การบริหารกจิ กรรมลูกเสือทส่ี ง ผลตอการพัฒนาสขุ ภาวะของผูเ รียนในโรงเรยี น สังกัดสํานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 4 จงั หวดั ปทมุ ธานี ชยพล แสงยอย วทิ ยานิพนธน้เี ปนสวนหน่ึงของการศึกษาตามหลกั สูตรศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย พุทธศกั ราช 2564
การบรหิ ารกจิ กรรมลูกเสือทส่ี ง ผลตอ การพฒั นาสขุ ภาวะของผูเรียนในโรงเรยี น สังกดั สํานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี ชยพล แสงยอย วทิ ยานิพนธน ้เี ปน สวนหนึง่ ของการศึกษาตามหลกั สูตรศกึ ษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย พทุ ธศกั ราช 2564 (ลิขสิทธข องมหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั )
THE ADMINISTRATION OF BOY SCOUT ACTIVITIES IN SCHOOL AFFECTING HEALTH FOR STUDENT UNDER THE SECONDARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE 4 PATHUMTHANI PROVINCE CHAYAPHON SAENGYOI A THESIS SUBMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE REQUIREMENTS FOR THE DEGREE OF MASTER OF EDUCATION PROGRAM IN EDUCATIONAL ADMINISTRATION FACULTY OF EDUCATION MAHAMAKUT BUDDHIST UNIVERSITY 2021 COPYRIGHT OF MAHAMAKUT BUDDHIST UNIVERSITY
บทคัดยอ หวั ขอวทิ ยานิพนธ : การบรหิ ารกิจกรรมลูกเสือทส่ี ง ผลตอ การพฒั นาสขุ ภาวะของผเู รียน ในโรงเรยี น สังกัดสํานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 4 ชอื่ นกั ศกึ ษา ชื่อปรญิ ญา จังหวดั ปทมุ ธานี สาขาวชิ า พุทธศักราช : ชยพล แสงยอย อาจารยท ี่ปรกึ ษา : ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ : การบริหารการศกึ ษา : 2564 : พระมหาไกรวรรณ ชินทตฺติโย, ดร. การวิจัยครั้งน้ี มีวัตถุประสงค 1) เพ่ือศึกษาสภาพการบริหารกิจกรรมลูกเสือโรงเรียน สังกัด สํานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 4 จงั หวดั ปทมุ ธานี 2) เพ่อื ศึกษาสุขภาวะของผูเรียนใน โรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี และ 3) เพ่ือศึกษา การบริหารกิจกรรมลูกเสือที่สงผลตอการพัฒนาสุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขต พื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี กลุมตัวอยางจํานวน 327 คน เคร่ืองมือที่ใชใน การวิจัยเปนแบบสอบถาม วิเคราะหขอมูลโดยใชโปรแกรมสําเร็จรูปในการวิเคราะหคาสถิติพื้นฐาน คา ความถ่ี คารอ ยละคา เฉล่ีย สว นเบ่ียงเบนมาตรฐาน คา สัมประสิทธสิ์ หสัมพันธ และการวิเคราะห การถดถอยพหุคูณ โดยใชวิธวี ิเคราะหส มการถดถอยแบบข้ันตอน ผลการวจิ ัยพบวา 1) การบริหารกจิ กรรมลกู เสอื โรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จงั หวดั ปทุมธานี โดยภาพรวม พบวา อยูในระดับปานกลาง โดยการจัดอันดับตามคาเฉล่ียจากมากไป หานอ ย ดงั น้ี ดานการสนบั สนุนและสงเสริมการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมลูกเสือ ดานการบริหาร ทั่วไป ดานบุคลากร และดา นการตดิ ตามประเมินผล ตามลําดบั 2) สุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี โดยภาพรวม พบวา อยูในระดับมาก โดยการจัดอันดับตามคาเฉล่ียจากมากไปหา นอ ย ดังนี้ ดานสขุ ภาวะทางกาย ดา นสขุ ภาวะทางจิตวิญญาณ ดานสุขภาวะทางจิต และดานสุขภาวะ ทางสงั คม ตามลําดับ 3) การบริหารกิจกรรมลูกเสือสงผลตอการพัฒนาสุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียน สังกัด สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี ไดอยางมีนัยสําคัญทางสถิติ
ฉ ที่ระดับ .01 เรียงลําดับความสําคัญ ไดแก ดานการสนับสนุนและสงเสริมการจัดการเรียนการสอน กิจกรรมลูกเสือ ดานการบริหารทั่วไป อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 มีคาสัมประสิทธ์ิ สหสัมพันธพหุคูณเทากับ 0.763 (R = 0.0.763) ซึ่งตัวแปรทั้งสองรวมกันอธิบายความแปรปรวนของ การบริหารกิจกรรมลูกเสือ ไดรอยละ 58.3 (R2= 0.583) สามารถเขียนแสดงความสัมพันธในรูป สมการพยากรณไ ด ดังน้ี สมการพยากรณใ นรูปคะแนนดบิ (Y′) Y′= 2.316 + 0.379 (x3) + 0.126 (x1) (R2= 0.583) สมการพยากรณในรปู คะแนนมาตรฐาน (Zy′) Zy′= 0.59 (x3) + 0.187 (x1) (R2= 0.583) คําสาํ คัญ : การบริหารกิจกรรมลูกเสือ, การพฒั นาสุขภาวะของผเู รียนในโรงเรยี น
ABSTRACT Thesis Topic : The Administration of Boy Scout Activities in School Affecting Health for Student under the Secondary Name Educational Service Area Office 4 Pathum Thani Province Degree Sough : Chayaphon Saengyoi Program : Master of Education Academic year : Educational Administration Advisor : 2020 : Phramaha Kraiwan Jinadattiyo, Dr. The objectives of this research were: 1) to study the conditions of administration boy scouts activities in schools under the secondary educational service area office 4, Pathum Thani Province, 2) to study the conditions of the students in schools under the secondary educational service area office 4, Pathum Thani Province and, 3) to study the administration of boy scout activities in school affecting health for student under the secondary educational service area office 4, Pathum Thani Province. The 327 informants’ cases were included as a sample. The instrument used in this study was questionnaires. The statistics used in the analysis are frequency, percentage, mean, standard deviation, correlation coefficient, and Multiple Linear Regression by Stepwise Regression. The results of the research ware as follows: 1) The administration boy scout activities in schools under the secondary educational service area office 4, Pathum Thani Province in overall was at a medium level. The ranging by the average from high to low that supporting and promoting scout activities, general administration, personnel, and monitoring evaluation respectively. 2) the conditions of the students in schools under the secondary educational service area office 4, Pathum Thani Province in overall was at a high level The ranging by the average from high to low that physical health conditions, Spiritual
ซ health conditions, mental health conditions and social health conditions respectively. 3) The administration of boy scout activities in school affecting health for student under the secondary educational service area office 4, Pathum Thani province was statistically significant at the 0.01 level.The most significant level was on supporting and promoting scout activities and general administration was statistically significant at the 0.01 level and multiple correlation coefficient at 0.763 (R = 0.0.763) which can explain the variance of the conditions of administration boy scout activities in schools at 58.3% (R2= 0.583). It can be written in predicting equations as follows: The predicting equation of raw score (Y′) Y′= 2.316 + 0.379 (x3) + 0.126 (x1) (R2= 0.583) The predicting equation of standard score (Zy′) Zy′= 0.59 (x3) + 0.187 (x1) (R2= 0.583) Keywords : Administration of Boy Scout Activities, Development Health for Student.
กิตตกิ รรมประกาศ วิทยานิพนธฉบับนี้สําเร็จลุลวงดวยดี โดยไดรับความอนุเคราะหอยางยิ่งจาก พระมหาไกรวรรณ ชินทตฺติโย, ดร. อาจารยที่ปรึกษาหลักวิทยานิพนธและคณะกรรมการท่ีกรุณาให คาํ ปรึกษา ชว ยเหลือ แกไ ข และแนะนาํ แนวทางที่ถูกตอ ง ตลอดจนตรวจแกไขขอบกพรองตาง ๆ ดวย ความละเอียดถี่ถวน ดูแล และมีความเอาใจใสเปนอยางดีเสมอมา จนวิทยานิพนธน้ีสมบูรณ ผูวิจัย รูสึกซาบซ้ึงเปนอยางย่ิงในความอนุเคราะหของทานอาจารย จึงขอกราบขอบพระคุณเปนอยางสูงไว ณ โอกาสนี้ ขอกราบขอบพระคุณอาจารยทุกทาน อาจารยประจําหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ที่ใหการศึกษา ใหคําแนะนําและ ประสทิ ธปิ์ ระสาทวิชาความรใู นทกุ ๆ ดานจนกระทั่งสําเรจ็ การศึกษา ขอขอบพระคุณผูบริหารโรงเรียน เพื่อน ๆ พี่ ๆ นอง ๆ ตลอดจนผูใกลชิดทุกคนท่ีใหกําลังใจ ใหค ําแนะนาํ ปรกึ ษาหารือ และสนับสนนุ ผวู จิ ัยเสมอมา คณุ คา และคุณประโยชนอันเกิดจากวิทยานิพนธฉบับน้ี ผูวิจัยขอมอบเปนเคร่ืองสักการะบูชา แดบุพการี บูรพาจารย และผูมีพระคุณทุกทานท่ีทําใหขาพเจาเปนผูมีการศึกษาและประสบ ความสาํ เร็จมาจนตราบเทาทกุ วันน้ี ชยพล แสงยอย
สารบัญ หนา บทคัดยอ ภาษาไทย............................................................................................................. จ บทคดั ยอ ภาษาองั กฤษ........................................................................................................ ช กิตติกรรมประกาศ.............................................................................................................. ฌ สารบัญ.............................................................................................................................. ญ สารบญั ตาราง..................................................................................................................... ฐ สารบญั ภาพ....................................................................................................................... ฒ บทที่ 1 บทนาํ ............................................................................................................................ 1 1.1 ความเปน มาและความสาํ คัญของปญหา................................................................. 1 1.2 วตั ถุประสงคก ารวจิ ัย.............................................................................................. 6 1.3 คําถามการวจิ ัย....................................................................................................... 6 1.4 สมมติฐานการวจิ ัย.................................................................................................. 6 1.5 กรอบแนวคดิ การวจิ ยั ............................................................................................. 7 1.6 ประโยชนท ีค่ าดวา จะไดร ับ..................................................................................... 7 1.7 ขอบเขตของการวจิ ัย.............................................................................................. 8 1.8 นิยามศัพทเ ฉพาะ................................................................................................... 8 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วของ..................................................................................... 10 2.1 แนวคดิ เกย่ี วกบั กจิ กรรมลูกเสือ............................................................................. 11 2.2 แนวคิดการบริหารกจิ กรรมลกู เสือของสถานศกึ ษา............................................... 32 2.3 แนวคิดเก่ียวกบั สุขภาวะ........................................................................................ 51 2.4 แนวคิดเกยี่ วกับการพัฒนาสขุ ภาวะ....................................................................... 72 2.5 แนวคดิ สขุ ภาวะองคร วมแนวพุทธ......................................................................... 92 2.6 การจดั การศึกษาของสํานกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทมุ ธานี..................................................................................................... 95 2.7 งานวิจยั ทเ่ี ก่ียวของ................................................................................................ 101 3 วิธีดาํ เนินการวิจัย.......................................................................................................... 113 3.1 ขั้นตอนดําเนินการวิจัย.......................................................................................... 113 3.2 ระเบยี บวิธีวิจยั ...................................................................................................... 114 3.3 ประชากรและกลุมตวั อยา ง................................................................................... 115
ฎ 3.4 ตัวแปรท่ใี ชในการวิจัย........................................................................................... 117 3.5 เครอ่ื งมือทใี่ ชในการเกบ็ รวบรวมขอ มลู ................................................................. 117 3.6 การเกบ็ รวบรวมขอมลู .......................................................................................... 119 3.7 การวเิ คราะหขอ มลู และสถติ ิทใ่ี ช........................................................................... 120 3.8 สรุป....................................................................................................................... 121 4 ผลการวิเคราะหขอมูล................................................................................................... 122 4.1 สัญลกั ษณท ี่ใชรายงานผลการวเิ คราะหขอ มูล....................................................... 123 4.2 ผลการวิเคราะหข อมูล.......................................................................................... 123 4.2.1 ผลการวเิ คราะหเกยี่ วกบั สถานภาพของผตู อบแบบสอบถาม..................... 123 4.2.2 การวิเคราะหขอมลู เกยี่ วกับการบริหารกจิ กรรมลูกเสอื โรงเรียน สังกัด สาํ นักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จังหวัดปทมุ ธานี............. 125 4.2.3 การวเิ คราะหขอมลู เกี่ยวกับสุขภาวะของผเู รยี นในโรงเรยี น สังกดั สํานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จังหวัดปทุมธาน.ี ............ 132 4.2.4 การวิเคราะหการบรหิ ารกิจกรรมลูกเสือทส่ี ง ผลตอการพัฒนาสุขภาวะของ ผเู รียนในโรงเรียน สังกดั สํานักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จงั หวดั ปทุมธานี ..................................................................................... 136 4.3 สรุป....................................................................................................................... 139 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ เสนอแนะ.......................................................................... 140 5.1 สรุปผลการวิจัย..................................................................................................... 141 5.2 อภิปรายผลการวจิ ยั .............................................................................................. 143 5.3 ขอเสนอแนะ......................................................................................................... 151 บรรณานุกรม..................................................................................................................... 153 ภาคผนวก ภาคผนวก ก รายชื่อผูเช่ยี วชาญตรวจสอบเคร่อื งมอื ทใ่ี ชในการวิจยั ............................ 160 ภาคผนวก ข หนังสือขอความอนุเคราะหเปน ผูเช่ยี วชาญตรวจเครื่องมือ (IOC).......... 162 ภาคผนวก ค หนงั สอื ขอความอนุเคราะหท ดลองใชเคร่ืองมือ (Try out)..................... 166 ภาคผนวก ง หนงั สอื ขอความอนุเคราะหแ จกแบบสอบถามเพอ่ื เก็บขอมลู .................. 168 ภาคผนวก จ แบบสอบถามเพื่อการวิจัย...................................................................... 170 ภาคผนวก ฉ ผลการหาคาดชั นคี วามสอดคลองของแบบสอบถาม (IOC).................... 179 ภาคผนวก ช คาความเชื่อม่นั ของเครื่องมอื โดยใชส ูตรสมั ประสทิ ธอิ์ ลั ฟา ของครอนบาค (Cronbach)................................................................. 184
ฏ ประวัติผูวจิ ยั ..................................................................................................................... 188
สารบญั ตาราง หนา 2.1 แสดงเกณฑการประเมินคุณภาพงานลูกเสอื ภายในสถานศึกษา......................................... 26 2.2 แสดงการสงั เคราะหข อบขายการบรหิ ารกจิ การลกู เสือสามญั รนุ ใหญ. ............................... 32 2.3 หลกั สตู รลูกเสอื สามญั รุน ใหญช นั้ มธั ยมศึกษาปที่ 1............................................................ 43 2.4 หลักสตู รลกู เสือสามญั รุนใหญช น้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 2............................................................ 44 2.5 หลักสตู รลูกเสือสามญั รุนใหญช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 3............................................................ 45 2.6 แสดงขอมูลสารสนเทศการจัดการศึกษา............................................................................. 98 2.7 แสดงขอมูลโรงเรียนจงั หวดั ปทุมธานี.................................................................................. 98 3.1 แสดงจํานวนประชากร กลุมตัวอยา ง.................................................................................. 115 4.1 จํานวน รอ ยละ ของขอมูลทีแ่ สดงสถานภาพผตู อบแบบสอบถาม...................................... 124 4.2 คาเฉลย่ี สวนเบย่ี งเบนมาตรฐาน และระดับระดบั การบรหิ ารกจิ กรรมลกู เสือในภาพรวม จาํ แนก เปนรายดา น......................................................................................................................... 126 4.3 คา เฉล่ีย สวนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และระดับการบรหิ ารกิจกรรมลกู เสือโรงเรียน สงั กัด สาํ นักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี ดา นการบริหารทั่วไป.. 126 4.4 คา เฉลีย่ สวนเบีย่ งเบนมาตรฐาน และระดบั การบรหิ ารกจิ กรรมลกู เสือโรงเรียน สงั กัด สาํ นักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จังหวัดปทมุ ธานี ดา นบุคลากร………..... 128 4.5 คา เฉลี่ย สว นเบีย่ งเบนมาตรฐาน และระดับการบรหิ ารกิจกรรมลูกเสือโรงเรียน สงั กัด สํานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จงั หวัดปทมุ ธานี ดา นการสนบั สนนุ และสงเสริมการจดั การเรียนการสอนกจิ กรรมลูกเสือ………................................................ 129 4.6 คา เฉล่ีย สวนเบีย่ งเบนมาตรฐาน และระดบั การบริหารกิจกรรมลกู เสือโรงเรยี น สังกัด สํานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 4 จงั หวัดปทมุ ธานี ดานการติดตาม ประเมนิ ผล......................................................................................................................... 131 4.7 คาเฉลี่ย สว นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และระดับสขุ ภาวะของผูเรยี นในโรงเรยี น ในภาพรวม จาํ แนกเปนรายดาน............................................................................................................ 132 4.8 คาเฉล่ีย สว นเบยี่ งเบนมาตรฐาน และระดบั สขุ ภาวะของผเู รยี นในโรงเรยี น สงั กัด สํานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวดั ปทมุ ธานี ดานสุขภาวะทางกาย… 133 4.9 คา เฉลีย่ สวนเบีย่ งเบนมาตรฐาน และระดับสุขภาวะของผูเ รยี นในโรงเรียน สังกดั สาํ นักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 4 จังหวดั ปทมุ ธานี ดานสุขภาวะทางจิต…. 134 4.10 คา เฉลย่ี สว นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และระดับสขุ ภาวะของผเู รียนในโรงเรยี น สงั กัด สํานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จงั หวัดปทุมธานี ดา นสุขภาวะทางสังคม 135
ฑ 4.11 คา เฉลยี่ สว นเบีย่ งเบนมาตรฐาน และระดับสุขภาวะของผเู รยี นในโรงเรียน สงั กัด สํานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี ดา นสุขภาวะทาง จิตวิญญาณ…………………................................................................................................. 136 4.12 คาสมั ประสิทธ์ิสหสัมพนั ธการบริหารกิจกรรมลกู เสือทีส่ ง ผลตอ การพฒั นาสุขภาวะของ ผูเรียนในโรงเรียน สังกดั สํานักงานเขตพื้นที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 4 จังหวดั ปทมุ ธานี 137 4.13 การวเิ คราะหการถดถอยพหคุ ณู แบบขน้ั ตอนการบริหารกจิ กรรมลูกเสือท่สี งผลตอการ พัฒนาสขุ ภาวะของผเู รียนในโรงเรียน สังกดั สํานักงานเขตพืน้ ที่การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี.................................................................................................... 138
สารบัญแผนภาพ หนา 1.1 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย.................................................................................................... 7 2.1 วงจรการติดตามและประเมินผล....................................................................................... 50 2.2 กรอบตวั ชว้ี ดั สขุ ภาพของชาวแคนาดา............................................................................... 66 2.3 ระบบบริการสุขภาพ.......................................................................................................... 70 2.4 ความสัมพนั ธร ะหวางวิถีชีวิตกับสถานที่............................................................................ 71 2.5 การสรางเสรมิ สขุ ภาวะ...................................................................................................... 85 2.6 พุทธบูรณาการวาดว ยวธิ บี ริหารสขุ ภาพแบบองคร วม....................................................... 93 2.7 แบบจําลองการศึกษา 1-2-3-4 : 1-2-3-4 Wholistic Education................................... 94 2.8 แผนที่โรงเรยี นสงั กดั สพม.4 จังหวัดปทุมธาน.ี .................................................................. 101 4.1 ขอ คน พบการบรหิ ารกิจกรรมลกู เสอื ทสี่ งผลตอ การพัฒนาสุขภาวะของผูเรยี นในโรงเรียน สังกดั สํานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จงั หวัดปทมุ ธานที ่มี ีความสัมพันธก ัน ในทางบวกมากท่สี ดุ ........................................................................................................... 139
บทท่ี 1 บทนํา 1.1 ความเปนมาและความสําคญั ของปญหา 1.1.1 ความเปน มาของปญหาการวิจยั พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมี พระบรมราโชวาทเก่ยี วกับลูกเสอื มีขอความบางตอนความวา “ ขาพเจาไดเคยกลาวแกคณะลูกเสือ ในโอกาสอ่ืนมาแลววา การลูกเสือนั้นเปนกิจกรรมที่ ผูใหญจัดขึ้นสําหรับเด็กเพ่ือชักจูง และฝกฝนใหเติบโตเปนคนดี มีความซื่อสัตย และเปนผูสามารถ เหมาะสมที่จะอยูในสังคม ดังน้ันจึงเปนที่เขาใจและเปนที่หวังวาตอไปขางหนา ลูกเสือจะเปนกําลัง สําคัญของชาติ คือจะเปนผูบริหารปกครองบานเมืองได ขอใหลูกเสือทราบถึงสิ่งท่ีสําคัญที่สุดในการ ปกครองไววา ในบา นเมอื งนัน้ มที ง้ั คนดีและคนไมดี ไมมีใครจะทําใหทุกคนเปนคนดีไดทั้งหมด การทํา ใหบานเมืองมีความปกติเรียบรอย จึงมิใชการทําใหคนทุกคนเปนคนดี หากแตอยูที่การสงเสริมคนดี ใหคนดีไดปกครองบานเมืองและควบคุมคนไมดีไมใหมีอํานาจ ไมใหกอความเดือดรอนวุนวายได ลูกเสือทุกคนจงหม่ันฝกฝนตนเองใหมาก เพ่ือใหพรอมและใหเหมาะสมแกภาระหนาที่อันจะมีมา ขา งหนานัน้ ” (สํานักการลูกเสอื ยุวกาชาดและกจิ การนกั เรียน, 2554) ยุทธศาสตรชาติดานการพัฒนาและเสริมสรางศักยภาพทรัพยากรมนุษยมีเปาหมายการ พัฒนาท่ีสําคัญเพื่อพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกชวงวัยใหเปนคนดี เกง และมีคุณภาพ โดยคนไทยมี ความพรอมทั้งกาย ใจ สติปญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบดานและมีสุขภาวะที่ดีในทุกชวงวัย มีจิต สาธารณะ รับผดิ ชอบตอสงั คมและผูอ ื่น มธั ยสั ถ อดออม โอบออมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเปน พลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดท่ีถูกตอง มีทักษะท่ีจําเปนในศตวรรษที่ 21 มีทักษะส่ือสารภาษาอังกฤษ และภาษาที่ 3 และอนุรักษภาษาทองถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรูและการพัฒนาตนเองอยางตอเนื่อง ตลอดชีวติ สูการเปนคนไทยท่ีมีทักษะสูง เปนนวัตกร นักคิด ผูประกอบการ เกษตรกรยุคใหมและอ่ืน ๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนดั ของตนเองตวั ชว้ี ดั ประกอบดว ย (1) การพัฒนาคุณภาพชีวิต สุขภาวะ และความเปนอยูที่ดีของคนไทย (2) ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและการเรียนรูตลอดชีวิต และ (3) การ พัฒนาสังคมและครอบครัวไทย โดยประเด็นยุทธศาสตรชาติดานการพัฒนาและเสริมสราง ศักยภาพ ทรพั ยากรมนษุ ย ประกอบดว ย 7 ประเด็น ไดแ ก ประเดน็ ที่ 1 การปรบั เปล่ียนคานิยมและวัฒนธรรม ประเด็นท่ี 2 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดชวงชีวิต ประเด็นที่ 3 ปฏิรูปกระบวนการเรียนรูท่ี ตอบสนองตอการเปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ 21 ประเด็นที่ 4 การตระหนักถึงพหุปญญาของมนุษยที่
2 หลากหลาย ประเดน็ ที่ 5 การเสริมสรางใหคนไทยมีสขุ ภาวะท่ีดี ครอบคลุมทั้งดานกาย ใจ สติปญญา และสังคม ประเด็นที่ 6 การสรางสภาพแวดลอมท่ีเอื้อตอการพัฒนาและเสริมสรางศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย ประเด็นท่ี 7 การเสริมสรางศักยภาพการกีฬาในการสรางคุณคาทางสังคมและ พัฒนาประเทศ โดยประเด็นที่ 5. การเสริมสรางใหคนไทยมีสุขภาวะท่ีดี ครอบคลุมทั้งดานกาย ใจ สติปญญา และสังคม โดย (1) การสรางความรอบรูดานสุขภาวะ (2) การปองกันและควบคุมปจจัย เส่ียงที่คุกคามสุขภาวะ (3) การสรางสภาพแวดลอมท่ีเอื้อตอการมีสุขภาวะที่ดี (4) การพัฒนาระบบ บริการสุขภาพที่ทันสมัยสนับสนุนการสรางสุขภาวะที่ดีและ(5) การสงเสริมใหชุมชนเปนฐานในการ สรางสุขภาวะท่ีดีในทุกพ้ืนที่ (สํานักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตรชาติ, 2560, หนา 8 - 9) พระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ.2542 แกไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553 มาตรา 7 ไดกําหนดความมุงหมาย และหลักการจัดการศึกษาไววาตองเปนไป เพื่อพัฒนาคนไทยใหเปนมนุษยที่สมบูรณท้ังรางกาย จิตใจ สติปญญา ความรู และคุณธรรม มี จริยธรรมและวัฒนธรรมในการดําเนินชีวิต สามารถอยูรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข เพ่ือพัฒนา ลูกเสือท้ังทาง กาย สติปญญา จิตใจ และศีลธรรมใหเปนพลเมืองดีมีความรับผิดชอบ และชวย สรางสรรคสังคมใหเกิดความสามัคคีและมีความเจริญกาวหนา เพ่ือความสงบสุขและความมั่นคงของ ประเทศชาติ (พระราชบัญญัติลูกเสือ, 2551, หนา 2) นอกจากน้ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ยังมุงใหผูเรียนเปนคนดี มีปญญา มีความสุข และกําหนดจุดมุงหมาย เพ่ือใหเกิดกับผูเรียนเม่ือจบการศึกษาขั้นพื้นฐานใหมีคุณธรรม จริยธรรม และคานิยมที่พึงประสงค เห็นคณุ คา ของตัวเองมวี ินัย โดยกําหนดวสิ ยั ทัศนท่ีมุงพัฒนาผูเรียนทุกคนใหเปนมนุษยที่มีความสมดุล ท้งั ดา นรางกาย สติปญญา ความรู คุณธรรม มีจิตสํานึกในความเปนพลเมืองไทยและพลเมืองโลก ยึด มัน่ ในหารปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษัตริยทรงเปนประมุขมีความรูและทักษะ พื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จําเปนตอการศึกษา ตอการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดย มุงเนนผูเรียนเปนสําคัญบนพ้ืนฐานความเชื่อวา ทุกคนสามารถเรียนรูและพัฒนาตนเองไดตาม ศักยภาพ ( กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551, หนา 4) กจิ กรรมพัฒนาผูเรียน มุงใหผูเรียนไดพัฒนาตนเอง ตามศกั ยภาพ พฒั นาอยางรอบดานเพื่อความเปนมนุษยท่ีสมบูรณทั้งรางกาย สติปญญา อารมณ และ สังคม เสริมสรางใหเปนผูมีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝงและสรางจิตสํานึกของการทํา ประโยชนเพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได และอยูรวมกับผูอ่ืนอยางมีความสุข กิจกรรมพัฒนา ผูเรียน แบงเปน 3 ลักษณะ ดงั น้ี 1.กิจกรรมแนะแนว เปนกิจกรรมที่สงเสริมและพัฒนาผูเรียนใหรูจัก ตนเอง รูรักษส่ิงแวดลอม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแกปญหา กําหนดเปาหมาย วางแผนชีวิตท้ังดาน การเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนไดอยางเหมาะสม นอกจากนี้ยังชวยใหครูรูจักและเขาใจผูเรียน ทงั้ ยังเปน กจิ กรรมทชี่ ว ยเหลือและใหคาํ ปรกึ ษาแกผูปกครองในการมีสว นรวมพัฒนาผูเรียน 2.กิจกรรม
3 นักเรียนเปนกิจกรรมท่ีมุงพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเปนผูนําผูตามท่ีดี ความรับผิดชอบการ ทํางานรวมกัน การรูจักแกปญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การชวยเหลือแบงปนกัน เอื้ออาทร และสมานฉันท โดยจัดใหสอดคลองกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของ ผูเรียน ใหไดปฏิบัติดวยตนเองในทุกขั้นตอน ไดแก การศึกษาวิเคราะหวางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทํางาน เนนการทํางานรวมกันเปนกลุมตามความเหมาะสมและสอดคลอง กับวุฒิภาวะของผูเรียน บริบทของสถานศึกษาและทองถ่ิน กิจกรรมนักเรียนประกอบดวย กิจกรรม ลกู เสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด ผูบ ําเพ็ญประโยชน นักศกึ ษาวิชาทหาร กิจกรรมชุมนุม ชมรม 3.กิจกรรม เพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน เปน กิจกรรมทีส่ งเสริมใหผ ูเรียนบําเพ็ญตนใหเปนประโยชนตอสังคม ชุมชน และทองถ่ินตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละ ตอสังคม มีจิตสาธารณะ เชน กิจกรรมอาสาพัฒนาตาง ๆ กิจกรรมสรางสรรคสังคม (หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน, 2551, หนา 19) การลูกเสือมุงหมายที่จะสอนใหเด็กใหเด็ก รจู ักการดํารงชีวิตมิใชเพียงเพ่ือใหมีอาชีพการสอน ใหเด็กมีความทะเยอทะยานที่จะชิงรางวัลและทุน เลาเรียน ตลอดจนสอนใหเด็กเห็นวาความสําเร็จคือ การมีเงินเดือน มีตําแหนง และอํานาจน้ันมี อันตรายอยูเวนเสียแตจะมีการสอนเรื่องบําเพ็ญประโยชน แกผูอ่ืนไปพรอมกันดวย (อภัย จันทวิมล, 2545, หนา ข อา งถึงในศุภฤกษ ศโิ รทศ, 2561, หนา 3) 1.1.2 ปญหาของการวจิ ัย คณะลูกเสือแหงชาติมีวัตถุประสงคเพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปญญา จิตใจ และ ศลี ธรรม ใหเปน พลเมอื งดี มีความรับผิดชอบ ชวยสรางสรรคสังคมใหมีความเจริญกาวหนา เพ่ือความ สงบสุขและความม่ันคงของชาติตามแนวทางดังตอไปน้ี 1. ใหมีนิสัยในการสังเกต จดจํา เชื่อฟง และ พึ่งตนเอง 2. ใหซ่ือสัตย สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเห็นใจผูอื่น 3. ใหรูจักบําเพ็ญตนเพ่ือ สาธารณะประโยชน 4. ใหรูจักทําการฝมือและฝกฝนใหทํากิจการตาง ๆ ตามความเหมาะสม 5. ให รจู กั รกั ษาและสงเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรมและความมนั่ คงของประเทศชาติ ท้ังนี้โดยไมเก่ียวของ กับลัทธิการเมืองใด ๆ (กลุมสงเสริมและพัฒนาลูกเสือ สํานักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจกรรม นกั เรียน สาํ นกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, 2548, หนา 3) สภาพแวดลอมทางสังคมไทยในปจจุบัน ท่เี ปลย่ี นแปลงไปจากแนวโนมปจจัยกําหนดสุขภาพทางสังคมท่ีมีความสลับซับซอนมากข้ึน เน่ืองจาก การเปลยี่ นแปลงทั้งสภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี วัฒนธรรมและการเมือง การเปล่ียนแปลงเหลานี้เปน ผลมาจากการทป่ี ระเทศ จําเปน ตอ งพัฒนาเพือ่ ใหท ันกับการแขง ขนั กบั ประเทศตา ง ๆ ความพร่ังพรอม ทางวัตถุ การทํามาหากนิ ที่ตองดน้ิ รนตอ สูกับความฝดเคืองทางเศรษฐกิจ การแกงแยงกันในอาชีพการ งานท่ีทําใหเกิดความเครียด ปญหาสุรา ยาเสพติด อาชญากรรม การฆาตัวตาย การเอารัดเอาเปรียบ รวมทง้ั อิทธพิ ลดา นลบของสื่อมวลชน และการรบั วฒั นธรรมตางชาติเขามาโดยขาดการเลือกสรร ลวน มีผลกระทบตอสุขภาพที่ทําใหกลายเปน “สังคมเสี่ยง” (Risk society) ที่นําไปสูปญหามากมาย
4 โดยเฉพาะปญ หาสุขภาพทั้งส้ิน (WHO, 2010) การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ เทคโนโลยี ทําใหบุคคลมีการดําเนินชีวิตท่ีเต็มไป ดวยความเรงรีบ ตึงเครียด หรือแขงขันเพ่ือ ความอยูรอดไมมี กจิ กรรมเพื่อผอนคลายปญหาชีวิตซึ่งอาจ สงผลกระทบตอสุขภาพรางกาย และจิตใจ ปจจุบันคนไทย กําลงั เผชิญกับโรคติดตอและไมต ิดตอ รวมทง้ั รูปแบบการดําเนินชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น โดยมี การบริโภคไขมันเพิ่มขึ้น มีการออกกําลังกายนอยลง รวมทั้งส่ิงแวดลอมดานสังคมและดานกายภาพ สง ผลตอสขุ ภาพเพิ่มข้ึน เด็กเปนทรัพยากรท่ีมีคุณคายิ่งตอการพัฒนาประเทศในอนาคต การท่ีเด็กจะ เจริญเติบโตเปนผูใหญท่ีมี คุณภาพนั้นเด็กจะตองมีพัฒนาการที่สมบูรณพรอมทั้งดานรางกาย จิตใจ อารมณส งั คม และสติปญ ญา จึงมคี วามจําเปนที่เด็กจะตอ งไดรับการพัฒนาอยางเหมาะสมต้ังแตอยูใน ครรภมารดาและตอเนื่องไป โดยเฉพาะพัฒนาการดานสติปญญาและอารมณซ่ึงเปนทักษะที่จําเปนตอ การดํารงชีวิตทั้งในปจจุบัน และอนาคต การปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพใหเหมาะสมก็จะเกิดผลดี ตอ คุณภาพชวี ิตตอ ไป (กรมสุขภาพจิต, 2559) 1.1.3 ความสําคัญของปญ หา สุขภาวะเปนความสมบูรณท้ังรางกายและจิตใจไมเพียงแตเปนการปราศจากโรค หรือพิการ เทาน้ัน การมีสุขภาพดีมีความสําคัญตอ ความสมดุลทั้งดานรางกาย จิตใจ อารมณ ส่ิงแวดลอม และ สังคม รวมทั้งความสามารถในการปฏิบัติหนาที่ตามความเก่ียวของสัมพันธกับสังคม ในอดีตคําวา สุขภาพ หมายถึง สุขภาพกายเปนหลัก ตอมาจึงไดรวมสุขภาพจิตเขาไปดวย เพราะเห็นวาคนท่ีมี สุขภาพกายสมบรู ณแ ขง็ แรง แตสขุ ภาพจิตเสอื่ มโทรมหรือเปนโรคจิตก็ไมสามารถดําเนินชีวิตเปนปกติ สุขได ซํ้ารายอาจจะทํารายผูอื่นไดอีกดวย ปจจุบัน คําวา สุขภาพ มิไดหมายความเฉพาะสุขภาพกาย และสุขภาพจิตเทานั้น แตยงั ไดรวมถึงสุขภาพสงั คม และสุขภาพจิตวิญญาณอีกดวย มีองคประกอบ 4 สวนดวยกนั คือ สขุ ภาพกาย สขุ ภาพจติ สขุ ภาพสงั คม และสุขภาพจติ วญิ ญาณ ซงึ่ อดีตการมีสุขภาวะดี ถูกมองเชื่อมโยงกับการไมเจ็บปวย ดังน้ันการดูแลสุขภาพจึงเนนท่ีการรักษาและการฟนฟู ซึ่งทําให เกิดผลกระทบตามมา คือ คาใชจายในการดูแลสุขภาพที่สูงข้ึน รัฐบาลจึงตองใหความสําคัญกับการ สรางเสริมสขุ ภาพและการปอ งกันโรค โดยกําหนดเปนนโยบายสาธารณะการใชแนวคิดการมีสวนรวม การสรางสิ่งแวดลอมที่เหมาะสมกับการดูแลสุขภาพ และการพัฒนาทักษะสวนบุคคล (อาภาพร เผา วฒั นา, 2554 อางถงึ ศิรมิ าศ ติยะบุตร, 2560, หนา 1) การสรางเสริมสุขภาวะทางกาย จิต สังคม และ ปญญาจงึ มคี วามสําคญั อยางยิ่งเพ่อื มงุ เนนกระบวนการเรยี นรเู พ่อื พฒั นาศกั ยภาพของเด็กและเยาวชน ใหเกิดความสามารถในการคิด วิเคราะห แยกแยะ สามารถสรางพลัง สรางสรรคสังคม อิทธิพลของ การดําเนินงานจึงมีความทันสมัย สอดคลอง เทาทันเหตุการณและอิทธิพลของการเปล่ียนแปลงมิติ ทางสังคมทง้ั ดานคานิยม สื่อ สภาพแวดลอมท่ีคุกคาม ลอแหลมนําไปสูพฤติกรรมเส่ียงท่ีเปนอันตราย ตอสวัสดิภาพของตนเองและส่ิงแวดลอมทางสังคมใหกอใหเกิดผลกระทบภาพกวางท่ีไมสามารถ ประมาณคาความเสียหายได อาทิ การใชสารเสพติด ความรุนแรง อุบัติเหตุ ภาวะทุโภชนาการ การ
5 ทําแทงเถอ่ื น ปญ หาการปรับตัว รวมทั้งปญหาสุขภาพจิตและจิตเวชท่ีกําลังขยายตัวอยางรวดเร็วและ ตอเน่ืองทั้งในสังคมไทยและทั่วโลก (พัฒน มหาโชคเลิศวัฒนา สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ วิฐารณ บญุ สิทธิ์ และวโิ รจน อารียก ลุ , 2556) จังหวัดปทุมธานี เปนจังหวัดที่มีความหลากหลายทั้งการเปนศูนยกลางการศึกษา และเมือง แหงโรงงานอุตสาหกรรม กอใหเกิดการขยายตัวของชุมชนอยางรวดเร็ว โดยเฉพาะอยางยิ่งการ ขยายตัวของ ชมุ ชนบรเิ วณรอบสถานศึกษา และสถานประกอบการ กอใหเกิดการมั่วสุมภายในหอพัก ท่ีอาจชักนําไปสูการกระทําผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การลวงละเมิดทางเพศ และอบายมุขอื่น ๆ ปญหา การจาํ หนา ยบหุ ร่ี สรุ าใหก บั เดก็ และเยาวชน ปญ หาการเปดเกินเวลา และอนุญาตใหเยาวชนเขาไปใช บรกิ ารของสถานบันเทงิ เชน ผบั บาร รานคาราโอเกะ และรานจําหนายเหลาปน ปญหาการเปดราน อนิ เตอรเน็ต และรานเกมสเกินเวลา และปลอยใหนักเรียนเขามาใชบริการ ปญหาเหลาน้ีจําเปนตองมี มาตรการในการดาํ เนนิ การเชงิ ปอ งกันและปราบปรามมใิ หม กี ารมวั่ สุม หรือเกยี่ วของกับการกระทําผิด เกี่ยวกับยาเสพติด และอบายมุขอ่ืน ๆ ทั้งการจัดระเบียบหอพัก การจัดระเบียบรานคา การจัด ระเบียบการเปดและปดรานอินเตอรเน็ต และรานเกมส การจัดจําหนายบุหรี่ สุรา โดยมุงเนนสวัสดิ ภาพ และความปลอดภัยของเยาวชน นักศึกษารวมทั้งประชาชนที่อาศัย อยูในพ้ืนที่ของจังหวัด ปทุมธานี (สํานักงานศึกษาธิการจังหวัดปทมุธานี, 2560, หนา 5) ซ่ึงสอดคลองกับอดิศัย โพธารามิก (2548, หนา 22 อางถึงในชนก เชียงมูล, 2558, หนา 3) กลาววา สภาพปญหาการจัดการเรียนการ สอนในปจจุบันเยาวชนยังไมสามารถเปนพลังสําคัญในการสรางสรรคสังคมไดดีเทาที่ควร จะเห็นได จากการมปี ญ หาเยาวชนในดานตาง ๆ เชน การติดยาเสพติด การใชความรุนแรง พฤติกรรมเบ่ียงเบน การหนีเรียนไปเท่ยี วเตรต าม หางสรรพสินคา ปญหาการต้ังครรภกอนวัยอันควร คานิยมความฟุงเฟอ การใชเวลาวางในชวงวันหยุดไปกับสิ่งที่ไมเปนประโยชนตอตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม ขาดจติ วญิ ญาณการเปนลูกเสือไมสามารถนําพาเยาวชน เหลาน้ีไปสูความดีงามตามอุดมการณลูกเสือ ใหส มกบั ความยิ่งใหญข องการลูกเสอื ไทยได ดว ยเหตผุ ลดังกลาว ผวู ิจัยจึงมคี วามสนใจทีจ่ ะศกึ ษาเรือ่ ง “การบรหิ ารกิจกรรมลกู เสือท่ีสงผล ตอการพัฒนาสุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี” เพ่ือจะไดนําไปใชเปนขอมูลในการจัดทําแผนนโยบายในการพัฒนาสุขภาวะของ ผูเรียนรวมทั้งปรับปรุงแกไขการบริหารกิจกรรมลูกเสือของผูบริหารและหนวยงานทางการศึกษา ตลอดจนสถานศกึ ษาทั่วไป เพ่อื นําไปปรับปรุงพัฒนาการจดั การศึกษาใหมีคณุ ภาพยง่ิ ขน้ึ
6 1.2 วตั ถุประสงคข องการวจิ ยั เพือ่ ใหส อดคลอ งกับปญ หาของการวิจยั ผวู ิจัยจึงไดก าํ หนดวัตถุประสงคของการวจิ ัย ดังนี้ 1.2.1 เพื่อศึกษาสภาพการบริหารกิจกรรมลูกเสือโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 4 จงั หวดั ปทุมธานี 1.2.2 เพ่ือศึกษาสุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 4 จังหวดั ปทุมธานี 1.2.3 เพ่ือศึกษาการบริหารกิจกรรมลูกเสือที่สงผลตอการพัฒนาสุขภาวะของผูเรียนใน โรงเรยี น สังกดั สํานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี 1.3 ขอคําถามของการวจิ ยั เพ่อื ใหสอดคลอ งกบั วตั ถุประสงคข องการวจิ ยั ผูวจิ ัยจึงไดกําหนดขอ คาํ ถามของการวจิ ยั ดังนี้ 1.3.1. สภาพการบริหารกิจกรรมลูกเสือโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มธั ยมศึกษา เขต 4 จงั หวัดปทุมธานี อยูใ นระดับใด 1.3.2. สุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียน สังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จงั หวัดปทมุ ธานี อยใู นระดับใด 1.3.3. การบริหารกิจกรรมลูกเสือสงผลตอการพัฒนาสุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียนสังกัด สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 4 จงั หวัดปทมุ ธานี หรอื ไม 1.4 สมมตฐิ านของการวจิ ยั เพอื่ เปนแนวทางในการศึกษาวิจัย และเปนพื้นฐานในการวิเคราะหขอมูล จึงไดตั้งสมมติฐาน ในการวิจยั ไวดังนี้ การบรหิ ารกจิ กรรมลูกเสือสง ผลตอ การพัฒนาสุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียนสังกัดสํานักงาน เขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทมุ ธานี อยา งนอ ย 1 ดา น
7 1.5 กรอบแนวคิดในการวิจัย ตวั แปรตน ตัวแปรตาม (Independent Variables) (Dependent Variables) การบรหิ ารกจิ กรรมลกู เสือ (Xtot) แผน สุขภาวะของผูเ รยี น (Ytot) ภาพ 1. ดานการบริหารท่วั ไป (X1) 1. สุขภาวะของผูเรยี นดา นรางกาย (Y1) 2. ดา นบุคลากร (X2) ที่ 2. สขุ ภาวะของผูเรียนดา นจิตใจ (Y2) 3. ดานการสนับสนุนและสงเสริมการจัดการ 3. สขุ ภาวะของผูเรียนดา นสังคม (Y3) เรยี นการสอนกจิ กรรมลกู เสอื (X3) 1.1 4. สุขภาวะของผูเรียนดานจิตวิญญาณ 4. ดานการกาํ กับติดตามและประเมนิ ผล(X4) กรอ (Y4) บ แนวคิดในการวจิ ยั ท่มี า : *จากการสังเคราะหแ นวคิดผูเช่ยี วชาญดานลกู เสอื : **สัมฤทธ์ิ สมนาม, (2561). การพฒั นารปู แบบพัฒนาสขุ ภาวะของนกั เรียนในโรงเรยี น ประถมศึกษาขนาดเลก็ . วิทยานพิ นธก ารศกึ ษาดุษฎีบัณฑติ สาขาวชิ าการบริหารและ พัฒนาการศึกษา มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. 1.6 ประโยชนท คี่ าดวา จะไดรบั 1.6.1. ทําใหทราบถึงสภาพการบริหารกิจกรรมลูกเสือในโรงเรียนสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่ การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จงั หวัดปทุมธานี 1.6.2. ทําใหทราบถึงสุขภาวะของผูเรียนในโรงเรียนสังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 4 จงั หวดั ปทุมธานี 1.6.3. ทําใหทราบถึงการบริหารกิจกรรมลูกเสือสงผลตอการพัฒนาสุขภาวะของผูเรียนใน โรงเรยี นสังกดั สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 4 จงั หวดั ปทุมธานี 1.6.4. สามารถนําขอมูลและแนวทางการนําไปใชในการวางแผนเพื่อการจัดการศึกษาใน โรงเรียน สังกัดสํานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี
8 1.7 ขอบเขตของการวิจัย 1.7.1 ขอบเขตดา นประชากร ประชากรที่ใชในการศึกษา ไดแก ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอนกิจกรรมลูกเสือในโรงเรียน สงั กัดสาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 ปทมุ ธานี จาํ นวนทง้ั สนิ้ 2,132 คน กลุมตัวอยา ง ไดแ ก ผูบรหิ ารสถานศึกษา ครผู สู อนกจิ กรรมลูกเสือในโรงเรียนสังกัดสํานักงาน เขตพน้ื ท่กี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 4 ปทมุ ธานี จํานวนทงั้ สิ้น 327 คน 1.7.2 ขอบเขตดานเนอ้ื หา ผูวจิ ัยจาํ กดั ขอบเขตดา นเนอื้ หาไว ดงั นี้ ในการวิจัยครั้งน้ี ผูวิจัยไดมุงศึกษาการบริหารกิจกรรมลูกเสือท่ีสงผลตอการพัฒนาสุขภาวะ ของผเู รยี นในโรงเรียนสงั กดั สํานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี ในดาน การบริหารกิจกรรมลูกเสือ เปนแบบสอบถามจากการสังเคราะหแนวคิดผูเชี่ยวชาญดานลูกเสือ ซึ่งประกอบดวย 4 ดาน คือ 1) ดานการบริหารทั่วไป 2) ดานบุคลากร 3) ดานการสนับสนุนและ สงเสริมการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมลูกเสือ 4) ดานการกํากับติดตามและประเมินผล สวนตัว แปรตามไดแก สุขภาวะของผูเรียนตามแนวคิดของสัมฤทธ์ิ สมนาม (สัมฤทธิ์ สมนาม, 2561, หนา 13 - 31) แบงเปน 4 ดาน คือ 1) สุขภาวะทางกาย 2) สุขภาวะทางจิต 3) สุขภาวะทางสังคม และ 4) สุขภาวะทางจิตวิญญาณ (สติปญญา) 1.7.3 ขอบเขตดา นพ้นื ท่ี โรงเรียนสังกัดสาํ นักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี จํานวน 22 โรงเรียน 1.8 นิยามศพั ทเ ฉพาะ 1.8.1 การบริหารกิจกรรมลูกเสือ หมายถึง การวางแผน การนําแผนไปปฏิบัติ ประเมินผล การปฏิบัติโดยดําเนินงานตามนโยบายการจัดกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีสามัญ ลูกเสือสามัญรุนใหญ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2528 ใหบรรลุตามสาระสําคัญของลูกเสือ ซึ่งประกอบดวย วัตถุประสงค หลักการ และวธิ กี าร การบริหารจัดการ การบริหารท่ัวไป บุคลากร การสนับสนุนและสงเสริมการจัดการเรียน การสอน และการกาํ กบั ติดตามและประเมนิ ผล โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี 1) การบริหารท่ัวไป หมายถงึ การดาํ เนนิ งานสงเสริมการบริหารกิจกรรมลูกเสือของ นักการศกึ ษาใหประสบผลสําเร็จ โดยมีปจจัยหลายประการอันจะนําไปสูประสิทธิภาพในงานที่สําคัญ คือ โครงสรางการบริหารกิจกรรมของลูกเสือของสถานศึกษา ระบบสนับสนุนการบริหารทั่วไป เชน เทคนคิ การ บริหาร การวางแผน การเงนิ หรืองบประมาณ วสั ดุ อปุ กรณ
9 2) บุคลากร หมายถึง บุคลากรในสถานศึกษา ตั้งแตผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน ลกู เสือในสถานศกึ ษา บคุ ลากรท่เี ก่ียวขอ งในการบรหิ ารกจิ กรรมลกู เสอื ในสถานศกึ ษา 3) การสนับสนุนและสง เสริมการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมลูกเสือ หมายถึง การ สนับสนนุ สง เสริมการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนลูกเสือท้ังดานขวัญกําลังใจ ทุนทรัพย สื่อการเรียน การสอน การอาํ นวยความสะดวก ดา นสถานที่ เสื้อผา อปุ กรณก ารฝกอบรมทีจ่ าํ เปนตา ง ๆ เปน ตน 4) การกํากับติดตามและประเมินผล หมายถึง การกํากับติดตามการวางแผนการ จัดการเรียนการสอน การ สนับสนุนสงเสริมการเรียนการสอน การวัดผลประเมินผลเพ่ือใหเปนไป ตามวัตถุประสงคหรือ เกณฑท่ีกําหนดไว จัดเคร่ืองมือเพื่อนําไปวัดผลการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอนลูกเสือทุกประเภท แลวนําผลการวัดผลประเมินผลใหผานหรือไมผานวัตถุประสงคหรือเกณฑที่ กาํ หนดไว 1.8.2 สุขภาวะของนักเรียน หมายถึง การมีสุขภาพดี มีความรูสึกเปนสุข มีความสมดุลใน ชีวิต โดยมีองคร วมของ 4 มิติ ประกอบดวย สุขภาวะดานรางกาย สุขภาวะดานจิตใจ สุขภาวะดาน สังคม สขุ ภาวะดา นจติ วญิ ญาณ โดยมรี ายละเอียดดงั นี้ 1) สุขภาวะทางกาย หมายถึง รางกายที่มีความสมบูรณ แข็งแรงเจริญเติบโตอยาง เปนปกติ ไมเจ็บปวย ไมมีโรคประจําตัว รวมถึงระบบตาง ๆ ของรางกายสามารถทํางานไดเปนปกติ และมีประสิทธิภาพ 2) สุขภาวะทางจิตใจ หมายถึง อารมณท่ีมีผลกับสุขภาพโดยรวมของมนุษย ไดแก ความรูสึกผอนคลายไมตึงเครียด รูสึกมีความสุขและปลอดโปรง โดยท่ีมีหลักการจัดการกับสภาวะ ความเครยี ดไมใหเกิดวิกฤตทางอารมณเกิดขน้ึ เปนปจ จยั สง ผลตอ สภาวะสุขภาพจิตที่ดีได 3) สุขภาวะทางสังคม หมายถึง ความสามารถในการปรับตัวและมีความสุขจาก การอยูรวมกันดวยดีในทุกระดับ คือ ในครอบครัว ชุมชน และสังคม มีการชวยเหลือซ่ึงกันและกันใน สังคมอยา งเออ้ื อาทร เสมอภาคมีความยุติธรรม 4) สุขภาวะทางจิตวิญาณหรือสติปญญา หมายถึง การมีความรู เฉลียวฉลาด รูเทา ทันส่ิงตาง ๆ ท่ีจะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งทางกาย จิตใจ และสังคม ทําใหเกิดแรงศรัทธาตอตนเองและมี ความหวังตอ ความสําเร็จที่จะทําใหต นเองมคี วามสุขดว ย 1.8.3 สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี หมายถึง หนวยงานท่ีดําเนินการจัดการศึกษาใหเปนไปตามอํานาจหนาที่ของคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน ประสานและสงเสริม สนับสนุนการศึกษาในเขตพื้นท่ีการศึกษา ใหสามารถจัดการศึกษาให สอดคลอ งกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษาของโรงเรยี นมัธยมศึกษาในจังหวดั ปทมุ ธานี
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กีย่ วขอ ง การวิจัยคร้ังนี้เปนศึกษาการบริหารกิจกรรมลูกเสือที่สงผลตอการพัฒนาสุขภาวะของผูเรียน ในโรงเรียนสังกัดสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 จังหวัดปทุมธานี ผูวิจัยไดศึกษา ขอมลู จากเอกสารงานวจิ ัยทเี่ กยี่ วของโดยกาํ หนดเน้อื หาสาระของการศกึ ษาวิจัย ดงั นี้ 2.1 แนวคดิ เก่ยี วกบั กจิ กรรมลกู เสือ 2.1.1 ความหมายของกิจกรรมลูกเสอื 2.1.2 ประวัตลิ กู เสอื ไทย 2.1.3 ความสาํ คัญของกจิ กรรมลูกเสอื 2.1.4 โครงสรางการบริหารกจิ การลูกเสือไทย 2.1.5 นโยบายกิจกรรมลกู เสือ 2.1.6 คาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสือสามัญรนุ ใหญ 2.1.7 การประเมินคุณภาพงานลกู เสอื ภายในสถานศกึ ษา 2.2 แนวคิดการบรหิ ารกจิ กรรมลูกเสอื ของสถานศกึ ษา 2.3 แนวคดิ เกย่ี วกับสุขภาวะ 2.3.1 ความหมายและแนวคดิ เกย่ี วกบั สขุ ภาวะ 2.3.2 องคประกอบของสขุ ภาวะ 2.3.3 ระบบสุขภาพทส่ี รา งสุขภาวะ 2.3.4 สุขภาวะและปจ จยั กําหนดสขุ ภาวะของนกั เรียน 2.4 แนวคดิ เกยี่ วกบั การพฒั นาสุขภาวะ 2.4.1 ความหมายการพัฒนาสุขภาวะ 2.4.2 รูปแบบการพฒั นาสุขภาพ 2.4.3 แนวคิดการพฒั นาสขุ ภาวะ 2.5 แนวคิดสุขภาวะองครวมแนวพุทธ 2.6 การจดั การศึกษาของสาํ นกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 4 จงั หวดั ปทุมธานี 2.7 งานวิจยั ที่เกยี่ วของ 2.7.1 งานวิจยั ในประเทศ 2.7.2 งานวิจยั ตางประเทศ
11 2.1 แนวคิดเกยี่ วกบั กิจกรรมลูกเสอื กิจกรรมลูกเสือมีสาระที่สําคัญไดแก ความหมายของกิจกรรมลูกเสือ ประวัติลูกเสือไทย ความสําคัญของกิจกรรมลูกเสือ โครงสรางการบริหารกิจการลูกเสือไทย นโยบายกิจกรรมลูกเสือ โครงสรา งหลกั สูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน และการบริหารกิจกรรมลูกเสือของสถานศึกษา รายละเอียด ตอไปน้ี 2.1.1 ความหมายของกิจกรรมลกู เสือ มผี ใู หค วามหมายท่เี กีย่ วขอ งตาง ๆ ไวด งั ตอไปนี้ เปล้อื ง ณ นคร (2551, ออนไลน) ไดใ หค วามหมายไววาลูกเสือ หมายถึง เด็กที่อยูในคณะที่ ต้งั ขน้ึ สําหรับอบรมใหเ ปนพลเมอื งดี ถนอม บุญประภา (2546, หนา 43) กลาววาลูกเสือ คือ สมาชิกที่มีวัตถุประสงคเพื่อฝกหัด อบรมบมนิสัยเด็กชายใหเปนพลเมืองดีตาม จารีตประเพณีมีอุดมคติและความรับผิดชอบตนเองและ ผอู ืน่ มานิตย อยูครอบ (2545, หนา 9) กิจกรรมเสือลูกเสือ หมายถึง กิจกรรมทุกอยางที่จัดข้ึน เพ่ือใหเด็กมีความรู ความสามารถเปนผูนําผูตาม มีความอดทน การมีชีวิตอยูในสังคมอยางสงบสุข มี นา้ํ ใจ มคี ุณธรรม จริยธรรม รกั และเคารพสถาบนั ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตรยิ ณรงค จันทะคัด (2550, หนา 11) กิจกรรมลูกเสือ หมายถึง กระบวนการฝกอบรมเด็กและ เยาวชนใหเปนพลเมืองดีมี จิตใจโอบออมอารีมีความรูทักษะและประสบการณ มีความกลาหาญ อดทน มไี หวพรบิ ปฏิภาณโดยมผี ูใหญเปน ผูใหคําแนะนาํ พระราชบญั ญตั ลิ กู เสอื พุทธศกั ราช 2551 (2551, หนา 2) ใหความหมายลูกเสือไววาลูกเสือ หมายถึงแดก็ และเยาวชนทั้งชายและหญงิ ที่สมัครเขา เปนลกู เสอื ทัง้ ในฐานะศึกษาและนอกสถานศึกษา สว นลกู เสือทเ่ี ปนหญิงใหเ รยี กวา “เนตรนารี” กิจกรรมลูกเสือ คือ ขบวนการเยาวชนท่ีใหการศึกษานอกเหนือการเรียน ทําใหมีความรูเปน คนดมี ีความรักชาติเขารักศาสนาเทิดทูนพระมหากษัตริย อบรมใหใชชีวิตกลางแจง บําเพ็ญประโยชน เพื่อสวนรวมรูจักพัฒนาตนเองไมมีกีดกันในเรื่องศาสนาหรือเช้ือชาติใดใดไมเกี่ยวของกับ การเมือง (วันสถาปนาคณะลกู เสอื แหง ชาติ, 2552 : ออนไลน) สํานักการลูกเสือ ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน (2552, หนา 3) กลาวไววากิจกรรมลูกเสือ หมายถึงกิจกรรมท้ังปวงประกอบดวยกิจกรรมตาง ๆ หลาย ๆ กิจกรรมท่ีจัดข้ึนเปนหมวดหมูอยางมี ระบบสัมพันธและสอดคลองกับหลักการพื้นฐานของกระบวนการลูกเสือสงเสริมใหเยาวชนลูกเสือ กระทําเพื่อใหมีคุณธรรมจริยธรรมเกิดการเรียนรูฝกทักษะความสามารถเสริมสรางพัฒนาการตาม วัตถุประสงคห ลกั การและวธิ กี ารของขบวนการลูกเสือ
12 จากความหมายของนักวชิ าการไดกลาวไวข างตน ลกู เสือไมใชเสือสัตวไพรเรายืมมาใช ดวยใจ กลาหาญปานกันจึงนับวากิจกรรมลูกเสือเปนกิจกรรมท่ีปลูกฝงพัฒนาผูเรียนในทุก ดานสงเสริม ให เยาวชนพัฒนาตนไดอยางสูงสุดผูเรียนเลือกกิจกรรมท่ีตนเองถนัดอยางหลากหลายมีแรงจูงใจมี ความรูมีใจกลาหาญรูจักการชวยเหลือตนเองและผูอ่ืนมีวัฒนธรรมอันดีเคารพในชาติศาสนา พระมหากษัตริยไมแบงชนชั้นเช่ือชาติและมีเครื่องหมายวิชาพิเศษเปนเคร่ืองทดสอบความสามารถ ตามความตอ งการ สรุปไดวา กิจกรรมลูกเสือไทยคือกระบวนการจัดกิจกรรมที่จัดขึ้นในสถานศึกษาหรือนอก สถานศึกษาเพื่อใหเด็กไดรับความรู ทักษะ และ ประสบการณ ผานกิจกรรมตาง ๆ สงผลใหเด็กเปน คนดี มที ักษะประสบการณ นาํ ไปใชใ นชีวติ ประจําวัน เพือ่ พฒั นาประเทศชาติตอไป 2.1.2 ประวัตลิ ูกเสือไทย พระบาทสมเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ 6 พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวทรงเปนพระราชโอรส องคที่ 29 ของพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเจาหลวง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว และสมเด็จพระศรี พัชรินทราบรมราชชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปหลวง มีพระชาติมงคลสมัย ณ วันเสารขึ้น 2 คํ่า เดือนยี่ ปมะโรง ตรงกับวันที่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2423 เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเม่ือวัน เสารท่ี 23 ตุลาคม พุทธศักราช 2453 พระองคมีพระราชดํารัสตรัสแกราษฎร เม่ืองานพระราชพิธี บรมราชาภิเษกตอนหน่ึงวา “การตั้งกองเสือปาขึ้นดวยความมุงหมายจะใหคนไทยทั่วกันรูสึกวาความ จงรักภกั ดีตอ ผดู ํารงรฐั สีมาอาณาจกั รตามนติ ธิ รรมประเพณี ประการหนึ่ง ความรัก ชาติบานเมืองและ นับถือพระศาสนาประการหน่ึง ความสามัคคีในคณะและไมทําลายซึ่งกันและกัน” ทรงพระราชทาน กําเนิดลูกเสือขึ้น เม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม พุทธศักราช 2454 ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง วันน้ีไป โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย กองลูกเสือของประเทศท่ีตั้งขึ้นนับไดเปนอันดับท่ี 3 ของประเทศที่มีการ ลูกเสือในโลก พระราชทานคติพจนใหแกคณะลูกเสือแหงชาติวา “เสียชีพอยาเสียสัตย” ลูกเสือคน แรกคือ นายชัพน บุนนาค เปนผูที่กลาวคําปฏิญาณของลูกเสือไดเปนคนแรกจึง ยอมรับนับถือวา นายชัพน บุนนาค เปน ลูกเสือคนแรก พระราชประสงคท่ีคิดจัดใหมีลูกเสือขึ้นน้ัน ปรารถนาที่จะใหเด็กไทยไดศึกษา และจดจําขอ สําคญั ไวเปนรากฐานแหง ความมัน่ คงใหช าติดํารงอยเู ปน ไทยไดแ สนนาน คือ ความจงรกั ภักดี ตอผูทรง ดํารงรัฐสีมาอาณาจักร ตามนิติธรรมประเพณี ความรักชาติบานเมือง นับถือศาสนา ความสามัคคีใน คณะ และไมท ําลายซง่ึ กนั และกัน ในสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวรัชกาลท่ี 6 ทรงจัดต้ังกองเสือปาขึ้น จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกลาโปรดกระหมอม ใหมีขอบังคับลักษณะปกครองลูกเสือ ใหจัดต้ังกองลูกเสือ ตามโรงเรยี น สถานอนั สมควร และกิจการลูกเสอื ไดแ พรหลายไปทั่ว
13 ตอมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไดเจริญกาวหนาเปนอยาง มาก ในปพุทธศกั ราช 2485 มกี ารออกพระราชบัญญัติลูกเสือ (ฉบับปพุทธศักราช 2485) สาระสําคัญ คือกําหนดใหพ ระมหากษัตรยิ ทรงดาํ รงตาํ แหนงพระบรมราชูปถัมภคณะลูกเสือแหงชาติ พุทธศักราช 2507 ไดออกพระราชบัญญัติลูกเสือเพ่ิมเติม มีหลักการสําคัญ คือ มาตรา 5 ใหคณะลูกเสือแหงชาติ ประกอบดวย บรรดาลูกเสือท้ังปวง ผูบังคับบัญชาลูกเสือ ผูตรวจการลูกเสือ กรรมการลูกเสือ และ เจาหนาที่ลูกเสือแหงชาติ มีการออกพระราชบัญญัติลูกเสือฉบับตาง ๆ ซึ่งนับวากิจการลูกเสือยุคนี้มี ความเจริญรุงเรืองมากท่ีสุด มีความกาวหนาทางดานอุดมการณ ดานการบริหาร ดานวิชาการ และ ลานกิจกรรม (สํานักผูตรวจราชการกระทรวงโยธาธิการที่ 2. 2551, หนา 8-9 อางถึงใน ศุภฤกษ ศิโรทศ. 2561, หนา 25-26) คาํ นยิ ามของคําวา scout จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต 2493 หมายถึง เด็กที่อยูในคณะ ท่ีตัง้ ข้นึ สําหรบั ใหเ ปน พลเมอื งดี และสามารถใหค วามหมายของคาํ วา scout ดงั นี้ s ยอ มาจาก Sincerity แปลวา ความจรงิ ใจ c ยอ มาจาก courtesy แปลวา ความสุภาพออ นโยน o ยอ มาจาก obedience แปลวา การเชอื่ ฟง u ยอ มาจาก unity แปลวา ความเปน นํ้าหนึ่งใจเดียวกัน t ยอมาจาก thrifty แปลวา ความมธั ยสั ถ นับตั้งแตพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวรัชกาลท่ี 6 ทรงใหกําเนิดกิจการลูกเสือ กจิ การลูกเสอื เจรญิ รงุ เรืองเปนอยางมากเนื่องดวยพระองคทรงดําเนินการดวยพระองคเอง เปนตนวา ทรงวางระเบยี บขอ บังคบั ลกั ษณะการปกครอง ทรงฝกอบรมสั่งสอนดว ยพระองคเอง และพระองคทรง พระราชทานพระมหากรณุ าธิคุณแกคณะลูกเสอื แหง ชาติดงั นี้ 1. ทรงต้ังสภากรรมการกลางจัดการลูกเสือแหงชาติ และพระองคทรงดํารงตําแหนง สภานายก สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเปนอุปนายก ตอมา สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพทรงลาออก จึงไดโปรดเกลาโปรดกระหมอมใหแตงตั้งสมเด็จ เจา พระยาพระเสด็จสเุ รนทราธบิ ดี เสนาบดีกระทรวงธรรมการเปน อปุ นายกในปน้ัน สมเด็จเจาพระยา พระเสด็จสุเรนทราธิบดีปวยหนัก ลาออกจากราชการจึงไดโปรดเกลาโปรดกระหมอมแตงตั้งพระยา ไพศาลศิลปะศาสตร ปลดั ทลู ฉลองกระทรวงธรรมการแทน 2. พระราชทานเหรียญราชนิยมใหแกลูกเสือโทฝาย บุญเล้ียง ตอมาเปนครูมีบรรดาศักด์ิเปน ขนุ วรศาสนด รณุ กจิ ในปพ ทุ ธศกั ราช 2457 3. ทรงตั้งโรงเรียนผูกํากับลูกเสือในพระบรมราชูปถัมภขึ้นท่ีสโมสรเสือปาบริเวณเขาดินวนา ในปพุทธศักราช 2458
14 4. สมัครเปนสมาชิกของสมัชชาลูกเสือไทย ซ่ึงมีท้ังส้ิน 31 ประเทศ และถือวาเปนสมาชิกผู รเิ รม่ิ จัดต้ังองคการลูกเสือโลก (สาํ นักงานคณะกรรมการการบริหารลูกเสอื แหง ชาต.ิ 2540, หนา 48) จากประวัติกิจการลูกเสือไทย ทําใหรูวากิจกรรมลูกเสือไทยเปนกิจกรรมที่พระราชทาน กําเนิดโดยองคพระประมุขของชาติ ปจจุบันพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหา วชิราลงกรณ พระวชริ เกลา เจา อยูหวั ยังทรงพระมหากรุณาธิคุณตอกิจกรรมลูกเสือนี้มาโดยตลอด ซึ่ง มีความเปนมายาวนานท่ีประจักษถึงประโยชนท่ีไดรับผูท่ีศึกษาความเปนมาจะมีความเขาใจลึกซึ้งตอ การเสียสละเพ่ือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย และด ารงไวซ่ึงคุณธรรมอันจะเปนประโยชนตอสังคม และประเทศชาติ 2.1.3 ความสําคญั ของกิจกรรมลูกเสอื พระราชบัญญัติลูกเสือปพุทธศักราช 2551 สํานักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ ไดใ หความหมายของกิจการลูกเสือวาเปนกิจการท่ีมุงพัฒนาท้ังทางกาย สติปญญา จิตใจและศีลธรรม ใหเปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชวยสรางสรรคสังคมใหเกิดความสามัคคี และมีความ เจรญิ กา วหนา ทั้งน้ีเพื่อใหความสงบสุขและความม่ันคงของประเทศชาติ ใหมีนิสัยสังเกตจดจํา เชื่อฟง และพึ่งตนเอง มีความซ่ือสัตยสุจริต มีระเบียบวินัยเห็นอกเห็นใจผูอ่ืนรูจักบําเพ็ญตนเพื่อ สาธารณประโยชน รูจักทําการฝมือ ฝกฝนใหทํากิจกรรมตาง ๆ ตามความเหมาะสม รูจักรักษาและ สงเสริมจารีตหรือประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคงของประเทศชาติ กิจการลูกเสือจึงเปนการ พัฒนาคุณภาพชีวิต ควรจะเริ่มตน ตั้งแตวัยเด็ก เพราะเด็กไทยเปนสมบัติอันสําคัญยิ่งของชาติควร นําเอาขบวนการลูกเสือมาพัฒนาเด็กและเยาวชนที่อยูในวัยเรียนชวง 8 ถึง 23 ป ใหเปนคนดีมี ระเบียบวินยั รูจักเสยี สละมีความสามัคคี จงรักภักดีตอชาติศาสนาและพระมหากษัตริยรูจักบําเพ็ญตน ใหเปนประโยชนตอผูอื่นตามกฎและคําปฏิญาณของลูกเสือ การนําเอากระบวนการของลูกเสือเขาไป ในโรงเรยี นเพื่อกอ ใหเ กิดประสิทธิภาพตอ การจดั กจิ กรรม เพราะการจัดกิจกรรมตาง ๆ คือสิ่งที่จะชวย ใหก ารพัฒนานกั เรยี นทกุ คนไปทุกดานพรอมพรอ มกัน กิจกรรมลูกเสือเปนแนวทางสําคัญที่จะชวยใหอุดมการณของชาติสําเร็จได เพราะกิจกรรม ลูกเสือไดฝกหัดอบรมสรางคานิยมท่ีถูกตองใหแกเยาวชนของชาติที่สมัครใจเปนลูกเสือ โดยมี ความสําคญั ดังน้ี 1. ลูกเสือเปน ผมู ีศาสนา 2. ลกู เสอื มีความจงรกั ภกั ดตี อประเทศชาตบิ านเมืองของตน 3. ลูกเสือมีความเช่ือมนั่ ในมิตรภาพและความเปน พี่นองของลกู เสือท่วั โลก 4. ลกู เสอื เปน ผูบ าํ เพ็ญประโยชนต อ ผูอน่ื 5. ลูกเสอื เปนผยู ึดมนั่ และปฏบิ ัติตามคําปฏิญาณและกฎของลกู เสือ 6. ลูกเสือเปน ผอู าสาสมัคร
15 7. ลกู เสอื ยอมไมเ กี่ยวของมคี วามเปน อสิ ระตอ อทิ ธิพลทางการเมือง 8. กระบวนการลูกเสือเปนโครงการฝกอบรมเด็กใหมีความรูเปนพลเมืองดีมีความ รับผิดชอบ มีกําหนดการพิเศษสําหรับการฝกอบรม โดยอาศัยระบบหมู ระบบกลุมตามระดับของ หลกั สตู ร การทดสอบเปน ข้นั รวมท้ังกิจกรรมกลางแจง (สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. 2551, หนา 28) 2.1.4 โครงสรางการบริหารกิจการลูกเสือไทย การบริหารกิจกรรมลูกเสือไทย ตามกฎหมายพระราชบัญญัติลูกเสือพุทธศักราช 2551 มี คณะกรรมการลูกเสือแหงชาติ สภาลูกเสือไทย คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ สํานักงาน ลูกเสือแหงชาติ ลูกเสือจังหวัด สํานักงานลูกเสือจังหวัด และลูกเสือเขตพ้ืนที่การศึกษา (พระราชบญั ญัติลกู เสือพุทธศักราช. 2551, หนา 93) สรุปดงั นี้ 1. คณะลูกเสือแหง ชาติ มกี ารบรหิ ารงานโดยคณะบคุ คลและหนวยงานดังนี้ 1.1 บรรดาลกู เสือทงั้ ปวง และบคุ ลากรลูกเสอื 1.2 คณะลกู เสือแหง ชาตมิ ีฐานะเปน นติ บิ ุคคล 1.3 คณะลูกเสอื แหง ชาตมิ พี ระมหากษตั ริยทรงเปนประมขุ คณะลูกเสือ 1.4 ใหก ระทรวงศึกษาธิการเปนหนวยงานที่มีหนาท่ีสงเสริม สนับสนุนงานของคณะ เสือแหงชาติ สํานักงานลกู เสอื แหง ชาติ สํานักงานลูกเสือจังหวัด สํานักงานลูกเสือเขตพ้ืนท่ี การศึกษา สถานศึกษา และหนวยงานอ่ืนที่เกี่ยวของ เพ่ือใหกิจกรรมลูกเสือบรรลุวัตถุประสงคเปนไปอยางทั่วถึง และมปี ระสทิ ธิภาพ 2. สภาลูกเสือไทย มีการบริหารงานโดยคณะบคุ คลและหนว ยงานท่เี กีย่ วของดงั นี้ 2.1 นายกรฐั มนตรีเปนสภานายก 2.2 รองนายกรัฐมนตรีเปนอุปนายกกรรมการสภาลูกเสือไทยโดยตําแหนง ไดแก รัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีวาการกระทรวง มหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย ผูบัญชาการทหารสูงสุด ภูมิศาสตรการทหารบก ผูบัญชาการทหารเรือ ผูบัญชาการทหารอากาศ ผูบัญชาการตํารวจแหงชาติ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการสภากาชาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมสงเสริมการปกครองสวนทองถ่ิน ผูวา ราชการกรุงเทพมหานคร ผูว า ราชการจงั หวดั และผอู าํ นวยการศูนยปฏบิ ัตกิ ารลกู เสอื ชาวบาน 2.3 กรรมการผูทรงคุณวุฒิ จํานวนไมเกิน 80 คน ทรงพระกรุณาโปรดเกลาโปรด กระหมอมแตงตงั้ ตามพระราชอัธยาศยั 2.4 เลขาธกิ ารสาํ นักงานลูกเสอื แหงชาตเิ ปน กรรมการและเลขานกุ าร 2.5 รองเลขาฯและผูชว ยเลขาธกิ ารสาํ นักงานลูกเสือแหง ชาติเปนผชู ว ยเลขานกุ าร
16 2.6 อาจมสี ภานายกกิตติมศกั ดิ์ อุปนายกกติ ตมิ ศกั ดิ์ และกรรมการกติ ติมศักด์ิซ่ึงจะได ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา โปรดกระหมอ มแตง ตั้ง 3. คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติและสํานักงานลูกเสือแหงชาติ มีการบริหารงาน บคุ คลและหนว ยงานที่เกยี่ วขอ งดงั น้ี 3.1 รัฐมนตรีวาการกระทรวงศกึ ษาธกิ ารเปน ประธานกรรมการ 3.2 กรรมการโดยตําแหนงไดแก ปลัดกระทรวงศึกษาธิการและปลัดกระทรวง มหาดไทยเปนรองประธานกรรมการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พ้ืนฐานเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการ สภากาชาดไทย ผูอํานวยการสํานักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ผูอํานวยการสํานักบริหารงาน คณะกรรมการสงเสรมิ การศกึ ษาเอกชน และผูอํานวยการศูนยป ฏิบัติการลูกเสือสํารอง 3.3 คณะกรรมการผูทรงคุณวุฒิ จํานวนไมเกิน 15 คนซึ่งสภานายกสภาลูกเสือไทย แตงตั้งโดยคําแนะนําของคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติและมาจากภาคเอกชนไมนอยกวา ครึ่งหนึง่ และมวี าระการดาํ รงตาํ แหนง คราวละกปี่ และดํารงตาํ แหนง ติดตอ กันเกนิ สองวาระไมได 3.4 เลขาธกิ ารสาํ นักงานลกู เสือแหงชาตเิ ปนกรรมการและเลขานุการ 3.5 รองเลขาธิการและผชู วยเลขาธิการสาํ นกั งานลูกเสือแหง ชาติเปน ผูชวยเลขานุการ 4. สํานักงานลูกเสือแหงชาติ เปนหนวยงานของรัฐท่ีไมเปนสวนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมี ฐานะเปนนิติบุคคล อยูในกํากับของกระทรวงศึกษาธิการ การแบงสวนราชการเปนไปตามขอบังคับ คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหง ชาติ มผี ทู าํ หนา ทด่ี ังนี้ 4.1 เลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติ รัฐมนตรีแตงต้ังจากรองปลัดกระทรวง ศกึ ษาธิการคนหนึง่ 4.2 รองเลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติและผูชวยเลขาธิการสํานักงานลูกเสือ แหงชาติ โดยการเสนอของเลขาธิการสํานักงานลูกเสือแหงชาติใหรัฐมนตรีแตงต้ังจากผูบริหาร ระดับสูงขนึ้ ในกระทรวงศึกษาธิการตามจํานวนท่เี หมาะสม 5. ลูกเสือจังหวัด มีระเบียบการปกครองลูกเสือตามเขตจังหวัด โดยคณะกรรมการลูกเสือ จงั หวัดดงั นี้ 5.1 ผวู าราชการจังหวดั เปน ประธานกรรมการ 5.2 กรรมการโดยตําแหนง ไดแ ก รองผูว าราชการจงั หวดั เปนรองประธานกรรมการ ปลัดจังหวัด นายกเหลากาชาดจังหวัด ผูบังคับการตํารวจภูธรจังหวัด นายกองคการบริหารสวน จงั หวัด นายอาํ เภอ นายกรัฐมนตรี นายกสมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัด และผูอํานวยการสํานักงาน เขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษา
17 5.3 กรรมการประเภทผูแทน จํานวน 5 คน ไดแก ผูแทนสถาบันอุดมศึกษา ผูแทน สถานศึกษาอาชีวศึกษา ผูแทนคายลูกเสือจังหวัด ผูแทนสมาคมหรือสโมสรลูกเสือ ผูแทนจากลูกเสือ ชาวบานซงึ่ เลือกกนั เองกลุม ละ 1 คน 5.4 กรรมการผทู รงคุณวฒุ ไิ มเกิน 10 คน ซึ่งประธานกรรมการแตงตั้งโดยคําแนะนํา ของกรรมการลูกเสือจังหวัด และกรรมการประเภทผูแทน ในจํานวนน้ีตองแตงตั้งจากภาคเอกชนไม นอยกวากึง่ หนึ่ง 5.5 ผอู าํ นวยการสาํ นกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาเขต 1 เปน กรรมการและเลขานกุ าร 5.6 ผูอํานวยการศูนยการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเปนกรรมการและ ผชู ว ยเลขานกุ าร 6. สํานักงานลูกเสือจังหวัด อยูในสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาเขต 1 มีผูอํานวยการ สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาเขต 1 เปนหัวหนาสํานักงานลูกเสือจังหวัด บังคับบัญชาและรับผิดชอบ การดําเนินงานของลูกเสือทั้งจังหวัด ผูอํานวยการศูนยการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเปนผูชวย หวั หนา สํานักงานลกู เสอื จงั หวดั 7. ลูกเสือเขตพ้ืนท่ีการศึกษามีหนาที่บริหารลูกเสือในเขตพื้นที่การศึกษาน้ันโดย คณะกรรมการลกู เสือเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาดังนี้ 7.1 ผอู ํานวยการสํานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาเปน ประธานกรรมการ 7.2 กรรมการโดยตําแหนง ไดแก ผูกํากับการสถานีตํารวจภูธรของทุกอําเภอในเขต พ้ืนที่การศึกษาหรือผูกํากับการสถานีตํารวจนครบาลของสถานีในเขตพื้นที่การศึกษาของ กรุงเทพมหานคร 7.3 กรรมการประเภทผูแทนไดแก ผูแทนองคกรปกครองสวนทองถิ่น ผูแทน สถานศึกษาในสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผูแทนสถานศึกษาเอกชน ผูแทนสถานศึกษา อาชีวศึกษา ผูแทนสถาบันอุดมศึกษา ผูแทนศูนยบริการการศึกษานอกโรงเรียนอําเภอ ผูแทนฝาย ลกู เสือและผแู ทนสมาคมหรือสโมสรลูกเสือซึง่ เลือกกันเอง กลุม ละ 1 คน 7.4 กรรมการผูทรงคุณวุฒิ จํานวนไมเกิน 7 คน ซึ่งประธานกรรมการแตงต้ังโดย คําแนะนําของกรรมการโดยตําแหนง และกรรมการประเภทผูแทน ในจํานวนน้ีตองแตงตั้งจาก ภาคเอกชนไมนอ ยกวากึ่งหนึง่ 7.5 รองผูอํานวยการสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาท่ีไดรับมอบหมายเปนกรรมการ และเลขานุการ 7.6 ขาราชการในสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาอีกไมเกินสองคนเปนผูชวยเลขานุการ ผอู ํานวยการสาํ นักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาแตงตงั้
18 8. สํานักงานลูกเสือเขตพ้ืนที่การศึกษาอยูในสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษานั้นโดยมี ผูอ ํานวยการสาํ นักงานเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาเปนหวั หนา สาํ นกั งานลกู เสือเขตพื้นที่การศึกษาบังคับบัญชา และรับผิดชอบการดําเนินงานของสํานักงานลูกเสือเขตพื้นท่ีการศึกษาและใหรองผูอํานวยการ สาํ นักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาซ่งึ ผูอาํ นวยการสํานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามอบหมายเปนผูชวยหัวหนา สาํ นักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา จากพระราชบัญญัติลูกเสือ ปพุทธศักราช 2551 การดําเนินงานบริหารกิจกรรมลูกเสือตอง เก่ียวกับหนวยงานหลายฝายท้ังภาครัฐและเอกชน โดยหนวยงานหลักท่ีขับเคลื่อนกิจกรรมลูกเสือให เจริญกาวหนาคือกระทรวงศึกษาธิการ ที่สําคัญมีหนาที่สงเสริม สนับสนุนการบริหารกิจกรรมลูกเสือ ทั้งภายในและภายนอกเพ่อื ศึกษาใหเจรญิ กาวหนา สงผลตอ การพัฒนาลูกเสือท้ังกาย สติปญญา จิตใจ ใหเ ปน พลเมืองดีมคี วามรบั ผดิ ชอบ 2.1.5 นโยบายกจิ กรรมลูกเสือ ผูเกี่ยวของในกิจกรรมลูกเสือไดมีนโยบายวิสัยทัศนในเรื่อง ลูกเสือตลอดมาเพื่อพัฒนา เยาวชนของชาติโดยมีเนือ้ หาดงั นี้ 1. นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับลูกเสือ 8 ประการในการประชุมสภาลูกเสือ แหงชาตคิ รัง้ ที่ 25 (สาโรจน จันทรแ จม. 2547, หนา 24 อางถึงในศุภฤกษ ศิโรทศ. 2561, หนา 31) มีใจความโดยยอคือ 1.1 มีความจําเปนท่ีจะตอ งใหทุกคนในโรงเรียนเปนลูกเสือ จนกวาจะออกไปประกอบ อาชีพได และใหทุกโรงเรียนจัดการเรียนการสอนโดยวิธีการลูกเสือคือเรียนดวยการกระทํา การเรียน ของลกู เสอื มีภาคปฏบิ ตั ิกิจกรรม ผูบ ริหารโรงเรียนตอ งคอยสอดสองดูแลเปนพเิ ศษ 1.2 ใหกรมวิชาการจัดกิจกรรมลูกเสือ เปนกิจกรรมบังคับของนักเรียนทุกคนจะตอง เรียน เนนใหทุกคนเปนลูกเสือ เพราะลูกเสือสรางคนใหมีระเบียบเสียสละ และบําเพ็ญประโยชนตอ ผูอน่ื และกรมวิชาการตอ งประสานงานกบั คณะกรรมการลูกเสือแหงชาตอิ ยางใกลชดิ 1.3 ควรกาํ หนดเรื่องการยกเวน เคร่อื งแบบมผี า ผูกคอเปนเสือหนกั เทา น้นั 1.4 ใหวิทยาลัยครูจัดฝกอบรมวิชาผูบังคับบัญชาลูกเสือ และนักศึกษาทุกคนตองเขา รบั การอบรม 1.5 ใหมีการฝกอบรมวิชาผูกํากับลูกเสือ ใหกับผูบริหารระดับสูงของกระทรวง ศกึ ษาธกิ ารที่ยงั ไมม วี ุฒทิ างลูกเสอื 1.6 ไปกรมพลศึกษา จัดใหมีการเรียนการสอนกิจกรรมลูกเสือทุกโรงเรียนโดย ประสานงานกับกรมเจา สังกัด
19 1.7 ใหมกี ารวางแผนฝกอบรมวิชาผบู ังคบั บัญชาลูกเสือขน้ั ความรูเบอ้ื งตน (B.T.C) การ วางแผนฝกอบรมวิชาผูบังคับบัญชาลูกเสือข้ันความรูช้ันสูง (A.T.C) โดยกระทรวงศึกษาธิการจะให การสนับสนุนฝกอบรมวชิ าผูกาํ กบั ลกู เสอื ทุกระดบั อยางเตม็ ที่ 1.8 ใหครทู ฝ่ี ก อบรมลกู เสอื ไดม คี วามดคี วามชอบเปน กรณีพเิ ศษ 2. คณะลูกเสือแหงชาติซ่ึงประกอบดวยบรรดาลูกเสือท้ังปวง บุคลากรทางการลูกเสือ ไดกลาวถึงนโยบายดานลูกเสือ 15 ขอ (สํานักงานลูกเสือแหงชาติ คณะกรรมการลูกเสือฝายพัฒนา บคุ ลากร. 2551, หนา 39) ไดแก 2.1 ดําเนินงานตามกฎหมายวาดวยลูกเสือ เรงรัดการตราพระราชบัญญัติลูกเสือ ปรบั ปรงุ ขอบงั คบั คณะลูกเสือแหง ชาติ วาดว ยการปกครอง หลักสตู รและวิชาพเิ ศษลกู เสอื 2.2 ปรับปรุงระบบการบริหารลูกเสือ โครงสรางการบริหารงานของสํานักงานคณะ กรรมการบริหารลกู เสอื แหงชาติ พัฒนาบุคลากร ยกระดับมาตรฐานลูกเสอื 2.3 เรงรัดการฝกอบรมครูผูสอนวิชาลูกเสือ ผูบังคับบัญชาลูกเสือทุกประเภท ทุกระดบั ใหม ีปริมาณและคุณภาพ โดยคาํ นงึ ถึงสดั สวนทีเ่ หมาะสม 2.4 ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอน การฝกอบรมลูกเสือ โดยใชนวัตกรรมและ เทคโนโลยี ตลอดจนการผลติ คมู ือส่อื การเรยี นตา ง ๆ 2.5 เรงรัดสํารวจ จัดทําทะเบียนสถิติ สํามโนประชากรลูกเสือผูบังคับบัญชาลูกเสือ กองลูกเสอื ทกุ ประเภท ทัง้ ในโรงเรียนและนอกโรงเรียน ทรัพยสินของคณะลูกเสือแหงชาติ ใหถูกตอง และเปน ปจจุบนั เพือ่ การวางแผนพัฒนากจิ การลูกเสือ 2.6 สงเสริมการศึกษา คนควา วิเคราะหวิจัย การดําเนินงานดานการบริหารงาน ลกู เสือ ดา นวิชาการ ดานกิจการลกู เสือ และปรบั ปรุงใหกจิ การลูกเสือเจรญิ กาวหนา 2.7 สงเสริมความสัมพันธ และความเขาใจอันดีกับลูกเสือนานาชาติสงลูกเสือ ผูบังคับบัญชาลูกเสือไปเรียนรวมชุมนุมลูกเสือกับประเทศเพื่อนบาน ในกลุมอาเซียน เขตเอเชีย แปซิฟก รวมกิจการลูกเสือโลกตามประกาศ จัดใหบังคับบัญชาลูกเสือ ไดมีโอกาสไปรับการฝกอบรม ในตา งประเทศเพือ่ เพิม่ เตมิ ความรูในวิชาลูกเสือ 2.8 สงเสริมใหลูกเสือ ผูบังคับบัญชาลูกเสือทุกประเภท ทุกระดับรักษาวัฒนธรรม และเอกลักษณไทยรวมกันสรางภาพพจนที่ดีแกลูกเสือในแนวทางของความซื่อสัตยสุจริต จงรักภักดี เสียสละ สามัคคี มีระเบียบวินัย และเปนผูมัธยัสถ ตลอดจนบําเพ็ญประโยชนตอสวนรวมตาม อุดมการณข องลูกเสอื 2.9 สงเสริม สนับสนุนใหลูกเสือ ผูบังคับบัญชาลูกเสือ รูจักพัฒนาทองถิ่นของตนเอง ตลอดจนการบรกิ ารชมุ ชนในทกุ ดาน ตามความสามารถและโอกาสอนั ควร
20 2.10 สงเสริม สนับสนุนใหลูกเสือ ผูบังคับบัญชาลูกเสือ รูจักพัฒนากิจการลูกเสือ รวมมือระหวางองคกรตาง ๆ ทั้งในภาครัฐบาลและเอกชนใหเกิดการประสานสัมพันธในการใช ทรัพยากรรวมกนั อยา งมีประสิทธภิ าพ 2.11 ทํานุบํารุง และพัฒนาคายลูกเสือ ใหอยูในสภาพของคายอเนกประสงคเพื่อใช ประโยชนในกจิ การลูกเสอื หรือสาธารณประโยชนอ ื่น ๆ 2.12 สงเสริมใหมีการชุมนุมลูกเสือระดับจังหวัด ในวันคลายวันสถาปนาคณะลูกเสือ แหงชาติ และจดั ใหม กี ารชมุ นมุ ลกู เสือแหงชาติ 4 ปต อครงั้ 2.13 สงเสริมใหมีการดําเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งกองลูกเสือนอกระบบโรงเรียน ให เปน ไปโดยถกู ตองตามกฎหมาย และดาํ เนินกจิ การลูกเสอื อยา งมีประสิทธิภาพ 2.14 สงเสริมสวัสดิการและประโยชนเกื้อกูลตาง ๆ แกลูกเสือ ผูบังคับบัญชาลูกเสือ ตลอดจนการยกยองประกาศเกียรติคุณ การบําเหน็จความดีความชอบ เพื่อเปนการบํารุงขวัญ และ กาํ ลังใจทป่ี ฏบิ ัติตนตามอุดมการณของคณะลูกเสอื แหงชาติ 2.15 สงเสริมกิจการลูกเสือชาวบานใหกาวหนาท้ังปริมาณและคุณภาพใหมีสํานึกใน หนา ทส่ี ทิ ธแิ ละความรับผิดชอบตอ สงั คม ตลอดจนความมนั่ คงปลอดภัยของประเทศชาติ จากอดีตสูปจจุบันกิจกรรมลูกเสือไดรับการสานตออยางตอเน่ือง กระทรวงศึกษาธิการและ คณะลูกเสือแหงชาติ ไดมีนโยบายเรื่องลูกเสือที่สอดคลองกันมาโดยตลอดคือสงเสริมใหผูเกี่ยวของ กิจกรรมลูกเสือมีความเจริญกาวหนาในทุก ๆ ดาน อนาคตแนวทางการจัดการศึกษาอาจมีการ เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวการณ เยาวชนบางสวนถูกปลูกฝงเนนหนักทางดานสติปญญาสราง ผลประโยชนใหตนเอง จึงเปนภารกิจสําคัญที่ผูเกี่ยวของกับเยาวชนทุกฝายจะตองรวมกันแลวนึกถึง คุณคาของกจิ การลูกเสือ หาทางฝก ฝนอบรมเยาวชนใหมีคุณลักษณะอันดีงามตามกระบวนการลูกเสือ ตั้งแตยังเด็ก อยาปลอยใหเกิดเปนปญหาดังพระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยูหัวท่ีทรงตรัสไววา “ไมออนดัดงาย ไมแกดัดยาก” อันจะนํามาซ่ึงความเจริญรุงเรืองของ ประเทศสืบไป 2.1.6 คาํ ปฏิญาณและกฎของลูกเสอื สามัญรนุ ใหญ คําปฏิญาณและกฎของลูกเสอื นับวาเปนรากฐานสําคัญซ่ึงเปนปจจัยสําคัญประการ หน่ึงท่ีทํา ใหขบวนการลูกเสือมีการพัฒนาเจริญกาวหนาไปอยางรวดเร็ว เพราะลูกเสือท่ีประพฤติ ปฏิบัติตน ตามคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสืออยางเครงครัดก็จะเปนคนดี มีระเบียบวินัยประพฤติ ตามประเพณี อันดีงาม และมีความจงรักภักดีตอชาติบานเมือง ซึ่งสามารถกลาวไดอยางภาคภูมิใจวา ลูกเสือเปน กําลังสําคัญสวนหนึ่งในการสรางความมั่นคงใหกับประเทศชาติ นอกจากนี้คําปฏิญาณและกฎของ ลกู เสอื ทุกขอยังสอดคลองกับหลักศีลธรรมของศาสนาทุกศาสนาอีกดวย (มูลนิธิคณะลูกเสือแหงชาติ 2533 : 156-157)
21 คําปฏิญาณของลูกเสือ คือ คํามั่นสัญญาท่ีลูกเสือไดใหไวแกผูบังคับบัญชาตอหนาแถวหรือ ในพิธีการทางลูกเสือ ซึ่งยึดถือเปนหลักสากลท่ีลูกเสือทุกคนตองปฏิบัติเชนเดียวกันหมด ลูกเสือ จะตองจดจําคําปฏญิ าณ และปฏิบตั ิตนตามคาํ ปฏญิ าณอยางเตม็ ความสามารถและใหดีทสี่ ุด ผทู เี่ ปน ลกู เสอื จะตอ งกลา วคาํ ปฏิญาณออกมาดว ยเสียงทดี่ ังและหนักแนน ดงั นี้ “ดว ยเกยี รติของขาฯ ขาฯ สัญญาวา ขอ 1 ขาฯ จะจงรกั ภกั ดตี อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย ขอ 2 ขา ฯ จะชว ยเหลือผูอ น่ื ทกุ เมื่อ ขอ 3 ขาฯ จะปฏิบตั ติ ามกฎของลกู เสอื ” ความหมายในคาํ ปฏิญาณของลูกเสือแตละขอนน้ั เราสามารถอธบิ ายไดด งั ตอ ไปน้ี คําปฏิญาณขอ 1 “ขาฯ จะจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย” หมายถึง การให คํามั่นสัญญา หรือใหสัตยปฏิญาณวาจะซื่อสัตย รักและเทิดทูนสถาบันท้ัง 3 โดยปราศจากเงื่อนไข สามารถจะเสียสละไดแมกระทงั่ ชวี ติ ของตนเองเพ่ือรักษาสถาบันทง้ั 3 นเ้ี อาไว คําปฏิญาณขอ 2 “ขาฯ จะชวยเหลือผูอื่นทุกเมื่อ” หมายถึง การใหคํามั่นสัญญา โดยถือ เปนภาระหนาที่ที่จะตองใหการชวยเหลือแกผูอื่นโดยไมเลือกเพศวัยหรือชาติชั้นวรรณะ มุงขจัด ความเหน็ แกต วั ยอมเสียสละความสขุ สว นตัวบําเพญ็ ตนใหเปนประโยชนตอสาธารณชน ชวยผูอื่นเมื่อ มีภัยโดยเฉพาะเดก็ ผูหญงิ คนชรา และผทู อ่ี อนแอกวา คําปฏิญาณขอ 3 “ขาฯ จะปฏิบัติตามกฎของลูกเสือ” หมายถึง การกลาวยืนยันใน เจตนารมณท่ีจะชวยใหกระบวนการลูกเสอื โดยยึดเอากฎของลูกเสือท้ัง 10 ขอเปนหลักในการดําเนิน ชีวิต กฎของลกู เสอื ไมใชข อหามหรือขอบังคับแตเปนหลักปฏิบัติที่ลูกเสือจะตองทําดวยความสมัครใจ ดว ยวิญญาณของลูกเสือ ดังน้ันกฎของลูกเสือก็เปรียบเสมือน “ศีล” น่ันเอง ซึ่งใชเปนหลักยึดเหน่ียว ที่จะทําใหลูกเสอื เปน คนดขี องครอบครัว ของสงั คม และของประเทศชาติ กฎของลูกเสือ คือ ขอบัญญัติหรือขอกําหนดสําหรับเปนแนวทางใหลูกเสือนําไปปฏิบัติ กฎ ของลูกเสือไมใ ชขอ หา มหรอื ขอบงั คับ แตเปนหลักปฏิบัติที่ลูกเสือจะตองทําตามดวยความสมัครใจ ซึ่ง มี 10 ขอ ดงั น้ี (มูลนธิ คิ ณะลูกเสอื แหงชาติ 2533 : 157-159) ขอ 1 ลูกเสือมีเกยี รติเชอื่ ถือได ลกู เสอื จะตองยึดม่ันในความซื่อสัตย ปฏิบัติตามคํามั่นสัญญาอยางเครงครัด มั่นคง อยู ในคุณความดีไมยอมพายแกส่ิงยั่วยุหรืออํานาจฝายตํ่า กระทําตนใหเปนที่เช่ือถือและไววางใจแกผูอ่ืน ไดเสมอ ขอ 2 ลกู เสือมคี วามจงรักภักดีตอ ชาติ ศาสนา พระมาหากษตั รยิ และซอ่ื ตรงตอผูม พี ระคุณ
22 เปนการยืนยันในคํามั่นสัญญาท่ีใหไวอยางมีเกียรติ ดวยการแสดงออก ปฏิบัติจริงทุก วิถีทางเพื่อปกปองสถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย รวมถึงจะตองยึดม่ันใน ความช่อื สัตยกตญั ตู อ ผูม พี ระคณุ ทุกทา น ขอ3 ลกู เสือมีหนา ทกี่ ระทาํ ตนใหเ ปน ประโยชนแ ละชว ยเหลอื ผูอ ่นื ลูกเสอื จะตอ งเปนคนไมเหน็ แกต ัว พรอ มอยูเสมอท่ีจะบําเพญ็ ประโยชนแ ละเปนท่ีพ่ึงแก ผูอน่ื ได ซง่ึ หมายความวา จะตอ งพัฒนาตวั เองใหม ีความรูค วามสามารถและพง่ึ ตนเองไดดว ย ขอ 4 ลกู เสือเปนมิตรของคนทุกคนและเปน พี่นองกบั ลูกเสอื อืน่ ทว่ั โลก ลกู เสือจะตอ งเปนผูที่มองโลกในแงดี มีจิตใจโอบออมอารี มีความเอื้อเฟอเผ่ือแผแกคน ทุกคนโดยไมเลือกเช้ือชาติ ศาสนา และช้ันวรรณะ รวมท้ังมีความตระหนักในหลักภราดรภาพ คือ มี ความรูส กึ เสมือนเปน พน่ี อ งกับลกู เสอื อื่นทวั่ โลก ขอ 5 ลกู เสือเปนผูสภุ าพเรียบรอ ย ลกู เสือจะตองเปน ผูม ีกิรยิ าวาจาสุภาพออนโยนออนนอม มีสัมมาคารวะตอบุคคลท่ัวไป ไมยกตนขมทาน ขอ 6 ลกู เสือมีความเมตตากรุณาตอ สัตว ลูกเสือจะตอ งเปน ผูม ใี จเมตตากรุณาสงสารสัตว ไมรังแกหรือทรมานสัตวใหไดรับความ เจบ็ ปวดหรือเมื่อพบสัตวไดรบั ความลาํ บากก็ตอ งใหก ารชวยเหลือมันจนพนภัย ขอ 7 ลกู เสือตอ งเช่อื ฟงคําสงั่ ของบิดามารดาและผบู ังคับบญั ชาดว ยความเคารพ ในฐานะที่บิดามารดาเปนผูใหกําเนิดและเล้ียงดูเราจนเติบใหญข้ึนมา รวมไปถึงบรรดา ครู อาจารย และผูบ ังคับบัญชา ทา นเหลา นล้ี วนเปน ผูท ม่ี ีประสบการณช วี ติ มากกวาเรา ดังน้ัน คําสอน คําช้ีแนะหรือคําส่ังของทานจึงเปนสิ่งท่ีมีคุณคา ลูกเสือจึงจะตองเคารพเชื่อฟงและปฏิบัติตามโดยไม ลงั เลใจอันเปนวินัยซึ่งเกิดจากภายในมใิ ชเปน การถกู บังคับใหก ระทํา ขอ 8 ลูกเสือมีใจรา เรงิ และไมย อ ทอตอความยากลาํ บาก ลูกเสอื จะตอ งเปน ผูมอี าการย้มิ แยมแจม ใสและราเรงิ อยูเ สมอ ถงึ แมวาจะตกอยูในความ ลาํ บากสกั เพียงใดกต็ าม กจ็ ะไมแสดงอาการยอ ทอ ใหเ หน็ ขอ 9 ลูกเสือเปนผูมธั ยสั ถ ลูกเสือจะตองเปนผูรูจักประหยัดทรัพยท้ังของตนเองและผูอ่ืน รูจักเก็บหอมรอมริบ สาํ หรับไวใชในวันขางหนา ไมเบยี ดเบยี นผูอน่ื ในเรือ่ งทรัพยสนิ เงินทอง ขอ 10 ลกู เสอื ประพฤตชิ อบดว ยกาย วาจา ใจ ลูกเสือจะตองรูจักสํารวมและระวังกาย วาจา ใจ ไมใหมีความอิจฉา ริษยา คิด เบียดเบียนหรือทําใหรางกายและทรัพยสินของผูอ่ืนเดือดรอนและชํารุดเสียหาย รวมไปถึงการไมพูด คําหยาบ คําเท็จ โดยพยายามยึดหลักวา “สิ่งท่ีคิด กิจที่ทํา คําที่พูด” จะตองไมทําใหทั้งตนเองและ
23 ผูอื่นเดือดรอน ซึ่งถาปฏิบัติไดดังน้ี ก็เทากับวาเราไดดํารงตนอยูในศีลธรรมอันดีมีความประพฤติชอบ ทง้ั กาย วาจา และใจ ลูกเสือทุกคนจะตองจําคําปฏิญาณและกฎของลูกเสือตามที่คณะลูกเสือแหงชาติ กําหนดไว ทุกคํา และจะตองปฏิบัติตาม พรอมท้ังนําไปใชในชีวิตประจําวัน คําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เปรยี บเสมอื นหนึง่ เปน ศลี ของลูกเสือนั่นเอง แนวการฝกอบรมลูกเสือธรรมนูญสมัชชาลูกเสือไดกําหนดแนวทางการฝกอบรม ลูกเสือไว ดังน้ี ใหเดก็ เขาเปนสมาชิกคณะลกู เสือดว ยความสมัครใจ โดยมีผูใหญเปนผูนําและจัดใหลูกเสือมีการ ปกครองตนเองเพ่ิมขน้ึ โดยลาํ ดับตามสมควรแกวัย เปดใหลูกเสือมีกิจกรรมและประสบความสําเร็จใน การทํางานท่ีถูกใจเนือง ๆ โดยพยายามจัดใหปฏิบัติในที่กลางแจงเปนสวนใหญ ใหลูกเสือมีโอกาส บาํ เพ็ญประโยชนต อ ผูอน่ื ใหล ูกเสือมีความรับผิดชอบตอตนเองและผูอ่ืนเพ่ิมข้ึนโดยลําดับ เพื่อใหเกิด สมรรถภาพ ความเช่ือมั่นในตนเอง นิสัยท่ีดี เช่ือถือไดกับความสามารถทั้งในการรวมมือและใหการ เปน ผูน ํา คณะกรรมการลูกเสือแหงชาติ (2538, หนา 6-7 อางถึงในสุรสิทธิ์ กาฬมาตย 2553, หนา 25-26) กุศโลบายในการอบรมลูกเสอื มี 9 ขอ คอื 1. เครอ่ื งแบบลกู เสือตองมคี รบ 7 ช้ิน คือ หมวกลูกเสือ เส้ือลูกเสือ กางเกงลูกเสือ ผา ผูกคอลกู เสือ เข็มขัดลูกเสือ ถุงเทา ลูกเสอื และรองเทา ลูกเสือ 2. คาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ ผูกํากับลูกเสือตองหมั่นฝกฝนใหเด็กรูจัก วิธีฝกและ วธิ ีปฏบิ ตั เิ ปนอยา งดีสมํ่าเสมอ 3. การบาํ เพญ็ ตนใหเปน ประโยชน ตามคตพิ จนข องลกู เสือ ดังนี้ 3.1 ลกู เสือสาํ รอง มีวา “ทําดีทส่ี ดุ ” 3.2 ลูกเสอื สามญั มวี า “จงเตรยี มพรอ ม” 3.3 ลูกเสือสามัญรุนใหญ มวี า “มองไกล” 3.4 ลูกเสอื วิสามัญ มีวา “บรกิ าร” 4. วธิ ีการสอนอบรม 5 ขน้ั ควรเสนอแนะลูกเสอื ดงั นี้ ข้ันท่ี 1 การเตรียม หมายถึง มแี ผนกําหนดงานและมีอปุ กรณพ รอม ขน้ั ที่ 2 การสาธติ หมายถึง การแสดงใหเ ห็นการกระทาํ และผลที่ไดรบั ข้ันที่ 3 การอธิบาย หมายถึง การบรรยายใหรูวาตองทําอะไรบางโดย ละเอียด ขนั้ ท่ี 4 การลอกแบบ หมายถึง ลูกเสือลงมือปฏบิ ตั ิดวยตนเอง ข้นั ที่ 5 การซกั ถาม หมายถึง การซักถามซ่ึงกนั และกนั
24 5. ระบบหมู มีการแบงลูกเสือออกเปนหมู กอง กลุม เพื่อดําเนินการฝกอบรมและ ดําเนินงานของลูกเสือใหมีการทํางานรวมกัน มีการเลน ฝกวินัย มีหนาที่ มีความรับผิดชอบ ดูแล มาตรฐานในดานความประพฤติ การปฏิบัติงานลูกเสือในแตละหมู กอง และกลุมของลูกเสือ รูจัก ระบบการเปน ผูนาํ และผตู ามท่ดี ี 6. ระบบเครื่องหมาย เปนเครื่องมือเพื่อใหลูกเสือเกิดความภาคภูมิใจในความสามารถ ตนเอง 7. กิจกรรมกลางแจง ตามขอบังคับของคณะลูกเสือแหงชาติ ขอ 273 ระบุวาผูกํากับ ลูกเสือหรือรองผูกํากับลูกเสือนําลูกเสือไปฝกอบรมเดินทางไกลและพักแรมในปหนึ่งไมนอยกวา 1 คร้ัง ครั้งหนึ่งตองคางคืน 1 คืน และมีการเดินทางไกล โดยมีวัตถุประสงคเพ่ือฝกลูกเสือใหมีความ อดทนมรี ะเบยี บวินยั รูจ กั ชวยตนเอง มีการอยูรวมกันเปนหมูคณะและมีการปฏิบัติกิจกรรมกลางแจง โดยการปฏบิ ตั จิ ริง 8. เกม เปนการพัฒนาใหลูกเสือมีน้ําใจเปนนักกีฬา มีความกลา กระตือรือรน รักหมู คณะ อดทน มีการสังเกต และมีความเปนระเบียบวินัยในหมูคณะ มีความไมเห็นแกตัวและสามารถ บังคับใจตนเองได 9. การรองเพลงและการชุมนุมรอบกองไฟ เพ่ือเปนการผอนคลายอารมณ ปลุกใจ และกอ ใหเกดิ ความรา เรงิ ใจ โดยสว นใหญจะเนนการอยูร วมกนั เปน หมูค ณะและตองการใหเด็กมีความ กลาหาญ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ (2538, หนา 78 อางถึงในสุรสิทธิ์ กาฬมาตย 2553, หนา 26-29) กระบวนการจัดกิจกรรมลกู เสอื สามญั ดําเนนิ การดงั นี้ 1. เปดประชุมทุกครั้งกอนจะมีการปฏิบัติกิจกรรมเปนการฝกระเบียบและวินัยใน ตนเอง ประกอบดว ยขั้นตอน ดงั นี้ 1.1 เปด ผูกํากับยืนอยูหนาเสาธง หางจากเสาธงพอสมควร เรียกลูกเสือ เขาแถว รปู ครง่ึ วงกลม 1.2 ชักธงขึ้น เม่ือลูกเสือเขาแถวเรียบรอยแลว ผูกํากับสั่ง “กอง-ตรง” หมูบริการ 2 คน เปนผูเ ชิญธง ใหเดินเขาไปหา งจากเสาธงประมาณ 3 กาว ท้งั สองทาํ “วนั ทยหัตถ” พรอมกันลด มือลงแลวคนหน่ึงกาวไปขางหนา 2 กาว เพ่ือแกเชือกที่ผูกธงออก แลวถอยหลังมาที่เดิม ผูกํากับสั่ง “กอง เคารพธงชาติ...วันทยาวุธ” (ในกรณีมีอาวุธทุกคน) หมูบริการนํารองเพลงชาติ เม่ือจบเพลง คนหนึ่งเดินเขาไปผูกเชือกธง แลวถอยหลังมาที่เดิม ทั้งสองคนทําวันทยหัตถพรอม ๆ กัน แลวลดมือ ลง (ขณะนั้นลูกเสือยังอยูในทาอาวุธอยู) กลับหลังหัน ว่ิงกลั เขาท่ีของตน แลวทําวันทยาวุธเหมือน ลูกเสือในแถว ผูกํากับสั่ง “เรียบ-อาวุธ” (สวนผูกํากับและรองผูกํากับอื่น ๆ ใหลดมือลงจากการทํา วนั ทยหัตถ พรอ มกับลกู เสือสองคนทเี่ ชญิ ธง กอนวงิ่ กลับ หลงั หันเขา ท่)ี
25 1.3 สวดมนต พอลดมือลงแลว ทุกคนอยูในทาตรง ถอดหมวกเตรียมสวดมนต ถา ลูกเสือมีไมงามใหยกไมงามมาวางไวก่ึงกลางระหวางเทาท้ังสอง ไมงามสวนบนพิงแขนซายซ่ึงงอเปน มุมฉากรับไวแ ลว จากน้ันหมูบริการนําสวดมนต 1.4 สงบนิง่ เมอ่ื สวดมนตเสร็จ ทุกคนสงบน่ิง 1.5 ตรวจ ในตอนนี้ เปนการตรวจเพื่อความพรอมในการเรียน หรือตรวจความ สะอาด เชน เล็บ ฟน หรืออื่น ๆ (ผูกํากับเปนผูสั่งกอน วาใหใครตรวจ ตรวจอะไร) การตรวจมี 2 แบบ คือ ใหรองผูกํากับเปนผูตรวจ หรือนายหมูเปนผูตรวจ (ในกรณีท่ีรองผูกํากับ ไมอยูหรือมีนอย) เม่อื ตรวจเสร็จ ก็จะมีการรายงานผลการตรวจกบั ผูก ํากบั พอรายงานเสรจ็ 1.6 แยก เมื่อผูต รวจรายงานเสร็จ ผูกํากับอาจจะสรุปหรือพูดอะไรอีกเล็กนอยก็ได จากน้นั สงั่ “กองตรง” “กอง-แยก” ใหล กู เสือทาํ ขวาหัน แลว แยกยายกนั ไป หมายเหตุ 1. ธงชาติ จะตองผกู อยูทางดา นขวาของผูเชิญธง 2. ในชวงของการสวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ ผูก ํากับจะตองกลับมายืนอยูหนา เสาธง (หลงั จากไปอยดู า นขา งในชวงเชญิ ธงชาติ) 2. เกมหรอื เพลง เปน การอบอุน รา งกายใหมีความพรอ มกอนปฏิบัติกิจกรรม เพื่อใหเกิดความ สนุกสนาน 3. ปฏิบตั กิ จิ กรรมโดยใหศ กึ ษา วเิ คราะห วางแผน เนนการปฏิบัตเิ ปนฐานในระบบหมู 4. เลาเร่ืองสัน้ ที่เปน ประโยชนห รอื สรปุ บทเรียนเพ่อื การนําไปใช 5. ปด ประชุมกอง เรมิ่ จากนัดหมาย ตรวจเครื่องแตงกาย ชักธงลงเลกิ 5.1 ปด ผูกํากับยืนอยูหนาเสาธง หางเสาธงพอสมควร เรียกลูกเสือเขาแถวรูปครึ่ง วงกลม 5.2 นัดหมาย เมื่อลูกเสือเขาแถวเรียบรอยแลว ผูกํากับส่ัง “กอง-ตรง” แลวสั่ง “ตาม ระเบยี บพกั ” แลว นัดหมายเปนการนัดหมายใหลกู เสือไดรู หรอื เตรยี มการในคราวหนท มี่ กี ารสอน 5.3 ตรวจ การตรวจจะตรวจเคร่ืองแบบอยางเดียว ทั้งน้ีลูกเสือจะไดกลับ หรือเลิก เรียนแลวจะตอ งแตงเคร่ืองแบบลูกเสือทถ่ี ูกตอง การตรวจมี 2 แบบ คือ แบบท่ี 1 รองผูกํากับเปนผูตรวจ เมื่อตรวจเสร็จ รองผูกํากับจะ รายงานตอผู กาํ กบั ตรงหนาหมูที่ตรวจ (ไมต อ งรอวา ใหตรวจเสร็จพรอ มๆ กนั กอน แลว จงึ รายงาน) แบบท่ี 2 นายหมูเปนผูต รวจ เม่ือตรวจเสร็จ นายหมูท่ีตรวจจะตองยืนรออยูหนา หมูท ่ตี รวจโดยหันหนาเขาหาผูกํากับและตองรอทุกหมูตรวจเสร็จ จากนั้นนายหมูจะมาเขาแถวหนาผู กาํ กับหางผูกํากับประมาณ 3 กาว นายหมูท่ีทําหนาที่หมูบริการจะตองอยูหัวแถวแลวเรียงตามลําดับ
26 คนกลางอยูตรงหนาผูกํากับ จากน้ันจึงรายงานทีละคนนับจากหัวแถวจนหมด เมื่อรายงานเสร็จ ผูกํากับส่งั “เขา ท”่ี ทุกคนทาํ ความเคารพ (มีอาวุธ ทําวันทยาวุธ มือลง) แลว กลบั หลงั หันเขา ท่ีเดิม 5.4 ชกั ธงลง เมือ่ ตรวจเสร็จ ผูกํากับสงั่ “กอง-ตรง” หมบู รกิ าร 2คน ออกมาที่หนาเสา ธงหางจากเสาธง 3 กา ว แลว ทาํ วนั ทยหตั ถพรอมกัน มอื ลง แลว คนหนึ่งกา วไปขางหนา 2 กาว เพ่ือแก เชือกท่ีผูกธงออก แลวถอยหลังกลับมาที่เดิม ผูกํากับส่ัง “เคารพธงชาติ วันทยาวุธ” ทุกคนทํา วันทยาวุธ คอยๆ ชักธงลง (ไมมีการรองเพลง หรือเปานกหวีด) จากนั้นคนหน่ึงเดินเขาไปผูกเชือกธง แลว ถอยหลงั มาท่ีเดิม ทําวนั ทยหตั ถพรอ ม ๆ กนั ลดมือลง กลับหลังหัน เขาท่ีเดิมทําวันทยาวุธ แลวผู กํากับจะสัง่ “เรียบ-อาวธุ ” “ตามระเบียบ-พกั ” 5.5 เลิก ผูกาํ กับจะสัง่ “กอง-ตรง” ส่ังตอ “กอง-เลิก” ลูกเสือทุกคนทําวันทยาวุธแลว เรยี บอาวุธ (เมอ่ื มีอาวธุ ) จากนัน้ ทาํ ขวาหนั แลว แยกยายกนั ไป หมายเหตุ ในชวงของการนัดหมาย ตรวจ ผูกํากับจะตองยืนอยูหนาเสาธง หางเสาธง พอสมควร ชวงชักธงชาติลง จะตองมาอยูดานขาง เม่ือธงลงเสร็จตองกลับไปอยูท่ีหนาเสาธงอีก (สมพงษ เมธานาวิน 2544 : 13) โดยปกตกิ ารจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนของลูกเสือน้ัน จะแบงออกเปน 2 อยาง คือ 1) การเรียนการสอนตามเน้ือหาในหลักสูตรวิชาลูกเสือ 2) กิจกรรมเสริมหลักสูตร ไดแก พิธีเขา ประจาํ กองลูกเสือ พิธีประดับเคร่ืองหมาย พิธีสงตัวลูกเสือ พิธีสวนสนามและทบทวนคําปฏิญาณ พิธี ประดับเคร่ืองหมายวิชาพิเศษลูกเสือ การรวมกิจกรรมกับหนวยงานอ่ืน ๆ การรวมพิธีวันสําคัญทาง ศาสนา การทัศนศกึ ษาเยย่ี มเยียน การบาํ เพญ็ ประโยชนแ ละการเขารวมชมุ นมุ งานชุมนมุ ลกู เสือ 2.1.7 การประเมนิ คณุ ภาพงานลกู เสอื ภายในสถานศกึ ษา ตารางที่ 2.1 แสดงเกณฑกา รประเมนิ คุณภาพงานลกู เสือภายในสถานศกึ ษา องคป ระกอบ ตัวบงช้ี เกณฑการพจิ ารณา องคป ระกอบที่ ตวั บงชี้ที่ 1. ความมีระเบียบวนิ ยั 1.1 ปฏบิ ัติตามกฎของลูกเสอื 1. ดานลกู เสอื ความสนใจ ความสนกุ ระเบียบของกองลกู เสือ/โรงเรียน/สังคม/ ความภาคภมู ิใจ กระทําความดปี ระจําวนั (Good Turn) ความตระหนกั ในคณุ คา
27 ตารางที่ 2.1 (ตอ) องคป ระกอบ ตัวบงชี้ เกณฑการพจิ ารณา 1.2 เขารวมกจิ กรรมลูกเสือดวยความ องคป ระกอบท่ี และความสุขในการเปน ลูกเสอื สนใจ ความสนุก มีความภาคภูมิใจ และมีความสุขในการเปน ลูกเสอื 1. ดา นลูกเสอื เรียนรู/มที ักษะดา นสญั ลกั ษณลกู เสือ 1.2 สามารถปฏิบตั ทิ ักษะสัญลักษณ ตัวบง ช้ีที่ 2. การปฏบิ ตั ติ ามคํา ลูกเสอื ตามประเภท เรยี นรแู ละปฏิบัติ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ กจิ กรรม ตามเนือ้ หาสาระในหลกั สตู ร ตวั บง ช้ที ี่ 3. การชว ยเหลือผูอื่น 2.1 ประพฤตปิ ฏิบัตโิ ดยยึดหลกั ชมุ ชน ชาตบิ านเมอื งและสงั คมโลก คุ ณ ธ ร ร ม จ ริ ย ธ ร ร ม ต า ม คํ า ปฏิญาณ กฎของลูกเสือ และหลักคํา สอนของ ศาสนา 2.2 กระทํากจิ กรรมชวยเหลอื งาน สถานศกึ ษา งานบาน และเคารพเชื่อ ฟงพอ แม ครู อาจารย 2.3 กระทาํ กิจกรรมที่กอใหเ กดิ ความรัก ความสามัคคี ระหวางคน ในชาตแิ ละ ความเปน พีน่ อ งกัน ของลูกเสอื ทั้งภายในและภายนอก ประเทศ 3.1 ชว ยแกป ญหาและพฒั นาเพ่อื น พี่นองลูกเสือทง้ั ในและนอกสถาน ศึกษา 3.2 ชว ยเหลอื และใหบรกิ ารครู อาจารย บพุ การี และบคุ คลทพุ พล ภาพหรอื ผูสงู อายทุ ข่ี าดการดแู ล
28 ตารางท่ี 2.1 (ตอ) องคประกอบ ตัวบงชี้ เกณฑการพจิ ารณา องคป ระกอบที่ ตวั บง ชี้ท่ี 3. การชว ยเหลอื ผอู ่นื ชุมชน 3.3 ชว ยพัฒนาสิง่ แวดลอ ม อนรุ กั ษ 1. ดานลกู เสอื ชาติบานเมอื งและสงั คมโลก ธรรมชาติ แกปญหาพัฒนาเศรษฐกิจ และสงั คมในชุมชน รวมทงั้ กิจกรรมที่ เก่ยี วกบั ชาติ ศาสนา วัฒนธรรม และสงั คมโลก องคประกอบท่ี ตวั บงช้ที ่ี 1. การพัฒนาตนเอง 1.1 มีอุดมการณและวิสยั ทัศนใ น 2. ด า น ทางดานลกู เสือ กิจการลูกเสอื ผบู รหิ าร 1.2 เขารบั การอบรมเพอื่ ใหม ีคณุ วฒุ ิ และเพ่ิมทักษะทางลกู เสือ 1.3 เขารวมประชุม อบรม สัมมนา เพอื่ พฒั นาการกิจการลูกเสือ ตวั บงช้ที 2่ี . การบริหาร สงเสรมิ 2.1 กําหนดใหมีวิสัยทัศน พันธกิจ และสนับสนนุ การจัดกิจกรรมลกู เสือ ยทุ ธศาสตร นโยบาย แผนพัฒนา และระบบการบรหิ ารจดั การกิจการ ลกู เสอื 2.2 สง เสริม สนบั สนนุ บุคลากรลูกเสือ และนเิ ทศ ตดิ ตามประเมนิ ผลการ จดั กจิ กรรมลูกเสือ 2.3 สงเสรมิ การจัดมวลกจิ กรรม ลกู เสอื และมีสวนรว มในกิจกรรม ลกู เสอื ตัวบงชท้ี ่ี 3. การสรา งความสมั พนั ธ 3.1 มีสวนรวมในการบริการชุมชน กับชุมชน การชวยเหลือผูอื่น ชุมชน อนุรักษธรรมชาติ พัฒนาส่ิงแวดลอม ชาติบานเมืองและสังคมโลก และสงเสริมใหมีการชวยเหลือและ ใหบริการบุพการีและบุคคลทุพพล ภาพ หรอื ผสู งู อายุทีข่ าดการดแู ล
29 ตารางท่ี 2.1 (ตอ) องคประกอบ ตวั บงชี้ เกณฑการพจิ ารณา องคประกอบที่ ตวั บง ชท้ี ี่ 3. การสรางความสัมพนั ธ 3.1 สงเสรมิ ใหมีการนําทรพั ยากร 2. ด า น กับชุมชน การชวยเหลือผูอื่น ชุมชน ของชุมชนมาพัฒนากิจการลูกเสือ ผบู รหิ าร ชาติบา นเมอื งและสังคมโลก สถานศกึ ษา 3.2 มีสวนรวมในการแกป ญหาพัฒนา เศรษฐกิจและสังคม และกจิ กรรมที่ เกีย่ วขอ งกับสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย วัฒนธรรม และสงั คมโลก องคประกอบที่ ตั ว บ ง ช้ี ท่ี 1. ก า ร พั ฒ น า ต น เ อ ง 1.1 มอี ุดมการณและวสิ ยั ทัศนใน 3. ดา นผกู าํ กับ ทางดาน กิจการลูกเสือ ลูกเสอื ลกู เสือ 1.2 เขา รับการอบรมเพอ่ื ใหมคี ุณวฒุ ิ และเพ่ิมทกั ษะทางลกู เสือ 1.3 เขารวมประชุม อบรม สัมมนา ตวั บง ช้ีท่ี 2. การวางแผนและการจดั เพื่อพฒั นาการกิจการลูกเสือ กจิ กรรม 2.1 วางแผนการจดั มวลกิจกรรม ลูกเสือ และฝก อบรมลูกเสอื ตามวตั ถุ ประสงค หลักการและวิธกี ารและ หลกั สูตร 2.2 ชว ยเหลือ หรอื เขารวมการจดั กจิ กรรมลูกเสือภายนอกสถานศกึ ษา และนําทรัพยากรในชุมชนเขามารว ม พฒั นาการจัดมวลกิจกรรมลูกเสอื 2.3 ศกึ ษา คนควา วิจัย และประเมนิ ผลเพื่อใหเ กดิ การพฒั นารปู แบบ วธิ ีการ และมีสวนชวยในการ แกปญ หา และพัฒนาการจดั มวล กิจกรรมลูกเสือ
30 ตารางท่ี 2.1 (ตอ) องคป ระกอบ ตวั บง ช้ี เกณฑก ารพจิ ารณา 3.1 ดําเนินการในงานธุรการ เอกสาร องคประกอบที่ ตวั บง ชที้ ่ี 3. การบริหารงานใน ระเบียน การเงนิ บัญชแี ละการเก็บ คาบํารงุ ลกู เสอื ตามระเบยี บ 3. ดานผูกํากับ กองลกู เสือ 3.2 ดําเนินการจัดตั้งระบบและพัฒนา ลูกเสอื หมู กองลูกเสือ รวมท้ังจัดทํารายงาน และประชาสมั พนั ธกจิ การลูกเสอื องคประกอบท่ี ตวั บง ชี้ 1. กจิ กรรมสญั ลักษณล ูกเสือ 4. ดานการจดั 3.3 บริหารจดั การอาคาร สถานที่ วัสดุ กิจกรรมลกู เสอื ครุภัณฑ อุปกรณ เครอ่ื งมอื เครื่องใชเกย่ี วกบั กจิ การลกู เสือ ตวั บงชท้ี ี่ 2. กจิ กรรมตามคําปฏิญาณ และกฎ 1.1 มกี ารฝกอบรมใหความรู และ ทักษะในดานระเบยี บวินยั การประกอบพิธที างลูกเสือ และเนือ้ หาสาระตามหลักสูตร 1.2 มกี ารจดั กจิ กรรมเดนิ ทางไกล และอยูคายพักแรมตามวัตถุประสงค และวิธกี ารทางลูกเสือ ฝกอบรม ทักษะ ลกู เสือตามประเภทใหสามารถ นาํ ไปใชชว ยตวั เองและผูอื่น 1.3 มีการฝกอบรม และทดสอบเพ่ือ รับ เคร่ืองหมายตามหลักสตู รและวิชา พิเศษ 2.1 มกี ารฝก อบรมและการจัดกจิ กรรม เสรมิ สรางคุณธรรม จรยิ ธรรมตาม คาํ ปฏิญาณ กฎของ ลูกเสอื และหลกั ธรรมคาํ สอนของ ศาสนา
31 ตารางท่ี 2.1 (ตอ) องคป ระกอบ ตวั บง ชี้ เกณฑการพิจารณา องคประกอบท่ี ตวั บง ช้ีที่ 2. กจิ กรรมตามคําปฏญิ าณ 2.1 มกี ารจัดกิจกรรมฝก อบรมให 4. ดา นการจัด และกฎ ชวยเหลือครอบครัว สถานศึกษา ครู กิจกรรมลูกเสือ อาจารย ผูบ งั คบั บัญชาลกู เสอื และรวม ก ร ะ ทํ า กิ จ ก ร ร ม เ ก่ี ย ว กั บ ง า น ข อ ง ชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และสถาบัน พระ มหากษัตริยเปนพี่นองกับลูกเสืออ่ืนท่ัว โลก 2.2 มีการฝก อบรมใหม คี วามรู ความสามารถในการบาํ เพ็ญประโยชน ชวยเหลือเพ่ือน ผูอื่น บุคคลที่ทุพล ภาพ ผสู ูงอายุทีข่ าดการดแู ล กระทํา กิจกรรมเพื่อเสริมสรางความรัก ความ สามคั คี ความสมานฉันทระหวางคนใน ชาติ และความเปนพ่ีนองกับลูกเสืออื่น ท่วั โลก ตัวบง ชีท้ ี่ 3. กิจกรรมโครงการเพอ่ื การ 3.1 มีการจดั กิจกรรมโครงการเพือ่ แกป ญหาและพฒั นา แกปญหา สงเสริมสุขภาพกายและใจ และเพือ่ การชว ยเหลือ แกปญหา อุบตั ิเหตุ อบุ ัตภิ ยั 3.2 มีการจดั กจิ กรรมโครงการ ใหบ รกิ ารชุมชนเพ่ือแกป ญหา และ พัฒนาสิง่ แวดลอม เศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการมสี ว นรวมในกิจกรรมทาง วัฒนธรรมและศาสนา
32 ตารางที่ 2.1 (ตอ) องคประกอบ ตัวบงชี้ เกณฑการพจิ ารณา องคประกอบที่ ตัวบง ชท้ี ี่ 3. กิจกรรมโครงการเพื่อการ 3.3 มีการจัดกจิ กรรมโครงการท่มี ี 4. ดา นการจัด แกป ญหาและพัฒนา สว นรวมในงานของชาติ สถาบัน กิจกรรมลกู เสือ พระมหากษตั ริย และเสริมสรา ง ความมั่นคงของชาติ รวมทงั้ การ ฝกอบรมวิชาพิเศษเพื่อสง เสริมการ ศึกษาตอ ในสถาบันทหารและตาํ รวจ ท่ีมา: สํานกั การลกู เสอื ยุวกาชาด และกิจการนักเรยี น (2551, หนา1-10) จากเกณฑก ารประเมนิ คุณภาพงานลูกเสือในสถานศึกษาขางตน สรปุ ไดว า กระทรวงศึกษาธิการ จัดใหมีองคประกอบที่ครอบคลุม ทั้ง 4 ดานคือ ดานลูกเสือ ดานผูบริหาร ดาน ผูกํากับลูกเสือ และดานการจัดมวลกิจกรรมลูกเสือ 13 ตัวบงช้ี ซึ่งถาสถานศึกษาใหเกณฑน้ีเปน แนวทางในการบริหารกิจกรรมลูกเสือ ก็จะทําใหการจัดกิจกรรมลูกเสือดําเนินไปในทิศทางท่ีถูกตอง และเปน ไปตามมาตรฐาน 2.2 แนวคดิ การบรหิ ารกิจกรรมลกู เสอื ของสถานศกึ ษา ในการบริหารกจิ กรรมลกู เสือของสถานศึกษา ใหมีความสอดคลองไปในทิศทางเดียวกัน ตาม วัตถุประสงคของคณะลูกเสือแหงชาติ และของสถานศึกษา ผูวิจัยไดศึกษาองคประกอบ หลักการ ลูกเสอื และแนวคิดทฤษฎกี ารบรหิ ารงานท่เี ก่ียวขอ งดังน้ี ตารางท่ี 2.2 แสดงการสงั เคราะหข อบขา ยการบริหารกิจการลูกเสือสามัญรุนใหญ แหลง ขอมูล ขอบขายการบริหาร กิจกรรม ิกต ิต เหลากสิการ ลกู เสือสามัญรนุ ใหญ ุจไรรัตน จงออน 1. ดานการบริหารท่ัวไป ไพรินทร ส ุกลโพน 2. ดานการติดตามประเมนผล บุญ ีม ปานแดง สนธิชัย ผองฤก ษ อ ุดลย สุขเจริญ ณรง ค ัจนทะ ัคด ความ ่ีถ 6 4
33 ตารางท่ี 2.2 (ตอ ) แหลง ขอมลู ขอบขายการบรหิ าร กิจกรรม ิกต ิต เหลากสิการ ลูกเสือสามัญรนุ ใหญ ุจไรรัตน จงออน ไพรินทร ส ุกลโพน บุญ ีม ปานแดง สนธิชัย ผองฤก ษ อ ุดลย สุขเจริญ ณรง ค ัจนทะ ัคด ความ ่ีถ 7 3.ดา นบคุ ลากรลกู เสอื 5 4. ดานการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญ 5. ดานงบประมาณ 3 6. ดา นความสัมพันธก ับชุมชน 1 7.ดา นการจดั การองคกร 1 8. ดานการประสานงาน 1 9. ดา นการควบคมุ 10. ดา นอํานวยการ 1 11. ดา นงานทะเบียน 1 12. ดานพสั ดุ 1 1 จากการท่ีสงั เคราะหเ อกสารของนกั วชิ าการท่ีเก่ยี วของกบั กิจกรรมลูกเสอื สามัญรนุ ใหญ จํานวน 7 คน คาความถีต่ ้ังแต 4 ขึน้ ไป คดิ เปน 60% (Chung Teh Fan) ไดร ูปแบบขอบขายการ บริหารกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญในการทาํ วิจยั ในครั้งน้ี 2.2.1 ดานการบริหารท่ัวไป การบรหิ าร เปนกระบวนการวางแผนหรือกจิ กรรมตาง ๆ ซ่ึงกลมุ บุคคลรว มกนั ทําเปนคณะ กาํ หนด จดุ มุงหมาย วตั ถุประสงค และใชทรัพยากรในการดาํ เนนิ งานขององคกรมาประกอบการ บรหิ ารเพือ่ ใหบ รรลุวัตถปุ ระสงคที่กําหนดไวอยางมปี ระสทิ ธิภาพ (สรุ พล ทํานุพันธ, 2549, หนา 10 อางถึงในศุภฤกษ ศิโรทศ, 2561, หนา 34) และในการบรหิ ารกิจกรรมลูกเสือท่ัวไป ตองอาศยั องคป ระกอบหลายดานเชน การเงินหรอื งบประมาณ วัสดุอุปกรณ การจดั หรือเทคนคิ การใหบริการ (ทิพวลั ย แสงไฟฉาย, 2549, หนา 27 อางถงึ ในศภุ ฤกษ ศโิ รทศ, 2561, หนา 34) การบรหิ ารทว่ั ไปหมายถึง การดาํ เนนิ งานสงเสรมิ การบริหารกจิ กรรมลูกเสือของนักการศึกษา ใหประสบผลสําเร็จ โดยมีปจจัยหลายประการอันจะน าไปสูประสิทธิภาพในงานท่ีสําคัญคือ โครงสราง การบริหารกิจกรรมของลูกเสือของสถานศึกษา ระบบสนับสนุนการบริหารท่ัวไป เชน เทคนคิ การ บริหาร การวางแผน การเงนิ หรืองบประมาณ วัสดุ อุปกรณ ดังมรี ายละเอียดตอ ไปน้ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205