46 สำระ มำตรฐำน ตวั ชวี้ ัด สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง* สรรพสงิ่ ซงึ่ มผี ลต่อกันใช้ ในจงั หวดั ของตน ด้วยแผน แผนที่และเครือ่ งมอื ทาง ทแ่ี ละรูปถ่าย ภมู ิศาสตร์ใน การคน้ หา วเิ คราะห์ และสรุปข้อมลู ๒. ระบุแหล่งทรพั ยากร - แหลง่ ทรัพยากรและสถานที่ ตามกระบวนการทาง และสถานทีส่ าคัญใน สาคัญในจังหวัดของตน ภมู ิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภมู ิ จังหวัดของตนดว้ ยแผนที่ สารสนเทศอย่างมี และรปู ถ่าย ประสทิ ธภิ าพ ๓.อธบิ ายลกั ษณะทาง - ลกั ษณะทางกายภาพท่สี ่งผล กายภาพท่ีสง่ ผลต่อแหลง่ ตอ่ แหล่งทรัพยากรและสถานทสี่ าคัญใน ทรพั ยากรและสถานท่ี จงั หวัด สาคัญในจังหวัด มาตรฐาน ส ๕.๒ เข้าใจ ๑. วิเคราะห์ส่งิ แวดลอ้ ม - สงิ่ แวดลอ้ มทางกายภาพที่ ปฏสิ มั พันธ์ระหว่างมนษุ ย์ ทางกายภาพที่ส่งผลต่อ ส่งผลตอ่ การดาเนนิ ชีวิตของคนใน กับส่งิ แวดล้อมทาง การดาเนินชวี ิตของคนใน จังหวัด กายภาพที่ กอ่ ให้เกดิ การ จงั หวดั สร้างสรรค์วิถกี ารดาเนิน ชวี ิต มีจติ สานกึ และมี สว่ น ๒. อธิบายการ - การเปล่ยี นแปลงสง่ิ แวดลอ้ ม ร่วมในการจดั การ เปล่ียนแปลงสงิ่ แวดลอ้ ม ในจังหวัดและผลทเ่ี กิดจากการ ทรพั ยากรและสง่ิ แวดล้อม ในจงั หวดั และผลที่เกดิ จาก เพ่ือการพฒั นา ทยี่ ง่ั ยืน การเปลยี่ นแปลง เปลี่ยนแปลง เชน่ การต้ังถ่นิ ฐาน การ ย้ายถนิ่ ๓. นาเสนอแนวทางการ - การจัดการสง่ิ แวดล้อมใน จดั การสงิ่ แวดลอ้ มใน จงั หวดั จงั หวดั หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
47 โครงสร้ำงหลกั สูตรชน้ั ปี โครงสรำ้ งหลักสูตรช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ 4 รหัส กลุ่มสำระกำรเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลำเรยี น(ชม./ปี) รำยวชิ ำพ้นื ฐำน (๘๔๐) ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย 4 ๑๖๐ ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 4 ๑๖๐ ว ๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 120 ส ๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 4 80 ส ๑๔๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 4 ๔๐ พ ๑๔๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา 4 8๐ ศ ๑๔๑๐๑ ศิลปะ 4 4๐ ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชพี 4 4๐ อ ๑๔๑๐๑ ภาษาองั กฤษ 4 120 รำยวิชำเพม่ิ เติม (80) อ 14201 ภาษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร 40 ส ๑42๐3 การปอ้ งกันการทจุ ริต 40 กิจกรรมพัฒนำผู้เรยี น (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสอื -เนตรนารี 40 กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนมุ 30 รวมเวลำเรียนตำมโครงสรำ้ งหลักสูตร ๑,040 หลักสูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
48 ส๑๔๑๐๑ สงั คมศกึ ษำ ฯ คำอธิบำยรำยวิชำพ้นื ฐำน ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๔ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สงั คมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๘๐ ชั่วโมง ศึกษาความสาคัญของพระพุทธศาสนา สรุปพุทธศาสนา (ทบทวน) พุทธสาวก พุทธสาวิกา ชาดก ศาสนิกชนตัวอยา่ ง พระรัตนตรัย ไตรสกิ ขา โอวาท ๓ พทุ ธศาสนสุภาษติ ตวั อยา่ ง การกระทาความดขี องตนเอง และบุคคลในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน สวดมนต์ไหว้พระ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยและแผ่เมตตา หลักธรรมเพ่ือการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ประวัติศาสดา ความรู้เบื้องต้นและความสาคัญของศาสนสถาน การแสดงความเคารพต่อศาสนสถาน การบารุง ศาสนสถาน มรรยาทของศาสนกิ ชน การปฏบิ ตั ิตนในศาสนพิธี การเข้ารว่ มกิจกรรมประชาธิปไตยของชุมชน แนวทางการปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของชุมชน การเป็นผ้นู าและ ผู้ตามที่ดี สิทธิพื้นฐานของเด็ก วัฒนธรรมในภาคต่าง ๆ ของไทยท่ีแตกต่างกัน ปัญหาและสาเหตุของการเกิด ความขัดแย้งในชีวิตประจาวัน แนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี อานาจอธิปไตย ความสาคัญ ของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย บทบาทหน้าที่ของพลเมืองในกระบวนการเลือกตั้ง สถาบัน พระมหากษัตริย์ในสังคมไทย ความสาคัญ ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย สินค้าและบริการท่ีมีอยู่ หลากหลายในตลาดท่ีมีความแตกต่างด้านราคาและคุณภาพ ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการทม่ี ี มากมาย ซึ่งข้ึนอยู่กับผู้ซื้อ ผู้ขาย และตัวสินค้า สิทธิพ้ืนฐานของผู้บริโภค สินค้าและบริการที่มีเครื่องหมาย รับรองคุณภาพ หลักการและวิธีการเลือกบริโภค หลักการของเศรษฐกิจพอเพียง การประยุกต์ใช้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในการดารงชีวิต อาชีพ สินค้าและบริการต่าง ๆ ท่ีผลิตในชุมชน การพ่ึงพาอาศัยกันภายใน ชุมชนทางด้านเศรษฐกิจ การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนด้วยการใช้ส่ิงของท่ีผลิตในชุมชน ความหมายและ ประเภทของเงนิ หนา้ ที่เบ้อื งตน้ ของเงินในระบบเศรษฐกิจ สกลุ เงินสาคญั ท่ีใชใ้ นการซื้อขายแลกเปลี่ยนระหว่าง ประเทศ การใช้แผนที่ ภาพถ่าย ลักษณะทางกายภาพของจังหวัดปทุมธานี แหล่งทรัพยากรและสิ่งต่าง ๆใน จังหวัดปทุมธานี การใชแ้ ผนทแี่ สดงความสัมพันธข์ องส่งิ ต่าง ๆ ท่มี อี ยใู่ นจงั หวัดปทมุ ธานี ลักษณะทางกายภาพ (ภูมิลักษณ์หรือภูมิประเทศและภูมิอากาศ) ที่มีผลต่อสภาพสังคมของจังหวัดปทุมธานี สภาพแวดล้อมทาง กายภาพของชุมชน ท่ีส่งผลต่อการดาเนินชีวิตของคนในจังหวัดปทุมธานี การเปล่ียนแปลงสภาพแวดล้อมใน จังหวัดปทุมธานีและผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัด ปทุมธานี โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การอธิบาย การ วเิ คราะห์และการอภปิ ราย กระบวนการกลุม่ เกมสร้างทกั ษะ เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสาร สิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวิต การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจและการแก้ปัญหา เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรบั ตัวเองกบั บริบทสภาพแวดลอ้ ม เปน็ พลเมืองดี มีความรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซือ่ สัตยส์ ุจรติ มวี ินยั รกั ความเป็นไทย ใฝ่เรยี นรู้ มีจิตสาธารณะ และมีคุณธรรมและคา่ นยิ มทเี่ หมาะสม หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
49 รหัสตวั ช้ีวัด ส1.1 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ป4/4 ป4/5 ป4/6 ป4/7 ป4/8 ส1.2 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ส2.1 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ป4/4 ป4/5 ส2.2 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ส3.1 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ส3.2 ป4/1 ป4/2 ส4.1 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ส4.2 ป4/1 ป4/2 ส4.3 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ส5.1 ป4/1 ป4/2 ป4/3 ส5.2 ป4/1 ป4/2 ป4/3 รวมทั้งหมด 38 ตัวช้วี ัด หลกั สูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
50 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ สังคมศึกษำศำสนำและวัฒนธรรม กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้สังคมศึกษำศำสนำ และวฒั นธรรม รหัสวิชำ ส 14101 ชน้ั ป.4 เวลำรวม 80 ชว่ั โมง สดั สว่ นคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 หน่วย ชื่อหน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวม เวลำ นำ้ หนกั ภำระงำน/ ท่ี เรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชว่ั โมง) คะแนน ช้นิ งำนรวบ (100) ยอด ตัวชี้วัด 1. ศาสนาประจาชาติ ส 1.1 รู้เรอื่ งราวพุทธสาวกและ 5 2 Mind Map ป 4/3 เร่อื งราวชาดกของพระพทุ ธ พระอรุ เุ วล ศาสนาและศาสนิกชน กสั สปะ ตวั อย่างทท่ี รงยดึ ถือ ให้ นร. ทา สามารถเป็นแบบอยา่ งชาว Popup พุทธได้ ชาดกมา 1 เรอื่ งระหว่าง - กุฎทิ ูสก ชาดก หรือ มหาอุก กสุ ชาดก 2. สมาธิของฉนั ส 1.1 Mind Map พระอรุ เุ วล 3 2 (2) สรปุ องค์ ป 4/6 กัสสปะให้ นร. ทา Popup ความรู้ลงใน ชาดกมา 1 เร่ืองระหวา่ ง แผนผังของ - กฎุ ทิ ูสกชาดกหรอื มหา ความคิดเร่ือง อกุ กุสชาดก การพัฒนาจิต ตามศาสนาท่ี ตนนบั ถอื (7) แบง่ กลมุ่ นร. 4 คน ฝกึ กลา่ วบท สวดมนตแ์ ละ แผ่เมตตาโดย จบั คู่ ใน กลมุ่ หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
51 หนว่ ย ชือ่ หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคดิ รวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ที่ เรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชว่ั โมง) คะแนน ช้นิ งำนรวบ 3. หลกั ธรรมนาชีวิต (100) ตวั ชี้วดั ปฏบิ ตั ิตนตาม 8 ยอด 4. มารยาทชาวพทุ ธ ส 1.1 หลกั ธรรมของศาสนาที่ตน 6 (1) ระดม ป 4/5, นบั ถอื เพอ่ื การอยู่ร่วมกนั 8 สมอง ป 4/7 เปน็ ชาติไดอ้ ยา่ งมีความสุข 2 แบ่งกลุ่มให้ ส 2.1 นร. สรปุ สิง่ ท่ี ป 4/5 เสนอวิธกี ารทจี่ ะอยู่ ได้จาก ร่วมกนั อยา่ งมคี วามสุขและ หลักธรรม ส 1.2 ชื่นชมการทาความดีของ วา่ เราได้ ป 4/2 ตนเอง ในครอบครวั ประโยชน์ อย่างไรและ มารยาทเป็นกริ ิยา วาจาที่ เรานามาใช้ สุภาพ เรียบร้อยที่ศาสนกิ ชีวติ ประจาวั ชนที่ดีไดป้ ฏิบัตอิ ย่าง นได้อยา่ งไร เหมาะสมต่อพระภกิ ษุ - ปฏิบัตจิ ริง - สรุป Diagram - การปฏบิ ตั ิ 5. สทิ ธิของเด็ก ส 2.1 เดก็ และเยาวชนตอ้ งได้รับ 5 2 1. Mind 6. เรอื่ งของเงิน ป 4/1, การคมุ้ ครองสิทธิตาม map ป 4/2, รัฐธรรมนญู และปฏิบัตติ น สทิ ธิพ้นื ฐานท่ี ป 4/3 เปน็ พลเมืองดตี ามวถิ ี เดก็ ได้รบั ตาม ส 3.1 ประชาธิปไตยและบอกสทิ ธิ กฎหมาย ป 4/2 พน้ื ฐานและรักษา 2. เขยี นคา ผลประโยชน์ของตนเองได้ ขวญั 3. ส 3.2 Mind map ป 4/2 เงินมีความสาคัญตอ่ ระบบ 8 สิทธิพ้ืนฐาน เศรษฐกิจเป็นสื่อกลางใน ผูบ้ ริโภค 9 ให้นกั เรียน ตอบคาถาม จากภาพเด็ก หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
52 หน่วย ช่อื หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวม เวลำ นำ้ หนัก ภำระงำน/ ท่ี เรียนรู้ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชวั่ โมง) คะแนน ช้นิ งำนรวบ (100) 7. เศรษฐกิจพอเพยี ง ตวั ช้ีวดั ยอด การแลกเปลี่ยนท่ีได้การ กาลงั จ่ายค่า ยอมรับ ผลไม้ 1. เด็กใน ภาพใชเ้ งนิ ทา อะไร 2. จากภาพ เงินมีหนา้ ที่ สาคญั อยา่ งไร 3. การใช้เงนิ ของเด็กใน ภาพ ก่อให้เกดิ ประโยชน์ อยา่ งไร ส 3.1 เศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ 13 9 - ศึกษาข้อมลู ป 4/1, ปรัชญาชแ้ี นวทางการ - ตอบคาถาม ป 4/3 ดารงชวี ติ ดาเนินไปในทาง - พดู แสดง ส 3.2 สายกลางโดยเนน้ ความ ความคิดเหน็ ป 4/1 พอเพียง พึ่งพาตนเองเป็น - รวมข้อมูล หลกั - นาเสนอ ความสัมพนั ธ์และปจั จยั เจา้ หน้าท่ี ทางเศรษฐกจิ มีผลต่อการ พานิชจงั หวดั เลือกซ้ือสนิ ค้าและบรกิ าร - สารวจ ของคนในสงั คม สินคา้ - จดบันทึก - จาแนก ราคาสินคา้ - ผูจ้ ดั บนั ทึก ขอ้ มลู ของผู้ ซือ้ และผู้ขาย หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
53 หนว่ ย ชือ่ หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวม เวลำ น้ำหนัก ภำระงำน/ ที่ เรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ช่ัวโมง) คะแนน ชนิ้ งำนรวบ ตวั ชีว้ ดั (100) ยอด 8. สอบปลายภาคเรยี นท่ี 1 - 15 9. วฒั นธรรมบา้ นฉัน ส 2.1 วัฒนธรรมของกลุ่มคน 10 6 - บทบาท ป 4/4 ในทอ้ งถิ่นทแี่ ตกต่างกันสู่ - สมมุติ ส 5.1 การเป็นผู้นาและผตู้ ามท่ดี ี - แสดงละคร ป 4/1, ในชุมชน - วาดแผนที่ ป 4/2, จังหวดั ป 4/3 ทรัพยากรและ - สมั ภาษณ์ ส 5.2 ส่งิ แวดล้อมสง่ ผลในการ - รวบรวม ป 4/1 ดาเนินชีวิตของคนใน รายการ จังหวดั อาหาร 10. จังหวัดของฉนั ส 4.1 ประเภทหลักฐานทีใ่ ช้ 8 10 สืบค้นข้อมูล ป 4/3 ในการศึกษาความเป็นมา ท้องถ่นิ ส 5.2 ของท้องถนิ่ - ทต่ี งั้ ป 4/2, การเปลย่ี นแปลง - สภาพภูมิ ป 4/3 สภาพแวดลอ้ มในจงั หวัด ประเทศ และผลที่เกดิ จากการ - วฒั นธรรม เปล่ยี นและจงึ ควรมีสว่ น ประเทศ รว่ มในการอนุรักษ์ - สถานทสี่ าคัญ สิง่ แวดลอ้ ม - ประวัติ ในจงั หวดั ความเปน็ มา - สภาพ ปัจจุบนั สบื คน้ ข้อมูล ในจังหวัด ตนเอง - การตง้ั ถนิ่ ฐาน - เหตุการณ์ สาคัญ หลกั สูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
54 หน่วย ชือ่ หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคดิ รวม เวลำ นำ้ หนัก ภำระงำน/ ท่ี เรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ช่ัวโมง) คะแนน ชิ้นงำนรวบ ตัวชี้วัด (100) ยอด เปรยี บเทียบ อดตี กบั ปจั จบุ ัน 11. ศาสนาประจาชาติ ส 1.1 ศาสนาเป็นสถาบนั หลัก 12 7 Mind Map ป 4/1, ทสี่ าคญั สถาบนั หน่ึงของ ความสาคัญ ป 4/2, สังคมไทย ซงึ่ เป็นศนู ย์รวม ของศาสนา ป 4/4, จิตใจของผู้ทีน่ บั ถือศาสนา ป 4/8 การเรียนรถู้ งึ ประวตั ิ Diagram ส 1.2 ของศาสดาแต่ละศาสนา เปรียบเทียบ ป 4/1, และศาสดาของแต่ละ ความเหมอื น ป 4/3 ศาสนาสามารถนาคาสอน ความตา่ ง ส 2.2 ของศาสดาแต่ละศาสนามา ป 4/1, ปฏิบตั ใิ นชีวติ ประจาวนั ให้ ป 4/2, เกิดประโยชนต์ อ่ ตนเอง ป 4/3 สังคม และประเทศชาติ รวมระหวา่ งภาค 80 70 ปลายภาคเรยี นท่ี 2 - 30 80 100 รวมทงั้ รายวิชา หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
55 ตวั ชวี้ ดั และสำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง กลุ่มสำระสังคมศึกษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ ๕ สำระ มำตรฐำน ตวั ช้วี ดั สำระกำรเรียนร้แู กนกลำง* ๑.วิเคราะห์ความสาคญั ของ - มรดกทางวัฒนธรรมท่ี สาระท่ี ๑ ศาสนา มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และ พระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ทตี่ นนับถือในฐานะที่เป็น ไดร้ ับจากพระพทุ ธศาสนา ศลี ธรรม เข้าใจประวตั ิ ความสาคญั มรดกทางวัฒนธรรมและ จริยธรรม ศาสดา หลกั ธรรมของ หลักในการพัฒนาชาตไิ ทย o มรดกทางดา้ นรปู ธรรม เชน่ พระพทุ ธศาสนาหรือศาสนา ศาสนสถาน โบราณวตั ถุ ๒.สรปุ พุทธประวตั ติ ัง้ แต่ สถาปตั ยกรรม ทตี่ นนับถือและศาสนาอ่นื มี เสด็จกรงุ กบลิ พสั ด์ุจนถึง ศรัทธาท่ถี ูกต้อง ยดึ มน่ั และ พทุ ธกิจสาคัญหรอื ประวัติ o มรดกทางดา้ นจติ ใจ เช่น ปฏบิ ัตติ ามหลักธรรม เพ่ือ ศาสดาทตี่ นนับถือตามที่ หลกั ธรรมคาสั่งสอน ความเช่ือ กาหนด และคณุ ธรรมต่าง ๆ อยูร่ ว่ มกนั อย่างสันตสิ ขุ - การนาพระพุทธศาสนา ไปใชเ้ ปน็ แนวทางในการพฒั นาชาติ ไทย o พฒั นาด้านกายภาพและ ส่ิงแวดล้อม o พฒั นาจิตใจ - สรปุ พทุ ธประวตั ิ (ทบทวน) - โปรดพระพุทธบดิ า (เสด็จกรุงกบิลพสั ด์)ุ - พทุ ธกิจสาคัญ ได้แก่ โลกัตถจริยา ญาตัตถจริยา และ พทุ ธัตถจริยา ๓.เห็นคณุ ค่า และประพฤติ - พทุ ธสาวก พุทธสาวกิ า ตนตามแบบอยา่ งการดาเนิน o พระโสณโกฬวิ สิ ะ ชีวิตและข้อคิดจากประวตั ิ สาวก ชาดกเร่อื งเลา่ และ - ชาดก ศาสนกิ ชนตวั อยา่ งตามที่ o จูฬเสฏฐิชาดก กาหนด - ศาสนิกชนตวั อยา่ ง o สมเด็จพระสังฆราช (สา) ๔.อธิบายองค์ประกอบและ - องค์ประกอบของ ความสาคัญของ พระไตรปฎิ ก พระไตรปฎิ กหรือคัมภีรข์ อง ศาสนาท่ตี น นับถือ o พระสุตตนั ตปฎิ ก o พระวินัยปิฎก หลกั สตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
56 สำระ มำตรฐำน ตัวช้วี ดั สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง* o พระอภธิ รรมปฎิ ก - ความสาคญั ของ พระไตรปฎิ ก ๕.แสดงความเคารพพระ - ไตรสิกขา สมาธิ รัตนตรยั และปฏบิ ตั ิตาม - โอวาท ๓ ไม่ทาชวั่ ไตรสิกขา และหลักธรรม o อบายมขุ ๔ โอวาท ๓ ใน - ทาความดี พระพทุ ธศาสนาหรือ o บุญกริ ยิ าวัตถุ ๓ หลักธรรมของศาสนาท่ตี น o อทิ ธบิ าท ๔ นับถือตามที่กาหนด o กตัญญกู ตเวทีต่อ พระพทุ ธศาสนา o มงคล ๓๘ - ใฝร่ ู้ ใฝเ่ รยี น - การงานไม่อากูล - อดทน - ทาจติ ให้บรสิ ทุ ธิ์ (บริหาร จติ และเจรญิ ปญั ญา) - พทุ ธศาสนสุภาษิต - วริ ิเยน ทุกขฺ มจเฺ จติ คน จะลว่ งทกุ ข์ได้เพราะความเพียร - ปญญฺ า โลกสฺมิ ปชฺโชโต ปญั ญา คือ แสงสว่างในโลก ๖.เหน็ คณุ คา่ และสวดมนต์ - วิธีปฏบิ ัตแิ ละประโยชน์ แผ่เมตตามีสติที่เปน็ พืน้ ฐาน ของการบรหิ ารจิตและเจริญปัญญา ของสมาธิใพระพุทธศาสนา - ฝึกการยนื การเดนิ การ หรือการพัฒนาจติ ตาม นงั่ และการนอนอยา่ งมสี ติ แนวทางของศาสนาทตี่ นนบั ถอื ตามทก่ี าหนด - ฝกึ การกาหนดรู้ ความรู้สึกเม่ือตาเหน็ รูป หูฟังเสียง จมกู ดมกล่นิ ลิน้ ลิม้ รส กายสมั ผสั ส่งิ ทม่ี ากระทบใจรับรู้ ธรรมารมณ์ - ฝึกใหม้ ีสมาธิในการฟัง การอ่าน การคิด การถามและการ เขยี น หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
57 สำระ มำตรฐำน ตัวชี้วดั สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง* ๗.ปฏบิ ัติตนตามหลักธรรม - โอวาท ๓ (ตามสาระการ ของศาสนาทต่ี นนบั ถือ เพือ่ เรยี นรู้ข้อ ๕) การพฒั นาตนเองและ สงิ่ แวดล้อม มาตรฐาน ส ๑.๒ เข้าใจ ๑.จัดพิธีกรรมตามศาสนาท่ี - การจดั พิธีกรรมทเ่ี รียบ ตระหนักและปฏิบัตติ นเปน็ ตนนับถอื อยา่ งเรยี บง่าย มี ศาสนิกชนที่ดี และธารง ประโยชน์ และปฏิบัตติ น งา่ ย ประหยัด มีประโยชน์ และ รกั ษาพระพุทธศาสนาหรือ ถูกต้อง ศาสนาที่ตนนบั ถือ ถูกต้องตามหลักทางศาสนาท่ีตน ๒.ปฏิบัตติ นในศาสนพธิ ี พธิ กี รรมและวันสาคัญทาง นับถอื ศาสนาตามท่ีกาหนด และ อภปิ รายประโยชนท์ ไี่ ด้รับ - การมสี ว่ นร่วมในการ จากการเขา้ รว่ มกจิ กรรม จดั เตรยี มสถานทป่ี ระกอบศาสนพิธี พธิ กี รรมทางศาสนา ๓.มีมรรยาทของความเปน็ ศาสนกิ ชนที่ดีตามทกี่ าหนด - พธิ ีถวายสงั ฆทาน เครอื่ ง สงั ฆทาน - ระเบยี บพิธใี นการทาบุญ งานมงคล - ประโยชนข์ องการเขา้ รว่ มศาสนพิธี พิธีกรรมทางศาสนา หรอื กิจกรรมในวันสาคัญทาง ศาสนา - มรรยาทของศาสนิกชน o การกราบพระรตั นตรัย o การไหว้บิดา มารดา ครู อาจารย์ ผู้ทเี่ คารพนบั ถือ o การกราบศพ สาระท่ี ๒ หนา้ ที่ มาตรฐาน ส ๒.๑ เขา้ ใจและ ๑.ยกตวั อย่างและปฏิบัตติ น - สถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรีภาพหนา้ ท่ขี องพลเมอื งดี พลเมอื ง ปฏิบตั ติ นตามหน้าที่ของการ ตามสถานภาพ บทบาท เช่น เคารพ เทิดทนู สถาบัน วัฒนธรรม และ เปน็ พลเมืองดี มีค่านยิ มทด่ี ี สทิ ธิเสรภี าพ และหนา้ ที่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การดาเนินชีวติ ใน งาม และธารงรกั ษา ในฐานะพลเมืองดี อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สังคม ประเพณีและวัฒนธรรมไทย อนุรักษ์ศลิ ปวัฒนธรรม ปฏบิ ตั ิ ดารงชวี ิตอยู่ร่วมกนั ใน ตนตามกฎหมาย สังคมไทย - คณุ ลกั ษณะของพลเมอื ง และสังคมโลกอย่างสันตสิ ขุ ดี หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
สำระ มำตรฐำน ตัวชวี้ ัด 58 สำระกำรเรียนรูแ้ กนกลำง* เช่นมมุ านะทาประโยชน์เพ่ือ ส่วนรวม มีค่านิยม ประชาธปิ ไตยมีคุณธรรม ๒.เสนอวิธีการปกปอ้ ง - เหตุการณ์ทล่ี ะเมดิ สิทธิ คมุ้ ครองตนเองหรอื ผู้อ่นื จาก เดก็ ในสงั คมไทย การละเมดิ สิทธเิ ด็ก - แนวทางการปกป้อง คมุ้ ครองตนเองหรอื ผู้อื่นจากการ ละเมดิ สิทธิเดก็ - การปกป้องคุ้มครองสทิ ธิ เดก็ ในสงั คมไทย ๓.เห็นคุณคา่ วัฒนธรรมไทย - วฒั นธรรมไทยท่มี ีผลตอ่ ท่มี ผี ลต่อการดาเนินชีวติ การดาเนนิ ชีวิตของคนในสังคมไทย ในสงั คมไทย - คุณคา่ ของวัฒนธรรมกับ การดาเนินชวี ติ ๔.มีสว่ นร่วมในการอนรุ ักษ์ - ความสาคัญของภูมิ และเผยแพร่ภูมปิ ัญญา ปญั ญาท้องถน่ิ ทอ้ งถิ่น ของชมุ ชน - ตวั อยา่ งภมู ิปญั ญา ท้องถิ่นในชุมชนของตน - การอนุรักษแ์ ละเผยแพร่ ภูมิปัญญาท้องถ่ินของชมุ ชน มาตรฐาน ส ๒.๒ เขา้ ใจ ๑.อธิบายโครงสรา้ ง อานาจ - โครงสรา้ งการปกครอง ระบบการเมืองการปกครอง หน้าท่แี ละความสาคญั ของ ในทอ้ งถ่ินเชน่ อบต. อบจ. ในสงั คมปัจจุบนั ยดึ ม่ัน การปกครองสว่ นท้องถนิ่ เทศบาลและการปกครองพเิ ศษ ศรัทธา และธารงรักษาไว้ซ่งึ เช่น เมอื งพัทยา กรงุ เทพมหานคร การปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยอนั มี - อานาจหน้าท่ีและ พระมหากษัตริย์ทรงเป็น ความสาคญั ของการปกครองสว่ น ประมุข ท้องถน่ิ หลกั สตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
59 สำระ มำตรฐำน ตัวช้วี ัด สำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง* สาระท่ี ๓ ๒.ระบุบทบาท หน้าท่ี และ - บทบาท หน้าท่ี และ เศรษฐศาสตร์ วิธกี ารเข้าดารงตาแหน่งของ วิธกี ารเข้าดารงตาแหน่งของ ผูบ้ ริหารทอ้ งถน่ิ ผบู้ ริหารท้องถน่ิ เช่น นายก อบต. นายกเทศมนตรี นายกอบจ. ผ้วู า่ ราชการ กทม. นายกเมือง พัทยา ๓.วิเคราะห์ประโยชนท์ ่ี - องค์กรปกครองสว่ น ชมุ ชนจะได้รบั จากองคก์ ร ทอ้ งถิ่นกบั บริการ ปกครองส่วนท้องถนิ่ สาธารณประโยชน์ในชมุ ชน มาตรฐาน ส ๓.๑ เข้าใจและ ๑.อธบิ ายปัจจยั การผลิต - ความหมายและประเภท สามารถบรหิ ารจดั การ สินค้าและบริการ ของปจั จยั การผลติ ประกอบด้วย ทรพั ยากรในการผลติ และ การบริโภค การใชท้ รพั ยากร ท่ีดนิ แรงงาน ทนุ และ ทม่ี ีอยู่จากดั ได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพและคมุ้ คา่ ผปู้ ระกอบการ รวมท้ังเข้าใจ หลกั การของเศรษฐกิจ - เทคโนโลยใี นการผลิต พอเพยี ง เพอ่ื การดารงชวี ติ สนิ ค้าและบรกิ าร อย่างมีดลุ ยภาพ - ปัจจยั อนื่ ๆ เชน่ ราคา น้ามันวตั ถดุ บิ ๒.ประยกุ ต์ใชแ้ นวคดิ ของ - การประยุกต์ใชป้ รชั ญา ปรัชญาของเศรษฐกจิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งในกิจกรรม พอเพียงในการทากิจกรรม ต่าง ๆ ในครอบครัว โรงเรยี นและ ต่าง ๆในครอบครวั โรงเรยี น ชมุ ชน เช่น การประหยัดพลังงาน และชมุ ชน และคา่ ใช้จา่ ยในบ้าน โรงเรยี น การ วางแผน การผลิตสนิ ค้าและบริการ เพือ่ ลดความสญู เสยี ทกุ ประเภท การใช้ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ - ตัวอยา่ งการผลิตสินค้า และบรกิ ารในชุมชน เช่น หนงึ่ ตาบล หนง่ึ ผลติ ภัณฑ์ หรือโอท็อป หลกั สูตรสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
60 สำระ มำตรฐำน ตวั ชว้ี ัด สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง* ๓.อธบิ ายหลักการสาคัญ - หลักการและประโยชน์ สาระที่ ๕ มาตรฐาน ส ๓.๒ เขา้ ใจ และประโยชนข์ องสหกรณ์ ภูมศิ าสตร์ ระบบและสถาบนั ทาง ของสหกรณ์ เศรษฐกิจต่าง ๆ ๑.อธิบายบทบาทหน้าท่ี ความสัมพนั ธ์ทางเศรษฐกจิ เบ้ืองตน้ ของธนาคาร - ประเภทของสหกรณ์ และความจาเปน็ ของการ โดยสงั เขป ร่วมมือกันทางเศรษฐกจิ ใน สังคมโลก - สหกรณใ์ นโรงเรียน(เนน้ ฝกึ ปฏบิ ัติจรงิ ) - บทบาทหน้าท่ีของ ธนาคารโดยสงั เขป - ดอกเบีย้ เงนิ ฝากและ ดอกเบ้ียก้ยู มื - การฝากเงนิ / การถอน เงิน ๒.จาแนกผลดีและผลเสีย - ผลดแี ละผลเสียของการ ของการกู้ยืม กู้ยืมเงินทั้งนอกระบบ และในระบบ มาตรฐาน ส ๕.๑ เขา้ ใจ ๑.สืบค้นและอธิบายข้อมูล - ตาแหนง่ (พิกัด ลกั ษณะทางกายภาพของ ลักษณะทางกายภาพ ของ ภูมิศาสตรล์ ะตจิ ดู ลองจิจดู ) ระยะ โลก และความสัมพันธข์ อง ภมู ภิ าคของตนด้วยแผนท่ี สรรพสิง่ ซึ่งมีผลตอ่ กันใช้ และรูปถา่ ย ทศิ ทางของภมู ิภาคของตนเอง แผนท่ีและเครือ่ งมือทาง ภูมศิ าสตรใ์ น การคน้ หา วิเคราะห์ และสรปุ ข้อมลู ตามกระบวนการทาง ภมู ิศาสตร์ ตลอดจนใชภ้ มู ิ สารสนเทศอย่างมี ประสทิ ธิภาพ ๒.อธิบายลักษณะทาง - ภูมลิ กั ษณ์ทีส่ าคัญใน กายภาพทีส่ ง่ ผลต่อแหล่ง ภูมิภาคของตนเอง เช่น แมน่ ้า ทรพั ยากรและสถานที่สาคัญ ในภมู ภิ าคของตน ภเู ขา ปา่ ไม้ - ความสมั พันธ์ของ ลกั ษณะ หลกั สตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
61 สำระ มำตรฐำน ตวั ชี้วดั สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง* ทางกายภาพ (ภมู ลิ ักษณแ์ ละ ภูมิอากาศ) และลกั ษณะ ทางสังคม (ภูมสิ ังคม) ในภูมภิ าค ของตนเอง มาตรฐาน ส ๕.๒ เขา้ ใจ ๑.วิเคราะหส์ ิ่งแวดลอ้ มทาง - สภาพแวดลอ้ มทาง ปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างมนษุ ย์ กายภาพที่มีอิทธพิ ล ต่อ กายภาพท่ีมอี ิทธิพลต่อลักษณะการ กับสง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพ ลกั ษณะการตั้งถ่ินฐานและ ตั้งถนิ่ ฐานและการย้ายถนิ่ ที่ ก่อใหเ้ กิดการสรา้ งสรรค์ การยา้ ยถิ่นของ ประชากร วถิ ีการดาเนินชวี ิต มี ในภูมภิ าคของตน ของประชากรในภูมิภาค จิตสานกึ และมี ส่วนรว่ มใน การจัดการทรัพยากรและ สงิ่ แวดลอ้ มเพื่อการพัฒนา ที่ยั่งยืน ๒.วเิ คราะห์อทิ ธพิ ลของ - อทิ ธพิ ลของสงิ่ แวดล้อม ส่งิ แวดล้อมทางธรรมชาติ ท่ี ทางธรรมชาตทิ ี่ก่อให้เกดิ วิถชี ีวิต ก่อใหเ้ กดิ วิถีการดาเนนิ ชีวิต และการสร้างสรรค์วฒั นธรรมใน ในภมู ภิ าคของตน ภูมิภาค ๓.นาเสนอตวั อย่างท่ีสะท้อน - ผลจากการรักษาและ ใหเ้ ห็นผลจากการ รกั ษา การทาลายสภาพแวดล้อม และทาลายสิง่ แวดล้อม และ เสนอ แนวทางในการจดั การ - แนวทางการอนรุ ักษ์และ ส่ิงแวดลอ้ มในภมู ภิ าค ของ รักษาสภาพแวดล้อมในภมู ภิ าค ตน หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
62 โครงสร้ำงหลกั สตู รชัน้ ปี โครงสรำ้ งหลักสตู รช้ันประถมศกึ ษำปีที่ ๕ รหสั กล่มุ สำระกำรเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลำเรยี น(ชม./ปี) รำยวชิ ำพน้ื ฐำน (๘๔๐) ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย 5 ๑๖๐ ค ๑๕๑๐๑ คณิตศาสตร์ 5 ๑๖๐ ว ๑๕๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 120 ส ๑๕๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 5 80 ส ๑๕๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ 5 ๔๐ พ ๑๕๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา 5 8๐ ศ ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ 5 4๐ ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชีพ 5 4๐ อ ๑๕๑๐๑ ภาษาอังกฤษ5 120 รำยวชิ ำเพิม่ เติม (8๐) อ 15201 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 40 ส ๑52๐3 การปอ้ งกนั การทุจรติ 40 กิจกรรมพัฒนำผู้เรียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลูกเสือ-เนตรนารี 40 กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชมุ นมุ 30 รวมเวลำเรียนตำมโครงสรำ้ งหลกั สตู ร ๑,040 หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
63 ส๑๕๑๐๑ สงั คมศกึ ษำ ฯ คำอธิบำยรำยวชิ ำพ้ืนฐำน ช้นั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๕ กลุ่มสำระกำรเรยี นร้สู งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๘๐ ชัว่ โมง ศึกษามรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับจากพระพุทธศาสนา การนาพระพุทธศาสนาไปใช้เป็นแนวทาง ในการพัฒนาชาติไทย สรุปพุทธประวัติ (ทบทวน) โปรดพระพุทธบิดา(เสด็จกรุงกบิลพัสด์) พุทธกิจสาคัญ พุทธสาวก พทุ ธสาวกิ า ชาดก ศาสนกิ ชนตัวอย่าง องค์ประกอบของพระไตรปฎิ ก ความสาคญั ของพระไตรปิฎก พระรัตนตรัย ไตรสิกขา โอวาท ๓ พุทธศาสนสุภาษิต สวดมนต์ไหว้พระ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยและแผ่ เมตตา การจัดพิธีกรรมที่เรียบง่ายประหยัดมีประโยชน์และถูกต้องตามหลักทางศาสนาท่ีตนนับถือ การมีส่วน รว่ มในการจัดเตรยี มสถานที่ประกอบศาสนพิธี พธิ ีกรรมทางศาสนา พิธีถวายสงั ฆทาน เครื่องสงั ฆทาน ระเบียบ พิธีในการทาบุญงานมงคล ประโยชน์ของการเข้าร่วมศาสนพิธี พิธีกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมในวันสาคัญ ทางศาสนา มรรยาทของศาสนิกชน สถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของพลเมืองดี คุณลักษณะของ พลเมืองดี เหตุการณ์ที่ละเมิดสิทธิเด็กในสังคมไทย แนวทางป้องกันคุ้มครองตนเองหรือผู้อ่ืนจากการละเมิด สิทธิเด็ก การปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กในสังคมไทย วฒั นธรรมไทยทีม่ ีผลต่อการดาเนินชีวิตของคนในสงั คมไทย คุณคา่ ของวัฒนธรรมกับการดาเนินชวี ติ ความสาคญั ของภูมปิ ัญญาท้องถิ่น ตวั อย่างภมู ปิ ัญญาท้องถ่ินในชุมชน ของตน การอนุรักษ์และเผยแพร่ ภูมิปัญญาท้องถ่ินของชุมชน โครงสร้างการปกครองในท้องถิ่น อานาจหน้าที่ และความสาคัญของการปกครองส่วนท้องถน่ิ บทบาท หน้าท่ี และวิธีการเข้าดารงตาแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินกับบริการสาธารณประโยชน์ในชุมชนความหมายและประเภทของปัจจัยการผลิต ประกอบดว้ ย ที่ดนิ แรงงาน ทุน และผู้ประกอบการ เทคโนโลยีในการผลติ สินค้าและบรกิ ารปจั จยั อื่น ๆ ในการ ผลิตสินค้า พฤติกรรมของผู้บริโภค ตัวอย่างการผลิตสินค้าและบริการที่มีอยู่ในท้องถ่ิน หรือแหล่งผลิตสินค้า และบริการในชมุ ชน หลักการของเศรษฐกจิ พอเพียง การประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในกจิ กรรม ต่าง ๆ ในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ตัวอย่างการผลิตสินค้าและบริการในชุมชน หลักการและประโยชน์ ของสหกรณ์ ประเภทของสหกรณ์โดยสังเขป สหกรณ์ในโรงเรียน การประยุกต์หลักการของสหกรณ์มาใช้ใน ชีวิตประจาวนั บทบาทหน้าท่ขี องธนาคารโดยสังเขป ดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบย้ี ก้ยู มื การฝากเงิน/การถอน เงิน ผลดีและผลเสียของการกู้ยืมเงินท้ังนอกระบบและในระบบที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ ตาแหน่ง (พิกัด ภูมิศาสตร์ ละติจูด ลองจิจูด) ระยะ ทิศทางของภาคกลาง ลักษณะภูมิลักษณ์ ที่สาคัญของภาคกลาง ในแผนที่ ความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพกับลักษณะทางสังคมในภาคกลาง สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ที่มี อิทธิพลต่อลักษณะการต้ังถ่ินฐานและการย้ายถ่ินของประชากรในภาคกลาง อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมทาง ธรรมชาติที่ก่อให้เกิดวิถีชีวิตและการสร้างสรรค์วัฒนธรรมในภาคกลาง ผลจากการรักษาและการทาลาย สภาพแวดลอ้ ม แนวทางการรกั ษาสภาพแวดลอ้ มในภาคกลาง หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
64 โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความร้กู ารสารวจตรวจสอบ การสืบคน้ ขอ้ มูล การอธบิ าย การวเิ คราะห์ และการอภปิ ราย กระบวนการเกม ทักษะกระบวนการกล่มุ เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวิต การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจและการแก้ปัญหา เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรับตวั เองกับบริบทสภาพแวดล้อม เป็นพลเมอื งดี มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซอ่ื สัตย์สุจริต มวี นิ ัย รักความเป็นไทย ใฝเ่ รียนรู้ มจี ิตสาธารณะและมคี ุณธรรมและค่านิยมท่ีเหมาะสม รหัสตัวชี้วดั ส1.1 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ป5/4 ป5/5 ป5/6 ป5/7 ส1.2 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ส2.1 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ป5/4 ส2.2 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ส3.1 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ส3.2 ป5/1 ป5/2 ส4.1 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ส4.2 ป5/1 ป5/2 ส4.3 ป5/1 ป5/2 ป5/3 ป5/4 ส5.1 ป5/1 ป5/2 ส5.2 ป5/1 ป5/2 ป5/3 รวมท้ังหมด 36 ตวั ชว้ี ัด หลกั สตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
65 โครงสร้ำงรำยวิชำ สังคมศกึ ษำศำสนำและวัฒนธรรม กลุ่มสำระกำรเรียนรู้สงั คมศึกษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหสั วิชำ ส 15101 ช้ัน ป.5 เวลำรวม 80 ช่วั โมง สดั ส่วนคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 หนว่ ย ช่ือหน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวม เวลำ น้ำหนัก ภำระงำน/ ท่ี เรยี นรู้ กำรเรียนรู้ / ยอด (ชว่ั โมง) คะแนน ช้นิ งำนรวบ (100) ยอด ตวั ชว้ี ัด 1. หลกั ธรรมนาชวี ติ ส 1.1 การปฏบิ ัตติ นตามคาสอน 12 7 ปฏบิ ัติ จริง ป 5/5, ของ ศาสนาด้วยมารยาท -กราบ ป 5/7 ของการเปน็ ศาสนิกชนที่ดี - ไหว้ ส 1.2 ทาใหอ้ ยู่ร่วมกันอย่างมี -นัง่ สมาธิ ป 5/3 ความสุข -รายงาน การ ปฏบิ ัติ ตนตาม หลัก ธรรม 2. พธิ กี รรมวนั สาคญั ส 1.2 การจัดพิธกี รรมทางศาสนา 8 5 * ออกแบบ ป 5/1, ท่ี ถกู ต้องเหมาะสมเรยี บ งานทาบุญตัก ป 5/2 ง่าย มีผลทาใหเ้ กิดความสขุ บาตร และ ในการดาเนินชวี ติ ถวาย สังฆทาน * อภิปราย 3. เศรษฐกจิ พอเพยี ง ส 3.1 การผลติ สินคา้ และบริการท่ี 10 8 * Mind ป 5/1, มี เทคโนโลยปี ัจจัยการผลติ mapping ป 5/2, จะนามาซึ่งประโยชน์ท่ี แสดงการ คดิ ป 5/3 คุ้มคา่ โดย อาศยั หลักการ หลาก หลาย ของเศรษฐกจิ พอเพียงมา เกย่ี วกบั ประยุกตใ์ ช้ใน เศรษฐกิจ ชวี ิตประจาวันอย่างถูกตอ้ ง พอเพียงและ และเหมาะ สมทาใหเ้ กิด โอท็อปเพอื่ สนิ คา้ ในชุมชนทด่ี ี แสดงการ หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
66 หนว่ ย ชือ่ หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวม เวลำ นำ้ หนกั อธบิ ายและ ที่ เรียนรู้ กำรเรียนรู้ / ยอด (ช่วั โมง) คะแนน การจาแนก (100) * เล่าเรอ่ื ง 4. สถาบันการเงนิ ตวั ช้วี ัด สถาบนั ทางการเงินเป็น 8 การประ ยกุ ต์ แหลง่ ออมเงนิ และกูย้ ืมเงิน 5 ส 3.2 เพือ่ ประโยชนใ์ นการ ภำระงำน/ ป 5/1, ดาเนนิ ชวี ิต ได้อยา่ งม่ันคง ชน้ิ งำนรวบ ป 5/2 ยอด ใช้ หลัก เศรษฐกิจ พอเพียงใน ชีวิตจรงิ *Mind mapping แสดงการ คิด หลาก หลาย เก่ยี วกับ สหกรณ์ และ ธนาคาร เพอื่ แสดงการ อธบิ าย และ การจาแนก 5. ประวัติชมุ ชน ส 2.2 การสืบคน้ ความเป็นมาของ 10 8 โครงงาน 6. ป 5/4 เร่ืองราวในท้องถนิ่ โดยการ - เกี่ยวกบั จงั หวัด ใชแ้ หล่งขอ้ มูล เอกสาร ปทมุ ธานตี าม ตวั อย่างหลักฐาน ท่ี ประเด็นที่ แตกต่างระหวา่ งความจรงิ สนใจ กบั ข้อเท็จจริงโดยการมีส่วน รว่ มในการอนรุ ักษ์และ 15 เผยแพร่ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน ของชุมชนอย่างมีคุณธรรม และยง่ั ยนื สืบไป สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
67 7. วัฒนธรรมภมู ิ ส 2.1 สภาพแวดลอ้ มทาง 15 14 Diagram ปญั ญาไทย ป 5/3 กายภาพมีอทิ ธิพลตอ่ การ วเิ คราะห์ ส 5.1 ตั้งถน่ิ ฐานทม่ี สี ง่ิ แวดลอ้ มที่ ส่วนรวม ป 5/1, จะก่อให้ เกิดวิถีชวี ิตและ สว่ นยอ่ ย หนว่ ย ช่อื หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ที่ เรียนรู้ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชัว่ โมง) คะแนน ชนิ้ งำนรวบ ตวั ชีว้ ดั (100) ยอด ป 5/2 การสรา้ ง สรรค์ในภูมภิ าค ส 5.2 อันเกดิ จากการเหน็ คุณคา่ ป 5/3 วัฒนธรรมไทยที่มีผลต่อการ ดาเนนิ ชวี ติ ในสังคมไทย 8. รู้รกั ษส์ ง่ิ แวดล้อม ส 5.1 ความสมั พันธข์ องลักษณะ 10 6 * Diagram ป 5/2 ทางกายภาพกับลักษณะ เช่น สว่ น ทางสังคมในภมู ิภาค มี รวม ส่วนยอ่ ย ตาแหน่งแหง่ ที่ ทส่ี ะท้อนให้ * โครงงาน เห็นผล กระทบในการตั้งถิ่น ตาม สถาน ฐาน จากการรักษาและการ การณ์ ตวั อย่าง ทา ลายทรพั ยากรและ ที่เกดิ ขึน้ จาก สิง่ แวดลอ้ ม ข่าวสารใน ปจั จบุ ัน 9. ประเทศเพ่ือนบา้ น ส 4.2 อิทธพิ ลของอารยธรรม ของ 7 2 Diagram ป 5/1 อินเดีย จีน ทีม่ ผี ลต่อ สรุปการ ประเทศไทยและประเทศ วิเคราะห์ เพ่ือนบ้านในการอยู่รว่ มกนั ข้อมลู / การ ในสังคมอย่างมีความสขุ ทานาย เหตุการณ์ / การประ เมนิ //การลง ความ เหน็ รวมระหว่างภาค 80 70 ปลายภาคเรียนท่ี 2 - 30 รวมทง้ั รายวิชา 80 100 หลกั สูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
68 ตวั ชวี้ ดั และสำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง* กลุม่ สำระสังคมศกึ ษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม ๑.วเิ คราะห์ความสาคญั ของ - พระพทุ ธศาสนาในฐานะ ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๖ พระพุทธศาสนาในฐานะ เป็นศาสนาประจาชาติ เช่น เป็น เปน็ ศาสนาประจาชาติ หรือ เอกลกั ษณ์ของชาติไทย เป็น สาระ มาตรฐาน ความสาคัญของศาสนาท่ตี น สาระท่ี ๑ มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเข้าใจ นับถือ รากฐานและมรดกทางวฒั นธรรม ศาสนา ประวัติ ความสาคัญ ศาสดา ไทยเป็นศูนยร์ วมจิตใจ และเป็น ศลี ธรรม หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา จริยธรรม หรอื ศาสนาทต่ี นนับถือและ หลกั ในการพัฒนาชาติไทย ศาสนาอื่น มีศรทั ธาท่ีถูกต้อง ๒.สรปุ พทุ ธประวัติตงั้ แตป่ ลง สรปุ พทุ ธประวัติ(ทบทวน) ยดึ มั่น และปฏบิ ัติตาม หลักธรรม เพอ่ื อยูร่ ว่ มกนั อยา่ ง อายุสังขารจนถึงสงั เวชนยี o ปลงอายสุ งั ขาร สนั ติสุข สถานหรือประวตั ิศาสดาท่ี o ปัจฉมิ สาวก ตนนับถอื ตามท่ีกาหนด o ปรนิ พิ พาน o การถวายพระเพลิง o แจกพระบรมสารีริกธาตุ o สงั เวชนียสถาน ๔ ๓.เห็นคุณค่าและประพฤติ - พทุ ธสาวก พุทธสาวกิ ตนตามแบบอย่างการดาเนิน กา ชวี ติ และข้อคดิ จากประวตั ิ - พระราธา สาวกชาดก เรอื่ งเล่าและ - ชาดก ศาสนิกชนตวั อยา่ งตามท่ี - ทีฆตี ิโกสลชาดก กาหนด - ศาสนิกชนตัวอยา่ ง - พอ่ ขนุ รามคาแหง มหาราช ๔.วิเคราะหค์ วามสาคัญและ - ไตรสิกขา เคารพพระรัตนตรยั ปฏิบัติ - ศลี สมาธิ ปัญญา ตามไตรสิกขาและหลักธรรม (เรียนในชั้นป.4 และป.5) โอวาท ๓ ใน - โอวาท ๓ พระพุทธศาสนา หรือ - ไมท่ าช่ัว o อกุศลมลู ๓ หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
69 สาระ มาตรฐาน ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง* หลักธรรมของศาสนาท่ีตน - ทาความดี นบั ถอื ตามทกี่ าหนด o กุศลมูล ๓ o คารวะ ๖ o กตัญญูกตเวทีต่อ พระมหากษัตรยิ ์ o มงคล ๓๘ - มีวนิ ยั - การงานไม่มีโทษ - ไมป่ ระมาทในธรรม ทาจติ ให้บรสิ ทุ ธ์ิ (บริหารจิตและ เจรญิ ปญั ญา)พุทธศาสนสุภาษิต - สจเฺ จน กิตตฺ ึ ปปโฺ ปติ : คนจะไดเ้ กียรติดว้ ยสัจจะ - ยถาวาที ตถาการี : พูดเชน่ ไร ทาเชน่ นน้ั ๕.ชื่นชมการทาความดขี อง - ตวั อย่างการกระทา บุคคลในประเทศตามหลัก ความดีของบุคคลในประเทศ ศาสนาพร้อมทงั้ บอกแนว ปฏบิ ตั ิในการดาเนนิ ชวี ิต ๖.เหน็ คณุ คา่ และสวดมนต์ - ความหมายของ แผ่เมตตา และบรหิ ารจิต สติสมั ปชญั ญะสมาธิ และปัญญา เจริญปัญญา มสี ตทิ ่เี ป็น (ทบทวน) พนื้ ฐานของสมาธิในระพทุ ธ ศาสนาหรือการพฒั นาจติ - วิธีปฏบิ ตั ิและ ตามแนวทางของศาสนาที่ ประโยชน์ของการบริหารจติ และ ตนนับถือตามท่ีกาหนด เจริญปัญญา (ทบทวน) ๗.ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรม - อบายมุข ๖ อกศุ ลมลู ของศาสนาทตี่ นนบั ถอื เพื่อ ๓ กุศลมูล ๓ แก้ปัญหาอบายมุขและ สิ่งเสพติด ๘.อธบิ ายหลักธรรมสาคญั - หลกั ธรรมสาคญั ของ ของศาสนาอื่น ๆ โดยสังเขป ศาสนาต่าง ๆ - ศาสนาอสิ ลาม : หลกั ศรทั ธา หลักปฏบิ ัติ หลัก จริยธรรม หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
70 สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง* - คริสต์ศาสนา : บญั ญัติ ๑๐ประการ ๙.อธบิ ายลกั ษณะสาคญั ของ - ศาสนพิธีของศาสนา ศาสนพธิ ี พธิ ีกรรมของ ตา่ ง ๆ ศาสนาอื่นๆ และปฏบิ ตั ิตน ไดอ้ ย่างเหมาะสมเมื่อต้อง o ศาสนาอิสลาม เชน่ การ เข้ารว่ มพธิ ี ละหมาด การถือศลี อด การบา เพญ็ ฮจั ญ์ ฯลฯ o ครสิ ต์ศาสนา เชน่ ศีลล้างบาป ศีลอภัยบาป ศลี กาลัง ศลี มหา สนิท ฯลฯ o ศาสนาฮินดู เชน่ พิธศี ราทธ์ พธิ ีบูชาเทวดา มาตรฐาน ส ๑.๒ เขา้ ใจ ๑.อธบิ ายความรู้เกีย่ วกบั - ความรเู้ บือ้ งต้น ตระหนกั และปฏิบตั ติ นเปน็ สถานท่ีตา่ ง ๆ ในศาสน เก่ียวกบั สถานที่ตา่ ง ๆ ภายในวัด ศาสนกิ ชนทีด่ ี และธารงรักษา สถาน และปฏิบัตติ นได้ เชน่ เขตพทุ ธาวาส สงั ฆาวาส พระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาที่ อยา่ งเหมาะสม ตนนบั ถอื - การปฏิบตั ติ นที่ เหมาะสมภายในวดั ๒.มีมรรยาทของความเปน็ - มรรยาทของศาสนิกชน ศาสนิกชนที่ดีตามทกี่ าหนด - การถวายของแก่ พระภิกษุ - การปฏิบตั ติ นในขณะ ฟังธรรม - การปฏบิ ัตติ นตาม แนวทางของพุทธศาสนิกชนเพอื่ ประโยชน์ต่อศาสนา ๓.อธบิ ายประโยชนข์ องการ - พธิ ีทอดผา้ ป่า เขา้ รว่ มในศาสนพิธี - พธิ ที อดกฐิน พธิ กี รรม และกจิ กรรมในวัน - ระเบยี บพิธีในการ สาคัญทางศาสนาตามท่ี ทาบุญ งานอวมงคล กาหนด และปฏบิ ัตติ นได้ ถูกต้อง - การปฏบิ ตั ิตนทถ่ี ูกต้อง ในศาสนพธิ ี พิธกี รรม และวันสาคญั ทางศาสนา เช่น วัน มาฆบูชา วนั วิสาขบูชา วันอัฐมี หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
71 สาระ มาตรฐาน ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง* สาระที่ ๒ มาตรฐาน ส ๒.๑ เขา้ ใจและ บชู า วนั อาสาฬหบูชา วันธรรม หนา้ ที่พลเมือง ปฏิบตั ติ นตามหน้าที่ของการ วฒั นธรรม เป็นพลเมืองดี มีค่านยิ มทีด่ ีงาม สวนะ และการ และธารงรักษาประเพณีและ ดาเนินชวี ิตใน วัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยู่ - ประโยชน์ของการเขา้ สังคม ร่วมกันในสงั คมไทย รว่ มในศาสนพิธี พิธีกรรม และวนั และสังคมโลกอยา่ งสันตสิ ขุ สาคญั ทางศาสนา ๔.แสดงตนเปน็ พุทธมามกะ - การแสดงตนเปน็ พุทธ หรือแสดงตนเป็นศาสนกิ ชน มามกะ ของศาสนาท่ตี นนบั ถือ - ขนั้ เตรียมการ - ข้นั พิธกี าร ๑.ปฏบิ ัตติ ามกฎหมายที่ - กฎหมายทเี่ กี่ยวข้องกับ เก่ียวข้องกับชีวติ ประจาวัน ชีวติ ประจาวนั ของครอบครัวและ ของครอบครัวและชุมชน ชมุ ชน เชน่ o กฎหมายจราจร กฎหมาย ยาเสพติดให้โทษ กฎหมาย ทะเบยี นราษฎร o เทศบัญญัติ ขอ้ บัญญตั ิ อบต. อบจ. - ประโยชน์ของการ ปฏิบตั ติ นหรือเคารพกฎหมาย ดังกลา่ ว ๒.วิเคราะห์การเปลย่ี นแปลง - ความหมายและ วฒั นธรรมตามกาลเวลาและ ประเภทของวฒั นธรรม ธารงรักษาวัฒนธรรมอนั ดี - การเปลี่ยนแปลง งาม วัฒนธรรมตามกาลเวลา ทมี่ ผี ล ต่อตนเองและสังคมไทย - แนวทางการธารงรักษา วัฒนธรรมไทย ๓.แสดงออกถงึ มารยาทไทย - ความหมายและสาคัญ ได้เหมาะสมถูกกาลเทศะ ของกริ ิยามารยาทไทย - มารยาทไทยและ มารยาทสังคม เช่น การแสดง ความเคารพ การยนื การเดนิ การนั่ง การนอน การรับของส่ง ของการรับประทานอาหาร การ หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
72 สาระ มาตรฐาน ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง* แสดงกริ ยิ าอาการ การทักทาย การสนทนา การใช้คาพูด ๔.อธบิ ายคณุ ค่าทาง - ประโยชน์และคณุ ค่า วฒั นธรรมทีแ่ ตกตา่ งกนั ทางวัฒนธรรม ระหวา่ งกลมุ่ คนในสังคมไทย - ความแตกต่างทาง วฒั นธรรมระหว่างกลุ่มคนภาค ต่าง ๆ ในสังคมไทย - แนวทางการรักษา วฒั นธรรม ๕.ตดิ ตามขอ้ มูลข่าวสาร - แหลง่ ข้อมูล ขา่ วสาร เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆใน เหตุการณ์ตา่ ง ๆ เชน่ จากวทิ ยุ ชวี ติ ประจาวันเลอื กรบั และ โทรทศั น์ หนังสือพิมพ์ แหล่งขา่ ว ใชข้ ้อมลู ข่าวสารในการ ต่าง ๆจากหอจดหมายเหตุ เรียนรไู้ ดเ้ หมาะสม สถานการณ์จริงหรือจดหมายเหตุ - ประโยชน์จากการ ติดตามข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ ต่าง ๆ - หลกั การเลือกรบั และ ใช้ข้อมลู ข่าวสารจากส่อื ตา่ ง ๆ รวมท้ังสอ่ื ท่ีไรพ้ รมแดน มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบ ๑.เปรียบเทยี บบทบาท - กฎหมายท่เี ก่ยี วข้องกบั การเมืองการปกครองในสงั คม หน้าที่ ชีวิตประจาวนั ของครอบครัวและ ปัจจุบัน ยดึ มน่ั ศรัทธา และ ขององค์กรปกครองส่วน ชมุ ชน เชน่ ธารงรกั ษาไวซ้ งึ่ การปกครอง ทอ้ งถิ่นและรัฐบาล ระบอบประชาธิปไตยอนั มี o กฎหมายจราจร พระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข o กฎหมายยาเสพติดให้โทษ o กฎหมายทะเบยี นราษฎร o เทศบัญญัติ ขอ้ บัญญตั ิ อบต. อบจ. - ประโยชน์ของการ ปฏิบัติตนหรือเคารพกฎหมาย ดงั กล่าว ๒.มสี ่วนรว่ มในกิจกรรมตา่ ง - กจิ กรรมต่าง ๆ เพื่อ ๆ ทส่ี ง่ เสริมประชาธิปไตย หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
73 สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง* ในท้องถิน่ และประเทศ สง่ เสรมิ ประชาธปิ ไตย ในท้องถ่นิ และประเทศ สาระที่ ๓ มาตรฐาน ส ๓.๑ เข้าใจและ ๓.อภปิ รายบทบาท - การมสี ว่ นในการออก เศรษฐศาสตร์ สามารถบรหิ ารจัดการ ความสาคญั ในการใชส้ ิทธิ กฎหมายระเบียบ กตกิ า การ ทรัพยากรในการผลติ และการ ออกเสยี งเลือกตง้ั ตาม บริโภค การใช้ทรัพยากรทมี่ ีอยู่ ระบอบประชาธปิ ไตย เลือกตง้ั จากดั ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ และค้มุ ค่ารวมทงั้ เขา้ ใจ ๑.อธบิ ายบทบาทของผูผ้ ลิต - สอดส่องดูแลผมู้ ี หลกั การของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ที่มคี วามรบั ผดิ ชอบ พฤติกรรม การกระทาผิดเกยี่ วกับ เพ่ือการดารงชวี ิตอยา่ งมีดุลย ภาพ กฎหมายการเลือกตั้ง และแจ้งต่อ เจ้าหน้าทผ่ี ู้รับผดิ ชอบ - ตรวจสอบคณุ สมบตั ิ ผู้ใชส้ ทิ ธิเลอื กตงั้ - การใชส้ ทิ ธอิ อกเสยี ง เลอื กตัง้ ตามระบอบ ประชาธิปไตย - บทบาทของผ้ผู ลิตทมี่ ี คณุ ภาพ เชน่ คานึงถึงส่ิงแวดล้อม มจี รรยาบรรณ ความรับผดิ ชอบ ต่อสงั คม วางแผนกอ่ นเรมิ่ ลงมือ ทากิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือลดความ ผิดพลาด และการสญู เสยี ฯลฯ ๒.อธิบายบทบาทของ - พฤติกรรมของผ้บู ริโภค ผูบ้ ริโภคทร่ี ูเ้ ท่าทัน - คณุ คา่ และประโยชน์ ของผบู้ ริโภคทร่ี ู้เท่าทันที่มตี อ่ ตนเอง ครอบครัวและสังคม ๓.บอกวธิ ีและประโยชน์ของ - ความหมาย และความ การใชท้ รัพยากรอยา่ งย่ังยืน จาเปน็ ของทรัพยากร - หลกั การและวธิ ใี ช้ หลักสตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
74 สาระ มาตรฐาน ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง* ทรัพยากรให้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ สาระท่ี ๕ มาตรฐาน ส ๓.๒ เขา้ ใจระบบ ๑.อธิบายความสมั พันธ์ ภูมศิ าสตร์ และสถาบนั ทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ ระหวา่ งผู้ผลติ ผู้บรโิ ภค (ลดการสูญเสยี ทุกประเภท) ความสมั พันธท์ างเศรษฐกิจ ธนาคาร และรัฐบาล และความจาเปน็ ของการ - วธิ ีการสรา้ งจิตสานึกให้ ร่วมมอื กันทางเศรษฐกิจใน คนในชาติรคู้ ณุ คา่ ของทรัพยากรที่ สังคมโลก มอี ยู่จากัด - ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง - ผผู้ ลิต ผู้บริโภค ธนาคาร และรฐั บาล ท่ีมตี ่อ ระบบเศรษฐกจิ อย่างสงั เขป เชน่ การแลกเปล่ียนสินค้าและบริการ รายได้และรายจ่าย การออมกับ ธนาคาร การลงทนุ - ภาษแี ละหน่วยงานท่ี จดั เก็บภาษี - สทิ ธขิ องผู้ใชแ้ รงงานใน ประเทศไทย ๒.ยกตัวอยา่ งการรวมกลุม่ - การรวมกลุ่มเชิง ทางเศรษฐกิจภายในท้องถิ่น เศรษฐกจิ เพื่อประสานประโยชน์ ในทอ้ งถิ่น เช่น กลมุ่ ออมทรัพย์ กลมุ่ แมบ่ ้าน กองทนุ หมู่บา้ น มาตรฐาน ส ๕.๑ เขา้ ใจ ๑.สบื ค้นและอธิบายข้อมลู - เครื่องมอื ทาง ภมู ศิ าสตร์(แผนที่ ภาพถา่ ยชนดิ ลกั ษณะทางกายภาพของโลก ลักษณะทางกายภาพ ของ ตา่ งๆ)ท่ีแสดงลักษณะทาง และความสมั พันธ์ของสรรพส่ิง ประเทศไทยดว้ ยแผนท่ี รูป กายภาพของประเทศ ซ่ึงมีผลตอ่ กัน ใช้แผนทแ่ี ละ ถ่ายทาง อากาศและภาพ - ลกั ษณะทางสังคมของ เครอ่ื งมอื ทางภูมศิ าสตร์ในการ จากดาวเทียม ประเทศ คน้ หา วิเคราะห์ และ สรุปข้อมูลตามกระบวนการทาง ภูมิศาสตร์ ตลอดจนใชภ้ มู ิ สารสนเทศอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ๒.อธิบายความสัมพันธ์ - ความสัมพนั ธ์ระหว่าง ระหว่างลักษณะทาง ลักษณะทางกายภาพกบั กายภาพกับภัยพบิ ัติใน ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของ หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
75 สาระ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง* ประเทศไทยเพื่อ ประเทศ เช่น อุทกภยั เตรียมพร้อมรบั มือภยั พบิ ตั ิ แผ่นดินไหว วาตภยั มาตรฐาน ส ๕.๒ เขา้ ใจ ๑.วิเคราะหป์ ฏิสัมพนั ธ์ - สิง่ แวดลอ้ มทาง ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหว่างมนุษย์กบั ระหวา่ งส่งิ แวดลอ้ มทาง ธรรมชาตกิ ับสงิ่ แวดล้อมทาง สงิ่ แวดลอ้ มทางกายภาพท่ี กายภาพกับลักษณะ กอ่ ใหเ้ กิดการสร้างสรรค์วิถกี าร กิจกรรมทางเศรษฐกิจและ สงั คมในประเทศ ดาเนนิ ชวี ติ มีจติ สานึกและมี สงั คมในประเทศไทย ส่วนรว่ มในการจดั การ - ความสัมพนั ธแ์ ละ ทรพั ยากรและสงิ่ แวดล้อมเพ่ือ ผลกระทบ การพฒั นาทยี่ ัง่ ยนื ๒.วิเคราะห์การเปลย่ี นแปลง - ผลทเ่ี กดิ จากการ ทางกายภาพของ ประเทศ ปรบั เปล่ียนหรือดดั แปลงสภาพ ไทยในอดีตกับปัจจุบนั และ ธรรมชาติในประเทศจากอดตี ถงึ ผลท่ี เกดิ ขนึ้ จากการ เปล่ยี นแปลงนัน้ ปัจจบุ นั และผลท่ีเกิดขึน้ ๓.นาเสนอตวั อย่างทีส่ ะท้อน - แผนอนุรกั ษ์ทรัพยากร ให้เหน็ ผลจากการ รักษา ในชมุ ชนหรอื แผนอนรุ ักษ์ และท าลายทรัพยากรและ สิง่ แวดลอ้ ม และเสนอ แนวทางในการจัดการอย่าง ยงั่ ยืนใน ประเทศไทย หลักสูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
76 โครงสรำ้ งหลักสตู รช้ันปี โครงสร้ำงหลกั สตู รชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ ๖ เวลำเรยี น(ชม./ปี) รหสั กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้/กิจกรรม (๘๔๐) รำยวชิ ำพน้ื ฐำน ๑๖๐ ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย 6 ๑๖๐ ค ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 6 120 ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 80 ส ๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 6 ๔๐ ส ๑๖๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 6 8๐ พ ๑๖๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 6 4๐ ศ ๑๖๑๐๑ ศิลปะ 6 4๐ ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชพี 6 120 อ ๑๖๑๐๑ ภาษาองั กฤษ6 (8๐) รำยวชิ ำเพม่ิ เติม 40 อ 16201 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 40 ส ๑62๐3 การปอ้ งกันการทจุ รติ กิจกรรมพฒั นำผเู้ รยี น (๑๒๐) แนะแนว 40 ลูกเสอื -เนตรนารี 40 กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชมุ นมุ 30 รวมเวลำเรียนตำมโครงสรำ้ งหลักสูตร ๑,040 หลักสตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
77 ส๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษำ ฯ คำอธิบำยรำยวชิ ำพื้นฐำน ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ี่ ๖ กลุ่มสำระกำรเรียนรสู้ งั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๘๐ ช่วั โมง ศึกษาความสาคัญพระพุทธศาสนาในฐานะเป็นศาสนาประจาชาติ สรุปพุทธประวัติ (ทบทวน) พุทธ สาวก พุทธสาวิกา ชาดก ศาสนิกชนตัวอย่าง พระรัตนตรัย ไตรสิกขา โอวาท ๓ พุทธศาสนสุภาษิต ตัวอย่าง การกระทาความดีของบุคคลในประเทศ สวดมนต์ไหว้พระ สรรเสริญคุณพระรัตนตรัย และแผ่เมตตา หลักธรรม :อริยสัจ ๔ หลักกรรม โอวาท ๓ : เบญจศีล – เบญจธรรม อบายมุข ๖ อกุศลมูล ๓ กุศลมูล ๓ หลักธรรมสาคัญของศาสนาต่างๆ ศาสนพิธขี องศาสนาตา่ ง ๆ ความร้เู บื้องตน้ เกี่ยวกับสถานทต่ี ่าง ๆ ภายในวัด การปฏิบัติตนท่ีเหมาะสมภายในวัด มรรยาทของศาสนิกชน ทบทวนการอาราธนาศีล อาราธนาธรรมและ อาราธนาพระปริตร พิธีทอดผ้าป่า พิธีทอดกฐิน ระเบียบพิธีกรรมในการทาบุญงานอวมงคล การปฏิบัติตนที่ ถูกต้องในศาสนพิธี พิธีกรรมและวันสาคัญทางศาสนา ประโยชน์ของการเข้าร่วมในศาสนพิธี พิธีกรรมและวัน สาคัญทางศาสนา การแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ กฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ งกับชีวติ ประจาวนั ของครอบครวั และชุมชน ประโยชน์ของการปฏิบัติตนหรือเคารพกฎหมายดังกล่าว ความหมายและประเภทของวัฒนธรรม การ เปล่ียนแปลงวัฒนธรรมตามกาลเวลาที่มีผลต่อตนเองและสังคมไทย แนวทางการธารงรักษาวัฒนธรรมไทย ความหมายและความสาคัญของกิริยามารยาท มารยาทไทยและมารยาทสังคม บทบาท หน้าท่ีขององค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินและรัฐบาล กิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในท้องถิ่นและประเทศ การมีส่วน รว่ มในการออกกฎหมาย ระเบียบ กตกิ า การเลอื กตง้ั การสอดสอ่ งดแู ลผู้มพี ฤตกิ รรมการกระทาผดิ การเลือกต้ัง และแจ้งต่อเจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบ การตรวจสอบคุณสมบัติ การใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งตามระบบ ประชาธิปไตย บทบาทของผู้ผลิตท่ีมีคุณภาพ ทัศนคติในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและประสทิ ธิผล ประโยชน์ของการผลิตสินค้าท่ีมีคุณภาพ คุณสมบัติของผู้บริโภคท่ีดี พฤติกรรมของผู้บริโภคท่ีบกพร่อง คุณค่า และประโยชน์ของผู้บริโภคท่ีรู้เท่าทันที่มีต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม ความหมายและความจาเป็นของ ทรัพยากร หลักการและวิธีใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด วิธีการสร้างจิตสานึกให้คนในชาติรู้คุณค่าของ ทรัพยากรท่ีมีอยู่จากัด วางแผนการใช้ทรัพยากร โดยประยุกต์เทคนิคและวิธีการใหม่ๆ ให้เกิดประโยชน์แก่ ส่วนรวมและประเทศชาติและทันกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิต ผู้บริโภค ธนาคาร และรัฐบาลท่ีมีต่อระบบเศรษฐกิจอย่างสังเขป แผนผังแสดงความสัมพันธ์ของหน่วยเศรษฐกิจ ภาษี และหน่วยงานที่จัดเก็บภาษี สิทธิของผู้บริโภคและสิทธขิ องผู้ใช้แรงงานในประเทศไทย การหารายได้ รายจ่าย การออม การลงทุน ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิต ผู้บริโภคและรัฐบาล การรวมกลุ่มเชิงเศรษฐกิจ เพ่ือ ประสานประโยชน์ในชุมชน เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่แสดงลักษณะทางกาย ภาพของประเทศไทย ความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงแวดล้อม หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
