อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ก สารบญั เรือ่ ง หนา้ ภาคที่ ๑ หลักนิยมว่าด้วยอนุศาสนาจารยท์ หารบก ๑ ตอนที่ ๑ กลา่ วท่ัวไป ๒ บทที่ ๑ ตํานานอนุศาสนาจารย์ทหารบก ๑๙ บทที่ ๒ ภารกจิ ขดี ความสามารถและขีดจาํ กดั ๒๒ บทที่ ๓ การจดั และพันธกิจ ๒๓ บทที่ ๔ สัมพันธภาพของอนุศาสนาจารย์ ๕๐ บทท่ี ๕ งานในความรบั ผดิ ชอบของอนศุ าสนาจารย์ ๕๓ บทที่ ๖ การปฏิสัมพันธก์ บั ศาสนาอ่ืน ๙๘ บทท่ี ๗ สาํ นกึ แห่งอนศุ าสนาจารย์ ๑๐๒ ตอนที่ ๒ อนศุ าสนาจารยเ์ หล่าทัพ ๑๐๓ บทท่ี ๘ ตํานานอนุศาสนาจารย์ทหารอากาศ ๑๐๘ บทท่ี ๙ ตํานานอนศุ าสนาจารยท์ หารเรอื ๑๑๕ บทท่ี ๑๐ กองอนุศาสนาจารย์ กรมเสมยี นตรา สํานกั งานปลัดกระทรวงกลาโหม ๑๒๒ บทท่ี ๑๑ กองอนุศาสนาจารย์ กรมสารบรรณทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ๑๒๔ บทท่ี ๑๒ ตาํ นานอนศุ าสนาจารย์กรมราชทณั ฑ์ ๑๒๖ บทที่ ๑๓ ตาํ นานอนศุ าสนาจารย์ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ๑๒๘ บทท่ี ๑๔ ประวัติความเป็นมาของอนศุ าสนาจารยต์ ํารวจ ๑๓๓ ภาคที่ ๒ อนศุ าสนาจารยท์ หารบก ๑๓๖ บทท่ี ๑๕ ทําเนียบอนุศาสนาจารย์ทหารบก ๑๓๗ บทที่ ๑๖ เกียรตยิ ศ ๑๗๓ บทที่ ๑๗ มูลนธิ เิ ผยแผธ่ รรมะของอนุศาสนาจารย์ทหารบก ๒๑๔ บทที่ ๑๘ อาจรยิ บูชา – อาจริยพจน์ ๒๕๑ บทท่ี ๑๙ บทความ ๒๙๕ ภาคที่ ๓ การจัดการความรู้ นวัตกรรม งานสรา้ งสรรคแ์ ละผลงาน อศจ.ทบ. ๓๔๓ บทท่ี ๒๐ การจัดการความรู้ ๓๔๔ บทท่ี ๒๒ นวตั กรรม งานสรา้ งสรรค์ ๓๔๕ บทท่ี ๒๓ ผลงานของ อศจ.ทบ. ๓๔๗ ภาคผนวก ๓๕๒ ..................................
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ข มหาธีรราชาศิรวาทราชสดดุ ี ๑๐๐ ปี อนุศาสนาจารย์ไทย วสนั ตดลิ กฉันท์ ๑๔ .................................... คร้งั โลกลาํ เคญ็ รณวิวาท ชนขาดสุขารมณ์ สงครามประเทศปฐมจม ทุรกรรมิกากร จึ่งฉฐั กษัตริยมหา- วชิราวธุ าทร ทราบเหตุวินิจฉยปกรณ์ มนะนึกคะเนการณ์ ทรงเห็นสถานรณวิชิต วิธิสิทธิ์ชเยนทร์ศานต์ ส่งโยธิยุทธชิตชาญ ณ สมรภูมา มีหนึ่งนศุ าสนนุจร อดิสรณ์สหุ รรษา รบั ราชประสงค์พระวชิรา- วุธโสตถิ์สนององค์ เมื่อศึกสงบ ธ สมุ นัส อภิวฒั น์วิบูลวงศ์ กาํ เนิดนศุ าสน์วิทิตยง ศตวรรษกาลยืน ยามนี้มนันตอนศุ า- สนสรรพ์สิกล้นั กลืน ปีตานุปีติกลพื้น มนโมทเภรี ยามยุทธภฏั คณสถิต พลกิตติโสภี ตราบน้ันนุศาสนวิถี จะกระเดื่องทหารไทย ขอสัจจวาจนนิยาม คณุ งามพระทรงชยั อีกท้งั พระคณุ รตนตรยั กรเมตต์สโมธาน ชมุ พรอมรพิมลฤทธิ์ สปุ ระดิษฐบันดาล องค์ธีรราชประลสุ ราญ จิรกาลนิรนั ดร์..เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า คณะอนศุ าสนาจารย์ไทย ๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ ''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''' พนั เอก(พิเศษ) ศรณั ยภูมิ ผ้พู ึง่ อดีตผู้อาํ นวยการกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ร้อยกรองถวาย
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ค พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อย่หู ัว พระผ้พู ระราชทานกําเนิดกิจการอนุศาสนาจารยไ์ ทย (พ.ศ. ๒๔๖๒)
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๑ ภาคท่ี ๑ หลักนยิ มว่าดว้ ยอนศุ าสนาจารย์ทหารบก
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๒ ตอนที่ ๑ กล่าวทั่วไป
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๓ บทที่ ๑ ตาํ นานอนุศาสนาจารย์ทหารบก เรมิ่ ความ (พระธรรมนเิ ทศทวยหาญ เรยี บเรียงแต่ พ.ศ. ๒๔๖๙) ตาํ แหน่งอนุศาสนาจารย์สาํ หรบั กองทหารนัน้ ว่าไดม้ ีมาคราวหนง่ึ แล้วในรัชกาลท่ี ๕ แต่ว่ามีเพียงเป็นตัวบุคคล ไม่ได้ ตั้งขึ้นเป็นคณะเช่นกองหรือแผนกและไม่ได้บัญญัติเรียกว่าอนุศาสนาจารย์อย่างเดี๋ยวนี้ คงเรียกตามภาษาอังกฤษว่า แช๊ปลินหรือแช๊เปลนนั้นเอง ตามนิยมในยุคน้ัน ครั้นแล้วก็เลิกไป ไม่ได้มีติดต่อเป็นเช้ือสายถึงภายหลัง ตําแหน่ง อนุศาสนาจารย์ท่ีเคยมีมาแต่ก่อน จึงขาดตอนอยู่เพียงน้ัน(อนุศาสนาจารย์ในยุคน้ัน คือ พระสารสาสน์พลขันธ์ ( สมบุญ ) ปรากฎว่าเม่ือคร้ังยังอุปสมบทอยู่ ได้เป็น ฐานานุกรมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ครั้งยังทรงผนวชอยู่) ในท่ีนี้ จัก กล่าวเฉพาะแตก่ องอนศุ าสนาจารย์ท่ตี ัง้ ขน้ึ ใหม่ ซ่งึ สงั กัดอยู่ในกรมยทุ ธศึกษาทหารบกเดี๋ยวนี้ ตามเหตุการณท์ ี่มมี าโดยสงั เขป อุบัติ ในพุทธศกั ราช ๒๔๖๑ พระบาทสมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ ๖ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อได้ทรงพระกรุณาโปรด เกล้า ฯ ใหก้ ระทรวงกลาโหมจัดสง่ กองทหารอาษา ไปชว่ ยราชสมั พันธมติ รในงานพระราชสงครามแล้ว ทรงพระราชปรารภว่า กองทหารที่โปรดเกล้า ฯ ให้ส่งไปแล้วน้ัน เป็นอันได้จัดดีทุกสิ่งสรรพ์ แต่ยังขาดสิ่งสําคัญอยู่อย่างหน่ึง คือ อนุศาสนาจารย์ที่ จะเป็นผู้ปลุกใจทหาร หาได้จัดส่งไปด้วยไม่ (กระแสพระราชปรารภนี้ ท่านเสนาบดีกระทรวงธรรมการ เชิญมาเล่าแก่เจ้าหน้าที่ผู้จะเป็น อนุศาสนาจารย์ออกไป ลงไว้ในน้ีเพียงสังเขป) จึงทรงเลือก อํามาตย์ตรี พระธรรมนิเทศทวยหาญ หัวหน้ากองอนุศาสนาจารย์ใน บัดน้ี ซึ่งในเวลานั้นเป็น รองอํามาตย์ตรี อยู่ อุดมศิลป์ รับราชการอยู่ในกรมราชบัณฑิต กระทรวงธรรมการ (กระทรวงศึกษาธิการ) ให้เป็นอนุศาสนาจารย์ตามกองทหารออกไปยังประเทศยุโรป มีข้อความสังเขปแจ้งอยู่ในรายงานของ เสนาบดีกระทรวงธรรมการในเวลาน้นั อันส่งขึน้ ทลู เกล้า ฯ ถวาย หมายเลข ๑ ซึง่ ลงไว้ในลําดบั เร่ืองนี้แล้ว ในรายงานฉบับน้ัน ท้าวความถึงพระราชปรารภว่า ควรจะมีราชบัณฑิตเป็นอนุศาสนาจารย์ออกไปกับกองทัพ ตาม โบราณราชประเพณี ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการท่ีมีอนุศาสนาจารย์ออกไปคราวน้ัน คงเป็นตําแหน่งพิเศษของราชบัณฑิตในยาม สงครามโดยตรง คือเอาราชบัณฑิตไปเป็นอนุศาสนาจารย์เฉพาะคราวเท่านั้น หาใช่ตําแหน่งซ่ึงประจําอยู่กับราชการทหาร อย่างเดี๋ยวน้ีไม่ แม้ในการแต่งกายเล่า ทางกระทรวงกลาโหมก็คงให้ใช้อินทรธนูตามสังกัดเดิม ในรายงานฉบับนั้นจึงมีว่าแต่ง เป็นราชบัณฑิตตามหน้าท่ี ดังน้ี ซ่ึงทําให้พิศวงอยู่ว่าแต่งอย่างไร คือ แต่งอย่างนายทหารบก แต่ติดอินทรธนูกระทรวงธรรม การตามเดิมนั้นเอง และท่ีแต่งกายอย่างนี้หาได้เร่ิมไปแต่กรุงเทพมหานครไม่ เพราะเวลากระชั้น เจ้าหน้าท่ีกระทรวงกลาโหม เกรงจะทําเคร่ืองแต่งกายให้ไม่ทัน ได้ตกลงให้ไปทําในยุโรป เวลาเดินทางจึงแต่งอย่างพลเรือนไปตลอด การจัดส่งไปก็ดี การ นําเบิกถวายบังคมลาก็ดี เป็นธุระของกระทรวงกลาโหมนําเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทที่ท่าวาสุกรี เม่ือวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๔๖๑ ในการเสดจ็ พระราชดาํ เนนิ ยังพระราชวังบางปอนิ โดยชลมารค เพ่ือแปรพระราชฐาน อนั เน่ืองจากทรงพระประชวรใน ระหว่างนน้ั คําว่า อนุศาสนาจารย์ เป็นพระราชมติท่ีทรงเริ่มบัญญัติข้ึนในราชการคราวน้ันเป็นครั้งแรก ตามใจความแห่งหน้าท่ี ซึ่งมีพระราชประสงค์ให้ปฏิบัติ เพราะเมื่อกองทหารออกไปแล้ว ทรงพระราชวิตกถึงทหารย่ิงนัก จะเห็นได้จากพระกระแสที่ เสนาบดีกระทรวงธรรมการเชิญมาชี้แจงให้เจ้าหน้าท่ีฟัง และท่ี จอมพลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิศณุโลก ประชานารถ เสนาธิการทหารบกตรัสเล่าแก่เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ในขณะที่พาตัวเจ้าหน้าท่ีไปถวาย ด้วยว่าพระราช ปรารภที่จะส่งอนุศาสนาจารย์ออกไปนั้น ได้ทรงมาเป็น ๒ ทาง คือ ทางหน่ึงให้เสนาบดีรับส่ังมา เพ่ือทําความติดต่อกับองค์
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๔ จอมพลเสนาธิการทหารบก อีกทางหนึ่งได้รับส่ังตรงมายังองค์เสนาธิการทหารบกทีเดียว เพ่ือให้ทรงจัดส่งอนุศาสนาจารย์ ออกไป ในพระราชปรารภทง้ั ๒ ทางน้ี มพี ระกระแสร่วมกันเป็นใจความว่า “ทหารท่ีจากบ้านเมอื งไปคราวนีต้ อ้ งไปอยู่ในถน่ิ ไกล ไม่ได้พบเห็นพระเหมือนเมื่ออยู่ในบ้านเมืองของตน จิตใจจะห่างเหินจากทางธรรม ถึงยามคะนองก็จะฮึกเหิมเกินไป เป็นเหตุให้เสื่อมเสีย ไม่มีใครจะคอยให้โอวาทตักเตือน ถึงคราวทุกข์ร้อนก็อาดูรระสํ่าระสาย ไม่มีใครจะช่วยปลดเปลื้อง บนั เทาให้ ดูเปน็ การวา้ เหวน่ ่าอนาถ ถา้ มีอนศุ าสนาจารยอ์ อกไปจะได้คอยอนศุ าสนพ์ รํา่ สอนและปลอบโยนปลดเปลอ้ื งใน ยามทุกข์” ดังนี้เป็นต้น ซึ่งพระองค์เสนาธิการทหารบกรับสั่งรวมความว่า ให้อนุศาสนาจารย์ออกไปทหารจะได้ระลึกถึงพระ เชน่ นี้ จะเหน็ ไดว้ า่ ล้นเกล้าล้นกระหมอ่ มทรงเปน็ หว่ งถงึ ทหารของพระองค์เพียงไร และในข้อความทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หาได้กล่าว ลงไว้เท่าท่ีได้สดับตรับฟังคร้ังนั้นไม่ เป็นแต่ย่นย่อจากข้อความท่ีได้ฟังอีกช้ันหนึ่งเพราะเป็นเจ้าหน้าท่ีอยู่แก่ตน ย่อมจําเป็นที่ จะไดท้ ราบจากผู้ใหญ่ของตนอยา่ งตระหนักถ่ีถ้วนอยู่เอง แต่ไม่ได้จดบันทึกไว้ ท้ังกาลก็ล่วงมานานแล้ว จึงคงกล่าวแต่ใจความ ในข้อที่ล้นเกล้าฯ ทรงคิดถึงทหารของพระองค์อย่างไรเท่าน้ัน ได้บันทึกไว้แต่พระราชดํารัสเหนือเกล้า ฯ ที่ตรัสส่ังเสีย อนศุ าสนาจารย์เมอ่ื ถวายบังคมลา ซง่ึ ลงไว้ขา้ งทา้ ย หมายเลข ๒ น้ัน อันเป็นพยานแห่งข้อนี้โดยตรง เวลาน้ันพระอาการกําลัง ซีด เน่ืองจากทรงพระประชวรท่ีกล่าวแล้วได้รับส่ังอย่างช้า ๆ ด้วยพระสุรเสียงอันแหบเครือ มีพระกระแสทรงละห้อยแต่ ชดั เจนทกุ ๆ องค์ที่รับสงั่ ซึ่งทาํ ใหผ้ ู้รับใสเ่ กลา้ ฯ นน้ั ใจตื้น ดว้ ยอํานาจผสั สะในพระเดชพระคุณและความสงสารอันจับใจระคน กัน ได้บันทึกพระราชดํารัสน้ีลงในลําดับแห่งการน้ันทันทีและรายงานข้อความท้ังปวงนี้ ต่อท่านเสนาบดีของตน ท่านก็ เห็นชอบด้วยที่ทําดังนี้ เพราะจะได้นําไปเล่าให้ทหารทางโน้นฟัง จะได้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้า ฯ แม้ผู้อยู่ใน ภายหลังไม่ได้เห็นพระอาการในคราวนั้นด้วยตนเอง เป็นแต่ได้อ่านท่ีบันทึกไว้อย่างเดียว ความรู้สึกจะไม่เท่ากับได้อ่านพระ อาการในครั้งน้ันประกอบด้วยก็ตาม ถึงอย่างนั้น เมื่อได้อ่านพระราชดํารัสตรัสส่ังเสียที่บันทึกไว้น้ีแล้วก็คงเห็นได้ว่าไม่ใช่อ่ืน เปน็ เร่อื งทรงคิดถงึ ทหารท่ีไปนั้นเอง เม่ืออนศุ าสนาจารย์ไปถึงปารีสแล้ว หัวหน้าทูตทหารได้ทํารายงานบอกเข้ามา ยังกรมเสนาธิการทหารบก มีข้อความ แจ้งอยู่ในสําเนาข้างท้ายหมายเลข ๓ แล้วและหน้าท่ีของอนุศาสนาจารย์ ซึ่งจอมพลเสนาธิการทหารบก ทรงกําหนดไปยัง กองทตู ทหารนั้นมีใจความเปน็ ๕ ขอ้ ดงั น้ี ๑. ให้ทาํ การอยใู่ นกองทตู ทหาร ๒. ส่งตัวไปเยย่ี มเยือนทหารในที่ต่างๆ ซ่ึงทหารแยกย้ายกนั อยู่นั้นเนืองๆ เพ่ือสัง่ สอนตักเตือนใน พระพุทธศาสนา และทางจรรยาความประพฤติ ๓. ให้ถามสุขทุกข์กันอย่างใจจริง ทั้งคอยให้รับธุระต่างๆ ของทหาร เช่น จะสั่งมาถึงญาติของตนในกรุงสยาม หรอื ส่งเงนิ สง่ ของมาใหใ้ ห้รับธรุ ะทุกอย่าง ๆ ๔. ทหารคนใดเจ็บไข้ ใหอ้ นุศาสนาจารยไ์ ปเย่ยี มปลอบโยนเอาใจ ๕. ถ้ามีเหตอุ ันไม่พึงประสงค์ท่ีทหารคนใดถึงแก่ความตายลง ให้อนุศาสนาจารย์ทําพิธีเทศนาอ้างพระธรรมตาม แบบสงั ฆปฏิบตั ิในขณะฝังศพ รวมความ ก็ทําหน้าที่อย่างท่ีพระควรทํา แต่พระของเราจะไปยุโรปมิได้ขัดด้วยการแต่งกายและเหตุอื่นๆ จึงต้องใช้ คฤหัสถ์ซ่งึ เปน็ เปรยี ญ และเคยอปุ สมบทอยใู่ นเพศสมณะไดเ้ ป็นพระราชาคณะน้ันแทน การแต่งกาย ให้แตง่ อยา่ งนายทหาร แต่ใช้อนิ ทรธนูรองอาํ มาตยต์ รกี ระทรวงธรรมการ กับเว้นกระบี่ ในที่นี้ จะอธิบายถึงหน้าท่ีบางประการสักเล็กน้อย พอให้เห็นเป็นเค้าว่างานจริงๆ ในเรื่องนี้มีอยู่อย่างไร และทรงมุ่ง หมายอยา่ งไรบา้ ง จึงไดท้ รงวางหน้าทีไ่ ว้ดงั นี้
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๕ ในข้อ ๑ ซึ่งว่าให้ทําการอยู่ในกองทูตทหารน้ัน แม้ใจความจะบ่งอยู่ว่าย่อมแล้วแต่หัวหน้าทูตทหารจะให้ทําอะไร ซ่ึง นอกออกไปจากท่ีทรงกําหนดไว้แล้วน้ันดังน้ีก็จริง แต่ก็ทรงแนะกํากับไปด้วยในคราวน้ัน ทรงมุ่งหมายเพ่ือให้ช่วยในทาง เอกสาร ฝ่ายภาษาไทยโดยตรง ถึงอย่างน้ัน ผู้ใหญ่ที่โน่นก็ไม่กะงานอย่างอื่นให้ทํากี่อย่างนัก ที่เป็นหน้าเป็นตาน้ันนับได้ว่ามี อยู่อย่างเดียวคือ มอบให้เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจจดหมายของทหารท่ีจะส่งเข้ามาถึงญาติมิตรในกรุงสยาม เพราะมีข้อความบาง ประการท่ีห้ามไว้อย่างกวดขัน เพ่ือมิให้รั่วไหลออกนอกยุทธบริเวณของฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลานั้น ด้วยเหตุน้ี จดหมาย ส่วนตวั ของทหารท่ีไปในคราวนั้นทั้งสิ้น เม่ือจะส่งเข้ามาในนี้ จึงต้องผ่านกองทูตทหารก่อน เพ่ือให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจเรื่องและ ตัดข้อความท่ีตอ้ งห้ามออกเสยี แลว้ จงึ กลบั ผนึกสง่ เข้ามาได้ จดหมายท่ีว่านม้ี วี นั ละมากมายเพราะต่างคนก็ต้องการจะบอกข่าว สู่ญาติมิตรของตนด้วยกําลังความคิดถึง ในจดหมายฉบับหน่ึง ๆ จึงมีข้อความอย่างยืดยาว และต้องตรวจให้ได้ในวันหน่ึง ๆ ไม่ต่ํากว่าสองร้อยฉบับ สําหรับเจ้าหน้าที่คนหน่ึงต้องตรวจให้ได้ไม่ต่ํากว่าร้อยฉบับทุกวันไป ถ้าเป็นจดหมายอย่างยืดยาวมี ประดงั กันหลายสิบฉบบั ตรวจจนหมดเวลาทํางานแล้วยังไม่เสร็จ ก็ต้องนําไปตรวจในเวลากลางคืนให้เสร็จตามจํานวนที่กะไว้ เพือ่ ใหท้ ันส่งเจา้ หนา้ ทที่ างสถานทตู ในเวลาเชา้ แห่งวันรงุ่ ข้ึน ถงึ วา่ จดหมายทีต่ ้องตรวจประจําวันมีมากก็จริง แต่ไม่ใช่งานหนัก ความคิด เป็นแต่งานท่ีต้องใช้เวลากับความถ่ีถ้วนมากเท่านั้น งานในกองทูตทหารนอกจากน้ี เกือบจะกล่าวได้ว่า ผู้ใหญ่ทาง โน้นไม่ได้กะให้ทําอะไร ตัวบุคคลจึงมีโอกาสได้ปฏิบัติหน้าท่ีอย่างอนุศาสนาจารย์ได้เต็มท่ี ข้อนี้แหละที่เป็นหัวต่อสําคัญนัก ของงานอนุศาสนาจารย์ คือ ถ้าตัวบุคคลทํางานได้เฉพาะอย่าง ก็ไม่เป็นที่นิยมและเป็นทางชวนให้เห็นว่าหน้าท่ี อนุศาสนาจารย์ไม่สู้มีประโยชน์ไปด้วย ถ้าทํางานได้หลายอย่าง ก็เป็นทางมาแห่งงานได้หลายอย่าง ซึ่งแล้วแต่จะมีมา งาน เช่นน้ีมมี ากข้นึ เท่าใดงานที่เปน็ รสของอนุศาสนาจารยแ์ ท้ๆ ก็อาจเสอ่ื มไปเท่าน้นั เพราะบุคคลแบ่งภาคไมไ่ ด้ ย่อมไม่สามารถท่ี จะทําได้ดีทุกด้านไป และเม่ืองานที่เป็นรส ของอนุศาสนาจารย์เส่ือมลงแล้ว ถึงจะทํางานอ่ืนท่ีปนเข้ามาได้ดีสักเพียงไรก็ป่วย การ เพราะงานอ่นื ยอ่ มมีเจ้าหนา้ ท่ีอืน่ เป็นตัวต้งั อยู่แลว้ ถ้าอนศุ าสนาจารยไ์ ปทาํ งานเช่นน้ันประจําด้วยโดยไม่จําเป็น ย่อมเป็น การสํางานสําบุคคลอยา่ งว่า จะได้ผลกต็ อ้ งเปน็ ถ่เี กินไปและห่างเกนิ เทา่ นัน้ ไมใ่ ชไ่ ด้อย่างพอเหมาะแก่เหตุการณ์ และถ้างานที่ เป็นตัว รส(ภารกิจ) ของอนุศาสนาจารย์จริงๆ เส่ือมลงแล้ว หน้าที่ของอนุศาสนาจารย์ก็จะต้องเลือนไปโดยลําดับ จนนับ ไม่ไดว้ า่ โดยตรงนัน้ มอี ย่างไร ครัน้ เม่อื หน้าท่เี ลอื นไปแลว้ ตวั บคุ คลก็จําเลือนไปตามกัน จนอาจกลายเป็นไม่มี โดยนัยนี้เอง เม่ือ สาวเขา้ ไปโดยเทยี บตํานานแล้ว จึงน่าสงสัยวา่ อนุศาสนาจารย์ทวี่ า่ มมี าแล้วในคราวหนงึ่ นน้ั ไดส้ ญู ไปโดยความเลือนแหง่ รสงาน หรอื อยา่ งไร ดว้ ยวา่ หน้าท่ีอนศุ าสนาจารย์นั้น เฉพาะตัวงานทีเดียวยังเห็นได้ง่าย แต่ประโยชน์ของงานเห็นยากนัก เพราะเป็น นามธรรมโดยมากไม่เป็นช้ินเป็นก้อนให้เห็นได้อย่างรูปธรรม ย่ิงตัวบุคคลมีน้อยไปไม่พอแก่เหตุท่ีพึงมีด้วยแล้ว ก็ยิ่งเห็น ประโยชนไ์ ดช้ ้ามาก เม่อื เหน็ ประโยชน์ได้ยากและเนิ่นช้าดังนี้แล้ว ก็ชวนให้ทําโน่นทําน่ีท่ีมีประโยชน์ทันตาเห็น คร้ันงานเช่นนี้ อากูลข้ึน หน้าที่ของอนุศาสนาจารย์แท้ๆ ก็ยากที่จะคงบริบูรณ์อยู่ จึงต้องเลือนไปตามงาน และถ้าซ้ํามีตัวน้อยอยู่ด้วยแล้ว ตา้ นทานงานหลายดา้ นไมไ่ หวก็ต้องหมดเร็วอยู่เอง ในข้อ ๓ ท่ีว่าให้ถามสุขทุกข์กันอย่างจริงใจนั้น คือ ไม่ใช่ ถามอย่างปราศรัยซึ่งถามแล้วก็แล้วไป เป็นการถามเพ่ือจะ ช่วยเหลือโดยส่วนเดียว และไม่หมายความว่า ให้อนุศาสนาจารย์เที่ยวถามสุขทุกข์ของทหารเรื่อยไปอย่างน้ัน อันไม่เป็น กิจจะลกั ษณะ และไมส่ ะดวก ในทางการงานจริงๆ น้นั หมายเอาการรับปรับทุกข์ของทหารด้วยความจริงใจ เม่ือมีใครมาปรับ ทุกข์ ก็พูดจาถ่ายถามด้วยพยายามจะช่วยเหลือปลดเปล้ืองให้จริงๆ ตามที่ทําได้อย่างไร และเพียงไร กองทูตทหารของเราใน ปารีสจึงได้บอกประกาศไปยังกองทหารไทยทุกกอง ถึงความที่มีพระบรมราชโองการดํารัสให้จัดส่งอนุศาสนาจารย์ออกไป และอนุศาสนาจารย์เป็นเพื่อนทุกข์ของทหารท่ีไปทุกคน ถ้าใครมีความทุกข์ร้อนในใจอย่างไร เมื่อไม่สามารถจะแก้ไขได้โดย ประการอ่ืน ก็ให้ปรับทุกข์กับอนุศาสนาจารย์ได้ท้ังส้ิน ด้วยเหตุน้ีการปรับทุกข์ของทหาร จึงเป็นงานหนักอันหน่ึงในคราวน้ัน แม้ทหารที่ไปจะไม่ได้พบอนุศาสนาจารย์ทั่วถึงกันก็ตาม แต่คนมากด้วยกัน ไปอยู่ในต่างถ่ินแดนของตน ในคราวที่สับสน ซึ่ง
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๖ ผิดกันมากกับยามปกติ ทั้งบุคคลคนเดียวจะปรับทุกข์ก่ีครั้งก็ได้ ผู้ที่อยู่ห่างไกล ส่งจดหมายเล่าความในใจมาปรับทุกข์ก็ได้ แล้วอนุศาสนาจารย์เขียนชี้แจงตอบไป เช่นนี้ การรับปรับทุกข์จักมีน้อยเร่ืองไม่ได้อยู่เอง และใช้เวลาอีกต่างหาก นอกจาก เวลาทาํ การในกองทูตทหารเปน็ เปดิ โอกาสให้ทุกระยะไป งานนี้จึงเพรื่อมาก แต่เป็นเหตุให้ได้ใช้อนุศาสนาจารย์มาก ได้พูดจา เฉพาะตัวในทางธรรมมากซึ่งมีทางได้เน้ือยิ่งกว่าที่ผู้นั้นจะเข้าไปรวมฟังในคราวประชุม โดยเหตุว่าการปรับทุกข์ของทหารนั้น แม้ย่อมมีได้ต่างๆ ตามเรื่องตามอารมณ์ของบุคคล จนกําหนดไม่ได้ว่าจักเป็นเร่ืองอย่างไรบ้างดังนี้ก็ตาม แต่การรับปรับทุกข์ ของอนุศาสนาจารย์ ต้องใหเ้ ป็นไปโดยธรรมเสมอคอื ม่งุ แกเ้ หตใุ นตวั ของผู้ปรบั ทกุ ข์นนั้ เองใหย้ งิ่ กวา่ อย่างอนื่ ไม่ใช่คอยแก้เหตุ ในภายนอกเป็นใหญ่ เพราะไม่มีที่สุดและหายุติในการนี้ได้ยาก จึงต้องพยายามที่สุดเพ่ือให้ผู้ปรับทุกข์ได้รับประโยชน์ในทาง ธรรม ทั้งในโอกาสเช่นน้ัน เป็นคราวท่ีจะพูดกันได้เต็มที่ และความทุกข์ร้อนท้ังมวลนั้นย่อมทับถมแก่ผู้เสียระเบียบในทาง มากกว่าผ้อู ืน่ ทางธรรมเท่านัน้ ย่อมเปน็ ระเบยี บอยา่ งดีย่ิงของทางใจ และอยา่ งไร จึงชอื่ ว่ามีระเบียบในทางใจ เม่ือจําเป็นต้อง ทําท่ียากก็จําเป็นต้องยอมลําบาก เมื่อจําเป็นต้องยอมลําบากก็จําเป็นต้องอดทน เม่ือจําเป็นต้องอดทน ก็จําเป็นต้องทําใจให้ แช่มอยู่กับความอดทนเข้าไปชว่ ยกันตามลําดับ ตวั อยา่ งดังนีเ้ ปน็ ตน้ แหละ เรียกว่ามรี ะเบยี บในทางใจ ต้องโนม้ น้าวผู้ปรับทุกข์ ในทางน้ี จึงชื่อวา่ เป็นไปโดยธรรม ไม่ใช่รับปรับทุกข์ด้วยวิธีพยักพเยิด ธรรมดาผู้ปรับทุกข์ ถ้าเดือดร้อนกับใครมามักจะอดเอา เรื่องของบุคคลน้ันๆ มาประมูลไม่ใคร่ได้ ซึ่งไม่เป็นแต่เล่าเร่ืองทุกข์ร้อนของตนเองตรงๆ ไปเช่นว่าเดือดร้อนมากับ ผู้บังคับบัญชา หรือเพ่ือนข้าราชการด้วยกัน ก็มักจะโพนทนาถึงบุคคลน้ันๆ อีกชั้นหนึ่ง ซ่ึงไม่เฉพาะแต่ปรับทุกข์ หรือถ้าไม่ พูดเป็นเนอ้ื เป็นตวั กต็ เิ ตียนการปกครองอยา่ งน้ันอย่างนี้ ถ้าผู้รับปรับทุกข์ได้พลอยเอออวยช่วยติเตียนส่งไปด้วย ก็มักจะเป็นท่ี พอใจของผู้ปรับทุกข์ อย่างนี้เรียกว่าพยักพเยิด ไม่ใช่เป็นไปโดยธรรม การรับปรับทุกข์ของอนุศาสนาจารย์ย่อมไม่ใช่ดังว่านี้ ย่ิงถ้าความทุกข์ร้อนของผู้น้ัน เป็นเรื่องท่ีจะต้องแก้ทางผู้บังคับบัญชาด้วยแล้ว ก็ย่ิงต้องระมัดระวังให้จงหนัก ถ้าเร่ืองนั้นจัก เปน็ ไปในทางเสยี ปกครองแลว้ ก็มีสิ่งท่ีอนศุ าสนาจารย์จะพึงทํา แต่ต้องช้ีแจงแก่ผู้ปรับทุกข์จนเข้าใจ ให้เห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้ ใจจะได้ยอมอยู่ในเหตุผล ซ่ึงเป็นการอยู่สงบแก่ตนผู้น้ันเอง แต่ความจริงในเร่ืองนี้ ยังมีอีกชนิดหนึ่ง คือ ถ้าความเดือดร้อน น้ันๆ บังเกิดข้ึนเพราะความเข้าใจของผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชาไม่บรรจบเข้าหากัน อย่างท่ีเรียกว่าไม่พบกันคร่ึงทาง ดังนี้เป็นสาเหตุ ความเป็นไปพอดีในเรื่องนั้นๆ จึงมีไม่ได้ และความเดือดร้อนก็เกิดข้ึน เมื่อมีคนกลางเข้าไปอีกคนหน่ึงช่วย ส่ือสารให้ ความพอดีจะเกิดขึ้นได้ และความเดือดร้อนของผู้ปรับทุกข์จักสงบได้ เช่นนี้แล้วอนุศาสนาจารย์ย่อมเป็นคนกลาง ช่วยเหลือได้ เพ่ือสวัสดิภาพด้วยกันท้ังสองฝ่าย ในหน้าที่ข้อน้ี จึงได้ทรงมุ่งหมายให้อนุศาสนาจารย์พูดจาให้ โดยใจความก็คือ เป็นคนกลางดังกลา่ วมา และเหตไุ รจึงตอ้ งมีคนกลางพดู จาให้ ตามทีไ่ ดท้ ราบอธบิ ายมาแตค่ รงั้ นน้ั วา่ เพราะปกติของทหาร มัก สะทกสะท้าน ไม่สามารถจะยังถ้อยความให้บริบูรณ์ ความประสงค์ในอันจะกล่าวย่อมเสียไป หรือมิฉะน้ัน เม่ือต้องพูดจากัน มากเข้า กจ็ ะกลายเป็นความตอ่ นดั ตอ่ แนงแกก่ ันข้ึน ถ้ามีผู้สื่อสารให้ ย่อมเป็นการระงับข้อนี้ได้ จึงได้ทรงมุ่งหมายไว้ดังน้ี ด้วย พระปรีชาญาณท่ที รงเห็นอกเหน็ ใจของทหารจริงๆ งานอันนี้อยู่ข้างยากมาก แต่ถ้าทําจริง ๆ และปฏิบัติให้ถูกต้องกับเรื่องแล้ว ย่อมระงับเหตุภายในได้มากทีเดียว เพราะความเดือดร้อนในใจ ย่อมเป็นเหมือนวัตถุระเบิดท่ีอัดอยู่ เม่ือไม่มีทางจะถ่ายถอนและทนไม่ไหว ก็ให้ผลร้ายได้ต่าง ๆ ย่ิงเป็นคราวขับขันเช่นในราชการครั้งน้ันด้วยแล้ว ความเดือดร้อนส่วนบุคคลก็ย่ิงมีทางเกิดได้มากมาย จึงเห็นได้ว่า การที่ โปรดเกถา้ ฯ ให้ส่งอนศุ าสนาจารย์ออกไปคราวน้ัน เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น แต่ทั้งนี้ ต้องให้เป็นไปอย่างล้ีลับ แม้ ถึงในเหตกุ ารณท์ จ่ี ะพดู จาทางผูบ้ ังคบั บญั ชาของทหารผู้ปรบั ทกุ ข์ กต็ อ้ งใหเ้ ปน็ ไปเฉพาะ เชน่ เดยี วกนั และเพราะเหตุที่ต้องทํา โดยลลี้ บั ดังนีแ้ หละ จงึ เป็นงานที่มองเหน็ ไดย้ าก แตอ่ ยใู่ นวิสยั ของผใู้ หญ่ งานอันนี้จงึ ไดเ้ ป็นไปแลว้ ในครง้ั น้ันและต่อมา ในขอ้ ๔ ทีว่ า่ ทหารคนใดเจ็บไข้ ให้อนุศาสนาจารย์ ไปเยี่ยมปลอบโยน เอาใจนนั้ ทหารทไ่ี ป มปี ว่ ยประจํา โรงพยาบาลอยูเ่ สมอต้ังแตไ่ ปจนกลบั ไมม่ ีวันว่างเว้นทหารปว่ ย อนุศาสนาจารย์ จึงไดถ้ อื เอาการไปโรงพยาบาล เป็นกจิ วตั ร อย่างหนงึ่ ซ่ึงต้องทําเสมอ คอื ไปได้ในวันใด เปน็ ต้องไปวันน้ัน ครัน้ เม่ือไปเสมอ ๆ เช่นนแ้ี ลว้ จกั เยย่ี มเฉพาะแตท่ หารไทย
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๗ ดว้ ยกนั กด็ ูเป็นใจจดื จงึ ได้ไปเย่ยี มทหารฝรง่ั ดว้ ย เพราะทหารปว่ ยส่วนมากท่ีสง่ เขา้ ไปรกั ษาตัวในปารสี นน้ั อยูโ่ รงพยาบาล เดียวกันกับทหารฝรงั่ กจิ ในการเยี่ยมทหารเจ็บไขข้ องอนุศาสนาจารยน์ ั้น มิได้อย่ทู ีถ่ ามอาการกบั ตวั คนเจบ็ ว่าเป็นอย่างไร เพราะไดท้ ราบ ความจากนายแพทยแ์ ละผพู้ ยาบาลประจําตวั แลว้ กจิ ของอนุศาสนาจารย์อยูท่ ่ีสอนคนเจ็บ ให้ร้จู ักจดั การในใจของตนเองใน เวลาเช่นน้ัน อันรวมความได้ว่า คนเจบ็ นัน้ ๆ ไดฟ้ ังได้รู้และทําใจอยา่ งใดจงึ เปน็ ประโยชน์ อย่างยงิ่ ของตนในเวลาน้ันได้ อนุศาสนาจารยก์ เ็ ย่ยี ม และสอนอย่างน้ัน ทค่ี วรจะรวมกนั ฟงั ได้ นายแพทย์กใ็ ห้มาประชมุ แหง่ เดียวกัน ที่มาไมไ่ ด้ อนศุ าสนาจารย์กไ็ ปเยย่ี ม และให้สตเิ ฉพาะคนเป็นเตียง ๆ ไป ทเี่ จบ็ ไขอ้ ย่างเดยี วกันและอยู่เคยี งกนั อนุศาสนาจารยก์ เ็ ขา้ ไป อยู่ในระหวา่ งแหง่ เตยี งทงั้ สอง ใหค้ นเจ็บได้นอนฟงั พรอ้ มกนั ไปท้งั สองคน ผลซ่ึงได้ในตอนน้ี ทไี่ มเ่ ปน็ แตเ่ พียงวา่ กองทหารไทย จาํ เริญ ได้รบั ทํานุบํารุงอย่างประณตี จนถงึ มีเจ้าหน้าทีค่ อยเย่ยี มและใหส้ ติในยามเจ็บไข้เป็นพิเศษอีกตา่ งหาก นอกจากท่ีมี แพทยแ์ ละผ้พู ยาบาลประจาํ ให้ จะเฟน้ หาผลตา่ งๆ ที่ว่าทําดังน้ีแล้วจะได้อะไรน้ัน ยากที่จะเห็นได้ แม้ตัวผู้ทําเองก็มิอาจยืนยัน นอกจากจะกล่าวไว้เพียงเป็นรายงานว่า ทหาร ปว่ ยทกี่ าํ ลงั กระสับกระส่ายด้วยทุกข์เวทนานั้น ได้รับเย่ียมฟังคําสอน จนหลับได้ ซ่ึงเขาตื่นขึ้นไม่ทราบว่าอนุศาสนาจารย์ถอย ออกไปเม่ือไร ดังน้ีก็มี แต่ถึงอย่างนั้น ก็เป็นคราวของร่างกายที่จะเป็นเช่นน้ันได้ ส่วนคราวที่เป็นไม่ได้น้ันมีอยู่ แม้จะสอน อยา่ งไรก็ไม่ไหว คงเปน็ ไปตามเร่อื งทร่ี ่างกายจะเปน็ อยูน่ ่นั เอง ยงั มกี รณีอกี อยา่ งหนง่ึ ซึง่ เกิดเป็นงานจรงิ ข้นึ คราวนั้น อนั เนือ่ งมาแตพ่ ระกรุณาคณุ ของสมเดจ็ พระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสเป็นเดิมเหตุ ความสวัสดีจึงมีแก่ทหารป่วยส่วนมากที่กล่าวแล้ว ประพฤติเหตุทางอนุศาสนาจารย์ ทง้ั หมด ทีเ่ ปน็ สว่ นการบคุ คลอย่างเดียว มิได้เกี่ยวกับพระเกียรติคุณของเจ้านายนั้น จะตัดทอนออกเสียอย่างไร ถ้าไม่เสียข่าว ในทางตํานานแล้วก็ทําได้ เพราะเป็นเร่ืองทางเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ ไม่อัศจรรย์อะไร แต่ถ้าเป็นข้อความแสดงพระมหา กรุณาธิคุณของล้นเกล้า และพระเดชพระคุณของจอมพลเสนาธิการทหารบก ในราชการคราวนั้นแล้ว จักตัดทอนออกเสีย ย่อมเป็นการไม่เฉลิมพระเกียรติคุณของเจ้านาย หาสมควรไม่ แม้ในข้อน้ีก็เหมือนกัน ไม่กล่าวให้ปรากฏไม่เป็นแต่เสียข่าว ในทางตํานาน ย่อมเป็นการทิ้งพระคุณข้อน้ีท่ีมีแก่ทหารป่วยในคราวน้ันด้วย และถ้าไม่ทราบในท่ีน้ีแล้ว จักหาทางทราบที่อื่น ได้โดยยาก เพราะเปน็ เรอ่ื งลล้ี ับชอบกลอยู่ จักกลา่ วไว้พอรักษาเร่อื งที่ควรจะทราบ ทหารไทยที่ป่วยสว่ นมากนนั้ เม่อื ได้ยา้ ยมาฝากไว้ทีโ่ รงพยาบาลลุกเซมเบิก ในปารสี ซ่ึงเปน็ โรงพยาบาลสาํ หรับทหาร อเมริกันในการสงครามคราวน้ัน คร้ังหนึ่ง ทหารเป็นไข้นิวโมเนียถึงแก่กรรมติด ๆ กันไป ทหารป่วยเป็นอันมากต่างใจฝ่อไป ตามกัน ให้หวาดหว่ันต่อมรณภัยจนขวัญเสีย เห็นโรงพยาบาลเหมือนป่าช้า และเกิด โกลาหลป่วนป่ันข้ึน ท่ีจะให้พ้น โรงพยาบาลน้ีไปเสียให้ได้ จึงรบเร้านายแพทย์ให้ส่งกลับยังกองเดิมของตน ๆ แม้ยังไม่หายก็ขอไป นายแพทย์จักชี้แจง ปลอบโยนสักเท่าไร หาฟงั ไม่ นายร้อยเอก หลวงประสิทธิ์สรรพแพทย์ (อุ๋ย สุนทรหุต) ผู้บังคับหมวดพยาบาลของกองทหารท่ี ไป ซงึ่ ในเวลาน้ันยงั มไิ ด้เรียกว่าหมวดเสนารักษ์ เป็นผู้ทํางานร่วมมือกันกับอนุศาสนาจารย์ในการเย่ียมทหารเจ็บไข้ ได้มาแจ้ง เร่ืองน้ี ให้อนุศาสนาจารย์ฟังดังที่กล่าวมาแล้วนั้น และขอให้ช่วยระงับเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นนี้กับชี้แจงว่า ได้ขอผัดทหารไว้ให้ สงบรออยู่ก่อน เพ่ือจะมาขอให้แก้ไข จึงได้ปรึกษากันว่า ทางแก้ไขโดยตรงนั้นก็คือพูดจาช้ีแจงจนเข้าใจ แต่นายแพทย์ก็ได้ ช่วยกันพูดแล้วเป็นหนักหนา อนุศาสนาจารย์จักไปชี้แจงอีก เป็นการทําช้ําในข้อที่ทหารไม่ฟังแล้ว ไม่น่าจะได้ประโยชน์ จึง เห็นอยู่ทางหน่ึงเท่านั้นท่ีควรจะทําได้ คือต้ังพิธีทําน้ํามนต์ประให้ทหารเหล่าน้ันเห็น วัตถุมิ่งขวัญท่ีจะประสิทธิ์ให้เป็นน้ํามนต์ ข้ึนน้ัน ก็ได้ประทานออกมาสําหรับมีพร้อมอยู่แล้ว ขัดข้องอยู่ข้อเดียวเท่านั้น คือ อนุศาสนาจารย์เป็นฆราวาส ทหารจักไม่ สนทิ ใจในน้ํามนต์ท่ีทําว่าศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เป็นประโยชน์อีก แต่ผู้บังคับหมวดพยาบาลยืนยันว่า ทหารนับถือ เพราะมีความนับถือ ส่วนบุคคลมากอยู่แล้ว แม้ตนเองก็นับถือ ไม่มีความรังเกียจเลย การท่ีฆราวาสทําน้ํามนต์น้ัน หาเป็นเร่ืองท่ีแปลกไม่ ใน บ้านเมืองเรากท็ ํากนั ถมไปจึงเปน็ อันตกลงในการนี้ เมื่ออนุศาสนาจารย์จะไปน้ัน ได้ถวายบังคมลาสมเด็จพระมหาสมณะเจ้าและทรงพระกรุณาโปรดให้ข้ึนเฝ้าบน ตาํ หนกั จันทร์เปน็ พเิ ศษ ไดป้ ระทานวัตถเุ ป็นมิง่ ขวัญ ๓ อย่าง คือ เหรียญพระพุทธชินสีห์ เหรียญพระจตุราริยสัจ เหรียญมหา สมณุตตมาภิเษก และทรงส่ังไว้ว่า ถ้าถึงคราวจําเป็น ก็ให้นําวัตถุเหล่านี้ออกทําน้ํามนต์ได้ ทั้งทรงอธิบายไว้ด้วยว่าสีลพัตต ปรามาสนั้น ถา้ มงุ่ เอาเมตตากรุณาเปน็ ทีต่ ้งั แลว้ ยงั เป็นกิจท่คี วรทาํ ไมค่ วรจะเว้นเสียทีเดียว เหตุไรจึงได้ทรงอธิบายดังนี้เพราะ
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๘ สีลพัตตปรามาสเป็นพิธีของโลกมาแต่โบราณกาลจนบัดนี้ ไม่ใช่ความดีในพระศาสนาท้ังเป็นปฏิปักษ์ต่อการทําความดีในพระ ศาสนาด้วย ซ่ึงผู้ปฏิบัติธรรมช้ันสูงจะแตะต้องไม่ได้ทีเดียว แต่ถ้าทําด้วยอํานาจเมตตากรุณาเป็นใหญ่ ด้งที่พระสงฆ์สวดมนต์ ทําน้ํามนต์น้ันเป็นต้นแล้ว ก็ไม่เป็นข้อท่ีเสียหาย จักอธิบายไว้ให้ละเอียดจะชักช้า จึงขอรวบรัดตัดตอนว่า เม่ือได้ตกลงกัน ดังนั้นแล้ว ถึงเวลากําหนด ก็อัญเชิญวัตถุม่ิงขวัญทั้ง ๓ น้ีไปยังโรงพยาบาลลุกเซมเบิก นายแพทย์ให้ทหารป่วยท่ีเดินได้มา รวมกันในห้องทหารป่วยที่เดินไม่ได้ อนุศาสนาจารย์ยืนอยู่ ณ ท่ามกลางชุมชนน้ันซ่ึงพากันเงียบกริบปราศจากเสียง ยกถ้วย นํ้าขึ้นจบแล้วประคองไว้ในกระพุ่มมือต้ังสัตยาธิษฐานประกาศข้อความทําน้ํามนต์น้ันดัง ๆ ช้า ๆ ให้ทุกคนได้ยินทุกคําอย่าง กล่าวประกาศสัตยาธษิ ฐานทที่ ่านทาํ กันมา คร้ันสําเร็จเป็นนํ้ามนต์ข้ึนแล้วแทนที่จะประพรมตามห้องดังได้ตกลงกันไว้ก่อนน้ัน ท้ังนายแพทยท์ ั้งทหารป่วยตา่ งกลุ้มรมุ ขอน้ํามนต์นนั้ ดมื่ บา้ ง ลูบหนา้ ลบู ศีรษะบ้าง จนไม่พอกันต้องเติมแล้วเติมเล่าเป็นหลาย หน จึงได้ประพรมตามเตียงคนไข้จนท่ัวห้อง เพ่ือขับอุปัทวะอย่างประนํ้ามนต์ขึ้นเรือนใหม่ ความปั่นป่วนของทหารไทยใน โรงพยาบาลลกุ เซมเบกิ กส็ งบแตน่ ั้นมา จนถงึ กลบั พระมหานคร อนุศาสนาจารย์ที่ไปคราวน้ัน ได้กลับมากับกองทูตทหารถึงกรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ กระทรวงกลาโหม ไดต้ ง้ั กองอนุศาสนาจารย์ขึ้นในเดือนนั้นทันที มีข้อความแจ้งอยู่ในสําเนาคําสั่งสําหรับทหารบกเรื่องต้ังกอง อนุศาสนาจารย์ ซ่ึงหมายเลข ๔ มีข้อปรารภแจ้งอยู่ในสําเนาคํากราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ซึ่ง หมายเลข ๕ และขอโอนตัวบุคคลจากกระทรวงธรรมการมาเป็นหัวหน้ากอง มีเหตุผลแจ้งอยู่ในสําเนาหนังสือขอโอนของ กระทรวง ซ่ึงหมายเลข ๖ แล้ว กองอนุศาสนาจารย์ที่ต้ังขึ้นนี้ สังกัดอยู่ในกรมตําราทหารบก ซึ่งเป็นกรมขึ้นของกรมเสนาธิ การทหารบกในเวลานั้น มีข้อบังคับสําหรับทหารบกว่าด้วยกองอนุศาสนาจารย์ แจ้งอยู่ในสําเนาข้างท้ายนี้ตอนหมายเลข ๗ ซ่ึงในท่ีน้ีเรียกว่าข้อบังคับเดิม เพราะบัดนี้ไม่ใช้แล้ว คํากราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตต้ังกอง อนุศาสนาจารย์ข้ึนก็ดี คําขอโอนตัวบุคคลจากกระทรวงธรรมการ และข้อบังคับนั้นก็ดี จอมพล เสนาธิการทหารบกทรงร่าง เองท้ังน้ัน สมุหนามแห่งงานส่วนใหญ่ของกรมตําราทหารบกแต่ก่อนนั้นเป็นกองบ้าง เป็นแผนกบ้าง ต่าง ๆ กัน เจ้าหน้าท่ีจึง ได้บญั ญตั ิใหเ้ ปน็ แผนกเหมอื นกันหมด กองอนศุ าสนาจารย์จึงเป็นแผนกในกรมนั้น เรียกว่า แผนกอนุศาสนาจารย์ และแผนก เหล่าน้ันที่เรียกตามลําดับเลขก็มี คือ แผนกท่ี ๑ แผนกท่ี ๒ เรียกตามใจความก็มี คือ แผนกอนุศาสนาจารย์ แผนกห้องสมุด กระทรวงกลาโหม ไม่เหมือนกันเช่นนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้เปลี่ยนบัญญัติอีกให้เรียกตามลําดับเลขเหมือนกันหมดต้ังแต่แผนกที่ ๑ ถึงแผนกท่ี ๔ และแผนกอนุศาสนาจารย์เป็นแผนกท่ี ๓ ในกรมน้ัน ต่อมากรมตําราทหารบกได้ทําประมวญข้อบังคับสําหรับ ทหารบกขึ้น กระทรวงกลาโหมสั่งให้ใช้ประมวญนั้น และยกเลิกบรรดาข้อบังคับ สําหรับทหารบกซึ่งแยกอยู่ต่าง ๆ เสีย ข้อบังคับว่าด้วยกองอนุศาสนาจารย์ ซึ่งตราขึ้นไว้แต่เดิมน้ัน จึงเป็นอันไม่ต้องใช้เพราะต้องแก้ความเดิมมาโดยลําดับ และใน ท่ีสุดได้มีในประมวญแล้ว แต่เพื่อให้ทราบความเดิมว่าเป็นมาอย่างไร จึงได้รักษาไว้ในเร่ืองน้ี ถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ เลิกกรมตํารา ทหารบก และจําหน่ายแผนกในกรมน้ันไปไว้ในกรมน้ันๆ ตามเหมาะสมแก่งาน ส่วนแผนกที่ ๓ จําหน่ายมาไว้ในกรมยุทธ ศกึ ษาทหารบก ยกมาแตว่ นั ท่ี ๕ ตลุ าคม ศกนั้น ประจวบกับเป็นคราวที่กรมน้ีเริ่มเปลี่ยนสมุหนามของประเภทงานให้เรียกว่า กองเหมือนกนั หมด แผนกที่ ๓ ท่ียกมา จึงเปน็ กองอนศุ าสนาจารย์ในกรมยทุ ธศึกษาทหารบก เรื่องน้ี ยังขาดข่าวในทางตํานานอยู่หลายประการ แต่เป็นเร่ืองท่ีเร่งรัดต้องทําด้วยเวลาจํากัดจึงเป็นยุติว่า กอง อนศุ าสนาจารยไ์ ด้มขี ึ้นในกรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก ดว้ ยประการดงั นี้
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๙ เอกสารหมายเลข ๑ รายงานของเสนาบดีกระทรวงธรรมการ สง่ ขนึ้ ทลู เกลา้ ถวาย --------------------- หมายเลขท่ี ๖/๑๘๖๕ ลงวนั ที่ ๒๙ มิถนุ ายน ๒๔๖๑ ขอพระราชทานทูลเกลา้ ฯ ถวาย ขอเดชะฝ่าละอองธลุ ีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม เน่ืองจากพระราชปรารภว่า ในงานพระราชสงครามครั้งน้ี ซ่ึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ส่งกองทหารไปช่วยราชสัมพันธมิตร กระทําการสงครามแล้ว ควรจะมีราชบัณฑิตเป็นอนุศาสนาจารย์ออกไปกับกองทัพตามโบราณราชประเพณี ทรงพระราชดําริ ว่ารองอํามาตย์ตรี อยู่ เปรียญ เดิมเป็นพระอมราภิรักขิต พระคณาจารย์เอก บัดนี้รับราชการอยู่ในกรมราชบัณฑิตกระทรวง ธรรมการ ควรสนองพระเดชพระคุณในตําแหน่งนี้ได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มีพระราชดํารัสส่ังให้ข้าพระพุทธเจ้านํา ความไปกราบทูลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ เสนาธิการทหารบก ข้าพระพุทธเจ้ารับ พระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ แล้วกลับไปถึงกรุงเทพฯ (เวลาน้ันประทับอยู่ ณ หาดเจ้าสําราญ จังหวัดเพชรบุรี ท่านเสนาบดี ไปเฝ้าทลู ละอองธุลีพระบาท รับพระบรมราชโองการที่น่ัน) ได้รีบไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ พระองค์ท่านทรงเห็นเป็น ประโยชน์โดยอเนกประการ ทรงรบั จัดการที่จะส่งรองอาํ มาตยต์ รี อยู่ เปรยี ญ ตามกองทหารออกไปยังประเทศยุโรป ส่วนการ แตง่ กายนัน้ ทรงเห็นวา่ ควรแตง่ เป็นราชบัณฑิตตามหนา้ ทน่ี ั้นเอง ข้าพระพุทธเจ้าได้แจ้งข้อพระราชประสงค์ให้รองอํามาตย์ตรี อยู่ เปรียญ ทราบเกล้าฯ แล้ว รองอํามาตย์ตรี อยู่ เปรยี ญ มีความยนิ ดีเป็นล้นเกล้าฯ และตงั้ ใจสนองพระเดชพระคุณเต็มกําลงั ความสามารถ ข้าพระพุทธเจ้าได้พาตัวไปเฝ้าพระ เจ้านอ้ งยาเธอดว้ ยแล้ว รองอาํ มาตย์ตรี อยู่ เปรียญ พึง่ ได้รับพระราชทานยศชัน้ ข้าราชการสญั ญาบตั รเป็นช้นั แรกเทา่ นัน้ ทัง้ นี้ จะควรประการใดแลว้ แต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจา้ (ลงนาม) เจา้ พระยาธรรมศกั ด์ิมนตรี จางวางเอก เสนาบดกี ระทรวงธรรมการ
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๑๐ เอกสารหมายเลข ๒ สําเนาบนั ทึกพระราชดาํ รสั เหนอื เกลา้ ฯ ตรัสสงั่ เสยี อนศุ าสนาจารย์ เพอ่ื ถวายบังคมลาตามกองทหารออกไป ........................ “นี่แน่ะ เจ้าเป็นผู้ท่ีข้าได้เลือกแล้ว เพ่ือให้ไปเป็นผู้สอนทหาร ด้วยเห็นว่า เจ้าเป็นผู้สามารถ ท่ีจะส่ังสอน ทหารได้ ตามที่ข้าได้รู้จักชอบพอกับเจ้ามานานแล้ว เพราะฉะน้ัน ขอให้เจ้าช่วยรับธุระของาข้า ไปส่ังสอนทหารทางโน้น ตาม แบบอย่างท่ีข้าได้เคยสอนมาแล้ว เจ้าก็คงจะได้เห็นแล้วไม่ใช่หรือ (กราบบังคมทูลสนอง) เออ นั่นแหละ ข้าขอฝากให้เจ้าช่วย ส่ังสอนอยา่ งนน้ั ดว้ ย เขา้ ใจละนะ (รบั ด้วยเกล้าดว้ ยกระหมอ่ มและกราบถวายบังคม)
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๑๑ เอกสารหมายเลข ๓ รายงานของหวั หนา้ ทตู ทหาร .......................... ที่ ๘๙/๒๐๖ ที่ว่าการกองทตู ทหาร กรุงปารีส วันท่ี ๙ ตุลาคม พระพทุ ธศักราช ๒๔๖๑ ขา้ พระพทุ ธเจา้ นายพลตรี พระยาพิไชยชาญฤทธ์ิ หวั หน้าทตู ทหารขอพระราชทานกราบบังคมทลู จอมพล สมเดจ็ พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟา้ กรมหลวงพิศณโุ ลกประชานารถ เสนาธิการทหารบก ทราบฝา่ ละอองธุลพี ระบาท ลายพระหัตถ์ ที่ ๑๐/๒๑๓๙ ลงวนั ที่ ๒๖ กรกฎาคม ศกนี้ ความวา่ มพี ระบรมราชโองการดาํ รัสส่ังใหจ้ ดั สง่ รอง อํามาตย์ตรี อยู่ อุดมศลิ ป์ กรมราชบัณฑติ กระทรวงธรรมการ ออกไปเป็นอนศุ าสนาจารย์ (Aumonier) ประจํากองทหารซง่ึ ไปราชการนอกพระราชอาณาเขต และโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ขา้ รับราชการอยใู่ นกองทูตทหาร กบั กําหนดหนา้ ทีใ่ ห้ รองอาํ มาตยต์ รี อยู่ อุดมศลิ ป์ ปฏิบัติ มขี อ้ ความหลายประการแจง้ อยใู่ นลายพระหัตถ์ฉบบั น้ันแลว้ รองอาํ มาตยต์ รี อยู่ อดุ มศลิ ป์ ไดไ้ ปถงึ ปารีสเมอ่ื วนั ท่ี ๕ เดือนน้ี ด้วยความสวสั ดภิ าพ ขา้ พระพุทธเจ้าจะไดก้ ําหนด หน้าท่ี และบรรจเุ ข้ารับราชการตามพระราชประสงคท์ ุกประการ ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ข้าพระพทุ ธเจา้ นายพลตรี พระยาพไิ ชยชาญฤทธ์ิ หัวหน้าทตู ทหาร
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๑๒ เอกสารหมายเลข ๔ สําเนา คาํ ส่งั สาํ หรบั ทหารบก เร่อื ง ต้ังกองอนศุ าสนาจารย์ และบรรจตุ าํ แหน่งหวั หน้าอนุศาสนาจารย์ .............................. ท่ี ๕๘/๔๐๙๗ ศาลาวา่ การกลาโหม ในพระนคร วนั ท่ี ๒๗ พฤษภาคม พระพทุ ธศักราช ๒๔๖๒ มีพระบรมราชโองการดํารัสเหนือเกล้าฯ ให้ต้ังกองอนุศาสนาจารย์ข้ึนในทหารบก มีหน้าที่ดังปรากฏในข้อบังคับ สาํ หรับทหารบก ว่าดว้ ยกองอนุศาสนาจารยน์ ัน้ ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้ รองอํามาตย์ตรี อยู่ อุดมศิลป์ เป็นหัวหน้าอนุศาสนาจารย์ และพระราชทานยศเล่ือน เป็นรองอาํ มาตยเ์ อก เพราะฉะน้ัน ให้รองอํามาตย์เอก อยู่ อุดมศิลป์ เข้าประจํารับราชการตามตําแหน่ง รับเงินเดือน ๑๓๕ บาท แต่วันที่ ๑ มิถนุ ายน ศกน้ี (ลงชื่อ) จอมพล เจ้าพระยาบดนิ ทรเดชานชุ ิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหม สําเนาคาํ สั่งสําหรับทหารบกฉบับนี้ตรวจถูกต้องกบั ฉบบั เดมิ แลว้ (ลงชอื่ ) นายพนั เอก พระยาสุรเสนา ปลดั กรมเสนาธกิ ารทการบก
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๑๓ เอกสารหมายเลข ๕ คํากราบบงั คมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าต ตงั้ กองอนุศาสนาจารย์ขน้ึ ในกองทพั บก ............................... ท่ี ๑๙/๓๐๘๐ (ส.ท.๑๒๔๔) ศาลาว่าการกลาโหม ในพระนคร วนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๒ ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกลา้ ฯ ตามท่ีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดส่ง รองอํามาตย์ตรี อยู่ อุดมศิลป์ ออกไปทําการในตําแหน่ง อนุศาสนาจารย์สมทบกับกองทหาร ซ่ึงไปราชการสงครามนอกพระราชอาณาเขตนั้น สังเกตว่าเป็นการมีประโยชน์ดีอย่างยิ่ง ในทางบํารุงนํ้าใจทหาร สมควรจัดต้ังกองอนุศาสนาจารย์ขึ้นเป็นกองประจําในกองทัพบก และสมควรให้รองอํามาตย์ตรี อยู่ อุดมศลิ ป์ ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณต่อไป ในตําแหน่งหัวหน้าอนุศาสนาจารย์ ถ้าทรงพระราชดําริเห็นชอบด้วยแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ต้ังกองอนุศาสนาจารย์ข้ึนต้ังแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ศกนี้ และขอ พระราชทานให้ รองอาํ มาตย์ตรี อยู่ อดุ มศิลป์ ไดเ้ ลอื่ นยศข้ึนเป็นรองอาํ มาตย์เอก เพอื่ ให้มียศสูงพอสมควรแกต่ ําแหนง่ ควรมิควรสดุ แลว้ แต่จะทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ขอเดชะ ข้าพระพทุ ธเจ้า จอมพล (ลงนาม) เจ้าพระยาบดนิ ทรเดชานุชิต เสนาบดกี ระทรวงกลาโหม ไดท้ รงหมายเหตุไวใ้ นร่างวา่ “เรื่องน้ี ท่ีจริง ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว และทรงพระราชดําริเห็นชอบด้วยแล้ว น่ีเป็นการกราบบังคม ทูลตามระเบียบเท่านน้ั ”
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๑๔ เอกสารหมายเลข ๖ จดหมายขอโอนตัวบคุ คลมาเป็นหัวหนา้ อนศุ าสนาจารย์ ................................ ที่ ๗/๒๗๘๓ ศาลาวา่ การกลาโหม ในพระนคร วันที่ ๙ พฤษภาคม พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๖๒ เรยี น จางวางเอก เจา้ พระยาธรรมศักดิม์ นตรี เสนาบดกี ระทรวงธรรมการทราบ ตามท่ี รองอํามาตย์ตรี อยู่ อุดมศิลป์ ข้าราชการกรมราชบัณฑิต ได้ออกไปรับราชการในตําแหน่งอนุศาสนาจารย์ใน กองทหาร ณ ทวีปยุโรป ตามกระแสพระบรมราชโองการน้ัน ทําให้รู้สึกว่าการมีอนุศาสนาจารย์สําหรับส่ังสอนและรับความ ปรับทุกข์ของทหารนั้น เป็นประโยชน์ดีอย่างยิ่งแก่ราชการ สมควรจักให้มีกองอนุศาสนาจารย์ขึ้นในกองทัพบกในกรุงสยาม จอมพล สมเด็จพระเจา้ น้องยาเธอฯ เสนาธกิ ารทหารบก ได้ทรงนําความข้อนีข้ ึ้นกราบบังคบั ทูลพระกรณุ า และกราบทูลหารือ ในสมเด็จพระมหาสมณะ ก็ทรงพระดําริเห็นชอบด้วยท้ัง ๒ พระองค์ เพราะฉะน้ันข้าพเจ้าขอโอน รองอํามาตย์ตรี อยู่ อุดม ศิลป์ มารับราชการในกระทรวงกลาโหม แต่วันท่ี ๑ มิถุนายน ศกนี้ เงินเดือนประจําเดือนพฤษภาคม ศกนี้ ขอให้กระทรวง ธรรมการจา่ ยอีกเดือน ๑ เงินเดือนประจําเดือนมิถนุ ายน จะจา่ ยทางกระทรวงกลาโหม ในโอกาสน้ี ขอแสดงความนับถอื ย่างสูง (ลงนาม) จอมพล เจ้าพระยาบดนิ ทรเดชานุชิต เสนาบดกี ระทรวงกลาโหม
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๑๕ เอกสารหมายเลข ๗ ขอ้ บงั คบั เดมิ ขอ้ บังคบั สาํ หรบั ทหารบก ว่าด้วยกองอนศุ าสนาจารย์ ข้อ ๑ ใหม้ กี องอนศุ าสนาจารย์อยู่ในกรมตาํ ราทหารบก มหี ัวหน้าอนุศาสนาจารย์เป็นประธาน เป็นตําแหน่งเทียบชั้น หัวหน้าแผนกในกรมตําราทหารบก ข้ึนตรงต่อเจ้ากรมตําราทหารบก และให้มีอนุศาสนาจารย์ประจําอีกตามที่จะหาบุคคลท่ี เหมาะสมได้ต่อไป ในเวลาน้ียังไม่กําหนดแนว่ า่ ให้มีก่ีคน ขอ้ ๒ อนศุ าสนาจารยท์ ั้งปวง แตง่ ตัวอย่างนายทหารบกชน้ั สัญญาบัตรชนดิ ทหารราบ แตใ่ ช้อนิ ทรธนอู ยา่ ง ข้าราชการกลาโหมพลเรอื น และไม่ใช้กระบก่ี ับทง้ั ให้มีปลอกแขนกว้าง ๗ เซนตเิ มตร ทําดว้ ยสักหลาดสีเหลืองพนั รอบแขน เส้ือเบื้องซ้าย ในตอนระหว่างไหล่กบั ข้อศอก ข้อ ๓ อนุศาสนาจารย์มหี นา้ ทปี่ ฏบิ ตั ิการ ดังจะกล่าวต่อไปน้ี ๑. ชว่ ยราชการในกรมตําราทหารบก ตามแตเ่ จา้ กรมตําราทหารบกจะกาํ หนดให้ ๒. ต้องไปเย่ยี มเยือนทหารในกรมกองต่างๆ ท่วั พระราชอาณาเขตเป็นคร้งั คราว ตามทจี่ กั ไดว้ างแผนโดย ละเอยี ดตอ่ ไปวา่ ผู้ใดไปแห่งใดเมอ่ื ใด เมือ่ ไปถงึ ท่ตี ัง้ กรมใดแล้ว ต้องทาํ ความตกลงกบั ผู้บังคบั บัญชาทหารในทน่ี ั้น ใหไ้ ดท้ าํ การ บรรยาย ในทปี่ ระชุมทหาร หรอื ถา้ มที หารคนใดต้องการพบพดู จากบั อนศุ าสนาจารยเ์ ฉพาะตวั ก็ต้องพบพดู จาสนทนาดว้ ยจง ทุกคนท่ีได้แสดงความประสงค์เช่นน้ัน เมอ่ื ยงั ไมเ่ สร็จกิจจะรบี กลบั มาเสยี ก่อนไมไ่ ด้เป็นอนั ขาด ๓. ในการท่ีไปเย่ียมทหารตามความท่ีว่ามาแล้ว ในตอนหมายเลข ๒ น้ัน อนุศาสนาจารย์ต้องกระทําตนให้ ทหารนับถือและไว้วางใจ แล้วก็ชักจงู สง่ เสรมิ ใหท้ หารต้งั ม่ันอยู่ในความประพฤตอันดี มีจรรยาและมรรยาทอันงาม กับให้ผู้ซ่ึง นบั ถือพระพทุ ธศาสนาตามบรรพบุรษุ ของตนนนั้ มีความศรัทธาเชอ่ื มัน่ ย่ิงข้ึนในธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่ มีหน้าที่ชักจูงให้ผู้'ซึ่งนับถือลัทธิความเชื่อถืออย่างอ่ืนกลับมาถือพระพุทธศาสนาหามิได้ เพราะราชการมิได้ประสงค์จะบังคับ นํ้าใจผู้ใดในทางลัทธิความเช่ือ ท้ังถ้าทหารผู้ใดมีความทุกข์ร้อนอย่างใด และประสงค์จะปรับทุกข์กับอนุศาสนาจารย์ ให้ อนุศาสนาจารย์ฟังคําปรับทุกข์ พยายามปลดเปลื้องความทุกข์ด้วยโอวาทของตน หรือเมื่อเห็นว่าพ้นความสามารถที่ตนจะ ปลดเปลอ้ื งไดแ้ ตผ่ ูบ้ ังคบั บญั ชาของทหารน่าจะปลดเปล้ืองได้ กใ็ หบ้ อกเลา่ ชแ้ี จงแก่ผ้บู งั คับบัญชาน้ัน ๆ ๔. เมื่อกลับจากไปเยี่ยมทหารคร้ัง ๑ ต้องทํารายงานเสนอผู้บังคับบัญชาตามลําดับชั้นจนถึงเสนาธิการ ทหารบก วา่ ได้ทาํ การอยา่ งไรบา้ ง ๕. ต้องรักษาความรู้ในกิจการซึ่งตนได้รับบอกเล่าตามหน้าที่น้ัน ไว้เป็นความลับเสมอ นามบุคคลซึ่งได้ปรับ ทกุ ข์กับตนไมว่ า่ ในเร่ืองใด ๆ จะบอกเลา่ กับผ้ใู ดไมไ่ ด้ ข้อ ๔ หัวหน้าอนุศาสนาจารย์ มีหน้าที่เช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้วในข้อ ๒ กับทั้งต้องเป็นผู้ฝึกสอนอบรม อนศุ าสนาจารยท์ งั้ ปวง ให้ปฏบิ ัตใิ นหนา้ ทีข่ องตนให้ถูกต้องเรียบร้อย และเป็นผู้ทําความเห็นเสนอเจ้ากรมตําราทหารบก เพื่อ วางแผนว่าอนศุ าสนาจารยค์ นใดต้องไป ณ กรมทหารแห่งใด เม่ือใด ข้อ ๕ ผู้บังคับบัญชาทหารท้ังปวง ต้องเข้าใจชัดว่า อนุศาสนาจารย์น้ัน เป็นผู้ช่วยของตนในการอบรมทหารให้อยู่ใน ความประพฤติ และจรรยามารยาทอันดีงาม ช่วยปลดเปล้ืองความขัดข้องกังวลในใจของทหาร ช่วยสดับตรับฟังแล้วชี้แจง ความทุกข์ร้อนของทหารให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต้องอย่าให้เข้าใจไปว่าอนุศาสนาจารย์นั้น เป็นจารบุรุษสําหรับไปสืบความ บกพร่องในกรมกองทหารใต้บังคับบัญชาของตน ตรงกันข้ามผู้บังคับบัญชาทหารต้องยึดถือโอกาสเมื่ออนุศาสนาจารย์ไปที่ กรม สําหรับขอร้องให้อนุศาสนาจารย์ช่วยตนในทางบํารุงน้ําใจทหาร เพราะฉะน้ัน ผู้บังคับบัญชาทหารมีหน้าท่ีปฏิบัติ ดงั ต่อไปน้ี ๑. เมื่ออนุศาสนาจารย์ไปถึงท่ีต้ังกองพลหรือกรมทหารกรมใด ให้ผู้บังคับบัญชากองพล หรือผู้บังคับการกรม กําหนดใหอ้ นุศาสนาจารยไ์ ด้แสดงคาํ สง่ั สอนแกท่ หารเป็นส่วนรวม ๑ คร้งั หรอื หลายคร้ังตามแต่จะตกลงกัน ๒. ให้ประกาศแก่บรรดาทหารว่า ผู้ใดต้องการพบพูดจาสนทนากับอนุศาสนาจารย์เฉพาะตัว ก็ให้บอกแก่ ผบู้ งั คับบญั ชาของตน แลว้ ผบู้ ังคับบญั ชาจดั การใหไ้ ด้สนทนาสมประสงค์
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๑๖ ๓. เม่ือผู้บังคับบัญชาเห็นว่าทหารคนใด ไม่ว่านายหรือพลชวนจะบกพร่อง ในทางจรรยาความประพฤติ สมควรจะไดร้ บั ความสง่ั สอนตักเตือนเป็นพิเศษ กใ็ ห้นาํ ตัวทหารผนู้ ัน้ มาให้อนุศาสนาจารยส์ ่งั สอนเฉพาะตัว ข้อ ๖ ให้ใช้ข้อบังคับนี้ แต่วันที่ ๑ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๒ และให้เสนาธิการทหารบก เป็นผู้รักษาดูแลให้ การดาํ เนนิ การไปตามท่บี ญั ญตั ไิ วน้ ี้ (ลงนาม) จอมพล เจา้ พระยาบดินทรเดชานชุ ติ เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ศาลาวา่ การกลาโหม ในพระนคร วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พระพทุ ธศกั ราช ๒๔๖๒
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๑๗ เอกสารหมายเลข ๘ คาํ ส่งั กองทพั บก๑ ที่ ๔๑๖/๑๒๕๖๙ เร่อื ง โอนกองอนศุ าสนาจารย์ ............................ ด้วยตามพระราชกฤษฎกี าการจดั วางระเบียบราชการกองทัพบก ในกระทรวงกลาโหม พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้กําหนดหน้าที่ กรมสวัสดิการทหารบก ให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสวัสดิภาพของทหารและฌาปนกิจ ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวัน ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา ( ๑๔ ก.ย. ๙๑ ) เปน็ ตน้ ไป เพ่ือปรับปรุงให้งานสอดคล้องกัน จึงให้โอนกิจการของกองอนุศาสนาจารย์ รร. นายร้อยพระจุลจอมเกล้า ไปขึ้นใน บังคบั บญั ชากรมสวสั ดกิ ารทหารบก ตง้ั แตบ่ ดั นเ้ี ป็นต้นไป สง่ั ณ วนั ท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๔๙๑ (ลงช่ือ) พล.ท. ผ. ชณุ หะวณั ผบ.ทบ.
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๑๘ เอกสารหมายเลข ๙ คาํ ส่ังกองทพั บก ท่ี ๓๔๗/๒๔๖๓๓ เรอ่ื ง การโอนบงั คบั บญั ชากองอนุศาสนาจารย์และฌาปนกจิ ............................... ดว้ ยกระทรวงกลาโหมไดม้ คี ําสัง่ กระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ ๖๙/๒๐๖๒๓ ส่งั ณ วนั ท่ี ๑๔ พฤศจกิ ายน ๒๔๙๙ ให้ แก้ข้อบังคับทหาร ว่าด้วยกําหนดกําลังเจ้าหน้าท่ีกองทัพบกในเวลาปกติ ๙๑ คือ ให้ยกเลิกอัตรา กองอนุศาสนาจารย์และ ฌาปนกิจ ในกรมสวัสดิการทหารบก (เฉพาะอัตราหัวหน้ากอง และแผนกอนุศาสนาจารย์) และให้ต้ังอัตรากอง อนุศาสนาจารยข์ ้ึนในกรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก ฉะน้ัน จึงให้กรมสวัสดิการทหารบก โอนการบังคับบัญชากองอนุศาสนาจารย์และฌาปนกิจ (เฉพาะอัตราหัวหน้า กอง และแผนกอนุศาสนาจารย์) ให้แก่ กรมยุทธศึกษาทหารบก เพ่ือจัดต้ังเป็นกองอนุศาสนาจารย์ต่อไป ส่วนแผนกศึกษา และแผนกฌาปนกิจ คงให้เป็นแผนกขึ้นตรงตอ่ กรมสวัสดิการทหารบก ทัง้ น้ี ตง้ั แตบ่ ัดนเี้ ปน็ ต้นไป ส่งั ณ วนั ท่ี ๑ ธนั วาคม ๒๔๙๙ (ลงชอ่ื ) จอมพล ส. ธนะรชั ต์ ผบ.ทบ.
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๑๙ ๑. ประวตั แิ ละวิวฒั นาการของอนุศาสนาจารยท์ หารบก ในปีพุทธศักราช ๒๔๖๑ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๖ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ ให้กระทรวงกลาโหมจัดส่งกองทหารอาสาไปช่วยราชสัมพันธมิตรในงานพระราชสงคราม ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ทรง พระราชปรารภว่า กองทหารท่ีโปรดเกล้าฯ ให้ส่งไปแล้วน้ันเป็นอันได้จัดดีทุกสิ่งสรรพ์ แต่ยังขาดสิ่งสําคัญส่ิงหนึ่ง คือ อนุศาสนาจารย์ที่จะเป็นผู้ปลุกใจทหาร หาได้จัดส่งไปด้วยไม่ จึงทรงเลือก อํามาตย์ตรี พระธรรมนิเทศทวยหาญ ซึ่งในเวลา นั้นเป็น รองอํามาตย์ตรีอยู่ อุดมศิลป์ รับราชการอยู่ในกรมราชบัณฑิต กระทรวงธรรมการ ให้เป็นอนุศาสนาจารย์ตามกอง ทหารออกไปยังประเทศยุโรป โดยทรงมีพระราชปรารภว่า “ทหารที่จากบ้านเมืองไปคราวน้ี ต้องไปอยู่ในถิ่นไกล ไม่ได้พบเห็น พระเหมือนเม่ืออยู่ในบ้านเมืองของตน จิตใจจะห่างเหินจากทางธรรม ถึงยามคะนองก็จะฮึกเหิมเกินไป เป็นเหตุให้เส่ือมเสีย ไม่มีใครจะคอยให้โอวาทตักเตือน ถึงคราวทุกข์ร้อน ก็จะอาดูรระสํ่าระสาย ไม่มีใครจะช่วยปลดเปล้ืองบรรเทาให้ ดูเป็นการ วา้ เหวน่ า่ อนาถ ถ้ามอี นศุ าสนาจารยอ์ อกไปจะไดค้ อยอนศุ าสน์พรํา่ สอนและปลอบโยนปลดเปล้ืองในยามทกุ ข์” ทรงกาํ หนดหนา้ ที่ใหอ้ นุศาสนาจารยป์ ฏบิ ัติในกองทหารดังนี้ ๑. ให้ทาํ การอยใู่ นกองทูตทหาร ๒. ส่งตัวไปเยี่ยมเยียนทหารในที่ต่างๆ ซึ่งทหารแยกย้ายกันอยู่น้ันเนืองๆ เพ่ือส่ังสอนตักเตือนในทาง พระพุทธศาสนาและทางจรรยาความประพฤติ ๓. ให้ถามสุขทุกข์กันอย่างใจจริง ท้ังให้คอยรับธุระต่างๆ ของทหาร เช่น จะส่งมาถึงญาติของตนในกรุงสยาม หรอื ส่งเงินสง่ ของมาให้ ใหร้ ับธรุ ะทุกอย่าง ๔. ทหารคนใดเจบ็ ไข้ ใหอ้ นศุ าสนาจารย์ไปเยยี่ มปลอบโยนเอาใจ ๕. ถ้ามีเหตุอันไม่พึงประสงค์ที่ทหารคนใดถึงแก่ความตาย ให้อนุศาสนาจารย์ทําพิธีเทศนาอ้างพระธรรมตาม แบบสังฆปฏิบตั ใิ นขณะฝงั ศพ การปฏิบัติภารกิจของอนุศาสนาจารย์ในการพระราชสงครามครั้งนั้น มีประโยชน์ดีอย่างย่ิงในทางบํารุงนํ้าใจ ทหาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงมีพระบรมราชโองการดํารัสเหนือเกล้าฯ ให้ต้ังกองอนุศาสนาจารย์ขึ้น ในทหารบก สังกัดอยู่ในแผนกที่ ๓ กรมตําราทหารบก ตั้งแต่ วันที่ ๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๖๒ มีหน้าที่ดังปรากฏ ในข้อบงั คบั สาํ หรับทหารบก วา่ ด้วย กองอนุศาสนาจารยน์ ัน้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ รองอํามาตย์ตรี อยู่ อุดมศิลป์ เป็นหัวหน้าอนุศาสนาจารย์และพระราชทาน เล่อื นยศเป็น รองอาํ มาตย์เอก พ.ศ.๒๔๖๙ ทางราชการได้ยุบกรมตําราทหารบก โอนแผนกท่ี ๓ กองอนุศาสนาจารย์ไปสังกัดกรมยุทธศึกษา ทหารบก เรียกวา่ แผนกอนุศาสนาจารย์ พ.ศ.๒๔๘๘ ทางราชการยุบกรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นโรงเรียนนายร้อยทหารบก แผนกอนุศาสนาจารย์ก็ เป็นอันถูกยุบไปด้วย และมีอนุศาสนาจารย์กองทัพบกเหลืออยู่เพียง ๗ นายประจําอยู่โรงเรียนนายร้อยทหารบก ๒ นาย เรยี กว่า อนุศาสนาจารย์โรงเรียนนายร้อยทหารบก ส่วนอีก ๕ นาย ไปประจําอยู่ทีม่ ณฑลทหารบกที่ ๑ - ๕ พ.ศ.๒๔๙๑ ทางราชการโอนกิจการอนุศาสนาจารย์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ไปขึ้นการบังคับบัญชา ในแผนกที่ ๓ กรมสวัสดิการทหารบก พ.ศ.๒๔๙๓ เกิดสงครามระหว่างประเทศเกาหลีเหนือและประเทศเกาหลีใต้ สหประชาชาติได้มีมติให้ส่งทหารไป ช่วยประเทศเกาหลีใต้ทําการร่วมรบเพื่อต่อสู้กับประเทศเกาหลีเหนือผู้รุกราน ประเทศไทยจึงได้จัดส่งกําลังทหารไปทําการ
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๒๐ ร่วมรบกับสหประชาชาติ เม่ือวันท่ี ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๓ และได้จัดส่งอนุศาสนาจารย์ผลัดเปล่ียนกันไปปฏิบัติหน้าที่ ณ ประเทศเกาหลี พ.ศ.๒๔๙๖ กองทัพบกได้ออกระเบียบกําหนดหน้าที่ส่วนราชการในกองทัพบกใหม่ ให้กองอนุศาสนาจารย์ ได้รับการปรบั ปรงุ ข้ึนเปน็ กอง เรียกวา่ กองอนุศาสนาจารยแ์ ละฌาปนกิจ กรมสวัสดิการทหารบก พ.ศ.๒๔๙๙ กระทรวงกลาโหม ให้ยกเลิกอัตรากองอนุศาสนาจารย์และฌาปนกิจ กรมสวัสดิการทหารบก และให้ต้งั กองอนศุ าสนาจารยข์ ้นึ ในกรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก นบั ต้งั แต่นั้นเป็นต้นมา กิจการอนุศาสนาจารย์ก็ได้รับการพัฒนาให้ เจรญิ รุง่ เรอื งมาตามลําดับ เพ่อื ตอบสนองภารกิจของกองทพั บก พ.ศ.๒๕๒๘ กองทัพบก ให้โอนกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ไปขึ้นการบังคับบัญชากับ กรมกิจการพลเรือนทหารบก เป็น กองอนุศาสนาจารย์ กรมกิจการพลเรือนทหารบก เพื่อสนองงานด้านกิจการพลเรือนของ กองทพั บกอกี สว่ นหนึง่ พ.ศ.๒๕๔๔ กองทัพบก ให้โอนกองอนุศาสนาจารย์ กรมกิจการพลเรือนทหารบก กลับไปขึ้นการบังคับบัญชา กับ กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก ตามเดิมจนถึงปจั จุบัน ๒. ข้อบงั คบั สําหรับทหารบก ว่าดว้ ยกองอนศุ าสนาจารย์ ภารกจิ ของอนุศาสนาจารยเ์ มอ่ื ได้ตงั้ กองอนศุ าสนาจารย์ข้นึ ในกองทัพบก เป็นไปตามข้อบังคับสําหรับทหารบก ว่าด้วยกองอนศุ าสนาจารย์ (ข้อบงั คบั เดิม) ประกาศเมือ่ วนั ท่ี ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๖๒ โดยกระทรวงกลาโหม ดังนี้ ข้อ ๑ ให้มีกองอนุศาสนาจารย์อยู่ในกรมตําราทหารบก มีหัวหน้าอนุศาสนาจารย์เป็นประธาน เป็นตําแหน่ง เทียบช้ันหัวหน้าแผนกในกรมตําราทหารบก ข้ึนตรงต่อเจ้ากรมตําราทหารบก และให้มีอนุศาสนาจารย์ประจําอีกตามที่จะหา บคุ คลท่ีเหมาะสมได้ตอ่ ไป ในเวลานี้ยงั ไม่กําหนดแน่วา่ ใหม้ กี ่ีคน ข้อ ๒ อนุศาสนาจารย์ทั้งปวงแต่งตัวอย่างนายทหารบกช้ันสัญญาบัตรชนิดทหารราบ แต่ใช้อินทรธนูอย่าง ข้าราชการกลาโหมพลเรือน และไม่ใชก้ ระบ่ีกับท้ังให้มีปลอกแขนกว้าง ๗ เซนติเมตรทาํ ด้วยสักหลาดสีเหลืองพันรอบแขนเส้ือ เบ้ืองซา้ ย ในตอนระหวา่ งไหล่กบั ข้อศอก ข้อ ๓ อนุศาสนาจารย์มีหนา้ ทป่ี ฏบิ ัตกิ ารดังจะกล่าวต่อไปน้ี ๑. ชว่ ยราชการในกรมตาํ ราทหารบก ตามแตเ่ จา้ กรมตําราทหารบกจะกําหนดให้ ๒. ต้องไปเย่ียมเยียนทหารในกรมกองต่างๆ ท่ัวพระราชอาณาเขตเป็นคร้ังคราว ตามท่ีจักได้วางแผนโดย ละเอียดต่อไปว่าผู้ใดไปแห่งใดเม่ือใด เม่ือไปถึงที่ต้ังกรมใดแล้ว ต้องทําความตกลง กับผู้บังคับบัญชาทหารในท่ีนั้น ให้ได้ทํา การบรรยายในท่ีประชุมทหาร หรือถ้ามีทหารคนใดต้องการพบพูดจากับอนุศาสนาจารย์เฉพาะตัวก็ต้องพบพูดจาสนทนา ดว้ ยจงทกุ คนทไี่ ดแ้ สดงความประสงคเ์ ช่นน้นั เมอื่ ยังไมเ่ สร็จกิจจะรีบกลบั มาเสียกอ่ นไม่ไดเ้ ปน็ อนั ขาด ๓. ในการทไ่ี ปเยี่ยมทหารตามความท่ีว่ามาแล้วในตอนหมายเลข ๒ น้ัน อนุศาสนาจารย์ต้องกระทําตนให้ ทหารนับถือและไว้วางใจ แล้วก็ชักจูงส่งเสริมให้ทหารตั้งมั่นอยู่ในความประพฤติอันดี มีจรรยาและมรรยาทอันงาม กับให้ผู้ ซึ่งนับถือพระพุทธศาสนาตามบรรพบุรุษของตนนั้น มีความศรัทธาเชื่อม่ันยิ่งขึ้นในธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่มีหน้าที่ชักจูงให้ผู้ซ่ึงนับถือลัทธิความเชื่อถืออย่างอื่นกลับมานับถือพระพุทธศาสนาหามิได้ เพราะราชการมิได้ประสงค์ จะบงั คบั นํ้าใจผ้ใู ดในทางลัทธิความเชอ่ื ทั้งถา้ ทหารผใู้ ดมคี วามทกุ ข์ร้อนอย่างใด และประสงคจ์ ะปรบั ทกุ ขก์ ับอนุศาสนาจารย์ ใหอ้ นศุ าสนาจารยฟ์ ังคําปรบั ทกุ ข์ พยายามปลดเปลื้องความทุกขด์ ว้ ยโอวาทของตน หรือเมื่อเห็นว่าพ้นความสามารถที่ตนจะ ปลดเปลื้องได้ แต่ผูบ้ งั คบั บญั ชาของทหารน่าจะปลดเปลือ้ งได้ กใ็ ห้บอกเล่าชแ้ี จงแกผ่ ู้บงั คบั บญั ชาน้ันๆ
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๒๑ ๔. เม่ือกลับจากไปเย่ียมทหารคร้ัง ๑ ต้องทํารายงานเสนอผู้บังคับบัญชาตามลําดับช้ันจนถึงเสนาธิการ ทหารบก วา่ ไดท้ ําการอย่างไรบา้ ง ๕. ตอ้ งรกั ษาความร้ใู นกจิ การซ่งึ ตนไดร้ ับบอกเลา่ ตามหนา้ ทนี่ ้นั ไวเ้ ป็นความลบั เสมอ นามบุคคลซง่ึ ได้ปรับ ทกุ ขก์ ับตนไม่วา่ ในเรอื่ งใดๆ จะบอกเลา่ กบั ผ้ใู ดไม่ได้ ข้อ ๔ หัวหน้าอนุศาสนาจารย์ มีหน้าที่เช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้วในข้อ ๒ กับทั้งต้องเป็นผู้ฝึกสอนอบรม อนุศาสนาจารย์ท้ังปวงให้ปฏิบัติในหน้าที่ของตนให้ถูกต้องเรียบร้อย และเป็นผู้ทําความเห็นเสนอเจ้ากรมตําราทหารบก เพอ่ื วางแผนว่าอนศุ าสนาจารย์คนใดต้องไป ณ กรมทหารแหง่ ใดเมื่อใด ข้อ ๕ ผู้บังคับบัญชาทหารท้ังปวง ต้องเข้าใจชัดว่า อนุศาสนาจารย์น้ันเป็นผู้ช่วยของตนในการอบรมทหารให้ อยู่ในความประพฤติและจรรยามารยาทอันดีงาม ช่วยปลดเปลื้องความขัดข้องกังวลในใจของทหาร ช่วยสดับตรับฟังแล้ว ชี้แจงความทุกข์ร้อนของทหารให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต้องอย่าให้เข้าใจไปว่าอนุศาสนาจารย์นั้นเป็นจารบุรุษ สําหรับไปสืบ ความบกพร่องในกรมกองทหารใต้บังคับบัญชาของตน ตรงกันข้ามผู้บังคับบัญชาทหารต้องยึดถือโอกาสเมื่ออนุศาสนาจารย์ ไปที่กรม สําหรับขอร้องให้อนุศาสนาจารย์ช่วยตนในทางบํารุงน้ําใจทหาร เพราะฉะนั้น ผู้บังคับบัญชาทหารมีหน้าที่ ปฏิบัติ ดงั ต่อไปนี้ ๑. เม่ืออนุศาสนาจารยไ์ ปถึงที่ตงั้ กองพลหรอื กรมทหารกรมใด ให้ผู้บังคับบัญชากองพล หรือผู้บังคับการกรม กําหนดให้อนุศาสนาจารยไ์ ด้แสดงคําสงั่ สอนแก่ทหารเปน็ สว่ นรวม ๑ ครง้ั หรอื หลายคร้งั ตามแตจ่ ะตกลงกนั ๒. ให้ประกาศแก่บรรดาทหารว่า ผู้ใดต้องการพบพูดจาสนทนากับอนุศาสนาจารย์เฉพาะตัว ก็ให้บอกแก่ ผู้บังคบั บญั ชาของตน แล้วผบู้ ังคบั บญั ชาจัดการใหไ้ ด้สนทนาสมประสงค์ ๓. เม่ือผู้บังคับบัญชาเห็นว่าทหารคนใด ไม่ว่าระดับใดจะบกพร่องในทางจรรยาความประพฤติ สมควร จะได้รบั ความสั่งสอนตักเตือนเปน็ พิเศษ ก็ให้นําตวั ทหารผูน้ นั้ มาให้อนุศาสนาจารยส์ ัง่ สอนเฉพาะตวั ขอ้ ๖ ให้ใชข้ อ้ บงั คบั น้ี แต่วันท่ี ๑ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๒ และให้เสนาธิการทหารบก เป็นผู้รักษาดูแล ให้การดําเนินการไปตามที่บัญญัติไว้น้ี ข้อบังคับนี้แม้จะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ก็เป็นแนวทางในการดําเนินการด้านกิจการอนุศาสนาจารย์ในปัจจุบัน โดย ยดึ ม่นั และดาํ รงวัตถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายเดิมทแี่ ทจ้ ริงของการพระราชทานกิจการอนศุ าสนาจารย์ไว้ในกองทัพบก ๓. ความมงุ่ หมายและความสําคัญในการพัฒนาหลักนิยม ก. หลักนิยมน้ีได้รวบรวมไว้ซึ่งภารกิจ, สถานภาพ, หน้าท่ี และคุณลักษณะเฉพาะงาน ของอนุศาสนาจารย์ ตลอดถงึ งานต่าง ๆ ที่อนศุ าสนาจารย์จะตอ้ งเข้าไปสัมพนั ธ์ดว้ ย ข. เรื่องต่างๆ ที่บรรจุไว้ในหลักนิยมน้ี จะเป็นแนวปฏิบัติที่อนุศาสนาจารย์สามารถนําไปใช้ได้ ท้ังในยามปกติ และ ยามสงคราม ค. หลักนิยมน้ี นอกจากจะเป็นแนวปฏิบัติสําหรับอนุศาสนาจารย์แล้ว จะต้องเผยแพร่ให้ ผู้บังคับหน่วยและ ฝ่ายอํานวยการอื่นทราบด้วย เพ่ือให้เกิดการประสานและมอบหมายภารกิจให้อนุศาสนาจารย์ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมต่อไป
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๒๒ บทท่ี ๒ ภารกิจขดี ความสามารถและขดี จํากดั ๑. ภารกิจ ภารกจิ ของอนศุ าสนาจารย์ คือ นํากําลงั พลเข้าหาธรรมะ นําธรรมะพฒั นากําลังพล ดํารงสถานภาพเป็นตัวแทน ของศาสนาในการสอนอบรมด้านศีลธรรม, จริยธรรม และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม เป็นผู้นําทางด้านจิตวิญญาณของ กําลังพลทุกระดับ เป็นเจ้าหน้าที่พิธีการทางศาสนาท่ีอยู่ในเคร่ืองแบบ จึงมีหน้าท่ีให้การส่งเสริมกิจการทางด้านศาสนา ขวัญและกําลังใจ และกระตุ้นจิตสํานึกให้กําลังพลมีความรับผิดชอบ, มีความซ่ือสัตย์ และมีความพร้อมที่จะเสียสละในการ ปฏิบัติตามภารกิจท่ีได้รับมอบหมาย อย่างสุดความสามารถ เพ่ือบําบัดทุกข์ บํารุงขวัญ สร้างสรรค์อุดมธรรมของ พระพุทธศาสนาแก่กาํ ลงั พล ๒. บทบาทและความรบั ผิดชอบ อนุศาสนาจารย์ ต้องสามารถปฏิบัติภารกิจในการเผยแผ่ธรรมะ การบําบัดทุกข์ บํารุงขวัญ และสร้างสรรค์อุดม ธรรมของพระพทุ ธศาสนาแก่กาํ ลงั พลไดท้ ง้ั ในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ทัง้ ในทต่ี ้งั ปกตแิ ละในสนาม ภารกิจของอนุศาสนาจารย์ในกองทพั บก ก. ให้คําปรึกษา ข้อเสนอแนะ แก่ผู้บังคับหน่วย และฝ่ายอํานวยการอ่ืน ในเร่ืองที่เก่ียวข้องกับศาสนา, วฒั นธรรมประเพณี ข. สง่ เสรมิ กําลังพลใหม้ ีการปฏบิ ตั ิศาสนกิจ ทั้งโดยส่วนตวั และเปน็ หนว่ ย ค. เสนอแนะ และกํากบั การปฏบิ ตั พิ ธิ ีกรรมต่าง ๆ รว่ มกับฝ่ายอาํ นวยการอ่นื ง. ดําเนินการให้มีการสอนอบรมในเรื่องของศาสนา วัฒนธรรมประเพณี และนํากําลังพลปฏิบัติธรรมในโอกาส ต่าง ๆ จ. หมั่นพบปะเย่ียมเยียนกําลังพลผู้ป่วยเจ็บ, ผู้ถูกคุมขัง และผู้มีปัญหา เพ่ือปลุกปลอบขวัญ และให้กําลังใจ ท้งั ในยามปกตแิ ละยามสงคราม ฉ. ประสานใหค้ วามรว่ มมอื กับวดั องคก์ รทางศาสนา, สถานศกึ ษา และองค์กรของชุมชนต่างๆ ช. วางแผนให้มกี ารใช้ศาสนสถานของหนว่ ยทมี่ อี ยู่ใหเ้ กดิ ประโยชน์ในด้านการปลกู ฝงั คุณธรรมแกก่ าํ ลังพล ให้ มากท่ีสุด ซ. วางแผนให้ศาสนสถานเป็นจุดนัดพบของกําลังพลทุกระดับ พร้อมท้ังครอบครัว โดยอาศัย กิจกรรมทางด้าน ศาสนาและวฒั นธรรมประเพณี ญ. สามารถปฏิบัติการ และอํานวยการเก่ียวกับด้านศาสนา,ขวัญและกําลังใจ ของกําลังพลในกองทัพบก รวมท้ังการอบรมด้านคุณธรรมจริยธรรม วัฒนธรรมประเพณี และงานธุรการต่างๆ ท่ีเก่ียวข้อง ตามที่กําหนดไว้ใน หมายเลขชํานาญการทางทหาร, การจัดและการกําหนดหน้าที่ของบุคคลและส่วนราชการของกองทัพบก และระเบียบปฏิบัติ ต่างๆ ท่ีกองอนศุ าสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก กําหนดขน้ึ ๓. ขดี จํากดั การปฏบิ ตั หิ น้าที่ของอนศุ าสนาจารย์ ขึน้ อยู่กับการสนบั สนนุ ของหนว่ ย
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๒๓ บทที่ ๓ การจัดและพันธกจิ ๑. กลา่ วทั่วไป กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ในอัตราการจัดของกรมยุทธศึกษาทหารบก น้ัน เป็นการจัด หนว่ ยกาํ ลงั พลสายวิทยาการอนุศาสนาจารย์ อนศุ าสนาจารย์ ในอตั ราการจดั ของหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก และหน่วยรอง เป็นการจัดกําลังพลสายวิทยาการ อนศุ าสนาจารย์ประจําหนว่ ย ปฏิบตั ิหนา้ ที่เปน็ ฝ่ายกิจการพิเศษประจาํ ผ้บู ังคับบญั ชา ๒. การจดั กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ประกอบด้วยส่วนบังคับบัญชา, แผนก และ ฝ่าย ผังการจัด กองอนศุ าสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก สาํ นกั งานประกันคุณภาพการศึกษา แผนกกาํ ลังพล แผนกวชิ าการและการศกึ ษา แผนกอบรม แผนกศาสนพธิ ี ฝา่ ยธุรการ อนศุ าสนาจารย์ กองทัพบก
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๒๔ อัตรากําลังกองอนศุ าสนาจารย์ กรมยุทธศกึ ษาทหารบก ลําดบั ตําแหน่ง อตั รา นายทหาร นายทหาร หมาย สญั ญาบตั ร ประทวน เหตุ กอศจ.ยศ.ทบ. ๑ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. พ.อ.(พ.) ๑ ๒ รอง ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. พ.อ. ๑ ๓ ประจํากอง กอศจ.ยศ.ทบ. พ.ต. ๑ ๔ ช่างเขียน จ.ส.อ. ๕ ชา่ งโสตทัศน์ จ.ส.อ. ๑ ๖ เสมยี น จ.ส.อ.(พ.) ๑ ๗ เสมียน ส.อ. ๑ ๑ ปิดบรรจุ แผนกกําลงั พล ๘ หน.กาํ ลงั พล กอศจ.ยศ.ทบ. พ.ท. ๑ ปดิ บรรจุ ๙ ประจําแผนก ยศ.ทบ. พ.ต. ๑ ปดิ บรรจุ ๑๐ ประจาํ แผนก ยศ.ทบ. ร.อ. ๑ ๑ ๑๑ เสมยี น จ.ส.อ. ๑ ปดิ บรรจุ ๑๒ เสมียน ส.อ. แผนกวิชาการและการศกึ ษา พ.ท. ๑ ๑ ๑๓ หน.วชิ าการและการศกึ ษา พ.ต. ๑ ๑ ปิดบรรจุ ๑๔ อศจ.ยศ.ทบ. พ.ต. ๑ ๑๕ อศจ.ยศ.ทบ. ร.อ. ๑ ๑๖ อศจ.ยศ.ทบ. ร.อ. ๑ ๑๗ อศจ.ยศ.ทบ. จ.ส.อ. ๑๘ เสมยี น ส.อ. ๑๙ เสมยี น
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๒๕ ลําดับ ตาํ แหนง่ อตั รา นายทหาร นายทหาร หมายเหตุ สญั ญาบตั ร ประทวน แผนกอบรม ๒๐ หน.อบรม กอศจ.ยศ.ทบ. พ.อ. ๑ ๒๑ อศจ.ยศ.ทบ. พ.ท. ๑ ๒๒ อศจ.ยศ.ทบ. พ.ต. ๑ ๒๓ อศจ.ยศ.ทบ. พ.ต. ๑ ๒๔ อศจ.ยศ.ทบ. พ.ต. ๑ ปิดบรรจุ ๒๕ อศจ.ยศ.ทบ. ร.อ. ๓ ปดิ บรรจุ ๒ อตั รา ๒๖ เสมียน จ.ส.อ. ๑ ๒๗ เสมยี น ส.อ. ๑ ๒๘ เสมียน ส.อ. ๑ ปิดบรรจุ แผนกศาสนพธิ ี ๒๙ หน.ศาสนพธิ ี กอศจ.ยศ.ทบ. พ.ท. ๑ ๓๐ อศจ.ยศ.ทบ. พ.ต. ๑ ปิดบรรจุ ๓๑ อศจ.ยศ.ทบ. พ.ต. ๑ ปดิ บรรจุ ๓๒ เสมยี น จ.ส.อ. ๑ ๓๓ เสมียน ส.อ. ๑ รวม ๒๒ ๑๓ ๓๕
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๒๖ ๓. การจดั อนศุ าสนาจารย์ หน่วยขนึ้ ตรงกองทพั บกและหนว่ ยรอง ผังการจดั อนศุ าสนาจารย์ หนว่ ยขึ้นตรงกองทพั บกและหน่วยรอง อนศุ าสนาจารย์ อนุศาสนาจารย์ อนศุ าสนาจารย์ หน่วยระดับกองทัพภาค หน่วยระดับกองพล หนว่ ยระดับมณฑลทหารบก หรือเทยี บเทา่ หรอื เทียบเทา่ หรือเทียบเท่า อนศุ าสนาจารย์ หน่วยระดบั กรมหรอื เทียบเทา่
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๒๗ อัตรากาํ ลงั อนุศาสนาจารยห์ น่วยข้นึ ตรงกองทัพบกและหนว่ ยรอง ลําดบั ตําแหน่ง อตั รา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ ทภ.๑ พ.อ. ๑ ปิดบรรจุ ๑ อศจ.ทภ.๑ พ.ท. ๑ ๑ ๒ ผช.อศจ.ทภ.๑ จ.ส.อ. ๓ เสมยี น ปิดบรรจุ พ.อ. ๑ ๑ ทภ.๒ พ.ท. ๑ ๔ อศจ.ทภ.๒ จ.ส.อ. ปิดบรรจุ ๕ ผช.อศจ.ทภ.๒ ๑ ๖ เสมียน พ.อ. ๑ พ.ท. ๑ ปดิ บรรจุ ทภ.๓ จ.ส.อ. ๑ ๗ อศจ.ทภ.๓ ๘ ผช.อศจ.ทภ.๓ พ.อ. ๑ ๑ ๙ เสมยี น พ.ท. ๑ จ.ส.อ. ๑ ทภ.๔ ๑๐ อศจ.ทภ.๔ พ.อ. ๑ ๑ ๑๑ ผช.อศจ.ทภ.๔ จ.ส.อ. ๑๒ เสมยี น ๑ พ.อ. ๑ นสศ. พ.ท. ๑ ๑๓ อศจ.นสศ. พ.ท. ๑ ๑๔ เสมียน พ.ท. ๑ รร.จปร. ส.อ. ๑๕ อศจ.รร.จปร. ๑๖ อศจ.รร.จปร. พ.ท. ๑ ๑๗ อศจ.รร.จปร. ส.อ. พล.๑ รอ. พ.ท. ๑ ๑๘ อศจ.พล.๑ รอ. ส.อ. ๑๙ เสมียน พล.ร.๒ รอ. ๒๐ อศจ.พล.ร.๒ รอ. ๒๑ เสมียน พล.ร.๙ ๒๒ อศจ.พล.ร.๙ ๒๓ เสมียน
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๒๘ ลําดบั ตําแหน่ง อตั รา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ พล.ร.๓ พ.ท. ๑ ๑ ๒๔ อศจ.พล.ร.๓ ส.อ. ๒๕ เสมียน พ.ท. ๑ ๑ พล.ร.๖ ส.อ. ๒๖ อศจ.พล.ร.๖ ๒๗ เสมียน พ.ท. ๑ ๑ ส.อ. พล.ร.๔ ๒๘ อศจ.พล.ร.๔ พ.ท. ๑ ๑ ๒๙ เสมยี น ส.อ. พล.ร.๗ พ.ท. ๑ ๑ ๓๐ อศจ.พล.ร.๗ ส.อ. ๓๑ เสมยี น พ.ท. ๑ พล.ร.๕ พ.ต. ๑ ๓๒ อศจ.พล.ร.๕ ๓๓ เสมยี น ร.อ. ๑ พล.ร.๑๕ จ.ส.อ. ๑ ๓๔ อศจ.พล.ร.๑๕ ส.อ. ๑ ๓๕ นายทหารการศาสนาฯ พ.ท. ๑ ๑ ๓๖ ผช.นายทหารการศาสนาฯ ส.อ. ๓๗ เสมียนนายทหารการศาสนาฯ พ.ท. ๑ ๑ ส.อ. ๓๘ เสมียนพมิ พด์ ดี พล.ร.๑๑ พ.ท. ๑ ๑ ส.อ. ๓๙ อศจ.พล.ร.๑๑ ๔๐ เสมยี น พล.ม.๑ ๔๑ อศจ.พล.ม.๑ ๔๒ เสมียน พล.ม.๒ รอ. ๔๓ อศจ.พล.ม.๒ รอ. ๔๔ เสมยี น
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๒๙ ลาํ ดับ ตําแหน่ง อตั รา สญั ญาบัตร ประทวน หมายเหตุ พล.ม.๓ พ.ท. ๑ ๑ ๔๕ อศจ.พล.ม.๓ ส.อ. ๔๖ เสมียน พ.ท. ๑ ๑ พล.พฒั นา ๑ จ.ส.อ. ๑ ๔๗ อศจ.พล.พัฒนา ๑ ส.อ. ๔๘ เสมียน ๔๙ เสมยี นพิมพด์ ดี พ.ท. ๑ ๑ จ.ส.อ. ๑ พล.พฒั นา ๒ ส.อ. ๕๐ อศจ.พล.พัฒนา ๒ ๕๑ เสมยี น พ.ท. ๑ ๑ ๕๒ เสมียนพมิ พด์ ีด จ.ส.อ. ๑ ส.อ. พล.พฒั นา ๓ ๕๓ อศจ.พล.พฒั นา ๓ พ.ท. ๑ ๑ ๕๔ เสมยี น จ.ส.อ. ๑ ๕๕ เสมยี นพมิ พ์ดดี ส.อ. พล.พฒั นา ๔ พ.ท. ๑ ๑ ๕๖ อศจ.พล.พัฒนา ๔ ส.อ. ๕๗ เสมียน ๕๘ เสมียนพมิ พด์ ีด พ.ท. ๑ ๑ ส.อ. พล.ช. ๕๙ อศจ.พล.ช. พ.ท. ๑ ๑ ๖๐ เสมยี น ส.อ. พล.รพศ.๑ พ.ท. ๑ ๑ ๖๑ อศจ.พล.รพศ.๑ จ.ส.อ. ๖๒ เสมียน พ.ท. ๑ พล.ปตอ. พ.ท. ๑ ๖๓ อศจ.พล.ปตอ. ๖๔ เสมียน พล.ป. ๖๕ อศจ.พล.ป. ๖๖ เสมียน นรด. ๖๗ อศจ.นรด. ๖๘ อศจ.ศสร.
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๓๐ ลําดบั ตําแหน่ง อัตรา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ บชร.๑ พ.ต. ๑ ๑ ๖๙ อศจ.บชร.๑ จ.ส.อ. ๗๐ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ บชร.๒ จ.ส.อ. ๗๑ อศจ.บชร.๒ ๗๒ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ จ.ส.อ. บชร.๓ ๗๓ อศจ.บชร.๓ พ.ต. ๑ ๑ ๗๔ เสมยี น จ.ส.อ. บชร.๔ พ.ต. ๑ ๑ ๗๕ อศจ.บชร.๔ ร.อ. ๑ ๗๖ เสมียน จ.ส.อ. มทบ.๑๑ พ.ต. ๑ ๑ ๗๗ อศจ.มทบ.๑๑ ร.อ. ๑ ๗๘ ผช.อศจ.มทบ.๑๑ จ.ส.อ. ๗๙ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ มทบ.๑๒ ร.อ. ๑ ๘๐ อศจ.มทบ.๑๒ จ.ส.อ. ๘๑ ผช.อศจ.มทบ.๑๒ ๘๒ เสมยี น พ.ต. ๑ ๑ ร.อ. ๑ มทบ.๑๓ จ.ส.อ. ๘๓ อศจ.มทบ.๑๓ ๘๔ ผช.อศจ.มทบ.๑๓ พ.ต. ๑ ๑ ๘๕ เสมียน ร.อ. ๑ จ.ส.อ. มทบ.๑๔ ๘๖ อศจ.มทบ.๑๔ ๘๗ ผช.อศจ.มทบ.๑๔ ๘๘ เสมยี น มทบ.๑๕ ๘๙ อศจ.มทบ.๑๕ ๙๐ ผช.อศจ.มทบ.๑๕ ๙๑ เสมยี น
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๓๑ ลําดบั ตําแหน่ง อตั รา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ มทบ.๑๖ พ.ต. ๑ ๑ ๙๒ อศจ.มทบ.๑๖ ร.อ. ๑ ๙๓ ผช.อศจ.มทบ.๑๖ จ.ส.อ. ๙๔ เสมยี น พ.ต. ๑ ๑ มทบ.๑๗ ร.อ. ๑ ๙๕ อศจ.มทบ.๑๗ จ.ส.อ. ๙๖ ผช.อศจ.มทบ.๑๗ ๙๗ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ ร.อ. ๑ มทบ.๑๘ จ.ส.อ. ๙๘ อศจ.มทบ.๑๘ ๙๙ ผช.อศจ.มทบ.๑๘ พ.ต. ๑ ๑ ๑๐๐ เสมียน ร.อ. ๑ จ.ส.อ. มทบ.๑๙ ๑๐๑ อศจ.มทบ.๑๙ พ.ต. ๑ ๑ ๑๐๒ ผช.อศจ.มทบ.๑๙ ร.อ. ๑ ๑๐๓ เสมยี น จ.ส.อ. มทบ.๒๑ พ.ต. ๑ ๑ ๑๐๔ อศจ.มทบ.๒๑ ร.อ. ๑ ๑๐๕ ผช.อศจ.มทบ.๒๑ จ.ส.อ. ๑๐๖ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ มทบ.๒๒ ร.อ. ๑ ๑๐๗ อศจ.มทบ.๒๒ จ.ส.อ. ๑๐๘ ผช.อศจ.มทบ.๒๒ ๑๐๙ เสมยี น พ.ต. ๑ ร.อ. ๑ มทบ.๒๓ ๑๑๐ อศจ.มทบ.๒๓ พ.ต. ๑ ปดิ บรรจุ ๑๑๑ ผช.อศจ.มทบ.๒๓ ร.อ. ๑ ๑ ๑๑๒ เสมยี น จ.ส.อ. มทบ.๒๔ ๑๑๓ อศจ.มทบ.๒๔ ๑๑๔ ผช.อศจ.มทบ.๒๔ มทบ.๒๕ ๑๑๕ อศจ.มทบ.๒๕ ๑๑๖ ผช.อศจ.มทบ.๒๕ ๑๑๗ เสมียน
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๓๒ ลาํ ดบั ตาํ แหนง่ อัตรา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ มทบ.๒๖ พ.ต. ๑ ๑ ๑๑๘ อศจ.มทบ.๒๖ ร.อ. ๑ ๑๑๙ ผช.อศจ.มทบ.๒๖ จ.ส.อ. ๑๒๐ เสมยี น พ.ต. ๑ ๑ มทบ.๒๗ ร.อ. ๑ ๑๒๑ อศจ.มทบ.๒๗ จ.ส.อ. ๑๒๒ ผช.อศจ.มทบ.๒๗ ๑๒๓ เสมยี น พ.ต. ๑ ๑ ร.อ. ๑ มทบ.๒๘ จ.ส.อ. ๑๒๔ อศจ.มทบ.๒๘ ๑๒๕ ผช.อศจ.มทบ.๒๘ พ.ต. ๑ ๑ ๑๒๖ เสมียน ร.อ. ๑ จ.ส.อ. มทบ.๒๙ ๑๒๗ อศจ.มทบ.๒๙ พ.ต. ๑ ๑ ๑๒๘ ผช.อศจ.มทบ.๒๙ ร.อ. ๑ ๑๒๙ เสมียน จ.ส.อ. มทบ.๒๑๐ พ.ต. ๑ ๑ ๑๓๐ อศจ.มทบ.๒๑๐ ร.อ. ๑ ๑๓๑ ผช.อศจ.มทบ.๒๑๐ จ.ส.อ. ๑๓๒ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ มทบ.๓๑ ร.อ. ๑ ๑๓๓ อศจ.มทบ.๓๑ จ.ส.อ. ๑๓๔ ผช.อศจ.มทบ.๓๑ ๑๓๕ เสมยี น พ.ต. ๑ ๑ ร.อ. ๑ มทบ.๓๒ จ.ส.อ. ๑๓๖ อศจ.มทบ.๓๒ ๑๓๗ ผช.อศจ.มทบ.๓๒ ๑๓๘ เสมยี น มทบ.๓๓ ๑๓๙ อศจ.มทบ.๓๓ ๑๔๐ ผช.อศจ.มทบ.๓๓ ๑๔๑ เสมียน
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๓๓ ลาํ ดบั ตําแหนง่ อัตรา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ มทบ.๓๔ พ.ต. ๑ ๑ ๑๔๒ อศจ.มทบ.๓๔ ร.อ. ๑ ๑๔๓ ผช.อศจ.มทบ.๓๔ จ.ส.อ. ๑๔๔ เสมยี น พ.ต. ๑ ๑ มทบ.๓๕ ร.อ. ๑ ๑๔๕ อศจ.มทบ.๓๕ จ.ส.อ. ๑๔๖ ผช.อศจ.มทบ.๓๕ ๑๔๗ เสมยี น พ.ต. ๑ ๑ ร.อ. ๑ มทบ.๓๖ จ.ส.อ. ๑๔๘ อศจ.มทบ.๓๖ ๑๔๙ ผช.อศจ.มทบ.๓๖ พ.ต. ๑ ๑ ๑๕๐ เสมียน ร.อ. ๑ จ.ส.อ. มทบ.๓๗ ๑๕๑ อศจ.มทบ.๓๗ พ.ต. ๑ ๑ ๑๕๒ ผช.อศจ.มทบ.๓๗ ร.อ. ๑ ๑๕๓ เสมียน จ.ส.อ. มทบ.๓๘ พ.ต. ๑ ๑ ๑๕๔ อศจ.มทบ.๓๘ ร.อ. ๑ ๑๕๕ ผช.อศจ.มทบ.๓๘ จ.ส.อ. ๑๕๖ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ มทบ.๓๙ ร.อ. ๑ ๑๕๗ อศจ.มทบ.๓๙ จ.ส.อ. ๑๕๘ ผช.อศจ.มทบ.๓๙ ๑๕๙ เสมยี น พ.ต. ๑ ๑ ร.อ. ๑ มทบ.๓๑๐ จ.ส.อ. ๑๖๐ อศจ.มทบ.๓๑๐ ๑๖๑ ผช.อศจ.มทบ.๓๑๐ ๑๖๒ เสมยี น มทบ.๔๑ ๑๖๓ อศจ.มทบ.๔๑ ๑๖๔ ผช.อศจ.มทบ.๔๑ ๑๖๕ เสมียน
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๓๔ ลาํ ดบั ตําแหน่ง อัตรา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ มทบ.๔๒ พ.ต. ๑ ๑ ๑๖๖ อศจ.มทบ.๔๒ ร.อ. ๑ ๑๖๗ ผช.อศจ.มทบ.๔๒ จ.ส.อ. ๑๖๘ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ มทบ.๔๓ ร.อ. ๑ ๑๖๙ อศจ.มทบ.๔๓ จ.ส.อ. ๑๗๐ ผช.อศจ.มทบ.๔๓ ๑๗๑ เสมียน พ.ต. ๑ ๑ ร.อ. ๑ มทบ.๔๔ จ.ส.อ. ๑๗๒ อศจ.มทบ.๔๔ ๑๗๓ ผช.อศจ.มทบ.๔๔ พ.ต. ๑ ๑ ๑๗๔ เสมยี น ร.อ. ๑ จ.ส.อ. มทบ.๔๕ ๑๗๕ อศจ.มทบ.๔๕ พ.ต. ๑ ๑ ๑๗๖ ผช.อศจ.มทบ.๔๕ ร.อ. ๑ ๑๗๗ เสมียน จ.ส.อ. มทบ.๔๖ พ.ต. ๑ ๑๗๘ อศจ.มทบ.๔๖ ร.อ. ๑ ๑๗๙ ผช.อศจ.มทบ.๔๖ ๑๘๐ เสมียน พ.ต. ๑ กช. พ.ต. ๑ ๑๘๑ อศจ.กช. ๑๘๒ ผช.อศจ.กช. พ.ต. ๑ พธ.ทบ. พ.ต. ๑ ๑๘๓ อศจ.พธ.ทบ. พ.ต. ๑ กส.ทบ. ๑๘๔ อศจ.กส.ทบ. สส. ๑๘๕ อศจ.สส. ศสพ. ๑๘๖ อศจ.ศสพ. ศบบ. ๑๘๗ อศจ.ศบบ.
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๓๕ ลาํ ดบั ตําแหน่ง อตั รา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ ศร. พ.ต. ๑ ๑๘๘ อศจ.ศร. ร.อ. ๑ ๑๘๙ ผช.อศจ.ศร. พ.ต. ๑ ปดิ บรรจุ ศม. ร.อ. ๑ ๑๙๐ อศจ.ศม. ๑๙๑ ผช.อศจ.ศม. พ.ต. ๑ ปดิ บรรจุ ร.อ. ๑ ศป. ๑๙๒ อศจ.ศป. พ.ต. ๑ ปดิ บรรจุ ๑๙๓ ผช.อศจ.ศป. ร.อ. ๑ รร.กสร.ศสร. พ.ต. ๑ ปิดบรรจุ ๑๙๔ อศจ.รร.กสร.ศสร. ๑ ๑๙๕ ผช.อศจ.รร.กสร.ศสร. ร.อ. ๑ จ.ส.อ. รร.นส.ทบ. ๑๙๖ อศจ.รร.นส.ทบ. ร.อ. ๑ ปิดบรรจุ จ.ส.อ. ๑ ทม.ร.๑ รอ. ๑๙๗ อศจ.ร.๑ รอ. ร.อ. ๑ ๑ ๑๙๘ ผช.อศจ.ร.๑ รอ. จ.ส.อ. ทม.ร.๑๑ รอ. ร.อ. ๑ ๑ ๑๙๙ อศจ.ร.๑๑ รอ. จ.ส.อ. ๒๐๐ ผช.อศจ.ร.๑๑ รอ. ร.อ. ๑ ๑ ร.๓๑ รอ. จ.ส.อ. ๒๐๑ อศจ.ร.๓๑ รอ. ๒๐๒ ผช.อศจ.ร.๓๑ รอ. ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. ร.๒ รอ. ๒๐๓ อศจ.ร.๒ รอ. ร.อ. ๑ ๑ ๒๐๔ ผช.อศจ.ร.๒ รอ. จ.ส.อ. ร.๑๒ ร.อ. ๒๐๕ อศจ.ร.๑๒ รอ. ๒๐๖ ผช.อศจ.ร.๑๒ รอ. ร.๒๑ รอ. ๒๐๗ อศจ.ร.๒๑ รอ. ๒๐๘ ผช.อศจ.ร.๒๑ รอ. ร.๙ ๒๐๙ อศจ.ร.๙ ๒๑๐ ผช.อศจ.ร.๙
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๓๖ ลาํ ดบั ตําแหน่ง อตั รา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ ร.๑๙ ร.อ. ๑ ๑ ๒๑๑ อศจ.ร.๑๙ จ.ส.อ. ๒๑๒ ผช.อศจ.ร.๑๙ ร.อ. ๑ ๑ ร.๒๙ จ.ส.อ. ๒๑๓ อศจ.ร.๒๙ ๒๑๔ ผช.อศจ.ร.๒๙ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. ร.๓ ๒๑๕ อศจ.ร.๓ ร.อ. ๑ ๑ ๒๑๖ ผช.อศจ.ร.๓ จ.ส.อ. ร.๘ ร.อ. ๑ ๑ ๒๑๗ อศจ.ร.๘ จ.ส.อ. ๒๑๘ ผช.อศจ.ร.๘ ร.อ. ๑ ๑ ร.๑๓ จ.ส.อ. ๒๑๙ อศจ.ร.๑๓ ๒๒๐ ผช.อศจ.ร.๑๓ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. ร.๖ ๒๒๑ อศจ.ร.๖ ร.อ. ๑ ๑ ๒๒๒ ผช.อศจ.ร.๖ จ.ส.อ. ร.๑๖ ร.อ. ๑ ๑ ๒๒๓ อศจ.ร.๑๖ จ.ส.อ. ๒๒๔ ผช.อศจ.ร.๑๖ ร.อ. ๑ ๑ ร.๒๓ จ.ส.อ. ๒๒๕ อศจ.ร.๒๓ ๒๒๖ ผช.อศจ.ร.๒๓ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. ร.๔ ๒๒๗ อศจ.ร.๔ ๒๒๘ ผช.อศจ.ร.๔ ร.๗ ๒๒๙ อศจ.ร.๗ ๒๓๐ ผช.อศจ.ร.๗ ร.๑๗ ๒๓๑ อศจ.ร.๑๗ ๒๓๒ ผช.อศจ.ร.๑๗
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๓๗ ลําดบั ตาํ แหนง่ อตั รา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ ร.๑๔ ร.อ. ๑ ๑ ๒๓๓ อศจ.ร.๑๔ จ.ส.อ. ๒๓๔ ผช.อศจ.ร.๑๔ ร.อ. ๑ ๑ ร.๕ จ.ส.อ. ๒๓๕ อศจ.ร.๕ ๒๓๖ ผช.อศจ.ร.๕ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. ร.๑๕ ๒๓๗ อศจ.ร.๑๕ ร.อ. ๑ ๑ ๒๓๘ ผช.อศจ.ร.๑๕ จ.ส.อ. ร.๒๕ ร.อ. ๑ ๑ ๒๓๙ อศจ.ร.๒๕ จ.ส.อ. ๒๔๐ ผช.อศจ.ร.๒๕ ร.อ. ๑ ๑ ร.๑๕๑ จ.ส.อ. ๒๔๑ อศจ.ร.๑๕๑ ๒๔๒ ผช.อศจ.ร.๑๕๑ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. ร.๑๕๒ ๒๔๓ อศจ.ร.๑๕๒ ร.อ. ๑ ๑ ๒๔๔ ผช.อศจ.ร.๑๕๒ จ.ส.อ. ร.๑๕๓ ร.อ. ๑ ๑ ๒๔๕ อศจ.ร.๑๕๓ จ.ส.อ. ๒๔๖ ผช.อศจ.ร.๑๕๓ ร.อ. ๑ ๑ ม.๑ รอ. จ.ส.อ. ๒๔๗ อศจ.ม.๑ รอ. ๒๔๘ ผช.อศจ.ม.๑ รอ. ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. ม.๒ ๒๔๙ อศจ.ม.๒ ๒๕๐ ผช.อศจ.ม.๒ ม.๓ ๒๕๑ อศจ.ม.๓ ๒๕๒ ผช.อศจ.ม.๓ ม.๔ รอ. ๒๕๓ อศจ.ม.๔ รอ. ๒๕๔ ผช.อศจ.ม.๔ รอ.
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๓๘ ลาํ ดบั ตาํ แหนง่ อัตรา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ ม.๕ รอ. ร.อ. ๑ ๑ ๒๕๕ อศจ.ม.๕ รอ. จ.ส.อ. ๒๕๖ ผช.อศจ.ม.๕ รอ. ร.อ. ๑ ๑ ม.๖ จ.ส.อ. ๒๕๗ อศจ.ม.๖ ๒๕๘ ผช.อศจ.ม.๖ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. ปตอ.๑ ๒๕๙ อศจ.ปตอ.๑ ร.อ. ๑ ๒๖๐ ผช.อศจ.ปตอ.๑ ร.อ. ๑ ๑ ส.๑ จ.ส.อ. ๒๖๑ อศจ.ส.๑ ร.อ. ๑ ๑ กรม ทพ.๑๑ จ.ส.อ. ๒๖๒ อศจ.กรม ทพ.๑๑ ๒๖๓ ผช.อศจ.กรม ทพ.๑๑ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. กรม ทพ.๑๒ ๒๖๔ อศจ.กรม ทพ.๑๒ ร.อ. ๑ ๑ ๒๖๕ ผช.อศจ.กรม ทพ.๑๒ จ.ส.อ. กรม ทพ.๑๓ ร.อ. ๑ ๑ ๒๖๖ อศจ.กรม ทพ.๑๓ จ.ส.อ. ๒๖๗ ผช.อศจ.กรม ทพ.๑๓ ร.อ. ๑ ๑ กรม ทพ.๑๔ จ.ส.อ. ๒๖๘ อศจ.กรม ทพ.๑๔ ๒๖๙ ผช.อศจ.กรม ทพ.๑๔ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. กรม ทพ.๒๑ ๒๗๐ อศจ.กรม ทพ.๒๑ ๒๗๑ ผช.อศจ.กรม ทพ.๒๑ กรม ทพ.๒๒ ๒๗๒ อศจ.จทบ.ช.ร. ๒๗๓ ผช.อศจ.กรม ทพ.๒๒ กรม ทพ.๒๓ ๒๗๔ อศจ.กรม ทพ.๒๓ ๒๗๕ ผช.อศจ.กรม ทพ.๒๓
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๓๙ ลาํ ดบั ตาํ แหน่ง อตั รา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ กรม ทพ.๒๖ ร.อ. ๑ ๑ ๒๗๖ อศจ.กรม ทพ.๒๖ จ.ส.อ. ๒๗๗ ผช.อศจ.กรม ทพ.๒๖ ร.อ. ๑ ๑ กรม ทพ.๓๑ จ.ส.อ. ๒๗๘ อศจ.กรม ทพ.๓๑ ๒๗๙ ผช.อศจ.กรม ทพ.๓๑ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. กรม ทพ.๓๒ ๒๘๐ อศจ.กรม ทพ.๓๒ ร.อ. ๑ ๑ ๒๘๑ ผช.อศจ.กรม ทพ.๓๒ จ.ส.อ. กรม ทพ.๓๓ ร.อ. ๑ ๑ ๒๘๒ อศจ.กรม ทพ.๓๓ จ.ส.อ. ๒๘๓ ผช.อศจ.กรม ทพ.๓๓ ร.อ. ๑ ๑ กรม ทพ.๓๔ จ.ส.อ. ๒๘๔ อศจ.กรม ทพ.๓๔ ๒๘๕ ผช.อศจ.กรม ทพ.๓๔ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. กรม ทพ.๓๕ ๒๘๖ อศจ.กรม ทพ.๓๕ ร.อ. ๑ ๑ ๒๘๗ ผช.อศจ.กรม ทพ.๓๕ จ.ส.อ. กรม ทพ.๓๖ ร.อ. ๑ ๑ ๒๘๘ อศจ.กรม ทพ.๓๖ จ.ส.อ. ๒๘๙ ผช.อศจ.กรม ทพ.๓๖ ร.อ. ๑ ๑ กรม ทพ.๔๑ จ.ส.อ. ๒๙๐ อศจ.กรม ทพ.๔๑ ๒๙๑ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๑ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. กรม ทพ.๔๒ ๒๙๒ อศจ.กรม ทพ.๔๒ ๒๙๓ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๒ กรม ทพ.๔๓ ๒๙๔ อศจ.กรม ทพ.๔๓ ๒๙๕ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๓ กรม ทพ.๔๔ ๒๙๖ อศจ.กรม ทพ.๔๔ ๒๙๗ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๔
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๔๐ ลําดบั ตําแหนง่ อัตรา สญั ญาบตั ร ประทวน หมายเหตุ กรม ทพ.๔๕ ร.อ. ๑ ๑ ๒๙๘ อศจ.กรม ทพ.๔๕ จ.ส.อ. ๒๙๙ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๕ ร.อ. ๑ ๑ กรม ทพ.๔๖ จ.ส.อ. ๓๐๐ อศจ.กรม ทพ.๔๖ ๓๐๑ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๖ ร.อ. ๑ ๑ จ.ส.อ. กรม ทพ.๔๗ ๓๐๒ อศจ.กรม ทพ.๔๗ ร.อ. ๑ ๑ ๓๐๓ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๗ จ.ส.อ. กรม ทพ.๔๘ ร.อ. ๑ ๓๐๔ อศจ.กรม ทพ.๔๘ จ.ส.อ. ๑ ๓๐๕ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๘ 183 124 307 กรม ทพ.๔๙ ๓๐๖ อศจ.กรม ทพ.๔๙ ๓๐๗ ผช.อศจ.กรม ทพ.๔๙ รวม
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๔๑ ๔. ภารกิจตามหน้าทข่ี องอนุศาสนาจารย์ ๔.๑ หนา้ ทีท่ ่วั ไป ปฏบิ ัติการหรอื อาํ นวยการเก่ยี วกับการศาสนา และให้คาํ แนะนําแก่ผูบ้ ังคับบัญชา ในปัญหาทั้งปวงเก่ียวกับศาสนาและขวญั ๔.๒ หน้าทเ่ี ฉพาะ - ปฏบิ ตั กิ ารเก่ยี วกบั การบริการทางศาสนา และวางโครงการให้ทหารมีโอกาสได้ปฏบิ ตั ิศาสนกิจ - เยี่ยมเยยี นผู้เจ็บปว่ ยและนกั โทษทหาร - ชว่ ยเหลอื และประสานงานในการดาํ เนนิ การให้ทหารมขี วัญดี - มสี ่วนในการอบรมผ้คู ัดเลือกเข้ามาเปน็ ทหาร และทําการบรรยายอบรมทหารเก่ยี วกบั ศาสนา - ตดิ ตอ่ ประสานงานกบั องค์การสงเคราะหต์ ่างๆ เช่นสภากาชาด หรือวัดในทอ้ งถน่ิ - รับและแจกจา่ ยเอกสารเกี่ยวกบั ศาสนา และรายงานการปฏบิ ัติของตน ๔.๓ ภารกจิ และหน้าทีก่ องอนศุ าสนาจารย์ ๔.๓.๑ ใหค้ ําปรึกษาแก่เจ้ากรมยทุ ธศกึ ษาทหารบกและส่วนอํานวยการอื่นๆ ใน กรมยุทธศึกษาทหารบก ในเร่ืองเกย่ี วกบั ศาสนา ศลี ธรรม ขวัญทหาร และกิจการอนุศาสนาจารย์ ๔.๓.๒ ร่วมมอื ในการวางแผนอบรมคณุ ลักษณะทหาร ๔.๓.๓ ดําเนินการเรื่องการกําลังพลและการฝึกฝนอนุศาสนาจารย์ให้เป็นผู้มีคุณธรรมและสมรรถภาพ เหมาะสมกับตําแหน่งหน้าท่ี ๔.๓.๔ เสนอความเห็นในการดาํ เนนิ กิจการอนุศาสนาจารย์ตอ่ เจ้ากรมยุทธศึกษา-ทหารบก ๔.๓.๕ วางแผนและกาํ หนดระเบียบปฏิบัติหนา้ ทีข่ องอนศุ าสนาจารย์ทง้ั ในยามปกติ และ ยามสงคราม ๔.๓.๖ ดําเนินการตามนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ในด้านการ พัฒนาคุณธรรม ๔.๓.๗ ติดต่อ/ร่วมมือกับส่วนราชการและผู้บังคับหน่วยในกองทัพบก ในเร่ืองที่เก่ียวกับ กิจการในหน้าท่ี อนศุ าสนาจารย์ ๔.๓.๘ ควบคุมกิจการอนุศาสนาจารย์ และการปฏิบัติหน้าท่ีของอนุศาสนาจารย์ประจําหน่วยในทาง วิทยาการ ๔.๓.๙ ควบคมุ ดแู ลความประพฤตอิ นศุ าสนาจารย์ ๔.๓.๑๐ อํานวยการอบรม และการสอนศีลธรรมวัฒนธรรมแก่ทหาร และบุคคลในสังกัดกองทัพบก ให้มี ความประพฤติและอธั ยาศัยดีงาม มีขวญั และกําลังใจเขม้ แขง็ มีความจงรักภกั ดตี ่อประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ ๔.๓.๑๑ ดําเนนิ การในเรอ่ื งการบํารุงรักษาขวญั และกําลังใจของทหาร ๔.๓.๑๒ ปฏบิ ตั พิ ิธที างศาสนาและการกุศลของกองทพั บก ๔.๓.๑๓ ดาํ เนนิ การการประกันคณุ ภาพการศึกษา กองอนศุ าสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ๔.๔ ภารกิจและหนา้ ทผี่ ้อู ํานวยการกองอนศุ าสนาจารย์ ๔.๔.๑ ปกครองบังคับบัญชาอนุศาสนาจารยแ์ ละขา้ ราชการ ลกู จา้ งในกอง-อนุศาสนาจารย์ ๔.๔.๒ เป็นหัวหนา้ สายวทิ ยาการอนุศาสนาจารย์โดยตําแหนง่ ๔.๔.๓ เสนอความเห็นในการดาํ เนินกจิ การอนศุ าสนาจารยแ์ กเ่ จา้ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๔๒ ๔.๔.๔ วางแผน กําหนดนโยบายของอนศุ าสนาจารย์ ท้ังยามปกตแิ ละยามสงคราม ๔.๔.๕ ควบคุม ดแู ล ติดต่อ ประสานงาน ตลอดจนอาํ นวยการเกี่ยวกับกจิ การอนศุ าสนาจารย์ทั้งปวง ๔.๕ ภารกจิ และหน้าทรี่ องผอู้ ํานวยการกองอนศุ าสนาจารย์ ๔.๕.๑ ปฏบิ ัติงานชว่ ยเหลอื ผ้อู าํ นวยการในภารกจิ หนา้ ทข่ี องผอู้ ํานวยการ ๔.๕.๒ ชว่ ยกํากบั ดแู ลนโยบายและงานท่ผี อู้ าํ นวยการกําหนดและสง่ั การแลว้ ๔.๕.๓ ช่วยเรง่ รดั ติดตามงานทีผ่ อู้ ํานวยการได้สง่ั การแลว้ เพ่อื ใหร้ วดเรว็ และทนั เวลา ๔.๕.๔ ดแู ลกวดขนั ความเรียบรอ้ ย ความเปน็ ระเบียบของงานและสถานทภี่ ายใน กองอนุศาสนาจารย์ ๔.๕.๕ ทําการแทนผ้อู ํานวยการเม่อื ผอู้ าํ นวยการไมอ่ ยู่ ๔.๖ ภารกิจและหนา้ ท่ีแผนกกาํ ลังพล ๔.๖.๑ ดําเนินการเลื่อน ลด ปลด ยา้ ย การสอบบรรจุ การดาํ เนนิ การบรรจุอนศุ าสนาจารย์และผชู้ ว่ ย อนุศาสนาจารย์ ๔.๖.๒ ตรวจสอบ ควบคมุ จรรยาบรรณของอนุศาสนาจารย์ ๔.๖.๓ วางแผนและจดั ทําแผนการตรวจกจิ การอนุศาสนาจารยป์ ระจาํ ปี ๔.๖.๔ ดําเนนิ การด้านขวญั และกาํ ลงั ใจของอนศุ าสนาจารย์ และผู้ช่วย-อนุศาสนาจารย์ ๔.๖.๕ ควบคมุ กํากบั ดแู ลและดาํ เนนิ การเกยี่ วกับเงินทนุ สวัสดกิ ารอนศุ าสนาจารย์ และทุนอื่นๆ ท่ีเกี่ยวกับ การสงเคราะห์และสวสั ดิการอนุศาสนาจารย์ ผูช้ ่วยอนุศาสนาจารย์ ๔.๖.๖ จดั ทาํ ทาํ เนียบอนศุ าสนาจารย์และผชู้ ่วยอนุศาสนาจารย์ ๔.๖.๗ ดําเนนิ การเรื่องการฝกึ อบรมอนุศาสนาจารยแ์ ละผูช้ ่วยอนุศาสนาจารย์ทบี่ รรจุใหม่ ๔.๖.๘ ดาํ เนนิ การเร่ืองระเบียบแบบธรรมเนยี มอนศุ าสนาจารย์ ๔.๖.๙ ดําเนินการเรือ่ งการประชุมคณะกรรมการอนศุ าสนาจารยก์ ารประชมุ สายวิทยาการอนุศาสนาจารย์ ประจาํ เดอื น ๔.๖.๑๐ อบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร ตามแผนการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหารประจําปี ของกรม ยุทธศึกษาทหารบก ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย ๔.๖.๑๑ สอนวิชาการศาสนาและศีลธรรมในหลักสูตรของโรงเรียนเหล่า สาย-วิทยาการ และหน่วยจัด การศกึ ษาของกองทพั บก ตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ๔.๖.๑๒ รับผิดชอบการประกันคุณภาพการศึกษาของกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธ-ศึกษาทหารบก ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย ๔.๖.๑๓ ปฏิบัติพิธที างศาสนาใหก้ บั หน่วยตา่ งๆ ในกองทัพบก และหน่วยงานอืน่ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย ๔.๖.๑๔ ประสานงานและให้การสนบั สนุนแกแ่ ผนกอืน่ ในกองอนุศาสนาจารย์ ๔.๗ ภารกิจและหนา้ ท่ีแผนกวิชาการและการศกึ ษา ๔.๗.๑ ค้นคว้าวิทยาการอนั เป็นประโยชน์เกอ้ื กลู แก่งานอนุศาสนาจารย์ ๔.๗.๒ รวบรวมและเรยี บเรียงตาํ รา รวมทงั้ การสร้างอุปกรณ์การสอนอบรมในหนา้ ทอ่ี นศุ าสนาจารย์ ๔.๗.๓ จัดทําหลักสูตรและตําราทางวิชาการศาสนาและศีลธรรมสําหรับสอนในโรงเรียนเหล่าสาย วิทยาการทุกระดับ รวมทั้งหลักสูตรการปฐมนิเทศนายทหารอนุศาสนาจารย์บรรจุใหม่, หลักสูตรนายทหารอนุศาสนาจารย์
อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๔๓ ชั้นต้น, หลักสูตรนายทหารอนุศาสนาจารย์ชั้นสูง, หลักสูตรการพัฒนาบุคลากรกองทัพบก, หลักสูตรการปฏิบัติธรรมใน พรรษา, หลกั สูตรการอบรมพธิ กี รด้านศาสนาประเพณีและวัฒนธรรมไทย และหลักสตู รอนื่ ๆ ท่ีกองอนุศาสนาจารย์เก่ยี วขอ้ ง ๔.๗.๔ ดําเนินการเร่ืองการเปิดการศึกษาหลักสูตร ตามข้อ ๔.๗.๓ เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับกอง อนศุ าสนาจารย์ และกํากับดูแลให้เกิดความเรียบร้อย ทันเวลา ตามห้วงของหลักสูตร และเงื่อนไขทางด้านงบประมาณ และ ดาํ เนินการปรบั ปรุงสมรรถภาพของอนศุ าสนาจารย์ ๔.๗.๕ ดําเนินการการประกันคณุ ภาพการศึกษาของกองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธ-ศึกษาทหารบก ๔.๗.๖ ดําเนินการด้านงบประมาณท้งั ส้ินของกองอนุศาสนาจารย์เปน็ ส่วนรวม ๔.๗.๗ ตรวจการปฏิบัตงิ านของอนศุ าสนาจารย์ประจําหน่วยในทางวิชาการ ทดสอบผลงานและจัดทาํ สถิติ ๔.๗.๘ รบั ผิดชอบการจดั ทาํ วารสารพุทธศาสตร์ ๔.๗.๙ รับผดิ ชอบห้องสมดุ กองอนศุ าสนาจารย์ ๔.๗.๑๐ รับผดิ ชอบจัดทําปฏทิ นิ งานและจดหมายเหตุ ๔.๗.๑๑ อบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร ตามแผนการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหารประจําปีของกรม ยทุ ธศึกษาทหารบก ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย ๔.๗.๑๒ สอนวิชาการศาสนาและศีลธรรมในหลักสูตรของโรงเรียนเหล่า สาย-วิทยาการ และหน่วยจัด การศึกษาของกองทพั บก ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย ๔.๗.๑๓ ปฏิบัติพธิ ที างศาสนาให้กับหนว่ ยต่างๆ ในกองทัพบก และหน่วยงานอนื่ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย ๔.๗.๑๔ ประสานงานและใหก้ ารสนบั สนุนแก่แผนกอืน่ ในกองอนุศาสนาจารย์ ๔.๘ ภารกจิ และหนา้ ทแ่ี ผนกอบรม ๔.๘.๑ วางแผน จัดทําโครงการ ประสานงาน กํากับดูแลการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร และการ รายงานผล ๔.๘.๒ วางแผนและดาํ เนนิ การตามนโยบายการปลูกฝงั และสรา้ งเสริมอดุ มการณ์ทหารของกองทัพบก ด้าน การพัฒนาคณุ ธรรม และการรายงานผล ๔.๘.๓ ดําเนินการเร่ืองการประชุมคณะอนุกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหาร ด้านการ พฒั นาคุณธรรม ๔.๘.๔ วิเคราะห์ วิจัย และประเมินผลการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร และการปลูกฝังและสร้างเสริม อุดมการณ์ทหาร ด้านการพัฒนาคุณธรรม ๔.๘.๕ ดาํ เนินการและกาํ กบั ดแู ล การปฏิบตั ิธรรมในหลักสตู รการพัฒนาบุคลากรกองทัพบก ๔.๘.๖ ดําเนนิ การและกํากับดแู ล การปฏบิ ัติธรรมโครงการปฏิบตั ธิ รรมในพรรษา ๔.๘.๗ ดําเนินการและกํากับดูแล การปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ ๔.๘.๘ ดําเนินการและกํากับดูแล การจัดอนุศาสนาจารย์สอนวิชาการศาสนาและศีลธรรม ในโรงเรียน เหลา่ สายวทิ ยาการตามท่ไี ดร้ ับการรอ้ งขอ ๔.๘.๙ ดาํ เนินการและกาํ กบั ดแู ลการจัดอนศุ าสนาจารย์สอน บรรยาย อบรมในองค์การทางศาสนา หน่วย ราชการและหนว่ ยงานเอกชนตามทไ่ี ดร้ บั การรอ้ งขอ ๔.๘.๑๐ ดาํ เนนิ การเรอื่ งการเย่ียมบาํ รุงขวัญทหารและครอบครัว
อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๔๔ ๔.๘.๑๑ ดําเนินการเร่ืองการอบรมทางศีลธรรม และการอบรมกรณีอื่นๆ เป็นพิเศษตามนโยบายของ ผู้บังคับบญั ชา ๔.๘.๑๒ รับผิดชอบการประกันคุณภาพการศึกษาของกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธ-ศึกษาทหารบก ตามที่ได้รบั มอบหมาย ๔.๘.๑๓ ปฏิบตั พิ ธิ ที างศาสนาให้กบั หนว่ ยต่างๆ ในกองทัพบก และหนว่ ยงานอืน่ ตามท่ีได้รับมอบหมาย ๔.๘.๑๔ ประสานและใหก้ ารสนับสนนุ แกแ่ ผนกอืน่ ในกองอนุศาสนาจารย์ ๔.๙ ภารกิจและหน้าทีแ่ ผนกศาสนพธิ ี ๔.๙.๑ ดําเนนิ งานทางดา้ นพิธแี ละการบริการทางศาสนพิธี ๔.๙.๒ รบั ผิดชอบศาสนสถานและอปุ กรณป์ ระกอบพธิ ี ๔.๙.๓ ใหค้ ําแนะนําและกวดขันการปฏบิ ัตพิ ธิ ีของอนุศาสนาจารย์ และผูช้ ่วยอนุศาสนาจารย์ท่บี รรจใุ หม่ ๔.๙.๔ ดาํ เนนิ การประสานและนิมนตพ์ ระสงฆ์ในพธิ กี ารทเ่ี กย่ี วข้อง ๔.๙.๕ รบั ผิดชอบจดั อนศุ าสนาจารยป์ ฏิบตั ิพิธี ๔.๙.๖ ดําเนินการดา้ นพธิ ีและการกศุ ลของกองทัพบกในสว่ นท่เี ก่ยี วขอ้ ง ๔.๙.๗ ดําเนินการเรอ่ื งการกุศลและพธิ ขี องกองอนศุ าสนาจารย์ และของกรมยทุ ธ-ศึกษาทหารบก ๔.๙.๘ ปฏิบัติพิธที างศาสนาใหก้ ับหน่วยต่างๆ ใน ทบ. และหนว่ ยงานอื่นตามทไ่ี ด้รบั การร้องขอ ๔.๙.๙ อบรมศีลธรรมวฒั นธรรมทหาร ตามแผนการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหารประจําปีของกรมยุทธ ศกึ ษาทหารบก ตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ๔.๙.๑๐ สอนวิชาการศาสนาและศีลธรรมในหลักสูตรของโรงเรียนเหล่า สาย-วิทยาการ และหน่วยจัด การศึกษาของกองทพั บก ตามที่ไดร้ บั มอบหมาย ๔.๙.๑๑ รบั ผดิ ชอบการประกันคณุ ภาพการศึกษาของกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ตามท่ี ไดร้ บั มอบหมาย ๔.๙.๑๒ ประสานงานและให้การสนับสนุนแกแ่ ผนกอ่ืน ในกองอนุศาสนาจารย์ ๔.๑๐ ภารกจิ และหนา้ ทฝ่ี า่ ยธุรการ ๔.๑๐.๑ รับผิดชอบงานธุรการทั้งปวงของกองอนุศาสนาจารย์ ที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของแผนก อน่ื ๔.๑๐.๒ ดูแลรบั ผิดชอบการจัดสํานกั งานกองอนศุ าสนาจารย์ ๔.๑๐.๓ รับผิดชอบการรับ - ส่งหนังสือ หรือเอกสารทางราชการตามระเบียบงานสารบรรณ และกํากับ ดแู ลใหด้ าํ เนินการทันตามกําหนดเวลา ๔.๑๐.๔ จัดทําทะเบียน บัญชีคุมสิ่งอุปกรณ์ของกองอนุศาสนาจารย์เป็นส่วนรวม ตลอดท้ังการ ดาํ เนนิ การบํารงุ รักษาและซ่อมบาํ รุง ๔.๑๐.๕ วางแผนฝกึ อบรมเจา้ หน้าทก่ี องอนศุ าสนาจารยใ์ นดา้ นระเบยี บงานสารบรรณ ๔.๑๐.๖ ประสานงานและใหก้ ารสนบั สนนุ แก่แผนกอ่นื ในกองอนศุ าสนาจารย์ ๔.๑๑ ภารกิจและหนา้ ทอี่ นศุ าสนาจารยป์ ระจําหน่วย ๔.๑๑.๑ อนศุ าสนาจารย์หนว่ ยระดับกองทพั ภาค
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391