แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๘ จำนวน ๑๘ ชวั่ โมง เร่อื ง โครงสรา้ งการทำงานแบบเรียงลำดับ คาบท่ี ๑๕-๑๖ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๒ การออกแบบข้ันตอนการทำงานของโปรแกรม กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๒ 1. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั 1.1 ตัวชว้ี ดั ว 4.2 ป. 2/๒ ออกแบบและเขยี นโปรแกรมทใี่ ชต้ รรกะและฟงั กช์ ่ันในการแก้ปัญหา 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายโครงสรา้ งการทำงานแบบเรียงลำดบั ได้ถูกต้อง (K) ๒. เขยี นโปรแกรมการทำงานแบบเรยี งลำดับได้ถกู ต้อง (P) ๓. เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของการเขียนโปรแกรมโดยใช้ภาษาไพทอน (A) สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ - ทักษะการสื่อสาร 2. ใฝ่เรียนรู้ - ทกั ษะการแลกเปลยี่ นข้อมูล 3. มุง่ มั่นในการทำงาน 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคดิ เชิงคำนวณ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทักษะการแกป้ ญั หา - ทักษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ - ทักษะการทำงานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทักษะการสบื คน้ ข้อมูล ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธกี ารสอนโดยเนน้ การจดั การเรยี นรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ๕. การวัดและประเมนิ ผล ๑. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน ๒. ตรวจใบงาน ๓. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล ๔. สงั เกตคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๖. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
๖.1 สื่อการเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๒ 2) ใบงาน เร่ือง การเขียนโปรแกรมการทำงานแบบเรยี งลำดับ ๖.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอร์เน็ต
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๙ จำนวน ๑๘ ชว่ั โมง เร่อื ง โครงสร้างการทำงานแบบเลอื กทำ คาบที่ ๑๗-๒๐ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๒ การออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ 1. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั 1.1 ตวั ชวี้ ดั ว 4.2 ป. 2/๒ ออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ชต้ รรกะและฟงั กช์ ่ันในการแกป้ ญั หา 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายโครงสร้างการทำงานแบบเลอื กทำได้ถูกต้อง (K) ๒. เขียนโปรแกรมการทำงานแบบเลอื กทำได้ถูกตอ้ ง (P) ๓. เห็นถึงประโยชน์และความสำคัญของการเขยี นโปรแกรมโดยใช้ภาษาไพทอน (A) สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี ินัย รับผิดชอบ - ทกั ษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้ - ทักษะการแลกเปลี่ยนข้อมลู 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ เชิงคำนวณ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา - ทักษะการแกป้ ญั หา - ทกั ษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต - ทักษะการทำงานรว่ มกนั 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทกั ษะการสืบค้นขอ้ มลู ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีการสอนโดยเน้นการจดั การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ๕. การวัดและประเมนิ ผล ๑. ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น ๒. ตรวจใบงาน ๓. สังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ๔. สังเกตคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๖. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
๖.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๒ 2) ใบงาน เร่ือง การทำงานแบบ Single Selection และ Double Selection ๓) แบบทดสอบหลังเรียน ๖.2 แหลง่ การเรียนรู้ 1) ห้องคอมพวิ เตอร์ 2) อนิ เทอรเ์ นต็
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑๐ จำนวน ๑๐ ชว่ั โมง เรอื่ ง องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ คาบท่ี ๒๑-๒๒ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๓ ระบบคอมพวิ เตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ 1. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด 1.1 ตวั ชว้ี ัด ว 4.2 ม.2/3 อภปิ รายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี การส่อื สาร เพ่ือประยุกตใ์ ชง้ านหรอื แกป้ ญั หาเบ้อื งต้น 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ได้ถูกตอ้ ง (K) 2. อธิบายการทำงานของหน่วยตา่ ง ๆ ของฮารด์ แวรไ์ ด้ถกู ตอ้ ง (K) 3. บอกอปุ กรณ์ท่ีใชท้ ำหนา้ ที่ในแต่ละหน่วยได้ถกู ต้อง (K) 4. เลอื กใช้งานซอฟต์แวร์ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับความต้องการได้ (P) 5. สนใจใฝ่เรียนรู้ในการศกึ ษาและนำไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้อยา่ งเหมาะสม (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่ - องค์ประกอบและหลกั การทำงานของระบบ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา คอมพวิ เตอร์ 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด ระบบคอมพวิ เตอร์ หมายถึง การทำงานของคอมพิวเตอรท์ ี่มีสว่ นตา่ ง ๆ มาทำงานรว่ มกัน เพื่อให้ บรรลุเป้าหมายในการทำงานอย่างมรี ะบบ ซึง่ ระบบคอมพิวเตอรจ์ ะประกอบไปดว้ ยองค์ประกอบสำคญั 5 สว่ น คอื ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ บคุ ลากร ข้อมลู สารสนเทศ และกระบวนการ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้ - ทักษะการคดิ วิเคราะห์ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทักษะการสบื คน้ ข้อมูล 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชว่ั โมงท่ี ๑ ข้นั นำ ข้นั ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เร่อื ง ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อวดั ความรู้ เดมิ ของนกั เรียนก่อนเขา้ สู่กจิ กรรม 2. ครูถามคำถามประจำหวั ข้อวา่ “นักเรียนรหู้ รอื ไมว่ ่าหากระบบคอมพวิ เตอร์ขาดส่วนประกอบสว่ นใด ส่วนหน่งึ ไประบบคอมพวิ เตอรย์ ังจะสามารถทำงานต่อไปได้หรือไม่” (แนวตอบ : นักเรยี นตอบตามความ คดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขึน้ อยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เชน่ ระบบคอมพิวเตอรไ์ มส่ ามารถใช้งานได้ ระบบคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานไดแ้ ต่ไม่มปี ระสิทธภิ าพ เปน็ ต้น) 3. ครูอธบิ ายเพื่อเช่ือมโยงเข้าสบู่ ทเรียนวา่ “ระบบคอมพวิ เตอร์หมายถึงการทำงานของคอมพวิ เตอร์ท่ี มีสว่ นตา่ ง ๆ ท่ีทำงานรว่ มกนั เพ่ือให้บรรลุเป้าหมายในการทำงานได้อย่างมีระบบและมีประสทิ ธภิ าพ” ขน้ั สอน ขั้นท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรยี นโดยเขียนคำวา่ “องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์” ลงบนกระดานหน้าช้ันเรยี นและใหน้ กั เรยี นแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั องคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอร์วา่ ประกอบไปดว้ ยอะไรบา้ ง จากน้ันครูจดบันทึกคำตอบของนักเรียนลงบนกระดานหนา้ ชั้นเรยี น 2. นักเรยี นสบื ค้นข้อมูลเก่ียวกบั องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอรจ์ ากหนังสือเรียนรายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรือ่ ง ระบบคอมพิวเตอร์ หรอื จากอนิ เทอร์เน็ตทเี่ คร่ืองคอมพิวเตอรข์ องตนเอง 3. นกั เรียนภายในชัน้ เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ และตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบบน กระดานหน้าช้นั เรยี น 4. ครเู น้นยำ้ กับนักเรียนเก่ียวกับองค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอรว์ ่า“องค์ประกอบของระบบ คอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบสำคัญ 5 ส่วน ดังน้ี 1) ฮาร์ดแวร์ คอื สว่ นของอุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ และอปุ กรณ์ตอ่ พว่ งต่าง ๆ 2) ซอฟต์แวร์ คอื ส่วนของโปรแกรมท่ีเป็นคำส่งั ในการควบคุมการทำงานของเครื่อง คอมพวิ เตอร์ 3) บคุ ลากร คอื ผูป้ ฏิบตั ิหนา้ ทเี่ ก่ียวกบั คอมพวิ เตอรเ์ พื่อป้อนข้อมลู หรือใชง้ านคอมพิวเตอร์ 4) ขอ้ มลู สารสนเทศ คอื ข้อมูลดิบทม่ี ีจำนวนมาก ซึ่งอาจอยู่ในรปู ของตวั เลข ตัวอักษรหรือ สญั ลักษณต์ า่ ง ๆ 5) กระบวนการ คือ กระบวนการทำงานเพ่ือให้ได้ผลลพั ธต์ ามต้องการ” 5. นกั เรียนศกึ ษาเนื้อหาเร่ืองฮาร์ดแวร์จากหนงั สอื เรียนหรือสืบค้นเพิ่มเติมจากอนิ เทอรเ์ นต็
ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 6. ครอู ธิบายกบั นักเรยี นถึงองค์ประกอบทางด้านฮาร์ดแวร์วา่ “องคป์ ระกอบทางดา้ นฮาร์ดแวร์ ประกอบไปด้วย 4 หน่วย ได้แก่ หนว่ ยรับข้อมูล หน่วยแสดงผลข้อมูล หนว่ ยเกบ็ ข้อมลู และหน่วยประมวลผล กลาง ซ่ึงแต่ละหนว่ ยจะมหี นา้ ทีก่ ารทำงานที่มลี ักษณะที่แตกต่างกนั ” 7. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมเก่ยี วกับฮาร์ดแวร์ว่า“การใชฮ้ าร์ดแวรน์ ัน้ มหี ลักในการเลือกใช้ คือ 1) วเิ คราะห์วตั ถุประสงค์ของการใช้งาน ควรวเิ คราะห์ว่าเปน็ การใชง้ านในสำนักงาน งานนำเสนอท่วั ไป งานประมวลผล หรืองานสอื่ ประสม 2) ควรเลือกคอมพวิ เตอรต์ ามลกั ษณะของการใช้งาน ถา้ เป็นงานนอกสถานท่ที ่ีต้องใช้ คอมพิวเตอร์ติดตามผู้ใช้ มีการเคล่ือนที่หรือเคล่ือนย้ายบอ่ ยกค็ วรเลอื กใช้คอมพวิ เตอรโ์ นต้ บุ๊ก หรอื แท็บเล็ต คอมพวิ เตอร์ แตถ่ า้ เปน็ งานในสถานที่ หรอื ใช้ในสำนักงานก็ควรเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ทจ่ี ดั เปน็ ชดุ ” 8. นกั เรยี นศึกษาความรเู้ สริมจากเน้ือหาเพอ่ื ขยายความรขู้ องผ้เู รียน (Com Sci Focus) เรือ่ ง ความสำคญั ของ CPU วา่ “CPU เปน็ อปุ กรณ์ท่ีมีความสำคัญและจำเป็นต่อการทำงานของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เปน็ อย่างมาก ซึ่งอาจจะเรียกไดว้ ่า CPU เปน็ สมองของคอมพวิ เตอร์ ถ้าหากคอมพวิ เตอร์ปราศจาก CPU แลว้ คอมพวิ เตอร์จะไมส่ ามารถทำงานได้ เนือ่ งจาก CPU เป็นตัวควบคุมการทำงานของอปุ กรณต์ า่ ง ๆ ไมว่ ่าจะเปน็ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เองหรืออุปกรณ์ตอ่ พ่วงภายนอก” 9. นกั เรยี นทำใบงานท่ี 3.1.1 เรอ่ื ง องคป์ ระกอบของฮารด์ แวร์ โดยให้นกั เรยี นพจิ ารณาอุปกรณ์ ต่าง ๆ จากนน้ั เติมช่ืออุปกรณ์และบอกหน้าท่ีลงในตารางให้สมบรู ณ์ 10. ครสู มุ่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน พร้อมกบั อภปิ รายรว่ มกนั ในห้องเรียน ชวั่ โมงท่ี ๒ ขนั้ สอน ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 11. ครทู บทวนเนือ้ หาการเรียนเม่ือชั่วโมงท่แี ล้วเกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ 12. นกั เรียนศกึ ษาเนื้อหาเรอ่ื งซอฟต์แวร์ บุคลากร ข้อมูลสารสนเทศ และกระบวนการจากหนงั สอื เรียน 13. ครูอธิบายกับนักเรียนเกีย่ วกับเรื่องซอฟต์แวรเ์ พ่ือใหน้ ักเรียนเข้าใจมากยงิ่ ขนึ้ ว่า“ซอฟต์แวร์แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ 1) ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ คือ โปรแกรมที่ใช้ควบคุมการทำงานของเคร่อื งคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน ประสานกัน เชน่ ระบบปฏบิ ตั ิการวนิ โดวส์ รวมถงึ โปรแกรมทีต่ ดิ ตัง้ มาพร้อมกบั ระบบปฏบิ ตั กิ ารไมว่ ่าจะเป็น โปรแกรมจัดการไฟล์ โปรแกรมรกั ษาหนา้ จอ เปน็ ต้น 2) ซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ คอื โปรแกรมท่ีพัฒนาขน้ึ มาเพื่อใช้งานตามความต้องการตา่ ง ๆ ของ ผใู้ ช้ แบง่ เปน็ โปรแกรมที่พฒั นามาใช้งานท่วั ๆ ไป เช่น โปรแกรม Microsoft Word, Microsoft Excel, Microsoft PowerPoint เปน็ ตน้ รวมถึงโปรแกรมที่ทำงานเฉพาะด้าน เชน่ โปรแกรมคำนวณภาษี โปรแกรม สต็อกสนิ ค้า โปรแกรมลงทะเบียนเรียน เปน็ ต้น” 14. ครสู มุ่ นักเรียน 2-3 คนออกมาอภิปรายเกีย่ วกบั องค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ ได้แก่ บคุ ลากร ข้อมูลสารสนเทศ และกระบวนการ
ขั้นที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 15. นักเรยี นทำใบงานที่ 3.1.2 เรอื่ ง ประเภทของซอฟต์แวร์ โดยใหน้ กั เรียนสบื คน้ ข้อมูลจากทาง อินเทอร์เน็ตเพ่ืออธบิ ายหน้าท่ีการทำงานและยกตวั อย่างซอฟตแ์ วร์ตามประเภทที่กำหนดให้ 16. ครสู ุ่มนักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น พร้อมกับอภปิ รายรว่ มกนั ในห้องเรียน Note วัตถปุ ระสงค์ของกจิ กรรมเพือ่ ใหน้ ักเรียน - มที กั ษะการสบื ค้นข้อมูล โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคนสืบคน้ ข้อมลู จากอินเทอร์เน็ต เพ่ือสบื เสาะหาความรู้ตามหวั ข้อที่ได้รับมอบหมาย - มีทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ โดยใหน้ กั เรยี นพิจารณาเน้ือหาจากการสบื ค้นหรือศึกษา ขอ้ มูลจากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ เชน่ หนังสอื เรยี น อินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้ - มีทักษะการสื่อสาร โดยให้นกั เรียนอภปิ รายความรูร้ ว่ มกบั เพ่อื นในชั้นเรียนเกย่ี วกบั องคป์ ระกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ข้นั สรุป ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครปู ระเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรยี น และ การทำใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานที่ 3.1.1 และ ใบงานที่ 3.1.2 3. นักเรียนและครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกับองค์ประกอบของระบบคอมพวิ เตอร์ว่า “เพ่ือใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายในการทำงานอยา่ งมีระบบและมปี ระสิทธภิ าพจะต้องอาศยั การทำงานของระบบ คอมพวิ เตอร์ ที่ประกอบดว้ ย ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ บุคลากร ขอ้ มูลสารสนเทศ และกระบวนการ”
7. การวดั และประเมนิ ผล วิธีวดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ - ตรวจแบบทดสอบ รายการวดั กอ่ นเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรยี น ประเมินตามสภาพจริง 7.1 การประเมินก่อนเรียน - ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 - ใบงานที่ 3.1.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ - แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 - ตรวจใบงานที่ 3.1.2 - ใบงานท่ี 3.1.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ เร่ือง ระบบคอมพวิ เตอร์ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 7.2 ประเมนิ ระหว่างการจดั ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ กิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 การเรยี นรู้ การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 1) องคป์ ระกอบของฮาร์ดแวร์ 2) ประเภทของซอฟต์แวร์ - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 3) การนำเสนอผลงาน ความรบั ผดิ ชอบ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่นั อนั พึงประสงค์ 4) พฤตกิ รรมการทำงาน ในการทำงาน รายบคุ คล 5) คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 ส่ือการเรียนรู้ 1) หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์ 2) ใบงานที่ 3.1.1 เร่ือง องคป์ ระกอบของฮาร์ดแวร์ 3) ใบงานที่ 3.1.2 เร่อื ง ประเภทของซอฟตแ์ วร์ 4) เครือ่ งคอมพิวเตอร์ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอร์เน็ต
ใบงานที่ ๓.๑.๑ เร่อื ง องคป์ ระกอบของฮารด์ แวร์ คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาภาพอปุ กรณต์ า่ ง ๆ จากน้ันให้เติมชื่ออุปกรณ์และบอกหน้าทลี่ งในตาราง ใหส้ มบรู ณต์ ามหมายเลขของอุปกรณ์ทกี่ ำหนดให้ 17 6 3 5 4 2 หมายเลข ช่ืออุปกรณ์ หนา้ ท่ี 1 2 3 4 5 6 7 ชอ่ื .................................................................................................เลขท.่ี ........................ช้ัน.............................
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑๑ จำนวน ๑๐ ชวั่ โมง เรือ่ ง หลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ คาบท่ี ๒๑-๒... หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๓ ระบบคอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ 1. มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด 1.1 ตวั ชี้วัด ว 4.2 ม.2/3 อภปิ รายองคป์ ระกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการ ส่อื สาร เพอ่ื ประยกุ ตใ์ ชง้ านหรอื แก้ปัญหาเบ้ืองต้น 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายหลกั การทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์ไดถ้ ูกต้อง (K) 2. อธบิ ายขนั้ ตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์ไดถ้ ูกต้อง (K) 3. เขยี นข้ันตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอรไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง (P) 4. สนใจใฝเ่ รยี นรใู้ นการศกึ ษา (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา - องค์ประกอบและหลกั การทำงานของระบบ คอมพวิ เตอร์ 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การทำงานของคอมพิวเตอรน์ ั้น จะต้องประกอบไปด้วยหนว่ ยต่างๆ ทำงานรว่ มกันอย่างเปน็ ระบบ ดงั นี้ คือ หนว่ ยรับข้อมลู หนว่ ยประมวลผลกลาง หนว่ ยความจำหลัก หนว่ ยความจำสำรอง และหน่วยแสดงผลขอ้ มูล 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย รับผดิ ชอบ 1. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 2. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทกั ษะการสบื ค้นข้อมลู 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ วธิ ีการสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)
ชัว่ โมงที่ ๑ ข้ันนำ ขนั้ ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรียนเก่ยี วกบั องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ทป่ี ระกอบไป ดว้ ยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วน คอื ฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ บคุ ลากร ข้อมูลสารสนเทศ และกระบวนการ 2. ครถู ามคำถามประจำหวั ข้อวา่ “นักเรยี นรหู้ รือไม่ว่าถา้ เปรียบคอมพวิ เตอรเ์ ป็นรา่ งกายมนุษย์ จะเปรียบหนว่ ยประมวลผลกลางได้กบั อวัยวะใด” (แนวตอบ : นกั เรียนตอบตามความคิดเหน็ ของตนเอง โดย คำตอบขึ้นอยู่กบั ดุลยพินิจของครผู ู้สอนซ่ึงคำตอบทถ่ี ูกต้อง คอื สมอง) 3. ครทู บทวนความรเู้ ดิมของนักเรียนเกย่ี วกับอปุ กรณ์ต่าง ๆ ของคอมพวิ เตอร์ตามหนา้ ท่ีการ ทำงาน โดยครูเขยี นส่วนประกอบของฮาร์ดแวรซ์ ง่ึ แบ่งออกเปน็ 4 ส่วนบนกระดานหน้าชนั้ เรยี นดังนี้ 1. หนว่ ยรบั ข้อมูล 2. หน่วยแสดงผลขอ้ มลู 3. หน่วยเกบ็ ขอ้ มูล 4. หน่วยประมวลผลกลาง และสุ่มนกั เรยี นออกมาเขียนอุปกรณ์ที่ทำหนา้ ทต่ี ามสว่ นประกอบน้นั ๆ 4. นักเรียนและครอู ภิปรายรว่ มกันเกี่ยวกบั อปุ กรณต์ ่าง ๆ ท่ีตัวแทนออกมาเขียนบนกระดานหนา้ ช้นั เรียน ขั้นสอน ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นกั เรียนศึกษาเนื้อหาเกยี่ วกบั หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์จากหนังสอื เรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ระบบ คอมพิวเตอร์ หรอื สบื คน้ จากอินเทอร์เนต็ ทเ่ี ครือ่ งคอมพิวเตอร์ของตนเอง ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 2. ครูอธิบายหลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์วา่ “ระบบคอมพวิ เตอร์ ประกอบไปด้วย 5 ส่วนที่สำคัญ คือ หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำหลัก หน่วยความจำสำรอง และ หน่วยแสดงผลข้อมูล ซง่ึ แตล่ ะหนว่ ยจะมอี ปุ กรณท์ ม่ี ที ำหนา้ ทก่ี ารทำงานทแ่ี ตกตา่ งกนั ” 3. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เกี่ยวกับหนา้ ท่กี ารทำงานของหน่วยตา่ ง ๆ ดังน้ี “1) หน่วยรับข้อมูล (input unit) ทำหน้าที่รับข้อมูลจากผู้ใช้งานเข้าสู่คอมพิวเตอร์ เช่น ข้อมูลตัวอักษร ข้อมูลตัวเลข ข้อมูลสัญลักษณ์ เป็นต้น โดยจะแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้าท่ี คอมพวิ เตอร์สามารถเข้าใจได้ และนำมาจัดเก็บไว้ทีห่ น่วยความจำหลักเพ่ือใช้ในการประมวลผลตอ่ ไป 2) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หรอื เรยี กอกี ชื่อหน่งึ ว่าไม โครโพรเซสเซอร์ (Microprocessor) มีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลตามชุดคำสั่งที่มาจากซอฟต์แวร์เมื่อ ได้ผลลัพธ์ก็จะส่งผลลัพธ์ออกไปแสดงผลทางหน้าจอ ดังนั้น ซีพียู จึงเปรียบได้กับ“สมอง”ของคอมพิวเตอร์ ท่ี ทำหน้าที่ ประมวลผล และควบคมุ อปุ กรณ์อ่ืน ๆ ในระบบ 3) หน่วยความจำหลัก (Main Memory Unit) มหี นา้ ที่ในการเก็บข้อมลู และคำสงั่ ท่ีอยู่ ระหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอรห์ รอื ในขณะท่ีเปดิ เครื่องคอมพวิ เตอร์ หน่วยความจำจะทำงานควบคู่ ไปกับ CPU และช่วยให้การทำงานของ CPU มปี ระสิทธิภาพมากยง่ิ ขนึ้
4) หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage) มหี นา้ ทใี่ นการเกบ็ ข้อมลู และโปรแกรม ทต่ี อ้ งการใชง้ านในภายหลังได้ ถือว่าเปน็ หน่วยความจำสำหรบั เก็บข้อมูลถาวร 5) หนว่ ยแสดงผล (output unit) เป็นหน่วยที่ทำหน้าท่ีแสดงผลท่ไี ด้จากกาประมวลผล ข้อมูลในหน่วยความจำหลัก เพือ่ สง่ ข้อมลู หรอื สอื่ สารกับผรู้ บั โดยมฮี ารด์ แวร์ท่ีทำหนา้ ทเ่ี ป็นสว่ นแสดงผลหรอื สง่ ขอ้ มลู ท่ีผา่ นการประมวลผลจากซพี ยี มู ายงั ผรู้ บั ท้ังในรูปแบบภาพ เสียง และสงิ่ พมิ พ์” 4. นักเรียนทำใบงานท่ี 3.2.1 เรอื่ ง หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ โดยให้นกั เรียนนำ คำทก่ี ำหนดให้ไปเตมิ ลงในหน่วยตา่ ง ๆ ตามหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ 5. ครสู มุ่ นกั เรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรียน พร้อมกบั อภปิ รายรว่ มกนั ในห้องเรียน ช่ัวโมงท่ี ๒ ขั้นสอน ขั้นท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 6. นักเรียนศกึ ษาเกีย่ วกบั หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอรจ์ ากหนงั สอื เรียนหรือสืบค้น เพมิ่ เติมจากอนิ เทอรเ์ นต็ 7. ครสู ุ่มนกั เรียน 3-4 คน ออกมาอธิบายหลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์หน้าชน้ั เรยี น ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 8. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซักถามขอ้ สงสัย โดยครใู ห้ความรู้เพิ่มเติมในส่วนน้นั 9. นักเรยี นทำใบงานที่ 3.2.2 เรอื่ ง ข้นั ตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ โดยให้นกั เรียน บอกขน้ั ตอนการทำงานของระบบคอมพวิ เตอรต์ ามลำดบั ท่ีถูกต้องและอธบิ ายหนา้ ที่การทำงานของแตล่ ะ ข้ันตอนโดยละเอยี ด 10. ครูส่มุ นกั เรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น พร้อมกับอภิปรายร่วมกันในห้องเรียน Note วตั ถุประสงค์ของกิจกรรมเพื่อให้นกั เรียน - มีทักษะการสืบคน้ ข้อมลู โดยให้นักเรยี นแตล่ ะคนสืบค้นข้อมลู จากอินเทอรเ์ นต็ เพื่อสืบเสาะหาความร้ตู ามหัวข้อท่ีไดร้ บั มอบหมาย - มที กั ษะการคิดวิเคราะห์ โดยให้นกั เรยี นพิจารณาเน้ือหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนงั สอื เรยี น อินเทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้ ขัน้ สรปุ ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครปู ระเมินผลนกั เรียนจากการสงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรยี น และ การทำใบงาน 2. ครตู รวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานท่ี 3.2.1 และ ใบงานท3ี่ .2.2 3. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปเกี่ยวกับหลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์
7. การวัดและประเมินผล วธิ วี ดั เครือ่ งมือ รายการวัด เกณฑ์การประเมนิ 7.1 ประเมนิ ระหว่างการจัด กจิ กรรม ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การเรยี นรู้ - ตรวจใบงานที่ 3.2.1 - ใบงานที่ 3.2.1 1) หลักการทำงานของระบบ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ คอมพิวเตอร์ 2) ขัน้ ตอนการทำงานของระบบ - ตรวจใบงานที่ 3.2.2 - ใบงานท่ี 3.2.2 ระดบั คุณภาพ 2 คอมพวิ เตอร์ ผา่ นเกณฑ์ 3) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ 4) พฤตกิ รรมการทำงาน - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 รายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 5) คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ ความรับผดิ ชอบ คณุ ลกั ษณะ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่ัน อันพงึ ประสงค์ ในการทำงาน 8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอ่ื ง ระบบคอมพิวเตอร์ 2) ใบงานที่ 3.2.1 เรอ่ื ง หลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์ 3) ใบงานท่ี 3.2.2 เร่ือง ขน้ั ตอนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ 4) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องคอมพวิ เตอร์ 2) อนิ เทอร์เน็ต
ใบงานที่ ๓.๒.๑ เรื่อง หลกั การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนนำบตั รคำทกี่ ำหนดให้ไปเติมลงในหน่วยตา่ ง ๆ ตามหลักการทำงานของระบบ คอมพวิ เตอร์ แปน้ พิมพ์ จอภาพ เมาส์ ลำโพง ปรนิ ต์เตอร์ เครื่องบนั ทึกเสียง แฟลชไดรฟ์ สแกนเนอร์ แรม ฮาร์ดดิสก์ รอม เมมโมรกี าร์ด แผน่ ซดี ี ซีพยี ู ไมโครโฟน หนว่ ยรบั ข้อมูล หนว่ ยประมวลผลกลาง หนว่ ยแสดงผลข้อมูล ................................. ………………………… ................................... ................................. ……………………….... ................................... ................................. .................................... ................................. หนว่ ยเกบ็ ข้อมลู .................................... ................................. .................................... ................................. .................................... หนว่ ยความจำหลัก หน่วยความจำสำรอง ................................. ................................. ................................. ................................. ................................. ................................. ................................. ................................. ชือ่ .................................................................................................เลขที.่ ........................ชั้น.............................
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๒ จำนวน ๑๐ ชวั่ โมง เร่อื ง เทคโนโลยกี ารส่อื สาร คาบที่ ๒๓-๒๖ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๓ ระบบคอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ 1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด 1.1 ตวั ชีว้ ดั ว 4.2 ม.2/3 อภิปรายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการ สอ่ื สาร เพอ่ื ประยกุ ต์ใชง้ านหรอื แก้ปัญหาเบ้ืองตน้ 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายองคป์ ระกอบของการสือ่ สารได้ถูกต้อง (K) 2. อธบิ ายส่ือกลางในการสอื่ สารข้อมูลไดถ้ ูกต้อง (K) 3. อธบิ ายทศิ ทางในการสอ่ื สารขอ้ มูลได้ถูกต้อง (K) 4. สบื คน้ ขอ้ มูลเก่ียวกับเทคโนโลยีการสอื่ สารได้ถูกต้อง (P) 5. สนใจใฝเ่ รียนรใู้ นการศึกษา (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ - เทคโนโลยีการสอ่ื สาร พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์มากขึ้น ซ่ึง องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูลจะประกอบไปด้วยข้อมูลข่าวสาร ผู้ส่งสาร สื่อกลาง ผู้รับสาร และ โปรโตคอล นอกจากนั้นสื่อกลางในการสื่อสารข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สื่อกลางประเภทสายสัญญาณและสื่อกลางประเภทไร้สาย สำหรับระบบเครือข่ายในปัจจุบันจะแบ่งเป็น เครือข่ายสว่ นบุคคล เครอื ขา่ ยท้องถ่ิน เครอื ขา่ ยระดับเมอื ง และเครือขา่ ยระดบั ประเทศ 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินยั รับผิดชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รียนรู้ - ทกั ษะการแลกเปลี่ยนข้อมลู 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคิดวิเคราะห์ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ - ทกั ษะการทำงานร่วมกนั 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทกั ษะการสืบคน้ ข้อมูล
6. กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ กี ารสอนโดยเน้นรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่วั โมงท่ี ๑ ข้ันนำ ขัน้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครทู บทวนเนื้อหาการเรียนจากชั่วโมงท่ผี า่ นมาเกยี่ วกบั หลักการทำงานของระบบคอมพวิ เตอร์ 2. ครูทบทวนความรู้ของนักเรยี นโดยตัง้ คำถามวา่ “ปจั จบุ นั มีเทคโนโลยใี ดท่เี ข้ามาช่วยเหลอื ใน การสือ่ สารบ้าง” โดยครคู อยบันทกึ คำตอบของนักเรียนลงบนกระดานหนา้ ชัน้ เรียน (แนวตอบ : นักเรยี นตอบ ตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบขึ้นอยู่กบั ดลุ ยพนิ ิจของครผู ู้สอน เช่น โทรศพั ท์ คอมพวิ เตอร์ เปน็ ต้น) 3. ครถู ามคำถามประจำหัวข้อว่า “นกั เรียนรูห้ รอื ไมว่ ่าข้อดขี องการนำเทคโนโลยเี ข้ามาช่วยเหลอื ในการสือ่ สารน้ันมีอะไรบา้ ง” (แนวตอบ : นกั เรียนตอบตามความคิดเหน็ ของตนเอง โดยคำตอบขนึ้ อยู่กับดุลย พินจิ ของครูผู้สอน เชน่ ทำให้ได้รบั ร้ขู ่าวสารตา่ ง ๆ ได้อย่างทนั ทว่ งที ประหยัดค่าใชจ้ า่ ยในการส่ือสาร เป็นต้น) ขน้ั สอน ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 3-4 คน หรือตามความเหมาะสม และให้แตล่ ะกล่มุ สบื คน้ ข้อมูลจาก อนิ เทอร์เน็ตท่ีเครอื่ งคอมพิวเตอรข์ องตนเองเกยี่ วกับองคป์ ระกอบของการส่ือสารข้อมูลโดยนักเรยี นสามารถ ศึกษาเน้ือหา เร่ือง องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูลได้จากหนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรอื่ ง ระบบคอมพิวเตอร์ จากน้ันให้แต่ละกลุ่ม ออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรยี น พร้อมพูดคยุ เพ่ือแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กับเพ่ือนในชัน้ เรียน 2. ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ กับนกั เรียนเกย่ี วกบั องค์ประกอบข้อมลู ข่าวสาร ซึง่ เป็นองคป์ ระกอบสำคญั ของการสอ่ื สารข้อมูลว่า “ขอ้ มลู ข่าวสารเปน็ ตัวเนอ้ื หาของขอ้ มูล ซึ่งมีได้หลายรูปแบบดังนี้ 1) ขอ้ ความ (Text) เป็นข้อมูลทีอ่ ยใู่ นรูปอักขระหรือเอกสาร 2) เสยี ง (Voice) เปน็ เสียงที่มนษุ ย์หรืออปุ กรณบ์ างอยา่ งเป็นตวั สรา้ งขนึ้ มา 3) รปู ภาพ (Image) เป็นข้อมูลท่ีเป็นรปู ภาพ เช่น การสแกนภาพเขา้ คอมพวิ เตอร์ ภาพถ่าย เป็นต้น 4) สื่อผสม (Multimedia) เป็นขอ้ มลู ทผี่ สมลักษณะของทั้งรปู ภาพ เสยี ง และข้อความเข้า ดว้ ยกนั โดยสามารถเคลือ่ นไหวได้” 3. นักเรียนศึกษาพัฒนาการของการสื่อสารข้อมลู ทีส่ ามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุคจากหนังสือเรยี น 4. ครสู มุ่ นกั เรียน 3 คนออกมาอภิปรายหน้าชัน้ เรียนเกีย่ วกับการสอ่ื สารขอ้ มูลพร้อมยกตัวอย่าง การส่ือสารในแตล่ ะยุคได้อยา่ งเหมาะสม 5. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามขอ้ สงสยั โดยครูให้ความรเู้ พม่ิ เตมิ ในสว่ นนั้น 6. นักเรียนทำใบงานท่ี 3.3.1 เรอื่ ง องค์ประกอบของการสื่อสารขอ้ มลู
7. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมกับอภิปรายร่วมกันภายใน หอ้ งเรยี น ช่วั โมงท่ี ๒ ขน้ั สอน ขนั้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 8. ครูทบทวนเนือ้ หาการเรยี นจากชวั่ โมงท่ีผ่านมาเก่ียวกับองค์ประกอบของการส่อื สารข้อมูลและ พฒั นาการของการสื่อสารข้อมูล 9. นักเรยี นศกึ ษาเน้ือหาเกี่ยวกบั ทศิ ทางการส่ือสารขอ้ มลู ท่ีสือ่ สารข้อมลู จากผู้ส่งสารไปยงั ผู้รับสาร โดยผา่ นตัวกลาง และสามารถจำแนกทิศทางการส่ือสารออกเป็น 3 รูปแบบ 10. ครูสุ่มนักเรยี น 3-4 คน ออกมาอธิบายเกีย่ วกบั ทศิ ทางการส่อื สารข้อมูลทัง้ 3 รปู แบบ ดังนี้ 1) การสอื่ สารทิศทางเดยี ว 2) การส่อื สารกง่ึ สองทิศทาง 3) การส่ือสารสองทศิ ทาง 11. นกั เรียนทำใบงานท่ี 3.3.2 เรอื่ ง ทศิ ทางการส่อื สารข้อมูล 12. ครสู ุ่มนักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น พร้อมกับอภปิ รายรว่ มกันภายใน ห้องเรียน ชวั่ โมงท่ี ๓ ข้นั สอน ข้ันที่ 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 13. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม (กลมุ่ เดิม) เพื่อศกึ ษาเนื้อหาเกยี่ วกับสื่อกลางของการสอื่ สารขอ้ มลู ผ่านระบบ เครอื ข่าย และพิจารณาถึงข้อดี – ขอ้ เสียของประเภทสายสญั ญาณในแต่ละแบบจากหนังสอื เรียน ตามหวั ขอ้ ดังตอ่ ไปน้ี 1) สือ่ กลางประเภทสายสญั ญาณ 1.1 สายคบู่ ิดเกลยี ว 1.2 สายโคแอกเชียล 1.3 สายไฟเบอร์ออปติก 2) สื่อกลางประเภทไร้สาย 2.1 อนิ ฟราเรด 2.2 คลืน่ วทิ ยุ 2.3 ไมโครเวฟ 2.4 ดาวเทียมสอ่ื สาร 14. ครอู ธบิ ายเพ่ือเชือ่ มโยงความรู้สู่ชีวติ ประจำวนั (Com Sci in Real Life) วา่ “สายคบู่ ดิ เกลียว แบบ UTP ถูกผลติ ขึน้ มาใชง้ านกอ่ นแลว้ จึงได้มกี ารพฒั นาเป็น STP ซึง่ สาย UTP เร่มิ แรกถูกนำมาใช้ในระบบ โทรศัพท์ แตป่ ัจจุบนั ถกู นำมาใชเ้ ปน็ สญั ญาณท่ีเชื่อมต่อในระบบเครือขา่ ยท้องถน่ิ (LAN) และมีการกำหนด
มาตรฐานไว้ โดยสายทม่ี มี าตรฐานสูงจะสามารถสง่ ขอ้ มลู ขนาดใหญ่ได้ และมคี วามเร็วในการส่งสูง แต่ก็จะมี ราคาแพงขึน้ ตามลำดับ” 15. นกั เรยี นพจิ ารณาคุณสมบัตแิ ละการนำไปใช้งานของสื่อกลางประเภทสายสัญญาณ 16. นกั เรยี นศึกษาความรเู้ สริมจากเนอ้ื หาเพ่ือขยายความรู้ของผู้เรียน (Com Sci Focus) เร่อื ง หน่วยวดั ความเร็วของคอมพวิ เตอร์ ท่กี ลา่ วถึง Gbps ท่ยี ่อมากจากคำวา่ Gigabit per second และ Mbps ที่ ยอ่ มาจากคำวา่ Megabit per second ข้นั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 17. ครอู ธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนเกี่ยวกบั สือ่ กลางของการสอ่ื สารขอ้ มูลผา่ นระบบเครือข่ายว่า “สอื่ กลางของการสื่อสารข้อมูลประกอบไปด้วย 2 ประเภท คือ 1) ส่อื กลางประเภทสายสัญญาณ เปน็ สื่อท่ีอาศยั วัสดุทจ่ี บั ต้องได้เปน็ ตวั ส่งผ่านสัญญาณ เช่น สายทองแดง เปน็ ต้น ซง่ึ แบ่งออกเป็นสายค่ตู เี กลียว (Twisted Pair) สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) และ สายไฟเบอร์ออปติก (Fiber-Optic) 2) สื่อกลางประเภทไรส้ าย เป็นสอื่ กลางประเภทท่ีไมใ่ ช้วัสดใุ ด ๆ ในการนำสัญญาณ ซึง่ จะไม่ มีการกำหนดเส้นทางใหส้ ัญญาณเดนิ ทาง เช่น คลนื่ ไมโครเวฟ คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งแบง่ ออกเป็น คลน่ื วิทยุ ไมโครเวฟ และดาวเทยี มสื่อสาร เป็นต้น” 18. นกั เรียนทำใบงานที่ 3.3.3 เรอ่ื ง ส่อื กลางของการสื่อสารข้อมลู 19. ครสู ุ่มนกั เรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น พร้อมกับอภปิ รายร่วมกันภายใน ห้องเรยี น ชว่ั โมงท่ี ๔ ขน้ั สอน ข้ันที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 20. นักเรยี นศึกษาเนื้อหาเกีย่ วกบั ประเภทของระบบเครือข่ายจากหนงั สอื เรียนตามหัวข้อดงั ต่อไปนี้ 1) เครือข่ายสว่ นบคุ คล 2) เครือข่ายส่วนทอ้ งถิ่น 3) เครือข่ายระดบั เมอื ง 4) เครอื ข่ายระดับประเทศ 21. ครูสมุ่ นกั เรยี น 3-4 คน ออกมาอธบิ ายประเภทของระบบเครอื ข่าย ตามที่นักเรียนได้ศกึ ษาจาก หนงั สอื เรียน 22. ครอู ธบิ ายเพื่อเช่ือมโยงความรู้สชู่ วี ิตประจำวนั (Com Sci in Real Life) เรื่อง ระบบเครอื ขา่ ย ในสถานศึกษาว่า “ระบบเครือข่ายในสถานศึกษาทีม่ อี าคารเรยี นหลาย ๆ อาคาร ส่วนใหญ่มกั จะ มรี ะบบ MAN ไวค้ อยเชือ่ มต่อกบั ระบบ LAN ของแต่ละอาคารเข้าดว้ ยกนั ” 23. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ เก่ยี วกับเครือขา่ ย WAN ซ่งึ เปน็ ประเภทหนึง่ ของระบบเครือข่ายว่า “เครอื ข่าย WAN สามารถแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1) เครือข่ายส่วนตัว (Private Network) เปน็ การจดั ตงั้ ระบบเครือข่ายซ่ึงมีการใชง้ านเฉพาะ องค์กร เชน่ องค์กรท่มี ีสาขาอาจทำการสร้างระบบเครือข่าย เพือ่ เช่ือมตอ่ ระหว่างสำนักงานใหญ่กบั สาขาท่มี ี อยู่ เป็นต้น 2) เครือข่ายสาธารณะ (PDN: Public Data Network) เป็นเครอื ข่ายจะมีองคก์ รหน่งึ เป็นผทู้ ำ หน้าท่ีในการเดินระบบเครือข่าย และให้บริการเชา่ ช่องทางการสอื่ สารใหก้ ับบริษัทต่าง ๆ ทตี่ อ้ งการสร้างระบบ เครอื ข่าย ซง่ึ จะนยิ มใชก้ ันมาก เนื่องจากมคี ่าใชจ้ า่ ยต่ำกว่าการจัดตั้งเครือขา่ ยส่วนตัว สามารถใช้งานได้ทันที โดยไมต่ อ้ งเสียเวลาในการจัดตงั้ เครอื ข่ายใหม่ รวมทง้ั มบี ริการใหเ้ ลือกอย่างหลากหลาย” ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 24. นักเรียนทำใบงานท่ี 3.3.4 เรอื่ ง ประเภทของระบบเครือขา่ ย 25. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมกับอภิปรายร่วมกันภายใน หอ้ งเรียน Note วตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรมเพอ่ื ใหน้ กั เรยี น - มที กั ษะการทำงานรว่ มกนั โดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทำงานหรอื การทำ กิจกรรมเพือ่ ใหเ้ กดิ การสอื่ สารและแลกเปลยี่ นข้อมลู ร่วมกันภายในกลมุ่ - มีทกั ษะการสบื ค้นข้อมลู โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนสบื คน้ ข้อมูลจากอินเทอร์เนต็ เพอ่ื สบื เสาะหาความรู้ตามหวั ขอ้ ท่ีได้รับมอบหมาย - มที ักษะการคิดวิเคราะห์ โดยให้นักเรยี นพิจารณาเน้ือหาจากการสืบค้นหรือศึกษา ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนังสือเรียน อนิ เทอรเ์ น็ต เป็นต้น ขั้นสรุป ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรียนจากการสงั เกตการตอบคำถาม การนำเสนอหน้าชน้ั เรียน ความสนใจ ในการเรยี น และการทำใบงาน 2. ครตู รวจสอบความถูกต้องของผลการทำใบงานที่ 3.3.1, ใบงานท่ี 3.3.2, ใบงานที่ 3.3.3 และใบงานที่ 3.3.4 3. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปเก่ียวกบั เทคโนโลยกี ารสอื่ สารวา่ “ในปัจจบุ ันเทคโนโลยีเข้ามา บทบาทสำคัญในการดำรงชวี ิตของมนษุ ยม์ ากข้นึ โดยเฉพาะในดา้ นการส่ือสาร ได้มีการพฒั นาอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาชว่ ยเหลอื ในการสอ่ื สาร เชน่ โทรศพั ท์ คอมพิวเตอร์ เปน็ ต้น” 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวดั วิธีวัด เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 ประเมินระหว่างการจดั - ตรวจใบงานท่ี 3.3.1 - ใบงานท่ี 3.3.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ กจิ กรรม การเรียนรู้
รายการวดั วิธีวัด เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 1) องค์ประกอบของการสื่อสาร ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ข้อมูล รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 2) ทิศทางการสือ่ สารข้อมูล - ตรวจใบงานท่ี 3.3.2 - ใบงานท่ี 3.3.2 ระดบั คุณภาพ 2 3) สอ่ื กลางของการสอ่ื สาร - ตรวจใบงานท่ี 3.3.3 - ใบงานที่ 3.3.3 ผ่านเกณฑ์ ข้อมลู ระดับคุณภาพ 2 4) ประเภทของระบบเครือข่าย - ตรวจใบงานท่ี 3.3.4 - ใบงานที่ 3.3.4 ผา่ นเกณฑ์ 5) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 2 6) พฤติกรรมการทำงาน ผลงาน การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล 7) พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม การทำงานกล่มุ 8) คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ความรบั ผิดชอบ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มั่น อนั พึงประสงค์ ในการทำงาน 8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1 สื่อการเรียนรู้ 1) หนังสอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง ระบบคอมพิวเตอร์ 2) ใบงานท่ี 3.3.1 เร่ือง องคป์ ระกอบของการสื่อสารข้อมูล 3) ใบงานที่ 3.3.2 เรอ่ื ง ทศิ ทางการสื่อสารข้อมลู 4) ใบงานท่ี 3.3.3 เรื่อง สอ่ื กลางของการส่อื สารข้อมูล 5) ใบงานที่ 3.3.4 เรอื่ ง ประเภทของระบบเครือขา่ ย 6) เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อนิ เทอรเ์ นต็
ใบงานท่ี ๓.๓.๑ เรอื่ ง องค์ประกอบของการส่ือสารข้อมูล คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นอธิบายความหมายองค์ประกอบของการสือ่ สารข้อมูลท่กี ำหนดมาใหถ้ ูกต้อง Message …………………………………………………………………………………… Sender …………………………………………………………………………………… Medium …………………………………………………………………………………… Receiver …………………………………………………………………………………… Protocol ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………… ช่ือ.................................................................................................เลขที่.........................ชน้ั .............................
ใบงานท่ี ๓.๓.๒ เร่ือง ทศิ ทางการสื่อสารข้อมูล คำชี้แจง : ให้นักเรียนพิจารณาการสื่อสารที่กำหนดให้ จากนั้นให้บอกวา่ เป็นการสื่อสารแบบทิศทางใด และมี ลกั ษณะการสอ่ื สารอยา่ งไร ทิศทางการสอ่ื สาร ลักษณะการสื่อสาร ทิศทางการส่ือสาร ลักษณะการสื่อสาร ทิศทางการส่ือสาร ลกั ษณะการสอ่ื สาร ช่อื .................................................................................................เลขท่ี.........................ช้ัน.............................
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๑๓ จำนวน ๑๐ ชว่ั โมง เร่อื ง การประยุกตใ์ ช้งานและการแกป้ ญั หาเบ้อื งต้น คาบที่ ๒๗-๒๘ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๓ ระบบคอมพิวเตอร์ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ 1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ัด 1.1 ตัวชว้ี ัด ว 4.2 ม.2/3 อภปิ รายองค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการ สอ่ื สาร เพอื่ ประยุกต์ใช้งานหรอื แก้ปัญหาเบือ้ งต้น 2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายประเภทของคอมพิวเตอร์ไดถ้ ูกต้อง (K) 2. แกไ้ ขปญั หาทเี่ กดิ จากการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ในเบื้องต้นได้ (P) 3. แกไ้ ขปญั หาท่ีเกดิ จากการใชง้ านด้านซอฟต์แวร์ในเบื้องต้นได้ (P) 4. สนใจใฝ่เรยี นรูใ้ นการศึกษาและประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ - การประยกุ ต์ใช้งานและการแกป้ ัญหาเบ้ืองตน้ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา 4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ประเภทของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 5 ประเภท ได้แก่ Super Computer, Mainframe Computer, Personal Computer, Workstation Computer แ ล ะ Wearable Computer สำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นผู้ใช้ควรทราบถึงปัญหาและการแก้ไขปัญหาในการใช้งาน ท่ีเกดิ ข้นึ ซงึ่ ส่วนใหญ่แลว้ จะเปน็ ปญั หาทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินัย รบั ผิดชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝเ่ รยี นรู้ - ทักษะการแลกเปลย่ี นข้อมูล 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - ทักษะการสังเกต 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ - ทักษะการทำงานรว่ มกัน
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทกั ษะการสบื ค้นขอ้ มลู 6. กิจกรรมการเรียนรู้ วธิ กี ารสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชัว่ โมงท่ี ๑ ขน้ั นำ ขั้นท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. ครูทบทวนความรู้เดมิ จากช่วั โมงท่ผี า่ นมา 2. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) และให้ค้นหาวา่ คอมพิวเตอรแ์ บง่ ออกเปน็ ก่ปี ระเภท และแตล่ ะ ประเภทเหมาะกับการทำงานประเภทใด จากนั้นให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพ่ือนร่วมชนั้ ข้นั สอน ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรยี นศกึ ษาประเภทของคอมพิวเตอร์ทแ่ี บง่ ออกเปน็ 5 ประเภท คือ 1) Super Computer 2) Mainframe Computer 3) Personal Computer 4) Workstation Computer 5) Wearable Computer จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการ เรียนร้ทู ่ี 3 เร่อื ง ระบบคอมพิวเตอร์ หรือสบื ค้นเพมิ่ เติมจากอินเทอร์เน็ตที่เคร่ืองคอมพิวเตอร์ของตนเองโดยให้ นักเรยี นพจิ ารณาถึงลักษณะการทำงานและการใชง้ าน 2. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมเก่ียวกบั การใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ว่า“นอกจากจะมีการแบ่งประเภทของ คอมพิวเตอร์ออกเป็น 5 ประเภทแล้ว ยังสามารถแบ่งประเภทคอมพิวเตอรต์ ามวัตถุประสงค์ของการใช้งานได้ อกี คือ 1) คอมพวิ เตอรเ์ พือ่ งานเฉพาะกจิ (Special Purpose Computer) หมายถึงเครือ่ งประมวลผล ข้อมูลที่ถูกออกแบบตัวเครื่องและโปรแกรมควบคุมให้ทำงานอย่างใดอย่างหน่ึงเปน็ การเฉพาะ โดยทั่วไปมกั ใช้ ในงานควบคุมอุตสาหกรรมที่เน้นการประมวลผลแบบรวดเร็ว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ควบคุมสัญญาณไฟ จราจร คอมพวิ เตอรค์ วบคุมลิฟต์ หรือคอมพิวเตอรค์ วบคมุ ระบบอตั โนมตั ิในรถยนต์ เป็นตน้ 2) คอมพวิ เตอรเ์ พื่องานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer) หมายถงึ เครอ่ื งประมวลผลขอ้ มูลทม่ี คี วามยืดหยนุ่ ในการทำงาน โดยได้รับการออกแบบใหส้ ามารถประยกุ ต์ใช้ในงาน
ประเภทต่าง ๆ ได้ โดยระบบจะทำงานตามคำส่ังในโปรแกรมท่เี ขียนข้ึนมา เชน่ ใช้เครื่องน้ใี นงานประมวลผล คะแนนนักเรียนเก่ยี วกับระบบการตดั เกรด หรือสามารถใช้ในการคำนวณเงนิ เดือนได้ เป็นตน้ ” 3. นักเรยี นทำใบงานท่ี 3.4.1 เรอื่ ง ประเภทของคอมพวิ เตอร์ 4. ครูสมุ่ นักเรยี น 2-3 คน ออกมานำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน พร้อมกบั อภิปรายรว่ มกันในห้องเรียน ชวั่ โมงที่ ๒ ขน้ั สอน ขั้นท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 5. ครูทบทวนเนื้อหาการเรียนเม่อื ชัว่ โมงท่แี ล้วเกยี่ วกบั การใชง้ านระบบคอมพิวเตอร์ 6. ครูถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า“ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักเรียนเสียหรือมีปัญหา นกั เรียนสามารถแก้ไขเองได้หรือไม่” (แนวตอบ : นักเรยี นแสดงความคิดเหน็ ตามประสบกาณณข์ องตนเอง) 7. นกั เรียนศึกษาเนอ้ื หา เรือ่ ง ปัญหาและการแก้ไขการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ จากหนงั สือเรยี น และสังเกตปัญหาทเี่ กิดข้นึ และการแกป้ ญั หาจากตัวอยา่ งในหนงั สือเรียน ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 8. ครูสุ่มนักเรียน 3-4 คน ออกมาอธิบายถึงปัญหาที่เกิดกับคอมพิวเตอร์และวิธีการแก้ปัญหา คอมพวิ เตอรท์ ี่นักเรียนพบในเบ้ืองตน้ พร้อมกับอภิปรายร่วมกนั ในช้ันเรียน 9. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกีย่ วกับปัญหาและการแก้ไขการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ว่า“นอกจากจะมี ปัญหาด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์แล้ว ยังมีปัญหาด้านไวรัสที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ถ้าพบว่า คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงกว่าปกติ คอมพิวเตอร์หยุดการตอบสนองหรือติดขัดบ่อยครั้ง คอมพิวเตอร์ขัดข้อง แล้วเริ่มใหม่ทุกสองสามนาที โปรแกรมประยุกต์ในคอมพิวเตอร์ทำงานไม่ถูกต้อง เป็นต้น ซึ่งปัญหาดังกล่าวน้ี อาจเกิดจากการมีไวรัสที่ฝังอยู่ในคอมพิวเตอร์ ดังนนั้ จึงควรติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบไวรัสและหมั่นตรวจสอบ อยเู่ สมอเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล” ขน้ั ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 10. นักเรยี นทำกจิ กรรมทส่ี อดคลอ้ งกับเนือ้ หา โดยการตอบคำถามเพ่อื พฒั นาความร้แู ละทกั ษะ การเรยี นรู้ (Com Sci Activity) เกยี่ วกับระบบคอมพิวเตอร์ลงในสมดุ ประจำตัว 11. นกั เรียนทำใบงานที่ 3.4.2 เรื่อง การแกป้ ัญหาคอมพวิ เตอร์ 12. ครสู ่มุ นกั เรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าช้นั เรยี น พรอ้ มกับอภปิ รายร่วมกนั Note วตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรมเพ่ือใหน้ ักเรียน - มีทกั ษะการทำงานร่วมกันโดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในการทำงานหรอื การทำกิจกรรมเพอ่ื ใหเ้ กิดการสอื่ สารและแลกเปลย่ี น ขอ้ มูลรว่ มกนั ภายในกลมุ่ - มที กั ษะการสบื ค้นขอ้ มลู โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนสบื ค้นข้อมลู จากอินเทอรเ์ นต็ เพ่อื สบื เสาะหาความรตู้ ามหวั ข้อทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย หนงั สือเขรียน้ั-นมสเทีพรักอ่ื ปุ ษนะำไกปาปรสรบงัั เใกชตใ้ นโกดายรใเหร้นยี ักนเไรดยี อ้ นยส่าังงเเกหตมปาญัะสหมาทเ่ี กดิ ขึ้นดา้ นฮาร์ดแวรแ์ ละดา้ นซอฟต์แวร์พรอ้ มวธิ ีการแก้ไขปัญหาจาก - มีทขักน้ัษะทกี่ า5รคตดิ รววเิ คจรสาอะหบ์ ผโดลยใ(หEน้ vกั aเlรuียaนtพiจิoาnร)ณาเน้ือหาจากการสบื คน้ หรอื ศึกษา ข้อมูลจากแหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ เชน่ หนงั สือเรียน อินเทอรเ์ น็ต เป็นตน้
1. ครูประเมนิ ผลนกั เรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม การนำเสนอหน้าชั้นเรยี น และการทำใบ งาน 2. ครูตรวจสอบความถูกต้องของผลการทำใบงานท่ี 3.4.1 และ ใบงานที่ 3.4.2 3. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปเกี่ยวกบั การประยุกตใ์ ช้งานและการแก้ปัญหาเบอ้ื งตน้ 4. นักเรียนตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจด้วยตนเองจากหนงั สือเรียน โดยพจิ ารณาข้อความวา่ ถูก หรอื ผดิ หากนักเรยี นพจิ ารณาข้อความไม่ถูกต้องให้นกั เรียนกลับไปทบทวนเน้ือหาตามหัวขอ้ ที่กำหนดให้ 5. นักเรียนทำแบบฝึกหดั ประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 โดยใหบ้ ันทึกลงในสมุดประจำตัว และทำ ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรอื่ ง ระบบคอมพวิ เตอร์ เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจ และนำมาส่งในช่วั โมงถดั ไป 6. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 เร่อื ง ระบบคอมพิวเตอร์ เพอื่ วัดความรู้ ทีน่ ักเรยี นได้รับหลังจากผ่านการเรียนรู้ 7. การวดั และประเมินผล รายการวดั วธิ ีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ 7.1 ประเมนิ ระหว่างการจัด กจิ กรรม - ตรวจใบงานที่ 3.4.1 - ใบงานที่ 3.4.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ การเรยี นรู้ - ตรวจใบงานที่ 3.4.2 - ใบงานที่ 3.4.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ 1) ประเภทของคอมพิวเตอร์ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 2) การแกป้ ัญหาคอมพิวเตอร์ ผ่านเกณฑ์ 3) การนำเสนอผลงาน ผลงาน การนำเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 4) พฤติกรรมการทำงาน - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล รายบุคคล 5) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ 6) คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตความมีวนิ ยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ความรบั ผดิ ชอบ คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ 7.2 การประเมินหลังเรียน ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มน่ั อันพงึ ประสงค์ 1) แบบทดสอบหลังเรียน ในการทำงาน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง ระบบคอมพวิ เตอร์ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบหลังเรียน ประเมนิ ตามสภาพจริง 2) การประเมนิ ชิ้นงาน หลงั เรียน /ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง ระบบคอมพวิ เตอร์ - ตรวจชิ้นงาน/ภาระ - แบบประเมินชน้ิ งาน ระดบั คุณภาพ 2 งาน (รวบยอด) /ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์ 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี น รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรื่อง ระบบคอมพิวเตอร์ 2) ใบงานที่ 3.4.1 เรือ่ ง ประเภทของคอมพวิ เตอร์ 3) ใบงานที่ 3.4.2 เร่อื ง การแก้ปัญหาคอมพวิ เตอร์ 4) เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ 1) หอ้ งคอมพวิ เตอร์ 2) อนิ เทอรเ์ น็ต
ใบงานที่ ๓.๔.๑ เรอ่ื ง ประเภทของคอมพิวเตอร์ คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปนีใ้ หถ้ ูกต้อง 1. คอมพิวเตอร์ที่ถูกนำไปใชใ้ นองค์กรขนาดใหญ่ คือ 2. คอมพิวเตอร์ทม่ี ีขนาดใหญ่ มนี ำ้ หนักมาก และมีราคาแพง คือ 3. คอมพวิ เตอร์ทเ่ี หมาะสำหรับงานดา้ นกราฟกิ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม คือ 4. คอมพวิ เตอรท์ ี่ทำงานเกี่ยวข้องกบั ตวั จับการเคลื่อนไหว การหาตำแหน่ง คือ 5. คอมพวิ เตอรช์ นิดทน่ี ิยมใช้ในสำนกั งานมากที่สุด คอื ชอ่ื .................................................................................................เลขท.ี่ ........................ช้ัน.............................
ใบงานที่ ๓.๔.๒ เรอ่ื ง การแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นตอบคำถามต่อไปนใี้ หถ้ ูกต้อง 1. ถา้ นกั เรียนเปิดเคร่ืองคอมพิวเตอรแ์ ล้วมีไฟเขา้ เครื่อง แตห่ น้าจอไม่ตดิ นกั เรยี นคดิ ว่าเปน็ เพราะสาเหตุ ใด และมีวิธกี ารแก้ไขอยา่ งไร สาเหตุ วิธีการแก้ไข 2. ถา้ นักเรียนเปิดเครือ่ งแล้วหน้าจอไม่ตดิ และมีเสยี งร้อง (Beep) หลายๆ ครง้ั นกั เรยี นคิดวา่ เป็นเพราะ สาเหตุใด และมีวิธกี ารแก้ไขอย่างไร สาเหตุ วธิ ีการแกไ้ ข 3. ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของนักเรียนมีอาการดังนี้ คือ ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมา ทำงาน ขนาดของโปรแกรมใหญข่ น้ึ เกดิ อักษรหรอื ข้อความประหลาดบนหนา้ จอ ไฟลข์ อ้ มลู หรือโปรแกรม ที่เคยใช้อยู่หายไป เครื่องทำงานช้าลง เครื่องรีสตาร์ทเองโดยไม่ได้สั่ง หรือระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบ สาเหตุ นักเรียนคิดวา่ เป็นเพราะสาเหตใุ ด และมีวธิ กี ารแก้ไขอย่างไร สาเหตุ วิธกี ารแก้ไข ชอื่ .................................................................................................เลขท.ี่ ........................ชน้ั .............................
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑๔ จำนวน ๑๐ ชว่ั โมง เรอื่ ง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ คาบที่ ๒๙-๓๐ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ 1. มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั 1.1 ตวั ชีว้ ดั ว 4.2 ม.2/4 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั มีความรบั ผิดชอบ สร้างและแสดงสทิ ธิ์ใน การเผยแพร่ผลงาน 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายคุณประโยชนแ์ ละโทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้ถกู ต้อง (K) 2. สบื ค้นปญั หาท่ีเกิดจากเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ (P) 3. สนใจใฝเ่ รยี นร้ใู นการศึกษาและนำไปใช้ในชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่างเหมาะสม (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา - ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย โดย เลอื กแนวทางปฏบิ ตั ิเม่ือพบเนื้อหาที่ไม่ เหมาะสม เช่น แจง้ รายงานผเู้ ก่ยี วขอ้ ง ป้องกัน การเขา้ มาของข้อมลู ที่ไมเ่ หมาะสม ไม่ตอบโต้ ไม่เผยแพร่ 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด เทคโนโลยีสารสนเทศได้เขา้ มามีบทบาทกับชีวิตของผู้คนในหลากหลายด้าน และถือเป็นเครื่องมือที่มี ความสำคญั อย่างยง่ิ ตอ่ การดำเนินชีวิตของคนในสงั คมปัจจุบนั เมือ่ เทคโนโลยีสารสนเทศได้รบั การพัฒนาให้ มีรูปแบบที่มีความน่าสนใจและอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีจึงสร้างทั้งคุณประโยชน์และโทษ ให้กบั ผ้ใู ช้ ทั้งโดยต้งั ใจหรอื ไมต่ ง้ั ใจ 5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ - ทกั ษะการสอื่ สาร 2. ใฝเ่ รียนรู้ - ทักษะการแลกเปลี่ยนข้อมูล 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน 2. ความสามารถในการคิด - ทกั ษะการคิดวิเคราะห์
สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ - ทักษะการทำงานรว่ มกัน 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทกั ษะการสืบค้นข้อมูล 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วิธกี ารสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงที่ ๑ ขนั้ นำ ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engagement) 1. นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เร่อื ง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง ปลอดภัย เพื่อวดั ความรูเ้ ดมิ ของนักเรยี นก่อนเขา้ สู่กจิ กรรม 2. ครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรียนวา่ “นักเรียนคดิ ว่าปัญหาทเ่ี กดิ จากการใช้ เทคโนโลยมี อี ะไรบา้ ง” (แนวตอบ : นกั เรียนตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบขึน้ อยู่กับดลุ ยพนิ ิจ ของครผู ้สู อน เชน่ การละเมิดลิขสิทธิ์ การนำข้อมลู สว่ นบุคคลมาเผยแพร่ การนำผลงานของผู้อน่ื มาแอบอา้ ง เปน็ ของตน เปน็ ต้น) 3. จากน้นั ครูถามคำถามประจำหัวข้อวา่ “นักเรียนร้หู รือไมว่ า่ เราสามารถหลกี เลย่ี งปญั หาของการ ถูกขโมยขอ้ มลู หรือหลอกลวงใหห้ ลงเชอ่ื จากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศได้อยา่ งไรบา้ ง” (แนวตอบ : นักเรยี น ตอบตามประสบการณ์ของตนเอง โดยคำตอบข้ึนอยู่กบั ดุลยพนิ จิ ของครผู ูส้ อน เช่น ใสเ่ ครดติ ทผ่ี ลงานของ ตนเองเพื่อป้องกนั การดดั แปลง แกไ้ ข หรือปลอมแปลง ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมสี ติไมใ่ ห้ขอ้ มลู ส่วนตัว กบั หนว่ ยงานที่เชื่อถอื ไม่ได้ เปน็ ต้น ) ขั้นสอน ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน เพอ่ื ศึกษาและอภิปรายรว่ มกันถงึ คุณประโยชน์จากการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศในหนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ย การเรียนรทู้ ี่ 4 เรื่อง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย หรือสืบค้นข้อมลู จากอินเทอร์เนต็ ท่ีเครื่อง คอมพิวเตอร์ของตนเอง จากนนั้ ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ มานำเสนอเกีย่ วกบั คณุ ประโยชน์จากการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ พรอ้ มอภปิ รายร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียนโดยครูคอยบนั ทึกคำตอบของนักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ลงบน กระดานหนา้ ชน้ั เรียน 2. ครูอธิบายเพ่ิมเติมกบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั คุณประโยชน์จากการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศวา่ “การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศยงั ก่อใหเ้ กิดคุณประโยชน์ในดา้ นตา่ งๆอีกมากมาย เช่น 1) ทำให้เกดิ ความเท่าเทียมกันในสงั คม และเกิดการกระจายโอกาสทางด้านการศกึ ษา เชน่ การใชร้ ะบบการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ทำให้เด็กที่อยใู่ นชนบทหรือเด็กท่ีอยูใ่ นถ่นิ ทรุ กันดารมี โอกาสไดเ้ รยี นรู้และได้ศึกษาเนื้อหาการเรยี นต่าง ๆ อยา่ งเทา่ เทยี ม
2) ทำใหเ้ กิดการสร้างสือ่ การเรียนการสอนต่าง ๆ มากข้นึ เชน่ การใช้บทเรยี นคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน เปน็ ต้น 3) ทำให้เกิดระบบป้องกนั ประเทศที่มีประสทิ ธิภาพมากยิ่งขน้ึ เช่น การใชค้ อมพวิ เตอร์มา ควบคมุ อาวธุ ยทุ โธปกรณ์ หรอื ระบบป้องกนั ภัยตา่ ง ๆ เปน็ ต้น 4) ทำให้ช่วยลดแรงงานคนในการทำงานต่าง ๆ เชน่ ควบคมุ การผลิต หรือช่วยในการ คำนวณตลอดจนยังเป็นแหล่งสร้างความบนั เทงิ เปน็ ต้น” 3. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และครใู ห้ความร้เู พ่ิมเติมในสว่ นนน้ั หรอื เปิดโอกาสให้ นกั เรียนศึกษาความรเู้ พิ่มเติมจากอินเทอรเ์ น็ต 4. จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันจัดอันดับคุณประโยชน์จากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศจาก คำตอบของนักเรยี นบนกระดานหน้าช้ันเรียน ช่ัวโมงที่ ๒ ขน้ั สอน ขนั้ ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 5. ครูทบทวนเนื้อหาการเรียนเมื่อชั่วโมงที่แล้วเกี่ยวกับคุณประโยชน์จากการใช้งานเทคโนโลยี สารสนเทศ และให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ3-4 คน (กลุ่มเดิม) หรือตามความเหมาะสม เพื่อศึกษาและ อภิปรายถึงโทษที่เกิดจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยให้นักเรียนพิจารณาโทษจากการใช้งาน เทคโนโลยสี ารสนเทศ จากหนงั สือเรียนหรอื สืบค้นขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ ทเี่ ครื่องคอมพวิ เตอรข์ องตนเอง 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มมานำเสนอเกี่ยวกับโทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมอภิปราย รว่ มกับเพอ่ื นในชั้นเรียนโดยครูคอยบันทกึ คำตอบของนักเรียนแตล่ ะกลุ่มลงบนกระดานหน้าชัน้ เรียน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 7. ครูอธิบายเชือ่ มโยงความรู้สู่ชวี ิตประจำวัน (Com Sci in Real Life) ว่า“การเข้าถึงสารสนเทศ ในยุคดิจิทัลเนือ่ งจากเปน็ ยุคท่ีมีการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วและยงั สามารถเข้าถงึ ได้ง่ายมาก จึงทำให้ระบบการ รักษาความปลอดภัยนั้นไม่สามารถทำได้ 100% และปัจจุบันปัญหานี้ได้เพิ่มขึ้นตลอดเวลา เนื่องจากการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศไปในทางที่ผดิ ดงั น้ัน การใชส้ ารสนเทศจึง ควรระวังในเรื่องของการกระทำในทาง สือ่ สารหรือเผยแพร่ เพอื่ ป้องกันการถกู ล่อลวงหรือขโมยข้อมูล” 8. นักเรียนและครูร่วมกันจัดอันดับโทษจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ จากคำตอบของ นักเรยี นบนหน้ากระดาน ดังน้ี“โทษการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศทเ่ี กิดจากความต้ังใจหรือไม่ได้ต้งั ใจ ทำให้เกิด ปญั หาตา่ ง ๆ ดังน้ี 1) ปัญหาการตดิ เกมจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2) ปัญหาการละเมดิ ลขิ สิทธจ์ิ ากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 3) ปัญหาสงั คมเสือ่ มจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 4) ปัญหาอาชญากรรมทางขอ้ มลู จากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 5) ปัญหาการละเมิดสิทธิสว่ นบคุ คลจากการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ 6) ปญั หาอาชญากรรมที่มีผลต่อชีวติ จากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ” ขัน้ ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 9. ครูเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซกั ถามข้อสงสยั โดยครูใหค้ วามรู้เพ่มิ เติมในสว่ นนนั้
10. นักเรียนทำใบงานที่ 4.1.1 เรื่อง คุณประโยชน์และโทษจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยใหน้ กั เรียนพจิ ารณาขอ้ ความท่ีกำหนดใหว้ ่าเป็นคณุ ประโยชนห์ รอื โทษจากการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 11. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน พร้อมกับอภิปรายร่วมกันในห้องเรียน โดยครใู ห้คำแนะนำตามความเหมาะสม Note วัตถุประสงค์ของกจิ กรรมเพ่ือให้นักเรยี น - มีทกั ษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลมุ่ ในการทำงานหรอื การทำกจิ กรรมเพื่อให้ เกดิ การสื่อสารและแลกเปลี่ยนขอ้ มลู รว่ มกันภายในกลมุ่ - มีทักษะการสบื คน้ ข้อมูล โดยให้นักเรียนแต่ละคนสบื ค้นข้อมลู จากอนิ เทอร์เน็ต เพอ่ื สืบเสาะหาความรู้ตามหัวข้อที่ไดร้ บั มอบหมาย - มีทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ โดยให้นักเรียนพิจารณาเนื้อหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา ขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมลู ต่าง ๆ เชน่ หนังสอื เรียน อนิ เทอรเ์ น็ต เปน็ ตน้ ข้ันสรปุ ขั้นท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครปู ระเมนิ ผลนักเรยี นจากการสังเกตการตอบคำถาม ความสนใจในการเรยี น การทำกิจกรรม กล่มุ และการทำใบงาน 2. ครตู รวจสอบความถูกต้องของการทำใบงานท่ี 4.1.1 3. นักเรียนและครูร่วมกนั สรุปเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศว่า“เทคโนโลยสี ารสนเทศเขา้ มามีบทบาทกับชีวติ ของผคู้ นในหลากหลายด้าน ดังน้นั เทคโนโลยสี ารสนเทศจึงสร้างท้ังคุณประโยชน์และโทษ ใหก้ บั ผใู้ ช้ทง้ั ตง้ั ใจและไม่ได้ตงั้ ใจหลากหลายลักษณะเพยี งแคม่ คี อมพวิ เตอร์ สมารท์ โฟน หรอื แทบ็ เลต็ เปน็ ตน้ ”
7. การวัดและประเมินผล วธิ วี ัด เคร่ืองมอื เกณฑก์ ารประเมนิ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน ประเมินตามสภาพจริง รายการวดั ก่อนเรียน 7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - ใบงานท่ี 4.1.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ - ตรวจใบงานที่ 4.1.1 - แบบประเมินการ - แบบทดสอบก่อนเรยี น - ประเมนิ การนำเสนอ ระดบั คุณภาพ 2 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 เรือ่ ง นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ผลงาน - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 อย่างปลอดภยั - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ 7.2 ประเมินระหว่างการจดั การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 กิจกรรม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ การเรียนรู้ 1) คุณประโยชนแ์ ละโทษจาก การทำงานกลุ่ม การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ 2) การนำเสนอผลงาน 3) พฤติกรรมการทำงาน รายบคุ คล 4) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 5) คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ความรับผิดชอบ คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมนั่ อันพงึ ประสงค์ ในการทำงาน 8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 8.1สื่อการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 เรอ่ื ง การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั 2) ใบงานท่ี 4.1.1 เรอ่ื ง คุณประโยชนแ์ ละโทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 3) เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ 8.2แหล่งการเรยี นรู้ 1) ห้องคอมพิวเตอร์ 2) อนิ เทอร์เนต็
ใบงานท่ี ๔.๑.๑ เรอ่ื ง คณุ ประโยชนแ์ ละโทษจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนพิจารณาข้อความต่อไปน้วี ่าเป็นคุณประโยชน์หรือโทษจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยถา้ ขอ้ ใดเปน็ คุณประโยชนใ์ หต้ อบ ก และถ้าข้อใดเปน็ โทษให้ตอบ ข ............. 1. ชว่ ยนำเสนอขอ้ มลู ได้หลากหลายรปู แบบ ............. 2. ช่วยประหยดั เวลาและคา่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ต่อสื่อสาร ............. 3. การขาดการออกกำลังกาย ............. 4. ลดความผดิ พลาดและเพ่ิมความแมน่ ยำในการวนิ ิจฉยั และรักษาโรค ............. 5. การลว้ งข้อมูลส่วนบคุ คล การแฮก็ เจาะระบบท่ีหรอื ไวรสั คอมพวิ เตอร์ ............. 6. เป็นช่องทางการนำเสนอข้อมลู ไปสูป่ ระชาชน ............. 7. เด็กไม่มีการสรา้ งความเข้มแขง็ ให้กับทางเดนิ เส้นประสาททใี่ ชใ้ นการคิด ............. 8. ชว่ ยให้ผู้เรียนสามารถศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ............. 9. ค่าใชจ้ า่ ยที่เพ่มิ ข้ึน ............. 10. เด็กเกดิ พฤติกรรมเลียนแบบ ............. 11. ชว่ ยรวบรวมขอ้ มลู ต่าง ๆ ไวใ้ นแหล่งขอ้ มลู เดียวกนั ............. 12. ช่วยแลกเปล่ียนและนำเสนอแนวความคิดของผู้เรยี นและผู้อ่นื ............. 13. ชว่ ยเกบ็ ขอ้ มูลสถติ ดิ า้ นสังคมศาสตร์ ............. 14. การละเมิดลิขสทิ ธิ์ ............. 15. คอมพิวเตอร์จำกัดจินตนาการของเดก็ ............. 16. ช่วยควบคมุ การผลิตชน้ิ งานใหไ้ ด้ปรมิ าณและคุณภาพตามต้องการ ............. 17. ไดร้ บั แสงและอากาศบรสิ ุทธไ์ิ มเ่ พียงพอ ............. 18. อาการกลา้ มเนื้อเกร็ง ............. 19. ชว่ ยลดเวลาในการรักษาโรค ............. 20. เกดิ ความเครียด ............. 21. การควบคุมอารมณไ์ มไ่ ด้ ............. 22. เปน็ ส่ือกลางในรบั และส่งข้อมลู จากทหี่ นง่ึ ไปยงั อีกท่หี นึ่ง ............. 23. ชว่ ยคำนวณปรมิ าณวัตถุดิบ สนิ ค้าและกำไร ............. 24. ชว่ ยทำงานในพื้นที่เสีย่ งภยั หรอื งานที่มนุษย์ไมส่ ามารถทำได้ ............. 25. การขาดปฏิสมั พนั ธก์ บั ผ้อู ื่นสง่ ผลให้พฒั นาการทางอารมณแ์ ละสงั คมถูกจำกดั ช่ือ.....................................................................................................เลขท่ี...........................ชน้ั ..........................
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ ๑๕ จำนวน ๑๐ ชวั่ โมง เร่ือง การปฏิบัตติ นเมือ่ พบเนอ้ื หาท่ไี ม่เหมาะสม คาบท่ี ๓๓-๓๔ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๔ การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัย กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ 1. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด 1.1 ตวั ชวี้ ัด ว 4.2 ม.2/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั มคี วามรบั ผิดชอบ สร้างและแสดงสทิ ธใ์ิ นการ เผยแพร่ผลงาน 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายรูปแบบของเน้ือหาตา่ ง ๆ ทีไ่ ม่เหมาะสมได้ถูกต้อง (K) 2. บอกวิธกี ารปฏิบตั ิตนเมื่อพบเน้อื หาที่ไม่เหมาะสมได้ถูกต้อง (K) 3. สบื คน้ ข้อมูลเกยี่ วกับเน้อื หาท่ไี มเ่ หมาะสมท่ีพบในขณะที่ใชง้ านอินเทอร์เน็ต (P) 4. สนใจใฝเ่ รียนรใู้ นการศึกษาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (A) 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา - ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั โดย เลือกแนวทางปฏบิ ัติเมื่อพบเนอ้ื หาท่ีไม่ เหมาะสม เช่น แจง้ รายงานผ้เู ก่ยี วข้อง ป้องกนั การเข้ามาของข้อมูลท่ีไมเ่ หมาะสม ไม่ตอบโต้ ไมเ่ ผยแพร่ 4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ทั่วโลก การเขา้ ใชง้ านอนิ เทอรเ์ นต็ น้ันเราสามารถที่จะพบข้อมลู หรือเนื้อหาท่ีไม่พึงประสงคห์ รือไม่เหมาะสมได้ โดย เนื้อหาที่พบอาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเอง คนรอบข้าง และสังคมได้ง่าย โดยเฉพาะการใช้สื่อ สังคมออนไลนท์ เี่ ขา้ มามีบทบาทอยา่ งมากกบั คนในสงั คมไทยในขณะน้ี 5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ัย รบั ผดิ ชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้ - ทกั ษะการแลกเปลีย่ นข้อมลู 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 2. ความสามารถในการคิด
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ - ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต - ทักษะการทำงานร่วมกนั 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทกั ษะการสืบค้นขอ้ มลู 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ วิธีการสอนโดยเนน้ รปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชวั่ โมงที่ ๑ ข้ันนำ ข้นั ที่ 1 กระต้นุ ความสนใจ (Engagement) ครถู ามคำถามประจำหัวข้อกับนักเรียนเพ่ือกระตุ้นความสนใจวา่ “ถ้านักเรียนพบวา่ ระหว่างใชง้ าน อนิ เทอร์เน็ตอยู่แล้วมขี ้อความขน้ึ มาว่า“คุณคือผ้โู ชคดี” นักเรยี นควรทำอย่างไร” (แนวตอบ : นักเรยี นตอบ ตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคำตอบข้นึ อย่กู บั ดุลยพินจิ ของครูผสู้ อน เชน่ ไม่ควรคลิกเข้าไปชมควรแจง้ เจ้าหน้าทหี่ รอื แจ้งไปยังผดู้ ูแลเว็ปไซต์ เปน็ ตน้ ) ขัน้ สอน ขน้ั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 1. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3-4 คน เพ่อื อภปิ รายรว่ มกันถึงเนื้อหาต่าง ๆ ท่ีไมเ่ หมาะสมและพบ เจอในขณะที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอเกีย่ วกับเนื้อหาตา่ งๆ ที่ไม่ เหมาะสมและพบเจอในขณะทีใ่ ชง้ านอนิ เทอร์เน็ตหน้าช้ันเรียน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองเกี่ยวกับ เนอ้ื หาที่ไมเ่ หมาะสมที่พบในขณะที่ใชง้ านอินเทอร์เนต็ เพ่ิมเติม 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอเนื้อหาเพิ่มเตมิ หนา้ ช้ันเรียน โดยแต่ละกลมุ่ จะต้องนำเสนอเน้อื หาทีพ่ บที่ไม่ซ้ำกับกล่มุ อืน่ ๆ พร้อมอภปิ รายร่วมกนั ในหอ้ งเรียน 4. ครูอธิบายกับนักเรียนว่า“เมื่อสังคมออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาทอย่างมากกับคนในสังคมไทยใน ทุกเพศทุกวัย เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมมีทั้งที่อยู่ในรูปแบบของข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับการพนัน เนื้อหาเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เนื้อหาเกี่ยวกับการคุกคาม เนื้อหาเกี่ยวกับการ หลอกลวงหรือขม่ ขตู่ ่าง ๆ” 5. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามข้อสงสัย และครูใหค้ วามรู้เพ่ิมเติมในส่วนนัน้
ช่วั โมงท่ี ๒ ขนั้ สอน ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 6. ครูทบทวนเนื้อหาการเรียนเมื่อชั่วโมงที่แล้วเกี่ยวกับเนื้อหาต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมที่พบเจอ ในขณะใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ 7. นักเรียนศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม จากหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรือ่ ง การใช้เทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภัย ตามหวั ข้อดงั ตอ่ ไปนี้ 1) การปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาเกย่ี วกับการพนัน 2) การปฏบิ ัติตนเม่ือพบเน้ือหาเก่ยี วกับสือ่ ลามกอนาจาร 3) การปฏบิ ตั ติ นเม่ือพบเนื้อหาเก่ยี วกบั การหลอกลวง 4) การปฏบิ ตั ติ นเม่ือพบเนื้อหาเกย่ี วกับการขมขู่ ข้ันท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explanation) 8. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมว่า“เพื่อเป็นการป้องกัน ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะที่ใช้เทคโนโลยี นักเรียนควรปฏิบัติตนในการใช้เทคโนโลยีดังน้ี คือ เล่าให้ ผู้ปกครองฟงั ถึงกิจกรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตในแต่ละครงั้ ใช้นามแฝง อยา่ บอกชือ่ และที่อยู่ให้กับบุคคลแปลก หน้า แจ้งใหผ้ ้ปู กครองทราบกอ่ นทีจ่ ะใช้บัตรเครดิต หรือสั่งซือ้ สนิ ค้า หรอื พบปะบคุ คลทางอินเทอรเ์ นต็ ควรตก ลงกับผู้ปกครองในการใช้อินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับกฎกติกาต่าง ๆ และปฏิบัติตามกฎที่ได้กำหนดไว้ และไม่ใช้ คำพูด หรอื ถ้อยคำทีห่ ยาบคาย หรือกระทบตอ่ บคุ คลอ่นื ” 9. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนซกั ถามข้อสงสยั โดยครูใหค้ วามรเู้ พ่ิมเตมิ ในส่วนนน้ั ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration) 10. ครูใหน้ ักเรียนทำใบงานที่ 4.2.1 เร่อื ง การปฏบิ ัตติ นเมื่อพบเน้อื หาท่ไี มเ่ หมาะสม 11. ครสู ุ่มนกั เรียน 2-3 คน ออกมานำเสนอหน้าชัน้ เรียน พรอ้ มกับอภิปรายรว่ มกนั ในหอ้ งเรยี น Note วตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรมเพือ่ ใหน้ กั เรียน - มีทกั ษะการทำงานร่วมกนั โดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรอื การทำกิจกรรมเพื่อให้ เกดิ การสื่อสารและแลกเปลยี่ นขอ้ มูลร่วมกันภายในกลมุ่ - มที กั ษะการสืบค้นข้อมูล โดยให้นกั เรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ เพอื่ สืบเสาะหาความรู้ตามหวั ขอ้ ที่ไดร้ ับมอบหมาย - มีทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ โดยให้นกั เรียนพจิ ารณาเนื้อหาจากการสบื ค้นหรือศึกษา ข้อมูลจากแหลง่ ข้อมลู ตา่ ง ๆ เชน่ หนังสอื เรยี น อนิ เทอรเ์ น็ต เป็นต้น ขน้ั สรุป
ข้ันท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม การนำเสนอหน้าชั้นเรียน การทำ กิจกรรมกลุ่มดว้ ยความต้ังใจ และการทำใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งของการทำใบงานท่ี 4.2.1 3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเมื่อพบเนื้อหาต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมจากการ ใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ 7. การวดั และประเมินผล รายการวัด วธิ วี ัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ 7.1 ประเมนิ ระหวา่ งการจัด - ตรวจใบงานที่ 4.2.1 - ใบงานที่ 4.2.1 กิจกรรม - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ การเรียนรู้ ผลงาน นำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 1) การปฏิบตั ิตนเมอื่ พบเนอื้ หา - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ทไ่ี มเ่ หมาะสม ผ่านเกณฑ์ 2) การนำเสนอผลงาน 3) พฤตกิ รรมการทำงาน รายบคุ คล 4) พฤติกรรมการทำงานกลุม่ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานกลมุ่ การทำงานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์ 5) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - สังเกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ความรบั ผดิ ชอบ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่นั อนั พึงประสงค์ ในการทำงาน 8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้ 8.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4 เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั 2) ใบงานท่ี 4.2.1 เรือ่ ง การปฏิบตั ิตนเม่ือพบเน้ือหาที่ไม่เหมาะสม 3) เครื่องคอมพวิ เตอร์ 8.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) ห้องคอมพิวเตอร์ 2) อนิ เทอร์เน็ต
ใบงานที่ ๔.๒.๑ เรือ่ ง การปฏิบัติตนเมอ่ื พบเนื้อหาท่ไี ม่เหมาะสม คำช้แี จง : ให้นกั เรียนบอกวิธกี ารปฏบิ ัติตนเม่ือพบกับสถานการณท์ ี่กำหนดใหด้ ังต่อไปน้ี 1. เว็บไซตห์ ลอกให้นักเรียนซ้ือตวั เลขเพ่อื เส่ียงโชค โดยใหโ้ อนเงนิ ไปทางหมายเลขบัญชที ีก่ ำหนดให้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................... 2. เวบ็ ไซตห์ ลอกใหน้ ักเรียนโอนเงิน เพื่อดูภาพลามกอนาจาร .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................... ... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................... 3. เวบ็ ไซตห์ ลอกลวงให้นักเรยี นซื้อของ โดยใหโ้ อนเงนิ ไปยังหมายเลขบัญชี แต่ไมส่ ่งของมาให้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. . ..................................................................................................................................................... ชอื่ .....................................................................................................เลขท.ี่ ..........................ช้นั ..........................
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๖ เรอ่ื ง ความรับผดิ ชอบต่อการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๔ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั จำนวน ๑๐ ชว่ั โมง กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ คาบที่ ๓๕-๓๖ 1. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด 1.1 ตัวชี้วัด ว 4.2 ม.2/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั มีความรบั ผดิ ชอบ สรา้ งและแสดงสทิ ธิ์ในการ เผยแพรผ่ ลงาน 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายควารมหมายของความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ต่อบุคคลอื่นและต่อสังคมเมอ่ื มีการใชง้ าน เทคโนโลยี (K) 2. สืบค้นวธิ ีการกระทำเพ่อื แสดงความรบั ผิดชอบต่อตนเอง ตอ่ บคุ คลอื่นและต่อสังคมเมื่อมกี ารใช้งาน เทคโนโลยีสารสนเทศได้ (P) 4. สนใจใฝ่เรยี นรใู้ นการศกึ ษาและนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา - ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั โดย เลอื กแนวทางปฏบิ ัตเิ มื่อพบเน้ือหาท่ีไม่ เหมาะสม เช่น แจ้งรายงานผเู้ ก่ยี วขอ้ ง ป้องกัน การเขา้ มาของข้อมลู ท่ีไมเ่ หมาะสม ไม่ตอบโต้ ไม่เผยแพร่ 4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ทั่วโลก การเข้าใช้งานอนิ เทอรเ์ น็ตน้ันเราสามารถทจ่ี ะพบข้อมลู หรือเน้ือหาท่ีไม่พึงประสงคห์ รือไม่เหมาะสมได้ โดย เนื้อหาที่พบอาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเอง คนรอบข้าง และสังคมได้ง่าย โดยเฉพาะการใช้ส่ือ สังคมออนไลน์ทเ่ี ข้ามามีบทบาทอย่างมากกับคนในสังคมไทยในขณะนี้ 5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ยั รับผิดชอบ - ทกั ษะการสื่อสาร 2. ใฝ่เรียนรู้
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน - ทกั ษะการแลกเปลีย่ นขอ้ มูล 2. ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต - ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี - ทกั ษะการสบื ค้นข้อมูล 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ วธิ ีการสอนโดยเนน้ รูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ๗. การวดั และประเมินผล ๑. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน ๒. ตรวจใบงาน ๓. ประเมินผลการนำเสนอผลงาน ๔. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล ๕. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ ๖. สังเกตคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๘. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ ๘.1 ส่ือการเรยี นรู้ 1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.2 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๒ 2) ใบงาน เร่ือง การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาไพทอน ๘.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องคอมพวิ เตอร์ 2) อินเทอรเ์ น็ต
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๗ จำนวน ๑๐ ชวั่ โมง เรอ่ื ง ทรัพย์สินทางปัญญา คาบที่ ๓๗-๓๘ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๒ 1. มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั 1.1 ตัวชีว้ ัด ว 4.2 ม.2/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย มีความรบั ผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธใิ์ นการ เผยแพร่ผลงาน 2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายความหมายของทรัพย์สินทางปญั ญาได้ถกู ต้อง (K) 2. บอกประเภทของงานท่มี ลี ิขสทิ ธิไ์ ดถ้ ูกต้อง (K) 3. บอกความแตกตา่ งประเภทของสทิ ธบิ ัตรได้ถกู ต้อง (K) 4. สบื คน้ ข้อมูลต่าง ๆ เกยี่ วกับทรัพย์สินทางปัญญาได้ (P) 5. สนใจใฝเ่ รียนรใู้ นการศึกษาและนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ (A) 3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ - การสร้างและแสดงสทิ ธ์ิความเป็นเจ้าของผลงาน พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา - การกำหนดสิทธกิ ารใช้ขอ้ มูล 4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด ทรัพย์สินทางปัญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เป็นทรัพย์สินอีก ชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ลิขสิทธิ์ และ สทิ ธบิ ตั ร 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ - ทักษะการส่ือสาร 2. ใฝ่เรยี นรู้ - ทกั ษะการแลกเปลย่ี นความรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 2. ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ - ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - ทักษะการสืบค้นข้อมูล
6. กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ กี ารสอนโดยเน้นรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงที่ ๑ ข้นั นำ ข้นั ท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engagement) 1. ครูถามคำถามประจำหัวข้อว่า“นกั เรียนอยากสรา้ งสิ่งใดที่จะเป็นลิขสิทธ์ิของตนเองบ้างหรอื ไม่ และเพราะเหตุใดจึงต้องมีลิขสิทธิ์เป็นของตนเอง” (แนวตอบ : นักเรียนตอบตามความคิดเห็นของตนเอง โดย คำตอบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น ได้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของผลงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันการคัดลอก ทำซำ้ หรือดัดแปลง เป็นต้น) 2. ครูอธิบายเพื่อเชื่อมโยงเข้าสู่บทเรียนว่า“ทรัพย์สินทางปัญญา คือ ผลงานอันเกิดจากความคิด สร้างสรรค์ของมนุษย์ เป็นทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่สามารถ เคลอื่ นย้ายได้ เช่น นาฬิกา รถยนต์ เปน็ ตน้ และอสงั หารมิ ทรัพย์ คือ ทรัพยส์ นิ ทไี่ มส่ ามารถเคล่ือนย้ายได้ เช่น บ้าน ทีด่ นิ ” ขัน้ สอน ข้นั ท่ี 2 สำรวจคน้ หา (Exploration) 1. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3-4 คน เพื่ออภิปรายร่วมกันถึงประเภทของงานตา่ ง ๆ ทจ่ี ำเป็นตอ้ ง มีการจดลขิ สิทธซิ์ ึ่งกฎหมายลขิ สิทธ์ใิ ห้ความคุ้มครองแกง่ านสรา้ งสรรค์ 9 ประเภท ตามที่ กฎหมายกำหนด ได้แก่ 1) งานวรรณกรรม 2) งานนาฏกรรม 3) งานศิลปกรรม 4) งานดนตรีกรรม 5) งานสิง่ บันทึกเสียง 6) งานโสตทศั นวัสดุ 7) งานภาพยนต์ 8) งานแพร่เสยี งแพรภ่ าพ 9) งานอ่นื ใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรอื แผนกศลิ ปะ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอเกี่ยวกับงานประเภทต่าง ๆ ที่ต้องมีการจดลิขสิทธ์ิ พร้อมอภิปรายรว่ มกนั ภายในชั้นเรียน 3. นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสิทธ์ิ เจ้าของสิทธ์ิ เอกสารใช้ประกอบการแจ้งขอ้ มลู ลขิ สทิ ธ์ิ และประโยชนข์ องลขิ สิทธ์ิ
4. นักเรยี นศกึ ษาการเช่อื มโยงความรสู้ ชู่ ีวิตประจำวัน (Com Sci in Real Life) เกยี่ วกบั หนว่ ยงานทที่ ำหน้าท่ดี ูแลรับผิดชอบทรัพย์สินทางปญั ญาและใหค้ ำปรึกษาหรือคำแนะนำแกผ่ ทู้ ี่สรา้ งสรรค์ ผลงานจดเป็นลขิ สทิ ธิ์ของตนเอง 5. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามข้อสงสยั และครูให้ความรู้เพิม่ เติมในส่วนนน้ั 6. นักเรียนทำใบงานท่ี 4.4.1 เรอ่ื ง ประเภทของลิขสิทธิ์ โดยให้นักเรยี นนำข้อความท่ีกำหนดให้ เตมิ ในกรอบให้ตรงกับประเภทของลขิ สทิ ธ์ิ ชัว่ โมงที่ ๒ ขั้นสอน ข้นั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Exploration) 7. ครูทบทวนเนอื้ หาการเรยี นเม่ือชว่ั โมงทแ่ี ลว้ เกีย่ วกบั ลขิ สทิ ธ์ิ 8. นักเรียนแบง่ กลุม่ กลุ่มละ 3-4 คน (กลุ่มเดิม) เพื่ออภิปรายรว่ มกันถึงความหมายและประเภท ของสิทธบิ ัตร จากหนงั สือเรยี น ตามหัวข้อดังต่อไปนี้ 1) ความหมายของสทิ ธิบัตร 2) ประเภทของสิทธิบัตร 2.1)สทิ ธบิ ัตรการประดิษฐ์ 2.2)สิทธิบัตรการออกแบบผลติ ภัณฑ์ 2.3)อนสุ ทิ ธิบตั ร 3) ความแตกต่างระหวา่ งอนุสิทธิบตั รและสทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ์ 4) ประโยชน์ของสทิ ธบิ ตั ร 9. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอเกี่ยวกับความหมายและประเภทของสิทธิบัตร พร้อมอภปิ รายรว่ มกนั ในห้องเรียน ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู้ (Explanation) 10. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกยี่ วกับความจำเปน็ ในการจดลิขสิทธ์แิ ละสิทธิบตั รวา่ “หากเราเปน็ ผผู้ ลติ อะไรกต็ ามไมว่ ่าจะเปน็ สง่ิ ของเคร่อื งใชห้ รือแม้แตค่ วามคดิ ท่ีเราคิดวา่ เราสามารถขายเพ่ือสรา้ งรายได้ หรือ เพือ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ ตัวเราและคนอนื่ ๆ ได้ หากเราไมไ่ ด้ไปทำการจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธบิ ัตร และมีคนมา ลอกเลียนแบบการออกแบบของเรา หรอื ความคดิ ของเรา แล้วนำไปจดสิทธบิ ตั รหรอื อนุสิทธิบัตรกอ่ นเรา จะ ส่งผลใหเ้ ราไม่สามารถผลิต หรอื จำหน่ายสนิ ค้าหรือความคิดนน้ั ๆ ได้อีก” ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaboration) 11. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามขอ้ สงสยั และครใู ห้ความรูเ้ พิ่มเติมในสว่ นนน้ั หรอื ใหน้ ักเรียน ศึกษาความรู้เพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอร์เน็ต 12. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมท่สี อดคล้องกับเนือ้ หา โดยการตอบคำถามเพื่อพฒั นาความร้แู ละ ทกั ษะการเรยี นรู้ (Com Sci Activity) เก่ียวกับการจัดการข้อมูลสารสนเทศ ลงในสมุดประจำตัว
Note วตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรมเพอื่ ใหน้ กั เรยี น - มที ักษะการทำงานรว่ มกันโดยใช้กระบวนการกลุ่มในการทำงานหรือการทำ กจิ กรรมเพ่ือใหเ้ กดิ การสอื่ สารและแลกเปล่ยี นขอ้ มูลรว่ มกันภายในกลมุ่ - มีทักษะการสืบคน้ ข้อมลู โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนสบื คน้ ข้อมูลจากอินเทอรเ์ น็ต เพ่อื สบื เสาะหาความรตู้ ามหวั ข้อท่ีไดร้ ับมอบหมาย - มที กั ษะการคิดวเิ คราะห์ โดยใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาเนื้อหาจากการสืบค้นหรือศึกษา ข้อมลู จากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ เช่น หนงั สอื เรียน อินเทอร์เน็ต เปน็ ต้น ขน้ั สรุป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluation) 1. ครูประเมินผลนักเรียนจากการสังเกตการตอบคำถาม การนำเสนอหน้าช้นั เรียน การทำ กิจกรรมกล่มุ ด้วยความต้งั ใจ และการทำใบงาน 2. ครูตรวจสอบความถูกต้องการทำใบงานท่ี 4.4.1 3. เปิดโอกาสให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันในชนั้ เรยี นเกยี่ วกับข้อดี-ข้อเสยี ของทรัพย์สนิ ทางปัญญา เพอ่ื ให้ผ้เู รียนได้ทบทวนสาระสำคญั ประจำหนว่ ยการเรียนรู้ 4. นักเรียนรว่ มกันสรปุ เนอื้ หาเก่ียวกบั ทรพั ย์สนิ ทางปัญญา 5. นักเรียนตรวจสอบความรู้ ความเขา้ ใจดว้ ยตนเองจากหนงั สือเรยี น โดยพิจารณาขอ้ ความวา่ ถูก หรือผดิ หากนักเรยี นพิจารณาขอ้ ความไมถ่ ูกต้องให้นักเรียนกลบั ไปทบทวนเนอื้ หาตามหัวขอ้ ท่กี ำหนดให้ 6. นกั เรียนทำแบบฝึกหัดประจำหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 โดยให้บนั ทึกลงในสมดุ และทำชิ้นงาน/ ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจ และนำมาส่ง ในช่วั โมงถดั ไป 7. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรื่อง การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง ปลอดภัย เพ่ือวัดความร้ทู ี่นักเรียนไดร้ ับหลังจากผ่านการเรียนรู้ 7. การวดั และประเมนิ ผล รายการวดั วธิ วี ดั เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ 7.1 ประเมนิ ระหว่างการจัด - ตรวจใบงานที่ 4.4.1 - ใบงานท่ี 4.4.1 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ กจิ กรรม การเรียนรู้ 1) ประเภทของลิขสิทธิ์ 2) การนำเสนอผลงาน - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ ระดบั คุณภาพ 2 3) พฤติกรรมการทำงาน ผลงาน นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 รายบคุ คล - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล
รายการวดั วธิ ีวัด เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน 4) พฤติกรรมการทำงานกล่มุ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 การทำงานกล่มุ การทำงานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์ 5) คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ความรับผิดชอบ คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์ 7.2 การประเมนิ หลังเรียน ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มน่ั อันพงึ ประสงค์ - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วย ในการทำงาน - แบบทดสอบหลังเรียน ประเมนิ ตามสภาพจรงิ การเรียนรทู้ ี่ 4 เร่ือง การใช้ - แบบประเมินช้ินงาน เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง - ตรวจแบบทดสอบ /ภาระงาน (รวบยอด) ระดับคุณภาพ 2 ปลอดภัย หลงั เรียน ผา่ นเกณฑ์ - การประเมินชิ้นงาน /ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจช้นิ งาน/ภาระ เรอ่ื ง การใชเ้ ทคโนโลยี งาน (รวบยอด) สารสนเทศอย่างปลอดภัย 8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 8.1ส่อื การเรยี นรู้ 1) หนงั สือเรียน รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ เร่ือง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย 2) ใบงานท่ี 4.4.1 เรื่อง ประเภทของลขิ สทิ ธิ์ 3) เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ 8.2แหลง่ การเรียนรู้ 1) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 2) อินเทอรเ์ นต็
ใบงานที่ ๔.๔.๑ เรื่อง ประเภทของลิขสิทธิ์ คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นนำขอ้ ความทีก่ ำหนดให้เติมในกรอบให้ตรงกบั ประเภทของลิขสทิ ธ์ิ จุลสาร ซดี เี พลงเบิร์ด ภาพจติ รกรรมฝาผนัง ทา่ รำเพลงเกีย่ วขา้ ว ทา่ เตน้ ประกอบเพลง เนื้อร้องเพลงชาติไทย ภาพยนตร์เรื่องแฮรร์ ่ี พอตเตอร์ ภาพประติมากรรม ทำนองเพลงลอยกระทง เทปเพลง หนังสอื อา่ นเล่นสำหรับเดก็ เสียงประกอบภาพยนตร์ งานวรรณกรรม งานนาฏกรรม ................................................ .................................................. ................................................ .................................................. ................................................ .................................................. ... . งานศิลปกรรม งานดนตรกี รรม ................................................ .................................................. ................................................ .................................................. ................................................ .................................................. ... งานภาพยนตร์ งานส่ิงบันทึกเสียง .................................................. ................................................ .................................................. ................................................ .................................................. ................................................ ... ... ช่อื ..................................................................................................เลขที.่ .....................ช้ัน.........................
ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั คำชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นอ่านกรณศี ึกษาต่อไปน้ี แล้วตอบคำถามดา้ นล่าง เด็กชายโป้และเด็กหญิงแป้งไปรับจ้างขายของที่ตลาดนัดในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งมีนาย สมชายเป็นผ้นู ำสนิ ค้าประเภทตา่ งๆ จากเจ้าของร้านที่ผลติ มาให้เด็กทั้งสองขาย โดยให้ค่าจ้างขาย วันละ 300 บาท ของที่นำมาให้เด็กทั้งสองขายนั้น ได้แก่ ซีดีเพลงสตริง เพลงลูกทุ่ง ซีดีคาราโอ เกะ ซีดีภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์จีน หนังสืออ่านเล่น หนังสือการ์ตูน แผ่นซีดีโปรแกรม คอมพิวเตอร์ และภาพจิตรกรรมฝาผนัง ต่อมาวันหนึ่งโป้และแป้งถูกตำรวจจับ โดยตำรวจแจ้ง ข้อหาว่าโป้และแป้งจำหน่ายสิ่งของที่ผดิ กฎหมายลิขสิทธ์ิ และถามว่าโป้และแป้งนำสิ่งของเหล่านี้ มาจากใคร เพราะสิ่งของทัง้ หมดที่พวกเขาขายนั้นเป็นสงิ่ ของท่ผี ิดกฎหมายท้ังส้นิ โป้และแปง้ ทำผิดกฎหมายลขิ สทิ ธใิ์ นงานประเภทใดบา้ ง จงบอกประเภทของลิขสิทธิ์และสงิ่ ของที่พบ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................ .............................................. .......................................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254