1 ^ะ---
ป ร ะ ม ขุ ส ลิ !! น□ก ส ๆรเผ ย แ ฬ ร อ่ ร ร ม ะ ฉดทำโดอ ถ!หอนศาสนาจารยํ่ กรมยทธศึกษาทหารบก
ลานา ผบู้ งั คบั บัญชาหนว่ ยทหาร นบั ตงแตห่ น่วยระดับ ' หมู่ ตอน หมวด จนถงึ หน่วยระคบั สงู สุด ยอ่ มมีภารกจํ หลกั อยู่ ท ี4่ ''การพ*ฒนา” (ะ^61อ1)1ซ6ซ1:) และ “ การดำรงไว้’, (1^3111161181106) ซง่ึ ชีวิตของหนว่ ย ๔ ประการ ใหด้ ำรงอยู่ ในระคบั สงู สดุ คอื ๑. ขว‘ญและกำบงั ใจ ( ]ฬ03:316 ) ๒. วนย ( 01301^)11116 ) ๓. สาบคั คธรรม ( 03?]โ11: ป6้ 0อ1-?8 ) ๔. ประสิทธภาพของกำบังพลและหนว่ ย (?1ฬ1016110?) ผู้บงั คับบัญชาเพียบพร,อมคัวย “ คณุ ลักษณะประมุขคืลป สรรคสรา่ ง” ( (ะ168เ^6 ) เทา่ นน้ จึงจะสามารถ สรา่ งหน่วยให้มึสภาพดังกลา่ วข่างคันนื่อยา่ งต่อเน่อื งได้ หนังสือเลม่ น่ื พ*นเอกนวม สงวนทร่พย์ อคตื หวั หนัากอง อนศุ าสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก เบนี ผ้เู รียบเรยี ง กรมยุทธศึกษาทหารบก พิจารณาเหน็ วา่ เบนเอกสารทมคุณค่า จงึ พิมพเิ ผยแพร,และแจกจ่ายหนว่ ยเบนครีงแรกเม่ือบี ๒๕๒๖
จำนวน ๑,๕๐๐ เล่ม ปรากฏว่าหนังสอื ไดห้ มดลงในเวลาไมน่ าน *2ะ5เ นัก และหน่วยก็ได้ติดต่อขอรบการแจกจา่ ยอยู่เสมอ กรมยทุ ธ. ศกึ ษาทหารบกจงึ ไดจ้ ด้ พมิ พแ์ จกจ่ายหนว่ ยเบีนคร1งท่ี ๒ ใน บี ๒๕๒๙ น จำนวน ©,๙๐๐ เล่ม ในการพิมพ์คร้ํงน เรยี บเรยี งไดป้ รีบปรงุ แก้ไขไห้สมบรู ณ์ยงี ขน หนังสอนเนนหนักเรีองคณุ ธรรมประมุขตลิ !]ตามแนว พระพุทธศาสนาก*'บหล*'กนยิ มประมุขตลิ !]ตามหล*'กวชาสังคม. ศาสตรี หากท่านผ้ทู รงคณุ วฒุ ิพจิ ารณาเหน้ ว่า มีข'ออ*'นควร แกไ้ ขปร*'บปรงุ ขอไดแ้ จง้ ใหท้ ราบ เพ์ลจะไดแ้ ก้ไขใหส้ มบูรณ์ ในการพมิ พค์ ราวตอ่ ไป. ( ปว*'ฒวงศ์ หุตะเสรี ) เจา้ กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก
สารบญ หนำ เรอง ๑ บทนำ ๒ กำ1นิดของการเบนผู้นำ ©๒ ผู้ใต้บังคับบัญชา ๑๖ ประเภทของผู้นำ ๑๙ ๒๑ องคประกอบประมขุ ศํล!) ๒๙ มาตรการสร้างขว*ญและกำลงั ใจ ๖๙ บทท ๑ คณุ ธรรมประมขุ ศิล!] ๔๑ บทท ไV ผ้นู ำคบั การพฒั นาตน ๔๖ บทท ๓ ภาวะสรา้ งสรรค์ ๙๑ กำแพงขวางกนภาวะสร้างสรรค์ ๙๒ กลุ่มชนสร้างสรรค์ ๙๗ เคร้ืองกดี ขวางภาวะสรา้ งสรรค์ ๑๐๐ หนว่ ยงานสร้างสรรค์ การผืกฝนเพ๋ึอสรา้ งภาวะสรา้ งสรรค์
5 หน้า • จ '^ บทท ๔ การทำการตดั สนั ใจ ๑๐๗ การวเิ คราะหก์ ระบวนการการทำการตดั สันใจ ๑๑๐ การปร้บปรงุ กระบวนการการทำการตัดสินใจ ๑๑๖ ขอ้ บ่งชมีประโยชน์บางประการ ๑๒๓ บทท ๕ กระบวนการการให้คำปรกึ ษาหารอื ๑๒๕ การวเิ คราะหก์ ระบวนการการให้คำ ปรึกษาหารือ ๑๒๙ การสรา้ งส*มพ*น,ธภาพ ๑๓๒ ข้นตอนการแกบ้ ่’ญหา ๑๓๕ ข้อยุติ ๑๓๗ บทท ๖ แบบประมุขศิลน์ ๑๔๑ ขไ)บ่งซอ*นมปี ระโยชน์ ๑๔๔ การวเิ คราะห์บญ่ หา ๑๔๕ แบบพฤติกรรมผู้นำ ๑๔๗ ติทธพลเหน์อตวั ผนู้ ำ ๑๔๙ ยุทธศาสตร์ระยะยาว ๑๕๖
บทนา ปร*มขุ คลิ ใ] ประมฃติล!! . . . เม่อื ฝงู โคฑง้ หมดข่ามฟาก โคผนู้ ำฝงู เดนิ ทางไปคด โคนอกนนท,งหมดย่อมเดินทางไปคดตาม ในหมมู่ นุษย์ท้งํ หลายก็ฉํ'นนนเหมือนกนั ผ้ใู ดไดร้ บิ สมมติให้เบนใหญ่ เขาผูน้ 6นประพฤติ “ อธรรม” จะบวย กล่าวไปใยวา่ คนอืน่ จะไม่ประพฤติตามกัาง เมอื่ ฝูงโคท1ง หลายข่ามฟาก โคผนู้ ำฝูงเดนทางไปตรง โคนอกน,นทํงหมดกย็ ่อมเดนิ ทางตรงตามกันไปเบนแถว ในหม่มู นุษยท์ งหลายกฉ็ นํ ํน1นเหมอื นกัน ผู้ใดได้ริบ สมมติใหเ้ บนใหญ่ เขาผูน้ ,นประพฤติ “ ธรรม” จะบวยกล่าวไป ใยว่า ปวงชนจะไม่ประพฤตติ ามบ,'าง. . . ” (พระพทุ ธเจา่ ) “ ..1ผู้นำคอื บคุ คลทึมคื วามสามารถในการจูงใจผู้อน่ื ให้ กระทำสีงท่ีเขาไม่ต\"องการกระทำ และทำใหเ้ ขาชอบการกระทำ กั นน้ น. . . ” (ประธานาธบิ ดีทรแู มน)
1* \" .. . การนำคนคอื คล!)ของการทำใหค้ นอ่นื กระทำสีง ที่ท่านตไ)งการใหบ้ รรลุผลสำเรจ็ เพราะว่าเขาเกดิ ความดํองการ จะทำสีงน้น. . . ” (ประธานาธบิ ดี ไอเชนเฮาเออร)็ “ ... ประมขุ คล!! คอื การมคี วามสามารถและความพร,อม ท่จี ะกระตุ้น ดลใจแนะแนวทาง นำทาง หรอื จ*,ดกจิ กรรมกบั ผ้อู ืน่ ให้ลุล่วงไปกวั ยด1ี . . ” (ก ูด ) \" . . . ประมุขศล!! คอื กระบวนการร*'บและการให้ความ ชว่ ยเหลอื เพื่อให้บรรลุถึงเบาหมายในการที่จะดำรงไว้ซ่งึ สีงที่ ดงามอย่แู ล่ว หรอื ในสงี ที่และสภาพการณใ์ หม่ ๆ อ*'นบคุ คล และหมู่คณ ะปรารถนา...” (กอร็ดอน เอน. แมก๊ เคนซ่ึและ สเตฟเพน เอม. คอร็เร่ย์ ) .. . ประมขุ คล!)ทางทหารคือศิล!)ของการปกครองและ การนำคน ในวธิ ีจะได้ร*'บความเชอพง ความน*'บถึออย่างจธิงใจ จากพวกเขาและไดร้ *!)ความรว่ มมอื อย่างซอึ่ ส*ตย์เพือ่ บรรลผุ ล แห่งภารกจิ 1. . ” ( เอฟเอ็ม. ๒๒-๑๐๐ ) ภำเนคึ นองการเบนผู้นำ ในหนํงสอ 1*116 ^.1-เ ๐1 1.63^61-81111) ออรดเวย ทด ( 0๗ ^37 163(1 ) อธิบายวา่ วธิ ที ่ีบลุ คลจะกัาวไปสู่ความเบนึ ผนู้ ำนน มี ๓ วธิ ดี ,'วยก*'น
0) ๑. ผู้นำโดยกา:สฑงตนเอง (7116 86น 0003เแง1๗ 1,6๗61- ) ผู้นำที่เดินทางสายนํ้ ต*องเบนื ผทู้ ี่เข*มแขง็ มีความ สามารถ มคี วามทะเยอทะยานและอดุ มการสงู ต*องพนผา อุปสรรคมากมาย 1®. ผ้นู ำโดยการเลอกของกลุ่มชน ( 1116 861601:6(1 1,0๗61 ) การท่ีกล่มุ ชนจะเลอื กใครเบนผนู้ ำ กลุ่มซน ต*อ้งเลงื เหน็ สมรรถนะและความดิของผนู้ นํ 01. ผนู้ ำโดยการแต่งต8งจากผมู้ อำนาจ (1116 1,6๗61' 3^011116(1 110111 3๗76 ) การทผ่ี ู้มีอำนาจจะแต่งตํ้งใคร กยอ่ ม ใครค่ รวญรอบคอบว่า ผูน้ นํ้ มีความเหมาะสมดีแลว้ กล่าวโดยเฉพาะในวงการทหารน้นํ บคุ คลใดก็ตามได้ร*บ การแต่งต่งใหเ้ บนผู้'บงั คบั บ*ญชาหน่วย บคุ คลน*นเรากล่าวไดว้ า่ เขาเบนสมาชกคนสำค*,ญคนหนึง่ ของกองท*พ ผู้อย่ใู นฐานะทนี า่ สนใจและทา้ ทายมากทส่ี ดุ เรยี กรองความคดิ รเี รีมนานาประการ ท้บจำต*อ, งใชส้ มรรถภาพและความสามารถอย่างสูงเด่นในการ เข*าใจธรรมชาติของมนษุ ย่—ทหาร ในบังคับทญ้ ชา
๔ ผู้บังคับบญั ชาหนว่ ยทหาร แมว้ ่าจะมซอเรียก แตกต่าง กนั วา่ 16๗61: ( หน่วยระดับ หมู่ ตอน หมวด ) 00๓๓3๗61: ( ระดับกองรอ่ ย กองพน่ กรม ) และ 0๐๓๓3๗๒8 061161-31 ( ระดบั กองพล ) ก็ตาม แตเ่ บาหมายของการปกครองหนว่ ย จะอยู่ที “ ความส ำเรจภ ารก ิจของห น ่วยไนระดับ ประสทํ ธผลสงู สุด . . . ” การท่ีหนว่ ยจะบรรลุเบาหมายนึ่ใด้ ผบู้ งั ดับบญั ชาจะดัอง “ พฒ่ นา ” ( 06V610]ว๓6111 ) และ “ ดำรงไว้ ” ( IV!3111161131106 ) ซี่งแกนชว็ ติ ของหนว่ ย ให้อยู่ ในระดับสงู แกนชวี ติ ทวี ่านก็คือ ๑. ขว้ญและกำดงั ใจ ( ]ฬ01-316 ) ๒. วนย่ ( 1)18011)11116 ) ๓. สาบัคคธรรม ( ธ8{)1:11 (16 0๐1-1)8 ) ๙. ประสทิ ธิภาพของกำดงั พล และหน่วย 016110}( ) เพราะฉะน1น ผบู้ งั ดับบัญชาผู้เพียบพร'่ อมดวั ยคุณธรรม ประมฃุ ศิล!)แบบสรรค์สรา่ ง ( 01-631^6 1.6๗61:811111 ) เทา่ น1น จงึ จะสรา่ งหนว่ ยใหม้ ส้ ภาพดงั กล่าวขไงดนั . . . ข*'อพํสจู นขึ่ อให้ ศึกษาจากวิรกรรมตอนหนงึ่ ของวีรบรรพชนไทย ดงั ต่อไปน.ึ่ —
๕ “ . จนต'องมารา211ทรผทั ครง้ นก็เบืนทสดุ แหง่ ชาต แล้ว จะได้กลบั หรอไม่ไดก้ ล้บก็ยังไม่แน่ ด้วยความตาย มาอยรู่ อบดา้ ง ถงผังท้ันดว้ เรากย็ งั ตงอยู่ในความตจรต หาได้ม่ จตผันแปรแตอ่ ยา่ งหนงอยา่ งใดเลย ผวั เราได้ ม่ความอดทนรกํ บาความด้มามาก ตงแตไ่ ดเ้ ดา้ มารับ ราชการผลประโยขน์ทไม่ขอบธรรม เรากไ็ ด้ผดั เลย ทงั้ สน ได้รบั เบยหวัดและเ'งนเด้อนเหา่ ทั้น เงนเด้อนทไดร้ ับ ก็ไม่หอจะกนและน่งุ หม่ ผวั เราก็ลูเอานาลูบลอ้ ง ผวั เรา มาได้ หำการใหญ่ใช้เงนแผน่ ดน้ จนลงวันนกว่า ๘’๐,๐00 ชงแล้ว ลา้ เราม่ความโลภเทม่อนอย่างผู้อน คงจะเบน คนทบรบูรณ์ผบั เขาบา้ ง ทนั้ ทสุดบา้ น กใ็ ม่ม่จะอยู. . . ” ขไ)ความขไงต,นนเบนี บ*นทกึ ส่วนตวั ตอนห'แงของ จอมพล เจ*าพระยาสุรตกั ด้ึมนตรี (เจิม แสงชูโต) ผเู้ บน “ ขนุ พลแกว” คูพ่ ระทไ)ของพระบยี มหาราช บ*นทกึ นทา่ นเขยี นไวเ้ มือ่ ไป ปฏํนต่ ราชการทัพปราบฮ่อ ไนจดหมายเหตเุ รองปราบฮ่อ และจดหมายเหตุเรีอง .เจา่ พระยาภูธราภไ]ยกทพั ไปปราบฮ่อ สมเด็จ ๆ กรมพระยา
๖ ดำรงราชานุภาพ “ พระบิดาแห่งประว'ตศาสตร์ ” ทรงอธบิ าย ความหมายคำวา่ “ ฮ อ่ ” ไว้ว่า “ . 1. ฮ่อก็คอื เจ๊กหรือจีนนนื เอง แตช่ าวไทยภาคเหนือ ไมเ่ รยื กวา่ เจ๊ก เรียกว่าฮ่อมาแต่โบราณ แมไ้ นหนไ)เอ พงศาวดารซึ่งกลา่ วถงึ เรีองจีนตเี มอื งพมา่ กอ่ นคืกอแซหวนุ่ ก็ ก็เรียกวา่ ฮอ่ ตามคำไทยภาคเหนือ บางทีคำว่าฮอ่ นืชนเดมิ ทเี ดียวจะหมายความว่าพวกมองโกลท่ีไดเ้ บินไหญไ่ นเมืองจีน ครืง้ํราชวงศไ์ ตเ้ ซง เรยี กใหผ้ ๊ดกบั จีนกอ็ าจจะเบนิ ไต้ แตใ่ น ระยะหลังต่อมาพวกชาวลานชา้ งและลานนา ในมณฑลพาย‘พ เรยี กบรรดาจีน (ทงี 'จนี และเมง่ จู ) ทลี งมาภาคเหนอื ว่าฮอ่ ตามอย่างโบราณ เรียกบรรดาจนี ทฃี นไปจากกรุงเทพ ฯ วา่ เจก๊ หรือจีนตามตามอยา่ งซาวกรุงเทพ ฯ จึงชวนให้ชาวกรุงเทพ ฯ เช้าใจวา่ ฮอ่ เบินชาติหนึ่งตา่ งหาก . 1. ” กองทหั ไทยยคุ ปราบ ฮ่อ ได้เผขญหน้ากบั ความทุกข์ ยาก ความลำบากตรากดรำ ความแรนแค้น ความ ทรกันดารของภมู ประเทศ ความขาดแคลนเสนยงอาหาร และยาสำหรบั ร'กนาโรคนานาประการ ยงกวา่ กองกัพไทย
ยุคไ1จจบุ นั นอยา่ งไม่มกำกลา่ วใด ๆ มาเปรยบเทย่ บไค้ แทว่ ่าขวัญและกำตงั ใจ ความองอาจ กลา้ ทาญ ความเสย สละ ความอดทน ความพรอ้ มสรรพทพลเลอดเนอและ ชวดตันสุดรักสุดทวงแทนเพอแผ่นดนไทยของนกั รบไทย ทกุ คนนับจากทา่ นขุนพลแก้วจนลงพลทหาร มอยอู ย่างตนั เทลอสดุ จะพรรณนา ว่รกรรมของนักรบไทยยุคปราบย่อ เบนื วร่ กรรมคอนทนงตันมค่าสงู ยงในประวตั การททาร ของขาดไทย กองท*V)ของชาตทิ พ่ี *ฒนาแล้ว ผู้ร*!]ผิดชอบในชะตากรรม ของชาติย่อมจะถือเบนสูตรวา่ “ การไดต้ ำแหน่ง” ก*บ “ การ บ*งค*บบ*ญ'ชาหนว่ ย’’ นน้ํ ไมเ่ หมือนกัน ประวต่ ศาสตรไ์ ดใ้ ห้ ข่อพสํ ูจนม่ าครง้ แล,วครงํ้ เลา่ ว่า อาศยั ความเสนห่ า ความอคติ ในบคุ คลกันเบีนท่ีร*'กใครข่ องตน แล'วแต่งตํง้ บคุ คล'ให้เขา่ 'ร*บ ตำแหนง่ ได้นา่ กองท*,พและประเทศชาตเิ ข่าสูภ่ าวะวกิ ฤตมา ครงแกวั ครง์ เล่า พระบียมหาราช ทรงแต่งตงํ ให้ พ.อ. จมืน่ ไวยวรนาถ เบนี แม่ทพั ปราบฮอ่ มิใช่เบีนเพราะว่าทรงโปรดปรานแกวั มพื ระ-
ราชประสงค์จะให้ใด้เลอนตำแหน่งการงานสงขํ้น ๆ แต่ทรง แต่งคงใหเ้ บนแมท่ ัพ ' . . . เพราะพระนายไวย ๆ คนนเบนผู้ ชำนาญการทหารและอาวธุ ทงเบนผ้ทู ีเห็นแก'่ ราชการ ไม่ละทง้ํ หนำท่แี ละเบนผู้ทม่ี ืความซอื่ ตรงจงวกั ภักดี. . . ” กองทพั ของทา่ นขุนพลแก*,วเคลอนออกจากกรงุ เทพ ๆ เมอวันที่ ๓ พฤศจกิ ายน ๒๔๒๔ ไปรวมพลปวับขบวน ณ เมอื ง พวิ ยั แล,่วจึงเดินทพั ต่อไปทังเมือหลวงพระบาง ถงึ เมืองหลวง พระบางเมอวันท่ี ๒๓ กุมภาทันธ์ ๒๔๒๙ ต่อ'จากนนํ 'ใดเั คลอน ทัพเข้าไป ในดนิ แดนหวั ทนั ท,งหไทง้ หก รกุ ต่อไปจนถงึ เมอื ง- ช่อน ทนั ว่าภูมิประเทศท่ีกองทัพ!ทยจำต*,องเคลอนทผ่ี ่านไปทน้ เบนภมู ,ิ ประเทศทรุ กนั ดารต*,องผ่านไปด*,วยความยากล่าบากแสน สาหัสอากาศหนาวจด่ ฝนตกหนไา ทหารเจ็บบวยล่มตายลง มากมายแมน้ ายแพทยประจำกองทพั เองกไ็ ด้ล*,มบวยลงเชน่ กนั “ . . . 1กองทพั ทไ่ี ด้ยกขนไปฉลองพระคุณคราวน การที่ จะตอ่ สู้กับทัตรหาใคร่วติ กไม่ วิตกอย่แู ตก่ ารเจบ็ ไขเ้ ทา่ ท้นแมท่ พั ได้ทอดชีวิตและรา่ งกายแล*ว ถึงจะตายกไ็ มม่ คื วามวติ ก ขอ แต่ใหฉ้ ลองพระเดช พระคณุ แผน่ ดนิ ให้ปรากฏแกค่ นเทา่ ท้น
๔ ไปราชการควงน แม่ทัพคิดวา่ ดา่ รอดชีวตํ กลับถึงกรุงเทพ ๆ ได้ ก็ตามนกึ ว่าเกิดใหม่...1แม่ทัพมีความเศร้าสลดใจท่ไี ดย้ นํ เสยี ง คนบว่ ยอาเจยี นและครางไมห่ ยดุ เบนที่น่าลงั เวชใจเหลือกำลัง ต*องช่วยลันพยาบาลฑ้งกลางลันและกลางคืน..........’ ทา่ นขุนพลแก*,วแบง่ กำลังทหารไทยทจ่ี ะเขา้ โจมติค่ายพวก ฮ่อในดินแดนเมอื ง หัวพ*,นที่งห*าท้งหกออกเบน ๒ ส่วน ส่วน หนง่ึ มกี ำลังพล ๓๐๐ คน มี ร.อ. หลวงดสั กรปลาศลบั เจ'ไ- ร'าซภ'าคิน่ยเบนผบู้ ังคบั บญั ชา เคลือ่ นพลไปทางทิศตะลัแออก เฉียงเหนือ เข้าติค่ายฮ่อท่บี *,านไดและบำนนาปา ส่วนกำลังพล ๔๐๐ คน อกี ส่วนหน่งึ ในทงั ลบั บัญชาของ ร.อ. หลวงจำนง- ยทุ ธกจิ (อ มี ) ลบั เจ*,าราชวงศ์ เคลอื่ นท่ีใปทางตะลันออก เฉยี งใด้ เขา้ ตฮี อ่ ทเี่ มืองพูน ร.อ. หลวงลสั กรปลาศและเจ*,'Vราชภาคนิ *ย เขา้ ติค่ายฮ่อ บ*,านไดแตกเมอื ลันท่ี ๑๒ เมษายน ๒๔๒๙ เขา้ ยดึ คา่ ยฮอ่ บ*,าน นาปาไว้ได้ ยดึ อาวุธยุทธภ*,ณฑและเสบยี งอาหารจากค่ายทีง่ สอง เบนจำนวนมาก สว่ นกำลงั พลอกี ส่วนหนึ่ง ๔๐๐ คน ภายใต้บ*,งลับบ*ญชา ของ ร.อ. หลวงจำนงยุทธกจิ และเจ*,าราชวงศ์ ได้เข้าติค่ายฮ่อ
ที่เมอื งพนู Iมอ4จาคไวไ้ ด้ และเคลอนกำลังเข่าตีค่ายฮอ่ บไนหอ แตกลงอก เนอื่ งจากยา่ งเฃไฤดฝู น ทา่ นขุนพลแลวั จงึ ลังไห้ถอน กำลงั กลับมาตงทีเ่ มอื งแวน ร.อ. หลวง1จำนงยุทธกจิ พิจารณาลวั ย บญญาลนั เฉยี บแหลมวา่ เมือ่ กองทหารไทยถอนกำลังออกแลัว พวกฮอ่ คงกลับเฃไยึดค่ายเมืองจาดเอาไวอ้ ีกเบนแน่ ฉะน,น ก่อน การถอนกำลงั ออก ได้วางระเบดิ ไวม้ ากมายในค่ายเมอื งจาด พอพวกฮ่อเหน็ ทหารไทยถอนกำลงั ออก ก็ล่งกำลงั ของตนเขา่ ยดึ ค่ายเมอื งจาดลมจรงิ ตามที่ประมาณลถานการณ์ไวล้ ว่ งหนำ พวกฮอ่ ถูกระเบิดลมั ตายลงเบนจำนวนมากพาลนั แตกตนหนี ออกจากคา่ ยชลุ มนุ วนุ่ วายไมเ่ บนิ ขบวน ร.อ. หลวงจำนงยทุ ธกิจ เห็นวา่ สถานการณ์ผายเรากำลงั ไณ้ปรยี บ สมควรอย่างยีงที่ จะขยายผลการปราบปรามให้เดด็ ขาด จึงรายงานดว่ นถงึ ท่าน ขุนพลแลวั ทา่ นขนุ พลแลัวลังการใหน้ ำกำลงั เขไตีค่ายฮ่อ ท่ีเมืองโสยและเมืองพูนต่อไปอีก กำลงั ทหารไทยตีคา่ ยฮ่อเมือง โสยแตกเมื่อลันที่ ๒๐ มถิ ุนายน ๒๙๒๙ ตคี า่ ยเมืองพูนแตก เมื่อลันที่ ๒๒ มถิ ุนายน ๒๔๒๙ พวกฮอ่ พาลนั แตกหนถี อย เขไไปในดินแดนสบิ สองจไุ ทย
กาลตอ่ มาพวกฮอ่ และพวกขา่ คงจะทราบวา่ กองทัพหลวง? ที่ต,งอยู่ ณ เมอื งชอ่ นมีทหารเจบึ บวยเกือบหมดกองทัพ จงถือ โอกาสกอ่ การร่ายเชำตปี ลนั บำนเมืองเลก ๆ แลัวพากันยกกำลงั เข่าตคี า่ ยใหญ่ทเี่ มอื งชอ่ น สภาพวกิ ฤตของกองท*,พไทยเกดิ ขน้ํ ทันที เวลานนไมม่ ีกำลังพลทีจ่ ะตอ่ สู้ ท่านแมท่ ัพขุนพลแกว จึงเกณฑพ์ วกควาญชำงและคนในกองโคเอามาแต่งกายเบน ทหารและใหน้ ำอาวุธของทหารบวยมาใหค้ นกองชำงและกองโค ต่อสแู้ ทน ทหารบวยทกุ คนพากนั ทดั ทัานไม่ยอม ทหารทกุ คน ร่องขอท่านแมท่ ัพขนุ พลแกวั จะขอตอ่ สูก้ ับชำศึกจนกว่าชีวิตจะ หาไม่ ท่านแมท่ พั ขุนพลแกัวจงึ ประกาศเจตจำนงเด็ดเตี่ยว รว่ มตายกับทหารทุกคนว่า “ ฉัน!!)ใจทจะยอมตละขว?แบนคร)้ ท 0 ก่อนคน ใ!)หลาย (มอฉนั ตายแล้วคนในกอ)ทพั จ)ตาย(ปีนครไท ๒ ทำอยา่ )ไร ๆ เตย ฉันจะไมท่ )กนั เลย..!' ประกาศตขอ)ท่านแม่กพั ขนพลแก้วขา้ )ตน้ น ช่วย สร้า)ใหข้ วญั และกำกั)ใจการต่อสขอ)กักรบไทยอยูใน ระกบั ตู)สดุ หมดความ(กร)กลัวต่อมัจจราขทแลเห็นอยู่ (บอ)หนา้ ทา่ นขุนพลแก้วรวบรวมกำล)ั พลไดป้ ระมาณ
๒00 คนเส}* ยกกำลังออกไปคงรับนอกคา่ ยใหญ่ กระสุน บนทกองทัพไทยยงขามคา่ ยขา้ สก ตกไป'ถกภเู ขาเบองหลงั คา่ ยฮอ่ ระเบดอย่างรุนแรง พวกฮ่อเลย’แรัญนกว่าม กองทัพไทยอกกองหนงยกเขา้ โอบคทางเบองหลงั ทหาร ไทยจงยดคา่ ยขา้ สกใว่ได้ควยความกลัาหาญ หลไจากท่ีไดป้ ราบปรามพวกฮอ่ สงบราบคาบและจ*'ดการ บาั นเมอื งใหอ้ ยู่ไนความสงบเรยี บรอ้ ยแล่'ว พระบยมหาราชจงึ มพื ระบรมราชโองการเรยี กกองทพั ไทยกล*บกรุงเทพ เมอ่ื 'ว*'แท่ี ๗ มถุนายน ๒๔๓0 ผ้,ู โตษ้ ไลษ่ บญ ชา ผบู้ ไคับบญั ชาผู้ไดจะเบนผู้ล้าํ เลิศในประมุขศีล!] ผู้บังคบั บัญชาผ้นู ,นจำเบนทีส่ ดุ ทีฅ่ ํ'องมิความเขา่ ใจพฤตกิ รรมคาด คะเนพฤตกิ รรมและควบคุมพฤติกรรมของผู้ไต้บงั คับบญั ชา ทกุ คน ผ้บู งั คบั บัญชาย่อมสามารถปฏิบตภารกจิ ของตนไดอ้ ย่าง สมบูรณ์ ล่าหากตนเองพยายามเข'าไจตัวเองและทหารทุกคน'ไน บงั คับบญั ชา เขาไมจ่ ำเบนต*'องกลายเบนน*'กจิตวทิ ยาผู้เชย่ี วชาญ แตว่ า่ เขา “ ตอง” เขา่ ใจแบบพฤตกิ รรมพนฐานของทหารทุกคน
6 ) ปโี ) ท1งนํ้ กเ่ พึ๋อจะเลนั เอาประสิทธิผลสูงสุดจากผู้ใตับังคบั บญั ชาใน. หนว่ ยน์นเอง ผูใ้ ต้บไเคบั บัญชา คือ บุคคลผู้มล็ ไาษณะเฉพาะคัวตอ่ ไปน ไม่เหมือนคนั ลกั ษณะทีว่ ่าน์ไดแ้ ก่ ๑. ลักษณะทางกายภาพ ( ?เ1?ร1031 ) ไ!อ . ลไาษณะทางอารมณ์ ( 2๓01101131 ) ๓. พนฐานภาวะทางเศรษฐกิจของครอบคงว ( 20000๓ 10 ) ๔. ฐานะทางสงิ ดม ( ร001ฝ ) ๕. ระดบิ สตบิ ญญา ( 1ฬ61บส1 ) ในสาิ ยตาของผใู้ ต้บังคบั บญั ชาน1น ผู้บังคับบญั ชา คือ รม่ โพธึท้ องและร่มไทรลันรม่ รนี ของพวกเขา ฉะนํ้นในห*วงลึก แห่งหัวใจของพวกเขา ย่อมเรียกรอ้ งและปรารถนาให้ผู้บงั คบั บัญชาหลงั สิายธารน์าใจลงั ตอ่ ใปนํ้ ๑. ความซ่อื ลตั ย์ (ผ0716ร^) จงอย่าเหน่ วา่ “ผใู้ ต้ บงั คบั บญั ชาคือปูท่ีมืเลอึ ด ” แลัวขดู รีดเบยี ดบังผลประโยชน์ ลันชอบธรรมของเขาเบนี ของตน
๒. การใหค้ วามยุติธรรม ( ? ส11 71-604016111 ) ไมม่ ี •อคติ ท1งในการ'ให้คุณ และการใหโ้ ทษ ๓. ความกล้าหาญ (00111-386) ประสบการณในสนาม ยืนย่นว่า เมอี มีการปะทะลบ้ ล้าศกึ ลา้ ผบู้ ังคับบญั ชาขม่ อารมณ์ หวาดกลวั ไค้ ขวัญไม่กระเจิง หน่วยจะปฏิบไใการไคเ้ ปรยี บลา้ ศกึ ทหารไทยยุคสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระเล้าตากสนิ มหาราช พระพุทธยอดพาจุฬาโลกมหาราช รบกับลา้ ศึกโดย ไม่กลวั ความตายก็เพราะความกลา้ ขององคจ์ ลมทพั ๔. ปฏิบตตอ่ ผู้ใต้บงั คับบัญชาในฐานะที่พวกเขาเบน ทหารผู้บรรลนุ ติ ภิ าวะและเบนทหารอาชพี ( 0๓151(361-311011 (3ข6 111601 33 0131111-6, ?1โ03:65510031 301(31615) โดยการ ไม่กล่าววาจาและแสดงพฤติกรรมทางกายท่ีทำลายคักดืส้ รีความ เบนบจเจกชนของเขา ๕. สนใจผ้ใู ตบ้ งั คับบญั ชาเบนรายบุคคล ( ?61*501133 111161651 131(60 111 1316111 35 111(1^1(311318 ) รูล้กชอ เขาใจ พ้นํ ฐานสว่ นบุคคลและครอบคววั เลา้ ชว่ ยเหลือในการแก้ บญหาชวี ติ แต่ละคน
๖. จงรกั ภักดี ( 1.0781*? ) ยีนหยไจเคียงข้างผู้ใต้บงั คับ บญั ชาทุกสถานการณ์ รว่ มสุขร่วมทกุ ฃ ไมป่ ลกี คัวหนีเมอ่ื ต้อง รับผิด เบนโลบ่ องภนั คนั ตรายจากการกดคนั ของหนว่ ยเหนอี ใหแ้ กพ่ วกเขา ๗. ความปรารถนาของพวกเขาไดร้ ับความตอบสนอง {.าโ116^ 1166*1 1)6 ญ0เ ) ผ้ใู ต้บังคับบัญชาทกุ คนมคี วามตอ้ งการ ท1งกายภาพ และจิตภาพ เชน่ อาหาร ท่ีอยู่อาภัย การคันทนา การ ฯลฯ ผบู้ ังภบั บัญชาต้องดำเนนิ การในเรอื่ งนี ให้อย่าง สมบรู ณท์ ี่สุด ๘. ใหผ้ ู้ใต้บังคบั บญั ชาไดท้ ราบขอ้ เท็จจรงิ ในเรือ่ งคนั ควรทราบอย่างต่อเนื่อง (ไโอ ๖© 1*601: นำ!011116(3) ไมม่ ีคันตราย รา่ ยแรงใด ๆ จะทำลายภาพพจนข์ องผ้บู ังคับบัญชาเทา่ คับข่าวลือ คนั ไร้มงคลเกีย่ วคบั การกระทำของผู้บงั คับบัญชา การให้ผู้ใต้ บงั คบั บญั ชาทราบเหตุผลขอ้ เท็จจริงในเร่ืองท่ีควรทราบ คอื เกราะแตว้ ภ้ นั ภยั ” ของคัวผู้บงั คบั บญั ชาอยา่ งดีทสี ดุ ๙. โครงการการผืกการปฏิบตงานและการคันทนาการ คอั งวางแผนไว้อย่างรอบคอบ (^. ผ6แ *110118๒ 011* 01081:3111
๐1 113101112. 30(1 1601-631100 ) อย่าไหห้ นกั ไปทางใด ทางหนงึ๋ สว่ นเดยี ว ๑๐. ใช้งานผูใ้ ต้บ*งดบั บ*ญชาตามความสามารถ (1)60130(18 000301605111:316 1ฬ่11โ 03]331)1111{68 ) กลาวคอ อยา่ มอบหมาย ภารกจิ ให้ทุกคนทำหนกั จนเกินขดี ความสามารถกำสง่ กายและ สมรรถภาพทางสมองหรอื มอบภารกิจให้บางคนทำนัอยจนเกนิ ไป จนเขาเกดิ ความเบอื หน่าย ประเภทษฮงผู้นำ โดยการวเิ คราะหพ์ ฤดกี รรมของผนู้ ำเบืนหลไา นักรร-ู ประคาสนศาสตร์ใตแ้ บง่ ประเภทของผนู้ ำออกไปตามทรรศนะ ของตน ดงั ตอ่ ไปนํ้ เอ็ดวนิ บื. ฟลปิ โป ( ผ ฒ ่!! ธ. ) อธบํ ายวา่ ผูน้ ำ เมื่อวเิ คราะห์จากบทบาทการใชอ้ ำนาจนังดับนญั ชา จะมีอยู่ ๓ ประเภท ๑. ผูนาอฅนยม (^.111001*3110 1.63(161:) ผนู ำประเภท นํ้ถือตนเองเบนจุดศนู ยก์ ลางรวบอำนาจการทำงาน'ไวเ้ พืยงคน เดียว ไม่ยอมพงความคิดเห็นของคนอ่ืน
๑ ฟ่ ไ®!). ผนู าเสรนยม (1,313862—{311-6 1,63(ไ61โ) ประเภทน ปล่อยผนู้ ํอยทำอะไรโดยเสรี มอบหมายให้ผนู้ อยกำหนดนโยบาย และ'วางมาตรฐานการปฎบิ ตํงาน ปล่อยผู้โตบ้ งั คบั บ*,ญชาทำงาน โดยไมค่ วบคมุ ๓. ผูนาประชาธป เตย (1)61ฑ001'3เ10 1,63(161\") ตองการ ความรว่ มมือจากทุกผาย ถือผลประโยชน์ของหน่วยงานเหนือ ประโยชนต์ น ประชุมหารือกอ่ นการปฏิน่ตการคดั สินใจ ให้ ผู้ใตบ้ งั คบั บญั ชาแสดงความคิดเหน็ โดยเสรื อะมิไต เอทไชโอน่ี (^๓ !น)12121031) แบง่ ผู้น่าออกเบน ๑. ผนู้ ำใชอ้ ำนาจพระเดช (0)60^6 {30^61: 1.03(161:) ยดึ ควั บทกฎหมายระเรียบคอั บงั คบั ธรรมเนืยมการปกครอง เบนหลกั ในการปกครองโดยเครง่ ครํด ไ0. ผู้นำใชอ้ ำนาจอดถประโยชน์ (ฃฝ!แ3ฝสฑ 130^61' 1,03(16]:) ใช้ผลประโยชน์ทีผ่ ูใ้ ต้บงั คบั บัญชาจะได้จากความ สำเรีจ'โนการงาน เชน่ บ่าเหนจื ๒ ชน รางวลั พเิ ศษการเลอ่ื น ตำแหนง่ เบนกโลบายในการปกครอง ๓. ผูน้ ำใช้อำน าจป ระเพ ณ (1^01-๓31:^6 130^61: 1,63(161\") ถือขนบประเพณที างลงั คม และทางกฎหมายเบนหลกั ในทางปกครอง
เจย. ดบั บลิว. เกทเซลส และ อ.จิ. กูบา (].ผ'. 06*2618 80(1 ธ.0. 0 ๗ 3) ซ่ึงเบึนนไาจิตวทํ ยาผูม้ ชอ่ื เสยี ง แยกประเภท ผนู้ ำเบน ๑. ผ้นู ำทยดสถาบนั เบนหลไา (7116 1^01X10*116*10 768(161 ) ถอื ประโยชน์ของสถาบนั เหนอื อ๋นึ ใด 1๑. ผูนาทยดบคุ คลเบนหลก (7116 111(1108131)1110 76๗61 ) เอาความเหน็ และการดัดสนิ ใจสว่ นตวั เบนหลกั ถือ ความลัมพ*,นธส์ ่วนบุคคลเหนือความส*ิ มพันธใ์ นตำแหนง่ งาน ๓. ผนู้ ำประสานประโยชน์ (7116 *11111830*101131 763(161 ) ประเภทนืมุ่งประสานประโยชน์ของสถาบันและส่วน บคุ คลใหไ้ ดพ้ ร‘อมกัน เบนนกั ประนปื ระนอม ส่วนนักรฐั ประศาสนิ ศาสตร์ใทยถือ คือ ศาสตราจารย์ ชบุ กาญจนประกร แบง่ ประเภทผูน้ ำไว้ดงั นื ๑. ผนู้ ำใช้พร ะเดช ( 76881 163(131 ) 1๑. ผนู าโซพระคณุ (01131181113*10 163(161) ๓. คุนาสส]ุ ลกบณ ( ร^!!!13011๐ 163(161 ) คอผูตำรง ตำแหนง่ ดันควรแก่การเคารพนบั ถอื อยา่ งสงิ เช่น พระบาท- สมเดจ็ พระเจ*าอย่ห*ว สมเดจ็ พระลงั ฆราช
องค์ประกอบประ!Iใเคลื !) ประมุขคลื !)เกี่ยวเน่ืองอยา่ งสำดัญยีงกับองค์ประกอบพนํ้ - ฐาน ซ่งึ มอี ยดู่ ัวยกนั ๓ ประการคอื ๑. ตวผูนา (71)6 163(า61- ) ๒. หนว่ ยงานหรือกล่มุ บุคคล (7116 01-0111)) ท่เี ขา เบนผ้นู ่าหรือผู้บ*งดับบญั ชา ๓. สถานการณ ( 71)6 รแ113ฝ0ฑ ) อ*,นไดแ้ ก่ภารกิจ ของหน่วยและองคป์ ระกอบอน่ื *1อกี อ‘นนอกเหนอื จากขอ่ ๑-๒ กงั กลา่ วแล้ว ช*อรเนะบอรกอ3ท'พ ชัยชนะ ! คอื “ เบาหมาย ” ของกองทัพ.......... การที่กองทพั จะประสบชัยชนะ กิเพราะกำลง้ พลของ หน่วย เพยี บพรอมกัวยคณุ ลักษณะตอ่ ไปนื่ ในระดบั สงู สุด คือ ๑. บชญั กำลัง'ไจ คำวา่ 11ขว*,ญกำลังใจ” (]ฬ01-316) ไดแ้ ก่ “ ภาวะ ทางจิตของกำลังพลท่ีแสดงออกในรปู ของทรรสนคตทิ เี่ ขามตี ่อ เพอนกำลงั พลในหน่วยผู้บงั คบบญั ชาและรปู แบบวถิ ชวติ
ในหน่วย ตลอดจนทุกสืงทกุ อย่างทเขาคดว่ามความสำคํญ ต่อชาดของเขา ” ในหนว่ ยทหารทุกหนว่ ย มาตรการท่ถี อเบนหลักสากล ในการบ่งชใ๊ั หท้ ราบวา่ ขว*ญแสะกำลังใจทหารของหน่วยอยูใ่ ,น ระดับใด วิเคราะหใต้จากเรื่องต่อไปน ๑. การแสดงความเคารพ ( ร&]นนฑ8 ) ๒. ความสะอาดของอาคาร (0๐0(1 ผ 0ซ861(661)1118) ๓. ความภาคภูมใิ จของกำลงั พล ( ? ฝ(า6 ) ๔. การเข้าร่วมในการกศุ ลและในโครงการปลับปรงุ หนว่ ย (?37{!(:1])31111@ 111 01131-11:165 3ฑ(1 นฑ!เ 1111131-01(6111611-1 ) ๕. อตั ราการเขา้ ลบั การอบรมศีลธรรมว*ฒนธรรมจาก อศจ. ( 0111111011 311:611(131106 ) ๖. การออมทลัพย ( ร3V1ฑ8 ) ๗. อตั ราการขาดหนี ( (*01 ) ๔. จำนวนทหารขนศาลทหาร (00011๓31:1131131:68)
๙. อ*ตราอบุ ตเหตุ และเรองราวที่เกดิ จากการกระทำ ๚องทหาร ( 1๐01(16๐43 311(1 ^00๒6๐48 ) ๑๐. การร่องเริยนไปย*’งจเรทหารบก ( 0๐๓1)13๒48 40 4116 1๐81)60401 06๐6131 ) มาตรการการสร่างฃร่ญและกำล*งใ,จ ในหน้งสอ 0๐๒61๒68 {01 4116 1.63(161: 80(1 4116 00๓๓3๐(161 พลเอก บรูซ ช.ี คล๊าก ( ธ1-๐06 0. 0๒1:1(6 ) อธบายว่า ขวัญและกำลังใจกำลงั พลยอ่ มเกิดจากองคป์ ระกอบ ดังต่อไปน้ํ ๑. การบรหิ ารงานดี ( 000(1 ๓๐๐386๓604 ) ๒. กำลงั พลได้วับรู้ข่อเทํจจรงิ อยา่ งถกู ต*อง (^.(16ชงุ 346 ๒๒!•๓๐4๒๐ ) ในเรองทีเ่ ขาจำต*,องรู้ ๓. การผกื อยู่ใน ระดับสงู ( ผ ๒!! 84๐46 413๒๒8 ) ๔. กำลงั พลมโี อกาสลาั วหนา้ ไนอาชีพ ( 0113๐068 ๒1- 3(๒3๐06๓6๐4 ) ๕. กำลงั พลมภี าวะทางกายภาพและทางจติ ภาพดี (0๐0(1 1๒781081 3๐(1 ๓6๐4๐1 00๐(114๒๐ )
๖. การปกครองหนวยด ( 000(1 3ป้ฑ11111811โ3ฝ011 ) ๗. กำลังพลเชอมนในยทุ โธปกรณ์ ( 00๔1(161106 10 6๑ 011)01604 ) ๔. กำลงั พลเชอมนในตวั ผบู้ งั คับบ*ญชา (000(1(16006 10. 00010130(1608 ) ๙. อาคารทอยูสขุ ลบาย (0001(01-431)16 ๑0304603) ©๐. บริการโรงเลยงดี (]ฬ68ร) ๑©. บรกิ ารไปรษณียด์ ี (๔ 3แ ร6^106) ©๒. บรกิ ารทางการแพทย์ดี (๔6๔031^44604100) ๑๓. มบี รกิ ารร้านตาั ของหน่วย (?084 6x01)3086) ๑๔. กำลงั พลได้รับดวามยุตธรรมในการลา (]1,63V68) ©๕. หนว่ ยรัดให้มีศาสนพิธีและการอบรมศลี ธรรม ( 66118100 8601000 30(1 01131-30460 001(13006 ) ©๖. การใหร้ างรัลและการออกหน*,งสือชมเชยกำลงั พลที่ คเดน (66ผ300เ8 30(1 1644608 อ( 00100160(134100 ) ©๗. หน่วยมีกจิ กรรมลนั ทนาการ (0^608100) เช่น หอ่ งสมดุ ภาพยนตร้ การกีฬา ๆลๆ ©๙. หน่วยมีมาตรฐานดี ( 8430(130(1 )
ไ20ข) ๒. วึน่อ วน*ย คอื อะไร ? วํนํย ( 01รผ1่ )11116 ) คอื “ ทรรศนคติ ของกำลงั พลหรือของหน่วยชง็่ แสดงออกโดยการปฎบํ ตตามคำลงั ของผ้บู ังคับบัญชา อยา่ งฉบั พลนั หรือการกระทำคนั เหมาะสม ก*บสถานการณแม้จะไมไ่ ต้รบํ คำล!ั จากผู้บงั คบั บญั ชา ” การวเิ คราะห์วินยทหาร วเิ คราะหไ์ ด้จาก ๑) ความส*มพนั ธร์ ะหวา่ งหน่วยกบั ทุกคนในหน่วย ๒) ความแนน่ อนตอ่ การปฏิบต่ ภารกจิ ( ความร*บ ผิดชอบ) ๓) ความลมั ่พันธอ์ ันถูกตอ้ งระหวา่ งผ,ู้นํอยกบั ผใู้ หญ่ (การทำความเคารพ) ๔) ความสะอาดทางกายภาพ (ผม เครอื่ งแบบ มารยาท ) ๕) ความสามารถและเจตจำนงทจี่ ะปฎิบตภารกิจ อยา่ งมีประสทํ ธํผลท่ีสดุ ไม่วา่ จะอยตู่ อ่ หนำหรือ ลบั หลงั ผู้บังคบั บัญชา ๖) การตอบสนองคำลังผู้บังคบั บญั ชาอยา่ งฉบั พลัน
สว่ นมาตรการในการพฒั นาวนิ ่ย เกิดจากกระบวนการ ๑) ปฎบิ ตตนเบนคว้ อย่างของกำลังพล ๒) สรไงระบบความยตุ ธิ รรมอยา่ งเคร่งคร*,ดทงํ้ ใน ค้านให้คุณและโทษ ๓) ปลกู ผงความเชื่อมนใ่ นการทำงานเบน'ชดุ ๔) พัฒนาจิตสำนึกในการควบคุมตนเองแกก่ ำลงั พล ๓. สามคิ คธรรม ในความหมายทางทหารคำวา่ “ สามัคคีธรรม” (2801-11; 001*08) ไดแ้ ก่ “ ความจงร*,กลกั ดี ความภาคภมู ใิ จ และ ความกระดอี รอื ร*นของกำลงั ท ล ท ี่แสตงออกมา ” การวเิ คราะหส์ าม่คคธรรมในหน่วย วิเคราะหจ์ าก ๑) การแสดงออกซงึ่ ความกระดีอรอื ร*นและความ ภาคภูมิใจท่กี ำลังพลมติ อ่ หน่วย ๒) หนว่ ยมซี ่อึ เสียงเด่น เมอเทยี บลบั หนว่ ยอน๋ึ ๓) กำลงั พลมมิ โนธรรมในการแข่งขนั กนั ทำงาน
๔) กำลังพลมีเจตจำนงแนว่ แนใ่ นการเลัาร่วมภารกิจ ของหนว่ ย ๕ ) กำลงั พลแน่ใจวา่ หนว่ ยของตนดีกวา่ หน่วยอน ๖) กำลังพลภาคภูมใี จในประว'ตอันดีเด่นของหน่วย ส่วนมาตรการในการพฒนา เกิดจากกระบวนการ * ๑) ปลูกผงให้กำลังพลเลาั ใจในประวตอ*นดีเดน่ ของหน่วย ๒) พ*,ฒนาความสำนกึ ให้เกดิ ขนในใจกำลังพลว่า หน่วยของเราตอ่ งดีเย่ียม ๓) จ*,ดศาสนพธีให้บ่อยคร,ง เพอื่ เผยแพรก่ จิ กรรม และเกยี รตคิ ุณของหนว่ ย ๔) มว่ ยุใหก้ ำลังพลแข่งลนั กันในการทำงานเบน ทีมเวคิ ๕) ใช้ระบบประกาศเกยี รติคณุ และโล่เกียรติคณุ ใหเ้ บนประโยชน์ โดยมอบใหแ้ ก่กำลังพลที่ ทำความดี
๔. ประฟทิ ธภาท คำวา่ “ ประสิทธิภาพ” ( ?10{1ผ6่ 1107) หมายถงึ “ความสามารถทางรา่ งกาย ทาง'สิต,1จ ทางเทคนคิ ทางยุทธวชี ของกำลังพลและความสามารถของหนว่ ยในการปฎบิ ตภารกจิ ” เหตนุ ประสทิ ธภิ าพของหนว่ ยจึงเบน “ ประมวลแห่งทักษะของ กำลังพลทุกคนท่ีผบู้ งั คบั บัญชาหนว่ ยผนึกใหเ้ บนภาพในการ ปฏํบต่ ภารกจิ ตามท่หี นว่ ยไดร้ *บมอบหมาย ” การวเิ คราะห์ประสทิ ธภาพ วเิ คราะห์จาก ๑) สถานภาพทางกายภาพของกำลงิ พล ๒) ความสมบรู ณ์ของอาวุธและเครื่องมอ ๓) ห,วงเวลาปฏิบ่ตงานของหนว่ ยภายใตส้ ถานการณ์ ตา่ ง ๆ ๔) ทศั นคตขิ องการเบนนกั รบอาชีพ ชง่ี กำลังพล ในหนว่ ยมอี ยู่ ๕) ความสามารถ ทีจ่ ะนำ หนว่ ยของผบู้ งั คบั บญั ชา ชีนรอง ๆ
ใ®) ฟ ้ ๖) ความฉบั พลันและความถกู ต้องในการส่งกำลไ! ข่าวสารและคำแนะนำอื่น ๆ ๗) ประสทิ ธผิ ลทางเทคนิคและทางยุทธวิธีของ กำลงั พลและของหนว่ ย สว่ นมาตรการในการพํฒนาประสทิ ธภาพ เกดิ จาก กระบวนการ ๑) ผืกกำลังพลในหนว่ ยใหเ้ กิดทักษะในภารกจิ ๒) เน้นหนไาการทำงานเบนชุดตามสายการทังคบั บญั ชา ๓) ทัฒนาโคร งการทางการกฬี าอยา่ งต่อเน่อื ง ๔) ผกื การปฎบิ ตงานลบั เปลย่ี นหนา้ ที่เบนคร1งคราว ๕) สรไงระบบการผ1ึ กให้เหมอื นการปฏบิ ต่ งานจริง ๖) ใชร้ ะบบการตรวจหนว่ ยเบนเคร่อื งมือหลกั ๗) สกั ใหก้ ำ ล ัง พ ล ม ืโอกาสทำงานในตำแหน่งสูง บอ่ ยคร1ง ๘) วางมาตรฐานการผึ'กไว้ในระดับสงิ “ ตายในสงครามประเสริฐกว่า แพ้แล้วเบนอยู่จะประเสริฐ อะไร ? ”
บทท่ี ๑ คุณ ธรรมประมุฃสลึ 1เ \"^....^.นรขาทแมเ้ กดแต1่ 1กุลใด เมอมคุณธรรม โลกจ*บชู า\"............1..............” การท่ีหน่วยทุกระลับจะกลายเบน 41หน่วยมปี ระสิทธผิ ล ทางการรบ ( 001ฑ1วส1: 2^604176 1)1114 ) โดกเพราะหนวบม “ ขุนพลแก,ว ” เบนผู้ปกครอง ความเบืน 44ขนุ พลแก่ว มใี ชเ่ กิดขนมาเองโดยอไาโนม่ตในนาทที เ่ี ข้าปกครองฬน่วย ห'}ก แตเ่ กิดจากขบวนการสลัางสรรคพลังตอ่ โปนท่ยี ังไม่มโี หเ้ กิดขน ท่มี แี ลัวก็พฒ้ นาให้มพี ลงั มากยงี ขน
เหวธรรม (โลกปาลธรรม) ทหารเบนปถุ ชุ นดจุ คนทีง่ หลาย ยอ่ มมความคิด มี มโนธรรม ไม่แตกตา่ งไปจากคนอน ๆ พฤตกิ รรมของผ้บู ังคับ บญั ชา ทหารจะเหน็ ได้ด,วยบงั สะจ*กษดุ วงตาเนอํ้ เวลาเดียวกน มโนธรรมจะบอกทหารวา่ พฤตกรรมน1น ๆ จะดืหรือเลว ลา่ พฤตกิ รรมท่ีแสดงออกมาเบนแบบอยา่ งทไ่ี ม่ดี ทหารไนบังคบั บญั ชาทข่ี าดความยงคิดอาจเลืยนแบบบัาง ในสถานการณ์เข่นน อำนาจในการปกครองหน่วยจะหมดไป สำหร*บทหารท่ีหนกั แน่น ไนมโนธรรม ทหารพวกนแม้จะปากไม่พดู แต่ไจจะดถู ูก เหยยี ดหยาม คุณค่าคกั ดืศ้ รขี องผู้บงั คับบัญชาจะไม่เหลอื ซาก ฑงํ้ ไว้ไนไจของทหารเลยแม้แตน่ อั ย ......... กระจกเงาทดที รงคุณ ค่า ต*,องเบนกระจกเงา บนั ใสสะอาด ปราศจากไฝผายองใยและรอยแตกรำว...... ผบู้ ังคับบัญชาคือ 11กระจกเงา ” ของทหาร อำนาจของ ผู้บงั คบั บญั ชาอยทู่ ่ีการเบนคนบรืสุทธหรอื เบนคนไมม่ ีบาดแผล บนผามอื โดยมคี ณุ ธรรม
๓๑ ๑. ห : ละอายแก่ใจ เกลียดชไ)ความทจุ รืต แมจ้ ะ ทกุ บไ]คับให้ทำหรือว่าจำงใหท้ ำคัวยเงํนมหาศาลก็ไมท่ ำ ๒. โอตต,1ปปะ เกรงกลวั ผลของการกระทำความชว •ทกุ ประเภท ทรหมวิหาร พลังมหัศจรรย์ทที่ ำให้ทหารกลาั เสยี่ งชวี ติ ในการปฎํบต่ ภารกจิ ทไี่ ด้ร*,บมอบหมาย ก็เพราะทหารเขา่ ใจชาบชงี วา่ ผลการ ปฏบํ ตของเขาจะตไอง'ไดร้ บการประเมนิ คา่ อยา่ ง 11ยุติธรรม” จากผบู้ ังคับบญั ชา การทท่ี หารจะเช๋ึอมนเช่นน้ํ เพราะผบู้ ังคับ บัญชามคี ุณธรรม ๔ ประการ ๑. เมตตา ความปรารถนาให้มคี วามสขุ ๒. กรณุ า ความสงลารเมีอคนอน่ื มีความทกุ ขและ พยายามชว่ ยใหเ้ ขาพ,นทกุ ข์ ๓. มุทตา ยนิ ติเมอี เขา'ทำความติ และได้ติ ๔. อเบกขา วางตนเบนคนเทยี่ งธรรมในการพิจารณา ใหค้ ุณและโทษ โดยการเวนจาก อคติ — ความลำเอยี ง ๔ ประการ
0 )1 *) ก. ฉน่ ทาคติ ลำเอียงเพราะริก ให้คุณมากกวา่ ความดี ลงโทษนํอ์ยกวา่ ความผิด ข. โทสาคติ ลำเอยี งเพราะชไ) งดความดขี องเขว แกลไลงโทษเกนิ กวา่ ความผิดที่เขาทำ ค. ภยาคติ ลำเอียงเพราะกล*ว กล่าวคือ ผู้ใต้บไ)คับ บ*ญชาบางคนมืผมู้ อื ำนาจเหนอื คอยปกหวั อยู่ ผู้บังคบั บัญชาเกดิ ความเกรงกลัว ยอ่ มให้คุณแกผ่ ู้ใตบ้ งั คบั บ*ญชาผู้นนํ้ เกินกวา่ ความดที ี่กระทำ หรอบางคร1งเม่ือผู้ใต้บงั คับบัญชากระทำผดิ กใ์ มก่ ลาั ลงโทษเหมือนคนอืน่ ง. โมหาคติ ลำเอยี งเพราะเขลา คอื ขาดความรอบคอบ ในการพจํ ารณาและลังการเร่ืองด่าง ๆ คุณธรรมท,ง ๔ ประการดงั กล่าวน ข*'อ© — ๓ เบน “ บคคหวิธี — พระคณุ ” ส่วนข*'อ ๔ เบน คคหวธิ ี — “ นิ พระเดช ” ของผบู้ งั คับบัญชา สาราณอธรรม “...ความพร’อมเพ:ยงของหม่เู บนเหตุให้เกดสุข...,* “ ^.สาม*คคคอพล*ง...,,
๓๓ คุณธรรมท่สี ร่างให ้ผูป้ ระพฤติเบนี ทร่ี ก่ ทเี่ คารพของผอู้ ่ืน เบนไปเพอความสงเคราะห้ซึง่ ก*นและกันเบนไปเพื่อความไม่ ววิ าทกันและกนั เบน’ไปเพอ่ื ความพรอ้ มเพรยี งเบนอ*'นห่ นึ๋ง อ*น, เดยี วกัน เบีนท่ตี งิ แห่งความให้ระลกึ ถึงซ่ึงกันและกนั เร ืย ก ว า“ สาราณ ยธรรม,, คอ ๑. ชว่ ยเหลือผใู้ ต้กงั กับกัญชากวั ยเมตตากายกรรม ๒. ต งิ ใจอบรมสง่ สอนหรอื ว่ากลา่ วกักเดีอนกวั ยเมตตา- วดีกรรม 01. คิดแต่สีงกัแเบน ประโยชซ์แก่ ผู้ใต้ กังกบั กัญชากัวย เมตตามโนกรรม ๔. แบง่ บนี ผลประโยชน์ทีห่ นว่ ยไต้ร*บ่ใหท้ 'วหนำกันโดย ยุตธิ รรม ไม'เบยี ดกังเอาเบนส่วนตวั เสียคนเดียว ๕. ประพฤติตนอยู่ในระเบยี บวนิ *,ยอยา่ งเครง่ คร่ดเพ่อื เบีนแบบฉกับทด่ี ีแก่หน่วย ๖. มีทเํ ความเห่นอนั ถกู ต,องร่วมกบั คนอ่นื ๆ ไม่ถึอความ เห่นของตนเบีนหล'ก
0 )๔ คณุ ธรรม ๖ ประการดังกลา่ วขำงดนั เบนกโลบายรวม พลงทง ๓ ๑. กำดงั กาย ๒. กำดังความรู้ กำดงั ความดี ๓. ของบุคคลในหนว่ ย มาสรัางประสทิ ธผิ ลแหง่ ภารกจิ เบนึ ผลไห้ ๓ คความเบนเอกภาพแหง่ ประสทิ ธผิ ลในระดบั สูงสดุ แกห่ น่วย อปรหิ านยธรรม ธรรมอันเบนไปเพ่อื ความเจรญิ โดยผายเดียว ไมเ่ บนที่ ตงแหง่ ความเส่ือมเรยี กวา่ “ อปริหาน่ยธรรม” คอ ๑. หมนประชุมกนั เนอื งนิตย์ ๒. เมือ่ ประชมุ กิพร่อมเพรยี งกัน เม่ือเสกิ ประชมุ กพ็ ร*อมเพรียงกันเลิก มดใี ดเบนดอั ตกลงในท่ีประชมุ ก็ พรอมเพรียงกันปฏบิ ตตามมดีน,น ๓. ยดึ มนในกฎ ข,อบังคับ ระเบียบ คำดงั คำชแจง วน*ย โดยเครง่ ครัด ๔. เคารพยกย่องและเสื่อพืง่ ดอั ยคำของผบู้ ังคับบญั ชา
๕. ไม่ลอุ ำนาจแกค่ วามโลภหรอื เบนคนเห็นแกไ่ ด้ ๖. ยนติดำรงชีวตอย่ใู นหน่วยท่ีไปปฏบิ ดงานคัวยความ สบายไจ ๗. ตง่ ปณํธานขอให้ทุกคนในหนว่ ยอยกู่ นั คัว ยความ พาสุก และขอให้คนท่จี ะกาั ยมาใหมจ่ งเบนคนมคี วามรู้ ความ สามารถและความประพฤติติ สรํ คื หวํต0 ความจงรักกักติควรเกดิ จากหัวงลึกแห่งดวงใจของผู้ใต-้ บงั คบั บ*,ญชา “ ตำแหนง่ ยศ” กบั “ อำนาจการลงท*,ณ ฑ ” ของผู้บงั คบั บัญชา ไม่สามารถบงั คับหัวใจทหารให้เกดิ ความรไา ความจงรกกักติไดเ้ ลย พระพุทธเจ่าทรงสอนว่า ความรกั ความจงรกั กกั ติ เกิดจากกระบวนการสรัางสรรคดงั ตอ่ ไปน ๑. ทาน ความเออเพอเผ่ือแผ่ คำวา่ “ ทานะ” ในทาง คาสนามีความหมาย ๒ ประการ ก. ทานการให้ มุ่งฟอกกเิ ลสในใจของผใู้ ห้ ข. ทานการให้ มงุ่ การสงเคราะคํแก่ผ้รู ับ
0 )1 ) .......คนโง่ไม่แบ่งบน่ ใครเพราะกลวชน แต่เพราะกลไเชน คนฉลาดจงแบ่งบน..1.........ความเออเพอเผอื่ แผ่ ยอ่ มเกดิ ผล สนองทันที ก. ได้ร*บความรกจากผรู้ *,บ ข. ไดอ้ ามสิ ตอบแทน'จากผู้รบํ โบราณไทยจงึ สอน. วา่ “ หมูไป ไกม่ า” ๒. บยวารา เจรจาถ้อยคำนา่ รไา คำพดู ทคี่ นพดู ออกมา มีอยู่ ๒ ประเภท ก. พดู แลํวคนพงรักใครผ่ ู้พดู เรยี กว่าบยวาจา ข. พดู แล‘วคนพงเกลียดช่งผพู้ ดู เรียกทปั บยวาจร ซึง่ แสดงออกในรูปของ (๑) ดา่ พูดกดไหต้ ากวา่ ฐานะเบนจรงิ ของเขา (๒) ประชด พูดยกให้สูงกว่าความจริง (๓) กระทบ พูดตง้ํ ใจวา่ ไหเ้ จบ็ ใจ (๔) แดกทนั พดู ทัวยเจตนาไห้คนพงไมส่ บายใจ (๕) สบถ คำแช่งดา่ ง ๆ ----------------นํา้ รอนปลาเบน นํ้าเย็นปลาดาย..... ......1..
๓. อัตถจรยิ า นำIพญี ประโยชนแก่ผู้ใต้ บงคบั บ*ญชา โดยการเอาใจใสด่ ูแลเกียวกับสภาพบีจจย ๔ ของผใู้ ต้บังกับ- บญั ชาไมป่ ล่อยปละละเลยตามยถากรรม กับท้งไมเ่ บียดบไ) ประโยชนข์ องผใู้ ตบ้ ไกับบญั ชา ๔. สมานํตตตา การวางตไ)เหมาะสม คอื การประพฤติ ตนเองให้สมบทบาท ( 1 ? 0 1 6 ร ) ในฐานะ ( ร เ ส ณ ร ) ที่ตนเบนี เช่นเบีนบีดา เบีนสามี เบีนมติ ร เบนี ลูก เบนี ผู้บงั กบั บัญชา เบนี ผ้ใู ต้บงั กบั บญั ชาของคนอ่ืน ทงนเ์ พราะสร้างตนเองใหเ้ บีน คนควรแก่การเคารพนํบถอื และเบีนกระจกเงาทดี่ ิของผใู้ ตั บงั คับบญั ชาอกี ด้วย....... ทคฟธ้ ราชธรรม ทาน — การ'ใหบ้ นกบํ คนอน กาั เราจะแยกประเภทคนออกโดยยดึ ถือกธั ยากยั พนฐาน ของใจ เบีนมาตรการในการแบง่ ประเภท เรากจะ สามารถ แบ่งคนออกเบีน ๒ ประเภท ๑. คนทเห็นแก,ควั กธั ยากยั กบั แคบมคิ วามโลภเบีน บสั ไ)ม่งุ หนำแต่จะเอาท่าเดียว มุง่ กอบโกยท1งทางตรงและทางอ,อม
คนชนิดน้เํ ปรยี บดุจ......มหาสมุทรไมม่ ีสันอมดํวยนํา้ กองเพสืง- ไมม่ ว่ ้,นอีมดว่ ยเชอั้ เพลํง...... 1®. คนทเ่ี ออเพอเผอแผ่ อธํ ยาศัยกวา้ งขวางโอบออํ ม อารี คนประเภทนแหละทีจะนิ,งอยู่ ในห*,วใจคนทกุ ระดํบ ค ำว า่ “ ทาน” ซ่งึ แปลวา่ “ การให”้ มคี วามหมาย ๒ ประการ (๑) ทานการไห้มงุ่ เพ่ือทำบุญคือฟอกกิเลสของตน ให้เบาบางลง (๒) ทานการใหโ้ ดยม่งุ การสงเคราะหห้ รอื เพอ่ื ทำ คุณแกผ่ ู้สับ ขอได้โปรดสงั เกตความแตกตา่ งของการให้ท้ง ๒ ประการ ไนขอํ เปรยี บเทยี ทตอ่ ไปน องคป์ ระกอบ ไห้เพ่อื ทำบญุ ให้เพอื่ คณุ เจตนา อยากใหต้ นมีใจบริสทุ ธื้ยงี ๆ อยากใหผ้ สู้ บั สกั ตน ศีด ขน จนหมดจดจากกเิ ลส ถงึ บญุ คณุ ตน สตั ถุ ของทีจะใหไ้ ด้มาโดยสุจรติ , เสือกใหข้ องทถี่ กู ใจผู้สบั ผู้สบั ผูท้ รงศีล เชน่ พระสงฆ์, ใครก็ใด้ทต่ี นต*องการ สามเณร ผกู ไมตรี
อนง่ึ ทานฬัถุ — ของทจี่ ะให้เบนทานนน็ ในทางพระ' พุทธศาสนาได้จำแนกออกไป ๑๐ ประการ ๑. อVนนลง/ ขลา/ว ๒. ปานํง นา็ ๓. วลค/ ถลง/ เส&อิ ผลา/ ๔. ยานํง ยานพาหนะ ๕. มาลา ตอกไม้ ๖. คํนธงํ ของหอม ฟ.้ วิเลปนไ เคร่อื งย่อมทา ๘. เสยยา ท่นี อน 6 . อาวสถลง/ ท*4พิ ชก/ อาศชย/ ๑๐. ปท่เี ปยยงํ ์ แสงสว่าง นอกจาก ๑๐ ชนดดํงกล่าวขา้ งตน้ นึแ่ ลํว ลำพิจารณา จากหลกํ ประมุขศิล!) ลงี ทีผ่ ู้บไ)ต้บบญํ ชาจะต้องให้แกผ่ ้ใู ตบ้ *งตบ้ บญชา กคือ ๑. ใ ห ล้ าภ คือการใหบ้ ำเหน็จตามสมควรแกผ่ ลการ ทำงาน ๒. ให้ เย? ได้แก่เลอนยศ เลอนตำแหนง่ ใหส้ งขัน๊
๔๐ ๓. ให้การกรรIสร์ ญ คอื การยกยอ่ งชมเชย ประกาศ คุณความดใี หป้ รากฎ เม๋ึอทำดี ๔. ใ ห ค้ วามทบุ ขจํดทุกขท์ ีเ่ กดิ ใหห้ มดไป เสรมสรไง ไหม้ ความสขุ ยงี ๆ ขน สลี — เบนึ คนมสลี ธรรม เมอวิเคราะห์ดพู ฤติกรรมของมนษุ ย์ โดยละเอียดแล*ว เรา จะพบว่า ในชวี ติ ประจำวนํ แต่ละชวโมงทผ่ี ่านไป มนษุ ยแ์ ต่ ละคนได้แสดงพฤติกรรมไมเ่ หมีอนกํน สาเหตทุ ี่เบนเช่นน้ํ นกํ จิตวิทยาได้ ให้แนวคดิ ว่า เกิดจากเพราะความตอ่ งการของ มนุษย์ ๒ ประการคอิ ๑. ความต,องการทางกายภาพ ( ?11781031 1*6๗8 ) คอื มนษุ ย์ต้องการอาหาร เครํ่องนงุ่ หม่ ที่อยู่อาคํย ยารไาษาโรค และความตอบสนองทางเพศรส 1®. ความตอ่ งการทางจตภาพ (ร!);VIณ&! 1*6๗8) ความตอ้ งการชนดิ นเกิดเพราะมนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ โดยการ ส*งสรรคก์ ับคนอน่ื ในสงิ คม เพราะการสิ'งสรรค์ทำใหม้ นุษย์เกดิ ความต้องการอยา่ งรุนแรงในเรอง
ก. ความปลอดภ,ย ( ร00นฝI ? ) ในทรพิ ยส์ ํน ใน ชวี ิตตนเองและคนอ่ืนที่ตนปกครองเลยงดู ‘ช. การ ยอมรบของสไคม ( 8๐0131 301)1^81 ) มนษุ ย์อยู่ ณ ที่ใดย่อมจะปรารถนาท่ีจะเหน็ คนอ่ืน ๆ ณ ท่นี 1น ยอมรบิ ว่าตนเบนสมาชิกขอรกล่มุ น1น ๆ ค. ประสบการณใหม่ ๆ ( ) ทุกคน อยากพบเหน็ และเรียนรสู้ ีงใหม่ ๆ ตลอดเวลาเพอื่ เสรมิ สรา่ ง กำไรชีวิต ง. ความยกย่อง ( ^60๐8ถ1เ1011 ) ต‘องการเหน็ คนอ่นื สนใจใหเ้ กยี รติตน ความปรารถนาท1งทางกายและทางจิตนเอง เบนพลไ) ผลไาดนํ ใหม้ นุษย์ประกอบพฤตกิ รรมนานาประการ เพอื่ บรรลุ ถงึ ซึง่ ความปรารถนาของตน แต,่วา่ สไ)คมมนุษยเ์ บนส”งคมอนิ มิ โครงสร่าง สว่ นของโครงสร่างสง่ คมประกอบด*,วย กฎหมาย ษนบประเพณ ี ว่ฒนธรรม ศลี ธรรม คา่ นิยมทางสงํ คม และกฎบองกถาปนตา่ ง ๆ โครงสรา่ งเหลา่ นรวมเรยี กก้น งา่ ย ๆ ว่า “ สายใ,อศีวิต ” (^ 6 ๖ ๐* 11*6) ใครกํตามล่า เกีดความปรารถนาขนแล,ว กระทำในทุกวิถีทางเพ่อื ให้ไต้มา
ซ็ง่ สงอ*'นตนปรารถนา โดยไม่ดัองคำนงึ ถงึ โครงสรา้ งสังคมท่ี 1ขาดำรงชีวิตอยู่ เขายอ่ มกลายเบน “ ขา่ วนอกนา” บุคคลที่ เบน็ ภ*'ยต่อสังคมกิดิ บญหาทางสงั คมหรอื ความเสอมโทรมทาง สงั คมกิด สวั นเกิดจากบุคคลผทู้ ีก่ ระทำตามพสงั ข*บตามความ ปรารถนาของตนที่งสน สว่ นประมุขศีสปั - ความ ส ามารถท ่ีจะเส รมส รา้ ง อทธพล และจงู ใจคนในบ่งค*บบญ่ ชา ย่อมเกิดจากการท่ี ผบู้ งั คบั บญั ชาประพฤตปิ ฏบิ ตเครง่ คร*'ดเบนตัวอย่างอ*'นคืในการ ปฏนํ ต่ ตามโครงสร้างสังคม เช่น เบนคนมศึ ีลธรรม คำวา่ “ ศีล” คืออะไร? ไนค*:มภ่ ร'้ วิสทุ ชีมรรค ศลี นเิ ทศ ไห้คำอธิบายไวว้ า่ “ ...การสไเวรชอว่าศล การไม่ลว่ งละเมด ชอวา่ ศล...” ทหารที่เขา่ สนามยุทธย่อมมเกราะบองก*'นกระสุน ฉนิ ได ผู้,บ*งตับบญ้ ชาท่ดี ยี ่อมจำต’องมศี ลี เบนเกราะบองก*นกระสนุ คอื ความช'ว ฉินน้ํนเหมอื นกนั ศีลเบนเกราะตนั ภ*'ยมิไห้ผู้บงั คบั บัญชาถลำลึกตกลงไป ตายท่ีงเบนในห*'วงบาป พระพทุ ธศาสนาอธบิ ายวา่ ศีลจะเกดิ ขนได้เพราะ “ เจตนา” การต้งํ ไ'จแนว่ แน่ งดเวนอย่างใด อย่างหน่ึง ดงั ตอ่ ไปน่ึ
๓4( . ๑. สมาทานวรต งดเวนดว้ ยการสมาทานศีลไวล้ ่วงหนำ เช่น ในดน้ พระตอนเชา้ ด้บเบญจศีลตอนเย๊นไปงานทานเลยง แมเ้ พธน ๆ จะคะยนคะยอให้ด่ืมสุรา กึไมย่ อมดมื่ ไ0. สมบตตวรต งดเวนไนเมือ่ เผชิญกับเหตุการณอ์ นั จะทำให้ผดิ ศลี เช่น พบสตั ว์ควรฆา่ กไม่ฆา่ พบทสัพยส์ ีน มหาศาลจะสักไดักไมย่ อมสกั สตรสี าวสวยเบดชอ่ งทางใหล้ ว่ ง ละเมด้ กึไม่ยอมละเม้ด ๓. สมจุ เฉทวิรฅํ งดเดน้ ไดเ้ ดัดขาด เพราะ'ใจบรีสุทธ้ื หมดกเลสเครื่องเศริาหมอง พระพทุ ธเดา้ ทรงกัญญต์ การรกษาศีลไว้เบนชน้ํ ของบุคคล ดง้ น — ฆราวาส รไาษาศีล ๕ หรีอ ศีล ๘ — สามเณร รไาษาศลี ๑๐ — พระภกํ ษุ สักษาศีล (วนั *ย) ๒๒๗ ทำบุญบญุ แตง่ ให้ เ'ดนั ผล คอื ดง้ เงาตามตน ตดิ แท้ ผทู้ ำสงี อกศุ ล กรรมตด ตามนา ดุจจไารเกวียนเวย้ นแล้ ไลด่ ้อนตีนโค (โลกนตํ ี)
๔๔ ๚เรจาล — เส ยส ล ะเษ ื่อสว่ นรวม คำว่า “ ทาน” และ “ การบรจิ าค” ๒ ศ*พทนํ ึ่ ความ หมายใกลเ้ คยงก*นมาก บางครงใชแ้ ทนก*นได้ และบางทีใช้ ควบก*นเลย เชน่ คำว่า “ การบริจาคทาน ” เบนต้น คำว่า “ ทาน” อ*นเบนคุณธรรมประมุขศํล!] หมายถึง “ การให้ทร*พย เจาะจงคนใดคนหนงึ่ กลมุ่ ใดกลุ่มหนึง่ เพอ่ื ครองใจเขา ทำใหเ้ ขาร*กใคร”่ ส่วนคำวา่ “ การบริจาค” หมายถึง “ การบำเพ็ญสาธารณประโยชน่แึ ก่สว่ นรวม ไม่ เจาะจงลงไป” เชน่ — บริจาคทรพํ ยซ์ อ้ํ อาวุธให้กองท*พ — บรจิ าคโลหิตให้สภากาชาด — บริจาคทรพํ ยส์ รำงโรงพยาบาล — บริจาคเสอ้ํ ผา้ ใหแ้ ก่ผปู้ ระสบภ*ยพึบตํ พระพทุ ธเจ่าทรงอริบายถงึ หล*กการการบรจิ าคไว้วา่ “ ...ลำวา่ ธรี ชนเหนิ ความสขุ อ*,นไพบลู ย เพราะการเสียสละ ความสุขเลํกน‘อยกพงึ สละความสขุ เสีกน้อยเสยี เพ่อื ไดค้ วาม สุขไทบลุ ยนน้ ๆ...”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163