เลม่ ๑๒๙ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๒๕ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ราชกจิ จานเุ บกษา กฎ ก.ร. ว่าด้วยการทดลองปฏิบัติหนา้ ทร่ี าชการและการพฒั นาขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ท่ีอยรู่ ะหว่างทดลองปฏบิ ัตหิ นา้ ทีร่ าชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ (๓) และมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ อันเป็นกฎหมายท่ีมีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจํากัดสิทธิ และเสรีภาพของบคุ คล ซึง่ มาตรา ๒๙ ประกอบกบั มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๓ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๖๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ก.ร. จงึ ออกกฎ ก.ร. ไวด้ งั ต่อไปน้ี ขอ้ ๑ กฎ ก.ร. นี้ให้ใช้บังคับเมื่อพน้ กําหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นตน้ ไป ขอ้ ๒ ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา ๓๘ วรรคหน่ึง หรือมาตรา ๔๐ และ ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งโอนมาบรรจุเป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญตามมาตรา ๔๗ ในระหวา่ งท่ยี ังทดลองปฏบิ ัติหนา้ ทรี่ าชการ ใหท้ ดลองปฏบิ ัติหนา้ ที่ราชการในตําแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งเป็น เวลาหกเดอื นนับแต่วันไดร้ ับการบรรจุและแต่งตงั้ หรอื นับแต่วันท่ีโอนมาบรรจุเป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญ แล้วแต่กรณี ในกรณีท่ีมีความจําเป็นต้องให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการต่อไป ผู้บังคบั บญั ชาซึง่ มีอํานาจสั่งบรรจตุ ามมาตรา ๔๒ อาจขยายเวลาการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตามท่ี กาํ หนดไวใ้ นวรรคหนึง่ ไดไ้ ม่เกินสามเดือน ในระหว่างการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ให้มีการพัฒนาข้าราชการรัฐสภาสามัญเพ่ือให้รู้ ระเบียบแบบแผนของทางราชการและเป็นข้าราชการท่ีดี โดยให้ถือว่าระยะเวลาในการพัฒนาดังกล่าว เปน็ เวลาทดลองปฏิบตั ิหน้าที่ราชการด้วย ในกรณีลาคลอดบุตร ลาป่วยซ่ึงจําเป็นต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน ลาป่วยเพราะประสบ อันตรายในขณะปฏิบัติราชการตามหน้าท่ีหรือในขณะเดินทางไปหรือกลับจากปฏิบัติราชการตามหน้าท่ี หรือเข้ารบั การเตรยี มพล ไมใ่ หน้ บั เวลาดังกลา่ วเปน็ เวลาทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการตามทกี่ าํ หนดไวใ้ นข้อนี้ - 47 -
เล่ม ๑๒๙ ตอนท่ี ๔๓ ก หน้า ๒๖ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ ๓ ผู้บังคับบัญชาต้องดําเนินการในเร่ืองการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการและพัฒนา ข้าราชการรัฐสภาสามัญตามกฎ ก.ร. นี้ ให้เป็นไปตามหลักการที่ว่าการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการ เปน็ ขัน้ ตอนสุดทา้ ยของกระบวนการเลือกสรรบุคคลเขา้ รบั ราชการท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพ และเพื่อให้ขา้ ราชการ รฐั สภาสามญั ท่ีทดลองปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการน้ัน รรู้ ะเบยี บแบบแผนของทางราชการและเปน็ ข้าราชการทด่ี ี ข้อ ๔ ให้ผู้บังคับบัญชาซ่ึงมีหน้าท่ีกํากับดูแลการปฏิบัติงานของข้าราชการรัฐสภาสามัญ ทท่ี ดลองปฏิบตั หิ น้าท่ีราชการมอบหมายงานเป็นลายลักษณ์อักษรให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญที่ทดลองปฏิบัติ หน้าท่ีราชการตามข้อ ๒ ปฏิบัติ ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยภารกิจ งานหรือกิจกรรมของงาน และเป้าหมายในการปฏิบัติงาน ตามแบบท่ีเลขานุการ ก.ร. กําหนด รวมทั้งต้องชี้แจงให้ข้าราชการ รัฐสภาสามัญที่ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการเข้าใจอย่างชัดเจนเก่ียวกับการประพฤติตน วิธีปฏิบัติงาน รายการประเมิน วิธีการประเมิน และเกณฑ์การประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ รวมทั้ง ผลทีจ่ ะเกิดขึ้นจากการทดลองปฏิบตั ิหน้าทรี่ าชการด้วย ข้อ ๕ ใหผ้ ู้บังคบั บัญชาตามข้อ ๔ มอบหมายให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญที่มีความรู้ความเข้าใจ ในระเบยี บแบบแผนของทางราชการและการเป็นข้าราชการท่ีดี เป็นผู้ดูแลการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการ โดยมีหน้าที่สอนงาน ให้คําปรึกษาแนะนํา ติดตามผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ และให้จัดทํา บันทึกผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการทุกสามเดือน ตามแบบท่ีเลขานุการ ก.ร. กําหนด เพ่ือประกอบ การประเมินผลการทดลองปฏบิ ตั หิ น้าทร่ี าชการ ขอ้ ๖ ข้าราชการรัฐสภาสามญั ผูใ้ ดอยู่ในระหว่างทดลองปฏิบัตหิ น้าที่ราชการ ถ้าย้ายไปดํารงตําแหน่ง ซ่งึ เป็นตาํ แหน่งประเภทเดยี วกันและสายงานเดยี วกนั ใหท้ ดลองปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ราชการต่อไปโดยให้นับเวลา ทดลองปฏิบัติหนา้ ทีร่ าชการต่อจากท่ีไดท้ ดลองปฏิบัตหิ น้าทร่ี าชการในตําแหนง่ เดิม ขา้ ราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดอย่ใู นระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ถ้าย้ายไปดํารงตําแหน่ง ซง่ึ เปน็ ตาํ แหน่งประเภทเดียวกนั แตต่ ่างสายงาน ใหท้ ดลองปฏบิ ัติหน้าทร่ี าชการโดยให้เริ่มนับเวลาทดลอง ปฏิบัติหน้าท่รี าชการนับแต่วนั ท่ีดาํ รงตําแหน่งใหม่ แต่ถ้าเปน็ ตําแหน่งประเภทเดียวกันแม้จะต่างสายงาน แต่จดั อยู่ในกลุม่ สายงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งตามท่ี ก.ร. กําหนด จะให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการต่อไปโดยให้ นับเวลาทดลองปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการต่อจากทีไ่ ด้ทดลองปฏิบตั ิหน้าทร่ี าชการในตาํ แหน่งเดิมก็ได้ ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ผู้ใดอยูใ่ นระหวา่ งทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ถ้าย้ายไปดํารงตําแหน่ง ซ่ึงเป็นตาํ แหนง่ คนละประเภทกบั ตาํ แหน่งเดิม ให้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยให้เริ่มนับเวลาทดลอง ปฏบิ ัติหนา้ ที่ราชการนบั แต่วันทด่ี าํ รงตําแหน่งใหม่ ขอ้ ๗ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดอยู่ในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ถ้าโอนไปดํารง ตําแหนง่ ใหม่ในต่างส่วนราชการสงั กัดรัฐสภา ให้นําความในขอ้ ๖ มาใช้บงั คับโดยอนุโลม ในกรณีที่เป็นการโอนโดยผลของกฎหมายให้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการต่อไปโดยให้นับเวลา ทดลองปฏบิ ัติหน้าท่ีราชการต่อจากทไี่ ดท้ ดลองปฏบิ ัตหิ นา้ ทรี่ าชการในตําแหน่งเดมิ - 48 -
เลม่ ๑๒๙ ตอนที่ ๔๓ ก หนา้ ๒๗ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๘ ข้าราชการรฐั สภาสามัญผใู้ ดอย่รู ะหว่างทดลองปฏบิ ตั หิ น้าท่ีราชการ และได้ออกจากราชการ เพ่ือไปรบั ราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ถ้าได้รับการบรรจุกลับเข้ารับราชการ ตามมาตรา ๔๖ ใหท้ ดลองปฏิบัตหิ น้าทร่ี าชการต่อไปโดยให้นับเวลาทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการต่อจาก ที่ได้ทดลองปฏบิ ัตหิ น้าท่ีราชการในตําแหน่งเดิม ขอ้ ๙ การพัฒนาข้าราชการรัฐสภาสามัญที่อยู่ระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการเพื่อให้รู้ ระเบียบแบบแผนของทางราชการและเป็นข้าราชการท่ีดี ให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาดําเนินการในกระบวนการ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) การปฐมนิเทศเพอื่ ใหม้ คี วามรเู้ ก่ยี วกับโครงสร้าง อํานาจหน้าที่ ผู้บริหาร และวัฒนธรรม ของส่วนราชการสงั กัดรัฐสภา รวมทงั้ สรา้ งขวญั และกําลังใจใหผ้ ทู้ ี่อยู่ระหวา่ งทดลองปฏิบตั หิ นา้ ทรี่ าชการ (๒) การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองเพ่ือให้มคี วามรู้เกย่ี วกับกฎหมาย กฎ และระเบยี บแบบแผนของทางราชการ (๓) การอบรมสมั มนาร่วมกนั เพื่อปลกู ฝงั การประพฤตปิ ฏิบตั ติ นให้เป็นขา้ ราชการท่ีดี ให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาประเมินผลการพัฒนาตามวรรคหนึ่งเสนอต่อคณะกรรมการ ประเมินผลการทดลองปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการเพ่ือใช้ประกอบการประเมนิ ผลการทดลองปฏบิ ัตหิ นา้ ทร่ี าชการ ขอ้ ๑๐ ใหม้ กี ารประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ อย่างน้อยสองคร้ัง โดยคร้ังแรกให้ประเมินเมื่อทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการมาแล้วเป็นเวลาสามเดือน และครัง้ ท่ีสองใหป้ ระเมินเมือ่ ทดลองปฏิบตั ิหน้าที่ราชการมาแล้วเป็นเวลาหกเดือน ในกรณีทม่ี ีการขยายเวลาทดลองปฏิบตั หิ น้าทีร่ าชการ ให้ประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ เมอ่ื ครบกําหนดระยะเวลาดังกล่าวอีกคร้ังหน่งึ ดว้ ย ข้อ ๑๑ ในระหว่างทดลองปฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการ ถ้าผู้บังคับบัญชาหรือผู้ได้รับมอบหมายให้เป็น ผู้ดูแลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตามข้อ ๕ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการ ผู้ใดน่าจะมีผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตํ่ากว่ามาตรฐานที่กําหนด อาจขอให้คณะกรรมการ ประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการดําเนินการประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ก่อนครบกําหนดเวลาประเมินท่ีกําหนดไว้ตามข้อ ๒ แล้วรายงานผลการประเมินผลการทดลองปฏิบัติ หน้าท่ีราชการให้ผบู้ ังคับบญั ชาซ่งึ มอี าํ นาจส่งั บรรจตุ ามมาตรา ๔๒ พจิ ารณาสงั่ การตามขอ้ ๑๕ ก็ได้ ขอ้ ๑๒ การประเมนิ ผลการทดลองปฏบิ ตั หิ น้าท่รี าชการ ให้กระทําโดยผู้บังคบั บญั ชาตามข้อ ๔ และคณะกรรมการประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตามลําดับ แล้วให้รายงานผลการ ประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการต่อผู้บังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๔๒ เพื่อพิจารณาสงั่ การตามข้อ ๑๕ ต่อไป ข้อ ๑๓ ให้ผ้บู ังคับบญั ชาซึ่งมีอํานาจสงั่ บรรจตุ ามมาตรา ๔๒ แตง่ ตัง้ คณะกรรมการประเมินผล การทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ ประกอบด้วย ประธานกรรมการ และกรรมการอีกจํานวนสองคน โดยแต่งตงั้ จากขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ท่เี ก่ยี วข้องกับงานที่ผู้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการได้รับมอบหมาย ตามข้อ ๔ และใหข้ ้าราชการรฐั สภาสามญั จากหนว่ ยงานการเจา้ หนา้ ที่เป็นเลขานกุ าร - 49 -
เลม่ ๑๒๙ ตอนที่ ๔๓ ก หนา้ ๒๘ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ราชกจิ จานเุ บกษา ข้อ ๑๔ การประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้ประเมินจากผลสัมฤทธ์ิของการทดลอง ปฏิบัตหิ น้าที่ราชการ และพฤติกรรมของผู้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการ โดยให้นําบันทึกผลการทดลอง ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีราชการตามข้อ ๕ และผลการพัฒนาข้าราชการตามข้อ ๙ มาประกอบการประเมินดว้ ย การประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการในส่วนของผลสัมฤทธิ์ของการทดลองปฏิบัติ หน้าท่ีราชการอย่างน้อยต้องกําหนดให้ประกอบด้วย ความสามารถในการเรียนรู้งาน ความสามารถ ในการปรบั ใช้ความรกู้ บั งานในหนา้ ที่ และความสาํ เร็จของงานท่ีได้รับมอบหมาย และในส่วนของพฤติกรรม ของผู้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการ อย่างน้อยต้องกําหนดให้ประกอบด้วย ความประพฤติ ความมคี ณุ ธรรม จริยธรรม และการรักษาวินยั ทงั้ น้ี ใหเ้ ป็นไปตามแบบที่เลขานุการ ก.ร. กาํ หนด คะแนนการประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ของการทดลองปฏิบตั ิหนา้ ที่ราชการ และพฤตกิ รรมของผู้ทดลอง ปฏบิ ตั ิหน้าท่ีราชการ ให้มีสดั สว่ นเทา่ กัน และผู้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการต้องได้คะแนนในแต่ละส่วน ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบ จึงจะถือว่าผ่านการประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการตามมาตรฐาน ท่กี าํ หนด ข้อ ๑๕ เมื่อได้รับรายงานผลการประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการตามข้อ ๑๑ หรือข้อ ๑๒ แล้ว ให้ผู้บังคับบัญชาซ่ึงมอี าํ นาจส่งั บรรจุตามมาตรา ๔๒ ดาํ เนินการดังนี้ (๑) ในกรณีท่ีประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการก่อนครบกําหนดเวลาประเมิน และปรากฏวา่ ผลการประเมนิ ตาํ่ กวา่ มาตรฐานที่กาํ หนด แตผ่ ูบ้ ังคบั บัญชาซ่งึ มอี ํานาจส่งั บรรจุตามมาตรา ๔๒ เห็นควรให้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการต่อไป ให้ส่ังให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการต่อไป ในการนี้ ให้แสดงเหตุผลหรือความเห็นไว้ด้วย แล้วแจ้งให้ผู้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการและผู้เก่ียวข้องทราบ เพอื่ ดําเนนิ การต่อไปตามกฎ ก.ร นี้ (๒) ในกรณีที่ผลการประเมินไม่ตํ่ากว่ามาตรฐานที่กําหนด ให้มีคําสั่งให้ผู้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ ราชการนั้นรบั ราชการตอ่ ไป แล้วแจ้งให้ผนู้ ้ันทราบและรายงานให้ ก.ร ทราบ (๓) ในกรณที ี่ผลการประเมินต่ํากว่ามาตรฐานที่กําหนด แต่ผู้บังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจสั่งบรรจุ ตามมาตรา ๔๒ เห็นควรขยายเวลาทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการ ให้สั่งขยายเวลาทดลองปฏิบัติหน้าที่ ราชการออกไปได้ตามที่กําหนดไว้ในข้อ ๒ วรรคสอง ในการน้ี ให้แสดงเหตุผลหรือความเห็นไว้ด้วย แล้วแจง้ ให้ผู้ทดลองปฏิบัติหน้าท่รี าชการและผู้เก่ยี วขอ้ งทราบเพือ่ ดาํ เนนิ การตอ่ ไปตามกฎ ก.ร. นี้ (๔) ในกรณีที่ผลการประเมนิ ตํา่ กว่ามาตรฐานที่กาํ หนด และผู้บังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจส่ังบรรจุ ตามมาตรา ๔๒ เห็นว่าไม่ควรให้ทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการต่อไปหรือไม่ควรขยายเวลาทดลองปฏิบัติ หนา้ ทีร่ าชการ ใหม้ ีคําสงั่ ให้ผนู้ ้ันออกจากราชการภายในห้าวันทาํ การนับแต่วันที่ไดร้ บั รายงาน แลว้ แจ้งให้ ผนู้ นั้ ทราบและรายงานให้ ก.ร ทราบ ในกรณีท่ีครบระยะเวลาทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการตาม (๑) หรือ (๓) แล้ว ถ้าผลการประเมิน ต่ํากว่ามาตรฐานที่กําหนด ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ มีคําส่ังให้ผู้นั้น ออกจากราชการ โดยใหน้ ําความใน (๔) มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม - 50 -
เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๒๙ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๑๖ เพ่อื ประโยชนใ์ นการปฏิบตั ิการใหเ้ ป็นไปตามท่ีกําหนดไว้ในกฎ ก.ร. น้ี ให้เลขานุการ ก.ร. กําหนดแบบเกี่ยวกับการประเมินผลการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการให้เป็นไปตามท่ีกําหนดไว้ในกฎ ก.ร. น้ี และคําสั่งให้ออกจากราชการกรณีที่ผู้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการมีผลการประเมินต่ํากว่ามาตรฐาน ท่ีกําหนด เพือ่ ให้สว่ นราชการสังกดั รัฐสภาถอื ปฏิบตั ิ ขอ้ ๑๗ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดอยู่ในระหว่างทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการตามกฎ ก.ร. ว่าด้วยการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ในวันที่กฎ ก.ร. นี้ใช้บังคับ ให้คงดําเนินการ ใหข้ ้าราชการรัฐสภาสามญั ผนู้ น้ั ทดลองปฏิบตั หิ นา้ ทร่ี าชการตอ่ ไปและประเมินผลการทดลองปฏบิ ตั หิ น้าทีร่ าชการ ตามกฎ ก.ร. ดังกล่าว ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ สมศกั ด์ิ เกยี รตสิ รุ นนท์ ประธานรัฐสภา ประธาน ก.ร. - 51 -
เลม่ ๑๒๙ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๓๐ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ราชกจิ จานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใชก้ ฎ ก.ร. ฉบับน้ี คือ โดยที่มาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ กําหนดให้ผูไ้ ดร้ บั บรรจุและแตง่ ตงั้ ใหด้ าํ รงตาํ แหน่งตามมาตรา ๓๘ วรรคหน่ึง หรือมาตรา ๔๐ และขา้ ราชการหรอื พนักงานสว่ นทอ้ งถิ่นซงึ่ โอนมาบรรจเุ ปน็ ข้าราชการรฐั สภาสามญั ตามมาตรา ๔๗ ในระหวา่ งทย่ี งั ทดลองปฏิบัตหิ น้าทร่ี าชการ ทดลองปฏิบัติหน้าท่รี าชการและใหไ้ ดร้ ับการพัฒนาเพอื่ ให้รู้ระเบียบ แบบแผนของทางราชการและเปน็ ข้าราชการท่ีดี และมีผลการประเมินการทดลองปฏิบัติหน้าท่ีราชการตามท่ี กําหนดในกฎ ก.ร. จงึ จําเปน็ ตอ้ งออกกฎ ก.ร. นี้ - 52 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนท่ี ๙๔ ก หน้า ๔ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา กฎ ก.ร. ว่าด้วยการย้าย การโอน หรือการเล่ือนข้าราชการรฐั สภาสามญั พ.ศ. ๒๕๕๖ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ (๓) และมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ขา้ ราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจํากัดสิทธิและ เสรีภาพของบคุ คล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๓ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๖๔ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย บญั ญตั ิใหก้ ระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ก.ร. จึงออกกฎ ก.ร. ไว้ ดังต่อไปน้ี ขอ้ ๑ กฎ ก.ร. นใ้ี หใ้ ช้บงั คบั ตัง้ แตว่ นั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ต้นไป ข้อ ๒ ในกฎ ก.ร. น้ี “ยา้ ย” หมายความว่า การแต่งตง้ั ข้าราชการรฐั สภาสามัญผดู้ ํารงตําแหนง่ หนึ่งให้ดํารงตําแหน่งอื่น ในสว่ นราชการสังกดั รัฐสภาเดยี วกัน ซึง่ จะเป็นตําแหนง่ ประเภทเดียวกนั หรอื ตา่ งประเภทกนั กไ็ ด้ “โอน” หมายความว่า การแต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งในส่วนราชการ สงั กดั รัฐสภาหนึ่งให้ดํารงตาํ แหน่งในส่วนราชการสงั กดั รัฐสภาอนื่ ซ่ึงจะเปน็ ตาํ แหน่งประเภทเดียวกันหรือ ตา่ งประเภทกนั ก็ได้ “เลื่อน” หมายความว่า การแต่งต้ังข้าราชการรัฐสภาสามัญให้ดํารงตําแหน่งประเภทเดียวกัน ในระดบั ทส่ี งู กวา่ เดิม “ระดับทต่ี ํ่ากว่าเดิม” หมายความรวมถึง ตําแหนง่ ในประเภทและระดับที่กําหนดไว้ในกฎ ก.ร. นี้ว่า การย้ายหรอื โอนไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งในประเภทและระดบั ดังกลา่ วจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ที่ จะย้ายหรือโอน หรอื ตําแหน่งในประเภทและระดบั ท่ี ก.ร. กําหนดไว้ตามขอ้ ๕ “ตําแหน่งระดับควบ” หมายความว่า ตําแหน่งประเภททั่วไปหรือประเภทวิชาการที่ ก.ร. กําหนดให้เปน็ ตําแหน่งท่ีสามารถปรบั ใหเ้ ปน็ ตาํ แหนง่ ท่มี รี ะดับสูงขึ้นหรือต่ําลงได้ภายในกรอบระดับตําแหน่ง ท่กี าํ หนดตามมาตรา ๒๘ ขอ้ ๓ การยา้ ย การโอน หรือการเลอื่ นข้าราชการรัฐสภาสามญั ผู้ใดไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งใด ใหพ้ ิจารณาโดยคํานงึ ถงึ ระบบคุณธรรม ลกั ษณะของงานในตําแหน่งนั้น ผลสัมฤทธ์ิของงาน และประสิทธิภาพ - 53 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนท่ี ๙๔ ก หนา้ ๕ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา ขององค์กร รวมทั้งเหตผุ ลความจาํ เปน็ เพือ่ ประโยชน์ของทางราชการ ตลอดจนศกั ยภาพ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจรยิ ธรรมของผนู้ ั้น ข้อ ๔ การยา้ ย การโอน หรอื การเลื่อนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดเพ่ือแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งใด ตามกฎ ก.ร. น้ี จะกระทําได้ต่อเมื่อข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้น้ันมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะ สําหรับตําแหน่งตามที่กําหนดไว้ในมาตรฐานกําหนดตําแหน่งสําหรับตําแหน่งที่จะแต่งตั้งนั้น เว้นแต่ เปน็ กรณีตามมาตรา ๔๕ วรรคสอง ในกรณที ่เี ป็นการยา้ ย การโอน หรือการเลือ่ นตามขอ้ ๕๐ ข้อ ๕๑ ข้อ ๕๒ ข้อ ๕๓ ข้อ ๕๔ ขอ้ ๕๕ และข้อ ๕๖ นอกจากจะต้องมคี ุณสมบตั ิตามวรรคหนง่ึ แล้ว การกําหนดใหข้ า้ ราชการรัฐสภาสามัญ ท่ีเข้ารับการพิจารณาย้าย โอน หรือเลื่อนต้องได้รับเงินเดือนและมีคุณสมบัติเพ่ิมเติม อาจทําได้ตาม หลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขที่ ก.ร. กาํ หนด ข้อ ๕ ก.ร. อาจกําหนดให้ตําแหน่งประเภทและระดับใดจะต้องได้รับความยินยอมจาก ขา้ ราชการรฐั สภาสามัญทจี่ ะยา้ ยหรือโอนไปแตง่ ตัง้ ให้ดํารงตําแหน่งในประเภทและระดับดังกล่าวได้ ข้อ ๖ การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับ ทต่ี าํ่ กว่าเดิม จะกระทาํ ได้ต่อเมื่อไดร้ บั ความยินยอมจากขา้ ราชการรฐั สภาสามัญผู้ถูกยา้ ยหรอื โอนนนั้ การใหค้ วามยินยอมตามวรรคหน่งึ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงอ่ื นไขท่ี ก.ร. กําหนด การยา้ ย การโอน หรือการเล่ือนข้าราชการรัฐสภาสามัญท่ีถูกย้ายหรือโอนตามวรรคหน่ึง ไปแต่งตั้ง ใหด้ ํารงตาํ แหน่งในประเภท สายงาน และระดับเดียวกับท่ีผู้นั้นเคยดํารงอยู่เดิมก่อนมีการย้ายหรือการโอน ตามวรรคหน่งึ ใหอ้ ยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ ข้อ ๗ การแต่งต้ังข้าราชการรัฐสภาสามัญให้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นหรือ ประเภทบรหิ ารระดบั ตน้ ให้ดําเนินการอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ยา้ ยหรือโอนผซู้ ึ่งดํารงตาํ แหนง่ หรือเคยดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการหรือประเภทบริหาร แลว้ แต่กรณี ตามกฎ ก.ร. น้ี (๒) ย้ายหรอื โอนผซู้ ่งึ ไดร้ บั การเลือกให้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นหรือประเภท บรหิ ารระดับตน้ แลว้ แตก่ รณี ตามกฎ ก.ร. นี้ ข้อ ๘ เพือ่ ประโยชนใ์ นการย้าย การโอน หรือการเลื่อนข้าราชการรัฐสภาสามัญไปแต่งตั้งให้ ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ให้จัดแบ่งตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ออกเป็น ๒ กลุม่ ดงั น้ี (๑) กลุ่มที่ ๑ ได้แก่ ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจําตําแหน่ง ในอตั รา ๑๕,๖๐๐ บาท (๒) กลุ่มท่ี ๒ ได้แก่ ตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิที่ได้รับเงินประจําตําแหน่ง ในอัตรา ๑๓,๐๐๐ บาท - 54 -
เล่ม ๑๓๐ ตอนท่ี ๙๔ ก หนา้ ๖ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา การย้ายหรือการโอนข้าราชการรฐั สภาสามญั ซ่ึงดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ในกลุ่มท่ี ๑ ให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิในกลุ่มที่ ๒ ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ จะดาํ เนนิ การได้ต่อเมอื่ ผู้นัน้ ได้ให้ความยินยอมแล้ว ขอ้ ๙ เพ่ือประโยชน์ในการย้าย การโอน หรือการเล่ือนข้าราชการรัฐสภาสามัญไปแต่งตั้ง ใหด้ าํ รงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสงู ใหจ้ ดั แบ่งตาํ แหนง่ ประเภทบรหิ ารระดับสงู ออกเปน็ ๒ กลมุ่ ดงั น้ี (๑) กลุ่มที่ ๑ ได้แก่ ตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และตําแหน่งอ่ืนที่ ก.ร. กําหนดเป็นตาํ แหน่งประเภทบริหารระดับสูงและไดร้ บั เงนิ ประจาํ ตาํ แหน่งในอัตราเดยี วกับตาํ แหน่งหัวหน้า ส่วนราชการสงั กัดรฐั สภา (๒) กลุ่มที่ ๒ ไดแ้ ก่ ตําแหน่งรองหัวหน้าส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และตําแหน่งอื่นที่ ก.ร. กําหนดเป็นตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงและได้รับเงินประจําตําแหน่งในอัตราเดียวกับตําแหน่ง รองหวั หน้าส่วนราชการสังกัดรัฐสภา การย้ายหรือการโอนข้าราชการรฐั สภาสามัญซึ่งดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มท่ี ๑ ใหด้ าํ รงตําแหน่งประเภทบรหิ ารระดับสูงในกลมุ่ ท่ี ๒ ผู้มีอาํ นาจสั่งบรรจุจะดําเนนิ การได้ต่อเม่ือผู้นั้นได้ให้ ความยินยอมแล้ว ขอ้ ๑๐ ในกรณีที่มีเหตุผลความจําเป็นเป็นพิเศษท่ีไม่อาจดําเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงือ่ นไขทก่ี าํ หนดในกฎ ก.ร. นี้ การดําเนินการในเร่ืองน้ันจะสมควรดําเนินการประการใดให้เป็นไป ตามที่ ก.ร. กาํ หนด หมวด ๑ การยา้ ย ข้อ ๑๑ การย้ายข้าราชการรฐั สภาสามัญผ้ดู ํารงตําแหน่งประเภททั่วไปไปแตง่ ตงั้ ใหด้ าํ รงตําแหนง่ ประเภทท่ัวไปในระดบั เดยี วกนั ให้อย่ใู นดุลพินิจของผ้มู ีอํานาจส่งั บรรจุ การย้ายข้าราชการรฐั สภาสามญั ผดู้ าํ รงตาํ แหนง่ ประเภทท่ัวไปไปแต่งตง้ั ให้ดํารงตําแหน่งในระดับ ทตี่ ํา่ กวา่ เดมิ ผมู้ ีอํานาจสั่งบรรจุจะดาํ เนนิ การไดต้ ่อเมือ่ ผ้นู ั้นได้ใหค้ วามยินยอมแล้ว ข้อ ๑๒ การยา้ ยข้าราชการรฐั สภาสามญั ผูด้ าํ รงตําแหนง่ ประเภทวิชาการไปแตง่ ตัง้ ใหด้ ํารงตําแหน่ง ประเภททั่วไป ให้กระทําได้เฉพาะผู้ท่ีเคยดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปมาก่อน โดยให้ย้ายไปแต่งต้ังให้ ดํารงตําแหน่งในระดับท่ีไม่สูงกว่าระดับท่ีผู้น้ันเคยดํารงอยู่เดิมในตําแหน่งประเภททั่วไป และให้อยู่ใน ดลุ พนิ ิจของผูม้ ีอํานาจสง่ั บรรจุ ขอ้ ๑๓ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไปซึ่งเคยดํารงตําแหน่ง ประเภทวิชาการมาก่อน ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการในระดับที่ไม่สูงกว่าระดับท่ีผู้นั้น เคยดาํ รงอยู่เดมิ ในตําแหนง่ ประเภทวชิ าการ ใหอ้ ยูใ่ นดุลพินจิ ของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ - 55 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หน้า ๗ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไปซึ่งเคยดํารงตําแหน่งประเภท วชิ าการมาก่อน ไปแต่งต้ังใหด้ าํ รงตาํ แหน่งประเภทวชิ าการในระดับที่สูงกว่าระดับท่ีผู้นั้นเคยดํารงอยู่เดิม ในตําแหน่งประเภทวิชาการ ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุจะดําเนินการได้ต่อเมื่อได้ดําเนินการตามข้อ ๕๑ แล้ว ท้ังนี้ ใหย้ ้ายไปแต่งตงั้ ให้ดาํ รงตําแหน่งในระดบั ทีส่ งู กว่าระดบั ท่ผี นู้ น้ั เคยดาํ รงอยเู่ ดิมไดไ้ ม่เกินหน่ึงระดบั ขอ้ ๑๔ การย้ายข้าราชการรฐั สภาสามัญผดู้ ํารงตําแหนง่ ประเภทวชิ าการตง้ั แตร่ ะดับเชี่ยวชาญลงมา ไปแต่งต้งั ให้ดํารงตําแหนง่ ประเภทวชิ าการในระดับเดยี วกนั ให้อยใู่ นดุลพนิ ิจของผมู้ อี ํานาจสง่ั บรรจุ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งใน ระดบั ที่ต่ํากวา่ เดิม ผมู้ อี ํานาจส่งั บรรจุจะดาํ เนนิ การไดต้ อ่ เมอื่ ผู้นั้นไดใ้ หค้ วามยินยอมแลว้ ขอ้ ๑๕ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ในกลุ่มที่ ๑ ตามขอ้ ๘ (๑) และในกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๘ (๒) ไปแตง่ ตงั้ ให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคณุ วุฒใิ นกลุ่มเดียวกนั ให้อยูใ่ นดลุ พนิ จิ ของผู้มีอาํ นาจสั่งบรรจุ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิในกลุ่มที่ ๒ ตามข้อ ๘ (๒) ไปแต่งตั้งใหด้ ํารงตาํ แหน่งประเภทวชิ าการระดับทรงคุณวฒุ ิในกลมุ่ ที่ ๑ ตามขอ้ ๘ (๑) ผมู้ อี ํานาจสัง่ บรรจจุ ะดําเนินการได้ต่อเมอ่ื ไดด้ าํ เนนิ การตามขอ้ ๕๑ แล้ว ขอ้ ๑๖ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปซึ่งไม่เคยดํารงตําแหน่ง ประเภทวิชาการมาก่อน ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ให้กระทําได้เฉพาะการย้ายไป ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับปฏิบัติการเท่าน้ัน โดยผู้มีอํานาจสั่งบรรจุอาจดําเนินการได้ในกรณี ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ผนู้ นั้ เป็นผสู้ อบแขง่ ขันได้ในตําแหน่งประเภทวชิ าการระดับปฏิบัติการ และถึงลําดับที่ท่ีจะบรรจุ และแต่งตั้งผนู้ ัน้ ตามมาตรา ๓๘ (๒) ผู้นั้นได้รับการคัดเลือกเข้ารับราชการในกรณีท่ีมีเหตุพิเศษในตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏบิ ัติการตามมาตรา ๔๐ (๓) กรณอี ื่นทมี่ ีเหตุผลความจําเป็นเปน็ พเิ ศษตามท่ี ก.ร. กาํ หนด ข้อ ๑๗ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามญั ผู้ดาํ รงตําแหน่งประเภทอํานวยการ หรือประเภทบริหาร ไปแต่งตงั้ ใหด้ ํารงตาํ แหน่งประเภทวชิ าการ ให้กระทําได้เฉพาะผู้ท่ีเคยดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการมาก่อน และผมู้ ีอาํ นาจส่งั บรรจุจะตอ้ งพิจารณาดาํ เนินการตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไข ดังตอ่ ไปน้ี (๑) การย้ายไปแต่งตงั้ ให้ดํารงตาํ แหน่งในระดบั ท่ีไมส่ ูงกวา่ ระดบั ทผ่ี ู้นั้นเคยดํารงอยู่เดิมในตําแหน่ง ประเภทวิชาการ ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจส่ังบรรจุ แต่ถ้าเป็นกรณีท่ี ก.ร. กําหนดว่าต้องได้รับ ความยินยอมจากข้าราชการผู้นั้นตามข้อ ๕ ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุจะดําเนินการได้ต่อเมื่อผู้นั้นได้ให้ ความยินยอมแล้ว (๒) การยา้ ยไปแต่งต้งั ใหด้ ํารงตาํ แหนง่ ในระดับท่สี งู กวา่ ระดับที่ผนู้ ั้นเคยดํารงอยู่เดิมในตําแหน่ง ประเภทวิชาการไม่เกินหน่ึงระดบั ผ้มู อี าํ นาจสั่งบรรจจุ ะดาํ เนินการไดต้ อ่ เมือ่ ไดด้ าํ เนินการตามขอ้ ๕๑ แลว้ - 56 -
เล่ม ๑๓๐ ตอนท่ี ๙๔ ก หน้า ๘ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา ข้อ ๑๘ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการไปแต่งตั้งให้ ดํารงตําแหนง่ ประเภทอาํ นวยการในระดับเดียวกัน ให้อย่ใู นดลุ พนิ ิจของผู้มีอาํ นาจสง่ั บรรจุ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ในระดับท่ตี าํ่ กว่าเดมิ ผู้มอี าํ นาจส่งั บรรจจุ ะดําเนินการไดต้ ่อเม่ือผู้นัน้ ได้ให้ความยนิ ยอมแลว้ ขอ้ ๑๙ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไปหรือประเภทวิชาการ ซงึ่ เคยดาํ รงตําแหน่งประเภทอาํ นวยการระดับต้นมาก่อน ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดบั ต้น ให้อยู่ในดลุ พินิจของผูม้ อี าํ นาจส่ังบรรจุ แต่ถา้ เป็นกรณที ี่ ก.ร. กําหนดว่าต้องได้รับความยินยอม จากข้าราชการผนู้ น้ั ตามขอ้ ๕ ผูม้ อี ํานาจส่ังบรรจุจะดาํ เนนิ การไดต้ ่อเม่ือผู้น้นั ไดใ้ ห้ความยนิ ยอมแล้ว การยา้ ยข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ ประเภททว่ั ไปหรอื ประเภทวชิ าการซึ่งเคยดาํ รงตําแหน่ง ประเภทอาํ นวยการระดับสูงมากอ่ น ไปแต่งตัง้ ให้ดาํ รงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดบั สูง ให้อยู่ในดุลพินิจ ของผู้มีอํานาจส่ังบรรจุ แต่ถ้าเป็นกรณีท่ี ก.ร. กําหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากข้าราชการผู้นั้น ตามขอ้ ๕ ผูม้ ีอํานาจสง่ั บรรจจุ ะดาํ เนินการได้ตอ่ เม่อื ผูน้ น้ั ได้ให้ความยินยอมแล้ว การย้ายขา้ ราชการรฐั สภาสามัญผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ ประเภททว่ั ไปหรือประเภทวิชาการซ่งึ เคยดํารงตําแหน่ง ประเภทอํานวยการระดบั สูงมากอ่ น ไปแต่งตง้ั ให้ดาํ รงตําแหนง่ ประเภทอํานวยการระดับต้น ให้อยใู่ นดุลพินิจ ของผูม้ อี าํ นาจสงั่ บรรจุ และผ้มู อี ํานาจส่ังบรรจจุ ะดําเนนิ การได้ต่อเม่อื ผู้น้ันไดใ้ ห้ความยนิ ยอมแล้ว การย้ายขา้ ราชการรัฐสภาสามัญผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ ประเภททวั่ ไปหรอื ประเภทวชิ าการซ่ึงเคยดํารงตําแหน่ง ประเภทอาํ นวยการระดบั ต้นมาก่อน ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ผู้มีอํานาจ สงั่ บรรจุจะดําเนินการได้ตอ่ เม่ือไดด้ ําเนนิ การตามขอ้ ๕๓ แลว้ ข้อ ๒๐ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไปหรือประเภทวิชาการ ซง่ึ ไมเ่ คยดาํ รงตาํ แหน่งประเภทอํานวยการมาก่อน ไปแตง่ ตง้ั ให้ดํารงตาํ แหนง่ ประเภทอํานวยการระดับต้น ผมู้ อี ํานาจสง่ั บรรจุจะดําเนินการได้ต่อเมือ่ ได้ดาํ เนนิ การตามข้อ ๕๒ แล้ว การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปหรือประเภทวิชาการซึ่งไม่เคย ดาํ รงตาํ แหนง่ ประเภทอํานวยการมากอ่ น ไปแตง่ ตงั้ ให้ดํารงตาํ แหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ผู้มีอํานาจ ส่งั บรรจจุ ะดาํ เนินการได้ต่อเมื่อได้ดําเนนิ การตามข้อ ๕๓ แลว้ ขอ้ ๒๑ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นไปแต่งต้ังให้ ดาํ รงตําแหนง่ ประเภทอํานวยการระดับสูง ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจส่ังบรรจุ และผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ จะดําเนนิ การไดต้ อ่ เม่ือผนู้ ้ันได้ให้ความยนิ ยอมแลว้ ข้อ ๒๒ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นไปแต่งต้ังให้ ดาํ รงตําแหน่งประเภทบรหิ ารระดบั ต้น ให้อยใู่ นดลุ พินิจของผู้มีอาํ นาจสงั่ บรรจุ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่ง ในระดับทตี่ ํา่ กว่าเดิม ผมู้ ีอาํ นาจส่งั บรรจจุ ะดําเนนิ การไดต้ อ่ เมื่อผนู้ ั้นได้ใหค้ วามยนิ ยอมแลว้ - 57 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หน้า ๙ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา ขอ้ ๒๓ การย้ายข้าราชการรฐั สภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไป ประเภทวิชาการ หรือ ประเภทอํานวยการซึ่งเคยดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นมาก่อน ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่ง ประเภทบริหารระดบั ต้น ใหอ้ ยู่ในดลุ พินิจของผมู้ ีอํานาจส่ังบรรจุ แตถ่ า้ เปน็ กรณที ่ี ก.ร. กําหนดวา่ ตอ้ งไดร้ บั ความยินยอมจากข้าราชการผู้นั้นตามข้อ ๕ ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุจะดําเนินการได้ต่อเม่ือผู้น้ันได้ให้ ความยนิ ยอมแลว้ การยา้ ยข้าราชการรัฐสภาสามญั ผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไป ประเภทวิชาการ หรือประเภท อํานวยการซ่ึงไม่เคยดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นมาก่อน ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท บริหารระดบั ต้น ผมู้ อี ํานาจสง่ั บรรจุจะดําเนินการไดต้ อ่ เมือ่ ไดด้ าํ เนนิ การตามข้อ ๕๔ แล้ว ขอ้ ๒๔ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มท่ี ๑ ตามขอ้ ๙ (๑) หรือในกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๙ (๒) ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ในกลุ่มเดยี วกนั ใหอ้ ยู่ในดุลพินิจของผู้มีอาํ นาจส่งั บรรจุ การยา้ ยข้าราชการรัฐสภาสามญั ผู้ดาํ รงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มที่ ๒ ตามข้อ ๙ (๒) ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มท่ี ๑ ตามข้อ ๙ (๑) ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุ จะดาํ เนินการไดต้ อ่ เม่ือไดด้ าํ เนนิ การตามข้อ ๕๖ แลว้ ขอ้ ๒๕ การย้ายข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการซึ่งเคยดํารงตําแหน่ง ประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มที่ ๑ ตามข้อ ๙ (๑) มาก่อน ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภท บริหารระดบั สูงในกล่มุ ที่ ๑ ตามข้อ ๙ (๑) ให้อยู่ในดุลพนิ ิจของผูม้ อี าํ นาจสงั่ บรรจุ การยา้ ยขา้ ราชการรัฐสภาสามัญผูด้ ํารงตําแหน่งประเภททั่วไป ประเภทวิชาการ หรือประเภท อาํ นวยการซงึ่ เคยดํารงตําแหนง่ ประเภทบริหารระดบั สูงในกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๙ (๒) มาก่อน ไปแต่งตั้งให้ ดาํ รงตําแหนง่ ประเภทบรหิ ารระดบั สูงในกลมุ่ ที่ ๒ ตามข้อ ๙ (๒) ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ แตถ่ ้าเปน็ กรณีที่ ก.ร. กําหนดวา่ ตอ้ งไดร้ บั ความยินยอมจากข้าราชการผู้น้ันตามข้อ ๕ ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุ จะดําเนินการได้ตอ่ เม่ือผูน้ ้ันไดใ้ ห้ความยินยอมแลว้ การยา้ ยขา้ ราชการรฐั สภาสามัญผดู้ ํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไป ประเภทวิชาการ หรือประเภท อํานวยการซง่ึ เคยดํารงตําแหนง่ ประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๙ (๒) มาก่อน ไปแต่งตั้งให้ ดํารงตาํ แหน่งประเภทบรหิ ารระดบั สูงในกลุ่มที่ ๑ ตามข้อ ๙ (๑) ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุจะดําเนินการได้ ตอ่ เมือ่ ไดด้ ําเนนิ การตามขอ้ ๕๖ แล้ว ข้อ ๒๖ การยา้ ยขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ผดู้ ํารงตําแหน่งประเภททั่วไป ประเภทวิชาการ หรือ ประเภทอํานวยการซ่ึงไม่เคยดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงมาก่อน ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่ง ประเภทบรหิ ารระดับสงู ให้กระทําได้เฉพาะการยา้ ยไปดํารงตําแหนง่ ประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มท่ี ๒ ตามขอ้ ๙ (๒) เท่านั้น โดยผู้มีอาํ นาจส่งั บรรจจุ ะดําเนนิ การได้ต่อเมอ่ื ได้ดําเนนิ การตามขอ้ ๕๕ แลว้ - 58 -
เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หน้า ๑๐ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา หมวด ๒ การโอน ขอ้ ๒๗ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในต่างส่วนราชการสังกัดรัฐสภา จะดําเนนิ การได้ต่อเม่ือผมู้ ีอํานาจส่ังบรรจขุ องส่วนราชการสงั กัดรัฐสภาทจี่ ะรับโอนประสงค์จะรับโอนผู้นั้น และต้องได้รับความยินยอมจากผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาที่ผู้น้ันสังกัดอยู่ ท้ังน้ี ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงอื่ นไขที่กาํ หนดไวใ้ นกฎ ก.ร. นี้ ขอ้ ๒๘ การโอนขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ไปแตง่ ต้ังให้ดาํ รงตาํ แหน่งในต่างส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ในกรณดี งั ตอ่ ไปน้ี ผมู้ อี ํานาจสั่งบรรจขุ องส่วนราชการสงั กดั รัฐสภาที่ผู้นั้นสังกดั อยู่จะไม่ให้ความยินยอมมิได้ (๑) การโอนผ้สู อบแข่งขนั ไดแ้ ละถึงลาํ ดบั ท่ีที่จะบรรจตุ ามมาตรา ๓๘ (๒) การโอนผู้ได้รับการคัดเลือกเข้ารับราชการในกรณีท่ีมีเหตุพิเศษไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ในส่วนราชการสังกดั รฐั สภาทจ่ี ดั ใหม้ ีการคดั เลอื กตามมาตรา ๔๐ (๓) การโอนผไู้ ดร้ ับการเลอื กเพ่อื แต่งต้งั ใหด้ าํ รงตําแหน่งประเภททั่วไปตามข้อ ๓๐ ประเภทวิชาการ ตามขอ้ ๓๔ หรือข้อ ๓๖ วรรคสอง ประเภทอาํ นวยการตามข้อ ๓๘ ข้อ ๓๙ วรรคส่ี หรือข้อ ๔๐ หรือประเภทบรหิ ารตามขอ้ ๔๓ ขอ้ ๔๔ วรรคสอง ขอ้ ๔๕ วรรคสอง หรือขอ้ ๔๖ วรรคสามหรือวรรคสี่ (๔) การโอนในกรณอี ืน่ ทม่ี เี หตผุ ลความจาํ เป็นเปน็ พิเศษตามที่ ก.ร. กาํ หนด ขอ้ ๒๙ การโอนข้าราชการรฐั สภาสามญั ผูด้ ํารงตาํ แหนง่ ประเภทท่วั ไปไปแต่งตั้งใหด้ าํ รงตาํ แหน่ง ประเภททั่วไปในระดับเดียวกัน ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ที่จะรบั โอน การโอนขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ผู้ดํารงตําแหน่งประเภททัว่ ไปไปแตง่ ต้งั ใหด้ าํ รงตําแหน่งในระดับ ท่ีต่ํากว่าเดิม ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอน และ จะดาํ เนินการไดต้ อ่ เมื่อผนู้ ัน้ ได้ให้ความยนิ ยอมแล้ว ขอ้ ๓๐ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดาํ รงตําแหน่งประเภททว่ั ไปไปแตง่ ตั้งใหด้ ํารงตาํ แหน่ง ประเภททวั่ ไปในระดับทส่ี งู กวา่ เดิม ผู้มีอํานาจสง่ั บรรจุของส่วนราชการสงั กัดรัฐสภาท่ีจะรับโอนจะดําเนินการได้ ต่อเมือ่ ไดด้ ําเนินการตามขอ้ ๕๐ แล้ว ข้อ ๓๑ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง ประเภทท่ัวไป ให้กระทําได้เฉพาะผู้ท่ีเคยดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปมาแล้ว และผู้มีอํานาจส่ังบรรจุ ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอนจะต้องแต่งตั้งให้ผู้นั้นดํารงตําแหน่งในระดับที่ไม่สูงกว่าระดับที่ ผู้นั้นเคยดาํ รงอยเู่ ดมิ ในตําแหน่งประเภทท่วั ไป ขอ้ ๓๒ การโอนขา้ ราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการตั้งแต่ระดับเช่ียวชาญลงมา ไปแตง่ ตั้งใหด้ าํ รงตาํ แหน่งประเภทวิชาการในระดับเดียวกัน ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของ สว่ นราชการสังกดั รัฐสภาท่ีจะรบั โอน - 59 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หน้า ๑๑ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่ง ในระดับที่ต่ํากว่าเดิม ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอน และจะดําเนนิ การไดต้ ่อเมื่อผูน้ ้นั ไดใ้ ห้ความยินยอมแลว้ ขอ้ ๓๓ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ในกลุ่มท่ี ๑ ตามข้อ ๘ (๑) และในกลุ่มที่ ๒ ตามขอ้ ๘ (๒) ไปแตง่ ตงั้ ให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิในกลุ่มเดียวกัน ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ที่จะรบั โอน การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิในกลุ่มที่ ๒ ตามข้อ ๘ (๒) ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิในกลุ่มที่ ๑ ตามข้อ ๘ (๑) ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาที่จะรับโอนจะดําเนินการได้ต่อเมื่อได้ดําเนินการตาม ข้อ ๕๑ แลว้ ขอ้ ๓๔ การโอนข้าราชการรฐั สภาสามญั ผู้ดาํ รงตําแหนง่ ประเภทวิชาการไปแต่งต้งั ให้ดํารงตําแหน่ง ประเภทวชิ าการในระดับท่ีสงู กวา่ เดิม ผ้มู ีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอนจะดําเนินการได้ ต่อเมอื่ ได้ดําเนนิ การตามขอ้ ๕๑ แล้ว ข้อ ๓๕ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไปซึ่งไม่เคยดํารงตําแหน่ง ประเภทวิชาการมาก่อน ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหนง่ ประเภทวิชาการ ให้กระทาํ ไดเ้ ฉพาะการโอนไปดํารงตําแหน่ง ประเภทวชิ าการระดับปฏิบัติการเทา่ น้นั โดยผมู้ ีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอน อาจดําเนนิ การได้ ในกรณีดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ผ้นู ัน้ เปน็ ผูส้ อบแข่งขนั ได้ในตําแหนง่ ประเภทวิชาการระดับปฏบิ ัติการและถงึ ลาํ ดับท่ีท่ีจะบรรจุ และแต่งต้งั ผู้นัน้ ตามมาตรา ๓๘ (๒) ผู้น้ันได้รับการคัดเลือกเข้ารับราชการในกรณีที่มีเหตุพิเศษในตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดบั ปฏิบัติการตามมาตรา ๔๐ (๓) กรณอี ื่นทีม่ เี หตผุ ลความจําเป็นเปน็ พเิ ศษตามท่ี ก.ร. กาํ หนด ข้อ ๓๖ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไป ประเภทอํานวยการ หรือประเภทบริหาร ซึ่งเคยดํารงตาํ แหน่งประเภทวิชาการมากอ่ น ไปแต่งตั้งให้ดาํ รงตําแหน่งประเภทวชิ าการ ผมู้ ีอํานาจสง่ั บรรจขุ องสว่ นราชการสงั กดั รัฐสภาทจี่ ะรับโอนจะต้องแต่งต้ังผู้น้ันให้ดํารงตําแหน่งในระดับท่ี ไมส่ ูงกว่าระดบั ท่ีผู้น้นั เคยดาํ รงอยูเ่ ดิมในตําแหน่งประเภทวิชาการ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไป ประเภทอํานวยการ หรือประเภทบริหาร ซึ่งเคยดํารงตาํ แหน่งประเภทวิชาการมากอ่ น ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการในระดับท่ีสูงกว่า ระดบั ที่ผนู้ ัน้ เคยดํารงอยเู่ ดิมในตําแหนง่ ประเภทวิชาการไม่เกินหนึ่งระดับ ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุจะดําเนินการได้ ต่อเมือ่ ได้ดําเนนิ การตามขอ้ ๕๑ แล้ว - 60 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนท่ี ๙๔ ก หน้า ๑๒ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานเุ บกษา ขอ้ ๓๗ การโอนขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ผูด้ ํารงตาํ แหน่งประเภทอํานวยการไปแต่งตง้ั ใหด้ าํ รงตําแหน่ง ประเภทอํานวยการในระดับเดยี วกัน ใหอ้ ยใู่ นดลุ พนิ จิ ของผมู้ อี าํ นาจสั่งบรรจขุ องส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ทจ่ี ะรับโอน การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่ง ในระดับที่ตํ่ากว่าเดิม ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาที่จะรับโอน และจะดําเนนิ การได้ต่อเมอ่ื ผู้นัน้ ได้ให้ความยนิ ยอมแล้ว ข้อ ๓๘ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นไปแต่งต้ังให้ ดํารงตาํ แหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาที่จะรับโอน จะดาํ เนนิ การไดต้ ่อเมื่อได้ดาํ เนนิ การตามขอ้ ๕๓ แลว้ ขอ้ ๓๙ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปหรือประเภทวิชาการ ซง่ึ เคยดาํ รงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นมาก่อน ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการ ระดับต้น ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาที่จะรับโอน แต่ถ้าเป็น กรณีท่ี ก.ร. กําหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากข้าราชการผู้น้ันตามข้อ ๕ ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของ สว่ นราชการสงั กดั รัฐสภาทีจ่ ะรับโอนจะดาํ เนินการได้ต่อเมอ่ื ผู้น้ันไดใ้ ห้ความยินยอมแล้ว การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไปหรือประเภทวิชาการซึ่งเคย ดาํ รงตําแหนง่ ประเภทอาํ นวยการระดบั สงู มาก่อน ไปแตง่ ตงั้ ใหด้ ํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ใหอ้ ยู่ในดุลพนิ ิจของผมู้ ีอาํ นาจสัง่ บรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาทีจ่ ะรับโอน แตถ่ า้ เป็นกรณที ่ี ก.ร. กําหนด วา่ ต้องได้รับความยนิ ยอมจากขา้ ราชการผนู้ ัน้ ตามขอ้ ๕ ผมู้ ีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ทจี่ ะรบั โอนจะดําเนินการได้ตอ่ เมื่อผู้นนั้ ไดใ้ ห้ความยินยอมแลว้ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปหรือประเภทวิชาการซึ่งเคย ดํารงตาํ แหนง่ ประเภทอาํ นวยการระดับสูงมากอ่ น ไปแตง่ ต้งั ให้ดาํ รงตาํ แหนง่ ประเภทอํานวยการระดับต้น ให้อยใู่ นดลุ พนิ จิ ของผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาที่จะรับโอน และผู้มีอํานาจส่ังบรรจุ ของสว่ นราชการสังกดั รฐั สภาทจ่ี ะรับโอนจะดําเนินการไดต้ ่อเมือ่ ผนู้ ั้นไดใ้ ห้ความยินยอมแล้ว การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไปหรือประเภทวิชาการซ่ึงเคย ดาํ รงตาํ แหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นมาก่อน ไปแต่งตงั้ ให้ดาํ รงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอนจะดําเนินการได้ต่อเมื่อได้ดําเนินการตาม ขอ้ ๕๓ แล้ว ขอ้ ๔๐ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปหรือประเภทวิชาการ ซึง่ ไม่เคยดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการมาก่อน ไปแตง่ ตง้ั ใหด้ าํ รงตําแหน่งประเภทอาํ นวยการระดับต้น ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอนจะดําเนินการได้ต่อเม่ือได้ดําเนินการตาม ขอ้ ๕๒ แลว้ - 61 -
เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หน้า ๑๓ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไปหรือประเภทวิชาการซึ่งไม่เคย ดํารงตาํ แหนง่ ประเภทอาํ นวยการมาก่อน ไปแต่งต้งั ใหด้ ํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ผู้มีอํานาจ สั่งบรรจุของสว่ นราชการสังกัดรฐั สภาทีจ่ ะรับโอนจะดาํ เนนิ การไดต้ ่อเมอ่ื ได้ดําเนินการตามข้อ ๕๓ แล้ว ขอ้ ๔๑ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นไปแต่งตั้งให้ ดาํ รงตาํ แหนง่ ประเภทอาํ นวยการระดับสูง ใหอ้ ยู่ในดุลพินจิ ของผู้มอี าํ นาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ที่จะรบั โอน และผมู้ ีอํานาจสง่ั บรรจุของสว่ นราชการสังกัดรัฐสภาที่จะรับโอนจะดําเนินการได้ต่อเม่ือผู้นั้น ได้ให้ความยินยอมแลว้ ขอ้ ๔๒ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นไปแต่งตั้งให้ ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดบั ต้น ให้อยู่ในดลุ พินิจของผู้มอี ํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ที่จะรบั โอน การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งใน ระดบั ทตี่ า่ํ กว่าเดมิ ใหอ้ ย่ใู นดุลพินจิ ของผมู้ ีอาํ นาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอน และ จะดําเนินการได้ตอ่ เม่อื ผู้นั้นได้ให้ความยนิ ยอมแลว้ ข้อ ๔๓ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นไปแต่งตั้งให้ ดํารงตาํ แหนง่ ประเภทบรหิ ารระดบั สูง ให้กระทําได้เฉพาะการโอนไปดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ในกลุม่ ท่ี ๒ ตามข้อ ๙ (๒) โดยผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาที่จะรับโอนจะดําเนินการได้ ตอ่ เมื่อได้ดําเนนิ การตามขอ้ ๕๕ แลว้ ข้อ ๔๔ การโอนขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไป ประเภทวิชาการ หรือ ประเภทอํานวยการ ซ่ึงเคยดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นมาก่อน ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่ง ประเภทบริหารระดับตน้ ใหอ้ ย่ใู นดุลพินิจของผู้มอี ํานาจสัง่ บรรจุของสว่ นราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอน แตถ่ า้ เป็นกรณีที่ ก.ร. กําหนดวา่ ต้องไดร้ บั ความยินยอมจากข้าราชการผู้น้ันตามข้อ ๕ ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ ของส่วนราชการสังกดั รฐั สภาที่จะรับโอนจะดาํ เนนิ การไดต้ อ่ เม่อื ผู้นั้นไดใ้ หค้ วามยินยอมแลว้ การโอนขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ผู้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไป ประเภทวิชาการ หรือประเภท อาํ นวยการ ซึ่งไมเ่ คยดํารงตาํ แหน่งประเภทบริหารระดับต้นมาก่อน ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภท บริหารระดับต้น ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอนจะดําเนินการได้ต่อเมื่อได้ ดาํ เนนิ การตามขอ้ ๕๔ แล้ว ขอ้ ๔๕ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มที่ ๑ ตามข้อ ๙ (๑) หรือกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๙ (๒) ไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ในกลุ่มเดียวกนั ใหอ้ ยู่ในดุลพนิ ิจของผ้มู อี าํ นาจส่ังบรรจขุ องส่วนราชการสังกดั รัฐสภาทจี่ ะรับโอน การโอนขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ผูด้ าํ รงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มที่ ๒ ตามข้อ ๙ (๒) ไปแตง่ ต้ังใหด้ าํ รงตําแหนง่ ประเภทบรหิ ารระดับสูงในกลุ่มท่ี ๑ ตามข้อ ๙ (๑) ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของ ส่วนราชการสงั กัดรัฐสภาทจ่ี ะรับโอนจะดาํ เนินการได้ต่อเมอ่ื ได้ดาํ เนนิ การตามขอ้ ๕๖ แล้ว - 62 -
เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หนา้ ๑๔ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๔๖ การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการซึ่งเคยดํารงตําแหน่ง ประเภทบริหารระดบั สูงในกลุม่ ที่ ๑ ตามข้อ ๙ (๑) มากอ่ น ไปแต่งต้ังให้ดํารงตาํ แหน่งประเภทบริหาร ระดับสูงในกลมุ่ ท่ี ๑ ตามข้อ ๙ (๑) ให้อยใู่ นดุลพินิจของผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ทีจ่ ะรบั โอน การโอนข้าราชการรฐั สภาสามญั ผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไป ประเภทวิชาการ หรือประเภท อํานวยการซ่ึงเคยดํารงตาํ แหนง่ ประเภทบริหารระดบั สงู ในกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๙ (๒) มาก่อน ไปแต่งตั้งให้ ดํารงตาํ แหนง่ ประเภทบริหารระดบั สงู ในกลมุ่ ที่ ๒ ตามข้อ ๙ (๒) ให้อยู่ในดุลพินิจของผู้มีอํานาจส่ังบรรจุ ของส่วนราชการสังกดั รัฐสภาทจี่ ะรบั โอน การโอนข้าราชการรฐั สภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไป ประเภทวิชาการ หรือประเภท อํานวยการซ่งึ เคยดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดบั สงู ในกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๙ (๒) มาก่อน ไปแต่งตั้งให้ ดํารงตําแหนง่ ประเภทบรหิ ารระดบั สูงในกลุ่มที่ ๑ ตามข้อ ๙ (๑) ผู้มีอํานาจส่ังบรรจุของส่วนราชการ สังกดั รฐั สภาท่ีจะรับโอนจะดําเนินการไดต้ อ่ เม่ือไดด้ ําเนนิ การตามขอ้ ๕๖ แล้ว การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไป ประเภทวิชาการ หรือประเภท อํานวยการซ่ึงไม่เคยดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงมาก่อน ไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท บริหารระดับสูงใหก้ ระทําไดเ้ ฉพาะการโอนไปดํารงตําแหนง่ ประเภทบริหารระดับสูงในกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๙ (๒) โดยผู้มีอํานาจสั่งบรรจุของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาท่ีจะรับโอนจะดําเนินการได้ต่อเม่ือได้ดําเนินการ ตามข้อ ๕๕ แล้ว หมวด ๓ การเล่อื น ขอ้ ๔๗ การเลื่อนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไป ประเภทวิชาการ ประเภทอํานวยการ และประเภทบริหารไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งในระดับท่ีสูงขึ้นในประเภทเดียวกัน ให้ดําเนินการตามที่กําหนดในหมวด ๔ การดําเนินการเพื่อย้าย โอน หรือเลื่อน ทั้งนี้ ให้เล่ือนข้ึน แตง่ ตั้งให้ดํารงตาํ แหน่งในระดับทสี่ งู กวา่ ระดบั ท่ีผู้น้ันดํารงอย่ไู ดไ้ ม่เกนิ หน่ึงระดบั ขอ้ ๔๘ การเลื่อนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ขึ้นแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ให้กระทําได้เฉพาะการเล่ือนข้ึนแต่งต้ังให้ ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิในกลุ่มท่ี ๒ ตามข้อ ๘ (๒) และผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ จะดําเนนิ การไดต้ ่อเม่อื ได้ดําเนนิ การตามข้อ ๕๑ แล้ว ข้อ ๔๙ การเลื่อนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นขึ้นแต่งต้ังให้ ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ให้กระทําได้เฉพาะการเลื่อนขึ้นแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภท บริหารระดบั สูงในกลุม่ ที่ ๒ ตามข้อ ๙ (๒) และผู้มีอาํ นาจสง่ั บรรจุจะดาํ เนินการไดต้ อ่ เมื่อได้ดําเนินการ ตามขอ้ ๕๕ แลว้ - 63 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หนา้ ๑๕ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา หมวด ๔ การดําเนนิ การเพ่ือย้าย โอน หรือเลือ่ น ขอ้ ๕๐ การโอนข้าราชการรฐั สภาสามญั เพอ่ื แตง่ ตง้ั ให้ดํารงตําแหน่งประเภททวั่ ไประดับชาํ นาญงาน ตามข้อ ๓๐ และการเล่ือนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไประดับปฏิบัติงานเพื่อ แต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งระดับชํานาญงาน ให้ดําเนินการโดยการประเมินซึ่งต้องสะท้อนให้เห็นว่าผู้น้ัน เปน็ ผมู้ คี วามรคู้ วามสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะทเ่ี หมาะสมกับตาํ แหนง่ ระดับชํานาญงาน และผู้มีอํานาจ ส่งั บรรจจุ ะดําเนินการได้ต่อเมอ่ื ผู้นัน้ ผ่านการประเมนิ ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่ ก.ร. กําหนด การโอนขา้ ราชการรัฐสภาสามญั เพอ่ื แตง่ ต้ังใหด้ าํ รงตําแหนง่ ประเภททั่วไประดับอาวุโสตามข้อ ๓๐ และการเลื่อนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไประดับชํานาญงานเพื่อแต่งต้ังให้ ดํารงตําแหนง่ ระดบั อาวุโส ให้ดาํ เนินการโดยการประเมินซ่ึงต้องสะท้อนให้เห็นว่าผู้น้ันเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทกั ษะ สมรรถนะ ความชํานาญงาน และประสบการณท์ เ่ี หมาะสมกับตําแหน่งระดับอาวุโส โดยให้ส่วนราชการ สงั กัดรฐั สภาแตง่ ตั้งคณะกรรมการประเมิน และผูม้ อี าํ นาจสง่ั บรรจจุ ะดําเนินการได้ต่อเมื่อผู้น้ันผ่านการประเมิน ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่ือนไขที่ ก.ร. กําหนด การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพ่ือแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภททั่วไประดับทักษะพิเศษ ตามขอ้ ๓๐ และการเลือ่ นขา้ ราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทท่ัวไประดับอาวุโสเพ่ือแต่งตั้งให้ ดํารงตําแหน่งระดบั ทักษะพิเศษ ให้ดําเนินการโดยการประเมินซึ่งต้องสะท้อนให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าผู้นั้น เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ที่เหมาะสมกับ ตําแหน่งระดับทักษะพิเศษ โดยให้ประเมินบุคคลและประเมินผลงานโดยคณะกรรมการที่ส่วนราชการ สังกดั รฐั สภาแตง่ ตั้ง การประเมนิ ผลงานจะดําเนินการได้ต่อเม่ือผู้นั้นได้ผ่านการประเมินบุคคลแล้ว และ ผ้มู ีอํานาจสง่ั บรรจุจะดาํ เนินการได้ต่อเมอื่ ผนู้ ้นั ผา่ นการประเมนิ ผลงานแล้ว ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงอ่ื นไขท่ี ก.ร. กาํ หนด ข้อ ๕๑ การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท วชิ าการระดับชาํ นาญการตามข้อ ๑๓ วรรคสอง ขอ้ ๑๗ (๒) ขอ้ ๓๔ และข้อ ๓๖ วรรคสอง และ การเลอ่ื นขา้ ราชการรฐั สภาสามัญผดู้ าํ รงตําแหนง่ ประเภทวิชาการระดบั ปฏิบัติการเพือ่ แต่งตงั้ ให้ดํารงตําแหน่ง ระดบั ชํานาญการ ใหด้ าํ เนนิ การโดยการประเมินซง่ึ ตอ้ งสะท้อนใหเ้ ห็นว่าผูน้ ้ันเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความชาํ นาญงานและประสบการณ์ท่ีเหมาะสมกับตําแหน่งระดับชํานาญการ โดยให้ ประเมินบุคคลและประเมนิ ผลงานโดยคณะกรรมการท่ีส่วนราชการสังกัดรัฐสภาแต่งต้ัง การประเมินผลงาน จะดําเนินการได้ต่อเมื่อผู้นั้นผ่านการประเมินบุคคลแล้ว และผู้มีอํานาจส่ังบรรจุจะดําเนินการได้ต่อเม่ือ ผู้นน้ั ผ่านการประเมินผลงานแลว้ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่อื นไขท่ี ก.ร. กําหนด - 64 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนท่ี ๙๔ ก หน้า ๑๖ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพ่ือแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชํานาญการพิเศษตามข้อ ๑๓ วรรคสอง ข้อ ๑๗ (๒) ข้อ ๓๔ และข้อ ๓๖ วรรคสอง และ การเลื่อนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการเพ่ือแต่งตั้งให้ ดํารงตําแหนง่ ระดบั ชํานาญการพเิ ศษ ให้ดําเนินการโดยการประเมินซ่ึงต้องสะท้อนให้เห็นว่าผู้นั้นเป็นผู้มี ความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความชํานาญงาน และประสบการณ์สูงเหมาะสมกับตําแหน่ง ระดับชํานาญการพิเศษ โดยให้ประเมินบุคคลและประเมินผลงานโดยคณะกรรมการท่ีส่วนราชการ สังกัดรัฐสภาแต่งตั้ง การประเมินผลงานจะดําเนินการได้ต่อเม่ือผู้นั้นผ่านการประเมินบุคคลแล้ว และ ผ้มู ีอํานาจส่งั บรรจจุ ะดําเนินการไดต้ อ่ เม่ือผนู้ ั้นผ่านการประเมนิ ผลงานแลว้ ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ี ก.ร. กาํ หนด การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพ่ือแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดบั เชี่ยวชาญตามขอ้ ๑๓ วรรคสอง ข้อ ๑๗ (๒) ข้อ ๓๔ และข้อ ๓๖ วรรคสอง และการเลื่อน ข้าราชการรฐั สภาสามญั ผดู้ ํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับชํานาญการพิเศษเพ่ือแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่ง ระดับเชย่ี วชาญ ให้ดาํ เนนิ การโดยการประเมินซึ่งต้องสะท้อนให้เห็นว่าผู้นั้นเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความเช่ียวชาญ และประสบการณ์สูงมากเหมาะสมกับตําแหน่งระดับเช่ียวชาญ โดยให้คณะกรรมการที่ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาแต่งตั้งเป็นผู้ประเมินบุคคลและประเมินผลงาน การประเมินผลงานจะดําเนินการได้ต่อเม่ือผู้น้ันผ่านการประเมินบุคคลแล้ว และผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ จะดําเนินการได้ต่อเม่ือผู้น้ันผ่านการประเมินผลงานแล้ว ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไข ที่ ก.ร. กาํ หนด การย้ายหรอื การโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพ่ือแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับ ทรงคุณวุฒิตามข้อ ๑๓ วรรคสอง ข้อ ๑๕ วรรคสอง ข้อ ๑๗ (๒) ข้อ ๓๓ วรรคสอง ข้อ ๓๔ และข้อ ๓๖ วรรคสอง และการเล่ือนข้าราชการรัฐสภาสามญั ผูด้ ํารงตาํ แหนง่ ประเภทวิชาการระดับเชย่ี วชาญ เพื่อแต่งต้งั ใหด้ ํารงตําแหน่งระดับทรงคุณวุฒิท่ีว่าง ให้ใช้วิธีการเลือกสรรโดยคณะกรรมการท่ีผู้มีอํานาจ สั่งบรรจุแต่งต้ัง เพ่ือให้ได้รายชื่อผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณส์ ูงมากเปน็ พเิ ศษเหมาะสมกับตาํ แหนง่ ระดับทรงคุณวุฒิ และผู้มีอํานาจสง่ั บรรจุจะดาํ เนนิ การได้ ต่อเมอื่ ได้เลอื กผนู้ น้ั จากรายช่อื ดังกลา่ ว ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่ ก.ร. กําหนด การเลอ่ื นขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ผดู้ ํารงตําแหน่งประเภทวิชาการระดับเช่ียวชาญเพื่อแต่งตั้งให้ ดาํ รงตาํ แหน่งระดบั ทรงคณุ วุฒซิ ่ึง ก.ร. กาํ หนดใหเ้ ปน็ ตําแหน่งระดับควบและมีผู้ครองอยู่ ให้ดําเนินการ โดยการประเมนิ ซ่ึงต้องสะทอ้ นใหเ้ หน็ เป็นทปี่ ระจักษ์ว่าผู้น้ันเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ ความเชย่ี วชาญ และประสบการณส์ ูงมากเปน็ พเิ ศษเหมาะสมกบั ตาํ แหนง่ ระดับทรงคุณวุฒิ โดยให้ผู้มีอํานาจ สั่งบรรจุเป็นผู้ประเมินบุคคล และให้คณะกรรมการที่ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุแต่งต้ังเป็นผู้ประเมินผลงาน การประเมินผลงานจะดําเนินการได้ต่อเม่ือผู้น้ันผ่านการประเมินบุคคลแล้ว และผู้มีอํานาจสั่งบรรจุ - 65 -
เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หน้า ๑๗ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา จะดําเนินการได้ต่อเมื่อผู้น้ันผ่านการประเมินผลงานแล้ว ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่ ก.ร. กาํ หนด การเล่ือนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ถ้าตําแหน่งท่ีผู้น้ันครองอยู่ เป็นตําแหน่งระดับควบและเป็นการเล่ือนผู้นั้นข้ึนแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งนั้นเองในระดับชํานาญการ ระดบั ชาํ นาญการพิเศษหรอื ระดับเชี่ยวชาญ การประเมินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไข ที่กําหนดไว้ในวรรคหนงึ่ วรรคสอง หรอื วรรคสาม แลว้ แตก่ รณี แตใ่ หผ้ ู้มอี ํานาจสัง่ บรรจุเปน็ ผ้ปู ระเมินบุคคล ขอ้ ๕๒ การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพื่อแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภท อํานวยการระดบั ตน้ ตามข้อ ๒๐ วรรคหนึ่ง และข้อ ๔๐ วรรคหนง่ึ ให้ใชว้ ิธกี ารเลอื กสรรโดยคณะกรรมการ ท่ีสว่ นราชการสังกดั รฐั สภาแต่งต้ังเพ่ือให้ไดร้ ายช่อื ผู้อยูใ่ นเกณฑ์เข้าสตู่ ําแหนง่ ประเภทอํานวยการระดับต้น และผู้มีอํานาจส่ังบรรจุจะดําเนินการได้ต่อเมื่อได้เลือกผู้นั้นจากรายชื่อดังกล่าว ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขที่ ก.ร. กาํ หนด ข้อ ๕๓ การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพื่อแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภท อํานวยการระดบั สูงตามข้อ ๑๙ วรรคสี่ ข้อ ๒๐ วรรคสอง ข้อ ๓๘ ข้อ ๓๙ วรรคสี่ และข้อ ๔๐ วรรคสอง และการเลื่อนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับต้นเพ่ือแต่งต้ังให้ ดํารงตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง ให้ใช้วิธีการเลือกสรรโดยคณะกรรมการที่ส่วนราชการ สังกดั รฐั สภาแต่งต้ังเพื่อใหไ้ ด้รายช่อื ผอู้ ยู่ในเกณฑ์เข้าสู่ตําแหน่งประเภทอํานวยการระดับสูง และผู้มีอํานาจ สง่ั บรรจุจะดําเนนิ การได้ต่อเม่อื ไดเ้ ลอื กผนู้ ัน้ จากรายช่อื ดงั กล่าว ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไข ที่ ก.ร. กําหนด ข้อ ๕๔ การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพื่อแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภท บรหิ ารระดบั ต้นตามข้อ ๒๓ วรรคสอง และข้อ ๔๔ วรรคสอง ให้ใช้วิธีการเลือกสรรโดยคณะกรรมการ ที่ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาแต่งตั้งเพื่อให้ได้รายช่ือผู้อยู่ในเกณฑ์เข้าสู่ตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้น และผู้มีอํานาจส่ังบรรจุจะดําเนินการได้ต่อเม่ือได้เลือกผู้นั้นจากรายชื่อดังกล่าว ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขที่ ก.ร. กําหนด ข้อ ๕๕ การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพ่ือแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภท บรหิ ารระดับสูงในกลุม่ ที่ ๒ ตามข้อ ๙ (๒) ตามข้อ ๒๖ ข้อ ๔๓ และข้อ ๔๖ วรรคสี่ และการเลื่อน ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับต้นเพ่ือแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท บริหารระดับสูงตามข้อ ๔๙ ให้ใช้วิธีการเลือกสรรโดยคณะกรรมการที่ผู้มีอํานาจสั่งบรรจุแต่งต้ัง และ ผูม้ อี ํานาจสัง่ บรรจุจะดําเนนิ การได้ตอ่ เมอื่ ไดเ้ ลือกผู้น้นั จากผลการเลอื กสรรดังกล่าว ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงอ่ื นไขที่ ก.ร. กาํ หนด ขอ้ ๕๖ การย้ายหรือการโอนข้าราชการรัฐสภาสามัญเพื่อแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งประเภท บริหารระดับสูงในกลุ่มที่ ๑ ตามข้อ ๙ (๑) ตามข้อ ๒๔ วรรคสอง ข้อ ๒๕ วรรคสาม ข้อ ๔๕ วรรคสอง และข้อ ๔๖ วรรคสาม ให้ใช้วิธีการเลือกสรรโดยคณะกรรมการท่ีผู้มีอํานาจสั่งบรรจุแต่งต้ัง - 66 -
เลม่ ๑๓๐ ตอนท่ี ๙๔ ก หน้า ๑๘ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกิจจานุเบกษา และผู้มีอํานาจสั่งบรรจุจะดําเนินการได้ต่อเมื่อได้เลือกผู้น้ันจากผลการเลือกสรรดังกล่าว ท้ังนี้ ตามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงอื่ นไขที่ ก.ร. กาํ หนด บทเฉพาะกาล ขอ้ ๕๗ ข้าราชการรัฐสภาสามัญซ่ึงดํารงตําแหน่งหรือเคยดํารงตําแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ภายในระดบั สํานักอยกู่ ่อนวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ ให้ถือว่าเป็นผู้เคยดํารงตําแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชยี่ วชาญตามกฎ ก.ร. น้ี ในกรณีท่ีข้าราชการรัฐสภาสามัญตามวรรคหน่ึง ได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภท บรหิ ารระดบั สูงให้ถอื ว่าเป็นผเู้ คยดาํ รงตําแหน่งประเภทวชิ าการระดบั ทรงคุณวฒุ ิตามกฎ ก.ร. นี้ ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ซึ่งดํารงตําแหน่งระดับ ๑๐ หรือระดับ ๑๑ อยู่ก่อนวันท่ี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๔ ให้ถือว่าเป็นผู้เคยดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูงหรือประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ตามกฎ ก.ร. น้ี ขอ้ ๕๘ การยา้ ย การโอน หรอื การเล่ือนข้าราชการรัฐสภาสามัญตามมาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง ท่อี ยู่ระหวา่ งดาํ เนนิ การตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารทใี่ ชอ้ ยกู่ อ่ นวันที่กฎ ก.ร. นี้ใช้บังคับ ให้ดําเนินการต่อไป ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารนน้ั จนกวา่ จะแล้วเสร็จ ขอ้ ๕๙ ในระหว่างที่ยังมิได้กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎ ก.ร. น้ี ให้นํา หลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงอ่ื นไขทใ่ี ช้อยู่ในวันทก่ี ฎ ก.ร. น้ีใช้บังคับ มาใช้บังคับไปพลางก่อนเท่าท่ีไม่ขัด หรือแยง้ กบั กฎ ก.ร. นี้ ในกรณที ไ่ี มอ่ าจนาํ หลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงอื่ นไขท่ีใช้อยู่ในวันที่กฎ ก.ร. นี้ใช้บังคับมาใช้กับ กรณใี ดได้ การจะดาํ เนนิ การประการใดใหเ้ ปน็ ไปตามท่ี ก.ร. กําหนด ให้ไว้ ณ วันท่ี ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ สมศักด์ิ เกียรตสิ ุรนนท์ ประธานรัฐสภา ประธาน ก.ร. - 67 -
เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๙๔ ก หนา้ ๑๙ ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ราชกจิ จานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใชก้ ฎ ก.ร. ฉบับน้ี คือ โดยที่มาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ บัญญตั ิวา่ การย้าย การโอน หรอื การเลอ่ื นข้าราชการรัฐสภาสามัญไปแต่งต้ังให้ ดาํ รงตําแหนง่ ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ในหรอื ตา่ งส่วนราชการสงั กดั รฐั สภา แลว้ แตก่ รณี ใหเ้ ปน็ ไปตามท่กี ําหนด ในกฎ ก.ร. สมควรกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการย้าย การโอน หรือการเล่ือนข้าราชการ รัฐสภาสามัญไปแต่งต้ังให้ดํารงตําแหน่งข้าราชการรัฐสภาสามัญในหรือต่างส่วนราชการสังกัดรัฐสภา จึงจําเป็น ต้องออกกฎ ก.ร. น้ี - 68 -
กฎ ก.ร. วา่ ดว้ ยการเลอ่ื นเงินเดือน พ.ศ. ๒๕๕๕ ----------------------------- อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๒๒ (๓) และมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ อันเป็นกฎหมายท่ีมีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๑ มาตรา ๓๓ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๖๔ ของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บญั ญตั ใิ ห้กระทาได้โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ก.ร. จึงออกกฎ ก.ร. ไว้ ดังต่อไปนี้ ขอ้ ๑ กฎ ก.ร. นใ้ี หใ้ ช้บงั คบั ตงั้ แต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เปน็ ต้นไป ข้อ ๒ ในกฎ ก.ร. นี้ “ปี” หมายความวา่ ปงี บประมาณ “คร่ึงปีแรก” หมายความว่า ระยะเวลาตง้ั แต่วันที่ ๑ ตุลาคม ถงึ วนั ที่ ๓๑ มนี าคม “ครง่ึ ปีหลงั ” หมายความวา่ ระยะเวลาตงั้ แต่วันท่ี ๑ เมษายน ถึงวันท่ี ๓๐ กนั ยายน “ครึ่งปที ี่แล้วมา” หมายความวา่ ระยะเวลาคร่ึงปีแรกหรอื ครึ่งปหี ลัง ที่ผ่านมาแลว้ แตก่ รณี “ค่ากลาง” หมายความว่า ผลรวมของเงินเดือนต่าสุดกับเงินเดือนสูงสุดที่ข้าราชการรัฐสภา สามญั แตล่ ะประเภท แต่ละสายงาน และแต่ละระดับได้รับตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ร กาหนด หารด้วยสอง เพ่ือให้ได้ ตัวเลขท่ีจะนาไปใชค้ ิดฐานในการคานวณ “ฐานในการคานวณ” หมายความว่า ตัวเลขที่จะนาไปใช้ในการคิดคานวณเพื่อเล่ือนเงินเดือน ของขา้ ราชการรฐั สภาสามญั แตล่ ะประเภท แต่ละสายงาน และแตล่ ะระดบั โดยแบง่ ออกเปน็ (๑) ฐานในการคานวณระดับล่าง ได้แก่ ผลรวมของเงินเดือนต่าสุดตามท่ี ก.ร. กาหนดกับ คา่ กลาง หารดว้ ยสอง (๒) ฐานในการคานวณระดับบน ได้แก่ ผลรวมของเงินเดือนสูงสุดตามท่ี ก.ร. กาหนดกับ ค่ากลาง หารด้วยสอง ในกรณที ี่คานวณตามวิธดี ังกล่าวแลว้ มผี ลทาให้ฐานในการคานวณระดับล่างของระดับตาแหน่ง ท่ีสูงกว่า มีค่าต่ากว่าหรือเท่ากับฐานในการคานวณระดับบนของระดับตาแหน่งที่ต่ากว่าซ่ึงอยู่ถัดลงไป - 69 -
-๒- ก.ร. อาจปรับฐานในการคานวณระดบั ลา่ งของระดับตาแหน่งที่สูงกว่าน้ันเสียใหม่ให้สูงข้ึนได้ โดยต้องนาภาพรวม ของฐานในการคานวณเพ่อื เล่ือนเงนิ เดอื นทัง้ ระบบมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา “ช่วงเงินเดือน” หมายความว่า ช่วงของเงินเดือนระหว่างเงินเดือนขั้นต่าถึงค่ากลาง หรือ ระหว่างคา่ กลางถึงเงนิ เดอื นขั้นสงู แล้วแต่กรณี และช่วงเงินเดือนที่ ก.ร. ปรับให้สอดคล้องกับฐานในการคานวณ ด้วย ขอ้ ๓ ให้ผู้มีอานาจส่ังบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา ๔๒ เป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจสั่งเลื่อน เงนิ เดือน ข้อ ๔ การเลอ่ื นเงนิ เดอื นข้าราชการรฐั สภาสามัญ ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกาหนด ไวใ้ นกฎ ก.ร. น้ี และให้นาผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการท่ีได้ดาเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก.ร. กาหนดตามมาตรา ๕๙ มาประกอบการพิจารณา โดยให้เลื่อนได้ไม่เกนิ วงเงนิ ที่สว่ นราชการสังกดั รฐั สภาได้รับการ จัดสรรให้ใช้ในการเลื่อนเงินเดือน ตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ร. กาหนด โดยให้สอดคล้องกับวงเงินท่ีคณะรัฐมนตรี กาหนดใหส้ ว่ นราชการตามกฎ ก.พ. วา่ ด้วยการเลอ่ื นเงนิ เดือน การเล่ือนเงินเดือนให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญแต่ละคนในแต่ละคร้ัง ให้เลื่อนได้ไม่เกินเงินเดือน ข้ันสงู ตามบัญชีเงนิ เดอื นขั้นต่าขัน้ สงู ของข้าราชการรัฐสภาสามญั ของตาแหน่งท่ไี ด้รบั แตง่ ต้ัง การเลอื่ นเงนิ เดอื นให้ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั โดยมไิ ด้ดาเนนิ การตามวรรคหนึ่ง แต่ใช้วิธีการหาร เฉลี่ยเพ่ือใหข้ า้ ราชการรัฐสภาสามัญทุกคนได้รบั การเล่ือนเงนิ เดือนในอตั ราร้อยละทเ่ี ทา่ กนั จะกระทามไิ ด้ การเล่ือนเงินเดือนข้าราชการรัฐสภาสามัญแต่ละคนในแต่ละคร้ัง ให้เล่ือนได้ในอัตราไม่เกิน ร้อยละหกของฐานในการคานวณ และให้ผบู้ ังคับบัญชาผู้มีอานาจส่ังเล่ือนเงินเดือนประกาศอัตราร้อยละของฐาน ในการคานวณท่ไี ด้ใชเ้ ปน็ เกณฑ์ในการคานวณเพ่ือเลือ่ นเงนิ เดือน โดยต้องประกาศให้ทราบเป็นการท่ัวไปอย่างช้า ท่สี ดุ พร้อมกบั การมคี าส่ังเลือ่ นเงนิ เดือน การคานวณจานวนเงนิ สาหรับการเล่ือนเงินเดอื นถา้ มีเศษไม่ถงึ สิบบาทใหป้ ัดเปน็ สบิ บาท ขอ้ ๕ การเล่ือนเงนิ เดือนขา้ ราชการรัฐสภาสามญั โดยปกตใิ ห้เลื่อนปลี ะสองครั้ง ดงั นี้ (๑) คร้ังท่ีหน่ึง เป็นการเลื่อนเงินเดือนสาหรับการปฏิบัติราชการในครึ่งปีแรก โดยให้เลื่อนใน วันที่ ๑ เมษายนของปีท่ีไดเ้ ลอื่ น (๒) คร้ังท่ีสอง เป็นการเลื่อนเงินเดือนสาหรับการปฏิบัติราชการในครึ่งปีหลัง โดยให้เล่ือนใน วนั ท่ี ๑ ตลุ าคมของปถี ดั ไป ข้อ ๖ ให้ ก.ร. กาหนดค่ากลาง ฐานในการคานวณ และชว่ งเงนิ เดือนตามกฎ ก.ร. นี้ ขอ้ ๗ ผลการเลื่อนเงินเดือนขา้ ราชการรัฐสภาสามัญแต่ละคนในแต่ละคร้ัง ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มี อานาจสั่งเล่อื นเงินเดอื นจัดใหม้ ีการแจ้งให้ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ทราบเปน็ ข้อมูลเฉพาะแตล่ ะบคุ คล - 70 -
-๓- การแจ้งผลการเล่ือนเงินเดือนตามวรรคหนึ่งให้ประกอบด้วย อัตราร้อยละท่ีได้รับการเล่ือน ฐานในการคานวณ จานวนเงินที่ได้รับการเล่ือน และเงินเดือนที่พึงได้รับเม่ือได้รับการเล่ือนตามผลการเล่ือน เงนิ เดือนนัน้ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดไม่ได้รับการเล่ือนเงินเดือนให้แจ้งเหตุผลที่ไม่ได้เล่ือนเงินเดือน ใหผ้ ูน้ ัน้ ทราบดว้ ย ข้อ ๘ ข้าราชการรัฐสภาสามัญซึ่งจะได้รับการพิจารณาเล่ือนเงินเดือนในแต่ละครั้งต้องอยู่ใน หลักเกณฑด์ ังตอ่ ไปน้ี (๑) ในคร่ึงปีที่แล้วมามีผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการไม่ต่ากว่าระดับพอใช้หรือร้อยละ หกสบิ (๒) ในครงึ่ ปีท่ีแล้วมาต้องไมถ่ ูกส่งั ลงโทษทางวนิ ยั ทห่ี นกั กว่าโทษภาคทณั ฑ์ (๓) ในครึ่งปีท่ีแล้วมาต้องไม่ถูกศาลพิพากษาในคดีอาญาให้ลงโทษในความผิดที่เกี่ยวกับ การปฏิบัติหน้าท่ีราชการ หรือความผิดที่ทาให้เสื่อมเสียเกียรติศักด์ิของตาแหน่งหน้าที่ราชการของตน ซึ่งมิใช่ความผิดทไี่ ด้กระทาโดยประมาทหรือความผดิ ลหโุ ทษ (๔) ในครง่ึ ปที แี่ ล้วมาตอ้ งไม่ถูกสั่งพักราชการเกินกว่าสองเดือน (๕) ในครงึ่ ปที ่ีแลว้ มาตอ้ งไม่ขาดราชการโดยไม่มเี หตผุ ลอันสมควร (๖) ในคร่ึงปีท่ีแล้วมาต้องได้รับการบรรจุเข้ารับราชการมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าส่ีเดือน หรือไดป้ ฏบิ ัติราชการมาแลว้ เปน็ เวลาไมน่ ้อยกวา่ ส่เี ดือนก่อนถึงแกค่ วามตาย (๗) ในครึ่งปีท่ีแล้วมา สาหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ในประเทศหรอื ต่างประเทศ ต้องมเี วลาปฏิบัตริ าชการไม่น้อยกว่าส่เี ดอื น (๘) ในคร่ึงปีท่ีแล้วมา สาหรับผู้ได้รับอนุญาตให้ลาติดตามคู่สมรสไปปฏิบัติราชการ หรอื ปฏิบตั ิงานในต่างประเทศ ต้องมเี วลาปฏิบตั ริ าชการไมน่ ้อยกว่าสี่เดอื น (๙) ในครึ่งปีที่แล้วมาต้องไมม่ าทางานสายเกินจานวนย่สี บิ หกครง้ั (๑๐) ในครึ่งปีท่ีแล้วมาต้องมีเวลาปฏิบัติราชการ โดยมีวันลาไม่เกินยี่สิบสามวัน แต่ไม่รวมถึง วนั ลาตาม (๗) หรือ (๘) และวนั ลาดงั ต่อไปน้ี (ก) ลาอุปสมบท หรือลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เฉพาะวนั ลาท่ีมีสิทธไิ ดร้ บั เงนิ เดอื นระหวา่ งลาตามกฎหมายว่าดว้ ยการจา่ ยเงนิ เดอื น (ข) ลาคลอดบตุ รไม่เกินเก้าสบิ วัน (ค) ลาป่วยซ่ึงจาเป็นต้องรักษาตัวเป็นเวลานานไม่ว่าคราวเดียวหรือหลายคราวรวมกัน ไมเ่ กนิ หกสิบวนั ทาการ - 71 -
-๔- (ง) ลาปว่ ยเพราะประสบอันตรายในขณะปฏิบตั ริ าชการตามหน้าทห่ี รอื ในขณะเดินทางไป หรือกลบั จากการปฏิบัติราชการตามหนา้ ที่ (จ) ลาพักผอ่ น (ฉ) ลาเข้ารบั การตรวจเลอื กหรอื เข้ารับการเตรียมพล (ช) ลาไปปฏบิ ตั งิ านในองค์การระหว่างประเทศ (ซ) ลาไปช่วยเหลือภริยาท่ีคลอดบุตร เฉพาะวันลาที่มีสิทธิได้รับเงินเดือนระหว่างลาตาม กฎหมายว่าด้วยการจ่ายเงินเดือน1 (ฌ) ลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ2 การนับจานวนวนั ลาสาหรบั การลาป่วยและการลากิจส่วนตวั ใหน้ บั เฉพาะวนั ทาการ ข้อ ๙ ในการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน ให้นาข้อมูลการลา พฤติกรรมการมาทางาน การรักษาวินัย การปฏิบัติตนเหมาะสมกับการเป็นข้าราชการ และขอ้ ควรพิจารณาอื่นมาประกอบการพิจารณาด้วย ข้อ ๑๐ ข้าราชการรัฐสภาสามัญซึ่งโอน เล่ือนตาแหน่ง ย้าย สับเปล่ียนหน้าที่ ไปช่วยราชการ ในต่างสว่ นราชการ ได้รับมอบหมายหรือได้รับอนุญาตให้ไปปฏิบัติงานนอกเหนือหน้าที่หรืองานพิเศษอ่ืนใด หรือ ไปช่วยงานในหนว่ ยงานอืน่ ของรฐั ใหน้ าผลการประเมินผลการปฏบิ ตั ิราชการและปฏบิ ตั งิ านในครึ่งปีท่ีแล้วมาของ ข้าราชการรัฐสภาสามญั ผนู้ ้ันทกุ ตาแหนง่ และทุกแห่งมาประกอบการพจิ ารณาเลื่อนเงนิ เดือนด้วย ข้อ ๑๑3 ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดได้รับอนุญาตให้ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่าง ประเทศหรือถูกสั่งให้ไปทาการใดซึ่งให้นับเวลาระหว่างนั้นเหมือนเต็มเวลาราชการ หรือได้รับอนุญาตให้ลาไป ฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพเนื่องจากได้รับอันตรายหรือการป่วยเจ็บเพราะเหตุปฏิบัติราชการในหน้าที่หรือถูก ประทุษร้ายเพราะเหตุกระทาการตามหน้าที่จนทาให้ตกเป็นผู้ทุพพลภาพหรือพิการ เมื่อข้าราชการรัฐสภา สามัญผู้น้ันกลับมาปฏิบัติราชการ ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาสั่งให้มีการคานวณเพื่อ หาอัตราเงินเดือนที่ข้าราชการผู้นั้นจะได้รับเมื่อกลับมาปฏิบัติราชการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ ก.ร. กาหนด ข้อ ๑๒ ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจส่ังเล่ือนเงินเดือนจะนาเอาเหตุท่ีข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใด ถูกแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนในกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือถูกฟ้องคดีอาญามาเป็น เหตใุ นการไมพ่ จิ ารณาเลื่อนเงินเดือนใหข้ ้าราชการรัฐสภาสามัญผู้นน้ั ไมไ่ ด้ 1 เพิ่มเติมโดยกฎ ก.ร. ว่าดว้ ยการเลื่อนเงินเดือน (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ 2 เพิ่มเติมโดยกฎ ก.ร. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ 3 แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎ ก.ร. ว่าด้วยการเล่ือนเงินเดือน (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ - 72 -
-๕- ขอ้ ๑๓ ในกรณีที่ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดถูกสั่งลงโทษทางวินัยท่ีหนักกว่าโทษภาคทัณฑ์ และถูกศาลพิพากษาในคดีอาญาให้ลงโทษในความผิดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าท่ีราชการหรือความผิดท่ีทาให้ เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตาแหน่งหน้าท่ีราชการของตน ซ่ึงมิใช่ความผิดที่ได้กระทาโดยประมาทหรือความผิด ลหโุ ทษ และเปน็ การถกู ลงโทษจากการกระทาความผิดเดียวกัน ถ้าถูกส่ังไม่เล่ือนเงินเดือนมาแล้วเพราะเหตุที่ถูก ลงโทษทางวินัยหรือถูกศาลพิพากษาในคดีอาญาให้ลงโทษ จะสั่งไม่เล่ือนเงินเดือนซ้าอีกคร้ังหน่ึงเพราะเหตุ จากการกระทาความผดิ เดียวกันน้ันไมไ่ ด้ ขอ้ ๑๔ ในกรณีท่ีผลการพิจารณาโทษทางวินัยหรือโทษทางอาญาท่ีถึงท่ีสุดแล้วมีผลทาให้ การเล่ือนเงินเดือนของข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ในกฎ ก.ร. น้ี ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจสั่งเล่ือนเงินเดือนพิจารณาสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้นั้นเสียใหม่ ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑท์ ่กี าหนดไวใ้ นกฎ ก.ร. น้ี ข้อ ๑๕ ในครึ่งปีที่แล้วมาถ้าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดอยู่ในเกณฑ์ท่ีจะได้เลื่อนเงินเดือน แต่ผู้น้ันจะต้องพ้นจากราชการไปเพราะเหตุเกษียณอายุตามกฎหมายว่าด้วยบาเหน็จบานาญข้าราช การ ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจส่ังเล่ือนเงินเดือนสั่งเล่ือนเงินเดือนให้ผู้น้ันเพื่อประโยชน์ในการคานวณบาเหน็จ บานาญในวนั ท่ี ๓๐ กนั ยายนของปีทจี่ ะพ้นจากราชการ ข้อ ๑๖ ในครึ่งปีที่แล้วมาถ้าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้เล่ือนเงินเดือน แต่ผู้น้ันถึงแก่ความตายก่อนหรือในวันท่ี ๑ เมษายน หรือ ๑ ตุลาคม ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจ สั่งเลื่อนเงินเดือนส่ังเล่ือนเงินเดือนให้ผู้นั้นเพ่ือประโยชน์ในการคานวณบาเหน็จบานาญโดยให้มีผลในวันที่ ผนู้ ้ันถงึ แก่ความตาย ขอ้ ๑๗ ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ผู้ใดได้รับเงินเดือนถึงระดับเงินเดือนขั้นสูงของตาแหน่งท่ีดารง อยู่แล้ว หากผู้นั้นได้รับแต่งตั้งให้ดารงตาแหน่งอ่ืนและเงินเดือนที่ได้รับอยู่นั้นต่ากว่าเงินเดือนขั้นสูงของตาแหน่ง ท่ีได้รับแต่งต้ังใหม่นั้น ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจสั่งเล่ือนเงินเดือนสั่งเล่ือนเงินเดือนให้ผู้น้ันเป็นกรณีพิเศษได้ โดยให้นาผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการคร้ังหลังสุดมาใช้ในการพิจารณาเล่ือนเงินเดือนดังกล่าว โดยให้ เลื่อนเงินเดอื นตง้ั แตว่ ันทไี่ ดร้ บั แตง่ ต้งั ใหด้ ารงตาแหนง่ น้นั ข้อ ๑๘ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนตามกฎ ก.ร. นี้ แต่ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจส่ังเลื่อนเงินเดือนพิจารณาแล้วเห็นว่า มีเหตุผลพิเศษท่ีสมควรเลื่อนเงินเดือน ให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้น้ัน ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนนาเสนอ ก.ร. พร้อมด้วยเหตุผล เพ่ือพิจารณาเปน็ การเฉพาะราย ถ้า ก.ร. เห็นชอบด้วยจงึ จะส่งั เล่อื นเงินเดือนได้ ข้อ ๑๙ ในวันที่กฎ ก.ร. นี้ใช้บังคับ ถ้าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดอยู่ในเกณฑ์ท่ีจะได้เล่ือน เงินเดือน แต่ตอ้ งรอการเล่อื นเงินเดือนไว้เพราะเหตุที่ได้มีคาส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในกรณีถูกกล่าวหา - 73 -
-๖- ว่ากระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือถูกฟ้องคดีอาญา ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ท่ีใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่กฎ ก.ร. น้ี ใช้บังคบั ใหผ้ ู้บังคบั บัญชาผูม้ อี านาจสัง่ เล่อื นเงินเดอื นมคี าส่งั เลื่อนเงนิ เดือนข้าราชการผ้นู ัน้ ทีร่ อไวท้ ้งั หมด ข้อ ๒๐ ในกรณที เ่ี งินเดือนขัน้ ตา่ ชั่วคราวของข้าราชการรัฐสภาสามัญประเภทใด ระดับใด ยังมี ผลใช้บงั คบั อยู่ คาว่า “เงินเดือนขน้ั ต่า” ตามกฎ ก.ร. น้ี ให้หมายความถึงเงนิ เดอื นขน้ั ต่าชวั่ คราว ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ นายสมศักดิ์ เกียรตสิ รุ นนท์ ประธานรฐั สภา ประธาน ก.ร. - 74 -
-๗- กฎ ก.ร. วา่ ด้วยการเลื่อนเงนิ เดือน พ.ศ. ๒๕๕๕ หมายเหตุ : โดยทม่ี าตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ กาหนดให้ข้าราชการ รัฐสภาสามัญผ้ปู ระพฤตติ นอยู่ในประมวลจริยธรรมและระเบียบวินัยและปฏิบัติราชการอย่างมีประสิทธิภาพและ เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของทางราชการได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนตามควรแก่กรณีตามที่กาหนดในกฎ ก.ร. สมควรกาหนดให้การเล่ือนเงินเดือนของข้าราชการรัฐสภาสามัญเป็นไปตามหลักการจ่ายค่าตอบแทนตาม ผลการปฏบิ ตั ริ าชการ และการประพฤติตน จึงจาเปน็ ตอ้ งออกกฎ ก.ร. น้ี กฎ ก.ร. ว่าดว้ ยการเลอ่ื นเงินเดือน (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ หมายเหตุ : โดยที่กฎ ก.ร. ว่าด้วยการเลื่อนเงินเดือน พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๘ (๑๐) ได้กาหนดเวลาปฏิบัติราชการ ซึ่งจะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนโดยมีวันลาไม่เกินยี่สิบสามวันในแต่ละรอบการประเมินผลการปฏิบัติ ราชการ และกาหนดมิให้นับการลาประเภทต่าง ๆ รวมเป็นวันลาที่ไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนไว้ แต่ยัง ไม่ครอบคลุมถึงการลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตรและการลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพซึ่งกาหนดขึ้น ใหม่ตามระเบียบ ก.ร. ว่าด้วยการลาของข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๕ สมควรกาหนดให้การลาท้ัง ๒ ประเภท ดังกล่าว มิให้นับเป็นวันลาที่จะไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือน และข้อ ๑๑ เพิ่มกรณีข้าราชการรัฐสภา สามัญลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพเฉพาะเหตุจากการปฏิบัติราชการในหน้าที่หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุ กระทาการตามหน้าที่ หากการลานั้นครอบคลุมทั้งรอบการประเมินและส่งผลให้ไม่สามารถประเมินผล การปฏิบัติราชการได้ สมควรกาหนดให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอานาจสั่งเลื่อนเงินเดือนพิจารณาสั่งให้มีการคานวณ เพื่อหาอัตราเงินเดือนที่ผู้นั้นจะได้รับเมื่อกลับมาปฏิบัติราชการ จึงจาเป็นต้องออกกฎ ก.ร. ฉบับนี้ - 75 -
เลม่ ๑๒๙ ตอนที่ ๒๐ ก หน้า ๑ ๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๕ ราชกิจจานเุ บกษา กฎ ก.ร. ว่าด้วยวนิ ยั ข้าราชการรัฐสภาสามญั พ.ศ. ๒๕๕๕ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ (๓) และมาตรา ๖๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิ และเสรภี าพของบุคคล ซง่ึ มาตรา ๒๙ ประกอบกบั มาตรา ๓๑ มาตรา ๓๓ มาตรา ๔๓ และมาตรา ๖๔ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ก.ร. จงึ ออกกฎ ก.ร. ไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๑ กฎ ก.ร. นี้ใหใ้ ช้บังคับตั้งแตว่ ันถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป ขอ้ ๒ ข้าราชการรฐั สภาสามญั ตอ้ งกระทําการอันเปน็ ข้อปฏบิ ัติ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ต้องสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยความบริสุทธิใ์ จ (๒) ต้องปฏบิ ตั หิ น้าที่ราชการด้วยความซ่ือสัตย์ สจุ รติ และเท่ียงธรรม (๓) ตอ้ งปฏิบตั หิ น้าทรี่ าชการให้เปน็ ไปตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บของทางราชการ และปฏิบัติ ตามแบบธรรมเนียมของทางราชการ (๔) ต้องถือว่าเป็นหน้าท่ีพิเศษท่ีจะสนใจและรับทราบเหตุการณ์เคล่ือนไหวอันอาจเป็น ภยนั ตรายตอ่ ประเทศชาติ และตอ้ งปอ้ งกันภยนั ตราย ซงึ่ จะบงั เกิดแกป่ ระเทศชาตจิ นเตม็ ความสามารถ (๕) ตอ้ งปฏิบัติหนา้ ท่รี าชการให้เกดิ ผลดหี รือความก้าวหน้าแกร่ าชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เอาใจใส่ และรกั ษาประโยชนข์ องทางราชการ (๖) ต้องปฏิบัติตามคําส่ังของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าท่ีราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย และระเบยี บของทางราชการ โดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยง แต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคําสั่งน้ันจะทําให้ เสียหายแก่ราชการ หรอื จะเป็นการไม่รักษาประโยชนข์ องทางราชการ จะตอ้ งเสนอความเห็นเป็นหนังสือ ทันทีเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคําสั่งนั้น และเม่ือได้เสนอความเห็นแล้ว ถ้าผู้บังคับบัญชายืนยัน ใหป้ ฏบิ ตั ิตามคาํ ส่งั เดมิ ผ้อู ย่ใู ต้บังคับบญั ชาต้องปฏิบตั ิตาม (๗) ตอ้ งอทุ ิศเวลาของตนให้แก่ราชการ จะละทิ้งหรือทอดทงิ้ หนา้ ทีร่ าชการมิได้ - 76 -
เลม่ ๑๒๙ ตอนที่ ๒๐ ก หน้า ๒ ๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๕ ราชกิจจานุเบกษา (๘) ต้องรักษาความลับของทางราชการ (๙) ตอ้ งสภุ าพเรยี บร้อย รกั ษาความสามัคคแี ละตอ้ งชว่ ยเหลอื กันในการปฏิบัติราชการระหว่าง ข้าราชการดว้ ยกันและผรู้ ่วมปฏิบัตริ าชการ (๑๐) ต้องต้อนรับ และให้ความสะดวกแก่สมาชิกรัฐสภาและประชาชนผู้ติดต่อราชการ อันเกยี่ วกบั หน้าท่ขี องตนโดยไม่ชักชา้ และดว้ ยความสภุ าพเรียบร้อย (๑๑) ตอ้ งวางตนเป็นกลางทางการเมอื งในการปฏิบัติหน้าท่รี าชการ (๑๒) ต้องรักษาชื่อเสียงของตน และรักษาเกียรติศักด์ิของตําแหน่งหน้าท่ีราชการของตน มิให้เส่อื มเสีย โดยไมก่ ระทําการใด ๆ อนั ได้ชือ่ ว่าเปน็ ผู้ประพฤติช่วั ขอ้ ๓ ข้าราชการรัฐสภาสามัญต้องไม่กระทําการใดอนั เปน็ ขอ้ หา้ ม ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ต้องไม่รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา การรายงานโดยปกปิดข้อความที่ควรต้องแจ้ง ถอื ว่าเปน็ การรายงานเทจ็ ดว้ ย (๒) ต้องไม่ปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทําการข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน เว้นแต่ ผู้บังคบั บญั ชาเหนอื ตนขึน้ ไปเปน็ ผู้สั่งให้กระทาํ หรอื ได้รบั อนุญาตเป็นพิเศษชว่ั คร้ังคราว (๓) ตอ้ งไม่อาศยั หรือยอมใหผ้ ู้อืน่ อาศัยตาํ แหน่งหน้าท่ีราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเอง หรอื ผอู้ ื่น (๔) ตอ้ งไม่ประมาทเลินเลอ่ ในหน้าท่ีราชการ (๕) ตอ้ งไมก่ ระทําการหรือยอมใหผ้ ้อู ืน่ กระทาํ การหาผลประโยชนอ์ นั อาจทําให้เสียความเท่ียงธรรม หรือเส่อื มเสยี เกยี รตศิ กั ด์ขิ องตําแหนง่ หน้าทีร่ าชการของตน (๖) ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง กรรมการพรรคการเมือง หรือดํารงตําแหน่งอ่ืนใด ในพรรคการเมอื ง (๗) ต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการ หรือดํารงตําแหน่งอ่ืนใดที่มีลักษณะงาน คล้ายคลึงกนั นั้นในห้างหุน้ ส่วนหรอื บรษิ ทั (๘) ต้องไมก่ ระทําการอยา่ งใดท่เี ป็นการกลนั่ แกล้ง กดขี่ หรอื ขม่ เหงกันในการปฏบิ ตั ิราชการ (๙) ต้องไม่กระทาํ การอันเป็นการล่วงละเมดิ หรอื คุกคามทางเพศตามทีก่ าํ หนดไว้ในข้อ ๔ (๑๐) ตอ้ งไม่ดหู มิน่ เหยียดหยาม สมาชิกรัฐสภาและประชาชนผูต้ ดิ ต่อราชการ ขอ้ ๔ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผ้ใู ดกระทําการประการใดประการหน่ึงดังต่อไปนี้ต่อข้าราชการ ดว้ ยกนั หรอื ผรู้ ว่ มปฏบิ ัติราชการ ไม่ว่าจะเกิดขึน้ ในหรือนอกสถานท่ีราชการโดยผู้ถูกกระทํามิได้ยินยอม ต่อการกระทํานั้น หรือทําให้ผู้ถูกกระทําเดือดร้อนรําคาญ ถือว่าเป็นการกระทําอันเป็นการล่วงละเมิด หรือคุกคามทางเพศ ตามขอ้ ๓ (๙) (๑) กระทาํ การด้วยการสัมผัสทางกายท่ีมีลักษณะสอ่ ไปในทางเพศ เช่น การจูบ การโอบกอด การจบั อวัยวะสว่ นใดสว่ นหน่งึ เปน็ ต้น (๒) กระทําการด้วยวาจาท่ีส่อไปในทางเพศ เช่น วิพากษ์วิจารณ์ร่างกาย พูดหยอกล้อ พูดหยาบคาย เป็นต้น - 77 -
เลม่ ๑๒๙ ตอนท่ี ๒๐ ก หนา้ ๓ ๒๒ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๕๕ ราชกจิ จานุเบกษา (๓) กระทําการด้วยอากัปกิริยาที่ส่อไปในทางเพศ เช่น การใช้สายตาลวนลาม การทําสัญญาณ หรือสัญลกั ษณใ์ ด ๆ เปน็ ตน้ (๔) การแสดงหรือสื่อสารด้วยวิธีการใด ๆ ที่ส่อไปในทางเพศ เช่น แสดงรูปลามกอนาจาร ส่งจดหมาย ขอ้ ความ หรอื การสื่อสารรูปแบบอนื่ เป็นตน้ (๕) การแสดงพฤตกิ รรมอื่นใดท่ีส่อไปในทางเพศ ซึ่งผูถ้ กู กระทําไม่พึงประสงค์หรอื เดอื ดรอ้ นรําคาญ ขอ้ ๕ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อ ๒ หรือฝ่าฝืนข้อห้ามตามข้อ ๓ ผู้น้ัน เป็นผ้กู ระทาํ ผดิ วนิ ยั ขอ้ ๖ การกระทาํ ผดิ วนิ ัยในลักษณะดงั ตอ่ ไปน้ี เป็นความผิดวินยั อยา่ งรา้ ยแรง (๑) การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงแกผ่ หู้ น่ึงผู้ใด หรือการปฏิบัติหรอื ละเว้นการปฏบิ ตั หิ น้าท่ีราชการโดยทจุ ริต (๒) ละท้ิงหรือทอดทิ้งหน้าท่ีราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ อยา่ งรา้ ยแรง (๓) ละท้ิงหน้าท่ีราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวัน โดยไม่มีเหตุอันสมควร หรอื โดยมีพฤตกิ ารณ์อนั แสดงถงึ ความจงใจไม่ปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บของทางราชการ (๔) กระทาํ การอนั ได้ชื่อว่าเป็นผปู้ ระพฤติชั่วอยา่ งร้ายแรง (๕) ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดข่ี ข่มเหง หรือทําร้ายสมาชิกรัฐสภาหรือประชาชนผู้ติดต่อ ราชการอยา่ งรา้ ยแรง (๖) กระทําความผิดอาญาจนได้รับโทษจําคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจําคุก โดยคําพิพากษา ถึงท่ีสุดให้จําคุกหรือให้รับโทษที่หนักกว่าโทษจําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดท่ีได้กระทําโดย ประมาทหรอื ความผิดลหโุ ทษ (๗) ละเว้นการกระทําหรือกระทําการใด ๆ อนั เปน็ การไม่ปฏิบตั ติ ามข้อ ๒ หรือฝ่าฝืนข้อห้าม ตามข้อ ๓ อันเป็นเหตใุ ห้เสยี หายแก่ราชการอย่างรา้ ยแรง ข้อ ๗ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดมีกรณีกระทําผิดวินัยตามกฎ ก.ร. ฉบับท่ี ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบขา้ ราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ว่าด้วยวินัยข้าราชการ รัฐสภาสามัญ กอ่ นวนั ทกี่ ฎ ก.ร. น้ีใช้บงั คบั ให้ผู้บงั คบั บัญชามอี าํ นาจส่ังลงโทษผู้น้ันตามกรณีกระทําผิด วินัยที่กําหนดไวใ้ นกฎ ก.ร. ดงั กล่าว ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ สมศกั ดิ์ เกียรตสิ ุรนนท์ ประธานรัฐสภา ประธาน ก.ร. - 78 -
เลม่ ๑๒๙ ตอนท่ี ๒๐ ก หนา้ ๔ ๒๒ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๕ ราชกิจจานุเบกษา หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใช้ กฎ ก.ร. ฉบบั น้ี คอื โดยทพ่ี ระราชบญั ญัติระเบยี บข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๖๑ กําหนดใหข้ า้ ราชการรฐั สภาสามญั ตอ้ งรกั ษาวินัยตามทกี่ ําหนดไวใ้ นกฎ ก.ร. ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบตั ิตาม ถอื วา่ ผู้น้ันกระทําผิดวนิ ัย จึงจําเป็นตอ้ งออกกฎ ก.ร. น้ี - 79 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หน้า ๑ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา กฎ ก.ร. วา่ ด้วยการดําเนนิ การทางวินยั พ.ศ. ๒๕๕๗ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๒ (๓) มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ มาตรา ๗๖ และมาตรา ๗๘ แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบยี บข้าราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จึงออกกฎ ก.ร. ไวด้ ังต่อไปน้ี ขอ้ ๑ กฎ ก.ร. นใ้ี ห้ใชบ้ งั คบั ตั้งแตว่ ันถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเปน็ ต้นไป หมวด ๑ การดาํ เนินการเมือ่ มีการกล่าวหาหรอื มกี รณีเปน็ ทีส่ งสัยวา่ มกี ารกระทาํ ผิดวินัย ข้อ ๒ เม่ือมีการกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัย ให้ผบู้ ังคับบัญชาของผูน้ นั้ มหี นา้ ทตี่ อ้ งรายงานตามลําดับช้นั ให้ผบู้ ังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ ทราบโดยเร็ว โดยทําเปน็ หนงั สือซงึ่ อยา่ งน้อยต้องมีสาระสําคญั ดงั ต่อไปนี้ (๑) ชือ่ ผ้กู ล่าวหา (ถา้ มี) (๒) ช่อื และตําแหนง่ ของผู้ถกู กล่าวหา (๓) ขอ้ เท็จจริงหรอื พฤติการณ์แห่งการกระทาํ ทีถ่ กู กลา่ วหาหรอื เป็นทส่ี งสัยวา่ กระทําผดิ วนิ ัย (๔) พยานหลักฐานที่เกี่ยวขอ้ งเทา่ ทีม่ ี ขอ้ ๓ การกล่าวหาที่จะดําเนินการตามกฎ ก.ร. น้ี ถ้าเป็นการกล่าวหาเป็นหนังสือให้มี รายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้ (๑) ระบชุ ่อื ของผกู้ ล่าวหา และลงลายมือชื่อผกู้ ล่าวหา (๒) ระบุช่ือหรือตําแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา หรือข้อเท็จจริงที่เพียงพอให้ทราบว่าเป็นการกล่าวหา ข้าราชการรัฐสภาสามญั ผใู้ ด (๓) ระบุข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งการกระทําท่ีมีการกล่าวหาเพียงพอท่ีจะเข้าใจได้ หรือ แสดงพยานหลักฐานเพียงพอท่ีจะสบื สวนสอบสวนต่อไปได้ - 80 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หน้า ๒ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา ในกรณที ่ีเป็นการกล่าวหาด้วยวาจา ให้ผู้บังคับบัญชาผู้ได้รับฟังการกล่าวหาจัดให้มีการทําบันทึก คาํ กลา่ วหาทีม่ ีรายละเอยี ดตามวรรคหนึ่ง และใหผ้ ูก้ ลา่ วหาลงลายมอื ช่อื ไวเ้ ป็นหลักฐาน ขอ้ ๔ กรณีเป็นท่ีสงสัยว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยท่ีจะดําเนินการตาม กฎ ก.ร. นี้ อาจมลี ักษณะดงั นี้ (๑) มีการกล่าวหาที่ไม่ได้ระบุช่ือผู้กล่าวหา ไม่ได้ลงลายมือชื่อผู้กล่าวหา แต่ระบุช่ือหรือ ตําแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา หรือข้อเท็จจริงท่ีปรากฏน้ันเพียงพอที่จะทราบว่ากล่าวหาข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใด และขอ้ เทจ็ จรงิ หรือพฤตกิ ารณน์ ั้นเพียงพอที่จะสืบสวนสอบสวนตอ่ ไปได้ หรอื (๒) มีข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ปรากฏต่อผู้บังคับบัญชาอันเป็นที่น่าสงสัยว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญ ผูใ้ ดกระทาํ ผดิ วินัย โดยมพี ยานหลักฐานเพียงพอทีจ่ ะสบื สวนสอบสวนตอ่ ไปได้ หมวด ๒ การสืบสวนหรือพจิ ารณาในเบอื้ งตน้ ข้อ ๕ เมื่อได้รับรายงานตามข้อ ๒ หรือความปรากฏต่อผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุ ตามมาตรา ๔๒ ว่ามีการกล่าวหาหรือมีกรณีเป็นท่ีสงสัยว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัย ให้ดําเนินการอยา่ งใดอย่างหนง่ึ ดงั ตอ่ ไปน้โี ดยเร็ว (๑) พิจารณาในเบอ้ื งตน้ วา่ กรณีมมี ลู ที่ควรกลา่ วหาวา่ ผ้นู ั้นกระทาํ ผดิ วนิ ัยหรอื ไม่ (๒) ดําเนินการสืบสวนหรือส่ังให้ดําเนินการสืบสวน และพิจารณาว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า ผู้น้ันกระทําผิดวินัยหรือไม่ ในการนี้ ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ อาจสืบสวนเอง หรือให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญหรือเจ้าหน้าที่รัฐท่ีเก่ียวข้องดําเนินการสืบสวนแล้วรายงานมาเพื่อ ประกอบการพจิ ารณากไ็ ด้ ในกรณีท่ีเห็นว่ามีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดหรือเป็นกรณีที่มี พยานหลักฐานในเบื้องต้นอยู่แล้วและเห็นว่ามีมูลท่ีควรกล่าวหาว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัย ให้ดาํ เนนิ การตามขอ้ ๖ ต่อไป ข้อ ๖ ในกรณีท่ีผู้บังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ พิจารณาเห็นว่ากรณีมีมูล ที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ดําเนินการต่อไปตามหมวด ๓ ถ้าพิจารณาเห็นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ดําเนินการต่อไปตามหมวด ๔ แต่ถ้าพิจารณาเห็นว่ากรณีไม่มีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญ ผูใ้ ดกระทาํ ผิดวินยั ให้ยตุ ิเรื่อง ข้อ ๗ กรณีท่ีถือว่าไม่มีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยและ ผู้บงั คบั บัญชาซง่ึ มอี ํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๔๒ สัง่ ให้ยตุ เิ รอ่ื งได้ อาจเปน็ กรณดี งั ต่อไปนี้ (๑) ข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์แวดล้อมและพยานหลักฐานไม่เพียงพอให้ทราบว่าข้าราชการ รฐั สภาสามัญผใู้ ดเป็นผ้กู ระทําผิดวินยั - 81 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนท่ี ๖๗ ก หนา้ ๓ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา (๒) ข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์แวดล้อมและพยานหลักฐานไม่เพียงพอท่ีจะทําให้เข้าใจได้ว่า มีการกระทาํ ผิดวินยั หรือไม่เพียงพอทจ่ี ะดําเนนิ การสืบสวนสอบสวนต่อไปได้ (๓) พฤตกิ ารณ์แห่งการกระทําน้ันไม่เปน็ ความผิดทางวินยั หมวด ๓ การดําเนนิ การในกรณีมมี ลู ทีค่ วรกล่าวหาวา่ กระทาํ ผิดวินยั อยา่ งไม่ร้ายแรง ขอ้ ๘ ในกรณีที่ผลการสืบสวนหรือพิจารณาตามข้อ ๕ และข้อ ๖ ปรากฏว่ากรณีมีมูล ที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจ สั่งบรรจุตามมาตรา ๔๒ ดําเนินการต่อไปตามหมวดนี้ โดยไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ได้ แต่ถ้าได้แต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวนแลว้ ต้องดําเนินการตามข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ และขอ้ ๑๔ จนแล้วเสร็จ ข้อ ๙ ในกรณีท่ีผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ ดําเนินการทางวินัย โดยไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ต้องดําเนินการตามหมวดน้ีให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ท้ังนี้ ต้องไม่เกินสี่สิบห้าวัน นับแต่วันท่ีพิจารณาเห็นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ในกรณีที่ไม่สามารถ ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาดังกล่าว ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ ขยายเวลาได้ ตามความจําเปน็ โดยแสดงเหตุผลความจาํ เปน็ ไวด้ ว้ ย ข้อ ๑๐ ในการดําเนินการตามข้อ ๙ ต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุน ขอ้ กลา่ วหาเปน็ หนงั สือใหผ้ ถู้ กู กลา่ วหาทราบ และต้องใหโ้ อกาสผ้ถู ูกกล่าวหาได้ช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน ระยะเวลาท่กี ําหนด พรอ้ มท้งั รับฟงั คาํ ช้แี จงของผู้ถกู กลา่ วหา ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในเวลาท่ีกําหนด ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหา ไม่ประสงคจ์ ะช้แี จงแก้ขอ้ กลา่ วหา ข้อ ๑๑ เม่ือผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๔๒ ได้ดําเนินการตามข้อ ๑๐ แล้ว ให้พจิ ารณาส่งั หรือดาํ เนนิ การดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีที่เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทําผิดวินัยตามข้อกล่าวหา ให้สั่งยุติเร่ืองตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง โดยให้ทําเป็นคําส่งั ตามข้อ ๖๔ (๒) ในกรณีที่เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน ตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิดตามมาตรา ๗๑ และที่กําหนด ไวใ้ นข้อ ๖๓ โดยทาํ เปน็ คาํ สง่ั ตามข้อ ๖๕ (๓) ในกรณีที่เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยเล็กน้อย และมีเหตุอันควรงดโทษจะงดโทษให้ โดยให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือนตามมาตรา ๗๑ ก็ได้ โดยทําเป็นคําส่ังงดโทษ ตามขอ้ ๖๗ (๔) ในกรณีท่ีเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ดําเนินการตามหมวด ๔ ต่อไป - 82 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนท่ี ๖๗ ก หน้า ๔ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๑๒ ในกรณีท่ีผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ ดําเนินการทางวินัย โดยแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน การแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน และการคัดค้านกรรมการสอบสวน ให้นําข้อ ๑๗ วรรคหน่ึง วรรคสอง วรรคส่ี ข้อ ๑๘ ข้อ ๑๙ ข้อ ๒๐ ข้อ ๒๑ ข้อ ๒๒ ข้อ ๒๓ และข้อ ๒๔ มาใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม ในกรณีท่ีข้าราชการรัฐสภาสามัญตําแหน่งต่างกัน หรือต่างส่วนราชการสังกัดรัฐสภากันถูกกล่าวหา ว่ากระทําผิดวินัยร่วมกัน การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามมาตรา ๖๙ และท่ีกําหนดไวใ้ นขอ้ ๑๖ ข้อ ๑๓ คณะกรรมการสอบสวนตามข้อ ๑๒ ต้องดําเนินการสอบสวน รวบรวมข้อเท็จจริง ขอ้ กฎหมาย และพยานหลักฐานทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง แจง้ ขอ้ กล่าวหาและสรุปพยานหลกั ฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ รับฟังคําช้ีแจงของผู้ถูกกล่าวหา แล้วเก็บรวบรวมไว้ในสํานวนการสอบสวน และทํารายงานการสอบสวน พร้อมความเห็นเสนอผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน ทั้งนี้ ต้องให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่ วันท่ีประธานกรรมการรับทราบคําสั่ง ในกรณีท่ีคณะกรรมการสอบสวนมีเหตุผลและความจําเป็นไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน กําหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานกรรมการรายงานต่อผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อขอ ขยายเวลาตามความจําเป็น ในการน้ี ผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนจะขยายเวลาให้ตามท่ีเห็นสมควร โดยต้องแสดงเหตุผลไว้ด้วย หรือจะส่ังให้คณะกรรมการสอบสวนยุติการดําเนินการแล้วพิจารณาส่ังหรือ ดําเนนิ การตามขอ้ ๑๑ ต่อไปกไ็ ด้ ในกรณีท่ีผู้ถูกกล่าวหาไม่มาให้ถ้อยคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่ย่ืนคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ภายในเวลาที่คณะกรรมการสอบสวนกําหนด ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ประสงค์จะช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหา เว้นแต่คณะกรรมการสอบสวนจะเหน็ ควรดาํ เนนิ การเปน็ อย่างอ่นื เพ่ือประโยชนแ์ ห่งความยตุ ิธรรม ขอ้ ๑๔ เม่ือผู้ส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนได้รับรายงานการสอบสวนและสํานวน การสอบสวนตามข้อ ๑๓ แล้ว ให้พิจารณาสั่งหรือดําเนินการตามข้อ ๑๑ หรือสั่งหรือดําเนินการ ดังต่อไปน้ีก่อนพิจารณาส่ังหรอื ดาํ เนินการตามขอ้ ๑๑ กไ็ ด้ (๑) ในกรณีทีเ่ ห็นว่าควรรวบรวมข้อเท็จจรงิ หรือพยานหลกั ฐานเพ่ิมเติม ให้กําหนดประเด็นหรือ ข้อสาํ คัญทีต่ อ้ งการให้คณะกรรมการสอบสวนทําการสอบสวนเพ่มิ เติม (๒) ในกรณีท่ีเห็นว่าการดําเนินการใดไม่ถูกต้อง ให้สั่งให้คณะกรรมการสอบสวนดําเนินการ ใหถ้ ูกต้องโดยเรว็ หมวด ๔ การดําเนนิ การในกรณีมีมูลทีค่ วรกลา่ วหาวา่ กระทําผิดวนิ ยั อยา่ งร้ายแรง ขอ้ ๑๕ ในกรณีท่ีผลการสืบสวนหรือพิจารณาตามข้อ ๕ และข้อ ๖ ปรากฏว่ากรณีมีมูล ที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจส่ังบรรจุ ตามมาตรา ๔๒ หรือผู้มีอํานาจตามมาตรา ๖๙ แล้วแต่กรณี แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือ ดําเนินการสอบสวนตอ่ ไป - 83 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หนา้ ๕ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา ในกรณที เี่ ปน็ การดําเนินการต่อเน่ืองจากการดําเนินการตามข้อ ๑๑ (๔) ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจ สั่งบรรจุตามมาตรา ๔๒ หรือผู้มีอํานาจตามมาตรา ๖๙ แล้วแต่กรณี แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนขึ้นใหม่ เพื่อดําเนินการต่อไปตามหมวดน้ี ส่วนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในสํานวนการสอบสวนตามข้อ ๑๓ จะนํามาใช้ในการสอบสวนนหี้ รอื ไมเ่ พยี งใด ใหอ้ ยูใ่ นดลุ พินิจของคณะกรรมการสอบสวนที่จะแต่งตัง้ ขึ้นใหม่น้ี ข้อ ๑๖ ในกรณีร่วมกันแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา ๖๙ (๒) ให้ผู้มีอํานาจสั่ง แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนของแต่ละส่วนราชการสังกัดรัฐสภาทําความตกลงกันเพื่อกําหนดตัวบุคคล เป็นคณะกรรมการสอบสวน แล้วให้แต่ละส่วนราชการสังกัดรัฐสภามีคําสั่งแต่งตั้งบุคคลน้ันเป็น คณะกรรมการสอบสวน ขอ้ ๑๗ การแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน ให้แต่งตั้งจากข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหน่ึง และกรรมการอ่ืนอีกอย่างน้อยสองคน โดยให้กรรมการคนหน่ึงเป็นเลขานุการ ในกรณีท่มี ีเหตผุ ลความจําเป็นจะแต่งตงั้ ประธานกรรมการหรือกรรมการจากข้าราชการฝ่ายพลเรือนซึ่งมิใช่ ข้าราชการการเมืองก็ได้ ในขณะท่ีมกี ารแต่งตัง้ คณะกรรมการสอบสวน ประธานกรรมการต้องดาํ รงตาํ แหนง่ ตามที่ ก.ร. กําหนด กรรมการสอบสวนอย่างน้อยหน่ึงคนต้องเป็นผู้ดํารงตําแหน่งนิติกร หรือผู้ได้รับปริญญา ทางกฎหมาย หรือผู้ได้รับการฝึกอบรมตามหลักสูตรการดําเนินการทางวินัย หรือผู้มีประสบการณ์ ดา้ นการดําเนินการทางวนิ ยั เพ่ือประโยชน์ในการสอบสวนจะให้มีผู้ช่วยเลขานุการที่แต่งตั้งจากข้าราชการฝ่ายพลเรือนท่ีมิใช่ ข้าราชการการเมืองด้วยก็ได้ และให้นําข้อ ๑๙ ข้อ ๒๑ ข้อ ๒๒ ข้อ ๒๓ และข้อ ๒๔ มาใช้บังคับ กับผูช้ ่วยเลขานกุ ารโดยอนโุ ลม ขอ้ ๑๘ คาํ สงั่ แตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวนใหร้ ะบชุ ่อื และตาํ แหนง่ ของผถู้ กู กลา่ วหา เรือ่ งทก่ี ลา่ วหา ช่ือของประธานกรรมการและกรรมการ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามแบบตัวอย่างที่ ก.ร. กําหนด ในกรณีที่มี การแตง่ ต้ังผู้ช่วยเลขานุการ ใหร้ ะบุช่ือผชู้ ว่ ยเลขานกุ ารไว้ในคาํ ส่ังนัน้ ดว้ ย ขอ้ ๑๙ ในกรณีที่มีการเปล่ียนแปลงกรรมการสอบสวน ให้ดําเนินการโดยทําเป็นคําส่ัง ตามแบบตวั อย่างที่ ก.ร. กาํ หนด และให้แจง้ ให้ผู้ถกู กลา่ วหาทราบตอ่ ไป การเปล่ียนแปลงกรรมการสอบสวนตามวรรคหน่ึง ไม่กระทบกระเทือนถึงการสอบสวนท่ีได้ ดาํ เนินการไปแลว้ ขอ้ ๒๐ เมื่อได้มีคําสั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ให้ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนดาํ เนินการดงั ต่อไปนี้ (๑) แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบคําสั่งโดยเร็ว และให้ผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือชื่อและวันท่ีรับทราบ ไวเ้ ปน็ หลักฐาน ในการนี้ ให้แจ้งตําแหน่งของประธานกรรมการ กรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ (ถ้ามี) รวมท้ังสิทธิท่ีจะคัดค้านกรรมการสอบสวนไปพร้อมกัน และให้มอบสําเนาคําสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาไว้หน่ึงฉบับด้วย ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมลงลายมือชื่อรับทราบคําส่ัง ถ้าได้ทําบันทึกลงวันที่และสถานที่ท่ีแจ้งและ ลงลายมอื ชอื่ ผู้แจง้ พรอ้ มทั้งพยานรูเ้ ห็นไว้เปน็ หลกั ฐานแลว้ ให้ถือวันทแี่ จ้งน้นั เปน็ วนั รับทราบ - 84 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หนา้ ๖ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา การแจ้งตามวรรคหนึ่ง ให้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยตรงก่อน แต่ถ้าไม่อาจแจ้งให้ทราบ โดยตรงได้หรือมีเหตุจําเป็นอื่น ให้แจ้งเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่าวหา ณ ท่ีอยซู่ ึง่ ปรากฏหลกั ฐานของทางราชการ ในกรณีเช่นน้ี ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับแจ้งเม่ือครบกําหนด เจ็ดวันนับแต่วันส่งสําหรับกรณีส่งในประเทศ หรือเมื่อครบสิบห้าวันนับแต่วันส่งสําหรับกรณีส่งไปยัง ตา่ งประเทศ (๒) ส่งสําเนาคําสั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนพร้อมท้ังเอกสารหลักฐานท่ีเกี่ยวข้องกับเรื่อง ที่กล่าวหาให้ประธานกรรมการโดยเร็ว แล้วให้ประธานกรรมการลงลายมือช่ือและวัน เดือน ปีที่ได้รับ แล้วเก็บรวมไว้ในสํานวนการสอบสวน และส่งสําเนาคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนให้กรรมการ ทราบเปน็ รายบคุ คล (๓) ส่งหลักฐานการรับทราบหรือถือว่าทราบคําสั่งของผู้ถูกกล่าวหาไปให้ประธานกรรมการเพื่อ เกบ็ รวบรวมไวใ้ นสํานวนการสอบสวน โดยจะส่งไปใหห้ ลังจากทีไ่ ดด้ าํ เนินการตาม (๒) แลว้ ก็ได้ ขอ้ ๒๑ เมอื่ มกี รณีดังตอ่ ไปนี้ กรรมการสอบสวนอาจถูกคัดค้านได้ (๑) เป็นผ้กู ลา่ วหาตามขอ้ ๓ (๒) เปน็ คู่หมนั้ หรือคสู่ มรสของผกู้ ลา่ วหาตามข้อ ๓ (๓) เป็นญาติของผู้กล่าวหาตามข้อ ๓ คือ เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าช้ันใด ๆ หรือ เปน็ พน่ี อ้ งหรือลูกพลี่ ูกน้องนับได้เพยี งสามชนั้ หรอื เปน็ ญาตเิ กย่ี วพันทางการสมรสนบั ไดเ้ พยี งสองช้ัน (๔) เป็นผ้มู สี าเหตุโกรธเคอื งกบั ผู้ถกู กล่าวหาหรือกับคูห่ มั้นหรอื คูส่ มรสของผูถ้ ูกกล่าวหา (๕) เปน็ ผ้มู ปี ระโยชน์ได้เสยี ในเรอื่ งที่สอบสวน (๖) เป็นผ้รู เู้ ห็นเหตุการณ์ในขณะกระทําผิดตามเรอื่ งทกี่ ลา่ วหา (๗) เปน็ ผ้มู ีเหตอุ ืน่ ซง่ึ มีสภาพร้ายแรงอนั อาจทาํ ให้การสอบสวนไม่เปน็ กลางหรอื เสียความเป็นธรรม ข้อ ๒๒ การคัดค้านกรรมการสอบสวนต้องทําเป็นหนังสือย่ืนต่อผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ สอบสวนภายในเจ็ดวันนับแต่วันทราบหรือถือว่าทราบคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหรือนับแต่วันท่ี ทราบว่ามีกรณีตามข้อ ๒๑ โดยหนังสือคัดค้านต้องแสดงข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ท่ีเป็นเหตุแห่งการคัดค้าน ตามที่กําหนดไวใ้ นขอ้ ๒๑ ในกรณีท่ีผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าการคัดค้านเป็นไปตามเงื่อนไขที่กําหนดตาม วรรคหน่ึง ให้ส่งสําเนาหนังสือคัดค้านไปให้ประธานกรรมการเพื่อทราบและเก็บรวบรวมไว้ในสํานวน การสอบสวน รวมท้ังแจ้งให้ผู้ถูกคัดค้านทราบ และต้องให้โอกาสผู้ถูกคัดค้านได้ชี้แจงเป็นหนังสือต่อผู้สั่ง แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีผู้ถูกคัดค้านได้ลงลายมือชื่อและวันท่ีท่ีได้รับแจ้งไว้ เป็นหลักฐาน ในการนี้ ผถู้ กู คัดค้านตอ้ งหยดุ ปฏบิ ตั ิหนา้ ทก่ี รรมการสอบสวนต้งั แต่วันที่ได้รับแจง้ นั้น ในกรณีท่ีผู้ส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าการคัดค้านไม่เป็นไปตามเงื่อนไขท่ีกําหนด ใหผ้ สู้ ง่ั แตง่ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนสั่งไมร่ บั คําคดั ค้านนัน้ และแจ้งใหผ้ คู้ ัดค้านทราบ - 85 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนท่ี ๖๗ ก หนา้ ๗ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา ข้อ ๒๓ เมือ่ ไดด้ าํ เนนิ การตามขอ้ ๒๒ แล้ว ใหผ้ สู้ ่งั แต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาสั่งการ อย่างใดอยา่ งหน่ึงดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ในกรณที ี่เห็นว่าคําคัดคา้ นรบั ฟังได้ ให้ส่ังใหผ้ ้ถู กู คัดค้านพ้นจากหน้าที่ในการเป็นกรรมการสอบสวน ในกรณีท่ีเห็นสมควรจะแต่งต้ังผู้อื่นให้เป็นกรรมการสอบสวนแทนผู้ถูกคัดค้านก็ได้ แต่ถ้ากรรมการ ท่ีเหลืออยู่มีจํานวนน้อยกว่าสามคนให้แต่งตั้งผู้อื่นให้เป็นกรรมการสอบสวนแทนผู้ถูกคัดค้าน และให้นําข้อ ๑๙ มาใชบ้ ังคับโดยอนโุ ลม (๒) ในกรณีท่ีเห็นว่าคําคัดค้านไม่อาจรับฟังได้ ให้ส่ังยกคําคัดค้าน และมีหนังสือแจ้งให้ ผ้คู ัดค้าน ผู้ถกู คดั ค้าน และประธานกรรมการทราบโดยเร็ว คําส่งั ยกคาํ คัดคา้ นใหเ้ ปน็ ที่สดุ ผู้ส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนต้องพิจารณาและสั่งการตามวรรคหนึ่งให้แล้วเสร็จภายใน สิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับคําคัดค้าน ถ้าไม่ได้สั่งภายในกําหนดเวลาดังกล่าว ให้ผู้ถูกคัดค้านนั้นพ้นจาก การเป็นกรรมการสอบสวนนบั แต่วันพ้นกําหนดเวลาดังกล่าว และให้ดาํ เนนิ การตาม (๑) ต่อไป ขอ้ ๒๔ ในกรณีท่ีกรรมการสอบสวนผู้ใดเห็นว่าตนมีกรณีตามข้อ ๒๑ ให้ผู้น้ันแจ้งให้ผู้ส่ัง แต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนทราบ และให้ผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาสั่งการตามข้อ ๒๓ โดยอนุโลมตอ่ ไป ข้อ ๒๕ คณะกรรมการสอบสวนมีหน้าท่ีสอบสวนและพิจารณาตามหลักเกณฑ์ วิธีการและ ระยะเวลาท่ีกําหนดในกฎ ก.ร. นี้ เพ่ือแสวงหาความจริงในเรื่องที่กล่าวหาและดูแลให้บังเกิดความยุติธรรม ตลอดกระบวนการสอบสวน ในการนี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนรวบรวมประวัติและความประพฤติของ ผู้ถูกกล่าวหาที่เก่ียวข้องกับเร่ืองที่กล่าวหาเท่าที่จําเป็นเพ่ือประกอบการพิจารณา และจัดทําบันทึกประจําวัน ทีม่ กี ารสอบสวนไว้ทกุ ครั้งด้วย ในการสอบสวนและพิจารณาห้ามมิให้มีบุคคลอ่ืนอยู่หรือร่วมด้วย เว้นแต่เป็นการสอบปากคํา ตามข้อ ๓๑ หรอื เปน็ กรณีท่กี ฎ ก.ร. น้ี กาํ หนดไว้เป็นอยา่ งอน่ื ขอ้ ๒๖ ให้ประธานกรรมการจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการสอบสวนครั้งแรกภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่ประธานกรรมการรับทราบตามข้อ ๒๐ (๒) ในกรณีที่ไม่อาจจัดประชุมได้ภายในกําหนด ให้รายงานเหตุผลและความจาํ เปน็ ให้ผสู้ ่ังแตง่ ต้งั คณะกรรมการสอบสวนทราบ ในการประชุมคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการสอบสวนกําหนดประเด็น และวางแนวทางการสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐาน ขอ้ ๒๗ เม่ือได้วางแนวทางการสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อ ๒๖ แล้ว ใหค้ ณะกรรมการสอบสวนดาํ เนนิ การดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) รวบรวมข้อเท็จจรงิ ขอ้ กฎหมาย และพยานหลกั ฐานท่ีเกยี่ วข้อง (๒) แจ้งขอ้ กล่าวหาและสรปุ พยานหลักฐานท่สี นับสนนุ ขอ้ กล่าวหาใหผ้ ู้ถูกกล่าวหาทราบ (๓) ใหโ้ อกาสผ้ถู กู กลา่ วหาไดช้ ีแ้ จงแสดงพยานหลกั ฐานเพื่อแก้ขอ้ กลา่ วหา - 86 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนท่ี ๖๗ ก หน้า ๘ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา (๔) พจิ ารณาทําความเหน็ เกย่ี วกบั เรอ่ื งทส่ี อบสวน (๕) ทํารายงานการสอบสวนพร้อมความเหน็ เสนอตอ่ ผู้สั่งแตง่ ต้ังคณะกรรมการสอบสวน ข้อ ๒๘ ให้คณะกรรมการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งปวงที่เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่การสอบสวน โดยไม่รบั ฟังแตเ่ พียงขอ้ อา้ งหรือพยานหลกั ฐานของผกู้ ล่าวหาหรอื ผู้ถกู กล่าวหาเท่านัน้ ในกรณีท่ีปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงใดท่ีกล่าวอ้างหรือพาดพิงถึงบุคคล เอกสาร หรือวัตถุใดที่จะ เป็นประโยชน์แก่การสอบสวน ให้คณะกรรมการสอบสวนทําการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานนั้น ไวใ้ หค้ รบถ้วน ถา้ ไมอ่ าจเข้าถงึ หรอื ไดม้ าซงึ่ พยานหลักฐานดงั กล่าว ให้บนั ทึกเหตนุ น้ั ไวด้ ว้ ย ขอ้ ๒๙ ในการสอบปากคําผู้ถูกกล่าวหาหรือพยานให้สอบปากคําคราวละหนึ่งคน และใน การสอบปากคําพยาน ต้องแจ้งให้พยานทราบว่ากรรมการสอบสวนมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวล กฎหมายอาญา การให้ถอ้ ยคําอันเป็นเท็จอาจเปน็ ความผดิ ตามกฎหมาย ในการสอบปากคําตามวรรคหนึ่ง ต้องมีกรรมการสอบสวนไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึงของจํานวน กรรมการสอบสวนท้ังหมดจึงจะทําการสอบปากคําได้ แต่ในกรณีท่ีกึ่งหน่ึงของจํานวนกรรมการสอบสวนทั้งหมด มมี ากกวา่ สามคน จะใหก้ รรมการสอบสวนไม่นอ้ ยกวา่ สามคนทาํ การสอบปากคําก็ได้ ข้อ ๓๐ การสอบปากคําตามข้อ ๒๙ ต้องมีการบันทึกถ้อยคําของผู้ให้ถ้อยคําตามแบบตัวอย่างที่ ก.ร. กําหนด แล้วอ่านให้ผู้ให้ถ้อยคําฟังหรือให้ผู้ให้ถ้อยคําอ่านเองก็ได้ แล้วให้ผู้ให้ถ้อยคํา ผู้บันทึกถ้อยคํา และกรรมการสอบสวนซ่ึงอยู่ร่วมในการสอบปากคําลงลายมือช่ือในบันทึกถ้อยคําน้ันไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีที่บันทึกถ้อยคําใดมีหลายหน้า ให้ผู้ให้ถ้อยคําและกรรมการสอบสวนซึ่งอยู่ร่วมในการสอบปากคํา หนึง่ คนลงลายมอื ชื่อกํากับไวใ้ นบันทกึ ถ้อยคําทกุ หน้า ในการบันทึกถ้อยคํา ห้ามมิให้ขูด ลบ หรือบันทึกข้อความทับข้อความที่ได้บันทึกไว้ในบันทึก ถ้อยคําแล้ว ถ้าจะต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อความท่ีบันทึกไว้ ให้ใช้วิธีขีดฆ่าข้อความเดิมและเพิ่มเติม ข้อความใหม่ด้วยวิธีตกเติม แล้วให้ผู้ให้ถ้อยคําและกรรมการสอบสวนซ่ึงอยู่ร่วมในการสอบปากคําหนึ่งคน ลงลายมอื ชือ่ กํากับไวต้ รงท่ีมีการแก้ไขเพม่ิ เตมิ นัน้ ทุกแห่ง ในกรณีท่ีผู้ใหถ้ ้อยคําไมย่ อมลงลายมือชื่อ ให้บนั ทึกเหตุทไ่ี ม่ลงลายมือช่ือน้ันไวใ้ นบันทึกถ้อยคาํ ดว้ ย ในกรณีท่ีผู้ให้ถ้อยคําไม่สามารถลงลายมือช่ือได้ ให้ดําเนินการตามมาตรา ๙ แห่งประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ขอ้ ๓๑ ในการสอบปากคํา ห้ามมิให้บุคคลอ่ืนอยู่ในที่สอบปากคํา เว้นแต่เป็นบุคคล ซึ่งกรรมการสอบสวนที่ทําการสอบปากคําอนุญาตให้อยู่ในท่ีสอบสวนเพ่ือประโยชน์ในการสอบสวน หรือ เป็นทนายความหรือที่ปรึกษาของผู้ถูกกล่าวหาซ่ึงผู้ถูกกล่าวหาขอนําเข้ามาในการสอบปากคําผู้ถูกกล่าวหา ตามจํานวนทีก่ รรมการสอบสวนที่ทําการสอบปากคําเห็นสมควร ข้อ ๓๒ ห้ามมิให้กรรมการสอบสวนทําหรือจัดให้ทําการใด ๆ ซ่ึงเป็นการให้คํามั่นสัญญา ขเู่ ข็ญ หลอกลวง บังคับ หรือกระทําโดยมิชอบไม่ว่าด้วยประการใด เพ่ือจูงใจให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือพยาน ให้ถอ้ ยคาํ อย่างใด - 87 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนท่ี ๖๗ ก หน้า ๙ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๓๓ การนําเอกสารหรือวัตถุมาใช้เป็นพยานหลักฐานในสํานวนการสอบสวน ให้คณะกรรมการ สอบสวนจัดให้มีการบนั ทึกไวด้ ้วยวา่ ได้มาอยา่ งไร จากผใู้ ด และเม่อื ใด เอกสารที่ใช้เป็นพยานหลักฐานในสํานวนการสอบสวนให้ใช้ต้นฉบับ แต่ถ้าไม่อาจนําต้นฉบับมาได้ จะใชส้ าํ เนาที่กรรมการสอบสวนหรอื ผู้มหี น้าท่รี บั ผิดชอบรับรองวา่ เปน็ สาํ เนาถูกต้องก็ได้ ในกรณีท่ีไม่สามารถหาต้นฉบับเอกสารได้เพราะสูญหายหรือถูกทําลายหรือโดยเหตุประการอ่ืน คณะกรรมการสอบสวนจะสืบจากสําเนาเอกสารหรือพยานบคุ คลแทนกไ็ ด้ ข้อ ๓๔ ในกรณีท่ีคณะกรรมการสอบสวนเรียกบุคคลใดมาเป็นพยานเพ่ือช้ีแจงหรือให้ถ้อยคํา ตามวัน เวลา และสถานที่ท่ีกําหนดแล้ว แต่บุคคลน้ันไม่มาหรือมาแต่ไม่ช้ีแจงหรือไม่ให้ถ้อยคํา หรือ ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนไม่อาจเรียกบุคคลใดมาชี้แจงหรือให้ถ้อยคําได้ภายในเวลาอันควร คณะกรรมการสอบสวนจะไม่สอบสวนบุคคลนั้นก็ได้ แต่ต้องบันทึกเหตุน้ันไว้ในบันทึกประจําวันท่ีมีการสอบสวน และในรายงานการสอบสวนดว้ ย ข้อ ๓๕ ในกรณีท่ีคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนพยานบุคคลใดหรือการรวบรวม พยานเอกสารหรือวัตถุใดจะทําให้การสอบสวนล่าช้าโดยไม่จําเป็น หรือพยานหลักฐานน้ันมิใช่สาระสําคัญ จะงดสอบสวนหรือไม่รวบรวมพยานหลักฐานนั้นก็ได้ แต่ต้องบันทึกเหตุน้ันไว้ในบันทึกประจําวันที่มี การสอบสวน และในรายงานการสอบสวนด้วย ข้อ ๓๖ ในกรณีท่ีจะต้องสอบปากคําพยานหรือรวบรวมพยานหลักฐานซ่ึงอยู่ต่างท้องที่ ประธานกรรมการจะรายงานต่อผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือขอให้มอบหมายให้หัวหน้าส่วนราชการ หรือหัวหน้าหน่วยงานในท้องท่ีน้ันที่เป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือนสอบปากคําพยานหรือรวบรวม พยานหลักฐานแทนก็ได้ โดยกําหนดประเด็นหรือข้อสําคัญท่ีจะต้องสอบสวนไปให้ กรณีเช่นน้ี ถ้าผู้ส่ังแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนเห็นควรจะมอบหมายให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงานท่ีได้รับมอบหมายน้ัน ดําเนนิ การตามท่คี ณะกรรมการสอบสวนรอ้ งขอก็ได้ ในการสอบปากคําพยานและรวบรวมพยานหลักฐานตามวรรคหนึ่ง ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือ หัวหน้าหน่วยงานท่ีได้รับมอบหมายเลือกข้าราชการฝ่ายพลเรือนที่เห็นสมควรอย่างน้อยอีกสองคนมาร่วมเป็น คณะทาํ การสอบสวน และใหค้ ณะทาํ การสอบสวนมีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับคณะกรรมการสอบสวนตาม กฎ ก.ร. น้ี ขอ้ ๓๗ เม่ือคณะกรรมการสอบสวนได้รวบรวมข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐาน ที่เก่ียวข้องตามข้อ ๒๗ (๑) แล้ว ให้มีการประชุมคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือพิจารณาทําความเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยในเรื่องท่ีสอบสวนหรือไม่ ถ้าคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้กระทําผิดวินัยในเรื่องที่สอบสวน ให้รายงานผลการสอบสวนพร้อมความเห็นเสนอต่อผู้สั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวน แต่ถา้ คณะกรรมการสอบสวนเหน็ วา่ จากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย รวมทั้งพยานหลักฐาน ท่รี วบรวมได้เพียงพอทจ่ี ะรับฟังไดว้ ่าผู้ถกู กล่าวหากระทาํ ผิดวินัยในเร่ืองที่สอบสวน ให้แจ้งข้อกล่าวหาและ สรปุ พยานหลักฐานทีส่ นบั สนุนขอ้ กลา่ วหาใหผ้ ้ถู กู กล่าวหาทราบ - 88 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หน้า ๑๐ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา การประชุมตามวรรคหน่ึง ต้องมีกรรมการสอบสวนมาประชุมไม่น้อยกว่าสามคนและไม่น้อยกว่า ก่ึงหนึ่งของจาํ นวนกรรมการสอบสวนทง้ั หมด ข้อ ๓๘ ในกรณีทมี่ คี าํ พพิ ากษาถงึ ที่สดุ วา่ ผ้ถู กู กล่าวหาไดก้ ระทําผิดหรือต้องรับผิดในคดีเก่ียวกับ เรื่องท่ีสอบสวน ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคําพิพากษาถึงที่สุดน้ันได้ ความประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดตามข้อกล่าวหา คณะกรรมการสอบสวนจะนําเอา คําพิพากษาถึงที่สุดน้ันมาใช้เป็นพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาโดยไม่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานอื่นก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคําพิพากษา ท่ีถงึ ทสี่ ดุ นัน้ เพื่อใช้เป็นสรปุ พยานหลกั ฐานท่สี นบั สนนุ ข้อกล่าวหาให้ผถู้ กู กล่าวหาทราบดว้ ย ขอ้ ๓๙ การแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานท่ีสนับสนุนข้อกล่าวหา ให้ทําเป็นบันทึก ระบุข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทําการใด เม่ือใด อย่างไร เป็นความผิดวินัยในกรณีใด และสรุปพยานหลักฐานท่ีสนับสนุนข้อกล่าวหา โดยจะระบุช่ือพยานด้วยหรือไม่ก็ได้ รวมทั้งแจ้งให้ทราบสิทธิ ของผู้ถูกกล่าวหาท่ีจะให้ถ้อยคําหรือยื่นคําช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นหนังสือ สิทธิท่ีจะแสดงพยานหลักฐาน หรอื จะอ้างพยานหลักฐานเพ่ือขอใหเ้ รียกพยานหลักฐานน้นั มาได้ แลว้ แจง้ ให้ผู้ถูกกลา่ วหาทราบ บันทึกตามวรรคหนึ่ง ให้ทําตามแบบตัวอย่างที่ ก.ร. กําหนด โดยให้ทําเป็นสองฉบับ มขี ้อความตรงกัน ให้ประธานกรรมการและกรรมการอกี อย่างน้อยหนึ่งคนลงลายมือชอื่ ในบนั ทกึ น้นั ด้วย ขอ้ ๔๐ เมือ่ ได้จัดทําบันทึกตามขอ้ ๓๙ แล้ว ให้คณะกรรมการสอบสวนมีหนังสอื เรียกผู้ถูกกล่าวหา มาพบตามวัน เวลา และสถานที่ท่ีคณะกรรมการสอบสวนกําหนด เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐาน ท่ีสนบั สนนุ ขอ้ กล่าวหาให้ผูถ้ ูกกลา่ วหาทราบ เม่ือผู้ถูกกล่าวหาได้มาพบคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ให้คณะกรรมการสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมทั้งอธิบายข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และให้ ผู้ถูกกล่าวหารับทราบข้อกล่าวหาโดยลงลายมือชื่อพร้อมทั้งวันเดือนปีในบันทึกน้ันแล้วมอบบันทึก ใหผ้ ู้ถกู กลา่ วหาหน่งึ ฉบับ และอกี หนึ่งฉบบั เกบ็ ไวใ้ นสาํ นวนการสอบสวน ในกรณีท่ีผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมลงลายมือช่ือในบันทึกเพ่ือรับทราบข้อกล่าวหา ให้คณะกรรมการ สอบสวนบันทึกข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวไว้ในบันทึกนั้น ในกรณีเช่นน้ีให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ รับทราบข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานต้ังแต่วันท่ีมาพบคณะกรรมการสอบสวนแล้ว และให้มอบ บันทึกน้ันให้ผู้ถูกกล่าวหาหนึ่งฉบับ และอีกฉบับหน่ึงเก็บไว้ในสํานวนการสอบสวน แต่ถ้าผู้ถูกกล่าวหา ไม่ยอมรับบันทึกดังกล่าว ให้ส่งบันทึกนั้นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่าวหา ณ ท่ีอยู่ ซ่ึงปรากฏตามหลักฐานของทางราชการ ข้อ ๔๑ เม่ือได้แจ้งข้อกล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบตามข้อ ๔๐ แล้ว ให้คณะกรรมการ สอบสวนแจ้งกําหนดวัน เวลา สถานท่ี และวิธีการที่จะให้ผู้ถูกกล่าวหาช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาในวันท่ีมาพบ คณะกรรมการสอบสวน หรือแจง้ เปน็ หนังสอื ส่งทางไปรษณียล์ งทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่าวหา ณ ที่อยู่ ซึง่ ปรากฏตามหลักฐานของทางราชการกไ็ ด้ - 89 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หน้า ๑๑ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา ในกรณีแจ้งเป็นหนังสือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบ ตั้งแต่วันท่คี รบกําหนดสิบหา้ วันนับแต่วนั ทไี่ ดส้ ่งหนังสอื ดังกลา่ วทางไปรษณยี ์ ข้อ ๔๒ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาพบตามที่กําหนดในข้อ ๔๐ ให้ส่งบันทึกตามข้อ ๓๙ จํานวนหน่ึงฉบับทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกกล่าวหา ณ ที่อยู่ซ่ึงปรากฏตามหลักฐาน ของทางราชการ ในกรณีเช่นน้ี ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหาต้ังแต่วันที่ครบกําหนด สิบห้าวันนับแต่วนั ทไี่ ด้ส่งบนั ทกึ ดังกล่าวทางไปรษณยี ์ คณะกรรมการสอบสวนจะส่งหนังสือกําหนดวัน เวลา สถานท่ี และวิธีการท่ีจะให้ผู้ถูกกล่าวหา ช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาและชี้แจงว่าได้กระทําผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด ไปพร้อมกับ บนั ทึกแจง้ ขอ้ กลา่ วหาตามวรรคหนงึ่ กไ็ ด้ ขอ้ ๔๓ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่อาจช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาได้ตามวัน เวลา สถานที่ และ วิธีการท่ีกําหนดตามข้อ ๔๑ หรือข้อ ๔๒ โดยได้อ้างเหตุผลหรือความจําเป็น หรือในกรณีท่ี คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ามีเหตุจําเป็น จะกําหนดวัน เวลา สถานท่ี หรือวิธีการเสียใหม่ เพอื่ ประโยชนแ์ ห่งความเปน็ ธรรมกไ็ ด้ ข้อ ๔๔ ในการสอบสวนให้คณะกรรมการสอบสวนถามผู้ถูกกล่าวหาด้วยว่าได้กระทําผิดตาม ขอ้ กล่าวหาหรอื ไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด คณะกรรมการสอบสวนจะดําเนินการตามวรรคหนึ่งไปในคราวเดียวกันกับที่ได้ดําเนินการ ตามขอ้ ๔๐ ก็ได้ ข้อ ๔๕ ในกรณที ผ่ี ู้ถูกกล่าวหารับสารภาพว่าได้กระทําผิดตามข้อกล่าวหาใด ให้คณะกรรมการสอบสวน บันทึกการรับสารภาพตามข้อกล่าวหาน้ันไว้เป็นหนังสือ ในกรณีเช่นนี้ คณะกรรมการสอบสวนจะไม่ทํา การสอบสวนในข้อกลา่ วหานน้ั กไ็ ด้ แล้วดําเนนิ การในสว่ นท่เี ก่ยี วข้องต่อไป ขอ้ ๔๖ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาให้ถ้อยคําช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหาหรือไม่ย่ืนคําช้ีแจงแก้ข้อกล่าวหา เป็นหนังสือภายในกําหนดเวลาตามข้อ ๔๑ และข้อ ๔๒ ให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ประสงค์จะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เว้นแตค่ ณะกรรมการสอบสวนจะเหน็ ควรดําเนนิ การเป็นอย่างอืน่ เพือ่ ประโยชน์แหง่ ความเป็นธรรม ขอ้ ๔๗ ในกรณีที่ปรากฏพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากที่คณะกรรมการสอบสวนได้แจ้ง ข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานท่ีสนับสนุนข้อกล่าวหาในเร่ืองที่สอบสวนแล้ว ถ้าคณะกรรมการสอบสวน เห็นว่าพยานหลักฐานที่เพ่ิมเติมนั้นมีน้ําหนักสนับสนุนข้อกล่าวหา ให้แจ้งสรุปพยานหลักฐานเพิ่มเติมน้ัน ให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ แต่ถ้าเห็นว่าพยานหลักฐานเพ่ิมเติมนั้นมีผลทําให้ข้อกล่าวหาในเรื่องท่ีสอบสวนน้ัน เปลี่ยนแปลงไปหรือต้องเพิ่มข้อกล่าวหา ให้กําหนดข้อกล่าวหาใหม่หรือกําหนดข้อกล่าวหาเพิ่มเติม แล้วแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาน้ันให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ทั้งน้ี ให้นําความ ในขอ้ ๓๙ ข้อ ๔๐ ข้อ ๔๑ ขอ้ ๔๒ ขอ้ ๔๓ และขอ้ ๔๖ มาใช้บงั คับโดยอนุโลม ข้อ ๔๘ ในการสอบสวน ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ามีพยานหลักฐานท่ีควรกล่าวหา ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยในเรื่องอื่นด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานต่อผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการ สอบสวนโดยเร็ว - 90 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หน้า ๑๒ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา เมื่อได้รับรายงานตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาดําเนินการ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ถ้าเห็นว่ากรณีไม่มีมูลที่ควรกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยในเร่ืองอื่นด้วย ให้ยุติไม่ต้อง ดําเนนิ การทางวนิ ัยสาํ หรับเรือ่ งอนื่ นน้ั (๒) ถ้าเห็นว่ากรณีมีมูลท่ีควรกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยในเร่ืองอื่นด้วย ให้ดําเนินการทางวินัย ในเร่ืองอื่นนั้นด้วยตามกฎ ก.ร. นี้ ในกรณีท่ีการกระทําผิดวินัยในเร่ืองอื่นนั้นเป็นการกระทําผิดวินัยอย่าง ร้ายแรง จะแต่งตั้งให้คณะกรรมการสอบสวนคณะเดิมหรือจะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนคณะใหม่ ดาํ เนินการสอบสวนและพิจารณาในเรือ่ งอื่นน้ันก็ได้ ขอ้ ๔๙ ในกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้อื่น ถ้าคณะกรรมการสอบสวน พิจารณาเห็นว่าผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทําการในเร่ืองที่สอบสวนนั้นด้วย ให้คณะกรรมการสอบสวนรายงาน ต่อผสู้ ั่งแตง่ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยเร็วเพ่อื พจิ ารณาดําเนินการตามกฎ ก.ร. นี้ ต่อไป ในกรณที ี่การสอบสวนพาดพงิ ไปถึงเจ้าหน้าทข่ี องรัฐอืน่ หรือบคุ คลอืน่ ถ้าคณะกรรมการสอบสวน พิจารณาเห็นว่าผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทําการในเร่ืองที่สอบสวนน้ันด้วย ให้คณะกรรมการสอบสวนรายงาน ตอ่ ผสู้ งั่ แตง่ ตง้ั คณะกรรมการสอบสวนโดยเร็วเพอื่ พจิ ารณาตามที่เห็นสมควรตอ่ ไป ข้อ ๕๐ ในกรณีท่ีผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้อ่ืนร่วมกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องท่ีสอบสวนตามข้อ ๔๙ วรรคหน่ึง ให้ส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือทําการสอบสวนผู้น้ัน โดยจะแต่งต้ังให้คณะกรรมการสอบสวน คณะเดิมหรือจะแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนคณะใหม่ดําเนินการสอบสวนและพิจารณาก็ได้ แต่ถ้าเป็นกรณี ตามมาตรา ๖๙ ใหส้ ง่ เรือ่ งไปยงั ผมู้ ีอาํ นาจตามมาตรา ๖๙ เพอื่ ดําเนนิ การตอ่ ไป พยานหลักฐานท่ีได้จากการสอบสวนในเรื่องที่สอบสวนเดิม คณะกรรมการสอบสวนจะใช้ ประกอบการพิจารณาดําเนินการทางวินัยแก่บุคคลตามวรรคหน่ึงได้ต่อเม่ือได้แจ้งให้ผู้นั้นทราบและให้โอกาส ผ้นู นั้ ไดใ้ ช้สทิ ธิตามกฎ ก.ร. น้ีแลว้ ข้อ ๕๑ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุน ขอ้ กล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ได้ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหานําสืบแก้ข้อกล่าวหา และได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพียงพอที่จะพิจารณาได้แล้ว ให้คณะกรรมการสอบสวนประชุมเพื่อพิจารณาทําความเห็นเกี่ยวกับเร่ืองท่ี สอบสวน ในการพิจารณาทําความเห็นตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการสอบสวนต้องพิจารณาทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพิจารณามีมติในเร่ืองที่สอบสวนให้ครบทุกข้อกล่าวหาและทุกประเด็น ว่าผู้ถูกกล่าวหา กระทําผิดวินัยในเรื่องที่สอบสวนหรือไม่ ถ้าเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทําผิดวินัย ต้องพิจารณาให้ได้ความด้วยว่า - 91 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนท่ี ๖๗ ก หน้า ๑๓ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา เปน็ ความผิดวนิ ยั กรณใี ด ตามกฎ ก.ร. ว่าด้วยวินัยข้าราชการรัฐสภาสามัญข้อใด ควรได้รับโทษสถานใด และมเี หตอุ นั ควรลดหย่อนหรอื ไม่ เพยี งใด ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนเหน็ วา่ ผลการสอบสวนยังไม่ได้ความแน่ชัดพอที่จะลงโทษเพราะ กระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถ้าเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาหย่อนความสามารถในอันท่ีจะปฏิบัติหน้าที่ราชการ บกพร่องในหน้าที่ราชการ ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตําแหน่งหน้าท่ีราชการ หรือมีมลทินหรือมัวหมอง ในกรณีที่ถูกสอบสวน ถ้าให้ผู้นั้นรับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ ตามมาตรา ๘๓ (๖) หรอื (๗) แล้วแตก่ รณี กใ็ หท้ าํ ความเหน็ เสนอไวใ้ นรายงานการสอบสวนดว้ ย การประชุมเพ่ือพิจารณาทําความเห็นตามข้อน้ีต้องมีกรรมการสอบสวนมาประชุมไม่น้อยกว่าสามคน และไม่น้อยกวา่ ก่งึ หน่ึงของกรรมการทัง้ หมด ขอ้ ๕๒ เม่ือคณะกรรมการสอบสวนได้ดําเนินการตามข้อ ๕๑ แล้ว ให้จัดทํารายงาน การสอบสวนเสนอต่อผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนตามแบบตัวอย่างท่ี ก.ร. กําหนด โดยให้เสนอ ไปพร้อมสาํ นวนการสอบสวน รายงานการสอบสวนตามวรรคหนึง่ อยา่ งนอ้ ยต้องประกอบด้วยเร่ืองท่ีสอบสวน ข้อเท็จจริงและ ข้อกฎหมายที่เก่ียวข้อง ข้อกล่าวหา พยานหลักฐานท่ีสนับสนุนหรือหักล้างข้อกล่าวหา ประเด็นที่ต้องพิจารณา ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนตามข้อ ๕๑ วรรคสอง และวรรคสาม และลายมือช่ือกรรมการสอบสวนทุกคน รวมทั้งให้ประธานกรรมการลงลายมือช่ือกํากับไว้ในรายงานการสอบสวนหน้าอ่ืนด้วยทุกหน้า ในกรณีที่ กรรมการสอบสวนคนใดมีเหตุจําเป็นไม่อาจลงลายมือช่ือได้ ให้ประธานกรรมการสอบสวนบันทึกเหตุจําเป็น ดังกล่าวไว้ด้วย และในกรณีท่ีกรรมการสอบสวนผู้ใดมีความเห็นแย้ง ให้แสดงชื่อและสรุปความเห็นแย้ง ของผู้นั้นไว้ในรายงานการสอบสวนด้วย ในการนี้ ผู้มีความเห็นแย้งนั้นจะทําบันทึกรายละเอียดความเห็นแย้ง และลงลายมือชื่อของตนแนบไว้กับรายงานการสอบสวนดว้ ยก็ได้ ขอ้ ๕๓ ให้คณะกรรมการสอบสวนดาํ เนนิ การสอบสวนและจัดทํารายงานการสอบสวนพร้อมท้ัง สํานวนการสอบสวนเสนอต่อผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในหน่ึงร้อยยี่สิบวันนับแต่วันท่ี มีการประชุมคณะกรรมการสอบสวนครั้งแรกตามขอ้ ๒๖ ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนมีเหตุผลและความจําเป็น ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จได้ ภายในกําหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานกรรมการรายงานต่อผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวน เพ่ือขอขยายเวลาสอบสวนตามความจําเป็น ในการนี้ ผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนอาจขยายเวลาได้ ครัง้ ละไมเ่ กินสามสิบวนั และติดตามเร่งรัดการสอบสวนใหแ้ ลว้ เสรจ็ โดยเรว็ ด้วย ขอ้ ๕๔ เมื่อผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนได้รับรายงานการสอบสวนและสํานวน การสอบสวนแล้ว ให้พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องของการสอบสวน ถ้าเห็นว่าการสอบสวนถูกต้อง ครบถ้วนแล้ว ให้ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการตามข้อ ๕๕ แต่ถ้าเห็นว่าการสอบสวน ยังไม่ถกู ตอ้ งหรือไมค่ รบถว้ น กใ็ หส้ ัง่ หรือดําเนนิ การดังต่อไปนี้ - 92 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนท่ี ๖๗ ก หน้า ๑๔ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา (๑) ในกรณีที่เห็นว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือการแจ้งข้อกล่าวหายังไม่ครบถ้วน ให้สง่ั คณะกรรมการสอบสวนดาํ เนนิ การแจ้งข้อกล่าวหาหรอื แจง้ ขอ้ กล่าวหาให้ครบถ้วนโดยเร็ว (๒) ในกรณีท่ีเหน็ วา่ ควรรวบรวมข้อเทจ็ จรงิ หรือพยานหลักฐานเพ่ิมเติม ให้กําหนดประเด็นหรือ ข้อสาํ คัญทตี่ อ้ งการให้คณะกรรมการสอบสวนทาํ การสอบสวนเพ่มิ เติม (๓) ในกรณีที่เห็นว่าการดําเนินการไม่ถูกต้อง ให้ส่ังให้คณะกรรมการสอบสวนดําเนินการ ใหถ้ กู ต้องโดยเรว็ เม่ือคณะกรรมการสอบสวนได้ดําเนินการตามท่ีผู้ส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนมีคําสั่ง ตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้จัดทํารายงานเสนอผู้ส่ังแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาดําเนินการ ตามขอ้ ๕๕ ตอ่ ไป ข้อ ๕๕ เม่ือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนถูกต้องครบถ้วนแล้ว ใหพ้ จิ ารณาสง่ั หรือดาํ เนนิ การ ดังต่อไปนี้ (๑) ในกรณีท่ีเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทําผิดวินัยตามข้อกล่าวหา ให้สั่งยุติเร่ืองตามมาตรา ๖๘ วรรคสอง โดยทาํ เปน็ คาํ สงั่ ตามข้อ ๖๔ (๒) ในกรณีที่เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้สั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน ตามควรแก่กรณีให้เหมาะสมกับความผิดตามมาตรา ๗๑ และท่ีกําหนด ไวใ้ นขอ้ ๖๓ โดยทาํ เปน็ คําส่ังตามข้อ ๖๕ (๓) ในกรณีที่เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทําผิดวินัยเล็กน้อย และมีเหตุอันควรงดโทษจะงดโทษให้ โดยให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือนตามมาตรา ๗๑ ก็ได้ โดยทําเป็นคําสั่งงดโทษ ตามข้อ ๖๗ (๔) ในกรณีทเ่ี หน็ วา่ ผถู้ กู กล่าวหากระทําผดิ วินยั อยา่ งร้ายแรง ให้ส่ังลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ตามความร้ายแรงแห่งกรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนํามาประกอบการพิจารณาลดโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ ลดโทษลงต่ํากวา่ ปลดออก ตามมาตรา ๗๒ โดยทาํ เปน็ คําสัง่ ตามข้อ ๖๕ (๕) ในกรณีที่เห็นว่าผลการสอบสวนยังไม่ได้ความแน่ชัดพอท่ีจะลงโทษเพราะกระทําผิดวินัย อย่างร้ายแรง แต่เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาหย่อนความสามารถในอันท่ีจะปฏิบัติหน้าที่ราชการ บกพร่องในหน้าท่ีราชการ ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือมีมลทินหรือมัวหมองในกรณีท่ีถูกสอบสวน ถ้าให้ผู้นั้น รับราชการต่อไปจะเป็นการเสียหายแก่ราชการ ให้ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการ ตามมาตรา ๘๓ (๖) หรือ (๗) แล้วแต่กรณี ตอ่ ไป ในกรณีท่ีผู้ส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเป็นผู้มีอํานาจตามมาตรา ๖๙ (๑) หรือ (๒) ให้ผู้บังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๔๒ ของผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้สั่งหรือดําเนินการตามวรรคหน่ึง แล้วแตก่ รณี ขอ้ ๕๖ ในกรณีที่มีการย้าย การโอน หรือการเลื่อนผู้ถูกกล่าวหา อันมีผลทําให้ผู้มีอํานาจส่ัง แต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวนเปล่ียนไป ใหค้ ณะกรรมการสอบสวนท่ีไดแ้ ตง่ ตงั้ ไว้แลว้ นนั้ ดําเนินการตอ่ ไปจนเสร็จ - 93 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนท่ี ๖๗ ก หนา้ ๑๕ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา แล้วให้ทํารายงานการสอบสวนเสนอไปพร้อมกับสํานวนการสอบสวนต่อผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ สอบสวนเดิมตรวจสอบความถูกต้องของการดําเนินการเพื่อส่งไปยังผู้มีอํานาจสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวนใหม่พิจารณาสั่งหรือดําเนินการตามข้อ ๕๕ ต่อไป และถ้าในระหว่างการสอบสวนมีกรณีท่ี ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนต้องส่ังการอย่างใดเพ่ือให้การสอบสวนน้ันดําเนินการต่อไปได้ ให้ผู้สั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนเดมิ ส่งเรอ่ื งให้ผมู้ อี าํ นาจส่ังแต่งตัง้ คณะกรรมการสอบสวนใหมเ่ ปน็ ผูพ้ จิ ารณาตอ่ ไป ในกรณที ผ่ี ู้มีอาํ นาจสั่งแต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนใหม่ตามวรรคหนงึ่ เห็นสมควรให้ดําเนินการ ตามข้อ ๕๔ จะส่ังให้คณะกรรมการสอบสวนคณะเดิมดําเนินการ หรือในกรณีที่เห็นเป็นการสมควร จะแต่งต้ัง คณะกรรมการสอบสวนขน้ึ ใหมเ่ พือ่ ดาํ เนนิ การก็ได้ โดยใหน้ ําขอ้ ๑๗ และขอ้ ๑๘ มาใชบ้ งั คบั ข้อ ๕๗ ในกรณีท่ีปรากฏว่าการแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนไม่ถูกต้องตามข้อ ๑๗ ให้การสอบสวน ท้ังหมดเสียไป และให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๔๒ หรือผู้มีอํานาจตามมาตรา ๖๙ แล้วแต่กรณี แต่งตง้ั คณะกรรมการสอบสวนเพ่ือดาํ เนินการสอบสวนใหมใ่ ห้ถูกตอ้ ง ขอ้ ๕๘ ในกรณีท่ีปรากฏว่าการดําเนินการใดไม่ถูกต้องตามกฎ ก.ร. นี้ ให้เฉพาะการดําเนินการ น้ันเสียไป และถ้าการดําเนินการนั้นเป็นสาระสําคัญท่ีต้องดําเนินการหรือหากไม่ดําเนินการอันจะทําให้ เสียความเป็นธรรม ให้แกไ้ ขหรือดําเนนิ การนน้ั เสยี ใหม่ใหถ้ ูกตอ้ งโดยเร็ว ข้อ ๕๙ ในกรณีท่ีผู้ถูกกล่าวหาผู้ใดตายในระหว่างการสอบสวน ให้การดําเนินการทางวินัย แก่ผู้นั้นเป็นอันยุติ แต่ให้คณะกรรมการสอบสวนและผู้สั่งแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนดําเนินการ รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อไปเท่าที่สามารถจะกระทําได้ แล้วทําความเห็นเสนอต่อ ส่วนราชการต้นสังกัดเพื่อพิจารณาตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญข้าราชการ หรือกฎหมายว่าด้วย กองทนุ บาํ เหน็จบาํ นาญขา้ ราชการ แล้วแตก่ รณี ต่อไป ข้อ ๖๐ ให้นําบทบัญญัติว่าด้วยคณะกรรมการท่ีมีอํานาจดําเนินการพิจารณาทางปกครอง ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะกรรมการสอบสวน โดยอนุโลม เว้นแตอ่ งคป์ ระชมุ กรรมการสอบสวนตามขอ้ ๓๗ และข้อ ๕๑ หมวด ๕ กรณีความผดิ ที่ปรากฏชดั แจ้ง ข้อ ๖๑ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง และได้รับสารภาพ เป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชา หรือได้ให้ถ้อยคํารับสารภาพและได้มีการบันทึกถ้อยคํารับสารภาพ เป็นหนังสือหรือมีหนังสือรับสารภาพต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวนตาม กฎ ก.ร. นี้ ถือเป็นกรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๔๒ หรือผู้มีอํานาจตามมาตรา ๖๙ แล้วแต่กรณี จะพิจารณาดําเนินการทางวินัยโดยไม่ต้องสอบสวนหรือ งดการสอบสวนกไ็ ด้ - 94 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หน้า ๑๖ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกิจจานุเบกษา ข้อ ๖๒ ข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้ใดกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงในกรณีดังต่อไปนี้ ถือเป็นกรณี ความผิดท่ีปรากฏชัดแจ้ง ผู้บังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ หรือผู้มีอํานาจตามมาตรา ๖๙ แลว้ แต่กรณี จะดําเนนิ การทางวนิ ัยโดยไมต่ อ้ งสอบสวนหรอื งดการสอบสวนก็ได้ (๑) ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน โดยไม่กลับมาปฏิบัติ หน้าท่ีราชการอีกเลย และผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจส่ังบรรจุตามมาตรา ๔๒ ได้ดําเนินการหรือส่ังให้ ดําเนินการสืบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตาม ระเบยี บของทางราชการ (๒) กระทําความผิดอาญาจนได้รับโทษจําคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุด ให้จําคุกหรือให้รับโทษท่ีหนักกว่าจําคุก เว้นแต่เป็นโทษสําหรับความผิดท่ีได้กระทําโดยประมาท หรือ ความผิดลหโุ ทษ (๓) กระทําความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชา หรือได้ ให้ถ้อยคํารับสารภาพและได้มีการบันทึกถ้อยคํารับสารภาพเป็นหนังสือหรือมีหนังสือรับสารภาพต่อผู้มี หนา้ ท่ีสบื สวนสอบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวนตามกฎ ก.ร. น้ี หมวด ๖ การสง่ั ลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงนิ เดือน หรอื ลดเงินเดือน ขอ้ ๖๓ การลงโทษข้าราชการรัฐสภาสามัญผู้กระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชา ซงึ่ มีอํานาจส่งั บรรจุตามมาตรา ๔๒ มอี ํานาจสัง่ ลงโทษได้ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ภาคทัณฑ์ (๒) ตัดเงินเดือนได้คร้ังหนึ่งในอัตราร้อยละ ๒ หรือร้อยละ ๔ ของเงินเดือนท่ีผู้น้ันได้รับ ในวันที่มีคําสง่ั ลงโทษเป็นเวลาหนึง่ เดอื น สองเดอื น หรือสามเดอื น (๓) ลดเงินเดือนได้คร้ังหนึ่งในอัตราร้อยละ ๒ หรือร้อยละ ๔ ของเงินเดือนที่ผู้นั้นได้รับ ในวันทมี่ คี ําสั่งลงโทษ การสั่งลงโทษตัดเงินเดือนหรือลดเงินเดือน ถ้าจํานวนเงินท่ีจะต้องตัดหรือลดมีเศษไม่ถึงสิบบาท ใหป้ ดั เศษทง้ิ หมวด ๗ การสงั่ ยุติเรอื่ ง ลงโทษ หรืองดโทษ ขอ้ ๖๔ การสั่งยุติเรื่องตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง หรือมาตรา ๖๘ วรรคสอง ให้ทําเป็นคําส่ัง ระบุช่ือและตําแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา เรื่องท่ีถูกกล่าวหาและผลการพิจารณา ทั้งน้ี ตามแบบตัวอย่าง ท่ี ก.ร. กาํ หนด และใหล้ งลายมือชือ่ และตําแหน่งของผ้สู ่ังและวนั เดอื นปีที่ออกคาํ สัง่ ไว้ด้วย ขอ้ ๖๕ การส่ังลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดเงินเดือน ปลดออก หรือไล่ออก ให้ทําเป็นคําส่ัง ระบุช่ือและตําแหน่งของผู้ถูกลงโทษ แสดงข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสําคัญว่าผู้ถูกลงโทษกระทําผิดวินัย - 95 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๖๗ ก หนา้ ๑๗ ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา อย่างไม่ร้ายแรงหรืออย่างร้ายแรงในกรณีใด ตามกฎ ก.ร. ว่าด้วยวินัยข้าราชการรัฐสภาสามัญข้อใด พร้อมท้ังสิทธิในการอุทธรณ์และระยะเวลาในการอุทธรณ์ตามมาตรา ๘๗ ไว้ในคําสั่งน้ีด้วย ทั้งน้ี ตามแบบตัวอยา่ งที่ ก.ร. กาํ หนด และให้ลงลายมือชื่อและตําแหนง่ ของผ้สู ั่งและวนั เดือนปที อี่ อกคําสัง่ ไวด้ ้วย ข้อ ๖๖ การสัง่ ลงโทษ ใหส้ ง่ั ใหม้ ีผลต้งั แต่วนั หรอื ระยะเวลาดังต่อไปนี้ (๑) การส่งั ลงโทษภาคทณั ฑ์ ใหส้ ั่งใหม้ ผี ลต้ังแตว่ นั ท่มี ีคําสง่ั (๒) การส่งั ลงโทษตัดเงินเดอื นหรอื ลดเงนิ เดือน ให้ส่ังให้มผี ลต้ังแต่เดือนท่ีมีคาํ สง่ั (๓) การส่ังลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ให้สั่งให้มีผลตามระเบียบ ก.ร. ว่าด้วยวันออกจากราชการ ของขา้ ราชการรัฐสภาสามัญตามมาตรา ๘๐ วรรคสอง ขอ้ ๖๗ การส่ังงดโทษตามมาตรา ๗๑ วรรคสาม ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจส่ังบรรจุ ตามมาตรา ๔๒ ทําเป็นคําส่ัง และให้ระบุไว้ในคําส่ังด้วยว่าได้ให้ทําทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือได้ว่ากล่าว ตักเตือนแลว้ ทง้ั น้ี ตามแบบตัวอย่างท่ี ก.ร. กาํ หนด ขอ้ ๖๘ การส่ังงดโทษตามมาตรา ๗๕ วรรคสอง สําหรับกรณีที่ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ซึง่ ออกจากราชการไปแล้วแตม่ ีกรณถี ูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงอยู่ก่อนตามมาตรา ๗๕ วรรคหนึ่ง และผลการสอบสวนพิจารณาปรากฏว่าผู้นั้นกระทําผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจ สงั่ บรรจตุ ามมาตรา ๔๒ สัง่ งดโทษ ทั้งน้ี ตามแบบตวั อยา่ งท่ี ก.ร. กําหนด ข้อ ๖๙ เมื่อได้มีคําส่ังยุติเร่ือง ลงโทษ หรืองดโทษแล้ว ให้ดําเนินการแจ้งคําสั่งให้ผู้ถูกลงโทษ หรือผู้ถูกกล่าวหาทราบโดยเร็ว และให้ผู้ถูกลงโทษหรือผู้ถูกกล่าวหาลงลายมือช่ือและวันท่ีรับทราบไว้เป็น หลักฐาน และให้มอบสําเนาคําส่ังให้ผู้ถูกลงโทษหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้หน่ึงฉบับด้วย ถ้าผู้ถูกลงโทษหรือ ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมลงลายมือช่ือรับทราบคําสั่ง เม่ือได้ทําบันทึกลงวันที่และสถานท่ีท่ีแจ้งและลงลายมือช่ือ ผแู้ จ้งพรอ้ มทงั้ พยานรเู้ หน็ ไว้เปน็ หลกั ฐานแลว้ ใหถ้ ือวันท่แี จง้ นัน้ เป็นวันรบั ทราบ ในกรณีท่ีไม่อาจแจ้งให้ทราบตามวรรคหนึ่งได้หรือมีเหตุจําเป็นอ่ืน ให้ส่งสําเนาคําสั่ง ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปให้ผู้ถูกลงโทษหรือผู้ถูกกล่าวหา ณ ท่ีอยู่ของผู้ถูกลงโทษหรือผู้ถูกกล่าวหา ซ่ึงปรากฏตามหลักฐานของทางราชการ ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าผู้ถูกลงโทษหรือผู้ถูกกล่าวหาได้รับแจ้ง เม่ือครบกําหนดเจ็ดวันนับแต่วันส่งสําหรับกรณีส่งในประเทศ หรือเมื่อครบสิบห้าวันนับแต่วันส่งสําหรับ กรณีสง่ ไปยงั ตา่ งประเทศ หมวด ๘ การมีคาํ สั่งใหมก่ รณมี ีการเพิ่มโทษ ลดโทษ งดโทษ หรอื ยกโทษ ขอ้ ๗๐ ในกรณีท่ีมีการเพ่ิมโทษ ลดโทษ งดโทษ หรือยกโทษ ให้ผู้บังคับบัญชาซ่ึงมีอํานาจ สง่ั บรรจุตามมาตรา ๔๒ มีคําส่งั ใหม่ โดยใหส้ ั่งยกเลิกคาํ ส่งั ลงโทษเดิม แล้วสัง่ ใหม่ใหเ้ ปน็ ไปตามน้นั ขอ้ ๗๑ คําสั่งใหม่ตามข้อ ๗๐ ให้เป็นไปตามแบบตัวอย่างที่ ก.ร. กําหนด โดยอย่างน้อย ใหม้ ีสาระสําคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ - 96 -
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254