรปุ ผลการบันทึกการสังเกตจะมีการบันทกึ ในทุกครั้งหลังการประชมุ กลุ่ม และสรปุ ผลการ สงั เกตรวมตลอดการดำเนินงาน โดยผลทีไ่ ดจ้ ากเคร่ืองมือน้ีนำไปสู่การปรับปรุงแผนการดำเนินงาน ของผวู้ ิจัยให้เขา้ กับเป้าหมาย เครอื่ งมือที่ ๔ แบบสมั ภาษณ์ การวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การแก้ปัญหาการจัดการ.......................... โดยแบ่งประเด็นคำถาม ตามขั้นตอนการวิจัยเชงิ ปฏิบตั ิการ มปี ระเด็นคำถาม ดงั น้ี - ปัญหาและสาเหตุของการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามโครงการมหี รือไม่อย่างไร - แผนการ / ขนั้ ตอนการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามโครงการ มหี รือไมอ่ ยา่ งไร - ขอ้ สงั เกตตา่ งๆ ในข้ันตอนการดำเนนิ งานตามโครงการแก้ปัญหา - แก้ไขปัญหาไดห้ รือไม่ อย่างไร - เกดิ การเรียนรใู้ นการแก้ไขปญั หาอยา่ งไร เครื่องมือที่ ๕ แบบสะท้อนผล ทมี่ ีต่อการทีม่ ตี อ่ งานการวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารตามโครงการ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในการแก้ปัญหาการจัดการ....................... แบบสะท้อนผลนี้ผู้วิจัย จะทำการสรปุ ผล การสะท้อนผลการดำเนนิ การวจิ ัย โดยมปี ระเดน็ ดังน้ี คู่มือการฝึกปฏิบัตโิ ครงการฝึกปฏิบตั ิงานภาคสนามชุดวิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๒๙ - ความร้สู ึกท่มี ีต่อการเขา้ ร่วมงานวิจยั ตามโครงการแกไ้ ขปัญหา - ความรู้สกึ ท่ีมผี ู้วจิ ัย(นักศึกษา) และการประสานงาน - ความรสู้ ึกที่มีตอ่ ตนเองในการเข้ารว่ มงานวิจัยตามโครงการแกไ้ ขปญั หาคร้ังนี้ - สง่ิ ทีไ่ ดแ้ ละความเปล่ยี นแปลงหลงั จากเขา้ รว่ มงานวิจัยตามโครงการแก้ไขปัญหา - อืน่ ๆ ทตี่ ้องการแสดงความคิดเหน็ เคร่อื งมือท่ี ๖ แบบสอบถามความพึงพอใจ การเขา้ ร่วมการวจิ ัยเชงิ ปฏบิ ตั ิการตามโครงการ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การแก้ปัญหาการจัดการ................... โดยแบ่งประเด็นความพึง พอใจตามขนั้ ตอนการวิจยั เชิงปฏิบัติการ มี ๖ ข้อ มปี ระเดน็ คำถาม ดังนี้ - การเข้าร่วมการวิจยั ตามโครงการแกไ้ ขปัญหา - การหาปัญหาและสาเหตุของปญั หา - การออกแบบและวางแผน - การลงมือปฏบิ ตั แิ ละวิเคราะหส์ รปุ ผล - ความพึงพอใจโดยภาพรวม ๓. นำเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นแล้ว เสนอครูพี่เลี้ยงตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหา ภาษาที่ใช้ ความครอบคลุม และความสอดคล้อง แล้วปรบั ปรงุ แกไ้ ขตามคำแนะนำ ๔. ผทู้ รงคุณวฒุ ิตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) เพอื่ พิจารณาความถูกต้อง และเหมาะสม ตลอดจนการใช้ภาษาเขียนข้อความ นำผลมาคำนวณหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อ คำถามกับวัตถุประสงค์หรือนิยามตัวแปร IOC (Index of Item-Objective Congruence) ผลการคำนวณ ค่า เคร่ืองมือท่ี ๑ ได้ค่า IOC อยรู่ ะหว่าง ๐.๖๐ – ๑.๐๐ เครอ่ื งมอื ท่ี ๒.....๓.......๔.......๕....๖ ๕. หาค่าความเที่ยง (reliability) ของเครื่องมือ โดยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (alpha- coefficient) วธิ กี ารของครอนบาค (Cronbach , ๑๙๗๔ : ๑๖๑) ได้ค่าเท่ากับ............ ระยะที่ ๒ การวจิ ัยเชิงปฏิบัติการ ขัน้ ตอนท่ี ๑ การวางแผน (Plan) ทำอะไร กบั ใคร ท่ีไหน เม่ือไร อย่างไร (บรรยายเก่ียวกับการวางแผน) ขั้นตอนท่ี ๒ ข้นั ดำเนนิ การ (Action) ทำอะไร กบั ใคร ท่ไี หน เม่อื ไร อยา่ งไร (บรรยายเก่ียวกับการวางแผน) ข้นั ตอนท่ี ๓ การสงั เกตผล (Observe) ทำอะไร กับใคร ทไ่ี หน เม่ือไร อยา่ งไร (บรรยายเกย่ี วกบั การวางแผน) ขน้ั ตอนท่ี ๔ การสะท้อนผล (Reflect) ทำอะไร กับใคร ท่ไี หน เมอ่ื ไร อยา่ งไร (บรรยายเก่ียวกบั การวางแผน) ระยะท่ี ๓ การสรุปและวิเคราะหผ์ ล สรุปผลและวิเคราะหผ์ ลการวิจัยเชิงปฏิบัติการเพ่ือส่งเสรมิ การเรยี นร้ใู นการแก้ปัญหาการจดั การ ............................จากข้อมลู ทั้งหมดทไ่ี ด้รับในข้ันเตรยี มความพร้อมและการวิจยั เชงิ ปฏบิ ัตกิ าร ผู้วจิ ยั ทำการวิเคราะห์ ข้อมูลท้ังในระหวา่ งการลงพืน้ ท่ีศกึ ษาและหลังการดำเนินการวิจยั เสร็จสิ้นแลว้ มาสรปุ เป็นผลการเรยี นรใู้ นการ แกป้ ัญหาการจดั การ........................................... แล้วจึงสงั เคราะหเ์ ป็นรูปแบบของการเรียนรใู้ นการแก้ปญั หาการ จดั การ..........................................(เขยี นตามนี้) ค่มู ือการฝึกปฏบิ ัตโิ ครงการฝึกปฏิบัตงิ านภาคสนามชดุ วิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๓๐ บทที่ ๔ ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู ขอ้ มูลพน้ื ฐานชุมชน -บรรยายลกั ษณะชุมชน การวเิ คราะห์ผลการวจิ ัยเชิงปฏบิ ัติการ ขัน้ ตอนท่ี ๑ การวางแผน (Plan) -การคน้ หาปญั หาและระบปุ ญั หา ทำอะไร กบั ใคร ท่ีไหน เมือ่ ไร อยา่ งไร ผลการคน้ พบเปน็ อยา่ งไร -ศึกษาปัญหาและหาสาเหตุของปญั หา ทำอะไร กบั ใคร ทไ่ี หน เม่ือไร อย่างไร ผลการคน้ พบเปน็ อยา่ งไร -การออกแบบขั้นตอนการดำเนินการแก้ไขปัญหา บอกทุกขั้นตอนโดยละเอียด ทำอะไร กับใคร ทไ่ี หน เมือ่ ไร อยา่ งไร ขน้ั ตอนที่ ๒ ขั้นดำเนนิ การ (Action) -การลงมือปฏบิ ตั ิ ทำอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไร อยา่ งไร พบปัญหาอปุ สรรคอย่างไร แกอ้ ย่างไร -การประเมนิ ผล ความพึงพอใจ ขั้นตอนท่ี ๓ การสังเกตผล (Observe) -ขอ้ สงั เกตุทั่วไป ภาพรวม -การสังเกตการวางแผน -การสังเกตการลงมือปฏิบตั ิและการสะท้อนผล ข้นั ตอนท่ี ๔ การสะท้อนผล (Reflect) -การสะท้อนผลการดาเนินงานและการเรียนรูใ้ นการแก้ปัญหาการจัดการ..................... -สรุปการสะทอ้ นผล ตามตาราง ปัญหา สาเหตขุ องปญั หา วิธีการแก้ปัญหา ผลรับทไ่ี ด้รบั ๑. ๒. ดึงคำพูดสัมภาษณ์มาเขียนด้วย บทที่ ๕ สรุปผลการวจิ ัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ สรุปผลการวจิ ยั อภิปรายผล ข้อเสนอแนะ เอกสารอ้างอิง ภาคผนวก รายละเอยี ดเครอ่ื งมือ ๗ ชิน้ รูปภาพกิจกรรม คู่มือการฝึกปฏิบตั โิ ครงการฝึกปฏบิ ตั ิงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๓๑ ภาคผนวก จ ระเบียบท่เี กีย่ วข้องกบั การฝึกปฏิบตั งิ าน คู่มอื การฝึกปฏิบัตโิ ครงการฝกึ ปฏิบัติงานภาคสนามชุดวชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี ปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๓๒ ระเบียบสถาบนั พระบรมราชชนก ว่าดว้ ยการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษาในสังกัด พ.ศ. ๒๕๕๒(ฉบับปรบั ปรุง) --------------------------- ในทีน่ ข้ี อยกระเบยี บทเ่ี กี่ยวข้องในการฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาดงั ตอ่ ไปนี้ หมวด ๔ วนิ ัยและโทษทางวินัย ข้อ ๑๗ นักศึกษาต้องถือปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่งหรือข้อกำหนดตามระเบียบนี้และหรือตาม ระเบียบอ่ืนของวทิ ยาลยั โดยเคร่งครัด ขอ้ ๑๘ วนิ ยั และการรักษาวนิ ยั นักศึกษาต้องปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ (๑) นกั ศกึ ษาตอ้ งปฏบิ ัตติ ามหลกั ศลี ธรรม จรยิ ธรรม และวัฒนธรรมอันดีของสงั คมไทยในทุกโอกาส (๒) นักศึกษาต้องรักษาไว้ซึ่งความสามัคคี ความเป็นระเบียบเรียบร้อย และชื่อเสียงเกียรติคุณของ วทิ ยาลยั (๓) นักศึกษาต้องประพฤติตนเป็นสุภาพชน ไม่ประพฤติในสิ่งที่อาจนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ ตนเอง บิดา มารดา ผู้ปกครอง วิทยาลยั หรือวิชาชีพ (๔) นกั ศกึ ษาต้องเชือ่ ฟงั คำสัง่ ของอาจารย์หรือผดู้ ูแลนักศกึ ษาโดยเครง่ ครัด (๕) นกั ศึกษาต้องไมม่ ีและ หรอื ดื่มสุราหรือเคร่อื งดืม่ ทีม่ สี ่วนผสมของแอลกอฮอล์ (๖) นักศึกษาต้องไมเ่ สพสารเสพติด หรือมสี ารเสพติดไว้ในครอบครองหรือจำหนา่ ย (๗) นกั ศึกษาตอ้ งไมเ่ ลน่ หรือมสี ว่ นเก่ยี วขอ้ งหรือสนับสนุนการพนนั ใด ๆ (๘) นกั ศึกษาตอ้ งไม่กระทำตนใหเ้ ป็นผมู้ หี นสี้ นิ ลน้ พน้ ตวั จนมเี รื่องเสียหายถึงผู้อื่นหรือสถานศึกษา (๙) นักศึกษาต้องไม่นำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในบริเวณวิทยาลัย หรือมีสิ่งผิดกฎหมายไว้ใน ครอบครอง (๑๐) นกั ศึกษาต้องไม่มหี รือพกพาอาวุธ หรอื วตั ถรุ ะเบิด (๑๑) นักศกึ ษาตอ้ งไม่กอ่ หรอื มสี ่วนเกย่ี วขอ้ งในการทะเลาะวิวาทกบั นักศึกษาด้วยกันหรือกบั ผู้อ่ืน (๑๒) นักศกึ ษาต้องไมล่ กั ขโมย ยักยอก หรือทำลายทรัพย์สินของผอู้ ื่น หรอื ของวิทยาลัย (๑๓) นกั ศึกษาต้องไมก่ ระทำการอันใด ซงึ่ เชื่อวา่ เปน็ ผปู้ ระพฤติชว่ั เช่น กระทำผดิ ศีลธรรมทางด้านชสู้ าว กระทำการใดหรือยอมใหผ้ ู้อื่นกระทำการใดซึ่งอาจทำใหเ้ สื่อมเสยี ชื่อเสียงของตนเอง วทิ ยาลยั หรือวชิ าชีพ (๑๔) นักศึกษาต้องไม่ทุจรติ รายงานเท็จ ปลอมแปลงลายมือชอื่ หรอื ปลอมแปลงเอกสาร คูม่ ือการฝกึ ปฏิบตั ิโครงการฝึกปฏบิ ัตงิ านภาคสนามชุดวิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๓๓ (๑๕) ในการศึกษาภาคปฏิบัตินักศึกษาจะต้องปฏิบัติด้วยความรู้ วิจารณญาณและความรอบคอบ มใิ ห้เกดิ ความเสียหายแก่ผูใ้ ช้บริการโดยปฏิบตั ิ ดงั นี้ (ก) ปฏบิ ตั งิ านตรงตามเวลาที่กำหนด (ข) ปฏิบัติงานตามขอบเขตหน้าที่รบั ผิดชอบภายใตก้ ฎ ระเบียบของวทิ ยาลัยและสถานฝกึ ปฏบิ ตั งิ าน (ค) เคารพในสทิ ธขิ องผใู้ ชบ้ ริการโดยเคร่งครดั (ง) รายงานอาจารย์นิเทศหรือผู้ดูแลนักศึกษาทราบโดยทันทีที่ปฏิบัติงานผิดพลาด หรือมี เหตุการณไ์ ม่ปกตเิ กิดขึน้ (จ) มีมนุษยสมั พนั ธ์ทเ่ี หมาะตอ่ ผ้ใู ชบ้ รกิ าร ผรู้ ว่ มงานและผเู้ กย่ี วข้อง (ฉ) มีความซือ่ สัตย์ตอ่ ผูใ้ ช้บริการ ผู้ร่วมงานและผู้เก่ยี วขอ้ ง (ช) ให้ความรว่ มมือตอ่ ผรู้ ว่ มงานตามความเหมาะสม (ซ) ไม่ปฏิบตั กิ ิจกรรมอน่ื ในเวลาปฏบิ ตั งิ านโดยมิได้รบั อนุญาตจากอาจารย์นิเทศหรือผู้ดูแล นกั ศกึ ษา (ฌ) ในขณะปฏิบัติงาน เมอ่ื มีกรณจี ำเป็นใดก็ตามที่ตอ้ งออกนอกสถานทฝ่ี ึกปฏิบตั งิ าน ต้อง ได้รับอนญุ าตจากอาจารย์นเิ ทศ หรือผู้ดูแลนักศึกษากอ่ น (ญ) ในกรณีที่นักศึกษาต้องปฏิบัติงานนอกเหนือจากวัน เวลาที่กำหนด ต้องได้รับความ เหน็ ชอบจากอาจารยน์ ิเทศ หรอื ผดู้ ูแลนักศกึ ษาก่อน ข้อ ๑๙ โทษทางวินัยมี ๗ สถาน (๑) ว่ากล่าวตกั เตอื น (๒) ภาคทัณฑ์ (๓) ควบคุมความประพฤติและหรือบำเพ็ญประโยชนแ์ ละหรือปฏิบตั ิงานเพมิ่ เติม (๔) ตัดคะแนนความประพฤติหรอื ตดั คะแนนการปฏิบตั งิ าน (๕) ยดื เวลาสำเรจ็ การศึกษา (๖) พักการศกึ ษา (๗) ใหพ้ น้ สภาพจากการเป็นนักศกึ ษา ข้อ ๒๐ ความผิดทางวินัยแบง่ เปน็ ๓ ระดบั ดงั นี้ (๑) ระดับที่ ๑ เป็นการประพฤติผิดระเบียบวินัยที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อตนเองและผู้อ่ืน เล็กนอ้ ย ตวั อยา่ งเชน่ คู่มอื การฝึกปฏบิ ัติโครงการฝึกปฏิบัตงิ านภาคสนามชุดวชิ าโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๓๔ (ก) แต่งกายไมส่ ภุ าพ ไม่ถกู ตอ้ งตามระเบียบของวทิ ยาลยั (ข) รบกวนความสงบเรยี บรอ้ ย กอ่ เหตุรำคาญ (ค) ไม่รกั ษาระเบียบของวทิ ยาลยั และแหลง่ ฝกึ ภาคปฏิบัติ (ง) สบู บุหรีใ่ นวิทยาลัยและสถานทฝ่ี กึ ปฏบิ ัติ (จ) ไมต่ งั้ ใจเลา่ เรียนและไมก่ ระทำการใด ๆ ตามเวลาท่ีวิทยาลัยกำหนด (ฉ) ขัดคำสั่งหรือหลีกเลี่ยงไม่ประพฤติตามคำสั่งของอาจารย์ หรือผู้ดูแลนักศึกษา ซึ่งสั่ง โดยหน้าทช่ี อบด้วยกฎหมายและระเบียบของวิทยาลยั ทำใหเ้ กิดผลเสียหายเล็กนอ้ ย (ช) การฝึกปฏิบัติงานผิดพลาด แต่ไม่เป็นอันตรายแก่ผู้ใช้บริการและหรือเสียหายต่อ ทรพั ย์สิน โดยไมเ่ สื่อมเสยี ชือ่ เสยี งตอ่ วิทยาลัยและวชิ าชพี (ซ) ความผดิ อ่ืนที่เทยี บไดใ้ นระดับเดยี วกนั (๒) ระดับ ๒ เป็นการประพฤติผดิ ระเบียบวินัยท่ีทำให้เกิดความเส่ือมเสียต่อตนเอง ผู้อื่น วิทยาลัย และวิชาชีพไม่ร้ายแรง ตัวอย่างเชน่ (ก) กระทำความผิดเคยถูกลงโทษภาคทัณฑ์มาแลว้ ๑ คร้ัง (ข) นำบุคคลอนื่ เข้ามาอยใู่ นหอพกั (ค) กล่าววาจาไมส่ ุภาพ แสดงกริ ิยาวาจาไม่มีสัมมาคารวะต่ออาจารย์ ผู้ดแู ลนกั ศกึ ษา หรือ บคุ คลอน่ื (ง) มีหนส้ี ินลน้ พ้นตวั (จ) ขัดคำสั่งหรอื หลกี เหลี่ยงไมป่ ฏิบตั ิตามคำสั่งของอาจารย์หรือผู้ดูแลนักศกึ ษา ซึ่งสั่งโดย หน้าทโี่ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย และระเบยี บของวทิ ยาลยั ทำใหม้ ผี ลเสียหายไมร่ ้ายแรง (ฉ) การปฏบิ ัตงิ านผดิ พลาดทเี่ ป็นอันตรายแกผ่ ู้ใช้บริการและหรือเสียหายต่อทรัพย์สินหรือ วิทยาลัยและวิชาชีพ แต่ไม่รา้ ยแรง (ช) ความผดิ อื่นทเ่ี ทยี บไดใ้ นระดบั เดียวกัน (๓) ระดับ ๓ เป็นการประพฤติผิดระเบียบวนิ ยั ทีท่ ำให้เกิดความเส่ือมเสียต่อตนเอง ผู้อื่น วิทยาลัย และวิชาชีพอย่างร้ายแรง ตวั อยา่ งเชน่ (ก) รายงานเท็จดว้ ยวาจาหรอื ลายลกั ษณ์อักษร (ข) ก่อการววิ าท ทำรายร่างกาย หรือกอ่ ความไม่สงบเรียบร้อย (ค) มีอาวธุ ครอบครองในวทิ ยาลยั หรอื แหลง่ ฝกึ ภาคปฏบิ ัติ (ง) เลน่ การพนนั (จ) ด่มื สุรา เสพสารเสพติด หรือของมนึ เมาทกุ ชนิด หรือมไี ว้ในครอบครอง คู่มอื การฝึกปฏิบัติโครงการฝึกปฏบิ ัติงานภาคสนามชุดวิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชีพปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๓๕ (ฉ) ลักทรพั ย์และหรือ ฉ้อโกง (ช) ประพฤติผิดในทางชู้สาว (ซ) ทำลายทรพั ย์ของทางราชการ วิทยาลัยหรือบุคคลอ่ืน (ฌ) ปลอมแปลงลายมือชือ่ ผ้อู ่นื หรือแกไ้ ขเอกสาร (ญ) หลกี เลีย่ งการปฏบิ ตั ิงาน หรอื ขาดความรบั ผดิ ชอบในหน้าที่ (ฎ) ทำความผิดทางอาญา หรือตอ้ งโทษทางคดีอาญา (ฏ) ขัดคำสั่งหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอาจารย์หรือผู้ดูแลนักศึกษา ซึ่งสั่งโดย ชอบดว้ ยกฎหมาย และระเบยี บของวิทยาลัย ทำให้มผี ลเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรง (ฐ) การปฏิบัติงานผิดพลาดที่เป็นอันตรายร้ายแรงแก่ผู้ใช้บริการ และหรือเสื่อมเสียต่อ วิทยาลยั ตลอดจนวิชาชีพ (ฑ) ทุจริต เช่น การสอบ การเงิน เป็นตน้ (ฒ)ความผดิ อ่นื ทเ่ี ทียบไดใ้ นระดบั เดียวกัน ขอ้ ๒๑ การพิจารณาโทษทางความผดิ มี ๓ ระดับ ดังนี้ (๑) ระดบั ๑ มี ๔ สถาน คือ (ก) ว่ากล่าวตกั เตือนดว้ ยวาจาหรือเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร (ข) ภาคทัณฑ์ (ค) ควบคุมความประพฤติและหรือบำเพ็ญประโยชน์และหรือปฏิบัติงานเพิ่มเติมไม่เกิน ๒ สัปดาห์ (ง) ตัดคะแนนความประพฤติไม่เกิน ๕ คะแนน หรือตัดคะแนนการปฏิบัติงานไม่เกิน รอ้ ยละ ๕ ของคะแนนทไี่ ดร้ บั ในหนว่ ยน้ัน (๒) ระดบั ๒ มี ๓ สถาน คอื (ก) ควบคุมความประพฤติและหรือบำเพ็ญประโยชน์และหรือปฏบิ ตั งิ านเพิ่มเติมไม่ตำ่ กว่า ๒ สัปดาห์ แต่ไมเ่ กิน ๑ เดือน (ข) ตัดคะแนนความประพฤตติ ้ังแต่ ๖-๑๕ คะแนน และหรือตดั คะแนนการปฏบิ ัติงานร้อย ละ ๖ ถึง ๑๕ ของคะแนนท่ไี ดร้ ับในหนว่ ยนั้น (ค) ปฏิบัติงานเพิม่ เติม (๓) ระดับ ๓ มี ๔ สถาน คอื (ก) ตัดคะแนนความประพฤติตั้งแต่ ๑๖ ถึง ๒๐ คะแนน และหรือตัดคะแนนการ ปฏบิ ตั ิงานร้อยละ ๑๖ ถึง ๒๐ ของคะแนนทีไ่ ดร้ ับในหน่วยนั้น คู่มอื การฝกึ ปฏิบตั โิ ครงการฝกึ ปฏบิ ตั งิ านภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชีพปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๓๖ (ข) ยดื เวลาสำเร็จการศกึ ษาไมเ่ กิน ๓ เดอื น (ค) พักการศึกษา (ง) ใหพ้ ้นสภาพจากการเป็นนักศึกษา ข้อ ๒๒ หลักเกณฑก์ ารพจิ ารณาความผิดและการลงโทษให้ถอื (๑) พิจารณาโดยความเสมอภาค (๒) การลงโทษมีวัตถุประสงค์ให้ผู้รับโทษมีโอกาสกลบั ตัวเกรงกลัวตอ่ ความผิด และป้องกันมิให้ทำ กระทำซ้ำอกี (๓) พิจารณาพฤติกรรมและผลอันเกิดขึน้ ในขณะน้ันโดยไม่คาดคะเนผลทจ่ี ะเกิดในอนาคต (๔) พิจารณาถงึ วยั และชัน้ ปที ีก่ ำลงั ศึกษาอยู่ (๕) ความดีความชอบของผู้กระทำความผิดซึ่งเคยมีมาก่อน อาจใช้เป็นข้อพิจารณาลดหย่อนผ่อน โทษได้ (๖) ผ้กู ระทำความผิดแล้วรับสภาพก่อนจำนนต่อหลักฐาน อาจไดร้ บั การพจิ ารณาลดหย่อนผ่อนโทษได้ (๗) ความผิดในกรณีเดียวกันซึ่งเคยได้รับโทษมาหลายครั้งและยังประพฤติอีกเป็นการเจตนาฝ่าฝนื ข้อบังคบั หรือระเบียบ อาจเป็นขอ้ พิจารณาเพม่ิ โทษได้ (๘) การพิจารณาโทษความผิดไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับสถาน สามารถพิจารณาลงโทษได้ตาม ลกั ษณะความผิดที่กระทำ และสามารถลงโทษไดม้ ากกว่า ๑ สถาน ข้อ ๒๓ การสอบสวนและการลงโทษ (๑) กรณีความผิดระดับ ๑ ผู้อำนวยการวิทยาลัยหรือผู้ดูแลนักศึกษาอาจสั่งลงโทษโดยไม่ต้องตั้ง คณะกรรมการสอบสวนกไ็ ด้ (๒) กรณีความผิดระดับ ๒ และ ๓ ให้ผู้อำนวยการวิทยาลัยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามข้ันตอนตอ่ ไปนี้ (ก) ดำเนนิ การสอบสวน บันทกึ คำใหก้ ารผ้ถู กู กลา่ วหา และพยานหลักฐานอื่น ๆ (ข) รวบรวมหลักฐานท่เี ก่ยี วข้องกบั การกระทำความผิด (ค) เสนอผลการสอบสวน และสรุปความเห็นเสนอต่อผู้อำนวยการวิทย าลัย เพ่ือ ดำเนนิ การตามกระบวนการพิจารณาโทษตอ่ ไป (๓) ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่านักศึกษากระทำความผิดสมควรลงโทษ ตามความผิด ระดับ ๒ ใหผ้ อู้ ำนวยการวิทยาลัยพิจารณาส่ังลงโทษได้ตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิด ถ้ามีเหตุผลอัน ควรลดหย่อนผ่อนโทษจะนำมาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ คู่มอื การฝึกปฏิบัตโิ ครงการฝึกปฏบิ ตั ิงานภาคสนามชุดวิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี ปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๓๗ (๔) ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่านักศึกษากระทำความผิดสมควรลงโทษตามความผิด ระดับ ๓ ให้ผู้อำนวยการวิทยาลัยเสนอผลการสอบสวนให้สอบสวนให้คณะกรรมการบริหารวิทยาลัย พจิ ารณา (ก) ถ้าคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยมีมติให้ตัดคะแนนความประพฤติ หรือให้ยืดเวลา สำเร็จการศึกษา หรือให้พักการศึกษาให้ผู้อำนวยการวิทยาลัยสั่งลงโทษตามมติคณะกรรมการ บรหิ ารวทิ ยาลยั (ข) ถ้าคณะกรรมการบริหารวทิ ยาลัยมมี ติให้พ้นสภาพจากการเป็นนักศกึ ษา ให้ส่งเรื่องให้ สถาบันพระบรมราชชนก เพ่อื เสนอปลดั กระทรวงสาธารณสุขอนุมตั ิให้ พ้นสภาพการเปน็ นกั ศกึ ษา (๕) ในแต่ละปีการศึกษาให้มีคะแนนความประพฤติ ๑๐๐ คะแนน ในกรณีที่นักศึกษาคนใดมี คะแนนความประพฤติตำ่ กวา่ ๘๐ คะแนน จะถูกพจิ ารณาใหพ้ ักการศึกษา (๖) ในกรณีลงโทษพักการศึกษาหรือยืดเวลาสำเร็จการศึกษาให้ตัดเงินอุดหนุนการศึกษา (ถ้ามี) และนักศกึ ษาจะต้องชำระคา่ ใช้จ่ายในการศึกษาตามระเบียบของวิทยาลัย เพอื่ รกั ษาสถานภาพของนักศึกษา มิฉะนั้นจะถูกจำหน่ายชื่อออกจากวิทยาลัยทั้งน้ีวิทยาลยั ต้องรายงานให้เจา้ ของทุน(ถ้ามี) และสถาบันพระบรม ราชชนกเพอ่ื ทราบ หมวด ๗ การลาและการให้พกั การศึกษา ขอ้ ๓๒ การลาปว่ ย ลากิจ ให้ปฏบิ ตั ิดังนี้ (๑) นักศกึ ษาลากิจ ลาปว่ ยไดไ้ ม่เกินร้อยละ ๒๐ ของเวลาเรยี นแตล่ ะวิชา (๒) นักศึกษาต้องยื่นใบลาต่อผู้ดูแลนักศึกษา หรือผู้ควบคุมการฝึกปฏิบัติงาน และเสนอต่อผู้มี อำนาจให้ลา (๓) ในกรณีที่ลากิจ นักศึกษาจะต้องได้รับอนุญาต และลงชื่อรับทราบการอนุญาตให้ลาเสียก่อนจึง จะลาได้ (๔) การลาปว่ ยตั้งแต่ ๓ วัน ข้ึนไปตอ้ งมีใบรับรองแพทย์ ขอ้ ๓๓ ผู้มีอำนาจอนุญาตใหน้ กั ศกึ ษาลาปว่ ย และลากิจได้ ดงั นี้ (๑) กรณีศึกษาภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ัตใิ นแหลง่ ฝกึ ภายในวทิ ยาลยั (ก) รองผู้อำนวยการวิทยาลัย / หัวหน้าฝ่ายหรือเทียบเท่าหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย อนุญาตให้ลาไดค้ รั้งละไมเ่ กนิ ๓ วนั คู่มอื การฝึกปฏิบัติโครงการฝกึ ปฏบิ ัติงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๓๘ (ข) ผอู้ ำนวยการวิทยาลัยอนุญาตใหล้ าได้นอกเหนอื จาก (ก) แตไ่ มเ่ กิน ๑ ปีการศกึ ษา (ค) ผู้อำนวยการสถาบันพระบรมราชชนก อนุญาตให้นักศึกษาลาได้เฉพาะ การลาที่เกิน อำนาจของผู้อำนวยการวิทยาลัยได้ไม่เกิน ๒ ปีการศึกษา ถ้าเกินจากนี้ให้เสนอปลัดกระทรวง สาธารณสขุ อนุมตั ิ (๒) กรณศี กึ ษาภาคปฏิบตั ใิ นแหล่งฝึกภายนอกวทิ ยาลัย (ก) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หรือหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ที่รับฝึกปฏิบัติงาน อนุญาต ให้ลาไดค้ รั้งละไม่เกนิ ๕ วนั (ข) ผู้อำนวยการวทิ ยาลัยอนุญาตให้ลาไดน้ อกเหนอื จาก (ก) แต่ไมเ่ กิน ๑ ปกี ารศึกษา (ค) ผูอ้ ำนวยการสถาบนั พระบรมราชชนก อนุญาตให้นกั ศกึ ษาลาได้เฉพาะการลาท่ีเกิน อำนาจของผู้อำนวยการวิทยาลัยได้ไม่เกิน ๒ ปีการศึกษา ถ้าเกินจากนี้ให้เสนอปลัดกระทรวง สาธารณสขุ อนมุ ัติ ข้อ ๓๔ การลาพักการศกึ ษากระทำไดใ้ นกรณตี อ่ ไปน้ี (๑) ถกู เกณฑ์หรือระดมเขา้ รับราชการทหารกองประจำการ (๒) ไดร้ ับทุนแลกเปล่ียนนกั ศึกษาระหวา่ งประเทศ หรือทุนอืน่ ใด ซึ่งวทิ ยาลยั เห็นสมควรสนับสนุน (๓) เจ็บป่วยต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานานเกินร้อยละ ๒๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด แต่ ไม่เกิน ๑ ปี การศึกษา โดยมใี บรบั รองแพทย์ (๔) มีเหตุจำเป็นส่วนตัวขอลาพักการศึกษาได้ไม่เกิน ๑ ปีการศึกษา โดยได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการบรหิ ารวิทยาลัย (๕) การลาพักการศึกษาตามข้อ (๑) นักศึกษาต้องยื่นคำร้องต่อผู้อำนวยการวทิ ยาลยั ภายใน ๗ วนั นับตั้งแต่วนั ท่มี ีเหตจุ ำเป็นต้องลาพกั การศกึ ษา (๖) การลาพักการศึกษาตามข้อ ๓๔ (๒) (๓) และ (๔) ใหป้ ฏิบตั ติ ามขอ้ ๓๒ และ ๓๓ (๗) ในกรณที น่ี ักศึกษามเี หตุจำเป็นตอ้ งลาพักการศึกษาเกนิ กวา่ ๑ ภาคการศกึ ษาแต่ไม่ตดิ ต่อกัน ให้ ย่นื คำร้องขอพกั การศึกษาใหมต่ ามวิธใี นข้อ (๕) (๘) ในกรณีทนี่ ักศึกษาได้รับอนุญาตใหล้ าพักการศึกษาใหน้ ับเวลาท่ลี าพักอยู่ในระยะเวลาการศึกษา ดว้ ย ยกเวน้ นักศึกษาที่ได้รับอนญุ าตตามข้อ (๑) หรอื (๒) (๙) นักศึกษาที่ได้รับอนุญาตให้ลาพักการศึกษา เมื่อจะกลับเข้าศึกษาจะต้องยื่นคำร้อง ขอกลับเข้า ศึกษาต่อผู้อำนวยการวิทยาลัยก่อนกำหนดและชำระค่าใช้จ่ายในการศึกษาไม่น้อยกว่า ๑ สัปดาห์หรือตาม วทิ ยาลัยกำหนด คู่มอื การฝกึ ปฏิบตั ิโครงการฝึกปฏิบัติงานภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวิชาชพี ปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๓๙ ขอ้ ๓๕ ผูม้ ีอำนาจอนุญาตให้นักศกึ ษาลาพักการศกึ ษาได้ ดังนี้ (๑) ผู้อำนวยการอนุญาตให้ลาไดไ้ ม่เกิน ๑ ปกี ารศึกษา (๒) ผอู้ ำนวยการสถาบันพระบรมราชชนกอนุญาตให้ลาได้เฉพาะการลาท่เี กินอำนาจของผู้อำนวยการได้ ไมเ่ กิน ๒ ปกี ารศึกษา ถ้าเกนิ จากน้ใี ห้เสนอปลัดกระทรวงสาธารณสขุ อนุมัติ ขอ้ ๓๖ การให้พักการศกึ ษา จะกระทำได้ในกรณตี อ่ ไปนี้ (๑) ตั้งครรภ์ หรือคลอดบุตร ให้ผู้อำนวยวิทยาลัยการอนุมัติให้พักการศึกษาได้ตามระยะเวลาที่ คณะกรรมการบริหารวทิ ยาลัยเหน็ ชอบ (๒) กระทำความผิดทางวนิ ยั และไดร้ ับโทษให้พกั การเรยี น ใหป้ ฏิบตั ติ ามข้อ ๒๒ และ ๒๓ ขอ้ ๓๗ การลาออกใหป้ ฏิบัติ ดังน้ี (๑) ให้นักศึกษายื่นใบลาออกต่อผู้อำนวยการวิทยาลัย โดยความยินยอมของบิดา มารดา หรือ ผู้ปกครอง ยกเวน้ ในกรณีทเี่ ปน็ ข้าราชการลาศึกษาต่อ ไมต่ ้องให้บดิ า มารดา หรอื ผู้ปกครองให้ความยินยอมกไ็ ด้ (๒) ผู้อำนวยการวิทยาลัยมีอำนาจในการอนุมัติให้นักศึกษาลาออก และให้มีผลนับตั้งแต่วันท่ี ผอู้ ำนวยการวทิ ยาลัยอนุมตั ใิ หล้ าออก หมวด ๘ บทเฉพาะกาล ข้อ ๔๐ ผู้อำนวยการวิทยาลัยโดยคำแนะนำของคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยมีอำนาจออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือแนวทางปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับนโยบาย กฎหมาย และระเบียบแบบแผนของทาง ราชการ ข้อ ๔๑ บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ หรือหลักเกณฑ์ที่วิทยาลัยกำหนดให้ยังใช้บังคับได้ต่อไปทั้งน้ี ตอ้ งไม่ขดั หรอื แยง้ กับระเบยี บน้ี ประกาศ ณ วนั ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ (นายสมควร หาญพัฒนชยั กูร) ผอู้ ำนวยการสถาบันพระบรมราชชนก) คมู่ ือการฝกึ ปฏบิ ัตโิ ครงการฝกึ ปฏิบตั ิงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี ปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

๔๐ ภาคผนวก ฉ รายละเอยี ด หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้ันสงู สาขาปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๙ คมู่ ือการฝึกปฏิบัติโครงการฝึกปฏบิ ตั ิงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี ปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

๔๑ หลักสตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสงู หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๙ สาขาปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ๑. ชอื่ หลักสตู ร ชอ่ื ภาษาไทย หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้ันสงู สาขาปฏบิ ตั ิการฉกุ เฉินการแพทย์ ช่อื ภาษาอังกฤษ Diploma of Science Program in Emergency Medical Operation ๒. ชื่อประกาศนียบตั ร ชือ่ เตม็ : ประกาศนยี บัตรวิชาชพี ช้นั สงู สาขาปฏบิ ตั ิการฉุกเฉนิ การแพทย์ ชอ่ื ภาษาไทย ชอ่ื ยอ่ : ปวส. (สาขาปฏิบัติการฉกุ เฉินการแพทย)์ ช่อื เตม็ : Diploma of Science Program in Emergency Medical ชื่อภาษาอังกฤษ Operation ชื่อยอ่ : Dip. (Emergency Medical Operation) ๓. หนว่ ยงานท่ีรับผิดชอบ วทิ ยาลัยการสาธารณสขุ สิรินธร จงั หวัดอุบลราชธานี สถาบนั พระบรมราชชนก สำนกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงสาธารณสขุ ๔. หลกั การและเหตุผล วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นหน่วยงานในสงั กัดสถาบันพระบรมราชชนก จัด การศึกษาหลักสูตรด้านการแพทย์ฉุกเฉินตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน โดยหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นสูง หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๖ สาขาวิชาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ เริ่มใช้มาตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๕๖ ซ่ึง หลักสูตรดังกล่าว ครบรอบระยะเวลาการปรับปรุงหลักสูตร อีกทั้งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้กำหนด หลักเกณฑ์ เงื่อนไข เกณฑ์และวิธีการการรบั รององค์กร และหลักสูตรการศึกษาหรือฝึกอบรมผู้ปฏิบัตกิ าร ในปีพ.ศ. ๒๕๕๗ ที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๑ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัด อุบลราชธานี จึงได้มีการปรับปรุงหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๙สาขา ปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทยข์ ึน้ ทั้งนี้วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี สถาบันพระบรมราชชนก สำนักงาน ปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ไดป้ รับปรงุ หลักสูตรเพื่อใหผ้ ู้สำเร็จการศึกษาเป็นเจา้ พนักงานฉุกเฉินการแพทย์ ที่มีความรู้ สมรรถนะ และเจตคติที่ดีในการปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินขั้นต้น ขั้นทั่วไป และขั้นกึ่งซับซ้อนภายใต้คำส่ัง การแพทย์ หรือการอำนวยการทางการแพทย์ ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่าง ครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และได้เพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับโครงการพัฒนาทักษะวิชาชีพ ที่เน้นการป้องกันโรค กรณีฉุกเฉิน และการพัฒนางานด้านการแพทย์ฉุกเฉินในชุมชน โดยคำนึงถึงการจัดการศึกษาให้เป็นไปตามเกณฑ์ คูม่ อื การฝกึ ปฏิบตั โิ ครงการฝึกปฏบิ ตั ิงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชพี ปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๔๒ มาตรฐานคุณวุฒอิ าชวี ศกึ ษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชน้ั สูง พ.ศ. ๒๕๕๖ และผ้สู ำเร็จการศกึ ษาต้องมีอัตลักษณ์ ของผูใ้ ห้บริการท่ีดอี กี ด้วย ๕. กรอบแนวคิดของหลักสูตร เอกลักษณ์ : สร้างคนจากชุมชน เพอ่ื ตอบสนองระบบสุขภาพชมุ ชน การจัดการเรียนการสอน คณุ ภาพผู้สำเรจ็ การศึกษา อตั ลกั ษณ์ : หลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี ชัน้ สูง ให้บริการ • มกี ารผสมผสานองค์ความรู้ ด้วยหวั ใจ ที่เก่ยี วข้องตา่ งๆ สาขาปฏบิ ัตกิ ารฉุกเฉินการแพทย์ ความเปน็ มนษุ ย์ • เน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญ • คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ • เนน้ กระบวนการคดิ • สมรรถนะหลกั และสมรรถนะทั่วไป • เรยี นรจู้ ากการปฏิบตั งิ าน • สมรรถนะวิชาชพี ในสถานการณ์จรงิ เจา้ พนักงานฉกุ เฉินการแพทย์ • มแี หล่งสนบั สนุนการเรียนรู้ ที่เอ้ือต่อผูเ้ รยี น กรอบแนวคิดในการพัฒนาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๙สาขา ป ฏ ิ บ ั ต ิ ก า ร ฉุ ก เ ฉ ิน ก า รแ พ ท ย ์ ม ี แ น ว ค ิ ด ก า ร พ ั ฒน า หลั ก ส ูต รเ พ ื ่ อ ใ ห้ ผู ้ส ำ เร ็จ ก า รศ ึ ก ษ าเป็น เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ ที่ปฏิบัติงานในระบบสุขภาพของประเทศไทย โดย เน้นการจัดการศึกษาให้ผู้สำเร็จ การศึกษามีคุณภาพตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ มีสมรรถนะหลัก และสมรรถนะทั่วไป ตาม มาตรฐานคุณวุฒิ อาชวี ศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ ดา้ นความรู้ และด้านสมรรถนะวิชาชีพ ให้สอดคลอ้ งกบั ท่ีสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาตกิ ำหนด มีการจัดการเรียนการสอนทีห่ ลากหลาย ผสมผสานองคค์ วามรู้ทีส่ ำคัญ เน้นผ้เู รียนเป็นสำคัญ ฝึกให้ มีการคิด และตัดสินใจ ประกอบกับการฝึกทักษะการปฏิบัติในสถานการณ์จริง ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกในการ ใหบ้ รกิ ารดว้ ยหัวใจความเป็นมนุษย์ และสถาบันการศึกษามีการจัดสิ่งแวดล้อมทเ่ี อ้ือต่อการเรียนรู้ สอดคล้องกับการ เรยี นรู้และการจดั การเรยี นการสอนในศตวรรษท่ี ๒๑ เพือ่ ใหผ้ สู้ ำเร็จการศึกษาเป็นเจา้ พนักงานฉุกเฉนิ การแพทย์ ที่มี สมรรถนะตามมาตรฐานการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตอบสนองตามความ ต้องการของกระทรวงสาธารณสขุ ระบบสขุ ภาพของประเทศไทย และความต้องการของสังคมอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ คูม่ ือการฝกึ ปฏบิ ัติโครงการฝึกปฏบิ ัตงิ านภาคสนามชดุ วิชาโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๔๓ ๖. ปรชั ญาและวตั ถุประสงคข์ องหลกั สูตร ปรัชญาของหลักสตู ร วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เชื่อว่า เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ ที่เป็นผู้สำเรจ็ การศึกษาจากหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๕๙สาขาปฏิบัติการฉุกเฉิน การแพทย์ จะเป็นผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินในฐานะผู้ช่วยแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน และนักปฏิบัติการฉุกเฉิน เป็นผู้ที่มี ความรู้ ทักษะ และเจตคติในการปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน แก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยใช้ศาสตร์และศิลป์อย่างเป็นองค์รวม ในการปฏิบัติการฉุกเฉิน ทั้งนอก และในสถานพยาบาล สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความ รับผิดชอบ และข้อจำกัดในการปฏิบัติการแพทย์ ตลอดจนดำเนินงานหรือบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินใน ระดับทอ้ งถิ่นหรอื พ้ืนที่ได้ การจัดการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษา มีความรู้ ทักษะ และเจตคติในการปฏิบัติการแพทย์ ฉกุ เฉนิ โดยผสมผสานองค์ความรขู้ องศาสตร์สาขาตา่ งๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง และศาสตร์เฉพาะสาขาวชิ าชีพ ดว้ ยกระบวนการ เรียนการสอนทีเ่ น้นผู้เรียนเป็นสำคัญเน้นกระบวนการคิด และการปฏิบตั ิในสถานการณ์จริง เพื่อให้สามารถประยุกต์ ความรไู้ ปใช้ในการปฏบิ ตั ิงานได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ให้บรกิ ารดว้ ยหัวใจความเปน็ มนษุ ย์ วตั ถุประสงค์ของหลักสูตร เมอ่ื สำเร็จการศึกษาตามหลักสตู รแลว้ ผสู้ ำเรจ็ การศึกษา 1. มีความรู้ในสาระสำคัญด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ และศาสตร์ปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ รวมทั้ง สามารถจดั การ บูรณาการและประยุกตใ์ ชค้ วามร้อู ยา่ งเป็นระบบ 2. สามารถสืบค้น ประเมิน วิเคราะหข์ ้อมูล การคดิ อย่างเป็นระบบ และนำไปแกป้ ัญหา และพัฒนางานให้ สอดคลอ้ งกบั สถานการณส์ ุขภาพอย่างสรา้ งสรรค์ 3. สามารถทำงานเป็นทมี มีภาวะผู้นำ มคี วามรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง หนา้ ทแ่ี ละงานทไี่ ด้รบั มอบหมาย 4. สามารถสื่อสารและประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคนิคทางสถิตหิ รือคณติ ศาสตร์ ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง เหมาะสม 5. มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม เคารพกฎหมาย สิทธขิ องผปู้ ่วย รบั ผิดชอบ มีวินยั เอือ้ อาทร เคารพในศกั ด์ิศรีและ คุณค่าความเปน็ มนุษยแ์ ละเปน็ แบบอยา่ งทีด่ ีต่อผูอ้ น่ื 6. มีทักษะปฏิบัติงานได้ตามขอบเขตความรับผิดชอบของผู้ช่วยเวชกรรมตามคำสั่งการแพทย์หรือการ อำนวยการ และเจตคติทด่ี ีในการปฏบิ ัติการฉุกเฉนิ โดยยดึ หลกั มาตรฐานความปลอดภยั และทันท่วงที รวมทัง้ มี สว่ นรว่ มในการบริหารจดั การระบบการแพทยฉ์ กุ เฉนิ ในระดับพน้ื ที่ได้ ๗. กำหนดการเปิดสอน ปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๙ คมู่ ือการฝกึ ปฏบิ ัติโครงการฝึกปฏบิ ัติงานภาคสนามชุดวิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓

๔๔ ๘. คุณสมบตั ขิ องผ้เู ขา้ ศกึ ษา ๘.๑ เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ โปรแกรมที่เน้นวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ๘.๒ เป็นผูม้ คี วามประพฤติดี ๘.๓ มสี ุขภาพสมบรู ณ์ทง้ั ร่างกายและจิตใจ ไม่เจบ็ ป่วย หรือเปน็ โรคติดต่อร้ายแรง หรอื มีความผิดปกติท่ีเป็น อปุ สรรคต่อการศึกษาและการประกอบอาชีพ ๘.๔ มีคณุ สมบัติอ่นื ๆ ครบถ้วน ตามท่สี ถาบนั พระบรมราชชนกกำหนด ๙. การคัดเลือกผู้เข้าศึกษา ให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การรบั สมคั รและคดั เลอื กบคุ คลเข้าศกึ ษาหลกั สูตรต่างๆ ของวิทยาลยั สังกดั กระทรวงสาธารณสุขทกี่ ำหนดไวใ้ นแตล่ ะปีการศกึ ษา ๑๐. ระบบการศกึ ษา ๑๐.๑ การจัดการศึกษา ระยะเวลาการศึกษามากกว่า ๒ ปีการศึกษา โดยใช้ระบบทวิภาค กำหนดให้ ๑ ปีการศึกษา แบ่งออกเป็น ๒ ภาคการศึกษาปกติ และ ๑ ภาคการศึกษาฤดูร้อน ใน ๑ ภาคการศึกษาปกติ มีระยะเวลาศึกษาไม่ น้อยกว่า๑๘ สัปดาห์ และภาคการศึกษาฤดูร้อนกำหนดระยะเวลาและจำนวนหน่วยกิตให้มีสัดส่วนเทียบเคียงกันได้ กับภาคการศึกษาปกติ ๑๐.๒ การคดิ หนว่ ยกิตต่อภาคการศกึ ษา รายวชิ าทฤษฎีทใ่ี ช้เวลาบรรยายหรืออภิปราย ไมน่ ้อยกว่า ๑๘ ชว่ั โมง เทา่ กบั ๑ หนว่ ยกิต รายวิชาปฏิบัติที่ใช้เวลาในการทดลองหรือฝึกปฏิบัติในห้องปฏิบัติการ ไม่น้อยกว่า ๓๖ ชั่วโมง เท่ากับ ๑ หนว่ ยกิต รายวิชาปฏิบัติที่ใช้เวลาในการฝึกปฏิบัติในโรงฝึกงานหรือภาคสนาม ไม่น้อยกว่า ๕๔ ชั่วโมง เท่ากับ ๑ หน่วยกิต การฝกึ ประสบการณท์ ักษะวิชาชีพในสถานประกอบการไม่น้อยกว่า ๓๒๐ ชั่วโมง เท่ากับ ๔ หนว่ ยกติ การทำโครงการพฒั นาทักษะวิชาชีพ ไม่นอ้ ยกวา่ ๕๔ ชั่วโมง เทา่ กับ ๑ หน่วยกติ ๑๑. ระยะเวลาการศกึ ษา ระยะเวลาการศกึ ษาเตม็ เวลามากกวา่ ๒ ปกี ารศึกษาไม่เกิน ๔ ปีการศกึ ษา ๑๒. การลงทะเบียนเรียน ให้ลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน ๒๒ หน่วยกิต ในแต่ละภาคการศึกษาปกติสำหรับการลงทะเบียน เตม็ เวลา และใหล้ งทะเบียนเรียนได้ไมเ่ กนิ ๑๒ หนว่ ยกิต ในแต่ละภาคการศึกษาปกติสำหรับการลงทะเบียนเรียนไม่ เตม็ เวลา สำหรบั การลงทะเบียนเรียนในภาคฤดรู อ้ นให้ลงทะเบียนเรียนได้ไมเ่ กนิ ๑๒ หน่วยกิต ค่มู อื การฝกึ ปฏบิ ัติโครงการฝกึ ปฏิบตั ิงานภาคสนามชดุ วิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี ปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๔๕ ๑๓. การวดั ผลและการสำเรจ็ การศกึ ษา ๑๓.๑ การวัดผลการศกึ ษา ตามระเบียบสถาบันพระบรมราชชนกว่าด้วยการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัด พ.ศ.๒๕๕๒ (ฉบบั ปรับปรุง)หมวด ๓ ข้อ ๑๓ กำหนดใหน้ กั ศึกษาตอ้ งมีเวลาเรยี นไม่ตำ่ กวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นในแตล่ ะวิชา และมีคะแนนความประพฤติไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จึงจะมีสิทธิเข้าสอบ สำหรับการให้คะแนนแต่ละวิชาให้ใช้ระบบ ตวั อักษร (Letter Grade) แสดงระดบั คะแนน (Grade)ดังนี้ ระดบั ขนั้ ความหมาย คา่ ระดบั A ดีเยีย่ ม (Excellent) ๔.๐๐ B+ ดีมาก (Very Good) ๓.๕๐ B ดี (Good) ๓.๐๐ C+ ค่อนข้างดี (Fairy Good) ๒.๕๐ C พอใช้ (Fair) ๒.๐๐ D+ อ่อน (Poor) ๑.๕๐ D อ่อนมาก (Very Poor) ๑.๐๐ F ตก (Fail) ๐ S พึงพอใจ (Satisfactory) - U ไมพ่ ึงพอใจ (Unsatisfactory) - I ยังไมส่ มบรู ณ์ (Incomplete) - P การศึกษายังไม่สิน้ สดุ (In progress) - E มเี ง่อื นไข (Condition) - X ไมม่ ีรายงาน (No report) - AU การศกึ ษาโดยไมน่ ับหนว่ ยกิต (Audit) - CP เทยี บโอนหน่วยกติ (Credit pass) - นักศึกษาจะต้องมีผลการเรียนในหมวดวิชาชพี ไม่ต่ำกว่าระดับชั้นC และในหมวดวิชาอื่นๆ ไม่ต่ำกว่าค่าระดับ ขั้น D จึงจะถือว่าสอบผ่านรายวิชา สำหรับการเลื่อนชั้นนักศึกษาต้องสอบได้ทุกวิชาในปีการศึกษานั้นๆ และได้ คะแนนเฉลี่ยสะสมประจำปีไม่ต่ำกว่า ๒.๐๐กลุ่มรายวิชาปรับพื้นฐานวิชาชีพให้คะแนนแต่ละรายวิชามีค่าระดับ ขัน้ S หรอื U ทั้งนี้เป็นไปตามระเบียบสถาบันพระบรมราชชนก ว่าด้วยการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัด ฉบบั ท่ใี ชใ้ นปีการศกึ ษานัน้ ๆ ๑๓.๒ การสำเร็จการศึกษา ตามระเบียบสถาบันพระบรมราชชนกวา่ ด้วยการจดั การศกึ ษาในสงั กัด พ.ศ. ๒๕๕๒ (ฉบบั ปรับปรุง) หมวด ๓ ข้อ ๑๔ กำหนดใหผ้ ูส้ ำเรจ็ การศกึ ษาต้องมีคณุ สมบัติดังน้ี ๑)คะแนนเฉลยี่ สะสมตลอดหลกั สตู รไม่ตำ่ กว่า ๒.๐๐ คู่มอื การฝึกปฏิบตั ิโครงการฝกึ ปฏบิ ัตงิ านภาคสนามชุดวิชาโครงการพฒั นาทกั ษะวิชาชีพปฏิบตั กิ ารฉกุ เฉนิ การแพทย์ ประจำปีการศกึ ษา ๒๕๖๓

๔๖ ๒)จำนวนปีที่เรียนไม่เกนิ ๒ เทา่ ของเวลาท่ีหลักสตู รกำหนด ๓)สอบได้จำนวนหนว่ ยกิตครบตามหลกั สูตร ๔) ผ่านการสอบความรู้รวบยอดตามเกณฑ์การวัดและประเมินผลการศึกษาของวิทยาลัยหรือ มหาวทิ ยาลัย หรือสถาบันการศึกษาทว่ี ิทยาลัยไปสมทบหรอื รว่ มผลติ ๕) ต้องชำระคา่ ใช้จ่ายตา่ งๆ ในการศกึ ษาครบตามระเบียบของวิทยาลัย ทั้งนี้เป็นไปตามระเบียบสถาบันพระบรมราชชนก ว่าด้วยการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดฉบับที่ ใชใ้ นปกี ารศกึ ษานนั้ ๆ ๑๔. อาจารย์ผสู้ อนและอาจารยผ์ คู้ วบคุมการฝึกปฏิบัติการแพทย์ ๑๔.๑ อาจารย์ผู้สอนได้แก่ อาจารย์ประจำหลักสูตร อาจารย์ประจำ และอาจารย์พิเศษ (รายละเอียดใน ภาคผนวก ก) ๑๔.๒ อาจารย์ผู้ควบคุมการฝกึ ปฏบิ ตั ิการแพทยข์ ้ันพน้ื ฐานและการฝึกปฏบิ ตั กิ ารแพทย์ขั้นสงู ไดแ้ ก่ อาจารย์ ผู้สอนประจำสถานที่ฝึกงานในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชนและหน่วยงานอื่นๆนอกจาก กระทรวงสาธารณสุข(รายละเอยี ดในภาคผนวก ก) ๑๕. จำนวนนักศึกษา จำนวนผู้เข้าศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ของ วทิ ยาลัยการสาธารณสขุ สิรินธรจงั หวัดอุบลราชธานี มจี ำนวนดงั นี้ นกั ศกึ ษา ปีการศกึ ษา ๒๕๕๙ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ ชนั้ ปีที่ ๑ - ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๓๒ ช้ันปที ี่ ๒ ๑๙ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒๖ รวมท้ังหมด ๑๙ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๕๘ จำนวนผู้สำเร็จการศึกษา ๓๓ ๔๐ ๔๐ ๔๐ - ๑๖. สถานที่ และอุปกรณ์การเรียนการสอน สถานที่ การเรียนการสอนภาคทฤษฎีและภาคทดลอง ใช้สถานที่ของวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัด อุบลราชธานี การเรียนการสอนภาคปฏิบัติใช้สถานทีต่ อ่ ไปน้ี - โรงพยาบาลศนู ย์ โรงพยาบาลทัว่ ไปและโรงพยาบาลชุมชนทไี่ ดร้ ับการรับรองคณุ ภาพ - โรงพยาบาลในสังกัดกรมต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุข และสังกัดอื่นๆ นอกกระทรวง สาธารณสขุ คู่มอื การฝกึ ปฏบิ ตั โิ ครงการฝกึ ปฏบิ ัติงานภาคสนามชดุ วชิ าโครงการพัฒนาทกั ษะวชิ าชพี ปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉินการแพทย์ ประจำปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