นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 2. ขัน้ ตอนการแกโจทยป ญ หา 1) การวิเคราะหโจทยปญหา สอน สงิ่ ทโ่ี จทยกําหนด รา นคา มีดินสอ 350 แทง ขายไป 125 แทง 4. ครูติดบัตรโจทยปญหาการลบจํานวนที่มี ถารา นคา ขายดนิ สอไปอกี 95 แทง ตัวตั้งไมเกิน 1,000 บนกระดาน จากนั้นครู สาธติ วธิ แี กโ จทยป ญ หา พรอ มทงั้ อธบิ ายวธิ ที าํ ส่ิงทโี่ จทยถ าม รานคา จะเหลอื ดินสอกี่แทง ทีละขั้นตอน เชน รา นคา ขายเสือ้ ได 765 โหล ขายกางเกงไดนอยกวาเส้ือ 120 โหล 2) การวางแผนแกโ จทยปญ หา จาก ขอ 1. เรารูว าดนิ สอเหลือ ขายหมวกไดน อยกวา กางเกง 60 โหล รานคา อยู 225 แทง ขายหมวกไดก ี่โหล ดนิ สอเหลอื 225 แทง 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา ? 95 แทง จับสลากโจทยปญหากลุมละ 1 ขอ แลวให นักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหโจทย 3) การแกป ญหา 1 12 แทง แสดงข้นั ตอนวธิ ีการแกโ จทยปญหา เสรจ็ แลว 225 - แทง ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา ประโยคสญั ลักษณ 225 - 95 = นําเสนอหนาชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียน วิธีทาํ เดมิ รา นคาเหลือดินสอ 95 ท่เี หลอื รวมกันตรวจสอบความถูกตอง รา นคา ขายดนิ สอไปอีก 130 แทง 6. ครใู หแ ตล ะกลมุ ทาํ ใบงานท่ี 3.13 เรอื่ ง โจทย รานคา เหลือดินสอ ปญหาการลบ (2) จากน้นั ครใู หนกั เรยี นแตละ ตอบ รา นคา เหลือดินสอ ๑๓๐ แทง กลุมออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน โดยครแู ละ นักเรียนทเ่ี หลอื ตรวจสอบความถูกตอ ง 4) การตรวจสอ1บความสมเหตสุ มผลของคาํ ตอบ ฝก ทกั ษะ 130 นอยกวา 225 ดงั นน้ั 130 จงึ เปนคําตอบทีส่ มเหตสุ มผล 1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 1-2 ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 90 ลงในสมุด โดยครูคอยชวยแนะนําใหปฏิบัติ ใหถูกตอง จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมา นําเสนอหนาช้ันเรียนและนักเรียนท่ีเหลือ ชว ยกันตรวจสอบความถกู ตอ งของคําตอบ 2. ครใู หน กั เรยี นทําแบบฝกหดั เรอื่ ง การแกโ จทย ปญ หา ในแบบฝก หัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบา น 86 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน กั เรยี นฟง วา โจทยป ญ หาทมี่ คี าํ วา มากกวา นอ ยกวา รานคาขายน้ําผลไมขวดใหญและขวดเล็กรวมกัน 471 ขวด ถกู กวา แพงกวา เปนโจทยปญหาท่ีนําส่ิงของสองอยา งมาเปรยี บเทียบกนั ถาขายนาํ้ ผลไมข วดเล็กได 209 ขวด รา นคา แหงน้ขี ายน้าํ ผลไม ขวดใหญไดก่ขี วด นักเรียนควรรู 1. 260 ขวด 2. 261 ขวด 1 ตรวจสอบ คําวา “ตรวจสอบ” ของโจทยปญหาการลบมี 2 รูปแบบ คือ 3. 262 ขวด ตรวจความถกู ตองของคาํ ตอบและตรวจความสมเหตุสมผลของคาํ ตอบ (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ วิธที ํา รานคา ขายน้าํ ผลไมไดท ้งั หมด 471 ขวด การตรวจความถูกตองของคําตอบ จะใชความสัมพันธของการบวกและ รา นคา ขายนํา้ ผลไมขวดเล็กได 209 - ขวด การลบ คือ ผลลบ + ตวั ลบ = ตวั ตงั้ รา นคา แหงนีข้ ายน้าํ ผลไมข วดใหญไ ด 262 ขวด สวนการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ จะใชหลักการท่ีวา ดังนน้ั รา นคา แหง น้ขี ายน้าํ ผลไมข วดใหญได 262 ขวด) ผลลบตอ งนอยกวา ตัวตง้ั เสมอ T92
นาํ สอน สรุป ประเมิน ตวั อยา งท่ี 12 ขนั้ สรปุ พี่มเี งิน 880 บาท แบง ใหน อ งไป 150 บาท บริจาคคา น้าํ คา ไฟวดั สรปุ 45 บาท พเี่ หลือเงนิ กีบ่ าท 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ขนั้ ตอนการแกโ จทยป ญ หา การแกโ จทยป ญหาการลบ โดยครถู ามคําถาม 1) การวิเคราะหโจทยปญหา นักเรียน ดังนี้ • การแกโจทยปญหาการลบท่ีมี 2 ขั้นตอน ส่งิ ที่โจทยก ําหนดให พมี่ ีเงิน 880 บาท แบง ใหน อ งไป 150 บาท มีข้ันตอนการแกโ จทยปญหาอยางไร บริจาคคา นา้ํ คาไฟวดั 45 บาท (แนวตอบ 1) การวเิ คราะหโ จทยปญหา 2) การวางแผนแกโจทยป ญ หา สงิ่ ทโ่ี จทยถ าม พีเ่ หลอื เงินกบี่ าท 3) การแกป ญ หา 4) การตรวจสอบความสมเหตุ 2) การวางแผนแกโจทยปญหา ข้นั ที่ 2 หาจํานวนของพท่ี เี่ หลือหลงั จาก สมผลของคาํ ตอบ) บรจิ าคคา นาํ้ คา ไฟวดั ขน้ั ที่ 1 หาจํานวนเงินของพท่ี เ่ี หลอื หลังจากแบง 2. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ ใหนอง เงนิ ท่ีเหลอื หลังจากแบงใหน อ ง “ความรทู ไ่ี ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 ขอ 1 หนา 91 พม่ี ีเงนิ 880 บาท ขนั้ ประเมนิ ? 150 บาท ? 45 บาท 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม 3) การแกปญ หา ประโยคสัญลกั ษณ (880 - 150) - 45 = 87 และการรวมกันทํากจิ กรรมกลุม วิธีทํา พี่มเี งนิ 880 - บาท 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 3.12 เรอ่ื ง แบงใหน องไป 150 บาท โจทยปญ หาการลบ (1) พี่เหลอื เงนิ 6 1210 บริจาคคา นาํ้ คา ไฟวดั 730 - บาท 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 3.13 เรอื่ ง พ่เี หลือเงิน บาท โจทยปญหาการลบ (2) 45 ตอบ พ่เี หลือเงิน ๖๘๕ บาท 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ 685 บาท ในหนังสอื เรยี น และทําแบบฝกหดั ในหนงั สอื แบบฝกหัด 4) การตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ 685 นอยกวา 880 ดังนัน้ 685 จงึ เปนคําตอบที่สมเหตุสมผล ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล ฝา ยมีแสตมปอ ยู 550 ดวง เปนแสตมปป ระเทศไทย 230 ดวง ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานที่ ท่ีเหลอื เปน แสตมปข องประเทศอ่ืนกี่ดวง 3.13 เร่อื ง โจทยปญหาการลบ (2) โดยศึกษาเกณฑก ารวัดและการประเมินผล 1. 320 ดวง จากแบบประเมนิ ของแผนการจัดการเรยี นรูใ นหนว ยการเรยี นรทู ี่ 3 2. 225 ดวง 3. 220 ดวง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคดิ เหน็ ฟงั คนอนื่ ตามที่ได้รบั ส่วนรว่ มใน 15 วิธที ํา ฝายมแี สตมปอยู 550 ดวง มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน เปน แสตมปประเทศไทย 230 ดวง ผลงานกลุม่ - 321321321321321 ทเ่ี หลอื เปนแสตมปของประเทศอนื่ 320 ดวง ดังน้นั ทเี่ หลือเปน แสตมปข องประเทศอน่ื 320 ดวง) ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ............../.................../............... ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ T93
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (กระบวนการปฏบิ ตั )ิ 5.2 การสรา งโจทยป ญหา ครูทบทวนความรูเรื่อง การสรางโจทยปญหา มไี ขไ ก 380 ฟอง มีไขเ ปด นอยกวาไขไ ก 120 ฟอง การลบของจํานวนนับไมเกิน 100 โดยครูติด บัตรภาพบนกระดาน แลวครูสุมนักเรียนออกมา ไขเ ปด แตกไป 25 ฟอง สรา งโจทยป ญ หาการลบของจาํ นวนนบั ไมเ กนิ 100 พรอ มทง้ั วเิ คราะหโ จทยป ญ หาหนา ชนั้ เรยี น จากนน้ั จากขอความ สรา งโจทยป ญหาการลบได ดังนี้ ครูตรวจสอบความถกู ตอง โจทยป ญ หา รานอาหารมีไขไก 380 ฟอง มีไขเปด นอ ยกวา ไขไก 120 ฟอง ขนั้ สอน ถาไขเ ปดแตกไป 25 ฟอง รา นอาหารจะเหลอื ไขเ ปดก่ฟี อง สงั เกต รบั รู้ การวางแผนแกโจทยป ญ หา 1. ครูติดบัตรตัวเลขหรือขอความแสดงจํานวน ขัน้ ที่ 1 หาจาํ นวนไขเ ปด ขน้ั ที่ 2 หาจาํ นวนไขเปด ทเ่ี หลือ บนกระดาน เชน 950 250 300 380 ฟอง แลวสาธิตวิธีการสรางโจทยปญหาการลบ ไขเปด จากจํานวนที่กําหนด พรอมทั้งแสดงวิธีหา ไขไก คําตอบและตรวจสอบความสมเหตุสมผลของ คําตอบ เชน “นุน มเี งนิ 950 บาท ซ้อื อปุ กรณ ไขเ ปด 120 ฟอง ? 25 ฟอง การเรยี น 250 บาท ซอื้ กระเปา นกั เรยี น 300 บาท ? นุน เหลอื เงนิ ก่บี าท” การแกป ญ หา ประโยคสัญลักษณ (380 - 120) - 25 = 2. ครแู บง กลุม นกั เรียน กลมุ ละ 3-4 คน คละกัน ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง วธิ ีทํา รานอาหารมไี ขไก 380 - ฟอง เกง ปานกลางคอ นขา งออ น และออ น จากนนั้ มีไขเ ปด นอยกวาไขไ ก 120 ฟอง ครูใหแตละกลุมกําหนดตัวเลข 3 จํานวน รา นอาหารมีไขเ ปด ฟอง เสร็จแลวใหแลกเปล่ียนกับเพื่อนกลุมขางๆ ถาไขเ ปด แตกไป 5 10 ฟอง เพอ่ื นาํ มาสรา งโจทยป ญ หา พรอ มทงั้ วเิ คราะห 260 - โจทยปญหาและหาคําตอบ โดยครูคอยให คําแนะนําเพื่อใหนักเรียนแตละกลุมเขาใจ 25 จากนน้ั ใหแ ตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมานาํ เสนอ หนา ชัน้ เรยี น โดยครูตรวจสอบความถูกตอ ง รานอาหารจะเหลอื ไขเปด 235 ฟอง ตอบ รา นอาหารจะเหลอื ไขเ ปด ๒๓๕ ฟอง การตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ 235 นอยกวา 380 และ 260 ดงั นน้ั 235 จึงเปนคาํ ตอบทส่ี มเหตุสมผล 88 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูควรเนนใหนักเรียนสรางโจทยปญหาการลบในเชิงบวก หรือสงเสริม จากจํานวนตอ ไปน้ีสรางโจทยปญหาการลบไดอ ยา งไร คุณธรรมและเหมาะสมกับสถานการณในชีวิตจริง รวมทั้งมีความถูกตอง 190 450 120 ตามหลักและกระบวนการแกป ญ หาทางคณิตศาสตร 1. นทั มเี งนิ 450 บาท ซอ้ื ผลไม 190 บาท ซอื้ ดอกไม 120 บาท T94 นทั มีเงนิ เหลือกบ่ี าท 2. มิกมีเงิน 190 บาท ปมู เี งิน 450 บาท แซมมเี งนิ 120 บาท มกิ ปู และแซมมเี งินทั้งหมดก่ีบาท 3. ยาซื้อกงุ 450 บาท ซ้ือปู 190 บาท ซ้อื หมึก 120 บาท ยาซอ้ื กุง ปู และหมกึ ท้ังหมดกบี่ าท (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ ขอ 1. เขยี นประโยคสญั ลกั ษณไ ด (450 - 190) - 120 = ขอ 2. เขยี นประโยคสัญลักษณไ ด (190 + 450) + 120 = ขอ 3. เขยี นประโยคสญั ลกั ษณไ ด (450 + 190) + 120 = )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาความรู ขน้ั สอน อุปกรณ สลาก 120 (890 - 140) - 200 = ทาํ ตามแบบ ตวั อยา งสลาก 1. ครูใหนักเรียนจับคูกันภายในกลุม แลวให แตละคูสรางโจทยปญหาการลบตามแบบท่ีครู 950 325 สาธติ ใหน กั เรยี นดู ครคู อยเสนอแนะการปฏบิ ตั ิ ใหถ กู ตอ ง จากนน้ั ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คู ออกมา 1,000 550 200 750 - (300 - 180) = นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยครูและ นกั เรยี นทเี่ หลอื ชว ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ ง 880 175 300 970 - 400 - 220 = ของคาํ ตอบ วธิ จี ัดกิจกรรม 2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเรอื่ ง การสรา งโจทยป ญ หา ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 1) ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 3 - 4 คน จากนน้ั ใหแ ตล ะกลมุ สง ตวั แทน หนา 88 ออกไปจับสลากกลมุ ละ 2 ใบ ทาํ เองโดยไมม แี บบ 2) แตล ะกลมุ นาํ ขอ มลู ทอี่ ยใู นสลากทตี่ วั แทนกลมุ จบั ไดม าสรา งโจทยป ญ หา การลบ 1. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมทํากิจกรรมพัฒนา- ความรู ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 3) สมาชกิ กลมุ รว มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ งของโจทยป ญ หาทสี่ รา งอกี ครงั้ หนา 89 โดยครเู ตรยี มอปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรม แลว แสดงวธิ ที าํ เพอ่ื หาคาํ ตอบ จากนน้ั นาํ ไปแลกเปลย่ี นกบั เพอื่ นกลมุ อน่ื ตามขั้นตอนท่ีหนังสือเรียนกําหนด แลวครู พูดกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวมในการ 4) นาํ โจทยปญหาของเพือ่ นกลุมอน่ื จํานวน 2 กลมุ มาแสดงวิธีทาํ เพ่อื หา ทํากิจกรรม จากน้ันครูเดินตรวจสอบความ- คาํ ตอบลงในกระดาษ A4 เสร็จแลว นาํ สงครผู ูสอน ถกู ตอ งของแตละกลมุ 2. ครใู หน กั เรยี นจบั คภู ายในกลมุ แลว ทาํ กจิ กรรม เพอ่ื นชว ยเพ่อื น ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 89 ลงในสมุด จากนนั้ ครแู ละ นักเรียนรว มกนั ตรวจสอบความถูกตอ ง สรางโจทยปญหาการลบจากประโยคสัญลักษณทก่ี ําหนด พรอ มทงั้ แสดงวิธีทาํ และหาคําตอบ 1) (820 - 250) - 180 = 2) 945 - 215 - 378 = 89 กิจกรรม สรา งเสริม 1. ใหนักเรียนแตละกลุมสรางโจทยปญหาการลบจากจํานวน ตอไปน้ี เสรจ็ แลวนาํ สง ครผู ูสอน 245 203 217 2. ครูแจกบัตรขอความใหแตละกลุม กลุมละ 3 ใบ จากน้ัน ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั สรา งโจทยป ญ หาการลบ พรอ มทง้ั แสดงข้นั ตอนวธิ ที ําลงในกระดาษ A4 เสรจ็ แลว นาํ สง ครูผสู อน กลุมใดทาํ ถูกตองและเรว็ ท่ีสดุ กลุมน้นั ได 1 คะแนน T95
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กิจกรรมฝกทักษะ ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ 1 วิเคราะหโจทยปญ หา พรอมท้งั เขียนประโยคสญั ลักษณแ ละแสดงวิธีทาํ 1. รานคามีขนมอยู 522 ช้นิ ขายไป 319 ช้นิ จงหาวา 1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 3 1) รานคาเหลือขนมกี่ชน้ิ ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 90 2) ถา ขนมหมดอายุ 38 ชน้ิ แลว รานคาเหลือขนมที่ขายไดก ่ชี น้ิ ลงในสมุด โดยครูคอยชวยแนะนําใหปฏิบัติ ใหถูกตอง จากน้ันครูสุมนักเรียนออกมา 2. รานคาส่งั ซ้อื สเี ทียน 350 กลอ ง สั่งสีไมน อยกวา สีเทยี น 120 กลอ ง นาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี นและนกั เรยี นทเี่ หลอื รว มกนั สั่งสเี มจิกนอ ยกวาสไี ม 115 กลอง รา นคาสั่งสีเมจิกกีก่ ลอง ตรวจสอบความถกู ตองของคําตอบ 2 แสดงวธิ ีแกโ จทยปญหาที่กาํ หนด พรอมทั้งพิจารณาความสมเหตสุ มผล ของคําตอบ 1. หนังสือเลม หนง่ึ มี 248 หนา วนั แรกสนุ ยี อ า นได 102 หนา วนั ที่สอง อา นได 95 หนา สนุ ียตอ งอานหนงั สืออีกกีห่ นา จงึ จะจบเลม 2. ชาวสวนขายสม ได 395 เขง ขายมังคุดไดน อยกวา สม 112 เขง ขายลําไยไดน อ ยกวา มังคุด 124 เขง ชาวสวนขายลาํ ไยไดก ่เี ขง 3. ตะวันมเี งิน 1,000 บาท ซ้อื ของขวัญวันเกดิ ใหแม 280 บาท ซอื้ ของขวญั ใหพอ 250 บาท ตะวนั เหลือเงนิ กบ่ี าท 3 สรา งโจทยป ญหาการลบจากขอ มูลทก่ี ําหนด 1. มเี งิน 895 บาท คา ไฟฟา 483 บาท คา นํา้ ประปา 125 บาท 2. ปลูกมะนาว 480 ตน ปลกู มะมวงนอ ยกวา มะนาว 195 ตน ปลูกมะพรา วนอ ยกวา มะมว ง 163 ตน 3. 750 - 225- 180 = 4. 953 - 370 - 250 = 5. 258 611 999 6. 800 240 325 ฝก ทําตอใน บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 90 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครจู ดั กจิ กรรมเพ่ิมเตมิ โดยครูกําหนดจํานวน 3 จาํ นวน แลว ใหนกั เรยี น “ในเดือนธันวาคมมีนักทองเทยี่ วไปเทยี่ วดอยตุง 989 คน และ แตละกลุมรวมกันสรางโจทยปญหาการลบ และแสดงวิธีการแกโจทยปญหา ไปเที่ยวท่ีดอยสุเทพ 798 คน มีนักทองเท่ียวไปเท่ียวดอยตุง พรอมทั้งตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ จากน้ันครูใหแตละกลุม มากกวาดอยสุเทพกี่คน” จากโจทยปญหาเขียนเปนประโยค สงตวั แทนออกมานําเสนอหนาชัน้ เรียน สัญลกั ษณไ ดอยางไร 1. 798 - 989 = 2. 989 - 798 = 3. 798 + 989 = (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะนําจํานวนนักทองเที่ยวท่ีไปเท่ียว ดอยสเุ ทพ ออกจากจาํ นวนนกั ทอ งเทย่ี วทไี่ ปเทย่ี วดอยตงุ จะทาํ ให ทราบวา จาํ นวนนกั ทอ งเทีย่ วทไ่ี ปเทีย่ วดอยตุงมากกวาดอยสุเทพ อยกู ี่คน จึงหาคาํ ตอบโดยใชว ิธีลบ) T96
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ความรทู ่ีได ขน้ั สอน 1. แมค า ขายลกู โปง สฟี า ได 432 ลกู ขายลกู โปง สขี าวไดน อ ยกวา สฟี า 112 ลกู ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ ขายลูกโปง สแี ดงไดน อ ยกวา สีขาว 85 ลกู แมคา ขายลกู โปงสีแดงไดก ีล่ กู จากโจทยม ีข้ันตอนการแกปญ หาอยา งไร 2. ครูใหนักเรยี นแตล ะคนทําใบงานที่ 3.15 เร่ือง 2. การสรา งโจทยป ญ หาการลบจากขอ ความ ประโยคสญั ลกั ษณ หรอื จาํ นวน การสรางโจทยปญหาการลบ (2) จากนั้น มีวิธแี ตกตา งกนั หรือไม อยา งไร ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ออกมานําเสนอ ใบงานหนา ชนั้ เรยี น โดยครแู ละนกั เรยี นทเ่ี หลอื รว มกนั ตรวจสอบความถกู ตอง นักเรยี นสามารถตรวจสอบความรคู วามเขา ใจไดดวยตนเอง ตามตารางประเมนิ ดา นลา งนะคะ µÃǨÊͺµ¹àͧ ปรคบั วปรรงุ หลงั จากเรียนจบหนวยแลว ใหนกั เรยี นบอกสญั ลกั ษณท่ีตรงกบั ระดบั ความสามารถของนักเรียน ดี พอใช 1. สามารถหาผลลบของจํานวนสองจํานวนที่มตี ัวตงั้ ไมเกนิ 1,000 ได 2. สามารถหาผลลบของจาํ นวนสามจาํ นวนได 3. สามารถบอกความสัมพันธข องการบวกและการลบและนาํ ไปใชได 4. สามารถหาตวั ไมทราบคาในประโยคสญั ลกั ษณแสดงการบวก และการลบได 5. สามารถแกโ จทยปญหาการลบจาํ นวนทมี่ ตี วั ตั้งไมเกิน 1,000 ได 6. สามารถสรางโจทยป ญหาการลบจาํ นวนทม่ี ตี ัวต้ังไมเกนิ 1,000 ได 91 บูรณาการอาเซียน ขอ มูลคาแรงขัน้ ตํ่าของประเทศไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ป 2561 ดังตารางประเทศ ประเทศ 1 วนั คาแรงขัน้ ต่ํา (บาท) ไทย 310 130 เวียดนาม 244 มาเลเซยี ที่มา : http://www.sanook.com/money/609817/ จากขอ มลู สามารถนาํ มาสรางเปนโจทยป ญหาการลบได เชน คา แรงขน้ั ตา่ํ 1 วนั ของประเทศไทย 310 บาท คา แรงขัน้ ตาํ่ 1 วันของประเทศเวยี ดนาม 130 บาท คา แรงข้ันตา่ํ 1 วันของประเทศมาเลเซยี 244 บาท คาแรงขน้ั ตาํ่ ของประเทศไทยมากกวา ประเทศเวียดนามและมาเลเซียเทา ใด วธิ ที ํา คา แรงข้ันตํ่า 1 วนั ของประเทศไทย 310 บาท คา แรงข้ันตํ่า 1 วันของประเทศเวยี ดนาม 130 บาท คา แรงขน้ั ตํา่ 1 วันของประเทศมาเลเซีย 244 บาท ดงั นนั้ คา แรงขนั้ ตา่ํ ของประเทศไทยมากกวา เวยี ดนาม 310 - 130 = 180 บาท คา แรงข้นั ต่าํ ของประเทศไทยมากกวา มาเลเซยี 310 - 244 = 66 บาท T97
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน สนกุ คิด สนกุ ทํา ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ กิจกรรม ..ก...า...ร..ล....บ...จ...ํา...น....ว..น....ท....ี่ม...ตี....ัว...ต...งั้...ไ..ม...เ..ก...ิน......1...,.0....0...0....... 3. ครใู หนกั เรียนจับคูกนั แลวใหน กั เรียนแตละคู ทาํ กจิ กรรม “สนกุ คดิ สนกุ ทาํ ” ในหนงั สอื เรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 92 วิธีจัดกจิ กรรม 1) ใหนักเรยี นจับคูกัน แลว ครแู จกบตั รตัวเลข 2 ชดุ คือ ชุด A กบั ชุด B ซงึ่ แตล ะใบจะมตี ัวเลขแสดงจาํ นวน 5 จํานวน เชน บตั รตัวเลข ชดุ A บตั รตัวเลข ชดุ B 945 232 700 495 332 371 691 1,000 744 922 2) ใหนกั เรยี นเลอื กจํานวนจากบัตรตวั เลขชดุ A มา 1 จาํ นวน และจาก บัตรตวั เลขชุด B มา 1 จํานวน แลวใหจ ํานวนท่มี ากกวาเปนตัวตั้ง และจํานวนทนี่ อยกวา เปน ตวั ลบ 3) หาผลลพั ธในขอ 2. โดยใหเพ่อื นท่ีเปน คขู องตนเปน ผตู รวจสอบ ความถกู ตอง 4) ใหน กั เรียนทํากจิ กรรมซ้ําใน ขอ 2) - 3) อกี 4 รอบ จากนัน้ นาํ สง ครูผสู อน 945 - 691 1,000 - 232 495 691 - 92 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูจัดกิจกรรมทบทวนความรูเกี่ยวกับการสรางโจทยปญหาการลบ 413- จากจํานวนและขอความ โดยครสู ุมนกั เรยี นออกมากาํ หนดตวั เลขหรือขอ ความ เพ่ือนําไปสรางโจทยปญหา จากน้ันครูใหนักเรียนสุมเพื่อนออกมาสรางโจทย 211 เทากบั ขอใด ปญหาการลบ พรอมท้ังแสดงขั้นตอนการแกโจทยปญหาหนาชั้นเรียน โดยครู จาํ นวนใน และนักเรียนทเ่ี หลอื รวมกันตรวจสอบความถกู ตอง 1. 192 T98 2. 202 3. 292 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 413 - = 211 จากความสมั พนั ธข องการบวกและการลบ จะไดวา 413 - 211 = ซึ่ง 413 - 211 = 202 ดังนน้ั เทากบั 202)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡Òä´Ô ¢é¹Ñ ÊÙ§ ขน้ั สอน เตมิ เลขโดดทห่ี ายไปลงใน ใหถ กู ตอง ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ 1. 3 7 2- 2. 1 8 5 - 4. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมคาํ ถามทา ทายการคดิ 1 606 ขน้ั สงู และเชอื่ มโยงสชู วี ติ ประจาํ วนั ในหนงั สอื - เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 93 และ ทําแบบฝกหัดเรื่อง การสรางโจทยปญหา ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบาน 266 àªèÍ× Áâ§ÊÙ‹ªÇÕ Ôµ»ÃШÓÇ¹Ñ ตะวันออมเงินได 590 บาท สุธีออมเงินไดนอยกวาตะวัน 135 บาท สินีออมเงินไดมากกวา สธุ ี 115 บาท และสมใจออมเงิน 615 บาท จากโจทย เรียงลาํ ดับจากคนที่ออมเงนิ ไดม ากทส่ี ุดไปคนทอี่ อมเงนิ ได นอ ยทส่ี ดุ ตะวนั สธุ ี สนิ ี สมใจ 93 ขอ สอบเนน การคดิ 203 + เทา กับขอใด 522 จํานวนใน 1. 309 2. 319 3. 329 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ T99 + 203 = 522 จากความสมั พนั ธข องการบวกและการลบ จะไดวา 522 - 203 = ซงึ่ 522 - 203 = 319 ดังน้ัน เทากบั 319)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ ÊÃØ» ÊÒÃÐÊÒí ¤ÑÞ สรปุ การลบจาํ นวนสองจํานวน การลบ ที่มีตัวต้งั ไมเ กิน 1,000 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ จาํ นวนท่มี ตี ัวตัง้ การสรางโจทยปญหาการลบ โดยครูถาม การลบตามแนวต้ัง ไมเ กิน 1,000 คําถามนักเรยี น ดงั นี้ วิธที ่ี 1 หาผลลบโดยเขยี นจาํ นวนในรปู กระจาย • ส่ิงสําคัญในการสรางโจทยปญหาการลบ คืออะไร 473 เขียนในรูปกระจายได ดงั น้ี 400 + 70 + 3 - (แนวตอบ พิจารณาสิ่งท่ีโจทยกําหนดให 473 = 400 + 70 + 3 100 + 50 + 2 กําหนดคําสําคัญ เชน นอยกวา หักออก 152 เขยี นในรูปกระจายได ดงั นี้ 300 + 20 + 1 หรือเหลืออยู และโจทยปญหาตองมีความ 152 = 100 + 50 + 2 สมเหตุสมผล) • ถาตองการสรางโจทยปญหาการลบ ดงั นน้ั 473 - 152 = 321 เพ่ือหาจํานวนที่เหลือ จะตองกําหนด คําสาํ คัญอยา งไรบา ง วธิ ที ี่ 2 หาผลลบโดยใชต ารางหลกั วธิ ีที่ 3 หาผลลบโดยวิธลี ดั (แนวตอบ หักออก แบงไป หรือเหลืออยู เปน ตน) 1. ลบจาํ นวนในหลกั หนว ย 4 7 23- • ถาตองการสรางโจทยปญหาการลบ 1 5 เพื่อเปรียบเทียบขอมูล จะตองกําหนด หลกั รอย หลักสบิ หลักหนวย 321 คําสาํ คญั อยางไรบาง 47 3 (แนวตอบ นอ ยกวา หรือถกู กวา เปน ตน ) 15 2 - ดังน้ัน 473 - 152 = 321 การลบตามแนวนอนโดยใชค วามสัมพนั ธ 1 ของจาํ นวนแบบสวนยอยและสว นรวม 2. ลบจํานวนในหลักสิบ หลกั รอย หลักสิบ หลักหนวย 399 - 4 9-4 = 5 47 3 390 9 390 + 5 = 395 15 2 - 21 ดังน้ัน 399 - 4 = 395 3. ลบจาํ นวนในหลักรอย 482 - 60 80 - 60 = 20 402 80 402 + 20 = 422 หลักรอย หลักสบิ หลกั หนว ย 47 3 ดงั น้นั 482 - 60 = 422 15 2 - 743 - 200 700 - 200 = 500 32 1 43 700 43 + 500 = 543 ดังนัน้ 743 - 200 = 543 94 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูควรใหนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาหนวยการเรียนรูที่ 3 ตามสรุป โจมีเงิน 900 บาท ฟามีเงินนอยกวาโจ 170 บาท แววมีเงิน สาระสําคัญ ประจําหนวยการเรียนรูที่ 3 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 นอ ยกวา ฟา 203 บาท แววมีเงินกีบ่ าท เลม 1 หนา 94-95 เพื่อทบทวนความเขา ใจในเนอ้ื หาทัง้ หนวยการเรยี นรทู ี่เรยี น 1. 327 บาท ผานมา 2. 427 บาท 3. 527 บาท T100 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ วธิ ีทาํ โจม เี งิน 900 บาท ฟามเี งนิ นอ ยกวาโจ 170 - บาท ฟา มเี งิน แววมีเงินนอยกวา ฟา 7320 - บาท 203 บาท แววมีเงิน 527 บาท ดงั นน้ั แววมเี งนิ 527 บาท)
นาํ สอน สรุป ประเมนิ 3»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙ·Œ Õè ขน้ั สรปุ การลบจํานวนสามจาํ นวน 2. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ “ความรทู ไ่ี ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 ·· กรณที ี่โจทยม วี งเลบ็ ใหห าผลลบในวงเล็บกอนแลวนําไปลบกับจํานวนที่เหลือ เลม 1 ขอ 2 หนา 91 กรณที โ่ี จทยไ มมวี งเล็บ ใหห าผลลบของจํานวนสองจํานวนแรกกอน แลว นําจํานวนทสี่ ามมาลบออกจากผลลัพธท ไ่ี ด 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนทุกคนจัดทําช้ินงาน สมุดเลมเล็กเรื่อง การลบจํานวนที่มีตัวต้ัง ความสัมพนั ธข องการบวกและการลบ ไมเ กนิ 1,000 โดยใหน กั เรยี นสรปุ ความรทู เี่ รยี น ผลบวกของสองจาํ นวนใด ๆ เม่อื ลบดวยจํานวนใดจํานวนหนง่ึ มา พรอ มทงั้ วาดภาพประกอบใหสวยงาม ในสองจาํ นวนนนั้ จะไดผลลบเทา กบั อกี จาํ นวนหนึง่ เสมอ เชน 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย 271 + 321 = 592 592 - 321 = 271 การเรียนรูที่ 3 เรื่อง การลบจํานวนท่ีมี 592 - 271 = 321 ตัวตั้งไมเกิน 1,000 เพื่อตรวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรียน จากน้ันครูเฉลย การหาตัวไมทราบคา ในประโยคสญั ลักษณแสดงการบวกและการลบ คําตอบใหนักเรียนตรวจคําตอบดวยตนเอง ใชความสัมพันธข องการบวกและการลบมาชว ยในการหาคาํ ตอบ ขน้ั ประเมนิ เชน 536 + = 750 จากความสัมพนั ธข องการบวกและการลบ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม 750 จะไดว า 750 - 536 = 214 และการรวมกนั ทํากจิ กรรมกลุม ซึ่ง 536 + 214 = 750 536 ? ดังนัน้ เทา กับ 214 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 3.14 เรอ่ื ง การสรา งโจทยปญหาการลบ (1) การแกโจทยปญหาการลบ ขนั้ ตอนการแกโจทยปญ หา มดี งั นี้ 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 3.15 เรอื่ ง 1) การวิเคราะหโ จทยปญหา การสรางโจทยป ญหาการลบ (2) 2) การวางแผนแกโจทยปญหา 3) การแกป ญหา 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ 4) การตรวจสอบสมเหตุสมผลของคาํ ตอบ ในหนงั สอื เรียน และทําแบบฝก หัด ในหนังสือ แบบฝก หัด การสรางโจทยปญหาการลบ 1) พิจารณาสงิ่ ท่ีโจทยกาํ หนดให 2) กาํ หนดคําสําคญั เชน นอ ยกวา เหลอื หักออก 3) สรา งโจทยป ญ หาการลบ 95 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลจากการทํา ใบงานที่ 3.15 เร่อื ง การสรางโจทยปญ หาการลบ (2) โดยศึกษาเกณฑการวดั และการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวยการ เรยี นรูท ่ี 3 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเหน็ 2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผ้อู ่ืน 3 การทางานตามหนา้ ที่ทีไ่ ด้รับมอบหมาย 4 ความมีน้าใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../................ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง T101
Chapter Overview แผนการจัด สื่อท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สือเรยี น 1. เขา้ ใจและอธบิ าย แบบค้นพบ - ตรวจแบบทดสอบ - ท กั ษะการสังเกต 1. มวี นิ ัย แบบรูปของ คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ความสมั พนั ธ์ของ (Discovery กอ่ นเรยี น - ทักษะการระบุ 2. ใฝ่เรียนรู้ จ�ำนวนที่เพม่ิ ข้ึน - แ บบฝึกหดั แบบรปู ของจำ� นวน Method) - ตรวจใบงานที่ 4.1-4.2 - ทักษะการใหเ้ หตุผล 3. ม่งุ ม่ันใน ทลี ะ 2 ทีละ 5 คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ทเ่ี พ่ิมขึน้ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 - ต รวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ - ทกั ษะการเชือ่ มโยง การทำ� งาน และทลี ะ 100 - ใบงานท่ี 4.1-4.2 และทลี ะ 100 ได้ (K) เร่ือง แบบรปู ของ - ท กั ษะกระบวน - บัตรแบบรูปของจำ� นวน 2. ห าจ�ำนวนที่หายไปหรอื จำ� นวนทเ่ี พ่ิมข้นึ ทลี ะ 2 การคิดแกป้ ญั หา 3 จ�ำนวนถดั ไปของ ทีละ 5 และทลี ะ 100 แบบรูปของจำ� นวน - ต รวจแบบฝึกหัด เรือ่ ง ช่ัวโมง ที่เพ่ิมขึ้นทีละ 2 ทลี ะ 5 แบบรูปของจ�ำนวน และทลี ะ 100 ได้ (P) ที่เพมิ่ ข้ึนทีละ 2 ทลี ะ 5 3. รับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ และทลี ะ 100 ที่ไดร้ ับมอบหมาย (A) - ประเมินการน�ำเสนอ ผลงาน - ส ังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตความมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มั่น ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรยี น 1. เขา้ ใจและอธบิ าย แบบค้นพบ - ตรวจใบงานที่ 4.3-4.4 - ท กั ษะการสงั เกต 1. มีวินัย แบบรปู ของ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ความสมั พันธข์ อง (Discovery - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ - ทักษะการระบุ 2. ใฝเ่ รียนรู้ จำ� นวนที่ลดลง - แ บบฝึกหดั แบบรูปของจำ� นวน Method) ทีละ 2 ทลี ะ 5 คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ท่ีลดลงทีละ 2 ทีละ 5 เรือ่ ง แบบรปู ของ - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล 3. ม่งุ ม่นั ใน และทีละ 100 - ใบงานที่ 4.3-4.4 และทลี ะ 100 ได้ (K) จ�ำนวนทล่ี ดลงทลี ะ 2 - ทักษะการเช่ือมโยง การทำ� งาน - บตั รแบบรูป 2. ห าจำ� นวนทีห่ ายไปหรอื ทีละ 5 และทลี ะ 100 - ท กั ษะกระบวน 3 - ลูกบาศก์แบบรปู จ�ำนวนถัดไปของ - ต รวจแบบฝึกหัด เร่ือง การคดิ แก้ปญั หา ของจ�ำนวน แบบรปู ของจำ� นวน แบบรูปของจ�ำนวน ช่ัวโมง ท่ีลดลงทีละ 2 ทีละ 5 และทีละ 100 - Q R Code ทล่ี ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 - ป ระเมนิ การน�ำเสนอ และทีละ 100 ได้ (P) ผลงาน 3. รบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ - สังเกตพฤตกิ รรม ทีไ่ ด้รับมอบหมาย (A) การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุม่ - สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่นั ในการท�ำงาน T102
แผนการจัด สอ่ื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 3 แบบรปู ซำ้� - หนังสอื เรียน 1. เข้าใจและอธิบาย อุปนยั - ต รวจใบงานท่ี 4.5 - ทกั ษะการสงั เกต 1. มีวนิ ยั คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ความสมั พนั ธข์ อง (Induction - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ - ทักษะการระบุ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3 - แบบฝกึ หดั แบบรปู ซำ้� ได้ (K) Method) เรื่อง แบบรูปซ�้ำ - ทกั ษะการให้เหตผุ ล 3. มุ่งมนั่ ใน คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. ห าจำ� นวนทหี่ ายไปหรือ - ตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง - ท ักษะการเช่อื มโยง การทำ� งาน ชั่วโมง - ใบงานที่ 4.5 จำ� นวนถัดไปของ แบบรปู ซ้�ำ - ทักษะกระบวน - บัตรแบบรปู ของจำ� นวน แบบรปู ซำ้� ได้ (P) - ป ระเมินการน�ำเสนอ การคิดแกป้ ญั หา 3. รับผิดชอบตอ่ หน้าที่ ผลงาน ท่ีได้รับมอบหมาย (A) - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบคุ คล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกล่มุ - สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ มั่น ในการท�ำงาน - ต รวจแบบทดสอบ หลงั เรยี น T103
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (Discovery Method) 4 Ẻû٠¢Í§¨Òí ¹Ç¹หนวยการเรียนรูที่ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น µÑǪÕéÇÑ´ • (มกี ารจดั การเรียนการสอนเพื่อเปน 1. ครใู หน กั เรยี นเปด หนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 96 จากนั้นใหนักเรียนรวมกัน พ้ืนฐาน แตไมวัดผล) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพที่แสดง ในหนังสือเรียน จากน้ันครูถามนักเรียนวา “จํานวนท่ีปรากฏในเกมกระโดดเปนแบบรูป ของจํานวนที่มีความสัมพันธแบบเพิ่มขึ้นหรือ ลดลงทีละเทาใด นักเรียนมีวิธีคิดอยางไร” โดยครจู ะเฉลยคาํ ตอบในทา ยหนว ยการเรยี นรู 728 ¨íҹǹ·èÕ»ÃÒ¡¯ 724 726 ã¹à¡Á¡ÃÐâ´´ 722 720 718 714 716 ?à»à·š¹¾ÕèÁáèÔÁ¤Õº¢Çº¹Öé ÒÃÁËÙ»ÊâÑÁÍÍ× §¾Å¨´Ñ¹íҹŸ§Ç¹ ·ÕÅÐà·‹Òã´ 712 706 708 710 704 702 700 เริ่มตน ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ • แบบรูปของจาํ นวนทีเ่ พ่มิ ข้นึ ทีละ 2 ทลี ะ 5 และทีละ 100 • แบบรูปของจาํ นวนทีล่ ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 และทีละ 100 • แบบรปู ซํ้า เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรา งคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค การจัดกระบวนการเรียนรูครคู วรเนนใหนกั เรยี นฝกปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ครูควรทําขอตกลงกับนักเรียนในระหวางท่ีเรียนหนังสือ เชน • ทกั ษะการสงั เกตและทกั ษะการเชอื่ มโยง เขา เรยี นตรงเวลา ไมส ง เสยี งดงั ขณะทเ่ี รยี น สง การบา นใหต รงเวลา • อภปิ รายเกยี่ วกบั วิธีการหาคาํ ตอบ ไมคดั ลอกการบานของเพื่อน เมื่อทํากิจกรรมควรใหความรวมมือ • ยกตัวอยางประกอบการอธิบาย ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นฟง วา เมอ่ื นกั เรยี นไดเ รยี นรหู นว ยการเรยี นรนู ้ี จบแลว นักเรียนจะสามารถหาแบบรูปของจํานวนท่ีเพิ่มข้ึนและลดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 ทลี ะ 100 และแบบรปู ซาํ้ เปน ความรพู นื้ ฐานในการเรยี นรใู นอนาคตตอ ไป T104
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ กเตอ่ รนียมเพรรีย้อมน M AT H ขนั้ นาํ 1 พจิ ารณาแบบรูปของจาํ นวนทก่ี าํ หนดให แลวบอกความสัมพนั ธ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น ของจาํ นวนในแบบรปู พรอมทั้งเตมิ ตวั เลขแสดงจํานวนลงใน 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 97 จากน้ันครูและนักเรียนรวมกัน เฉลยคําตอบ 1. 90 91 92 93 ... มคี วามสมั พันธแบบใด มคี วามสมั พันธแ บบใด 2. 30 40 50 70 ... มคี วามสมั พันธแบบใด มคี วามสมั พนั ธแ บบใด 3. 60 40 30 20 ... มีความสัมพันธแ บบใด 4. 97 95 93 ... 5. 22 23 26 ... 2 พิจารณาแบบรปู ของจํานวนทกี่ ําหนดให แลว ตอบคาํ ถาม 1. 27 13 27 13 27 13 ... จํานวนท่ี 10 คือจํานวนใด 2. 45 98 45 98 45 98 ... จํานวนที่ 13 คอื จํานวนใด 3. 62 44 62 44 62 44 ... จํานวนที่ 15 คือจาํ นวนใด 4. 19 40 19 40 19 40 ... จาํ นวนที่ 18 คือจาํ นวนใด 5. 32 14 32 14 32 14 ... จาํ นวนท่ี 17 คือจาํ นวนใด 3 สรา งจาํ นวนทมี่ ี 2 หลัก 1 จํานวน โดยใชเ ลขโดด 0 - 5 แลว นาํ จาํ นวนท่ี สรางมาหาจํานวนถัดไปอีก 4 จํานวน โดยใหมีความสัมพันธแบบเพ่ิมข้ึน ทลี ะ 10 97 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู 37 42 ... 52 ... 62 ควรเตมิ จาํ นวนใดลงในชองวา ง ครูควรจัดกิจกรรมทบทวนความรูเร่ือง แบบรูปของจํานวนที่เพ่ิมขึ้นหรือ 1. 43, 53 ลดลงทีละ 1 และทีละ 10 โดยครูอาจติดบัตรแบบรูปของจํานวนบนกระดาน 2. 47, 57 แลว ใหน กั เรียนชวยกนั บอกจาํ นวนถัดไปอกี 3 จาํ นวน หรอื จํานวนท่ีหายไป 3. 47, 67 (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะจากแบบรูปท่กี ําหนดให เปนแบบรูป ของจํานวนท่ีมีความสมั พันธก ันโดยเพม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 5 จาก 42 เพม่ิ ขึ้น 5 เปน 42 + 5 = 47 จาก 52 เพิ่มขึ้น 5 เปน 52 + 5 = 57 ดงั นน้ั 37 42 47 52 57 62) T105
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ 1. Ẻû٠¢Í§¨Òí ¹Ç¹·èÕà¾èÔÁ¢¹Öé 14 15 16 17 18 ... ẺÃÙ»¢Í§¨íҹǹÁÕ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น ·ÅÕ Ð 2 ·ÕÅÐ 5 áÅзÅÕ Ð 100 Ẻà¾èÔÁ¢Öé¹ËÃ×ÍŴŧ·ÕÅÐ à·‹Òã´ 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม 1.1 แบบรูปของจาํ นวนท่ีเพ่มิ ขน้ึ ทีละ 2 มมุ ขวาบน ในหนังสือเรยี น คณติ ศาสตร ป.2 บวกดว ย 2 บวกดวย 2 บวกดว ย 2 เลม 1 หนา 98 (แนวตอบ แบบรูปของจํานวนมีความสัมพันธ ... แบบเพิม่ ข้ึนทีละ 1) 102 104 106 ... ขน้ั สอน จะเห็นวา จํานวนถดั ไปท่ีอยทู างขวาเพ่ิมข้นึ ทีละ 2 จาก 102 เพิ่มขน้ึ 2 เปน 102 + 2 = 104 สอน 104 เพ่ิมขึน้ 2 เปน 104 + 2 = 106 และ 106 เพ่ิมข้ึน 2 เปน 106 + 2 = 108 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ดังนั้น 102 104 106 ... เปนแบบรปู ของจาํ นวนทม่ี ี ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง ความสัมพนั ธกนั โดยเพ่มิ ขน้ึ ทีละ 2 เกง ปานกลางคอ นขา งออน และออน แลว ให จํานวนตอจาก 106 คือ 108 นักเรียนแตละกลุมศึกษาเร่ือง แบบรูป ตัวอยางที่ 1 ของจํานวนท่ีเพ่ิมข้ึนทีละ 2 และทีละ 5 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 98-100 จากนั้นครูอธิบายและยก ตั ว อ ย า ง เ พิ่ ม เ ติ ม เ พ่ื อ ใ ห นั ก เ รี ย น เ ข า ใ จ มากย่งิ ขึน้ เตมิ ตวั เลขแสดงจํานวนท่หี ายไปใหถ กู ตอง 123 125 127 ... 131 พจิ ารณา 123 125 127 ... 131 เปนแบบรปู ของจํานวนทมี่ ีความสมั พนั ธก ัน โดยเพิม่ ข้ึนทีละ 2 บวกดว ย 2 บวกดว ย 2 บวกดว ย 2 บวกดว ย 2 123 125 127 ... 131 จาก 127 เพม่ิ ขึ้น 2 เปน 127 + 2 = 129 ตอบ จํานวนตอจาก 127 คอื 129 98 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูอาจจัดกิจกรรมโดยกําหนดจํานวนหนึ่งจํานวนบนกระดาน แลวสุม 132 … 136 138 140 … … ควรเตมิ จาํ นวนใดลงในชอ งวาง นักเรียนนับจํานวนตอจากจํานวนที่กําหนดเพิ่มทีละ 2 โดยใหนับตอคนละ 1. 130, 134, 142 1 จํานวน จากน้ันครูจัดกิจกรรมในทํานองเดียวกันน้ี โดยเปลี่ยนเปนนับเพิ่ม 2. 134, 142, 144 ทลี ะ 5 ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 ตามลาํ ดบั เพอ่ื ทบทวนความรเู กย่ี วกบั การนบั เพมิ่ 3. 130, 142, 144 ทีละ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 และทีละ 100 (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะจากรูปแบบท่กี าํ หนดให เปน แบบรปู ของจํานวนท่มี ีความสมั พันธก นั โดยเพิ่มข้ึนทีละ 2 จาก 132 เพิ่มขึน้ 2 เปน 132 + 2 = 134 จาก 140 เพม่ิ ขน้ึ 2 เปน 140 + 2 = 142 จาก 142 เพม่ิ ขน้ึ 2 เปน 142 + 2 = 144 ดังน้นั 132 134 136 138 140 142 144) T106
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตวั อยา งท่ี 2 ขนั้ สอน เตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนท่หี ายไปใหถ ูกตอง สอน 233 235 ... 239 ... 2. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนที่เพิ่มข้ึนทีละ 2 พิจารณา 233 235 ... 239 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทีม่ ีความสัมพนั ธกนั บนกระดาน เชน 178 180 182 184 186 … โดยเพ่ิมขึน้ ทีละ 2 จากนัน้ ครถู ามคาํ ถามนักเรยี น ดงั น้ี • แบบรูปของจาํ นวนมีความสมั พนั ธแบบ บวกดว ย 2 บวกดวย 2 บวกดว ย 2 บวกดวย 2 เพิม่ ข้ึนหรือลดลงทลี ะเทาใด (แนวตอบ เพมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 2) 233 235 ... 239 ... • นกั เรยี นมวี ิธคี ิดอยางไร (แนวตอบ ใชวิธีบวกทลี ะ 2 หรือนบั เพมิ่ จาก 235 เพมิ่ ข้ึน 2 เปน 235 + 2 = 237 ทีละ 2) และ 239 เพม่ิ ขึน้ 2 เปน 239 + 2 = 241 • จาํ นวนถดั จาก 186 ควรเปน จํานวนใด ตอบ จาํ นวนตอจาก 235 คือ 237 และจาํ นวนตอจาก 239 คอื 241 หาไดอยางไร (แนวตอบ 188 โดยนาํ 186 บวกดว ย 2 หรอื นบั เพิม่ ทลี ะ 2 เทากับ 186 + 2 = 188) 1.2 แบบรูปของจาํ นวนทเี่ พ่มิ ขึน้ ทลี ะ 5 บวกดวย 5 บวกดวย 5 บวกดว ย 5 301 306 311 ... จะเหน็ วา จาํ นวนถดั ไปท่อี ยทู างขวาเพมิ่ ข้ึนทลี ะ 5 จาก 301 เพม่ิ ข้ึน 5 เปน 301 + 5 = 306 306 เพมิ่ ขน้ึ 5 เปน 306 + 5 = 311 และ 311 เพิม่ ขึน้ 5 เปน 311 + 5 = 316 ดงั นัน้ 301 306 311 ... เปน แบบรูปของจํานวนที่มี ความสัมพันธกันโดยเพิ่มข้นึ ทีละ 5 จาํ นวนตอ จาก 311 คอื 316 99 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 412 414 420 422 ครอู าจยกตวั อยา งแบบรปู ของจาํ นวนทเี่ พมิ่ ขนึ้ ทลี ะ 2 บนกระดาน เพม่ิ เตมิ ควรเติมจาํ นวนใดลงในชอ งวา ง อกี 1-2 ขอ โดยขออาสาสมคั รนักเรยี นหาจํานวนท่หี ายไป พรอ มใหเ หตุผล เชน 1. 418, 422, 426 301 303 305 … … 401 (แนวตอบ 307 และ 309 เพราะจาก 305 2. 404, 408, 412 เพมิ่ ขึน้ 2 เปน 305 + 2 = 307 และจาก 307 เพมิ่ ขน้ึ 2 เปน 307 + 2 = 309) 3. 416, 418, 424 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะจากรปู แบบท่กี าํ หนดให เปน แบบรูป ของจาํ นวนท่มี ีความสมั พนั ธกันโดยเพ่ิมข้นึ ทลี ะ 2 จาก 414 เพ่ิมขึ้น 2 เปน 414 + 2 = 416 จาก 416 เพ่มิ ขึน้ 2 เปน 416 + 2 = 418 จาก 422 เพ่มิ ขน้ึ 2 เปน 422 + 2 = 424 ดงั น้นั 412 414 416 418 420 422 424 ) T107
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตัวอยา งที่ 3 สอน เตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนทหี่ ายไปใหถ ูกตอ ง 205 210 215 ... 225 3. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนท่ีเพิ่มข้ึนทีละ 5 บนกระดาน เชน 442 447 452 457 … พิจารณา 205 210 215 ... 225 เปน แบบรูปของจํานวนที่มีความสัมพันธก นั จากน้นั ครถู ามคําถามนักเรียน ดังน้ี โดยเพิม่ ข้นึ ทลี ะ 5 • แบบรูปของจํานวนมีความสัมพนั ธแ บบ เพ่ิมขึ้นหรือลดลงทลี ะเทา ใด บวกดวย 5 บวกดวย 5 บวกดว ย 5 บวกดว ย 5 (แนวตอบ เพม่ิ ข้นึ ทีละ 5) • นกั เรยี นมวี ธิ คี ดิ อยางไร 205 210 215 ... 225 (แนวตอบ ใชวธิ บี วกดวย 5 หรือนบั เพ่ิม จาก 215 เพ่ิมขน้ึ 5 เปน 215 + 5 = 220 ทีละ 5) ตอบ จํานวนตอ จาก 215 คือ 220 • จํานวนถดั จาก 457 ควรเปน จํานวนใด หาไดอ ยา งไร ตัวอยางท่ี 4 (แนวตอบ 462 โดยนํา 457 บวกดวย 5 หรอื นบั เพม่ิ ทีละ 5 เทากับ 457 + 5 = 462) เตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนท่หี ายไปใหถ ูกตอง 405 410 ... 420 4. ครูใหน ักเรียนกลมุ เดิมชวยกนั ทาํ ใบงานท่ี 4.1 เรอ่ื ง แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขนึ้ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 พิจารณา 405 410 ... 420 เปน แบบรปู ของจาํ นวนทมี่ ีความสัมพันธกนั และทลี ะ 100 (1) จากนนั้ ครใู หนกั เรียนแตล ะ โดยเพิ่มขน้ึ ทีละ 5 กลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน โดยครูและนักเรียนท่ีเหลือรวมกันตรวจสอบ บวกดวย 5 บวกดว ย 5 บวกดวย 5 ความถกู ตอ ง 405 410 ... 420 จาก 410 เพ่ิมข้ึน 5 เปน 410 + 5 = 415 ตอบ จํานวนตอจาก 410 คือ 415 100 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครอู าจยกตวั อยา งแบบรปู ของจาํ นวนทเี่ พม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 5 บนกระดาน เพม่ิ เตมิ ขอใดไมใ ชแ บบรูปของจํานวนทีเ่ พิ่มข้ึนทลี ะ 5 อกี 1-2 ขอ โดยขออาสาสมคั รนกั เรยี นหาจํานวนท่หี ายไป พรอมใหเหตผุ ล เชน 1. 128 133 138 143 148 ... 866 871 876 ... 886 ... (แนวตอบ 881 และ 891 เพราะจาก 876 เพ่ิมข้ึน 5 2. 279 284 289 294 299 ... เปน 876 + 5 = 881 และจาก 886 เพ่ิมขน้ึ 5 เปน 886 + 5 = 891) 3. 146 148 150 152 154 ... T108 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 1. 128 133 138 143 148 ... ... +5 +5 +5 +5 ... 2. 279 284 289 294 299 +5 +5 +5 +5 3. 146 148 150 152 154 +2 +2 +2 +2 ดังน้ัน ขอ 3. จงึ ไมใชแบบรูปของจํานวนท่ีเพม่ิ ขนึ้ ทีละ 5)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1.3 แบบรปู ของจาํ นวนที่เพมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 100 ขน้ั สอน บวกดวย 100 บวกดว ย 100 บวกดวย 100 บวกดวย 100 สอน 100 200 ... 