Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสังคมใหม่ 2564

หลักสูตรสังคมใหม่ 2564

Description: หลักสูตรสังคมใหม่ 2564

Search

Read the Text Version

96 สุข 2 ความสบาย ความสาราญ มี 2 อยา่ ง ไดแ้ ก่ 1. กายิกสุข สขุ ทางกาย 2. เจตสกิ สุข สขุ ทางใจ อกี หมวด หนึ่งมี 2 คอื 1. สามิสสขุ สขุ องิ อามิส คือ อาศยั กามคณุ 2. นิรามสิ สขุ สขุ ไมอ่ งิ อามสิ คอื องิ เนกขัม มะ (พ.ศ. หนา้ 343) ศรัทธำ ความเช่ือ ความเชื่อถอื ความเชื่อมน่ั ในส่ิงที่ดงี าม (พ.ศ. หน้า 290) ศรทั ธำ 4 ความเชื่อท่ปี ระกอบด้วยเหตผุ ล 4 ประการคือ 1. กัมมสทั ธา (เช่ือกรรม เชือ่ ว่ากรรมมีอยจู่ รงิ คอื เชอ่ื วา่ เม่อื ทาอะไรโดยมีเจตนา คือ จงใจทาทัง้ ทร่ี ู้ ย่อมเป็นกรรม คอื เปน็ ความชัว่ ความดี มีข้ึนในตน เป็นเหตุปจั จยั ก่อให้เกดิ ผลดีผลรา้ ยสบื เน่อื งต่อไป การกระทาไม่ว่างเปล่า และเช่ือว่าผล ท่ตี ้องการจะ สาเร็จได้ด้วยการกระทา มิใช่ด้วยอ้อนวอนหรือนอนคอยโชค เป็นต้น 2. วิปากสัทธา (เช่ือวิบาก เชื่อ ผลของกรรม เช่ือว่าผลของกรรมมีจริง คือ เช่ือว่ากรรมที่สาเร็จต้องมีผล และผลต้อง มีเหตุ ผลดีเกิด จากกรรมดี และผลช่ัวเกดิ จากกรรมช่ัว 3. กัมมสั สกตาสทั ธา (ความเชื่อทส่ี ตั ว์มีกรรมเปน็ ของตน เช่ือ ว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของจะต้องรับผิดชอบเสวยวิบากเป็นไปตามกรรมของตน 4. ตถาคตโพธิสัทธา (เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มัน่ ใจในองค์พระตถาคตว่าทรงเปน็ พระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณ ทงั้ 9 ประการ ตรัสธรรม บัญญัตวิ ินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผูน้ าทางทแ่ี สดงให้เห็นว่ามนุษย์ คอื เราทุกคนนี้ หากฝึกตนดว้ ยดกี ็สามารถเขา้ ถงึ ภูมิธรรมสงู สุด บริสุทธิ์หลุดพ้นได้ดังทพี่ ระองค์ได้ทรงบาเพญ็ ไว้ (พ.ธ. หน้า 164) สงเครำะห์ การช่วยเหลือ การเอ้ือเฟอื้ เกือ้ กลู (พ.ศ. หนา้ 228) สังคหวัตถุ 4 เร่ืองสงเคราะห์กัน คุณธรรมเป็นเคร่ืองยึดเหนี่ยวใจของผู้อ่ืนไว้ได้ หลักการสงเคราะห์ คือ ช่วยเหลือกันยึดเหน่ียวใจกันไว้ และเป็นเครื่องเกาะกุมประสานโลก ได้แก่ สังคมแห่งหมู่สัตว์ไว้ ดุจ สลักเกาะยึดรถท่ีกาลังแล่นไปให้คงเป็นรถ และวิ่งแล่นไปได้มี 4 อย่างคือ 1. ทาน การแบ่งปัน เอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่กัน 2. ปิยวาจา พูดจาน่ารัก น่านิยมนับถือ 3. อัตถจริยา บาเพ็ญประโยชน์ 4.สมานัตตนา ความมีตนเสมอ คือ ทาตัวให้เข้ากันได้ เช่น ไม่ถือตัว ร่วมสุข ร่วมทุกข์กัน เป็นต้น (พ.ศ. หน้า 310) สัมมัตตะ ความเป็นถูก ภาวะที่ถูก มี 10 อย่าง 8 ข้อต้น ตรงกับองค์มรรคท้ัง 8 ข้อ เพิ่ม 2 ข้อท้าย คือ 9. สัมมาญาณ รู้ชอบได้แก่ผลญาณ และปัจจเวกขณญาณ 10. สัมมาวิมุตติ พ้นชอบได้แก่ อรหัตตผลวิมุตติ; เรียกอีกอย่าง อเสขธรรม 10 (พ.ศ. หน้า 329) สุจริต 3 ความประพฤติดี ประพฤติชอบตามคลองธรรม มี 3 คือ 1. กายสุจริต ประพฤติชอบทางกาย 2. วจสี จุ ริต ประพฤตชิ อบทางวาจา 3. มโนสจุ รติ ประพฤตชิ อบทางใจ (พ.ศ. หนา้ 345) หิริ ความละอายตอ่ การทาชั่ว (พ.ศ. หน้า 355) อกศุ ลกรรมบถ 10 ทางแหง่ อกุศลกรรม ทางความชัว่ กรรมชัว่ อันเปน็ ทางนาไปสู่ความเสื่อม ความทกุ ข์ หรือ ทุคติ 1. ปาณาติบาต การทาชีวิตให้ตกล่วง 2. อทินนาทาน การถือเอาของท่ีเขามิได้ให้ โดยอาการ ขโมย ลกั ทรัพย์ 3. กาเมสมุ ิจฉาจาร ความประพฤติผิดทางกาม 4. มุสาวาท การพดู เท็จ 5. ปสิ ณุ วาจา วาจาส่อเสียด 6. ผรุสวาจา วาจาหยาบ 7. สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ 8. อภิชฌา เพ่งเล็ง อยากไดข้ องเขา 9. พยาบาท คิดรา้ ยผอู้ ืน่ 10. มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิดจากคลองธรรม หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

97 (พ.ธ. หนา้ 279, 309) อกุศลมูล 3 รากเหง้าของอกุศล ต้นตอของความชั่ว มี 3 คือ 1. โลภะ (ความอยากได้) 2. โทสะ (ความคิด ประทษุ รา้ ย) 3. โมหะ (ความหลง) 8 (พ.ธ. หนา้ 89) อคติ 4 ฐานะอันไม่พงึ ถึง ทางความประพฤตทิ ผี่ ิด ความไมเ่ ท่ียงธรรม ความลาเอยี ง มี 4 อยา่ งคอื 1. ฉันทาคติ (ลาเอียงเพราะชอบ) 2. โทสาคติ (ลาเอียงเพราะชัง) 3. โมหาคติ (ลาเอียงเพราะหลง พลาดผิดเพราะเขลา) 4. ภยาคติ (ลาเอยี งเพราะกลวั ) (พ.ธ. หนา้ 174) อนตั ตำ ไมใ่ ช่อตั ตา ไม่ใช่ตวั ตน (พ.ศ. หน้า 366) อบำยมุข ช่องทางของความเสื่อม เหตุเครื่องฉิบหาย เหตุย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ ทางแห่งความพินาศ (พ.ศ. หนา้ 377) อบำยมุข 4 1. อิตถีธุตตะ (เป็นนักเลงหญิง นักเที่ยวผู้หญิง) 2. สุราธุตตะ (เป็นนักเลงสุรา นักด่ืม) 3. อกั ขธุตตะ (เป็นนกั การพนนั ) 4. ปาปมติ ตะ (คบคนช่ัว) (พ.ศ. หนา้ 377) อบำยมุข 6 1. ติดสุราและของมึนเมา 1.1 ทรัพย์หมดไป ๆ เห็นชัด ๆ 1.2 ก่อการทะเลาะวิวาท 1.3 เปน็ บอ่ เกดิ แห่งโรค 1.4 เสียเกยี รติ เสียช่ือเสียง 1.5 ทาให้ไมร่ ้อู าย 1.6 ทอนกาลงั ปญั ญา 2. ชอบเทีย่ วกลางคืน มโี ทษ 6 อย่างคอื 2.1 ชอื่ ว่าไม่รกั ษาตน 2.2 ชือ่ ว่าไม่รกั ษาลูกเมยี 2.3 ชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ 2.4 เป็นท่ีระแวงสงสัย 2.5 เป็นเป้าให้เขาใส่ความหรือข่าวลือ 2.6 เป็นท่ีมาของเร่ืองเดือดร้อนเป็นอันมาก 3. ชอบเท่ียวดูการละเล่น มีโทษ โดยการงานเส่ือมเสีย เพราะมีใจกังวลคอยคิดจ้อง กับเสียเวลาเมื่อไปดูส่ิงนั้น ๆ ทั้ง 6 กรณี คือ 3.1 ราที่ไหนไปที่น่ัน 3.2 – 3.3 ขับรอ้ ง ดนตรี เสภา เพลงเถดิ เทงิ ท่ไี หนไปทนี่ นั่ 4. ตดิ การพนัน มีโทษ 6 คอื 4.1 เม่ือชนะย่อมก่อเวร 4.2 เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์ที่เสียไป 4.3 ทรัพย์หมดไป ๆ เห็นชัด ๆ 4.4 เข้าที่ประชุมเขาไม่เช่ือถือถ้อยคา 4.5 เป็นที่หมิ่นประมาทของเพ่ือนฝูง 4.6 ไม่เป็นที่พึง ประสงคข์ องผู้ทจ่ี ะหาคู่ครองใหล้ ูกของเขา เพราะเห็นว่าจะเล้ยี งลูกเมียไม่ได้ 5. คบคนชั่ว มโี ทษโดย นาให้กลายเป็นคนช่ัวอย่างที่ตนคบท้ัง 6 ประเภท คือ ได้เพื่อนที่จะนาให้กลายเปน็ 5.1 นักการพนัน 5.2 นักเลงหญิง 5.3 นักเลงเหล้า 5.4 นักลวงของปลอม 5.5 นักหลอกลวง 5.6 นักเลงหัวไม้ 6. เกียจคร้านการงาน มีโทษโดยทาให้ยกเหตุต่าง ๆ เป็นข้ออ้างผิดเพ้ียน ไม่ทาการงานโภคะใหม่ก็ไม่ เกิด โภคะท่ีมีอยู่ก็หมดสิ้นไป คือ ให้อ้างไปทั้ง 6 กรณีว่า 6.1 – 6.6 หนาวนัก ร้อนนัก เย็นไปแลว้ ยังเช้านัก หิวนกั อ่ิมนัก แล้วไมท่ าการงาน (พ.ธ. หนา้ 176 – 178) อปริหำนิยธรรม 7 ธรรมอันไม่เป็นท่ีต้ังแห่งความเสื่อม เป็นไปเพื่อความเจริญฝ่ายเดียวมี 7 ประการ ได้แก่ 1. หมัน่ ประชุมกนั เนืองนิตย์ 2. พร้อมเพรียงกันประชุม พรอ้ มเพรียงกนั เลิกประชุม พรอ้ มเพรียงกัน ทากิจกรรมท่ีพึงทา 3. ไม่บัญญัติสิ่งท่ีมิได้บัญญัติไว้ (อันขัดต่อหลักการเดิม) 4. ท่านเหล่าใดเป็น ผู้ใหญ่ ควรเคารพนับถือท่านเหล่านั้น 5. บรรดากุลสตรี กุลกุมารีท้ังหลาย ให้อยู่ดีโดยมิถูก ข่มเหง หรือฉุดคร่า ขืนใจ 6. เคารพสักการบูชา เจดีย์หรืออนุสาวรีย์ประจาชาติ 7. จัดให้ความอารักขา คุ้มครอง ป้องกันอันชอบธรรมแก่พระอรหันต์ท้ังหลาย (รวมถึงพระภิกษุ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบด้วย) (พ.ธ. หน้า 246 – 247) หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

98 อธิปไตย 3 ความเปน็ ใหญ่ มี 3 อยา่ ง คอื 1. อตั ตาธิปไตย ความมีตนเปน็ ใหญ่ ถือตนเปน็ ใหญ่ กระทาการ ด้วยปรารภตนเป็นประมาณ 2. โลกาธิปไตย ความมีโลกเป็นใหญ่ ถือโลกเป็นใหญ่ กระทาการด้วย ปรารภนิยมของโลกเป็นประมาณ 3. ธัมมาธิปไตย ความมีธรรมเป็นใหญ่ ถือธรรมเป็นใหญ่, กระทา การด้วยปรารภความถกู ตอ้ ง เปน็ จรงิ สมควรตามธรรมเปน็ ประมาณ (พ.ธ. หน้า 127-128) อริยสัจ 4 ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ ความจริงที่ทาให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นอริยะมี 4 คือ 1. ทุกข์ (ความทกุ ข์ สภาพทท่ี นไดย้ าก สภาวะท่บี ีบค้ัน ขัดแยง้ บกพร่อง ขาดแกน่ สารและความเที่ยง แท้ ไม่ให้ความพึงพอใจแท้จริง ได้แก่ ชาติ ชรา มรณะ การประจวบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัด พรากจากส่ิงท่ีรัก ความปรารถนาไม่สมหวัง โดยย่อว่า อุปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์ 2. ทุกขสมุทัย (เหตุเกิดแห่งทุกข์ สาเหตุให้ทุกข์เกิด ได้แก่ ตัณหา 3 คือ กามตัณหา ภวตัณหา และ วิภวตัณหา) กาจัดอวิชชา สารอกตัณหา ส้ินแล้ว ไม่ถูกย้อม ไม่ติดขัด หลุดพ้น สงบ ปลอดโปร่ง เป็นอิสระ คือ นิพพาน) 3. ทุกขนิโรธ (ความดับทุกข์ ได้แก่ ภาวะที่ตัณหาดับสิ้นไป ภาวะท่ีเข้าถึงเมื่อกาจัดอวชิ ชา สารอกตณั หาส้ินแลว้ ไมถ่ ูกย้อม ไม่ตดิ ข้อง หลดุ พ้น สงบ เปน็ อสิ ระ คือ นพิ พาน) 4. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (ปฏิปทาที่นาไปสู่ความดับแห่งทุกข์ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่ อริยอัฏฐังคิกมรรค หรือเรียกอีกอย่างหนงึ่ ว่า มัชฌิมปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลาง มรรคมีองค์ 8 นี้ สรุปลงในไตรสกิ ขา คอื ศลี สมาธิ ปญั ญา) (พ.ธ. หน้า 181) อริยอัฏฐคิกมรรค ทางสายกลาง มรรคมีองค์ 8 (ศีล สมาธิ ปัญญา) (พ.ธ. หน้า 165) อัญญำณุเบกขำ เป็นอุเบกขาฝ่ายวิบัติ หมายถึง ความไม่รู้เร่ือง เฉยไม่รู้เร่ือง เฉยโง่ เฉยเมย (พ.ธ. หน้า 126) อัตตำ ตัวตน อาตมัน ปุถุชนย่อมยึดม่ันมองเห็นขันธ์ 5 อย่างใดอย่างหน่ึง หรือท้ังหมดเป็นอัตตา หรือยึดถือ ว่ามอี ตั ตา เน่อื งดว้ ยขนั ธ์ (พ.ศ. หนา้ 398) อตั ถะ เรื่องราว ความหมาย ความมงุ่ หมาย ประโยชน์ มี 2 ระดับ คอื 1. ทฏิ ฐิธัมมิกตั ถะ ประโยชนใ์ นชีวิตนี้ หรือประโยชนใ์ นปัจจุบัน เปน็ ทีม่ งุ่ หมายกันในโลกนี้ ไดแ้ ก่ ลาภ ยศ สขุ สรรเสริญ รวมถงึ การแสวงหา สิ่งเหล่านี้มาโดยทางท่ีชอบธรรม 2. สัมปรายิกัตถะ ประโยชน์เบอ้ื งหน้า หรือประโยชน์ที่ล้าลึกกว่าท่ี จะมองเห็นกันเฉพาะหน้า เป็นจุดหมายข้ันสูงข้ึนไป เป็นหลักประกันชีวิตเม่ือละจากโลกน้ีไป 3. ปรมตั ถะ ประโยชนส์ ูงสดุ หรือประโยชน์ทเี่ ป็นสาระแท้จริงของชีวิตเปน็ จุดหมายสูงสุดหรือทีห่ มายขั้น สุดท้าย คือ พระนพิ พาน อกี ประการหน่ึง หมายถงึ 1. อัตตัตถะ ประโยชน์ตน 2. ปรัตถะ ประโยชน์ ผู้อ่ืน 3. อุภยัตถะ ประโยชนท์ ้งั สองฝา่ ย (พ.ธ. หนา้ 131 – 132) อำยตนะ ท่ีต่อ เครื่องติดต่อ แดนต่อความรู้ เคร่ืองรู้ และสิ่งท่ีถูกรู้ เช่น ตาเป็นเครื่องรู้ รูปเป็น สิ่งที่รู้ หูเป็นเครอื่ งรู้ เสียงเปน็ ส่งทรี่ ู้ เปน็ ต้น จัดเปน็ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. อาตนะภายใน 6 อายตนะภายนอก 6 2. อายตนะภายนอก หมายถงึ เครอ่ื งต่อภายนอก สง่ิ ทีถ่ กู รู้ มี 6 คือ หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

99 2.1 รปู คอื รูป 2.2 สัททะ คอื เสียง 2.3 คนั ธะ คอื กลิน่ 2.4 รส คือ รส 2.5 โผฏฐัพพะ คือ ส่ิงตอ้ งกาย 2.6 ธมั มะ หมายถงึ ธรรมารมย์ คือ อารมณท์ ี่เกิดกับใจ หรอื สงิ่ ทใ่ี จรู้ อารมณ์ 6 กเ็ รยี ก (พ.ศ. หน้า 411) อำยตนะภำยใน เคร่ืองต่อภายใน เคร่อื งรับรู้ มี 6 คือ 1. จกั ขุ คือ ตา 2. โสตะ คอื หู 3. ฆานะ คอื จมูก 4. ชิวหา คือ ล้นิ 5. กาย คอื กาย 6. มโน คอื อนิ ทรีย์ 6 กเ็ รยี ก (พ.ศ.หนา้ 411) อริยวัฑฒิ 5 ความเจริญอย่างประเสริฐ หลักความเจริญของอารยชน มี 5 คือ 1. ศรัทธา ความเชื่อ ความ มั่นใจในพระรัตนตรัย ในหลักแห่งความจริง ความดีอันมีเหตุผล 2.ศีลความประพฤติดี มีวินัย เล้ียง ชีพสุจริต 3. สุตะ การเล่าเรียน สดับฟัง ศึกษาหาความรู้ 4. จาคะ การเผื่อแผ่เสียสละ เอ้ือเฟื้อ มนี ้าใจชว่ ยเหลอื ใจกวา้ ง พรอ้ มทีจ่ ะรบั ฟังและร่วมมือ ไมค่ ับแคบ เอาแตต่ ัว 5. ปญั ญา ความรอบรู้ รคู้ ิด รู้พิจารณา เข้าใจเหตุผล รูจ้ ักโลกและชวี ติ ตามความเปน็ จรงิ (พ.ธ. หน้า 213) อิทธิบำท 4 คุณเคร่ืองให้ถึงความสาเร็จ คุณธรรมที่นาไปสู่ความสาเร็จแห่งผลที่มุ่งหมาย มี 4 ประการ คือ 1. ฉนั ทะ ความพอใจ คอื ความตอ้ งการทจี่ ะทาใฝใ่ จรกั จะทาสิ่งนัน้ อยเู่ สมอแลว้ ปรารถนาจะทา ให้ ได้ผลดียิ่ง ๆ ข้ึนไป 2. วิริยะ ความเพียร คือ ขยันหม่ันประกอบส่ิงน้ันด้วยความพยายาม เข้มแข็ง อดทน เอาธรุ ะไม่ท้อถอย 3. จติ ตะ ความคดิ คอื ตั้งจติ รบั รใู้ นส่ิงทที่ าและทาสิ่งนน้ั ดว้ ยความคดิ เอา จิตฝักใฝ่ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอย 4. วิมังสา ความไตร่ตรอง หรือทดลอง คือ หม่ันใช้ปัญญา พิจารณา ใคร่ครวญ ตรวจตราหาเหตุผล และตรวจสอบข้อย่ิงหย่อนในส่ิงท่ีทานั้น มีการวางแผน วดั ผลคดิ คน้ วิธีแกไ้ ขปรับปรุง ตวั อย่างเช่น ผทู้ างานท่ัว ๆ ไปอาจจาสน้ั ๆ ว่า รักงาน สงู้ าน ใส่ใจงาน และทางานด้วยปญั ญา เป็นต้น (พ.ธ. หนา้ 186-187) อุบำสกธรรม 7 ธรรมท่ีเป็นไปเพ่ือความเจริญของอุบาสก 1. ไม่ขาดการเย่ียมเยือนพบปะพระภิกษุ 2. ไม่ละเลยการฟังธรรม 3. ศึกษาในอธิศีล 4. มีความเลื่อมใสอย่างมากในพระภิกษุทุกระดับ 5. ไมฟ่ ังธรรมด้วยต้งั ใจจะคอยเพง่ โทษตเิ ตยี น 6. ไม่แสวงหาบุญนอกหลักคาสอนในพระพุทธศาสนา 7. ก ร ะ ท า ก า ร ส นั บ ส นุ น คื อ ข ว น ข ว า ย ใ น ก า ร อุ ป ถั ม ภ์ บ า รุ ง พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า (พ.ธ. หน้า 219 – 220) อุบำสกธรรม 5 สมบัติของอุบาสก 5 คือ 1. มีศรัทธรา 2. มีศีลบริสุทธิ์ 3. ไม่ถือมงคลต่ืนข่าว เชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคลคอื มุ่งหวังผลจากการกระทา และการงานมใิ ชจ่ ากโชคลาภ และสงิ่ ทีต่ น่ื กันวา่ ขลังศกั ดสิ์ ิทธ์ิ 4. ไม่แสวงหาเขตบุญนอกหลักพระพุทธศาสนา 5. ขวนขวายในการอุปถัมภ์บารุงพระพุทธศาสนา (พ.ศ. หนา้ 300) อุบำสกธรรม 7 ผใู้ กลช้ ดิ พระศาสนาอย่างแทจ้ รงิ ควรตงั้ ตนอยใู่ นธรรมท่เี ป็นไปเพอ่ื ความเจรญิ ของอบุ าสก มี 7 ประการ ได้แก่ 1. ไม่ขาดการเยยี่ มเยือนพบปะพระภิกษุ 2. ไม่ละเลยการฟงั ธรรม 3. ศกึ ษาใน อธิศีล คอื ฝึกอบรมตนใหก้ า้ วหนา้ ในการปฏบิ ตั ิรกั ษาศลี ขน้ั สูงข้นึ ไป 4. พรงั่ พร้อมดว้ ยความเลอ่ื มใส ในพระภิกษุท้ังหลายทงั้ ทเี่ ปน็ เถระ นวกะ และปูนกลาง หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

100 5. ฟังธรรมโดยความตั้งใจ มิใช่ มาจับผิด 6. ไม่แสวงหาทักขิไณยภายนอก หลักคาสอนน้ี คือ ไม่แสวงหาเขตบุญนอกหลักพระพุทธศาสนา 7. กระทาความสนับสนุนในพระพุทธศาสนานี้ คือ เอา ใจใสท่ านุบารงุ และชว่ ยกจิ กรรม (ธรรมนูญชวี ติ , หนา้ 70 – 70) อุเบกขำ มี 2 ความหมายคือ 1. ความวางใจเป็นกลาง ไม่เองเอียงด้วยชอบหรือชัง ความวางใจเฉยได้ ไม่ยินดียินร้าย เมื่อใช้ปัญญาพิจารณาเห็นผลอันเกิดขึ้นโดยสมควรแก่เหตแุ ละรู้วา่ พึงปฏิบัตติ ่อไปตาม ธรรม หรอื ตามควรแกเ่ หตุน้ัน 2. ความร้สู กึ เฉย ๆ ไมส่ ขุ ไม่ทุกข์ เรียกเต็มว่าอเุ บกขาเวทนา (อทุกขม สขุ ) (พ.ศ. หน้า 426 – 427) อุปำทำน 4 ความยึดม่ัน ความถือมั่นด้วยอานาจกิเลส ความยึดติดอันเนื่องมาแต่ตัณหา ผูกพันเอาตัวตน เป็นท่ีตั้ง 1. กามุปาทาน ความยึดมั่นในกาม คือ รูป เสียง กล่ิน รส โผฏฐัพพะที่น่าใคร่ น่าพอใจ 2. ทิฏฐุปาทาน ความยึดม่ันในทิฏฐิหรือทฤษฎี คือ ความเห็น ลัทธิ หรือหลักคาสอนต่าง ๆ 3. สีลัพพตุปาทาน ความยึดม่ันในศีลและพรต คือ หลักความประพฤติ ข้อปฏิบัติ แบบแผน ระเบียบ วิธี ขนบธรรมเนียมประเพณี ลัทธิพิธีต่าง ๆ กัน ไปอย่างงมงายหรือโดยนิยมว่าขลังว่าศักด์ิสิทธิ์ มิได้ เป็นไปด้วยความรู้ ความเข้าใจตามหลักความสัมพันธ์แหง่ เหตุและผล 4. อัตตาวาทุปาทาน ความยึด มั่นในวาทะว่าตัวตน คือ ความถือหรือสาคัญ หมายอยู่ในภายในว่ามีตัวตน ท่ีจะได้ จะมี จะเป็น จะ สูญสลาย ถูกบีบค้ัน ทาลายหรือเป็นเจ้าของ เป็นนายบังคับบัญชาสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่มองเห็นสภาวะของ สิ่งท้ังปวง อันรวมทั้งตัวตนว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่ประชุมประกอบกันเข้า เป็นไปตามเหตุปัจจัยท้ังหลาย ทม่ี าสมั พนั ธ์กนั ล้วน ๆ (พ.ธ. หนา้ 187) อุปนิสัย 4 ธรรมท่ีพึ่งพิง หรือธรรมช่วยอุดหนุน 1. สงฺขาเยก ปฏิเสวติ พิจารณาแล้วจึงใช้สอยปัจจัย 4 คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช เป็นต้น ที่จาเป็นจะต้องเกี่ยวข้องและมีประโยชน์ 2. สงฺขาเยก อธิวาเสติ พิจารณาแล้วอดกล้ันได้แก่ อนิฏฐารมณ์ ต่าง ๆ มีหนาวร้อน และทุกขเวทนา เป็นต้น 3. สงฺขาเยก ปริวชฺเชติ พิจารณาส่ิงที่เป็นโทษ ก่ออันตรายแก่ร่างกาย และจิตใจแล้ว หลีกเว้น 4. สงฺขาเยก ปฏวิ ิโนเทติ พิจารณาส่ิงทเ่ี ป็นโทษ ก่ออันตรายเกิดขึน้ แล้ว เช่น อกศุ ลวิตก มี กามวิตก พยาบาทวิตก และวิหิงสาวิตก และความชั่วร้ายทั้งหลายแล้วพิจารณาแก้ไข บาบัดหรือขจดั ใหส้ น้ิ ไป (พ.ธ. หนา้ 179) โอตตัปปะ ความเกรงกลวั ตอ่ ความช่วั (พ.ศ. หนา้ 439) โอวำท คากล่าวสอน คาแนะนา คาตักเตือน โอวาทของพระพุทธเจ้า 3 คือ 1. เว้นจากทุจริต คือ ประพฤติ ชัว่ ด้วยกาย วาจา ใจ (ไม่ทาช่วั ทงั้ ปวง) 2.ประกอบสุจริต คือ ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ (ทาแต่ ความดี) 3. ทาใจของตนให้หมดจดจากเคร่ืองเศร้าหมอง โลภ โกรธ หลง เป็นต้น (ทาจิตของตนให้ สะอาดบริสทุ ธิ์) (พ.ศ. หน้า 440) สงั คมศำสตร์ การศึกษาความสมั พนั ธข์ องมนษุ ย์ โดยใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษำ การเรยี นรเู้ พ่อื พัฒนาตนใหอ้ ย่รู ่วมในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพ คุณธรรม (virtue) และจริยธรรรม (moral or morality or ethics) คุณธรรม หมายถึง สภาพคุณงาม ความดี หลกั สตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

101 จริยธรรมมีความหมายเช่นเดียวกับศีลธรรม หมายถึง ธรรมท่ีเป็นข้อประพฤติกรรมปฏิบัติความ ประพฤติหรือหนา้ ท่ีทชี่ อบ ที่ควรปฏบิ ัตใิ นการครองชวี ติ ดังนัน้ คุณธรรมจริยธรรม จึงหมายถึง สภาพ คุณงามความดีที่ประพฤติปฏิบัติหรือหน้าท่ีที่ควรปฏิบัติในการครองชีวิต หรือคุณธรรมตามกรอบ จรยิ ธรรม ส่วนศลี ธรรมและจริยธรรม มีความหมายใกล้เคียงกัน คณุ ธรรมจะมีความหมาย ท่ีเน้น สภาพ ลักษณะ หรือคุณสมบัติที่แสดงออกถึงความดีงาม ส่วนจริยธรรม มีความหมายเน้นที่ ความ ประพฤตหิ รือการปฏิบัติทีด่ ีงาม เปน็ ทีย่ อมรับของสังคม นกั วิชาการมกั ใชค้ าทง้ั สองคานี้ในความหมาย นัยเดียวกันและมักใช้คาสองคาดังกล่าวควบคู่กนั ไป เปน็ คาว่า คุณธรรมจริยธรรม ซงึ่ รวมความหมาย ของคุณธรรมและจริยธรรม นั่นคือมีความหมายเน้นทั้งสภาพ ลักษณะหรือคุณสมบัติ และความ ประพฤติอันดีงาม เป็นที่ยอมรับของสังคม (โครงการเร่งสร้างคุณลักษณะที่ดีของเด็กและเยาวชนไทย ศนู ย์คณุ ธรรม หนา้ 11 -12) กำรเมือง ความรูเ้ กีย่ วกบั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างอานาจในการจดั ระเบยี บสังคมเพ่ือประโยชน์และความ สงบ สุขของสังคม มีความสัมพันธ์ต่อกันโดยรวมท้ังหมดในส่วนหน่ึงของชีวิตในพ้ืนที่หนึ่งท่ีเกี่ยวข้องกับ อานาจ อานาจชอบธรรม หรอื อทิ ธิพล และมคี วามสามารถในการดาเนินการได้ ขอ้ มูล สิ่งท่ีได้รับรูแ้ ละยงั ไมม่ กี ารจดั ประมวลใหเ้ ป็นระบบ เมอ่ื จดั ระบบแล้วเรยี กวา่ สารสนเทศ คำ่ นิยม การกาหนดคุณคา่ และพฒั นาจนเปน็ บุคลกิ ภาพประจาตวั คณุ คำ่ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ เช่น ความดี ความงาม ความดีเปน็ คุณค่าของจรยิ ธรรม ความงามเปน็ คุณค่า ทางสุนทรียศาสตร์ สิ่งที่ตอบสนองความต้องการได้เป็นส่ิงท่ีมีคุณค่า คุณค่าเป็นส่ิงเปลี่ยนแปลงได้ คณุ ค่าเปลย่ี นไปไดต้ ามเวลา และคุณคา่ มกั เปล่ียนแปลงไปตามววิ ัฒนาการของความเจรญิ บทบำท การกระทาทสี่ ังคมคาดหวงั ตามสถานภาพที่บุคคลครองอยู่ หน้ำที่ เป็นความรับผิดชอบทางศลี ธรรมของปัจเจกชนซง่ึ สังคมยอมรับ สถำนภำพ ตาแหนง่ ที่แต่ละคนครองอยใู่ นสถานทหี่ น่งึ ในช่วงเวลาหนงึ่ บรรทัดฐำน ข้อตกลงของสังคมที่กาหนดให้สมาชิกประพฤติ ปฏิบัติ บางทีเรียกปทัสถาน สามารถใช้บรรทัด ฐานของสงั คม (social norms) เป็นมาตรฐานความประพฤติในทางจริยธรรมได้ ซึง่ แยกออกเป็น ก. วิถีประชา (folkways) ได้แก่ แบบแผนพฤติกรรมในชีวิตประจาวันท่ีสังคมยอมรับ และได้ ประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมา มักเกี่ยวข้องกับเร่ืองการดาเนินชีวิต และในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรม จะไม่มกี ฎเกณฑเ์ คร่งครดั แน่นอนตายตวั ข. กฎศีลธรรมหรือจารีต (mores) เป็นมาตรฐานความประพฤติของสังคมที่มีการกาหนด เกี่ยวกับจริยธรรมที่เข้มข้ึน ในกรณีมีผู้ฝ่าฝืนอาจมีการลงโทษ แม้ว่าในบางครั้งจะไม่มีการเขียนไว้เปน็ ลายลักษณอ์ ักษรก็ตาม เช่น การลวนลามสตรใี นชนบท ต้องลงโทษดว้ ยการเสยี ผี ค. กฎหมาย (law) เป็นมาตรฐานความประพฤติท่ีรัฐกาหนดให้สมาชิกของรัฐพึงปฏิบัติหรือละ เวน้ การปฏิบัติ และกาหนดวิธกี ารปฏบิ ตั กิ ารลงโทษสาหรับผฝู้ า่ ฝนื สทิ ธิ ข้อเรียกรอ้ งของปจั เจกชนซ่งึ สงั คมยอมรับ สิทธทิ ำงศีลธรรม เป็นขอ้ เรียกรอ้ งทางศีลธรรมของปจั เจกชนซ่งึ สังคมยอมรบั ประเพณี เป็นความประพฤติของคนหมู่หน่ึง อยู่ในท่ีแห่งหน่ึง ถือเป็นแบบแผนกันมาอย่างเดียวกันและ สืบกนั มานาน ประเพณี คอื กจิ กรรมที่มีรูปแบบของชมุ ชนหรอื สังคมหนง่ึ ท่ีจัดขึ้นมาดว้ ยจดุ ประสงค์ หลักสตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

102 ใด จดุ ประสงคห์ น่งึ และกาหนดการจัดกจิ กรรมในช่วงเวลาแน่นอนสมา่ เสมอ กจิ กรรมที่เป็นประเพณี อาจมองได้อกี ประการหน่งึ วา่ เปน็ แบบแผนการปฏบิ ตั ิของกลมุ่ เฉพาะ หรือ ทางศาสนา ปฏิญญำสำกลว่ำด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights sinv UDHR) คือการ ประกาศเจตนารมณ์ ในการร่วมมือระหว่างประเทศท่ีมีความสาคัญในการวางกรอบเบื้องต้นเกี่ยวกับ สิทธิมนุษยชนและเป็นเอกสารหลักด้านสิทธิมนุษยชนฉบับแรก ซึ่งที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่ง สหประชาชาติ ใหก้ ารรับรองตามข้อมติท่ี 217 A (III) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2491 โดยประเทศไทย ออกเสียงสนบั สนุน วัฒนธรรม และภูมิปัญญำไทย เป็นการศึกษา วิเคราะห์เกี่ยวกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาในเรื่องเกี่ยวกับ ความเป็นมา ปัจจัยพื้นฐานและผลกระทบจากภายนอกที่มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทย รวมท้ังวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของมนุษยชาติโลก ความสาคัญ และผลกระทบท่ีมีอทิ ธิพลตอ่ การดาเนนิ ชีวติ ของคนไทยและมนษุ ยชาติ ตง้ั แต่อดตี ถึงปจั จุบนั สัมมำชีพ การประกอบอาชีพสุจริตและเหมาะสมในสงั คม ประสิทธิภำพ ความสามารถในการทางานจนสาเร็จ หรือผลการกระทาท่ีได้ผลออกมาดีกว่าเดิม รวมทั้ง การใช้ทรัพยากรต่างๆ อย่างคุ้มค่า โดยไม่ให้เกิดความสูญเปล่าหรือความสูญเสีย ทรัพยากรต่างๆ พจิ ารณาไดจ้ ากเวลา แรงงาน วัตถุดิบ เคร่อื งจักร ปรมิ าณและคุณภาพ ฯลฯ ประสทิ ธิผล ระดับความสาเรจ็ ของวตั ถุประสงค์ หรอื ผลสาเร็จของงาน สินค้ำ หมายความว่าสิ่งของท่ีสามารถซ้ือขาย แลกเปลี่ยน หรือโอนกันได้ ไม่ว่าจะเกิดโดยธรรมชาตหิ รือเป็น ผลิตผลทางการเกษตร รวมตลอดถึงผลิตภณั ฑ์ทางหัตถกรรมและอตุ สาหกรรม ภูมิปัญญำ ส่วนหนึ่งของประเพณี หรือเป็นกิจกรรมเฉพาะตัวก็ได้ เช่น พิธีถวายสังฆทาน พิธีบวชนาค พธิ บี วชลกู แก้ว พธิ ีขอฝน พธิ ีไหว้ครู พิธแี ต่งงาน มนุษยชำติ การเกดิ เป็นมนษุ ย์มาจาก มนุษย์ = ผู้มีจติ ใจสูง กับชาติ = เกดิ โดยปกติหมายถงึ มนุษย์ มรรยำท พฤตกิ รรมทสี่ ังคมกาหนดว่าควรประพฤติเปน็ วัฒนธรรม วัดจากความเหมาะสมและไมเ่ หมาะสม ระบบ การนาสว่ นตา่ ง ๆ มาปรับเรียงต่อใหท้ างานประสานต่อเนอ่ื งกันจนดเู ปน็ สิ่งเดยี วกัน กระบวนกำร กรรมวิธีหรือลาดบั การกระทาซงึ่ ดาเนนิ การต่อเน่ืองกนั ไปจนสาเร็จลง ณ ระดบั หนึง่ วิเครำะห์ การแยกแยะใหเ้ หน็ คณุ ลักษณะของแต่ละองคป์ ระกอบ เศรษฐกิจ ความรู้เก่ียวกับการกิน การอยู่ของมนุษย์ในสังคม ว่าด้วยทรัพยากรท่ีมีจากัดการผลิต การกระจายผลผลติ และการบรโิ ภค สหกรณ์ แปลว่าการทางานร่วมกัน การทางานร่วมกันนี้ลึกซึ้งมาก เพราะว่าต้องร่วมมือกันในทุกด้าน ท้ังใน ด้านงานที่ทาด้วยร่างกาย ทั้งในด้านงานที่ทาด้วยสมอง และงานการท่ีทาด้วยใจ ทุกอย่างน้ีขาดไม่ได้ ต้องพร้อม (พระราชดารัสพระราชทานแก่ผ้นู าสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคมและสหกรณป์ ระมงท่ัว ประเทศ ณ ศาลาดสุ ติ ดาลยั 11 พฤษภาคม 2526) ทรัพย์สินทำงปัญญำ หมายถึง ผลงานอันเกิดจากการประดิษฐ์คิดค้น หรือสร้างสรรค์ของมนุษย์ ซ่ึงเน้นที่ ผลผลิตของสติปัญญาและความชานาญ โดยไม่คานึงถึงชนิด ของการสร้างสรรค์หรือวิธีในการ แสดงออก ทรัพย์สินทางปัญญา อาจเป็นส่ิงที่จับต้องได้ เช่นสินค้า ต่าง ๆ หรือ เป็นส่ิงที่จับต้องไม่ได้ หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

103 เช่น บริการ แนวความคิด กรรมวิธีและทฤษฎีต่าง ๆ เป็นต้น ทรัพย์สินทางปัญญามี 2 ประเภท ท รั พ ย์ สิ น ท า ง อุ ต ส า ห ก ร ร ม ( Industrial property) แ ล ะ ลิ ข สิ ท ธิ์ ( Copyright) 1. ทรัพย์สินทำงอุตสำหกรรม มีสิทธิบัตร แบบผังภูมิของวงจรรวม เครื่องหมายการค้า ความลับ ทางการค้า ช่ือทางการค้า สิ่งบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์ ส่ิงบ่งชี้ทำงภูมิศำสตร์ หมายความว่า ชื่อ สัญลักษณ์ หรือส่ิงอ่ืนใดท่ีใช้เรียกหรือใช้แทนแหล่ง ภูมิศาสตร์ และทีสามารถบ่งบอกว่าสินค้าท่ีเกิด จากแหล่งภูมิศาสตร์น้ันเป็น สินค้าท่ีมีคุณภาพ ช่ือเสียง หรือคุณลักษณะเฉพาะของแหล่งภูมิศาสตร์ ดังกลา่ ว2. ลขิ สทิ ธิ์ คอื งานหรือความคดิ สรา้ งสรรคใ์ นสาขาวรรณกรรม ศลิ ปกรรม ดนตรีกรรม งานภาพยนตร์ หรืองานอืน่ ใดในแผนกวรณคดี หรือแผนกศิลปะ แผนกวทิ ยาศาสตร์ ลิขสทิ ธยิ์ ังรวมทัง้ สทิ ธขิ ้างเคียง (Neighbouring Right) เหตุ ภาวะเงื่อนไขท่ีจาเปน็ ท่ีทาใหส้ ง่ิ หนง่ึ เกิดขนึ้ ตามมา เรียกวา่ ผล เหตุกำรณ์ ปรากฏการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ อำนำจ ความสามารถในการบีบบงั คบั ใหส้ ่ิงหนง่ึ (คนหนงึ่ ...) กระทาตามท่ีปรารถนา อิทธิพล อานาจบังคับที่ก่อให้เกดิ ความสาเรจ็ ในสง่ิ ใดสิง่ หนึง่ เอกลกั ษณ์ ลกั ษณะทม่ี ีความเปน็ หนึง่ เดียว ไม่มีท่ีใดเหมือน ตำนำน เปน็ เรอ่ื งเลา่ ตอ่ กันมาและถกู บนั ทึกขึ้นภายหลัง พงศำวดำร คือ การบนั ทึกเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขน้ึ ตามลาดับเวลา ซ่งึ ส่วนใหญจ่ ะเปน็ เรื่องราวที่กับพระมหากษตั ริย์ และราชสานกั อดตี คอื เวลาทล่ี ่วงมาแล้ว ความสาคญั ของอดตี คอื อดตี จะครอบงาความคิดและความร้ขู องเราอยา่ ง กวา้ งขวางลกึ ซึ้ง อดีตทเี่ กี่ยวข้องกบั กลมุ่ คน/ความสาคญั ที่มีตอ่ เหตกุ ารณแ์ ละกลมุ่ คนจะถูกนามา เชื่อมโยงเขา้ ดว้ ยกนั นักประวัติศำสตร์ เป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้น ผู้สร้างประวัติศาสตร์ข้ึนจากหลักฐานประเภทต่าง ๆ ตามจุดมุ่งหมายและวิธีการคดิ ซง่ึ งานเขียนอาจนาไปสู่การเปน็ วชิ าประวตั ิศาสตรไ์ ด้ในทส่ี ุด ควำมมุ่งหมำยในกำรเขียนประวตั ิศำสตร์ - นักประวตั ศิ าสตร์รนุ่ เกา่ มุ่งสกู่ ารรวมชาต/ิ รบั ใชก้ ารเมอื ง - นกั ประวัติศาสตร์ร่นุ ใหม่ ม่งุ ที่จะหาความจรงิ (truth) จากอดีตและตีความโดยปราศจากอคติ (bias) หลักฐำนประเภท ต่ำง ๆ จะให้ข้อเท็จจริงบางประการ ซ่ึงจะนาไปสู่ความจริงในท่ีสุดโดยมีวิธีการแบ่ง ประเภทของหลักฐานหลายแบบ เช่น หลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์และหลักฐานสมัย ประวัติศาสตร์แบบหนึ่ง หลักฐานประเภทลายลักษณ์อักษรและหลักฐานท่ีไม่ใช่ลายลักษณ์แบบหนึ่ง หรือหลักฐานชั้นต้นและหลักฐานช้ันรอง (หรือหลักฐานชั้นท่ีหน่ึง ชั้นที่สอง ช้ันที่สาม) อีกแบบ หนึ่ง หลักฐานท่ีจะถูกประเมินว่าน่าเช่ือถือท่ีสุด คือ หลักฐานที่เกิดร่วมสมัยหรือเกิดโดยผู้ท่ีรู้เห็น เหตุการณ์น้นั ๆ แต่กระนน้ั นกั ประวัติศาสตร์กจ็ ะต้องวเิ คราะห์ทั้งภายในและภายนอกก่อนด้วยเช่นกัน เนื่องจากผู้ท่ีอยู่ร่วมสมัยก็ย่อมมีจุดมุ่งหมายส่วนตัวในการบันทึก ซึ่งอาจทาให้เลือกบันทึกเฉพาะเรื่อง บางเรอ่ื งเทา่ น้นั หลักสูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

104 อคติ คือ ความลาเอียง ไม่ตรงตามความเป็นจริง เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ซึ่งผู้ท่ีเป็น นกั ประวตั ิศาสตรจ์ ะตอ้ งตระหนักและควบคุมให้ได้ ควำมเป็นกลำง คือ การมองด้วยปราศจากความรู้สึกอคติจะเกิดข้ึนได้หากเข้าใจธรรมชาติของหลักฐาน แต่ละประเภท เข้าใจปรัชญาและวิธีการทางประวัติศาสตร์ เข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้เรียน ผู้บันทึก ประวัติศาสตร์ (น่ันคอื เข้าใจวา่ บันทกึ เพือ่ อะไร เพราะเหตุใด) ควำมจริงแท้ (real truth) คือ ความจริงที่คงอยู่แน่นอนนิรันดร์ เป็นจุดหมายสูงสุดที่นักประวัติศาสตร์ มุ่งแสวงหาซ่ึงจะต้องอาศัยความเข้าใจและความจริงท่ีอยู่เบ้ืองหลังการ เกิดพฤติกรรมและเหตุการณ์ ต่าง ๆ (ท่ีมนุษย์เป็นผู้สร้าง) ซึ่งการแสวงหาความจริงแท้ ต้องอาศัยความสมบูรณ์ของหลักฐานและ กระบวนการทางประวัติศาสตร์ที่ละเอียด ถี่ถ้วน กินเวลายาวนาน แต่นี้คือ ภาระหน้าท่ีของนัก ประวตั ิศาสตร์ ผู้สอนวิชำประวัติศำสตร์ คือ ผู้นาความรู้ทางประวัติศาสตร์มาพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ เจตคติและ ทักษะในการใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความจริ งและความจริงแท้จะต้องศึกษา ผลงานของนักประวัติศาสตร์และเลือกเนื้อหาประวัติศาสตร์ที่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน โดยต้อง เป็นไปตามจดุ ประสงค์ของหลกั สูตรและสอดคล้องธรรมชาติของประวตั ิศาสตร์ เวลำและยุคสมัยทำงประวตั ิศำสตร์ เปน็ การศึกษาเร่ืองการนบั เวลา และการแบง่ ชว่ งเวลาตามระบบต่าง ๆ ทัง้ แบบไทย สากล ศักราชท่สี าคญั ๆ ในภมู ภิ าคต่าง ๆ ของโลก และการแบ่งยุคสมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะพ้ืนฐานสาหรับการศึกษาหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร์ สามารถเข้าเหตุการณ์ ทางประวัติศาสตร์ที่สัมพันธ์กับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ตระหนักถึงความสาคัญในความต่อเนื่อง ของเวลา อทิ ธพิ ลและความสาคัญของเวลาท่ีมีตอ่ วถิ ีการดาเนินชวี ติ ของมนุษย์ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ หมายถงึ กระบวนการในการแสวงหาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ซงึ่ เกดิ จากวิธีวิจัย เอกสารและหลักฐานประกอบอ่ืนๆ เพื่อให้ได้มาซ่ึงองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์บนพ้ืนฐานของ ความเปน็ เหตุเป็นผล และการวิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ อยา่ งเปน็ ระบบ ประกอบด้วยขัน้ ตอนต่อไปน้ี หนึ่ง การกาหนดเป้าหมายหรือประเด็นคาถามที่ต้องการศึกษา แสวงหาคาตอบด้วยเหตุ และผล (ศึกษาอะไร ชว่ งเวลาไหน สมัยใด และเพราะเหตุใด) สอง การค้นหาและรวบรวมหลกั ฐานประเภทตา่ ง ๆ ทงั้ ทีเ่ ป็นลายลักษณ์อกั ษร และไมเ่ ป็น ลาย ลักษณ์อกั ษร ซ่ึงไดแ้ ก่ วตั ถุโบราณ ร่องรอยถิ่นท่อี ยู่อาศยั หรือการดาเนินชีวติ สำม การวิเคราะห์หลักฐาน (การตรวจสอบ การประเมินความน่าเช่ือถือ การประเมินคุณค่าของ หลักฐาน) การตคี วามหลกั ฐานอย่างเป็นเหตุเป็นผล มีความเป็นกลาง และปราศจากอคติ ส่ี การสรุปข้อเท็จจริงเพ่ือตอบคาถาม ด้วยการเลือกสรรข้อเท็จจริงจากหลักฐานอย่างเคร่งครัดโดย ไม่ใชค้ ่านิยมของตนเองไปตัดสนิ พฤติกรรมของคนในอดีต โดยพยายามเขา้ ใจความคิดของคนในยุคนั้น หรือนาตัวเข้าไปอยู่ในยคุ สมยั ทตี่ นศึกษา ห้ำ การนาเสนอเรื่องท่ีศึกษาและอธิบายได้อย่างสมเหตุสมผล โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย มีความ ตอ่ เน่อื ง น่าสนใจ ตลอดจนมีการอ้างอิงข้อเท็จจริง เพ่ือใหไ้ ด้งานทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าและ มี ความหมาย พัฒนำกำรของมนุษยชำติจำกอดีตถึงปัจจุบัน เป็นการศึกษาเรื่องราวของสังคม มนุษย์ในบริบทของเวลา และสถานท่ี โดยทั่วไปจะแยกเร่ืองศึกษาออกเป็นด้านต่าง ๆ ได้แก่ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศ โดยกาหนดขอบเขตการศึกษาในกลุ่ม หลักสูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

105 สังคม มนุษย์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น ในท้องถิ่น/ประเทศ/ภูมิภาค/โลก โดยมุ่งศึกษาว่าสังคมนั้น ๆ ได้ เปล่ียนแปลงหรือพัฒนาตามลาดับเวลาได้อย่างไร เพราะเหตุใด จึงเกิดความเปล่ียนแปลงมีปัจจัย ใดบ้าง ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และปัจจัยแวดล้อมทางสังคม ท่ีมีผลต่อพัฒนาการหรือการสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และผลกระทบของการสร้างสรรค์ของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างไร ท้ังน้ีเพื่อให้เข้าใจ อดตี ของสงั คมมนุษยใ์ นมิติของเวลาและความต่อเน่ือง ภมู ิศำสตร์ เปน็ คาท่มี าจากภาษากรีก (Geography) หมายถงึ การพรรณนาลักษณะของโลกเปน็ ศาสตร์ทาง พื้นที่ เปน็ ความรู้ท่ีวา่ ดว้ ยปฏิสมั พันธ์ของส่ิงตา่ ง ๆ ในขอบเขตหน่ึง ลักษณะทำงกำยภำพ ของภูมิศำสตร์ หมายถึง ลักษณะท่ีมองเห็นเป็นรูปร่าง รูปทรง โดยสามารถมองเห็น และวิเคราะห์ไปถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซ่ึงเก่ียวข้องกับ ลักษณะของธรณีสัณฐานวิทยาภูมิอากาศวิทยา ภูมิศาสตร์ดิน ชีวภูมิศาสตร์พืช ภูมิศาสตร์สัตว์ ภมู ิศาสตรส์ ่ิงแวดลอ้ มต่าง ๆ เปน็ ตน้ ปฏิสมั พันธร์ ะหว่ำงกนั หมายถึงวิธกี ารศึกษา หรือวธิ ีการวิเคราะห์ พิจารณาสาหรับศาสตร์ทางภูมิศาสตร์ ได้ใช้สาหรบั การศกึ ษาพิจารณา คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ถึงสิ่งตา่ ง ๆ ทม่ี ผี ลต่อกันระหวา่ งสงิ่ แวดล้อม กับมนษุ ย์ (Environment) ทางกายภาพ ด้วยวธิ กี ารศึกษา พิจารณาถงึ ความแตกต่าง ความเหมือน ระหว่างพ้ืนท่ีหนึง่ ๆ กับอีกพื้นที่หน่ึง หรือระหว่างภมู ิภาคหน่ึงกับภูมิภาคหน่ึง โดยพยายามอธิบายถึง ความแตกต่าง ความเหมือน รูปแบบของภมู ภิ าค และพยายามขีดเส้นสมมุติ แบ่งภมู ภิ าคเพ่ือพจิ ารณา วิเคราะห์ ดูสมั พนั ธภาพของภมู ภิ าคเหล่านัน้ ว่าเป็นอย่างไร ภมู ศิ ำสตร์ คือ ภาพปฏิสมั พันธข์ องธรรมชาติ มนษุ ย์ และวฒั นธรรม รูปแบบต่าง ๆ ถา้ พิจารณาเฉพาะปจั จัยทางธรรมชาติ จะเป็นภูมศิ ำสตรก์ ำยภำพ (Physical Geography) ถ้าพิจารณาเฉพาะปัจจัยที่เก่ียวข้องกับมนุษย์ เช่น ประชากร วิถีชีวิต ศาสนา ความเช่ือ การเดินทาง การอพยพจะเปน็ ภมู ิศำสตรม์ นุษย์ (Human Geography) ถ้าพิจารณาเฉพาะปัจจยั ท่เี ป็นสง่ิ ทีม่ นุษย์สร้างขนึ้ เช่น การตงั้ ถ่ินฐาน การคมนามคม การคา้ การเมอื ง จะเป็นภูมศิ ำสตรว์ ฒั นธรรม (Cultural Geography) ภูมิอำกำศ คือ ภาพปฏิสัมพันธ์ขององค์ประกอบอุตุนิยมวิทยา รูปแบบต่าง ๆ เช่น ภูมิอากาศ แบบร้อนช้ืน ภมู อิ ากาศแบบอบอนุ่ ชื้น ภมู ิอากาศแบบร้อนแห้งแล้ง ฯลฯ ภูมิประเทศ คือ ภาพปฏิสัมพันธ์ขององค์ประกอบแผ่นดิน เช่น หิน ดิน ความต่างระดับ ทาให้เกิดภาพ ลกั ษณะรปู แบบต่าง ๆ เชน่ พ้นื ท่ีแบบภูเขา พ้นื ทร่ี ะบบลาด เชิงเขา พืน้ ท่ีราบ พืน้ ทล่ี ุม่ ฯลฯ ภูมพิ ฤกษ์ คอื ภาพปฏิสัมพันธ์ของพชื พรรณ อากาศ ภมู ิประเทศ ดนิ สตั วป์ ่า ในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ ป่าดิบ ป่าเตง็ รัง ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ทุง่ หญ้า ฯลฯ ภูมิธรณี คือ ภาพปฏิสัมพันธ์ของแร่ หิน โครงสร้างทางธรณี ทาให้เกิดรูปแบบทางธรณีชนิดต่าง ๆ เช่น ภูเขาแบบทบตัว ภเู ขาแบบยกตวั ท่รี าบนา้ ท่วมถึง ชายฝ่ังแบบยุบตัว ฯลฯ ภูมิปฐพี คือ ภาพปฏิสัมพันธ์ของแร่ หิน ภูมิประเทศลักษณะอากาศ พืชพรรณ ทาให้เกิดดินรูปแบบ ตา่ ง ๆ เช่น แดนดินดา มอดินแดง ดนิ ทรายจัด ดินกรด ดนิ เคม็ ดินพรุ ฯลฯ ภูมิอุทก คือ ภาพปฏิสัมพันธ์ของแผ่นดิน ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ภูมิธรณี พืชพรรณ ทาให้เกิดรูปแบบ แหล่งน้าชนิดต่าง ๆ เช่น แม่น้า ลาคลอง ห้วย หนอง บึง ทะเล ทะเลสาบ มหาสมุทร น้าใต้ดิน น้า บาดาล ฯลฯ หลักสูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

106 ภูมิดำรำ คือ ภาพปฏิสัมพันธ์ของดวงดาว กลุ่มดาว เวลา การเคล่ือนการโคจรของ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ทาให้เกิดรูปแบบปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่น การเกิดกลางวันกลางคืน ข้างข้ึน-ข้างแรม สุริยุปราคา ตะวนั ออ้ มเหนอื ตะวนั ออ้ มใต้ ฯลฯ ภัยพิบัติ เหตุการณท์ ่กี ่อให้เกิดความเสยี หายและสญู เสยี อยา่ งรุนแรง เกดิ ขึน้ จากภยั ธรรมชาติและกระทาของ มนุษย์ จนชุมชนหรอื สังคมท่เี ผชิญปัญหาไมอ่ าจรบั มือ เชน่ ดินถล่ม สนึ ามิ ไฟป่า ฯลฯ แหล่งภูมิศำสตร์ หมายความว่า พื้นที่ของประเทศ เขต ภูมิภาคและท้องถิ่น และให้หมายความรวมถึงทะเล ทะเลสาบ แมน่ า้ ลานา้ เกาะ ภเู ขา หรือพื้นท่อี ื่นทานองเดยี วกันดว้ ย เทคนิคทำงภูมิศำสตร์ หมายถึง แผนที่ แผนภูมิ แผนภาพ และกราฟ ภายถ่ายทางอากาศ และภาพถ่ายจาก ดาวเทียม เทคโนโลยีภูมสิ ารสนเทศ สื่อท่สี ามารถค้นข้อมูลทางภูมิศาสตร์ได้ มิติทำงพ้ืนที่ หมายถึง การวิเคราะห์ พิจารณาในเร่ืองขององค์ประกอบทางภูมิศาสตร์ท่ีเกี่ยวข้องกับเวลา สถานท่ี ปัจจัยแวดล้อม และการกระจายของพื้นที่ในรูปแบบต่าง ๆ ท้ังความกว้าง ยาว สูง ตามขอบเขตท่กี าหนด หรือสมมุตพิ ้ืนทขี่ ึ้นมาพิจารณา กำรศกึ ษำรปู แบบทำงพน้ื ท่ี หมายถงึ การศึกษาเรื่องราวเกย่ี วกับพืน้ ทห่ี รือมิตทิ างพื้นท่ีของ สงั คมมนุษย์ ที่ต้ังถิ่นฐานอยู่ มีการใช้และกาหนดหน่วยเชิงพื้นท่ี ที่ชัดเจน มีการอาศัยเส้นท่ีเราสมมุติขึ้น อาศัยหน่วยต่าง ๆ ข้นึ มากาหนดขอบเขต ซงึ่ มอี งค์ประกอบลักษณะทางกายภาพ ทางเศรษฐกจิ สังคม วัฒนธรรม การเมือง และลักษณะทางพัฒนาการของมนุษย์ท่ีเด่นชัด สอดคล้องกันเป็นพื้นฐานใน การศกึ ษา แสวงหาข้อมูล ภมู ิศำสตร์กำยภำพ หมายถงึ ศาสตร์ที่ศึกษาเร่ืองเกยี่ วกบั ระบบธรรมชาติ ถึงความเป็นมา ความเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการไปตามยุคสมัย โดยมีขอบเขตท่ีกล่าวถึง ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิอากาศ ภูมิปฐพี (ดิน) ภูมิอากาศ (ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ) และภูมิพฤกษ์ (พืชพรรณ ป่าไม้ ธรรมชาติ) รวมทั้งทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ มตามธรรมชาติ การเปลยี่ นแปลงของธรรมชาติทีม่ ผี ลต่อชีวิต และความเป็นอยูข่ องมนุษย์ ส่ิงแวดล้อม สิ่งท่ีอยู่รอบ ๆ ส่ิงใดส่ิงหน่ึงและมีอิทธพิ ลต่อส่ิงนน้ั อาทิ อากาศ น้า ดิน ต้นไม้ สัตว์ ซึ่งสามารถ ถกู ทาลายไดโ้ ดยการขาดความระมัดระวัง สิง่ แวดล้อมทำงภำยภำพ หมายถงึ ทุกสงิ่ ทกุ อย่าง ยกเวน้ ตัวมนษุ ย์และผลงาน และมนุษย์ ส่ิงแวดล้อมทาง กายภาพ ได้แก่ ภูมิอากาศ ดิน พืชพรรณ สัตว์ป่า ธรณีสัณฐาน (ภูเขาและที่ราบ) บรรยากาศ มหาสมทุ ร แรธ่ าตุ และนา้ อนุรักษ์ การรักษา จัดการ ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม หรือการรักษาป้องกันบางส่ิงไม่ให้ เปลย่ี นแปลง สญู หายหรอื ถกู ทาลาย ภูมิศำสตร์มนุษย์ และสิ่งแวดล้อม หมายถึง ศาสตร์ท่ีศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ วิถีชีวิตและ ความเป็นอยู่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม สิ่งแวดล้อมด้านสังคมท้ังในเมืองและท้องถิ่น การเปลยี่ นแปลงทางสง่ิ แวดล้อม สาเหตแุ ละผลกระทบทมี่ ตี ่อมนุษย์ ปัญหาและแนวทางแก้ปญั หาทาง สังคม หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

107 กรอบทำงพ้ืนที่ (Spatial Framework) หมายถึง การวางข้อกาหนดหรือขอบเขตของพื้นท่ีในการศึกษาเรื่องใด เรื่องหนึ่ง หรือแบบรูปแบบกระจายของสิ่งต่าง ๆ บนผิวโลกส่วนใดส่วนหน่ึง เพ่ือให้เราเข้าใจลักษณะ โลกของมนษุ ยด์ ขี ้ึน เช่น การกาหนดใหม้ นษุ ย์ และวัฒนธรรมของมนุษยด์ ีขึน้ เชน่ การกาหนดให้มนุษย์ และวัฒนธรรมของมนุษย์กรอบพ้ืนท่ีของโลกที่มีลักษณะเป็นภูมิภาค ประเทศ จังหวัด เมือง ชุมชน ทอ้ งถ่ิน ฯลฯ สาหรับการวเิ คราะห์ หรือศึกษาองค์ประกอบใดองคป์ ระกอบหน่งึ เฉพาะเรอื่ ง รูปแบบทำงพ้ืนที่ (Spatial Form) หมายถึง ข้อเท็จจริง เครื่องมือ หรือวิธีการ โดยเฉพาะกลุ่มของข้อมูล ที่ได้มา เป็นต้นว่า ความสัมพันธ์ทางพื้นที่แบบรูปแบบของการกระจาย การกระทาระหว่างกัน เครื่องมอื ท่ใี ช้ ได้แก่ แผนที่ ภาพถ่าย ฯลฯ พ้ืนท่ีหรอื ระวำงที่ (Space) หมายถึง ขอบเขตทางพน้ื ที่ในการวเิ คราะห์ทางภูมิศาสตร์ เป็นการศึกษาพื้นท่ี ในมิติตา่ ง ๆ ตามระวางที่ (Spatial study) ท่ีกาหนดข้นึ มีขอบเขตชัดเจน อาจจะมกี ารกาหนดเปน็ เขต บริเวณ สถานที่ นามิติของความกว้าง ความลึก ความสูง ความยาว รวมท้ังมิติทางเวลา ในเขตพ้ืนที่ ต่าง ๆ ตามท่ีเรากาหนด ขอบเขตระหว่างท่ี ด้วยเคร่ืองมือ เส้นสมมติและเทคนิคทางภูมิศาสตร์ต่าง ๆ เชน่ แผนที่ ภาพถ่าย ฯลฯ อาจจะจาแนกเป็นเขต ภมู ภิ าค ประเทศ จังหวัด เมือง ชมุ ชน ท้องถิ่น ฯลฯ ท่เี ฉพาะเจาะจงไป มกี ารพิจารณา วเิ คราะหถ์ ึงการกระจายและสัมพนั ธภาพของมนุษย์บนผวิ โลก และ ลักษณะทางพ้ืนท่ีของการต้ังถิน่ ฐานของมนุษย์ และการที่ใช้ประโยชนจ์ ากพืน้ โลก สัมพันธจ์ ากถิ่นฐาน ของมนุษย์ และการที่ใช้ประโยชน์จากพ้ืนโลก สัมพันธภาพระหว่างสังคมมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทาง กายภาพ ซง่ึ ถือว่าเป็นส่วนหนง่ึ ในการศกึ ษาความแตกตา่ งเชงิ พื้นท่ี (Area difference) มิติสัมพันธ์เชิงทำเลที่ตั้ง หมายถึง การศึกษาความแตกต่างหรือความเหมือนกันของสังคมมนุษย์ในแต่ละ สถานที่ ในฐานะท่ีความแตกต่างและเหมือนกันน้ันอาจมีความเก่ียวเน่ืองกับความแตกต่างและความ เหมือนกันในสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ทางเศรษฐกิจ ทางสังคม ทางวัฒนธรรม ทางการเมือง และ การศึกษาภูมิทัศน์ท่ีแตกต่างกันในเรื่ององค์ประกอบ ปัจจัย ตลอดจนแบบรูปการกระจายของมนุษย์ บนพื้นโลก และการทีม่ นุษย์ใชป้ ระโยชน์จากพ้ืนโลก เหตไุ รมนุษย์จึงใช้ประโยชน์จากพ้ืนโลก แตกต่าง กันในสถานที่ตา่ งกนั และในเวลาทีต่ ่างกันมีผลกระทบอย่างไร ภำวะประชำกร รายละเอียดข้อเท็จจริงเก่ียวกับประชากรในเรื่องสาคัญ 3 ด้าน คือขนาดประชากร การกระจายตวั เชงิ พน้ื ท่ี และองคป์ ระกอบของประชากร ขนำดของประชำกร จานวนประชากรทัง้ หมดของเขตพ้ืนท่ีหน่งึ พ้ืนท่ี ณ เวลาทกี่ ล่าวถึง กำรกระจำยตวั เชงิ พนื้ ที่ การท่ีประชากรกระจายตัวกนั อยู่ในส่วนต่างๆ ของพ้ืนทห่ี นงึ่ พื้นที่ ณ เวลาทีก่ ลา่ วถึง องค์ประกอบของประชำกร ลักษณะต่าง ๆ ทีม่ สี ว่ นผลักดันให้เกิดการเปล่ยี นแปลงขนาดหรือจานวนประชากร องค์ประกอบของประชากรเป็นดัชนีอย่างหนึ่งท่ีชี้ให้เห็นถึงคุณภาพของประชากร องค์ประกอบ ประชากรที่สาคญั ได้แก่ เพศ อายุ การศกึ ษา อาชพี การสมรส กำรเปลี่ยนแปลงประชำกร องค์ประกอบสาคัญที่ทาให้เกิดกรเปล่ียนแปลงประชากร คือ การเกิด การตาย และการย้ายถน่ิ หลกั สตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

108 ประวัติศำสตร์ หลักสตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

109 สำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้ สำระที่ 4 ประวัตศิ ำสตร์ มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ สามารถใช้วิธีการทาง ประวตั ิศาสตร์มาวิเคราะห์เหตุการณต์ ่างๆ อย่างเปน็ ระบบ มาตรฐาน ส 4.2 เขา้ ใจพฒั นาการของมนษุ ยชาติจากอดตี จนถงึ ปัจจบุ ัน ในด้านความสมั พนั ธแ์ ละการเปล่ยี นแปลง ของเหตุการณ์อยา่ งตอ่ เน่อื ง ตระหนกั ถงึ ความสาคญั และสามารถ วเิ คราะหผ์ ลกระทบที่เกดิ ข้ึน มาตรฐาน ส 4.3 เขา้ ใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาไทย มคี วามรัก ความภูมใิ จ และธารงความเป็นไทย หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

ตัวช้ีวดั และสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง 110 กล่มุ สำระสังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม(ประวัตศิ ำสตร)์ สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๑ - ชอื่ วัน เดือน ปี ตามระบบสรุ ยิ คติที่ ปรากฏในปฏทิ นิ สำระ มำตรฐำน ตวั ช้วี ัด - ชอื่ วนั เดือน ปี ตามระบบจันทรคติ สำระท่ี ๔ มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจ 1.บอกวัน เดอื น ปี และการ ในปฏิทิน ประวัตศิ ำ ความหมายความสาคัญ นบั ชว่ งเวลาตามปฏทิ นิ ทใี่ ชใ้ น - ชว่ งเวลาท่ใี ช้ในชวี ติ ประจาวนั เช่น สตร์ ของเวลา และยุคสมยั ชวี ติ ประจาวัน เชา้ วนั นี้ ตอนเย็น ทางประวัติศาสตร์ - เหตกุ ารณ์ท่เี กิดขึน้ ในชวี ติ ประจาวัน สามารถใชว้ ธิ ีการทาง 2. เรียงลาดบั เหตุการณ์ใน ของนักเรียน เชน่ รับประทานอาหาร ประวัติศาสตร์มา ชวี ติ ประจาวัน ตามวนั เวลาที่ ตืน่ นอน เขา้ นอน เรียนหนงั สือ เล่น วิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์ เกิดข้ึน กีฬา ฯลฯ ต่างๆ อย่างเป็นระบบ - ใชค้ าบอกช่วงเวลา แสดงลาดบั เหตกุ ารณ์ ท่เี กิดขน้ึ ได้ 3. บอกประวตั คิ วามเปน็ มา - วธิ ีการสืบคน้ ประวัตคิ วามเป็นมาของ ของตนเองและครอบครวั โดย ตนเองและครอบครัวอยา่ งงา่ ยๆ สอบถามผเู้ กี่ยวขอ้ ง - การบอกเล่าประวัตคิ วามเป็นมาของ ตนเองและครอบครวั อย่างสั้นๆ มาตรฐาน ส ๔.๒ เขา้ ใจ 1. บอกความเปลยี่ นแปลง - ความเปลีย่ นแปลงของสภาพแวดล้อม สงิ่ ของ เคร่ืองใช้ หรือการดาเนนิ ชีวติ พฒั นาการของ ของสภาพแวดล้อม ส่งิ ของ ของอดีตกับปัจจุบันท่ีเป็นรูปธรรมและ ใกล้ตัวเด็ก เชน่ การใช้ควาย ไถนา รถไถ มนุษยชาตจิ ากอดตี เครอื่ งใช้ หรอื การดาเนนิ ชีวิต นา เตารีด ถนน เกวยี น - รถอีแต๋น จนถึงปัจจบุ นั ในดา้ น ของตนเองกบั สมยั ของพอ่ แม่ - สาเหตแุ ละผลของการเปล่ียนแปลง ของสง่ิ ตา่ งๆ ตามกาลเวลา ความสมั พันธแ์ ละ ป่ยู ่า ตายาย - เหตุการณส์ าคัญทเี่ กิดขึ้นในครอบครัว การเปลยี่ นแปลงของ เชน่ การยา้ ยบ้าน การหย่าร้าง การสูญเสยี บคุ คลในครอบครัว เหตุการณ์อยา่ งต่อเนอ่ื ง ตระหนักถึงความสาคัญ และสามารถวเิ คราะห์ 2. บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึน้ ใน ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ อดตี ที่มีผลกระทบต่อตนเอง ในปจั จบุ ัน หลกั สตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

111 สำระ มำตรฐำน ตัวชี้วัด สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ 1. อธิบายความหมายและ - ความหมายและความสาคญั ของ ใจความเปน็ มาของชาติ ความสาคญั ของสัญลักษณ์ สญั ลกั ษณ์ทส่ี าคัญของชาติไทย ได้แก่ ไทย วฒั นธรรม ภมู ิ สาคญั ของชาตไิ ทย และ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ (์ ธงชาติ ปญั ญาไทย มีความรัก ปฏิบตั ิตนได้ถูกต้อง เพลงชาติ พระพุทธรูป พระบรมฉายา ความภมู ิใจและธารง ลกั ษณ์) ความเป็นไทย - การเคารพธงชาติ การรอ้ งเพลงชาติ และเพลงสรรเสรญิ พระบารมี เคารพ ศาสนวัตถุ ศาสนสถาน - เอกลักษณอ์ ่นื ๆ เชน่ แผนที่ประเทศ ไทย ประเพณีไทย อาหารไทย (อาหาร ไทย ท่ีตา่ งชาตยิ กย่อง เชน่ ต้มยากงุ้ ผดั ไทย) ท่ีมคี วามภาคภูมิใจ และมสี ว่ น ร่วมท่ีจะอนรุ ักษ์ไว้ 2. บอกสถานทสี่ าคัญซึง่ เป็น - ตวั อยา่ งของแหลง่ วฒั นธรรมในชมุ ชน แหลง่ วัฒนธรรมในชมุ ชน ที่ใกล้ตวั นักเรียน เชน่ วดั ตลาด พิพธิ ภัณฑ์ มสั ยิด โบสถค์ ริสต์ โบราณสถาน โบราณวตั ถุ - คณุ ค่าและความสาคญั ของแหลง่ วฒั นธรรมในชุมชนในดา้ นตา่ งๆ เช่น เปน็ แหลง่ ท่องเท่ียว เป็นแหลง่ เรียนรู้ 3. ระบสุ ิง่ ที่ตนรกั และ - ตวั อยา่ งสิง่ ท่เี ปน็ ความภาคภมู ิใจใน ภาคภูมใิ จในท้องถ่ิน ทอ้ งถิ่น เชน่ สงิ่ ของ สถานที่ ภาษาถิน่ ประเพณี และวฒั นธรรม ฯลฯ ท่ีเปน็ สิง่ ท่ใี กล้ตัวนักเรียน และเป็นรูปธรรม ชัดเจน - คุณคา่ และประโยชน์ของสิ่งตา่ งๆ เหลา่ นัน้ หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

112 โครงสร้ำงหลกั สตู รชนั้ ปี โครงสร้ำงหลกั สูตรชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี 1 รหัส กลมุ่ สำระกำรเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลำเรียน(ชม./ปี) รำยวชิ ำพืน้ ฐำน (๘๔๐) ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย1 ๒๐๐ ค ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์1 ๒๐๐ ว ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 8๐ ส ๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1 4๐ ส ๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 1 ๔๐ พ ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา 1 ๔๐ ศ ๑๑๑๐๑ ศิลปะ 1 ๔๐ ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี 1 ๔๐ อ ๑๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ1 160 รำยวิชำเพิ่มเติม (8๐) อ 11201 ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 40 ส ๑๑2๐3 การป้องกนั การทุจริต 40 กจิ กรรมพฒั นำผู้เรยี น (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสือ-เนตรนารี 40 กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนมุ 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสรำ้ งหลกั สตู ร ๑,040 หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ส๑๑๑๐๒ ประวัติศำสตร์ 113 ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี ๑ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน กล่มุ สำระกำรเรยี นรูส้ ังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ช่วั โมง ศึกษาเกี่ยวกับวัน เดือน ปี ตามระบบสุริยคติและระบบจันทรคติตามปฏิทินที่ใช้ในชีวิตประจาวัน การลาดับช่วงเวลาเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในชีวิตประจาวัน การสืบค้นประวัติความเป็นมาของตนเองและ ครอบครัว ความเปล่ียนแปลงของสภาพแวดล้อม ส่ิงของเคร่ืองใช้หรือการดาเนินชีวิตของอดีตกับปัจจุบัน สาเหตุและผลการเปล่ียนแปลงของส่ิงต่าง ๆ ตามกาลเวลา เหตุการณ์สาคัญที่เกิด ขึ้นในครอบครัว ความหมายและความสาคญั ของสญั ลักษณ์ที่สาคัญของชาติไทย การเคารพธงชาติ การรอ้ งเพลงชาติ และเพลง สรรเสริญพระบารมี และสัญลักษณ์อื่น ๆ สถานท่ีสาคัญซ่ึงเป็นแหล่งวัฒนธรรมในชุมชน คุณค่าและ ความสาคัญของแหล่งวัฒนธรรมในชมุ ชน ระบสุ ิ่งทต่ี นรักและภาคภูมิใจในท้องถ่ินและเห็นคุณคา่ ประโยชน์ของ สง่ิ เหลา่ น้นั โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสังเกต การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ข้อมูล การวิเคราะห์ การอธบิ ายและการอภิปราย เกมเสรมิ ทักษา การสอนแบบอปุ นัย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสาร สิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจเห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรับตัวเองกับบริบท สภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีคุณธรรมและ ค่านยิ มที่เหมาะสม รหสั ตวั ช้ีวัด ส4.1 ป1/1 ป1/2 ป1/3 ส4.2 ป1/1 ป1/2 ส4.3 ป1/1 ป1/2 ป1/3 รวมท้ังหมด 8 ตัวช้ีวัด หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

114 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำประวตั ศิ ำสตร์ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้สังคมศึกษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหสั วิชำ ส ๑๑๑๐๒ ชน้ั ป.1 เวลำรวม 40 ชั่วโมง สดั ส่วนคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 หนว่ ย ช่อื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ที่ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ช่วั โมง) คะแนน ชนิ้ งำนรวบ (100) ยอด ตัวชีว้ ดั 1. ชวี ิตกับกาลเวลา ส 4.1 เหตกุ ารณ์ต่างๆ ท่ีเกดิ ขนึ้ ใน 20 30 วาดภาพ ป 1/1, ชีวติ ของเราย่อมเปลยี่ นแปลง การต์ ูน ป 1/3 ไปตามกาลเวลา ลาดบั ส 4.2 เหตุการณ์ ป 1/2 ของตนเอง 2. ปลายภาคเรยี นท่ี 1 - 15 3. ชีวิตกบั กาลเวลา ส 4.1 เหตุการณ์ตา่ งๆ ทเี่ กดิ ข้ึนใน 20 25 วาดภาพ ป 1/1, ชวี ิตของเราย่อมเปล่ียนแปลง การต์ นู ป 1/3 ไปตามกาลเวลา ลาดบั ส 4.2 เหตกุ ารณ์ ป 1/2 ของตนเอง รวมระหวา่ งภาค 40 70 ปลายภาคเรียนที่ 2 - 30 รวมทั้งรำยวิชำ 40 100 หลักสตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

115 ตวั ชี้วดั และสำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง กลุม่ สำระสังคมศึกษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม(ประวัติศำสตร์) ชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี ๒ สำระ มำตรฐำน ตัวชี้วดั สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง สำระที่ ๔ มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจ 1. ใช้คาระบุเวลาท่แี สดง - คาท่ีแสดงช่วงเวลาในอดตี ปจั จุบนั ประวัตศิ ำ ความหมายความสาคัญ เหตกุ ารณใ์ นอดตี ปัจจบุ ัน และอนาคต เช่น วนั นี้ เมื่อวานนี้ พรงุ่ นี้ สตร์ ของเวลา และยุคสมัย และอนาคต เดือนน้ี เดอื นหน้า เดอื นก่อน ทางประวัตศิ าสตร์ สามารถใช้วธิ ีการทาง - วนั สาคญั ท่ปี รากฏในปฏิทนิ ทีแ่ สดง ประวตั ศิ าสตร์มา เหตุการณส์ าคัญในอดีตและปัจจุบนั วิเคราะห์เหตุการณ์ - ใชค้ าบอกช่วงเวลา อดตี ปจั จบุ นั ต่างๆ อย่างเปน็ ระบบ 2. ลาดบั เหตุการณ์ทเ่ี กิดข้นึ อนาคต แสดงเหตกุ ารณ์ได้ - วิธีการสบื ค้นเหตกุ ารณ์ท่ีผา่ นมาแลว้ ในครอบครวั หรือในชีวิตของ ทีเ่ กิดขน้ึ กบั ตนเองและครอบครัว ตนเองโดยใช้หลักฐานท่ี โดยใช้หลักฐานที่เก่ียวข้อง เชน่ เก่ยี วขอ้ ง ภาพถ่าย สตู บิ ัตร ทะเบียนบ้าน - ใชค้ าทบี่ อกชว่ งเวลาแสดงเหตุการณ์ มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจ 1. สืบค้นถึงการเปลยี่ นแปลง ทีเ่ กิดขึน้ ในครอบครวั หรอื ในชีวิตตนเอง - ใชเ้ สน้ เวลา (Time Line) ลาดับ พัฒนาการของ ในวถิ ชี ีวติ ประจาวนั ของคนใน เหตุการณ์ ที่เกิดข้ึนได้ -วธิ ีการสบื คน้ ข้อมูลอยา่ งง่าย ๆ เชน่ มนุษยชาตจิ ากอดตี ชมุ ชน ของตนจากอดตี ถงึ การสอบถามพ่อแม่ ผรู้ ู้ จนถึงปจั จุบัน ในด้าน ปัจจุบัน - วถิ ชี ีวติ ของคนในชมุ ชน เช่น การ ประกอบอาชีพ การแตง่ กาย การ ความสัมพนั ธแ์ ละ สอ่ื สาร ประเพณใี นชุมชนจากอดีต ถึง ปจั จุบัน การเปลยี่ นแปลงของ - สาเหตขุ องการเปล่ียนแปลงวถิ ีชีวติ ของ คนในชุมชน เหตกุ ารณ์อยา่ งต่อเน่อื ง - การเปลย่ี นแปลงของวิถีชีวติ ของคนใน ชุมชนทางดา้ นตา่ ง ๆ ตระหนกั ถึงความสาคัญ - ผลกระทบของการเปล่ียนแปลงที่มตี ่อ และสามารถวเิ คราะห์ 2. อธบิ ายผลกระทบของการ วิถชี วี ติ ของคนในชมุ ชน ผลกระทบท่เี กดิ ขนึ้ เปลย่ี นแปลง ท่ีมตี ่อวิถีชวี ติ ของคนในชมุ ชน หลักสตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

สำระ มำตรฐำน ตวั ชวี้ ดั 116 มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ 1. อธิบายความหมายและ สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง ใจความเปน็ มาของชาติ ความสาคญั ของสัญลักษณ์ ไทย วัฒนธรรม ภูมิ สาคัญของชาติไทย และ - บคุ คลในทอ้ งถิ่นท่ีทาคุณประโยชน์ต่อ ปัญญาไทย มคี วามรัก ปฏบิ ตั ิตนได้ถูกต้อง การสร้างสรรค์วัฒนธรรม และความ ความภูมิใจและธารง มนั่ คงของท้องถ่นิ และประเทศชาติ ใน ความเปน็ ไทย อดีตที่ควรนาเป็นแบบอยา่ ง - ผลงานของบคุ คลในท้องถน่ิ ทนี่ ่า 2. บอกสถานทสี่ าคัญซงึ่ เป็น ภาคภูมใิ จ - ตัวอย่างของวัฒนธรรมประเพณีไทย แหล่งวัฒนธรรมในชมุ ชน เช่น การทาความเคารพ อาหารไทย ภาษาไทย ประเพณีสงกรานต์ ฯลฯ - คณุ คา่ ของวฒั นธรรม และประเพณี ไทย ทม่ี ตี ่อสังคมไทย - ภมู ปิ ญั ญาของคนไทยในทอ้ งถน่ิ ของ นกั เรียน หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

117 โครงสร้ำงหลักสตู รชนั้ ปี โครงสรำ้ งหลักสูตรชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี ๒ รหัส กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้/กจิ กรรม เวลำเรียน(ชม./ป)ี รำยวิชำพ้ืนฐำน (๘๔๐) ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย2 ๒๐๐ ค ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ 2 ๒๐๐ ว ๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 2 8๐ ส ๑๒๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม2 4๐ ส ๑๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 2 4๐ พ ๑๒๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา 2 ๔๐ ศ ๑๒๑๐๑ ศิลปะ 2 ๔๐ ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชพี 2 ๔๐ อ ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ2 160 รำยวชิ ำเพิม่ เติม (8๐) อ 12201 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร2 40 ส ๑22๐3 การปอ้ งกนั การทุจรติ 2 40 กิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลูกเสือ-เนตรนารี 40 กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ 10 ชมุ นุม 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสร้ำงหลักสูตร ๑,040 หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

ส๑๒๑๐๒ ประวตั ิศำสตร์ 118 ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ ๒ คำอธิบำยรำยวิชำพนื้ ฐำน กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้สงั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง ศึกษาเก่ียวกับคาท่ีแสดงช่วงเวลาในอดีต ปัจจุบันและอนาคต วันสาคัญท่ีปรากฏในปฏิทิน ท่ีแสดง เหตุการณ์สาคัญในอดีตและปัจจุบัน วิธีการที่สืบค้นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วที่เกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัว การใช้คาบอกชว่ งเวลาท่แี สดงเหตุการณ์ที่เกิดขนึ้ ในครอบครัวหรือในชีวิตตนเองการใชเ้ สน้ เวลา (Time Line) ลาดับเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนได้ การสืบค้นข้อมูลอย่างง่าย ๆวิถีชีวิตของคนในชุมชนและสาเหตุของการ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในชุมชน ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชน บุคคล สาคัญท่ีทาประโยชน์ต่อท้องถ่ิน ตัวอย่างของวัฒนธรรมประเพณีไทยและภูมิปัญญาไทยที่ภาคภูมิใจและควร อนุรกั ษไ์ ว้ โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การสังเกต การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ขอ้ มูล การวิเคราะห์ การอธิบายและการอภปิ ราย เกมเสริมทกั ษา การสอนแบบอุปนยั เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสาร สิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรับตัวเองกับบริบท สภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้มีคุณธรรมและ ค่านิยมทเ่ี หมาะสม รหสั ตวั ชี้วัด ส4.1 ป2/1 ป2/2 ส4.2 ป2/1 ป2/2 ส4.3 ป2/1 ป2/1 รวมท้ังหมด 6 ตวั ช้ีวดั หลกั สูตรสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

119 โครงสรำ้ งรำยวิชำประวตั ิศำสตร์ กลุ่มสำระกำรเรยี นร้สู งั คมศกึ ษำศำสนำ และวฒั นธรรม รหัสวิชำ ส 12102 ชั้น ป.2 เวลำรวม 40 ชั่วโมง สดั ส่วนคะแนน ระหว่ำงภำค : ปลำยภำค 70:30 หน่วย ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวม เวลำ น้ำหนัก ภำระงำน/ ท่ี กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชว่ั โมง) คะแนน ชิน้ งำนรวบ (100) ยอด ตวั ช้ีวดั - บาทบาท สมมตุ ินกั สบื 1. บรรพบรุ ุษในดวงใจ ส 4.3 ประวตั แิ ละผลงานนายปรดี ี 20 30 น้อย โดย สืบค้นประวตั ิ ป 2/1 พนมยงค์ ควรศกึ ษาจรวี ัตร และผลงาน บุคคลใน เพอ่ื เป็นแบบอย่าง ทอ้ งถิน่ - บคุ คลใน 2. ปลายภาคเรียนท่ี 1 - 15 ทอ้ งถิ่นที่ 3. ประวตั ิศาสตรก์ บั ส 4.1 การเปล่ียนแปลงเหตกุ ารณ์ 20 25 ภมู ใิ จ - Mind map ชวี ิต ป 2/1, ของคนครอบครัวมักมี 40 70 ป 2/2 เรือ่ งราวเกิดข้ึนมากมายและ - 30 Diagram ส 4.2 สามารถลาดบั ข้อมลู ได้จาก 40 100 ป 2/1 แหล่งข้อมูลต่างๆ รวมระหว่างภาค ปลายภาคเรยี นท่ี 2 รวมทั้งรำยวิชำ หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

120 ตวั ช้วี ัดและสำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง กลมุ่ สำระสังคมศกึ ษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม(ประวัตศิ ำสตร์) ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๓ สำระ มำตรฐำน ตัวชี้วดั สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง สำระท่ี ๔ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจ 1. เทียบศักราชทส่ี าคัญตาม - ทม่ี าของศกั ราชท่ีปรากฏใน ประวตั ิศำ ความหมายความสาคัญ ปฏทิ นิ ทใี่ ชใ้ นชวี ิตประจาวนั ปฏิทนิ เช่น พุทธศักราช ครสิ ตศ์ ักราชอยา่ ง สตร์ ของเวลา และยุคสมัย สงั เขป (ถ้าเป็นมสุ ลิมควรเรยี นฮิจเราะห์ศกั ราช ทางประวตั ิศาสตร์ ดว้ ย ) สามารถใชว้ ิธีการทาง ประวัติศาสตรม์ า -วธิ ีการเทียบ พ.ศ. เป็น ค.ศ. หรอื วเิ คราะห์เหตุการณ์ ค.ศ. เป็น พ.ศ. ต่างๆ อย่างเป็นระบบ - ตัวอยา่ งการเทียบศกั ราช ใน 2. แสดงลาดับเหตกุ ารณ์ เหตกุ ารณ์ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั นักเรียน เชน่ ปี สาคัญของโรงเรยี นและชมุ ชน เกิดของนักเรียน เปน็ ต้น โดยระบุหลกั ฐานและ แหล่งข้อมลู ท่เี กยี่ วข้อง - วิธกี ารสืบค้นเหตุการณ์สาคัญ ของโรงเรียนและชมุ ชนโดยใช้หลักฐาน และแหล่งข้อมูล ทเี่ กี่ยวข้อง -ใช้เสน้ เวลา (Time Line) ลาดับ เหตกุ ารณ์ ทีเ่ กิดข้ึนในโรงเรยี นและชุมชน มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจ 1. ระบุปัจจัยท่มี ีอทิ ธิพลตอ่ - ปจั จัยการตงั้ ถิ่นฐานของชุมชนซง่ึ ข้ึนอยูก่ ับปัจจยั ทางภูมิศาสตร์และปัจจัย พัฒนาการของ การตงั้ ถิ่นฐานและพัฒนาการ ทางสงั คม เช่น ความเจริญทางเทคโนโลยี การคมนาคม ความปลอดภยั มนุษยชาตจิ ากอดตี ของชมุ ชน - ปัจจยั ทมี่ ีอทิ ธิพลตอ่ พฒั นาการ จนถึงปจั จบุ ัน ในดา้ น ของชมุ ชนทง้ั ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ และ ปจั จยั ทางสังคม ความสัมพันธ์และ - ขนบธรรมเนียม ประเพณแี ละ การเปล่ยี นแปลงของ วฒั นธรรมชมุ ชนของตนท่เี กิดจากปจั จัย ทางภมู ิศาสตรแ์ ละปจั จยั ทางสงั คม เหตุการณ์อย่างต่อเนือ่ ง ตระหนกั ถึงความสาคัญ และสามารถวิเคราะห์ 2. สรปุ ลกั ษณะทส่ี าคัญของ ผลกระทบที่เกดิ ขน้ึ ขนบธรรมเนยี มประเพณี และ วัฒนธรรมของชุมชน หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

สำระ มำตรฐำน ตวั ชว้ี ดั 121 3. เปรียบเทียบความเหมือน สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง และความตา่ งทางวฒั นธรรม ของชมุ ชนตนเองกบั ชุมชนอน่ื - ขนบธรรมเนียมประเพณี และ ๆ วฒั นธรรมของชมุ ชน อื่น ๆ ท่ีมคี วาม เหมือนและความต่างกบั ชมุ ชนของ มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ 1. ระบพุ ระนามและพระราช ตนเอง ใจความเป็นมาของชาติ กรณยี กิจโดยสงั เขปของ ไทย วฒั นธรรม ภมู ิ พระมหากษัตริย์ไทยทเี่ ปน็ ผู้ - พระราชประวตั ิ พระราชกรณียกจิ ปญั ญาไทย มคี วามรัก สถาปนาอาณาจักรไทย โดยสงั เขปของพ่อขุนศรอี นิ ทราทิตย์ ความภูมิใจและธารง สมเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี ๑ (พระเจ้าอู่ ความเป็นไทย ทอง) สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้า 2. อธบิ ายพระราชประวตั ิ จฬุ าโลกมหาราช ผสู้ ถาปนา และพระราชกรณียกิจของ อาณาจักรไทย สโุ ขทัย อยธุ ยา ธนบุรี พระมหากษัตริย์ ในรชั กาล และรตั นโกสินทรต์ ามลาดบั ปจั จบุ นั โดยสงั เขป - อาณาจักรไทยอนื่ ๆทีผ่ นวกรวมเข้า 3. เลา่ วีรกรรมของบรรพบุรุษ เป็นส่วนหนึ่งของชาติไทย เช่น ลา้ นนา ไทยที่มีสว่ นปกป้อง นครศรีธรรมราช ประเทศชาติ - พระราชประวตั ิและพระราชกรณีย กิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช และสมเด็จ พระบรมราชินนี าถโดยสงั เขป - วรี กรรมของบรรพบุรษุ ไทยท่ีมีสว่ น ปกป้องประเทศชาติ เชน่ ทา้ วเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร ชาวบ้านบางระจัน พระยาพิชยั ดาบหกั สมเด็จพระนเรศวร มหาราช สมเดจ็ พระเจ้าตากสิน มหาราช หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

122 โครงสร้ำงหลกั สตู รชนั้ ปี โครงสรำ้ งหลกั สูตรชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี ๓ รหสั กล่มุ สำระกำรเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลำเรียน(ชม./ปี) รำยวิชำพืน้ ฐำน (๘๔๐) ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย 3 ๒๐๐ ค ๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 3 ๒๐๐ ว ๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 8๐ ส ๑๓๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 3 4๐ ส ๑๓๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ 3 ๔๐ พ ๑๓๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา 3 ๔๐ ศ ๑๓๑๐๑ ศิลปะ 3 ๔๐ ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชีพ 3 ๔๐ อ ๑๓๑๐๓ ภาษาองั กฤษ3 160 รำยวิชำเพิ่มเติม (8๐) อ 13201 ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 40 ส ๑32๐3 การป้องกนั การทุจริต 40 กจิ กรรมพฒั นำผู้เรยี น (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสือ-เนตรนารี 40 กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนมุ 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสรำ้ งหลกั สตู ร ๑,040 หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ส๑๓๑๐๒ ประวัตศิ ำสตร์ 123 ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ ๓ คำอธิบำยรำยวิชำพนื้ ฐำน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูส้ ังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ช่วั โมง ศึกษาเกี่ยวกับท่ีมาของศักราชท่ีปรากฏในปฏิทิน การเทียบศักราช ในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง กับนักเรียน การสืบค้นเหตุการณ์สาคัญของโรงเรียนและชุมชนโดยใช้หลักฐานและแหล่งข้อมูล ท่ีเกี่ยวข้อง การใช้เส้นเวลา (Time Line) ลาดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนและชุมชน ปัจจัยในการต้ังถิ่นฐานของ ชุมชนปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาการชุมชน ลักษณะที่สาคัญของขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรม ของจังหวัดปทุมธานี ประเพณีการหุงข้าวแช่ (เปิงสงกรานต์) ตักบาตรพระร้อยทางน้า ประเพณีตักบาตรนา้ ผ้งึ ประเพณีแห่หงส์ธงตะขาม ความเหมือนและความแตกต่างทางวัฒนธรรมของจังหวัดปทุมธานีกับชุมชนอื่นๆ พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจโดยสงั เขปของพระมหากษัตริยไ์ ทยท่ีเป็นผู้สถาปนาอาณาจักรไทย พระราช ประวัติและพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลปัจจุบัน วีรกรรมของบรรพบุรุษไทยท่ีมีส่วน ปกปอ้ งประเทศชาติ โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การสังเกต การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นขอ้ มลู การวิเคราะห์ การอธิบายและการอภปิ ราย เกมเสริมทักษา การสอนแบบอปุ นยั เพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถสือ่ สาร ส่ิงท่เี รยี นรู้ มีความสามารถในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรับตัวเองกับบริบท สภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีคุณธรรมและ คา่ นิยมท่ีเหมาะสม รหสั ตวั ช้ีวัด ส4.1 ป3/1 ป3/2 ส4.2 ป3/1 ป3/2 ป3/3 ส4.3 ป3/1 ป3/2 ป3/3 รวมท้ังหมด 8 ตวั ชี้วัด หลักสตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

124 โครงสร้ำงรำยวชิ ำประวตั ิศำสตร์ กล่มุ สำระกำรเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหสั วิชำ ส 13102 ชน้ั ป.3 เวลำรวม 40 ชว่ั โมง สดั ส่วนคะแนน ระหว่ำงภำค : ปลำยภำค 70:30 หน่วย ชอื่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ท่ี กำรเรียนรู้ / ยอด (ช่วั โมง) คะแนน ช้ินงำนรวบ (100) ยอด ตัวช้วี ัด 1. รรู้ กั แผ่นดนิ ไทย ส 4.1 ยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์ท่ีมี 20 30 รายงาน ป 3/2, พัฒนา การเหตุการณ์ของ ส 4.3 ประวตั ิ พระมหากษัตริย์ และ ป 3/1, ท่ผี า่ นมามีอทิ ธพิ ลพระกรณีย ป 3/2, กิจของ บุคคลสาคัญตอ่ ป 3/3 ความเปน็ มาของ ชาติไทยมี ผลตอ่ ความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ อนั ดีงาม 2. ปลายภาคเรียนที่ 1 - 15 3. รรู้ กั แผน่ ดนิ ไทย ส 4.1 ยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตรท์ ี่มี 20 25 ป 3/2, พฒั นา การเหตุการณ์ของ ส 4.3 ประวัติ พระมหากษตั ริย์ และ ป 3/1, ท่ผี า่ นมามีอิทธพิ ลพระกรณยี ป 3/2, กิจของ บคุ คลสาคัญตอ่ ป 3/3 ความเป็นมาของ ชาติไทยมี ผลตอ่ ความรักชาติ ศาสตร์ กษัตรยิ ์ อันดงี าม รวมระหว่างภาค 40 70 ปลายภาคเรยี นที่ 2 - 30 รวมทง้ั รายวชิ า 40 100 หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

ตัวชวี้ ดั และสำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง 125 กล่มุ สำระสังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม(ประวตั ศิ ำสตร)์ สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง ชั้นประถมศึกษำปีท่ี ๔ - ความหมายและชว่ งเวลาของทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ สำระ มำตรฐำน ตวั ชี้วดั - การใช้ทศวรรษ ศตวรรษ และ สหสั วรรษเพอ่ื ทาความเข้าใจช่วงเวลา สำระท่ี ๔ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจ 1. นับช่วง เวลา เปน็ ทศวรรษ ในเอกสารเชน่ หนังสอื พิมพ์ ประวตั ิศำ ความหมายความสาคัญ ศตวรรษ และสหัสวรรษ - เกณฑ์การแบง่ ยุคสมัยในการศึกษา สตร์ ของเวลา และยุคสมัย ประวตั ิศาสตรท์ แ่ี บ่งเป็นยคุ ก่อน ทางประวตั ิศาสตร์ 2. อธบิ ายยุคสมยั ใน ประวัตศิ าสตรแ์ ละยุคประวัติศาสตร์ สามารถใช้วธิ กี ารทาง การศึกษาประวตั ขิ อง - ยคุ สมัยท่ใี ช้ในการศึกษา ประวัตศิ าสตรม์ า มนุษยชาติโดยสังเขป ประวตั ิศาสตรไ์ ทยเช่นสมยั ก่อนสุโขทยั วเิ คราะหเ์ หตุการณ์ สมยั สุโขทยั สมัยอยธุ ยา สมยั ธนบุรี ต่างๆ อย่างเปน็ ระบบ และสมัยรตั นโกสินทร์ - ประเภทของหลักฐานทาง 3. แยกแยะประเภทหลักฐาน ประวัตศิ าสตร์ ที่แบ่งเป็นหลักฐาน ท่ใี ชใ้ นการศึกษาความเปน็ มา ชัน้ ตน้ และหลกั ฐานชน้ั รอง ของทอ้ งถิ่น - ตัวอย่างหลกั ฐานทใี่ ช้ในการศึกษา ความเป็นมาของทอ้ งถ่ินของตน - การจาแนกหลักฐานของทอ้ งถ่นิ เปน็ หลักฐานชั้นตน้ และหลกั ฐานชัน้ รอง มาตรฐาน ส ๔.๒ เขา้ ใจ 1. อธบิ ายการต้ังหลักแหลง่ -พฒั นาการของมนุษยย์ ุคก่อน ประวัตศิ าสตร์และยคุ ประวัตศิ าสตร์ พัฒนาการของ และพฒั นาการของมนุษย์ยุค ในดินแดนไทย โดยสงั เขป มนุษยชาติจากอดตี กอ่ นประวัติศาสตรแ์ ละยคุ - หลักฐานการต้ังหลกั แหล่งของมนุษย์ ยุคกอ่ นประวัติศาสตร์ในดินแดนไทย จนถงึ ปัจจบุ ัน ในด้าน ประวตั ิศาสตร์โดยสังเขป โดยสงั เขป ความสัมพันธแ์ ละ การเปลี่ยนแปลงของ เหตุการณ์อย่างต่อเนือ่ ง ตระหนกั ถึงความสาคญั หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

สำระ มำตรฐำน ตวั ชีว้ ัด 126 และสามารถวเิ คราะห์ 2. ยกตวั อยา่ งหลักฐานทาง สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ผลกระทบทเี่ กดิ ขึน้ ประวตั ศิ าสตรท์ ่ีพบในท้องถนิ่ ทแี่ สดงพัฒนาการของ - หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรท์ พี่ บใน มนษุ ยชาติ ทอ้ งถนิ่ ท่ีแสดงพฒั นาการของ มนุษยชาตใิ นดินแดนไทยโดยสังเขป มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ 1. อธบิ ายพฒั นาการของ - การสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย ใจความเปน็ มาของชาติ อาณาจักรสโุ ขทัยโดยสงั เขป โดยสังเขป - พัฒนาการของอาณาจักรสุโขทัย ไทย วฒั นธรรม ภูมิ ทางดา้ นการเมอื งการปกครอง และ เศรษฐกิจโดยสงั เขป ปัญญาไทย มคี วามรัก - ประวตั ิ และผลงานของบคุ คลสาคัญ สมัยสโุ ขทยั เชน่ พอ่ ขนุ ศรอี นิ ทราทิตย์ ความภูมิใจและธารง พอ่ ขุนรามคาแหงมหาราช พระมหาธรรมราชา ท่ี 1 ความเปน็ ไทย 2. บอกประวัตแิ ละผลงาน (พระยาลไิ ทยโดยสังเขป) - ภมู ิปัญญาไทยในสมยั สุโขทัย เช่น ของบุคคลสาคญั สมัยสุโขทัย ภาษาไทย ศลิ ปกรรมสุโขทัยที่ไดร้ ับ การยกย่องเปน็ มรดกโลก เครอื่ ง 3. อธิบายภูมิปญั ญาไทยท่ี สังคมโลก สาคญั สมยั สโุ ขทัยท่นี า่ - คุณคา่ ของภมู ิปญั ญาไทยท่สี บื ต่อถึง ภาคภูมิใจ และควรค่าแก่การ ปัจจุบนั ทีน่ า่ ภาคภูมิใจและควรค่า อนรุ กั ษ์ แก่การอนุรกั ษ์ หลักสูตรสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

127 โครงสรำ้ งหลกั สตู รช้ันปี โครงสรำ้ งหลักสูตรชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี 4 รหัส กลุม่ สำระกำรเรียนร/ู้ กจิ กรรม เวลำเรยี น(ชม./ปี) รำยวชิ ำพ้นื ฐำน (๘๔๐) ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย 4 ๑๖๐ ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 4 ๑๖๐ ว ๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 4 120 ส ๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 4 80 ส ๑๔๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ 4 ๔๐ พ ๑๔๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา 4 8๐ ศ ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ 4 4๐ ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ 4 4๐ อ ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 4 120 รำยวชิ ำเพ่มิ เติม (80) อ 14201 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 40 ส ๑42๐3 การปอ้ งกนั การทจุ รติ 40 กจิ กรรมพฒั นำผ้เู รียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสอื -เนตรนารี 40 กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนุม 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสร้ำงหลักสูตร ๑,040 หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

ส๑๔๑๐๒ ประวัติศำสตร์ 128 ชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔ คำอธบิ ำยรำยวิชำพืน้ ฐำน กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้สังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง ศึกษาเก่ียวกับการนับช่วงเวลา เป็นทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ การใช้ทศวรรษ ศตวรรษ และ สหัสวรรษ การแบ่งยุคสมัยในการศึกษาประวัติศาสตร์ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่ใช้ในการศึกษาความ เป็นมาของท้องถ่ิน พัฒนาการของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคประวัติศาสตร์ ในดินแดนไทย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงการตั้งหลักแหล่งของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุคประวัติศาสตร์ใน ดินแดนไทย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่พบในท้องถิ่น การสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยและพัฒนาการของ อาณาจักรสุโขทัย ประวัติและผลงานของบุคคลสาคัญสมัยสุโขทัย ภูมิปัญญาไทยสมัยสุโขทัย คุณค่าของภูมิ ปัญญาไทยทสี่ บื ต่อถงึ ปจั จบุ นั ทน่ี ่าภาคภมู ใิ จ โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ การสังเกต การสารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ข้อมูล การวเิ คราะห์ การอธิบายและการอภิปราย เกมเสรมิ ทกั ษา การสอนแบบอุปนัย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสาร สิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการวิเคราะห์ และการตดั สินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรับตัวเองกับบริบท สภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีคุณธรรมและ ค่านิยมที่เหมาะสม รหัสตัวช้ีวดั ส4.1 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ส4.2 ป4/1 ป4/2 ส4.3 ป4/1 ป4/2 ป4/3 รวมท้ังหมด 8 ตวั ชี้วัด หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

129 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำประวัติศำสตร์ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้สงั คมศกึ ษำศำสนำ และวฒั นธรรม รหสั วิชำ ส 14102 ชน้ั ป.4 เวลำรวม 40 ช่ัวโมง สดั ส่วนคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 หน่วย ชอ่ื หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวม เวลำ น้ำหนัก ภำระงำน/ ที่ กำรเรียนรู้ / ยอด (ชว่ั โมง) คะแนน ช้นิ งำน (100) รวบยอด ตวั ช้ีวดั ใหน้ กั เรยี น วิเคราะห์ 1. กาลเวลา ส 4.1 การนบั ชว่ งเวลาเปน็ เครอ่ื งมอื 10 15 ตอบ คาถามท่ี ป 4/1, ในการจดั ลาดบั เหตุการณ์ ครกู าหนด จากเร่ือง ป 4/2 สามารถอธบิ ายยุคสมยั ศกึ ษา - ศึกษา ข้อมูล ประวัตศิ าสตร์ของมนุษยช์ าติ - ใบ ความรู้ ไดโ้ ดยสงั เขป - ทา Mind 2. ประวตั ิศาสตรช์ าติ ส 4.2 หลกั ฐานทางประวติ ิศาสตร์ท่ี 10 15 mapping ไทย ป 4/1, พบในท้องถน่ิ แสดงพฒั นาการ 15 - ศึกษา 10 ขอ้ มลู ป 4/2 ของมนุษยชาติในดนิ แดนไทย - ใบ 15 ความรู้ และต้งั หลกั แหล่งและ - ทา Mind พัฒนาการของมนุษย์ยุคก่อน mapping Diagram ประวัตศิ าสตรแ์ ละยุค ส่วนรวม ส่วนยอ่ ย ประวตั ศิ าสตร์ - แตง่ ตวั แบบไทย 3. ปลายภาคเรยี นที่ 1 - - ไหว้ 4. ประวัติศาสตร์ชาติ ส 4.2 หลกั ฐานทางประวติ ิศาสตร์ที่ 10 ไทย ป 4/1, พบในท้องถน่ิ แสดงพัฒนาการ ป 4/2 ของมนุษยชาตใิ นดินแดนไทย และตัง้ หลกั แหล่งและ พัฒนาการของมนุษย์ยุคก่อน ประวัตศิ าสตรแ์ ละยคุ ประวัติศาสตร์ 5. อาณาจักรสุโขทัย ส 4.3 พัฒนาการของอาณาจักร 10 ป 4/1, สุโขทยั และผลงานของบุคคล ป 4/3 สาคัญสมัยสโุ ขทยั คณุ ค่าแห่งภูมปิ ัญญาของ คนไทยควรรักษาดารงไว้สบื ไป หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

130 หนว่ ช่อื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวม เวลำ นำ้ หนกั ภำระงำน/ ยที่ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ช่ัวโมง คะแนน ชนิ้ งำน ตัวช้วี ดั (100) รวบยอด ) - การคัด 70 เขียน 40 30 ภาษาไทย - 100 รวมระหวา่ งภาค 40 ปลายภาคเรยี นท่ี 2 รวมท้ังรายวชิ า หลกั สูตรสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

131 ตัวชี้วดั และสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง กลมุ่ สำระสังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม(ประวัตศิ ำสตร์) ช้ันประถมศกึ ษำปที ่ี ๕ สำระ มำตรฐำน ตัวชีว้ ัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระที่ ๔ มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจ 1. สบื ค้นความเปน็ มาของ - วิธกี ารสบื คน้ ความเป็นมาของทอ้ งถน่ิ ประวตั ิศำ ความหมายความสาคญั ทอ้ งถน่ิ โดยใช้หลกั ฐานท่ี - หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร์ทม่ี ีอยู่ใน สตร์ ของเวลา และยุคสมัย หลากหลาย ท้องถิน่ ที่เกิดขึน้ ตามช่วงเวลาตา่ งๆ เช่น ทางประวตั ศิ าสตร์ เครื่องมอื เครอื่ งใช้ อาวธุ โบราณสถาน สามารถใช้วธิ กี ารทาง โบราณวัตถุ ประวัติศาสตรม์ า - การนาเสนอความเปน็ มาของทอ้ งถ่ิน วเิ คราะหเ์ หตุการณ์ โดยอ้างองิ หลักฐานทีห่ ลากหลายด้วยวิธีการ ต่างๆ อย่างเปน็ ระบบ ตา่ ง ๆ เชน่ การเล่าเรื่องการเขียนอยา่ งง่าย ๆ การจัดนทิ รรศการ 2. รวบรวมข้อมลู จากแหล่ง - การตงั้ คาถามทางประวัติศาสตร์ เกีย่ วกบั ความเปน็ มาของท้องถ่ิน เชน่ มี ตา่ ง ๆ เพื่อตอบคาถามทาง เหตุการณ์ใดเกิดขน้ึ ในชว่ งเวลาใด เพราะ สาเหตุใดและมีผลกระทบอยา่ งไร ประวตั ศิ าสตร์ อยา่ งมีเหตผุ ล - แหลง่ ขอ้ มลู และหลักฐานทาง ประวตั ิศาสตรใ์ นท้องถนิ่ เพ่ือตอบคาถาม 3. อธบิ ายความแตกต่าง ดังกลา่ ว เช่น เอกสาร เรอ่ื งเล่า ตานาน ระหว่าง ทอ้ งถิน่ โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ฯลฯ - การใช้ข้อมลู ทีพ่ บเพ่ือตอบคาถามได้ ความจรงิ กับขอ้ เท็จจริง อยา่ ง มเี หตผุ ล เกีย่ วกบั เร่อื งราวใน -ตัวอย่างเรอ่ื งราวจากเอกสารต่างๆ ท่ี ทอ้ งถน่ิ สามารถแสดงนยั ของความคิดเหน็ กบั ข้อมูล มาตรฐาน ส ๔.๒ เข้าใจ 1. อธบิ ายอทิ ธพิ ลของอารย เช่น หนังสือพมิ พ์ บทความจากเอกสารต่าง พฒั นาการของ ธรรมอนิ เดยี และจีนทม่ี ีต่อไทย ๆ เป็นต้น มนุษยชาติจากอดีต - ตัวอย่างข้อมูลจากหลกั ฐานทาง ประวตั ิศาสตร์ ในท้องถนิ่ ทีแ่ สดงความจริง กับข้อเทจ็ จริง - สรุปประเด็นสาคัญเก่ยี วกับขอ้ มลู ใน ทอ้ งถิ่น - การเข้ามาของอารยธรรมอินเดียและ จนี ในดนิ แดนไทยและภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้โดยสังเขป หลกั สตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

สำระ มำตรฐำน ตัวชว้ี ัด 132 จนถึงปจั จบุ ัน ในดา้ น และเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ความสมั พนั ธ์และ โดยสงั เขป - อิทธิพลของอารยธรรมอินเดียและจีน การเปลี่ยนแปลงของ ทม่ี ตี อ่ ไทย และคนในภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ เชน่ ศาสนาและ เหตุการณ์อย่างต่อเน่ือง ความเชื่อ ภาษา การแตง่ กาย อาหาร - การเข้ามาของวฒั นธรรมต่างชาติใน ตระหนักถึงความสาคัญ 2. อภปิ รายอทิ ธิพลของ สงั คมไทย เช่น อาหาร ภาษา การแตง่ และสามารถวิเคราะห์ วัฒนธรรมตา่ งชาติท่ีมตี ่อ กาย ดนตรี โดยระบุลักษณะ สาเหตุ ผลกระทบท่เี กดิ ข้ึน สงั คมไทยปจั จบุ ันโดยสังเขป และผล - อิทธิพลทหี่ ลากหลายในกระแสของ วฒั นธรรมตา่ งชาตติ อ่ สังคมไทยใน ปัจจุบัน มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้า 1. อธิบายพัฒนาการของ -การสถาปนาอาณาจักรอยธุ ยา โดยสังเขป ใจความเปน็ มาของชาติ อาณาจักรอยุธยาและธนบรุ ี - ปัจจัยที่สง่ เสรมิ ความเจรญิ รุ่งเรืองทาง ไทย วัฒนธรรม ภมู ิ โดยสังเขป เศรษฐกิจ และการปกครองของ อาณาจักรอยุธยา ปัญญาไทย มคี วามรัก ความภูมิใจและธารง 2. อธบิ ายปัจจยั ทส่ี ่งเสริม ความเจริญ รงุ่ เรืองทาง ความเป็นไทย เศรษฐกจิ และการปกครอง ของอาณาจักรอยธุ ยา 3. บอกประวตั แิ ละผลงาน - พฒั นาการของอาณาจักรอยธุ ยาการ ของบุคคลสาคัญสมยั อยธุ ยา ดา้ นการเมือง การปกครอง และ และธนบรุ ีท่นี า่ ภาคภมู ิใจ เศรษฐกิจ โดยสังเขป - ผลงานของบคุ คลสาคญั ในสมัยอยธุ ยา 4. อธบิ ายภมู ิปญั ญาไทยที่ เช่น สมเด็จพระรามาธบิ ดที ่ี ๑ สมเดจ็ พระ สาคญั สมัยอยุธยาและ บรมไตรโลกนาถ สมเดจ็ พระนเรศวร มหาราช สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช ชาวบ้าน บางระจัน เป็นตน้ - ภูมปิ ญั ญาไทยสมยั อยุธยาโดยสงั เขป เช่น ศลิ ปกรรม การคา้ วรรณกรรม หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

133 สำระ มำตรฐำน ตัวชีว้ ดั สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง ธนบรุ ที น่ี า่ ภาคภมู ิใจและควร - การกอบกู้เอกราชและการสถาปนา ค่าแก่การอนรุ ักษ์ไว้ อาณาจักรธนบุรีโดยสังเขป - พระราชประวัติ และผลงานของ พระเจ้าตากสนิ มหาราชโดยสงั เขป - ภูมปิ ัญญาไทยสมยั ธนบุรโี ดยสังเขป เช่น ศิลปกรรม การค้า วรรณกรรม หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

134 โครงสรำ้ งหลกั สตู รชนั้ ปี โครงสรำ้ งหลกั สตู รชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๕ รหสั กลุม่ สำระกำรเรยี นรู/้ กิจกรรม เวลำเรยี น(ชม./ป)ี รำยวชิ ำพนื้ ฐำน (๘๔๐) ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย 5 ๑๖๐ ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 5 ๑๖๐ ว ๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 120 ส ๑๕๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 5 80 ส ๑๕๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ 5 ๔๐ พ ๑๕๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา 5 8๐ ศ ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ 5 4๐ ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชพี 5 4๐ อ ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ5 120 รำยวชิ ำเพ่มิ เติม (8๐) อ 15201 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 40 ส ๑52๐3 การปอ้ งกันการทจุ รติ 40 กิจกรรมพัฒนำผู้เรียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลูกเสือ-เนตรนารี 40 กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชมุ นมุ 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสร้ำงหลักสูตร ๑,040 หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ส๑๕๑๐๒ ประวัติศำสตร์ 135 ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๕ คำอธบิ ำยรำยวิชำพื้นฐำน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูส้ งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชั่วโมง ศึกษา ประวตั คิ วามเป็นมาของท้องถนิ่ ของอาเภอคลองหลวง จงั หวดั ปทุมธานี ของประเทศไทยโดยใช้ หลักฐานที่หลากหลาย การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อตอบคาถามทางประวัติศาสตร์อย่างมีเหตุผล ความแตกต่างระหว่างความจรงิ กับขอ้ เทจ็ จรงิ เกีย่ วกบั เร่อื งราวในท้องถ่ิน อทิ ธิพลของอารยธรรมอนิ เดียและจีน ท่ีมีต่อไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติในสังคมไทยและอิทธิพลของ วัฒนธรรมต่างชาติที่มีต่อสังคมไทยในปัจจุบัน การสถาปนาอาณาจักรอยุธยา ปัจจัยท่ีส่งเสริมความ เจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรอยุธยา พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยา ผลงานของบุคคลสาคัญในสมัยอยุธยา ภูมิปญั ญาไทยสมัยอยธุ ยา การกอบกู้เอกราชและการสถาปนาอาณาจักรธนบุรี พระราชประวตั แิ ละผลงานของ พระเจา้ ตากสนิ ภูมิปญั ญาไทยสมัยธนบุรี โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสงั เกต การสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ขอ้ มูล การวเิ คราะห์ การอธิบายและการอภิปราย เกมเสรมิ ทกั ษา การสอนแบบอปุ นัย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสาร ส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรับตัวเองกับบริบท สภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีคุณธรรมและ ค่านยิ มทเ่ี หมาะสม รหัสตวั ช้ีวดั ส4.1 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ส4.2 ป5/1 ป5/2 ส4.3 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ป5/4 รวมทั้งหมด 9 ตัวช้ีวัด หลักสตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

136 โครงสร้ำงรำยวชิ ำประวตั ิศำสตร์ กลุม่ สำระกำรเรยี นร้สู งั คมศกึ ษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหัสวิชำ ส 15102 ชั้น ป.5 เวลำรวม 40 ช่ัวโมง สัดสว่ นคะแนน ระหว่ำงภำค : ปลำยภำค 70:30 หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวม เวลำ นำ้ หนัก ภำระงำน/ ท่ี กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชวั่ โมง คะแนน ชนิ้ งำนรวบ ตัวช้ีวัด ) (100) ยอด ๑. ประวัตศิ าสตร์ชาติ ส 4.1 การรวบรวมขอ้ มูลจากแหลง่ 20 30 บอก ไทย ป 5/2 ตา่ งๆท่ีผ่านมาทาให้ได้ข้อมลู อธิบาย ส 4.3 ทางประวตั ิศาสตรอ์ ย่างมี โครงงาน ป 5/1, พฒั นาการเชงิ เหตผุ ลในด้าน ป 5/2, การ เมืองการปกครองและ ป 5/4 เศรษฐกจิ บุคคลสาคญั ของ อาณาจักรอยุธยาและธนบรุ ีท่ีมี ความรกั ชาติและมีจิตสานกึ ใน ภูมปิ ญั ญาของคน ไทย อยา่ ง ชดั แจ้ง 2. ปลายภาคเรียนที่ 1 - 15 3. ประวตั ศิ าสตรช์ าติ ส 4.1 การรวบรวมข้อมลู จากแหล่ง 20 25 บอก ไทย ป 5/2 ต่างๆทผี่ า่ นมาทาให้ไดข้ ้อมลู อธิบาย ส 4.3 ทางประวตั ิศาสตร์อยา่ งมี โครงงาน ป 5/1, พัฒนาการเชงิ เหตผุ ลในดา้ น ป 5/2, การ เมอื งการปกครองและ ป 5/4 เศรษฐกจิ บคุ คลสาคญั ของ อาณาจักรอยธุ ยาและธนบรุ ที ี่มี ความรักชาติและมีจติ สานกึ ใน ภมู ิปัญญาของคน ไทย อย่าง ชัดแจ้ง รวมระหวา่ งภาค 40 70 ปลายภาคเรียนที่ 2 - 30 รวมทงั้ รายวิชา 40 100 หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

137 ตัวชว้ี ดั และสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง กลุ่มสำระสังคมศกึ ษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม(ประวัติศำสตร)์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๖ สำระ มำตรฐำน ตัวช้ีวดั สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง สำระที่ ๔ มาตรฐาน ส ๔.๑ เข้าใจ 2. อธิบายความสาคัญของ - ความหมายและความสาคัญของ ประวัตศิ ำ วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์อยา่ งงา่ ย ๆ ที่ สตร์ ความหมายความสาคญั วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ใน เหมาะสมกบั นกั เรียน ของเวลา และยุคสมัย การศึกษาเรื่องราวทาง - การนาวิธีการทางประวัติศาสตร์ไป ใช้ศึกษาเรื่องราวในท้องถิ่น เช่น ความ ทางประวตั ิศาสตร์ ประวัติศาสตรอ์ ย่างงา่ ย ๆ เปน็ มาของภมู ินามของสถานท่ีในท้องถน่ิ สามารถใชว้ ธิ ีการทาง - ตัวอย่างหลักฐานท่ีเหมาะสมกับ ประวัตศิ าสตร์มา 2. นาเสนอข้อมูลจาก นกั เรยี นทน่ี าไปใชใ้ นการศกึ ษาเหตุการณ์ วเิ คราะห์เหตกุ ารณ์ หลักฐานท่ีหลากหลายในการ ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ทาความเข้าใจเรอ่ื งราวสาคญั สาคญั ในประวัติศาสตรไ์ ทย สมัย ในอดีต รตั นโกสนิ ทร์ เช่น พระราชหตั ถเลขาของ มาตรฐาน ส ๔.๒ เขา้ ใจ 1. อธบิ ายสภาพสงั คม รชั กาลที่ 4 หรือ รัชกาลที่ 5 กฎหมาย พฒั นาการของ เศรษฐกิจและการเมืองของ สาคัญ ฯลฯ ( เช่อื มโยงกับ มฐ. ส 4.3 ) มนษุ ยชาติจากอดีต ประเทศเพื่อนบ้านในปัจจุบัน - สรุปข้อมลู ท่ีไดจ้ ากหลกั ฐานทง้ั จนถงึ ปจั จุบัน ในด้าน ความจรงิ และขอ้ เท็จจรงิ ความสมั พนั ธ์และ - การนาเสนอขอ้ มูลที่ไดจ้ ากหลักฐาน การเปลย่ี นแปลงของ ทางประวัตศิ าสตรด์ ว้ ยวธิ ีการตา่ ง ๆ เช่น เหตุการณ์อย่างต่อเน่อื ง การเล่าเร่ือง การจดั นทิ รรศการ การเขียน ตระหนักถึงความสาคัญ 2. บอกความสมั พันธ์ของกลุ่ม รายงาน และสามารถวเิ คราะห์ อาเซียนโดยสังเขป ผลกระทบท่ีเกิดข้ึน - ใช้แผนทแี่ สดงทตี่ ้ังและอาณาเขต ของประเทศต่าง ๆ ในภูมภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ - สภาพสังคม เศรษฐกจิ และการเมอื ง ของประเทศเพ่ือนบา้ นของไทยโดยสังเขป - ตวั อยา่ งความเหมอื นและ ความตา่ ง ระหว่างไทยกบั ประเทศเพื่อนบา้ น เชน่ ภาษา ศาสนา การปกครอง - ความเป็นมาของกล่มุ อาเซียน โดยสงั เขป - สมาชิกของอาเซียนในปจั จบุ ัน - ความสมั พนั ธข์ องกล่มุ อาเซียนทาง หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

138 สำระ มำตรฐำน ตัวช้ีวดั สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง มาตรฐาน ส ๔.๓ เขา้ 1. อธบิ ายพัฒนาการของไทย เศรษฐกจิ และสงั คมในปัจจุบนั โดยสังเขป ใจความเป็นมาของชาติ สมัยรัตนโกสินทร์ โดยสังเขป - การสถาปนาอาณาจกั รรตั นโกสนิ ทร์ ไทย วฒั นธรรม ภูมิ ปญั ญาไทย มีความรัก 2. อธบิ ายปัจจัยท่ีสง่ เสรมิ โดยสังเขป ความภูมิใจและธารง ความเจรญิ รุ่งเรืองทาง ความเป็นไทย เศรษฐกิจและการปกครอง - ปจั จยั ทสี่ ่งเสริมความเจริญรุ่งเรอื งทาง ของไทยสมยั รัตนโกสนิ ทร์ เศรษฐกจิ และการปกครองของไทย ในสมยั รัตนโกสินทร์ - พฒั นาการของไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์ โดยสังเขป ตามช่วงเวลาต่างๆ เชน่ สมยั รัตนโกสนิ ทร์ตอนตน้ สมยั ปฏิรปู ประเทศ และสมยั ประชาธิปไตย 3. ยกตวั อย่างผลงานของ - ผลงานของบุคคลสาคัญทางด้านต่างๆ บคุ คลสาคญั ดา้ นตา่ งๆสมยั ในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น พระบาทสมเด็จ รตั นโกสินทร์ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จ พระบวรราชเจ้ามหาสรุ สิงหนาท พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว ฯลฯ 4. อธบิ ายภูมปิ ัญญาไทยที่ - ภูมิปญั ญาไทยสมัยรัตนโกสินทร์ สาคัญสมัยรตั นโกสินทร์ท่ีนา่ เชน่ ศิลปกรรม วรรณกรรม ภาคภูมใิ จ และควรคา่ แก่การ อนรุ กั ษ์ไว้ หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

139 โครงสร้ำงหลักสตู รช้ันปี โครงสรำ้ งหลักสตู รชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๖ เวลำเรียน(ชม./ปี) รหสั กลุม่ สำระกำรเรยี นรู/้ กจิ กรรม (๘๔๐) รำยวิชำพ้ืนฐำน ๑๖๐ ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย 6 ๑๖๐ ค ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 6 120 ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 80 ส ๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 6 ๔๐ ส ๑๖๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 6 8๐ พ ๑๖๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 6 4๐ ศ ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ 6 4๐ ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ 6 120 อ ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษ6 (8๐) รำยวชิ ำเพ่มิ เติม 40 อ 16201 ภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร 40 ส ๑62๐3 การป้องกันการทจุ ริต กิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสอื -เนตรนารี 40 กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนมุ 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสรำ้ งหลกั สูตร ๑,040 หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

ส๑๖๑๐๒ ประวตั ิศำสตร์ 140 ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ ๖ คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพื้นฐำน กลุม่ สำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ช่วั โมง ศกึ ษาความสาคัญของวธิ ีการทางประวตั ศิ าสตรอ์ ย่างงา่ ย ๆ การนาวิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ ไปใชใ้ น การศึกษาเรื่องราวในท้องถ่ิน ตวั อย่างขอ้ มลู จากหลักฐานทห่ี ลากหลายในการศึกษาเร่ืองราวสาคัญ การใช้แผน ที่แสดงที่ตั้งและอาณาเขตของประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ของประเทศเพื่อนบ้านและ สภาพสังคม เศรษฐกิจและการเมืองของประเทศเพ่ือนบ้านของไทย ความเป็นมาของกลุ่มอาเซียนและ ความสมั พนั ธ์ของกลุ่มอาเซียนทางเศรษฐกิจและสังคมในปจั จุบัน การสถาปนาอาณาจักรรัตนโกสินทร์ ปจั จัยที่ สง่ เสริมความเจรญิ รงุ่ เรอื งทางเศรษฐกจิ และการปกครองของไทยสมัยรตั นโกสินทร์ พฒั นาการด้านต่าง ๆ สมยั รตั นโกสนิ ทร์ ผลงานของบคุ คลสาคัญทางดา้ นต่าง ๆ ในสมยั รัตนโกสินทร์ ภูมปิ ัญญาไทยสมยั รัตนโกสินทร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสังเกต การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การ วิเคราะห์ การอธบิ ายและการอภปิ ราย เกมเสริมทักษา การสอนแบบอปุ นยั เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสาร ส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรับตัวเองกับบริบท สภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีคุณธรรมและ ค่านยิ มท่เี หมาะสม รหัสตวั ช้ีวดั ส4.1 ป6/1 ป6/2 ส4.2 ป6/1 ป6/2 ส4.3 ป6/1 ป6/2 ป6/3 ป6/4 รวมทั้งหมด 9 ตวั ช้ีวัด หลักสตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

141 โครงสรำ้ งรำยวิชำประวัติศำสตร์ กลุ่มสำระกำรเรียนรสู้ ังคมศกึ ษำศำสนำ และวฒั นธรรม รหสั วิชำ ส 16102 ชั้น ป.6 เวลำรวม 40 ชวั่ โมง สัดสว่ นคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 หน่วย ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวม เวลำ นำ้ หนกั ภำระงำน/ ที่ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชั่วโมง คะแนน ช้นิ งำนรวบ ตัวชี้วดั ) (100) ยอด 1. ประวัติศาสตร์ชาติ ส4.1 ประวัตศิ าสตร์ไทยสมัย 20 30 Diagram ไทย ป6/1 รัตนโกสนิ ทร์ มีความเปน็ มาที่ ส่วนรวม ป6/2 สาคญั มีความเจริญรงุ่ เรือง สว่ นย่อย ส4.2 ดา้ นกฎหมาย เศรษฐกจิ การ ป6/1 ปกครอง ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ป6/2 ควรศึกษา และภูมิใจรักษา ส4.3 เกยี รติประวัติของคนไทย ป6/1 สืบไป ป6/2 ป6/3 ป6/4 2. ปลายภาคเรียนที่ 1 - 15 3. ประวัตศิ าสตรช์ าติ ส4.1 ประวัตศิ าสตร์ไทยสมยั 20 25 Diagram ไทย ป6/1 รัตนโกสนิ ทร์ มคี วามเปน็ มาที่ ส่วนรวม ป6/2 สาคญั มคี วามเจริญรงุ่ เรือง ส่วนย่อย ส4.2 ดา้ นกฎหมาย เศรษฐกิจ การ ป6/1 ปกครอง ภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ ป6/2 ควรศกึ ษา และภมู ิใจรักษา ส4.3 เกยี รติประวตั ขิ องคนไทย ป6/1 สบื ไป ป6/2 ป6/3 ป6/4 รวมระหว่างภาค 40 70 ปลายภาคเรยี นที่ 2 - 30 รวมทั้งรายวิชา 40 100 หลักสูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

142 อภิธำนศพั ท์ เหตุ ภาวะเงื่อนไขท่ีจาเป็นท่ีทาให้ส่งิ หนงึ่ เกดิ ขนึ้ ตามมา เรยี กว่า ผล เหตกุ ำรณ์ ปรากฏการณท์ เี่ กิดขึ้น อำนำจ ความสามารถในการบบี บังคับให้ส่งิ หนึ่ง (คนหน่ึง...) กระทาตามทีป่ รารถนา อิทธพิ ล อานาจบงั คับทกี่ ่อใหเ้ กดิ ความสาเรจ็ ในส่งิ ใดสิง่ หนึง่ เอกลักษณ์ ลักษณะทมี่ คี วามเปน็ หน่ึงเดยี ว ไม่มที ใ่ี ดเหมอื น ตำนำน เปน็ เรื่องเลา่ ตอ่ กนั มาและถกู บันทกึ ขนึ้ ภายหลงั พงศำวดำร คอื การบนั ทึกเหตุการณ์ทเี่ กดิ ขนึ้ ตามลาดบั เวลา ซ่ึงสว่ นใหญ่จะเปน็ เรื่องราวทกี่ ับพระมหากษัตริย์ และราชสานัก อดีต คือ เวลาท่ีล่วงมาแล้ว ความสาคัญของอดีต คือ อดีตจะครอบงาความคิดและความรู้ของเราอย่าง กว้างขวางลึกซ้ึง อดีตที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคน/ความสาคัญที่มีต่อเหตุการณ์และกลุ่มคนจะถูกนามา เชื่อมโยงเขา้ ด้วยกัน นักประวัติศำสตร์ เป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สร้างประวัติศาสตร์ข้ึนจากหลักฐานประเภทต่าง ๆ ตามจุดมุ่งหมายและวิธีการคิด ซ่ึงงานเขียนอาจนาไปสกู่ ารเป็นวชิ าประวตั ศิ าสตร์ได้ในที่สุด ควำมมุ่งหมำยในกำรเขยี นประวัตศิ ำสตร์ - นกั ประวตั ศิ าสตรร์ นุ่ เกา่ ม่งุ สกู่ ารรวมชาต/ิ รับใชก้ ารเมอื ง - นักประวตั ศิ าสตรร์ ุ่นใหม่ มุ่งทีจ่ ะหาความจริง (truth) จากอดีตและตีความโดยปราศจากอคติ (bias) หลักฐำนประเภท ต่ำง ๆ จะให้ข้อเท็จจริงบางประการ ซึ่งจะนาไปสู่ความจริงในท่ีสุดโดยมีวิธีการแบ่ง ประเภทของหลักฐานหลายแบบ เช่น หลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์และหลั กฐานสมัย ประวัติศาสตร์แบบหน่ึง หลักฐานประเภทลายลักษณ์อักษรและหลักฐานที่ไม่ใช่ลายลักษณ์แบบหนึ่ง หรือหลักฐานช้ันต้นและหลักฐานชั้นรอง (หรือหลักฐานช้ันท่ีหน่ึง ช้ันท่ีสอง ชั้นท่ีสาม) อีกแบบ หนึ่ง หลักฐานที่จะถูกประเมินว่าน่าเชื่อถือท่ีสุด คือ หลักฐานท่ีเกิดร่วมสมัยหรือเกิดโดยผู้ที่รู้เห็น เหตกุ ารณ์นน้ั ๆ แต่กระนนั้ นกั ประวตั ิศาสตร์ก็จะต้องวเิ คราะห์ทัง้ ภายในและภายนอกก่อนด้วยเช่นกัน เน่ืองจากผู้ท่ีอยู่ร่วมสมัยก็ย่อมมีจุดมุ่งหมายส่วนตัวในการบันทึก ซ่ึงอาจทาให้เลือกบันทึกเฉพาะเรื่อง บางเรอ่ื งเท่าน้นั อคติ คือ ความลาเอียง ไม่ตรงตามความเป็นจริง เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ซ่ึงผู้ท่ีเป็น นักประวัตศิ าสตรจ์ ะตอ้ งตระหนักและควบคุมให้ได้ ควำมเป็นกลำง คือ การมองด้วยปราศจากความรู้สึกอคติจะเกิดขึ้นได้หากเข้าใจธรรมชาติของหลักฐาน แต่ละประเภท เข้าใจปรัชญาและวิธีการทางประวัติศาสตร์ เข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้เรียน ผู้บันทึก ประวตั ศิ าสตร์ (น่นั คอื เข้าใจว่าบนั ทึกเพ่อื อะไร เพราะเหตใุ ด) ควำมจริงแท้ (real truth) คือ ความจริงท่ีคงอยู่แน่นอนนิรันดร์ เป็นจุดหมายสูงสุดที่นักประวัติศาสตร์ มุ่งแสวงหาซ่ึงจะต้องอาศัยความเข้าใจและความจริงท่ีอยู่เบื้องหลังการ เกิดพฤติกรรมและเหตุการณ์ ต่าง ๆ (ท่ีมนุษย์เป็นผู้สร้าง) ซึ่งการแสวงหาความจริงแท้ ต้องอาศัยความสมบูรณ์ของหลักฐานและ หลักสูตรสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

143 กระบวนการทางประวัติศาสตร์ที่ละเอียด ถ่ีถ้วน กินเวลายาวนาน แต่นี้คือ ภาระหน้าท่ีของนัก ประวตั ิศาสตร์ ผู้สอนวิชำประวัติศำสตร์ คือ ผู้นาความรู้ทางประวัติศาสตร์มาพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ เจตคติและ ทักษะในการใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ในการแสวงหาความจริงและความจริงแท้จะต้องศึกษา ผลงานของนักประวัติศาสตร์และเลือกเนื้อหาประวัติศาสตร์ที่เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน โดยต้อง เป็นไปตามจุดประสงค์ของหลกั สูตรและสอดคล้องธรรมชาตขิ องประวตั ิศาสตร์ เวลำและยคุ สมัยทำงประวัติศำสตร์ เป็นการศกึ ษาเร่ืองการนับเวลา และการแบง่ ช่วงเวลาตามระบบต่าง ๆ ท้งั แบบไทย สากล ศักราชท่ีสาคัญ ๆ ในภูมิภาคตา่ ง ๆ ของโลก และการแบง่ ยุคสมัยทางประวัตศิ าสตร์ ทั้งน้ีเพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะพื้นฐานสาหรับการศึกษาหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ สามารถเข้าเหตุการณ์ ทางประวัติศาสตร์ท่ีสัมพันธ์กับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ตระหนักถึงความสาคัญในความต่อเนื่อง ของเวลา อิทธพิ ลและความสาคญั ของเวลาที่มีต่อวถิ ีการดาเนินชวี ติ ของมนุษย์ วิธีกำรทำงประวัติศำสตร์ หมายถึงกระบวนการในการแสวงหาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเกิดจากวิธีวิจัย เอกสารและหลักฐานประกอบอ่ืนๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ทางประวัติศาสตร์บนพื้นฐานของ ความเปน็ เหตเุ ป็นผล และการวิเคราะหเ์ หตุการณ์ต่าง ๆ อยา่ งเป็นระบบ ประกอบดว้ ยขั้นตอนตอ่ ไปนี้ หนึ่ง การกาหนดเป้าหมายหรือประเด็นคาถามที่ต้องการศึกษา แสวงหาคาตอบด้วยเหตุ และผล (ศึกษาอะไร ชว่ งเวลาไหน สมัยใด และเพราะเหตุใด) สอง การคน้ หาและรวบรวมหลักฐานประเภทต่าง ๆ ทงั้ ท่เี ป็นลายลักษณ์อักษร และไมเ่ ป็น ลาย ลักษณ์อกั ษร ซ่งึ ไดแ้ ก่ วตั ถุโบราณ ร่องรอยถิ่นท่ีอย่อู าศยั หรือการดาเนนิ ชวี ิต สำม การวิเคราะห์หลักฐาน (การตรวจสอบ การประเมินความน่าเช่ือถือ การประเมินคุณค่าของ หลกั ฐาน) การตคี วามหลกั ฐานอย่างเปน็ เหตเุ ปน็ ผล มีความเป็นกลาง และปราศจากอคติ ส่ี การสรุปข้อเท็จจริงเพื่อตอบคาถาม ด้วยการเลือกสรรข้อเท็จจริงจากหลักฐานอย่างเคร่งครัดโดย ไม่ใช้คา่ นยิ มของตนเองไปตัดสนิ พฤติกรรมของคนในอดีต โดยพยายามเขา้ ใจความคิดของคนในยุคนั้น หรือนาตัวเขา้ ไปอยใู่ นยุคสมยั ที่ตนศกึ ษา ห้ำ การนาเสนอเรื่องที่ศึกษาและอธิบายได้อย่างสมเหตุสมผล โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย มีความ ตอ่ เนอ่ื ง น่าสนใจ ตลอดจนมกี ารอ้างอิงข้อเท็จจริง เพอื่ ใหไ้ ด้งานทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าและ มี ความหมาย พัฒนำกำรของมนุษยชำติจำกอดีตถึงปัจจุบัน เป็นการศึกษาเรื่องราวของสังคม มนุษย์ในบริบทของเวลา และสถานที่ โดยท่ัวไปจะแยกเรื่องศึกษาออกเป็นด้านต่าง ๆ ได้แก่ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และความสมั พันธ์ระหว่างประเทศ โดยกาหนดขอบเขตการศึกษาในกลุ่ม สังคม มนุษย์กลุ่มใดกลุ่มหน่ึง เช่น ในท้องถิ่น/ประเทศ/ภูมิภาค/โลก โดยมุ่งศึกษาว่าสังคมนั้น ๆ ได้ เปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาตามลาดับเวลาได้อย่างไร เพราะเหตุใด จึงเกิดความเปล่ียนแปลงมีปัจจัย ใดบ้าง ท้ังทางด้านภูมิศาสตร์และปัจจัยแวดล้อมทางสังคม ที่มีผลต่อพัฒนาการหรือการสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และผลกระทบของการสร้างสรรค์ของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างไร ท้ังนี้เพ่ือให้เข้าใจ อดีตของสงั คมมนษุ ย์ในมิติของเวลาและความต่อเนื่อง หลักสตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

144 กำรปอ้ งกันกำรทุจริต หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

145 ตัวชว้ี ดั และสำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง กลุ่มสำระสังคมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม(กำรป้องกันกำรทจุ ริต) ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ ๑ หนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรู้ หน่วยท่ี 1 1. มีความรู้ ความเข้าใจ - การคิดแยกแยะ การคดิ แยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชนส์ ่วนตนและ เกี่ยวกับการแยกแยะ - ระบบคดิ ฐาน 2 ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน - ระบบคิดฐาน 10 หน่วยที่ 2 ความละอายและความไม่ กับผลประโยชนส์ ่วนรวม ทนตอ่ การทุจรติ 5. สามารถคดิ แยกแยะ หน่วยท่ี 3 ระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน STRONG/จิตพอเพียง กบั ผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ต่อตา้ นการทุจรติ 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจ - การทาการบา้ น เก่ียวกับความละอายและ - การทาเวร ความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ - การสอบ 6. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ลู ะอาย - กิจกรรมนักเรยี น และไม่ทนต่อการทุจริตทุก รปู แบบ 3. มีความรู้ ความเข้าใจ - ความพอเพยี ง เก่ียวกับ STRONG / จติ - ความโปร่งใส พอเพียงต่อต้านการทุจรติ - ตา้ นทจุ ริต 7. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผูท้ ่ี - ความเอื้ออาทร STRONG / จิตพอเพยี ง ตอ่ ต้านการทุจริต 9. ตระหนักและเหน็ ความสาคญั ของการต่อต้าน และป้องกันการทุจริต หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook