Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา

รวมกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา

Published by flowerz_uk, 2019-12-23 23:06:14

Description: รวมกฎหมาย ว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา

Search

Read the Text Version

ตัวอยา่ งหนงั สอื ขอลาออกจากราชการ เขยี นที่ ................................. วนั ที่ ........ เดอื น .......................... พ.ศ. ....... เร่อื ง ขอลาออกจากราชการ เรียน (ผมู้ ีอาํ นาจส่งั บรรจ)ุ ดว้ ยขา้ พเจา้ ..........................................................ปัจจุบนั ดาํ รงตาํ แหนง่ ......................................... .........................................................สํานัก/กลมุ่ ..................................สาํ นกั งาน...................................................... มีความประสงคข์ อลาออกจากราชการเพราะ.............................................................................................................. .................................................................................................................................................................................... ขา้ พเจา้ มีภาระผกู พันกบั ทางราชการและผทู้ ี่เก่ียวข้องตามเอกสารแนบ ไม่มีภาระผกู พนั กบั ทางราชการและผทู้ ่ีเกี่ยวข้อง จึงเรยี นมาเพ่อื ขอลาออกจากราชการต้ังแตว่ นั ท่ี ...... เดอื น .............................พ.ศ. .......... ขอแสดงความนบั ถอื ความเหน็ ผบู้ งั คบั บัญชาตามลาํ ดบั (ลงช่อื ) ................................................... ไดร้ บั หนงั สือขอลาออกเม่ือวนั ท.ี่ ............เวลา.......น. เป็นกรณีย่นื หนงั สือขอลาออกลว่ งหนา้ (................................................) ไมน่ ้อยกวา่ ๓๐ วัน น้อยกวา่ ๓๐ วัน คาํ สง่ั ของผมู้ ีอาํ นาจอนุญาตการลาออก อนญุ าต เห็นควร อนุญาต ต้งั แตว่ ันท.ี่ .......................... ยับย้ังการลาออกไวจ้ นถึง เนื่องจาก ................................................................ วันท.ี่ ........................................................... อ่นื ๆ........................................................... ยับยงั้ การลาออกไวจ้ นถงึ วนั ท.ี่ .......... .................................................................... เน่อื งจากจาํ เป็นเพอื่ ประโยชนแ์ กร่ าชการ เพราะ .................................................................... ................................................................................ ................................................................................ (ลงชื่อ)................................................ ................................................................................ (..............................................) อนื่ ๆ ............................................... (ตําแหน่ง)........................................... (ลงชอื่ ).................................................................... วนั ท.่ี .....เดือน......................พ.ศ. ...... (..............................................................)   (ตาํ แหนง่ ) .............................................................. วันท.่ี .........เดือน................................พ.ศ. ............  - 197 -

หมายเหตุ ๑. ตามระเบียบ ก.ร. วา่ ดว้ ยการลาออกจากราชการของข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๕ วรรค ๑ กรณีที่เห็นว่าจําเป็นเพ่ือประโยชน์แก่ราชการ หมายถึง อาจเกิดความเสียหายแก่ราชการได้ หากมกี ารอนุญาตให้ข้าราชการผู้น้ันออกจากราชการตั้งแต่วันที่ขอลาออก เช่น มีภารกิจท่ีผู้ขอลาออกสามารถ ดําเนินการใหเ้ สรจ็ กอ่ นหรอื ภายในเก้าสิบวนั นับแต่วนั ที่ขอลาออกหากให้ผู้อ่ืนมาดําเนินการแทนอาจต้องใช้เวลา มากขึ้น เปน็ ต้น และต้องมิใช่เพือ่ การอน่ื ไดแ้ ก่ เพอื่ การสอบสวน การลงโทษทางวินัย หรือการชดใชท้ นุ การศึกษา หรอื ฝึกอบรม ๒. กรณีขอระงับการลาออก ให้ผู้ขอลาออกยื่นหนังสือแสดงความจํานงขอระงับการลาออก ต่อผู้บงั คับบัญชาก่อนวันทีก่ ารลาออกจะมีผล ๓. ในกรณีลาออกเพราะป่วย ให้แนบใบตรวจโรคของแพทย์ตามแบบราชการเสนอไปด้วยว่า ปว่ ยเปน็ โรคอะไร - 198 -

เอกสารแนบ ขา้ พเจา้ มภี าระผกู พันกบั ทางราชการและผู้ท่เี ก่ยี วขอ้ ง ดังนี้ ๑. ข้าพเจ้าเป็นผู้อยู่ระหว่างรับทุนหรือปฏิบัติราชการชดใช้ทุนตามสัญญาที่ได้ทําไว้กับทางราชการ ในการรับทุนไปศึกษา ฝึกอบรม หรือปฏิบัตงิ านวิจัย และยินยอมชดใชท้ นุ ตามสัญญาทไ่ี ดผ้ ูกพนั ใหไ้ ว้ กับทางราชการทุกประการ หากมีกรณีท่ีต้องชําระเป็นเงิน จะชําระเงินภายในกําหนดเวลาที่ทาง ราชการกําหนด ๒. ขา้ พเจา้ มภี าระผูกพนั กับสว่ นราชการ ดังนี้ ๒.๑ หน้สี หกรณอ์ อมทรพั ย์ ๒.๒ หนส้ี วสั ดกิ าร ๒.๓ อน่ื ๆ ....................... ๓. สิง่ ของของทางราชการที่อยู่ในความครอบครองของขา้ พเจา้ มีดงั นี้ ๓.๑ รถยนต์ (พรอ้ มกุญแจ) ยหี่ อ้ ............................. แบบ.............................. รุ่นปี พ.ศ. ...................... เลขทะเบยี น.................... ๓.๒ โนต้ บุ๊กคอมพวิ เตอร์ ยี่ห้อ.............................. รุ่น................................ ๓.๓ โทรศพั ทม์ อื ถือ ยห่ี ้อ.............................. รนุ่ ................................ ๓.๔ กุญแจ หอ้ งทาํ งาน ตเู้ อกสาร อื่น ๆ ๓.๕ อนื่ ๆ .................................. ท้ังนี้ ขา้ พเจา้ จะสง่ มอบสง่ิ ของดงั กลา่ วใหแ้ กท่ างราชการก่อนวันออกจากราชการ ขา้ พเจา้ ขอรบั รองวา่ ขอ้ มลู ขา้ งตน้ เปน็ ความจรงิ ทุกประการ (ลงชอ่ื ) .......................................... (.....................................) (ตาํ แหน่ง)...................................... - 199 -

เล่ม ๑๓๑ ตอนพิเศษ ๑๗๙ ง หนา้ ๔ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา ระเบยี บ ก.ร. ว่าดว้ ยการรายงานเกย่ี วกับการดาํ เนินการทางวินยั และการสั่งให้ออกจากราชการของข้าราชการรฐั สภาสามญั พ.ศ. ๒๕๕๗ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ (๓) มาตรา ๗๗ และมาตรา ๘๓ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบยี บข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จึงออกระเบียบไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนเี้ รียกวา่ “ระเบียบ ก.ร. ว่าด้วยการรายงานเก่ียวกับการดําเนินการทางวินัย และการสงั่ ใหอ้ อกจากราชการของขา้ ราชการรัฐสภาสามญั พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใชบ้ งั คบั ตั้งแต่วนั ถดั จากวนั ประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ เมื่อผู้บังคับบัญชาได้ส่ังลงโทษทางวินัย หรือส่ังยุติเร่ือง หรืองดโทษแก่ข้าราชการ รัฐสภาสามัญผู้ใดไปแล้ว ให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาที่ส่ังลงโทษทางวินัย หรือสั่งยุติเรื่อง หรืองดโทษ ส่งรายงานการลงโทษหรือการดําเนนิ การทางวินัยไปยงั สํานักงานเลขานุการ ก.ร. โดยเรว็ ข้อ ๔ เมือ่ ผู้บงั คบั บัญชาซง่ึ มอี ํานาจสงั่ บรรจุตามมาตรา ๔๒ สั่งให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ผู้ใดออกจากราชการตามมาตรา ๘๓ ให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาส่งรายงานการส่ังให้ออกจากราชการ ไปยังสํานกั งานเลขานกุ าร ก.ร. โดยเรว็ ขอ้ ๕ การรายงานตามขอ้ ๓ และข้อ ๔ ให้ส่งสําเนาคําส่ังหรือสําเนาเอกสารสั่งการและสํานวน หรือเอกสารการพจิ ารณา หรือสาํ นวนการสอบสวนพิจารณา พร้อมทั้งบันทึกสรุปประวัติและข้อเท็จจริง ซ่งึ มีสาระสําคญั ตามแบบท้ายระเบยี บ ก.ร. น้ี ไปยงั สํานักงานเลขานุการ ก.ร. เพื่อดาํ เนินการต่อไป ข้อ ๖ ใหเ้ ลขานกุ าร ก.ร. รกั ษาการตามระเบยี บน้ี ประกาศ ณ วันท่ี ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ศาสตราจารย์พเิ ศษพรเพชร วชิ ติ ชลชยั ประธานสภานิติบัญญัติแหง่ ชาติ ทาํ หน้าทีป่ ระธานรฐั สภา ประธาน ก.ร. - 200 -

แบบบนั ทกึ สรปุ ประวัติและขอ้ เทจ็ จรงิ รายงานเกี่ยวกับการดาํ เนนิ การทางวนิ ัย ตอนที่ ๑ ประวตั ิ ชอ่ื .................................................................................... ช่ือสกุล.................................................................. อาย.ุ ................. ปี อายรุ าชการ.................... ปี วฒุ กิ ารศกึ ษา....................................................................... ขณะเกดิ เหตุดํารงตาํ แหน่ง........................................ ประเภท............................. ระดับ................................. กลุม่ /กลมุ่ งาน.............................................................. สํานัก.......................................................................... สํานกั งาน .......................................................................... รบั เงินเดอื น..................................................บาท ปจั จุบนั ดํารงตําแหนง่ ................................................ ประเภท.............................. ระดับ................................ กล่มุ /กลมุ่ งาน.............................................................. สาํ นัก.......................................................................... สํานักงาน .......................................................................... รบั เงนิ เดอื น..................................................บาท ตอนที่ ๒ ขอ้ เทจ็ จรงิ เกยี่ วกบั ข้อกล่าวหา เหตเุ กิดเมื่อ...................................................................................................................................................... ขอ้ กลา่ วหา...................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ตอนท่ี ๓ ความเหน็ ของคณะกรรมการสอบสวน/ความเหน็ ของผ้บู งั คบั บญั ชา ขอ้ เทจ็ จรงิ สรปุ ได้วา่ ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน........................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ความเห็นของผู้บังคับบญั ชา........................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ตอนท่ี ๔ ความเสยี หายแก่ราชการ กรณีนีเ้ ป็นเหตุให้เสียหายแกร่ าชการ คอื ....................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... - 201 -

-๒- ตอนท่ี ๕ การส่ังลงโทษ/การดําเนนิ การทางวนิ ยั โทษ................................................................................................................................................................... การดําเนินการทางวินยั ............... ตามกฎ ก.ร. วา่ ดว้ ยวนิ ัยข้าราชการรัฐสภาสามญั พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ............ ตอนท่ี ๖ ประวตั กิ ารถกู ลงโทษ/การดาํ เนนิ การทางวินัย ครัง้ ที่ ๑ : เคยถกู ลงโทษ/การดาํ เนนิ การทางวินัย.............................. เมือ่ ................................................. กรณี................................................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................... ครัง้ ท่ี ๒ : เคยถกู ลงโทษ/การดาํ เนินการทางวนิ ัย.............................. เม่อื .................................................. กรณ.ี ................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... การลงโทษ/การดําเนินการทางวนิ ยั รายนไี้ ด้ดําเนินการพิจารณา/สอบสวนพจิ ารณาและ สัง่ การไปโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ส่วนราชการ............................(หวั หนา้ ส่วนราชการ).................................. - 202 -

แบบบันทกึ สรปุ ประวัติและข้อเทจ็ จรงิ รายงานเกยี่ วกบั การสัง่ ใหอ้ อกจากราชการ ตอนที่ ๑ ประวตั ิ ชื่อ.................................................................................... ช่อื สกลุ .................................................................. อาย.ุ ................. ปี อายุราชการ.................... ปี วฒุ กิ ารศกึ ษา....................................................................... ปัจจุบนั ดาํ รงตําแหน่ง................................................ ประเภท.............................. ระดับ................................ กลุ่ม/กลมุ่ งาน.............................................................. สาํ นกั .......................................................................... สํานกั งาน .......................................................................... รบั เงินเดอื น..................................................บาท การถูกลงโทษ/การดําเนนิ การทางวนิ ยั (ถ้าม)ี ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ตอนที่ ๒ เหตขุ องการสงั่ ให้ออกจากราชการ ออกจากราชการกรณ.ี ................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... เปน็ ไปตามมาตรา........................................................................................................................................... ประกอบกฎ ก.ร. วา่ ดว้ ย................................................................................................................................ ตอนที่ ๓ ความเหน็ ของคณะกรรมการสอบสวน/แพทย์ ข้อเท็จจรงิ สรปุ ได้วา่ ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ความเหน็ ของคณะกรรมการสอบสวน (ถ้าม)ี ................................................................................................ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ความเห็นของแพทย์ (ถา้ ม)ี ........................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... - 203 -

-๒- ตอนที่ ๔ ความเหน็ ของผ้บู งั คบั บญั ชาซึ่งมอี าํ นาจส่ังบรรจุ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... การสงั่ ให้ขา้ ราชการรัฐสภาสามัญรายนอี้ อกจากราชการ ได้ดําเนนิ การส่ังการไปโดยถูกต้อง ตามกฎหมายแลว้ สว่ นราชการ.......................(หัวหน้าสว่ นราชการ)..................................... - 204 -

เลม่ ๑๒๙ ตอนพิเศษ ๕๑ ง หน้า ๑ ๑๖ มนี าคม ๒๕๕๕ ราชกิจจานเุ บกษา ระเบียบ ก.ร. วา่ ด้วยวนั ออกจากราชการของข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยท่เี ปน็ การสมควรกาํ หนดวนั ออกจากราชการของข้าราชการรฐั สภาสามญั ท่ีถูกส่ังให้ออกจาก ราชการ ถูกสง่ั ลงโทษปลดออกหรือไลอ่ อกจากราชการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ (๓) และมาตรา ๘๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จึงออกระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบน้เี รยี กว่า “ระเบียบ ก.ร. วา่ ด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการรัฐสภาสามัญ พ.ศ. ๒๕๕๕” ขอ้ ๒ ระเบยี บน้ใี ห้ใชบ้ งั คบั ต้ังแต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป ขอ้ ๓ การส่ังให้ออกจากราชการตามมาตรา ๔๓ มาตรา ๕๐ มาตรา ๘๓ หรือมาตรา ๘๔ ถ้ามิได้กําหนดไว้เป็นอย่างอ่ืนในระเบียบนี้ ให้สั่งให้ออกจากราชการได้ตั้งแต่วันที่กําหนดในคําส่ัง ซึง่ ตอ้ งไมก่ อ่ นวนั ทอี่ อกคาํ ส่ัง ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรต้องส่ังให้ออกจากราชการย้อนหลังไปก่อนวันที่ออกคําส่ัง ก็ให้สั่ง ใหอ้ อกจากราชการย้อนหลงั ไปถงึ วนั ที่ควรจะตอ้ งออกจากราชการตามกรณีน้ันได้ แต่ทั้งนี้ การสั่งดังกล่าว ไม่กระทบกระเทือนสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ถูกส่งั ให้ออกจากราชการน้ัน ขอ้ ๔ การส่งั ให้ออกจากราชการตามมาตรา ๘๓ (๘) ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันท่ี ต้องรับโทษจาํ คุกโดยคาํ พิพากษาถึงท่ีสดุ หรอื วันทต่ี อ้ งรบั โทษจาํ คกุ โดยคําสัง่ ของศาล แลว้ แต่กรณี ขอ้ ๕ การสงั่ ให้ออกจากราชการตามมาตรา ๘๔ วรรคหนึ่ง ใหส้ ัง่ ใหอ้ อกจากราชการตั้งแต่ วันไปรบั ราชการทหารตามกฎหมายว่าดว้ ยการรับราชการทหาร ขอ้ ๖ ในกรณีที่ได้มีการสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการไปแล้ว ถ้าจะต้อง เปล่ียนแปลงคําสัง่ เป็นใหอ้ อกจากราชการตามมาตรา ๔๓ มาตรา ๕๐ มาตรา ๘๓ หรือมาตรา ๘๔ ก็ใหส้ ่งั ให้ออกจากราชการยอ้ นหลงั ไปถึงวนั ที่ควรตอ้ งออกจากราชการตามมาตรานนั้ ข้อ ๗ การสั่งใหอ้ อกจากราชการไว้ก่อนตามมาตรา ๗๖ ให้สั่งให้ออกจากราชการได้ต้ังแต่ วันทกี่ ําหนดในคําสัง่ ซึง่ ตอ้ งไม่กอ่ นวันท่อี อกคําสั่ง เว้นแต่เปน็ กรณีท่ีมกี ารส่งั พักราชการหรือเป็นกรณีท่ี ถกู ควบคมุ ขัง หรอื ต้องจําคกุ ให้สงั่ ให้ออกจากราชการตง้ั แต่วนั ทต่ี ้องพักราชการ วันที่ถูกควบคุม ขัง หรอื ตอ้ งจาํ คกุ แลว้ แต่กรณี ขอ้ ๘ การส่ังลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ถ้ามิได้กําหนดไว้เป็นอย่างอ่ืน ในระเบยี บนี้ ใหส้ ง่ั ลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการต้ังแต่วันท่ีกําหนดในคําส่ัง ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ ออกคําสัง่ ในกรณที ม่ี ีเหตุอันสมควรต้องสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการย้อนหลังไปก่อนวันที่ ออกคําส่ัง ก็ให้สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันที่ควรจะต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นได้ แต่ทงั้ น้ี การส่ังดังกล่าวไม่กระทบกระเทอื นสิทธิโดยชอบธรรมของผถู้ กู ส่ังลงโทษนน้ั - 205 -

เลม่ ๑๒๙ ตอนพเิ ศษ ๕๑ ง หนา้ ๒ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๙ ในกรณีทไ่ี ดม้ ีคําส่ังพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน ให้สั่งลงโทษปลดออก หรือไลอ่ อกจากราชการตงั้ แต่วันทต่ี อ้ งพักราชการหรอื วนั ที่ตอ้ งออกจากราชการไว้กอ่ น แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๐ ในกรณที ี่กระทําผดิ วินัยเพราะเหตุละท้งิ หนา้ ที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลา เกนิ สบิ หา้ วนั และไมก่ ลบั มาปฏิบัตริ าชการอีก ให้สง่ั ลงโทษปลดออกหรอื ไล่ออกจากราชการต้ังแต่วันท่ีละท้ิง หน้าทร่ี าชการนัน้ ข้อ ๑๑ ในกรณีที่กระทําความผิดอาญาและได้รับโทษจําคุกตามคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก ให้สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษจําคุก หรือวันที่ถูกคุมขังติดต่อกันจนถึงวันท่ี ต้องรับโทษจําคุก แล้วแต่กรณี แต่ถ้าเป็นกรณีท่ีกระทําความผิดอาญาและได้รับโทษตามคําพิพากษา ถึงที่สุดหนักกว่าโทษจําคุก ให้สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกต้ังแต่วันท่ีต้องคําพิพากษาถึงที่สุด หรือวนั ทถ่ี ูกคุมขังตดิ ต่อกนั จนถึงวนั ทต่ี อ้ งคาํ พิพากษาถงึ ทีส่ ุด แลว้ แตก่ รณี ข้อ ๑๒ ในกรณีท่ีได้มีการส่ังลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการไปแล้ว ถ้าจะต้องสั่ง เปลยี่ นแปลงคําสง่ั ลงโทษปลดออกเปน็ ไล่ออก หรือไลอ่ อกเป็นปลดออก ใหส้ ่งั ใหม้ ีผลยอ้ นหลังไปถึงวันท่ี ออกจากราชการตามคําสั่งเดิม แต่ถ้าจะต้องส่ังเปล่ียนแปลงวันออกจากราชการด้วย ให้ส่ังลงโทษ ย้อนหลังไปถึงวนั ทีค่ วรตอ้ งออกจากราชการตามกรณนี น้ั ขอ้ ๑๓ ในกรณีท่ีได้มีการส่ังให้ออกจากราชการตามมาตรา ๔๓ มาตรา ๕๐ มาตรา ๘๓ หรือมาตรา ๘๔ ไปแล้ว ถ้าจะต้องเปลี่ยนแปลงคําสั่งเป็นลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ใหส้ ง่ั ลงโทษปลดออกหรอื ไลอ่ อกย้อนหลงั ไปถึงวันที่ควรตอ้ งลงโทษปลดออกหรอื ไล่ออกตามกรณีนั้น ข้อ ๑๔ ในกรณีท่ีผู้ซึ่งจะต้องถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ได้ออกจาก ราชการไปก่อนแล้วเพราะถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอ่ืน หรือได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการ ให้สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการย้อนหลังไปถึง วนั ทอ่ี อกจากราชการไปแล้วนนั้ ขอ้ ๑๕ ในกรณีที่ผซู้ งึ่ จะตอ้ งถกู สั่งลงโทษปลดออกหรือไลอ่ อกจากราชการ ได้พ้นจากราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการไปก่อนแล้ว ให้ส่ังลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจาก ราชการย้อนหลังไปถึงวันส้ินปีงบประมาณที่ผู้น้ันมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ หรือวันท่ีผู้น้ันพ้นจาก ราชการตามกฎ ก.ร. ซ่งึ ออกตามมาตรา ๘๑ แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๖ ใหเ้ ลขานุการ ก.ร. รกั ษาการตามระเบยี บน้ี ประกาศ ณ วันท่ี ๒๓ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ สมศกั ด์ิ เกยี รติสุรนนท์ ประธานรฐั สภา ประธาน ก.ร. - 206 -

หน้า ๑๓ ๑๘ ตลุ าคม ๒๕๖๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๒๖๑ ง ราชกจิ จานเุ บกษา ระเบยี บ ก.ร. วา่ ดว้ ยการกาหนดตาแหนง่ นกั กฎหมายนติ บิ ญั ญตั ิ พ.ศ. 2561 โดยท่มี าตรา ๓๕ แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ กาหนดให้มตี าแหนง่ นักกฎหมายนิติบัญญัติในสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งเป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญที่มีความรู้และมีประสบการณ์ในทางนิติศาสตร์ การร่างกฎหมาย การให้ความเห็นทางกฎหมาย การบริหารราชการแผ่นดินและระบบงานนิติบัญญัติ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ ในงานด้านกฎหมายและติดตามประเมินผลการบังคับใช้กฎหมายตามความรับผิดชอบของรัฐสภา ก.ร. จึงเห็นสมควรกาหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการเข้าสู่ตาแหน่ง การแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่ง นกั กฎหมายนติ ิบัญญัติ และการไดร้ ับเงนิ เพ่ิมสาหรับตาแหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๒ (๓) ประกอบมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบญั ญตั ิระเบียบ ขา้ ราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จงึ ออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ ระเบยี บน้เี รียกว่า “ระเบยี บ ก.ร. ว่าดว้ ยการกาหนดตาแหนง่ นักกฎหมายนติ ิบญั ญัติ พ.ศ. ๒๕๖๑” ข้อ ๒ ระเบียบนใ้ี หใ้ ช้บงั คับตง้ั แตว่ ันถดั จากวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ ใหน้ ักกฎหมายนิติบญั ญัตมิ สี องชัน้ ดงั ต่อไปน้ี (๑) นักกฎหมายนิตบิ ัญญตั ิ ชน้ั ที่ ๑ (๒) นกั กฎหมายนติ บิ ญั ญตั ิ ชน้ั ท่ี ๒ ข้อ ๔ นกั กฎหมายนิติบัญญัติ ชั้นที่ ๑ มีมาตรฐานหน้าท่ีความรับผิดชอบ และลักษณะงาน ท่ปี ฏิบัติ ดังตอ่ ไปนี้ ก. หน้าทคี่ วามรบั ผดิ ชอบ ปฏิบัติงานในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการยกร่างกฎหมาย ตรวจ และพิจารณา ร่างกฎหมาย พิจารณาและให้ความเห็นทางกฎหมาย แปรญัตติร่างกฎหมาย แปลและจัดทา เจตนารมณ์ของกฎหมาย การตีความกฎหมาย การวิเคราะห์กฎหมาย การเปรียบเทียบกฎหมายต่างประเทศ กับกฎหมายไทย การแปลกฎหมายต่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ การวิจัยและพัฒนากฎหมาย กาหนดแนวทางการพิจารณาความเหมาะสมของหลักการด้านกฎหมาย หรือการติดตามประเมินผล การบังคับใช้กฎหมายตามความรับผิดชอบของรัฐสภา โดยมีลักษณะงานท่ียุ่งยากซับซ้อนมาก และมีผลกระทบในวงกว้าง จะต้องประยุกต์ใช้ความรู้ และประสบการณ์ เพ่ือให้การดาเนินงานบรรลุ วตั ถุประสงค์ เป้าหมายตามท่กี าหนดในชว่ งเวลาทเี่ หมาะสม และปฏิบตั ิหน้าท่อี ่ืนตามท่ไี ด้รับมอบหมาย - 207 -

หน้า ๑๔ ๑๘ ตลุ าคม ๒๕๖๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๖๑ ง ราชกจิ จานุเบกษา ข. ลักษณะงานท่ีปฏิบตั ิ ปฏิบัติงานในลกั ษณะงานอยา่ งใดอย่างหนง่ึ หรือหลายอยา่ ง ดงั ต่อไปนี้ (๑) ยกร่างกฎหมาย ตรวจและพิจารณารา่ งกฎหมาย (๒) ตคี วามกฎหมาย วินจิ ฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ให้ความเหน็ ทางกฎหมาย และจดั ทา ความเห็นทางกฎหมาย (๓) เปรียบเทียบกฎหมายตา่ งประเทศกับกฎหมายไทย (๔) แปลกฎหมายตา่ งประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ (๕) รบั ผิดชอบโครงการวิจยั และพฒั นากฎหมายท่ยี ุ่งยากในฐานะหัวหน้าโครงการ (๖) ศึกษาและรวบรวมหลักกฎหมาย แนวคาวินิจฉัยหลักกฎหมายของศาลท่ีเป็นประโยชน์ ตอ่ วงงานรัฐสภา (๗) ให้คาปรึกษาหรือข้อเสนอแนะในการร่างกฎหมาย การรับฟังความคิดเห็น ร่างกฎหมายของผู้เกี่ยวข้อง การให้ความเห็นร่างกฎหมาย การวิเคราะห์ความจาเป็นและผลกระทบ ของร่างกฎหมาย การตรวจสอบเนอ้ื หาของร่างกฎหมาย และการจัดทาเจตนารมณ์ของรา่ งกฎหมาย (๘) ติดตามประเมินผลการบงั คบั ใชก้ ฎหมายและตดิ ตามประเมินผลสัมฤทธข์ิ องกฎหมาย ตามความรบั ผิดชอบของรัฐสภา (๙) ปฏิบตั หิ นา้ ทีอ่ นื่ ตามที่ได้รับมอบหมาย ขอ้ ๕ นักกฎหมายนิติบัญญัติ ชั้นที่ ๒ มีมาตรฐานหน้าที่ความรับผิดชอบ และลักษณะ งานที่ปฏบิ ัติ ดังตอ่ ไปน้ี ก. หน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ ปฏิบัติงานในฐานะผู้ชานาญการพิเศษที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับงานประมวลหลักการ และวิธีการการยกร่างกฎหมาย การร่างกฎหมาย พิจารณาและให้ความเห็นทางกฎหมาย แปรญัตติร่างกฎหมาย แปลและจดั ทาเจตนารมณ์ของกฎหมาย การตคี วามกฎหมาย การวเิ คราะหก์ ฎหมาย การเปรียบเทยี บ กฎหมายต่างประเทศกับกฎหมายไทย การแปลกฎหมายต่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ การวิจัยและพัฒนากฎหมาย กาหนดแนวทางการพิจารณาความเหมาะสมของหลักการด้านกฎหมาย หรือการติดตามประเมินผลการบังคับใช้กฎหมายตามความรับผิดชอบของรัฐสภา โดยมีลักษณะงาน ที่ยุ่งยาก ต้องประยุกต์ใช้ความรู้ และประสบการณ์กับงานท่ีปฏิบัติ เพ่ือให้การดาเนินงานบรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ เป้าหมายตามท่ีกาหนดในชว่ งเวลาทเ่ี หมาะสม และปฏิบตั หิ นา้ ท่ีอน่ื ตามท่ไี ดร้ ับมอบหมาย ข. ลกั ษณะงานทปี่ ฏิบตั ิ ปฏิบัตงิ านในลกั ษณะงานอยา่ งใดอยา่ งหนึ่งหรอื หลายอย่าง ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ยกร่างกฎหมาย ตรวจและพจิ ารณารา่ งกฎหมาย (๒) ตคี วามกฎหมาย วินจิ ฉัยปญั หาขอ้ กฎหมาย ให้ความเห็นทางกฎหมาย และจัดทา ความเห็นทางกฎหมาย - 208 -

หน้า ๑๕ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๒๖๑ ง ราชกจิ จานุเบกษา (๓) เปรียบเทียบกฎหมายตา่ งประเทศกับกฎหมายไทย (๔) แปลกฎหมายต่างประเทศและกฎหมายระหวา่ งประเทศ (๕) รบั ผิดชอบโครงการวิจยั และพฒั นากฎหมายทีย่ ุ่งยากในฐานะหวั หนา้ โครงการ (๖) ศึกษาและรวบรวมหลกั กฎหมาย แนวคาวนิ ิจฉัยหลักกฎหมายของศาลทเี่ ปน็ ประโยชน์ ตอ่ วงงานรัฐสภา (๗) ให้คาปรึกษาหรือข้อเสนอแนะในการรา่ งกฎหมาย การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ รา่ งกฎหมาย ของผู้เกีย่ วขอ้ ง การใหค้ วามเห็นรา่ งกฎหมาย การวิเคราะหค์ วามจาเป็นและผลกระทบของร่างกฎหมาย การตรวจสอบเน้ือหาของรา่ งกฎหมาย และการจัดทาเจตนารมณ์ของรา่ งกฎหมาย (๘) ตดิ ตามประเมินผลการบังคบั ใชก้ ฎหมายและตดิ ตามประเมินผลสมั ฤทธ์ิของกฎหมาย ตามความรับผิดชอบของรัฐสภา (๙) ปฏิบตั หิ น้าทอ่ี ่ืนตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย ข้อ ๖ นักกฎหมายนิติบัญญัติแต่ละชั้นตามข้อ ๓ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ของการเป็นขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา โดยเป็นข้าราชการรฐั สภา สามัญประเภทวิชาการตาแหน่งนิติกรระดับชานาญการพิเศษหรือเชี่ยวชาญในส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และตอ้ งมีคุณสมบัติเฉพาะ ดงั ตอ่ ไปน้ี ก. นักกฎหมายนิตบิ ญั ญัติ ชัน้ ท่ี ๑ (๑) ได้รับคุณวุฒิปริญญาตรสี าขานิติศาสตร์และสอบไล่ได้ตามหลักสูตรของสานักอบรม ศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หรือได้รับคุณวุฒิปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์และปริญญาโท หรอื ปริญญาเอกสาขานติ ศิ าสตร์ (๒) เป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญในส่วนราชการสังกัดรัฐสภาซ่ึงดารงตาแหน่งนิติกร ระดบั เช่ยี วชาญ และดารงตาแหน่งเปน็ นักกฎหมายนติ บิ ญั ญตั ิ ชน้ั ที่ ๒ มาแล้วไมน่ ้อยกว่าหนงึ่ ปี (๓) มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในด้านการร่างกฎหมาย การให้ความเห็น ทางกฎหมาย การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ และระบบงานนิติบญั ญัติ ในระดบั ผเู้ ช่ยี วชาญ ตามข้อ ๘ ข. นกั กฎหมายนิตบิ ัญญตั ิ ชนั้ ที่ ๒ (๑) ได้รับคุณวุฒิปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์และสอบไล่ได้ตามหลักสูตรของสานักอบรม ศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หรือได้รับคุณวุฒิปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์และปริญญาโท หรอื ปรญิ ญาเอกสาขานิตศิ าสตร์ (๒) เปน็ ผ้ทู ี่ผา่ นการอบรมหลักสูตรสาหรับนักกฎหมายนติ ิบญั ญัตทิ ี่ ก.ร. เห็นชอบ (๓) เป็นข้าราชการรฐั สภาสามญั ในส่วนราชการสงั กัดรฐั สภาซ่งึ ดารงตาแหนง่ นติ กิ รระดบั ชานาญการพเิ ศษหรือเชยี่ วชาญ (๔) มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในด้านการร่างกฎหมาย การให้ความเห็น ทางกฎหมาย การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ และระบบงานนติ บิ ญั ญัติ ในระดบั ผูช้ านาญการพเิ ศษ ตามข้อ ๗ - 209 -

หน้า ๑๖ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๒๖๑ ง ราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๗ นักกฎหมายนิติบัญญัติ ชั้นที่ ๒ ต้องมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ในการปฏบิ ัติหนา้ ทีด่ า้ นกฎหมายในระดบั ผชู้ านาญการพิเศษ ดงั ต่อไปนี้ (๑) มีความรู้เก่ียวกับทฤษฎีทางกฎหมาย หลักนิติธรรม ระบบกฎหมาย และเน้ือหา ของกฎหมาย (๒) มีความสามารถในการศึกษาค้นคว้ากฎหมาย การเปรียบเทียบกฎหมายการให้ความเห็น กฎหมาย การรา่ งกฎหมาย การประยกุ ต์ใช้กฎหมาย และการตดิ ตามประเมินผลการบังคับใช้กฎหมาย (๓) มปี ระสบการณ์ในการปฏิบัติงานดา้ นกฎหมายท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ระบบการบริหารราชการแผ่นดิน และระบบงานด้านนติ ิบัญญัติ (๔) มีความรู้ทั่วไปเก่ียวกับเหตุการณ์ปัจจุบันในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ท้ังภายในและภายนอกประเทศ (๕) มีความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาและสรปุ เหตุผล (๖) มีความสามารถในด้านการสื่อสาร การรับฟัง และการนาเสนอ หรือการช้ีแจง ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยมีผลงานด้านกฎหมายที่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ตามวรรคหนึ่ง (๑) - (๖) จนเปน็ ทีย่ อมรบั ในส่วนราชการสงั กัดรัฐสภา และเป็นประโยชน์ตอ่ สังคม ขอ้ ๘ นักกฎหมายนิติบัญญัติ ชั้นท่ี ๑ ต้องมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ในการปฏิบัตหิ น้าทด่ี า้ นกฎหมายตามข้อ ๗ วรรคหน่งึ (๑) - (๖) ในระดับผู้เช่ยี วชาญและตอ้ งมีผลงาน ด้านกฎหมายอันมีคุณค่าเป็นที่ยอมรับในสาขาวิชากฎหมายของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท้ังใน และนอกรัฐสภา และเปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คมอยา่ งกว้างขวาง ขอ้ ๙ ให้ ก.ร. มีหน้าท่ีและอานาจในการให้ความเห็นชอบหลักสูตรสาหรับนักกฎหมาย นติ ิบัญญัติ ขอ้ ๑๐ ให้ประธานรัฐสภาแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพ่ือแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่ง นักกฎหมายนิติบัญญัติ เพ่ือคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ตาแหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติ ประกอบด้วย กรรมการข้าราชการรัฐสภาผู้ทรงคุณวุฒิท่ีประธานรัฐสภาแต่งต้ัง เป็นประธานกรรมการหนึ่งคน และรองประธานกรรมการหนึ่งคน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคาแหง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการวุฒิสภา เป็นกรรมการ และผู้อานวยการสานักบริหารงานกลาง สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปน็ เลขานกุ าร ผ้อู านวยการสานักบรหิ ารงานกลาง สานกั งานเลขาธิการวุฒิสภาเปน็ ผู้ชว่ ยเลขานกุ าร - 210 -

หน้า ๑๗ ๑๘ ตลุ าคม ๒๕๖๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๖๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ให้คณะกรรมการคัดเลือกบุคคลเพ่ือแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติมีหน้าที่ และอานาจ ดงั ต่อไปนี้ (๑) คัดเลือกบุคคลเพือ่ แต่งตั้งใหด้ ารงตาแหนง่ นักกฎหมายนติ บิ ัญญตั ิ (๒) แตง่ ตั้งคณะอนุกรรมการเพ่ือดาเนินการในเรอ่ื งใด ๆ ข้อ ๑๑ ให้ประธานรัฐสภาแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและรักษามาตรฐานการปฏิบัติงาน ของนักกฎหมายนิติบัญญตั ิ ประกอบดว้ ย กรรมการข้าราชการรฐั สภาผูท้ รงคณุ วุฒิท่ีประธานรัฐสภาแต่งตั้ง เป็นประธานกรรมการหน่ึงคนและรองประธานกรรมการหน่ึงคน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ท่ีประธานรัฐสภาแต่งตั้งจานวนหนึ่งคน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารทรัพยากรบุคคลท่ีประธานรัฐสภาแต่งต้ัง จานวนหนึ่งคน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการวุฒิสภา เป็นกรรมการ และผู้อานวยการ สานกั งานเลขานกุ าร ก.ร. เป็นเลขานุการ ผอู้ านวยการสานกั บรหิ ารงานกลาง สานักงานเลขาธกิ ารสภา ผแู้ ทนราษฎร และผูอ้ านวยการสานกั บรหิ ารงานกลาง สานกั งานเลขาธิการวฒุ สิ ภา เป็นผชู้ ่วยเลขานุการ คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม วาระการดารงตาแหน่ง และการพ้นจากตาแหน่งของผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมายและผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารทรัพยากรบุคคลที่ประธานรัฐสภาแต่งต้ังตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามประกาศของประธานรฐั สภา ให้คณะกรรมการพัฒนาและรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานของนักกฎหมายนิติบัญญัติมีหน้าที่ และอานาจ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) บริหารจดั การบคุ คลผู้ดารงตาแหนง่ นักกฎหมายนติ บิ ญั ญัติ (๒) ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านของนกั กฎหมายนิติบัญญัติ (๓) เสนอแนะเกี่ยวกับการมอบหมายงานและสบั เปลยี่ นหมุนเวียนการปฏบิ ัตงิ านของตาแหน่ง นักกฎหมายนิติบัญญตั ิ (๔) กาหนดแนวทางในการพัฒนาและรักษามาตรฐานการปฏบิ ัตงิ านของตาแหน่งนกั กฎหมาย นติ บิ ญั ญตั ิ (๕) แตง่ ตงั้ คณะอนกุ รรมการเพ่อื ดาเนินการในเรอื่ งใด ๆ ขอ้ ๑๒ กรรมการข้าราชการรัฐสภาผทู้ รงคุณวฒุ ิทีป่ ระธานรัฐสภาแตง่ ต้งั ตามข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑ ตอ้ งไม่ใช่บุคคลเดยี วกัน ข้อ ๑๓ ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติ ชั้นที่ ๒ จะต้องเป็น ผู้ที่ผ่านการทดสอบความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าท่ีด้านกฎหมาย และผ่านการประเมินผลงานทางวิชาการ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขการคัดเลือกบุคคล เพ่ือแต่งต้งั ใหด้ ารงตาแหนง่ นักกฎหมายนิติบัญญตั ิ ช้นั ท่ี ๒ ท่ี ก.ร. กาหนด - 211 -

หน้า ๑๘ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๖๑ ง ราชกจิ จานุเบกษา ผทู้ ี่จะได้รับแตง่ ตัง้ ใหด้ ารงตาแหนง่ นกั กฎหมายนิตบิ ัญญัติ ชั้นท่ี ๑ จะต้องเป็นผ้ดู ารงตาแหน่ง นักกฎหมายนิติบัญญัติ ชั้นที่ ๒ และผ่านการทดสอบความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ในการปฏิบัติหน้าท่ีด้านกฎหมาย และผ่านการประเมินผลงานทางวิชาการ ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดเลือกบุคคลเพ่ือแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติ ช้ันท่ี ๑ ท่ี ก.ร. กาหนด ให้หัวหน้าสว่ นราชการสงั กดั รฐั สภา เป็นผ้อู อกคาสั่งแตง่ ตัง้ ใหด้ ารงตาแหน่งนักกฎหมายนิติบญั ญตั ิ ขอ้ ๑๔ ให้นักกฎหมายนิติบัญญัติทาข้อตกลงการปฏิบัติงานกับผู้บังคับบัญชาทุกปี เพ่ื อเป็ น ก รอบ ก ากั บ ก ารม อบ ห ม ายงาน แ ละป ระ เมิ น ผลก าร ป ฏิบั ติงาน ข องนั ก ก ฎ ห ม ายนิ ติบั ญ ญั ติ แล้วเสนอคณะกรรมการพัฒนาและรักษามาตรฐานการปฏิบัติงานของนักกฎหมายนิติบัญญัติพิจารณา ตรวจสอบ ทง้ั นี้ ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไขที่ ก.ร. กาหนด ข้อ ๑๕ ให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของนักกฎหมายนิติบัญญัติเพ่ือรักษามาตรฐาน การปฏบิ ัติงานของนกั กฎหมายนิตบิ ญั ญตั ทิ ุกปี ท้งั นี้ ตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขที่ ก.ร. กาหนด ในกรณีที่นักกฎหมายนิติบัญญัติผู้ใดไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานของนักกฎหมาย นติ บิ ัญญตั ิประจาปีติดตอ่ กันสองปี ตามทกี่ าหนดในวรรคหน่ึง ใหค้ ณะกรรมการพัฒนาและรกั ษามาตรฐาน การปฏิบัติงานของนักกฎหมายนิติบัญญัติเสนอหัวหน้าส่วนราชการสังกัดรัฐสภาเพื่อมีคาส่ังให้ผู้นั้น พ้นจากตาแหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติ หรือลดชั้นเป็นนักกฎหมายนิติบัญญัติ ช้ันท่ี ๒ ทั้งนี้ นับแตว่ ันท่ีคณะกรรมการพฒั นาและรักษามาตรฐานการปฏบิ ตั งิ านของนกั กฎหมายนิติบญั ญตั มิ มี ติ นักกฎหมายนิติบัญญัติท่ีถูกส่ังให้พ้นจากตาแหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติ จะสมัครเข้ารับ การคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติได้ ต้องพ้นจากตาแหน่งนักกฎหมาย นติ บิ ญั ญตั มิ าแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่าหนึ่งปนี ับแต่วันที่ถูกสง่ั ใหพ้ น้ จากตาแหนง่ ข้อ ๑๖ ให้นักกฎหมายนติ บิ ัญญตั ิได้รบั เงินเพิม่ สาหรบั ตาแหนง่ ในอตั รา ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) นกั กฎหมายนิติบญั ญัติ ชัน้ ท่ี ๑ ให้ได้รับเดอื นละ ๒๐,๐๐๐ บาท (๒) นกั กฎหมายนิตบิ ัญญตั ิ ชัน้ ท่ี ๒ ให้ได้รบั เดอื นละ ๑๐,๐๐๐ บาท ขอ้ ๑๗ ให้นักกฎหมายนิติบัญญัติได้รับเงินเพ่ิมสาหรับตาแหน่งต้ังแต่วันที่ได้รับแต่งต้ัง เป็นนักกฎหมายนิติบัญญัติในแต่ละชั้น และต้องปฏิบัติหน้าที่หลักของตาแหน่งที่ได้รับแต่งต้ัง ตามมาตรฐานหน้าที่ ความรับผดิ ชอบ และลักษณะงานทป่ี ฏบิ ตั ิของนักกฎหมายนิติบัญญัติ ตามข้อ ๔ และข้อ ๕ ในกรณีที่นักกฎหมายนิติบัญญัติผู้ใดปฏิบัติหน้าท่ีหลักของตาแหน่งท่ีได้รับแต่งตั้งไม่เต็มเดือน ในเดือนใด ให้ได้รับเงินเพ่ิมสาหรับตาแหน่งสาหรับเดือนนั้นตามส่วนของจานวนวันที่ได้ดารงตาแหน่ง และปฏิบัติหน้าที่หลักของตาแหน่งดังกล่าว ถ้าเดือนใดไม่ได้อยู่ปฏิบัติหน้าท่ีหลักของตาแหน่ง ท่ีได้รับแต่งต้ังไม่มีสิทธิได้รับเงินเพ่ิมสาหรับตาแหน่งในเดือนนั้น ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ลา ดังตอ่ ไปนี้ - 212 -

หน้า ๑๙ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๒๖๑ ง ราชกิจจานุเบกษา (๑) ผ้ไู ด้รับอนุญาตให้ลาปว่ ย ให้ได้รับเงนิ เพ่ิมสาหรับตาแหน่งระหว่างลาได้ในปงี บประมาณหนึ่ง ไม่เกนิ หกสิบวันทาการ (๒) ผู้ได้รับอนุญาตให้ลาคลอดบุตร ให้ได้รับเงินเพ่ิมสาหรับตาแหน่งระหว่างลาได้ไม่เกิน เกา้ สบิ วัน (๓) ผู้ได้รับอนุญาตให้ลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร ให้ได้รับเงินเพิ่มสาหรับตาแหน่ง ระหวา่ งลาไดเ้ ฉพาะวันลาทม่ี สี ิทธไิ ดร้ ับเงินเดือนระหว่างลาตามกฎหมาย (๔) ผู้ได้รับอนุญาตให้ลากิจส่วนตัว ให้ได้รับเงินเพิ่มสาหรับตาแหน่งระหว่างลาได้ ในปีงบประมาณหนึ่งไมเ่ กนิ สส่ี บิ ห้าวนั ทาการ (๕) ผู้ได้รับอนุญาตให้ลาพักผ่อนประจาปี ให้ได้รับเงินเพิ่มสาหรับตาแหน่งระหว่างลาได้ ไมเ่ กนิ ระยะเวลาท่ีผนู้ ้ันมสี ทิ ธลิ าพักผอ่ นประจาปตี ามทกี่ าหนดไวใ้ นระเบียบว่าด้วยการลาของขา้ ราชการ (๖) ผู้ไดร้ ับอนญุ าตใหล้ าอปุ สมบทในพระพุทธศาสนาหรอื ลาไปประกอบพิธฮี ัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย และต้ังแต่เริ่มรับราชการยังไม่เคยอุปสมบทในพระพุทธศาสนาหรือยังไม่เคย ประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ให้ไดร้ บั เงินเพ่มิ สาหรับตาแหนง่ ระหวา่ งลาได้ ไม่เกนิ หกสบิ วนั (๗) ผู้ลาไปรับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล ให้ได้รับเงินเพิ่มสาหรับตาแหน่ง ระหวา่ งลาไดไ้ ม่เกินหกสบิ วัน แต่ถ้าพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วผู้นั้นไปรายงานตวั เพ่ือเข้าปฏิบัติหน้าท่ีหลัก ของตาแหนง่ ที่ไดร้ บั แต่งต้ังภายในเจ็ดวัน ให้ไดร้ ับเงนิ เพิม่ สาหรบั ตาแหนง่ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวด้วย (๘) ผู้ได้รับอนุญาตให้ไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ให้ได้รับเงินเพ่ิม สาหรับตาแหน่งระหว่างลาได้ไม่เกนิ หกสบิ วนั (๙) ผู้ได้รับอนุญาตให้ลาไปฟ้ืนฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ ให้ได้รับเงินเพิ่มสาหรับตาแหน่ง ระหว่างลาได้ไมเ่ กินหกสิบวันทาการ (๑๐) ผู้ได้รับอนุญาตให้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาตามท่ี ก.ร. มีมติเป็นกรณีพิเศษ โดยไม่ถือเปน็ วนั ลา ใหไ้ ดร้ บั เงินเพมิ่ สาหรบั ตาแหน่งระหวา่ งเวลาดงั กลา่ วได้ไม่เกนิ หกสบิ วนั (๑๑) กรณอี ่ืนนอกจากท่ไี ด้กาหนดไว้ในระเบียบน้ี ให้เสนอ ก.ร. พจิ ารณาอนมุ ัติเปน็ ราย ๆ ไป ขอ้ ๑๘ ในวาระเร่ิมแรก ให้ถือว่าผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการให้เป็น นักกฎหมายนิติบัญญัติ หรือหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการในตาแหน่งนิติกรให้เป็นนักกฎหมาย นิติบัญญัติท่ีส่วนราชการสังกัดรัฐสภาจัดหรือร่วมจัดข้ึน เป็นผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรสาหรับ นกั กฎหมายนิตบิ ญั ญตั ติ ามที่ ก.ร. เห็นชอบในขอ้ ๙ ตามข้อ ๑๓ วรรคหนึง่ - 213 -

หน้า ๒๐ ๑๘ ตลุ าคม ๒๕๖๑ เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๒๖๑ ง ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๑๙ เม่ือครบสองปีนับแต่วันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้คณะกรรมการพัฒนาและรักษามาตรฐาน การปฏิบัติงานของนักกฎหมายนิติบัญญัติประเมินผลสัมฤทธิข์ องระบบการกาหนดตาแหน่งนักกฎหมาย นิติบญั ญตั ิตามระเบยี บนี้ และพจิ ารณาปรบั ปรุงแก้ไขระเบียบนี้หรอื แนวทางการดาเนินการตามระเบยี บน้ี ให้เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงานด้านกฎหมายของรัฐสภา แล้วนาเสนอต่อ ก.ร. เพ่อื พจิ ารณา ขอ้ ๒๐ ให้ ก.ร. มอี านาจตคี วามและวินิจฉยั ปญั หาเก่ียวกับการปฏบิ ัตติ ามระเบยี บนี้ ข้อ ๒๑ ใหป้ ระธาน ก.ร. รักษาการตามระเบยี บน้ี ประกาศ ณ วนั ท่ี 21 กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วชิ ติ ชลชัย ประธานสภานติ บิ ญั ญัตแิ หง่ ชาติ ทาหน้าทปี่ ระธานรฐั สภา ประธาน ก.ร. - 214 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๕๓ ง หน้า ๔๑ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคณะกรรมการขา้ ราชการรัฐสภา เรอื่ ง นโยบายเกย่ี วกับความโปร่งใสของสว่ นราชการสังกดั รฐั สภา เพือ่ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมายว่าด้วยระเบียบ บริหารราชการฝ่ายรัฐสภา กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ หลักเกณฑ์และวิธีการบริหาร กิจการบ้านเมืองท่ีดี รวมทั้งให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการ สงั กดั รัฐสภา ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐) ที่กําหนดให้เสริมสร้างมาตรฐานคุณธรรมจริยธรรม ใหแ้ กข่ ้าราชการ พนกั งานราชการ และลกู จา้ งประจําของส่วนราชการสังกัดรฐั สภา และพัฒนาความโปร่งใส ในการปฏบิ ัติงานของบุคลากรและส่วนราชการสังกัดรัฐสภา พร้อมท้ังป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบของข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจําของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา อย่างจริงจงั เพ่อื ใหส้ ว่ นราชการสังกัดรฐั สภาเปน็ ที่เช่ือถือไว้วางใจแกส่ มาชกิ รัฐสภาและประชาชน ก.ร. จงึ ไดก้ ําหนดนโยบายเกยี่ วกับความโปร่งใส เพื่อเปน็ มาตรฐานและเป็นแนวทางปฏิบัติของ ส่วนราชการสงั กดั รฐั สภา รวมท้งั เป็นคา่ นิยมร่วมสําหรับองค์กรและบุคลากรทุกคนพึงยึดถือเป็นแนวทาง ปฏิบตั คิ วบคกู่ บั กฎ ข้อบังคับอื่น ๆ อยา่ งทว่ั ถงึ นโยบายเกย่ี วกับความโปร่งใสของสว่ นราชการสงั กดั รฐั สภา มี ๔ ดา้ น ดงั นี้ ๑. ด้านนโยบาย ผู้บริหาร และความพยายาม รเิ รม่ิ ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาในการสร้าง ความโปรง่ ใส แนวทางปฏบิ ัติ (๑) มนี โยบายที่ชัดเจนเกีย่ วกับความโปร่งใส (๒) บทบาทของผบู้ ริหารในการส่งเสรมิ เรื่องความโปรง่ ใสในสว่ นราชการสงั กัดรฐั สภา (๓) ความพยายาม ริเริ่มของสว่ นราชการสงั กัดรัฐสภาในการสรา้ งความโปรง่ ใส ๒. ดา้ นความเปิดเผย การมรี ะบบตรวจสอบภายในสว่ นราชการสงั กดั รฐั สภา และการมสี ว่ นรว่ ม แนวทางปฏิบตั ิ (๑) การเปิดเผยขอ้ มลู ข่าวสาร (๒) การมมี าตรฐานการใหบ้ ริการประชาชนและประกาศใหท้ ราบ (๓) การมีระบบตรวจสอบภายในทด่ี ําเนินการตรวจสอบมากกวา่ เรอ่ื งการเงิน และบัญชี (๔) การเผยแพร่ผลการปฏิบตั ิงานและผลการประเมนิ ตนเองต่อสาธารณะ (๕) การเปิดโอกาสใหป้ ระชาชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ัติราชการ ๓. ดา้ นการใชด้ ลุ ยพินิจ แนวทางปฏบิ ัติ (๑) การลดการใช้ดลุ ยพินจิ ของเจา้ หนา้ ท่ผี ู้ปฏบิ ตั งิ าน - 215 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๕๓ ง หน้า ๔๒ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา (๒) การใช้ดลุ ยพินิจในการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลตามหลักธรรมาภบิ าล (๓) การมรี ะบบบริหารความเสย่ี งดา้ นความโปรง่ ใส ๔. ด้านการมรี ะบบ กลไกจดั การรับเร่ืองร้องเรยี น แนวทางปฏิบัติ (๑) การมีหนว่ ยงาน ผู้รบั ผิดชอบโดยตรงในการดําเนนิ การตอ่ เรื่องรอ้ งเรียน (๒) การมชี ่องทางในการรับเรือ่ งร้องเรียนที่หลากหลาย (๓) การมีระเบียบปฏบิ ัติในการดําเนินการตอ่ เรือ่ งรอ้ งเรยี นทม่ี ปี ระสิทธิภาพ ท้ังนี้ การดําเนินการตามนโยบายเก่ียวกับความโปร่งใสของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามประกาศน้ี ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรฐานความโปรง่ ใสและแนวทางการดําเนินงานตามมาตรฐานความโปร่งใสของส่วนราชการ สังกดั รฐั สภาตามท่ี ก.ร. กาํ หนด ประกาศ ณ วนั ที่ ๒๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ สมศักดิ์ เกียรตสิ รุ นนท์ ประธานรฐั สภา ประธาน ก.ร. - 216 -

- 217 -

- 218 -

- 219 -

- 220 -

- 221 -

- 222 -

- 223 -

เลม่ ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๘๓ ง หน้า ๓ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศประธานรัฐสภา ว่าดว้ ยเคร่อื งแบบขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติเคร่ืองแบบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ จงึ ออกประกาศประธานรฐั สภาไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศประธานรัฐสภาว่าด้วยเครื่องแบบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ประกาศนใ้ี ห้ใชบ้ งั คับตัง้ แต่วันถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศรัฐสภาออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ลงวนั ที่ ๖ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓ (๒) ประกาศรัฐสภาออกตามความในพระราชบัญญัติเคร่ืองแบบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๙ ลงวนั ท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ข้อ ๔ ลักษณะ ชนดิ และประเภทของเครื่องแบบข้าราชการรัฐสภากับการแต่งเครื่องแบบ ใหเ้ ป็นไปตามทกี่ าํ หนดในประกาศน้ี ขอ้ ๕ เครอ่ื งแบบขา้ ราชการรฐั สภาสามญั และขา้ ราชการรฐั สภาฝ่ายการเมืองมี ๒ ชนิด คือ (๑) เคร่ืองแบบปฏิบัตริ าชการ ไดแ้ ก่ ก. เครื่องแบบสกี ากคี อพบั ข. เครอื่ งแบบสกี ากีคอแบะ (๒) เครือ่ งแบบพธิ กี าร ได้แก่ ก. เครือ่ งแบบปกตขิ าว ข. เคร่ืองแบบปกติกากคี อต้งั ค. เครื่องแบบคร่ึงยศ ง. เครอ่ื งแบบเต็มยศ จ. เครื่องแบบสโมสร ขอ้ ๖ เคร่ืองแบบปฏบิ ัตริ าชการ ประกอบดว้ ย (๑) หมวก ข้าราชการชาย ใหใ้ ชห้ มวกได้ ๒ แบบ แบบที่ ๑ หมวกทรงหม้อตาลสีกากี กะบังหน้าทําด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดํา สายรัดคางหนงั หรอื วัตถุเทยี มหนงั สีดาํ มดี ุมโลหะสีทองตราครฑุ พา่ ห์ขนาดเลก็ ตดิ ที่ขา้ งหมวกขา้ งละ ๑ ดุม ผา้ พนั หมวกสีกากี หนา้ หมวกตดิ ตราครุฑพ่าหใ์ นบวั กระหนกทําด้วยโลหะสีทอง สูง ๖.๕ เซนติเมตร - 224 -

เลม่ ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๘๓ ง หน้า ๔ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานุเบกษา แบบที่ ๒ หมวกแก๊ปทรงอ่อนสีกากี หน้าหมวกติดตราครุฑพ่าห์ปักด้ินสีทอง สูง ๔.๕ เซนติเมตร ข้าราชการหญิง ใหใ้ ชห้ มวกได้ ๓ แบบ แบบที่ ๑ อนุโลมตามแบบหมวกของขา้ ราชการชาย แตเ่ ป็นทรงอ่อน แบบที่ ๒ หมวกแก๊ปทรงอ่อนพับปีกสีกากี สายรัดคางสีทอง กว้าง ๑ เซนติเมตร มีดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ขนาดเล็กติดท่ีข้างหมวกข้างละ ๑ ดุม ผ้าพันหมวกสีกากี หน้าหมวก ตดิ ตราครุฑพ่าหป์ กั ดิ้นสีทอง สงู ๔.๕ เซนติเมตร บนหมอนสกี ากี แบบที่ ๓ หมวกหนบี สีกากี ดา้ นหน้ามีดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ ขนาดเล็ก ๒ ดุม ตดิ ซ้อนกนั มีตราครุฑพ่าห์ในบัวกระหนก สูง ๔.๕ เซนติเมตร ติดที่ด้านซ้ายเหนือขอบหมวกห่างจาก มุมพับด้านหนา้ หมวกประมาณ ๔ เซนตเิ มตร ข้าราชการหญิงมุสลิม หากจะใช้ผ้าคลุมศีรษะ ให้ใช้ผ้าคลุมศีรษะสีประเภทสีกากี หรือสีกลมกลืนกับเส้ือ กระโปรง หรือกางเกง โดยให้คลุมศีรษะท้ังหมดเว้นใบหน้า ชายผ้าคลุมศีรษะ ด้านข้างยาวถึงบ่า ด้านหน้ายาวถึงระดับหน้าอก ขอบผ้าคลุมเย็บเรียบ ในกรณีท่ีมีการสวมหมวก ใหส้ วมหมวกทบั ผา้ คลมุ ศรี ษะ การสวมหมวกให้สวมในโอกาสอันควร (๒) เส้ือ ขา้ ราชการชายใหใ้ ชเ้ สือ้ ได้ ๒ แบบ แบบที่ ๑ เสือ้ คอพับสีประเภทสีกากีแขนยาวรัดข้อมือ มีดุมท่ีข้อมือข้างละ ๑ ดุมหรือ แขนส้ัน มีกระเปา๋ เย็บตดิ ท่ีหน้าอกเสือ้ ข้างละ ๑ กระเปา๋ เป็นกระเปา๋ เสอ้ื มีแถบอยู่ตรงกลางตามทางดิ่ง กว้าง ๓.๕ เซนติเมตร มีใบปกกระเป๋ารูปมนชายกลางแหลม หรือเป็นกระเป๋าเส้ือชนิดไม่มีแถบกลาง กระเป๋าและใบปกกระเป๋าเป็นรูปสี่เหล่ียมผืนผ้ามุมกระเป๋าและมุมปกกระเป๋าเป็นรูปตัดพองาม ที่ปากกระเป๋าท้ังสองข้างติดดุมข้างละหนึ่งดุมสําหรับขัดใบปกกระเป๋า ตัดเสื้อผ่าอกตลอด มีสาบกว้าง ๓.๕ เซนติเมตร ติดดุมตามแนวอกเสื้อ ๕ ดุม ระยะห่างกันพอสมควร และติดเคร่ืองหมายสังกัด ทปี่ กเสอ้ื ด้านหน้าทง้ั สองขา้ ง ทไ่ี หลเ่ สอื้ ประดับอนิ ทรธนสู เี ดียวกบั เสื้อยาวตามความยาวของบ่าเย็บติดกับ เสื้อเหนือบ่าท้ังสองข้างจากไหล่ไปคอ ปลายมน ด้านไหล่กว้าง ๔ เซนติเมตร ด้านคอกว้าง ๓ เซนตเิ มตร ตอนปลายขัดดมุ ติดกบั ตวั เส้ือ ในโอกาสไปงานพิธี ให้ใช้เสื้อเช้ิตแขนยาว ผูกผ้าพันคอสีดําเงื่อนกลาสีสอดชายผ้าผูกคอ ไวภ้ ายในเสื้อภายใตด้ มุ เม็ดท่ีสอง แบบที่ ๒ เสอ้ื คอแบะปล่อยเอว แบบคอตน้ื สปี ระเภทสกี ากีแขนส้ัน ตัวเสื้อผ่าอกตลอด มดี มุ ท่อี กเส้อื ๔ ดุม มีกระเป๋าเย็บติดภายนอกเป็นกระเป๋าบนและล่างอย่างละสองกระเป๋ากระเป๋าบน มีใบปกมนชายกลางแหลมมีแถบกว้าง ๓.๕ เซนติเมตร ตรงกึ่งกลางกระเป๋าทางดิ่งกระเป๋าล่าง เป็นกระเป๋าย่ามมใี บปกรูปตัดท่ีฝากระเป๋าทั้งสองกระเป๋าติดดุมข้างละ ๑ ดุม สําหรับขัดกับใบปกกระเป๋า ที่เอวด้านหลังคาดด้วยผ้าสีเดียวกับเสื้อขนาดกว้าง ๕ เซนติเมตร ชายเสื้อท่ีตะเข็บกลางหลังเปิดไว้ถึง ผ้าคาดเอว ติดเครื่องหมายสงั กัดทปี่ กคอเส้ือดา้ นหนา้ ทง้ั สองขา้ ง - 225 -

เลม่ ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๘๓ ง หนา้ ๕ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกจิ จานุเบกษา ใหใ้ ชเ้ สื้อแบบที่ ๒ แทนเสื้อแบบที่ ๑ ในโอกาสอนั ควร ดุมทใี่ ช้กับเสื้อทง้ั สองแบบมีลักษณะเป็นรปู กลมแบนทําด้วยวตั ถสุ ีเดียวกับสีเสือ้ ผู้ได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ให้ประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท่อี กเสื้อเหนือกระเป๋าบนซา้ ย ข้าราชการหญงิ ใหใ้ ช้เสือ้ ได้ ๔ แบบ แบบท่ี ๑ อนโุ ลมตามแบบเส้อื ของข้าราชการชาย แบบที่ ๒ เส้ือคอพับสีประเภทสีกากี สีอ่อนกว่ากระโปรงหรือสีเดียวกับกระโปรง ผ่าอกตลอดตัวเสื้อ มีสาบกว้างประมาณ ๒.๕ เซนติเมตร แขนยาวรัดข้อมือ ขอบปลายแขนกว้าง ประมาณ ๕ เซนตเิ มตร หรือแขนส้นั เหนือขอ้ ศอกเล็กน้อย ตลบชาย กว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร เดินคิ้วด้านหน้าเส้ือต่อจากเส้นบ่า มีตะเข็บผ่านกลางอกยาวตลอดตัวทั้งสองด้าน มีดุม ๕ ดุม ด้านหลังจากเส้นต่อบ่าหลัง มีตะเข็บผ่านตามตัวเสื้อท้ังสองด้านเช่นเดียวกับด้านหน้า ติดเคร่ืองหมาย สังกัดท่ีปกคอเสื้อด้านหน้าท้ังสองข้าง ท่ีไหล่เสื้อประดับอินทรธนูสีเดียวกับเส้ือ ยาวตามความยาว ของบ่าเย็บติดกับเส้ือเหนือบ่าท้ังสองข้างจากไหล่ไปคอ ปลายมน ด้านไหล่กว้าง ๔ เซนติเมตร ดา้ นคอกวา้ ง ๓ เซนตเิ มตร ตอนปลายขดั ดมุ ติดกับตวั เสื้อ การสวมสอดชายเสอ้ื ไวใ้ นขอบกระโปรง แบบที่ ๓ เสื้อคอพับปล่อยเอว สีประเภทสีกากีสีเดียวกับกระโปรงหรือกางเกง ผ่าอกตลอดตวั เสื้อ ไมม่ ีสาบ ด้านหนา้ มีคิว้ ตามสาบ มดี ุม ๔ ดมุ แขนยาวหรือแขนส้ัน ตลบชายกว้าง ประมาณ ๕ เซนตเิ มตร มคี วิ้ หน้าหลังเช่นเดียวกับแบบท่ี ๒ และมีเส้นแนวตะเข็บเช่นเดียวกับแบบที่ ๒ ทง้ั หน้าหลงั ความยาวของเสื้อให้คลุมสะโพกพองาม ติดเครื่องหมายสังกัดที่ปกคอเสื้อด้านหน้าทั้งสองข้าง ที่ไหล่เสื้อประดับอินทรธนูสีเดียวกับเส้ือ ยาวตามความยาวของบ่าเย็บติดกับเสื้อเหนือบ่าท้ังสองข้าง จากไหล่ไปคอ ปลายมน ด้านไหล่กว้าง ๔ เซนติเมตร ด้านคอกว้าง ๓ เซนติเมตร ตอนปลาย ขัดดุมตดิ กับตัวเสื้อ แบบท่ี ๔ เสื้อคอแบะปล่อยเอว สีประเภทสีกากีสีเดียวกับกระโปรงหรือกางเกง ผา่ อกตลอดตวั เสอื้ ไมม่ ีสาบ แขนยาวจรดขอ้ มอื หรอื แขนสั้นเหนือศอกเล็กน้อย ตลบชายกว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ด้านหน้าเป็นค้ิวตามสาบ ดุม ๓ ดุม ต่อด้านหน้าและด้านหลังยาวตามตัว ติดเครื่องหมายสังกัดที่ปกคอแบะทั้งสองข้าง และมีกระเป๋าล่างข้างละ ๑ กระเป๋า เป็นกระเป๋า เจาะเฉยี งเล็กนอ้ ย ไม่มใี บปกกระเป๋า ดมุ ท่ใี ช้กบั เส้อื แบบท่ี ๒, ๓ และ ๔ เปน็ ดุมสีน้ําตาลสเี ดียวกบั สเี ส้อื การสวมเสื้อแบบที่ ๓ และแบบที่ ๔ ให้ปล่อยชายเส้ือทับกระโปรงหรือกางเกง และคาดเขม็ ขัดตาม (๕) แบบท่ี ๒ ทับเอวเสอ้ื ในโอกาสไปงานพิธี ให้ใช้เส้ือแบบที่ ๑ หรือแบบที่ ๒ โดยใช้เสื้อเชิ้ตแขนยาว ผูกผ้า ผกู คอสีดําเงอื่ นกลาสี สอดชายผ้าผกู คอไว้ภายในเสือ้ ใตด้ ุมเม็ดท่สี อง - 226 -

เลม่ ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๘๓ ง หน้า ๖ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานเุ บกษา ผู้ซึง่ ได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ให้ประดับแพรแถบเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ท่ีอกเส้ือเหนือกระเปา๋ บนซ้ายดว้ ย (๓) อนิ ทรธนู ใหใ้ ช้อินทรธนอู อ่ นมลี ายดังน้ี ขา้ ราชการรัฐสภาฝา่ ยการเมือง มแี ถบกวา้ ง ๓ เซนติเมตร ติดทางตน้ อินทรธนู ๑ แถบ และแถบกว้าง ๑ เซนติเมตร ติดเรียงต่อไปอีก ๑ แถบ แถบบนขมวดเป็นวงกลม ขนาดวัด เส้นผ่าศูนย์กลางวงใน ๑ เซนติเมตร และบนกึ่งกลางแถบกว้าง ๓ เซนติเมตร ให้ติดตราครุฑพ่าห์ ทาํ ด้วยโลหะสที อง สงู ๒.๕ เซนตเิ มตร ตามตารางที่ ๑ ลาํ ดบั ท่ี ๑ ท้ายประกาศน้ี ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประเภทท่ัวไประดับทักษะพิเศษ ประเภทวิชาการระดับ เชี่ยวชาญและระดับทรงคุณวฒุ ิ ประเภทอํานวยการระดับสูง และประเภทบริหารระดับต้นและระดับสูง มีแถบกวา้ ง ๓ เซนติเมตร ติดทางตน้ อินทรธนู ๑ แถบ และแถบกว้าง ๑ เซนติเมตร ติดเรียงต่อไป อีก ๑ แถบ แถบบนขมวดเป็นวงกลม ขนาดวดั เสน้ ผ่าศูนย์กลางวงใน ๑ เซนติเมตร และบนกึ่งกลาง แถบกวา้ ง ๓ เซนตเิ มตร ใหต้ ิดตราครฑุ พา่ หท์ าํ ดว้ ยโลหะสที อง สูง ๒.๕ เซนติเมตร ตามตารางที่ ๑ ลําดับที่ ๑ ท้ายประกาศน้ี ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประเภทท่ัวไประดับอาวุโส ประเภทวิชาการระดับชํานาญการ และระดับชาํ นาญการพิเศษ และประเภทอํานวยการระดับต้น มีแถบกว้าง ๓ เซนติเมตร ติดทางต้น อนิ ทรธนู ๑ แถบ และแถบกว้าง ๑ เซนตเิ มตร ติดเรยี งต่อไปอีก ๑ แถบ แถบบนขมวดเป็นวงกลม ขนาดวัดเส้นผา่ ศนู ย์กลางวงใน ๑ เซนติเมตร ตามตารางที่ ๑ ลาํ ดบั ที่ ๒ ท้ายประกาศน้ี ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประเภทท่ัวไประดับชํานาญงาน และประเภทวิชาการระดับ ปฏบิ ตั กิ าร มแี ถบกวา้ ง ๑ เซนตเิ มตร ๓ แถบ แถบบนขมวดเปน็ วงกลมขนาดวดั เสน้ ผา่ ศนู ย์กลางวงใน ๑ เซนตเิ มตร ตามตารางท่ี ๑ ลาํ ดับท่ี ๓ ทา้ ยประกาศน้ี ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน มีแถบกว้าง ๑ เซนติเมตร ๒ แถบ แถบบนขมวดเป็นวงกลม ขนาดวัดเส้นผ่าศูนย์กลางวงใน ๑ เซนติเมตร ตามตารางท่ี ๑ ลําดบั ท่ี ๔ ทา้ ยประกาศนี้ (๔) กางเกง กระโปรง ขา้ ราชการชาย ให้ใช้กางเกงแบบราชการสปี ระเภทสีกากี ไม่พับปลายขา ขา้ ราชการหญิง ให้ใชก้ างเกงหรอื กระโปรงสปี ระเภทสีกากีได้ ๕ แบบ แบบท่ี ๑ กางเกง อนโุ ลมตามแบบของขา้ ราชการชาย แบบที่ ๒ กางเกงขายาว ขาตรง ไม่มีลวดลาย ขอบกางเกงกว้างประมาณ ๑ น้ิว มีหรอื ไมม่ ีกระเปา๋ ก็ได้ มีซิปดา้ นหน้าหรอื ด้านข้าง ไมพ่ บั ปลายขา แบบที่ ๓ กระโปรงยาวปิดเข่า ปลายบานเล็กนอ้ ย แบบท่ี ๔ กระโปรงมีตะเข็บหน้า ๒ ตะเข็บ ตะเข็บหลัง ๒ ตะเข็บ ยาวคร่ึงเข่า ปลายบานเลก็ น้อย - 227 -

เลม่ ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๘๓ ง หนา้ ๗ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานุเบกษา แบบที่ ๕ กระโปรงกางเกง แบบกางเกงยาวคร่ึงเข่า มีตะเข็บหน้า ๒ ตะเข็บ ตะเข็บหลัง ๒ ตะเข็บ มจี บี กระทบดา้ นหน้าและดา้ นหลัง ขา้ ราชการหญิงมสุ ลมิ หากจะใชก้ ระโปรง หรือกระโปรงกางเกงตามแบบที่ ๓ แบบที่ ๔ หรอื แบบท่ี ๕ จะให้ยาวคลุมข้อเทา้ ก็ได้ (๕) เขม็ ขดั ข้าราชการชาย ให้ใช้เข็มขัดทําด้วยด้ายถักสีกากีกว้าง ๓ เซนติเมตร หัวเข็มขัดทําด้วย โลหะสีทองเป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้าทางนอน ปลายมนกว้าง ๓.๕ เซนติเมตร ยาว ๕ เซนติเมตร มีรูปครุฑดุนนูนอยู่ก่ึงกลางหัวเข็มขัด ไม่มีเข็มสําหรับสอดรู ปลายเข็มขัดหุ้มด้วยโลหะสีทอง กว้าง ๑ เซนตเิ มตร ขา้ ราชการหญิง ใหใ้ ชเ้ ขม็ ขดั ๒ แบบ แบบที่ ๑ ใชค้ าดทบั ขอบกระโปรง โดยใช้เข็มขัดอนโุ ลมตามแบบขา้ ราชการชาย แบบท่ี ๒ ใชค้ าดทับเส้ือ โดยใช้เข็มขัดผ้าสีประเภทสีกากีสีเดียวกับสีเส้ือ กว้าง ๒.๕ เซนตเิ มตร หัวสเ่ี หลย่ี มหุ้มผ้า (๖) รองเท้า ถงุ เท้า ขา้ ราชการชาย ให้ใช้รองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดํา หรือสีน้ําตาล ไมม่ ีลวดลาย ถงุ เทา้ สเี ดียวกบั รองเท้า ข้าราชการหญงิ ใหใ้ ชร้ องเท้าหุ้มส้นหรือรัดส้นหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดํา หรือสีนํ้าตาล แบบปดิ ปลายเท้า ไมม่ ลี วดลายส้นสูงไมเ่ กิน ๑๐ เซนตเิ มตร (๗) เคร่อื งหมายแสดงสงั กัดของส่วนราชการสงั กดั รัฐสภา ใหเ้ ป็นรูปตรารัฐธรรมนญู ประดิษฐาน บนพานสองชั้น ทาํ ดว้ ยโลหะสที องไมม่ ขี อบ สงู ๒ เซนตเิ มตร ตดิ ทคี่ อเสือ้ ตอนหนา้ ท้งั สองขา้ ง สาํ หรับขา้ ราชการหญิง ให้ตดิ เครื่องหมายแสดงสงั กดั ท่ีคอแบะของเสื้อตอนบนทั้งสองข้าง เหนอื แนวเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ (๘) ปา้ ยชอื่ และตําแหนง่ ให้มีป้ายชื่อพื้นสีดํา ขนาดกว้างไม่เกิน ๒.๕ เซนติเมตร ยาวไม่เกิน ๗.๕ เซนติเมตร แสดงช่ือตัว ช่อื สกลุ และชอ่ื ตาํ แหน่งในการบริหารงานหรือชื่อตําแหน่งในสายงานตามท่ีคณะกรรมการ ข้าราชการรฐั สภากาํ หนด ประดบั ที่อกเสือ้ เหนือกระเป๋าบนขวา ขอ้ ๗ เคร่ืองแบบพิธกี ารประเภทเคร่อื งแบบปกติขาว ประกอบดว้ ย (๑) หมวก ข้าราชการชาย ให้ใช้หมวกทรงหม้อตาลสขี าว กะบังหน้าทําด้วยหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดํา สายรัดคางสีทอง กว้าง ๑ เซนติเมตร มีดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ขนาดเล็กติดที่ข้างหมวก ข้างละ ๑ ดุม ผ้าพันหมวกสขี าว หน้าหมวกติดตราครุฑพ่าห์ปักดิ้นสีทอง สูง ๕ เซนติเมตร บนหมอนสักหลาด สีขาว - 228 -

เลม่ ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๘๓ ง หนา้ ๘ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานเุ บกษา ข้าราชการหญิง ใหใ้ ช้หมวกได้ ๒ แบบ แบบท่ี ๑ อนโุ ลมตามแบบหมวกของข้าราชการชาย แตเ่ ป็นทรงอ่อน แบบที่ ๒ หมวกแก๊ปทรงอ่อนพบั ปกี สีขาว สายรัดคางสีทอง มีดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ ขนาดเล็กติดท่ีข้างหมวกข้างละ ๑ ดุม ผ้าพันหมวกสีขาว หน้าหมวกติดตราครุฑพ่าห์ปักด้ินสีทอง สูง ๔.๕ เซนตเิ มตร บนหมอนสักหลาดสีขาว ข้าราชการหญิงมุสลิม หากจะใชผ้ ้าคลุมศีรษะ ให้ใช้ผ้าคลุมศีรษะสีดํา โดยให้คลุมศีรษะ ท้ังหมดเว้นใบหน้า ชายผ้าคลุมศีรษะสอดไว้ในปกเสื้อคอพับท้ังด้านหน้าและด้านหลัง ในกรณีท่ีมีการ สวมหมวกใหส้ วมหมวกทับผา้ คลมุ ศีรษะ การสวมหมวกใหส้ วมในโอกาสอันควร (๒) เสอื้ ขา้ ราชการชาย ให้ใชเ้ ส้อื แบบราชการสีขาว ใชด้ ุมโลหะสที องตราครฑุ พ่าหข์ นาดใหญ่ ๕ ดุม ผู้ไดร้ บั พระราชทานเครือ่ งราชอิสริยาภรณใ์ ห้ประดับแพรแถบเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์ที่อกเสื้อเหนือกระเป๋า บนซา้ ยด้วย ข้าราชการหญิง ให้ใช้เส้ือนอกคอแบะสีขาวแบบคอแหลมหรือคอป้านแขนยาวถึงข้อมือ มีตะเข็บหลงั ๔ ตะเข็บ ที่แนวสาบอกมีดุมโลหะสที องตราครุฑพ่าห์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ เซนติเมตร ๓ ดมุ สําหรับแบบเสอ้ื คอแหลม และ ๕ ดุม สําหรับแบบเสื้อคอป้าน มีกระเป๋าล่างข้างละ ๑ กระเป๋า เป็นกระเป๋าเจาะเฉียงเล็กน้อยไม่มีใบปกกระเป๋าและให้ใช้เสื้อคอพับแขนยาวสีขาว ผูกผ้าพันคอสีดํา เงื่อนกลาสี ผไู้ ด้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้ประดับแพรแถบเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ที่อกเสื้อ เบื้องซา้ ยดว้ ย (๓) อนิ ทรธนู ให้มีอินทรธนแู ข็ง กวา้ ง ๔ เซนตเิ มตร ยาวตามความยาวของบ่าพ้ืนสักหลาด สีดํา ติดทับเส้ือเหนือบ่าทั้งสองข้างจากไหล่ไปคอ ด้านคอปลายมนติดดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ ขนาดเลก็ อนิ ทรธนูมีลายดังนี้ ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง มีแถบสีทองกว้าง ๕ มิลลิเมตร เป็นขอบและปักดิ้น สีทองลายช่อชัยพฤกษ์ยาวตลอดส่วนกลางของอินทรธนู และให้มีแถบสีทองกว้าง ๕ มิลลิเมตร ปดิ ทฐี่ านดา้ นลา่ งของอินทรธนู ตามตารางที่ ๒ ลาํ ดบั ท่ี ๑ ท้ายประกาศนี้ ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ประเภทวิชาการระดับ เชี่ยวชาญและระดับทรงคุณวุฒิ ประเภทอํานวยการระดับสูงและประเภทบริหารระดับต้นและระดับสูง มแี ถบสีทองกว้าง ๕ มิลลิเมตร เปน็ ขอบปกั ด้ินสีทองลายช่อชัยพฤกษ์ยาวตลอดส่วนกลางของอินทรธนู และให้มีแถบสีทองกว้าง ๕ มิลลิเมตร ปิดท่ีฐานด้านล่างของอินทรธนู ตามตารางที่ ๒ ลําดับที่ ๑ ทา้ ยประกาศนี้ ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประเภทท่ัวไประดับอาวุโส ประเภทวิชาการระดับชํานาญการ และระดับชํานาญการพิเศษ และประเภทอํานวยการระดับต้น มีแถบสีทองกว้าง ๕ มิลลิเมตร เปน็ ขอบ และปักดนิ้ สีทองลายชอ่ ชัยพฤกษ์ยาวตลอดส่วนกลางของอินทรธนู ตามตารางท่ี ๒ ลําดับท่ี ๒ ท้ายประกาศน้ี - 229 -

เล่ม ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๘๓ ง หนา้ ๙ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประเภทท่ัวไประดับชํานาญงาน และประเภทวิชาการระดับ ปฏิบตั ิการ มแี ถบสีทองกว้าง ๑ เซนติเมตร เป็นขอบ และปักดนิ้ สที องลายช่อชยั พฤกษ์มีดอก ๓ ดอก เรียงตามส่วนยาวของอินทรธนู ไม่เกิน ๓ ใน ๔ ส่วนของอินทรธนู ตามตารางท่ี ๒ ลําดับที่ ๓ ท้ายประกาศนี้ ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประเภทท่ัวไประดับปฏิบัติงาน มีแถบสีทอง กว้าง ๑ เซนติเมตร เปน็ ขอบ และปกั ด้ินสีทองลายชอ่ ชยั พฤกษ์มีดอก ๒ ดอก เรยี งตามส่วนยาวของอินทรธนู ไม่เกินครึ่งหน่ึง ของอินทรธนู ตามตารางที่ ๒ ลําดบั ที่ ๔ ทา้ ยประกาศน้ี (๔) กางเกง กระโปรง ข้าราชการชาย ใหใ้ ชก้ างเกงแบบราชการสขี าวขายาว ไมพ่ บั ปลายขา ขา้ ราชการหญงิ ใหใ้ ช้กระโปรงสขี าว ตเี กลด็ ด้านหนา้ ๒ เกล็ด และด้านหลัง ๒ เกล็ด ยาวปดิ เข่า ปลายบานเลก็ น้อยใชก้ ับแบบเส้ือคอแหลม หรอื กระโปรงสีขาวยาวปิดเข่าปลายบานเล็กน้อย ใช้กบั แบบเส้ือคอป้าน ข้าราชการหญงิ มสุ ลมิ กระโปรงทัง้ สองแบบดังกล่าว จะใหย้ าวคลุมข้อเท้าก็ได้ (๕) รองเท้า ถุงเท้า ขา้ ราชการชาย ใหใ้ ชร้ องเทา้ หมุ้ สน้ หนังหรอื วตั ถเุ ทยี มหนงั สดี าํ ชนิดผกู ถุงเทา้ สีดาํ ข้าราชการหญิง ให้ใช้รองเท้าหุ้มส้นหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดําแบบปิดปลายเท้า ไม่มลี วดลาย สน้ สงู ไมเ่ กิน ๑๐ เซนติเมตร ถงุ เท้ายาวสีเน้อื ขอ้ ๘ เคร่ืองแบบพิธีการประเภทเครื่องแบบปกติกากีคอต้ัง ลักษณะและส่วนประกอบ เช่นเดียวกับเครื่องแบบปกติขาว เว้นแต่สีของหมวก ผ้าพันหมวกหมอนสักหลาดสําหรับปักครุฑพ่าห์ เสือ้ และกางเกงหรือกระโปรงเปน็ สีประเภทสกี ากี ข้อ ๙ เครอ่ื งแบบพิธกี ารประเภทเครือ่ งแบบครึ่งยศ ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับ เคร่อื งแบบปกตขิ าว เวน้ แตก่ างเกงหรือกระโปรงใหใ้ ชผ้ า้ สกั หลาดหรอื เสิร์จสดี าํ ประดบั เครอื่ งราชอิสริยาภรณ์ ขอ้ ๑๐ เครอื่ งแบบพิธกี ารประเภทเครอ่ื งแบบเต็มยศ ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับ เครอื่ งแบบคร่ึงยศสวมสายสะพาย ข้อ ๑๑ เคร่ืองแบบพธิ ีการประเภทเครอ่ื งแบบสโมสรสําหรบั ข้าราชการชาย มี ๓ แบบ คอื (๑) เคร่อื งแบบสโมสร ก. ลักษณะและส่วนประกอบเชน่ เดียวกับเคร่ืองแบบเต็มยศ (๒) เคร่ืองแบบสโมสร ข. ลกั ษณะและส่วนประกอบเชน่ เดยี วกบั เครอื่ งแบบสโมสร ก. เว้นแต่ เสื้อ ให้ใช้เสื้อสโมสรสีขาว ทําด้วยผ้าสักหลาดหรือเสิร์จ เปิดอก ปาดเอว มีดุมโลหะ สที องตราครฑุ พ่าห์ขนาดเลก็ ตดิ ทีข่ อ้ มือข้างละ ๓ ดมุ ท่รี ะหวา่ งอกกบั เอวข้างละ ๓ ดุม และที่บรรจบ เส้ือมีดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ขนาดใหญ่ข้างละ ๑ ดุม ดุมคู่น้ีมีสายสร้อยสีทองร้อยติดกัน ประกอบด้วยเสื้อก๊ักสีขาว ดุมโลหะสีทองตราครุฑพ่าห์ ๓ ดุม และเสื้อเชิ้ตสีขาวอกแข็ง ข้อมือแข็ง คอเชิต้ ชั้นเดียวแบบปีกผีเส้ือผกู ผ้าผกู คอสดี าํ เงอ่ื นหกู ระต่าย - 230 -

เลม่ ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๘๓ ง หน้า ๑๐ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกจิ จานุเบกษา เคร่อื งหมายสังกดั ใหต้ ดิ ทคี่ อแบะของเสื้อตอนบนทง้ั สองข้างเหนอื แนวเครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์ ในฤดูรอ้ น ใหใ้ ช้กางเกงสขี าวแทนกางเกงสีดําได้ (๓) เครื่องแบบสโมสร ค. ลักษณะและส่วนประกอบเช่นเดียวกับเคร่ืองแบบสโมสร ข. เว้นแต่ เสื้อเช้ิตอกแข็งให้ใช้เส้ือเช้ิตอกอ่อนสีขาว และเส้ือก๊ักให้ใช้แพรแถบสีเดียวกับกางเกงรัดเอวแทน แพรแถบน้ีส่วนกลางด้านหน้ากว้าง ๑๒ เซนติเมตร ปลายท้ังสองข้างเรียว กว้าง ๑๑ เซนติเมตร ที่ปลายมีขอเกย่ี วตดิ กันในขณะคาดทางด้านหลัง เครอ่ื งแบบพธิ ีการประเภทเครื่องแบบสโมสรสาํ หรับข้าราชการหญงิ ให้แตง่ ตามสมัยนยิ ม ขอ้ ๑๒ ข้าราชการนอกประจําการ ให้ใช้เคร่ืองแบบเช่นเดียวกับข้าราชการประจําการ เว้นแต่ ให้ติดเครื่องหมายแสดงสังกัดที่ปกคอเส้ือด้านหน้าข้างซ้ายและเครื่องหมายอักษร นก ทําด้วย โลหะโปรง่ สที องไมม่ ขี อบ สงู ๒ เซนตเิ มตร ท่ีปกคอเสื้อดา้ นหน้าข้างขวา ขอ้ ๑๓ ผู้ซงึ่ ได้รับพระราชทานเครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ หรือไดร้ ับพระราชทานพระบรมราชานญุ าต ให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ ให้ประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์นั้น ๆ ในเวลา แต่งเคร่ืองแบบเต็มยศ แต่ในเวลาแต่งเคร่ืองแบบสโมสร จะประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์จําลอง ขนาดย่อมก็ได้ และถ้าในหมายหรือบัตรเชิญทางราชการปรากฏว่าให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กใ็ ห้ประดบั อย่างแตง่ เครอ่ื งแบบเตม็ ยศหรือถา้ มีว่าให้สวมสายสะพายด้วย ก็ใหส้ วม ข้อ ๑๔ ผู้ซึ่งได้รับเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติ หรือเคร่ืองหมายกิตติศักดิ์จากส่วนราชการอื่น กใ็ ห้ประดับเคร่อื งหมายน้นั ตามระเบยี บของส่วนราชการน้นั ๆ ได้ตามสมควร ข้อ ๑๕ ผู้ได้รับเข็มแสดงวิทยฐานะของสถาบันต่าง ๆ เช่น วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันพระปกเกล้า เป็นต้น ให้ติดเข็มแสดงวิทยฐานะของสถาบันนั้นที่ก่ึงกลางกระเป๋าบนข้างขวา ของเครอ่ื งแบบขา้ ราชการรัฐสภาได้ ขอ้ ๑๖ ผู้ได้รับเคร่ืองหมายแสดงความสามารถในการบินของสโมสรการบินพลเรือน ให้ใช้ประกอบกับเคร่ืองแบบได้ทุกชนิด และให้ติดท่ีอกเส้ือข้างซ้ายเหนือปกกระเป๋า ถ้าประดับ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ติดเคร่ืองหมายนี้เหนือขึ้นไป เมื่อแต่ง เครือ่ งแบบสโมสรใหใ้ ชข้ นาดยอ่ ลงครงึ่ หนง่ึ ขอ้ ๑๗ ผ้มู ีเสมาอนุสรณม์ หาราช ให้ใชป้ ระกอบกับเครอื่ งแบบได้ทกุ ชนิด ดังนี้ (๑) เครื่องแบบปกติ เครื่องแบบครึ่งยศ และเคร่ืองแบบเต็มยศ ให้ประดับเสมาอนุสรณ์ มหาราชท่ดี มุ เสื้อเมด็ ทส่ี องจากคอเส้อื ตามแนวบรรจบเสือ้ (๒) เคร่ืองแบบสโมสร ให้ประดับเสมาอนุสรณ์มหาราชท่ีดุมเส้ือเม็ดที่หนึ่งตามแนวบรรจบ เส้อื ดา้ นบน (๓) เครอ่ื งแบบราชการ ให้ประดับเสมาอนสุ รณ์มหาราชทีด่ ุมกระเป๋าเสอื้ ด้านซา้ ย - 231 -

เล่ม ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๘๓ ง หน้า ๑๑ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๑๘ ข้าราชการนอกประจาํ การผใู้ ดมีสิทธิแต่งเคร่ืองแบบข้าราชการอยู่ก่อนวันท่ีประกาศน้ี ใชบ้ งั คับ ให้คงใชเ้ คร่อื งหมายตาํ แหน่งบนอินทรธนูไดต้ ามเดมิ ต่อไป ขอ้ ๑๙ การแต่งเคร่ืองแบบที่กําหนดไว้ในประกาศนี้ ให้แต่งตามหมายของสํานักพระราชวัง หรือตามระเบียบ ขอ้ บงั คบั คําส่ังของส่วนราชการสังกดั รัฐสภาในโอกาสอันควร ประกาศ ณ วนั ที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พลเอก ธีรเดช มีเพยี ร ประธานวุฒิสภาทาํ หน้าทปี่ ระธานรฐั สภา - 232 -

ภาคผนวก ตารางท่ี ๑ รปู อนิ ทรธนูและเครอ่ื งหมายตําแหน่งบนอินทรธนูของข้าราชการรัฐสภาประกอบเคร่ืองแบบปฏิบัติ ราชการ ตามขอ้ ๖ (๓) ลาํ ดบั ท่ี ประเภทตาํ แหน่ง เครอ่ื งแบบปฏบิ ัตริ าชการ ๑ แถบใหญ่ ๑ แถบเล็กขมวด ขา้ ราชการรัฐสภาฝา่ ยการเมอื ง เพิ่มครฑุ พา่ ห์ ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ประเภททว่ั ไป ระดับทกั ษะพเิ ศษ ๑ แถบใหญ่ ๑ แถบเล็กขมวด ๑ ประเภทวชิ าการระดบั เชี่ยวชาญและ ระดับทรงคุณวุฒิ ๓ แถบเลก็ แถบบนขมวด ประเภทอาํ นวยการระดับสงู ประเภทบรหิ ารระดบั ต้นและระดบั สงู ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ประเภททว่ั ไป ระดับอาวุโส ๒ ประเภทวชิ าการระดบั ชาํ นาญการและ ระดบั ชาํ นาญการพเิ ศษ ประเภทอาํ นวยการระดับต้น ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ประเภททว่ั ไป ๓ ระดบั ชาํ นาญงาน ประเภทวชิ าการระดบั ปฏบิ ตั กิ าร ๒ แถบเล็ก แถบบนขมวด ๔ ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ประเภททวั่ ไป ระดบั ปฏบิ ตั งิ าน - 233 -

- ๒ - ตารางท่ี ๒ รปู อินทรธนูและเคร่ืองหมายตาํ แหนง่ บนอินทรธนูของข้าราชการรัฐสภาประกอบเคร่ืองแบบพิธีการ ตามข้อ ๗ (๓) ลาํ ดับท่ี ประเภทตาํ แหนง่ เครือ่ งแบบพิธกี าร ช่อชยั พฤกษ์ เพ่มิ เส้นฐาน ขา้ ราชการรฐั สภาฝา่ ยการเมอื ง ชอ่ ชยั พฤกษ์ ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ประเภททว่ั ไป ชอ่ ชัยพฤกษ์ มีดอก ๓ ดอก ระดับทกั ษะพเิ ศษ ๑ ประเภทวชิ าการระดบั เช่ียวชาญและ ระดับทรงคุณวุฒิ ประเภทอาํ นวยการระดบั สูง ประเภทบรหิ ารระดบั ตน้ และระดบั สงู ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ประเภททวั่ ไป ระดับอาวโุ ส ๒ ประเภทวชิ าการระดบั ชํานาญการและ ระดับชาํ นาญการพิเศษ ประเภทอาํ นวยการระดบั ต้น ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ประเภททว่ั ไป ๓ ระดบั ชาํ นาญงาน ประเภทวชิ าการระดบั ปฏบิ ัตกิ าร ช่อชัยพฤกษ์ มดี อก ๓ ดอก ๔ ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ประเภททวั่ ไป ระดับปฏบิ ัตงิ าน   - 234 -

เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง หน้า ๑๖ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา ประกาศประธานรัฐสภา วา่ ด้วยเคร่ืองแบบเจ้าหนา้ ท่ีตํารวจรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยท่ีเป็นการสมควรกําหนดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภาให้เหมาะสมสอดคล้องกับ พระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการฝ่ายรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ประธานรฐั สภาจึงออกประกาศไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ประกาศน้ีเรียกว่า “ประกาศประธานรัฐสภาว่าด้วยเคร่ืองแบบเจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖” ขอ้ ๒ ประกาศนีใ้ หใ้ ช้บงั คบั ต้งั แต่วนั ถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป ขอ้ ๓ ให้ยกเลิกประกาศประธานรัฐสภาออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบ ข้าราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ว่าด้วยเคร่ืองแบบเจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๓๙ ลงวนั ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๓๙ ข้อ ๔ ในประกาศนี้ “ส่วนราชการสังกัดรฐั สภา” หมายความว่า สาํ นกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สํานักงาน เลขาธกิ ารวฒุ ิสภา และสว่ นราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอ่ืนตามมาตรา ๖ (๓) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ บริหารราชการฝา่ ยรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ขอ้ ๕ ให้ขา้ ราชการรัฐสภาสามัญตําแหน่งเจา้ หนา้ ทต่ี ํารวจรัฐสภา แต่งเคร่ืองแบบให้เป็นไป ตามที่กาํ หนดในประกาศน้ี สว่ นที่ ๑ เครือ่ งแบบเจา้ หน้าที่ตาํ รวจรฐั สภา หมวดท่ี ๑ เครอื่ งแบบเจ้าหน้าทต่ี าํ รวจรัฐสภาชาย ข้อ ๖ เคร่อื งแบบเจ้าหน้าทีต่ าํ รวจรัฐสภาชาย มี ๘ ชนิด คือ (๑) เครื่องแบบปกติเส้ือนอกคอแบะกากี (๒) เครือ่ งแบบปกติเส้ือเช้ิตคอพบั กากี (๓) เครือ่ งแบบปกติขาว - 235 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๑๗ ง หนา้ ๑๗ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา (๔) เครอื่ งแบบฝกึ (๕) เครื่องแบบสนาม (๖) เครอื่ งแบบคร่ึงยศ (๗) เครอื่ งแบบเตม็ ยศ (๘) เครือ่ งแบบรัฐพิธี ข้อ ๗ เครอื่ งแบบปกติเสอื้ นอกคอแบะกากี ประกอบดว้ ย (๑) หมวกทรงหมอ้ ตาลสีกากี (๒) เสอ้ื นอกคอแบะสกี ากี (๓) กางเกงขายาวสีกากี (๔) เขม็ ขัดหนงั สนี ํ้าตาล (๕) รองเทา้ ห้มุ สน้ หนังสีดาํ หรือหุ้มข้อหนังสดี าํ (๖) กระบ่แี ละถุงมือสีขาว ให้ใชต้ ามท่ีส่วนราชการสงั กัดรฐั สภากาํ หนด ข้อ ๘ เครอ่ื งแบบปกตเิ ส้อื เชิ้ตคอพับกากี ประกอบดว้ ย (๑) หมวกทรงหม้อตาลสีกากี (๒) เสือ้ เชติ้ คอพับสีกากี (๓) กางเกงขายาวสีกากี (๔) เขม็ ขัดหนังสีดาํ (๕) รองเท้าหมุ้ สน้ หนังสดี าํ หรอื ห้มุ ข้อหนงั สดี ํา ข้อ ๙ เครื่องแบบปกติขาว ประกอบดว้ ย (๑) หมวกทรงหม้อตาลสขี าว (๒) เสอื้ นอกคอปิดสขี าว (๓) กางเกงขายาวสขี าว (๔) เข็มขดั หนังสีขาว (๕) รองเทา้ ห้มุ สน้ หนงั สดี าํ หรือหมุ้ ข้อหนงั สีดาํ (๖) กระบแ่ี ละถงุ มอื สีขาว ใช้ตามที่ส่วนราชการสังกดั รฐั สภากาํ หนด ข้อ ๑๐ เครื่องแบบฝึก ลักษณะเช่นเดียวกับเครื่องแบบปกติเส้ือเชิ้ตคอพับกากี เว้นหมวก ให้ใชห้ มวกแก๊ปสีดํา ข้อ ๑๑ เคร่อื งแบบสนาม ประกอบด้วย (๑) หมวกแก๊ปสีดาํ หรอื หมวกทรงอ่อนสักหลาดสีดาํ (๒) เสือ้ สนามสกี รมทา่ หรือสีดาํ (๓) กางเกงขายาวกระเป๋าย่ามสกี รมทา่ หรอื สีดํา (๔) เขม็ ขดั ดา้ ยถักสกี รมท่าหรือสีดาํ (๕) รองเท้าสงู คร่ึงน่องหนังสดี ํา - 236 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๑๗ ง หนา้ ๑๘ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา ขอ้ ๑๒ เครอ่ื งแบบคร่งึ ยศ (๑) หมวกทรงหมอ้ ตาลสขี าว (๒) เสอื้ นอกคอปดิ สขี าว (๓) กางเกงขายาวสดี าํ ตดิ แถบสกั หลาดสีเลอื ดหมู (๔) รองเท้าหุม้ ส้นหนงั สดี าํ หรอื ห้มุ ข้อหนังสีดํา (๕) กระบ่ีและถงุ มอื สีขาว ใหใ้ ช้ตามทส่ี ่วนราชการสงั กัดรฐั สภากําหนด เครอ่ื งแบบนใ้ี หป้ ระดบั เครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ ข้อ ๑๓ เครอ่ื งแบบเต็มยศ เช่นเดียวกับเคร่ืองแบบคร่ึงยศ เว้นแต่การประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หากได้รับเคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์ชนั้ สายสะพาย ใหส้ วมเครื่องราชอสิ ริยาภรณ์ชน้ั สายสะพายด้วย ข้อ ๑๔ เครอ่ื งแบบรัฐพธิ ี ประกอบดว้ ย (๑) หมวกเหลก็ หรือหมวกรองในแบบกนั แดดสกี ากี (๒) เส้อื นอกคอปิดสกี ากี (๓) กางเกงขายาวสีกากี (๔) เข็มขดั หนังสนี ํ้าตาลชนดิ มีสายโยงไขวก้ ันขา้ งหลัง (๕) รองเท้าห้มุ ส้นหนังสีดําหรอื หุ้มข้อหนงั สดี ํา (๖) กระบแี่ ละถุงมอื สขี าว ใหใ้ ชต้ ามทส่ี ่วนราชการสังกัดรัฐสภากําหนด เครอื่ งแบบรัฐพธิ จี ะประดับเครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณด์ ้วยกไ็ ด้ หมวดที่ ๒ เครอื่ งแบบเจา้ หน้าทีต่ าํ รวจรฐั สภาหญงิ ขอ้ ๑๕ เครือ่ งแบบเจ้าหนา้ ท่ีตํารวจรัฐสภาหญงิ มี ๗ ชนดิ (๑) เครอื่ งแบบปกติเสื้อนอกคอแบะกากี (๒) เคร่ืองแบบปกตเิ สอื้ เช้ติ คอพับกากี (๓) เคร่อื งแบบปกตขิ าว (๔) เครอื่ งแบบฝกึ (๕) เคร่อื งแบบสนาม (๖) เคร่ืองแบบครึ่งยศ (๗) เครอ่ื งแบบเต็มยศ ข้อ ๑๖ เครอ่ื งแบบปกติเส้ือนอกคอแบะกากี ประกอบดว้ ย (๑) หมวกแกป๊ ทรงอ่อนพับปีกสีกากี (๒) เสอ้ื นอกคอแบะสีกากี (๓) กระโปรงสีกากี - 237 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๑๗ ง หนา้ ๑๙ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา (๔) เข็มขดั หนังสนี ํา้ ตาล (๕) รองเท้าหุ้มส้นหนังสดี าํ ขอ้ ๑๗ เครอื่ งแบบปกติเส้ือเช้ติ คอพบั กากี ประกอบดว้ ย (๑) หมวกแก๊ปทรงออ่ นพับปีกสีกากี (๒) เสือ้ เช้ิตคอพับสีกากี (๓) กระโปรงสกี ากหี รอื กางเกงขายาวสกี ากี (๔) เขม็ ขัดหนังสีดาํ (๕) รองเทา้ หุ้มส้นหนงั สีดาํ หรือหมุ้ ขอ้ หนังสดี ํา ข้อ ๑๘ เคร่ืองแบบปกตขิ าว ประกอบดว้ ย (๑) หมวกแก๊ปทรงออ่ นพับปกี สขี าว (๒) เสอื้ นอกคอแบะสีขาว (๓) กระโปรงสีขาว (๔) เขม็ ขดั หนงั สขี าว (๕) รองเท้าหุ้มสน้ หนงั สีดาํ ข้อ ๑๙ เครื่องแบบฝึก ลักษณะเช่นเดียวกับเคร่ืองแบบปกติเสื้อเช้ิตคอพับกากี เว้นหมวก ให้ใช้หมวกแกป๊ สีดํา ข้อ ๒๐ เครือ่ งแบบสนาม ประกอบด้วย (๑) หมวกแกป๊ สดี าํ หรือหมวกทรงออ่ นสักหลาดสดี าํ (๒) เส้ือสนามสกี รมทา่ หรือสีดํา (๓) กางเกงขายาวกระเปา๋ ยา่ มสีกรมท่าหรือสีดาํ (๔) เขม็ ขัดดา้ ยถักหรือวตั ถุเทียมด้ายถักสกี รมทา่ หรอื สดี าํ (๕) รองเทา้ สูงคร่งึ น่องหนังสดี าํ ข้อ ๒๑ เครอ่ื งแบบครึง่ ยศ ประกอบด้วย (๑) หมวกแกป๊ ทรงอ่อนพบั ปีกสีขาว (๒) เส้ือนอกคอแบะสขี าว (๓) กระโปรงสีดํา (๔) รองเทา้ หมุ้ ส้นหนงั สีดาํ เครอื่ งแบบนีใ้ ห้ประดบั เครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์ ขอ้ ๒๒ เครอ่ื งแบบเต็มยศ เชน่ เดียวกับเครือ่ งแบบครึง่ ยศ เวน้ แตก่ ารประดับเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณ์ หากไดร้ ับเคร่อื งราชอิสริยาภรณช์ ัน้ สายสะพาย ใหส้ วมเครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ชนั้ สายสะพายดว้ ย - 238 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๑๗ ง หน้า ๒๐ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา สว่ นท่ี ๒ สว่ นของเคร่ืองแบบเจา้ หน้าทีต่ ํารวจรฐั สภา ขอ้ ๒๓ ตราหน้าหมวก ตรงกลางเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญเบ้ืองบนรัฐธรรมนูญมีอุณาโลม กับรัศมีโดยรอบอยู่ภายในกรอบรูปตราแผ่นดินรัชกาลที่ ๕ ที่ขอบมีตัวอักษรว่า “พิทักษ์รัฐธรรมนูญ” ทําด้วยโลหะสเี งิน หรอื ปักดว้ ยด้ายหรอื วัตถุเทียมด้ายสขี าว มี ๓ ขนาด คือ เลก็ กลาง และใหญ่ ข้อ ๒๔ เคร่ืองหมายรูปอาร์ม ทําด้วยผ้าพื้นสีแดง มีขนาดกว้าง ๑๐ เซนติเมตร สูง ๑๐ เซนติเมตร ตรงกลางมีรูปพานรัฐธรรมนูญเบ้ืองบนมีรัศมีปักด้วยไหมหรือวัตถุเทียมไหมสีทองอยู่ภายใน พืน้ วงกลมปักด้วยไหมหรอื วตั ถเุ ทยี มไหมสีนา้ํ เงนิ เสน้ ขอบรอบในรูปวงกลมปักลายกนกด้วยไหมหรือวัตถุ เทยี มไหมสที อง ขอบรอบนอกปกั ดว้ ยไหมหรอื วัตถเุ ทยี มไหมสีขาว มีข้อความว่า “ตํารวจรัฐสภา” อยู่ด้านบน ปักด้วยไหมหรือวัตถุเทียมไหมสขี าวและมลี ายช่อชยั พฤกษ์ปกั ด้วยไหมหรือวัตถุเทียมไหมสีขาวอยู่ด้านล่าง รูปพานรัฐธรรมนญู ในวงกลม เส้นขอบรอบนอกรปู อารม์ ปกั ด้วยไหมหรอื วัตถุเทยี มไหมสขี าวลอ้ มรอบ ขอ้ ๒๕ หมวก เจา้ หน้าที่ตาํ รวจรฐั สภาชาย หมวก มี ๖ ชนิด คือ (๑) หมวกทรงหม้อตาลสกี ากีหรือสีกากแี กมเขียว มเี ครื่องประกอบ ดงั น้ี (ก) กระบังทําด้วยหนังสีดําหรือวัสดุเทียมหนังสีดํา สําหรับเจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภา ระดบั อาวุโส ท่ขี อบโค้งของกระบงั ด้านบนปักด้วยดิ้นเงินหรือวัตถุเทียมด้ินเงินเป็นรูปช่อชัยพฤกษ์ ๑ แถว บนพื้นสักหลาดสีดํา สําหรับเจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภาระดับทักษะพิเศษ ท่ีขอบโค้งของกระบังด้านบน ปักด้วยดิน้ เงินหรือวตั ถเุ ทียมดิน้ เงนิ เปน็ รูปช่อชยั พฤกษ์ ๒ แถว บนพื้นสักหลาดสีดาํ (ข) สายรัดคางทําดว้ ยหนังสดี ําหรอื วัตถเุ ทยี มหนงั สดี าํ กวา้ ง ๑ เซนตเิ มตร (ค) ดมุ โลหะสีเงนิ ขนาดเลก็ ติดปลายสายรดั คางข้างละ ๑ ดุม (ง) ตราหน้าหมวกทําด้วยโลหะสีเงนิ ขนาดกลาง (จ) ผ้าพันหมวกทําด้วยผ้าหรือสักหลาดพื้นสีเลือดหมูกว้าง ๔ เซนติเมตร มีขลิบดํา กว้าง ๕ มลิ ลเิ มตร เย็บขอบทัง้ ด้านบนและด้านล่าง สําหรับเจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภาระดับทักษะพิเศษ เพ่มิ แถบดนิ้ เงินกวา้ งแถบละ ๓ มิลลเิ มตร ๒ แถบ เว้นระยะระหว่างแถบ ๓ มิลลิเมตร อยู่ก่ึงกลาง ผ้าพันหมวกขนานกันไปตามความยาวของผา้ พนั หมวกโดยรอบ (๒) หมวกทรงหมอ้ ตาลสขี าว มีเคร่ืองประกอบเช่นเดียวกับหมวกทรงหม้อตาลสีกากี เว้นแต่ สายรัดคางด้ินเงินกว้าง ๑ เซนติเมตร และผ้าพันหมวกกว้าง ๔ เซนติเมตร พื้นสีเลือดหมูมีขลิบสีดํา กวา้ ง ๕ มลิ ลิเมตร เยบ็ ขอบท้งั ด้านบนและดา้ นล่าง (๓) หมวกแกป๊ สดี าํ ตราหนา้ หมวกทําด้วยโลหะสีเงินขนาดเลก็ มีอาร์มรองรับทําด้วยผ้าสีเลือดหมู หรือปักดว้ ยด้ายสีขาวหรอื วตั ถเุ ทยี มดา้ ยสีขาวขนาดเลก็ ทขี่ อบโคง้ กระบังดา้ นบนสําหรับเจ้าหน้าที่ตํารวจ รัฐสภาระดับอาวุโส ปักรูปช่อชัยพฤกษ์ ๑ แถว สําหรับเจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภาระดับทักษะพิเศษ - 239 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๑๗ ง หน้า ๒๑ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา ปักรูปช่อชัยพฤกษ์ ๒ แถว ท้ังนี้ หากตราหน้าหมวกทําด้วยโลหะสีเงินให้ปักช่อชัยพฤกษ์ด้วยดิ้นเงิน หรอื วัตถเุ ทียมดนิ้ เงนิ และถ้าตราหน้าหมวกปักด้วยด้ายสีขาวหรือวัตถุเทียมด้ายสีขาวให้ปักช่อชัยพฤกษ์ ดว้ ยดา้ ยสีขาวหรอื วตั ถเุ ทียมด้ายสีขาวอย่างเดียวกัน (๔) หมวกทรงออ่ นสักหลาดสีดาํ ตราหน้าหมวกทาํ ดว้ ยโลหะสีเงินขนาดเล็กหรอื ปักด้วยด้ายสีขาว หรอื วตั ถุเทยี มดา้ ยสขี าว มีอาร์มรองรบั สีเลือดหมูหรอื สอี ่นื ตามทส่ี ว่ นราชการสังกดั รัฐสภากําหนด (๕) หมวกกันอันตราย มีลกั ษณะและเครอื่ งประกอบ ดงั นี้ (ก) หมวกลักษณะคล้ายหมวกเหลก็ สขี าวสาํ หรับเจ้าหน้าที่ตาํ รวจรัฐสภาผู้ปฏิบัติหน้าที่จราจร สกี ากีแกมสีทองสําหรบั ผปู้ ฏบิ ัตหิ น้าท่สี ายตรวจรถจักรยานยนต์ และสีดําสําหรับผูป้ ฏิบตั ิหนา้ ที่ควบคุมฝูงชน หรอื ในโอกาสแต่งเคร่อื งแบบสนาม (ข) กระบังสีดาํ (ค) สายรดั คางสองสาย เป็นสายหนังสดี าํ มสี ายหนงึ่ ติดอยู่เหนอื กระบงั หมวก (ง) ดุมโลหะสีเงินขนาดเลก็ ตดิ ปลายสายรัดคางทตี่ ิดอยเู่ หนือกระบังหมวกข้างละ ๑ ดมุ (จ) ตราหน้าหมวกทาํ ดว้ ยโลหะสีเงนิ ขนาดใหญ่ (ฉ) ขอบหมวกดา้ นลา่ งเป็นสีดํา (๖) หมวกเหลก็ สีกากี ใช้กับเจา้ หน้าท่ีตํารวจรัฐสภาทุกระดับ ตามที่ส่วนราชการสังกัดรัฐสภากําหนด และจะสวมหมวกเหลก็ หรอื เฉพาะรองในหมวกเหลก็ สเี ดยี วกันก็ได้ มเี ครอื่ งประกอบ ดังนี้ (ก) สายรัดคางหนังสนี ้ําตาลหรือวตั ถเุ ทียมหนังสีนาํ้ ตาลกวา้ ง ๑ เซนติเมตร (ข) ตราหน้าหมวกทําดว้ ยโลหะสีเงนิ ขนาดกลาง เจ้าหนา้ ท่ีตาํ รวจรฐั สภาหญิง หมวก มี ๕ ชนิด คือ (๑) หมวกแก๊ปทรงอ่อนพับปีกสีกากีหรือสีกากีแกมเขียว มีปีกโดยรอบพอสมควร ด้านข้าง ทั้งสองพบั ขนึ้ เล็กน้อย ก่งึ กลางด้านหนา้ หมวกมตี ราหน้าหมวกทําดว้ ยโลหะสีเงินขนาดใหญ่ มีสายรัดคาง ทําด้วยหนังสีดํา ติดดุมโลหะสีเงินขนาดเล็กปลายสายข้างละ ๑ ดุม มีผ้าพันหมวกเช่นเดียวกับผ้าพันหมวก เจ้าหน้าทต่ี ํารวจรัฐสภาชาย สําหรับเจ้าหนา้ ทตี่ ํารวจรัฐสภาระดับอาวุโสให้ปักรูปช่อชัยพฤกษ์ด้วยดิ้นเงิน หรือวัตถุเทียมด้ินเงินข้างตราหน้าหมวกท้ังสองข้าง ข้างละ ๑ แถว สําหรับเจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภา ระดับทักษะพิเศษให้ปักรูปช่อชัยพฤกษ์ด้วยดิ้นเงินหรือวัตถุเทียมดิ้นเงินข้างตราหน้าหมวกทั้งสองข้าง ข้างละ ๒ แถว (๒) หมวกแก๊ปทรงอ่อนพับปีกสีขาว มีลักษณะเช่นเดียวกับหมวกแก๊ปทรงอ่อนพับปีกสีกากี แตใ่ ช้สายรัดคางทําดว้ ยดิ้นเงินหรือวตั ถเุ ทยี มดิน้ เงนิ (๓) หมวกแกป๊ สีดํา มีลกั ษณะเช่นเดยี วกับหมวกแกป๊ สดี าํ สาํ หรับเจา้ หน้าทต่ี าํ รวจรัฐสภาชาย (๔) หมวกทรงอ่อนสักหลาดสีดํา มีลักษณะเช่นเดียวกับหมวกทรงอ่อนสักหลาดสีดําสําหรับ เจา้ หน้าทีต่ าํ รวจรฐั สภาชาย - 240 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง หนา้ ๒๒ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา (๕) หมวกกนั อนั ตราย มีลกั ษณะเช่นเดยี วกบั หมวกกนั อันตรายสําหรบั เจ้าหนา้ ทต่ี ํารวจรัฐสภาชาย ข้อ ๒๖ เส้ือ เจ้าหน้าท่ีตาํ รวจรฐั สภาชาย เสือ้ มี ๕ ชนิด คอื (๑) เสอ้ื นอกคอแบะสกี ากีหรือสกี ากแี กมเขยี ว คอแบะออกมีตะเขบ็ หลงั ๓ ตะเข็บ ด้านหน้า มีกระเป๋าบนและลา่ งอยา่ งละ ๒ กระเป๋า กระเปา๋ บนมปี กรปู มนชายกลางแหลม กึ่งกลางกระเป๋ามีแถบ ตามทางดิ่ง กระเป๋าล่างเปน็ รูปย่ามมีปกรูปตดั กระเป๋าทง้ั สน้ิ ขัดดมุ เกลี้ยงสีน้ําตาลขนาดกลาง ท่ีแนวอก ติดดุมโลหะสีเงินขนาดใหญ่ ๔ ดุม และให้ใช้เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวผูกผ้าผูกคอสีดําเง่ือนกะลาสี ประกอบด้วย เส้ือน้ปี ระดับอนิ ทรธนอู ่อนติดดมุ โลหะสีเงินขนาดใหญ่ (๒) เส้ือเช้ิตคอพับสีกากี ที่คอและแนวสาบอกมีดุมขนาดกลาง ๕ ดุม แขนยาวรัดข้อมือ ขดั ดุมขนาดกลางข้างละ ๑ ดมุ หรอื แขนส้ันเพียงข้อศอก ท่ีอกมีกระเป๋าข้างละ ๑ กระเป๋า กึ่งกลาง กระเป๋ามีแถบตามทางด่ิง มีปกรูปมนชายกลางแหลมขัดดุมเกล้ียงสีนํ้าตาลขนาดกลางข้างละ ๑ ดุม ดุมทั้งส้ินใช้ดุมเกลี้ยงสีน้ําตาลขนาดเล็ก เสื้อประดับอินทรธนูอ่อน และให้สอดชายเสื้ออยู่ในกางเกง ทตี่ ้นแขนเสอื้ ข้างขวาและข้างซ้ายตดิ เครอื่ งหมายรปู อาร์มลกั ษณะตามข้อ ๒๔ (๓) เสื้อนอกคอปิดสีขาว มีตะเข็บหลัง ๔ ตะเข็บ ด้านหน้ามีกระเป๋าบนและล่างอย่างละ ๒ กระเป๋า กระเป๋าบนมีปกรปู มนชายกลางแหลมไม่ขัดดุม กระเป๋าล่างไม่มีปก ที่แนวอกติดดุมโลหะสีเงิน ขนาดใหญ่ ๕ ดมุ เส้อื นีป้ ระดบั อนิ ทรธนูแข็ง (๔) เสอื้ สนามสกี รมทา่ หรอื สีดาํ แขนยาว มอี ินทรธนูสคี ลา้ ยสีเส้ือ ปลายแขนเส้ือติดดุม และมี กระเป๋าบนและล่างอย่างละ ๒ กระเป๋า กระเป๋าบนและล่างมีดุมเกลี้ยงสีกรมท่าหรือสีดําคล้ายสีเส้ือ ขนาดเล็กขัดดุม ๑ ดุม ด้านบนกระเป๋าเสื้อข้างขวาปักชื่อด้วยไหมสีขาว ด้านบนกระเป๋าเสื้อข้างซ้าย ปักสังกัดด้วยไหมสีขาว ปกคอเส้ือด้านขวาให้ติดเครื่องหมายบอกระดับ และปกคอเสื้อด้านซ้ายให้ติด เคร่ืองหมายแสดงสังกัดปักด้วยไหมสีขาว ต้นแขนเส้ือทั้งสองข้างติดเครื่องหมายรูปอาร์มลักษณะตาม ข้อ ๒๔ และใหป้ ลอ่ ยชายเสือ้ อยูภ่ ายนอกกางเกง (๕) เส้อื นอกคอปิดสีกากี มดี มุ ที่หน้าอก ๗ ดุม มีกระเป๋าเย็บติดภายนอกข้างขวาและข้างซ้าย ขา้ งละ ๒ กระเป๋า กระเปา๋ บนและล่างมีปกรูปมนชายกลางแหลมไม่ขัดดุมมีแถบเย็บติดกึ่งกลางตามทางด่ิง ดมุ ทัง้ ส้ินทาํ ดว้ ยโลหะสีเงิน และประดับอินทรธนแู ข็ง เจ้าหนา้ ท่ตี ํารวจรัฐสภาหญิง เส้ือ มี ๔ ชนดิ (๑) เส้อื นอกคอแบะสีกากีหรือสีกากีแกมเขียว คอป้าน มีตะเข็บหลัง ๑ ตะเข็บ ท่ีแนวอก มีดมุ โลหะสีเงนิ ขนาดใหญ่ ๓ ดมุ มกี ระเป๋าล่างข้างละ ๑ กระเป๋า เป็นกระเป๋าเจาะเฉียงเล็กน้อยไม่มีปก และประดับอนิ ทรธนูอ่อน เส้ือแบบนใี้ หใ้ ชเ้ ส้ือเชติ้ คอพับสขี าวผกู ผา้ ผูกคอสีดาํ เงอ่ื นกะลาสีประกอบด้วย (๒) เสื้อเช้ิตคอพับสีกากี ลักษณะเช่นเดียวกับเสื้อเช้ิตคอพับสีกากีสําหรับเจ้าหน้าที่ตํารวจ รัฐสภาชาย - 241 -

เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง หน้า ๒๓ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา (๓) เสื้อนอกคอแบะสีขาว คอป้าน มีตะเข็บหลัง ๑ ตะเข็บ ท่ีแนวอกมีดุมโลหะสีเงินขนาดใหญ่ ๓ ดุม มีกระเป๋าล่างข้างละ ๑ กระเป๋า เป็นกระเปา๋ เจาะเฉียงเล็กน้อยไม่มีปกและประดับอินทรธนูแข็ง เสอื้ แบบน้ีให้ใช้เสื้อเชติ้ คอพับสีขาวผกู ผา้ ผกู คอสดี ําเง่อื นกะลาสปี ระกอบดว้ ย (๔) เส้อื สนาม ลกั ษณะเช่นเดยี วกับเส้ือสนามสาํ หรับเจ้าหนา้ ทีต่ าํ รวจรฐั สภาชาย ขอ้ ๒๗ กางเกงและกระโปรง เจา้ หน้าทต่ี ํารวจรัฐสภาชาย กางเกง มี ๔ ชนิด คอื (๑) กางเกงขายาวสีกากหี รอื สกี ากแี กมเขยี ว กระเปา๋ เจาะดา้ นขา้ งและหลงั ข้างละ ๑ กระเป๋า กระเปา๋ หลังมฝี าปดิ ตดิ ดุม มีหกู างเกง ๗ หู ไม่พับปลายขา (๒) กางเกงขายาวสีขาว ลกั ษณะเช่นเดียวกบั กางเกงขายาวสีกากี (๓) กางเกงขายาวกระเป๋าย่ามสีกรมท่าหรือสีดํา ลักษณะเช่นเดียวกับกางเกงขายาวสีกากี แตเ่ พ่ิมกระเปา๋ ยา่ มข้างขาซ้ายและขาขวาเหนือเข่าข้างละ ๑ กระเป๋า (๔) กางเกงขายาวสดี ําตดิ แถบสักหลาดสีเลือดหมทู ่ีแนวตะเขบ็ ข้างกางเกงดา้ นนอก ดังนี้ (ก) เจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภาระดับทักษะพิเศษติดแถบสักหลาดสีเลือดหมูกว้าง ๒.๕ เซนตเิ มตร ขา้ งละ ๒ แถบ เวน้ ระยะหา่ งระหว่างแถบ ๑.๕ เซนตเิ มตร และมีแถบสักหลาดสีเลือดหมู กว้าง ๐.๕ เซนตเิ มตร ๑ แถบ อยู่ระหวา่ งกลาง (ข) เจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภาระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน และระดับอาวุโส ติดแถบ สักหลาดสเี ลือดหมกู ว้าง ๒.๕ เซนตเิ มตร ขา้ งละ ๒ แถบ เว้นระยะระหว่างแถบ ๐.๕ เซนตเิ มตร เจา้ หนา้ ที่ตาํ รวจรฐั สภาหญงิ กระโปรงและกางเกง มีดงั นี้ (๑) กระโปรงสีกากหี รอื สกี ากีแกมเขียวยาวครึ่งน่อง ตรงกลางด้านหลังมีจีบพับทบชายกระโปรง ไม่บานและไม่มกี ระเป๋า (๒) กระโปรงสีขาวหรือสีดํายาวคลุมเข่าพอสมควร ตรงกลางด้านหลังเป็นแบบผ่าซ้อนกันช้ันเดียว ชายกระโปรงไม่บานและไม่มีกระเป๋า (๓) กางเกง ลกั ษณะเชน่ เดยี วกับกางเกงเจ้าหน้าที่ตํารวจรฐั สภาชาย ขอ้ ๒๘ ดุม มี ๓ ชนดิ คือ (๑) ดุมโลหะสเี งิน ลักษณะกลมนนู มีรูปพานรฐั ธรรมนูญอยตู่ รงกลาง มี ๓ ขนาด คือ เล็ก กลาง และใหญ่ (๒) ดุมเกลยี้ งสีน้ําตาล ลักษณะกลมแบน มี ๓ ขนาด คือ เล็ก กลาง และใหญ่ (๓) ดมุ เกลยี้ งสกี ากแี กมเขยี วหรอื สีกรมท่าหรอื สดี ํา มี ๓ ขนาด คอื เล็ก กลาง และใหญ่ ข้อ ๒๙ เข็มขัด มี ๕ ชนิด (๑) เข็มขัดหนังสีน้ําตาลหรือวัตถุเทียมหนังสีนํ้าตาลกว้าง ๔ เซนติเมตร หัวเข็มขัดทําด้วย โลหะสีเงิน ลกั ษณะส่ีเหลย่ี มผืนผา้ แนวตงั้ มีเขม็ สาํ หรบั สอดรู ๒ เขม็ - 242 -

เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๑๗ ง หน้า ๒๔ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา (๒) เขม็ ขดั หนงั สีดําหรอื วัตถุเทียมหนงั สีดํากว้าง ๔ เซนติเมตร หัวเข็มขัดทําด้วยโลหะสีเงิน ลักษณะสเ่ี หลย่ี มผืนผา้ แนวตง้ั มเี ข็มสําหรบั สอดรู ๒ เขม็ (๓) เข็มขัดหนังสีขาวหรอื วตั ถุเทียมหนังสขี าว กวา้ ง ๕ เซนตเิ มตร หวั เข็มขดั ทาํ ด้วยโลหะสีเงิน (๔) เข็มขัดด้ายถักหรือวัตถุเทียมด้ายถักสีกรมท่าหรือสีดํา กว้าง ๓ เซนติเมตร หัวเข็มขัด ทาํ ดว้ ยโลหะสเี งิน ลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าทางนอนปลายมนกว้าง ๓.๕ เซนติเมตร ยาว ๕.๕ เซนติเมตร พน้ื เกลี้ยง (๕) เข็มขัดหนังสีน้ําตาลหรือวัตถุเทียมหนังสีน้ําตาลชนิดมีสายโยงกว้าง ๔.๕ เซนติเมตร มีสายโยงไขว้กันข้างหลังและโยงสอดใต้อินทรธนูลงมาท้ังสองข้างมายึดกับห่วงเข็มขัดด้านหน้าทางตรง และใหม้ ีซองหนงั สีเดยี วกบั เข็มขัดสาํ หรบั ขัดกระบ่ี เขม็ ขดั ชนดิ นีใ้ หใ้ ช้เฉพาะเจ้าหน้าที่ตาํ รวจรฐั สภาชาย ขอ้ ๓๐ รองเทา้ เจ้าหน้าทตี่ าํ รวจรฐั สภาชาย ใหใ้ ช้รองเท้าหุม้ ส้นหนงั สีดําหรอื หมุ้ ขอ้ หนังสีดําชนิดผูกเชือกหรือยึดข้าง หรอื รองเท้าสงู คร่งึ น่องหนงั สีดาํ รองเทา้ นต้ี อ้ งไม่มีลวดลายและสวมถงุ เทา้ สีเดียวกันกบั รองเทา้ เจา้ หน้าท่ตี ํารวจรัฐสภาหญิง ให้ใช้รองเท้าหุ้มส้นหนังสีดําหรือหุ้มข้อหนังสีดํา หรือรองเท้าสูง ครง่ึ น่องหนงั สดี ํา รองเทา้ นีต้ อ้ งไมม่ ีลวดลายและหากสวมถงุ นอ่ งให้สวมถงุ น่องยาวสเี นอ้ื ข้อ ๓๑ กระบ่ี ทาํ ดว้ ยโลหะสีเงิน ยาวประมาณ ๙๐ เซนติเมตร ปลายด้ามเป็นรูปหัวช้าง มีกระบงั และโกร่งมีพู่ดิน้ เงินหรอื ไหมสขี าวประกอบท่ฝี กั มหี ว่ ง ๑ ห่วง ให้ใช้เฉพาะเจา้ หน้าทีต่ าํ รวจรัฐสภาชาย ขอ้ ๓๒ สายกระบี่ (๑) สายกระบ่ีเจา้ หนา้ ทต่ี าํ รวจรัฐสภาระดับทักษะพิเศษให้ใช้สายกระบ่ีชายเด่ียว ปลายสามเหล่ียม ทําด้วยไหมสีเงินกว้าง ๐.๘ เซนติเมตร ติดด้วยแถบไหมสีเลือดหมูกว้าง ๐.๔ เซนติเมตร ท้ัง ๒ ข้าง มแี ถบดนิ้ เงินกว้าง ๐.๒ เซนติเมตร ติดจากแถบไหมสีเลือดหมูทั้ง ๒ ข้าง เย็บบนหนังพื้นสีดํา ให้มี แถบท้ัง ๒ ข้าง กว้าง ๐.๒ เซนติเมตร คล้องในห่วงโลหะสีเงินและมีห่วงโลหะส่ีเหล่ียมสีเงินรัดสาย ชายเดีย่ วความยาวประมาณ ๓๐ เซนตเิ มตร (๒) สายกระบ่ีเจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภาระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน และระดับอาวุโส ให้ใช้สายกระบ่ีชายเด่ียว ปลายสามเหล่ียมทําด้วยไหมสีเลือดหมูกว้าง ๐.๘ เซนติเมตร ติดด้วยแถบดิ้นเงิน กว้าง ๐.๔ เซนตเิ มตร ทงั้ ๒ ขา้ ง เยบ็ บนหนงั พื้นสดี าํ ให้มแี ถบท้ัง ๒ ข้าง กว้าง ๐.๔ เซนติเมตร คล้องในห่วงโลหะสีเงนิ และมีหว่ งโลหะสเ่ี หลีย่ มสเี งินรดั สายชายเด่ียวความยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ข้อ ๓๓ ซองปืนพก ทาํ ดว้ ยหนงั หรือผา้ ใบหรอื วัตถุอืน่ ใดสดี ํา หรือสกี ากี หรอื สกี ากีแกมเขียว ตดิ ทเ่ี ขม็ ขัด ใชป้ ระกอบเคร่ืองแบบตามโอกาสทีส่ ่วนราชการสงั กัดรัฐสภากาํ หนด ข้อ ๓๔ ซองกระบอง ทําดว้ ยหนังสดี ําหรือสขี าวหรอื วัตถเุ ทียมหนังสดี าํ หรือสีขาว หรือผ้าใบสีกากี แกมเขยี ว - 243 -

เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๑๗ ง หนา้ ๒๕ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๓๕ กระเป๋ากระสนุ ทําดว้ ยหนงั หรอื วัตถุเทียมหนงั หรอื ผา้ ใบสีดําหรอื สีกากี หรือสีกากีแกมเขียว ใช้ประกอบเครอ่ื งแบบไดต้ ามลกั ษณะของกระเป๋ากระสุนชนดิ น้ัน ๆ ส่วนที่ ๓ อนิ ทรธนูและเครือ่ งหมายระดับเจ้าหนา้ ท่ตี ํารวจรฐั สภา ข้อ ๓๖ อนิ ทรธนู มี ๒ ชนดิ (๑) อินทรธนูอ่อน ทาํ ดว้ ยผา้ ชนิดเดยี วกบั สเี ส้ือ ดา้ นไหลก่ วา้ ง ๓.๕ เซนตเิ มตร เย็บติดกับตะเข็บเสื้อ ด้านคอกวา้ ง ๒.๕ เซนติเมตร ปลายมนยาวตามขนาดของบ่า ปลายอินทรธนูติดดุมโลหะสีเงินหรือดุมเกลี้ยง สนี ้ําตาลขนาดเลก็ แล้วแตก่ รณี ขา้ งละ ๑ ดมุ (๒) อินทรธนูแข็ง เย็บเป็นแผ่นกว้าง ๕ เซนติเมตร ยาวตามขนาดของบ่า ด้านคอย่อมุม พืน้ สเี ลอื ดหมู ตอนปลายตดิ ดุมโลหะสีเงินขนาดเลก็ ๑ ดุม สาบสดี ํามเี ครื่องประกอบ ดงั นี้ (ก) เจ้าหนา้ ที่ตาํ รวจรฐั สภาระดบั ปฏิบัติงาน มีแถบสีเงินกว้าง ๑ เซนติเมตร เย็บขอบ เว้นด้านไหล่และมลี วดลายสีเงินประกอบแถบด้านนอก (ข) เจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภาระดับชํานาญงาน และระดับอาวุโส มีลักษณะเช่นเดียวกับ เจา้ หนา้ ที่ตาํ รวจรฐั สภาระดับปฏิบตั งิ าน เวน้ แตม่ แี ถบสเี งนิ กวา้ ง ๐.๕ เซนตเิ มตร พาดก่ึงกลางตามทางยาว ของอินทรธนู (ค) เจา้ หนา้ ท่ีตํารวจรัฐสภาระดับทักษะพิเศษ พืน้ ปกั ดว้ ยดน้ิ เงินเป็นลายถกั เต็มแผน่ อนิ ทรธนู ขอ้ ๓๗ เครอ่ื งหมายระดับเจา้ หนา้ ทต่ี าํ รวจรฐั สภา ให้ประดับอินทรธนูท้งั สองข้าง ดังนี้ (๑) เจ้าหน้าท่ีตาํ รวจรัฐสภาระดับปฏบิ ตั งิ าน (ก) ดํารงตําแหน่งระดับปฏิบัติงานไม่ถึง ๒ ปี ให้ใช้รูปดาว ๘ แฉก ทําด้วยโลหะสีเงิน ๑ ดาว (ข) ดํารงตําแหน่งระดับปฏบิ ตั ิงานตัง้ แต่ ๒ ปีขนึ้ ไป แต่ไม่ถงึ ๔ ปี ให้ใช้รปู ดาว ๘ แฉก ทาํ ดว้ ยโลหะสีเงิน ๒ ดาว (ค) ดํารงตําแหน่งระดับปฏิบัติงานต้ังแต่ ๔ ปีขึ้นไป ให้ใช้รูปดาว ๘ แฉก ทําด้วย โลหะสเี งิน ๓ ดาว ในกรณีท่มี ีดาวมากกว่าหนง่ึ ดาวใหต้ ดิ เรียงกนั ไปตามสว่ นยาวของอินทรธนูเวน้ ระยะหา่ งพองาม (๒) เจ้าหนา้ ที่ตํารวจรัฐสภาระดับชํานาญงานให้ใชเ้ ครอ่ื งหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีติดกับรูปดาว ๘ แฉก ทาํ ด้วยโลหะสเี งิน ตดิ กงึ่ กลาง มจี ํานวนรูปดาว ดงั น้ี (ก) ดาํ รงตาํ แหนง่ ระดับชาํ นาญงานไม่ถงึ ๒ ปี ให้ใชเ้ ครอ่ื งหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมี ตดิ กับรูปดาว ๘ แฉก ทําด้วยโลหะสีเงนิ ๑ ดาว (ข) ดํารงตาํ แหน่งระดบั ชํานาญงานตั้งแต่ ๒ ปขี ้นึ ไป ใหใ้ ช้เคร่ืองหมายรปู พระมหามงกฎุ มี รศั มตี ิดกับรปู ดาว ๘ แฉก ทําด้วยโลหะสีเงิน ๒ ดาว - 244 -

เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง หนา้ ๒๖ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา (๓) ระดับอาวุโส ให้ใช้เครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีติดกับรูปดาว ๘ แฉก ทําด้วย โลหะสีเงิน ๓ ดาว (๔) ระดบั ทกั ษะพเิ ศษ ให้ใช้เคร่ืองหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีและมีช่อชัยพฤกษ์โค้งเข้าหา ส่วนล่างของพระมหามงกุฎทั้งสองข้าง ประกอบด้วยรูปดาว ๘ แฉก ทําด้วยโลหะสีเงิน ติดกึ่งกลาง ระหว่างพระมหามงกฎุ และชอ่ ชัยพฤกษ์ มีจาํ นวนรูปดาว ดงั นี้ (ก) ดํารงตําแหน่งระดับทักษะพิเศษไม่ถึง ๔ ปี ให้มีเครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎ มรี ศั มีและมีชอ่ ชยั พฤกษ์ทาํ ด้วยโลหะสเี งินโค้งเข้าหาส่วนลา่ งของพระมหามงกุฎทั้งสองข้าง ประกอบด้วย รูปดาว ๘ แฉก ทําดว้ ยโลหะสเี งิน จํานวน ๒ ดาว ติดกงึ่ กลางระหว่างพระมหามงกุฎและช่อชยั พฤกษ์ (ข) ดํารงตําแหน่งระดับทักษะพิเศษต้ังแต่ ๔ ปีข้ึนไป แต่ไม่ถึง ๘ ปี ให้มีเคร่ืองหมาย รูปพระมหามงกุฎมีรศั มีและมีชอ่ ชยั พฤกษ์โค้งเข้าหาสว่ นลา่ งของพระมหามงกุฎทั้งสองข้าง ประกอบด้วย รูปดาว ๘ แฉก ทําด้วยโลหะสีเงนิ จาํ นวน ๓ ดาว ตดิ กงึ่ กลางระหว่างพระมหามงกุฎและช่อชยั พฤกษ์ (ค) ดํารงตําแหน่งระดบั ทกั ษะพเิ ศษตง้ั แต่ ๘ ปขี ้นึ ไป ใหม้ เี ครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎ มีรัศมีและมีช่อชัยพฤกษ์โค้งเข้าหาส่วนล่างของพระมหามงกุฎท้ังสองข้าง ประกอบด้วยรูปดาว ๘ แฉก ทาํ ด้วยโลหะสีเงนิ จาํ นวน ๔ ดาว ติดก่งึ กลางระหวา่ งพระมหามงกุฎและชอ่ ชยั พฤกษ์ ในกรณีมีดาวมากกว่า ๑ ดาว แต่ไม่เกิน ๓ ดาว ให้ติดเรียงตามส่วนยาวของอินทรธนู เว้นระยะหา่ งพองาม ถ้ามี ๔ ดาว ใหต้ ดิ เรยี งเป็นรูปส่ีเหลี่ยมขนมเปียกปูนให้มุมแหลมวางตามส่วนยาว ของอินทรธนู ข้อ ๓๘ เคร่ืองหมายระดับของเคร่ืองแบบสนาม ให้ปักด้วยด้ายหรือไหมสีขาว หรือสีดําที่ ปกคอเสือ้ ข้างซา้ ย มีลกั ษณะเช่นเดียวกบั เครอื่ งหมายโลหะขนาดพองาม สําหรับเจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภา ระดบั ทกั ษะพเิ ศษให้ปักเครื่องหมายแสดงสงั กัดท่ปี กคอเสอ้ื ท้งั สองข้าง ส่วนที่ ๔ เคร่อื งหมายแสดงสงั กดั เจา้ หนา้ ที่ตํารวจรัฐสภา ขอ้ ๓๙ เจ้าหนา้ ท่ีตาํ รวจรัฐสภาให้ใชเ้ คร่อื งหมายแสดงสังกดั ดงั น้ี (๑) เจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภาระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน และระดับอาวุโสให้เป็นรูป พานรฐั ธรรมนญู อยูภ่ ายในวงธรรมจักร เบ้อื งบนรฐั ธรรมนูญมีอณุ าโลมกับรศั มใี นกรอบ ทําดว้ ยโลหะสีเงิน ตดิ ที่ปกคอเสอื้ ตอนหน้าทงั้ สองข้าง (๒) เจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภาระดับอาวุโสตําแหน่งผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน ใช้เครื่องหมายตาม (๑) ตดิ ที่ปกคอเสื้อตอนหน้าขา้ งซา้ ย และใช้เคร่ืองหมายรูปดาบเขนและโล่ประดับด้วยช่อชัยพฤกษ์รอบนอก ครึง่ รอบมีพานรฐั ธรรมนูญดลุ วางอยบู่ นตรงกึง่ กลางของเครอ่ื งหมายรูปดาบเขนและโล่ ทําด้วยโลหะสีเงิน ตดิ ที่ปกคอเสื้อตอนหนา้ ด้านขวา - 245 -

เลม่ ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๑๑๗ ง หน้า ๒๗ ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา (๓) เจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภาระดับทักษะพิเศษ ใช้เครื่องหมายรูปดาบเขนและโล่ประดับด้วย ช่อชัยพฤกษ์รอบนอกคร่ึงรอบมีพานพระธรรมนูญดุลวางอยู่บนตรงกึ่งกลางของเครื่องหมายรูปดาบเขน และโล่ ทําดว้ ยโลหะสเี งิน ตดิ ทป่ี กคอเสอื้ ตอนหน้าท้งั สองข้าง ข้อ ๔๐ เจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภาระดับปฏิบัติงาน ระดับชํานาญงาน และระดับอาวุโส เม่ือแต่งเครื่องแบบปกติเสื้อเช้ิตคอพับกากี ให้ติดป้ายชื่อทําด้วยโลหะพื้นสีดําขนาดกว้างไม่เกิน ๑.๕ เซนติเมตร ยาวไม่เกิน ๗ เซนติเมตร มีกรอบกว้าง ๑ มิลลิเมตร ตัวอักษรแสดงชื่อตัว ช่อื สกุล เปน็ แบบตัวพิมพ์สงู ๕ มิลลิเมตร กว้างพอสมควร พ้ืนแผ่นป้ายเป็นสีดํา ตัวอักษรและกรอบ เป็นสีเงินหรือสีขาว ประดบั ท่อี กเส้ือขา้ งขวาทีเ่ หนอื กระเป๋าสูงจากกระเป๋า ๑.๕ เซนติเมตร สว่ นท่ี ๕ เบด็ เตลด็ ขอ้ ๔๑ เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์นั้น ในเวลาแต่งเครื่องแบบปกติเส้ือนอกคอแบะกากี เคร่ืองแบบปกติเสอื้ เชต้ิ คอพับกากี เครื่องแบบปกติขาว ใช้แพรแถบของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทําเป็น แผน่ กว้างประมาณ ๑.๕ เซนติเมตร ตดิ ทอ่ี กเสื้อเบ้อื งซ้าย ข้อ ๔๒ เวลาแต่งเคร่ืองแบบเจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภา ห้ามมิให้ใช้เคร่ืองประดับกายอย่างอื่น ซ่ึงมไิ ดก้ าํ หนดไวใ้ นประกาศน้ี ติดภายนอกหรือทบั เครอื่ งแบบเจ้าหน้าที่ตาํ รวจรฐั สภา เว้นแต่ (๑) เสื้อครุยบัณฑิตและเคร่ืองหมายบัณฑิตหรือเคร่ืองหมายใด ๆ อันต้องด้วยความนิยม ในทางราชการ ให้ใชต้ ามโอกาสอันควร (๒) เคร่ืองหมายของสโมสรหรือสมาคม ในขณะไปร่วมงานของสโมสรหรือสมาคมน้ัน ๆ จะประดับเครื่องหมายเช่นนก้ี ็ได้ (๓) เสื้อกันฝน สวมได้ในเวลาจําเปน็ (๔) ใหใ้ ชป้ ลอกแขนทกุ ข์ อนโุ ลมตามนิยม (๕) เครื่องหมายเชิดชูเกียรติหรือเครื่องหมายที่ได้รับจากการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ให้ประดบั ได้ตามสมควร ข้อ ๔๓ ให้ผู้อํานวยการสํานักหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบญั ญตั ิระเบยี บบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบ ในการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภา มีสิทธิแต่งเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตํารวจรัฐสภาได้ตาม ความจําเปน็ โดยใหม้ ีสทิ ธิแตง่ เครือ่ งแบบเจ้าหน้าทต่ี าํ รวจรัฐสภาท่เี ทยี บเท่าเจา้ หน้าที่ตํารวจรัฐสภาระดับ ทักษะพิเศษ และให้ประดับเครื่องหมายระดับตามข้อ ๓๗ (๔) (ก) (ข) หรือ (ค) ตามระยะเวลา ซ่ึงได้ดาํ รงตาํ แหนง่ นัน้ โดยอนโุ ลม - 246 -


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook