Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อนาคามี

อนาคามี

Published by librarytl49, 2020-11-05 04:46:32

Description: อนาคามี แปลว่า ผู้ไม่มาเกิดอีก หมายความว่าจะไม่กลับมาเกิดในกามาวจรภพอีก แต่จะเกิดใน พรหมโลก อีกเพียงครั้งเดียว แล้วจะบรรลุอรหันต์แล้วนิพพานบนพรหมโลกนั้น

Search

Read the Text Version

เปิดธรรมท่ถี ูกปิด อนาคามี ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ในธรรมวนิ ยั นี้ กม็ ธี รรมทน่ี า่ อศั จรรย์ อันไม่เคยมีมา ๘ ประการ ท่ีภิกษุท้ังหลายเห็นแล้วๆ ย่อม อภิรมยอ์ ยู่ ธรรม ๘ ประการเปน็ อย่างไร คือ. … ภิกษุท้ังหลาย ข้อที่ในธรรมวินัยนี้ มีการศึกษา ไปตามลาำ ดบั มกี ารกระทาำ ไปตามลาำ ดบั มกี ารปฏบิ ตั ไิ ปตาม ลำาดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง นี้เป็นธรรม ท่ีน่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาของธรรมวินัยน้ีประการที่ ๑ ทภ่ี กิ ษุทั้งหลายเหน็ แลว้ ๆ จึงอภริ มย์อย.ู่ … ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ขอ้ ทส่ี าวกทงั้ หลายของเราไมล่ ว่ ง สิกขาบทท่ีเราบัญญัติไว้แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต น้ีเป็นธรรม ที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมาของธรรมวินัยน้ีประการที่ ๒ ทภ่ี ิกษุทงั้ หลายเห็นแล้วๆ จงึ อภริ มย์อย.ู่ … ภิกษุทั้งหลาย ข้อท่ีบุคคลผู้ทุศีล มีบาปกรรม มสี มาจารไมส่ ะอาด นา่ รงั เกยี จ ปกปดิ กรรมชว่ั ไมใ่ ชส่ มณะ แต่ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ ปฏิญญาว่าประพฤติพรหมจรรย์ เน่าใน ชุ่มด้วยราคะ เป็น เพยี งดงั ขยะมลู ฝอย สงฆย์ อ่ มไมอ่ ยรู่ ว่ มกบั บคุ คลนน้ั ประชมุ กันยกวัตรเธอเสียทันที แม้เขาจะนั่งอยู่ในท่ามกลางภิกษุ สงฆ์ก็จริง ถึงกระน้ันเขาก็ชื่อว่าห่างไกลจากสงฆ์ และสงฆ์ ๒๗๙

พุทธวจน-หมวดธรรม ก็ห่างไกลจากเขา นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ของธรรมวนิ ัยน้ปี ระการท่ี ๓ ทีภ่ ิกษุทงั้ หลายเห็นแล้วๆ จงึ อภริ มยอ์ ยู.่ … ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ขอ้ ทวี่ รรณะ ๔ เหลา่ นี้ คอื กษตั รยิ ์ พราหมณ์ แพศย์ ศทู ร ออกบวชเปน็ บรรพชติ ในธรรมวนิ ยั ที่ ตถาคตประกาศแลว้ ยอ่ มละนามและโคตรเดมิ เสยี ถงึ ความ นบั วา่ เปน็ สมณศากยบตุ รทง้ั นนั้ นเ้ี ปน็ ธรรมทนี่ า่ อศั จรรยอ์ นั ไมเ่ คยมมี าของธรรมวนิ ยั นป้ี ระการท่ี ๔ ทภ่ี กิ ษทุ ง้ั หลายเหน็ แล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่. … ภิกษุทั้งหลาย ข้อท่ีถึงแม้ภิกษุเป็นอันมากจะ ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ นิพพานธาตุก็มิได้ ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มด้วยภิกษุนั้น นี้เป็นธรรมท่ีน่า อศั จรรย์อนั ไมเ่ คยมีมาของธรรมวนิ ยั นี้ประการที่ ๕ ทภ่ี กิ ษุ ทัง้ หลายเห็นแลว้ ๆ จึงอภิรมยอ์ ยู.่ … ภิกษุทั้งหลาย ข้อท่ีธรรมวินัยมีรสเดียว คือ วมิ ตุ ตริ ส นเี้ ปน็ ธรรมทน่ี า่ อศั จรรยอ์ นั ไมเ่ คยมมี าประการท่ี ๖ ในธรรมวนิ ัยนี้ ทีภ่ ิกษุท้ังหลายเหน็ แลว้ ๆ จึงอภริ มยอ์ ยู.่ … ภกิ ษุท้ังหลาย ขอ้ ทธี่ รรมวินยั นี้มรี ตั นะมากมาย หลายชนิด รัตนะในธรรมวินัยนั้นมีดังนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ๒๘๐

เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ อนาคามี สมั มปั ปธาน ๔ อทิ ธบิ าท ๔ อนิ ทรยี ์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ น้ีเป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา ของธรรมวนิ ยั นป้ี ระการที่ ๗ ทีภ่ ิกษทุ ้ังหลายเห็นแล้วๆ จงึ อภริ มย์อย.ู่ … ภิกษุท้ังหลาย ข้อที่ธรรมวินัยน้ีเป็นท่ีพำานัก อาศัยแห่งสิ่งท่ีมีชีวิตใหญ่ๆ สิ่งมีชีวิตในธรรมวินัยน้ี มีดังน้ี คอื โสด�บนั ทา่ นผปู้ ฏบิ ตั เิ พอ่ื กระทาำ ใหแ้ จง้ ซงึ่ โสดาปตั ตผิ ล สกท�ค�มี ท่านผู้ปฏิบตั ิเพ่อื กระทำาให้แจง้ ซ่งึ สกทาคามผิ ล อน�ค�มี ท่านผู้ปฏิบัติเพ่ือกระทำาให้แจ้งซ่ึงอนาคามิผล อรหันต์ ท่านผู้ปฏิบัติเพ่ือความเป็นอรหันต์ น้ีเป็นธรรม ท่ีน่าอัศจรรย์ อันไม่เคยมีมาของธรรมวินัยน้ีประการท่ี ๘ ทภ่ี กิ ษุทงั้ หลายเหน็ แลว้ ๆ จึงอภิรมยอ์ ยู่. ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้มีส่ิงที่น่าอัศจรรย์อัน ไม่เคยมีมา ๘ ประการน้ีแล ท่ีภิกษุท้ังหลายเห็นแล้วๆ จึง อภิรมยอ์ ยู่. (ใน -บาลี อฏฺ ก. อ.ำ ๒๓/๒๐๐/๑๐9. ไดต้ รสั กบั ปหาราทะ จอมอสรู โดยมนี ัยเดียวกันน้ี.-ผรู้ วบรวม) ๒๘๑

พุทธวจน-หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถกู ปิด อนาคามี ปจั จยั ใหส้ ขุ ทุกข์ภ�ยในเกิดขึน้ 100 -บาลี ตกุ กฺ . อ.ํ ๒ /๒ ๓/ ๗ . ภิกษุท้ังหลาย เม่ือกายมีอยู่ สุขทุกข์ภายในย่อม เกดิ ขน้ึ เพราะกายสญั เจตนาเปน็ เหตุ หรอื เมอื่ วาจามอี ยู่ สขุ ทกุ ขใ์ นภายในยอ่ มเกดิ ขนึ้ เพราะวจสี ญั เจตนาเปน็ เหตุ หรอื เมอ่ื ใจมอี ยู่ สขุ ทกุ ขภ์ ายในยอ่ มเกดิ ขนึ้ เพราะมโนสญั เจตนา เป็นเหตุ อีกอย่างหน่ึง เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย บุคคลย่อม ปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดข้ึน ดว้ ยตนเองบา้ ง หรอื บคุ คลอน่ื ยอ่ มปรงุ แตง่ กายสงั ขารของ บคุ คลนน้ั อนั เปน็ ปจั จยั ใหส้ ขุ ทกุ ขภ์ ายในเกดิ ขน้ึ แกบ่ คุ คลนน้ั หรือบุคคลรู้สึกตัวย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัย ให้สุขทุกข์ภายในเกิดข้ึนบ้าง หรือบุคคลไม่รู้สึกตัวย่อม ปรงุ แตง่ กายสงั ขาร อนั เปน็ ปจั จยั ใหส้ ขุ ทกุ ขภ์ ายในเกดิ ขน้ึ บา้ ง บคุ คลยอ่ มปรงุ แตง่ วจสี งั ขาร อนั เปน็ ปจั จยั ใหส้ ขุ ทกุ ข์ ภายในเกิดข้ึนด้วยตนเองบ้าง หรือบุคคลอ่ืนย่อมปรุงแต่ง วจีสังขารของบุคคลน้ัน อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายใน เกิดขึ้นแก่บุคคลน้ันบ้าง หรือบุคคลรู้สึกตัวย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง หรือ ๒๘๒

เปดิ ธรรมท่ีถกู ปิด อนาคามี บุคคลไม่รู้สึกตัวย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้ สขุ ทุกขภ์ ายในเกิดขนึ้ บา้ ง บคุ คลยอ่ มปรงุ แตง่ มโนสงั ขาร อนั เปน็ ปจั จยั ใหส้ ขุ ทกุ ข์ ภายในเกิดข้นึ ด้วยตนเองบ้าง หรือบุคคลอ่นื ย่อมปรุงแต่ง มโนสงั ขารของบคุ คลนน้ั อนั เปน็ ปจั จยั ใหส้ ขุ ทกุ ขภ์ ายในเกดิ ขน้ึ แกบ่ คุ คลนน้ั บา้ ง หรอื บคุ คลรสู้ กึ ตวั ยอ่ มปรงุ แตง่ มโนสงั ขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ภายในเกิดขึ้นบ้าง หรือบุคคล ไม่รู้สึกตัวย่อมปรุงแต่งมโนสังขา รอันเป็นปัจจัยให้สุขทุกข์ ภายในเกดิ ขน้ึ บา้ ง. ภกิ ษทุ งั้ หลาย อวชิ ชาตดิ ตามไปแลว้ ในธรรมเหลา่ น้ี แต่เพราะอวิชชานั่นแลดับโดยสำารอกไม่เหลือ กายอันเป็น ปัจจัยให้สขุ ทุกขภ์ ายในเกดิ ขน้ึ แกบ่ ุคคลนัน้ ย่อมไม่มี วาจา … ใจ … เขต … วตั ถ…ุ อายตนะ … อธกิ รณะอนั เปน็ ปจั จยั ให้สุขทกุ ข์ภายในเกดิ ข้นึ แก่บคุ คลนั้นยอ่ มไม่มี. ภิกษุทั้งหลาย ความได้อัตภาพ ๔ ประการน้ี ๔ ประการเปน็ อยา่ งไร คอื ความไดอ้ ตั ภาพทส่ี ญั เจตนาของตน เปน็ ไป ไมใ่ ชส่ ญั เจตนาของผอู้ นื่ เปน็ ไปกม็ ี ความไดอ้ ตั ภาพท่ี สญั เจตนาของผอู้ นื่ เปน็ ไป ไมใ่ ชส่ ญั เจตนาของตนเปน็ ไปกม็ ี ความไดอ้ ตั ภาพทส่ี ญั เจตนาของตนดว้ ย สญั เจตนาของผอู้ นื่ ๒๘๓

พทุ ธวจน-หมวดธรรม ด้วยเป็นไปก็มี ความได้อัตภาพที่สัญเจตนาของตนก็มิใช่ สญั เจตนาของผู้อนื่ กม็ ิใช่เปน็ ไปก็ม.ี ภิกษุทั้งหลาย ความไดอ้ ัตภาพ ๔ ประการน้แี ล. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญธรรมท่ีพระผู้มีพระภาคตรัสโดยย่อนี้ ข้าพระองค์ทราบชัดเน้ือความโดยพิสดารอย่างน้ีว่า บรรดาความได้ อตั ภาพ ๔ ประการนัน้ ความไดอ้ ตั ภาพทีส่ ัญเจตนาของตนเป็นไป มใิ ช่ สญั เจตนาของผอู้ น่ื เปน็ ไปนี้ คอื การจตุ จิ ากกายนน้ั ของสตั วเ์ หลา่ นน้ั ยอ่ มมี เพราะสัญเจตนาของตนเป็นเหตุ ความได้อตั ภาพทส่ี ญั เจตนาของผ้อู ืน่ เป็นไป มิใช่สัญเจตนาของตนเป็นไปน้ี คือ การจุติจากกายนั้นของสัตว์ เหล่านั้น ย่อมมีเพราะสัญเจตนาของผู้อ่ืนเป็นเหตุ ความได้อัตภาพท่ี สัญเจตนาของตนด้วยสัญเจตนาของผู้อื่นด้วยเป็นไปนี้ คือ การจุติจาก กายนั้นของสัตว์เหล่านั้นย่อมมีเพราะสัญเจตนาของตนและสัญเจตนา ผอู้ นื่ เปน็ เหตคุ วามไดอ้ ตั ภาพทส่ี ญั เจตนาของตนเปน็ ไปกม็ ใิ ช่ สญั เจตนา ของผู้อ่ืนเป็นไปก็มิใช่นี้ จะพึงเห็นเทวดาทั้งหลายด้วยอัตภาพน้ันเป็น อยา่ งไร พระเจา้ ข้า. สารบี ตุ ร พงึ เหน็ เทวดาทง้ั หลายผเู้ ขา้ ถงึ เนวสญั ญา- นาสญั ญายตนะด้วยอัตภาพนัน้ . (ถัดจากนี้ ได้ตรัสต่อไปตามข้อความที่ปรากฏในหน้า 9๘ ของหนงั สือเลม่ น.้ี ผูร้ วบรวม) ๒๘๔

พุทธวจน-หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ อนาคามี นิพพ�นธ�ตุ ๒ อย่�ง 101 -บาลี อติ วิ .ุ ข.ุ ๒๕/๒๕๘/๒๒๒. ภกิ ษทุ งั้ หลาย นพิ พานธาตุ ๒ ประการนี้ ๒ ประการ เป็นอยา่ งไร คอื สอุปาทิเสสนพิ พานธาตุ และอนปุ าทิเสส- นิพพานธาต.ุ ภิกษุท้ังหลาย ก็สอุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็น อยา่ งไร ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั นี้ เปน็ พระอรหนั ตขณี าสพ อยจู่ บ พรหมจรรย์ ทำากิจท่ีควรทำาเสร็จแล้ว ปลงภาระลงได้แล้ว มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพนี้สิ้นรอบ แลว้ หลดุ พน้ แลว้ เพราะรโู้ ดยชอบ ภกิ ษนุ น้ั ยอ่ มเสวยอารมณ์ ทง้ั ทพ่ี งึ ใจและไมพ่ งึ ใจ ยงั เสวยสขุ และทกุ ขอ์ ยู่ เพราะความท่ี อินทรีย์ ๕ เหล่าใดเป็นธรรมชาติไม่บุบสลาย อินทรีย์ ๕ เหล่านั้นของเธอยังต้ังอยู่นั่นเทียว ภิกษุทั้งหลาย ความ สนิ้ ไปแหง่ ราคะ ความสนิ้ ไปแหง่ โทสะ ความสนิ้ ไปแหง่ โมหะ ของภกิ ษนุ ั้น นี้เราเรียกว่า สอปุ าทเิ สสนพิ พานธาต.ุ ภิกษุท้ังหลาย ก็อนุปาทิเสสนิพพานธาตุเป็น อย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยน้ี เป็นพระอรหันตขีณาสพอยู่ จบพรหมจรรย์ ทาำ กจิ ทคี่ วรทาำ เสรจ็ แลว้ ปลงภาระลงไดแ้ ลว้ มีประโยชน์ของตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบ ๒๘๕

พทุ ธวจน-หมวดธรรม แลว้ หลดุ พน้ แลว้ เพราะรโู้ ดยชอบ เวทนาทงั้ ปวงในอตั ภาพ นแ้ี หละของภกิ ษนุ นั้ เปน็ ธรรมชาตอิ นั กเิ ลสทง้ั หลายมตี ณั หา เปน็ ตน้ ใหเ้ พลิดเพลินมไิ ด้แลว้ จกั (ดับ) เย็น. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย นเ้ี ราเรยี กวา่ อนปุ าทเิ สสนพิ พานธาตุ ภกิ ษทุ ้ังหลาย นพิ พานธาตุ ๒ ประการนี้แล. นิพพานธาตุ ๒ ประการน้ี ตถาคตผู้มีจักษุ ผู้อัน ตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยแล้ว ผู้คงที่ประกาศไว้แล้ว อัน นิพพานธาตุอย่างหนึ่งมีในปัจจุบันนี้ช่ือว่า สอุปาทิเสส เพราะสิ้นตัณหาเคร่ืองนำาไปสู่ภพ ส่วนนิพพานธาตุ (อกี อยา่ งหนงึ่ ) เปน็ ทดี่ บั สนทิ แหง่ ภพทง้ั หลายโดยประการทง้ั ปวงอันมีในเบ้ืองหน้าชื่อว่าอนุปาทิเสส ชนเหล่าใดรู้บทอัน ปัจจัยไม่ปรุงแต่งแล้วนี้ มีจิตหลุดพ้นแล้วเพราะส้ินตัณหา เคร่ืองนำาไปสู่ภพ ชนเหล่านั้นยินดีแล้วในนิพพาน เป็นที่ สิ้นกิเลสเพราะบรรลุธรรมอันเป็นสาระ เป็นผู้คงท่ี ละภพ ไดท้ ้งั หมด. ๒๘๖

ข้อปฏบิ ัตเิ พือ่ สิ้นสังโยชน์ 287

ผู้หลับนอ้ ย ตืน่ มากในราตรี อนาคามี 102 -บาลี ปญจฺ ก. อ.ํ ๒๒/๑๗๕/๑๓๗. 2 288

อนาคามี ธรรมมอี ปุ การะมากตอ่ ผู้เปน็ เสขะ 103 -บาลี อติ วิ .ุ ข.ุ ๒๕/๒๓๖/๑๙๔. 289

ปฏิปทาบรรลุมรรคผล ๔ แบบ อนาคามี 10๔ -บาลี จตกุ กฺ . อ.ํ ๒๑/๒๐๒,๒๐๗/๑๖๓,๑๖๖. 2 แบบปฏิบัตลิ ำาบาก รไู้ ดช้ า้ 290

อนาคามี น้ีเรยี กว่า ทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา แบบปฏบิ ตั ิลาำ บาก รู้ได้เรว็ นี้เรียกว่า ทกุ ขาปฏปิ ทาขปิ ปาภญิ ญา 291

แบบปฏิบตั ิสบาย ร้ไู ดช้ ้า สุขาปฏปิ ทาทันธาภญิ ญา นี้เรียกว่า 292

อนาคามี แบบปฏิบัติสบาย รู้ไดเ้ รว็ น้ีเรยี กวา่ สขุ าปฏิปทาขปิ ปาภญิ ญา 293

4 294

ความพรากจากโยคะ ๔ อนาคามี 105 -บาลี จตกุ กฺ . อ.ํ ๒๑/๑๔/๑๐. 2 295

296

อนาคามี 297

อนาคามี เหตุสาำ เร็จความปรารถนา (นัยท่ี 1) 106 -บาลี อปุ ร.ิ ม. ๑๔/๒๑๗/๓๑๘. 298

อนาคามี 299

300

อนาคามี 301

302

อนาคามี เหตุสำาเร็จความปรารถนา (นยั ที่ 2) 107 -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๕๘/๗๓. 303

4 304

อนาคามี 3 3 5 305

306

อนาคามี อานสิ งสก์ ารฟงั ธรรมโดยกาลอนั ควร 108 -บาลี ฉกกฺ . อ.ํ ๒๒/๔๒๔/๓๒๗. กส็ มยั นนั้ ทา่ นพระผคั คณุ ะอาพาธ มที กุ ข์ เปน็ ไขห้ นกั พระผมู้ -ี พระภาคได้เสด็จเข้าไปเย่ียมท่านพระผัคคุณะถึงที่อยู่ แล้วได้ทรงช้ีแจง ดว้ ยธรรมีกถาให้ทา่ นพระผัคคณุ ะเห็นแจง้ ให้สมาทาน อาจหาญ รา่ เรงิ แล้วเสด็จลุกจากอาสนะหลีกไป ครั้นเม่ือพระผู้มีพระภาคเสด็จไปแล้ว ไมน่ าน ทา่ นพระผคั คณุ ะไดก้ ระทาำ กาละ และในเวลาตายอนิ ทรยี ข์ องทา่ น พระผคั คณุ ะนน้ั ผอ่ งใสยง่ิ นัก. คร้ังนั้น ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่ พระองคผ์ เู้ จรญิ เมอื่ พระผมู้ พี ระภาคเสดจ็ จากมาไมน่ าน ทา่ นพระผคั คณุ ะ กก็ ระทาำ กาละ และในเวลาตายอนิ ทรยี ข์ องทา่ นพระผคั คณุ ะผอ่ งใสยงิ่ นกั . 307

308

อนาคามี 3 3 309

310

ประโยชน์ของการฟังกศุ ลธรรม อนาคามี 109 -บาลี สตุ ตฺ . ข.ุ ๒๕/๔๗๓/๓๙๐. มปี ระโยชนเ์ พอ่ื รธู้ รรมอนั เปน็ ธรรม 2 อยา่ งตามความเปน็ จรงิ นี้เป็นอย่างที่ 1 นี้เป็นอย่างที่ 2 พงึ หวงั ผล ได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรอื เมือ่ ยงั มคี วามยดึ ม่ันเหลืออยู่ กจ็ ะเปน็ อนาคาม.ี พงึ ม 311

อุปธิ นี้เป็นอย่างที่ 1 นเี้ ป็นอย่างที่ 2 2 พงึ หวงั ผลได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรอื เมอ่ื ยงั มคี วามยดึ มน่ั เหลอื อยู่ กจ็ ะเป็นอนาคาม.ี นีเ้ ปน็ อย่างที่ 1 นเ้ี ปน็ อยา่ งที่ 2 2 พงึ หวงั ผล ได้ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหน่ึง คือ อรหัตตผลในปจั จบุ นั หรือเม่ือยังมคี วามยดึ มนั่ เหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี 312

อนาคามี นเ้ี ปน็ อยา่ งที่ 1 น้ีเป็นอย่างที่ 2 พงึ หวงั ผลได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ คอื อรหตั ตผล ในปัจจุบัน หรือเม่ือยังมีความยึดม่ันเหลืออยู่ ก็จะเป็น อนาคามี นเ้ี ปน็ อยา่ งที่ 1 นเ้ี ปน็ อยา่ งท่ี 2 พงึ หวงั ผล ได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรอื เมอ่ื ยงั มคี วามยดึ ม่ันเหลืออยู่ กจ็ ะเปน็ อนาคามี 313

น้เี ปน็ อยา่ งท่ี 1 นเ้ี ปน็ อยา่ งที่ 2 พงึ หวงั ผล ได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรือเมื่อยงั มคี วามยึดมนั่ เหลอื อยู่ กจ็ ะเป็นอนาคามี นเ้ี ป็นอยา่ งที่ 1 นเ้ี ปน็ อยา่ งที่ 2 พงึ หวงั ผล ได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรือเมอื่ ยงั มีความยดึ มนั่ เหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. 314

อนาคามี น้ีเป็นอยา่ งท่ี 1 นเ้ี ปน็ อยา่ งที่ 2 พงึ หวงั ผล ได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรือเมื่อยงั มคี วามยึดมั่นเหลอื อยู่ กจ็ ะเปน็ อนาคาม.ี นเี้ ปน็ อยา่ งท่ี 1 นเี้ ปน็ อยา่ งท่ี 2 พงึ หวงั ผล ได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรือเมอื่ ยังมีความยดึ ม่ันเหลืออยู่ ก็จะเปน็ อนาคาม.ี 315

นี้เป็นอย่างที่ 1 นเี้ ปน็ อยา่ งที่ 2 พึงหวงั ผลได้ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหน่ึง คือ อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรอื เมอื่ ยงั มคี วามยดึ มน่ั เหลอื อยู่ กจ็ ะเปน็ อนาคาม.ี นเ้ี ปน็ อย่างท่ี 1 นี้เป็นอย่างที่ 2 พึงหวังผลได้ 2 อย่าง อย่างใดอยา่ งหนง่ึ คอื อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเม่อื ยังมีความยึดม่นั เหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคามี. 316

อนาคามี น้เี ป็นอยา่ งท่ี 1 นเี้ ปน็ อยา่ งท่ี 2 พงึ หวงั ผลได้ 2 อย่าง อย่างใดอย่างหนงึ่ คอื อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเม่อื ยังมีความยึดม่นั เหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคาม.ี อย่างท่ี 1 นี้เป็น น้ีเป็นอย่างที่ 2 พงึ หวงั ผลได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรอื เมอื่ ยงั มี ความยึดมน่ั เหลอื อยู่ ก็จะเปน็ อนาคาม.ี 317

นี้เป็นอย่างที่ 1 นเี้ ปน็ อยา่ งที่ 2 พงึ หวงั ผลได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรอื เมอ่ื ยงั มคี วามยดึ มน่ั เหลอื อยู่ กจ็ ะเปน็ อนาคาม.ี อยา่ งที่ 1 นเี้ ปน็ น้ีเป็นอย่างที่ 2 318

อนาคามี พึงหวังผลได้ 2 อย่าง อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ คอื อรหตั ตผลในปจั จบุ นั หรอื เมอ่ื ยงั มี ความยึดมั่นเหลืออยู่ ก็จะเป็นอนาคาม.ี พึงมี นเ้ี ปน็ อยา่ งท่ี 1 นี้เป็นอย่างท่ี 2 319

พงึ หวงั ผลได้ 2 อยา่ ง อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ คอื อรหัตตผลในปัจจุบัน หรือเมื่อยังมีความยึดมั่นเหลืออยู่ กจ็ ะเป็นอนาคาม (สำาหรับบทน้ีมีเน้ือหาค่อนข้างยาว จึงได้นำามาใส่ไว้บางส่วน ผสู้ นใจพงึ ตามอา่ นเนอ้ื ความเตม็ ไดจ้ ากทม่ี าของพระสตู ร. -ผรู้ วบรวม) 320

การให้ทาน แล้วเปน็ อนาคามี อนาคามี 110 -บาลี สตตฺ ก. อ.ํ ๒๓/๖๐/๔๙. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ท่ีการ ให้ทานเช่นนั้นน่ันแล บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก แต่ไม่มี อานสิ งสม์ าก และอะไรหนอ เปน็ เหตุ เปน็ ปจั จยั ทกี่ ารใหท้ านเชน่ นนั้ นนั่ แล บคุ คลบางคนในโลกน้ี ให้แลว้ มีผลมาก และมอี านสิ งสม์ าก. 321

322

อนาคามี 323

324

ละธรรมอย่างหนงึ่ ไดอ้ นาคามี อนาคามี (นัยท่ี 1) 111 -บาลี อติ วิ .ุ ข.ุ ๒๕/๒๒๙/๑๗๙. 325

ละธรรมอยา่ งหนง่ึ ไดอ้ นาคามี อนาคามี (นยั ท่ี 2) 112 -บาลี อติ วิ .ุ ข.ุ ๒๕/๒๒๙/๑๘๐. 326

ละธรรมอย่างหนงึ่ ได้อนาคามี อนาคามี (นัยท่ี 3) 113 -บาลี อติ วิ .ุ ข.ุ ๒๕/๒๓๐/๑๘๑. 327

ละธรรมอยา่ งหนง่ึ ไดอ้ นาคามี อนาคามี (นยั ท่ี ๔) 11๔ -บาลี อติ วิ .ุ ข.ุ ๒๕/๒๓๐/๑๘๒. 328


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook