Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสังคมใหม่ 2564

หลักสูตรสังคมใหม่ 2564

Description: หลักสูตรสังคมใหม่ 2564

Search

Read the Text Version

146 หนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 4 4. มคี วามรู้ ความเข้าใจ - ความหมายบทบาทและสทิ ธิ พลเมืองกับความ รบั ผิดชอบตอ่ สงั คม เกย่ี วกับพลเมอื งและมีความ - การเคารพสิทธหิ นา้ ทต่ี ่อตนเองและผู้อ่นื รับผดิ ชอบต่อสังคม - ระเบียบ กฎ กตกิ า กฎหมาย 8. ปฏิบัติตนตามหน้าที่ - ความรบั ผดิ ชอบ (ตอ่ ตนเองกบั ผู้อน่ื ) พลเมอื งและมีความ - ความเป็นพลเมือง รับผิดชอบตอ่ สังคม 9. ตระหนักและเห็น ความสาคัญของการต่อต้าน และปอ้ งกนั การทจุ ริต หลักสตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

147 โครงสร้ำงหลกั สตู รชนั้ ปี โครงสร้ำงหลกั สูตรชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี 1 รหัส กลมุ่ สำระกำรเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลำเรียน(ชม./ปี) รำยวชิ ำพืน้ ฐำน (๘๔๐) ท ๑๑๑๐๑ ภาษาไทย1 ๒๐๐ ค ๑๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์1 ๒๐๐ ว ๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1 8๐ ส ๑๑๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 1 4๐ ส ๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 1 ๔๐ พ ๑๑๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา 1 ๔๐ ศ ๑๑๑๐๑ ศิลปะ 1 ๔๐ ง ๑๑๑๐๑ การงานอาชพี 1 ๔๐ อ ๑๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ1 160 รำยวิชำเพิ่มเติม (8๐) อ 11201 ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 40 ส ๑๑2๐3 การป้องกนั การทุจริต 40 กจิ กรรมพฒั นำผู้เรยี น (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสือ-เนตรนารี 40 กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนมุ 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสรำ้ งหลกั สตู ร ๑,040 หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ส๑๑๒๐๓ กำรป้องกันกำรทุจริต 148 ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๑ คำอธบิ ำยรำยวิชำเพิ่มเตมิ กล่มุ สำระกำรเรยี นร้สู งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชัว่ โมง ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าท่ีของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ข้ันตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพ่ือให้มี ความตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและการป้องกนั การทุจรติ เพ่ือให้นักเรียน มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวม มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ความเข้าใจ เกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ความเข้าใจเกีย่ วกบั พลเมืองและมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไมท่ น ต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ปฏิบัติตนตามหน้าท่ี พลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อต้านและป้องกนั การทุจรติ ให้ เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่อื สาร ส่งิ ที่เรยี นรู้ มคี วามสามารถในการวเิ คราะห์ และการตดั สินใจ เห็นคุณคา่ ของการนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั สามารถปรับตัวเองกบั บริบทสภาพแวดล้อม เปน็ พลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเปน็ ไทย ใฝเ่ รียนรู้ มีคณุ ธรรมและค่านิยมทีเ่ หมาะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวม 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต 3. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต 4. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับพลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน กบั ผลประโยชน์สว่ นรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเปน็ ผ้ลู ะอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรปู แบบ 7. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ 8. ปฏิบัติตนตามหน้าท่พี ลเมืองและมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสังคม 9. ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ รติ รวมท้ังหมด 9 ผลกำรเรยี นรู้ หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

149 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำกำรป้องกันกำรทุจริต กล่มุ สำระกำรเรียนรูส้ งั คมศกึ ษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหัสวิชำ ส ๑๑๒๐๓ ชนั้ ป.1 เวลำรวม 40 ชว่ั โมง สดั สว่ นคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 มำตรฐำน น้ำหนั ภำระงำน/ หนว่ ย ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ กำรเรียนรู้ / สำระสำคญั /ควำมคิดรวมยอด เวลำ ก ชนิ้ งำน ท่ี ผลกำร (ช่วั โมง) คะแน รวบยอด เรียนรู้ น (100) 1. หน่วยท่ี 1 ผลการเรยี นรู้ - การคิดแยกแยะ 16 20 - Mind การคิดแยกแยะ ข้อที่ - ระบบคิดฐาน 2 mapping ระหว่างผลประโยชน์ 1,5 - ระบบคดิ ฐาน 10 ส่วนตนและผล ประโยชน์สว่ นรวม 2. หน่วยท่ี 2 ผลการเรียนรู้ - การทาการบา้ น 10 15 - สมดุ เลม่ ความละอายและ ข้อท่ี - การทาเวร เลก็ การทา ความไม่ทนต่อการ 2,6 - การสอบ ความดี ทุจริต - กจิ กรรมนกั เรียน ปลายภาคเรียนที่ 1 - 15 3. หนว่ ยที่ 3 ผลการเรียนรู้ - ความพอเพยี ง 4 15 - Mind STRONG/จติ ขอ้ ที่ - ความโปร่งใส mapping พอเพียงต่อต้านการ 3,7,9 - ตา้ นทุจรติ ทุจรติ - ความเอ้ืออาทร 4. หน่วยที่ 4 ผลการเรียนรู้ - ความหมายบทบาทและสิทธิ 10 20 - Mind พลเมืองกับความ ข้อท่ี - การเคารพสิทธิหนา้ ที่ตอ่ ตนเอง mapping รบั ผดิ ชอบต่อสงั คม 4,8,9 และผอู้ ื่น - ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผดิ ชอบ (ตอ่ ตนเองกบั ผอู้ นื่ ) - ความเปน็ พลเมือง รวมระหว่างภาค 40 70 ปลายภาคเรยี นท่ี 2 - 30 รวมทั้งรำยวิชำ 40 100 หลักสตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

150 ตัวชวี้ ดั และสำระกำรเรยี นรูแ้ กนกลำง กลุ่มสำระสังคมศกึ ษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม(กำรป้องกันกำรทจุ ริต) ชั้นประถมศึกษำปที ่ี ๒ หน่วยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 1 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - การคดิ แยกแยะ การคดิ แยกแยะระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตนและ เก่ียวกบั การแยกแยะ - ประโยชนส์ ่วนตนและประโยชนส์ ว่ นรวม ผลประโยชนส์ ่วนรวม ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน - ระบบคิดฐาน 2 กับผลประโยชน์ส่วนรวม - ระบบคดิ ฐาน 10 5. สามารถคิดแยกแยะ ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชนส์ ว่ นรวมได้ หนว่ ยที่ 2 2. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - การทาการบา้ น ความละอายและความไม่ เก่ยี วกับความละอายและ - การทาเวร ความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต - การสอบ ทนต่อการทจุ ริต 6. ปฏิบัตติ นเปน็ ผู้ละอาย - กิจกรรมนกั เรียน และไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุก รปู แบบ หน่วยที่ 3 3. มคี วามรู้ ความเข้าใจ - ความพอเพียง STRONG/จติ พอเพยี ง เกี่ยวกบั STRONG / จิต - ความโปร่งใส พอเพียงต่อต้านการทจุ รติ - ตา้ นทุจรติ ต่อตา้ นการทุจรติ 7. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้ที่ - ความเออ้ื อาทร STRONG / จิตพอเพยี ง ตอ่ ตา้ นการทุจริต 9. ตระหนักและเหน็ ความสาคัญของการต่อตา้ น และป้องกันการทจุ รติ หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

151 หน่วยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 4 4. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - เรื่องการเคารพสทิ ธหิ นา้ ท่ีต่อตนเองและผู้อ่ืน พลเมืองกับความ รบั ผิดชอบต่อสังคม เกยี่ วกบั พลเมอื งและมีความ - การเคารพสิทธิหน้าทต่ี อ่ ชมุ ชนและสงั คม รับผดิ ชอบต่อสังคม - ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย 8. ปฏิบตั ติ นตามหนา้ ท่ี - ความรับผดิ ชอบ (ต่อห้องเรียน) พลเมืองและมคี วาม - คุณลกั ษณะของพลเมืองทด่ี ี รับผดิ ชอบตอ่ สงั คม - หน้าที่ของพลเมืองทด่ี ี 9. ตระหนักและเห็น ความสาคัญของการต่อต้าน และปอ้ งกนั การทุจริต หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

152 โครงสร้ำงหลักสตู รชนั้ ปี โครงสรำ้ งหลักสูตรชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี ๒ รหัส กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้/กจิ กรรม เวลำเรียน(ชม./ป)ี รำยวิชำพ้ืนฐำน (๘๔๐) ท ๑๒๑๐๑ ภาษาไทย2 ๒๐๐ ค ๑๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ 2 ๒๐๐ ว ๑๒๑๐๑ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 2 8๐ ส ๑๒๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม2 4๐ ส ๑๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 2 4๐ พ ๑๒๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา 2 ๔๐ ศ ๑๒๑๐๑ ศิลปะ 2 ๔๐ ง ๑๒๑๐๑ การงานอาชพี 2 ๔๐ อ ๑๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ2 160 รำยวชิ ำเพิม่ เติม (8๐) อ 12201 ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร2 40 ส ๑22๐3 การปอ้ งกนั การทุจรติ 2 40 กิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลูกเสือ-เนตรนารี 40 กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ 10 ชมุ นุม 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสร้ำงหลักสูตร ๑,040 หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

ส๑๒๒๐๓ กำรป้องกันกำรทุจริต 153 ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๒ คำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเตมิ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้สงั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชว่ั โมง ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ข้ันตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพ่ือให้มี ความตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและการป้องกันการทจุ รติ เพ่ือให้นักเรียน มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวม มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ความเข้าใจ เกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต ความเขา้ ใจเก่ียวกับพลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ปฏิบัติตนเป็นผ้ลู ะอายและไมท่ น ต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ปฏิบัติตนตามหน้าท่ี พลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการต่อตา้ นและปอ้ งกันการทุจรติ ให้ เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่อื สาร สงิ่ ท่เี รยี นรู้ มคี วามสามารถในการวเิ คราะห์ และการตัดสินใจ เห็นคุณคา่ ของการนาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน สามารถปรับตวั เองกบั บริบทสภาพแวดล้อม เปน็ พลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเปน็ ไทย ใฝ่เรยี นรู้ มคี ณุ ธรรมและคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต 3. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ รติ 4. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับพลเมืองและมีความรบั ผิดชอบต่อสงั คม 5. สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเปน็ ผ้ลู ะอายและไม่ทนต่อการทุจรติ ทุกรปู แบบ 7. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจรติ 8. ปฏิบัติตนตามหน้าท่พี ลเมืองและมคี วามรับผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการต่อต้านและป้องกันการทุจรติ รวมท้ังหมด 9 ผลกำรเรยี นรู้ หลักสตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

154 โครงสร้ำงรำยวิชำกำรปอ้ งกันกำรทุจรติ กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้สงั คมศึกษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหัสวิชำ ส 12203 ช้นั ป.2 เวลำรวม 40 ช่วั โมง สดั ส่วนคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 หนว่ ย ชื่อหน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคดิ รวมยอด เวลำ นำ้ หนัก ภำระงำน/ ท่ี กำรเรยี นรู้ / (ชวั่ โมง) คะแนน ช้ินงำน (100) รวบยอด ผลกำร เรยี นรู้ - Mind mapping 1. หน่วยที่ 1 ผลการเรยี นรู้ - การคิดแยกแยะ 16 20 - สมุดเลม่ การคิดแยกแยะ ขอ้ ท่ี - ประโยชนส์ ว่ นตนและ เล็กการทา ความดี ระหว่างผลประโยชน์ 1,5 ประโยชนส์ ่วนรวม - Mind สว่ นตนและผล - ระบบคดิ ฐาน 2 mapping ประโยชนส์ ว่ นรวม - ระบบคิดฐาน 10 - Mind mapping 2. หนว่ ยท่ี 2 ผลการเรยี นรู้ - การทาการบ้าน 10 15 ความละอายและ ขอ้ ที่ - การทาเวร ความไม่ทนต่อการ 2,6 - การสอบ ทุจริต - กจิ กรรมนกั เรยี น ปลายภาคเรียนท่ี 1 - 15 4 15 3. หนว่ ยท่ี 3 ผลการเรียนรู้ - ความพอเพียง 10 20 STRONG/จิต ขอ้ ท่ี - ความโปร่งใส 40 70 พอเพยี งต่อต้านการ 3,7,9 - ตา้ นทุจริต ทุจริต - ความเอือ้ อาทร 4. หน่วยท่ี 4 ผลการเรียนรู้ - เรอ่ื งการเคารพสทิ ธหิ นา้ ท่ีต่อ พลเมืองกับความ ขอ้ ท่ี ตนเองและผ้อู ืน่ รับผดิ ชอบต่อสังคม 4,8,9 - การเคารพสิทธิหน้าทต่ี อ่ ชุมชน และสงั คม - ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย - ความรบั ผิดชอบ (ต่อห้องเรียน) - คุณลักษณะของพลเมืองท่ดี ี - หน้าที่ของพลเมืองทีด่ ี รวมระหวา่ งภาค ปลายภาคเรยี นที่ 2 - 30 รวมทั้งรำยวิชำ 40 100 หลกั สตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

155 ตัวช้วี ัดและสำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง กลุม่ สำระสังคมศึกษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม(กำรป้องกันกำรทุจริต) ช้ันประถมศึกษำปที ี่ ๓ หน่วยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้ หน่วยท่ี 1 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - การคิดแยกแยะ การคิดแยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชน์ส่วนตนและ เก่ียวกับการแยกแยะ - ระบบคดิ ฐาน 2 ผลประโยชนส์ ว่ นรวม ระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน - ระบบคิดฐาน 10 กบั ผลประโยชน์ส่วนรวม - ผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชน์ 5. สามารถคดิ แยกแยะ ส่วนรวม ระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน - การขัดกันระหว่างประโยชนส์ ว่ นตนและ กบั ผลประโยชน์สว่ นรวมได้ ผลประโยชนส์ ่วนรวม หน่วยที่ 2 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจ - การทาการบ้าน ความละอายและความไม่ เกี่ยวกับความละอายและ - การทาเวร ความไม่ทนตอ่ การทุจรติ - การสอบ ทนตอ่ การทุจรติ 6. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผลู้ ะอาย - การแต่งกาย และไม่ทนต่อการทจุ ริตทกุ - กจิ กรรมส่งเสรมิ ความถนัดและความสนใจ รปู แบบ หน่วยที่ 3 3. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - ความพอเพียง STRONG/จติ พอเพยี ง เกย่ี วกับ STRONG / จติ - ความโปรง่ ใส พอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ - ต้านทจุ รติ ตอ่ ต้านการทุจรติ 7. ปฏบิ ัตติ นเป็นผูท้ ี่ - ความเอื้ออาทร STRONG / จิตพอเพียง ต่อตา้ นการทุจริต 9. ตระหนกั และเห็น ความสาคัญของการต่อต้าน และปอ้ งกันการทจุ รติ หลกั สูตรสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

156 หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้ หน่วยที่ 4 4. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - เร่อื งการเคารพสิทธหิ นา้ ท่ตี ่อตนเองและผู้อน่ื พลเมอื งกับความ รับผดิ ชอบตอ่ สงั คม เก่ียวกบั พลเมอื งและมีความ ทม่ี ีตอ่ ชุมชน รบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม - เรอ่ื งการเคารพสิทธิหนา้ ทีต่ ่อตนเองและผู้อื่น 8. ปฏบิ ตั ติ นตามหน้าที่ ที่มีตอ่ ประเทศชาติ พลเมืองและมคี วาม - ระเบียบ กฎ กตกิ า กฎหมาย รับผดิ ชอบต่อสงั คม - ความรับผิดชอบ (ตอ่ โรงเรยี น) 9. ตระหนกั และเหน็ - ความเป็นพลเมือง ความสาคญั ของการต่อตา้ น และปอ้ งกนั การทุจรติ หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

157 โครงสร้ำงหลกั สตู รชนั้ ปี โครงสรำ้ งหลกั สูตรชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี ๓ รหสั กล่มุ สำระกำรเรียนร/ู้ กิจกรรม เวลำเรียน(ชม./ปี) รำยวิชำพืน้ ฐำน (๘๔๐) ท ๑๓๑๐๑ ภาษาไทย 3 ๒๐๐ ค ๑๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 3 ๒๐๐ ว ๑๓๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3 8๐ ส ๑๓๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 3 4๐ ส ๑๓๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ 3 ๔๐ พ ๑๓๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา 3 ๔๐ ศ ๑๓๑๐๑ ศิลปะ 3 ๔๐ ง ๑๓๑๐๑ การงานอาชีพ 3 ๔๐ อ ๑๓๑๐๓ ภาษาองั กฤษ3 160 รำยวิชำเพิ่มเติม (8๐) อ 13201 ภาษาองั กฤษเพื่อการส่ือสาร 40 ส ๑32๐3 การป้องกนั การทุจริต 40 กจิ กรรมพฒั นำผู้เรยี น (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสือ-เนตรนารี 40 กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนมุ 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสรำ้ งหลกั สตู ร ๑,040 หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ส๑๓๒๐๓ กำรป้องกันกำรทุจริต 158 ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๓ คำอธิบำยรำยวิชำเพ่ิมเติม กล่มุ สำระกำรเรียนรสู้ ังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชวั่ โมง ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ข้ันตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพ่ือให้มี ความตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและการป้องกันการทุจรติ เพ่ือให้นักเรียน มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวม มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ความเข้าใจ เกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ความเขา้ ใจเก่ียวกับพลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบต่อสังคม สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไมท่ น ต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ปฏิบัติตนตามหน้าท่ี พลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อต้านและป้องกนั การทุจรติ ให้ เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่อื สาร สิง่ ท่เี รียนรู้ มคี วามสามารถในการวิเคราะห์ และการตดั สินใจ เห็นคุณคา่ ของการนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน สามารถปรบั ตัวเองกบั บรบิ ทสภาพแวดล้อม เปน็ พลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเปน็ ไทย ใฝ่เรยี นรู้ มีคณุ ธรรมและคา่ นิยมท่ีเหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต 3. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทุจริต 4. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับพลเมืองและมีความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตน กับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเปน็ ผ้ลู ะอายและไม่ทนต่อการทุจรติ ทุกรูปแบบ 7. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทุจรติ 8. ปฏิบัติตนตามหน้าท่พี ลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม 9. ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการต่อตา้ นและป้องกันการทุจริต รวมท้ังหมด 9 ผลกำรเรยี นรู้ หลกั สูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

159 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำกำรปอ้ งกันกำรทจุ ริต กลุ่มสำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม รหสั วิชำ ส 13203 ชน้ั ป.3 เวลำรวม 40 ช่วั โมง สดั สว่ นคะแนน ระหว่ำงภำค : ปลำยภำค 70:30 หนว่ ย ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวม เวลำ นำ้ หนัก ภำระงำน/ ที่ กำรเรียนรู้ / ยอด (ชัว่ โมง) คะแนน ชน้ิ งำนรวบ (100) ยอด ผลกำร - Mind เรียนรู้ mapping 1. หน่วยที่ 1 ผลการเรียนรู้ - การคดิ แยกแยะ 16 20 - สมดุ เล่มเลก็ การทาความดี การคิดแยกแยะ ขอ้ ท่ี - ระบบคดิ ฐาน 2 - Mind ระหวา่ งผลประโยชน์ 1,5 - ระบบคดิ ฐาน 10 mapping สว่ นตนและผล - ผลประโยชนส์ ่วนตนและ - Mind mapping ประโยชนส์ ว่ นรวม ผลประโยชนส์ ่วนรวม - การขดั กันระหว่างประโยชน์ สว่ นตนและผลประโยชน์ ส่วนรวม 2 หนว่ ยท่ี 2 ผลการเรียนรู้ - การทาการบา้ น 10 15 ความละอายและ ขอ้ ท่ี - การทาเวร ความไม่ทนตอ่ การ 2,6 - การสอบ ทจุ ริต - การแตง่ กาย - กจิ กรรมส่งเสรมิ ความถนัด และความสนใจ ปลายภาคเรยี นที่ 1 - 15 3. หน่วยที่ 3 ผลการเรยี นรู้ - ความพอเพียง 4 15 STRONG/จิต ข้อที่ - ความโปร่งใส พอเพียงต่อต้านการ 3,7,9 - ตา้ นทจุ รติ ทุจริต - ความเออ้ื อาทร 4. หนว่ ยท่ี 4 ผลการเรียนรู้ - เรือ่ งการเคารพสิทธหิ น้าทตี่ ่อ 10 20 พลเมืองกับความ ขอ้ ที่ ตนเองและผู้อื่นที่มีต่อชุมชน รบั ผดิ ชอบต่อสังคม 4,8,9 - เรอื่ งการเคารพสิทธิหนา้ ท่ีต่อ ตนเองและผอู้ นื่ ที่มตี ่อ ประเทศชาติ - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

160 หน่วย ชอื่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคญั /ควำมคิดรวม เวลำ นำ้ หนกั ภำระงำน/ ท่ี กำรเรยี นรู้ / ยอด (ช่วั โมง) คะแนน ชนิ้ งำนรวบ (100) ยอด ผลกำร เรยี นรู้ - ความรบั ผดิ ชอบ (ต่อ โรงเรียน) - ความเปน็ พลเมือง - คณุ ลกั ษณะของพลเมืองที่ดี - หน้าทีข่ องพลเมืองท่ดี ี รวมระหว่างภาค 40 70 ปลายภาคเรยี นท่ี 2 - 30 รวมทัง้ รายวชิ า 40 100 หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

161 ตัวช้วี ดั และสำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง กลุ่มสำระสังคมศึกษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม(กำรปอ้ งกันกำรทุจริต) ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๔ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 1 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - การคดิ แยกแยะ การคดิ แยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชนส์ ่วนตนและ เก่ยี วกบั การแยกแยะ - ระบบคดิ ฐาน 2 ผลประโยชนส์ ่วนรวม ระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน - ระบบคดิ ฐาน 10 กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม - ความแตกตา่ งระหวา่ งจริยธรรมและการ 5. สามารถคดิ แยกแยะ ทุจริต ระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน - ประโยชนส์ ว่ นตนและประโยชนส์ ว่ นรวม กับผลประโยชน์สว่ นรวมได้ หน่วยที่ 2 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจ - การทาการบ้าน ความละอายและความไม่ เกย่ี วกับความละอายและ - การทาเวร ความไม่ทนตอ่ การทุจรติ - การสอบ ทนตอ่ การทุจรติ 6. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผ้ลู ะอาย - การแต่งกาย และไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุก - กิจกรรมนักเรยี น (ภายในโรงเรียน) รูปแบบ - การเข้าแถว หน่วยที่ 3 3. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - การดารงชีวติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ STRONG/จติ พอเพยี ง เกี่ยวกบั STRONG / จิต พอเพยี ง พอเพียงต่อตา้ นการทจุ ริต - ความโปร่งใส ต่อต้านการทจุ ริต 7. ปฏบิ ัตติ นเป็นผทู้ ่ี - ความตนื่ รู้/ความรู้ STRONG / จติ พอเพยี ง - ตา้ นทจุ ริต ต่อตา้ นการทุจริต - มุ่งไปข้างหน้า 9. ตระหนักและเหน็ - ความเอ้ืออาทร ความสาคญั ของการต่อต้าน และปอ้ งกันการทุจรติ หลกั สตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

162 หน่วยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 4 4. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ - เร่อื งการเคารพสทิ ธิหน้าทตี่ ่อตนเองและผู้อ่ืน พลเมืองกบั ความ รับผดิ ชอบตอ่ สังคม เก่ยี วกับพลเมอื งและมีความ ท่มี ตี ่อครอบครวั รบั ผิดชอบตอ่ สังคม - ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย 8. ปฏิบัตติ นตามหนา้ ท่ี - ความรบั ผดิ ชอบ (ต่อชมุ ชน) พลเมืองและมคี วาม - ความเปน็ พลเมือง รบั ผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนักและเห็น ความสาคญั ของการต่อตา้ น และปอ้ งกนั การทจุ ริต หลักสตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

163 โครงสรำ้ งหลกั สตู รช้ันปี โครงสรำ้ งหลักสูตรชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี 4 รหัส กลุม่ สำระกำรเรียนร/ู้ กจิ กรรม เวลำเรยี น(ชม./ปี) รำยวชิ ำพ้นื ฐำน (๘๔๐) ท ๑๔๑๐๑ ภาษาไทย 4 ๑๖๐ ค ๑๔๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 4 ๑๖๐ ว ๑๔๑๐๑ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 4 120 ส ๑๔๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 4 80 ส ๑๔๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ 4 ๔๐ พ ๑๔๑๐๑ สขุ ศึกษาและพลศึกษา 4 8๐ ศ ๑๔๑๐๑ ศลิ ปะ 4 4๐ ง ๑๔๑๐๑ การงานอาชีพ 4 4๐ อ ๑๔๑๐๑ ภาษาอังกฤษ 4 120 รำยวชิ ำเพ่มิ เติม (80) อ 14201 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 40 ส ๑42๐3 การปอ้ งกนั การทจุ รติ 40 กจิ กรรมพฒั นำผ้เู รียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสอื -เนตรนารี 40 กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนุม 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสร้ำงหลักสูตร ๑,040 หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

ส๑๔๒๐๓ กำรป้องกันกำรทุจริต 164 ชั้นประถมศึกษำปีที่ ๔ คำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเตมิ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้สังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชัว่ โมง ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าท่ีของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ข้ันตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มี ความตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อตา้ นและการป้องกันการทุจริต เพ่ือให้นักเรียน มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยช น์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวม มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ความเข้าใจ เกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจริต ความเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทน ต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ปฏิบัติตนตามหน้าท่ี พลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและป้องกันการทจุ รติ ให้ เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถสือ่ สาร ส่ิงท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถในการวเิ คราะห์ และการตัดสินใจ เห็นคุณคา่ ของการนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน สามารถปรบั ตวั เองกบั บรบิ ทสภาพแวดล้อม เปน็ พลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ รักและภมู ิใจความเป็นไทย ใฝเ่ รยี นรู้ มีคณุ ธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับการแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม 2. มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ 3. มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจริต 4. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบตอ่ สังคม 5. สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชน์สว่ นรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเปน็ ผ้ลู ะอายและไมท่ นต่อการทุจริตทุกรูปแบบ 7. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทุจรติ 8. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสังคม 9. ตระหนกั และเหน็ ความสาคัญของการต่อต้านและป้องกันการทจุ รติ รวมท้ังหมด 9 ผลกำรเรยี นรู้ หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

165 โครงสร้ำงรำยวชิ ำกำรป้องกันกำรทุจรติ กลุม่ สำระกำรเรียนรสู้ ังคมศกึ ษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหสั วิชำ ส 14203 ชั้น ป.4 เวลำรวม 40 ช่วั โมง สดั สว่ นคะแนน ระหว่ำงภำค : ปลำยภำค 70:30 หน่วย ชอ่ื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวม เวลำ นำ้ หนกั ภำระงำน/ ที่ กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชว่ั โมง) คะแนน ชิน้ งำนรวบ (100) ยอด ผลกำร เรยี นรู้ 1. หนว่ ยท่ี 1 ผลการเรียนรู้ - การคดิ แยกแยะ 14 20 - Mind การคดิ แยกแยะ ข้อที่ - ระบบคิดฐาน 2 mapping ระหวา่ งผลประโยชน์ 1,5 - ระบบคดิ ฐาน 10 ส่วนตนและผล - ความแตกตา่ งระหว่าง ประโยชนส์ ว่ นรวม จรยิ ธรรมและการทุจริต - ประโยชน์สว่ นตนและ ประโยชนส์ ่วนรวม 2 หน่วยที่ 2 ผลการเรยี นรู้ - การทาการบา้ น 10 15 - สมดุ เล่มเล็ก ความละอายและ ข้อท่ี - การทาเวร การทาความ ความไม่ทนต่อการ 2,6 - การสอบ ดี ทจุ ริต - การแตง่ กาย - กิจกรรมนกั เรียน (ภายใน โรงเรยี น) - การเขา้ แถว ปลายภาคเรยี นที่ 1 - 15 3. หนว่ ยที่ 3 ผลการเรียนรู้ - การดารงชีวิตตามหลกั 6 15 - Mind STRONG/จิต ขอ้ ที่ ปรัชญาของเศรษฐกจิ mapping พอเพยี งต่อต้านการ 3,7,9 พอเพียง ทุจริต - ความโปรง่ ใส - ความต่นื รู้/ความรู้ - ต้านทจุ ริต - มุ่งไปขา้ งหน้า - ความเอ้อื อาทร หลกั สูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

166 หนว่ ย ชอ่ื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ที่ กำรเรียนรู้ / ยอด (ชั่วโมง) คะแนน ชนิ้ งำนรวบ (100) ยอด ผลกำร เรียนรู้ 4. หนว่ ยท่ี 4 ผลการเรียนรู้ - เรื่องการเคารพสิทธิหนา้ ที่ 10 20 - Mind พลเมืองกบั ความ ขอ้ ที่ ต่อตนเองและผู้อ่ืนท่ีมตี อ่ mapping รับผิดชอบตอ่ สังคม 4,8,9 ครอบครวั - ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผดิ ชอบ (ตอ่ ชมุ ชน) - ความเปน็ พลเมือง รวมระหว่างภาค 40 70 ปลายภาคเรียนท่ี 2 - 30 รวมทงั้ รายวชิ า 40 100 หลักสตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

167 ตวั ช้วี ัดและสำระกำรเรียนรู้แกนกลำง กลมุ่ สำระสังคมศกึ ษำ ศำสนำ และวัฒนธรรม(กำรปอ้ งกันกำรทจุ ริต) ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๕ หน่วยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 1 1. มีความรู้ ความเข้าใจ - การคิดแยกแยะ การคิดแยกแยะระหว่าง ผลประโยชนส์ ว่ นตนและ เกย่ี วกับการแยกแยะ - ระบบคิดฐาน 2 ผลประโยชน์สว่ นรวม ระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน - ระบบคดิ ฐาน 10 หนว่ ยท่ี 2 ความละอายและความไม่ กบั ผลประโยชน์ส่วนรวม - ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการ ทนตอ่ การทุจริต 5. สามารถคิดแยกแยะ ทุจรติ ระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน - ประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ - การขดั กนั ระหวา่ งประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชนส์ ่วนรวม - ผลประโยชน์ทบั ซ้อน 2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ - การทาการบา้ น เกี่ยวกับความละอายและ - การทาเวร ความไม่ทนตอ่ การทุจริต - การสอบ 6. ปฏบิ ัตติ นเป็นผลู้ ะอาย - การแตง่ กาย และไม่ทนต่อการทุจรติ ทกุ - กจิ กรรมนักเรียน (ในห้องเรียน โรงเรยี น รปู แบบ ชุมชน) - การเขา้ แถว หนว่ ยที่ 3 3. มคี วามรู้ ความเข้าใจ - ความพอเพียง STRONG/จิตพอเพยี ง เกีย่ วกบั STRONG / จติ - ความโปร่งใส พอเพียงต่อตา้ นการทุจริต - ความต่ืนรู้/ความรู้ ตอ่ ต้านการทจุ ริต 7. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผทู้ ่ี - ต้านทุจริต STRONG / จติ พอเพยี ง - มุ่งไปขา้ งหน้า ต่อตา้ นการทจุ รติ - ความเอื้ออาทร 9. ตระหนักและเหน็ ความสาคัญของการต่อตา้ น และปอ้ งกันการทุจริต หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

168 หนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระกำรเรียนรู้ หนว่ ยที่ 4 4. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - เร่อื งการเคารพสิทธหิ นา้ ทตี่ ่อตนเองและผู้อ่ืน พลเมืองกบั ความ รับผิดชอบต่อสงั คม เกี่ยวกบั พลเมอื งและมีความ - ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย รบั ผิดชอบตอ่ สังคม - ความรบั ผดิ ชอบ (ต่อสงั คม) 8. ปฏิบัตติ นตามหน้าที่ - ความเปน็ พลเมือง พลเมืองและมคี วาม รบั ผิดชอบตอ่ สังคม 9. ตระหนักและเห็น ความสาคัญของการต่อตา้ น และป้องกันการทุจรติ หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

169 โครงสรำ้ งหลกั สตู รชนั้ ปี โครงสรำ้ งหลกั สตู รชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๕ รหสั กลุม่ สำระกำรเรยี นรู/้ กิจกรรม เวลำเรยี น(ชม./ป)ี รำยวชิ ำพนื้ ฐำน (๘๔๐) ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย 5 ๑๖๐ ค ๑๕๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 5 ๑๖๐ ว ๑๕๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5 120 ส ๑๕๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 5 80 ส ๑๕๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ 5 ๔๐ พ ๑๕๑๐๑ สุขศกึ ษาและพลศึกษา 5 8๐ ศ ๑๕๑๐๑ ศลิ ปะ 5 4๐ ง ๑๕๑๐๑ การงานอาชพี 5 4๐ อ ๑๕๑๐๑ ภาษาองั กฤษ5 120 รำยวชิ ำเพ่มิ เติม (8๐) อ 15201 ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 40 ส ๑52๐3 การปอ้ งกันการทจุ รติ 40 กิจกรรมพัฒนำผู้เรียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลูกเสือ-เนตรนารี 40 กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชมุ นมุ 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสร้ำงหลักสูตร ๑,040 หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

ส๑๕๒๐๓ กำรป้องกันกำรทุจริต 170 ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๕ คำอธิบำยรำยวิชำเพิ่มเติม กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้สงั คมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชัว่ โมง ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าท่ีของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ข้ันตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มี ความตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและการป้องกนั การทุจริต เพ่ือให้นักเรียน มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยช น์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวม มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ความเข้าใจ เกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต ความเขา้ ใจเกย่ี วกับพลเมอื งและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ปฏิบัติตนเป็นผ้ลู ะอายและไม่ทน ต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ปฏิบัติตนตามหน้าท่ี พลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม ตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและปอ้ งกนั การทุจรติ ให้ เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถสื่อสาร ส่ิงท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถในการวิเคราะห์ และการตดั สินใจ เห็นคุณคา่ ของการนาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวัน สามารถปรับตวั เองกบั บรบิ ทสภาพแวดล้อม เปน็ พลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝเ่ รยี นรู้ มีคุณธรรมและค่านยิ มทเ่ี หมาะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต 3. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริต 4. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับพลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม 5. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์สว่ นตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผ้ลู ะอายและไมท่ นต่อการทุจริตทุกรูปแบบ 7. ปฏบิ ัตติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทุจรติ 8. ปฏิบัติตนตามหน้าท่พี ลเมืองและมคี วามรบั ผดิ ชอบต่อสังคม 9. ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการต่อต้านและป้องกันการทจุ ริต รวมท้ังหมด 9 ผลกำรเรยี นรู้ หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

171 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำกำรป้องกันกำรทุจริต กลมุ่ สำระกำรเรียนรสู้ งั คมศกึ ษำศำสนำ และวัฒนธรรม รหัสวิชำ ส 15203 ช้ัน ป.5 เวลำรวม 40 ช่ัวโมง สัดสว่ นคะแนน ระหวำ่ งภำค : ปลำยภำค 70:30 หน่วย ช่ือหน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ท่ี กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชั่วโมง) คะแนน ชิน้ งำนรวบ (100) ยอด ผลกำร เรียนรู้ 1. หนว่ ยที่ 1 ผลการเรยี นรู้ - การคดิ แยกแยะ 14 20 - Mind การคิดแยกแยะ ขอ้ ที่ - ระบบคิดฐาน 2 mapping ระหวา่ งผลประโยชน์ 1,5 - ระบบคิดฐาน 10 ส่วนตนและผล - ความแตกตา่ งระหว่าง ประโยชน์ส่วนรวม จรยิ ธรรมและการทุจริต - ประโยชนส์ ่วนตนและ ประโยชนส์ ่วนรวม - การขัดกนั ระหวา่ ง ประโยชนส์ ่วนตนและ ผลประโยชน์สว่ นรวม - ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น 2 หน่วยท่ี 2 ผลการเรียนรู้ - การทาการบา้ น 10 15 - สมุดเล่มเล็ก ความละอายและ ข้อท่ี - การทาเวร การทาความ ความไม่ทนตอ่ การ 2,6 - การสอบ ดี ทจุ รติ - การแตง่ กาย - กิจกรรมนกั เรยี น (ใน หอ้ งเรียน โรงเรยี น ชุมชน) - การเข้าแถว ปลายภาคเรยี นที่ 1 - 15 3. หนว่ ยท่ี 3 ผลการเรยี นรู้ - ความพอเพยี ง 6 15 - Mind STRONG/จิต ขอ้ ที่ - ความโปร่งใส mapping พอเพียงต่อต้านการ 3,7,9 - ความต่นื รู/้ ความรู้ ทจุ รติ - ต้านทจุ รติ - มุ่งไปขา้ งหน้า - ความเออื้ อาทร หลกั สตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

172 หนว่ ย ชอื่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวม เวลำ น้ำหนกั ภำระงำน/ ท่ี กำรเรยี นรู้ / ยอด (ชว่ั โมง) คะแนน ชนิ้ งำนรวบ (100) ยอด ผลกำร เรียนรู้ 4. หนว่ ยที่ 4 ผลการเรยี นรู้ - เร่อื งการเคารพสทิ ธหิ น้าที่ 10 20 - Mind พลเมืองกับความ ขอ้ ท่ี ตอ่ ตนเองและผู้อืน่ mapping รับผิดชอบตอ่ สังคม 4,8,9 - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรบั ผดิ ชอบ (ต่อสงั คม) - ความเปน็ พลเมือง รวมระหว่างภาค 40 70 ปลายภาคเรียนที่ 2 - 30 รวมท้งั รายวชิ า 40 100 หลักสตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

173 ตัวชีว้ ัดและสำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง กลุ่มสำระสังคมศกึ ษำ ศำสนำ และวฒั นธรรม(กำรป้องกันกำรทุจริต) ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๖ หนว่ ยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระกำรเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 1 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจ - การคิดแยกแยะ การคดิ แยกแยะระหวา่ ง ผลประโยชนส์ ว่ นตนและ เก่ียวกับการแยกแยะ - ระบบคดิ ฐาน 2 ผลประโยชนส์ ่วนรวม ระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตน - ระบบคดิ ฐาน 10 หน่วยท่ี 2 ความละอายและความไม่ กับผลประโยชน์สว่ นรวม - ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการ ทนตอ่ การทุจริต 5. สามารถคิดแยกแยะ ทุจริต ระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน - ประโยชน์ส่วนตนและประโยชนส์ ่วนรวม กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวมได้ - การขัดกนั ระหว่างประโยชน์สว่ นตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม - ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น - รูปแบบของผลประโยชนท์ ับซ้อน 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจ - การทาการบา้ น เกีย่ วกับความละอายและ - การทาเวร ความไม่ทนตอ่ การทุจริต - การสอบ 6. ปฏิบัติตนเปน็ ผ้ลู ะอาย - การแตง่ กาย และไมท่ นต่อการทจุ รติ ทุก - กิจกรรมนักเรียน (ในหอ้ งเรียน โรงเรียน รปู แบบ ชุมชน สังคม) - การเข้าแถว หน่วยที่ 3 3. มีความรู้ ความเข้าใจ - การสร้างจิตสานกึ ความพอเพียงต่อต้านการ STRONG/จิตพอเพียง เก่ยี วกบั STRONG / จิต ทจุ รติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ - ความโปร่งใส ตอ่ ต้านการทจุ ริต 7. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผู้ที่ - ความตืน่ ร/ู้ ความรู้ STRONG / จติ พอเพียง - ต้านทุจริต ต่อตา้ นการทุจริต - มุ่งไปขา้ งหน้า 9. ตระหนกั และเหน็ - ความเออ้ื อาทร ความสาคญั ของการต่อต้าน และป้องกนั การทุจรติ หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

174 หน่วยกำรเรียนรู้ ผลกำรเรียนรู้ สำระกำรเรียนรู้ หนว่ ยที่ 4 4. มีความรู้ ความเขา้ ใจ - เรื่องการเคารพสทิ ธิหนา้ ทตี่ ่อตนเองและผู้อ่นื พลเมอื งกับความ รับผดิ ชอบต่อสังคม เกี่ยวกับพลเมืองและมีความ ทีม่ ีต่อประเทศชาติ รับผิดชอบตอ่ สงั คม - ระเบียบ กฎ กตกิ า กฎหมาย 8. ปฏิบัติตนตามหน้าท่ี - ความรับผดิ ชอบ (ตอ่ ประเทศชาติ) พลเมืองและมีความ - ความเป็นพลเมือง รบั ผิดชอบตอ่ สงั คม 9. ตระหนักและเหน็ ความสาคญั ของการต่อต้าน และป้องกนั การทจุ รติ หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

175 โครงสร้ำงหลักสตู รช้ันปี โครงสรำ้ งหลักสตู รชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ ๖ เวลำเรียน(ชม./ปี) รหสั กลุม่ สำระกำรเรยี นรู/้ กจิ กรรม (๘๔๐) รำยวิชำพ้ืนฐำน ๑๖๐ ท ๑๖๑๐๑ ภาษาไทย 6 ๑๖๐ ค ๑๖๑๐๑ คณติ ศาสตร์ 6 120 ว ๑๖๑๐๑ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 80 ส ๑๖๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 6 ๔๐ ส ๑๖๑๐๒ ประวัติศาสตร์ 6 8๐ พ ๑๖๑๐๑ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 6 4๐ ศ ๑๖๑๐๑ ศลิ ปะ 6 4๐ ง ๑๖๑๐๑ การงานอาชีพ 6 120 อ ๑๖๑๐๑ ภาษาอังกฤษ6 (8๐) รำยวชิ ำเพ่มิ เติม 40 อ 16201 ภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร 40 ส ๑62๐3 การป้องกันการทจุ ริต กิจกรรมพัฒนำผเู้ รียน (๑๒๐) แนะแนว 40 ลกู เสอื -เนตรนารี 40 กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 10 ชุมนมุ 30 รวมเวลำเรยี นตำมโครงสรำ้ งหลกั สูตร ๑,040 หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

ส๑๖๒๐๓ กำรป้องกันกำรทุจริต 176 ชั้นประถมศึกษำปที ี่ ๖ คำอธิบำยรำยวชิ ำเพิ่มเติม กลุม่ สำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษำ ศำสนำและวัฒนธรรม เวลำ ๔๐ ชว่ั โมง ศึกษาเก่ียวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและ ความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อ สังคมในการต่อต้านการทุจริต โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จาแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทาโครงงานกระบวนการ เรียนรู้5 ข้ันตอน (5 STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพ่ือให้มี ความตระหนกั และเห็นความสาคัญของการต่อตา้ นและการป้องกันการทุจริต เพ่ือให้นักเรียน มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับ ผลประโยชน์ส่วนรวม มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ความเข้าใจ เกี่ยวกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต ความเข้าใจเกยี่ วกบั พลเมอื งและมีความรับผิดชอบต่อสังคม สามารถคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์สว่ นตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไมท่ น ต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ปฏิบัติตนเป็นผู้ท่ี STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ปฏิบัติตนตามหน้าท่ี พลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการต่อต้านและป้องกันการทุจรติ ให้ เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถสอื่ สาร สิง่ ทีเ่ รียนรู้ มคี วามสามารถในการวิเคราะห์ และการตดั สินใจ เห็นคุณคา่ ของการนาความรู้ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั สามารถปรับตัวเองกบั บรบิ ทสภาพแวดล้อม เปน็ พลเมืองดี รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักและภูมิใจความเป็นไทย ใฝ่เรยี นรู้ มีคณุ ธรรมและคา่ นิยมที่เหมาะสม ผลกำรเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตน กบั ผลประโยชนส์ ่วนรวม 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ 3. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทจุ รติ 4. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับพลเมืองและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม 5. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตน กบั ผลประโยชน์ส่วนรวมได้ 6. ปฏิบัติตนเปน็ ผ้ลู ะอายและไม่ทนต่อการทจุ รติ ทุกรปู แบบ 7. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ต้านการทุจรติ 8. ปฏิบัติตนตามหน้าท่พี ลเมืองและมคี วามรับผิดชอบต่อสังคม 9. ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการต่อต้านและป้องกันการทุจรติ รวมท้ังหมด 9 ผลกำรเรยี นรู้ หลักสูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศกั ราช 2563 ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

177 โครงสร้ำงรำยวิชำกำรปอ้ งกันกำรทุจริต กล่มุ สำระกำรเรียนรู้สงั คมศกึ ษำศำสนำ และวฒั นธรรม รหัสวิชำ ส 16203 ชัน้ ป.6 เวลำรวม 40 ช่วั โมง สัดส่วนคะแนน ระหว่ำงภำค : ปลำยภำค 70:30 มำตรฐำน น้ำหนกั ภำระงำน/ คะแนน ช้ินงำนรวบ หนว่ ย ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ กำรเรียนรู้ / สำระสำคัญ/ควำมคิดรวม เวลำ (100) ยอด ท่ี ผลกำร ยอด (ชว่ั โมง) เรียนรู้ 1. หนว่ ยที่ 1 ผลการเรียนรู้ - การคิดแยกแยะ 14 20 - Mind mapping การคดิ แยกแยะ ขอ้ ท่ี - ระบบคิดฐาน 2 ระหว่างผลประโยชน์ 1,5 - ระบบคดิ ฐาน 10 สว่ นตนและผล - ความแตกตา่ งระหว่าง ประโยชนส์ ่วนรวม จรยิ ธรรมและการทุจริต - ประโยชนส์ ่วนตนและ ประโยชนส์ ว่ นรวม - การขดั กนั ระหวา่ ง ประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชนส์ ่วนรวม - ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น - รปู แบบของผลประโยชน์ ทบั ซ้อน 2 หนว่ ยที่ 2 ผลการเรียนรู้ - การทาการบ้าน 10 15 - สมดุ เล่มเลก็ การทาความ ความละอายและ ขอ้ ที่ - การทาเวร ดี ความไม่ทนต่อการ 2,6 - การสอบ - 15 ทุจรติ - การแต่งกาย - กจิ กรรมนกั เรยี น (ใน หอ้ งเรียน โรงเรียน ชมุ ชน สังคม) - การเขา้ แถว ปลายภาคเรยี นที่ 1 หลักสูตรสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

178 มำตรฐำน น้ำหนกั ภำระงำน/ คะแนน ช้นิ งำนรวบ หน่วย ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ / สำระสำคัญ/ควำมคิดรวม เวลำ (100) ยอด ท่ี ผลกำร ยอด (ชว่ั โมง) เรียนรู้ 3. หน่วยที่ 3 ผลการเรียนรู้ - การสรา้ งจิตสานึกความ 6 15 - Mind mapping STRONG/จิต ขอ้ ที่ พอเพียงต่อต้านการทจุ ริต พอเพียงต่อตา้ นการ 3,7,9 - ความโปรง่ ใส ทุจริต - ความตืน่ รู้/ความรู้ - ต้านทจุ รติ - ม่งุ ไปข้างหน้า - ความเอ้ืออาทร 4. หนว่ ยที่ 4 ผลการเรยี นรู้ - เร่ืองการเคารพสิทธิหนา้ ท่ี 10 20 - Mind mapping พลเมืองกบั ความ ข้อท่ี ต่อตนเองและผู้อื่นท่ีมีต่อ รับผดิ ชอบตอ่ สงั คม 4,8,9 ประเทศชาติ - ระเบยี บ กฎ กตกิ า กฎหมาย - ความรับผิดชอบ (ตอ่ ประเทศชาติ) - ความเป็นพลเมือง รวมระหวา่ งภาค 40 70 - 30 ปลายภาคเรยี นที่ 2 40 100 รวมทง้ั รายวิชา หลกั สูตรสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

179 เกณฑ์กำรจบกำรศกึ ษำ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั พชื นิมติ (คาสวัสดิ์ราษฎรบ์ ารุง) (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดเกณฑส์ าหรบั การจบการศึกษา ไว้ ดงั น้ี เกณฑ์กำรจบระดับประถมศึกษำ 1. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมตามที่กาหนด และมีผลการประเมินรายวิชา พื้นฐานผา่ นทุกรายวชิ า 2. ผู้เรียนตอ้ งมีผลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น ระดบั “ผา่ น” ขน้ึ ไป 3. ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั “ผ่าน” ขึน้ ไป 4. ผเู้ รียนต้องเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นและได้รบั การตดั สนิ ผลการเรียน “ผ่าน” ทุกกจิ กรรม กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรยี นต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมิน เพ่ือพัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสาเร็จ น้ัน ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและ สารสนเทศท่ีแสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลท่ีเป็น ประโยชนต์ อ่ การส่งเสรมิ ให้ผ้เู รียนเกิด การพฒั นาและเรยี นร้อู ยา่ งเต็มตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอยี ด ดงั นี้ ๑. กำรประเมินระดบั ชน้ั เรียน เปน็ การวดั และประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน ประเมนิ เพ่ือน ผู้ปกครองรว่ มประเมิน ในกรณีท่ีไมผ่ ่านตวั ชีว้ ดั ให้มีการสอนซ่อมเสริม การประเมินระดับช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพฒั นา หลักสตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

180 ปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากน้ียังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใชป้ รบั ปรุงการเรยี นการสอนของตนด้วย ท้ังนี้ โดยสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ดั ๒. กำรประเมินระดับสถำนศกึ ษำ เป็นการประเมนิ ท่สี ถานศึกษาดาเนนิ การเพื่อตัดสินผล การเรยี น ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพ่ือให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรียนของ ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ สารสนเทศเพ่ือการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการ จัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา สานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน ผู้ปกครองและชุมชน ๓. กำรประเมินระดับเขตพื้นท่ีกำรศึกษำ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่ การศกึ ษาตามมาตรฐานการเรยี นรู้ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน เพื่อใชเ้ ป็นข้อมลู พื้นฐานในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพ้ืนที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมิน คุณภาพผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทาและดาเนินการโดยเขตพื้นท่ีการศึกษา หรือด้วย ความร่วมมอื กับหนว่ ยงานต้นสงั กัด ในการดาเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล จากการประเมนิ ระดับสถานศกึ ษาในเขตพืน้ ที่การศึกษา ๔. กำรประเมินระดบั ชำติ เป็นการประเมนิ คณุ ภาพผู้เรยี นในระดบั ชาตติ ามมาตรฐานการเรียนรตู้ าม หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผเู้ รียนทกุ คนท่เี รียน ในชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมนิ ใชเ้ ปน็ ข้อมลู ในการเทียบเคยี งคุณภาพ การศึกษาในระดบั ต่าง ๆ เพื่อนาไปใช้ในการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจดั การศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูล สนบั สนนุ การตดั สนิ ใจในระดับนโยบายของประเทศ ข้อมูลการประเมนิ ในระดบั ตา่ งๆ ข้างต้น เปน็ ประโยชนต์ ่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาท่ีจะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ีจาแนก ตามสภาพปัญหาและความต้องการ ไดแ้ ก่ กลมุ่ ผ้เู รียนทว่ั ไป กลมุ่ ผเู้ รยี นท่ีมคี วามสามารถพิเศษ กลมุ่ ผเู้ รียนท่มี ี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนท่ีปฏิเสธโรงเรียน กลุ่ม ผ้เู รียนทมี่ ีปญั หาทางเศรษฐกจิ และสงั คม กลมุ่ พิการทางร่างกายและสติปัญญา เปน็ ตน้ ข้อมลู จากการประเมิน จึงเปน็ หัวใจของสถานศกึ ษาในการดาเนินการช่วยเหลือผูเ้ รยี นไดท้ ันท่วงที ปิดโอกาสให้ผูเ้ รยี นได้รับการพัฒนา และประสบความสาเร็จในการเรียน หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

181 สถานศึกษาในฐานะผู้รบั ผดิ ชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทาระเบียบว่าดว้ ยการวัดและประเมินผลการ เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกาหนดของหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน เพ่อื ใหบ้ คุ ลากรท่เี ก่ียวขอ้ งทุกฝา่ ยถือปฏิบัตริ ่วมกัน เกณฑก์ ำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรยี น ๑. กำรตดั สิน กำรให้ระดบั และกำรรำยงำนผลกำรเรยี น ๑.๑ กำรตดั สนิ ผลกำรเรียน ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนั้น ผู้สอนต้องคานึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนเป็น หลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอและต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริม ผู้เรียนให้พัฒนาจนเต็มตามศกั ยภาพ ระดับประถมศกึ ษำ (๑) ผู้เรยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมด (๒) ผเู้ รยี นต้องได้รับการประเมินทกุ ตัวชี้วดั และผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากาหนด (๓) ผู้เรยี นต้องได้รับการตัดสนิ ผลการเรียนทกุ รายวชิ า (๔) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ ับการประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนด ในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน การพิจารณาเล่ือนช้ัน ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ใหอ้ ยู่ในดลุ พินิจของสถานศึกษาทจ่ี ะผ่อนผันให้เล่ือนช้นั ได้ แต่หากผเู้ รียน ไม่ผ่านรายวิชาจานวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชัน้ ท่ีสูงขึ้น สถานศึกษาอาจต้ัง คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้าช้ันได้ ท้ังนี้ให้คานึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็น สาคญั ๑.๒ กำรให้ระดับผลกำรเรยี น ระดับประถมศึกษำ ในการตัดสนิ เพือ่ ให้ระดับผลการเรยี นรายวชิ า สถานศึกษาสามารถใหร้ ะดับผล การเรยี นหรอื ระดับคุณภาพการปฏิบัติของผ้เู รยี น เปน็ ระบบตัวเลข ระบบตวั อกั ษร ระบบรอ้ ยละ และระบบ ที่ใชค้ าสาคัญสะท้อนมาตรฐาน (1) การให้ระดับผลการเรยี น โรงเรยี นกาหนดใหก้ ารตดั สินเพื่อใหร้ ะดับผลการเรียนรายวิชาของ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ใหใ้ ช้ตัวเลขแสดงระดบั ผลการเรยี นเป็น ๘ ระดบั ดงั น้ี หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

182 ระดบั ผลกำรเรียน ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ระบบทใ่ี ช้คาสาคญั สะท้อนมาตรฐาน ๔ ๘๐ - ๑๐๐ 5 ระดบั 4 ระดับ 2 ระดับ ๓.๕ ๗๕ - ๗๙ ๓ ๗๐ - ๗๔ ดีเยีย่ ม ดีเยีย่ ม ๒.๕ ๖๕ - ๖๙ ๒ ๖๐ - ๖๔ ดี ผา่ น ๑.๕ ๕๕ - ๕๙ ดี ๑ ๕๐ - ๕๔ ๐ ๐ - ๔๙ พอใช้ ผ่าน ผา่ น ไม่ผา่ น ไมผ่ ่าน ไม่ผ่าน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับผล การ ประเมนิ เปน็ ดีเย่ียม ดี และผา่ น (2) การสรุปผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น เพอ่ื การเลื่อนระดับช้นั และจบ การศกึ ษา กาหนดเกณฑ์การตัดสนิ เป็น ๔ ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดับดงั น้ี ดีเยี่ยม หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขยี นทมี่ ีคุณภาพดเี ลศิ อยเู่ สมอ ดี หมายถงึ มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี นทม่ี ีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ ผำ่ น หมายถึง มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียนท่ีมีคณุ ภาพเปน็ ทยี่ อมรับ แต่ยงั มีข้อบกพร่องบางประการ ไมผ่ ่ำน หมายถงึ ไมม่ ผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขยี น หรอื ถา้ มผี ลงาน ผลงานน้นั ยังมขี ้อบกพรอ่ งทต่ี ้องไดร้ บั การปรับปรุงแก้ไขหลายประการ หลกั สตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

183 (3) การสรปุ ผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคร์ วมทกุ คุณลักษณะ เพอ่ื การเลอ่ื นระดับชนั้ และจบการศกึ ษา กาหนดเกณฑก์ ารตดั สนิ เป็น ๔ ระดับและความหมายของแตล่ ะระดบั ดังนี้ ดเี ยย่ี ม หมายถงึ นักเรียนปฏบิ ัตติ นตามคณุ ลกั ษณะจนเปน็ นิสัยและนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันเพื่อ ประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดับดเี ยีย่ ม จานวน ๕ - ๘ คณุ ลกั ษณะและไมม่ ีคณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ากวา่ ระดับดี ดี หมายถึง นกั เรยี นมีคุณลกั ษณะในการปฏิบัตติ ามกฎเกณฑ์ เพ่ือให้เป็นการยอมรับของสังคม โดยพจิ ารณาจาก (๑) ได้ผลการประเมินระดับดเี ยย่ี ม จานวน ๑-๔ คุณลกั ษณะและไมม่ ีคุณลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กวา่ ระดับดี หรอื (๒) ได้ผลการประเมินระดับดเี ย่ยี ม จานวน ๔ คุณลักษณะและไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลการประเมินตา่ กว่าระดับผา่ น หรือ (๓) ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จานวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะและไม่มีคณุ ลักษณะใด ได้ผลการประเมินตา่ กวา่ ระดับผา่ น ผ่ำน หมายถงึ นกั เรียนรับรู้และปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขท่โี รงเรียนกาหนดโดยพจิ ารณาจาก (๑) ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผ่าน จานวน ๕-๘ คณุ ลักษณะและไมม่ คี ุณลกั ษณะใด ได้ผลการประเมนิ ต่ากว่าระดับผ่าน หรือ (๒) ได้ผลการประเมินระดบั ดี จานวน ๔ คุณลักษณะและไม่มคี ุณลักษณะใดไดผ้ ลการ ประเมินต่ากว่าระดับผา่ น ไม่ผำ่ น หมายถึง นกั เรียนรบั รูแ้ ละปฏิบตั ิได้ไมค่ รบตามกฎเกณฑแ์ ละเงื่อนไขที่โรงเรยี นกาหนด โดย พิจารณาจากมีผลการประเมินระดบั ไม่ผา่ น ตง้ั แต่ ๑ คุณลกั ษณะ (4) การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียนจะตอ้ งพจิ ารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกจิ กรรมอย่างน้อยรอ้ ยละ ๘๐ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมและผลงานของนักเรียนต้องผ่านรอ้ ยละ ๗๐ และให้ผลการประเมินเป็นผา่ นและไมผ่ า่ น โดยให้ใช้ตวั อกั ษรแสดงผลการประเมินดงั นี้ “ผ” หมายถงึ นักเรียนมเี วลาการเขา้ รว่ มกิจกรรม การปฏิบัตกิ จิ กรรมและมีผลงานผา่ นเกณฑ์ “มผ” หมายถึง นักเรียนมีเวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม การปฏิบัติกจิ กรรมและมผี ลงานไมผ่ า่ น เกณฑ์ หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

184 ในกรณีที่นักเรียนได้ผลการเรียน “มผ” ให้ครูผู้สอนจัดซ่อมเสริมให้นกั เรียนทากจิ กรรมในส่วนที่ นักเรยี นไม่ไดเ้ ข้ารว่ ม หรือไม่ไดท้ าจนครบถว้ น แลว้ จงึ เปลี่ยนผลการเรยี นจากไม่ผ่านเป็นผา่ น ทงั้ นตี้ อ้ ง ดาเนนิ การให้เสรจ็ สิน้ ภายในปกี ารศึกษานัน้ กำรสอนซ่อมเสริม เปน็ สว่ นหนึง่ ของกระบวนการจดั การเรยี นรู้และเป็นการให้โอกาสแกน่ ักเรียนไดม้ ี เวลาเรยี นรู้สงิ่ ตา่ งๆ เพิ่มข้นึ จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั ทก่ี าหนดไว้ การสอนซ่อม เสริมเปน็ เป็นการสอนเพื่อแก้ไขขอ้ บกพร่อง กรณที ีน่ ักเรียนมคี วามรู้ ทักษะกระบวนการ หรอื เจตคต/ิ คุณลกั ษณะ ไม่เปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่โรงเรยี นกาหนด การดาเนินการสอนซ่อมเสรมิ นน้ั ใหค้ รูผู้สอนจดั สอนซ่อมเสรมิ ใหแ้ ก่นักเรียนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนอื ไปจาก การสอนปกติ เพ่อื พัฒนาให้นักเรยี นสามารถบรรลมุ าตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด เป็นการให้โอกาสแก่นกั เรยี น ได้เรียนรแู้ ละพฒั นา โดยจัดกิจกรรมการเรยี นรูท้ ี่หลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหว่างบคุ คล ๑.๓ กำรรำยงำนผลกำรเรียน การรายงานผลการเรยี นเปน็ การสื่อสารใหผ้ ูป้ กครองและผูเ้ รยี นทราบความกา้ วหน้าในการเรียนรู้ ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะ ๆ หรืออยา่ งน้อยภาคเรยี นละ ๑ ครง้ั การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคณุ ภาพการปฏบิ ัตขิ องผูเ้ รยี นที่สะท้อน มาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ ๒. เกณฑ์กำรจบกำรศกึ ษำ 2.1 กำรเลื่อนชน้ั เมอ่ื สน้ิ ปีการศึกษา นักเรียนจะได้รับการเล่ือนชนั้ ต้องมีคุณสมบตั ติ ามเกณฑ์ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) นกั เรยี นมีเวลาเรยี นตลอดปกี ารศกึ ษาไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด (๒) นกั เรยี นมผี ลการประเมินผ่านทุกรายวิชาพ้ืนฐานและเพม่ิ เติม (๓) นักเรยี นต้องได้รับการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น การประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน โดยต้องมีผลการประเมินในระดบั ผ่าน ท้งั น้ี ถ้านกั เรยี นมีข้อบกพร่องเพียงเลก็ น้อยและพจิ ารณาเหน็ ว่าสามารถพฒั นาและสอนซ่อม เสริมได้ ควรผอ่ นผันให้เลอื่ นชั้นได้ สาหรับในกรณีที่พบว่ามีนักเรียนกลุ่มพิเศษประเภทต่าง ๆ ที่มีปัญหาในการเรียนรู้ ให้ ครูผู้สอน/ครูประจาช้ัน แจ้งผู้อานวยการโรงเรียนเพื่อดาเนินงานร่วมกับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา/ศูนย์ การศึกษาพิเศษจังหวัด/ศูนย์การศึกษาพิเศษเขตการศึกษา/หน่วยงานต้นสังกัด โรงเรียนเฉพาะความพิการ หาแนวทางการแกไ้ ขและพัฒนา หลักสตู รสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

185 ๒.2 เกณฑ์กำรจบระดับประถมศึกษำ ๑. ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน จานวน ๘๔๐ ชั่วโมง และรายวิชาเพิ่มเติมจานวน ๔๐ ชวั่ โมง และมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐานผา่ นทกุ รายวิชา ๒. ผูเ้ รียนต้องมผี ลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ระดบั “ผ่าน” ขน้ึ ไป ๓. ผเู้ รยี นมผี ลการประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั “ผา่ น” ข้ึนไป ๔. ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและได้รับการตัดสินผลการเรียน “ผ่าน” ทุก กิจกรรม 5. ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ระดับ ๑ ขึ้นไปทุกรายวิชาพ้ืนฐาน จึงจะถือ ว่าผา่ นรายวชิ าพืน้ ฐาน สาหรับการจบการศึกษาสาหรับกล่มุ เป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรับผมู้ ี ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้ คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา และผู้ที่เกย่ี วข้อง ดาเนนิ การวดั และประเมนิ ผล การเรียนรู้ ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ กำรเทียบโอนผลกำรเรียน สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก แหล่งการเรยี นรู้อื่นๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบนั ศาสนา สถาบนั การฝกึ อบรมอาชีพ การจัดการศกึ ษาโดย ครอบครวั การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ที่ สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ท้ังน้ี ผู้เรียนที่ได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเน่ืองใน สถานศึกษาท่ีรับเทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาท่ีรับผู้เรียนจากการเทียบโอนควรกาหนด รายวิชา/จานวนหน่วยกิตทีจ่ ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดาเนนิ การได้ ดังน้ี ๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอ่ืนๆ ท่ีให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ ผเู้ รียน ๒. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนโดยการทดสอบด้วยวธิ ีการตา่ งๆ ทั้งภาคความร้แู ละ ภาคปฏบิ ตั ิ ๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั ใิ นสภาพจริง การเทียบโอนผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร หลกั สตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

186 เอกสำรหลกั ฐำนกำรศึกษำ เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง กบั พัฒนาการของผู้เรยี นในดา้ นต่าง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี ๑. เอกสำรหลกั ฐำนกำรศกึ ษำทก่ี ระทรวงศึกษำธิกำรกำหนด ๑.๑ ระเบียนแสดงผลกำรเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผู้เรียนตามรายวชิ า ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ี ให้ผู้เรียนเป็นรายบคุ คล เมอื่ ผเู้ รยี นจบการศึกษาระดบั ประถมศกึ ษา (ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖) ๑.๓ แบบรำยงำนผู้สำเร็จกำรศึกษำ เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อ และขอ้ มลู ของผู้จบการศึกษาระดบั ประถมศึกษา (ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖) ๒. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำท่สี ถำนศึกษำกำหนด เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทาข้ึนเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสาคัญ เกี่ยวกับ ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจารายวชิ า ระเบียนสะสม ใบรับรอง ผลการเรยี น และ เอกสารอืน่ ๆ ตามวตั ถุประสงค์ของการนาเอกสารไปใช้ กำรจดั กำรเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติ หลักสตู รแกนกลางการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เปน็ เป้าหมายสาหรับพัฒนาเดก็ และเยาวชน ในการพัฒนาผ้เู รียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จดั การเรยี นร้โู ดยชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นเรียนร้ผู ่านสาระที่กาหนดไว้ในหลกั สูตร ๘ กลุม่ สาระการเรียนรู้ รวมทงั้ ปลูกฝัง เสริมสร้างคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ พัฒนาทกั ษะตา่ งๆ อันเป็นสมรรถนะสาคญั ใหผ้ ู้เรยี นบรรลตุ ามเป้าหมาย ๑. หลกั กำรจดั กำรเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี ความสาคัญท่ีสุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถึง ความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและพฒั นาการทางสมองเนน้ ใหค้ วามสาคัญท้งั ความรู้ และคณุ ธรรม หลกั สตู รสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

187 ๒. กระบวนกำรเรยี นรู้ การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เป็น เคร่ืองมือที่จะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จาเป็นสาหรับผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแกป้ ัญหา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏบิ ัติ ลง มือทาจรงิ กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรยี นรู้การเรยี นรขู้ องตนเอง กระบวนการพฒั นา ลักษณะนสิ ยั กระบวนการเหล่าน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจาเป็นต้องศึกษาทา ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรี ยนรู้ได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ๓. กำรออกแบบกำรจดั กำรเรยี นรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ จัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียน ไดพ้ ัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายท่กี าหนด ๔. บทบำทของผสู้ อนและผเู้ รยี น การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผู้สอนและผู้เรียนควรมี บทบาท ดงั น้ี ๔.๑ บทบำทของผสู้ อน ๑) ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ ู้เรยี นเป็นรายบคุ คล แลว้ นาข้อมูลมาใชใ้ นการวางแผนการจัดการเรียนรู้ ทท่ี า้ ทความสามารถของผ้เู รยี น ๒) กาหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะกระบวนการ ท่ี เป็นความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสมั พันธ์ รวมทงั้ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พัฒนาการทางสมอง เพ่ือนาผู้เรียนไปส่เู ปา้ หมาย ๔) จัดบรรยากาศท่เี ออ้ื ต่อการเรยี นรู้ และดแู ลชว่ ยเหลือผูเ้ รยี นให้เกิดการเรยี นรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่ เหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการจดั การเรียนการสอน ๖) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรยี นดว้ ยวธิ กี ารที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาตขิ อง หลกั สูตรสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

188 วชิ าและระดับพฒั นาการของผเู้ รยี น ๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมท้ังปรับปรุงการ จัดการเรียนการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบำทของผ้เู รยี น ๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรู้ของตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรยี นรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ต้ังคาถาม คิดหา คาตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ัญหาดว้ ยวธิ ีการต่างๆ ๓) ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ สรุปส่งิ ที่ไดเ้ รยี นร้ดู ้วยตนเอง และนาความรไู้ ปประยุกตใ์ ชใ้ นสถานการณ์ ตา่ งๆ ๔) มปี ฏิสัมพันธ์ ทางาน ทากิจกรรมรว่ มกบั กลุม่ และครู ๕) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรียนรูข้ องตนเองอยา่ งต่อเน่อื ง สื่อกำรเรยี นรู้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่ือการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ท้ังสื่อธรรมชาติ ส่ือส่ิงพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถ่ิน การเลอื กใชส้ ือ่ ควรเลอื กให้มีความเหมาะสมกบั ระดับพฒั นาการ และลีลาการเรียนรทู้ หี่ ลากหลายของผูเ้ รียน การจัดหาสื่อการเรียนรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทาและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่าง มีคุณภาพจากส่ือต่างๆ ทมี่ ีอย่รู อบตัวเพื่อนามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรทู้ ีส่ ามารถสง่ เสริมและสื่อสารให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่าง แท้จริง สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานที่เก่ียวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ควร ดาเนนิ การดงั นี้ ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ แ ละเครือข่าย การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์การเรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ทอ้ งถิน่ ชุมชน สังคมโลก ๒. จัดทาและจัดหาส่ือการเรียนรู้สาหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้ง จดั หาสิ่งที่มอี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ มาประยกุ ต์ใช้เปน็ ส่ือการเรียนรู้ ๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ เรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผเู้ รียน ๔. ประเมินคณุ ภาพของสื่อการเรียนรทู้ ี่เลือกใชอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ หลักสตู รสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม พุทธศักราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑

189 ๕. ศึกษาคน้ ควา้ วิจยั เพื่อพฒั นาสื่อการเรียนร้ใู ห้สอดคล้องกบั กระบวนการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น ๖. จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเก่ียวกับสื่อและการใช้ส่ือ การเรียนรู้เป็นระยะๆ และสม่าเสมอ ในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ท่ีใช้ในสถานศึกษา ควรคานึงถึง หลักการสาคัญของส่ือการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้ือหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความม่ันคง ของชาติ ไมข่ ดั ตอ่ ศีลธรรม มีการใช้ภาษาทถ่ี ูกต้อง รูปแบบการนาเสนอท่ีเขา้ ใจง่าย และนา่ สนใจ กำรบรหิ ำรจดั กำรหลกั สูตร ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอานาจให้ท้องถ่ินและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตร น้ัน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ต้ังแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ิน จนถึงระดับสถานศึกษา มี บทบาทหน้าที่ และความรบั ผิดชอบในการพฒั นา สนับสนุน สง่ เสริม การใช้และพฒั นาหลกั สตู รให้เปน็ ไปอย่าง มีประสิทธิภาพ เพ่ือให้การดาเนนิ การจัดทาหลกั สตู รสถานศึกษาและการจดั การเรียนการสอนของสถานศึกษา มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ใน ระดับชาติ ระดับทอ้ งถ่นิ ไดแ้ ก่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษา หนว่ ยงานตน้ สังกัดอื่น ๆ เป็นหนว่ ยงานทีม่ ีบทบาท ในการขับเคลื่อนคุณภาพการจดั การศึกษา เป็นตัวกลางที่จะเชื่อมโยงหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ที่กาหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพ่ือนาไปสู่การจัดทาหลักสูตรของ สถานศึกษา ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสาเร็จ โดยมีภารกิจ สาคัญ คอื กาหนดเปา้ หมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ในระดบั ท้องถิ่นโดยพิจารณาให้สอดคล้อง กับสิ่งที่เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับ ท้องถิน่ รวมทัง้ เพม่ิ พนู คุณภาพการใช้หลกั สตู รด้วยการวิจยั และพฒั นา การพัฒนาบคุ ลากร สนบั สนนุ ส่งเสรมิ ตดิ ตามผล ประเมินผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผ้เู รยี น สถานศึกษามีหน้าท่ีสาคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดาเนินการใช้หลักสูตร การเพ่ิมพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรจัดทาระเบียบ การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดท่ีเขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้ จดั ทาเพิ่มเติม รวมทงั้ สถานศกึ ษาสามารถเพิม่ เตมิ ในสว่ นท่เี กยี่ วกบั สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมปิ ญั ญา ท้องถิน่ และความตอ้ งการของผ้เู รียน โดยทกุ ภาคส่วนเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการพัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษา หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑

190 หลกั สตู รสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พทุ ธศกั ราช 2563 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook