Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พาตweb

พาตweb

Published by E-book Bang SAOTHONG Distric Public library, 2019-09-12 04:16:43

Description: พาตweb

Search

Read the Text Version

ขอ้ บ่งชี้ที่ 2 ผู้ปว่ ยทม่ี กี ล้ามเนอื้ ขาอ่อนแรง วิธีการปฏิบัติท่าเต่า ยืนตามลักษณะภาพ จากนั้นดึงพลังให้มาหล่อเลี้ยงที่ขา โดยเริ่ม จากขามาทท่ี อ้ งนอ้ ย แลว้ บดพลงั จากทอ้ งนอ้ ยผา่ นขอ้ สะโพก ลงสฝู่ า่ เทา้ อกี ครง้ั จากนน้ั ใชฝ้ า่ มอื ดงึ พลงั ขนึ้ ไปสเู่ บอื้ งบนแลว้ กดลงสกู่ ระหมอ่ มลงสทู่ อ้ งนอ้ ยพรอ้ ม กับย่อตัวลงดันฝ่ามือไปข้างหน้า คงพลังไว้ที่ฝ่ามือ ข้อสะโพก ข้อเข่า และ ข้อเท้า พลัง ทั้ง 4 จุด ทั้งร่างกายซีกขวา ซีกซ้ายนี้จะช่วยพยุงน้ำ�หนักตัว ที่กดลงสู่ขาและเท้าในขณะที่ย่อตัวลง ทำ�ให้คงสภาพขาได้นิ่งไม่ล้มลง อีกทั้ง เมอ่ื ฝกึ ทา่ นเ้ี ปน็ ประจ�ำ พลงั ทโ่ี คจรในลกั ษณะนจ้ี ะเพม่ิ พลงั ขาใหม้ ากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ การโคจรพลังมือเป็นตัวสำ�คัญในการชักนำ�พลังไปยังร่างกายส่วนต่าง ๆ ตาม การเคลื่อนไหว ทา่ เตา่ 50 สำ�นักการแพทยท์ างเลอื ก

ไท่จี๋ชี่กง 7 ค�ำ ว่า ช่กี ง เป็นส�ำ เนยี งของภาษาจนี กลาง แต่ส�ำ เนยี งของภาษาจนี แต้จ๋วิ อ่านวา่ “คีกง” ไท่จช๋ี ่กี ง 18 ทา่ เป็นภาษาจีนกลาง ภาษาแต้จวิ๋ อา่ นว่า “ไทเ่ กก๊ คกี ง” หากแปลตามตวั อกั ษรแปลวา่ สง่ิ ทท่ี �ำ (การออกก�ำ ลงั กาย 18 ทา่ ) ใหเ้ กดิ พลงั ลมปราณขน้ั สงู สดุ ไทจ่ ี๋ หรอื ชอื่ เตม็ คอื ไทจ่ เี๋ ฉวยี นเปน็ ภาษาจนี กลาง แต่ “ไทเ่ ก๊ก” เป็นสำ�เนยี งจนี แต้จวิ๋ หรือช่อื เตม็ คอื “ไทเ่ กก๊ คุง้ ” หรอื มวยไท่เก๊ก หากแปลตามตัวอกั ษรแปลวา่ หมัดมวยขน้ั สูงสุด ไทจ่ ๋ีช่กี ง 18 ทา่ เปน็ การ ออกกำ�ลงั กายในลักษณะเดียวกับไทจ่ ี๋ แต่ทำ�ไดง้ า่ ยกว่าเหมาะกับผู้ท่มี ีกำ�ลงั ขา ไมแ่ ขง็ แรง เคลอ่ื นไหวไมส่ ะดวก หรอื ผฟู้ น้ื จากความเจบ็ ปว่ ย ทา่ ไทจ่ ช๋ี ก่ี ง 18 ทา่ มกี ระบวนทา่ ทไ่ี มซ่ บั ซอ้ น แตล่ ะทา่ แยกจากกนั เปน็ อสิ ระ ผทู้ ม่ี ปี ญั หาขาไมม่ กี �ำ ลงั ควรเร่มิ ต้นฝึกไท่จี๋ชี่กง 18 ท่า เพื่อจะช่วยในการยดื เหยียดเส้น และผ่อนคลาย หากทำ�ไปเร่อื ย ๆ จะชว่ ยให้ขาเรามกี �ำ ลังมากข้นึ ศาสตราจารยห์ ลนิ โฮว่ เสง่ิ แหง่ สถาบนั วจิ ยั ชก่ี งนานาชาต ิ สาธารณรฐั ประชาชนจีน เป็นผูค้ ิดคน้ การฝึกไทจ่ ช๋ี ก่ี ง 18 ท่า โดยน�ำ ไท้จิเฉวยี นและชกี่ ง มาผสมผสานกนั เมอ่ื ปี ค.ศ. 1979 และน�ำ ออกเผยแพร ่ ปจั จบุ นั การฝกึ ไทจ่ ช๋ี ก่ี ง 18 ท่าได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย เนื่องจาก ไทจ่ ชี๋ ก่ี ง 18 ทา่ มที ว่ งทา่ การฝกึ ทไ่ี มซ่ บั ซอ้ น คนทว่ั ไปสามารถฝกึ ไดง้ า่ ย แมแ้ ต่ คนฟน้ื จากความเจบ็ ปว่ ย หรอื เดนิ ไมค่ อ่ ยคลอ่ งแคลว่ รายละเอยี ดของกระบวนทา่ ต่าง ๆ ของไท่จี๋ชี่กง 18 ท่านั้น มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ซึ่งกระบวนท่า จะเนน้ การเคลอ่ื นไหวอยา่ งชา้ ๆ และตามดลู มหายใจ ผฝู้ กึ ฝนทเ่ี ขา้ ถงึ ไทจ่ ช๋ี ก่ี ง 18 ทา่ แลว้ จะส�ำ รวมกาย วาจา และใจ เพื่อให้เกิดความน่ิง และท�ำ ให้การ http://www.thaicam.go.th 51

ฝึกฝนมีประโยชน์อย่างเต็มที่ และเนื่องจากแต่ละท่าจะมีการขึ้น-ลงของลำ�ตัว เราควรให้ฝ่าเท้าติดกับพื้นดินยืนให้มั่น ขณะย่อตัวลงควรให้หลังตรง และ น้ำ�หนักทิ้งลงฝ่าเท้า กระดูกก้นกบดิ่งลงดิน (ก้นไม่ยื่นออก ขณะยืนสงบนิ่ง และเคลอ่ื นไหว) และทา่ ยนื ควรใหน้ �ำ้ หนกั ทง้ิ ลงทก่ี ลางฝา่ เทา้ ฝา่ เทา้ เปรยี บเสมอื น รากต้นไมท้ ยี่ ดึ เกาะพื้นดนิ ลำ�ตัวเปรยี บได้กับล�ำ ต้น และฝา่ มือ แขนเปรยี บได้ กับกง่ิ ไม้ ลักษณะการยนื จึงมั่นคง สมดุล และหนกั แน่น แต่ผอ่ นคลาย ไท่จี๋ชี่กงในผ้ปู ่วยอมั พฤกษ์ คุณสมบตั ิของผู้ป่วย ผปู้ ่วยสามารถท่ีจะยนื ดว้ ยตนเองและทรงตัวเองได้ และเคลื่อนไหว ร่างกายได้พอควรหรอื มีญาตชิ ่วยดแู ลขณะเคล่อื นไหว ขอ้ บง่ ช ้ี : ผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อไหล่ แขน มือ อ่อนแรง (ในแต่ละท่าจะมี คณุ ประโยชน์แยกเฉพาะรว่ มดว้ ย) วิธกี ารปฏบิ ัติ ไท่จี๋ชี่กง 18 ท่า ท่าที่ 1 ฉี่ซือ่ เถียวซี (เคลือ่ นไหวเป็นนำ�้ พุ) 52 สำ�นกั การแพทยท์ างเลอื ก

หายใจเขา้ ยกแขนสองขา้ งขน้ึ ขนานกบั พน้ื ดนิ ฝา่ มอื คว�ำ่ ขณะยกแขน ไมย่ กไหล่ ไม่เกร็งไหล่ เมื่อหายใจเข้าจนสุดแล้ว (แขนยื่นไปข้างหน้าฝ่ามือสองข้างคว่ำ� พร้อมกับข้อศอกงอเลก็ น้อย ไม่เหยียดตรง) หายใจออกพร้อมคอ่ ย ๆ ย่อตัวลง ใหศ้ อกทงิ้ ลง น�ำ้ หนกั ลงทฝ่ี า่ เทา้ จบครงั้ ท่ี 1 และท�ำ ซ�ำ้ ครง้ั ท่ี 2 จนครบ 6 ครงั้ ประโยชน์ ผู้ท่ีมีความดนั โลหติ สงู โรคหวั ใจ ตับอักเสบ ช่วยทำ�ให้ระบบดงั กล่าว กลบั ไปสู่ภาวะปกตเิ รว็ ข้ึน ทา่ ท่ี 2 ไคคว่อซงไหว่ (สูดหายใจรมิ หน้าผา) ท่าที่ 2 ไคคว่อซงไหว่ (สดู หายใจรมิ หนา้ ผา) หายใจเขา้ พรอ้ มยกแขนสองขา้ งขน้ึ สงู ระดบั เดยี ว กับไหล่ หลังจากนั้นให้ฝ่ามือสองข้างแยกออกจากกัน (กางแขน) ไม่ยกไหล่ ไม่เกร็งไหล่ ทั้งหมดนี้อยู่ในช่วงหายใจออกพร้อมค่อย ๆ ขยับแขนสองข้าง ทีก่ างอยูเ่ ขา้ หากนั ยอ่ ตวั ลง ใหศ้ อกทิง้ ลง น้�ำ หนกั ลงทีฝ่ า่ เทา้ จบครัง้ ที่ 1 และ ท�ำ ซ้ำ�คร้งั ท่ี 2 จนครบ 6 ครง้ั ประโยชน์ ผู้ที่มีภาวะปอดบวม โรคหัวใจ หายใจไม่สะดวก หัวใจ เต้นผิดปกติ แน่นหน้าอก ช่วยทำ�ให้ระบบดังกล่าว กลับสู่ภาวะปกติได้ดีขึ้น http://www.thaicam.go.th 53

ทา่ ที่ 3 ฮยุ้ อไู่ ฉหง (ระบ�ำ สายรงุ้ ) ท่าท่ี 3 ฮยุ้ อไู่ ฉหง (ระบ�ำ สายรงุ้ ) หายใจเขา้ พรอ้ มยกแขนสองขา้ งขน้ึ เหนอื ศรี ษะ หายใจออกพรอ้ มหมนุ คอไปทางซา้ ย และฝา่ มอื ขวา วางกลางกระหมอ่ มเหนอื ศรี ษะ แขนซา้ ยยน่ื ออก ไปดา้ นซา้ ย ขอ้ ศอกโคง้ ระดบั เดยี วกบั ไหล่ หนั หนา้ ไปมองฝา่ มอื ซา้ ย น�ำ้ หนกั ตวั ไปทางขวาเลก็ นอ้ ย ท�ำ เชน่ เดยี วกนั ในดา้ นขวา จบครง้ั ท่ี 1 และท�ำ ซ�ำ้ ครง้ั ท่ี 2 จนครบ 6 ครง้ั ประโยชน์ รักษาอาการเมื่อยเอว เจ็บหลัง ลดไขมันส่วนเกิน 54 สำ�นักการแพทยท์ างเลอื ก

ทา่ ที่ 4 หลนุ่ เปย้ เฟนิ หยวนิ (รวมพลงั แยกเมฆ) ท่าท่ี 4 หลนุ่ เปย้ เฟนิ หยวนิ (รวมพลงั แยกเมฆ) หายใจเขา้ ยกแขนสองขา้ งไขวก้ นั เหนอื ศรี ษะ หายใจเขา้ สดุ แลว้ ฝา่ มอื สองข้างแยกจากกันพร้อมย่อตัวลงหายใจออก แขนสองข้างหมุนเป็นวงกลม จนโค้งเข้าหากันเป็นรูปกากบาท และทำ�ซำ้�ครง้ั ที่ 2 จนครบ 6 ครงั้ ประโยชน์ เพมิ่ พลังต้นขา โรคหัวใจ อาการหอบ อาการปวดไหล่ และไหลอ่ กั เสบใหก้ ลับสู่ภาวะปกตไิ ดเ้ ร็วขึน้ http://www.thaicam.go.th 55

ท่าท่ี 5 ตง้ิ ปเู้ ตา๋ เจวย่ี นกง (รถไฟมว้ นตวั กลบั ) ทา่ ท่ี 5 ตง้ิ ปเู้ ตา๋ เจวย่ี นกง (รถไฟมว้ นตวั กลบั ) สองแขนหมุนรอบวงแขวนเป็นวงกลม สลับกันขึ้นลง เหมือนกับ ท่าวา่ ยน�ำ้ ฟรสี ไตล์ และท�ำ ซ้�ำ ครัง้ ที่ 2 จนครบ 6 ครง้ั ประโยชน์ อาการอักเสบของไหล่ ข้อศอก ข้อมือ อาการหอบ หลอดลมอักเสบ กลับสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น 56 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลือก

ท่าที่ 6 หซู นิ หวาฉวน (แจวเรอื กลางสระ) ท่าท่ี 6 หซู นิ หวาฉวน (แจวเรอื กลางสระ) สองแขนหมนุ รอบเปน็ วงกลม ขน้ึ ลงพรอ้ มกนั เหมอื นกบั ทา่ กระโดดเชอื ก ท่าย่อตวั หายใจออก ท่ายนื หายใจเขา้ และท�ำ ซำ�้ คร้งั ท่ี 2 จนครบ 6 ครง้ั ประโยชน์ ช่วยใหร้ ะบบกระเพาะล�ำ ไส้ หวั ใจ ท�ำ งานเปน็ ปกติ และ ท�ำ ให้สมองกระปรี้กระเปร่า ชว่ ยการย่อยอาหาร http://www.thaicam.go.th 57

ทา่ ที่ 7 เจยี นเฉยี นโทฉวิ (ตบบอลหนา้ ไหล)่ ทา่ ท่ี 7 เจียนเฉยี นโทฉิว (ตบบอลหน้าไหล)่ หมุนตัวไปด้านซ้ายพร้อมยกมือขวาเหนือศีรษะ มือซ้ายวางข้างตัว พรอ้ มกบั หายใจออก ฝา่ เทา้ ซา้ ยวางแนบพนื้ ยกสน้ เทา้ ขวาขนึ้ เมอื่ หมนุ กลบั มา ด้านหน้า ให้หายใจเขา้ หมุนตัวไปทางขวา พร้อมยกมือซอ้ื เหนือศีรษะ มอื ขวา วางขา้ งตวั พรอ้ มกบั หายใจออก ฝา่ เทา้ ขวาวางแนบพน้ื ยกสน้ เทา้ ซา้ ยขน้ึ เมอ่ื หมุนกลบั มาดา้ นหน้า ให้หายใจเขา้ และทำ�ซ้�ำ ครง้ั ที่ 2 จนครบ 6 คร้ัง ประโยชน์ ช่วยลดภาวะไขขอ้ อกั เสบ 58 สำ�นักการแพทย์ทางเลอื ก

ทา่ ที่ 8 จว๋ นถี่ฮว่ังเหยว่ (หมนุ ตวั ชมจนั ทร์) ทา่ ที่ 8 จ๋วนถีฮ่ วัง่ เหยว่ (หมุนตวั ชมจันทร์) หมนุ ตวั ไปดา้ นซา้ ย แขนซา้ ยยน่ื ตรงพรอ้ มผา่ มอื ซา้ ยหงาย มอื ขวาคว�ำ่ พร้อมกบั หมุนคอมองฝ่ามอื ซา้ ยทีห่ งาย ฝา่ เทา้ สองข้างให้มัน่ คง ไมข่ ยบั หมนุ ตัวกลับหายใจเข้า หมุนตัวไปด้านขวา แขนขวายื่นตรงพร้อมผ่ามือขวาหงาย มอื ซา้ ยคว�ำ่ พรอ้ มกบั หมนุ คอมองฝา่ มอื ขวาทห่ี งาย และท�ำ ซ�ำ้ ครง้ั ท่ี 2 จนครบ 6 ครง้ั ประโยชน์ ลดอาการปวดเมือ่ ยเอว หลงั และลดความอว้ น http://www.thaicam.go.th 59

ทา่ ท่ี 9 จว่ นยาวทยุ จ่ัง (นงั่ มา้ โม่แปง้ ) ท่าที่ 9 จว่ นยาวทยุ จ่งั (นัง่ มา้ โมแ่ ป้ง) นัง่ ยอง ๆ ให้น้ำ�หนักอยู่ที่ฝ่าเท้า หลังตรง ฝ่ามือสองข้างหงายออก วางขา้ งเอว ยน่ื มอื ขวาออกไปดา้ นซา้ ย พรอ้ มหายใจออก เกบ็ มอื ขวากลบั ทเ่ี อว หายใจเขา้ ยน่ื มอื ซา้ ยไปดา้ นขวา พรอ้ มหายใจออก และท�ำ ซ�ำ้ ครง้ั ท่ี 2 จนครบ 6 ครงั้ ประโยชน์ ช่วยให้ระบบขับถ่ายและไตทำ�งานเป็นปกติ เพิ่มพลัง กล้ามเน้ือเอว และลดอาการปวดเมื่อยต้นขา 60 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลือก

ท่าท่ี 10 หม่าปหู้ ยวนิ โส่ว (นงั่ ม้ามือเมฆ) ทา่ ท่ี 10 หมา่ ปู้หยวนิ โสว่ (นง่ั มา้ มอื เมฆ) น่งั ยอง ๆ ให้น้ำ�หนักอยู่ที่ฝ่าเท้า หลังตรง มือซ้ายเลื่อนไประหว่าง ตาสองข้าง ควำ่�มอื ขวาวางในระดบั เอว หมุนเอวไปทางซ้าย มือซา้ ยและขวา ตามสลับมอื ขวาและซ้าย มือขวาเล่อื นไประหวา่ งตาสองขา้ ง ควำ�่ มือซ้าย วาง ในระดับเอว หมุนเอวไปทางขวา มือขวาและซ้ายตาม ท�ำ ซ�ำ้ ครัง้ ที่ 2 จนครบ 6 ครงั้ การเคลอ่ื นมอื ซา้ ยหรอื ขวาใหใ้ ช้ จดุ ศนู ยก์ ลางของล�ำ ตวั เคลอ่ื นไหวกอ่ น ประโยชน์ ชว่ ยให้เสน้ ประสาท ระบบกระเพาะอาหารและลำ�ไส้กลบั ส่ภู าวะปกติ http://www.thaicam.go.th 61

ทา่ ท่ี 11 เลา้ ไห่กวนเทยี น (จบั ปลามองฟา้ ) ทา่ ท่ี 11 เลา้ ไห่กวนเทียน (จบั ปลามองฟ้า) ย่อขาขวา ยกขาซ้ายพร้อมก้าวไปข้างหน้า หายใจเข้า และค่อย ๆ วางลง โดยสน้ เทา้ คอ่ ย ๆ วางก่อน หายใจออก สองมือไขว้เข้าหากัน เงยหน้า พร้อมสองมือแยกจากกันหายใจเข้า ก้มตัวลงหายใจออก และทำ�ซ้ำ�ครั้งที่ 2 จนครบ 6 ครงั้ จากนัน้ เปลีย่ นข้างท�ำ ด้านขวา ประโยชน์ ช่วยให้ไต กระเพาะอาหาร ลำ�ไส้ กลับสู่ภาวะปกติ ลดอาการปวดเอวและต้นขา ช่วยลดความอว้ น 62 ส�ำ นกั การแพทย์ทางเลือก

ท่าท่ี 12 ทุยโปจรู้ลั่ง (ผลักคลื่นเข้าหาฝั่ง) ทา่ ที่ 12 ทุยโปจรู้ลั่ง (ผลักคลื่นเข้าหาฝั่ง) ย่อขาขวา ยกขาซ้ายพร้อมก้าวไปข้างหน้า หายใจเข้า แขนสองข้าง หมนุ เปน็ วงกลม ราวกบั ผลกั คลน่ื ออกจากตวั เมอื่ แขนสองขา้ งมว้ นกลบั คลา้ ย กับคลื่นม้วนตัวกลับ น้ำ�หนักจะอยู่ที่ฝ่าเท้าขวา (ขาหลัง) และทำ�ซ้ำ� 6 ครั้ง จากนั้นเปลี่ยนข้างทำ�ด้านขวา ประโยชน์ ชว่ ยใหภ้ าวะตบั อกั เสบกลบั สภู่ าวะทป่ี กตเิ รว็ ขน้ึ ลดอาการ ปวดตามซ่โี ครง ลดอาการออ่ นเพลยี ท�ำ ให้นอนหลบั http://www.thaicam.go.th 63

ทา่ ท่ี 13 ไฟเกอจ่านชรื่อ (นกพิราบขยับปีก) ท่าท่ี 13 ไฟเกอจ่านชรื่อ (นกพิราบขยับปีก) ย่อขาขวา ยกขาซ้ายพร้อมก้าวไปข้างหน้า หายใจเข้าพร้อมกางแขน ออก และย้ายน้าหนักตัวไปที่เท้าหน้า เท้าหน้ายืนตรง ย้ายน้ำ�หนักมาที่เท้า หลังพร้อมหายใจออก ทำ�ซ้ำ�ครั้งที่ 2 จนครบ 6 ครั้ง และสลับไปทาขาซ้าย ประโยชน์ ชว่ ยใหภ้ าวะตบั อกั เสบกลบั สภู่ าวะทป่ี กตเิ รว็ ขน้ึ ลดอาการ แน่นหนา้ อก หายใจสะดวกข้ึน 64 ส�ำ นกั การแพทย์ทางเลอื ก

ทา่ ท่ี 14 เซินเป้ยชงเฉวียน (กำ�หมัดชกลม) ทา่ ท่ี 14 เซินเป้ยชงเฉวียน (กำ�หมัดชกลม) กำ�หมดั สองข้าง (ใหน้ วิ้ โปง้ อยู่ด้านในของนิว้ อ่นื ๆ) หงายหมัดออก วางไว้บริเวณข้างเอวสองข้าง พร้อมกับย่อตัวลงให้น้ำ�หนักอยู่ที่ฝ่าเท้าพร้อม หายใจออก ย่ืนหมดั ขวาออกในรูปควำ�่ หมดั พร้อมหายใจเข้า และยดื ลำ�ตัวขน้ึ ดึงหมัดขวากลับสู่ที่เดิมพร้อมกับหายใจออก ยื่นหมัดซ้ายออกในรูปคว่ำ�หมัด พรอ้ มหายใจเขา้ และยดื ล�ำ ตวั ขน้ึ ดงึ หมดั ซา้ ยกลบั สทู่ เี่ ดมิ พรอ้ มกบั หายใจออก และท�ำ ซ้�ำ คร้ังท่ี 2 จนครบ 6 ครั้ง ประโยชน์ ทำ�ให้อาการหอบ และภาวะหลอดลมอกั เสบ กลับสู่ภาวะ ปกติเร็วขึ้น ช่วยให้นอนหลับ http://www.thaicam.go.th 65

ท่าที่ 15 ตา้ แยน่ เฟยเสียง (นกไต้หงันเหริ เวหา) ท่าท่ี 15 ตา้ แยน่ เฟยเสียง (นกไตห้ งันเหริ เวหา) คอ่ ย ๆ ยกส้นเท้าขึ้น จนนำ�้ หนกั ตัวไปอยู่ท่ปี ลายเทา้ สองขา้ ง พรอ้ ม หายใจเข้า กางแขนออกระดับเดียวกับไหล่ ข้อศอกงอเล็กน้อย ทำ�สบาย ๆ ผอ่ นคลาย (ไมย่ กไหล่ และเกรง็ ไหล)่ หายใจออก พรอ้ มกบั คอ่ ย ๆ ยา้ ยน�ำ้ หนกั จากปลายเท้ามาทีฝ่ ่าเท้า คอ่ ย ๆ ย่อตัวลง หลังตรง การย่อตัวลงให้ข้อศอก ลดระดบั ลงพร้อมกับแขน และท�ำ ซ้ำ�ครง้ั ท่ี 2 จนครบ 6 ครัง้ ประโยชน์ ช่วยคลายความเครียด ลดอาการมึนงง ลดอาการ อ่อนเพลีย 66 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลอื ก

ทา่ ที่ 16 หวันจว่ นเฟยหลุน (เคลอ่ื นตัวราวชิงช้าสวรรค์) ท่าท่ี 16 หวนั จว่ นเฟยหลุน (เคลื่อนตวั ราวชิงชา้ สวรรค)์ ยืนตรงพร้อมชูมือขึ้นสองข้างเหนือศีรษะ พร้อมหายใจเข้า เคล่ือน แขนทั้งสองข้างเปน็ วงกลม คล้ายกบั การเคล่ือนตวั ของชงิ ชา้ สวรรค์ พรอ้ มกบั เคลอื่ นน้ำ�หนกั ฝา่ เท้าไปพรอ้ ม ๆ กันทวนเขม็ นาฬกิ า 3 ครง้ั ตามเข็มนาฬิกา 3 ครั้ง ประโยชน์ เพิ่มกำ�ลังของขา กระตุ้นระบบการไหลเวียน ลดอาการ ปวดขอ้ ขา และไหล่ ลดความอ้วน http://www.thaicam.go.th 67

ทา่ ที่ 17 ทาปู้ไพฉวิ (ตบบอลซอยเท้า) ท่าที่ 17 ทาปูไ้ พฉวิ (ตบบอลซอยเท้า) ค่อย ๆ หายใจเข้า โดยยกแขนขวาขึ้นในระดับไหล่ ขณะเดียวกัน ยกสน้ เทา้ ขวาคอ่ ย ๆ ถา่ ยน�ำ้ หนกั ไปทป่ี ลายเทา้ ขวา ยกเทา้ ซา้ ยขน้ึ และมอื ซา้ ย วางลงแนบตัว ครั้งที่ 1 หายใจออกเก็บแขน ขากลับที่เดิม ยืนตรง ค่อย ๆ หายใจเขา้ โดยยกแขนซ้ายขึน้ ในระดบั ไหล่ ขณะเดยี วกนั ยกส้นเทา้ ซา้ ยคอ่ ยๆ เปลี่ยนน้าหนักจากส้นเท้าไปที่ปลายเท้าซ้าย ยกเท้าขวาขึ้น และมือขวาวาง ลงแนบตวั ครง้ั ท่ี 2 หายใจออกเกบ็ แขน ขากลบั ทเ่ี ดมิ ยนื ตรง ท�ำ ซ�ำ้ จนครบ 21 ครง้ั ประโยชน์ คลายเครียด เพิ่มพลังให้ร่างกาย ลดอาการอ่อนเพลีย ทำ�ใหน้ อนหลับ เพ่มิ ความฉับไวใหม้ ือเทา้ 68 ส�ำ นกั การแพทย์ทางเลือก

ท่าที่ 18 อา้ นจา่ งผงิ ชี่ (เกบ็ ท่าสงบน่ิง) ท่าที่ 18 อ้านจา่ งผิงชี่ (เกบ็ ท่าสงบน่งิ ) หายใจเขา้ ยกแขนสองขา้ งขึน้ ขนานกับพ้ืนดนิ ฝา่ มือหงายออกขณะ ยกแขนขน้ึ ไมย่ กไหล่ ไม่เกรง็ ไหล่ เมอ่ื หายใจเข้าจนสดุ แล้ว แขนสองข้างอยู่ ระดับค้ิว (คนทเ่ี ป็นความดันสงู ให้แขนสองข้างอยรู่ ะดับไหล)่ จากนั้นใหฝ้ า่ มือ สองขา้ งคว�ำ่ พรอ้ มกบั ขอ้ ศอกงอเลก็ นอ้ ย ไมเ่ หยยี ดตรง หายใจออกพรอ้ มคอ่ ย ๆ ย่อตัวลง ให้ศอกทง้ิ ลง น�ำ้ หนักลงทีฝ่ ่าเท้า และทำ�ซำ�้ ครงั้ ที่ 2 จนครบ 6 คร้ัง ประโยชน์ ผู้ทม่ี ีความดันโลหติ สูง โรคหัวใจ ตับอกั เสบ ชว่ ยทำ�ให้ ระบบดงั กล่าวกลับสูภ่ าวะปกติเรว็ ข้นึ http://www.thaicam.go.th 69

ระยะเวลาในการฝึก ทัง้ 18 ท่า ในการฝกึ ถา้ ท�ำ ไดต้ อ่ เนอ่ื งจะใชร้ ะยะเวลา ประมาณ 1 ชว่ั โมง แตถ่ า้ ไม่ไดค้ รบตามขนั้ ตอนใหท้ �ำ เทา่ ทที่ �ำ ได้ ขอ้ แนะน�ำ ในการออกก�ำ ลังกายแบบไทจ่ ี๋ชก่ี ง7 1. การยืนในทุกกระบวนท่า ให้ฝ่าเท้าสองข้างห่างกันเท่ากับ ความ กวา้ งของไหล่ หลังตรง (กระดกู สันหลังจากคอถึงก้นกบเป็นเส้นตรง) ตามอง ไปหนา้ ใช้ความรสู้ ึก (ประสาทสัมผสั ) รับรกู้ ารเคลอื่ นไหวแทนการใช้สายตา ท้งั สองข้าง (เรียกกวา่ ตาทส่ี าม หรือใช้ตาใน แทนตาเนอ้ื ) 2. แตล่ ะกระบวนท่าหายใจเข้าท้องพอง หายใจออกทอ้ งแฟบ การ หายใจเขา้ มกั อยใู่ นทา่ ยนื ทา่ ยกสน้ เทา้ ลอยตวั การหายใจออกมกั อยใู่ นทา่ ยอ่ ตวั ก้มตวั 3. การหายใจ ใหล้ มหายใจผา่ นจมกู ไปสคู่ อ และลงทอ้ ง ใหร้ สู้ กึ วา่ ท้องพองเม่ือหายใจเข้า และหายใจออกเริ่มจากคอ่ ย ๆ ปล่อยลมออกจากท้อง ท้องคอ่ ย ๆ แฟบ ลมหายใจออกผา่ นคอ สจู่ มูก ให้ร้สู ึกวา่ ท้องแฟบเมอ่ื หายใจ ออกหมด อยา่ หายใจเข้าอยู่เพียงส่วนจมกู และหน้าอก 4. การเคลอ่ื นไหวแตล่ ะกระบวนทา่ ใหพ้ งึ ระลกึ วา่ จดุ ศนู ยก์ ลางของ การเคลือ่ นไหวอยู่ใตส้ ะดอื ประมาณ 2 นิ้ว คนจนี เรยี กว่า ตันเถียน ให้เรมิ่ การ เคลอ่ื นไหวทส่ี ว่ นนก้ี อ่ น เมอ่ื สว่ นนเ้ี คลอ่ื นแลว้ ทกุ ๆ สว่ นจะเคลอ่ื นตามคนจนี เรยี กวา่ อติ๊ ้งอปู๋ ตุ๊ ง้ หมายถึง เคลอื่ นหนึ่งเทา่ กับทุกสว่ นเคล่ือนไปพร้อมกัน 70 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก

นวดกดจดุ สะทอ้ นเทา้ นวดกดจดุ สะทอ้ นเทา้ (Reflexology) ถกู คน้ พบในหลายวฒั นธรรม ซึ่งแตกต่างกันออกไป ในอียิปต์ถูกค้นพบในหลุมฝังศพของคนตาย ซึ่งมีการ คน้ พบภาพวาดอายุประมาณ 2300 ปี ท่พี บในสสุ านเมือง ซุคคารา ประเทศ อยี ปิ ต์ ทม่ี ภี าพแสดงใหเ้ หน็ ขน้ั ตอนการกดนวดอยา่ งชดั เจนท�ำ ใหเ้ ชอ่ื วา่ ศาสตรน์ ้ี นา่ จะมีจดุ กำ�เนดิ ท่ีประเทศอยี ิปต์ ส่วนจีนมีหลักฐานในต�ำ ราการแพทย์แผนจีน โบราณ กวา่ 4000-5000 ปี ซง่ึ มพี นื้ ฐานมาจากการใชแ้ รงกดเพอ่ื บรรเทาอาการ เจบ็ ปวด โดยนวดตามเสน้ พลงั ทเ่ี รยี กวา่ ช่ี ควบคกู่ บั การฝงั เขม็ ตามแนวเสน้ พลงั รวมทงั้ การใชส้ มนุ ไพรในการบ�ำ บดั รกั ษาอาการของโรค8 การนวดกดจดุ สะทอ้ น แตกต่างจากการนวดโดยทั่วไป เพราะต้องรู้เทคนิคการออกแรงกดในระดบั ทลี่ กึ กวา่ การบบี นวด และรจู้ กั ต�ำ แหนง่ สะทอ้ นสอู่ วยั วะอย่างแม่นยำ� ตำ�แหน่ง การนวดกดจุดมี 3 แหง่ คอื ทม่ี อื เท้า และห9ู (ราชบณั ฑติ ยสถาน, 2551) นอกจากนี้มีการศึกษาการใช้การนวดกดจุดสะท้อนเท้าในผู้ป่วยที่มีปัญหาของ หลอดเลือดสมองพบว่าการกลับคืนมาของระบบกล้ามเนื้อขาที่มีการอ่อนแรง ทำ�ให้ผปู้ ว่ ยเดินภายในห้องโดยลำ�พงั ได้และค่า Babinski’s sign มีคา่ ลบซึ่งพบ ในคนปกติ อยา่ งมนี ยั ส�ำ คญั ทางสถติ ทิ ่ี 0.0510 http://www.thaicam.go.th 71

ตำ�แหนง่ อวยั วะท่ีสะท้อนฝ่าเท้า 1. สมองใหญ่ (CEREBRUM) 21. ต่อมหมวกไต (ADRENAL GLANDS) 2. หน้าผาก (FRONTAL SINUS) 3. สมองเล็ก (CEREBELLUM) 22. ไต (KIDNEYS) 4. ต่อมใต้สมอง (PITUITARY GLAND) 5. ขมับ (TEMPORAL AREA) 23. ท่อไต (URETERS) 6. จมูก (NOSE) 7. คอ (NECK) 24. กระเพาะปัสสาวะ (BLADDER) 8. ตา (EYE) 25. ลำ�ไส้เล็ก (SMALL INTESTINES) 9. หู (EAR) 26. ไส้ติ่ง (CAECUM APPENDIX) 10. หัวไหล่ (SHOULDER) 11. กล้ามเนื้อไหล่ (TRAPEZOID) 27. ลำ�ไสใ้ หญ่ส่วนตน้ หรอื กระพ้งุ ล�ำ ไส้ใหญ่ (ILEOCECAL VALVE) 12. ต่อมไทรอยด์ (TRYROID GLANDS) 28. ล�ำ ไสใ้ หญข่ าขน้ึ (ASCENDING COLON) 13. ต่อมพาราไทรอยด์ (PARATHYROID) 14. ปอด (LUNGS) 29. ลำ�ไส้ใหญ่ส่วนขวาง (TRANSVERSE 15. กระเพาะอาหาร (STOMACH) 16. ลำ�ไส้เล็กตอนบน (DUODENUM) CONLON) 17. ตับอ่อน (PANCREAS) 30. ล�ำ ไสใ้ หญข่ าลง (DESCENDING COLON) 18. ตับ (LIVER) 31. ลำ�ไส้ใหญ่ส่วนตรง (SIGMOID COLON, 19. ถุงน้ำ�ดี (GALL BALDDER) RECTUM) 32. ทวารหนัก (ANUS) 20. ประสาทบริเวณท้อง (SALARPLEXUS) 33. หัวใจ (HEART) 34. ม้าม (SPLEEN) 35. หัวเข่า (KNEE) 36. อวัยวะสืบพันธุ์ รังไข่ อัณฑะ (GENITAL GLAND) 37. ท้องน้อย (RELAX ABDOMEN) 38. กระดูกสะโพก (HIP-JOINT, THIGHJOINT) 39. ต่อมน้ำ�เหลืองส่วนบน (ABDOMINAL LYMPH NODES) 40. ต่อมน้ำ�เหลืองส่วนล่างของร่างกาย (PELVIC LYMPH NODES) 72 สำ�นกั การแพทยท์ างเลอื ก

ต�ำ แหน่งอวัยวะท่ีสะทอ้ นฝ่าเท้า (ตอ่ ) 41. ต่อมน้ำ�เหลืองทรวงอก (THORACIC 52. ช่องทวาร (RECTUM, ANUS) LYMPH NODES) 53. กระดูกส่วนคอตดิ สมอง CERVICALVER TEBRA 42. อวัยวะการทรงตัวหูชั้นใน (LABYRINTH) 54. กระดกู สนั หลงั ชว่ งอก (THORACIC VERTEBRA) 55. กระดกู สนั หลงั ชว่ งเอว (LUMBAR VERTEBRA) 43. ทรวงอก (THORAT BREAST) 56. กระดูกสันหลงั ช่วงกน้ กบ (SACRUM) 44. กระบังลม (DIAPHRAGM) 57. กระดกู กน้ กบด้านใน (MEDIDAL COCYX) 45. ต่อมทอนซิล (TONSIL) 58. กระดกู กน้ กบดา้ นนอก (LATERAL COCCYX) 46. ขากรรไกรล่าง (MANDIBLE) 59.กระดูกสะบกั (SCAPLA) 47. ขากรรไกรบน (MAXILLA) 48. หลอดลมใหญ่และกล่อเสียง (LARYNX, 60.ข้อศอก (ELBOW) 61.กระดกู ซโ่ี ครงทอ่ นท่ี 11, 12 (RIBS) BRONCHI) 49. ตอ่ มนำ�้ เหลอื งขาหนบี (GROIN) 62.เสน้ ประสาทขา (SCIATIC NERVE) 50. ตอ่ มลูกหมาก, มดลูก (PROSTATE GLAND OR UTERUS) 51. องคชาต, ช่องคลอด (PENIS,VAGINA) http://www.thaicam.go.th 73

เทา้ ซา้ ย (Left Foot) 1 = สมองใหญ่ (CEREBRUM) 8 = ตา (EYE) 2 = หนา้ ผาก (FRONTAL) 9 = หู (EAR) 3 = สมองเล็ก (CEREBLLUM) 6 4 2 5 2 2 10 = หัวไหล่ (SHOULDER) 4 = ตอ่ มใต้สมอง (PITUITARY) 1 8 11 = กล้ามเนือ้ ไหล่ (TRAPEZOID) 5 = ขมับ (TEMPORAL) 3 2 13 7 9 2 12 = ต่อมไทรอยด์ (TRYROID) 6 = จมกู (NOSE) 13 = ต่อมพาราไทรอยด์ 7 = คอ (NECK 11 (PARATHYROID) 2(0SA=LปAรRะPสLาEทXUทS้อ)ง 12 14 10 14 = ปอด (LUNGS) 21 = ต่อมหมวกไต 20 (ADRENALGLANDS) 15 21 33 15 = กระเพาะอาหาร 22 = ไต (KIDNEYS) 16 22 34 (STOMACH) 17 23 = ท่อไต (URETERS) 29 16 = ลำ�ไส้เลก็ ตอนบน (DUODENUM) 24 = กระเพาะปัสสาวะ 23 25 30 (BLADDER) 17 = ตบั อ่อน (PANCREAS) 33 = หวั ใจ (HEART) 25 = ล�ำ ไสเ้ ลก็ 24 32 31 35 34 = ม้าม (SPLEEN) (SMALLINTESTINES) 35 = หวั เข่า (KNEE) (T2R9AN=SVลEำ�RไSสUใ้ MหญE ่สC่วOนNขLวOางN) 36 36 = อวัยวะสบื พนั ธ์ุ รงั ไข่ อณั ฑะ (D30ESC=ENลD�ำ ไINส้ใGหญC่ขOาLลOงN) (GENITAL GLAND) 31 = ลำ�ไส้ใหญ่สว่ นตรง (SIGMOID COLON, RECTUM) 32 = ทวารหนกั (ANUS) 74 สำ�นกั การแพทย์ทางเลือก

เทา้ ขวา (Right Foot) 9 = หู (EAR) 1 = สมองใหญ่ (CEREBRUM) 10 = หัวไหล่ (SHOULDER) 2 2 2 = หนา้ ผาก (FRONTAL) 2 3 = สมองเล็ก (CEREBLLUM) 11 = กลา้ มเนอื้ ไหล่ (TRAPEZOID) 5 1 4 6 8 3 4 = ตอ่ มใตส้ มอง (PITUITARY) 12 =(TตRอ่YRมOไทIDร)อยด์ 2 2 7 5 = ขมับ (TEMPORAL) 9 11 13 6 = จมูก (NOSE) 14 = ปอด (LUNGS) 7 = คอ (NECK) (G1A9LL=BถAงุLนDำ้�DดEีR) 10 14 12 8 = ตา (EYE) 20 13 = ตอ่ มพาราไทรอยด์ 2(0SA=LปAรRะPสLาEทXUทSอ้ )ง 18 19 15 21 = ตอ่ มหมวกไต 21 17 (PARATHYROID) (ADRENAL GLANDS) 22 16 15 = กระเพาะอาหาร 22 = ไต (KIDNEYS) 29 (STOMACH) 23 = ทอ่ ไต (URETERS) 16 = ล�ำ ไส้เล็กตอนบน (A2S8CE=NDลI�ำNไGสใ้ หCญO่ขLาOขNึน้ ) 28 23 24 25 (DUODENUM) 17 = ตับออ่ น (PANCREAS) 27 35 26 24 = ก(BรLะAเพDาDะEปRสั)สาวะ (SM2A5L=L ลIN�ำ ไTสESเ้ ลTIก็NES) (T2R9AN=SVลEำ�RไSสUใ้ MหญE ่สC่วOนNขLวOางN) 36 (CAE2C6 U=Mลำ�AไPสP้ตEรNงDIX) 35 = หวั เข่า (KNEE) 27 = ILลE�ำOไสCใ้ EหCญA่สLว่ นต้น 36 = อวยั วะสืบพันธุ์ รังไข่ อัณฑะ (GENITAL GLAND) http://www.thaicam.go.th 75

เทา้ ด้านนอก 59 = กระดกู สะบกั (SCAPLA) 36 = อวยั วะสบื พนั ธ์ุ รงั ไข่ อณั ฑะ (GENITAL GLAND) 61 = กระดกู ซโ่ี ครงทอ่ นท่ี 11, 12 (RIBS) 37 39(A=BตD่อOมMนIำ�้ NเหAลLือLงYสMว่ นPบHนNขอOงDรEา่ Sงก)าย 36 38 39 61 44 43 38 = กระดูกสะโพก (HIP-JOINT) 58 35 42 35 = หัวเขา่ (KNEE) 59 10 60 44 = กระบังลม (DIAPHRAGM) 60 = ขอ้ ศอก (ELBOW) 10 =หวั ไหล่ (SHOULDER) 43 = ทรวงอก (THORAT BREAST) 42 = อวัยวะการทรงตวั หูช้นั ใน (LABYRINTH) 58 = กระดกู กน้ กบด้านนอก (LATERAL COCCYX) 62 เทา้ ดา้ นใน 50 = ตอ่ มลกู หมาก,มดลูก (PROSTATE GLAND, UTERUS) 52 49 57 50 38 40 54 13 53 56 24 55 54 = กระดูกสนั หลงั ชว่ งอก (THORACIC VERTEBRA) 57 = กระดกู ก้นกบด้านใน (MEDIDAL) 55 = กระดูกสันหลังช่วงเอว (LUMBAR VERTEBRA) 62 = เสน้ ประสาทขา (SCIATIC NERVE) 56 = กระดกู สันหลงั ช่วงก้นกบ (SACRUM) 13 = ตอ่ มพาราไทรอยด์ (PARATHYROID) 76 สำ�นักการแพทย์ทางเลือก

หลงั เท้า 39 =ตอ่ มนำ�้ เหลืองส่วนบนของรา่ งกาย 40 = ตอ่ มน�ำ้ เหลอื งสว่ นลา่ งของรา่ งกาย (ABDOMINAL LYMPH NODES) (PELVIC LYMPH NODES) 39 40 44 = กระบังลม (DIAPHRAGM) 43 = ทรวงอก (THORAT BREAST) 44 41 = ตอ่ มน้�ำ เหลืองทรวงอก (THORACICLYMNODES) 42 = กระดูกส่วนคอตดิ สมอง (CERVICAL VERTEBRA) 41 46 =ขากรรไกรลา่ ง (MANDIBLE) 42 43 48 45 = ต่อมทอนซิล (DIAPHRAGM) 45 4467 48 =หลอดลมใหญ่และกลอ่ งเสยี ง (LARYNX,BRONCHI)) 47 = กระดกู กน้ กบดา้ นใน (MEDIDAL COCYX) http://www.thaicam.go.th 77

นวดกดจุดสะท้อนเท้าในผู้ป่วยอมั พฤกษแ์ ละอมั พาต11 คณุ สมบตั ขิ องผปู้ ่วย ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ที่นั่งเองได้และสามารถใช้แรงจากมือได้ ส่วนผู้ป่วย อัมพาตให้ญาติเป็นผู้ปฏบิ ัติให้ ขอ้ บง่ ชที้ ่ี 1 มปี ญั หาปวดบ่า ไหล่ แขน วิธกี ารปฏิบัติ ให้ผู้นวดกำ�มือข้างที่ถนัดหรือข้างที่สามารถออกแรงได้ โดยใช้นิ้วชี้ ที่พับในส่วนของข้อที่ 2 (นับจากปลายนิ้ว) กดในตำ�แหน่งตามจุดดังนี้ คือ 22 23 24 51 10 11 59 39 40 ข้อบง่ ชี้ที่ 2 ปวดคอ ปวดหลงั ช่วงบน วธิ กี ารปฏิบตั ิ ให้ผู้นวดกำ�มือข้างที่ถนัดหรือข้างที่สามารถออกแรงได้ โดยใช้นิ้วชี้ ที่พับในส่วนของข้อที่ 2 กดในตำ�แหน่งตามจุดดังนี้ คือ 22 23 24 51 53 54 55 56 39 40 ขอ้ บง่ ชีท้ ี่ 3 ปวดเอว ปวดกน้ กก วธิ กี ารปฏิบัติ ให้ผู้นวดกำ�มือข้างที่ถนัดหรือข้างที่สามารถออกแรงได้ โดยใช้นิ้วชี้ ท่ีพับในสว่ นของขอ้ ท่ี 2 กดในต�ำ แหนง่ ตามจุดดงั นี้ คือ 22 23 24 51 53 78 สำ�นกั การแพทยท์ างเลอื ก

54 55 56 57 58 39 40 ผ้มู ีปญั หาในลกั ษณะอาการเหลา่ นใ้ี ห้นวดตามจุด ทสี่ ำ�คญั ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที วนั ละครั้ง ขอ้ บง่ ชท้ี ี่ 4 ระบบประสาทการขบั ถ่ายของเสยี วิธีการปฏบิ ตั ิ ใหผ้ นู้ วดก�ำ มอื ขา้ งทถ่ี นดั หรอื ขา้ งทส่ี ามารถออกแรงได้ โดยใชน้ ว้ิ ช้ี ทพ่ี บั ในสว่ นของข้อที่ 2 กดในต�ำ แหน่งตามจุดดังน้ี คือ เท้าซ้าย : 22 23 24 51 21 20 15 16 17 18 (19) 25 29 30 31 32 52 33 34 44 43 61 เทา้ ขวา : 22 23 24 51 21 20 15 16 17 18 (19) 25 26 27 28 29 52 18 19 44 43 61 ระยะเวลาในการปฏิบตั ิ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที วนั ละครัง้ การฝังเขม็ 12 การฝงั เขม็ ในประเทศจนี นน้ั ใชร้ กั ษาโรคจง้ ฟง (โรคอมั พฤกษ์ อมั พาต) มานานกวา่ 2000 ปีแล้ว แพทย์จีนอธบิ ายวา่ เกดิ การอดุ ตัน Qi ของตับ (พลัง ลมปราณของตบั ) จากของเสยี และเสมหะ (ของสกปรก) เมอ่ื พลงั ของตบั หมนุ เวยี น ไม่ได้ก็จะค่ังค้างเกิดเป็นไฟในตับ ซ่ึงจะเป็นต้นกำ�เนิดของลมตับ ธรรมชาติ ของลมจะลอยขึ้นสู่เบ้ืองสงู ในทส่ี ุดลมจึงเคลอื่ นมาทำ�อันตรายตอ่ ไขสมอง เกิด อมั พฤกษ-์ อมั พาต ไฟทมี่ มี ากจะท�ำ ใหร้ น้ จน เลอื ดไหลออกนอกหลอดเลอื ดเกดิ เปน็ เลอื ดคง่ั ในสมอง คอื เสน้ เลอื ดในสมองแตกตามแนวการแพทยแ์ ผนปจั จบุ นั http://www.thaicam.go.th 79

ส่วนของเสียและเสมหะท่ีอุดตันน้ัน เทียบเคียงได้จากการมีไขมันในเลือดสูง น้ำ�ตาลในเลือดสูง ทำ�ให้เส้นเลือดอุดตันในสุดก็อุดตันเส้นเลือดในสมองทำ�ให้ สมองขาดเลือด เกิดโรคหลอดเลือดสมองเป็นอมั พฤกษ์-อัมพาตเช่นเดยี วกนั ดงั นน้ั ไมว่ า่ เราจะวเิ คราะหผ์ ปู้ ว่ ยดว้ ยมมุ มองใดกล็ ว้ นแตเ่ ปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั ซ่ึงแพทย์จะตอ้ งหาหนทางรกั ษาแตแ่ นวทางนน้ั อาจจะตา่ งกนั ไปบ้างการฝังเขม็ ทำ�ให้หลอดเลือดขยายตัวเลือดไหลเวียนเข้าสู่หลอดเลือดท่ีไปหล่อเล้ียงอวัยวะ ต่าง ๆ มากขึ้นทั้งสมองหัวใจและแขนขาเพราะมีการศึกษาพบว่า การฝังเข็ม จะไปลดการส่งกระแสประสาทซิมพาเทติกที่มีปมประสาทวางเรียงอยู่สองขา้ ง ของแนวไขสนั หลงั ตง้ั แตบ่ รเิ วณชว่ งคอถงึ เอว ปมประสาทในแตล่ ะชว่ งกจ็ ะควบคมุ หลอดเลือดแตล่ ะระดับในร่างกาย เช่น ปมประสาทระดบั คอ (Cervieal Sym pathetie ganglion) กจ็ ะควบคมุ หลอดเลอื ดทไ่ี ปเลย้ี งสมองทง้ั หมด เมอ่ื แพทย์ ท�ำ ฝงั เขม็ โดยใชจ้ ดุ ฝงั เขม็ บรเิ วณทา้ ยถอย และคอสว่ นบนกจ็ ะสง่ ผลตอ่ ปมประสาท ชว่ งคอเลอื ดจะไหลเวยี นสสู่ มองมากขน้ึ ในทนั ทที �ำ ใหส้ มองทข่ี าดเลอื ดแตย่ งั ไมต่ าย ไดเ้ ลอื ดกลบั มาเลีย้ งและมชี วี ติ รอดไมก่ ลายเปน็ เนือ้ สมองตาย ผู้ป่วยจึงรอดพ้น จากอมั พาตดว้ ยการฝงั เขม็ สามารถท�ำ ใหห้ ลอดเลอื ดทง้ั หมดของสมองทกุ ๆ เสน้ ขยายตัวออกแลว้ ทำ�ให้หลอดเลือดอ่ืนทอี่ ยรู่ อบ ๆ บรเิ วณเน้อื สมองท่ขี าดเลือด ขยายตัวออกด้วย จึงเกิดการล�ำ เลยี งเลือดเข้ามาช่วยผ่านทางหลอดเลือดฝอย จว๋ิ ๆ (Collateral circulation) ทส่ี านเชอ่ื มกันเปน็ รา่ งแหไปทัว่ รา่ งกาย จงึ ขอ ใชค้ �ำ เรยี กแทนหลอดเลอื ดจว๋ิ ๆ นวี้ า่ “หลอดเลอื ดตวั ชว่ ย” เมอ่ื สมองขาดเลอื ด แลว้ ท�ำ ฝงั เขม็ ครง้ั แรกในชว่ งเวลาทเ่ี หมาะสม เลอื ดจะถกู น�ำ ผา่ นมาทางหลอดเลอื ด ตวั ชว่ ยไปสเู่ ซลลส์ มองทซ่ี ง่ึ เมอ่ื มาดเู นอ้ื สมองทร่ี อดตายดว้ ยการฝงั เขม็ หลาย ๆ ครง้ั สมองนั้นจะอุดมไปด้วย “หลอดเลือด ตัวช่วย” ที่ถูกกระตุ้นให้ขยายตัวและ เชื่อมโยงการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดที่ต่างสาขากันอยู่เสมอ ๆ แตกต่าง 80 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก

จากการรกั ษาดว้ ยยาทกุ ชนดิ นน่ั คอื เนอ้ื สมองเหลา่ นจี้ ะมคี วามมนั่ คงมากกวา่ มีโอกาสยากขึ้นที่จะเกิดเน้ือสมองขาดเลือดซ่ึงก็หมายความว่าโอกาสเกิดเป็น อมั พฤกษ-์ อัมพาตซ้ำ�กย็ ากขึน้ ไปดว้ ย ผปู้ ว่ ยอมั พฤกษ-์ อมั พาต มาฝงั เขม็ เดอื นละ 1 ครง้ั สามารถปอ้ งกนั การเกิดซ้ำ�ได้ ทั้งนี้จากการติดตามผู้ป่วยมาเป็นระยะเวลานาน พบว่าผู้ป่วย นอ้ ยรายมากทจ่ี ะกลบั เปน็ อมั พฤกษ-์ อมั พาตซ�้ำ แตกตา่ งกบั อบุ ตั กิ ารณข์ องการ เกดิ ซ�ำ้ ทว่ั ๆ ไปของผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ บั ยาแอสไพรนิ หรอื ยาตา้ นเกรด็ เลอื ดชนดิ อน่ื ๆ เพอื่ ใชป้ อ้ งกนั อมั พาต ทย่ี งั พบไดว้ า่ มโี อกาสเกดิ ซ�้ำ อกี ประมาณรอ้ ยละ 10 ตอ่ ปี ผู้ป่วยจ�ำ นวนมากทไี่ ดร้ ับผลการรักษาท่ดี ีจากการฝงั เขม็ ผูป้ ่วยกลา่ ววา่ “รสู้ ึก สมองทม่ี นึ ๆ งง ๆ นน้ั โลง่ ขน้ึ ขณะท�ำ และหลงั ท�ำ ฝงั เขม็ หวั โลง่ ๆ สบายขน้ึ ” คลา้ ยกบั ทค่ี นจนี เรยี กกนั วา่ “ปลกุ สมอง เปดิ ดา่ น” อาจเปน็ เพราะการไหลเวยี น เลอื ดในสมองดขี น้ึ อกี ปรากฏการณห์ นง่ึ ทผ่ี ปู้ ว่ ยบอกเราคอื “รสู้ กึ วา่ ตาสว่างขึ้น มองอะไรเห็นสดใสขึ้น ไม่พร่ามัวเหมือน เมื่อก่อน” เหตุผลก็คือ เลือดมกี าร ไหลเวยี นผา่ นหลอดเลอื ดจากคอสสู่ มอง (Internal Carotid Artery) ซง่ึ แยกออก จากหลอดเลือดแดงใหญ่ช่วงคอ (Common Carotid Artery) ก่อนจะพงุ่ ขึ้น ไปหลอ่ เลย้ี งสมองนน้ั แขนงแรกของหลอดเลอื ดนจ้ี ะแยกออกไปเลย้ี งลกู ตา และ ประสาทตา (Ophthalmic Artery) ปรากฏการณ์ดังกลา่ วทง้ั สองอย่างน้ี (ท้ัง อาการหัวสมองโปร่งสบาย ๆ และอาการตาสว่างสดใสขึ้น) จัดเป็นหลักฐาน ทางอ้อมว่าในขณะฝังเข็มได้มีเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น และนั่นถือได้ว่าเป็น ตวั ท�ำ นาย (predictor) ไดว้ า่ ผูป้ ว่ ยรายนัน้ ๆ ตอบสนองไดเ้ ปน็ อยา่ งดตี อ่ การ ฝงั เขม็ หากท�ำ ฝังเข็มต่อเนื่องไปอีกก็มโี อกาสประสบความส�ำ เรจ็ สงู มาก สรุปได้ว่า การฝงั เข็มมผี ลตอ่ ประสาทอัตโนมัติซมิ พาเทตกิ ช่วยให้ การปลดปลอ่ ยกระแสประสาท ซมิ พาเทตกิ (Sympathetic discharge) ลดลง http://www.thaicam.go.th 81

ทำ�ให้หลอดเลือดขยายตัวออกทำ�ให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้มากขึ้น หากฝังเข็มบริเวณช่วงท้ายทอยและคอ จะทำ�ให้หลอดเลือดท่ีไปสู่สมองขยาย ตัวออก สมองที่ขาดเลือดก็จะได้รับเลือดจากหลอดเลือดตัวช่วย (Collateral Circulation) มากข้นึ การนำ�เลือดมาสู่สมองดว้ ยวิธนี มี้ ีประสทิ ธภิ าพสูงกวา่ ยา ชนดิ ใด ๆ ในโลก บรษิ ทั ผลติ ยาแผนปจั จบุ นั ตา่ ง ๆ ใชเ้ วลานบั รอ้ ยปที �ำ การวจิ ยั เพอ่ื พฒั นายาทสี่ ามารถขยายหลอดเลอื ดในสมองแตใ่ นเวลาปจั จบุ นั นก้ี ย็ งั ไมม่ ยี า ทด่ี นี น้ั เลย ดงั นน้ั หากลงมอื ท�ำ ฝงั เขม็ เรว็ ทส่ี ดุ และทนั เวลา เนอ้ื สมองทก่ี �ำ ลงั จะตาย กม็ โี อกาสจะปรบั ตวั ใหท้ นตอ่ การขาดเลอื ดไดม้ ากขน้ึ เมอ่ื ท�ำ ฝงั เขม็ ซ�ำ้ กนั หลายครง้ั เซลลส์ มองเหลา่ นก้ี จ็ ะรอดชวี ติ ในทส่ี ดุ การฝงั เขม็ จงึ สามารถรกั ษาอมั พฤกษ-์ อมั พาต ทเ่ี กดิ ขน้ึ อยา่ งเฉยี บพลนั ได้ การฝงั เขม็ ใหผ้ ลรกั ษาอมั พฤกษ์ อมั พาตไดเ้ หมอื นกนั กับการรักษาด้วยสารละลายลิ่มเลอื ด (Thrombolysis) อยา่ งเช่น rt-PA โดยมี เปา้ หมายเดยี วกนั คอื เอาเลอื ดไปเล้ยี งสมอง ก่อนท่ีเซลลเ์ หล่านี้จะตาย การ ใชส้ ารละลายลิ่มเลือดน้จี ะมงุ่ ไปท่ีหลอดเลือดเสน้ ใหญ่ ๆ ทีก่ ำ�ลงั อุดตนั นัน้ เลย แตก่ ารฝงั เขม็ มงุ่ เนน้ ทเี่ สน้ เลอื ดตวั ชว่ ย ซง่ึ ใหผ้ ลการรกั ษาทเ่ี หมอื นกนั เพยี งแต่ หนา้ ตา่ งแหง่ การศกึ ษาดว้ ยสารละลายลมิ่ เลอื ดนนั้ แคบ มเี พยี ง 3 ชว่ั โมงเทา่ นน้ั เพราะถา้ ลม่ิ เลอื ดเกดิ ละลายตวั ออกมาในหลอดเลอื ดใหญใ่ น 3-6 ชว่ั โมง หลงั จาก ให้ยานี้ เลือดที่ละลายตัวนั้นก็จะไหลกลับเข้าไปในหลอดเลือดได้อีก รวมถึง ในเนื้อสมองที่กำ�ลังย่ำ�แย่นั้นด้วย ทำ�ให้เกิดเลือดออกอย่างรุนแรงได้ ผู้ป่วย อัมพฤกษ์-อัมพาตจากหลอดเลือดในสมองตีบ-ตัน ที่มีอาการเกิดขึ้นนานเกิน 3 ชว่ั โมงแลว้ จงึ ไมม่ คี วามคมุ้ ประโยชนส์ �ำ หรบั การใชย้ าตวั น้ี หนา้ ตา่ งแหง่ การรกั ษา (Therapeutic time window) ของการฝงั เขม็ ดจู ะยาวนานกวา่ แพทยฝ์ งั เขม็ จงึ ไดเ้ ปรยี บแพทยต์ ะวนั ตกในขอ้ น้ี เปน็ การยากทจี่ ะบอกวา่ หนา้ ตา่ งแหง่ การรกั ษา ผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต ด้วยวิธีฝังเข็มนี้จะนานเพียงใด ด้วยเพราะมีความ 82 สำ�นกั การแพทยท์ างเลือก

แตกตา่ งกนั ไปในผปู้ ว่ ยแตล่ ะรายพบวา่ ผู้ป่วยท่ีเคยทำ�ฝังเข็มให้แล้วกลับหายเป็น ปกติ รายทน่ี านทสี่ ดุ นน้ั คอื 11 วนั นนั่ หมายความวา่ ผปู้ ว่ ยเปน็ อมั พฤกษ์ อมั พาต มานานถงึ 11 วนั แลว้ มาฝงั เขม็ รักษาจนหายเปน็ ปกตไิ ด้ ทัง้ น้ี หน้าตา่ งแหง่ การรกั ษาคงไมเ่ ปน็ เชน่ นเ้ี หมอื น ๆ กนั ทกุ คน จากประสบการณ์ทีท่ �ำ ฝังเข็มแลว้ รักษาผู้ปว่ ยอัมพฤกษ์-อัมพาต มานาน 14 ปีน้ัน ผ้เู ขยี นมคี วามเหน็ วา่ หน้าต่าง แหง่ การรกั ษา จะมอี ย่ปู ระมาณ 72 ชว่ั โมง ดงั นน้ั หากเป็น อัมพฤกษ์-อมั พาต ไม่ นานเกินกวา่ 72 ชว่ั โมง และแขนขากย็ งั พอขยบั เคล่อื นไหว แมเ้ พียงเลก็ นอ้ ยกต็ าม ยงั มีความหวงั ได้ว่าการฝงั เข็มจะไดผ้ ลดี และไมม่ โี อกาสเกิดภาวะ แทรกซ้อนในเร่ืองเลือดออก การนำ�เรื่องการฝังเข็มมาใช้รักษาโรคหลอดเลือด ของสมองนัน้ มีประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ ถ้าทำ�เรว็ มักจะได้ผลดี อยา่ งไรก็ตามผลการ รักษาสำ�หรับผู้ป่วยแต่ละรายจะมีการตอบสนองต่อการรักษาได้แตกต่างกันไป จ�ำ เปน็ ตอ้ งท�ำ และตอ้ งคอยสงั เกตดกู ารเปลยี่ นแปลงของอาการระหวา่ งการรกั ษา การฝงั เขม็ การใหย้ าแผนปจั จบุ นั การท�ำ กายภาพบ�ำ บดั เปน็ 3 แนวทางทป่ี ระสาน กนั เป็นหน่งึ และเกื้อกลู กันไม่มีขัดแย้งกันหากไดร้ ่วมกันทงั้ 3 แนวทางมักจะ ไดผ้ ลดี ตัวอย่าง 1 การรักษาการฝังเข็ม ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 73 ปี ประวตั เิ ป็นอมั พาตซีกขวา (Right hemiparesis onset 21 กุมภาพันธ์ 2546 ทน่ี วิ ซแี ลนด์ ผลการตรวจ CT มี Cerebral infarction in left interna capsule หลงั จากนน้ั ไดร้ บั การฟน้ื ฟดู ว้ ยการฝงั เขม็ ตง้ั แต่ วนั ท่ี 21 มนี าคม 2546 อาการ ดขี ึ้นตามลำ�ดบั แตม่ ปี ญั หาการเดนิ คอื มเี ท้าตกข้างขวา ได้ทำ� Plastic AFO วันท่ี 5 ตุลาคม 2548 และฝังเขม็ course ที่ 8 เมือ่ วนั ที่ 2 มถิ ุนายน 2549 อาการคงเดมิ ขอหยดุ ฝงั เขม็ หลงั จากนน้ั วนั ท่ี 7 กรกฎาคม 2549 เรม่ิ ฝงั เขม็ ฝงั ได้ 7 ครง้ั สามารถหยดุ การใช้ Plastic AFO ได้ 13 http://www.thaicam.go.th 83

ตัวอยา่ ง 2 ผปู้ ว่ ยชายไทย อายุ 75 ปี เปน็ Progressive medular infarction มี quadriplegia ท�ำ tracheostomy PEG เมอ่ื เดอื น เมษายน 2550 โดยมโี รคประจ�ำ ตวั เปน็ โรคเบาหวาน ความดนั โลหติ สงู และโรคหลอดเลอื ดหวั ใจ วนั ท่ี 7 มถิ นุ ายน 2554 มาทศ่ี นู ยส์ ริ นิ ธรเพอื่ มาฟน้ื ฟสู ขุ ภาพ วนั ที่ 21 กรกฎาคม 2554 อาการเกร็งลดลงนั่งได้นานขึ้นถึง 2 ชั่วโมง ปกตินั่งได้ครึ่งชั่วโมง วันที่ 15 กันยายน 2554 เริ่มกลืนของเหลวได้ แต่ยังมีสำ�ลักมีน้ำ�ลายไหล วนั ท่ี 23 กนั ยายน 2554 เรม่ิ ฝงั เขม็ หลงั ฝงั เขม็ 2 ครง้ั เรม่ิ กลนื ไดด้ อี ยา่ งชดั เจน ไมส่ ำ�ลกั ทานไข่ตนุ๋ ฟจู ไิ ด้ หันคอได้ดีข้ึน การสง่ั การตอบสนองดขี น้ึ 14 84 สำ�นกั การแพทยท์ างเลอื ก

แอสซิสต์ (Assist) แอสซสิ ต์ หมายถึง วธิ กี ารซ่ึงสามารถ บรรเทาความไม่สบายหรือความอึดอัดที่เป็นอยู่ ในปจั จบุ นั และชว่ ยใหบ้ คุ คลฟนื้ ตวั จากอบุ ตั เิ หตุ ความเจบ็ ปว่ ย หรอื ความเศรา้ โศกเสยี ใจไดเ้ รว็ ขน้ึ 15 แอล รอน ฮบั บารด์ (L. Ron Hubbard) ผู้คิดค้นคือ แอล รอน ฮับบาร์ด (L. Ron Hubbard) นกั วทิ ยาศาตรแ์ ละนกั ปฏบิ ตั ิ เพื่อมนุษยชาติ ซึ่งท่านได้พัฒนาหลากหลายวิธีการขึ้นมาจากสิ่งที่ได้ค้นพบ เพอ่ื ใชจ้ ดั การกบั ปญั หาทางกายภาพของคนเรา โดยมงุ่ ไปทแ่ี งม่ มุ ดา้ นจติ ใจและ จติ วญิ ญาณ และเมอ่ื มกี ารพฒั นาเทคนคิ ตา่ งๆ มากขนึ้ เรอ่ื ย ๆ องคค์ วามรใู้ หม่ ทเ่ี รียกวา่ “แอสซสิ ต”์ จึงเกิดขน้ึ แอสซสิ ตไ์ มใ่ ชส่ งิ่ แทนการรกั ษาทางการแพทยแ์ ละไมใ่ ชค่ วามพยายาม ที่จะรักษาอาการบาดเจ็บท่ตี อ้ งการความชว่ ยเหลือทางการแพทย์ แต่แอสซสิ ต์ เปน็ วธิ กี ารชว่ ยเสรมิ ใหก้ ารรกั ษาพยาบาลสมบรู ณย์ ง่ิ ขนึ้ และชว่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ยฟน้ื ตวั เรว็ ขน้ึ เพราะแอสซิสต์ช่วยให้บุคคลรักษาตนเอง หรือรบั การรกั ษาจากปจั จยั อยา่ งอน่ื ได้ โดยการขจดั สาเหตทุ เ่ี รง่ ใหเ้ กดิ อาการเรว็ ขน้ึ สาเหตทุ ท่ี �ำ ใหอ้ าการยดื เยอ้ื รวมทง้ั ลดแนวโนม้ ทท่ี �ำ ใหต้ นเองบาดเจบ็ มากขน้ึ หรอื ตดิ อยใู่ นสภาวะทย่ี า่ํ แยน่ น้ั ตอ่ ไป แอสซสิ ตส์ ามารถน�ำ ไปใช้ไดก้ บั ภาวะความเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บที่ หลากหลาย มีรายงานบ่อยครั้งถึงผลอันน่าทึ่ง ปัจจุบันนี้มีแอสซิสต์มากมาย หลายประเภทสำ�หรับสภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับคนเรา http://www.thaicam.go.th 85

นิยามศพั ท์16,17 ที่ส�ำ คัญในการศกึ ษาวชิ าแอสซิสต์ แอสซสิ ต์ (Assist) หมายถงึ วธิ ีการซงึ่ สามารถบรรเทาความไม่สบาย หรอื ความอดึ อดั ทเี่ ปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั และชว่ ยใหบ้ คุ คลฟน้ื ตวั จากอบุ ตั เิ หตุ ความ เจ็บป่วย หรือความเศร้าโศกเสยี ใจได้เรว็ ขึน้ ไซแอนโทโลยี (Scientology) หมายถึง ปรัชญาเชิงศาสนาเพ่ือการ ประยุกต์ใชท้ ่ี แอล รอน ฮบั บาร์ด เปน็ ผูค้ ดิ ค้นขน้ึ ไซแอนโทโลยีเป็นการศึกษา และการจดั การกบั จติ วญิ ญาณในความสมั พนั ธก์ บั ตวั มนั เอง จกั รวาล และชวี ติ อน่ื ๆ ไซแอนโทโลยมี าจากภาษาลาตนิ ค�ำ วา่ scio ซง่ึ แปลวา่ “ร”ู้ และภาษากรกี ค�ำ วา่ logos ซงึ่ แปลวา่ “ค�ำ หรอื รปู แบบภายนอกทแ่ี สดงถงึ และท�ำ ใหร้ ถู้ งึ ความนกึ คดิ ภายใน” ดังนัน้ ไซแอนโทโลยี จงึ หมายถึง การรู้วิธีทจ่ี ะรู้ เททัน (thetan) หมายถึง ตัวตนของบุคคลนั้นเอง (ไม่ใช่ร่างกาย หรอื ชอ่ื ของเขา ไม่ใช่จักรวาลแหง่ วตั ถุ ไม่ใชจ่ ติ ใจของเขาหรอื ส่งิ อื่นใด) เททนั คอื สิง่ ทีต่ ระหนกั รูว้ า่ ตนนัน้ รบั รู้ เปน็ ตวั ตนซึง่ บคุ คลนัน้ เปน็ อยู่ ค�ำ วา่ เททนั น้ี เป็นคำ�ศัพท์ที่สร้างขึ้นเพื่อกำ�จัดความสับสนที่อาจเกิดขึ้นได้กับแนวคิดก่อน ๆ ซง่ึ ไมถ่ กู ตอ้ ง ค�ำ ๆ นม้ี าจากตวั อกั ษรกรกี theta ทช่ี าวกรกี เคยใชเ้ พอ่ื หมายถงึ ความคิด หรืออาจหมายความถึงจิตวิญญาณด้วย โดยเติมตัว n เข้าไปเพื่อ เปลย่ี นรปู ใหเ้ ปน็ ค�ำ นามตามวธิ ีการสมัยใหม่ทใี่ ชส้ รา้ งค�ำ ในสาขาวิชาวิศวกรรม คอกนชิ น่ั (cognition) หมายถงึ ความเขา้ ใจชดั แจง้ ใหม่ ๆ เกย่ี วกบั ชวี ติ คือ ค�ำ พูดที่วา่ “ฉนั เพง่ิ รวู้ า่ ...” หรอื บางสง่ิ ซึง่ คน ๆ หนึ่งเข้าใจหรือรู้สกึ ขึ้นมาอยา่ งฉับพลันในขณะน้ัน ตวั อยา่ งเช่น ขณะท่ีมีการทำ� Assist บคุ คลนน้ั อาจจะรชู้ ดั แจง้ ขน้ึ มาเกย่ี วกบั การบาดเจบ็ ของเขา หรอื สภาพแวดลอ้ มทเ่ี กย่ี วขอ้ ง วา่ การเกดิ การบาดเจ็บหรอื ส่ิงแวดล้อมในตอนน้ันเป็นอย่างไร 86 สำ�นกั การแพทย์ทางเลอื ก

โพรเซส (process) หมายถึง ชุดของคำ�สง่ั หรอื ลำ�ดบั ของการกระท�ำ ท่แี น่นอนตายตัว เพอื่ ใหบ้ รรลุผลตามทีต่ อ้ งการ โพรเซสซิ่ง (processing) หมายถึง รูปแบบพิเศษเฉพาะของการ ใหค้ ำ�ปรึกษาส่วนบุคคลของไซแอนโทโลยี ซึ่งช่วยให้บุคคลมองเห็นสภาวะหรือ ความจริงที่เป็นอยู่เกี่ยวกับชีวิตของตนเอง และปรับปรุงความสามารถในการ เผชญิ หนา้ กับส่งิ ทีเ่ ขาเป็นและโลกที่เขาอาศยั อยู่ โพรเซสซ่ิง ก็คอื กจิ กรรมทีไ่ ด้ ถูกทำ�ให้เป็นระบบอย่างละเอียดถี่ถ้วนและแน่นอน โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ ทตี่ ายตัว ตัวบ่งชี้ (indicator) หมายถึง สภาวะหรือสภาพการณ์ต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้นระหว่างการทำ�โพรเซส (process) ซึ่งบ่งชี้ (ชี้ให้เห็นหรือแสดงออก) ว่า โพรเซสก�ำ ลังไปไดด้ ้วยดีหรอื ไม่นา่ พอใจนกั ตวั อยา่ งเช่น บุคคลที่ก�ำ ลงั ได้รบั โพรเซสซิ่ง (processing) ดูสดใสหรือรา่ เริงมากขึ้น จัดเปน็ ตัวบ่งชี้ทีด่ ี คล่นื นงิ่ (standing wave) หมายถงึ เม่ือรา่ งกายไดร้ ับการกระทบ กระแทก คลนื่ พลงั งานทเ่ี กดิ ขนึ้ อยา่ งกะทนั หนั จะเรมิ่ กระจายตวั ไปตามแนวของ เสน้ ประสาท และเมอ่ื ถงึ ปลายประสาทเลก็ ๆ ทศิ ทางของคลน่ื พลงั งานดงั กลา่ ว จะไหลยอ้ นกลบั เป็นผลท�ำ ใหเ้ กดิ การอัดแน่นของพลงั งานซง่ึ หยุดอย่ตู รงกลาง ทางเดนิ ของแนวเส้นประสาท ทำ�ใหเ้ กดิ สิ่งท่ีเรียกว่า คลื่นน่ิง ซึ่งเปน็ คล่นื ท่ีจะ หยุดนิง่ อยู่อย่างนน้ั ไมไ่ หลไปทีใ่ ด เซสชั่น (session) หมายถึง ช่วงเวลาที่มีการทำ�โพรเซสซิ่ง ดูคำ�ว่า โพรเซสซง่ิ ประกอบ โซแมติก (somatic) หมายถึง ค�ำ ทใี่ ช้ในไซแอนโทโลยเี พื่อระบถุ ึง ความรสู้ กึ ความเจบ็ ปว่ ย ความเจบ็ ปวด หรอื ความไมส่ บายใด ๆ ทางรา่ งกาย http://www.thaicam.go.th 87

กิตตคิ ุณประกาศ ข้อมูล รูปภาพ และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับแอสซิสต์ในหนังสือเล่มนี้ ไดแ้ ก่ เนฟิ วแ์ อสซสิ ต ์ (Nerve Assist) ทชั แอสซสิ ต ์ (Touch Assist) เดอะ บอด้ี คอมมนู เิ คชน่ั โพรเซส (The Body Communication Process) และ โลเคชน่ั นอล โพรเซสซิ่ง แอสซิสต์ (Locational Processing Assist) ได้อาศัยข้อมูลและ ภาพประกอบจากหนงั สอื คมู่ อื ไซแอนโทโลยี หรอื The Scientology Handbook และ Assists Processing Handbook ซง่ึ เรยี บเรยี งจากผลงานของ แอล รอน ฮบั บารด์ วธิ ีการแอสซิสตท์ สี่ �ำ คญั และถกู นำ�ไปใช้บ่อย ไดแ้ ก่ เนิฟวแ์ อสซสิ ต์ (Nerve Assist) วธิ กี ารท�ำ ประกอบดว้ ยการใชม้ อื ของผทู้ �ำ แอสซสิ ตท์ �ำ การลบู เบา (stroking) อยา่ งสภุ าพไปบนแผน่ หลงั ดา้ นขา้ งล�ำ ตวั และแขนขา อยา่ งสมดลุ ขา้ งขวาและซา้ ย ของรา่ งกายผรู้ บั การบ�ำ บดั ประกอบกบั ใหผ้ รู้ บั การบ�ำ บดั นอนคว�่ำ และนอนหงาย สลับกนั ไป ผทู้ �ำ แอสซสิ ตม์ ีการส่อื สารทีด่ กี ับผรู้ ับการบ�ำ บัด และหยดุ ทำ�ตามข้อ กําหนด เนิฟวแ์ อสซสิ ตจ์ ะปลดปล่อยคลื่นนิ่ง (standing wave) ในแนวเส้น ประสาท (nerve channels) ออกไป ประโยชน์ของเนฟิ ว์แอสซิสต์ 18 ช่วยฟ้ืนฟูการส่ือสารระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกาย ช่วยผ่อนคลาย กลา้ มเนอื้ และช่วยจดั กระดกู สนั หลงั รวมท้ังขอ้ ต่อใหย้ ืดตรง คุณสมบตั ขิ องผ้รู ับการบำ�บดั ไมม่ ีข้อห้ามในการนอนคว�ำ่ สามารถทจ่ี ะพลกิ ตะแคงตัวเองได้ หรือ มีผ้ชู ่วยจบั ใหพ้ ลิกตะแคงได้ 88 ส�ำ นกั การแพทยท์ างเลอื ก

วธิ ีการปฏบิ ตั ิ 19 1. ใหบ้ คุ คลนน้ั นอนคว�ำ่ บนเตยี งหรอื เตยี งพบั จากนน้ั ใชน้ ว้ิ ชท้ี ง้ั สองขา้ ง ของคุณแตะที่บริเวณใกล้กับกระดูกสันหลังแต่ละข้างของเขาแล้วลากนิ้วลงไป ตามแนว ให้เร็วพอสมควรแตไ่ ม่ต้องแรงมาก แลว้ ท�ำ อยา่ งนซ้ี ำ�้ อกี สองครั้ง 2. จากนน้ั ใหค้ ณุ ลากย้อนขนึ้ ไปในทางตรงกนั ขา้ ม โดยใช้นว้ิ ท้ังสอง ของคุณลากย้อนกลับขึน้ ไปตามแนวกระดกู สนั หลังเช่นเดิม ท�ำ เชน่ นี้ 3 ครง้ั 3. ทนี ก้ี างนว้ิ มอื ของคณุ ออกเหมอื นพดั ลบู แนวเสน้ ประสาทพรอ้ ม ๆ กนั ดว้ ยมอื ทงั้ สองขา้ ง ใหล้ บู จากกระดกู สนั หลงั ไปยงั ขา้ งล�ำ ตวั ตามแนวเสน้ ประสาท อย่างที่แสดงในรูปที่ 1 เมื่อคุณลูบทั่วแผ่นหลังในลักษณะนี้แล้ว (โดยเริ่มจาก ด้านบนไปยังด้านล่างของกระดูกสันหลงั ) ใหท้ �ำ ขนั้ ตอนนซี้ ้�ำ อีกสองครงั้ 4. ตอนนี้ให้สลับทศิ ทางในการลบู โดยลบู กลบั เข้าหากระดกู สันหลัง จากด้านล่างไปสูด่ า้ นบน 5. จากนั้นให้เขาพลิกตัวเพื่อนอนหงาย ใช้มือทั้งสองข้างลูบต่อเนื่อง ขนานไปกบั แนวเส้นประสาทเดมิ มายังบรเิ วณดา้ นหนา้ ของล�ำ ตวั (หมายเหตุ : ในการลบู ไปตามแนวเส้นประสาททพ่ี าดต่อเน่ืองมาถงึ ดา้ นหนา้ ของล�ำ ตวั ใหล้ บู ถงึ แคจ่ ดุ ทลี่ กู ศรยาวถงึ เทา่ นน้ั ตามรปู ท่ี 2 เนอื่ งจาก แนวเส้นประสาทที่กำ�ลังได้รับการดูแลอยู่นั้นไม่ได้ผ่านข้ามบริเวณหน้าอกหรือ หน้าทอ้ ง ดงั นัน้ จงึ ไม่ตอ้ งท�ำ การลบู ผ่านบรเิ วณนน้ั ) 6. ใหล้ ูบกลับในทิศทางตรงกันข้ามไปตามแนวเส้นประสาทเดิม (หมายเหตุ : ในการลูบไปตามแนวเส้นประสาทในขั้นตอนที่ 6 ใหเ้ รม่ิ ลบู จากจดุ ทแี่ สดงดว้ ยเครอ่ื งหมายลกู ศรในรปู ที่ 2 โดยลบู ไปยงั ดา้ นหลงั ) 7. ตอนนใ้ี หล้ บู ลงไปตามแขนทง้ั สองขา้ งและขาทง้ั สองขา้ ง ใหบ้ คุ คลนน้ั นอนควำ่�อกี คร้งั และให้เริม่ ขั้นตอนแรกใหม่ http://www.thaicam.go.th 89

ให้ทำ�วิธีการนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเขามีคอกนิชั่น (cognition) เกิดขึ้น หรือแสดงให้เห็นถึงอาการที่บรรเทาลง และมีตัวบ่งชี้ต่างๆ ที่ดีมาก (very good indicators) เขาอาจจะรูส้ ึกวา่ กระดูกของเขากลับเขา้ ที่ด้วย ซง่ึ บอ่ ยครง้ั จะมเี สยี งลน่ั เบา ๆ มาจากภายใน ณ จดุ นค้ี วรยตุ กิ ารท�ำ เนฟิ วแ์ อสซสิ ต์ ในเซสชั่น (ชว่ งเวลาการบำ�บดั ) น้นั เนฟิ วแ์ อสซสิ ตค์ วรจะท�ำ ซ�ำ้ ทกุ วนั จนกระทงั่ คลน่ื นงิ่ (standing wave) ทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกไป 90 ส�ำ นักการแพทยท์ างเลือก

รูปที่ 1 ให้ลูบมอื ไปตามแนวเส้นประสาทซงึ่ แตกแขนงออกจาก กระดูกสนั หลงั พาดยาวไปถึงดา้ นหน้าของรา่ งกาย รูปที่ 2 เมื่อผู้รบั การทำ�แอสซสิ ต์อยูใ่ นทา่ นอนหงาย ให้ลูบถึง แค่จดุ ท่ีลกู ศรยาวถงึ เทา่ น้นั ท่มี า : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 215. http://www.thaicam.go.th 91

รูปภาพข้ันตอนวธิ ีการปฏิบตั ิ เนฟิ ว์แอสซิสต์ 1. ให้เริ่มต้นการทำ�เนิฟว์แอสซิสต์ โดยใช้สองนิ้วแตะที่บริเวณใกล้กับ กระดกู สนั หลงั แตล่ ะขา้ งแลว้ ลากลง ไปตามแนวกระดกู สนั หลัง 1 2 2. จากนน้ั ให้ลากนว้ิ ย้อนกลบั ขึ้นไป 3. กางมือออกให้เหมือนพัด ในทางตรงกนั ขา้ ม แล้วลบู ออกจากกระดูกสนั หลัง ไปขา้ งลำ�ตัว 3 ท่มี า : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 216. 92 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลอื ก

รปู ภาพขั้นตอนวิธกี ารปฏบิ ตั ิ เนิฟวแ์ อสซิสต์ (ต่อ) 4. สลับทศิ ทางอีกครงั้ และลูบเขา้ หา 4 กระดกู สนั หลงั 5. ให้เขาพลกิ ตัวเพื่อนอนหงาย แล้ว 5 ลูบมอื ไปตามแนวเสน้ ประสาททพ่ี าด ยาวมาถงึ ด้านหน้าของลำ�ตัว จากนน้ั 6. ลบู ลงไปตามแขนและขาทง้ั สองขา้ ง ให้ลบู ไปในทศิ ทางตรงกนั ข้ามอกี ครง้ั แลว้ ใหเ้ ขากลบั ไปนอนควาํ่ และเรม่ิ ตน้ ใหมท่ งั้ หมด โดยเรม่ิ จากการลากนิ้ว 6 ขนานกระดกู สนั หลังลงไป ที่มา : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 216. http://www.thaicam.go.th 93

คลน่ื นง่ิ เททนั รา่ งกาย พลงั งาน เททนั รา่ งกาย การปลดปล่อยคลื่นนิ่งออกไปตามวิธีการทำ�เนิฟว์แอสซิสต์ จะช่วยฟื้นฟูการสื่อสาร ระหวา่ งเททนั กบั รา่ งกาย ชว่ ยผอ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื และชว่ ยจดั กระดกู สนั หลงั รวมทง้ั ขอ้ ตอ่ ใหย้ ดื ตรง ทมี่ า : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 217. 94 สำ�นกั การแพทย์ทางเลือก

ทัชแอสซสิ ต์ (Touch Assist) วตั ถุประสงค์ของการทำ�ทชั แอสซิสต์คือ เพอ่ื สรา้ งการสื่อสารกับส่วน ของรา่ งกายทบ่ี าดเจบ็ หรอื ไมป่ กตขิ น้ึ มาใหม่ โดยดงึ ความสนใจของบคุ คลมายงั สว่ นของรา่ งกายทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ หรอื ไดร้ บั ผลกระทบ การท�ำ แอสซสิ ตป์ ระเภทน้ี คือ การสัมผัสซํ้า ๆ ที่ส่วนของร่างกายที่ป่วยหรือบาดเจ็บ และทำ�ให้ผู้ป่วย สื่อสารกับจุดที่บาดเจ็บนั้น ๆ การสื่อสารของเขากับส่วนของร่างกายดังกล่าว จะทำ�ให้เขาฟื้นตัวจากการป่วยหรือบาดเจ็บได้ เทคนิคนี้มาจากหลักการที่ว่า การทจ่ี ะรกั ษาสง่ิ ใดกต็ ามหรอื การแกไ้ ขสง่ิ ใดกต็ ามนน้ั ตอ้ งท�ำ ใหบ้ คุ คลสอ่ื สารกบั สง่ิ นน้ั วธิ นี ท้ี �ำ ใหค้ นทร่ี บั การรกั ษารบั รถู้ งึ บรเิ วณของรา่ งกายทเ่ี ขาไดร้ บั บาดเจบ็ อยู่ ได้ดขี นึ้ และทำ�ใหป้ จั จัยในการส่อื สารทางรา่ งกาย (รวมทั้งขบวนการซอ่ มแซม ตนเองของร่างกาย) กลบั คืนสู่สภาพเดมิ 20 ประโยชน์ของทชั แอสซิสต์ 21 ช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บ ความเจ็บป่วย ความเจ็บปวด เป็นต้น ของร่างกายสว่ นใดส่วนหนึง่ (ยกเวน้ อาการปวดศรี ษะ) คณุ สมบัตขิ องผรู้ บั การบ�ำ บดั สามารถรบั รแู้ ละสอ่ื สารโดยใชภ้ าษาหรอื ไมใ่ ชภ้ าษากบั ผทู้ �ำ แอสซสิ ตไ์ ด ้ วิธีการปฏบิ ัติ 22 0. ใหก้ ารปฐมพยาบาลทอ่ี าจจะจ�ำ เปน็ กอ่ นทค่ี ณุ จะเรม่ิ ท�ำ แอสซสิ ตน์ ้ี ตวั อยา่ งเชน่ ถา้ เขามแี ผลทเ่ี ลอื ดก�ำ ลงั ไหล ควรจะท�ำ แผลใหเ้ ขากอ่ นเปน็ อนั ดบั แรก 1. ใหเ้ ขานั่งหรือนอนลง อยใู่ นทา่ ใดกไ็ ด้ท่ีจะทำ�ใหเ้ ขาสบายขนึ้ 2. บอกเขาวา่ คณุ ก�ำ ลงั จะท�ำ ทชั แอสซสิ ต์ และอธบิ ายวธิ กี ารท�ำ อยา่ ง ครา่ ว ๆ http://www.thaicam.go.th 95

บอกค�ำ สง่ั ทค่ี ณุ จะใชก้ บั เขาและตอ้ งแนใ่ จวา่ เขาเขา้ ใจค�ำ สง่ั นน้ั ค�ำ สง่ั ทใ่ี ชค้ ือ “รูส้ ึกถึงน้วิ ของฉัน” บอกเขาวา่ เขาควรจะแจง้ ใหค้ ณุ ทราบเมอ่ื ใดกต็ ามทเ่ี ขาไดท้ �ำ ตามค�ำ สง่ั นนั้ แลว้ 3. ใหค้ �ำ สง่ั แกเ่ ขาวา่ “รสู้ กึ ถงึ นว้ิ ของฉนั ” และใชน้ ว้ิ แตะไปทจ่ี ดุ ๆ หนง่ึ โดยใช้แรงกดพอประมาณ อยา่ แตะก่อนแล้วจึงค่อยใหค้ ำ�สั่ง นนั่ จะเป็นการทำ�ผดิ ขัน้ ตอน ใหใ้ ชเ้ พยี งนว้ิ เดยี วในการแตะเทา่ นน้ั ถา้ คณุ ใชส้ องนว้ิ เขาอาจจะสบั สน ว่านว้ิ ใดกนั แน่ทีเ่ ขาควรจะร้สู ึก 4. ใหต้ อบรบั เขาโดยใชค้ �ำ วา่ “ขอบคณุ ครบั /คะ่ ” หรอื “โอเคครบั /คะ่ ” หรอื “ดีครบั /ค่ะ” เปน็ ตน้ 5. ออกค�ำ ส่ังตอ่ ไปเรอ่ื ย ๆ ให้แตะและทำ�การตอบรับเมื่อเขาแสดง ให้เหน็ วา่ เขาได้ท�ำ ตามคำ�ส่งั นน้ั แลว้ เมอ่ื ใดกต็ ามทม่ี กี ารท�ำ ทชั แอสซสิ ตก์ บั สว่ นของรา่ งกายทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ หรือถูกกระทบกระเทือน ให้คุณขยับเข้าใกล้บริเวณนั้นทีละเล็กทีละน้อยและ ออกหา่ งจากบรเิ วณนั้นทลี ะเล็กทีละน้อย ให้คุณเข้าใกล้บริเวณที่บาดเจ็บหรือได้รับการกระทบกระเทือน แล้ว ออกหา่ งจากบรเิ วณนน้ั จากนน้ั ขยบั เขา้ ไปใหม่ และหา่ งออกมา เขา้ ไปใกลม้ ากขน้ึ และกถ็ อยหา่ งออกมามากขน้ึ จนเข้าถึงจดุ ทคี่ ุณกำ�ลงั แตะส่วนท่ีได้รบั บาดเจ็บ หรอื ไดร้ บั การกระทบกระเทอื นจรงิ ๆ และกห็ า่ งออกมามากขน้ึ อกี เชน่ นไ้ี ปเรอ่ื ย ๆ ให้คุณพยายามแตะไปตามแนวเส้นประสาท (nerve channels) ของร่างกาย ซงึ่ ประกอบไปดว้ ยกระดูกสนั หลงั แขน ขา และจุดถ่ายทอดข้อมูลของระบบ ประสาท อาทเิ ช่น ขอ้ ศอก ข้อมือ ข้อพบั หลังหวั เข่า และปลายนว้ิ เหล่าน้ีคอื จุดที่คุณจะต้องมุ่งความสนใจเป็นอันดับแรก โดยทั้งหมดนี้เป็นจุดที่อาจมี คลน่ื พลงั งานไฟฟา้ ซง่ึ เพม่ิ ปรมิ าณขน้ึ อยา่ งกะทนั หนั จากแรงกระแทกที่รุนแรง 96 ส�ำ นักการแพทย์ทางเลอื ก

(shock wave) เข้าไปติดค้างอยู่ สงิ่ ทคี่ ุณพยายามทำ�ก็คือ ท�ำ ให้กระแสคล่นื การสอ่ื สารไหลเวยี นไปทว่ั รา่ งกายไดอ้ กี ครง้ั เพราะวา่ การกระทบกระแทกอยา่ ง กะทนั หันของการบาดเจบ็ ท�ำ ใหค้ ล่นื การส่อื สารหยดุ ไหลเวยี น ไม่ว่าจะกำ�ลังช่วยบำ�บัดส่วนใดของร่างกายอยู่ก็ตาม บริเวณที่ได้รับ การแตะนนั้ ควรจะรวมถึงสว่ นปลายสดุ ของร่างกาย (มือและเทา้ ) และกระดกู สนั หลงั ดว้ ยเสมอ ในการแตะนน้ั ตอ้ งท�ำ ใหส้ มดลุ กนั ทง้ั ดา้ นซา้ ยและดา้ นขวาของรา่ งกาย เมอ่ื คณุ แตะทน่ี ว้ิ หวั แมเ่ ทา้ ขา้ งขวาแลว้ ตอ่ ไปคณุ ตอ้ งแตะทน่ี ว้ิ หวั แมเ่ ทา้ ขา้ งซา้ ย เมื่อคณุ แตะตรงจุดทห่ี ่างจากกระดูกสันหลงั ข้างหนงึ่ ไปสองสามนวิ้ ต่อไปคณุ ก็ต้องแตะตรงจุดทห่ี า่ งจากกระดกู สนั หลังไปยงั ดา้ นตรงกนั ข้ามในระยะเท่ากัน เรอ่ื งนส้ี �ำ คญั มาก เพราะสมองและระบบการสอ่ื สารภายในรา่ งกายนน้ั เชอ่ื มโยง หรือผูกเข้าด้วยกัน คุณอาจจะพบว่าอาการปวดในมือข้างซ้ายค่อย ๆ หายไป เมอ่ื คณุ แตะมอื ขา้ งขวา เพราะมอื ขา้ งขวาปดิ ลอ็ กความเจบ็ ปวดนน้ั เอาไว้ นอกจากด้านซ้ายและขวาของร่างกายที่ต้องจัดการแล้ว ร่างกายใน สว่ นหนา้ และหลงั กต็ อ้ งไดร้ บั การจดั การดว้ ยเชน่ กนั กลา่ วอกี นยั หนง่ึ คอื ถา้ เรา ให้ความสนใจกับดา้ นหนา้ ของรา่ งกาย เรากต็ อ้ งใส่ใจดา้ นหลังด้วย ในการจดั การกับสว่ นใดสว่ นหนึง่ ของรา่ งกายโดยเฉพาะ เราก็ใชห้ ลัก เดยี วกนั น้ี อยา่ งเชน่ ถา้ คณุ ท�ำ ทชั แอสซสิ ตส์ �ำ หรบั อาการบาดเจบ็ ทข่ี าขวาดา้ นหนา้ การท�ำ ทชั แอสซสิ ตข์ องคณุ จะตอ้ งรวมถงึ การแตะขาขวาดา้ นหนา้ ขาซา้ ยดา้ นหนา้ ขาขวาดา้ นหลงั และขาซา้ ยดา้ นหลงั นอกเหนอื ไปจากการแตะทต่ี อ้ งท�ำ อยแู่ ลว้ คือ ส่วนปลายสดุ ตา่ ง ๆ ของร่างกาย และกระดูกสนั หลงั 6. ให้ทำ�ทัชแอสซิสต์ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งบุคคลนั้นรู้สึกดีขึ้น คุณจะสังเกตเห็นสภาพที่ดีขึ้นในตัวบุคคลนั้นได้จากสิ่งที่เขาพูดออกมาหรือ ลักษณะสีหน้าท่าทางของเขา สิ่งเหล่านี้เรียกว่า ตัวบ่งชี้ http://www.thaicam.go.th 97

ตวั บง่ ช้ี คอื สภาพหรอื สภาวะตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ระหวา่ งการท�ำ แอสซสิ ต์ ซง่ึ บง่ ชใ้ี หเ้ หน็ วา่ การท�ำ แอสซสิ ตน์ น้ั ด�ำ เนนิ ไปอยา่ งดหี รอื ไมด่ ี หากสภาพทไ่ี มด่ ี กลบั ดขี น้ึ (เชน่ อาการบาดเจบ็ ทม่ี อื มอี าการดขี น้ึ ) นน่ั คอื ตวั บง่ ชท้ี ด่ี ี ถา้ ขอ้ มอื ของเขาปวดน้อยลง นนั่ กจ็ ะเปน็ ตัวบง่ ชี้ทีด่ ี ให้ทำ�ทัชแอสซิสต์ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งบุคคลที่กำ�ลังได้รับการ ชว่ ยเหลอื อยนู่ น้ั มตี ัวบง่ ช้ตี า่ ง ๆ ที่ดีออกมา เป็นต้นว่า เขารู้สึกดีขึ้น ความ เจบ็ ปวดไดล้ ดลง เขาสบายใจขึ้นเก่ยี วกบั อาการของเขา ฯลฯ และเขากจ็ ะเกดิ คอกนชิ ่ันอย่างใดอยา่ งหน่งึ ข้ึนดว้ ย 7. เมอ่ื สง่ิ นเ้ี กดิ ขน้ึ ใหบ้ อกเขาวา่ “จบการท�ำ แอสซสิ ต”์ คุณอาจต้องทำ�ทัชแอสซิสต์ให้ผู้ป่วยวันแล้ววันเล่ากว่าจะเห็นผลลัพธ์ ในการท�ำ ทชั แอสซสิ ตเ์ ปน็ ครง้ั แรก คณุ อาจจะท�ำ ใหเ้ ขามอี าการดขี น้ึ เพยี งเลก็ นอ้ ย การทำ�ทัชแอสซิสต์ในวันต่อมา คุณอาจคาดหวังได้ว่า อาการของเขาจะดีขึ้น อีกนิดหน่อย และวันต่อมา คุณอาจทำ�ให้โซแมติกหายไปจนหมดเลยก็ได้ คุณอาจต้องใช้เวลามากกวา่ น้อี กี หลายวนั ในขณะทท่ี �ำ ทชั แอสซิสต์ไปทุกวนั ๆ กวา่ จะบรรลถุ งึ ผลดงั กลา่ วนไ้ี ด้ ประเดน็ ส�ำ คญั กค็ อื คณุ สามารถท�ำ ทชั แอสซสิ ต์ กับสิ่ง ๆ เดียวไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่จำ�กดั จำ�นวนครั้ง ขอ้ ควรระวัง 23 หา้ มท�ำ ทชั แอสซสิ ตก์ บั ผทู้ ม่ี อี าการปวดศรี ษะ จากการวจิ ยั แสดงใหเ้ หน็ แล้วว่า การปวดศีรษะมักมีผลมาจากสภาพทางจิตใจ ซึ่งการทำ�ทัชแอสซิสต์ จะเปน็ การจดั การทผ่ี ดิ วธิ ี แตถ่ า้ เปน็ การบาดเจบ็ ทศ่ี รี ษะ ส�ำ หรบั ผทู้ ไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ โดยตรงบริเวณศีรษะ อย่างเช่น ถูกทิ่มตา หรือถูกตีที่ศีรษะด้วยไม้เบสบอล เขาสามารถได้รับการทำ�ทัชแอสซิสต์เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ฟัน หรือ ปวดฟันหลังจากการท�ำ ฟัน 98 สำ�นักการแพทยท์ างเลอื ก

สอ่ื สคาลรน่ถื กูกปารดิ กน้ั การสอ่ื สารกบั รา่ งกายนน้ั ลดลงเมอ่ื คนเราปว่ ย หรอื บาดเจบ็ การท�ำ ทชั แอสซสิ ตจ์ ะชว่ ยใหบ้ คุ คล 1 สามารถกลบั ไปสอ่ื สารกบั อวยั วะทป่ี ว่ ยหรอื บาดเจบ็ ไดโ้ ดยสมบรู ณ์ 2 ซา้ ย ขวา ใหบ้ อกเขาว่า “ร้สู ึกถงึ นิ้วของฉัน” แล้วแตะลงไปทีจ่ ุดหน่งึ บนรา่ งกายเขา เมื่อเขาท�ำ เชน่ น้ันแลว้ ให้ตอบรบั เขา 34 ซา้ ย ขวา แตะไลต่ ามแนวเส้นประสาทของร่างกาย การแตะตอ้ งท�ำ อยา่ งสมดลุ กันทง้ั สองด้านของรา่ งกาย ท่มี า : LRH Book Compilations staff of the Church of Scientology International. Assists for il nesses and injuries. In: The Scientology Handbook. 2nd ed. Los Angeles: Bridge Publications; 2001: 210. http://www.thaicam.go.th 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook