Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระภาษาไทย

หลักสูตรกลุ่มสาระภาษาไทย

Published by Zamithy Channel, 2021-10-31 10:41:45

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระภาษาไทย

Search

Read the Text Version

ความหมายของคําในบทเพลง และ มี วิเคราะห์ สภาพสังคม มารยาท ท างสังค มจาก การแสดงออก ทางการเตน้ ราํ สอบกลางภาค 2 20 การสรรคาํ ข้อ 5 ในการเรียบเรียงคําในการแต่งเพลง 5 5 นํามาใช้ใน ลูกทุ่ง ผู้แต่งมีจัดเรียงประโยคท่ี 5 ลกู ทุ่ง สละสลวย และมีการสรรคําที่มีการ ใชก้ ําชนิดตา่ ง ๆ เช่น คํามูล ศาประ สม คํา คําซ้อน และมี การใช้คําที่มี ความหมายใกล้เคียงกัน หรือมี ค ว า ม ห ม า ย โ ด ย นั ย ที่ ส่ื อ ให้ ผู้ ฟั ง จนิ ตนาการตามได้เป็นอย่างดี เพลงเพื่อชีวิต ขอ้ 2 ภาษาไทยในบทเพลงเพื่อชีวิต มี 5 10 6 ช่วยผดงุ ให้ ขอ้ 7 การ แต่งด้วยท่วงทํานอง ที่อาศัย สดใส ความรู้สึกของผู้ แต่ง ความไพเราะ ของสํานวน ภาษา มีการ ใช้ถ้อยคํา สํานวน ที่มีความหมายของคําใน บ ท เพ ล ง ที่ เชื่ อ ม โ ย ง ไ ป ถึ ง ส ภ า พ สังคม ความ เชื่อ วิถีชีวิต จากบท เพลง หลกั ภาษาใน ข้อ 5 การศึกษาบทเพลงที่ดีต้องศึกษาถึง 3 5 7 บทเพลง หลักภาษา เช่น มาตราตัวสะกด หลักการ เขียนสะกดคํา คําและ กลุ่มคํา ภ าษาถิ่น คําควบกลํ้า อักษรนํา อักษรตาม การย่อความ จากบทเพลง เพลงสตริงต้อง ขอ้ 6 ในการแต่งเพลงสตริงตอ้ งภาษาไทย 5 10 8 พง่ึ พา ในการแต่งเพลงโดยการใช้ถ้อยคํา ภาษาไทย สํานวน ภาษา ความหมายของคํา ในบทเพลง และ ผฟู้ งั ตอ้ งวิเคราะห์ ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น จากบท เพลง จึงรู้ว่าการแต่งเพลงสตริงต้อง พ่ึงพาภาษาไทยเป็นอย่างยง่ิ ถอ้ ยคําท่ใี ช้ในเพลงสตรงิ ในการศกึ ษาภาษาไทยในเพลงสตริง ที่ ควรรู้คือ การเขียนสะกดคํา คํา เป็น คําตาย ไตรยางค์และการผัน เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หนา้ ท่ี 50

อักษร มาตราตัวสะกด คําคล้องจอง 2 20 คําควบกล้ำ การออกเสยี งร,ล สอบปลายภาค เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวีธาภเิ ศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าที่ 51

รหัสวิชา ท22202 คำอธบิ ายรายวชิ า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี 2 รายวชิ า การพดู เวลา 40 ช่วั โมง ฝึกทักษะการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรอง วิเคราะห์วิจารณ์เร่ืองท่ีอ่านอย่างมี เหตุผล ฝึกเขียนส่ือสารในรูปแบบต่างๆได้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถูกต้อง มีข้อมูล อ้างอิงชัดเจน ฝึกทักษะการพูดสนทนา สัมภาษณ์ พูดในที่ประชุม การอภิปรายในกลุ่มและในท่ีประชุม ศึกษาหลักการ วิธีการพูด เพื่อพัฒนาสมรรถภาพในการพูดของตนให้ถูกต้องตามหลักการและวิธีการ มี จรรยาบรรณความรบั ผดิ ชอบ และคุณธรรมในการพดู โดยใช้ความสามารถในการสอื่ สาร การคดิ วิเคราะห์ การแก้ปญั หา และการใช้ทักษะชีวติ เป็น เคร่อื งมอื ในการศึกษาคน้ คว้าเพ่ือให้เกิดความรคู้ วามเขา้ ใจมีนสิ ยั ใฝเ่ รยี นรแู้ ละสามารถนำไปใชใ้ น ชีวิตประจำวนั อย่างมีคณุ ภาพ จรยิ ธรรมตลอดไป ผลการเรยี นรู้ 1. อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว และบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง ไพเราะเหมาะสมกบั เร่อื งที่อ่าน 2. จบั ใจความ ตีความ แปลความ วเิ คราะห์ วิจารณเ์ ร่อื งทอ่ี ่านได้อย่างมเี หตผุ ล 3. บอกหลักการพดู และปัจจัยทีช่ ่วยใหก้ ารพดู สื่อสารสัมฤทธ์ิผลได้ 4. สามารถตง้ั ประเดน็ จัดลำดบั ความคิด ใช้ถ้อยคำสำนวนใหแ้ จม่ ชดั ได้ 5. พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 6. สามารถพฒั นาสมรรถภาพการพูดของตนเองใหส้ งู ข้นึ โดยใชภ้ าษาได้ถูกต้องตามหลกั การใช้ ภาษาไทย 7. มีมารยาทและคุณธรรมในการพูด รวมท้งั หมด 7 ผลการเรยี นรู้ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภิเศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หน้าที่ 52

รหัสวิชา ท22202 โครงสรา้ งรายวชิ า ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ภาคเรียนท่ี 2 รายวชิ า การพูด เวลา 40 ช่วั โมง ท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั เรยี นรู้ ตัวชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน อา่ นอย่างมี ขอ้ 1 ฝกึ ทกั ษะการอ่านออกเสยี งบทรอ้ ย 6 10 ศาสตร์ ข้อ 3 แกว้ การออกเสยี งคำ การใส่อารมณ์ 1 การเวน้ ช่องไฟ รวมถึงเทคนคิ ตา่ ง ๆ ในการอ่านร้อยแก้ว 2 อ่านอยา่ งมี ขอ้ 1 ฝกึ ทักษะการอ่านออกเสยี งบทร้อย 6 10 ศลิ ป์ ขอ้ 3 กรอง การออกเสียงคำ ทำนอง ฉันท ลกั ษ์ การใส่อารมณ์ รวมถงึ เทคนิค ต่าง ๆ ในการอ่านร้อยกรอง อ่านอยา่ งถึง ข้อ 2 อา่ นจบั ใจความสำคัญ คืออ่านมงุ่ เน้น 6 10 3 แก่น สาระสำคัญของข้อความ บทความ หรอื หนังสอื การอ่านตีความ คอื การ อา่ นเพื่อพจิ ารณาความหมายทผี่ ู้สง่ สารสื่อความหมายได้อย่างถูกต้อง ตรงตาม เพื่อประสทิ ธิภาพในการพูด ไดถ้ ึงแก่นสาร สอบกลางภาค 2 20 เรยี บเรยี ง ข้อ 4 เรียบเรยี งบทพูด ในโอกาสตา่ ง ๆ ได้ 6 10 4 เขียนบท อยา่ งเหมาะสมในสถานการณ์ตา่ ง ๆ พูดเกง่ ข้อ 5 พูดในโอกาสตา่ ง ๆ เช่น พูดแนะนำ 6 10 5 ในทกุ โอกาส ข้อ 7 ตวั พูดอวยพร พดู ให้กำลงั พดู ดโนม้ นา้ ว พูดรายงาน ได้อย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม 6 ติเพ่ือก่อ ขอ้ 6 วิจารณก์ ารพดู ของบคุ คลอน่ื ไดอ้ ย่าง 6 10 พูดเพ่อื สร้าง มหี ลักเกณฑ์ สอบปลายภาค 2 20 เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หน้าท่ี 53

รหัสวิชา ท22203 คำอธบิ ายรายวิชา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภาคเรียนที่ 1 รายวิชา ภาษาไทยเพอื่ การแสง เวลา 40 ชัว่ โมง ศกึ ษาการใช้ภาษาสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ฝึกการใช้น้ำเสียง การเล่าเรอ่ื งในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เร่ืองขบขัน การเล่าเรื่องตื้นตัน ฝึกการพูดบรรยายหรือแนะนำการแสดง ฝึกการทำหน้าท่ีพิธีกรหรือโฆษก ฝกึ การแสดงละคร ฝึกการเขียนบทท่ีใช้ในกิจกรรมการแสดงตามท่ีกล่าว เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจการใช้ ภาษาในกจิ กรรมการแสดง สามารถใช้ภาษาเป็นเครื่องมอื สร้างความบันเทงิ ได้ โดยใช้กระบวนการพูด การอ่านตีบท และความคิดสร้างสรรค์ในกระบวนการทำงาน ทักษะการ แสดงเพอ่ื ถา่ ยทอดเร่อื งราวและสร้างสรรค์ผลงานได้ ผลการเรยี นรู้ 1. บอกการส่ือสารในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้ 2. เล่าเรอื่ งในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้ 3. สามารถพูดตามสถานการณ์อยา่ งเหมาะสม 4. สามารถเขียนบทละครสำหรบั การแสดงได้ 5. แสดงละครได้อย่างถูกต้องตามหลกั วิชา 6. จดั การแสดงละครได้ รวม 6 ผลการเรยี นรู้ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หน้าที่ 54

รหัสวชิ า ท22203 โครงสร้างรายวชิ า ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภาคเรียนที่ 1 รายวิชา ภาษาไทยเพ่ือการแสดง เวลา 40 ชั่วโมง ที่ ชอ่ื หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก เรยี นรู้ ท่คี าดหวงั (ช่ัวโมง) คะแนน 1 ภาษาในการ ขอ้ 1 ภาษาในการสอื่ สาร 45 ส่ือสาร ภาษาในการส่ือสารแบ่งออกเป็น ภาษาทใี่ ช้ถ้อยคำคอื วัจนภาษาและภาษา ที่ไม่ใช้ถ้อยคำหรืออวัจนภาษา ทั้งสอง รูปแบบนี้มีความสำคัญอย่างมากในการ สอ่ื สารไปถึงผ้รู ับ 2 เรอ่ื งเลา่ และ ขอ้ 2 เรื่องเล่าและจดุ ประสงค์ของเร่อื งเล่า 4 5 จดุ ประสงค์ เร่ืองเล่าแต่ละประเภทมีจุดประสงค์ 10 10 ของเรือ่ งเล่า ต่างกัน เช่น เล่าเพ่ือความสนุก เล่าเพื่อ 20 ความขำขัน เล่าเร่ืองสร้างอารมณ์ 10 สะเทือนใจ เล่าเพ่ือความน่ากลัว ซ่ึงแต่ ละเรื่องเล่าน้ันมีวิธีการเล่าและนำเสนอ ต่างกัน 3 เทคนคิ ในการ ข้อ 3 เทคนคิ ในการเล่าเรอ่ื ง 6 เล่าเร่อื ง การเล่าเร่อื งท่ีดนี อกจะตอ้ งทำความ เข้าใจจุดประสงค์ของการเล่าแล้ว ยัง จำเป็นต้องศึกษาการใช้น้ำเสียง จังหวะ ในการเล่า การใช้ท่าทางและสีหน้าแวว ตาในเหมาะสมกับเรือ่ งท่ีเลา่ 4 การพดู และ ขอ้ 3 การพูดและการเป็นพธิ ีกร 4 การเป็นพธิ กี ร ศึกษารูปแบบในการพูด เช่น การ พูดแบบฉับพลัน การพูดแบบท่องจำ การพูดแบบอ่านจากร่าง และการพูด แบบอาศัยตน้ ร่าง ฝกึ การดำเนินกจิ กรรม เป็นพิธีกรต่าง ๆ การใช้ท่าทาง การใช้ น้ ำ เสี ย ง แ ล ะไห ว พ ริ บ ใน ก า รแ ก้ สถานการณ์ตา่ ง ๆ สอบกลางภาค 2 5 การแสดง ข้อ 5 การแสดงเบอ้ื งตน้ 8 เบอ้ื งตน้ การแสดงที่ดีต้องอาศัยความรู้ต่าง เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภิเศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หน้าท่ี 55

ๆ เช่น การใช้เสียงในการแสดง ท่าท่าง ในการแสดง การเคล่ือนไหวบทเวที เครอ่ื งแต่งกายในการแสดง การใช้ภาษา ในการแสดง 6 การจัดทำ ข้อ 6 การจัดทำฉากและแสงสใี นการแสดง 2 5 ฉากและแสง ฉ าก เว ที แ ส ง สี แ ล ะเพ ล งมี 5 สีในการแสดง ความสำคัญต่อการแสดงเพราะช่วยทำ 10 20 ให้การแสดงดีขึ้นหรือแย่ลงได้ การจัด 100 ฉาก เวที แสง สีและเพลงจึงจำเป็นต้อง จัดทำอย่างเหมาะสมและเข้ากับการ แสดงในแตล่ ะชุด 7 การเขยี นบท ข้อ 4 การเขียนบทละครเพื่อการแสดง 4 ละครเพอ่ื การ การเขียนบทละครมีองค์ประกอบ แสดง สำคัญ คือ การบรรยายต่าง ๆ เช่น ฉาก ตัวละคร เหตุการณ์สำคัญ บทสนทนา ดนตรีหรือเพลงที่ใช้ บทละครสามารถ สร้างสรรค์ได้หลายแบบ เช่น คิดขึ้นใหม่ ดัดแปลงจะเรื่องเล่า หรือผสมผสานงาน เขยี นหลายเรือ่ งเขา้ ด้วยกนั 8 การวางแผน ข้อ 6 การวางแผนและการจัดการแสดง 4 และการ การวางแผนมีความสำคัญในการ จดั การแสดง จัดการแสดง เช่น การแบ่งหน้าที่ การ ดำเนินการ การหาเรื่องท่ีจะนำมาใช้ใน การแสดง การคัดเลือกนักแสดง ซึ่ง สง่ ผลโดยตรงกบั การแสดงท่จี ะจัดขึ้น สอบปลายภาค 2 รวม 40 เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าที่ 56

รหัสวชิ า ท22204 คำอธิบายรายวิชา ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 2 จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ภาคเรียนที่ 2 รายวชิ า นทิ านพ้นื บ้าน เวลา 40 ช่วั โมง ฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเนื้อหานิทานพ้ืนบ้านประจำท้องถ่ิน อาทิ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ ที่ปรากฏ โดยสังเขป ฝึกการเขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้านิทานพื้นบ้านประจำท้องถ่ินและสามารถใช้ทักษะการพูด เพ่ือนำเสนอเร่ืองราว อธิบายความรู้ต่าง ๆ สามารถเข้าใจการใช้ภาษา ความแตกต่าง ความเหมือน และ ลักษณะเด่นของนิทานพ้ืนบ้านแต่ละท้องที่ เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจความเป็นมา ลักษณะ พร้อม เลง็ เหน็ คณุ ค่าของนิทานพนื้ บ้านในฐานะท่ีเปน็ วรรณกรรมมุขปาฐะของไทย โดยใช้กระบวนการอ่าน คิดวิเคราะห์ ให้เกิดความเข้าใจ ใช้กระบวนการทำงานเป็นทีม การใช้ ทกั ษะการพดู และสามารถนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันอย่างมีคุณธรรม และเขา้ ใจรากเหง้าความเป็นไทย ผลการเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ท่มี า ประวตั ิ และเน้ือหาของนทิ านพนื้ บา้ นได้ 2. วเิ คราะห์ แยกแยะ และเห็นความเหมอื นความแตกต่างของนิทานพน้ื บ้านแตล่ ะท้องถิ่นได้ 3. เขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ เก่ยี วกับนิทานพน้ื บา้ นประจำจังหวดั โดยสงั เขป 4. เหน็ คณุ คา่ ทปี่ รากฏอยู่ในนิทานพื้นบ้านท้องถิ่น รวมทั้งหมด 4 ผลการเรยี นรู้ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวีธาภเิ ศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หนา้ ที่ 57

รหัสวิชา ท22204 โครงสร้างรายวิชา ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 จำนวน 1.0 หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ 2 รายวิชา นิทานพ้นื บ้าน เวลา 40 ชั่วโมง ที่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก เรียนรทู้ ่ี ทค่ี าดหวงั (คาบ) (คะแนน) 1 วรรณกรรมมุข ข้อ 1 ความหมายของวรรณกรรมมุขปาฐะ 2 2 ปาฐะ วรรณกรรมมขุ ปาฐะเป็น วรรณกรรมท่ีถูกแต่งขึ้นโดยไม่มสี ำนวนท่ี ตายตัว มกี ารสรา้ งข้นึ ใหม่เรอ่ื ยๆ จาก กลมุ่ คนหรอื บุคคลตา่ งๆ ถา่ ยทอดโดย ใชว้ ธิ ีการพูดหรือเล่าแบบปากตอ่ ปาก และการร้อง 2 ความสำคญั ข้อ 1 ท่ีมาและความสำคญั ของนิทาน 2 3 ของนิทาน พืน้ บ้าน พื้นบา้ น นทิ านพื้นบา้ น เปน็ เร่ืองเล่าทเ่ี ล่าตอ่ กันมาช้านาน โดยใชถ้ อ้ ยคำธรรมดา หรือภาษาชาวบา้ น มลี ักษณะเปน็ ร้อย แก้วไมเ่ ปน็ ร้อยกรอง และไม่ปรากฏวา่ ผู้ เล่าดั้งเดิมเปน็ ใคร เป็นเพียงการเลา่ ตอ่ ๆ กันมาเปน็ ทอดๆ ผเู้ ลา่ ก็ไม่ถอื ว่า เรื่องท่ีเลา่ นั้นเป็นเร่ืองจรงิ แต่ อยา่ งไร ภายหลังมผี ู้เขียนขึ้นแต่ก็เขียน ขนึ้ ตามเค้าเดมิ ท่ีเล่ากันปากต่อปาก 3 ป ระเภ ท ข อ ง ข้อ 1 ประเภทของนิทานพื้นบ้าน 2 5 นทิ านพ้ืนบา้ น ป ร ะ เภ ท ข อ งนิ ท า น พ้ื น บ้ า น สามารถแบ่งออกได้หลากหลายประเภท อาทิ นิทานประจำถิ่น นิทานมหัศจรรย์ นทิ านสอนใจ นิทานวรี บุรุษ ฯลฯ 4 นิทานพ้ืนบ้าน ข้อ 2-4 นทิ านพื้นบา้ นภาคเหนือ 6 10 ภาคเหนือ นิทานพ้ืนบ้านภาคเหนือ กล่าวถึง เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภิเศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าที่ 58

5 นิทานพื้นบ้าน นิ ท าน พื้ น ถ่ิน ท่ี ถูก แต่ งขึ้น จาก ค น 6 10 ภาคอสี าน พื้นเมืองหรือคนในท้องถิ่น ใช้ภาษา 2 20 วัฒนธรรม รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ใน การแต่งนิทานเพ่ือขัดเกลา สั่งสอน หรือ เพอ่ื ความเพลิดเพลิน ขอ้ 2-4 นิทานพนื้ บา้ นภาคอีสาน นิทานพ้ืนบ้านภาคอีสาน กล่าวถึง นิ ท าน พื้ น ถิ่น ท่ี ถูก แต่งขึ้น จากค น พื้นเมืองหรือคนในท้องถิ่น ใช้ภาษา วัฒนธรรม รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ใน การแต่งนิทานเพื่อขัดเกลา ส่ังสอน หรือ เพอื่ ความเพลิดเพลิน สอบกลางภาค 6 นทิ านพนื้ บา้ น ขอ้ 2-4 นิทานพื้นบ้านภาคกลาง 6 10 ภาคกลาง ข้อ 2-4 นิทานพ้ืนบ้านภาคกลาง กล่าวถึง 6 10 ข้อ 2-4 6 10 7 นทิ านพน้ื บา้ น นิ ท าน พื้ น ถิ่น ที่ ถูกแ ต่งข้ึน จาก ค น ภาคใต้ พ้ืนเมืองหรือคนในท้องถิ่น ใช้ภาษา วัฒนธรรม รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ใน 8 นิทานพน้ื บา้ น การแต่งนิทานเพื่อขัดเกลา สั่งสอน หรือ ตะวนั ตก เพอ่ื ความเพลิดเพลิน นทิ านพน้ื บา้ นภาคใต้ นิทานพ้นื บา้ นภาคใต้ กลา่ วถงึ นทิ านพ้นื ถ่นิ ที่ถูกแตง่ ขึน้ จากคน พืน้ เมืองหรือคนในท้องถ่นิ ใชภ้ าษา วฒั นธรรม รวมถึงชวี ติ ความเป็นอยใู่ น การแตง่ นทิ านเพื่อขัดเกลา ส่ังสอน หรือ เพอื่ ความเพลิดเพลิน เกดิ เป็นเอกลกั ษณ์ ประจำพืน้ บา้ นของตน นิทานพนื้ บ้านตะวนั ตก นิทานตะวันตกเปน็ นิทานทม่ี ี ความเกา่ แกแ่ ห่งหนึ่งของโลก เป็น การศึกษาลกั ษณะของเนื้อหา สง่ิ ท่ี เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวีธาภิเศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าท่ี 59

สอดแทรกอยู่ในนิทาน รวมไปถึง การศกึ ษาเปรยี บเทียบลักษณะนทิ าน ของไทยและนทิ านตะวนั ตก สอบปลายภาค 2 20 รวม 40 100 เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ที่ 60

คำอธิบายรายวิชา รหสั วชิ า ท22205 รายวิชา วรรณกรรมการแสดง ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต เวลา 40 ชวั่ โมง ภาคเรยี นที่ 2 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ฝึกทักษะการเขียน การอ่าน การคิดวิเคราะห์เก่ียวกับวรรณกรรมการแสดงที่ใช้สำหรับการแสดง ของไทยในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับวรรณกรรมต่างๆ ที่ใช้ในการแสดงละครของไทย รวมถึงรู้ที่มา ประวตั ิ เนื้อหา โดยสังเขป ฝึกการเขียนรายงานเก่ียวกับวรรณกรรมการแสดง และสามารถใช้ ทักษะการพูดอธบิ าย เล่าเร่ือง พร้อมแสดงอากัปกิริยาอย่างเหมาะสม เพื่อให้นักเรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ ลักษณะของวรรณกรรมท่ีใช้เล่นละครแต่ละชนิด ความต่างและความเหมือนของการแสดงต่างๆ ที่ใช้ วรรณกรรมเป็นตัวดำเนินการแสดง รวมถึงตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของวรรณกรรมที่ใช้แสดง ละครของไทย โดยใช้กระบวนการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การเขยี น และการพดู ใหเ้ กดิ องค์ความรู้ ใช้กระบวนการ ทำงานกลุ่ม เพื่อฝึกการทำงานร่วมกันเป็นหมู่มาก และสามารถนำความรู้ไปเป็นองค์ประกอบเพ่ือพัฒนา ความรู้หรือประยุกตใ์ ช้กบั ชีวติ ประจำวนั ได้อย่างลงตวั ผลการเรียนรู้ 1. มีความรู้ท่ีมา เนื้อหา ลักษณะของวรรณกรรมการแสดง 2. วิเคราะห์ แยกแยะ และเห็นความเหมือนความแตกต่างของวรรณกรรมที่ใช้แสดงได้ 3. เขียนรายงานการศกึ ษาค้นคว้าเกย่ี วกบั วรรณกรรมที่ใชแ้ สดงละครได้ 4. เห็นคณุ ค่าทีป่ รากฏอยู่ในวรรณกรรมการแสดงได้ รวมทั้งหมด 4 ผลการเรียนรู้ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 61

รหสั วิชา ท22205 โครงสร้างรายวิชา ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ 2 รายวิชา วรรณกรรมการแสดง เวลา 40 ชั่วโมง ที่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั เรยี นร้ทู ี่ ทีค่ าดหวัง (คาบ) (คะแนน) 1 วรรณกรรมการ ข้อ 1 ลกั ษณะทั่วไปของวรรณกรรมการแสดง 1 2 แสดง วรรณกรรมการแสดงเป็นงานเขียนที่ ถูกแต่งข้นึ เพื่อใชใ้ นการแสดงตา่ งๆ ไม่วา่ จะ เป็นละครนอก ละครใน หรือละครพนั ทาง 2 บ่อเกิดของการ ขอ้ 1 บอ่ เกิดของการแสดงไทย 2 3 แสดงไทย ศิลปะการแสดงละครของไทยเกดิ จาก ตำนานทางการละครซง่ึ มี 2 ประเภท ได้แก่ ละครตามตำนานทางตะวันตกและละครตาม ตำนานทางตะวันออก 3 ววิ ัฒนาการ ขอ้ 1 ววิ ัฒนาการของการแสดงไทยและประเภท 2 5 ของการแสดง ของละครไทย ไทย การแสดงของไทยเริ่มต้นจากสมัย สุโขทัยเรื่อยไปจนถึงปัจจุบัน การแสดงของ ไทยเร่ิมจากศิลปะการร่ายรำหรือระบำ และ ถูกพฒั นาขน้ึ เรอ่ื ยๆ 4 องค์ประกอบ ข้อ 1 องคป์ ระกอบของการแสดงละครรำของไทย 4 5 ของการแสดง ก า ร แ ส ด ง ล ะ ค ร ร ำ ข อ ง ไท ย มี ละครรำ องค์ประกอบต่างๆ ได้แก่ บทละคร ท่าทางตัว ละคร การรำ การพากย์และเจรจา ดนตรี ประกอบการแสดงและเพลงประกอบการ แสดง เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภิเศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หน้าท่ี 62

5 ละครชาตรี ขอ้ 2,3,4 ละครชาตรี 3 5 6 ละครนอก ล ะ ค ร ช า ต รี เป็ น ล ะ ค ร โบ ร า ณ ที่ 3 5 สั น นิ ษ ฐ า น ว่ า ได้ รั บ อิ ท ธิ พ ล ม า จ า ก อิ น เดี ย 7 ละครใน เพราะคลา้ ยคลงึ กบั ละครเร่ของอนิ เดีย ซึ่งเป็น 2 5 ละครพืน้ เมอื งของชาวเบงคลี 8 ล ะ ค ร ดึ ก ด ำ 2 20 บรรพ์ ขอ้ 2,3,4 ละครนอก 2 5 ละครนอกเป็นละครที่ดัดแปลงมาจาก ละครชาตรี โดยขยายวิธีการแสดง ตลอดจน เพลงร้องและดนตรีประกอบให้พิสดารแปลก ออกไป ข้อ 2,3,4 ละครใน ละครในสันนิษฐานว่ามาจากละครนางใน หรือละครข้างใน เป็นละครท่ีจัดแสดงภายใน พระราชฐานเท่าน้ัน และแสดงเพียง 3 เร่ือง เทา่ น้นั สอบกลางภาค ข้อ 2,3,4 ละครดกึ ดำบรรพ์ ล ะ ค ร ดึ ก ด ำ บ ร ร พ์ เป็ น ล ะ ค ร ที่ ได้ รั บ อิทธิพลมาจากตะวันตก เร่ิมมีการจัดแสดงใน สมัยรัชกาลที่ 5 โดยนำละครโอเปร่า มา ประยุกต์ใช้กับทา่ รำของไทย ที่ หนว่ ยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั เรยี นรทู้ ี่ ท่ีคาดหวงั (คาบ) (คะแนน) 9 ละครพนั ทาง ขอ้ 2,3,4 ละครพันทาง 45 ขอ้ 2,3,4 10 โขน ละครพนั ทางเปน็ ละครรำแบบผสม คือเป็น 35 ละครรำแบบไทย ดำเนินเร่ืองโดยการเจรจาเปน็ สว่ นใหญ่ มกี ารร้องบ้าง ดำเนินเร่อื งอย่างรวดเรว็ โขน โขนเปน็ มหรสพช้ันสูงทมี่ ักแสดงเฉพาะงาน เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวีธาภเิ ศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หนา้ ที่ 63

11 ลิเก พระราชพธิ สี ำคัญต่างๆ 2 - 12 เสภา 4 5 ข้อ 2,3,4 ลิเก 13 หนังใหญ่ 2 5 14 หนุ่ กระบอก ลเิ กเปน็ การแสดงทผี่ ู้แสดงต้องใช้ความชำนาญ ในการรอ้ ง รำ และพดู ด้วยตนเองตลอดเวลา 2 5 ข้อ 2,3,4 เสภา 2 20 40 100 เสภาน้ันสันนษิ ฐานวา่ เกิดขน้ึ ในสมัยสมเดจ็ พระ บรมไตรโลกนาถ โดยใช้กรับเสภาประกอบการขับ รอ้ ง ในสมยั รัชกาลท่ี 5 มีการนำเสภารำและละคร พนั ทางมาผสมกนั เปน็ ละครเสภา ขอ้ 2,3,4 หนังใหญ่ หนงั ใหญ่ เปน็ การแสดงทใ่ี ชต้ วั หนงั ขนาดใหญ่ เป็นตวั ละคร โดยมผี ูเ้ ชิดใหเ้ กิดเงาบนจอ และใช้ การพากย์ การเจรจาดำเนนิ เรื่อง ขอ้ 2,3,4 หุ่นกระบอก หุ่นกระบอกเปน็ การแสดงมหรสพท่ใี ช้ตวั ต๊กุ ตาเปน็ ตัวแสดงในการดำเนนิ เรื่อง อาทิ หุ่น หลวง หุ่นเล็ก หุ่นละครเล็ก ห่นุ กระบอก สอบปลายภาค รวม เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หน้าท่ี 64

ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวีธาภเิ ศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 65

รหัสวชิ า ท23101 คำอธบิ ายรายวิชา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน 1.5 หน่วยกติ ภาคเรยี นท่ี 1 รายวิชา ภาษาไทยพืน้ ฐาน เวลา 60 ช่วั โมง ฝึกทกั ษะการอ่าน เขียน ฟัง ดู พดู โดยอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ บทร้อย กรองประเภทกลอนสภุ าพ กาพย์ฉบงั 16 จบั ใจความ แปลความ ตีความและขยายความ วเิ คราะห์ วิจารณเ์ ขียนหรอื พดู แสดงความคิดเห็น ช้แี จงแสดงความรู้ อธิบายความหรอื โต้แยง้ ถงึ คุณค่าทไ่ี ดร้ บั ประเมินเร่ืองท่ีอา่ นอยา่ งมีเหตผุ ล มมี ารยาทการอ่าน คัดลายมอื ด้วยตัวบรรจงครง่ึ บรรทัด เขยี นกรอบและ ผงั ความคิด ย่อความ จดหมายกจิ ธุระ บนั ทึก รายงาน โครงงานจากการศึกษาคน้ คว้าเรอื่ งราวใน ท้องถนิ่ ขา่ ว ส่อื สง่ิ พมิ พ์ สอื่ อเิ ลค็ ทรอนิกส์ วรรณคดีเรอ่ื งทเ่ี รยี น มีมารยาทในการเขยี น พูดรายงาน ประเดน็ การศึกษาค้นคว้าเกยี่ วกับภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น โดยนำเสนอผลงานโดยใชค้ อมพิวเตอร์ มีมารยาทใน การฟงั ดูและพูด ศกึ ษาลักษณะคำไทย คำมูล คำประสม คำซ้ำ คำซ้อน การใช้ภาษาในระดับต่าง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสมกบั ระดับบุคคล การใช้คำทับศัพท์ ศพั ทบ์ ัญญัตใิ นภาษาไทย แตง่ กลอนสุภาพ กาพย์ ฉบัง 16 ไดถ้ ูกต้องตามขอ้ บงั คบั ของฉันทลักษณ์ ศกึ ษาวรรณคดีและวรรณกรรม เร่ืองราวประวตั ิความ เปน็ มาของท้องถิ่น บคุ คลสำคัญ สารคดี บทความทีเ่ กี่ยวกบั ทอ้ งถน่ิ ใช้หลกั การพินจิ วรรณกรรมวิเคราะห์ วิถไี ทยและคุณคา่ ของเร่ืองที่อ่านท้ังดา้ นวรรณศลิ ป์ เน้อื หา วถิ ชี ีวิต คา่ นิยม ความเชอื่ ของสังคมและ วฒั นธรรม ท่องจำคำประพันธ์ท่ีกำหนด บทร้อยกรองท่ีมีคณุ คา่ ตามความสนใจ จดจำ นำความรู้ ข้อคิดท่ี ได้ไปใชอ้ ้างองิ และประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ จริง โดยใชก้ ระบวนการทางการสื่อสาร ความสามารถในการคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชวี ิตและ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้เพื่อให้มีคุณลักษณะใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง พอเพียง มีความมุ่งม่ันในการทำงาน มีวินัย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ สามารถนำไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจำวนั เพ่ืออยู่ในสงั คมได้อยา่ งมีความสขุ รหัสตวั ชี้วัด ท 1.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6, ม.3/7, ม.3/8, ม.3/9, ม.3/10 ท 2.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม3/6, ม.3/7, ม.3/9, ม.3/10 ท 3.1 ม.3/2, ม.3/3, ม.3/6 ท 4.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/6 ท 5.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4 รวมท้ังหมด 31 ตัวช้ีวัด เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 66

รหัสวิชา ท23101 โครงสรา้ งรายวิชา ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน 1.5 หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ 1 รายวิชา ภาษาไทยพน้ื ฐาน เวลา 60 ช่วั โมง ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก เรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด (ชัว่ โมง) คะแนน 1 อ่านวรรณคดอี ยา่ งมี ท 1.1 การอ่านวรรณคดี คอื การทําความ 5 10 ศาสตรแ์ ละศิลป์ ม.3/2, ม.3/5, เข้าใจบทประพันธ์ ใช้จินตนาการ ท 5.1 ให้เข้าถึงสารที่กวีต้องการสื่อ โดย ม.3/1, ม.3/2 จะต้อง อ่านอย่างมีวิจารณญาณ ม.3/10 เพื่อเป็นการกล่ันกรองและสกัด เอาคุณค่าที่แท้จริงของวรรณคดี ออกมา ทั้งคุณค่าทาง อารมณ์และ คณุ ค่าทางความคิด แนวทางในการพิจารณารูปแบบ ของวรรณคดี คือ การ จําแนกได้ ว่าจะพิจารณาวรรณคดีในเรื่องใด ลักษณะใด 2 เรยี นพระอภัยมณี ท 1.1 บทละคร เร่อื ง พระอภัยมณี 8 10 สร้างศลิ ปแ์ ห่งบท ม.3/1, ม.3/2, พระอภัยมณี เป็นผลงานชิ้นเอก กลอน ม.3/3, ม.3/4 ของสุน ท รภู่ และเป็ น ท่ี รู้จัก ท 5.1 กว้างขวางมาตั้งแต่อดีตจนถึง ม.3/1, ม.3/2, ปัจจุบัน เน่ืองจาก เค้าโครงเร่ือง ม.3/3, ม.3/4 ของพระอภัยมณีแหวกประเพณี ท 2.1 ข อ ง ว ร ร ณ ค ดี ใน ยุ ค เก่ า มี ม.3/4, จินตนาการล้ํายุคอยู่มากมาย และ ท 4. มี ตัวละครจากหลากหลายชนชาติ ม.3/6 แสดงให้เห็นถึง วิสัยทัศน์และ ความเปดิ กวา้ ง ความเป็นนกั คดิ ยุค ใหม่ของ ผู้ประพันธ์ได้เป็นอย่างดี โดยจะให้นักเรียนศึกษาใน คยน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร การแตง่ กลอนสุภาพ กลอนสุภาพ คือกลอนที่ใช้ถ้อยคํา และทํานองเรียบๆ นับว่าเป็น กลอนหลัก เพราะเป็นหลัก ของ บรรดากลอน ทุกชนิด ถ้าเข้าใจ กลอนสุภาพ เป็นอย่างดีแล้ว ก็ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวีธาภเิ ศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 67

สามารถ จะเข้าใจกลอนอ่ืนๆ ได้ โดยงา่ ย 3 เรยี นรู้เรื่องสำนวน ท 1.1 สํานวนไทย 5 5 ม.3/2 สํานวน คือถ้อยคํา กลุ่มคํา หรือ 5 ความที่เรียบเรียงข้ึน ในเชิงอุปมา 20 10 อุปมัยโดยมีนัยแฝงเร้นซ่อนอยู่ อย่างลึกซ้ึง แยบคาย เพื่อให้ผู้รับ ได้ไปดีความ ทําความเข้าใจด้วย ตนเองอีกชั้นหน่ึง ซ่ึงอาจแตกต่าง ไป ค วาม ห ม าย เดิ ม ห รือ อ าจ คล้ายคลงึ กบั ความหมายเดิมกไ็ ด้ 4 แยกเทจ็ แยกจรงิ สู่ ท 1.1 การวิเคราะห์ ข้อเท็ จจริงและ 10 การเขยี นรายงาน ม.3/6, ม.3/7, ขอ้ คิดเห็น ม.3/8, ม.3/9 การอ่านเพ่ือแยกข้อเท็จจริงและ ท 2.1 ข้อคิดเห็นเป็นการ อ่านอย่าง ม3/6, ม.3/8 ไตร่ตรองพิจารณาเหตุผลแล้วดี ม.3/9 ความหมายของ ข้อความหรือเร่ือง ม.3/10 เพื่ อ แ ย ก ให้ ได้ ว่ าส่ ว น ใด เป็ น ข้อเท็จจริง ส่วนไดเป็นข้อคิดเห็น ซึง่ เป็นประโยชน์ในการนำมาเขียน รายงานทีม่ ปี ระสิทธิภาพ สอบปลายภาค 2 5 ความเรียงพระบรม ท 1.1 พระบรมราโชวาท 6 ราโชวาท ม.3/1, ม.3/2, ผู้ ท ร ง พ ร ะ ร า ช นิ พ น ธ์ ม.3/3, ม.3/4 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เ จ้ า อ ยู่ หั ว รั ช ก า ล ท่ี 5 ท 5.1 พระราชทานแก่ พระเจ้าลูกยาเธอ ม.3/1, ม.3/2, 4 พระองค์ ที่เสด็จไปทรงศึกษา ม.3/3, ม.3/4 วชิ าการ ณ ตา่ งประเทศ ลักษณะคําประพันธ์ เป็นจดหมาย ท 2.1 ร้อยแก้ว และใช้ เทศนาโวหาร ม.3/1, ม.3/3, การเขยี นเรียงความ ม.3/4, ม.3/5 เรีย งค วาม คื อ ก ารใช้ ศิ ล ป ะ ม.3/7 ทางการเขีย นร้อยแก้ว แสดง ท 4.1 ความรู้สึกนึกคิด จินตนาการ และ ม.3/4 ม.3/5 ความเข้าใจของ ผู้เขียนอย่าง สละสลวย เรียงความจะต้อง ประกอบด้วย ส่วนท่ีเป็นคํานํา เนื้อเรื่อง และสรุป เรียงความท่ีดี เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภิเศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 68

ควรมี ลักษณะดังน้ี คือ มีเอกภาพ, มสี ัมพนั ธภาพ.มสี ารตั ถภาพ 6 สร้างคำสู่ประโยค ท 4.1 การสร้างคําในภ าษาไทยและ 10 5 10 ม.3/2 ประโยค 5 ลักษณะการสร้างคําในภาษาไทย มี 6 ประเภท คือ คาํ มูล คาํ ประสม คําซ้อน คําซ้ํา คําสมาส และ คําสนธิ ประโยค หมายถึง ร้อ ความที่มีท้ังภาคประธาน และภาค แสดง มีใจความสมบูรณ์ครบถ้วน รู้ว่าใครทํา อะไร ที่ไหน อย่างไร ประโยคแบ่งตามจํานวนเน้ือความ ได้ 3 ชนิด คือ ประโยคความเดียว ประโยคความรวม และประโยค ความร้อน การพดู หน้าชั้นเรียน 7 บทพากยเ์ อราวณั ท 1.1 บทพากย์เอราวัณ 8 ม.3/1, ม.3/2, บ ท พ าก ย์ เอ ราวัณ น้ี บ รรย าย ม.3/3, ม.3/4 ลักษณะของข้าม เอราวัณไว้อย่าง ท 5.1 พิสดารจ้างน้ีเป็นช้างทรงของพระ ม.3/1, ม.3/2, อินทร์ ช้างเอราวัณในตอนนี้เป็น ม.3/3, ม.3/4 ช้างเอราวันที่พวกฝ่ายของ อินทร ชิด คือ การุณราช แปลงมาเป็น ช้างเอราวันลอยมา บนท้องฟ้า และเหล่ายักษ์แปลงตัวเป็นเทวดา ทําให้ฝ่าย ทัพพระราม ยหาเว้น หนุมาน เผลอตัวชมความงามด้วย เขา้ ใจว่าเป็นเหล่าเทวดาจริงๆ การ แต่งกาพย์ฉบัง 16 ก าพ ย์ ฉ บั ง เป็ น คํ าป ระ พั น ธ์ ประเภทหน่ึง จําพวก กาพย์ มักจะ เขียนรวมอยู่ในหนังสือประเภทคํา ฉันท์ หรือ คํากาพย์ มีลักษณะส้ัน กระชับ จึงมักจะใช้บรรยายความ ที่มีการเคล่ือนไหว กระชับ ฉับไว แ ต่ ก็ มี บ้ า ง ท่ี ใช้ ก า พ ย์ ฉ บั บ บรรยายถงึ ความงดงาม นุ่มนวล 8 พูดได้ พดู ดี ท 2.1 การพูด คือ ทักษะการสื่อสารที่ 5 ม.3/2, ม3/6, จําเป็นต้องใช้ใน ชีวิตประจําวัน ม.3/9, ม.3/10 บ่อยครั้งที่เราอาจจะต้องนําเสนอ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภเิ ศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 69

ท 3.1 รายงาน หน้าช้นั เรียน หรือต้องพูด ม.3/1, ม.3/2, ในที่สาธารณะเพ่ือชักจูง รณรงค์ ม.3/3, ม.3/6 โน้มน้าวใจ หรือประชาสัมพันธ์ กิจกรรมให้คน อ่ืน ๆ ฟัง โดย ท 4.1 อาศัยบทรา่ งทเี่ หมาะสม ม.3/3 สอบปลายภาค 2 20 รวม 60 100 เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวีธาภิเศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หนา้ ท่ี 70

รหสั วชิ า ท23102 คำอธบิ ายรายวชิ า ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชา ภาษาไทยพ้นื ฐาน เวลา 60 ชั่วโมง ฝึกทักษะการอ่าน เขียน ฟัง ดู พูด โดยอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วจากข่าว โฆษณา บันทึก บทความ สารคดี สารคดีเชิงประวัติ บทร้อยกรองประเภทกลอนบทละคร กาพย์ยานี 11 กาพย์ฉบัง 16 กาพย์สุรางคนางค์ 28 โคลงสี่สุภาพ แปลความ ตีความและขยายความ ระบุเหตุผล จำแนกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์โดยการเขียนหรือพูดแสดงความคิดเห็น ชี้แจงแสดง ความรู้ อธิบายความหรือโต้แย้งเรื่องที่อ่านถึงคุณค่าที่ได้รับ ประเมินเรื่องท่ีอ่าน เขียนกรอบและผัง ความคิด กรอกแบบรายการที่เก่ียวข้องในชีวิตประจำวัน เช่นใบสมัครงาน เขียนอัตชีวประวัติ หรือ ชีวประวัติ โฆษณา คำขวัญ คำคม รายงาน โครงงานจากการศึกษาค้นคว้าเร่ืองราวเพลงพ้ืนบ้าน ตำนาน จากสื่อส่ิงพิมพ์ต่างๆ สื่ออิเล็คทรอนิกส์ วรรณคดีเรื่องท่ีเรียน มีมารยาทในการเขียน พูดใน โอกาสต่างๆ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ พูดนำเสนอผลงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ หรือถ่ายทอดประเด็น การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นในรูปแบบต่างๆ ศึกษาอิทธิพลของภาษาต่างประเทศท่ีเข้ามา ในภาษาไทย อธบิ ายความหมายคำศัพทท์ างวชิ าการ วเิ คราะห์โครงสร้างประโยคทซ่ี บั ซ้อนลักษณะต่าง ๆ แต่งบทร้อยกรองได้ถูกต้องตามข้อบังคับของฉันทลักษณ์ ศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรม เรื่องราว ประวัติความเป็นมาของท้องถิ่น บุคคลสำคัญ สารคดี บทความท่ีเกี่ยวกับท้องถ่ิน ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ใช้หลักการพินิจวรรณกรรมวิเคราะห์ วิถีไทยและคุณค่าของเร่ืองท่ีอ่านทั้งด้านวรรณศิลป์ เนื้อหา วิถี ชีวิต ค่านิยม ความเชื่อของสังคมและวัฒนธรรม นำความรู้ ข้อคิดท่ีได้ไปใช้อ้างอิงและประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตจริง โดยใช้กระบวนการทางการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ การแก้ปัญหา การใช้ทกั ษะชีวิตและ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้เพื่อให้มีคุณลักษณะใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง พอเพียง มีความมุ่งมั่นในการทำงาน มีวินัย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ สามารถนำไปปฏบิ ัติในชีวิตประจำวันเพื่ออย่ใู นสังคมได้อย่างมีความสขุ รหสั ตัวชี้วัด ท 1.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6, ม.3/7, ม.3/8, ม.3/9 ท 2.1 ม.3/2, ม.3/3, ม.3/7, ม.3/8, ม.3/9, ม.3/10 ท 3.1 ม.3/1, ม.3/3, ม.3/4,ม.3/5 ท 4.1 ม.3/1, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6 ท 5.1 ม.3/2, ม.3/3 รวมท้ังหมด 24 ตัวชว้ี ดั เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภิเศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ที่ 71

รหสั วชิ า ท23102 โครงสร้างรายวิชา ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 จำนวน 1.5 หน่วยกติ ภาคเรียนที่ 2 รายวชิ า ภาษาไทยพน้ื ฐาน เวลา 60 ชวั่ โมง ที่ ชือ่ หน่วยการ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก เรียนรู้ ตวั ชว้ี ดั (ช่วั โมง) คะแนน 1 เห็นแก่ลูก ท 1.1 บทละครพูด เรือ่ ง เหน็ แกล่ ูก 6 10 ม.3/1, ม.3/4, ม. ผู้แต่ง คือ พระบาทสมเด็จพระ 3/5, ม.3/6, ม.3/7, มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ลักษณะคํา ม.3/8 ประพันธ์ เป็นบทละครพูดขนาด ท 5.1 สั้นมีความ ยาว 1 องค์ แต่งขึ้น ม.3/2, ม.3/3 เพ่ือใช้แสดงละครให้ความบันเทิง ท่ี แฝงไว้ด้วยแง่คิดเกี่ยวกับการ ดําเนินชีวิตของมนุษย์ และ เป็น การสัง่ สอนไปในตวั ด้วย 2 คํายมื ท 4.1 การใช้คาํ ยมื ภาษาต่างประเทศ 6 5 ภาษาต่างประเทศ ม.3/1,3/4, ม.3/5 ภาษาย่อมมีการเปลี่ยนแปลงและ มีคําภาษาอื่นปะปน เพราะภาษา เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร สื่อ ความคิดของ มนุษย์และเป็น วฒั นธรรมอย่างหนึง่ ซ่ึงย่อมมีการ ถ่ายทอคหยิบยืมกันได้ ทําให้มีคํา ในภาษาใช้มากขึ้น สะดวกต่อการ สื่อความหมายกัน ทั้งทําให้ภาษา มีความ เจริญงอกงามขึ้นอีกด้วย ภาษาบาลี-สันสกฤต ในภาษาไทย คนไทยจึงจําเป็นต้องเรียนภาษา บาลี-สันสกฤต เพราะ คาํ สอนทาง ศ า ส น า เป็ น ภ า ษ า บ า ลี แ ล ะ สันสกฤต ดังนั้นจึง ได้เกิดคํา ภ า ษ า บ า ลี แ ล ะ สั น ส ก ฤ ต ใช้ ใ น ภาษาไทยมาก ขึ้น นอกจากนี้ไทย ยั ง ไ ด้ รั บ เ อ า ค ว า ม เ ช่ื อ ข น บ ธ ร ร ม เนี ย ม ป ร ะ เพ ณี พิธีกรรมต่างๆ รวมท้ังวรรณคดี บาลีและ สันสกฤตเข้ามา ซ่ึงเป็น ส่ ว น ทํ า ให้ เร า รั บ คํ า ภ า ษ า บ า ลี แ ล ะ สั น ส ก ฤ ต ซึ่ ง เป็ น คํ า ที่ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภิเศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าท่ี 72

3 การเขียนโฆษณา เกี่ยวเน่ืองกับส่ิงต่างๆ เหล่านั้น 8 10 เขา้ มาใช้ในภาษาไทย 8 5 อิศรญาณภาษติ 4 ท 2.1 การเขียนโฆษณา 2 20 ม.3/2 การเขียนข้อความโฆษณา เป็น 10 10 5 บทความทาง วชิ าการ การสร้างสรรค์รูปแบบ เนื้อหา 8 10 ท 3.1 แนวคิด หรือการใช้ภาษาเพื่อโน้ม การเปล่ียนแปลง ม.3/1 น้าวใจ ผู้บริโภคให้เห็นคล้อยตาม 6 ทางภาษา ส่งิ ที่ผสู้ ่งสารตอ้ งการนาํ เสนอ เพ่ือ ป ร ะ โ ย ช น์ ท า ง ก า ร ค้ า ห รื อ เพื่ อ ป ร ะ ช า สั ม พั น ธ์ สิ น ค้ า ห รื อ หน่วยงาน ท 1.1 อิศรญาณภาษิต เป็นพระนิพนธ์ ม.3/1, ม.3/2, ของหม่อมเจา้ อิศร ม.3/4, ญาณ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ ม.3/8, ม.3/9 พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เขียนเป็น ท 4.1 คําประพันธ์ประเภทเพลงยาว จึง ม.3/6 ได้ชื่ออีกชื่อ หนึ่งว่า เพลงยาวเจ้า ท 5.1 อิศรญาณ เนื้อหาของสุภาษิต มี ม.3/2, ม.3/3 ข้อความที่เป็นท่ีนิยมแพร่หลาย อ ยู่ ม าก แ ห่ งด้ ว ย กั น แ ล ะ มี ลักษณะของวิถีชีวิตไทย อยู่อย่าง เต็มเปี่ยม จึงทันสมัย อยู่แม้ในยุค ปัจจุบนั สอบกลางภาค ท 2.1 บทความทางวิชาการ คืองาน ม.3/9 เขียนขนาดส้ัน ซ่ึงมีการ กําหนด ประเดน็ ท่ีชัดเจน โดยผู้เขียนเรียบ เรียงจากผลงาน ทางวิชาการของ ตนเอง หรือของผู้อ่ืนในลักษณะที่ เป็น การวิเคราะห์ วิจารณ์ หรือ เสนอแนวความคิดใหม่ ๆ จาก พื้ น ฐ า น ท า ง วิ ช า ก า ร นั้ น ๆ บทความทางวิชาการที่ เผยแพร่ โดยทั่วไป ท 4.1 การเปลี่ยนแปลงทางภาษา ม.3/1 ถือเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของ ม.3/4 ภาษา ภาษาท่ีมี การเปล่ียนแปลง อยู่เสมอ ภาษาเปลี่ยนแปลงใน ลั ก ษ ณ ะ ข อ งก ารอ อ ก เสี ย ง เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวีธาภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หน้าที่ 73

คําศัพท์ รูปแบบและลักษณะอ่ืน อ่ืน ตามกาลเวลาท่ีเปล่ียนไป ภ า ษ า ที่ เป ล่ี ย น ไป เกิ ด จ า ก ก า ร เป ล่ี ย น แ ป ล ง ข อ ง ก ลุ่ ม ค น ที่ ใ ช้ ภาษาไทย 7 ทกั ษะการสือ่ สาร ท 2.1 ทักษะการสอ่ื สาร 10 10 ม.3/2, ม.3/3, มีความสําคัญอย่างยิ่ง เพราะต้อง 2 20 60 100 ม.3/7, ม.3/8 ใช้ใน ชีวิตประจําวัน การสื่อสาร ม.3/10 จึ ง ต้ อ ง มี ค ว า ม ชั ด เจ น ท้ั ง ท า ง สี หน้าและท่าทาง การส่ือสารของ คนจะใช้กลไกอยู่ 2 ชนิด คือ วัจ นภาษา คือ ภาษาที่เป็นคําพูด เป็นถ้อยคํา หรือการเขียน และ อวัจนภาษา คือ ภาษาท่าทาง สายตา การ แสดงออก สอบปลายภาค รวม เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวีธาภเิ ศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หน้าท่ี 74

รหัสวิชา ท23201 คำอธบิ ายรายวิชา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภาคเรียนท่ี 1 รายวชิ า การอ่านวรรณกรรมบันเทิง เวลา 40 ชวั่ โมง ฝึกการอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วประเภทสารคดี และบันเทงิ คดี อา่ นตคี วามขยายความงานเขียน ประเภทต่างๆ พิจารณาแยกข้อเท็จจริงออกจากข้อคิดเห็น แยกองค์-องค์ประกอบของวรรณกรรมประเมิน ค่างานเขียนประเภทต่างๆ การแนะนำหนังสือ การสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆอย่างถูกต้อง วิเคราะห์เร่ืองราวอย่างเห็นคุณค่าเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ วิเคราะห์วรรณกรรม ประเมินค่าและนำไปใช้ในชีวติ จริงได้ ฝึกสังเกตรายละเอียดวรรณกรรมร้อยกรองในด้านวรรณศิลป์ แสดง ความคดิ เหน็ วรรณคดแี ละวรรณกรรมอยา่ งเหน็ คุณค่า โด ย ใช้ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใน ก า ร ส่ื อ ส า ร แ ล ะ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใน ก า ร คิ ด ม า บู ร ณ า ก า ร ค ว า ม รู้ แ ล ะ ประสบการณ์ เพอื่ ใหส้ ามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั อยา่ งมคี ุณภาพ ผลการเรยี นรู้ 1. สามารถอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วประเภทสารคดีและบันเทิงคดไี ด้ 2. สามารถจบั ใจความสำคัญจากการอา่ นได้ 3. สามารถวิเคราะหข์ ้อเทจ็ จรงิ และข้อคดิ เห็นไดต้ ามหลักการอ่าน 4. ระบอุ งคป์ ระกอบของวรรณกรรมได้ 5. สามารถแสดงความคดิ เห็นเชิงวจิ ารณ์และประเมินค่างานเขยี นประเภทตา่ งๆได้ 6. เขา้ ใจสารทผี่ ู้แตง่ ต้องการส่อื และเหน็ คุณค่าของวรรณกรรมที่อ่าน 7. นำความรู้จากการอา่ นมาพฒั นาตนได้ รวมท้ังหมด 7 ผลการเรียนรู้ เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวีธาภิเศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หน้าที่ 75

โครงสรา้ งรายวชิ า รหัสวชิ า ท23201 รายวิชา การอ่านวรรณกรรมบนั เทงิ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 จำนวน 1.0 หน่วยกิต เวลา 40 ชัว่ โมง ภาคเรียนที่ 1 ที่ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั คะแนน (ช่วั โมง) 5 การอา่ นเบ้ืองตน้ ข้อ 1 การอ่าน คือ การรบั รู้ขอ้ ความ ใน 6 5 1 ข้อเขียนของตนเองหรือของผู้อ่ืน 10 รวมท้ังการับรู้เคร่ืองหมายส่ือสาร 10 ต่าง ๆ เช่น เครื่องหมายจราจร 20 ฯลฯ 5 5 การอ่านจับใจความ ข้อ 1 การอ่านจับใจความที่ดี ผู้อ่าน 6 2 ข้อ 2 จะต้องสามารถสรุปความสําคัญ ของ เรื่องจุดมุ่งหมายผู้แต่งและ สามารถต้ังคําถาม ตอบคําถาม และสรูป ข้อคิดจากเรื่องทอ่ี า่ นได้ การอ่านเชิง ขอ้ 3 การอา่ นเชิงวเิ คราะห์ 6 3 วเิ คราะห์ ก า ร อ่ า น เชิ ง วิ เค ร า ะ ห์ เป็ น ก า ร อ่าน ห นั งสือ แต่ ล ะเล่ม อ ย่าง ละเอียด ให้ได้ความครบถ้วน แยกเเละได้ว่า ส่วนต่าง ๆ มี ความหมายและ ความสําคัญ อยา่ งไร การอ่านวรรณกรรม ข้อ 4 วรรณกรรมรอ้ ยแกว้ 10 4 รอ้ ยแก้ว วรรณกรรมร้อยแก้ว ประเภท บันเทิงคดีมีองค์ประกอบทั้ง 5 องค์ประกอบ คือ แก่นเร่ือง โครง เรื่ อ ง ตั ว ล ะ ค ร ฉ า ก แ ล ะ บรรยากาศ และบทสนทนา สอบกลางภาค 2 5 การประเมนิ ค่า ขอ้ 5 การประเมนิ ค่างานเขยี น 6 งานเขียน การประเมินค่างานเขยี น ลักษณะ ลักษณะบกพร่องของงานเขียนใน แง่มมุ ต่าง ๆ การแสดงทศั นะ ข้อ 6 การแสดงทัศนะเกี่ยวกับหนงั สือ 6 6 เก่ียวกับหนังสือ การแสดงทัศนะเกี่ยวกับ หนังสือ ทางการพูดและการเขียนมีสองวิธี เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าท่ี 76

7 การปฎทิ ศั น์หนงั สือ คือ วิธีแนะนําหนังสือและวิธี 6 10 วิจารณห์ นังสือ 10 10 การวจิ ารณ์หนงั สือ 8 ข้อ 6 การปฎทิ ัศน์หนังสอื 2 20 การปฎิทัศน์หนังสือ เป็นการ 40 100 แสดงทัศนะอย่างง่าย คือ การ บอกให้ผู้อืน่ รจู้ ักหนังสือเลม่ นนั้ ๆ ข้อ 7 การวิจารณ์หนังสือ ก า รวิ จ าร ณ์ ห นั งสื อ คื อ ก า ร กล่าวถึงคุณค่าของหนังสืออย่างมี ห ลั ก เก ณ ฑ์ ก า ร วิ จ า ร ณ์ มี ความสำคัญมากกว่าขะช่วยให้ ผู้อ่านคนอื่น ๆ ได้ทราบถึงความ คิดเห็นทม่ี ตี ่อหนงั สือนั้น สอบปลายภาค รวม เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวธี าภิเศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หน้าที่ 77

รหัสวชิ า ท23202 คำอธิบายรายวิชา ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภาคเรียนที่ 2 รายวชิ า การสือ่ สารภาษาไทยในชวี ติ เวลา 40 ช่ัวโมง ศกึ ษาการสอ่ื สาร ความหมาย องค์ประกอบ ประเภทของการสื่อสาร อปุ สรรคในการส่ือสาร ภาษา กับการส่ือสาร วัจนภาษาและอวัจภาษา การใช้ภาษากิจธุระในชีวิต ความหมายของ กิจธุระและธุรกิจ ขอบข่ายของกิจธุระ ประเภทของกิจธุระ วิเคราะห์ วิจารณ์การใช้ภาษาเพ่ือช่วยให้กิจธุระเกิดผลดีหรือ ผลเสีย ลักษณะของสารรูปแบบต่างๆ สำนวน สุภาษิต คำพังเพย อุปมาอุปไมย บทอาศิรวาท คำขวัญ วิเคราะห์ วิจารณ์สารต่างๆ ท่ีนำมาใช้ส่ือสารในชีวิตประจำวัน เช่น โฉนดท่ีดิน หนังสือรับรอง สัญญาต่างๆ การใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสารกับส่วนราชการ การแจ้งเกิด การแจ้งตาย การกรอกข้อความใน แบบฟอรม์ ต่างๆ เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการส่ือสาร ความหมาย องค์ประกอบ ประเภทของสาร ประเภทของการส่ือสาร อุปสรรคในการส่ือสาร ภาษากับการส่ือสาร วัจนภาษา และ อวัจภาษา การใช้ ภาษากิจธุระในชีวิต ความหมายของ กิจธุระและธุรกิจ ขอบข่ายของกิจธุระ ประเภทของกิจธุระ วิเคราะห์ วิจารณ์การใช้ภาษาเพื่อช่วยให้กิจธุระเกิดผลดีหรอื ผลเสีย ลักษณะของสารรปู แบบต่างๆ สำนวน สภุ าษิต คำพังเพย อุปมาอุปไมย บทอาศิรวาท คำขวัญ วิเคราะห์ วิจารณ์สารต่างๆ ที่นำมาใช้ส่ือสารใน ชีวติ ประจำวัน เชน่ โฉนดทดี่ นิ หนังสอื รบั รอง สัญญาต่างๆ การใชภ้ าษาในการตดิ ตอ่ สอ่ื สารกับสว่ นราชการ การแจ้งเกิด การแจ้งตาย การกรอกข้อความในแบบฟอร์มต่างๆ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง สรา้ งสรรค์ รวมทั้งเหน็ คุณค่าและมีเจตคตทิ ่ีดีตอ่ การสือ่ สารภาษาไทยในชีวติ ผลการเรยี นรู้ 1. เข้าใจความหมาย องค์ประกอบ อุปสรรค และประเภทของการสอื่ สาร 2. สามารถใชว้ ัจนภาษาและอวัจภาษา ในการสอ่ื สารได้อย่างเหมาะสม 3. สามารถวิเคราะหห์ ลักการเขียนจดหมายกจิ ธุระ 4. สามารถสื่อสารภาษาไทยโดยใช้ความเปรยี บได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสม 5. สามารถแสดงความคิดเหน็ เชิงวจิ ารณแ์ ละประเมนิ ค่างานเขียนประเภทต่างๆได้ 6. ใช้ประโยคและสำนวนได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม 7. อ่านขอ้ ความและสัญลักษณ์ตา่ ง ๆ ได้อย่างถูกต้อง 8. เขา้ ใจสารท่ผี ้แู ต่งตอ้ งการสื่อและเห็นคุณค่าของวรรณกรรมที่อ่าน 9. นำความรู้จากการอา่ นมาพัฒนาตนได้ รวมทั้งหมด 9 ผลการเรยี นรู้ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภิเศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หนา้ ที่ 78

รหัสวชิ า ท23202 โครงสร้างรายวชิ า ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชา การส่อื สารภาษาไทยในชีวิต เวลา 40 ช่วั โมง ที่ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั (ช่วั โมง) คะแนน การสื่อสารเบื้องตน้ ข้อ 1 การสอื่ สาร 55 1 การ ส่ือสาร หมายถึง กระบวนการส่ง ข่าวสาร ข้อมูลจากผู้ ส่งข่าวสาร ไปยัง ผู้รับข่าวสาร มี วัตถุประสงค์เพื่อชักจูง ให้ผู้รับ ข่าวสารมีปฏิกิริยาตอบสนอง กลับมา โดยคาดหวังให้เป็นไป ตามท่ีผู้ ส่งตอ้ งการ ประเภทของการสอื่ สาร 2 ประเภทการสอื่ สาร ขอ้ 2 ประเภทของการส่อื สาร 55 ก า ร จํ า แ น ก ป ร ะ เภ ท ข อ ง ก า ร ส่ื อ ส า ร สามารถจําแนกได้หลาย ลักษณะตาม เกณฑ์และวัตถุประสงค์ ท่ีจะนํามา พจิ ารณา ทักษะการรับสาร ขอ้ 3 ทกั ษะการรับสารและทกั ษะการส่งสาร 2 5 3 และทกั ษะ การสง่ สารทักษะการรบั สารและทกั ษะ การสง่ สาร ประเภทของระดับภาษา แ ล ะ ม า ร ย า ท ใน ก า ร ใช้ ภ า ษ า ใน ก า ร ส่ือสาร ในรูปแบบต่าง ๆ เช่จ การเขียน จดหมายกจิ ธุระได้ การใช้ ภ าษ าเพื่ อ ข้อ 2 การใชภ้ าษาเพ่ือการสอื่ สาร 85 4 การส่อื สาร ข้อ 5 การติดต่อสื่อสารที่เป็นไป อย่างมีระบบ โดยใช้วิธกี ารสื่อ ความหมายด้วยการพูด และ อากัปกิริยาท่าทาง เพ่ือเพิ่มพูน ความรู้และความเข้าใจ ประโยคและสาํ นวน ขอ้ 4 ประโยคและสํานวน 8 10 5 ข้อ 6 ความหมายของคา้ ทง้ั ความหมายเฉพาะ และความหมาย เทียบเคียงและเลือกใช้ คาํ ใน ประโยคไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สอบกลางภาค 2 20 การอา่ น ข้อ 7 การอ่าน คือ การรับรู้ข้อความในการ 5 5 6 เขียนของตนเองหรือของ ผู้อื่นรวมถึง เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวีธาภเิ ศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าที่ 79

ภาษาเพอื่ การ การรับรู้ความหมายจาก เครื่องหมาย 5 5 7 สือ่ สาร และสญั ลกั ษณต์ า่ งๆ 5 5 การรบั ข่าวสาร ขอ้ 2 ภาษาเพือ่ การส่อื สาร 5 5 8 การใช้ กาษาในการติดต่อส่ือสาร กิจธรุ ะ 8 10 กับ ส่วน ราชการและองค์กรต่างๆ และ การใชภ้ าษา กรอก ข้อความในแบบฟอรม์ ต่าง ๆ ได้ 2 20 9 ในงานเขยี น 40 100 ขอ้ 8 การรบั ขา่ วสาร 10 การใช้ภาษาในการ ลักษณะของสารในรูปแบบ ค่าง ๆ ท่ีใช้ ส่ือสาร สื่อสารในชีวิตประจําวัน ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เช่น คําขวัญ บทรอ้ ยกรอง บทยาศิรวาท ขอ้ 9 การใช้ภาษาในการเขยี น เอกสารสิทธิและสัญญาท่ี จําเป็นต้องใช้ ในชีวิตประจําวัน แยก ประเภทของ เอกสารสญั ญาต่าง ๆ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ขอ้ 9 การใช้ภาษาในการส่อื สาร การเขียนจดหมายเป็นการ สื่อสาร ที่ มี ข้อเขี ยนเป็น ลักษณะเฉพาะของตนเอง การใช้ ภาษาเขียนจดหมายนั้นต้องใช้ ภาษา ใหเ้ หมาะสม สอบปลายภาค รวม เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หน้าท่ี 80

คำอธบิ ายรายวิชา รหัสวิชา ท23203 รายวิชา นทิ านและเทพปกรณัมในวรรณคดี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน 1.0 หน่วยกติ เวลา 40 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ฝึกทักษะการอ่านคิดวิเคราะห์ ฟังและดู ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับนิทานและตำนานเทพต่าง ๆ ที่ ปรากฏในวรรณคดีอย่างหลากหลาย เช่น เทพปกรณัมในวรรณคดีกรีก-โรมัน อังกฤษ ยุโรปเหนือ อินเดีย และไทย รวมทั้งศึกษาบทบาทของสัตว์และพืชในตำนานต่าง ๆ ฝึกการเขียนบทวจิ ารณ์จากเรื่องที่อา่ นด้วย ทฤษฎีตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ งได้ โดยใช้กระบวนการอ่าน คิดวิเคราะห์ ให้เกิดความเข้าใจ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในกระบวนการ ทำงาน ทักษะการเขยี นเพื่อถ่ายทอดความคิด และสรา้ งสรรคผ์ ลงานของตนเองได้ ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายความเป็นมาของนิทานและเทพปกรณมั ได้ 2. วิเคราะห์ แยกแยะ จดั ประเภทของนิทานและเทพปกรณัมได้ 3. รจู้ ักนทิ านและเทพปกรณมั ที่ปรากฏวรรคดีได้อยา่ งหลากหลาย 4. วิเคราะห์ วจิ ารณ์ นทิ านและเทพปกรณัมได้ 5. เขยี นวเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์นิทานและเทพปกรณัมในวรรณคดไี ดอ้ ย่างมหี ลกั การ รวมทั้งหมด 6 ผลการเรียนรู้ เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวีธาภเิ ศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 81

โครงสร้างรายวชิ า รหัสวชิ า ท23203 รายวิชา นิทานและเทพปกรณมั ในวรรณคดี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 จำนวน 1.0 หน่วยกิต เวลา 40 ชั่วโมง ภาคเรยี นท่ี 1 ท่ี หน่วยการ ผลการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั เรยี นรทู้ ี่ เรยี นรู้ (คาบ) (คะแนน) 1 ความหมายและความ ข้อ 1 ความหมายและความเปน็ มาของนิทาน 2 5 เป็นมาของนิทานและ เทพปกรณัม ข้อ 2 และเทพปกรณัม เทพปกรณัมคือนิทาน หรือเรือ่ งราวท่ีถกู เล่าในเชิงศักดิส์ ิทธ์ิ สืบ ทอดผ่านมาผา่ นพธิ ีกรรมหรือทางศาสนา อาจเล่าถึงพระเจ้า เทพเจ้าและสภาวะ เหนอื ธรรมชาติ การสร้างสรรคม์ นุษย์ สัตว์ และเหตกุ ารณ์หรือสง่ิ สำคัญต่าง ๆ ใน ลักษณะของวรรณกรรมมุขปาฐะซง่ึ มี ความสำคัญต่อวรรณคดีในฐานะของ วตั ถดุ ิบและการสร้างสรรค์ 2 นิทานและเทพปกรณมั ขอ้ 2 นิทานและเทพปกรณมั ตะวันตก กรีก – 6 5 ตะวันตก กรีก – โรมนั ขอ้ 3 โรมัน เทพปกรณัมกรีกและโรมันมบี ทบาท สำคญั ตอ่ ชาวตะวนั ตกเนือ่ งจากกรกี มี ประวตั ิศาสตร์ความเปน็ มาทย่ี าวนานและ เปน็ แหล่งอารยธรรมสมยั โบราณทแ่ี ผ่ ขยายความคิดความเช่ือครอบคลมุ เกือบ ทุกภมู ิภาค ได้แก่ ปรัชญา ประวัติศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ภาษา และวรรณคดี รวมทั้ง ความเชอ่ื เรอ่ื งเทพเจา้ เทวี วรี บรุ ษุ โศก นาฎกรรม สตั วป์ ระหลาดต่าง ๆ ซงึ่ มี อทิ ธพิ ลต่อวรรณกรรมและวรรณคดเี รอ่ื ง ตา่ ง ๆ 3 นทิ านและเทพปกรณมั ขอ้ 2 นิทานและเทพปกรณัมของอังกฤษและ 2 5 ขององั กฤษและ ข้อ 3 ศรสิ ต์ศาสนา คริสตศาสนา เท พ ป ก ร ณั ม ข อ งอั งก ฤ ษ เป็ น ความคิดความเชื่อของกลุ่มชนท่ีอยู่บน เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภิเศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าท่ี 82

4 นทิ านและเทพปกรณมั เกาะอังกฤษโดยบางส่วนมีอิทธิพลทาง 2 5 ของยโุ รปเหนอื ศาสนาเข้ามาผสมผสาน ได้แก่ เรื่องของ 8 10 พ ร ะ เ จ้ า อ า ร์ เธ อ ร์ แ ล ะ อั ศ วิ น โ ต๊ ะ ก ล ม 2 20 5 นิทานและเทพปกรณัม เทวดาตกสวรรค์ น้ำท่วมโลก พ่อมดและ ของอนิ เดีย แม่มด ภูติและนางฟ้าต่าง ๆ ซึ่งเป็น ต้ น แ บ บ ข อ ง ว ร ร ณ ก ร ร ม แ ล ะว ร ร ณ ค ดี สมยั ใหม่ ขอ้ 2 นิทานและเทพปกรณมั ของยุโรปเหนือ ขอ้ 3 เทพปกรณั มของยุโรปเหนือ เป็น ค ว า ม คิ ด ค ว า ม เช่ื อ ข อ ง ช า ว น อ ร์ ส ต้ น ตระกูลของชนเผ่านักรบไวกิ้งซึ่งกล่าวถึง กำเนิดของเทพเจ้าและอาณาจักรต่าง ๆ ได้แก่ โอดิน ธอร์ ทีร์ บัลเดอร์ ไฮม์ดัล ฟริกก์ เฟรย์ เฟรยา โลคี ฯลฯ มหา สงคราม Ragnarok ซึ่งปรากฏมากใน วรรณกรรมและวรรณคดรี ่วมสมยั ขอ้ 2 นทิ านและเทพปกรณมั ของอนิ เดยี ข้อ 3 นิทานและเทพปกรณัมของอินเดีย เป็นเรื่องราวความคิดความเช่ือของชาว อารยันเล่าถึงกำเนิดโลกและกำเนิดเทพ เจ้า สงครามระหว่างเทพและมนุษย์ มี ความสัมพันธ์กับศาสนาพราหมณ์ ฮินดู พระตรีมูรติ พระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ ปางต่าง ๆ ซึ่งส่งอิทธิพล อย่างมากในวรรณกรรมและวรรณคดไี ทย สอบกลางภาค เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวธี าภิเศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หนา้ ที่ 83

ที่ หนว่ ยการ ผลการ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั (คาบ) (คะแนน) เรยี นรูท้ ่ี เรียนรู้ท่ี คาดหวงั 6 นิ ท า น แ ล ะ เท พ ข้อ 2 นทิ านและเทพปกรณัมของไทย 8 10 10 ปกรณัมของไทย ข้อ 3 นิทานและเทพปกรณัมของไทย คือความคิด ความเชื่อของคนไทยเก่ียวกับเทพเจ้า การสรา้ งโลก และกำเนิดมนุษย์ซึ่งมีความคล้ายคลึงและแตกต่าง กันไปในแต่และภูมิภาค ได้แก่ เร่ืองน้ำเต้าปุง พระ ยาแถน พระแม่โพสพ พระแม่คงคา พระแม่ธรณี ซงึ่ ปรากฏอยู่มากในวรรณกรรมและวรรณคดีไทย 7 บทบาทของสัตว์ ข้อ 2 บทบาทของสัตวแ์ ละพืชในนทิ านปรัมปรา 4 และพชื ในนทิ าน ขอ้ 3 สัตว์และพืชมีบทบาทมากมายนิทานปรมั ปราซงึ่ ปรมั ปรา มกั นำมาสร้างเป็นเร่ืองราวในวรรณคดี เช่น ตน้ มักรี ผล ว่าน สมุนไพร สัตว์หมิ พานต์และสัตวใ์ น ตำนานและเทพนิยายต่าง ๆ ซงึ่ เปน็ อนภุ าคและ วตั ถดุ ิบสำคัญในการสร้างสรรค์วรรณกรรมและ วรรณคดี 8 การวเิ คราะหน์ ิทาน ขอ้ 4 การวิเคราะหน์ ิทานและเทพปกรณมั 4 10 และเทพปกรณัม ขอ้ 5 วเิ คราะห์และถ่ายทอดความคดิ เกยี่ วกบั นทิ าน และเทพปกรณัมในเชงิ วรรณกรรม เชิงสญั ลักษณ์ เพ่ือเข้าใจความเป็นสากลของจติ ใจมนษุ ย์เพอื่ เรยี นรู้และนำมาปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวัน สอบปลายภาค 2 20 รวม 40 100 เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวีธาภิเศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หน้าท่ี 84

รหสั วิชา ท23204 คำอธบิ ายรายวชิ า ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 จำนวน 1.0 หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี 2 รายวชิ า ตำนานพนื้ บา้ น เวลา 40 ชั่วโมง ฝึกทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับตำนานพื้นบ้านสากลและตำนาน พื้นบ้านของประเทศไทย โดยกระจายตามท้องถิ่นต่าง ๆ แยกเป็นกลุ่มใหญ่ อาทิ ภาคเหนือ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคใต้ ท่ีปรากฏโดยสังเขป ศึกษา แนวทางในการวิเคราะห์ตำนานพื้นบ้านเพ่ือเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าตำนานพ้ืนบ้าน และสามารถใช้ ทักษะการพูดเพื่อนำเสนอเร่ืองราว อธิบายความรู้ต่าง ๆ สามารถเข้าใจการใช้ภาษา ความแตกต่าง ความ เหมือน และลักษณะเด่นของตำนานพ้ืนบ้านแต่ละท้องที่ เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจความเป็ นมา ลกั ษณะ และเลง็ เหน็ คุณค่าของตำนานพน้ื บ้านในฐานะท่เี ปน็ วรรณกรรมมขุ ปาฐะที่ควรอนุรกั ษ์ โดยใช้กระบวนการอ่าน คิดวิเคราะห์ ให้เกิดความเข้าใจ ใช้กระบวนการทำงานเป็นทีม การใช้ ทกั ษะการพูด และสามารถนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันอยา่ งมีคุณธรรม และเขา้ ใจรากเหง้าความเปน็ ไทย ผลการเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ทีม่ า เนื้อหา ของตำนานพน้ื บา้ นแตล่ ะเร่ืองได้ 2. บอกแนวทางในการวเิ คราะห์ตำนานพ้ืนบา้ นสากลและตำนานพนื้ บา้ นไทยได้ 3. วเิ คราะห์ตำนานพ้นื บ้านได้ 4. เขียนรายงานการศึกษาคน้ คว้าเกีย่ วกบั ตำนานพื้นบ้านที่ปรากฏในแตล่ ะท้องถิ่นได้ 5. เหน็ คุณคา่ ทีป่ รากฏอยู่ในตำนานพื้นบ้านของทอ้ งถ่นิ ได้ รวมท้ังหมด 5 ผลการเรียนรู้ เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หนา้ ท่ี 85

รหสั วิชา ท23204 โครงสรา้ งรายวชิ า ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชา ตำนานพืน้ บ้าน เวลา 40 ชวั่ โมง ที่ หน่วยการ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั เรยี นรูท้ ี่ (คาบ) (คะแนน) ที่คาดหวัง 1 ความรู้ทัว่ ไป 2 5 เรอ่ื งเลา่ ขอ้ 1 ความรู้ทว่ั ไปเรื่องเลา่ พนื้ บา้ น พืน้ บ้าน 2 5 เรือ่ งเลา่ พ้ืนบ้านคือเร่ืองเล่าท่ี 2 ที่มา ความหมาย มนุษย์เลา่ สกู่ นั ฟงั เปน็ เร่อื งเก่าแก่ และ ความสำคญั ก่อนประวัตศิ าสตร์ ฝงั ตัวเองอยใู่ น ของตำนาน จินตนาการของมนุษย์ เปน็ รปู แบบ บันเทงิ คดีเก่าแก่ ถอื เปน็ มรดกตก ทอดและผลผลิตของมนุษย์ เกิดจาก จนิ ตนาการและภมู ิปญั ญาจากการ แสดงออกด้านความคิด ความรู้ และประสบการณ์ของมนษุ ยชาติ ข้อ 1 ที่มาความหมายและความสำคญั ของ ตำนาน ตำนานเป็นเรื่องเล่าพื้นบ้านโดย เรื่ อ ง เชื่ อ ว่ า เกิ ด ข้ึ น จ ริ ง ท า ง ประวัติศาสตร์ ความหมายของ ต ำ น า น มี ห ล า ย นิ ย า ม จ า ก ก า ร ใ ห้ ความหมายจากนักวิชาการทั้งไทย และต่างประเทศ เช่น โรเบิร์ต เอ จอร์เจส เฮดา เจสัน ลินดา เดก ลทุ ซ์ โรห์รชิ แฮโรลด์ บรุนแวนด์ ดร.ก่ิงแก้ว อัต ถากร คุณหญิง กุหลาบ มัลลิกะมาส เป็น ต้น โดยตำนานจะเป็นตัวเล่าเร่ือง ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณี และโชคลาง ซึ่งในแต่ละท้องถ่ินก็มี ตำนานทีแ่ ตกต่างกันไป บางทอ้ งถ่นิ ก็ มีลักษณะคล้ายคลึงกันซึ่งให้ความ บนั เทิง ชว่ ยเสรมิ สรา้ งจินตนาการ ผ่อนคลายความเก็บกดและความคับ ขอ้ งใจ เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวีธาภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หน้าที่ 86

3 ภูมหิ ลงั และ และช่วยปลกู ฝนั จริยธรรม 7 10 โครงสร้างของ ตำนานพ้ืนบ้าน ข้อ 1-5 ภูมหิ ลังและโครงสรา้ งของตำนาน 7 10 พ้นื บ้าน 2 20 4 ขอบเขตเน้อื หา ตำนานเปน็ เร่อื งเลา่ ทม่ี ีรปู แบบ 5 10 และการจำแนก เฉพาะ มลี ักษณะเป็นปัจจบุ นั อยู่ 5 10 ประเภทของ เสมอ แมจ้ ะเปน็ เปน็ เหตกุ ารณที่ ตำนาน เกิดขึ้นในอดีต เปน็ พื้นฐานของ ความรสู้ กึ นกึ คดิ และเช่ือถือของคนใน 6 ตำนานทอ้ งถ่นิ สังคม ทำให้มองเห็นชีวติ ความ ภาคกลาง เปน็ อย่แู ละลักษณะของการอยู่ ร่วมกนั ของคนในสังคม โดยมีภูมิ 7 ตำนานทอ้ งถิน่ หลังมาจากความรักและความ ภาคใต้ ภาคภมู ิใจในบุคคลหรือความเชอ่ื เรือ่ งผู้มีบญุ ความเชื่อในส่ิงเหนอื ธรรมชาติ เหตุการณใ์ น ประวัตศิ าสตร์ ความลึกลับ ข่าวลือ และเรือ่ งโจษจัน ความบนั ดาลใจ และจนิ ตนาการ ความเชื่อทาง ศาสนา โดยโครงสรา้ งตำนาน ประกอบไปดว้ ย โครงเรื่อง ตัวละคร และฉาก ขอ้ 1-5 ขอบเขตเน้ือหาและการจำแนก ประเภทของตำนาน ตำนานประจำถ่นิ ของภาค อีสาน เป็นเร่อื งลา่ เกย่ี วข้องกับความ เช่อื พ้ืนบ้าน ความศกั ด์ิสทิ ธ์ิ เทพเจา้ คน สตั ว์ และวัตถุตา่ ง ๆอธบิ าย เหตกุ ารณต์ า่ ง ๆ สอบกลางภาค ข้อ 1-5 ตำนานท้องถิน่ ภาคกลาง ตำนานประจำถ่ินในภาคกลาง ปรากฏอยู่มากมาย โดยเฉพาะลมุ่ แมน่ ำ้ และชายฝ่ังทะเล เปน็ ตำนานที่ เกย่ี วขอ้ งกบั วฒั นธรรม ความเชื่อ ประเพณีในท้องถ่ิน อาทิ เก่ียวกบั ความศักดส์ิ ทิ ธิข์ องพระ จระเข้ ภูมิศาสตร์ตา่ ง ๆ ขอ้ 1-5 ตำนานท้องถิ่นภาคใต้ ตำนานภาคใต้มักเก่ียวกับขอ้ ง เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภิเศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 87

8 ตำนานท้องถ่ิน ข้อ 1-5 กบั การอธิบายภมู ศิ าสตร์ ความเช่ือ 4 5 ภาคตะวนั ออก ข้อ 1-5 ต่าง ๆ ตำนานการสรา้ งเคหะสถาน และภาค หรือความศักดิส์ ิทธิข์ องพระเกจชิ อ่ื ดงั 4 5 ตะวันตก เชน่ ตำนานเกาะหนู เกาะแมว ตำนานเจ้าแมล่ ม้ิ กอเหนีย่ ว เปน็ ต้น 2 20 9 ตำนาน 40 100 ตะวนั ตก ตำนานทอ้ งถิ่นภาคตะวนั ออกและ ภาคตะวนั ตก ตำนานทปี่ รากฏอยู่ในท้องถน่ิ ของภาคตะวันออกและภาคตะวันตก ทสี่ บื ทอดกันต่อ ๆ มา เพื่ออธิบาย เหตกุ ารณ์ หรอื ปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติต่าง ๆ มีเอกลกั ษณ์ เฉพาะตัว เช่น ตำนานเจา้ แม่สามมุข- เจ้าพ่อแสน เป็นต้น ตำนานตะวนั ตก กลา่ วถงึ ตำนานทีป่ รากฏอยู่ทาง ซกี โลกตะวนั ตก เพื่ออธบิ ายความ เปน็ มา ประวัตศิ าสตร์ เหตุการณ์ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ความ เชื่อ ความศรัทธา เป็นการรวบรวม ตำนานของซกึ โลกตะวนั ตกมาอธบิ าย ไว้ สอบปลายภาค รวม เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หน้าท่ี 88

รหัสวิชา ท23205 คำอธิบายรายวิชา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภาคเรียนท่ี 1 รายวชิ า วรรณคดวี ิจักษณ์ เวลา 40 ชวั่ โมง ฝึกทักษะการอ่านวรรณคดีเชิงวิจักษณ์ รวมทั้งศึกษาแนวทางต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ ตีความ วรรณกรรมและวรรณคดีอย่างหลากหลายท้ังร้อยแก้วและร้อยกรองชนิดต่าง ๆ รวมถึงบอกความสัมพันธ์ ระหว่างวรรณคดีกบั ศาสตร์อื่น ๆ ได้ โดยใช้กระบวนการอ่าน คิดวิเคราะห์ ให้เกิดความเข้าใจ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในกระบวนการ ทำงาน ทักษะการเขียนเพ่ือถา่ ยทอดความคดิ และสรา้ งสรรค์ผลงานของตนเองได้ ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายขั้นตอนในการวจิ ักษณ์วรรณคดีได้ 2. วิเคราะห์ แยกแยะ จดั ประเภทของวรรณคดไี ด้ 3. บอกความสัมพนั ธร์ ะหว่างวรรณคดีกบั ศาสตรอ์ นื่ ๆ ได้ 4. แนวคิดตา่ ง ๆ ในการวจิ กั ษณ์วรรณคดไี ด้ 5. วจิ กั ษณว์ รรณคดีโดยใช้แนวคิดต่าง ๆ ท่ีศึกษาได้ 5. เขียนวเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดีได้อย่างมหี ลักการ รวมทั้งหมด 6 ผลการเรียนรู้ เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวธี าภเิ ศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หน้าท่ี 89

รหัสวิชา ท23205 โครงสร้างรายวิชา ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ภาคเรียนท่ี 1 รายวิชา วรรณคดวี จิ ักษณ์ เวลา 40 ชวั่ โมง ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั (ชัว่ โมง) คะแนน วจิ กั ษ์วรรณคดี ข้อ 1 การวิจักษณว์ รรณคดี คือการอา่ น 5 10 1 วรรณคดี โดยใช้ความคิดพิจารณาไตร่ตรอง กล่ันกรองแยกแยะและแสวงหาเหตผุ ล เพอื่ ประเมินคณุ คาของวรรณคดีไดอยาง มีเหตุผล และพิจารณาได ประเภทวรรณคดี ขอ้ 2 ประเภทของวรรณคดี 8 10 2 วรรณคดี แบ่งไดห้ ลายประเภท เช่น กวนี ิพนธ์ คือ เรื่องท่ีแต่งเปน็ โคลง ฉนั ท์ กาพยกลอน รา่ ย ละครไทย คือ เร่อื งท่ี แต่งเปน็ กลอนแปด มีกำหนดหนา้ พาทย์ นทิ าน คอื เร่ืองราวอนั ผูกขนึ้ และแตง่ เปน็ ร้อยแก้ว ละครพดู คือ เรือ่ งราวท่ี เขียนเพ่ือใช้แสดงบนเวที อธิบาย (essay หรอื pamphlet) คือ การแสดง ด้วยศลิ ปวิทยา หรอื กิจการอย่างใด โดย แต่ละประเภทจะมีธรรมชาติและ ลกั ษณะแตกตา่ งกันออกไป สานสมั พันธ์ ข้อ 3 วรรณคดีมคี วามสัมพนั ธก์ บั ศาสตร์อื่น ๆ 5 10 3 วรรณคดี เช่น ศลิ ปะ ดนตรี วาทศลิ ป์ นาฎศิลป์ สถาปตั ยกรรม ฯลฯ ดังประโยคที่ว่า ศิลป์ส่องทางแก่กัน สอบกลางภาค 2 20 แนวคดิ ในการ ข้อ 4 แนวคิดในการวิจักษณว์ รรณคดี การ 5 10 4 วจิ กั ษณ์ วจิ ักษณ์วรรณคดีอาจมองเพียงแคต่ วั บท วรรณคดโี ดยการอ่านและละเอยี ดหรอื การใช้สภาพสังคมในช่วงน้ันรว่ มด้วย 5 แนวคดิ สกู่ าร ข้อ 5 การประยุกต์แนวคิดในการวิจักษณ์ ประยกุ ต์ วรรณคดี โดยนำวิธีคิดมาจบั กับตวั บท 5 10 วรรณคดดี ้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ อยา่ ง หลากหลาย เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภิเศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หนา้ ท่ี 90

วิจกั ษณว์ รรณคดีสู่ ขอ้ 6 เขียนวิเคราะหแ์ ละวิจารณว์ รรณคดีใน 8 10 6 ปลายปากกา ลักษณะของเรยี งความสามส่วน โดยมี การยอ่ เรื่อง เสนอประเด็นในการ 2 20 วิเคราะห์ ยกข้อความในตัวบท 40 100 ประกอบการใหต้ ัวอย่าง สอบปลายภาค รวม เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวีธาภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หน้าที่ 91

รหัสวิชา ท23203 คำอธบิ ายรายวิชา ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 1.0 หน่วยกติ ภาคเรยี นที่ 2 รายวิชา คติชาวบ้าน เวลา 40 ชัว่ โมง ศกึ ษาความหมายของคติชาวบ้าน ความสัมพันธข์ องภาษาไทยกับวัฒนธรรม ตลอดจนคติชาวบ้าน ประเภทตา่ ง ๆ เช่น บทกลอนสำหรับเด็ก เพลงชาวบ้าน สุภาษติ สำนวน คำพังเพย ปริศนาคำทาย ตำนาน พื้นบ้าน นิทานพื้นบ้าน ความเช่ือโชคลาง การละเล่นของเด็ก เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจสะท้อนให้เห็น ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้โดยเฉพาะความสำคัญของภาษาไทยในการสืบ ทอดวัฒนธรรมไทยอนั เป็นเอกลักษณข์ องชาตไิ ทย โดยใช้กระบวนการอ่านคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ เพื่อให้เกิด ความรู้ ความเข้าใจ สามารถใช้ภาษาในการส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสม ซาบซ้ึง ตระหนักใน คุณค่าและรักษาภาษาไทยในฐานะมรดกทางวฒั นธรรม ผลการเรียนรู้ 1. บอกความหมายของคตชิ าวบ้านได้ 2. จำแนกคตชิ าวบา้ นประเภทตา่ ง ๆ ได้ 3. อธิบายคตชิ าวบา้ นแตล่ ะประเภทได้ 4. วเิ คราะหค์ ตชิ าวบ้านแตล่ ะประเภทได้ 5. สบื สานคติชาวบา้ นผา่ นการนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ ได้ รวมทั้งหมด 5 ผลการเรียนรู้ เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภิเศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หน้าท่ี 92

รหัสวิชา ท23203 โครงสร้างรายวิชา ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน 1.0 หน่วยกิต ภาคเรียนที่ 2 รายวิชา คตชิ าวบา้ น เวลา 40 ชัว่ โมง ท่ี ชื่อหน่วยการ ผลการ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั เรียนรูท้ ี่ เรียนรู้ ข้อ 1 (คาบ) (คะแนน) 1 ความหมายและ ลักษณะทั่วไปของ ขอ้ 1 ความหมายและลกั ษณะทัว่ ไปของ 2 5 คตชิ าวบา้ น คติชาวบา้ น ข้อ 2-3 2 ธรรมชาตขิ องคติ คติชาวบ้านคือความคิด ชาวบ้าน ข้อ 2-3 ความเชอ่ื และแนวทางปฏิบตั ิของ กล่มุ ชนทสี่ ืบถอดผ่านพธิ ปี รัมปรา 3 ประเภทของคติ และวธิ ีแบบมขุ ปาฐะ ชาวบ้าน ธรรมชาติของคติชาวบ้าน 25 4 เพลงกล่อมเดก็ เพลงรอ้ งเล่น คตชิ าวบา้ นท่ีถูกส่งตอ่ มาด้วย วธิ ีบอกเล่าดว้ ยปากอาศัยความจำ ของกล่มุ ชน ต่อมามกี ารบันทึกเป็น ลายลักษณ์อักษรจึงมีความเหมอื น และต่างกันไปตามแตส่ ำนวน ประเภทของคตชิ าวบา้ น 25 คติชาวบ้านเป็นข้อมูลทางคติ ช น วิ ท ย า แ บ่ งอ อ ก เป็ น ห ล าย ประเภท เช่น เพลงกล่อมเด็ก เพลง ร้องเล่น การละเล่นพื้นบ้าน สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย ปริศนาคำ ทาย เพลงพ้ืนบ้าน นิทานพ้ืนบ้าน ตำนานพนื้ บา้ น นิทานปรัมปรา เพลงกล่อมเด็ก เพลงร้องเลน่ 25 เพลงกล่อมเด็กและเพลงร้อง เล่น คือ เพลงท่ีแสดงออกถึงภูมิ ปัญญาในการเล้ียงดูเด็ก จากส่งผ่าน เร่ืองราวต่าง ๆ ของชุนชุม สังคม เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวีธาภิเศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรุง 2564) หน้าท่ี 93

บ้างก็มีการซ่อนสัญลักษณ์ต่าง ๆ ใน เชงิ ล้อเลยี น เสียดสี 5 สำนวน สุภาษิต ข้อ 2-3 สำน วน สุภ าษิ ตและคำพั งเพ ย 2 10 และคำพังเพย สำนวน สุภาษิต และคำพังเพยเป็น 2 20 4 5 คติชาวบ้านท่ีแสดงของถึงภูมิปัญญา ทางภาษา อาศัยการเปรยี บเทยี บ ใช้ คำน้อยกินความมาก สะท้อนอัต ลักษณแ์ ละวถิ ชี ีวติ ของคนไทย สอบกลางภาค 6 ปรศิ นาคำทาย ข้อ 2-3 ปริศนาคำทาย ปริศนาคำทายคอื สง่ิ หรอื ถ้อยคำทผ่ี ูกขน้ึ เป็นเงื่อนงำ เพ่อื ให้แก้ให้ทาย เง่ือนปมปญั หาใน ปริศนาสว่ นใหญ่ม่งุ เน้นเพอ่ื ทดสอบ เชาวนป์ ัญญา ซง่ึ แตกต่างกนั ไปใน แต่ละท้องถ่นิ 7 เพลงพืน้ บ้าน ขอ้ 2-3 เพลงพื้นบา้ น เพลงของชาวบ้านทจี่ ดจำสืบ 4 5 ทอดกันมาแบบปากเปลา่ ใช้ร้องเล่นเพ่ือ 8 5 ความสนกุ สนานรน่ื เริง โดยใช้คำทีง่ า่ ยๆ เนน้ เสยี งสมั ผสั และจงั หวะการรอ้ งเปน็ สำคญั เพลงพื้นบ้านมีลกั ษณะเฉพาะ คือ เป็นเพลงทีช่ าวบา้ นอาศยั การฟงั และจำตอ่ มาถึงเขียนเป็นลายลกั ษณอ์ ักษร เพลงแต่ ละภาคสะท้อนถึงวัฒนธรราและภมู ปิ ญั ญา ทางภาษาของแตล่ ะท้องถิน่ 8 นทิ านพื้นบ้าน ข้อ 2-3 นิทานพ้นื บา้ น ตำนานพ้นื บ้านและนิทาน ตำนานพ้นื บา้ น ปรมั ปรานทิ านพ้นื บา้ น ตำนานพื้นบา้ น และนิทานปรมั ปรา และ นทิ านปรมั ปราเปน็ คติชาวบา้ น ประเภทเรอื่ งเล่าพน้ื บา้ นเป็นเรื่องราวที่ เลา่ สบื ต่อกนั มาซึง่ อาจไมม่ บี ันทกึ เปน็ หลกั ฐาน เน่ืองจากสมัยโบราณไม่มคี วาม บันเทิงในรปู แบบอ่ืนในสังคมหลาย วัฒนธรรมใชก้ ารเล่าเรอื่ งสูก่ ันฟังซ่ึงมกั เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวีธาภเิ ศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หนา้ ที่ 94

เป็นเรือ่ งราวจากจนิ ตนาการแสดงความ เชื่อของชาวบา้ นและมักไดร้ ับการบนั ทึก หรือตพี ิมพภ์ ายหลัง 9 การละเล่นพืน้ บ้าน ข้อ 2-3 การละเลน่ พื้นบ้าน การละเล่นพนื้ บา้ น 2 5 เป็นกจิ กรรมนนั ทนาการประเภทเกม ท่ี 10 การศกึ ษาและ สามารถสง่ เสริม พฒั นา อารมณส์ ุข 4 5 วิเคราะหค์ ติ สนกุ สนาน การละเลน่ พืน้ บา้ นของไทย 4 5 ชาวบา้ น เปน็ กิจกรรมทีย่ อมรับรว่ มกันในสังคมวา่ 2 20 เปน็ ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ มีการถ่ายทอดจาก 40 100 11 การสบื สานคติ คนรนุ่ หน่งึ ไปยังคนอีกรุ่นหนึง่ การละเลน่ ชาวบา้ น พนื้ บ้านเป็นกจิ กรรมท่เี น้นความ สนุกสนานไมเ่ น้นการแพช้ นะ จงึ มีคุณค่า และมีสว่ นสำคญั ในการหล่อหลอมให้เด็ก เติมโตเป็นคนดีของสังคม ขอ้ 4 การศึกษาและวเิ คราะห์คตชิ าวบา้ น ศึกษา ขอ้ มูลคติชนดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ เช่น การ วิเคราะห์ ตีความ การใชท้ ฤษฎเี บอ้ื งต้นที่ เกยี่ วข้อง เช่น จติ วิทยา สังคมวิทยา ปรัชญา ภาษาศาสตรเ์ บ้อื งตน้ เพอ่ื ทำ ความเขา้ ใจขอ้ มลู ทางคติชนไดด้ ขี ึน้ ขอ้ 5 การสืบสานคตชิ าวบ้าน ศกึ ษาวิธีการจดั แสดงข้อมูลคตชิ าวบ้านด้วยวิธตี ่าง ๆ อย่างเป็นระบบเพ่ือสืบสานคตชิ าวบา้ นซงึ่ ถือว่าเปน็ มรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่ ควรค่าตอ่ การอนุรักษ์ สอบปลายภาค รวม เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรียนทวธี าภเิ ศก บางขนุ เทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หนา้ ที่ 95

รหัสวชิ า ท23201 คำอธิบายรายวชิ า ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน 1.0 หน่วยกิต ภาคเรียนท่ี 1 รายวิชา วาทศิลป์ เวลา 40 ช่ัวโมง ศกึ ษาการพดู ต่อหน้าชุมชนใชภ้ าษาในการสื่อสารเพ่ือสร้างมนุษยสัมพนั ธ์ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งกบั กาลเทศะใชภ้ าษาสภุ าพ ถกู ต้องตามฐานะของบุคคลคิดไตร่ตรองและลำดบั ความคิดก่อนพูด พดู โนม้ น้าว ใจดว้ ยการเลอื กใช้ถ้อยคำที่สร้างความรสู้ กึ ท่ีดีมมี ารยาทในการพูด การพูดในชีวติ ประจำวัน ใชว้ จนภาษา และอวจั นภาษา ในการติดต่อสื่อสารเพ่อื สรา้ งมนุษยสมั พนั ธ์ไดถ้ ูกต้องเหมาะสมกับ กาลเทศะสามารถอยูร่ ว่ มกบั บุคคลในสังคมได้อย่างมีความสุข ผลการเรยี นรู้ 1. พดู ในโอกาสต่าง ๆได้อย่างเหมาะสม 2. พูดโน้มน้าวใจได้ 3. พดู สนุ ทรพจน์ได้ 4. พดู โตว้ าทีได้ 5. แสดงมารยาทในการพูดโดยใชภ้ าษาสุภาพ ถกู ต้องตามฐานะของบุคคลคดิ ไตร่ตรองและลำดับ ความคดิ ก่อนการพูด รวมทง้ั หมด 5 ผลการเรียนรู้ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวธี าภิเศก บางขนุ เทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรุง 2564) หน้าที่ 96

รหัสวิชา ท23201 โครงสร้างรายวชิ า ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 จำนวน 1.0 หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี 1 รายวชิ า วาทศลิ ป์ เวลา 40 ชั่วโมง ที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนัก ทค่ี าดหวัง (ชว่ั โมง) คะแนน 1 มารยาทในการพดู ขอ้ 1 ขอ้ 5 - มารยาทในการพูด 4 10 -ศลิ ปะการใชน้ ้ำเสียงและถ้อยคำ -บุคลิกทด่ี ขี องผู้พดู 2 การพูดในโอกาสตา่ ง ข้อ 1 -องค์ประกอบของการพูดใน 8 10 ๆ โอกาสตา่ ง ๆ - การพูดกล่าวคำแนะนำ -ก า ร ก ล่ า ว ใ ห้ เกี ย ร ติ ห รื อ ม อ บ รางวลั -การกล่าวต้อนรบั -การกลา่ วอวยพร -การกล่าวไวอ้ าลัย -การกลา่ วขอบคณุ -การกลา่ วอำลา 3 การพูดโนม้ นา้ วใจ ขอ้ 2 -หลักการพดู โนม้ น้าวใจ 6 10 -การใช้คำพูดที่ดึงดูดและโน้ม 2 20 10 15 นา้ วใจ 8 15 -การนำมาปรบั ใช้ในชวี ติ 2 20 สอบกลางภาค 40 100 4 การพูดโต้วาที ขอ้ 4 -หลกั การพดู โตว้ าที -องคป์ ระกอบของการโตว้ าที -วิธีการโตว้ าที -เทคนคิ การโตว้ าที -การนำมาปรบั ใชใ้ นชีวิต 5 การกลา่ วสนุ ทรพจน์ ข้อ 3 -หลักการและความสำคัญของ การกลา่ วสุนทรพจน์ - ข้นั ตอนการกลา่ วสุนทรพจน์ -ก า ร น ำ ไ ป ป รั บ ใ ช้ ใ น ชีวิตประจำวัน สอบปลายภาค รวม คำอธิบายรายวิชา เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรียนทวีธาภิเศก บางขุนเทียน พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ท่ี 97

รหสั วิชา ท23202 รายวชิ า การเขียนเชงิ วชิ าการ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 จำนวน 1.0 หน่วยกิต เวลา 40 ชัว่ โมง ภาคเรยี นที่ 2 ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ---- ศึกษาความหมายรูปแบบความเรียงข้ันสูง ฝึกเขียนโครงเรื่อง เขียนความนำ เขียนสรุป และเขียน ความเรียงตามหัวข้อที่กำหนดหรือตามหัวข้อที่เลือกเองเพื่อให้นักเรยี นเขียนความเรียงชั้นสูงโดยเลอื กใช้คำ ระดับภาษา โวหาร ได้ถูกต้องเหมาะสมตามเร่ืองและจุดประสงค์ในการเขียน ใช้เครื่องหมายวรรคตอนได้ ถูกต้องมีมารยาทในการเขียน มีการอ้างอิงข้อมูลสารสนเทศได้ถูกต้อง ทั้งสามารถทบทวนและปรับปรุงงาน เขียนของตนเองได้ ผลการเรียนรู้ 1. บอกความหมายและรูปแบบของเรียงความชั้นสงู ได้ 2. เลอื กใชค้ ำไดถ้ ูกต้อง 3. ใช้คำให้ถกู ต้องตามระดับของภาษา 4. ใชเ้ คร่อื งหมายวรรคตอนไดถ้ กู ต้อง 5. ใชโ้ วหารในการเขียนได้ถูกตอ้ ง 6. เขียนโครงเรอื่ งความเรียงได้ 7. เขยี นความเรยี งตามหวั ข้อที่กำหนดหรอื เลือกเองได้ 8. อ้างองิ ขอ้ มูลสารสนเทศได้ถูกต้อง รวมท้ังหมด 8 ผลการเรียนรู้ เอกสารประกอบหลกั สตู ร โรงเรยี นทวีธาภิเศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรับปรงุ 2564) หนา้ ที่ 98

รหัสวชิ า ท23202 โครงสร้างรายวชิ า ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน 1.0 หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชา การเขียนเชงิ วชิ าการ เวลา 40 ชวั่ โมง ที่ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั ท่ีคาดหวงั (ชัว่ โมง) คะแนน 1 ความรพู้ น้ื ฐานเกยี่ วกับ ข้อ 1 ศกึ ษาความรู้พื้นฐานเกีย่ วกับการ 10 15 การเขยี นเชงิ วชิ าการ เขยี นเชงิ วชิ าการ ประเภทของ งานเขียนเชิงวชิ าการ การ วางแผนการเขยี นงานเชิงวชิ าการ 2 ภาษาไทยสำหรบั ขอ้ 2,4 ศึกษาการภาษาเชงิ วิชาการ 8 15 งานเขยี นเชงิ วิชาการ ลกั ษณะภาษาเชงิ วิชาการ การ 2 20 10 15 และระดับภาษา บัญญตั ศิ ัพท์ การทับศัพท์ การ 8 15 นยิ ามศพั ท์ การใช้เคร่ืองหมาย วรรคตอน การใชค้ ำและรูปแบบ ประโยค สอบกลางภาค 3 งานเขยี นเชิงวิชาการ ขอ้ 3,5 ศกึ ษางานเขียนเชิงวิชาการ ประเภทความเรียง ประเภทความเรียง สารคดีและ สารคดี และบทความ บทความทางวชิ าการ ศึกษา ทางวิชาการ รปู แบบ วธิ กี ารและแนวทางการ เขียนและนำองค์ความรู้ไปใช้ใน งานเขยี นรูปแบบต่าง ๆ -การนำมาปรับใชใ้ นชีวติ 4 งานเขียนเชงิ วิชาการ ข้อ 6,7,8 การเขยี นรายงานวิชาการเปน็ ประเภทรายงาน กระบวนการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมี การศึกษาค้นคว้า ระบบขน้ั ตอนเพอ่ื ให้ได้ผล การศกึ ษาที่ถูกต้องและน่าเช่ือถอื ซ่งึ ส่วนประกอบของรายงานเป็น องคป์ ระกอบสำคัญทำให้รายงาน วิชาการมีความครบถ้วนสมบูรณ์ ตามรูปแบบการเขยี นงานวชิ าการ สอบปลายภาค 2 20 รวม 40 100 เอกสารประกอบหลักสตู ร โรงเรยี นทวธี าภเิ ศก บางขุนเทยี น พ.ศ. 2553 (ปรบั ปรงุ 2564) หน้าท่ี 99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook