Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เทคนิคการเพาะพันธุ์ปลา

เทคนิคการเพาะพันธุ์ปลา

Published by วป. ติณสูลานนท์, 2021-03-05 07:33:52

Description: เทคนิคการเพาะพันธุ์ปลา

Search

Read the Text Version

บทที่ 4 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลา น้ามนั ตบั ปลาเพื่อเคลือบยา เพ่ือให้ยาคงสภาพในอาหารจนกระทง่ั ปลามากินอาหาร โดยมากจะ ใชไ้ ดด้ ีกบั อาหารที่มีไขมนั สูง ในอาหารมีชีวติ ก็ทาไดโ้ ดยแช่อาหารเหล่าน้นั ในสารละลายยาก่อนให้เป็ นอาหารปลา ซ่ึง กลไกการทางานของยาในปลามีการศึกษานอ้ ยมาก เพราะมีความซบั ซอ้ นสูง ผใู้ หจ้ ึงอาศยั หลกั ท่ีวา่ การใชย้ าน้นั ตอ้ งไม่มากจนถึงขนาดทาใหป้ ลาตาย และหากปลาไม่ค่อยกินอาหาร หรือกินอาหาร ไม่เพียงพอก็จะทาให้ไดร้ ับยาไม่เพียงพอได้ ดงั น้นั การใหย้ าผสมอาหารจึงควรใหบ้ ่อยกวา่ การให้ อาหารปกติ เพราะเวลาปลาป่ วยจะกินอาหารนอ้ ยลง จะทาให้อาหารเหลือ และยาละลายไปกบั น้า อีกท้งั ปลาจะกินอาหารท่ีผสมยาไดน้ อ้ ย เพราะมีกลิ่นและรสตา่ งไปจากเดิม 6.5.4 การฉีด (injection) แบ่งออกไดด้ งั น้ี 6.5.4.1 การฉีดเขา้ เส้นเลือด (intravenous administration) นิยมใช้กบั ปลาขนาดใหญ่ ในปลาขนาดเลก็ นิยมฉีดเขา้ ที่ช่องปาก โดยขณะฉีดตอ้ งสลบปลาก่อน วิธีการน้ีเหมาะสาหรับผูท้ ี่มี ความชานาญเฉพาะทางดา้ นสรีรวทิ ยา และการผา่ ตดั ขนาดเล็ก 6.5.4.2 ฉีดเขา้ ช่องทอ้ ง (intraperitoneal administration) เป็ นวิธีท่ีจะทาไดง้ ่ายและ ปลอดภยั กวา่ การฉีดเขา้ เส้นเลือด และทาไดก้ บั ปลาทุกขนาดแต่จะไดผ้ ลดีถา้ หากการฉีดไม่แทง เขา้ ไปในอวยั วะภายใน เช่น ตบั มา้ ม หรือไต แต่กไ็ มเ่ หมาะหากมีปลาจานวนมาก ควรใชเ้ ข็มฉีด ขนาดเลก็ (เบอร์ 22 ถึง 30) แทงเขา้ ไปใตเ้ กลด็ ตรงช่องทอ้ งผา่ นผวิ หนงั และช้นั กลา้ มเน้ือ ความลึก ประมาณพอดีกบั ช้นั ของผนงั ช่องทอ้ ง หากปลามีอาการหนกั แลว้ ก่อนฉีดควรทาใหส้ ลบเสียก่อน เวน้ แต่ผูฉ้ ีดมีประสบการณ์สูง ปริมาณสารละลายยาที่จะฉีดข้ึนอยู่กบั ขนาดของปลา แต่สิ่งที่ ตอ้ งการคานึงถึงคือปริมาณยา วธิ ีน้ีควรระวงั การนาเช้ือจากปลาตวั หน่ึงสู่อีกตวั หน่ึง จึงตอ้ งใช้ เขม็ และกระบอกฉีดยาที่ผา่ นการฆ่าเช้ือ 6.5.4.3 การฉีดเขา้ กลา้ มเน้ือ (intramuscular administration) วิธีน้ีเป็ นวธิ ีท่ีนิยมมาก ที่สุด และได้ผลดี โดยท่ัวไปจะฉีดเข้าที่กล้ามเน้ือใต้โคนครีบหลัง บริเวณก่ึงกลางระหว่าง โคนครีบหลงั กบั เส้นขา้ งลาตวั แลว้ ใชเ้ ขม็ แทงเขา้ ใตเ้ กล็ด เขม็ เอียงประมาณ 45 องศา และปล่อย ยาเขา้ ไปในปริมาณท่ีเหมาะสม ปกติจะฉีด 1 ถึง 2 ไมโครกรัมต่อน้าหนกั ตวั วิธีน้ีทาไดง้ ่ายไม่ตอ้ ง ห่วงวา่ เขม็ จะแทงอวยั วะภายใน ไม่จาเป็นตอ้ งทาใหส้ ลบ 6.6 การป้องกนั และควบคุมโรคปลา การป้องกนั และควบคุมการระบาดของโรคต่างๆ ท้งั โรคติดเช้ือ และโรคไร้เช้ือ อาศยั ความรู้เกี่ยวกบั สาเหตุของโรค (pathogen) เจา้ บา้ น (host) และสิ่งแวดลอ้ ม (environment) เป็ น หลกั ในการป้องกนั โรค ซ่ึงโดยทวั่ ไปควรยดึ หลกั 3 ประการ คือ ส่งเสริมสุขภาพและให้ภูมิคุม้ กนั 97

บทท่ี 4 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลา โรคแก่เจ้าบ้าน ควบคุมและกาจัดสาเหตุของโรค ควบคุมส่วนที่ไม่ดีของสิ่งแวดล้อม และ เสริมสร้างส่วนที่ดีของส่ิงแวดลอ้ ม การป้องกนั โรคจาเป็ นจะตอ้ งคานึงถึงการจดั การเป็ นหลกั เพราะถึงแมว้ า่ การตรวจวนิ ิจฉยั จะทาให้ทราบสาเหตุที่แทจ้ ริงท่ีก่อให้เกิดโรคแลว้ แต่สาเหตุโนม้ นาน่าจะมีความสาคญั มากกว่า การจดั การท่ีขาดความรู้ การเอาใจใส่ ยอ่ มก่อใหเ้ กิดปัญหาตา่ งๆ มากมาย การป้องกนั โรคน้นั ควร เร่ิมต้งั แต่การเตรียมบ่อ การปล่อย การอนุบาล และการจดั การคุณภาพน้า ซ่ึงควรจดั การให้ ลูกปลาน้นั มีสุขภาพแขง็ แรงอยเู่ สมอ ไมป่ ล่อยหนาแน่นเกินไป การใชย้ าหรือสารเคมีกาจดั ส่ิงท่ีทา ให้เกิดโรค ควรใชอ้ ยา่ งระมดั ระวงั และถูกตอ้ ง ยาและสารเคมีท่ีนิยมใชใ้ นการป้องกนั และรักษา โรคปลาทวั่ ๆ ไป มีดงั ตอ่ ไปน้ี (โชคชยั , 2548) 6.6.1 ฟอร์มาลีน ใช้กาจดั ปรสิตภายนอกทว่ั ไป ปริมาณท่ีใช้ 25 ถึง 50 พีพีเอ็ม แช่ ตลอดไป หรือผสมกบั มาลาไคทก์ รีน เขม้ ขน้ 0.15 พีพีเอ็ม เพ่ือเสริมฤทธ์ิในการรักษาโดยเฉพาะ โรคที่เกิดจากโรคอิ๊ค 6.6.2 ดิปเทอร์เร็กซ์ ใชก้ าจดั ปลิงใสและหนอนสมอ ปริมาณท่ีใช้ 0.25 ถึง 0.50 พีพีเอ็ม แช่ตลอดไป 6.6.3 มาลาไคทก์ รีน ใชก้ าจดั เช้ือรา ปริมาณท่ีใช้ 0.10 ถึง 0.15 พพี ีเอม็ 6.6.4 เกลือแกง ใชก้ าจดั ปรสิต เช้ือรา และแบคทีเรียบางชนิด ช่วยลดความเครียด จึง นิยมใชใ้ นการลาเลียงขนส่งลูกปลา ปริมาณท่ีใช้ 0.1 ถึง 0.5 เปอร์เซ็นต์ แช่ตลอดไป 6.6.5 ออกซ่ีเตตราไซคลิน ใชก้ าจดั แบคทีเรีย ปริมาณที่ใช้ 10 ถึง 20 พพี เี อม็ แช่ 5 ถึง 7 วนั หรือผสมกบั อาหาร 3 ถึง 5 กรัมตอ่ อาหาร 1 กิโลกรัม ใหก้ ินติดตอ่ กนั 7 ถึง 10 วนั 6.6.6 ยาเหลือง ใช้กาจดั แบคทีเรีย ปรสิตบางชนิด และนิยมใช้ในการลาเลียงขนส่ง ลูกปลา ปริมาณท่ีใช้ 3 พีพเี อม็ แช่ติดต่อกนั 3 วนั 7. สรุป ส่ิงสาคญั อนั ดบั แรกสาหรับการเพาะขยายพนั ธุ์ปลา กค็ ือพอ่ แม่พนั ธุ์ ในปัจจุบนั ปลาพอ่ แม่ พนั ธุ์ส่วนใหญ่จะไดม้ าจากการเล้ียง เพราะสามารถวางแผนการผลิตและปรับปรุงพนั ธุ์ได้ แต่การ เล้ียงก็ตอ้ งมีระบบการจดั การท่ีดี มีการคดั เลือกลูกปลาที่เจริญเติบโตเร็วและไดจ้ ากพ่อแม่พนั ธุ์ท่ี ทราบประวตั ิ เพ่ือป้องกนั ปัญหาเลือดชิด ส่วนวิธีการเพาะขยายพนั ธุ์และการอนุบาลปลาน้นั จะ เห็นได้ว่าการเพาะและการอนุบาลปลาวิธีต่างๆ น้ัน อาจเลือกมาใช้ตามความเหมาะสม โดย พจิ ารณาถึงชนิดของปลา ประเภทของไข่ เทคโนโลยขี องผเู้ พาะ การจดั การที่เหมาะสมเก่ียวกบั การ อนุบาล ต้งั แต่อตั ราการปล่อย การให้อาหาร การจดั การคุณภาพน้า โรคและการป้องกนั โรค 98

บทท่ี 4 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลา รวมถึงสภาพพ้ืนท่ีและส่ิงอานวยความสะดวก เพ่ือจะทาให้ลูกปลามีอตั ราการรอดตายสูง จาก สภาพความเป็ นจริงจะพบว่าแมใ้ นสภาวะปัจจุบนั ซ่ึงเทคโนโลยีต่างๆ ไดก้ า้ วหนา้ ไปมาก วิธีการ เพาะและการอนุบาลทุกวิธีท่ีไดก้ ล่าวมาขา้ งตน้ ก็ยงั มีผูน้ าไปใช้แพร่หลายในทอ้ งที่ต่างๆ โดยไม่ อาจกล่าวไดเ้ ลยวา่ วธิ ีการหน่ึงวธิ ีการใดลา้ สมยั 99

บทท่ี 4 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลา คาถามท้ายบท 1. จงอธิบายหลกั การเล้ียงปลาพอ่ แมพ่ นั ธุ์ใหม้ ีคุณภาพ 2. จงบอกลกั ษณะของพอ่ แม่พนั ธุ์ปลาที่สมบูรณ์เพศ 3. จงอธิบายหลกั การคดั เลือกปลาท่ีจะเล้ียงไวเ้ ป็นพอ่ แม่พนั ธุ์ 4. จงอธิบายวธิ ีการเพาะขยายพนั ธุ์ปลาแบบต่างๆ 5. จงอธิบายวธิ ีการอนุบาลลูกปลาสลิด ลูกปลาตะเพียนขาว ลูกปลานิล และลูกปลาดุกรัสเซีย 6. จากลกั ษณะอาการของปลาดงั ต่อไปน้ี นกั ศึกษาคิดวา่ ปลาเกิดโรคอะไร และมีวิธีการรักษา อยา่ งไร 6.1 ปลาที่เล้ียงมีอาการตกเลือด มีแผลตามลาตวั กกหูบวม ทอ้ งบวม และลอยหวั 6.2 ปลาท่ีเล้ียงมีรอยด่างสีน้าตาลตามลาตวั วา่ ยน้ากระสับกระส่าย และแผน่ ปิ ดเหงือกเปิ ด อา้ มากกวา่ ปกติ 100

บทที่ 4 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลา เอกสารอ้างองิ โชคชยั เหลืองธุวปราณีต. 2548. หลกั การเพาะเลยี้ งสัตว์นา้ . กรุงเทพฯ : โฟร์เพซ. 439 หนา้ . ปณรัตน์ ผาดี. 2552. โรคและการวนิ ิจฉัยโรคปลา. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. 192 หนา้ . ภาณุ เทวรัตน์มณีกุล, สุจินต์ หนูขวญั และวีระ วชั รกรโยธิน. 2545 การเพาะเลีย้ งสัตว์น้าจืด สมุทรปราการ : สานกั งานฝ่ ายฝึกอบรม ศูนยพ์ ฒั นาการประมงแห่งเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต.้ 185 หนา้ . สญั ชยั บุญญะธาณี. 2548. การเลยี้ งปลาสลดิ . พมิ พค์ ร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ : เกษตรสยามบุค๊ ส์. 80 หนา้ . สุทธิพงศ์ วฒุ ิเจริญวงศ.์ 2552. การเพาะพนั ธ์ุปลา. กรุงเทพฯ : เกษตรสยามบุค๊ ส์. 200 หนา้ . อุดม เรืองนพคุณ. 2552. การเพาะและการเลยี้ งปลานิล. พิมพค์ ร้ังท่ี 3. กรุงเทพฯ : ธนธชั การพิมพ.์ 96 หนา้ . อุทยั รัตน์ ณ นคร. 2538. การเพาะขยายพนั ธ์ุปลา. พิมพค์ ร้ังที่ 4. กรุงเทพฯ : ร้ัวเขียว. 231 หนา้ . อุธร ฤทธิลึก. 2550. การเลยี้ งปลาเพ่ือการค้า. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์. 248 หนา้ . Eknath, A. E. and R.W. Doyle. 1985. Indirect selection for growth and life - history traits in Indian carp aquaculture 1. Effects of broodstock management. Aquaculture. 49 : 73 - 84. Vanderwaal, W. 1985. Stripping male Clarias gariepinus of semen. Aquaculture. 48 : 137 - 142. 101

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาทม่ี คี วามสาคญั ทางเศรษฐกจิ หัวข้อเร่ือง 1. ความนาํ 2. การเพาะและอนุบาลปลาดุกบิ๊กอุย 3. การเพาะและอนุบาลปลาหมอไทย 4. การเพาะและอนุบาลปลากดเหลือง 5. การเพาะและอนุบาลปลานิล 6. การเพาะและอนุบาลปลากะพงขาว จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. อธิบายวธิ ีการเพาะและอนุบาลปลาดุกบิ๊กอุยได้ 2. อธิบายวธิ ีการเพาะและอนุบาลปลาหมอไทยได้ 3. อธิบายวธิ ีการทาํ อาหารแปลงเพศปลาหมอไทยได้ 4. อธิบายวธิ ีการเพาะและอนุบาลปลากดเหลืองได้ 5. อธิบายวธิ ีการเพาะและอนุบาลปลานิลได้ 6. อธิบายวธิ ีการทาํ อาหารแปลงเพศปลานิลได้ 7. อธิบายวธิ ีการเพาะและอนุบาลปลากะพงขาวได้ 8. สามารถเพาะและอนุบาล ปลาดุกบ๊ิกอุย ปลาหมอไทย ปลากดเหลือง และปลานิลได้ 9. สามารถผลิตอาหารแปลงเพศปลานิลได้ เนื้อหา 1. ความนา ปัจจุบนั การเพาะและการอนุบาลปลาชนิดต่างๆไดม้ ีการพฒั นาวิธีการเพาะและการอนุบาล เพื่อท่ีจะให้ไดล้ ูกปลาที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความตอ้ งการของเกษตรกรผูเ้ ล้ียงปลา ซ่ึงการ เพาะและอนุบาลปลาแต่ละชนิดน้นั จะมีเทคนิคและวิธีการที่แตกต่างกนั ท้งั น้ีข้ึนอยู่กบั ชนิดปลา 102

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ประเภทของไข่ และความพร้อมของสถานประกอบการ ความสําเร็จของการเพาะและอนุบาลปลา ชนิดต่างๆ จาํ เป็ นตอ้ งใชค้ วามรู้ท้งั ทางทฤษฎีและเทคนิคการปฏิบตั ิสมยั ใหม่มาประยุกตใ์ ชร้ ่วมกบั ภูมิปัญญาของคนรุ่นเก่า เพ่ือวางแผนจดั การควบคุมปัจจยั ต่างๆ เช่น การปรับปรุงพนั ธุ์ วิธีการเพาะ และการอนุบาล คุณภาพน้าํ อาหาร การป้องกนั โรค ตลอดถึงการดูแลสภาพแวดลอ้ มภายในฟาร์ม ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบตั ิทางการเพาะเล้ียงสัตวน์ ้าํ ที่ดี 2. การเพาะและอนุบาลปลาดุกบิ๊กอยุ ปลาดุกบ๊ิกอุยเกิดจากความสําเร็จในการผสมเทียม โดยกลุ่มการเพาะเล้ียงสัตว์น้ํา สถาบนั การเพาะเล้ียงสัตวน์ ้าํ จืด กรมประมง ไดท้ าํ การเพาะขยายพนั ธุ์ดว้ ยวธิ ีผสมเทียมขา้ มพนั ธุ์ ระหว่างพ่อพนั ธุ์ปลาดุกเทศหรือปลาดุกรัสเซีย (Clarias gariepinus) กับแม่พนั ธุ์ปลาดุกอุย (Clarias macrocephalus) จนประสบความสําเร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2531 (พิพฒั น์,2553) ลูกปลาที่ไดม้ ีอตั ราการเจริญเติบโตเร็ว ทนทานต่อโรคสูง ลกั ษณะเน้ือใกลเ้ คียงกบั ปลาดุกอุย คือ เน้ือนุ่ม เน้ือมีสีค่อนขา้ งเหลือง ลูกปลาท่ีเกิดจากการผสมขา้ มพนั ธุ์น้ีช่ือว่า ปลาดุกอุยเทศ แต่ โดยทว่ั ไปชาวบ้านเรียกว่าปลาดุกบิ๊กอุย หรือปลาดุกลูกผสม จากการท่ีปลาดุกบ๊ิกอุยได้รวม ลกั ษณะท่ีเด่นของพอ่ และแม่มาไวใ้ นตวั เดียวกนั จึงทาํ ใหเ้ กษตรกรนิยมเล้ียงปลาดุกบิ๊กอุยกนั อยา่ ง แพร่หลาย 2.1 ข้อแตกต่างระหว่างปลาดุกอยุ กบั ปลาดุกรัสเซีย ลกั ษณะปลาดุกอุย ลาํ ตวั และหางมีสีน้าํ ตาลค่อนขา้ งเหลืองมีจุดประสีขาว เน้ือมีสีเหลือง และนุ่ม ลกั ษณะปลาดุกรัสเซียลาํ ตวั มีสีเทา เน้ือมีสีขาวซีดและเหลว แต่เจริญเติบโตเร็วและทนต่อ สภาพแวดลอ้ มสูง (ตารางที่ 5.1) ตารางท่ี 5.1 ขอ้ แตกตา่ งระหวา่ งปลาดุกอุยกบั ปลาดุกรัสเซีย ลกั ษณะ ปลาดุกอุย ปลาดุกรัสเซีย หวั เล็ก ค่อนขา้ งรี ไม่แบน กะโหลกจะลื่น ใหญ่และแบน กะโหลกจะเป็ น กะโหลกทา้ ยทอย สีของลาํ ตวั มีรอยบุ๋มตรงกลางเล็กนอ้ ย ตะป่ ุมตะป่ํ าไม่เรียบ มีรอยบุ๋ม ตรงกลางเลก็ นอ้ ย โคง้ มน เป็นหยกั แหลม มี 3 หยกั ดํา น้ําตาลปนดําท่ีบริเวณด้านบนของ เทา เทาอมเหลือง ลาํ ตวั 103

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ตารางท่ี 5.1 (ต่อ) ลกั ษณะ ปลาดุกอุย ปลาดุกรัสเซีย ใตค้ าง หนวด มีสีคล้าํ ไม่ขาว สีขาว ปาก ผนงั ทอ้ ง มี 4 คู่ มี 4 คู่ โคนหนวดใหญ่ ครีบหู ไม่ป้าน คอ่ นขา้ งมน ป้าน แบนหนา ครีบหลงั มีสีขาวถึงเหลืองเฉพาะบริเวณอกถึงครีบ ผนงั ทอ้ งมีสีขาว จนถึงโคนหาง ครีบหาง ทอ้ ง จุดท่ีลาํ ตวั มีเง่ียงเล็ก ส้นั แหลมคมมาก ครีบแขง็ ยนื่ มีเงี่ยงใหญ่ ส้ัน นิ่ม ไม่แหลม สัดส่วนระหวา่ ง หวั : ตวั ยาวเกินหรือเท่ากบั ครีบออ่ น คม และส่วนของครีบออ่ นหุม้ เน้ือ ถึงปลายครีบแขง็ ปลายครีบสีเทาปนดาํ ปลายครีบสีแดง กลมไมใ่ หญ่มากนกั มีสีเทาปนดาํ กลมใหญ่ สีเทา ปลายครี บ สีแดงและมีแถบสีขาวพาด บริเวณคอดหาง ขณะที่ปลายงั เล็กจะปรากฏจุดสีขาว เรียง ไม่มีจุด เม่ือปลาโตข้ึนจะ ขวางเป็ นทางประมาณ 9 ถึง 10 แถว แต่ ปรากฏลายคลา้ ยหินออ่ นอยทู่ วั่ เมื่อปลามีขนาดใหญ่ จุดดงั กล่าวจะเลือน หายไป 1:4 1:3 มีสีเหลืองและนุ่ม สีขาวซีด เน้ือเหลว ทมี่ า : พพิ ฒั น์ (2553) 2.2 การเลยี้ งและการคัดเลือกปลาพ่อแม่พนั ธ์ุ 2.2.1 การเล้ียงปลาพอ่ แม่พนั ธุ์ ฟาร์มเพาะขยายพนั ธุ์ปลาส่วนใหญ่จะเล้ียงปลาพอ่ แม่พนั ธุ์ ไวเ้ อง ท้งั น้ีเพื่อประโยชน์ในการคดั เลือกปลาท่ีมีลกั ษณะดีจริงๆ ไวเ้ ป็ นปลาพ่อแม่พนั ธุ์ และ สามารถหาพ่อแม่พนั ธุ์ไดต้ ามจาํ นวนท่ีตอ้ งการ สะดวกต่อการวางแผนการเพาะพนั ธุ์ การเล้ียง 104

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ปลาพอ่ แม่พนั ธุ์จะคดั เลือกลูกปลาต้งั แต่ยงั เล็กก็ได้ หรืออาจคดั ปลาที่โตแลว้ มาเล้ียงต่อก็ได้ เล้ียง จนปลามีความสมบูรณ์เพศแลว้ คดั เลือกไปใชเ้ ป็ นพ่อแม่พนั ธุ์ ในกรณีฟาร์มเพาะขนาดเล็กที่ไม่มี พ้ืนท่ีในการเล้ียงปลาพ่อแม่พนั ธุ์ก็ควรพิจารณาเลือกซ้ือปลาพ่อแม่พนั ธุ์จากฟาร์มที่เช่ือถือไดแ้ ละ คดั เลือกเอาเฉพาะปลาท่ีลกั ษณะดีจริงๆ มาใชเ้ พาะขยายพนั ธุ์ สําหรับรายละเอียดในการเล้ียงปลา พอ่ แมพ่ นั ธุ์ มีดงั น้ี 2.2.1.1 ลกั ษณะของบ่อเล้ียง บ่อเล้ียงแม่พนั ธุ์ปลาดุกอุย ควรเป็ นบ่อดินท่ีมีขนาด ต้งั แต่ 100 ตารางเมตรข้ึนไป มีความลึกประมาณ 1 ถึง 1.5 เมตร ส่วนพ่อพนั ธุ์ปลาดุกรัสเซีย จะ ใช้เป็ นบ่อดินขนาดเดียวกนั ก็ได้ หรือบ่อซีเมนต์ก็ได้ แต่ควรมีขนาดใหญ่ไม่น้อยกวา่ 10 ตาราง เมตร 2.2.1.2 อตั ราการปล่อย ควรปล่อยปลาพ่อแม่พนั ธุ์ในอตั รา 10 ถึง 20 ตวั ต่อ ตารางเมตร ถา้ ปล่อยในอตั ราที่แน่นเกินไปปลาจะเครียด เจริญเติบโตชา้ และมีระบบสืบพนั ธุ์ไม่ สมบูรณ์ทาํ ใหไ้ ข่และน้าํ เช้ือเจริญไมด่ ี 2.2.1.3 การใหอ้ าหาร อาหารท่ีใชเ้ ล้ียงพอ่ แม่พนั ธุ์ควรเป็ นอาหารสําเร็จรูปชนิดเม็ด ลอยน้าํ ระดบั โปรตีนไม่ต่าํ กวา่ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยให้อาหารในอตั รา 1 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของ น้าํ หนกั ตวั 2.2.1.4 การถ่ายเทน้าํ ในช่วงแรกของการเล้ียงถ้าควบคุมการให้อาหารได้ดีก็ไม่ จาํ เป็ นต้องถ่ายน้ํา เพียงแต่เติมน้ําเข้าในบ่อเพ่ือรักษาระดับน้ําไวก้ ็เพียงพอแล้ว ก่อนถึงฤดู เพาะขยายพนั ธุ์ควรมีการถ่ายน้าํ ในบอ่ สปั ดาห์ละคร้ัง โดยถ่ายประมาณ 30 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ หาก ความหนาแน่นของปลาในบ่อมีนอ้ ย อาจไม่ตอ้ งถ่ายเลยก็ได้ แต่ตอ้ งคอยสังเกตอยา่ ให้น้าํ เสีย ถา้ เกิดน้าํ เสียก็ควรถ่ายน้าํ ทนั ทีเช่นกนั การถ่ายเทน้าํ ในบ่อบ่อยๆ จะช่วยกระตุน้ ใหป้ ลากินอาหารไดด้ ี ข้ึน และยงั ส่งผลให้ปลาพฒั นาระบบสืบพนั ธุ์ถึงวยั เจริญพนั ธุ์ได้เร็วข้ึน ทาํ ให้ไข่และน้ําเช้ือ สมบูรณ์ยง่ิ ข้ึน 2.2.2 การคดั เลือกปลาพอ่ แม่พนั ธุ์ 2.2.2.1 ปลาแม่พนั ธุ์ ลกั ษณะปลาดุกอุยที่เหมาะสมที่จะนาํ มาเพาะควรมีอายุต้งั แต่ 8 เดือนข้ึนไป มีน้าํ หนกั ไมน่ อ้ ยกวา่ 200 กรัม (ประพนั ธ์, 2552) ไม่อว้ นหรือผอมเกินไปเพราะถา้ อว้ นเกินไปจะมีไขมนั อยูใ่ นทอ้ งมาก เวลารีดไข่จะมีไขมนั ปนออกมามากซ่ึงจะมาเคลือบเม็ดไข่ ทาํ ใหอ้ สุจิของปลาตวั ผเู้ ขา้ ผสมไดย้ ากจึงทาํ ใหม้ ีปริมาณไข่เสียมาก ลกั ษณะปลาเพศเมียที่ดีและไข่ มีความสมบูรณ์เต็มท่ี ซ่ึงดูไดจ้ ากส่วนทอ้ งจะอูมเป่ ง ผนงั ทอ้ งบาง ทอ้ งน่ิม ติ่งเพศมีลกั ษณะอูม สีแดงออ่ นๆ หรือชมพูอมแดง เมื่อใชม้ ือบีบที่ทอ้ งเบาๆ จะมีไข่ลกั ษณะเป็ นเม็ดกลมสีน้าํ ตาลอ่อน ใสไหลออกมาทางช่องเพศ 105

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 2.2.2.2 ปลาพอ่ พนั ธุ์ ลกั ษณะปลาดุกรัสเซียท่ีเหมาะสมที่จะนาํ มาเพาะขยายพนั ธุ์ ควรมีอายไุ ม่นอ้ ยกวา่ 1 ปี มีน้าํ หนกั ไม่ต่าํ กวา่ 500 กรัม (ธารทอง, ม.ป.ป.) ไม่ควรอว้ นหรือผอม จนเกินไป ลาํ ตวั ยาวเรียว ปราดเปรียว สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็ นโรคพยาธิ ลกั ษณะต่ิงเพศยาว มีสีชมพูเรื่อๆ โคนของติ่งเพศควรมีขนาดใหญ่ 2.3 การเพาะขยายพนั ธ์ุปลาดุกบก๊ิ อยุ ปลาดุกบิ๊กอุยนิยมเพาะโดยการฉีดฮอร์โมนกระตุน้ การตกไข่แลว้ ทาํ การผสมเทียม โดยมี ข้นั ตอนการปฏิบตั ิดงั น้ี 2.3.1 เตรียมอุปกรณ์ท่ีจะใชใ้ นการฉีดฮอร์โมน และการผสมเทียมไวใ้ ห้พร้อม เพ่ือความ สะดวกและรวดเร็วในการดาํ เนินงาน เช่น เครื่องชั่ง เข็มฉีดยา ครกบดยา ฮอร์โมน น้าํ กลน่ั ขนไก่ ผา้ เช็ดมือ มีดหรือกรรไกร และถว้ ยสาํ หรับรีดไข่ เป็นตน้ 2.3.2 เตรียมปลาพ่อแม่พนั ธุ์ นําปลาพ่อแม่พนั ธุ์ที่ทาํ การคดั เลือกและตรวจสอบความ สมบูรณ์เพศตามลกั ษณะที่ไดก้ ล่าวไปแลว้ ขา้ งตน้ ชงั่ น้าํ หนกั เพ่อื คาํ นวณการใชฮ้ อร์โมน 2.3.3 เตรียมฮอร์โมน ฮอร์โมนท่ีใชใ้ นการฉีดเพื่อเร่งให้แม่ปลามีไข่แก่และพ่อปลามีน้าํ เช้ือ สมบูรณ์น้นั ปัจจุบนั นิยมใชฮ้ อร์โมนสังเคราะห์ LHRHa มีชื่อทางการคา้ วา่ ซูพรีแฟ็คท์ (suprefact) โดยใชร้ ่วมกบั สารระงบั การทาํ งานของระบบการหลง่ั ฮอร์โมนโกนาโดโทรปิ นจากต่อมใตส้ มอง คือ โดมเพอริโดน มีชื่อทางการคา้ หลายชื่อ เช่น โมทิเลี่ยมเอม็ และไมแร็กซ์เอม็ เป็นตน้ 2.3.4 การฉีดฮอร์โมนปลาพอ่ แม่พนั ธุ์ ปลาดุกอุยสามารถทาํ การฉีดแม่ปลาคร้ังเดียวหรือ 2 คร้ังกไ็ ด้ กรณีฉีด 1 คร้ัง จะใชร้ ะดบั ความเขม้ ขน้ ของฮอร์โมน 25 ถึง 30 ไมโครกรัมต่อน้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกบั โดมเพอริโดน 7 ถึง 10 มิลลิกรัมต่อน้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม กรณีฉีด 2 คร้ัง เขม็ แรกใชร้ ะดบั ความเขม้ ขน้ ของฮอร์โมน 5 ถึง 10 ไมโครกรัมต่อน้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกบั โดมเพอริโดน 5 มิลลิกรัมต่อน้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม และฉีดเขม็ ท่ีสองห่างจากเข็มแรก 6 ชว่ั โมง ในอตั ราความเขม้ ขน้ 15 ถึง 20 ไมโครกรัมต่อน้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกบั โดมเพอริโดน 7 ถึง 10 มิลลิกรัมต่อน้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม ส่วนปลาดุกรัสเซีย จะใชร้ ะดบั ความเขม้ ขน้ ของ ฮอร์โมน 5 ไมโครกรัมต่อน้ําหนักปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกับโดมเพอริโดน 5 มิลลิกรัมต่อ น้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม ส่วนเวลาในการฉีด กรณีฉีดแม่ปลาเข็มเดียวให้ฉีดพร้อมกนั และกรณี ฉีดแมพ่ นั ธุ์ 2 คร้ัง จะฉีดปลาพอ่ พนั ธุ์พร้อมกบั การฉีดปลาแม่พนั ธุ์เขม็ ท่ี 2 แต่หากปลาพ่อพนั ธุ์มี ความสมบูรณ์เพศเตม็ ท่ีอยแู่ ลว้ ก็ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งฉีดฮอร์โมนกระตุน้ 2.3.5 ตาํ แหน่งในการฉีดฮอร์โมน ตาํ แหน่งท่ีเหมาะสมในการฉีด คือ บริเวณกลา้ มเน้ือใต้ ครีบหลงั ส่วนตน้ เหนือเส้นขา้ งลาํ ตวั (ภาพท่ี 5.1) โดยใชเ้ ขม็ เบอร์ 24 วิธีการฉีดใหแ้ ทงเข็มเอียง ทาํ มุมกบั ลาํ ตวั ประมาณ 30 องศา แทงไปทางดา้ นหวั ปลาให้ลึกประมาณ 2 เซนติเมตร จากน้นั 106

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ จึงค่อยๆ เดินสารละลายฮอร์โมนเขา้ สู่ตวั ปลาอยา่ งชา้ ๆ เม่ือฮอร์โมนหมดแลว้ ควรใชส้ าํ ลีกดตรง บริเวณที่ฉีดพร้อมกนั น้นั คอ่ ยๆ ดึงเขม็ ออก แลว้ กดต่อไวส้ กั ครู่เพอื่ ป้องกนั ฮอร์โมนไหลยอ้ นกลบั ภาพท่ี 5.1 ตาํ แหน่งการฉีดฮอร์โมนปลาดุกรัสเซีย ทม่ี า : ธาฎา (2556) 2.3.6 การพกั พ่อแม่พนั ธุ์ ระหว่างการฉีดแต่ละคร้ังและภายหลังการฉีดฮอร์โมนแล้ว จะตอ้ งแยกปลาพ่อพนั ธุ์และปลาแม่พนั ธุ์พกั แยกบ่อกนั ท้งั น้ีเพื่อความสะดวกในการปฏิบตั ิงาน และจาํ เป็ นตอ้ งเพิ่มออกซิเจนให้เพียงพอ โดยการใช้แอร์ป้ัมหรือการปล่อยให้น้าํ ไหลผ่านบ่อ ตลอดเวลา หรืออาจพน่ น้าํ เป็นฝอยกไ็ ด้ 2.3.7 การรีดไข่ผสมน้าํ เช้ือ ก่อนการรีดไข่ปลาเพ่ือผสมเทียมจะตอ้ งเตรียมอุปกรณ์ท่ีตอ้ ง ใช้ไวใ้ ห้พร้อม เช่น สวิง กะละมงั เคลือบท่ีแห้งสนิท ผา้ ขาวบาง มีดผ่าตดั น้ําสะอาด หรือ น้าํ เกลือ 0.7 เปอร์เซ็นต์ และอวนมุง้ ไนลอนตาถี่สีฟ้าสําหรับฟักไข่ ก่อนการรีดไข่ควรตรวจสอบ ความพร้อมของพ่อพนั ธุ์ โดยการผ่าทอ้ งเพื่อดูถุงน้าํ เช้ือก่อน โดยใชก้ รรไกรผา่ ทอ้ งเริ่มจากทวาร หนกั ไปจนถึงกระดูกใตค้ าง เปิ ดช่องทอ้ งของปลาให้กวา้ ง จะเห็นอณั ฑะมีลกั ษณะเป็ นพู 2 พูอยู่ ติดกบั ผนงั สันหลงั ของปลา สีค่อนขา้ งขาว ขอบอณั ฑะหยกั โคง้ เล็กน้อย ท้งั สองพูเชื่อมติดกบั บริเวณโคนเป็ นท่อนาํ น้าํ เช้ือซ่ึงบริเวณน้ีมีลกั ษณะแตกแขนงเห็นชดั เจน ลกั ษณะอณั ฑะท่ีดีตอ้ ง พองเป่ ง มีจุดขาวขุ่นและค่อนขา้ งน่ิม แต่ถา้ พบว่าอณั ฑะมีลกั ษณะสีคล้าํ ออกเทา มีจุดขาวขุ่น ประปราย แสดงวา่ เป็นอณั ฑะท่ีไม่สมบูรณ์ไม่ควรนาํ มาใช้ ควรหาพ่อพนั ธุ์ตวั ใหม่ การผสมเทียม ระหว่างปลาดุกอุยกบั ปลาดุกรัสเซียน้นั นิยมใช้วิธีดดั แปลงแห้ง เมื่อไดเ้ วลาที่กาํ หนดไวห้ รือเมื่อ สงั เกตเห็นวา่ มีไข่ปลาไหลมาติดอยตู่ ามภาชนะที่ขงั แมป่ ลาไว้ ใหใ้ ชส้ วงิ จบั แมป่ ลาข้ึนมา ใชผ้ า้ เช็ด ตรงบริเวณท้องและหางของแม่ปลาให้แห้ง ในการรีดไข่ปลาควรใช้คน 2 คน โดยคนที่จะ 107

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ รีดไข่ปลาใหใ้ ชม้ ือขา้ งท่ีถนดั จบั บริเวณส่วนหัวของปลา มืออีกขา้ งหน่ึงไวส้ าํ หรับรีดไข่ ส่วนอีก คนจบั หางปลาไวเ้ พ่ือป้องกนั ปลาดิ้น (ภาพที่ 5.2) การรีดไข่ควรเริ่มรีดจากปลายทอ้ งบริเวณช่อง ทางออกของไข่ก่อน หลงั จากน้นั ค่อยๆ บีบจากบริเวณส่วนทอ้ งลงมา ไข่จะเร่ิมไหลออกเมื่อโดน แรงบีบ ใหเ้ อากะละมงั เคลือบท่ีเตรียมไวร้ องรับไข่ที่ไหลออกมา ถา้ ปลาพร้อมจะวางไข่ ไข่จะพุ่ง ออกมาโดยไม่ตอ้ งเคน้ ไข่จะมีสีน้าํ ตาลเขม้ เป็ นมนั วาว แต่หากเม่ือรีดแลว้ รู้สึกว่าไข่ภายในช่อง ท้องยงั จับกันเป็ นก้อน ควรพกั แม่ปลาไวก้ ่อนแล้วค่อยนํามารีดใหม่ หลังจากรีดไข่แม่ปลา หมดแลว้ จึงดึงอณั ฑะของพ่อพนั ธุ์ปลาดุกรัสเซียท่ีผา่ ทอ้ งไวแ้ ลว้ โดยใช้ปากคีบดึงอณั ฑะท้งั สองพมู าวางไวบ้ นผา้ ขาวบาง ใชก้ รรไกรตดั อณั ฑะใหเ้ ป็ นชิ้นเล็กๆ ห่อผา้ ขาวบางแลว้ ขย้ลี งบนไข่ ใชข้ นไก่คนน้าํ เช้ือให้ผสมกบั ไข่ พร้อมกบั ใชน้ ้าํ สะอาดหรือน้าํ เกลือ 0.7 เปอร์เซ็นต์ ราดบนผา้ ขาวบางท่ีขย้ถี ุงอณั ฑะใหน้ ้าํ ไหลผา่ นลงไปเพ่อื ใหน้ ้าํ เช้ือผสมกบั ไขไ่ ดด้ ียง่ิ ข้ึน (ภาพที่ 5.3) จากน้นั เติมน้าํ สะอาดลงไปในถว้ ยไข่จนเกือบเตม็ ถว้ ย แลว้ เทน้าํ ทิ้ง เพ่ือเป็ นการลา้ งไข่ แลว้ จึงนาํ ไข่ไป โรยบนแผงฟักไข่ท่ีทาํ ดว้ ยอวนไนล่อนตาถี่สีฟ้าเบอร์ 20 ท่ีขึงตึงอยู่ใตผ้ ิวน้าํ ประมาณ 5 ถึง 10 เซนติเมตร ระดบั น้าํ ในบ่อฟักไข่ควรสูงประมาณ 20 ถึง 30 เซนติเมตร (โชคชยั , 2548) การโรย ไข่ปลาควรโรยให้กระจาย อยา่ ใหไ้ ข่ทบั ซ้อนกนั เพราะจะทาํ ให้ไข่เสียไดง้ ่าย ควรเปิ ดน้าํ ให้ไหล ผา่ นตลอดเวลา (การโฟลวน์ ้าํ ) หรืออาจพ่นน้าํ เป็ นฝอยก็ได้ และควรมีการให้อากาศเพ่ิมในบ่อฟัก ไข่ปลาดว้ ย ภาพท่ี 5.2 การรีดไข่ปลาดุกอุย ทม่ี า : ธาฎา (2556) 108

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ภาพท่ี 5.3 การผสมไข่กบั น้าํ เช้ือ ทม่ี า : ธาฎา (2556) 2.3.8 การฟักไข่ ไข่ปลาดุกอุยเป็นไข่ประเภทจมติดวตั ถุ ไข่ท่ีไดร้ ับการผสมแลว้ จะพฒั นา และฟักเป็ นตวั โดยใชเ้ วลาประมาณ 21 ถึง 26 ชวั่ โมง ที่อุณหภูมิของน้าํ 28 ถึง 30 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิต่าํ กว่าน้ีระยะเวลาในการฟักออกเป็ นตวั จะยาวนานออกไป บางคร้ังอาจใช้เวลาถึง 36 ช่ัวโมง ลูกปลาท่ีฟักออกเป็ นตวั จะหลุดลอดตาของมุ้งไนล่อนสีฟ้าลงสู่พ้ืนก้นบ่อด้านล่าง หลงั จากลูกปลาหลุดลอดลงสู่พ้นื กน้ บอ่ หมดแลว้ จึงยกแผงฟักไขอ่ อกจากบอ่ ฟัก ลูกปลาจะอยูเ่ ป็ น กลุ่มตามมุมของพ้ืนกน้ บ่อ (ภาพท่ี 5.4) ลูกปลาจะค่อยๆ พฒั นาเจริญข้ึนเป็ นลาํ ดบั โดยได้รับ อาหารสาํ รองจากถุงไข่แดง ถุงไข่แดงจะยุบตวั หมดเมื่อลูกปลาอายุประมาณ 2 วนั หลงั จากน้นั ลูกปลาจะเริ่มกินอาหาร ซ่ึงแม่ปลาน้าํ หนกั ประมาณ 1 กิโลกรัม จะไดล้ ูกปลาประมาณ 5,000 ถึง 20,000 ตวั ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั ฤดูกาลและความสมบูรณ์ของปลา ภาพท่ี 5.4 ลูกปลาดุกบ๊ิกอุยวยั อ่อน ทม่ี า : ธาฎา (2556) 109

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 2.4 การอนุบาลลูกปลาดุกบิ๊กอุย ลูกปลาท่ีเพ่ิงฟักออกจากไข่ใหม่ๆ จะตอ้ งมีการดูแลเป็ นอย่างดีเพ่ือให้ไดล้ ูกปลาที่แขง็ แรง สมบูรณ์ เจริญเติบโตเร็ว และมีอตั ราการรอดตายสูง ซ่ึงข้ึนอยูก่ บั ปัจจยั หลายประการ เช่น ขนาด และลกั ษณะของบ่ออนุบาล คุณสมบตั ิของน้าํ อาหารและการให้อาหาร อุณหภูมิ สภาพอากาศ และความหนาแน่นของลูกปลา เป็ นตน้ สําหรับการยา้ ยลูกปลาจากบ่อฟักไข่ไปยงั บ่ออนุบาล จะตอ้ งทาํ ดว้ ยความระมดั ระวงั เพ่ือใหล้ ูกปลามีความบอบช้าํ นอ้ ยที่สุด ส่วนมากจะใชว้ ธิ ีการดูดน้าํ ดว้ ยสายยางแบบกาลกั น้าํ แต่ไม่ควรใชส้ ายยางท่ีมีขนาดใหญ่เกินไปและไม่ควรให้ระดบั ความสูง ของปลายสายยางท้งั สองดา้ นแตกต่างกนั มาก เพราะจะทาํ ให้น้าํ ไหลแรงซ่ึงจะเป็ นอนั ตรายกบั ลูกปลาได้ ในการยา้ ยลูกปลาควรทาํ หลงั จากลูกปลาอายุผา่ น 1 วนั ไปแลว้ เพราะลูกปลาท่ีเพิ่งฟัก ออกจากไข่จะออ่ นแอและบอบบาง โดยเฉพาะบริเวณถุงไขแ่ ดง และควรเลือกดูดเอาเฉพาะลูกปลา ที่เขา้ กลุ่ม เพราะจะไดล้ ูกปลาที่มีสุขภาพแข็งแรง การอนุบาลลูกปลาดุกบ๊ิกอุยสามารถทาํ ไดท้ ้งั บ่อซีเมนตแ์ ละบอ่ ดิน 2.4.1 การอนุบาลลูกปลาในบอ่ ซีเมนต์ การอนุบาลลูกปลาดุกบ๊ิกอุยในบ่อซีเมนต์ สามารถ สังเกตลูกปลาในบ่อไดง้ ่าย สะดวกในการเปลี่ยนถ่ายน้าํ การคดั ขนาด และการปฏิบตั ิดูแลรักษา แต่ ไม่มีอาหารธรรมชาติเพียงพอ จึงทาํ ให้มีอตั ราการเจริญเติบโตช้ากวา่ การอนุบาลในบ่อดินโดยมี รายละเอียดดงั น้ี 2.4.1.1 ลกั ษณะและขนาดของบ่อ ลกั ษณะของบ่ออนุบาลควรสร้างให้มีลกั ษณะ เป็ นรูปสี่เหล่ียมผืนผา้ โดยสร้างลอยข้ึนมาบนพ้ืนดิน ความสูงของบ่อประมาณ 50 เซนติเมตร พ้ืนก้นบ่อเรียบและลาดเอียงไปทางท่อระบายน้ําทิ้ง เพ่ือความสะดวกต่อการระบายน้าํ และ รวบรวมลูกปลา ดา้ นในของบ่อฉาบปูนให้เรียบไม่ขรุขระ และควรสร้างบ่อไวใ้ นโรงเรือนท่ีมี หลงั คา เพ่ือป้องกนั ฝนและแสงแดด ขนาดบ่ออนุบาลนิยมใช้บ่อท่ีมีพ้ืนท่ี 2 ถึง 5 ตารางเมตร เพราะจะดูแล และทาํ ความสะอาดบ่อไดง้ ่าย จาํ นวนบ่อแลว้ แตพ่ ้นื ที่และขนาดของฟาร์ม 2.4.1.2 การปล่อยลูกปลา อตั ราการปล่อยลูกปลาดุกบ๊ิกอุยในบ่ออนุบาลควรอยู่ ระหว่าง 3,000 ถึง 5,000 ตวั ต่อตารางเมตร (วริยา, 2546) ก่อนปล่อยลูกปลาควรเตรียมน้าํ และ อากาศไวก้ ่อนอย่างน้อย 12 ช่ัวโมง และตอ้ งปรับอุณหภูมิของน้าํ ในบ่ออนุบาลให้ใกล้เคียงกบั บ่อฟักไข่ หากลูกปลาขนส่งมาจากท่ีอื่น ควรนาํ ถุงที่บรรจุลูกปลาลอยไวใ้ นบ่ออนุบาลประมาณ 30 นาที จากน้นั จึงเปิ ดถุง และค่อยๆ ตกั น้าํ จากบ่อลงในถุงลูกปลา เมื่อเห็นวา่ ปลาเริ่มปรับตวั ได้ จึงคอ่ ยๆ เทลูกปลาออกจากถุง 2.4.1.3 การให้อาหาร ตอ้ งเพียงพอกบั ความตอ้ งการของลูกปลาและให้อย่างทวั่ ถึง ลูกปลาจึงเจริ ญเติบโตดี แต่ถ้าลูกปลาขาดอาหารในระยะน้ีจะส่งผลทําให้ลูกปลามีอัตรา 110

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ การรอดตายต่าํ และการเจริญเติบโตชา้ กวา่ ปกติ อาหารท่ีให้ลูกปลาจะให้ตามอายุและขนาดของ ลูกปลาโดยแบง่ ได้ 3 ระยะ ดงั น้ี 1) ลูกปลาแรกเกิดถึงอายุ 10 วนั อาหารท่ีเหมาะสมที่สุดสําหรับการ อนุบาลลูกปลา ระยะน้ี คือ ไรแดง ซ่ึงอาจไดจ้ ากการเพาะหรือแหล่งน้าํ ธรรมชาติ แต่ไรแดงท่ีได้ จากแหล่งน้าํ ธรรมชาติจะไม่สะอาด ดงั น้นั ก่อนนาํ ไปใหล้ ูกปลากินควรลา้ งใหส้ ะอาดแลว้ นาํ ไปแช่ ด่างทบั ทิม โดยละลายด่างทบั ทิมให้น้าํ เป็ นสีชมพู แลว้ นาํ ไรแดงลงแช่นานประมาณ 5 นาที หาก นานกวา่ น้ี ไรแดงจะตาย ควรให้ไรแดงเป็ นอาหารประมาณ 7 ถึง 10 วนั การให้ไรแดงจะให้ใน อตั ราประมาณ 0.5 ถึง 0.8 กิโลกรัมต่อลูกปลา 100,000 ตวั ต่อวนั (พิพฒั น์, 2553) และใหเ้ พิ่มข้ึน เม่ือปลามีขนาดใหญ่ข้ึน ลูกปลาท่ีไดก้ ินไรแดงจะเจริญเติบโตและแข็งแรงดีมาก (ภาพท่ี 5.5) กรณีท่ีไม่มีไรแดงหรือมีไม่เพียงพออาจใหล้ ูกปลากินอาร์ทีเมียแทนก็ได้ ภาพที่ 5.5 ลูกปลาดุกบิ๊กอุย อายุ 7 วนั ทมี่ า : ธาฎา (2556) 2) ลูกปลาอายุ 10 ถึง 30 วนั จะเริ่มให้อาหารเสริมเป็ นพวกอาหารผง สาํ เร็จรูป เช่น พาวเดอร์ฟี ด หรืออาหารกุง้ เบอร์เล็กสุดก็ได้ (ภาพ 5.6) ให้ 3 ถึง 5 เปอร์เซ็นตต์ ่อ น้าํ หนกั ตวั ต่อวนั โดยให้อาหารเสริมร่วมกบั ไรแดง 3 ถึง 5 วนั จึงหยุดให้ไรแดง การให้อาหาร เสริมน้าํ จะเสียง่าย ดงั น้นั ตอ้ งคอยคุมปริมาณอาหารให้ดี และตอ้ งหมนั่ ดูดตะกอนและถ่ายน้าํ บ่อย ข้ึนกวา่ เดิม ลูกปลาอายุ 30 วนั จะมีขนาดประมาณ 1 ถึง 1.5 นิ้ว (ภาพที่ 5.7) 111

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ภาพท่ี 5.6 อาหารกุง้ เบอร์ 1 ทม่ี า : ธาฎา (2556) ภาพที่ 5.7 ลูกปลาดุกบ๊ิกอุยขนาด 1 นิ้ว ทม่ี า : ธาฎา (2556) 3) ลูกปลาอายุ 30 วนั ถึงจาํ หน่าย ควรเร่ิมเปล่ียนอาหารเป็ นอาหารชนิดเม็ด ลอยน้าํ เบอร์เล็กสุด เช่น อาหารปลาดุกเล็กพิเศษ (ภาพที่ 5.8) โดยให้อาหารวนั ละ 3 ม้ือ ให้ 5 เปอร์เซ็นต์ต่อน้าํ หนักตวั ต่อวนั เพื่อเป็ นการเตรียมลูกปลาให้กินอาหารผิวน้าํ และพร้อมที่จะ จาํ หน่ายลูกปลา ไปเล้ียงเป็นปลาเน้ือต่อไป 112

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ภาพที่ 5.8 อาหารปลาดุกเลก็ พิเศษ ทมี่ า : ธาฎา (2556) 2.4.1.4 การเปล่ียนถ่ายน้าํ การเปลี่ยนถ่ายน้ําในบ่ออนุบาลมีความสําคญั มากต่อ อตั ราการรอดของลูกปลา การถ่ายน้าํ ในบอ่ อนุบาลไม่ควรถ่ายน้าํ หรือลดระดบั น้าํ ลงต่าํ มาก แต่ควร ถ่ายโดยการดูดตะกอนภายในบ่อออกให้หมด จากน้นั จึงค่อยๆ เปิ ดน้าํ ใหม่เขา้ บ่อพร้อมกบั ปล่อย ให้น้าํ ลน้ ออกทางท่อระบายน้าํ โดยที่ปลายท่อจะมีอวนตาถ่ีปิ ดไวเ้ พ่ือป้องกนั ลูกปลาออก วิธีน้ีจะ ช่วยไม่ให้คุณภาพของน้าํ ในบ่ออนุบาลเปล่ียนแปลงอยา่ งกะทนั หนั เปิ ดน้าํ เขา้ บ่อจนกวา่ น้าํ ในบ่อ สะอาดจึงปิ ดน้าํ แตส่ าํ หรับลูกปลาในระยะแรก ต้งั แต่อายุ 1 ถึง 10 วนั ไมค่ วรดูดตะกอนเพราะจะ ทาํ ใหล้ ูกปลาติดมาดว้ ย ถึงแมว้ า่ จะใชอ้ วนตาถ่ีปิ ดปลายสายยางไวก้ ต็ าม เนื่องจากแรงน้าํ จะดูดปลา มาติดท่ีอวนตาถี่ ทาํ ให้ปลาช้าํ และตายได้ การถ่ายน้ําในระยะน้ี จึงควรใช้วิธีกาลกั น้าํ โดยมี ตะแกรงท่ีก้นั ดว้ ยอวนตาถี่ปิ ดไว้ แลว้ นาํ สายยางท่ีใชก้ าลกั น้าํ ใส่ไวใ้ นตะแกรงดงั กล่าว เพื่อป้องกนั ลูกปลาเข้ามาในขณะถ่ายน้ํา (ภาพที่ 5.9) การถ่ายน้ําจะต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดการ กระทบกระเทือนลูกปลามากเกินไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงในช่วงที่ปลาป่ วยสิ่งท่ีควรปฏิบตั ิคือ ลดปริมาณอาหารลงประมาณ 30 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จากน้นั ดูดตะกอนและตกั ลูกปลาท่ีตายออก แลว้ เติมน้าํ โดยใชว้ ธิ ีดงั กล่าวขา้ งตน้ อยา่ ลดระดบั น้าํ ลงจนต่าํ มากเป็ นเวลานานๆ หรือกวนน้าํ ให้ ตะกอนมารวมกนั กลางบ่อโดยเด็ดขาด เพราะจะทาํ ให้ปลาอ่อนแอและตายง่ายข้ึน เม่ือเติมน้ํา เรียบร้อยแลว้ ควรใช้ ยาปฏิชีวนะอ๊อกซ่ีเตตร้าซัยคลินในอตั รา 10 ถึง 20 พีพีเอ็ม หรือยาในกลุ่ม ไนโตรฟูราโซน 5 ถึง 10 พีพีเอ็ม แช่ลูกปลาเป็ นเวลา 1 วนั และในระยะน้ีพยายามอย่าไป รบกวนปลา ไม่ตอ้ งให้อาหาร วนั รุ่งข้ึนจึงค่อยใหอ้ าหาร ดูดตะกอนและถ่ายน้าํ จากน้นั ใช้ยาใน ปริมาณสามในสี่เท่า หรือเท่ากบั ท่ีเคยใชเ้ ติมลงไปอีก ซ่ึงควรทาํ ติดตอ่ กนั จนกวา่ ลูกปลาจะมีอาการ 113

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ดีข้ึน หรือแต่ละคร้ังไม่นอ้ ยกวา่ 5 ถึง 7 วนั หากการรักษาวิธีดงั กล่าวไดผ้ ลปลาจะหยุดตายภายใน 2 ถึง 3 วนั หลงั จากที่ใชย้ า ภาพท่ี 5.9 การถ่ายน้าํ โดยวธิ ีกาลกั น้าํ ทม่ี า : ธาฎา (2556) 2.4.1.5 เคร่ืองใหอ้ ากาศ ในบอ่ อนุบาลควรมีเคร่ืองปั๊มลมเพิ่มอากาศ โดยมีหวั ทราย ใส่ไวแ้ ละเปิ ดลมเบาๆ หลายๆ จุด เพื่อป้องกนั การขาดออกซิเจน และการใหอ้ อกซิเจนยงั ช่วยลด พิษจากแอมโมเนียที่อาจเกิดจากเศษอาหารและส่ิงขบั ถ่ายจากปลาได้ แต่ถา้ เปิ ดแรงเกินไปลูกปลา อาจถูกรบกวนจนไดร้ ับอนั ตรายได้ และควรปิ ดเคร่ืองให้อากาศก่อนท่ีจะให้อาหารทุกคร้ัง และ เปิ ดใหม่หลงั จากใหอ้ าหารเสร็จแลว้ ประมาณ 20 ถึง 30 นาที 2.4.1.6 การป้องกันและรักษาโรค การอนุบาลลูกปลาดุกบิ๊กอุยหากดูแลเร่ือง สภาพแวดลอ้ มในบ่อให้ดี หมนั่ ถูพ้ืนบ่อ ดูดตะกอน และเปล่ียนถ่ายน้าํ สม่าํ เสมอ จะช่วยป้องกนั การเกิดโรคได้ แต่หากลูกปลาเร่ิมมีอาการลอยหวั ตรงผวิ น้าํ ลาํ ตวั ต้งั ฉากกบั พ้ืนบ่อ และไม่ค่อย กินอาหาร ควรทาํ การถ่ายน้าํ และใส่เกลือในบ่อในอตั รา 500 พีพีเอ็ม แต่ถา้ ลูกปลาลอยหวั แต่ไม่ พบอาการอื่นหรือยงั กินอาหารปกติ ไม่ตอ้ งใส่เกลือ เพราะลูกปลาดุกบ๊ิกอุยที่กินอาหารอิ่มมกั จะ ลอยหวั เช่นกนั อาการท่ีพบสาํ หรับลูกปลาดุกบ๊ิกอุยส่วนมากคือปลาทอ้ งบวมหรือโคนครีบหูบวม ซ่ึงเกิดจากเช้ือแบคทีเรีย แอโรโมแนส ไฮโดรฟิ ลลา รักษาโดยการลดน้าํ ในบ่อลงเหลือประมาณ 10 เซนติเมตร แลว้ ใส่ยาอ๊อกซี่เตตร้าไซคลิน 3 พีพีเอม็ แช่ไวป้ ระมาณ 3 ชว่ั โมงแลว้ จึงเพิ่มน้าํ ให้เท่าระดบั เดิม ทาํ เช่นน้ีประมาณ 5 ถึง 10 วนั หรือจนกวา่ ปลาจะหาย เมื่อเพ่ิมน้าํ แลว้ ควรใส่ เกลือในบ่อในอัตรา 500 พีพีเอ็ม ในวนั แรก ส่วนในวนั ที่ 2 และ 3 ให้ใส่อีก 250 พีพีเอ็ม ยาออ๊ กซี่เตตร้าไซคลินจะช่วยรักษาโรค ส่วนเกลือจะช่วยลดความเครียดของปลา 114

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 2.4.2 การอนุบาลลูกปลาในบ่อดิน จะมีอตั ราการเจริญเติบโตเร็วกวา่ บ่อซีเมนต์ เน่ืองจาก ในบ่อดินมีอาหารธรรมชาติสมบูรณ์ อุณหภูมิของน้ําเปล่ียนแปลงน้อยและมีสภาพแวดล้อม ใกลเ้ คียงกบั ธรรมชาติ บ่อดินช่วยป้องกนั ไม่ใหล้ ูกปลาเกิดบาดแผลตามลาํ ตวั อีกท้งั ยงั ช่วยดูดซบั ของเสียจากตวั ปลาไดด้ ีกวา่ บอ่ ซีเมนต์ แตข่ อ้ เสียของการอนุบาลลูกปลาในบอ่ ดิน คือ ใชพ้ ้ืนท่ีมาก สังเกตอาการต่างๆ ของปลายาก การจดั การเกี่ยวกับโรคและปรสิต การควบคุมอัตราการ เจริญเติบโต อตั ราการรอด และการรวบรวมลูกปลาทาํ ไดย้ ากกวา่ บ่อซีเมนต์ ลูกปลาบอบช้าํ มาก และมกั จะจบั ลูกปลาไม่หมด สาํ หรับการอนุบาลลูกปลาในบ่อดินมีข้นั ตอนดงั น้ี 2.4.2.1 ขนาดและลกั ษณะของบ่อ ขนาดของบ่อดินในการอนุบาลลูกปลาควรมี ขนาดต้งั แต่ 100 ถึง 800 ตารางเมตร ลกั ษณะบ่อควรเป็ นรูปสี่เหล่ียมผืนผา้ พ้ืนกน้ บ่อควรขุดเป็ น ร่องขนาดกวา้ งประมาณ 0.5 ถึง 1 เมตร ยาวจากหวั บ่อจรดทา้ ยบ่อ และลึกจากระดบั พ้ืนกน้ บ่อ ประมาณ 20 เซนติเมตร ตรงปลายร่องควรทาํ เป็ นแอ่งลึกมีพ้ืนท่ีประมาณ 2 ถึง 4 ตารางเมตร เพ่ือเป็ นแหล่งรวบรวมลูกปลา (ภาพที่ 5.10) นอกจากน้ีควรมีตาข่ายปิ ดบริเวณบ่อเพื่อป้องกนั ศตั รู ปลาโดยเฉพาะนกกระยาง และนกกาน้าํ พนื ้ ก้นบอ่ พนื ้ ก้นบอ่ ก.บอ่ ขนาดใหญ่ ข.บอ่ ขนาดเล็ก ภาพท่ี 5.10 ลกั ษณะบ่อดินสาํ หรับอนุบาลลูกปลา ทมี่ า : พิพฒั น์ (2553) 2.4.2.2 การเตรียมบ่อ จะต้องตากบ่อให้แห้ง หว่านปูนขาวให้ท่ัวบ่อในอัตรา 50 ถึง 200 กิโลกรัมต่อไร่ การใช้ปูนขาวน้ันจะข้ึนอยู่กบั ระดับความเป็ นกรดเป็ นด่างของดิน หลงั จากน้นั 2 ถึง 3 วนั สูบน้าํ เขา้ บ่อประมาณ 30 เซนติเมตร ตรงปลายท่อส่งน้าํ เขา้ บ่อควรกรอง 115

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ดว้ ยอวนมุง้ เขียว เพื่อป้องกนั ลูกปลาหรือไข่ของปลาอ่ืนๆ ติดมากบั น้าํ ไม่ควรสูบน้าํ เขา้ บ่อก่อน ปล่อยลูกปลาหลายวนั เพราะจะทาํ ใหเ้ กิดศตั รูของลูกปลา เช่น ตวั อ่อนแมลงปอ และลูกอ๊อดต่างๆ เป็ นตน้ จากน้นั ตรวจสอบความเป็ นกรดเป็ นด่างของน้าํ ค่าความเป็ นกรดเป็ นด่างที่เหมาะสมควร อยใู่ นช่วง 6.5 ถึง 8.5 หากต่าํ กวา่ น้ีควรใส่ปูนขาวเพ่ิมอีก แต่หากอยใู่ นช่วงดงั กล่าวแลว้ จึงใส่ป๋ ุย คอกประมาณ 50 ถึง 100 กิโลกรัมต่อไร่ โดยกองไวต้ ามมุมบ่อหรือใส่ท้งั กระสอบแลว้ ผูกไมป้ ัก ไวต้ ามมุมบ่อก็ได้ ป๋ ุยจะเป็ นอาหารของแพลงกต์ อนพืช เม่ือน้าํ ในบ่อมีสีเขียวแลว้ จึงนาํ ไรแดงมา ปล่อย หลงั จากน้นั 2 ถึง 3 วนั ไรแดงจะขยายพนั ธุ์มีปริมาณเพิ่มมากข้ึน จึงเป็ นช่วงท่ีเหมาะสมที่ จะปล่อยลูกปลาลงบ่อ เพราะไดเ้ ตรียมอาหารไวล้ ่วงหนา้ สาํ หรับลูกปลาแลว้ 2.4.2.3 การปล่อยลูกปลา หลงั จากเพาะไรแดงไวพ้ ร้อมแลว้ จึงนาํ ลูกปลามาปล่อย ลงบอ่ อนุบาล อตั ราการปล่อยลูกปลาดุกบ๊ิกอุยในบ่อดินที่เหมาะสมควรอยรู่ ะหวา่ ง 300 ถึง 500 ตวั ต่อตารางเมตร หรือ 50,000 ถึง 80,000 ตวั ต่อไร่ ลูกปลาที่จะนาํ มาปล่อยควรเป็ นลูกปลาที่ถุงไข่ แดงยบุ แลว้ และควรผา่ นการฆ่าเช้ือโรคตา่ งๆ ท่ีอาจติดมาจากการเพาะโดยใชด้ ่างทบั ทิม 30 พีพีเอ็ม แช่ลูกปลานาน 10 นาที หรือใชฟ้ อร์มาลีน 20 ถึง 30 พีพีเอม็ แช่ลูกปลานาน 30 นาที แลว้ จึง ปล่อยลูกปลาลงบ่ออนุบาลได้ ช่วงเวลาท่ีเหมาะสมในการปล่อยลูกปลาคือตอนเยน็ เนื่องจากอากาศ ในตอนเยน็ และตอนกลางคืนไม่ร้อน จะช่วยให้ลูกปลาฟ้ื นตวั ไดเ้ ร็วข้ึน ไม่เกิดความเครียดและ กระทบกระเทือนมากนกั ก่อนปล่อยควรปรับอุณหภูมิน้าํ ในถุงและในบ่อให้ใกลเ้ คียงกนั เม่ือเห็น วา่ อุณหภูมิใกลเ้ คียงกนั แลว้ จึงปล่อยลูกปลา 2.4.2.4 การใหอ้ าหาร ในระยะ 4 ถึง 5 วนั แรกของการอนุบาลยงั ไม่จาํ เป็ นตอ้ งให้ อาหารเสริม แต่ตอ้ งคอยสังเกตดูปริมาณไรแดงวา่ หมดหรือไม่ ถา้ ยงั ไม่หมดก็ไม่จาํ เป็ นตอ้ งเพิ่ม ไรแดงลงไป แต่ถา้ ไรแดงมีปริมาณเหลือนอ้ ยหรือหมด จะตอ้ งเพิ่มไรแดงลงไปในบ่ออนุบาลอีก หลงั จากวนั ท่ี 5 ของการอนุบาลจึงเร่ิมใหอ้ าหารสมทบแก่ลูกปลา อาจเป็นอาหารผง หรืออาหารสด ก็ได้ อาหารผงที่นิยมให้คือ อาหารกุ้งเบอร์เล็กสุด หรือพาวเดอร์ฟี ด โดยให้วนั ละ 2 คร้ังคือ ช่วงเช้าและช่วงเย็น ระยะแรกให้ในอัตรา 300 กรัมต่อม้ือต่อจํานวนลูกปลา 100,000 ตัว (พิพฒั น์, 2553) การให้อาหารหากเป็ นอาหารกุ้ง จะโรยอาหารให้กระจายท่วั บ่อ แต่การให้ พาวเดอร์ฟี ดจะตอ้ งนาํ อาหารผสมกบั น้าํ ป้ันเป็ นกอ้ นเล็กๆ โยนให้ลูกปลากินเป็ นจุดๆ ทวั่ บ่อ ส่วน การใหอ้ าหารสดจะใหป้ ลาเป็ ดบด หรือกระดูกไก่บดละเอียดก็ได้ โดยนาํ มาละลายน้าํ แลว้ สาดให้ ลูกปลากินท่ัวบ่อ ให้วนั ละ 1 คร้ัง ตอนเช้าในอัตรา 600 ถึง 1,000 กรัมต่อม้ือต่อจาํ นวน ปลา 100,000 ตวั (พิพฒั น์, 2553) แต่การให้อาหารสดจะตอ้ งคอยสังเกตการเน่าเสียของน้าํ ดว้ ย โดยตอ้ งเปล่ียนถ่ายน้าํ บ่อยข้ึน การอนุบาลลูกปลาดุกบิ๊กอุยในบ่อดินจะใชเ้ วลา 25 ถึง 30 วนั จะ ไดล้ ูกปลาขนาดความยาว 1.5 ถึง 2 นิ้ว 116

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 2.4.2.5 การป้องกนั รักษาโรคและปรสิต หลงั จากปล่อยลูกปลาแลว้ ให้ใชฟ้ อร์มาลีน ในอตั รา 30 พพี ีเอม็ สาดลงในบ่อใหท้ ว่ั ท้งั บ่อ วนั ละคร้ัง เป็นเวลา 3 ถึง 5 วนั ติดต่อกนั ไม่สาดลง จุดใดจุดหน่ึงเพียงจุดเดียว เพราะจะทาํ ให้บริเวณน้ันมีความเขม้ ขน้ ของฟอร์มาลีนสูงจะเป็ น อนั ตรายตอ่ ลูกปลาได้ ในระหวา่ งการอนุบาลจะตอ้ งคอยสังเกตลูกปลาในบ่อทุกวนั เพ่ือดูวา่ ปลามี อาการผิดปกติหรือไม่ โดยสังเกตจากการกินอาหาร หากลูกปลากินอาหารลดลงจากปกติ จะตอ้ ง ตรวจสอบเบ้ืองตน้ เก่ียวกบั กบั คุณภาพน้าํ ในบ่อก่อน หากคุณภาพน้าํ ดี ก็แสดงว่าจะตอ้ งตรวจดู ลกั ษณะของปลาว่าเป็ นโรคหรือมีปรสิตหรือไม่ เพ่ือจะไดห้ าแนวทางแกไ้ ขอาการดงั กล่าวต่อไป ส่วนมากการอนุบาลลูกปลาในบ่อดินมกั ประสบปัญหาเร่ืองโรค อาการท่ีพบส่วนใหญ่คือ อาการ หวั ต้งั และวา่ ยน้าํ ควงสวา่ น ซ่ึงเกิดจากปรสิตเกาะท่ีเหงือกหรือตามลาํ ตวั อาการดงั กล่าวควรทาํ การ ถ่ายน้าํ ออกจากบ่อประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ แลว้ เติมน้าํ ใหม่ให้ไดร้ ะดบั เท่าเดิม พร้อมใส่เกลือใน อตั รา 100 ถึง 200 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกบั การเติมปูนขาวในอตั รา 50 กิโลกรัมต่อไร่ โดยแบ่งใส่ บ่อวนั ละ 5 ถึง 10 กิโลกรัม จนครบจาํ นวน โดยละลายน้าํ แลว้ สาดลงบ่อ และโรยบริเวณคนั บ่อ และควรใชฟ้ อร์มาลีนสาดลงบ่อในอตั รา 30 พีพีเอม็ โดยสาดวนั ละคร้ัง ติดตอ่ กนั 3 ถึง 5 วนั 3. การเพาะและอนุบาลปลาหมอไทย ปลาหมอไทยมีชื่อสามญั วา่ climbing perch มีช่ือวิทยาศาสตร์วา่ Anabas testudineus ปลาหมอไทยมีช่ือเรี ยกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น เช่นภาคเหนือ เรี ยกว่าปลาแข็ง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือเรียกว่า ปลาสะเด็ด ภาคใต้ตอนล่างเรียกเป็ นภาษายาวีว่า อีแกปูยู ปลาหมอไทยเป็นปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจอีกชนิดหน่ึง นิยมบริโภคกนั อยา่ งแพร่หลายทวั่ ทุกภาคของประเทศ เนื่องจากเน้ือปลาหมอไทยมีรสชาติดี เน้ือแน่น เน้ือนุ่ม หวาน ปัจจุบนั เกษตรกรนิยมเล้ียงกนั มาก เพราะเป็ นปลาที่เล้ียงง่าย โตเร็ว ราคาค่อนขา้ งแพง และสามารถเล้ียง หนาแน่นได้ เน่ืองจากปลาหมอไทยมีอวยั วะพิเศษ (labryrinth organ) ช่วยในการหายใจ ความ ตอ้ งการลูกปลาหมอไทยจึงเพ่ิมมากข้ึนเร่ือยๆ การเพาะขยายพนั ธุ์ปลาหมอไทยจึงเป็ นส่ิงที่จาํ เป็ น อยา่ งยง่ิ ที่จะผลิตลูกปลาใหเ้ พียงพอต่อความตอ้ งการของเกษตรกร 3.1 ความแตกต่างระหว่างเพศ รูปร่างลกั ษณะภายนอกโดยทว่ั ไปของปลาหมอไทยเพศผูก้ บั เพศเมียคลา้ ยกนั มาก แต่จะมี ลกั ษณะแตกต่างที่สังเกตไดง้ ่ายและชดั เจน คือ ปลาหมอไทยเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กวา่ น้าํ หนกั มากกว่าและความกวา้ งของลาํ ตวั มากกว่าปลาเพศผู้ เมื่อมีขนาดความยาวเท่ากนั นอกจากน้ียงั มี ลกั ษณะความแตกต่างระหวา่ งเพศของปลาหมอไทย ที่สังเกตไดง้ ่ายในฤดูวางไข่ คือ ปลาหมอไทย เพศเมียจะมีส่วนทอ้ งอูมเป่ ง ส่วนเพศผสู้ ่วนทอ้ งจะเป็นปกติ (ภาพที่ 5.11) 117

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ก. พอ่ พนั ธุ์ ข. แม่พนั ธุ์ ภาพที่ 5.11 พอ่ แม่พนั ธุ์ปลาหมอไทย ทมี่ า : ธาฎา (2556) 3.2 การเลยี้ งและการคัดเลือกปลาพ่อแม่พนั ธ์ุ 3.2.1 การเล้ียงพ่อแม่พนั ธุ์ ลกั ษณะปลาหมอไทยท่ีควรคดั เลือกไวเ้ ป็ นพ่อแม่พนั ธุ์ ควรมี อายุต้งั แต่ 6 เดือนข้ึนไป มีน้าํ หนกั ตวั 100 ถึง 200 กรัม พอ่ แม่พนั ธุ์ปลาหมอไทยควรเป็ นปลาที่ สมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีบาดแผล ไม่มีโรคพยาธิ เจริญเติบโตเร็ว หากเป็ นพ่อแม่พนั ธุ์ท่ีไดม้ าจาก แหล่งน้าํ ธรรมชาติ ควรนาํ มาเล้ียงให้เช่ืองและฝึ กให้กินอาหารเม็ดเสียก่อน โดยนาํ มาเล้ียงรวมกนั ในบ่อดินขนาด 200 ถึง 400 ตารางเมตร โดยปล่อยในอตั รา 20 ตวั ต่อตารางเมตร (สุจินต,์ 2550) ควรเล้ียงแยกเพศให้อาหารเม็ดสําเร็จรูปไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ของน้าํ หนักปลา นอกจากน้ีอาจ กระตุน้ ให้ปลาสมบูรณ์เพศยิ่งข้ึนโดยการให้ปลาสดสับเป็ นอาหาร 2 ถึง 3 คร้ังต่อสัปดาห์ และ ควรเปล่ียนถ่ายน้าํ ประมาณ 25 ถึง 30 เปอร์เซ็นตข์ องน้าํ ในบอ่ บ่อยๆ 3.2.2 การคดั เลือกพ่อแม่พนั ธุ์ พอ่ แม่พนั ธุ์ปลาหมอไทยที่สมบูรณ์เพศและพร้อมที่จะผสม พนั ธุ์จะสังเกตไดจ้ ากลกั ษณะภายนอก คือ แม่พนั ธุ์จะมีส่วนทอ้ งอูมเป่ งเห็นไดช้ ดั เจน ช่องเพศมี สีแดงและขยายใหญข่ ้ึน เม่ือบีบส่วนทอ้ งเบาๆ จะเห็นไขท่ ี่มีลกั ษณะกลมสีเหลืองอ่อนหลุดออกมา บางส่วน ส่วนพอ่ พนั ธุ์น้นั ลกั ษณะส่วนทอ้ งจะเป็นปกติ แต่ถา้ บีบส่วนทอ้ งเบาๆ ตามแนวอณั ฑะ จะมีน้าํ เช้ือสีขาวขนุ่ คลา้ ยน้าํ นมไหลออกมา 3.3 การเพาะขยายพนั ธ์ุปลาหมอไทย ปลาหมอไทยนิยมเพาะพนั ธุ์ดว้ ยวธิ ีเลียนแบบธรรมชาติ และวธิ ีการฉีดฮอร์โมนกระตุน้ การ วางไข่ 118

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 3.3.1 การเพาะพนั ธุ์วธิ ีเลียนแบบธรรมชาติ เป็ นวิธีการเพาะปลาหมอไทยท่ีทาํ ไดง้ ่าย และ ลงทุนนอ้ ย แต่ตอ้ งคดั พอ่ แม่พนั ธุ์ที่สมบูรณ์เพศ โดยนาํ พ่อแม่พนั ธุ์ที่คดั เลือกแลว้ ปล่อยลงบ่อเพาะ ขนาด 1 ถึง 3 ตารางเมตร ระดบั น้าํ สูง 30 ถึง 50 เซนติเมตร ใชอ้ ตั ราส่วนแมพ่ นั ธุ์ 1 ตวั ต่อพอ่ พนั ธุ์ 2 ตวั โดยทาํ การเปล่ียนถ่ายน้าํ ใหม่เพื่อเป็ นการกระตุน้ ให้ปลาวางไข่ หลงั จากน้นั พ่อแม่พนั ธุ์จะ ผสมพนั ธุ์กนั เองตามธรรมชาติ เมื่อวางไข่หมดแลว้ ใหจ้ บั พ่อแม่พนั ธุ์ออกจากบ่อ ปล่อยให้ไข่ฟัก เป็นตวั และจดั การอนุบาลลูกปลาตอ่ ไป 3.3.2 การเพาะพนั ธุ์โดยการฉีดฮอร์โมนกระตุน้ การวางไข่ หลงั จากคดั เลือกพ่อแม่พนั ธุ์ ปลาท่ีมีไขแ่ ละน้าํ เช้ือสมบูรณ์พร้อมที่จะผสมพนั ธุ์วางไข่ คือ ตวั เมียจะมีส่วนทอ้ งท่ีอวบอูม ใชม้ ือ บีบเบาๆ จะมีไข่สีเหลืองออกมา ส่วนปลาตวั ผูเ้ มื่อใชม้ ือบีบเบาๆ จะมีน้าํ เช้ือสีขาวคลา้ ยน้าํ นม ไหลออกมา ฤดูกาลวางไข่ของปลาหมอไทยต้งั แต่กลางเดือนกุมภาพนั ธ์ถึงเดือนตุลาคมของทุกปี เมื่อคดั พ่อแม่พนั ธุ์ได้แลว้ จึงทาํ การฉีดฮอร์โมนแม่พนั ธุ์และพ่อพนั ธุ์เพื่อกระตุน้ การวางไข่และ กระตุน้ ใหน้ ้าํ เช้ือสมบูรณ์ยงิ่ ข้ึน โดยใชฮ้ อร์โมนสังเคราะห์ buserelin acetate มีชื่อทางการคา้ วา่ ซูพรีแฟ็คท์ ร่วมกบั โดมเพอริโดน แลว้ ปล่อยให้ปลาผสมพนั ธุ์กนั เอง โดยปลาแม่พนั ธุ์ฉีดฮอร์โมน ซูพรี แฟ็ คท์ในอัตรา 15 ไมโครกรัมต่อน้ําหนักปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกับโดมเพอริ โดน 5 มิลลิกรัมต่อน้าํ หนักปลา 1 กิโลกรัม ส่วนปลาพ่อพนั ธุ์ฉีดฮอร์โมนซูพรีแฟ็ คท์ 5 ไมโครกรัม ต่อน้ําหนักปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกับโดมเพอริโดน 5 มิลลิกรัมต่อน้ําหนักปลา 1 กิโลกรัม (สง่าและ สุชาติ , 2550) สําหรับตาํ แหน่งในการฉีดฮอร์โมนจะฉีดบริเวณโคนครีบหลงั (ภาพที่ 5.12) ควรฉีดในช่วงเยน็ หลงั จากทาํ การฉีดฮอร์โมนเสร็จแลว้ จึงปล่อยพ่อแม่พนั ธุ์ลงบ่อเพาะ ภายในบ่อ เพาะควรกางกระชงั ไว้ 2 ช้นั คือกระชงั ผา้ โอล่อนแกว้ และกระชงั ตาห่าง เพ่ือความสะดวกในการ แยกพอ่ แมพ่ นั ธุ์และการยา้ ยลูกปลาในภายหลงั โดยปล่อยแม่พนั ธุ์ 1 ตวั ต่อพ่อพนั ธุ์ 2 ตวั ระดบั น้าํ ในบอ่ เพาะประมาณ 30 ถึง 50 เซนติเมตร หลงั จากปล่อยปลาลงบ่อเพาะประมาณ 6 ถึง 9 ชวั่ โมง พ่อแม่พนั ธุ์ก็จะผสมพนั ธุ์วางไข่ เมื่อปลาวางไข่หมดแลว้ จึงยกกระชงั ตาห่างข้ึน เพื่อนาํ พ่อแม่ พนั ธุ์ออกจากบอ่ เพาะ ปล่อยใหไ้ ขฟ่ ักเป็นตวั ต่อไป 119

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ภาพท่ี 5.12 ตาํ แหน่งการฉีดฮอร์โมนปลาหมอไทย ทมี่ า : ธาฎา (2556) 3.3.3 การฟักไข่ ลกั ษณะไข่ปลาหมอไทยเป็ นประเภทไข่ลอย มีขนาดเล็ก ลกั ษณะกลม ไข่ท่ีได้รับการผสมกับน้ําเช้ือของปลาตวั ผูแ้ ล้วจะมีสีเหลืองอ่อนใส มีขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลาง 1 มิลลิเมตร ไข่แดงกลมมีขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 0.6 มิลลิเมตร ส่วนไข่ท่ีไม่ไดร้ ับการ ผสมกบั น้าํ เช้ือจะมีสีเหลืองอ่อน ลักษณะทึบแสง และมีขนาดเล็กกว่าไข่ที่ไดร้ ับการผสมแล้ว เล็กนอ้ ย ในการผสมพนั ธุ์วางไขข่ องปลาหมอไทยจะเกิดหวอดหรือฟองอากาศ เพ่ือป้องกนั น้าํ เสีย อาจจะรวบรวมไข่ปลาหมอไทยไปฟักในบ่อใหม่ก็ได้ หรือหากเพาะในกระชงั ผา้ โอล่อนแกว้ ก็อาจ ทาํ การเปิ ดน้าํ เขา้ บ่อและให้น้าํ ลน้ ออกตลอดเวลาในช่วงของการเพาะและการฟักไข่ก็ได้ แต่ตอ้ ง ควบคุมการไหลของน้ําอย่าให้แรงเกินไป ไข่ปลาหมอไทยจะใช้เวลาฟักออกเป็ นตวั ประมาณ 18 ถึง 20 ชวั่ โมง ท่ีระดบั อุณหภูมิ 20 ถึง 30 องศาเซลเซียส (สุจินต,์ 2550) หลงั จากที่ตวั อ่อนฟัก ออกจากไข่ ตวั อ่อนจะมีถุงอาหารขนาดใหญ่ที่ส่วนทอ้ ง ทาํ ให้ตวั อ่อนลอยหงายทอ้ งเกาะกนั เป็ น กลุ่มบริเวณผวิ น้าํ ประมาณ 1 ถึง 3 วนั หลงั จากน้นั ตวั ออ่ นจะเร่ิมเคลื่อนท่ีได้ เน่ืองจากอวยั วะต่างๆ เร่ิมพฒั นามากข้ึน และเร่ิมกินอาหารก็สามารถยา้ ยลูกปลาไปอนุบาลในบอ่ ดินต่อไป การเพาะปลาหมอไทยนอกจากที่ไดก้ ล่าวไปขา้ งตน้ แลว้ อาจเพาะปลาหมอไทยในบ่อดินที่ ใชอ้ นุบาลเลยก็ได้ เพอื่ เป็นการช่วยลดปัญหาการตายของลูกปลาในระหวา่ งการลาํ เลียง โดยการนาํ พ่อแม่พนั ธุ์ท่ีฉีดฮอร์โมนกระตุน้ แลว้ มาปล่อยลงในกระชงั ตาห่างที่กางไวใ้ นบ่อดินท่ีใช้อนุบาล บ่อควรมีระดบั น้าํ 30 ถึง 50 เซนติเมตร อตั ราส่วนแม่พนั ธุ์ 1 ตวั ต่อพอ่ พนั ธุ์ 2 ตวั โดยใชพ้ อ่ แม่พนั ธุ์ 8 ถึง10 กิโลกรัมต่อไร่ หรือประมาณ 40 ถึง 60 คู่ต่อไร่ ในวนั รุ่งข้ึนหลงั จากปลาวางไข่หมดแลว้ จึงยกกระชงั พ่อแม่พนั ธุ์ข้ึนจากบ่อ ปล่อยให้ไข่ฟักออกเป็ นตวั และอนุบาลต่อในบ่อดงั กล่าว แต่ ควรเตรียมวสั ดุสําหรับเป็ นที่กาํ บงั แดดให้กบั ลูกปลาวยั อ่อนดว้ ย เช่น ใช้ตาข่ายพรางแสงคลุม ไวห้ รือใส่ผกั บุง้ ลงไปกไ็ ด้ 120

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 3.4 การอนุบาลลกู ปลาหมอไทย การอนุบาลลูกปลาหมอไทยจาํ เป็นตอ้ งอาศยั การดูแลเอาใจใส่อยา่ งใกลช้ ิดและปฏิบตั ิต่อลูก ปลาที่ถูกวิธี เพื่อจะไดล้ ูกปลาท่ีสมบูรณ์ แข็งแรง เจริญเติบโตเร็ว และมีอตั ราการรอดตายสูง สําหรับลูกปลาหมอไทยนิยมอนุบาลในบ่อดิน เพราะจะทาํ ให้ลูกปลาได้รับสารอาหารครบถว้ น จะไดล้ ูกปลาที่อว้ น ป้อม ส่วนหวั ค่อนขา้ งใหญ่คลา้ ยกระสวย และแขง็ แรง ปลาหมอไทยเป็ นปลา กินเน้ือ ดงั น้นั ในการอนุบาลลูกปลาวยั อ่อนหลงั จากอาหารจากถุงไข่แดงใชห้ มดไปแลว้ ลูกปลา จะตอ้ งการอาหารท่ีมีชีวิต การเตรียมอาหารที่มีชีวติ จึงเป็ นสิ่งจาํ เป็ นในการอนุบาล หากอาหารไม่ เพียงพอ ลูกปลาที่มีขนาดใหญ่กว่าจะกินลูกปลาท่ีมีขนาดเล็กกว่า ซ่ึงเป็ นพฤติกรรมที่เรียกว่า cannibalism ดงั น้นั ในการอนุบาลลูกปลาหมอไทยจะตอ้ งเตรียมบ่ออนุบาลให้มีอาหารธรรมชาติ อย่างพอเพียง โดยเริ่มต้ังแต่การสูบน้ําเข้าบ่อโดยการกรองด้วยมุ้งเขียวตาถ่ีให้ได้ระดับน้ํา 50 เซนติเมตร หว่านป๋ ุยคอก ในอตั รา 100 กิโลกรัมต่อไร่ และใช้ปลาป่ นผสมรําละเอียดใน สัดส่วน 1 ต่อ 1 ปริมาณ 3 กิโลกรัมต่อไร่ ผสมน้าํ สาดให้ทวั่ บ่อ หลงั จากน้นั 3 วนั จึงใส่เช้ือ โรติเฟอร์และไรแดงลงในบ่อ จากน้นั อีก 3 วนั จึงรวบรวมลูกปลาท่ีเพาะไวแ้ ละพฒั นาเป็ นลูกปลา อายุ 4 วนั ปล่อยลงบ่อในช่วงเชา้ และเริ่มใหไ้ ขไ่ ก่ตม้ สุก โดยเอาเฉพาะไข่แดงบดผา่ นผา้ ขาวบาง ผสมน้าํ สาดทว่ั บ่อ จนกระทงั่ ลูกปลามีอายุได้ 7 วนั จึงใหอ้ าหารผงสําเร็จรูป หรือปลาป่ นผสม รําละเอียดในสัดส่วน 1 ตอ่ 1 หรืออาหารกุง้ เบอร์เล็กสุดกไ็ ด้ อนุบาลลูกปลาจนมีอายไุ ด้ 15 วนั จึง ใหอ้ าหารเมด็ จิ๋วหรือเมด็ เล็กพิเศษ (ตารางท่ี 5.2 ) หลงั จากอนุบาลได้ 3 สัปดาห์ จึงเพ่ิมน้าํ ให้ได้ ระดบั 80 เซนติเมตร การอนุบาลลูกปลาหมอไทยจะใชเ้ วลาประมาณ 30 วนั หรือลูกปลามีขนาด 1 นิ้ว (ภาพท่ี 5.13) จึงรวบรวมจาํ หน่ายไปยงั บอ่ เล้ียงตอ่ ไป ตารางที่ 5.2 การใหอ้ าหารลูกปลาหมอไทย อายลุ ูกปลา (วนั ) ประเภทอาหารที่ใชอ้ นุบาล 1 - 3 - อาหารจากถุงอาหาร (yolk sac) 3 - 10 - โรติเฟอร์และไข่แดงตม้ สุกบดละเอียดละลายน้าํ สาดทว่ั บ่อ 7 - 20 - ไรแดง อาหารผงสาํ เร็จรูปหรือปลาป่ นผสมราํ ละเอียด 1 ตอ่ 1 หรืออาหาร กงุ้ เบอร์เลก็ สุด 15 - 25 - อาหารเมด็ จิ๋ว หรือเมด็ เลก็ พเิ ศษ 20 - 30 - อาหารปลาหมอไทยหรือปลาดุกเมด็ เล็กพิเศษ ทมี่ า : ศราวธุ (2548) 121

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ภาพท่ี 5.13 ลูกปลาหมอไทยขนาด 1 นิ้ว ทม่ี า : ธาฎา (2556) จากที่ไดก้ ล่าวเกี่ยวกบั อาหารในการอนุบาลลูกปลาหมอไทย สรุปว่าจะตอ้ งใช้อาหาร 2 ประเภท คือ อาหารธรรมชาติและอาหารสมทบ อาหารธรรมชาติ ไดแ้ ก่ คลอเรลล่า โรติเฟอร์ และไรแดง ซ่ึงเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีขนาดเล็กเหมาะสมกบั ลูกปลา และไม่ทาํ ให้น้าํ เสีย ส่วนอาหารสมทบ ไดแ้ ก่ ไข่ไก่ตม้ สุก อาหารผงสาํ เร็จรูป และอาหารเม็ดจิ๋ว ซ่ึงเป็ น อาหารท่ีเป็นประโยชนต์ ่อการเจริญเติบโตของลูกปลามาก การอนุบาลลูกปลาหมอไทยวยั อ่อนดว้ ย อาหารดงั กล่าวจะทาํ ใหล้ ูกปลามีสุขภาพดี แข็งแรง ตา้ นทานโรคไดด้ ี มีอตั ราการเจริญเติบโตและ อตั ราการรอดตายสูง 3.5 การแปลงเพศปลาหมอไทย การแปลงเพศปลา หมายถึงการใชฮ้ อร์โมนควบคุมเพศปลาเพอ่ื ประโยชน์ในการควบคุมให้ ปลาเป็ นเพศผูห้ รือเพศเมียตามที่ต้องการ ซ่ึงจะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพหรือตามท่ีต้องการใน ระยะเวลาท่ีส้ันลง สําหรับปลาหมอไทยตอ้ งการแปลงเพศให้เป็ นเพศเมีย การใช้ฮอร์โมนเพื่อ ควบคุมเพศสัตวใ์ ห้เป็ นเพศเมียเพื่อประโยชน์ในการนาํ ไปเป็ นแม่พนั ธุ์หรือเล้ียงแบบเพศเมียลว้ น น้นั ไดม้ ีการนาํ มาใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายและประสบผลสาํ เร็จในสัตวน์ ้าํ หลายชนิด โดยวธิ ีการใช้ ฮอร์โมนแปลงเพศปลามีหลายวิธี ได้แก่การผสมในอาหาร แช่ในสารละลายฮอร์โมน หรือ ท้ังการแช่และผสมในอาหารให้กิน ฮอร์โมนที่นิยมใช้แปลงเพศปลาให้เป็ นเพศเมีย คือ 17 beta estradiol (EST) ethynylestradiol (EE) และ diethylstilbestrol (DES) จากรายงานของ สุชาติและกฤษณุพนั ธ์ (2550) พบวา่ มีการนาํ ฮอร์โมน 17 beta estradiol ไปใชใ้ นการแปลงเพศ ปลาให้เป็ นเพศเมียได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ ปลาดุกอุย ปลาสลิด ปลาหางนกยูง และ ปลาหมอไทย 122

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ สาํ หรับปลาหมอไทยน้นั เน่ืองจากเพศเมียมีอตั ราการเจริญเติบโตที่ดีกว่าเพศผู้ ดงั น้นั การ อนุบาลลูกปลาหมอไทยจึงนิยมแปลงเพศลูกปลาให้เป็ นปลาเพศเมียท้งั หมด จากการศึกษาการ ใช้ฮอร์โมน 17 beta estradiol ในการแปลงเพศปลาหมอไทยให้เป็ นเพศเมียของ สุชาติและ กฤษณุพนั ธ์ (2550) พบวา่ การอนุบาลลูกปลาหมอไทย อายุ 2 สัปดาห์ ดว้ ยอาหารผสมฮอร์โมน 17 beta estradiol 60 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม นาน 21 วนั สามารถผลิตลูกปลาหมอไทย เพศเมียได้ 100 เปอร์เซ็นต์ มีอตั ราการรอดตายสูงถึง 70 เปอร์เซ็นตข์ ้ึนไป และมีตน้ ทุนการผลิตท่ี 0.50 บาทต่อตวั (ไม่รวมค่าแรงงานและตน้ ทุนคงที่ ) 3.6 การผลติ อาหารแปลงเพศปลาหมอไทย 3.6.1. อตั ราการใช้ฮอร์โมน ในการแปลงเพศปลาหมอไทยให้เป็ นเพศเมียใช้ฮอร์โมน 17 beta estradiol 60 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม โดยใชอ้ าหารกุง้ เบอร์ 1 หรือ รํา 1 ส่วน ผสม ปลาป่ น 3 ส่วน 3.6.2 การผสมฮอร์โมนกบั อาหารปลา มีการเตรียมดงั น้ี 3.6.2.1 เตรียมสารละลายฮอร์โมน (stock solution) โดยใชฮ้ อร์โมน 17 beta estradiol 500 มิลลิกรัม ผสมแอทธิลแอลกอฮอล์ 1 ลิตร คนใหเ้ ขา้ กนั เกบ็ ไวใ้ นขวดสีชาแช่ในตูเ้ ยน็ 3.6.2.2 การเจือจางฮอร์โมน นาํ สารละลายฮอร์โมน 500 มิลลิกรัมต่อลิตร เจือจาง ใหไ้ ดค้ วามเขม้ ขน้ ตามท่ีตอ้ งการ คือ ใชฮ้ อร์โมน 60 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ฮอร์โมน 500 มิลลิกรัม อยใู่ นสารละลาย 1,000 มิลลิลิตร ฮอร์โมน 60 มิลลิกรัม อยใู่ นสารละลาย 60 x1,000 มิลลิลิตร 500 มิลลิลิตร = 120 3.6.2.3 การผสมฮอร์โมนกบั อาหาร นาํ สารละลายฮอร์โมน 120 มิลลิลิตร ผสมกบั แอทธิลแอลกอฮอร์ 120 มิลลิลิตร จะได้สารละลาย 240 มิลลิลิตร ซ่ึงถือว่าเป็ นปริมาณ สารละลายที่เหมาะสมต่อการผสมอาหาร 1 กิโลกรัม นาํ สารละลายฮอร์โมนดงั กล่าวใส่ขวดสเปรย์ แลว้ ฉีดสเปรยล์ งบนอาหารผสมคลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั แลว้ นาํ อาหารไปผ่งึ ลม 6 ถึง 10 ชว่ั โมง 3.6.3 อตั ราการปล่อยและการใหอ้ าหาร นาํ ลูกปลาหมอไทยที่มีอายุ 2 สัปดาห์ ปล่อยใน อตั รา 1 ตวั ต่อน้าํ 1 ลิตร (สุจินต,์ 2550) ให้อาหารผสมฮอร์โมนวนั ละ 5 คร้ัง โดยสัปดาห์แรกให้ อาหาร 30 เปอร์เซ็นตต์ อ่ น้าํ หนกั ตวั ตอ่ วนั สัปดาห์ที่ 2 ใหอ้ าหาร 20 เปอร์เซ็นตต์ ่อน้าํ หนกั ตวั ต่อวนั และสปั ดาห์ที่ 3 ใหอ้ าหาร 15 เปอร์เซ็นตต์ ่อน้าํ หนกั ตวั ตอ่ วนั ใชเ้ วลาในการแปลงเพศ 21 วนั 123

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 4. การเพาะและอนุบาลปลากดเหลือง ปลากดเหลืองมีชื่อสามญั วา่ green catfish มีช่ือวทิ ยาศาสตร์วา่ Mystus nemurus มีชื่อ เรียกแตกต่างกนั ไปตามทอ้ งถ่ิน เช่น แถบจงั หวดั สุราษฎร์ธานีเรียกวา่ ปลากดฉลอง แถบจงั หวดั ปัตตานีและนราธิวาสเรียกวา่ อีแกบาวง แถบจงั หวดั ฉะเชิงเทราและชลบุรีเรียกวา่ ปลากดนาหรือ ปลากดเหลือง แถบจงั หวดั กาญจนบุรีเรียกวา่ ปลากดกลาง หรือปลากลาง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ ในประเทศไทยเรียกว่าปลากดเหลือง พบแพร่กระจายในแหล่งน้ําจืดทั่วไปของทวีปเอเชีย สาํ หรับประเทศไทยพบแพร่กระจายในแหล่งน้าํ ธรรมชาติ อ่างเก็บน้าํ และเข่ือนต่างๆ ทว่ั ทุกภาค ของประเทศ ปลากดเหลือง สามารถเจริญเติบโตและอยู่อาศยั ไดใ้ นสภาพแวดลอ้ มท่ีหลากหลาย แตช่ อบอาศยั อยตู่ ามพ้นื ทอ้ งน้าํ ท่ีเป็ นแอ่งหิน หรือดินแขง็ น้าํ ค่อนขา้ งใส มีกระแสน้าํ ไหลไม่แรง นกั พบในระดบั น้าํ ลึกต้งั แต่ 2 ถึง 40 เมตร ในธรรมชาติปลากดเหลืองสามารถวางไข่ไดเ้ กือบ ตลอดท้งั ปี แต่ฤดูกาลวางไข่จะแตกต่างไปตามสภาพและท่ีต้งั ของพ้นื ที่ 4.1 ความแตกต่างระหว่างเพศ ปลาเพศผู้ ปลากดเหลืองเพศผลู้ าํ ตวั จะมีลกั ษณะเรียวยาว อวยั วะเพศ (genital papillae) ยน่ื ออกมาประมาณ 1 เซนติเมตร มีลกั ษณะเป็ นติ่งเรียวยาวและปลายแหลม ในฤดูผสมพนั ธุ์ปลา ท่ีสมบูรณ์เพศ หากใชม้ ือรีดทอ้ งจะมีน้าํ เช้ือลกั ษณะสีขาวข่นุ คลา้ ยน้าํ นมไหลออกมา ปลาเพศเมีย ปลากดเหลืองเพศเมียลาํ ตวั จะมีลกั ษณะป้อมส้ัน อวยั วะเพศมีลกั ษณะเป็ น รูกลม ในฤดูผสมพนั ธุ์ส่วนทอ้ งจะมีลกั ษณะอูมเป่ งออกมาทางดา้ นขา้ งท้งั 2 ดา้ น และช่องเพศมี สีชมพูเร่ือๆ 4.2 การเลยี้ งและการคัดเลือกปลาพ่อแม่พนั ธ์ุ 4.2.1 การเล้ียงปลาพ่อแม่พนั ธุ์ ปลากดเหลืองท่ีจะนาํ มาเล้ียงไวเ้ ป็ นพ่อแม่พนั ธุ์ไดม้ าจาก 2 แหล่ง คือ จากการรวบรวมจากแหล่งน้าํ ตามธรรมชาติ และจากการเล้ียง โดยคดั เลือกเฉพาะตวั ท่ีแข็งแรง อวยั วะทุกอย่างครบสมบูรณ์ มีขนาดน้าํ หนกั ไม่นอ้ ยกว่า 400 กรัม นาํ มาเล้ียงขุนไว้ เป็นพอ่ แม่พนั ธุ์ การเล้ียงพอ่ แมพ่ นั ธุ์เล้ียงไดท้ ้งั ในบ่อดิน และกระชงั 4.2.1.1 การเล้ียงในบ่อดิน บ่อควรมีขนาดประมาณ 800 ถึง 1,600 ตารางเมตร ปล่อยปลาในอตั รา 1 ถึง 2 ตวั ต่อตารางเมตร ควรเปลี่ยนถ่ายน้าํ ในบ่อประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ของน้าํ ในบ่อเดือนละ 1 ถึง 2 คร้ัง 4.2.1.2 การเล้ียงในกระชงั ควรเป็ นกระชงั อวนโพลีขนาดตา 2 ถึง 3 เซนติเมตร ปล่อยปลาในอตั รา 2 ถึง 4 ตวั ต่อตารางเมตร การปล่อยจะมากหรือน้อยตอ้ งศึกษาคุณภาพน้าํ ร่วม ดว้ ย เช่น กรณีวางกระชังในบ่อน้าํ น่ิงไม่มีการเคลื่อนไหว ควรปล่อยจาํ นวนน้อย แต่หากวาง กระชงั ในบ่อ หรือแมน่ ้าํ ลาํ ธาร ที่มีการเคล่ือนไหวของน้าํ กส็ ามารถปล่อยปลาจาํ นวนมากได้ 124

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 4.2.1.3 อาหาร อาหารที่จะใชเ้ ล้ียงพ่อแม่พนั ธุ์ จะใหอ้ าหารจาํ พวกปลาสดสับผสม กบั หวั อาหาร และเสริมดว้ ยอาหารสําเร็จรูป (อาหารปลาดุก) หรือสามารถผสมอาหารเองโดยใช้ ปลายขา้ วตม้ สุก 2 ส่วน รําละเอียด 3 ส่วน ปลาป่ น 1 ส่วน และวิตามินและแร่ธาตุประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ต่อน้าํ หนกั อาหาร (ศุภวรรณ์, 2552) และควรเสริมดว้ ยอาหารสําเร็จรูปปลาดุกเล็ก 1 คร้ังต่อสปั ดาห์ โดยใหอ้ าหารในแตล่ ะวนั ประมาณ 2 ถึง 3 เปอร์เซ็นตต์ อ่ น้าํ หนกั ปลาตอ่ วนั 4.2.2 การคดั เลือกพอ่ แมพ่ นั ธุ์ ปลาพอ่ แม่พนั ธุ์ควรมีน้าํ หนกั ต้งั แต่ 450 กรัมข้ึนไป หรือ เป็นปลาท่ีมีอายไุ มน่ อ้ ยกวา่ 18 เดือน (สุทธิพงศ,์ 2552) ลกั ษณะแมพ่ นั ธุ์ที่มีไข่แก่ส่วนทอ้ งจะอูมเป่ ง และนิ่ม ช่องเพศมีสีชมพูเร่ือๆ ส่วนปลาเพศผูต้ ิ่งเพศจะย่ืนยาวออกมาไม่น้อยกว่า 1 เซนติเมตร และตรงปลายติ่งมีสีชมพูเรื่อๆ เช่นเดียวกนั ส่วนการตรวจสอบพ่อแม่พนั ธุ์เพ่ือคดั เลือกท่ีจะนาํ ไป เพาะพนั ธุ์ควรทาํ ดว้ ยความระมดั ระวงั อาจใช้วิธีเอาผา้ ปิ ดหวั ปลาโดยเฉพาะบริเวณตาของพ่อแม่ พันธุ์แล้วหงายท้องข้ึนเพ่ือตรวจดูความพร้อมของปลา จะช่วยป้องกันการบอบช้ําและลด ความเครียดของปลาได้ 4.3 การเพาะขยายพนั ธ์ุปลากดเหลือง ปลากดเหลืองนิยมเพาะขยายพนั ธุ์โดยฉีดฮอร์โมนกระตุน้ การตกไข่แลว้ ทาํ การผสมเทียม โดยมีข้นั ตอนการปฏิบตั ิดงั น้ี 4.3.1 เตรียมอุปกรณ์ท่ีจะใชใ้ นการฉีดฮอร์โมน และการผสมเทียมไวใ้ ห้พร้อม เพ่ือความ สะดวกและรวดเร็วในการดาํ เนินงาน เช่น เคร่ืองชัง่ เข็มฉีดยา ครกบดยา ฮอร์โมน น้าํ กลนั่ ขนไก่ ผา้ เช็ดมือ มีดหรือกรรไกร และถว้ ยสาํ หรับรีดไข่ เป็นตน้ 4.3.2 เตรียมพ่อแม่พนั ธุ์ นาํ พอ่ แม่พนั ธุ์ที่ทาํ การคดั เลือกและตรวจสอบความสมบูรณ์เพศ ตามลกั ษณะที่ไดก้ ล่าวไปขา้ งตน้ แลว้ ชง่ั น้าํ หนกั เพอื่ คาํ นวณการใชฮ้ อร์โมน 4.3.3 เตรียมฮอร์โมน ฮอร์โมนที่ใชใ้ นการฉีดเพอื่ เร่งใหแ้ มป่ ลามีไข่แก่และพ่อปลามีน้าํ เช้ือ สมบูรณ์น้นั ปัจจุบนั นิยมใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ LHRHa มีชื่อทางการคา้ ว่า ซูพรีแฟ็ คท์ โดยใช้ ร่วมกบั โดมเพอริโดน มีช่ือทางการคา้ หลายชื่อ เช่น โมทิเลี่ยมเอม็ ไมแร็กซ์เอม็ และโดมเพอร์เอ็ม เป็ นตน้ 4.3.4 การฉีดฮอร์โมนปลากดเหลือง นิยมฉีดแม่พนั ธุ์ 2 คร้ัง โดยฉีดเข็มแรกใช้อตั รา ความเขม้ ขน้ ของฮอร์โมน 5 ถึง 10 ไมโครกรัมต่อน้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกบั โดมเพอริโดน 5 มิลลิกรัมต่อน้าํ หนักปลา 1 กิโลกรัม และฉีดเข็มที่สองห่างจากเข็มแรก 6 ชว่ั โมง ในอตั รา ความเขม้ ขน้ ของฮอร์โมน 15 ถึง 20 ไมโครกรัมต่อน้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัม ร่วมกบั โดนเพอริโดน 7 ถึง 10 มิลลิกรัมต่อน้าํ หนักปลา 1 กิโลกรัม ส่วนปลาเพศผูส้ ามารถกระตุน้ ให้สร้างน้าํ เช้ือท่ี สมบูรณ์ไดโ้ ดยการฉีดฮอร์โมนสังเคราะห์เพียงคร้ังเดียว จะฉีดพร้อมกบั การฉีดปลาแม่พนั ธุ์เข็มที่ 2 125

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ในอตั ราความเขม้ ขน้ ของฮอร์โมน 5 ไมโครกรัมตอ่ น้าํ หนกั ปลา 1 กิโลกรัมร่วมกบั โดมเพอริโดน 5 มิลลิกรัมต่อน้าํ หนักปลา 1 กิโลกรัม แต่หากปลาเพศผูม้ ีความสมบูรณ์เพศเต็มท่ีอยู่แล้วไม่ จาํ เป็นตอ้ งฉีดฮอร์โมนกระตุน้ กไ็ ด้ ตาํ แหน่งที่เหมาะสมในการฉีด คือบริเวณกลา้ มเน้ือใตค้ รีบหลงั ส่วนตน้ เหนือเส้นข้างลาํ ตัว โดยใช้เข็มเบอร์ 24 วิธีการฉีดให้แทงเข็มเอียงทาํ มุมกับลําตวั ประมาณ 30 องศา แทงไปทางด้านหัวปลาให้ลึกประมาณ 2 เซนติเมตร จากน้ันจึงค่อยๆ ฉีดสารละลายฮอร์โมนเขา้ สู่ตวั ปลาอยา่ งชา้ ๆ เม่ือฮอร์โมนหมดแลว้ ควรใชส้ าํ ลีกดตรงบริเวณท่ีฉีด พร้อมกันน้ันจึงค่อยๆ ดึงเข็มออก แล้วกดต่อไว้สักครู่เพ่ือป้องกันฮอร์โมนไหลย้อนกลับ (ภาพท่ี 5.14) ภาพที่ 5.14 การฉีดฮอร์โมนปลากดเหลือง ทม่ี า : ธาฎา (2556) การพกั ปลาระหวา่ งการฉีดฮอร์โมนแต่ละคร้ังและภายหลงั การฉีดฮอร์โมนแลว้ จะตอ้ งแยก ปลาเพศผแู้ ละเพศเมียไวแ้ ยกบ่อกนั ท้งั น้ีเพ่ือความสะดวกในการปฏิบตั ิงาน และตอ้ งเพ่ิมออกซิเจน ในน้าํ ให้เพียงพอ โดยอาจจะใช้เครื่องให้อากาศหรือการปล่อยให้น้าํ ไหลผา่ นบ่อตลอดเวลาหรือ อาจจะพน่ น้าํ เป็นฝอยกไ็ ด้ 4.3.5 การรีดไข่ผสมกบั น้าํ เช้ือ ก่อนการรีดไข่ปลากดเหลืองเพื่อผสมกบั น้าํ เช้ือ จะตอ้ ง เตรียมวสั ดุและอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีต้องใช้ไวใ้ ห้พร้อม เช่น กะละมงั เคลือบท่ีแห้งสนิท ขนไก่ ผา้ ขาวบาง มีดผา่ ตดั คีมคีบ และอวนมุง้ ไนล่อนตาถี่สีฟ้าสาํ หรับฟักไข่ เมื่อถึงเวลาท่ีกาํ หนดไวใ้ ห้ จบั แม่ปลาข้ึนมาใช้ผา้ เช็ดลาํ ตวั ให้แห้ง จากน้ันจบั ตวั ปลาให้ส่วนหางอยู่ระดบั ต่าํ กว่าส่วนหัว เล็กนอ้ ย ใชม้ ือรีดไข่ปลาลงในกะละมงั เคลือบท่ีเตรียมไว้ ควรรีดบริเวณใกลช้ ่องเพศก่อนแลว้ รีด ถดั ไปทางบริเวณทอ้ งส่วนบนลงมา รีดจนไข่หมด หลงั จากน้นั ผ่าทอ้ งปลาเพศผูเ้ พ่ือดึงเอาถุงน้าํ เช้ือ 126

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ โดยใชค้ ีมคีบและใชก้ รรไกรตดั นาํ มาวางไวบ้ นผา้ ขาวบาง ใชก้ รรไกรตดั ถุงน้าํ เช้ือใหเ้ ป็ นชิ้นเล็กๆ แลว้ ขย้ผี า้ ขาวบางเพื่อใหน้ ้าํ เช้ือไหลลงไปผสมกบั ไข่ในกะละมงั เคลือบ ใชข้ นไก่คนเพื่อให้น้าํ เช้ือ ผสมกบั ไข่ (ภาพท่ี 5.15) ในข้นั ตอนน้ีควรเติมน้าํ สะอาดลงไปพอท่วมไข่ เพอื่ ใหน้ ้าํ เช้ือผสมกบั ไข่ ไดด้ ีข้ึน จากน้นั ให้ใส่น้าํ ลงไปในกะละมงั เคลือบจนเกือบเต็ม แลว้ เททิ้งเพ่ือลา้ งไข่ แลว้ รีบนาํ ไข่ ไปโรยลงบนตะแกรงฟักไข่ หรืออวนมุง้ ไนล่อนตาถ่ีสีฟ้าท่ีเตรียมไวแ้ ลว้ ในบ่อฟักไข่ การโรยไข่ปลา ควรโรยใหก้ ระจาย อยา่ ใหไ้ ข่ทบั ซ้อนกนั เป็ นกอ้ นเพราะจะทาํ ใหไ้ ข่เสียไดง้ ่าย ระดบั น้าํ ในบ่อฟัก ไขค่ วรสูงประมาณ 20 ถึง 30 เซนติเมตร ควรเปิ ดน้าํ ไหลผา่ นชา้ ๆ สม่าํ เสมอตลอดเวลา และควร ใชเ้ คร่ืองใหอ้ ากาศช่วยเพมิ่ ออกซิเจนในบ่อฟักไขด่ ว้ ย ภาพที่ 5.15 การผสมไข่กบั น้าํ เช้ือปลากดเหลือง ทมี่ า : ธาฎา (2556) 4.3.6 การฟักไข่ปลากดเหลือง ไข่ปลากดเหลืองเป็ นไข่ประเภทจมติดกบั วตั ถุ ไข่ที่ไดร้ ับ การผสมแล้ว จะมีลกั ษณะกลม สีเหลืองสดใส ไข่จะพฒั นาฟักออกเป็ นตวั ใช้เวลาประมาณ 27 ถึง 30 ชวั่ โมง ที่อุณหภูมิของน้าํ 26 ถึง 28 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิต่าํ กวา่ น้ี หรืออากาศ เย็น การฟักออกเป็ นตวั จะใช้เวลามากข้ึนอาจสูงถึง 36 ช่ัวโมง ลูกปลาท่ีฟักออกใหม่ๆ จะมี ถุงอาหารอยูท่ ี่ทอ้ ง ถุงอาหารจะเป็ นอาหารสําหรับลูกปลาในระยะแรก จะใช้หมดภายใน 3 วนั หลงั จากน้นั ลูกปลาจะเริ่มกินอาหาร 4.4 การอนุบาลลกู ปลากดเหลือง 4.4.1 การอนุบาลลูกปลาในบ่อซีเมนต์ นาํ ลูกปลาท่ีฟักออกเป็ นตวั ใหม่ๆ ไปอนุบาลใน บ่อซีเมนต์ระดับน้ําลึก 20 ถึง 30 เซนติเมตร อัตราการปล่อยลูกปลา 1,000 ถึง 2,000 ตวั ต่อ ตารางเมตร (วสันต์ และยพุ ินท,์ ม.ป.ป.) ใหอ้ อกซิเจนตลอดเวลา รายละเอียดการอนุบาลมีดงั น้ี 127

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 4.4.1.1 อาหารลูกปลา หลงั จากถุงไข่แดงยุบควรให้อาหารท่ีมีชีวิต ไดแ้ ก่ ไรแดง หรืออาร์ทีเมีย ให้จนกระทงั่ ลูกปลามีอายุ 8 ถึง 10 วนั (ภาพท่ี 5.16) จึงเร่ิมเปลี่ยนอาหารเป็ น อาหารสมทบ แต่ตอ้ งค่อยๆ เปล่ียนอาหาร โดยเร่ิมลดไรแดงหรืออาร์ทีเมียลง แล้วเสริมดว้ ย อาหารสมทบ แลว้ เพ่ิมอาหารสมทบให้มากข้ึนของแต่ละวนั จนเห็นลูกปลากินอาหารสมทบไดด้ ี แล้วจึงหยุดให้ไรแดงหรืออาร์ทีเมีย อาหารสมทบที่ให้ได้แก่ เน้ือปลาบด 80 เปอร์เซ็นต์ อาหารผง (powder feed) 19.6 เปอร์เซ็นต์ วติ ามินและแร่ธาตุ 0.4 เปอร์เซ็นต์ นอกจากอาหาร สมทบแลว้ อาจใหอ้ าหารกุง้ เบอร์ 1 และ 2 ตามลาํ ดบั สาํ หรับการใหอ้ าหารสมทบหรืออาหารกุง้ ควรให้น้อยๆ แต่บ่อยคร้ัง ในระยะน้ีอาจผสมยาปฏิชีวนะกบั อาหารในอตั รา 3 กรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม เพ่อื ป้องกนั โรคพวกแบคทีเรีย โดยใหว้ นั ละ 1 คร้ัง ติดต่อกนั 5 ถึง 7 วนั ภาพท่ี 5.16 ลูกปลากดเหลืองอายุ 8 วนั ทม่ี า : ธาฎา (2556) 4.4.1.2 ระดบั น้าํ และการถ่ายน้าํ น้าํ ในบ่ออนุบาลลูกปลาวยั อ่อนระยะแรกประมาณ 20 ถึง 30 เซนติเมตร และค่อยๆ เพ่ิมปริมาณน้าํ เป็ น 50 เซนติเมตร เม่ือเร่ิมให้อาหารสมทบหรือ อาหารกุ้ง จะต้องหมนั่ ทาํ ความสะอาดพ้ืนบ่อ โดยการดูดตะกอนพ้ืนบ่อ และเปล่ียนถ่ายน้ํา ประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณน้าํ ในบ่อ แลว้ เพม่ิ น้าํ เขา้ บอ่ ใหไ้ ดร้ ะดบั เดิม 4.4.1.3 การป้องกันโรค ควรใส่ฟอร์มาลินเข้มขน้ 40 พีพีเอ็ม แช่ตลอด 24 ชว่ั โมง สปั ดาห์ละ 1 คร้ัง 4.4.1.4 การคดั ขนาด เม่ือลูกปลามีอายุ 8 ถึง 10 วนั จะเริ่มมีขนาดแตกต่างกนั จะตอ้ งหมน่ั คดั ขนาดลูกปลาเพอ่ื ช่วยลดการกินกนั เอง 128

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 4.4.1.5 ระยะเวลาในการอนุบาล จะใช้เวลาในการอนุบาลในบ่อซีเมนตป์ ระมาณ 45 ถึง 60 วนั จะไดล้ ูกปลาขนาด 1.5 ถึง 2 นิ้ว สามารถจาํ หน่ายหรือนาํ ไปเล้ียงต่อในบอ่ ดินต่อไป 4.4.2 การอนุบาลลูกปลาในบ่อดิน มีรายละเอียดดงั น้ี 4.4.2.1 ลกั ษณะของบอ่ บอ่ ท่ีใชใ้ นการอนุบาลลูกปลาตอ้ งมีการเตรียมบ่อท่ีดี มีการ กาํ จดั ศตั รูของปลาก่อน พ้ืนบ่อควรเรียบแข็ง สะอาด ปราศจากพืชพรรณไมน้ ้าํ ต่างๆ บ่อดินท่ีใช้ อนุบาลควรมีขนาดต้งั แต่ 200 ถึง 800 ตารางเมตร ระดบั น้าํ ลึก 0.5 ถึง 0.8 เมตร พ้ืนบ่อควรมีร่อง คูขนาดกวา้ ง 0.5 ถึง 1 เมตร ลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ยาวไปตามความยาวของบ่อ ตรงปลาย ร่องขดุ เป็นแอ่งลึกพ้ืนที่ประมาณ 2 ถึง 4 ตารางเมตร เพ่อื ความสะดวกในการรวบรวมลูกปลา 4.4.2.2 อตั ราการปล่อย การอนุบาลลูกปลาในบ่อดิน จะนาํ ลูกปลาท่ีมีอายปุ ระมาณ 12 ถึง 15 วนั หรือขนาด 1 ถึง 1.5 เซนติเมตร ปล่อยในอตั รา 60 ถึง 80 ตวั ตอ่ ตารางเมตร 4.4.2.3 อาหารลูกปลา ให้อาหารกุ้งหรืออาหารสมทบได้แก่ เน้ือปลาบด 80 เปอร์เซ็นต์ อาหารผงเพาเดอร์ฟี ด 19.6 เปอร์เซ็นต์ วิตามินและแร่ธาตุ 0.4 เปอร์เซ็นต์ ป้ันเป็ น กอ้ นเล็กๆ โยนให้ลูกปลาในบ่อกินวนั ละ 2 คร้ัง ม้ือเชา้ และม้ือเยน็ โดยปรับปริมาณอาหารท่ีให้ ทุกสัปดาห์เพ่ือให้เพียงพอกบั จาํ นวนของลูกปลา นอกจากน้ีอาจผสมน้าํ มนั ปลาหมึกในอาหาร จะช่วยดึงดูดลูกปลาใหก้ ินอาหารไดด้ ีข้ึน ใชเ้ วลาอนุบาลลูกปลาในบ่อดินประมาณ 30 วนั จะได้ ลูกปลาขนาด 2 ถึง 2 .5 นิ้ว จึงรวบรวมลูกปลาโดยการลากอวนและสูบน้าํ ออกเพ่ือจาํ หน่ายต่อไป 5. การเพาะและอนุบาลปลานิล ปลานิลเป็ นปลาน้าํ จืดท่ีมีถิ่นกาํ เนิดในทวปี อาฟริกา มีช่ือสามญั วา่ nile tilapia ชื่อวิทยาศาสตร์ Oreochromis niloticus สามารถผสมพนั ธุ์วางไข่ตลอดท้งั ปี และขยายพนั ธุ์ไดอ้ ยา่ งรวดเร็วจน แพร่กระจายไปทวั่ ภูมิภาคของโลก เป็ นปลาท่ีเล้ียงง่าย สามารถปรับตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มไดด้ ี เจริญเติบโตเร็ว สามารถแพร่ขยายพนั ธุ์เองในธรรมชาติ จนทาํ ให้ปลานิลกลายเป็ นพนั ธุ์ปลาท่ีนิยม เพาะเล้ียงท้งั ในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบนั ปลานิลเป็ นท่ีรู้จกั กนั แพร่หลาย เพราะเน้ือมี รสชาติดี มีกา้ งนอ้ ย เหมาะท่ีจะนาํ มาบริโภคโดยสามารถทาํ เป็ นอาหารไดห้ ลายชนิด ราคาไม่สูง มากนกั 5.1 ความแตกต่างระหว่างเพศ 5.1.1 ปลาเพศผู้ ลกั ษณะลาํ ตวั เรียวยาว ส่วนทอ้ งแขง็ และแบนราบ มีสีเขม้ กวา่ เพศเมีย คางมีสีแดง ลกั ษณะครีบยาวกว่าเพศเมีย มีติ่งเพศยาวค่อนขา้ งแหลม และมีเฉพาะช่องขบั ถ่าย ของเสีย (ตารางท่ี 5.3) 129

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 5.1.2 ปลาเพศเมีย ลกั ษณะ ลาํ ตวั ส้ัน ความกวา้ งจะมากกว่าเพศผู้ สีจางกว่าเพศผู้ คางมี สีเหลือง ครีบส้ันกวา่ ปลาเพศผู้ มีต่ิงเพศส้ัน มีช่องปล่อยไข่และช่องขบั ถ่ายของเสีย (ตารางท่ี 5.3) ตารางท่ี 5.3 ลกั ษณะความแตกตา่ งระหวา่ งเพศของปลานิล ลกั ษณะ เพศผู้ เพศเมีย 1. สีบนลาํ ตวั เขม้ กวา่ จางกวา่ 2. สีใตค้ าง เขม้ กวา่ (ส้ม) จางกวา่ (เหลือง) 3. อวยั วะเพศ เรียวยาว ส้ันและใหญ่ 4. ช่องเปิ ดบนอวยั วะเพศ 1 ช่องอยสู่ ่วนปลาย 2 ช่อง อยู่ส่วนปลาย 1 ช่อง และส่วนกลาง 1 ช่อง ทมี่ า : อุดม (2552) 5.2 การเลยี้ งและการคัดเลือกปลาพ่อแม่พนั ธ์ุ 5.2.1 การเล้ียงพ่อแม่พนั ธุ์ ควรทาํ การเล้ียงแยกกนั เพื่อไม่ให้ปลานิลผสมพนั ธุ์กันเอง ใหอ้ าหารที่มีโปรตีน วติ ามิน และเกลือแร่ในปริมาณท่ีเหมาะสม เพื่อบาํ รุงไข่และน้าํ เช้ือ และตอ้ ง ให้ปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ให้ปลาอว้ นหรือผอมจนเกินไป ก่อนการเพาะควรนาํ พ่อแม่พนั ธุ์ ที่คดั เลือกแลว้ มาขุนแยกอีกคร้ังหน่ึง โดยอาจนาํ มาขุนในบ่อซีเมนต์ หรือกระชงั ก็ได้ ประมาณ 20 ถึง 30 วนั 5.2.2 การคดั เลือกพ่อแม่พนั ธุ์ เป็ นข้นั ตอนท่ีสําคญั มากในการเพาะพนั ธุ์ปลาหากคดั เลือก พ่อแม่พันธุ์ปลาท่ีไม่สมบูรณ์เพศมาเพาะขยายพนั ธุ์ก็จะทาํ ให้การเพาะขยายพนั ธุ์ไม่ประสบ ความสําเร็จ การคดั เลือกพ่อแม่พนั ธุ์ปลานิล โดยสังเกตลกั ษณะภายนอกของปลาท่ีสมบูรณ์ แขง็ แรง ปราศจากเช้ือโรคและบาดแผล สาํ หรับแมพ่ นั ธุ์ที่พร้อมจะวางไข่น้นั สังเกตจากอวยั วะเพศ คือ เพศเมียอวยั วะเพศจะมีสีชมพูแดงเรื่อๆ ท้องค่อนขา้ งกลม ส่วนปลาเพศผูส้ ังเกตไดจ้ ากสีของ ตวั ปลาจะเขม้ สดใส ครีบจะมีสีชมพูเขม้ ออกแดง ขนาดของปลาตวั ผูแ้ ละตวั เมียที่คดั เลือกไวท้ าํ พอ่ แมพ่ นั ธุ์น้นั ควรมีขนาดใกลเ้ คียงกนั คือมีความยาวต้งั แต่ 15 ถึง 25 เซนติเมตร มีน้าํ หนกั ต้งั แต่ 150 ถึง 200 กรัมตอ่ ตวั มีอายรุ ะหวา่ ง 6 เดือน ถึง 2 ปี 130

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 5.3 การเพาะขยายพนั ธ์ุปลานิล ปลานิลสามารถผสมพนั ธุ์วางไข่ได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่จาํ เป็ นต้องอาศยั การใช้ ฮอร์โมนช่วยกระตุน้ เหมือนปลาชนิดอื่นๆ การเพาะขยายพนั ธุ์ปลานิลจึงสามารถทาํ ไดง้ ่าย แต่การ เพาะขยายพนั ธุ์ปลานิลเพ่ือให้ไดล้ ูกปลาจาํ นวนมากและสม่าํ เสมอน้นั จาํ เป็ นตอ้ งอาศยั การจดั การ ท่ีเหมาะสม โดยทวั่ ไปสามารถเพาะขยายพนั ธุ์ไดท้ ้งั ในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ และในกระชงั แต่หาก ตอ้ งการแปลงเพศปลานิลจะนิยมเพาะในบ่อซีเมนตแ์ ละในกระชงั 5.3.1 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลานิลในบ่อดิน จะตอ้ งมีการปฏิบตั ิดูแลในดา้ นต่างๆ ท่ีดี เช่น การเตรียมบ่อ การเพาะขยายพนั ธุ์ การอนุบาล และการรวบรวมลูกปลา เป็นตน้ 5.3.1.1 การเตรียมบ่อ เพื่อให้บ่อมีสภาพเหมาะสมต่อการดาํ รงชีวิตของปลาโดย กาํ จดั ศตั รูของปลาและสร้างอาหารธรรมชาติในบ่อดว้ ยการเติมป๋ ุย บ่อท่ีใช้เพาะปลานิลจะใหญ่ หรือเล็กก็ได้ แต่ต้องสะดวกในการรวบรวมลูกปลา ขนาดต้งั แต่ 50 ถึง 1,600 ตารางเมตร สามารถเก็บน้าํ ไดส้ ูง 1 เมตร หากเป็ นบ่อเก่าควรสูบน้าํ ออกใหห้ มด กาํ จดั วชั พืช การกาํ จดั ศตั รู ปลาจะใชก้ ากชา (เป็นกากท่ีเหลือจากการบีบน้าํ มนั จากเมล็ดชา) ในกากเมล็ดชาจะมีสารซาโปนิน (saponin) อตั ราที่ใช้ 95 ถึง 120 กิโลกรัมต่อไร่ ที่ระดบั น้าํ ลึก 1 เมตร หรือ 1 ใน 4 ของปริมาณ ดงั กล่าวในสภาพบ่อท่ีมีน้าํ แฉะ (อุธร, 2550) ฤทธ์ิของซาโปนินจะสลายหมดภายใน 5 ถึง10 วนั หลงั จากน้นั ลงปูนขาวในอตั รา 100 ถึง 150 กิโลกรัมต่อไร่ (ภาณุ และคณะ, 2545) ตากบ่อทิ้งไว้ 3 ถึง 5 วนั จึงสูบน้ําเข้าบ่อโดยกรองด้วยผา้ กรองหรือตะแกรงตาถี่ ให้ได้ระดับ 30 ถึง 50 เซนติเมตร ทิ้งไว้ 3 ถึง 5 วนั ตรวจสอบความเป็ นกรดเป็ นด่าง หากอยใู่ นระดบั 6.5 ถึง 8.5 จึง เริ่มใส่ป๋ ุยคอกในอตั รา 300 กิโลกรัมตอ่ ไร่ หลงั จากน้นั 3 ถึง 5 วนั จะเห็นวา่ น้าํ มีสีเขียวข้ึนมากจึง นาํ พอ่ แมพ่ นั ธุ์ปลานิลมาปล่อย 5.3.1.2 อตั ราส่วนการปล่อยพอ่ แม่พนั ธุ์ นาํ พอ่ แมพ่ นั ธุ์ท่ีผา่ นการขนุ มาแลว้ ลงปล่อย ในบ่อเพาะในอตั รา 1 ตวั ต่อ 4 ตารางเมตร หรือ 400 ตวั ต่อไร่ โดยใชอ้ ตั ราส่วนพ่อพนั ธุ์ 2 ตวั ต่อแม่พนั ธุ์ 3 ตวั หรืออาจปล่อย 1 ตวั ต่อ 1 ตารางเมตรก็ได้ แต่ตอ้ งมีระบบน้าํ ท่ีดี (อุดม, 2552) สาํ หรับเวลาท่ีเหมาะสมตอ่ การปล่อยควรเป็นเวลาเชา้ หรือเยน็ 5.3.1.3 การให้อาหารและการใส่ป๋ ุยในบ่อเพาะขยายพนั ธุ์ อาหารที่เหมาะสมควร เป็ นอาหารสําเร็จรูป เพราะมีธาตุอาหารเพียงพอ ใหป้ ระมาณ 2 เปอร์เซ็นตข์ องน้าํ หนกั ตวั และ ควรใส่ป๋ ุยคอกแห้งดว้ ยในอตั ราประมาณ 100 ถึง 200 กิโลกรัมต่อไร่ต่อเดือน (อุดม, 2552) หรือ ตามความเหมาะสมโดยสังเกตจากสีของน้าํ ภายในบ่อ เพื่อเพิ่มปริมาณอาหารภายในบ่อ หลงั จาก ปล่อยพ่อแม่พนั ธุ์ลงเพาะ 7 วนั ควรให้อาหารรําผสมปลาป่ น ในอตั ราส่วน 1 ต่อ 3 หรืออาหาร กงุ้ เบอร์ 1 เสริมบา้ งเพ่ือเป็นอาหารสาํ หรับลูกปลาท่ีรวบรวมหรือชอ้ นข้ึนจากบ่อไม่หมด 131

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 5.3.1.4 การรวบรวมลูกปลา หลงั จากปล่อยพอ่ แม่พนั ธุ์ลงในบ่อเพาะประมาณ 7 วนั จะสังเกตเห็นลูกปลานิลเป็ นฝูงตามขอบบ่อในเวลาเชา้ ตรู่ สามารถรวบรวมลูกปลาไดเ้ ลย โดยใช้ สวิงตาถี่ชอ้ นลูกปลาข้ึนทุกวนั แลว้ นาํ ลูกปลาท่ีไดไ้ ปเล้ียงในบ่อหรือกระชงั สําหรับอนุบาลต่อไป การเพาะปลาในบ่อดินใชเ้ วลาประมาณ 2 เดือน จึงรวบรวมพอ่ แม่พนั ธุ์ข้ึนพร้อมลูกปลาที่ตกคา้ ง แลว้ ทาํ การเตรียมบ่อใหม่ โดยใชป้ ลาพอ่ แม่พนั ธุ์ชุดใหม่แทน และนาํ ปลาพอ่ แมพ่ นั ธุ์ชุดเก่าไปแยก เล้ียง เพอ่ื ที่จะไดน้ าํ กลบั มาเพาะใหมอ่ ีก 5.3.2 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลานิลในบอ่ ซีเมนต์ โดยใชห้ ลกั การและวธิ ีการเพาะเช่นเดียวกบั การเพาะในบ่อดิน แต่สะดวกกว่า ควบคุมผลผลิตไดด้ ีกวา่ และสามารถรวบรวมไข่ปลา เพ่ือทาํ การแปลงเพศลูกปลาได้ แต่มีข้อจาํ กัดก็คือ ค่าก่อสร้างสูงกว่าบ่อดินและต้องให้อาหารอย่าง เพียงพอ เพราะปลาจะไม่ได้รับอาหารจากธรรมชาติเลย การปฏิบตั ิในการเพาะมีข้นั ตอนการ ดาํ เนินงานดงั น้ี 5.3.2.1 การเตรี ยมบ่อ บ่อซีเมนต์ท่ีใช้เพาะขยายพันธุ์ปลานิลเป็ นบ่อรู ป สี่เหล่ียมผืนผา้ หรือทรงกลมก็ได้ มีความสูงประมาณ 1 เมตร ควรมีขนาดต้งั แต่ 10 ถึง 50 ตารางเมตร บ่อเพาะควรต้งั อยูก่ ลางแจง้ มีหลงั คาคลุมบางส่วน โดยทวั่ ไปจะใชต้ าข่ายพรางแสง 30 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เน่ืองจากปลานิลสามารถวางไข่ได้ดีในน้าํ ที่มีอุณหภูมิระหว่าง 25 ถึง 29 องศาเซลเซียส ระดบั น้าํ ในบอ่ ควรสูงประมาณ 80 เซนติเมตร และควรใชเ้ ครื่องใหอ้ ากาศเพ่ือเพิ่ม ออกซิเจน จะทาํ ใหก้ ารเพาะขยายพนั ธุ์ปลานิลไดผ้ ลมากข้ึน 5.3.2.2 อตั ราการปล่อยสําหรับการเพาะขยายพนั ธุ์ปลานิลในบ่อซีเมนตค์ ือ 1 ถึง 2 ตวั ต่อตารางเมตร อตั ราส่วนเพศผู้ 1 ตวั ต่อเพศเมีย 2 ตวั 5.3.2.3 การใหอ้ าหาร ใหอ้ าหารสําเร็จรูปปริมาณโปรตีน 18 เปอร์เซ็นต์ ในอตั รา 3 เปอร์เซ็นต์ต่อน้าํ หนกั ตวั ต่อวนั หลงั จากการเพาะผา่ นไป 7 วนั ควรเพิ่มอาหารให้กบั ลูกปลา ดว้ ย คือ รําผสมกบั ปลาป่ นในอตั ราส่วน 1 ต่อ 3 หรืออาหารกุง้ เบอร์ 1 ก็ได้ แต่หากมีการรวบรวม ไข่ไปฟักเอง (เพื่อแปลงเพศปลานิล) ไม่ตอ้ งใหอ้ าหารลูกปลา ใหเ้ ฉพาะอาหารสาํ เร็จรูปอยา่ งเดียว 5.3.2.4 การรวบรวมลูกปลา สามารถรวบรวมลูกปลาได้ 2 แบบดงั น้ี 1) หลังจากการเพาะผ่านไปประมาณ 7 วนั จะสามารถตักลูกปลาท่ี รวมกลุ่มอยู่ท่ี ผิวน้าํ ไดท้ ุกวนั แลว้ นาํ ลูกปลาท่ีตกั ไดแ้ ยกไปอนุบาลในบ่ออนุบาลหรือกระชงั ใช้ เวลาเพาะประมาณ 2 เดือน จึงรวบรวมพ่อแม่พนั ธุ์ข้ึนพร้อมลูกปลาที่ตกคา้ ง แลว้ นาํ พ่อแม่พนั ธุ์ ไปแยกเพศเล้ียงใหม่ เพ่อื เตรียมบอ่ และนาํ ปลาพอ่ แม่พนั ธุ์ชุดใหมม่ าเพาะตอ่ ไป 2) หากตอ้ งการแปลงเพศปลานิล หลงั จากการเพาะผ่านไป 7 วนั จะทาํ การรวบรวมปลาพ่อแม่พนั ธุ์ด้วยอวนตาถี่ (ภาพท่ี 5.17) เพ่ือรวบรวมไข่จากปากของแม่พนั ธุ์ 132

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ (ภาพที่ 5.18) แลว้ นาํ ไข่ไปฟักในกรวยฟักไข่ (ภาพที่ 5.19) แม่พนั ธุ์ที่ออกไข่แลว้ จะนาํ กลบั ไปขุน ใหม่ และนาํ แม่พนั ธุ์ชุดใหม่มาแทน ส่วนพอ่ พนั ธุ์จะเปลี่ยนท้งั ชุดหลงั จากการรวบรวมไข่คร้ังท่ี 2 แลว้ นาํ พ่อพนั ธุ์ชุดใหม่มาแทน จะหมุนเวียนเปลี่ยนพ่อแม่พนั ธุ์แบบน้ี ทุกๆ 7 วนั หรือท่ีมีการ รวบรวมไข่ พอ่ แม่พนั ธุ์แต่ละรุ่นใชเ้ วลาเพาะประมาณ 1 ถึง 2 ปี ภาพท่ี 5.17 การรวบรวมพ่อแมพ่ นั ธุ์ปลานิล ทมี่ า : ธาฎา (2556) ภาพที่ 5.18 การรวบรวมไข่จากปากแมพ่ นั ธุ์ ทมี่ า : ธาฎา (2556) 133

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ภาพที่ 5.19 ลกั ษณะกรวยฟักไขป่ ลานิล ทมี่ า : ธาฎา (2556) 5.3.3 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลานิลในกระชงั วธิ ีน้ีเป็ นท่ีนิยมของเกษตรกร เพราะเกษตรกร สามารถทาํ เองได้ง่าย ใช้แรงงานน้อย และลงทุนต่าํ สามารถรวบรวมลูกปลาและไข่ได้ง่าย สะดวกในการเอาไข่ไปฟักต่อ ซ่ึงการเอาไข่ไปฟักต่อจะทาํ ให้แม่ปลาสามารถผสมพนั ธุ์และวางไข่ ใหม่ได้เร็วข้ึน วิธีน้ีเหมาะที่จะเพาะลูกปลาเพื่อนาํ ไปทาํ ปลานิลแปลงเพศ การเพาะปลานิลใน กระชงั จะมีข้นั ตอนการดาํ เนินงานดงั น้ี 5.3.3.1 การเตรียมกระชงั กระชงั เพาะปลานิลจะทาํ จากอวนไนล่อนตาถ่ีสีฟ้า ขนาด ตาไนล่อนไม่ควรมากกวา่ 18 ตาต่อนิ้ว ขนาดของกระชงั ท่ีใชเ้ พาะประมาณ 5 x 8 x 1.5 ถึง 2 เมตร หรือตามความเหมาะสมของบ่อหรือแหล่งน้าํ ที่จะวางกระชงั โดยวางให้พ้ืนกระชงั อยูต่ ่าํ กวา่ ระดบั น้าํ ประมาณ 1 เมตร (ภาพที่ 5.20 ) ภาพท่ี 5.20 กระชงั เพาะขยายพนั ธุ์ปลานิล ทมี่ า : ธาฎา (2556) 134

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ จากการเพาะขยายพนั ธุ์ปลานิลด้วยกระชังไนล่อนตาถี่ จะมีปัญหาด้านการอุดตนั ของ กระชงั ทาํ ใหก้ ารหมุนเวยี นของน้าํ ไมด่ ีเทา่ ที่ควร และทาํ ใหผ้ ลผลิตของไข่และลูกปลาลดลง จึงได้ มีการศึกษารูปแบบของกระชงั เพาะพนั ธุ์ปลานิลแบบใหม่ โดยใชอ้ วนตาถี่เฉพาะดา้ นล่างและดา้ น ที่รวบรวมลูกปลา ส่วนที่เหลือจะใชอ้ วนไนล่อนขนาดตา 1 นิ้ว เพ่ือช่วยในการถ่ายเทน้าํ พบว่า กระชงั ลกั ษณะดงั กล่าวน้ี ทาํ ใหผ้ ลผลิตดีข้ึนและลดการใชแ้ รงงานในการทาํ ความสะอาดกระชงั 5.3.3.2 การเตรียมพอ่ แมพ่ นั ธุ์ คดั เลือกพอ่ แม่พนั ธุ์ขนาด 150 ถึง 200 กรัม มาเล้ียง แยกระหวา่ งพอ่ และแมพ่ นั ธุ์ โดยใชก้ ระชงั ตาห่าง ขนาดกระชงั แลว้ แต่ความเหมาะสม โดยปล่อย เล้ียงในอตั รา 6 ถึง 7 ตวั ต่อตารางเมตร ใชเ้ วลาเล้ียง 20 ถึง 30 วนั ให้อาหารปลาดุกสาํ เร็จรูป นาํ พอ่ แม่พนั ธุ์ท่ีแยกเล้ียงไวม้ าปล่อยในกระชงั เพาะปลาเพอ่ื ใหป้ ลาผสมพนั ธุ์ โดยปล่อยพอ่ แม่พนั ธุ์ 2 ตวั ต่อตารางเมตร ในอตั ราส่วนแม่ปลาต่อพ่อปลา 2 ต่อ 1 หรือ 3 ต่อ 2 ให้อาหารสําเร็จรูป เช่น เดียวกบั ขณะท่ีเล้ียงพอ่ แม่พนั ธุ์ 5.3.3.3 การรวบรวมไขป่ ลา หลงั จากการปล่อยพอ่ แม่พนั ธุ์ผสมพนั ธุ์ในกระชงั 7 วนั สามารถรวบรวมไข่จากปากแม่พนั ธุ์ โดยรวบรวมปลาท้งั หมดใหม้ าอยดู่ า้ นใดดา้ นหน่ึงของกระชงั แล้วใช้สวิงตกั ข้ึนทีละตวั ถ้าเป็ นพ่อพนั ธุ์ให้นาํ กลบั ใส่กระชงั ถา้ เป็ นแม่พนั ธุ์ที่อมไข่อยู่ ให้จบั แม่ปลาเปิ ดปากออกแลว้ ใชส้ วิงผา้ โอล่อนรองรับไข่จากปากแม่พนั ธุ์ แลว้ นาํ ไข่ไปฟักในกรวยฟักไข่ จะทาํ การรวบรวมไข่ไดท้ ุกๆ 7 วนั นาํ แม่พนั ธุ์ที่ออกไข่แลว้ กลบั ไปเล้ียงแยกเพศ แลว้ นาํ แม่พนั ธุ์ ชุดใหมม่ าแทน ส่วนพอ่ พนั ธุ์จะเปล่ียนท้งั ชุดสลบั ชุดละ 14 วนั 5.4 การฟักไข่ปลานิล หลงั จากการรวบรวมไข่จากปากแม่ปลา จะนาํ ไข่มาฟักในกรวยฟักไข่ ที่ประยุกต์ข้ึนมา เพ่ือให้เหมาะกบั ลกั ษณะของไข่ปลานิล เป็ นระบบฟักไข่ท่ีควบคุมระดบั น้าํ ให้สามารถหมุนเวียน ผ่านไข่ตลอดเวลา เพ่ือป้องกนั ไข่ท่ีนาํ มาฟักจมลงที่ก้นกรวยฟักไข่ ปัจจุบนั กรวยฟักไข่มีการ ดดั แปลงมาจากวสั ดุ หลายประเภท เช่น ขวดน้าํ อดั ลมขนาด 2 ลิตร กรวยจราจร และขวดน้าํ ขนาด 20 ลิตร เป็นตน้ ไข่ปลานิลแยกได้ 5 ระยะ ดงั น้ี ระยะท่ี 1 เป็นไข่ที่ไม่มีการพฒั นาการใหเ้ ห็น ไข่มีสีเหลืองออ่ นตลอดท้งั ฟอง (ภาพท่ี 5.21) ระยะท่ี 2 เป็ นไข่ที่มีการพฒั นาจนสังเกตเห็นจุดดาํ บริเวณรอบ ๆ ไข่ และเห็นการพฒั นา ของตาเป็นจุดดาํ 2 จุดชดั เจน สีของไข่เร่ิมเป็นสีน้าํ ตาล (ภาพท่ี 5.21) ระยะท่ี 3 เป็นไขท่ ่ีมีการพฒั นาจนสังเกตเห็นส่วนตาและหางชดั เจน สีของไข่เป็ นสีน้าํ ตาล แต่ยงั ไมเ่ คลื่อนไหว (ภาพท่ี 5.21) ระยะท่ี 4 เป็นลูกปลาท่ีฟักออกเป็นตวั แลว้ แต่ถุงไขแ่ ดงยงั ไม่ยุบ สีเขม้ กวา่ ระยะท่ี 3 เริ่มมี การเคลื่อนไหว (ภาพท่ี 5.21) 135

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ระยะท่ี 5 เป็ นลูกปลาที่ฟักออกเป็ นตวั แล้ว ถุงไข่แดงยุบแล้ว และสามารถว่ายน้าํ ได้ (ภาพที่ 5.21) ก. ระยะท่ี 1 ข. ระยะที่ 2 ค. ระยะที่ 3 ง. ระยะท่ี 4 จ. ระยะท่ี 5 ภาพที่ 5.21 ลกั ษณะไข่ปลานิล ทม่ี า : ธาฎา (2556) 136

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 5.5 การอนุบาลลูกปลานิล การอนุบาลลูกปลานิลส่วนใหญ่จะแบ่งการอนุบาลออกเป็ น 2 ระยะ ตามขนาดของลูก ปลา ดงั น้ี 5.5.1 การอนุบาลลูกปลาต้งั แตแ่ รกเกิดจนมีขนาด 1 นิ้ว ลูกปลาในระยะน้ีจะตอ้ งเอาใจใส่ ในการดูแลเป็ นอย่างดี อาหารที่ใช้อนุบาลลูกปลาในระยะน้ี คือ รําผสมปลาป่ น ในอตั ราส่วน 1 ต่อ 3 หรืออาหารกุง้ เบอร์ 1 โดยใหว้ นั ละ 3 ม้ือ ใชเ้ วลาในการอนุบาลประมาณ 30 วนั ก็จะได้ ลูกปลาขนาดความยาว 1 นิ้ว ลูกปลาระยะน้ีจะนิยมอนุบาลในบ่อซีเมนต์และในกระชงั โดยมี รายละเอียดดงั น้ี 5.5.1.1 การอนุบาลลูกปลานิลในบอ่ ซีเมนต์ ลกั ษณะของบ่อจะเป็ นบ่อสี่เหล่ียมหรือ บอ่ กลมก็ได้ ควรมีขนาดต้งั แต่ 10 ตารางเมตรข้ึนไป มีความลึก 1 เมตร ปล่อยลูกปลาประมาณ 300 ตวั ต่อตารางเมตร (อุดม, 2552) โดยจะตอ้ งมีเครื่องเพ่ิมอากาศและเปลี่ยนถ่ายน้าํ ประมาณ คร่ึงบ่อสัปดาห์ละคร้ัง 5.5.1.2 การอนุบาลลูกปลานิลในกระชัง ปัจจุบนั จะนิยมมาก เน่ืองจากสามารถ ควบคุมดูแลรักษาง่าย และเคลื่อนยา้ ยได้ แต่ก็มีขอ้ จาํ กดั เกี่ยวกบั คุณภาพน้าํ ของบ่อหรือลาํ คลองท่ี วางกระชังน้ันจะต้องดีตลอดเวลา หากวางกระชังในบ่อจะต้องสามารถถ่ายเทน้ําได้ หรือมี เคร่ืองเพ่ิมอากาศ ลกั ษณะของกระชงั จะทาํ ดว้ ยอวนมุง้ ไนล่อนสีฟ้า ขนาดท่ีเหมาะสมประมาณ 3 x 3 x 2 เมตร โดยปล่อยลูกปลานิล 300 ถึง 500 ตวั ต่อตารางเมตร (อุดม, 2552) จะปล่อยมาก หรือนอ้ ยข้ึนอยกู่ บั คุณภาพน้าํ ในบอ่ หรือแม่น้าํ ลาํ คลองที่วางกระชงั 5.5.2 การอนุบาลลูกปลาต้งั แต่ขนาด 1 นิ้ว ถึงขนาด 4 ถึง 5 นิ้ว เป็ นการอนุบาลลูกปลา ต่อเนื่องจากที่อนุบาลในบ่อซีเมนต์หรือในกระชงั ลกั ษณะบ่อดินท่ีใช้อนุบาลควรมีขนาดต้งั แต่ 200 ตารางเมตร จนถึงขนาด 1 ไร่ บอ่ ท่ีใชอ้ นุบาลลูกปลาจะตอ้ งมีการเตรียมบ่ออยา่ งดี จะปล่อย ลูกปลาประมาณ 25 ถึง 30 ตวั ต่อตารางเมตร หากปล่อยหนาแน่นจะตอ้ งมีเครื่องเพิ่มอากาศ สาํ หรับอาหารท่ีใชอ้ นุบาลระยะแรกจะใหอ้ าหารปลาดุกเล็กพิเศษ (อาหารเม็ดจิ๋ว) อนุบาลจนได้ ลูกปลาขนาดประมาณ 2 นิ้ว จึงเปล่ียนอาหารเป็ นอาหารปลาดุกเล็ก อนุบาลจนไดล้ ูกปลาขนาด ประมาณ 4 ถึง 5 นิ้ว กส็ ามารถจบั จาํ หน่ายได้ โดยใชเ้ วลาในการอนุบาลประมาณ 45 ถึง 60 วนั 5.6 การผลติ อาหารแปลงเพศปลานิล เม่ือลูกปลานิลเร่ิมฟัก อวยั วะสืบพนั ธุ์ยงั ไมพ่ ฒั นาเป็นเพศผหู้ รือเพศเมีย อวยั วะสืบพนั ธุ์จะ เริ่มพฒั นาเม่ือถุงไข่แดงยุบจนถึงอายุประมาณ 3 ถึง 4 สัปดาห์ ช่วงน้ีเป็ นช่วงท่ีเหมาะสมท่ีจะเริ่ม ให้กินอาหารผสมฮอร์โมน การแปลงเพศปลานิลจากตัวเมียเป็ นตัวผู้ทําได้โดยใช้ฮอร์โมน 137

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 17 alpha methyltestosterone 60 มิลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ในน้าํ ท่ีมีอาหารธรรมชาติ และ 40 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ในน้าํ ท่ีไม่มีอาหารธรรมชาติ มีข้นั ตอนการผลิตดงั น้ี 5.6.1 เตรียมอาหารและอุปกรณ์ เช่น อาหารกุง้ เบอร์ 1 หรือ รํา 1 ส่วน ผสมปลาป่ น 3 ส่วน เครื่องชงั่ กระบอกตวง แอทธิลแอลกอฮอล์ เป็นตน้ (ภาพที่ 5.22) ภาพที่ 5.22 อาหารและอุปกรณ์ในการผลิตอาหารแปลงเพศปลานิล ทม่ี า : ธาฎา (2556) 5.6.2 เตรียมสารละลายฮอร์โมน (stock solution) โดยใชฮ้ อร์โมน 17 alpha methyltestosterone 500 มิลลิกรัมผสมกบั แอทธิลแอลกอฮอล์ 1 ลิตร คนให้เขา้ กนั เก็บไวใ้ นขวดสีชาแช่ในตูเ้ ย็น สามารถเกบ็ ไวไ้ ดน้ าน (ภาพที่ 5.23) ภาพที่ 5.23 การเตรียมสารละลายฮอร์โมน ทมี่ า : ธาฎา (2556) 138

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 5.6.3 การเจือจางฮอร์โมน นาํ สารละลายฮอร์โมน 500 มิลลิกรัมต่อลิตร เจือจางให้ได้ ความเขม้ ขน้ ตามท่ีตอ้ งการ คือ ใชฮ้ อร์โมน 60 มิลลิกรัมตอ่ อาหาร 1 กิโลกรัม ฮอร์โมน 500 มิลลิกรัม อยใู่ นสารละลาย 1,000 มิลลิลิตร ฮอร์โมน 60 มิลลิกรัม อยใู่ นสารละลาย 60 x 1,000 มิลลิลิตร 500 มิลลิลิตร = 120 5.6.4 การผสมฮอร์โมนกับอาหาร นําสารละลายฮอร์โมน 120 มิลลิลิตร ผสมกับ แอทธิลแอลกอฮอร์ 120 มิลลิลิตร จะได้สารละลาย 240 มิลลิลิตร ซ่ึงถือว่าเป็ นปริมาณ สารละลายที่เหมาะสมต่อการผสมอาหาร 1 กิโลกรัม นาํ สารละลายฮอร์โมนดงั กล่าวใส่ขวด สเปรย์ แลว้ ฉีดสเปรยล์ งบนอาหารผสมคลุกเคลา้ ให้เขา้ กนั (ภาพท่ี 5.24) แลว้ นาํ อาหารไปผ่ึงลม 6 ถึง 10 ชวั่ โมง (ภาพที่ 5.25) ภาพที่ 5.24 การผสมอาหารกบั ฮอร์โมน ทม่ี า : ธาฎา (2556) ภาพท่ี 5.25 การผ่งึ ลมอาหารที่ผสมฮอร์โมนเสร็จแลว้ ทมี่ า : ธาฎา (2556) 139

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 5.6.5 อตั ราการปล่อย และการให้อาหาร นาํ ลูกปลานิลท่ีฟักเป็ นตวั แลว้ ลงอนุบาลใน กระชงั ขนาด 2 x 5 x 0.9 เมตร โดยผกู กระชงั ให้จมอยใู่ นน้าํ ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ใส่ลูก ปลาประมาณ 10,000 ถึง 15,000 ตวั ต่อกระชงั ใหอ้ าหารผสมฮอร์โมนวนั ละ 5 คร้ัง โดยสัปดาห์ แรกให้อาหาร 30 เปอร์เซ็นตต์ ่อน้าํ หนกั ตวั ต่อวนั สัปดาห์ท่ี 2 ให้อาหาร 20 เปอร์เซ็นตต์ ่อ น้าํ หนกั ตวั ต่อวนั และสัปดาห์ที่ 3 ให้อาหาร 15 เปอร์เซ็นตต์ ่อน้าํ หนกั ตวั ต่อวนั ใชเ้ วลาในการ ใหอ้ าหารแปลงเพศ 21 วนั 5.6.6 ความสาํ เร็จในการแปลงเพศ ข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ดงั ตอ่ ไปน้ี 5.6.6.1 คุณภาพปลา ลูกปลาท่ีใชใ้ นการแปลงเพศควรใชล้ ูกปลาท่ีถุงไข่แดงเพิ่งยุบ มีอายุเท่ากนั ควรเป็ นลูกปลาที่ไดจ้ าการนาํ ไข่จากแม่ปลามาฟักดว้ ยกรวยฟักไข่เท่าน้นั เน่ืองจาก ทราบอายุลูกปลา ไม่ควรใช้ลูกปลาท่ีชอ้ นจากบ่อหรือกระชงั อนุบาลมาแปลงเพศ เน่ืองจากไม่ ทราบอายทุ ่ีแน่นอน ซ่ึงจะทาํ ใหเ้ ปอร์เซ็นตก์ ารแปลงเพศต่าํ 5.6.6.2 คุณภาพอาหาร ลูกปลาที่เริ่มกินอาหารมีขนาดเล็กประมาณ 0.5 เซนติเมตร ปากก็เล็ก ดงั น้ันอาหารท่ีใช้ควรจะตอ้ งมีขนาดเล็กตามไปด้วย คือจะตอ้ งร่อนอาหารก่อนนาํ มา ผสมฮอร์โมนถือวา่ มีความสาํ คญั มาก 5.6.6.3 อตั ราและความถ่ีในการให้อาหาร ควรให้อาหารลูกปลาแปลงเพศบ่อยๆ อยา่ งนอ้ ยวนั ละ 5 คร้ัง ใหท้ ุกวนั และตรงเวลา 5.6.6.4 ความหนาแน่นของลูกปลา ความหนาแน่นที่เหมาะสมสําหรับเปอร์เซ็นต์ การแปลงเพศในกระชงั คือ 12 ตวั ต่อน้าํ 1 ลิตร ถา้ ปล่อยลูกปลานอ้ ยไปลูกปลาจะไม่ค่อยแยง่ กินอาหาร เนื่องจากลูกปลามีนิสยั ในการรวมฝงู ถา้ ปล่อยมากไปจะไดร้ ับอาหารไม่ทว่ั ถึง 6. การเพาะและอนุบาลปลากะพงขาว ปลากะพงขาว มีช่ือสามญั วา่ giant perch หรือ white sea bass มีช่ือวทิ ยาศาสตร์วา่ Lates calcarifer (Bloch) เป็ นปลาน้าํ กร่อยที่มีขนาดใหญ่ท่ีสุด เจริญเติบโตไดด้ ีในน้าํ กร่อยและ น้าํ จืด จดั เป็ นปลาสองน้าํ คือ ช่วงชีวิตของปลากะพงขาวจะมีการเคลื่อนยา้ ยไปมาระหวา่ งน้าํ จืด และน้าํ เคม็ ปลาชนิดน้ีเล้ียงกนั แพร่หลายในเขตจงั หวดั ชายทะเลของประเทศไทย เน่ืองจาก เล้ียง ง่าย โตเร็ว เน้ือมีรสชาติดี และมีราคาแพง ปัจจุบนั ประเทศไทยสามารถเพาะปลากะพงขาวไดเ้ ป็ น จาํ นวนมากเพ่ือเล้ียงในประเทศ และส่งขายต่างประเทศ พบปลากะพงขาวแพร่กระจายอยู่ทุก จงั หวดั ตามชายฝั่งทะเลท้งั ในอ่าวไทย ทะเลอนั ดามนั และชุกชุมตามปากแม่น้าํ ลาํ คลอง และ ปากทะเลสาบ 140

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 6.1 ความแตกต่างระหว่างเพศ ปลากะพงขาวเป็ นปลาท่ีสังเกตความแตกต่างระหว่างเพศไดย้ าก แต่ก็สามารถจะสังเกต ความแตกตา่ งระหวา่ งเพศไดจ้ ากลกั ษณะภายนอกของตวั ปลา คือ ปลาเพศผจู้ ะมีลาํ ตวั ยาวเรียวกวา่ ปลาเพศเมีย ความกวา้ งของลาํ ตวั นอ้ ยกวา่ ปลาเพศเมีย และมีน้าํ หนกั นอ้ ยกวา่ ปลาเพศเมียที่มีขนาด ลาํ ตวั ยาวเท่ากนั ปลาเพศเมียน้นั เมื่อถึงฤดูวางไข่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกนั ยายน ส่วนทอ้ ง จะอวบเป่ ง สังเกตไดช้ ดั เจน หากเอามือกดที่ทอ้ งเบาๆ จะมีไข่ไหลออกมา 6.2 การเลยี้ งและการคัดเลือกปลาพ่อแม่พนั ธ์ุ ในการผลิตลูกปลาเพื่อการคา้ โดยส่วนมากแลว้ นิยมใช้ปลาพ่อแม่พนั ธุ์จากการเล้ียงไว้ ต้งั แต่ปลามีขนาดเล็ก เพราะพ่อแม่พนั ธุ์ที่รวบรวมจากแหล่งน้าํ ธรรมชาติมีปริมาณที่ไม่แน่นอน และไดร้ ับความกระทบกระเทือน บอบช้าํ ไมส่ ามารถที่จะนาํ มาเป็นพอ่ แมพ่ นั ธุ์ได้ 6.2.1 การเล้ียงพอ่ แมพ่ นั ธุ์ ลกั ษณะการเล้ียงมี 2 วธิ ีดว้ ยกนั คือ 6.2.1.1 การเล้ียงในกระชัง การรวบรวมพ่อแม่พนั ธุ์จากกระชังจะนิยมมาก เนื่องจากปลาท่ีเล้ียงในกระชงั มีความสมบูรณ์ โดยจะเริ่มเล้ียงปลาต้งั แต่ปลายงั มีขนาดเล็กๆ อยู่ จนปลามีขนาดที่สามารถจะนาํ มาเป็ นพ่อแม่พนั ธุ์ไดค้ ือ มีอายุ 2 ถึง 3 ปี มีน้าํ หนกั ต้งั แต่ 3 ถึง 5 กิโลกรัมข้ึนไป เม่ือรวบรวมได้แล้วจะนําพ่อแม่พนั ธุ์ไปเล้ียงต่อในบ่อเล้ียงพ่อแม่พนั ธุ์ใน โรงเพาะฟักอีกคร้ังหน่ึง เพือ่ ใหม้ ีน้าํ เช้ือและไขส่ มบูรณ์ยง่ิ ข้ึน 6.2.1.2 การเล้ียงในบ่อดิน ผทู้ าํ การเพาะฟักจะรวบรวมปลาจากเกษตรกรผเู้ ล้ียงปลา ในบ่อดิน โดยควรเลือกปลาที่เจริญเติบโตเร็วกว่าปลารุ่นเดียวกัน หรือเป็ นปลาท่ีจบั รุ่นแรกๆ ของบ่อ หลงั จากรวบรวมพอ่ แมพ่ นั ธุ์ไดแ้ ลว้ จะนาํ ไปเล้ียงตอ่ ในบ่อเล้ียงพ่อแม่พนั ธุ์ในโรงเพาะฟัก อีกคร้ังหน่ึง เพือ่ ใหม้ ีน้าํ เช้ือและไข่สมบูรณ์ยง่ิ ข้ึน 6.2.2 การคดั เลือกพ่อแม่พนั ธุ์ ลกั ษณะปลาพ่อแม่พนั ธุ์ที่เหมาะสมในการเพาะขยายพนั ธุ์ พ่อแม่พนั ธุ์ควรมีขนาดความยาวของลาํ ตวั ต้งั แต่ 50 เซนติเมตรข้ึนไป มีน้ําหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม ปลาที่มีขนาดดงั กล่าวน้ีจะมีอายตุ ้งั แต่ 2 ปี ข้ึนไป ส่วนแม่พนั ธุ์ควรมีขนาดใหญ่กวา่ ปลาเพศผู้ ควรมีน้ําหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ปลาขนาดดังกล่าวจะมีอายุต้ังแต่ 3 ปี ข้ึนไป นอกจากลกั ษณะดงั ที่กล่าวมาแลว้ พอ่ แมพ่ นั ธุ์ปลาควรมีลกั ษณะดงั น้ี 6.2.2.1 เป็นปลาท่ีมีความอุดมสมบูรณ์แขง็ แรงดี 6.2.2.2 มีส่วนประกอบตา่ งๆ ของร่างกายครบถว้ น 6.2.2.3 เป็นปลาท่ีปราศจากโรคและพยาธิเบียดเบียน 6.2.2.4 ลาํ ตวั ไมม่ ีบาดแผล หรืออวยั วะส่วนหน่ึงส่วนใดขาดหายไป 6.2.2.5 การเจริญและการเปลี่ยนแปลงของครีบตา่ งๆ เป็นไปตามปกติ 141

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 6.2.2.6 พอ่ แมพ่ นั ธุ์ควรมีอายทุ ่ีใกลเ้ คียงกนั หรือเทา่ กนั 6.3 การเพาะขยายพนั ธ์ุปลากะพงขาว ปลากะพงขาวนิยมเพาะขยายพนั ธุ์โดยวธิ ีเลียนแบบธรรมชาติ จากการศึกษาถึงปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติในช่วงเวลาที่ปลากะพงขาวทาํ การผสมพนั ธุ์กนั น้นั พบวา่ มีปัจจยั ต่างๆ ที่ช่วยให้ไข่ และน้าํ เช้ือมีการเจริญเติบโตจนถึงระดบั ท่ีทาํ ให้ปลามีการผสมพนั ธุ์และวางไข่ข้ึนในธรรมชาติ จึงไดน้ าํ พ้ืนฐานของความตอ้ งการน้นั มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนใ์ นการเพาะขยายพนั ธุ์ปลากะพงขาวให้ ผสมพนั ธุ์และวางไขใ่ นบ่อคอนกรีต 6.3.1 ปัจจยั พ้นื ฐานท่ีจาํ เป็นในการเพาะขยายพนั ธุ์ปลากะพงขาว 6.3.1.1 ปลากะพงขาวจะเคล่ือนที่จากบริเวณน้าํ กร่อยลงสู่ทะเลที่น้าํ มีความเค็มสูง กวา่ เพื่อทาํ การวางไข่ ในส่วนน้ีหมายถึงการเปล่ียนแปลงความเคม็ 6.3.1.2 ช่วงฤดูท่ีปลากะพงขาววางไข่น้นั เป็ นช่วงติดต่อระหวา่ งฤดูร้อนกบั ฤดูฝน นน่ั แสดงถึงอุณหภูมิมีผลต่อการเจริญเติบโตของรังไข่และความสมบูรณ์ของน้าํ เช้ือ รวมท้งั การ วางไขใ่ นช่วงน้ี ในส่วนน้ีหมายถึงช่วงเวลา 6.3.1.3 ปลากะพงขาวจะวางไข่ในช่วงข้ึน 15 ค่าํ ถึงแรม 7 ค่าํ หรือแรม 7 ค่าํ ถึง ข้ึน 7 ค่าํ (กองบรรณาธิการ สโมสรนิสิตคณะประมง, 2531 ) ช่วงเวลาดงั กล่าวน้ีระดบั น้าํ ทะเลจะ ลดลง ดงั น้ันแสดงว่าการข้ึนลงของกระแสน้ํามีผลต่อการผสมพนั ธุ์วางไข่ ในส่วนน้ีหมายถึง การข้ึนลงของน้าํ 6.3.2 การเพาะขยายพนั ธุ์ปลากะพงขาวโดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ จากปัจจยั ดงั กล่าวน้ีได้ นํามาเป็ นพ้ืนฐานในการปฏิบตั ิการเพาะขยายพนั ธุ์ปลากะพงขาวโดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ หลงั จากที่รวบรวมและคดั พอ่ แม่พนั ธุ์ปลากะพงขาวไดแ้ ลว้ นาํ พอ่ แม่พนั ธุ์ปลากะพงขาวมาปล่อย ลงบ่อเล้ียงในบ่อคอนกรีตในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกนั ยายน ปล่อยในอตั ราส่วนพอ่ พนั ธุ์ 1 ตวั ต่อแม่พนั ธุ์ 1 ตวั ในความหนาแน่น 1 ตวั ตอ่ น้าํ 2 ลูกบาศกเ์ มตร โดยควบคุมความเคม็ ของน้าํ ใหอ้ ยู่ ในระดบั ความเค็ม 20 ถึง 25 พีพีที และจะเพ่ิมความเค็มของน้าํ จนไดร้ ะดบั ความเค็มของน้าํ ทะเล ธรรมชาติ คือ 30 ถึง 32 พพี ที ี ในเวลา 15 วนั หลงั จากความเคม็ ไดร้ ะดบั แลว้ ใหส้ ังเกตอาการของ ปลาพอ่ แม่พนั ธุ์ ตามปกติแลว้ ปลาแม่พนั ธุ์ที่มีไข่ค่อนขา้ งแก่จะวา่ ยน้าํ เชื่องชา้ ก่อนการวางไข่น้นั ปลาแม่พนั ธุ์จะไม่กินอาหารและจะว่ายน้าํ แยกตวั ออกจากฝูง ส่วนปลาพ่อพนั ธุ์น้ันจะมีอาการ ตามปกติ เม่ือพบวา่ ปลามีอาการดงั กล่าว ให้ทาํ การลดระดบั น้าํ ในเวลาหวั ค่าํ ในช่วงข้ึน 15 ค่าํ ถึง แรม 7 ค่าํ หรือแรม 7 ค่าํ ถึงข้ึน 7 ค่าํ ประมาณ 30 เซนติเมตร เป็นเวลา 2 ถึง 3 ชว่ั โมง แลว้ เติมน้าํ ให้มีระดบั เท่าเดิม หากปลาที่เล้ียงไวม้ ีไข่แก่และน้าํ เช้ือสมบูรณ์ ปลาจะผสมพนั ธุ์กนั ในช่วงเวลา 19.00 ถึง 23.00 นาฬิกา โดยปลาแม่พนั ธุ์จะว่ายน้ําไปรอบๆ บ่อ ปลาพ่อพนั ธุ์จะว่ายน้ําตาม 142

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ตลอดเวลา ลักษณะอาการดังกล่าวน้ีแสดงว่าปลากะพงขาวจะเร่ิมทาํ การผสมพนั ธุ์ ในการ ผสมพนั ธุ์น้นั แม่พนั ธุ์จะปล่อยไข่ออกมา แลว้ ปลาพ่อพนั ธุ์จะวา่ ยน้าํ ตะแคงปล่อยน้าํ เช้ือใหผ้ สม กบั ไข่ เป็นเช่นน้ีจนไข่ที่สุกออกมาจนหมด ไข่ท่ีผสมแลว้ จะลอยข้ึนสู่ผวิ น้าํ ส่วนไข่ท่ีไม่ไดร้ ับการ ผสมจะจมลงสู่กน้ บ่อ ในปี หน่ึงๆ ปลาแม่พนั ธุ์สามารถวางไข่ไดห้ ลายคร้ัง โดยจะวางเป็ นช่วงๆ ช่วงละ 1 ถึง 7 คร้ัง 6.3.3 การรวบรวมและการฟักไข่ หลงั จากท่ีปลาผสมพนั ธุ์กนั แลว้ เชา้ ตรู่ของวนั รุ่งข้ึนควร ทาํ การรวบรวมไข่ก่อนท่ีไข่จะฟักออกเป็นตวั การรวบรวมไข่ปลากะพงขาว นิยมใชส้ วิงหรืออวน ที่ทาํ ดว้ ยผา้ ตาถ่ีชอ้ นไปตามผวิ น้าํ เนื่องจากไขข่ องปลากะพงขาวเป็นไขช่ นิดท่ีลอยน้าํ เพราะมีหยด น้าํ มนั ที่มีขนาดใหญส่ ามารถทาํ การรวบรวมไดโ้ ดยง่าย ไข่ปลากะพงขาวมีความเหนียวทนทานไม่ แตกสลายง่ายแมว้ า่ จะไดร้ ับความกระทบกระเทือนบา้ งพอสมควรก็ตาม ช่วงเวลาท่ีทาํ การรวบรวม ไข่ ควรจะหยดุ การใหอ้ ากาศ หรือจะทาํ การใหอ้ ากาศเฉพาะจุดก่ึงกลางบ่อเท่าน้นั เพ่ือให้ไข่ไดล้ อย เขา้ สู่ขา้ งบ่อ แลว้ ใช้สวิงที่ทาํ ดว้ ยผา้ ตาถ่ีๆ ช้อนไข่ใส่กะละมงั ท่ีบรรจุน้าํ เค็ม พยายามทาํ ให้เสร็จ เรียบร้อยก่อนที่ปลาจะฟักออกเป็ นตัว ซ่ึงตามปกติแล้วไข่ที่ได้รับการผสมจะมีวิวฒั นาการ จนกระทง่ั ฟักออกเป็ นตวั อ่อน ใชเ้ วลาประมาณ 15 ถึง 16 ชว่ั โมง หลงั จากที่รวบรวมไข่หมดแลว้ ใหน้ าํ ไขป่ ลาไปลา้ งดว้ ยยาเหลือง 5 พีพเี อม็ ลา้ งไข่นาน 1 นาที แลว้ จึงลา้ งดว้ ยน้าํ ทะเล ท่ีมีความ สะอาดอีกคร้ังหน่ึง หลงั จากลา้ งไข่ดว้ ยน้าํ ทะเลท่ีสะอาดแลว้ ให้นาํ ไข่ไปใส่ในบ่อเพาะฟักไข่ใน อตั ราส่วนไข่ 100 ฟองต่อน้าํ 1 ลิตร น้าํ ทะเลท่ีใชค้ วรเป็นน้าํ สะอาดและมีความเค็มใกลเ้ คียง หรือ เท่ากบั ความเคม็ ในบอ่ เพาะขยายพนั ธุ์ ความเคม็ ท่ีเหมาะสมน้นั จะอยรู่ ะหวา่ ง 28 ถึง 30 พีพีที ใส่น้าํ ให้มีระดบั ความลึก 1.0 ถึง 1.5 เมตร ปล่อยให้น้าํ หมุนเวยี นตลอดเวลา โดยปล่อยน้าํ เขา้ ทางดา้ น หน่ึง และมีทางออกอยู่อีกดา้ นหน่ึง ในส่วนท่ีเป็ นทางออกน้นั ควรมีตะแกรงตาถี่กนั มิให้ไข่หรือ ลูกปลาที่ฟักออกจากไข่หลุดรอดไปกบั น้าํ ได้ นอกจากน้ีควรจะเพิ่มอากาศใหก้ บั น้าํ อยู่ตลอดเวลา ไขท่ ี่ไดร้ ับการผสมจะฟักออกเป็นตวั ในเวลาต่อมา ลูกปลาท่ีฟักออกเป็นตวั ใหม่ๆ น้นั จะมีความยาว โดยประมาณ 1.5 มิลลิเมตร จะลอยเอาหัวข้ึน เม่ือพบวา่ ลูกปลาออกเป็ นตวั แลว้ ควรหยุดการให้ อากาศ แต่ควรให้น้าํ ไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา ในระยะเวลาดงั กล่าวน้ีควรดูดตะกอนซ่ึงส่วนใหญ่ แล้วจะเป็ นไข่ที่ไม่ไดร้ ับการผสม จะตกอยู่ที่พ้ืนบ่อ และยงั ไม่จาํ เป็ นตอ้ งให้อาหารกบั ลูกปลา เน่ืองจากลูกปลามีถุงไข่แดงท่ีติดอยู่บริเวณหน้าท้อง ซ่ึงเป็ นถุงเก็บอาหารท่ีติดมากับตัวปลา ลูกปลาจะใชอ้ าหารจากถุงไขแ่ ดงจนหมดแลว้ จึงจะเร่ิมกินอาหาร ซ่ึงจะใชเ้ วลาประมาณ 3 วนั นบั แต่ปลาฟักจากไข่เป็ นตวั ก่อนจะถึงวนั ท่ี 3 ซ่ึงเป็ นวนั ที่ถุงไข่แดงยบุ หมดแลว้ ควรทาํ การยา้ ยลูก ปลาลงบ่ออนุบาล เพอื่ ทาํ การอนุบาลตอ่ ไป 143

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ 6.4 การอนุบาลลูกปลากะพงขาว หลงั จากลูกปลาฟักออกเป็ นตวั หมดแลว้ จะยา้ ยลูกปลาจากบ่อฟักไข่มาลงในบ่ออนุบาล เพ่อื ทาํ การอนุบาลตอ่ ในการอนุบาลลูกปลากะพงขาวจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดงั น้ี 6.4.1 การอนุบาลในระยะแรก เริ่มจากการอนุบาลลูกปลาท่ีฟักออกจากไข่จนกรทงั่ ลูกปลา มีอายุ 1 เดือน ลูกปลาในระยะน้ีจะมีความอ่อนแอมาก จะตอ้ งดูแลอยา่ งดี ให้อาหารอยา่ งเพียงพอ และหม่นั คัดขนาด (ภาพท่ี 5.26) ซ่ึงจะมีผลต่ออัตราการรอดของลูกปลา โดยมีรายละเอียด ดงั ต่อไปน้ี ภาพที่ 5.26 การคดั ขนาดปลากะพงขาว ทม่ี า : ธาฎา (2556) 6.4.1.1 บ่ออนุบาล ควรเป็ นบ่อคอนกรีต เน่ืองจากสามารถที่จะสังเกตและดูแล รักษาสภาพต่างๆ ได้เป็ นอย่างดี ขนาดไม่ควรใหญ่หรือเล็กจนเกินไป โดยทว่ั ไปนิยมใช้บ่อ ส่ีเหล่ียมผืนผา้ มีความกวา้ งประมาณ 3 ถึง 5 เมตร ความยาวประมาณ 4 ถึง 6 เมตร มีความลึก ประมาณ 1 ถึง 1.5 เมตร ควรมีหลงั คาคลุม สามารถกนั แดดกนั ฝนได้ มีแสงแดดส่องถึงไดบ้ า้ ง มี ท่อระบาย น้าํ ออก มีเครื่องให้อากาศ เพราะลูกปลาในระยะน้ีจะตอ้ งใหอ้ ากาศตลอดเวลา การให้ อากาศจะช่วยให้น้าํ มีคุณภาพดีและเหมาะสม น้าํ ที่ใชอ้ นุบาลควรมีความเค็มอยู่ในช่วง 30 ถึง 31 พีพีที อุณหภูมิอยใู่ นช่วง 25 ถึง 28 องศาเซลเซียส 6.4.1.2 อตั ราการปล่อย ลูกปลาท่ีฟักออกเป็ นตวั ใหม่ๆ จะนาํ มาใส่ในบ่ออนุบาล อตั ราการปล่อยน้ันจะอยู่ในช่วง 50 ถึง 100 ตวั ต่อน้ํา 1 ลิตร (ตารางที่ 5.4) ท้งั น้ีจะข้ึนอยู่กับ สภาพแวดลอ้ ม ถา้ ควบคุมให้มีสภาพเหมาะสมไดด้ ี ก็สามารถปล่อยหนาแน่นได้ แต่ถา้ ควบคุม สภาพแวดลอ้ มต่างๆ ไดไ้ ม่ดี กไ็ มค่ วรปล่อยหนาแน่น เพราะจะทาํ ใหอ้ ตั ราการรอดต่าํ 144

บทท่ี 5 การเพาะและอนุบาลปลาที่มีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ตารางท่ี 5.4 ความหนาแน่นและอตั ราการรอดของลูกปลากะพงขาวตามอายตุ า่ งๆ อายุ (วนั ) ความหนาแน่นของลูกปลา (ตวั /ปริมาณน้าํ 1 ตนั ) อตั ราการรอด (%) 1-7 60,000 - 100,000 37.23 8 - 15 15,000 - 20,000 80.91 16 - 23 5,000 - 10,000 70.05 24 - 30 2,000 - 5,000 85.33 ทมี่ า : สุจินต์ และคณะ (2524) 6.4.1.3 คุณสมบตั ิของน้าํ น้าํ ท่ีใช้ในการอนุบาลลูกปลาควรเป็ นน้าํ ที่สะอาด มี บ่อพกั น้าํ ก่อนนํามาใช้ในบ่ออนุบาลควรกรองด้วยผา้ กรองตาถ่ี เพ่ือป้องกันสิ่งเจือปนอื่นๆ โดยเฉพาะไข่ของสัตวน์ ้าํ ท่ีอาจติดมากบั น้าํ จะกลายเป็ นศตั รูท่ีน่ากลวั ของลูกปลาวยั อ่อน สาํ หรับ ความเคม็ ของน้าํ ในตอนเร่ิมปล่อยลูกปลาลงบ่ออนุบาลในตอนแรก ควรอยูท่ ี่ 28 ถึง 30 พีพีที และ เนื่องจากปลากะพงขาวเป็นปลาน้าํ กร่อย ดงั น้นั ในการอนุบาลลูกปลาจะทาํ การลดความเคม็ ลงเป็ น ประจาํ ทุกวนั ๆ ละ 1 ถึง 2 พีพีที จนไดค้ วามเค็ม 15 ถึง 20 พีพีที จึงหยุดลดความเค็ม ส่วนดา้ น การรักษาความสะอาดในบ่อจะมีการเปลี่ยนถ่ายน้าํ ทุกวนั ๆ ละ 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นตข์ องปริมาตรน้าํ ในบ่อ การเปลี่ยนน้าํ จะทาํ ควบคูไ่ ปกบั การดูดตะกอนโดยวธิ ีกาลกั น้าํ 6.4.1.4 อาหารและการใหอ้ าหาร ปลากะพงขาวจะเร่ิมกินอาหารเม่ืออายุเขา้ สู่วนั ที่ 3 อาหารที่ใช้อนุบาลลูกปลากะพงขาวอายุ 1 ถึง 30 วนั ส่วนใหญ่เป็ นพวกไรน้าํ ท่ีมีชีวิต การให้ อาหารจะใหก้ ่อนที่ปลาจะเริ่มกินอาหาร อาหารท่ีให้จะตอ้ งมีปริมาณท่ีมากพอและต่อเนื่อง เพราะ การเตรียมอาหารสําหรับลูกปลากะพงขาวตอ้ งใชเ้ วลา ดงั น้นั จึงตอ้ งทราบวา่ จะให้อาหารชนิดใด เมื่อลูกปลาขนาดไหน อายุเท่าไร ควรเร่ิมทาํ การเตรียมอาหารต้งั แต่เมื่อไร เพื่อจะไดใ้ ชอ้ าหาร น้นั ๆ ทนั เวลา และเพียงพอกบั ความตอ้ งการ ถา้ สามารถเตรียมอาหารใหท้ นั เวลา และเพียงพอกบั ปริมาณลูกปลาที่อนุบาลแล้ว ลูกปลาจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และการให้อาหารที่มีชีวิต จะเป็ นผลดีต่อระบบน้าํ ในบ่ออนุบาล โดยไม่ทาํ ให้สภาพน้าํ เสียเร็ว อาหารท่ีให้ลูกปลาจะกล่าว ตามชนิดและระยะเวลาการใหด้ งั น้ี 1) คลอเรลลา จดั เป็ นแพลงกต์ อนพืชที่มีขนาดเล็กมาก คลอเรลลาท่ีใส่ลง ในบ่ออนุบาลจะเป็ นอาหารสําหรับให้ลูกปลาและโรติเฟอร์กินเป็ นอาหาร (โรติเฟอร์ที่เหลือจาก ลูกปลากิน) ทาํ ให้โรติเฟอร์ส่วนท่ีเหลือสามารถขยายพนั ธุ์ในบ่ออนุบาล เพื่อเป็ นอาหารลูกปลา 145

บทที่ 5 การเพาะและอนุบาลปลาท่ีมีความสาํ คญั ทางเศรษฐกิจ ในคราวต่อไป นอกจากน้นั การใส่คลอเรลลาลงในบ่ออนุบาล จะเป็ นการช่วยบดบงั แสงให้แก่ ลูกปลา และช่วยกาํ จดั ของเสียบางอยา่ งที่ละลายอยใู่ นน้าํ เป็นการช่วยปรับปรุงคุณภาพน้าํ ใหอ้ ยใู่ น สภาพดีดว้ ย โดยจะใหค้ ลอเรลลาต้งั แตอ่ ายุ 2 ถึง 10 วนั 2) โรติเฟอร์ เป็ นไรน้าํ ท่ีมีขนาดเล็กกินแพลงก์ตอนพืชเป็ นอาหาร เช่น คลอเรลลา เป็ นตน้ การใหโ้ รติเฟอร์แก่ปลาน้นั จะใชถ้ ุงแพลงก์ตอนเก็บรวบรวมโรติเฟอร์จากบ่อ เพาะโรติเฟอร์ แลว้ นาํ โรติเฟอร์ใส่ในบ่ออนุบาลลูกปลาให้เพียงพอประมาณ 5 ถึง 10 ตวั ต่อน้าํ 1 มิลลิลิตร เพ่ือลูกปลาจะได้กินอยู่ตลอด ปกติจะให้โรติเฟอร์เป็ นอาหารต้งั แต่ลูกปลาเริ่มกิน อาหารคือต้งั แตอ่ ายุ 3 วนั จนลูกปลามีอายไุ ด้ 14 วนั ก็หยดุ ให้โรติเฟอร์ การเพาะโรติเฟอร์น้นั จะ เริ่มจากการเพาะคลอเรลลาจนไดน้ ้าํ สีเขียว แล้วนาํ โรติเฟอร์ใส่ลงในอตั ราส่วนท่ีเท่าๆ กนั เพ่ือ ขยายโรติเฟอร์ พอวนั รุ่งข้ึนก็สามารถนาํ โรติเฟอร์ไปใหล้ ูกปลาได้ การรวบรวมโรติเฟอร์จะเหลือ ไวส้ ่วนหน่ึงเพื่อเป็ นหัวเช้ือต่อ แล้วใส่คลอเรลลาลงไปในบ่อเพาะโรติเฟอร์เพื่อเป็ นอาหารให้ โรติเฟอร์ ทาํ เช่นน้ีทุกวนั กจ็ ะมีโรติเฟอร์ใชต้ ลอดไป 3) อาร์ทีเมีย เร่ิมใหอ้ าร์ทีเมียแก่ลูกปลา เมื่อลูกปลาอายไุ ด้ 8 วนั เพราะจะ มีลูกปลาท่ีโตเร็วจะเร่ิมกินอาร์ทีเมียได้ จะให้อาร์ทีเมียจนกวา่ ลูกปลาจะกินเน้ือปลาบดได้ จึงหยดุ ใหอ้ าร์ทีเมียหรือเม่ือลูกปลามีอายไุ ด้ 20 วนั การเพาะอาร์ทีเมีย จะเร่ิมจากการลา้ งทาํ ความสะอาด แลว้ แช่ในน้าํ จืดประมาณ 30 ถึง 60 นาที เพ่ือให้เปลือกไข่พอง แลว้ นาํ มาใส่ถงั เพาะอาร์ทีเมียใน น้าํ ทะเลท่ีสะอาด ซ่ึงอาร์ทีเมียแต่ละสายพนั ธุ์จะเพาะในน้าํ ท่ีมีความเคม็ ต่างๆ กนั แต่โดยปกติจะ อยู่ในช่วง 15 ถึง 30 พีพีที โดยใช้ไข่อาร์ทีเมีย 3 ถึง 5 กรัมต่อน้ําทะเล 1 ลิตร ให้อากาศ ตลอดเวลา จะฟักออกเป็ นตวั ใช้เวลาประมาณ 24 ถึง 30 ชั่วโมง หลังจากน้ันทาํ การคดั แยก ระหวา่ งเปลือกไขก่ บั ตวั อาร์ทีเมีย แลว้ นาํ อาร์ทีเมียไปเป็นอาหารของลูกปลากะพงขาวต่อไป 4) ไรแดง เป็ นไรน้าํ จืดท่ีสามารถจะเพาะเตรียมข้ึนเองได้ แต่ในการให้ ไรแดงเป็ นอาหารแก่ลูกปลา จะตอ้ งคาํ นึงถึงความเค็มของน้าํ ในบ่ออนุบาล ปกติระยะท่ีให้ไรแดง ความเค็มของน้าํ จะอยทู่ ่ีระดบั 10 ถึง 15 พีพีที ความเค็มระดบั ดงั กล่าวไรแดงจะตายภายในเวลา 15 ถึง 20 นาที ลูกปลาจะไดก้ ินไรแดงก่อนที่ไรแดงจะตาย เพ่ือป้องกนั ปัญหาเรื่องอาหารเหลือ ซ่ึงก่อให้เกิดปัญหาน้าํ เสียได้ โดยทวั่ ไปแลว้ จะให้ไรแดงแก่ลูกปลาเมื่ออายุ 15 วนั ข้ึนไป การให้ ไรแดงจะเป็นอาหารท่ีใชท้ ดแทนอาร์ทีเมีย เพราะอาร์ทีเมียมีราคาสูง และบางคร้ังก็ขาดตลาด การ ให้ไรแดงแก่ลูกปลามีขอ้ ควรระวงั ในกรณีที่รวบรวมไรแดงมาจากแหล่งน้าํ เสีย เนื่องจากไรแดง ชอบเกิดในแหล่งน้าํ สกปรก ก่อนให้อาหารแก่ลูกปลาจึงควรทาํ การลา้ งดว้ ยด่างทบั ทิมเสียก่อน โดยใชส้ วงิ ตาถี่ชอ้ นเอาไรแดงนาํ ไปลา้ งในถงั ที่มีด่างทบั ทิมละลายอยู่ โดยใชค้ วามเขม้ ขน้ ประมาณ 5 พีพีเอ็ม ล้างนาน 2 ถึง 3 นาที แล้วล้างด้วยน้ําสะอาดอีกคร้ังก่อนท่ีจะนาํ ไปให้ลูกปลากิน 146


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook