ปที ี่ 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎำคม - ธันวำคม 2563 ISSN ONLINE XXXX - XXXX บทความวิชาการ วิภาดา พนิ ลา • มโนทศั นพ์ นื้ ฐานทางเศรษฐศาสตรก์ บั การสอนสงั คมศกึ ษาในระดบั ประถมศกึ ษาผา่ น อภนิ นั ท์ พฤกษะศรี การสอนสาระการเรยี นรวู้ ิชาเศรษฐศาสตร์ ณฐั ฐิรา ปยุ ะกุล ซวิค บทความวิจยั มาหะมดั สาปารี หะยมี ะเซง็ ณัฎฐา มูลปา • กระบวนการการบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยเพอ่ื ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา ภควตั จันทรรศั มี สงั กดั สา� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พนู สขุ อุดม จุฑามาศ จนั ทรศ์ ร • การพฒั นาการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ า� ศพั ทเ์ พอ่ื นายฮู นั กจู ิ เสรมิ สรา้ งความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและ พิสษิ ฏ์ นาสี กลวธิ กี ารเรยี นรคู้ า� ศพั ทข์ องนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม วีระพนั ธ์ เจริญลิขติ กวนิ มลฤดี สทิ ธิชัย ปกหน้า• การพฒั นาบทเรยี นคอมพวิ เตอรม์ ลั ตมิ เี ดยี เรอื่ งการคณู ทศนยิ ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ สา� หรบั นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ตระกลู พนั ธ์ ยชุ มภู • การพฒั นาแบบวดั ความพอเพยี ง สา� หรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ตามทฤษฎขี อง โคลเบริ ก์ • การพัฒนาแอปพลิเคชันความเป็นจริงเสริมในคู่มือการใช้โสตทัศนูปกรณ์ ส�าหรับ บคุ ลากรมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั สงขลา • การวิเคราะห์ความรู้ส�าคัญส�าหรับการสร้างหลักสูตรความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ ระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน • การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงส�ารวจคุณลักษณะของครู 4.0 สังกัดส�านักงานคณะ กรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน • การสรา้ งหนงั สอื สง่ เสรมิ การอา่ น ชดุ ตา� นานเมอื งปตานี จงั หวดั ปตั ตานี สา� หรบั นกั เรยี น ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 ตามกระบวนทศั นส์ รา้ งสรรคส์ งั คม • การสงั เคราะหง์ านวจิ ยั ในหลกั สตู รศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการศกึ ษา วชิ า เอกการศกึ ษาเพอ่ื การพฒั นา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ • ความฉลาดรดู้ า้ นวทิ ยาศาสตรข์ องนกั ศกึ ษาครวู ทิ ยาศาสตร์ • ผลของการใชห้ ลกั สตู รฝกึ อบรมกลยทุ ธก์ ารอา่ นตอ่ ความเขา้ ใจในการใชก้ ลยทุ ธก์ ารอา่ น และความสามารถในการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาวชิ าภาษาองั กฤษ คณะ ศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ • รปู แบบการบรหิ ารโรงเรยี นสาธติ ทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลสงั กดั มหาวทิ ยาลยั ในกา� กบั ของรฐั
เจ้าของ เจา้ ขคอณงะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทักษณิ อาเภอเมือง จงั หวัดสงขลา 90000 โคทณระศศัพกึ ทษ์ 0าศ7า4ส3ต1ร์7ม6ห0า0วทิตยอ่ า3ล1ยั 0ท4ักษ, 0ิณ7อ4า3เ1ภอ7เ6ม8อื 1งโจทังรหสวาดั รส0งข7ล4า31907060801 วัตถปุโทรระศสพั งทค์ 0 7431 7600 ตอ่ 3104 , 0 7431 7681 โทรสาร 0 7431 7681 ว1.ตั ถปุเพรอ่ื ะเสผงยคแ์ พรผ่ ลงานวชิ าการทางการศกึ ษา และสหวทิ ยาการทางการศึกษาแก่สงั คมวิชาการ และสาธารณชนวงกวา้ ง 12. เพ่ือเปผยน็ แพพื้นรทผ่ ใี่ ลนงกาานรวแิชลากกเาปรลทยี่ านงอกงาครศ์คกึวษามารแู้ คลวะาสมหควดิ ทิ ยทาฤกษาฎรีทางการศกึ ษาแแกล่สะงั สคหมวิทชยากาการารแทลาะงสกาธราศรกึ ณษชานวงกวา้ ง 23. เพ่ือเสปง่ น็เสพรื้นมิ ทให่ใี น้ กั าวรชิ แาลกกาเรปดล้ายี่นนกอารงศคึก์คษวามแรลู้ ะคสวหามวิทคิดยาทกฤารษทฎาีทงากงากราศรกึ ศษึกาษไาดแส้ ลระ้าสงสหรวรทิ คย์ผาลกงารนททาางงกวาิชราศกึกาษราทีม่ ี 3. เคพณุ ่อื ูปสกง่ เาสรรตมิ ่อใสหังน้ คักมวชิ าการดา้ นการศกึ ษาและสหวิทยาการทางการศกึ ษา ไดส้ ร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการทมี่ ี ที่ปรคึกณุษาูปการตอ่ สังคม คทณีป่ บรึกดษีคณา ะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ รคอณงบคดณีคบณดะฝี ศา่ กึยษวิจาัยศแาลสะตบร์รกิ ารวิชาการ มหาวิทยาลัยทกั ษิณ รกอองงคบณรบรณดฝี าา่ ธยิกวาจิ รยั และบรกิ ารวิชาการ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ ศก.อดงรบ.พรฤรทณธา์ิ ธศิกริ าิบรรรณพิทักษ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ศ.ดร.พศิรฤชิ ทยั ธิ์ กศาิรญิบจรรนณวาพสทิ ี ักษ์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั รศศ.ด.ดรร.ศ.นิริชรนิยั ทกร์าญสังจขน์รวักาษสาี จมุฬหาลวิทงกยราณลยั ์มศหิลาปวิทากยราลยั รศ.ดร.มนุฮรินาหทมรดั์ ซสางั กขีร์ กั เจษ๊ะาหะ มหาวิทยาลยั ฟศิลาฏปอากนรี รศ.ดร.นมุฮริ นัาหดมร์ดั ซจลุากทีรพัเจยะ๊ ์ หะ มหาวิทยาลัยฟหาดฏใอหนญี ่ รศ.ดเอรือ้ .นจริตันรดรพ์ ฒั จนุลจทักรรัพย์ มหาวิทยาลยั ขหอาดนใแหกญน่ ่ รผศ.เดอรอ้ื .สจมติ จริตรพฒั อนดุ จมกั ร อมาหจาาวรทิ ยยเ์ ากลษัยียขณอนรแาชกก่นาร ผศ.ดร.สดมนจุลิตดรา อจดุามจรุ ี มอาหจาาวรทิ ยย์เากลษยั ยี ศณรนี รคารชินกทารวิโรฒ ผศ.ดร.สดิทนธลุ ชิดัยา จวิชามยั จดุรษิ ี ฐ มหาวิทยาลัยศธรรีนรคมรศนิ าทสตรวรโิ์ รฒ ผศ.ดร.สพิทศั ธรชิเบยั ศววรชิ ์ ยัเวดชิษวฐิริยะสกลุ มหาวิทยาลยั ทธกั รษรมิณศาสตร์ ผอศ.ด.ดร.รว.รพนิ ศั ธรรเบเศบวญร์จเวศชรวี ริ ยิ ะสกลุ มหาวทิ ยาลัยทกั ษณิ อ.ดร.สวรุธนิาสธรนิ ี เบบุญญญจศาพรีิทกั ษ์ มหาวิทยาลัยทกั ษิณ อ.ดร.เสมธุ ธาี สดนิ ิสี วบสั ญุ ดญ์ิ าพทิ กั ษ์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ อ.ดร.เณมัฐธนี ันดทสิ ว์ สั ทดอ์ิ งมาก มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ อบ.ดรรณ.ณาัฐธนิกนั าทร์ ทองมาก มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ ผบศร.รดณร..ามธณิกาฑรนา พพิ ฒั น์เพญ็ มหาวิทยาลัยทกั ษณิ ผผศู้ช.ด่วรย.บ.มรณรณฑนาธากิ พาพิรฒั นเ์ พ็ญ มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ อผ.ชู้ดร่ว.ยศบิริรตัรณน์ าสธนิกาประจกั ษ์ผล มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ อฝ.่าดยร.จศัดิรกิรตัารน์ สินประจกั ษ์ผล มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ นฝา่างยปจุญัดญการภา นธิ พิ ิเชฐ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ นางสปาญุ วญเปามภิกาา นสธิ งั ิพขิเข์ ชรฐณ์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ นางสมาวรเิสปามกิ ปาานสงงัาขมข์ รณ์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ นายงมธานราิสกาฤตปาแนผง่ผาลม มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ นกาายหธนนดาเกผฤยตแพแรผ่ ผ่ ล มหาวิทยาลัยทกั ษิณ กาหนฉบดบัเผปยกแตพปิ รีล่ ะ 2 ฉบับ (ฉบบั ท่ี 1 เดอื นมกราคม – มิถุนายน และฉบับทปี่ก2ตเิปดลี อื ะนก2รฉกบฎบั าค(มฉบ–ับธทัน่ี 1วาเคดมือ)นแมลกะรอาาคจมจ–ัดทมาถิ ฉุนบาับยพนิเศษตามโอกาสสาคญั พแลมิ ะพฉท์ บ่ี บั : ทN[ท่ีe2อ่ี oยเPดู่โรoอื งiนnพกtิมร(พ1ก]์9ฎ9า5ค)มC–o.,ธLันtวdา.คม1)/5แ9ละRอatาuจtจhัดitทRาdฉ.บTบั .Hพaเิ ศtyษaตiาAม.Hโอaกtyาaสiส, าSคoัญngkhla, Thailand 90110 พ- เิมปพน็ ์ทวี่า:รT[สทeาี่อlร.ยท0ู่โา7รง4งดพ-2า้ ิมน5พ3ก2]์า2ร9ศ-กึ 3ษ3า9,จEงึ -รmับaพilจิ :ารnณeoาpแoลiะnตt9พี @ิมพgmเ์ ฉaพilา.cะoสmาขาวชิ าการทางการศกึ ษา - เบปท็นคววาารมสทารุกทเรา่อื งงดจ้าะนผก่าานรกศาึกรษตารวจจึงสรับอบพคิจวาารมณถากู แตล้อะงตทพี ามิ งพวิชเ์ ฉาพการะจสากขผาวู้ทิชรางกคาณุ รวทฒุ างิ การศึกษา - บขอ้ทความแทลุกะเบรือ่ ทงคจวะาผมา่ ในนกวารตสราวรจศสึกอษบาคศวาาสมตถร์กู เตป้อน็ งแทนาวงควดิชขากอางรผจเู้ ขายีกนผทู้ มริใงชคเ่ ณุป็นวคฒุ วิ ามคดิ ของคณะผู้จัดทาและมใิ ชค่ วาม ร- ับขผ้อิดคชวอามบแขลอะงบคณทคะวศาึกมษใานศวาสรตสารร์ ศึกษาศาสตร์ เปน็ แนวคิดของผเู้ ขยี น มิใช่เปน็ ความคิดของคณะผจู้ ัดทาและมใิ ช่ความ ร- บั กผอิดงบชอรรบณขอาธงกคิ าณระวศารกึ สษาารศไามสส่ ตงรว์นสทิ ธกิ์ ารคัดลอก แต่ใหอ้ ้างอิงท่แี สดงมา - กองบรรณาธกิ ารวารสารไม่สงวนสทิ ธก์ิ ารคดั ลอก แตใ่ หอ้ ้างองิ ทีแ่ สดงมา
บทบรรณาธิการ วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ให้ความส�ำคัญกับการเผยแพร่ผลงานวิชาการของนักวิจัย ผสู้ อนในสถาบันการศกึ ษาระดับต่าง ๆ นกั ศกึ ษา นกั วชิ าการคน้ ควา้ อสิ ระทางด้านการศึกษา และผสู้ นใจงาน พฒั นาสรา้ งสรรคด์ า้ นการศกึ ษา ซงึ่ ผลงานทนี่ ำ� เสนอมนี ยั สำ� คญั ถงึ การปรบั เปลย่ี นกระบวนทศั นท์ างการศกึ ษา ที่คนในสังคมจ�ำเป็นต้องตระหนักถึงการอยู่ร่วมกับการเปล่ียนแปลง สถานการณ์ท่ีไม่ชัดเจน อยู่กับส่ิงท่ีมอง ได้หลากหลายมมุ ดังนั้นองคค์ วามรู้การศกึ ษาจงึ ควรเป็นเคร่ืองมอื และกลไกให้ผู้คนได้รเู้ ท่าทนั ตอ่ สถานการณ์ ทางการศกึ ษาและสงั คม ตลอดจนสามารถทบทวนต่อความรู้ การศึกษา พร้อมทงั้ สรา้ งสรรค์ความรู้ นิยามการ ศึกษาแบบใหม่ที่จะน�ำพาคนในสังคมไปสู่การพ่ึงตนเองทางความรู้ตามเป้าหมายของสังคมแห่งการเรียนรู้ใน ศตวรรษท่ี 21 ไดอ้ ย่างแท้จรงิ ผลงานทางวชิ าการทนี่ ำ� เสนอจงึ สะทอ้ นพลงั ของความรแู้ ละทศิ ทางการศกึ ษาเพอ่ื การพงึ่ ตนเองในหลาย มิติ ทั้งการบริหารจัดการศึกษาเชิงรุกในโรงเรียนช้ันน�ำและโรงเรียนขนาดเล็ก วิธีวิทยาการจัดการเรียนรู้ที่ถูก สร้างสรรค์ข้ึนเพ่ือการเข้าถึงกลุ่มนักเรียนในบริบททางสังคมที่หลากหลาย การสร้างวัฒนธรรมของการศึกษา แบบใหม่เพื่อน�ำสู่ความเป็นชุมชนเข้มแข็ง ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีต่อความสนใจของผู้เรียนและ สรา้ งเสรมิ ผลสมั ฤทธข์ิ องการเรยี นรกู้ ารใชภ้ าษาและวฒั นธรรมเปน็ กลไกสำ� หรบั การสรา้ งอตั ลกั ษณแ์ ละจติ สำ� นกึ รว่ มของคนในสังคม ท้ังน้ีวารสารปที ่ี 20 ฉบับท่ี 1 เดอื น มกราคม – มถิ ุนายน 2563 ประกอบด้วย บทความ วชิ าการและบทความวจิ ัย จ�ำนวน 14 เรือ่ ง ไดแ้ ก่ บทความวิชาการ เรื่อง การเรียนรู้เชงิ รุกของครสู งั คมศึกษา ในยุคไทยแลนด์ 4.0, งานกลุ่มที่มีประสิทธิภาพ : การใช้กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือในชั้นเรียน และบทบาท วทิ ยุชุมชนในการสร้างเสรมิ การศกึ ษาเพอ่ื พัฒนาทย่ี ง่ั ยนื บทความวจิ ัย เรือ่ ง การพัฒนาคู่มือการจัดการเรยี นรู้ ประวัติศาสตร์เพ่ือลดอคติทางชาติพันธุ์ส�ำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย, การพัฒนาตัวบ่งชี้สมรรถนะ ของครูพลศึกษาในสามจังหวัดชายแดนใต้, การพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ส�ำหรับครู โรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั ราชนครนิ ทร์ โดยใชก้ ระบวนการชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี , การเรยี น รอู้ ยา่ งมคี วามสขุ ของนกั เรยี นวยั รนุ่ ในจงั หวดั สงขลา, การสอ่ื สารภาษาไทยกบั อตั ลกั ษณท์ างสงั คมของนกั ศกึ ษา ชาวจีน, ผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เรอื่ ง เซลลข์ องส่งิ มชี วี ติ ที่มีตอ่ มโนมติทางวทิ ยาศาสตร์และความสขุ ในการ เรยี นวทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรยี นยา่ นตาขาวรฐั ชนปู ถมั ภ์ จงั หวดั ตรงั , ผลการจดั การ เรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์แบบซิปปารว่ มกับการเรียนร้แู บบรว่ มมือด้วยเทคนคิ STAD ทม่ี ีต่อผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น เร่อื ง แรงและการเคลอ่ื นท่ี และความสามารถในการท�ำงานเปน็ กลุ่ม ของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3 กลุ่ม โรงเรียนเครือข่ายเกาะกลางคลองยาง จังหวัดกระบ่ี, การศึกษาผลการพัฒนาหลักสูตรรายวิชานักศึกษาวิชา ทหารไทย (นศท.) ใจรักชาติให้กับนักศึกษาวิชาทหารของศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกท่ี 42, องคป์ ระกอบการบรหิ ารโรงเรยี นสาธติ ทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ลสงั กดั มหาวทิ ยาลยั ในกำ� กบั ของรฐั , องคป์ ระกอบและ แนวทางการบรหิ ารเพอื่ พฒั นาชมุ ชนแหง่ การเรยี นรทู้ างวชิ าชพี ของโรงเรยี นขนาดเลก็ สงั กดั สำ� นกั งานเขตพน้ื ที่ การศึกษาประถมศกึ ษา, อตั รภาษาเพอ่ื สร้างวัฒนธรรมการส่ือสารเสรมิ สรา้ งจติ สำ� นกึ รกั ษ์น้�ำของชมุ ชนชาวใต้ ต�ำบลเขาปู่ อ�ำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง การมีส่วนร่วมในการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ เรียกได้ว่าเป็น ชมุ ชนวิชาการ (academic community) เปน็ กลไกแลกเปลย่ี นความรู้ความคิด และต้งั ค�ำถามกบั การศกึ ษา รวมถึงความรู้ทม่ี อี ยมู่ ากมาย ทงั้ ความรทู้ ฤษฎี ความรจู้ ากการปฏิบตั จิ รงิ ความรใู้ นระดับนโยบายการศึกษา ซึง่ เปน็ วถิ ีชวี ติ ของบรรดานักวชิ าการ นักวจิ ยั และนักปฏบิ ตั ิทางวชิ าชพี จะได้เรยี นรู้รว่ มกนั ขอขอบคณุ ผนู้ พิ นธต์ ้นฉบบั ทกุ ทา่ น และผทู้ รงคณุ วฒุ พิ จิ ารณาต้นฉบับที่ใหข้ ้อแนะนำ� อยา่ งล่มุ ลึกและมี ความเปน็ กลั ยาณมติ รทางวชิ าการ ซง่ึ ชว่ ยใหว้ ารสารมคี ณุ ภาพและมาตรฐานทางวชิ าการ รวมถงึ สามารถพฒั นา ไปสคู่ วามเข้มแข็งทางวิชาการดา้ นการศกึ ษา และมีคณุ ภาพในระดบั ท่ีสูงข้ึนตอ่ ไป ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มณฑนา พพิ ัฒน์เพญ็ บรรณาธกิ ารวารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษณิ
สารบัญ บทความวชิ าการ มโนทัศน์พ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์กับการสอนสังคมศึกษาในระดับประถมศึกษาผ่านการสอนสาระ การเรียนรู้วชิ าเศรษฐศาสตร์ Basic Concepts of Economics with Teaching in Social Studies at Elementary Education Through Teaching the Subject of Learning Economics ผ้แู ต่ง วิภาดา พินลา, วภิ าพรรณ พนิ ลา........................................................................................1 บทความวิจยั กระบวนการการบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยเพอื่ ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษาสงั กดั สำ� นกั งาน คณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน The Process of Excellent Management for Thai Ensembles Bands in Secondary Schools under the Office of Basic Education Commission ผวู้ ิจยั อภนิ ันท์ พฤกษะศรี, ประชุม รอดประเสริฐ ......................................................................16 การพัฒนาการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพ่ือเสริมสร้าง ความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ ของนักศึกษามหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม The Development of Online Reading Instruction Model by Using Metacognitive Strategies and Vocabulary Learning Strategies to Enhance Online Reading Abilities and Using Metacognitive Reading Strategies and Vocabulary Learning Strategies of Nakhon Pathom Rajabhat University Students ผู้วจิ ัย ณัฐฐิรา ปยุ ะกลุ ซวิค, วิสาข์ จตั วิ ตั ร,์ สุนตี า โฆษติ ชยั วฒั น ์, ไชยยศ ไพวทิ ยศริ ธิ รรม.........31 การพฒั นาบทเรยี นคอมพวิ เตอรม์ ลั ตมิ เี ดยี เรอ่ื งการคณู ทศนยิ ม กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ สำ� หรบั นกั เรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 The Development Of Computer Multimedia Lessons About Decimal Multiplication, Group Of Learning Mathematics For Prathomsuksa 5 Students ผู้วจิ ัย มาหะมดั สาปารี หะยีมะเซ็ง, ชชั วาล ชุมรกั ษา..................................................................48 การพฒั นาแบบวัดความพอเพียง ส�ำหรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5 ตามทฤษฎขี องโคลเบิรก์ The Development Of Sufficiency Scale Grade 11TH Students Based On Kohlberg’s Theory ผวู้ ิจยั พูนสขุ อดุ ม, สมจติ ร อดุ ม .............................................................................................62 การพฒั นาแอปพลเิ คชนั ความเปน็ จรงิ เสรมิ ในคมู่ อื การใชโ้ สตทศั นปู กรณ์ สำ� หรบั บคุ ลากรมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรีวิชยั สงขลา Development of Augmented Reality Application in Audio Visual Equipment Manual for Personnel of Rajamangala University of Technology Srivijaya Songkhla ผูว้ ิจัย ภควัต จันทรรศั ม,ี ชัชวาล ชุมรกั ษา, เรวดี กระโหมวงศ์ ...............................................76
สารบญั การวิเคราะห์ความรู้ส�ำคัญส�ำหรับการสร้างหลักสูตรความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ ระดับการศึกษา ขัน้ พนื้ ฐาน An Analysis of Essential Fundamental Information for Constructing Basic Education Curriculum for Science Excellence ผู้วจิ ัย พูนสขุ อดุ ม, สมจติ ร อุดม .............................................................................................93 การวเิ คราะหอ์ งค์ประกอบเชิงส�ำรวจคณุ ลักษณะของครู 4.0 สังกดั ส�ำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษา ข้นั พืน้ ฐาน A Exploratory Factor Analysis of Characteristics of Teachers 4.0 Under the Office of Basic Education Commission ผวู้ ิจัย จุฑามาศ จนั ทรศ์ ร, สนุ ยี ์ เงนิ ยวง ................................................................................111 การสร้างหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด ต�ำนานเมืองปตานี จังหวัดปัตตานีส�ำหรับนักเรียนชั้นประถม ศกึ ษาปที ี่ 3 ตามกระบวนทัศน์สร้างสรรคส์ ังคม The Construction of Textbook for Third Grade Students to Promote Reading On a Series of The Legend of Pattani, Pattani Province Based On Creative Society Paradigm ผวู้ จิ ัย นายฮู ัน กจู ,ิ พชั ลนิ จ์ จนี นุน่ , มณฑนา พพิ ฒั นเ์ พญ็ .....................................................121 การสังเคราะห์งานวิจัยในหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษา วิชาเอกการศึกษา เพอ่ื การพัฒนา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ Research Synthesis in A Master’s Degree Program In Development Education Of The Faculty Of Education, Chiang Mai University ผูว้ ิจยั พสิ ษิ ฏ์ นาส.ี ....................................................................................................................137 ความฉลาดรู้ด้านวทิ ยาศาสตร์ของนักศึกษาครวู ิทยาศาสตร์ Scientific Literacy of Science Teacher Students ผวู้ ิจัย วีระพันธ์ เจริญลขิ ิตกวิน, นพิ ทั ธา ชยั กจิ .....................................................................153 ผลของการใช้หลักสูตรฝึกอบรมกลยุทธ์การอ่านต่อความเข้าใจในการใช้กลยุทธ์การอ่านและความ สามารถในการอา่ นภาษาองั กฤษของนกั ศกึ ษาสาขาวชิ าภาษาองั กฤษ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ The Effects of Using a Reading Strategy Training Program on Understanding of Read- ing Strategy Usage and English Reading Ability of English Major Students, Faculty of Education, Thaksin University ผวู้ จิ ยั มลฤดี สทิ ธิชัย, บ�ำรงุ โตรตั น,์ เสงย่ี ม โตรตั น,์ ปราณี นลิ กรณ.์ .........................................165 รูปแบบการบริหารโรงเรียนสาธิตทมี่ ีประสทิ ธผิ ลสังกัดมหาวิทยาลยั ในกำ� กบั ของรัฐ The Administrative Model for Effectiveness Demonstration School Under Autonomous University ผู้วิจัย ตระกูลพันธ์ ยุชมภู, โสภา อำ� นวยรตั น,์ สันติ บรู ณะชาต,ิ น�ำ้ ฝน กันมา......................182
Journal of EDUCATION THAKSIN UNIVERSITY
มโนทศั น์พน้ื ฐานทางเศรษฐศาสตรก์ บั การสอนสงั คมศึกษาใน ระดบั ประถมศึกษาผ่านการสอนสาระการเรยี นร้วู ชิ าเศรษฐศาสตร์ Basic Concepts of Economics with Teaching in Social Studies at Elementary Education Through Teaching the Subject of Learning Economics. Received : 2020-07-31 Revised : 2020-09-19 Accepted : 2020-12-17 ผ้แู ต่ง วิภาดา พินลา1 Wipada Phinla1 [email protected] วภิ าพรรณ พินลา2 Wipapan Phinla2 บทคดั ย่อ วชิ าสังคมศกึ ษาในกลุ่มสาระการเรียนร้วู ิชาเศรษฐศาสตร์ ชว่ ยให้นักเรยี นเข้าใจหรือสามารถตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั กจิ กรรมอยา่ งเปน็ ระบบ รจู้ กั ใชป้ ระโยชนใ์ นการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรตามเปา้ หมายทก่ี ำ� หนด ตลอดจนช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของบ้านเมือง และวิธีแก้ไขของภาครัฐบาลได้ ดังน้ันครู สังคมศึกษาจึงมีบทบาทส�ำคญั ยิ่งในการจัดการเรยี นรู้ และถา่ ยทอดองคค์ วามรนู้ ั้น โดยเฉพาะนกั เรยี นใน ระดับประถมศึกษา ซึ่งเป็นนักเรียนในช่วงชั้นแรกที่ต้องเรียนรู้และท�ำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง เพื่อใช้ในการ เรียนรู้ในระดับชน้ั ตอ่ ไป โดยมขี ้นั ตอนกระบวนการ 6 ข้ันตอน ดังนี้ ขนั้ ท่ี 1 ทบทวนความรู้เศรษฐศาสตร์ ขัน้ ที่ 2 แลกเปลย่ี นเศรษฐศาสตร์ ข้นั ท่ี 3 สรา้ งองคค์ วามร้เู ศรษฐศาสตร์รว่ มกนั ขนั้ ที่ 4 น�ำเสนอความรู้ เศรษฐศาสตร์ ขน้ั ท่ี 5 ลงมอื ปฏิบตั ทิ างเศรษฐศาสตร์ และ ขั้นท่ี 6 ประเมนิ ผลทางเศรษฐศาสตร์ โดยแตล่ ะ ขั้นตอนสามารถส่งเสริมให้นักเรียนเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ ในการน�ำทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจ�ำกัดมา ท�ำใหเ้ กิดประโยชน์สงู สดุ ได้ ค�ำส�ำคญั : มโนทศั นท์ างเศรษฐศาสตร,์ การสอนสังคมศกึ ษา, ประถมศกึ ษา 1 อาจารย์ ดร. สาขาการสอนศิลปศาสตร์ (การสอนสงั คมศึกษา) คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษณิ Ph.D, Lecturer in Liberal Arts Teaching (Social Studies Teaching), Faculty of Education, Thaksin University 2 อาจารย์ ดร. สาขาการสอนศลิ ปศาสตร์ (การสอนสังคมศึกษา) คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษณิ Ph.D, Lecturer in Liberal Arts Teaching (Social Studies Teaching), Faculty of Education, Thaksin University วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษณิ 1 ปที ่ี 20 ฉบับท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
Abstract Social studies subject in economics learning group help students to understand or can make a decision about activities as systematic, know how to use resources to manage the defined target as well as help to understand the economic situation of the country and methods of government solutions. Therefore, social studies teachers play a very important role in learning management and transfer that knowledge, especially students at elementary education who are learners in the first stage which have to learn and understand deeply for learning in the next level. The process has 6 steps as follows: Step 1: Review of economic knowledge, Step 2: Exchange of economic knowledge, Step 3: Create economic knowledge together, Step 4 Present economic knowledge, Step 5: Economic action, and Step 6: Economic evaluation, by each step can encourage learners to understand human behavior in the use of limited resources to maximize benefits. Keywords : Economic concepts, Teaching in social studies, Elementary education 2 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษณิ ปีท่ี 20 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
บทนำ� สาระการเรยี นรเู้ ศรษฐศาสตรใ์ นวชิ าสงั คมศกึ ษา มเี นอ้ื หาสาระในการศกึ ษาถงึ พฤตกิ รรมของมนษุ ย์ ในการนำ� ทรพั ยากรทม่ี อี ยอู่ ยา่ งจำ� กดั มาทำ� ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ โดยผลติ เปน็ สนิ คา้ และบรกิ าร เพอ่ื สนอง ความต้องการของมนุษย์ท่ีมีอยู่อย่างไม่จ�ำกัดและเกิดประโยชน์สูงสุด การท�ำความรู้ความเข้าใจในเนื้อหา ทางดา้ นเศรษฐศาสตร์ จงึ มคี วามสำ� คญั ยงิ่ สำ� หรบั ครสู งั คมศกึ ษา เพอ่ื นำ� ไปประยกุ ตใ์ ชก้ ารจดั การเรยี นรใู้ น หอ้ งเรยี น จากการฝกึ ใหน้ กั เรยี นไดร้ จู้ กั กระบวนการคดิ วเิ คราะห์ การสบื คน้ ขอ้ มลู การสรา้ งความตระหนกั ดว้ ยกระบวนการกล่มุ เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ เหน็ คณุ ค่าในการใช้ทรพั ยากรอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ประหยัดและค้มุ ค่า ตลอดจนมคี ุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่เี หมาะสม รปู แบบการเรยี นการสอนมโนทศั นท์ างเศรษฐศาสตรผ์ า่ นการสอนสาระการเรยี นรวู้ ชิ าเศรษฐศาสตร์ รูปแบบการเรยี นการสอนมโนทศั น์ทางเศรษฐศาสตร์ในวิชาสังคมศึกษา มีหลายวิธกี ารด้วยกนั ซึ่ง นกั การศกึ ษาและนกั วชิ าการไดเ้ สนอรปู แบบการเรยี นการสอนมโนทศั นท์ างเศรษฐศาสตรท์ ส่ี ามารถนำ� ไป ประยกุ ตใ์ ช้ในวิชาสังคมศกึ ษา สรุปได้ดังนี้ สิรวิ รรณ ศรีพหล (2552, น. 63-67) กลา่ วถึงรปู แบบการเรยี นการสอนมโนทัศนท์ างเศรษฐศาสตร์ มีรายละเอยี ด ดงั นี้ 1. การบรรยาย (Lecture) เปน็ การใช้ขอ้ มลู ด้วยการพูดพรรณนา โดยครูอาจอธบิ ายเนอื้ หาสาระ ของบทเรยี นโดยตลอด หรืออาจใช้สอื่ การสอนประกอบ หรือการบรรยายเชิงอภิปรายก็ได้ 2. การอภิปรายในชั้นเรียน (Class Discussion) การอภิปรายในช้ันเรียนด้วยการน�ำเอาหัวข้อ ประเด็น หรือปญั หาท่เี ก่ียวขอ้ งกบั บทเรียน มาให้นกั เรยี นอภปิ รายได้ทั้งกลุ่มใหญแ่ ละกลุม่ ย่อยได้ 3. วธิ อี นุมาน (Deductive Method) และวธิ อี ปุ มาน (Inductive Method) นกั เศรษฐศาสตร์นิยม ใชว้ ิธกี ารที่จะได้มาซ่ึงข้อสรุป กฎเกณฑ์ หรอื ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ 4. การสอนโดยการสืบสวนสอบสวน (Inquiry Method) เป็นการสอนท่ีเน้นนักเรียนเป็นส�ำคัญ และมงุ่ ใหค้ น้ พบความรู้ด้วยตนเอง แลว้ สรุปเพือ่ ตอบค�ำถามหรอื ขอ้ สงสัย 5. การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีให้ นกั เรียนท�ำงานเปน็ กล่มุ ในลกั ษณะกลุ่มยอ่ ย ทีม่ คี วามสามารถแตกต่างคละกันไป 6. การสอนโดยใช้สถานการณจ์ �ำลอง (Simulation) เปน็ การน�ำเอาสถานการณ์จรงิ มาจดั ใหม่ โดย ให้มีสภาพใกลเ้ คยี งกับความเป็นจรงิ มากที่สดุ แลว้ ให้นกั เรียนมีโอกาสฝกึ แกป้ ัญหา 7. การใชเ้ กมการศึกษา (Educational Games) เป็นกจิ กรรมทม่ี ผี ตู้ ดั สินใจทเ่ี ป็นอิสระ 2 คนข้นึ ไป เพอื่ ท่ีจะบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ในบริบทที่จ�ำกดั ใหใ้ กล้เคียงกับความเปน็ จรงิ มากท่สี ดุ Ehman, Mehlinger and Pratrick, (1974, อา้ งถงึ ใน วลยั อิศรางกูร ณ อยุธยา (พานชิ ) (2555, น. 3-49) กล่าวถงึ รปู แบบการเรยี นการสอนมโนทศั นท์ างเศรษฐศาสตร์ มีรายละเอยี ด ดังน้ี 1. รปู แบบการสอนทีเ่ นน้ การใหข้ อ้ มลู และเน้อื หาสาระ (Exposition mode) เป็นรูปแบบการสอน ท่ที �ำใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนรู้เนอ้ื หาสาระ เพอ่ื ให้ได้ความรู้มากที่สดุ โดยถือว่าเปา้ หมายของการเรยี นการสอน อยู่ท่คี วามรู้ ได้แก่ การบรรยาย การบอกหรอื อธิบาย การสาธิต และการใชค้ �ำถาม เป็นต้น 2. รปู แบบการสอนทเี่ นน้ การแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเอง (Discovery mode) เปน็ รปู แบบการสอนที่ ถอื วา่ เนอื้ หาสาระหรอื ความรู้ เปน็ เพยี งเครอื่ งมอื ทพี่ ฒั นานกั เรยี นไปสคู่ วามเปน็ ผมู้ กี ารศกึ ษา (Educated วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทักษณิ 3 ปีที่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
man) ได้แก่ การสอนแบบแก้ปัญหา การสอนแบบสืบสวนสอบสวน การสอนเพื่อสืบหาข้อเทจ็ จริง และ การสอนโดยใชว้ ธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์ เป็นตน้ เชษฐภมู ิ วรรณไพศาล (2559, น. 467) กลา่ ววา่ การจดั การเรยี นการสอนในสาระเศรษฐศาสตร์ มกั มเี นอื้ หาทเี่ ขา้ ใจยาก ถงึ แมเ้ ปน็ เรอื่ งทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ชวี ติ ประจำ� วนั การสอนในสาระดงั กลา่ วจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งหา เทคนิค การถา่ ยทอดความรู้ความเขา้ ใจ ในด้านการคดิ การใหเ้ หตุผล ตลอดจนรู้จักแก้ปญั หาได้ เพ่ือชว่ ย ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ ฝึกทักษะการแก้ปัญหา วิเคราะห์ปัญหาด้วยสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ และประสบการณท์ ่เี กิดขึ้นจรงิ ซง่ึ สอดคล้องกบั การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน จากการศึกษารูปแบบการเรียนการสอนมโนทัศน์ทางเศรษฐศาสตร์ สรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้ เศรษฐศาสตร์ มงุ่ พฒั นาใหน้ กั เรยี นไดท้ ำ� ความเขา้ ใจเหตกุ ารณท์ างเศรษฐกจิ ผา่ นการจดั การเรยี นรทู้ หี่ ลาก หลาย เช่น การบรรยาย อภปิ ราย อนุมาน อปุ มาน สืบสวนสอบสวน ความรว่ มมือระหว่างนักเรยี น การใช้ สถานการณจ์ ำ� ลอง และเกมการศกึ ษา ฯลฯ โดยจดั การอยา่ งเปน็ ระบบ เพอ่ื ฝกึ ใหน้ กั เรยี นสามารถรวบรวม ขอ้ มลู ทางเศรษฐศาสตร์ มาประกอบการตดั สนิ ใจและแกป้ ญั หาอยา่ งมเี หตผุ ล ซง่ึ สามารถนำ� มาประยกุ ตใ์ ช้ ในการจดั การเรียนรู้ในวชิ าสังคมศกึ ษาในระดับประถมศกึ ษา สรปุ ไดใ้ นตารางท่ี 1 ดงั นี้ ตารางที่ 1 รปู แบบการเรยี นการสอนมโนทศั น์ทางเศรษฐศาสตร์ในระดับประถมศกึ ษา เทคนิค/ ตัวอยา่ ง ทักษะ/ บทบาทครผู ูส้ อน บทบาทนักเรียน วิธีการสอน กจิ กรรม พฤตกิ รรมทมี่ งุ่ เนน้ 1. การฝึกปฏบิ ตั ิการ (Training) โครงงาน/ - การคน้ คว้าหาความรู้ ครสู ง่ เสรมิ การคดิ คน้ ควา้ นักเรยี นศกึ ษา 2. เกม (Games) โครงการ - การรวบรวมข้อมูล ทดลองรายงาน ทำ� โครง ค้นควา้ ขอ้ ความ สง่ิ ประดษิ ฐ์จาก - การแกป้ ัญหา งาน โครงการ สมั ภาษณ์ แก้ รู้ในลักษณะกลุม่ 3. กรณีศกึ ษา แนวคดิ เศรษฐกจิ ปัญหา ฯลฯ ได้ใช้ ประสาท ปฏบิ ตั ิการ (Case studies) พอเพยี ง สมั ผัสต่าง ๆ เกมเศรษฐีทาง - การคดิ วิเคราะห์ ครูส่งเสริมให้นักเรียนฝึก นกั เรียนได้เลน่ เศรษฐศาสตร์ - การตดั สนิ ใจ การคิด การแก้ปัญหา เกมด้วยตนเอง - การแก้ปญั หา และการคน้ พบความร้จู าก ภายใต้กฎหรอื เนอื้ หาที่ไดเ้ รยี นรไู้ ปแล้ว กติกาทก่ี �ำหนด ตลอดจนครูจดั สิ่งแวดลอ้ ม ไดค้ ิดวเิ คราะห์ และบรรยากาศท่ปี ลุก พฤติกรรมและเกิด เร้า จูงใจและเสริมแรงให้ ความสนุกสนาน นกั เรยี นเกดิ การเรียนรู้ ในการเรียน การวิเคราะหท์ าง - การค้นควา้ หาความรู้ ครูสง่ เสริมให้นกั เรียนฝกึ นักเรียนได้ฝึกคดิ เศรษฐศาสตร์ - การอภปิ ราย กระบวนการคิดอย่างมี วเิ คราะหอ์ ภิปราย ของการลงทุน - การวิเคราะห์ วิจารณญาณอยา่ งเปน็ ระบบ เพือ่ สร้างความ โครงการผลิต - การแก้ปัญหา ในการน�ำไปใช้ในชวี ิตประจำ� เข้าใจแลว้ ตดั สินใจ น�้ำรอ้ นด้วย วนั ได้ เลือกแนวทางแก้ ระบบผสมผสาน ปญั หา พลงั งานแสง อาทิตย์ 4 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ ปที ่ี 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
เทคนคิ / ตวั อยา่ ง ทกั ษะ/ บทบาทครูผสู้ อน บทบาทนกั เรยี น วธิ ีการสอน กจิ กรรม พฤตกิ รรมที่มงุ่ เน้น 4. สถานการณจ์ ำ� ลอง การวางแผนการ - การแสดงความคดิ ครสู ่งเสริมใหน้ ักเรียนได้ นักเรียนได้ (Simulation) ออมและการใช้ เหน็ เช่ือมโยงการเรยี นรู้กบั ทดลองแสดง จา่ ยเงนิ ท่ีกำ� หนด - ความรู้สึก สภาพชีวติ ประจ�ำวัน และ พฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ให้ภายใน 1 - การวเิ คราะห์ กำ� หนดสถานการณ์ใหมใ่ ห้ ในสถานการณ์ที่ สัปดาห์ นกั เรียนไดน้ ำ� ความคิดรวบ จ�ำลองใกล้เคยี ง ยอดท่ีเกิดขน้ึ ไปใช้ สถานการณ์จริง 5. ละคร ละครบท - ความรบั ผิดชอบใน ครสู ง่ เสริมให้นกั เรียนฝึก นกั เรยี นไดท้ ดลอง (Dramatization) เรียน (เกี่ยวกบั บทบาท คิดอย่างหลากหลายและ แสดงบทบาท เศรษฐศาสตร์) - การท�ำงานรว่ มกัน สรา้ งสรรค์จนิ ตนาการ ตามท่กี �ำหนดเกิด จากโรคระบาดโค - การวเิ คราะห์ ตลอดจนไดแ้ สดงออกอย่าง ประสบการณ์ วดิ -19 ชัดเจนและมเี หตผุ ล เข้าใจความรู้สกึ เหตผุ ล และ พฤตกิ รรมผอู้ น่ื 6. บทบาทสมมติ (Role บทบาทสมมติ - มนษุ ยสัมพนั ธ์ ครูสง่ เสริมให้นักเรยี นมี นกั เรยี นไดล้ อง playing) พฤตกิ รรมการซอื้ - การแกป้ ญั หา โอกาสเลือก วางแผน และ สวมบทบาท ของผบู้ รโิ ภค - การวิเคราะห์ จัดการน�ำเสนอคำ� ตอบของ ตา่ ง ๆ และ ปญั หาหรอื ผลของการค้น ศึกษาวิเคราะห์ พบดว้ ยวิธีการทีห่ ลากหลาย ความรสู้ ึกและ และสอดคลอ้ งกบั ความถนดั พฤติกรรมตน และความสนใจของตนเอง เปน็ หลัก 7) การเรยี นแบบสรา้ ง แผนผังความคิด - การคดิ ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี น นักเรียนจดั ระบบ แผนผังความคิด ปัจจัยทม่ี อี ทิ ธิพล - การจัดระบบความคิด ได้เลือกและสร้างผลงาน ความคดิ ของตนให้ (Concept mapping) ตอ่ การเลอื กซือ้ จากการเรียนรู้ตามความ ชัดเจน เหน็ ความ สินคา้ และบรกิ าร ถนัดและความสนใจของ สมั พนั ธ์ ของผู้บรโิ ภค ตนเอง ตลอดจนนำ� เสนอ และสะท้อนผลงานในรปู แบบต่าง ๆ 8) การตง้ั ค�ำถาม หากเราไม่ใช้วิชา - กระบวนการคิด ครูนำ� เสนอปญั หาซึง่ เปน็ นักเรียนเรียนรู้ (Questioning) เศรษฐศาสตรใ์ น - การตีความ คำ� ถามที่เร้าใหน้ ักเรยี น จากคิดเพ่ือสร้าง การด�ำเนนิ ชวี ิต - การไตร่ตรอง เกดิ ความคดิ นกั เรียนตอบ ข้อค�ำถามและค�ำ จะส่งผลอย่างไร - การถ่ายทอดความคิด ค�ำถามของครโู ดยใหค้ �ำตอบ ตอบด้วยตนเอง ความเขา้ ใจ ทห่ี ลากหลาย 9) การศึกษาเป็นรายบุคคล การศกึ ษาในเรอ่ื ง - การศกึ ษาค้นควา้ ครูส่งเสรมิ ให้นกั เรียนได้ นักเรียนเรียนรู้ (Individual study) ราคาสนิ ค้า การ ขอ้ ความรู้ ฝกึ ค้นควา้ รวบรวมขอ้ มูล อย่างเป็นอิสระ และสรา้ งสรรค์ความรดู้ ้วย ด้วยตนเอง บริโภคสินคา้ - การนำ� ความรู้ไปใช้ ตนเอง ตลอดจนฝึกตนเอง ความสมั พนั ธ์ ประโยชน์ ให้มีวินัยและมีความรับผิด ระหวา่ งองค์กร - ความรับผดิ ชอบ ชอบในการท�ำงาน ผู้ผลิต วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทักษณิ 5 ปที ่ี 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
เทคนคิ / ตวั อย่าง ทกั ษะ/ บทบาทครูผ้สู อน บทบาทนักเรียน วธิ ีการสอน กิจกรรม พฤติกรรมทีม่ ่งุ เน้น 10) การอภปิ รายกลมุ่ ใหญ่ การอภปิ รายกล่มุ - การแสดงความคดิ ครูส่งเสรมิ ความเป็น นกั เรยี นมีอสิ ระ (Whole - Class ใหญล่ กั ษณะของ เหน็ ประชาธิปไตย การท�ำงาน ในการแสดงความ discussion) ผบู้ ริโภคทีม่ คี วาม - การวเิ คราะห์ รว่ มกับผ้อู ื่น และความรบั คิดเห็น มบี ทบาท ฉลาด - การตคี วาม ผิดชอบตอ่ กลุม่ รว่ มกนั มีส่วนร่วมในการ - การสื่อความหมาย สรา้ งข้อความรู้ - ความคิดรเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ - การสรปุ ความ 11) การอภปิ รายกลุ่มย่อย การอภปิ รายกลมุ่ - กระบวนการกลุ่ม ครูส่งเสริมกิจกรรมแลก นกั เรียนรบั ผิด (Small - Group ยอ่ ยพฤตกิ รรม - การวางแผน เปล่ยี นเรยี นร้จู ากกลุ่ม ชอบต่อบทบาท Discussion) ความซอื่ สตั ย์ - การแกป้ ัญหา ยอ่ ย พร้อมทง้ั สังเกตส่วนดี หนา้ ที่ของตนเอง สจุ รติ ในการผลิต - การตัดสนิ ใจ และปรับปรงุ สว่ นด้อยของ ในฐานะผูน้ ำ� กลมุ่ สนิ คา้ - ความคดิ ระดับสูง นักเรียน หรือสมาชิกกลมุ่ ทง้ั ในบทบาท - ความคดิ สร้างสรรค์ การท�ำงานและ - การแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ บทบาทเกี่ยวกบั - การสื่อสาร การรวมกล่มุ ใน - การประเมนิ ผลงาน การสร้างขอ้ ความ - การสร้างบรรยากาศ รหู้ รือผลงานกล่มุ การเรียนรู้ 11.1 เทคนิคค่คู ดิ การโฆษณาและ - การคน้ คว้าหาคำ� ตอบ ครูจัดประสบการณก์ าร นกั เรยี นรบั ผดิ ชอบ (Think-Pair-Share) การสง่ เสริมการ - การแลกเปลี่ยนความ เรียนรูท้ ี่ส่งเสรมิ ใหน้ ักเรยี นมี การเรียนร่วมกับ ขาย การโฆษณา คดิ เห็น ปฏสิ ัมพนั ธแ์ ลกเปลีย่ นเรียน เพ่อื น ของสนิ ค้าและ บริการ รู้รว่ มกันกับเพอ่ื น 11.2 เทคนิคการระดม การตัดสนิ - การมีสว่ นรว่ ม ครจู ดั ประสบการณก์ าร นักเรยี นแสดง พลงั สมอง ใจเลอื กใช้ - การแสดงความคดิ เรยี นร้ทู เ่ี ปิดโอกาสให้ ความคดิ เห็นอยา่ ง (Brainstorming) ทรพั ยากรทีม่ อี ยู่ เหน็ นักเรียนเลอื กและสร้างผล หลากหลายใน อยา่ งจำ� กดั ใน - ความคิดสรา้ งสรรค์ งานจากการเรยี นรู้ ตามถนัด เวลาอันรวดเร็ว การบริโภคและ - การแกป้ ัญหา และความสนใจของตนเอง ใชใ้ นทางทีด่ ที สี่ ดุ และของกลมุ่ 11.3 เทคนิค Buzzing ปัญหาพ้ืนฐาน - การคน้ คว้าหาค�ำตอบ ครสู ่งเสริมการคิด การแก้ นกั เรียนแสดง ทางเศรษฐกิจ ดว้ ยเวลาจาํ กดั ปัญหาและการคน้ พบความ ความคดิ เหน็ เพอ่ื รทู้ ห่ี ลากหลาย หาขอ้ สรปุ ในเวลา อนั จาํ กัด 11.4 การอภปิ ราย การอภิปรายกลุม่ - การสอ่ื สาร ครจู ัดประสบการณก์ าร นักเรียนรับฟัง กลุ่มแบบตา่ ง ๆ (Panel, สินค้ามือหน่งึ ท่ี - การแลกเปลย่ี นความ เรยี นรู้ ทก่ี ระตุ้นและสง่ เสริม ขอ้ มลู ความคดิ Forum, Symposium, วา่ แนย่ งั แพส้ ินค้า คิดเหน็ การคิด การค้นควา้ หาความ เหน็ เพื่อหาขอ้ สรปุ Seminar) มอื สอง - การสรุปขอ้ ความรู้ รู้ และการแสดงออกของ ในเวลาอนั จาํ กดั นกั เรียน ฝึกให้นักเรยี น คน้ ควา้ จากแหล่งเรียนรู้หรือ แหลง่ ข้อมลู ที่หลากหลาย ด้วยตนเอง 6 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทักษณิ ปที ่ี 20 ฉบับท่ี 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
เทคนิค/ ตวั อยา่ ง ทักษะ/ บทบาทครูผูส้ อน บทบาทนกั เรยี น วธิ กี ารสอน กจิ กรรม พฤตกิ รรมท่ีมุ่งเน้น 11.5 กลุ่มตวิ เศรษฐศาสตร์ - การฝึกซ�้ำ ครสู งั เกตและประเมิน นักเรยี นทบทวน จุลภาค มหภาค - การสอ่ื สาร พัฒนาการของนักเรียน จากกลมุ่ หรอื เพื่อ อย่างตอ่ เนอื่ ง หรือเรียนเพิม่ เตมิ 12. การเรยี นแบบรว่ มมือ การคา่ นวณค่า - กระบวนการกลุ่ม ครูส่งเสริมความแตก นกั เรียนไดเ้ รียน (Cooperative Learning) ความยืดหยุน่ - การส่ือสาร ต่างระหวา่ งบุคคลของ รบู้ ทบาทสมาชิก ประกอบด้วยเทคนิค ของอุปสงคแ์ ละ - ความรับผดิ ชอบ นักเรียน ตลอดจนการเน้น กล่มุ มีบทบาท อปุ ทาน ดว้ ยวิธี ร่วมกัน ความตอ้ งการของนักเรยี น หน้าท่ี รูจ้ ักการ JIGSAW, JIGSAW II, การสอนแบบ - ทกั ษะทางสงั คม เป็นหลกั และการสรา้ ง ไวว้ างใจให้เกียรติ TGT, STAD,LT,GI, NHT, กลมุ่ (เพ่ือนช่วย - การแกป้ ญั หา บรรยากาศหรอื สถานการณ์ และรบั ฟงั ความ Co-op เพื่อน) - การคดิ แบบหลาก ให้นกั เรยี นได้เรียนร้โู ดยการ คิดเห็นของเพอื่ น หลาย - การสร้างบรรยากาศ ปฏิบตั ิจริงรว่ มกันในกลมุ่ สมาชิกกลมุ่ และ การท�ำงานร่วมกัน รับผิดชอบการ เรียนรู้ของตนและ เพอื่ น ๆ ในกล่มุ 13. การเรียนรู้แบบมีสว่ น การค้มุ ครอง - การน�ำเสนอความคิด ครสู ง่ เสริมใหน้ ักเรียนร่วม นักเรียนมีส่วนร่วม ร่วม (Participatory สทิ ธผิ บู้ ริโภค ประสบการณ์ มอื กนั ท�ำงานชว่ ยเหลอื ซ่ึง ในการอภิปราย Learning) เพื่อส่งเสรมิ วิถี - การส่อื สารและ กันและกนั มีสว่ นร่วมในการ แสดงความคิดเห็น ประชาธิปไตย ปฏสิ ัมพันธ์ ด�ำเนนิ งาน และประสาน หรอื ปฏบิ ตั ิจนได้ - กระบวนการกลุ่ม งานกนั ขอ้ สรปุ 14. กระบวนการสืบคน้ พฤติกรรมการ - การศกึ ษาค้นควา้ ครูกระตุ้นใหน้ ักเรยี นรู้จัก นักเรยี นศึกษา (Inquiry Process) ออมทรัพยแ์ ละ - การเรยี นรู้ คดิ วิเคราะห์ คดิ สังเคราะห์ ค้นคว้า เพือ่ สืบคน้ พฤตกิ รรมการใช้ กระบวนการ และคิดสร้างสรรค์ ข้อความรู้ด้วย จา่ ยของนักเรยี น - การตัดสินใจ ตนเอง ในโรงเรยี น - ความคิดสรา้ งสรรค์ 15. การเรยี นแบบค้นพบ ขอ้ ดีและข้อเสยี - การสงั เกต การสืบค้น ครูกระตุ้นให้นักเรยี นรจู้ กั นักเรยี นศกึ ษา คน้ (Discovery Learning) ของระบบการ - การใหเ้ หตผุ ล การ ศึกษาหาความรูแ้ สวงหาค�ำ พบขอ้ ความรแู้ ละ แลกเปลย่ี นโดย อ้างองิ ตอบ และสร้างองค์ความรู้ ขั้นตอนการเรียนรู้ ใชส้ ่ือกลาง - การสรา้ งสมมตฐิ าน ด้วยตนเอง ด้วยตนเอง 16. การเรียนแบบแก้ การวางแผนการ - การศึกษาค้นคว้า ครสู ่งเสรมิ ให้นักเรยี นมี นักเรียนศึกษา แก้ ปัญหา ใชจ้ า่ ยเงิน และ - การวเิ คราะห์ ประสบการณ์ตรงสัมพนั ธ์ ปญั หาอย่างเป็นก (Problem-solving) การเลือกใช้สินค้า สงั เคราะห์ กบั ธรรมชาติและสิง่ ระบวนการและฝกึ ท่มี อี ยู่อยา่ งพอ - ประเมินข้อมูล แวดล้อมท่หี ลากหลายท้ังใน ทกั ษะการเรียนรทู้ ี่ เพียงให้ เหมาะ - การลงขอ้ สรุป และนอกหอ้ งเรียน สำ� คญั ดว้ ยตนเอง สมกับรายได้ - การแกป้ ัญหา ของตน วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษิณ 7 ปีที่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
เทคนคิ / ตวั อย่าง ทักษะ/ บทบาทครูผสู้ อน บทบาทนักเรียน วธิ กี ารสอน กจิ กรรม พฤติกรรมท่มี ุ่งเนน้ 17. การเรียนการสอนแบบ มลู คา่ ทาง - การคน้ คว้าหาความรู้ ครูสง่ เสริมใหน้ กั เรียนฝึก นักเรยี นมีส่วนรว่ ม บูรณาการแบบ Shoreline เศรษฐศาสตร์ - การสร้างองค์ความรู้ ประสบการณ์ ปรับปรงุ ในการเรยี นทงั้ Method ของการพงั ทลาย ด้วยตนเอง ตนเองและยอมรบั ผอู้ ่ืน ทางดา้ นร่างกาย ชายฝ่งั จากป่า - ทักษะทางสังคม ตลอดจนสนใจใฝห่ าความ จติ ใจและการคิด ชายหาด กรณี - กระบวนการกลมุ่ รู้อย่างตอ่ เนอื่ ง ตลอดจน ดำ� เนินการเรยี น หาดชลาทัศน์ - การส่อื สาร นกั เรียนไดเ้ ลอื กทำ� กจิ กรรม ด้วยตนเองท้งั จงั หวัดสงขลา - การแกป้ ญั หา ตามความสามารถ ความ ในหอ้ งเรียนและ ถนดั และความสนใจของ สถานการณจ์ รงิ ตนเอง ศกึ ษา ปฏบิ ตั ิด้วย ตนเองทุกเรอ่ื ง รว่ มแรงรว่ มใจด้วย ความเตม็ ใจ 18. การจัดการเรียน การสอนทใ่ี ช้ - การตอบค�ำถาม ครูส่งเสรมิ การจดั กจิ กรรม นกั เรียนเรยี นรู้ การสอนที่ใชเ้ ทคโนโลยี เทคโนโลยีเก่ยี ว - การแก้ปญั หา การเรยี นการสอนหลาก ด้วยตนเองตาม (Technology –Related กับการจดั การ - การน�ำความรไู้ ปใช้ หลายเหมาะสมกบั นักเรยี น ระดับความรู้วาม Instruction) มลพษิ อยา่ งย่ังยืน ประโยชน์ สามารถของตน มี ประกอบด้วย การแกไ้ ขฝึกซ�้ำ - CAI (Computer - การเรียนรู้ที่ต้องการ เพอ่ื สรา้ งความรู้ Assisted Instruction ผลการเรยี นรทู้ ันที ความเขา้ ใจและ หรือ Computer Aided - การเรยี นร้ตู ามลำ� ดับ ความเชยี่ วชาญ Instrucion) ขน้ั - WBI (Web-based Instruction) - E-book (Electronic book) - E-learning - E-Training - Learning Object ตารางที่ 1 รูปแบบการเรียนการสอนมโนทัศน์ทางเศรษฐศาสตร์ในระดับประถมศึกษา สรุปได้ว่า ครูสังคมศกึ ษาสามารถประยกุ ต์ใชจ้ ดั การเรียนร้แู บบบรู ณาการท้งั 18 รปู แบบการเรยี นการสอนมโนทศั น์ ทางเศรษฐศาสตรใ์ นระดบั ประถมศกึ ษาทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น โดยเชอ่ื มโยงประสบการณเ์ ดมิ สกู่ ารสรา้ ง ประสบการณ์ใหม่ จากการใช้ภาพขา่ ว หรือสถานการณต์ า่ ง ๆ ที่หลากหลาย และฝกึ ให้นักเรยี นรูจ้ กั การ สงั เกต ตอบคำ� ถามเชงิ วเิ คราะห์ และสรปุ ความรทู้ ไี่ ดเ้ ปน็ แผนผงั ความคดิ ในรปู แบบตา่ ง ๆ ซงึ่ ครสู งั คมศกึ ษา ตอ้ งกระตนุ้ นกั เรยี นใหแ้ สดงความคดิ เหน็ อยา่ งหลากหลาย เพอื่ รว่ มกนั หาแนวทางปฏบิ ตั ทิ ถี่ กู ตอ้ งเหมาะสม ตลอดจนส่งเสรมิ การทำ� งานกล่มุ เพอ่ื พฒั นาทักษะทางสงั คม นำ� ไปสู่การยอมรบั และเห็นคณุ คา่ ของตนเอง และผ้อู นื่ ต่อไป 8 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ ปที ่ี 20 ฉบบั ท่ี 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
กระบวนการสอนมโนทศั น์ทางเศรษฐศาสตร์ในวชิ าสงั คมศกึ ษาในระดับประถมศกึ ษา จากการศึกษากระบวนการสอนมโนทศั นท์ างเศรษฐศาสตรใ์ นวชิ าสงั คมศกึ ษา คอื นกั เรยี นรู้จักการ ใช้ชีวติ แบบมีเหตแุ ละผล ตลอดจนเขา้ ใจและสามารถบริหารจดั การทรพั ยากรในการผลติ และบริโภค อกี ท้ังการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จํากัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า (กวี วรกวิน และบุษบา คุณาศิรินทร์. 2550, น. 17) รวมทั้งเขา้ ใจหลกั การของเศรษฐกจิ พอเพียงเพอ่ื การดำ� รงชวี ิตอย่างมดี ลุ ยภาพ ดว้ ยการจัด กระบวนการสอนทห่ี ลากหลาย (ภณดิ า มาประเสรฐิ และคณะ. 2554, น. 10-18) ซ่งึ มนี ักการศึกษาและ นักวชิ าการไดเ้ สนอกระบวนการสอนมโนทศั นท์ างเศรษฐศาสตรใ์ นวิชาสงั คมศึกษา สรปุ ไดด้ ังน้ี Alberta Learning (2004, p. 10-13) ได้เสนอกระบวนการสอนมโนทศั นท์ างเศรษฐศาสตรใ์ นวิชา สงั คมศึกษา ดงั นี้ ขัน้ ที่ 1 การวางแผน (Planning phase) โดยครูกระต้นุ ความสงสัยของนกั เรียนด้วยปญั หา และฝกึ ต้ังค�ำถามท่ีใช้ในการส�ำรวจเพ่ือหาค�ำตอบ จากน้ันก�ำหนดวิธีการหาข้อมูลระบุวิธีการน�ำเสนอ และเสนอ แนะเกณฑ์ในการประเมินผลงานที่นักเรียนเป็นผสู้ รา้ งขึ้นเอง ขนั้ ที่ 2 การทบทวน (Retrieving phase) นกั เรยี นคดิ ทบทวนข้อความรใู้ นสว่ นท่นี กั เรียนมอี ยู่ และ สว่ นทค่ี วรคน้ หาเพมิ่ เตมิ ตามประเดน็ ทสี่ นใจ เพอ่ื ใชใ้ นการศกึ ษาทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ และครคู วรใหค้ ำ� แนะนำ� และ ให้คำ� ปรึกษาเก่ยี วกบั การคัดเลอื กขอ้ มลู ขน้ั ที่ 3 กระบวนการ (Processing phase) ข้ันตอนนี้เริ่มตน้ จากการให้นักเรียนต้งั สมมตฐิ าน เพ่อื กำ� หนดประเดน็ สำ� คญั ในการสบื สอบ ใหพ้ จิ ารณาจากคำ� ถามทน่ี กั เรยี นเปน็ ผกู้ ำ� หนด และการทบทวนขอ้ มลู ต่าง ๆ จากน้นั ลงมอื สำ� รวจตรวจสอบตามแผนการหาขอ้ มลู ขั้นท่ี 4 การสรา้ ง (Creating phase) นกั เรียนนำ� ขอ้ มูลมาจัดกระทำ� พรอ้ มทง้ั สรุปข้อความร้ดู ้วย ภาษาของตนเอง เพ่ือเตรยี มการนำ� เสนอ ขนั้ ที่ 5 การแลกเปลย่ี น (Sharing phase) นกั เรยี นนำ� เสนอความรทู้ ค่ี น้ พบ และใชห้ ลกั ฐานทไ่ี ดจ้ าก การสบื สอบดว้ ยตนเองมาสนบั สนนุ ขอ้ ความรู้ โดยทคี่ รคู วรใหค้ ำ� ปรกึ ษาในการเลอื กรปู แบบ เพอื่ เตรยี มนำ� เสนอและควรย้�ำเตอื นผนู้ �ำเสนอให้คำ� นึงถึงผู้ฟงั ขน้ั ที่ 6 การประเมนิ ผล (Evaluating phase) นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ กระบวนการทำ� งาน และผลงาน เพ่อื สะท้อนสง่ิ ที่ได้เรียนรู้ โดยท่คี รูควรเปดิ โอกาสให้นกั เรียนไดซ้ กั ถาม และได้ใชเ้ วลาในการ ท�ำความเข้าใจถึงเกณฑท์ ี่ใช้ในการประเมนิ วิภาดา พินลา (2560, น. 22-23) ได้เสนอกระบวนการสอนมโนทัศน์ทางเศรษฐศาสตร์ในวิชา สังคมศกึ ษา ดังนี้ ขัน้ ท่ี 1 ตระหนักเศรษฐศาสตร์ ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณา ข่าว หนงั สือพมิ พ์ กราฟ แผนภมู ิ วิดีโอ ฯลฯ เกย่ี วกบั เรอื่ ง “เศรษฐกจิ ไทยทรดุ ตวั ” แลว้ ตง้ั คำ� ถามถามนกั เรยี นเกย่ี วกบั ผลกระทบตอ่ นกั เรยี นสงั คมไทย และสังคมโลกอย่างไร ขน้ั ท ่ี 2 ระดมพลคนเศรษฐศาสตร์ นกั เรยี นระดมสมองเปน็ กลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน (คละความสามารถ) โดยใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ใหอ้ ธบิ ายความหมาย ความสำ� คญั ของวชิ าเศรษฐศาสตรก์ ลมุ่ ละ 1 ความหมาย และความ ส�ำคัญโดยเขียนลงในกระดาษ แล้วให้สมุ่ ตัวแทนบอกความหมาย ความส�ำคัญของวชิ าเศรษฐศาสตร์ และ รว่ มกันสรปุ ความหมายความสำ� คญั ของวิชาเศรษฐศาสตร์ วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ 9 ปีท่ี 20 ฉบับท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
ขน้ั ที่ 3 แสดงบทบาทสมมตใิ นระบบเศรษฐกจิ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ถา่ ยทอดบทบาท โดยการแสดง บทบาทสมมตเิ พอื่ นำ� ไปประยกุ ตใ์ นชวี ติ ประจำ� าวนั ของตนเองในหวั ขอ้ “การดำ� เนนิ ชวี ติ แบบเศรษฐกจิ พอ เพยี ง” ในฐานะนักเรยี นเปน็ ผู้บรโิ ภค ผู้ผลติ และรัฐบาล ขนั้ ท่ี 4 เศรษฐศาสตรน์ กั คดิ นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั พจิ ารณาวา่ แตล่ ะกลมุ่ นำ� เสนอบทบาทสมมติ ในการด�ำเนินชวี ิตแบบเศรษฐกิจพอเพยี งในฐานะตา่ ง ๆ กนั จากนัน้ นกั เรียนชว่ ยกันสรปุ ความเปน็ มาและ ความส�ำคัญของเศรษฐศาสตร์ เพ่อื กำ� าหนดกฎหรือทฤษฎี หลักการทางเศรษฐศาสตร์ ขน้ั ท่ี 5 วดั ผลคนเศรษฐศาสตร์ นกั เรยี นแตล่ ะคนทำ� แบบสอบถามเกยี่ วกบั การตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ของวชิ าเศรษฐศาสตร์ แลว้ นำ� คะแนนของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มมารวมกนั เป็นคะแนนกลุ่ม ขน้ั ที่ 6 นกั เศรษฐศาสตรด์ เี ดน่ กลมุ่ ทไ่ี ดค้ ะแนนสงู สดุ ในการสอบครง้ั นี้ จะไดร้ บั รางวลั หรอื การชมเชย ตดิ ประกาศ และให้จัดป้ายนิเทศแสดงผลงาน วิภาพรรณ พนิ ลา และวิภาดา พินลา (2561, น. 117-118) ได้เสนอกระบวนการสอนมโนทัศนท์ าง เศรษฐศาสตร์ในวชิ าสังคมศึกษา ดังนี้ ข้นั ท่ี 1 การสร้างความตระหนัก (Raising awareness: R) เปน็ ขน้ั ตอนทนี่ กั เรยี นทบทวนความรู้ เดิม จากการแสดงออกถึงความรู้ ความเข้าใจเดิมที่มีอยู่ในเรื่องที่ก�ำลังจะเรียนรู้ โดยครูใช้วิธีการซักถาม หรอื การให้นกั เรยี นระดมความคดิ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนตระหนกั ร้วู า่ ตนรูอ้ ะไร ไม่รู้อะไร ข้ันท่ี 2 การสร้างเจตคติ (Creating attitudes: C) เป็นขั้นตอนที่นักเรียนปรับเปล่ียนความคิด โดยการสร้างความกระจ่าง และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันและกัน โดยการให้นักเรียนรู้จักสังเกต ปรากฏการณ์ทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ เพือ่ ก�ำหนดปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐกจิ ขน้ั ท่ี 3 การสร้างความคดิ รวบยอด (Building concepts: B) เปน็ ขั้นตอนทีน่ กั เรยี นสร้างความคดิ ใหม่ จากการอภปิ รายรว่ มกนั และสาธติ แสดงใหเ้ หน็ จนท�ำใหน้ กั เรียนสามารถกำ� หนดความคดิ จากการ รวบรวมขอ้ มลู แหล่งเรยี นรู้ เชน่ ห้องสมุด หนังสอื พิมพ์ ตำ� รา คอมพิวเตอร์ หรอื การสมั ภาษณ์บุคคล ฯลฯ ขนั้ ที่ 4 การตดั สนิ และประเมนิ ผล (Judging and Evaluation: J) เปน็ ขน้ั ตอนทน่ี กั เรยี นการประเมนิ ความคดิ ใหม่ โดยการทดลอง หรอื ใช้กระบวนการคิดอยา่ งไตร่ตรองอยา่ งลกึ ซ้ึง และประเมนิ คุณคา่ ขน้ั ที่ 5 การสรา้ งความรูใ้ หม่ (Creating new knowledge: C) เปน็ ข้นั ตอนทนี่ กั เรียนน�ำวิธกี ารแก้ ปญั หาทถี่ กู ตอ้ ง โดยการลงพนื้ ทีเ่ ชิงสำ� รวจในหมบู่ ้าน หรอื หน่วยงานองค์กร เพอื่ ฝึกฝนใหน้ ักเรยี นรูจ้ กั การ ประเมินข้อมูล ตีความ วิเคราะห์ และสงั เคราะห์ เพ่ือน�ำมาสูก่ ารตัดสินใจเลือกขอ้ มลู ท่นี ่าเช่อื ถือ จากกระบวนการสอนมโนทัศน์ทางเศรษฐศาสตร์ในวิชาสังคมศึกษา ซึ่งครูสังคมศึกษาสามารถน�ำ มาประยุกต์ใชใ้ นระดบั ประถมศกึ ษาไดท้ ง้ั ในและนอกห้องเรยี น โดยสามารถสรุปข้นั ตอนได้ดงั น้ี ข้ันที่ 1 ทบทวนความรู้เศรษฐศาสตร์ (Review of economic knowledge) ครูสังคมศกึ ษา เตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน โดยใช้การต้ังค�ำถาม แล้วให้นักเรียนทุกคนน�ำเสนอแนวคิดของตนเอง และบันทกึ ทุกแนวคิดท่ีมผี นู้ ำ� เสนอ ขั้นท่ี 2 แลกเปลี่ยนเศรษฐศาสตร์ (Exchange of economic knowledge) นักเรียนเล่า ประสบการณโ์ ดยใชร้ ปู ภาพ ขา่ ว บทความ นติ ยสาร เพื่อกระต้นุ ให้นกั เรยี นวิเคราะหแ์ ละแสดงความคดิ เห็น เพ่ือแลกเปลี่ยนกนั โดยครสู งั คมศกึ ษาท�ำหนา้ ทเ่ี ชือ่ มโยงเนือ้ หาเศรษฐศาสตร์ และการบรหิ ารจัดการ ทรัพยากร ขัน้ ที่ 3 สรา้ งองคค์ วามรูเ้ ศรษฐศาสตรร์ ่วมกนั (Create economic knowledge together) ครสู งั คมศกึ ษากำ� หนดปญั หาใหแ้ ลว้ นกั เรยี นทำ� งานรว่ มกนั ทงั้ กลมุ่ โดยนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มมอื กนั ศกึ ษา 10 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ ปที ี่ 20 ฉบับท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
ความรพู้ นื้ ฐานเกย่ี วกับเศรษฐศาสตรเ์ บอ้ื งต้น จากหนังสอื เรียน หนงั สอื ค้นควา้ เพิม่ เตมิ และแหล่งขอ้ มูล สารสนเทศทง้ั ในและนอกห้องเรยี น จากหัวขอ้ ทคี่ รูสังคมศึกษากำ� หนดจนงานสำ� เร็จ ข้ันที่ 4 น�ำเสนอความรู้เศรษฐศาสตร์ (Present economic knowledge) ครูสังคมศึกษา ก�ำหนดโจทย์ใหน้ กั เรยี น เร่อื ง เศรษฐศาสตร์ และการบริหารจัดการทรพั ยากร โดยนกั เรยี นและสมาชิกใน กลมุ่ ได้รว่ มกนั คิด และอภปิ รายพร้อมกนั ขั้นที่ 5 ลงมอื ปฏิบัตทิ างเศรษฐศาสตร์ (Economic action) นักเรียนร่วมกันคิดและสร้างผัง มโนทศั น์ (Concept map) เพ่ือนำ� มาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น และใหส้ มาชกิ แต่ละคนสรุปแผนผังความคิดของ ตนเอง จากหัวขอ้ ท่ีก�ำหนดให้ แล้วนำ� เสนอความคิดของตนเองต่อครูสังคมศกึ ษา ขน้ั ท่ี 6 ประเมนิ ผลทางเศรษฐศาสตร์ (Economic evaluation) ครสู งั คมศกึ ษาประเมนิ ผลการ เรยี นรจู้ ากการสรปุ เนอื้ หา การจดบนั ทกึ เนอื้ หาการเรยี นรทู้ ไี่ ดเ้ รยี น และการตรวจสอบคะแนนการทำ� แบบ ฝึกทกั ษะ หรอื แบบทดสอบ กระบวนการสอนมโนทัศน์พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์กับการสอนสังคมศึกษาในระดับประถม ศึกษา ผ่านการสอนสาระการเรียนรู้วิชาเศรษฐศาสตร์ สามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตาม กระบวนการ 6 ข้ันตอนเป็นกิจกรรมไดด้ งั นี้ ข้ันที่ 1 ทบทวนความรเู้ ศรษฐศาสตร์ (Review of economic knowledge) ครูสงั คมศกึ ษา ให้ผู้เรียนทบทวนความร้เู ดิม เรอื่ ง เศรษฐศาสตรใ์ นชีวติ ประจ�ำวนั ของนักเรยี นจากการบนั ทึกทกุ แนวคิดท่ี มีผ้นู ำ� เสนอลงในสมุดของตนเอง โดยซกั ถามนักเรยี นใหช้ ่วยกนั ตอบค�ำถามประเด็นต่อไปนี้ 1.1 ทำ� ไมเราจงึ ต้องเรียนวชิ าเศรษฐศาสตร์ 1.2 เศรษฐศาสตร์เปน็ เรื่องเกี่ยวกบั อะไร 1.3 เศรษฐศาสตร์มีความส�ำคัญกบั มนษุ ยอ์ ยา่ งไร ข้นั ท่ี 2 แลกเปล่ยี นเศรษฐศาสตร์ (Exchange of economic knowledge) ครูสังคมศกึ ษา กระตุน้ ใหน้ ักเรียนตระหนกั ถึงความรู้ในเร่ืองทเี่ ก่ยี วข้องกับเศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจ�ำวัน 2.1 นักเรียนดูภาพบุคคล ท้ังผู้หญิง และผู้ชาย แล้วสังเกตฝึกคิดดังน้ี ในส่วนของร่างกายมนุษย์ ตอ้ งซอื้ สงิ่ ของเครอื่ งใชอ้ ะไรมาใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั จากนนั้ นกั เรยี นเลา่ ประสบการณก์ ารซอ้ื สนิ คา้ ทม่ี คี วาม จำ� เปน็ ในชีวิตประจำ� วันของนักเรียนวา่ มอี ะไรบ้าง เพราะเหตใุ ดจงึ เลอื กซื้อสินคา้ นน้ั 2.2 ครูเพิม่ เติมความรู้ เช่น ในร่างกายของมนุษย์ตอ้ งมสี ่ิงของเคร่อื งใชท้ เ่ี ราเรยี กว่า สินคา้ มาใช้ใน ชีวิตประจำ� วัน เชน่ ร่างกายต้องมเี สอ้ื ผ้า เสอ้ื ผา้ ต้องสมั พันธเ์ กี่ยวของกบั ช่างตดั ผา้ หรือศรี ษะเรา ต้องมียา สระผม มชี ่างตัดผม ทีส่ มั พันธ์กัน รวมทง้ั ส่งิ อ่ืน ๆ อีกมากมาย ส่งิ ของทง้ั หลายท่เี รานำ� มาใช้ เกิดจากการ แปรรปู จากทรพั ยากร ทนี่ ำ� มาผลติ เปน็ สนิ คา้ หรอื ใชบ้ รกิ ารทม่ี อี ยอู่ ยา่ งจำ� กดั และมสี งิ่ ทค่ี นเรานำ� มาบรโิ ภค น้ันตอ้ งซ้อื ขายแลกเปลีย่ น บางอยา่ งอาจจะไม่ตอ้ งซ้อื ซง่ึ มอี ย่จู �ำนวนมาก เชน่ อากาศ น�้ำในล�ำคลอง และ มีสง่ิ อ่นื อีกหรอื ไม่ ใหน้ กั เรยี นช่วยกันตอบ สิง่ เหลา่ นั้น คอื ทรัพยากรในทางเศรษฐศาสตร์ 2.3 นักเรียนวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น เพื่อแลกเปลี่ยนกันเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มก็ได้ ตามความเหมาะสมของลกั ษณะบรบิ ทของหอ้ งเรียน ข้นั ท่ี 3 สรา้ งองค์ความรเู้ ศรษฐศาสตรร์ ่วมกนั (Create economic knowledge together) ครสู งั คมศกึ ษากำ� หนดปญั หาใหแ้ ลว้ นกั เรยี นทำ� งานรว่ มกนั ทงั้ กลมุ่ โดยนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มมอื กนั ศกึ ษา จากหนงั สอื เรยี น หนังสอื ค้นควา้ เพิ่มเติม และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศทงั้ ในและนอกหอ้ งเรยี น วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ 11 ปที ี่ 20 ฉบับท่ี 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
3.1 ครสู งั คมศกึ ษานำ� เสนอขนั้ ตอนการใชผ้ งั กราฟกิ รปู แบบ WEB หรอื ผงั แมงมมุ (A Spider Map) เพื่อประยุกตใ์ ช้ตามความเหมาะสมกับสาระสำ� คัญและจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ตามมาตรฐานตัวช้วี ัด 3.2 นกั เรยี นรายบคุ คลทำ� ความเขา้ ใจเนอ้ื หา โดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาใบความรทู้ แี่ จกให้ ประกอบดว้ ย เร่ือง ความหมายและความส�ำคัญของเศรษฐศาสตร์ ทรัพย์ในทางเศรษฐศาสตร์ ความส�ำคัญของวิชา เศรษฐศาสตร์ และเรื่องขอบข่ายของวิชาเศรษฐศาสตร์ และผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติม จาก หนงั สือ เอกสารและแหล่งข้อมลู สารสนเทศทัง้ ในและนอกห้องเรยี นที่เกี่ยวขอ้ งเพิ่มเตมิ ข้ันท่ี 4 น�ำเสนอความรู้เศรษฐศาสตร์ (Present economic knowledge) ครูสังคมศึกษา ก�ำหนดโจทยใ์ ห้ผ้เู รียน เร่อื ง เศรษฐศาสตร์ และการบรหิ ารจดั การทรพั ยากร โดยนกั เรยี นและสมาชกิ ใน กลุ่มได้รว่ มกันคิด และอภปิ รายพรอ้ มกนั 4.1 ครูสังคมศึกษาก�ำหนดโจทย์ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า หากนักเรียนเป็นเจ้าของธุรกิจ เก่ียวกับโทรศัพท์มือถือ นักเรียนสามารถวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ตัวอย่างในประเด็นโดยใช้ปัญหาพ้ืนฐานทาง เศรษฐศาสตร์ (ผลิตอะไร ผลิตอย่างไร ผลิตเพื่อใคร) อะไรบ้าง และนักเรียนมีกลยุทธ์ในการพัฒนาและ ขายผลติ ภณั ฑต์ วั อยา่ งนน้ั อยา่ งไร อกี ทงั้ การออกแบบผลติ ภณั ฑโ์ ดยใชแ้ นวคดิ ทางเศรษฐศาสตร์ พรอ้ มยก ตวั อย่างประกอบชดั เจน ข้ันที่ 5 ลงมือปฏิบัติทางเศรษฐศาสตร์ (Economic action) นักเรียนร่วมกันคิดและสร้างผัง มโนทัศน์ (Concept map) เพือ่ นำ� มาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น 5.1 ครสู ังคมศึกษานำ� เสนอข้ันตอนการใช้ผงั กราฟกิ ประกอบการน�ำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ตลอด จนแสดงขน้ั ตอนการสร้างผงั มโนทัศน์ (Concept map) ทีเ่ หมาะสมกับสาระท่ีเรยี น และจุดประสงค์การ เรียนร้ตู ามมาตรฐานตวั ชว้ี ดั เพือ่ นำ� มาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น 5.2 สมาชกิ แตล่ ะคนสรุปแผนผงั ความคิดของตนเอง จากหัวขอ้ ทก่ี �ำหนดให้ แล้วน�ำเสนอความคิด ของตนเองต่อครูสังคมศกึ ษาหนา้ ช้นั เรยี น ขัน้ ท่ี 6 ประเมินผลทางเศรษฐศาสตร์ (Economic evaluation) ครสู งั คมศึกษาประเมินผลการ เรยี นรจู้ ากการสรปุ เนอื้ หา การจดบนั ทกึ เนอื้ หาการเรยี นรทู้ ไ่ี ดเ้ รยี น และการตรวจสอบคะแนนการทำ� แบบ ฝกึ ทกั ษะ หรือแบบทดสอบ 6.1 ครสู งั คมศกึ ษาใหผ้ เู้ รยี นจดั นทิ รรศการบรเิ วณหอ้ งเรยี น มคี รู เพอื่ นนกั เรยี นประเมนิ ผลงานจาก การสร้างผังมโนทัศน์ (Concept map) ทางเศรษฐศาสตร์ จากนั้นนกั เรียนแต่ละกลุ่มรวมผลประเมินผล งาน แล้วน�ำคะแนนส่งครู แล้วให้ครูตรวจสอบคะแนนและประกาศผลคะแนนกลุ่มที่ได้คะแนนชนะเลิศ รองชนะเลิศ ตลอดจนมอบรางวัลชมเชยนักเรียนท่ีร่วมกิจกรรมพร้อมเก็บคะแนนระหว่างเรียน จากการ ทำ� แบบทดสอบ จากกระบวนการสอนมโนทัศน์พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์กับการสอนสังคมศึกษาในระดับประถม ศกึ ษา ผ่านการสอนสาระการเรยี นรูว้ ชิ าเศรษฐศาสตร์ สามารถน�ำมาประยุกตใ์ ช้โดยใช้สถานการณ์จำ� ลอง สรปุ ได้ดังน้ี 1. สถานการณเ์ งิน 1,000 บาท กาํ หนดให้นักเรยี นมเี งนิ 1,000 บาทและเปน็ บคุ คลในอาชีพกำ� ลงั วา่ งงาน นกั เรยี นตอ้ งการวางแผนการออมและการใช้จ่าย เพอื่ บริหารจัดการเงนิ ใน 1 เดอื นให้ได้ นกั เรียน มวี ิธกี ารอยา่ งไรบา้ งอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ 2. สถานการณ์กลยุทธ์การเลือกซื้อรถมือสองให้ได้คุณภาพดี กําหนดให้นักเรียนมีอาชีพพ่อค้า แมค่ า้ หาบเร่แผงลอย มรี ายได้ 5,000 บาท ตอ่ เดอื น แต่จ�ำเปน็ ต้องซ้อื รถจักรยานยนตม์ อื สอง เพ่อื ใชใ้ น การประกอบอาชพี นกั เรยี นจะมวี ธิ ีเลอื กซ้ือรถมอื สองให้ได้คุณภาพดตี ้องมีวธิ กี ารทำ� อยา่ งไร 12 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษณิ ปีที่ 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
3. สถานการณก์ ลยทุ ธก์ ารกำ� หนดราคาสนิ คา้ แขง่ กบั คแู่ ขง่ กาํ หนดใหน้ กั เรยี นมอี าชพี เปน็ เจา้ ของ ธรุ กจิ ประเภทเครอ่ื งสำ� อาง นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารสรา้ งกลยทุ ธก์ ารกำ� หนดราคาสนิ คา้ แขง่ กบั คแู่ ขง่ อยา่ งไรบา้ ง เพื่อใหล้ กู คา้ สนใจซอื้ สนิ คา้ ของนกั เรียน 4. สถานการณก์ ารเจรจาขอขน้ึ คา่ แรงกบั นายจา้ ง กาํ หนดใหน้ กั เรยี นเปน็ บคุ คลวยั ทำ� งานทมี่ อี าชพี เปน็ กรรมกรลกู จา้ งในโรงสขี า้ ว ทมี่ รี ายไดไ้ มแ่ นน่ อน ตลอดจนมปี ญั หาภาระทตี่ อ้ งดแู ลครอบครวั อยบู่ า้ งหลงั มาก นกั เรยี นมีความจำ� เปน็ ตอ้ งเจรจาขอข้ึนคา่ แรงกับนายจา้ ง เพอ่ื บรหิ ารจดั การเงินในแตล่ ะสถานการณ์ ทตี่ อ้ งเผชิญ นักเรยี นจะมีวิธีการนำ� เงนิ ดงั กล่าวมาใชใ้ นการวางแผนการลงทุนระยะยาวอยา่ งไร 5. สถานการณ์ถกู ล็อดตาลี่รางวลั ท่ี 1 กาํ หนดใหน้ ักเรยี นเปน็ ผถู้ ูกลอ็ ดตาลี่รางวลั ท่ี 1 เป็นจำ� นวน เงนิ 12 ลา้ น นกั เรียนจะมีวิธีการวางแผนใช้จ่ายเงินอยา่ งไร และจงเสนอแนวทางในการอยู่อยา่ งพอเพียง ในการดำ� เนินชวี ติ ทกุ ระดบั เพ่อื พัฒนาตนเอง สังคม และชมุ ชนทำ� ไดอ้ ย่างไร พร้อมยกตวั อย่างประกอบ 6. สถานการณโ์ ควิด-19 กาํ หนดให้นักเรยี น ผู้เก่ียวข้อง หรอื จากขอ้ มลู สารสนเทศต่าง ๆ เปน็ หน่งึ ในผไู้ ดร้ บั ผลกระทบจากสถานการณโ์ ควดิ 19 นกั เรยี นมวี ธิ กี ารวางแผนการจดั การชวี ติ ในดา้ นตา่ ง ๆ อยา่ งไร ในชว่ งสถานการณด์ งั กลา่ ว พร้อมเสนอแนวทางในการอยอู่ ยา่ งพอเพียงในการดำ� เนนิ ชวี ิตทุกระดับ 7. สถานการณ์เจ้าของบริษัท กําหนดให้นักเรียนเป็นเจ้าของบริษัทผลิตโทรทัศน์ที่ใหญ่ท่ีสุดใน ประเทศ แต่ด้วยเกิดสถานการณ์น้�ำท่วมใหญ่ จึงท�ำให้บริษัทต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวหลายปี จาก สถานการณ์ดงั กล่าว นักเรียนจะมีวธิ ีการปรบั การตลาดอยา่ งไร เพื่อให้ธุรกิจดำ� เนินตอ่ ไปได้ เชน่ การตัง้ ราคาผลติ ภัณฑ์ การวางแผนงบประมาณทางการตลาด การตอบสนองต่อเหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ ท่เี กยี่ วข้องกบั การโฆษณาและการสง่ เสรมิ การขาย จำ� นวนพนกั งาน การวางแผนงบประมาณการวจิ ยั และพฒั นา นโยบาย และงบประมาณด้านการส่งออก ตลอดจนการจดั หาข้อมูลวิจยั ทางการตลาด เปน็ ตน้ 8. สถานการณเ์ ลขาการเงนิ ของบรษิ ทั กาํ หนดใหน้ กั เรยี นเปน็ เลขาการเงนิ ของบรษิ ทั ผลติ รองเทา้ หนัง แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจตกต่�ำจึงท�ำให้บริษัทขาดทุนเป็นหลายสิบล้าน นักเรียนจะมีวิธีการวางแผน งบประมาณสำ� หรบั โครงการพฒั นาทรพั ยากรมนุษย์ ประกอบดว้ ย การฝึกอบรมและการพัฒนา การแบ่ง ปันผลก�ำไร และสวัสดิการอย่างไรแก่พนักงานและลูกจ้าง เพื่อให้บริษัทคงอยู่และสามารถด�ำเนินกิจการ ตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งราบร่นื และมั่นคงตอ่ ไป 9. สถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่า กําหนดให้นักเรียนเป็นลูกจ้างของโรงงานผลิตน�ำแข็ง แต่ด้วย เกดิ สถานการณโ์ ควดิ -19 ระบาดอยา่ งหนกั สง่ ผลใหป้ ระเทศชาตกิ ำ� ลงั ประสบปญั หาเงนิ บาทแขง็ คา่ ทำ� ให้ โรงงานหลายแห่งต้องปิดกิจการลง ครอบครัวของนักเรียนจะได้รับผลกระทบน้ีหรือไม่ จงวิเคราะห์กรณี ดงั กลา่ วที่เกดิ ขึ้นเกย่ี วข้องกับเศรษฐศาสตร์หรอื ไม่ 10. สถานการณก์ ฎของอปุ ทาน หากผขู้ ายสินค้าประสงค์ที่จะขายสนิ คา้ และบรกิ ารชนิดใด ชนิด หน่ึง เพราะราคาสินค้าหรือบริการดังกล่าวเพ่ิมสูงขึ้น และลูกค้าได้ท�ำการส่ังซ้ือสินค้าแล้ว แต่ปรากฎว่า สนิ คา้ และบรกิ ารดงั กลา่ วไมม่ เี หลอื อยใู่ นสตอ็ กเลยในขณะนนั้ สนิ คา้ ลอ็ ตตอ่ ไปจะสง่ มาใหภ้ ายใน 2 อาทติ ย์ ข้างหน้า ประเด็นค�ำถามคือให้นักเรียนวิเคราะห์ว่า หากผู้ขายมีความต้องการท่ีจะขายสินค้าหรือบริการ ชนิดนนั้ เป็นอยา่ งมาก เพราะราคาสนิ ค้านัน้ สงู ข้ึนจนได้กำ� ไรงาม แตป่ รากฎว่าในขณะเวลาดังกลา่ วผูข้ าย ไม่มีสินค้าและบริการอยู่ในสต็อกเพียงพอตามใบส่ังซื้อสินค้า จะนับความต้องการของผู้ขายรายน้ีว่าเป็น อปุ ทานหรอื ไม่ จากสถานการณ์จ�ำลองมโนทัศน์พ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์กับการสอนสังคมศึกษาในระดับประถม ศกึ ษา สรปุ ไดว้ า่ ครสู งั คมศกึ ษาสามารถนำ� มาประยกุ ตใ์ หเ้ ขา้ กบั เนอื้ หาสาระในชวี ติ ประจำ� วนั ของนกั เรยี น ใหส้ อดคลอ้ งกบั รายวชิ าทเี่ ชอ่ื มโยงกบั ระดบั ประถมศกึ ษา เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเกดิ ความรพู้ น้ื ฐานทางเศรษฐกจิ วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ 13 ปีท่ี 20 ฉบับที่ 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
ไดข้ อ้ คดิ เกยี่ วกบั รายรบั รายจา่ ยของครอบครวั เขา้ ใจถงึ การเปน็ ผผู้ ลติ ผบู้ รโิ ภค รจู้ กั การออมขนั้ ตน้ และวธิ ี การเศรษฐกจิ พอเพียง ตลอดจนเพ่อื การด�ำรงชวี ติ อยา่ งมีดลุ ยภาพ บทสรุป จากกระบวนการสอนมโนทศั นท์ างเศรษฐศาสตรใ์ นวชิ าสงั คมศกึ ษา สรปุ ไดว้ า่ ครสู งั คมศกึ ษาสามารถ ปลกู ฝงั ใหน้ กั เรยี นรจู้ กั ใชช้ วี ติ ทพ่ี อเพยี ง โดยการเหน็ คณุ คา่ ของทรพั ยากรตา่ ง ๆ รอบตวั ตลอดจนฝกึ การอยู่ ร่วมกนั กับผูอ้ น่ื อย่างเออ้ื เฟอ้ื เผือ่ แผ่ และแบ่งปนั จากการท่ีครูสังคมศึกษามกี ารเตรียมการสอนทง้ั เน้อื หา และวิธีการเรียนรู้ท่ีหลากหลายทั้งในและนอกห้องเรียน ให้นักเรียนได้ฝึกกระบวนการคิด การแก้ปัญหา และการคน้ พบความรู้ อกี ทง้ั มกี ารเชอ่ื มโยงประสบการณก์ บั ชวี ติ จรงิ ของนกั เรยี นได้ ซง่ึ ประกอบดว้ ย 6 ขนั้ ตอน ดังน้ี ขั้นท่ี 1 ทบทวนความรูเ้ ศรษฐศาสตร์ ขัน้ ที่ 2 แลกเปล่ยี นเศรษฐศาสตร์ ขัน้ ที่ 3 สร้างองคค์ วาม รเู้ ศรษฐศาสตรร์ ่วมกัน ข้ันที่ 4 น�ำเสนอความรเู้ ศรษฐศาสตร์ ขน้ั ที่ 5 ลงมอื ปฏบิ ัตทิ างเศรษฐศาสตร์ และ ขัน้ ท่ี 6 ประเมินผลทางเศรษฐศาสตร์ อันจะส่งผลตอ่ การบรหิ ารจดั การทรัพยากรตามเปา้ หมายท่ีกำ� หนด อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 14 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษิณ ปีท่ี 20 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
บรรณานกุ รม กวี วรกวนิ และบุษบา คุณาศริ ินทร์. (2550). เศรษฐศาสตร์ ม.1. กรุงเทพฯ: พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ. เชษฐภมู ิ วรรณไพศาล. (2559). หลกั เศรษฐศาสตร์สำ� หรบั ครมู ัธยมศกึ ษา. เชยี งใหม่: โชตนาพร้นิ ท์. ภณดิ า มาประเสรฐิ และคณะ. (2554). ประมวลสาระชุดวชิ าการจัดประสบการณ์การเรียนร้สู ังคมศกึ ษา หน่วยที่ 6-11. นนทบุร:ี มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. วลยั อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา (พานชิ ). (2555). ครสู งั คมศกึ ษากบั การพฒั นาทกั ษะแกน่ กั เรยี น. (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 1). กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . วิภาดา พินลา. (2560). แนวทางการจัดการเรียนรู้ของครูสังคมศึกษาในการพัฒนามโนมติพ้ืนฐานทาง เศรษฐศาสตรส์ ำ� หรบั นกั เรยี น. วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ. 17(1), 16-24. วภิ าพรรณ พนิ ลา และวภิ าดา พนิ ลา. (2561). การจดั การเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษาในยคุ ศตวรรษท่ี 21. กรงุ เทพฯ: ส�ำนักพมิ พแ์ ห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . สริ วิ รรณ ศรพี หล. (2552). การจดั การเรยี นการสอนกลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม. นนทบรุ :ี โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. Alberta Learning. (2004). Focus on inquiry : a teacher’s guide to implementing inquiry based learning. Edmonton: Alberta Learning and Teaching Resources Branch. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ 15 ปที ี่ 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
กระบวนการการบริหารจัดการวงดนตรีไทยเพ่อื ความเป็นเลศิ ของโรงเรยี น มธั ยมศึกษาสังกดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน The Process of Excellent Management for Thai Ensembles Bands in Secondary Schools under the Office of Basic Education Commission Received : 2020-04-13 Revised : 2020-04-23 Accepted : 2020-12-17 ผู้วจิ ัย อภินนั ท์ พฤกษะศร1ี Apinan Prucksasri1 [email protected] ประชมุ รอดประเสริฐ2 Prachum Rodprasert2 บทคัดย่อ การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษากระบวนการการบริหารจัดการและสังเคราะห์แนวทางการ พฒั นาวงดนตรไี ทยเพอ่ื ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน ใชร้ ะเบยี บวธิ วี ิจยั เชิงคุณภาพ การวิจัยจ�ำแนกเป็น 3 ขั้นตอน คอื ข้ันตอนที่ 1 ศึกษาเอกสาร และ สมั ภาษณ์เชงิ ลึกจากผบู้ รหิ ารโรงเรยี นและครูสอนดนตรไี ทยทป่ี ระสบผลสำ� เรจ็ ระดับชาติ จำ� นวน 25 คน จาก 5 โรงเรยี น ข้ันตอนที่ 2 การสนทนากลมุ่ โดยผูเ้ ชีย่ วชาญเฉพาะทางดา้ นดนตรไี ทย จำ� นวน 9 คน และ ขั้นตอนที่ 3 สมั ภาษณเ์ ชิงลกึ จากผ้ปู ฎบิ ตั จิ รงิ ดา้ นดนตรไี ทยท่เี ปน็ ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ ผบู้ รหิ ารโรงเรยี น และครู สอนดนตรีไทย จำ� นวน 21 คน ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการการบริหารจัดการวงดนตรีไทยเพื่อความเป็นเลิศของโรงเรียน มธั ยมศกึ ษาประกอบด้วยกระบวนการ 4 ขนั้ คือ การเตรยี ม การสร้างสรรค์ การทบทวน และการปรบั ปรุง ซ่ึงแตล่ ะกระบวนการมแี นวทางการพฒั นาดงั นคี้ อื 1) การเตรียม มีแนวทางการพฒั นา คอื หลกั การและ แนวคิด การจัดหาและจัดสรรงบประมาณ การจัดตั้งคณะท�ำงาน และการจัดสร้างห้องปฏิบัติการดนตรี 2) การสร้างสรรค์ มีแนวทางการพัฒนา คือ การอำ� นวยการสั่งการ การจดั หาเคร่ืองดนตรีและอุปกรณ์ท่ี เก่ยี วข้อง การก�ำหนดหนา้ ทค่ี วามรบั ผิดชอบและการเฟ้นหาผเู้ รียนผ้สู อน 3) การทบทวน มแี นวทางการ พฒั นา คอื การสรา้ งและพฒั นาหลกั สตู ร ความมคี ณุ ภาพและความเพยี งพอของเครอื่ งดนตรี ผลงานเปน็ ที่ 1 นักศึกษาปรญิ ญาเอก สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั หาดใหญ่ 90110 Ph.D. Student, Doctor of Education Degree in Educational Administration, The Faculty of Education and Liberal Arts, Hatyai University, 90110 2 รศ. ดร. สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา คณะศึกษาศาสตรแ์ ละศิลปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั หาดใหญ่ 90110 Assoc. Prof. Dr., Faculty of Faculty of Education and Liberal Arts, Hatyai University, 90110 16 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ ปที ่ี 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
ยอมรบั และความสนใจความเอาใจใสข่ องผเู้ รยี นผสู้ อน 4) การปรบั ปรงุ มแี นวทางการพฒั นา คอื การจดั การ การเรยี นการสอน การฝกึ ซอ้ ม ผปู้ กครองชมุ ชนใหก้ ารสนบั สนนุ และชมุ ชนยอมรบั ในความรคู้ วามสามารถ ของนักเรียน คำ� สำ� คัญ : กระบวนการการบริหารจัดการ, วงดนตรไี ทย, ความเป็นเลศิ Abstract The objective of the study initiated the process and synthesis some components for Thai ensembles bands in secondary schools under the Office of Basic Education commission. The qualitative research consisted of three steps: The first one derived the data from documentary reviews and interviews of 25 experts from five schools. The second, the data derived from focus group discussion of 9 academicians. The third, data derived from in-depth interview of 21 Thai classical music professions. Results of the study revealed as follows, the process of making excellent management for Thai ensembles bands consisted of 4 principles: preparation, creation, review and improvement. The development guidelines of each principle created as follows; 1) Preparation development consisted of the following aspects; concepts, budget allocation, working committee and practical music rooms. 2) Creation development consisted of the following aspects; directing purchasing musical instruments, responsible committee and searching for students and instructors. 3) Review development consisted of the following aspects; curriculum creation, quality of music instruments, performance accepting and intension of students and instructors. 4) Improvement development consisted of the following aspects; teaching and learning activities, support of parents and community, training procedures and satisfaction of community. Keywords : The process of excellent management, Thai ensembles bands วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษณิ 17 ปที ี่ 20 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
บทนำ� ปจั จบุ นั การศกึ ษาไทยจดั ใหเ้ ดก็ ทกุ คนมโี อกาสไดเ้ รยี นวชิ าดนตรใี นโรงเรยี น เพราะดนตรเี ปน็ วชิ าที่ เปลยี่ นแปลงบรรยากาศการเรยี นมากกวา่ การเรยี นในวชิ าปกติ ดนตรจี ะชว่ ยสง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นมสี นุ ทรยี ะ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมดนตรีเป็นส่ิงหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กมีความเฉลียวฉลาด มีความรู้สึกที่ ดีมองโลกในแง่ดี มีความรอบคอบ มีทักษะ มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ และสามารถท�ำงานร่วมกับผู้อ่ืน ได้ (กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2545, น. 6-7) ดนตรีไทยเป็นกจิ กรรมส�ำคญั ทจ่ี �ำเป็นต้องส่งเสริมและพัฒนา ให้ด�ำรงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการจึงมี นโยบายการจดั งานศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรยี นระดบั ชาตเิ ปน็ ประจำ� ทกุ ปี โดยคาดหวงั วา่ กระบวนการจดั งาน ศลิ ปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาตจิ ะช่วยส่งเสริมการท�ำงานอยา่ งเปน็ ระบบ ชว่ ยพัฒนาการเรียนการสอน อย่างมีเป้าหมาย ครู นักเรียน บุคลากรทางการศึกษา ได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างรอบด้าน มีความ คดิ รเิ ร่มิ สร้างสรรค์ มีโอกาสแลกเปลยี่ นเรียนรู้ และได้รับการพฒั นาองค์ความรู้ มีการตนื่ ตวั ศึกษาค้นคว้า หาความรใู้ นนวตั กรรมใหม่ ๆ อนั เปน็ ผลสบื เนอ่ื งจากการเตรยี มตวั ในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมการแขง่ ขนั ทกั ษะ ในงานศิลปหตั ถกรรมนกั เรยี น ซึ่งจัดข้ึนทงั้ ในระดบั โรงเรียน ระดับเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา ระดับภูมภิ าค และ ระดบั ชาติ ภายใตน้ โยบายหลกั ในการเรง่ รดั การปฏริ ปู การศกึ ษา โดยยดึ หลกั คณุ ธรรมนำ� ความรู้ สรา้ งความ ตระหนกั สำ� นกึ ในคณุ คา่ ของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความสมานฉนั ท์ สนั ตวิ ธิ ี วถิ ปี ระชาธปิ ไตย พฒั นาคน โดยใชค้ ณุ ธรรมเปน็ พน้ื ฐานของกระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี ชอื่ มโยงกบั ความรว่ มมอื ของสถาบนั ครอบครวั ชมุ ชน และสถาบันการศึกษา (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2558, น. 1) ดังนน้ั การสง่ เสรมิ นกั เรยี นให้เขา้ รว่ มแข่งขัน ทกั ษะเพอื่ ใหม้ คี วามเปน็ เลศิ ดา้ นดนตรไี ทยงานศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรยี นระดบั ชาติ จงึ สามารถใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ในการนำ� ไปสกู่ ารพฒั นาดงั กลา่ วไดท้ างหนงึ่ แตท่ งั้ นจี้ ะตอ้ งมที ศิ ทางดำ� เนนิ การอยา่ งเปน็ ระบบ และ สามารถเป็นต้นแบบของการปฏิบัติตามกระบวนการการบริหารจัดการท่ีดี เพ่ือน�ำไปสู่กระบวนการสร้าง บคุ ลากรของประเทศชาตทิ มี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ ซงึ่ แนวโนม้ บรบิ ทของการพฒั นาโรงเรยี นสง่ เสรมิ ความเปน็ เลศิ ทางดนตรี ตอ้ งเพมิ่ ศกั ยภาพทางการบรหิ ารจดั การใหส้ งู ขนึ้ โดยตอ้ งคำ� นงึ ถงึ กระบวนการบรหิ ารจดั การ เพอ่ื ใหเ้ ปน็ กลไกทส่ี ำ� คญั ในการดำ� เนนิ การพฒั นา (Porter, 2011, น. 19) ดว้ ยเหตผุ ลอกี ประการหนงึ่ ทน่ี กั เรยี น ให้ความสนใจดนตรีไทยน้อยกว่าดนตรีสากลจึงท�ำให้แนวคิดการสร้างวงดนตรีไทยของโรงเรียนให้มีความ เปน็ เลิศนั้นเปน็ ส่ิงทา้ ทายของผู้บรหิ ารและครู ดงั นั้นการสรา้ งแรงจงู ใจทวนกระแสให้นักเรยี นหันมาสนใจ ฝึกทักษะด้านดนตรีไทยเพิม่ มากขน้ึ อย่างน้อย 1 ชน้ิ ต่อนกั เรียน 1 คนนับเป็นเรือ่ งยาก ถ้าหากโรงเรียน ต้องการจะให้นักเรียนมีความสามารถพิเศษด้านดนตรีไทย พัฒนาเป็นนักดนตรีไทยท่ีมีฝีมือดียิ่งยากมาก ไปกว่าเดมิ และทส่ี �ำคัญไปกวา่ น้ันคอื จะทำ� อย่างไรให้โรงเรยี นมีผลงานเปน็ เลศิ ดา้ นดนตรไี ทย พัฒนาวง ดนตรีไทยเป็นของโรงเรียนท่ีได้รับการยอมรับและมีช่ือเสียง เหล่านี้เป็นสิ่งท้าทายของผู้บริหารท้ังสิ้น ครู และผู้มีส่วนเก่ียวข้องต้องให้ความร่วมมือในการบริหารจัดการดังกล่าว โดยผ่านกระบวนการการบริหาร จดั การเพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารสรา้ งวสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ และกลยทุ ธ์ โดยการศกึ ษาความเปน็ ไปไดแ้ ละความเหมาะสม (นฤภพ ขันทับไทย, 2559, น. 217) การจัดต้งั วงดนตรไี ทยของโรงเรยี นสว่ นใหญไ่ ดร้ บั แรงบันดาลใจจาก ความตอ้ งการสง่ เสรมิ อนรุ ักษ์ดนตรไี ทย จงึ จัดท�ำหลักสตู รสถานศกึ ษาเน้นทกั ษะควบค่คู วามรูเ้ ชงิ วิชาการ จัดกจิ กรรมใหส้ อดคล้อง ส่งเสริมและพฒั นาครู สรา้ งสมั พนั ธ์กับชุมชนและประสานภมู ปิ ัญญาในทอ้ งถน่ิ คัดเลอื กผเู้ รยี นทส่ี นใจ นำ� เสนอผลงานและส่งวงดนตรีไทยเขา้ ประกวด เพอ่ื ยกระดบั มาตรฐานดนตรีไทย ใหไ้ ดร้ ับการยอมรบั สนับสนุนใหม้ รี ายได้ระหว่างเรยี น ผเู้ รียนจบการศึกษาที่มคี วามสามารถด้านนต้ี ดิ ตัว ไปตลอดชีวิต ไปศึกษาตอ่ ในระดบั ทีส่ ูงขึน้ และใช้เป็นอาชีพได้ (ชวนพศิ ศลิ าเดช และคณะ, 2557, น. 24) 18 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ ปที ี่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
ด้วยเหตดุ งั กลา่ วนี้ หากมีการศกึ ษากระบวนการบริหารจดั การวงดนตรีไทยเพือ่ ความเปน็ เลิศของโรงเรียน มธั ยมศกึ ษา สงั กดั ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐานทีม่ กี ารตรวจสอบ ยนื ยนั ความเหมาะสม และความเป็นไปได้ของกระบวนการการบริหารจัดการวงดนตรีไทยเพื่อความเป็นเลิศของโรงเรียนมัธยม ศกึ ษาทปี่ ระสบผลสำ� เรจ็ แลว้ ยอ่ มเปน็ แนวทางใหก้ ารดำ� เนนิ งานการบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยทดี่ ดี งั กลา่ ว ขยายไปสู่โรงเรียนอื่น ๆ รวมท้ังส่งเสริมสนับสนุนและเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับรู้เพ่ือจะได้ร่วมมือกัน ขบั เคล่ือนการพฒั นาการศึกษาของประเทศให้ม่ันคง และยง่ั ยืนตอ่ ไป วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย 1. เพ่ือศึกษาประเด็นหลักและประเด็นย่อยของกระบวนการการบริหารจัดการวงดนตรีไทย เพื่อ ความเปน็ เลศิ ของโรงเรียนมัธยมศกึ ษา สังกดั สำ� นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน 2. เพ่ือตรวจสอบ ยืนยันความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของกระบวนการการบริหารจัดการ วงดนตรไี ทย เพอ่ื ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน วิธีดำ� เนินการวิจยั การวิจัยครั้งน้ีใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการศึกษาความต้องการพัฒนาการจัดกิจกรรม วงดนตรไี ทยสคู่ วามเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา เพอื่ สรา้ งประเดน็ หลกั และประเดน็ ยอ่ ยของกระบวนการ การบริหารจัดการท่ีผ่านการตรวจสอบ ยืนยันความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ดังมีรายละเอียด 3 ข้นั ตอน ดังน้ี ขน้ั ตอนท่ี 1 สงั เคราะหป์ ระเด็นหลกั และประเด็นย่อยกระบวนการการบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทย เพอ่ื ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ผวู้ จิ ยั ศกึ ษา และวเิ คราะหจ์ ากเอกสาร แนวคดิ ทฤษฎี งานวจิ ยั เกยี่ วกบั สภาพทวั่ ไปของโรงเรยี น การจดั ตง้ั วงดนตรไี ทย และการบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา นำ� ขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าดำ� เนนิ การสรา้ งเปน็ แบบสมั ภาษณ์ เพอื่ ไปสมั ภาษณห์ าขอ้ สรปุ ของประเดน็ หลกั และประเดน็ ยอ่ ยของกระบวนการการบรหิ ารจดั การวงดนตรี ไทย เพ่ือความเป็นเลศิ ของโรงเรยี นมัธยมศึกษา สังกดั ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน กลุ่ม ผใู้ หข้ อ้ มลู เปน็ ผบู้ รหิ ารและครสู อนดนตรไี ทยโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เปน็ โรงเรยี นทม่ี ชี อื่ เสยี งดา้ นดนตรไี ทยทไี่ ดร้ บั การยอมรบั (Best Practice) เคยเปน็ ตวั แทนโรงเรยี นเขา้ ประกวดวงดนตรไี ทยสาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ ในระดบั ภมู ภิ าค และมผี ลงานความ สามารถในการบริหารจัดการวงดนตรีไทยของโรงเรียนประสบผลส�ำเร็จได้รับรางวัลชนะเลิศ หรือรางวัล รองชนะเลิศ ประเภทวงดนตรีไทยในงานศลิ ปหัตถกรรมนกั เรียน ระดบั มัธยมศึกษา ระดบั ชาติ ในช่วง 6 ปี ระหวา่ งปี พ.ศ. 2555-2560 จัดโดย กระทรวงศึกษาธิการ มตี �ำแหนง่ ท่ตี ั้งโรงเรียนกระจายอยูใ่ นภมู ภิ าค ต่าง ๆ ของประเทศ โดยใช้วิธคี ดั เลอื กแบบเจาะจง (ณรงค์ โพธพิ์ ฤกษานันท,์ 2557, น. 185) จ�ำนวน 5 โรงเรียน คือ โรงเรียนเฉลมิ ขวัญสตรี จงั หวัดพษิ ณโุ ลก โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา โรงเรียนเบญ็ จะมะมหาราช จงั หวัดอุบลราชธานี โรงเรียนเทพศริ นิ ทร์ กรุงเทพมหานคร และโรงเรียนมหา วชริ าวธุ จงั หวัดสงขลา สัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลโรงเรียนละ 5 คน คอื ผ้อู ำ� นวยการโรงเรียน รองผู้อ�ำนวยการ โรงเรยี น หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ ครูสอนดนตรีไทย และครภู มู ปิ ัญญาดนตรีไทย ผู้วิจัยด�ำเนนิ การสมั ภาษณผ์ ้ใู ห้ขอ้ มลู ทงั้ 25 คน ใช้เวลา 3 เดือน (ระหว่างกรกฎาคม-กันยายน 2561) วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษณิ 19 ปีท่ี 20 ฉบบั ท่ี 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
การเก็บรวบรวมข้อมูล ผวู้ ิจัยน�ำขอ้ มลู ทไ่ี ดส้ มั ภาษณม์ าดำ� เนินการวเิ คราะหข์ ้อมลู เชงิ คณุ ภาพ ด้วย วิธีการของ โคไลซ่ี (Colaizzi, 1978, pp. 48-71) แล้วจึงสรุปประเด็นและสังเคราะห์ข้อมูล สร้างเป็น ประเด็นหลักและประเด็นย่อยของกระบวนการการบริหารจัดการวงดนตรีไทย เพ่ือความเป็นเลิศของ โรงเรียนมัธยมศึกษา โดยก�ำหนดเป็นประเด็นหลักและประเด็นย่อยตามแนวคิดวงจรคุณภาพของเดมมิง (Edwards W. Deming: PDCA) ขั้นตอนท่ี 2 ตรวจสอบกระบวนการการบรหิ ารจัดการวงดนตรไี ทยเพ่อื ความเปน็ เลศิ ของโรงเรียน มัธยมศึกษา สังกัดส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ผู้วิจัยด�ำเนินการน�ำข้อมูลที่ได้จากข้ัน ตอนที่ 1 ร่างเป็นแบบตรวจสอบ เพ่ือน�ำเสนอประเด็นย่อยของแต่ละประเด็นหลักของกระบวนการการ บรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทย โดยกลมุ่ ผใู้ หข้ อ้ มลู ทใ่ี ชว้ ธิ คี ดั เลอื กแบบเจาะจง (ณรงค์ โพธพิ์ ฤกษานนั ท,์ 2557, น. 185) จากกลมุ่ ผเู้ ชย่ี วชาญและนกั วชิ าการทมี่ ปี ระสบการณด์ า้ นดนตรไี ทยทม่ี ชี อ่ื เสยี งและไดร้ บั การยอมรบั ดว้ ยวธิ กี ารสนทนากลมุ่ ผูเ้ ช่ียวชาญเฉพาะทาง การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยน�ำเสนอแบบตรวจสอบข้ันตอนที่ 2 ในการประชุมสนทนากลุ่ม ผเู้ ช่ียวชาญเฉพาะทาง จ�ำนวน 9 คน ณ ห้องประชมุ อาคารศลิ ปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย เมอ่ื วนั ที่ 18 ธันวาคม 2561 เพือ่ ใหผ้ ูร้ ว่ มสนทนากลุม่ พจิ ารณาตรวจสอบข้อมูล โดยผู้วจิ ยั บันทกึ ข้อมลู การ สนทนากลมุ่ ตามแบบบนั ทกึ การสนทนากลมุ่ พรอ้ มสงั เกตพฤตกิ รรมสมาชกิ กลมุ่ เพอื่ ประกอบการวเิ คราะห์ ผวู้ จิ ยั นำ� ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากขน้ั ตอนท่ี 2 สงั เคราะหส์ รปุ เปน็ ประเดน็ ยอ่ ยในแตล่ ะประเดน็ หลกั ของกระบวนการ การบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยเพอ่ื ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา กำ� หนดเปน็ กระบวนการเบอื้ งตน้ (Preliminary Process) ของการบริหารจัดการวงดนตรีไทย เพ่ือความเป็นเลิศของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ขนั้ ตอนท่ี 3 การยืนยนั ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ของกระบวนการการบริหารจัดการวง ดนตรไี ทยเพ่ือความเป็นเลศิ ของโรงเรยี นมัธยมศกึ ษา สงั กดั ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ผู้วิจัยน�ำข้อสรุปของประเด็นหลักและประเด็นย่อย จากขั้นตอนท่ี 2 สร้างขึ้นเป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) เพอื่ ยืนยนั ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ กลุม่ ผู้ให้ข้อมูลครัง้ น้ีใช้วธิ ีคดั เลอื ก แบบเจาะจง (ณรงค์ โพธิ์พฤกษานนั ท,์ 2557, น. 185) จากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบรหิ ารการศกึ ษาและ ดา้ นดนตรีไทย จ�ำนวน 21 คน ไดแ้ ก่ นกั วิชาการ ผูบ้ รหิ ารโรงเรียนและครสู อนดนตรีไทย ซงึ่ มตี �ำแหน่งท่ี อยใู่ นสว่ นกลางและกระจายในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย และเคยส่งวงดนตรีไทยเขา้ ประกวดได้รับ รางวัลได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับมัธยมศึกษา ระดับชาติ ระหว่าง ปี พ.ศ. 2555-2560 จดั โดยกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เพอื่ สรุปยนื ยันความเหมาะสมและความเป็นไปได้เกยี่ ว กบั ประเดน็ หลกั และประเดน็ ยอ่ ยของกระบวนการการบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา ผวู้ ิจัยด�ำเนินการสัมภาษณผ์ ้ใู ห้ข้อมลู ท้ังส้นิ 21 คน ใชเ้ วลา 4 เดอื น (ระหว่างเมษายน-สิงหาคม 2562) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผวู้ จิ ยั บนั ทกึ ขอ้ มลู ตามแบบบนั ทกึ การสมั ภาษณ์ พรอ้ มสงั เกตพฤตกิ รรมของ ผู้ใหข้ ้อมูล เพ่อื ประกอบการวิเคราะห์ ผวู้ ิจยั น�ำขอ้ มลู จากการสัมภาษณ์เชิงลึกมาวเิ คราะหว์ า่ เหน็ ด้วยตรง กันหรือไม่ หรือมีข้อเสนอแนะอ่ืนใดเพ่ิมเติม ผู้วิจัยด�ำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีได้รับจากขั้นตอนที่ 3 โดยศกึ ษาวเิ คราะห์สรุปข้อมูลส�ำคัญใหช้ ัดเจนและกระชบั ยงิ่ ขึ้น ก่อนทีจ่ ะน�ำขอ้ มูลไปสงั เคราะห์ เขียนผล การวจิ ยั เปน็ กระบวนการปฏบิ ตั ิ (Practical Process) สรปุ ผลเปน็ กระบวนการการบรหิ ารจดั การวงดนตรี ไทยเพือ่ ความเปน็ เลิศของโรงเรียนมธั ยมศึกษา สงั กัดสำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน 20 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ ปีท่ี 20 ฉบับท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
ผลการวิจยั การศึกษากระบวนการการบริหารจัดการวงดนตรีไทยเพื่อความเป็นเลิศของโรงเรียนมัธยมศึกษา สงั กดั สำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐานในคร้ังน้ี ผวู้ จิ ยั มวี ธิ ีดำ� เนนิ การวจิ ัย 3 ขัน้ ตอน ผลสรุป ของขอ้ มูลขน้ั ตอนท่ี 1 ได้ประเดน็ หลัก 4 ประเด็น และประเด็นย่อย 38 ประเดน็ ขั้นตอนท่ี 2 ไดป้ ระเด็น หลัก 4 ประเดน็ และประเด็นย่อย 40 ประเดน็ ขนั้ ตอนที่ 3 ไดป้ ระเดน็ หลกั 4 ประเด็น และประเด็นยอ่ ย 16 ประเด็น โดยสรุปผลการวจิ ัยไดด้ งั น้ี 1. กระบวนการบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทย เพอื่ ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วยกระบวนการบริหารจัดการสำ� คัญ 4 ประเด็น คือ 1) การเตรียม (Preparation) 2) การสร้างสรรค์ (Creation) 3) การทบทวน (Review) และ 4) การปรับปรงุ (Improvement) สรปุ กระบวนการทไ่ี ดใ้ นการวิจัยครัง้ น้ี คือ กระบวนการPCRI ซง่ึ นำ� มาจากตวั อักษรตัว แรกของทั้ง 4 ประเดน็ 2. ประเดน็ ยอ่ ยของแตล่ ะกระบวนการ PCRI ในบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทย ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา ในแต่ละประเดน็ หลกั มดี ังน้ี 2.1 การเตรียม (Preparation) มีประเดน็ ย่อยทีส่ ำ� คญั 4 ประเดน็ ดังนี้ 2.1.1 หลักการและแนวคิด มีแนวทางการพัฒนาส�ำคัญเป็นเบ้ืองต้น คือ โรงเรียนเห็น คณุ คา่ ของการเตรยี มการสรา้ งวงดนตรไี ทยในหลกั การและแนวคดิ ทวี่ า่ ดนตรไี ทยเปน็ ศลิ ปวฒั นธรรมทช่ี ว่ ย สง่ เสริมและพฒั นาศีล สมาธิ ปัญญาและอารมณ์ เพอื่ ให้นักเรียนเป็นคนเกง่ ดี มสี ุข กระทรวงศกึ ษาธิการ จงึ สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารประกวดดนตรไี ทยเปน็ ประจำ� ทกุ ปเี พอื่ พฒั นาศกั ยภาพของนกั เรยี นทกุ ระดบั ชนั้ เพราะ การสนบั สนนุ และสง่ เสรมิ นกั เรยี นดา้ นการประกวดดนตรไี ทยจะชว่ ยยกระดบั มาตรฐานดนตรไี ทยใหส้ บื สาน และแพร่หลาย และกิจกรรมดนตรีไทยบริการสังคมจะช่วยประสานสัมพันธภาพท่ีดีระหว่างโรงเรียนกับ ชุมชน 2.1.2 การจดั หาและจดั สรรงบประมาณ มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นบรหิ าร งบประมาณทไ่ี ดร้ บั การสนบั สนนุ จากกระทรวงศกึ ษาธกิ าร จากฝา่ ยตา่ ง ๆ ของโรงเรยี น จากผมู้ อี ปุ การคณุ ชุมชน สมาคมต่าง ๆ รวมทัง้ งบประมาณส�ำรองเพมิ่ เติม ท่ีจัดสรรไว้เพื่อการสง่ เสริมและพฒั นาความเป็น เลศิ ด้านดนตรไี ทย เชน่ จดั ซือ้ เครื่องดนตรไี ทยที่มคี ณุ ภาพ เอกสารตำ� รา วัสดุอุปกรณ์ สือ่ เทคโนโลยี ค่า ตอบแทนวทิ ยากรและสง่ วงดนตรีไทยประกวดตามความเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน เป็นตน้ 2.1.3 การจดั ตงั้ คณะทำ� งาน มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นแตง่ ตงั้ คณะครทู ำ� งาน รบั ผดิ ชอบฝา่ ยต่าง ๆ ในการบรหิ ารจัดการวงดนตรีไทยของโรงเรียน เพ่อื ร่วมประชมุ วางแผน ดำ� เนินการ และกำ� กบั ตดิ ตามประเมนิ ผล มคี รสู อนดนตรไี ทยในโรงเรยี นอยา่ งนอ้ ย 1 คน ทมี่ คี วามรคู้ วามสามารถและ ประสบการณด์ า้ นดนตรไี ทย รบั ผดิ ชอบงานดนตรไี ทยของโรงเรยี นโดยตรงเปน็ ครปู ระจำ� การ ทมี่ วี สิ ยั ทศั น์ มนุษยสมั พนั ธ์ ความคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ จิตอาสา พฒั นาตนเองด้านดนตรีไทยอยเู่ สมอ ตง้ั ใจ ขยัน ทุ่มเท เสียสละเวลาเพ่ือฝึกซ้อมวงดนตรีไทยของโรงเรียนให้มีคุณภาพ โดยจัดกิจกรรมการแสดงและประกวด วงดนตรีไทยอย่างสม่�ำเสมอ หลังจากเสร็จสิ้นแต่ละกิจกรรมควรมีการประชุมคณะท�ำงานวงดนตรีไทย ของโรงเรียนเพ่ือสรุปงาน ประเมินผลงาน วิเคราะห์ถึงข้อดีข้อควรแก้ไขปรับปรุงเพื่อเป็นข้อมูลพัฒนา ผลงานดนตรีไทยต่อไป 2.1.4 การจดั สรา้ งหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารดนตรี มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นมอี าคาร เรยี นหอ้ งเรยี น หอ้ งปฏบิ ตั กิ ารดนตรไี ทย ทเ่ี หมาะสมในการเรยี นและฝกึ ซอ้ ม มหี อ้ งปฏบิ ตั กิ ารดนตรไี ทยที่ วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ 21 ปีที่ 20 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
แยกสว่ นเปน็ เอกเทศเพอื่ ไม่มเี สยี งดงั รบกวน มีสอ่ื เทคโนโลยที ันสมัย มีพน้ื ท่กี ว้างพอสำ� หรับการซ้อมรวม วงดนตรีไทย และจัดเก็บวางเคร่อื งดนตรไี ทยอยา่ งเปน็ ระบบ ครูและนกั ดนตรไี ทยยอมรบั การปฏิบตั ติ าม กฎกติกาการใช้หอ้ งเรียน ใหค้ วามร่วมมือเก็บรักษาเคร่อื งดนตรีไทยวัสดุอุปกรณใ์ หเ้ ปน็ ระเบียบอยูเ่ สมอ 2.2 การสร้างสรรค์ (Creation) ประกอบดว้ ยประเด็นย่อยท่ีสำ� คัญ 4 ประเดน็ ดังน้ี 2.2.1 การอ�ำนวยการสั่งการ มีแนวทางการพัฒนาส�ำคัญ คือ โรงเรียนส่งเสริมการจัด กิจกรรมเสริมหลักสูตรวิชาดนตรีไทย จัดให้นักเรียนฝึกฝนดนตรีไทยอย่างมีเป้าหมาย สนับสนุนนักเรียน ท่ีสนใจดนตรีไทยพัฒนาตนเองเต็มศักยภาพ สนับสนุนกิจกรรมชมรมดนตรีไทยโดยก่อตั้งและพัฒนาวง ดนตรีไทย เชน่ อนญุ าตให้ไปแสดงบริการชมุ ชนงานต่าง ๆ อยเู่ สมอ เพ่ือประชาสัมพันธ์ สร้างสัมพนั ธ์ที่ดี กบั ชมุ ชน และสง่ วงดนตรไี ทยเขา้ ประกวดเพอ่ื พฒั นานกั เรยี นสเู่ กณฑม์ าตรฐานดนตรไี ทย เปน็ ตน้ อนญุ าต ให้เชญิ ครูภมู ิปญั ญาและวิทยากรดา้ นดนตรีไทยเพอ่ื แกป้ ญั หาขาดแคลนครูเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ประสาน ความเขา้ ใจของเปา้ หมายการซอ้ ม การแสดง และการประกวดระหวา่ งโรงเรยี นกบั ครปู ระจำ� วชิ า ผปู้ กครอง และชุมชน โรงเรียนอ�ำนวยความสะดวกด้านสวัสดิการ สวัสดิภาพ เม่ือนักเรียนต้องไปท�ำกิจกรรมดนตรี ไทย ฝกึ ซ้อม แสดง ประกวดวงดนตรไี ทย ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน โดยดแู ลใหไ้ ม่มผี ลกระทบต่อ เวลาเรียนของนักเรียน โรงเรียนช่ืนชมและให้สิทธิพิเศษนักดนตรีไทยท่ีสร้างชื่อเสียงแก่โรงเรียนเข้าศึกษา ต่อช้ัน ม.4 ท่ีโรงเรียนเดมิ สนับสนนุ ใหส้ รา้ งนกั ดนตรีไทยรนุ่ ใหม่เพื่อทดแทนนักดนตรีไทยท่จี บการศกึ ษา สร้างแรงจูงใจให้ชุมชนเห็นความส�ำคัญของดนตรีไทย และหันมานิยมใช้บริการวงดนตรีไทยของโรงเรียน เพิ่มมากขึ้น มีการก�ำกับติดตามประเมินผลรายงานผลและประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมดนตรีไทยของ โรงเรยี นอยา่ งต่อเน่ือง 2.2.2 การจัดหาเคร่ืองดนตรีและอุปกรณ์ที่เก่ียวข้อง มีแนวทางการพัฒนาส�ำคัญ คือ โรงเรยี นสนบั สนุนงบประมาณที่ครสู อนดนตรีไทยเสนอโครงการตามความเหมาะสม เช่น โครงการจดั จ้าง เพอ่ื ซอ่ มเครอ่ื งดนตรไี ทย วสั ดแุ ละอปุ กรณต์ า่ ง ๆ จดั ซอ้ื เครอื่ งดนตรไี ทยมคี ณุ ภาพเสยี งดี ใหม้ จี ำ� นวนเพยี ง พอทงั้ ประเภทวงเครอ่ื งสายและวงปพ่ี าทย์ จดั หาเอกสารต�ำราวสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละสอื่ เทคโนโลยพี รอ้ มใชง้ าน เปน็ ต้น สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นจดั เกบ็ รกั ษาซ่อมแซม ท�ำความสะอาด หยิบยกวาง และปรบั แต่งเสียงเครื่อง ดนตรไี ทยตามถนัดอย่างง่ายด้วยตนเอง ภายใต้การก�ำกบั ดแู ลของครู 2.2.3 การกำ� หนดหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นกำ� หนด หน้าท่ีรับผิดชอบฝ่ายต่าง ๆ ในการบริหารจัดการวงดนตรีไทยของโรงเรียนให้ไปสู่เป้าหมาย ครูมีหน้าท่ี จดั ทำ� โครงการพฒั นาดนตรไี ทยรายปแี ละดำ� เนนิ การจดั ซอ้ื จดั จา้ งครบถว้ นถกู ตอ้ งและรายงานผล ครพู ฒั นา แผนการบรหิ ารจดั การกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู รดนตรไี ทยเพอื่ พฒั นาทง้ั การซอ้ ม การแสดงและประกวดตาม ศกั ยภาพของโรงเรียนอย่างตอ่ เนือ่ ง ครูออกแบบการสอนฝกึ ปฏบิ ตั ิของเครื่องดนตรีไทยแต่ละช้ินจากง่าย ไปหายาก เพื่อพฒั นาฝมี ือและเตรียมความพร้อมก่อนการปรบั วงดนตรีไทยอย่างมีคุณภาพ ครูสร้างเครอื ขา่ ยครดู นตรไี ทยตา่ งโรงเรยี นเพอื่ แลกเปลยี่ นความรแู้ ละขา่ วสารดา้ นดนตรไี ทย ครสู รรหาและประสานครู ภมู ปิ ัญญา วทิ ยากรผู้เชย่ี วชาญดา้ นดนตรีไทยและขับรอ้ ง ครูพัฒนานกั เรยี นให้มคี วามรู้ ความเข้าใจ และมี ประสบการณด์ า้ นดนตรไี ทยตามถนดั ตามเกณฑห์ รอื สงู กวา่ เกณฑม์ าตรฐานดนตรไี ทยเตม็ ศกั ยภาพตามวยั ทนั เวลาที่ก�ำหนดของการบรรเลงในแต่ละกิจกรรม 2.2.4 การเฟ้นหาผูเ้ รยี นผ้สู อน มแี นวทางการพัฒนาส�ำคญั คอื โรงเรยี นเฟน้ หานักเรียน ท่ีมาจากการสอบเข้าเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยวิธีสอบความสามารถพิเศษด้านดนตรีไทย รับเพ่ิม นักเรียนท่ีสนใจดนตรีไทยสามารถเลือกเรียนและฝึกดนตรีไทยตามถนัดได้เต็มศักยภาพตามวัยเพื่อพัฒนา เปน็ นักดนตรไี ทยของโรงเรยี น นักเรียนที่พฒั นาเปน็ นักดนตรีไทยแลว้ ยนิ ดีเขา้ ร่วมกจิ กรรมจิตอาสาแสดง 22 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ ปที ่ี 20 ฉบบั ท่ี 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
ดนตรีไทยบริการสังคม ร่วมกิจกรรมดนตรีสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาความคิดความสามารถ ประสบการณ์ พฒั นาฝมี อื ดา้ นดนตรไี ทยตามถนดั แบบเขม้ ขน้ และรบั ผดิ ชอบงานดนตรไี ทยทงั้ การแสดงและการประกวด ทง้ั น้ี นกั ดนตรไี ทยสามารถบรหิ ารเวลาซอ้ มดนตรไี ทยในวนั หยดุ และนอกเวลาของวนั ทมี่ กี ารเรยี นการสอน ได้โดยไม่เสียการเรียน สร้างแรงจูงใจให้นักดนตรีไทยมีความขยันและอดทนในการพัฒนาฝีมือตามเกณฑ์ มาตรฐานตามล�ำดับจากขั้นพ้ืนฐานสู่ข้ันสูงตามแบบแผนท่ีก�ำหนด โรงเรียนเฟ้นหาครูท่ีสามารถสร้างแรง จงู ใจใหน้ กั ดนตรไี ทยของโรงเรยี นใหม้ คี วามรกั ความรบั ผดิ ชอบ เชอ่ื ฟงั และยนิ ดปี ฏบิ ตั ภิ ารกจิ ของกจิ กรรม ดนตรีไทยตามท่ไี ด้รับมอบหมาย ครปู ลกู ฝังด้านความเปน็ ไทย ความรักความผกู พนั ความกตัญญู ความ สามัคคี การท�ำงานเป็นทีม และการมีวินัย ครูเสริมสร้างพลังท่ีเข้มแข็งเพื่อให้นักเรียนสามารถต่อสู้กับ ความท้าทาย กล้าเผชิญและฟันฝ่าอุปสรรค มีความม่ันใจในตนเองในขณะบรรเลง ครูผู้สอนมีวิสัยทัศน์ ศกึ ษาค้นคว้า แลกเปล่ยี นเรียนรู้ รับการอบรมพัฒนาตนเองด้านดนตรีไทยและสามารถรเู้ ทา่ ทนั ความเป็น ไปที่เปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเร็วอยเู่ สมอ ครูศึกษาขอ้ ดีขอ้ เสยี แลกเปลยี่ นเรยี นรู้การปรบั วงดนตรีไทยจาก ผทู้ รงคณุ วฒุ เิ พอ่ื สรา้ งสรรคน์ กั เรยี นใหพ้ ฒั นาฝมี อื เตม็ ศกั ยภาพเพม่ิ จำ� นวนมากขน้ึ ครดู ำ� เนนิ โครงการและ จดั กจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู รดนตรไี ทยไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพทง้ั การแสดงและประกวดดนตรไี ทย โดยบนั ทกึ และ รายงานผลทกุ คร้งั 2.3 การทบทวน (Review) ประกอบดว้ ยประเด็นยอ่ ย 4 ประเดน็ ดังน้ี 2.3.1 การสรา้ งและพฒั นาหลกั สตู ร มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นสรา้ งหลกั สตู ร แกนกลางวชิ าบงั คบั สาระดนตรไี ทย หลกั สตู รสาระเพมิ่ เตมิ วชิ าดนตรไี ทยสำ� หรบั นกั เรยี นทว่ั ไปใชส้ อนในชน้ั เรียนเพ่ือใหน้ กั เรยี นมีความซาบซึ้งและเหน็ คุณคา่ ดนตรีไทย มหี ลกั สูตรกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นสำ� หรบั วิชา กิจกรรมชุมนุมดนตรีไทย และการสอนเสริมลดเวลาเรียนเพ่ิมเวลารู้ด้านทักษะดนตรีไทย กิจกรรมชมรม ดนตรีไทยเป็นกิจกรรมเพ่ือพัฒนานักเรียนเป็นนักดนตรีไทย มีหลักสูตรเฉพาะกิจเพ่ือพัฒนาฝีมือนักเรียน ด้านดนตรีไทยแบบเขม้ ขน้ ทัง้ การบรรเลงเด่ียวและบรรเลงรวมวง ตามเกณฑ์มาตรฐานดนตรีไทยสำ� หรบั เนน้ เพอ่ื การแสดงและการประกวด เพม่ิ กจิ กรรมแลกเปลยี่ นกนั ระหวา่ งนกั ดนตรไี ทยหรอื ครโู ดยมกี ารสอน ขา้ มโรงเรยี นได้ มเี อกสารหนังสือต�ำราแหลง่ ศกึ ษาคน้ คว้ามเี ครือ่ งขยายเสยี ง มีสอ่ื เทคโนโลยเี หมาะสม มี เครอื ขา่ ยครดู นตรไี ทย เครอื ขา่ ยผปู้ กครอง และเครอื ขา่ ยผมู้ อี ปุ การคณุ ของโรงเรยี นเขา้ มาพฒั นาชว่ ยสอน แนะน�ำ ออกแบบการจดั การเรียนการสอน แลกเปลีย่ นความรขู้ า่ วสารดนตรไี ทย ครูสนใจพฒั นาแก้ปญั หา ขอ้ บกพรอ่ งตา่ ง ๆ ทพ่ี บในการประกวด และทบทวนองค์ความรูแ้ ละใหค้ รอบคลมุ ในกลวธิ กี ารบรรเลง ทงั้ ประเภทเพลง ประเภทวงที่ใช้ในการแสดงและการประกวด ครูเข้าใจข้อตกลงของเกณฑ์การตัดสิน เพ่ือ พิจารณาทบทวนการสร้างและพฒั นาหลกั สูตรใหท้ นั สมัยอยเู่ สมอ 2.3.2 ความมคี ณุ ภาพและความเพยี งพอของเครอื่ งดนตรี มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นวางกลยุทธก์ ารพัฒนาคณุ ภาพวงดนตรไี ทย โดยจดั งบประมาณเพ่ิมเตมิ รองรับโครงการตา่ ง ๆ ท่ี เออ้ื ตอ่ การพฒั นาวงดนตรไี ทย สคู่ วามเปน็ เลศิ สรรหาวสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งดนตรไี ทยทมี่ คี ณุ ภาพเสยี งดี มาก มจี ำ� นวนพยี งพอทง้ั ประเภทวงเครือ่ งสายและวงปพี่ าทย์ มชี า่ งผู้ผลิตและชา่ งซ่อมเคร่ืองดนตรไี ทย มี ฝมี ือระดบั คุณภาพเป็นเครือขา่ ยเพอื่ พัฒนาคุณภาพของเครอื่ งดนตรไี ทยให้มีมาตรฐาน ครตู รวจสอบและ ทบทวนคณุ ภาพเสยี งเครอื่ งดนตรไี ทยทกุ ชนิ้ อยเู่ สมอและอยา่ งละเอยี ดกอ่ นใชง้ านทกุ ครงั้ ครดู แู ลประสาน งานการดำ� เนนิ งานโครงการตา่ ง ๆ ของฝา่ ยดนตรไี ทยใหถ้ กู ตอ้ งตามระเบยี บพสั ดุ และมเี จา้ หนา้ ทฝี่ า่ ยพสั ดุ อ�ำนวยความสะดวกในการทำ� เอกสารส่งฝ่ายธุรการ 2.3.3 ผลงานเป็นท่ียอมรับ มีแนวทางการพัฒนาส�ำคัญ คือ วงดนตรีไทยของโรงเรียน มชี อ่ื เสยี งเปน็ ทยี่ อมรบั สามารถใชเ้ ปน็ สอ่ื ประชาสมั พนั ธ์ สรา้ งความภมู ใิ จและสมั พนั ธภาพทดี่ ี โรงเรยี นควร วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ 23 ปที ี่ 20 ฉบับท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
เชญิ ผปู้ กครอง ครู และชมุ ชนรว่ มประชมุ เพอื่ รบั ทราบ ชน่ื ชม และยอมรบั ความเปน็ เลศิ ดา้ นดนตรไี ทยของ โรงเรยี น สง่ ผลใหช้ มุ ชนใหก้ ารสนบั สนนุ บรจิ าคทนุ การศกึ ษา เครอ่ื งดนตรไี ทย วสั ดแุ ละอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ทย่ี งั ขาดแคลน สนบั สนนุ ครภู มู ปิ ญั ญาและวทิ ยากรดา้ นดนตรไี ทยทม่ี คี วามเชยี่ วชาญเขา้ มาใหค้ วามรดู้ า้ นดนตรี ไทยแก่นักเรียน และเชิญวงดนตรีไทยไปแสดงในงานต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ผลจากกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เสมอของชมรมดนตรีไทยท�ำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ทักษะชีวิต ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พัฒนา ทกั ษะดา้ นดนตรไี ทยเพม่ิ ขน้ึ คน้ พบความถนดั ความสามารถของตวั เอง นอกจากผปู้ กครองและชมุ ชนชนื่ ชม ยกย่อง ยอมรบั นักเรยี นที่มีความสามารถ เสยี สละ ขยนั อดทนในการรว่ มกิจกรรมดนตรไี ทย สร้างผลงาน เชงิ ประจกั ษ์ สรา้ งชอื่ เสยี งใหแ้ กโ่ รงเรียนแลว้ ยังไดร้ บั การยอมรับจากมหาวิทยาลยั และสถาบันหลายแหง่ ท่ีเปิดโอกาสให้นักเรียนท�ำแฟ้มสะสมงานผลงานด้านกิจกรรมดนตรีไทย เพื่อน�ำไปประกอบการสมัครเข้า ศกึ ษาตอ่ ระดบั อุดมศกึ ษาไดอ้ กี ด้วย 2.3.4 ความสนใจความเอาใจใสข่ องผเู้ รยี นผสู้ อน มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื นกั เรยี น ที่สนใจและต้ังใจเรียนดนตรีไทยทั้งในหลักสูตรภาคบังคับและสาระเพ่ิมเติม สามารถจัดสรรเวลาว่างเพื่อ ฝึกปฏิบัติดนตรีไทยตามถนัดเต็มศักยภาพตามวัยเพ่ิมจ�ำนวนมากข้ึน ครูมีความตั้งใจพัฒนาฝีมือนักเรียน ตามเกณฑม์ าตรฐาน โดยเร่มิ จากการฝึกพน้ื ฐานการประดษิ ฐ์เสยี งและรสมอื ที่ดี นักเรยี นมีทา่ ทางในขณะ บรรเลงถกู ตอ้ ง มคี วามจำ� แมน่ ยำ� ทง้ั เสยี งและทำ� นอง สามารถพฒั นาไปสคู่ วามเปน็ เลศิ ได้ นกั เรยี นมคี วาม เอาใจใส่ มคี วามรบั ผดิ ชอบ และตง้ั ใจฝกึ ฝนอยา่ งสมำ�่ เสมอ มคี วามมน่ั ใจและกลา้ แสดงออกเพอ่ื สรา้ งสรรค์ งานดนตรีไทยท่ีได้รับมอบหมายด้วยความเสียสละจะช่วยท�ำให้วงดนตรีไทยพัฒนาและมีคุณภาพมากข้ึน นกั ดนตรไี ทยรว่ มกจิ กรรมดนตรไี ทยทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรยี นตามความเหมาะสม โดยมผี บู้ รหิ ารและ ครปู ระสานงานดา้ นความสะดวก ความปลอดภยั บรกิ ารรถรบั สง่ เมอ่ื มกี จิ กรรมการแสดงและการประกวด ครดู แู ลความพรอ้ มดา้ นสขุ ภาวะของนกั ดนตรไี ทยทกุ คนใหส้ มบรู ณอ์ ยเู่ สมอ ครแู ละนกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการวางแผนการดำ� เนนิ กิจกรรมเสริมหลกั สูตรดนตรีไทย ทั้งมงุ่ ม่นั ทบทวนการซ้อม การแสดง และการ ประกวดเพอื่ ใหส้ ามารถบรรลผุ ลดอี ยา่ งราบรน่ื ทนั เวลาทก่ี ำ� หนดตามเปา้ หมายทงั้ ดา้ นปรมิ าณและคณุ ภาพ 2.4 การปรบั ปรุง (Improvement) ประกอบดว้ ยประเดน็ ยอ่ ยท่ีสำ� คญั 4 ประเด็น ดงั น้ี 2.4.1 การจดั การการเรยี นการสอน มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นสนบั สนนุ ให้ ครจู ดั กจิ กรรมเสรมิ หลักสูตรสาระเพิม่ เติมดนตรไี ทย หลักสูตรชมุ นมุ ดนตรีไทย กิจกรรมลดเวลาเรยี นเพิม่ เวลารู้ และกจิ กรรมชมรมดนตรไี ทยใหน้ า่ สนใจ ครปู รบั แผนการสอนทผี่ ลติ สอื่ การสอนเอง มแี ผนการสอนท่ี มสี อ่ื วสั ดอุ ปุ กรณป์ รบั ปรงุ ใหท้ นั สมยั อยเู่ สมอ สรา้ งโอกาสนกั เรยี นทกุ คนสามารถเรยี นเลน่ ฟงั ดนตรไี ทย เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ทง้ั ในดา้ นอารมณส์ นุ ทรยี ะ มคี วามเปน็ ไทย จดั กจิ กรรมเสรมิ ดงั กลา่ วใหม้ จี ำ� นวนนกั เรยี น เพม่ิ ขนึ้ แบง่ กลมุ่ นกั เรยี นตามความสนใจตามความถนดั แบง่ กลมุ่ ใหญก่ ลมุ่ ยอ่ ยเพอื่ สรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ ี พี่ ดแู ลนอ้ ง สรา้ งนกั ดนตรไี ทยและนกั รอ้ งสำ� รองอยเู่ สมอ จดั แบง่ กลมุ่ ออ่ นกลมุ่ เกง่ เพอื่ พฒั นาตามกระบวนการ แบบปกติและแบบเข้มข้นตามล�ำดับ คัดเลือกนักดนตรีไทยฝีมือดี มีความจ�ำ มีความแม่นย�ำ มีเวลาและ สนใจเข้าสู่การบรรเลงรวมวงดนตรีไทยและฝึกฝนและเรียนรู้แบบเข้มข้นเพื่อเตรียมตัวเป็นนักดนตรีไทย ของโรงเรยี น ทสี่ ำ� คญั คอื ครดู แู ลนกั ดนตรไี ทยใหม้ คี วามสามารถทางดา้ นดนตรคี วบคกู่ บั ความสามารถทาง วิชาการ และสนับสนุนนักเรียนให้สามารถเรียนจบการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพ ครูศึกษาข้อดีข้อเสียและ แลกเปล่ียนเรยี นรู้เรอื่ งการปรบั วงดนตรีไทยจากผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ท้ังพัฒนาศักยภาพตนเองและนักดนตรีไทย ของโรงเรียนให้มีความสามารถเพ่ิมข้ึน แนะนำ� นักดนตรีไทยให้หมนั่ ศึกษาค้นควา้ หาความรดู้ นตรีไทยดว้ ย การฟงั การดู การแลกเปลย่ี นความรู้ ประสบการณ์ และแลกเปลยี่ นวธิ ปี ฏบิ ตั ทิ เี่ ปน็ เลศิ จากผรู้ แู้ ละเพอ่ื น ๆ ตา่ งสถาบัน เพ่อื ใชเ้ ปน็ ทางลัดไปส่คู วามเปน็ เลิศ ประชมุ นักดนตรีไทยเพือ่ สรุปงาน ค้นหาจุดเด่นจดุ ดอ้ ย หลังจากเสร็จส้ินงานทุกครั้ง เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับนักเรียนและน�ำไปแก้ไขปรับปรุง 24 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ ปีที่ 20 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
2.4.2 การฝกึ ซอ้ ม มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี น ครู และนกั ดนตรไี ทยสามารถ ตกลงนดั หมาย บรหิ ารจดั การเวลาการซอ้ มดนตรไี ทยทส่ี มาชกิ ในวงสามารถเขา้ รว่ มกจิ กรรมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม พร้อมเพรียง ต่อเนื่องและยาวนาน การซ้อมไล่มือไล่เสียงเครื่องดนตรีไทยเพ่ือเสริมให้นักดนตรีไทยมี พลังกล้ามเนื้อท่ีแข็งแรงนับเป็นส่ิงจ�ำเป็น เพราะจะช่วยให้การบรรเลงสามารถควบคุมความดังเบาความ แม่นย�ำช�ำนาญได้ดีมากข้ึน ระหว่างการซ้อมและก่อนขึ้นเวทีประกวดนักเรียนควรเป็นผู้ดูแล จัดเก็บ รักษา ซ่อมแซม ปรับแต่งเสียงเครื่องดนตรีไทยตามถนัดของตนด้วยตนเอง ภายใต้การก�ำกับดูแลของครู การซอ้ ม การทบทวน และการปรบั วงดนตรีไทยควรเน้นดา้ นฝีมือ ความจำ� ความแม่นยำ� ความกลมกลืน ความพร้อมเพรียงรวมท้ังแนวเสียงและแนวบรรเลงเหมาะสมตามลักษณะเพลง โดยครูศึกษาเกณฑ์ของ การประกวดแตล่ ะรายการ สามารถวเิ คราะห์ปรบั และแปลทางเพลงของเคร่อื งดนตรไี ทยและทางขับรอ้ ง กอ่ นเข้าสกู่ ระบวนการปรบั วง 2.4.3 ผปู้ กครองชมุ ชนใหก้ ารสนบั สนนุ มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นเชญิ ชวน ผู้ปกครองชุมชนให้การสนับสนุนช่วยเหลือในส่ิงที่โรงเรียนยังไม่พร้อม เชิญผู้ปกครองชุมชนท่ีเป็นครู ภูมิปัญญาและผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีไทยให้เข้ามาช่วยสอนดนตรีไทยเพ่ือสร้างความแข็งแกร่งให้วงดนตรี ไทยของโรงเรยี น แจง้ ผปู้ กครองใหเ้ ขา้ ใจกจิ กรรมดนตรไี ทยของโรงเรยี นเพอื่ อนญุ าตใหน้ กั เรยี นมารว่ มงาน กจิ กรรมดนตรไี ทยดว้ ยความยนิ ดดี ว้ ยความไวว้ างใจและเหน็ คณุ คา่ ประชาสมั พนั ธผ์ ปู้ กครองและชมุ ชนรบั ทราบผลงานดนตรไี ทยของโรงเรยี นและรว่ มยนิ ดใี หก้ ารสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหค้ วามชนื่ ชมใหก้ ำ� ลงั ใจเหน็ ความ ส�ำคัญและความจ�ำเป็นของการซ้อมดนตรีไทย โรงเรียนควรส่งเสริมให้ชุมชนและภาคเอกชนมีความยินดี และเตม็ ใจเขา้ มารว่ มสนบั สนนุ และเสนอแนะกจิ กรรมดนตรไี ทยของโรงเรยี นใหม้ กี ารปรบั ปรงุ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 2.4.4 ชมุ ชนยอมรบั ในความรคู้ วามสามารถของนกั เรยี น มแี นวทางการพฒั นาสำ� คญั คอื โรงเรยี นนำ� เสนอผลงานดนตรไี ทยสชู่ มุ ชนเพอ่ื ใหก้ ารยอมรบั และสนบั สนนุ ทนุ การศกึ ษาแกน่ กั ดนตรไี ทยทมี่ ี ความสามารถดเี ดน่ มฝี มี อื เกนิ เกณฑม์ าตรฐาน มบี คุ ลกิ ทา่ ทางการบรรเลงถกู ตอ้ งแมน่ ยำ� มคี วามขยนั ตง้ั ใจ รับผิดชอบ กล้าแสดงออกด้านดนตรีไทยที่มอบหมายด้วยความรัก อดทน เสียสละ สามารถพัฒนาเป็น ทีมงานคุณภาพในวงดนตรีไทย และสามารถเป็นผู้สืบทอดวงดนตรีไทยซึ่งเป็นมรดกของชาติ ชุมชนและ ผูป้ กครองชืน่ ชมและเชญิ วงดนตรไี ทยไปร่วมกจิ กรรมดนตรไี ทยท้ังภายในและภายนอกโรงเรยี นตามความ เหมาะสม โดยครูและผ้ปู กครองดูแลใหไ้ มม่ ผี ลกระทบต่อเวลาเรยี น ยกย่องในความสามารถของนกั ดนตรี ไทยท่ีมีผลงานดนตรีไทยเชิงประจักษ์ได้เป็นตัวแทนระดับเขตพ้ืนที่ ระดับภูมิภาค นับเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ รนุ่ นอ้ งเพอ่ื พฒั นาตอ่ ยอดตอ่ ไป ชมุ ชน ภาครฐั และภาคเอกชนควรรว่ มมอื กนั สนบั สนนุ กจิ กรรมดนตรไี ทย ของโรงเรยี นให้ปรับเปลย่ี นวธิ กี ารพฒั นาใหห้ ลากหลายมากขึน้ เชน่ จดั การอบรมสมั มนา จดั มหาดรุ ยิ างค์ พบปะสงั สรรค์ จดั คอนเสริ ต์ ทศั นศกึ ษา และดนตรไี ทยสญั จร เปน็ ตน้ เพอ่ื เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ สง่ เสรมิ และพฒั นาให้ดนตรไี ทยดำ� รงคงอยคู่ ู่ชาตติ ลอดไป บทสรปุ กระบวนการการบริหารจัดการวงดนตรีไทยเพ่ือความเป็นเลิศของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน สรปุ ไดว้ า่ มปี ระเดน็ หลกั และประเดน็ ยอ่ ยทไ่ี ดร้ บั การตรวจสอบ ยืนยนั ความเหมาะสมและความเปน็ ไปได้ พบวา่ มีกระบวนการบริหารจัดการท่ีสำ� คญั 4 ประเด็นหลกั คอื PCRI ได้แก่ 1) การเตรยี ม (Preparation) 2) การสรา้ งสรรค์ (Creation) 3) การทบทวน (Review) และ 4) การปรับปรงุ (Improvement) ซึ่งในแต่ละประเด็นหลักมปี ระเดน็ ยอ่ ย 16 ประเด็น เพือ่ นำ� ไปใช้ในการ วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษณิ 25 ปที ี่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
บรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยใหพ้ ฒั นาเพมิ่ ขนึ้ ดงั นน้ั หากโรงเรยี นมคี วามตอ้ งการสรา้ งวงดนตรไี ทยใหม้ คี วาม เปน็ เลศิ เพอื่ นำ� ไปสคู่ ณุ ภาพของวงดนตรไี ทยทปี่ ระสบผลสำ� เรจ็ ผบู้ รหิ ารและครคู วรรว่ มมอื กนั เรยี นรเู้ ขา้ ใจ และเข้าถึงปัญหาเพื่อพัฒนาสนับสนุนปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเน่ืองตามกระบวนการการบริหารจัดการวง ดนตรีไทยท่สี รปุ ผลไว้ 4 ประเดน็ หลักดังกลา่ วไวข้ ้างต้น อภปิ รายผล ผลการวิเคราะห์กระบวนการการบริหารจัดการวงดนตรีไทยเพ่ือความเป็นเลิศของโรงเรียน มธั ยมศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน เพอื่ เปน็ แนวทางพฒั นาการบรหิ ารจดั การ วงดนตรไี ทยให้มีคุณภาพและประสบความสำ� เร็จสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั อื่น ๆ ในประเดน็ หลกั 4 ประเด็น ดังน้ี 1. การเตรยี ม(Preparation)ประกอบดว้ ยหลกั การและแนวคดิ การจดั หาและการจดั สรรงบประมาณ การจดั ตง้ั คณะทำ� งาน และการจดั สรา้ งหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารดนตรี โรงเรยี นควรเตรยี มความพรอ้ มของบคุ ลากร เพ่ือนำ� ไปสกู่ ารวางแผนสร้างวิสยั ทัศน์ พนั ธกิจ กลยุทธ์ สอดคล้องกับนฤภพ ขันทับไทย (2559, น. 217) พบว่า ในการบริหารจัดการโรงเรียนส่งเสริมความเป็นเลิศทางดนตรีต้องได้รับความร่วมมือจากผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชนที่เข้าใจและวางแผนร่วมกัน สอดคล้องกับสุกัญญา ทองทิพย์ (2560, น. 146) พบว่า ผ้บู รหิ ารต้องให้การสนบั สนนุ สง่ เสรมิ ให้ทกุ ฝา่ ยมสี ่วนร่วมในการจัดกจิ กรรม มีการแต่งต้งั คณะครทู ำ� งานรบั ผิดชอบฝ่ายตา่ ง ๆ ในการบริหารจัดการวงดนตรขี องโรงเรียน เพ่อื ร่วมประชมุ วางแผน ด�ำเนินการ ก�ำกับตดิ ตามประเมินผล สอดคล้องกบั นิวัฒน์ วรรณธรรม (2559, น. 149) พบวา่ ผ้บู รหิ าร และผู้ปฏิบัติการมีการท�ำงานเป็นระบบส่งเสริมซ่ึงกันและกัน วางแผนและก�ำหนดเป้าหมายชัดเจนตรวจ สอบได้ ประโยชน์ของการเรียนดนตรีไทยจะช่วยใหผ้ ูเ้ รยี นเก่ง ดี มีความสุข สร้างสมั พนั ธภาพทีด่ ีกบั ชุมชน สอดคลอ้ งกบั พรสวรรค์ จนั ทะวงศ์ (2557, น. 127) พบว่า การเรยี นการซ้อมดนตรจี ะทำ� ให้ผเู้ รยี นพัฒนา ศกั ยภาพดา้ นดนตรีเต็มความสามารถ นบั เป็นการสง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รยี นใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และตอบ สนองกจิ กรรมของชุมชนได้เป็นอย่างดี ดา้ นการจัดหาและการจดั สรรงบประมาณ เพือ่ น�ำไปสู่การเตรียม ความพร้อมในการบรหิ ารจัดการวงดนตรีไทยของโรงเรยี น สอดคล้องกับนวราช อภัยวงศ์ (2558, น. 147) พบว่า งบประมาณในการบรหิ ารจดั การวงดนตรีไทยได้มาจากงบประมาณของโรงเรยี น สว่ นอ่ืน ๆ จะได้ รับการสนบั สนุนจากผู้มีอุปการคุณ ผู้ปกครองและชุมชน สอดคล้องกับ กลน่ิ ผกา ทบั ทมิ ธงไชย (2558, น. 147) พบวา่ หวั ใจของการทำ� วงดนตรี ตอ้ งมผี สู้ นบั สนนุ เงนิ ทนุ จงึ จะสามารถจดั ตง้ั วงขน้ึ มาได้ ผลงานของวง หากมชี อื่ เสยี งมากกจ็ ะไดร้ บั เชญิ ไปแสดง เพราะผสู้ นบั สนนุ จะไดช้ อื่ เสยี งในการสนบั สนนุ ดว้ ย สอดคลอ้ งกบั นวิ ฒั น์ วรรณธรรม (2559, น. 153) ดา้ นงบประมาณคา่ ใชจ้ า่ ยของวงดนตรสี ว่ นใหญจ่ ะเปน็ งบประมาณจาก โรงเรยี น ในการจัดซื้อเครือ่ งดนตรีตามระเบียบของทางราชการ ค่าใช้จ่ายในการฝึกซ้อมและการประกวด แขง่ ขนั และอกี สว่ นหนงึ่ ไดง้ บจากองคก์ าร สมาคม และอน่ื ๆ เชน่ อบต. อบจ. สมาคมในโรงเรยี น เครอื ขา่ ย ผปู้ กครอง ชมุ ชน หา้ งรา้ น ประชาชนทวั่ ไป สว่ นราชการ นกั การเมอื งทอ้ งถน่ิ ผปู้ กครอง บคุ ลากรในโรงเรยี น ศิษย์เก่า ครูผู้ควบคุมและทีมงาน เพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ ที่ไม่สามารถเบิกจากทางราชการได้ การรบั งานแสดงของวงดนตรโี รงเรยี นกจ็ ะเปน็ รายไดอ้ กี สว่ นหนงึ่ แตไ่ มถ่ อื วา่ เปน็ รายไดห้ ลกั เนอ่ื งจากบาง โรงเรยี นไม่มวี ตั ถปุ ระสงค์ในการหารายได้ เพียงแต่เปน็ การบรกิ ารสังคมเป็นคร้ังคราวเทา่ นน้ั ดา้ นการจัด สรา้ งหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารดนตรี มคี วามเหมาะสมแกบ่ รบิ ทของโรงเรยี น สอดคลอ้ งกบั ปยิ พนั ธ์ แสนทวสี ขุ (2551, น. 88) พบว่า ด้านการจัดห้องเรียนดนตรี จดั บรรยากาศหอ้ งเรียนให้นา่ อย่เู หมาะสมกับการเรยี นดนตรี มี 26 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ ปีที่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
หอ้ งสำ� หรบั ฝกึ ปฏบิ ตั เิ ฉพาะบคุ คลและหอ้ งสำ� หรบั การบรรเลงรวมวง ซงึ่ แตล่ ะหอ้ งเรยี นมรี ะบบปอ้ งกนั เสยี ง สะทอ้ น มคี วามสะดวกในการฝกึ ซอ้ ม มหี อ้ งฟงั เพลงสำ� หรบั ผเู้ รยี นและครู สอดคลอ้ งกบั นฤภพ ขนั ทบั ไทย (2559, น. 223) พบว่า การส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศทางดนตรี จ�ำเป็นต้องมีงบ ประมาณด้านอาคารสถานท่ี มีห้องเรียนทฤษฎีและห้องปฏิบัติการ มีเครื่องดนตรีที่มีคุณภาพเพื่อรองรับ การฝกึ ซ้อมการแสดงการประกวด 2. การสร้างสรรค์ (Creation) ประกอบดว้ ย การอำ� นวยการสงั่ การ การจดั หาเครอื่ งดนตรไี ทยและ อุปกรณ์ ท่ีเกี่ยวข้อง การก�ำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ และการเฟ้นหาผู้เรียนผู้สอน เพ่ือน�ำไปสู่การ สรา้ งสรรคท์ ง้ั คณุ ภาพและความมนั่ คงของวงดนตรไี ทย โดยผบู้ รหิ ารมอี ำ� นาจในการการอำ� นวยการสงั่ การ ให้มดี �ำเนนิ การ สอดคลอ้ งกับวิระ บำ� รุงศรี (2558, น. 48) พบว่า วธิ ีการบรหิ ารและการจัดการวงดนตรี มวี ิธกี ารบริหารแบบ 4 M คอื 1. ดา้ นบุคลากร: 1) คดั เลือกจากการชกั ชวน 2) การรบั สมคั ร 2. ดา้ นการ บรหิ ารการเงนิ มวี ธิ กี ารบรหิ ารจดั การโดยใชห้ ลกั การบรหิ ารโดยในรปู แบบของบรษิ ทั และหลกั การบรหิ าร โดยมีอ�ำนาจเด็ดขาดอยู่ท่ีศิลปินเจ้าของวงดนตรี 3. กระบวนการบริหารจัดการอุปกรณ์เครื่องมือ และ 4. การบรหิ ารจดั การภายในวงดนตรที กุ วง เปน็ การกระจายอำ� นาจแบบควบคมุ ดแู ล โดยผู้เป็นเจ้าของวง ดนตรจี ะเปน็ ผ้ทู ีม่ อี ำ� นาจส่ังการตา่ ง ๆ ผา่ นการประชุมลงมติ และถา่ ยทอดส่บู ุคลากรตา่ ง ๆ ในวงดนตรี สว่ นการกำ� หนดหนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบและการเฟน้ หาผเู้ รยี นผสู้ อน เพอื่ ใหก้ ารบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทย ใหไ้ ปสู่เปา้ หมายมคี วามชดั เจน สอดคล้องกับนวิ ัฒน์ วรรณธรรม (2559, น. 156) พบวา่ ครูผสู้ อนหรอื ครู ผ้คู วบคมุ วงมกี ารวางแผนในการสรรหาอยา่ งเป็นระบบ ทัง้ นักรอ้ ง นักดนตรี ซ่ึงสว่ นหนงึ่ รับจากนกั เรียน ทีส่ นใจ มคี วามรบั ผดิ ชอบ มรี ะเบียบวินัย มีใจรัก และมเี วลาในการซ้อม รวมท้งั การรบั นักเรียนประเภท ความสามารถพิเศษ ซึ่งท�ำให้โรงเรียนได้นักเรียนท่ีมีคุณภาพ โดยเฉพาะนักร้องซึ่งมีผลต่อวงดนตรีเป็น อยา่ งมาก จดั หาครูผู้สอนท่ีมคี วามรู้ความสามารถ มีการวางแผนการฝกึ ซอ้ มอย่างมีหลักการและตอ่ เน่อื ง มีจุดประสงค์ชดั เจน จดั หาวสั ดุครภุ ัณฑ์ เคร่ืองดนตรีไทยท่สี มบรู ณแ์ ละมีคุณภาพ มีหอ้ งเรยี นท่ีเหมาะสม มกี ารใชส้ อื่ ประกอบ เชน่ โปรแกรมคอมพวิ เตอรใ์ นการฝกึ ขบั รอ้ ง มตี วั อยา่ งประกอบการสอน ฝกึ ใหน้ กั เรยี น สบื คน้ หรอื แกะเพลงดว้ ยตนเองสำ� หรบั การฝกึ ซอ้ มดนตรแี ละขบั รอ้ ง การจดั นกั ดนตรไี ทยสำ� รองไวท้ ดแทน อยเู่ สมอ ในระหวา่ งการซอ้ มมกี ารวดั ผล ประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แกไ้ ขตลอดเวลา มกี ารสรา้ งแรงจงู ใจโดย การจดั กจิ กรรมนนั ทนาการในรปู แบบตา่ ง ๆ รวมทงั้ ใหท้ นุ การศกึ ษาสำ� หรบั นกั เรยี นทม่ี ผี ลงาน มวี นิ ยั และ ความประพฤติดี ครผู สู้ อนมจี ิตวญิ ญาณของความเป็นครทู ่ีดอี ยา่ งแท้จรงิ เปน็ แบบอย่างและเป็นทศ่ี รัทธา บคุ คลทเี่ ก่ยี วขอ้ งทกุ ฝา่ ย 3. การทบทวน (Review) ประกอบดว้ ยประเดน็ ทส่ี ำ� คญั ดงั นี้ การสรา้ งและพฒั นาหลกั สตู ร ความมี คณุ ภาพและความเพยี งพอของเครอื่ งดนตรี ผลงานเปน็ ทยี่ อมรบั และความสนใจความเอาใจใสข่ องผเู้ รยี น ผสู้ อน เพอื่ นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาดา้ นหลกั สตู รดนตรไี ทยในโรงเรยี นมที ง้ั ทฤษฎแี ละปฏบิ ตั ิ ทงั้ สำ� หรบั ภาคบงั คบั และสำ� หรบั ให้นักเรยี นเลอื กเรยี นเพ่อื พฒั นาฝมี ือต่อยอด ไดต้ ามความสนใจและความถนัด สอดคลอ้ งกบั สุพตั รา วิไลลักษณ์ (2556, น. 199) พบว่า การจัดการศกึ ษาดนตรไี ทยในปจั จบุ ัน มีหลกั สูตร 3 ลกั ษณะ คอื 1) หลกั สตู รดนตรไี ทยเปน็ สว่ นหนงึ่ ของหลกั สตู รในลกั ษณะของแขนงวชิ าอยรู่ วมกบั หลกั สตู รทางดนตรี ท่ัวไป 2) หลกั สูตรเฉพาะทางดนตรไี ทย 3) หลกั สูตรดนตรีไทยเปน็ สว่ นหนึง่ ของหลกั สตู รในลักษณะของ แขนงวชิ าอยรู่ วมกบั หลกั สตู รทางนาฏศลิ ปแ์ ละการแสดง รวมทงั้ จะมกี ารพฒั นาระบบการศกึ ษาดนตรไี ทย ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพ่ือพัฒนาต่อยอดการศึกษาดนตรีไทยในระดับอุดมศึกษา ด้านความมี คณุ ภาพและความเพยี งพอของเคร่อื งดนตรี โรงเรยี นมีเครือ่ งดนตรไี ทยทม่ี ีคุณภาพเสยี งระดับดีมาก และ มีครบทั้งประเภทวงเครื่องสายและวงปี่พาทย์ มีจ�ำนวนพียงพอส�ำหรับการเรียน การฝึกซ้อม และการ วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษิณ 27 ปที ี่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
ประกวด เคร่ืองดนตรีไทยทุกชิ้นที่ใช้เพ่ือการประกวดควรต้องได้รับการดูแลปรับปรุงแก้ไขให้มีคุณภาพ เสยี งดอี ย่เู สมอ สอดคลอ้ งกบั ปิยพนั ธ์ แสนทวีสขุ (2551, น. 88) พบว่า ดา้ นเครอื่ งดนตรี อุปกรณแ์ ละ เทคโนโลยดี นตรี ควรจดั อปุ กรณส์ ง่ เสรมิ การเรยี นการสอนใหพ้ รอ้ มสำ� หรบั การสอน มเี ครอื่ งดนตรี อปุ กรณ์ และเทคโนโลยที างดนตรที ที่ นั สมยั มหี อ้ งสำ� หรบั บนั ทกึ เสยี งทส่ี ามารถผลติ ผลงานทางดนตรไี ด้ เพอ่ื จงู ใจให้ ผเู้ รียนใฝ่สมั ฤทธิ์ จดั หาเครอื่ งดนตรีทม่ี ีคุณภาพ ควรจดั ทำ� ระบบการตรวจสอบเครอื่ งดนตรี วัสดอุ ุปกรณ์ ต่าง ๆ เพอ่ื เป็นขอ้ มลู ในการบริหารและส�ำหรับแกไ้ ขปัญหา การจัดหาเครอื่ งดนตรีและอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ไม่ ควรใชว้ ธิ กี ารเปดิ ซองประมลู ราคา หรอื ผา่ นพอ่ คา้ คนกลาง เพราะจะไดเ้ ครอ่ื งดนตรที คี่ ณุ ภาพตำ่� ไมต่ รงกบั ความต้องการ สอดคลอ้ งกับสุกญั ญา ทองทิพย์ (2560, น. 146) พบว่า ผบู้ ริหารโรงเรียนมีนโยบายใหก้ าร สนับสนนุ สง่ เสรมิ กจิ กรรมการเลน่ ดนตรี โรงเรียนตอ้ งมสี ่วนร่วมในการคดั เลือกและจดั ซอ้ื เคร่อื งดนตรเี อง เพื่อให้เปน็ ไปตามความตอ้ งการของโรงเรียน สว่ นความเอาใจใสข่ องครูผ้สู อน ควรมีความรบั ผดิ ชอบ ขยนั ตั้งใจ สามารถประสานงานใหเ้ กดิ ความสะดวก ความปลอดภัย มีรถบรกิ ารรับส่งนักเรยี น เมื่อมีกิจกรรม การแสดงและการประกวดวงดนตรไี ทย ครแู ละนกั เรยี นใหค้ วามรว่ มมอื ในการวางแผน การดำ� เนนิ กจิ กรรม เสรมิ หลกั สตู รดนตรไี ทยทง้ั การซอ้ ม การแสดง และการประกวด ใหส้ ามารถบรรลผุ ลอยา่ งราบรนื่ ทนั เวลาท่ี กำ� หนดตามเปา้ หมายทงั้ ดา้ นปรมิ าณและคณุ ภาพ และรายงานผลทกุ ครงั้ สอดคลอ้ งกบั นวิ ฒั น์ วรรณธรรม (2559, น. 149) พบวา่ ครผู สู้ อนเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามมงุ่ มน่ั เสยี สละ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในบทเพลง จดั ความยาก งา่ ยของเพลงเหมาะสมกบั ผเู้ รยี น การสรรหานกั แสดงจะเนน้ ทใ่ี จรกั มคี วามสามารถและระเบยี บวนิ ยั ใชว้ ธิ ี สอนโดย การสาธิตจากครู พส่ี อนน้อง เพอื่ นสอนเพอ่ื น โดยเนน้ พน้ื ฐาน การเลน่ การรอ้ งและการฟัง ฝกึ ให้ ผเู้ รยี นรจู้ กั คดิ สรา้ งสรรคส์ อ่ื ทใี่ ช้ ไดแ้ ก่ แบบฝกึ หดั โปรแกรมคอมพวิ เตอรด์ นตรี ตวั อยา่ งเพลงตน้ ฉบบั โนต้ เพลงทเี่ รยี บเรยี งขนึ้ ใหมแ่ ละจากการซื้อ สร้างแรงจงู ใจด้วยการให้ทนุ การศึกษา ทศั นศกึ ษา และสวัสดิการ อนื่ ๆ มีการลงโทษตามกฎระเบยี บข้อตกลง จดั ประสบการณก์ ารแสดงอยา่ งต่อเนอ่ื ง ควบคมุ คุณภาพโดย ทีมงานและผรู้ ้ใู หข้ ้อเสนอแนะ ประเมินและรายงานผลตอ่ ผูบ้ ริหารทุกครงั้ ท่อี อกแสดง 4. การปรบั ปรงุ (Improvement) ประกอบดว้ ยประเดน็ ทส่ี ำ� คญั ดงั นี้ การจดั การการเรยี นการสอน การฝึกซ้อม ผู้ปกครองชุมชนให้การสนับสนุน และชุมชนยอมรับในความรู้ความสามารถของนักเรียน เพ่อื นำ� ไปสู่การสร้างคณุ ภาพที่ดีของนกั ดนตรีไทย นักดนตรไี ทยทุกคนสามารถเรียนเล่นฟังดนตรไี ทยเพ่อื พฒั นาคุณภาพชวี ิตท้ังในดา้ นอารมณ์สนุ ทรียะ ช่วยให้มีความเปน็ ไทย และเปน็ คนเกง่ ดี มสี ขุ ครูจดั การ เรยี นการสอนใหม้ สี อื่ วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละกจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู รสาระเพม่ิ เตมิ ดนตรไี ทยใหน้ า่ สนใจ สอดคลอ้ ง กบั ปิยพนั ธ์ แสนทวสี ขุ (2551, น. 88) พบว่า ด้านครผู สู้ อนควรมีผเู้ ชี่ยวชาญด้านดนตรี นกั วจิ ารณด์ นตรี นกั วชิ าการหลักสตู ร มาชว่ ยพัฒนาครอู ย่างต่อเนอื่ ง เพื่อใหม้ ีความรู้ความสามารถสงู ข้ึน และให้ครูมกี าร พฒั นาดา้ นการสอนทงั้ ภาคทฤษฏแี ละปฏบิ ตั ิ สอดคลอ้ งกบั ชวนพศิ ศลิ าเดช (2557, น. 14) พบวา่ บทบาท ครผู สู้ อน เนน้ การสรา้ งบรรยากาศการเรยี นการสอนดว้ ยความสนกุ สนาน และความรกั ความเมตตา ครเู ปน็ แบบอยา่ งทดี่ ใี หก้ บั ผเู้ รยี น ครแู สดงความเอาใจใสใ่ หก้ ำ� ลงั ใจและสรา้ งแรงบนั ดาลใจใหก้ บั ผเู้ รยี นดว้ ยคำ� พดู ด้านบวก ย่ัวยุให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเรียน ส่วนด้านบทบาทผู้เรียน ซ่ึงเป็นแบบอย่างของคนรุ่น ใหมใ่ หก้ บั สงั คม ควรมคี วามมน่ั ใจ กลา้ แสดงความคดิ เหน็ กลา้ แสดงออก ตง้ั ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น เปน็ ผนู้ ำ� และ ผู้ตามท่ีดี ด้านกิจกรรมการเรียนการสอนยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ด้านการฝึกซ้อม เพื่อน�ำไปสู่การปรับ ความพร้อมของวงดนตรีไทย โดยครูและนักดนตรีไทยสามารถตกลงนัดหมายการวางแผนบริหารจัดการ เวลาการซ้อมดนตรีไทยที่เอ้ือต่อสมาชิกในวงท่ีทุกคนสามารถมาร่วมกิจกรรมได้เหมาะสม สอดคล้องกับ นพิ นธ์ กลำ่� กล่อมจติ ร (2556, น. 168-171) พบว่า รปู แบบวิธีการสอนดนตรีไทยแยกออกเปน็ สองกลุ่ม ผเู้ รยี น คอื กลมุ่ ผเู้ รยี นในรายชว่ั โมง และกลมุ่ ผเู้ รยี นในชมุ นมุ สำ� หรบั กลมุ่ ผเู้ รยี นในรายชวั่ โมงสามารถแยก 28 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษณิ ปที ี่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
วธิ กี ารสอนออกไดเ้ ปน็ 6 ขนั้ ตอน ซง่ึ ประกอบไปดว้ ย การทำ� ความเขา้ ใจในเนอื้ หาสาระการอธบิ ายพนื้ ฐาน ดา้ นดนตรเี บอื้ งตน้ การเลอื กเครอื่ งดนตรที สี่ นใจปฏบิ ตั ิ การบรรยาย สาธติ การบรรเลง ผเู้ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั ิ ผสู้ อนคอยตดิ ตามและประเมนิ ผลอยา่ งใกลช้ ดิ และการประเมนิ ผลทงั้ หมดนเ้ี ปน็ ขน้ั ตอนวธิ กี ารสอนทสี่ ง่ ผล ต่อการเรียน การสอนดนตรีไทยในระบบโรงเรียนสาธิต สามารถท�ำใหผ้ เู้ รียนมคี วามรูค้ วามสามารถในด้าน ทฤษฎแี ละทางดา้ นการปฏิบัตไิ ปในทิศทางเดยี วกนั สว่ นผปู้ กครองชุมชนให้การสนบั สนนุ และยอมรบั ใน ความรคู้ วามสามารถของนกั เรยี น โดยใหก้ ารยกยอ่ งชนื่ ชมพรอ้ มบรจิ าคเงนิ ทนุ สนบั สนนุ ครภู มู ปิ ญั ญา และ เชญิ ไปแสดงในโอกาสตา่ ง ๆ สอดคลอ้ งกบั สนุ นั ทา มติ รงาม (2558, น. 109-119) พบวา่ การใหเ้ ดก็ เยาวชน และชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในการจดั การแสดง และรวมตวั กนั จดั ตงั้ เปน็ เครอื ขา่ ยทแ่ี ขง็ แรง มกี ารสรา้ งแหลง่ เรยี นรู้ และการจัดท�ำฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ มีการสร้างความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับดนตรีให้แก่ผู้เรียน โดย สนบั สนนุ ครภู มู ปิ ญั ญาในการถา่ ยทอดองคค์ วามรแู้ ละเปดิ พนื้ ทสี่ าธารณะสำ� หรบั ทำ� กจิ กรรมตา่ ง ๆ รว่ มกนั ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะในการนำ� ผลการวิจัยไปใชป้ ระโยชน์ ผลจากการวิจัยเรอื่ ง คร้ังน้สี ามารถน�ำไปใชป้ ระโยชน์ในการนเิ ทศ ปฏิบัติ และกำ� กับติดตาม ไดด้ งั ตอ่ ไปน้ี 1. ดา้ นนโยบาย สามารถนำ� ไปปฏิบัตไิ ด้ดงั น้ี 1.1 ระดบั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สามารถนำ� ไปใชใ้ นการวางนโยบายในการจดั การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นา มาตรฐานดนตรไี ทย ปลกู ฝังความเป็นไทย และส่งเสริมดนตรไี ทยให้แพร่หลาย 1.2 ระดบั สำ� นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน สามารถน�ำไปใช้ในการวางนโยบายให้ เขตพื้นท่ีประสานงานและอ�ำนวยความสะดวกแก่ผู้บริหารโรงเรียนในการบริหารจัดการวงดนตรีไทยเพื่อ พฒั นาครแู ละผเู้ รยี นใหม้ คี ุณภาพมากข้ึน 2. ด้านการก�ำกับตดิ ตาม สามารถน�ำไปปฏบิ ัตไิ ด้ดงั นี้ 2.1 นำ� แนวทางและวธิ กี ารทไ่ี ดน้ น้ี ำ� ไปใชใ้ นการนเิ ทศ ดแู ลชว่ ยเหลอื และกำ� กบั ตดิ ตามการบรหิ าร จดั การวงดนตรไี ทยเพอ่ื ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐานอยา่ งชัดเจนทกุ ระดับ 2.2 น�ำกระบวนการบริหารจัดการเพ่ือความเป็นเลิศไปใช้ในการประเมินคุณภาพการบริหาร โรงเรยี นเพอ่ื พฒั นางานบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการ การศึกษาข้นั พนื้ ฐาน ขอ้ เสนอแนะในการวจิ ยั ครงั้ ต่อไป 1. ควรมีการวิจัยหรือศึกษารูปแบบการบริหารจัดการโรงเรียนส่งเสริมความเป็นเลิศทางดนตรีท่ี ประสบผลส�ำเร็จจากโรงเรยี นเฉพาะทางด้านดนตรีในตา่ งประเทศ 2. ควรมกี ารวจิ ยั เกยี่ วกบั กระบวนการการบรหิ ารจดั การวงดนตรไี ทยเพอ่ื ความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี น ระดับประถมศึกษา เพื่อพัฒนานักดนตรีไทยของโรงเรียนระดับประถมศึกษาต่อยอดสู่ระดับมัธยมศึกษา และอดุ มศึกษา วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษณิ 29 ปที ่ี 20 ฉบับที่ 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2545). เอกสารประกอบหลักสตู รการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2544 ค่มู ือ การจัดการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ. กรุงเทพฯ: องค์การรบั ส่งสินค้าและพสั ดภุ ัณฑ์. กระทรวงศึกษาธิการ. (2558). ศิลปหัตถกรรมระดับชาติ. สืบค้น 13 มิถุนายน 2560, จากhttps:// www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=40493&Key=news_act นฤภพ ขนั ทบั ไทย. (2559). กลยทุ ธ์การบรหิ ารจดั การโรงเรียนสง่ เสริมความเป็นเลิศทางดนตรี (ปรญิ ญา นิพนธ์ปริญญาดษุ ฎีบณั ฑิต). มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ. กรุงเทพฯ ชวนพิศ ศิลาเดช และคณะ. (2557). การบริหารจัดการหลกั สูตรสุนทรยี ศาสตร์เพ่อื เสริมสร้างความเป็น มอื อาชพี ทางดนตร.ี วารสารวิชาการมหาวิทยาลยั กรุงเทพธนบรุ ี, 3(1), 14-25. ณรงค์ โพธพ์ิ ฤกษานันท.์ (2557). ระเบยี บวิธีวจิ ัย. (พิมพ์คร้งั ท่ี 9). กรุงเทพฯ: เอ็กซเปอร์เน็ท. นวิ ฒั น์ วรรณธรรม. (2558). เสน้ ทางสคู่ วามเปน็ เลศิ ของวงดนตรลี กู ทงุ่ มธั ยมศกึ ษาในประเทศไทย. (ปรญิ ญา นพิ นธ์ ปริญญาดุษฎีบณั ฑิต). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. มหาสารคาม นวราช อภยั วงศ์. (2558). การบรหิ ารจัดการวงดนตรีไทยโรงเรยี นมหาวชริ าวุธ จังหวัดสงขลา. (ปริญญา นพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑิต). มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. กรงุ เทพฯ วริ ะ บำ� รงุ ศร.ี (2558). การบรหิ ารจดั การวงดนตรลี กู ทงุ่ ในประเทศไทย กรณศี กึ ษาวงดนตรลี กู ทงุ่ บญุ ศรี รตั นงั , นกนอ้ ย อไุ รพร, อาภาพร นครสวรรค,์ เอกชยั ศรวี ชิ ยั . วารสารสถาบนั วฒั นธรรมและศลิ ปะ. 16(2), 48-59. สกุ ญั ญา ทองทพิ ย.์ (2560). แนวทางพฒั นาสคู่ วามสำ� เรจ็ ของวงโปงลางระดบั มธั ยมศกึ ษาในภาคตะวนั ออก เฉียงเหนอื . วารสารช่อพะยอม. 28(2), 146-153. ปิยพันธ์ แสนทวีสุข. (2552). ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการศึกษาดนตรีของสถาบันอุดมศึกษาใน ประเทศไทย. (วทิ ยานิพนธ์ปรญิ ญาดษุ ฎบี ัณฑติ ) มหาวิทยาลยั ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. ขอนแกน่ สุพัตรา วิไลลักษณ์. (2556). การจัดการศึกษาดนตรีไทยในอนาคต. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. มหาสารคาม พรสวรรค์ จนั ทะวงศ.์ (2557). การจดั การวงโยธวาทติ ในโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหม.่ วารสารวิจัยมหาวทิ ยาลยั ราชภัฎเชยี งใหม,่ 14(1), 127-137. สนุ นั ทา มติ รงาม. (2558). ทศิ ทางนโยบายการบรหิ ารจดั การดนตรแี ละการแสดงของกรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม. วารสารสถาบันวฒั นธรรมและศลิ ปะ, 17(1), 109-119. Colaizzi, P. (1978). Psychological research as the Phenomenologist views it. In Existential - Phenomenological Alternatives for Psychology (Valle R. & King M. eds), London: Oxford University Press. Porter, Michael E. (2011). “What is strategic” HBR’s 10 must reads on strategy. Boston: Harvard Business Review. 30 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทักษณิ ปีท่ี 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
การพฒั นาการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ ีอภปิ ัญญาและกลวิธีการเรยี นรู้ ค�ำศัพท์เพือ่ เสรมิ สร้างความสามารถในการอ่านออนไลนแ์ ละการใช้กลวิธีการ อา่ นเชงิ อภปิ ัญญาและกลวธิ ีการเรยี นรูค้ �ำศพั ทข์ องนักศกึ ษามหาวิทยาลยั ราชภัฏนครปฐม The Development of Online Reading Instruction Model by Using Metacognitive Strategies and Vocabulary Learning Strategies to Enhance Online Reading Abilities and Using Metacognitive Reading Strategies and Vocabulary Learning Strategies of Nakhon Pathom Rajabhat University Students Received : 2020-04-18 Revised : 2020-05-21 Accepted : 2020-12-09 ผูว้ จิ ัย ณฐั ฐริ า ปุยะกุล ซวคิ 1 Natthira Puyagoon Zwick1 [email protected] วสิ าข์ จตั วิ ัตร2์ Wisa Chattiwat2 สนุ ีตา โฆษติ ชัยวัฒน3์ Suneeta Kositchaiwat3 ไชยยศ ไพวทิ ยศิริธรรม4 Chaiyos Paiwithayasiritham4 บทคัดย่อ การวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) พัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์ 2) ประเมนิ ประสทิ ธผิ ลรปู แบบการสอนอา่ นออนไลน์ โดย 2.1 เปรยี บเทยี บความสามารถในการอา่ นออนไลน์ 2.2 ศกึ ษาการใชก้ ลวิธอี ภปิ ัญญา 2.3 ศึกษาการใช้กลวิธกี ารเรยี นรคู้ �ำศัพท์ 2.4 ศกึ ษาความพงึ พอใจของ นักศึกษาท่ีมีต่อกิจกรรมการเรียนรู้และ 3) รับรองรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1 นกั ศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาเอก หลกั สตู รปรชั ญาดษุ ฎบี ณั ฑติ สาขาวชิ าหลกั สตู รและการสอน คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร Ph.D. Student in Department of Curriculum and Instruction, Faculty of Education, Silpakorn University 2 รองศาสตราจารย์ ดร. ภาควชิ าหลกั สตู รและวธิ สี อน สาขาวชิ าการสอนภาษาตา่ งประเทศ คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร Associate Professor Dr. in Department of Curriculum and Instruction, Faculty of Education, Silpakorn University 3 ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน สาขาวิชาการสอนภาษาตา่ งประเทศ คณะครศุ าสตร์ มหาวิทยาลัย ศลิ ปากร Assistant Professor Dr. in Department of Curriculum and Instruction, Faculty of Education, Silpakorn University 4 รองศาสตราจารย์ ดร. ภาควชิ าพื้นฐานทางการศกึ ษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร Associate Professor Dr. in Department of Education Foundations, Faculty of Education, Silpakorn University วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทกั ษณิ 31 ปที ี่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
นักศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏนครปฐม ชน้ั ปีที่ 1 จ�ำนวน 65 คน การทดลองใช้เวลา 16 สปั ดาห์ หรือ 32 ชัว่ โมง เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการวิจัย ประกอบด้วย 1) รปู แบบและเคร่ืองมือประกอบการใชร้ ปู แบบ ไดแ้ ก่ คมู่ ือ การใช้รูปแบบ แผนการจัดการเรียนรูข้ องรปู แบบ 8 แผนการเรียนและแบบฝกึ 2) แบบทดสอบวัดความ สามารถการอา่ นออนไลน์ 3) แบบสำ� รวจการอ่านออนไลน์ 4) สมดุ บนั ทกึ การอา่ นและ 5) แบบสอบถาม ความพงึ พอใจของนักศกึ ษาทมี่ ีตอ่ รปู แบบ สถิติท่ใี ช้ ได้แก่ ร้อยละ คา่ เฉล่ีย สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน การ ทดสอบที (t-test) ผลการวจิ ยั พบว่า 1) รูปแบบการสอนอ่านออนไลน์ 3 ขัน้ ตอน ไดแ้ ก่ การวางแผน การปฏิบตั แิ ละ ตรวจสอบ และการประเมนิ จากผเู้ ชย่ี วชาญทง้ั 5 คน ดา้ นความสมเหตสุ มผลเชงิ ทฤษฎี ความสอดคลอ้ งอยู่ ในระดับมากท่ีสุด และมปี ระสิทธภิ าพ 75.88/76.23 สงู กว่าเกณฑท์ ก่ี ำ� หนดไวท้ ี่ 75/75 2) ประสทิ ธิผลรูป แบบการสอนอา่ นออนไลน์พบว่า 2.1 คะแนนความสามารถในการอ่านออนไลนข์ องนักศกึ ษาหลังเรยี นสงู กวา่ กอ่ นเรียนอย่างมนี ยั ส�ำคัญทางสถิติทร่ี ะดบั .05 2.2 กลวธิ อี ภปิ ัญญาทน่ี ักศึกษาใชม้ ากท่ีสดุ คือร้คู วาม แตกตา่ งระหว่างใจความสำ� คัญและรายละเอยี ดที่สนบั สนุนใจความส�ำคัญ 2.3 กลวิธีการเรยี นรคู้ �ำศัพทท์ ี่ นักศึกษาใช้มากท่สี ุด คอื พจนานกุ รมออนไลน์ 2.4 นักศกึ ษามีความพึงพอใจอย่างมากกบั กิจกรรมทีห่ ลาก หลาย เกดิ กระบวนการการคดิ และการรเู้ ทา่ ทนั เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3) รปู แบบการสอนอา่ นออนไลนไ์ ด้ รบั การรับรองจากผทู้ รงคณุ วฒุ ิ 5 คน พบวา่ รปู แบบมคี วามสมเหตุสมผลเชิงทฤษฎี มคี วามเปน็ ไปได้และ มีความสอดคล้องในระดบั มากท่สี ุด คำ� ส�ำคัญ : การสอนอ่านออนไลน์, การสอนอ่านโดยใช้กลวิธอี ภปิ ัญญา, การเรยี นร้คู �ำศัพท์และการสอน Abstract The objectives of this research were to 1) develop and determine the efficiency of an online reading instructional model; 2) evaluate the effectiveness of the online reading instructional model by 2.1 comparing students’ online reading abilities 2.2 studying students’ using metacognitive strategies 2.3 studying students’ using vocabulary learning strategies 2.4 studying students’ satisfaction towards learning activities; and 3) verify the online reading instructional model. The sample group consisted of 65 first-year undergraduate students at Nakhon Pathom Rajabhat University. The experiment was carried out for 16 weeks or 32 hours. The research instruments employed in this research were 1) the online reading instructional model including a teacher’s manual, 8 lessen plans, and exercises 2) online reading abilities tests 3) an online reading survey 4) a reading log and 5) a questionnaire of student’s satisfaction towards the model. Percentage, mean, standard deviation, and t-test were used to analyze the data The results found that 1) the online reading instructional model consists of 3 steps: Planning (P), Practicing and Monitoring (P), and Evaluating (E). The model was verified by five experts at a very high level and the efficiency of the model met the assigned criteria 75.88/76.23, which was higher than the established requirement of 75/75; 2) The 32 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทกั ษณิ ปีท่ี 20 ฉบับที่ 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
effectiveness of the online reading instructional model indicated that 2.1 the student’s online reading abilities posttest scores were significantly higher than scores at pretest at the .05 level of statistical significance, 2.2 recognizing the difference between main point and supporting detail was the highest strategy used in metacognitive strategies, 2.3 the online dictionary was the highest strategy used in vocabulary reading strategies, 2.4 the students had a high satisfaction towards various activities, creative cognitive processes and information technology literacy. 3) The online reading instructional model was verified by five connoisseurs at a very high level which is congruent with the theories’ rationality and probability. Keyword : Online Reading Instruction, Metacognitive Reading Instruction, Vocabulary Learning and Instruction วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ 33 ปที ี่ 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
บทนำ� กระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดข้ึนในศตวรรษที่ 21 ซ่ึงเป็นยุคแห่งความเป็นโลกาภิวัตน์ท่ี ได้เกิดวิวัฒนาการความกา้ วหน้าในทกุ ๆ มติ ิเป็นไปอยา่ งรวดเรว็ ส่งผลต่อวถิ ีการดำ� รงชพี ของสงั คมอยา่ ง ทัว่ ถงึ เปน็ สงิ่ ทท่ี �ำให้มนุษย์ตอ้ งมีการพฒั นาศกั ยภาพและความสามารถท่จี ะสร้างนวัตกรรมทางการเรยี น รู้ในลักษณะต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น ดังน้ันการเสริมสร้างความรู้ ทักษะเฉพาะทาง ความเช่ียวชาญเฉพาะด้าน และสมรรถนะของการรู้เทา่ ทัน จึงเป็นตัวแปรส�ำคญั ทตี่ อ้ งเกดิ ขึน้ กับผ้เู รียนในการเรียนรู้ยุคสงั คมแห่งการ เปล่ยี นแปลงในศตวรรษที่ 21 ข้อมูลจาก Central Intelligence Agency (CIA, 2014) องคก์ รในประเทศ สหรฐั อเมรกิ าแสดงใหเ้ หน็ วา่ อตั ราการรหู้ นงั สอื ของประชากรไทยตงั้ แตอ่ ายุ 15 ปที สี่ ามารถอา่ นออกเขยี น ได้น้นั มอี ย่ถู งึ 96.7 % ของประชากร แต่เมือ่ พจิ ารณาเปรียบเทียบกบั หลายประเทศ ประเทศไทยอยู่ใน อันดับท่ ี 52 จาก 160 ประเทศ ในแถบอาเซียน ประเทศไทยเปน็ รองจากสงิ คโปร์ (97.3%) ผลจากการจดั อนั ดบั ดงั กลา่ วแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาอัตราการรูห้ นังสือใหเ้ พิ่มเป็น 100 % ยงั คงเป็นเป้าหมายส�ำคญั ของการจัดการศึกษา อยา่ งไรก็ตาม ขอ้ มลู น้เี ปน็ เพยี งขอ้ มูลในเชิงปริมาณ ส่งิ ทีจ่ ะต้องคำ� นึงถงึ ซึง่ ถือเป็น อีกเป้าหมายหน่ึงซึ่งมีความส�ำคัญมากกว่าก็คือ การพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ในแง่คุณภาพ หรือการ พฒั นาความสามารถดา้ นการอา่ น (reading abilities) ของผเู้ รยี น โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ความสามารถในการ อ่านเพอ่ื ความเขา้ ใจ (reading comprehension abilities) ถือเปน็ ความสามารถในการอา่ นพ้ืนฐานท่ี ผู้เรยี นทุกคนจะมแี ละใชเ้ ปน็ พ้นื ฐานสำ� หรบั การอา่ นในระดบั สงู คือการอา่ นอย่างมวี ิจารณญาณ (critical reading) และการน�ำกลวธิ อี ภิปญั ญาไปใช้ในการวเิ คราะห์การอ่าน ประเทศไทยก�ำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคศตวรรษท่ี 21 และได้รับผลอิทธิพลอย่างมากจากความเจริญ เตบิ โตของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ซง่ึ สรา้ งสภาพโลกไรพ้ รมแดนหรอื โลกาภวิ ตั นข์ น้ึ ทกุ วนั จะมสี อ่ื สารสนเทศ ออนไลน์ต่าง ๆ ท่ีมีมวลมหาศาลเข้ามายังประเทศไทย สังคมไทย และ ประชาชนคนไทย ส่ือออนไลน์ เหล่าน้ีส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ดังน้ันระบบการศึกษาของไทยในสมัยน้ีจึงต้องพัฒนาความสามารถใน ด้านการอ่านภาษาอังกฤษของคนไทยให้อยู่ในระดับท่ีจะรับและเข้าใจสารสนเทศภาษาอังกฤษได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การอ่านเปรียบเสมือนกระบวนการสร้างความหมาย เป็นองค์ประกอบหลักที่ส�ำคัญท่ีสุด ในการท่ีจะน�ำผทู้ เ่ี รยี นภาษาองั กฤษไปส่คู วามส�ำเรจ็ ได้ (Cummins, 1991) ส�ำหรับผู้ที่เรยี นภาษาอังกฤษ เป็นภาษาท่ีสองและภาษาต่างประเทศ การอ่านเป็นส่ิงที่ส�ำคัญท่ีสุด ความรู้ที่ได้ส่วนใหญ่มาจากความรู้ ที่เกิดจากการอ่านและจะมีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ การอ่านเป็นตัวแปรพื้นฐานท่ีระบุการรู้หนังสือ (Huffman, 2014) เปน็ ทกั ษะทข่ี าดไมไ่ ดส้ ำ� หรบั ผทู้ เ่ี รยี นภาษาองั กฤษ เปน็ ทกั ษะทส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ เพอื่ ทจ่ี ะนำ� ไปสคู่ วามสำ� เรจ็ ในการเรยี นรู้ ทกั ษะการอา่ นเปน็ จดุ แขง็ ทจี่ ะทำ� ใหผ้ ทู้ เี่ รยี นภาษาองั กฤษเกดิ ความกา้ วหนา้ ในการเรียนรภู้ าษา จากที่กล่าวมาน้ันววิ ัฒนาการจากเทคโนโลยมี ีการพัฒนามากขนึ้ ท�ำใหธ้ รรมชาตขิ อง การเรยี นรเู้ ปลยี่ นไปอยา่ งรวดเรว็ การรบั รขู้ า่ วสารอาศยั สอื่ ออนไลนเ์ ปน็ เครอื่ งมอื สำ� คญั รวมไปถงึ การเรยี น ภาษาองั กฤษจะเหน็ ไดว้ า่ ทกั ษะการอา่ นออนไลนเ์ ปน็ ทกั ษะทส่ี ำ� คญั ทส่ี ดุ ทกั ษะหนง่ึ ผอู้ า่ นทมี่ ที กั ษะในการ อา่ นทดี่ จี ะชว่ ยใหก้ ารอา่ นมคี วามกา้ วหนา้ มากยงิ่ ขนึ้ และมพี ฒั นาการทส่ี งู กวา่ ผทู้ ม่ี ที กั ษะการอา่ นนอ้ ย การ ศึกษาระดับอุดมศกึ ษาน้ันทกั ษะการอา่ นเป็นทกั ษะที่มคี วามจ�ำเป็นและสำ� คญั อย่างยงิ่ ส�ำหรับนกั ศึกษาใน การทีจ่ ะแสวงหาความรแู้ ละน�ำองค์ความรู้นน้ั ไปต่อยอด มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมมีการจัดสอบความรู้ด้านภาษาอังกฤษเพื่อแบ่งระดับความสามารถ ในการเรยี น นกั ศกึ ษาจะถกู แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามความสามารถมาตรฐานสากลทีใ่ ชอ้ ธบิ ายระดับความ เชี่ยวชาญทางภาษา CEFR แลว้ จดั ให้นักศกึ ษาได้เรียนวิชาภาษาองั กฤษพ้ืนฐานตง้ั แตช่ ้นั ปีที่ 1 เพื่อใหต้ รง 34 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษณิ ปที ี่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
กับระดับและความสามารถของตนเอง โดยการจัดการเรียนการสอนแบ่งตามระดับต้ังแต่ A1- B2 จาก การส�ำรวจข้อมูลพบว่านักศึกษาส่วนใหญ่สอบได้ในระดับ A2 มีความสามารถในการอ่านเพียงแค่เข้าใจ ข้อความพ้ืนฐานที่ไม่ยาวนัก กล่าวได้ว่านักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมส่วนใหญ่มีความสามารถ ในการอ่านอยู่ในระดับต�่ำ ซ่ึงส่งผลให้นักศึกษาขาดความสามารถในการอ่านเพ่ือความเข้าใจ รวมท้ังการ อ่านออนไลนด์ ว้ ยเช่นเดียวกนั จากขอ้ มูลการศกึ ษาขา้ งต้น ผวู้ ิจยั เหน็ วา่ ส่ิงส�ำคญั อีกอยา่ งหน่ึงท่นี กั ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมยังขาดความรู้ ความเข้าใจและทักษะในการออนไลน์ ผู้วิจัยจึงสนใจท�ำการ วจิ ยั และพฒั นารูปแบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวธิ ีการเรียนรคู้ ำ� ศัพท์เพอ่ื เสริม สร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำ ศัพท์ของนกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม โดยบูรณาการแนวคิดกระบวนการของรปู แบบการสอน อา่ นออนไลน์ แนวคิดการสอนโดยใช้กลวิธอี ภปิ ัญญา แนวคดิ ทฤษฎเี กีย่ วกับการเรียนรู้ค�ำศพั ท์ มาพฒั นา รูปแบบการสอนโดยใช้รูปแบบว่า “PPE Model” หรอื เรยี กวา่ “พี พี อ”ี โดยมกี ระบวนการจดั การเรียน ร้ขู องรปู แบบ 3 ขั้นตอนประกอบดว้ ย ขั้นท่ี 1 การวางแผน (P: Planning) ข้นั ท่ี 2 การปฏบิ ัตแิ ละตรวจ สอบ (P: Practicing and Monitoring) ข้ันท่ี 3 การประเมิน (E: Evaluating) ตามอกั ษรตวั แรกของขัน้ ตอนหลักในการเรียนการสอน ไดแ้ ก่ ขั้นท่ี 1 การวางแผน (P: Planning) วตั ถปุ ระสงค์ของขั้นตอนนค้ี อื การอธิบายและหารอื เก่ียวกับ ความหมายของกลวิธอี ภิปัญญาใหก้ บั ผู้เรียน และหลักของรูปแบบการคิดออกเสียง (think aloud) เพื่อ จะนำ� เอาความรเู้ ดมิ ในดา้ นกลวธิ อี ภปิ ญั ญาของผเู้ รยี นมาใชใ้ นการอา่ นออนไลน์ ในขน้ั ตอนนผ้ี สู้ อนแสดงให้ เหน็ ถงึ ความสำ� คญั ของกลวธิ อี ภปิ ญั ญา โดยทผ่ี สู้ อนทำ� เปน็ แบบอยา่ ง (modeling) ใหผ้ เู้ รยี นไดป้ ฏบิ ตั ติ าม เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นเสรมิ ตอ่ การเรยี นรู้ (scaffolding) ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นกา้ วขา้ มระดบั ทกั ษะและความรทู้ ม่ี อี ยู่ เชน่ การ ท�ำเปน็ แบบอย่างในการพิจารณาเน้อื หาของเน้ือเรื่องออนไลน์ให้ตรงกับวัตถุประสงคใ์ นการอา่ น และการ ใชค้ วามรทู้ มี่ มี ากอ่ นหนา้ นเี้ พอื่ ความสะดวกในการอา่ น ถา้ ผา่ นการฝกึ ปฏบิ ตั นิ ห้ี ลายครง้ั ผเู้ รยี นจะสามารถ เรยี นรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง อกี ทั้งผู้สอนแจกเอกสารประกอบคำ� บรรยายมกี ลวธิ ีอภิปญั ญาตา่ ง ๆ แผนการเรียนรู้ เพื่อความเหมาะสมและก�ำหนดเป้าหมายท่ีเฉพาะเจาะจงส�ำหรับการเรียนรู้ ใช้เคร่ืองมือค้นหาเพื่อค้นหา เน้ือเรื่องบนเว็บไซด์ ผู้เรียนยังได้รับการสอนเกี่ยวกับกลวิธีที่แตกต่างกันท่ีผู้เรียนจะใช้ในการวางแผนการ อ่านออนไลน์ และมีการยกตัวอย่างประโยคภาพประกอบในการใช้กลวิธดี ังกลา่ ว ขนั้ ที่ 2 การปฏิบตั ิและตรวจสอบ (P: Practicing and Monitoring) การปฏบิ ัตใิ นข้ันตอนของการ เรียนการสอนนี้ผู้เรียนได้รับโอกาสท่ีจะฝึกการใช้กลวิธีอภิปัญญาต่าง ๆ ท่ีมีกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีแท้จริง ผู้สอนท�ำเป็นแบบอย่าง (modeling) ในการตรวจสอบข้อความที่ปรากฏในหน้าออนไลน์ การใช้กลวิธี การเรียนรคู้ �ำศัพท์ (vocabulary learning strategies) กลวธิ ีการแกไ้ ข (fix-up strategies) และกลวิธี อภปิ ญั ญา (metacognitive strategies) ในการหาใจความสำ� คญั และรายละเอยี ดที่สนบั สนนุ นอกจากน้ี ยงั มกี ารสนบั สนนุ ที่จะท�ำให้ความพยายามใชก้ ลวธิ ีอภปิ ัญญาร่วมกันกบั กลวิธีการเรยี นรคู้ ำ� ศัพท์ ผู้สอนจะ เป็นผู้อ�ำนวย ช่วยเหลือและน�ำผู้เรียนในการตรวจสอบการใช้กลวิธีอภิปัญญาต่าง ๆ ในตอนท้ายของขั้น ตอนนผ้ี เู้ รยี นตระหนกั ถงึ กลวธิ อี ภปิ ญั ญาทแ่ี ตกตา่ งกนั ทตี่ อ้ งนำ� มาใชใ้ นบทความตา่ ง ๆ ในการอา่ นออนไลน์ ขนั้ ที่ 3 การประเมินผล (E: Evaluating) วัตถปุ ระสงค์หลกั ของขน้ั ตอนน้ีคอื การใหโ้ อกาสสำ� หรบั ผเู้ รยี นทจี่ ะประเมนิ กลวธิ ตี า่ ง ๆ ทใี่ ชใ้ นการอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ ผ่านขั้นตอนนี้ ผู้สอนใช้กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ จะให้ผู้เรียนได้พัฒนาการสรุปความ การตีความ และ ประเมนิ บทความอยา่ งมีวิจารณญาณ เช่น ซักถามตนเองและรายการตรวจสอบของกลวิธที ใ่ี ช้ ในกจิ กรรม ท่ีผเู้ รียนไดแ้ สดงความเช่ือและความคดิ เหน็ ของพวกเขาเก่ียวกับประโยชนข์ องกลวิธีอภปิ ญั ญา วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทักษณิ 35 ปีที่ 20 ฉบับที่ 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
วตั ถุประสงค์ของการวิจัย การวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและ กลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพ่ือเสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิง อภิปัญญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ �ำศัพท์ของนักศึกษามหาวิทยาลยั ราชภัฏนครปฐม 1. เพ่ือพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธี การเรยี นรูค้ �ำศพั ท์เพ่ือเสรมิ สร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใชก้ ลวธิ ีการอา่ นเชิงอภปิ ัญญา และกลวิธีการเรียนร้คู ำ� ศัพท์ 2. เพอื่ ประเมนิ ประสทิ ธผิ ลรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรู้ ค�ำศัพท์เพ่ือเสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธี การเรียนรู้ค�ำศัพท์ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เฉพาะ คือ 2.1 เพือ่ เปรียบเทยี บความสามารถในการอา่ นออนไลน์ ของนักศึกษาที่เรียนตามรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้คำ� ศัพท์ เพอื่ เสรมิ สรา้ งความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี น รู้ค�ำศัพทก์ อ่ นและหลังเรียน 2.2 เพ่ือศึกษาการใช้กลวธิ ีอภปิ ญั ญาในการอ่านออนไลนข์ องนกั ศึกษาทีเ่ รยี น ตามรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพ่ือเสริมสร้างความ สามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ก่อนและ หลัง 2.3 เพื่อศึกษาการใช้กลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ในการอ่านออนไลน์ของนักศึกษาที่เรียนตามรูปแบบ การสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้างความสามารถใน การอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทก์ อ่ นและหลงั 2.4 เพอ่ื ศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาทม่ี ตี อ่ รปู แบบการเรยี นรหู้ ลงั การเรยี นตามรปู แบบการสอนอา่ นออนไลน์ โดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทเ์ พอ่ื เสรมิ สรา้ งความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการ ใชก้ ลวิธกี ารอา่ นเชิงอภิปัญญาและกลวิธกี ารเรยี นรู้คำ� ศพั ท์ 3. เพอ่ื รบั รองรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทเ์ พอื่ เสรมิ สรา้ งความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ วธิ ีการวจิ ัย ตวั แปรทศี่ กึ ษา ประกอบดว้ ย 1. ตวั แปรตน้ คอื รปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญา และกลวธิ กี ารเรียนรคู้ �ำศพั ท์ 2. ตวั แปรตาม คอื 2.1 ความสามารถในการอา่ นออนไลน์ 2.2 การใชก้ ลวิธี การอา่ นเชงิ อภปิ ัญญา 2.3 การใชก้ ลวิธีการเรียนรู้คำ� ศัพท์ 2.4 ความพึงพอใจของนักศกึ ษาทม่ี ีตอ่ กจิ กรรม การเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพ่ือเสริม สรา้ งความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ ประชากรที่ใชใ้ นการวจิ ัย ได้แก่ นักศึกษาชน้ั ปที ่ี 1 มหาวิทยาลัยราชภฏั นครปฐม ทก่ี ำ� ลงั ศกึ ษาอยู่ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2560 ในรายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้นื ฐาน II จ�ำนวน 2,133 คน กลุ่มตัวอยา่ งท่ใี ช้ในการวิจัย ไดแ้ ก่ นักศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ จ�ำนวน 3 หมเู่ รยี น ดงั นี้ หมเู่ รยี น 60/48 60/50 และ 60/61 รวมนกั ศกึ ษาจำ� นวน 65 คน ไดม้ าโดยวธิ กี ารสมุ่ อยา่ งงา่ ย (Simple Random Sampling) ใช้หมเู่ รยี นเป็นหน่วยการสมุ่ 36 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทักษิณ ปีที่ 20 ฉบับท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
ขอบเขตระยะเวลา การวิจัยคร้ังน้ี ด�ำเนินการในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2560 ใช้ระยะเวลา ในการทดลองรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพื่อเสริม สรา้ งความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ จำ� นวน 16 สัปดาห์ สปั ดาหล์ ะ 2 ชัว่ โมง รวมเปน็ 32 ช่วั โมง วิธีดำ� เนินการวิจยั การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธี การเรียนรู้ค�ำศัพท์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ผู้วิจัยใช้วิธีด�ำเนินการวิจัยในลักษณะของ การวิจยั เชิงพฒั นา (Research and Development: R & D) โดยใชร้ ะเบยี บวธิ กี ารวจิ ัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Methods Research) ด้วยการศึกษาวธิ กี ารเชงิ ปริมาณ (Quantitative Methods) เสริมด้วยวิธี การเชงิ คุณภาพ (Qualitative Methods) และการวจิ ัยแบบกอ่ นทดลอง (Pre-experimental Design) โดยใชก้ ารทดลองแบบกลมุ่ ตวั อยา่ งกลมุ่ เดยี ว มกี ารทดสอบกอ่ นและหลงั การเรยี น (One Group Pretest- Posttest Design) โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื พฒั นาและหาประสทิ ธภิ าพรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใช้ กลวิธีอภิปัญญาและกลวธิ กี ารเรียนรคู้ �ำศัพท์ โดยมีรายละเอยี ดวธิ ีการวิจัยเป็น 4 ขั้นตอน ดงั นี้ ขั้นตอนท่ี 1 การวจิ ยั (Research: R1) ศึกษาและวิเคราะหข์ อ้ มูลพ้ืนฐานและความต้องการจ�ำเปน็ (Analysis: A) 1. ศกึ ษา วิเคราะห์ (Analysis) ข้อมลู พ้ืนฐาน สภาพปญั หา และความตอ้ งการจำ� เปน็ ในการสอน อา่ นออนไลน์โดยใช้กลวธิ อี ภิปัญญาและกลวธิ ีการเรยี นรูค้ ำ� ศพั ท์ โดยผู้วิจัยได้สงั เคราะห์เอกสารงานวจิ ัยที่ เก่ียวข้องกับการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ และการออกแบบ การเรยี นการสอน สภาพปจั จบุ ันและความต้องการจ�ำเปน็ ของนักศึกษา 2. ศึกษา วิเคราะห์แนวทางการจัดการเรยี นการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใช้กลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ ี การเรยี นร้คู �ำศพั ท์เพ่ือเสรมิ สรา้ งความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอ่านเชงิ อภิปัญญา และกลวธิ ีการเรยี นรคู้ �ำศพั ทข์ องนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภฏั นครปฐม 3. ตรวจสอบยนื ยนั นยิ ามและแนวทางในการจดั การเรยี นการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญา และกลวิธีการเรยี นรคู้ ำ� ศัพท์เพือ่ เสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใชก้ ลวธิ กี ารอ่านเชงิ อภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม โดยการจัดด�ำเนินการ สนทนากลมุ่ (Focus Group Discussion) กบั อาจารยผ์ สู้ อนภาษาองั กฤษทม่ี ปี ระสบการณก์ ารจดั การเรยี น การสอนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เพอื่ ตรวจสอบยนื ยัน นยิ าม องคป์ ระกอบและแนวทางในการจดั การเรียน การสอนรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใช้กลวิธีอภิปญั ญาและกลวิธกี ารเรยี นรู้ค�ำศัพท์ ขั้นตอนท่ี 2 การวิจยั (Development: D1) ออกแบบและพัฒนา (Design and Development: D&D) รูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ ผู้วิจัยได้พัฒนา เคร่ืองมือวจิ ัย ดังน้ี 1. พัฒนาร่างรูปแบบการสอนอ่านออนไลนโ์ ดยใช้กลวิธีอภปิ ญั ญาและกลวธิ ีการเรยี นรูค้ ำ� ศัพท์ 2. พฒั นาเครอื่ งมอื ประกอบการใชร้ ปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี าร เรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ ไดแ้ ก่ ไดแ้ ก่ 1) แผนการจดั การเรยี นรกู้ ารอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี าร วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษณิ 37 ปีที่ 20 ฉบบั ท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
เรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์2) แบบฝกึ การอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์3) คมู่ อื ประกอบ การใชร้ ปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ 4) แบบทดสอบวดั ความสามารถการอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทก์ อ่ นและหลงั ใชร้ ปู แบบ 5) แบบส�ำรวจกลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์จากการอ่านออนไลน์ก่อนและหลังเรียน 6) สมุดบันทึกการอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ 7) แบบสอบถามความ คิดเห็นของนักศึกษาต่อรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ 3. การหาประสทิ ธภิ าพรปู แบบ ผวู้ จิ ยั ไดน้ ำ� รา่ งรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญา และกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทแ์ ละเอกสารประกอบรปู แบบทผ่ี า่ นการประเมนิ คณุ ภาพโดยผเู้ ชย่ี วชาญ ไปหา ประสทิ ธภิ าพ E1/E2 ตามเกณฑ์ 75/75 (ชยั ยงค์ พรหมวงศ์, 2556, น. 8-12) จำ� นวน 3 ครัง้ คร้ังที่ 1 น�ำ รา่ งรปู แบบไปทดสอบประสทิ ธภิ าพเบอื้ งตน้ เปน็ การทดสอบประสทิ ธภิ าพแบบเดยี่ ว (1:3) ทผี่ สู้ อน 1 คนกบั นักศกึ ษาช้นั ปที ่ี 1 คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ ที่มลี ักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มตวั อยา่ งจ�ำนวน 2 คน เปน็ ผเู้ รียนระดับปานกลาง และอ่อน ครั้งท่ี 2 เป็นการทดสอบประสิทธภิ าพแบบกลมุ่ (1:10) ผสู้ อน 1 คน กับนักศึกษาช้ันปีท่ี 1 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ท่ีมีลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่างจ�ำนวน 10 คน คละผเู้ รยี นระดบั เก่ง ปานกลางและอ่อน และคร้งั ที่ 3 เปน็ การทดสอบประสทิ ธภิ าพภาคสนาม (1:100) ท่ีผ้สู อน 1 คน ทดสอบประสิทธภิ าพรปู แบบการสอนกับผู้เรยี นทง้ั ชน้ั เปน็ นกั ศึกษาช้นั ปีที่ 1 คณะ มนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ ท่มี ีลกั ษณะใกล้เคยี งกบั กลุ่มตวั อย่างจ�ำนวน 30 คน คละผูเ้ รียนระดับเก่ง ปานกลางและอ่อน ข้ันตอนท่ี 3 การวจิ ัย (Research: R2) ทดลองใช้ (Implementation: I) การพฒั นารูปแบบการ สอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวิธีอภิปัญญาและกลวิธกี ารเรยี นรูค้ ำ� ศัพท์ ผวู้ จิ ัยน�ำรูปแบบที่สรา้ งขึ้นและผ่าน การตรวจสอบ ผา่ นการทดลองใชแ้ ลว้ และผา่ นการตรวจสอบจากผเู้ ชยี่ วชาญไปศกึ ษากบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง โดย มขี ัน้ ตอน ดังน้ี 1. ปฐมนิเทศนักศกึ ษากลมุ่ ตัวอย่างในประเด็นต่อไปน้ี ระบบการเรยี น วัตถุประสงค์ วิธีการ เรยี น วธิ ใี ชเ้ ครอ่ื งมอื ในการเรยี น การวดั และประเมนิ ผล และวธิ บี นั ทกึ การอา่ น 2. ทดสอบความสามารถใน การอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องกลมุ่ ตวั อยา่ งกอ่ นเรยี นโดยใชแ้ บบ ทดสอบก่อนเรียนจำ� นวน 40 ข้อ เวลา 80 นาที และท�ำการสำ� รวจการใชก้ ลวธิ ีในการอา่ นออนไลน์โดยใช้ กลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรู้ค�ำศัพท์ 3. ดำ� เนนิ การทดลองใช้รูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้ กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพ่ือเสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้ กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐมโดย ก�ำหนดให้กลุ่มตัวอย่างเรียนตามแผนการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญา และกลวธิ ีการเรียนรคู้ �ำศัพท์ จำ� นวน 8 แผน ๆ ละ 2 สัปดาห์ ๆ ละ 2 ช่วั โมง รวม 32 ชวั่ โมง 4. ประเมนิ ความสามารถในการอ่านโดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์กับกลุ่มตัวอย่างระหว่างเรียน โดยใชแ้ บบทดสอบระหว่างเรียนจ�ำนวน 8 หน่วย หนว่ ยละ 10 ขอ้ และสมุดบนั ทกึ การอา่ นออนไลนโ์ ดย ใช้กลวธิ ีอภิปัญญาและกลวิธกี ารเรียนร้คู �ำศัพท์ 5. ประเมินความสามารถในการอ่านออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ ี อภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของกลุ่มตัวอย่างหลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียนจ�ำนวน 40 ข้อ เวลา 80 นาที และท�ำการสำ� รวจการใช้กลวิธีในการอา่ นออนไลน์ 6. สอบถามความพงึ พอใจของ นักศึกษากลุ่มตัวอย่างที่มีต่อรูปแบบการอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ 7. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากการทำ� แบบทดสอบความสามารถในการอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและ กลวิธีการเรียนรคู้ ำ� ศพั ทก์ อ่ นเรียน ระหวา่ งเรียน และหลังเรียน แบบสำ� รวจความพงึ พอใจ และสมุดบันทกึ การอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวิธีอภปิ ัญญาและกลวธิ กี ารเรียนรู้คำ� ศัพท์ เพือ่ น�ำไปวิเคราะหข์ อ้ มลู 38 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปที ่ี 20 ฉบับท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
ข้นั ตอนที่ 4 การพัฒนา (Development: D2) ประเมนิ ผล (Evaluation: E) เสนอรปู แบบ ค่มู ือ การใช้รูปแบบ และแผนการจัดการเรียนรู้รูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธี การเรยี นรู้ค�ำศัพท์ และแบบประเมนิ คุณภาพต่อผู้ทรงคณุ วฒุ พิ จิ ารณาประเมนิ และรบั รองรปู แบบโดยใช้ สถิตหิ าค่าเฉลยี่ และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน การหาคณุ ภาพเครื่องมอื 1. รปู แบบและเครอื่ งมอื ประกอบรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชอ้ ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรู้ ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธี เรยี นรคู้ �ำศพั ท์ทีผ่ วู้ ิจัยสร้างข้นึ ผา่ นการเสนอผูเ้ ชย่ี วชาญ 5 คน ทม่ี ีประสบการณ์ในการสอนภาษาองั กฤษ 3 คน และเป็นผู้เช่ียวชาญทางด้านหลกั สูตรและการสอน 2 คน เพือ่ ตรวจสอบความตรงของเน้ือหา ภาษา ทใ่ี ช้ และนำ� มาหาคา่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ งทมี่ คี า่ เฉลย่ี ( ) มากกวา่ 3.50 ขน้ึ ไป และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) นอ้ ยกวา่ 1.00 แสดงวา่ มคี วามสอดคลอ้ งกนั ในเกณฑท์ ยี่ อมรบั ได้ และวเิ คราะหข์ อ้ มลู ความสอดคลอ้ ง ของแบบสอบถาม โดยใช้การคำ� นวณคา่ ดัชนีความสอดคลอ้ งตามสตู ร (มาเรยี ม นิลพันธุ์, 2555, น. 179) โดยกำ� หนดเกณฑ์พจิ ารณาดงั นี้ คะแนน 5 หมายถงึ ขอ้ ความนั้นมคี วามสอดคล้องกนั มากที่สดุ คะแนน 4 หมายถงึ ขอ้ ความนนั้ มคี วามสอดคล้องกนั มาก คะแนน 3 หมายถงึ ข้อความนั้นมีความสอดคลอ้ งกนั ปาน กลาง คะแนน 2 หมายถงึ ข้อความนัน้ มคี วามสอดคลอ้ งกนั น้อย คะแนน 1 หมายถึง ข้อความนั้นมคี วาม สอดคล้องกนั น้อยท่สี ุด การวิเคราะห์ข้อมูลน�ำมาวิเคราะหค์ ่าเฉลี่ยคะแนนความสอดคล้องของผเู้ ช่ยี วชาญท้งั หมด และน�ำ มาแปลความหมายตามเกณฑ์ (มาเรียม นิลพนั ธ,ุ์ 2555, น. 196) ดังต่อไปน้ี คา่ เฉลย่ี คะแนน 4.50 – 5.00 หมายถึง ข้อความนัน้ มีความสอดคลอ้ งกนั มากทีส่ ดุ ค่าเฉลีย่ คะแนน 3.50 – 4.49 หมายถงึ ข้อความนัน้ มี ความสอดคลอ้ งกนั มาก คา่ เฉลยี่ คะแนน 2.50 – 3.49 หมายถงึ ขอ้ ความนนั้ มคี วามสอดคลอ้ งกนั ปานกลาง คา่ เฉลย่ี คะแนน 1.50 – 2.49 หมายถงึ ขอ้ ความนน้ั มคี วามสอดคลอ้ งกนั นอ้ ย คา่ เฉลยี่ คะแนน 1.00 – 1.49 หมายถงึ ขอ้ ความนนั้ มคี วามสอดคลอ้ งกนั นอ้ ยทส่ี ดุ เกณฑพ์ จิ ารณาคา่ ความสอดคลอ้ งทม่ี คี า่ เฉลยี่ มากกวา่ 3.50 ขนึ้ ไปและสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐานน้อยกวา่ 1.00 แสดงวา่ ใชไ้ ด้ มคี ่าความสอดคลอ้ ง ดา้ นความเทีย่ ง ตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) หากไม่เป็นไปตามเกณฑ์ให้ตัดท้ิงไปหรือปรับปรุงแก้ไขก่อนน�ำไปใช้ (มาเรยี ม นลิ พนั ธุ,์ 2555, น. 179) 2. การหาประสทิ ธภิ าพรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ ตามเกณฑ์ 75/75 โดยใชส้ ตู ร E1/E2 (ชัยยงค์ พรหมวงศ,์ 2556, น. 9) เพ่ือใหแ้ นใ่ จวา่ รูปแบบการ อ่านออนไลน์โดยใชก้ ลวิธีอภปิ ัญญาและกลวิธีการเรียนรคู้ ำ� ศัพทน์ ้ันมีประสิทธิภาพจริง 3. แบบทดสอบวดั ความสามารถการอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ กอ่ นและหลังใชร้ ูปแบบ หลงั จากผ่านการเสนอผเู้ ช่ยี วชาญเพ่อื ตรวจสอบความตรงของเนอ้ื หา ภาษาท่ใี ช้ และนำ� มาหาคา่ ดชั นีความสอดคลอ้ ง ด้านความเทีย่ งตรงเชงิ เน้อื หา (Content Validity) หลงั การทดลอง ใช้แบบทดสอบวัดความสามารถการอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์แล้ว นำ� ผลการทดสอบไปวิเคราะห์หาคา่ ความยากงา่ ย (p) คา่ อำ� นาจจ�ำแนก (r) ของแบบทดสอบ ไว้ โดยใช้ สตู ร KR-20 ของ Kuder and Richardson (อา้ งถึงใน มาเรียม นิลพันธ์ุ, 2555, น. 182) การวิเคราะหข์ อ้ มูล และสถิติที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) คา่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) การทดสอบที (T-test) วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษณิ 39 ปีท่ี 20 ฉบบั ที่ 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
ผลการวิจยั 1. ผลการพฒั นาและหาประสทิ ธภิ าพรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ ี การเรยี นรูค้ ำ� ศัพทเ์ พอ่ื เสรมิ สร้างความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญา และกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ ไดแ้ ก่ การศกึ ษาคน้ ควา้ และวเิ คราะหข์ อ้ มลู พน้ื ฐานในการพฒั นารปู แบบ การ ศึกษาและวเิ คราะห์แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทีเ่ กี่ยวข้องในการพัฒนารูปแบบ รายละเอยี ดของรูปแบบ และเน้อื หาของเอกสารประกอบการพฒั นารูปแบบ ดงั (รปู ที่ 1) 2. ผลประเมนิ ประสทิ ธผิ ลรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรู้ ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธี การเรยี นรู้คำ� ศัพท์ 2.1. ผลการเปรยี บเทยี บความสามารถในการอา่ นออนไลนข์ องนกั ศกึ ษาทเี่ รยี นตามรปู แบบการ สอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทเ์ พอ่ื เสรมิ สรา้ งความสามารถในการอา่ น ออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอ่านเชงิ อภิปญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ �ำศัพทห์ ลงั เรยี น ( = 16.03, S.D. = 1.98) สงู กวา่ ก่อนการใช้รูปแบบการสอนอ่านออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวิธอี ภิปัญญาและกลวธิ ีการเรยี นรู้ค�ำศัพท์ ( = 10.80, S.D. = 3.11) 2.2. ผลการศึกษาการใช้กลวิธีอภิปัญญาในการอ่านออนไลน์ของนักศึกษาที่เรียนตามรูปแบบ การสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้างความสามารถใน การอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ โดยภาพรวมพบว่า การใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาในการอา่ นออนไลนห์ ลงั เรยี นการใชร้ ปู แบบการสอนโดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ ี การเรียนรคู้ �ำศพั ท์ ( = 14.94, S.D. = 1.97) สงู กว่าก่อนเรยี นการใช้รูปแบบการสอนอา่ นออนไลน์โดยใช้ กลวธิ อี ภปิ ัญญาและกลวิธีการเรยี นรู้ค�ำศัพท์ ( = 10.26, S.D. = 2.82) 2.3. ผลการศกึ ษาการใชก้ ลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทใ์ นการอา่ นออนไลนข์ องนกั ศกึ ษาทเี่ รยี นตามรปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทเ์ พอ่ื เสรมิ สรา้ งความสามารถ ในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทก์ อ่ นเรยี นและหลงั เรียน โดยภาพรวมพบว่า การใช้กลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ในการอ่านออนไลน์หลังเรียนการใช้รูปแบบการ สอนโดยใชก้ ลวธิ ีอภิปญั ญาและกลวิธกี ารเรยี นรู้ค�ำศัพท์ ( = 15.55, S.D. = 1.71) สูงกวา่ ก่อนเรยี นการ ใช้รูปแบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ ีอภิปญั ญาและกลวธิ ีการเรยี นรูค้ �ำศพั ท์ ( = 10.29, S.D. = 2.80) 40 วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทักษณิ ปที ี่ 20 ฉบับท่ี 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
PPE 3. Evaluating 1. Planning รูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธี การประเมิน การวางแผน การเรียนรู้ค�ำศัพท์เพ่ือเสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์ และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของ 2. Practicing and นักศกึ ษามหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม Monitoring รูปแบบและขนั้ ตอนการสอน การปฏบิ ตั แิ ละตรวจสอบ หลักการ รูปแบบการ เงือ่ นไข ขนั้ ท่ี 1 การวางแผน (Planning) กลวิธีการอา่ นเชงิ อภิปญั ญา สอนอ่านออนไลน์โดยใช้ 1. บทบาทผู้เรยี น 1. กำ� หนดจุดประสงคใ์ นการอา่ น (Metacognitive Reading กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธี - ผู้ปฏิบัตทิ ี่เน้น 2. ใชเ้ ครอ่ื งมอื คน้ หาเพอ่ื คน้ หาเนอื้ เรอื่ งบนเวบ็ และดวู า่ ขอ้ มลู ทไี่ ด้ Strategies) การเรียนรู้ค�ำศัพท์เพ่ือ กระบวนการเรยี นรู้ เปน็ อยา่ งไรก่อนทจี่ ะอา่ นเน้อื เรื่องน้นั อย่างละเอยี ด 1. รู้ความแตกต่างระหว่าง เสริมสร้างความสามารถ - ผฝู้ กึ คดิ 3. พิจารณาว่าชื่อและเนื้อหาของเน้ือเร่ืองออนไลน์ตรงกับ ใจความสำ� คญั และรายละเอยี ด ในการอ่านออนไลน์และ - ผแู้ ลกเปลี่ยนเรยี นรู้ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการอ่าน ที่สนบั สนุนใจความสำ� คญั การใช้กลวิธีการอ่านเชิง - ผู้รจู้ กั ใชเ้ ทคโนโลยี 4. สแกนเน้ือเรื่องที่เลือกเพ่ือให้ได้แนวคิดพ้ืนฐานและท�ำความ 2. จดบันทกึ ขณะอา่ น อภิปัญญาและกลวิธีการ - ผูส้ ะท้อนความคดิ เข้าใจเก่ียวกบั ลกั ษณะต่าง ๆ เชน่ ความยาวของเนอื้ เร่ือง การจัด 3. สรุปใจความสำ� คัญ เรียนรู้ค�ำศัพท์ ด้วยการ - ผู้คดิ ตอ่ ยอดและ รูปแบบเนอ้ื เรือ่ ง ตาราง ตวั เลขและภาพที่ใชใ้ นเนอ้ื เรอื่ งออนไลน์ 4. ถอดความเพื่อความเข้าใจ ท�ำกิจกรรมการอ่านที่เน้น พัฒนา 5. ใชค้ วามรู้ท่มี ีมากอ่ นหนา้ นี้ เพื่อความสะดวกในการอ่าน ที่ดีขึ้น กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธี 2. บทบาทผู้สอน ขน้ั ท่ี 2 การตรวจสอบ (Monitoring) 5. ประเมนิ ผลเนอื้ เรอ่ื งออนไลน์ การเรียนรู้ค�ำศัพท์ในการ - ผอู้ �ำนวย 1. ในขณะทอี่ า่ นออนไลนใ์ หต้ รวจสอบวา่ ควรอา่ นสว่ นใดสว่ นและ อย่างมวี จิ ารณญาณ อา่ นออนไลน์ - ผแู้ สดงตัวอย่าง ส่วนใดควรละเว้น กลวิธีการเรยี นรูค้ �ำศัพท์ วัตถุประสงค์ เพ่ือพัฒนา กระบวนการเรยี นรู้ 2. ร้ใู นส่วนที่ดูเหมือนจะเปน็ ปัญหา (Vocabulary Learning ความสามารถการอ่าน - ผสู้ รา้ งบรรยากาศ 3. อ่านประโยคอีกคร้ังท่ีไมร่ ้คู ำ� ศัพท์ Strategies) ออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิ - ผปู้ ระสานงาน 4. ใชก้ ลวธิ กี ารเรียนรู้คำ� ศพั ท์ 1. การใช้พจนานกุ รมออนไลน์ ปญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี น - ผู้ประเมิน 4.1 ใช้พจนานกุ รมออนไลน์ 2. วิเคราะหห์ นา้ ที่ของคำ� ร้คู �ำศัพท์ 3. พันธกจิ สัมพันธ์ 4.2 วิเคราะห์หนา้ ท่ขี องคำ� 3. คาดเดาความหมายจาก การวดั และการประเมนิ ผล - การสอนและการ 4.3 คาดเดาความหมายจากบริบท บริบท - ประเมินความสามารถ เรียนแบบมสี ว่ นรว่ ม 4.4 คน้ หาค�ำพอ้ งและค�ำตรงกันขา้ มของคำ� 4. คน้ หาค�ำพ้องและค�ำตรงกัน ในการอา่ นออนไลนโ์ ดยใช้ (Active teaching 4.5 ใช้แผนภูมิความหมาย ขา้ มของคำ� กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธี and learning) 5. ใชก้ ลวิธีการแกไ้ ข 5. ใช้แผนภูมิความหมาย การเรยี นรคู้ ำ� ศัพท์ - ตัวปอ้ น (input) 5.1 อ่านประโยคที่ไม่รคู้ ำ� ศพั ท์นั้นอีกคร้งั ความสามารถในการอ่าน – ประเมินความสามารถ กระบวนการ 5.2 อา่ นประโยคกอ่ นหนา้ และประโยคทตี่ ามหลงั ของคำ� ศพั ท์ ออนไลน์ ในการใช้กลวิธีอภิปัญญา (process) ผลลพั ธ์ ท่ีไม่รคู้ วามหมายนั้นอกี ครง้ั (Online Reading Abilities) และกลวิธีการเรียนรู้ค�ำ (product) กลไก 5.3 จดบันทกึ ขณะอา่ น 1. ความสามารถในการหา ศพั ทใ์ นการอ่านออนไลน์ ควบคมุ (Control) 6. รู้ความแตกต่างระหว่างใจความส�ำคัญและรายละเอียดที่ ใจความส�ำคญั และข้อมลู ปอ้ นกลับ สนบั สนุนใจความสำ� คัญ 2. ความสามารถในการสรุป (Feedback) 7. รปู ภาพหรอื ภาพจากขอ้ มูลชว่ ยจดจำ� ในสง่ิ ทีอ่ า่ นได้ ความ - พันธกิจสมั พนั ธก์ ับ ขั้นที่ 3 การประเมิน (Evaluating) 3. การเดาความหมายค�ำศัพท์ ข้อมลู (Information 1. ประเมนิ เนอ้ื เรอื่ งทเี่ ลือกวา่ บรรลุเป้าหมายในการอ่านหรอื ไม่ 4. การถอดความเพ่ือความ engagement) 2. สรุปใจความสำ� คัญ เขา้ ใจ - พันธกจิ สมั พันธ์กับ 3. ถอดความเพ่อื ความเขา้ ใจทด่ี ีขนึ้ 5. การประเมินบทความ การอา่ น (Engaged 4. ประเมนิ ผลเนอ้ื เรอื่ งออนไลนอ์ ย่างมวี จิ ารณญาณ ออนไลนอ์ ยา่ งวิจารณญาณ reading) 5. น�ำความร้กู ารอา่ นออนไลน์ไปใช้ รูปท่ี 1 รูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพ่ือเสริมสร้าง ความสามารถในการอ่านออนไลนแ์ ละการใช้กลวธิ ีการอ่านเชงิ อภิปัญญาและกลวธิ ีการเรียนร้คู �ำศพั ท์ของ นกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครปฐม วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ทักษณิ 41 ปีที่ 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
ผลการศึกษาเปรียบเทียบกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ในการอ่านออนไลน์จากแบบส�ำรวจกลวิธีอภิ ปัญญาและกลวิธกี ารเรยี นรู้คำ� ศพั ท์จากการอา่ นออนไลนก์ ่อนและหลงั เรียน โดยภาพรวมผลการส�ำรวจใช้ กลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทใ์ นการอา่ นออนไลนจ์ ากแบบสำ� รวจกลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทจ์ าก การอา่ นออนไลน์หลังเรยี นของนักศกึ ษามหาวิทยาลยั ราชภฏั จ�ำนวน 65 คนอยู่ในระดบั มาก หลังเรยี น ( = 3.60, S.D. = 0.93) ซ่งึ สูงกวา่ ก่อนเรียนท่ีอยูใ่ นระดบั ปานกลาง ( = 3.46, S.D. = 0.93) ผลการศึกษาการใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ในการอ่านออนไลน์จากบันทึก การอ่านโดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ การใช้กลวิธีอภิปัญญาในการอ่านออนไลน์ ของนกั ศกึ ษา จ�ำนวน 65 คน ทเ่ี รียนด้วยการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ ีการเรยี น รู้ค�ำศัพท์ในการอ่านระหว่างการเรียนจากบันทึกการอ่าน พบว่า กลวิธีอภิปัญญาในการอ่านออนไลน์ท่ี ผู้เรยี นใชม้ ากทสี่ ดุ ได้แก่ ร้คู วามแตกตา่ งระหว่างใจความส�ำคัญและรายละเอยี ดทีส่ นับสนนุ ใจความสำ� คัญ (Recognize the difference between main point and supporting detail) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 93.85 รองลงมาคอื ถอดความเพื่อความเข้าใจทีด่ ขี นึ้ (Paraphrase for better understanding) คดิ เปน็ ร้อยละ 90.77 ประเมนิ ผลเนื้อเรอ่ื งออนไลน์อย่างมวี ิจารณญาณ (Critically evaluate the online text) คดิ เป็น รอ้ ยละ 84 การสรปุ ใจความส�ำคัญ (Summarize main ideas) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 76.92 และจดบันทึกขณะ อ่าน (Take note while reading) คดิ เป็นร้อยละ 75.38 จึงสรุปได้ว่าผเู้ รยี นให้ความส�ำคัญความแตกต่าง ระหว่างใจความสำ� คัญและรายละเอยี ดท่ีสนบั สนนุ ใจความส�ำคัญมากที่สุด การใชก้ ลวธิ กี ารเรียนรูค้ �ำศัพท์ ของนักศึกษาที่เรียนด้วยการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ในการ อา่ นระหวา่ งการเรยี นจากบนั ทกึ การอา่ น พบวา่ กลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทใ์ นการอา่ นออนไลนท์ ผ่ี เู้ รยี นใชม้ าก ทสี่ ดุ ได้แก่ ใช้พจนานุกรมออนไลน์ (Use an online dictionary) คิดเป็นร้อยละ 100 รองลงมาคอื คน้ หา ค�ำพอ้ งและค�ำตรงกันขา้ มของคำ� (Find the synonyms and antonyms of the words) คิดเปน็ ร้อยละ 96.92 คาดเดาความหมายจากบรบิ ท (Guess meaning from context) คดิ เปน็ รอ้ ยละ 90.77 ใชแ้ ผนภมู ิ ความหมาย (Use semantic maps) คิดเป็นรอ้ ยละ 84.62 และวเิ คราะหห์ น้าที่ของคำ� (Analyze parts of speech, affixes and roots) คิดเป็นร้อยละ 78.46 จงึ สรปุ ไดว้ ่านกั ศกึ ษาใช้พจนานกุ รมออนไลนใ์ น การใชก้ ลวธิ กี ารเรียนรคู้ ำ� ศพั ทม์ ากที่สดุ 2.4. ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาทมี่ ตี อ่ กจิ กรรมการเรยี นรหู้ ลงั การเรยี นตามรปู แบบ การสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทเ์ พอื่ เสรมิ สรา้ งความสามารถในการ อ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ กลุ่มตัวอย่างได้ท�ำการ ตอบแบบสอบถามแบบเกณฑ์ 5 ระดับ ดังนี้ พงึ พอใจระดับมากทีส่ ดุ พงึ พอใจระดบั มาก พึงพอใจระดบั ปานกลาง พึงพอใจระดับนอ้ ย พงึ พอใจระดบั น้อยท่สี ดุ แบง่ เป็นสามด้าน ดงั น้ี ด้านที่หนง่ึ ด้านผูส้ อน โดย รวมอยูใ่ นระดบั พึงพอใจมาก ( = 3.82, S.D. = 0.10) ด้านที่อยใู่ นล�ำดับท่สี องคือดา้ นความรู้ โดยรวมอยู่ ในระดับพึงพอใจมาก ( = 3.64, S.D. = 0.11) ด้านสุดทา้ ยคือด้านกจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยรวมอย่ใู นระดบั พงึ พอใจมาก ( = 3.61, S.D. = 0.24) และจากคำ� ถามปลายเปิดนักศกึ ษาระบุวา่ มคี วามพึงพอใจอยา่ งมาก กับกิจกรรมทีห่ ลากหลาย เกิดกระบวนการการคิด และการรู้เทา่ ทนั เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. ผลการรับรองรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ เพอื่ เสรมิ สรา้ งความสามารถในการอา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรู้ ค�ำศพั ท์ ผู้ทรงคุณวุฒิมีความคิดเห็นต่อรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการ เรยี นร้คู ำ� ศพั ท์ โดยภาพรวมด้านดา้ นความสมเหตสุ มผลเชิงทฤษฎมี ีคา่ เฉลี่ยในระดับมากที่สุด ( = 4.69, 42 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษณิ ปีที่ 20 ฉบับที่ 2 เดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
S.D. = 0.51) ดา้ นองค์ประกอบของรูปแบบ โดยภาพรวมมคี ่าเฉล่ยี อยูใ่ นระดบั มากท่สี ุด ( = 4.72, S.D. = 0.49) อภิปรายผลการวจิ ยั 1. รปู แบบทผ่ี วู้ จิ ยั พฒั นาขนึ้ เปน็ รปู แบบทเ่ี หมาะสม มคี วามเทยี่ งตรงเชงิ เนอื้ หา มคี วามเหมาะสมที่ สามารถน�ำไปใช้ในการจดั การเรียนการสอนเพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธี การอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ ทั้งนี้เนื่องมาจากรูปแบบการสอนอ่านออนไลน์โดย ใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ ได้พัฒนาข้ึนอย่างเป็นระบบ มีการออกแบบตามข้ันตอน ของวิธีการเชิงระบบ มกี ารนำ� ผลวิเคราะหข์ ้อมูลพน้ื ฐานทเ่ี ก่ยี วข้องกับหวั ข้อการวิจยั ได้แก่ การวเิ คราะห์ และสังเคราะหข์ ้อมลู เชิงทฤษฎีต่าง ๆ เกยี่ วกบั การเรยี นการสอน การสอนอา่ นออนไลน์ กลวิธกี ารอา่ นเชงิ อภิปัญญา กลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ เพ่ือให้เกิดการบูรณาการของทฤษฎีในส่วนท่ีมีความคล้ายคลึงกัน มี แนวคดิ สอดคลอ้ งกัน เพ่ือให้เกิดความสมบรู ณย์ ่งิ ข้ึน รวมท้ังค�ำแนะน�ำของอาจารยผ์ ้คู วบคุมงานวิจยั คำ� แนะน�ำจากผู้เชี่ยวชาญ นอกเหนือจากนี้การวิจัยฉบับน้ีมีการศึกษาความต้องการจ�ำเป็นของผู้เรียนก่อน การออกแบบการเรยี นการสอน ซง่ึ เปน็ องคป์ ระกอบหนง่ึ ทสี่ ำ� คญั ทำ� ใหร้ ปู แบบการสอนมคี วามสมั พนั ธแ์ ละ สอดคล้องกัน องค์ประกอบที่ส�ำคัญของแต่ละส่วนรวมถึงทฤษฎีมีความเกี่ยวเนื่อง ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ท�ำให้เกิดเป็นรูปแบบการเรียนการสอนท่ีชัดเจน เหมาะสมกับผู้เรียน ชัดเจนและสมบูรณ์ข้ึน ท�ำให้รูป แบบการเรียนการสอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้าง ความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์มี ความเหมาะสม น�ำไปใชไ้ ดจ้ ริง ทิพย์วมิ ล วงั แกว้ หิรัญ และคณะ (2561, น. 29) กลา่ วว่า ผสู้ อนจะต้อง เตรียมทักษะพื้นฐานส�ำคัญเพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการเรียนรู้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ผู้วิจัยได้น�ำวิธี การเชิงระบบ (System approach) มาใชใ้ นการออกแบบการสอน เรยี กวา่ การออกแบบระบบการสอน (instructional System Design: ISD) เป็น กระบวนการแกป้ ญั หาการสอนโดยการวิเคราะหส์ ถานการณ์ เงือ่ นไขการเรยี นรูอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ เพ่ือให้การสอนบรรลุจดุ หมายโดยอาศยั ความรู้จากหลายๆ ทฤษฎี เช่น ทฤษฎีการเรยี นรู้ ทฤษฎีการสอน ทฤษฎีการติดต่อสือ่ สาร ท้ังนผ้ี วู้ จิ ยั ได้ประยกุ ตใ์ ช้แนวคิดการออกแบบ ระบบการสอน ADDIE Model ของ Kruse (2002) และการออกแบบการสอนเชิงระบบตามแนวคิดของ Dick, Carey, and Carey (2005) ร่วมกบั แนวคดิ การวิจยั และพฒั นา (Research and Development: R&D) ซง่ึ ในการออกแบบระบบการสอน เปน็ การบวนการทใี่ ชว้ ธิ กี ารเชงิ ระบบ อกี ทงั้ ผวู้ จิ ยั ไดน้ ำ� แนวคดิ การ ออกแบบการสอนเชงิ ระบบมาเปน็ องคป์ ระกอบทส่ี ำ� คญั ดว้ ยเหตดุ งั กลา่ วมานจี้ งึ ทำ� ใหเ้ กดิ รปู แบบการสอน อ่านออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ ีอภปิ ัญญาและกลวธิ ีการเรียนรคู้ ำ� ศพั ท์ท่เี หมาะสม 2. รูปแบบการสอนเป็นแผนการสอนเฉพาะท่ีออกแบบตามทฤษฎีการเรียนรู้ท่ีเก่ียวข้อง ทั้งนี้เพื่อ ตอบสนองวตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ พฒั นารปู แบบการสอนอา่ นออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรู้ ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธี การเรียนรู้ค�ำศัพท์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ในทุกข้ันตอนผู้สอนได้ให้ผู้เรียนฝึกการคิด ออกเสยี ง (Think aloud) ขณะทที่ ำ� แบบฝกึ หดั ในทกุ กลวธิ หี ลงั จากทผ่ี สู้ อนไดส้ าธติ การคดิ ออกเสยี งในการ ทำ� แบบฝกึ หดั เพอ่ื เปน็ แนวทาง รปู แบบการคดิ ออกเสยี ง (Think aloud) ใชเ้ ปน็ การโมเดลการสอนเพอื่ เนน้ ความรแู้ ละความเขา้ ใจ เปน็ เทคนคิ สำ� หรบั ผเู้ รยี นในการวางแผน ควบคมุ และจดั การการอา่ นออนไลน์ Kim and Cha (2015) ใช้กระบวนการคิดออกเสยี งโดยมุ่งเน้นท่กี ารควบคมุ ความรคู้ วามเขา้ ใจในการปรบั ปรุง วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยทกั ษิณ 43 ปที ี่ 20 ฉบบั ที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธนั วาคม 2563
อภิปัญญาของผู้เรียนภาษาเกาหลี ผลการวิจัยพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนนับตั้งแต่เร่ิมท�ำการ วิจัยจนถึงสัปดาห์สุดท้ายของการวัดผล และเป็นเหตุผลท�ำให้การออกแบบกระบวนการเรียนการสอนที่ ใชใ้ นงานวิจยั นี้เรยี กว่า PPE Model ประกอบด้วย 3 ข้ันตอนภายใต้รูปแบบได้รับการประเมินว่ามคี วาม เหมาะสมในระดับมากท่ีสดุ 2.1 การเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านออนไลน์ของนักศึกษาที่เรียนตามรูปแบบการ สอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการ อ่านออนไลน์และการใช้กลวิธีการอ่านเชิงอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ก่อนและหลังเรียน จาก การวิเคราะห์คะแนนความสามารถในการอ่านออนไลน์ของนักศึกษาที่เรียนตามรูปแบบการสอนอ่าน ออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของกลุ่มตัวอย่างหลังเรียนด้วยรูปแบบการ สอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์ พบว่าผู้เรียนมีคะแนนหลังเรียนสูง กวา่ กอ่ นเรียนอยา่ งมีนยั ส�ำคัญทางสถิติที่ระดบั .05 ซ่ึงเปน็ ไปตามสมมตุ ิฐานการวิจัย และพบวา่ ผเู้ รียนมี ความสามารถในการอ่านออนไลน์ ตามท่ีผู้วิจัยได้สังเคราะห์ไว้ ดังนี้ 1) ความสามารถในการหาใจความ ส�ำคญั 2) ความสามารถในการสรปุ ความ 3) การเดาความหมายคำ� ศพั ท์ 4) การถอดความเพ่อื ความเข้าใจ และ 5) การประเมนิ บทความออนไลน์อย่างมวี ิจารณญาณ 2.2 การศึกษาการใช้กลวิธีอภิปัญญาในการอ่านออนไลน์ของนักศึกษาที่เรียนตามรูปแบบการ สอนอ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้ค�ำศัพท์เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการ อา่ นออนไลนแ์ ละการใชก้ ลวธิ กี ารอา่ นเชงิ อภปิ ญั ญาและกลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทก์ อ่ นและหลงั เมอื่ พจิ ารณา คะแนนกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี นพบวา่ ผเู้ รยี นมคี ะแนนสงู ขนึ้ และมรี ายละเอยี ดดงั นี้ รคู้ วามแตกตา่ งระหวา่ ง ใจความสำ� คัญและรายละเอยี ดท่สี นบั สนุนใจความสำ� คญั (Recognize the difference between main point and supporting detail) อยใู่ นล�ำดบั แรก ลำ� ดบั รองลงมาคือประเมินผลเนื้อเร่ืองออนไลนอ์ ยา่ งมี วจิ ารณญาณ (Critically evaluate the online text) ลำ� ดบั ทสี่ ามเปน็ การถอดความเพอื่ ความเขา้ ใจทด่ี ขี นึ้ (Paraphrase for better understanding) และล�ำดับทเ่ี หลอื คอื สรปุ ใจความส�ำคญั (Summarize main ideas) และจดบันทึกขณะอา่ น (Take note while reading) การใช้กลวิธีอภปิ ัญญาในการอา่ นออนไลน์ ของนักศึกษา จ�ำนวน 65 คน ท่ีเรยี นด้วยการสอนอ่านออนไลนโ์ ดยใชก้ ลวธิ ีอภปิ ัญญาและกลวธิ ีการเรียน รู้ค�ำศัพท์ในการอ่านจากการเก็บข้อมูลกลวิธีอภิปัญญาจากบันทึกการอ่าน พบว่า กลวิธีอภิปัญญาในการ อา่ นออนไลนท์ ผ่ี เู้ รยี นใชม้ ากทส่ี ดุ ไดแ้ ก่ รคู้ วามแตกตา่ งระหวา่ งใจความสำ� คญั และรายละเอยี ดทส่ี นบั สนนุ ใจความส�ำคัญ (Recognize the difference between main point and supporting details) รอง ลงมาคือถอดความเพอื่ ความเข้าใจดีข้ัน (Paraphrase for better understanding) ประเมนิ ผลเน้ือเรอื่ ง ออนไลนอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ (Critically evaluate the online text) การสรปุ ใจความสำ� คญั (Summarize main ideas) จดบนั ทกึ ขณะอา่ น (Take note while reading) รวมถงึ ผลแบบส�ำรวจกลวิธอี ภปิ ัญญาและ กลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทจ์ ากการใชก้ ลวธิ อี ภปิ ญั ญาพบวา่ กลวธิ อี ภปิ ญั ญาในการอา่ นออนไลนท์ ผี่ เู้ รยี นใชม้ าก ท่ีสดุ ไดแ้ ก่ ร้คู วามแตกต่างระหวา่ งใจความสำ� คญั และรายละเอียดท่สี นบั สนุนใจความส�ำคัญ (Recognize the difference between main point and supporting details) รองลงมาคือถอดความเพอ่ื ความ เขา้ ใจทด่ี ขี น้ึ (Paraphrase for better understanding) ประเมนิ ผลเนอ้ื เรอ่ื งออนไลนอ์ ยา่ งมวี จิ ารณญาณ (Critically evaluate the online text) การสรุปใจความสำ� คญั (Summarize main ideas) จดบันทึก ขณะอ่าน (Take note while reading) 2.3 การใชก้ ลวธิ กี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทใ์ นการอา่ นออนไลนข์ องนกั ศกึ ษาทเี่ รยี นตามรปู แบบการสอน อ่านออนไลน์โดยใช้กลวิธีอภิปัญญาและกลวิธีการเรียนรู้คำ� ศัพท์เพ่ือเสริมสร้างความสามารถในการอ่าน 44 วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ทักษณิ ปที ่ี 20 ฉบับที่ 2 เดือน กรกฎาคม-ธันวาคม 2563
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212