ÊÊÊ.ÊÓ¹¡Ñ §Ò¹¡Í§·Ø¹Ê¹ºÑ ʹع ค่มู อื การอบรม การดูแลสขุ ภาพผ้สู ูงอายุ (32 ชั่วโมง) ¡ÒÃÊÃÒŒ §àÊÃÔÁÊØ¢ÀÒ¾ คมู่ ือการอบรม การดแู ลสุขภาพผสู้ งู อาย ุ
ÊÊÊ.ÊÓ¹¡Ñ §Ò¹¡Í§·Ø¹Ê¹ºÑ ʹ¹Ø ¡ÒÃÊÌҧàÊÃÁÔ Ê¢Ø ÀÒ¾ คู่มอื การอบรม การดูแลสุขภาพผูส้ งู อาย ุ 32 ชวั่ โมง โดย งานผู้สงู อายุ กลุ่มงานพฒั นางานส่งเสรมิ สขุ ภาพและอนามยั สงิ่ แวดลอ้ มแบบครบวงจร ศนู ย์อนามยั ที่ ๒ สระบรุ ี กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข
คำนำ ความก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทย ทำให้ลดอัตราการ เพิ่มของประชากรได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จำนวนและสัดส่วนของประชากรผู้สูงอายุเพิ่ม ขึ้นอย่างรวดเร็ว กล่าวคือสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ หรือผู้ท่ีมีอายุมากกว่า 60 ปี สูงขึ้น จนกลายเป็นประเทศของสงั คมผสู้ ูงวัย มีการคาดการณ์วา่ อกี 20 ปขี า้ งหน้า ประเทศไทย จะเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด ซึ่งหมายถึง มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุ 65 ปี ขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 20 ขึน้ ไป หรืออาจกลา่ วไดว้ า่ ในอีก 8 ปี ข้างหน้า (พ.ศ.2564) ประเทศไทย จะกลายเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ : Ageing Society) และจากนั้นอีกเพียง 8 ปี ประเทศไทยจะกลายเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” จากสภาพปัญหาและสถานการณ์ ของผู้สูงอายุ ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก ส่งผลกระทบทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม โดยรวม การสง่ เสริมสขุ ภาพ การป้องกันโรคในผู้สงู อายุท่ียังมีสุขภาพดีให้ มีสขุ ภาพแขง็ แรง เพื่อยดื เวลาท่ีจะเกดิ การเจบ็ ปว่ ยเร้ือรงั ออกไป และในผ้สู งู อายุท่เี จบ็ ป่วย ให้หายหรือทเุ ลา จากการเกิดความพิการหรอื ทพุ พลภาพ รวมถึงการเตรียมการเพ่ือรองรับ สภาพปญั หาดงั กลา่ วจึงมีความสำคญั ย่งิ ศูนย์อนามัยที่ 2 สระบุรี ร่วมกับกรมอนามัย โดยสำนักส่งเสริมสุขภาพ จึงได้ จัดทำหลักสูตรการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุโดยอาสาสมัครขึ้น เพ่ือพัฒนาศักยภาพบุคลากร ให้เป็นผู้มีความรู้ ความเข้าใจ ด้านการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการ ดูแลทีม่ คี ุณภาพ สมศกั ด์ศิ รี และมคี ณุ ภาพชีวติ ที่ด ี งานผู้สูงอาย ุ กล่มุ งานพัฒนางานส่งเสริมสุขภาพและอนามยั สงิ่ แวดล้อมแบบครบวงจร พ.ศ.2557 1คมู่ อื การอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
สารบญั บทนำ 4 สาระการเรียนร้ ู ■ หลกั สูตรการฝึกอบรมผดู้ ูแลผสู้ ูงอายุสำหรบั บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสขุ 7 ระยะเวลาการอบรม 32 ชวั่ โมง (ทฤษฏี 24 ชัว่ โมง ปฏบิ ัติ 8 ช่วั โมง) สาระวชิ าการดูแลผ้สู ูงอาย ุ บทท่ี 1 ความจำเป็นของการดูแลผู้สูงอายุ 10 ■ สถานการณ์ผสู้ งู อายใุ นปัจจุบนั 10 ■ โครงสร้างประชากรของประเทศไทย 10 ■ สถานะสุขภาพผู้สงู อายุและความจำเปน็ ในการดูแลผูส้ ูงอาย ุ 12 บทท่ี 2 แนวคดิ เกย่ี วกับการสงู อายุ 15 ■ แนวคดิ เกีย่ วกบั การสงู อายุ 15 ■ กระบวนการชรา การเปลย่ี นแปลงในวัยสูงอายุ : ด้านรา่ งกาย ด้านจติ ใจ และด้านสงั คม 18 บทท่ี 3 โรคท่ีพบบอ่ ยในผ้สู งู อายุ และแนวทางในการดูแล การส่งต่อ 20 ■ โรคความดนั โลหิตสูง 20 ■ โรคเบาหวาน 24 ■ ขอ้ เขา่ เส่ือม 25 ■ ภาวะสมองเสอ่ื ม 25 ■ หลอดเลือดหัวใจตบี 26 ■ โรคมะเรง็ 27 ■ โรคตาในผู้สูงอาย ุ 28 บทที่ 4 ภาวะวิกฤติกับการปฐมพยาบาลเบ้อื งตน้ 32 ■ หน้ามดื วิงเวียน เป็นลม หมดสต ิ 32 ■ การห้ามเลือด 33 ■ หกล้ม กระดกู หกั ขอ้ เทา้ แพลง 35 บทท่ี 5 การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพผสู้ ูงอายุเบือ้ งต้น 36 ■ การประเมิน ความสามารถในการทำกิจวตั รประจำวนั (ADL) 36 ■ การตรวจรา่ งกายเบ้ืองต้น (BP, T, P, R) 38 บทท่ี 6 การดูแลช่วยเหลอื ผู้สูงอายทุ ่ีช่วยเหลือตนเองไม่ได ้ 41 ■ ระบบทางเดินอาหาร 41 ■ ระบบทางเดนิ หายใจ 45 ■ ระบบขับถ่าย 47 ■ ระบบอวัยวะสืบพนั ธุ ์ 49 บทที่ 7 การใชย้ าในวยั สูงอาย ุ 50 ■ หลกั การใช้ยาเบ้ืองต้น 50 ■ ยาท่ใี ชบ้ อ่ ยในผสู้ งู อายุและผลขา้ งเคียงจากการใช้ยา 51 ■ แนวทางปฏิบตั ใิ นการให้ยาในผูส้ ูงอาย ุ 53 2 คู่มือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผู้สูงอายุ
สารบญั 54 54 บทที่ 8 การส่งเสรมิ สุขภาพผู้สงู อายุ 63 ■ อาหารและโภชนาการสำหรบั ผสู้ งู อาย ุ 92 ■ การออกกำลังกายทเ่ี หมาะสมกับผสู้ ูงอายุ 101 ■ การดแู ลสุขภาพช่องปาก 102 ■ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพผสู้ งู อายุด้านอารมณ ์ 104 ■ การส่งเสริมสขุ ภาพผู้สงู อายเุ ร่อื งงานอดเิ รก 104 ■ การหลกี เลยี่ งการสูบบุหรี ่ 105 ■ การหลีกเล่ียงสุรา 105 บทท่ี 9 สุขภาพจิตกับผู้สงู อายุ 107 ■ ธรรมชาตแิ ละความเปลย่ี นแปลงทางจิตใจของผ้สู ูงอาย ุ 115 ■ โรคทางจติ เวชในผ้สู งู อาย ุ 120 ■ ความเครยี ดของผดู้ ูแลและการผอ่ นคลายความเครยี ด 123 ■ การเตรยี มตัวก่อนวาระสุดทา้ ยของชวี ติ 123 บทท่ี 10 การจัดสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมสำหรบั ผู้สงู อายุ 124 ■ การจดั สภาพแวดลอ้ มในหอ้ งน้ำ 125 ■ การจดั สภาพแวดลอ้ มในหอ้ งนอน 126 ■ บนั ได 126 ■ พนื้ หอ้ ง 127 ■ ข้าวของเครื่องใช ้ 128 ■ ทางเดนิ 128 บทท่ี 11 ภูมปิ ัญญาพ้ืนบ้านกับการดูแลสขุ ภาพผูส้ ูงอาย ุ 132 ■ ภูมิปญั ญาพนื้ บ้านดา้ นอาหารและสมนุ ไพรใกล้ตวั 134 ■ ภูมปิ ญั ญาพื้นบ้านด้านการบริหารรา่ งกายและการนวดแผนไทย 134 บทที่ 12 สทิ ธผิ สู้ ูงอายุตามรฐั ธรรมนูญ 135 ■ สทิ ธขิ องผสู้ งู อายตุ ามรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 136 ■ พระราชบญั ญตั ิผู้สูงอายุ 2546 137 บทที่ 13 การจดั กจิ กรรมนนั ทนาการเพือ่ ผู้สงู อายุ 140 ■ ประเภทของกิจกรรมนันทนาการ 141 ■ หลักการเลือกกิจกรรมนนั ทนาการ 142 ■ ประโยชน์ของกิจกรรมนันทนาการสำหรับผ้สู งู อายุ 143 บทที่ 14 การฝกึ ปฏิบตั ิงาน 146 บทท่ี 15 การวัดผลและการประเมินผลการศกึ ษา 154 บทที่ 16 โรคหลอดเลือดสมอง 155 บรรณานกุ รม เอกสารอา้ งองิ 3คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผู้สงู อาย ุ
บทนำ หลักสูตรการอบรมการดูแลสุขภาพผ้สู งู อาย ุ โดยแกนนำอาสาสมัครดแู ลผสู้ ูงอายุในครอบครวั หลักการและเหตุผล ปัจจุบันสังคมโลกของเราเข้าสู่ยุคแห่งการเป็นสังคมผู้สูงอายุ หมายความว่าโลกมีประชากรผู้สูงอายุที่มี อายุ 65 ปขี ึ้นไปเกินรอ้ ยละ 7 โดยพบว่า ปี 2555 โลกมปี ระชากร 7,058 ลา้ นคน มปี ระชากรผู้สูงอายทุ มี่ ีอายุ 65 ปีข้ึนไป คิดเป็นร้อยละ 8 หรือ 565 ล้านคน ในขณะท่ีประชากรของประเทศไทยมีผู้สูงอายุมากท่ีสุดใน อาเซียน คือ มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป คิดเป็น ร้อยละ 84 หรือ 60 ปีข้ึนไป คิดเป็นร้อยละ 12.59 (สถาบันวิจัย ประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล 1 กรกฎาคม 2555) ท้งั น้ีจากความก้าวหน้าด้านการแพทยแ์ ละความ สำเร็จด้านสาธารณสุขของประเทศไทยทำให้อัตราการเกิดน้อยลง ประชากรมีอายุยืนยาวมากขึ้น มีการคาด การณ์ว่า อีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด ซ่ึงหมายถึง มีสัดส่วนประชากรผู้สูง อายุ 65 ปี ขน้ึ ไป คิดเป็นร้อยละ 20 ขนึ้ ไป หรอื อาจกลา่ วได้วา่ ในอกี 8 ปี ขา้ งหนา้ (พ.ศ. 2564) ประเทศไทย จะกลายเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ : Ageing Society) และจากนั้นอีกเพียง 8 ปี ประเทศไทยจะกลาย เป็น “สังคมสูงวัยระดับสดุ ยอด” ในขณะเดียวกันพบว่าสังคมผู้สูงอายุมีแนวโน้มเป็นผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวหรืออยู่ลำพังกับคู่สมรสเพ่ิม มากข้ึน โดยพบวา่ ผสู้ งู อายอุ ยคู่ นเดยี วเพิ่มขึน้ เท่าตัวจากรอ้ ยละ 3.6 ในปี 2537 เป็น 7.6 ในปี 2550 ซงึ่ มผี ลต่อ การให้การดูแลผู้สูงอายุท้ังด้านร่างกายและจิตใจ อายุยิ่งสูงข้ึน ยิ่งเจ็บป่วย โดยเฉพาะเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง มีจำนวนเพิ่มมากข้ึน รักษาไม่หาย มีภาวการณ์พ่ึงพา ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องและการดูแลระยะยาวนอกจากน้ีผู้สูงอายุจำนวนมากยังมีปัญหาข้อเข่าเสื่อม ปญั หาด้านการมองเห็น การไดย้ นิ ท่สี ำคัญกค็ ือปญั หาการหกล้ม ส่งผลต่อการดำเนนิ ชีวติ ประจำวนั เปน็ อย่างยิง่ จากปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุดังกล่าว ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงในการดูแลรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพและ ป้องกันโรคในผู้สูงอายุที่ยังมีสุขภาพดี ให้มีสุขภาพแข็งแรงช่วยยืดเวลาที่จะเกิดการเจ็บป่วยเรื้อรังหรือลดการ เกิดความพิการ ทุพพลภาพน้อยท่ีสุด ดังน้ันการเตรียมการเพื่อรองรับสภาพปัญหาของผู้สูงอายุจึงเป็นประเด็น สำคญั ทคี่ วรหาแนวทางปอ้ งกนั และแกไ้ ขใหม้ ปี ระสิทธภิ าพสูงสดุ วัตถุประสงค ์ เพ่ือให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุมีความรู้ ความเข้าใจ เร่ืองการดูแลสุขภาพอนามัยผู้สูงอายุ การประเมินผู้สูงอายุ เบื้องตน้ และส่งต่อผูส้ งู อายทุ ีต่ ้องการไดร้ บั การชว่ ยเหลือ ผู้สูงอายุไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง กลมุ่ เป้าหมาย แกนนำอาสาสมคั รดูแลผสู้ ูงอายุในครอบครวั 4 ค่มู อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอาย ุ
คณุ สมบตั ิผู้ดูแลผู้สูงอายุ 1. ระดับการศกึ ษา (อ่านออกเขยี นได้) 2. ไมจ่ ำกดั อายแุ ละเพศ 3. สมคั รใจที่จะเข้าอบรม 4. ชอบชว่ ยเหลือผู้อืน่ 5. สามารถนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ในการดูแลผ้สู ูงอายุในชมุ ชน ระยะเวลา 5 วัน (32 ชวั่ โมง) ทฤษฎี 24 ชวั่ โมง ปฏิบัติ 8 ชั่วโมง เนื้อหา 1. ความจำเป็นของการดแู ลผู้สงู อายุ ■ สถานการณ์ผ้สู ูงอายใุ นปจั จบุ นั ■ โครงสรา้ งประชากรของประเทศไทย ■ สถานะสุขภาพผสู้ งู อายแุ ละความจำเปน็ ในการดแู ลผสู้ ูงอายุ 2. แนวคดิ เกย่ี วกับการสูงอายุ ■ แนวคดิ เก่ียวกบั การสูงอายุ ■ กระบวนการชรา การเปลย่ี นแปลงในวยั สูงอายุ : ดา้ นรา่ งกาย ดา้ นจิตใจ และด้านสงั คม 3. โรคที่พบบ่อยในผูส้ ูงอายุ และแนวทางในการดแู ล การสง่ ต่อ ■ โรคความดันโลหติ สงู ■ โรคเบาหวาน ■ ข้อเขา่ เส่ือม ■ ภาวะสมองเส่ือม ■ หลอดเลอื ดหวั ใจตบี ■ โรคมะเร็ง ■ โรคตาในผ้สู ูงอาย ุ 4. ภาวะวกิ ฤตกิ บั การปฐมพยาบาลเบ้ืองต้น ■ หน้ามดื วิงเวียน เป็นลม หมดสต ิ ■ การห้ามเลือด ■ หกล้ม กระดกู หัก ขอ้ เทา้ แพลง 5. การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพผู้สงู อายุเบื้องต้น ■ การประเมิน ความสามารถในการทำกิจวตั รประจำวนั (ADL) ■ การตรวจรา่ งกายเบ้ืองตน้ (BP, T, P, R) 6. การดูแลช่วยเหลอื ผูส้ ูงอายุท่ชี ว่ ยเหลอื ตนเองไม่ได้ ■ ระบบทางเดินอาหาร ■ ระบบทางเดินหายใจ ■ ระบบขับถา่ ย ■ ระบบอวยั วะสบื พนั ธุ์ 5คู่มือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผ้สู ูงอาย ุ
7. การใชย้ าในวัยสูงอาย ุ ■ หลกั การใช้ยาเบ้อื งตน้ ■ ยาทีใ่ ชบ้ ่อยในผู้สูงอายุและผลขา้ งเคยี งจากการใชย้ า ■ แนวทางปฏิบตั ใิ นการให้ยาในผู้สงู อาย ุ 8. การส่งเสรมิ สขุ ภาพผูส้ งู อายุ ■ อาหารและโภชนาการสำหรบั ผสู้ ูงอายุ ■ การออกกำลงั กายที่เหมาะสมกับผ้สู งู อาย ุ ■ การดแู ลสุขภาพช่องปาก ■ การสง่ เสริมสขุ ภาพผู้สูงอายดุ า้ นอารมณ์ ■ การส่งเสรมิ สขุ ภาพผสู้ งู อายเุ รอ่ื งงานอดเิ รก ■ การหลกี เลย่ี งการสูบบุหร่ี ■ การหลกี เลีย่ งสุรา 9. สขุ ภาพจิตกับผู้สงู อายุ ■ ธรรมชาติและความเปลย่ี นแปลงทางจติ ใจของผูส้ งู อายุ ■ โรคทางจติ เวชในผสู้ ูงอาย ุ ■ ความเครยี ดของผู้ดแู ลและการผอ่ นคลายความเครยี ด ■ การเตรยี มตวั กอ่ นวาระสดุ ท้ายของชีวติ 10. การจดั สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมสำหรบั ผ้สู งู อายุ ■ การจัดสภาพแวดลอ้ มในห้องน้ำ ■ การจัดสภาพแวดล้อมในหอ้ งนอน ■ บนั ได ■ พนื้ หอ้ ง ■ ข้าวของเครอื่ งใช้ ■ ทางเดนิ 11. ภมู ปิ ญั ญาพื้นบ้านกบั การดูแลสขุ ภาพผู้สูงอายุ ■ ภูมิปญั ญาพนื้ บ้านด้านอาหารและสมุนไพรใกล้ตัว ■ ภมู ปิ ัญญาพืน้ บา้ นด้านการบริหารร่างกายและการนวดแผนไทย 12. สิทธผิ ู้สูงอายุตามรัฐธรรมนญู ■ สทิ ธิของผู้สงู อายุตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ■ พระราชบัญญตั ิผสู้ ูงอายุ 2546 13. การจัดกจิ กรรมนนั ทนาการเพ่อื ผู้สงู อายุ ■ ประเภทของกิจกรรมนนั ทนาการ ■ หลักการเลอื กกิจกรรมนนั ทนาการ ■ ประโยชนข์ องกจิ กรรมนนั ทนาการสำหรับผูส้ งู อายุ 14. การฝกึ ปฏิบัติงาน 15. การวดั ผลและการประเมินผลการศกึ ษา 6 คูม่ ือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผู้สงู อาย ุ
สาระการเรียนร้ ู คมู่ อื การฝึกอบรมผูด้ ูแลผูส้ ูงอายุสำหรับ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ระยะเวลาการอบรม 32 ชั่วโมง (ทฤษฏี 24 ชวั่ โมง ปฏบิ ตั ิ 8 ชวั่ โมง) เรอ่ื ง ระยะเวลา สาระสำคัญ 1. ความจำเป็นของ ทฤษฏี 1 ชัว่ โมง 1. สถานการณผ์ ู้สงู อายใุ นปจั จบุ ัน การดแู ลผูส้ ูงอาย ุ 2. โครงสร้างประชากรของประเทศไทย 3. สถานะสุขภาพผ้สู งู อายุและความจำเปน็ ในการดูแลผสู้ ูงอายุ 2. แนวคิดเกย่ี วกบั ทฤษฏี 1 ชั่วโมง 1. แนวคดิ เกยี่ วกับการสงู อายุ การสูงอาย ุ 2. กระบวนการชรา การเปลยี่ นแปลงในวัยสูงอายุ : ด้านรา่ งกาย ด้านจิตใจ และด้านสังคม 3. โรคที่พบบอ่ ยใน ทฤษฏี 2 ช่วั โมง โรคท่พี บบอ่ ยในผูส้ ูงอายุ ผู้สูงอายุ 1. โรคความดนั โลหิตสงู 2. โรคเบาหวาน 3. โรคข้อเขา่ เสื่อม 4. ภาวะสมองเสอื่ ม 5. หลอดเลือดหวั ใจตบี 6. โรคมะเรง็ 7. โรคตา 4. ภาวะวกิ ฤตกิ บั ทฤษฏี 2 ชว่ั โมง 1. อาการเปน็ ลม หมดสต ิ การปฐมพยาบาล 2. การหา้ มเลอื ด เบ้อื งตน้ 3. หกลม้ กระดกู หกั ข้อเท้าแพลง 5. การประเมนิ ภาวะ ทฤษฏี 2 ชั่วโมง 1. การประเมนิ ความสามารถในการประกอบกิจวตั รประจำวนั สขุ ภาพผสู้ งู อายุ (Barthel Activities of Daily Living: ADL) ซงึ่ ประยุกต์ เบื้องต้น โดยกรมอนามยั 2. การตรวจร่างกายเบื้องต้น (การตรวจชพี จร ความดันโลหติ อุณหภูมริ ่างกาย และการนบั หายใจ) 6. การดูแลชว่ ยเหลอื ทฤษฏี 2 ชว่ั โมง 1. ระบบทางเดนิ อาหาร ผู้สูงอายุทช่ี ่วยเหลอื 2. ระบบทางเดนิ หายใจ ตนเองไม่ได้ 3. ระบบขับถ่าย 4. ระบบอวยั วะสบื พันธ์ 7. การใชย้ าในวยั ทฤษฏี 2 ชว่ั โมง 1. หลักการใชย้ าเบื้องต้น ผ้สู งู อายุ 2. ยาท่ใี ช้บอ่ ยในวัยสงู อายุและผล ขา้ งเคยี งจากการใช้ยา 3. แนวทางปฏิบตั ใิ นการใหย้ าในผสู้ ูงอาย ุ 7คูม่ ือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อาย ุ
เรื่อง ระยะเวลา สาระสำคญั 8. การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ ทฤษฏี 4 ชว่ั โมง 1. อาหารและโภชนาการสำหรบั ผ้สู งู อายุ ผสู้ ูงอายุ 2. ประโยชน์และการออกกำลังกายท่เี หมาะสมกับผ้สู งู อายุ 3. ความสำคญั ของสุขภาพชอ่ งปากต่อสขุ ภาพและ คุณภาพชีวิตผสู้ ูงอายุ 4. การส่งเสรมิ สขุ ภาพผู้สูงอายดุ ้านอารมณ์ 5. การสง่ เสริมสขุ ภาพผ้สู งู อายุเรอ่ื งงานอดเิ รก 6. การหลกี เลยี่ งการสบู บหุ ร่ ี 7. การหลกี เลี่ยงสรุ า 9. สขุ ภาพจิตกับ ทฤษฏี 2 ชั่วโมง 1. ธรรมชาตแิ ละความเปล่ยี นแปลงทางจติ ใจของผสู้ งู อาย ุ ผู้สูงอายุ 2. ภาวะซึมเศรา้ ในผู้สูงอายุ 3. โรคอัลไซเมอร์ 4. ความเครยี ดของผูด้ ูแลและการผ่อนคลายความเครียด 5. การเตรยี มตวั ก่อนวาระสดุ ท้ายของชีวติ 10. การจดั สภาพ ทฤษฏี 2 ชว่ั โมง 1. การจัดสภาพแวดล้อมในหอ้ งน้ำ แวดลอ้ มที่เหมาะสม 2. การจดั สภาพแวดล้อมในหอ้ งนอน 3. บันได 4. พนื้ หอ้ ง 5. ขา้ วของเคร่ืองใช ้ 6. ทางเดนิ 11. ภูมิปัญญาชาวบ้าน ทฤษฏี 2 ช่วั โมง 1. ภูมปิ ญั ญาพ้ืนบา้ นด้านอาหารและสมุนไพรใกล้ตวั กบั การดแู ลสขุ ภาพ 2. ภมู ิปญั ญาพน้ื บา้ นดา้ นการบรหิ ารรา่ งกายและ ผู้สูงอายุ การนวดแผนไทย 12. สิทธิผู้สงู อายุตาม ทฤษฏี 1 ช่ัวโมง 1. สทิ ธขิ องผู้สงู อายตุ ามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย รฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2550 2. พระราชบญั ญัตผิ สู้ งู อายุ พ.ศ 2546 13. การจดั กิจกรรม ทฤษฏี 1 ช่วั โมง 1. ประเภทของกิจกรรมนนั ทนาการ นันทนาการเพ่ือ 2. หลกั การเลอื กกจิ กรรมนันทนาการ ผสู้ งู อาย ุ 3. ประโยชนข์ องกิจกรรมนนั ทนาการสำหรบั ผู้สงู อายุ 14. การฝกึ ปฏบิ ัติงาน ปฏิบตั ิ 8 ชว่ั โมง 1. การฝึกปฏบิ ตั งิ านของผูด้ ูแลผสู้ ูงอาย ุ - ในสถานบริการ - ในชมุ ชน 2. การวดั และประเมนิ ผลการศกึ ษา 8 คู่มือการอบรมการดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
สาระวิชา การดูแลผูส้ งู อายุ 9คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผูส้ ูงอายุ
บทที่ 1 ความจำเป็นของการดแู ลผ้สู งู อายุ 1. สถานการณ์ผ้สู งู อายุในปจั จุบัน จากความสำเร็จความก้าวหน้าด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทย ทำให้ลดอัตราการเพิ่ม ประชากรได้อยา่ งรวดเรว็ สง่ ผลให้จำนวนและสัดสว่ นของประชากรผ้สู ูงอายเุ พิ่ม ข้ึนอย่างรวด เรว็ กลา่ วคือสดั สว่ น ประชากรผู้สงู อายุ หรือผู้ที่มีอายุมากกวา่ 60 ปสี ูงขึ้น จนกลายเป็นประเทศของสงั คมผู้สูงวยั คอื มีประชากรสงู อายุ มากกว่ารอ้ ยละ 10 อยา่ งไรกต็ ามสังคมไทยได้เริ่มเตรียมการล่วงหนา้ มาบา้ งแลว้ เช่น แผนพัฒนาประเทศ แผนผ้สู ูง อายุแห่งชาติ และแผนอืน่ ๆ ให้ความสำคัญและมเี ร่ืองของการพฒั นาเพ่อื ผ้สู ูงอายอุ ยู่ดว้ ยเสมอมา ประชากรผู้สงู อายุเพ่ิมจากรอยละ 10.7 ในปี 2550 หรอื 7.0 ลา้ นคน เป็นร้อยละ 11.7 หรอื 7.5 ลา้ น คน ในปี 2553 และรอ้ ยละ 20.0 หรือ 14.5 ล้านคนในปี 2568 (สำนักงานสถิตแิ ห่งชาติ, 2551) นบั ว่าอัตราการ กา้ วสู่ “สงั คมผสู้ ูงอายุ” เร็วมาก ซ่ึงหมายความว่าประเทศไทยมเี วลาสัน้ มากทจ่ี ะเตรียมการเพอื่ รองรบั สงั คมผู้สูง อายุทงั้ ในดา้ นสุขภาพ สังคม เศรษฐกจิ องค์การสหประชาชาติ ให้นยิ ามว่าประเทศใดมีประชากรอายุ 60 ปีข้นึ ไปเป็นสดั สว่ น รอ้ ยละ 10 หรอื อายุ 65 ปขี ึ้นไปเกนิ ร้อยละ 7 ของจำนวนประชากรทัง้ หมดของประเทศถือว่า ประเทศนั้นได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุและจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์เมื่อสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เพม่ิ เปน็ ร้อยละ 20 หรืออายุ 65 ปีขน้ึ ไปเพมิ่ เปน็ รอ้ ยละ 14 “การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมไทย” ออนไลนเ์ ข้าถงึ ได้จาก: http:22www.agingthia:org/หน้า 1042) เมื่อแบ่งผู้สูงอายุออกเป็น 3 กลุ่มตามช่วงวัยพบว่ามากกว่า คร่งึ หน่ึง (ร้อยละ 57.8) เป็นผู้สูงอายุวยั ต้น (60-69 ปี) รอ้ ยละ 31.7 เป็นผสู้ งู อายวุ ยั กลาง (อายุ 70-79 ปี) และ รอ้ ยละ 9.5 เป็นผู้สูงอายวุ ยั ปลาย (อายุ 80 ปี ขึ้นไป) ซงึ่ ต้องพึง่ พาสูง (สำนักงานสถติ ิแหง่ ชาต,ิ 2551) 2. โครงสรา้ งประชากรของประเทศไทย โครงสร้างอายุประชากรของประเทศไทยในช่วง 60 ปี (พ.ศ. 2513–2573) ซ่ึงเป็น ปิรามิดท่ีเพิ่งเริ่ม โครงการวางแผนครอบครัว มีฐานกว้างมากเนื่องมาจากสัดส่วนของประชากรวัยเด็ก (อายุ 0-14 ปี) สูงโดยท่ี ประชากรวัยแรงงานซ่ึงอยู่ส่วนกลางของปิรามิด ก็มีจำนวนมากเช่นกัน ในขณะที่ส่วนบนของปิรามิด จะแคบ เน่ืองมาจากประชากรวัยสงู อายยุ ังมสี ดั สว่ นตำ่ อกี 20 ปี ตอ่ มา (ปี พ.ศ.2553) พบว่าปริ ามิดมฐี านแคบลงเน่ืองมาจากสดั ส่วนของประชากรวยั เดก็ ลด ลงโดยที่ประชากรวัยแรงงานซ่ึงอยู่ส่วนกลางของปิรามิดมีจำนวนมากกว่าวัยเด็ก เน่ืองจากประชากรวัยเด็กใน ช่วง 20 ปีท่ีผ่านมาเติบโตเป็นประชากรวัยแรงงาน ในขณะท่ีบางส่วนของปิรามิดจะค่อยๆ ขยายกว้างข้ึนเน่ือง มาจากประชากรวัยสงู อายุมีสดั สว่ นเพ่ิมขน้ึ เลก็ นอ้ ย 10 คู่มอื การอบรมการดูแลสุขภาพผ้สู ูงอายุ
อกี 20 ปี ต่อมา (ปี พ.ศ.2553) พบว่า ปริ ามิดมฐี านแคบลงไปอกี เนื่องมาจากสัดส่วนของประชากร วัยเด็กลดลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากอัตราการเกิดลดลงมาอีก ในขณะที่ส่วนบนของปิรามิดขยายกว้างข้ึนเรื่อยๆ ประชากรวัยแรงงานซึ่งอยู่ส่วนกลางของปิรามิดได้เคล่ือนตัวไปสู่ปิรามิดท่ีสูงข้ึน ในขณะเดียวกันประชากร วัยสูงอายุก็มีสัดส่วนที่สูงข้ึนด้วย เนื่องมาจากคนท่ีเกิดหลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 (ยุค baby boom) ได้เคลื่อน เขา้ สู่วัยสูงอายุ ประกอบกบั ประชากรมอี ายุยนื ยาวข้ึน ในอนาคตอกี 20 ปี (ปี พ.ศ.2573) ปริ ามดิ ประชากรจะมฐี านแคบลงไปอีก โดยสัดสว่ นของประชากร วยั เด็กและวัยแรงงานลดลง อนั เน่ืองมาจากอัตราการเกดิ ที่ลดลงอยา่ งต่อเน่ือง ในขณะที่ส่วนบนของ ปริ ามิดจะ ขยายกว้างมากข้ึนเรื่อยๆ โดยประชากรวัยสูงอายุจะมีสัดส่วนสูงขึ้นถึง 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2553 เน่ืองมา จากคนท่ีเกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มาถึงวัยสูงอายุ และประชากรมีอายุยืนยาวขึ้นอีกสังคมไทยจะเป็น สงั คมผ้สู ูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ (สถานการณ์ผู้สงู อายไุ ทย 2550, มูลนธิ ิ มสผส.) ประชากรไทยจะมีอายสุ ูงขึน้ อยา่ งรวดเรว็ จนกลายเปน็ “สงั คมผูส้ ูงอายุ” 35 28.5 31.8 30 25 22.8 22.7 25.7 80+ 20 70-74 60-64 15 50-54 40-44 10 30-34 20-24 5 10-14 0 1960 1970 1980 1990 2000 0-4 3,000 2,000 1,000 0 1,000 2,000 3,000 70.0 2030 3,000 2,000 2,000 3,000 60.0 2040 1960;2503 50.0 40.0 80+ 30.0 70-74 20.0 60-64 10.0 50-54 0.01960 1970 1980 1990 2000 2010 2020 40-44 30-34 30.0 20-24 25.0 10-14 20.0 15.0 0-4 10.0 1,000 0 1,000 5.0 0.02005 2020;2563 2010 2015 2020 2025 2030 2035 Children Elderly 11คมู่ ือการอบรมการดแู ลสุขภาพผู้สงู อาย ุ
9.05% วยั ต้น (60-69 ปี) วยั กลาง (70-79 ปี) ผสู้ งู อายทุ ้ังสน้ิ วัยปลาย (80 ปขี น้ึ ไป) 7.02 ล้านคน 31.70% 58.80% แผนภูมแิ สดงร้อยละของประชากรสูงอายุ จำแนกตามกลมุ่ ช่วงวยั พ.ศ.2550 ทีม่ า: รายงานการสำรวจประชากรสงู อายุในประเทศไทย พ.ศ.2550 สำนักงานสถติ ิแหง่ ชาติ 3. สถานะสุขภาพผ้สู ูงอายุ และความจำเป็นในการดูแลผสู้ งู อาย ุ เม่ือมีอายุมากข้ึน การทำงานในระบบต่างๆ ของร่างกายค่อยๆ เส่ือมถอยลง ส่งผลทำให้มีระดับการ ช่วยเหลือตนเองลดลง และจากการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ การพยาบาล และการสาธารณสุข ทำให้อัตราการตายด้วยโรคติดเช้ือเกือบหมดไป มีอัตราการรอดชีวิตเพิ่มขึ้นและมีอายุยืนยาวขึ้น อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าผรู้ อดชีวติ เหล่านนั้ มกั มีความพิการหลงเหลอื นอกจากน้ี ผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคไร้เชื้อ เช่นความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูงกลับพบมี จำนวนเพิ่มมากขึ้น รักษาไม่หาย มีภาวะพึ่งพาต้องการการดูแลแบบต่อเน่ือง และการดูแลระยะยาว จากการ สำรวจในประเทศไทย พบว่าร้อยละ 69.3 ประชากรในกลุ่มอายุ 60-69 ปี เป็นโรคเร้ือรังและพบเพิ่มข้ึนเม่ือ อายุมากขน้ึ และเพมิ่ เปน็ รอ้ ยละ 83.3 ในกล่มุ ท่มี อี ายุ 90 ปขี นึ้ ไป พบวา่ มีภาวะเจ็บป่วยดว้ ยโรคเรอื้ รัง 6 โรค พร้อมกันถงึ ร้อยละ 70.8 ปญั หาสุขภาพสำคญั ของผสู้ งู อายุท่พี บคือ ปวดข้อ และปวดหลังเรือ้ รัง พบมีความชกุ ถงึ 1 ใน 3 ของ ปัญหาสุขภาพอ่ืนๆ กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่พบบ่อยได้แก่โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดลมอุด กัน้ เร้ือรัง โรคหวั ใจและหลอดเลือด 12 ค่มู อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผู้สูงอายุ
ตาราง รอ้ ยละของผูส้ ูงอายุทีเ่ ป็นโรคเร้ือรงั จำแนกตามประเภทของโรคทเี่ ปน็ กลุ่มช่วงวัย และเพศ พ.ศ.2550 โรคเร้ือรงั รวม กลมุ่ ช่วงวยั เพศ ความดนั โลหิตสงู วัยตน้ วยั กลาง วยั ปลาย ชาย หญงิ เบาหวาน (60-69 ป)ี (70-79 ปี) (80ปีข้ึนไป) หวั ใจ 31.7 28.9 35.9 34.6 26.7 35.7 13.3 13.5 13.9 10.5 9.5 16.4 7.0 5.7 9.0 8.4 5.0 8.6 อัมพาต/อัมพฤกษ ์ 2.5 1.8 3.1 4.8 2.7 2.3 หลอดเลือดสมองตีบ 1.6 1.3 2.0 1.6 1.5 1.6 มะเร็ง 0.5 0.4 0.5 0.5 0.4 0.6 ความดนั โลหิตสูง & เบาหวาน & หัวใจ 1.5 1.3 1.7 1.6 1.0 1.9 ความดันโลหติ สูง & หลอดเลือดในสมองตีบ 1.0 0.8 1.4 1.3 0.8 1.2 ความดันโลหิตสงู & หลอดเลอื ดในสมองตีบ 0.3 0.2 0.4 0.5 0.3 0.3 & อมั พาต/อมั พฤกษ ์ อุบตั ิการณภ์ าวะทุพพลภาพของผู้สงู อายไุ ทย พบ 1 ใน 4 ของผสู้ ูงอายุมีปญั หาสุขภาพทีเ่ ปน็ เหตใุ ห้ไม่ สามารถทำกิจกรรมทเี่ คยทำได้ ท้ังนีร้ อ้ ยละ 18.9 มีปญั หาเหล่านมี้ านานกว่า 6 เดือน ซ่ึงถือวา่ มปี ัญหาทุพพล ภาพระยะยาว อัตราความชุกเพิ่มข้ึนเมื่ออายุมากขึ้นและพบในผู้หญิงมากกว่าชาย ร้อยละ 7 ของผู้สูงอายุไทย ต้องพ่ึงพาในการปฏิบตั ิกิจวตั รประจำวันและมกี ารพยากรณว์ า่ ปี พ.ศ.2553, 2563 และ 2573 จะมผี ู้สงู อายทุ ี่ อยู่ในภาวะพงึ่ พา จำนวนถงึ 499,837 คน, 741,766 คน และ 1,103,754 คน ตามลำดับและรอ้ ยละ 85.2 มี สาเหตกุ ารสญู เสียปสี ุขภาวะเน่ืองจากโรคไมต่ ดิ ต่อ อัตราการเจบ็ ป่วยด้วยโรคไมต่ ดิ ต่อ 600 503.1 444.2 477.4 2545 600 391.5 341 341 2547 400 ่ตอแสนคน 300 200 98.9 107.1 100 0 หัวใจ เบาหวาน ความดนั มะเร็ง 13คู่มือการอบรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
สภาวะทพุ พลภาพผู้สูงอายไุ ทย ■ ทุก 1 ใน 4 ทุพพลภาพ ■ ทกุ 1 ใน 5 ทพุ พลภาพ ระยะยาว (มากกวา่ 6 เดอื น) ■ ร้อยละ 7 พึ่งพาผอู้ ื่น เมอ่ื ปฏบิ ตั กิ ิจสว่ นตวั ■ รอ้ ยละ 11.5 พึง่ พาผอู้ น่ื เม่อื ออกนอกบา้ น ■ รอ้ ยละ 45 พงึ่ พาผอู้ ื่น เมอื่ ใชก้ ารขนสง่ ■ รอ้ ยละ 28 ของเตยี งผปู้ ่วย คือ ผู้สงู อายุ แม้ว่าการชราภาพเป็นสิ่งท่ีหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ภาวการณ์เจ็บป่วยเร้ือรังท่ีก่อให้เกิดภาวะทุพพลภาพน้ัน สามารถป้องกันหรือชะลอให้เกิดข้ึนช้าลงได้ด้วยท้ังมาตรการด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ตลอดจน มาตรการด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม ได้มีผู้เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับผลของอัตราตายที่ลดลงอย่างต่อ เนื่องจะมผี ลให้มีจำนวนผสู้ ูงอายทุ ่ีอยูก่ บั ภาวะเจ็บปว่ ยเรื้อรังและพกิ ารเพิ่มขน้ึ (the expansion of morbidity (Gruenberg, 1977) ส่วนทฤษฎที ี่สองนนั้ เชอื่ ว่าในทิศทางตรงกันขา้ มคือ เช่อื ว่าการเจบ็ ปว่ ยและความพกิ ารใน ผู้สูงอายุนั้นสามารถป้องกันและชะลอได้ ดังน้ันอายุที่ยืนยาวมากข้ึนจะเป็นจำนวนปีที่มีสุขภาพดี (The Compression of mobility (Fries,1980,Fries,1989) ส่วนทฤษฎีที่สามน้ันเชื่อในเรื่องหลักของความสมดุล (The dynamic equilibrium (Manton 1982) ทั้งนี้ข้อมูลจากการศึกษาต่างๆ พบว่าเป็นไปไม่ได้ทั้งสาม ทิศทาง คือ แยล่ ง ดขี น้ึ และไม่เปลย่ี นแปลงเม่อื เวลาเปลี่ยนไป จากแนวคิดของทฤษฎที ีเ่ ชอื่ ว่า จำนวนปีท่ยี ืนยาวมากขนึ้ นั้นสามารถทำใหเ้ ป็นปีท่ีมีสขุ ภาพดีปราศจาก ความพิการได้ และจะมผี ลใหภ้ าวะเจ็บป่วยในกล่มุ ผู้สงู อายุลดลงน้ัน จำเป็นตอ้ งมีมาตรการดา้ นการป้องกนั โรค ที่มปี ระสิทธผิ ลต่อการลดการเจบ็ ปว่ ยมากกวา่ ลดการตาย โดยการเจ็บปว่ ยท่มี ภี าวะทุพพลภาพเร้อื รังนน้ั มีความ สัมพันธ์กับผลสะสมของพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ดี และมลภาวะแวดล้อมซึ่งสามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงได้ ดัง น้ันทฤษฎีดังกล่าวจะเป็นจริงได้จำเป็นต้องทำให้ วิถีชีวิต พฤติกรรมสุขภาพ และปัจจัยแวดล้อมที่มีผลต่อ สขุ ภาพถูกสขุ ลกั ษณะมากขนึ้ เน่ืองจากปัญหาของผู้สูงอายุส่วนใหญ่ เกิดจากภาวะเส่ือมถอยของร่างกาย การเจ็บป่วยเรื้อรังและมี ภาวะทุพพลภาพร่วมด้วย ภาวะดังกล่าวไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เพียงด้านเดียวโดยเฉพาะในกลุ่มอายุ มากๆ เชน่ เกินกวา่ 70 ป ี ปญั หาสขุ ภาพของผสู้ งู อายุแสดงใหเ้ หน็ ชดั เจนวา่ มมุ มองสุขภาพเชิงการแพทย์ (biomedicine mode) น้ันแคบเกินไป และตอ้ งการมมุ มองสขุ ภาพท่ีกวา้ งขึ้น ในการอธบิ ายปญั หาสขุ ภาพของผสู้ ูงอายุ มมุ มองสขุ ภาพ ในปัจจุบันให้ความสำคัญกับเร่ือการเส่ือมถอยของอวัยวะน้อยลงโดยให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ของร่างกาย ตอ่ สิ่งแวดล้อมในสงั คมมากข้นึ ดงั น้ันการเป็นโรคและการเสอ่ื มถอยของร่างกายในผูส้ ูงอายนุ ัน้ อาจหลีกเล้ียงไม่ ได้ แต่ภาวะดังกล่าวไม่ได้เกิดจากอายุเพียงลำพัง แต่เกิดจากสภาพแวดล้อม พฤติกรรม และการดำรงชีวิตที่ ผ่านมาของบุคคลน้ันๆ องค์การอนามัยโลกได้นิยามสุขภาพในมิติที่กว้างขึ้นว่า “ภาวะสมบูรณ์ท้ังด้านกาย สังคม และจติ ” (State of complete physical, Social, and mental Well–being) (WHO, 1985) (“คู่มือ การดูแลผู้สูงอายุระยะยาว”. กรมอนามัย, 2553) จากเหตุผลความจำเป็นดังกล่าวการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจึง เปน็ ประเดน็ ท่สี ำคัญ 14 คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผสู้ งู อายุ
บทที่ 2 แนวคดิ เกยี่ วกบั ผสู้ งู อายุ 1. แนวคดิ เก่ียวกบั ผู้สงู อายุ ความคาดหมายการคงชีพของประชากร จากอายุ 60 ปี สงู ขึ้น แม้แต่ในประเทศกำลงั พฒั นา ประชากรไม่เพียงแต่อายุยืนข้ึน แต่ยังมีสุขภาพท่ีจะ นำชีวิตไปสู่ความสำเร็จได้ แพทย์ทางชราภาพวิทยา จำแนกผู้สูงอายุไวด้ งั นี้ คือ อายุ 60-70 ปี เรียกว่าผู้ สงู อายวุ ัยตน้ (young old) และ อายุ 70 หรอื 75 ปขี น้ึ ไปเรยี กวา่ ผสู้ ูงอายวุ ัยสงู อายุ (old old) ลักษณะทางเศรษฐกิจและสังคมของผู้สูง อายเุ ปล่ียนแปลงไปจากทเี่ คยเปน็ ในอดตี คอื มจี ำนวนมากทม่ี ีระดับการศึกษาสงู ขนึ้ มีสถานะทางเศรษฐกิจดีขึน้ โดยมีรายได้ (บำนาญ ดอกเบ้ียจากเงินสะสวม, ปันผลจากการลงทุน ฯลฯ) เป็นของตนเอง ประสบการณ์การ ทำงานและวิถีชีวิตแตกต่างจากรุ่นของบิดามารดาตนเอง โครงสร้างทางครอบครัวก็เปลี่ยนแปลงไป บุตรจะไม่ อยู่ภายใตก้ ารดูแล แนะนำ หรือควบคมุ ของผ้สู ูงอายุ มักจะออกไปหางานทำที่เมอื งอืน่ หรือแยกครอบครวั ไป ผู้ สูงอายุยอมรับแนวคิดใหม่ท่ีเกษียณอายุ การทำงานหลัง 60 ปี ถอนตัวจากบทบาททางเศรษฐกิจ สังคมและ จำกดั การใช้ชีวติ อยกู่ ับศาสนา ใชเ้ วลาว่างอย่างมีความสุขให้เวลาผา่ นไป ผ้สู งู อายุจำนวนมากตอ้ งการใช้ชีวิตเพอ่ื ความสำเร็จของครอบครัวและชมุ ชน (วิทยาลัยประชากรศาสตร์ http;www eps.chula.ac.th) ผู้สูงอายุคือปูชนียบุคคล คือคลังสมอง คือภูมิปัญญาของแผ่นดิน ถึงแม้นว่าผู้สูงอายุจะมีปัญหาด้าน สุขภาพอนามัยและมีความต้องการ การดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและชุมชน แต่ถ้าผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรง และมีสขุ ภาพจติ ดี ก็จะสามารถช่วยเหลือสงั คมไดอ้ ย่างมคี ุณคา่ การสง่ เสริมสุขภาพผ้สู ูงอายุใหม้ ีคุณภาพชีวติ ที่ ดจี ึงเปน็ ประเดน็ สำคัญ การพฒั นาสุขภาพผสู้ งู อายุให้มสี ุขภาพดี ต้องคำนึงถึงการใหบ้ รกิ ารสง่ เสรมิ สขุ ภาพแบบ องค์รวมอย่างเป็นระบบและบูรณาการ ทั้งด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว (Long Term Care: LTC) และการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย จึงได้จัดทำ แนวทางการดูแล สุขภาพผสู้ งู อายุระยะยาวและ แนวคิดการดแู ลผสู้ งู อายรุ ะยะยาวดังน้ ี 15คู่มอื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ งู อาย ุ
แนวคิดการส่งเสรมิ สขุ ภาพผูส้ งู อายุ กองทนุ บำนาญ ต้องพ่งึ คนอ่ืน แพทย/์ พยาบาล ฯลฯ ● ส่งเสริมสขุ ภาพไร้พงุ แห่งชาต ิ ● บรกิ ารทาง ● บริการโรคเร้อื รงั คัดกรองสมองด ี การแพทย ์ ● สมรรถนะ ● อาสาสมัคร นโยบายท่ีบรู ณาการ ● ดูแล กาย ใจ สงั คม ผู้ช่วยผ้ดู แู ล ● สภา/ชมรม ยทุ ธศาสตร์ ● หลกั สูตร 1 ผชู้ ว่ ยผดู้ แู ล ที่ปฏิบตั ิได ้ คณุ ภาพชวี ิต ● มาตรฐาน ● หลักสูตร 2 ผ้สู ูงอาย ุ ● พัฒนาสมรรถนะ ● มาตรฐาน ● พัฒนาศักยภาพ พ่ึงตนเอง การดูแลในชมุ ชน ช่วยคนอนื่ ได ้ ● อาสาสมคั ร ● ชมรม ● ระบบบรกิ าร ดูแลตนเองไดบ้ ้าง ● การดแู ลทีบ่ า้ น ● เครอื ข่ายพระสงฆ ์ ทางการแพทย์ ● ดูแล กาย ใจ สังคม ● ศูนย์ดูแลกลางวนั คุณภาพ ● การดแู ลทางสงั คม ● วัดสง่ เสริมสุขภาพ ● การมสี ว่ นร่วม ของทอ้ งถนิ่ แนวคิดการการดูแลสุขภาพผู้สงู อายุระยะยาว (Long Term Care) ● สนบั สนุนการพง่ึ ตนเองของผ้สู ูงอายุ ● ตรวจสุขภาพประจำปี กล่มุ ที่ 1 ● สนับสนนุ คลังสมองของผูส้ งู อายุ ● กิจกรรมสง่ เสริมสขุ ภาพ พึง่ ตนเองได้ ● พฒั นาศักยภาพชมรมผู้สูงอายุ ● สง่ เสริมการเป็นจิตอาสา ● พฒั นาคลังสมองในชมรมผ้สู งู อายุ ● พฒั นาระบบบรกิ ารสง่ เสรมิ สขุ ภาพผสู้ งู อาย ุ ● ตรวจสขุ ภาพประจำป ี กลุ่มที่ 2 ผสู้ ูงอาย ุ ● บริหารความสัมพนั ธ์ภาคีเครือข่าย ● Home Visit/Home Health Care พึง่ ตนเองไดบ้ ้าง ● เพิ่มศกั ยภาพภาคีเครอื ขา่ ย ● กิจกรรมสง่ เสริมสขุ ภาพเฉพาะโรค ● สนับสนุนใหผ้ ู้สูงอายมุ ีส่วนร่วมใน กล่มุ ท่ี 3 กิจกรรมของครอบครวั ชมรม พ่ึงผอู้ ่ืน ชุมชน วดั ฯลฯ ● ผลติ พฒั นาองค์ความร้แู ละนวตั กรรม ● ประเมินพฤติกรรมสุขภาพและ ตรวจสุขภาพประจำปี ● Home Visit/Home Health Care ● กจิ กรรมส่งเสริมสขุ ภาพเฉพาะโรค ● พฒั นาพฒั นาศกั ยภาพผดู้ แู ลผสู้ งู อาย ุ ● รูปแบบสถานฟืน้ ฟสู ภาพชมุ ชน ● รปู แบบสถานบริบาลชมุ ชน 16 คู่มอื การอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ งู อาย ุ
รูปแบบการดแู ลสขุ ภาพผู้สงู อายรุ ะยะยาว (Long Term Care) กลุ่มอนามัยผสู้ งู อายุ สำนกั สง่ เสรมิ สขุ ภาพ กรมอนามยั ศูนยอ์ นามัย/ กลมุ่ ผู้สูงอายุตามศักยภาพ บา้ น วัด รพศ./รพท. ผู้สงู อายกุ ลุ่มที่ 1 บทบาท บทบาท เปา้ หมาย: สง่ เสรมิ สขุ ภาพดี - ดแู ลกิจวตั รประจำวนั - ศูนยฟ์ นื้ ฟสู ภาพ รพช. ระบบ LTC ยดื ระยะเวลาการเจ็บปว่ ย - การฟ้นื ฟูสภาพ/ - ศูนย์ Day Care ในสถาบัน กิจกรรม กิจกรรมบำบัด - Respite Care - ตรวจคัดกรองสุขภาพ - อบรมใหค้ วามรู้ญาต ิ - เปน็ สถานทีต่ ง้ั และ - กิจกรรมชมรมผสู้ งู อาย ุ - ปรับปรงุ บ้าน ส่งเสรมิ ดำเนินกจิ กรรม - กิจกรรมเพอื่ นช่วยชว่ ย สิง่ แวดล้อมภายในบา้ น ชมรม - คลงั สมอง - สง่ เสรมิ พฤตกิ รรมสขุ ภาพด ี ระบบ LTC ผู้สงู อายุกลุม่ ที่ 2 ในชุมชน เป้าหมาย:สง่ เสรมิ สุขภาพดี อปท. : เจ้าภาพหลัก ยดื ระยะเวลาการเจบ็ ป่วย สถานีอนามยั กจิ กรรม ศูนยส์ ง่ เสรมิ สุขภาพ /PCU - ตรวจคดั กรองสุขภาพ ผ้สู ูงอายุในชุมชน - กจิ กรรมชมรมผสู้ งู อาย ุ Day Care, Respite Care ผลลพั ธ์ : - HC/HHC บทบาท การเข้าถงึ บริการสุขภาพ ผ้สู งู อายกุ ลุม่ ที่ 3 - ดูแลกิจวัตรประจำวนั อยา่ งถว้ นหนา้ และเทา่ เทยี ม เปา้ หมาย: ลดภาวะการ - HC/HHC โดย เจ็บป่วยซ้ำซอ้ น อาสาสมัคร/อผส./ กิจกรรม จติ อาสา - HC/HHC โดยเจ้าหนา้ ท ่ี - กิจกรรมชมรมผสู้ ูงอาย ุ - การฟื้นฟูสภาพ/ - กิจกรรมตรวจคดั กรอง กิจกรรมบำบัด เบื้องตน้ 17คมู่ อื การอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ ูงอาย ุ
2. กระบวนการชราและการเปลยี่ นแปลงในวยั สูงอายุ: ด้านรา่ งกาย ดา้ นจติ ใจ และดา้ นสงั คม 2.1 กระบวนการชรา กระบวนการชรา (Aging process) เป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อน และมีความแตกต่างกันใน แต่ละคนซง่ึ จะเกี่ยวข้องกับการเปลย่ี นแปลงท่ีเกิดขน้ึ ภายในร่างกายตั้งแต่ระดบั เซลล์ เนอ้ื เย่อื จนถึงอวัยวะ โดย การเปล่ียนแปลงน้ันเกิดจากอิทธิพลของปัจจัยภายใน ได้แก่ พันธุกรรม และปัจจัยภายนอก ได้แก่ส่ิงแวดล้อม วิถีการดำเนินชีวิต ความเครียด เป็นต้น (Matteson,1997) การเปลี่ยนแปลงของร่างกายอันเน่ืองมาจาก กระบวนการชราภาพนั้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติที่เราไม่อาจหลีกเล้ียงหรือแก้ไขได้ อย่างไร ก็ตามมักเกิดความเข้าใจผิดบ่อยๆ โดยคิดว่าการเปล่ียนของร่างกายตามกระบวนการชราภาพเป็นการ เปลี่ยนแปลงท่ีเกิดจากพยาธิสภาพของโรค ยกตัวอย่างเช่น ผู้สูงอายุมักเกิดรอยฟกช้ำได้ง่ายกับการกระแทรก กับสิ่งต่างๆ ซ่ึงเป็นผลจากการมีผิวหนังที่บางลงและเส้นเลือดเปาะ แตกง่าย อาการฟกช้ำทีเกิดขึ้นจะแตกต่าง จากผปู้ ่วยทมี ีสภาวะเลือดออกง่ายจากเกร็ดเลอื ดต่ำ ดงั น้ันในการดแู ลผ้สู งู อายุ จงึ มีความจำเปน็ อย่างย่ิงทผ่ี ดู้ แู ล จะต้องมีความรู้ เพื่อให้สามารถแยกการเปล่ียนแปลงที่เกิดจากกระบวนการชราภาพออกจากการเปล่ียนแปลง ทีเ่ กดิ พยาธิสภาพของโรค (กระบวนการชราภาพ) 2.2 การเปลีย่ นแปลงในวยั สงู อายุ 1) การเปลย่ี นแปลงด้านรา่ งกาย ผิวหนงั บาง แหง้ เหยี่ ว ยน่ มีอาการคนั มีจำ้ เลอื ด เซลล์สรา้ งสผี ิวทำงานลดลง สผี ิวจางลง แต่อาจมจี ดุ ดา่ งขาว สดี ำ หรือสนี ้ำตาลมากข้ึน เกิดเปน็ การตกกระ ต่อมเหงื่อ ลดน้อยลง การขับเหงื่อน้อยลง ทำให้ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของอากาศไม่ได้ดี เกิด ความรูส้ ึกหนาว ร้อน ไมค่ งท่ี ผมและขน ร่วง เปลย่ี นเป็นสขี าว หรือหงอก ทำให้ผมบาง หัวล้าน ขนตามรา่ งกายหลุดงา่ ย ท่เี หน็ ชดั คอื ขนรักแร้ ท้ังน้ี เนอื่ งมาจากรขุ มุ ขนทำงานนอ้ ย ตา สายตาจะเปลยี่ นเปน็ สายตายาว เลนสห์ รอื กระจกตาขนุ่ เกดิ ต้อกระจกกลา้ มเน้อื ตาเสื่อม การปรับสายตาช้า ความไวในการมองภาพลดลง ทำให้ ปวดเวียนศีรษะได้ง่าย มีน้ำตาลดลง ทำให้ตาแห้ง ระคายเคืองตอ่ เยื่อบุตาไดง้ ่าย หู ประสาทรับเสียงเส่ือมไปเกิดหูตึง แต่ได้ยินเสียงต่ำๆได้ชัดกว่าเสียงพูดธรรมดา หรือใน ระดบั เสยี งสูง จมกู ประสาทรบั กลิ่นบกพร่องไป ทำให้การรบั รูก้ ลนิ่ ลดลง ลิน้ รับร้รู สนอ้ ยลง รับรสหวานสูญเสียก่อนรบั รสอ่ืนๆ ฟัน ผุ หกั แตกง่าย เคลือบฟนั บางลง เหงอื กหมุ้ คอฟนั ร่นลงไป ต่อมนำ้ ลาย ขับน้ำลายออกน้อย ทำใหป้ ากแห้ง การเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร น้ำย่อย กรดเกลอื ในกระเพาะอาหารลดน้อยลงอาหาร อยู่ในกระเพาะอาหารนานข้นึ ทำให้ทอ้ งอดื งา่ ย เบอ่ื อาหารดว้ ยภาวะขาดอาหาร และโลหติ จางได ้ ตับและตบั อ่อน หนา้ ทก่ี ารทำงานเสื่อมไป อาจเกิดโรคเบาหวาน 18 ค่มู ือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อาย ุ
การเคล่ือนไหวของลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ลดลง ทำให้การขับถ่ายอุจจาระไม่ปกติ ท้อง ผกู เสมอ ประกอบกับไม่ค่อยไดอ้ อกกำลังกาย กระดูก ปริมาณแคลเซียมลดน้อยลง ทำให้กระดูกบาง เปราะ พรุน หักง่าย มีอาการเจ็บ ปวดกระดกู บ่อย ข้อเส่ือม น้ำไขข้อลดลง เกิดเจ็บปวด ข้อยึดติดเคล่ือนไหวลำบาก พบน้อยคือข้อเข่า ข้อ สะโพก กล้ามเน้ือ เหี่ยว เล็กลง อ่อนกำลังลง ทำให้ทำงานออกแรงมากไม่ได้ เพลีย ล้าเร็ว และ ทรงตัวไม่ด ี ปอด ความยดื หย่นุ ของเนือ้ ปอดลดลงเป็นเหตุให้การขยายและยบุ ตัวไมด่ ี ทำให้เหนอื่ ยงา่ ย หัวใจ แรงบีบตัวน้อยลงทำให้การหดตัวลดลงปริมาณเลือดออกจากหัวใจลดลง และกล้าม เน้อื หัวใจไวตอ่ ส่ิงเรา้ ลดลง หลอดเลือด ผนังของหลอดเลือดมีลักษณะหนาและแข็งขึ้นเพราะมีไขมันมาเกาะเป็นสาเหตุ ของความดนั โลหิตสงู การขับถ่ายปัสสาวะ ไต มีหน้าท่ีเส่ือมไป ขับของเสียได้น้อยลง แต่ขับน้ำออกมามาก จึง ถา่ ยปัสสาวะมากและบอ่ ยข้นึ ในเวลากลางคนื กระเพาะปัสสาวะ กลา้ มเนอ้ื หูรดู ทค่ี วบคมุ การถา่ ยปัสสาวะหยอ่ นไป ทำให้กล้ันปัสสาวะ ได้ไมด่ ี ในผูส้ ุงอายุชายตอ่ มลูกหมากจะโตข้ึน ทำใหป้ ัสสาวะลำบาก ต้องถา่ ยบอ่ ยครั้ง ระบบประสาทและสมอง เสือ่ มไปตามธรรมชาติ ทำให้ความรู้สึกชา้ ความจำถดถอย ความ จำเรือ่ งราวในอดีตดี ความจำปัจจบุ ันไม่ดี การเคล่ือนไหวชา้ ต่อมไรท้ อ่ ผลิตฮอร์โมนตา่ งๆ ลดลง จึงทำใหห้ น้าที่ของฮอรโ์ มนเหลา่ นั้นลดลงไปด้วย ตอ่ มเพศ ทำงานลดลง สมรรถภาพทางเพศลดลง 2) การเปล่ยี นแปลงทางจิตใจ ลกั ษณะการเปลยี่ นแปลงท่พี บในผสู้ งู อายุส่วนใหญ่ ได้แก่ 2.1) การรบั รู้ ผ้สู ูงอายุมักยดึ ติดกบั ความคดิ และเหตุผลของตัวเองจะเรยี นรูส้ ่งิ ใหมๆ่ ได้ยาก เพราะมีความไม่มน่ั ใจในการปรบั ตวั 2.2) การแสดงออกทางอารมณ์ ลักษณะของความท้อแท้ ใจน้อย หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย และซมึ เศรา้ 2.3) ความสนใจส่ิงแวดล้อมน้อยลง ผู้สูงอายุจะสนใจเฉพาะ เร่ืองท่ีเกี่ยวข้องกับตนเองมาก กวา่ เร่อื งของผอู้ ื่น 2.4) การสรา้ งวถิ ชี ีวติ ของตนเอง เพือ่ ไม่ใหเ้ ปน็ ภาระกับผูอ้ ื่น พ่งึ ตนเองไดใ้ นระดบั หนงึ่ 2.5) ยอมรับสภาพของการเข้าสู่วัยสูงอายุ จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาปฏิบัติตามคำ สอนในศาสนา บางคนอยากอยู่รว่ มกบั ลูกหลาน บางคนชอบอยู่คนเดยี ว ฯลฯ 3) การเปลย่ี นแปลงทางสังคม 3.1) ภาระหนา้ ทีแ่ ละบทบาททางสงั คมจะลดนอ้ ยลง ทำให้ผูส้ ูงอายุห่างไปจากสงั คม 3.2) คนส่วนใหญ่มักมองว่าผู้สูงอายุมีสมรรถภาพและความสามารถน้อยลง จึงไม่ให้ความ สำคญั หรือไมใ่ ห้ความรับผิดชอบ 3.3) จากบทบาทท่เี คยเปน็ ผนู้ ำครอบครวั จะกลายเป็นผ้อู าศยั หรือผู้ตามในครอบครัว 19คู่มือการอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ ูงอายุ
บทที่ 3 โรคทพ่ี บบ่อยในผ้สู งู อายุ โรคท่ีพบบ่อยในผู้สูงอายุ ส่วนหน่ึง การเจ็บป่วยจะสะสมตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาวหรือวัยทำงาน แต่ไม่ได้ ดูแลอย่างต่อเน่ือง จึงทำให้อาการโรครุนแรงขึ้น ในวัยสูงอายุ หลายโรคเกิดจากการประพฤติปฏิบัติที่ไม่เหมาะ สม ทั้งการบรโิ ภคอาหาร เครื่องด่มื แอลกอฮอล์ สูบบหุ รี่ ขาดการออกกำลังกายและขาดการควบคมุ อารมณ์ที่ด ี 1. ความดนั โลหติ สงู ความดันโลหิต เป็นแรงดันเลือดท่ีเกิดจากหัวใจสูบฉีดเลือด ไปเลี้ยงท่ัวรา่ งกาย ซึ่งวดั ได้ 2 ค่า คือ ความดันโลหติ ค่าบน คือ แรงดนั โลหติ ขณะทห่ี ัวใจบีบตัว ความดันโลหติ คา่ ล่าง คอื แรงดนั โลหิตขณะทหี่ ัวใจคลายตวั ในคนปกติ ความดันโลหิต ไม่ควรเกิน 130/85 มิลลิเมตร ปรอท (จากการประชุมร่วมขององค์การอนามัยโลก และ International Society of Hypertension ปี 1999) ส่วนความรุนแรงของความดันโลหิตที่สูงนั้น ให้พิจารณาจากค่าความดันตัวบนและความดันตัวล่างทั้ง สองค่า โดยถือระดับความดันโลหิตท่ีสงู กวา่ เปน็ เกณฑ์ เช่น ความดันโลหติ 150/110 มลิ ลิเมตรปรอท ความดนั ตัวบน 150 มิลลเิ มตรปรอท จะอยใู่ นระดบั อ่อน แต่ความดนั ตัวลา่ ง 110 มลิ ลเิ มตรปรอท จะอยูใ่ นระดบั รนุ แรง ดังนนั้ ผปู้ ว่ ยรายนี้ก็ตอ้ งจดั อยใู่ นกลมุ่ ความดนั โลหิตสูงระดับรุนแรง เปน็ ต้น ตาราง แสดงความดนั โลหติ สงู ในระดับต่างๆ ซ่งึ แบง่ ตามความรนุ แรงในผ้ใู หญ่ท่ีมอี ายุตัง้ แต่ 18 ปขี นึ้ ไป ระดับความดนั โลหิต ความดันตัวบน ความดนั ตัวลา่ ง (มม.ปรอท) (มม.ปรอท) ระดบั 1 ความดันโลหติ สูงอยา่ งอ่อน 140-159 90-99 ระดบั 2 ความดันโลหิตสงู ปานกลาง 160-179 100-109 ระดับ 3 ความดันโลหติ สูงรุนแรง >109 ความดนั โลหิตสูงเฉพาะตวั บน >180 <90 >140 20 คูม่ อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผู้สูงอาย ุ
สาเหตขุ องโรคความดนั โลหติ สูง มากกวา่ ร้อยละ 90 ของผู้ปว่ ยความดนั โลหิตสูงจะตรวจไม่พบสาเหตุ เช่ือว่าเกิดจาก 2 ปจั จัยใหญ่ คอื 1. กรรมพันธ์ุ ซ่ึงเป็นปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้ จากหลักฐานทางระบาดวิทยา พบว่าผู้ที่มีบิดาหรือมารดา เป็นความดันโลหิตสูง มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงได้มากกว่าผู้ที่บิดามารดาไม่เป็น ย่ิงกว่าน้ัน ผู้ที่มีท้ังบิดา และมารดาเป็นความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยงท่ีจะเป็นมากท่ีสุด ผู้สูงอายุก็มีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงเมื่อ อายมุ ากข้ึนๆ 2. สิ่งแวดล้อม ซงึ่ เปน็ ปจั จัยท่แี กไ้ ขได้ เชน่ ภาวะอ้วน เบาหวาน การรับประทานอาหารรสเคม็ การ ด่มื สรุ า และการสบู บุหร่ี ภาวะเครยี ด เปน็ ตน้ ส่วนความดนั โลหติ สูงทม่ี สี าเหตุพบไดน้ ้อยกวา่ ร้อยละ 10 ผปู้ ว่ ยในกลมุ่ น้แี มจ้ ะพบเป็นจำนวนน้อย แต่ กม็ คี วามสำคญั เพราะบางโรคอาจรกั ษาให้หายขาดได้ สาเหตทุ ีพ่ บบ่อย คือ ■ โรคไต ■ หลอดเลอื ดแดงทไี่ ปเลย้ี งไตตีบ ■ ยาบางชนดิ เช่น ยาคมุ กำเนิด ■ หลอดเลอื ดแดงใหญท่ ี่ออกจากหัวใจตีบ ■ เน้ืองอกของตอ่ มหมวกไต อาการของโรคความดนั โลหติ สูง ความดันโลหิตสงู ระดบั อ่อน หรือปานกลาง มกั จะไมม่ อี าการอะไร แต่มีการทำลายอวัยวะต่าง ๆ ไปที ละน้อยอย่างช้าๆ จนผู้ป่วยเกิดผลแทรกซ้อนในท่ีสุด เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจขาดเลือด ไตเส่ือมสมรรถภาพ หรอื อมั พาต อัมพฤกษ์ ความดนั โลหติ โลหติ สูงจึงมักไดร้ ับการขนานนามวา่ “ฆาตกรเงยี บ” ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง ผปู้ ว่ ยอาจเกิดอาการเหลา่ น้ขี ้ึนได้ เช่น เลือดกำเดาออก ตามองไมเ่ ห็น ข้างหน่ึงชั่วคราว เหน่ือยง่าย เจ็บหน้าอก เวียนศีรษะ ปวดศีรษะตุบๆ เป็นต้น แต่อาการเหล่าน้ีไม่จำเพาะ เพราะอาจเกดิ จากสาเหตุอนื่ ก็ได้ เชน่ ไข้ เครียด ไมเกรน เป็นตน้ ดังนั้น เมื่อเกิดอาการผิดปกติ จึงความปรึกษาแพทย์ เพราะถ้าพบความดันโลหิตสูงมากจะได้รักษาได้ ถกู ต้อง และทนั ทว่ งที ซ่งึ เม่อื ความดันโลหิตลดลงมาเป็นปกติ อาการดงั กล่าวก็จะหายไป ผลแทรกซอ้ นของโรคความดนั โลหติ สูง ภาวะความดันโลหิตสูงที่เป็นอยู่นาน และไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดการทำลายของอวัยวะสำคัญ ต่างๆ ในร่างกายได้ เชน่ หัวใจ สมอง ไต หลอดเลอื ด และตา เป็นต้น เพราะความดนั โลหิตท่สี ูงทเี่ ป็นอย่นู าน จะทำให้ผนังหลอดเลือดแดงหนาตัวข้ึน และรูเล็กลง ทำให้เลือดท่ีไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ลดลง ส่งผลให้อวัยวะ เหล่าน้ีทำงานได้ไม่เป็นปกติ และหากทำลายรุนแรงมากพอ อาจทำให้ถึงแก่กรรมได้ ระยะเวลาท่ีเป็นความดัน โลหิตสูง จนเกดิ ผลรา้ ยดงั กล่าว จะขึ้นอยู่กับระดบั ความดนั โลหติ เช่น ระดับออ่ น และปานกลาง จะใชเ้ วลานาน มากกว่า 10 ปี ระดับรุนแรงจะใช้เวลาสนั้ กว่าน้ี ผลแทรกซ้อนของโรคความดนั โลหิตสงู มีดังนี้ 1. หวั ใจ ความดนั โลหิตสูง จะมผี ลต่อหวั ใจ 2 ทาง คอื ทำใหห้ วั ใจโต และหลอดเลือดหวั ใจหนาตัว และแข็งตัว ข้ึน ทำให้เกิดการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจล้มเหลว ทำให้มีอาการเหน่ือยหอบ นอนราบไม่ได้ หรือหวั ใจเตน้ ผิดปกติ ทำใหม้ ีอาการใจสั่น 21คู่มอื การอบรมการดูแลสขุ ภาพผสู้ ูงอาย ุ
2. สมอง ความดันโลหติ สูง เปน็ สาเหตขุ องอมั พาต อมั พฤกษ์ ทพี่ บบ่อย ซึง่ มกั จะเกดิ จากหลอดเลอื ดเลก็ ๆ อุด ตนั โดยเกล็ดเลือด ซงึ่ พบบ่อย หรือ เกิดจากหลอดเลอื ดในสมองแตก ทำใหเ้ ลือดออกในสมอง 3. ไต เป็นอวัยวะที่มีหลอดเลือดมากท่ีสุดในร่างกาย ทำหน้าท่ีกรองของเสียออกจากเลือด ความดันโลหิตสูง ก็มผี ลต่อหลอดเลอื ดที่ไต เชน่ เดียวกับหลอดเลือดหวั ใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตไม่พอ มผี ลให้ไตเสื่อมสมรรถภาพ จนถึงข้ันไตวายเรื้อรัง ผู้ป่วยจะมีอาการเร่ิมแรกของภาวะไตวายเร้ือรัง คือ ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ขาบวม ตอนสาย หากเป็นมากจะมีอาการอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรงจากภาวะซีด ซ่ึงมักพบในผู้ป่วยไตวายเร้ือรัง และ คลนื่ ไส้ อาเจยี น ซมึ ลง ในผปู้ ว่ ยไตวายระยะสุดท้าย 4. ตา ความดันโลหิตสูงจะมีผลต่อหลอดเลือดที่ตา เช่น เลือดออกท่ีจอตา หลอดเลือดเล็กๆ ท่ีจอตาอุดตัน หรือ ทำให้จอตาหลดุ ลอกออกได้ ผ้ปู ่วยอาจไมม่ ีอาการใดๆ หรือตามวั จนถึงตาบอดได้ เบาหวาน ซ่ึงมักพบรว่ ม กับความดันโลหิตสูง จะทำให้เกิดผลแทรกซอ้ นทางตาไดเ้ ร็ว 5. หลอดเลือด ความดันโลหิตสูง จะทำให้เกิดการเปล่ียนแปลงของหลอดเลือดทั่วร่างกาย ทำให้หลอดเลือดตีบแคบ หรือโป่งพอง มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณแขนขา และอวัยวะภายในลดลง ผู้ป่วยเกิดไม่ได้ไกลเพราะปวดขา จากการขาดเลือด ต้องน่งั พกั จงึ จะหาย และเดอื นตอ่ ได ้ จุดมุง่ หมายในการรักษาโรคความดนั โลหติ สงู ปัจจบุ ัน ความดันโลหติ สงู จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มของโรคทที่ ำใหเ้ กดิ ผลแทรกซอ้ นของโรคหวั ใจและหลอด เลือด ซ่ึงรวมทง้ั หลอดเลอื ดท่สี มองและไตด้วย จดุ มงุ่ หมายของการรักษาภาวะความดันโลหิตสงู เพ่อื ลดอัตราทุ พลภาพ และอตั ราตาย ซง่ึ จะเกดิ จากภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ และหลอดเลือด การดูแลเฉพาะแต่ความดันโลหิตสูงเท่าน้ัน จะทำให้ได้ผลไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น แพทย์ต้องค้นภาวะ อื่นๆ ทอ่ี าจพบในตวั ผูป้ ่วยดว้ ย เชน่ เบาหวาน ไขมันในเลอื ดสงู ภาวะอ้วน ผนังหวั ใจหอ้ งซ้ายลา่ งหนา โรคเก๊าท์ เป็นต้น ซ่ึงแพทย์จะต้องดำเนินการควบคุมและรักษาคู่ไปกับการรักษาความดันโลหิต จึงจะได้ผลดี และมีประ สิทธิภาพเต็มที ่ การรักษาโรคความดันโลหติ สูง การรกั ษาผู้ปว่ ยความดนั โลหิตสูง ประกอบดว้ ย 1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา นั่นคือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อ การเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด ซึ่งจะกล่าวรายละเอียดตอ่ ไป 2. การรักษาดว้ ยยา ซง่ึ มีหลายกลุม่ แพทยส์ ามารถเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับผ้ปู ว่ ยแต่ละราย 22 คมู่ อื การอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
ขอ้ แนะนำสำหรับผู้ปว่ ยความดนั โลหิตสงู ตอ่ ไปน้ี เป็นข้นั ตอนที่ท่านควรปฏบิ ตั เิ พอ่ื ชว่ ยแพทยข์ องท่านในการควบคุมความดันโลหิต 1. การควบคุมอาหาร ■ การลดน้ำหนัก สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แม้ ทา่ นจะไม่จดั ว่าอ้วน แตก่ ารลดอาหารประเภทไขมนั กเ็ ปน็ สง่ิ ท่ดี ี ■ หลกี เลีย่ ง หรอื ลดการใชเ้ นย ไขมนั และนำ้ มัน ในการปรงุ อาหาร ■ หลีกเล่ยี งอาหารทอด ใหร้ ับประทานอาหารประเภทอบ น่ึง ตม้ แทน ■ รับประทานอาหารประเภทผกั ถว่ั ผลไม้ ใหม้ ากขึ้น ■ หลีกเลีย่ งการดมื่ สุรา ■ ดื่มน้ำ กาแฟท่ีไมม่ คี าเฟอีน นมพรอ่ งไขมนั และน้ำผลไม้ 2. รบั ประทานอาหารทีไ่ มเ่ คม็ จัด ■ การรับประทานเกลือมาก จะทำให้ความดันโลหิตสูง และไตทำงานหนัก การลดปริมาณ เกลอื ในอาหาร ควรปรกึ ษาแพทยข์ องท่านกอ่ น ■ หลีกเล่ยี งอาหารประเภทของดองเคม็ เน้ือเข็ม ซุปกระปอ๋ ง ■ ใช้เคร่อื งเทศแทนเกลอื หรือผงชรู ส ■ รับประทานแต่อาหารว่างที่มีเครื่องหมาย “เกลือต่ำ” (low salt) หรือ “ปราศจากเกลือ” (salt-free) 3. หลีกเล่ยี งไมใ่ ห้เกิดอารมณ์เครียด ■ หากเป็นไปได้ พยายามเปลีย่ นสงิ่ แวดล้อมทจ่ี ะทำให้เครยี ด ทงั้ ท่ที ำงาน และท่ีบ้าน ■ พยายามตอบสนองอย่างมีสติ และนุ่มนวลต่อสภาวะเครียด ซึ่งท่านไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือหลีกเล่ียงได ้ 4. หยุดสบู บุหร ี่ การสบู บหุ ร่ี เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งในปอด อัมพาต โรคหัวใจขาดเลอื ด และความดันโลหติ สงู ได้ บุหรี่ ทำใหเ้ กิดการทำลาย และสง่ เสริมการหดตัวของหลอดเลือด ทำใหเ้ พม่ิ อตั ราเสี่ยงต่อการเกดิ อมั พาต 5. งด หรือ ลดการด่ืมแอลกอฮอล ์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ควรงด หรือ ด่ืมปรมิ าณน้อย เชน่ ในวันหนงึ่ ๆ ไม่ควรดม่ื สรุ าเกิน 60 ลบ.ซม เบียรไ์ ม่เกิน 720 ลบ.ซม. ไวน์ไม่เกิน 260 ลบ.ซม. 6. ออกกำลงั กายแต่พอประมาณ การเดินวันละ 20-30 นาที จะช่วยท่านลดน้ำหนักได้ ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และ ป้องกนั โรคของหลอดเลอื ดได้ ก่อนเริ่มออกกำลังกายใด ๆ ควรปรึกษาแพทยข์ องทา่ นกอ่ น 7. รับประทานยาใหส้ มำ่ เสมอตามแพทย์ส่ัง ■ แจ้งใหแ้ พทยท์ า่ นทราบถงึ ยาตา่ งๆ ท่ีทา่ นรับประทานอยู่ เชน่ ยาคุมกำเนดิ ยาแก้ปวด เปน็ ตน้ ■ รบั ประทานยาตามที่แพทยส์ งั่ อยา่ งเครง่ ครดั ■ หากมียาชนิดใดที่ทำให้ท่านรู้สึไม่สบาย ควรแจ้งให้แพทย์ของท่านทราบทันที เพราะว่าท่าน อาจตอ้ งการยาในขนาดที่ลดลง หรอื เปล่ยี นยา ■ รบั ประทานยาให้สมำ่ เสมอ จนกวา่ แพทยข์ องทา่ นจะบอกใหห้ ยดุ 23คู่มือการอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ ูงอายุ
8. ตรวจวัดความดนั โลหิตสม่ำเสมอ ในกรณีท่านมีเครื่องวัดความดันโลหิตท่ีบ้าน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเรียนรู้วิธีวัดความดันโลหิตท่ีถูก ตอ้ ง อาจทำการวัดความดันโลหติ สปั ดาหล์ ะครง้ั หรอื เมอ่ื มีอาการเครยี ด ปวดศรี ษะ ไม่จำเปน็ ต้องวดั ความดัน โลหิตถีเ่ กินความจำเป็น และควรจดบันทึกวนั เวลา คา่ ทีว่ ัดไดท้ กุ ครัง้ ซง่ึ จะเป็นประโยชน์ต่อแพทยข์ องทา่ นใน การควบคุมความดนั โลหิต 2. โรคเบาหวาน เบาหวานเกิดจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้เผาผลาญ น้ำตาลในเลือดไม่ได้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงข้ึนและขับออกทางปัสสาวะ เมื่อระดบั นำ้ ตาลในเลอื ดสูงนานๆ จะทำใหห้ ลอดเลือดเสอื่ มและเสยี หาย อาการเบาหวาน ปัสสาวะบ่อย ดม่ื น้ำมาก กินเกง่ หวิ บ่อย นำ้ หนกั ลด รวมท้ังมอี าการจากรา่ งกาย ขาดนำ้ เช่น อ่อนเพลยี วงิ เวียน มึนงง ตามัว คอแหง้ และสมรรถภาพทางเพศเสือ่ ม ข้อแนะนำ 1) ต้องรักษาต่อเน่ืองยาวนานหรือตลอดชีวิตหารรักษาอย่างจริงจังจึงจะมีชีวิตปกติได้ ถ้ารักษาไม่ จริงจัง จะอนั ตรายจากภาวะแทรกซอ้ นไดม้ าก 2) ผู้ป่วยที่กินยาหรือฉีดยารักษาเบาหวานอยู่ อาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมีอาการใจหวิว ใจสั่น หนา้ มืด ตาลาย เหงือ่ ออก ตวั เยน็ เหมือนขณะหวิ ขา้ ว ถา้ น้ำตาลในเลือดต่ำมากๆ อาจเปน็ ลมหมดสติ หรือชักได้ ผปู้ ่วยควรระวงั ดูอาการดังกลา่ ว และพกพาน้ำตาลหรอื ของหวานติดตัวประจำ ถ้าเรม่ิ มอี าการดังกลา่ ว ให้ผปู้ ว่ ย รบี กินนำ้ ตาลหรอื ของหวาน 3) อยา่ ซ้ือยาชุดกินเอง 4) แนะนำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี และมีญาติพี่น้องเป็นเบาหวาน หรือ คนอ้วน ควรตรวจหา นำ้ ตาลในปสั สาวะหรือเลือดเปน็ ระยะ หากพบเปน็ เบาหวาน ในระยะเร่ิมแรกจะได้รกั ษาแต่เนิ่นๆ การปฏิบตั ิตวั ของผปู้ ว่ ยเบาหวาน 1) พบแพทย์และตรวจปสั สาวะ และตรวจเลือดตามท่ีแพทยน์ ดั 2) กนิ ยาลดนำ้ ตาล หรือฉีดอนิ ซลู นิ และปฏบิ ตั ติ ัวตามคำแนะนำแพทย ์ 3) ควรควบคุมอาหารการกินอย่างเคร่งครัด เช่น กินอาหารให้พอดี ไม่กินจุบจิบ งดเว้นอาหาร หวานๆ อาหารประเภทแปง้ และไขมัน โดยเฉพาะไขมันจากกะทิ 4) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างสัปดาหล์ ะ 3 ครัง้ 5) พกั ผอ่ นใหเ้ พียงพอ ทำจติ ใจให้ร่าเริง ไมเ่ ครียด ไมว่ ติ กกงั วล 6) งดสบู บุหรีแ่ ละเครือ่ งดมื่ แอลกอฮอล ์ 7) หม่นั ดูแลรกั ษาความสะอาดเทา้ ไม่สวมรองเท้าทค่ี บั เกินไป ถ้ามแี ผลที่เท้าต้องรีบรกั ษาทนั ที 8) มีลกู อมหรือนำ้ ตาลติดตวั ไว้เสมอ 24 9) ควรมบี ัตรหรือสญั ลักษณท์ แี่ สดงวา่ เป็นผ้ปู ่วยเบาหวานติดตัวตลอด คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
3. ข้อเขา่ เสือ่ ม ผู้สูงอายุจะเร่ิมมีการข้อเสื่อมขึ้นกับการใช้งานข้อและสภาพร่างกาย ถ้าน้ำหนักมากน้ำหนักจะกดกระแทกข้อ ข้อจะเส่ือมเร็ว ถ้าใช้งานข้อมากๆ เช่น เดินมาก ยนื มาก หรอื เดินข้ึนลงบันไดมากๆ น่ังยองๆ มาก ข้อจะเส่ือมเร็ว อาการ ปวดข้อ ในระยะแรกจะปวดเมื่อเดินมาก ยืนมาก หรือเดนิ ขึน้ ลงบันไดมากๆอาจมเี สยี งดัง กร๊อบแกร๊บ ในขอ้ ข้อแนะนำ ■ ถา้ ผ้ปู ่วยมีนำ้ หนักตัวมากให้ลดนำ้ หนัก โดยการควบคมุ อาหารและออกกำลังกาย ■ ลดการใช้งานข้อเขา่ เชน่ หลกี เล่ยี งการนัง่ ยองๆ ควรใช้ส้วมนั่งราบ หลกี เลย่ี งการเดินขน้ึ ลงบนั ได มากๆ เพื่อป้องกนั ข้อเข่าเสื่อม ■ บรหิ ารกล้ามเนือ้ บรเิ วณรอบๆ ขอ้ ใหแ้ ขง็ แรง เช่น บรหิ ารกล้ามเนื้อหน้าขา 2 ขา้ ง โดยการยกขา ข้ึนและเกร็งไว้สกั ครู่ ควรทำบอ่ ยๆ เพ่อื ปอ้ งกัน หรอื ชะลอข้อเข่าเส่อื ม 4. ภาวะสมองเสอ่ื ม ภาวะที่ความสามารถทางสติปัญญาลดลง คิดและจำไม่ได้ มักพบในผู้สูงอายุ ทำให้มีอาการหลงลืม การใช้ภาษาผิดปกติ พฤติกรรมและอารมณเ์ ปลยี่ นแปลงงา่ ย อาการ อาการเร่ิมแรก จะลืมเร่ืองราวท่ีเกิดข้ึนใหม่ๆ ไม่ นาน ในขณะที่ความจำเร่ืองในอดีตจะยังดีอยู่ ผู้ป่วยอาจถามซ้ำเร่ือง ที่เพ่ิงจะบอกไป หรือพูดซ้ำเร่ืองที่เพิ่งเล่าให้ฟัง อาการอ่ืนๆ เช่น วางของแล้วลืม ทำส่ิงที่เคยทำประจำไม่ได้ สับสนเรื่องวัน เวลา สถานที่ นึกคำพูดไม่ค่อยออกหรือใช้คำผิดๆ อารมณ์ พฤติกรรมและบุคลิกภาพ เปล่ียนแปลงจากเดมิ การตดั สนิ ใจแย่ลง ไมม่ ีความคดิ ริเริม่ ใหม่ๆ อาการตา่ งๆ เหลา่ นจ้ี ะสะสมมากขน้ึ จนมผี ล ต่อการทำงานและกิจวัตรประจำวัน ซ่ึงการที่พบการเปล่ียนแปลงได้เร็วหรือช้า ขึ้นกับระดับความสามารถเดิม การศึกษาและหนา้ ทเี่ ดิมของผ้สู งู อายุ รวมถงึ การชา่ งสงั เกตและเอาใจใสข่ องญาติด้วย ข้อแนะนำ ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันโรคนี้ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตัวบางอย่าง จะช่วยให้สมองมีความจำท่ีดี ได้ ไดแ้ ก่ 1) หลกี เลยี่ งยาหรือสาร ท่ีทำอันตรายสมอง เชน่ ด่ืมเหล้าจดั กินยาโดยไมจ่ ำเปน็ 2) ฝึกสมอง ไดแ้ ก่ ฝกึ ให้สมองได้คดิ บ่อยๆ เช่น อ่านหนงั สอื เขยี นหนงั สือ คิดเลข ดเู กมสต์ อบปญั หา ฝึกหัดการใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ เปน็ ตน้ 25คู่มอื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ
3) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาหล์ ะ 3–5 คร้งั เช่น เดนิ เลน่ รำมวยจนี เปน็ ต้น 4) พูดคยุ พบปะผ้อู ่นื บ่อยๆ เชน่ ไปวัดหรือร่วมกจิ กรรมของชมรมผสู้ งู อายุ เปน็ ตน้ 5) ตรวจสขุ ภาพประจำปี 6) ระมัดระวงั อุบัตเิ หตตุ ่อสมอง ระวงั หกล้ม เปน็ ตน้ 7) มีสตใิ นสงิ่ ตา่ งๆ ท่ีกำลงั ทำ และฝกึ สมาธติ ลอด 8) ไม่คดิ มาก ไม่เครียด ทำกจิ กรรมคลายเครยี ด 5. หลอดเลอื ดหัวใจตีบ อาการท่ีควรรู ้ เจ็บแน่นหน้าอก มี ลักษณะจำเพาะ คอื เจบ็ ต้ือๆ แน่นๆ หรอื หนักๆ เจ็บที่ กลางอก ใต้กระดูกหน้าอก หรือทางซ้ายบริเวณหัวใจ อาจรา้ วไปทีข่ อ้ ศอก หรือ แขน คอ กราม เจ็บนาน 3-5 นาที ถ้าเจ็บนานเกิน 30 นาที อาจเกดิ กล้ามเนื้อหัวใจ ตายเฉยี บพลนั ได้ ซง่ึ มีอาการ 1. เหงอ่ื ออก ใจสัน่ หนา้ มดื คลา้ ยจะเป็นลม 2. เหนอื่ ย หายใจลำบาก 3. หวั ใจวาย หมดสตถิ งึ แก่ชีวติ ข้อแนะนำ 1) กินอาหารให้พอดกี ับความตอ้ งการของรา่ งกายให้ครบ 5 หมู่ อาหารทค่ี วรหลกี เลีย่ งไดแ้ ก่ อาหาร ไขมันสูง เคม็ จัด หวานจดั 2) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะชว่ ยใหห้ ัวใจและหลอดเลอื ดทำงานได้ดี 3) ควบคมุ เบาหวาน ความดนั โลหติ สูง ใหน้ ำ้ ตาลในเลือดและความดันโลหติ ปกต ิ 4) ทำจติ ใจใหร้ า่ เริง แจ่มใสเสมอ ไมเ่ ครียด 5) ตรวจสุขภาพประจำป ี 6) ควบคมุ ไขมนั ในเลอื ดให้อยูใ่ นเกณฑป์ กต ิ 7) งดบุหร่ี เหล้า และสารเสพตดิ ทกุ ชนิด 8) ลดนำ้ หนกั ถ้าอ้วนลงพงุ 26 ค่มู ือการอบรมการดแู ลสขุ ภาพผู้สูงอาย ุ
6. โรคมะเรง็ โรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่ มะเรง็ ปากมดลกู มะเร็งเต้านม มะเรง็ ตบั มะเรง็ ปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งช่องปาก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็ง ผิวหนงั การป้องกันโรคมะเร็ง ■ หยดุ สูบบุหร่ี การสูบบุหร่เี ป็นปัจจยั เส่ยี งท่ีสำคญั สำหรบั โรคมะเรง็ หลายชนิด เชน่ โรคมะเรง็ ปอด โรคมะเรง็ ช่องปาก โรคมะเร็งโพรงจมกู เป็นต้น ■ รบั ประทานอาหารทม่ี ีประโยชน์แก่ร่างกาย ควรรับประทานอาหารท่ีมีกากใยมาก รบั ประทานผัก และผลไม้เป็นประจำ จำกัดอาหารท่ีมีไขมันอิ่มตัวสูงจากเน้ือสัตว์ ผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารปรุงสำเร็จ นอกจากน้นั ควรหลีกเล่ียงอาหารพวกป้งิ ย่าง รมควัน เน่ืองจากมีสารกอ่ มะเร็งในปริมาณมาก ■ ลดน้ำหนักในกรณีท่ีอ้วน เน่ืองจากน้ำหนักตัวท่ีเกินเป็นปัจจัยเส่ียง ต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเรง็ ลำไสใ้ หญแ่ ละมะเรง็ เยื่อบุมดลกู ■ หลีกเลี่ยงการด่ืมแอลกอฮอล์เป็นปริมาณมาก เน่ืองจากแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ มะเรง็ หลอดอาหาร และมะเร็งในชอ่ งปาก ■ หลกี เลย่ี งการอาบแดดหรอื ถกู แดดจัด เนือ่ งจากอาจทำใหเ้ กดิ มะเร็งผวิ หนัง ควรหลกี เล่ียงการถกู แดดชว่ ง 10.00–16.00 น. ใชค้ รมี กนั แดดทมี่ ี SPF อย่างนอ้ ย 15 สวมใส่เสื้อผา้ ทีร่ ดั กุม และสวมแว่นกันแดด ■ ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน เน่ืองจากการที่ไม่ออกกำลังกาย มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรค มะเรง็ ลำไสใ้ หญ่ และมะเร็งเต้านม อย่างนอ้ ยควรออกกำลงั กายแบบแอโรบกิ อยา่ งนอ้ ย 30 นาทีตอ่ คร้ัง สัปดาห์ ละ 3 ครัง้ และพยายามเปลี่ยนกจิ กกรมทีท่ ำอยู่แล้ว เป็นการออกกำลงั กาย เชน่ เดนิ ข้ึนบนั ได แทนการใชล้ ิฟท์ จอดรถไกลกวา่ ทจี่ อดเดมิ และใชก้ ารเดนิ แทน เป็นต้น ■ หลีกเล่ียงจากรังสีและสารเคมีในที่ทำงานและที่บ้าน โดยคอยอ่านคำเตือนของเอกสาร ท่ีแนบมา กบั ผลิตภณั ฑ์เสมอ ■ ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี และปฏิบัติตามคำแนะนำ ในการตรวจเพ่ิมเติมของแพทย์ เช่น ตรวจแป๊บสเมียร์ (Pap’s smear) ทุกปีเพ่ือหามะเร็งปากมดลูกในระยะแรก ฝึกการตรวจเต้านมด้วยตนเอง เป็นประจำทุกเดอื น และตรวจโดยแพทย์ทุก 1 ปี เป็นตน้ ■ หลีกเลี่ยงจากการใช้ของมีคมร่วมกับผู้อื่น ไม่เท่ียวสำส่อน หรือถ้าไม่แน่ใจควรใช้ถุงยางอนามัย ตรวจเลือดว่ามีภูมิคุ้มกันต่อเช้ือไวรัสตับอักเสบบีหรือยัง ถ้ายังไม่มีควรฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันเช้ือไวรัสตับอักเสบ บี เนอ่ื งจากเปน็ สาเหตุ ทีส่ ำคัญของการเกดิ โรคมะเร็งตับ ในรายทเี่ ปน็ พาหะไวรสั ตับอกั เสบบหี รือซี ควรตดิ ตาม ตรวจกับแพทยเ์ ปน็ ระยะทกุ 6 เดือน ■ ในกรณีที่ เคยรับประทานปลาดิบ อาศัยหรือเคยอาศัยอยูใ่ นภาคอีสาน หรือในชุมชนท่มี ผี ้ปู ่วยมะ เร็งท่อน้ำดีตับ หรือมีประวัติมะเร็งท่อน้ำดีในครอบครัว ควรรับการตรวจอุจจาระเพ่ือหาไข่พยาธิใบไม้ในตับ เนือ่ งจากมีโอกาสเส่ียงต่อการเกิดโรคมะเรง็ ทอ่ นำ้ ด ี 27คู่มือการอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ งู อายุ
7. โรคตาในผ้สู ูงอายุ ในขณะที่คนเรามีอายุมากข้ึน กล้ามเน้ือที่ทำหน้าที่ยืดหดเลนส์ ลกู ตา จะออ่ นกำลงั ลงทำใหล้ ำบากในการเพง่ ดสู งิ่ ของ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ วตั ถเุ ลก็ ๆ โดยสายตาจะยาวออก และคนทมี่ ปี ระวตั สิ ายตาสนั้ เวลามองสงิ่ ขอใกล้ๆ กลับต้องถอดแว่นตาออก เมื่อสูงอายุ ความเปล่ียนแปลงเช่นนี้ เปน็ ธรรมดาของรา่ งกาย มากนอ้ ยแตกตา่ งกนั ไป ในแตล่ ะคน วิธปี ้องกนั ไม่ใหส้ ายตาเส่ือมเร็ว 1) ไม่อยูใ่ นท่ีมแี สงสว่างมาก เชน่ ถ้าแสงแดดจา้ ควรใสแ่ ว่นกันแสง 2) รบั ประทานอาหารตามหลกั โภชนาการ การขาดวิตามินเอ ขาดโปรตีนทำให้ตาเสอ่ื มเร็ว 3) ระวังอยา่ ให้แสงแดด หรือแสงเชื่อมโลหะเข้าตาตอ้ งใชแ้ ว่นกนั แสง 4) การดทู วี ี ตอ้ งน่งั ระยะหา่ ง 5 เท่า ของขนาดจอโทรทัศน์ จงึ จะไมเ่ กิดอันตราย เพราะภาพจะตกที่ จะรับภาพพอดโี ดยไมต่ อ้ งเพง่ 5) ผู้สูงอายุควรใช้แว่นตาช่วยสำหรับอ่านหนังสือระยะใกล้ มิฉะน้ันจะมีอาการปวดตา และปวด ศีรษะเพราะเพ่งสายตามาก โรคตาทพ่ี บบ่อยในผสู้ งู อายุ มีดงั น้ ี โรคตอ้ กระจก โรคตาท่ีเป็นกันมากท่ีสุดในผู้สูงอายุคือ ต้อกระจก เมื่ออายุมากขึ้น แก้วตาจะเปลี่ยนจากสีใสๆ เป็นสี นำ้ ตาล หรือสขี าวขุน่ มาขนึ้ เร่ือยๆ ทำใหแ้ สงผ่านเขา้ ไปในตาไม่ไดม้ ีผลทำใหต้ ามัวลงๆ อาการ 1) ตามัวลงเรือ่ ยๆ โดยในระยะแรกๆ นนั้ ตาจะมัวเฉพาะเวลาออกแดด พอเข้าทส่ี ลวั ๆ จะมองเหน็ ได้ ดีกว่า พอเป็นมากขึ้นก็จะมัวทั้งในที่สว่างและสลัว จนในที่สุดจะมองเห็นแค่แสงไฟ และสามารถบอกได้แต่ ทศิ ทางของแสงทีส่ อ่ งเข้าตาเท่านัน้ 2) เมอื่ ต้อแกม่ ากขน้ึ รูมา่ นตาซ่งึ เดมิ มีสีดำสนิทจะค่อยๆ เปลย่ี นเป็นสีขาวขนุ่ หรือสนี ำ้ ตาลขุ่น 28 คู่มอื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผ้สู ูงอาย ุ
สาเหตุ 1) โดยท่ัวไปเป็นการเปล่ียนแปลงตามอายทุ ่เี พมิ่ ขึ้น 2) เกิดจากพิษของยาบางส่วน เชน่ การใชย้ าสเตยี รอยด์นานๆ ยาฆ่าปลวกบางชนดิ 3) การขาดสารบางชนิด เช่น แคลเซยี ม 4) โรคบางโรคทำให้เกิดตอ้ กระจกเรว็ ขนึ้ เช่น เบาหวาน ฯลฯ 5) อุบตั ิเหตุ มีการกระแทก หรอื มีบาดแผลทะลุทก่ี ระจกตาดำ 6) เป็นแต่กำเนิด อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือเกิดในเด็กท่ีมารดาเป็นหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ 3 เดอื นแรก การรักษา โรคตอ้ กระจกนส้ี ามารถรักษาได้โดยการลอกต้อกระจก ซ่งึ ทำใหเ้ ฉพาะในโรงพยาบาลเท่านัน้ เมื่อลอก ต้อกระจกออกแล้วใส่แว่นผู้ป่วยจะกลับเห็นชัดได้โดยใช้ยาฉีดเฉพาะท่ีไม่ต้องดมยาสลบ ทำเสร็จแล้วต้องนอน รักษาอยใู่ นโรงพยาบาลระยะหน่ึง ขอ้ ควรปฏบิ ัต ิ ถ้าคิดว่าเป็นต้อกระจกในระยะแรก ควรได้รับการตรวจจากแพทย์ เพ่ือให้แน่ใจว่า สายตาที่มัวลงน้ัน เปน็ เพราะต้อกระจกจริง ไม่ใช่เกดิ จากโรคอน่ื เชน่ ตอ้ หนิ เรือ้ รัง หรือโรคของจอประสาทตา ถา้ พบว่าต้อกระจก อยู่ในระยะท่ีสุกแล้ว คือ รูม่านตามีสีขุ่นขาว หรือสีน้ำตาลเข้มแล้วควรไปพบแพทย์ เพ่ือรับการลอกต้อกระจก ออกกอ่ นทจ่ี ะมโี รคแทรกซอ้ น ขอ้ เสียถา้ ปล่อยไวจ้ นสุกเกนิ ไป 1. ทำให้เกิดต้อหิน ซึง่ มีอาการปวดตาและทำใหต้ าบอดสนิทไดโ้ ดยไมม่ ที างแก้ไข 2. ทำใหเ้ ป็นโรคมา่ นตาอักเสบแทรกขน้ึ มาได ้ 3. ทำใหก้ ารผ่าตัดลอกตอ้ ออกยากขน้ึ มีโอกาสเกิดโรคแทรกซอ้ นหลังผา่ ตดั ได้มากข้ึน หมายเหตุ อนั ตรายทเี่ กิดจากการรกั ษาที่ไม่ถูกวธิ ี ในปัจจุบนั มหี มอชาวบ้านรกั ษาตอ้ กระจก โดยใช้เขม็ ท่ิมแทงใหแ้ ก้วตาตกไปอยใู่ นลกู ตาส่วนหลงั ซงึ่ ผู้ ป่วยอาจจะมองเห็นได้ทันที แต่จะตาบอดในเวลาต่อมาภายใน 6 เดือน หรือ 1 ปี นอกจากตาบอดแล้วจะมี อาการปวดรว่ มด้วย จึงควรแนะนำประชาชนใหท้ ราบเพอื่ จะไม่ได้หลงผิด ไปรักษาด้วยวิธีดังกลา่ ว โรคต้อหนิ คอื โรคทเี่ กดิ จากภาวะความดนั ในลกู ตาสงู กว่าปกติ ภายในลกู ตาของคนเรา จะมีการผลติ หรือสรา้ งน้ำ ใสชนดิ หน่ึง ออกมาอยใู่ นชอ่ งหลังมา่ นตา แล้วไหลผา่ นรูม่านตาออกมาอยู่ในชอ่ งหน้าม่านตา ตอ่ จากนั้นน้ำในนี้ ก็จะไหลผ่านรตู ะแกรงเลก็ ๆ เข้าสเู่ ส้นเลือดดำของลูกตา จงึ ทำใหค้ วามดนั ลูกตาคงท่ีอยู่ตลอดเวลา ถา้ มีอะไรขดั ขวางทางเดนิ ของน้ำในลกู ตา จะเกิดการค่ังของนำ้ ภายในลกู ตาทำให้ความดนั ภายในลกู ตาสงู เรียกวา่ ตอ้ หิน ตอ้ หิน มี 2 ชนิด 1. ต้อหินแบบเฉียบพลัน เกิดจากการไหลเวียนของน้ำใสในลูกตาไม่สะดวกที่เกิดข้ึนอย่างรวดเร็ว ทำใหม้ อี าการตาแดง รมู า่ นตาขยาย ปวดตามาก คล่นื ไส้ อาจมอี าการอาเจยี นร่วมด้วย จะเห็นสีรงุ้ รอบดวงไฟ สายตาจะมวั ลงอยา่ งรวดเร็ว ถา้ ไมไ่ ด้รักษาอย่างถูกต้องและทนั ทว่ งที จะทำให้ตาบอดได้ภายใน 2-3 วนั 2. ต้อหินชนิดเรื้อรัง เกิดจากความเสื่อมของทางไหลผ่านของน้ำใสภายในลูกตาต้อหินชนิดน้ีไม่มี อาการเจ็บปวด เกดิ ข้นึ ช้าๆ โดยไมร่ ู้ตัว สายตาจะค่อยๆ มัวลง จากขอบเขตของการมอง 29คมู่ อื การอบรมการดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
การป้องกัน ผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปีข้ึนไป ควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่าความดันภายในลูกตา อยู่ในระดับปกติอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง นอกจากน้ันควรถนอมดวงตาให้ดีท่ีสุด หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือน ต่างๆ เม่ือมีอาการผิดปกติของตาควรพบจักษุแพทย์โดยเร็วท่ีสุด ไม่ควรหยอดตาด้วยยาสเตียรอยด์โดยแพทย์ มไิ ด้สัง่ เพราะยาประเภทนีท้ ำใหค้ วามดันภายในลูกตาสูงกว่าปกติ อาการ ต้อหินเป็นโรคท่ีร้ายแรงทำให้ตาบอดได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงควรพบจักษุแพทย์เพ่ือทำการรักษาโดย เร็วที่สุด ถ้าเป็นมากจนประสาทตาเสียไปแล้ว สายตาจะไม่กลับคืนมา นอกจากการรักษาเบาหวานให้หายแล้ว (ในรายทเ่ี ปน็ เบาหวานร่วมดว้ ย) จักษแุ พทยจ์ ะรักษาดว้ ยแสงเลเซอร์ เพอ่ื ชว่ ยป้องกนั ให้โรคลกุ ลามมากขึ้น และ เพ่ือความแนน่ อนและปลอดภยั ของดวงตาควรปรกึ ษาจักษุแพทยเ์ มอ่ื มอี าการเหลา่ นี้ 1) เหน็ อะไรลอยไปลอยมาในลูกตา เกดิ จากความเสอ่ื มของน้ำวุน้ ในลกู ตา 2) เหน็ แสงแวบๆ ในลกู ตา แสดงวา่ มีอะไรไปกระตนุ้ ประสาทจอรับภาพ ทำให้เกิดแสงสว่างเป็นการ เตอื นวา่ ประสาทตาหลุด 3) การที่มีน้ำตาไหลเป็นประจำ เกิดจากมีการระคายเคืองของเน้ือเยื่อหุ้มตา ความดันลูกตาสูง การ เสอ่ื มของเยอ่ื หุ้มตา และการอดุ ตันของทอ่ ทางเดนิ นำ้ ในตา 4) ตามัว อาจจะเกิดจากโรคเบาหวานซ่ึงเป็นสาเหตุหน่ึงที่ทำให้ตาบอด โรคเบาหวาน ถ้าเกิดระยะ เวลายง่ิ นาน ยง่ิ ทำให้จอรับภาพถูกทำลายมาก จนในท่สี ดุ ตาจะบอดสนทิ การรกั ษา 1) ไมม่ ีการรกั ษาท่ีสามารถทำใหก้ ารมองเหน็ กลับคืนมาเทา่ คนปกติ แตส่ ามารถชะลอไมใ่ ห้โรคแย่ลงได้ 2) ในปัจจุบัน โรคต้อหินส่วนใหญ่สามารถรักษาด้วยยา ลดความดันตาเพ่ือป้องกันการทำลายเส้น ประสาทตา โดยผ้ปู ่วยจะต้องมารับการรักษาอยา่ งสม่ำเสมอ 3) การรับประทานวติ ามินเสริม C, E, Zinc, lutein , zeaxanthin ไมช่ ว่ ยปอั งกนั ในผู้ทไ่ี มเ่ ปน็ โรค แต่ช่วยชะลอโรคในผูท้ เี่ ป็นโรคแลว้ โรคสายตายาวในผู้สงู อายุ (presbyopia) มักเกิดหลังอายุ 40 ปี เกิดจากเลนส์ตาที่แข็งข้ึน สูญเสียความสามารถในการปรับการมองใกล้ และ ไกลดังนั้นผู้ป่วยมักต้องถอื หนังสือไกลขนึ้ จงึ จะอ่านไดช้ ัด โดยอาการจะเกดิ ข้นึ กบั ทกุ คน ทัง้ สายตาส้ัน ยาว และ ปกติ โดยพบว่าผู้ที่มีสายตายาวอาจเกิดอาการเร็วกว่าปกติ วิธีรักษา ปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตัดแว่น ตาสำหรับ อ่านหนังสอื โรคตาแหง้ (dry eye) มักเกดิ ในผหู้ ญิงมากกว่าผ้ชู าย เร่มิ เม่อื วัยกลางคน สมั พนั ธ์กับภาวะเปลอื กตาอักเสบ และโรคทางกาย บางชนิด เกดิ จากการผลติ น้ำตาทน่ี ้อยลง ผูป้ ว่ ยจะมีอาการเคอื งเหมือนมฝี นุ่ ผงในตา มักเปน็ มากขนึ้ เมือ่ อยูใ่ นท่ี แห้งหรือห้องแอร์ อาจมีข้ตี าเหนียว การมองเห็นไม่ชดั ตอ้ งกระพริบตาบอ่ ยๆ ในผู้ปว่ ยบางคนอาจเคืองตาแลว้ มี น้ำตาไหลมากขน้ึ ได้ เมอ่ื มีอาการควรพบจักษุแพทย ์ 30 ค่มู ือการอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอาย ุ
การรกั ษา ในระยะเร่มิ แรกใชน้ ้ำตาเทียม เม่อื อาการเปน็ มากขนึ้ ควรปรกึ ษาจกั ษุแพทย์ การดูแลตัวเอง หลีกเลี่ยง ลม ฝนุ่ ถ้าอยู่ในห้องแอร์หรืออากาศแหง้ อาจหาแก้วใสน่ ำ้ อ่นุ วางไวเ้ พื่อใหม้ ีความช้นื ในอากาศ รกั ษาโรคเปลือก ตาอกั เสบ และโรคทางกายอ่ืนๆ โรคจุดรบั ภาพเสือ่ มในผ้สู งู อายุ (AMD: Age Related Macular Degeneration) เกิดจากการทำลายบริเวณจุดศนู ยก์ ลางของการรบั ภาพ และสี โดยไมท่ ราบสาเหตกุ ารเส่ือมทแี่ น่นอน ปัจจยั เส่ยี งท่สี ำคัญ คือ ■ ผู้สูงอายุ พบวา่ อตั ราการเกดิ โรคในคนอายุ 75 ปี มถี งึ 30% เมื่อเทียบกบั 2% ในคนอายุ 50 ปี ■ การสูบบหุ ร่ี ■ การสัมผสั แสงอาทิตยแ์ ละแสง UV ปริมาณมาก ■ ความดนั โลหติ สูง ไขมันในเลอื ดสงู โรคหลอดเลอื ดหัวใจ อาการของโรค ไดแ้ ก่ ภาพมัว บดิ เบีย้ ว สีจางลง มปี ญั หาในการอา่ น หรือจำหนา้ คน เห็นจุดดำอย่กู ลางภาพ การรกั ษาโรค ไม่มีการรักษาท่ีหายขาด แต่การรักษาจะช่วยชะลอการเกิดโรคท่ีมากขึ้น ในระยะแรกอาจให้วิตามิน แต่การดำเนนิ โรคก็อาจเป็นมากข้ึนได้ โดยในระยะหลงั อาจรว่ มกบั การรักษาดว้ ยเลเซอร์ หรอื ฉีดยาเขา้ ในลกู ตา การปฏิบตั ิตัวเพื่อปอ้ งกนั โรคตาในผู้สงู อายุ 1) ผู้สูงอายุควรตรวจตากับจักษุแพทยเ์ ปน็ ประจำทกุ ปี และเม่ือมกี ารมองเหน็ ภาพทีเ่ ปลีย่ นแปลงไป 2) หยดุ สูบบหุ รี ่ 3) สวมแว่นตากันแดด 4) รกั ษาโรคความดนั โลหิตสูง ไขมันในเลือด 5) รับประทานผกั ผลไม้ อาหารครบ 5 หมู่ 31ค่มู ือการอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ งู อาย ุ
บทท่ี 4 ภาวะวกิ ฤตกิ บั การปฐมพยาบาลเบื้องตน้ การดูแลในภาวะวิกฤติเป็นการดูแลช่วยเหลือผู้ท่ีประสบภาวะคุกคามถึงชีวิต ทางด้านร่างกาย ผู้ดูแลผู้ สูงอายุมบี ทบาทในการดแู ลชว่ ยเหลือ ปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ ใหผ้ ่านพน้ ภาวะวกิ ฤติของชวี ติ นับว่าเปน็ ส่งิ ท่ีท้าทาย อย่างยิ่ง ซึ่งผู้ดูแลผู้สูงอายุต้องประเมินผู้สูงอายุในการดูแลช่วยเหลือเพ่ือป้องกันปัญหาหรือแก้ไขปัญหาท่ีอาจจะ เกดิ ขนึ้ หรือเกดิ ขึน้ แล้ว พรอ้ มท้งั ทำนายปัญหาท่อี าจะเกดิ ขึน้ ได้ ภายใตค้ วามรูพ้ ื้นฐาน รว่ มกบั การประเมนิ แนวทางการประเมนิ ภาวะวกิ ฤต ิ 1. ขอ้ มลู ของผสู้ งู อายุ เช่น ขอ้ มูลการเจ็บป่วยอดตี และปัจจุบัน การวนิ จิ ฉัยโรคของแพทย์ สญั ญารบั และสถานท่วั ไปของผู้สูงอาย ุ 2. ประเมนิ ภาวะวกิ ฤติจากการสงั เกต ดา้ นการติดต่อสอื่ สาร ได้แก่ การมองเหน็ การไดฝ้ นั การรับรูส้ มั ผัส การพดู การเขยี น ความสามารถ ในการแสดงทา่ ทาง ด้านการกระตุ้น ได้แก่ อารมณ์และพฤติกรรมที่แสดงออก ตามปฏิกิริยาต่อแสงอย่างไร แขนขา มี ความรูส้ กึ ความสามารถในการเคลือ่ นไหวอยา่ งไร 3. การหายใจ ได้แก่ การดูรปู ร่างของทรวงอกเปลยี่ นแปลงไปอยา่ งไร เสียงหายใจ อาการแสดงอื่นๆ เชน่ อาการเขยี ว นิว้ บมุ๋ การใชก้ ล้ามเนื้อและคอในการหายใจ การปฐมพยาบาล หมายถึง การใหค้ วามช่วยเหลอื ต่อผบู้ าดเจ็บ หรอื เจบ็ ปว่ ย ณ สถานทเ่ี กดิ เหตุ โดย ใชอ้ ปุ กรณเ์ ท่าที่หาได้ในขณะนน้ั ก่อนทีผ่ ู้บาดเจบ็ จะไดร้ ับการดแู ลจากบคุ ลากรทางการแพทยห์ รอื ก่อนนำตวั ส่ง ไปรักษาทางโรงพยาบาลต่อไป การปฐมพยาบาลท่ีดี ผู้ช่วยเหลือควรได้รับการปฐมพยาบาลอย่างถูกต้อง รวดเร็ว นุ่มนวล และต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจของผู้บาดเจ็บควรได้รับการปลอบประโลม และให้กำลังใจ เพ่ือ สรา้ งความมัน่ ใจและไดร้ ับการดูแลชว่ ยเหลืออยา่ งปลอดภัย ไดแ้ ก ่ 1. อาการเปน็ ลม หมดสต ิ การหมดสติ เปน็ ส่ิงสำคัญมาก สำหรบั ผู้ทีจ่ ะตอ้ งปฐม พยาบาล เพราะการหมดสติจะเปน็ อนั ตรายต่อชวี ติ ซ่งึ แบ่งได้ 2 พวก คือ การหมดสติพร้อมกับมีอาการหายใจลำบาก หรือ อาจหยุดหายใจ และหมดสติ แต่ยังมีการหายใจ เป็นพวกท่ีมี อาการชัก ได้แก่ ลมบา้ หมู เกิดจากโลหิตเปน็ พษิ หรือโรค เช่น อสิ ทีเรีย พวกไม่มอี าการชกั ได้แก่ ชอ็ ก เป็นลม เมาเหล้า เบาหวาน และเส้นโลหิตในสมองแตก 32 คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผ้สู ูงอาย ุ
ลกั ษณะการหมดสติ มี 2 ลกั ษณะ คือ อาการซึม มนึ งง เขย่าตวั อาจตื่น งัวเงยี แลว้ หลับ พดู ได้บา้ งแต่ ฟังไม่ไดศ้ พั ท์ และลักษณะอาการหมดความรูส้ กึ ทุกอยา่ ง เปน็ การหมดความรู้สกึ แม้แตเ่ ขย่าตวั กไ็ มฟ่ ืน้ การปฐมพยาบาลผ้ปู ่วยหมดสติ ใหด้ ูวา่ ผู้ป่วยหายใจหรอื ไม่ ถ้าหยดุ หายใจ ชว่ ยฟ้นื คนื ชีพโดยการนวด หัวใจ ถ้ามีเลือดออกจับให้นอนหงาย เอียงหน้าไปด้านใดด้านหน่ึง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ล้ินตกไปด้านหลัง ลำคอ ซึ่งอุดก้ันทางเดินหายใจ และป้องกันไม่ให้อาเจียนไหลเข้าสู่หลอดลม การจัดท่านอน ถ้าผู้ป่วยหน้าแดง ควรให้นอนศีรษะสูง ถา้ สหี น้าซีดให้นอนหงายเหยยี ดขาและแขน เพราะอาจมกี ระดกู หักได้ หากต้องการเคล่ือน ย้ายต้องระมัดระวังไม่ให้ดื่มน้ำ หรือรับประทานยาใดๆ ตรวจดูบาดแผลโดยเฉพาะบริเวณศีรษะ หากมีอาการ ชักให้ใช้ผ้าม้วน ด้ามช้อนใส่เข้าไประหว่างฟัน เพ่ือป้องกันไม่ให้กัดลิ้นตนเอง ให้หาสาเหตุที่ทำให้หมดสติและ ประวตั ิการเกิดอุบตั เิ หตุ เพอื่ แจง้ ใหห้ มอที่ทำการรกั ษาทราบ (1) เป่าปากชว่ ยหายใจและนวดหัวใจ ถา้ ผู้สูงอายหุ มดสติทนั ที คลำชพี จรทค่ี อไม่ได้และหายใจ ให้ทุบกลางหน้าอก 1-2 คร้งั ถ้ายงั ไมห่ ายใจ และ ยงั คลำชีพจรไมไ่ ด้ ให้เปา่ ปากชว่ ยหายใจ และนวดหวั ใจด้วย โดยวางสันมอื ลงบนกระดูกกลางอกเหนอื ลิน้ ปี่ 2 น้ิว โน้มตวั ใหต้ ั้งฉากกับมอื ท้ังสองทก่ี ดหนา้ อกเพื่อทอดน้ำหนักตวั ลงบนแขน 2 ข้าง ได้สะดวก (นบั จำนวน ที่กดทุกครั้ง หน่ึง สอง สาม ส่ี และห้า...) กดลงด้วยน้ำหนักที่ทำให้กระดูกหน้าอกยุบลงประมาณ 3-5 เซนติเมตร ดว้ ยอัตรา 80 ครงั้ /นาที เป่าลมเข้าปอดให้ถูกตอ้ ง 2 ครัง้ สลับกับการกดหนา้ อก 15 ครงั้ (กรณีผู้ ช่วยชีวติ 1 คน) ในกรณีผชู้ ว่ ยชีวติ 2 คน ผชู้ ว่ ยชีวิตคนท่ีสองเปา่ ลมเขา้ เขา้ ปอด 1 ครง้ั หลังจากการกดหน้าอกทุกๆ 5 คร้ัง โดยไมต่ ้องหยุดการกดหนา้ อก แล้วรบี พาไปหาหมอ ขณะเดนิ ทางตอ้ งเปา่ ปาก และชว่ ยหายใจไปด้วย เปา่ ปากช่วยหายใจ ถา้ หายใจไมอ่ อก หรือหยดุ หายใจ 1. จัดท่าผู้ปว่ ยให้นอนหงาย 2. ใช้ของหนนุ ไหล่ให้สงู หรอื ใชม้ ือยกคอใหส้ ูงข้ึน โดยให้ศีรษะตกหงายไปขา้ งหลัง 3. เปิดชอ่ งปากออก เช็ดนำ้ มูก น้ำลาย และล้างเอาสง่ิ อุดตันในปากออก 4. ผชู้ ว่ ยหายใจ หายใจเขา้ เตม็ ปอดของตน 5. ประกอบปากลงไปบนปากของผู้ปว่ ยจนสนทิ 6. บีบจมกู ผู้ปว่ ยใหแ้ น่น 7. เป่าลมเขา้ ไปในปากผปู้ ว่ ยใหเ้ ต็มท่ี สงั เกตดทู ี่หนา้ อกจะขยายขึ้นตามจังหวะการเปา่ 8. ผูช้ ่วยหายใจ จงทำซ้ำ เร่มิ ต้งั แต่ขอ้ 4-8 ใหม่ ประมาณนาทลี ะ 12 ครง้ั 2. การห้ามเลอื ด การตกเลือด (bleeding) หมายถึง การมีเลือด ไหลออกจากเส้นเลือดหรือหลอดเลอื ดทฉ่ี กี ขาด ถา้ มีเลือด ออกมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการช็อค และอาจถึงแก่ ความตายได้ ถ้าไม่ได้รับการปฐมพยาบาลและแก้ไม่ทัน ท่วงที การตกเลือดแบง่ ออกเป็น 2 ชนิด คอื 33ค่มู อื การอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ งู อายุ
1. การตกเลือดภายนอก เราสามารถมองเห็นเลือดท่ีออกมาได้ เช่น ที่บริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะ บาดแผลทศ่ี รี ษะ และลำตัว 2. การตกเลอื ดภายใน หรอื เลือดตกใน ไม่สามารถเห็นไดจ้ ากภายนอก เกดิ จากบาดแผลในรา่ งกาย ไดแ้ ก่ อวัยวะภายในชอ่ งท้อง เช่น ตบั มา้ ม ฯ เลือดออกในสมองเป็นตน้ จะมอี าการแสดงออกของการทม่ี เี ลอื ด ตกในให้มาเห็นหรอื เราสามารถทราบได้ อาการแสดงของการตกเลอื ด 1. มีอาการซีดลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้ที่ผิวหนังท่ัวๆ ไป เล็บ ริมฝีปาก ผ่ามือ และที่สามารถ เหน็ ได้ชัดเจน คือ เปลือกตาด้านใน โดยเปิดเปลือกตาลา่ งดู จะเห็นว่ามสี ซี ีดชดั เจน 2. เวยี นศีรษะ หน้ามดื ตาลาย หูอื้อ ใจสน่ั และออ่ นเพลีย 3. มเี หง่อื ออกทวั่ ตวั มอื เท้าเยน็ ซดี และหนาวสนั่ 4. หวั ใจเตน้ เร็ว ถ้าจับชีพจรดู จะพบวา่ เตน้ เร็ว แตเ่ บากว่าปกต ิ 5. หายใจเรว็ ถ่ี ตน่ื และหอบ 6. กระหายนำ้ กระสบั กระสา่ ย 7. สลบ และหมดสติ ถ้ายังไม่สามารถห้ามเลือด หรือแก้ไขทดแทนเลือดท่ีสูญเสียไปได้ ผู้ป่วยจะ ถงึ แก่ความตายในท่ีสุด หลักการปฐมพยาบาล 1. ใหน้ อนนงิ่ ๆ และใหศ้ ีรษะอยู่ในแนวราบหรอื ตำ่ ยกปลายขาทั้งสองข้างให้สงู เพอื่ ให้เลือดไปเลยี้ ง สมองได้มากที่สดุ 2. ทำการหา้ มเลอื ดโดยเรว็ ทีส่ ดุ โดยวิธีใด วิธีหนง่ึ 3. ถ้าไมร่ ้สู ึกตวั ใหร้ ะวังเร่อื งทางเดินหายใจ อยา่ ให้อุดตัน ถา้ ไม่หายใจใหท้ ำการผายปอดทนั ท ี 4. ใหก้ ารปฐมพยาบาลสว่ นอนื่ ๆ เทา่ ทีจ่ ำเปน็ และต้องทำ ด้วยความรวดเร็ว 5. สังเกตอาการ นบั ชีพจร และการหายใจอยู่ตลอดเวลา 6. นำตัวสง่ โรงพยาบาลโดยเร็วที่สดุ การปฐมพยาบาลการตกเลอื ด (หา้ มเลอื ด) ภายนอก 1. กดลงบนแผลหรือตำแหน่งท่ีมีเลือดออก โดยใช้นิ้วมือ หรือผ้าสะอาด ควรให้ผู้ป่วยนอนและยก ส่วนแขนหรือขาที่มีเลือดออกให้อยู่สูงเท่าหน้าอกหรือหัวใจเพราะจะทำให้เลือดไหลสู่บริเวณบาดแผลน้อยลง ทำให้เลือดหยุดได้งา่ ย 2. กดเส้นเลือดใหญ่ที่มาสู่บริเวณบาดแผลนั้น ใช้ในกรณีท่ีเลือดออกมากเพื่อไม่ให้เลือดไหลมาสู่แผล เลอื ดที่ออกมากอ่ นจะไดม้ ีโอกาสแขง็ ตัวของมนั เอง ทำใหเ้ ปน็ การห้ามเลอื ดไปในตัว 3. การขันชะเนาะ หรอื เรยี กว่า “การใช้ทนู ิเกต”์ เปน็ การใช้เคร่ืองรีดเพือ่ ไมใ่ หม้ ีเลอื ดไหลไปสู่บริเวณ บาดแผลท่ีมเี ลือดออกนนั้ ใชไ้ ด้ในกรณกี ารห้ามเลือดทีแ่ ขนและขาที่มเี ลอื ดออกมาก และไมส่ ามารถทำการหา้ ม เลือดไดด้ งั สองวิธีท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ เชน่ แผลแหวะหวะกว้างใหญ่ หรือมกี ระดูกหกั รว่ มดว้ ย 34 คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ ูงอายุ
3. หกลม้ กระดูกหัก ข้อเทา้ แพลง การหกล้ม ความสำคัญของการป้องกันภาวการณ์หกล้ม ในผ้สู งู อาย ุ อัตราการหกล้มแตกต่างกันข้ึนกับลักษณะของ ชุมชน โดยอัตราการหกล้มจะต่ำสุดในผู้ท่ีมีอายุ 65 ปี ขึ้นไป ที่มีสุขภาพดีในชุมชน เฉล่ียแล้วผู้สูงอายุไทยจะ หกลม้ ประมาณรอ้ ยละ 20 สงิ่ แวดล้อมท่ีผูส้ งู อายุหกล้ม ส่วนใหญ่มักเกิดในเวลากลางวัน เกิดภายนอกบริเวณ สวน ร้อยละ 58 รองลงมาเป็นภายในบ้าน ร้อยละ 27 มักหกล้ม ขณะเดินลงบันไดมากกว่าการเดินขึ้นบันได สว่ นภาวะการหกลม้ ในบ้าน คนชรามักเกดิ ในสัปดาห์แรกทเี่ ข้าไปอย ู่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพ ในด้านผลแทรกซอ้ นหลงั หกลม้ พบวา่ ผู้สงู อายุทีอ่ ยู่ในชุมชนท่ีหกล้มประมาณรอ้ ยละ 5-10 มีการบาด เจบ็ ท่ีรนุ แรง เชน่ ภาวะกระดกู หกั การบาดเจบ็ ของสมอง หรือทีผ่ ิวหนงั อยา่ งรุนแรง โดยที่รอ้ ยละ 3.5-6 ของ ภาวะหกล้ม ทำใหม้ ภี าวะกระดกู หกั ในด้านผลระยะยาว สำหรับผู้ทหี่ กล้ม และมกี ระดกู ขอ้ สะโพกหกั จะมอี ตั รา การเสียชีวิต ถึงร้อยละ 20-30 เมื่อติดตามกลุ่มน้ีเป็นระยะเวลา 1 ปี และมีถึงร้อยละ 25-75 ที่สูญเสียความ สามารถในการดำเนนิ กิจวัตรประจำวัน ผลทางด้านจิตใจ เกิดภาวะซึมเศร้า ตลอดจนสญู เสียความม่ันใจในการ เดนิ ผสู้ ูงอายุทีม่ ีประวตั ิหกลม้ มาภายใน 6 เดอื น จึงมีคุณภาพชีวติ ท่ไี มด่ ี การป้องกนั ภาวะหกลม้ 1. ส่งเสริมสุขภาพและคงไว้ซ่ึงสุขภาพดี รวมทั้งดูแลแนะนำให้ผู้สูงอายุมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และสิ่งแวดลอ้ มเพอ่ื ป้องกันอุบัตเิ หตุทอี่ าจจะเกิดข้ึนได ้ 2. ป้องกันภาวะหกล้มในผู้สูงอายุท่ีมีแนวโน้มจะหกล้มได้ง่าย โดยแนะนำให้ตรวจสุขภาพเพื่อแพร่ กระจายได้ ให้การดแู ลรกั ษาทง้ั ปัจจยั เส่ยี ง และปจั จยั กระต้นุ ตอ่ การหกล้ม 3. การป้องกันภาวะแทรกซ้อนและความพิการหลังภาวะหกล้ม เช่น ภาวะกระดูกหัก หรือภาวะที่ กระทบตอ่ ความสามารถในการดำเนินชวี ติ ประจำวัน ทั้งปอ้ งกันภาวะการหกล้มซำ้ ซ้อน กระดกู หัก ภาวะฉุกเฉินของกระดูกและข้อ หลังเกิดอุบัติเหตุต้องคำนึงถึงไม่ว่าจะมีการหักของกระดูกรูปยาวแต่ ถา้ มีการบาดเจบ็ ทท่ี ำให้กระดกู เชิงกรานหัก กอ็ าจมอี นั ตรายถงึ แก่ชีวิตได้ จากการบาดเจ็บ อวยั วะภายใน หรือ เสียเลือดมาจากกระดูกหักเอง นอกจากนี้ทำให้เกิดการสูญเสียหน้าท่ีถาวร เน่ืองจากเส้นเลือด เส้นประสาทท่ี อยสู่ ว่ นปลายถกู กด 35คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอาย ุ
บทที่ 5 การประเมินภาวะสขุ ภาพผูส้ ูงอายุเบ้ืองต้น การประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุเบื้องต้น ช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลท่ีทันท่วงทีกับเหตุการณ์ที่ เกดิ ขึน้ และชว่ ยลดความรนุ แรงของการเกดิ โรคและอนั ตรายถึงแก่ชวี ิตได้ 1. การประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวนั (Barthel Activities of Daily Living: ADL) ซึง่ ประยุกต์โดยกรมอนามยั ได้แก่ 1. Feeding (รบั ประทานอาหารเมือ่ เตรยี มสำรบั ไวใ้ ห้เรยี บรอ้ ยตอ่ หน้า) 0. ไม่สามารถตักอาหารเขา้ ปากได้ ตอ้ งมคี นป้อนให้ 1. ตกั อาหารเองไดแ้ ตต่ อ้ งมีคนชว่ ย เชน่ ช่วยใชช้ อ้ นตกั เตรียมไวใ้ หห้ รอื ตัดเปน็ เล็กๆไวล้ ว่ งหน้า 2. ตกั อาหารและชว่ ยตัวเองได้เปน็ ปกต ิ 2. Grooming (ล้างหนา้ หวผี ม แปรงฟัน โกนหนวด ในระยะเวลา 24-48 ชัว่ โมงท่ผี า่ นมา) 0. ตอ้ งการความชว่ ยเหลือ 1. ทำเองได้ (รวมท้ังท่ีทำได้เองถา้ เตรียมอุปกรณไ์ วใ้ ห้) 3. Transfer (ลุกนั่งจากท่นี อน หรือจากเตียงไปยงั เก้าอี)้ 0. ไมส่ ามารถนงั่ ได้ (น่ังแลว้ จะล้มเสมอ) หรือตอ้ งใชค้ นสองคนช่วยกันยกขนึ้ 1. ต้องการความช่วยเหลอื อยา่ งมากจึงจะนั่งได้ เชน่ ต้องใช้คนทีแ่ ขง็ แรงหรือมีทกั ษะ 1 คน หรือใช้คนท่ัวไป 2 คนพยุงหรือดันข้ึนมาจงึ จะน่งั อยู่ได ้ 2. ตอ้ งการความช่วยเหลือบา้ ง เชน่ บอกให้ทำตาม หรือชว่ ยพยงุ เล็กน้อย หรือต้องมคี นดแู ล เพ่อื ความปลอดภัย 3. ทำไดเ้ อง 4. Toilet use (ใชห้ อ้ งน้ำ) 0. ช่วยตัวเองไมไ่ ด ้ 1. ทำเองไดบ้ า้ ง (อยา่ งน้อยทำความสะอาดตวั เองไดห้ ลังจากเสรจ็ ธรุ ะ) แตต่ ้องการ ความชว่ ยเหลือในบางสิง่ 2. ช่วยตัวเองได้ดี (ขึ้นนงั่ และลงจากโถส้วมเองได้ ทำความสะอาดได้เรยี บร้อยหลังจากเสรจ็ ธุระ ถอดใส่เสือ้ ผา้ ไดเ้ รียบรอ้ ย) 36 ค่มู ือการอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ งู อายุ
5. Mobility (การเคลอ่ื นทภ่ี ายในหอ้ งหรอื บา้ น) 0. เคลือ่ นที่ไปไหนไมไ่ ด้ 1. ต้องใช้รถเข็นชว่ ยตัวเองให้เคลือ่ นทีไ่ ด้เอง (ไม่ตอ้ งมคี นเข็นให้) และจะต้องเข้าออกมมุ หอ้ ง หรอื ประตไู ด้ 2. เดนิ หรอื เคลอื่ นทีโ่ ดยมีคนช่วย เช่น พยงุ หรือบอกใหท้ ำตาม หรือต้องใหค้ วามสนใจดแู ล เพ่อื ความปลอดภยั 3. เดินหรอื เคลอ่ื นทไี่ ด้เอง 6. Dressing (การสวมใส่เสอ้ื ผา้ ) 0. ต้องมีคนสวมใสใ่ ห้ ชว่ ยตวั เองแทบไมไ่ ดห้ รือได้น้อย 1. ช่วยตวั เองไดป้ ระมาณรอ้ ยละ 50 ท่ีเหลือต้องมคี นชว่ ย 2. ช่วยตวั เองได้ดี (รวมท้งั การติดกระดุม รูดซิบ หรือใช้เส้อื ผ้าที่ดัดแปลงให้เหมาะสมกไ็ ด)้ 7. Stairs (การขน้ึ ลงบนั ได 1 ชนั้ ) 0. ไม่สามารถทำได้ 1. ต้องการคนชว่ ย 2. ขึ้นลงได้เอง (ถา้ ต้องใช้เครือ่ งช่วยเดนิ เชน่ walker จะตอ้ งเอาขนึ้ ลงไดด้ ว้ ย) 8. Bathing (การอาบนำ้ ) 0. ตอ้ งมีคนช่วยหรือทำให้ 1. อาบนำ้ เองได้ 9. Bowels (การกลนั้ การถา่ ยอุจจาระในระยะ 1 สปั ดาหท์ ี่ผา่ นมา) 0. กลัน้ ไม่ได้ หรอื ต้องการการสวนอุจจาระอยู่เสมอ 1. กลนั้ ไม่ไดบ้ างครง้ั (เป็นนอ้ ยกวา่ 1 คร้งั ตอ่ สปั ดาห)์ 2. กล้นั ได้เป็นปกติ 10. Bladder (การกลัน้ ปัสสาวะในระยะ 1 สปั ดาหท์ ผ่ี ่านมา) 0. กล้นั ไมไ่ ด้ หรือใสส่ ายสวนปสั สาวะแต่ไม่สามารถดูแลเองได้ 1. กล้ันไม่ไดบ้ างครงั้ (เป็นนอ้ ยกว่าวนั ละ 1 ครงั้ ) 2. กลน้ั ได้เป็นปกต ิ เกณฑก์ ารประเมิน Barthel Activities of Daily Living : ADL การจำแนกกลุ่มผู้สูงอายุเพื่อให้เหมาะสมกับการดำเนินงานดูแลส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตามกลุ่มศักยภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ประยุกต์จากเกณฑ์การ ประเมินความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน ดัชนีบาร์เธลเอดีแอล (Barthel ADL index) ซ่ึงมี คะแนนเต็ม 20 คะแนน ดงั นี ้ ผสู้ งู อายกุ ลุ่มที่ 1 ผ้สู ูงอายุที่พึง่ ตนเองได้ ชว่ ยเหลือผอู้ ่นื ชมุ ชนและสังคมได้ (กลุม่ ติดสงั คม) มผี ลรวม คะแนน ADL ตั้งแต่ 12 คะแนนขึ้นไป ผู้สูงอายุกลุ่มท่ี 2 ผู้สูงอายุท่ีดูแลตนเองได้บ้าง ช่วยเหลือตนเองได้บ้าง (กลุ่มติดบ้าน) มีผลรวม คะแนน ADL อยูใ่ นช่วง 5-11 คะแนน 37คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุกลุ่มท่ี 3 ผู้สูงอายุกลุ่มท่ีพึ่งตนเองไม่ได้ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ พิการ หรือทุพพลภาพ (กลุ่ม ตดิ เตยี ง) มผี ลรวมคะแนน ADL อยู่ในชว่ ง 0-4 คะแนน 2. การตรวจรา่ งกายเบ้อื งต้น (การตรวจชีพจร ความดนั โลหิต อุณหภมู ิรา่ งกาย และการนบั หายใจ) 2.1 การตรวจวัดชพี จร ชีพจรเป็นแรงสะเทือนของกระแสเลือด ซึ่งเกิดจากการบบี ตวั ของหวั ใจหอ้ งลา่ งดา้ นซา้ ย ทำใหผ้ นงั ของ หลอดเลอื ดแดงขยายออกเป็นจงั หวะ เป็นผลใหส้ ามารถจบั ชพี จรไดต้ ลอดเวลา ในผ้ใู หญ่และผ้สู งู อายุ อตั ราการ เตน้ ของชพี จร 60-100 (เฉล่ยี 80 ครง้ั /นาท)ี ภาวะอตั ราการเตน้ ของชีพจรผิดปกติ คือ ภาวะที่อตั ราการเตน้ ของหวั ใจมากกวา่ 100 ครง้ั /นาที หรอื ภาวะทีอ่ ตั ราการเต้นของหัวใจนอ้ ยกวา่ 60 คร้ัง/นาท ี ตำแหนง่ ชีพจร 1) อยู่ข้อมือดา้ นในบรเิ วณกระดูกปลายแขนดา้ นนอกหรือดา้ นหวั แมม่ ือ เปน็ ตำแหน่งท่นี ิยมจับชีพจร มากท่สี ุด เพราะเป็นท่ีทจ่ี บั ได้งา่ ยและไม่รบกวนผ้ปู ว่ ย 2) อย่บู ริเวณขาหนบี 3) อยบู่ ริเวณข้อพบั เขา่ อยู่ตรงกลางข้อพบั เข่า, หาค่อนข้างยาก แต่ถา้ งอเขา่ ก็สามารถคลำไดง้ า่ ยข้นึ ขอ้ ควรจำในการวัดชีพจร 1) ไม่ใชน้ ้วิ หวั แมม่ อื คลำชพี จร เพราะหลอดเลอื ดท่ีน้ิวหัวแมม่ ือเต้นแรงอาจทำใหส้ ับสนกับชีพจรของ ตนเอง 2) ไม่ควรวดั ชีพจรหลงั ผู้ป่วยมกี จิ กรรม ควรให้พัก 5-10 นาท ี 3) อธิบายผู้ป่วยว่าไม่ควรพูดขณะวัดชีพจร เพราะจะรบกวนการได้ยินเสียงชีพจรและอาจทำให้ สบั สน 2.2 การวดั ความดันโลหติ 1. ค่าความดันโลหิตปกติของผู้สูงอายุ โดยทั่วไป ถือว่าค่าความดันตัวบนไม่เกิน 140 มิลลิเมตร ปรอท และค่าความดนั ตัวลา่ งไมเ่ กิน 90 มิลลิเมตรปรอท 2. ความดนั โลหติ ที่ “อยู่ในเกณฑ์ปกติ” คือ ตำ่ กว่า 130/85 มม.ปรอท ความดันโลหติ สูงเลก็ น้อย แต่ยงั อยใู่ นเกณฑ์ปกติ คือ 130-139/85-89 มม.ปรอท ความดนั โลหิตสูงเมือ่ ความดันโลหติ ตัวบนมากกวา่ (หรอื เท่ากบั ) 140 และตัวล่างมากกวา่ (หรือ เทา่ กบั ) 90 มม.ปรอท 3. ก่อนทจ่ี ะวินิจฉยั ว่าผู้ปว่ ยมีความดันโลหิตสงู แพทยจ์ ะตอ้ งวัดซ้ำหลายๆ ครัง้ หลังจากใหผ้ ปู้ ว่ ยพัก แลว้ วดั ซำ้ จนกว่าจะแน่ใจวา่ สูงจริง และเทคนิคการวดั ความดันโลหิตต้องกระทำให้ถกู ต้องครบถ้วน 4. ความดันโลหิตเป็นค่าไม่คงที่ มีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลาทุกวินาที การวัดซ้ำในเวลาท่ีใกล้ เคียงกันอาจไดค้ นละค่า แต่กจ็ ะไมค่ วรจะแตกต่างกันนกั 38 ค่มู อื การอบรมการดูแลสุขภาพผู้สงู อายุ
5. ความดันโลหติ ขึน้ กบั ท่าของผู้ถกู วดั ด้วย ท่านอนความดันโลหติ มักจะสูงกวา่ ท่ายนื 6. นอกจากน้ันยังขึ้นกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น อาหาร บุหรี่ อากาศ กิจกรรมที่กระทำอยู่ในขณะนั้น รวมท้งั สภาพจิตใจดว้ ย ในผู้สงู อายุ มกั จะตรวจพบภาวะความดันโลหติ สงู ชนิดซสิ โตลกิ (isolated systolic hypertension, ISH) หมายถึงความดนั ตัวบนสูงเพยี งค่าเดียว ในขณะท่ีความดันตัวลา่ งไม่สงู จากการสำรวจพบได้บ่อยกวา่ รอ้ ย ละ 20 ของผู้สูงอายุ และเป็นสาเหตุสำคัญของโรคกล้ามเน้ือหัวใจหนา รวมท้ังโรคหัวใจโต ซ่ึงเป็นปัจจัยบ่งชี้ท่ี สำคัญในการทำนายว่าผู้ป่วยมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบหัวใจและการไหลเวียนโลหิตมากกว่าบุคคล ทัว่ ไป การรกั ษาด้วยยาลดความดันโลหติ สามารถลดภาวะกลา้ มเนื้อหวั ใจหนา และหัวใจโตได้ และยังชว่ ย ลดอัตราการเกดิ อัมพาตและภาวะหวั ใจล้มเหลว 2.3 การวัดอณุ หภมู ริ ่างกาย (วดั ไข)้ และการเชด็ ตัวผูส้ ูงอายุ การวัดไข้เป็นการวัดอุณหภูมิของร่างกาย (ความร้อนของร่างกาย) ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ เรียกว่า เทอรโ์ มมเิ ตอร ์ วธิ ีวดั อุณหภูมิท่ีนิยม มี 2 ทาง 1. วดั ทางปาก ใช้เวลา 3-5 นาที อณุ หภมู ปิ กตไิ ดเ้ ท่ากับ 37.5 c 2. วัดทางรักแร้ ใชเ้ วลา 5 นาที อุณหภมู ปิ กติเท่ากบั 36.5 c การวดั อุณหภูมิ หากสงู กวา่ 37.5 c หมายความว่า ร่างกายมีไข ้ การเชด็ ตัว เพ่อื ลดไข้ อุปกรณ์ เครอื่ งใช้ อา่ งนำ้ 1 ใบ ผ้าขนหนเู ลก็ 3 ผืน ผ้าเช็ดตวั 1 ผนื วิธเี ช็ดตัวเพ่อื ลดไข ้ 1) เตรียมอุปกรณ์เชด็ ตัว ลดไข้ 2) ถอดเส้ือผ้าผูป้ ่วยออก 3) ใชผ้ ้าขนหนทู ี่บิดน้ำพอหมาดๆ ลบู หน้า วางผา้ ไว้ซอกคอและหลังหู พกั ไวส้ ักคร ู่ 4) บิดผ้าผนื ใหมล่ ูบหน้าอก ลำตวั พักผา้ ไว้บรเิ วณหัวใจ 5) ใชผ้ ้าบดิ หมาดๆ เช็ดแขนดา้ นไกลตัวจากปลายแขนเขา้ หาหวั ใจ พกั ไวท้ ่ีฝ่ามือ ข้อพบั ศอก รักแร้ 6) เช็ดแขนดา้ นใกล้ตัว ทำเชน่ เดยี วกบั (ขอ้ 5) 7) เชด็ ขาดา้ นไกลตัว จากปลายขาเขา้ หาหวั ใจ พบั ผา้ ไวท้ ฝี่ า่ เท้า ข้อพับใตเ้ ข่าขาหนบี 8) เช็ดขาดา้ นใกล้ตัวทำเชน่ เดยี วกับขอ้ (ขอ้ 7) 9) พลกิ ตะแคงผ้ปู ่วย เพือ่ เช็ดหลงั โดยเรมิ่ จากก้นกบไปหาหัวใจ 10) ใส่เสือ้ ผา้ ให้เรียบร้อย (ควรใสเ่ สอ้ื ผ้าบางๆ เพื่อระบายความรอ้ น) 39คู่มือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อายุ
2.4 การนับหายใจ “การหายใจ” เป็นการแสดงการสูดออกซิเจนเขา้ สู่รา่ งกาย โดยผา่ นจมูก หลอดลม และปอด ทเ่ี รียกว่า การหายใจเข้า และเป็นการแสดงการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายโดยผ่านปอด หลอดลม และ จมูก ที่เรียกว่า การหายใจออก การตรวจนับการหายใจเป็นการสังเกตว่ามีการหายใจท่ีผิดปกติหรือไม่ ใน จังหวะ และจำนวนครั้ง/นาที โดยวิธีการสังเกตไม่ให้ผู้ถูกสังเกตรู้ตัว เพราะอาจทำให้ขัดเขินหายใจเร็วข้ึนหรือ ช้าลงได้ วิธกี ารสงั เกต 1) ผถู้ ูกสงั เกตอาจนอนหงายหรือนอนตะแคงหรอื นง่ั ในท่าท่สี บาย 2) สังเกตการณ์หายใจเข้าโดยดูหน้าอกที่พองข้ึน และการหายใจออกโดยดูหน้าอกท่ียุบลง นับ เป็นการหายใจ 1 ครงั้ 3) นบั จำนวนครง้ั การหายใจใน 1 นาท ี “การหายใจปกต”ิ ผ้ใู หญแ่ ละผสู้ ูงอายุจะมกี ารหายใจประมาณ 16-20 ครั้งต่อนาที “การหายใจท่ีผิดปกต”ิ คอื การหายใจที่เรว็ มาก ซ่งึ อาจเรยี กอาการหายใจเรว็ ว่า “หอบ” ผู้ท่ีมอี าการ หอบจะแสดงอาการเหนอ่ื ยเวลาหายใจเข้าหนา้ อกจะบมุ๋ บางคร้งั มีหน้าเขียวเพราะขาดออกซิเจน 40 ค่มู ือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผู้สงู อายุ
บทท่ี 6 การดแู ลช่วยเหลือผสู้ ูงอายทุ ี่ชว่ ยเหลือตนเองไม่ได ้ ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวหรือไม่สามารถปฏิบัติกิจวัติประจำวันได้ ผู้ดูแลและครอบครัวจะต้องช่วย เหลอื ในการทำกจิ กรรมทงั้ หมดในเรื่องต่างๆ ได้แก่ 1. การดแู ลระบบทางเดินอาหาร 1.1 การทำความสะอาดภายในช่องปาก สำหรับผู้สูงอายุท่ีไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ผู้ดูแล ควรใช้แปรงสีฟัน หรือผ้าชุบน้ำเกลือ ถูบริเวณฟัน ล้ิน และใช้ผ้าชุบนำ้ สะอาดเช็ดซำ้ บรเิ วณฟนั กระพุ้งแกม้ และ ล้ิน โดยเช็ดให้ถึงโคนล้ินเพื่อเอาเสมหะหรือน้ำลาย เหนียวให้มากที่สุด ในขณะทำความสะอาดควรตะแคง หน้าผู้สูงอายุไปด้านใดด้านหน่ึงเพื่อป้องกันการสำลักน้ำหรือน้ำลาย ข้อสำคัญ ควรทำความสะอาดภายในช่อง ปากก่อนรับประทานอาหารหรือภายหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง เพ่ือป้องกันการเกิดอาการคลื่นไส้และ อาเจียน ในกรณีท่ีผู้ป่วยรับประทานอาหารทางปาก ควรให้บ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหารและรักษา ความชุ่มช้ืนบรเิ วณริมฝปี ากโดยทาวาสลนิ บอ่ ยๆ 1.2 การดูแลผู้ป่วยใส่สายยางหรือท่อให้อาหาร ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้ หรือรับประทานอาหารได้แต่ไม่เพียงพอ แพทย์มักแนะนำการให้อาหารผ่านทางสายยางหรือท่อให้อาหารเสมอ และจะใส่สายยางหรือท่อให้อาหารน้ีไว้จนกว่าผู้ป่วยจะสามารถกลับมารับประทานอาหารทางปากได้อย่างพอ เพียง ในชว่ งทผี่ ปู้ ว่ ยใส่สายยางหรอื ท่อใหอ้ าหาร ถ้ายงั สามารถรับประทานทางปากได้บ้าง และแพทยไ์ มไ่ ด้หา้ ม รับประทานทางปาก ผู้ป่วยสามารถรับประทานทางปากร่วมไปด้วยได้ตามความสามารถท่ีจะทำได้ เพราะจะ ทำให้ได้อาหารเพิ่มมากขึ้น ได้รับรู้รสชาติอาหาร ซ่ึงจะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น แพทย์จะห้ามรับประทาน อาหารทางปากเม่ือมีรอยร่ัว หรือรูทะลุระหว่างทางเดินอาหารกับอวัยวะข้างเคียง เช่น ทะลุเข้าเนื้อเย่ือรอบๆ คอ ในกรณีของการผ่าตัดในมะเร็งกล่องเสียง หรือกรณีมีรอยทะลุระหว่างหลอดอาหารกับหลอดลมในผู้ป่วย มะเร็งหลอดอาหาร เป็นต้น การให้อาหารทางสายยางหรือท่อให้อาหาร อาจต้องทำโดยการใส่สายยางหรือท่อ ให้อาหารเข้าทางรูจมกู ผา่ นลำคอและหลอดอาหารลงสู่กระเพาะอาหาร หรืออาจโดยทำการผ่าตัดเลก็ ทางหนา้ ท้องใส่ท่อผา่ นผวิ หนังเขา้ กระเพาะอาหารหรอื ลำไส้เล็กโดยตรง 41คมู่ อื การอบรมการดูแลสขุ ภาพผูส้ ูงอายุ
หลกั การดูแลทีส่ ำคญั คือ 1. ระมัดระวงั ไม่ให้สายยางหรือทอ่ ใหอ้ าหารหลดุ 2. รวู้ า่ เมื่อไรสายยางหรอื ทอ่ ให้อาหารตัน 3. รกั ษาความสะอาดของสายยางหรอื ท่อให้อาหาร 4. รกั ษาความสะอาดของผิวหนังหรือแผลบรเิ วณทีใ่ สส่ ายยางหรือท่อใหอ้ าหาร 5. รวู้ ธิ ีการเตรียมอาหาร ใสท่ างสายยางหรือท่อให้อาหาร 6. รวู้ ธิ ีให้อาหารผา่ นสายยางหรือทอ่ ให้อาหาร 7. รู้วิธีทำความสะอาดอปุ กรณใ์ หอ้ าหาร อาหารและวิธกี ารใหอ้ าหารผ่านสายยางหรือทอ่ ใหอ้ าหาร 1. ใหอ้ าหารไดท้ ุกประเภท ถา้ ไมม่ ีข้อจำกดั จากโรคบางโรค เชน่ เบาหวาน ความดนั หรอื โรคผิวหนัง เป็นต้น 2. อาหารต้องเปน็ อาหารเหลว หรอื อาหารปนั่ 3. ตอ้ งเปน็ อาหารท่สี ะอาด ถกู หลักอนามยั ปรงุ สกุ และสด 4. ปริมาณอาหารแต่ละครั้งต้องไม่มากเกินไป ถ้ามากเกินไปอาหารจะล้นออกมาทางสายยาง หรือ ทอ่ ใหอ้ าหาร หรอื อาจทำใหผ้ ู้ปว่ ยแน่นท้อง อึดอดั สำลกั ได้ ดังนน้ั จงึ ควรสงั เกต และปรับให้พอเหมาะพอควร 5. ในขณะให้อาหาร ผู้ป่วยควรอยู่ในท่าน่ัง หรือถ้านั่งไม่ได้ ควรเป็นท่านอนเอนตัว ไม่ใช่นอนราบ เพ่อื ช่วยใหอ้ าหารไหลลงกระเพาะอาหารไดส้ ะดวกขึน้ และไมส่ ำลัก 6. ควรให้อาหารชา้ ๆ ทล่ี ะน้อยจนกวา่ จะหมด ประมาณ 15-30 นาท ี 7. ถ้าระหว่างให้อาหารมีการติดตัน อย่าพยายามดัน เพราะอาจจะทำให้สายยาง หรือท่อให้อาหาร แตกและเปน็ อนั ตรายได้ ควรแจ้งแพทยห์ รอื พยาบาล 8. ให้สังเกตว่า สายยางหรือท่อให้อาหารตัน แตก ฉีกเป่ือย หรือเปล่า ถ้าตัน อาหารจะไหลไม่ สะดวก หรอื มีการติด ไหลไมล่ ง และอาหารอาจไหลย้อนกลบั ถา้ แตก ฉกี เป่ือย จะมนี ำ้ หรือเศษอาหารซมึ ออก มา หากมเี หตกุ ารณ์ต่างๆ ดังกล่าวเกิดขึ้น ใหแ้ จ้งแพทย์หรอื พยาบาลทนั ท ี 9. หลังจากให้อาหารเสร็จทุกคร้ัง ควรใส่น้ำสะอาดตามลงไปเล็กน้อย เพื่อทำความสะอาดสายยาง หรอื ทอ่ ให้อาหาร ไม่ให้เศษอาหารตดิ คา้ งอนั เปน็ บ่อเกิดของเชือ้ โรคได ้ 10. หลังให้อาหารเสร็จแล้ว ควรปิดปากสายยางหรือท่อให้อาหารให้สนิท เพ่ือกันอาหารหรือน้ำย่อย ไม่ให้ไหลย้อนกลับ 11. หลังการใหอ้ าหาร ควรใหผ้ ้ปู ่วยนั่งลงสักพัก หรอื ลุกเดินช้า ๆ เพ่อื ให้อาหารผ่านจากกระเพาะเข้า ลำไสไ้ ด้เรว็ ข้ึน ไม่ควรนอนทนั ที เพราะอาจทำให้อาหารไหลย้อนกลับได้ และเพ่ือชว่ ยลดอาการอืดแนน่ ทอ้ ง 12. ถ้าให้อาหารแล้วมีอาการไอหรือสำลักเสมอ ต้องแจ้งแพทย์หรือพยาบาลทันที เพื่อหาสาเหตุการ ไอหรอื สำลัก เพราะอาจทำใหอ้ าหารไหลย้อนกลบั เข้าไปในปอด ทำให้ปอดอกั เสบได้ 13. ถา้ ผู้ปว่ ยหวิ ในระหว่างมอื้ สามารถให้อาหารเสริมเพ่ิมเติมได้ ถา้ ยงั รับประทานทางปากได้ก็อาจให้ ทางปากรว่ มด้วยได ้ 42 ค่มู อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ งู อาย ุ
การดแู ลผวิ หนงั บริเวณท่ีใส่สายยางหรือท่อให้อาหาร 1. ทำความสะอาดด้วยน้ำยาแอลกอฮอล์หรือน้ำยาเบต้าดีน วันละ 2 คร้ัง เช้า-เย็น แต่ถ้าสกปรก มากก็เพ่ิมการทำความสะอาดไดอ้ กี ตามความเหมาะสม 2. ไม่จำเป็นต้องปิดแผลบริเวณน้ัน แต่ถ้ามีอาการระคายเคือง ให้ใช้ผ้ากอซสะอาดปิดได้ หากไม่ ทราบวิธีปฏิบตั ิ ควรสอบถามและฝกึ ปฏบิ ตั ิจากพยาบาล 3. สังเกตว่ามีการอักเสบติดเชื้อบริเวณผิวหนังส่วนนั้นหรือเปล่า ถ้ามีต้องแจ้งแพทย์หรือพยาบาล ลกั ษณะการอักเสบตดิ เชอ้ื คือ ผิวหนงั จะแดงเจบ็ และอาจมีต่มุ หนอง 1.3 การเตรียมอาหารปั่นให้ทางสายยาง อาหารป่นั ผสม (Blenderize diet) คืออะไร เป็นอาหารท่ใี ห้ทางสายให้อาหารชนดิ หนึง่ ซึ่งเตรียมจากการนำอาหารหลัก 5 หมู่ ซง่ึ คำนวณสัดส่วน ให้มีสารอาหารเพียงพอมาทำใหส้ ุก แล้วปั่นหรือบดให้ละเอียดดว้ ยเครอ่ื งป่นั พร้อมกบั การเตมิ นำ้ สกุ หรือน้ำต้ม ผักให้มีความหนืดพอดี ไหลผ่านสายให้อาหารไดโ้ ดยไม่ติดขดั อาหารทางสายให้อาหาร (Tube Feeding) หมายถงึ อะไร หมายถึงอาหารท่ีให้กับผู้ป่วยโดยผ่านทางสายให้อาหาร ซึ่งมักเป็นสายยาง ลักษณะของอาหารเป็น ของเหลว สามารถไหลผ่านสายให้อาหารได้โดยไม่ติดขัด อาหารทางสายให้อาหารจะให้แก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถ รับประทานอาหารทางปากอย่างปกติ แต่ระบบทางเดินอาหารยังทำงานมีการย่อยและดูดซึมอาหารได้ อาหาร ทางสายใหอ้ าหาร มีหลายแบบ แตพ่ อจะจัดเป็น 3 กลุม่ ใหญค่ อื 1. อาหารสูตรน้ำนมผสม จะมีน้ำนมวัวเป็นส่วนประกอบหลัก อาจมีการเสริมน้ำตาล น้ำมัน ไข่น้ำต้มผัก น้ำสุกให้มีพลังงานและสารอาหารครบถ้วน แต่ปริมาณมากน้อยเท่าใดขึ้นกับความต้องการของ แตล่ ะบคุ คล 2. สูตรปนั่ ผสม สตู รนเ้ี ตรียมจากนำอาหารมาปน่ั ผสมกนั 3. สูตรสำเร็จรูป เปน็ อาหารที่ผลติ สำเร็จรูป เป็นอาหารทีม่ ีสตู รเฉพาะ มีคณุ คา่ อาหารและสาร อาหาร แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ความต้องการของผู้ป่วยแต่ละราย มีท้ังชนิดน้ำและชนิดผง สามารถเลือก ใชไ้ ด้ตามเหมาะสมของแต่ละคน ทำไมจึงตอ้ งให้อาหารทางสายใหอ้ าหาร ผู้ป่วยท่ีเจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ บางคนสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่บางคนรู้สึกเบ่ือ อาหารรบั ประทานได้ปริมาณนอ้ ย ไมเ่ พยี งพอที่รา่ งกายต้องการ บางคนไมส่ ามารถรบั ประทานทางปากได้ บาง คนมีปัญหาทางปาก และคอ และหลอดอาหาร หรือบางรายท่ีได้รับอุบัติเหตุและไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถรับ ประทานอาหารเป็นเวลานาน แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับอาหารทางสายให้อาหาร และ ใชส้ ูตรอาหารใด, ปรมิ าณเท่าใด เพอื่ วัตถุประสงคท์ ่ีสำคญั คอื ใหผ้ ปู้ ่วยได้รบั อาหารทมี่ พี ลังงานและปรมิ าณสาร อาหารเพียงพอ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะทุโภชนาการ และเมื่อผู้ป่วยได้รับอาหารเหมาะสมอย่างเพียงพอจะ ช่วยให้ฟนื้ ตวั จากการเจ็บปว่ ยไดเ้ รว็ ขนึ้ 43คูม่ อื การอบรมการดูแลสขุ ภาพผูส้ งู อาย ุ
กรณีท่ีแพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ แต่ยังต้องได้รับอาหารทางสายให้อาหาร ญาตหิ รอื ผดู้ ูแลจะทำเองไดห้ รอื ไม่ ทำได้อย่างไร การให้อาหารทางสายอาหาร ญาติหรือผู้ดูแลสามารถทำได้เองเพราะก่อนกลับบ้าน แพทย์ พยาบาล หรือฝ่ายโภชนาการจะอธบิ ายสง่ิ ต่อไปน้ี สตู รปน่ั ผสม รามาธบิ ดี ประกอบด้วย ตบั หมู 100 กรมั ไข่ไก่ 200 กรมั กลว้ ยน้ำวา้ 100 กรมั ฟักทอง 100 กรมั น้ำตาล 100 กรมั น้ำมนั พืช 10 กรมั เติมนำ้ สุกใหค้ รบ 1000 มล. สูตรปัน่ ผสม รามาธบิ ดีชนิดดื่ม ประกอบดว้ ย ฟกั ทอง 100 กรัม กลว้ ยสกุ 100 กรมั (หรือมะละกอ สุก) ไข่ไก่ 300 กรมั นำ้ ตาล 80 กรมั นำ้ มันพชื 5 กรมั เติมน้ำสกุ หรอื น้ำต้มผกั ให้ครบ 1000 มล. วธิ ีการเตรียม 1. เตรียมอุปกรณ์ท่ีต้องใช้ ได้แก่ เครื่องใช้ในครัว เช่น เขียง มีด หม้อน่ึง หม้อ ผ้ากรอง กะชอน ตะแกรงลวด ถ้วยตวง ชอ้ นตวง สงิ่ ที่อาจต้องหาเพ่มิ เตมิ คือ เครอ่ื งปนั่ (Blender) และเคร่ืองชงั่ อาหาร 2. อาหารทจี่ ะนำมาปน่ั ผสม เตรยี มตามทีก่ ำหนดไวใ้ นสตู ร วา่ ใช้อะไรบ้าง จำนวนเท่าใด ข้ันตอนแรก ทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกช้ิน และบริเวณท่ีใช้เตรียมต้องสะอาด ปราศจากเชื้อโรค ดัง น้ันอุปกรณ์ทุกอย่างควรน่งึ หรอื ตม้ หรือลวกนำ้ เดือดก่อนใช้ ยกเวน้ เครือ่ งปนั่ กับเครื่องชั่ง การเตรียมอาหารท่ี จะนำมาป่นั ผสม มีแนวปฏบิ ตั ิดังนี ้ วิธกี ารเตรยี มอาหารปัน่ ผสมในครัวเรือน ทำไดง้ า่ ย ๆ ดงั น ้ี อาหารโปรตนี ซึ่งอาจเป็น เนอ้ื ไก่ เนอ้ื ปลาแลห่ นังพังผืดออก ห่นั เปน็ ชน้ิ เลก็ ๆ แลว้ นง่ึ 10-15 นาที ถ่ัว เหลือง ตอ้ งต้มสกุ หรือนงึ่ ให้เปอื่ ยนุม่ กอ่ น ไข่ ต้องนำมาลวกในน้ำเดือด 3 – 5 นาท ี คาร์โบไฮเดรต อาจใช้แปง้ ขา้ ว นำ้ ตาล นำ้ ผลไม้ ผกั และผลไม้ ซงึ่ แป้ง, ขา้ ว , ผกั , ต้องต้มสกุ ผลไม ้ นิยมใชผ้ ลไมส้ กุ ทีน่ ่มิ อ่อนนุ่ม เชน่ กลว้ ย มะละกอ นำ้ ตม้ สกุ หรอื นำ้ ตม้ ผกั ไขมัน อาจใช้น้ำมนั ถว่ั เหลือง น้ำมนั ขา้ วโพด การป่ันผสม เริ่มปั่นอาหารที่มีความแข็งมากที่สุดก่อน แล้วจึงเติมอาหารชนิดที่อ่อนนุ่มกว่าลงไปป่ัน แล้วจึงเติมน้ำตาล น้ำ มัน และค่อยๆ เติมน้ำต้มสุก ปรับปริมาตรให้ครบตามสูตรท่ีกำหนดไว้ ถ้าอาหารมีกาก มากเกนิ ไป เช่น ผัก ควรกรองผ่านกะชอน หรือผ้ากรองกอ่ น ป่นั ผสมเรียบร้อยแล้ว เกบ็ อาหารใสข่ วดแลว้ ปดิ ฝา เกบ็ ในตเู้ ย็น 4 Cํ ขวดท่ีใช้ตอ้ งต้มหรือลวกในน้ำเดือดไวก้ ่อนแล้วเพื่อฆ่าเช้ือโรค อาหารป่นั ผสมเก็บไดน้ านแค่ไหน โดยปกติจะเก็บได้ 1 วัน (24 ช่ัวโมง) หลังจากเตรียมแล้วและเก็บในตู้เย็น แต่มีการทดลองเตรียม อาหารปน่ั ผสมแลว้ บรรจใุ ส่ขวดแลว้ นำไปฆา่ เช้อื โดยการพาสเจอไรสเ์ ซชั่น ในหม้อน้ำรอ้ น 95 ํC 20 นาที รบี นำมาทำให้เยน็ ลงโดยเรว็ เกบ็ ในตูเ้ ยน็ 4 Cํ จะเกบ็ ได้ 3 วัน 44 คมู่ อื การอบรมการดูแลสขุ ภาพผู้สูงอาย ุ
2. ระบบทางเดนิ หายใจ การหายใจเป็นกลไกท่ีเป็นไปตามธรรมชาติ เป็นการ ทำงานแบบอัตโนมัติ การหายใจที่ปกติจะสะดวก ไม่มีเสียง ไม่เจ็บ ปวด ระยะสม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ตามความลึก และความเร็วของ การหายใจอาจถูกควบคุมด้วยอำนาจของจิตใจ เช่น หากเกิดความ โกรธการหายใจก็อาจจะเรว็ และตืน้ ข้นึ ได้ ลกั ษณะของการหายใจที่ผดิ ปกต ิ 1. การหายใจลำบาก (dyspnea) การหายใจลำบากนี้ อัตราการหายใจอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง จังหวะ การหายใจอาจสม่ำเสมอหรือไม่สม่ำเสมอ อาจจะตื้นหรือลึก ก็ได้ แต่จะมีลักษณะสำคัญคือ ในการหายใจแตล่ ะครงั้ จะใช้แรงมากกว่าปกติ ตอ้ งใชก้ ล้ามเนอ้ื บรเิ วณลำคอชว่ ย ในการหายใจ สังเกตเหน็ ได้โดยบรเิ วณไหปลารา้ จะถูกยกขน้ึ ปกี จมกู จะบาน รูมา่ นตาขยาย ปากอ้า ลนิ้ และริม ฝีปากจะแห้ง ผิวหนังจะช้ืน เขียวคล้ำ ผู้ป่วยมักนอนราบไม่ได้ อาการหายใจลำบากน้ีพบบ่อยในผู้ป่วยโรคปอด หลอดลมอักเสบ มีเน้ืองอก หรือสำลักส่ิงแปลกปลอมเข้าไป และอาจพบในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคโลหิตจาง หรือ ในผทู้ ม่ี ปี ัญหาทางจติ ได ้ 2. การหยุดหายใจ (Apnea) หมายถึงไม่มีการหายใจ มักเกิดข้ึนหลังการหายใจเข้าออกท่ีแรงและ เร็ว ตามมาดว้ ยการหายใจชา้ และตนื้ จนในที่สุดการหายใจจะหยดุ ม่านตาขยาย ผวิ หนังจะเขียวคลำ้ ในระยะน้ี แมก้ ารหายใจจะหยุดแล้ว แตถ่ า้ หัวใจยงั เต้นอยู่และไดร้ บั การชว่ ยฟ้นื คืนชีพผู้ป่วยก็อาจมีชวี ติ ตอ่ ไปได ้ การพยาบาลผู้ป่วยท่มี ปี ัญหาเกีย่ วกับการหายใจ 1. จดั ท่าใหน้ อนในทา่ ที่สบาย ควรยกศีรษะสูงเพือ่ ใหก้ ระบงั ลมหยอ่ น ปอดขยายตวั ได้มากขึ้น ทำให้ หายใจเข้าออกไดส้ ะดวกขนึ้ 2. ต้องคำนึงถึงการหายใจ ว่าโล่งหรือไม่ ถา้ มีส่ิงอดุ ตนั ให้เอาออก ถา้ มเี สมหะต้องดูดออก ผูป้ ่วยจะ หายใจได้สะดวกขนึ้ 3. ถ้ามอี าการผวิ หนงั เขียวคล้ำควรรบี ใหอ้ อกซเิ จน 4. ปลอบใจผู้ป่วยใหค้ ลายความวติ กกงั วล ใหก้ ำลงั ใจ ช่วยใหผ้ ปู้ ว่ ยเกดิ ความรู้สกึ อบอุ่นและวางใจ การดแู ลผปู้ ่วยสูงอายุท่มี เี ครอื่ งชว่ ยหายใจ ดแู ลให้ได้รับออกซเิ จนเพียงพอและไม่มีการคง่ั ของคารบ์ อนไดออกไซด์ โดย 1. ประเมนิ สภาพผูป้ ่วย 2. ตรวจและบนั ทกึ ข้อมลู ของเครอ่ื งช่วยหายใจ 3. ดูดเสมะเพ่ือใหท้ างเดินหายใจโลง่ 4. กรณที ผี่ ปู้ ่วยใส่ท่อชว่ ยหายใจ ดแู ลทอ่ ช่วยหายใจใหอ้ ยู่ในตำแหน่งทเี่ หมาะสม 5. บันทึกปริมาตรอากาศ ที่หายใจออกของผู้ป่วยแต่ละครั้ง อย่างน้อยวันละครั้ง เพ่ือประเมินความ กา้ วหน้าของผปู้ ว่ ย 45คู่มือการอบรมการดูแลสุขภาพผ้สู ูงอายุ
6. ดูแลเครอ่ื งชว่ ยหายใจใหท้ ำงานอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 7. ประเมินสภาพและปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ ของทางเดินหายใจ 8. สังเกตลักษณะสกี ลิน่ ของเสมหะ เกบ็ เสมหะสง่ เพาะเชอื้ และติดตามผล การดดู เสมหะ หมายถึง การใช้สายดูดเสมหะที่สะอาดปราศจากเชื้อผ่านเข้าทางปาก จมูก หรืออุปกรณ์ท่ีใส่เข้าไปใน หลอดลม เพื่อนำเสมหะออกจากทางเดินหายใจ การดูดเสมหะมีความจำเป็นมากในผู้ป่วยที่มีเสมหะเหนียว หรอื ปอดทำหน้าท่ีไดล้ ดลง หรอื ในผูป้ ่วยทอี่ ่อนแอมากไมม่ ีแรงท่จี ะไอขับเสมหะเองได ้ ขอ้ ดีของการดดู เสมหะ ■ ทำให้ทางเดินหายใจสว่ นบนและส่วนล่างโล่ง ■ ป้องกันการตดิ เชอื้ ทางเดินหายใจ ■ ปอ้ งกนั การสำลกั เข้าปอด ■ ลดความวิตกกงั วลจากการหายใจลำบาก ขอ้ บ่งชใี้ นการดดู เสมหะ ■ ผู้ทีใ่ สท่ อ่ ช่วยหายใจ ■ ผูป้ ่วยไมร่ ูส้ ึกตัว ■ เดก็ เล็กซึง่ ไม่รว่ มมือ ■ ผปู้ ว่ ยกล้ามเนื้อออ่ นแรง อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการดดู เสมหะ 1. เครื่องดดู เสมหะ 2. สายดูดเสมหะทีส่ ะอาดปราศจากเช้อื 3. ถงุ มือสะอาดปราศจากเชอื้ 4. สำลจี ำนวน 5 กอ้ นชบุ ด้วยแอลกอฮอล์ 70% 5. น้ำเกลอื (NSS 10 มล. เตรยี มไวใ้ นกระบอกฉดี ยา) กรณีทเี่ สมหะมคี วามเหนียวขน้ มาก 6. ขวดสะอาดปราศจากเชอื้ ใส่น้ำสะอาด 500-1000 มล. สำหรบั ลา้ งสายดูดเสมหะและภาชนะ 7. ผา้ ปดิ ปากและจมูก(mask) 8. ambu bag วธิ กี ารดดู เสมหะ 1. เตรยี มเครือ่ งมือในการดูดเสมหะให้พรอ้ ม 2. บอกให้ผูป้ ่วยทราบก่อนทกุ คร้งั เมอ่ื จะมกี ารดดู เสมหะ 3. ฟังเสียงปอดท้ัง 2 ข้าง กอ่ นดูดเสมหะ 4. ลา้ งมือให้สะอาด 5. สวมผ้าปิดปากปิดจมกู และใส่ถงุ มือขา้ งท่ถี นดั และจับสายดดู เสมหะดว้ ยวธิ ปี ราศจากเชื้อ 6. ต่อสายดดู เสมหะกับเครอ่ื งดูดเสมหะเชค็ ระดบั ความดนั ท่เี หมาะสมตามอาย ุ 7. ผู้ช่วยดูดเสมหะปลดข้อต่อท่ีต่อระหว่างผู้ป่วยกับเครื่อง จากน้ันใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ ก้อนท่ี 1 เชด็ ข้อตอ่ ท่ตี ิดอยกู่ บั ผู้ป่วย ก้อนที่ 2 เชด็ ที่หวั ต่อ ambu bag 46 คูม่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ งู อายุ
8. ผชู้ ่วยดดู เสมหะปลดท่อช่วยหายใจ ผูด้ ดู เสมหะใส่สายดดู เสมหะลงในท่อช่วยหายใจ ใส่สายลึก 2 ใน 3 ของสายจึงเริ่มดูดเสมหะพร้อมกับดึงสายดูดเสมหะขึ้นเร่ือยๆ ให้หมุนสายยางไปรอบๆ ไม่ควรดูดเสมหะ แตล่ ะคร้งั นานเกิน 10 - 15 วินาที ตอ่ ท่อช่วยหายใจกบั ออกซิเจน 9. ถ้าเสมหะเหนยี วมาก ให้หยดนำ้ เกลอื NSS ประมาณ 3-5 มล. โดยตอ้ งปลดเขม็ ออกกอ่ น แล้วบบี ambu bag 3-5 คร้งั กอ่ นทำการดดู เสมหะ 10. หลังดูดเสมหะเสร็จ ผู้ช่วยดูดเสมหะ ใช้สำลีอีก 3 ก้อน เช็ดทำความสะอาดดังนี้ ก้อนท่ี 1 เช็ด บริเวณขอ้ ตอ่ ที่ติดอยู่กบั ผ้ปู ่วย ก้อนที่ 2 เชด็ บรเิ วณขอ้ ตอ่ ตวั หนอนทต่ี อ่ มาจากเครอ่ื งช่วยหายใจ กอ้ นท่ี 3 เชด็ ที่ ambu bag 11. ผ้ดู ูดเสมหะเปลี่ยนสายดดู เสมหะเปน็ เบอร์ 12 เพ่อื ดดู เสมหะในปาก 12. ทำความสะอาดสายดูดเสมหะ - เหตผุ ลเชน่ เดยี วกบั การดูดเสมหะทาง Nasal airway 13. Stethoscope ฟงั เสียงหายใจทีป่ อด เพือ่ ประเมินประสทิ ธภิ าพของการดูด ภายหลงั การดดู เสมหะ 14. จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในทา่ สขุ สบาย - เพ่ือให้หายใจได้สะดวก การลดความเจ็บปวดทกุ ข์ทรมานและไมเ่ กิดภาวะแทรกซ้อน 1. ดแู ลทำความสะอาดช่องปาก 2. ปอ้ งกันการเลื่อนหลุดของท่อชว่ ยหายใจโดยตดิ พลาสเตอร์ใหเ้ หมาะสม 3. ระวงั ไมใ่ หส้ ายดงึ รัง้ 4. ปอ้ งกันการบาดเจบ็ ของทางเดินหายใจ 5. ป้องกนั การติดเชอ้ื ในระบบทางเดนิ หายใจ 6. ปอ้ งกันการดงึ ท่อโดยการผูกมดั อยา่ งระมัดระวงั 3. ระบบการขับถา่ ย ผู้ป่วยส่วนมากมักมีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะคั่ง ค้างไม่สามารถถ่ายออกได้หมด หรือไม่สามารถปัสสาวะออกได้เอง อาจจะต้องคาสายสวนปัสสาวะควรทำความสะอาดอวัยวะขับถ่าย โดยการล้างน้ำและใช้ผ้านุ่มๆ หรือสำลีชุบน้ำเช็ดอย่างน้อยวันละ 2- 3 คร้ังในรายท่ีมีปัสสาวะรด กะปริบกะปรอย ผู้ดูแลควรกดบริเวณ เหนือหัวเหน่าอย่างนุ่มนวล เพ่ือให้มีปัสสาวะเหลือค้างในกระเพาะปัสสาวะน้อยท่ีสุด และทำความสะอาด บริเวณอวัยวะขับถ่ายทุกครั้ง ในรายท่ีใช้แผ่นรองซับ หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูปควรมีการเปลี่ยนบ่อยๆ เพ่ือป้องกัน ภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การเกิดเช้ือราและการเกิดแผลกดทับ ผู้ป่วยสูงอายุบางคน อาจมีปัญหาในเร่ืองท้องผูก เน่ืองจากไม่ได้เคล่ือนไหวร่างกายจึงควรเน้นให้มีกิจกรรม เช่น การเปล่ียนท่า การ ลุกนัง่ เดนิ หรอื ให้รับประทานอาหารประเภทผกั และผลไม้ เช่นผักต้มนม่ิ ๆ สม้ มะละกอ ลกู พรนุ ควรหลกี เลยี่ ง อาหารที่มีรสจัดให้น้ำอย่างเพียงพอ นอกจากนั้นควรมีการกระตุ้นหรือฝึกการขับถ่ายทั้งปัสสาวะและอุจจาระ โดยการจัดให้ผูป้ ่วยนั่งขณะถา่ ย ปรบั เวลาใหเ้ หมาะสมและจัดสถานท่ีใหเ้ ป็นสดั ส่วน แตถ่ า้ ไม่ถา่ ยอจุ จาระเกิน 2 วนั หรอื การขับถา่ ยเปลยี่ นแบบแผนไปจากเดมิ (กอ่ นปว่ ย) อาจใหย้ าระบาย สวนหรอื ล้วงอจุ จาระ 47คมู่ อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผู้สงู อายุ
การดูแลผู้ปว่ ยใสส่ ายสวนปสั สาวะ การสวนปัสสาวะหมายถึงการใส่ท่อยางหรือท่อพลาสติกขนาดเล็กผ่านทางรูเปิดของท่อปัสสาวะเข้าไป ยังกระเพาะปัสสาวะเพอื่ เป็นทางให้ปัสสาวะไหลออกมา วัตถุประสงค์ เพ่ือลดการค่ังค้างของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะของผู้ป่วยและในรายที่ผู้ป่วยไม่ สามารถขบั ถ่ายปัสสาวะได้เอง ในผู้ป่วยบางรายมีความจำเป็นต้องคาสายสวนปัสสาวะต่อเนื่องจากโรงพยาบาลกลับไปท่ีบ้าน การ ดูแลผู้ป่วยที่คาสายสวนปัสสาวะอย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันการอุดตันของสายสวนปัสสาวะ และป้องกันการ ตดิ เชื้อในระบบทางเดินปสั สาวะ วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นทางให้น้ำปัสสาวะไหลได้ตลอดเวลา โดยผ่านทางท่อเล็กท่ีคาอยู่บริเวณกระเพาะปัสสาวะและ ท่อปัสสาวะ โดยมีลูกโป่งท่ีบรรจุด้วยน้ำกล่ัน บริเวณคอกระเพาะปัสสาวะ เพ่ือป้องกันการเลื่อนหลุดของสาย ปสั สาวะ ข้นั ตอนการดูแลผปู้ ว่ ยท่ีใสส่ ายสวนปสั สาวะ 1. ดูแลให้ถุงปัสสาวะอยู่ต่ำกว่าบริเวณกระเพาะปัสสาวะของผู้ป่วยเสมอ เพื่อป้องกันการไหลย้อน กลับของปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะซ่ึงอาจก่อให้เกิดการติดเช้ือได้ถ้าจำเป็นต้องยกถุงปัสสาวะให้สูงกว่า ระดับกระเพาะปัสสาวะดังกล่าวจะต้องพับสายสวนปัสสาวะก่อนช่ัวคราว โดยการใช้มือพับ หรือใช้ยางรัดสาย สวนปัสสาวะ แลว้ รบี คลายออก เมอื่ จัดวางให้อยู่ในสภาพเดมิ 2. ดูแลสายสวนปัสสาวะและถุงปัสสาวะให้เป็นระบบปิดเสมอ โดยต้องไม่มีรอยแตก รั่วซึม ซึ่งจะ เป็นชอ่ งทางนำเชือ้ โรคเขา้ สรู่ ะบบได้ 3. ดูแลสายสวนปัสสาวะไม่ให้เล่ือนเข้า – ออก หรือเกิดการดึงร้ังของสาย โดยผู้หญิงยึดสายสวน ปัสสาวะติดกับหน้าขาด้วยพลาสเตอร์ ในผู้ชายยึดสายสวนปัสสาวะติดบนหน้าท้องเหนือหัวหน่าว และไม่ดึง สายสวนปสั สาวะออกเอง เพราะอาจเกิดอันตรายตอ่ ทอ่ ปสั สาวะ 4. ไม่ควรน่ังทับสายสวนปัสสาวะ หรือน่ังทับถุงรองรับน้ำปัสสาวะ ดูแลสายสวนปัสสาวะไม่ให้เกิด การอุดตัน โดยการคลึงบริเวณสายสวนปัสสาวะ และหม่ันสังเกตว่าปัสสาวะไหลลงถุงรองรับน้ำปัสสาวะได้ สะดวก 5. เทปัสสาวะออกจากถุงวนั ละ 2 – 3 ครั้งหรืออย่างนอ้ ย ทกุ 8 ช่ัวโมง 6. ทำความสะอาดรูเปดิ ของท่อปสั สาวะดว้ ย สำลชี ุบ 70% แอลกอฮอล์ หรือนำ้ ยาฆ่าเชื้อ 10% โพวี ดีน กอ่ นและหลังการเทปสั สาวะออก 7. ดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 8 –12 แก้วหรือปริมาณน้ำตาม คำแนะนำของแพทย์ – พยาบาล และควรมีการเปลย่ี นอริ ยิ าบทเสมอ เพ่อื ปอ้ งกันการตกตะกอนของปสั สาวะ 8. ทำความสะอาดบรเิ วณอวัยวะสบื พันธแ์ ละรเู ปิดของท่อปัสสาวะทกุ วนั วันละ 2 คร้ัง เชา้ – เย็น ดว้ ยสบแู่ ละนำ้ ขยบั สายปสั สาวะหมนุ ไปมาเลก็ น้อยเพ่อื ใหป้ ลายสายไมอ่ ุดตนั 9. สามารถอาบนำ้ ทำความสะอาดไดต้ ามปกติ และไมค่ วรโรยแป้งบริเวณอวัยวะสบื พนั ธ์ 48 คมู่ ือการอบรมการดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอายุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158