56 ซา้ ย ขวา ในการท�ำ ทชั แอสซสิ ตจ์ ะตอ้ งแตะทส่ี ว่ นปลายนว้ิ มอื และนว้ิ เทา้ และกระดกู สนั หลงั ดว้ ยเสมอ การท�ำ ทชั แอสซสิ ตอ์ ยา่ งถกู วธิ ี จะชว่ ยท�ำ ใหเ้ ททนั สามารถรกั ษาหรอื ซอ่ มแซมสภาพรา่ งกายของเขา ได้เรว็ ขน้ึ เททนั รา่ งกาย คลน่ื การสอ่ื สาร ไหลเวยี นได้ ท่มี า : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 210-11. 100 ส�ำ นกั การแพทยท์ างเลอื ก
เดอะ บอด้ี คอมมนู เิ คชน่ั โพรเซส (The Body Communication Process) เปน็ แอสซิสต์ทจ่ี ะน�ำ มาใช้เมอ่ื คนหนงึ่ ๆ ขาดการสื่อสารกับร่างกาย ของเขาอย่างต่อเนื่องยาวนาน อย่างเช่น หลังจากที่ป่วย หรือได้รับบาดเจ็บ หรอื เมอ่ื บคุ คลนน้ั ไดน้ อนนง่ิ เฉยมาเปน็ เวลานาน จดุ ประสงคข์ องแอสซสิ ตน์ ค้ี อื เพื่อทำ�ให้บุคคลหนึ่งสามารถสร้างการสื่อสารกับร่างกายขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้ รูปแบบวิธีการทำ�จะเป็นการวางมือลงไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และให้ ผู้รบั การท�ำ แอสซสิ ต์รสู้ กึ ถึงมอื นน้ั 24,25 ประโยชน์ของ เดอะ บอด้ี คอมมนู เิ คชน่ั โพรเซส ชว่ ยฟน้ื ฟสู ภาพรา่ งกายของผปู้ ว่ ยหรอื ผบู้ าดเจบ็ โดยเฉพาะผทู้ ม่ี อี าการ เรื้อรงั คุณสมบัติของผูร้ ับการบ�ำ บัด สามารถรบั รแู้ ละสอ่ื สารโดยใชภ้ าษาหรอื ไมใ่ ชภ้ าษากบั ผทู้ �ำ แอสซสิ ตไ์ ด ้ วิธกี ารปฏิบัติ 24 1. ให้บุคคลนั้นนอนหงายบนโซฟา เตียง หรือเตียงพับ การให้ผู้รับ แอสซิสต์ถอดรองเท้าออกจะช่วยให้การทำ�แอสซิสต์นี้ได้ผลที่น่าพอใจ สิ่งของ อะไรก็ตามที่บีบรัดร่างกายอยู่ เช่น เน็คไทหรือเข็มขัดที่รัดแน่นควรถอดออก หรือปลดให้หลวม ไม่จ�ำ เปน็ ทจ่ี ะต้องถอดเส้ือผ้า ยกเว้นเสอ้ื ผ้าทห่ี นักหรือหนา เทอะทะ ในกรณีที่จะทำ�โพรเซสนี้มากกว่าหนึ่งเซสชั่น อาจสับเปลี่ยนท่านอน ผู้ป่วยให้หลากหลายรูปแบบเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด โดยให้เขานอนควํ่าหน้าลง สลับกนั ไปจากเซสชั่นหน่ึงไปอกี เซสชนั่ หนึ่ง http://www.thaicam.go.th 101
2. ใชค้ �ำ สง่ั “รสู้ กึ ถงึ มอื ทง้ั สองขา้ งของฉนั ” (หรอื “รสู้ กึ ถงึ มอื ของฉนั ” เป็นคร้ังคราวเมื่อใชแ้ ค่มอื เดียว) 3. อธบิ ายจดุ มงุ่ หมายของโพรเซสนใ้ี หบ้ คุ คลนน้ั ฟงั และบอกเขาสน้ั ๆ ว่าคุณกำ�ลังจะท�ำ อะไร 4. ใหบ้ คุ คลนน้ั หลบั ตาลง แลว้ วางมอื บนไหลท่ ง้ั สองขา้ งของเขา โดยจบั ใหแ้ นน่ แตอ่ อ่ นโยน ใชแ้ รงกดของมอื เทา่ ทเ่ี ขายนิ ยอมหรอื รบั ไดแ้ ละใหค้ �ำ สง่ั กบั เขา 5. เมื่อเขาตอบรับหรือแสดงว่าได้ทำ�ตามคำ�สั่งแล้ว ให้คุณตอบรับ เขากลบั ด้วย 6. วางมือของคุณไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเขา ให้คำ�สั่งและ ตอบรับเขาแต่ละครั้งหลังจากที่เขาตอบรับหรือแสดงว่าได้ทำ�ตามคำ�สั่งแล้ว ใหแ้ ตะทอ่ี ก ทด่ี า้ นหนา้ ของอก ทด่ี า้ นขา้ งทง้ั สองของอก ดา้ นขา้ งของสว่ นทอ้ ง บรเิ วณเอว จากนน้ั ใชม้ อื ขา้ งหนง่ึ แตะวนไปรอบบรเิ วณหนา้ ทอ้ งตามเขม็ นาฬกิ า (ที่ทำ�ตามเข็มนาฬิกา เพราะว่าเป็นทิศทางการวนของสำ�ไส้ใหญ่) ทำ�ต่อไป โดยใชม้ อื ของคณุ จบั แผน่ หลงั ตรงชว่ งเอวมอื ละขา้ งแลว้ ยกขน้ึ อยา่ งมน่ั คง ใชม้ อื แต่ละข้างกดลงบนสะโพกซ้ายและขวาพร้อม ๆ กัน โดยกดใหแ้ รงขึน้ ตรงสว่ น ทเ่ี ปน็ กระดกู เหลา่ น้ี จากนน้ั วางมอื ทง้ั สองขา้ งลงบนขาขา้ งหนง่ึ ไลไ่ ปจนถงึ หวั เขา่ และวางมอื ทง้ั สองลงไปทข่ี าอกี ขา้ งไลไ่ ปจนถงึ หวั เขา่ ดว้ ยเชน่ กนั เสรจ็ แลว้ กลบั ไปท่ีขาอีกข้างหนึง่ จบั ไล่ลงไปถงึ นอ่ งสว่ นบน นอ่ งส่วนลา่ ง ขอ้ เท้า เทา้ และ นวิ้ เท้า และกเ็ ปลี่ยนไปจับขาอกี ขา้ งหนึง่ จากหวั เข่าถึงนิ้วเท้าเช่นเดยี วกนั จากนน้ั ใหว้ างมอื ยอ้ นขน้ึ ไปเรอ่ื ย ๆ จนถงึ ไหลท่ ง้ั สองขา้ ง แลว้ ไลล่ งมา ตามแขนแตล่ ะขา้ งไปจนถงึ นว้ิ มอื จบั ทบ่ี รเิ วณดา้ นหลงั ล�ำ คอแตล่ ะดา้ นดว้ ยมอื ท้ังสอง จบั ทด่ี ้านข้างของใบหนา้ ทงั้ สองดา้ น หน้าผากและดา้ นหลงั ของศรี ษะ ดา้ นข้างท้ังสองของศีรษะ ไปจนถงึ ปลายแขนและขาทง้ั สองขา้ ง 102 สำ�นักการแพทยท์ างเลือก
การวางฝา่ มอื ทง้ั สองขา้ งนน้ั ท�ำ ไดห้ ลากหลายไมม่ ขี อ้ จ�ำ กดั แตแ่ นน่ อนวา่ ต้องละเว้นไมแ่ ตะต้องบรเิ วณอวยั วะเพศหรือบ้นั ท้ายของผ้ปู ่วยทง้ั ชายและหญงิ รวมทั้งเต้านมของผู้หญิงด้วย โพรเซสนี้จะทำ�ไล่ขึ้นและไล่ลงไปตามร่างกาย รวมทัง้ มือและเทา้ 7. ใหท้ ำ�โพรเซสนี้ต่อไปเรอ่ื ย ๆ จนกระท่ังเขาเกดิ การเปลีย่ นแปลงที่ ดีขึ้น มีคอกนิชั่นและแสดงให้เห็นถึงตัวบ่งชี้ต่าง ๆ ที่ดีมาก พอมาถึงจุดน้ี คณุ อาจยุตกิ ารท�ำ แอสซิสตไ์ ด้ ให้บอกเขาว่า “จบการท�ำ แอสซิสต์” ในการทำ�แอสซิสต์นี้ไม่ควรทำ�เลยผ่านจุดที่เขาเกิดคอกนิชั่น และ มตี ัวบ่งชี้วา่ ดขี ึน้ มากแล้ว เททนั กกาลรบั สคอ่ื นื สมาาร รา่ งกาย การวางมอื ลงไปตามสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย และใหผ้ รู้ บั การท�ำ แอสซสิ ตร์ ู้สึกถึงมือนั้น จะช่วยนำ�คนที่ป่วยหรือบาดเจ็บมาสู่สภาพที่สามารถสื่อสารกับร่างกายไดด้ ขี ้นึ ทีม่ าของภาพ : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 219. http://www.thaicam.go.th 103
โลเคชั่นนอล โพรเซสซิง่ แอสซิสต์ 26 (Locational Processing Assist) แอสซิสต์ที่ทำ�ได้ง่ายที่สุดอีกวิธีหนึ่ง คือ โลเคชั่นนอลโพรเซสซิ่ง (โพรเซสการช่วยใหร้ ู้ต�ำ แหนง่ ) โลเคช่นั นอลกระทำ�โดยการนำ�ความสนใจของ บุคคลหนึ่งให้ออกจากบริเวณที่เจ็บปวดของร่างกาย หรือปัญหาความยุ่งยาก ของเขา และหันเหไปสสู่ ภาพแวดล้อมภายนอก ประโยชนข์ อง โลเคชนั่ นอล โพรเซสซิ่ง แอสซิสต์ 1. ชว่ ยบรรเทาอาการไมส่ บายทางรา่ งกายและจติ ใจซง่ึ ระบไุ มไ่ ดแ้ นช่ ดั เช่น มีความเจ็บปวดแต่ก็บอกไม่ได้ว่าตรงไหน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง หรอื เพยี งแตร่ ้สู ึกไม่ดี เป็นตน้ 2. ชว่ ยบรรเทาอาการในสว่ นของรา่ งกายทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ หรอื เจบ็ ปว่ ย คณุ สมบตั ขิ องผู้รับการบำ�บัด สามารถรบั รแู้ ละสอ่ื สารโดยใชภ้ าษาหรอื ไมใ่ ชภ้ าษากบั ผทู้ �ำ แอสซสิ ตไ์ ด้ วธิ ีการปฏิบตั ิ 1. บอกบุคคลนน้ั วา่ คุณกำ�ลงั จะทำ�โลเคช่ันนอลแอสซิสตใ์ ห้เขา และ อธิบายวิธีการปฏิบัติให้เขาฟังคร่าว ๆ 2. บอกค�ำ สง่ั ทค่ี ณุ จะใชใ้ หเ้ ขาทราบและใหแ้ นใ่ จวา่ เขาเขา้ ใจค�ำ สง่ั นน้ั ค�ำ สงั่ คอื “มองไปที.่ ......(วตั ถ)ุ นนั้ ” 3. ใหช้ ีไ้ ปที่วัตถุ แล้วบอกเขาว่า “มองไปที.่ ......(วัตถ)ุ น้ัน” 4. เมื่อเขาท�ำ ตามนี้แลว้ ใหค้ ุณตอบรบั เขา 5. ให้คำ�สั่งอย่างต่อเนื่องโดยดึงความสนใจของเขาไปสู่วัตถุสิ่งของ ต่าง ๆ ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นไปเรื่อย ๆ ต้องแน่ใจว่า คุณตอบรับเขา 104 ส�ำ นกั การแพทยท์ างเลือก
ในแตล่ ะครง้ั หลงั จากที่เขาทำ�ตามคำ�ส่ังแลว้ ตัวอย่างเช่น คณุ พดู ว่า “มองไปทีต่ น้ ไมต้ น้ นัน้ ” “ขอบคุณครบั /คะ่ ” “มองไปท่ีตึกนน้ั ” “ดีครับ/ค่ะ” “มองไปทถี่ นนนัน้ ” “โอเคครับ/คะ่ ” “มองไป ทส่ี นามหญา้ นน้ั ” “ดมี าก ครบั /คะ่ ” ในแตล่ ะครง้ั คณุ จะตอ้ งชไ้ี ปทว่ี ตั ถนุ น้ั ๆ ดว้ ย 6. ใหท้ ำ�อย่างนต้ี อ่ ไปเร่ือย ๆ จนกระทั่งเขาแสดงตัวบ่งชี้ที่ดีออกมา และเกิดคอกนิชั่นอะไรบางอย่างขึ้นด้วย พอมาถึงจุดนี้คุณสามารถจบการทำ� แอสซิสตไ์ ด้ โดยบอกเขาวา่ “จบการทำ�แอสซสิ ต”์ http://www.thaicam.go.th 105
การทำ�แอสซสิ ตส์ ามารถจัดการ กบั ความวา้ วุน่ ใจได้ ความสนใจ ของผู้หญงิ คนน้ตี ดิ อยู่กบั การ ทะเลาะเบาะแวง้ ทเ่ี กิดขึ้น เมื่อเรว็ ๆ น้ี โลเคชั่นนอลโพรเซสซงิ่ ชว่ ยดึง ความสนใจของบคุ คลออกไปส่สู งิ่ ต่าง ๆ ในสภาพแวดล้อม ให้บอกบุคคลนั้นว่า “มองไปท.่ี ..........(วัตถุ) นัน้ ” และตอบรบั เมือ่ เธอทำ�ตาม ค�ำ สง่ั ของคุณแล้ว ท่ีมา : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 222. 106 สำ�นกั การแพทย์ทางเลอื ก
ดึงความสนใจของบุคคล ออกไปส่สู ่งิ ต่าง ๆ ในสภาพแวดลอ้ ม ต่อไปเรือ่ ย ๆ การทำ�โลเคชัน่ นอลโพรเซสซ่ิง สามารถทำ�ให้ความสนใจที่ ตดิ อยกู่ บั การทะเลาะเบาะแวง้ หลดุ ออกไป ท�ำ ใหเ้ ธอสามารถ แก้ปญั หาไดด้ ีข้ึน ทีม่ า : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 222-3. http://www.thaicam.go.th 107
แนวทางการประยุกต์ใช้ “แอสซิสต”์ เขา้ กบั การฟืน้ ฟผู ปู้ ่วย ท่มี ปี ญั หาทางการเคลือ่ นไหว หรือเปน็ อมั พฤกษ์ อมั พาต* ผปู้ ่วยท่ีอยใู่ นภาวะนอนตดิ เตียง ใช้ เดอะ บอดี้ คอมมูนิเคช่ัน โพรเซส เป็นหลกั วนั ละ 1-3 ครง้ั ถ้าผปู้ ่วยมีส่วนของร่างกายทม่ี ปี ญั หา เชน่ บาดแผล ความเจบ็ ปวด แผลกดทับ หรอื บวม ใช้ ทชั แอสซิสต์ โดยเนน้ บริเวณท่มี ีปญั หา เม่อื ผูป้ ว่ ยพลิกตะแคงตัวหรือนอนคว่�ำ ไดด้ ว้ ยตนเอง หรอื ผูอ้ ื่นจัดท่า ใหไ้ ดโ้ ดยทไ่ี ม่มีข้อห้าม จึงเร่ิมใช้ เนฟิ วแ์ อสซสิ ต์ เมื่อผปู้ ว่ ยน่ังได้ ใหผ้ ู้ป่วยมกี ารออกกำ�ลงั กายในทา่ นัง่ ตามหลักการทางการแพทย์ ถา้ ผู้ป่วยมีส่วนของร่างกายทมี่ ีปัญหา เช่น บาดแผล ความเจบ็ ปวด แผลกดทับ หรอื บวม ใช้ ทัชแอสซิสต์ โดยเน้นบรเิ วณที่มีปัญหา ใช้ เนฟิ ว์แอสซสิ ต์ และ เดอะ บอด้ี คอมมูนเิ คชน่ั โพรเซส เป็นการ เสรมิ ในการฟน้ื ฟสู ภาพร่างกายและจติ ใจ เมื่อผปู้ ่วยยืนได้ กอ่ นฝกึ ออกก�ำ ลงั กายใช้ เนฟิ วแ์ อสซสิ ต ์ เพอ่ื ชว่ ยใหร้ า่ งกายผอ่ นคลาย และเตรยี มความพรอ้ มของกลา้ มเนอ้ื ในการออกก�ำ ลังกาย หลงั ฝกึ ออกก�ำ ลงั กายใช้ เนฟิ วแ์ อสซสิ ต์ และเดอะ บอด้ี คอมมนู เิ คชน่ั โพรเซส เพอ่ื ชว่ ยกระตนุ้ การฟน้ื ตวั การท�ำ งานของระบบประสาทและกลา้ มเนอ้ื ถา้ ผู้ป่วยมีสว่ นของรา่ งกายทีม่ ปี ัญหา เช่น บาดแผล ความเจ็บปวด แผลกดทับ หรือ บวม ใช้ ทชั แอสซิสต์ โดยเน้นบริเวณทมี่ ีปญั หา * เสนอแนะโดย นายแพทยอ์ งอาจ ศริ กิ ุลพิสุทธิ์ 108 สำ�นักการแพทยท์ างเลือก
เมอ่ื ผปู้ ว่ ยเรม่ิ ทจ่ี ะเดนิ ได้ ใช้ เนฟิ วแ์ อสซสิ ต์ กอ่ นและหลงั ฝกึ เดนิ เพอ่ื ชว่ ยใหร้ า่ งกายผอ่ นคลาย และฟ้ืนฟูให้กลา้ มเนือ้ มีความตึงตวั (tone) ทีเ่ หมาะสม ใช้ เดอะ บอด้ี คอมมนู เิ คชน่ั โพรเซส เพอ่ื ชว่ ยกระตนุ้ การฟน้ื ตวั การ ท�ำ งานของระบบประสาทและกลา้ มเนอ้ื ถ้าผู้ป่วยมีส่วนของร่างกายที่มีปัญหา เช่น บาดแผล ความเจ็บปวด แผลกดทบั หรอื บวม ใช้ ทชั แอสซสิ ต์ โดยเนน้ บรเิ วณทม่ี ปี ญั หา หมายเหตุ สามารถประยุกต์ใช้ โลเคชั่นนอล โพรเซสซิ่ง แอสซิสต์ ภายในบรเิ วณหอ้ ง หรอื ในบรเิ วณทโ่ี ลง่ กวา้ ง ไดก้ บั ผปู้ ว่ ยทกุ ระยะดงั กลา่ วขา้ งตน้ เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยมปี ฏสิ มั พนั ธ์ หรอื มกี ารสอ่ื สารกบั สง่ิ แวดลอ้ มและคนอน่ื ๆ โดยให้ ผู้ปว่ ยน่ัง (บนเตยี ง เก้าอี้ หรอื รถเข็น) หรือเดิน ซึง่ ขึน้ กบั ระดับความสามารถ ทางกาย ในขณะทท่ี �ำ แอสซสิ ตน์ ้ี เดอะ บอดี้ คอมมนู ิเคชัน่ โพรเซส เนฟิ ว์แอสซสิ ต์ ทชั แอสซสิ ต์ http://www.thaicam.go.th 109
ตารางเปรียบเทียบระดับการได้ประโยชน์ จากการใช้ “แอสซิสต์” ในภาวะต่าง ๆ* ตัวอยา่ งภาวะ ระดบั การได้ประโยชน์ (+) จาก ทางการแพทย์ เดอะ บโอพดร้ี เคซอสมมนู เิ คช่นั แอเนสิฟซิสว์ต์ การนอนตดิ เตียง แอสทซัชิสต์ ++++ +++ ++ กลา้ มเนื้อตึงหรือเกรง็ ตวั + + + + + + + + + ขอ้ ต่อยดึ ตดิ ++ + + + + + + + ปวดข้อ ++ ++ ++++ ปวดหลงั + + + + + + + + + + แผลกดทบั + + + + + + + + + บวมตามแขน ขา + + + + + + + + + ท้องผูก ++++ ++ +++ บาดแผลทศี่ ีรษะ + + + + + + ปวดศรี ษะ** + + + ไมไ่ ดป้ ระโยชน์ อารมณ์ซึมเศรา้ ** + + + ไมไ่ ดป้ ระโยชน์ * เสนอแนะโดย นายแพทย์องอาจ ศิริกุลพสิ ทุ ธิ์ ** ควรใช้ โลเคชนั่ นอล โพรเซสซง่ิ แอสซิสต์ 110 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลอื ก
กรณตี ัวอย่างการน�ำ แอสซิสต์ไปใช้บำ�บัด 27 กบั ผปู้ ว่ ยทค่ี วามพกิ ารทางดา้ นการเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย หรอื ทม่ี อี าการ อมั พฤกษ์ อมั พาต (ให้การบำ�บัดโดยอาสาสมคั รไซแอนโทโลยี ประเทศไทย) รายที่ 1 ผู้ป่วยชาย อายุ 75 ปี สมองไดร้ ับบาดเจบ็ จากอุบตั เิ หตุตกจากที่สูงเม่อื 10 ปีกอ่ น ทำ�ให้มี อาการอมั พฤกษซ์ กี ซา้ ยเรอ้ื รงั มอื ซา้ ยก�ำ ไมไ่ ด้ เดนิ ไมไ่ ด้ นอนตดิ เตยี ง และมอี าการ ความจำ�เส่อื ม หลงั ได้รับการทำ�แอสซสิ ต์ (เนิฟวแ์ อสซสิ ต์ และ แอสซสิ ต์อื่น) ระยะเวลาจากเดอื นธนั วาคม พ.ศ. 2555 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เดอื นละ 1 ครง้ั (แตต่ ามหลกั การควรท�ำ ทกุ วนั ) ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ : ผปู้ ว่ ยเดนิ ไดโ้ ดยไมไ่ ชไ้ มเ้ ทา้ นง่ั ยอง ๆ แลว้ ลกุ ขน้ึ ไดเ้ อง มือซ้ายกำ�ได้ดีขึ้นมาก ความจำ�ระยะสั้นดีขึ้นมาก จากเดิมมีคนบอกชื่อสักพัก กล็ มื ช่อื นั้น ร้องเพลงได้ และจิตใจเบกิ บานขนึ้ รายที่ 2 ผ้ปู ว่ ยหญิง อายุ 70 ปี อาการกอ่ นไดร้ บั การท�ำ แอสซสิ ตค์ รง้ั แรกสดุ เมอ่ื วนั ท่ี 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2554 มอี าการหอบหดื เหนอ่ื ยงา่ ย ไมม่ เี รย่ี วแรง ตวั แขง็ ขยบั ตวั ล�ำ บากมาก และนอนตดิ เตยี ง ตอ้ งใชอ้ อกซเิ จนชว่ ยหายใจสปั ดาหล์ ะประมาณ 10 ถงั ไดร้ บั การท�ำ แอสซสิ ตเ์ ดอื นละ 1 ครง้ั ดว้ ย เดอะ บอด้ี คอมมนู เิ คชน่ั โพรเซส และ เนฟิ วแ์ อสซสิ ต์ (แตต่ ามหลกั การควรทำ�ทุกวัน) อาการหลงั ไดร้ บั การท�ำ แอสซสิ ตค์ รง้ั ท่ี 2 ผปู้ ว่ ยสามารถพลกิ ตวั ไดเ้ อง และมือทัง้ 2 ข้างก�ำ ได้คลอ่ งข้ึน อาการหลงั ไดร้ บั การท�ำ แอสซสิ ต์ ครง้ั ท่ี 3 ผปู้ ว่ ยใชอ้ อกซเิ จนชว่ ยหายใจ ลดลงเหลือเดือนละประมาณ 10 ถัง และเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ผู้ป่วยหายใจได้โล่งขน้ึ อาการเหน่อื ยลดน้อยลงมาก เคลื่อนไหวรา่ งกายได้ดี ขนึ้ มาก ใช้ออกซเิ จนช่วยหายใจเหลือเพียงเดือนละ 2-3 ถงั http://www.thaicam.go.th 111
15 พ.ย. 2554 อาการก่อนไดร้ บั แอสซิสต์ : หอบเหน่อื ย นอนติดเตียง ต้องใช้ออกซเิ จนชว่ ยหายใจ กำ�ลงั ได้รับแอสซิสต์ (เดอะ บอด้ี คอมมนู เิ คชน่ั โพรเซส) อาการดีข้ึนเรอ่ื ย ๆ พ.ย. 2557 มีอาการดีขึ้นมาก น่งั คยุ ได้นาน ไม่เหนอ่ื ย 112 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก
การนวด การนวด หมายถงึ เปน็ การจดั ระเบยี บรา่ งกายรปู แบบหนง่ึ เพอ่ื การบ�ำ บดั และท�ำ ใหร้ า่ งกายผอ่ นคลาย โดยใชท้ กั ษะทางรา่ งกายและอปุ กรณเ์ สรมิ ดว้ ยการ บีบ จับ คลึง รีดเส้น เหยียบ ยัน กดจุด ดัด หรือกระตุ้นด้วยการสั่น เพื่อ กระตนุ้ การท�ำ งานของกลา้ มเนอ้ื และตอ่ มตา่ ง ๆ ในบรเิ วณนน้ั ๆ ใหท้ �ำ งานดขี น้ึ 28 ในอกี ความหมายหน่ึง คอื การใชน้ วิ้ มือทำ�การบบี นวดไปตามส่วนตา่ ง ๆ ของ ร่างกาย เพ่ือชว่ ยบำ�บัด ลดอาการเจ็บปวด ลดอาการบวม ซง่ึ เกดิ การเกร็งตวั ของเอน็ กลา้ มเนอ้ื หรอื การคง่ั ของของเสยี ในเนอ้ื เยอ่ื การคง่ั ของโลหติ ใตผ้ วิ หนงั เพื่อช่วยลด หรือแก้ไขอาการติดขัด ช่วยให้การติดขัดสามารถเคลื่อนไหวได้ ช่วยใหผ้ วิ หนังเกิดความรับรู้ มคี วามรสู้ ึกดขี ึน้ ชว่ ยให้กลา้ มเนื้อถ่ายเทของเสยี ท�ำ ใหก้ ารไหลเวยี นของโลหติ น�ำ้ เหลอื งดขี น้ึ ตลอดจนแกไ้ ขปรบั ปรงุ รปู รา่ ง, รปู ทรง ทผ่ี ดิ ปกติ และชว่ ยปรบั ปรงุ ระบบหายใจใหค้ ลอ่ งตวั ขน้ึ 29 ส�ำ หรบั การนวดในผปู้ ว่ ย อัมพฤกษ์อัมพาต ไม่ว่าจะเป็นอัมพาตครึ่งซีก อัมพาตครึ่งท่อน หรืออัมพาต ที่ใบหน้า ตลอดจนการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ จากสาเหตุทางปลายประสาท ถกู รบกวน เชน่ อมั พาตครง่ึ ซกี ซง่ึ โรคเหลา่ นเ้ี ปน็ ตน้ เหตใุ หส้ มองถกู ท�ำ ลายโดยตรง หรอื อาจเกดิ แบบชว่ั คราว ผมู้ อี าการอมั พาตครง่ึ ซกี จะเรม่ิ มอี าการปวดศรี ษะมาก เวียนหัว บางครั้งปวดศีรษะข้างเดียว ปวดเสียวแขนขา อ่อนเพลียทั้งแขนขา บางรายมีอาการลิ้นแข็ง พูดไมช่ ดั หรือพดู ไมไ่ ด้เลย ระบบขบั ถา่ ยควบคุมไม่ได้ เมื่อมีอาการตา่ ง ๆ เหล่านี้ กล้ามเนื้อจะเกิดการเกร็งตัวทำ�ให้ขยับแขนขาได้ แตม่ ลี กั ษณะเกรง็ ไมใ่ ชเ้ กดิ จากกลไกการท�ำ งานของกลา้ มเนอ้ื ไหลจ่ ะหบุ ไปดา้ นหลงั แขนจะหนบี ชดิ ล�ำ ตวั ขอ้ ศอกงอขน้ึ กระดกู เกรง็ ผดิ ปกติ บางรายมอี าการเกรง็ เฉพาะที่ แล้วแต่อาการที่เป็นกระดูกข้อมือ นิ้วมือ จะเกร็งเข้าหากัน ตะโพก เหยยี ดไปขา้ งหลงั ขาแบะออก ขอ้ เขา่ จะเหยยี ดตงึ ซง่ึ เรยี กวา่ ความพกิ ารของ http://www.thaicam.go.th 113
อมั พาตครง่ึ ซกี ในระยะหดเกรง็ การบ�ำ บดั รกั ษา การบรหิ ารขอ้ ตอ่ จะชว่ ยใหม้ ี การเคล่ือนไหว และช่วยใหโ้ ลหติ ดีขน้ึ รวมทั้งอาจใช้การนวดรว่ มด้วย เพอ่ื ให้ กลา้ มเนอ้ื ไดถ้ กู กระตนุ้ และท�ำ ใหก้ ลา้ มเนอ้ื ทอ่ี อ่ นแอนน้ั เพม่ิ ความแขง็ แรงขน้ึ มา ไดบ้ า้ ง 29 หลกั การพน้ื ฐานในการนวดแผนไทย30 u การนวด u การกดเสน้ u การคลายเสน้ u การตรวจลมและเสน้ u วธิ กี ารนวดแผนไทย วิธีการกด มกั ใช้น้ิวหวั แม่มอื กดลงที่สว่ นของรา่ งกาย ขอ้ เสีย คือ ถ้า กดนาน จะท�ำ ให้หลอดเลอื ดเปน็ อนั ตรายได้ วธิ กี ารคลงึ ใชน้ ว้ิ หวั แมม่ อื หรอื สนั มอื เพม่ิ ออกแรงกดใหล้ กึ ถงึ กลา้ มเนอ้ื หรือคลึงเป็นวงกลม ข้อเสีย คือ ถ้าคลึงรุนแรง อาจทำ�ให้เส้นเลือดฉีกขาด หรอื ถา้ โดน เส้นประสาท จะทำ�ให้เกดิ รูส้ ึกเสยี วแปลบ วธิ ีการบบี เป็นการจบั กลา้ มเน้อื ใหเ้ ตม็ ฝา่ มือ แล้วออกแรงบบี ข้อเสยี เชน่ เดยี วกบั การกด วธิ กี ารดงึ เปน็ การออกแรงเพอ่ื ทจ่ี ะยดึ เสน้ เอน็ ของกลา้ มเนอ้ื หรอื พงั ผดื ของขอ้ ตอ่ ทห่ี ดสน้ั เขา้ ไปออก ขอ้ เสยี คอื อาจท�ำ ใหเ้ สน้ เอน็ หรอื พงั ผดื ทฉ่ี กี ขาดอยู่ ขาดมากขน้ึ ไมค่ วรดงึ ในขณะทม่ี อี าการแพลงของขอ้ ตอ่ ตอ้ งรออยา่ งนอ้ ย 14 วนั หรอื 2 สปั ดาหจ์ งึ จะดงึ ได้ 114 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก
วิธีการบิด เป็นการออกแรงเพื่อหมุนข้อต่อหรือกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ให้ยดื ออกทางด้านขวาง ข้อเสยี คอื คลา้ ยกบั การดึง วิธีการดัด เป็นการออกแรงเพื่อให้ข้อต่อที่ติดขัดเคลื่อนไหวได้ปกติ ข้อเสีย คอื อาจทำ�ให้กล้ามเน้อื ฉกี ขาดได้ถ้าผู้ปว่ ยไมผ่ ่อนกล้ามเนือ้ รอบ ๆ ขอ้ ตอ่ นั้น กรณีผูป้ ่วยเป็นอมั พาตมีกล้ามเนื้อออ่ นแรงไม่ควรท�ำ การดดั วิธีการตบ ตี ทุบ หรือการสับ เป็นการออกแรงกระตุ้นกล้ามเนื้อ อย่างเปน็ จงั หวะ มักใช้กบั บรเิ วณหลงั เพื่อชว่ ยอาการปวดหลัง คอ หรอื ช่วย ในการขับเสมหะเวลาไอ ข้อเสีย คอื ท�ำ ให้กลา้ มเน้ือบอบช�ำ้ และบาดเจ็บได้ วธิ กี ารเหยยี บ เปน็ วธิ กี ารทน่ี ยิ มท�ำ กนั โดยใหเ้ ดก็ หรอื ผอู้ น่ื ขน้ึ ไปเหยยี บ หรือเดนิ อยู่บนหลงั ขอ้ เสยี คอื เปน็ ทา่ นวดที่อนั ตรายมาก ประโยชน์ของการนวดและขอ้ ควรระวงั ในการนวด 30 1. ไม่นวดจุดท่ีอนั ตราย ไดแ้ ก่ 1.1 ไม่กดบริเวณที่มีเส้นประสาทอยู่ตื้น เช่น ในรักแร้ เหนือ ไหปลาร้า บรเิ วณป่มุ กระดกู ข้อศอกทางด้านใน บริเวณหนา้ หู 1.2 ไมก่ ดขยบ้ี รเิ วณท่ีจับชีพจรได้ เชน่ บริเวณขอ้ พบั ศอก ขอ้ พบั เขา่ บรเิ วณขอ้ มอื ขาหนบี ในรกั แร้ 1.3 ไม่กดขยี้บริเวณที่มีต่อมน้ำ�เหลือง ต่อมน้ำ�ลาย เช่น บริเวณ แกม้ คาง คอ เหนอื ไหปลารา้ รกั แร้ ขาหนบี http://www.thaicam.go.th 115
1.4 ไม่กดบริเวณทเ่ี ป็นถุงนำ้�หล่อเลีย้ งข้อตอ่ เช่น บริเวณกงึ่ กลาง หัวไหล่ 2. ไม่นวดในกรณที ่ีห้ามนวด ไดแ้ ก่ 2.1 กรณีมไี ข้ อกั เสบเฉียบพลัน 2.2 กรณตี ิดเชื้อ เป็นโรคผิวหนงั โรคตดิ ตอ่ 2.3 กรณหี ลังผ่าตดั ใหม่ ๆ 2.4 กรณีกระดกู หัก ขอ้ เคล่ือน 2.5 กรณีโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคร้ายแรง อ่ืน ๆ ซึง่ ยังไม่สามารถควบคมุ อาการได้ 3. ไมใ่ ชว้ ธิ กี ารนวดทเ่ี สย่ี งตอ่ อนั ตราย ไดแ้ ก่ 3.1 การดัดดงึ คอและหลัง ซงึ่ ทำ�โดยไมม่ ีการตรวจวนิ ิจฉยั 3.2 การเหยยี บพร�ำ่ เพรื่อโดยไม่จำ�เป็น 3.3 การดึงขาเพื่อกระชากข้อเข่า เพราะอาจทำ�ให้เอ็นในข้อเข่า ฉกี ขาดได้ 3.4 การนวดดัดในท่าโลดโผนและรุนแรงเกนิ ไป 4. ไมใ่ ชก้ ารนวดท่ีล่อแหลมต่อการลว่ งละเมดิ ทางเพศ ไดแ้ ก่ 4.1 การดดั ในท่างรู ัดเขยี ด หรือท่าท่ีตอ้ งกอดประชดิ ตวั 4.2 การนวดบริเวณหนา้ อกของผู้หญงิ 4.3 การนวดเพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศในสถานที่มิดชิด ไม่มี บุคคลที่สามอยู่ในบริเวณนั้น 5. หา้ มปดิ เปดิ ประตลู ม นานเกนิ 45 วนิ าที การปิดเปิดประตูลม คือ การใช้นิ้วมือกดที่หลอดเลือดแดง เพื่อ 116 สำ�นกั การแพทยท์ างเลอื ก
ไม่ให้ส่งเลือดไปเลี้ยงที่แขนหรือขาในชั่วขณะหนึ่ง แล้วปล่อยนิ้วมือที่กดออก เลอื ดแดงกจ็ ะพงุ่ ไปเลย้ี งแขนขา ท�ำ ใหร้ สู้ กึ วบู วาบตามมา การปดิ เปดิ ประตลู ม ไม่ควรใช้แรงกดมากเกนิ ไป เพราะหลอดเลือดแดงอาจชำ้�และอักเสบได้ และ ไม่ควรกดนานเกนิ 45 วนิ าที เพราะอาจทำ�ให้เสน้ ประสาทขาดเลอื ดไปเลย้ี ง นานเกนิ ไป ท�ำ ใหม้ อี าการชาตามมาได้ อ. อารมณ์ ผูป้ ว่ ยอัมพฤกษ์-อมั พาต สว่ นใหญ่มกั มภี าวะเครียด และวติ กกังวล และความรสู้ กึ มคี ณุ ค่าในตนเองลดลง เนอ่ื งจากสภาวะเจบ็ ป่วยเร้ือรงั และ ภาวะสังคมเศรษฐกจิ ต่างๆ ท่ผี ปู้ ่วยเผชญิ ซ่ึงถา้ ผู้ป่วยไม่สามารถจัดการกับสิ่ง เหล่าน้ีไดอ้ าจสง่ เสริมให้โรคหายช้าและอาจทำ�ให้เกิดโรคทางจิตได้ ดังนั้นการ ให้ทำ�ให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและปลดปล่อยความเครียดด้วยการได้หัวเราะ หรือการได้ฟังดนตรีจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพจิตและกายช่วยให้การหายของ โรคเรว็ ข้นึ ดนตรีบ�ำ บัด ดนตรีบำ�บัด (music therapy) คือ การใช้ดนตรีในทางการแพทย์ เพื่อช่วยรักษาและฟื้นฟูสุขภาพโดยรวมของคนไข้ โดยรวมถึงสุขภาพกายและ สขุ ภาพใจ ไดแ้ ก่ ชว่ ยสง่ เสรมิ การแสดงออกของอารมณ์ ชว่ ยผอ่ นคลายความเครยี ด ช่วยบรรเทาอาการป่วยไข้ ช่วยส่งเสริมการสื่อสาร และช่วยส่งเสริมสุขภาพ อนามัย 31 กล่าวกันวา่ สมัยโบราณ 1500 ปี ก่อนครสิ ตกาล เช่อื วา่ ดนตรหี รอื การร้องเป็นการเชิญจิตวิญญาณที่มีอำ�นาจเหนือธรรมชาติเข้ามาช่วยรักษา ความเจบ็ ปว่ ยเมอ่ื ประมาณ 400-600 ปี กอ่ นครสิ ตกาล ประเทศกรซี น�ำ ดนตรี http://www.thaicam.go.th 117
มาใช้ในวิถีชีวิตประจำ�วัน เช่น พิธีกรรม การออกศึก การพายเรือ ช่วย เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมนุษย์ได้ ศตวรรษที่ 12-15 ชาวยุโรปนำ�เสียงดนตรี มาใชใ้ นโบสถเ์ พ่ือใชต้ ดิ ต่อกับพระเจ้า มกี ารสวดออ้ นวอนและใชด้ นตรปี ระกอบ หลงั จากนน้ั มกี ารน�ำ ดนตรมี าใชเ้ พอ่ื การผอ่ นคลายการบ�ำ บดั สขุ ภาพเปน็ ตน้ มา ประโยชนข์ องดนตรบี �ำ บดั 1. ชว่ ยลดความเจบ็ ปวด 2. ลดความวติ กกงั วล ความเครยี ด 3. ผอ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื 4. บ�ำ บดั โรคซมึ เศรา้ 5. บ�ำ บดั การนอนไมห่ ลบั 6. พฒั นาการเจรญิ เตบิ โตของทารก สำ�หรับการใช้ดนตรีบำ�บัดในผู้ป่วยอัมพฤกษ์สามารถทำ�ให้ผู้ป่วยลด ภาวะความวติ กกงั วลไดเ้ ชน่ กนั เชน่ มกี ารเสนอใหใ้ ชเ้ สยี งดนตรปี ระเภทบรรเลง ที่มีเสียงธรรมชาติต่าง ๆ (natural sound) ประกอบ เช่น เสียงคลื่น เสียง ลม เสยี งน�ำ้ ตก เสยี งน�ำ้ ไหล เสยี งฝน เสยี งนกรอ้ ง เปน็ ตน้ เสยี งธรรมชาตนิ น้ั จะใหพ้ ลงั คลน่ื เสยี งใกลเ้ คยี งกบั คลน่ื แอลฟา (alpha) ของสมองมนษุ ย์ จงึ เหมาะสม และท�ำ ใหเ้ กดิ ประสทิ ธผิ ลในการชว่ ยผอ่ นคลาย และลดความเครยี ดไดเ้ ปน็ อยา่ งดี หรืออาจให้ผู้ป่วยเลือกเพลงที่ผู้ป่วยชื่นชอบ โดยใช้ระยะเวลา ฟังดนตรีนาน 1-2 ชั่วโมง ในแต่ละวัน 32 นอกจากน้ี ยงั มกี ารกลา่ วถงึ การใชด้ นตรใี นผปู้ ว่ ยทม่ี ปี ญั หาของระบบ ประสาทและกลา้ มเนอ้ื ที่ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ฟื้นตัวเร็วขึ้น 118 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลือก
ดนตรสี �ำ หรบั ผทู้ ม่ี ปี ญั หาของระบบประสาทและกลา้ มเนอ้ื 33 ดนตรีบำ�บัดสำ�หรับโรคทางระบบประสาท (Neurologic Music Therapy; NMT) โดยอาศัยความรู้ด้านประสาทวิทยาเก่ียวกับการรับรู้และการตีความ ดนตรี ฟสิ กิ สข์ องคลน่ื เสยี ง และอทิ ธพิ ลของดนตรตี อ่ การเปลย่ี นแปลงหนา้ ทใ่ี น การท�ำ งานของสมองและพฤตกิ รรม นกั ดนตรบี �ำ บดั สาขา NMT จะมงุ่ ศกึ ษาวา่ สมองที่ไม่มีดนตรีจะเป็นอย่างไร สมองที่มีดนตรีมีลักษณะอย่างไร วัดความ แตกต่าง และใช้ความแตกต่างเหล่านี้เพื่อทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมอง โดยอาศยั ดนตรี Dr. Michael Thaut นกั วจิ ยั ดา้ นดนตรบี �ำ บดั กลา่ วไวว้ า่ “The brain that engages in music is changed by engaging in music.” ตวั อยา่ งเชน่ การฝกึ การเคลอ่ื นไหวระยางคข์ องผปู้ ว่ ย โดยวธิ กี ารเคาะเทา้ หรอื นว้ิ การเคลอ่ื นไหวศรี ษะตามจงั หวะดนตรจี ะชว่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ยฟน้ื ฟทู กั ษะการเคลอ่ื นไหว ได้ดีกว่า โดยจังหวะดนตรีจะไปเหนี่ยวนำ�ให้เกิดการตอบสนองของสมองส่วน ทค่ี วบคมุ การเคลอ่ื นไหวเปน็ จงั หวะทส่ี อดคลอ้ งกนั ดนตรบี �ำ บดั ส�ำ หรบั ความผดิ ปกตใิ นการเคลอ่ื นไหว (Motor dysfunction) ความผดิ ปกตใิ นการเคลอ่ื นไหวเกดิ จากความผดิ ปกตขิ องการท�ำ หนา้ ท่ี ของระบบประสาททค่ี วบคมุ กลา้ มเนอ้ื และการเคล่ือนไหวรา่ งกาย เราสามารถ ใชด้ นตรบี �ำ บดั ความผดิ ปกตใิ นการเคลอ่ื นไหวหลายประเภทและไดผ้ ลดี ไดแ้ ก่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน ความผิดปกติหลังเยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคฮนั ทงิ ตนั และกลมุ่ อาการความสามารถในการพดู (aphasia) การเลน่ เครอ่ื งดนตรกี บั โรคหลอดเลอื ดสมอง สำ�หรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ความผิดปกติของวงจรประสาท http://www.thaicam.go.th 119
การเคลอื่ นไหวท�ำ ใหก้ ารเริม่ เคลื่อนไหวทำ�ไดย้ าก เมอ่ื ใชก้ ารท�ำ กายภาพบ�ำ บัด ที่อาศัยดนตรีเข้าช่วย วงจรประสาทการเคลื่อนไหวสามารถจะถูกกระตุ้นผ่าน ทางสมองสว่ น auditory cortex การบ�ำ บดั นเ้ี ปน็ ไปตามทฤษฎี neuroplasticity ซึ่งหมายความว่า สมองสามารถเปลี่ยนแปลงและซ่อมแซมตัวเองเพื่อกลับมา ทำ�งานชดเชยสมองส่วนที่เสียหายได้ จากการวิจัยพบว่า หลังจากเกิดพยาธิ สภาพในเนื้อสมอง สมองจะสร้างการเชื่อมต่อและเส้นทางเชื่อมเซลล์ประสาท ได้ใหม่ เซลล์สมองมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง หรือเปลี่ยนการเชื่อมต่อใหม่ได้ มีงานวิจัยหลายฉบับรายงานผลลัพธ์ที่ดีกว่าเมื่อใช้ดนตรีบำ�บัดร่วมกับการทำ� กจิ กรรมบ�ำ บดั โดยชว่ ยใหแ้ ขนและรา่ งกายสว่ นบนของผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง ฟน้ื ตวั ไดด้ กี วา่ ผปู้ ว่ ยไดฝ้ กึ การเลน่ เปยี โนไฟฟา้ หรอื กลองอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ซง่ึ เคร่ืองดนตรีแต่ละชนิดสามารถใช้ฝึกการเคล่ือนไหวอย่างละเอียดและอย่าง หยาบ (fine and gross movements) มกี ารศกึ ษาทใ่ี หโ้ ปรแกรมดนตรบี �ำ บดั อย่างเข้มข้นเป็นเวลาหน่ึงเดือนกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองซ่ึงสอนให้ผู้ป่วย ท่มี ีอาการอ่อนแรงของแขนขาจากโรคหลอดเลือดสมองเคล่อื นไหวแขนและมือ ตามจงั หวะของเพลง หลงั จากสน้ิ สดุ โปรแกรมน้ี ผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง เรื้อรังแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำ�คัญในการทำ� Action Research Arm Test ซง่ึ เปน็ การทดสอบหนง่ึ ทน่ี ยิ มใชก้ นั มากทส่ี ดุ ส�ำ หรบั การ ท�ำ งานของระยางคส์ ว่ นบน และพบวา่ มกี ารกลบั ฟน้ื คนื บางสว่ นของการท�ำ งาน ระดบั พน้ื ฐานของวงจรประสาทการเคลอ่ื นไหว ซง่ึ เกดิ จากการปรบั แตง่ การท�ำ งาน รว่ มกนั ของเครอื ขา่ ยประสาทการไดย้ นิ กบั การเคลอ่ื นไหว นอกจากน้ี ยงั ศกึ ษา fMRI activation ของสมอง ในขณะเปดิ เพลง ทใ่ี ชใ้ นการฝกึ ใหผ้ ปู้ ว่ ยเหลา่ นฟ้ี งั ผวู้ จิ ยั ไดพ้ บการกระตนุ้ มสี ญั ญาณเพม่ิ ขน้ึ ใน สมองทง้ั 2 ซกี ในส่วนของวงจรประสาทการไดย้ นิ และการเคล่ือนไหว มกี าร 120 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลือก
คำ�นวณค่า functional connectivities เฉลี่ยภายในเครือข่ายระบบประสาท การไดย้ นิ และการเคลอ่ื นไหวทง้ั กอ่ นและหลงั การศกึ ษา และพบวา่ มกี ารเพม่ิ ขน้ึ อย่างชัดเจนของการเชื่อมต่อกัน (connectivity) ระหว่างเครือข่ายประสาท การได้ยินกับเครือข่ายประสาทการเคลื่อนไหว ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมี พฒั นาการสว่ นของสมองท่ี initiate การเคลอ่ื นไหวโดยวธิ กี ารทางดนตรบี �ำ บดั ผา่ นเครอื ขา่ ยทเ่ี ชอ่ื มระหวา่ งวงจรประสาทการไดย้ นิ และการเคลอ่ื นไหว ดนตรบี �ำ บดั ส�ำ หรบั ความผดิ ปกตขิ องระบบประสาทสมั ผสั ความผิดปกติของระบบประสาทสัมผัสหมายถึง การทำ�งานผิดปกติ ของระบบประสาททจ่ี ดั การกบั ขอ้ มลู ทส่ี ง่ ผา่ นอวยั วะรบั สมั ผสั ไดแ้ ก่ การมองเหน็ การไดย้ นิ การไดก้ ลน่ิ การรบั รส การสมั ผสั และการรบั รตู้ �ำ แหนง่ ของรา่ งกาย (proprioception) วิธีการใช้ดนตรีบำ�บัดต่อไปนี้แสดงให้เห็นผลของดนตรีที่ กระตนุ้ ระบบการไดย้ นิ ทม่ี ตี อ่ ความผดิ ปกตขิ องระบบรบั สมั ผสั (somatosensory system) การกระตุ้นด้วยเสียงดนตรีกับผู้ป่วยที่สูญเสียการได้ยิน พื้นที่บริเวณสมองสว่ น auditory cortex ถกู แบง่ ตามความถจ่ี �ำ เพาะ ซง่ึ จะตอบสนองตอ่ เสยี งทไ่ี ดย้ นิ ผา่ น cochlea ของหชู น้ั ในทจ่ี �ำ เพาะตอ่ ความถ่ี นน้ั ๆ การกระตนุ้ ดว้ ยเสยี งดนตรที ค่ี รอบคลมุ ยา่ นความถท่ี ม่ี กี ารสญู เสยี การไดย้ นิ อาจจะชว่ ยปอ้ งกนั การฝอ่ ของสมองสว่ นทร่ี บั สญั ญาณจาก cochlea ยา่ นความถ่ี นน้ั ไดต้ ามปกติ การจดั เรยี งตวั ใหมข่ องสมองสว่ น auditory cortex (tonotopic reorganization) จะเกิดขึ้นตามหลังการลดอัตราการส่งสัญญาณประสาทจาก ย่านความถี่นั้น มีงานวิจัยที่น่าสนใจเพื่อพิสูจน์ผลจากการกระตุ้นด้วยเสียง ผู้วิจัยเลือกแมวป่าขนสั้น 14 ตัว ให้ฟังเสียงความถี่สูงด้วยความดังประมาณ 40 dB เป็นเวลา 2 ชั่วโมง จากการได้รับเสียงดังกล่าวทำ�ให้เกิดการเสียหาย http://www.thaicam.go.th 121
อย่างหนักในส่วนของ cochlea ที่รับความถี่สูง เส้นใยประสาทการได้ยินที่ เชอ่ื มตอ่ cochlea กบั สมองสว่ น auditory cortex ทร่ี บั ความถส่ี งู ลดการสง่ สญั ญาณลงอยา่ งมนี ยั ส�ำ คญั ท�ำ ใหส้ มองปรบั ตวั เองโดยพบวา่ พน้ื ทก่ี ารกระจาย การรบั สญั ญาณความถต่ี �ำ่ โดดเดน่ ขน้ึ มากและขยายพน้ื ทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ในสมองกนิ เนอ้ื ท่ี ของสมองสว่ นเดมิ ทร่ี บั ความถส่ี งู ซง่ึ ผลของการปรบั แตง่ พน้ื ทส่ี มองนใ้ี นผปู้ ว่ ยท่ี สญู เสยี การไดย้ นิ ในมนษุ ย์ จะท�ำ ใหเ้ กดิ ภาวะหอู อ้ื หรอื หแู วว่ (phantom sound) ในการทดลองกับแมว ผู้วิจัยแบ่งแมว 7 ตัวไปไว้ในห้องเงียบและ ที่เหลือไว้ในห้องที่มีเสียงกระตุ้นซึ่งเป็นเสียงความถี่สูงและมีเนื้อเสียงหลายชั้น (multitone) โดยใหแ้ มวฟงั ตลอด 24 ชว่ั โมงเปน็ เวลา 35 วนั ผลการวจิ ยั พบวา่ สมองส่วน auditory cortex ของแมวที่ได้ฟังเสียงกระตุ้นจะไม่มีการฝ่อ โครงสร้างของสมองส่วนที่รับความถี่สูง แต่การคงพื้นที่สมองส่วนนี้ไม่เกิดขึ้น กับแมวกลุ่มควบคุมที่อยู่ในห้องเงียบ ซึ่งทำ�ให้แมวกลุ่มควบคุมยังคงสูญเสีย การได้ยิน จากงานวิจัยนี้นำ�ไปสู่การบำ�บัดด้วยเสียงความถี่ที่เกิดการบกพร่อง โดยใช้วิธฟี ังเสียงกระตุน้ อยา่ งนุ่มนวล Mobile music touch ส�ำ หรบั ผ้ปู ว่ ยอัมพาตระดับคอ Mobile music touch คดิ คน้ โดยศาสตราจารย์ Starner ทห่ี อ้ งปฏบิ ตั กิ าร Contextual Computing จาก Georgia Tech เปน็ นวตั กรรมถงุ มอื ระบบไรส้ าย ทเ่ี ชอ่ื มตอ่ กบั คอมพวิ เตอรห์ รอื เครอ่ื งเลน่ MP3 ซง่ึ ชว่ ยในการงอกของเสน้ ประสาท ส่วนปลาย เมื่อเปิดระบบ mobile music touch ให้เล่นเพลง จุดสัมผัส 5 ตำ�แหน่งที่ถุงมือจะเคาะไปบนปลายนิ้วผ่านทางมอเตอร์ระบบสั่นซึ่งจะแทน โนต้ แตล่ ะตวั บนคยี เ์ ปยี โน โดยปกตกิ ารเรยี นรรู้ ะบบการเคลอ่ื นไหว ตอ้ งอาศยั ความใสใ่ จของผปู้ ว่ ย แตศ่ าสตราจารย์ Starner สรา้ งแนวคดิ ทเ่ี รยี กวา่ Passive Haptic Learning ซง่ึ หมายถงึ การเรยี นรผู้ า่ นทางระบบประสาทสมั ผสั และรบั รู้ 122 สำ�นกั การแพทยท์ างเลือก
ตำ�แหน่งในการเคลื่อนไหวแบบ passive หรือไม่จำ�เป็นต้องตั้งใจจดจ่อ การกระตุ้น การบำ�บัด แบบนี้ไม่จำ�เป็นต้องอาศัยความตั้งใจเคลื่อนไหว การฝกึ หนกั หรอื ใชแ้ รงจงู ใจ Mobile music touch สามารถน�ำ มาใชก้ บั ผปู้ ว่ ยได ้ ศาสตราจารย์ Starner ทำ�งานร่วมกับ Shepherd Spinal Cord Center ผปู้ ว่ ยบาดเจบ็ ไขสนั หลงั ระดบั คอทม่ี อี าการออ่ นแรงของแขนขาทง้ั 2 ขา้ ง (partial tetraplegia) สว่ นใหญม่ สี าเหตจุ ากการบาดเจบ็ ไขสนั หลงั จากการศกึ ษาโดยให้ ผปู้ ว่ ยใสถ่ งุ มอื พเิ ศษ (Mobile music touch) 2 ชว่ั โมงตอ่ วนั 5 วนั ตอ่ สปั ดาห์ เปน็ เวลา 8 สปั ดาห ์ ผลการศกึ ษาพบวา่ การรบั รคู้ วามรสู้ กึ ผา่ นระบบประสาท สมั ผสั ของมอื ของผปู้ ว่ ยดขี น้ึ มาก และการทดสอบ “ก�ำ และปลอ่ ย” ดขี น้ึ ซง่ึ บง่ ช้ี วา่ มกี ารพฒั นาวงจรประสาทการเคลอ่ื นไหว การศกึ ษานส้ี นบั สนนุ วา่ การเรยี นรู้ แบบ passive นน้ั เปน็ ไปไดแ้ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ อยา่ งไรกต็ ามการบ�ำ บดั ดว้ ยวธิ นี ้ี ยังคงอยู่ในขั้นของการวิจัยอยู่ และคงต้องรอผลการศึกษาด้วยการตรวจ PET scan หรือ imaging study อื่น ๆ ต่อไป ศาสตราจารย์ Starner อธิบาย สมมตฐิ านเบอ้ื งตน้ ในเรอ่ื งกลไกทางระบบประสาทวา่ ขณะทถ่ี งุ มอื สง่ การสน่ั สะเทอื น ซำ้� ๆ มายงั มอื ทเ่ี ปน็ อมั พาต สมองจะพยายามเกณฑเ์ ซลลป์ ระสาทจ�ำ นวนมากกวา่ ปกตมิ ารบั สญั ญาณประสาทรบั สมั ผสั ทถ่ี กู กระตนุ้ แบบสมุ่ เชน่ น้ี ยง่ิ กระตนุ้ มากก็ ท�ำ ใหเ้ กดิ การเกณฑเ์ ซลลป์ ระสานมาท�ำ งานมาก นอกจากนน้ั สมองอาจใชก้ ลไก ของเซลลก์ ระจกเงา (mirror neuron effect) ขณะทแ่ี รงสน่ั สะเทอื นกระตนุ้ ให้ เกิดการเคลื่อนไหวนิ้ว ก็จะกระตุ้นเซลล์ประสาทสัมผัสในเวลาเดียวกัน ทำ�ให้ มีการส่งสัญญาณประสาทไปยังหน่วยยนต์กล้ามเนื้อเลียนแบบการสั่นสะเทือน ที่กระตุ้นการเคลื่อนไหวของมือ การกระตุ้นด้วยการสั่นซ้ำ� ๆ จะช่วยฟื้นฟู ระบบประสาทสัมผัสท่เี สื่อมสภาพได้ http://www.thaicam.go.th 123
ดนตรีบ�ำ บัดสำ�หรบั ความผดิ ปกตดิ า้ นการสอ่ื สารและการเรียนรู้ ความผิดปกติในการเรียนรู้เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท ในการจัดการกับกระบวนการทางสติปัญญาได้แก่ การคิด การใช้เหตุผล การวางแผน และการจดจ�ำ ความผดิ ปกตใิ นการสอ่ื สารเกดิ จากความบกพรอ่ ง ของระบบประสาททจ่ี ดั การกบั การสอ่ื สาร ไดแ้ ก่ การพดู ภาษา และการประมวล ผลการไดย้ นิ การใชด้ นตรมี าบ�ำ บดั และฟน้ื ฟคู วามผดิ ปกตดิ า้ นการเรยี นรู้ (cognitive rehabilitation) เมื่อเทียบกับดนตรีบำ�บัดด้านอื่น ๆ นับเป็นเรื่องใหม่ที่ได้รับ ความสนใจอยา่ งมากในชว่ งไมน่ านมาน้ี มงี านวจิ ยั มากมายและการน�ำ ไปใชท้ าง คลินิกเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเน้นการบำ�บัดกับระบบการพูดหรือ การสื่อสาร และฟืน้ ฟรู ะบบการจดจ�ำ และขบวนการเรยี กคนื ข้อมูลของสมอง Melodic intonation therapy สำ�หรับภาวะสูญเสียความ สามารถด้านภาษา (aphasia) หนึ่งในความผิดปกติในการสื่อสารที่มีการศึกษากันมากที่สุด คอื aphasia ซง่ึ หมายถงึ ความผดิ ปกตจิ ากการสญู เสยี ความสามารถในการสอ่ื สาร เราแบง่ aphasia อยา่ งครา่ ว ๆ ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ expressive aphasia กับ receptive aphasia โดยที่ expressive aphasia เป็นการ สูญเสยี ความสามารถทางการพูด อันเปน็ ผลจากการท�ำ ลายหรอื ความผิดปกติ ของสมองสว่ น frontal lobe ดา้ นซา้ ย โดยเฉพาะท่ี Broca’s area สว่ นผปู้ ว่ ย receptive aphasia จะมคี วามยากล�ำ บากในการท�ำ ความเขา้ ใจค�ำ พดู มกั เกดิ จาก การท�ำ ลายหรือความผดิ ปกตขิ อง Wernicke’s area ซ่ึงเป็นบรเิ วณเกีย่ วขอ้ ง กบั การแปลความทอ่ี ย่ใู นสมองสว่ น temporal lobe ด้านซา้ ย 124 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลอื ก
ลกั ษณะทนี่ า่ สนใจเก่ยี วกบั ผปู้ ว่ ย Broca’s aphasia คอื ผปู้ ่วยจะมี ความลำ�บากหรอื ไม่สามารถพดู อยา่ งมคี วามหมายอย่างที่ตั้งใจได้ แต่นา่ แปลก ทบ่ี อ่ ยครง้ั ผปู้ ว่ ยสามารถรอ้ งเพลงตามท�ำ นองเพลงทเ่ี ขาคนุ้ เคยไดอ้ ยา่ งชดั เจน จากปรากฏการณ์ จงึ ไดม้ กี ารพฒั นาวธิ กี ารบ�ำ บดั ทเ่ี รยี กวา่ Melodic intonation therapy ขน้ึ มา ซง่ึ ประกอบดว้ ยสว่ นประกอบส�ำ คญั 2 อยา่ ง คอื การรอ้ งเพลง ตามท�ำ นองและการเคาะตามจงั หวะของแตล่ ะพยางคข์ องค�ำ รอ้ ง ผปู้ ว่ ยจะเรม่ิ ฝกึ การรอ้ งเพลงทอ่ นสน้ั ๆ ที่มีทำ�นองกำ�กับ หรือใส่ทำ�นองเพลงลงไปในประโยค ทต่ี อ้ งการจะฝกึ พูด จากนัน้ จะคอ่ ย ๆ ถอดทำ�นองออกจากประโยคจนเสมอื น การพดู จาตามปกติ งานวิจัยหลายฉบับที่ทำ�การศึกษากลไกทางระบบประสาทของวิธีการ บ�ำ บดั ด้วยทำ�นองดนตรี แต่ยงั ไม่ได้ขอ้ สรุปตรงกนั อย่างชดั เจน อยา่ งไรกต็ าม กลไกทางระบบประสาท 2 ลักษณะท่ีสามารถอธบิ ายผลการบำ�บดั ไดแ้ ก่ 1. ส�ำ หรบั ผปู้ ว่ ยทม่ี รี อยโรคขนาดเลก็ ในสมองซกี ซา้ ย พบวา่ หลงั การ บ�ำ บดั มกี ารเปดิ ใชง้ านสมองสว่ นทอ่ี ยรู่ อบ ๆ รอยโรค พรอ้ ม ๆ กบั มกี ารกระตนุ้ สมองซกี ขวาเขา้ มาชว่ ยท�ำ งานเพม่ิ ขน้ึ เลก็ นอ้ ย 2. ส�ำ หรบั ผปู้ ว่ ยทม่ี รี อยโรคขนาดใหญใ่ นสมองซกี ซา้ ย พบวา่ หลงั การ บำ�บัด มีการเพิ่มสัญญาณสมองด้านขวาทำ�งานในส่วนที่สัมพันธ์กับ Broca’s area วธิ ีการของดนตรบี ำ�บดั แบบ Melodic intonation therapy สามารถ ใชไ้ ดก้ บั ผปู้ ว่ ย expressive และ receptive aphasia โดยจะไปวงจรประสาท ดา้ นการสอ่ื สารผา่ นสมองสว่ นทร่ี บั รเู้ รอ่ื งท�ำ นองและจงั หวะ ท�ำ ใหก้ ระตนุ้ ทง้ั สว่ น ของการล�ำ ดบั เสยี ง จงั หวะของพยางค์ การแปลความหมายและการเลอื กใชค้ �ำ พดู ดนตรบี �ำ บดั เพอ่ื พฒั นาการเรยี นรแู้ ละความจ�ำ ฮปิ โปแคมปสั (Hippocampus) ตง้ั อยใู่ นสมองสว่ น medial temporal http://www.thaicam.go.th 125
lobe ในผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมแบบอัลไซเมอร์ ฮิปโปแคมปัสมีความบกพร่อง ในการจัดการความจำ�ระยะสั้น ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) เป็นความผิด ปกตดิ า้ นการเรยี นรทู้ พ่ี บไดบ้ อ่ ยทส่ี ดุ เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากสาเหตหุ ลายประการแตท่ พ่ี บ บ่อยที่สุด คือ โรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ จุดที่น่าสนใจในแง่ของการใช้ ดนตรีบำ�บัดสำ�หรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ คือ แม้แต่กรณีขอผู้ป่วยที่อาการสมองเสื่อม เปน็ มากแลว้ ผปู้ ว่ ยกย็ งั สามารถตอบสนองตอ่ ดนตรไี ด้ ผปู้ ว่ ยยงั คงตอบสนองกับ ทว่ งท�ำ นองทค่ี นุ้ เคยไดแ้ ละสามารถจะรอ้ งตามไปดว้ ยและสามารถบอกไดเ้ มอ่ื มี การแปลงท�ำ นองเดมิ ใหเ้ พย้ี นไปจากเดมิ ความจำ�สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้เมื่อสภาวะทางอารมณ์ที่ดี และ ดนตรเี องกเ็ ปน็ ตวั กระตนุ้ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพในการสรา้ งอารมณไ์ ดห้ ลายหลายแบบ เครอื ขา่ ยประสาทภายในฮปิ โปแคมปสั ทท่ี �ำ หนา้ ทจ่ี ดั การในการสรา้ ง จดั ระเบยี บ และบันทึกข้อมูลเป็นความจำ�ระดับต่าง ๆ จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของสมอง ส่วนอะมิกดาลา (Amygdala) ซึ่งเป็นส่วนที่ประมวลผลด้านอารมณ์ เมื่อ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์กำ�ลังใช้ความจำ�ระยะสั้น สมองส่วนอะมิกดาลาจะได้รับการ กระตนุ้ มากกวา่ สมองสว่ นฮปิ โปแคมปสั ขอ้ มลู นบ้ี ง่ ชว้ี า่ อารมณเ์ ปน็ ปจั จยั ส�ำ คญั สำ�หรับระบบความจ�ำ ระยะส้ันของผปู้ ว่ ยอัลไซเมอร์ งานวิจัยที่แสดงผลการศึกษาด้านการจำ�ที่ดีขึ้นและผลการศึกษาด้วย คลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) แสดงให้เห็นว่า การฝึกซ้อมร้องเพลงโดยผู้ป่วยโรค multiple sclerosis เป็นวิธีการบำ�บัดที่ได้ผลที่เกี่ยวเนื่องกับการฟื้นฟูความจำ� โดยพบการกระตุ้นสมองส่วน frontal lobe ทั้งสองข้างเพิ่มขึ้น ดนตรีที่ถูก ออกแบบให้มีโครงสร้างจังหวะที่เหมาะสมสามารถเหนี่ยวนำ�และกำ�กับจังหวะ การท�ำ งานของสมองอยา่ งเปน็ ระเบยี บในขน้ั ตอนของขบวนการจ�ำ โดยผา่ นการ จัดระบบและย่อยส่วนข้อมูลที่จะเข้าสู่สมองอย่างเป็นลำ�ดับตามจังหวะดนตรี 126 สำ�นกั การแพทย์ทางเลือก
หลักการนี้เหมือนกับการส่งผ่านข้อมูลทำ�นองสู่สมองด้วยเทคนิค Melodic intonation therapy ในผปู้ ว่ ยโรค multiple sclerosis อาจพบความผดิ ปกตเิ กย่ี วกบั ความจ�ำ ซึ่งสัมพันธ์กับความบกพร่องด้านการเรียนรู้ นักดนตรีบำ�บัดสามารถใช้วิธี Melodic intonation therapy เพอ่ื ชว่ ยแกไ้ ขปญั หาเรอ่ื งความจ�ำ โดยทผ่ี ปู้ ว่ ย จะได้ฝึกจำ�คำ�ศัพท์หรือข้อมูลที่สอดแทรกในบทเพลงหรือดนตรี จากงานวิจัย พบว่าผู้ป่วยได้รับการฝึกด้วยการสอดแทรกทำ�นองดนตรีมีความจำ�ดีกว่ากลุ่ม ผ้ปู ว่ ยที่ฝกึ ทอ่ งคำ�ศัพท์โดยการพดู ซ้ำ� ๆ การศกึ ษาคลน่ื ไฟฟา้ ของสมอง (EEG) ยังช่วยยืนยันสมมติฐานที่ว่า การฝึกซ้อมร้องเพลงมีประสิทธิภาพมากกว่าการ ฝึกซ้อมพูดอย่างเดียว โดยพบว่าคลื่นไฟฟ้าสมองในกลุ่มที่ร้องเพลงมีสัญญาณ เพม่ิ ขน้ึ ในสมองสว่ น frontal lobe สองขา้ งมากกวา่ กลมุ่ ทท่ี อ่ งโดยการพดู อยา่ ง มนี ยั ส�ำ คญั ต�ำ แหนง่ นส้ี มั พนั ธก์ บั การประมวลผลความจ�ำ และพบวา่ โครงสรา้ ง จังหวะของดนตรีและอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นจากทำ�นองดนตรีทำ�หน้าที่เป็นกลไก ส�ำ คญั ในการบ�ำ บดั ผปู้ ว่ ยทม่ี คี วามผดิ ปกตดิ า้ นความจ�ำ ดนตรบี �ำ บดั โรคและความผดิ ปกตทิ างระบบประสาท จะใชเ้ ทคนคิ การบ�ำ บดั ตามมาตรฐานทอ่ี า้ งองิ จากงานวจิ ยั เปน็ หลกั ไมว่ า่ จะเปน็ วธิ กี ารบ�ำ บดั ส�ำ หรบั sensorimotor training การฝกึ การพดู และการใชภ้ าษา และ cognitive training สรปุ เทคนคิ NMT ทใ่ี ชบ้ อ่ ย ๆ ไดแ้ ก่ u Rhythmic auditory stimulation (RAS): ช่วยในการฟ้ืนฟูการเคลือ่ นไหวที่เป็นจังหวะตามจังหวะภายใน ร่างกายทส่ี มองก�ำ กับ u Patterned sensory enha ncement (PSE): ใชจ้ งั หวะ ท�ำ นอง การประสานเสยี ง และความเบาดงั ของ http://www.thaicam.go.th 127
ดนตรี เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวอย่างมีรูปแบบ มีจังหวะ เร็วช้า หนักเบา และล�ำ ดบั ตามทก่ี �ำ หนดไว้ u Therapeutic instrumental music playing (TIMP): ใช้เครื่องดนตรีหรืออุปกรณ์ที่ผลิตเสียงดนตรีได้ในการฝึกออกกำ�ลังกาย สว่ นของรา่ งกายที่ตอ้ งการฝึก u Speech stimulation: ใช้ดนตรีและเพลงในลักษณะต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการพูดที่เป็น แบบอตั โนมัติ (non-propositional speech) u Melodic intonation therapy (MIT): ใช้ความสามารถของผ้ปู ่วยในการร้องเพลงท่ยี งั ดีอยู่ มากระต้นุ การพดู ท้งั แบบ อตั โนมตั แิ ละแบบตงั้ ใจ u Rhythmic speech cueing (RSC): ใช้จังหวะดนตรีก�ำ กับวรรคตอนการพูด เพือ่ ควบคุมการเริ่มและความเรว็ ของ การพูดโดยอาศยั การก�ำ หนดล�ำ ดับและจังหวะ u Vocal intonation therapy (VIT): กระตนุ้ การใชฉ้ นั ทลกั ษณ์ การเปลย่ี นเสยี งพดู ใหส้ งู ต�ำ่ และการก�ำ กบั จงั หวะของการพดู ประโยคปกติ โดยใชส้ อดแทรกถอ้ ยค�ำ ทม่ี กี ารใสท่ �ำ นองเขา้ ไป u Therapeutic singing (TS): ใชก้ ารฝกึ ร้องเพลงเพ่อื ฝกึ articulation กระต้นุ การเปล่งเสยี งพดู เพมิ่ สมรรถภาพการหายใจและฟืน้ ฟูการทรงทา่ u Oral motor and respiratory exercises (OMREX): ใชอ้ งคป์ ระกอบดนตรหี ลาย ๆ อยา่ ง เพอ่ื ฝกึ ออกก�ำ ลงั กายควบคมุ กล้ามเนือ้ ทใี่ ชใ้ นการพูดหรอื หายใจ ผา่ นการทำ�เสยี งในรูปแบบตา่ ง ๆ 128 สำ�นักการแพทยท์ างเลือก
ดนตรบี �ำ บดั ในผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ คุณสมบตั ขิ องผ้ปู ่วย สามารถนั่งทำ�กิจกรรมได้ประมาณ 30 นาทีขึ้นไปสามารถสื่อสารได้ ทั้งแบบที่เป็นคำ�พูดและไม่เป็นคำ�พูด (Verbal หรือ Non-Verbal) สามารถ ท�ำ ตามคำ�ส่ังไดอ้ ย่างนอ้ ย 1 ข้ันตอนข้ึนไป(ผู้สอนเป็นญาตทิ ่ไี ดร้ ับการอบรม) ขอ้ บง่ ชี้ 1) เพื่อกระตุ้นให้มีการแสดงออกทางด้านสีหน้า ท่าทาง คำ�พูด 2) เพ่ือกระตนุ้ ให้เกดิ กระบวนการคิดอยา่ งมรี ะบบ และฝึกความจ�ำ 3) เพอ่ื กระตนุ้ การรบั รทู้ างสายตา ฝกึ การเคลอ่ื นไหวของแขนและมอื ให้มคี วามคล่องแคล่ว และเพ่ือส่งเสริมใหน้ �ำ ไปใช้ในชีวิตประจำ�วันได้ 4) เพื่อกระตุ้นให้มีการแสดงออกทางดา้ นอารมณ์ ลดความเครยี ด และความวติ กกังวลของผ้ปู ว่ ย วธิ กี ารปฏบิ ตั ิ ดา้ นการสอ่ื สาร 1. เตรยี มอปุ กรณ์ ไดแ้ ก่ 1.1 คอมพวิ เตอร์ 1.2 แผน่ เพลงคาราโอเกะ หรอื โปรแกรมคาราโอเกะ 1.3 คยี บ์ อรด์ และชารต์ โนต้ สี ภาพ ชารต์ โนต้ สี http://www.thaicam.go.th 129
2. ประเมินผู้ป่วยโดยให้ผู้ป่วยออกเสียงตามผู้บำ�บัด หรือร้องเพลง โดยผู้บ�ำ บดั ถา่ ยคลปิ วิดโี อไวเ้ พื่อเปรยี บเทยี บก่อนบำ�บดั และหลังบ�ำ บัด 3. เลือกเพลงให้เหมาะสมกับผู้ป่วย แนะนำ�ให้ใช้เพลงที่คุ้นเคยที่มี จังหวะไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป โดยเนื้อเพลงเป็นคำ�ที่ฟังเข้าใจง่ายภาษา ทช่ี ดั เจน 4. เปิดเพลง หรือรอ้ งเพลงใหผ้ ู้ปว่ ยฟังก่อน โดยใช้เพลงท่ีมีเนอ้ื ร้อง ท�ำ นองทส่ี ามารถรอ้ งตามไดง้ า่ ยหรอื ทผ่ี ปู้ ว่ ยคนุ้ เคย ยกตวั อยา่ งเชน่ เพลงชา้ ง, เพลงชาติ และเพลงลอยกระทง เปน็ ต้น 5. กระตุ้นให้ผปู้ ว่ ยร้องตาม รว่ มกบั ผู้บ�ำ บดั 6. ใหผ้ ูป้ ว่ ยฝกึ รอ้ งตามด้วยตนเอง จากการเปิดเพลงคาราโอเกะ ทม่ี ี เพียงท�ำ นอง และเน้ือร้อง โดยเริ่มจากเพลงงา่ ย ๆ 7. เมื่อผู้ป่วยเริ่มร้องตามเนื้อได้แล้ว ก็ปรับให้ยากขึ้น โดยใช้เพลง ทีม่ เี น้ือรอ้ งทเ่ี ยอะข้นึ และจงั หวะซบั ซอ้ นมากข้ึนตามความเหมาะสม 8. ประเมินหลังการบำ�บัด โดยให้ผู้ป่วยออกเสียง ตามผู้บำ�บัดหรือ รอ้ งเพลงทเ่ี คยประเมนิ ไวก้ อ่ นอกี ครง้ั น�ำ คลปิ วดิ โี อมาเปรยี บเทยี บผลการบ�ำ บดั และบันทกึ ไว้ วิธีการปฏิบัติ ด้านความคิดและความเขา้ ใจ 1. เตรยี มอุปกรณ์ ได้แก่ 1.1 คียบ์ อร์ด 1.2 ชารต์ โน้ตเพลงสี 2. ประเมนิ ผู้ป่วย โดยใช้แบบประเมินความคิด ความเขา้ ใจ และ การรบั รู้ ตามแบบประเมนิ ทางกจิ กรรมบ�ำ บดั หรอื ประเมนิ ตามปญั หา ของผปู้ ว่ ย 130 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก
เชน่ ด้านการสนใจในการทำ�กจิ กรรม ดา้ นความจำ� 3. เลอื กเพลงพน้ื ฐานทม่ี จี �ำ นวนสใี นชารต์ โนต้ เพลงสไี มเ่ ยอะจนเกนิ ไป ประมาณ 5 สี เชน่ เพลงช้าง, Happy birthday เป็นต้น 4. ผู้บำ�บัดอธบิ ายขั้นตอนในการเล่นคยี ์บอรด์ และการใชช้ าร์ตโนต้ สี ในผู้ป่วยที่ไม่เข้าใจขั้นตอน เราจะเริ่มให้ผู้ป่วยจดจำ�สีตัวโน้ตก่อน แล้วจับคู่สี จากชารต์ โนต้ สี และคยี บ์ อรด์ ใหต้ รงกนั 5. ผู้บำ�บัดทดสอบความจำ� ระหว่างชาร์ตโน้ตสี กับคีย์บอร์ด โดย ผู้บำ�บดั บอกใหผ้ ู้ป่วยกดโนต้ สที ีละตวั เชน่ แดง เหลือง ชมพู น�้ำ เงิน เป็นตน้ 6. ถ้าผู้ป่วยสามารถกดตามได้ เริ่มสอนผู้ป่วยในการกดตัวโน้ตสีให้ เป็นเพลง โดยเริ่มจากการบอกสีก่อน เมื่อผู้ป่วยสามารถทำ�ได้แล้วให้ผู้บำ�บัด ชี้ตัวโนต้ สีพร้อมกับบอกช่ือสไี ปดว้ ย และหลังจากนัน้ ค่อย ๆ ลด การบอกสีลง จนผูป้ ว่ ยสามารถดูชาร์ตโนต้ สี แลว้ กดเองเป็นเพลง 7. เมอ่ื ผปู้ ว่ ยสามารถท�ำ ไดแ้ ลว้ ใชม้ อื ปดิ โนต้ สบี างทอ่ น แลว้ ใหผ้ ปู้ ว่ ย กดเพอ่ื กระตุ้นความจำ� 8. หากผู้ป่วยจำ�ได้แล้ว ให้ผู้ป่วยกดเป็นเพลงเองทั้งเพลงโดยไม่ต้อง ดชู าร์ตโน้ตสี 9. ประเมินหลังการบำ�บัดก่อนผู้ป่วยกลับบ้าน เปรียบเทียบผลก่อน และหลังการเข้ารว่ มดนตรบี �ำ บัด บนั ทกึ ผล วธิ ีการปฏบิ ตั ิ ดา้ นจติ สงั คมความเครียดและความวิตกกงั วล 1. เตรียมอุปกรณ์ ได้แก ่ 1.1 คีย์บอร์ด 1.2 ชารต์ โน้ตเพลงสี http://www.thaicam.go.th 131
1.3 คอมพิวเตอร์ 1.4 โปรแกรม Media Player 1.5 โปรแกรมคาราโอเกะ หรือแผ่นCD คาราโอเกะ 1.6 เมโลเดยี น 2. กอ่ นเรม่ิ กิจกรรมทกุ ครัง้ ประเมินความพึงพอใจของผปู้ ่วยก่อนท�ำ กจิ กรรม 3. ใหผ้ ู้ป่วยเลอื กกิจกรรมทต่ี ัวเองชอบ เช่น ร้องเพลงคาราโอเกะ, ฟงั เพลง, เลน่ คยี ์บอร์ด หรอื เตน้ ประกอบจงั หวะ 4. จัดกิจกรรมตามท่ผี ปู้ ว่ ยเลอื ก 5. ประเมนิ หลงั การบ�ำ บัด ประเมนิ ความพึงพอใจของผปู้ ว่ ยหลังทำ� ดนตรีบำ�บดั ในผูป้ ่วยอัมพาต การฟังเพลงวันละ 2-3 ชั่วโมงในช่วงสัปดาห์แรก ๆ หลังโรค หลอดเลือดสมองกำ�เริบ อาจช่วยให้สมองและสุขภาพจิตของคนไข้ฟื้นตัว เรว็ ขน้ึ กวา่ ปกติ สเุ ทปโป ซารค์ าโม นกั วจิ ยั จากมหาวทิ ยาลยั เฮลซงิ กิ ฟนิ แลนด์ ได้เปิดเผยงานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่า ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ หรือเดือนแรก ๆ คนไขม้ กั ใชเ้ วลา 3 ใน 4 สว่ นของแตล่ ะวนั โดยปลอดจากกิจกรรมการบำ�บัด ส่วนใหญ่อยใู่ นหอ้ งพัก ไม่มีกจิ กรรมหรือการโต้ตอบใด ๆ ทงั้ ทช่ี ่วง 2-3 เดอื น ภายหลังจากท่เี ปน็ โรค คอื ช่วงเวลาที่เหมาะสมทสี่ ุดในการบำ�บดั เพอ่ื ใหผ้ ูป้ ว่ ย ฟ้นื ตัวเรว็ ข้ึน 34 “งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การฟังเพลงระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวช่วย ในการฟื้นตัวของกระบวนการคิด และป้องกันอารมณ์แง่ลบ จึงอยากแนะนำ� 132 ส�ำ นกั การแพทยท์ างเลอื ก
ให้ผู้ป่วยโรคนี้ฟังเพลงทุกวันในช่วงต้น ๆ จะเห็นได้ว่าการฟังเพลงช่วยทำ�ให้ ผปู้ ว่ ยในหลอดเลือดสมองฟืน้ ตัวเร็วขนึ้ นอกจากนเ้ี พลงทีม่ ีจงั หวะ ทว่ งท�ำ นอง ต่างกัน ก็มีความแตกต่างในการบำ�บัดอาการของโรคที่แตกต่างกันด้วย เช่น เพลงทม่ี ที ว่ งท�ำ นองของเสยี งธรรมชาตจิ ะชว่ ยท�ำ ใหเ้ กดิ สมาธผิ อ่ นคลาย เปน็ ตน้ คณุ สมบัตขิ องผปู้ ่วย ผปู้ ่วยทีส่ ามารถรบั ฟงั เสียงจากภายนอกได้ ขอ้ บง่ ชี้ท่ี 1 ใช้ลดความเจบ็ ปวด ช่วยผอ่ นคลาย วธิ ปี ฏิบัติ 1. ผดู้ แู ลเปิดเพลงเหล่าน้ีให้ผู้ปว่ ยฟัง ตวั อยา่ งเพลง 35 เช่น 1. ลาวดวงเดอื น 2. ลาวเจรญิ ศรี 3. ลาวกระทบไม้ 4. มอญดูดาว 5. เขมรไทรโยค 6. ลมหวน 7. เงาไม้ 8. Symphony No. 9. ท่อนช้าของ Beethoven 10. Adagio Molto cantabile 11. Suite from “ Water music” ของ Handel 12. Music from Shakespeare http://www.thaicam.go.th 133
13. Lulaby ของ J. Brahms 14. Trumpet concerto ของ HAYDN 15. Guitar concerto Rodigo 16. Winter farewel 17. Romance in F ของ Beethoven 18. Romance in E minor Anonymous 19. สวนอัมพร 20. สนามหลวง 21. เมอื่ วานน้ี 22. ลมหวน 23. ลาวกระแตเลก็ 24. ทยอยญวน 25. ลาวดวงเดอื น ขอ้ บ่งช้ีที่ 2 ใช้ลดความวิตกกงั วลและเจบ็ ปวด วธิ ปี ฏบิ ัติ 1. ผดู้ แู ลเปิดเพลงเหลา่ นใ้ี ห้ผปู้ ว่ ยฟัง ตวั อยา่ งเพลง 1. Sound of the sea arranged by Michael Maxel and produced by Gordon Gibson: Beyond the Horizon, In a protected Cove, Forever by the Sea, Timeless and Free. 2. Sound of songbird arranged by John Herberman and produced by Gordon Gibson: New England Spring, Northern Mist, Coastal Horizon, Prairie Giory, Dawn in the Valey 134 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลอื ก
3. Sound of the stream arranged by Michael Maxel and produced by Gordon Gibson: Pool of Mirror, The Repose,Quiet Longing, After the Rain. 4. Sound of the Wind arranged and produced by Eclipse Music Group: Riding the Wind. ขอ้ บง่ ชีท้ ่ี 3 ลดความเครยี ด ความวิตกกงั วลและกระตุ้นความจำ� วิธปี ฏบิ ัติ 1. ผู้ดแู ลเปดิ เพลงประเภทบรรเลงทีม่ เี สยี งธรรมชาติต่าง ๆ (natural sound) ประกอบ เช่น เสียงคล่ืน เสียงลม เสียงนำ�้ ตก เสียงนำ�้ ไหล เสยี งฝน เสยี งนกร้อง เป็นตน้ เสยี งธรรมชาติน้ันจะให้พลังคลน่ื เสียงใกลเ้ คยี งกบั คลื่น แอลฟา (alpha) ของสมองมนษุ ย์ จงึ เหมาะสมและท�ำ ใหเ้ กดิ ประสิทธผิ ลใน การชว่ ยผอ่ นคลาย และลดความเครยี ดได้เปน็ อย่างดี หรืออาจให้ผู้ปว่ ยเลือก เพลงท่ีผ้ปู ว่ ยช่นื ชอบโดยใชร้ ะยะเวลาฟังดนตรีนาน 1-2 ชั่วโมง ในแต่ละวนั 36 หวั เราะบ�ำ บดั 37 การมีอารมณ์ขันหรือการได้หัวเราะทำ�ให้จิตใจสบาย ผ่อนคลายและ เพิ่มความสุขให้กับจิตใจ การหัวเราะ กระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ซ่ึงเป็นสารท่ที ำ�ให้เราอารมณ์ดี มคี วามสขุ เรียกสารชีวเคมนี วี้ ่า เป็น “สารสุข” การหัวเราะ จะใช้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของอวัยวะหัวเราะ เช่น เสียงโอใชก้ ลา้ มเน้ือทอ้ งหวั เราะ เปน็ การออกเสียงจากทอ้ ง เสยี งอาใชอ้ ก หวั เราะเปน็ การเปลง่ เสยี งออกจากอก นอกจากนย้ี งั มเี สยี งอใู ชค้ อหวั เราะ เปน็ การ เปลง่ เสียงออกจากล�ำ คอเปน็ ต้น http://www.thaicam.go.th 135
ข้อดขี องการหวั เราะ 1. การหวั เราะท�ำ ใหฮ้ อรโ์ มนความเครยี ด เชน่ คอรต์ ซิ อล อะดรนี าลนี ลดลงและช่วยเพิ่มสาร”เอ็นดอร์ฟิน” หรือสารความสุขให้เรารู้สึกผ่อนคลาย การหวั เราะดกี ับระบบการทำ�งานของรา่ งกายมากมาย 2. ระบบสมองดี การหัวเราะจะไปกระตุ้นระบบทำ�งานของสมอง ให้หลัง่ สารความสขุ หรอื เอน็ ดอรฟ์ ิน เมื่อสมองถกู กระต้นุ ทำ�ให้มคี วามคิด ทางบวกสรา้ งสรรค์มผี ลใหร้ า่ งกายและจิตใจพ้นื ฟูอย่างเรว็ 3. ระบบหายใจดี ระหว่าง หัวเราะจะเกิดจังหวะการหายใจ การกลั้นหายใจ และการหายใจยาว ๆ ทำ�ให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น มีการฟอกเลือดดี ช่วยฆ่าเชื้อโรคและป้องกันโรคทางเดินหายใจ โรคความดัน โรคหัวใจ และโรคปอดได้อีกดว้ ย 4. ระบบยอ่ ยและขบั ถา่ ยดี หวั เราะเปน็ การออกก�ำ ลงั อวยั วะสว่ นทอ้ ง กระเพาะ ล�ำ ไส้ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดหี วั เราะเปน็ การออกก�ำ ลงั อวยั วะอยา่ งเปน็ จงั หวะ ท�ำ ให้หัวใจสบู ฉดี โลหติ ดีขึ้น 5. กระบวนการพักผ่อนและผิวพรรณดี หัวเราะช่วยคลายเครียด เส้นประสาทกล้ามเนื้อบนใบหนา้ ยดื หยนุ่ ชว่ ยให้หลบั สนทิ 6. ระบบภมู คิ มุ้ กนั ดี การหวั เราะชว่ ยใหร้ า่ งกายท�ำ งานเปน็ ระบบชว่ ย ทำ�ลายอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการสำ�คัญของการผิดปกติในเซลล์ของร่างกาย นักวิจัยพบว่าเสียงหัวเราะสร้างความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไดเ้ ป็นอยา่ งดี 7. ลดอาการเจ็บปวด เมื่อเราหัวเราะร่างกายจะรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่ง จะช่วยลดความเจ็บปวดได้ เช่น เวลาฉีดยา คนที่ผ่อนคลายจะเจ็บน้อยกว่า คนเครยี ด เพราะความเครยี ดจะทำ�ให้กล้ามเนื้อเกรง็ นอกจากน้กี ารหวั เราะ 136 สำ�นกั การแพทยท์ างเลือก
ยังช่วยใหร้ า่ งกายหล่งั สาร serotonin และ endorphin เพ่มิ มากข้นึ 8. แก้อาการซึมเศร้า เพราะการหัวเราะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสาร serotonin และ dopamine เพ่ิมขน้ึ 9. เพม่ิ ภมู คิ มุ้ กนั การหวั เราะชว่ ยเพม่ิ IgA ในน�ำ้ ลาย ซง่ึ ชว่ ยปอ้ งกนั การตดิ เช้ือทางเดนิ หายใจ เชน่ ไขห้ วดั ภูมแิ พ้ 10. บริหารกล้ามเนื้อระหว่างที่กำ�ลังหัวเราะอยู่นั้น จะช่วยบริหาร กล้ามเนื้อใบหน้า 15 ชนิด และกล้ามเนื้อร่างกาย 12 ชนิด ทั้งยังมีรายงาน ทางการแพทยร์ ะบวุ า่ การดตู ลกแลว้ หวั เราะ ท�ำ ใหก้ ลา้ มเนอ้ื ผอ่ นคลายมากกวา่ การดูววิ สวย ๆ 11. บริหารหัวใจให้แข็งแรง การหัวเราะ 15-20 นาทีอย่างต่อเนื่อง ท�ำ ใหห้ ัวใจไดอ้ อกก�ำ ลงั กาย 3-5 นาที ผสู้ ูงอายุทีไ่ มค่ ่อยไดเ้ คล่อื นไหวรา่ งกาย ควรออกก�ำ ลังกายดว้ ยการหวั เราะบ่อย ๆ 12. ชว่ ยบรหิ ารปอด การหวั เราะท�ำ ให้ diaphragm มกี ารเคลอ่ื นไหว ช่วยหมุนเวียนอากาศในปอด ผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจโดยตรง ควรหัวเราะบอ่ ย ๆ ผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต ถา้ ไดม้ กี ารหวั เราะจะชว่ ยใหส้ ารแหง่ ความสขุ หลง่ั ออกมาและจะท�ำ ใหล้ ดความเครยี ดจากภาวะโรคและท�ำ ใหร้ ะบบการท�ำ งาน ของปอดดขี น้ึ มรี ายงานการศกึ ษาถงึ การใชว้ ธิ หี วั เราะฟน้ื ฟผู ปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ด สมอง โดยใช้เทคนิคการหวั เราะแบบ ปรานายามะ (Pranayama) ในผปู้ ว่ ย โรคหลอดเลือดสมอง อายุระหว่าง 40-90 ปี ในชุมชนเวอร์รูลัม (Verulam) พบว่าการใช้วิธีการหัวเราะแบบนี้สามารถลดความเครียดและความวิตกกังวล ขจดั สง่ิ รบกวนตอ่ การนอนหลบั เพม่ิ การมคี ณุ คา่ ในตนเอง นอกจากนท้ี �ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ย ลดการใชไ้ มเ้ ทา้ ในการเดนิ ชว่ ยบรรเทาอาการปวดได้ 38 http://www.thaicam.go.th 137
การประยกุ ต์ใช้หัวเราะบำ�บดั ในผ้ปู ่วยอมั พฤกษ์ คุณสมบัติของผู้ป่วย ผปู้ ว่ ยสามารถนัง่ หรอื ทรงตวั ในท่ายืนได้ ข้อบ่งช้ี ผู้ป่วยที่มีความวิตกกังวล เครียด รู้สึกหายใจไม่สะดวก (เกิดจาก จิตใจ) วิธีปฏบิ ัต ิ 1. ผ้ปู ่วยน่ังหรอื ยนื โดยออกเสยี งดังนี้ 1. เสยี งโอ/ทอ้ งหวั เราะ เปน็ การออกเสยี งจากทอ้ ง โดยยนื ตวั ตรง กางขาเลก็ น้อย กางแขนออกไปด้านข้างของลำ�ตัว งอแขนเล็กน้อย ก�ำ มือทั้ง สองข้าง โดยชูนิ้วหัวแม่มือขึ้น ตามองตรงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ กัก ลมไว้ จากนั้นค่อยๆ เปล่งเสียง “โอ โอะๆ ๆ ” เหมือนเสียงซานตาคลอส หัวเราะ ขณะเดียวกันให้ค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกพร้อม ๆ กับขยับแขน ขึ้นลง 2. เสียงอา/อกหัวเราะ เป็นการเปล่งเสยี งออกจากอก ใหย้ นื ตรง กางขาเลก็ นอ้ ย กางแขนออกไปขา้ งล�ำ ตวั เหมอื นนกกระพอื ปกี หงายมอื ขน้ึ และ ปล่อยมือตามสบาย ตามองตรง สูดลมหายใจลึก ๆ กกั ลมไว้ คอ่ ย ๆ เปล่ง ขณะเดียวกันให้ปล่อยลมหายใจออกพร้อม ๆ กับกระพือแขนขึ้นลง ประโยชน์ ของทา่ อกหวั เราะ เมอ่ื เปลง่ เสยี งอา จะกระตนุ้ ใหก้ ลา้ มเนอ้ื บรเิ วณหนา้ อก หวั ใจ ปอดและไหล่ขยับเขยื้อนไปด้วย ท่านี้จะช่วยให้อวัยวะบริเวณหน้าอกทั้งหมด ท�ำ งานไดด้ ขี น้ึ สง่ ผลใหก้ ารฉดี และการไหลเวยี นเลอื ดในรา่ งกายดีขนึ้ 138 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก
3. เสยี งอ/ู คอหวั เราะ เป็นการเปล่งเสียงออกจากลำ�คอ เริ่มดว้ ย ยืนตรง กางขาเล็กน้อย แขนแนบลำ�ตัว ยกตั้งฉากชี้ไปข้างหน้า งอนิ้วนาง และนิ้วก้อยเข้าหาตัวเอง ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นและชี้นิ้วชี้และนิ้วกลางไปข้างหน้า ในลักษณะชิดติดกัน เหมือนท่ายงิ ปืน ตามองตรง จากน้นั สดู ลมหายใจลึก ๆ กักลมไว้ แล้วค่อย ๆ เปล่งเสียง “อู อุ ๆ ๆ ” เหมือนเสียงหมาป่าหอน ขณะเดียวกัน คอ่ ย ๆ ปล่อยลมหายใจออก พร้อมกับแทงมอื ไปข้างหนา้ 4. เสียงเอ/ใบหน้าหัวเราะ ท่านี้จะทำ�แบบสบาย ๆ โดยยืนตาม สบาย ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมาตามถนัด สูดลมหายใจลึก ๆ แล้วขยับทุกนิ้วทั้ง หัวแม่มอื ช้ี กลาง นาง และกอ้ ย ตามองตรง ระหวา่ งนน้ั ใหเ้ ปลง่ เสยี ง “เอ เอะ ๆ ๆ ” ออกมา เหมือนหยอกล้อเด็ก นอกจากจะได้ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก ที่นิ้วมือแล้ว ท่านี้ยังช่วยบริหารสมองด้วย ประโยชน์ของท่าใบหน้าหัวเราะ คนสมัยนี้ชอบ คดิ มาก บง้ึ ตงึ จงึ ท�ำ ใหเ้ ครยี ด ปวดศรี ษะ ปวดสมอง เมอ่ื เปลง่ เสยี งเอ ใบหนา้ จะมีลักษณะเหมือนกำ�ลังฉีกยิ้มโดยอัตโนมัติ เหมือนเรากำ�ลัง เล่นจ๊ะเอ๋กับเด็กตัวเล็ก ๆ เสียงเอจะท�ำ ให้เราย้มิ ง่ายขึน้ อ.อาหาร สมุนไพร วิตามินและแร่ธาตุ อาหารแมคโครไบโอติกส์ แมคโครไบโอตกิ ส์ มาจากภาษากรกี โบราณ แมคโคร Macro = great, comprehensive, unobstructed หมายถึง ความยิ่งใหญ่ กว้างขวาง ไม่มี อะไรกดี กน้ั ไบโอ Bio = life หมายถงึ ชวี ติ biotic = way of life, technique of rejuvenation หมายถึง วิถีชีวิตและเทคนิคในการทำ�ให้กระปรี้กระเปร่า Macro biotic หมายถงึ วถิ ชี วี ติ และเทคนคิ ในการท�ำ ใหช้ วี ติ มคี วามกระปรก้ี ระเปรา่ กลับคืนสู่สภาพเดิมและมีความยิ่งใหญ่ (ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ การดำ�เนินชีวิตให้มี http://www.thaicam.go.th 139
ความสุข มีชีวิตที่เรียบง่าย อิสระ ซึ่งจะทำ�ให้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี) เปน็ การดแู ลสขุ ภาพแบบองคร์ วมใชอ้ าหารและวถิ ชี วี ติ เปน็ หลกั ในการดแู ลรกั ษา และสร้างเสริมสุขภาพ เป็นวิถีการดำ�เนินชีวิตที่ให้ความเคารพต่อกฎระเบียบ ทางฟิสกิ ส์ ชวี ะ อารมณ์ ความคดิ นเิ วศน์ และจิตวญิ ญาณ จอร์จ โอซาวา ได้เขียนวิชาความรู้เกี่ยวกับอาหารแมคโครไบโอติกส์ และมกี ารตพี มิ พ์อย่างแพรห่ ลาย หนังสอื เล่มแรก ชื่อสรรี ะวทิ ยาของวธิ กี ารคิด แบบญี่ปุ่น และ ชีวประวัติซาเกน อิชิซูกะ จนเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียง และได้ อทุ ศิ ตนเพอ่ื การเผยแพรป่ รชั ญาแมคโครไบโอตกิ สแ์ ละการประยกุ ตใ์ ชไ้ ปทว่ั โลก ค�ำ ว่า แมคโครไบโอติกส์ได้ถูกใช้เปน็ ครั้งแรกในการแปลหนังสือของ อะเลก็ ซิส คอเรลล์ ในเรื่อง มนุษย์ซึ่งไม่มีผู้รู้จัก คำ�ว่า แมคโครไบโอติกส์ถูกตีพิมพ์เป็น ภาษาองั กฤษ ในปี พ.ศ. 2503 นอกจากนจ้ี อรจ์ โอซาวา ยงั ไดร้ บั ขนานนามวา่ เปน็ บดิ าแห่งแมคโครไบโอติกส์ แมค็ โครไบโอตกิ สม์ แี นวความคดิ พน้ื ฐานมาจากพทุ ธศาสนานกิ ายเซน ซง่ึ มลี กั ษณะเปน็ แบบ “ธรรมชาตนิ ยิ ม” โดยกลา่ ววา่ จกั รวาลเปน็ กรอบใหญท่ ส่ี ดุ ภายในจกั รวาลประกอบดว้ ยสว่ นประกอบใหญ่ 2 สว่ น ทเ่ี รยี กวา่ หยนิ และหยาง เปน็ การด�ำ เนนิ ไปของทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งในจกั รวาล ส�ำ หรบั มนษุ ยแ์ ลว้ การไดเ้ ขา้ รว่ ม เป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลจะทำ�ให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม็คโครไบโอติกส์ ไม่ใช่ยาหรือ วิธีการรับประทานอาหารโดยจำ�กัดชนิดของอาหารที่รับประทาน และกไ็ มใ่ ชค่ นรบั ประทานอาหารแบบแปลก ๆ หรอื การจ�ำ กดั สง่ิ ทจ่ี ะรบั ประทาน เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ การรับประทานอาหารของแม็คโครไบโอติกส์จะเป็น การรับประทานอาหารให้สอดคล้องกับสภาวะของยินและหยางในธรรมชาติ ทเ่ี ปลย่ี นไปตามกาลเวลาและสถานท่ี ท�ำ ใหร้ า่ งกายท�ำ งานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตลอดจนเพ่ิมความสามารถในการรักษาตวั เองได้ 140 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลอื ก
หลกั การกินอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์ 1. อาหารเปน็ พื้นฐานทางสขุ ภาพและความสขุ 2. โซเดียม (Na) และ โปแตสซยี ม (K) เปน็ ธาตทุ ่ตี ่อตา้ นและเสริม ให้สมบรู ณใ์ นอาหาร คอื คณุ สมบัตหิ ยนิ -หยาง ของอาหาร 3. ธัญพืชเป็นอาหารหลกั ของมนุษย์ 4. อาหารควรเป็นอาหารที่ครบส่วน คงรูปเดิม ไม่ผ่านการขัดส ี ปราศจากการปรงุ แต่งไดจ้ ากธรรมชาติ 5. อาหารตอ้ งปลูกในท้องถิ่น และควรกนิ ตามฤดกู าล วธิ ีการกนิ แบบแมคโครไบโอตกิ ส์ 1. รบั ประทานธญั พชื ทไ่ี มข่ ดั ขาว อยา่ งนอ้ ย 50 % ของปรมิ าณอาหาร ทุกมื้อ ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวสาลีชนิดโฮลวีท (อาจอยู่ในรูปของขนมปัง, สปาเก็ตตี้, บะหม)ี่ ขา้ วบาร์เลย,์ ขา้ วฟา่ ง, ข้าวโอ๊ต, ข้าวโพด 2. รบั ประทานผกั ชนดิ ตา่ ง ๆ ประมาณ 20-30 % ของอาหารแตล่ ะมอ้ื สองในสามควรปรงุ ใหส้ กุ อกี หนง่ึ ในสามจะกนิ ดบิ ๆ หรอื ผกั สลัด ต้มใหส้ ุก ๆ ดิบ ๆ กไ็ ด้ 3. รบั ประทานถว่ั และผลติ ผลจากถว่ั เชน่ ถว่ั แดง ถว่ั เขยี ว ถว่ั เหลอื ง ถวั่ ด�ำ และผลิตผลจากถ่ัว เชน่ เตา้ หู้ โปรตีนเกษตร หรอื ผลผลติ ซึ่งดัดแปลง จากถวั่ ในรปู ต่าง ๆ ประมาณ 10-15 % ของอาหารที่กิน 4. รบั ประทานเนอ้ื ปลา สปั ดาห์ละ 1-2 คร้งั และควรรับประทาน น้อยกว่า 15 % ของอาหารทงั้ หมดในม้ือนัน้ เสมอ 5. งดอาหารประเภทเนอ้ื สัตว์ เชน่ เน้อื หมู ไก่ 6. งดอาหารทีใ่ สน่ �ำ้ ตาลขาวทุกชนิด อาหารมนั ทใ่ี ช้นำ�้ มนั นม เนย กะทิ รวมทั้งแป้งขาวทุกชนิด เช่น ข้าวขาว ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ขนมปัง http://www.thaicam.go.th 141
ถา้ อยากทานอะไรเลน่ ตอ้ งทานแตเ่ มลด็ ธญั พชื ตา่ ง ๆ เชน่ ถว่ั คว่ั เมลด็ ฟกั ทอง หรือผลไม้ท่ีไม่หวาน เช่น มะม่วง ฝรง่ั 7. เครือ่ งดมื่ สว่ นใหญค่ วรเปน็ ประเภทชา ท่ีไมม่ ีการปรุงแต่งไมม่ ีการ เติมกลน่ิ และไม่มีผลในการกระตนุ้ ประสาท 8. ใช้น้ำ�มันที่ผลิตจากพืชในการประกอบอาหาร เช่น น้ำ�มันงา น�้ำ มนั ข้าวโพด น้ำ�มนั ถั่วเหลอื ง นำ�้ มนั ดอกทานตะวนั ในปริมาณพอควร 9. อาหารแต่ละคำ�ควรเคี้ยวให้ละเอียดประมาณ 50 ครั้งหรือ มากกวา่ นน้ั หลีกเลยี่ งการกนิ อาหารกอ่ นเข้านอน 3 ชั่วโมง อาหารสำ�หรบั ผปู้ ว่ ยอัมพฤกษ์ อัมพาต อาหารที่เน้นนั้นควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย มีกากใยสูง ไขมันต่ำ�และ ให้พลังงานปานกลาง อาหารแม็คโครไบโอตกิ ส์ก็เปน็ ทางเลอื กหน่งึ ทเี่ หมาะกบั ผปู้ ว่ ยหรอื เปน็ อาหารพน้ื บา้ นเพราะมอี ยปู่ ระจ�ำ ถน่ิ หางา่ ย และเหมาะกบั ฤดกู าล แตเ่ นน้ ทไ่ี มม่ ปี รมิ าณคลอเรสเตอรอลสงู และโซเดยี มสงู ส�ำ หรบั การปอ้ งกนั ผปู้ ว่ ย โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง แนะน�ำ ให้รับประทานอาหารแมคโครไบโอติกส์ เพราะอาหารแมคโครไบโอติกส์ ส่วนใหญ่มปี ริมาณคลอเรสเตอรอล เกลือ ต่ำ� ทำ�ให้ลดปริมาณไขมนั ในเลอื ด และลดปริมาณโซเดียม อีกทั้งมีแร่ธาตุวิตามินที่ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ซึง่ ได้จากวัตถดุ บิ ในการน�ำ มาท�ำ อาหารทไี่ ม่ผา่ นขบวนการสงั เคราะหห์ รอื เคมี 142 สำ�นกั การแพทยท์ างเลือก
ตัวอย่างอาหารแมคโครไบโอตกิ สใ์ นผู้ป่วยอมั พฤกษแ์ ละอมั พาต ซปุ มโิ สะ ภาพจาก www.google.com/ซปุ มิโสะ คณุ สมบตั ิผูป้ ว่ ย ผู้ป่วยอมั พฤกษ์และอมั พาตทสี่ ามารถรับประทานอาหารทางปากได้ ข้อบง่ ช้ี ผ้ทู ี่มีปญั หาของระบบยอ่ ยและดูดซึม ชว่ ยเสรมิ ระบบภูมคิ ุม้ กัน วธิ ปี ฏบิ ตั ิ 1. ญาตผิ ู้ป่วยเตรียมวตั ถดุ บิ ที่สำ�คญั ไดแ้ ก่ 1) นำ้�สะอาด 1 ถว้ ยตวง 2) นำ�้ มนั งา 1/2 ชอ้ นชา 3) สาหรา่ ยคอมบุ 1 ช้ิน แช่น�ำ้ 4) เต้าหู้ หน่ั เปน็ ชิ้นลกู เต๋า 5) ต้นหอมหน่ั 1 ช้อนชา 6) มิโสะ 1 ชอ้ นชา ละลายในนำ้�ต้มสกุ 2. น�ำ น�ำ้ ใสภ่ าชนะตง้ั ไฟ ใสน่ �ำ้ มนั งา พอน�ำ้ เดอื ดใสส่ าหรา่ ยทง้ิ ใหเ้ ดอื ด อีก 3-5 นาที หลังจากนั้นปดิ ไฟโรยตน้ หอมที่เตรียมไว้ ใส่มิโสะท่ีเตรยี มไว้ http://www.thaicam.go.th 143
ซุปฟกั ทอง ภาพจาก www.google.com/ซุปฟกั ทอง คณุ สมบัติผู้ป่วย ผปู้ ่วยอัมพฤกษแ์ ละอัมพาตทีส่ ามารถรบั ประทานอาหารทางปากได้ ขอ้ บง่ ชี้ ผูท้ ม่ี ีปัญหาของระบบยอ่ ยและดดู ซึม ช่วยเสริมระบบภูมคิ มุ้ กัน วธิ ปี ฏบิ ัติ 1. ญาตผิ ู้ปว่ ยเตรยี มวัตถุดบิ ทีส่ �ำ คญั ไดแ้ ก่ 1) ฟักทองอยา่ งดี (พันธศ์ุ รเี มือง) ทป่ี อกเปลือกแลว้ 500 กรมั 2) หอมหัวใหญ่หั่นลูกเต๋า 100 กรัม 3) ข้าวโพดสวีทดบิ ห่นั แลว้ 100 กรมั 4) กา้ นค่นื ชา่ ย 1 ช้อนตวง 5) เกลือทะเลป่น 1 ช้อนชา 6) น�ำ้ สะอาด 5 ถว้ ยตวง 7) งาขาวปน่ 2 ช้อนชา 2. นำ�ส่วนผสมทกุ อย่างตม้ ในนำ้� ปดิ ฝา ใช้ระยะเวลา 25 นาที ท้งิ ใหค้ วามร้อนลดลง แลว้ ใสเ่ คร่อื งปน่ั ใสภ่ าชนะเสริฟ โรยด้วยเกลอื ป่ 144 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลอื ก
วิตามนิ และแร่ธาตุ วติ ามนิ ทช่ี ว่ ยส�ำ หรบั การฟน้ื ฟใู นผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ์ อมั พาต เชน่ วติ ามนิ บ ี ช่วยลดอัตราการเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ 7% โดยเฉพาะวิตามินบี 3 ที่ช่วยฟื้นฟูระบบประสาทในผู้ป่วยหลังมีภาวะของโรคหลอดเลือดสมอง 41 นอกจากนี้ยังพบว่า วิตามินซี และธาตุเหล็ก ช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อการเป็น โรคหลอดเลอื ดสมอง จากการศกึ ษาของมหาวทิ ยาลยั แคมบรดิ ในปี ค.ศ. 2008 พบว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีวิตามินซีสูงในเลือด ช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อ การเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ 42 % นอกจากนม้ี กี ารศกึ ษาท่ีพบว่า แมกนเี ซียม u ลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ การกินอาหาร ท่ีมีแมกนีเซียม (magnesium) สูง เชน่ ผกั ใบเขียว นัทส์ (nuts = เมลด็ พชื เปลือกแขง็ กระเทาะเปลือก เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ) ถ่ัวเมลด็ แห้ง (beans) เช่น ถั่วลิสงต้ม ธัญพืชไม่ขัดสี (เช่น ข้าวกล้อง ฯลฯ) มีส่วนช่วยลดภาวะเสี่ยง สโตรค (stroke) ไดน้ อกจากน้ี ยงั พบวา่ แมกนเี ซยี มจะไปชว่ ยใหก้ ลา้ มเนอ้ื หวั ใจ คลายตัวลงร่วมกับช่วยปรับสมดุลของโปตัสเซียมกับโซเดียมในเลือดให้สมดุล ส่งผลให้ความดันโลหติ ลดลงตามไปด้วย มีการศึกษาพบว่าในผู้ชายและหญิง จำ�นวน 60 คนที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง พบว่าแมกนีเซียมทำ�ให้ ทั้งความดัน Systolic และ Diastolic ลดลง ทั้งนี้โดยปกติ แมกนีเซียมจะ รับประทานควบคู่กับ แคลเซียม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมความดันโลหิต แมกนีเซียมป้องกันแคลเซียมจับตัวอยู่ตามผนังหลอดเลือดจึงป้องกัน อาการหลอดเลือดแข็งตัว รักษาความดนั โลหติ ใหเ้ ป็นปกติ http://www.thaicam.go.th 145
นอกจากนี้ แมกนีเซียมยังสามารถป้องกันโรคหัวใจได้ด้วย กล่าวคือ การที่กล้ามเนื้อหดตัวเป็นผลมาจากแคลเซียมเข้าไปอยู่ภายในเซลล์กล้ามเนื้อ เนอื่ งจากมีความเครียดเข้ามากระตนุ้ และตัวท่จี ะควบคุมการเคลื่อนไหวของ แคลเซียมนี้ก็คือ แมกนีเซียมเมื่อแมกนีเซียมไม่พอแคลเซียมจะไหลเข้าไป ในเซลล์กล้ามเนื้อมากเกินไป จนเป็นเหตุให้การหดตัวของกล้ามเนื้อไม่ปกติ เกิดอาการสั่น เป็นตะคริว หากผนังหลอดเลือดเกิดเป็นตะคริว จะทำ�ให้เกิด โรคหัวใจตีบ หลอดเลอื ดหวั ใจแขง็ ตัว เป็นตน้ ขนาดรบั ประทาน มาตรฐาน กำ�หนดให้ เด็กทารก ต้องการประมาณวันละ 50-70 มก. เด็กโต ต้องการ ประมาณวันละ 150-250 มก. ผู้ใหญ่ ต้องการประมาณวันละ 350-450 มก. หญงิ มคี รรภแ์ ละระยะให้นมบุตร ประมาณวนั ละ 450-600 มก.43 ศ. ซูซานนา ลาร์ซซัน และคณะ จากสถาบันกาโรลินสกา สวีเดน ท�ำ การศกึ ษาขอ้ มลู จากการวจิ ยั 14 ปี รวมกลมุ่ ตวั อยา่ ง 250,000 คน ทง้ั จาก สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ติดตามไปเฉลี่ย 11.5 ปี สโตรค (stroke) หรือ กลมุ่ โรคหลอดเลอื ดสมองแตก-ตีบตนั ส่วนใหญ่เป็นผลจากหลอดเลือดตีบตัน ส่วนน้อยเป็นผลจากหลอดเลือดแตก ผลการศึกษา พบว่า การกินอาหาร ที่มแี มกนีเซียมเพิ่มทุก ๆ 100 มิลลิกรัม = 1/10 กรัม ลดความเสี่ยง โรคหลอดเลอื ดสมองตีบตันได้ 9% 44 สว่ นอาหารเสรมิ ทช่ี ว่ ยสรา้ งเซลประสาทสมอง ทส่ี �ำ คญั เชน่ วติ ามนิ อี ใหร้ บั ประทานขนาด 2000 ยนู ติ /วนั แปะ๊ กว๊ ย 240 มลิ ลกิ รมั /วนั ฟอสฟาทดิ ลิ ซรี นี (phospphatidylserine) ขนาด 100-300 มลิ ลกิ รัม/วนั นำ้�มนั ปลา 500-1000 มลิ ลิกรมั /วนั ฮลิ เปอร์ซีน เอ (huperzine A) ขนาด 50-100 ไมโครกรมั /วนั วนิ โพซที นี (vinpocetine) 2.5-10 มลิ ลกิ รมั /วนั และโคเอนไซม์ ควิ เทน ขนาด 100-300 มลิ ลกิ รมั /วนั เปน็ ตน้ สว่ นสารทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ฤทธก์ิ ระตนุ้ ความจ�ำ และ 146 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลอื ก
การเรยี นรู้ เชน่ บวั บก มสี ารทส่ี ามารถกระตนุ้ การเจรญิ เตบิ โตของเซลลส์ มอง และเพม่ิ ปรมิ าณสารสอ่ื ประสาททช่ี อ่ื วา่ acetylcholine ตลอดจนลดการท�ำ ลาย สมองจากอนมุ ลู อสิ ระเพม่ิ ความตน่ื ตวั และความสงบระงบั ของจติ ใจ และยงั ชว่ ย คลายกงั วลอกี ดว้ ย นอกจากนย้ี งั มี พรมมิ มสี ารยบั ยง้ั อะซทิ ลิ โคลนี เอสเตอเรส (Acetylcholinesterase: AchE) ซง่ึ เปน็ สารทท่ี �ำ ลายสารสอ่ื ประสาท เมอ่ื เซลล์ ประสาทจะส่งสญั ญาณถึงกนั เซลล์ประสาทจะใช้สารเคมีเป็นตวั ส่ง หากในร่างกายมี อะซิทิลโคลีนเอสเตอเรส มากสารตัวนี้จะทำ�ลาย สารเคมที ีส่ อื่ สารระหว่างเซลล์ประสาท ทำ�ใหเ้ ซลลป์ ระสาทไมส่ ามารถติดต่อ กนั ไดจ้ งึ ขาดขอ้ มลู พบวา่ ผทู้ ห่ี ลงลมื ความจ�ำ ไมด่ ี คนชรา ผปู้ ว่ ยอลั ไซเมอร์ จะมอี ะซทิ ลิ โคลนี เอสเตอเรสมาก คอื มตี วั ท�ำ ลายสารสอ่ื ประสาทมาก สง่ ผลให้ เซลล์ประสาทไม่สามารถติดต่อกันได้จึงหลงลืม นอกจากนั้น ยังต้านเบต้า- อะไมลอยดโ์ ปรตนี ซง่ึ เปน็ ตวั ทเ่ี หนย่ี วน�ำ ใหเ้ ซลลป์ ระสาทตายยบั ยง้ั การเหนย่ี วน�ำ การเกิดสารพษิ กับเซลล์ประสาท (Glutamate-induced neurotoxicity) และ ต้านอนมุ ลู อสิ ระ พรมมิ มฤี ทธิ์ท่ดี ีมากในการยับยั้ง อะซทิ ิลโคลนี เอสเตอเรส (Acetylcholinesterase: AchE) ได้อย่างมีนยั สำ�คญั ทางสถติ เิ หมือนกับแปะ ก๊วย พรมมิ ปกปอ้ งเซลลป์ ระสาท เพราะมี สารตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ และสาร ยับยั้งเอนไซม์ อะซทิ ลิ โคลนี เอสเตอเรส45 http://www.thaicam.go.th 147
สมุนไพร สมุนไพร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หมายถงึ พชื ทใ่ี ชท้ �ำ เปน็ เครอ่ื งยา สมนุ ไพรก�ำ เนดิ มาจากธรรมชาตแิ ละมคี วามหมาย ตอ่ ชวี ติ มนษุ ยโ์ ดยเฉพาะในทางสขุ ภาพ อนั หมายถงึ ทง้ั การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ และ การรกั ษาโรค สว่ นความหมายของยาสมนุ ไพรในพระราชบญั ญตั ยิ า พ.ศ. 2510 ได้ระบุว่า ยาสมุนไพร หมายความว่า ยาที่ได้จากพฤกษาชาติ สัตว์ หรือ แรธ่ าตุ ซง่ึ มไิ ดผ้ สมปรงุ หรอื แปรสภาพ เชน่ พชื กย็ งั เปน็ สว่ นของราก ล�ำ ตน้ ใบ ดอก ฯลฯ ซง่ึ ไมไ่ ดผ้ า่ นขน้ั ตอนการแปรรปู ใด ๆ แตใ่ นทางการคา้ สมนุ ไพร มักถูกดัดแปลงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น หั่นให้เป็นชิ้นเล็กลง บดเป็นผงละเอยี ด เป็นต้น สำ�หรับผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ได้มีการศึกษาพืชสมุนไพรพื้นบ้าน ท่ใี ชใ้ นรปู ของยาต�ำ รบั โดยนำ�ส่วนตา่ ง ๆ ของสมนุ ไพรมาตม้ น�ำ้ ดมื่ สมุนไพรไทยชนิดต�ำ รบั ส�ำ หรับผ้ปู ว่ ยอัมพาต 46 เป็นยาตำ�รบั และใชว้ ธิ ีตม้ น�้ำ ดม่ื แบ่งได้ 7 ตำ�รบั คือ ตำ�รบั 1 ประกอบด้วย เถากระดึงช้างทง้ั ตน้ ใบพลับพลึง และ ปรงสวนทั้งต้น ต�ำ รบั 2 ประกอบด้วย เถากระดึงช้างทั้งต้น ลำ�ต้นรางแดง รากปอเต่าไห้ ล�ำ ต้นหนุ่ แป และล�ำ ต้นพูช้าง ต�ำ รับ 3 ประกอบดว้ ย แกน่ กดั ล้ิน แก่นกระท่มุ หูกวาง และ แกน่ กรวยป่า ต�ำ รับ 4 ประกอบดว้ ย แก่นกดั ล้นิ แก่นสม้ กบ และนาคราชใบ คลื่นท้งั ต้น 148 สำ�นกั การแพทยท์ างเลอื ก
ตำ�รับ 5 ประกอบด้วย แก่นกดั ลน้ิ ลำ�ตน้ คัดเคา้ ดง และล�ำ ตน้ คัดเค้าเครอื ตำ�รับ 6 ประกอบดว้ ย แก่นกดั ล้ิน ลำ�ต้นขมิน้ เครอื ล�ำ ตน้ พรมคต และลำ�ต้นเม่ือยดกู ตำ�รับ 7 ประกอบดว้ ย ล�ำ ตน้ รางแดง รากปอเตา่ ไห้ ล�ำ ตน้ หนุ่ แป และลำ�ต้นพูชา้ ง สมุนไพรไทยชนดิ ตำ�รบั สำ�หรบั ผูป้ ่วยอมั พฤกษ์ 47 สมนุ ไพรทใ่ี ชแ้ กอ้ มั พฤกษใ์ นรปู แบบยาต�ำ รบั และใชเ้ ปน็ ยาตม้ แบง่ ไดเ้ ปน็ 13 ต�ำ รบั คอื ตำ�รับ 1 ประกอบด้วย ล�ำ ต้นเหงือกปลาหมอ ล�ำ ต้นมะดกู ใบ หรอื ล�ำ ต้น มะค�ำ ไก่ ลำ�ตน้ มะคงั แดง และเหง้ายาหัว ตำ�รบั 2 ประกอบดว้ ย ล�ำ ตน้ ชะลูด เถากระดงึ ช้างทง้ั ตน้ และ เครอื พเู งินทั้งตน้ ต�ำ รบั 3 ประกอบดว้ ยแก่นโมกใหญ่ ล�ำ ต้นมะคงั แดง แก่นคำ� มอกหลวงและรากหรือลำ�ตน้ ตะลุมพกุ ต�ำ รับ 4 ประกอบด้วย ใบกุ่มน้�ำ ใบกมุ่ บก ใบสังวาลพระอนิ ทร์ ใบส่องฟา้ และใบหสั คุณ ต�ำ รับ 5 ประกอบดว้ ย ลำ�ต้นเหงือกปลาหมอ ใบหรือล�ำ ต้น แพงเจ็ดชนั้ ลำ�ตน้ มะดกู ผกั กาดโคกทง้ั ต้น ล�ำ ตน้ มะคงั แดง ล�ำ ต้นกาฝาก มะม่วงรากปอเต่าไห้ และเหงา้ ยาหวั http://www.thaicam.go.th 149
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218