400 500 5. ครูใหนักเรียนจับคูภายในกลุมศึกษาเรื่อง แบบรปู ของจาํ นวนทเี่ พม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 100 ในหนงั สอื - จะเห็นวา จาํ นวนถัดไปทอ่ี ยทู างขวาเพิม่ ขึ้นทีละ 100 เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 101-102 จาก 100 เพ่มิ ข้ึน 100 เปน 100 + 100 = 200 จากนั้นครูอธิบายและยกตัวอยางเพ่ิมเติม เพื่อใหนักเรียนเขาใจมากย่งิ ข้นึ 200 เพิ่มขนึ้ 100 เปน 200 + 100 = 300 300 เพ่มิ ข้ึน 100 เปน 300 + 100 = 400 6. ครเู ขยี นแบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 100 และ 400 เพมิ่ ขน้ึ 100 เปน 400 + 100 = 500 บนกระดาน เชน 178 278 378 478 578 … ดงั นน้ั 100 200 ... 400 500 เปน แบบรปู ของจาํ นวนทม่ี ี จากน้นั ครถู ามคาํ ถามนกั เรยี น ดงั น้ี ความสมั พันธก ันโดยเพิ่มขึ้นทลี ะ 100 • แบบรปู ของจาํ นวนมคี วามสมั พนั ธแ บบ จาํ นวนตอ จาก 200 คอื 300 เพิ่มขึน้ หรือลดลงทีละเทาใด (แนวตอบ เพ่มิ ขน้ึ ทีละ 100) ตัวอยางท่ี 5 • นักเรียนมีวิธคี ดิ อยางไร (แนวตอบ ใชวิธีบวกดวย 100 หรือนับเพิ่ม เตมิ ตวั เลขแสดงจํานวนท่หี ายไปใหถ ูกตอง ทีละ 100) 134 234 ... ... 534 • จาํ นวนถดั จาก 578 ควรเปน จํานวนใด หาไดอยา งไร พจิ ารณา 134 234 ... ... 534 เปน แบบรูปของจํานวนที่มคี วามสัมพนั ธก ัน (แนวตอบ 678 โดยนาํ 578 บวกดว ย 100 หรอื โดยเพม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 100 นบั เพิ่มทีละ 100 เทา กบั 578 + 100 = 678) บวกดวย 100 บวกดว ย 100 บวกดว ย 100 บวกดว ย 100 134 234 ... ... 534 จาก 234 เพ่ิมข้ึน 100 เปน 234 + 100 = 334 และ 334 เพ่ิมขน้ึ 100 เปน 334 + 100 = 434 ตอบ จํานวนตอจาก 234 คอื 334 และจํานวนตอจาก 334 คือ 434 101 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอใดตา งจากขอ อื่น ครอู าจยกตวั อยา งแบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 100 บนกระดาน เพมิ่ เตมิ 1. 543 643 743 843 943 ... อกี 1-2 ขอ โดยขออาสาสมคั รนกั เรยี นหาจาํ นวนทหี่ ายไป พรอมใหเหตผุ ล เชน 2. 321 326 331 336 341 ... 251 351 451 … … 751 (แนวตอบ 551 และ 651 เพราะจาก 451 เพม่ิ ขน้ึ 100 3. 106 206 306 406 506 ... เปน 451 + 100 = 551 และจาก 551 เพมิ่ ขึน้ 100 เปน 551 + 100 = 651) (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 1. 543 643 743 843 943 ... T109 2. 321+ 100326+ 103031+ 100336+ 100341 ... +5 +5 +5 +5 3. 106 206 306 406 506 ... + 100 + 100 + 100 + 100 จะเหน็ วา ขอ 1. และ ขอ 3. เปน แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พม่ิ ข้นึ ทลี ะ 100 สวนขอ 2. เปน แบบรูปของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขนึ้ ทีละ 5 ดังนน้ั ขอ 2. ตา งจากขอ อนื่ )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตัวอยา งท่ี 6 สอน เติมตวั เลขแสดงจาํ นวนทีห่ ายไปใหถ ูกตอ ง 319 419 ... 619 ... 7. ครูใหนักเรียนคูเดิมทําใบงานท่ี 4.2 เร่ือง แบบรูปของจํานวนที่เพ่ิมข้ึนทีละ 2 ทีละ 5 พิจารณา 319 419 ... 619 ... เปน แบบรูป1ของจํานวนทม่ี คี วามสัมพนั ธกัน และทีละ 100 (2) จากนั้นครูสุมนักเรียน โดยเพม่ิ ขึ้นทีละ 100 แตละคูออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน 3-4 คู โดยครูและนักเรียนคูที่เหลือรวมกันตรวจสอบ บวกดวย 100 บวกดวย 100 บวกดว ย 100 บวกดว ย 100 ความถกู ตอง 319 419 ... 619 ... 8. ครใู หน กั เรยี นคเู ดมิ ทาํ กจิ กรรมเพอ่ื นชว ยเพอ่ื น จาก 419 เพมิ่ ข้ึน 100 เปน 419 + 100 = 519 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 และ 619 เพิ่มขึน้ 100 เปน 619 + 100 = 719 หนา 102 เสร็จแลวครูและนักเรียนรวมกัน ตอบ จํานวนตอ จาก 419 คือ 519 และจํานวนตอ จาก 619 คือ 719 เฉลยคาํ ตอบ พจิ ารณาแบบรปู ทกี่ าํ หนดให แลว เตมิ ตวั เลขแสดงจาํ นวนลงใน ใหถ กู ตอ ง 1) 199 201 207 2) 299 303 305 3) 204 219 224 4) 611 616 626 5) 199 499 599 6) 569 769 869 102 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 แบบรูป เปนความสัมพันธท่ีแสดงลักษณะรวมกันของชุดของจํานวน ขอ ใดตา งจากขออ่ืน รปู เรขาคณิต หรอื อืน่ ๆ 1. 123 128 133 138 143 ... 2. 201 301 401 501 601 ... T110 3. 335 340 345 350 355 ... (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 1. 123 128 133 138 143 ... +5 +5 +5 +5 2. 201 301 401 501 601 ... + 100 + 100 + 100 + 100 3. 335 340 345 350 355 ... +5 +5 +5 +5 จะเห็นวา ขอ 1. และ ขอ 3. เปน แบบรูปของจาํ นวนที่เพ่มิ ขึ้น ทลี ะ 5 สว นขอ 2. เปนแบบรปู ของจํานวนท่ีเพม่ิ ขนึ้ ทีละ 100)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาความรู ขนั้ สอน อปุ กรณ บัตรแบบรปู ของจํานวน 500 600 700 800 ... สอน ตวั อยางบัตรแบบรปู ของจาํ นวน 9. ครูใหนักเรียนคูเดิมทํากิจกรรมพัฒนาความรู ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 101 201 301 401 ... หนา 103 โดยครูแจกอปุ กรณแ ละจดั กิจกรรม ตามข้ันตอนท่ีหนังสือเรียนกําหนด จากน้ัน 400 405 410 415 ... 218 223 228 233 ... ครูทําหนาที่สังเกตการทํางานของนักเรียน และพูดกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวม 632 634 636 638 ... 124 126 128 130 ... ในการทํากิจกรรม 171 173 175 177 ... 748 753 758 763 ... ฝก ทกั ษะ 402 407 412 417 ... 121 221 321 421 ... ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะในหนงั สอื - เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 104 ลงในสมุด และทําแบบฝกหัดเรื่อง แบบรูป ของจาํ นวนท่เี พ่ิมขน้ึ ทีละ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 วธิ ีจัดกิจกรรม 1) ใหน กั เรยี นจบั คูก ับเพื่อน แลวสงตวั แทนออกมารบั บตั รแบบรปู ของจาํ นวนคลู ะ 10 ใบ 2) นกั เรยี นคนแรกชบู ตั รแบบรูปของจาํ นวนข้นึ คนท่ีสองจะเปน คน ตอบคาํ ถามวา “แบบรูปของจาํ นวนมีความสมั พนั ธโดยเพิ่มขึ้น ทีละเทา ใด และจาํ นวนถดั ไปอกี 1 จาํ นวน คือจาํ นวนอะไร” 3) นักเรียนแตละคูผลัดกันเปนคนชูบัตรและเปนคนตอบ จนกวาครูจะให สญั ญาณหมดเวลา 4) เมื่อครบ 5 นาที ครจู ะใหส ัญญาณวาหมดเวลา โดยการเปานกหวีด 5) หลังจากหมดเวลา ครูใหสงตัวแทนออกมายกตัวอยางบัตรแบบรูปของ จํานวนคลู ะ 3 ใบ ใหเ พื่อน ๆ ดู และบอกความสัมพันธและจํานวนถัดไป ของแบบรปู นนั้ 103 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 625 630 635 640 645 ... ครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนเลนเกม โดยครูเขียนตัวเลขแสดงจํานวน ขอ ใดมีความสัมพนั ธเ หมือนกับแบบรปู ที่กาํ หนด 1 จาํ นวน บนกระดาน แลว กาํ หนดเงอ่ื นไขใหน กั เรยี น เชน เปน แบบรปู ของจาํ นวน ทเี่ พม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 2 แลว ใหแ ตล ะกลมุ แขง กนั บอกจาํ นวนถดั ไป 5 จาํ นวน หากกลมุ ใด 1. 121 221 321 421 521 ... บอกถกู ตองและเรว็ ทีส่ ุด จะเปนกลมุ ชนะ 2. 325 425 525 625 725 ... 3. 518 523 528 533 538 ... T111 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 625 630 635 640 645 ... เปน แบบรูปของจํานวนท่เี พิม่ ขนึ้ ทีละ 5 ซง่ึ จะเหน็ วา 1. 121 221 321 421 521 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขน้ึ ทีละ 100 2. 325 425 525 625 725 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทเี่ พม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 100 3. 518 523 528 533 538 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 5 ดังนั้น ขอ 3. มคี วามสมั พนั ธเ หมือนกับแบบรูปท่กี ําหนด)
นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สรปุ กิจกรรมฝกทักษะ สรปุ 1 พจิ ารณาแบบรูปท่กี ําหนดให แลว เตมิ คําตอบที่ถกู ตอ งลงใน 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ 1. 507 511 513 แบบรูปของจํานวนท่ีเพ่ิมขึ้นทีละ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 2. 140 145 160 2. ครตู ดิ บตั รแบบรปู บนกระดาน แลว ครขู ออาสา 3. 217 317 417 สมัครนักเรียนออกมาเขียนจํานวนที่หายไป ของแบบรูปพรอมบอกวา แบบรูปของจํานวน 2 พิจารณาแบบรปู ท่กี ําหนดให แลวนําตัวอกั ษรไปเตมิ ใน ใหถ ูกตอ ง เพิม่ ข้ึนทลี ะเทาใด เชน 386 … ... 392 394 396 … 400 402 1. 199 201 203 205 207 ก. เพมิ่ ขนึ้ ทีละ 2 2. 731 736 741 746 751 3. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ “ความรทู ไี่ ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 3. 543 548 553 558 563 ข. เพม่ิ ขึน้ ทีละ 5 เลม 1 หนา 104 แลว ครูและนกั เรียนรวมกนั 4. 289 291 293 295 297 เฉลยคาํ ตอบ 5. 213 313 413 513 613 ค. เพม่ิ ข้นึ ทลี ะ 100 ขน้ั ประเมนิ ฝก ทําตอ ใน 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 และการรว มกันทาํ กิจกรรมกลมุ ความรทู ี่ได 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 4.1 เรอ่ื ง 1. แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พิม่ ขึ้นทีละ 2 มีลักษณะอยางไร จงยกตัวอยา ง แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และ 2. แบบรปู ของจํานวนทีเ่ พมิ่ ข้นึ ทลี ะ 5 มลี ักษณะอยางไร จงยกตวั อยาง ทลี ะ 100 (1) 3. แบบรูปของจาํ นวนท่ีเพม่ิ ข้นึ ทลี ะ 100 มีลักษณะอยา งไร จงยกตวั อยาง 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 4.2 เรอื่ ง แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และ ทีละ 100 (2) 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสอื เรียน และทําแบบฝกหัด ในหนังสือ แบบฝกหดั 104 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานท่ี พจิ ารณาแบบรปู ตอ ไปนี้ 127 132 137 142 147 ... จํานวน 4.1 เรอ่ื ง แบบรปู ของจํานวนที่เพม่ิ ข้ึนทีละ 2 ทีละ 5 และทีละ 100 (1) โดย สามจาํ นวนถัดไปคือจํานวนใด ศึกษาเกณฑการวัดและการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัด การเรยี นรูในหนว ยการเรยี นรูที่ 4 1. 162, 163, 167 2. 152, 157, 162 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 3. 148, 149, 150 คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ 127 132 137 142 147 ... ตรงกบั ระดับคะแนน เปน แบบรูปของจาํ นวนที่มีความสัมพันธก นั โดยเพิ่มข้นึ ทลี ะ 5 ลาดบั ท่ี ชือ่ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม จาก 147 เพม่ิ ขึ้น 5 เปน 147 + 5 = 152 ของนักเรยี น ความคิดเหน็ ฟงั คนอ่ืน ตามท่ีได้รับ สว่ นร่วมใน 15 จาก 152 เพ่ิมขึ้น 5 เปน 152 + 5 = 157 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน จาก 157 เพม่ิ ขึ้น 5 เปน 157 + 5 = 162 ผลงานกลมุ่ ดงั นนั้ 127 132 137 142 147 152 157 162) 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง T112
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2. ẺÃÙ»¢Í§¨Òí ¹Ç¹·èÕŴŧ 82 72 62 52 42 ... ขนั้ นาํ (Discovery Method) ẺÃÙ»¢Í§¨íҹǹÁÕ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ·ÕÅÐ 2 ·ÅÕ Ð 5 áÅзÕÅÐ 100 Ẻà¾èÔÁ¢Öé¹ËÃ×ÍŴŧ·ÕÅÐ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น à·‹Òã´ กจิ กรรมพัฒนาความรู ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาบนของหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 105 (แนวตอบ แบบรูปของจํานวนมีความสัมพันธ แบบลดลงทลี ะ 10) วธิ ีจดั กิจกรรม ขนั้ สอน ใหน ักเรยี นจบั คกู ับเพอื่ น พิจารณารปู ที่กาํ หนดให แลวเขยี นตัวเลขแสดง สอน จาํ นวนดินสอทเ่ี หลอื จากการใชใ นแตละครงั้ ลงใน 1. ครูใหนักเรียนจับคูกันแลวทํากิจกรรมพัฒนา- ความรใู นหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 10 100 10 110,0101000100100 1,0010,0010,000หที่หนนางั ส1อื0เ5รยี โนดกยําคหรนูจดัดแกลิจว กครรรทู มําตหานมา ขท้ันี่สงัตเอกนต 10 100 10 10,01010000100100 1,0010,0010,000 การทํางานของนักเรียน และพูดกระตุนให ใชไ ป 2 แทง 10 10 10011001001011010110,1010001100,10000100,0010,010,010,010,010,000 10 10 1001100100101101010,100001100,00010,010,010,010,000 นักเรียนทุกคนมีสวนรวมในการทํากิจกรรม จากนัน้ ครสู มุ นักเรยี น 2-3 คู ออกมานําเสนอ หนาชั้นเรียน โดยครูและนักเรียนรวมกัน มดี นิ สอ 156 แทง เหลอื ดนิ สอ แทง ตรวจสอบความถูกตอ ง ใชไป 2 แทง 10 100 10 110,01010000100100 1,0010,0010,000 10 100 10 110,01010000100100 1,0010,0010,000 10 10 1001100100 101010,00010,0010,010,000 ใชไ ป 2 แทง 10 10 100100 1,0010,000 เหลือดินสอ แทง เหลอื ดินสอ แทง 105 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 106 104 102 100 … ครูอาจจัดกิจกรรมโดยครูติดบัตรตัวเลขแสดงจํานวนบนกระดาน แลวให จากแบบรปู มคี วามสัมพันธข องแบบรปู ตามขอใด นกั เรยี นเตมิ จาํ นวนลงในบตั รทไี่ มม ตี วั เลข จากนน้ั ใหน กั เรยี นบอกวา แบบรปู ของ จํานวนมคี วามสมั พนั ธก ันแบบใด เชน 1. แบบรูปของจํานวนทม่ี ีความสัมพนั ธแ บบลดลงทลี ะ 100 134 136 142 144 146 2. แบบรูปของจํานวนที่มคี วามสมั พันธแบบลดลงทลี ะ 5 3. แบบรูปของจํานวนท่ีมคี วามสัมพนั ธแ บบลดลงทีละ 2 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 106 104 102 100 เปน แบบรูปของ จาํ นวนที่มคี วามสัมพนั ธแ บบลดลงทีละ 2) T113
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 2. 2.1 แบบรปู ของจํานวนท่ีลดลงทีละ 2 สอน 310 308 306 304 ... ลบดวย 2 ลบดวย 2 ลบดว ย 2 ลบดวย 2 2. ครูใหนักเรียนแตละคูศึกษาเร่ือง แบบรูปของ จํานวนที่ลดลงทลี ะ 2 และทีละ 5 ในหนังสือ- จะเหน็ วา จํานวนถดั ไปท่อี ยทู างขวาลดลงทีละ 2 เรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 106-108 จาก 310 ลดลง 2 เปน 310 - 2 = 308 โดยครูขออาสาสมัครนกั เรียน 2-3 คู ออกมา 308 ลดลง 2 เปน 308 - 2 = 306 ยกตัวอยางหนาช้ันเรียน จากน้ันครูอธิบาย และยกตัวอยางเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนเขาใจ มากยง่ิ ขนึ้ 306 ลดลง 2 เปน 306 - 2 = 304 และ 304 ลดลง 2 เปน 304 - 2 = 302 ดงั น้นั 310 308 306 304 ... เปน แบบรูปของจํานวน ทม่ี คี วามสมั พันธกนั โดยลดลงทีละ 2 จํานวนตอจาก 304 คือ 302 ตัวอยา งท่ี 7 เตมิ ตัวเลขแสดงจํานวนที่หายไปใหถกู ตอง 436 434 ... ... 428 พิจารณา 436 434 ... ... 428 เปน แบบรปู ของจาํ นวนท่ีมคี วามสมั พันธกนั โดยลดลงทีละ 2 436 434 ... ... 428 ลบดวย 2 ลบดวย 2 ลบดวย 2 ลบดวย 2 จาก 434 ลดลง 2 เปน 434 - 2 = 432 และ 432 ลดลง 2 เปน 432 - 2 = 430 ตอบ จํานวนตอจาก 434 คอื 432 และ 430 ตามลําดบั 106 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูอาจจัดกิจกรรมโดยติดบัตรแบบรูปของจํานวน แลวขออาสาสมัคร พิจารณาแบบรูปตอ ไปน้ี 488 486 484 482 ... ... ... นกั เรียนบอกวาเปน แบบรูปของจํานวนทม่ี ีความสมั พนั ธกันแบบใด เชน จาํ นวนถดั ไปคอื จํานวนใด 143 141 139 137 ... 1. 483, 481, 489 2. 483, 485, 487 3. 480, 478, 476 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 488 486 484 482 ... เปนแบบรูป ของจาํ นวนท่ีมีความสมั พันธกันโดยลดลงทีละ 2 จาก 482 ลดลง 2 เปน 482 - 2 = 480 จาก 480 ลดลง 2 เปน 480 - 2 = 478 จาก 478 ลดลง 2 เปน 478 - 2 = 476 ดังนนั้ 488 486 484 482 480 478 476) T114
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอยางที่ 8 ขน้ั สอน เติมตวั เลขแสดงจาํ นวนท่ีหายไปใหถ ูกตอ ง สอน 210 ... 206 ... 202 3. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนท่ีลดลงทีละ 2 พจิ ารณา 210 ... 206 ... 202 เปน แบบรปู ของจาํ นวนท่ีมคี วามสัมพันธก นั บนกระดาน เชน 322 320 318 316 …. โดยลดลงทลี ะ 2 จากนนั้ ครถู ามคําถามนักเรียน ดังน้ี • แบบรูปของจาํ นวนมคี วามสมั พันธแบบ 210 ... 206 ... 202 เพม่ิ ข้นึ หรอื ลดลงทีละเทาใด (แนวตอบ ลดลงทลี ะ 2) ลบดวย 2 ลบดว ย 2 ลบดว ย 2 ลบดวย 2 • นักเรยี นมีวิธีคิดอยา งไร (แนวตอบ ใชวธิ ีลบออกทลี ะ 2 หรือนบั ลด จาก 210 ลดลง 2 เปน 210 - 2 = 208 ทีละ 2) และ 206 ลดลง 2 เปน 206 - 2 = 204 • จาํ นวนถัดจาก 316 ควรเปนจํานวนใด ตอบ จาํ นวนตอจาก 210 คือ 208 และจํานวนตอ จาก 206 คอื 204 หาไดอ ยา งไร (แนวตอบ 314 หาไดจาก 316 ลดลง 2 เปน 316 - 2 = 314) 2.2 รปู แบบของจาํ นวนท่ลี ดลงทีละ 5 501 496 491 ... 481 ลบดว ย 5 ลบดว ย 5 ลบดวย 5 ลบดว ย 5 จะเหน็ วา จํานวนถัดไปทางขวาลดลงทีละ 5 จาก 501 ลดลง 5 เปน 501 - 5 = 496 496 ลดลง 5 เปน 496 - 5 = 491 491 ลดลง 5 เปน 491 - 5 = 486 และ 486 ลดลง 5 เปน 486 - 5 = 481 ดงั น้ัน 501 496 491 ... 481 เปนแบบรูปของจาํ นวนทีม่ ี ความสมั พนั ธกันโดยลดลงทีละ 5 จํานวนตอ จาก 491 คอื 486 107 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู แบบรปู ของจํานวนในขอ ใด มีความสัมพันธแ บบลดลงทลี ะ 2 ครเู ขยี นจํานวนทลี่ ดลงทีละ 2 บนกระดาน เชน 1. 233 232 231 230 229 ... 19 17 15 13 11 ... 2. 113 111 109 107 105 ... 28 26 24 22 20 ... 3. 318 308 298 288 278 ... จากน้นั ครูอธบิ ายวา จํานวนทลี่ ดลงทีละ 2 ถาจํานวนเร่ิมตนเปนจาํ นวนคี่ จํานวนถัดไปก็จะเปนจํานวนคี่ดวยเสมอ แตถาจํานวนเริ่มตนเปนจํานวนคู (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ จํานวนถัดไปก็จะเปนจาํ นวนคดู วยเสมอ 1. 233 232 231 230 229 ... T115 -1 -1 -1 -1 2. 113 111 109 107 105 ... -2 -2 -2 -2 3. 318 308 298 288 278 ... - 10 - 10 - 10 - 10 ดังน้ัน ขอ 2. จึงเปนแบบรูปของจํานวนท่ีมีความสัมพันธ แบบลดลงทลี ะ 2)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตวั อยางที่ 9 สอน เติมตวั เลขแสดงจาํ นวนที่หายไปใหถ ูกตอ ง 4. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนท่ีลดลงทีละ 5 792 787 ... ... 772 บนกระดาน เชน 442 437 432 427 … พิจารณา 792 787 ... ... 772 เปน แบบรูปของจํานวนท่ีมคี วามสัมพันธกนั จากน้นั ครถู ามคาํ ถามนกั เรยี น ดังน้ี โดยลดลงทีละ 5 • แบบรปู ของจํานวนมีความสมั พนั ธแ บบ เพิ่มขึน้ หรือลดลงทีละเทาใด 792 787 ... ... 772 (แนวตอบ ลดลงทีละ 5) • นกั เรยี นมวี ิธคี ดิ อยา งไร ลบดว ย 5 ลบดว ย 5 ลบดว ย 5 ลบดวย 5 (แนวตอบ ใชว ธิ ลี บออกทลี ะ 5 หรอื นับลด ทีละ 5) จาก 787 ลดลง 5 เปน 787 - 5 = 782 • จาํ นวนถดั จาก 427 ควรเปน จาํ นวนใด และ 782 ลดลง 5 เปน 782 - 5 = 777 หาไดอยางไร ตอบ จาํ นวนตอจาก 787 คอื 782 และจาํ นวนตอจาก 782 คือ 777 (แนวตอบ 422 หาไดจาก 427 ลดลง 5 เปน 427 - 5 = 422) ตัวอยา งท่ี 10 5. ครูใหนักเรียนคูเดิมทําใบงานที่ 4.3 เรื่อง เติมตวั เลขแสดงจาํ นวนที่หายไปใหถ ูกตอง แบบรูปของจํานวนที่ลดลงทีละ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 (1) จากนั้นสมุ นกั เรียนออกมา นาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น 3-4 คู โดยครแู ละนกั เรยี น คทู ี่เหลอื รว มกนั ตรวจสอบความถกู ตอง 179 ... ... 164 159 พจิ ารณา 179 ... ... 164 159 เปนแบบรปู ของจาํ นวนทม่ี คี วามสัมพนั ธก นั โดยลดลงทีละ 5 179 ... ... 164 159 ลบดว ย 5 ลบดว ย 5 ลบดวย 5 ลบดว ย 5 จาก 179 ลดลง 5 เปน 179 - 5 = 174 และ 174 ลดลง 5 เปน 174 - 5 = 169 ตอบ จํานวนตอจาก 179 คอื 174 และ 169 108 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูอธิบายเพ่ิมเติมใหนักเรียนเขาใจวา การหาความสัมพันธของจํานวน ขอใดเปนแบบรูปของจํานวนทีล่ ดลงทลี ะ 5 แบบลดลงไมจ าํ เปน ตอ งหาจาํ นวนทต่ี อ จากจาํ นวนสดุ ทา ยเสมอไป เพราะถา เรา 1. 180 178 176 174 172 ... ทราบวา แบบรปู ทต่ี อ งการหามคี วามสมั พนั ธแ บบใด กอ็ าจหาจาํ นวนทอี่ ยรู ะหวา ง 2. 291 286 281 276 271 ... จํานวน 2 จํานวนได เชน 3. 334 339 344 349 354 ... 561 556 551 … 541 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ จากแบบรปู ของจํานวนทม่ี ีความสมั พันธก นั โดยลดลงทีละ 5 1. 180 178 176 174 172 ... เปนแบบรูปของจํานวนที่มี ลบดว ย 5 ลบดวย 5 ลบดวย 5 ลบดวย 5 ความสัมพนั ธแ บบลดลงทลี ะ 2 2. 291 286 281 276 271 ... เปนแบบรูปของจํานวนที่มี 561 556 551 … 541 จาก 551 ลดลง 5 เปน 551 - 5 = 546 ความสมั พันธแ บบลดลงทีละ 5 ดงั นนั้ 561 556 551 546 541 เปน แบบรปู ของจาํ นวนทม่ี คี วามสมั พนั ธก นั 3. 334 339 344 349 354 ... เปนแบบรูปของจํานวนที่มี โดยลดลงทลี ะ 5 ความสัมพนั ธแบบเพ่มิ ขึ้นทีละ 5 T116 ดังนนั้ ขอ 2. จึงเปน แบบรปู ของจาํ นวนที่ลดลงทลี ะ 5)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2.3 แบบรูปของจํานวนท่ลี ดลงทีละ 100 ขนั้ สอน 500 400 ... ... 100 สอน ลบดว ย 100 ลบดวย 100 ลบดวย 100 ลบดว ย 100 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาเร่ือง แบบรูป จะเห็นวา จํานวนถดั ไปที่อยูท างขวาลดลงทีละ 100 ของจาํ นวนทนี่ บั ลดลงทลี ะ 100 ในหนงั สอื เรยี น จาก 500 ลดลง 100 เปน 500 - 100 = 400 คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 109-110 จากนนั้ 400 ลดลง 100 เปน 400 - 100 = 300 ครูยกตัวอยางเพ่ิมเติมเพื่อใหนักเรียนเขาใจ 300 ลดลง 100 เปน 300 - 100 = 200 มากย่งิ ข้ึน และ 200 ลดลง 100 เปน 200 - 100 = 100 ดังนั้น 500 400 ... ... 100 เปนแบบรปู ของจํานวนทีม่ ี 7. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนท่ีลดลงทีละ 100 ความสมั พันธก นั โดยลดลงทลี ะ 100 บนกระดาน เชน 978 878 778 678 578 ... จํานวนตอจาก 400 คือ 300 และ 200 ตามลําดับ จากนัน้ ครถู ามคําถามนกั เรยี น ดงั นี้ • แบบรูปของจาํ นวนมีความสัมพนั ธ ตวั อยางท่ี 11 แบบเพมิ่ ขึ้นหรอื ลดลงทีละเทาใด (แนวตอบ ลดลงทีละ 100) เติมตัวเลขแสดงจาํ นวนทห่ี ายไปใหถกู ตอ ง • นกั เรียนมวี ธิ คี ดิ อยา งไร (แนวตอบ ใชว ธิ ลี บออกทลี ะ 100 หรอื นับ 632 532 ... 332 ... ลดทีละ 100) • จาํ นวนถัดจาก 578 ควรเปนจาํ นวนใด พจิ ารณา 632 532 ... 332 ... เปนแบบรูปของจาํ นวนทม่ี ีความสมั พนั ธกัน หาไดอ ยา งไร โดยลดลงทีละ 100 (แนวตอบ 478 จาก 578 ลดลง 100 เปน 578 - 100 = 478) 632 532 ... 332 ... ลบดวย 100 ลบดวย 100 ลบดวย 100 ลบดว ย 100 จาก 532 ลดลง 100 เปน 532 - 100 = 432 และ 332 ลดลง 100 เปน 332 - 100 = 232 ตอบ จํานวนตอ จาก 532 คือ 432 และจํานวนท่ตี อจาก 332 คอื 232 109 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู พจิ ารณาแบบรปู ตอไปน้ี 650 ... 450 ... 250 ควรเติมจํานวน ครูใหน ักเรยี นสงั เกตการนับลดลงทีละ 100 แลว อธิบายเพม่ิ เตมิ วา การนับ ในขอ ใดลงในชองวา ง ลดทลี ะ 100 เลขโดดทีอ่ ยูใ นหลกั รอ ยจะลดลงทีละ 1 สว นเลขโดดทอ่ี ยูในหลัก สิบและหลกั หนว ยจะเทาเดมิ เชน 939 839 739 639 539 1. 550, 350 2. 550, 355 3. 540, 520 (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะแบบรูปท่ีกําหนด เปนแบบรูปของ จํานวนที่มคี วามสัมพันธก นั โดยลดลงทีละ 100 จาก 650 ลดลง 100 เปน 650 - 100 = 550 จาก 450 ลดลง 100 เปน 450 - 100 = 350 ดงั นนั้ 650 550 450 350 250) T117
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตวั อยา งท่ี 12 สอน เตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนที่หายไปใหถ กู ตอ ง 719 ... 519 419 ... 8. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมทําใบงานท่ี 4.4 เรื่อง แบบรูปของจํานวนที่ลดลงทีละ 2 ทีละ 5 พจิ ารณา 719 ... 519 419 ... เปนแบบรปู ของจํานวนที่มคี วามสัมพนั ธก นั และทีละ 100 (2) ลงในสมุด จากนั้นครูสุม โดยลดลงทลี ะ 100 นกั เรยี น 3-4 กลมุ ออกมานาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น โดยครูและนักเรียนท่ีเหลือรวมกันตรวจสอบ 719 ... 519 419 ... ความถูกตอง ลบดว ย 100 ลบดว ย 100 ลบดวย 100 ลบดว ย 100 ฝก ทกั ษะ จาก 719 ลดลง 100 เปน 719 - 100 = 619 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ในหนงั สอื - และ 419 ลดลง 100 เปน 419 - 100 = 319 เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 111 ตอบ จาํ นวนตอจาก 719 คอื 619 และจาํ นวนตอ จาก 419 คอื 319 ลงในสมดุ จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั เฉลย คําตอบ พจิ ารณาแบบรปู ทก่ี าํ หนดให แลว เตมิ ตวั เลขแสดงจาํ นวนลงใน ใหถ กู ตอ ง 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเรื่อง แบบรูป ของจาํ นวนทล่ี ดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และทลี ะ 100 ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบาน 1) 179 177 171 2) 312 308 306 3) 654 649 634 4) 215 205 200 5) 841 741 441 6) 999 699 599 แบบรปู ของจาํ นวนทลี่ ดลงทลี ะ2 ทลี ะ5 และทลี ะ100 110 สือ่ Digital ขอสอบเนน การคิด ครูเปดส่อื การเรยี นรูเ รือ่ ง แบบรูปของจาํ นวนท่ลี ดลงทลี ะ 2 ทีละ 5 และ พิจารณาแบบรปู ตอไปนี้ 963 863 763 663 563 ... ทีละ 100 ในหนังสอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 110 ใหนกั เรยี นดู ขอ ใดมีความสัมพันธเหมือนกับแบบรูปทก่ี าํ หนด ดว ยการสแกน QR Code 1. 126 124 122 120 118 ... T118 2. 328 323 318 313 308 ... 3. 937 837 737 637 537 ... (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 963 863 763 663 563 ... เปน แบบรปู ของจํานวนทมี่ คี วามสมั พันธกนั โดยลดลงทีละ 100 จะไดว า 1. 126 124 122 120 118 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทล่ี ดลง ทลี ะ 2 2. 328 323 318 313 308 ... เปน แบบรูปของจํานวนทีล่ ดลง ทีละ 5 3. 937 837 737 637 537 ... เปนแบบรปู ของจํานวนที่ลดลง ทลี ะ 100)
นาํ สอน สรุป ประเมิน กิจกรรมฝกทักษะ ขน้ั สรปุ 1 พิจารณาแบบรูปทกี่ ําหนดให แลวเติมตัวเลขแสดงจาํ นวนลงในชองวา ง สรปุ 1. 2. 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ 519 515 513 509 906 902 898 896 แบบรปู ของจํานวนทล่ี ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 และ ทลี ะ 100 525 515 505 912 902 887 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามจากกรอบ “ความรู 715 515 215 902 702 602 ทไ่ี ด” ในหนงั สือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 111 แลวครูและนักเรียนที่เหลือรวมกัน 2 พิจารณาแบบรปู ที่กําหนดให แลว บอกความสมั พันธของแบบรปู เฉลยคําตอบ 1. 533 531 529 527 525 ... 3. ครตู ดิ บตั รแบบรปู บนกระดาน แลว ครขู ออาสา 2. 898 798 698 598 498 ... สมัครนักเรียนออกมาเขียนจํานวนท่ีหายไป 3. 874 869 864 859 854 ... ของแบบรูป พรอมบอกดวยวาแบบรูปของ 4. 155 150 145 140 135 ... จํานวนลดลงทีละเทา ใด เชน 5. 471 469 467 465 463 ... ... ... 367 365 363 … … ฝกทําตอ ใน 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนทําช้ินงาน บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 เร่ือง ลูกบาศกแบบรูปของจํานวน โดยครู แจกกระดาษแบบรูปของลูกบาศกใหนักเรียน ความรทู ่ีได เพื่อจัดทําลูกบาศกแบบรูปของจํานวน และ 1. แบบรูปของจาํ นวนทลี่ ดลงทลี ะ 2 มลี ักษณะเปนอยา งไร จงยกตวั อยา ง ตกแตงใหส วยงาม เสร็จแลวนําสง ครผู ูส อน 2. แบบรปู ของจํานวนท่ีลดลงทีละ 5 มีลกั ษณะเปน อยางไร จงยกตวั อยา ง 3. แบบรปู ของจาํ นวนทลี่ ดลงทลี ะ 100 มลี กั ษณะเปน อยา งไร จงยกตวั อยา ง ขนั้ ประเมนิ 111 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรวมกนั ทาํ กิจกรรมกลมุ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 4.3 เรือ่ ง แบบรปู ของจํานวนทลี่ ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 และ ทลี ะ 100 (1) 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 4.4 เร่อื ง แบบรูปของจาํ นวนที่ลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และ ทีละ 100 (2) 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสอื เรียน และทําแบบฝกหัด ในหนังสอื แบบฝกหัด กจิ กรรม สรางเสริม แนวทางการวัดและประเมินผล ครูใหนักเรียนแตละคูรวมกันพิจารณาแบบรูปท่ีกําหนดให ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานท่ี แลวเติมตัวเลขแสดงจํานวนลงในชองวาง เสร็จแลวใหสลับกัน 4.3 เร่อื ง แบบรปู ของจํานวนทีล่ ดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และทีละ 100 (1) โดยศกึ ษา ตรวจสอบคําตอบ จากนนั้ นาํ สงครูผูสอน เกณฑการวัดและการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรู ในหนว ยการเรียนรทู ี่ 4 1. 954 854 754 654 ... ... แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม 2. 370 368 366 ... 362 ... คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ ชอ่ื – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคิดเห็น ฟังคนอ่ืน ตามท่ไี ดร้ บั สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T119
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (Induction Method) 3. ẺÃÙ»«íéÒ 2 8 2 8 ... ¨Ò¡áººÃÙ»¨íҹǹ·èÕ 19 áÅÐ 20 เตรยี ม ¤×ͨíҹǹÍÐäà ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม พจิ ารณาแบบรูปตอ ไปน้ี มุมขวาบนของหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 213 146 213 146 213 146 เลม 1 หนา 112 จะเห็นวา แบบรปู มีความสัมพันธกันโดยแสดงจาํ นวนเปน ชุด ๆ (แนวตอบ จํานวนท่ี 19 คือ 2 และจาํ นวนที่ 20 แตละชดุ มี 2 จํานวน คอื 213 และ 146 คือ 8) 213 146 213 146 213 146 ขน้ั สอน ดงั น้นั ตวั เลขแสดงจาํ นวนใน คอื 213 และ 146 ตามลําดับ สอนหรอื แสดง จะได 213 146 213 146 213 146 213 146 1. ครูอธิบายและยกตัวอยางเพิ่มเติม เพ่ือให ตวั อยา งท่ี 13 นกั เรยี นเขา ใจมากยงิ่ ขนึ้ โดยครเู ขยี นแบบรปู ซาํ้ บนกระดาน เชน 182 372 182 372 182 … 730 142 730 142 730 142 730 142 ... จากน้ันครูถามคําถามนักเรยี น ดงั นี้ • แบบรปู ของจํานวนมคี วามสัมพนั ธแบบใด จากแบบรปู จํานวนที่ 9 และ 10 คอื จาํ นวนอะไร (แนวตอบ แบบรูปมีความสัมพันธกันโดย จะเหน็ วา แบบรูปมคี วามสมั พันธกนั โดยแสดงจํานวนเปน ชดุ ๆ แสดงจํานวนเปน ชุดๆ) • นกั เรียนมีวิธคี ิดอยา งไร แตล ะชดุ มี 2 จํานวน คอื 730 และ 142 (แนวตอบ พิจารณาจํานวนแตละจํานวน วา แสดงจํานวนเปนชุดหรือไม และชุดละ จาํ นวนท่ี 9 กจ่ี าํ นวน) • จาํ นวนถดั จาก 182 ควรเปน จาํ นวนใด หาได 730 142 730 142 730 142 730 142 อยางไร (แนวตอบ 327 โดยพจิ ารณาความสมั พนั ธข อง จํานวนที่ 10 จํานวนเปน ชดุ ๆ แตละชดุ มี 2 จาํ นวน คือ 182 และ 372 ดงั น้นั จาํ นวนถัดจาก 182 ตอบ จาํ นวนท่ี 9 คือ 730 และจาํ นวนท่ี 10 คือ 142 คือ 372) 112 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูอาจใหน ักเรยี นเลม เกมแขงขัน โดยแบงนักเรยี นเปนกลมุ กลุมละ 4 คน 78 45 11 78 45 78 11 45 11 คละกันตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอนขา งเกง ปานกลางคอ นขาง ตัวเลขแสดงจํานวนใน คอื ขอใด ออ น และออน จากนั้นครูเขียนโจทยแบบรูปซํ้าจํานวนไมเกิน 100 บนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ หาจาํ นวนทห่ี ายไป หากกลมุ ใดยกมอื และบอกคาํ ตอบ 1. 11, 45, 11 ไดถกู ตอ งและเร็วทส่ี ดุ กลมุ นน้ั ได 1 คะแนน เชน 12 78 12 78 ... ... 12 78 2. 11, 45, 78 3. 11, 45, 45 (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะแบบรูปมีความสัมพันธของจํานวน เปนชุดๆ ชุดละ 3 จํานวน คอื 78 45 และ 11 ดังน้ัน ตัวเลขแสดง จํานวนใน จะได ดงั น้ี 78 45 11 78 45 11 78 45 11 78 45 11) T120
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ พิจารณาแบบรูปตอ ไปน้ี ขนั้ สอน 201 987 604 201 987 604 จะเห็นวา แบบรูปมคี วามสัมพันธก นั โดยแสดงจาํ นวนเปน ชดุ ๆ สอนหรอื แสดง แตละชุดมี 3 จํานวน คอื 201 987 และ 604 2. ครเู ขียนแบบรูปซา้ํ บนกระดาน เชน 201 987 604 201 987 604 902 209 731 902 209 731 902 … ดังน้ัน ตวั เลขแสดงจํานวนใน คือ 201 987 และ 604 จากน้นั ครูถามคาํ ถามนกั เรยี น ดังนี้ ตามลาํ ดับ • แบบรปู ของจาํ นวนมคี วามสมั พนั ธก นั แบบใด จะได 201 987 604 201 987 604 201 987 604 (แนวตอบ แบบรูปมีความสัมพันธกันโดย แสดงจาํ นวนเปน ชดุ ๆ แตล ะชดุ มี 3 จาํ นวน ตวั อยางที่ 14 คอื 902 209 และ 731) • จํานวนถัดจาก 902 ควรเปน จํานวนใด 444 555 888 444 555 888 444 555 888 ... (แนวตอบ 209 และ 731) • จากแบบรูปจาํ นวนที่ 10, 11 และ 12 จากแบบรปู จาํ นวนท่ี 10 11 และ 12 คอื จาํ นวนอะไร คอื จํานวนใด หาไดอ ยางไร จะเห็นวา แบบรูปมีความสัมพนั ธก นั โดยแสดงจํานวนเปนชดุ ๆ (แนวตอบ จํานวนท่ี 10 คอื 902 จํานวนท่ี 11 คอื 209 และจาํ นวนท่ี 12 คอื 731 หาไดโดย แตล ะชุดมี 3 จํานวน คือ 444 555 และ 888 พิจารณาความสัมพันธของแบบรูปซ่ึงแสดง 444 555 888 444 555 888 444 555 888 จาํ นวนเปนชุดๆ แตละชุดมี 3 จาํ นวน คือ 902 209 และ 731) จํานวนที่ 10 จาํ นวนท่ี 11 3. ครูใหนักเรียนจับคูภายในกลุมศึกษาเรื่อง แบบรูปซํา้ ในหนังสอื เรยี น คณิตศาสตร ป.2 จํานวนที่ 12 เลม 1 หนา 112-114 จากนน้ั ใหแ ตล ะกลุมสง ตัวแทนออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน โดยการ ตอบ จํานวนที่ 10 11 และ 12 คอื 444 555 และ 888 ยกตัวอยางบนกระดาน และอธิบายใหเพ่ือน กลุมอ่ืนเขาใจ จากนั้นครูอธิบายตัวอยาง ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 เพม่ิ เตมิ เพ่อื ใหน กั เรียนเขา ใจมากยิง่ ขนึ้ 113 ขอสอบเนน การคดิ พิจารณาแบบรูปที่กาํ หนดให 125 238 309 125 238 309 ควรเติมจํานวนใดลงในชองวาง 1. 309, 238, 125 2. 238, 125, 309 3. 125, 238, 309 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะจากแบบรูปทีก่ าํ หนดใหเ ปน แบบรปู ที่มีความสัมพันธกันโดยแสดงจํานวนเปนชุดๆ แตละชุดมี 3 จํานวน คือ 125 238 และ 309 ตามลาํ ดับ ดงั นนั้ 125 238 309 125 238 309 125 238 309 ) T121
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน พจิ ารณาแบบรปู ตอ ไปนี้ 110 427 983 700 110 427 983 700 110 427 983 สอนหรอื แสดง 700 จะเหน็ วา แบบรูปมีความสมั พันธ1กันโดยแสดงจํานวนเปน ชุด ๆ 4. ครูเขียนแบบรปู ซ้ําบนกระดาน เชน 511 แตล ะชุดมี 4 จาํ นวน คือ 110 427 983 และ 700 307 511 199 511 199 307 199 … จากน้นั ครูถามคาํ ถามนกั เรยี น ดงั น้ี 110 427 983 700 110 427 983 700 110 427 983 700 • แบบรปู ของจาํ นวนมคี วามสมั พนั ธก นั แบบใด (แนวตอบ แบบรูปมีความสัมพันธกันโดย ดังนนั้ ตัวเลขแสดงจาํ นวนใน คอื 110 427 983 และ 700 แสดงจาํ นวนเปน ชดุ ๆ แตล ะชดุ มี 3 จาํ นวน ตามลําดบั คอื 511 199 และ 307) • จํานวนแทน , และ คอื จํานวน จะได 110 427 983 700 110 427 983 700 110 427 ใดบา ง หาไดอยางไร 983 700 110 427 923 700 (แนวตอบ คือ 199, คือ 307 และ คือ 511) ตวั อยา งท่ี 15 5. ครใู หน ักเรียนแตล ะกลมุ ทาํ ใบงานที่ 4.5 เรือ่ ง 987 124 360 892 987 124 360 892 987 124 360 892 .... แบบรูปซํ้า จากนั้นครูขออาสาสมัครนักเรียน จากแบบรปู จาํ นวนท่ี 21 22 23 และ 24 คือจาํ นวนอะไร 2-3 กลมุ โดยใหแ ตละกลุมสงตัวแทนออกมา จะเหน็ วา แบบรูปมีความสัมพนั ธก นั โดยแสดงจาํ นวนเปนชดุ ๆ นําเสนอหนาช้ันเรียน โดยครูและนักเรียน ที่เหลอื รวมกันตรวจสอบความถูกตอง แตละชดุ มี 4 จํานวน คอื 987 124 360 และ 892 987 124 360 892 987 124 360 892 987 124 360 892 จํานวนที่ 22 จาํ นวนที่ 24 987 124 360 892 987 124 360 892 จํานวนท่ี 21 จํานวนท่ี 23 ตอบ จํานวนท่ี 21 22 23 และ 24 คือ 987 124 360 และ 892 114 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 ความสัมพันธ เกิดจากสิ่งสองส่ิงใดๆ ท่ีมีความเก่ียวของกันภายใต 315 237 610 315 237 610 315 237 610 ... จากแบบรปู กฎเกณฑห รอื เงอื่ นไขอยางใดอยา งหน่ึง จํานวนที่ 11 13 และ15 คอื จาํ นวนในขอใด 1. 315, 237, 610 2. 610, 315, 237 T122 3. 237, 315, 610 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะจากแบบรปู ทีก่ ําหนดใหเปน แบบรปู มคี วามสมั พนั ธก นั โดยแสดงจาํ นวนเปน ชดุ ๆ แตล ะชดุ มี 3 จาํ นวน คือ 313 237 และ 610 315 237 610 315 237 610 315 237 610 จํานวนท่ี 11 จาํ นวนที่ 15 315 237 610 315 237 610 จํานวนที่ 13 ดังน้ัน จํานวนท่ี 11 คือ 237 จํานวนท่ี 13 คือ 315 และ จาํ นวนที่ 15 คือ 610 เทา กับ ขอ 3.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กิจกรรมพัฒนาความรู ขน้ั สอน วธิ ีจดั กิจกรรม เปรยี บเทยี บและรวบรวม ใหนกั เรยี นจับคกู ัน พจิ ารณาแบบรูปทีก่ ําหนด แลวหาจํานวนแทน 1. ครูทบทวนความรูเรื่อง แบบรูปซํ้า โดย ของแตละขอ พรอมทั้งหาจาํ นวนตามท่ีระบุไวใ นตาราง เขียนแบบรูปซ้ําบนกระดาน แลวใหนักเรียน หาจาํ นวนทห่ี ายไปหรอื จาํ นวนทคี่ รรู ะบไุ ว เชน 1) 300 129 300 300 129 129 ... จาํ นวนที่ 20, 21 และ 22 แลวครแู ละนกั เรยี น รว มกนั เฉลยคําตอบ 2) 153 942 153 942 153 942 ... 2. ครูใหนักเรียนคูเดิมทํากิจกรรมพัฒนาความรู 3) 999 144 999 144 999 144 ... ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 115 โดยครูจัดกิจกรรมตามขั้นตอน 4) 521 619 521 521 619 619 ... ทห่ี นงั สอื เรียนกาํ หนด แลว ครูทาํ หนาท่สี งั เกต การทํางานของนักเรียนใหทุกคนมีสวนรวม 5) 205 205 205 316 205 316 ... ในการทาํ กิจกรรม 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมเพ่ือนชวยเพ่ือน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 115 จากน้ันใหนักเรียนแตละคูสลับกัน ตรวจคาํ ตอบ ขอที่ จํานวนท่ี 1 9, 10 คือ 2 15, 16 คือ 3 10, 12 คอื 4 20, 23 คอื 5 12, 17 คอื หาจาํ นวนในแบบรปู ของจาํ นวนตอ ไปน้ี 115 679 420 679 420 679 420 ... จาํ นวนท่ี 15 และ 16 คือจํานวนอะไร ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู 200 304 445 213 445 200 304 213 ครูอาจจัดกิจกรรมเพ่ิมเติมจากกิจกรรมพัฒนาความรู โดยครูอาจติดบัตร 200 304 213 445 … ตัวเลขแสดงจาํ นวนใน คอื ขอใด แบบรปู ซาํ้ บนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมารอบละ 1 คน 1. 213, 200, 304, 445 เพอื่ มาแขง ขนั กนั หาจาํ นวนตามทคี่ รกู าํ หนด กลมุ ใดทบี่ อกจาํ นวนไดถ กู ตอ งและ 2. 200, 213, 304, 445 เร็วท่สี ดุ กลมุ นัน้ ได 1 คะแนน 3. 213, 304, 445, 200 T123 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะจากแบบรูปทก่ี ําหนดใหเ ปน แบบรูป ท่ีมีความสัมพันธกันโดยแสดงจํานวนเปนชุดๆ แตละชุดมี 4 จาํ นวน คอื 200 304 213 และ 445 จะได 200 304 213 445 200 304 213 445 200 304 213 445 200 304 213 445 ... ดังน้ัน จาํ นวนใน คือ 213, 200, 304, 445)
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สรปุ กิจกรรมฝกทักษะ สรปุ 1 พจิ ารณาแบบรูปที่กาํ หนดให แลวเติมตวั เลขแสดงจํานวนลงใน 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ 1. 842 ... 842 201 ... 201 ... 201 842 ... ... แบบรปู ซา้ํ 2. 111 987 248 400 ... 987 ... 400 111 987 ... 3. 742 908 333 742 ... ... 742 908 ... ... ... 2. ครูติดบัตรแบบรูปซ้ําบนกระดาน แลวครูขอ อาสาสมัครนักเรียน ออกมาหาจํานวนแทน 2 พิจารณาแบบรูปทกี่ ําหนดให แลว หาจํานวนทกี่ าํ หนด และ พรอ มท้งั หาจาํ นวนตามท่ีครู กําหนด เชน 1. 647 106 647 106 647 106 647 ... หาจาํ นวนที่ 11, 12 247 102 247 247 102 102 247 ... 2. 802 363 444 802 363 444 802 ... หาจาํ นวนที่ 16, 17, 18 และหาจํานวนท่ี 19 และ 22 3. 217 138 541 796 217 138 541 ... หาจาํ นวนที่ 21, 22, 23, 24 453 670 453 670 132 453 132 … และหาจํานวนท่ี 18, 19 และ 20 ฝก ทําตอใน บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามจากกรอบ “ความรู ท่ีได” ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 ความรทู ี่ได เลม 1 หนา 116 แลวครูและนักเรยี นทีเ่ หลอื แบบรปู ซา้ํ เปน แบบรปู ทม่ี คี วามสมั พนั ธก นั ในลกั ษณะอยา งไร จงยกตวั อยา ง รว มกนั เฉลยคําตอบ µÃǨÊͺµ¹àͧ หลังจากเรยี นจบหนว ยแลว ใหนกั เรยี นบอกสญั ลกั ษณท่ตี รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง ดี พอใช ปรคบั วปรรงุ 1. สามารถหาความสัมพันธและจาํ นวนถัดไปหรอื จํานวนทห่ี ายไปของ แบบรปู ของจํานวนทเี่ พ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และทีละ 100 ได 2. สามารถหาความสมั พันธและจาํ นวนถัดไปหรอื จํานวนที่หายไปของ แบบรูปซํา้ ได 116 เกร็ดแนะครู หลังจากเรียนจบหนวยการเรียนรูที่ 4 ครูอาจใหนักเรียนประเมิน ตนเอง เพื่อตรวจสอบวาตนเองมีความรูความเขาใจในเนื้อหาที่เรียนผานมา ทง้ั หนว ยการเรยี นรหู รอื ไม โดยดรู ายการประเมนิ ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 116 T124
นาํ สอน สรุป ประเมนิ สนกุ คิด ขน้ั สรปุ สนกุ ทํา นาํ ไปใช้ กิจกรรม .....แ...บ....บ....ร..ปู......... อปุ กรณ 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ 4-5 คน แลว ใหน กั เรยี น ทาํ กจิ กรรม “สนกุ คดิ สนกุ ทาํ ” ในหนงั สอื เรยี น 1) บตั รแบบรปู ของจาํ นวน 2) บตั รคํา คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 117 โดยครู แจกอุปกรณและจัดกิจกรรมตามข้ันตอน วิธีจดั กิจกรรม ท่หี นังสอื เรยี นกาํ หนด แลว ครทู าํ หนา ที่สังเกต ก า ร ทํ า ง า น ข อ ง นั ก เ รี ย น แ ต ล ะ ก ลุ ม แ ล ะ 1) ครแู บงนักเรียนเปน กลุม กลมุ ละ 4 - 5 คน แลวสงตัวแทนกลุมออกมา พูดกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวมใน รบั บัตรคําและบตั รแบบรูปของจํานวน การทํากจิ กรรม 2) ใหนักเรยี นแตละกลมุ นาํ บัตรคาํ ท่ีแสดงความสัมพนั ธข องจาํ นวนมาวาง เรียงหา งกนั พอสมควร 3) ใหน กั เรยี นสมุ หยิบบัตรแบบรปู ของจาํ นวน แลวพิจารณาความสมั พนั ธ ของจาํ นวนในรปู แบบวา ตรงกบั บตั รคาํ ใด ใหน าํ ไปวางตรงกบั บตั รคาํ นนั้ โดยสลบั กนั เลนกบั เพ่ือนในกลมุ 4) เมือ่ หมดเวลา ครเู ดินตรวจสอบความถกู ตองของแตล ะกลุม ตัวอยาง บัตรคาํ เพิม่ ขึน้ ทลี ะ 2 ลดลงทลี ะ 5 ลดลงทีละ 100 บัตรแบบรูปของจาํ นวน 100 102 104 106 ... 299 304 309 314 ... 400 500 600 700 ... 769 764 759 754 ... 408 406 404 402 ... 174 210 174 210 ... 117 กจิ กรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3-4 คน แลวใหกลุมแรก ครูอาจจัดกิจกรรมเพิ่มเติมจากกิจกรรม “สนุกคิด สนุกทํา” โดยนักเรียน กาํ หนดจํานวน 1 จาํ นวน พรอ มบอกเง่อื นไขของความสมั พันธ คนท่ี 1 หยบิ บตั รแบบรูปของจํานวนออกมาวาง แลวใหน ักเรียนคนที่ 2 บอกวา ของแบบรปู ใหก ลุมท่ี 2 เชน เปน แบบรปู ซา้ํ 3 จํานวน จากนัน้ เปน แบบรูปที่มีความสมั พนั ธก นั แบบใด เสรจ็ แลว ใหน ักเรยี นคนที่ 2 หยิบบตั ร ใหก ลมุ ท่ี 2 บอกจํานวนถดั ไป 5 จํานวน แบบรูปของจํานวนออกมา แลวใหนักเรียนคนที่ 3 บอกวาเปนแบบรูปท่ีมี ความสัมพันธก นั แบบใด แลวใหแตล ะกลมุ ทํากจิ กรรมทํานองเดียวกันนใี้ หค รบ 2. ใหนักเรียนทั้งสองกลุมสลับหนาท่ีกัน กลุมใดตอบไดถูกตอง ทกุ คนในกลมุ มคี ะแนนมากทส่ี ดุ กลมุ น้ันเปน ผชู นะ T125
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ ¤Ó¶ÒÁ·ÒŒ ·Ò¡Òä´Ô ¢¹éÑ Ê§Ù นาํ ไปใช้ แซมและซันเริ่มนับจํานวนเพ่ิมขึ้นหรือลดลงพรอมกันแตเริ่มที่จํานวน ทแี่ ตกตา งกนั โดยมเี งอื่ นไขวา ใหห ยดุ นบั เมอ่ื นบั ถงึ จาํ นวนเดยี วกนั โดยแซม 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมคาํ ถามทา ทายการคดิ เรมิ่ นบั จํานวนเพิ่มขึน้ ทลี ะ 2 สว นซนั เร่ิมนับจาํ นวนลดลงทลี ะ 5 จาก 970 ขั้นสูงและกิจกรรมเชื่อมโยงสูชีวิตประจําวัน หลงั จากนบั ได 7 จาํ นวน (รวมจาํ นวนเรมิ่ ตน ) ทง้ั สองกน็ บั ไดจ าํ นวนเดยี วกนั ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 คือ 940 จงึ หยดุ นับ อยากทราบวา แซมเรมิ่ นับจํานวนแรกท่จี าํ นวนอะไร หนา 118 และทาํ แบบฝกหัดเรอื่ ง แบบรูปซาํ้ ในแบบฝก หดั คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 จากนน้ั แซมเริ่มนับจํานวนเพ่ิมข้ึนทีละ 2 ครูและนักเรียนรว มกนั เฉลยคําตอบ ___, ___, ___, ___, ___, ___, 940 ซันเริ่มนับจํานวนลดลงทีละ 5 970, 965, 960, 955, 950, 945, 940 àª×èÍÁâ§ÊÙª‹ ÇÕ µÔ »ÃШÓÇ¹Ñ พี่สาวออมเงิน เดือนละ 100 บาท เพ่อื ซอ้ื นาฬกาขอมอื เปน ของขวญั วันเกดิ ใหนองสาวในราคา 899 บาท พสี่ าวจะตอ งเก็บเงนิ ก่ีเดือนจึงจะมีเงนิ มากพอ ทจ่ี ะซ้ือนาฬก าขอ มือใหนองสาว เดือนท่ี เงนิ ออม จํานวนเงนิ รวมทงั้ หมด 1 100 100 2 100 100 + 100 = 200 3 100 100 + 100 + 100 = 300 118 เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills ครูควรใหนักเรียนรวมกันสรุปเน้ือหาหนวยการเรียนรูที่ 4 ตามสรุป 1. ครใู หน กั เรยี นจดั กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ สาระสําคัญ ประจําหนวยการเรียนรูที่ 4 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 คอื เกง ปานกลางคอ นขา งเกง ปานกลางคอ นขา งออ น และออ น เลม 1 หนา 119 เพ่ือทบทวนความเขาใจในเน้ือหาท้ังหนวยการเรียนรูที่เรียน ผานมา 2. ครูใหแตละกลุมรวมกันคิดและรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับการนํา แบบรูปของจํานวนไปใชในชีวิตประจําวันเชนเดียวกับใน กจิ กรรมเช่ือมโยงสชู ีวติ ประจําวนั 3. เสร็จแลวครูใหแตละกลุมออกมานําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน เพือ่ นและครูชว ยกนั ตรวจสอบคําตอบ T126
นํา สอน สรปุ ประเมิน ÊÃ»Ø ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ 4»ÃШíÒ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ขนั้ สรปุ แบบรปู ของจํานวนท่ีเพ่ิมขนึ้ แบบรูปซ้าํ นาํ ไปใช้ ทลี ะ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 472 100 472 100 472 100 472 ... 3. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั เฉลยคาํ ถามประจาํ หนว ย - แบบรปู ของจาํ นวนที่เพม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 2 จากแบบรูป จาํ นวนที่ 11 12 คอื การเรียนรูที่ 4 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร เชน 123 125 127 129 ... จํานวนอะไร ป.2 เลม 1 หนา 96 222 224 226 228 ... จะเห็นวา แบบรปู มีความสมั พนั ธก นั (แนวตอบ แบบรูปของจาํ นวนท่มี คี วามสัมพันธ โดยแสดงจํานวนเปนชุด ๆ แตล ะชดุ เพิม่ ขึ้นทลี ะ 2) - แบบรปู ของจํานวนทเ่ี พิ่มขนึ้ ทลี ะ 5 มี 2 จาํ นวน คือ 472 และ 100 เชน 321 326 331 336 ... 4. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน 518 523 528 533 ... 472 100 472 100 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 4 เรอ่ื ง แบบรปู เพอ่ื ตรวจสอบ ความรูความเขาใจของนักเรียน จากนั้นครู - แบบรูปของจํานวนที่เพม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 100 เฉลยคําตอบใหนักเรียนตรวจคําตอบดวย เชน 300 400 500 600 ... ตนเอง 124 224 324 424 ... ขนั้ ประเมนิ แบบรปู 472 100 472 100 472 100 จํานวนที่ 11 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม จํานวนท่ี 12 และการรวมกันทํากิจกรรมกลมุ แบบรปู ซาํ้ ดงั น้ัน จํานวนท่ี 11 คือ 472 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 4.5 เรอื่ ง และจาํ นวนที่ 12 คือ 100 แบบรปู ซ้ํา 199 333 259 199 333 259 199 333 ... 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนงั สือเรียน และทําแบบฝกหัด ในหนงั สือ แบบรูปของจํานวนทีล่ ดลง จากแบบรูป จํานวนที่ 10 11 และ 12 แบบฝก หดั ทลี ะ 2 ทีละ 5 และทีละ 100 คอื จํานวนอะไร - แบบรูปของจํานวนท่ลี ดลงทีละ 2 199 333 259 199 333 259 199 333 259 เชน 771 769 767 765 ... 400 398 396 394 ... จํานวนท่ี 10 จํานวนท่ี 11 - แบบรูปของจํานวนที่ลดลงทลี ะ 5 เชน 437 432 427 422 ... จาํ นวนที่ 12 945 940 935 930 ... ดงั นั้น จํานวนที่ 10 11 และ 12 คอื 199 - แบบรูปของจาํ นวนท่ีลดลงทลี ะ 100 333 และ 259 เชน 802 702 602 502... 914 814 714 614 ... 119 กิจกรรม ทา ทาย แนวทางการวัดและประเมินผล แบบรูปจาํ นวน ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานที่ 4.5 เร่อื ง แบบรูซ้ํา โดยศกึ ษาเกณฑก ารวัดและการประเมนิ ผลจากแบบประเมิน 456 ... เพ่ิมข้ึนทีละ 5 ของแผนการจัดการเรียนรูในหนว ยการเรียนรูท ี่ 4 แบบรูปจํานวน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ลดลงทลี ะ 2 456 ... คาช้ีแจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน ลาดบั ที่ ชอื่ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคิดเหน็ ฟังคนอน่ื ตามทไ่ี ดร้ บั ส่วนร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 870 126 ... แบบรูปซา้ํ ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../............... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ใหน กั เรยี นพจิ ารณารปู แลว ชว ยกนั หาจาํ นวนเตมิ ลงในชอ งวา ง ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ใหมีความสัมพันธตามท่ีโจทยกําหนดใหแตละขอ แลวเขียนลง ในสมุดนาํ สงครผู ูส อน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T127
Chapter Overview แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั แผนฯ ท่ี 1 - ห นังสือเรียน 1. บ อกลกั ษณะของ แบบค้นพบ - ต รวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการสงั เกต 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ลักษณะของ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 รูปหลายเหลี่ยม วงกลม (Discovery ก่อนเรยี น - ทักษะการระบุ 3. มุ่งมนั่ ใน รปู หลายเหลี่ยม - แ บบฝึกหดั และวงรีได้ (K) Method) - ตรวจใบงานท่ี 5.1-5.2 - ทกั ษะการจ�ำแนก การทำ� งาน วงกลม และวงรี คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 2. จ�ำแนกชนดิ ของ - ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ ประเภท - ใบงานที่ 5.1-5.2 รูปหลายเหลี่ยม วงกลม เร่ือง ลกั ษณะของ - ทกั ษะการจดั กลมุ่ 3 - บัตรรูปเรขาคณติ และวงรไี ดถ้ กู ตอ้ ง (P) รปู หลายเหลี่ยม ช่ัวโมง - บตั รปา้ ยจราจร 3. รบั ผดิ ชอบต่อหน้าท่ี วงกลม และวงรี ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A) - ต รวจแบบฝกึ หดั เร่อื ง ลักษณะของ รูปหลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุม่ - สังเกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน T128
แผนการจดั สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์ - หนังสือเรียน 1. บอกลักษณะของ กระบวนการ - ตรวจใบงานท่ี 5.3 - ท กั ษะการสงั เกต 1. มีวินยั แผนฯ ที่ 2 คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 รปู เรขาคณิตสองมิตไิ ด้ ปฏิบัติ - ตรวจกจิ กรรมฝึกทกั ษะ - ทกั ษะการระบุ 2. ใฝเ่ รียนรู้ การเขียน - แ บบฝกึ หดั (K) เรือ่ ง การเขียนรปู - ทักษะการจ�ำแนก 3. มุ่งม่ันใน รูปเรขาคณติ คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. เขยี นรูปเรขาคณติ เรขาคณิตสองมิตโิ ดยใช้ ประเภท การทำ� งาน สองมติ โิ ดยใช้ - ใบงานที่ 5.3 สองมติ ิโดยใชแ้ บบ แบบของรปู - ท กั ษะการจัดกลมุ่ แบบของรูป - ส่งิ ของรอบตัว ของรปู ได้ (P) - ต รวจแบบฝกึ หดั เรื่อง - แบบของรปู เรขาคณิต 3. รับผิดชอบต่อหน้าท่ี การเขยี นรูปเรขาคณติ 3 ทไี่ ด้รับมอบหมาย (A) สองมิตโิ ดยใชแ้ บบ ชั่วโมง ของรูป - ป ระเมนิ การน�ำเสนอ ผลงาน - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกลมุ่ - สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการท�ำงาน - ต รวจแบบทดสอบ หลังเรยี น T129
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (Discovery Method) 5 û٠àâҤ³µÔหนวยการเรียนรูท่ี การประกวดภาพวาดโดยใชรูปเรขาคณติ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น µÇÑ ªÇéÕ ´Ñ ตอนน้เี ราไดผูชนะ 1. ครูใหนักเรียนเปดหนังสือเรียน คณิตศาสตร • จําแนกและบอกลักษณะของ ในการวาดภาพกันแลว ป.2 เลม 1 หนา 120 จากนน้ั ครใู หน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับรูปภาพที่แสดง รูปหลายเหล่ียมและวงกลม นะคะ ในหนังสือเรียน จากน้ันครูถามนักเรียนวา (ค 2.2 ป.2/1) “รูปที่สงเขาประกวดแตละรูปมีรูปเรขาคณิต ชนิดใดมากท่ีสุด นักเรียนมีวิธีคิดอยางไร” โดยครจู ะเฉลยคาํ ตอบในทา ยหนว ยการเรยี นรู 2 3 1 ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ • ลักษณะของรปู หลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี ÃÙ»·èÕÊ‹§à¢ŒÒ»ÃСǴ • การเขยี นรปู เรขาคณิตสองมิติโดยใชแ บบของรูป ?ᵋÅÐÃÙ» เกร็ดแนะครู ÁÕÃÙ»àâҤ³Ôµª¹Ô´ã´ ครูจัดกระบวนการเรียนรโู ดยการใหน ักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ÁÒ¡·èÕÊØ´ • ฝก ทกั ษะการสงั เกตและฝก ทักษะการระบุ • อภิปรายเก่ียวกับวิธีการหาคําตอบ • ยกตัวอยา งประกอบการอธิบาย จนเกดิ เปน ความรคู วามเขา ใจเกย่ี วกบั ลกั ษณะของรปู หลายเหลยี่ ม วงกลม วงรี และการเขยี นรูปเรขาคณติ สองมิตโิ ดยใชแบบของรปู T130
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กเต่อรนียมเพรรยี อ้ มน M AT H ขน้ั นาํ เรขาคพณิจาิต1รชณนาดิ รใูปด แลว บอกวา รปู ท่กี ําหนดใหมีสว นประกอบบางสวนเปน รปู นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 121 จากนั้นครแู ละนกั เรยี นรวมกนั เฉลย คําตอบ 1. 2. 3. 4. 5. ใหท าง 6. 8. GWIVAYE 7. 121 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ขอใดมีสว นประกอบบางสว นเปนรปู สามเหลีย่ ม 1 รูปเรขาคณิต สามารถแบง เปน 3 กลมุ คอื 1. 2. 3. 1. รูปหนงึ่ มิติ ไดแก จดุ เสน ตรง เสน โคง และระนาบ 2. รูปสองมิติ เปน รปู ทมี่ คี วามกวา งและความยาว (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ 3. รปู สามมิติ เปนรูปท่ีมีความกวา ง ความยาว และความสงู หรอื ความลกึ ขอ 1. ส่งิ ของในรปู มสี วนประกอบบางสวนเปน รปู วงกลม ขอ 2. สง่ิ ของในรปู มสี ว นประกอบบางสว นเปน รปู สามเหลย่ี ม ขอ 3. สิ่งของในรปู มสี ว นประกอบบางสว นเปน รูปส่เี หลี่ยม) T131
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ 1. Å¡Ñ É³Ð¢Í§Ã»Ù ËÅÒÂàËÅÕèÂÁ1 ¨Ò¡ÃÙ» ÍÂÒ¡·ÃÒºÇ‹Ò ÁÕÃÙ»àâҤ³Ôµª¹Ô´ã´ºŒÒ§ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น ǧ¡ÅÁ áÅÐǧÃÕ 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม รปู หลายเหลยี่ ม เปน รปู บนระนาบทมี่ ดี า นทกุ ดา นเปน สว นของเสน ตรง มมุ ขวาบนของหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 ต้งั แต 3 ดานข้ึนไป จะมจี าํ นวนมมุ เทากับจาํ นวนดา น เชน รปู สามเหลี่ยม เลม 1 หนา 122 รูปสี่เหล่ียม รูปหาเหล่ียม รูปหกเหล่ียม รูปเจ็ดเหลี่ยม รูปแปดเหลี่ยม (แนวตอบ รูปสามเหลยี่ มและรูปสี่เหลยี่ ม) เปน ตน ขน้ั สอน รปู สามเหล่ียม สอน มุม ดา น ดาน 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เกง ปานกลางคอน มุม มุม ขางเกง ปานกลางคอนขางออน และออน ดา น แลวใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาความรูเร่ือง ลักษณะของรูปหลายเหล่ียม ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 122-123 จากนน้ั ครูอธิบายและยกตัวอยางเพิ่มเติมเพ่ือให นักเรยี นเขาใจมากยิ่งขึ้น 2. ครูติดบัตรรูปเรขาคณิตบนกระดาน เชน มดี า น 3 ดา น มมี มุ 3 มุม จากนนั้ ครถู ามคาํ ถามนักเรยี น ดงั นี้ รูปสีเ่ หลย่ี ม มุม • จากรูป นกั เรยี นคดิ วาเปนรปู อะไร ดาน ดาน มุม (แนวตอบ รปู สามเหลย่ี ม) ดาน มุม • จากรูป มีดานก่ีดาน มมุ (แนวตอบ มดี าน 3 ดา น) ดาน • จากรูป มมี ุมก่ีมมุ (แนวตอบ มมี ุม 3 มมุ ) 122 มีดาน 4 ดาน มีมุม 4 มุม นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 รูปหลายเหลี่ยม เปนรปู บนระนาบ ซึ่งประกอบดวยสว นของเสนตรงตั้งแต รูปเรขาคณติ ที่มีดาน 4 ดาน และมีมมุ 4 มุม เปน รปู เรขาคณติ 3 เสนข้ึนไป โดยท่ีสวนของเสนตรงเหลานั้นประกอบกันทําใหเกิดบริเวณปด ชนิดใด เพียงบรเิ วณเดยี ว 1. รปู สามเหลีย่ ม 2. รูปสเ่ี หล่ียม 3. รปู หา เหล่ียม (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะรูปส่เี หลยี่ มเปน รปู ท่ีมีดาน 4 ดา น และมมี มุ 4 มมุ ) T132
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ รูปหาเหล่ียม ขน้ั สอน ดา น สอน มุม มุม ดา น ดาน 3. ครูติดบัตรปายจราจรบนกระดาน แลวครูขอ อาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ออกมาตอบ มมุ มมุ คาํ ถาม โดยครใู หน กั เรยี นพจิ ารณารปู แลว บอก ดาน มุม ดา น ชนดิ ของรปู เรขาคณิตแตล ะรูป รปู ท่ี 1 มีดา น 5 ดาน มมี ุม 5 มมุ รปู ท่ี 2 รปู หกเหล่ียม YIELD ดา น รูปท่ี 3 มุม มุม (แนวตอบ รูปที่ 1 มีลักษณะเปนรูปสี่เหล่ียม ดาน ดาน รปู ที่ 2 มลี กั ษณะเปนรูปหาเหลี่ยม และรปู ท่ี 3 มมุ มมุ มลี กั ษณะเปนรปู สามเหลีย่ ม) ดา น ดาน 4. ครูใหนักเรียนแตละกลมุ ทําใบงานท่ี 5.1 เรื่อง มุม มมุ ลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม แลวครูสุม นักเรียน 2-3 กลุม โดยใหแตละกลุมสง ดาน ตัวแทนออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน จากน้ัน 123 ครูและนักเรยี นรว มกันเฉลยคําตอบในใบงาน มดี า น 6 ดา น มีมุม 6 มมุ ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู จากรปู เปนรปู หลายเหลยี่ มชนิดใด ครูอาจติดบัตรรูปเรขาคณิตหลายๆ ลักษณะ และรูปที่ไมใชรูปเรขาคณิต บนกระดาน แลวใหนักเรียนแตละกลุมแขงกันตอบวา เปนรูปเรขาคณิต 1. รูปแปดเหล่ยี ม ชนดิ ใด และรปู ใดทไ่ี มใ ชร ปู เรขาคณติ โดยกลมุ ใดยกมอื ขนึ้ กอ น แลว ตอบคาํ ถาม 2. รูปเจ็ดเหลย่ี ม ไดถกู ตอ ง กลมุ นั้นได 1 คะแนน 3. รูปหกเหลีย่ ม (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะรปู ท่กี าํ หนดใหเ ปนรูปทม่ี ีดา น 6 ดา น และมมี ุม 6 มุม) T133
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน รูปเจด็ เหลย่ี ม สอน ดาน มุม ดาน 5. ครูใหนักเรียนจับคูกันศึกษาความรูเรื่อง มมุ มุม ลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม และ ดา น ดา น วงรี ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 124-125 จากนน้ั ครอู ธบิ ายและยกตวั อยา ง มุม มมุ เพมิ่ เตมิ เพอ่ื ใหนกั เรยี นเขาใจมากยิง่ ขน้ึ ดา น มุม มมุ ดาน 6. ครตู ดิ บัตรรูปหลายเหลี่ยมบนกระดาน ดาน จากน้ันครูถามคาํ ถามนักเรียน ดงั น้ี มดี าน 7 ดา น มมี มุ 7 มุม • จากรูป นักเรียนคิดวา เปน รปู อะไร รปู แปดเหล่ยี ม (แนวตอบ รปู เจ็ดเหลีย่ ม) ดาน • จากรปู มดี า นกีด่ าน ดาน มุม มุม ดาน (แนวตอบ มดี า น 7 ดา น) มุม มุม • จากรปู มมี ุมกีม่ ุม ดาน ดาน (แนวตอบ มีมมุ 7 มุม) มุม มุม 7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดวา ดาน มมุ มุม ดาน รูปสามเหลี่ยม รูปส่ีเหล่ียม รูปหาเหลี่ยม ดา น รูปหกเหล่ียม รูปเจ็ดเหล่ียม รูปแปดเหล่ียม เรียกวา รูปหลายเหลี่ยม เปนรูปบนระนาบ ท่ีมีดานทุกดานเปนสวนของเสนตรงตั้งแต 3 ดา นขนึ้ ไป จะมจี าํ นวนมมุ เทา กบั จาํ นวนดา น มดี า น 8 ดา น มีมมุ 8 มมุ 124 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครเู ขยี นรปู เรขาคณิตบนกระดาน คร้ังละ 1 รปู แลว ใหนักเรยี นแตละกลุม รูปเรขาคณิตทีม่ ีดาน 8 ดาน และมมี มุ 8 มมุ คอื รูปเรขาคณติ แขงกันตอบวา เปนรูปเรขาคณิตชนิดใด โดยกลุมใดยกมือขึ้นกอน แลวตอบ ชนดิ ใด คาํ ถามไดถกู ตอ ง กลมุ นั้นได 1 คะแนน 1. รปู แปดเหลี่ยม 2. รปู เจ็ดเหล่ียม 3. รูปหกเหล่ยี ม (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะรปู แปดเหลี่ยมเปน รปู ท่ีมดี า น 8 ดา น และมีมุม 8 มมุ ) T134
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ วงกลม ขน้ั สอน สอน 8. ครูติดบัตรปายจราจรบนกระดาน แลวครูขอ อาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ออกมาตอบ คําถาม โดยครูใหนักเรียนพิจารณารูป แลว บอกชนิดของรปู เรขาคณติ แตล ะรปู STOP วงรี รปู ที่ 4 ตอบคาํ ถามตอไปนี้ DO NOT ENTER พิจารณาสิ่งของรอบ ๆ ตัววา มีส่ิงของชนิดใดบางที่มีสวนประกอบ บางสวนเปนรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปหาเหล่ียม รูปหกเหลี่ยม รปู ที่ 5 รูปเจด็ เหลีย่ ม รปู แปดเหล่ยี ม วงกลม และวงรี (แนวตอบ รปู ที่ 4 มลี กั ษณะเปน รปู แปดเหลีย่ ม และรปู ท่ี 5 มีลักษณะเปน วงกลม) 9. ครูใหนักเรียนแตละคูทําใบงานท่ี 5.2 เรื่อง ลักษณะของรปู หลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี โดยครูสุมนักเรียน 2-3 คู ออกมานําเสนอ หนาช้ันเรียน จากน้ันครูและนักเรียนท่ีเหลือ รวมกันเฉลยคาํ ตอบในใบงาน 125 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู สิง่ ของในขอใดมีวงกลมเปน สวนประกอบ ครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันหาส่ิงของที่อยูภายใน 1. 2. 3. หอ งเรยี น วา มสี ว นประกอบบางสว นเหมอื นกบั รปู เรขาคณติ ชนดิ ใด แลว ใหแ ตล ะ กลุมออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน จากน้ันครูและนักเรียนรวมกันสรุปคําตอบ (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะ ทถ่ี กู ตอง ขอ 1. สิ่งของในรปู มีวงกลมเปนสว นประกอบ ขอ 2. สิ่งของในรูปมรี ูปสเ่ี หล่ยี มเปน สว นประกอบ ขอ 3. สง่ิ ของในรปู มีรูปสเี่ หลีย่ มเปน สว นประกอบ) T135
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กิจกรรมพัฒนาความรู สอน อปุ กรณ 1) บตั รคาํ 2) บตั รภาพ 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา รับอุปกรณ จากนั้นชวยกันพิจารณาส่ิงของ ตวั อยา งบัตร ทกี่ ลมุ ตนเองไดร บั แลว ใหเ ขยี นลงในกระดาษ A4 วาส่ิงของท่ีกําหนดใหมีสวนประกอบ รูปสามเหลีย่ ม รปู หา เหลย่ี ม รูปเจ็ดเหลี่ยม วงรี บางสวนเปน รปู เรขาคณติ ชนิดใดบาง วงกลม บัตรคํา รปู ส่เี หลี่ยม รูปหกเหลย่ี ม รปู แปดเหลยี่ ม 11. ครูใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ หนาชั้นเรียน โดยครูและนักเรียนที่เหลือ บัตรภาพ รว มกันตรวจสอบความถูกตอ ง วิธีจัดกิจกรรม ฝก ทกั ษะ 1) ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวสงตัวแทนออกมารับบัตรคําและบัตรภาพ 1. ครใู หน กั เรยี นจบั คภู ายในกลมุ แลว ทาํ กจิ กรรม จากคุณครูหนา ชั้นเรียน เพอื่ นชว ยเพ่ือน ในหนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 125 ลงในสมุดของตนเอง 2) ใหน กั เรยี นนําบัตรคําทง้ั หมดมาวางเรียงใหเ รียบรอ ย จากน้ันนําสง ครตู รวจสอบความถกู ตอ ง 3) นักเรียนคนแรกหยิบบัตรภาพ แลวพิจารณาภาพวาเปนรูปเรขาคณิต 2. ครูใหนักเรียนคูเดิมทํากิจกรรมพัฒนาความรู ประเภทใด นําไปจบั คกู บั บัตรคําใหถ ูกตอ ง จากน้นั สลับกนั เลน กับเพ่ือน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 126 โดยครเู ตรยี มอปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรม 126 ตามข้ันตอนท่ีหนังสือเรียนกําหนด แลวครู พูดกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวมในการ ทํากิจกรรม จากน้ันครูเดินตรวจสอบความ- ถูกตอ งของแตละกลุม 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ในหนงั สอื - เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 127 และทาํ แบบฝกหัดเรื่อง ลักษณะของรูปหลายเหล่ียม วงกลม และวงรี ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั เฉลย คาํ ตอบ กจิ กรรม สรา งเสริม ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันเขียนคําถามเกี่ยวกับลักษณะ ของรปู หลายเหลย่ี ม วงกลม และวงรี กลมุ ละ 2 ขอ จากนนั้ ใหส ลบั คําถามกับเพ่ือนกลุมขางๆ แลวใหเ พื่อนกลมุ ขางๆ เขยี นคาํ ตอบ เสรจ็ แลวใหน ําสงครตู รวจสอบความถกู ตอ ง T136
นํา สอน สรุป ประเมนิ กิจกรรมฝกทักษะ ขนั้ สรปุ พิจารณารปู ทก่ี ําหนดใหในแตละขอ แลวบอกชนดิ ของรูปเรขาคณิต สรปุ 1. 2. 3. 4. 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ 5. 6. ลักษณะของรปู หลายเหล่ยี ม วงกลม และวงรี 7. 8. 2. ครูติดบัตรภาพแสดงรปู เรขาคณติ บนกระดาน 9. 10. แลวครูขออาสาสมัครนักเรียนออกมาบอกวา เปน รูปเรขาคณติ ชนิดใด 3. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ “ความรทู ไี่ ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 127 เสร็จแลวรว มกันเฉลยคาํ ตอบ ขน้ั ประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรวมกันทาํ กิจกรรมกลุม 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 5.1 เรื่อง ลักษณะของรปู หลายเหลี่ยม 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 5.2 เรอ่ื ง ลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสอื เรียน และทําแบบฝกหัด ในหนังสอื แบบฝกหดั ฝก ทาํ ตอใน บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 ความรทู ี่ได รูปหลายเหลยี่ มแตละชนดิ วงกลม และวงรี มีลักษณะตา งกนั อยางไร 127 กจิ กรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนจับคูวาดภาพคูละ 1 รูป โดยใหมีรูปเรขาคณิต ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานท่ี เปนสวนประกอบ เสร็จแลวครูขออาสาสมัครนักเรียน 3-4 คู 5.2 เรื่อง ลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี โดยศึกษาเกณฑ ออกมานําเสนอ แลวใหถามเพื่อนวา ภาพวาดนี้มีรูปเรขาคณิต การวัดและการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวย อะไรบา งเปนสวนประกอบ การเรียนรทู ่ี 5 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ คาช้แี จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดับคะแนน ลาดับที่ ชอื่ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม ของนักเรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอ่นื ตามท่ไี ดร้ บั สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง T137
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ (กระบวนการปฏบิ ตั )ิ 2. ¡ÒÃà¢Õ¹ÃÙ»àâҤ³ÔµÊͧÁÔµÔ ¨Ò¡ÃÙ» Áպҧʋǹ໚¹ÃÙ» â´Â㪌Ẻ¢Í§Ã»Ù àâҤ³ÔµÊͧÁÔµÔª¹Ô´ã´ 1. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มมุ ขวาบนของหนังสอื เรียน คณติ ศาสตร ป.2 2.1 รปู สามเหลี่ยม เลม 1 หนา 128 (แนวตอบ รปู สเ่ี หลย่ี ม) การเขียนรูปสามเหลี่ยมโดยใชแบบของรูปสามเหลี่ยม เขียนตาม ขอบในของแบบ แบบของรูปสามเหลีย่ ม ลากเสนตามแบบ ไดรูปสามเหลย่ี มตามตองการ การเขียนรูปสามเหล่ียมโดยใชแบบของรูปสามเหล่ียม เขียนตาม ขอบนอกของแบบ แบบของรปู สามเหล่ยี ม ลากเสนตามแบบ ไดรูปสามเหลี่ยมตามตอ งการ เขียนรูปสามเหลยี่ มโดยใชแบบ แบบละ 2 รปู 1) เขยี นรปู สามเหล่ยี มตามขอบในของแบบ 2) เขยี นรปู สามเหลยี่ มตามขอบนอกของแบบ 128 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครอู าจสมุ นกั เรยี นใหบ อกวา สง่ิ ของใดบา งมบี างสว นเปน รปู สามเหลย่ี ม สิง่ ของใดไมสามารถนํามาเปน แบบในการเขียนรปู สามเหลยี่ มได ทสี่ ามารถนํามาเปนแบบในการเขยี นรูปสามเหลย่ี มได 1. 2. 3. (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะมสี วนประกอบบางสว นเปน วงกลม) T138
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2.2 รูปสเี่ หลีย่ ม ขน้ั สอน การเขียนรูปสี่เหล่ียมโดยใชแบบของรูปสี่เหลี่ยม เขียนตามขอบใน ของแบบ สงั เกต รบั รู้ แบบของรูปสเ่ี หล่ยี ม ลากเสนตามแบบ ไดร ปู สเ่ี หลยี่ มตามตอ งการ 1. ครูใหนักเรียนจับคูรวมกันศึกษาความรูเรื่อง การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใชแบบ การเขียนรูปสี่เหล่ียมโดยใชแบบของรูปสี่เหล่ียม เขียนตามขอบนอก ของรปู สามเหลย่ี ม รปู สเ่ี หลยี่ ม และรปู หา เหลยี่ ม ของแบบ ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 128-130 2. ครูเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใชแบบของ รปู สามเหล่ยี ม รปู สี่เหล่ียม และรปู หา เหล่ียม ตามลําดับ โดยเขียนตามขอบนอกของแบบ รปู สามเหลย่ี ม รูปสีเ่ หลยี่ ม และรปู หา เหล่ียม และเขียนตามขอบในของแบบรูปสามเหลี่ยม รูปส่ีเหล่ียม และรูปหาเหลี่ยม จากน้ันครู อธิบายทีละขน้ั ตอน แบบของรูปสเี่ หลีย่ ม ลากเสน ตามแบบ ไดรูปสีเ่ หล่ียมตามตอ งการ เขียนรูปสี่เหล่ยี มโดยใชแบบ แบบละ 2 รปู 1) เขยี นรูปสีเ่ หลย่ี มตามขอบในของแบบ 2) เขยี นรปู ส่ีเหลีย่ มตามขอบนอกของแบบ 129 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู สงิ่ ของใดสามารถนาํ มาเปนแบบในการเขยี นรูปส่ีเหลี่ยมได ครูอาจเตรียมแบบรูปของรูปสี่เหลี่ยม โดยนักเรียนแตละคูสงตัวแทน 1. ออกมารบั แบบรปู แลว นาํ แบบรปู ทตี่ นเองไดร บั มาเขยี นลงในสมดุ จากนนั้ ใหส ลบั แบบรปู กับเพอ่ื นๆ แลวนํามาเขียนลงในสมุด 2. 3. (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะมสี ว นประกอบบางสว นเปน รปู สเ่ี หลยี่ ม) T139
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 2.3 รปู หาเหลีย่ ม การเขยี นรปู หา เหลยี่ มโดยใชแ บบของรปู หา เหลย่ี ม เขยี นตามขอบใน ทาํ ตามแบบ ของแบบ ครใู หน กั เรยี นคเู ดมิ ทาํ กจิ กรรมเพอ่ื นชว ยเพอ่ื น ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 128-130 ลงในสมุด โดยมคี รคู อยเสนอแนะ การปฏบิ ตั ใิ หถ กู ตอ ง จากนนั้ ครใู หน กั เรยี นแตล ะคู สลบั กนั ตรวจสอบความถูกตอง แบบของรูปหาเหลย่ี ม ลากเสนตามแบบ ไดร ปู หา เหล่ยี มตามตอ งการ การเขียนรูปหาเหลี่ยมโดยใชแบบของรูปหาเหลี่ยม เขียนตาม ขอบนอกของแบบ แบบของรปู หาเหลี่ยม ลากเสนตามแบบ ไดรปู หาเหล่ยี มตามตอ งการ เขียนรูปหาเหล่ียมโดยใชแ บบ แบบละ 2 รปู 1) เขียนรปู หา เหลย่ี มตามขอบในของแบบ 2) เขียนรปู หา เหลยี่ มตามขอบนอกของแบบ 130 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด 3. ครอู าจจดั กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ โดยแจกแบบรปู ของรปู หา เหลยี่ มหลายๆ ขนาด ขอใดไมใชรูปเรขาคณิต แลว ใหน ักเรียนแตละกลมุ นาํ รปู หาเหล่ยี มมาออกแบบสงิ่ ตางๆ 1. 2. (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะเปน รูปท่ีไมส ามารถระบชุ ่ือเรียกได ซง่ึ ขอ 1. เปนรูปวงกลม ขอ 3. เปน รูปสเี่ หล่ยี ม) T140
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2.4 รูปหกเหล่ยี ม ขน้ั สอน การเขยี นรปู หกเหลย่ี มโดยใชแ บบของรปู หกเหลย่ี ม เขยี นตามขอบใน ของแบบ สงั เกต รบั รู้ 1. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมรวมกันศึกษาความรู เรอ่ื ง การเขยี นรปู เรขาคณติ สองมติ โิ ดยใชแ บบ ของรปู หกเหลย่ี ม รปู เจด็ เหลย่ี ม รปู แปดเหลยี่ ม วงกลม และวงรี ในหนงั สือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 131-134 แบบของรูปหกเหล่ียม ลากเสน ตามแบบ ไดรปู หกเหลี่ยมตามตองการ การเขยี นรปู หกเหลยี่ มโดยใชแ บบของรปู หกเหลย่ี ม เขยี นตามขอบนอก ของแบบ แบบของรูปหกเหลย่ี ม ลากเสน ตามแบบ ไดรูปหกเหล่ยี มตามตองการ เขียนรปู หกเหล่ียมโดยใชแบบ แบบละ 2 รปู 1) เขยี นรูปหกเหล่ียมตามขอบในของแบบ 2) เขียนรปู หกเหล่ยี มตามขอบนอกของแบบ 131 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู สิ่งของชนดิ ใดสามารถนาํ มาเปน แบบในการเขียนวงกลมได ครูแนะนํานักเรียนวา การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติจะเริ่มลากเสน 1. หนังสือ จากจุดใดกไ็ ด แตต องลากเสน ใหมาบรรจบกันทจ่ี ดุ เร่ิมตน พอดี 2. แกวน้าํ 3. ไมบ รรทดั (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะกนแกวน้าํ มีลกั ษณะเปนวงกลม) T141
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226