Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู อจท คณิตศาสตร์ ป2ล1

คู่มือครู อจท คณิตศาสตร์ ป2ล1

Description: คู่มือครู อจท คณิตศาสตร์ ป2ล1

Search

Read the Text Version

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 2. ขัน้ ตอนการแกโจทยป ญ หา 1) การวิเคราะหโจทยปญหา สอน สงิ่ ทโ่ี จทยกําหนด รา นคา มีดินสอ 350 แทง ขายไป 125 แทง 4. ครูติดบัตรโจทยปญหาการลบจํานวนที่มี ถารา นคา ขายดนิ สอไปอกี 95 แทง ตัวตั้งไมเกิน 1,000 บนกระดาน จากนั้นครู สาธติ วธิ แี กโ จทยป ญ หา พรอ มทงั้ อธบิ ายวธิ ที าํ ส่ิงทโี่ จทยถ าม รานคา จะเหลอื ดินสอกี่แทง ทีละขั้นตอน เชน รา นคา ขายเสือ้ ได 765 โหล ขายกางเกงไดนอยกวาเส้ือ 120 โหล 2) การวางแผนแกโ จทยปญ หา จาก ขอ 1. เรารูว าดนิ สอเหลือ ขายหมวกไดน อยกวา กางเกง 60 โหล รานคา อยู 225 แทง ขายหมวกไดก ี่โหล ดนิ สอเหลอื 225 แทง 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา ? 95 แทง จับสลากโจทยปญหากลุมละ 1 ขอ แลวให นักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหโจทย 3) การแกป ญหา 1 12 แทง แสดงข้นั ตอนวธิ ีการแกโ จทยปญหา เสรจ็ แลว 225 - แทง ใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา ประโยคสญั ลักษณ 225 - 95 = นําเสนอหนาชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียน วิธีทาํ เดมิ รา นคาเหลือดินสอ 95 ท่เี หลอื รวมกันตรวจสอบความถูกตอง รา นคา ขายดนิ สอไปอีก 130 แทง 6. ครใู หแ ตล ะกลมุ ทาํ ใบงานท่ี 3.13 เรอื่ ง โจทย รานคา เหลือดินสอ ปญหาการลบ (2) จากน้นั ครใู หนกั เรยี นแตละ ตอบ รา นคา เหลือดินสอ ๑๓๐ แทง กลุมออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน โดยครแู ละ นักเรียนทเ่ี หลอื ตรวจสอบความถูกตอ ง 4) การตรวจสอ1บความสมเหตสุ มผลของคาํ ตอบ ฝก ทกั ษะ 130 นอยกวา 225 ดงั นน้ั 130 จงึ เปนคําตอบทีส่ มเหตสุ มผล 1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 1-2 ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 90 ลงในสมุด โดยครูคอยชวยแนะนําใหปฏิบัติ ใหถูกตอง จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมา นําเสนอหนาช้ันเรียนและนักเรียนท่ีเหลือ ชว ยกันตรวจสอบความถกู ตอ งของคําตอบ 2. ครใู หน กั เรยี นทําแบบฝกหดั เรอื่ ง การแกโ จทย ปญ หา ในแบบฝก หัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบา น 86 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน กั เรยี นฟง วา โจทยป ญ หาทมี่ คี าํ วา มากกวา นอ ยกวา รานคาขายน้ําผลไมขวดใหญและขวดเล็กรวมกัน 471 ขวด ถกู กวา แพงกวา เปนโจทยปญหาท่ีนําส่ิงของสองอยา งมาเปรยี บเทียบกนั ถาขายนาํ้ ผลไมข วดเล็กได 209 ขวด รา นคา แหงน้ขี ายน้าํ ผลไม ขวดใหญไดก่ขี วด นักเรียนควรรู 1. 260 ขวด 2. 261 ขวด 1 ตรวจสอบ คําวา “ตรวจสอบ” ของโจทยปญหาการลบมี 2 รูปแบบ คือ 3. 262 ขวด ตรวจความถกู ตองของคาํ ตอบและตรวจความสมเหตุสมผลของคาํ ตอบ (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ วิธที ํา รานคา ขายน้าํ ผลไมไดท ้งั หมด 471 ขวด การตรวจความถูกตองของคําตอบ จะใชความสัมพันธของการบวกและ รา นคา ขายนํา้ ผลไมขวดเล็กได 209 - ขวด การลบ คือ ผลลบ + ตวั ลบ = ตวั ตงั้ รา นคา แหงนีข้ ายน้าํ ผลไมข วดใหญไ ด 262 ขวด สวนการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ จะใชหลักการท่ีวา ดังนน้ั รา นคา แหง น้ขี ายน้าํ ผลไมข วดใหญได 262 ขวด) ผลลบตอ งนอยกวา ตัวตง้ั เสมอ T92

นาํ สอน สรุป ประเมิน ตวั อยา งท่ี 12 ขนั้ สรปุ พี่มเี งิน 880 บาท แบง ใหน อ งไป 150 บาท บริจาคคา น้าํ คา ไฟวดั สรปุ 45 บาท พเี่ หลือเงนิ กีบ่ าท 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ ขนั้ ตอนการแกโ จทยป ญ หา การแกโ จทยป ญหาการลบ โดยครถู ามคําถาม 1) การวิเคราะหโจทยปญหา นักเรียน ดังนี้ • การแกโจทยปญหาการลบท่ีมี 2 ขั้นตอน ส่งิ ที่โจทยก ําหนดให พมี่ ีเงิน 880 บาท แบง ใหน อ งไป 150 บาท มีข้ันตอนการแกโ จทยปญหาอยางไร บริจาคคา นา้ํ คาไฟวดั 45 บาท (แนวตอบ 1) การวเิ คราะหโ จทยปญหา 2) การวางแผนแกโจทยป ญ หา สงิ่ ทโ่ี จทยถ าม พีเ่ หลอื เงินกบี่ าท 3) การแกป ญ หา 4) การตรวจสอบความสมเหตุ 2) การวางแผนแกโจทยปญหา ข้นั ที่ 2 หาจํานวนของพท่ี เี่ หลือหลงั จาก สมผลของคาํ ตอบ) บรจิ าคคา นาํ้ คา ไฟวดั ขน้ั ที่ 1 หาจํานวนเงินของพท่ี เ่ี หลอื หลังจากแบง 2. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ ใหนอง เงนิ ท่ีเหลอื หลังจากแบงใหน อ ง “ความรทู ไ่ี ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 ขอ 1 หนา 91 พม่ี ีเงนิ 880 บาท ขนั้ ประเมนิ ? 150 บาท ? 45 บาท 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม 3) การแกปญ หา ประโยคสัญลกั ษณ (880 - 150) - 45 = 87 และการรวมกันทํากจิ กรรมกลุม วิธีทํา พี่มเี งนิ 880 - บาท 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 3.12 เรอ่ื ง แบงใหน องไป 150 บาท โจทยปญ หาการลบ (1) พี่เหลอื เงนิ 6 1210 บริจาคคา นาํ้ คา ไฟวดั 730 - บาท 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 3.13 เรอื่ ง พ่เี หลือเงิน บาท โจทยปญหาการลบ (2) 45 ตอบ พ่เี หลือเงิน ๖๘๕ บาท 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ 685 บาท ในหนังสอื เรยี น และทําแบบฝกหดั ในหนงั สอื แบบฝกหัด 4) การตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ 685 นอยกวา 880 ดังนัน้ 685 จงึ เปนคําตอบที่สมเหตุสมผล ขอ สอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล ฝา ยมีแสตมปอ ยู 550 ดวง เปนแสตมปป ระเทศไทย 230 ดวง ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานที่ ท่ีเหลอื เปน แสตมปข องประเทศอ่ืนกี่ดวง 3.13 เร่อื ง โจทยปญหาการลบ (2) โดยศึกษาเกณฑก ารวัดและการประเมินผล 1. 320 ดวง จากแบบประเมนิ ของแผนการจัดการเรยี นรูใ นหนว ยการเรยี นรทู ี่ 3 2. 225 ดวง 3. 220 ดวง แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ท่ี ช่อื – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคดิ เหน็ ฟงั คนอนื่ ตามที่ได้รบั ส่วนรว่ มใน 15 วิธที ํา ฝายมแี สตมปอยู 550 ดวง มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน เปน แสตมปประเทศไทย 230 ดวง ผลงานกลุม่ - 321321321321321 ทเ่ี หลอื เปนแสตมปของประเทศอนื่ 320 ดวง ดังน้นั ทเี่ หลือเปน แสตมปข องประเทศอน่ื 320 ดวง) ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ............../.................../............... ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ T93

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (กระบวนการปฏบิ ตั )ิ 5.2 การสรา งโจทยป ญหา ครูทบทวนความรูเรื่อง การสรางโจทยปญหา มไี ขไ ก 380 ฟอง มีไขเ ปด นอยกวาไขไ ก 120 ฟอง การลบของจํานวนนับไมเกิน 100 โดยครูติด บัตรภาพบนกระดาน แลวครูสุมนักเรียนออกมา ไขเ ปด แตกไป 25 ฟอง สรา งโจทยป ญ หาการลบของจาํ นวนนบั ไมเ กนิ 100 พรอ มทง้ั วเิ คราะหโ จทยป ญ หาหนา ชนั้ เรยี น จากนน้ั จากขอความ สรา งโจทยป ญหาการลบได ดังนี้ ครูตรวจสอบความถกู ตอง โจทยป ญ หา รานอาหารมีไขไก 380 ฟอง มีไขเปด นอ ยกวา ไขไก 120 ฟอง ขนั้ สอน ถาไขเ ปดแตกไป 25 ฟอง รา นอาหารจะเหลอื ไขเ ปดก่ฟี อง สงั เกต รบั รู้ การวางแผนแกโจทยป ญ หา 1. ครูติดบัตรตัวเลขหรือขอความแสดงจํานวน ขัน้ ที่ 1 หาจาํ นวนไขเ ปด ขน้ั ที่ 2 หาจาํ นวนไขเปด ทเ่ี หลือ บนกระดาน เชน 950 250 300 380 ฟอง แลวสาธิตวิธีการสรางโจทยปญหาการลบ ไขเปด จากจํานวนที่กําหนด พรอมทั้งแสดงวิธีหา ไขไก คําตอบและตรวจสอบความสมเหตุสมผลของ คําตอบ เชน “นุน มเี งนิ 950 บาท ซ้อื อปุ กรณ ไขเ ปด 120 ฟอง ? 25 ฟอง การเรยี น 250 บาท ซอื้ กระเปา นกั เรยี น 300 บาท ? นุน เหลอื เงนิ ก่บี าท” การแกป ญ หา ประโยคสัญลักษณ (380 - 120) - 25 = 2. ครแู บง กลุม นกั เรียน กลมุ ละ 3-4 คน คละกัน ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง วธิ ีทํา รานอาหารมไี ขไก 380 - ฟอง เกง ปานกลางคอ นขา งออ น และออ น จากนนั้ มีไขเ ปด นอยกวาไขไ ก 120 ฟอง ครูใหแตละกลุมกําหนดตัวเลข 3 จํานวน รา นอาหารมีไขเ ปด ฟอง เสร็จแลวใหแลกเปล่ียนกับเพื่อนกลุมขางๆ ถาไขเ ปด แตกไป 5 10 ฟอง เพอ่ื นาํ มาสรา งโจทยป ญ หา พรอ มทงั้ วเิ คราะห 260 - โจทยปญหาและหาคําตอบ โดยครูคอยให คําแนะนําเพื่อใหนักเรียนแตละกลุมเขาใจ 25 จากนน้ั ใหแ ตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมานาํ เสนอ หนา ชัน้ เรยี น โดยครูตรวจสอบความถูกตอ ง รานอาหารจะเหลอื ไขเปด 235 ฟอง ตอบ รา นอาหารจะเหลอื ไขเ ปด ๒๓๕ ฟอง การตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ 235 นอยกวา 380 และ 260 ดงั นน้ั 235 จึงเปนคาํ ตอบทส่ี มเหตุสมผล 88 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูควรเนนใหนักเรียนสรางโจทยปญหาการลบในเชิงบวก หรือสงเสริม จากจํานวนตอ ไปน้ีสรางโจทยปญหาการลบไดอ ยา งไร คุณธรรมและเหมาะสมกับสถานการณในชีวิตจริง รวมทั้งมีความถูกตอง 190 450 120 ตามหลักและกระบวนการแกป ญ หาทางคณิตศาสตร 1. นทั มเี งนิ 450 บาท ซอ้ื ผลไม 190 บาท ซอื้ ดอกไม 120 บาท T94 นทั มีเงนิ เหลือกบ่ี าท 2. มิกมีเงิน 190 บาท ปมู เี งิน 450 บาท แซมมเี งนิ 120 บาท มกิ ปู และแซมมเี งินทั้งหมดก่ีบาท 3. ยาซื้อกงุ 450 บาท ซ้ือปู 190 บาท ซ้อื หมึก 120 บาท ยาซอ้ื กุง ปู และหมกึ ท้ังหมดกบี่ าท (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะ ขอ 1. เขยี นประโยคสญั ลกั ษณไ ด (450 - 190) - 120 = ขอ 2. เขยี นประโยคสัญลักษณไ ด (190 + 450) + 120 = ขอ 3. เขยี นประโยคสญั ลกั ษณไ ด (450 + 190) + 120 = )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาความรู ขน้ั สอน อุปกรณ สลาก 120 (890 - 140) - 200 = ทาํ ตามแบบ ตวั อยา งสลาก 1. ครูใหนักเรียนจับคูกันภายในกลุม แลวให แตละคูสรางโจทยปญหาการลบตามแบบท่ีครู 950 325 สาธติ ใหน กั เรยี นดู ครคู อยเสนอแนะการปฏบิ ตั ิ ใหถ กู ตอ ง จากนน้ั ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คู ออกมา 1,000 550 200 750 - (300 - 180) = นําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยครูและ นกั เรยี นทเี่ หลอื ชว ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ ง 880 175 300 970 - 400 - 220 = ของคาํ ตอบ วธิ จี ัดกิจกรรม 2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเรอื่ ง การสรา งโจทยป ญ หา ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 1) ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 3 - 4 คน จากนน้ั ใหแ ตล ะกลมุ สง ตวั แทน หนา 88 ออกไปจับสลากกลมุ ละ 2 ใบ ทาํ เองโดยไมม แี บบ 2) แตล ะกลมุ นาํ ขอ มลู ทอี่ ยใู นสลากทตี่ วั แทนกลมุ จบั ไดม าสรา งโจทยป ญ หา การลบ 1. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมทํากิจกรรมพัฒนา- ความรู ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 3) สมาชกิ กลมุ รว มกนั ตรวจสอบความถกู ตอ งของโจทยป ญ หาทสี่ รา งอกี ครงั้ หนา 89 โดยครเู ตรยี มอปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรม แลว แสดงวธิ ที าํ เพอ่ื หาคาํ ตอบ จากนน้ั นาํ ไปแลกเปลย่ี นกบั เพอื่ นกลมุ อน่ื ตามขั้นตอนท่ีหนังสือเรียนกําหนด แลวครู พูดกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวมในการ 4) นาํ โจทยปญหาของเพือ่ นกลุมอน่ื จํานวน 2 กลมุ มาแสดงวิธีทาํ เพ่อื หา ทํากิจกรรม จากน้ันครูเดินตรวจสอบความ- คาํ ตอบลงในกระดาษ A4 เสร็จแลว นาํ สงครผู ูสอน ถกู ตอ งของแตละกลมุ 2. ครใู หน กั เรยี นจบั คภู ายในกลมุ แลว ทาํ กจิ กรรม เพอ่ื นชว ยเพ่อื น ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 89 ลงในสมุด จากนนั้ ครแู ละ นักเรียนรว มกนั ตรวจสอบความถูกตอ ง สรางโจทยปญหาการลบจากประโยคสัญลักษณทก่ี ําหนด พรอ มทงั้ แสดงวิธีทาํ และหาคําตอบ 1) (820 - 250) - 180 = 2) 945 - 215 - 378 = 89 กิจกรรม สรา งเสริม 1. ใหนักเรียนแตละกลุมสรางโจทยปญหาการลบจากจํานวน ตอไปน้ี เสรจ็ แลวนาํ สง ครผู ูสอน 245 203 217 2. ครูแจกบัตรขอความใหแตละกลุม กลุมละ 3 ใบ จากน้ัน ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั สรา งโจทยป ญ หาการลบ พรอ มทง้ั แสดงข้นั ตอนวธิ ที ําลงในกระดาษ A4 เสรจ็ แลว นาํ สง ครูผสู อน กลุมใดทาํ ถูกตองและเรว็ ท่ีสดุ กลุมน้นั ได 1 คะแนน T95

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กิจกรรมฝกทักษะ ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ 1 วิเคราะหโจทยปญ หา พรอมท้งั เขียนประโยคสญั ลักษณแ ละแสดงวิธีทาํ 1. รานคามีขนมอยู 522 ช้นิ ขายไป 319 ช้นิ จงหาวา 1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมฝกทักษะ ขอ 3 1) รานคาเหลือขนมกี่ชน้ิ ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 90 2) ถา ขนมหมดอายุ 38 ชน้ิ แลว รานคาเหลือขนมที่ขายไดก ่ชี น้ิ ลงในสมุด โดยครูคอยชวยแนะนําใหปฏิบัติ ใหถูกตอง จากน้ันครูสุมนักเรียนออกมา 2. รานคาส่งั ซ้อื สเี ทียน 350 กลอ ง สั่งสีไมน อยกวา สีเทยี น 120 กลอ ง นาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี นและนกั เรยี นทเี่ หลอื รว มกนั สั่งสเี มจิกนอ ยกวาสไี ม 115 กลอง รา นคาสั่งสีเมจิกกีก่ ลอง ตรวจสอบความถกู ตองของคําตอบ 2 แสดงวธิ ีแกโ จทยปญหาที่กาํ หนด พรอมทั้งพิจารณาความสมเหตสุ มผล ของคําตอบ 1. หนังสือเลม หนง่ึ มี 248 หนา วนั แรกสนุ ยี อ า นได 102 หนา วนั ที่สอง อา นได 95 หนา สนุ ียตอ งอานหนงั สืออีกกีห่ นา จงึ จะจบเลม 2. ชาวสวนขายสม ได 395 เขง ขายมังคุดไดน อยกวา สม 112 เขง ขายลําไยไดน อ ยกวา มังคุด 124 เขง ชาวสวนขายลาํ ไยไดก ่เี ขง 3. ตะวันมเี งิน 1,000 บาท ซ้อื ของขวัญวันเกดิ ใหแม 280 บาท ซอื้ ของขวญั ใหพอ 250 บาท ตะวนั เหลือเงนิ กบ่ี าท 3 สรา งโจทยป ญหาการลบจากขอ มูลทก่ี ําหนด 1. มเี งิน 895 บาท คา ไฟฟา 483 บาท คา นํา้ ประปา 125 บาท 2. ปลูกมะนาว 480 ตน ปลกู มะมวงนอ ยกวา มะนาว 195 ตน ปลูกมะพรา วนอ ยกวา มะมว ง 163 ตน 3. 750 - 225- 180 = 4. 953 - 370 - 250 = 5. 258 611 999 6. 800 240 325 ฝก ทําตอใน บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 90 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครจู ดั กจิ กรรมเพ่ิมเตมิ โดยครูกําหนดจํานวน 3 จาํ นวน แลว ใหนกั เรยี น “ในเดือนธันวาคมมีนักทองเทยี่ วไปเทยี่ วดอยตุง 989 คน และ แตละกลุมรวมกันสรางโจทยปญหาการลบ และแสดงวิธีการแกโจทยปญหา ไปเที่ยวท่ีดอยสุเทพ 798 คน มีนักทองเท่ียวไปเท่ียวดอยตุง พรอมทั้งตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคําตอบ จากน้ันครูใหแตละกลุม มากกวาดอยสุเทพกี่คน” จากโจทยปญหาเขียนเปนประโยค สงตวั แทนออกมานําเสนอหนาชัน้ เรียน สัญลกั ษณไ ดอยางไร 1. 798 - 989 = 2. 989 - 798 = 3. 798 + 989 = (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะนําจํานวนนักทองเที่ยวท่ีไปเท่ียว ดอยสเุ ทพ ออกจากจาํ นวนนกั ทอ งเทย่ี วทไี่ ปเทย่ี วดอยตงุ จะทาํ ให ทราบวา จาํ นวนนกั ทอ งเทีย่ วทไ่ี ปเทีย่ วดอยตุงมากกวาดอยสุเทพ อยกู ี่คน จึงหาคาํ ตอบโดยใชว ิธีลบ) T96

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ความรทู ่ีได ขน้ั สอน 1. แมค า ขายลกู โปง สฟี า ได 432 ลกู ขายลกู โปง สขี าวไดน อ ยกวา สฟี า 112 ลกู ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ ขายลูกโปง สแี ดงไดน อ ยกวา สีขาว 85 ลกู แมคา ขายลกู โปงสีแดงไดก ีล่ กู จากโจทยม ีข้ันตอนการแกปญ หาอยา งไร 2. ครูใหนักเรยี นแตล ะคนทําใบงานที่ 3.15 เร่ือง 2. การสรา งโจทยป ญ หาการลบจากขอ ความ ประโยคสญั ลกั ษณ หรอื จาํ นวน การสรางโจทยปญหาการลบ (2) จากนั้น มีวิธแี ตกตา งกนั หรือไม อยา งไร ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ออกมานําเสนอ ใบงานหนา ชนั้ เรยี น โดยครแู ละนกั เรยี นทเ่ี หลอื รว มกนั ตรวจสอบความถกู ตอง นักเรยี นสามารถตรวจสอบความรคู วามเขา ใจไดดวยตนเอง ตามตารางประเมนิ ดา นลา งนะคะ µÃǨÊͺµ¹àͧ ปรคบั วปรรงุ หลงั จากเรียนจบหนวยแลว ใหนกั เรยี นบอกสญั ลกั ษณท่ีตรงกบั ระดบั ความสามารถของนักเรียน ดี พอใช 1. สามารถหาผลลบของจํานวนสองจํานวนที่มตี ัวตงั้ ไมเกนิ 1,000 ได 2. สามารถหาผลลบของจาํ นวนสามจาํ นวนได 3. สามารถบอกความสัมพันธข องการบวกและการลบและนาํ ไปใชได 4. สามารถหาตวั ไมทราบคาในประโยคสญั ลกั ษณแสดงการบวก และการลบได 5. สามารถแกโ จทยปญหาการลบจาํ นวนทมี่ ตี วั ตั้งไมเกิน 1,000 ได 6. สามารถสรางโจทยป ญหาการลบจาํ นวนทม่ี ตี ัวต้ังไมเกนิ 1,000 ได 91 บูรณาการอาเซียน ขอ มูลคาแรงขัน้ ตํ่าของประเทศไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ป 2561 ดังตารางประเทศ ประเทศ 1 วนั คาแรงขัน้ ต่ํา (บาท) ไทย 310 130 เวียดนาม 244 มาเลเซยี ที่มา : http://www.sanook.com/money/609817/ จากขอ มลู สามารถนาํ มาสรางเปนโจทยป ญหาการลบได เชน คา แรงขน้ั ตา่ํ 1 วนั ของประเทศไทย 310 บาท คา แรงขัน้ ตาํ่ 1 วันของประเทศเวยี ดนาม 130 บาท คา แรงข้ันตา่ํ 1 วันของประเทศมาเลเซยี 244 บาท คาแรงขน้ั ตาํ่ ของประเทศไทยมากกวา ประเทศเวียดนามและมาเลเซียเทา ใด วธิ ที ํา คา แรงข้ันตํ่า 1 วนั ของประเทศไทย 310 บาท คา แรงข้ันตํ่า 1 วันของประเทศเวยี ดนาม 130 บาท คา แรงขน้ั ตํา่ 1 วันของประเทศมาเลเซีย 244 บาท ดงั นนั้ คา แรงขนั้ ตา่ํ ของประเทศไทยมากกวา เวยี ดนาม 310 - 130 = 180 บาท คา แรงข้นั ต่าํ ของประเทศไทยมากกวา มาเลเซยี 310 - 244 = 66 บาท T97

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน สนกุ คิด สนกุ ทํา ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ กิจกรรม ..ก...า...ร..ล....บ...จ...ํา...น....ว..น....ท....ี่ม...ตี....ัว...ต...งั้...ไ..ม...เ..ก...ิน......1...,.0....0...0....... 3. ครใู หนกั เรียนจับคูกนั แลวใหน กั เรียนแตละคู ทาํ กจิ กรรม “สนกุ คดิ สนกุ ทาํ ” ในหนงั สอื เรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 92 วิธีจัดกจิ กรรม 1) ใหนักเรยี นจับคูกัน แลว ครแู จกบตั รตัวเลข 2 ชดุ คือ ชุด A กบั ชุด B ซงึ่ แตล ะใบจะมตี ัวเลขแสดงจาํ นวน 5 จํานวน เชน บตั รตัวเลข ชดุ A บตั รตัวเลข ชดุ B 945 232 700 495 332 371 691 1,000 744 922 2) ใหนกั เรยี นเลอื กจํานวนจากบัตรตวั เลขชดุ A มา 1 จาํ นวน และจาก บัตรตวั เลขชุด B มา 1 จํานวน แลวใหจ ํานวนท่มี ากกวาเปนตัวตั้ง และจํานวนทนี่ อยกวา เปน ตวั ลบ 3) หาผลลพั ธในขอ 2. โดยใหเพ่อื นท่ีเปน คขู องตนเปน ผตู รวจสอบ ความถกู ตอง 4) ใหน กั เรียนทํากจิ กรรมซ้ําใน ขอ 2) - 3) อกี 4 รอบ จากนัน้ นาํ สง ครูผสู อน 945 - 691 1,000 - 232 495 691 - 92 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูจัดกิจกรรมทบทวนความรูเกี่ยวกับการสรางโจทยปญหาการลบ 413- จากจํานวนและขอความ โดยครสู ุมนกั เรยี นออกมากาํ หนดตวั เลขหรือขอ ความ เพ่ือนําไปสรางโจทยปญหา จากน้ันครูใหนักเรียนสุมเพื่อนออกมาสรางโจทย 211 เทากบั ขอใด ปญหาการลบ พรอมท้ังแสดงขั้นตอนการแกโจทยปญหาหนาชั้นเรียน โดยครู จาํ นวนใน และนักเรียนทเ่ี หลอื รวมกันตรวจสอบความถกู ตอง 1. 192 T98 2. 202 3. 292 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 413 - = 211 จากความสมั พนั ธข องการบวกและการลบ จะไดวา 413 - 211 = ซึ่ง 413 - 211 = 202 ดังนน้ั เทากบั 202)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ¤Ó¶ÒÁ·ŒÒ·Ò¡Òä´Ô ¢é¹Ñ ÊÙ§ ขน้ั สอน เตมิ เลขโดดทห่ี ายไปลงใน ใหถ กู ตอง ฝก ทาํ ใหช าํ นาญ 1. 3 7 2- 2. 1 8 5 - 4. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมคาํ ถามทา ทายการคดิ 1 606 ขน้ั สงู และเชอื่ มโยงสชู วี ติ ประจาํ วนั ในหนงั สอื - เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 93 และ ทําแบบฝกหัดเรื่อง การสรางโจทยปญหา ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบาน 266 àªèÍ× Áâ§ÊÙ‹ªÇÕ Ôµ»ÃШÓÇ¹Ñ ตะวันออมเงินได 590 บาท สุธีออมเงินไดนอยกวาตะวัน 135 บาท สินีออมเงินไดมากกวา สธุ ี 115 บาท และสมใจออมเงิน 615 บาท จากโจทย เรียงลาํ ดับจากคนที่ออมเงนิ ไดม ากทส่ี ุดไปคนทอี่ อมเงนิ ได นอ ยทส่ี ดุ ตะวนั สธุ ี สนิ ี สมใจ 93 ขอ สอบเนน การคดิ 203 + เทา กับขอใด 522 จํานวนใน 1. 309 2. 319 3. 329 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ T99 + 203 = 522 จากความสมั พนั ธข องการบวกและการลบ จะไดวา 522 - 203 = ซงึ่ 522 - 203 = 319 ดังน้ัน เทากบั 319)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ ÊÃØ» ÊÒÃÐÊÒí ¤ÑÞ สรปุ การลบจาํ นวนสองจํานวน การลบ ที่มีตัวต้งั ไมเ กิน 1,000 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ จาํ นวนท่มี ตี ัวตัง้ การสรางโจทยปญหาการลบ โดยครูถาม การลบตามแนวต้ัง ไมเ กิน 1,000 คําถามนักเรยี น ดงั นี้ วิธที ่ี 1 หาผลลบโดยเขยี นจาํ นวนในรปู กระจาย • ส่ิงสําคัญในการสรางโจทยปญหาการลบ คืออะไร 473 เขียนในรูปกระจายได ดงั น้ี 400 + 70 + 3 - (แนวตอบ พิจารณาสิ่งท่ีโจทยกําหนดให 473 = 400 + 70 + 3 100 + 50 + 2 กําหนดคําสําคัญ เชน นอยกวา หักออก 152 เขยี นในรูปกระจายได ดงั นี้ 300 + 20 + 1 หรือเหลืออยู และโจทยปญหาตองมีความ 152 = 100 + 50 + 2 สมเหตุสมผล) • ถาตองการสรางโจทยปญหาการลบ ดงั นน้ั 473 - 152 = 321 เพ่ือหาจํานวนที่เหลือ จะตองกําหนด คําสาํ คัญอยา งไรบา ง วธิ ที ี่ 2 หาผลลบโดยใชต ารางหลกั วธิ ีที่ 3 หาผลลบโดยวิธลี ดั (แนวตอบ หักออก แบงไป หรือเหลืออยู เปน ตน) 1. ลบจาํ นวนในหลกั หนว ย 4 7 23- • ถาตองการสรางโจทยปญหาการลบ 1 5 เพื่อเปรียบเทียบขอมูล จะตองกําหนด หลกั รอย หลักสบิ หลักหนวย 321 คําสาํ คญั อยางไรบาง 47 3 (แนวตอบ นอ ยกวา หรือถกู กวา เปน ตน ) 15 2 - ดังน้ัน 473 - 152 = 321 การลบตามแนวนอนโดยใชค วามสัมพนั ธ 1 ของจาํ นวนแบบสวนยอยและสว นรวม 2. ลบจํานวนในหลักสิบ หลกั รอย หลักสิบ หลักหนวย 399 - 4 9-4 = 5 47 3 390 9 390 + 5 = 395 15 2 - 21 ดังน้ัน 399 - 4 = 395 3. ลบจาํ นวนในหลักรอย 482 - 60 80 - 60 = 20 402 80 402 + 20 = 422 หลักรอย หลักสบิ หลกั หนว ย 47 3 ดงั น้นั 482 - 60 = 422 15 2 - 743 - 200 700 - 200 = 500 32 1 43 700 43 + 500 = 543 ดังนัน้ 743 - 200 = 543 94 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูควรใหนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหาหนวยการเรียนรูที่ 3 ตามสรุป โจมีเงิน 900 บาท ฟามีเงินนอยกวาโจ 170 บาท แววมีเงิน สาระสําคัญ ประจําหนวยการเรียนรูที่ 3 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 นอ ยกวา ฟา 203 บาท แววมีเงินกีบ่ าท เลม 1 หนา 94-95 เพื่อทบทวนความเขา ใจในเนอ้ื หาทัง้ หนวยการเรยี นรทู ี่เรยี น 1. 327 บาท ผานมา 2. 427 บาท 3. 527 บาท T100 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ วธิ ีทาํ โจม เี งิน 900 บาท ฟามเี งนิ นอ ยกวาโจ 170 - บาท ฟา มเี งิน แววมีเงินนอยกวา ฟา 7320 - บาท 203 บาท แววมีเงิน 527 บาท ดงั นน้ั แววมเี งนิ 527 บาท)

นาํ สอน สรุป ประเมนิ 3»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙ·Œ Õè ขน้ั สรปุ การลบจํานวนสามจาํ นวน 2. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ “ความรทู ไ่ี ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 ·· กรณที ี่โจทยม วี งเลบ็ ใหห าผลลบในวงเล็บกอนแลวนําไปลบกับจํานวนที่เหลือ เลม 1 ขอ 2 หนา 91 กรณที โ่ี จทยไ มมวี งเล็บ ใหห าผลลบของจํานวนสองจํานวนแรกกอน แลว นําจํานวนทสี่ ามมาลบออกจากผลลัพธท ไ่ี ด 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนทุกคนจัดทําช้ินงาน สมุดเลมเล็กเรื่อง การลบจํานวนที่มีตัวต้ัง ความสัมพนั ธข องการบวกและการลบ ไมเ กนิ 1,000 โดยใหน กั เรยี นสรปุ ความรทู เี่ รยี น ผลบวกของสองจาํ นวนใด ๆ เม่อื ลบดวยจํานวนใดจํานวนหนง่ึ มา พรอ มทงั้ วาดภาพประกอบใหสวยงาม ในสองจาํ นวนนนั้ จะไดผลลบเทา กบั อกี จาํ นวนหนึง่ เสมอ เชน 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน หนวย 271 + 321 = 592 592 - 321 = 271 การเรียนรูที่ 3 เรื่อง การลบจํานวนท่ีมี 592 - 271 = 321 ตัวตั้งไมเกิน 1,000 เพื่อตรวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรียน จากน้ันครูเฉลย การหาตัวไมทราบคา ในประโยคสญั ลักษณแสดงการบวกและการลบ คําตอบใหนักเรียนตรวจคําตอบดวยตนเอง ใชความสัมพันธข องการบวกและการลบมาชว ยในการหาคาํ ตอบ ขน้ั ประเมนิ เชน 536 + = 750 จากความสัมพนั ธข องการบวกและการลบ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม 750 จะไดว า 750 - 536 = 214 และการรวมกนั ทํากจิ กรรมกลุม ซึ่ง 536 + 214 = 750 536 ? ดังนัน้ เทา กับ 214 2. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 3.14 เรอ่ื ง การสรา งโจทยปญหาการลบ (1) การแกโจทยปญหาการลบ ขนั้ ตอนการแกโจทยปญ หา มดี งั นี้ 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 3.15 เรอื่ ง 1) การวิเคราะหโ จทยปญหา การสรางโจทยป ญหาการลบ (2) 2) การวางแผนแกโจทยปญหา 3) การแกป ญหา 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ 4) การตรวจสอบสมเหตุสมผลของคาํ ตอบ ในหนงั สอื เรียน และทําแบบฝก หัด ในหนังสือ แบบฝก หัด การสรางโจทยปญหาการลบ 1) พิจารณาสงิ่ ท่ีโจทยกาํ หนดให 2) กาํ หนดคําสําคญั เชน นอ ยกวา เหลอื หักออก 3) สรา งโจทยป ญ หาการลบ 95 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานรายบุคคลจากการทํา ใบงานที่ 3.15 เร่อื ง การสรางโจทยปญ หาการลบ (2) โดยศึกษาเกณฑการวดั และการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวยการ เรยี นรูท ่ี 3 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคิดเหน็   2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผ้อู ่ืน   3 การทางานตามหนา้ ที่ทีไ่ ด้รับมอบหมาย   4 ความมีน้าใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ............../.................../................ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง T101

Chapter Overview แผนการจัด สื่อท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สือเรยี น 1. เขา้ ใจและอธบิ าย แบบค้นพบ - ตรวจแบบทดสอบ - ท กั ษะการสังเกต 1. มวี นิ ัย แบบรูปของ คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ความสมั พนั ธ์ของ (Discovery กอ่ นเรยี น - ทักษะการระบุ 2. ใฝ่เรียนรู้ จ�ำนวนที่เพม่ิ ข้ึน - แ บบฝึกหดั แบบรปู ของจำ� นวน Method) - ตรวจใบงานที่ 4.1-4.2 - ทักษะการใหเ้ หตุผล 3. ม่งุ ม่ันใน ทลี ะ 2 ทีละ 5 คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ทเ่ี พ่ิมขึน้ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 - ต รวจกิจกรรมฝกึ ทกั ษะ - ทกั ษะการเชือ่ มโยง การทำ� งาน และทลี ะ 100 - ใบงานท่ี 4.1-4.2 และทลี ะ 100 ได้ (K) เร่ือง แบบรปู ของ - ท กั ษะกระบวน - บัตรแบบรูปของจำ� นวน 2. ห าจ�ำนวนที่หายไปหรอื จำ� นวนทเ่ี พ่ิมข้นึ ทลี ะ 2 การคิดแกป้ ญั หา 3 จ�ำนวนถดั ไปของ ทีละ 5 และทลี ะ 100 แบบรูปของจำ� นวน - ต รวจแบบฝึกหัด เรือ่ ง ช่ัวโมง ที่เพ่ิมขึ้นทีละ 2 ทลี ะ 5 แบบรูปของจ�ำนวน และทลี ะ 100 ได้ (P) ที่เพมิ่ ข้ึนทีละ 2 ทลี ะ 5 3. รับผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ และทลี ะ 100 ที่ไดร้ ับมอบหมาย (A) - ประเมินการน�ำเสนอ ผลงาน - ส ังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - สังเกตความมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มั่น ในการท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรยี น 1. เขา้ ใจและอธบิ าย แบบค้นพบ - ตรวจใบงานที่ 4.3-4.4 - ท กั ษะการสงั เกต 1. มีวินัย แบบรปู ของ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 ความสมั พันธข์ อง (Discovery - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ - ทักษะการระบุ 2. ใฝเ่ รียนรู้ จำ� นวนที่ลดลง - แ บบฝึกหดั แบบรูปของจำ� นวน Method) ทีละ 2 ทลี ะ 5 คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ท่ีลดลงทีละ 2 ทีละ 5 เรือ่ ง แบบรปู ของ - ทักษะการใหเ้ หตผุ ล 3. ม่งุ ม่นั ใน และทีละ 100 - ใบงานที่ 4.3-4.4 และทลี ะ 100 ได้ (K) จ�ำนวนทล่ี ดลงทลี ะ 2 - ทักษะการเช่ือมโยง การทำ� งาน - บตั รแบบรูป 2. ห าจำ� นวนทีห่ ายไปหรอื ทีละ 5 และทลี ะ 100 - ท กั ษะกระบวน 3 - ลูกบาศก์แบบรปู จ�ำนวนถัดไปของ - ต รวจแบบฝึกหัด เร่ือง การคดิ แก้ปญั หา ของจ�ำนวน แบบรปู ของจำ� นวน แบบรูปของจ�ำนวน ช่ัวโมง ท่ีลดลงทีละ 2 ทีละ 5 และทีละ 100 - Q R Code ทล่ี ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 - ป ระเมนิ การน�ำเสนอ และทีละ 100 ได้ (P) ผลงาน 3. รบั ผดิ ชอบต่อหน้าที่ - สังเกตพฤตกิ รรม ทีไ่ ด้รับมอบหมาย (A) การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุม่ - สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่นั ในการท�ำงาน T102

แผนการจัด สอ่ื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 3 แบบรปู ซำ้� - หนังสอื เรียน 1. เข้าใจและอธิบาย อุปนยั - ต รวจใบงานท่ี 4.5 - ทกั ษะการสงั เกต 1. มีวนิ ยั คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 ความสมั พนั ธข์ อง (Induction - ต รวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ - ทักษะการระบุ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3 - แบบฝกึ หดั แบบรปู ซำ้� ได้ (K) Method) เรื่อง แบบรูปซ�้ำ - ทกั ษะการให้เหตผุ ล 3. มุ่งมนั่ ใน คณติ ศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. ห าจำ� นวนทหี่ ายไปหรือ - ตรวจแบบฝึกหัด เรื่อง - ท ักษะการเช่อื มโยง การทำ� งาน ชั่วโมง - ใบงานที่ 4.5 จำ� นวนถัดไปของ แบบรปู ซ้�ำ - ทักษะกระบวน - บัตรแบบรปู ของจำ� นวน แบบรปู ซำ้� ได้ (P) - ป ระเมินการน�ำเสนอ การคิดแกป้ ญั หา 3. รับผิดชอบตอ่ หน้าที่ ผลงาน ท่ีได้รับมอบหมาย (A) - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบคุ คล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกล่มุ - สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ มั่น ในการท�ำงาน - ต รวจแบบทดสอบ หลงั เรยี น T103

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (Discovery Method) 4 Ẻû٠¢Í§¨Òí ¹Ç¹หนวยการเรียนรูที่ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น µÑǪÕéÇÑ´ • (มกี ารจดั การเรียนการสอนเพื่อเปน 1. ครใู หน กั เรยี นเปด หนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 96 จากนั้นใหนักเรียนรวมกัน พ้ืนฐาน แตไมวัดผล) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพที่แสดง ในหนังสือเรียน จากน้ันครูถามนักเรียนวา “จํานวนท่ีปรากฏในเกมกระโดดเปนแบบรูป ของจํานวนที่มีความสัมพันธแบบเพิ่มขึ้นหรือ ลดลงทีละเทาใด นักเรียนมีวิธีคิดอยางไร” โดยครจู ะเฉลยคาํ ตอบในทา ยหนว ยการเรยี นรู 728 ¨íҹǹ·èÕ»ÃÒ¡¯ 724 726 ã¹à¡Á¡ÃÐâ´´ 722 720 718 714 716 ?à»à·š¹¾ÕèÁáèÔÁ¤Õº¢Çº¹Öé ÒÃÁËÙ»ÊâÑÁÍÍ× §¾Å¨´Ñ¹íҹŸ§Ç¹ ·ÕÅÐà·‹Òã´ 712 706 708 710 704 702 700 เริ่มตน ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ • แบบรูปของจาํ นวนทีเ่ พ่มิ ข้นึ ทีละ 2 ทลี ะ 5 และทีละ 100 • แบบรูปของจาํ นวนทีล่ ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 และทีละ 100 • แบบรปู ซํ้า เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรา งคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค การจัดกระบวนการเรียนรูครคู วรเนนใหนกั เรยี นฝกปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ครูควรทําขอตกลงกับนักเรียนในระหวางท่ีเรียนหนังสือ เชน • ทกั ษะการสงั เกตและทกั ษะการเชอื่ มโยง เขา เรยี นตรงเวลา ไมส ง เสยี งดงั ขณะทเ่ี รยี น สง การบา นใหต รงเวลา • อภปิ รายเกยี่ วกบั วิธีการหาคาํ ตอบ ไมคดั ลอกการบานของเพื่อน เมื่อทํากิจกรรมควรใหความรวมมือ • ยกตัวอยางประกอบการอธิบาย ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นฟง วา เมอ่ื นกั เรยี นไดเ รยี นรหู นว ยการเรยี นรนู ้ี จบแลว นักเรียนจะสามารถหาแบบรูปของจํานวนท่ีเพิ่มข้ึนและลดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 ทลี ะ 100 และแบบรปู ซาํ้ เปน ความรพู นื้ ฐานในการเรยี นรใู นอนาคตตอ ไป T104

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ กเตอ่ รนียมเพรรีย้อมน M AT H ขนั้ นาํ 1 พจิ ารณาแบบรูปของจาํ นวนทก่ี าํ หนดให แลวบอกความสัมพนั ธ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น ของจาํ นวนในแบบรปู พรอมทั้งเตมิ ตวั เลขแสดงจํานวนลงใน 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 97 จากน้ันครูและนักเรียนรวมกัน เฉลยคําตอบ 1. 90 91 92 93 ... มคี วามสมั พันธแบบใด มคี วามสมั พันธแ บบใด 2. 30 40 50 70 ... มคี วามสมั พันธแบบใด มคี วามสมั พนั ธแ บบใด 3. 60 40 30 20 ... มีความสัมพันธแ บบใด 4. 97 95 93 ... 5. 22 23 26 ... 2 พิจารณาแบบรปู ของจํานวนทกี่ ําหนดให แลว ตอบคาํ ถาม 1. 27 13 27 13 27 13 ... จํานวนท่ี 10 คือจํานวนใด 2. 45 98 45 98 45 98 ... จํานวนที่ 13 คอื จํานวนใด 3. 62 44 62 44 62 44 ... จํานวนที่ 15 คือจาํ นวนใด 4. 19 40 19 40 19 40 ... จาํ นวนที่ 18 คือจาํ นวนใด 5. 32 14 32 14 32 14 ... จาํ นวนท่ี 17 คือจาํ นวนใด 3 สรา งจาํ นวนทมี่ ี 2 หลัก 1 จํานวน โดยใชเ ลขโดด 0 - 5 แลว นาํ จาํ นวนท่ี สรางมาหาจํานวนถัดไปอีก 4 จํานวน โดยใหมีความสัมพันธแบบเพ่ิมข้ึน ทลี ะ 10 97 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู 37 42 ... 52 ... 62 ควรเตมิ จาํ นวนใดลงในชองวา ง ครูควรจัดกิจกรรมทบทวนความรูเร่ือง แบบรูปของจํานวนที่เพ่ิมขึ้นหรือ 1. 43, 53 ลดลงทีละ 1 และทีละ 10 โดยครูอาจติดบัตรแบบรูปของจํานวนบนกระดาน 2. 47, 57 แลว ใหน กั เรียนชวยกนั บอกจาํ นวนถัดไปอกี 3 จาํ นวน หรอื จํานวนท่ีหายไป 3. 47, 67 (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะจากแบบรูปท่กี ําหนดให เปนแบบรูป ของจํานวนท่ีมีความสมั พันธก ันโดยเพม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 5 จาก 42 เพม่ิ ขึ้น 5 เปน 42 + 5 = 47 จาก 52 เพิ่มขึ้น 5 เปน 52 + 5 = 57 ดงั นน้ั 37 42 47 52 57 62) T105

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ 1. Ẻû٠¢Í§¨Òí ¹Ç¹·èÕà¾èÔÁ¢¹Öé 14 15 16 17 18 ... ẺÃÙ»¢Í§¨íҹǹÁÕ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น ·ÅÕ Ð 2 ·ÕÅÐ 5 áÅзÅÕ Ð 100 Ẻà¾èÔÁ¢Öé¹ËÃ×ÍŴŧ·ÕÅÐ à·‹Òã´ 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม 1.1 แบบรูปของจาํ นวนท่ีเพ่มิ ขน้ึ ทีละ 2 มมุ ขวาบน ในหนังสือเรยี น คณติ ศาสตร ป.2 บวกดว ย 2 บวกดวย 2 บวกดว ย 2 เลม 1 หนา 98 (แนวตอบ แบบรูปของจํานวนมีความสัมพันธ ... แบบเพิม่ ข้ึนทีละ 1) 102 104 106 ... ขน้ั สอน จะเห็นวา จํานวนถดั ไปท่ีอยทู างขวาเพ่ิมข้นึ ทีละ 2 จาก 102 เพิ่มขน้ึ 2 เปน 102 + 2 = 104 สอน 104 เพ่ิมขึน้ 2 เปน 104 + 2 = 106 และ 106 เพ่ิมข้ึน 2 เปน 106 + 2 = 108 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ดังนั้น 102 104 106 ... เปนแบบรปู ของจาํ นวนทม่ี ี ตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอ นขา ง ความสัมพนั ธกนั โดยเพ่มิ ขน้ึ ทีละ 2 เกง ปานกลางคอ นขา งออน และออน แลว ให จํานวนตอจาก 106 คือ 108 นักเรียนแตละกลุมศึกษาเร่ือง แบบรูป ตัวอยางที่ 1 ของจํานวนท่ีเพ่ิมข้ึนทีละ 2 และทีละ 5 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 98-100 จากนั้นครูอธิบายและยก ตั ว อ ย  า ง เ พิ่ ม เ ติ ม เ พ่ื อ ใ ห  นั ก เ รี ย น เ ข  า ใ จ มากย่งิ ขึน้ เตมิ ตวั เลขแสดงจํานวนท่หี ายไปใหถ กู ตอง 123 125 127 ... 131 พจิ ารณา 123 125 127 ... 131 เปนแบบรปู ของจํานวนทมี่ ีความสมั พนั ธก ัน โดยเพิม่ ข้ึนทีละ 2 บวกดว ย 2 บวกดว ย 2 บวกดว ย 2 บวกดว ย 2 123 125 127 ... 131 จาก 127 เพม่ิ ขึ้น 2 เปน 127 + 2 = 129 ตอบ จํานวนตอจาก 127 คอื 129 98 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูอาจจัดกิจกรรมโดยกําหนดจํานวนหนึ่งจํานวนบนกระดาน แลวสุม 132 … 136 138 140 … … ควรเตมิ จาํ นวนใดลงในชอ งวาง นักเรียนนับจํานวนตอจากจํานวนที่กําหนดเพิ่มทีละ 2 โดยใหนับตอคนละ 1. 130, 134, 142 1 จํานวน จากน้ันครูจัดกิจกรรมในทํานองเดียวกันน้ี โดยเปลี่ยนเปนนับเพิ่ม 2. 134, 142, 144 ทลี ะ 5 ทลี ะ 10 และทลี ะ 100 ตามลาํ ดบั เพอ่ื ทบทวนความรเู กย่ี วกบั การนบั เพมิ่ 3. 130, 142, 144 ทีละ 2 ทีละ 5 ทีละ 10 และทีละ 100 (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะจากรูปแบบท่กี าํ หนดให เปน แบบรปู ของจํานวนท่มี ีความสมั พันธก นั โดยเพิ่มข้ึนทีละ 2 จาก 132 เพิ่มขึน้ 2 เปน 132 + 2 = 134 จาก 140 เพม่ิ ขน้ึ 2 เปน 140 + 2 = 142 จาก 142 เพม่ิ ขน้ึ 2 เปน 142 + 2 = 144 ดังน้นั 132 134 136 138 140 142 144) T106

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตวั อยา งท่ี 2 ขนั้ สอน เตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนท่หี ายไปใหถ ูกตอง สอน 233 235 ... 239 ... 2. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนที่เพิ่มข้ึนทีละ 2 พิจารณา 233 235 ... 239 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทีม่ ีความสัมพนั ธกนั บนกระดาน เชน 178 180 182 184 186 … โดยเพ่ิมขึน้ ทีละ 2 จากนัน้ ครถู ามคาํ ถามนักเรยี น ดงั น้ี • แบบรูปของจาํ นวนมีความสมั พนั ธแบบ บวกดว ย 2 บวกดวย 2 บวกดว ย 2 บวกดวย 2 เพิม่ ข้ึนหรือลดลงทลี ะเทาใด (แนวตอบ เพมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 2) 233 235 ... 239 ... • นกั เรยี นมวี ิธคี ิดอยางไร (แนวตอบ ใชวิธีบวกทลี ะ 2 หรือนบั เพมิ่ จาก 235 เพมิ่ ข้ึน 2 เปน 235 + 2 = 237 ทีละ 2) และ 239 เพม่ิ ขึน้ 2 เปน 239 + 2 = 241 • จาํ นวนถดั จาก 186 ควรเปน จํานวนใด ตอบ จาํ นวนตอจาก 235 คือ 237 และจาํ นวนตอจาก 239 คอื 241 หาไดอยางไร (แนวตอบ 188 โดยนาํ 186 บวกดว ย 2 หรอื นบั เพิม่ ทลี ะ 2 เทากับ 186 + 2 = 188) 1.2 แบบรูปของจาํ นวนทเี่ พ่มิ ขึน้ ทลี ะ 5 บวกดวย 5 บวกดวย 5 บวกดว ย 5 301 306 311 ... จะเหน็ วา จาํ นวนถดั ไปท่อี ยทู างขวาเพมิ่ ข้ึนทลี ะ 5 จาก 301 เพม่ิ ข้ึน 5 เปน 301 + 5 = 306 306 เพมิ่ ขน้ึ 5 เปน 306 + 5 = 311 และ 311 เพิม่ ขึน้ 5 เปน 311 + 5 = 316 ดงั นัน้ 301 306 311 ... เปน แบบรูปของจํานวนที่มี ความสัมพันธกันโดยเพิ่มข้นึ ทีละ 5 จาํ นวนตอ จาก 311 คอื 316 99 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 412 414 420 422 ครอู าจยกตวั อยา งแบบรปู ของจาํ นวนทเี่ พมิ่ ขนึ้ ทลี ะ 2 บนกระดาน เพม่ิ เตมิ ควรเติมจาํ นวนใดลงในชอ งวา ง อกี 1-2 ขอ โดยขออาสาสมคั รนักเรยี นหาจํานวนท่หี ายไป พรอ มใหเ หตุผล เชน 1. 418, 422, 426 301 303 305 … … 401 (แนวตอบ 307 และ 309 เพราะจาก 305 2. 404, 408, 412 เพมิ่ ขึน้ 2 เปน 305 + 2 = 307 และจาก 307 เพมิ่ ขน้ึ 2 เปน 307 + 2 = 309) 3. 416, 418, 424 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะจากรปู แบบท่กี าํ หนดให เปน แบบรูป ของจาํ นวนท่มี ีความสมั พนั ธกันโดยเพ่ิมข้นึ ทลี ะ 2 จาก 414 เพ่ิมขึ้น 2 เปน 414 + 2 = 416 จาก 416 เพ่มิ ขึน้ 2 เปน 416 + 2 = 418 จาก 422 เพ่มิ ขน้ึ 2 เปน 422 + 2 = 424 ดงั น้นั 412 414 416 418 420 422 424 ) T107

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตัวอยา งที่ 3 สอน เตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนทหี่ ายไปใหถ ูกตอ ง 205 210 215 ... 225 3. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนท่ีเพิ่มข้ึนทีละ 5 บนกระดาน เชน 442 447 452 457 … พิจารณา 205 210 215 ... 225 เปน แบบรูปของจํานวนที่มีความสัมพันธก นั จากน้นั ครถู ามคําถามนักเรียน ดังน้ี โดยเพิม่ ข้นึ ทลี ะ 5 • แบบรูปของจํานวนมีความสัมพนั ธแ บบ เพ่ิมขึ้นหรือลดลงทลี ะเทา ใด บวกดวย 5 บวกดวย 5 บวกดว ย 5 บวกดว ย 5 (แนวตอบ เพม่ิ ข้นึ ทีละ 5) • นกั เรยี นมวี ธิ คี ดิ อยางไร 205 210 215 ... 225 (แนวตอบ ใชวธิ บี วกดวย 5 หรือนบั เพ่ิม จาก 215 เพ่ิมขน้ึ 5 เปน 215 + 5 = 220 ทีละ 5) ตอบ จํานวนตอ จาก 215 คือ 220 • จํานวนถดั จาก 457 ควรเปน จํานวนใด หาไดอ ยา งไร ตัวอยางท่ี 4 (แนวตอบ 462 โดยนํา 457 บวกดวย 5 หรอื นบั เพม่ิ ทีละ 5 เทากับ 457 + 5 = 462) เตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนท่หี ายไปใหถ ูกตอง 405 410 ... 420 4. ครูใหน ักเรียนกลมุ เดิมชวยกนั ทาํ ใบงานท่ี 4.1 เรอ่ื ง แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขนึ้ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 พิจารณา 405 410 ... 420 เปน แบบรปู ของจาํ นวนทมี่ ีความสัมพันธกนั และทลี ะ 100 (1) จากนนั้ ครใู หนกั เรียนแตล ะ โดยเพิ่มขน้ึ ทีละ 5 กลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน โดยครูและนักเรียนท่ีเหลือรวมกันตรวจสอบ บวกดวย 5 บวกดว ย 5 บวกดวย 5 ความถกู ตอ ง 405 410 ... 420 จาก 410 เพ่ิมข้ึน 5 เปน 410 + 5 = 415 ตอบ จํานวนตอจาก 410 คือ 415 100 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครอู าจยกตวั อยา งแบบรปู ของจาํ นวนทเี่ พม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 5 บนกระดาน เพม่ิ เตมิ ขอใดไมใ ชแ บบรูปของจํานวนทีเ่ พิ่มข้ึนทลี ะ 5 อกี 1-2 ขอ โดยขออาสาสมคั รนกั เรยี นหาจํานวนท่หี ายไป พรอมใหเหตผุ ล เชน 1. 128 133 138 143 148 ... 866 871 876 ... 886 ... (แนวตอบ 881 และ 891 เพราะจาก 876 เพ่ิมข้ึน 5 2. 279 284 289 294 299 ... เปน 876 + 5 = 881 และจาก 886 เพ่ิมขน้ึ 5 เปน 886 + 5 = 891) 3. 146 148 150 152 154 ... T108 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะ 1. 128 133 138 143 148 ... ... +5 +5 +5 +5 ... 2. 279 284 289 294 299 +5 +5 +5 +5 3. 146 148 150 152 154 +2 +2 +2 +2 ดังน้ัน ขอ 3. จงึ ไมใชแบบรูปของจํานวนท่ีเพม่ิ ขนึ้ ทีละ 5)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1.3 แบบรปู ของจาํ นวนที่เพมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 100 ขน้ั สอน บวกดวย 100 บวกดว ย 100 บวกดวย 100 บวกดวย 100 สอน 100 200 ... 400 500 5. ครูใหนักเรียนจับคูภายในกลุมศึกษาเรื่อง แบบรปู ของจาํ นวนทเี่ พม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 100 ในหนงั สอื - จะเห็นวา จาํ นวนถัดไปทอ่ี ยทู างขวาเพิม่ ขึ้นทีละ 100 เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 101-102 จาก 100 เพ่มิ ข้ึน 100 เปน 100 + 100 = 200 จากนั้นครูอธิบายและยกตัวอยางเพ่ิมเติม เพื่อใหนักเรียนเขาใจมากย่งิ ข้นึ 200 เพิ่มขนึ้ 100 เปน 200 + 100 = 300 300 เพ่มิ ข้ึน 100 เปน 300 + 100 = 400 6. ครเู ขยี นแบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 100 และ 400 เพมิ่ ขน้ึ 100 เปน 400 + 100 = 500 บนกระดาน เชน 178 278 378 478 578 … ดงั นน้ั 100 200 ... 400 500 เปน แบบรปู ของจาํ นวนทม่ี ี จากน้นั ครถู ามคาํ ถามนกั เรยี น ดงั น้ี ความสมั พันธก ันโดยเพิ่มขึ้นทลี ะ 100 • แบบรปู ของจาํ นวนมคี วามสมั พนั ธแ บบ จาํ นวนตอ จาก 200 คอื 300 เพิ่มขึน้ หรือลดลงทีละเทาใด (แนวตอบ เพ่มิ ขน้ึ ทีละ 100) ตัวอยางท่ี 5 • นักเรียนมีวิธคี ดิ อยางไร (แนวตอบ ใชวิธีบวกดวย 100 หรือนับเพิ่ม เตมิ ตวั เลขแสดงจํานวนท่หี ายไปใหถ ูกตอง ทีละ 100) 134 234 ... ... 534 • จาํ นวนถดั จาก 578 ควรเปน จํานวนใด หาไดอยา งไร พจิ ารณา 134 234 ... ... 534 เปน แบบรูปของจํานวนที่มคี วามสัมพนั ธก ัน (แนวตอบ 678 โดยนาํ 578 บวกดว ย 100 หรอื โดยเพม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 100 นบั เพิ่มทีละ 100 เทา กบั 578 + 100 = 678) บวกดวย 100 บวกดว ย 100 บวกดว ย 100 บวกดว ย 100 134 234 ... ... 534 จาก 234 เพ่ิมข้ึน 100 เปน 234 + 100 = 334 และ 334 เพ่ิมขน้ึ 100 เปน 334 + 100 = 434 ตอบ จํานวนตอจาก 234 คอื 334 และจํานวนตอจาก 334 คือ 434 101 ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอใดตา งจากขอ อื่น ครอู าจยกตวั อยา งแบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 100 บนกระดาน เพมิ่ เตมิ 1. 543 643 743 843 943 ... อกี 1-2 ขอ โดยขออาสาสมคั รนกั เรยี นหาจาํ นวนทหี่ ายไป พรอมใหเหตผุ ล เชน 2. 321 326 331 336 341 ... 251 351 451 … … 751 (แนวตอบ 551 และ 651 เพราะจาก 451 เพม่ิ ขน้ึ 100 3. 106 206 306 406 506 ... เปน 451 + 100 = 551 และจาก 551 เพมิ่ ขึน้ 100 เปน 551 + 100 = 651) (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 1. 543 643 743 843 943 ... T109 2. 321+ 100326+ 103031+ 100336+ 100341 ... +5 +5 +5 +5 3. 106 206 306 406 506 ... + 100 + 100 + 100 + 100 จะเหน็ วา ขอ 1. และ ขอ 3. เปน แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พม่ิ ข้นึ ทลี ะ 100 สวนขอ 2. เปน แบบรูปของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขนึ้ ทีละ 5 ดังนน้ั ขอ 2. ตา งจากขอ อนื่ )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ตัวอยา งท่ี 6 สอน เติมตวั เลขแสดงจาํ นวนทีห่ ายไปใหถ ูกตอ ง 319 419 ... 619 ... 7. ครูใหนักเรียนคูเดิมทําใบงานท่ี 4.2 เร่ือง แบบรูปของจํานวนที่เพ่ิมข้ึนทีละ 2 ทีละ 5 พิจารณา 319 419 ... 619 ... เปน แบบรูป1ของจํานวนทม่ี คี วามสัมพนั ธกัน และทีละ 100 (2) จากนั้นครูสุมนักเรียน โดยเพม่ิ ขึ้นทีละ 100 แตละคูออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน 3-4 คู โดยครูและนักเรียนคูที่เหลือรวมกันตรวจสอบ บวกดวย 100 บวกดวย 100 บวกดว ย 100 บวกดว ย 100 ความถกู ตอง 319 419 ... 619 ... 8. ครใู หน กั เรยี นคเู ดมิ ทาํ กจิ กรรมเพอ่ื นชว ยเพอ่ื น จาก 419 เพมิ่ ข้ึน 100 เปน 419 + 100 = 519 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 และ 619 เพิ่มขึน้ 100 เปน 619 + 100 = 719 หนา 102 เสร็จแลวครูและนักเรียนรวมกัน ตอบ จํานวนตอ จาก 419 คือ 519 และจํานวนตอ จาก 619 คือ 719 เฉลยคาํ ตอบ พจิ ารณาแบบรปู ทกี่ าํ หนดให แลว เตมิ ตวั เลขแสดงจาํ นวนลงใน ใหถ กู ตอ ง 1) 199 201 207 2) 299 303 305 3) 204 219 224 4) 611 616 626 5) 199 499 599 6) 569 769 869 102 นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ 1 แบบรูป เปนความสัมพันธท่ีแสดงลักษณะรวมกันของชุดของจํานวน ขอ ใดตา งจากขออ่ืน รปู เรขาคณิต หรอื อืน่ ๆ 1. 123 128 133 138 143 ... 2. 201 301 401 501 601 ... T110 3. 335 340 345 350 355 ... (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ 1. 123 128 133 138 143 ... +5 +5 +5 +5 2. 201 301 401 501 601 ... + 100 + 100 + 100 + 100 3. 335 340 345 350 355 ... +5 +5 +5 +5 จะเห็นวา ขอ 1. และ ขอ 3. เปน แบบรูปของจาํ นวนที่เพ่มิ ขึ้น ทลี ะ 5 สว นขอ 2. เปนแบบรปู ของจํานวนท่ีเพม่ิ ขนึ้ ทีละ 100)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาความรู ขนั้ สอน อปุ กรณ บัตรแบบรปู ของจํานวน 500 600 700 800 ... สอน ตวั อยางบัตรแบบรปู ของจาํ นวน 9. ครูใหนักเรียนคูเดิมทํากิจกรรมพัฒนาความรู ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 101 201 301 401 ... หนา 103 โดยครูแจกอปุ กรณแ ละจดั กิจกรรม ตามข้ันตอนท่ีหนังสือเรียนกําหนด จากน้ัน 400 405 410 415 ... 218 223 228 233 ... ครูทําหนาที่สังเกตการทํางานของนักเรียน และพูดกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวม 632 634 636 638 ... 124 126 128 130 ... ในการทํากิจกรรม 171 173 175 177 ... 748 753 758 763 ... ฝก ทกั ษะ 402 407 412 417 ... 121 221 321 421 ... ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะในหนงั สอื - เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 104 ลงในสมุด และทําแบบฝกหัดเรื่อง แบบรูป ของจาํ นวนท่เี พ่ิมขน้ึ ทีละ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 วธิ ีจัดกิจกรรม 1) ใหน กั เรยี นจบั คูก ับเพื่อน แลวสงตวั แทนออกมารบั บตั รแบบรปู ของจาํ นวนคลู ะ 10 ใบ 2) นกั เรยี นคนแรกชบู ตั รแบบรูปของจาํ นวนข้นึ คนท่ีสองจะเปน คน ตอบคาํ ถามวา “แบบรูปของจาํ นวนมีความสมั พนั ธโดยเพิ่มขึ้น ทีละเทา ใด และจาํ นวนถดั ไปอกี 1 จาํ นวน คือจาํ นวนอะไร” 3) นักเรียนแตละคูผลัดกันเปนคนชูบัตรและเปนคนตอบ จนกวาครูจะให สญั ญาณหมดเวลา 4) เมื่อครบ 5 นาที ครจู ะใหส ัญญาณวาหมดเวลา โดยการเปานกหวีด 5) หลังจากหมดเวลา ครูใหสงตัวแทนออกมายกตัวอยางบัตรแบบรูปของ จํานวนคลู ะ 3 ใบ ใหเ พื่อน ๆ ดู และบอกความสัมพันธและจํานวนถัดไป ของแบบรปู นนั้ 103 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 625 630 635 640 645 ... ครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนเลนเกม โดยครูเขียนตัวเลขแสดงจํานวน ขอ ใดมีความสัมพนั ธเ หมือนกับแบบรปู ที่กาํ หนด 1 จาํ นวน บนกระดาน แลว กาํ หนดเงอ่ื นไขใหน กั เรยี น เชน เปน แบบรปู ของจาํ นวน ทเี่ พม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 2 แลว ใหแ ตล ะกลมุ แขง กนั บอกจาํ นวนถดั ไป 5 จาํ นวน หากกลมุ ใด 1. 121 221 321 421 521 ... บอกถกู ตองและเรว็ ทีส่ ุด จะเปนกลมุ ชนะ 2. 325 425 525 625 725 ... 3. 518 523 528 533 538 ... T111 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 625 630 635 640 645 ... เปน แบบรูปของจํานวนท่เี พิม่ ขนึ้ ทีละ 5 ซง่ึ จะเหน็ วา 1. 121 221 321 421 521 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขน้ึ ทีละ 100 2. 325 425 525 625 725 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทเี่ พม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 100 3. 518 523 528 533 538 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 5 ดังนั้น ขอ 3. มคี วามสมั พนั ธเ หมือนกับแบบรูปท่กี ําหนด)

นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สรปุ กิจกรรมฝกทักษะ สรปุ 1 พจิ ารณาแบบรูปท่กี ําหนดให แลว เตมิ คําตอบที่ถกู ตอ งลงใน 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ 1. 507 511 513 แบบรูปของจํานวนท่ีเพ่ิมขึ้นทีละ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 2. 140 145 160 2. ครตู ดิ บตั รแบบรปู บนกระดาน แลว ครขู ออาสา 3. 217 317 417 สมัครนักเรียนออกมาเขียนจํานวนที่หายไป ของแบบรูปพรอมบอกวา แบบรูปของจํานวน 2 พิจารณาแบบรปู ท่กี ําหนดให แลวนําตัวอกั ษรไปเตมิ ใน ใหถ ูกตอ ง เพิม่ ข้ึนทลี ะเทาใด เชน 386 … ... 392 394 396 … 400 402 1. 199 201 203 205 207 ก. เพมิ่ ขนึ้ ทีละ 2 2. 731 736 741 746 751 3. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ “ความรทู ไี่ ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 3. 543 548 553 558 563 ข. เพม่ิ ขึน้ ทีละ 5 เลม 1 หนา 104 แลว ครูและนกั เรียนรวมกนั 4. 289 291 293 295 297 เฉลยคาํ ตอบ 5. 213 313 413 513 613 ค. เพม่ิ ข้นึ ทลี ะ 100 ขน้ั ประเมนิ ฝก ทําตอ ใน 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 และการรว มกันทาํ กิจกรรมกลมุ ความรทู ี่ได 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 4.1 เรอ่ื ง 1. แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พิม่ ขึ้นทีละ 2 มีลักษณะอยางไร จงยกตัวอยา ง แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และ 2. แบบรปู ของจํานวนทีเ่ พมิ่ ข้นึ ทลี ะ 5 มลี ักษณะอยางไร จงยกตวั อยาง ทลี ะ 100 (1) 3. แบบรูปของจาํ นวนท่ีเพม่ิ ข้นึ ทลี ะ 100 มีลักษณะอยา งไร จงยกตวั อยาง 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 4.2 เรอื่ ง แบบรปู ของจาํ นวนทเ่ี พมิ่ ขน้ึ ทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และ ทีละ 100 (2) 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสอื เรียน และทําแบบฝกหัด ในหนังสือ แบบฝกหดั 104 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานท่ี พจิ ารณาแบบรปู ตอ ไปนี้ 127 132 137 142 147 ... จํานวน 4.1 เรอ่ื ง แบบรปู ของจํานวนที่เพม่ิ ข้ึนทีละ 2 ทีละ 5 และทีละ 100 (1) โดย สามจาํ นวนถัดไปคือจํานวนใด ศึกษาเกณฑการวัดและการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัด การเรยี นรูในหนว ยการเรยี นรูที่ 4 1. 162, 163, 167 2. 152, 157, 162 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 3. 148, 149, 150 คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ 127 132 137 142 147 ... ตรงกบั ระดับคะแนน เปน แบบรูปของจาํ นวนที่มีความสัมพันธก นั โดยเพิ่มข้นึ ทลี ะ 5 ลาดบั ท่ี ชือ่ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม จาก 147 เพม่ิ ขึ้น 5 เปน 147 + 5 = 152 ของนักเรยี น ความคิดเหน็ ฟงั คนอ่ืน ตามท่ีได้รับ สว่ นร่วมใน 15 จาก 152 เพ่ิมขึ้น 5 เปน 152 + 5 = 157 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน จาก 157 เพม่ิ ขึ้น 5 เปน 157 + 5 = 162 ผลงานกลมุ่ ดงั นนั้ 127 132 137 142 147 152 157 162) 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมิน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง T112

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2. ẺÃÙ»¢Í§¨Òí ¹Ç¹·èÕŴŧ 82 72 62 52 42 ... ขนั้ นาํ (Discovery Method) ẺÃÙ»¢Í§¨íҹǹÁÕ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ·ÕÅÐ 2 ·ÅÕ Ð 5 áÅзÕÅÐ 100 Ẻà¾èÔÁ¢Öé¹ËÃ×ÍŴŧ·ÕÅÐ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น à·‹Òã´ กจิ กรรมพัฒนาความรู ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มุมขวาบนของหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 105 (แนวตอบ แบบรูปของจํานวนมีความสัมพันธ แบบลดลงทลี ะ 10) วธิ ีจดั กิจกรรม ขนั้ สอน ใหน ักเรยี นจบั คกู ับเพอื่ น พิจารณารปู ที่กาํ หนดให แลวเขยี นตัวเลขแสดง สอน จาํ นวนดินสอทเ่ี หลอื จากการใชใ นแตละครงั้ ลงใน 1. ครูใหนักเรียนจับคูกันแลวทํากิจกรรมพัฒนา- ความรใู นหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 10 100 10 110,0101000100100 1,0010,0010,000หที่หนนางั ส1อื0เ5รยี โนดกยําคหรนูจดัดแกลิจว กครรรทู มําตหานมา ขท้ันี่สงัตเอกนต 10 100 10 10,01010000100100 1,0010,0010,000 การทํางานของนักเรียน และพูดกระตุนให ใชไ ป 2 แทง 10 10 10011001001011010110,1010001100,10000100,0010,010,010,010,010,000 10 10 1001100100101101010,100001100,00010,010,010,010,000 นักเรียนทุกคนมีสวนรวมในการทํากิจกรรม จากนัน้ ครสู มุ นักเรยี น 2-3 คู ออกมานําเสนอ หนาชั้นเรียน โดยครูและนักเรียนรวมกัน มดี นิ สอ 156 แทง เหลอื ดนิ สอ แทง ตรวจสอบความถูกตอ ง ใชไป 2 แทง 10 100 10 110,01010000100100 1,0010,0010,000 10 100 10 110,01010000100100 1,0010,0010,000 10 10 1001100100 101010,00010,0010,010,000 ใชไ ป 2 แทง 10 10 100100 1,0010,000 เหลือดินสอ แทง เหลอื ดินสอ แทง 105 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู 106 104 102 100 … ครูอาจจัดกิจกรรมโดยครูติดบัตรตัวเลขแสดงจํานวนบนกระดาน แลวให จากแบบรปู มคี วามสัมพันธข องแบบรปู ตามขอใด นกั เรยี นเตมิ จาํ นวนลงในบตั รทไี่ มม ตี วั เลข จากนน้ั ใหน กั เรยี นบอกวา แบบรปู ของ จํานวนมคี วามสมั พนั ธก ันแบบใด เชน 1. แบบรูปของจํานวนทม่ี ีความสัมพนั ธแ บบลดลงทลี ะ 100 134 136 142 144 146 2. แบบรูปของจํานวนที่มคี วามสมั พันธแบบลดลงทลี ะ 5 3. แบบรูปของจํานวนท่ีมคี วามสัมพนั ธแ บบลดลงทีละ 2 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 106 104 102 100 เปน แบบรูปของ จาํ นวนที่มคี วามสัมพนั ธแ บบลดลงทีละ 2) T113

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 2. 2.1 แบบรปู ของจํานวนท่ีลดลงทีละ 2 สอน 310 308 306 304 ... ลบดวย 2 ลบดวย 2 ลบดว ย 2 ลบดวย 2 2. ครูใหนักเรียนแตละคูศึกษาเร่ือง แบบรูปของ จํานวนที่ลดลงทลี ะ 2 และทีละ 5 ในหนังสือ- จะเหน็ วา จํานวนถดั ไปท่อี ยทู างขวาลดลงทีละ 2 เรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 106-108 จาก 310 ลดลง 2 เปน 310 - 2 = 308 โดยครูขออาสาสมัครนกั เรียน 2-3 คู ออกมา 308 ลดลง 2 เปน 308 - 2 = 306 ยกตัวอยางหนาช้ันเรียน จากน้ันครูอธิบาย และยกตัวอยางเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนเขาใจ มากยง่ิ ขนึ้ 306 ลดลง 2 เปน 306 - 2 = 304 และ 304 ลดลง 2 เปน 304 - 2 = 302 ดงั น้นั 310 308 306 304 ... เปน แบบรูปของจํานวน ทม่ี คี วามสมั พันธกนั โดยลดลงทีละ 2 จํานวนตอจาก 304 คือ 302 ตัวอยา งท่ี 7 เตมิ ตัวเลขแสดงจํานวนที่หายไปใหถกู ตอง 436 434 ... ... 428 พิจารณา 436 434 ... ... 428 เปน แบบรปู ของจาํ นวนท่ีมคี วามสมั พันธกนั โดยลดลงทีละ 2 436 434 ... ... 428 ลบดวย 2 ลบดวย 2 ลบดวย 2 ลบดวย 2 จาก 434 ลดลง 2 เปน 434 - 2 = 432 และ 432 ลดลง 2 เปน 432 - 2 = 430 ตอบ จํานวนตอจาก 434 คอื 432 และ 430 ตามลําดบั 106 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด ครูอาจจัดกิจกรรมโดยติดบัตรแบบรูปของจํานวน แลวขออาสาสมัคร พิจารณาแบบรูปตอ ไปน้ี 488 486 484 482 ... ... ... นกั เรียนบอกวาเปน แบบรูปของจํานวนทม่ี ีความสมั พนั ธกันแบบใด เชน จาํ นวนถดั ไปคอื จํานวนใด 143 141 139 137 ... 1. 483, 481, 489 2. 483, 485, 487 3. 480, 478, 476 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 488 486 484 482 ... เปนแบบรูป ของจาํ นวนท่ีมีความสมั พันธกันโดยลดลงทีละ 2 จาก 482 ลดลง 2 เปน 482 - 2 = 480 จาก 480 ลดลง 2 เปน 480 - 2 = 478 จาก 478 ลดลง 2 เปน 478 - 2 = 476 ดังนนั้ 488 486 484 482 480 478 476) T114

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอยางที่ 8 ขน้ั สอน เติมตวั เลขแสดงจาํ นวนท่ีหายไปใหถ ูกตอ ง สอน 210 ... 206 ... 202 3. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนท่ีลดลงทีละ 2 พจิ ารณา 210 ... 206 ... 202 เปน แบบรปู ของจาํ นวนท่ีมคี วามสัมพันธก นั บนกระดาน เชน 322 320 318 316 …. โดยลดลงทลี ะ 2 จากนนั้ ครถู ามคําถามนักเรียน ดังน้ี • แบบรูปของจาํ นวนมคี วามสมั พันธแบบ 210 ... 206 ... 202 เพม่ิ ข้นึ หรอื ลดลงทีละเทาใด (แนวตอบ ลดลงทลี ะ 2) ลบดวย 2 ลบดว ย 2 ลบดว ย 2 ลบดวย 2 • นักเรยี นมีวิธีคิดอยา งไร (แนวตอบ ใชวธิ ีลบออกทลี ะ 2 หรือนบั ลด จาก 210 ลดลง 2 เปน 210 - 2 = 208 ทีละ 2) และ 206 ลดลง 2 เปน 206 - 2 = 204 • จาํ นวนถัดจาก 316 ควรเปนจํานวนใด ตอบ จาํ นวนตอจาก 210 คือ 208 และจํานวนตอ จาก 206 คอื 204 หาไดอ ยา งไร (แนวตอบ 314 หาไดจาก 316 ลดลง 2 เปน 316 - 2 = 314) 2.2 รปู แบบของจาํ นวนท่ลี ดลงทีละ 5 501 496 491 ... 481 ลบดว ย 5 ลบดว ย 5 ลบดวย 5 ลบดว ย 5 จะเหน็ วา จํานวนถัดไปทางขวาลดลงทีละ 5 จาก 501 ลดลง 5 เปน 501 - 5 = 496 496 ลดลง 5 เปน 496 - 5 = 491 491 ลดลง 5 เปน 491 - 5 = 486 และ 486 ลดลง 5 เปน 486 - 5 = 481 ดงั น้ัน 501 496 491 ... 481 เปนแบบรูปของจาํ นวนทีม่ ี ความสมั พนั ธกันโดยลดลงทีละ 5 จํานวนตอ จาก 491 คอื 486 107 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู แบบรปู ของจํานวนในขอ ใด มีความสัมพันธแ บบลดลงทลี ะ 2 ครเู ขยี นจํานวนทลี่ ดลงทีละ 2 บนกระดาน เชน 1. 233 232 231 230 229 ... 19 17 15 13 11 ... 2. 113 111 109 107 105 ... 28 26 24 22 20 ... 3. 318 308 298 288 278 ... จากน้นั ครูอธบิ ายวา จํานวนทลี่ ดลงทีละ 2 ถาจํานวนเร่ิมตนเปนจาํ นวนคี่ จํานวนถัดไปก็จะเปนจํานวนคี่ดวยเสมอ แตถาจํานวนเริ่มตนเปนจํานวนคู (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ จํานวนถัดไปก็จะเปนจาํ นวนคดู วยเสมอ 1. 233 232 231 230 229 ... T115 -1 -1 -1 -1 2. 113 111 109 107 105 ... -2 -2 -2 -2 3. 318 308 298 288 278 ... - 10 - 10 - 10 - 10 ดังน้ัน ขอ 2. จึงเปนแบบรูปของจํานวนท่ีมีความสัมพันธ แบบลดลงทลี ะ 2)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตวั อยางที่ 9 สอน เติมตวั เลขแสดงจาํ นวนที่หายไปใหถ ูกตอ ง 4. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนท่ีลดลงทีละ 5 792 787 ... ... 772 บนกระดาน เชน 442 437 432 427 … พิจารณา 792 787 ... ... 772 เปน แบบรูปของจํานวนท่ีมคี วามสัมพันธกนั จากน้นั ครถู ามคาํ ถามนกั เรยี น ดังน้ี โดยลดลงทีละ 5 • แบบรปู ของจํานวนมีความสมั พนั ธแ บบ เพิ่มขึน้ หรือลดลงทีละเทาใด 792 787 ... ... 772 (แนวตอบ ลดลงทีละ 5) • นกั เรยี นมวี ิธคี ดิ อยา งไร ลบดว ย 5 ลบดว ย 5 ลบดว ย 5 ลบดวย 5 (แนวตอบ ใชว ธิ ลี บออกทลี ะ 5 หรอื นับลด ทีละ 5) จาก 787 ลดลง 5 เปน 787 - 5 = 782 • จาํ นวนถดั จาก 427 ควรเปน จาํ นวนใด และ 782 ลดลง 5 เปน 782 - 5 = 777 หาไดอยางไร ตอบ จาํ นวนตอจาก 787 คอื 782 และจาํ นวนตอจาก 782 คือ 777 (แนวตอบ 422 หาไดจาก 427 ลดลง 5 เปน 427 - 5 = 422) ตัวอยา งท่ี 10 5. ครูใหนักเรียนคูเดิมทําใบงานที่ 4.3 เรื่อง เติมตวั เลขแสดงจาํ นวนที่หายไปใหถ ูกตอง แบบรูปของจํานวนที่ลดลงทีละ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 (1) จากนั้นสมุ นกั เรียนออกมา นาํ เสนอหนา ชน้ั เรยี น 3-4 คู โดยครแู ละนกั เรยี น คทู ี่เหลอื รว มกนั ตรวจสอบความถกู ตอง 179 ... ... 164 159 พจิ ารณา 179 ... ... 164 159 เปนแบบรปู ของจาํ นวนทม่ี คี วามสัมพนั ธก นั โดยลดลงทีละ 5 179 ... ... 164 159 ลบดว ย 5 ลบดว ย 5 ลบดวย 5 ลบดว ย 5 จาก 179 ลดลง 5 เปน 179 - 5 = 174 และ 174 ลดลง 5 เปน 174 - 5 = 169 ตอบ จํานวนตอจาก 179 คอื 174 และ 169 108 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูอธิบายเพ่ิมเติมใหนักเรียนเขาใจวา การหาความสัมพันธของจํานวน ขอใดเปนแบบรูปของจํานวนทีล่ ดลงทลี ะ 5 แบบลดลงไมจ าํ เปน ตอ งหาจาํ นวนทต่ี อ จากจาํ นวนสดุ ทา ยเสมอไป เพราะถา เรา 1. 180 178 176 174 172 ... ทราบวา แบบรปู ทต่ี อ งการหามคี วามสมั พนั ธแ บบใด กอ็ าจหาจาํ นวนทอี่ ยรู ะหวา ง 2. 291 286 281 276 271 ... จํานวน 2 จํานวนได เชน 3. 334 339 344 349 354 ... 561 556 551 … 541 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะ จากแบบรปู ของจํานวนทม่ี ีความสมั พันธก นั โดยลดลงทีละ 5 1. 180 178 176 174 172 ... เปนแบบรูปของจํานวนที่มี ลบดว ย 5 ลบดวย 5 ลบดวย 5 ลบดวย 5 ความสัมพนั ธแ บบลดลงทลี ะ 2 2. 291 286 281 276 271 ... เปนแบบรูปของจํานวนที่มี 561 556 551 … 541 จาก 551 ลดลง 5 เปน 551 - 5 = 546 ความสมั พันธแ บบลดลงทีละ 5 ดงั นนั้ 561 556 551 546 541 เปน แบบรปู ของจาํ นวนทม่ี คี วามสมั พนั ธก นั 3. 334 339 344 349 354 ... เปนแบบรูปของจํานวนที่มี โดยลดลงทลี ะ 5 ความสัมพนั ธแบบเพ่มิ ขึ้นทีละ 5 T116 ดังนนั้ ขอ 2. จึงเปน แบบรปู ของจาํ นวนที่ลดลงทลี ะ 5)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2.3 แบบรูปของจํานวนท่ลี ดลงทีละ 100 ขนั้ สอน 500 400 ... ... 100 สอน ลบดว ย 100 ลบดวย 100 ลบดวย 100 ลบดว ย 100 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาเร่ือง แบบรูป จะเห็นวา จํานวนถดั ไปที่อยูท างขวาลดลงทีละ 100 ของจาํ นวนทนี่ บั ลดลงทลี ะ 100 ในหนงั สอื เรยี น จาก 500 ลดลง 100 เปน 500 - 100 = 400 คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 109-110 จากนนั้ 400 ลดลง 100 เปน 400 - 100 = 300 ครูยกตัวอยางเพ่ิมเติมเพื่อใหนักเรียนเขาใจ 300 ลดลง 100 เปน 300 - 100 = 200 มากย่งิ ข้ึน และ 200 ลดลง 100 เปน 200 - 100 = 100 ดังนั้น 500 400 ... ... 100 เปนแบบรปู ของจํานวนทีม่ ี 7. ครูเขียนแบบรูปของจํานวนท่ีลดลงทีละ 100 ความสมั พันธก นั โดยลดลงทลี ะ 100 บนกระดาน เชน 978 878 778 678 578 ... จํานวนตอจาก 400 คือ 300 และ 200 ตามลําดับ จากนัน้ ครถู ามคําถามนกั เรยี น ดงั นี้ • แบบรูปของจาํ นวนมีความสัมพนั ธ ตวั อยางท่ี 11 แบบเพมิ่ ขึ้นหรอื ลดลงทีละเทาใด (แนวตอบ ลดลงทีละ 100) เติมตัวเลขแสดงจาํ นวนทห่ี ายไปใหถกู ตอ ง • นกั เรียนมวี ธิ คี ดิ อยา งไร (แนวตอบ ใชว ธิ ลี บออกทลี ะ 100 หรอื นับ 632 532 ... 332 ... ลดทีละ 100) • จาํ นวนถัดจาก 578 ควรเปนจาํ นวนใด พจิ ารณา 632 532 ... 332 ... เปนแบบรูปของจาํ นวนทม่ี ีความสมั พนั ธกัน หาไดอ ยา งไร โดยลดลงทีละ 100 (แนวตอบ 478 จาก 578 ลดลง 100 เปน 578 - 100 = 478) 632 532 ... 332 ... ลบดวย 100 ลบดวย 100 ลบดวย 100 ลบดว ย 100 จาก 532 ลดลง 100 เปน 532 - 100 = 432 และ 332 ลดลง 100 เปน 332 - 100 = 232 ตอบ จํานวนตอ จาก 532 คือ 432 และจํานวนท่ตี อจาก 332 คอื 232 109 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู พจิ ารณาแบบรปู ตอไปน้ี 650 ... 450 ... 250 ควรเติมจํานวน ครูใหน ักเรยี นสงั เกตการนับลดลงทีละ 100 แลว อธิบายเพม่ิ เตมิ วา การนับ ในขอ ใดลงในชองวา ง ลดทลี ะ 100 เลขโดดทีอ่ ยูใ นหลกั รอ ยจะลดลงทีละ 1 สว นเลขโดดทอ่ี ยูในหลัก สิบและหลกั หนว ยจะเทาเดมิ เชน 939 839 739 639 539 1. 550, 350 2. 550, 355 3. 540, 520 (เฉลยคําตอบ ขอ 1. เพราะแบบรูปท่ีกําหนด เปนแบบรูปของ จํานวนที่มคี วามสัมพันธก นั โดยลดลงทีละ 100 จาก 650 ลดลง 100 เปน 650 - 100 = 550 จาก 450 ลดลง 100 เปน 450 - 100 = 350 ดงั นนั้ 650 550 450 350 250) T117

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ตวั อยา งท่ี 12 สอน เตมิ ตัวเลขแสดงจาํ นวนที่หายไปใหถ กู ตอ ง 719 ... 519 419 ... 8. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมทําใบงานท่ี 4.4 เรื่อง แบบรูปของจํานวนที่ลดลงทีละ 2 ทีละ 5 พจิ ารณา 719 ... 519 419 ... เปนแบบรปู ของจํานวนที่มคี วามสัมพนั ธก นั และทีละ 100 (2) ลงในสมุด จากนั้นครูสุม โดยลดลงทลี ะ 100 นกั เรยี น 3-4 กลมุ ออกมานาํ เสนอหนา ชนั้ เรยี น โดยครูและนักเรียนท่ีเหลือรวมกันตรวจสอบ 719 ... 519 419 ... ความถูกตอง ลบดว ย 100 ลบดว ย 100 ลบดวย 100 ลบดว ย 100 ฝก ทกั ษะ จาก 719 ลดลง 100 เปน 719 - 100 = 619 1. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ในหนงั สอื - และ 419 ลดลง 100 เปน 419 - 100 = 319 เรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 111 ตอบ จาํ นวนตอจาก 719 คอื 619 และจาํ นวนตอ จาก 419 คอื 319 ลงในสมดุ จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั เฉลย คําตอบ พจิ ารณาแบบรปู ทก่ี าํ หนดให แลว เตมิ ตวั เลขแสดงจาํ นวนลงใน ใหถ กู ตอ ง 2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเรื่อง แบบรูป ของจาํ นวนทล่ี ดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และทลี ะ 100 ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 เปนการบาน 1) 179 177 171 2) 312 308 306 3) 654 649 634 4) 215 205 200 5) 841 741 441 6) 999 699 599 แบบรปู ของจาํ นวนทลี่ ดลงทลี ะ2 ทลี ะ5 และทลี ะ100 110 สือ่ Digital ขอสอบเนน การคิด ครูเปดส่อื การเรยี นรูเ รือ่ ง แบบรูปของจาํ นวนท่ลี ดลงทลี ะ 2 ทีละ 5 และ พิจารณาแบบรปู ตอไปนี้ 963 863 763 663 563 ... ทีละ 100 ในหนังสอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 110 ใหนกั เรยี นดู ขอ ใดมีความสัมพันธเหมือนกับแบบรูปทก่ี าํ หนด ดว ยการสแกน QR Code 1. 126 124 122 120 118 ... T118 2. 328 323 318 313 308 ... 3. 937 837 737 637 537 ... (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะ 963 863 763 663 563 ... เปน แบบรปู ของจํานวนทมี่ คี วามสมั พันธกนั โดยลดลงทีละ 100 จะไดว า 1. 126 124 122 120 118 ... เปน แบบรปู ของจาํ นวนทล่ี ดลง ทลี ะ 2 2. 328 323 318 313 308 ... เปน แบบรูปของจํานวนทีล่ ดลง ทีละ 5 3. 937 837 737 637 537 ... เปนแบบรปู ของจํานวนที่ลดลง ทลี ะ 100)

นาํ สอน สรุป ประเมิน กิจกรรมฝกทักษะ ขน้ั สรปุ 1 พิจารณาแบบรูปทกี่ ําหนดให แลวเติมตัวเลขแสดงจาํ นวนลงในชองวา ง สรปุ 1. 2. 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเก่ียวกับ 519 515 513 509 906 902 898 896 แบบรปู ของจํานวนทล่ี ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 และ ทลี ะ 100 525 515 505 912 902 887 2. ครูใหนักเรียนตอบคําถามจากกรอบ “ความรู 715 515 215 902 702 602 ทไ่ี ด” ในหนงั สือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 111 แลวครูและนักเรียนที่เหลือรวมกัน 2 พิจารณาแบบรปู ที่กําหนดให แลว บอกความสมั พันธของแบบรปู เฉลยคําตอบ 1. 533 531 529 527 525 ... 3. ครตู ดิ บตั รแบบรปู บนกระดาน แลว ครขู ออาสา 2. 898 798 698 598 498 ... สมัครนักเรียนออกมาเขียนจํานวนท่ีหายไป 3. 874 869 864 859 854 ... ของแบบรูป พรอมบอกดวยวาแบบรูปของ 4. 155 150 145 140 135 ... จํานวนลดลงทีละเทา ใด เชน 5. 471 469 467 465 463 ... ... ... 367 365 363 … … ฝกทําตอ ใน 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละคนทําช้ินงาน บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 เร่ือง ลูกบาศกแบบรูปของจํานวน โดยครู แจกกระดาษแบบรูปของลูกบาศกใหนักเรียน ความรทู ่ีได เพื่อจัดทําลูกบาศกแบบรูปของจํานวน และ 1. แบบรูปของจาํ นวนทลี่ ดลงทลี ะ 2 มลี ักษณะเปนอยา งไร จงยกตวั อยา ง ตกแตงใหส วยงาม เสร็จแลวนําสง ครผู ูส อน 2. แบบรปู ของจํานวนท่ีลดลงทีละ 5 มีลกั ษณะเปน อยางไร จงยกตวั อยา ง 3. แบบรปู ของจาํ นวนทลี่ ดลงทลี ะ 100 มลี กั ษณะเปน อยา งไร จงยกตวั อยา ง ขนั้ ประเมนิ 111 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรวมกนั ทาํ กิจกรรมกลมุ 2. ครูตรวจสอบผลจากการทาํ ใบงานท่ี 4.3 เรือ่ ง แบบรปู ของจํานวนทลี่ ดลงทีละ 2 ทลี ะ 5 และ ทลี ะ 100 (1) 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 4.4 เร่อื ง แบบรูปของจาํ นวนที่ลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และ ทีละ 100 (2) 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสอื เรียน และทําแบบฝกหัด ในหนังสอื แบบฝกหัด กจิ กรรม สรางเสริม แนวทางการวัดและประเมินผล ครูใหนักเรียนแตละคูรวมกันพิจารณาแบบรูปท่ีกําหนดให ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานท่ี แลวเติมตัวเลขแสดงจํานวนลงในชองวาง เสร็จแลวใหสลับกัน 4.3 เร่อื ง แบบรปู ของจํานวนทีล่ ดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และทีละ 100 (1) โดยศกึ ษา ตรวจสอบคําตอบ จากนนั้ นาํ สงครูผูสอน เกณฑการวัดและการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรู ในหนว ยการเรียนรทู ี่ 4 1. 954 854 754 654 ... ... แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม 2. 370 368 366 ... 362 ... คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน ลาดบั ที่ ชอ่ื – สกุล การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคิดเห็น ฟังคนอ่ืน ตามท่ไี ดร้ บั สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกล่มุ 321321321321321 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T119

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (Induction Method) 3. ẺÃÙ»«íéÒ 2 8 2 8 ... ¨Ò¡áººÃÙ»¨íҹǹ·èÕ 19 áÅÐ 20 เตรยี ม ¤×ͨíҹǹÍÐäà ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม พจิ ารณาแบบรูปตอ ไปน้ี มุมขวาบนของหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 213 146 213 146 213 146 เลม 1 หนา 112 จะเห็นวา แบบรปู มีความสัมพันธกันโดยแสดงจาํ นวนเปน ชุด ๆ (แนวตอบ จํานวนท่ี 19 คือ 2 และจาํ นวนที่ 20 แตละชดุ มี 2 จํานวน คอื 213 และ 146 คือ 8) 213 146 213 146 213 146 ขน้ั สอน ดงั น้นั ตวั เลขแสดงจาํ นวนใน คอื 213 และ 146 ตามลําดับ สอนหรอื แสดง จะได 213 146 213 146 213 146 213 146 1. ครูอธิบายและยกตัวอยางเพิ่มเติม เพ่ือให ตวั อยา งท่ี 13 นกั เรยี นเขา ใจมากยงิ่ ขนึ้ โดยครเู ขยี นแบบรปู ซาํ้ บนกระดาน เชน 182 372 182 372 182 … 730 142 730 142 730 142 730 142 ... จากน้ันครูถามคําถามนักเรยี น ดงั นี้ • แบบรปู ของจํานวนมคี วามสัมพนั ธแบบใด จากแบบรปู จํานวนที่ 9 และ 10 คอื จาํ นวนอะไร (แนวตอบ แบบรูปมีความสัมพันธกันโดย จะเหน็ วา แบบรูปมคี วามสมั พันธกนั โดยแสดงจํานวนเปน ชดุ ๆ แสดงจํานวนเปน ชุดๆ) • นกั เรียนมีวิธคี ิดอยา งไร แตล ะชดุ มี 2 จํานวน คอื 730 และ 142 (แนวตอบ พิจารณาจํานวนแตละจํานวน วา แสดงจํานวนเปนชุดหรือไม และชุดละ จาํ นวนท่ี 9 กจ่ี าํ นวน) • จาํ นวนถดั จาก 182 ควรเปน จาํ นวนใด หาได 730 142 730 142 730 142 730 142 อยางไร (แนวตอบ 327 โดยพจิ ารณาความสมั พนั ธข อง จํานวนที่ 10 จํานวนเปน ชดุ ๆ แตละชดุ มี 2 จาํ นวน คือ 182 และ 372 ดงั น้นั จาํ นวนถัดจาก 182 ตอบ จาํ นวนท่ี 9 คือ 730 และจาํ นวนท่ี 10 คือ 142 คือ 372) 112 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครูอาจใหน ักเรยี นเลม เกมแขงขัน โดยแบงนักเรยี นเปนกลมุ กลุมละ 4 คน 78 45 11 78 45 78 11 45 11 คละกันตามความสามารถ คอื เกง ปานกลางคอนขา งเกง ปานกลางคอ นขาง ตัวเลขแสดงจํานวนใน คอื ขอใด ออ น และออน จากนั้นครูเขียนโจทยแบบรูปซํ้าจํานวนไมเกิน 100 บนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ หาจาํ นวนทห่ี ายไป หากกลมุ ใดยกมอื และบอกคาํ ตอบ 1. 11, 45, 11 ไดถกู ตอ งและเร็วทส่ี ดุ กลมุ นน้ั ได 1 คะแนน เชน 12 78 12 78 ... ... 12 78 2. 11, 45, 78 3. 11, 45, 45 (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะแบบรูปมีความสัมพันธของจํานวน เปนชุดๆ ชุดละ 3 จํานวน คอื 78 45 และ 11 ดังน้ัน ตัวเลขแสดง จํานวนใน จะได ดงั น้ี 78 45 11 78 45 11 78 45 11 78 45 11) T120

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ พิจารณาแบบรูปตอ ไปน้ี ขนั้ สอน 201 987 604 201 987 604 จะเห็นวา แบบรูปมคี วามสัมพันธก นั โดยแสดงจาํ นวนเปน ชดุ ๆ สอนหรอื แสดง แตละชุดมี 3 จํานวน คอื 201 987 และ 604 2. ครเู ขียนแบบรูปซา้ํ บนกระดาน เชน 201 987 604 201 987 604 902 209 731 902 209 731 902 … ดังน้ัน ตวั เลขแสดงจํานวนใน คือ 201 987 และ 604 จากน้นั ครูถามคาํ ถามนกั เรยี น ดังนี้ ตามลาํ ดับ • แบบรปู ของจาํ นวนมคี วามสมั พนั ธก นั แบบใด จะได 201 987 604 201 987 604 201 987 604 (แนวตอบ แบบรูปมีความสัมพันธกันโดย แสดงจาํ นวนเปน ชดุ ๆ แตล ะชดุ มี 3 จาํ นวน ตวั อยางที่ 14 คอื 902 209 และ 731) • จํานวนถัดจาก 902 ควรเปน จํานวนใด 444 555 888 444 555 888 444 555 888 ... (แนวตอบ 209 และ 731) • จากแบบรูปจาํ นวนที่ 10, 11 และ 12 จากแบบรปู จาํ นวนท่ี 10 11 และ 12 คอื จาํ นวนอะไร คอื จํานวนใด หาไดอ ยางไร จะเห็นวา แบบรูปมีความสัมพนั ธก นั โดยแสดงจํานวนเปนชดุ ๆ (แนวตอบ จํานวนท่ี 10 คอื 902 จํานวนท่ี 11 คอื 209 และจาํ นวนท่ี 12 คอื 731 หาไดโดย แตล ะชุดมี 3 จํานวน คือ 444 555 และ 888 พิจารณาความสัมพันธของแบบรูปซ่ึงแสดง 444 555 888 444 555 888 444 555 888 จาํ นวนเปนชุดๆ แตละชุดมี 3 จาํ นวน คือ 902 209 และ 731) จํานวนที่ 10 จาํ นวนท่ี 11 3. ครูใหนักเรียนจับคูภายในกลุมศึกษาเรื่อง แบบรูปซํา้ ในหนังสอื เรยี น คณิตศาสตร ป.2 จํานวนที่ 12 เลม 1 หนา 112-114 จากนน้ั ใหแ ตล ะกลุมสง ตัวแทนออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน โดยการ ตอบ จํานวนที่ 10 11 และ 12 คอื 444 555 และ 888 ยกตัวอยางบนกระดาน และอธิบายใหเพ่ือน กลุมอ่ืนเขาใจ จากนั้นครูอธิบายตัวอยาง ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 เพม่ิ เตมิ เพ่อื ใหน กั เรียนเขา ใจมากยิง่ ขนึ้ 113 ขอสอบเนน การคดิ พิจารณาแบบรูปที่กาํ หนดให 125 238 309 125 238 309 ควรเติมจํานวนใดลงในชองวาง 1. 309, 238, 125 2. 238, 125, 309 3. 125, 238, 309 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 3. เพราะจากแบบรูปทีก่ าํ หนดใหเ ปน แบบรปู ที่มีความสัมพันธกันโดยแสดงจํานวนเปนชุดๆ แตละชุดมี 3 จํานวน คือ 125 238 และ 309 ตามลาํ ดับ ดงั นนั้ 125 238 309 125 238 309 125 238 309 ) T121

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน พจิ ารณาแบบรปู ตอ ไปนี้ 110 427 983 700 110 427 983 700 110 427 983 สอนหรอื แสดง 700 จะเหน็ วา แบบรูปมีความสมั พันธ1กันโดยแสดงจํานวนเปน ชุด ๆ 4. ครูเขียนแบบรปู ซ้ําบนกระดาน เชน 511 แตล ะชุดมี 4 จาํ นวน คือ 110 427 983 และ 700 307 511 199 511 199 307 199 … จากน้นั ครูถามคาํ ถามนกั เรยี น ดงั น้ี 110 427 983 700 110 427 983 700 110 427 983 700 • แบบรปู ของจาํ นวนมคี วามสมั พนั ธก นั แบบใด (แนวตอบ แบบรูปมีความสัมพันธกันโดย ดังนนั้ ตัวเลขแสดงจาํ นวนใน คอื 110 427 983 และ 700 แสดงจาํ นวนเปน ชดุ ๆ แตล ะชดุ มี 3 จาํ นวน ตามลําดบั คอื 511 199 และ 307) • จํานวนแทน , และ คอื จํานวน จะได 110 427 983 700 110 427 983 700 110 427 ใดบา ง หาไดอยางไร 983 700 110 427 923 700 (แนวตอบ คือ 199, คือ 307 และ คือ 511) ตวั อยา งท่ี 15 5. ครใู หน ักเรียนแตล ะกลมุ ทาํ ใบงานที่ 4.5 เรือ่ ง 987 124 360 892 987 124 360 892 987 124 360 892 .... แบบรูปซํ้า จากนั้นครูขออาสาสมัครนักเรียน จากแบบรปู จาํ นวนท่ี 21 22 23 และ 24 คือจาํ นวนอะไร 2-3 กลมุ โดยใหแ ตละกลุมสงตัวแทนออกมา จะเหน็ วา แบบรูปมีความสัมพนั ธก นั โดยแสดงจาํ นวนเปนชดุ ๆ นําเสนอหนาช้ันเรียน โดยครูและนักเรียน ที่เหลอื รวมกันตรวจสอบความถูกตอง แตละชดุ มี 4 จํานวน คอื 987 124 360 และ 892 987 124 360 892 987 124 360 892 987 124 360 892 จํานวนที่ 22 จาํ นวนที่ 24 987 124 360 892 987 124 360 892 จํานวนท่ี 21 จํานวนท่ี 23 ตอบ จํานวนท่ี 21 22 23 และ 24 คือ 987 124 360 และ 892 114 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 ความสัมพันธ เกิดจากสิ่งสองส่ิงใดๆ ท่ีมีความเก่ียวของกันภายใต 315 237 610 315 237 610 315 237 610 ... จากแบบรปู กฎเกณฑห รอื เงอื่ นไขอยางใดอยา งหน่ึง จํานวนที่ 11 13 และ15 คอื จาํ นวนในขอใด 1. 315, 237, 610 2. 610, 315, 237 T122 3. 237, 315, 610 (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะจากแบบรปู ทีก่ ําหนดใหเปน แบบรปู มคี วามสมั พนั ธก นั โดยแสดงจาํ นวนเปน ชดุ ๆ แตล ะชดุ มี 3 จาํ นวน คือ 313 237 และ 610 315 237 610 315 237 610 315 237 610 จํานวนท่ี 11 จาํ นวนที่ 15 315 237 610 315 237 610 จํานวนที่ 13 ดังน้ัน จํานวนท่ี 11 คือ 237 จํานวนท่ี 13 คือ 315 และ จาํ นวนที่ 15 คือ 610 เทา กับ ขอ 3.)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กิจกรรมพัฒนาความรู ขน้ั สอน วธิ ีจดั กิจกรรม เปรยี บเทยี บและรวบรวม ใหนกั เรยี นจับคกู ัน พจิ ารณาแบบรูปทีก่ ําหนด แลวหาจํานวนแทน 1. ครูทบทวนความรูเรื่อง แบบรูปซํ้า โดย ของแตละขอ พรอมทั้งหาจาํ นวนตามท่ีระบุไวใ นตาราง เขียนแบบรูปซ้ําบนกระดาน แลวใหนักเรียน หาจาํ นวนทห่ี ายไปหรอื จาํ นวนทคี่ รรู ะบไุ ว เชน 1) 300 129 300 300 129 129 ... จาํ นวนที่ 20, 21 และ 22 แลวครแู ละนกั เรยี น รว มกนั เฉลยคําตอบ 2) 153 942 153 942 153 942 ... 2. ครูใหนักเรียนคูเดิมทํากิจกรรมพัฒนาความรู 3) 999 144 999 144 999 144 ... ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 115 โดยครูจัดกิจกรรมตามขั้นตอน 4) 521 619 521 521 619 619 ... ทห่ี นงั สอื เรียนกาํ หนด แลว ครูทาํ หนาท่สี งั เกต การทํางานของนักเรียนใหทุกคนมีสวนรวม 5) 205 205 205 316 205 316 ... ในการทาํ กิจกรรม 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมเพ่ือนชวยเพ่ือน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 115 จากน้ันใหนักเรียนแตละคูสลับกัน ตรวจคาํ ตอบ ขอที่ จํานวนท่ี 1 9, 10 คือ 2 15, 16 คือ 3 10, 12 คอื 4 20, 23 คอื 5 12, 17 คอื หาจาํ นวนในแบบรปู ของจาํ นวนตอ ไปน้ี 115 679 420 679 420 679 420 ... จาํ นวนท่ี 15 และ 16 คือจํานวนอะไร ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู 200 304 445 213 445 200 304 213 ครูอาจจัดกิจกรรมเพ่ิมเติมจากกิจกรรมพัฒนาความรู โดยครูอาจติดบัตร 200 304 213 445 … ตัวเลขแสดงจาํ นวนใน คอื ขอใด แบบรปู ซาํ้ บนกระดาน แลว ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมารอบละ 1 คน 1. 213, 200, 304, 445 เพอื่ มาแขง ขนั กนั หาจาํ นวนตามทคี่ รกู าํ หนด กลมุ ใดทบี่ อกจาํ นวนไดถ กู ตอ งและ 2. 200, 213, 304, 445 เร็วท่สี ดุ กลมุ นัน้ ได 1 คะแนน 3. 213, 304, 445, 200 T123 (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะจากแบบรูปทก่ี ําหนดใหเ ปน แบบรูป ท่ีมีความสัมพันธกันโดยแสดงจํานวนเปนชุดๆ แตละชุดมี 4 จาํ นวน คอื 200 304 213 และ 445 จะได 200 304 213 445 200 304 213 445 200 304 213 445 200 304 213 445 ... ดังน้ัน จาํ นวนใน คือ 213, 200, 304, 445)

นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สรปุ กิจกรรมฝกทักษะ สรปุ 1 พจิ ารณาแบบรูปที่กาํ หนดให แลวเติมตวั เลขแสดงจํานวนลงใน 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ 1. 842 ... 842 201 ... 201 ... 201 842 ... ... แบบรปู ซา้ํ 2. 111 987 248 400 ... 987 ... 400 111 987 ... 3. 742 908 333 742 ... ... 742 908 ... ... ... 2. ครูติดบัตรแบบรูปซ้ําบนกระดาน แลวครูขอ อาสาสมัครนักเรียน ออกมาหาจํานวนแทน 2 พิจารณาแบบรูปทกี่ ําหนดให แลว หาจํานวนทกี่ าํ หนด และ พรอ มท้งั หาจาํ นวนตามท่ีครู กําหนด เชน 1. 647 106 647 106 647 106 647 ... หาจาํ นวนที่ 11, 12 247 102 247 247 102 102 247 ... 2. 802 363 444 802 363 444 802 ... หาจาํ นวนที่ 16, 17, 18 และหาจํานวนท่ี 19 และ 22 3. 217 138 541 796 217 138 541 ... หาจาํ นวนที่ 21, 22, 23, 24 453 670 453 670 132 453 132 … และหาจํานวนท่ี 18, 19 และ 20 ฝก ทําตอใน บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามจากกรอบ “ความรู ท่ีได” ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 ความรทู ี่ได เลม 1 หนา 116 แลวครูและนักเรยี นทีเ่ หลอื แบบรปู ซา้ํ เปน แบบรปู ทม่ี คี วามสมั พนั ธก นั ในลกั ษณะอยา งไร จงยกตวั อยา ง รว มกนั เฉลยคําตอบ µÃǨÊͺµ¹àͧ หลังจากเรยี นจบหนว ยแลว ใหนกั เรยี นบอกสญั ลกั ษณท่ตี รงกบั ระดบั ความสามารถของตนเอง ดี พอใช ปรคบั วปรรงุ 1. สามารถหาความสัมพันธและจาํ นวนถัดไปหรอื จํานวนทห่ี ายไปของ แบบรปู ของจํานวนทเี่ พ่ิมขน้ึ หรอื ลดลงทลี ะ 2 ทลี ะ 5 และทีละ 100 ได 2. สามารถหาความสมั พันธและจาํ นวนถัดไปหรอื จํานวนที่หายไปของ แบบรูปซํา้ ได 116 เกร็ดแนะครู หลังจากเรียนจบหนวยการเรียนรูที่ 4 ครูอาจใหนักเรียนประเมิน ตนเอง เพื่อตรวจสอบวาตนเองมีความรูความเขาใจในเนื้อหาที่เรียนผานมา ทง้ั หนว ยการเรยี นรหู รอื ไม โดยดรู ายการประเมนิ ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 116 T124

นาํ สอน สรุป ประเมนิ สนกุ คิด ขน้ั สรปุ สนกุ ทํา นาํ ไปใช้ กิจกรรม .....แ...บ....บ....ร..ปู......... อปุ กรณ 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ 4-5 คน แลว ใหน กั เรยี น ทาํ กจิ กรรม “สนกุ คดิ สนกุ ทาํ ” ในหนงั สอื เรยี น 1) บตั รแบบรปู ของจาํ นวน 2) บตั รคํา คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 117 โดยครู แจกอุปกรณและจัดกิจกรรมตามข้ันตอน วิธีจดั กิจกรรม ท่หี นังสอื เรยี นกาํ หนด แลว ครทู าํ หนา ที่สังเกต ก า ร ทํ า ง า น ข อ ง นั ก เ รี ย น แ ต  ล ะ ก ลุ  ม แ ล ะ 1) ครแู บงนักเรียนเปน กลุม กลมุ ละ 4 - 5 คน แลวสงตัวแทนกลุมออกมา พูดกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวมใน รบั บัตรคําและบตั รแบบรูปของจํานวน การทํากจิ กรรม 2) ใหนักเรยี นแตละกลมุ นาํ บัตรคาํ ท่ีแสดงความสัมพนั ธข องจาํ นวนมาวาง เรียงหา งกนั พอสมควร 3) ใหน กั เรยี นสมุ หยิบบัตรแบบรปู ของจาํ นวน แลวพิจารณาความสมั พนั ธ ของจาํ นวนในรปู แบบวา ตรงกบั บตั รคาํ ใด ใหน าํ ไปวางตรงกบั บตั รคาํ นนั้ โดยสลบั กนั เลนกบั เพ่ือนในกลมุ 4) เมือ่ หมดเวลา ครเู ดินตรวจสอบความถกู ตองของแตล ะกลุม ตัวอยาง บัตรคาํ เพิม่ ขึน้ ทลี ะ 2 ลดลงทลี ะ 5 ลดลงทีละ 100 บัตรแบบรูปของจาํ นวน 100 102 104 106 ... 299 304 309 314 ... 400 500 600 700 ... 769 764 759 754 ... 408 406 404 402 ... 174 210 174 210 ... 117 กจิ กรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู 1. ครูแบงนักเรียนเปนกลุม กลุมละ 3-4 คน แลวใหกลุมแรก ครูอาจจัดกิจกรรมเพิ่มเติมจากกิจกรรม “สนุกคิด สนุกทํา” โดยนักเรียน กาํ หนดจํานวน 1 จาํ นวน พรอ มบอกเง่อื นไขของความสมั พันธ คนท่ี 1 หยบิ บตั รแบบรูปของจํานวนออกมาวาง แลวใหน ักเรียนคนที่ 2 บอกวา ของแบบรปู ใหก ลุมท่ี 2 เชน เปน แบบรปู ซา้ํ 3 จํานวน จากนัน้ เปน แบบรูปที่มีความสมั พนั ธก นั แบบใด เสรจ็ แลว ใหน ักเรยี นคนที่ 2 หยิบบตั ร ใหก ลมุ ท่ี 2 บอกจํานวนถดั ไป 5 จํานวน แบบรูปของจํานวนออกมา แลวใหนักเรียนคนที่ 3 บอกวาเปนแบบรูปท่ีมี ความสัมพันธก นั แบบใด แลวใหแตล ะกลมุ ทํากจิ กรรมทํานองเดียวกันนใี้ หค รบ 2. ใหนักเรียนทั้งสองกลุมสลับหนาท่ีกัน กลุมใดตอบไดถูกตอง ทกุ คนในกลมุ มคี ะแนนมากทส่ี ดุ กลมุ น้ันเปน ผชู นะ T125

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สรปุ ¤Ó¶ÒÁ·ÒŒ ·Ò¡Òä´Ô ¢¹éÑ Ê§Ù นาํ ไปใช้ แซมและซันเริ่มนับจํานวนเพ่ิมขึ้นหรือลดลงพรอมกันแตเริ่มที่จํานวน ทแี่ ตกตา งกนั โดยมเี งอื่ นไขวา ใหห ยดุ นบั เมอ่ื นบั ถงึ จาํ นวนเดยี วกนั โดยแซม 2. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมคาํ ถามทา ทายการคดิ เรมิ่ นบั จํานวนเพิ่มขึน้ ทลี ะ 2 สว นซนั เร่ิมนับจาํ นวนลดลงทลี ะ 5 จาก 970 ขั้นสูงและกิจกรรมเชื่อมโยงสูชีวิตประจําวัน หลงั จากนบั ได 7 จาํ นวน (รวมจาํ นวนเรมิ่ ตน ) ทง้ั สองกน็ บั ไดจ าํ นวนเดยี วกนั ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 คือ 940 จงึ หยดุ นับ อยากทราบวา แซมเรมิ่ นับจํานวนแรกท่จี าํ นวนอะไร หนา 118 และทาํ แบบฝกหัดเรอื่ ง แบบรูปซาํ้ ในแบบฝก หดั คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 จากนน้ั แซมเริ่มนับจํานวนเพ่ิมข้ึนทีละ 2 ครูและนักเรียนรว มกนั เฉลยคําตอบ ___, ___, ___, ___, ___, ___, 940 ซันเริ่มนับจํานวนลดลงทีละ 5 970, 965, 960, 955, 950, 945, 940 àª×èÍÁâ§ÊÙª‹ ÇÕ µÔ »ÃШÓÇ¹Ñ พี่สาวออมเงิน เดือนละ 100 บาท เพ่อื ซอ้ื นาฬกาขอมอื เปน ของขวญั วันเกดิ ใหนองสาวในราคา 899 บาท พสี่ าวจะตอ งเก็บเงนิ ก่ีเดือนจึงจะมีเงนิ มากพอ ทจ่ี ะซ้ือนาฬก าขอ มือใหนองสาว เดือนท่ี เงนิ ออม จํานวนเงนิ รวมทงั้ หมด 1 100 100 2 100 100 + 100 = 200 3 100 100 + 100 + 100 = 300 118 เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills ครูควรใหนักเรียนรวมกันสรุปเน้ือหาหนวยการเรียนรูที่ 4 ตามสรุป 1. ครใู หน กั เรยี นจดั กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ สาระสําคัญ ประจําหนวยการเรียนรูที่ 4 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 คอื เกง ปานกลางคอ นขา งเกง ปานกลางคอ นขา งออ น และออ น เลม 1 หนา 119 เพ่ือทบทวนความเขาใจในเน้ือหาท้ังหนวยการเรียนรูที่เรียน ผานมา 2. ครูใหแตละกลุมรวมกันคิดและรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับการนํา แบบรูปของจํานวนไปใชในชีวิตประจําวันเชนเดียวกับใน กจิ กรรมเช่ือมโยงสชู ีวติ ประจําวนั 3. เสร็จแลวครูใหแตละกลุมออกมานําเสนอผลงานหนาช้ันเรียน เพือ่ นและครูชว ยกนั ตรวจสอบคําตอบ T126

นํา สอน สรปุ ประเมิน ÊÃ»Ø ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ 4»ÃШíÒ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè ขนั้ สรปุ แบบรปู ของจํานวนท่ีเพ่ิมขนึ้ แบบรูปซ้าํ นาํ ไปใช้ ทลี ะ 2 ทีละ 5 และทลี ะ 100 472 100 472 100 472 100 472 ... 3. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั เฉลยคาํ ถามประจาํ หนว ย - แบบรปู ของจาํ นวนที่เพม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 2 จากแบบรูป จาํ นวนที่ 11 12 คอื การเรียนรูที่ 4 ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร เชน 123 125 127 129 ... จํานวนอะไร ป.2 เลม 1 หนา 96 222 224 226 228 ... จะเห็นวา แบบรปู มีความสมั พนั ธก นั (แนวตอบ แบบรูปของจาํ นวนท่มี คี วามสัมพันธ โดยแสดงจํานวนเปนชุด ๆ แตล ะชดุ เพิม่ ขึ้นทลี ะ 2) - แบบรปู ของจํานวนทเ่ี พิ่มขนึ้ ทลี ะ 5 มี 2 จาํ นวน คือ 472 และ 100 เชน 321 326 331 336 ... 4. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน 518 523 528 533 ... 472 100 472 100 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 4 เรอ่ื ง แบบรปู เพอ่ื ตรวจสอบ ความรูความเขาใจของนักเรียน จากนั้นครู - แบบรูปของจํานวนที่เพม่ิ ขน้ึ ทลี ะ 100 เฉลยคําตอบใหนักเรียนตรวจคําตอบดวย เชน 300 400 500 600 ... ตนเอง 124 224 324 424 ... ขนั้ ประเมนิ แบบรปู 472 100 472 100 472 100 จํานวนที่ 11 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม จํานวนท่ี 12 และการรวมกันทํากิจกรรมกลมุ แบบรปู ซาํ้ ดงั น้ัน จํานวนท่ี 11 คือ 472 2. ครตู รวจสอบผลจากการทําใบงานที่ 4.5 เรอื่ ง และจาํ นวนที่ 12 คือ 100 แบบรปู ซ้ํา 199 333 259 199 333 259 199 333 ... 3. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนงั สือเรียน และทําแบบฝกหัด ในหนงั สือ แบบรูปของจํานวนทีล่ ดลง จากแบบรูป จํานวนที่ 10 11 และ 12 แบบฝก หดั ทลี ะ 2 ทีละ 5 และทีละ 100 คอื จํานวนอะไร - แบบรูปของจํานวนท่ลี ดลงทีละ 2 199 333 259 199 333 259 199 333 259 เชน 771 769 767 765 ... 400 398 396 394 ... จํานวนท่ี 10 จํานวนท่ี 11 - แบบรูปของจํานวนที่ลดลงทลี ะ 5 เชน 437 432 427 422 ... จาํ นวนที่ 12 945 940 935 930 ... ดงั นั้น จํานวนที่ 10 11 และ 12 คอื 199 - แบบรูปของจาํ นวนท่ีลดลงทลี ะ 100 333 และ 259 เชน 802 702 602 502... 914 814 714 614 ... 119 กิจกรรม ทา ทาย แนวทางการวัดและประเมินผล แบบรูปจาํ นวน ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานที่ 4.5 เร่อื ง แบบรูซ้ํา โดยศกึ ษาเกณฑก ารวัดและการประเมนิ ผลจากแบบประเมิน 456 ... เพ่ิมข้ึนทีละ 5 ของแผนการจัดการเรียนรูในหนว ยการเรียนรูท ี่ 4 แบบรูปจํานวน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ ลดลงทลี ะ 2 456 ... คาช้ีแจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน ลาดบั ที่ ชอื่ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม ของนกั เรยี น ความคิดเหน็ ฟังคนอน่ื ตามทไ่ี ดร้ บั ส่วนร่วมใน 15 มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 870 126 ... แบบรูปซา้ํ ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../............... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ใหน กั เรยี นพจิ ารณารปู แลว ชว ยกนั หาจาํ นวนเตมิ ลงในชอ งวา ง ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ใหมีความสัมพันธตามท่ีโจทยกําหนดใหแตละขอ แลวเขียนลง ในสมุดนาํ สงครผู ูส อน 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T127

Chapter Overview แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั แผนฯ ท่ี 1 - ห นังสือเรียน 1. บ อกลกั ษณะของ แบบค้นพบ - ต รวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการสงั เกต 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ลักษณะของ คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 รูปหลายเหลี่ยม วงกลม (Discovery ก่อนเรยี น - ทักษะการระบุ 3. มุ่งมนั่ ใน รปู หลายเหลี่ยม - แ บบฝึกหดั และวงรีได้ (K) Method) - ตรวจใบงานท่ี 5.1-5.2 - ทกั ษะการจ�ำแนก การทำ� งาน วงกลม และวงรี คณติ ศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 2. จ�ำแนกชนดิ ของ - ตรวจกิจกรรมฝึกทักษะ ประเภท - ใบงานที่ 5.1-5.2 รูปหลายเหลี่ยม วงกลม เร่ือง ลกั ษณะของ - ทกั ษะการจดั กลมุ่ 3 - บัตรรูปเรขาคณติ และวงรไี ดถ้ กู ตอ้ ง (P) รปู หลายเหลี่ยม ช่ัวโมง - บตั รปา้ ยจราจร 3. รบั ผดิ ชอบต่อหน้าท่ี วงกลม และวงรี ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย (A) - ต รวจแบบฝกึ หดั เร่อื ง ลักษณะของ รูปหลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี - สังเกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบคุ คล - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานกลุม่ - สังเกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการท�ำงาน T128

แผนการจดั สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์ - หนังสือเรียน 1. บอกลักษณะของ กระบวนการ - ตรวจใบงานท่ี 5.3 - ท กั ษะการสงั เกต 1. มีวินยั แผนฯ ที่ 2 คณิตศาสตร์ ป.2 เล่ม 1 รปู เรขาคณิตสองมิตไิ ด้ ปฏิบัติ - ตรวจกจิ กรรมฝึกทกั ษะ - ทกั ษะการระบุ 2. ใฝเ่ รียนรู้ การเขียน - แ บบฝกึ หดั (K) เรือ่ ง การเขียนรปู - ทักษะการจ�ำแนก 3. มุ่งม่ันใน รูปเรขาคณติ คณิตศาสตร์ ป.2 เลม่ 1 2. เขยี นรูปเรขาคณติ เรขาคณิตสองมิตโิ ดยใช้ ประเภท การทำ� งาน สองมติ โิ ดยใช้ - ใบงานที่ 5.3 สองมติ ิโดยใชแ้ บบ แบบของรปู - ท กั ษะการจัดกลมุ่ แบบของรูป - ส่งิ ของรอบตัว ของรปู ได้ (P) - ต รวจแบบฝกึ หดั เรื่อง - แบบของรปู เรขาคณิต 3. รับผิดชอบต่อหน้าท่ี การเขยี นรูปเรขาคณติ 3 ทไี่ ด้รับมอบหมาย (A) สองมิตโิ ดยใชแ้ บบ ชั่วโมง ของรูป - ป ระเมนิ การน�ำเสนอ ผลงาน - สงั เกตพฤตกิ รรม การท�ำงานรายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม การท�ำงานกลมุ่ - สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มนั่ ในการท�ำงาน - ต รวจแบบทดสอบ หลังเรยี น T129

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ (Discovery Method) 5 û٠àâҤ³µÔหนวยการเรียนรูท่ี การประกวดภาพวาดโดยใชรูปเรขาคณติ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น µÇÑ ªÇéÕ ´Ñ ตอนน้เี ราไดผูชนะ 1. ครูใหนักเรียนเปดหนังสือเรียน คณิตศาสตร • จําแนกและบอกลักษณะของ ในการวาดภาพกันแลว ป.2 เลม 1 หนา 120 จากนน้ั ครใู หน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับรูปภาพที่แสดง รูปหลายเหล่ียมและวงกลม นะคะ ในหนังสือเรียน จากน้ันครูถามนักเรียนวา (ค 2.2 ป.2/1) “รูปที่สงเขาประกวดแตละรูปมีรูปเรขาคณิต ชนิดใดมากท่ีสุด นักเรียนมีวิธีคิดอยางไร” โดยครจู ะเฉลยคาํ ตอบในทา ยหนว ยการเรยี นรู 2 3 1 ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ • ลักษณะของรปู หลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี ÃÙ»·èÕÊ‹§à¢ŒÒ»ÃСǴ • การเขยี นรปู เรขาคณิตสองมิติโดยใชแ บบของรูป ?ᵋÅÐÃÙ» เกร็ดแนะครู ÁÕÃÙ»àâҤ³Ôµª¹Ô´ã´ ครูจัดกระบวนการเรียนรโู ดยการใหน ักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ÁÒ¡·èÕÊØ´ • ฝก ทกั ษะการสงั เกตและฝก ทักษะการระบุ • อภิปรายเก่ียวกับวิธีการหาคําตอบ • ยกตัวอยา งประกอบการอธิบาย จนเกดิ เปน ความรคู วามเขา ใจเกย่ี วกบั ลกั ษณะของรปู หลายเหลยี่ ม วงกลม วงรี และการเขยี นรูปเรขาคณติ สองมิตโิ ดยใชแบบของรปู T130

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กเต่อรนียมเพรรยี อ้ มน M AT H ขน้ั นาํ เรขาคพณิจาิต1รชณนาดิ รใูปด แลว บอกวา รปู ท่กี ําหนดใหมีสว นประกอบบางสวนเปน รปู นาํ เขา้ สบู ทเรยี น 2. ครูใหนักเรียนทําเตรียมพรอมกอนเรียน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 121 จากนั้นครแู ละนกั เรยี นรวมกนั เฉลย คําตอบ 1. 2. 3. 4. 5. ใหท าง 6. 8. GWIVAYE 7. 121 ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู ขอใดมีสว นประกอบบางสว นเปนรปู สามเหลีย่ ม 1 รูปเรขาคณิต สามารถแบง เปน 3 กลมุ คอื 1. 2. 3. 1. รูปหนงึ่ มิติ ไดแก จดุ เสน ตรง เสน โคง และระนาบ 2. รูปสองมิติ เปน รปู ทมี่ คี วามกวา งและความยาว (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะ 3. รปู สามมิติ เปนรูปท่ีมีความกวา ง ความยาว และความสงู หรอื ความลกึ ขอ 1. ส่งิ ของในรปู มสี วนประกอบบางสวนเปน รปู วงกลม ขอ 2. สง่ิ ของในรปู มสี ว นประกอบบางสว นเปน รปู สามเหลย่ี ม ขอ 3. สิ่งของในรปู มสี ว นประกอบบางสว นเปน รูปส่เี หลี่ยม) T131

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ 1. Å¡Ñ É³Ð¢Í§Ã»Ù ËÅÒÂàËÅÕèÂÁ1 ¨Ò¡ÃÙ» ÍÂÒ¡·ÃÒºÇ‹Ò ÁÕÃÙ»àâҤ³Ôµª¹Ô´ã´ºŒÒ§ นาํ เขา้ สบู ทเรยี น ǧ¡ÅÁ áÅÐǧÃÕ 3. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม รปู หลายเหลยี่ ม เปน รปู บนระนาบทมี่ ดี า นทกุ ดา นเปน สว นของเสน ตรง มมุ ขวาบนของหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 ต้งั แต 3 ดานข้ึนไป จะมจี าํ นวนมมุ เทากับจาํ นวนดา น เชน รปู สามเหลี่ยม เลม 1 หนา 122 รูปสี่เหล่ียม รูปหาเหล่ียม รูปหกเหล่ียม รูปเจ็ดเหลี่ยม รูปแปดเหลี่ยม (แนวตอบ รูปสามเหลยี่ มและรูปสี่เหลยี่ ม) เปน ตน ขน้ั สอน รปู สามเหล่ียม สอน มุม ดา น ดาน 1. ครแู บง นกั เรยี นเปน กลมุ กลมุ ละ 4 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เกง ปานกลางคอน มุม มุม ขางเกง ปานกลางคอนขางออน และออน ดา น แลวใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาความรูเร่ือง ลักษณะของรูปหลายเหล่ียม ในหนังสือเรียน คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 122-123 จากนน้ั ครูอธิบายและยกตัวอยางเพิ่มเติมเพ่ือให นักเรยี นเขาใจมากยิ่งขึ้น 2. ครูติดบัตรรูปเรขาคณิตบนกระดาน เชน มดี า น 3 ดา น มมี มุ 3 มุม จากนนั้ ครถู ามคาํ ถามนักเรยี น ดงั นี้ รูปสีเ่ หลย่ี ม มุม • จากรูป นกั เรยี นคดิ วาเปนรปู อะไร ดาน ดาน มุม (แนวตอบ รปู สามเหลย่ี ม) ดาน มุม • จากรูป มีดานก่ีดาน มมุ (แนวตอบ มดี าน 3 ดา น) ดาน • จากรูป มมี ุมก่ีมมุ (แนวตอบ มมี ุม 3 มมุ ) 122 มีดาน 4 ดาน มีมุม 4 มุม นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 รูปหลายเหลี่ยม เปนรปู บนระนาบ ซึ่งประกอบดวยสว นของเสนตรงตั้งแต รูปเรขาคณติ ที่มีดาน 4 ดาน และมีมมุ 4 มุม เปน รปู เรขาคณติ 3 เสนข้ึนไป โดยท่ีสวนของเสนตรงเหลานั้นประกอบกันทําใหเกิดบริเวณปด ชนิดใด เพียงบรเิ วณเดยี ว 1. รปู สามเหลีย่ ม 2. รูปสเ่ี หล่ียม 3. รปู หา เหล่ียม (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะรูปส่เี หลยี่ มเปน รปู ท่ีมีดาน 4 ดา น และมมี มุ 4 มมุ ) T132

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ รูปหาเหล่ียม ขน้ั สอน ดา น สอน มุม มุม ดา น ดาน 3. ครูติดบัตรปายจราจรบนกระดาน แลวครูขอ อาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ออกมาตอบ มมุ มมุ คาํ ถาม โดยครใู หน กั เรยี นพจิ ารณารปู แลว บอก ดาน มุม ดา น ชนดิ ของรปู เรขาคณิตแตล ะรูป รปู ท่ี 1 มีดา น 5 ดาน มมี ุม 5 มมุ รปู ท่ี 2 รปู หกเหล่ียม YIELD ดา น รูปท่ี 3 มุม มุม (แนวตอบ รูปที่ 1 มีลักษณะเปนรูปสี่เหล่ียม ดาน ดาน รปู ที่ 2 มลี กั ษณะเปนรูปหาเหลี่ยม และรปู ท่ี 3 มมุ มมุ มลี กั ษณะเปนรปู สามเหลีย่ ม) ดา น ดาน 4. ครูใหนักเรียนแตละกลมุ ทําใบงานท่ี 5.1 เรื่อง มุม มมุ ลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม แลวครูสุม นักเรียน 2-3 กลุม โดยใหแตละกลุมสง ดาน ตัวแทนออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน จากน้ัน 123 ครูและนักเรยี นรว มกันเฉลยคําตอบในใบงาน มดี า น 6 ดา น มีมุม 6 มมุ ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู จากรปู เปนรปู หลายเหลยี่ มชนิดใด ครูอาจติดบัตรรูปเรขาคณิตหลายๆ ลักษณะ และรูปที่ไมใชรูปเรขาคณิต บนกระดาน แลวใหนักเรียนแตละกลุมแขงกันตอบวา เปนรูปเรขาคณิต 1. รูปแปดเหล่ยี ม ชนดิ ใด และรปู ใดทไ่ี มใ ชร ปู เรขาคณติ โดยกลมุ ใดยกมอื ขนึ้ กอ น แลว ตอบคาํ ถาม 2. รูปเจ็ดเหลย่ี ม ไดถกู ตอ ง กลมุ นั้นได 1 คะแนน 3. รูปหกเหลีย่ ม (เฉลยคําตอบ ขอ 3. เพราะรปู ท่กี าํ หนดใหเ ปนรูปทม่ี ีดา น 6 ดา น และมมี ุม 6 มุม) T133

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน รูปเจด็ เหลย่ี ม สอน ดาน มุม ดาน 5. ครูใหนักเรียนจับคูกันศึกษาความรูเรื่อง มมุ มุม ลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม และ ดา น ดา น วงรี ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 124-125 จากนน้ั ครอู ธบิ ายและยกตวั อยา ง มุม มมุ เพมิ่ เตมิ เพอ่ื ใหนกั เรยี นเขาใจมากยิง่ ขน้ึ ดา น มุม มมุ ดาน 6. ครตู ดิ บัตรรูปหลายเหลี่ยมบนกระดาน ดาน จากน้ันครูถามคาํ ถามนักเรียน ดงั น้ี มดี าน 7 ดา น มมี มุ 7 มุม • จากรูป นักเรียนคิดวา เปน รปู อะไร รปู แปดเหล่ยี ม (แนวตอบ รปู เจ็ดเหลีย่ ม) ดาน • จากรปู มดี า นกีด่ าน ดาน มุม มุม ดาน (แนวตอบ มดี า น 7 ดา น) มุม มุม • จากรปู มมี ุมกีม่ ุม ดาน ดาน (แนวตอบ มีมมุ 7 มุม) มุม มุม 7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายจนไดวา ดาน มมุ มุม ดาน รูปสามเหลี่ยม รูปส่ีเหล่ียม รูปหาเหลี่ยม ดา น รูปหกเหล่ียม รูปเจ็ดเหล่ียม รูปแปดเหล่ียม เรียกวา รูปหลายเหลี่ยม เปนรูปบนระนาบ ท่ีมีดานทุกดานเปนสวนของเสนตรงตั้งแต 3 ดา นขนึ้ ไป จะมจี าํ นวนมมุ เทา กบั จาํ นวนดา น มดี า น 8 ดา น มีมมุ 8 มมุ 124 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครเู ขยี นรปู เรขาคณิตบนกระดาน คร้ังละ 1 รปู แลว ใหนักเรยี นแตละกลุม รูปเรขาคณิตทีม่ ีดาน 8 ดาน และมมี มุ 8 มมุ คอื รูปเรขาคณติ แขงกันตอบวา เปนรูปเรขาคณิตชนิดใด โดยกลุมใดยกมือขึ้นกอน แลวตอบ ชนดิ ใด คาํ ถามไดถกู ตอ ง กลมุ นั้นได 1 คะแนน 1. รปู แปดเหลี่ยม 2. รปู เจ็ดเหล่ียม 3. รูปหกเหล่ยี ม (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะรปู แปดเหลี่ยมเปน รปู ท่ีมดี า น 8 ดา น และมีมุม 8 มมุ ) T134

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ วงกลม ขน้ั สอน สอน 8. ครูติดบัตรปายจราจรบนกระดาน แลวครูขอ อาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ออกมาตอบ คําถาม โดยครูใหนักเรียนพิจารณารูป แลว บอกชนิดของรปู เรขาคณติ แตล ะรปู STOP วงรี รปู ที่ 4 ตอบคาํ ถามตอไปนี้ DO NOT ENTER พิจารณาสิ่งของรอบ ๆ ตัววา มีส่ิงของชนิดใดบางที่มีสวนประกอบ บางสวนเปนรูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปหาเหล่ียม รูปหกเหลี่ยม รปู ที่ 5 รูปเจด็ เหลีย่ ม รปู แปดเหล่ยี ม วงกลม และวงรี (แนวตอบ รปู ที่ 4 มลี กั ษณะเปน รปู แปดเหลีย่ ม และรปู ท่ี 5 มีลักษณะเปน วงกลม) 9. ครูใหนักเรียนแตละคูทําใบงานท่ี 5.2 เรื่อง ลักษณะของรปู หลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี โดยครูสุมนักเรียน 2-3 คู ออกมานําเสนอ หนาช้ันเรียน จากน้ันครูและนักเรียนท่ีเหลือ รวมกันเฉลยคาํ ตอบในใบงาน 125 ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู สิง่ ของในขอใดมีวงกลมเปน สวนประกอบ ครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันหาส่ิงของที่อยูภายใน 1. 2. 3. หอ งเรยี น วา มสี ว นประกอบบางสว นเหมอื นกบั รปู เรขาคณติ ชนดิ ใด แลว ใหแ ตล ะ กลุมออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน จากน้ันครูและนักเรียนรวมกันสรุปคําตอบ (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะ ทถ่ี กู ตอง ขอ 1. สิ่งของในรปู มีวงกลมเปนสว นประกอบ ขอ 2. สิ่งของในรูปมรี ูปสเ่ี หล่ยี มเปน สว นประกอบ ขอ 3. สง่ิ ของในรปู มีรูปสเี่ หลีย่ มเปน สว นประกอบ) T135

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กิจกรรมพัฒนาความรู สอน อปุ กรณ 1) บตั รคาํ 2) บตั รภาพ 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา รับอุปกรณ จากนั้นชวยกันพิจารณาส่ิงของ ตวั อยา งบัตร ทกี่ ลมุ ตนเองไดร บั แลว ใหเ ขยี นลงในกระดาษ A4 วาส่ิงของท่ีกําหนดใหมีสวนประกอบ รูปสามเหลีย่ ม รปู หา เหลย่ี ม รูปเจ็ดเหลี่ยม วงรี บางสวนเปน รปู เรขาคณติ ชนิดใดบาง วงกลม บัตรคํา รปู ส่เี หลี่ยม รูปหกเหลย่ี ม รปู แปดเหลยี่ ม 11. ครูใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ หนาชั้นเรียน โดยครูและนักเรียนที่เหลือ บัตรภาพ รว มกันตรวจสอบความถูกตอ ง วิธีจัดกิจกรรม ฝก ทกั ษะ 1) ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน แลวสงตัวแทนออกมารับบัตรคําและบัตรภาพ 1. ครใู หน กั เรยี นจบั คภู ายในกลมุ แลว ทาํ กจิ กรรม จากคุณครูหนา ชั้นเรียน เพอื่ นชว ยเพ่ือน ในหนังสือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 125 ลงในสมุดของตนเอง 2) ใหน กั เรยี นนําบัตรคําทง้ั หมดมาวางเรียงใหเ รียบรอ ย จากน้ันนําสง ครตู รวจสอบความถกู ตอ ง 3) นักเรียนคนแรกหยิบบัตรภาพ แลวพิจารณาภาพวาเปนรูปเรขาคณิต 2. ครูใหนักเรียนคูเดิมทํากิจกรรมพัฒนาความรู ประเภทใด นําไปจบั คกู บั บัตรคําใหถ ูกตอ ง จากน้นั สลับกนั เลน กับเพ่ือน ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 126 โดยครเู ตรยี มอปุ กรณแ ละจดั กจิ กรรม 126 ตามข้ันตอนท่ีหนังสือเรียนกําหนด แลวครู พูดกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวมในการ ทํากิจกรรม จากน้ันครูเดินตรวจสอบความ- ถูกตอ งของแตละกลุม 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมฝก ทกั ษะ ในหนงั สอื - เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 127 และทาํ แบบฝกหัดเรื่อง ลักษณะของรูปหลายเหล่ียม วงกลม และวงรี ในแบบฝกหัด คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 จากนน้ั ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั เฉลย คาํ ตอบ กจิ กรรม สรา งเสริม ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันเขียนคําถามเกี่ยวกับลักษณะ ของรปู หลายเหลย่ี ม วงกลม และวงรี กลมุ ละ 2 ขอ จากนนั้ ใหส ลบั คําถามกับเพ่ือนกลุมขางๆ แลวใหเ พื่อนกลมุ ขางๆ เขยี นคาํ ตอบ เสรจ็ แลวใหน ําสงครตู รวจสอบความถกู ตอ ง T136

นํา สอน สรุป ประเมนิ กิจกรรมฝกทักษะ ขนั้ สรปุ พิจารณารปู ทก่ี ําหนดใหในแตละขอ แลวบอกชนดิ ของรูปเรขาคณิต สรปุ 1. 2. 3. 4. 1. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ 5. 6. ลักษณะของรปู หลายเหล่ยี ม วงกลม และวงรี 7. 8. 2. ครูติดบัตรภาพแสดงรปู เรขาคณติ บนกระดาน 9. 10. แลวครูขออาสาสมัครนักเรียนออกมาบอกวา เปน รูปเรขาคณติ ชนิดใด 3. ครูและนักเรียนรวมกันตอบคําถามจากกรอบ “ความรทู ไี่ ด” ในหนงั สอื เรยี น คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 127 เสร็จแลวรว มกันเฉลยคาํ ตอบ ขน้ั ประเมนิ 1. ครูประเมินผลโดยการสังเกตการตอบคําถาม และการรวมกันทาํ กิจกรรมกลุม 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานท่ี 5.1 เรื่อง ลักษณะของรปู หลายเหลี่ยม 3. ครตู รวจสอบผลจากการทาํ ใบงานที่ 5.2 เรอ่ื ง ลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี 4. ครูตรวจสอบผลจากการทํากิจกรรมฝกทักษะ ในหนังสอื เรียน และทําแบบฝกหัด ในหนังสอื แบบฝกหดั ฝก ทาํ ตอใน บฝ.คณติ ศาสตร ป.2 เลม 1 ความรทู ี่ได รูปหลายเหลยี่ มแตละชนดิ วงกลม และวงรี มีลักษณะตา งกนั อยางไร 127 กจิ กรรม ทาทาย แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนจับคูวาดภาพคูละ 1 รูป โดยใหมีรูปเรขาคณิต ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุมจากการทําใบงานท่ี เปนสวนประกอบ เสร็จแลวครูขออาสาสมัครนักเรียน 3-4 คู 5.2 เรื่อง ลักษณะของรูปหลายเหลี่ยม วงกลม และวงรี โดยศึกษาเกณฑ ออกมานําเสนอ แลวใหถามเพื่อนวา ภาพวาดนี้มีรูปเรขาคณิต การวัดและการประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวย อะไรบา งเปนสวนประกอบ การเรียนรทู ่ี 5 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ คาช้แี จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดับคะแนน ลาดับที่ ชอื่ – สกุล การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม ของนักเรียน ความคดิ เห็น ฟังคนอ่นื ตามท่ไี ดร้ บั สว่ นร่วมใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............../.................../............... ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรุง T137

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ (กระบวนการปฏบิ ตั )ิ 2. ¡ÒÃà¢Õ¹ÃÙ»àâҤ³ÔµÊͧÁÔµÔ ¨Ò¡ÃÙ» Áպҧʋǹ໚¹ÃÙ» â´Â㪌Ẻ¢Í§Ã»Ù àâҤ³ÔµÊͧÁÔµÔª¹Ô´ã´ 1. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทบทวนความรูเดิม มมุ ขวาบนของหนังสอื เรียน คณติ ศาสตร ป.2 2.1 รปู สามเหลี่ยม เลม 1 หนา 128 (แนวตอบ รปู สเ่ี หลย่ี ม) การเขียนรูปสามเหลี่ยมโดยใชแบบของรูปสามเหลี่ยม เขียนตาม ขอบในของแบบ แบบของรูปสามเหลีย่ ม ลากเสนตามแบบ ไดรูปสามเหลย่ี มตามตองการ การเขียนรูปสามเหล่ียมโดยใชแบบของรูปสามเหล่ียม เขียนตาม ขอบนอกของแบบ แบบของรปู สามเหล่ยี ม ลากเสนตามแบบ ไดรูปสามเหลี่ยมตามตอ งการ เขียนรูปสามเหลยี่ มโดยใชแบบ แบบละ 2 รปู 1) เขยี นรปู สามเหล่ยี มตามขอบในของแบบ 2) เขยี นรปู สามเหลยี่ มตามขอบนอกของแบบ 128 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครอู าจสมุ นกั เรยี นใหบ อกวา สง่ิ ของใดบา งมบี างสว นเปน รปู สามเหลย่ี ม สิง่ ของใดไมสามารถนํามาเปน แบบในการเขียนรปู สามเหลยี่ มได ทสี่ ามารถนํามาเปนแบบในการเขยี นรูปสามเหลย่ี มได 1. 2. 3. (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะมสี วนประกอบบางสว นเปน วงกลม) T138

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2.2 รูปสเี่ หลีย่ ม ขน้ั สอน การเขียนรูปสี่เหล่ียมโดยใชแบบของรูปสี่เหลี่ยม เขียนตามขอบใน ของแบบ สงั เกต รบั รู้ แบบของรูปสเ่ี หล่ยี ม ลากเสนตามแบบ ไดร ปู สเ่ี หลยี่ มตามตอ งการ 1. ครูใหนักเรียนจับคูรวมกันศึกษาความรูเรื่อง การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใชแบบ การเขียนรูปสี่เหล่ียมโดยใชแบบของรูปสี่เหล่ียม เขียนตามขอบนอก ของรปู สามเหลย่ี ม รปู สเ่ี หลยี่ ม และรปู หา เหลยี่ ม ของแบบ ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 128-130 2. ครูเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใชแบบของ รปู สามเหล่ยี ม รปู สี่เหล่ียม และรปู หา เหล่ียม ตามลําดับ โดยเขียนตามขอบนอกของแบบ รปู สามเหลย่ี ม รูปสีเ่ หลยี่ ม และรปู หา เหล่ียม และเขียนตามขอบในของแบบรูปสามเหลี่ยม รูปส่ีเหล่ียม และรูปหาเหลี่ยม จากน้ันครู อธิบายทีละขน้ั ตอน แบบของรูปสเี่ หลีย่ ม ลากเสน ตามแบบ ไดรูปสีเ่ หล่ียมตามตอ งการ เขียนรูปสี่เหล่ยี มโดยใชแบบ แบบละ 2 รปู 1) เขยี นรูปสีเ่ หลย่ี มตามขอบในของแบบ 2) เขยี นรปู ส่ีเหลีย่ มตามขอบนอกของแบบ 129 ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู สงิ่ ของใดสามารถนาํ มาเปนแบบในการเขยี นรูปส่ีเหลี่ยมได ครูอาจเตรียมแบบรูปของรูปสี่เหลี่ยม โดยนักเรียนแตละคูสงตัวแทน 1. ออกมารบั แบบรปู แลว นาํ แบบรปู ทตี่ นเองไดร บั มาเขยี นลงในสมดุ จากนนั้ ใหส ลบั แบบรปู กับเพอ่ื นๆ แลวนํามาเขียนลงในสมุด 2. 3. (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 1. เพราะมสี ว นประกอบบางสว นเปน รปู สเ่ี หลยี่ ม) T139

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 2.3 รปู หาเหลีย่ ม การเขยี นรปู หา เหลยี่ มโดยใชแ บบของรปู หา เหลย่ี ม เขยี นตามขอบใน ทาํ ตามแบบ ของแบบ ครใู หน กั เรยี นคเู ดมิ ทาํ กจิ กรรมเพอ่ื นชว ยเพอ่ื น ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 128-130 ลงในสมุด โดยมคี รคู อยเสนอแนะ การปฏบิ ตั ใิ หถ กู ตอ ง จากนนั้ ครใู หน กั เรยี นแตล ะคู สลบั กนั ตรวจสอบความถูกตอง แบบของรูปหาเหลย่ี ม ลากเสนตามแบบ ไดร ปู หา เหล่ยี มตามตอ งการ การเขียนรูปหาเหลี่ยมโดยใชแบบของรูปหาเหลี่ยม เขียนตาม ขอบนอกของแบบ แบบของรปู หาเหลี่ยม ลากเสนตามแบบ ไดรปู หาเหล่ยี มตามตอ งการ เขียนรูปหาเหล่ียมโดยใชแ บบ แบบละ 2 รปู 1) เขียนรปู หา เหลย่ี มตามขอบในของแบบ 2) เขียนรปู หา เหลยี่ มตามขอบนอกของแบบ 130 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด 3. ครอู าจจดั กจิ กรรมเพม่ิ เตมิ โดยแจกแบบรปู ของรปู หา เหลยี่ มหลายๆ ขนาด ขอใดไมใชรูปเรขาคณิต แลว ใหน ักเรียนแตละกลมุ นาํ รปู หาเหล่ยี มมาออกแบบสงิ่ ตางๆ 1. 2. (เฉลยคําตอบ ขอ 2. เพราะเปน รูปท่ีไมส ามารถระบชุ ่ือเรียกได ซง่ึ ขอ 1. เปนรูปวงกลม ขอ 3. เปน รูปสเี่ หล่ยี ม) T140

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2.4 รูปหกเหล่ยี ม ขน้ั สอน การเขยี นรปู หกเหลย่ี มโดยใชแ บบของรปู หกเหลย่ี ม เขยี นตามขอบใน ของแบบ สงั เกต รบั รู้ 1. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมรวมกันศึกษาความรู เรอ่ื ง การเขยี นรปู เรขาคณติ สองมติ โิ ดยใชแ บบ ของรปู หกเหลย่ี ม รปู เจด็ เหลย่ี ม รปู แปดเหลยี่ ม วงกลม และวงรี ในหนงั สือเรยี น คณิตศาสตร ป.2 เลม 1 หนา 131-134 แบบของรูปหกเหล่ียม ลากเสน ตามแบบ ไดรปู หกเหลี่ยมตามตองการ การเขยี นรปู หกเหลยี่ มโดยใชแ บบของรปู หกเหลย่ี ม เขยี นตามขอบนอก ของแบบ แบบของรูปหกเหลย่ี ม ลากเสน ตามแบบ ไดรูปหกเหล่ยี มตามตองการ เขียนรปู หกเหล่ียมโดยใชแบบ แบบละ 2 รปู 1) เขยี นรูปหกเหล่ียมตามขอบในของแบบ 2) เขียนรปู หกเหล่ยี มตามขอบนอกของแบบ 131 ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู สิ่งของชนดิ ใดสามารถนาํ มาเปน แบบในการเขียนวงกลมได ครูแนะนํานักเรียนวา การเขียนรูปเรขาคณิตสองมิติจะเริ่มลากเสน 1. หนังสือ จากจุดใดกไ็ ด แตต องลากเสน ใหมาบรรจบกันทจ่ี ดุ เร่ิมตน พอดี 2. แกวน้าํ 3. ไมบ รรทดั (เฉลยคาํ ตอบ ขอ 2. เพราะกนแกวน้าํ มีลกั ษณะเปนวงกลม) T141


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook