Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้น ม.1-3

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้น ม.1-3

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ชั้น ม.1-3
โดย คุณครูกัญญาณี แสนตรี

Search

Read the Text Version

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 8–9 ดี 5–7 พอใช้ น้อยกว่า 5 ปรับปรุง

ใบงานที่ 3.๑.๑ เรอื่ ง การซอื้ สินคา้ ออนไลน์อย่างปลอดภยั 1. ชอ่ื สนิ ค้า ................................................................................................................................................... 2. ชื่อร้านค้าออนไลนแ์ ละเว็บไซต์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. เหตผุ ลในการเลือกรา้ นค้าออนไลน์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ถา้ ส่ังซอ้ื สนิ ค้าออนไลน์ นักเรยี นมวี ิธกี ารชำระเงนิ อย่างไร ใหป้ ลอดภัย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชอ่ื .................................................................................................เลขท.ี่ ..........................ช้ั น...........................

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๘ จำนวน ๗ ชวั่ โมง เรื่อง กฎหมายคอมพวิ เตอรแ์ ละลิขสิทธ์ิ คาบท่ี ๒๑-๒๔ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอนและเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หา ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมจี ริยธรรม ตวั ชี้วดั ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย และมีความรบั ผิดชอบต่อสงั คม ปฏบิ ัติ ตามกฎหมายเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ ใช้ลขิ สทิ ธขิ์ องผ้อู น่ื โดยชอบธรรม 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. เข้าใจและยกตัวอย่างการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายคอมพวิ เตอร์ และการใชล้ ขิ สทิ ธขิ์ องผอู้ ื่น โดยชอบธรรมได้ (K, P, A) 3. สาระสำคัญ กฎหมายท่เี กยี่ วขอ้ งกับการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศหลายฉบับ เช่น พระราชบัญญตั วิ ่าด้วยการ กระทำความผิดเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ พระราชบัญญัตวิ ่าดว้ ยธุรกรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ พระราชบญั ญัติการ รักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และพระราชบญั ญัติว่าด้วยการกระทำความผดิ เก่ียวคอมพิวเตอร์ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2560 ลิขสิทธิ์ เป็นผลงานที่เกิดจากการใช้ปัญญา ความรู้ความสามารถ และความอุตสาหะพยายามใน การสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ซึ่งถือว่าเปน็ ทรัพยส์ ินทางปญั ญาประเภทหนึง่ ทกี่ ฎหมายใหค้ วามคุม้ ครอง 4. สาระการเรยี นรู้ 1. กฎหมายคอมพวิ เตอร์ 2. ลิขสทิ ธ์ิ 5. รูปแบบกรสอน/วิธกี ารสอน 1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย 2. วธิ ีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลมุ่ (Group Process–Based Instruction) 6. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน  ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคดิ

 ความสามารถในการแกป้ ญั หา  ซ่อื สัตย์ สจุ ริต  ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ  ใฝ่เรยี นรู้  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี  มุ่งมน่ั ในการทำงาน 7. ทักษะ 4 Cs  มีจติ สาธารณะ ทกั ษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking)  ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั (Collaboration Skill)  ทักษะการสอ่ื สาร (Communication Skill)  ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลักษณะอันพึงประสงค์  รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์  มีวินยั  อยู่อย่างพอเพียง  รักความเป็นไทย 9.การจดั กระบวนการเรียนรู้ ชัว่ โมงท่ี ๑ ขน้ั นำ (10 นาที) 1. ครถู ามนกั เรียนวา่ จากคาบที่ผ่านมาในการการทำธรุ กรรมทางการเงนิ หรือซื้อของออนไลน์ นักเรยี นควรระมัดระวังด้านใดอีกบา้ ง (แนวคำตอบ ขอ้ มลู สว่ นตวั ลขิ สิทธผ์ิ ลงาน) 2. ครถู ามนักเรยี นว่าจากคาบท่ีแล้วเรื่องการประเมินความนา่ เชือ่ ถือของร้านคา้ ออนไลน์ หาก นักเรยี นทำการสัง่ ซอื้ สินคา้ ออนไลน์ไป แต่ไม่ได้รบั สนิ คา้ หรือไดร้ บั สนิ ค้าท่ีไม่ตรงตามคำอธิบาย หรอื สนิ ค้า ไม่มีคุณภาพนักเรียนจะแกป้ ัญหาอย่างไร (แนวคำตอบ ปริ้นท์หลกั ฐานทม่ี เี กี่ยวกับรา้ นค้า สินคา้ และการโอนเงนิ ท้ังหมดและไปแจ้งตำรวจ) ข้ันสอน (40 นาที) 1. ครใู หน้ ักเรียนแบ่งกลุม่ 3 – 4 คน จากนนั้ แตล่ ะกล่มุ ศึกษาเนอื้ หาในหนังสือเรียนวชิ า เทคโนโลยี (วทิ ยาการคํานวณ) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หนา้ 68 – 70 หวั ข้อ “กฎหมายคอมพิวเตอร์” โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลอื กหัวขอ้ กฎหมายตามพระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทำ ความผิดเก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2560 และค้นหาเพิม่ เตมิ จากอินเทอร์เน็ต จากนนั้ ให้ สมาชิกในกลมุ่ สรปุ ใหเ้ พื่อนในกลุ่มฟงั 2. ครใู หน้ ักเรียนทำแบบฝึก Exercise ในหนงั สือแบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หนา้ 42 – 43 เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ ช่วั โมงที่ ๒

ขนั้ สอน (50 นาท)ี 3. จากชว่ั โมงทผี่ ่านมา ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่ม 3 – 4 คน และแบง่ หวั ข้อกันศึกษา “กฎหมาย คอมพวิ เตอร์” ในช่วั โมงน้คี รูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มศึกษาเนื้อหาในหนังสอื เรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คํานวณ) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษทั อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หนา้ 71 – 73 หัวขอ้ “ลขิ สิทธ์ิ” และคน้ หา เพมิ่ เติมจากอินเทอรเ์ นต็ จากน้นั ใหส้ มาชิกในกลุ่มสรปุ ใหเ้ พื่อนในกล่มุ ฟงั 4. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบฝกึ Exercise ในหนงั สือแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หน้า 44 – 45 เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ 5. จากนนั้ ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทำใบงานท่ี 3.2.1 เรือ่ ง ใครมคี วามผดิ และเตรียมตัวนำเสนอ ในช่ัวโมงถดั ไป ช่วั โมงที่ ๓ ขน้ั สอน (50 นาท)ี 6. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอแนวคดิ ของกลุ่มตนเอง ตรงตามความผดิ ในมาตราที่ ศกึ ษาหรือไม่ อยา่ งไร 7. ครใู ห้นักเรยี นช่วยกนั สรปุ แนวคิดจากคำตอบของกล่มุ อ่ืน 8. จากนัน้ ครูใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันวางแผนในการทำกิจกรรม Activity ในหนังสอื แบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หน้า 46 – 47 ถ้าเกดิ มีข้อสงสัยสามารถสอบถามครูผูส้ อนได้ 9. จากนน้ั ใหน้ ักเรียนแตล่ งมีปฏบิ ัติตามทว่ี างแผนไว้ พรอ้ มเตรยี มนำเสนอในชัว่ โมงถดั ไป ขนั้ สอน (40 นาที) ชว่ั โมงท่ี ๔ 10. ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอกจิ กรรม Activity 11. ครูซกั ถามกลุ่มทนี่ ำเสนอ เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจและความถูกต้องของข้อมลู พร้อมทั้ง เสนอแนะเพ่มิ เตมิ ขน้ั สรุป (10 นาที) 1. ครใู หแ้ ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ เน้ือหาและความสมั พนั ธ์เกย่ี วกบั การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ อยา่ งปลอดภยั มีความรบั ผิดชอบ ปฏบิ ัตติ ามกฎหมายเก่ยี วกับคอมพวิ เตอร์ และใช้ลิขสิทธิข์ องผู้อ่ืนโดย ชอบธรรม 10. ส่อื แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ ที่ 3 เรือ่ ง เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. หนังสือแบบฝึกหดั รายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่อื ง เทคโนโลยสี ารสนเทศ 3. ใบงานท่ี 3.2.1 เรื่อง ใครมคี วามผิด

11. การวัดและการประเมินผล 11.1 การประเมินระหว่างการจัดกจิ กรรม จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เคร่ืองมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน 1. เข้าใจและ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด Exercise - ตอบคำถาม Exercise ยกตัวอย่างการปฏิบัติ Exercise หนา้ 42 – หน้า 42 – 45 และ Activity ได้ ตามกฎหมาย 45 - Activity หนา้ 46 – ถกู ต้อง 60% ข้ึนไป คอมพวิ เตอร์ และการ - ตรวจ Activity หน้า 47 - ประเมินใบงานท่ี ใช้ลขิ สทิ ธ์ิของผู้อ่นื โดย 46 – 47 - ใบงานที่ 3.2.1 เรื่อง 3.2.1 เร่อื ง ใครมี ชอบธรรมได้ (K, P, A) - ใบงานท่ี 3.2.1 เรอื่ ง ใครมคี วามผิด ความผิดระดบั คณุ ภาพ ใครมีความผดิ พอใช้ขน้ึ ไปถอื ว่าผ่าน 11.2 การประเมินใบงานท่ี 3.2.1 เรือ่ ง ใครมคี วามผดิ ประเดน็ ในการประเมิน 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1 2 1. การอา้ งอิงกฎหมาย สามารถเลือกอ้างอิง สามารถเลือกอ้างองิ สามารถเลอื กอ้างองิ กฎหมายคอมพวิ เตอร์ กฎหมายคอมพวิ เตอร์ กฎหมายคอมพวิ เตอร์ และการคุ้มครอง และการคุ้มครอง และการคมุ้ ครอง ลิขสิทธิ์ไดถ้ ูกต้อง ลิขสทิ ธิ์ไดถ้ ูกต้อง ลขิ สทิ ธ์ไิ ด้สอดคล้องกบั สอดคลอ้ งกับ สอดคล้องกับ สถานการณ์ เหตผุ ลท่ี สถานการณ์ และเหตุผล สถานการณ์ และเหตุผล กลา่ วถงึ มีความ ทก่ี ล่าวถึงมีความ ท่ีกลา่ วถงึ มีความ สมเหตุสมผลเพียง สมเหตุสมผล สมเหตสุ มผลเป็นสว่ น บางสว่ น ใหญ่ 2. การนำเสนอ ใชภ้ าษาในการนำเสนอ ใช้ภาษาในการนำเสนอ ใช้ภาษาในการนำเสนอ ชดั เจน เหมาะสมและ ชดั เจน เหมาะสมและ เข้าใจง่าย สามารถตอบ เข้าใจงา่ ย สามารถตอบ เข้าใจง่าย สามารถตอบ คำถามไดเ้ พยี งบางส่วน คำถามไดท้ ุกข้อ คำถามได้เป็นส่วนใหญ่ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 5–6 ดี 3–4 พอใช้ นอ้ ยกวา่ 3 ปรับปรุง

11.3 การประเมินการนำเสนอ Activity ประเดน็ ในการประเมนิ 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1 1. หัวขอ้ ทน่ี ำเสนอ หวั ข้อในค้นหาข้อมลู มี 2 หัวข้อในค้นหาข้อมลู นา่ สนใจ มปี ระโยชนต์ ่อ ความนา่ สนใจ ทนั ต่อ หัวขอ้ ในค้นหาขอ้ มลู มี การเผยแพรใ่ ห้กบั ผ้อู ื่น ความนา่ สนใจ เปน็ เพียงบางส่วน เหตุการณ์ สรา้ งสรรค์ สร้างสรรคแ์ ละมี ประโยชนต์ อ่ การ และมีประโยชนต์ อ่ การ เผยแพรใ่ หก้ บั ผู้อน่ื เปน็ ส่วนใหญ่ เผยแพร่ให้กบั ผู้อน่ื 2. ความถูกต้องของ เน้อื หาทีน่ ำเสนอมคี วาม เนอ้ื หาทนี่ ำเสนอมคี วาม เน้อื หาท่นี ำเสนอมีความ เน้ือหา ถกู ต้อง มแี หลง่ ที่มา ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ มี ถกู ต้องเป็นสว่ นใหญ่ มี 3. การนำเสนอ น่าเชอ่ื ถือ ไมล่ ะเมิด แหล่งทมี่ านา่ เชื่อถือ ไม่ แหลง่ ท่ีมาน่าเชื่อถือ ลขิ สทิ ธ์ิหรอื คดั ลอกงาน ละเมิดลิขสิทธ์หิ รือ น้อยหรอื ไมม่ ีเลย ไม่ ของผู้อน่ื คดั ลอกงานของผู้อนื่ ละเมิดลิขสิทธ์ิหรอื คัดลอกงานของผู้อน่ื ใชภ้ าษาในการนำเสนอ ใชภ้ าษาในการนำเสนอ ใช้ภาษาในการนำเสนอ ชดั เจน เหมาะสมและ ชดั เจน เหมาะสมและ เข้าใจงา่ ย สามารถตอบ เข้าใจงา่ ย สามารถตอบ เข้าใจง่าย สามารถตอบ คำถามได้เพยี งบางสว่ น คำถามได้ทุกข้อ คำถามไดเ้ ป็นสว่ นใหญ่ เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 8–9 ดี 5–7 พอใช้ นอ้ ยกว่า 5 ปรับปรงุ

11.4 แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คำชแ้ี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด✓ลงในช่อง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ ระดับคะแนน อันพงึ ประสงค์ด้าน รายการประเมิน 32 1 .1 รักชาติ ศาสน์ 1.1ยืนตรงเคารพธงชาติและรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ กษตั ริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่สี ร้างความสามัคคีปรองดองและเป็นประโยชน์ ต่อโรงเรยี น 1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถอื ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทเ่ี ก่ียวกับสถาบนั พระมหากษตั ริย์ตามทโี่ รงเรยี นจัดขน้ึ .2 ซอ่ื สัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลท่ถี กู ตอ้ งและเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งทถ่ี กู ตอ้ ง .3 มีวนิ ยั รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวัน .4 ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 รจู้ ักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์และนำไปปฏิบัตไิ ด้ 4.2 รู้จกั จัดสรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชอื่ ฟงั คำส่ังสอนของบดิ ามารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ - 4.4 ตงั้ ใจเรียน .5 อยู่อย่างพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ ินและส่ิงของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั 5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรยี นอย่างประหยัดและร้คู ณุ ค่า 5.3 ใชจ้ ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน .6 ม่งุ ม่ันในการทำงาน 6.1 มีความตง้ั ใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อปุ สรรคเพอ่ื ให้งานสำเร็จ .7 รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจติ สำนกึ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย .8 มจี ิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู ำงาน 8.2 รจู้ ักการดแู ลรักษาทรัพยส์ มบตั ิและสิ่งแวดลอ้ มของห้องเรยี น และโรงเรยี น เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอ่ื ..................................................ผปู้ ระเมิน พฤติกรรมที่ปฏิบัติชดั เจนและสมำ่ เสมอ ................/.................../............ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ัติชัดเจนและบ่อยครงั้ พฤติกรรมท่ีปฏิบตั บิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ให้ 2 คะแนน 51-60 ดมี าก ให้ คะแนน 1 41-50 ดี 30-40 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง

ใบงานที่ 3.2.1 เรื่อง ใครมีความผดิ คำชี้แจง : ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 คน และตอบคำถามจากสถานการณ์ต่อไปนี้ สถานการณ์ ร้าน RC Power ได้ลงข้อมูลขายของออนไลน์ โดยขายแพคเกจสินค้าชุด Cosmos Wars Mini set ประกอบด้วยเสื้อยืดพิมพ์ลายโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่อง Cosmos Wars ขนาด Free size จำนวน 2 ตัว และ DVD ภาพยนตร์ที่จัดทำซ้ำขึ้นใหม่จำนวน 1 ชุด พร้อมของแถมเป็น DVD โปรแกรม KKDPlayer สำหรับใช้เปิดไฟล์ประเภทวีดีโอโดยที่ร้าน RC Power ไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ หรือได้รับ อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิใ์ ด ๆ ทั้งสิ้น แต่ทางร้านลงข้อมูลในเวบ็ ไซต์ว่าสินคา้ และเสือ้ ยืดทั้งหมดเป็นของ แทท้ ่ีมลี ขิ สิทธิ์ จากสถานการณ์ดังกล่าวให้นักเรียนวิเคราะห์ว่ามีการกระทำความผดิ ใดตามพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทำความผิดเก่ยี วกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2560 และควรไดร้ บั โทษอย่างไร ความผิด ............................................................................................................................. ............................................ ....................................................................................... .................................................................................. ............................................................................................................................. ............................................ .................................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................ ............................................................................. ............................................................................................................................. ............................................ ....................................................................................................................................... .................................. ................................................................................................. ........................................................................ ............................................................................................................................. ............................................ ............................................................................................................................................ ............................. ...................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ............................................ ................................................................................................................................................. ........................ ........................................................................................................... .............................................................. ............................................................................................................................. ............................................ ...................................................................................................................................................... ................... ................................................................................................................ ......................................................... ..................................................................................... ชื่อ.................................................................................................เลขท.ี่ ..........................ชน้ั ...........................

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๙ เวลา 14 ชวั่ โมง เรือ่ ง แนวคิดและองคป์ ระกอบของ IoT คาบที่ ๒๕-๒๘ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 แอปพลิเคชนั กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขน้ั ตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หา ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ร้เู ทา่ ทันและมีจรยิ ธรรม ตวั ชีว้ ดั ม.3/1 พฒั นาแอปพลิเคชันทม่ี กี ารบูรณาการกบั วิชาอ่นื อย่างสร้างสรรค์ 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายแนวคดิ และองคป์ ระกอบของเทคโนโลยี IoT ได้ (K) 2. ออกแบบแนวคดิ เพ่อื การพัฒนาเทคโนโลยี IoT ได้ (P) 3. ยกตวั อย่างประโยชนข์ องเทคโนโลยี IoT ในชีวิตประจำวนั ได้ (A) 3. สาระสำคญั การทำให้อุปกรณ์หลายตัวสามารถสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และทำงานร่วมกันได้นั้น เรียกว่า เทคโนโลยี IoT ตอ้ งอาศยั ความสามารถของ Smart Device ซง่ึ อุปกรณท์ มี่ ีหนว่ ยประมวลผล หรอื เซนเซอร์ ภายในตวั เพ่อื ส่งขอ้ มูลผ่าน Cloud Computing หรือ Wireless Network เปน็ ตวั กลางในการรับส่งข้อมูล ภายในเครอื ข่ายเพ่ือประมวลผล และอาศยั Dashboard สำหรับแสดงผลและใชค้ วบคุมการทำงานจากผู้ใช้ 4. สาระการเรียนรู้ 1. แนวคิดของเทคโนโลยี IoT 2. องคป์ ระกอบของเทคโนโลยี IoT 3. อุปกรณ์ท่ใี ช้สำหรบั พัฒนาเทคโนโลยี IoT 4. ข้อดขี อ้ เสยี ของเทคโนโลยี IoT 5. รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน 1. วธิ ีการสอนแบบการใช้คำถาม (Questioning Method) 2. วิธีการสอนโดยใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณ (Computational Thinking) 6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น  ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแกป้ ัญหา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต

 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี  ซ่อื สัตย์ สจุ รติ  ใฝเ่ รียนรู้ 7. ทกั ษะ 4Cs  มงุ่ ม่ันในการทำงาน  มจี ติ สาธารณะ  ทักษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking)  ทกั ษะการทำงานร่วมกนั (Collaboration Skill)  ทกั ษะการสอ่ื สาร (Communication Skill)  ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 8. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์  รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์  มวี ินัย  อยูอ่ ยา่ งพอเพียง  รักความเปน็ ไทย 9. การจดั กระบวนการเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ ๑ 1. ครใู ห้นกั เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรื่อง แอปพลิเคชนั เพ่ือวดั ความรู้เดมิ ของนักเรยี นก่อนเขา้ สูก่ ิจกรรม ขั้นนำ (5 นาที) 1. ครูถามคำถามกระตุ้นความสนใจของนักเรยี นว่า “นกั เรียนรู้จักเทคโนโลยี IoT หรอื ไม”่ ขน้ั สอน (30 นาที) ๑. ครูใหน้ ักเรยี นเปิดหนังสือวชิ าวิทยาการคำนวณ บริษทั อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท. ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 3 หนา้ 77 เรื่อง เทคโนโลยี IoT ๒. ครถู ามนักเรยี นว่าเครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ หรอื เครือขา่ ยไรส้ ายมีประโยชน์กบั ชวี ติ เราอยา่ งไร (แนวคำตอบ เชน่ สัญญาณ3G 4G ทำใหเ้ ข้าถงึ อนิ เทอร์เน็ตได้สะดวก) ๓. ครูถามต่อว่าถ้าสมมตมิ ือถือ หรือคอมพวิ เตอร์ แลปทอปของเราไม่มีความสามารถในการ เชื่อมตอ่ เครอื ขา่ ยอินเทอร์เน็ตได้ นักเรยี นคิดว่าจะมผี ลกระทบต่อชวี ิตอย่างไร (แนวคำตอบ ค้นหาข้อมลู ได้ยาก แลกเปลีย่ นข้อมูลกนั ช้าเนอ่ื งจากไม่มอี นิ เทอรเ์ นต็ ไม่ สามารถอปั เดตขา่ วสารได้ Real time) ๔. ครอู ธิบายว่า ยุคก่อนหนา้ นม้ี ือถือ และคอมพิวเตอร์ของเรายงั ไมม่ ีความสามารถในการเข้าถึง อนิ เทอร์เน็ต แตป่ จั จุบนั อุปกรณเ์ หลา่ นีแ้ ทบทุกเครื่องจะมีความสามารถในการเชอื่ มต่อเครือขา่ ยเขา้ หากนั ได้ เชน่ Bluetooth , Wifi Internet ทำใหอ้ ปุ กรณห์ ลายชิ้นเชอ่ื มต่อกนั จึงทำให้สามารถแลกเปลย่ี นข้อมูล กันได้อย่างรวดเรว็ ๕. ครอู ธบิ ายว่าลกั ษณะการทำใหอ้ ุปกรณห์ ลายช้นิ เชื่อมต่อเข้าหากันผ่านเครือขา่ ย และทำการ แลกเปลี่ยนข้อมูลกนั เพอื่ ให้ใช้ประโยชนไ์ ด้มากข้ึนเปน็ แนวคิดทีค่ ล้ายกบั เทคโนโลยี IoT ๖. ครอู ธิบายแนวคดิ จดุ กำเนดิ และองคป์ ระกอบของของเทคโนโลยี IoT ในหนังสอื วชิ าวิทยาการ

คำนวณ บรษิ ัทอกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 หนา้ 77-78 เรอื่ ง เทคโนโลยี IoT และ องค์ประกอบของเทคโนโลยี IoT วา่ เป็นการทำใหอ้ ุปกรณ์ต่าง ๆ มีหนว่ ยประมวลผลและความสามารถใน การเชือ่ มต่อกบั อุปกรณ์อน่ื ได้ โดยไมต่ อ้ งพ่ึงพาความสามารถของคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลและการ เชอ่ื มต่อกบั อปุ กรณ์อ่ืน จึงทำใหอ้ ปุ กรณ์สามารถสง่ ผา่ นข้อมูลระหวา่ งกนั ได้โดยตรง เชน่ เครือ่ งพิมพ์ที่ เชอื่ มเขา้ ระบบ wifi และสงั่ ปรน้ิ ท์งานผา่ นระบบ wifi ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งเช่อื มเคร่ืองพมิ พ์กบั คอมพิวเตอร์อีก ตอ่ ไปแตส่ ามารถส่ังงานจากอุปกรณใ์ ดก็ได้ที่เชื่อมวงเครือข่าย wifi เดียวกนั ชัว่ โมงที่ ๒ ขนั้ สอน (50 นาที) 7. ครถู ามนักเรียนว่าหากเราสามารถพัฒนาเทคโนโลยี IoT ด้วยตนเองได้นกั เรียนคิดวา่ จะนำ อุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนกิ สใ์ ดมาเช่อื มต่อเครือข่าย และจะใช้ประโยชนจ์ ากการเชือ่ มต่อเขา้ เครือข่ายของอุปกรณ์ นั้นอย่างไร สมุ่ นักเรียนตอบคำถาม3-5คน (แนวคำตอบ แอรเ์ ชือ่ มเนต็ แลว้ เช็คอณุ หภูมจิ ากทีไ่ หนก็ไดจ้ ากนั้นก็ส่ังเปิด-ปิดแอรต์ อนไหนก็ได้) 8. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เติมเกีย่ วกับแนวคดิ ของ IoT เร่ืององคป์ ระกอบท่สี ำคญั ทงั้ 3 สว่ นไดแ้ ก่ 1) Smart Device ใช้นำเขา้ ข้อมูลจากเซนเซอร์ 2) Cloud Computing หรอื Wireless Network เพ่ือใช้เป็นสอ่ื กลางในการรับสง่ ข้อมลู 3) Dashboard เพื่อใช้สือ่ สารกับผ้ใู ช้ ดังนั้นนอกจากอุปกรณ์จะสามารถเชื่อมต่อเข้าเป็นเครอื ข่ายเดียวกันได้แล้วจะต้องมีส่วนตดิ ต่อที่ใช้ควบคมุ การทำงานภายในระบบได้ด้วย เช่น สั่งสตาร์ทรถผ่านมือถือโดยใช้สื่อกลางเป็นระบบอินเทอร์เนต็ เปิด-ปิด เคร่อื งใช้ไฟฟา้ ภายในบา้ นดว้ ยเครือขา่ ยไรส้ าย Wifi 9. ครใู ห้นกั เรียนวาดแผนผงั การทำงานตามแนวคิดของเทคโนโลยี IoT และเขียนแนวคดิ การ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT ในชีวิตประจำวันในแบบฝึกหัดบริษัทอักษรเจริญทัศน์ อจท ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เร่ือง เทคโนโลยี หนา้ 53-55 ข้อ 1-5 (แนวคิดเชิงคำนวณ : ในส่วนการแยกย่อย Decomposition นักเรียนฝึกกระบวนการแยก องคป์ ระกอบ โดยการเขียนองคป์ ระกอบย่อยของเทคโนโลยใี นรปู แบบแผนผัง) ชว่ั โมงที่ ๓ ขัน้ สอน (50 นาท)ี 10. ครสู อบถามนักเรียนว่าสงสัยหรอื ไม่ แอรท์ ี่บ้านเรารูอ้ ุณหภมู ิวา่ เป็นกอี่ งศาภายในบ้านได้ อยา่ งไร (แนวคำตอบ มตี วั ตรวจจับ มีเครอ่ื งวดั อุณหภมู ิ มีเซนเซอร์ เซนเซอร์วัดอุณหภมู )ิ 11. ครสู อบถามนกั เรียนว่า “นกั เรียนรูจ้ ักเซนเซอร์อะไรบ้าง หรอื เคยเหน็ เซนเซอรใ์ นอุปกรณ์ ไหนบ้าง (แนวคำตอบ ขน้ึ อยกู่ ับดลุ ยพนิ ิจของครผู ู้สอน) 12. ครแู นะนำบอรด์ micro:bit (ไมโครบิท) ท่มี ีเซนเซอร์หลากหลายสามารถนำมาใช้พฒั นา

เทคโนโลยี IoT ได้โดยให้นักเรียนเปิดหนังสือวิชาวิทยาการคำนวณ บริษัทอักษรเจริญทัศน์ อจท. ช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้า79-8 เรื่อง ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเทคโนโลยี IoT และยกตัวอย่างอุปกรณ์ ไมโค รบิท พร้อมบอกส่วนประกอบเบื้องตน้ 13. ครใู หน้ กั เรียนเปิดหนงั สือวชิ าวิทยาการคำนวณ บริษัทอกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท ชัน้ มัธยมศกึ ษา ปีที่ 3 หนา้ 82 จากน้นั ครูอธิบายตวั อยา่ งแนวคดิ การพัฒนาเทคโนโลยี IoT โดยใชบ้ อรด์ ไมโครบทิ เปน็ อุปกรณ์ในการวดั อุณหภมู ิแล้วส่งขอ้ มลู มาบนแทบเลท็ ซ่ึงเป็นส่วนแสดงผลและใช้แทปเล็ทเป็นอุปกรณเ์ พ่ือ ควบคมุ การทำงานของพดั ลมได้โดยกดปมุ่ สัง่ งาน A บนแทปเลท็ เพ่ือเปดิ พดั ลม พรอ้ มขนึ้ สถานะเลข 1 บน บอร์ดไมโครบิท ให้ผใู้ ชร้ ูส้ ถานะการทำงานของพัดลมได้ และกดปุ่มงาน B เพอื่ ปิดพัดลมพร้อมข้นึ สถานะ 0 บนบอรด์ ไมโครบิท 14. ครตู ง้ั คำถามกับนกั เรยี นวา่ จากแนวคิดน้ีหากใหน้ กั เรียนปรบั ใชแ้ ละพัฒนาตอ่ นักเรยี นจะ นำแนวคิดไปพัฒนาต่ออยา่ งไร สมุ่ นักเรียนตอบคำถาม 3-5 คน 15. ครูใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั จากนั้นทำแบบฝึกหดั แบบฝึกหัดบริษัทอักษรเจริญทศั น์ อจท. หน้า 55 ขอ้ ที่ 6 โดยแต่ละคู่เลือกแค่ 1 แนวคดิ จากแบบฝึกหดั ขอ้ 5 นำแนวคิดในการพฒั นาเทคโนโลยี IoT มาปรบั ปรุงต่อโดยประยุกต์ใช้ความสามารถจากบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ ชว่ั โมงที่ ๔ ขน้ั สอน (40 นาท)ี 16. จากชัว่ โมงทผ่ี า่ นมาครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะคูเ่ ลอื กแนวคิดการพฒั นาเทคโนโลยี IoT แลว้ ใน ช่วั โมงนี้ครูให้นกั เรียนลงมือทำแบบฝึกตามเวลาท่ีกำหนด 17. ครใู ห้แตล่ ะคู่ออกมานำเสนอแนวคิดการพฒั นาเทคโนโลยี IoT ของตนเอง และให้เพือ่ น ในช้ันเรียนรว่ มกนั แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ 18. เมือ่ นำเสนอเสร็จแลว้ ใหค้ ุณครถู ามทุกควู่ ่า “จากที่เราได้แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นและฟัง การนำเสนอแนวคิดคู่อนื่ แลว้ นกั เรียนคิดว่าอยากปรบั ปรุงแนวคดิ การพัฒนาเทคโนโลยี IoT ของค่ตู นเอง อย่างไร” ข้นั สรปุ (10 นาท)ี 1. ครใู ห้นักเรยี นชว่ ยกันสรปุ แนวคดิ ของเทคโนโลยี IoT 2. ครถู ามนกั เรียนว่าจากการฟังแนวคดิ ของเพ่ือนในชั้นเรียนมแี นวคิดใดน่าสนใจ หรือแนวคดิ ใดท่ี มปี ระโยชนใ์ นชวี ิตประจำวนั ได้จริงบา้ ง ๓. ครสู รปุ แนวคดิ และองค์ประกอบของเทคโนโลยี IoT ให้นกั เรียนฟงั พร้อมท้ังเน้นถึง ความสำคัญเรื่องประโยชนก์ ารใชง้ านจริงในชีวติ ประจำวนั 4. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดเร่ือง เทคโนโลยี IoT หนา้ 56 ข้อ 7 10. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ ท่ี 4 เร่อื ง แอปพลิเคชนั 2. หนงั สอื แบบฝึกหัดรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการ เรียนรทู้ ่ี 4 เร่อื ง แอปพลเิ คชัน

11. การวัดและการประเมินผล 11.1 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม จุดประสงค์ วิธีการประเมนิ เครอื่ งมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน 1.อธิบายแนวคิด ตวรจแบบฝึกหดั เรอ่ื ง แบบประเมนิ อธิบายแนวคิดและ และองคป์ ระกอบ เทคโนโลยี IoT (ขอ้ 1-3) แบบฝึกหัด องคป์ ระกอบของ ของเทคโนโลยี IoT เรอื่ ง เทคโนโลยี IoT เทคโนโลยี IoT ได้ ใน ได้ (K) ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น 2.ออกแบบแนวคดิ 1.ตรวจการออกแบบ 1.แบบประเมิน 1.ออกแบบแนวคดิ ใน เพอื่ พัฒนา แนวคิดในการพฒั นา แบบฝกึ หัด การพัฒนาเทคโนโลยี เทคโนโลยี IoT ได้ เทคโนโลยี IoT ใน 2.แบบประเมิน IoT ได้ตรงตามแนวคิด (P) แบบฝึกหดั เรื่อง เทคโนโลยี การนำเสนอ ของเทคโนโลยี ในระดบั IoT (ขอ้ 5-7) คุณภาพพอใช้ขนึ้ ไปถือวา่ 2.ประเมนิ การนำเสนอ ผา่ น แนวคิดในการพฒั นา 2.นำเสนอแนวคดิ ในการ เทคโนโลยี IoT พัฒนาเทคโนโลยี IoT ใน ระดับคุณภาพพอใช้ขึน้ ไปถือวา่ ผา่ น 3.ยกตัวอยา่ ง ตรวจแบบฝึกหัดเรือ่ ง แบบฝกึ หัด ยกตัวอย่างเทคโนโลยี ประโยชน์ของ เทคโนโลยี IoT (ข้อ 8) เทคโนโลยี IoT ใน เร่อื ง เทคโนโลยี IoT IoT ในชวี ติ ประจำวัน ชวี ติ ประจำวันได้ (A) ข้อ 7 ถกู ต้อง 60% ขน้ึ ไปถอื ว่าผา่ น 11.2 การประเมินการนำเสนองานกล่มุ คณุ ภาพผลงาน 4 3 21 ที่ รายการประเมนิ 1 นำเสนอการประยุกต์แนวคดิ ในการพัฒนาเทคโนโลยี IoT กับ ความสามารถของ micro:bit ได้นา่ สนใจและส่ือสารเขา้ ใจงา่ ย ชดั เจน 2 อธิบายการทำงานของแนวคิดไดเ้ ข้าใจ และถูกต้องตามหลักการ และ ตอบคำถามได้ 3 มีความคดิ สร้างสรรค์ 4 การมสี ่วนรว่ มของสมาชกิ ในกลุ่ม 5 การรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ื่น รวม

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 16 – 20 ดี 10 – 15 น้อยกว่า 10 พอใช้ ปรับปรุง 11.3 การประเมนิ แบบฝกึ หัด เร่ือง เทคโนโลยี IoT (แนวคิดและองค์ประกอบของ IoT) ประเดน็ ในการประเมิน 3 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1 2 1.อธิบายแนวคดิ ของ อธิบายแนวคิดของ อธิบายแนวคิดของ อธิบายแนวคดิ ของ เทคโนโลยี IoT เทคโนโลยี IoT ได้ เทคโนโลยี IoT ได้ เทคโนโลยี IoT ได้ ถกู ต้องครบถว้ นทั้งหมด ถูกต้อง 50% ขน้ึ ไป ถูกต้อง น้อยกว่า 50% 2.แผนผังการทำงาน เขียนแผนผังการทำงาน เขยี นแผนผงั การทำงาน เขียนแผนผงั การทำงาน องคป์ ระกอบของ องคป์ ระกอบของ องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ เทคโนโลยี IoT เทคโนโลยี IoT ไดเ้ ป็น เทคโนโลยี IoT ไดเ้ ป็น เทคโนโลยี IoT ได้เปน็ ระบบ ถกู ต้องและ ระบบ ถกู ต้องและ ระบบ ถูกต้องและ เข้าใจง่ายท้ังหมด เข้าใจง่าย 50% ขึน้ ไป เขา้ ใจง่าย น้อยกว่า 50% เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 5–6 ดี 3–4 พอใช้ นอ้ ยกว่า 3 ปรบั ปรุง

11.4 การประเมนิ แบบฝึกหัด เร่ือง เทคโนโลยี IoT (การออกแบบแนวคิดในการพัฒนา เทคโนโลยี IoT) ประเดน็ ในการประเมนิ 3 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1 2 1.ระบปุ ัญหาทพ่ี บเจอใน ระบปุ ญั หาท่ีพบเจอใน ระบปุ ญั หาท่ีพบเจอใน ระบปุ ญั หาที่พบเจอใน ชวี ิตประจำวนั และ ชีวติ ประจำวนั ได้ ชวี ิตประจำวันได้ ชวี ิตประจำวันได้ และ แนวทางการพัฒนา นา่ สนใจ และอธบิ าย นา่ สนใจ และอธิบาย อธบิ ายแนวทางการพฒั นา แนวทางการพฒั นาโดย แนวทางการพัฒนาโดย โดยใชเ้ ทคโนโลยี IoT ได้ ใช้เทคโนโลยี IoT ได้ ใชเ้ ทคโนโลยี IoT ได้ ถกู ต้องครบ น้อยกว่า ถูกต้องครบถ้วน ถูกต้องครบ 50% ขนึ้ ไป 50% 2.ออกแบบแนวคิดใน ออกแบบแนวคิดในการ ออกแบบแนวคิดในการ ออกแบบแนวคิดในการ การพัฒนาเทคโนโลยี พฒั นาเทคโนโลยี IoT พัฒนาเทคโนโลยี IoT พัฒนาเทคโนโลยี IoT กบั IoT กบั ความสามารถ กับความสามารถของ กบั ความสามารถของ ความสามารถของ บอรด์ ของบอร์ด บอร์ด บอรด์ ไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ ไมโครคอนโทรลเลอร์ ไมโครคอนโทรลเลอรไ์ ด้ ไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ หลกั การถูกต้องครบถ้วน นา่ สนใจ สรา้ งสรรค์ นา่ สนใจ หลักการ และเลอื กใชอ้ ุปกรณ์ได้ หลกั การถูกตอ้ งครบถ้วน ถูกต้อง และเลือกใช้ เหมาะสมกบั การแกป้ ญั หา ทง้ั หมด และเลือกใช้ อปุ กรณ์ไดเ้ หมาะสมกับ นอ้ ยกว่า 50% อปุ กรณ์ไดเ้ หมาะสมกบั การแกป้ ัญหา 50% ข้นึ การแก้ปัญหา ไป เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 5–6 ดี 3–4 พอใช้ น้อยกว่า 3 ปรบั ปรงุ

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ เวลา 14 ช่วั โมง เรอื่ ง ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ชใ้ นการพฒั นาแอปพลิเคชัน คาบท่ี ๒๙-๓๒ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 แอปพลิเคชนั กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขัน้ ตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หา ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทนั และมจี รยิ ธรรม ตวั ชวี้ ดั ม.3/1 พฒั นาแอปพลเิ คชนั ทีม่ กี ารบูรณาการกบั วิชาอนื่ อยา่ งสร้างสรรค์ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.บอกความหมาย ประเภท และขัน้ ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชนั ได้ (K) 2.ออกแบบการพฒั นาแอปพลิเคชนั ตามขน้ั ตอนการพัฒนาแอปพลิเคชันได้ (P) 3.ยกตวั อย่างแอปพลิเคชันท่มี ปี ระโยชน์ของในชวี ิตประจำวนั ได้ (A) 3. สาระสำคญั แอปพลิเคชัน เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยในด้านต่าง ๆ มีการออกแบบมาเพื่อใช้ งานในหลายรูปแบบ โดยแอปพลิเคชันแบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่ แอปพลิเคชันระบบ แอปพลิเคชันท่ี ตอบสนองตอ้ งการของกลุม่ ผ้ใู ช้ การพัฒนาแอปพลิเคชัน มี 7 ขั้นตอน ดังนี้ 1) กำหนดปัญหา 2) ศึกษาความเป็นไปได้ 3) วิเคราะห์ความตอ้ งการแอปพลิเคชนั 4) ออกแบบแอปพลิเคชัน 5) ทดสอบ 7) จัดทำเอกสาร ซ่ึงการพัฒนาโปรแกรมในปจั จุบนั นยิ มใชโ้ ปรแกรมภาษาไพทอน (Python) เพราะเปน็ ภาษาท่ีอ่าน แล้วเข้าใจงา่ ย ไมซ่ บั ซ้อน ตวั อยา่ งการเขยี นโปรแกรมการพัฒนาแอปพลิเคชนั ด้วยโปรแกรมภาษาไพทอน เชน่ โปรแกรมคำนวณหาอัตราแลกเปลี่ยนเงนิ บาทไทย (THB) เป็นเงินดอลลาร์ (USD) เป็นตน้ 4. สาระการเรยี นรู้ 1. ขั้นตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชัน 2. ซอฟต์แวรท์ ใ่ี ช้ในการพัฒนาแอปพลเิ คช่ัน 5. รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน 1. รปู แบบการสอนแบบการอภิปราย 2. วิธกี ารสอนโดยเน้นกระบวนการกลมุ่ (Group Process–Based Instruction) 3. วิธีการสอนโดยใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing) 4. วธิ กี ารสอนโดยใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) 6. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน

ความสามารถในการสือ่ สาร ซ่ือสตั ย์ สจุ รติ ความสามารถในการคดิ ใฝเ่ รียนรู้ ความสามารถในการแก้ปญั หา มุง่ มน่ั ในการทำงาน ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ มจี ติ สาธารณะ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะ 4 Cs ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking) ทักษะการทำงานรว่ มกนั (Collaboration Skill) ทักษะการสอื่ สาร (Communication Skill) ทกั ษะความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) 8. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีวนิ ัย อยู่อยา่ งพอเพยี ง รกั ความเปน็ ไทย 9. การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ชัว่ โมงที่ ๑ ข้นั นำ (10 นาท)ี 1. ครูสนทนากับนักเรียนว่า ถ้าสมมตินักเรียนไปเที่ยวต่างประเทศ นักเรียนคาดว่าต้องใช้เงิน ประมาณเทา่ ไร 2. จากนั้นครูถามตอ่ ว่าจำนวนเงินท่นี ักเรียนบอกเป็นสกลุ เงินไทย หรอื สกลุ เงินประเทศที่ต้องการ ไปเท่ยี ว 3. ครูถามวา่ แล้วนักเรียนสามารถแปลงจำนวนเงินบาทเป็นสกลุ เงนิ ของตา่ งประเทศอย่างไร (แนวคำตอบ สามารถคำนวณไดด้ ว้ ยโปรแกรมทอี่ ยบู่ นออนไลน์ หรอื แอพพเิ คชน่ั บนมือถือ และแทป็ เลท นอกจากนน้ั ยังสามารถคำนวณไดโ้ ดยดูจากการแปลงอัตราแลกเปล่ียนคา่ เงนิ ประจำวัน) 4. ครสู อบถามว่านกั เรียนเคยสงสัยไหมวา่ โปรแกรมเหลา่ นี้ทำงานอยา่ งไร (แนวคำตอบ : การแปลงค่า เทยี บค่าเงนิ ดจู ากอตั ราแลกเปล่ียนเงิน) ขัน้ สอน (40 นาท)ี 1. ครูกล่าวถึงลักษณะแบบนี้เป็นประโยชน์ของโปรแกรม หรือแอปพลิเคชันที่เราใช้ใน ชวี ติ ประจำวัน 2. ครใู หน้ ักเรยี นเปดิ หนังสือเรียนวชิ า เทคโนโลยี(วทิ ยาการคำนวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หน้า 83 หัวขอ้ การพฒั นาแอปพลเิ คชนั 3. ครูอธิบายความหมาย และประเภทของแอปพลิเคชัน และยกตัวอย่างแอปพลิเคชันจากใน หนงั สือหน้า 84 หรอื ตามความเหมาะสม

4. ครูอธบิ ายเพิม่ เร่ืองข้นั ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชัน ในหนงั สอื เรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการ คำนวณ) ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 อักษรเจริญทัศน์ อจท. หนา้ 85-88 5. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หนา้ 57-58 ขอ้ 1-3 เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจ ชว่ั โมงท่ี ๒ ขนั้ สอน (50 นาที) 6. ครูถามนกั เรียนว่าจากท่ีเราพดู ถงึ จำนวนเงนิ และการแปลงสุกลเงนิ ในคาบท่แี ล้วนกั เรยี นคาด วา่ หากตอ้ งการพฒั นาแอปพลิเคชนั เราจะตอ้ งใช้เคร่อื งมือใดบ้าง (แนวคำตอบ คอมพวิ เตอร์ โปรแกรมภาษาC++ โปรแกรมภาษาPython ) 7. ครอู ธิบายว่าการพัฒนาโปรแกรมสามารถใช้ภาษาในการเขยี น และพฒั นาแอปพลิเคชนั ได้ หลากหลาย สามารถเลอื กใช้ไดต้ ามความถนัด 8. ครูสนทนากบั นักเรียนวา่ นกั เรยี นได้เรียนเขียนโปรแกรมภาษาPython เบ้ืองตน้ มาแลว้ ในชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 แลว้ รหู้ รอื ไม่วา่ ทำไมนักพัฒนาโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันสว่ นใหญจ่ งึ เลือกใช้โปรแกรม นี้ เรามาดูจุดเด่น จุดด้อยของโปรแกรมภาษาไพทอนกัน (เปิดหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คำนวณ) ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 บริษทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หน้า89) 9. ครบู อกนกั เรยี นวา่ คาบน้จี ะได้ศกึ ษาการทำงานของโปรแกรมแปลงคา่ เงนิ โดยให้นักเรยี นเปดิ หนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคำนวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. หน้า 89 หวั ข้อซอฟต์แวรท์ ใี่ ชใ้ นการพัฒนาแอปพลิเคช่ัน 10. ครใู หน้ ักเรยี นเปดิ โปรแกรม Mu จากนั้นครูอธิบายหนา้ ทกี่ ารทำงานเครื่องมอื ของโปรแกรม เป็นการทบทวนเนื้อหาเดิมที่เรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 (เนื้อหาเดิมในหนังสือวิชา วิทยาการคำนวณ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่2 บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท.) หรือศึกษาเพิ่มเติมจากใบความรู้เร่ือง If else, while, for (ดาวนโ์ หลดโปรแกรมไดจ้ ากเว็บไซต์ https://codewith.mu/en/download ) ช่ัวโมงที่ ๓ ขน้ั สอน (50 นาท)ี 11. ครูอธิบายเนอ้ื หาในหนังสอื เรียนวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการคำนวณ) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. หน้า90-105 เรื่องโปรแกรมคำนวณหาอัตราแลกเปล่ียนเงินบาทไทย(THB) เป็นเงินดอลลาร์ (USD) และให้นักเรียนศึกษาพร้อมทดลองเขียนโปรแกรมตามหนังสือ เพื่อความเข้าใจ โปรแกรมมากขึ้น ให้ศึกษาในใบความรู้เพิ่มเติมเรื่องการใช้งาน GUI ร่วมกับภาษาไพทอนในการเขียน โปรแกรม โดยใชโ้ มดลู Tkinter 12. ครูถามนกั เรียนวา่ จากตวั อย่างที่ศึกษา สามารถนำแนวคิดการแปลงสกลุ เงนิ ไปปรับเปน็ โปรแกรมรูปแบบอื่นไดห้ รือไม่ อยา่ งไรบา้ งใหน้ ักเรียนรว่ มกันอภปิ รายแลกเปลีย่ นความคิดเห็น และบันทึก รูปแบบท่เี พ่ือนนำเสนอแลว้ สนใจลงกระดาษ A4 1๓. ครสู อบถามวา่ จากการแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ ได้พบข้อดี ขอ้ เสียอะไรบา้ ง 1๔. ครูให้นักเรียนจับค่เู พือ่ แลกเปลี่ยนแนวคิดและรูปแบบท่ีนกั เรียนสนใจการพัฒนาโปรแกรม

หรอื แอปพลิเคชัน จากน้นั เลอื กแนวคิดท่ีนา่ สนใจ 1 อย่างเพื่อเขยี นรายละเอียดการทำงานตามขั้นตอนการ พัฒนาแอปพลเิ คชันดังกล่าวในแบบฝกึ หดั เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 58-59 ขอ้ 4 ๑๕.ครใู หน้ ักเรยี นนำแนวคิดทไ่ี ดม้ าเขยี น Flow Chart เพอ่ื นำไปพฒั นาเป็นแอปพลเิ คชันใน แบบฝกึ หดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หน้า 60 ขอ้ 5 ชว่ั โมงที่ ๔ ขัน้ สอน (40 นาที) 17. ครถู ามนักเรยี นว่าจากการเขียน Flow Chart นักเรยี นคาดว่าแนวคิดท่ตี นเองเขียนมีโอกาสท่ีจะ ทำได้จรงิ หรือไม่ 18. ครูให้นักเรียนแต่ละคู่นำเสนอแนวคิดและผังงาน (Flowchart) ของตนเองหน้าชั้นเรียน ให้ เพือ่ นรว่ มกันแลกเปลย่ี นความคดิ เห็น พรอ้ มท้ังครคู อยใหค้ ำแนะนำ จากน้ันใหน้ ำไปปรบั ปรงุ แกไ้ ข ขั้นสรุป (10 นาที) 1. ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ งแอปพลิเคชนั ทม่ี ีประโยชนข์ องในชวี ติ ประจำวัน โดยการตอบคำถามใน แบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) อจท. หน้า 66 ขอ้ 7 10. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ ท่ี 4 เร่ือง แอปพลิเคชนั 2. หนงั สอื แบบฝกึ หดั รายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการ เรยี นรทู้ ี่ 4 เรื่อง แอปพลิเคชัน 3. โปรแกรม Mu

11. การวดั และการประเมินผล 11.1 การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรม จุดประสงค์ วธิ ีการประเมิน เครอ่ื งมือการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน 1. บอก ตรวจแบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั รายวิชาพื้นฐาน บอกความหมาย ประเภท และขัน้ ตอนการพฒั นาแอป ความหมาย หนา้ 57-58 วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี พลิเคชนั ได้ถกู ต้อง 60% ขน้ึ ไป ประเภท และ (วิทยาการคำนวณ) ม.3 ข้ันตอนการ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เร่ือง พัฒนาแอป แอปพลิเคชนั พลิเคชันได้ (K) หนา้ 57-58 2.ออกแบบการ 1.ตรวจการ 1.แบบประเมิน แบบฝึกหดั 1.ออกแบบการพฒั นาแอป พัฒนาแอป ออกแบบแนวคิดใน เร่อื ง แอปพลิเคชนั (ออกแบบ พลเิ คชันตามขนั้ ตอนการ พลิเคชันตาม แบบฝกึ หดั หน้า การพฒั นาแอปพลิเคชนั ) พัฒนาแอปพลิเคชนั ได้ ใน ข้ันตอนการ 58-59 2.แบบประเมิน ระดับคุณภาพพอใช้ขนึ้ ไปถือ พฒั นาแอป 2.ประเมินการ การนำเสนองานกลมุ่ วา่ ผ่าน พลิเคชันได้ (P) นำเสนอแนวคดิ การ (ออกแบบแนวคดิ การพฒั นา 2.นำเสนอแนวคิดการ ออกแบบการ แอปพลิเคชนั ) ออกแบบการพฒั นาแอป 3.ยกตวั อย่าง พฒั นาแอปพลิเค พลิเคชันในระดับคุณภาพ แอปพลเิ คชนั ที่ ชนั แบบฝึกหัดรายวชิ าพนื้ ฐาน พอใช้ข้นึ ไปถอื ว่าผา่ น มีประโยชน์ของ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ใน ตรวจแบบฝึกหดั (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 3.ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ชีวิตประจำวนั อจท. หนา้ 66 ขอ้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 เร่อื ง 60% ขึน้ ไป ได้ (A) 7 แอปพลเิ คชนั หนา้ 66 ข้อ 7

11.2 การประเมินการนำเสนองานกลมุ่ (ออกแบบแนวคิดการพฒั นาแอปพลเิ คชัน) ที่ รายการประเมนิ คณุ ภาพผลงาน 4 3 21 1 นำเสนอการออกแบบการพฒั นาแอปพลเิ คชนั ตามขน้ั ตอนการพัฒนา แอปพลเิ คชนั ได้นา่ สนใจและส่อื สารเขา้ ใจงา่ ย ชดั เจน 2 อธิบายการทำงานของแนวคิดได้เข้าใจ และถูกต้องตามหลักการ และ ตอบคำถามได้ 3 มีความคดิ สรา้ งสรรค์ 4 การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ 5 การรับฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่ืน รวม เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 16 – 20 ดี 10 – 15 น้อยกว่า 10 พอใช้ ปรับปรุง

11.3 การประเมนิ แบบฝกึ หัด เร่ือง แอปพลิเคชัน (ออกแบบการพฒั นาแอปพลเิ คชัน) ประเดน็ ในการประเมนิ 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1 2 1.ความสอดคล้องกับ ออกแบบแนวคิดการ ออกแบบโปรแกรมหรือ ออกแบบโปรแกรมหรือ เนอ้ื หา พฒั นาโปรแกรมหรือ แอปพลเิ คชันตาม แอปพลเิ คชนั ตาม แอปพลิเคชันตาม ข้นั ตอนการออกแบบ ข้นั ตอนการออกแบบ ข้นั ตอนการออกแบบ แอปพลิเคชันได้ถูกต้อง แอปพลิเคชันได้ถูกต้อง แอปพลเิ คชันได้ถกู ต้อง และชัดเจนมากกวา่ นอ้ ยกว่า50% ครบถว้ นและชัดเจน 50% 2.การแสดงอัลกอรทิ ึม เขียนแสดงลำดบั การ เขยี นแสดงลำดับการ เขียนแสดงลำดับการ ทำงานของโปรแกรม ทำงานของแอปพลเิ ค ทำงานของแอปพลิเค 3.มคี วามคิดสร้างสรรค์ หรือแอปพลเิ คชันดว้ ย ชนั ด้วยแผนผงั งาน ชันดว้ ยแผนผงั งาน ในการออกแบบแอป แผนผังงาน (Flow (Flow Chart) ได้เป็น (Flow Chart) ไดเ้ ป็น พลเิ คชนั Chart) ได้เปน็ ระบบ ระบบ ถกู ต้องและ ระบบ ถกู ต้องและ ถูกต้องและเข้าใจงา่ ย เข้าใจง่ายมากกวา่ 50% เขา้ ใจงา่ ยน้อยกวา่ 50% สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ แนวคิดการพฒั นาแอป แนวคิดการพฒั นาแอป สามารถออกแบบ พลิเคชนั ไดน้ ่าสนใจ พลเิ คชันไดน้ ่าสนใจ แนวคดิ การพัฒนาแอป และคำนงึ ประโยชน์ของ และคำนึงประโยชนข์ อง พลิเคชันได้น่าสนใจ การใชง้ าน การใช้งานเปน็ ส่วนใหญ่ และคำนงึ ประโยชน์ของ การใชง้ านบา้ งพยี ง บางส่วน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 7–9 ดี 5–6 พอใช้ น้อยกว่า 5 ปรบั ปรุง

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๑ เวลา 14 ช่ัวโมง เรอ่ื ง ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ชใ้ นการพฒั นาแอปพลิเคชนั (๒) คาบที่ ๓๓-๓๘ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 แอปพลิเคชนั กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการ แกป้ ัญหา ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ รูเ้ ทา่ ทันและมีจรยิ ธรรม ตวั ชว้ี ดั ม.3/1 พัฒนาแอปพลเิ คชันทีม่ กี ารบูรณาการกับวิชาอน่ื อย่างสรา้ งสรรค์ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายหน้าท่กี ารทำงานของคำสง่ั ในการเขียนโปรแกรมดว้ ย Python ได้ (K) 2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมหรือแอปพลเิ คชันด้วยภาษา Pythonได้ (P) 3. พฒั นาแอปพลเิ คชันทีค่ ำนึงถงึ ประโยชน์ตอ่ ชวี ติ ประจำวัน (A) 3. สาระสำคญั ภาษาไพทอนเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอรท์ ี่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรมไปจนถึงการ ประยุกตใ์ ชง้ านในระดับสูง เน่อื งจากโครงสรา้ งภาษาทล่ี ดความยงุ่ ยากเร่ืองไวยากรณใ์ นการเขียนโปรแกรม ลง อา่ นแล้วเข้าใจงา่ ย ไม่ซับซอ้ น 4. สาระการเรียนรู้ 1. ซอฟตแ์ วร์ท่ีใชใ้ นการพฒั นาแอปพลิเคช่ัน 5. รูปแบบการสอน/วิธกี ารสอน 1. รูปแบบการสอนแบบบรรยาย (Lecture) 2. วิธกี ารสอนโดยใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณ (Computational Thinking) 6. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะ 4Cs  ทกั ษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking)  ทกั ษะการทำงานร่วมกัน (Collaboration Skill)

 ทกั ษะการสอื่ สาร (Communication Skill)  ซื่อสตั ย์ สุจรติ  ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)  ใฝเ่ รียนรู้  มุ่งมัน่ ในการทำงาน 8. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  มีจติ สาธารณะ  รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์  มีวินัย  อยอู่ ยา่ งพอเพียง  รักความเป็นไทย 9. การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี ๑ ขนั้ นำ (10 นาท)ี 1. ครูบอกกบั นักเรยี นว่าจากช่วั โมงทผี่ า่ นมาเราทราบดวี า่ โปรแกรมท่ใี ช้ในการพัฒนาแอปพลิเค ชันมีให้เลือกหลากหลาย แตโ่ ปรแกรมทีน่ ิยมกนั และเรยี นรู้ได้เร็วซึง่ Python เปน็ ตัวเลอื กทนี่ า่ สนใจ 2. ครสู นทนากับนกั เรียนว่า “จากตัวอยา่ งท่นี กั เรยี นลองเขียนโปรแกรมแปลงคา่ เงินด้วย โปรแกรมภาษา Python นักเรียนคิดว่า ฟังก์ชันหรือคำสั่งที่นักเรียนใช้ในการเขียนโปรแกรมข้างต้น เพยี งพอสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชนั ตามแนวคิดของนกั เรียนหรือไม่” 3. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “หากเราต้องการพัฒนาแอปแพลิเคชันด้วย Python จะต้องเรียนรู้ อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ โปรแกรมท่ีใชเ้ ขียน เช่น Mu, คำสงั่ ใหโ้ ปรแกรมแสดงผล, เรยี นร้คู ำส่งั if-else, คำสง่ั loop) ขั้นสอน (40 นาที) 1. ครูใหน้ กั เรียนเปิดโปรแกรม Mu จากนน้ั ครอู ธิบายหนา้ ท่กี ารทำงานเครอ่ื งมือของโปรแกรม (เนือ้ หาเดิมในหนังสือวิชา วิทยาการคำนวณ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี2 บริษัท อกั ษรเจริญทัศน์ อจท.) (สามารถ ดาวนโ์ หลดโปรแกรมได้จากเวบ็ ไซต์ https://codewith.mu/en/download ) 2. ครทู บทวนการเขยี นโปรแกรมคำส่งั print เพื่อสั่งให้โปรแกรมแสดงผลตัวเลข และขอ้ ความ เชน่ Code ผลลัพธไ์ ด้

3. ครูทบทวนการเขียนโปรแกรมโดยใช้ variable ดว้ ยตวั เลข และขอ้ ความเพือ่ การแสดงผล เชน่ Code ผลลพั ธท์ ีไ่ ด้ 3. ครูอธบิ ายเพมิ่ เติมวา่ กรณีที่สร้างตวั แปรของตวั เลข เช่น A = 5 กบั C = “5” แสดงผล ออกมาเป็นเลข 5 เหมือนกัน แต่ความหมายต่างกัน A เป็นตัวแปรของตัวเลข ส่วน C เป็นตัวแปรของ ตัวอกั ษรหรือขอ้ ความ เพราะมีสัญลักษณ์ “” 5. จากนั้นครูทบทวนรูปแบบรหัสข้อมูล (Format Code) เพิ่มเติม จากที่เคยเรียนผ่านมาแล้วใน ระดับชั้น ม.2 6. ครใู ห้นกั เรยี นทำใบงาน เรื่อง ตัวแปรและตวั ดำเนินการ ช่วั โมงที่ ๒ ข้นั สอน (50 นาท)ี 7. ครูถามคำถามเพ่ือทบทวนนกั เรียนว่าจากการเรียนเร่ืองการใช้งานตวั แปรเพ่ือการดำเนนิ การ ทางคณติ ศาสตร์ มขี อ้ มลู ตัวเลขแบบไหนบ้างท่ีสามารถนำมาดำเนินการทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ (แนวคำตอบ จำนวนเงนิ อุณหภมู ิ น้ำหนกั สว่ นสูง เปน็ ตวั เลขทมี่ ีคา่ สามารถนำมาดำเนนิ การ ทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ )

8. จากน้นั ครทู บทวนการใชง้ านคำสง่ั การรบั ข้อมลู จากแปน้ พมิ พ์ input เชน่ Code ผลลัพธท์ ไี่ ด้ 9. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หดั เรอื่ ง การเขียนใช้คำสั่งแสดงผล อนิ พตุ และเอาต์พตุ และ แบบฝกึ หดั เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หน้า 61 ข้อ 6.1 10. ครสู อบถามนกั เรียนวา่ ฟงั กช์ นั input ทำงานอยา่ งไร (แนวคำตอบ เปน็ การรบั ขอ้ มูลจากแป้นพมิ พ์ หรอื นำเข้าขอ้ มลู จากแป้นพิมพ)์ ชวั่ โมงท่ี ๓ ข้นั สอน (50 นาที) 11. ครูถามนกั เรยี นว่าจากการเรียนเขียนโปรแกรมคำสง่ั ทเ่ี รียนมา หากครูตอ้ งการเขียนโปรแกรม จัดลำดับความนยิ มของร้านอาหารโดยใช้ข้อมูลจากระดับความพอใจในการใชบ้ ริการ 5 ระดับ นักเรียนคดิ วา่ สามารถทำไดห้ รือไม่ (แนวคำตอบ ไม่สามารถทำได้เนอื่ งจากเรยี นคำสงั่ การดำเนนิ การแล้ว แตย่ ังไม่มคี ำสง่ั ในการ ตรวจสอบค่า ) 12. ครูสอนนกั เรยี นใช้งานคำสั่ง if-else 13. จากน้ันครูให้นกั เรียนทำใบงาน เรอื่ ง การทำงานแบบมีเงอื่ นไข และแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) หน้า 62 ข้อ 6.2 14. ครถู ามนักเรยี นว่าสามารถนำความร้ทู เ่ี รยี นไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้อย่างไรบา้ ง (แนวคำตอบ การเขียนโปรแกรมตัดเกรด เขยี นโปรแกรมBMI เปน็ ตน้ ) ข้นั สอน (40 นาท)ี ช่วั โมงท่ี ๔ 15. ครูถามนกั เรยี นวา่ จากการเรียนเขยี นโปรแกรมที่ผา่ นมา หากครตู ้องการให้นกั เรยี นเขยี น โปรแกรมเพือ่ แสดงช่ือตนเอง 100 บรรทดั นักเรียนคิดว่าตอ้ งเขยี นคำสั่งเยอะหรอื ไม่

(แนวคำตอบ เยอะ เนื่องจากตอ้ งเขยี นคำสง่ั บรรทดั ตอ่ บรรทดั ในการแสดงผล ) 16. ครูบอกท่มี าและอธบิ ายเร่ืองการใชง้ านคำสั่งทำซ้ำและคำส่ังอน่ื ๆ ไดแ้ ก่ while , for 17. ครสู อนนักเรยี นใช้งานคำส่งั while / for 18. ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงาน เร่อื ง การทำซ้ำ แบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) หนา้ 63 -65 ข้อ 6.3 - 6.5 19. ครูใหน้ กั เรยี นช่วยกันบอกคำสั่งในการเขยี นโปรแกรมท่ีได้เรียนทั้งหมด พร้อมบอกหน้าท่ีของ แต่ละคำสัง่ ขั้นสอน (50 นาที) ชั่วโมงที่ ๕ 20. จากแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 ครใู ห้นักเรียนแต่ละคนู่ ำเสนอแนวคดิ และผังงาน (Flowchart) ของตนเองหน้าชั้นเรียน ให้เพื่อนรว่ มกันแลกเปล่ยี นความคิดเหน็ พรอ้ มทง้ั ครูคอยให้คำแนะนำ จากน้ันให้ นำไปปรับปรงุ แกไ้ ข 21. ในคาบนค้ี รใู ห้นักเรยี นนำแนวคดิ ท่ีปรบั ปรงุ แลว้ มาพัฒนาตอ่ เพื่อเขยี นโปรแกรมหรือ แอปพลิเคชั่นด้วย ภาษา Python หรือนักเรียนจะออกแบบแนวคิดการพัฒนาโปรแกรมหรือแอปพลิเคชัน ใหมก่ ไ็ ด้ 22. ครใู ห้นกั เรียนลงมอื เขียนโปรแกรมหรือแอปพลิเคชนั ด้วยภาษา Python ช่ัวโมงที่ ๖ ขัน้ สอน (40 นาท)ี 23. ครูใหน้ ักเรยี นลงมอื เขียนโปรแกรมหรอื แอปพลิเคชันด้วยภาษา Python (ตอ่ ) 24. ครใู ห้นกั เรียนทดสอบโปรแกรมหรอื แอปพลิเคชันเพื่อตรวจสอบข้อผดิ พลาด ขั้นสรุป (10 นาที) ๑. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคู่นำเสนอโปรแกรมหรอื แอปพลิเคชัน ให้เพือ่ นรว่ มกนั แลกเปล่ยี นความ คดิ เหน็ พร้อมทงั้ ครคู อยให้คำแนะนำเพิม่ เติม 10. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.2 2. หนังสอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หนว่ ยการเรียนรู้ ที่ 4 เรอ่ื ง แอปพลิเคชัน 3. หนงั สือแบบฝึกหัดรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคำนวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 เรือ่ ง แอปพลเิ คชนั 4. โปรแกรม Mu 5. ใบความรู้ เรอื่ ง การใชค้ ำสงั่ แสดงผลอินพุต และเอาต์พตุ 6. ใบความรู้ เร่ือง ตัวแปรและตัวดำเนินการ 7. ใบความรู้ เร่ือง การทำงานแบบมเี งื่อนไข

8. ใบความรู้ เรอ่ื ง การทำซำ้ 9. ใบงานที่ 4.3.1 เร่ือง ตัวแปรและตวั ดำเนินการ 10. ใบงานท่ี 4.3.2 เรอื่ ง การใช้คำสัง่ แสดงผลอนิ พตุ และเอาต์พตุ 11. ใบงานท่ี 4.3.3 เรือ่ ง การทำงานแบบมีเง่ือนไข 12. ใบงานท่ี 4.3.4 เรอื ง การทำซำ้ 11. การวดั และการประเมินผล 11.1 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรม จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมิน เครอ่ื งมอื การประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ 1.อธบิ ายหน้าท่กี าร อธบิ ายการทำงานของ อธิบายได้ถกู ต้องตาม ทำงานของคำสั่งในการ โปรแกรมหรือแอป แบบประเมนิ ชิน้ งาน หลักการ 60% ขึน้ ไป เขยี นโปรแกรมดว้ ย พลิเคชันทเ่ี ขยี นดว้ ย (ออกแบบและเขยี น ถอื ว่าผา่ น Python ได้ (K) ภาษา Python โปรแกรมหรือแอป พลิเคชันด้วยภาษา 1.ออกแบบและเขยี น 2.ออกแบบและเขียน 1.ตรวจโปรแกรมหรอื Python) โปรแกรมหรอื แอป โปรแกรมหรอื แอป แอปพลิเคชันทเี่ ขียน พลิเคชนั ด้วยภาษา พลิเคชันด้วยภาษา ดว้ ยโปรแกรมภาษา แบบประเมนิ ช้นิ งาน Pythonได้ ในระดับ Pythonได้ (P) Python (ออกแบบและเขียน คณุ ภาพพอใช้ขนึ้ ไปถอื โปรแกรมหรือแอป วา่ ผา่ น พลเิ คชนั ด้วยภาษา บอกประโยชน์ของแอป Python) พลเิ คชันท่ีพัฒนาขน้ึ คำนึงถึงประโยชนต์ ่อ 3.พัฒนาแอปพลิเคชนั ที่ บอกประโยชนข์ องแอป แบบประเมิน ชีวิตประจำวันได้ใน คำนงึ ถึงประโยชน์ต่อ พลเิ คชันที่พัฒนาขึน้ การนำเสนอ ระดับคุณภาพพอใช้ขน้ึ ชวี ติ ประจำวนั (A) ไปถือว่าผา่ น

11.2 การประเมนิ ช้ินงาน (ออกแบบและเขียนโปรแกรมหรอื แอปพลิเคชันดว้ ยภาษา Python) ประเดน็ ในการประเมิน 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1 2 1.ความสอดคลอ้ งกับ อธิบายหน้าที่การ อธบิ ายหนา้ ท่ีการ อธิบายหน้าทีก่ าร เนือ้ หา ทำงานของคำสงั่ ในการ ทำงานของคำส่งั ในการ ทำงานของคำส่ังในการ เขียนโปรแกรมดว้ ย เขียนโปรแกรมด้วย เขยี นโปรแกรมด้วย Pythonไดถ้ ูกตอ้ งตาม Pythonไดถ้ ูกตอ้ งตาม Pythonไดเ้ พยี ง หลกั การ สือ่ สารเขา้ ใจ หลักการ สือ่ สารเข้าใจ บางสว่ น ส่อื สารเข้าใจ ง่ายชดั เจนและตอบ ชัดเจนและตอบคำถาม และตอบคำถามได้น้อย คำถามไดท้ ้ังหมด ไดม้ ากกว่า50% กวา่ 50% 2.ขนั้ ตอนการเขยี น เขยี นโปรแกรมหรือแอป เขยี นโปรแกรมหรือแอป เขียนโปรแกรมหรือแอป โปรแกรมหรือแอป พลิเคชันด้วยภาษา พลเิ คชนั ดว้ ยภาษา พลิเคชันดว้ ยภาษา พลเิ คชนั ดว้ ยภาษา Python ได้ถูกตอ้ ง ใช้ Python ได้ถูก ใช้คำสง่ั Python ได้ ใช้คำสั่ง Python คำส่ังเหมาะสมกบั การ เหมาะสมกบั การทำงาน เหมาะสมกับการทำงาน ทำงาน สามารถ สามารถตรวจสอบและ สามารถตรวจสอบและ ตรวจสอบและแก้ไข แกไ้ ขข้อผดิ พลาดของ แก้ไขข้อผดิ พลาดของ ข้อผิดพลาดของ โปรแกรมได้มากกวา่ โปรแกรมได้น้อยกวา่ โปรแกรมได้ 50% 50% 3.มคี วามคิดสร้างสรรค์ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ ในการออกแบบแอป แนวคิดการพฒั นาแอป แนวคิดการพฒั นาแอป แนวคิดการพัฒนาแอป พลเิ คชัน พลเิ คชนั ได้นา่ สนใจ พลิเคชนั ได้นา่ สนใจ พลเิ คชนั ไดน้ า่ สนใจ และสร้างสรรค์ มคี วาม และสร้างสรรค์ มีความ และสรา้ งสรรค์ มีความ เหมาะสมกับการใชง้ าน เหมาะสมกับการใชง้ าน เหมาะสมกบั การใช้งาน มากกว่า50% น้อยกวา่ 50% เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 7–9 ดี 5–6 พอใช้ นอ้ ยกวา่ 5 ปรับปรุง

11.3 การประเมนิ การนำเสนอ (ออกแบบและเขียนโปรแกรมหรอื แอปพลเิ คชนั ด้วยภาษา Python) ท่ี รายการประเมิน คุณภาพผลงาน 4 3 21 1 อธิบายหนา้ ท่กี ารทำงานของคำส่งั ในการเขียนโปรแกรมดว้ ย Python ไดถ้ ูกต้อง และตอบคำถามได้ 2 บอกประโยชนข์ องแอปพลิเคชนั ทพ่ี ัฒนาและคำนึงถึงประโยชนต์ อ่ ชวี ิตประจำวนั 3 มวี ิธกี ารนำเสนอนา่ สนใจ ใชภ้ าษาเหมาะสมเข้าใจง่าย 4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลมุ่ 5 การรับฟังความคดิ เหน็ ของผูอ้ ื่น รวม เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 15 – 20 ดี 10 – 14 นอ้ ยกวา่ 10 พอใช้ ปรับปรุง

11.4 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คำชีแ้ จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในช่อง ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน คุณลักษณะ ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ด้าน รายการประเมนิ 32 1 1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติและรอ้ งเพลงชาติได้ กษตั ริย์ 1.2 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทส่ี ร้างความสามัคคีปรองดองและเป็นประโยชน์ ตอ่ โรงเรียน 1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนา 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีเกีย่ วกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ต์ ามท่โี รงเรียนจดั ข้นึ 2. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ให้ขอ้ มูลทถ่ี ูกต้องและเป็นจริง 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ท่ีถูกตอ้ ง 3. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวัน 4. ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 รจู้ ักใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์และนำไปปฏิบัติได้ 4.2 รจู้ ักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชอ่ื ฟงั คำสัง่ สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แยง้ 4.4 ตั้งใจเรยี น 5. อยู่อยา่ งพอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของโรงเรยี นอย่างประหยัด 5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ุณคา่ 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน 6. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รบั มอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออุปสรรคเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ 7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณคา่ และปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครูทำงาน 8.2 รจู้ กั การดูแลรกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสิ่งแวดล้อมของหอ้ งเรียน และโรงเรียน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ..................................................ผปู้ ระเมนิ พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ............/.................../................ พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยครั้ง พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั ิบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ให้ 2 คะแนน 51-60 ดีมาก ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี 30-40 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง

ใบความรู้ เร่ือง การใช้คำสัง่ แสดงผลอินพุต และเอาตพ์ ุต คำสัง่ แสดงผลด้วย print คือ การแสดงผลทางหนา้ จอโดยใช้คำสั่ง print() ทำหน้าท่ใี นการแสดง ขอ้ มูลชนดิ อักขระ ตวั เลข ตัวแปร หรือนิพจน์ โคด้ ผลลัพธ์ คำสั่งนำเข้าข้อมลู ทางแป้นพิมพ์ดว้ ย input Input คือ การรับข้อมลู จากภายนอกด้วยแปน้ พมิ พ์โดยใชค้ ำสัง่ input() ซ่งึ จะรับข้อมลู เข้ามาเกบ็ ไวใ้ นตวั แปร โค้ด ผลลัพธ์

ใบความรู้ เร่อื ง ตวั แปร และตัวดำเนนิ การ ตัวแปร คือ หน่วยความจำท่ีใชจ้ ดั เกบ็ ข้อมลู เพ่ือนำไปใชใ้ นโปรแกรม ตวั แปรจะถูกเรยี กใช้ในการ เก็บข้อมลู จากอนิ พตุ เกบ็ ค่าคงท่ี นำข้อมูลไปคำนวณและเก็บผลลัพธก์ ารกำหนด หรอื ประกาศตวั แปร ชนดิ ข้อมลู ตวั แปร ชนดิ การใช้งาน Int ข้อมลู ชนดิ ตัวเลขจำนวนเต็ม String ข้อมลู ที่เปน็ อักขระ หรอื ข้อความ Float ขอ้ มลู ที่เปน็ จำนวนจรงิ ตัวดำเนินการ หรือ โอเปอเรเตอร์ คอื สัญลักษณ์ทบี่ อกให้ดำเนนิ การอยา่ งใดอย่างหนึ่งกับข้อมูลใน ตวั แปร และค่าคงทีต่ ่างๆ เชน่ การคำนวณ โดยใชเ้ คร่อื งหมาย + - * / และการเปรียบเทียบท่ใี ช้ เครอ่ื งหมาย > < >= <= 1) ตัวดำเนินการทางคณติ ศาสตร์ ตวั ดำเนนิ การ ความหมาย ตัวอย่าง + การบวก x+y - การลบ x-y * การคณู x*y / การหาร x/y % การหาร เอาเฉพาะเศษ x%y ** การยกกำลงั x ** y 2) ตัวดำเนินการเปรยี บเทยี บ ตวั ดำเนนิ การ ความหมาย ตวั อยา่ ง == เท่ากับ x == y != ไม่เท่ากับ x != y > มากกว่า x>y < นอ้ ยกวา่ x<y >= มากกวา่ หรือเท่ากับ x >= y <= น้อยกว่าหรอื เทา่ กบั x <= y

ใบความรู้ เร่อื ง การทำงานแบบมเี งื่อนไข การใชง้ านคำส่งั if if คอื คำส่ังกำหนดเง่ือนไขเพื่อควบคมุ ใหโ้ ปรแกรมทำงานเฉพาะคำสง่ั ที่ต้องการเมื่อเง่ือนไขเปน็ จริง ซึง่ เป็นการเลือกทำงานที่มีทางเลอื กเดยี ว โคด้ ผลลัพธ์ การใช้งานคำสง่ั if-else If-else คือ การกำหนดเงื่อนไขใหโ้ ปรแกรมเลือกทำ 2 กรณี โดยเลือกทำคำสง่ั ในบล็อก if เมอื่ เง่ือนไขเป็นจรงิ หรือเลือกทำคำสงั่ ในบลอ็ ก else เมือ่ เงื่อนไขเปน็ เท็จ โค้ด ผลลัพธ์

ใบความรู้ เร่ือง การทำงานซำ้ การใชง้ านคำสง่ั while while คือ การวนลูปโดยการตรวจสอบเง่อื นไขก่อนทำงาน ซึง่ ในขณะท่ีจรวจสอบพบว่าเงอ่ื นไข เปน็ จริง คำสง่ั ทอ่ี ยู่ภายในบล้อกจะถกู รันให้ทำงานวนรอบไปเร่ือยๆ และจะหยุดทำงานเมือ่ โปรแกรม ตรวจสอบพบวา่ เง่ือนไขเป็นเท็จ คำสั่ง ผลลพั ธ์ i=0 while i <= 10: print(i, end = ', ') i=i+1 การใช้งานคำสง่ั for for คือ การทำงานแบบวนซำ้ ที่สามารถกำหนดจำนวนครั้งที่แนน่ อน โดยมีการกำหนดจุดเรม่ิ ตน้ จดุ สดุ ทา้ ย และจำนวนการทำงานตามจำนวนข้อมลู ที่มี คำสง่ั ผลลพั ธ์ for num in (27,12,2537): print(num) bp ='Lisa','Jisoo','Jennie','Rose' for bp in bp: print(bp)

ใบงานที่ 4.3.1 เรอ่ื ง ตวั แปรและตัวดำเนนิ การ 1.ใหน้ กั เรยี นทำความเขา้ ใจเรื่องตวั แปรเพอ่ื ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1.1 เขียนผลลัพธก์ ารทำงานของโค้ดต่อไปนี้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………… 1.2 “กิฟ้ ขายแอปเปลิ้ ไดเ้ งนิ มา 425 บาท อรขายส้มไดเ้ งินมา 565 บาท ทศขายมะม่วงงนิ มา 456”ใหน้ กั เรียนเขยี นโปรแกรมเพ่ือแสดงรายได้จากการขายผลไม้ของแต่ละคน โดยใช้คำสัง่ “ตัวแปร” ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.ให้นกั เรยี นทำความเขา้ ใจเร่ืองตัวแปรและการดำเนนิ การเพ่อื ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 2.1 เขยี นผลลัพธก์ ารทำงานของโค้ดต่อไปน้ี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 เขยี นผลลพั ธก์ ารทำงานของโค้ดต่อไปน้ี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ใหน้ กั เรียนเขยี นโปรแกรมเฉลี่ยค่าอาหารรายคน โดยใหโ้ ปรแกรมรบั จำนวนลูกคา้ และ คา่ อาหารท้ังหมด จากนน้ั แสดงค่าอาหารทีเ่ ฉลี่ยต่อคนทางหนา้ จอ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.4 เขยี นโปรแกรมประยุกต์ใช้ตวั ดำเนนิ การเพื่อแสดงผลลพั ธ์ ดงั น้ี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………

ใบงานที่ 4.3.1 เฉลย เรื่อง ตัวแปรและตัวดำเนนิ การ 1.ใหน้ ักเรียนทำความเขา้ ใจเรื่องตวั แปรเพอื่ ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1.1 เขยี นผลลัพธก์ ารทำงานของโคด้ ต่อไปนี้ …P…ri…ce……of…M……an…g…o…=…4…5…………………………………………………………………………………………………………………… …P…ri…ce……of…M……el…o…n …=…8…6…………………………………………………………………………………………………………………… …P…ri…ce……of…B…a…n…an…a…=……24…………………………………………………………………………………………………………………… …P…ri…ce……of…A…p…p…le……=…6…4…………………………………………………………………………………………………………………… …P…ri…ce……of…W……at…e…rm…e…l…on……=…8…6………………………………………………………………………………………………………… ……/……/ต……วั ……เล……ข……ใน……W…a…te…rm……el…o…n…ม…คี …า่ =…8…6…เน…อ่ื…ง…จ…าก…ใน…โ…ค…้ด…โจ…ท…ยไ์…ด…้ใส…่ต…ัว…แป…ร…m……el…o…n…ล…งไ…ป…แ…ทน……………………… 1.2 “กิ้ฟขายแอปเป้ิลได้เงนิ มา 425 บาท อรขายสม้ ไดเ้ งินมา 565 บาท ทศขายมะม่วงงินมา 4g5if6t ”=ให4น้ 2กั5เรยี นเขียนโปรแกรมเพื่อแสดงรายได้จากการขายผลไมข้ องแต่ละคน โดยใชค้ ำสัง่ “ตัวแปร” …t…o…ss…=…4…5…6…………………………………………………………………………………………………………………………………… ………op………rrni………n………t=('………G5………i6ft………5=………………%………d………' ………%………g………if………t)……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …p…ri…n…t('…T…os…s…=…%…d……' %……t…os…s…) ………………………………………………………………………………………………………… …p…ri…n…t('…O…rn…=……%…d…'…%……or…n…) …………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.ให้นักเรยี นทำความเข้าใจเรื่องตัวแปรและการดำเนนิ การเพ่ือตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 2.1 เขยี นผลลัพธก์ ารทำงานของโคด้ ต่อไปนี้

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………9…………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………6…0 ………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 เขยี นผลลพั ธ์การทำงานของโค้ดต่อไปน้ี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………Y…o…u…r …ag…e…=……25………………………………………………………………………………………………………………………… ………Y…o…u…r …BM……I =……19………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………… 2.3 ใหน้ กั เรยี นเขียนโปรแกรมเฉลย่ี คา่ อาหารรายคน โดยให้โปรแกรมรบั จำนวนลกู คา้ และ คา่ อาหารทั้งหมด จากน้นั แสดงค่าอาหารทเี่ ฉล่ียต่อคนทางหนา้ จอ ………p…r…in…t(…'W…e…lc…o…m…e…t…o…R…e…st…u…ar…a…nt…')…………………………………………………………………………………………… ………b…i…ll…=…in…t…(in…p…u…t(…'E…n…te…r…b…ill…t…ot…a…l …: '…))……………………………………………………………………………………… ………………r……e……gi……s ……=……in……t……(in……p……u……t(……'E……nt……e……r ……to……ta……l……c……us……t……om…………er……:……')……) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………a…v…e…rp…=……bi…ll…/r…eg…is…………………………………………………………………………………………………………………… ………p…r…int('\\nAverage per 1 = %d ' % averp) ………p…r…in…t(…'T…h…an…k…y…o…u…:)…') ……………………………………………………………………………………………………………… … 2.4 เขียนโปรแกรมประยกุ ต์ใช้ตัวดำเนินการเพื่อแสดงผลลพั ธ์ ดงั น้ี

………m……on…t…h…1…=…2…3…54……………………………………………………………………………………………………………………… ………m……on…t…h…2…=…4…5…84……………………………………………………………………………………………………………………… ………m……on…t…h…3…=…2…4…65……………………………………………………………………………………………………………………… ………m……on…t…h…4…=…8…5…46……………………………………………………………………………………………………………………… ………………p……r……in……t(……'B……an……t……h……un……g……C……a……fe……')………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………p…r…in…t(…'*…**…**…**…')………………………………………………………………………………………………………………………… ………p…r…in…t(…'R…e…po…r…t …by……4m……on…t…h…=…%……d'…%………………………………………………………………………………………… ………(…m…o…n…th…1+month2+month3+month4))

ใบงานท่ี 4.3.2 เรอ่ื ง การใช้คำส่ังแสดงผลอินพตุ และเอาตพ์ ุต 1.จงบอกหนา้ ท่ีการทำงานของคำสัง่ ตอ่ ไปนี้ 1.1 print ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……… 1.2 input ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……… 2.ให้นักเรยี นทำความเข้าใจคำส่งั การแสดงผล print เพ่ือตอบคำถามต่อไปนี้ 2.1 เขียนโคด้ คำส่งั เพ่ือแสดงผลลพั ธ์ ดังนี้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………… 2.2 ให้นักเรียนเขยี นโปรแกรมเพ่ือแสดงประวตั สิ ่วนตวั ของนักเรียนทีส่ ามารถเปดิ เผยตอ่ ส่วนรวม ได้ อยา่ งน้อย 7 อย่างจากน้ันจดบนั ทึกคำสง่ั จากโปรแกรมลงด้านล่าง(เฉพาะโค้ด)

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …… 2.3 ใหน้ ักเรียนเขียนโปรแกรมรบั ช่ือ พร้อมนำ้ หนัก จากแปน้ พมิ พ์จำนวน3คนจากนน้ั ใหโ้ ปรแกรม แสดงข้อมูลของแต่ละคนทางหน้าจอ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………….…………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………

ใบงานท่ี 4.3.2 เฉลย เร่ือง การใช้คำสั่งแสดงผลอินพตุ และเอาตพ์ ตุ 1.จงบอกหน้าท่ีการทำงานของคำสงั่ ต่อไปน้ี 1.1 print ……………ก…า…รแ…ส…ด…งผ…ล…ท…าง…ห…น…า้ จ…อ…โ…ดย…ใ…ชค้…ำ…ส…่ัง …p…rin…t…()…ท…ำห…น…้า…ท…่ใี น…ก…า…รแ…ส…ด…งข…อ้ …ม…ลู …ชน…ดิ …อ…กั …ขร…ะ…………………… ……………ต…วั …เล…ข…ต…วั …แป…ร…ห…ร…ือ…น…พิ …จน…์ …………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……… 1.2 input ……………ก…า…รร…ับ…ข…้อม…ลู …จ…าก…ภ…า…ย…น…อก…ด…้ว…ยแ…ป…้น…พ…มิ …พ…์โด…ย…ใช…ค้ …ำ…ส่ัง…i…n…pu…t…()…ซ…่งึ จ…ะ…ร…บั ข…้อ…ม…ูล…เข…้า…มา…เก…บ็ …ไ…ว้…………… ……………ใ…น…ตัว…แ…ป…ร…………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……… 2.ให้นักเรียนทำความเข้าใจคำส่ังการแสดงผล print เพ่ือตอบคำถามต่อไปน้ี 2.1 เขยี นโค้ดคำส่ังเพ่ือแสดงผลลพั ธ์ ดังน้ี ……………p…ri…n…t('…H…el…lo…')……………………………………………………………………………………………………………………… ……………p…ri…n…t('…I a…m……p…yt…h…o…n'…) ………………………………………………………………………………………………………… ……………p…ri…n…t('…I w……as…b…o…rn……in…1…9…89……b…y …Ro…s…so…m……') …………………………………………………………………………… ……………p…ri…n…t('…M…y…la…n…g…ua…g…e…b…a…se…o…n…A…B…C…')…………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.2 ให้นกั เรยี นเขยี นโปรแกรมเพื่อแสดงประวัตสิ ว่ นตวั ของนักเรียนทส่ี ามารถเปิดเผยตอ่ สว่ นรวม ได้ อย่างน้อย 7 อยา่ งจากน้ันจดบันทึกคำส่งั จากโปรแกรมลงดา้ นลา่ ง(เฉพาะโค้ด) …………p…ri…nt…('M……y …n…am……e …is…P…a…tt…ha…r…a …R…a…ks…a…') …………………………………………………………………………………… …………p…ri…nt…('M……y…n…ic…k …n…am…e……is…G…if…t')………………………………………………………………………………………………… ……………………p……ri……nt……('I……a……m…………25…………ye……a……rs……o……l……d'……) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………p…ri…nt…('I…w…a…s…b…o…rn…i…n…K…h…on…k…a…en……') ………………………………………………………………………………………… …………p…ri…nt…('I…l…ov…e…B…l…ac…k…p…in…k …')……………………………………………………………………………………………………… …………p…ri…nt.…('I…li…ke……to…e…a…t…d…es…s…er…t'…) ……………………………………………………………………………………………… …………p…ri…nt…('I…l…iv…e…in…B…a…n…gk…o…k…') ……………………………………………………………………………………………………… ……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …… 2.3 ใหน้ กั เรยี นเขยี นโปรแกรมรบั ชอ่ื พร้อมน้ำหนกั จากแป้นพิมพจ์ ำนวน3คนจากนัน้ ใหโ้ ปรแกรม แสดงขอ้ มลู ของแต่ละคนทางหน้าจอ ……………n…am……e1……=…in…p…u…t(…'En…t…e…r n…a…m…e…:…')………………………………………………………………………………………… ……………w…e…ig…ht…1…=…i…nt…(i…np…u…t…('E…n…te…r…w…e…ig…h…t …: '…))……………………………………………………………………………… ………………………………………nw………aem………ig………he2t………2………==………ini………npt………u(i………tn(p………'Eun………tt………(e'E………rnn………tae………mr………we………:e………'i)g………h………t ………: '………))……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………n…am……e3……=…in…p…u…t(…'En…t…e…r n…a…m…e…:…')………………………………………………………………………………………… ……………w…e.i…gh…t…3…=…in…t…(in…p…u…t(…'E…n…te…r …w…e…igh…t…:…')…) …………………………………………………………………………… ……………p…rin…t…('1….…%…s…w…e…ig…h…t=……%…d…' %……(n…a…m…e…1…,w…e…ig…h…t1…))………………………………………………………………… ……………p…rin…t…('2….…%…s…w…e…ig…h…t=……%…d…' %……(n…a…m…e…1…,w…e…ig…h…t1…))………………………………………………………………… …………………………p……rin……t……('3…….……%……s…w…e…ig…h…t=……%…d…' %……(n…a…m…e…1…,w…e…ig…h…t1…))…………………………………………………………………

ใบงานที่ 4.3.3 เรอ่ื ง การทำงานแบบมเี งื่อนไข 1.ให้นกั เรยี นทำความเข้าใจการทำงานคำสัง่ if-else แล้วตอบคำถามต่อไปนี้ 1.1 ใหน้ กั เรียนเขียนผลลัพธก์ ารทำงานของโคด้ ต่อไปน้ี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …… 1.2 ให้นกั เรียนเขยี นผลลพั ธ์การทำงานของโคด้ ตอ่ ไปน้ี ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………

2.เขียนโปรแกรมรับค่าอุณหภมู ิจากแปน้ พิมพจ์ ากน้ันใหแ้ สดงระดบั อุณหภมู ิ โดยใชเกณฑ์ ดังนี้ เกณฑอ์ ุณหภูมิ(เซลเซียส) 29 ขึ้นไป = ร้อน 24-28 = ปกติ 1-23 = เย็น 0 = เยือกแขง็ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………

ใบงานที่ 4.3.3 เฉลย เร่อื ง การทำงานแบบมเี ง่อื นไข 1.ใหน้ กั เรียนทำความเขา้ ใจการทำงานคำสัง่ if-else แล้วตอบคำถามต่อไปนี้ 1.1 ใหน้ กั เรยี นเขยี นผลลัพธก์ ารทำงานของโคด้ ตอ่ ไปนี้ …………A……sa…m…e……B …………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …… 1.2 ให้นกั เรยี นเขียนผลลัพธก์ ารทำงานของโคด้ ตอ่ ไปนี้ …………C…o…r…re…ct………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………

2.เขียนโปรแกรมรบั คา่ อุณหภูมิจากแปน้ พิมพ์จากน้ันให้แสดงระดับอุณหภูมิ โดยใชเกณฑ์ ดงั นี้ เกณฑอ์ ุณหภูมิ(เซลเซียส) 29 ขึน้ ไป = ร้อน 24-28 = ปกติ 1-23 = เย็น 0 = เยอื กแข็ง …………t…e…m…p…=…f…lo…a…t(…in…p…ut…('…En…t…er…t…e…m…p…er…a…tu…re……: '…))……………………………………………………………………… …………i…f t…e…m…p…>…=2…9…:……………………………………………………………………………………………………………………… ……………p…ri…n…t('…รอ้…น…')………………………………………………………………………………………………………………………… …………e…li…f …te…m…p…>…=…24……an…d…t…e…m…p…<…=…28…:………………………………………………………………………………………… …………………………p……ri……n……t('……ป……กต……'ิ ……) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………e…li…f …te…m…p…>…=…1…a…nd……te…m…p…<…=…2…3:…………………………………………………………………………………………… ……………p…ri…n…t('…เย…็น…')………………………………………………………………………………………………………………………… …………e…li…f …te…m…p…=…=…0…: …………………………………………………………………………………………………………………… ……………p…ri…n…t('…เย…ือ…ก…แข…ง็ …')………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………