เปิดธรรมที่ถกู ปิด : ทาน (การให้) “...ขา้ พระองคเ์ หลา่ นน้ั ลกุ รบั กราบไหว้ ใหอ้ าสนะ และแบง่ ปันของใหต้ ามสามารถ ตามก�ำลงั แต่ไมเ่ ข้าไป นัง่ ใกลเ้ พ่ือฟงั ธรรม ...”. “...ขา้ พระองคเ์ หลา่ นน้ั ลกุ รบั กราบไหว้ ใหอ้ าสนะ แบง่ ปนั ของใหต้ ามสามารถ ตามกำ� ลงั และเขา้ ไปนง่ั ใกลเ้ พอ่ื ฟังธรรม แต่ไม่เงยี่ โสตลงฟงั ธรรม ...”. “...ขา้ พระองคเ์ หลา่ นน้ั ลกุ รบั กราบไหว้ ใหอ้ าสนะ แบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามก�ำลัง เข้าไปนั่งใกล้เพื่อ ฟังธรรม และเง่ียโสตลงฟังธรรม แต่ฟังแล้วไม่ทรงจ�ำ ธรรมไว้ ...”. “...ขา้ พระองคเ์ หลา่ นน้ั ลกุ รบั กราบไหว้ ใหอ้ าสนะ แบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามก�ำลัง เข้าไปนั่งใกล้เพ่ือ ฟังธรรม เงี่ยโสตลงฟังธรรม และฟังแล้วทรงจ�ำธรรมไว้ แต่ไมพ่ จิ ารณาเนอ้ื ความแหง่ ธรรมท่ีทรงจ�ำไว้ ...”. “...ขา้ พระองคเ์ หลา่ นน้ั ลกุ รบั กราบไหว้ ใหอ้ าสนะ แบง่ ปนั ของให้ตามสามารถ ตามก�ำลงั เข้าไปนง่ั ใกล้เพอื่ ฟงั ธรรมเงย่ี โสตลงฟงั ธรรม ฟงั แลว้ ทรงจำ� ธรรมไว้ และพจิ ารณา เนอ้ื ความแหง่ ธรรมทที่ รงจำ� ไว้ แตไ่ มร่ ทู้ ว่ั ถงึ อรรถ ไมร่ ทู้ ว่ั ถงึ ธรรม และไม่ไดป้ ฏิบตั ธิ รรมสมควรแก่ธรรม ข้าพระองค์ เหล่านั้นมีการงานไม่บริบูรณ์ มีความกินแหนงใจ มีความ เดอื ดรอ้ นตามในภายหลัง เขา้ ถึงหมู่เทวดาช้นั เลว”. 83
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุท้ังหลาย ! เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแลว้ ไดก้ ล่าววา่ “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บรรพชิตท้ังหลาย เข้ามายังเรือนของข้าพระองค์ท้ังหลายเม่ือยังเป็นมนุษย์ ในกาลกอ่ น ขา้ พระองคเ์ หลา่ นนั้ ลกุ รบั กราบไหว้ ใหอ้ าสนะ แบ่งปันส่ิงของให้ตามสามารถ ตามก�ำลงั เขา้ ไปนง่ั ใกล้ เพ่ือฟังธรรม เง่ียโสตลงฟังธรรม ฟังแล้วทรงจ�ำธรรมไว้ พจิ ารณาเนอื้ ความแหง่ ธรรมทท่ี รงจำ� ไว้ และรทู้ ว่ั ถงึ อรรถ รทู้ ว่ั ถงึ ธรรม แลว้ ปฏบิ ตั ธิ รรมสมควรแกธ่ รรม ขา้ พระองค์ เหล่าน้ันมีการงานบริบูรณ์ ไม่มีความกินแหนงใจ ไม่มี ความเดือดร้อนตามในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาช้ัน ประณตี ”. ภิกษุท้งั หลาย ! นั่น โคนไมท้ งั้ หลาย นั่น เรือนว่างท้ังหลาย พวกเธอท้ังหลาย จงเพยี รเผากิเลส อยา่ ไดป้ ระมาท อยา่ ไดเ้ ปน็ ผู้ที่ตอ้ งรอ้ นใจในภายหลัง เหมอื นเทวดาพวกต้นๆ เหล่านน้ั . 84
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ : ทาน (การให้) ทานที่ใหแ้ ลว้ มีผลน้อย 39 -บาลี มหาวิ. ว.ิ ๕/๒๐๗/๑๕๔. -บาลี สคาถ. ส.ํ ๑๕/๒๖,๒๗/๙๑,๙๓. สตรีใดให้ข้าวและนำ้� มใี จเบิกบาน สมบรู ณ์ด้วยศลี เป็นสาวกิ าของพระสุคต ครอบงำ� ความตระหน่ี บรจิ าคทาน อันเป็นเหตแุ หง่ สวรรค์ เปน็ เคร่อื งบรรเทาความโศก น�ำมา ซ่ึงความสุข สตรีนั้นอาศัยมรรคปฏิบัติ ปราศจากธุลี ไม่มี กิเลสเคร่ืองยั่วใจ ย่อมได้ก�ำลังและอายุท่ีเป็นทิพย์ สตรี ผู้ประสงค์บุญนั้น เป็นคนมีสุข สมบูรณ์ด้วยอนามัย ย่อม ปลื้มใจในสวรรค์สน้ิ กาลนาน. บุคคลแม้ใด ย่อมประพฤติธรรม ประพฤติสะอาด เปน็ ผเู้ ลย้ี งภรยิ า และเมอ่ื ของมนี อ้ ยกใ็ หไ้ ด้ เมอื่ บรุ ษุ แสนหนง่ึ บชู าภิกษุพันหน่งึ หรอื บรจิ าคทรพั ย์พันกหาปณะ การบูชา ของบุคคลเหล่านั้น ย่อมไมถ่ งึ สว่ นรอ้ ยของบุคคลอย่างนัน้ . บคุ คลเหลา่ หนงึ่ ตง้ั อยใู่ นกรรมปราศจากความสงบ (ปราศจากธรรม) โบยเขา ฆา่ เขา ทำ� ใหเ้ ขาเศรา้ โศกแลว้ ใหท้ าน ทานน้ันจัดว่าทานมีหน้าอันนองด้วยน้�ำตา จัดว่าทานเป็น ไปกับด้วยอาชญา จึงย่อมไม่เท่าถึงส่วนแห่งทานที่ให้ด้วย ความสงบ (ประพฤตธิ รรม) เมอื่ บรุ ษุ แสนหนง่ึ บชู าภกิ ษพุ นั หนงึ่ หรือบริจาคทรัพย์พันกหาปณะ การบูชาของบุรุษเหล่านั้น ย่อมไม่ถงึ สว่ นรอ้ ยของบุคคลอย่างนนั้ โดยนัยอยา่ งน้.ี 85
ทานของอสัปบุรุษ และสัปบุรุษ
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : ทาน (การให)้ ทานของคนไมด่ ี หรอื ทานของคนดี 40 -บาลี ปฺ จก. อํ. ๒๒/๑๙๒/๑๔๗. ภกิ ษุท้ังหลาย ! อสปั ปุริสทาน ๕ ประการนม้ี ีอยู่ ๕ ประการเปน็ อยา่ งไร คือ (1) ใหโ้ ดยไมเ่ คารพ (2) ให้โดยไม่ออ่ นน้อม (3) ไม่ใหด้ ว้ ยมือตนเอง (4) ให้ของที่เป็นเดน (5) ใหโ้ ดยไม่คำ�นงึ ผลท่จี ะมาถงึ (อนาคมนทิฏฐิ) ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! เหลา่ นแ้ี ล อสปั ปรุ สิ ทาน ๕ ประการ. ภกิ ษุทงั้ หลาย ! สัปปรุ ิสทาน ๕ ประการนี้มอี ยู่ ๕ ประการเป็นอยา่ งไร คอื (1) ใหโ้ ดยเคารพ (2) ใหโ้ ดยออ่ นน้อม (3) ให้ดว้ ยมือตนเอง (4) ให้ของไม่เป็นเดน (5) ให้โดยคำ�นึงผลทจ่ี ะมาถึง (อาคมนทิฏฐิ) ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เหลา่ นแี้ ล สปั ปรุ สิ ทาน ๕ ประการ. 88
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ : ทาน (การให้) ทานของคนดี (นยั ที่ ๑) 41 -บาลี อฏก. อ.ํ ๒๓/๒๔๘/๑๒๗. ภิกษุทั้งหลาย ! สัปปรุ ิสทาน ๘ ประการน้ีมีอยู่ ๘ ประการเปน็ อย่างไร คือ (๑) ให้ของสะอาด (๒) ใหข้ องประณีต (๓) ใหต้ ามกาล (๔) ใหข้ องสมควร (๕) เลือกให้ (๖) ใหเ้ นืองนิตย์ (๗) เมื่อให้จติ ผ่องใส (๘) ใหแ้ ลว้ ดใี จ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เหลา่ นแ้ี ล สปั ปรุ สิ ทาน ๘ ประการ. (คาถาผนวกท้ายพระสตู ร) สปั บรุ ษุ ยอ่ มใหท้ าน คอื ขา้ วและนำ้� ทส่ี ะอาด ประณตี ตามกาลสมควร เนอื งนติ ย์ ในผปู้ ระพฤตพิ รหมจรรย์ ผเู้ ปน็ เขตดี สละของมากแลว้ กไ็ มร่ สู้ กึ เสยี ดาย ทา่ นผมู้ ปี ญั ญาเหน็ แจง้ ยอ่ มสรรเสริญทานท่ีสัปบุรษุ ให้แลว้ อยา่ งน้ี ผู้มปี ญั ญา มศี รัทธา เปน็ บณั ฑติ มใี จพ้นจากความ ตระหนี่ ครน้ั บำ� เพญ็ ทานอยา่ งนแี้ ลว้ ยอ่ มเขา้ ถงึ โลกทเี่ ปน็ สขุ ไมม่ ีความเบียดเบยี น. 89
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : ทาน (การให้) ทานของคนดี (นัยที่ ๒) 42 -บาลี ปฺ จก. อํ. ๒๒/๑๙๒/๑๔๘. -บาลี สตตฺ ก. อํ. ๒๓/๒๔๐/๑๒๒. ภกิ ษุท้ังหลาย ! สัปปรุ สิ ทาน ๕ ประการนม้ี อี ยู่ ๕ ประการเป็นอย่างไร คอื (1) ยอ่ มใหท้ านดว้ ยศรทั ธา (2) ย่อมใหท้ านโดยเคารพ (3) ย่อมใหท้ านโดยกาลอนั ควร (4) เป็นผ้มู จี ติ อนุเคราะห์ใหท้ าน (5) ย่อมใหท้ านไมก่ ระทบตนและไม่กระทบผู้อ่ืน ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สปั บรุ ษุ ครนั้ ใหท้ านดว้ ยศรทั ธาแลว้ ย่อมเป็นผู้มั่งค่ัง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก และเป็นผู้มีรูป สวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใสประกอบด้วยผิวพรรณงามย่ิงนัก ในทท่ี ท่ี านนน้ั ใหผ้ ล. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สปั บรุ ษุ ครน้ั ใหท้ านโดยเคารพแลว้ ย่อมเปน็ ผูม้ ่ังคั่ง มที รพั ย์มาก มีโภคะมาก และเปน็ ผ้มู ีบุตร ภรรยา ทาส คนใช้หรอื คนงาน เปน็ ผู้เชอ่ื ฟงั เงีย่ โสตลงฟัง ค�ำสง่ั ตงั้ ใจใครร่ ู้ ในที่ท่ีทานนัน้ ให้ผล. 90
เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : ทาน (การให้) ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สปั บรุ ษุ ครน้ั ใหท้ านโดยกาลอนั ควร แลว้ ยอ่ มเปน็ ผมู้ งั่ คงั่ มที รพั ยม์ าก มโี ภคะมาก และยอ่ มเปน็ ผู้ มคี วามตอ้ งการทเี่ กดิ ขนึ้ ตามกาลบรบิ รู ณ์ ในทท่ี ที่ านนน้ั ใหผ้ ล. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สปั บรุ ษุ ครน้ั เปน็ ผมู้ จี ติ อนเุ คราะห์ ให้ทานแล้ว ยอ่ มเปน็ ผู้มัง่ คัง่ มที รัพย์มาก มีโภคะมาก และ เป็นผู้มีจิตน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ สูงยิ่งขึ้น ในที่ท่ี ทานน้ันใหผ้ ล. ภิกษุทั้งหลาย ! สปั บรุ ษุ ครั้นให้ทานไม่กระทบตน และผอู้ นื่ แลว้ ยอ่ มเปน็ ผมู้ ง่ั คงั่ มที รพั ยม์ ากมโี ภคะมาก และ ยอ่ มเปน็ ผมู้ โี ภคทรพั ยไ์ มม่ ภี ยนั ตรายมาแตท่ ไี่ หนๆ คอื จาก ไฟ จากนำ้� จากพระราชา จากโจร จากคนไมเ่ ป็นที่รกั หรือ จากทายาท ในท่ีทที่ านนนั้ ให้ผล. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! เหลา่ นแ้ี ล สปั ปรุ สิ ทาน ๕ ประการ. (คาถาผนวกทา้ ยพระสูตร) ธรรม ๓ ประการน้ี คือ การให้ทานด้วยศรัทธา การให้ทานดว้ ยหริ ิ การใหท้ านอันหาโทษมิได้ อนั สปั บรุ ษุ ดำ� เนนิ ตามแลว้ บณั ฑติ กลา่ ววา่ เปน็ ทาง ไปสู่สวรรค์ ชนท้ังหลายยอ่ มไปสูเ่ ทวโลกด้วยทางนี้ แล. 91
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : ทาน (การให้) ประโยชน์เก้ือกูลของสปั บุรษุ 43 -บาลี สคาถ. สํ. ๑๕/๓๓๕/๙๐๗. -บาลี สตฺตก. อํ. ๒๓/๒๔๘/๑๒๘. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! สปั บรุ ษุ เมอื่ เกดิ ในตระกลู ยอ่ มเกดิ เพ่ือประโยชน์ เพื่อเก้ือกูล เพ่ือความสุขแก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์ เพื่อเก้ือกูล เพ่ือความสุขแก่ มารดาบิดา แก่บุตรภรรยา แก่หมู่คนผู้เป็นทาสกรรมกร แก่มิตรอ�ำมาตย์ แก่ญาติท่ีล่วงลับไปแล้ว แก่พระราชา แกเ่ ทวดาท้งั หลาย แกส่ มณพราหมณ์. ภิกษุท้ังหลาย ! มหาเมฆเม่ือตกให้ข้าวกล้าเจริญ งอกงาม ยอ่ มตกเพอื่ ประโยชน์ เพอ่ื เกอ้ื กลู เพอ่ื ความสขุ แก่ ชนเปน็ อนั มาก ฉนั ใด สัปบุรุษกฉ็ ันนั้นเหมอื นกัน เมื่อเกิด ในตระกลู ยอ่ มเกิดเพ่อื ประโยชน์ เพ่อื เกอื้ กลู เพอ่ื ความสุข แก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพอ่ื ความสขุ แกม่ ารดาบดิ า แกบ่ ตุ รภรรยา แกห่ มคู่ นผเู้ ปน็ ทาสกรรมกร แก่มิตรอำ�มาตย์ แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว แกพ่ ระราชา แกเ่ ทวดาทัง้ หลาย แก่สมณพราหมณ์. 92
เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : ทาน (การให)้ (คาถาผนวกท้ายพระสตู ร) สัปบุรุษผู้มีปัญญาอยู่ครองเรือน เป็นผู้ไม่เกียจคร้าน ทงั้ กลางคนื กลางวนั บำ� เพญ็ ตนเพอื่ ประโยชนแ์ กช่ นเปน็ อนั มาก ในชนั้ ตน้ ระลกึ ถงึ อปุ การะทท่ี า่ นทำ� ไวก้ อ่ น ยอ่ มบชู า มารดาบดิ าโดยชอบธรรม สัปบุรุษผู้มีศรัทธาต้ังมั่นแล้ว และมีศีลเป็นที่รัก ทราบธรรมแล้ว ย่อมบูชาบรรพชิตผู้ไม่ครองเรือน ผู้ไม่มีบาป ประพฤติพรหมจรรย์ สัปบุรุษน้ันเป็นผู้เก้ือกูลต่อพระราชา ต่อเทวดา ตอ่ ญาติและสหายท้ังหลาย ต้ังมน่ั แลว้ ในสัทธรรม เปน็ ผูเ้ ก้อื กูลแก่คนทง้ั ปวง สัปบุรุษนั้น ก�ำจัดมลทินคือความตระหน่ีได้แล้ว ยอ่ มประสบโลกอันเกษม. เทวดาชั้นดาวดึงส์ กลา่ วถึงนรชน ผเู้ ปน็ บุคคลเลี้ยง มารดาบิดา มีปกติประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล เจรจาออ่ นหวาน กลา่ วแตค่ ำ� สมานมติ รสหาย ละคำ� สอ่ เสยี ด ประกอบในอุบายเป็นเครอ่ื งกำ� จัดความตระหน่ี มวี าจาสตั ย์ ครอบงำ� ความโกรธได้ นนั้ แลวา่ เปน็ สปั บรุ ษุ ดงั น.ี้ 93
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : ทาน (การให้) กล่นิ ทห่ี อมทวนลม 44 -บาลี เอก. อํ. ๒๐/๒๙๐/๕๑๙. อานนท ์ ! สตรหี รอื บรุ ษุ ในบา้ นหรอื นคิ มใดในโลกนี้ ถงึ พระพทุ ธเจา้ เปน็ สรณะ ถงึ พระธรรมเปน็ สรณะ ถงึ พระสงฆ์ เปน็ สรณะ เวน้ ขาดจากการฆา่ สตั ว์ เวน้ ขาดจากการลกั ทรพั ย์ เวน้ ขาดจากการประพฤตผิ ดิ ในกาม เวน้ ขาดจากการพดู เทจ็ เว้นขาดจากการดื่มน้�ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นท่ีตั้งแห่ง ความประมาท เปน็ คนมีศลี มีกัลยาณธรรม มใี จปราศจาก มลทนิ คอื ความตระหน่ี อยคู่ รองเรอื น มกี ารบรจิ าคอนั ปลอ่ ย อยู่เป็นประจ�ำ มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ เป็นผู้ควร แก่การขอ ยินดีในการให้และการแบ่งปัน สมณพราหมณ์ ทุกทิศย่อมกล่าวสรรเสริญคุณของเขาว่า สตรีหรือบุรุษ ในบ้านหรือนิคมแห่งโน้น ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ถึง พระธรรมเปน็ สรณะ ถงึ พระสงฆเ์ ปน็ สรณะ เวน้ ขาดจากการ ฆ่าสัตว์ เวน้ ขาดจากการลักทรพั ย์ เว้นขาดจากการประพฤติ ผดิ ในกาม เวน้ ขาดจากการพดู เทจ็ เวน้ ขาดจากการดม่ื นำ�้ เมา คือ สรุ าและเมรยั อันเปน็ ท่ีตง้ั แห่งความประมาท เปน็ คนมี ศีล มีกัลยาณธรรม มีใจปราศจากมลทินคือความตระหน่ี 94
เปดิ ธรรมที่ถูกปิด : ทาน (การให)้ อยคู่ รองเรือน เปน็ ผู้ควรแกก่ ารขอ ยินดใี นการให้และการ แบ่งปัน แม้เทวดาท้ังหลายก็กล่าวสรรเสริญคุณของเขาว่า สตรหี รอื บรุ ษุ ในบา้ นหรอื นคิ มแหง่ โนน้ ถงึ พระพทุ ธเจา้ เปน็ สรณะ ถงึ พระธรรมเปน็ สรณะ ถงึ พระสงฆเ์ ปน็ สรณะ เวน้ ขาด จากการฆ่าสัตว์ เวน้ ขาดจากการลกั ทรพั ย์ เวน้ ขาดจากการ ประพฤตผิ ดิ ในกาม เวน้ ขาดจากการพดู เทจ็ เวน้ ขาดจากการ ดมื่ น้ำ� เมา คอื สรุ าและเมรยั อันเป็นทีต่ ั้งแหง่ ความประมาท เป็นคนมศี ีล มกี ัลยาณธรรม มีใจปราศจากมลทนิ คือความ ตระหนี่ อยู่ครองเรือน มกี ารบรจิ าคอันปล่อยอยู่เป็นประจำ� มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ เป็นผู้ควรแก่การขอ ยินดี ในการให้และการแบ่งปนั . อานนท์ ! กล่ินหอมน้ีนั้นแล ฟุ้งไปตามลมก็ได้ ฟ้งุ ไปทวนลมกไ็ ด ้ ฟงุ้ ไปท้ังตามลมและทวนลมกไ็ ด.้ (คาถาผนวกท้ายพระสตู ร) กลน่ิ ดอกไมฟ้ งุ้ ทวนลมไปไมไ่ ด้ กลน่ิ จันทน์ กลิ่นกฤษณา หรอื กล่ินกระลำ� พกั ก็ฟ้งุ ทวนลมไปไม่ได้ ส่วนกลิ่นสปั บุรุษ ฟงุ้ ทวนลมไปได้ เพราะสปั บรุ ุษ ฟุง้ ไปทกุ ทศิ . 95
ผลกระทบทงั้ ดแี ละไม่ดี จากการใหท้ านมไี หม
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปิด : ทาน (การให)้ สงั คมเลว เพราะคนดอี อ่ นแอ 45 -บาลี ทกุ . อ.ํ ๒๐/๘๗/๒๘๔. ภิกษุทั้งหลาย ! สมัยใด พวกโจรมีก�ำลัง สมัยน้ัน พระราชาย่อมเส่ือมก�ำลัง คราวนั้นท้ังพระราชาเองก็หมด ความผาสุกท่ีจะเข้าใน ออกนอก หรือที่จะออกค�ำส่ังไปยัง ชนบทชายแดน ถงึ แมพ้ วกพราหมณแ์ ละคหบดกี ห็ มดความ สะดวกทจ่ี ะเขา้ ในออกนอกหรอื ทจี่ ะอำ� นวยการงานนอกเมอื ง ขอ้ นฉ้ี นั ใด. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! สมยั ใด พวกภกิ ษเุ ลวทรามมกี ำ� ลงั สมัยนนั้ หมภู่ กิ ษผุ ู้มศี ลี เปน็ ท่ีรัก ยอ่ มเสอื่ มกำ� ลงั คราวน้ัน หมู่ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก จ�ำต้องเป็นผู้นิ่ง เงียบเชียบอยู่ใน ท่ามกลางสงฆ์ หรือถึงกับต้องไปอยู่ตามชนบทชายแดน ฉันน้นั เหมอื นกัน. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อนี้ย่อมไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ แกม่ หาชนทงั้ หลาย ไมเ่ ปน็ ไปเพอื่ ความสขุ เปน็ ความเสยี หาย แก่มหาชนเป็นอนั มาก และไมเ่ ป็นไปเพ่อื ความเกื้อกลู เพื่อ ความทกุ ขท์ ั้งแกเ่ ทวดาและมนุษยท์ ้ังหลาย. 98
เปิดธรรมที่ถกู ปิด : ทาน (การให้) ภกิ ษทุ ้งั หลาย ! สมัยใด พระราชามกี �ำลงั สมยั นัน้ พวกโจรยอ่ มเสอ่ื มกำ� ลงั คราวนน้ั ทงั้ พระราชาเองกม็ คี วามผาสกุ ทจ่ี ะเขา้ ใน ออกนอก หรอื ทจี่ ะออกคำ� สง่ั ไปยงั ชนบทชายแดน แม้พวกพราหมณ์และคหบดี ก็มีความสะดวกที่จะเข้าใน ออกนอก หรือทจี่ ะอำ� นวยการงานนอกเมอื ง ขอ้ นฉี้ นั ใด. ภิกษุทั้งหลาย ! สมัยใด หมู่ภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก มกี ำ� ลงั สมยั นน้ั พวกภกิ ษเุ ลวทรามยอ่ มเสอื่ มกำ� ลงั คราวนน้ั พวกภกิ ษเุ ลวทราม จำ� ตอ้ งเปน็ ผนู้ ง่ิ เงยี บเชยี บอยใู่ นทา่ มกลาง สงฆ์ หรือเป็นพวกท่ีตอ้ งหล่นไปเอง ฉนั นน้ั เหมอื นกนั . ภิกษทุ งั้ หลาย ! ข้อนี้ยอ่ มเป็นไปเพือ่ ประโยชน์แก่ มหาชนทั้งหลาย ให้มหาชนมีความสุข เป็นความเจริญแก่ มหาชนเปน็ อนั มาก และเปน็ ไปเพอ่ื ความเกอื้ กลู เพอื่ ความสขุ ท้ังแกเ่ ทวดาและมนุษย์ทัง้ หลาย. 99
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ทาน (การให)้ หลกั การก�ำจัดเสย้ี นหนาม (คนไม่ด)ี 46 -บาลี สี. ท.ี ๙/๑๗๑/๒๐๖. (พระพทุ ธเจา้ ตรสั กบั กฏู ทนั ตพราหมณ์ เลา่ ถงึ เรอ่ื งของพระเจา้ มหาวชิ ติ ราชทเ่ี รยี กพราหมณป์ โุ รหติ มาเฝา้ เพอ่ื ใหส้ อนวธิ กี ารบชู ามหายญั ญ)์ พราหมณ์ ! ปุโรหิตได้ทูลสนองพระด�ำรัสน้ันว่า แวน่ แควน้ ของพระองคย์ งั มเี สย้ี นหนาม ยงั มกี ารเบยี ดเบยี น กัน การปล้นฆ่าในหม่บู ้านก็ยงั ปรากฏ การปล้นฆ่าในนิคม กย็ งั ปรากฏ การปล้นฆา่ ในนครกย็ ังปรากฏ การแย่งชิงตาม ระยะหนทางก็ยังปรากฏ และถ้าพระองค์จะให้เลิกเก็บส่วย ในขณะทีแ่ วน่ แคว้นเปน็ ไปด้วยเส้ียนหนาม เต็มไปดว้ ยการ เบยี ดเบยี นเชน่ นี้ กจ็ ะไดช้ อื่ วา่ ทำ� กจิ ไมค่ วรทำ� อกี ประการหนงึ่ พระองคอ์ าจทรงพระดำ� รวิ ่า เราก�ำจัดเสยี้ นหนาม คือ โจร ผ้รู า้ ยเสียไดด้ ้วยการประหาร การจองจ�ำ การรบิ ทรพั ย์ การ ประจาน หรอื การเนรเทศดงั น้ี ขอ้ นก้ี ไ็ มช่ อื่ วา่ เปน็ การกำ� จดั ได้ ราบคาบด้วยดี เพราะผทู้ ี่ยังเหลือจากการถูกประหารกย็ ังมี ชนพวกนจ้ี ะเบยี ดเบยี นชนบทของพระองคใ์ นภายหลงั แตว่ า่ มอี บุ ายทจี่ ะกำ� จดั เสย้ี นหนามเหลา่ นนั้ ใหร้ าบคาบดว้ ยดไี ด้ คอื (1) ชนเหลา่ ใดอตุ สาหะในการทำ�เกษตรกรรมและ ปศุสัตว์ ขอพระองค์จงประทานพืชพันธ์ุและอาหารแก่ ชนเหลา่ น้ัน 100
เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : ทาน (การให้) (2) ชนเหลา่ ใดอตุ สาหะในพาณชิ ยกรรม ขอพระองค์ จงเพิ่มทุนให้ชนเหล่าน้ัน (3) ขา้ ราชการเหลา่ ใดอตุ สาหะขอพระองคจ์ งประทาน เบยี้ เลีย้ งและเงินเดอื นแก่ชนเหล่าน้ันในโอกาสอนั สมควร ชนเหลา่ น้นั นน่ั แหละ จกั เป็นผขู้ วนขวายในการงาน ของตน ไมเ่ บยี ดเบยี นแวน่ แควน้ ของพระองค์ และพระคลงั ก็จะเพ่ิมพูนมากมาย แว่นแคว้นจะต้ังอยู่ด้วยความเกษม ปราศจากเส้ียนหนามและการเบียดเบียน พวกมนุษย์จะ ร่าเรงิ บนั เทิง นอนชบู ตุ รใหเ้ ต้นฟอ้ นอย่บู นอก แม้จกั ไมป่ ดิ ประตเู รอื นในเวลาค�ำ่ คนื กเ็ ปน็ อย่ไู ด.้ 101
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ ูกปิด : ทาน (การให้) กรณีศึกษา 47เร่ืองภกิ ษชุ าวกรงุ โกสมั พแี ตกสามคั คกี นั -บาลี มหา. วิ. ๕/๓๑๒/๒๓๘. เรอ่ื งมีอยวู่ ่าภกิ ษุ ๒ รูปทะเลาะกัน คือรปู หน่ึงหาวา่ อีกรูปหน่ึง ต้องอาบัติแลว้ ไม่เหน็ อาบตั ิ จึงพาพวกมาประชมุ สวดประกาศลงอุกเข- ปนยี กรรมแกภ่ กิ ษรุ ปู นน้ั แตล่ ะรปู ตา่ งกม็ เี พอ่ื นฝงู มากดว้ ยกนั ทง้ั สองฝา่ ย และตา่ งกห็ าวา่ อกี ฝา่ ยหนงึ่ ท�ำ ไมถ่ กู ถงึ กบั สงฆแ์ ตกกนั เปน็ สองฝา่ ย และ แยกท�ำ อโุ บสถ แมพ้ ระผพู้ ระภาคจะทรงแนะน�ำ ตกั เตอื นใหป้ ระนปี ระนอมกนั ก็ไม่ฟัง ในที่สุดถึงกับทะเลาะวิวาทและแสดงอาการทางกายทางวาจาท่ี ไม่สมควรตอ่ กนั พระผู้มพี ระภาคจึงทรงตักเตอื น. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! พอทีพวกเธอทงั้ หลายอยา่ หมายมนั่ กันเลย อย่าทะเลาะกันเลย อย่าโต้เถียงกันเลย อย่าวิวาท กนั เลย. มภี กิ ษบุ างรปู ทลู ขน้ึ วา่ “ขา้ แตพ่ ระผมู้ พี ระภาคเจา้ ผเู้ ปน็ ธรรมสาม ี! ขอพระองค์จงหยุดไว้ก่อนเถิดพระเจ้าข้า ขอจงทรงขวนขวายน้อยเถิด พระเจ้าข้า ขา้ แต่พระผ้มู พี ระภาคเจ้า ! ขอจงทรงประกอบในสุขวหิ าร ในทฏิ ฐธรรมอยเู่ ถดิ พระเจา้ ขา้ พวกขา้ พระองคท์ งั้ หลายจกั ท�ำ ใหเ้ หน็ ด�ำ เหน็ แดงกนั ดว้ ยการหมายมน่ั กนั ดว้ ยการทะเลาะกนั ดว้ ยการโตเ้ ถยี งกนั ดว้ ยการวิวาทกนั อันนี้เอง”. 102
เปดิ ธรรมท่ีถกู ปิด : ทาน (การให้) พระผู้มีพระภาคไดต้ รัสค�ำ นีแ้ กภ่ ิกษเุ หลา่ น้ันเปน็ ค�ำ รบ ๒ วา่ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! พอทีพวกเธอทงั้ หลายอยา่ หมายมนั่ กนั เลย อยา่ ทะเลาะกนั เลย อยา่ โตเ้ ถยี งกนั เลย อยา่ ววิ าทกนั เลย. มีภิกษุบางรูปทูลคำ�น้ีข้ึนเป็นคำ�รบ ๒ ว่า “ข้าแต่พระผู้มี พระภาคเจ้าผู้เป็นธรรมสามี ! ขอพระองค์จงหยุดไว้ก่อนเถิดพระเจ้าข้า ขอจงทรงขวนขวายนอ้ ยเถดิ พระเจา้ ขา้ ขา้ แตพ่ ระผมู้ พี ระภาคเจา้ ! ขอจง ทรงประกอบในสขุ วหิ ารในทฏิ ฐธรรมอยเู่ ถดิ พระเจา้ ขา้ พวกขา้ พระองค์ ทั้งหลายจักทำ�ให้เห็นดำ�เห็นแดงกัน ด้วยการหมายม่ันกัน ด้วยการ ทะเลาะกนั ด้วยการโต้เถียงกนั ด้วยการววิ าทกัน อันนเ้ี อง”. พระผู้มีพระภาคจึงทรงส่ังสอนให้ดูตัวอย่างทีฆาวุกุมาร แห่ง แคว้นโกศลผู้คิดแก้แค้นพระเจ้าพรหมทัตแห่งแคว้นกาสีในการท่ีจับ พระราชบดิ าของพระองค์ คอื พระเจา้ ทฆี ตี ไิ ปทรมานประจานและประหาร ชีวติ เมอื่ มโี อกาสจะแกแ้ คน้ ได้ก็ยังระลึกถงึ โอวาทของบดิ า ท่ไี มใ่ หเ้ ห็น แกย่ าว (คือไมใ่ หผ้ กู เวรจองเวรไวน้ าน) ไม่ให้เห็นแก่สัน้ (คือไม่ใหต้ ดั ไมตร)ี และใหส้ �ำ นกึ วา่ เวรยอ่ มระงบั ดว้ ยการไมจ่ องเวร จงึ ไวช้ วี ติ พระเจา้ พรหมทตั แลว้ กลบั ไดร้ าชสมบตั ทิ เี่ สยี ไปคนื พรอ้ มทง้ั ไดพ้ ระราชธดิ าของ พระเจ้าพรหมทัตด้วย. ทรงสรุปว่า พระราชาท่จี ับศัสตราวุธยังทรงมีขันติและโสรัจจะ ได้ จงึ ควรทภ่ี กิ ษทุ ง้ั หลายผบู้ วชในธรรมวนิ ยั นจี้ ะมคี วามอดทนและความ สงบเสง่ยี ม แตภ่ กิ ษุเหล่านั้นก็มไิ ด้เชอื่ ฟัง. 103
พทุ ธวจน - หมวดธรรม กาลนั้นแล ในเวลาเชา้ พระผู้มพี ระภาคเจา้ ทรงครองจีวร ถอื บาตร เสดจ็ เข้าไปสเู่ มืองโกสัมพี เพื่อบณิ ฑบาต คร้นั ทรงเทย่ี วบิณฑบาต ในเมอื งโกสัมพแี ลว้ ภายหลังภตั ตกาล กลบั จากบิณฑบาตแลว้ ทรงเกบ็ บริขารขึ้นมาถือไว้ แลว้ ประทบั ยนื ตรสั คาถานี้วา่ คนไพรๆ่ ดว้ ยกัน ส่งเสียงเอ็ดตะโร แตห่ ามคี นไหน สำ� คญั ตวั ว่า เป็นพาลไม่ เมื่อหมู่แตกกนั กห็ าไดม้ ีใครร้สู กึ เป็นอย่างอนื่ ใหด้ ขี ้ึนไปกว่าน้ันไดไ้ ม.่ พวกบัณฑิตลืมตัว สมัครที่จะพูดตามทางที่ตน ปรารถนาจะพดู อย่างไร กพ็ ูดพล่ามไปอยา่ งนั้น หาไดน้ �ำพา ถึงกิเลสท่ีเปน็ เหตุแห่งการทะเลาะกันไม.่ พวกใด ยังผูกใจเจบ็ อยูว่ า่ ‘ผ้นู ้ันได้ดา่ เรา ไดท้ ำ� ร้าย เรา ได้เอาชนะเรา ได้ลักทรัพย์ของเรา’ เวรของพวกนั้น ย่อมระงบั ไมล่ ง. พวกใด ไม่ผูกใจเจ็บว่า ‘ผู้น้ันได้ด่าเรา ได้ท�ำร้าย เรา ได้เอาชนะเรา ได้ลักทรัพย์ของเรา’ เวรของพวกนั้น ย่อมระงับได.้ ในยุคไหนก็ตาม เวรทั้งหลาย ไม่เคยระงับได้ด้วย การผูกเวรเลย แต่ระงับได้ด้วยไม่มีการผูกเวร ธรรมน้ีเป็น ของเกา่ ท่ีใชไ้ ด้ตลอดกาล. 104
เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : ทาน (การให้) คนพวกอนื่ ไมร่ สู้ กึ วา่ ‘พวกเราจะแหลกลาญกเ็ พราะ เหตุนี้’ พวกใด ส�ำนึกตัวได้ในเหตุท่ีมีน้ัน ความมุ่งร้ายกัน ยอ่ มระงับได้ เพราะความร้สู กึ น้นั . ความกลมเกลียวเป็นน้�ำหนึ่งใจเดียวกัน ยังมีได้ แมแ้ กพ่ วกคนกกั ขฬะเหลา่ นนั้ ทปี่ ลน้ เมอื งหกั แขง้ ขาชาวบา้ น ฆ่าฟนั ผคู้ น แล้วต้อนมา้ โค และขนเอาทรัพย์ไป แล้วทำ� ไม จะมีแกพ่ วกเธอไมไ่ ด้เล่า. ถา้ หากไมไ่ ดส้ หายทพี่ าตวั รอด เปน็ ปราชญ์ ทม่ี คี วาม เป็นอยู่ดี เป็นเพื่อนร่วมทางแล้วไซร้ ก็จงท�ำตัวให้เหมือน พระราชาทล่ี ะแควน้ ซงึ่ พชิ ติ ไดแ้ ลว้ ไปเสยี แลว้ เทยี่ วไปคนเดยี ว ดุจช้างมาตังคะ เทย่ี วไปในป่าตวั เดียว ฉะนน้ั . การเที่ยวไปคนเดียว ดีกว่า เพราะไม่มีความเป็น สหายกันไดก้ ับคนพาล พงึ เท่ยี วไปคนเดียว และไมท่ ำ� บาป เป็นคนมกั นอ้ ย ดจุ ช้างมาตงั คะ เป็นสตั วม์ กั นอ้ ย เทีย่ วไป ในปา่ ฉะนั้น. ครั้นแล้วจึงเสด็จไปจากที่น้ันสู่พาลกโลณการกคาม สู่ป่าช่ือ ปาจนี วงั สะโดยล�ำ ดบั ไดท้ รงพบปะกบั พระเถระตา่ งๆ ในทที่ เี่ สดจ็ ไปนน้ั ในทส่ี ดุ ไดเ้ สดจ็ ไปพ�ำ นกั อยู่ ณ โคนไมส้ าละอนั รม่ รน่ื ณ ปา่ ชอ่ื ปารเิ ลยยกะ และได้มีพญาช้างชื่อปาริเลยยกะ มาอุปัฏฐากดูแลพระผู้มีพระภาค ตอ่ จากนน้ั จึงได้เสดจ็ ไปยงั กรุงสาวัตถี. 105
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ครง้ั นน้ั อบุ าสกอบุ าสกิ าชาวพระนครโกสมั พไี ดห้ ารอื กนั ดงั นวี้ า่ พระคุณเจ้าเหล่าภิกษุชาวพระนครโกสัมพีน้ี ทำ�ความพินาศใหญ่โตให้ พวกเรา พระผมู้ พี ระภาคถกู ทา่ นเหลา่ นร้ี บกวนจงึ เสดจ็ หลกี ไปเสยี เอาละ พวกเราไมต่ อ้ งอภิวาท ไม่ตอ้ งลกุ รับ ไม่ต้องท�ำ อญั ชลีกรรม สามจี ิกรรม ไมต่ อ้ งท�ำ สกั การะ ไมต่ อ้ งเคารพ ไมต่ อ้ งนบั ถอื ไมต่ อ้ งบชู าซง่ึ พระคณุ เจา้ เหลา่ ภกิ ษชุ าวพระนครโกสมั พี แมเ้ ขา้ มาบณิ ฑบาต กไ็ มต่ อ้ งถวายบณิ ฑบาต ท่านเหลา่ นี้ถกู พวกเราไม่สกั การะ ไมเ่ คารพ ไมน่ บั ถือ ไม่บูชา เป็นผูไ้ มม่ ี สกั การะอยา่ งน้ี จกั หลกี ไปเสยี หรอื จกั สกึ เสยี หรอื จกั ใหพ้ ระผมู้ พี ระภาค ทรงโปรด ครัน้ แล้วไมอ่ ภวิ าท ไม่ลกุ รบั ไม่ทำ�อญั ชลีกรรม สามจี กิ รรม ไมส่ กั การะ ไมเ่ คารพ ไมน่ บั ถอื ไมบ่ ชู า ซงึ่ พวกภกิ ษชุ าวพระนครโกสมั พี แมเ้ ขา้ มาบิณฑบาตกไ็ มถ่ วายบณิ ฑบาต. ครัง้ น้นั พวกภกิ ษชุ าวพระนครโกสัมพี ถกู อุบาสกอบุ าสกิ าชาว พระนครโกสมั พไี มส่ กั การะ ไมเ่ คารพ ไมน่ บั ถอื ไมบ่ ชู า เปน็ ผไู้ มม่ สี กั การะ จงึ พดู กนั อยา่ งนว้ี า่ อาวโุ สทง้ั หลาย ! มฉิ ะนน้ั พวกเราพงึ ไปพระนครสาวตั ถี แลว้ ระงบั อธกิ รณน์ ้ีในส�ำ นกั พระผู้มีพระภาค ครัน้ แลว้ เก็บงำ�เสนาสนะ ถอื บาตร จวี ร พากนั เดนิ ทางไปพระนครสาวตั ถี. ภกิ ษเุ หลา่ นน้ั ไดร้ บั ความล�ำ บากกร็ สู้ กึ ส�ำ นกึ ผดิ จงึ พากนั เดนิ ทาง ไปกรุงสาวัตถีและยอมตกลงระงับข้อวิวาทแตกแยกกัน โดยภิกษุรูปท่ี เป็นต้นเหตุยอมแสดงอาบัติ ภิกษุฝ่ายท่ีสวดประกาศลงโทษยอมถอน ประกาศ พระผมู้ พี ระภาคจงึ ตรสั ใหป้ ระชมุ สงฆส์ วดประกาศระงบั เรอ่ื งนน้ั เปน็ สังฆสามคั คดี ้วยทุตยิ กรรมวาจา เสรจ็ แลว้ ใหส้ วดปาติโมกข์. 106
ควรใหท้ านท่ใี ด
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : ทาน (การให้) ควรใหท้ านในที่ใด (นยั ที่ ๑) 48 -บาลี สคาถ. สํ. ๑๕/๑๔๓/๔๐๕. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ทาน บุคคลพึงให้ในท่ีไหนหนอ ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จริญ ! ทาน บุคคลพงึ ใหใ้ นทีไ่ หนหนอ. มหาราช ! จิตยอ่ มเลือ่ มใสในที่ใด พึงให้ในทน่ี ัน้ . ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ทานท่ีให้แล้วในทีไ่ หนจึงมผี ลมาก. มหาราช ! ทานพงึ ใหใ้ นทไ่ี หนนน่ั เปน็ ขอ้ หนงึ่ และ ทานทใี่ ห้แลว้ ในท่ีไหนจงึ มผี ลมาก นน่ั เป็นอีกขอ้ หน่ึง. มหาราช ! ทานที่ให้แล้วแก่ผู้มีศีลแล มีผลมาก ทานท่ใี ห้แล้วในผทู้ ุศีลหามผี ลมากไม่. มหาราช ! ด้วยเหตุนั้น เราจักย้อนถามพระองค์ ในปัญหากรรมข้อนั้นบ้าง พระองค์พอพระทัยอย่างใด พึงตอบอย่างน้นั . มหาราช ! พระองค์จะส�ำคัญความข้อนั้นเป็น อย่างไร ณ ท่ีน้ีการยุทธพึงปรากฏเฉพาะหน้าแด่พระองค์ สงครามพึงปะทะกัน ถ้าว่ากุมารที่เป็นกษัตริย์ ... ท่ีเป็น พราหมณ์ ... ทเี่ ป็นแพศย์ ... ทเ่ี ปน็ ศูทร เป็นผ้ไู ม่ได้ศกึ ษา ไมไ่ ดห้ ดั มอื ไมไ่ ดร้ บั ความชำ� นาญ ไมไ่ ดป้ ระลองการยงิ เปน็ คนขลาด เปน็ คนมักส่นั เปน็ คนมักสะด้งุ เปน็ คนมกั วงิ่ หนี 108
เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : ทาน (การให้) พงึ มาอาสาไซร้ พระองค์ พึงทรงชุบเลย้ี งบุรษุ นนั้ หรอื และ พระองคพ์ ึงทรงตอ้ งการบรุ ุษเชน่ นนั้ หรอื . ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ! ขา้ พระองคไ์ มพ่ งึ ชบุ เลย้ี งบรุ ษุ นน้ั และ ข้าพระองคไ์ มพ่ ึงตอ้ งการบุรุษเช่นน้นั แล. มหาราช ! พระองค์จะทรงส�ำคัญความข้อน้ันเป็น อยา่ งไร ณ ทนี่ กี้ ารยทุ ธพึงปรากฏแก่พระองค์ สงครามพงึ ปะทะกัน ถ้าว่ากุมารที่เป็นกษัตริย์ ... ท่ีเป็นพราหมณ์ ... ทเ่ี ปน็ แพศย์ ... ทเ่ี ปน็ ศูทร เปน็ ผู้ศกึ ษาดีแลว้ ได้หัดมอื แลว้ ได้รับความช�ำนาญแล้ว ได้ประลองการยิงมาแล้ว ไม่เป็น คนขลาด ไมเ่ ปน็ คนสนั่ ไมเ่ ปน็ คนสะดงุ้ ไมเ่ ปน็ คนมกั วง่ิ หนี พึงมาอาสาไซร้ พระองค์พึงทรงชุบเลี้ยงบุรุษน้ันหรือ และ พระองคพ์ งึ ทรงมพี ระประสงคบ์ ุรุษเช่นนนั้ หรอื . ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! หม่อมฉันพึงชุบเล้ียงบุรุษนั้น และ หมอ่ มฉนั พึงตอ้ งการบรุ ษุ เชน่ นัน้ . มหาราช ! ฉันน้ันกเ็ หมอื นกนั แมห้ ากว่า กุลบุตร ออกจากเรอื น ตระกลู ไรๆ เปน็ ผบู้ วชหาเรอื นมไิ ด้ และกลุ บตุ ร นั้น เป็นผู้มีองค์ ๕ อันละได้แล้ว เป็นผู้ประกอบแล้วด้วย องค์ ๕ ทานทใี่ หแ้ ล้วในกุลบุตรนั้น ยอ่ มเปน็ ทานมีผลมาก องค์ ๕ อนั กลุ บตุ รน้นั ละได้แลว้ เป็นอย่างไร. 109
พทุ ธวจน - หมวดธรรม (1) กามฉันทะอนั กุลบุตรนั้นละได้แลว้ (2) พยาบาทอนั กลุ บตุ รน้ันละได้แลว้ (3) ถนี มทิ ธะอนั กลุ บุตรนน้ั ละได้แล้ว (4) อุทธัจจกุกกจุ จะอนั กุลบตุ รน้นั ละไดแ้ ล้ว (5) วจิ กิ จิ ฉาอันกุลบตุ รนนั้ ละได้แลว้ เหล่าน้แี ล องค์ ๕ อันกลุ บุตรนั้นละไดแ้ ลว้ . กุลบตุ รนน้ั เป็นผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ เปน็ อยา่ งไร (1) เปน็ ผู้ประกอบแลว้ ด้วยกองศลี อันเปน็ ของพระอเสขะ (2) เป็นผู้ประกอบแล้วดว้ ยกองสมาธิ อนั เป็นของพระอเสขะ (3) เปน็ ผปู้ ระกอบแลว้ ดว้ ยกองปญั ญา อนั เปน็ ของพระอเสขะ (4) เปน็ ผูป้ ระกอบแลว้ ดว้ ยกองวมิ ุตติ อันเปน็ ของพระอเสขะ (5) เปน็ ผปู้ ระกอบแลว้ ดว้ ยกองวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ อนั เป็นของพระอเสขะ กุลบุตรน้ัน เปน็ ผปู้ ระกอบแล้วด้วยองค์ ๕ เหล่าน้ี ทานทใ่ี หแ้ ลว้ ในกลุ บตุ รผมู้ อี งค์ ๕ อนั ละไดแ้ ลว้ และ เปน็ ผปู้ ระกอบแล้วด้วยองค์ ๕ อยา่ งนี้ ยอ่ มมีผลมาก. 110
เปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ : ทาน (การให)้ (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) ศลิ ปะการยงิ แมน่ กำ� ลงั เขม้ แขง็ และความกลา้ หาญ มอี ยใู่ นชายหนมุ่ ผใู้ ด พระราชาผทู้ รงพระประสงคด์ ว้ ยการยทุ ธ พงึ ทรงชบุ เลย้ี งชายหนมุ่ เชน่ นน้ั ไมพ่ งึ ทรงชบุ เลยี้ งชายหนมุ่ ผูไ้ ม่กล้าหาญ เพราะเหตุแหง่ ชาติฉนั ใด ธรรมะคือขันติและโสรัจจะ ต้ังอยู่แล้วในบุคคลใด บุคคลพึงบูชาบุคคลนั้น ผู้มีปัญญา มีความประพฤติเย่ียง พระอริยะแมม้ ชี าตทิ ราม ฉันน้นั เหมือนกนั พงึ สรา้ งอาศรมอนั เปน็ ทร่ี น่ื รมย์ ยงั ผพู้ หสู ตู ทงั้ หลาย ใหส้ ำ� นกั อยู่ ณ ทน่ี นั้ พงึ สรา้ งบอ่ นำ�้ ไวใ้ นปา่ ทก่ี นั ดารนำ้� และ สะพานในท่ีเป็นหล่ม พึงถวายข้าว น้�ำ ของเค้ียว ผ้า และ เสนาสนะในทา่ นผซู้ อ่ื ตรงทงั้ หลายดว้ ยนำ้� ใจอนั ผอ่ งใส เมฆมี สายฟา้ แลบแปลบปลาบ มยี อดตงั้ รอ้ ยกระหม่ึ อยู่ ยงั แผน่ ดนิ ใหโ้ ชกช่มุ อยู่ ยอ่ มยังที่ดอนและท่ลี ุ่มใหเ้ ต็ม แม้ฉันใด ทายกผู้มีศรัทธา เป็นบัณฑิตได้ฟังแล้ว ย่อมจัดหา โภชนาหารมาเลย้ี งวณิพก ดว้ ยขา้ ว น้ำ� ให้อิม่ หนำ� บนั เทิงใจ เทยี่ วไปในโรงทาน สง่ั วา่ ทา่ นทง้ั หลายจงให้ ทา่ นทง้ั หลายจงให้ ดงั น้ี และทายกนน้ั บนั ลอื เสียงเหมือนเสยี งกระหม่ึ แหง่ เมฆ เม่ือฝนกำ� ลงั ตก ฉะนนั้ ธารแห่งบุญอนั ไพบลู ยน์ ้ัน ยอ่ มยัง ทายกใหช้ ่มุ ชื่น. 111
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : ทาน (การให้) ควรใหท้ านในท่ีใด (นยั ท่ี ๒) 49 -บาลี ฉกกฺ . อํ. ๒๒/๔๓๖-๔๓๘/๓๓๐. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ! ทานประจ�ำสกลุ วงศข์ า้ พระองคย์ งั ใหอ้ ยู่ แต่ว่าทานน้ันข้าพระองค์ให้เฉพาะหมู่ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ หรือปฏิบัติ อรหัตตมรรค ที่อยปู่ า่ ท่ีถือบณิ ฑบาต ทถี่ ือผา้ สกุ ลุ เป็นวตั ร. คหบดี ! ข้อท่ีจะรู้ว่าคนเหล่าน้ีเป็นพระอรหันต์ หรอื ปฏิบตั อิ รหัตตมรรคนนั้ เป็นส่งิ ท่รี ้ไู ด้ยากสำ� หรับท่านผู้ เป็นคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ผู้ยังมกี ารนอนเบียดบุตร บรโิ ภค ใช้สอยกระแจะจันทน์และผ้าจากเมืองกาสี ทัดทรงมาลา เครือ่ งกลน่ิ และเคร่ืองผดั ทา ยนิ ดีอยูด่ ้วยทองและเงิน. คหบด ี ! ถงึ แมภ้ กิ ษจุ ะเปน็ ผอู้ ยปู่ า่ เปน็ วตั ร ถา้ เปน็ ผู้ฟุง้ ซา่ น ถือตัว กลบั กลอก พูดมาก มีวาจาไมแ่ น่นอน มีสติ ลืมหลง ปราศจากสัมปชัญญะ ไม่มีสมาธิ มีจิตหมุนไปผิด มอี ินทรยี ์อนั ปล่อยแล้ว ด้วยอาการอยา่ งนี้ ภกิ ษนุ นั้ ควรถูก ตเิ ตยี นดว้ ยเหตนุ ้นั ๆ. คหบดี ! ถึงแม้ภิกษุจะเป็นผู้อยู่ป่าเป็นวัตร ถ้า เปน็ ผู้ไม่ฟุ้งซา่ น ไม่ถอื ตัว ไม่กลบั กลอก ไม่พดู มาก มีวาจา แนน่ อน มีสตติ งั้ มน่ั มสี ัมปชญั ญะ มสี มาธิ มีเอกคั คตาจิต (จติ มีอารมณเ์ ดยี ว) สำ� รวมอินทรยี ์ ดว้ ยอาการอย่างนี้ ภกิ ษนุ ัน้ อนั ใครๆ ควรสรรเสริญด้วยเหตุนน้ั ๆ. 112
เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : ทาน (การให้) คหบดี ! ถึงแม้ภิกษุจะเป็นผู้อยู่ใกล้บ้านก็ดี ... บณิ ฑบาตเปน็ วตั รกด็ ี ... ฉนั ในทนี่ มิ นตก์ ด็ ี ... ถอื ผา้ บงั สกุ ลุ เป็นวัตรก็ดี ... นงุ่ หม่ คหบดีจวี รกด็ ี ถ้าเปน็ ผฟู้ ุ้งซ่าน ถอื ตัว กลบั กลอก พดู มาก มวี าจาไมแ่ นน่ อน มสี ตลิ มื หลง ปราศจาก สมั ปชญั ญะ ไมม่ สี มาธิ มจี ติ หมนุ ไปผดิ มอี นิ ทรยี อ์ นั ปลอ่ ยแลว้ ดว้ ยอาการอยา่ งน้ี ภิกษุนัน้ ควรถูกติเตยี นดว้ ยเหตุน้นั ๆ. คหบดี ! ถึงแม้ภิกษุจะเป็นผู้อยู่ใกล้บ้านก็ดี ... บณิ ฑบาตเปน็ วตั รกด็ ี ... ฉนั ในทนี่ มิ นตก์ ด็ ี ... ถอื ผา้ บงั สกุ ลุ เปน็ วัตรกด็ ี ... นงุ่ ห่มคหบดจี วี รก็ดี ถ้าเป็นผ้ไู ม่ฟ้งุ ซา่ น ไม่ ถอื ตวั ไมก่ ลบั กลอก ไม่พดู มาก มีวาจาแนน่ อน มีสตติ ง้ั มน่ั มสี ัมปชัญญะ มีสมาธิ มีเอกัคคตาจติ ส�ำรวมอินทรยี ์ ดว้ ย อาการอยา่ งน้ี ภกิ ษนุ น้ั อนั ใครๆ ควรสรรเสรญิ ดว้ ยเหตนุ น้ั ๆ. เอาละ คหบดี ! ท่านจงถวายทานในสงฆ์เถดิ เม่ือ ท่านถวายทานในสงฆ์อยู่ จติ จกั เลื่อมใส ทา่ นเปน็ ผมู้ จี ิตอัน เลอ่ื มใสแลว้ ภายหลงั แตก่ ารตาย เพราะการทำ� ลายแหง่ กาย จกั เข้าถึงสุคตโิ ลกสวรรค.์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! จ�ำเดิมแต่วันนี้ไป ข้าพระองค์จะ ถวายทานในสงฆ.์ 113
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถกู ปิด : ทาน (การให้) ไม่ควรหา้ มผู้อื่นใหท้ าน 50 -บาลี ตกิ . อํ. ๒๐/๒๐๕/๔๙๗. วัจฉะ ! ผู้ใดห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทาน ผู้น้ันช่ือว่าเป็น อมิตร ผูท้ ำ� อันตรายต่อสิ่ง ๓ ส่งิ คือ (1) ทำ�อันตรายตอ่ บญุ ของทายก (ผูใ้ ห้) (2) ทำ�อนั ตรายตอ่ ลาภของปฏิคาหก (ผรู้ บั ) (3) และตัวเองก็ขุดรากตัวเอง กำ�จัดตัวเองเสีย ตัง้ แต่แรกแล้ว วจั ฉะ ! ผทู้ หี่ า้ มผอู้ นื่ ซง่ึ ใหท้ าน ชอื่ วา่ เปน็ อมติ ร ผูท้ �ำอันตรายสง่ิ ๓ ส่ิง ดังนแ้ี ล. วัจฉะ ! เราเองย่อมกล่าวอย่างน้ีว่า “ผู้ใด เทน�้ำ ลา้ งหมอ้ หรอื นำ้� ลา้ งชามกต็ าม ลงในหลมุ นำ�้ ครำ� หรอื ทางนำ�้ โสโครกซง่ึ มสี ตั วม์ ชี วี ติ เกดิ อยใู่ นนน้ั ดว้ ยคดิ วา่ สตั วใ์ นนนั้ จะ ไดอ้ าศยั เลีย้ งชีวิต ดงั นีแ้ ล้ว เราก็ยังกลา่ วว่า นน่ั เป็นทางมา แหง่ บญุ เพราะการทำ� แมเ้ ชน่ นน้ั ไมต่ อ้ งกลา่ วถงึ การใหท้ าน แก่มนษุ ยด์ ้วยกนั ” ดังน.้ี อกี อยา่ งหนงึ่ เรากลา่ ววา่ ทานทใ่ี หแ้ กผ่ มู้ ศี ลี เปน็ ทาน มีผลมาก ทานที่ให้แก่ผู้ทุศีล หาเป็นอย่างนั้นไม่ และผู้มี ศลี น้นั เปน็ ผ้ลู ะเสียซึ่งองค์ ๕ และประกอบอยดู่ ้วยองค์ ๕. 114
เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : ทาน (การให้) ละองค์ ๕ คือ (1) ละกามฉนั ทะ (2) ละพยาบาท (3) ละถนี มทิ ธะ (หดหู่ซึมเซา) (4) ละอุทธัจจกุกกุจจะ (ฟุ้งซา่ นรำ�คาญ) (5) ละวิจกิ ิจฉา (ลงั เลสงสัย) ประกอบดว้ ยองค์ ๕ คอื (1) ประกอบดว้ ยกองศลี ชน้ั อเสขะ (คอื ชน้ั พระอรหนั ต)์ (2) ประกอบด้วยกองสมาธิชั้นอเสขะ (3) ประกอบดว้ ยกองปญั ญาชั้นอเสขะ (4) ประกอบดว้ ยกองวมิ ตุ ติช้ันอเสขะ (5) ประกอบดว้ ยกองวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะชน้ั อเสขะ เรากล่าวว่าทานที่ให้ในบุคคลผู้ละองค์ ๕ และ ประกอบด้วยองค์ ๕ ด้วยอาการอย่างนี้ มผี ลมาก ดงั น้ี. 115
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : ทาน (การให้) นาดี หรือ นาเลว 51 -บาลี อฏก. อํ. ๒๓/๒๔๑/๑๒๔. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! พชื ทห่ี วา่ นลงในนาทปี่ ระกอบดว้ ย ลกั ษณะ ๘ อยา่ ง ยอ่ มไมใ่ หผ้ ลมาก ไมใ่ หค้ วามพอใจมาก ไมใ่ หก้ ำ� ไรมาก ประกอบดว้ ยลกั ษณะ ๘ อยา่ งเปน็ อยา่ งไร คอื นาในกรณีนี้ พ้ืนท่ลี ่มุ ๆ ดอนๆ เตม็ ไปด้วยก้อนหนิ และกอ้ นกรวด ดนิ เค็ม ไถใหล้ ึกไมไ่ ด้ ไมม่ ที างน้ำ� เขา้ ไม่มี ทางน�้ำออก ไมม่ ีเหมอื ง ไม่มหี ัวคันนา นี้ฉันใด. ภิกษุท้ังหลาย ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทานท่ี บคุ คลใหใ้ นสมณพราหมณท์ ป่ี ระกอบดว้ ยองค์ ๘ อยา่ งเหลา่ นี้ เปน็ ทานไมม่ ผี ลมาก ไมม่ อี านสิ งสม์ าก ไมม่ คี วามรงุ่ เรอื งมาก ไมแ่ ผไ่ พศาลมาก ประกอบดว้ ยองค์ ๘ อยา่ งเปน็ อยา่ งไร คอื สมณพราหมณใ์ นกรณนี ้ี เปน็ ผมู้ มี จิ ฉาทฏิ ฐิ มมี จิ ฉา- สงั กัปปะ มีมิจฉาวาจา มมี ิจฉากมั มันตะ มีมจิ ฉาอาชีวะ มี มจิ ฉาวายามะ มมี จิ ฉาสติ มมี จิ ฉาสมาธ ิ ภกิ ษทุ งั้ หลาย !ทาน ท่ีบุคคลให้ในสมณพราหมณ์ที่ประกอบด้วยองค์ ๘ อย่าง อยา่ งนี้ เป็นทาน ไมม่ ีผลมาก ไม่มีอานสิ งส์มาก ไมม่ ีความ รงุ่ เรืองมาก ไมแ่ ผ่ไพศาลมาก. 116
ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! พชื ทหี่ วา่ นลงในนาทป่ี ระกอบดว้ ย ลกั ษณะ ๘ อยา่ ง ยอ่ มใหผ้ ลมาก ใหค้ วามพอใจมาก ใหก้ ำ� ไร มาก ประกอบดว้ ยลกั ษณะ ๘ อยา่ งเปน็ อย่างไร คือ นาในกรณีนี้ พ้ืนที่ไม่ลุ่มๆ ดอนๆ ไม่เต็มไปด้วย ก้อนหนิ และกอ้ นกรวด ดนิ ไม่เคม็ ไถใหล้ ึกได้ มีทางนำ�้ เข้า มีทางนำ�้ ออก มีเหมือง มหี ัวคนั นา นีฉ้ ันใด. ภิกษุท้ังหลาย ! ข้อนี้ก็ฉันน้ันเหมือนกัน ทานท่ี บุคคลให้ในสมณพราหมณ์ที่ประกอบด้วยองค์ ๘ อย่าง เหลา่ น้ี เปน็ ทานมผี ลมาก มอี านสิ งสม์ าก มคี วามรงุ่ เรอื งมาก แผไ่ พศาลมาก ประกอบดว้ ยองค์ ๘ อย่างเป็นอย่างไร คอื สมณพราหมณใ์ นกรณนี ้ี เปน็ ผมู้ สี มั มาทฏิ ฐิ มสี มั มา- สังกัปปะ มีสมั มาวาจา มสี มั มากมั มนั ตะ มีสมั มาอาชวี ะ มี สัมมาวายามะ มีสัมมาสติ มีสัมมาสมาธิ ภิกษุทั้งหลาย ! ทานทบี่ คุ คลใหใ้ นสมณพราหมณท์ ปี่ ระกอบดว้ ยองค์ ๘ อยา่ ง อยา่ งนเี้ ปน็ ทานมผี ลมาก มอี านสิ งสม์ าก มคี วามรงุ่ เรอื งมาก แผ่ไพศาลมาก. 117
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : ทาน (การให)้ ผรู้ บั ทาน กับผลทีไ่ ด้ (นัยท่ี ๑) 52 -บาลี มู. ม. ๑๒/๔๓๓/๔๐๓. ล�ำ ดบั นน้ั สจั จกนคิ รนถท์ ราบวา่ พระผมู้ พี ระภาคทรงรบั นมิ นตแ์ ลว้ จงึ บอกพวกเจา้ ลจิ ฉวเี หลา่ นน้ั วา่ เจา้ ลจิ ฉวที ง้ั หลายจงฟงั ขา้ พเจา้ พระโคดม พรอ้ มดว้ ยภกิ ษสุ งฆ์ ขา้ พเจา้ นมิ นตแ์ ลว้ เพอ่ื ฉนั ในวนั พรงุ่ น้ี พวกทา่ นจะ น�ำ อาหารใดมาเพอ่ื ขา้ พเจา้ จงเลอื กอาหารทค่ี วรแกพ่ ระโคดมเถดิ . เม่ือล่วงราตรีน้ันแล้ว เจ้าลิจฉวีเหล่านั้น ได้นำ�ภัตตาหาร ประมาณหา้ รอ้ ยส�ำ รบั ไปใหแ้ กส่ จั จกนคิ รนถ ์ สจั จกนคิ รนถใ์ หจ้ ดั ของเคย้ี ว ของฉนั อนั ประณตี ในอารามของตนเสรจ็ แลว้ จงึ ใหท้ ลู บอกกาลแดพ่ ระผมู้ ี พระภาควา่ ขา้ แตพ่ ระโคดม เวลานเี้ ปน็ กาลอนั ควร ภตั ตาหารส�ำ เรจ็ แลว้ . คร้ังน้ันในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกแล้ว ทรงถอื บาตรจวี รเสดจ็ ไปสู่อารามแหง่ สจั จกนคิ รนถ์ ประทบั บนอาสนะที่ ปูลาดไวถ้ วาย พร้อมดว้ ยภิกษสุ งฆ์. ครง้ั นน้ั สจั จกนคิ รนถถ์ วายภกิ ษสุ งฆ์ มพี ระพทุ ธเจา้ เปน็ ประธาน ดว้ ยของเค้ยี วของฉันอันประณตี ด้วยมือของตน ให้อ่ิมหนำ�ส�ำ ราญแลว้ เมอ่ื พระผมู้ พี ระภาคเสวยเสรจ็ น�ำ พระหตั ถอ์ อกจากบาตรแลว้ สจั จกนคิ รนถ์ จงึ ถือเอาอาสนะตำ�่ นั่ง ณ ทคี่ วรส่วนขา้ งหน่งึ ได้ทลู วา่ ข้าแตพ่ ระโคดม ! ขอบุญและผลบุญในทานนี้ จงมเี พ่อื ความสุขแกท่ ายกทง้ั หลายเถิด. อัคคิเวสสนะ ! บุญและผลบุญในทานนี้ อาศัย ทักขเิ ณยยบุคคลท่ียังไม่ส้นิ ราคะ โทสะ โมหะ เช่นกบั ท่าน จกั มแี กท่ ายกทง้ั หลาย สว่ นบญุ และผลบญุ อาศยั ทกั ขเิ ณยย- บคุ คล ทส่ี นิ้ ราคะ โทสะ โมหะ เชน่ กบั เรา จกั มแี กท่ า่ น ฉะนแ้ี ล. 118
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : ทาน (การให้) ผรู้ ับทาน กับผลท่ไี ด้ (นัยท่ี ๒) 53 -บาลี ติก. อํ. ๒๐/๓๑๗/๕๓๙. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ผา้ ทอดว้ ยเปลอื กปอ ถงึ จะยงั ใหม่ อยู่ สกี ไ็ มง่ าม นงุ่ หม่ เขา้ กเ็ จบ็ เนอื้ ราคากถ็ กู แมจ้ ะกลางใหม่ กลางเก่าแล้ว สกี ็ยังไม่งาม นุ่งหม่ เขา้ กย็ งั เจ็บเนอื้ ราคากถ็ กู มาก แม้จะเก่าคร่�ำแลว้ สีกย็ ังไม่งาม นุง่ หม่ เขา้ กย็ งั เจ็บเนอ้ื ราคากถ็ กู มากอยนู่ น่ั เอง ผา้ เปลอื กปอ ทเี่ กา่ ครำ�่ แลว้ มแี ตจ่ ะ ถกู ใช้เชด็ หมอ้ ขา้ ว หรือท้งิ อยู่ตามกองขยะมลู ฝอย นฉ้ี ันใด. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! ภกิ ษทุ ท่ี ศุ ลี มคี วามเปน็ อยเู่ ลวทราม กฉ็ นั นน้ั เหมอื นกนั แมเ้ พง่ิ บวชใหม่ เรากก็ ลา่ ววา่ มผี วิ พรรณ ไม่งาม เหมือนผ้าเปลือกปอ ที่มีสีไม่งามนั้นนั่นแหละ เรา กล่าวภิกษุน้ีวา่ มผี า้ เปลอื กปอเป็นคูเ่ ปรียบ. อน่ึง ชนเหล่าใด คบหา สมาคม เข้าใกล้ ท�ำตาม เย่ียงอย่างของภิกษุนั้น ข้อน้ัน จะเป็นทางให้เกิดสิ่งอันไม่ เป็นประโยชน์ เป็นทุกข์แก่ชนเหล่านั้นเอง ตลอดกาลนาน เราจึงกล่าวภิกษุนั้นว่า ใครใกล้ชิดเข้าก็เจ็บเน้ือ เหมือนผ้า เปลือกปอ นุ่งห่มเข้าก็เจ็บเนื้อ ฉะน้ัน เรากล่าวภิกษุนี้ว่า มีผ้าเปลอื กปอเปน็ คเู่ ปรยี บ. อน่งึ ภิกษุนน้ั รับจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยา กับเคร่ืองใช้ในการรักษาโรคของชนเหล่าใด ทานน้ันย่อม 119
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ไม่มีผลใหญ่ ไม่มีอานิสงส์ใหญ่แก่ชนเหล่าน้ัน เรากล่าว ภกิ ษุนั้นวา่ มีคา่ นอ้ ย เหมอื นผา้ เปลอื กปอ มีราคาถกู ฉะนน้ั เรากลา่ วภกิ ษุนี้วา่ มีผา้ เปลอื กปอเปน็ คเู่ ปรียบ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! แมภ้ ิกษุ มัชฌิมภูมิ (ยงั ไมเ่ ปน็ เถระ) เมอื่ เปน็ คนทศุ ลี มคี วามเปน็ อยเู่ ลวทราม กเ็ ปน็ อยา่ งเดยี วกนั เรากลา่ ววา่ มผี วิ พรรณไมง่ าม เหมอื นผา้ เปลอื กปอ ทมี่ สี ไี มง่ าม นน้ั นน่ั แหละ เรากลา่ วภกิ ษนุ วี้ า่ มผี า้ เปลอื กปอเปน็ คเู่ ปรยี บ. อน่ึง ชนเหล่าใด คบหา สมาคม เข้าใกล้ ท�ำตาม เย่ียงอย่างของภิกษุน้ัน ข้อนั้น จะเป็นทางให้เกิดสิ่งอันไม่ เป็นประโยชน์ เป็นทุกข์แก่ชนเหล่าน้ันเอง ตลอดกาลนาน เราจึงกล่าวภิกษุนั้นว่า ใครใกล้ชิดเข้าก็เจ็บเนื้อ เหมือนผ้า เปลือกปอ นุ่งห่มเข้าก็เจ็บเน้ือ ฉะนั้น เรากล่าวภิกษุนี้ว่า มีผา้ เปลอื กปอเปน็ คู่เปรียบ. อนึง่ ภิกษนุ ัน้ รบั จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และ ยา กับเคร่ืองใช้ในการรักษาโรคของชนเหล่าใด ทานนั้นย่อม ไมม่ ผี ลใหญ่ ไมม่ อี านสิ งสใ์ หญแ่ กช่ นเหลา่ นนั้ เรากลา่ วภกิ ษุ นั้นว่า มีค่าน้อย เหมือนผ้าเปลอื กปอ มีราคาถูก ฉะนั้น เรา กลา่ วภิกษนุ ้วี ่า มีผ้าเปลอื กปอเป็นคเู่ ปรียบ. ภิกษุท้ังหลาย ! แม้ภิกษุ ผู้เป็นเถระ เมื่อเป็นคน ทศุ ลี มคี วามเปน็ อยเู่ ลวทราม กเ็ ปน็ อยา่ งเดยี วกนั เรากลา่ ววา่ 120
เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปดิ : ทาน (การให)้ มีผิวพรรณไม่งาม เหมือนผ้าเปลือกปอ ท่ีมีสีไม่งามนั้น น่ันแหละ เรากลา่ วภิกษุนี้ว่า มผี า้ เปลอื กปอเปน็ ค่เู ปรียบ. อน่ึง ชนเหล่าใด คบหา สมาคม เข้าใกล้ ท�ำตาม เย่ียงอย่างของภิกษุน้ัน ข้อนั้น จะเป็นทางให้เกิดสิ่งอันไม่ เป็นประโยชน์ เป็นทุกข์แก่ชนเหล่านั้นเอง ตลอดกาลนาน เราจึงกล่าวภิกษุน้ันว่า ใครใกล้ชิดเข้าก็เจ็บเน้ือ เหมือนผ้า เปลือกปอ นุ่งห่มเข้าก็เจ็บเนื้อ ฉะนั้น เรากล่าวภิกษุนี้ว่า มผี ้าเปลือกปอเปน็ คูเ่ ปรยี บ. อน่ึง ภกิ ษุน้ัน รบั จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยา กับเคร่ืองใช้ในการรักษาโรคของชนเหล่าใด ทานน้ันย่อม ไม่มีผลใหญ่ ไม่มีอานิสงส์ใหญ่แก่ชนเหล่าน้ัน เรากล่าว ภิกษนุ น้ั ว่า มีค่าน้อย เหมือนผา้ เปลือกปอ มีราคาถูก ฉะน้นั เรากลา่ วภิกษนุ ว้ี ่า มผี า้ เปลือกปอเป็นค่เู ปรยี บ. อนง่ึ ภกิ ษเุ ถระชนดิ นี้ กลา่ วอะไรขน้ึ ในทา่ มกลางสงฆ์ ภกิ ษทุ งั้ หลายกจ็ ะวา่ ใหว้ า่ “ประโยชนอ์ ะไรดว้ ยคำ� พดู ของทา่ น ซง่ึ เปน็ คนพาล คนเขลา คนอยา่ งทา่ นหรอื จะรจู้ กั สง่ิ ทค่ี วรพดู ” ดงั นี้ภกิ ษเุ ถระนนั้ ถกู เขาวา่ ใหก้ โ็ กรธแคน้ ใจกลา่ ววาจาหยาบ ออกมา โดยอาการทท่ี ำ� ใหต้ นตอ้ งถกู สงฆล์ งอกุ เขปนยี กรรม ในภายหลงั จงึ เปน็ เหมอื นผา้ เปลอื กปอเกา่ ครำ่� ทเ่ี ขาทงิ้ เสยี ตามกองขยะมลู ฝอย ฉะนน้ั แล. 121
องค์ประกอบของทาน ทใี่ ห้แลว้ มผี ลมาก
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : ทาน (การให)้ องค์ประกอบของทาน 54 ท่ีใหแ้ ล้วมีผลมาก (นยั ที่ ๑) -บาลี ฉกฺก. อํ. ๒๒/๓๗๕/๓๐๘. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! อบุ าสกิ าชอ่ื นนั ทมารดาชาวเมอื งเวฬ-ุ กัณฑกะน้ันถวายทักษิณาอันประกอบด้วยองค์ ๖ ประการ ใน ภิกษุสงฆ์มสี ารีบตุ รและโมคคัลลานะเป็นประมขุ ก็ทกั ษิณาอัน ประกอบดว้ ยองค์ ๖ ประการเป็นอยา่ งไร. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! องค์ ๓ ของผใู้ ห้ (ทายก) และ องค์ ๓ ของผรู้ ับ (ปฏคิ าหก). องค์ ๓ ของผูใ้ ห้เป็นอย่างไร คอื (๑) กอ่ นใหเ้ ป็นผดู้ ใี จ (๒) ก�ำลังใหอ้ ยู่ย่อมยังจติ ใหเ้ ล่ือมใส (๓) คร้ันใหแ้ ล้วยอ่ มปลืม้ ใจ นแ้ี ล องค์ ๓ ของผ้ใู ห้. องค์ ๓ ของผรู้ บั เป็นอยา่ งไร คอื (๑) เปน็ ผปู้ ราศจากราคะ หรอื ปฏบิ ตั เิ พอ่ื กำ� จดั ราคะ (๒) เปน็ ผปู้ ราศจากโทสะ หรอื ปฏบิ ตั เิ พอื่ กำ� จดั โทสะ (๓) เปน็ ผปู้ ราศจากโมหะ หรอื ปฏบิ ตั เิ พอ่ื กำ� จดั โมหะ น้ีแล องค์ ๓ ของผรู้ ับ. อยา่ งนี้แล องค์ ๓ ของผใู้ ห้ และ องค์ ๓ ของผู้รับ. 124
เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : ทาน (การให้) ภิกษุทั้งหลาย ! ทักษิณาที่ประกอบด้วยองค์ ๖ ประการ ยอ่ มม ี ดว้ ยประการอยา่ งน้แี ล การถือประมาณ บุญแห่งทักษิณาที่ประกอบด้วยองค์ ๖ ประการอย่างนี้ว่า ห้วงบญุ ห้วงกศุ ลมีประมาณเท่าน้ี นำ� สขุ มาให้ มอี ารมณเ์ ลศิ มีสุขเปน็ ผล เปน็ ไปเพอ่ื สวรรค์ เปน็ ไปเพือ่ สิ่งน่าปรารถนา นา่ ใคร่ นา่ พอใจ เพื่อประโยชน์เกือ้ กลู เพือ่ สขุ ดังน้ี ไม่ใช่ ท�ำได้ง่าย โดยท่ีแท้บุญแห่งทักษิณานั้น ย่อมถึงการนับว่า เป็นห้วงบุญห้วงกุศลท่ีจะนับไม่ได้ประมาณไม่ได้ เป็นกอง บุญใหญ่ทีเดียว เปรียบเหมือนการถือเอาประมาณแห่งน้�ำ ในมหาสมทุ รวา่ เทา่ นอ้ี าฬหกะ เทา่ นรี้ อ้ ยอาฬหกะ เทา่ นพี้ นั อาฬหกะ หรือเท่าน้แี สนอาฬหกะ ไมใ่ ชท่ �ำได้งา่ ย โดยท่ีแท้ น�ำ้ ในมหาสมุทรย่อมถงึ การนับว่า เปน็ หว้ งน้ำ� ท่ีจะนบั ไมไ่ ด้ ประมาณไมไ่ ด้ เปน็ หว้ งน้�ำใหญ่ทีเดียวฉะนนั้ . 125
พทุ ธวจน - หมวดธรรม (คาถาผนวกท้ายพระสูตร) ผู้ให้ก่อนแต่จะให้เป็นผู้ดีใจ ก�ำลังให้อยู่ย่อมยังจิต ให้เล่ือมใส คร้ันให้แล้วย่อมปล้ืมใจ นี้เป็นความถึงพร้อม แหง่ ยญั ผ้รู ับเป็นผูส้ �ำรวมประพฤตพิ รหมจรรย์ทง้ั หลาย คอื ทา่ นผปู้ ราศจากราคะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ไม่มี อาสวะ ย่อมเป็นเขตที่สมบูรณ์แห่งการให้ ทายกต้อนรับ ปฏคิ าหกดว้ ยตนเอง ถวายทานดว้ ยมือตนเอง ยญั นัน้ ย่อม มผี ลมากเพราะตนและเพราะผ้อู ืน่ ผู้มปี ัญญา มีศรัทธา เป็นบัณฑติ มใี จพ้นจากความ ตระหน่ี ครนั้ บำ� เพญ็ ทานอยา่ งนแ้ี ลว้ ยอ่ มเขา้ ถงึ โลกทเี่ ปน็ สขุ ไม่มคี วามเบียดเบียน. 126
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : ทาน (การให้) องคป์ ระกอบของทาน 55 ท่ีให้แลว้ มผี ลมาก (นัยท่ี ๒) -บาลี จตกุ ฺก. อํ. ๒๑/๑๐๔/๗๘. ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ความบริสุทธ์ิแห่งทักษิณานี้มี ๔ อยา่ ง ๔ อย่างเป็นอยา่ งไร คอื (1) ทักษณิ าบางอย่างบรสิ ุทธฝ์ิ า่ ยทายก (ผใู้ ห)้ ไมบ่ รสิ ทุ ธฝิ์ ่ายปฏิคาหก (ผูร้ บั ) (2) บางอย่างบรสิ ุทธฝิ์ า่ ยปฏคิ าหก ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายก (3) บางอยา่ งฝา่ ยทายกก็ไมบ่ ริสุทธิ์ ฝ่ายปฏิคาหกกไ็ มบ่ รสิ ุทธ์ิ (4) บางอยา่ งบรสิ ทุ ธทิ์ ง้ั ฝา่ ยทายกและฝา่ ยปฏคิ าหก ภิกษุท้ังหลาย ! ก็ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธิ์ฝ่ายทายก ไม่บริสุทธ์ฝิ า่ ยปฏคิ าหก เป็นอยา่ งไร. ภิกษุทั้งหลาย ! ในข้อน้ีทายกมีศีล มีธรรมงาม ปฏิคาหกเป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันบาป อย่างนี้แล ทักษิณา ช่ือว่า บรสิ ทุ ธ์ฝิ า่ ยทายก ไม่บรสิ ุทธฝ์ิ ่ายปฏคิ าหก. 127
พุทธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! กท็ กั ษณิ าชอื่ วา่ บรสิ ทุ ธฝิ์ า่ ยปฏคิ าหก ไมบ่ ริสทุ ธฝิ์ ่ายทายก เปน็ อยา่ งไร. ภิกษุท้ังหลาย ! ในข้อนีท้ ายกเป็นผ้ทู ศุ ลี มธี รรม อนั เปน็ บาป ปฏคิ าหกเปน็ ผ้มู ีศลี มีธรรมงาม อย่างน้แี ล ทักษิณาชื่อวา่ บริสทุ ธฝิ์ ่ายปฏิคาหก ไม่บริสุทธ์ิฝ่ายทายก. ภิกษุท้ังหลาย ! ก็ทักษิณาชื่อว่าฝ่ายทายกก็ไม่ บริสุทธิ์ ฝา่ ยปฏิคาหกก็ไมบ่ ริสุทธิ์ เป็นอยา่ งไร. ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! ในขอ้ นที้ ายกกเ็ ปน็ ผทู้ ศุ ลี มธี รรม อันเป็นบาป ปฏิคาหกก็เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันเป็นบาป อยา่ งนีแ้ ล ทกั ษณิ าชอ่ื วา่ ฝา่ ยทายกกไ็ มบ่ รสิ ทุ ธ์ิ ฝา่ ยปฏคิ าหก กไ็ มบ่ รสิ ทุ ธ.์ิ ภิกษุท้ังหลาย ! ก็ทักษิณาชื่อว่าบริสุทธ์ิทั้งฝ่าย ทายก และฝา่ ยปฏคิ าหก เปน็ อยา่ งไร. ภิกษุทั้งหลาย ! ในข้อนี้ ทายกก็เป็นผู้มีศีล มี ธรรมงาม ปฏิคาหกก็เปน็ ผมู้ ศี ีล มธี รรมงาม อยา่ งนแี้ ล ทกั ษิณาชื่อวา่ บรสิ ทุ ธทิ์ งั้ ฝ่ายทายกและฝ่ายปฏิคาหก. ภกิ ษทุ ้ังหลาย ! น้แี ล ความบรสิ ุทธ์ิแห่งทกั ษณิ า ๔ อย่าง. 128
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ กู ปิด : ทาน (การให)้ การวางจติ เมือ่ ให้ทาน 56 -บาลี สตฺตก. อ.ํ ๒๓/๖๐/๔๙. ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ! อะไรหนอ เปน็ เหตุ เปน็ ปจั จยั เครอ่ื งให้ ทานเชน่ นน้ั นน่ั แล ทบ่ี คุ คลบางคนในโลกน้ีใหแ้ ลว้ มผี ลมาก ไมม่ อี านสิ งสม์ าก อะไรหนอ เปน็ เหตุ เปน็ ปจั จยั เครอ่ื งใหท้ านเชน่ นน้ั นน่ั แล ทบ่ี คุ คลบางคน ในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก มอี านสิ งส์มาก. สารีบุตร ! บุคคลบางคนในโลกน้ี ให้ทานโดย มีความหวงั ผล ใหท้ านโดยมจี ติ ผกู พันในผล ใหท้ านโดย มุ่งการสัง่ สม (บญุ ) ให้ทานโดยคิดว่า “เราตายไปจกั ได้ เสวยผลของทานน”ี้ เขาจงึ ใหท้ าน คอื ขา้ ว นำ�้ เครอื่ งนงุ่ หม่ ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครอ่ื งลบู ไล้ ทน่ี อน ทอี่ ยอู่ าศยั และประทีปโคมไฟแก่สมณะหรือพราหมณ์ ... เขาให้ทาน นน้ั แลว้ เมอ่ื ตายไป ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายแหง่ เทวดา เหล่าจาตุมหาราชิกา เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ ส้ินยศ หมด ความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็น อย่างน้ี. สารบี ตุ ร ! บคุ คลบางคนในโลกนี้ ใหท้ านโดยไมม่ ี ความหวงั ผล ใหท้ านโดยไมม่ จี ติ ผกู พนั ในผล ใหท้ านโดย ไมม่ งุ่ การสง่ั สม (บญุ ) ใหท้ านโดยไมค่ ดิ วา่ “เราตายไปจกั ได้ 129
พุทธวจน - หมวดธรรม เสวยผลของทานนี้” แต่เขาให้ทานด้วยคิดว่า “การให้ ทานเป็นการดี” เขาจงึ ใหท้ าน คอื ขา้ ว น�้ำ … ย่อมเขา้ ถึง ความเป็นสหายแห่งเทวดาเหล่าดาวดึงส์ เขาสิ้นกรรม สนิ้ ฤทธ์ิ สิน้ ยศ หมดความเปน็ ใหญแ่ ล้ว ยังเปน็ ผู้กลับมา คือ มาสู่ความเปน็ อย่างน.ี้ สารบี ตุ ร ! บคุ คลบางคนในโลกนี้ ให้ทานโดยไมม่ ี ความหวังผล … ไมไ่ ดใ้ ห้ทานด้วยคิดว่า “การให้ทาน เปน็ การด”ี แตใ่ หท้ านดว้ ยคดิ วา่ บดิ ามารดา ปยู่ า่ ตายาย เคยใหเ้ คยทำ� มา เรากไ็ มค่ วรทำ� ใหเ้ สยี ประเพณี เขาใหท้ าน คอื ขา้ ว นำ�้ … ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายแหง่ เทวดาเหลา่ ยามา เขาส้นิ กรรม สน้ิ ฤทธ์ิ สนิ้ ยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเปน็ อยา่ งน้.ี สารบี ตุ ร ! บคุ คลบางคนในโลกนี้ ใหท้ านโดยไมม่ ี ความหวงั ผล … ไมไ่ ดใ้ หท้ านดว้ ยคดิ วา่ บดิ ามารดา ปยู่ า่ ตายาย เคยให้เคยท�ำมา เราก็ไม่ควรท�ำให้เสียประเพณี แต่ให้ทานดว้ ยคิดว่า เราหงุ หากนิ สมณะหรอื พราหมณ์ เหล่าน้ีไม่หุงหากิน เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่ สมณะหรือพราหมณผ์ ู้ไม่หุงหา ไม่สมควร เขาให้ทาน คอื 130
เปิดธรรมที่ถูกปิด : ทาน (การให)้ ข้าว น้�ำ … ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาเหล่า ดุสติ เขาส้ินกรรม สิน้ ฤทธิ์ ส้ินยศ หมดความเป็นใหญแ่ ลว้ ยงั เปน็ ผ้กู ลบั มา คือ มาสูค่ วามเป็นอย่างน้.ี สารบี ุตร ! บคุ คลบางคนในโลกนี้ ใหท้ านโดยไมม่ ี ความหวังผล ... ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากินได้ สมณะหรือพราหมณเ์ หล่านห้ี งุ หากินไมไ่ ด้ เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร แต่ให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้จ�ำแนก แจกทาน เหมือนฤาษีแตค่ รงั้ ก่อน คอื อัฏฐกฤาษี วามก ฤาษี วามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทคั คฤิ าษี อังคีรสฤาษี ภารทวาชฤาษี วาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษี และภคุฤาษี บูชา มหายัญ เขาใหท้ าน คอื ข้าว นำ�้ … ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายแห่งเทวดาเหล่านิมมานรดี เขาส้ินกรรม ส้ินฤทธิ์ สน้ิ ยศ หมดความเป็นใหญแ่ ล้ว ยังเปน็ ผูก้ ลับมา คอื มาสู่ ความเปน็ อยา่ งน้.ี สารีบุตร ! บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้ทานโดย ไมม่ คี วามหวงั ผล … ไมไ่ ดใ้ ห้ทานด้วยคดิ ว่า เราจักเป็น ผู้จ�ำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่คร้ังก่อน คือ 131
พุทธวจน - หมวดธรรม อัฏฐกฤาษี … ภคุฤาษี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า เม่ือเราให้ ทานอย่างน้ี จติ จะเลอ่ื มใส เกดิ ความปลืม้ ใจและโสมนัส เขาให้ทาน คือ ข้าว น�้ำ … ยอ่ มเข้าถึงความเป็นสหายแหง่ เทวดาเหล่าปรนมิ มติ วสวสั ดี เขาส้ินกรรม สิน้ ฤทธิ์ ส้นิ ยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความ เป็นอยา่ งนี.้ สารบี ตุ ร ! บคุ คลบางคนในโลกน้ี ให้ทานโดยไมม่ ี ความหวงั ผล … ไมไ่ ดใ้ หท้ านดว้ ยคดิ วา่ เม่อื เราให้ทาน อยา่ งน้ี จติ จะเลอ่ื มใส เกดิ ความปลม้ื ใจและโสมนสั แตใ่ ห้ ทานเปน็ เครอ่ื งประดบั จติ ปรงุ แตง่ จติ (จติ ตฺ าลงกฺ ารํ จติ ตฺ ปรกิ ขฺ าร)ํ เขาใหท้ าน คอื ขา้ ว นำ้ � … ยอ่ มเขา้ ถงึ ความเปน็ สหายแหง่ เทวดาเหล่าพรหมกายิกา เขาส้ินกรรม ส้ินฤทธิ์ ส้ินยศ หมดความเปน็ ใหญแ่ ลว้ เป็นผ้ไู มต่ ้องกลบั มา คือ ไมม่ าสู่ ความเป็นอย่างน้.ี สารบี ตุ ร ! นแ้ี ล เปน็ เหตุ เปน็ ปจั จยั ใหท้ านเชน่ นน้ั ทบ่ี คุ คลบางคนในโลกนใ้ี หแ้ ลว้ มผี ลมาก ไมม่ อี านสิ งสม์ าก และเปน็ เหตุ เปน็ ปจั จยั เชน่ นนั้ ทบี่ คุ คลบางคนในโลกนใ้ี หแ้ ลว้ มีผลมาก มีอานิสงสม์ าก. 132
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244