78 ทางธรรมชาติกับสิ่งแวดล้อมทางสังคมในประเทศไทย การแปลงสภาพธรรมชาติในประเทศไทยจากอดีตถึง ปจั จบุ ันและผลท่ีเกดิ ขนึ้ จากการเปล่ยี นแปลงนัน้ แผนการใช้ทรัพยากรในชุมชน โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การอธิบาย การ วเิ คราะห์และการอภิปราย การลงมอื ปฏบิ ตั ิจรงิ เกมเสรมิ ทกั ษา การสอนแบบอปุ นัย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวิต การคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจและการแก้ปัญหา เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรับตัวเองกับบริบทสภาพแวดล้อม เปน็ พลเมืองดี มีความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่อื สัตยส์ จุ ริต มวี ินยั รักความเป็นไทย ใฝเ่ รยี นรู้ มจี ิตสาธารณะ และมีคุณธรรมและคา่ นยิ มทเี่ หมาะสม รหัสตวั ช้ีวดั ส1.1 ป6/1 ป6/2 ป6/3 ป 6/4 ป6/5 ป6/6 ป6/7 ป 6/8 ป 6/9 ส1.2 ป6/1 ป6/2 ป6/3 ป 6/4 ส2.1 ป6/1 ป6/2 ป6/3 ป 6/4 ป6/5 ส2.2 ป6/1 ป6/2 ป6/3 ส3.1 ป6/1 ป6/2 ป6/3 ส3.2 ป6/1 ป6/2 ส4.1 ป6/1 ป6/2 ส4.2 ป6/1 ป6/2 ส4.3 ป6/1 ป6/2 ป6/3 ป6/4 ส5.1 ป6/1 ป6/2 ส5.2 ป6/1 ป6/2 ป6/3 รวมท้ังหมด 39 ตวั ชวี้ ัด หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
79 โครงสร้ำงรำยวิชำ สังคมศกึ ษำศำสนำและวัฒนธรรม กลุม่ สำระกำรเรยี นรูส้ งั คมศึกษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหัสวิชำ ส 16101 ช้ัน ป.6 เวลำรวม 80 ช่วั โมง สดั ส่วนคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 หน่วย ชอ่ื หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคดิ รวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ท่ี เรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ช่ัวโมง) คะแนน ช้ินงำนรวบ (100) ยอด ตวั ช้ีวัด 1. พธิ ีการทางศาสนา ส 1.1 พิธกี รรมทางศาสนาและ 10 10 Diagram ป 6/9 วันสาคญั มคี วามสาคัญต่อ สว่ นรวม ส 1.2 การดารงชวี ติ ของมนุษย์ สว่ นย่อย ป 6/3 ปฏิบตั ิตนใหถ้ ูกต้องและสม Diagram ในศาสนพิธหี รอื พธิ กี รรม ตรวจสอบ สาคญั ความร้สู ึก 2. Low to life ส 2.1 กฎหมายเป็นข้อบงั คบั ใช้ 7 5 Diagram ป 6/1 ในสังคมดว้ ย การปฏบิ ัตติ น สว่ นรวม เมื่ออยูร่ ว่ มกันทาใหเ้ กดิ ความ สว่ นย่อย สงบสขุ 3. เศรษฐกจิ พอเพยี ง ส 3.1 การรวมกลุ่ม มผี ลต่อ 15 10 Diagram ป 6/1, เศรษฐกจิ ท้ังผ้ผู ลติ และ 1. ความ ป 6/2, ผบู้ ริโภค รคู้ ุณค่าของ สัมพันธ์ ป 6/3 ทรัพยากร ประยุกต์ใชใ้ ห้ 2. Mind ส 3.2 เหมาะสมกบั สภาพเศรษฐกิจ mapping ป 6/1, ของประเทศ ป 6/2 4. สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 - 15 5. ขอ้ มลู ข่าวสาร ส 1.2 ข่าวและเหตกุ ารณต์ ่างๆ 15 10 Diagram เหตุการณค์ วามจริง ป 6/2, ท่ีเกดิ ข้ึนในชวี ิตประจาวนั ป 6/4 ทาให้ทราบความ ส 2.1 เปลีย่ นแปลงทางสงั คม ควร ป 6/2, รบั รู้อยา่ งมีสติ วิจารณญาณ ป 6/3, การศกึ ษาวฒั นธรรมความ หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
80 ป 6/4, เป็นไทยเป็นแบบแผนในการ ป 6/5 ดาเนนิ ชวี ติ ของคนในสังคม มำตรฐำน กำรเรยี นรู้ / แต่ละท้องถ่ินมคี วามแตกตา่ ง ตัวชีว้ ดั หน่วย ช่อื หน่วยกำร สำระสำคัญ/ควำมคิดรวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ที่ เรียนรู้ ส 1.1 ยอด (ช่วั โม คะแนน ช้นิ งำนรวบ ป 6/5, (100) ยอด 6. หลกั ธรรมคา้ จุน ป 6/6, ง) โลก ป 6/7, 5 โครงงาน ป 6/8 และเปล่ยี นแปลงตาม Diagram 7. ศาสนาประจาชาติ สว่ นรวม ส 1.1 กาลเวลาท้งั เปน็ แนวทาง ส่วนยอ่ ย ป 6/1, ป 6/2, ปฏิบตั ิอย่างมีคุณค่าและ 15 Mind ป 6/3, mapping ป 6/4 อนรุ ักษ์ดารงไวส้ บื ไป โทนบี ูซาน ส 1.2 ป 6/1, หลักธรรมคาสอนของแต่ 10 ส 2.2 ป 6/1, ละศาสนามีความสาคัญและมี ป 6/2, ป6/3 ประโยชน์ ควรศกึ ษาให้ ส 5.1 ป 6/1, เข้าใจและนาประยุกต์ใช้ใน ป 6/2 ส 5.2 ชีวติ จรงิ พฒั นาตนเองดว้ ย ป 6/1, การฝึกอบรมจติ ใจให้ถูกต้อง ทาให้เกิดความสุขทยี่ ่ังยืน ศาสนามคี วามสาคญั ใน 23 ฐานะศาสนาประจาชาติ ซ่งึ มปี ระวตั ิ มีศาสนสถาน มี แบบอยา่ งของสาวกให้ผนู้ บั ถือได้ศึกษาและนาไปปฏิบตั ิ ในชีวิตประจาวัน ประเทศไทยในแตล่ ะภาค แต่ละถ่นิ มีสภาวะแวดล้อม ตา่ งกนั การดารงชวี ิตของ มนษุ ยม์ คี วามสาคญั กันทาง ธรรมชาติและสังคมจึงควร ศึกษาปรับตัวและรว่ มกนั อนุรักษ์ด้วยจิตสานกึ และใช้ อย่างคุ้มค่าสูงสดุ หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
81 ป 6/2, ป 6/3 หน่วย ช่อื หน่วยกำร มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวม เวลำ นำ้ หนกั ภำระงำน/ ที่ เรยี นรู้ กำรเรียนรู้ / ยอด (ชัว่ โม คะแนน ชิ้นงำนรวบ ตัวชี้วัด ง) (100) ยอด รวมระหว่างภาค 80 70 - 30 ปลายภาคเรยี นที่ 2 80 100 รวมท้ังรำยวิชำ หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
82 อภิธำนศพั ท์ กตญั ญูกตเวที ผู้รู้อุปการะทีท่ ่านทาแล้วและตอบแทน แยกออกเป็น 2 ขอ้ 1. กตัญญู รู้คุณท่าน 2. กตเวทตี อบแทนหรือสนองคณุ ท่าน ความกตัญญกู ตเวทีวา่ โดยขอบเขต แยกได้ เป็น 2 ระดบั คือ 2.1 กตัญญูกตเวทีต่อบุคคลผู้มีคุณความดีหรืออุปการะต่อตนเป็นส่วนตัว 2.2 กตัญญูกตเวที ต่อบคุ คลผู้ไดบ้ าเพญ็ คณุ ประโยชน์หรือมคี ณุ ความดี เกอื้ กูลแกส่ ่วนรว่ ม (พ.ศ. หน้า 2-3) กตัญญูกตเวทีต่ออำจำรย์ / โรงเรียน ในฐานะที่เป็นศิษย์ พึงแสดงความเคารพนับถืออาจารย์ ผู้ เปรียบเสมือนทิศเบ้ืองขวา ดังน้ี 1. ลูกต้อนรับ แสดงความเคารพ 2. เข้าไปหา เพ่ือบารุง รับใช้ ปรึกษา ซักถาม รับคาแนะนา เป็นต้น 3. ฟังด้ว ยดี ฟังเป็น รู้จั กฟัง ให้เกิดปัญ ญ า 4. ปรนนิบตั ิ ช่วยบรกิ าร 5. เรยี นศลิ ปวทิ ยาโดยเคารพ เอาจรงิ เอาจังถอื เปน็ กิจสาคญั ด้วยดี กรรม การกระทา หมายถึง การกระทาทปี่ ระกอบดว้ ยเจตนา คอื ทาด้วยความจงใจ ประกอบด้วยความจงใจ หรอื จงใจทาดีกต็ าม ชว่ั ก็ตาม เช่น ขุดหลมุ พรางดักคนหรือสัตว์ในตกลงไปตายเป็นกรรม แตข่ ดุ บ่อน้า ไว้กินไว้ใช้ สัตว์ตกลงไปตายเองไม่เป็นกรรม (แต่ถ้ารู้อยู่ว่าบ่อน้าที่ตนขุดไว้อยู่ในท่ีซ่ึงคนจะพลัดตกได้ ง่ายแล้วปล่อยปละละเลย มีคนตกลงไปก็ไม่พ้นกรรม)การกระทาที่ดีเรียกว่า “กรรมดี” ท่ีชั่วเรียกว่า “กรรมชั่ว” (พ.ศ. หน้า 4) กรรม 2 กรรมจาแนกตามคุณภาพ หรือตามธรรมท่ีเป็นมูลเหตุมี 2 คือ 1. อกุศลกรรม กรรมท่ีเป็นอกุศล กรรมช่วั คือเกดิ จากอกศุ ลมูล 2. กศุ ลกรรม กรรมทีเ่ ป็นกศุ ล กรรมดี คอื กรรมท่ีเกดิ จากกศุ ลมลู กรรม 3 กรรมจาแนกตามทวารคือทางที่กรรมมี 3 คือ 1. กายกรรม การกระทาทางกาย 2. วจีกรรมการ กระทาทางวาจา 3. มโนกรรม การกระทาทางใจ กรรม 12 กรรมจาแนกตามหลกั เกณฑ์เก่ียวกับการให้ผล มี 12 อยา่ ง คอื หมวดที่ 1 ว่ำด้วยปำกกำล คือจาแนกตามเวลาที่ให้ผล ได้แก่ 1. ทิฏฐิธรรมเวทนียกรรม กรรมท่ี ให้ผลในปัจจุบัน คือในภพนี้ 2. อุปัชชเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในภาพที่จะไปเกิด คือ ในภพหน้า 3. อปราบปริเวทนยี กรรม กรรมท่ีให้ผลในภพตอ่ ๆ ไป 4. อโหสิกรรม กรรม เลกิ ใหผ้ ล หมวดท่ี 2 ว่ำโดยกิจ คือการให้ผลตามหน้าที่ ได้แก่ 5. ชนกกรรม กรรมแต่งให้เกิด หรือกรรมท่ีเป็น ตัวนาไปเกิด 6. อปุ ัตถมั ภกกรรม กรรมสนับสนนุ คือ เข้าสนบั สนุนหรอื ซา้ เติมต่อจากชนกกรรม 7. อปุ ปีฬกกรรม กรรมบบี ค้ัน คอื เข้ามาบีบคั้นผลแห่งชนกกรรม และอุปตั ถัมภกกรรมน้นั ใหแ้ ปรเปล่ียน ทุเลาเบาลงหรือส้นั เข้า 8. อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน คือ กรรมแรงฝ่ายตรงข้ามท่ีเข้าตัดรอนใหผ้ ล ของกรรมสองอย่างนั้นขาดหรือหยุดไปทีเดียวกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ การจัดสาระการ หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
83 เรยี นรูพ้ ระพุทธศาสนา กล่มุ สาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ คุรสภาลาดพรา้ ว ,ครง้ั ท่ี 2 2546 . *หมายเหตุ พ.ศ. หมายถึง พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ; พ.ธ. หมายถึง พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมาวลธรรม พิมพ์คร้ังที่ 9 พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต) กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราช วทิ ยาลัย,2543. หมวดท่ี 3 ว่ำโดยปำนทำนปริยำย คือจาแนกตามลาดับความแรงในการให้ผล ได้แก่ 9. ครุกรรม กรรมหนัก ให้ผลก่อน 10. พหุลกรรม หรือ อาจิณกรรม กรรท่ีทามากหรือกรรมชินให้ผลรองลงมา 11. อาสนั นกรรม กรรมจวนเจียน หรือกรรมใกล้ตาย ถ้าไมม่ สี องขอ้ กอ่ นก็จะให้ผลก่อนอนื่ 12. กตัต ตากรรม หรอื กตตั ตาวาปนกรรม กรรมสักวา่ ทา คอื เจตนาออ่ น หรอื มิใช่เจตนาอย่างนั้น ใหผ้ ลตอ่ เมื่อ ไมม่ กี รรมอนื่ จะให้ผล (พ.ศ. หนา้ 5) กรรมฐำน ท่ีตั้งแห่งการงาน อารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งการงานของใจ อุบายทางใจ วิธีฝึกอบรมจิต มี 2 ประเภท คือ สมถกรรมฐาน คอื อบุ ายสงบใจ วปิ สั สนากรรมฐาน อบุ ายเรืองปญั ญา (พ.ศ. หน้า 10) กุลจิรัฏตธรรม 4 ธรรมสาหรับดารงความมั่นคงของตระกูลให้ยั่งยืน เหตุที่ทาให้ตระกูลมั่งค่ังต้ังอยู่ได้นาน (พ.ธ. หน้า 134) 1. นัฏฐคเวสนา คือ ของหายของหมด รู้จักหามาไว้ 2. ชิณณปฏิสังขรณา คือ ของเก่า ของชารุด รู้จักบูรณะซ่อมแซม 3. ปริมิตปานโภชนา คือ รู้จักประมาณในการกิน การใช้ 4. อธิปัจจ สีลวนั ตสถาปนา คือ ตงั้ ผ้มู ศี ีลธรรมเป็นพ่อบา้ นแม่เรอื น (พ.ธ. หนา้ 134) กุศล บญุ ความดี ฉลาด สง่ิ ท่ีดี กรรมดี (พ.ศ. หนา้ 21) กุศลกรรม กรรมดี กรรมทีเ่ ปน็ กศุ ล การกระทาทดี่ ีคือเกดิ จากกุศลมลู (พ.ศ. หน้า 21) กุศลกรรมบถ 10 ทางแห่งกรรมดี ทางทาดี กรรมดีอันเป็นทางนาไปสู่สุคติมี 10 อยา่ งไดแ้ ก่ ก. กำยกรรม 3 (ทางกาย) 1. ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการทาลายชีวิต 2. อทินนาทานา เวรมณี เวน้ จากถอื เอาของทเ่ี ขามิได้ให้ 3. กาเมสมุ ิจฉาจารา เวรมณี เวน้ จากประพฤตผิ ิดในกาม ข. วจีกรรม 4 (ทางวาจา) ได้แก่ 4. มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากพูดเท็จ 5. ปิสุณายวาจาย เวรมณี เว้นจากพูดส่อเสียด 6. ผรุสาย วาจาย เวรมณี เว้นจากพูดคาหยาบ 7. สัมผัปปลาปา เวรมณี เว้นจากพดู เพ้อเจอ้ ค. มโนกรรม 3 (ทางใจ) 8. อนภิชฌา ไม่โลกคอยจ้องอยากได้ของเขา 9. อพยาบาท ไม่คิดร้าย เบียดเบยี นเขา 10. สัมมาทฏิ ฐิ เห็นชอบตามคลองธรรม (พ.ศ. หน้า 21) กศุ ลมลู รากเหงา้ ของกศุ ล ต้นเหตขุ องกศุ ล ตน้ เหตุของความดี 3 อยา่ ง 1. อโลภะ ไม่โลภ (จาคะ) 2. อโทสะ ไมค่ ดิ ประทษุ ร้าย (เมตตา) 3. อโมหะ ไมห่ ลง (ปญั ญา) (พ.ศ. หนา้ 22) กุศลวิตก ความตรึกที่เป็นกุศล ความนึกคิดท่ีดีงาม 3 คือ 1. เนกขัมมวิตก ความตรึกปลอดจากกาม 2. อพยาบาทวิตก ความตรึกปลอดจากพยาบาท 3. อวิหิสาวิตก ความตรึกปลอดจากการเบียดเบียน (พ.ศ. หนา้ 22) โกศล 3 ความฉลาด ความเชี่ยวชาญ มี 3 อย่าง 1. อายโกศล คือ ความฉลาดในความเจริญ รอบรู้ทางเจริญ และเหตุของความเจริญ 2. อปายโกศล คือ ความฉลาดในความเส่ือม รอบรู้ทางเสื่อมและเหตุของ หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
84 ความเสื่อม 3. อุปายโกศล คือ ความฉลาดในอุบาย รอบรู้วิธีแก้ไขเหตุการณ์และวิธีที่จะทาให้สาเร็จ ทงั้ ในการปอ้ งกันความเส่ือมและในการสรา้ งความเจริญ (พ.ศ. หน้า 24) ขันธ์ กอง พวก หมวด หมู่ ลาตัว หมวดหน่ึง ๆ ของรูปธรรมและนามธรรมท้ังหมดที่แบ่งออกเป็นห้ากอง ได้แก่ รูปขันธ์ คอื กองรูป เวทนาขนั ธ์ คือ กองเวทนา สัญญาขันธ์ คือ กองสญั ญา สงั ขารขนั ธ์ คอื กองสงั ขาร วญิ ญาณขนั ธ์ คอื กองวญิ ญาณ เรยี กรวมวา่ เบญจขันธ์ (พ.ศ. หนา้ 26 - 27) คำรวธรรม 6 ธรรม คือ ความเคารพ การถือเปน็ ส่ิงสาคัญท่ีจะพึงใสใ่ จและปฏบิ ัตดิ ว้ ย ความเออ้ื เฟ้ือ หรอื โดยความหนักแน่นจริงจังมี 6 ประการ คือ 1. สัตถุคารวตา ความเคารพในพระศาสดา หรือพุทธ คารวตา ความเคารพในพระพุทธเจ้า 2. ธัมมคารวตา ความเคารพในพระธรรม 3. สังฆคารวตา ความเคารพในพระสงฆ์ 4. สิกขาคารวตา ความเคารพในการศึกษา 5. อัปปมาทคารวตา ความ เคารพในความไม่ประมาท 6. ปฏสิ นั ถารคารวตา ความเคารพใน การปฏิสันถาร (พ.ธ. หนา้ 221) คิหิสุข (กามโภคีสุข 4) สุขของคฤหัสถ์ สุขของชาวบ้าน สุขที่ชาวบ้านควรพยายามเข้าถึงให้ได้สม่าเสมอ สุขอันชอบธรรมท่ีผู้ครองเรือนควรมี 4 ประการ 1. อัตถิสุข สุขเกิดจากความมีทรัพย์ 2. โภคสุข สุข เกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ 3. อนณสุข สุขเกิดจากความไม่เป็นหน้ี 4. อนวัชชสุข สุขเกิดจากความ ประพฤติไมม่ ีโทษ (ไม่บกพร่องเสยี หายท้งั ทางกาย วาจา และใจ) (พ.ธ. หน้า 173) ฆรำวำสธรรม 4 ธรรมสาหรับฆราวาส ธรรมสาหรับการครองเรือน หลักการครองชีวิตของคฤหัสถ์ 4 ประการ ได้แก่ 1. สัจจะ คือ ความจริง ซ่ือตรง ซ่ือสัตย์ จริงใจ พูดจริง ทาจริง 2. ทมะ คือ การฝึกฝน การขม่ ใจ ฝึกนิสัย ปรับตวั รู้จกั ควบคุมจิตใจ ฝึกหดั ดัดนิสยั แก้ไขขอ้ บกพร่อง ปรบั ปรุง ตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา 3. ขันติ คือ ความอดทน ต้ังหน้าทาหน้าท่ีการงานด้วยความ ขยนั หมน่ั เพยี ร เขม้ แขง็ ทนทาน ไมห่ วัน่ ไหว มน่ั ในจุดหมาย ไมท่ ้อถอย 4. จาคะ คอื เสยี สละ สละกิเลส สละความสุขสบาย และผลประโยชน์ส่วนตนได้ ใจกว้าง พร้อมท่ีจะรับฟังความทุกข์ ความคดิ เห็นและความต้องการของผู้อื่น พรอ้ มท่ีจะร่วมมือชว่ ยเหลือ เออ้ื เฟ้ือเผอ่ื แผ่ไม่คับแคบเห็นแก่ ตัวหรือ เอาแตใ่ จตัว (พ.ธ. หนา้ 43) จิต ธรรมชาติท่ีรู้อารมณ์ สภาพท่ีนึกคิด ความคิด ใจ ตามหลักฝ่ายอภิธรรม จาแนกจิตเป็น 89 แบ่งโดย ชาติเปน็ อกศุ ลจติ 12 กศุ ลจติ 21 วปิ ากจติ 36 และกริ ิยาจติ 8 (พ.ศ. หนา้ 43) เจตสิก ธรรมทป่ี ระกอบกับจติ อาการหรือคณุ สมบตั ิต่าง ๆ ของจติ เชน่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง ศรัทธา เมตตา สติ ปญั ญาเป็นต้น มี 52 อย่าง จัดเปน็ อัญญสมานาเจตสิก 13 อกุศลเจตสกิ 14 โสภณเจตสกิ 25 (พ.ศ. หน้า 49) ฉันทะ 1. ความพอใจ ความชอบใจ ความยินดี ความต้องการ ความรักใคร่ในสิ่งน้ัน ๆ 2. ความยินยอม ความยอมให้ที่ประชมุ ทากิจนั้น ๆ ในเม่ือตนมิได้รว่ มอยูด่ ้วย เปน็ ธรรมเนยี มของภกิ ษทุ ี่อย่ใู นวดั ซึ่งมีสีมา รวมกัน มสี ิทธทิ ีจ่ ะเขา้ ประชุมทากิจของสงฆ์ เวน้ แต่ภิกษนุ ้ันอาพาธ จะเข้ารว่ มประชมุ ด้วยไมไ่ ด้ ก็มอบ ฉันทะคอื แสดงความยินยอมใหส้ งฆท์ ากจิ นน้ั ๆ ได้ (พ.ศ. หนา้ 52) ฌำน การเพง่ การเพ่งพนิ จิ ด้วยจติ ท่ีเป็นสมาธิแนว่ แน่ มี 2 ประเภท คือ 1. รูปฌาน 2. อรูปฌาน (พ.ศ. หนา้ 60) ฌำนสมบัติ การบรรลุฌาน การเขา้ ฌาน (พทุ ธธรรม หนา้ 964) หลักสตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
85 ดรุณธรรม ธรรมทเ่ี ป็นหนทางแห่งความสาเร็จ คือ ข้อปฏิบัตทิ เี่ ปน็ ดจุ ประตูชัยอันเปิดออกไปสูค่ วามสขุ ความ เจริญก้าวหน้าแหง่ ชีวิต 6 ประการ คือ 1. อาโรคยะ คือ รักษาสุขภาพดี มิใหม้ โี รคท้งั จติ และกาย 2. ศีล คือ มรี ะเบยี บวินยั ไม่ก่อเวรภัยแก่สงั คม 3. พุทธานมุ ตั ิ คือ ได้คนดเี ป็นแบบอย่าง ศกึ ษาเยย่ี ง นิยมแบบอยา่ งของมหาบรุ ุษพุทธชน 4. สุตะ คอื ต้ังเรยี นรู้ให้จริง เล่าเรียนคน้ คว้าใหร้ ู้เช่ียวชาญใฝ่ สดบั เหตุการณใ์ หร้ ้เู ทา่ ทัน 5. ธรรมานุวตั ิ คอื ทาแตส่ ิ่งที่ถกู ต้อง ดงี าม ดารงมน่ั ในสุจริต ทั้งชีวติ และ งานดาเนนิ ตามธรรม 6. อลีนตา คือ มีความขยนั หม่ันเพยี ร มกี าลังใจแขง็ กลา้ ไมท่ ้อแท้เฉ่ือยชา เพยี รก้าวหน้าเรื่อยไป (ธรรมนูญชีวิต บทท่ี 15 คนสบื ตระกูล ข้อ ก. หน้า55) หมำยเหตุ หลักธรรมข้อน้ีเรยี กชือ่ อกี ย่างหน่งึ ว่า “วัฒนมุข” ตรงคาบาลวี ่า “อัตถทวาร” ประตแู หง่ ประโยชน์ ตณั หำ (1) ความทะยานอยาก ความดินรน ความปรารถนา ความแสห่ า มี 3 คือ 1. กามตณั หา ความทะยาน อยากในกาม อยากไดอ้ ารมณ์อันนา่ รักน่าใคร่ 2. ภวตณั หา ความทะยานอยากในภพ อยากเป็นนัน่ เปน็ น่ี 3. วภิ วตณั หา ความทะยานอยากในวภิ พ อยากไมเ่ ปน็ น่ันไมเ่ ปน็ น่ี อยากพรากพ้นดับสูญไปเสยี ตนั หำ (2) ธิดามารนางหนึ่งใน 3 นาง ท่ีอาสาพระยามารผเู้ ป็นบิดา เขา้ ไปประโลมพระพุทธเจา้ ด้วยอาการ ตา่ ง ๆ ในสมัยที่พระองคป์ ระทับอยู่ที่ต้นอชปาลนิโครธ ภายหลงั ตรสั รใู้ หม่ ๆ (อีก 2 นางคือ อรดี กบั ราคา) (พ.ศ. หนา้ 72) ไตรลกั ษณ์ ลกั ษณะสาม คือ ความไมเ่ ท่ียง ความเป็นทุกข์ ความไมใ่ ช่ตัวตน 1. อนิจจตา (ความเป็นของ ไมเ่ ที่ยง) 2. ทุกขตา (ความเปน็ ทกุ ข์) 3. อนตั ตา (ความเป็นของไมใ่ ช่ตน) (พ.ศ. หนา้ 104) ไตรสกิ ขำ สิกขาสาม ขอ้ ปฏบิ ัติที่ตอ้ งศกึ ษา 3 อยา่ ง คือ 1. อธศิ ลี สิกขา หมายถงึ สกิ ขา คือ ศลี อนั ยิ่ง 2. อธิจิตตสิกขา หมายถงึ สิกขา คือ จติ อันยิ่ง 3. อธปิ ัญญาสิกขา หมายถึง สิกขา คือ ปัญญาอนั ยงิ่ เรยี กกนั ง่าย ๆ ว่า ศลี สมาธิ ปัญญา (พ.ศ. หน้า 87) ทศพิธรำชธรรม 10 ธรรม สาหรับพระเจา้ แผน่ ดิน คุณสมบัตขิ องนักปกครองทด่ี ี สามารถปกครองแผ่นดนิ โดย ธรรม และยังประโยชน์สขุ ให้เกดิ แกป่ ระชาชน จนเกิดความชน่ื ชมยินดี มี 10 ประการ คือ 1. ทาน การใหท้ รัพย์สนิ สิง่ ของ 2. ศลี ประพฤตดิ ีงาม 3. ปรจิ จาคะ ความเสยี สละ 4. อาชชวะ ความ ซื่อตรง 5. มทั ทวะ ความอ่อนโยน 6. ตบะ ความทรงเดช เผากิเลสตัณหา ไม่หมกมนุ่ ในความสุข สาราญ 7. อกั โกธะความไม่กร้วิ โกรธ 8. อวิหงิ สา ความไม่ข่มเหงเบียดเบียน 9. ขนั ติ ความอดทน เขม้ แข็ง ไม่ท้อถอย 10. อวิโรธนะ ความไม่คลาดธรรม (พ.ศ. หนา้ 250) ทฏิ ธัมมกตั ถสังวัตตนกิ ธรรม 4 ธรรมที่เปน็ ไปเพ่ือประโยชนใ์ นปจั จุบนั คอื ประโยชนส์ ขุ สามญั ทมี่ องเห็นกนั ใน ชาตนิ ้ี ทีค่ นทั่วไปปรารถนา เชน่ ทรัพย์ ยศ เกยี รติ ไมตรี เป็นต้น มี 4 ประการ คือ 1.อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่น 2. อารักขสมั ปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษา 3. กลั ยาณมิตตตา ความมเี พื่อนเป็น คนดี 4. สมชีวิตา การเลี้ยงชพี ตามสมควรแก่กาลงั ทรัพย์ที่หาได้ (พ.ศ. หน้า 95) ทุกข์ 1. สภาพท่ที นอยู่ไดย้ าก สภาพท่ีคงทนอยู่ไมไ่ ด้ เพราะถูกบีบค้ันด้วยความเกิดข้ึนและดับสลาย เน่ืองจาก ตอ้ งไปตามเหตุปัจจยั ท่ีไม่ขนึ้ ต่อตัวมันเอง 2. สภาพท่ที นไดย้ าก ความร้สู กึ ไม่สบาย ไดแ้ ก่ ทุกขเวทนา (พ.ศ. หน้า 99) หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
86 ทุกรกิริยำ กิริยาที่ทาได้ยาก การทาความเพียรอันยากที่ใคร ๆ จะทาได้ เช่น การบาเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุธรรม วิเศษ ดว้ ยวธิ ีทรมานตนต่าง ๆ เช่น กลัน้ ลมอัสสาสะ (ลมหายใจเข้า) ปัสสาสะ (ลมหายใจออก) และอด อาหาร เปน็ ตน้ (พ.ศ. หนา้ 100) ทุจริต 3 ความประพฤติไม่ดี ประพฤติช่ัว 3 ทาง ได้แก่ 1. กายทุจริต ประพฤติช่ัวทางกาย 2. วจีทุจริต ประพฤติชัว่ ทางวาจา 3. มโนทุจริต ประพฤติชวั่ ทางใจ (พ.ศ. หน้า 100) เทวทูต 4 ทูตของยมเทพ สื่อแจ้งข่าวของมฤตยู สัญญาณท่ีเตือนให้ระลึกถึงคติธรรมดาของชีวิต มีให้มีความ ประมาท ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ 3 อย่างแรกเรียกเทวทูต ส่วนสมณะเรียกรวมเป็น เทวทูตไปด้วยโดยปริยายเพราะมาในหมวดเดียวกัน แต่ในบาลีท่านเรียกว่านิมิต 4 ไม่ได้เรียกเทวทูต (พ.ศ. หนา้ 102) ธำตู 4 ส่ิงท่ีทรงภาวะของมันอยู่เองตามธรรมดาของเหตุปัจจัย ได้แก่ 1. ปฐวีธาตุ หมายถึง สภาวะท่ีแผ่ไปหรือ กินเนื้อที่ เรียกชื่อสามัญว่า ธาตุเข้มแข็งหรือธาตุดิน 2. อาโปธาตุ หมายถึง สภาวะท่ีเอิบอาบดูดซึม เรียกสามัญว่า ธาตุเหลว หรือธาตุน้า 3. เตโชธาตุ หมายถึง สภาวะท่ีทาให้ร้อน เรียกสามัญว่า ธาตุไฟ 4. วาโยธาตุ หมายถงึ สภาวะที่ทาให้เคล่อื นไหว เรียกสามญั วา่ ธาตลุ ม (พ.ศ. หนา้ 113) นำม ธรรมท่ีรู้จักกันด้วยชื่อ กาหนดรู้ด้วยใจเป็นเร่ืองของจิตใจ ส่ิงที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีรูปแต่น้อมมาเป็นอารมณ์ ของจิตได้ (พ.ศ. หน้า 120) นิยำม 5 กาหนดอันแน่นอน ความเป็นไปอันมีระเบียบแน่นอนของธรรมชาติ กฎธรรมชาติ 1. อุตุนิยาม (กฎธรรมชาติเกี่ยวกับอุณหภูมิ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะ ดิน น้า อากาศ และฤดกู าล อนั เปน็ สิ่งแวดล้อมสาหรับมนุษย)์ 2. พีชนยิ าม (กฎธรรมชาติเก่ยี วกับการสืบพันธุ์ มีพันธุกรรมเป็นต้น) 3. จิตตนิยาม (กฎธรรมชาติเก่ียวกับการทางานของจิต) 4. กรรมนิยาม (กฎธรรมชาตเิ ก่ียวกับพฤติกรรมของมนุษย์ คอื กระบวนการให้ผลของการกระทา) 5. ธรรมนยิ าม (กฎ ธรรมชาติเก่ียวกับความสัมพันธ์และอาการที่เป็นเหตุ เป็นผลแก่กันแห่งสิ่งท้ังหลาย (พ.ธ. หนา้ 194) นิวรณ์ 5 สิ่งท่ีกั้นจิตไม่ให้ก้าวหน้าในคุณธรรม ธรรมที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุคุณความดี อกุศลธรรมที่ทาจิตให้เศร้า หมองและทาปัญญาให้อ่อนกาลัง 1. กามฉันทะ (ความพอใจในกาม ความต้องการ กามคุณ) 2. พยาบาท (ความคิดร้าย ความขัดเคืองแค้นใจ) 3. ถีนมิทธะ (ความหดหู่และเซ่ืองซึม) 4. อุทธจั จกุกกุจ จะ (คามฟุ้งซ่านและร้อนใจ ความกระวนกระวายกลุ้มกังวล) 5. วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) (พ.ธ. หน้า 195) นิโรธ ความดับทุกข์ คือดับตัณหาได้ส้ินเชิง ภาวะปลอดทุกข์ เพราะไม่มีทุกข์ที่จะเกิดขึ้นได้ หมายถึง พระนพิ พาน (พ.ศ. หน้า 127) บำรมี คณุ ความดีทบ่ี าเพ็ญอย่างยงิ่ ยวด เพ่อื บรรลุจดุ หมายอันสงู ยง่ิ มี 10 คอื ทาน ศลี เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขนั ติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา (พ.ศ. หนา้ 136) บุญกิริยำวัตถุ 3 ท่ีต้ังแห่งการทาบุญ เรื่องที่จัดเป็นการทาความดี หลักการทาความดี ทางความดีมี 3 ประการ คือ 1. ทานมัย คือทาบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ 2. ศีลมัย คือ ทาบุญด้วยการรักษาศีล หรือ หลกั สูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
87 ประพฤติดีมีระเบยี บวนิ ัย 3. ภาวนมัย คอื ทาบญุ ด้วยการเจรญิ ภาวนา คือฝกึ อบรมจิตใจ (พ.ธ. หนา้ 109) บุญกิริยำวัตถุ 10 ท่ีตั้งแห่งการทาบุญ ทางความดี 1. ทานมัย คือทาบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ 2. สีลมัย คือ ทาบุญด้วยการรักษาศีล หรือประพฤติดี 3. ภาวนมัย คือ ทาบุญด้วยการเจริญภาวนา คือฝึกอบรม จิตใจ 4. อปจายนมยั คือ ทาบญุ ด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน 5. เวยยาวจั จมยั คือ ทาบุญด้วย การช่วยขวนขวาย รับใช้ 6. ปัตติทานมัย คือ ทาบุญด้วยการเฉล่ียส่วนแห่งความดีให้แก่ผู้อ่ืน 7. ปตั ตานโุ มทนามัย คือ ทาบุญดว้ ยการยินดีในความดีของผู้อ่ืน 8. ธัมมัสสวนมยั คือ ทาบญุ ดว้ ยการฟัง ธรรม ศึกษาหาความรู้ 9. ธัมมเทสนามัย คือทาบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้ 10. ทิฏฐุชุกรรม คือ ทาบุญด้วยการทาความเหน็ ใหต้ รง (พ.ธ. หนา้ 110) บุพนิมิตของมัชฌิมำปฏิปทำ บุพนิมิต แปลว่า ส่ิงที่เป็นเครื่องหมายหรือส่ิงบ่งบอกล่วงหน้า พระพุทธองค์ตรัส เปรียบเทียบว่า ก่อนท่ีดวงอาทิตย์จะขึ้น ย่อมมีแสงเงินแสงทองปรากฏให้เห็นก่อนฉันใด ก่อนที่ อริยมรรคซ่ึงเป็นข้อปฏิบัติสาคัญในพระพุทธศาสนาจะเกิดขึ้น ก็มีธรรมบางประการปรากฏข้ึนก่อน เหมือนแสงเงินแสงทองฉนั น้นั องค์ประกอบของธรรมดังกลา่ ว หรือบพุ นมิ ิตแหง่ มชั ฌิมาปฏิปทา ไดแ้ ก่ 1. กัลป์ยาณมิตตตา ความมีกัลยาณมิตร 2. สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล มีวินัย มีความเป็นระเบียบ ในชีวิตของตนและในการอยู่ร่วมในสังคม 3. ฉันทสัมปทา ถึงพร้อมด้วยฉันทะ พอใจใฝ่รักในปัญญา สัจธรรม ในจริยธรรม ใฝร่ ู้ในความจรงิ และใฝ่ทา ความดี 4. อัตตสัมปทา ความถงึ พร้อมดว้ ยการที่จะ ฝึกฝน พัฒนาตนเอง เห็นความสาคัญของการที่จะต้องฝึกตน 5. ทิฏฐิสัปทา ความถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ยึดถอื เชอ่ื ถือในหลักการ และมคี วามเหน็ ความเข้าใจพ้นื ฐานท่ีมองส่งิ ท้ังหลายตามเหตุปัจจัย 6. อัปป มาทสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เห็นคุณค่าของกาลเวลา เห็นความเปลี่ยนแปลงเป็นสง่ิ กระตุ้นเตือนให้เร่งรัดการคน้ หาให้เขาถึงความจริงหรือในการทาชีวิตท่ีดี งามให้สาเร็จ 7. โยนิโสมนสิการ รู้จัดคิดพิจารณา มองส่ิงท้ังหลายให้ได้ความรู้และได้ประโยชน์ท่ี จะเอามาใช้พัฒนาตนเองย่ิง ๆ ขึ้นไป (แสงเงินแสงทองของชีวิตท่ี ดีงาม: พระธรรมปิฎก) (ป.อ. ปยุตฺ โต) เบญจธรรม ธรรม 5 ประการ ความดี 5 อยา่ ง ที่ควรประพฤตคิ ู่กนั ไปกับการรักษาเบญจศีลตามลาดับข้อ ดังนี้ 1. เมตตากรุณา 2. สัมมาอาชีวะ 3. กามสังวร (สารวมในกาม) 4. สัจจะ 5. สติสัมปชัญญะ (พ.ศ. หนา้ 140 – 141) เบญจศลี ศลี 5 เว้นฆา่ สัตว์ เวน้ ลกั ทรพั ย์ เว้นประพฤติผดิ ในกาม เวน้ พูดปด เวน้ ของเมา (พ.ศ. หน้า 141) ปฐมเทศนำ เทศนาครั้งแรก หมายถึง ธมั มจักรกัปปวัตตนสตู รที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ในวันข้ึน 15 คา่ เดือน 8 หลงั จากวนั ตรสั รูส้ องเดอื น ท่ีป่าอสิ ิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี (พ.ศ. หนา้ 147) ปฏจิ จสมุปบำท สภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงมขี ึ้น การท่ีทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัย ตอ่ เนือ่ งกนั มา (พ.ศ. หน้า 143) ปรยิ ตั ิ พุทธพจน์อนั จะพึงเล่าเรียน สิ่งที่ควรเลา่ เรียน การเลา่ เรยี นพระธรรมวินยั (พ.ศ. หน้า 145) หลกั สูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
88 ปธำน 4 ความเพียร 4 อย่าง ได้แก่ 1. สังวรปธาน คือ การเพียรระวังหรือเพียรปิดก้ัน (ยับยั้งบาปอกุศลธรรมท่ี ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดข้ึน) 2. ปหานปธาน คือ เพียรละบาปอกุศลท่ีเกิดข้ึนแล้ว 3. ภาวนาปธาน คือ เพียร เจริญ หรือทากศุ ลธรรมท่ยี ังไม่เกิดให้เกิดขึ้น 4. อนรุ ักขนาปธาน คอื เพียรรกั ษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใหเ้ สอ่ื มไปและทาให้เพ่ิมไพบลู ย์ (พ.ศ. หน้า 149) ปปัญจธรรม 3 กิเลสเครื่องเน่ินช้า กิเลสท่ีเป็นตัวการทาให้คิดปรุงแต่งยึดเย้ือพิสดาร ทาให้เขาห่างออกไปจาก ความเปน็ จริงงา่ ย ๆ เปดิ เผย ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ และขดั ขวางไม่ให้เข้าถึงความจริง หรอื ทาให้ ไม่อาจ แก้ปัญหาอย่างถูกทางตรงไปตรงมา มี 3 อย่าง คือ 1. ตัณหา (ความทะยานอยาก ความปรารถนาที่จะ บารุงบาเรอ ปรนเปรอตน ความยากได้อยากเอา) 2. ทิฏฐิ (ความคิดเห็น ความเชื่อถือ ลักธิ ทฤษฎี อุดมการณ์ต่าง ๆ ท่ียึดถือไว้โดยงมงายหรือโดยอาการเชิดชูว่าอย่างนี้เท่าน้ันจริงอย่างอ่ืนเท็จท้ังนั้น เป็น ต้น ทาให้ปิดตัวแคบ ไม่ยอมรับฟังใคร ตัดโอกาสท่ีจะเจริญปัญญา หรือคิดเตลิดไปข้างเดียว ตลอดจน เป็นเหตุแห่งการเบียดเบียนบีบค้ันผู้อ่ืนท่ีไม่ถืออย่างตน ความยึดติดในทฤษฎี ฯลฯ คือความคิดเห็นเป็น ความจริง) 3. มานะ (ความถือตัว ความสาคัญตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่ ถือสูง ถือต่า ยิ่งใหญ่ เท่าเทียมหรือ ดอ้ ยกวา่ ผอู้ ื่น ความอยากเด่นอยากยกชตู นให้ยิ่งใหญ)่ (พ.ธ. หน้า 111) ปฏเิ วธ เข้าใจตลอด แทงตลอด ตรสั รู้ รูท้ ะลุปรโุ ปรง่ ลุลว่ งดว้ ยการปฏบิ ตั ิ (พ.ศ. หน้า 145) ปฏิเวธสัทธรรม สัทธรรม คือ ผลอันจะพึงเข้าถึงหรือบรรลุด้วยการปฏิบัติได้แก่ มรรค ผล และนิพพาน (พ.ธ. หนา้ 125) ปัญญำ 3 ความรอบรู้ เข้าใจ รู้ซึ้ง มี 3 อย่าง คือ 1. สุตมยปัญญา (ปัญญาเกิดแต่การสดับการเล่าเร่ือง) 2. จินตามนปัญญา (ปัญญาเกิดแต่การคิด การพิจารณาหาเหตุผล) 3. ภาวนามยปัญญา (ปัญญาเกิด แต่การฝกึ อบรมลงมอื ปฏบิ ัต)ิ (พ.ธ. หน้า 113) ปัญญำวฒุ ธิ รรม ธรรมเป็นเครื่องเจริญปัญญา คุณธรรมท่ีก่อให้เกิดความเจริญงอกงามแห่งปัญญา 1. สัปปรุ สิ สงั เสวะ คบหาสตั บุรษุ เสวนาท่านผู้ทรง 2. สทั ธัมมสั สวนะ ฟังสทั ธรรม เอาใจใส่ เล่าเรยี นหา ความรจู้ ริง 3. โยนโิ สมนสกิ าร ทาในใจโดยแยบคาย คดิ หาเหตุผลโดยถูกวิธี 4. ธัมมานุธัมมปฏิบัติ ปฏบิ ัติ ธรรมถกู ตอ้ งตามหลัก คือ ใหส้ อดคล้องพอดี ขอบเขตความหมาย และวตั ถุประสงค์ท่สี ัมพนั ธ์กบั ธรรมข้อ อื่น ๆ นาส่ิงท่ีได้เล่าเรียนและตริตรองเห็นแล้วไปใช้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามความมุ่งหมายของสิ่งน้ัน ๆ (พ.ธ. หนา้ 162 – 163) ปำปณิกธรรม 3 หลักพ่อค้า องค์คุณของพ่อค้ามี 3 อย่าง คือ 1 จักขุมา ตาดี (รู้จักสินค้า) ดูของเป็น สามารถ คานวณราคา กะทุน เก็งกาไร แม่นยา 2. วิธูโร จัดเจนธุรกิจ (รู้แหล่งซื้อขาย รู้ความเคลื่อนไหวความ ต้องการของตลาด สามารถในการจัดซื้อจัดจาหน่าย รู้ใจและรู้จักเอาใจลูกค้า) 3. นิสสยสัมปันโน พร้อม ด้วยแหล่งทุนอาศัย (เป็นท่ีเช่ือถือไว้วางในในหมู่แหล่งทุนใหญ่ ๆ หาเงินมาลงทุนหรือดาเนินกิจการ โดยงา่ ย ๆ) (พ.ธ. หนา้ 114) ผสั สะ หรอื สัมผัส การถูกต้อง การกระทบ ความประจวบกันแหง่ อายตนะภายใน อายตนะภายนอก และวิญญาณ มี 6 คือ 1. จักขุสัมผัส (ความกระทบทางตา คือ ตา + รูป + จักขุ - วิญญาณ) 2. โสตสัมผัส (ความ กระทบทางหู คือ หู + เสียง + โสตวิญญาณ) 3. ฆานสัมผัส (ความกระทบทางจมูก คือ จมูก + กลิ่น + หลกั สตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
89 ฆานวิญญาณ) 4. ชิวหาสัมผัส (ความกระทบทางล้ิน คือ ลิ้น + รส + ชิวหาวิญญาณ) 5. กายสัมผัส (ความกระทบทางกาย คอื กาย + โผฏฐพั พะ + กายวิญญาณ) 6. มโนสมั ผสั (ความกระทบทางใจ คอื ใจ + ธรรมารมณ์ + มโนวิญญาณ) (พ.ธ. หนา้ 233) ผ้วู เิ ศษ หมายถึง ผสู้ าเร็จ ผู้มีวิทยากร (พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525) พระธรรม คาสั่งสอนของพระพุทธเจา้ ทง้ั หลักความจริงและหลักความประพฤติ (พ.ศ. หนา้ 183) พระอนุพุทธะ ผู้ตรัสรู้ตาม คือ ตรัสรู้ด้วยได้สดับเล่าเรียนและปฏิบัติตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน (พ.ศ. หนา้ 374) พระปัจเจกพุทธะ พระพุทธเจา้ ประเภทหน่ึง ซ่ึงตรสั รเู้ ฉพาะตัว มไิ ดส้ ัง่ สอนผูอ้ ่ืน (พ.ศ. หน้า 162) พระพุทธคุณ 9 คุณของพระพุทธเจ้า 9 ประการ ได้แก่ 1. อรห เป็นผู้ไกลจากกิเลส 2. สมฺมาสัมฺพุทฺโธ เป็นผู้ตรัสร้ชู อบไดโ้ ดยพระองค์เอง 3. วชิ ชฺ าจรณสมปฺ นโฺ น เปน็ ผู้ถึงพร้อมดว้ ยวชิ ชาและ จรณะ 4. สุคโต เปน็ ผู้เสดจ็ ไปแลว้ ดว้ ยดี 5. โลกวทิ ู เปน็ ผู้รโู้ ลกอย่างแจม่ แจ้ง 6. อนุตฺตโรปรุ สิ ทมมฺ สารถิ เป็น ผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครย่ิงกว่า 7. สตฺถา เทวมนุสฺสาน เป็นครูผู้สอนเทวดาและ มนุษย์ท้ังหลาย 8. พุทฺโธ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน 9. ภควา เป็นผู้มีโชค มีความเจริญ จาแนกธรรมส่ัง สอนสัตว์ (พ.ศ. หนา้ 191) พระพุทธเจ้ำ ผู้ตรัสรู้โดยชอบแล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม ท่านผู้รู้ดี รู้ชอบด้วยตนเองก่อนแล้ว สอนประชุมชนให้ ประพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ (พ.ศ. หน้า 183) พระภิกษุ ชายผู้ได้อุปสมบทแล้ว ชายที่บวชเป็นพระ พระผู้ชาย แปลตามรูปศัพท์ว่า ผู้ขอหรือผู้มองเห็นภัยใน สังขารหรือผู้ทาลายกิเลส ดูบริษัท 4 สหธรรมิก บรรพชิต อุปสัมบัน ภิกษุสาวกรูปแรก ได้แก่ พระอัญญาโกณฑัญญะ (พ.ศ. หนา้ 204) พระรตั นตรยั รัตนะ 3 แก้วอันประเสริฐ หรือส่ิงล้าค่า 3 ประการ หลักท่ีเคารพบูชาสูงสุดของ พุทธศาสนิกชน 3 อย่าง คือ 1 พระพุทธเจ้า (พระผู้ตรัสรู้เอง และสอนให้ผู้อ่ืนรู้ตาม) 2.พระธรรม (คาส่ังสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งหลักความจริงและหลักความประพฤติ) 3. พระสงฆ์ (หมู่สาวกผู้ ปฏบิ ัตติ ามคาส่งั สอนของพระพุทธเจ้า) (พ.ธ.หนา้ 116) พระสงฆ์ หมู่ชนที่ฟังคาสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย หมู่สาวกของพระพุทธเจ้า (พ.ศ. หนา้ 185) พระสมั มำสมั พทุ ธเจ้ำ หมายถึง ท่านผตู้ รสั รู้เอง และสอนผอู้ นื่ ใหร้ ู้ตาม (พ.ศ. หนา้ 189) พระอนุพุทธะ หมายถึง ผู้ตรัสรู้ตาม คือ ตรัสรูด้วยได้สดับเล่าเรียนและปฏิบัติตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรง สอน ไดแ้ ก่ พระอรหนั ต์สาวกทั้งหลาย (พ.ศ. หน้า 374) พระอริยบคุ คล หมายถึง บคุ คลผู้เปน็ อริยะ ท่านผู้บรรลธุ รรมวเิ ศษ มีโสดาปัตติผล เป็นตน้ มี 4 คอื พระโสดาบัน / พระสกทาคามี (หรือสกทิ าคาม)ี / พระอนาคามี / พระอรหันต์ แบ่งพิสดารเปน็ 8 คอื พระผ้ตู งั้ อยูใ่ นโสดาปตั ตมิ รรค และพระผู้ต้งั อย่ใู นโสดาปัตตผิ ลคู่ 1 พระผู้ตั้งอยู่ในสกทาคามิมรรค และพระผู้ต้งั อยู่ในสกทาคามีผลคู่ 1 พระผ้ตู ั้งอยูใ่ นอนาคามิมรรค และพระผู้ต้ังอยู่ในอนาคามิผลคู่ 1 หลักสตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
90 พระผ้ตู ัง้ อยู่ในอรหตั ตมรรค และพระผตู้ งั้ อยใู่ นอรหตั ตผลคู่ 1 (พ.ศ. หนา้ 386) พรำหมณ์ หมายถึง คนวรรณะหนึ่งใน 4 วรรณะ คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ; พราหมณ์เป็นวรรณะ นักบวชและเปน็ เจา้ พธิ ี ถอื ตนว่าเปน็ วรรณะสงู สดุ เกิดจากปากพระพรหม (พ.ศ. หนา้ 185) พละ 4 กาลัง พละ 4 คือ ธรรมอนั เป็นพลงั ทาให้ดาเนินชวี ติ ด้วยความม่ันใจ ไมต่ ้องหวาดหวัน่ ภัยต่าง ๆ ได้แก่ 1. ปัญญาพละ กาลังคือปัญญา 2. วิริยพละ กาลังคือความเพียร 3. อนวัชชพละ กาลังคือการกระทา ท่ไี มม่ ีโทษ 4. สังคหพละ กาลงั การสงั เคราะห์ คือ เกอ้ื กลู อยูร่ ่วมกบั ผู้อนื่ ได้ดี (พ.ศ. หนา้ 185 – 186) พละ 5 พละ กาลัง พละ 5 คือ ธรรมอันเป็นกาลัง ซึ่งเป็นเครื่องเก้ือหนุนแก่อริยมรรค จัดอยู่ในจาพวก โพธิปกั ขิยธรรม มี 5 คอื สทั ธา วริ ิยะ สติ สมาธิ ปญั ญา (พ.ศ. หนา้ 185 – 186) พุทธกิจ 5 พระพุทธองค์ทรงบาเพ็ญพุทธกิจ 5 ประการ คือ 1. ปุพฺพณฺเห ปิณฺฑปาตญฺจ ตอนเช้าเสด็จออก บิณฑบาต เพื่อโปรดสัตว์ โดยการสนทนาธรรมหรือการแสดงหลักธรรมให้เข้าใจ 2. สายณฺเห ธมฺม เทสน ตอนเย็น แสดงธรรมแก่ประชาชนที่มาเฝ้าบริเวณท่ีประทับ 3. ปโทเส ภิกฺขุโอวาท ตอนค่า แสดงโอวาทแก่พระสงฆ์ 4. อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหน ตอน เที่ยงคืนทรงตอบปัญหาแก่พวกเทวดา 5. ปจฺจูเสว คเต กาเล ภพฺพาภพฺเพ วิโลกน ตอนเช้ามืด จวนสว่าง ทรงตรวจพิจารณาสัตว์โลกว่าผู้ใดมี อุปนสิ ัยทจ่ี ะบรรลธุ รรมได้ (พ.ศ. หนา้ 189 - 190) พุทธคุณ คุณของพระพุทธเจ้า คือ 1. ปํญญาคุณ (พระคุณ คือ ปัญญา) 2. วิสุทธิคุณ (พระคุณ คือ ความ บรสิ ทุ ธิ์) 3. กรณุ าคณุ (พระคุณ คือ พระมหากรุณา) (พ.ศ. หน้า 191) ภพ โลกเป็นที่อยู่ของสัตว์ ภาวะชีวิตของสัตว์ มี 3 คือ 1. กามภพ ภพของผู้ยังเสวยกามคุณ 2. รูปภพ ภพของผ้เู ขา้ ถงึ รปู ฌาน 3. อรูปภพ ภพของผู้เขา้ ถึงอรูปฌาน (พ.ศ. หน้า 198) ภำวนำ 4 การเจริญ การทาให้มีข้ึน การฝึกอบรม การพัฒนา แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. กายภาวนา 2. สลี ภาวนา 3. จิตตภาวนา 4. ปญั ญาภาวนา (พ.ธ. หน้า 81 – 82) ภูมิ 31 1.พ้ืนเพ พ้ืน ชั้น ท่ีดิน แผ่นดิน 2. ช้ันแห่งจิต ระดับจิตใจ ระดับชีวิต มี 31 ภูมิ ได้แก่ อบายภูมิ 4 (ภูมิที่ปราศจากความเจริญ) - นิรยะ (นรก) – ติรัจฉานโยนิ (กาเนิดดิรัจฉาน) – ปิตติ วิสัย (แดนเปรต) - อสุรกาย (พวกอสูร) กามสุคติภูมิ 7 (กามาวจรภูมิท่ีเป็นสุคติ ภูมิท่ีเป็นสุคติซึง่ ยังเกี่ยวข้องกับกาม) - มนุษย์ (ชาวมนุษย์) – จาตุมหาราชิกา (สวรรค์ช้ันที่ท้าวมหาราช 4 ปกครอง) - ดาวดึงส์ (แดนแห่งเทพ 33 มีท้าวสักกะเป็นใหญ่) -ยามา (แดนแห่งเทพผู้ปราศจากความทุกข์) - ดุสิต (แดนแห่งผู้เอิบอ่ิมด้วยสิริสมบัติของตน) - นิมมานรดี (แดนแห่งเทพผู้ยินดีในการเนรมิต) - ปรนิมมิตวสวตั ตี (แดนแห่งเทพผู้ยังอานาจให้เปน็ ไปในสมบัตทิ ีผ่ ูอ้ ื่นนิรมติ ให้) (พ.ธ. หน้า 316-317) โภคอำทิยะ 5 ประโยชน์ท่ีควรถือเอาจากโภคทรัพย์ ในการท่ีจะมีหรือเหตุผลในการที่จะมีหรือครอบครองโภค ทรัพย์ 1. เลี้ยงตัว มารดา บิดา บุตร ภรรยา และคนในปกครองทั้งหลายให้เป็นสุข 2. บารุงมิตรสหาย และร่วมกิจกรรมการงานให้เป็นสุข 3. ใช้ปอ้ งกันภยันตราย 4. ทาพลี คอื ญาติพลี สงเคราะห์ญาติ อติถิ พลี ตอ้ นรบั แขก ปพุ พเปตพลี ทาบุญอุทิศใหผ้ ้ลู ่วงลับ ราชพลี บารงุ ราชการ เสียภาษี เทวตาพลี สักการะ บารงุ ส่งิ ท่ีเชื่อถือ 5. อุปถัมภ์บารงุ สมณพราหมณ์ ผู้ประพฤตชิ อบ (พ.ธ. หนา้ 202 -203) หลกั สูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
91 มงคล สิ่งทีท่ าให้มโี ชคดีตามหลักพระพทุ ธศาสนา หมายถึง ธรรมทีน่ ามาซ่ึงความสุข ความเจริญ มงคล 38 ประการ หรอื เรียกเต็มวา่ อุดมมงคล (มงคลอนั สูงสุด) 38 ประการ (ดูรายละเอียดมงคลสตู ร) (พ.ศ. หนา้ 211) มิจฉำวณิชชำ 5 การค้าขายท่ีผิดศีลธรรมไม่ชอบธรรม มี 5 ประการ คือ 1. สัตถวณิชชา ค้าอาวุธ 2. สัตตวณิชชา ค้ามนุษย์ 3. มังสวณิชชา เลี้ยงสัตว์ไว้ขายเน้ือ 4. มัชชวณิชชา ค้าขายน้าเมา 5. วสิ วณิชชา ค้าขายยาพษิ (พ.ศ. หนา้ 233) มรรคมอี งค์ 8 ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เรียกเต็มว่า “อริยอัฏฐังคิกมรรค” ได้แก่ 1. สัมมาทิฎฐิ เห็นชอบ 2. สัมมาสังกัปปะ ดาริชอบ 3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ 4. สัมมากัมมันตะ ทาการชอบ 5. สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ 6. สัมมาวายามะ เพียรชอบ 7.สัมมาสติ ระลึกชอบ 8. สัมมาสมาธิ ต้งั จิตมั่นชอบ (พ.ศ. หน้า 215) มจิ ฉัตตะ 10 ภาวะที่ผิด ความเปน็ สิง่ ท่ผี ิด ไดแ้ ก่ 1. มจิ ฉทฏิ ฐิ (เห็นผดิ ไดแ้ ก่ ความเหน็ ผดิ จากคลองธรรมตาม หลักกุศลกรรมบถ และความเห็นท่ีไม่นาไปสู่ความพ้นทุกข์) 2. มิจฉาสังกัปปะ (ดาริผิด ได้แก่ ความ ดาริท่เี ปน็ อกศุ ลทั้งหลาย ตรงข้ามจากสมั มาสงั กัปปะ) 3. มจิ ฉาวาจา (วาจาผดิ ได้แก่ วจีทุจริต 4) 4. มิจฉากัมมนั ตะ (กระทาผิด ได้แก่ กายทจุ รติ 3) 5. มจิ ฉาอาชีวะ (เล้ยี งชพี ผดิ ได้แก่ เล้ยี งชพี ในทาง ทุจริต) 6. มิจฉาวายามะ (พยายามผิด ได้แก่ ความเพียรตรงข้ามกับสัมมาวายามะ) 7. มิจฉาสติ (ระลกึ ผิด ไดแ้ ก่ ความระลึกถึงเรือ่ งราวทลี่ ว่ งแล้ว เช่น ระลกึ ถงึ การไดท้ รพั ย์ การไดย้ ศ เปน็ ต้น ในทาง อกุศล อันจัดเป็นสติเทียม) เป็นเหตุชักนาใจให้เกิดกิเลส มีโลภะ มานะ อสสา มัจฉริยะ เป็นต้น 8. มจิ ฉาสมาธิ (ตั้งใจผิด ได้แก่ ตง้ั จิตเพง่ เลง็ จดจอ่ ปกั ใจแนว่ แน่ในกามราคะพยาบาท เปน็ ตน้ หรอื เจริญ สมาธิแล้ว หลงเพลิน ติดหมกมุ่น ตลอดจนนาไปใช้ผดิ ทาง ไม่เป็นไปเพ่ือญาณทัสสนะ และความหลุด พ้น) 9. มิจฉาญาณ (รู้ผิด ได้แก่ ความหลงผิดท่ีแสดงออกในการคิดอุบายทาความช่ัวและในการ พิจารณาทบทวน ว่าความช่ัวน้ัน ๆ ตนกระทาได้อย่างดีแล้ว เป็นต้น) 10. มิจฉาวิมุตติ (พ้นผิด ได้แก่ ยังไม่ถงึ วมิ ุตติ สาคญั ว่าถึงวมิ ุตติ หรอื สาคัญผดิ ในสง่ิ ท่ีมิใชว่ มิ ตุ ติ) (พ.ธ. หนา้ 322) มติ รปฏริ ปู คนเทียมมติ ร มติ รเทยี ม มใิ ช่มติ รแท้ มี 4 พวก ไดแ้ ก่ 1. คนปอกลอก มีลกั ษณะ 4 คือ 1.1 คดิ เอาได้ฝา่ ยเดยี ว 1.2 ยอมเสยี แต่น้อย โดยหวังจะเอาให้มาก 1.3 ตัวเองมีภัย จึงมาทากิจของเพ่ือน 1.4 คบเพ่ือนเพราะ เหน็ แก่ประโยชน์ของตัว 2. คนดแี ต่พดู มลี กั ษณะ 4 คอื 2.1 ดแี ตย่ กเรอ่ื งทผี่ า่ นมาแลว้ มาปราศรยั 2.2 ดแี ต่ อา้ งส่ิงท่ยี งั มี ดี แต่อ้างส่ิงที่ยังไม่มีมาปราศรัย 2.3 สงเคราะห์ด้วยสิ่งที่ไร้ประโยชน์ 2.4 เม่ือเพ่ือนมีกิจอ้าง แต่เหตุขัดข้อง 3. คนหัวประจบมีลกั ษณะ 4 คอื 3.1 จะทาชั่วกค็ ล้อยตาม 3.2 จะทาดกี ค็ ล้อยตาม 3.3 ต่อหน้าสรรเสรญิ 3.4 ลบั หลงั นนิ ทา 4. คนชวนฉิบหายมีลกั ษณะ 4 4.1 คอยเป็นเพื่อนดื่มน้าเมา 4.2 คอยเป็นเพ่ือนเที่ยวกลางคืน 4.3 คอยเป็นเพ่ือนเท่ยี วดูการเล่น 4.4 คอยเป็นเพ่ือนไปเล่นการพนัน (พ.ธ. หน้า 154 – 155) หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
92 มิตรน้ำใจ 1. เพื่อนมีทุกขพ์ ลอยทกุ ขด์ ้วย 2. เพอื่ นมีสุขพลอยดใี จ 3. เขาตเิ ตยี นเพ่ือน ช่วยยับยงั้ แกไ้ ข ให้ 4. เขาสรรเสริญเพ่ือน ช่วยพดู เสริมสนับสนุน (พ.ศ. หนา้ 234) รูป 1. สิ่งท่ีต้องสลายไปเพราะปัจจัยต่าง ๆ อันขัดแย้ง สิ่งท่ีเป็นรูปร่างพร้อมท้ังลักษณะอาการของมัน ส่วน ร่างกาย จาแนกเป็น 28 คือ มหาภูตรูป หรือธาตุ 4 และอุปาทายรูป 2. อารมณ์ท่ีรู้ได้ด้วยจักษุ ส่ิงที่ ปรากฏแก่ตา ข้อ 1 ในอารมณ์ 6 หรืออายตนะภายนอก 3. ลักษณนามใช้เรียกพระภิกษุสามเณร เชน่ ภิกษรุ ปู หนง่ึ (พ.ศ. หนา้ 253) วัฏฏะ 3 หรือไตรวัฎฎ์ การวนเวียน การเวียนเกิด เวียนตาย การเวียนว่ายตายเกิด ความเวียนเกิด หรือ วนเวียนด้วยอานาจกิเลส กรรม และวิบาก เช่น กิเลสเกิดข้ึนแล้วให้ทากรรม เมื่อทากรรมแล้วย่อม ได้ผลของกรรม เมื่อได้รับผลของกรรมแล้ว กิเลสก็เกิดอีกแล้ว ทากรรมแล้วเสวยผลกรรมหมุนเวียน ต่อไป (พ.ธ. หนา้ 266) วำสนำ อาการกายวาจา ที่เป็นลักษณะพิเศษของบุคคล ซึ่งเกิดจากกิเลสบางอย่าง และได้ส่ังสมอบรมมาเป็น เวลานานจนเคยชินติดเปน็ พื้นประจาตัว แม้จะละกิเลสนัน้ ได้แล้ว แต่กอ็ าจจะละอาการกายวาจาท่ีเคย ชินไม่ได้ เช่น คาพูดติดปาก อาการเดินท่ีเร็วหรือเดินต้วมเต้ียม เป็นต้น ท่านขยายความว่า วาสนา ที่ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤต คือ เป็นกลาง ๆ ไม่ดีไม่ช่ัวก็มี ท่ีเป็นกุศลกับอัพยากฤตน้ัน ไม่ต้องละ แต่ท่ีเป็นอกุศลซ่ึงควรจะละน้ัน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนท่ีจะเป็นเหตุให้เข้าถึงอบายกับ สว่ นทเ่ี ป็นเหตใุ ห้เกิดอาการแสดงออกทางกายวาจาแปลก ๆ ตา่ ง ๆ ส่วนแรก พระอรหันต์ทุกองค์ละได้ แต่ส่วนหลงั พระพุทธเจ้าเท่าน้ันละได้ พระอรหันต์อื่นละไม่ได้ จึงมีคากล่าววา่ พระพุทธเจ้าเท่าน้ันละกิเลส ท้ังหมดได้ พร้อมท้ังวาสนา; ในภาษาไทย คาว่าวาสนามีความหมายเพี้ยนไป กลายเป็นอานาจบญุ เก่า หรือกุศลที่ทาให้ได้รับลาภยศ (ไม่มีใน พ.ศ. ฉบับที่พิมพ์เป็นเล่ม แต่ค้นได้จากแผ่นซีดีรอม พ.ศ. ของ สมาคมศิษยเ์ ก่ามหาจฬุ าฯ) วิตก ความตรกึ ตริ กายยกจิตขนึ้ สอู่ ารมณ์ การคดิ ความดาริ “ไทยใช้วา่ เปน็ ห่วงกังวล” แบง่ ออกเป็นกุศลวติ ก 3 และอกุศลวติ ก 3 (พ.ศ. หนา้ 273) วิบัติ 4 ความบกพร่องแห่งองค์ประกอบต่าง ๆ ซ่ึงไม่อานวยแก่การท่ีกรรมดีจะปรากฏผล แต่กลับเปิดช่องให้ กรรมชว่ั แสดงผล พดู สนั้ ๆ วา่ สว่ นประกอบบกพร่อง เปดิ ชอ่ งใหก้ รรมชั่ววบิ ตั มิ ี 4 คือ 1. คติวิบัติ วิบัติแห่งคติ หรือคติเสีย คือเกิดอยู่ในภพ ภูมิ ถ่ิน ประเทศ สภาพแวดล้อมท่ีไม่เหมาะ ไม่เกื้อกูล ทางดาเนินชีวิต ถิ่นที่ไปไม่อานวย 2. อุปธิวิบัติ วิบัติแห่งร่างกาย หรือ รูปกายเสีย เช่น ร่างกายพิกลพิการ อ่อนแอ ไมส่ วยงาม กริ ิยาท่าทางน่าเกลียด ไม่ชวนชมตลอดจนสุขภาพที่ไม่ดี เจ็บป่วย มโี รคมาก 3. กาลวบิ ัติ วบิ ัตแิ ห่งกาลหรอื หรือกาลเสีย คือเกดิ อยใู่ นยุคสมยั ท่ีบ้านเมอื งมีภยั พิบัติไม่สงบ เรียบร้อย ผู้ปกครองไม่ดี สังคมเสื่อมจากศีลธรรม มากด้วยการเบียดเบียน ยกย่องคนชั่ว บีบค้ันคนดี ตลอดจนทาอะไรไม่ถกู าลเวลา ไมถ่ กู จงั หวะ 4. ปโยควิบัติ วิบัติแห่งการประกอบ หรอื กจิ การเสยี เช่น ฝักใฝ่ในกิจการหรือเรื่องราวที่ผิด ทาการไม่ตรงตามความถนัด ความสามารถ ใช้ความเพียรไม่ถูกตอ้ ง ทาการครึ่ง ๆ กลาง ๆ เปน็ ตน้ (พ.ธ. หน้า 160- 161) หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
93 วิปัสสนำญำณ 9 ญาณในวิปัสสนา ญาณท่ีนับเข้าในวิปัสสนา เป็นความรู้ท่ีทาให้เกิดความเห็นแจ้ง เข้าใจ สภาวะของสิ่งทั้งหลายตามเป็นจริง ได้แก่ 1. อุทยัพพยานุปัสสนาณาณ คือ ญาณอันตามเห็นความ เกิดและดับของเบญจขันธ์ 2. ภังคานุปัสสนาญาณ คือ ญาณอันตามเห็นความสลาย เมื่อเกิดดับ ก็คานึงเด่นชัด ในส่วนดับของสังขารทั้งหลาย ต้องแตกสลายทั้งหมด 3. ภยตูปัฏฐานญาณ คือ ณาณ อันมองเห็นสังขาร ปรากฏเป็นของน่ากลวั 4. อาทีนวานุปัสสนาญาณ คือ ญาณอันคานึงเห็นโทษของ สังขารทั้งหลาย วา่ เป็นโทษบกพร่องเป็นทกุ ข์ 5. นิพพิทานุปัสสนาญาณ คอื ญาณอันคานงึ เห็นความ หนา่ ยของสังขาร ไมเ่ พลนิ เพลนิ ตดิ ใจ 6. มุญจติ กุ ัมยตาญาณ คือ ญาณอนั คานึงดว้ ย ใครพ่ น้ ไปเสีย คือ หน่ายสังขารทั้งหลาย ปรารถนาท่ีจะพ้นไปเสีย 7. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ คือ ญาณอันคานึง พิจารณาหาทาง เม่ือต้องการจะพ้นไปเสีย เพ่ือมองหาอุบายจะปลดเปล้ืองออกไป 8. สังขารุเปก ขาณาณ คือ ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คอื พจิ ารณาสังขารไม่ยินดียินร้ายในสังขาร ทั้งหลาย 9. สัจจานุโลมิกญาณ หรือ อนุโลมญาณ คือ ณาณอันเป็นไปโดยอนุโลกแก่การหยงั่ ร้อู ริยสจั แล้วแลว้ มรรคญาณให้สาเร็จความเปน็ อรยิ บุคคลต่อไป (พ.ศ. หน้า 276 – 277) วิมุตติ 5 ความหลุดพ้น ภาวะไร้กิเลส และไม่มีทุกข์ มี 5 ประการ คือ 1. วิกขัมภนวิมุตติ ดับโดยข่มไว้ คือ ดับกิเลส 2. ตทังควิมุตติ ดับกิเลสด้วยธรรมที่เป็นคู่ปรับธรรมที่ตรงกันข้าม 3. สมุจเฉทวิมุตติ ดับด้วยตัดขาด ดับกิเลสเสร็จสิ้นเด็ดขาด 4. ปฏิปัสสัทธิวิมุตติ ดับด้วยสงบระงับ โดยอาศัย โลกุต ตรมรรคดับกเิ ลส 5. นสิ รณวมิ ตุ ติ ดับด้วยสงบระงบั คอื อาศยั โลกุตตรธรรมดบั กิเลสเด็ดขาดเสร็จสิ้น (พ.ธ. หนา้ 194) โลกบำลธรรม ธรรมคุ้มครองโลก ได้แก่ ปกครองควบคุมใจมนุษย์ไว้ให้อยู่ในความดี มิให้ละเมิดศีลธรรม และ ใหอ้ ยู่กันดว้ ยความเรียบร้อยสงบสุข ไม่เดือดรอ้ นสับสนวุน่ วาย มี 2 อยา่ งได้แก่ 1. หิริ ความอายบาป ละอายใจต่อการทาความช่ัว 2. โอตตัปปะ ความกลัวบาปเกรงกลัวต่อความช่ัว และผลของกรรมชั่ว (พ.ศ. หน้า 260) ฤำษี หมายถึง ผู้แสวงธรรม ได้แก่ นักบวชนอกพระศาสนาซึ่งอยู่ในป่า ชีไพร ผู้แต่งคัมภีร์พระเวท (พ.ศ. หนา้ 256) สตปิ ฏั ฐำน 4 ทตี่ ้งั ของสติ การต้ังสติกาหนดพจิ ารณาสิ่งทง้ั หลายให้รเู้ ห็นตามความเป็นจริง คอื ตามสิ่ง นั้น ๆ มนั เปน็ ของมนั เอง มี 4 ประการ คือ 1. กายานปุ สั สนาสติปัฏฐาน (การตงั้ สติกาหนดพิจารณา กายใหร้ เู้ หน็ ตามเป็นจริงวา่ เปน็ แต่เพียงกาย ไม่ใชส่ ตั ว์บุคคล ตัวตนเราเขา) ทา่ นจาแนกวิธีปฏิบัติได้ หลายอย่าง คือ อานาปานสติ กาหนดลมหายใจ 1 อิริยาบถ กาหนดรู้ทันอิริยาบถ 1) สัมปชัญญะ สร้างสัมปชัญญะในการกระทาความเคลื่อนไหวทุกอย่าง 1) ปฏิกูลมนสิการ พิจารณาส่วนประกอบ อนั ไมส่ ะอาดทัง้ หลายทปี่ ระชุมเข้าเป็นรา่ งกายนี้ 1) ธาตมุ นสกิ าร พิจารณาเหน็ รา่ งกายของตน โดยสัก ว่าเป็นธาตุแต่ละอย่างๆ 2. เวทนานุปัสสาสติปฏั ฐาน (การต้ังสติกาหนดพิจารณาเวทนาให้รู้เห็นตาม เป็นจรงิ วา่ เปน็ แต่เพียงเวทนา ไม่ใชส่ ัตว์บุคคลตวั ตนเราเขา) คือ มสี ตริ ู้ชดั เวทนาอนั เปน็ สขุ ก็ดี ทุกข์ กด็ ี เฉย ๆ ก็ดี ทงั้ ทเ่ี ปน็ สามสิ และเป็นนริ ามิสตามทเี่ ป็นไปอยขู่ ณะนนั้ ๆ หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
94 3. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การต้ังสติกาหนดพิจารณาจิต ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่าเป็นแต่เพียงจิต ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขา) คือ มีสติรู้ชัดจิตของตนท่ีมีราคะ ไม่มีราคะ มีโทสะ ไม่มีโทสะ มีโมหะ ไม่มีโมหะ เศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว ฟุ้งซ่านหรือเป็นสมาธิ ฯลฯ อย่างไร ๆ ตามท่ีเป็นไปอยู่ใน ขณะนั้น ๆ 4. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน (การตั้งสติกาหนดพิจารณาธรรม ให้รู้เห็นตามเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงธรรม ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนของเรา) คือ มีสติรู้ชัดธรรมท้ังหลาย ได้แก่ นิวรณ์ 5 ขันธ์ 5อายตนะ 12 โพชฌงค์ 7 อริยสัจ 4 ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร มีในตนหรือไม่ เกิดข้ึน เจริญบริบรู ณ์และดบั ไดอ้ ย่างไร เป็นตน้ ตามท่เี ปน็ จริงของมนั อยา่ งน้นั ๆ (พ.ธ. หน้า 165) สมณะ หมายถึง ผู้สงบ หมายถึงนักบวชทั่วไป แต่ในพระพุทธศาสนา ท่านให้ความหมายจาเพาะ หมายถึง ผู้ระดับบาป ได้แก่ พระอริยบุคคล และผู้ปฏิบัติเพ่ือระงับบาป ได้แก่ ผู้ปฏิบัติธรรมเพ่ือเป็น พระ อริยบุคคล (พ.ศ. หนา้ 299) สมบัติ 4 คือ ความเพียบพร้อมสมบูรณ์แห่งองค์ประกอบต่าง ๆ ซ่ึงช่วยเสริมส่งอานวยโอกาสให้กรรมดี ปรากฏผล และไม่เปิดช่องให้กรรมช่ัวแสดงผล มี 4 อย่าง คือ 1. คติสมบัติ สมบัติแห่งคติ ถึงพร้อม ด้วยคติ หรือคติให้ คือ เกิดอยู่ในภพ ภูมิ ถิ่น ประเทศท่ีเจริญ เหมาะหรือเกื้อกูล ตลอดจนในระยะสน้ั คือ ดาเนินชีวิตหรือไปในถ่ินท่ีอานวย 2. อุปธิสมบัติ สมบัติแห่งร่างกาย ถึงพร้อมด้วยร่างกาย คือมี รูปร่างสวย ร่างกายสง่างาม หน้าตาท่าทางดี น่ารัก น่านิยมเลื่อมใส สุขภาพดี แข็งแรง 3. กาลสมบัติ สมบัติแห่งกาล ถงึ พรอ้ มด้วยกาลหรือกาลให้ คอื เกิดอยใู่ นสมยั ท่บี า้ นเมืองมีความสงบสุข ผูป้ กครองดี ผู้คนมีคุณธรรมยกย่องคนดี ไม่ส่งเสริมคนชั่ว ตลอดจนในระยะเวลาส้ัน คือ ทาอะไรถูกกาลเวลา ถูก จงั หวะ 4. ปโยคสมบตั ิ สมบตั ิแหง่ การประกอบ ถึงพรอ้ มด้วยการประกอบกิจ หรอื กจิ การให้ เชน่ ทา เรื่องตรงกับที่เขาต้องการ ทากิจตรงกับความถนัดความสามารถของตน ทาการถึงขนาดถูกหลัก ครบถ้วน ตามเกณฑ์หรือเต็มอัตรา ไม่ใช่ทาครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือเหยาะแหยะ หรือไม่ถูกเร่ืองกัน รู้จัก จดั ทา รจู้ กั ดาเนินการ (พ.ธ. หน้า 161 – 162) สมำบตั ิ ภาวะสงบประณตี ซึง่ พง่ึ เข้าถงึ ; สมาบตั ิมหี ลายอย่าง เชน่ ณานสมบัติ ผลสมาบตั ิ อนุปพุ พวหิ ารสมาบัติ (พ.ศ. หน้า 303) สติ ความระลึกได้ นึกได้ ความไม่เผลอ การคุมใจได้กับกิจ หรือคุมจิตใจไว้กับส่ิงที่เกี่ยวข้อง จาการทีทา และคาพดู แมน้ านได้ (พ.ศ. หน้า 327) สังฆคุณ 9 คุณของพระสงฆ์ 1. พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดี 2. เป็นผู้ปฏิบัติตรง 3. เป็นผู้ปฏิบัติถูกทาง 4. เป็นผู้ปฏิบัติสมควร 5. เป็นผู้ควรแก่การคานับ คือ ควรกับของท่ีเขา นามาถวาย 6. เป็นผู้ควรแก่การตอนรับ 7. เป็นผู้ควรแก่ทักษิณา ควรแก่ของทาบุญ 8. เป็นผู้ควร แกก่ ารกระทาอัญชลี ควรแกก่ ารกราบไหว้ 9. เปน็ นาบญุ อนั ยอดเยย่ี มของโลก เปน็ แหล่งปลูกฝังและ เผยแพรค่ วามดที ่ยี อดเย่ยี มของโลก(พ.ธ. หน้า 265-266) สังเวชนียสถำน สถานท่ีตั้งแห่งความสังเวช ที่ที่ให้เกิดความสังเวช มี 4 คือ 1. ที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือ อทุ ยานลุมพนิ ี ปจั จบุ ันเรียกลมุ พินีหรอื รุมมินเด (Lumbini หรือ Rummindei) 2. ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ตรัส รู้ คือ ควงโพธิ์ ท่ีตาบลพุทธคยา (Buddha Gaya หรือ Bodh – Gaya) 3. ท่ีพระพุทธเจ้าแสดงปฐม หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
95 เทศนา คือป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ปัจจุบันเรียกสารนาถ 4. ที่พระพุทธเจ้า ปรนิ พิ พาน คือทส่ี าลวโนทยาน เมืองกุสนิ ารา หรอื กสุ ินคร บดั น้ีเรียกกาเซีย (Kasia หรอื Kusinagara) (พ.ศ. หน้า 317) สันโดษ ความยินดี ความพอใจ ยินดีด้วยปัจจัย 4 คือ ผ้านุ่งห่ม อาหารท่ีนอนที่นั่ง และยาตามมีตามได้ ยินดี ของของตน การมีความสุข ความพอใจด้วยเคร่ืองเล้ียงชีพที่หามาได้ด้วยเพียรพยายามอันชอบธรรม ของตน ไม่โลภ ไมร่ ษิ ยาใคร (พ.ศ. หนา้ 324) สันโดษ 3 1. ยถาลาภสันโดษ ยินดีตามที่ได้ คือ ได้ส่ิงใดมาด้วยความเพียรของตน ก็พอใจด้วยสิ่งน้ัน ไม่ได้ เดือดร้อนเพราะของที่ไม่ได้ ไมเ่ พง่ เลง็ อยากไดข้ องคนอืน่ ไมร่ ิษยาเขา 2. ยถาพลสันโดษ คอื ยินดีตาม กาลงั คอื พอใจเพียงแค่พอแกก่ าลังรา่ งกาย สุขภาพ และขอบเขตการใชส้ อยของตน ของทีเ่ กนิ กาลังก็ ไม่หวงแหนเสียดายไมเ่ กบ็ ไว้ใหเ้ สียเปล่า หรอื ฝืนใช้ให้เปน็ โทษแก่ตน 3. ยถาสารปุ ปสนั โดษ ยินดตี าม สมควร คือ พอใจตามท่ีสมควร คือ พอใจตามท่ีสมควรแก่ภาวะฐานะแนวทางชีวิต และจุดหมายแห่ง การบาเพ็ญกิจของตน เช่น ภิกษุพอใจแต่องอันเหมาะกับสมณภาวะ หรือได้ของใช้ที่ไม่เหมาะสมกับ ตนแต่จะมปี ระโยชน์แก่ผอู้ ่ืนก็นาไปมอบให้แกเ่ ขา เปน็ ต้น (พ.ศ. หน้า 324) สัทธรรม 3 ธรรมอันดี ธรรมทแี่ ท้ ธรรมของสัตบุรุษ หลกั หรือแก่นศาสนา มี 3 ประการ ไดแ้ ก่ 1. ปรยิ ตั สิ ัทธรรม (สัทธรรมคอื คาสงั่ สอนอนั จะตอ้ งเลา่ เรียน ได้แก่ พุทธพจน์) 2. ปฏบิ ตั สิ ัทธรรม (สทั ธรรมคือสิง่ พงึ ปฏิบตั ิ ไดแ้ ก่ ไตรสกิ ขา คือ ศลี สมาธิ ปญั ญา) 3. ปฏิเวธสัทธรรม (สัทธรรมคือผลอันจะพึงเข้าถึง หรือบรรลุด้วยการปฏิบัติ ได้แก่ มรรค ผล และนพิ พาน (พ.ธ. หน้า 125) สัปปุริสธรรม 7 ธรรมของสัตบุรุษ ธรรมที่ทาให้เป็นสัตบุรุษ คุณสมบัติของคนดี ธรรมของผู้ดี 1. ธมั มัญญตุ า คอื ความรู้จักเหตุ คอื รหู้ ลกั ความจริง 2. อัตถญั ญตุ า คือ ความรูจ้ ักผล คือรู้ความมุ่ง หมาย 3. อัตตัญญุตา คือ ความรู้จักตน คือ รู้ว่าเราน้ันว่าโดยฐานะ ภาวะ เพศ กาลังความรู้ ความสามารถ ความถนัด และคุณธรรม เป็นต้น 4. มัตตัญญุตา คือ ความรู้จักประมาณ คือ ความพอดี 5. กาลัญญุตา คือ ความรู้จักกาล คือ รู้จักกาลเวลาอันเหมาะสม 6. ปริสัญญุตา คือ ความรู้จักบริษัทคือรู้จักชุมชนและรู้จักที่ประชุม 7. ปุคคลัญญุตา หรือ ปุคคลปโรปรัญญุตา คือ ความรู้จกั บุคคล คอื ความแตกต่างแห่งบคุ คล (พ.ธ. หน้า 244) สมั ปชัญญะ ความร้ตู ัวทั่วพรอ้ ม ความรู้ตระหนัก ความรู้ชัดเขา้ ใจชัด ซง่ึ สิ่งนึกได้ มักมาคู่กบั สติ (พ.ศ. หน้า 244) สำรำณียธรรม 6 ธรรมเปน็ ทตี่ งั้ แหง่ ความใหร้ ะลกึ ถงึ ธรรมเปน็ เหตใุ ห้ระลึกถึงกัน หลักการอยูร่ ว่ มกัน เรยี ก อีกอย่างว่า “สาราณียธรรม” 1. เมตตากายกรรม มีเมตตากายกรรมท้ังต่อหน้าและลับหลัง 2. เมตตาวจีกรรม มเี มตตาวจกี รรมท้งั ต่อหนา้ และลับหลัง 3. เมตตา มโนกรรม มีเมตตามโนกรรมทั้งต่อ หนา้ และลับหลัง 4. สาธารณโภคแี บง่ ปนั สิง่ ของที่ได้มาไมห่ วงแหนใชผ้ ูเ้ ดยี ว 5. สีลสามญั ญตามีความ ประพฤติร่วมกันในข้อท่ีเป็นหลักการสาคัญที่จะนาไปสู่ความหลุดพ้นสิ้นทุกข์หรือขจัดปัญหา 6.ทิฏฐิ สามญั ญตา มคี วามเห็นชอบดีงาม เช่นเดยี วกบั หมู่คณะ (พ.ธ. หนา้ 233-235) หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195