๑๙๐ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Solanum stramonifolium Jacq วงศ์ : Solanaceae ช่ืออืน่ : มะเขือปู่ มะปู่ (ภาคเหนือ) หมักอึก หมากอึก (ภาคอสี าน) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมพ้ ุม่ สูง 1-2 เมตร ทกุ สว่ นมีขนละเอียดสนี า้ ตาลอ่อนปกคลมุ ใบ เป็นใบเด่ียว ออกเรียงสลบั รปู ไข่กว้าง กว้าง 15-25 ซม. ยาว 20-30 ซม. โคนใบเวา้ หรือตดั ขอบใบหยักเว้าเป็นพู แผน่ ใบสีเขียว มีขนทั้งสองดา้ น ดอก ออกเปน็ ช่อกระจุกที่ซอกใบ ดอกสีขาว กลบี ดอกมี 5 กลบี โคนเชื่อมตดิ กนั ปลายแหลม เกสรเพศผสู้ เี หลือง เป็นเสน้ รวมเปน็ ยอดแหลม ผล รูปทรงกลม ขนาด 1.8-2 ซม. ผิวมีขนยาวหนาแนน่ ผลสกุ สีเหลืองแกมน้าตาล เมลด็ แบน มี จานวนมาก ส่วนทใ่ี ช้ : เมล็ด ผล ราก ผล สรรพคณุ : แกป้ วดฟนั วิธีและปริมาณท่ีใช้ : ใช้เมลด็ - เผาสูดดมควันเข้าไป แกป้ วดฟัน ราก - รสเปรยี้ ว เยน็ น้อย แกด้ ฝี อ่ ดกี ระตกุ คือ นอนสะด้งุ ผวา หลับๆ ต่นื ๆ แก้ไข้สนั นิบาต แกน้ ้าลายเหนยี ว กัด ฟอกเสมหะ กระทงุ้ พิษ ดบั พิษรอ้ นภายใน
๑๙๑ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Datura metel L. ช่ือสามัญ : Apple of Peru, Green Thorn Apple, Hindu Datura, Metel, Thorn Apple วงศ์ : Solanaceae ชอ่ื อน่ื : มะเขอื บ้า, ม่ังโตะ๊ โละ๊ , ละอังกะ, เลย๊ี ก ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุกอายหุ ลายปี สูง 1-2 เมตร แตกกงิ่ กา้ นเป็นพุ่ม ใบ เปน็ ใบเดยี่ ว ออกเรียงสลบั รปู ไข่ กว้าง 8-15 ซม. ยาว 10-20 ซม. โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจักเป็นซ่หี ่างกัน แผ่นใบสีเขยี ว ดอก ออกดอกเดี่ยว ตามซอกใบ ดอกสีขาวนวล กลีบเลยี้ งตดิ กันเปน็ หลอดยาวคึ่งหนง่ึ ของความยาวดอก กลีบดอกโคนเช่ือมตดิ กนั ปลายบาน เป็นรปู แตร ผล รูปทรงคอ่ นข้างกลม สเี ขยี ว ผวิ เปน็ ต่มุ หนาม ผลแห้งแตกได้ เมล็ดสนี ้าตาลจานวนมาก สว่ นทีใ่ ช้ : ใบแหง้ ดอกแห้ง ยอดอ่อน ชอ่ ดอก สรรพคณุ : ใบ - พอกแผลฝี แผลไหม้ รักษาไขข้ออักเสบ แก้กลากเกล้ือน น้าจากใบสด - หยอดหู แกป้ วดหู เมลด็ - แก้โรคผวิ หนัง แกป้ วดฟนั
๑๙๒ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Rhinacanthus nasutus (L.) Kurz ชื่อพ้อง : R. communis Nees ชื่อสามัญ : White crane flower วงศ์ : ACANTHACEAE ชอ่ื อืน่ : ทองคนั ช่งั หญา้ มนั ไก่ (ภาคกลาง) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พ่มุ สงู 1-2 เมตร ก่ิงออ่ นเป็นเหลยี่ ม สว่ นโคนต้นเน้อื ไมเ้ ปน็ แกนแข็ง ใบ เปน็ ใบเดยี่ ว ออก เรยี งตรงข้ามกัน รูปไข่ กวา้ ง 2-4 ซม. ยาว 4-8 ซม. ปลายใบแหลมเรยี ว โคนใบสอบ ขอบใบเรยี บ แผน่ ใบสเี ขียวอ่อน ดอก ออกเปน็ ชอ่ ตามซอกใบ ดอกสีขาว กลีบดอกเชอ่ื มติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเปน็ 2 ปาก ปากล่างมจี ดุ ประสีม่วง แดง ผล เปน็ ฝกั เลก็ พอแห้งแตกออกได้ สว่ นท่ใี ช้ : ราก ทัง้ ตน้ ต้น ใบ สรรพคุณ : ราก - แกก้ ลากเกล้ือน รกั ษาโรคมะเร็ง รักษาโรคผิวหนัง ดับพิษไข้ แกพ้ ิษงู แก้พยาธวิ งแหวนตาผิวหน ทงั้ ต้น - รักษาโรคผวิ หนัง แก้นา้ เหลอื งเสีย แก้กลากเกลอื้ น ผ่นื คัน รกั ษามะเรง็ คุดทะราด ขับพยาธติ าม ผวิ หนัง ตามบาดแผล แก้ไส้เลื่อน ไส้ลาม แก้ปัสสาวะผดิ ปกติ ตน้ - บารงุ รา่ งกาย แก้โรค 108 ประการ รักษาโรคผมรว่ ง ใบ - ดบั พิษไข้ แก้กลากเกลอ้ื น ผื่นคนั แกโ้ รคไขขอ้ อักเสบ รกั ษาโรคผวิ หนัง รักษาโรคมะเรง็ รักษาโรค ความดนั โลหติ สงู แก้ผมร่วง บารงุ ร่างกาย แกโ้ รค 108 ประการ แกป้ วดฝี แก้พิษงู ถอนพิษ แกอ้ ักเสบ แก้โรคมุตกติ รกั ษาโรคพยาธิวงแหวนตามผวิ หนัง นอกจากน้ยี งั ใชผ้ สมในตารบั ยารว่ มกับสมนุ ไพรอื่นๆ รักษาโรคต่อไปนี้คอื ราก - รกั ษามะเรง็ เน้ืองอก รักษามะเร็งปอด กระเพาะลาไส้ มะเร็งตามร่างกาย ทาใหผ้ มดกดา แกไ้ อเปน็ เลอื ด อาเจียนเป็นเลือด แกร้ ิดสีดวงทวาร ดับพิษไข้ รกั ษาโรคผวิ หนัง แกก้ ระษยั แก้ผมหงอก ผมร่วง รกั ษาโรคตบั พกิ าร รกั ษาโรครูมาติซึม รักษาโรคไขขอ้ พกิ าร แก้ลมเข้าข้อทาให้ปวดบวมตา่ งๆ ขบั ปสั สาวะ แกแ้ มงเคยี นกินรากผม แก้เหา แก้ รังแค ทง้ั ตน้ - รกั ษาโรคผวิ หนัง คดุ ทะราด แก้เมด็ ผน่ื คัน ตน้ - รักษามะเร็งเนือ้ งอก รกั ษามะเร็งปอด มะเรง็ กระเพาะ มะเร็งตามร่างกาย มะเร็งลาไส้ แกแ้ มงเคียน กินรากผม แกเ้ หา แกร้ ังแค รักษาโรคผวิ หนัง ใบ - แกแ้ มงเคียนกินรากผม แกเ้ หา แกร้ ังแค รกั ษาโรคผวิ หนัง แก้ไข้ แก้ปวดหวั ตัวร้อน แก้มะเรง็ ไช แกห้ ดิ
๑๙๓ มะตอย รักษาโรคมะเร็ง รักษาวณั โรค แกใ้ จระส่าระสาย แก้คลมุ้ คล่งั แกส้ ารพัดพิษ นอกจากนีใ้ นตาราบางเลม่ ยังไดก้ ล่าวถงึ สรรพคณุ ทองพนั ชั่ง โดยไมไ่ ดร้ ะบุว่าใชส้ ่วนใดของพชื หรอื ส่วนใด ในตารายาร่วมกบั สมนุ ไพรอ่นื ๆ ในการบาบัดรักษาโรคต่างๆ ดงั ต่อไปนี้คือ รักษาโรคความดนั โลหิตสูง รักษาโรคมะเร็ง แกม้ ุตกิตระดูขาว เปน็ ยาอายุวัฒนะ แกผ้ มรว่ ง รักษาโรคนวิ่ แก้เคล็ดขัดยอกชายโครง มือเคลด็ คอเคลด็ แก้มะเรง็ ในกระเพาะ แกฝ้ ีประคาร้อย แกม้ ะเรง็ ในคอ แก้ มะเร็งในปาก แกไ้ ขเ้ หนอื แก้จกุ เสยี ด เปน็ ยาหยอดตา แก้ไอเป็นเลือด แก้ชา้ ใน แกน้ วิ่ แกโ้ รคผิวหนงั แก้ลมสาร แกม้ ะเร็ง ในปอด แก้มะเร็งภายในและภายนอก วิธีและปรมิ าณทใี่ ช้ : ใชร้ บั ประทานเปน็ ยาภายใน รักษาโรคมะเร็ง และวณั โรคระยะเริ่มแรก 1. ใช้ท้ังต้น สด จานวน 30 กรัม ต้มกับน้า จานวนท่วมใบยา ตม้ ดืม่ ต่างน้า 2. ใช้กา้ นและใบสด 30 กรมั (แหง้ 10-15 กรมั ) ผสมน้าตาลกรวดต้มนา้ ด่ืม รกั ษาโรคปอดระยะเร่ิมแรก ใชเ้ ปน็ ยาภายนอก แกโ้ รคผวิ หนงั กลากเกล้ือนและผนื่ คันอน่ื ๆ 1. ใช้ใบสด 5-8 ใบ หรือ รากสด 2-3 ราก ใบสดตาให้ละเอียด เติมเหลา้ โรงเลก็ นอ้ ย ทาบรเิ วณทเ่ี ปน็ เกล้ือน หรอื เอารากมาปน่ แช่เหลา้ ไว้ 1 สัปดาห์ กรองเอาน้ายาท่ีแช่มาทา ทาบ่อยๆ จนกว่าจะหาย 2. ใชใ้ บสดตาผสมนา้ มนั ดิบ หรอื แอลกอฮอล์ 75% ทาบริเวณทีเ่ ป็น สารเคมี - Rhinacathin, Oxymethylanthra quinone, Quinone, Rutin (quercetin - 3 - rutinoside)
๑๙๔ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Houttuynia cordata Thunb. วงศ์ : Saururaceae ชอ่ื อื่น : คาวตอง(ลาปาง,อดุ ร) คาวทอง(มุกดาหาร,อตุ รดติ ถ์) ผักกา้ นตอง(แม่ฮ่องสอน) ผกั เข้าตอง,ผกั คาวตอง ผักคาว ปลา(ภาคเหนอื ) พลคู าว(ภาคกลาง) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมล้ ม้ ลกุ อายุหลายปี สูง 15-30 ซม. ลาต้นกลม สเี ขียว รากแตกออกตามข้อ มีกลิ่นคาวทั้งต้น ใบ เป็นใบเด่ยี ว ออกเรยี งสลับ รูปหวั ใจ กว้าง 4-6 ซม. ยาว 6-10 ซม. ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเวา้ รูปหวั ใจ ขอบใบ เรยี บ แผ่นใบเรียบ สีเขียว กา้ นใบยาวและโคนเป็นกาบหุม้ ลาต้น ดอก ออกเป็นชอ่ ทป่ี ลายยอด มใี บประดบั สีขาว 4 ใบ ที่ โคนชอ่ ดอก ปลายมน ดอกเล็กจานวนมาก สีขาวยออกเหลือง ผล เปน็ ผลแห้ง แตกออกได้ เมล็ดรี สว่ นทีใ่ ช้ : ทัง้ ตน้ เก็บในฤดูร้อน และฤดหู นาว ถอนทัง้ ต้นและราก ลา้ งให้สะอาด ตากแหง้ เกบ็ ไว้ใช้ ชอ่ ดอก ดอกย่อย ช่อดอกแก่ ผล เมลด็ สรรพคุณ : ทั้งตน้ - รสฉุน เยน็ จัด ขบั ปสั สาวะ แก้บวมนา้ ฝีบวมอักเสบ ปอดอักเสบ หลอดลมอกั เสบ ไอ บิด โรคติด เชอื้ ทางเดนิ ปัสสาวะ หชู ัน้ กลางอักเสบ และริดสดี วงทวาร พืชน้ีถ้ารับประทานมากเกินไปจะทาให้หายใจส้ันและถี่ อาจ เป็นอนั ตรายได้ ต้นสด - ใช้ภายนอก พอกฝี บวมอักเสบ บาดแผล โรคผวิ หนัง ดากออก งูพิษกดั และช่วยทาใหก้ ระดูกเชื่อม ติดกนั เรว็ ข้นึ ใบสด - ผิงไฟพอน่มิ ใช้พอกเนอ้ื งอกตา่ งๆ ใบสดใช้ป้องกันปลาเนา่ เสยี ต้มนา้ รดตน้ ฝ้าย ขา้ วสาลี และข้าว ป้องกันพืชเปน็ โรคเหีย่ วเฉาตาย พืชน้ใี ช้รบั ประทานเปน็ ยาระบาย ขับพยาธิ แก้ไข้ อาหารไม่ย่อย ท้องเสยี ออกหัด ดอก – ใชข้ ับทารกท่ีตายในท้อง ใชพ้ ืชนต้ี ้มรับประทานติดตอ่ กันเป็นประจา แกโ้ รคนา้ กัดเทา้ อาจ รับประทานนา้ ต้มจากพืชอยา่ งเดยี วหรอื ผสมวติ ามนิ เอและวติ ามนิ รวมด้วย ไดม้ ีการขอจดทะเบียนลขิ สิทธิต์ ารบั ยานี้ นอกจากนี้มผี ้ขู อจดทะเบียนลิขสทิ ธิ์เคร่อื งสาอางโดยใช้น้ามันจากผกั คาวทองเปน็ ครมี ทาแกผ้ ิวหนังหยาบกร้าน และใช้ ปอ้ งกันผวิ หนงั แตกเปน็ ร่อง ได้ผล 65% จากผ้ทู ดลองใช้ 35 ราย เครอื่ งสาอางนปี้ ระกอบดว้ ย แอลกอฮอล์ 8% โปรโพลี นกลัยคอน 5% น้ามนั ผกั คาวทอง 10% กรดซตี ริก 0.02% โซเดียมซเี ตรท 0.2% เติมนา้ จนครบ 100% วิธแี ละปรมิ าณที่ใช้ :ท้ังตน้ แห้ง 15-30 กรัม (สด 30-60 กรมั ) ตม้ นา้ ด่มื กอ่ นตม้ ใหแ้ ชน่ ้าไว้สัก 1-3 นาที ต้มให้เดอื ด ประมาณ 5 นาที (ถ้าใชร้ ่วมกับยาอ่ืน ใหต้ ้มยาอ่ืนใหเ้ ดือดก่อนจึงใสย่ าน้ตี ้มใหเ้ ดือด ดม่ื ) ใชส้ ด ตาคน้ั เอาน้าด่ืม ใช้ ภายนอก ต้มเอาน้าชะลา้ งหรือตาพอก ตารบั ยา วณั โรคปอด อาเจียนเปน็ เลือดหรือมหี นองปน ใช้ตน้ แหง้ รากเทยี นฮวยฮงุ่ (Trichosanthes kirilowii Maxim) เจ็กแปะเฮ๊ยี ะ (Biota orientalis Endl.) แหง้ อยา่ งะ 15 กรมั ต้มน้าดื่ม หรอื ใชต้ ้นสด 30 กรัม คั้น
๑๙๕ เอาน้าดมื่ กบั ผกั กาดดอง วันละ 2 คร้งั ปอดอักเสบ มหี นองในชอ่ งปอด ใช้ตน้ แห้ง 30 กรัม ก๊กิ แก้ (Platycodon grandiflorum A.DC.) รากแหง้ 15 กรมั ตม้ น้าหรือบดเป็นผงผสมนา้ ดม่ื มะเร็งที่ปอด ใช้ต้นแห้ง 18 กรมั ตงั ขุ่ยจี้ (Malva verticillata L.) แหง้ 30 กรัม เหง้ายาหวั (Smilax glabra Roxb.) แหง้ 30 กรมั กะเมง็ ตวั เมีย (Eclipta prostrata L.) และ ปวงเทียงข่ิมเล้า (Cyathea spinulosa Wall.) ทั้งตน้ แห้งอยา่ งละ 18 กรัม และชะเอม 5 กรมั ต้มนา้ ด่มื เปน็ หวัด หลอดลมอกั เสบ ใช้ต้นแหง้ เปลือกต้นเถ่าป๊ก (Magnolia officinalis Rehd. et Wils.) แห้ง ผสม เหลีย่ งเคยี้ ว (Forsythia suspensa Vahl.) แหง้ อย่างละ 10 กรัม บดเปน็ ผง และยอดต้นหมอ่ น (Morus alba L.) สด 30 กรมั ต้มเอานา้ ชงยาผงน้ี ด่ืม เปน็ โรคปอด ไอ มีเหงื่อออกมาก ใชต้ น้ สด 60 กรัม ใส่ในกระเพาะอาหารหมู ตุน๋ รบั ประทาน วนั ละชุด ตดิ ตอ่ กนั 3 วนั บิด ใช้ต้นสด 20 กรัม เถ้าจากผลซัวจา (Crataegus pinnatifida Bge. var. Major N.E.Br) 6 กรัม ตม้ เอาน้า ผสมน้าผึ้งดม่ื หนองใน ตกขาวมากผดิ ปกติ ใช้ต้นสด 25-30 กรัม ตม้ นา้ ด่ืม ริดสีดวงทวาร ใช้ตน้ สด ตม้ น้าด่มื จบิ ตามด้วยเหล้าเลก็ น้อย แลว้ เอากากพอก ใหร้ ับประทานยานตี้ ดิ ต่อกนั 3 วนั หัวริดสดี วงจะค่อยๆ ยุบไป โพรงจมูกอกั เสบเร้ือรัง ใชต้ น้ สด คน้ั เอานา้ หยอดจมูกวนั ละหลายๆ ครง้ั และใช้ตน้ สด 21 กรมั ตม้ น้าดื่มดว้ ฝบี วมอกั เสบ ใช้ต้นแห้ง บดเปน็ ผง ผสมนา้ ผ้ึงพอกฝที ี่ยงั ไม่มหี นอง จะยุบหายไป ฝที ่มี ห่ี นองก็จะเร่งให้ หนองออกเรว็ ขึ้น ฝเี น้ือร้าย (Furancle) ใช้ตน้ สดตาพอก จะปวดอยู่ 1-2 ชั่วโมง อยา่ เอายาออก พอกยา 1-2 วัน อาการ อกั เสบลดลงและค่อยๆ หายไป ผน่ื คันที่อวยั วะเพศ ฝที บ่ี รเิ วณกน้ ใชต้ น้ สดตม้ เอานา้ ชะล้าง งพู ิษกัด ใช้ตน้ สด ใบชยุ่ ฉิว่ เฮี๊ยะ (Sophora japonica L.) สด เมลด็ ชมุ เห็ดไทย อย่างละเทา่ ๆ กัน ตาพอก ผืน่ คนั ใช้ตน้ สด ตาพอก สารเคมี : ทพ่ี บท้ังต้นทป่ี ลกู ในญปี่ ุ่นมีนา้ มันระเหย 0.0049% ประกอบดว้ ยสารมีฤทธ์ฆิ า่ เชื้อคอื Decanoylacetaldehyde และยังมี methyl - n - nonylketone, myrcene, lauric alldehyde, capric aldehyde, capric acid ทป่ี ลูกในจนี มนี ้ามันระเหย ประกอบดว้ ย Decanoylacetaldehyde dodecanaldehlyde, 2- undecanone, caryophyllene α -pinene, camphene, myrcene, d-limonene, linalool และ bornyl acetate นอกจากนยี้ งั มี โปแตสเซียมคลอไรด์ โปแตสเซียมซลั เฟต และ cordarineดอกและใบ มีสารพวก flavone ประกอบด้วย Quercirin, Isoquercitrin, quercetin, reynoutrin และ hyperin รากมนี า้ มนั หอมระเหย ทปี่ ระกอบด้วย decanoyl acetaldehyde.
๑๙๖ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Catharanthus roseus (L.) G.Don ช่อื สามญั : Cape Periwinkle, Bringht Eye, Indian Periwinkle, Madagascar Periwinkle, Pinkle-pinkle, Pink Periwinkle, Vinca วงศ์ : Apocynaceae ช่อื อ่ืน : นมอนิ (สุราษฎร์ธาน)ี ; ผักปอดบก (ภาคเหนือ); แพงพวยบก, แพงพวยฝรั่ง (กรงุ เทพมหานคร) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลกุ สูง 0.5-0.9 เมตร โคนต้นคอ่ นขา้ งแข็ง ใบ ใบเดยี่ ว ออกตรงข้าม รูปไข่กลับ กวา้ ง 2- 3 เซน็ ตเิ มตร ยาว 5-7 เซ็นตเิ มตร ปลายมนหรือเวา้ เข้าเลก็ น้อย โคนมนสเี ขียวเข้มเปน็ มันกา้ นและเสน้ กลางใบมสี ีขาว ดอก มหี ลายสี เช่น ขาว ม่วง ชมพู ฯลฯ ออกตามซอกใบ 1-3 ดอก กลีบดอกเป็นหลอดยาว 2.5-3 เซนติเมตร ปลายแยก เป็น 5 กลีบ เกสรตัวผู้ 5 อนั ผล เป็นฝักยาว 2-3 เซนตเิ มตร เมือ่ แก่แตกได้ ส่วนทใี่ ช้ : ใบ ราก ทั้งต้นสดหรือแหง้ สรรพคุณ : ใบ - บารงุ หัวใจ ช่วยยอ่ ย ราก แก้บิด ขับพยาธิ ใชห้ า้ มเลือด รักษามะเร็งในเม็ดเลือด ทัง้ ตน้ แกเ้ บาหวาน ลดความดนั รสจืด เยน็ จัด ใชแ้ ก้ร้อน ขบั ปสั สาวะ แกบ้ วม ถอนพษิ สาแดง ถอนพิษ ต่างๆ แก้ไอแหง้ ๆ เกดิ จากร้อน แกอ้ าการตวั เหลอื งอนั เกิดจากพิษสรุ า แกโ้ รคหนองใน หัด ผนื่ คนั และแผลอักเสบอน่ื ๆ วิธแี ละปริมาณทีใ่ ช้ : ท้ังต้นแหง้ 15-30 กรมั ต้มน้าด่มื หรือใช้ตน้ สดค้นั เอานา้ ดื่ม ใชภ้ ายนอก ตาพอกหรือสมุ ไฟใหเ้ ป็น ถา่ นผสมพอก
๑๙๗ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Murdannia loriformis (Hassk.) Rao et Kammathy วงศ์ : Commelinaceae ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมล้ ้มลกุ สงู 10 ซม. ลาต้นกลม สีเขียว ใบ เปน็ ใบเดีย่ ว ออกเรยี งสลับ ใบท่ีโคนต้นรูปขอบ ขนาน กว้าง 1.5 ซม. ยาว 10 ซม. สว่ นใบทป่ี ลายยอดมีขนาดเล็กกว่าและสน้ั กวา่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรยี บ แผ่นใบ เรียบ สีเขียว กา้ นใบเป็นกาบหุ้มลาตน้ ดอก ออกเปน็ ชอ่ ท่ีปลายยอด มีใบประดบั ย่อยค่อนขา้ งกลม สีเขียวอ่อน ดอกสฟี า้ หรอื มว่ งอ่อน กลีบดอกบาง มี 4 กลีบ โคนกลีบเรยี ว ผล เปน็ ผลแหง้ แตกออกได้ ส่วนทใ่ี ช้ : ทั้งต้น สรรพคณุ : ทัง้ ต้น - ใช้แกไ้ ข้ รักษามะเรง็ ในตับ รักษาโกโนเรีย ใชเ้ ป็นยาพอก แก้อกั เสบ ปวดบวม วธิ ีและปรมิ าณทใี่ ช้ : ใช้ท้งั ต้น ต้มด่มื กนิ กับน้าผงึ้ ใชท้ งั้ ต้น ตาพอก ท่อี ักเสบ ปวดบวม
๑๙๘ ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Impatiens balsamina L. ชื่อสามัญ : Garden Balsam วงศ์ : BALSAMINACEAE ชอ่ื อ่นื : เทียนดอก เทียนไทย เทยี นสวน (ภาคกลาง) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลกุ สูง 30-80 ซม. ลาตน้ อวบนา้ และคอ่ นข้างโปรง่ แสง ออกดอกออกผลแลว้ ต้นจะตาย ใบเดย่ี วเรยี งสลบั รอบลาตน้ รูปวงรี ขอบใบหยักฟันเล่ือย ดอกเด่ียวหรือเป็นกระจุก ออกทซี่ อกใบ กลบี ดอกมสี ีชมพู แดง ม่วง ขาว ผลเปน็ ผลแหง้ เม่ือแกจ่ ดั จะแตกออก เปลอื กผลม้วนขมวดข้ึน และดดี เมลด็ ท่ีคอ่ นข้างกลมสนี า้ ตาลออกมา เพื่อ ชว่ ยกระจายพันธ์ุ สว่ นทีใ่ ช้ : ใบท้ังสดและแห้ง ยอดสด ตน้ และรากสด เมล็ดแหง้ สรรพคุณ ใบสด แก้ปวดข้อ ยารกั ษากลากเกล้ือน แก้ฝแี ละแผลพุพอง ยากันเลบ็ ถอด ใบแห้ง แก้แผลอักเสบ ฝีหนอง แผลเนา่ เปอ่ื ย รักษาแผลเร้ือรัง ยอดสด แก้จมูกอักเสบ บวมแดง ตน้ สด แกแ้ ผลงสู วัด รากสด แก้บวมนา้ ตาพอกแผลท่ี ถูกเสยี้ นหรอื แกว้ ตา เมลด็ แห้ง แก้ประจาเดือนไมม่ า ขบั ประจาเดอื น ขนาดและวิธีใช้ แก้ปวดข้อ ใชใ้ บสดต้มกับน้าผสมเหล้าดืม่ ยารักษากลากเกล้ือน ใช้ใบสด 1 กามือ ตาให้ละเอยี ด ตาทง้ั น้าและเนื้อบริเวณท่เี ปน็ ทาบ่อยๆ จนกว่าจะ หาย แก้ฝีและแผลพพุ อง ใชใ้ บสด 5-10 ใบ ลา้ งใหส้ ะอาด ตาใหล้ ะเอียด นามาพอกทเี่ ปน็ แผล วนั ละ 3 ครง้ั จนกวา่ จะหาย ยากันเลบ็ ถอด ใชใ้ บ ยอดสด 1 กามือ ล้างให้สะอาด ตาให้ละเอยี ด เติมนา้ ตาลทรายแดง 1/2 ช้อนชา พอก ตรงเลบ็ เปลีย่ นยาเช้า-เยน็ แก้แผลอักเสบ ฝหี นอง แผลเนา่ เปือ่ ย ใชใ้ บแห้ง 10- 15 กรมั ต้มกบั นา้ ด่ืม เช้า-เยน็ รักษาแผลเร้ือรัง ใชใ้ บแห้งบดเปน็ ผงผสมพมิ เสนใสแ่ ผล แกจ้ มกู อักเสบ บวมแดง ใช้ยอดสดตากับน้าตาลแดง พอกบรเิ วณที่เป็น เปลี่ยนเช้า-เย็น แก้แผลงสู วดั ใช้ต้นสดตา ค้นั เอาน้าด่มื เอากากพอกแผล แก้บวมนา้ ใชร้ ากสด 4-5 ราก ตม้ กบั เนื้อรบั ประทาน 3-4 ครั้ง แก้ประจาเดือนไม่มา ขับประจาเดอื น ใช้เมล็ดแห้งของตน้ เทยี นบ้านชนิดดอกสขี าว 60 กรมั บดเปน็ ผงรวม กบั ตงั กุย 10 กรัม ผสมกบั น้าผ้งึ ปน้ั เปน็ ยาเมด็ รับประทานคร้งั ละ 3 กรมั วนั ละ 3 เวลา หลงั อาหาร
๑๙๙ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Lawsonia inermis L. ชื่อสามัญ : Henna วงศ์ : Lythraceae ช่อื อ่นื : เทยี นขาว เทียนแดง เทยี นไม้ (ภาคกลาง) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมพ้ ุ่ม สงู 3-5 เมตร เปลือกตน้ เรียบสนี า้ ตาล กิง่ อ่อนสีเขียวนวล แตกกิ่งก้านเล็กเป็นพมุ่ กว้าง ใบ เปน็ ใบเด่ียว ออกเรียงตรงข้ามกัน รปู รี กว้าง 1-2 ซม. ยาว 3-4 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบเรยี บ แผ่นใบ สเี ขยี ว ดอก ออกเป็นช่อท่ีปลายกิ่ง ดอกสแี ดงหรือสีขาว กลีบดอก 4 กลีบ ยับยน่ เกสรเพศผมู้ ี 8 อัน เกสรเพศเมยี มี 1 อัน ผล รปู ทรงกลม สีเขยี ว พอแกเ่ ป็นสนี า้ ตาล ผลแหง้ แตกได้ ส่วนท่ใี ช้ : ใบสดและแห้ง ราก เปลอื กตน้ ดอก ผล สรรพคุณ : ใบ มีตวั ยาสาคัญชอื่ ลอรโ์ ซน (Lawsone) มฤี ทธิ์ฆา่ เชื้อโรค ใช้ทายากนั เลบ็ ถอด เลบ็ ช้า เลบ็ ขบ แก้ปวดน้ิว มือน้วิ เท้า แผลมหี นอง ถอนพิษปวดแสบปวดร้อน ฝี แผลไฟไหม้น้ารอ้ นลวก แผลฟกชา้ ผิวหนังอกั เสบ รักษากามโรค แก้ปวดท้อง ท้องรว่ ง ขบั ปสั สาวะ ในสมยั โบราณ ใช้เป็นเคร่ืองสาอาง พอกเล็บ เป็นยาย้อม ผม ขน ราก - ใชข้ บั ประจาเดือน รกั ษาตาเจ็บ ขับปสั สาวะ และรักษาโรคลมบา้ หมู เปลอื ก – ขบั นา้ เหลืองเสยี ในโรคเร้อื น ดอก - ใชข้ บั ประจาเดือน แก้ปวดศรี ษะ รกั ษาดีซา่ น ผล – ใชข้ ับประจาเดอื น วธิ ีและปรมิ าณทีใ่ ช้ :ยากันเล็บถอด เลบ็ ขบ เลบ็ ชา้ วธิ ีท่ี 1 ใชใ้ บเทียนกง่ิ สด 20-30 ใบ ล้างให้สะอาดตาให้ละเอียด เอาข้าวสุกป้นั เป็นกอ้ นขนาดเท่าแม่มือ เผา ไฟใหบ้ างส่วนดาเป็นถา่ นตารวม ใส่เกลือเล็กน้อย พอกท่ีเล็บซ่ึงถูกของหนกั ๆ ทับ หรือตรงจมกู เลบ็ เปน็ หนอง หนองก็จะ หาย เล็บไมถ่ อด วธิ ีท่ี 2 ใช้ใบเทยี นกงิ่ สด 20-30 ใบ
๒๐๐ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Ipomoea pes-caprae ( L.) R.br. ช่อื สามัญ : Goat's Foot Creeper, Beach Morning Glory วงศ์ : Convolvulaceae ชอื่ อน่ื : ละบเู ลาห์ (มลายู-นราธวิ าส) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมเ้ ลอ้ื ยล้มลกุ เลื้อยไปตามผวิ ทรายหรอื ดนิ ชอบขน้ึ ในพื้นท่ีใกล้ทะเล ท้ังต้นมีนา้ ยางสีขาว ใบ เดี่ยว แผน่ ใบกว้าง โคนใบรูปหัวใจ ปลายใบเวา้ ลกึ ดอก ช่อ มี 4-6 ดอก กลีบดอกสีชมพูอมมว่ ง กลีบดอกติดกนั ปลาย บานคล้ายปากแตร ดอกบานตอนเช้า บ่ายๆ จะหบุ เห่ียว ผล เป็นผลแห้งแตกได้ ส่วนทใ่ี ช้ : ใบ รากสด ทั้งต้น เมล็ด สรรพคุณ : ใบสด - เป็นยาพอก ตม้ อาบรกั ษาโรคผวิ หนงั แกป้ วดไขข้อบวมอกั เสบมหี นอง รากสด - ขับปัสสาวะในโรคกระเพาะปัสสาวะอกั เสบ แกโ้ รคเท้าชา้ ง ปวดฟนั ผดผน่ื คนั มีนา้ เหลอื ง ทัง้ ต้น - แกอ้ าการอกั เสบจากพิษแมงกระพรนุ ไฟ ถอนพษิ ลมเพลมพัด ตม้ อาบแก้โรคคันตามผวิ หนงั เมลด็ – ป้องกันโรคตะครวิ วธิ แี ละปรมิ าณท่ใี ช้ แกพ้ ิษแมงกระพรนุ ไฟ แก้แพพ้ ิษต่างๆ ใชใ้ บโขลก พอก ถอนพิษ ใช้รากสด 1 ราก นามาฝนกับ น้าฝนให้ขน้ ๆ อาจใชเ้ หลา้ โรงหรือแอลกอฮอลผ์ สมด้วยจะไดผ้ ลดี ใช้ทาบ่อยๆ สารเคมี ใบ พบ Fumaric acid, Succinic acid, Citric acid, Maleic acid, Curcumene, Ergotamine ลาต้นเหนือดิน พบ Behenic acid, Benzoic acid, Butyric acid, Essential Oil, Potassium Chloride, Myristic acid, Sodium chloride, ß-Sitosterol ท้งั ตน้ พบ Citric acid, Fumaric acid, Hyperoside, Malic acid, Isoquercitrin, Succinic acid, Tartaric acid เมล็ด พบ Dehydrocacalohastine, Cacalol methyl ether, Ergotamine, Matorin, Matorin acetate
๒๐๑ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Hibiscus mutabilis L. ชื่อสามัญ : Cotton rose, Confederate rose วงศ์ : Malvaceae ชอื่ อ่นื : ดอกสามสี สามผิว (ภาคเหนือ) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมพ้ มุ่ สงู ประมาณ 5 เมตร ต้นและกงิ่ มขี นสเี ทา ใบ เดย่ี ว ออกสลับ รูปไขโ่ คนรปู หวั ใจ ปลายแหลม ขอบใบเวา้ ลึก มี 3- 5 แฉก ใบมขี นสาก ดอก ซ้อนใหญง่ ามมาก แรกบานมสี ีขาว แล้วเปล่ยี นเป็นสีชมพู และแดง ออกตามซอกใบและปลายก่งิ มรี วิ้ ประดบั 7- 10 อนั ผล กลม เมือ่ แก่แตกเป็น 5 แฉก เมล็ด รปู ไต มขี น ออกดอกตลอดปี สว่ นท่ีใช้ : ใบสด หรือใบตากแหง้ ดอก เก็บดอกตอนเริ่มบานเต็มที่ รากเก็บไดต้ ลอดปี ตากแหง้ หรอื ใชส้ ดกไ็ ด้ สรรพคุณ : ยารักษาคางทูม ยาถอนพิษ รกั ษาแผลไฟไหม้ น้าร้อนลวก แผลมีหนอง ยาแก้งสู วดั วิธีและปริมาณทใ่ี ช้ ยารกั ษาคางทมู ใชใ้ บแห้ง 10-15 ใบ บดให้ละเอยี ด เติมไข่ขาวผสมให้เข้ากนั เพื่อใหย้ าจบั กนั เป็นแผน่ นาไปพอกปิดบรเิ วณท่ีบวมเป็นคางทูม เปล่ยี นยาวนั ละ 2 ครงั้ จนกวา่ จะหายบวม ใชด้ อก อย่างแหง้ หนัก 3-12 กรัม ใบสด 30-40 กรัม ต้มนา้ รบั ประทาน ใชภ้ ายนอก บดเป็นผงผสม หรือใช้ สดตาพอก ยาถอนพษิ รกั ษาแผลน้ารอ้ นลวก ไฟไหม้ แผลมหี นอง ใช้ใบสด 3-4 ใบ ลา้ งน้าให้สะอาด ตาใหล้ ะเอียดแลว้ ผสมกบั นา้ มนั พชื ใชท้ าแผลนา้ ร้อนลวก ไฟไหม้ แผลมหี นอง ยาแกง้ ูสวดั ใช้ใบสด 4-5 ใบ ลา้ งใหส้ ะอาด ตาใหล้ ะเอยี ด เติมนา้ ซาวขา้ ว ใช้ทาบรเิ วณท่ีเป็น ทาบ่อยๆราก ใชเ้ ป็นยาทาภายนอก ตาพอกหรือบดเปน็ ผงผสมพอก สารเคมี ใบ มี Flavonoid glycosides , phenol, amino acid, tannin ดอก มี Flavonoid glycosides Flavonoid glycosides จะมปี รมิ าณเปล่ยี นไปตามสีของดอกไมเ้ มื่อบานเต็มท่ี สแี ดงจะมี anthocyanin ในตอนทีด่ อกมีสีแดงเข้ม จะ มีปรมิ าณของ anthocyanin เปน็ 3 เท่าของตอนที่มดี อกเป็นสชี มพู
๒๐๒ ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Thumbergia laurifolia Lindl. วงศ์ : Acanthaceae ชื่ออืน่ : กาลังช้างเผือก ขอบชะนาง เครอื เขาเขียว ยาเขยี ว (ภาคกลาง) คาย รางเย็น (ยะลา) จอลอดิเออ ซ้ังกะ ป้งั กะ ล่ะ พอหน่อเตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ดุเหว่า (ปัตตานี) ทดิ พุด (นครศรีธรรมราช) น้านอง (สระบรุ ี) ยา่ แย้ แอดแอ (เพชรบรู ณ)์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้เลื้อย/ไม้เถา เนื้อแข็ง ใบ ใบเดย่ี ว ออกตรงข้าม รูปขอบขนานหรือรปู ไข่ ปลายใบเรียว แหลม โคนใบมนเวา้ มีเสน้ 3 เส้นออกจากโคนใบ ดอก มสี ีมว่ งอมฟา้ ออกเป็นช่อห้อยลงตามซอกใบ ใบประดับสเี ขียว ประแดง กลบี เล้ยี งรูปจาน ดอกรปู แตรสน้ั โคนกลีบดอกสเี หลืองอ่อน เชือ่ มติดกนั เป็นหลอด ปลายแยกเปน็ 5 กลีบ เกสร เพศผู้ 4 อนั ผล เป็นฝกั กลม ปลายเป็นจะงอย เม่ือแก่แตกเป็น 2 ซกี ส่วนท่ใี ช้ : ใบ ราก และเถาสด สรรพคุณ : รางจืดที่มปี ระสิทธิภาพ คอื รางจืดชนิดเถาดอกม่วง รากและเถา - รบั ประทานแก้รอ้ นใน กระหายน้า ใบและราก - ใชป้ รงุ เป็นยาถอนพษิ ไข้ เปน็ ยาพอกบาดแผล นา้ ร้อนลวก ไฟไหม้ ทาลายพิษยาฆา่ แมลง พิษ จากสตริกนนิ ใหเ้ ปน็ กลาง พิษจากดืม่ เหล้ามากเกนิ ไป หรอื ยาเบอ่ื ชนดิ ต่างๆ เขา้ สูร่ า่ งกายโดยต้งั ใจหรือไมต่ ง้ั ใจกต็ าม เชน่ ติดอยูใ่ นฝักผลไมท้ ี่รับประทาน เมือ่ อยู่ในสถานทหี่ ่างไกล การนาสง่ แพทย์ต้องใช้เวลา อาจทาให้คนไขถ้ ึงแก่ชวี ิตได้ ถ้ามี ตน้ รางจดื ปลูกอยู่ในบา้ น ใชใ้ บรางจืดไม่แก่ไมอ่ ่อนเกินไปนัก หรือรากทม่ี ีอายเุ กิน 1 ปขี ึ้นไป และมีขนาดเทา่ นิ้วช้ี มาใช้ เป็นยาบรรเทาพิษเฉพาะหน้าก่อนนาสง่ โรงพยาบาล (รากรางจดื จะมตี วั ยามากกวา่ ใบ 4-7 เทา่ ) ดินท่ีใช้ปลูก ถา้ ผสมขเี้ ถ้า แกลบหรือผงถ่านปน่ จะช่วยใหต้ น้ รางจดื มีตวั ยามากขึน้ วิธีใช้ : ใบสด สาหรบั คน 10-12 ใบ สาหรบั วัวควาย 20-30 ใบ นาใบสดมาตาให้ละเอยี ดผสมกบั น้าซาวขา้ วครึ่งแก้ว ค้ัน เอาแตน่ ้าดื่มใหห้ มดทนั ทีท่ีมีอาการ อาจให้ด่ืมซา้ ได้อีกใน 1/2 - 1 ชว่ั โมงตอ่ มา รากสด สาหรับคน 1-2 องคลุ ี สาหรบั วัวควาย 2-4 องคลุ ี นารากมาฝนหรือตากบั นา้ ซาวข้าว แล้วดม่ื ให้ หมดทนั ทที ี่มอี าการ อาจใชซ้ า้ ได้อีกใน 1/2 - 1 ชว่ั โมง ตอ่ มา คาเตอื น : การใช้รางจดื สาหรบั ถอนพิษยาฆ่าแมลง ยาพษิ และสตรกิ นนิ น้ัน ต้องใชย้ าเร็วทส่ี ุดเทา่ ท่จี าทาได้ จึงจะได้ผลดี ถา้ พิษยาซึมเขา้ สูร่ า่ งกายมากแลว้ หรอื ท้ิงไว้ข้ามคนื รางจืดจะได้ผลนอ้ ยลง
๒๐๓ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Clinacanthus nutans (Burm.f) Lindau. ช่ือสามัญ : - วงศ์ : ACANTHACEAE ช่ืออื่น : ผักมนั ไก่ ผักลน้ิ เขยี ด (เชยี งใหม)่ พญาปล้องดา (ลาปาง) พญาปล้องทอง (ภาคกลาง) ล้นิ มงั กร โพะโซจ่ าง (กะเหรีย่ ง) เสลดพงั พอนตวั เมีย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นไม้พุ่มเลอ้ื ย ลาตน้ และก่ิงก้านสีเขียว ใบเปน็ ใบเลีย้ งเด่ยี วออกตรงขา้ มกนั รปู รแี คบขอบ ขนาน กลบี ดอกสีแดงส้ม โคนกลีบดอกตดิ กันเปน็ หลอด ปลายแยกเปน็ 2 ส่วน ขน้ึ ตามปา่ หรือปลูกกนั ตามบ้าน ขยายพันธ์ุโดยวธิ ีปักชา เสลดพังพอนมีช่ือพ้องกัน คือ เสลดพงั พอนตัวผู้ และเสลดพังพอนตวั เมีย แตต่ ่างกันท่ี เสลดพังพอนตวั ผมู้ ีหนาม สรรพคณุ อ่อนกวา่ เสลดพังพอนตัวเมยี เพ่อื ไมใ่ หส้ บั สนจึงเรยี กเสลดพงั พอนตัวเมยี ว่า พญายอ และตารายาไทยนิยมนามาทายา ส่วนท่ใี ช้ : สว่ นทัง้ 5 ใบสด ราก สรรพคุณ : ส่วนทง้ั 5 - ใชถ้ อนพษิ โดยเฉพาะพษิ แมลงสตั ว์กดั ตอ่ ย ตะขาบ แมลงป่อง รักษาอาการอกั เสบ งูสวดั ลมพิษ แผลนา้ ร้อนลวก ใบ - นามาสกดั ทาทงิ เจอร์และกรเี ซอรนี ใช้รกั ษาแผลผวิ หนังชนิดเรมิ่ Herpes และรกั ษาแผลร้อนในในปาก Apthous ตบั พิษร้อน แก้แผลน้ารอ้ นลวก ราก - ปรุงเป็นยาขบั ปัสสาวะ ขบั ประจาเดือน แก้ปวดเมื่อยบ้นั เอว วิธีและปรมิ าณที่ใช้ : รักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลรอ้ นในในปาก เริม งสู วดั ใช้ใบเสลดพงั พอนตวั เมยี สด 10-20 ใบ (เลือกใบสเี ขียวเขม้ สดเปน็ มันไม่อ่อนไม่แก่จนเกินไป)นามาตาผสม กบั เหล้าหรือนา้ มะนาว ค้นั เอานา้ ดม่ื หรอื เอาน้าทาแผลและเอากากพอกแผล ใชใ้ บเสลดพังพอน 1,000 กรัม หมักใน alcohol 70 % 1,000 ซซี .ี หมกั ไว้ 7 วนั นามากรองแล้วเอาไป ระเหยให้เหลือ 500 ซีซ.ี เติม glycerine pure ลงไปเทา่ กับจานวนท่ีระเหยไป (500 ซซี ี.) นานา้ ยาเสลดพงั พอนกรเี ซอรีน ท่ไี ดท้ าแผลเรมิ งูสวัด แผลร้อนในปาก ถอนพิษต่างๆ ทาบริเวณท่แี มลงสตั ว์กดั ต่อยเป็นผื่นคัน ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตาขยท้ี าบริเวณท่ีเปน็ แผลที่แพ้ จะยบุ หาย ได้ผลดี
๒๐๔ แกแ้ ผลน้ารอ้ นลวก ใช้ใบตาเค่ยี วกบั น้ามะพรา้ วหรือนา้ มันงา เอากากพอกแผลท่ถี ูกน้าร้อนลวกหรือไฟไหม้ แผลจะแหง้ นาใบมาตาใหล้ ะเอียดผสมกบั สรุ า ใช้พอกบรเิ วณท่ีถูกไฟไหม้หรอื นา้ ร้อนลวก มสี รรพคณุ ดบั พิษร้อนไดด้ ี สารเคมี : ราก พบ Betulin, Lupeol, β-sitosterol ใบ พบ Flavonoids
๒๐๕ ) ช่ือวิทยาศาสตร์ : Barleria lupulina Lindl. ชื่อสามัญ : Hop Headed Barleria วงศ์ : ACANTHACEAE ชอ่ื อืน่ : พิมเสนต้น (ภาคกลาง) ทองระอา ช้องระอา ล้ินงูเหา่ เสลดพังพอนตัวผู้ (กรงุ เทพฯ) คนั ชัง่ (ตาก) อังกาบ อังกาบเมอื ง (ไทย) ก้านชั่ง (พายพั ) ชอ่ื ภาษาองั กฤษ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมพ้ ุ่ม สูงประมาณ 1 เมตร มหี นามแหลมยาว ขอ้ ละ 2 คู่ ถึง 3 คู่กง่ิ ก้าน กา้ นใบสีนา้ ตาลแดง ใบเดย่ี วสีเขียวเขม้ เส้นกลางใบแดง ดอกช่อออกทปี่ ลายก่ิง ชอ่ ดอกยาว 8 ซม. มีใบประดับสีนา้ ตาลแดง ค่อนขา้ งกลม กลบี ดอกสสี ม้ ผลเปน็ ฝักรปู ไข่ ส่วนท่ใี ช้ : ราก ใบ ส่วนทง้ั 5 สรรพคณุ : ราก - แก้ตาเหลอื ง หนา้ เหลือง เมื่อยตัว กินขา้ วไม่ได้ แก้เจ็บทอ้ ง แก้ผดิ อาหาร ถอนพิษงู พิษแมลงสตั ว์ กัดต่อย แก้ปวดฟนั ใบ - ถอนพิษแมลงสตั ว์กัดต่อย แกล้ มพิษ รักษาเมด็ ผื่นคันตามผวิ หนัง แก้โรคเบาหวาน แกป้ วดแผล แผล จากของมคี มบาด แก้โรคฝีตา่ งๆ รักษาโรคคางทูม แก้โรคไฟลามทงุ่ แกข้ ยุ้มตนี หมา แกโ้ รคงูสวดั รักษาโรคเริม ถอนพิษ จากเมด็ ตุ่มฝีดาษ รกั ษาโรคฝีดาษ แก้ฟกช้า แก้ช้าบวมเน่ืองจากถูกของแข็ง ถอนพิษไข้ พษิ ไข้ทรพษิ แก้ปวดฟนั เหงือก บวม แกร้ ิดสีดวงทวาร แกย้ งุ กัด แก้พิษไฟลวกน้าร้อนลวก แก้ปวดจากปลาดุกแทง สว่ นท้งั 5 - ใชเ้ หมือนเสลดพังพอนตัวเมยี และใชแ้ ทนเสลดพังพอนตัวเมยี ได้ แตใ่ บเสลดพังพอนตวั เมยี มีรส จืด ใบเสลดพังพอนตวั ผมู้ ีรสขมมาก และเสลดพงั พอนตวั ผูม้ ีฤทธอิ์ ่อนกวา่ เสลดพงั พอนตัวเมยี วธิ ีและปรมิ าณท่ีใช้ : ใชเ้ หมอื นเสลดพงั พอนตัวเมียทกุ อย่าง สารเคมี : ต้น พบ Iridiod glycoside, Acetyl barlerin , Barlerin, Shanzhiside methyl ester.
๒๐๖ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Hydnocarpus anthelminthicus Pieere ex Laness. วงศ์ : Flacourtiaceae ชือ่ อืน่ : กระเบา (ทวั่ ไป) ตกึ (เขมร-ภาคตะวนั ออก) กระเบาเบ้าแขง็ กระเบาใหญ่, กาหลง (ภาคกลาง) ตัวโฮ่งจี๊ (จีน) เบา (สุรษฎร์ธาน)ี ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมต้ ้นขนาดกลาง สูง 10-20 ม. ลาตน้ เปลา ใบเดีย่ วเรยี งสลบั รปู ใบหอกแกมรูปไข่ หรือรปู ขอบขนาน ปลายสอบเรยี ว โคนสอบหรอื มน เบีย้ วเล็กน้อย ขอบเรยี บ เสน้ แขนงใบ และเส้นใบยอ่ ยเห็นไดช้ ดั ทางดา้ นล่าง ดอกแยกเพศ อยู่ตา่ งต้น ดอกเพศผอู้ อกเด่ียวๆ ตามงา่ มใบ กล่ินหอมมาก กลีบเลย้ี ง 5 กลบี มขี นอ่อนนมุ่ ทั้ง 2 ดา้ น กลบี ดอก 5 กลีบ สีชมพู เกสรเพศผู้ 5 อัน ดอกเพศเมียออกเป็นชอ่ สน้ั ๆ ตามง่ามใบ กลบี เลยี้ งและกลีบดอกเหมือนกบั ดอก เพศผู้ เกสรเพศผ้ไู มส่ มบรู ณ์ 5 อนั ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 5 แฉก รังไข่รูปไข่หรอื รปู ไขก่ ลบั มีขนส้ันๆ ผลกลม เส้น ผ่านศนู ยก์ ลาง 8-12 ซม. ผิวเรยี บ เปลอื กแข็ง มขี นหรือเกล็ดสีน้าตาล มี 30-50 เมล็ด อัดกันแนน่ เมลด็ รูปไข่ เบยี้ ว ปลายทัง้ 2 ขา้ งมน ส่วนท่ใี ช้ : ผลแกส่ ุก เมล็ด นา้ มันในเมลด็ (Chaumoogra Oil) สรรพคณุ : ผลแกส่ กุ - ใช้รับประทานเน้ือในเปน็ อาหารคลา้ ยเผือกต้ม นา้ มันในเมลด็ ใช้ดดั แปลงทางเคมเี ป็นยารบั ประทานหรือยาฉีดหรอื ยาทาภายนอก บาบัดโรงเร้อื น มะเร็ง คดุ ทะราด และโรคผวิ หนงั ผืน่ คนั ทม่ี ีตวั ทุกชนดิ เพราะมรี สเมา สามารถฆ่าเช้ือโรคได้ดี ใช้ปรุงเปน็ นา้ มนั ใส่ผมรักษาโรค บนศรี ษะไดด้ ว้ ย วธิ แี ละปริมาณทใี่ ช้ - ใช้เมลด็ แกเ่ ตม็ ท่ี 10 เมลด็ แกะเอาเปลอื กออก ตาให้ละเอยี ด เตมิ นา้ มนั มะพรา้ วหรือนา้ มันพืชพอ เขา้ เนื้อ ใชท้ าโรคผิวหนงั ได้แทบทกุ ชนดิ ข้อมูลเพ่มิ เติม : นา้ มันทีบ่ บี ได้จากเมลด็ เรยี กว่า น้ามันกระเบา (Chaulmoogra oil หรือ Hydnocarpus oil) มี สว่ นประกอบสว่ นใหญเ่ ป็น chaulmoogric acid และ hydnocarpic acid น้ามันกระเบานามาใช้รักษาโรคเรือ้ น และ โรคผวิ หนังอย่างอนื่ อีก เชน่ โรคเรือ้ นกวาง หิด นอกจากน้ี ยังใชแ้ กอ้ าการปวดบวมตามข้อ เนอื้ ผลกนิ ได้ โทษ : ใบ และเมล็ดเปน็ พิษ มี cyanogenetic glycoside ท่ีมา : http://www.rspg.or.th/plants_data/plantdat/flacourt/hanthe_1.htm
๒๐๗ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gloriosa superba L. ชือ่ สามัญ : Flame lily, Climbing lily, Turk's cap, Superb lily, Gloriosa lily วงศ์ : Colchicaceae ชื่ออ่ืน : ก้ามปู (ชยั นาท); คมขวาน, บ้องขวาน, หัวขวาน (ชลบรุ ี); ดาวดึงส์, ว่านกา้ มปู (ภาคกลาง); พนั มหา (นครราชสีมา); มะขาโกง้ (ภาคเหนือ); หมอยหยี ่า (อุดรธานี) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้เถาลม้ ลกุ อายหุ ลายปี ยาวไดถ้ ึง 5 เมตร มีเหง้าใต้ดินทรงกระบอกโค้ง ใบเดยี่ วเรยี งสลบั หรือเรยี งเป็นวงรอบขอ้ 1-3 ใบรูปขอบขนานแกมรปู ใบหอก ยาว 5-15 ซม. ปลายใบเรียวแหลมงอเป็นมือเกาะ ไรก้ ้าน ดอกเด่ียว ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกใหญ่ ยาว 6-10 ซม. ก้านดอกยาวประมาณ 5 ซม. ดอกมสี ีแดงดา้ นบน หรอื ตามขอบกลีบ มสี ีเหลืองด้านลา่ ง บางครงั้ มีสีเหลืองซดี อมเขียว หรอื สีแดงทั้งดอก เกศรเพศผมู้ ี 6 อัน ก้านยาว 3-5 ซม. อับเรณูยาวประมาณ 1 ซม. ก้านเกสรเพศเมียยาว 0.3-0.7 ซม. แยกเป็น 3 แฉก ผลรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 5-10 ซม. แตกตามรอยประสาน เมลด็ กลมสแี ดงสม้ จานวนมาก สว่ นทีใ่ ช้ : หวั แปง้ ท่ไี ด้จากหัว เมลด็ ราก สรรพคุณ :ราก, หัวดองดึง - แกโ้ รคเรือ้ น คุดทะราด บาดแผล และขับผายลม รบั ประทานแกล้ มพรรดึก แกเ้ สมหะ แก้ ลมจบั โปง ลมเข้าข้อ (รมู าติซ่ัม) หัวเข่าปวดบวมไดด้ ี หัวใช้ตม้ รบั ประทานแก้ทอ้ งขนึ้ อืดเฟอ้ แกล้ มจุกเสียด ขบั พยาธิ สาหรับสตั ว์พาหนะ ฝนทาแก้พิษงู พษิ ตะขาบ แมลงป่อง ทาแก้โรคผวิ หนงั มีสารเมททิลโคลซซิ ี แปง้ ท่ีไดจ้ ากหัว, ราก แก้ โรคหนองใน ใชส้ ารสกัดสาหรับเปลยี่ นแปลงพันธพุ์ ชื ขอ้ ควรระวงั – สารมฤี ทธ์ิข้างเคียงเปน็ อันตรายถึงตายได้ ราก พบ Methylcolchicine ข้อมูลเพิ่มเติม การแพรก่ ระจายพันธ์ุ : ดองดึงมีถิ่นกาเนดิ ในอฟั ริกาเขตร้อน ขนึ้ เป็นวัชพืชท่ัวไปในเอเชยี เขตร้อน รวมท้งั ไทย ตามทโี่ ลง่ ชายปา่ ดินปนทราย สามารถขนึ้ ได้บนดินทข่ี าดความอุดมสมบรู ณ์ จนถงึ ระดับความสงู 2500 เมตร (ใน ต่างประเทศ) นอกจากนพี้ บปลูกเปน็ ไมป้ ระดับท่ัวไปในประเทศเขตอบอ่นุ โดยเฉพาะในเรือนกระจก ประโยชน์ : เหง้าดองดึงมีสารอัลคลอลอย์ดหลายชนิดทีม่ ีพิษถึงเสียชวี ิตโดยเฉพาะสาร colchicines ถา้ ใช้ในปริมาณน้อย สามารถใชร้ ักษาโรคเกา๊ และมะเรง็ ได้ http://www.rakbankerd.com/agriculture/page?id=1638&s=tblplant
๒๐๘ ช่อื วิทยาศาสตร์ : Melia azedarach L. ชือ่ สามัญ : Bastard Cedar, Persian Lilac วงศ์ : Meliaceae ชอื่ อ่ืน : เลยี่ น, เลย่ี น Lian, เคย่ี น Khian (Central); เกรียน Krian (Northern); เลี่ยนใบหใญ่ Lian bai yai (Central); เฮยี่ น Hian (Northern), ดอกเลีย่ น,ตน้ เลี่ยน,ใบเลยี่ น,ผลเล่ยี น,รากเล่ียน,เกรยี น,เค่ยี น,เฮ่ียน ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมย้ ืนตน้ ขนาดใหญ่ ตระกูลเดียวกันกบั สะเดา ลักษณะลาต้นและใบมีความใกลเ้ คียงกันกับ สะเดา มคี วามสูงประมาณ 20-30 เมตร เป็นตน้ ไม้ท่ีมกี ารเจริญเตบิ โตเร็ว แตกกง่ิ ก้านออกไปรอบ ๆ ลาต้นเปน็ จานวน มาก เปลอื กผิวลาต้นมีสนี า้ ตาล มีแผลเปน็ ร่องตามยาว ลาต้นเจรญิ ขนึ้ ตรง ทรงพุ่มกลมรปู กรวยโปรง่ ใบออกเป็นชอ่ ช่อ หนึ่งมีใบอยู่ประมาณ 3-5 ใบ ชอ่ ใบยาวประมาณ 12 - 15 เซนตเิ มตร ลกั ษณะของใบยอ่ ย ปลายใบแหลมเรยี วโคนใบสอบ ขอบใบหยักแบบฟนั เลื่อย บนใบเกล้ยี งสีเขยี วส่วนลา่ งของใบมขี นสีเขียวอ่อนเหน็ เส้นใบชัด ขนาดความกวา้ งของใบ ประมาณ 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-6 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ เป็นกระจุกใหญ่ออกตามปลายกง่ิ ทง่ี า่ ม ใบ ดอก มฐี านรองดอกเล็กมกี ลบี ดอก 5-6 กลีบ ดอกมสี ีม่วงอ่อนหรือสฟี า้ กลิน่ หอม ผลกลม รี สีเขยี วมีขนาดโตประมาณ 0.5 เซนตเิ มตร เมื่อแกจ่ ะเปลย่ี นเป็นสเี หลอื ง ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 4-5 เมลด็ ส่วนที่ใช้ : สว่ นทงั้ 5 สรรพคณุ : ทุกส่วนของต้นเล่ียน รสขม เมา แกโ้ รคผิวหนัง แกโ้ รคเรอื้ นและกุดถงั ทาให้ผวิ หนงั ดาเกรยี มแลว้ ลอกเปน็ ขุย เปน็ ยาอายวุ ัฒนะ ทาใหร้ ่างกายแขง็ แรง ยาง – แก้ม้ามโต เมล็ด – แก้ปวดในข้อ ผล – แกโ้ รคเรอ้ื นและฝคี ันทะมาลา ดอก – แกโ้ รคผิวหนงั นา้ คัน้ จากใบ - ขบั พยาธิ ขบั ปัสสาวะ แก้นว่ิ บารุงโลหติ ประจาเดือน ดอกและใบ - พอกแก้ปวดศรี ษะ ปวดประสาท เปลือกตน้ – รักษาเหา วิธีและปริมาณทีใ่ ช้ ทาแกโ้ รคผิวหนัง โรคเรือ้ น กุดถงึ ใช้ดอก 1 ชอ่ เล็ก หรอื ผล 5-7 ผล เอาดอกหรือผลตาให้ละเอียด เตมิ น้ามนั พืช แลว้ ใชท้ าบริเวณท่เี ป็นวนั ละ 2-3 ครงั้ ติดต่อกนั จนกวา่ จะหาย ใชร้ ักษาเหา ใช้เปลือกต้นประมาณครึ่งฝา่ มือ หรือ ผลทโ่ี ตเต็มทสี่ ดๆ 10-15 ผล โขลกใหล้ ะเอียด เติมน้ามัน มะพร้าว 3-4 ชอ้ นแกง ชะโลมผมทเี่ ปน็ เหาท้ิงไว้ 1 ชวั่ โมง แล้วสระให้สะอาดตดิ ต่อกัน 2-3 วัน
๒๐๙ ใชเ้ ปน็ ยาฆา่ แมลงและไลแ่ มลง ใช้ใบเปลอื กแหง้ ต้มกับนา้ ใชฉ้ ดี ไล่ตกั๊ แตนและต๊ักแตนหา่ ผล ใชเ้ บื่อปลา โดยใชผ้ ล ตาๆ แล้วเทลงในบอ่ ปลา จะฆ่าปลาได้ เปน็ พิษต่อตวั มวน มวนชอบทาอันตรายต่อ ผลสม้ เป็นพิษต่อคน (ถ้ารบั ประทานถึงขนาดหนึง่ จะทาให้อาเจียนและท้องเดนิ ) สารเคมี : มสี ารกลุ่มแอลคาลอยด์ ชื่อ Azadirachtin, Toosendanin ในสว่ นผลยังพบ Bakayknin, Steroid สารขมช่อื Margosine, Fixed oil และกามะถัน
๒๑๐ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Ardisia polycephala Wall. ช่อื สามัญ : ตีนจา (เลย) ผักจา ผกั จา้ แดง (เชยี งใหม่, เชยี งราย) วงศ์ : MYRSINACEAE ชอ่ื อน่ื : กะเบาข้าวแขง็ กะเบาข้าวเหนยี ว กะเบา กะเบาเบ้าแข็ง (ภาคกลาง) มะกูลอ กะตงคง (ลาว-เชียงใหม)่ กะดง เบา (ลาปาง) กะเบาใหญ่ (นครราชสีมา) เบา กูลา (ปตั ตานี) หวั ค่าง (ประจวบ) กะเบาตึกกะเบาดึก กราเบา (เขมร) ตั้ว โฮ่งจี๊ (จนี ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ตน้ ขนาดย่อม สงู 2-3 เมตร ใบเปน็ ใบเดี่ยว ออกสลบั กันเป็นคู่ ๆ ตามข้อตน้ ลกั ษณะใบ เป็นรปู ไข่ ปลายแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรยี บ ไม่มีจกั ร ใบจะหนา ใหญ่ มีสเี ขยี วเปน็ มัน ดอกออกเปน็ ช่ออยตู่ ามปลาย กงิ่ หรอื ตามส่วนยอด ดอกมีสีชมพูอมขาว ผลโตเท่าขนาดเมด็ นุ่น เม่อื ยงั อ่อนเปน็ สีแดง ผลแก่จะเป็นสมี ว่ งดา สว่ นท่ีใช้ : ทงั้ 5 คอื ใบ ดอก ราก เมล็ด ผล สรรพคณุ : ใบอ่อนรบั ประทานเปน็ ผกั ได้ ใบ - มรี สร้อน แก้โรคตับพิการ แก้ท้องเสยี แก้ไอ ดอก - ฆา่ เช้อื โรค ผล - แกไ้ ข้ ทอ้ งเสีย แก้โรคเรื้อน เมล็ด – แก้ลมพิษ ต้น - แกโ้ รคเร้ือน กุดถงั โรคผวิ หนัง ราก - แกก้ ามโรค หนองใน พอกปดิ แผล ถอนพษิ งูกดั ใช้กากพอกแผล เอาน้าดม่ื
๒๑๑ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Stephania pierrei Diels วงศ์ : MENISPERMACEAE ช่อื อน่ื : บวั กือ (เชยี งใหม่, เพชรบุรี) บวั เครอื (เพชรบรู ณ์) บัวบก (กาญจนบรุ ี,นครราชสมี า) เปล้าเลือดเครอื (ภาคเหนอื ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมล้ ม้ ลุก มหี ัวใตด้ ินีขนาดใหญ่ กลมแปน้ เปลอื กหัวสนี า้ ตาล เนอื้ ในสีขาวนวล รสชาติมัน และเฝ่ือนเล็กน้อย ลาตน้ แทงขน้ึ จากหัว โคง้ งอลงสู่พ้นื ดนิ เป็นไม้ก่ึงเล้อื ยทอดยาวไดป้ ระมาณ 3-5 เมตร ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปเกอื บกลม หรือ กลมคลา้ ยใบบัว แตจ่ ะมีขนาดเล็กกวา่ เสน้ ผ่าศนู ย์กลางใบประมาณ 3-6 ซม. กา้ นใบยาว 2-3.5 ซม. ติดทกี่ ลางแผ่นใบ ดอกออกเป็นชอ่ กระจุกทีซ่ อกใบ เป็นดอกแยกเพศ กลบี เล้ียง 4-5 กลบี รูปขอบขนาน สี เหลอื ง ไม่มกี ลีบดอก ผลมลี ักษณะเป็นทรงกลม มี 1 เมล็ด รูปเกอื กม้า ส่วนทใ่ี ช้ : หวั ก้าน ตน้ ใบ ดอก เถา สรรพคณุ : ต้น - กระจายลมที่แน่นในอก ใบ - บารงุ ธาตุไฟ ใสบ่ าดแผลสดและเรอื้ รงั ดอก - ฆา่ เช้อื โรคเร้ือน ทาให้อุจจาระละเอยี ด เถา - ขบั โลหติ ระดู ขบั พยาธิในลาไส้ หวั , กา้ น - แกเ้ สมหะเบ้ืองบน ทาให้เกิดกาลงั บารงุ กาหนัด ราก – บารงุ เส้นประสาท วิธใี ช้ หวั กบั ก้านรับประทานกับสรุ า ทาใหห้ นงั เกดิ อาการชาอย่ยู งคงกระพัน ถูกเฆี่ยน ตีไมเ่ จบ็ ไมแ่ ตก พวกนักดื่ม นิยมกนั นัก หวั ห่ันเปน็ ชนิ้ บางๆ สัก 3 แวน่ ตาโขลกกับนา้ ซาวข้าวหรือสรุ าก็ไดใ้ ห้ละเอียดๆ แล้วคน้ั เอาแต่น้าด่ืม ประมาณ 1 ถ้วยชา เช้า-เย็น และก่อนนอน แกต้ กเลอื ดของสตรี แก้มุตกดิ ระดูขาว หรอื ตกขาวได้อยา่ งชงัด เปน็ ผลมาก แลว้
๒๑๒ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Croton tiglium L. ชือ่ สามัญ : Purging Croton, Croton Oil Plant วงศ์ : EUPHORBIACEAE ชอ่ื อนื่ : บะกัง้ (แพร)่ มะข่าง มะคัง มะตอด หมากทาง หัสคืน (ภาคเหนอื ) ลกู ผลาญศตั รู สลอดต้น หมากหลอด (ภาค กลาง) หมากยอง (แม่ฮอ่ งสอน) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมพ้ ุม่ สงู 3-6 ม. ต้นเกลยี้ ง ใบเด่ียวรปู ไข่ เรียงสลบั กนั ปลายใบแหลม ฐานใบกลม ขอบใบ หยกั แบบซ่ฟี นั มีเสน้ ใบ 3-5 เสน้ ท่ฐี านใบมีตอ่ ม 2 ต่อม เนื้อใบบาง ก้านใบเรยี วเลก็ ดอกเลก็ ออกเดีย่ ว ๆ หรือออกเป็น ชอ่ ท่ยี อด ใบประดบั มขี นาดเล็ก ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมยี อยู่บนต้นเดียวกัน หรืออยู่ต่างต้นกัน ดอกเพศผู้ มีขนรูปดาว กลบี รองกลบี ดอก 4-6 กลีบ ปลายกลีบมีขน กลีบดอก 4-6 กลบี ขอบกลบี มขี น ฐานดอกมขี น และมีตอ่ มจานวนเท่ากัน และอยตู่ รงข้ามกนั กับกลบี รองกลีบดอก เกสรผมู้ ีจานวนมาก กา้ นเกสรไม่ติดกัน เมื่อดอกยังอ่อนอยู่ ก้านเกสรจะโค้ง เขา้ ข้างใน ดอกเพศเมีย กลีบรองกลบี ดอกรปู ไข่ มีขนท่โี คนกลบี ไม่มีกลบี ดอก หรือถา้ มีก็เลก็ มาก รังไข่มี 2-4 ชอ่ ง ผลแก่ จดั แห้งและแตก รปู ขอบขนานหรือรี กว้าง 1-1.5 ซม. ยาวประมาณ 2 ซม. หนา้ ตดั รปู สามเหลย่ี มมนๆ เมลด็ รปู ขอบ ขนานแกมรปู รี สนี ้าตาลอ่อน (ลนี า ผพู้ ัฒนพงศ์, 2530) ส่วนทใ่ี ช้ : ใบ ดอก ผล เมล็ด เปลือก ราก สรรพคุณ : ใบ - แก้ตะมอย แก้ไส้ด้าน ไสล้ าม (กามโรคท่เี กดิ เน้ือรา้ ยจากปลายองคก์ าเนิดกินลามเขา้ ไปจนถึงต้นองค์ กาเนดิ ) ดอก - ฆา่ เชือ้ โรคกลากเกลื้อน แก้คดุ ทะราด ผล - แก้ลมอมั พฤกษ์ ดบั เดโชธาตุ มใี ห้เจรญิ เมลด็ - เปน็ ยาถา่ ยอยา่ งแรง ถ่ายร้อนคอ ปวดมวน ก่อนใช้ต้องทาการประสะก่อน (อันตราย) เปลือกต้น – แก้เสมหะอันคั่งคา้ งอยู่ในอกและลาคอ ราก - แกโ้ รคเรอื้ น ถ่ายเสมหะ ถ่ายโลหิตและลม วธิ ีการใช้ สว่ นใบ - กอ่ นจะนามาผสมยา ใหน้ ึ่งเสยี กอ่ น เมลด็ - เป็นยาถ่ายอยา่ งแรง การใช้เมล็ดเปน็ ยาถ่ายตอ้ งระวังมาก เพราะนา้ มันในมเลด็ สลอดมพี ิษรอ้ นคอ ไข้ปวดมวนและระบายจดั ก่อนใชผ้ สมยา ตอ้ งค่ัวจนเกรยี มให้หมดนา้ มันเสียก่อน อีกวิธีหนึ่งเอาเมล็ดใสใ่ นขา้ วสุกปั้นเป็น กอ้ นแล้วต้มให้นานๆ จึงใช้ผสมยา อีกวิธหี นง่ึ ต้องเอาเมล็ดสลอดใส่ปากไหปลารา้ ทิ้งไว้ 3 วัน จงึ เอาข้ึนมาตากแห้งใช้ผสม ยาได้ เมื่อจะทายาระบาย ต้องมียาคมุ ฤทธไ์ิ ว้ให้ดี มฉิ ะนัน้ จะมีคล่ืนเหยี น ปวดมวนไชท้องอย่างย่งิ ฉะน้นั การใชส้ ลอดนี้ ถา้ ยาคมุ ฤทธิ์ไว้ไดด้ กี ็จะเป็นยาวิเศษขนานหน่งึ แต่ถ้าวิธคี มุ ฤทธไิ์ ว้ไม่ดีก็อยา่ บงั ควรใชเ้ ลย ให้ใชย้ าขนานอ่นื แทน
๒๑๓ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Passiflora foetida L. ช่ือสามัญ : Fetid passionflower, Scarletfruit passionflower, Stinking passionflower วงศ์ : Passifloraceae ช่ืออ่นื : รก กระโปรงทอง ละพุบาบี หญ้ารกช้าง (ใต้) ตาลึงฝรัง่ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมเ้ ถาเลื้อยคลา้ ยตาลึง เถาค่อนขา้ งคดไปงอมา เถามีหนามเล็ก ๆ ข้ึนอย่หู า่ ง ๆ โดยทัว่ ไป ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปใบมนโค้งผวิ เรียบปลายใบแหลมโดยแยกเป็นสามแฉก ใบและเสน้ ใบบรเิ วณทต่ี ดิ ต่อกนั มีสแี ดงเรื่อ บรเิ วณ ใกล้โคนกา้ นใบมแี ฉกแหลมเล็กเรยี งตรงกนั ข้ามสลบั กัน กา้ นใบ มีขนาดก้านไม้ขดี ยาว 5 –6 เซนตเิ มตร มีขนอ่อนเป็น ฝอยขนาดเล็ก ดอกมลี กั ษณะกา้ นดอกยาวกวา่ ใบ ดอกบานออกกลมกว้าง กลบี ดอกสีขาวแซมดว้ ยริ้วสมี ่วง ผลคอ่ นขา้ ง กลมขนาดปลายนิว้ มือ และห่อหุ้มด้วย “รก” ผลสกุ มสี เี หลอื ง ส่วนทีใ่ ช้ : สรรพคุณ : ใบ - ดอก - เปลือก - กระพี้ - แก่น - ราก -
๒๑๔ ชอื่ วิทยาศาสตร์ : Annona squamosa L. ช่ือสามัญ : Sugar Apple วงศ์ : Annonaceae ชอื่ อ่ืน : : นอ้ ยแน่ มะนอแน่ หมกั เขียบ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : : ไมย้ ืนตน้ สูง 3-5 เมตร ใบเดย่ี ว เรียงสลับ รูปใบหอกแกมขอบขนาน กวา้ ง 3-6 ซม. ยาว 7-13 ซม. ดอกเดีย่ ว ออกทซ่ี อกใบ ห้อยลง กลบี ดอกสีเหลืองแกมเขียว 6 กลบี เรียง 2 ช้ัน ๆ ละ 3 กลีบ หนาอวบนา้ มี เกสรตวั ผแู้ ละรังไข่ จานวนมาก ผลเป็นผลกล่มุ ค่อนข้างกลม สว่ นท่ีใช้ : ใบสด หรอื เนือ้ ในเมล็ดสด สรรพคุณ : รักษาเหา รักษาหิด รักษาจีด๊ วิธแี ละปรมิ าณท่ใี ช้ ยารกั ษาเหา ใช้ใบสด 8-12 ใบ หรอื เมลด็ ที่กะเทาะเปลือกแลว้ ตาใหล้ ะเอียด 4-5 ช้อนแกง นามาผสมกับ น้ามันพืช เช่น น้ามนั มะพร้าว หรอื น้ามนั ถ่วั พอเปียกเลก็ น้อย (แฉะๆ) ชะโลมบนเสน้ ผมท่ีเป็นเหา ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ช่วั โมง สระออกให้หมด ทาเช่นนตี้ ิดต่อกนั 2-3 วนั ตัวเหา และไข่จะฝ่อหมด หรืออาจจะใชค้ วามแรงของใบสด หรือเมล็ด นอ้ ยหน่ากับนา้ มันมะพรา้ ว ความแรง 1:2 ยารกั ษาหดิ ใชใ้ บสดหรือเมล็ดในสด จานวนไม่จากดั ตาให้ละเอยี ด เติมน้ามนั พืชลงไปพอแฉะ ใชท้ าบรเิ วณ ทีเ่ ปน็ หดิ วันละ 2-3 คร้งั จนกว่าจะหาย ยารักษาจดี๊ ใชเ้ นื้อเมลด็ สด 20 เมลด็ ตาใหล้ ะเอยี ด ใช้สารสม้ เท่ากับหัวแม่มอื ใส่ในฝาละมี ตั้งไฟออ่ นๆ เมอ่ื สารส้มละลาย คอ่ ยๆ โรยผงของเมล็ดนอ้ ยหน่าลงไปทีละนอ้ ย คนจนเข้ากันดี จากนน้ั ใช้ไม้ปา้ ยยาที่กาลงั ร้อนแต่พอให้ ผวิ หนังทนได้ ป้ายลงตรงตาแหน่งท่บี วม ทาเช่นนวี้ ันละ 2 ครัง้ เชา้ -เย็น ทาหลายๆ วนั จนกว่าจะหาย ยาท่ีเหลือจะแข็ง พอจะใช้ต้งั ไฟออ่ นๆ ขอ้ ควรระวัง : ถ้าใช้น้าสกดั จากเมล็ดอาจทาใหเ้ กิดอาการแพ้ได้ และควรระวงั อย่าใหน้ า้ ยาเขา้ ตา เพราะจะทาใหเ้ กิด อาการระคายเคือง สารเคมี ใบ มี แอลคาลอยด์ชื่อ Anonaine และนา้ มันหอมระเหย ประกอบด้วย Borneol, Camphene, Camphor, Carvone, Eugenol, Geraniol, Thymol, Menthone, Pinene
๒๑๕ เมล็ด มีแอลคาลอยดช์ ่ือ Anonaine, Fixed Oil Steroids ผงของเมล็ดน้อยหน่า 1.8 กโิ ลกรมั ให้ Anonaine 0.258 กรัม
๒๑๖ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Trichosanthes cucumerina L. ชื่อสามัญ : วงศ์ : Cucurbitaceae ชอ่ื อน่ื : นมพิจติ ร มะนอยจ๋า (ภาคเหนือ) กะตอรอ (ปตั ตาน)ี ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้เถา ลาตน้ เป็นร่อง มือเกาะมี 2-3 แขนง ใบเดีย่ ว เรยี งสลบั รูปกลม หรอื คลา้ ยรูปไต โคน ใบเวา้ ลกึ เปน็ รูปหัวใจ ขอบใบหยักเป็นซีแ่ ละเว้าลึกเป็น 5 แฉก ปลายใบแหลมหรือกลม มีขนทง้ั สองด้าน ก้านใบเล็ก ดอก มีการแยกเพศอย่ตู ่างตน้ ดอกเพศผอู้ อกเปน็ ช่อก้านชดู อกเลก็ คลา้ ยเสน้ ดา้ ย มีขนเลก็ นอ้ ย กลบี รองกลบี ดอกกลีบเช่ือม ตดิ กนั ปลายแยกเป็น 5 กลีบ กลบี ดอก 5 กลีบ รปู ไข่แกมสามเหลี่ยมมเี ส้น 3 เส้นกลบี อยู่ชิดกนั เกสรตัวผู้ 3 อนั รูป ทรงกระบอก ดอกเพศเมีย ออกดอกเดี่ยว กลีบรองกลบี ดอกและกลบี ดอก มลี ักษณะเหมือนกันกับดอกเพศผู้ รังไขร่ ปู ยาว รี ทอ่ รงั ไข่เลก็ เหมือนเส้นดา้ ย ผลรูปกลมยาว หัวท้ายแหลม สเี ขียวมีลายสขี าวตามยาวของผล มีขนสีแดง เมล็ดมี 8-10 เมล็ด รปู ขอบขนาน ขอบเปน็ คลื่น สว่ นที่ใช้ : รังบวบขม สรรพคณุ : แพทย์ตามชนบทใชร้ ังบวบขมฟอกศรีษะแก้รังแค แก้เหาดี
๒๑๗ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Momordica charantia L. ช่อื สามัญ : Bitter Cucumber, Balsum Pear วงศ์ : Cucurbitaceae ช่ืออ่นื : ผกั ไห่ มะไห่ มะนอย มะหว่ ย ผักไซ (เหนือ) สุพะซู สุพะเด (กะเหรีย่ ง-แม่ฮ่องสอน) มะรอ้ ยรู (กลาง) ผกั เหย (สงขลา) ผกั ไห (นครศรธี รรมราช) ระ (ใต)้ ผักสะไล ผกั ไส่ (อีสาน) โกควยเกี๋ยะ โควกวย (จนี ) มะระเล็ก มะระขนี้ ก (ทั่วไป) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เปน็ ไม้เล้ือยพนั ต้นไม้อื่น มีมือเกาะ ลาตน้ เป็นเหลีย่ มมขี นปกคลมุ ใบเดยี่ ว ออกสลับลักษณะ คลา้ ยใบแตงโมแตเ่ ลก็ กว่า มสี ีเขียวท้งั ใบ ขอบใบหยัก เวา้ ลึก มี 5-7 หยกั ปลายใบแหลม ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ สี เหลอื งอ่อน มี 5 กลบี เกสรมีสเี หลอื งแก่ถึงส้ม กลบี ดอกบาง ชา้ ง่าย ผลเดยี่ ว รูปกระสวย ผิวขรขุ ระ มปี มุ่ ย่ืนออกมา ผล อ่อนมสี เี ขียว ผลสกุ มีสเี หลืองถึงสม้ ผลแก่แตกอ้าออก เมล็ดสุกมสี แี ดงสด รปู ร่างกลมแบน สว่ นทใี่ ช้ : ราก เถา ใบ ดอก ผลและเมลด็ ใช้สดหรือตากแหง้ เกบ็ ไว้ใช้ ผลอาจเกบ็ มาหั่นเปน็ ทอ่ นๆ ตากแห้งเก็บไว้ใช้ ลักษณะยาแหง้ : เน้ือผลแหง้ มลี ักษณะเปน็ ท่อนยาวกลม เนื้อหนาประมาณ 2-8 มม. ยาว 3-15 ซม. กว้าง 0.4-2 ซม. ทั้ง แผ่นมรี อยย่นขรุขระ ผิวเปลือกสเี ทาออกน้าตาล ระหว่างกลางอาจมเี มลด็ หรอื รอยของเมล็ดท่รี ว่ งไปแลว้ เนื้อแขง็ หักงา่ ย รสขมเล็กน้อย ยาทดี่ คี วรมีผวิ นอกสีเขียว เน้ือในสขี าว เป็นแผน่ บางมีเมลด็ ตดิ มาน้อย สรรพคุณ : ผลแหง้ – รักษาโรคหดิ ผล - รสขม เย็นจัด ใชแ้ กร้ ้อน ร้อนในกระหายนา้ ทาใหต้ าสวา่ ง แก้บิด ตาบวมแดง แผลบวมเปน็ หนอง ฝี อักเสบ เมลด็ - รสขม ชุ่ม ไมม่ ีพิษ แก้วัวถูกพิษใช้ค้นั เอาน้าใหก้ ิน เปน็ ยากระตนุ้ ความรสู้ กึ ทางเพศ เพมิ่ พูนลมปราณ บารงุ ธาตุ บารุงกาลัง ใบ - แกโ้ รคกระเพาะ บิด แผลฝบี วมอักเสบ ขบั พยาธิ ดอก - รสขม เยน็ จดั ใชแ้ ก้บิด ราก - รสขม เยน็ จัด ใช้แกร้ ้อน แกพ้ ิษ บิดถา่ ยเป็นเลือด แผลฝบี วมอกั เสบ และปวดฟัน เถา - รสขม เย็นจัด ใช้แกร้ อ้ น แก้พิษ บดิ ฝอี ักเสบ ปวดฟัน วิธีและปรมิ าณที่ใช้ ผลสด - ตม้ รับประทาน ครง้ั ละ 6-15 กรัม หรือผิงไฟใหแ้ ห้ง บดเป็นผงรับประทาน ใชภ้ ายนอก ตาคนั้ เอา น้าทาหรอื พอก เมล็ดแห้ง - 3 กรัม ตม้ นา้ ด่ืม ใบสด - 30-60 กรัม ต้มน้าด่มื หรือใบแหง้ บดเปน็ ผงรับประทาน ใช้ภายนอกต้มเอาน้าชะลา้ ง กอก หรือคน้ั
๒๑๘ เอาน้าทา รากสด - 30-60 กรัม ต้มน้าด่ืม ใชภ้ ายนอก ตม้ เอาน้าชะล้าง เถาแหง้ - 3-12 กรัม ต้มนา้ ด่ืม ใช้ภายนอก ตม้ เอานา้ ชะลา้ ง หรือตาพอก ข้อห้ามใช้ : พวกทม่ี ้ามเย็นพร่อง กระเพาะเย็นพร่อง เม่อื รับประทานเขา้ ไปจะอาเขียน ถ่ายทอ้ งปวดท้อง ตารบั ยา แกไ้ ข้ทเ่ี กิดจากกระทบความร้อน ใชผ้ ลสด 1 ผล ควักไสใ้ นออกใส่ใบชาเขา้ ไปแลว้ ประกบกนั นา้ ไปตากแหง้ ในที่ร่ม รบั ประทานครงั้ ละ 6-10 กรมั โดยตม้ น้าด่ืมหรือชงน้าด่มื ต่างชาก็ได้ แก้รอ้ นในกระหายน้า ใชผ้ ลสด 1 ผล ขดู ไส้ในออก หัน่ ฝอยต้มนา้ ด่มื แก้บิด ใชน้ ้าคนั้ จากผลสด 1 แก้ว ผสมน้าดื่ม แก้บิดเฉียบพลนั ใชด้ อกสด 20 ดอก ตาคั้นเอานา้ มาผสมน้าผ้ึงพอสมควรด่ืม บิดถ่ายเป็นเลอื ด ก็เพม่ิ ขา้ ว แดงเมืองจนี (อั่งคัก Monascus pur-pureus, Went.) อกี 2-3 กรัม บดิ มูกให้เพิ่มอิ๊ช่วั (ยาสาเร็จรปู ชนดิ หนึ่ง) 10 กรมั ผสมนา้ สกุ รับประทาน แกบ้ ิดปวดท้อง ถา่ ยเป็นเมอื กๆ ใชร้ ากสด 60 กรัม นา้ ตาลกรวด 60 กรมั ต้มนา้ ดืม่ ถา่ ยเป็นเลือด ใชร้ ากสด 120 กรมั ตม้ นา้ ดืม่ แก้บิดถ่ายเปน็ มูกเลือดหรือเลือด ใช้เถาสด 1 กามือ แก้บดิ มูก ใส่เหล้าต้มดื่ม แก้บดิ เลือด ให้ต้มน้าดื่ม แก้แผลบวม ใช้ผลสดตาพอก แก้ปวดฝี ใช้ใบแหง้ บดเปน็ ผงชงเหลา้ ดืม่ แกฝ้ ีบวมปวดอักเสบ ใช้ใบสดตาคัน้ เอาน้าทาบรเิ วณที่เป็นหรือใช้ รากแหง้ บดเปน็ ผงผสมนา้ พอก แผลสุนขั กดั ใชใ้ บสดตาพอก แกป้ วดฟนั ใช้รากสดตาพอก ขบั พยาธิ ใช้ใบสด 120 กรมั ตาคั้นเอาน้าดม่ื นอกจากนีย้ ังใชเ้ มล็ด 2-3 เมลด็ รับประทานขบั พยาธิตวั กลม แกค้ นั แกห้ ดิ และโรคผิวหนงั ต่างๆ ใชผ้ ลแห้งบดเป็นผง ใช้โรยแผลแก้คันหรอื ทาเปน็ ขี้ผ้ึง ใชท้ าแกห้ ดิ และ โรคผวิ หนงั ต่างๆ สารเคมีที่พบ ผล มี Charanthin (b - Sitosterol b - D - glucoside กับ 5,25 stigmastadien 3b - ol -b - D - Glucoside), Serotonin และ Amino acids เช่น Glutamic acid, Alanine, b - Alanine Phenylalanine, Proline, a - Aminobutyric acid, Citrulline, Galacturonic acid เมล็ด มคี วามชื่น 8.6% เถ้า 21.8% Cellulose 19.5% เถ้าทีล่ ะลายน้า 16.4% ไขมนั 31.0 % (ประกอบดว้ ย Butyric acid 1.8% Palmitic acid 2.8%, Stearic acid 21.7% Oleic acid 30%, a - Elaeostearic acid 43.7%, Momordicine, Protein ใบสด มี Momordicine
๒๑๙ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Abelmoschus esculentus (L.) Moench ชื่อสามัญ : Ladies' Finger, Lady's Finger, Okra วงศ์ : Malvaceae ชื่ออื่น : กระเจ๊ียบ กระเจ๊ียบมอญ มะเขือทวาย มะเขือมอญ (ภาคกลาง), มะเขือพมา่ มะเขือม่ืน มะเขือละโว้ (ภาคเหนือ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมล้ ้มลกุ สงู 0.5-2 ม. มขี นท่วั ไป ใบเดย่ี ว เรยี งสลบั รูปไข่หรือค่อนขา้ งกลม กว้าง 10-30 ซม. ปลายหยักแหลม โคนเว้ารปู หัวใจ เส้นใบออกจากโคนใบ 3-7 เส้น ดอกใหญ่ ออกเด่ียวๆ ตามง่ามใบ มรี ้วิ ประดบั (epicalyx) เปน็ เสน้ สเี ขียว 8-10 เสน้ เรยี งเป็นวงรอบโคนกลีบเลยี้ ง กลบี เลยี้ ง 5 กลีบ กลบี ดอก 5 กลีบ สีเหลือง โคน กลีบสีมว่ งแดง รปู ไขก่ ลับหรือคอ่ นข้างกลม เกสรเพศผูม้ ีจานวนมาก กา้ นชูอับเรณตู ิดกันเปน็ หลอดยาว 2-3 ซม. หุ้มเกสร เพศเมยี ไว้ อับเรณูเลก็ จานวนมากติดรอบหลอด ก้านเกสรเพศเมยี เรียวยาว ปลายแยกเป็น 5 แฉก ยอดเกสรเพศเมยี เป็น แผน่ กลมขนาดเล็ก สีม่วงแดง ยน่ื พน้ ปากหลอดดอก ผลเปน็ ฝักห้าเหล่ียม ปลายเรยี วแหลม มีขนทว่ั ไป มีเมล็ดมาก เมลด็ รูปไต ขนาด 3-6 มม. สว่ นท่ีใช้ : ผลอ่อน สรรพคณุ : ใชเ้ ป็นยาแก้จด๊ี รักษาโรคกระเพาะ ยาแกจ้ ๊ดี ใชผ้ ลอ่อน ไมจ่ ากดั จานวน นาไปตม้ หรือปิ้งไฟ ใชท้ าเปน็ ผกั จิม้ หรือแกงสม้ รบั ประทานสดๆ จะ ได้ผลดีกว่า รักษาโรคกระเพาะ ใช้ผลมะเขอื มอญ ตากแหง้ บดให้ละเอียด รบั ประทานครั้งบะ 1 ชอ้ นโตะ๊ วันละ 3-4 เวลา หลังอาหารแลว้ ดม่ื น้าตาม
๒๒๐ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nicotiana tabacum L. ชอ่ื สามัญ : Tobacco วงศ์ : Solanaceae ช่อื อื่น : จะว้ัว (เขมร – สุรนิ ทร)์ ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ลม้ ลุก สงู 0.6-2 เมตร ตามลาตน้ และยอดมีขนออ่ นปกคลมุ ทกุ สว่ นของตน้ มีต่อมนา้ ยาง เหนียว ใบ เปน็ ใบเดย่ี วออกเรียงสลบั รปู ไขแ่ กมขอบขนาน กว้าง 10-20 เซนติเมตร ยาว 30-60 เซนตเิ มตร ปลายใบมน โคนใบเรยี วสอบ ท้องใบและหลังใบมขี นปกคลมุ ขอบใบเรียบและเปน็ คลืน่ เล็กน้อย ดอก เป็นดอกชอ่ ออกทีป่ ลายยอด มี กลบี ดอก สีชมพปู นขาว 5 กลีบ ส่วนโคนเชือ่ มติดกนั เป็นรูประฆัง ปลายกลบี แหลม มขี นขาวปกคลมุ กลบี เลยี้ งสีเขียว โคนเชอ่ื มติดกนั ปลายแยกเป็นแฉกแหลม ผล เป็นผลแห้ง รปู ขอบขนาน ผลอ่อนสีเขียว เมอื่ แก่สีนา้ ตาล แตกออกได้ ดา้ น ในมเี มล็ดสีน้าตาลจานวนมาก ส่วนทีใ่ ช้ : ใบแกๆ่ สรรพคุณ : รกั ษาเหา หดิ เป็นยาถอนพิษ รักษาแผลนา้ ร้อนลวก รกั ษาโรคผิวหนงั แก้หวดั คัดจมกู ฉีดพ่นฆา่ แมลงและ เพลย้ี ต่างๆ ได้ผลดี วธิ แี ละปริมาณทใี่ ช้ รักษาเหา - ใชย้ าฉุนหรือยาตัง้ (ใบยาสูบแก่ตากแหง้ ) 1 หยบิ มอื ผสมกับน้ามันกา๊ ดประมาณ 3-4 ช้อนแกง ชะโลมทั้งน้าและยาเสน้ ลงบนผมทิง้ ไว้ 1 ชว่ั โมง แล้วสระให้สะอาด ทาตดิ ต่อกัน 3-4 วนั เปน็ ยาถอนพษิ รักษาแผลน้ารอ้ นลวก - ใชย้ าเสน้ หรอื ยาตั้ง 1 หยิบมือ คลกุ กับนา้ มันมะพรา้ วปิดบรเิ วณที่ ถูกนา้ ร้อนลวก จะชว่ ยถอนพิษ แก้หวดั คัดจมูก - ใชใ้ บยาอย่างฉุนจดั ๆ ผสมกบั ปูนแดงและใบเนยี ม กวนเป็นยานัตถุ์ แกห้ ิดและโรคผวิ หนัง - ใช้ยางสดี าๆ ในกล้องสบู ยาของจนี ใส่แตม้ แผล แกห้ ิดไดด้ มี าก ใช้เค่ยี วกับน้ามันทา รักษาโรคผิวหนงั ต่างๆ ได้ด้วย คุณประโยชน์ทางยา ใชน้ อ้ ย การสูบบุหรี่โดยการเผาใบยาน้ี ทาให้นิโคตนิ และอัลคาลอยด์อน่ื ๆ สลายตวั วตั ถุเหลา่ น้ที าให้เกิดเปน็ พิษข้ึนในการสบู บหุ รี่ มีหลายคนแสดงว่าการสูบบหุ ร่ี มีอานาจกล่อมประสาท (Soothing) แต่ ไม่ใชเ่ น่อื งจากอานาจของนโิ คตนิ การสบู บุหร่มี ากทาใหเ้ จ็บคอและไอ เนอ่ื งจากลาคอและหลอดลม อักเสบบวม ถา้ อาการแรงหน่อยจะทาให้ หวั ใจออ่ นและเต้นไม่สม่าเสมอ และผ่อนสภาพประสาทสว่ นกลาง ความจาไมด่ ี มือสนั่ หายใจอ่อน ความดนั โลหติ ลดลง ต่า เหงือ่ ออกมาก แตถ่ า้ เปน็ คนสบู ประจา ก็จะไมม่ อี าการเหล่าน้ี เพราะรา่ งกายสามารถอ๊อกซิไดซน์ ิโคตนิ ได้พอควร คนทส่ี ูบซิ
๒๒๑ กาแรตวนั ละ 25 มวน จะต้องเสยี สีของเม็ดโลหิตแดงไปประมาณ 25% ในคราวหนง่ึ นิโคตนิ เปน็ แอลคาลอยดช์ นิดน้า มีอยใู่ นใบของยาสูบประมาณ 7% ละลายงา่ ยในนา้ แอลกอฮอล์ และอี เธอร์ ใชม้ ากในทางเกษตรกรรม ปรุงเปน็ ยาฉีดแมลงและเพลยี้ ตา่ งๆ ไดผ้ ลดี การผสม ใช้นโิ คตนิ 1 สว่ น สบอู่ ่อน 20 สว่ น ในนา้ 2,000 ส่วน ยานมี้ ีพษิ แรง ใชร้ ะวงั ถกู ผิวหนังจะซมึ เข้าไป เปน็ พิษมาก
๒๒๒ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Stemona tuberosa Lour. วงศ์ : Stemonaceae ชื่ออนื่ : กะเพยี ด (ประจวบคีรีขนั ธ์, ชลบรุ )ี หนอนตายหยาก (แม่ฮ่องสอน) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : เปน็ ไมเ้ ถาลม้ ลุกเลื้อยพันตน้ ไม้อ่ืน เถากลมสเี ขียว มรี ากอยู่ใต้ดินคล้ายกระชาย เป็นไม้เลื้อย ใบเดี่ยว รากออกเปน็ กระจุก ใบ ออกเรยี งสลับ ใบรปู หัวใจ กวา้ ง 4-6 เซนติเมตร ยาว 6-10 เซนติเมตร โคนใบเวา้ ปลาย ใบเรียวแหลมเส้นใบแตกออกจากโคนใบ ขนานกันไปทางด้านปลายใบ แผ่นใบเป็นคลืน่ ขอบใบเรียบหรืบิดเป็นคลนื่ เล็กนอ้ ย กา้ นใบยาว ดอก เป็นดอกเด่ยี ว ออกตามซอกใบ ดอกสแี ดงเขม้ กลบี ดอกมี 4 กลบี กลีบดอกดา้ นนอกมีสีเขียว ปนเหลืองโคนกลีบดอกติดกัน ผล ลักษณะเป็นผกั ปลายแหลม ขนาดกวา้ ง1 เซนตเิ มตร ยาว 3เซนตเิ มตร ผลแหง้ แลว้ แตก สว่ นท่ีใช้ : หัว รากแห้ง รากสด สรรพคุณ หวั – รกั ษารดิ สีดวงทวารหนกั รากแห้ง ใชเ้ ป็นยาแกไ้ อ ขับเสมหะ รกั ษาวัณโรค แก้โรคผิวหนงั ยาขับเบือ่ พยาธิ รากสด - รกั ษาจี๊ด หิด เหา แกป้ วดฟนั วธิ ีและปรมิ าณทใี่ ช้ รักษาจ๊ีด - ใช้รากสด 3-4 ราก ลา้ งนา้ ใหส้ ะอาด ห่นั ตาใหล้ ะเอยี ดพอกตรงท่ีมตี วั จด๊ี ซึง่ จะสงั เกตได้ โดยบริเวณน้ันจะบวมขึ้นมา พอกหลายๆ ครงั้ จนกวา่ จะหาย รักษาเหา - ใช้รากสด 3-4 ราก ลา้ งนา้ ใหส้ ะอาด ตาผสมนา้ ชะโลมเสน้ ผมทิ้งไว้ 1 ชวั่ โมง จึงสระออกให้ สะอาด ทาติดต่อกนั 2-3 วัน จนเหาตายหมด แก้ปวดฟัน - ใชร้ ากสด 1ราก ลา้ งใหส้ ะอาด หน่ั ตาใหล้ ะเอียด เตมิ เกลอื 1/2 ช้อนชา อมประมาณ 10-15 นาที แลว้ บ้วนทิ้ง ทาเชน่ น้ีตดิ ต่อกัน 2-4 ครั้ง ทง้ิ ระยะห่างกัน 4-5 ชว่ั โมง จะหายปวดฟัน
๒๒๓ ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Lantana camara L. ชื่อสามัญ : Weeping Lantana, White Sage, Cloth of gold วงศ์ : Verbebaceae ชือ่ อ่นื : กา้ มกงุ้ Kam kung, เบญจมาศปา่ (Central); ขะจาย ตาปู, มะจาย Ma chai (Mae Hong Son); ขีก้ า (Prachin Buri); คาขไี้ ก่ (Chiang Mai)); ดอกไมจ้ ีน (Trat); เบ็งละมาศ, สาบแรง้ (Northern); ไมจ้ ีน (Chumphon); ยีส่ ุน่ (Trang); สามสิบp (Chanthaburi); หญา้ สาบแร้ง (Central, Northern)จนี ย่ีสุ่น สามสิบ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เปน็ ไม้พมุ่ ลาต้นเปน็ สเ่ี หลี่ยม มกั มีขน ขอบใบหยัก สาก ดา้ นท้องใบมีขน ดอกเป็นดอกชอ่ เรียงตัวเป็นรูปกลม มีสีต่างๆ ตงั้ แต่สขี าว เหลืองนวล หรอื อาจเปน็ สองสี ผลออ่ นมีสเี ขียว เมื่อแกจ่ ะเปน็ เป็นสนี ้าเงินเข้ม เกอื บดา ภายในมี 2 เมล็ด (1) ส่วนทใี่ ช้ : ใบ ดอก ราก เก็บไดต้ ลอดปี ใช้สด หรอื ตากแห้งเก็บไวใ้ ช้ สรรพคุณ : ใบ - รสขม เยน็ ใช้แก้บวม ขับลม แก้แผลผื่นคนั เกิดจากชื้น หดิ ดอก - รสชุม่ จืด เยน็ ใชแ้ กอ้ ักเสบ ห้ามเลอื ด แกว้ ัณโรค อาเจยี นเปน็ เลือด แก้ปวดทอ้ งอาเจยี น แกผ้ น่ื คนั ที่ เกิดจากชืน้ และรอยฟกชา้ ทเ่ี กดิ จากการกระทบกระแทก ราก - แก้หวดั ปวดศรี ษะ ไขส้ งู ปวดฟนั คางทมู ฟกช้าที่เกิดจากการกระทบกระแทก วิธีและปรมิ าณทใ่ี ช้ ใบสด - 15-30 กรัม ตม้ น้าดืม่ ใช้ภายนอก ตาพอกหรือคนั้ เอาน้าผสมเหลา้ ทา หรือตม้ น้าชะลา้ งบริเวณที่ เป็น ดอกแห้ง - 6-10 กรมั ต้มน้าดื่ม รากสด - 15-30 กรัม ต้มนา้ ด่ืม ใชภ้ ายนอก ตม้ น้าอมบ้วนปาก แก้ปวดฟัน ข้อหา้ มใช้ : หญิงมีครรภห์ า้ มด่ืม ตารบั ยา กลุม่ ยารกั ษาน้ากัดเท้า
๒๒๔ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Impatiens balsamina L ชื่อสามัญ : Garden Balsam วงศ์ : BALSAMINACEAE ชือ่ อนื่ : เทยี นดอก เทยี นไทย เทียนสวน (ภาคกลาง) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลกุ สงู 30-80 ซม. ลาต้นอวบนา้ และค่อนขา้ งโปร่งแสง ออกดอกออกผลแล้วต้นจะตาย ใบเดยี่ วเรียงสลับรอบลาตน้ รูปวงรี ขอบใบหยักฟันเล่ือย ดอกเดย่ี วหรอื เปน็ กระจุก ออกท่ีซอกใบ กลบี ดอกมีสีชมพู แดง มว่ ง ขาว ผลเป็นผลแหง้ เมอ่ื แกจ่ ัดจะแตกออก เปลอื กผลมว้ นขมวดขน้ึ และดีดเมล็ดที่คอ่ นข้างกลมสีนา้ ตาลออกมา เพ่ือ ช่วยกระจายพันธ์ุ สว่ นท่ใี ช้ : ใบสด ดอกสด ใบแห้ง เก็บใบขนาดกลางท่ีสมบูรณ์ ส่วนใหญ่หมอจีนใชใ้ บของเทยี นดอกขาว สรรพคุณ : ใบสด ตาพอกเล็บขบและปวด ตามนิ้วมือ น้ิวเทา้ ถอนพิษ ปวดแสบ ปวดรอ้ น ใบแห้ง - แก้แผลอักเสบ ฝหี นอง แผลเน่าเป่อื ย แผลเร้อื รงั วธิ ีและปริมาณทใ่ี ช้ : รายละเอยี ด ดูจากลงิ คด์ ้านลา่ ง (กลมุ่ พืชถอนพิษ) http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_20.htm
๒๒๕ ช่อื วิทยาศาสตร์ : Garcinia mangostana L. ช่ือสามัญ : Mangosteen วงศ์ : Guttiferae ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมต้ ้น สูง 10 - 12 เมตร ทกุ สว่ นมียางสีเหลอื ง ใบเด่ียว เรยี งตรงข้าม รปู ไข่ หรือรปู วงรแี กม ขอบขนาน กวา้ ง 6 - 11 ซม. ยาว 15 - 25 ซม. เน้อื ใบหนา และคอ่ นขา้ งเหนยี ว คล้ายหนัง หลังใบสีเขียวเขม้ เปน็ มนั ท้องใบสีอ่อน ดอกเด่ียวหรือเป็นคู่ ออกท่ีซอกใบ ใกล้ปลายกง่ิ สมบรู ณเ์ พศ หรือแยกเพศ กลบี เล้ยี งสีเขียวอมเหลือง กลบี ดอกสแี ดง ฉา่ น้า ผลเป็นผลสด ค่อนข้างกลม สว่ นทใ่ี ช้ : เปลอื กผลแห้ง สรรพคุณ : รักษาโรคท้องเสียเรื้อรงั และโรคลาไส้ ยาแกท้ ้องรว่ ง ท้องเดนิ ยาแกบ้ ดิ (ปวดเบ่งและมีมกู และอาจมเี ลือดดว้ ย) เป็นยาคมุ ธาตุ เป็นยารกั ษานา้ กดั เท้า รักษาบาดแผล รสฝาด สมานแผล ใช้ชะลา้ งบาดแผล แก้แผลเป่อื ย แผลเป็นหนอง ยาฟอกแผลกลาย ทาแผลพุพอง วิธแี ละปริมาณที่ใช้ รักษาโรคท้องเสียเรื้อรงั และโรคลาไส้ ใช้เปลือกมังคุดครึง่ ผล (ประมาณ 4-5 กรัม) ตม้ กบั นา้ ความแรง 1 ใน 10 รบั ประทานครง้ั ละ 1 ถว้ ยแก้ว ถา้ เปน็ ยาดองเหล้า ความแรง 1 ใน 10 รับประทานครง้ั ละ 1 ช้อนชา ยาแกอ้ าการท้องเดนิ ทอ้ งร่วง ใชเ้ ปลอื กผลมังคุดตากแห้งต้มกับน้าปนู ใส หรอื ฝนกบั นา้ รับประทาน ใช้ เปลือกตม้ น้าให้เด็กรบั ประทานคร้ังละ 1-2 ชอ้ นชา ทกุ 4 ชว่ั โมง ผู้ใหญค่ ร้งั ละ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 4 ช่วั โมง ยาแกบ้ ิด (ปวดเบง่ และมีมูกและอาจมเี ลือดด้วย) ใช้เปลือกผลแหง้ ประมาณ ½ ผล (4 กรมั ) ย่างไฟให้ เกรียม ฝนกับนา้ ปูนใสประมาณคร่ึงแกว้ หรือบดเปน็ ผง ละลายนา้ สุก รับประทานทกุ 2 ชั่วโมง เป็นยารกั ษาแผลนา้ กดั เทา้ และแผลพพุ อง แผลเน่าเป่ือย เปลอื กผลสด หรอื แหง้ ฝนกับนา้ ปูนใสให้ขน้ ๆ พอควร ทาแผลน้ากัดเท้า วันละ 2-3 คร้ัง จนกวา่ จะหาย ทาแผลพุพอง แผลเปื่อยเน่า ขอ้ ควรระวงั ก่อนทจ่ี ะใชย้ าทาท่ีบริเวณน้ากดั เทา้ ควรท่จี ะ 1.ลา้ งเทา้ ฟอกสบใู่ ห้สะอาด 2.เช็ดใหแ้ ห้ง
๒๒๖ 3.ถ้ามแี อลกอฮอล์เชด็ แผล ควรเชด็ ก่อนจึงทายา คุณคา่ ด้านอาหาร มงั คดุ ประกอบดว้ ย แรธ่ าตุ และวิตามินหลายชนิดทีใ่ ห้ประโยชนต์ ่อร่างกา สารเคมี Chrysanthemin, Xanthone, Garcinone A, Garcinone B, Gartanin, Mangostin, Kolanone
๒๒๗ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Acacia catechu (L.f.) Willd. ชอ่ื สามัญ : Catechu Tree} Cutch Tree วงศ์ : LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE ช่ืออืน่ : สะเจ (เง้ยี ว-แม่ฮ่องสอน) สีเสียด ข้เี สียด (ภาคเหนือ) สีเสียดแก่น (ราชบุร)ี สีเสียดเหนอื (ภาคกลา่ ง) สีเสียด เหลอื ง (เชยี งใหม่) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : : ไม้ตน้ ขนาดกลาง สงู ถึง 15 เมตร เปลอื กสเี ทาคล้า แตกเป็นสะเก็ดบาง เรือนยอดเปน็ รูป กรวยต่าๆ ตามก่ิงก้านมหี นามโค้งเปน็ คอู่ ยู่ท่ัวไป ใบ ประกอบแบบขนนก 2 ชน้ั มกี ้านแขนง 10-20 คู่ ใบย่อยเลก็ มาก เรียงกนั แน่นอยบู่ นแกนกลาง 30-50 คู่ ดอก เล็ก ออกเปน็ ช่อแบบหางกระรอก สีเหลอื ง กลนิ่ หอมอ่อนๆ ยาวประมาณ 5- 10 เซนตเิ มตร ผล เปน็ ฝักแบน บาง แคบ สนี า้ ตาล แตกเม่ือแก่ ส่วนที่ใช้ : เปลือกต้น เมลด็ ฝัก กอ้ นสีเสียด (เปน็ ส่ิงสกัดที่ได้จากการนาเน้ือไมม้ าตัดใหเ้ ป็นช้ินเล็กๆ ตม้ กบั น้า กรองและ เคีย่ วให้งวด จะเหลอื กอ้ นแข็ง สดี าและเป็นเงา สรรพคุณ :เปลอื กต้น - แก้บิด แก้ท้องร่วง สมานแผล แก้ท้องเดนิ เมล็ดในฝกั - ฝนแกโ้ รคหิด แผลน้ากัดเท้า วิธแี ละปริมาณทีใ่ ช้ ก้อนสเี สียดชว่ ยฝาดสมาน แก้อาการท้องเดนิ ใชผ้ งประมาณ 1/3 -1/2 ช้อนชา (หนกั 0.3-1 กรมั ) ต้มเอานา้ ดมื่ แก้แผลเรือ้ รงั ใชเ้ ปลือกต้น ต้มกับนา้ ใช้ลา้ งแผล หวั นมแตก ใชล้ ้างแผล แก้แผลเนา่ เป่ือยเรือ้ รงั น้ากัดเท้ แก้โรคหดิ ใช้เมล็ดฝัก ฝนทาแก้โรคหิด แผลนา้ กดั เทา้ สารเคมี ท้งั ต้น พบ Epicatechin เปลอื กต้น พบ Catechol, Gallic acid, Tannin แก่น พบ Catechin, Dicatechin ใบ พบ Catechin, Isoacacatechol, Tannins isoacacatechol acetate
๒๒๘ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Ocimum sanctum L. ชอ่ื สามัญ : Holy basil, Sacred Basil วงศ์ : Lamiaceae (Labiatae) ชอื่ อน่ื : กะเพราขน กะเพราขาว กะเพรา (ภาคกลาง) กอมก้อ กอมก้อดง (เชียงใหม)่ อีตู่ไทย (ภาคอีสาน) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมพ้ มุ่ สงู 30-60 ซม. โคนตน้ ค่อนข้างแขง็ กะเพราแดงลาตน้ สแี ดงอมเขยี ว ส่วนกะเพราขาว ลาตน้ สีเขียวอมขาว ยอดอ่อนมีขนสขี าว ใบ เป็นใบเด่ียว ออกตรงข้ามกัน รปู รี กว้าง 1-3 ซม. ยาว 2.5-5 ซม. ปลายใบ มนหรือแหลม โคนใบแหลม ขอบใบจักเป็นฟนั เล่ือย แผ่นใบสีเขยี ว มีขนสขี าว ดอก ออกเป็นช่อทป่ี ลายยอด ดอกสีขาว แกมมว่ งแดงมีจานวนมาก กลีบเลยี้ งโคนเช่อื มติดกัน ปลายเรยี วแหลม ด้านนอกมีขน กลีบดอกแบง่ เป็น 2 ปาก ปากบนมี 4 แฉก ปากลา่ งมี 1 แฉก ปากลา่ งยาวกวา่ ปากบน มีขนประปราย เกสรเพศผู้มี 4 อัน ผล เป็นผลแหง้ เม่ือแตกออกจะมี เมล็ด สีดา รูปไข่ ส่วนทใ่ี ช้ : ใบสด สรรพคณุ : ใชใ้ บสดของกะเพรา ถ้าเปน็ กะเพราแดงจะมีฤทธ์แิ รงยิ่งขึ้น ขยี้ทาตรงหัวหดู เช้า-เยน็ จนกวา่ หัวหูดจะหลดุ สารเคมี : ใบ มี Apigenin, Citric acid, Fumric acid , Luteolin, Tartaric acid, Ursolic acid, Malic acid
๒๒๙ ช่อื วิทยาศาสตร์ : Sesamum indicum L. ชอ่ื สามัญ : Sesame วงศ์ : Pedaliaceae ช่อื อืน่ : งาขาว งาดา นโี ซ (กระเหรย่ี ง-แมฮ่ ่องสอน) ไออย่มู ัว้ (จนี ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ลม้ ลกุ สูงประมาณ 30-100 ซม. ลาต้นเป็นเหล่ยี ม มรี ่องตามยาวของลาตน้ มขี นปกคลุม ใบเปน็ ใบเด่ยี ว เรยี งตรงข้ามหรือสลบั ลกั ษณะใบเป็นรปู ไข่ หรือรปู ใบหอก กว้างประมาณ 2-5 ซม. ยาวประมาณ 6-10 ซม. ดอกเปน็ ดอกเด่ยี ว เปน็ หลอด ออกท่ีซอกใบ กลบี ดอกสีขาวหรือสีชมพู ออกโดยรอบลาต้นตอนบน ผลเปน็ ผลแหง้ มี 4 พู เมลด็ แบน ขนาดเล็ก มจี านวนมาก รูปไข่ สีดา เรยี ก\"งาดา\" สีขาวหรือสีนวล เรยี ก\" งาหม่น\" สว่ นท่ีใช้ : ดอกงา เมล็ดงา สรรพคุณ : ดอกงา – รกั ษาหดู เมล็ดงา - มรี สฝาด หวาน ขม รับประทานให้เกดิ กาลงั ให้ความอบอุ่นแกร่ ่างกาย วธิ ีและปริมาณที่ใช้ รกั ษาหูด ใช้ดอกงา นาดอกงาท่เี กบ็ ในตอนเชา้ ซึ่งยังมีนา้ ค้างอยู่มาถูกบั หูดวันละ 3 คร้งั ภายใน 7-10 วนั จะเห็นผล ถ้าจาเป็นตอ้ งใช้ดอกแหง้ ให้นามาแช่น้านาน 30 นาที ตม้ ให้เดือด แล้วใช้นา้ ต้มล้างบรเิ วณท่ีเป็นหดู ภายใน 10 วนั หดู จะหลดุ ออก รบั ประทานให้เกิดกาลังและให้ความอบอ่นุ แก่ร่างกาย - ใช้เมล็ดงา
๒๓๐ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Euphorbia hirta L. ชอ่ื สามัญ : Garden Spurge วงศ์ : EUPHORBIACEAE ชื่ออ่นื : ผกั โขมแดง (ภาคกลาง) หญ้านา้ หมึก (ภาคเหนือ) หญา้ หลังองึ่ (เง้ียว-แม่ฮ่องสอน) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ลม้ ลกุ ขนาดเล็ก ลาตน้ มีขนสีนา้ ตาลปนเหลือง ใบ ใบเรียงตรงข้าม ใบเดี่ยว รูปรี ปลายใบ แหลม โคนใบสอบเบ้ยี วเลก็ น้อย ขอบใบหยกั ฟันเลอื่ ย ผวิ ใบมีขนทงั้ สองด้าน ดอก ดอกชอ่ ออกตามซอกใบ ดอกแยกเพศ ไม่มีกลีบดอกและกลีบเลี้ยง ใบประดบั เปน็ รูปถ้วยสีเขียว เกสรตวั ผ้มู ี 5 อัน เกสรตวั เมียมี 1 อัน รงั ไขร่ ปู กลมแกม สามเหลย่ี ม มีท่อรังไข่ 3 อนั ผล ผลแหง้ แตกได้ 3 พู ผลกลม ส่วนท่ีใช้ : ใชท้ ้งั ตน้ เกบ็ ในฤดูร้อนล้างให้สะอาดตากแหง้ เก็บเอาไวใ้ ช้หรือใชส้ ด, ยาง สรรพคณุ ทั้งตน้ รสฉุน เปรย้ี ว เยน็ จดั ใชด้ ับรอ้ น แก้พิษ ขับนา้ นม แกช้ ้ืน ผดผนื่ คัน ลาไส้อกั เสบเฉียบพลนั บิดจาก แบคทเี รยี หนองใน สัสสาวะเปน็ เลือด ฝีในปอด ฝีที่เตา้ นม ฝีพิษบวมแดง ขาเป็นกลาก เนา่ เป่อื ย ยาง ใช้กัดหดู ตาปลา วธิ ีและปรมิ าณท่ใี ช้ ใชท้ ้ังต้นแห้ง 6-7 กรมั (สด 30-60 กรมั ) ตม้ นา้ ด่ืม ใช้ภายนอก ตม้ เอาน้าชะลา้ งหรือตาพอกแผล ตารบั ยา แก้บดิ มูกเลือด ใชท้ ง้ั ตน้ แห้ง 15-25 กรัม ผสมน้าตาลทราย บดิ ถา่ ยเปน็ มกู ให้ผสมนา้ ตาลแดง ใชน้ า้ ตม้ สุก ต๋นุ เอานา้ ด่ืม แก้เบาขัด หนองใน ปัสสาวะเป็นเลือด ใชต้ น้ สด 30-60 กรัม ผสมน้าดืม่ วันละ 2 คร้ัง แก้ฝีมหี นองลกึ ๆ ใช้ใบสด 1 กามือ ผสมเกลือและนา้ ตาบทรายแดงอย่างละเล็กน้อยตาพอก แกฝ้ ใี นปอด ใช้ต้นสด 1 กามือ ตาคน้ั เอานา้ ครึ่งแก้ว ผสมน้าดืม่ แกฝ้ ที เี่ ตา้ นม ใช้ต้นสด 60 กรมั รวมกับเตา้ หู้ 120 กรัม ต้มรับประทาน ใช้ต้นสด 1 กามือ ผสมเกลอื เล็กน้อย ตาผสมนา้ ร้อนเล็กน้อยพอกบริเวณท่ีเปน็ แก้เด็กเปน็ ตานขโมย (ผอม พุงโร ก้นปอด) ใช้ตน้ สด 30 กรัม กบั ตบั หมู 120 กรัม ตนุ๋ รับประทาน แก้เด็กศีรษะมีแผลเป่ือยเน่า มีนา้ เหลือง ใชต้ น้ สด 1 กามือ ตม้ เอานา้ ชะล้างแผล แก้ขาเป็นกลาก เนา่ เปื่อย ใช้ต้นสด 100 กรัม แชใ่ นแอลกอฮอล์ 75% จานวน 500 มิลลิลิตร 3-5 วนั เอาไวท้ าบรเิ วณทีเ่ ปน็ บ่อยๆ แกบ้ าดแผลมีเลือดออก ใช้ใบสดขยีห้ รอื ตาพอกแผลห้ามเลือด ยางใช้กดั หูด ตาปลา ใชย้ างขาวทาท่ีเป็น บ่อยๆ
๒๓๑ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Anacardium occidentale L. ชอื่ สามัญ : Cashew nut tree วงศ์ : ANACARDIACEAE ช่ืออน่ื : กะแตแก (มลายู-นราธิวาส) กายี (ตรัง) ตาหยาว ทา้ ยลอ่ ส้มม่วงชูหนว่ ย (ภาคใต้) นายอ (มลายู-ยะลา) มะม่วงกาสอ (อตุ รดิตถ์) มะม่วงกุลา มะม่วงลังกา มะมว่ งสนิ หน มะมว่ งหยอด (ภาคเหนอื ) มะมว่ งทนู หน่วย สม้ ม่วงทนู หนว่ ย (สุราษฎร์ธานี) มะม่วงยางหยุ มะมว่ งเลด็ ล่อ (ระนอง) มะม่วงไม่ร้หู าว มะมว่ งหิมพานต์ (ภาคกลาง) มะมว่ งสโิ ห (เชียงใหม่) มะโห (เง้ยี ว-แมฮ่ ่องสอน) ยาโงย ยารว่ ง (ปัตตานี) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมต้ น้ สูงได้ถึง 12 เมตร เปลอื กเรยี บ สนี า้ ตาล ใบเดย่ี ว เรยี งเวียน รปู ไขก่ ลับถึงรูปรกี ว้าง โคนใบแหลม ปลายใบกลม ใบหนาเหมือนแผน่ หนัง เกลี้ยง ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนงหรอื ชอ่ เชิงหลนั่ ใบประดับรูปขอบ ขนานแกมรปู ไข่ สเี ขียวอ่อน มแี ถบสีแดง แลว้ เปล่ยี นเป็นสแี ดง ดอกแยกเพศรว่ มตน้ สีขาวนวล ดอกมกี ลนิ่ หอม ผล เปลือกแข็งเมล็ดเดยี ว รูปไต สีน้าตาลปนเทา เมลด็ รูปไต ส่วนของฐานรองดอกขยายใหญ่ อวบนา้ รูประฆงั ควา่ มกี ลิ่น หอม กนิ ได้ ส่วนทใี่ ช้ : ยางจากผลสด ทยี่ งั ไม่สุก 1 ผล ท่เี ด็ดออกมาใหมๆ่ , ยางจากต้น เมลด็ สรรพคุณ ยางจากผลสด ยางจากตน้ - เปน็ ยารกั ษาหดู เมล็ด - ผสมยารบั ประทาน แก้กลากเกลื้อน และโรคผวิ หนงั แกเ้ น้ือหนังชาในโรคเรอ้ื น ยางจากตน้ ทาลายตาปลา และกัดทาลายเน้ือท่ีดา้ นเปน็ ปุ่มโต แก้เลือดออกตามไรฟนั วิธแี ละปริมาณทใ่ี ช้ ยางจากผลสด - ทีย่ งั ไมส่ ุก 1 ผล ที่เดด็ ออกมาใหม่ๆ ใช้ยางจากผลทางตรงบริเวณทีเ่ ปน็ หูด ทาบ่อยๆ จนกว่าจะหาย ยางจากตน้ สด - ทาตรงตาปลา หรือเนอื้ ท่ีดา้ นเป็นบุ๋มโต ทาบ่อยๆ จนกว่าจะหาย
๒๓๒ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon nardus Rendle ช่ือสามัญ : Citronella grass วงศ์ : GRAMINEAE ชอ่ื อนื่ : จะไคมะขดู ตะไครมะขดู (ภาคเหนอื ) ตะไครแ้ ดง (นครศรีธรรมราช) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : : ไม้ลม้ ลุก อายหุ ลายปี สูง 0.75-1.2 เมตร แตกเปน็ กอ เหง้าใต้ดินมกี ล่ินเฉพาะ ข้อและปล้อง สั้นมาก กาบใบของตะไคร้หอมมีสีเขยี วปนมว่ งแดง ยาวและหนาหุ้มข้อและปลอ้ งไวแ้ นน่ ใบ เดย่ี วเรียงสลบั กว้าง 1-2 ซม. ยาว 70-100 ซม. แผน่ ใบและขอบใบสากและคม (ตะไครห้ อมใบยาวและน่มิ กว่าตะไครธ้ รรมดาเล็กน้อย ทาใหป้ ลาย ห้อยลงปรกดินกว่า) ดอก ชอ่ สนี ้าตาลแดง แทงออกจากกลางต้น ออกดอกยาก ผลเปน็ ผลแหง้ ไม่แตก ส่วนท่ใี ช้ : ต้น ใบสด น้ามันของตน้ ตะไครห้ อม สรรพคณุ : น้ามนั สะกัดตะไคร้หอม ปรุงกบั น้าหอมทาตัวป้องกนั ยงุ กดั ใสก่ ระบอกสบู ผสมกบั นา้ มันอนื่ ฉดี ไลย่ งุ ไดด้ ี มาก ท้ังต้น ใช้ตะไครห้ อม 4-5 ต้น นามาทงั้ ตน้ ทบุ ๆ วางท้ิงไว้ในห้องมืดๆ กล่นิ นา้ มันหอมระเหยออกมา ยุง แมลงจะหนีหมด ประโยชน์ทางยา แก้ริดสดี วงในปาก (คอื ปากแตกระแหงเปน็ แผลในปาก ปรงุ เปน็ ยาขับลมในลาไส้ และแก้แน่นไดด้ ้วย สตรมี ีครรภ์รับประทานใหต้ กลกู หรอื ทาลายโลหิตใหด้ ว้ ย (ทาใหแ้ ทง้ ) คือมีอานาจในทางบบี รัดมดลูกไดด้ ีด้วย วธิ ใี ช้ : นาน้ามันหอมระเหยตะไครห้ อมทาตามตัว ไลแ่ มลง ยุง สารเคมี นา้ มันหอมระเหย มี 0.4-0.9% ประกอบดว้ ย geraniol 57.6-61.1% Citronellal 7.7-14.2% eugenol, camphor, methyl eugenol.
๒๓๓ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hedychium coronarium J.KÖnig ชอื่ สามัญ : Butterfly lily, Garland flower, Ginger lily, White ginger วงศ์ : ZINGIBERACEAE ช่ืออ่นื : กระทายเหิน, มหาหงส์ หางหงส์ (ภาคกลาง) ตาห่าน เหินแกว้ เหนิ คา (แม่ฮ่องสอน) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมห้ ัวลม้ ลกุ มีเหง้าอยู่ใตด้ ิน ชกู าบใบพ้นดินเปน็ เหมือนลาต้น เรยี กว่าลาตน้ เทียม สูง 1-2 เมตร ใบ เป็นใบเดยี่ ว ออกสลับตรงขา้ มกันเป็นระเบยี บในแนวเดียวกนั เสน้ ใบขนานกัน ใบมีขนาด 4-9 x 25-60 ซม. สี เขยี วสด ดอก ออกท่ีปลายยอด เปน็ ช่อๆ ละ 3-6 ดอก แต่ละดอกมี 3 กลีบ ด้านบน 1 กลบี เปน็ กลีบใหญ่ ปลายกลีบเว้า ลงเปน็ รูปตัววี ดา้ นลา่ งเป็นกลีบเล็ก 2 กลีบ เส้นผา่ ศนู ยก์ ลางดอกประมาณ 10 ซม. มีเกสรตัวผ้ทู ี่สมบรู ณ์ 1 อนั อีก 3 อันไม่สมบูรณ์ กลีบดอกสีขาว หรอื ขาวแกมเหลอื ง ดอกจะทยอยบานจากดา้ นล่างขึน้ ด้านบน ผล รปู ทรงกระบอก สีส้ม แดง เมล็ด สีนา้ ตาลแดง ส่วนทใ่ี ช้ : หวั เหง้าสด นา้ มันหอมระเหย สรรพคุณ : เป็นยาแกก้ ระษัย บารุงกาลงั บารุงไต มีฤทธ์ิ ฆา่ แมลงได้ วธิ ีและปริมาณทใ่ี ช้ เป็นยาแก้กษัย บารงุ กาลัง บารงุ ไต ใชห้ วั ตากแหง้ บดละเอยี ด ผสมน้าผง้ึ ป้นั เป็นลกู กลอน รับประทาน มีฤทธ์ฆิ ่าแมลงได้ เหงา้ สดจานวนพอควร นามาทุบๆ แลว้ สกดั ให้ได้น้ามันหอมระเหยออกมา เรยี กนา้ มนั มหาหงส์ ใช้ฆ่าแมลงได้
๒๓๔ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Eucalyptus globulus Labill. (Eucalyptus citriodora Hook.) ช่ือสามัญ : Eucalyptus วงศ์ : MYRTACEAE ชือ่ อ่ืน : โกฐจุฬารส น้ามนั เขียว มันเขียว ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ยืนตน้ สงู ประมาณ 10-25 เมตร เรอื นยอดเป็นพุ่มหนาทึบ ค่อนขา้ งกลม ลาตน้ เปลาตรง เปลอื ก เปลอื กหุ้มลาต้น มีลักษณะเรียบเป็นมัน มสี ีเทาสลบั สีขาวและนา้ ตาลแดงเปน็ บางแหง่ เปลอื กนอกจะแตกร่อน เป็นแผ่นหลุดออกจากผิวของลาต้น เมอื่ แหง้ จะลอกออกไดง้ ่ายในขณะสด ใบ ใบเป็นใบเดีย่ ว (simple leaf) เรยี งสลบั เปน็ รูปหอกยาว 3-12 นิ้ว กว้าง 0.5-0.8 นิ้ว ก้านใบยาว ใบสีเขียวอ่อนหม่นๆ ทง้ั สองดา้ น ใบห้อยลง เสน้ ใบมองเหน็ ได้ชดั ดอก ดอกออกเป็นช่อ ตามข้อต่อระหวา่ งก่ิงกบั ใบ มีกา้ นดอกเรียวยาว มกี ้านย่อยแยกไปอีก ออกดอกเกือบตลอดปี ผล ผลมลี ักษณะคร่งึ วงกลม หรือรูปถ้วย ผิวนอกแข็ง เมอ่ื อ่อนจะมีสีเขียว และจะเปล่ยี นเปน็ สนี ้าตาลเม่ือแก่ เมื่อผลแกป่ ลายผลจะแยกออก สว่ นทใ่ี ช้ : ใบสด น้ามันท่ีกลนั่ ไดจ้ ากใบสด สรรพคณุ : เป็นยาแก้ไอ ขบั เสมหะ บรรเทาอาการข้ออักเสบ ไล่ หรอื ฆา่ ยุง แมลง วิธแี ละปริมาณทใ่ี ช้ เป็นยาแก้ไอ ขับเสมหะใช้นา้ มนั ท่ีกลัน่ ไดจ้ ากใบสด 0.5 มลิ ลลิ ิตร (8 หยด) รับประทาน หรอื ทายาอม ไล่หรอื ฆา่ ยุง แมลง ใชใ้ บสด 1 กามอื ขย้ี กลน่ิ น้ามนั จะออกมาช่วยไลย่ งุ และแมลง ข้อควรระวงั : อย่าใช้เกินขนาด จะระคายเคืองต่อทางเดนิ อาหาร เมื่อใช้เป็นยาภายใน
๒๓๕ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Derris elliptica (Roxb.) Benth. ชื่อสามัญ : Tuba root, Derris วงศ์ : LEGUMINOSAE – PAPILIONOIDEAE ชอื่ อ่นื : กะลาเพาะ (เพชรบุรี) เครอื ไหลน้า, ไหลนา้ (ภาคเหนอื ) โพตะโกสา้ (กะเหรย่ี ง-แมฮ่ ่องสอน) , อวดน้า (สุราษฎร์ ธานี) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ศาสตร์ : ไมเ้ ถาเนื้อแขง็ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ยาว 22.5-37.5 ซม. ใบ ย่อย 9-13 ใบ รปู ขอบขนานถึงรปู หอกแกมขอบขนาน กว้าง 2.5-3.5 ซม. ยาว 7.5-15 ซม. ปลายใบเปน็ ต่ิงแหลม หลังใบ เกล้ยี งท้องใบมีขน ดอกช่อกระจะ ยาว 22.5-30 ซม. มขี นสั้นหนานมุ่ กลบี เล้ยี งยาวประมาณ 6 มม. เชื่อมตดิ กันเปน็ รูป ระฆังมีขน กลีบดอกรปู ดอกถ่ัว สชี มพู หายากท่เี ป็นสีขาว ยาวประมาณ 1.5 ซม. กลบี ล่างรปู โล่ เกสรตัวผู้เชื่อมตดิ กันเป็น มัดเดยี ว รงั ไข่มีขนอุย ฝกั รปุ ขอบขนานถึงรปู ใบหอก กว้าง 2 ซม. ยาว 3.5-8.5 ซม. ตะเข็บบนแผ่เปน็ ปกี มีเมลด็ 1-4 เมลด็ สว่ นทใี่ ช้ : เถาสด แห้ง หรอื ราก ต้น สรรพคุณ : ยารกั ษาเหา หิด ยาสาหรบั ใชเ้ บื่อปลา ฆา่ แมลง ไล่แมลง ขบั ระดูสตรแี ละบารุงโลหติ เป็นยาถา่ ยเส้นเอน็ ถ่ายลม ถ่ายเสมหะและโลหติ วิธีและปรมิ าณท่ีใช้ รักษาเหา หดิ ใช้เถาสดยาว 2-3 น้วิ ฟุต ตาให้ละเอยี ดผสมนา้ มนั พชื ชะโลมบนเส้นผมทงิ้ ไว้ 1 ช่วั โมง จงึ สระใหส้ ะอาด ควรสระตดิ ต่อกนั 2-3 วนั ให้สะอาดจริงๆ ยาฆา่ แมลง เบื่อปลา ใชเ้ ถาแกส่ ด แหง้ หรือจะใช้รากก็ได้ (จานวนท่ใี ชข้ ึ้นอยู่กับจานวนพื้นทแ่ี ละแมลง) ทุบ ใหแ้ ตกมากๆ แชล่ งในน้า น้าจะขาวเช่นนา้ ซาวข้าว ใชน้ ้านั้น ฆา่ แมลง (ซึ่งปลอดภยั ต่อผใู้ ช้) เบื่อปลา (ปลาที่เบื่อโดยวธิ ีนี้ใช้เป็นอาหารได้ หมายเหตุ : เนือ่ งจากสารพษิ ทอ่ี ยู่ในหางไหลน้ัน ไม่เปน็ พิษต่อสตั ว์เลือดอุน่ เชน่ คน จงึ ใชไ้ ด้ดี ทัง้ สารน้ีสลายตัวได้งา่ ย ไม่ ตดิ คา้ งอยบู่ นพืชผกั เหมือนสารสงั เคราะห์พวก ด.ี ด.ี ที. ใชผ้ สมกบั ยาอน่ื ๆ เป็นยาขับระดสู ตรี ทางจังหวัดสุโขทัย ใชเ้ ถาหางไหลแดงตากแห้ง ห่ันเปน็ ชิ้นเล็กๆ ดองสุรารับประทานเป็นยาขบั และบารุง โลหิต เปน็ ยาถ่ายเส้นเอน็ ถ่ายลม ถา่ ยเสมหะและโลหิต
๒๓๖ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Derris malaccensis Prain วงศ์ : LEGUMINOSAE – PAPILIONOIDEAE ชอื่ อื่น : ยานาเละ (มลายู-นราธิวาส) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เปน็ ไมเ้ ถาขนาดกลางถงึ ใหญ่ ใบประกอบรปู หอก ปลายกว้างแหลม โคนสอบแคบใบย่อยราว 7 ใบ ใบอ่อนสเี หลอื งออ่ นออกเขียว ใบแก่สเี ขียว ดอกเลก็ สีชมพเู ปน็ ชอ่ ฝักแบนไมย่ าวนัก มียางขาวขัน พบตามรินนา้ ลา ธาร ป่าดงดบิ เขา ป่าเบญจพรรณทว่ั ไป ในเขตวนอุทยานถา้ เพชร ขยายพันธ์ดุ ว้ ยเมลด็ สว่ นทใ่ี ช้ : ราก สรรพคุณ : ยางจากราก ฆา่ แมลงตัวหนอนทีเ่ กาะกินผกั เบ่ือปลา รสเอียนเลก็ นอ้ ย ถ่ายเส้นเอ็น (ทาให้เสน้ ออ่ น) ถา่ ย ผายลม ถ่ายเสมหะและโลหติ ใช้ปรงุ เป็นยาขบั ระดู แก้ระดเู ปน็ ลม่ิ เปน็ ก้อนเนา่ เหมน็ ใช้ผสมกบั สบแู่ ละนา้ สาหรบั ฆ่าสตั ว์ เช่น หิดและเหาได้ดี วิธีใช้ : ใชร้ ากทุบๆ ผสมน้า พอข่นุ ขาว รดผกั ตามสวนผกั ฆ่าแมลงและตัวหนอน
๒๓๗ ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Excoecaria cochinchinensis Lour. var.cochinchinensis วงศ์ : EUPHORBIACEAE ชื่ออ่นื : กาลังกระบอื , ลิน้ กระบอื (ภาคกลาง) ใบท้องแดง (จันทบรุ ี) ส่วนท่ใี ช้ : ใบ ยางจากต้น ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พมุ่ สงู ไดถ้ ึง 1.5 ม. มียางขาว ใบเดยี่ ว มีทงั้ เรยี งตรงข้ามและเรียงสลับ รูปรี รูปไข่ หรือรูป ไข่กลบั กว้าง 1.5-4 ซม. ยาว 4-12 ซม. ปลายแหลม โคนสอบ ขอบจกั ฟันเล่อื ย แผน่ ใบด้านบนสเี ขยี วเข้มเปน็ มัน ดา้ นล่างสีม่วงแดงหรือมว่ งนา้ ตาล เส้นแขนงใบข้างละ 7-12 เสน้ กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกแยกเพศ อยู่ตา่ งตน้ ออก ตามงา่ มใบ ขา้ งใบ หรือปลายยอด ยาว 1-2 ซม. ชอ่ ดอกเพศผมู้ ดี อกเล็กๆ จานวนมาก โคนกา้ นดอกมีใบประดับเลก็ ๆ ก้านดอกสัน้ กลีบเล้ยี ง 3 กลีบ เลก็ มาก เกสรเพศผู้เล็กมาก มี 3 อัน ช่อดอกเพศเมยี สน้ั กวา่ ช่อดอกเพศผ้แู ละมีดอกเล็กๆ 3-6 ดอก กา้ นดอกยาว 2-5 มม. โคนกา้ นดอกมีใบประดับเล็กๆ และมตี ่อมเล็กๆ สเี หลอื ง กลบี เลยี้ งเลก็ มี 3 กลบี รูปไข่ รงั ไขเ่ ล็ก สีเขยี วอมชมพู มี 3 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมียมี 3 อัน ผลเล็ก ค่อนขา้ งกลม มี 3 พู สรรพคณุ : ใบ - ขับน้าคาวปลาหลังคลอด เปน็ ยาขบั เลือดเนา่ สาหรับสตรใี นเรือนไฟ ยางจากต้น - เป็นพิษ ใชเ้ บอ่ื ปลา วิธใี ช้ : นาใบมาตากบั สุรา คั้นเอาน้ารบั ประทาน
๒๓๘ ช่ือวิทยาศาสตร์ : Murraya paniculata (L.) Jack. ชอ่ื สามัญ : Andaman satin wood, Chinese box tree, Orange jasmine วงศ์ : RUTACEAE ช่ืออน่ื : กะมูนงิ (มลายู-ปัตตานี) แก้วขาว (ภาคกลาง) แก้วข้ไี ก่ (ยะลา) แก้วพริก ตะไหลแก้ว (ภาคเหนอื ) แกว้ ลาย (สระบรุ )ี จา๊ พริก (ลาปาง) ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ตน้ ขนาดเลก็ สงู ไดถ้ ึง 10 เมตร ไมผ่ ลดั ใบ ใบ เป็นใบประกอบ ผวิ ใบมันเขม้ และเปน็ มันทัง้ สองดา้ น ดอก ชอ่ ออกเป็นกระจกุ สขี าว ร่วงง่าย มกี ลิ่นหอมมาก ผล สดกลมรี หรอื รปู ไข่ ปลายสอบเล็กน้อย ทเ่ี ปลือกมี ตอ่ มนา้ มนั เห็นไดช้ ดั กวา้ ง 5-8 มม. ยาว 0.8-1 ซม. ผลออ่ นสีเขียว ผลสกุ สีส้มแดง เมล็ดรปู ไขป่ ลายสอบ มขี นสน้ั ๆ อยู่ รอบเมล็ด กว้าง 4-6 มม. ยาว 6-9 มม. สขี าวขนุ่ มีจานวน 1-2 เมลด็ ต่อผล สว่ นที่ใช้ : ราก ใบ สรรพคณุ : เปน็ ยาขับประจาเดอื น วธิ ีและปริมาณท่ใี ช้ : ใช้รากแห้ง 10-15 กรมั (สด 30-60 กรมั ) ตม้ กบั น้า 2 ถว้ ยแกว้ เคี่ยใหเ้ หลือ 1 ถว้ ยแก้ว รบั ประทานวนั ละ 2 ครง้ั หลังอาหาร เช้า-เยน็
๒๓๙ ช่อื วิทยาศาสตร์ : Oxyceros horridus Lour. (Randia siamensis Craib) วงศ์ : RUBIACEAE ชอื่ อืน่ : เข้ยี วกระจบั (ภาคใต)้ คัดเค้า (เหนือ, ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ) คดั เค้าเครอื (นครราชสมี า) คัดเค้าหนาม (ชยั ภูม)ิ เคด็ เค้า (ภาคเหนือ) จเี คา๊ พญาเทา้ เอว (กาญจนบรุ ี) หนามลิดเคา้ (เชียงใหม่) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไมค้ รง่ึ พุ่งคร่งึ เล้ือย มักทอดก่งิ ยาว กลายเปน็ ลาเถาได้งา่ ย มีหนามแหลมโค้งงอกลงมาคลา้ ย เขาควายเป็นคู่ อยรู่ ะหวา่ งคใู่ บ ตัวใบเป็นสเี ขยี วแกด่ า้ นๆ ดอกสีขาว หอมแรงมากสง่ กลิ่นเวลาเย็นตลอดไปจนกลางคืน ดอก ออกที่ซอกใบใกลป้ ลายก่ิงเป็นช่อกระจกุ ส้ันๆ ขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลางดอกประมาณ 1.5 ซม.โคนคอดเปน็ หลอดปลาย แยก 5 กลบี ดอกทเี่ ร่ิมบานสีขาวนวล แลว้ เปลยี่ นเปน็ สีเหลืองนวลในวันต่อ ส่วนทีใ่ ช้ : ผล สรรพคุณ : ใชเ้ ป็นยาขับประจาเดอื น วธิ ีและปรมิ าณทีใ่ ช้ : ใชผ้ ล 1 กามอื ต้มกบั น้า 1 ถว้ ยแก้ว รบั ประทานวนั ละ 2 ครงั้ เช้า-เย็น ขบั ประจาเดือน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288