Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รวมเล่มเยือนถิ่น เพลงซอ

รวมเล่มเยือนถิ่น เพลงซอ

Published by panadda tocomnust, 2019-10-24 23:13:56

Description: รวมเล่มเยือนถิ่น เพลงซอ

Search

Read the Text Version

๗. ขวัญเจ้าใคร่อยากกนิ หยงั (อยากกินอะไร) หนมโกหนมปังมีหนี้นักขนาด (มากมาย) ขวัญเจ้าอย่าไปเลน่ กลางกาด (ตลาด) ตามโรงพะโลเ้ ข้าซอย ไปปลอมหมเู่ จ๊กหมู่แขก ตอ่ งสูก่ ลุ าคางหมอย ไอ่ชาติตัวดาคอยตอย(ตัวด้า) ปากบ่ร้คู า้ สักอยา่ ง ๘. ขอเชญิ สามสบิ สองขวญั จุ่งมาเร็วพลันฟ้าวฟั่ง (รบี มา) บด่ ีไปนอนไปน่ัง อยตู่ ามตาฝ่ัง (ริมตลิง่ ) รมิ ปิง บา่ วา่ เรือนแพแม่นา้ มันซ้าบด่ เี ปน็ จรงิ ขวญั เจ้าอยา่ เมาประวงิ กับหม่รู า้ งสาวชาวแม่ ๙. ขอเชิญสามสบิ สองขวัญ มาค้าสมปานกล้าแก่ ขวัญเจ้าอยา่ ไปแวะแว่ (แวะเท่ียว) อยู่ตามทางรถตางราง ไดย้ ินบวั ซอนอ่แี ม่ มาต้ังขวญั แหล่ขวญั หลัง ขอถวายโภชนงั สัพพะสัพพงั หลายอย่าง (หลาย ๆ อย่าง) ๑๐. ขอเชญิ ขวัญเจา้ มาฉนั มีทง้ั กล้วยจันกล้วยคงั ท้ังขา้ วหนมไทยหนมหรง่ั มีหนี้หลายอยา่ งหลายอนั เขาไปซ้ือมาจากกาด(ตลาด) มที ้ังหนมปาดหนมตาล มีแผว๋ (มีท้ัง)ขา้ วเม่าเข้ามัน บัวลอยไขห่ วานพร้อมพร่ัง ๑๑. มีทง้ั นา้ อุทกัง กนิ แล้วพลังไหลหลั่ง เชญิ ขวัญมานอนมานั่ง มที ง้ั สาดน้อยพรมดี มากนิ มานอนมานั่ง ขวัญอย่าได้ฟ่าง (รบี รอ้ น) ลาหนี มาฟงั ชา่ งซอดนตรี นกั ร้องเสยี งดีขบั กล่อม ๑๒. มาทั้งขวญั เนื้อขวญั ตัว มาทัง้ ขวัญหัวกระหม่อม อย่าได้ซบเซาเหงาง่อม มาทัง้ ขวญั ต่อมตาดา้ เชิญมาชมดวงดอกไม้ เพน่ิ (ทา่ น) เสาะมาใสห่ ลายหลาม เขาตกแตง่ ห้างดาตา้ ใส่ขนั นมแมวแถวถงั่

๑๓. เชญิ ขวัญมาเหน็บมาดม ดอกบานรับลมนา้ คา้ ง มีทัง้ เอ้อื งเงินเอ้ืองคงั่ มที ัง้ ช้างด้างามพวง มีเอ้ืองสามปอยเอ้ืองแพะ ตดิ ตามไมแ้ งะต้นหลวง กลน่ิ หอมตลบอบทรวง ช้างหลวงตีนแดงแพงค่า ๑๔. ขอเชิญสามสบิ สองขวัญ อย่าไดผ้ ลผี วนดว่ นล่า ขวัญเจ้าอยา่ ตกขะปา้ (ตกใจ) ขวญั เจ้าอยา่ ลา่ เดินดง ขอเชญิ มาชมดวงดอก มที ง้ั ขะมอกกาหลง มีแผว๋ ไค่ยอมไค่ยง สารปดี งหอมขนื่ ๑๕. ขอเชญิ ขวญั เจา้ มาจม หื้อ (ให้) มอี ารมณใ์ จชนื่ แม้นขวญั เจ้าไปที่อน่ื ก็ขอจุ่ง (จง) รีบพลนั มา (รบี กลับมา) มาชมบายศรเี จด็ ช้ันน เขาตกแต่งคัน่ บุปผา มีทงั้ ดอกเกต็ ถะหว๋า (ดอกพทุ ธ) และมณฑาการะเกด ๑๖. ขวัญเจา้ อย่าล่าไหลหลง เข้าส่ใู นดงโขงเขต แมจ่ ะเอาฝ้ายวเิ ศษ มดั ดว้ ยคดั ถา (คาถา) มงคล หื้อ (ให้) มอี ายุวรรณะ ขวญั อยา่ ไดล้ ะจากตน สขุ ะ พละ มงคล ห้ือ (ให้) ได้อยู่กับตนกุม้ เชน่ (.ตลอดไป.) ๑๗. ขวญั เจา้ จะไดม้ าถือศลี อย่าไดเ้ มากนิ เมาเลน่ เจ้าจะได้ถือศลี สบิ เส้น ละเวน้ สีง่ ท่ีเมามาย เจ้าจะไดล้ าละไว้ ทงั้ แกว้ มณีสใี ส ลาท้งั ผ้าม้วนผา้ ไหม ทง้ั เจียระไนใสส่อง ๑๘. หอ้ื (ให้) อยตู่ ามคลองวินัย อย่าได้มใี จนา้ วหนอ่ ง ลาทง้ั ผ้าแพรตาร่อง ลาท้ังผ้าต่อง (ผ้าขาวม้า) ลายด้า เจ้าจะไดล้ าละไว้ ทง้ั ผา้ ตาหงิ ตาจา (ผ้าสวิงและยอ) แหวนแก้วมณยี องค้า ทเ่ี จ้าเคยสวมเคยสอด

๑๙. อยา่ ได้เป็นหว่ งเปน็ ใย หอ้ื (ให้) ตัดอาลัยใจทอด (หมดห่วง) ลาทง้ั แหวนท่ีเคยสบุ สอด ลาทั้งเครอื่ งหยอ้ ง (เครื่องประดับตกแตง่ ) ของดี อนั ของท่ีเจ้าเคยใช้ ลาทั้งดอกไมบ้ ายศรี แตง่ ขพวงดวงมณี อนั หมู่นารตี กแตง่ ๒๐. นบั ตง้ั แตน่ ้ีไป หอื้ (ให้) ปญั ญาไวกล้าแกร่ง ห้ือ (ให้) อย่เู ป็นหลักเป็นแหล่ง รูจ้ กั ทา้ นองคลองเณร ยามเมอื ครบู าสังฆะ ทา่ นมีธรุ ะจา้ เปน็ รู้จักไหวส้ าดาเกณฑ์ ครบู าพระเถรเหียกอ่ น ๒๑. หอื้ (ให้) ฟงั ค้าส่งั ค้าเตอื น จะไปยะ (ท้า) เหมือนเมื่อเป็นละอ่อน จะไปเล่นพ้าย (ไพ)่ เลน่ บ่อน เล่นเหมือนหมูง่ ัวหมู่ควาย อยา่ เปน็ คนร้ายคนดื้อ มันชา่ งพาห้ือ (ให้) เสียหาย เพน่ิ (ทา่ น) จะตเิ ตยี นเลา่ ยาย เปน็ ท่ลี ะอายขนาด ๒๒. ห้อื (ให้) เจา้ ได้สา้ รวมจิต ศลี สบิ อยา่ ผดิ อย่า ขาด ขอ้ หนึง่ ปาณาติบาต อย่าไดค้ า่ (แกล้ง) ขาราวี อย่ามีอารมณ์ร้อนแรง เข่นฆ่าฟนั แทงบุบตี หื้อ (ให้) มว้ ยเสยี จากชวี ี บว่ า่ สัตว์นอ้ ยสัตวใ์ หญ่ ๒๓. อทนิ นาข้อสอง แม้นว่าเจ้าของบ่อนุญาตให้ เจ้าอยา่ มใี จมักง่าย อยา่ ไปข้ีโลภโกงดาย บะวา่ เขม็ เลม่ ฝา้ ยเสน้ เจ้าอย่าไดค้ ดิ ใจหมาย แตมวา่ ใคร่ได้หั้นพอจะตาย ตอ้ งขอเจ้าของเพ่ิน (ท่าน) เสียก่อน ๒๔. ขอ้ สามกาเมอาพรหม หื้อ (ให้) เจ้าค่อย หยดุ ค่อยหยอ่ น อยา่ ไดช้ อบเสพสา้ ส่อน ไปหาแม่ย่าคณุ ญิง คบหม่แู ม่ยา่ นารี นั้นทึง (ก็) บด่ เี ป็นจริง ใจเจา้ อยา่ เมาคะนิง รา้ งสาวชาวญงิ เด็ดขาด

๒๕. ข้อสีม่ ุสาวาทา เจ้าอย่าได้จุร่าายลาด (หลอกไปเรือ่ ย) จุ (หลอก) เพิ่น (เขา) ใจตกอกขาด จุ (หลอก) เพนิ่ (เขา) ตกเบย้ี เสียเงิน บด่ จี ุหื้อ (ให้) เพน่ิ (เขา) วา้ ง (เหงา) บ่ดมี ้างห้ือ (ให้) เพิ่น (เขา) เขิน จุ (หลอก) เพนิ่ (เขา) ตกเบย้ี เสยี เงนิ จุ (หลอก) เพ่ิน (เขา) ใจตกอกสั่น ๒๖. ศีลขอ้ หา้ สุราเมรัย เจ้าอยา่ มใี จดื่มน้าบา้ ยากลนั่ บว่ ่าแชมเปญบร่ัน บ่วา่ เหล้ากลน่ั ยาดอง สุราบ่ใช่ยาวิเศษ เป็นเหตุทอึ (ให)้ ไดห้ มน่ หมอง อยา่ ได้คดิ จามคดิ ลอง อนั เปน็ นา้ เหลา้ เมาเบือ่ ๒๗. กินเหลา้ แลว้ เมาตาปัง (ตาปรือ) อหู้ ยง่ั ใครตึง (ก็) บ่เช่อื บางคนเขากนิ เจ่อื เจือ่ (บอ่ ย ๆ ) เมาเป็นพะรงุ พะรัง ช่างงเกิด (มกั เกดิ ) โมโหโกธะ ยะหื้อ (ท้าให้) เป็นโทษโทสงั อย่าห้ือ (ให)้ ใจไดห้ ลงทาง ควรจะระวงั แหนงหนา่ ย ๒๘. ศีลขอ้ หกวกิ าละโภ ห้ามบ่ห้ือ (ให้) ฉนั มอก (เวลา) ตะวันบา่ ย มอก (เวลา) ตะวนั บ่ายซา้ าย (บ่ายคล้อย) กินหยงั บไ่ ด้สักอนั ผดา (บรรดา) ของสุกกบั ไฟ วินัยทา่ นห้ามบ่หื้อ (ให)้ ฉัน ได้แตล่ กู ส้มหวั มัน และอุทะกังนา้ เปลา่ ๒๙. ข้อเจ็ดวา่ นัจจะคี เพ่นิ (ทา่ น) ห้ามดดี สตี เี ป่า อนั เปน็ ดนตรีอ๊ดเอา๊ (อ้ืออึง) ชา่ งพาห้ือ (ให)้ ใจเมาวิน สือ่ วดิ โี อหนังโป๊ ทา้ หือ้ (ให)้ โยกโย้ผดิ ศีล ลูกศษิ ย์องค์พระมุนนิ อยา่ หื้อ (ให้) มลทนิ หลอมหลอก ๓๐. ขอ้ แปดมาลาคนั ธะ หอ้ื (ให้) เจ้าได้ละยงั ความสอกกอก ข้อน้ีเพนิ่ (ให้) ห้ามเหนบ็ ดอก สลิดแต่งหย้อง (ตกแตง่ ) มายา อนั เปน็ เคร่ืองหยอ้ ง (ตกแต่ง) ครวั ทรง อย่าได้ทะรงประสงคห์ า อันเป็นน้าจนั มนั ตา มาลาเพ่ิน (ให)้ หา้ มทุกอย่าง

๓๑. ข้อเกา้ อจุ จาสะยัง เจ้าตอ้ งระวงั ที่นอนทน่ี ง่ั ห้ามขึ้นบนเตยี งบนตงั่ อนั ของท่านเจา้ ครูบา ท่ีนอนผู้สูงผ้ใู หญ่ อยา่ ไดป้ ระมาทลาสา ทน่ี ่งั ทนี่ อนนัน้ นา สงู ประมาณสิบนว้ิ สามกระเบียด ๓๒. เม่ือเจา้ ได้มาเปน็ ขะโยม (เด็กวัด) ก็ได้อบรมมาอยา่ งละเอียด เปน็ หนา้ บุญอนั สงู เกียรติ จะไดบ้ วชเปน็ สามเณร หนีจากอบายมุข หนีจากความทุกข์ยากเข็ญ จะได้พบกับความร่มเยน็ ถือศีลกนิ เพลบ่ขาด ๓๓. ขอ้ สิบวา่ ชาตารู องค์สัพพญั ญจู อมปราชญ์ ข้อนี้เพ่นิ (ให)้ หา้ มเดด็ ขาด บ่หือ้ (ไม่ให)้ กา (ถือ) ซงึ่ เงนิ และคา้ บ่ว่าเงนิ เหรียญเงินใบ ตามวินัยเพ่ิน (ท่าน) บ่หอ้ื หยุบหื้อก๋า (ไมใ่ หจ้ ับ) อ้านาจแกว้ แหวนเงนิ คา้ ชา่ งน้าหอ้ื (ให้) ตัณหามนั เกิด ๓๔. จะไดเ้ ปน็ พระเปน็ เณร อย่าออกนอกเกณฑ์เลยเถิด ทา้ จิตใจหื้อ (ให้) ประเสริฐ จะเกดิ กุศลผลบญุ ขอห้ือ (ให)้ สมมโนจติ ลกู ศษิ ยข์ องพระราหลุ จะได้ตอบบุญตอบคุณ ส้าย (ใช้คนื ) บุญห้อื (ให้) พ่อกับแม่ ๓๕. ห้ือ (ให้) เจ้าไดโ้ ผดเมตตา พ่นี ้องศรัทธาเฒา่ แก่ ถ้าหากบุญมีแท้แท้ หอ้ื (ให้) ได้เป็นตเุ๊ จ้า (พระ) ครูบา ได้เปน็ นกั ธรรมนักปราชญ์ ค้าจนุ พระศาสนา ขอหื้อ (ให้) ได้เปน็ มหา เปรยี ญธรรมเก้าประโยค วางเพลง……

บทซอเรื่อง อรยิ สจั ส่ี ทานองละมา้ ย ประพันธ์บทโดย บัวซอน ถนอมบุญ ๑. ทเี่ ราได้เกิดมาเป็นคนในโลก ถือว่าเป็นโชคอย่างมหาศาล เมื่อกินเราก็กินเม่ือท้างานก็ท้างาน อยู่ด้วยกันจนเท้าเฒ่าเทา้ แก่ (จนแก่เฒ่า) มีความใกลช้ ิดญาติมิตรทุกคน มหี ลานมโี หลนมีพ่อมีแม่ ความส้าคัญของคนเราแท้ ๆ ทีเ่ ชื่อแนน่ ั้นมี อะหยังจา (อะไรมา) คนเราเกิดมาอยดู่ ้วยกนั ยาบ ๆ กนิ ข้าววนั สามคาบกับอ่อมลาบปูปลา เช็กจีนหนิ แร่ต่องส้กู ลุ า จะเอาอะหยังมาเป็นท่ีเพิ่ง (พึ่ง) เราได้ จะไปเพิ่ง (พึ่ง) แมน่ ้าคาว่าเพ่ิงแผน่ ดิน จะไปเพ่ิง (พึ่ง) บ่าหินคาว่าเพิ่ง (พ่งึ ) ตน้ ไม.้ ..จ่ิมฯ ๒. มนุษย์ทุกคนทเ่ี กดิ มาในโลก เราถือว่าเป็นโชควาสนาพาหนุน ทไ่ี ดม้ ารว่ มศาสนาหน้าบุญ อนั นี้และเป็นทุนพาห้ือ (ให้) เรามาเกิด ของกินของใชม้ ีไวเ้ ป็นสมบัติ มีพระมหากษัตริยต์ นผูป้ ระเสริฐ เป็นหน้าบุญท่ีเราได้มาเกดิ ใต้ร่มองคโ์ พธิ สมภาร ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ อนั นี้เป็นสมบัตลิ ้าค่ามหาศาล ที่ไดเ้ กดิ มาในโลกสงสาร ได้มีเงินมีงานไดก้ นิ ไดห้ ย้อง (ได้สบาย) เพราะเรามีชาตมิ ีศาสนา โอบอุ้มเมตตามวี งศาพ่นี ้อง..จิ่มฯ ๓. คา้ ว่าชาตินั้นคือถน่ิ ก้าเนิด บญุ ท่ีได้เกิดมาร่วมศาสนา เราจะอยู่อย่างหมชู ว่ ยกันบนุ่ (มดุ ) คันนา คา (หรือ)จะอยู่อย่างหมาช่วยกันมาล่นลัด บใ่ ชจ่ ะมาอู้ (พูด)แหล้งหนา้ แหล้งตา(เลน่ หน้าเลน่ ตา) อา้ ยจะขอปรึกษาห้ือ (ให้) มนั รู้ (พูด) ถ่ีชดั ตัวเขาเข้าโบสถ์กาว่าเข้าวัด ปฏิบัตศิ าสนา ใดจา เกิดมาเป็นคนเราจะต้องต่อสู้ ขอนายพออู้ (พูด) หื้อ (ให้) มนั เสย้ี งสังกา (หมด) ถงึ จะตา่ งเชอื้ ชาติตา่ งศาสตรภ์ าษา แตร่ ว่ มพระมหากษตั ริย์ราจา (ราชา)เจ้า ทไี่ ด้อาศัยสยามขวานทอง เอาอะหยั่งมาคุ้มครองใจทึงวันค่้าเจา้ ..จม่ิ ฯ ๔. คา้ ว่าศาสนาคือค้าสอนพระเจ้า เกิดมาพอจะเฒ่าพอบ่จื่อบ่จ๋า (ไม่เช่ือ) อนั คา้ สัง่ สอนเปน้ิ (ท่าน)ร้อง(เรียก)ว่าพระธรรม จะต้องมีผนู้ า้ และเป็นผูเ้ ผยแพร่ ท่านเป็นผู้เทศนแ์ ละปาฐะกถา รู้จกั หลักศาสนาห้ือ (ให้) มันถ่องแท้ ทเ่ี รานับถือมาเช่นพ่อเช่นแม่ เป้นิ (ทา่ น) สอนแต่ (ให)้ ท้าดี กู่คน (ทุกคน) บ่ว่าศาสนาพุทธหรือศาสนาคริสต์ หาเลี้ยงชวี ิตและครอบครัวตวั ตน ร้จู กั เอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่แก่ชุมชน บ่ลกั ล่อฉ้อฉลเบียดเบยี นชาวบ้าน บ่คดิ จุ๊ (หลอก) คดิ หลอกคิดนอกใจหมาย ถือศาสนาไหนก็ทึงสบายทั้งนั้น...จ่ิมฯ

๕. อันศาสนาคือรม่ กาของมนุษย์ จะถือคริสต์ถือพุทธจะรู้ได้จากอะหยงั พ่องก็ถือคริสเตียนพ่องถือคริสตงั อสิ ลามอาบังพวกที่ชอบก่อม็อบ พ่องก็ถือแบบฤๅษีชีดง ชอบเอาตวั ไปทรงอยู่ในกระต๊อบ จ้าศีลภาวนาอยู่กะง็อบกะง็อบ เปิ้นชอบอยู่พอไผ พอมนั (ตัวใครตัวมัน) บเ่ ด่ยี วนี้ตวั นายถือศาสนาพุทธ ถือแบบธรรมยุตที่เครง่ กัมฐาน กาว่าตวั ถือแบบนิกายมหายาน สญั ลักษณข์ องมันมีหยังกาเจ้า เพราะอ้ายบ่ร้จู ักหลักของศาสนา เมาค่าฮิค่าาหาทึงวันค่าเช้า (มัวแต่หาเงิน) ... จิ่มฯ ๖. เพ่ิน(เขา)ว่าเสียม(จอบ)บ่คมหอ้ื (ให)้ ใสด่ า้ มหนักๆ ถา้ ตัวนายใคร่หลัวก (ฉลาด)ห้ือหมัน่ อ่านหนังสือ อนั ศาสนาท่ีข้าเจ้านับถือ อันน้ีกค็ ือศาสนาพุทธะ สัญลักษณน์ น้ั คือแกว้ สามดวง ท้ังสามท้ังปวงเอาเป็นท่ีเพ่ิงพะ (ท่ีพ่ึงทางใจ) มีพุทธะธรรมะสังฆะ เรียกวา่ แก้วรัตนะ ไตรงาม มหี นง่ึ พระพุทธมสี องพระธรรม พระสงั ฆ์ได้ตามเป็นองค์ที่สาม พระพุทธเจ้าได้แสวงหาธรรม โพธิญาญตามตรสั รู้มาได้ หลงั จากที่พระเจา้ ได้ปรินิพพานลง ต่อจากนั้นพระสงฆ์ได้ด้ารงสืบไว้..จ่มิ ฯ ๗. อา้ ยยังมีปัญหาศาสนากับมนุษย์ คา้ วา่ พระพทุ ธมนั สืบมาจากไหน นามช่ือเคา้ (เริ่มตน้ ) เพ่ิน (เขา) ว่าจะใด เป็นลูกหลานไผอยู่ท่ีไหนพอบอก ท่านเป็นคนเมืองคาว่า(หรือว่า) เป็นคนไทย เกิดเมืองไทยคาวา่ (หรือวา่ ) เกิดเมืองนอก อา้ ยจะขอถามห้ือ (ให้) คนงามค่อยบอก เพ่ิน (เขา) เป็นนักเรียนนอก หวั ดี โลกเราทึงวนั (ทุกวนั ) มีแต่ความเป็นหว่ ง มันตกอย่ใู นห้วงบว่ งอเวจี เซาะ (หา) เลี้ยงคาบเนา่ อยูส่ ุดเดือนสุดปี เท่ือ (บางที) เป็นดีใคร่หนีแตก่ ็หนีบ่ได้ พ่องก็ทุกข์พ่องก็มีตามวิถีมนุษย์ ขอเพิ่ง (พงึ่ ) องค์พระพุทธท่านหล้างพอชว่ ยไว้...จ่ิม ๘. ค้าว่าพระพทุ ธคือผ้รู ู้ผู้ต่นื อันความทุกข์ขมข่ืนขจดั ออกไปเสยี เจา้ ชายสิทธตั ถะได้สละลูกเมีย อยู่ประเทศอินเดียกรงุ กบิลพัสดุ์ เจ้าสุทโทธะนะพระมหามายา คร่า้ ครวญโศกาลูกมาพรากพลัด พระองคห์ นีละกรงุ กบิลพัสดุ์ บ่หว่ งหาสมบตั ิและบัลลังก์ ได้จวนพระสหายคือนายฉันนะ ควบม้ากัญฐะกะออกทวาฬ(ทางทวาฬหลัง) ความหวังพระองค์มั่นคงด้วยพลงั ไปแสวงทางพ้นทุกข์โศกเศร้า หนลี ะ (ทงิ้ ) ปราสาทราชบัลลังก์ เพื่อคน้ ควา้ หาทางทรงวางไว้แต่เค้า (เริ่มตน้ ) .. จ่ิมฯ

๙. เจ้าชายสิทธตั ถะได้สละสมบัติ เป็นแผว(เป็นถึง)ลูกกษตั รยิ ์ทา่ นเบ่ือหนา่ ยอะหยัง อันท่ีเป็นสาเหตหุ นีออกเขตเวยี งวัง คาว่า(หรือว่า)อิ่มหน่ายค่ายชงั (เบ่ือ)เวยี งวงั ปราสาท ความสขุ ท่ีได้รบั นับปอบ่ถอง (แทบนับไม่ได้) สมบตั ิเงินทองได้ปกครองอา้ นาจ อย่ดู ี ๆ ท่านซ้ามาหนีไปไกลขาด จากไพร่ฟ้าข้าทาส ชาววัง หนีละชายาบุตตาลูกไท้ เข้าสูด่ งปา่ ไม้ท่านเบื่อหน่ายอะหยงั มีห้ันสัพพะ(มีมากมาย) สนมกรมวัง มาอ่ิมหน่ายคา่ ยชัง (เบื่อหน่าย) เวียงวังหอห้อง นางบีบหมอหนวดนอนอวดเปรยกาย(เปลอื ยกาย) เหมือนซากศพคนตายทา่ นบ่มีใจเรียกร้อง..จ่ิมฯ ๑๐. เจา้ ชายสิทธตั ถะไดส้ ละนิราศ ปางเมื่อท่านได้ประภาสยามพักผ่อนสมอง ไปหัน (เหน็ ) เทวทูตท่านได้มาจา้ ลอง พระองคเ์ พ่งมองไปหัน (เห็น) ใสค่ นแก่ ไปหนั (เห็น)ใสค่ นเจ็บไปหัน(เหน็ )ใส่คนตาย ปัญหาท้ังหลายต้องหาวิธีแก้ หัน (เห็น) ใสน่ ักบวชตึงหน้าอวดแท้แท้ ท่าทางท่านมีแตส่ บาย เมอ่ื พระองค์ไปหัน(เห็น)เปน็ เหตกุ ารณ์ต่างๆ ความคิดกค็ ั่งค้างอยู่ในหวั ใจ เลยสั่งนางบ้าเรอว่าพวกเธอทั้งหลาย ว่านับตั้งนต้ี ่อไปอยา่ ได้เข้ามาใกล้ เบ่ือหน่ายไปหมดเสี้ยงความอดขนั ตี คือสาเหตุทท่ี ่านหนเี ข้าสู่ดงปา่ ไม้ ..จิ่ม ๑๑. ตอนท่ีพระองค์เข้าอยู่ดงป่าไม้ หนั (เห็น) เขาเขยี นรปู ไว้มคี ่าา(มีแต่)ดูกกับหนัง คาว่า(หรือว่า)ทา่ นบ่ได้กินอะหยัง หนวดเครารุงรังหน้าสงสารเช่นล้า ท่านเคยได้อย่ดู ีกินลา้ มีสนมนางงามมาป้อนเข้าป้อนนา้ ไปอยู่ในป่าท่าจะอดกลัน้ ล้า พ่อแม่ซ้าบ่หัน (เหน็ ) สักคน ตอนที่พระองค์ทรงบ้าเพ็ญค้นคว้า น่งั เอาหวั ตากฟ้าน่ังเอาหน้าตากฝน ยึดเป็นก้าหนัดปฏบิ ัติอดทน มันช่างไดผ้ ลเมื่อท่านท้าอย่างน้ัน ปางเม่ือท่านบ้าเพ็ญทุกรกริ ิยา ไผ (ใคร) มาอุปถาองค์พุทธาตอนนั้น..จิ่มฯ ๑๒. ปางเม่ือพระองค์ยังบ่ไดต้ รัสรู้ ตอนนั้นยงั บร่ ู้ยังบ่ได้แตกฉาน ทุกรกริ ิยาบทท่านไปอดอาหาร ทรมารสังขารจนพอผอมพอซูบ อยู่ในป่าไม้หิมพานต์ ซา้ บม่ บี ้านซา้ บ่มเี ฮือนบ่มีตูบ(กระต๊อบ) หอยทั้งหลายพากันไตข่ ึ้นหลูบ เปื่อป้องกันแดดหบู ฝนฮ้า เพราะมันเป็นหอยสงั ขบ์ ่ใชเ่ ปน็ หอยทาก แม้แต่พญานาคยังเอาหัวมาปก เพราะกลัวก้าลงั ของพระองค์จะตก นางสชุ าดามาถวายขันเขา้ (ข้าว) มธุปายาสห้ือพระองค์ได้เสวย อ่ิมแล้วทา่ นก็เลยตรัสรู้ธรรมผูกเก๊า (เร่ิมต้น) ...จิม่ ฯ

๑๓. ปางเม่ือพระองคบ์ า้ เพ็ญทุกกรกิรยิ า มนี างสุชาดาเอาขนั เข้ามาถวาย เม่ือได้เสวยแล้วอ่ิมอกอมิ่ ใจ พา่ เพิ่ง (บ้าเพ็ญ) ต่อไปบ่ห้ือ (ให้) ได้หดหู่ ลกู สาวพญามารมาย่ัวยวนตัณหา ใจพระโพธาก็บ่เคยหล่ิงหลู้ (ไม่เคยวอกแวก) ถืออุเบกขาแสวงหาความรู้ จนตรัสรู้ได้ ธรรมมา ทรมานสังขารเหลือค่า (เหลือแต)่ หนังกบั ดูก ได้พระธรรมมากผ่ี กู จาหา ที่เพน่ิ ได้ (ท่าน) เทศกันคู่วัดคู่วา (ทุกวัด) พ่องก็เปน็ ครูบาพ่องก็เปน็ ธเุ จา้ (พระ) มันจะมกี ่ีกัปก่ีผกู กนั ชา ท่ีทา่ นตรัสรู้มาทึงผูกปลายผูกเค้า(เร่ิมต้น)..จิ่มฯ ๑๔. ทา่ นตรสั รธู้ รรมด้วยความจริงเป็นพื้น ไดท้ ึง (ไดถ้ ึง) แปดหม่นื ส่ีพันพระธรรมขนั ข์ พระไตรปฎิ กจดใส่ใบลาน ธรรมมะนิทานตึงธรรมเจี้ยธรรมค่าว บางผูกก็เปน็ ธรรมนิยาย เพ่ิน (ท่าน) เอาไว้ลอ่ ใจคนแก่คนเฒ่า ธรรมชาดกธุจก(พระนักเทศน์)ปพู่ ราหมณ์เฒ่า ไปขอเจ้ากญั หา ชาลี มแี ผวเจ้าหงษห์ ินที่มันไปรบยักษ์ เจ้าสุวตั รไปหลงรักลูกสาวพระฤๅษี ท่ีไปอาบน้าทนี่ ้าแมว่ ารี กมั ม์เวรมีปะขะปวงดอกแก้ว ข่มี ้าไปเสาะหานาฏน้องบัวค้า จุ (หลอก)คนเฒ่าเมาขา้ ตึงบ่ลืมบ่แลว้ ..จิ่มฯ ๑๕. น้าธรรมค้าสอนขององค์เจ้ากลิ่นกู้ พระองคต์ รัสรู้ได้แปดหมนื่ ส่ีพันขนั ธ์ อ้ายเปน็ ดีใคร่รู้พระเทศนธ์ รรมใบลาน ผูกใดมันส้าคัญทเ่ี ป็นธรรมวเิ ศษ พระจวนะขององค์พระสัมมา จะเป็นสงิ่ ชา้ ระตึงกามะกิเลส ธรรมผูกใดท่ีมันจะวเิ ศษ ทจ่ี ะดับกิเลส ตวั มาร มนั จะเป็นผูกใดทจี่ ะเป็นธรรมเอก พระธรรมมเี อนกดับกิเลสสงสาร เกิดเป็นมนุษยแ์ สนทุกข์ทรมาน เพราะมันเป็นสนั ดานของมนุษย์ล่มุ (ลา่ ง) ใต้ เพราะไดย้ ินกับหเู พราะไดด้ ูกับตา มนั เลยเกิดตัณหาเสาะหามาไว้ใช้..จิม่ ฯ ๑๖. อริยสจั สนี่ ี้เป็นธรรมกัปเอก จะเป็นเงาเศวกด้วยติดตามตวั นบั ตง้ั แต่ตีนข้ึนไปแผว(ถึง)บนหวั มีตนมีตัวเพิ่น (เขา) ร้องวา่ มนุษย์ สาเหตนุ ั้นคือสมทุ ัย เกิดความวุ่นวายมีแต่ความเส่ือมทรุด กิเลสนั้นแถมช่วยแห่แหนบุ๊ดๆ (เข้าพวก) มจั จุราชจะเต๊ก(กดลง) อาบาย ธรรมมะอริยสัจสี่ บ่ศึกษาหื้อถ่ีมันทึง(ก็)บ่เข้าใจ ความทุกข์มนั เกิดมาจากสมทุ ัย ทกุ ข์กายทุกข์ใจถมหนาถมแหน้น ตวั หอง (ตัวเอง) บร่ จู้ ักเดินตามมรรคตามผล รูค้ ่า (รู้แต่)ใส่เพ้ียหลนกับริมขนก้นแง้น(กน้ งอน)..จ่มิ ฯ

๑๗. อริยะสจั สมี่ ันเป็นธรรมวิเศษ อ้ายไปฟังธเุ จา้ เทศน์อ้ายซ้าบ่เขา้ ใจ ธุเจ้า (พระ) กเ็ ทศน์ไปศรัทธาก็ฟงั ไป เท่ือ(บางครั้ง)ก็ม่อยหลบั ไปบ่พอได้ยินถี่ ธุเจ้า (พระ) บางตนกเ็ ทศนบ์ ่เป็นค้า เปน็ อุมอ้าอุมอา้ ฟังบ่ชัดเป็นท่ี ปีแล้วอ้ายหมายจะไปบวชเปน็ หลวงพี่ ก็อาลัยหาเสียงปี่ เสียงซอ ถา้ อ้ายได้เลิกซอจะไปบวชเปน็ ธุ (พระ) จะเอาจนบรรลุน่ังยุบหนอพองหนอ อา้ ยขอศึกษาหาความรู้จนพอ บวชแล้วตึงจะขอไปอย่ดู งป่าเส้า แต่ว่าบเ่ ดี่ยว(เดี๋ยวน้ี)น้ีอ้ายข้องใจจะถาม พระพุทธกบั พระธรรมตนใดเกิดก่อนเคา้ (เริ่มแรก)..จ่ิมฯ ๑๘. พระพุทธกับพระธรรมตนใดทเ่ี กดิ ก่อน ความคิดมอกละอ่อนเมาค่าอยู่ค่ากน๋ิ พระเจ้าตรัสรู้ไดร้ ู้ธรรมรู้ศลี น้าเกิดจากดินหินเกิดจากท่า เหมือนกับหมอท่ีไปเสาะหายา เขายังไปเสาะหารากไม้ในป่า ปญั หาของตัวกับปัญหาของขา้ อันใดมันจะถูก ก็ลองกอย (ลองดู) ขา้ ว่าพระธรรมนนั้ เกิดก่อนพระพทุ ธ เหมือนเราไปขดุ ไข่มุกในเปลือกหอย คา้ ว่าธรรมชาตมิ ีตามปา่ ตามดอย พระองทา่ นได้คอยค้นคว้าไต่เต้า ค้าวา่ พระธรรมนั้นเปรยี บเหมือนไขม่ ุก ชาวโลกได้พ้นทุกข์เพ่ือพระธรรมนั้น..จิ่มฯ ๑๙. ตวั วา่ พระธรรมนน้ั เกดิ ก่อนพระพุทธ เขายังเอาไปมดุ ซ่อนไว้อยู่ทงั กลาง (ตรงกลาง) เขาจะเอาพระพุทธเปน็ ผู้น้ายะหยง่ั ยังบเ่ อาพระธรรมังนน้ั เปน็ คา้ น้าหน้า พระธรรมเกดิ ก่อนยังเอาไว้ทางหลัง ทกโต(ตุ๊กแก)มนั ตีนตัง (ตีนเหนียว) เหลือกว่าจักกา่ (กิ้งก่า) ผู้มาทหี ลังชาใด(ท้าไม)ว่าดังกว่า ตัวลองบอกห้ือ(ให้)ข้า เขาฟัง คนมาลูน(ภายหลงั )จะใดว่าปู๋นแป๊ พระธรรมเกดิ ก่อนแท้หยังเอาไว้ตังกลาง(ตรงกลาง) ตัวว่าอยา่ งอ้ขี ้าตงึ บ่ไคฟ่ ัง(ไมอ่ ยากฟัง) ตงึ ไคต่ ดอุ่มดัง(อยากตดใสจ่ มูก)เอาจนลมมาขนึ้ พระองค์ได้สา้ เรจ็ เป็นพระโพธิญาณ เพราะมีพระธรรมเป็นหนทางปูพน้ื (กลับดา้ น)..จิ่มฯ ๒๐. ท่เี พน่ิ (เขา)เอาพระพุทธนั้นมาน้าหน้า พระองค์ได้ค้นควา้ บุกเบิกเทิกไถ แสวงมาได้พอหล่อล้มหล่อตาย ทรมานร่างกายอาศัยอยู่ในปา่ พระธรรมนน้ั เกิดก่อนก็จรงิ บเ่ ดียวแม่หญิงเหมือนกับชา้ งตีนหน้า เพราะว่าองค์พระพทุ ธได้ไปขดุ คน้ คว้า ถงึ ยกไวท้ ้งั หนา้ เนอนาย พระองคต์ รัสรู้มาดว้ ยพระองคเ์ อง ท่านได้พ่าเพ็ง(บ้าเพ็ญ)หาหนทางแก้ไข สา้ เร็จอาริยะเป็นธรรมะบรรยาย ชาวโลกทัง้ หลายนับถือกนั ทว่ั หน้า เปน็ พระแก้วรัตนะมพี ุทธะน้าพล เพราะพระพุทธเป็นตนท่านเป็นองคผ์ ู้คน้ คว้า..จิ่มฯ

๒๑. องค์พระศาสดามีปัญญาวิเศษ คน้ คว้าหาสาเหตุดับกิเลสทังหลาย ทา้ หื้อจิตประเสรฐิ เกิดความสบาย มีพระรัตนะตรยั นั้นเป๋นองค์ประกอบ มชั ฌิมาปฏปิ ทา ร้ปู ฎิบัติดรี ปู้ ฎิบัตชิ อบ หลกั ของพระธรรมตจี้ ะน้ามาประกอบ อ้ายก็มีเป็นหอบ เปน็ ร้า ของบ่ก๋ินมันตงึ ช่างเน่า ฟงั ก้าเพ่ินเล่าข้าก็ทึงบ่จ๋้า พระพุทธเจา้ ทา่ นได้เปน็ ผู้น้า ศาสนาธรรมปฎิบตั ิหื้อถูกต้อง บ่ได้ยินพระเจ้าเทศน์สักคาเทื่อนา(สักคร้ัง) หันค่า(เห็นแต่)ธุแก้วธุตาเทศน์ห้อื ศรัทธาพี่น้อง..จ่ิมฯ ๒๒. องค์พระพุทธังปรินิพพานไปแล้ว เอาธุตาธุแกว้ ทา่ นมาเทศน์ตาง ถึงแม้พระองคท์ ่านปรนิ ิพพาน ยงั มีพระธรรมขนั ธน์ ้ันเป็นท่ีเคารพ อยู่ไปตามนา้ ทา้ ไปตามตวั คนดบี ถ่ ้ากลวั จะซบเซาเหงางบ กายะวะจหี ้ือมันดีจนครบ กราบนพทงึ พระเจ้า พระธรรม ค้าวา่ พระสงฆ์น้ันก็คือสาวก ทีเ่ ราได้ยอยกว่าเป็นแกว้ ตวั สาม ก่อนท่ีปรินิพพานท่านก็ได้น้า ได้มอบหมายพระธรรมแก่สาวกเนออ้าย มีพระสาลีบุตรและพระโมคลาน สาวกอรหนั ตต์ ึงฝ่ายขวาฝา่ ยซา้ ย..จ่มิ ฯ ๒๓. มพี ระสาลบี ตุ รและพระโมคลานะ พระมหากสั ปะอารยิ ะหลายตน มลี กู ศิษยล์ ูกหามาทุกแห่งทุกหน พระมหาอานนท์เป็นผูอ้ ุปถาก มพี ระภิษทุ ี่บรรลปุ ฏิผล ตังศากะยะมณฑลกม็ นี ักขนาด ทม่ี าบวชเป็นพระธรรมทายาท สามารถสืบศาสนาไป ท่เี ข้ามาบวชเร่ิมตน้ หวั ที ในปัญจวัคคนี ั้นจะเป็นองค์ไหน ท่านสละกิเลสดว้ ยเหตปุ ระก๋ารใด มีพระธรรมผูกไหนท่ที ้าหื้อใจหลิ่งหลู้ ธรรมเจี้ยธรรมค่าวที่เปิน้ (ท่าน) เลา่ บรรยาย เปิน้ (ท่าน)เทศน์กัณฑท์ ี่ไหนเม่ือใดกบ็ ร่ ู้ ..จมิ่ ฯ ๒๔. วนั อาสาฬหะน้ันเปน็ วนั สะอาด ซ่ึงเปน็ วันประกาศพุทธศาสนา พระธรรมบทท่ีพระเจ้าเทศนา คือพระธรรมจักรกัปปะวตั นะสูตร พระธรรมจักรน้นั คือหลักสายกลาง เขาต้องได้ระวงั ท้ังร่างกายค้าพูด อัญญาโกธญั ญะปล่อยราคะร่วงหลูด เพราะปวัตนะสูตร บาลี เม่ือพระรัตนะตรัยยังมบี ่ครบ ศรัทธาก็ปรารภวา่ พระสงฆ์ยังบ่มี ทา่ นเสด็จไปโปรดพระปัญจะวัคคี ตามในพระคัมม์ภีเปนิ้ (ท่าน)เขียนไว้ด่ังนี้ พระอัญญาโกธัญญะขอบวชเป็นสาวก ท่เี ราไดย้ อยกกนั เตา้ ฮอดวนั น้ี(จนกระท่งั ทกุ วนั นี้..จ่มิ ฯ

๒๕. อันว่าธรรมจักรเป็นหลักดีอย่างนี้ มีครบแปดส้ีอยู่ในวงเดียวกัน บางคนกร็ ้อง(เรยี ก)วา่ วงเกวียนเวยี นตัน มนั เป็นของบห่ ัน(ไม่เห็น)มนั เป็นของบ่แน่ มีเกิดมีแกม่ เี จ็บมีตาย จะไปเสาะหาไผที่จะมาช่วยแก้ กิเลสก็ซ้าหนาตัณหาก็ซ้าแห่ เลยบจ่ ่างจะแก้ ทางใด พวงมาลัยรถยนต์มันยังมีคนขับ ถ้าเกียรม์ ันบส่ ับมันตึงบเ่ คลื่อนไหว ทมี่ นั เป็นธรรมขององค์พระมาลยั วา่ เกิดแก่เจบ็ ตายไผตึงหนบี ป่ ้น ใครห่ นีจากความทุกข์ใคร่หนีจากความตาย จะไปเยีย๊ ะแบบไหนหื้อมันได้หลดุ พ้น..จ่มิ ฯ ๒๖. เกิดแก่เจ็บตายบ่มีการหยดุ พัก ความรู้ตวั บ่นักมันตึงบเ่ ขา้ ใจ ความทุกข์มันเกิดมาจากสมุทัย วุน่ วะวุ่นวายยุ้งหยะยุ้งหยาบ เพราะมันเป็นเหตุห้ือเราได้รับผล ทกุ ๆ คนได้ร้รู ับทราบ ขะแนมพ่นี ้อยเขาบ่ใช่คนบาป หอ้ื หม่นั ได้ไหว้กราบ ท้าบุญ เพิ่น (เขา)ค้าเพ่นิ (เขา)ขายเพ่ิน(เขา) ยังได้กา้ ไร เราท้าบุญเอาไว้กา้ ไรตึงบ่สญู หอ้ื ตวั เอาตัวอย่างแม่บัวซอนถนอมบญุ และขอขอบคุณอ้ายมาเปน็ คถู่ ้อง ซื่อสัตยส์ ุจริตบค่ ิดผิดต่อไผ ท้ามาคา้ ขายหาเล้ยี งไส้ใส่ท้อง..จ่ิมฯ ๒๗. ขา้ น่ังฟังชาดเมิน(นาน)วา่ หื้อเดินตามมรรค ขอถามคนหลวก(ฉลาด)นักมรรคนนั้ คืออะหยัง ขา้ บ่ใครเ่ ข้าใจพอไขห้ือได้ฟัง อา้ ยจะได้ระวงั เหียคู่อันคู่อย่าง(ทุกอย่าง) รู้ถงึ เร่ืองมักอ้ายก็มักชาดหลาย(ชอบมาก) แกงอ่อมครัวในเป็ดย่างไกย่ ่าง ถ้าจะอู้(พดู )ถึงมักแท้อ้ายกม็ ักคู่อย่าง ตึงบ่ว่าลาบส้า ปลายา้ จะอู้(พูด)ถึงมักอ้ายตึงมักสัพพะ ตม้ เปรตแป๊ะซะปลาชะโดหูฉลาม ตึงบว่ า่ ไส้ย่างไส้ย้า เหลา้ ขาวเหล้าดา้ นั้นเปน็ คู่กับแกล้ม มรรคแปด ๆ นม้ี ันเป็นอย่างใดจา อา้ ยมัก(ชอบ)แตส่ ุราตึงคนั นาย่อแม้ม..จ่มิ ฯ ๒๘. อนั ทีว่ ่ามรรคแปดนั้นคือหนทางเดิน ไปสูค่ วามเจริญทมี่ ีเหตุมผี ล จรยิ าสัมมาปฎิบัติด้วยตน เราจะได้รับผลน้ันคือความนโิ รธ ตามทางเดินขององค์พระพทุ ธะ เราต้องเลิกลดละตึงความหลงความโขด(โกรธ) มนั เป็นธรรมของพระธรรมโฆษก์ เปน็ ส่ิงดบั พิโรธ สันดาน ทางเดินพระองค์ท่านทรงเรียกวา่ มรรค ป้าขี้ค้านอู้นักกับคนผญาตัน คนเดินตามมรรคแปดจะได้สุขสา้ ราญ ทจ่ี ะน้าวิญญาญเราไปสู่โลกหน้า มนั จะเป็นมรรคาพาห้ือได้หนั สุคตสิ วรรค์นิพพานชน้ั ฟ้า..จิม่ ฯ

๒๙. คา้ วา่ มรรคปาไปสนู่ โิ รธ บางทีก็ต้องโทษเพราะความโลภโกรธหลง ที่มันเปน็ ค้าสอนของพระพุทธองค์ ที่จะได้จรรโลงเราได้พ้นจากทุกข์ ข้อทห่ี นึ่งมันจะเป็นอย่างใด ใจอ้ายร้อนเหมือนไฟโว่เวา่ เอ่าลุก อ้ายจะปฎบิ ตั เิ พื่อขจดั ความทุกข์ หนีอบายมุข นานา คนมีปัญญาน้นั คือคนฉลาด คนข้ีขลาดคือคนไร้ผญา อยากใครพ่ ้นความทุกข์ของมนุษย์นน้ั นา ห้ือเดนิ ตามมรรคาของพระพทุ ธเจา้ จะนา้ มาประพฤติเปน็ หลักยึดทางใจ หื้อละเว้นข้อไหนพอไขมาเช้า ๆ(เช้า)..จม่ิ ฯ ๓๐. มรรคองคท์ ี่หน่งึ ว่าสมั มาทฏิ ฐิ เปน็ ธรรมคติในหลักศาสนา คือความเหน็ ชอบส่ิงตา่ ง ๆ นา นา ท่ีมนั เกิดข้ึนมามนั ตึงมีสัพพะ(มากหลาย) มีทุกข์มสี ุขมีสมหวังผิดหวัง มรี กั มชี ังเป็นไปตามสภาวะ บห่ ้ือจิตลมุ่ หลงต่อความทุกข์สัพพะ เอาชนะมันได้ ก็ตึงดี จะไปห้ือจิตเราเหลวไหลไหวท้วง(คิดไปด้วย) ถา้ เราพนจากบ่วงความทุกข์ตงึ บม่ ี ควบคุมจติ ใจหื้อท้าแตค่ วามดี อยู่มอก(แต่)พอดกี ินมอกพอได้ อยู่ไปตามน้าท้าไปตามตัว สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระราโชวาทไว้ จิม่ ฯ ๓๑. สมั มาทิฏฐนิ ัน้ คือความเห็นชอบ เทื่อคอ่ ยอุ้มค่อยหอบ(คอยช่วยเหลือ)ทึงร่างกายจิตใจ ความโลภความยากท่ีมันลากพาไป หนั เพ่ินค้าเพ่ินขายรวยไปก็มนี ัก อา้ ยหมายจะไปนุ่งขาวหม่ ขาว ซา้ ไปหันใส่สาวมอกก้าลงั น่ารัก ทเ่ี พน่ิ (เขา)เฒ่าเหลืออา้ ยกต็ ึงมีชาดนกั (มาก) ท่ีหลงรักสาวน้อยก็ ยังมี เร่ืองบาปเร่ืองบุญอา้ ยตึงฮูนบ่ได้ เพราะอายขุ องอ้ายยังบ่ถึงห้าสิบปี อา้ ยจะขอเรียนไว้ตึงเร่ืองรา้ ยเรื่องดี ตึงโลกุตร์โลกียท์ ุกวธิ ีรอบด้าน แลว้ มรรคทส่ี องชื่อมนั ว่าจาใด ถามไปเรียนไปกห็ ล๊วก(ฉลาด)ไปเป็นชน้ั จ่ิมฯ ๓๒. มรรคองค์ทสี่ องสัมมาสังกัปปะ ร้จู กั เสียสละชว่ ยเหลือผลู้ ่มจม อย่าไปเอาความผิดมาเปน็ จิตอารมณ์ มดี มุย(ขวาน)บ่คมมนั ต้องชุบต้องเข่น โทษของคนอืน่ หันใหญ่เท่าภูเขา โทษของตวั เก่าถือว่าเป็นของเล่น สันดานทบ่ี ่ดหี ื้อได้หนีหลีกเวน้ หือ้ มีแต่เมตตา อภัย คา้ วา่ สังกัปปะด้าริหาประโยชน์ บ่ห้ือเกี้ยดหื้อโขด(ไม่ถือโกรธ)บ่ห้อื ถือโทษไผ เปิ้นบ่ห้ือผูกขาดพยาบาทคนใด มีแต่อภัยเพ่ือพีน่ ้องชาวบ้าน ถงึ แม้เข้าจะลักเขาจะโลภเขาจะโกง เขาตึงจะได้อานิสงส์รับผลในเรื่องนัน้ .จ่ิมฯ

๓๓. มรรคแปด ๆทีเ่ ปน้ิ แขวดเอาไว้ มกี ารหื้ออภัยบ่ได้เบียดเบียนไผ ละจากสันดานอัธพาลทวั่ ไป บ่ห้อื ดูถูกไผเปน้ิ คนทุกข์คนยาก หนั เพิ่น(เห็นเขา)ได้ดีบค่ วรดีอิจฉา เพิ่นทุกข์อนาถาอย่านนิ ทาถุถาก(พูดจาดูถูก) ไผจะร่้าจะรวยไผจะทุกข์จะยาก ก็เป็นเร่ืองของไผ ของมนั เปน้ิ วา่ หื้อทา้ ใจห้ือสดใสสะอาด บค่ ิดพยาบาทโขดเคียด(โกรธเกลยี ด)เดียจฉันท์ จะไดค้ าบไ่ ด้(จะได้หรือไม่)จะลองคอย(ดู)สักวนั มาชังสันดานมันช่างดัดบ่ได้ มรรคองคท์ ี่สามของอรยิ สจั จะลองปฎบิ ตั ิมันจะดีกาจะร้าย..จมิ่ ฯ ๓๔. มรรคองค์ที่สามตามท่ีได้เรียนรู้ พระองค์ตรัสรู้ไว้เปน็ นิรัฏฐา พระวจนะขององค์พระสัมมา สมั มะวาจาเป้ินบห่ ื้อจุหลอก พดู ปดมดเท็จมุสาวาทาเว จิตใจลงั เลอู้(พูด)เข้าอู้(พูด)ออก มายาสาไถยหน้าไหวห้ ลังหลอก เป้นิ ร้องวา่ (เรียกว่า)โคตรวอก จรงิ จริง ชอบอู้เหลวไหลคนนิสยั ปากม้า บ้องบ้องบ้าบา้ ดั่งผบี ่าเข้าสิง เหยียดหยามนินทาเป็นฮาเป็นคงิ อ(ู้ พูด)บ่มีความจริงชอบเป็นคนสองหน้า เพ้อเจ้อส่อเสียดเหยียดหยามนินทา เขาเลยต้ังฉายาวา่ ไอ่หมออาปากม้า..จมิ่ ฯ ๓๕. มรรคองคท์ สี่ ามหา้ มบห่ ื้อพูดปด อะหยงั ฮากร็ หู้ มดแต่ฮาเยยี ะ(ท้า)บ่เป็น มคี า่ คา้ อู้เป็นเสน้ เป็นเอ็น อะหยงั ก็บ่เป็นมีคา่ คา้ อู้ เวลามันไปช่วยเป็นเยียะการ แต่งเอามือแป้หลัง(เอามมือพ่ายหลงั )เป็นอู้ ๆ ฟู่ ๆ เจ้าหมเู่ จ้าฝูง(เพื่อน)เขาทึงบ่ใคร่สู้ เขาวา่ ชังค้าอู้ คนเอน็ ชอบอู้คา้ ถ่อยชอบอคู้ ้าฮะ อู้บม่ สี าระก้าหนดกฎเกณฑ์ อนู้ ้าทว่ มทุ่งผักบุ้งโหลงเหลง อจู้ มข่มเหงไผตึงบ่ชอบสู้ ขอบคุณนะจ๊ะสัมมะวาจา แล้วข้อสี่แถมนาวา่ จะใดบ่รู้..จม่ิ ฯ ๓๖. สัมมามันต๊ะการท้าชอบประกอบกิจ เวน้ จากการท้าผิดทุจริตทางกาย หา้ มบ่หื้อเข่นฆ่าชา้ งม้างวั ควาย สตั วท์ ัง้ หลายหมหู มากาไก่ ประการท่ีสองหา้ มบห่ ้ือย่องเบา ทรัพย์สนิ ของเขาโลภลักเอามาใช้ สมั มากัมมันต๊ะมรรคองค์ทีส่ ่ีหา้ มไว้ อย่าคิดเป็นคนร้าย ใจทราม สมั มากัมมนั ต๊ะห้ือสละกิเลส ส้าส่อนทางเพศเป็นเหตุถูกหยาม อยากแมะอยากหม้่าใจต้่าใจทราม หน้าแฮ้มแกม้ ด้า(หน้าด้า)หัวลา้ นพอจะเสย้ี ง ถา้ บ่เดนิ ตามมรรคบ่าฮจู้ ักห้ามใจ๋ บา่ เมินสูจะตายเป็นโรคพอสะเอยี้ ง.. จ่ิมฯ

๓๗. สัมมากมั มนั ตะห้ือสละความช่วั บางทีสาวมันย่วั เราก็ทนบ่ไหว รแู้ ทห้ ารบู้ ช่ า่ งเยี๊ยะจาใด ทไ่ี หน ๆ มนั กเ็ ปน็ ไปแลว้ คันอา้ ยไดเ้ มยี อย่างปา้ บัวซอน ค้า่ บ่ค่้าก็จะนอนตึงบ่ไปแอว่ อนั ทผ่ี ่านมาเม่ือคราวท่ีแล้ว เราไปส่งไอ่แกว้ บ่ดาย เราจะเอาเมียสาวก็กลวั เป็นโรคเพี้ยง แตมว่าเขาจะเล้ยี งเราตึงบ่สนใจ ข้ึนจองย่องเบาตึงบเ่ อาสักราย เลกิ ฆ่างัวควายเรามนั คนใจหน้อย ไอ่หมู่โรงฆ่าสัตว์เขาจูงควายมากาย(ผา่ น) น้าตาก็ไหลน้าลายอ้ายก็ย้อย..จิ่มฯ ๓๘. สมั มาอาชวี ะเลี้ยงชวี ิตโดยชอบ มีอาชีพประกอบท่บี ่ผดิ กฎหมาย หากินแบบชอบธรรมต้องค้า ๆ ขาย ๆ บ่ไปรดี ไปไถเอาของไผคนอ่ืน ขอจะไปชอบท้านาบนหลงั คน จะตกล่มตกจมรบิ ่มาค้าบ่ข้นึ (ทา้ มาหากินไม่ได้) แตมจะได้มาวันสองสามหม่ืน มนั ตึงบ่จรี งั ย่ังยนื ไอ่พวกใจทมิฬไอ่พวกชิงหมาเกิด พ่องก็ค้าระเบิดพ่องกค็ ้าอาวุธปืน พ่องคา้ แม่ญงิ เอาสาวไปข่มขืน ไอ่ใจหลกึ หลืน(เกเร)อวดใจกล้าหน้าดา้ น พ่องก็ค้ายาบ้าพ่องก็ค้าเฮโรอิน ถา้ โดนยึดทรัพยส์ ินพ่องเหลือค่าหวั ลา้ น..จิ่มฯ ๓๙. ไอ่พวกใจทมิฬไอ่พวกชิงหมาเกิด คา้ าอาวธุ ระเบิดส่งไปขายเขมร หากนิ อย่างนี้บ่มีความร่มเยน็ ทา้ ตัวเป็นนักเลงจะทุกข์เข็ญตกร่อย(ตกต้่า) หากนิ ไปตามสติปัญญา บางเทื่อ(บางคร้ัง)ก็ไดน้ ักบางเท่อื (บางคร้ัง)ก็ได้หน้อย อย่างเราหากินทางซอทางจ๊อย ได้วันหกเจ็ดร้อย ก็พอดี หอื้ ท้าตัวเปน็ เศรษฐีในเรือนยาจก อย่าไปทา้ ตัวเป็นยาจ๊กอยู่ในเรือนเศรษฐี คนทา้ ช่ัวมนั ตึงบ่ไดด้ ี ถา้ วา่ เราท้าดีไผกต็ ึงอวดอู้ คนรวยคนจนทุกคนก็ต้องตาย แลว้ มรรคข้อต่อไปหา้ มอนั ใดบ่รู้..จ่ิมฯ ๔๐. มรรคองคท์ ี่หกสมั มาวายามะ มีความวิรยิ ะคือความเพียรขยัน ความสา้ เร็จอยู่ความทนทาน เม่ือเราเรียนมัดแลว้ จะต้องเรยี นแก้ เม่ือรู้แกห่ ูเราต้องดูแก่ตา ตอ้ งพิจารณาหื้อมันถ่องแท้ ปัญญาตวั เก่าคนงา่ ว(โง่)บ่ช่างแก้ ก็จะทุกข์เท้าแก่(ทุกข์จนแก่) ชรา เพน่ิ (เขา)วา่ ความเพยี รนั้นคือความส้าเร็จ เหมือนเราไปจ่อมเบ็ด(ตกปลา)จะต้องไดก้ ินปลา ขะแนม(ขอเพียง)ว่าเราชางเสาะชา่ งหา มนั ตึงจะได้ปลามาไว้กินกับเข้า(ขา้ ว) เราหม่ันสร้างกุศลมันตึงจะได้ดี เหมือนเราปลูกเข้าสาลีมนั ทึงบ่เปน็ บ่าพ้าว(มะพร้าว)

๔๑. เพ่ินวา่ ความเพยี รนนั้ คือความส้าเร็จ ตัวอย่างคือสมเด็จพระอรหันต์ อดนา้ อดเข้าสส่ี บิ เก้าวนั ท้าหื้อใจเบิกบานเป็นหนทางพ้นทุกข์ ท่านได้ส้าเร็จได้เปน็ พระโพธิญาณ เรามันคนสนั ดานยะหย่ังตึงบล่ ุ๊ก(ไม่ไหว) ท่านได้บ้าเพ็ญเพียรอยู่ในความวมิ ตุ ิ ดว้ ยวชิ าจาระณะสัม ปัญโณ เพราะความบ้าเพ็ญเพียรขององค์พุทธะ เราถึงได้ชนะความโลภโมโทโส ขอไผอย่าได้อวดใหญ่อวดโต ดับความโมโหโกธะร้อนไหม้ ความเพยี รนั้นคือความส้าเร็จ ใคร่ถามมรรคองคท์ ี่เจ็ดขอพอบอกไว้ จมิ่ ฯ ๔๒. สมั มาสติคือความระลึกชอบ เราจะต้องรอบคอบคิดหน้าคิดหลงั ต้งั แต่ในอดีตเราเคยยะอะหยงั่ เราจะต้องระวงั ไปแผวอนาคต มีความระลึกชอบอย่างสม้่าเสมอ ส่งิ บ่ดีนน้ั เนอเราจะต้องเลิกต้องงด ห้ือตัวเอาอย่างแม่ปลวกแม่มด ช่วยกนั ขนขีด้ ิน มารอม(รวมกัน) มีความระลึกชอบคือสัมมาสติ เหมือนดอกไมก้ ้าลังผลิมันตงึ ส่งกลนิ่ หอม สติสมั ปะชัญญะน้ันเป็นสง่ิ แน่นอน เลน่ การพนันบอลเหลือก่าตัวจุนอุ้น (ล่อนจ้อน) ความดีนน่ี อไปเซาะซื้อบ่มีขาย มันจะเป็นเคร่ืองหมายเมื่อเราตายไปพุ้น(นู้น) จม่ิ ฯ ๔๓. คนที่ขาดสตบิ ่มีความรอบคอบ บ่มคี วามรบั ผิดชอบเป็นคนหันแก่ตน บ่มีความส้านึกบ่มีความอดทน บ่รูจ้ ักฝึกฝนหวังแต่เพ่ิงคนอ่ืน เหมือนมีดขี้เหมี้ยง(สนมิ )ทีม่ ันบไ่ ด้ฝน(ไม่ไดล้ ับคม) เพิ่นอู้หยงั ก็บส่ นมานอนตายถ่ืนบนื่ เสียมันได้เคยสูเหยจะไปล่ืน บดึ กย็ ืมเงินหมื่น เงินพนั เปน็ คนฉลาดแต่มันขาดสติ หาว่าเปิ้นขีช้ ิ(ขี้เหนียว)พอบ่าแบง่ บ่ปนั เปน็ คนขาดความคิดบ่พจิ ารณญาณ ปัญหาของมันหื้อคนอ่ืนมาแก้ บม่ วี ทิ ยายุทธเปิงมันทุกข์เทา้ ตาย(จนตาย) หื้อมันไปหาบขขี้ ายเพราะใจมันทอ้ แท้..จ่มิ ฯ ๔๔. มรรคองคท์ ี่แปดสัมมาสมาธิ อาศัยความช้านิช้านาญก๋ารฝึกฝน ตัง้ จติ ห้ือหมั้นถึงความอดทน ตงั้ สติในตนบห่ ื้อมันฟุ้งซ่าน บค่ ึด(คิด)หาเข้าบ่คดึ (คิด)หาของ แกว้ แหวนเงินทองทงึ ค่นู อนคู่ข้าง สา้ รวมสมาธติ ัง้ สติหื้อหมั้น จะไดถ้ ึงชัน้ นิปานา คนอย่างตวั บ่รู้จักสมาธิ บร่ จู้ กั เริ่มริสมาธิผญา บ่รู้จักด้าริสติปัญญา คนอวิชาสมาธิบต่ ้งั เหมือนเรือลา้ น้อยลอยกลางสายชล ถ้าอย่างตวั คู่คน(ทุกคน)ศาสนาตึงบ่ค้าง..จมิ่ ฯ

๔๕. อา้ ยไปนั่งสมาธใิ จบ่พอใคร่หมั้น น่ังจนก้นพอด้านบ่เหมือนใจต้องการ มันยังบ่ไดเ้ ป็นพระอรหันต์ ภาวนาตึงวนั (ทุกวนั )หลังอา้ ยพอจะก่อง(โก่ง) ใจของอ้ายมันบ่พอใคร่หนิม(ไมน่ ่ิง) นอ้ งต้อยน้องต๋ิมเขาช่างมาหยื้อส่อง ถงึ จะน่ังหลบั ตาตัณหามันเรียกรอ้ ง บเ่ ชือ่ ถามพนี่ ้อง วงคว์ าน วนั ศลี เมื่อใดก็ไปฝึกสมาธิ ธุเจา้ (พระ)ก็วา่ มานิมาฝึกกรรมฐาน เริ่มฝึกสมาธติ ั้งปฐมฌาน จะเอาจนถึงญาณตัวลอยขึน้ ๆ เงนิ บ่มีออกสมาชิกพริกกบ็ ม่ ีต้า เมยี มาเต๊กรูดแกนต้ากรรมฐานเห่ยี ฟ้ืน..จม่ิ ฯ ๔๖. เม่ือจะเย๊ียะอะหยังมันต้องเย๊ียะแท้ๆ ถ้าตัวเยย๊ี ะบ่แทป้ ่วยไปเยย๊ี ะมนั หยัง จะมาอู้อยา่ งนีม้ ันปนุ่ ปตี้ ีนงั (ยุ่งเหยิง) ซุ่มซ่ามซูมซามอย่างกับคนตาบอด ขีใ้ สน่ ้าก็กลวั ขี้ใส่บกก็กลัว เปงิ มนั เอาตัวของมันจะบ่รอด อย่ามาทา้ นิสยั เป๋นแมวโพงตาบอด เซาะกินปลาทอด ในครัว เพ่ินอู้เม่ือยังคนท้าเป็นบย่ อมรับ ถ้าวา่ จิตคิงดับจะไดร้ สู้ ึกตัว จะเอาอะหยังมาคุ้มกะลาหัว ข้ามน้าบ่มีขัว(สะพาน)มันทึงไปบ่ได้ เปนิ้ จะลากไปสอบจ่ายมภิบาลกถ็ าม พระพุทธพระธรรมท่านตึงบ่ช่วยไว.้ .จิ่มฯ ๔๗. ตัวอย่างมรรคแปดน้ันเป็นหนทางเดิน มนั จะเมินกาบ่เมินจะได้อานิสงส์ อา้ ยจะเดนิ ตามมรรคของพระพุทธองค์ แลว้ อานิสงส์มันจะได้กี่อย่าง อา้ ยคนบ่รู้จะขอถามบัวซอน บใ่ ช่วา่ มาสอนอหู้ ื้อมันถูกหล้าง ถา้ อานสิ งสม์ ันไหลมาอยา่ งน้าคา้ ง อ้ายจะยั้งตึงบก่ ิน บท่ าน ถ้าวา่ เราก็กลัวตกหม้อ นรก หอื้ หมัน่ กล้ิงครกขึ้นหลังคาวิหาร จริยาสัมมาปฏิบัติตึงวัน เร่ืองกิเลสเหตุมารอา้ ยตึงบ่เก่ยี วข้อง จะไปอยู่เมืองฟ้าเพ่ินว่าใกลส้ วรรค์ ไปอยใู่ กล้ตะวนั มันบ่ดีจะร้อน จ่ิมฯ ๔๘. อานสิ งส์ท่ีไดร้ ับมันบน่ ัก เราต้องเดินตามมรรคของพระองค์แปดสาย จะต้องเอาชนะสิ่งราคะท้ังหลาย เป็นคนมีน้าใจอย่าหลงใหลต่อบาป เหมือนกันฝนทม่ี ันตกลงมา หอื้ ชาวไรช่ าวนาได้กินได้อาบ คนที่ท้าดีจะมโี ชคมีลาภ คนบาปมคี า่ (มีแต่)อ้าย คนเดียว เม่ือก่อนเมืองอิสานเป้ินเดือดร้อนร้อนไหม้ รัฐบาลช่วยไว้กลายเป็นอสิ านเขียว ค้างค่าบ้านเราบ่มีไผแลเหลียว เราเป็นไทยเข้าเหนียวเพิน่ เป็นไทยเข้าจ้าว ถา้ ปล่อยหื้อบ้านเราเหมือนเอธิโอเปียร์ ลูกหลานจะได้เลียกนิ นา้ กะโหลง้ บ่าพา้ ว(กะลามะพรา้ ว)

๔๙. ตามท่ีอ้ายไดด้ ูข่าวตา่ งประเทศอนิ เดยี หมู่เอธิโอเปยี ร์จนพอด้องพอผอม จับใส่บางคนแมงงน(แมลงวัน)จนพอตอม บางคนกผ็ อมเหลือคา่ า(เหลือแต)่ หนังกบั ดูก บม่ เี ข้าจะกล้าบ่มีน้าจะกลืน ตงึ วันตึงคืนกุ้มค่า(มัวแต่)แป๋ง(ท้า)ลูก ความดที ้ังหลายบม่ ีไผใคร่ปลกู เย๊ียะบ่ถูกท้านอง คลองธรรม โอยนอสงสารเหมือนกันหมดทุกยุค มนั เป็นนิพทั ธ์ทุกขน์ นั้ เปน็ นิจก๋ัมม์ อนั น้เี พน่ิ รอ้ ง(เรียก)ว่าทุกข์เหมอื นไฟไหม้ลกุ ลาม ทกุ ขโ์ ขกทุกข์ขา้ ทุกขบ์ ่มหี ยังมาห้าม บึดรอ้ นบด๊ึ หนาว(เดี๋ยวร้อยเด๋ยี วหนาว)บ่มีความพอดี นอกจากตายเปน็ ผีมันถึงจะเส้ียงจะซ้า จิม่ ฯ วางเพลง………..

ชีวประวตั ิ / บุคคลสำคญั ซอประวตั คิ รูบำศรีวชิ ัย ( ครูบำศีลธรรม ) ประพนั ธ์บทโดย แม่ครูบัวซอน ถนอมบุญ ๑. สบิ น้ิวขอกราบไหว้วอน ก่อนทีบ่ ัวซอนจะขอเล่าอู้(พูด) ประวัติครบู าศีลธรรมห้ือรู้ เม่ือท่านเกดิ ออกจากครรภ์ วันท่ีสิบเอ็ดเป็นเดือนเจ็ดใต้ ซ้ามาตรงได้ปีขาล วันน้ันเป็นวนั องั คาร เดือนเก้าออกสิบเอด็ คา่้ ๒. เปน็ วันเกิดอศั จรรย์ ฟา้ ฝนอทุ กกระหน่้า มนั เกิดอะหยังปะล้า(เกิดเหตุมากมาย) มาเป็นละว่นุ ละวาย เหมือนกับวนั วปิ โยค เหมือนโลกน้ีจะสลาย ครอบครัวแมส่ าพ่อควาย จับตน้ จนปลายบ่ถูก ๓. มาแป๋ง(ท้า)ตบู น้อยปลายนา หาปูหาปลาเล้ียงลูก ไผไผก็มาดถู ูก หากนิ เหมาะแลง(ตอนเย็น)เหมาะงาย(ตอนเชา้ ) หากินตามส้อนตามแสะ บ่ได้ไปแปะ(เช่ือเงิน)ของไผ แม่อสุ าอยดู่ ้วยพ่อควาย โดยมีน้าใจประเสริฐ ๔. ครานั้นท้องแมอ่ ุสา จะมีบุตรามาเกิด ลูกจะมาเอากา้ เนดิ ปฏสิ นธิอยู่ในครรภ์ แสงพระอาทิตย์อยู่ฟา้ เปรียบเหมือนดวงตาสวรรค์ มีแต่ก้อนเมฆกลุม่ ควัน เมื่อวันผ่อเหมือนเม่ือค้่า ๕. ฝนตกลงมาเป็นสาย แผน่ ดินก็ไหวกระหน่้า เป็นที่น่ากลวั เชน่ ลา้ เสยี งฟ้ากึกก้องค้ารณ ตูบน้อยก่อไหวโยกเยก ไปตามก้อนเมฆสายฝน ใจแม่กระวายกระวน เจบ็ ท้องด้ินรนจะเกิด

๖. เปน็ นมิ ิตหมายอันดี เปน็ วินาทีประเสริฐ แม่อุสาได้หื้อก้าเนดิ เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย เมฆฝนก่อเร่ิมสงบหมด ท้องฟ้ากส็ ดแจ่มใส เป็นทนี่ ่าประหลาดใจ พระอินทรส์ ่งเจ้ามาเกิด ๗. ตงั้ แต่อายยุ ังเยาว์ บไ่ ด้มวั เมาเลยเถิด จติ ใจก่อซา้ ประเสริฐ ผิดกว่าคนธรรมดา ชอบกินมังสะวิรัต บก่ ินจ้นิ สัตวป์ ปู ลา พ่อเจ้าไปจ่อมเบ็ดมา ลูกเป็นคนเอาไปปล่อย ๘. แม่ไปแอ่วบ้านใต้บ้านเหนือ ไปเกบ็ บ่เขือบห่ ่อย วา่ จะเอาปลาหลิม(ปลาช่อน)ตัวน้อย ตา้ น้าพริกกินยามแลง ส่วนปลาตัวใหญ่นนั้ เลา่ วนั พรุ่งเมื่อเช้าค่อยแกง อา้ ยฟ้าร้องยกหม้อห้ือแยง แม่เห็นมีก่าหม้อเปลา่ ๙. พ่อแม่บ่ได้กนิ ปลาแกง กินน้าพริกแดงเหมือนเก่า กบั ถึงน้าพริกถวั่ เน่า บา่ ว่าคาบเช้าคาบงาย(มื้อเช้า) ส่วนพ่อควายไปจ่อมเบด็ (ตกเบ็ด) ได้ปลาสะเด็ด(ปลาหมอ)มาหลาย นึกว่าเมียเอาไปขาย ถามว่าวนั นี้ไดก้ ่ีบาท ๑๐. พอแม่ได้ยินพ่อถาม ไอไอจามจามกลวั กลัวหวาดหวาด เพราะกลวั ลูกน้อยโดนฟาด ปากเปน็ ซนุ่ ซ่านอนู อัน ถึงพ่อจะเดือดจะด่า ลูกหล้าก็รู้เหมือนกัน ก้มหน้าหลบั ตาทา้ งาน ทา้ ใจเบิกบานแจ้งจ่ง ๑๑. อายุได้สบิ ขวบปลาย ไปเลี้ยงควายอยู่กลางโต้ง(กลางทุ่งนา) ข่หี ลงั ควายเผือกเขาโว้ง ออกโต้ง(ทงุ่ นา)ตามวันเวลา กนิ ข้าวงายจูงควายออกบ้าน ยามนน้ั ไดเ้ พ่งสายตา เห็นพระธดุ งค์เดนิ มา เลยยกมือสาน้อมหลง่ิ

๑๒. ครานน้ั เงากดก่อผุดขึ้นบนหวั เป็นทนี่ ่ากลัวอย่างย่ิง พระธดุ งค์ก็เลยยืนหยดุ น่ิง หนั (เห็น)ว่าคนน้มี ีบุญ ถ้าเจา้ ได้บวชเป็นพระ จะได้สืบพุทธะสกุล เจ้าจะได้เป็นตนบุญ เปน็ ท่ีเทิดทูลอ้างอวด ๑๓. นบั ต้งั แต่นั้นมา อ้ายฟ้าร้องเลยขอลาไปบวช พ่อแมซ่ ้ามาเข้มงวด ว่าบ่ามีใครช่วยท้างาน ลูกก่อลบเล้าหลายเตื่อ เพราะวา่ เจา้ เบื่อสงสาร พ่อแมส่ องคนถามความต้องการ บวชแลว้ จะสึกมาก่อ ๑๔. แมว่ ่าลูกเหยบ่ต้องไปบวชเมิน(นาน) มันจะห่างเหินจากแมจ่ ากพ่อ แถมอยา่ งหน่ึงก่อบา่ มใี ครผ่อ(ดู) ช่วยพ่อเล้ยี งควายเล้ียงงัว อายสุ ิบแปดย่างเข้า เจ้ากเ็ ป็นบา่ วเต็มตัว เพ่ือกลัวชวี ติ หมองมวั และกลวั ครอบครัวล้าบาก ๑๕. คราน้ันพ่อแม่สองคน กย็ อมจ้านนเอาเจ้าไปฝาก ได้ไปเรียนรู้จาก ต๊เุ จา้ (พระ)ทว่ี ดั บ้านปาง ชือ่ ธเุ จ้า(พระ)ขัตติยะ เป็นพระมาก่อนออนหลัง เรียนสะป๊ะ(สัพพะ)วะจะนัง จนรู้ลู่ทางถามตอบ ๑๖. เมื่อเรียนจบวนิ ยั สกิ ขา ธุหลวง(เจา้ อาวาส)ก็พาไปสอบ วพิ ากวินัยข้อใดถามตอบ ท่านก็สอบไดส้ บาย หนังสือนะวะโอวาท บ่ได้ผิดพลาดข้อไหน เร่ิมต้นชีวิตต่อไป เป็นตนภายในนักบวช ๑๗. พระสูตรพระธรรมหลักกรรมฐาน พรหมวิหารท่องสวด เป็นกจิ การนักบวช มุง่ สร้างคุณงามความดี ศึกษาในด้านธรรมะ ตามอักขระอตั ถี ที่เป็นภาษาบาลี ตวั ขอมตัวเมืองมีหลายอย่าง

๑๘. ตอนท่านเป็นสามเณร ทา้ วัดเชา้ เย็นบ่เคยติดค้าง ธุหลวง(เจาอาวาส)ทึงอวดทึงอ้าง สมองสว่างจ้าดี เฮียนอนั ใดก่อตึงได้ซะป๊ะ เปน็ พระมาได้สามปี อายุซาวเอ็ด(ยี่สิบเอด็ )พอดี เลยท้าพธิ ีเป๊ก(บวชอุปสมบท)แถมเต่ือ ๑๙. เป็นธเุ จ้า(พระ)ท่ีมีใจถวลิ เทศนธ์ รรมวนั ศลี ฟังตงึ บ่เบ่ือ ศรัทธานั้นคือความช่ือ เลอ่ื มใสธรรมะธรรมโม เปน็ คนมีโสรัสจะ บอ่ มีโมหะโมโห ชอ่ื วา่ ศรีวิชัยโย นนั้ คือฉายาของทา่ น ๒๐. เม่ือไดต้ ้าแหน่งพระสงฆ์ เรมิ่ ขยายวงทุกด้าน จิตใจของท่านตั้งม่ัน บ่ใช่ไหวหวนั่ อ่อนแอ ธพุ ระตนไหนทา้ เละ ทา่ นยังช่วยเต๊ะช่วยแหน๋(ช่วยชี้แนะ) ศรัทธาชาวบ้านดอยแต ขอไปเป็นเจ้าอาวาส ๒๑. ท่านเลยไปอยูเ่ สยี หน่ึงพรรษา เพ่ือบห่ ื้อศรัทธาเพ่ินขาด ขอลาออกจากเจา้ อาวาส วา่ เราอยู่ไดบ้ ่อเมิน เพราะเป็นห่วงท้ังตเุ๊ จ้าเก๊า (พระอาวุโส) ท่านก่อตึงเฒ่าเหลือเกิน ถ้าจะไปอย่วู ัดดอยแตปู้น(นู้น)เมิน(นาน) เป้ินบ่อมีใครอุปฐาก ๒๒. ปกิ๊ (กลับ)มาบเ่ มินบ่นาน ก็ได้ยนิ เหตุการณท์ ่ีมรณะจาก เป็นวันโศกาลาพราก ดบั ขันลาจากศรัทธา ช่อื ตุ๊เจ้าขัตติยะ เปน็ พระมาหลายวะสา ครานน้ั ภาระวัดวา ทา่ นต้องอาสาหนา้ ที่ ๒๓. ท่านอยูใ่ นกรรมฐาน พรหมวหิ ารทั้งส่ี เห็นวา่ หนทางเสน้ น้ี เปรียบเหมือนซุปเปอร์ทางยาว ทา่ นเดินธุดงคว์ งกต จนได้จรดสีขาว ฝันหนั ว่ามีดวงดาว ลอยเข้ามาหาตวั ท่าน

๒๔. อนั นี้เป็นนิมติ หมาย หัวใจบ่อเคยฟุ้งซ่าน ท่านทา้ ส้าเร็จกูด้ ้าน บุญท่านครูบาศลี ธรรม กา้ นั้นหมู่ยางหมู่แม้ว มาขอบวชอย่างล้นหลาม ช่วยสรา้ งวัดวาอาราม เรยี บร้อยดีงามทุกสว่ น ๒๕. แป๋ง(ทา้ )ปอยหลวงได้เจ็ดวันเจ็ดคืน ตา้ บลแม่ตนื เม่ือน้ันหยังมาม่วน จดั งานกินทานกูส้ ว่ น จนม่ชี ื่อเสียงโด่งดัง บา่ ว่าบ้านโฮ่งเมืองลี้ ผดแผ๋ว(ถึง)ทา่ ลวี่ ังผาง บา่ วา่ ลา้ พูนปา่ ซาง ชอื่ เสียงโดง่ ดังไปทว่ั ๒๖. การบวชลูกหาลูกศิษย์ บ่ใชค่ วามผิดความชั่ว เจ้าคณะแขวงยยุ ั่ว ว่าผดิ จากการปกครอง กบั นายอ้าเภอเมืองลี้ คนตะก่อนน้ีจองหอง วา่ ครูบาเจา้ ผยอง รับรองเป็นอุปฌาเถื่อน ๒๗. เพราะเขาเปน็ คนอิจฉา เลยตัง้ ข้อหาใส่เพื่อน ตา้ รวจเอากญุ แจเล่ือน มาใส่ครูบาศีลธรรม ทา่ นบ่เคยไดท้ ้าผิด ทงึ บ่หงดุ หงิดผลีผลาม เขาไล่ออกจากเขตอาราม กักขังใส่ความต้องโทษ ๒๘. ว่าทา่ นท้าผิดกฎ พ.ร.บ. ไอ้พวกนีน้ อใจมันเห้ียมโหด เจา้ คณะสงฆ์ฝ่ายโจทก์ สอบโทษเป็นมาอยา่ งใด ครบู าก่ออู้(พดู )ตามซื่อ บไ่ ดด้ ้ือต่อกฎหมาย ทา่ นก็ได้รับอภยั เร่ืองอุปฌาการบวช ๒๙. เม่ือท่านได้รับอภัย ชื่อเสียงดังไปเหมือนกับจรวด บา่ ไดค้ ุยโมโ้ อ้อวด เร่ืองของครบู าศีลธรรม ศรัทธาพากนั แห่กลองแหฆ่ ้อง เต็มในทัว่ ท้องสนาม ท่านว่ามีมารและมีกรรม เป็นสมภารน้าให้กล้าแก่

๓๐. ท่านสรา้ งคุณงามความดี บุญบารมีดีแต้ ท่านบเ่ คยไดท้ ้อแท้ ที่มาถูกต้องจองเวร เจา้ คณะน้ันไดส้ ั่ง หือ้ หมูเ่ ถระพระเถร ประชุมกันวันเดือนเพ็ญ กฎของพระเณรมหี ลายเร่ือง ๓๑. ท่านครูบาภาวนาตลอดคนื หาว่าเพิน่ ขัดขืนกระดา้ งกระเดื่อง เลยไดเ้ ป็นราวเป็นเรื่อง หาวา่ กบฏทีเดียว ในพุทธจักรเรื่องนี้ มนั เป็นทนี่ ่าหวาดเสียว เปน็ เรื่องร้ายมากลมเกลยี ว เจ้าคณะแขวงไดส้ ัง่ ๓๒. ทา่ นอย่ใู นอุเบกขา บ่มีปญั หาสักอย่าง และยังมีแถมหน่ึงครง้ั เพราะมันเป็นวนั ส้าคัญ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้า ทา่ นขนึ้ เถลิงถวัลย์ คา้ ส่ังทางราชการ หื้อ(ให้)ทุกหน่วยงานอาชีพ ๓๓. วา่ ทุกวดั ต้องจุดไฟบชู า คา้ ส่ังตกมาเรว็ รีบ วา่ หื้อ(ให้)จุดผางประทีป เครื่องสักการะบชู า ครูบาท่านเข้าสมาธิ สง่ ความมุทิเมตตา อุทิศเป็นเคร่ืองสักรา แด่พระราชามหาราช ๓๔. ท่านบ่ได้จุดไฟบูชา เขาก็หาว่าท่านบังอาจ คดิ กบฏต่อประเทศชาติ ว่าขดั ต่ออ้านาจบ้านเมือง ทา่ นเป็นเพศสมณะ เปน็ พระอยู่ในผ้าเหลือง หาวา่ ขัดขืนค้าส่ังบ้านเมือง วา่ เพ่ินหาเร่ืองบังอาจ ๓๕. เลยขับไล่ออกจากเมืองหละปูน พวกทา่ นเจ้าคุณสั่งการเด็ดขาด ทงึ บ่ลดลาวาบาท กา้ หนดห้ือสิบห้าวนั ครบู ากถ็ ามว่าพระคุณเจ้า แป๋ง(ทา้ )โทษใสเ่ ราอย่างมหนั ต์ ท้าผิดวิสัยอะหยังกัน ท่านถึงได้มาขบั ไล่

๓๖. เดือดร้อนถึงเจ้าจักรค้าล้าพูน เขาใส่ความทลู วา่ เป็นรื่องใหญ่ ท่านไดส้ ง่ สาสน์ไปให้ มาปะท่านเจ้าจักรค้า เลยร้องลูกหาลูกศิษย์ วา่ ใครบ่ต้องตดิ ตาม ถา้ ใครกลวั ได้เปน็ ความ ห้ือพากันหนีเอาตัวรอด ๓๗. สว่ นวา่ ลูกศิษยล์ ูกหา ก็งอมผวาเข้ากอด บางคนก็น้าตาหยอด พวกข้าขอได้ไปด้วย ส่วนแมอ่ ุสารู้ข่าว ลน่ (วิ่ง)มาด้วยความหิวโหย มาร้องร่้าไหว้ ายโวย ว่าเป็นจะใดเจ้าลกู ๓๘. พอแม่รู้เรื่องแล้วนอ แม่หยุบหยังปอบะถูก วา่ สิกออกมาเสียเถอะลูก ทา้ ดมี ันบ่ไดด้ ี มาบวชเป็นธเุ ป็นเจา้ ยังบม่ ีความสุขขี สกิ ออกมาทา่ จะดี อยู่ไปก็มแี ต่เร่ือง ๓๙. มางืด(คาดไม่ถึง)หมู่เจ้าหมู่นาย จิตใจหยังมาฟุ้งเฟ่ือง ชอบมีแต่ราวแต่เรื่อง กบั หม่นู ักบวชนักบุญ สิกออกมาเสียเถอะลูกหล้า บห่ อื้ ใครได้ด่าสกุล บ่ตอ้ งไปหวงั เอาบญุ อยหู่ ื้อเขาทารุณเหลือแก่ ๔๐. น้าตาครบู าก็ไหล ปลอบอกปลอบใจโยมแม่ คนเรามีกรรมแท้แท้ ทึงหนีบ่าพน้ สักคน กรรมเก่าท่ีเราได้สรา้ ง มันมาถูกหล้างติดตน บว่ า่ จะรวยจะจน เหมือนกันทุกคนในโลก ๔๑. นัตถโิ ลเก อนินฑิตา คนบ่ถูกนินทาถือว่าเป็นโชค ค้าสอนพระปฎโิ มกข์ สอนห้ือบุคคลทั่วไป นนิ ทากาเรเหมือนเขาเทน้า บ่ต้องชอกช้าหวั ใจ ขอห้ือโยมแมป่ ิ๊กไป(กลับไป) บา่ ต้องท้าใจเศร้าโศก

๔๒. ครบู าเดนิ ทางเข้าเมืองหละปูน(ลา้ พูน) เพื่อจะกราบทลู เร่ืองการต้องโทษ ชาวบ้านพากันขานโจทก์ แห่กันมาคับเต็มกอง(ถนน) พอ่ งก่อ(บางคน)ไชโยโหร่ ้อง พ่องก่อเตรียมฆ้องเตรียมกลอง มากนั หลายบ้านหลายชอง(เรือน) คนจะเป็นพันเปน็ หม่ืน ๔๓. เพ่ินเอาไปขังไวว้ ดั หลวงหละปูน บ่าห้อื ได้สนู (ปะปน)กับตุ๊เจ้าตนอนื่ ชาวบ้านพากันแตกตนื่ เปนดสี ังเวทสงั วร บา่ ไดก้ ินน้ากนิ ข้าว พากันนัง่ เฝ้าสลอน บม่ ีทห่ี ลับที่นอน ห่มก่า(ห่มแต่)จวี รอยู่กลางเปลย่ี ว ๔๔. มชี ายคนหนึ่งรูปร่างล้า่ สัน อารมณห์ ุนหันฟ้าวเฟี้ยว เปน่ิ ว่าเป็นคนชาตเิ ง้ียว สกั หมึกใสต่ ัวปอดา(สักท่ัวตัว) มนี ามช่ือว่าส่างสา่ เผด็จเก่กล้าขืมขา้ ทา่ นก็ยังมศี ีลธรรม ติดตามเรื่องราวนักบวช ๔๕. วา่ พีน่ ้องท้ังหลายหื้อตามเราเข้าไป บต่ ้องกลัวใครทั้งทหารตา้ รวจ ถ้าตามเราไปบ่ใช่ว่าจะอวด บต่ ้องกลัวใครมาทารุณ ถึงจะเป็นเจ้าเปน็ ไพร่ ถงึ จะเป็นใหญ่เป็นขุน ก็ในจงั หวัดล้าพูน ใจบุญทึงบม่ ีใครเท่า ๔๖. ตา้ รวจที่มาอยรู่ ะวาง กเ็ ลยหลีกทางห้ือเข้า ครานัน้ ศรัทธาแก่เฒ่า ขนของขนข้าวไปทาน เอาไปไว้ไหนพอบเ่ ส้ียง เลยี้ งแผวต้ารวจทหาร บ่มที ี่ไว้อาหาร จนได้ขนไปทานวดั อ่ืน ๔๗. คนมาเปน็ หมืน่ เปน็ แสน วิด(กระโดด)เข้าเขตแดนวน่ื ว่ืน ชาวบ้านพากันแตกต่ืน เร่ืองถึงหูเจา้ จักรค้า กลัวมันเกิดเร่ืองเลวรา้ ย เลยย้ายที่อยู่จองจ้า เลยย้ายครูบาศีลธรรม มาไว้นครเชียงใหม่

๔๘. ก็มเี จ้าแกว้ นวรฐั ทา่ นก็ไปรบั มาไว้ จา้ งรถเครื่อง(รถจักรยานยนต์)คนั ใหม่ มาไว้ที่วดั ศรดี อนไชย ขงั ไว้อย่างนักโทษร้าย บ่หอื้ ได้หันหน้าใคร ท่านยังยิ้มแย้มแจ่มใส ตง้ั อยู่ในข้ออุเบก ๔๙. เราเป็นนักโทษเป็นสงฆ์ จิตใจม่ันคงเปน็ เอก ถกู เนรเทศขูเ่ ข็ก มาอยูว่ ัดศรีดอนไชย พ่ีน้องเชยี งใหม่รู้ข่าว เอาน้าเอาข้าวมาถวาย ขา่ วก็เลยแพร่ออกไป ใครใครก็มาไหว้มากราบ ๕๐. เพ่ินขังครูบาไว้ป่าแดดป่าฝน กลุ่มอิทธิพลพวกคนใจบาป หลวงอนสุ ารได้ทราบ ไปทลู กราบพระยาเจ้าเมือง ว่าข้าเอน็ ดูครูบาเจ้า ผวิ จนพอเศร้าพอเหลือง ขอแรงชาวบ้านชาวเมือง ช่วยแป๋งถืมเฟืองกัน้ แดด ๕๑. ชาวบ้านเป็นหมู่เป็นชุม พากันมารุมมาแวด มแี ผวนายหมอนายแพทย์ มาแวดตึงคืนตึงวนั เดือดกันอ๊ดอ๊ดอั๊ดอ๊ดั เต็มวัดเต็มในวิหาร มันเป็นที่อัศจรรย์ ทางการเขาไดส้ ังเกต ๕๒. เพ่ินขังครบู าได้สามเดือนแปดวัน แล้วทางการส่งตัวเนรเทศ หลวงอนุสารวา่ เป็นดีสงั เวท สมเภทท่านเจ้าครูบา เลยถวายเงินหื้อหนึ่งชัง่ ท่านสังเอาไวร้ ักษา เอาเปน็ คา่ หยุกค่ายา นา้ ตาครูบาพอหล่งั ๕๓. พ่นี ้องเชยี งใหม่ใจบุญ ร่วมสมทบทุนจนพอคบั คั่ง พ่องกจ็ ้าอา้ วฟา้ วฟั่ง(รีบเรง่ ) มาไหว้สาครูบาเรา พ่องก็มาฮอม(ร่วมท้าบุญ)หา้ บาทสิบบาท ตกต่าแม่หวาดผ้าขาว อ่ีแมม่ ีนห่ี นึ่งซาว แม่ขอเอาฮอมด้วยพ่อง

๕๔. ตกต่า(ถงึ คราว)ป้ออุ้ยดวงตา ลน่ (ว่ิง)มาหาหลังเกาะหลังก่อง ว่าอุ้ยขอฮอม(รว่ มท้าบุญ)ตวยพ่อง ขอเงินพนี่ ้องเขามา เป็นดีเอ็นดูคนเฒ่า เข้าไปกอดเข่ากอดขา วา่ ไหวส้ าเจ้าครูบา เม่ือใดจะป๊ิก(กลับ)มาเชยี งใหม่ ๕๕. ครบู าได้บอกไขจา วา่ กา้ หนดเวลาบ่ได้ ศรัทธากย็ กมือไหว้ เชิญข้ึนเสล่ียงหามไป ผา่ นทางเสน้ สนั ป่าข่อย ศรัทธาใหญน่ ้อยท้ังหลาย พ่องกเ็ อนิ้ (ตะโกน)ดว้ ยอวยชัย ขอห้ือท่านไปดีมีโชค ๕๖. บางคนกน็ ้าตาไหล พ่องกม็ ีใจเศร้าโศก พ่องกเ็ อ้นิ (ตะโกน)ด่าโหยกโหยก อนั พวกกะโหลกทะมิฬ กรรมทึงบเ่ ว้นบล่ ะ เขาคา่้ พระผ้ทู รงศีล ข้าขอวานพรหมวานอินทร์ ตดั สนิ พวกคนใจบาป ๕๗. พอรถวิ่งไปถึงเมืองหละปูน ศรัทธาหน้าบญุ ลน่ (ว่ิง)มายาบยาบ พ่องยกมือไหวม้ ือกราบ ขอหื้อท่านเดินทางปลอดภัย พ่องกเ็ ป็นไห้เปน็ ฮ้อง(ร้องไห้) เกิดความขนุ่ ข้องหมองใจ พ่องก็อ้านวยอวยชัย ขอให้ท่านสบายสุขเสพ ๕๘. ครบู าเดนิ ทางไปหา กรมศาสนากรุงเทพ เปน็ เร่ืองกฎบงั สังเขป ทา่ นก่อบ่เคยกงั วล ข้อทห่ี น่ึงว่าฝนตกฟ้าร้อง ครูบาบ่ถกู ต้องเปียกฝน ข้อทสี่ องว่าพระอินทรเ์ บ้ืองบน ไดส้ ่งดาบมงคลมามอบ ๕๙. ข้อทส่ี ามหาว่าท่านครูบา เดินแผน่ ดินมาลอยไปรอบรอบ ข้อท่ีสว่ี ่าบ่ยอมน้อมนอบ คิดกบฏต่อแผ่นดิน เพราะท่านมวั เขา้ สมาธิ บใ่ ชว่ า่ เมาฮิเมากิน(มัวท้ามาหากิน) เลยต้องอาญาแผ่นดนิ แป๋ง(ท้า)เร่ืองมลทินใส่เป่ือน(ท่าน)

๖๐. ข้อห้าเขาต้ังข้อหา วา่ ทา่ นเป็นอุปฌาเถื่อน เขาต้ังข้อหาใส่เป่ือน(ท่าน) วา่ ผดิ ต่อกฎ พ.ร.บ. หาวา่ ต้ังพรรคต้ังพวก หาว่าหวั มดหัวหมอ อานจิ จังทุกขข์ ังนหี้ นอ มนั ตึงบ่หม้ันบ่เตย่ี ง ๖๑. ข้อหกเปิน้ ต้ังข้อหา หาวา่ ครูบาบิดเบ่ียง หาว่าทา่ นหลีกเลี่ยง ต่อข้อบังคบั บญั ชา ต่อเจา้ คณะอ้าเภอล้ี ข้อน้เี ป้ินต้ังข้อหา ของพระครูรัตนา ซึ่งเป็นมหาเจา้ ถิ่น ๖๒. ข้อทเ่ี จ็ดที่เปน็ คา้ ช้ีแจง ของเจ้าคณะแขวงบ้าบ่ิน หาวา่ ครูบาปล้อนปลิ้น ผดิ นดั จากการประชุม เขาพากันวางอบุ าย พากันเอาไฟเข้าสุม เขากา้ ลังสาวไสใ้ นปุ๋ม(พุง) ลงขุมในความเปน็ ใหญ่ ๖๓. ข้อท่ีแปดนน้ั นา หาว่าครูบาเดินผวิ น้าได้ ข้าใคร่หวั จนพอจะไห้(ร้องไห)้ มันจะเป็นไปได้ก่อจา ข้อหาทั้งแปดคิดดู เป็นเร่ืองงงู ปู ลาปลา สมเดจ็ สังฆะราชไดส้ อบสวนครูบา โดยความเมตตาเป็นพิเศษ ๖๔. ต้ังกรรมการสอบสวน ต้องได้ใคร่ครวญหาเหตุ กรรมการชดุ พิเศษ ตามได้สังเกตทุกตอน กรมหม่ืนชินวรศิริวฒั น์ ท่านไดค้ ัดส้านวนทุกตอน พระยานะวะราภรณ์ ตรวจสอบดูทุกตอนทุกเรื่อง ๖๕. ทา่ นอ่านแลว้ วา่ เปน็ เร่ืองโง่เขลา คนปัญญาเบาสติเฟ่ือง ก่อท้ังเร่ืองบ่เป็นเร่ือง อ่านแล้วบ่ไดใ้ จความ เลยกราบเรียนสมเด็จสังฆราช ทรงทราบแลว้ โปรดติดตาม พระวชิระญาณได้ทลู ความ หื้อครบู าศีลธรรมไดพ้ ้นโทษ

๖๖. ท่านยังฝากค้ามาห้ือเจ้าคณะแขวง ว่าเปน็ คนหัวแข็งเหี้ยมโหด ท่ไี ด้แป๋งตา๋ แป๋งโทษ(ใสร่ า้ ย) ว่าครูบานั้นเป็นผีบุญ พ่นี ้องชาวบ้านกราบนบ เคารพโอบเอื้อเกื้อหนุน สมยั ตะก่อนนนั้ เจ้าหลวงเจ้าคุณ บไ่ ดน้ ึกถงึ บุญถึงบาป ๖๗. ธุเจา้ (พระ)หมู่ที่ตายไป มีแต่หลงใหลใจหยาบ บร่ ูจ้ ักบุญจักบาป บ่ได้สตปิ ญั ญา เมื่อเช่นสมัยตะก่อน พ่องก่อคงอ่อนผญ๋า(ปัญญา) เด๋ยี วนี้ธุเจ้า(พระ)ครูบา ทา่ นพัฒนาทางถูก ๖๘. ยอ้ นมาถึงคณะกรรมการ ด้วยความสงสารพันผูก ท่านตัดสินความท้าถูก อภัยโทษห้ือครูบา สมเดจ็ พระสงั ฆราช ได้อนุญาตเมตตา ท่านยังประทานเงินมา ห้อื ครบู าแถมหกสบิ บาท ๖๙. กา้ น้ันศรัทธาทั้งหลาย ก็พากันไหลมาทานบ่ขาด ท่านครูบาได้ขออนุญาต ไปซื้อดอกไม้เงินไม้ทอง เพื่อจะเอามาถวายพระ ช้าระต่อความมวั หมอง เป็นบุญท่ีได้สนอง พน้ จากความมวั หมองต้องอาฆาต ๗๐. เอาไปถวายวัดพระแก้วมรกต ขา้ จะขอจดขอสาป ครูบาลวดลาสมเดจ็ สังฆราช ป๊ิกมา(กลับมา)วัดวาอาราม วนั ทซี่ าวเจด็ เดือนกรกฎา พ.ศ.สองสี่หกสาม ศรัทธารู้ขา่ วครูบาศีลธรรม พากันชอบสชู้ มช่ืน ๗๑. คา้ นั้นพนี่ ้องวงศ์วาร พากันจัดงานคึกครื้น จดั บายศรีดอกขึ้น รบั ขวัญท่านเจ้าครูบา เปน็ การสะเดาะห์เคราะห์ร้าย สารพนั อันปญั หา ต้ังนั้นก่อเร่ิมพฒั นา สรา้ งวัดสร้างวาหลายแห่ง

๗๒. วดั ไหนมนั หลุมันพัง พากันเดินทางไปตกแต่ง เพราะกองทัพธรรมแข็งแกร่ง ไว้เป็นหลักแหล่งโบราณ ไปสรา้ งพระธาตุม่อนไก่แจห้ ้ือดี ไว้เป็นปชู นียส์ ถาน จาวจังหวัดล้าปางเปนิ้ หัน เปิ้นเลยพากันมาช่วย ๗๓. พ่องก็ฮอมเงินฮอมทอง(รว่ มท้าบุญ) พ่องก็ฮอม(รุ่วมท้าบุญ)ของช้าร่วย พน่ี ้องชาวบ้านมาช่วย สร้างไดส้ ามเดือนสามวัน ด้วยบุญญาอนุภาพช่วย เสร็จด้วยด่ังปาฏิหารยิ ์ เสรจ็ แล้วท้าบุญถวายทาน ไปเสาะหาสรา้ งสรรค์ประโยชน์ ๗๔. ครูบาท่านนกึ ถึงอดตี ย้อนหลัง ปางเมื่อเคยมาต้องโทษ จะขอสร้างคุณประโยชน์ ตอบคุณวัดหลวงหละปูน เพราะถูกภัยธรรมชาติ ทา้ ห้ือยอดธาตุเส่ือมสูญ เลยขออนุญาตกบั เจ้าหลวงหละปูน ว่าจะขอบรู ณะใหม่ ๗๕. เจ้าเมืองล้าพูนกับคณะฝ่ายสงฆ์ ทา่ นไดต้ กลงปลงให้ ครูบาไดต้ ั้งใจไว้ จะหาทางรับใช้ตอบแทน ศรัทธามาบริจาค นกั มากกว่าหมื่นกวา่ แสน ได้สร้างยอดฉัตรทานแทน วางแผนห้ือดีเหลือหลายเท่า ๗๖. มีแต่จีวรห่มกาย และบาตรหนึ่งใบเก่าเก่า เอาไวบ้ ิณฑบาตข้าว ฉันท์เป็นมื้อม้ือวนั วนั บ่มีเงินแสนเงินลา้ น ท่ที า่ นจะสร้างสถาน มแี ตว่ ิปสั สนาญาณ มรรคผลนิพพานเป็นที่เพิ่ง ๗๗. เม่ือเสรจ็ จากธาตุล้าพูน ก่อลวดไปสรา้ งบุญทว่ี ดั ดอยเก้ิง ท่ีไหนมนั หลุมันเสงิ้ ตกแตง่ แป๋ง(ท้า)หื้อทนทาน มีอยู่ที่อ้าเภอฮอด ส้าเรจ็ ลุลอดเหตุการณ์ สรา้ งไดส้ องเดือนสิบห้าวัน ศรัทธาพากันมาช่วย

๗๘. นบั หลังจากน้นั มา แม่อุสากช็ ราชะรว่ ย สนั นิษฐานว่าท่านป่วย เป็นโรคลมปัจจุบัน พี่น้องชาวจุมชาวหมู่(เพ่ือนพ้อง) ใครบ่ทนั ร้ทู ันหัน(เหน็ ) หมอหยุกหมอยาบ่ทัน เลยละสงั ขารลาโลก ๗๙. ทา่ นครูบาวา่ เป็นอนิจจงั เลยปล่อยวางการเศร้าโศก เป็นธรรมดาของโลก เปน็ ของบ่หมั้นบ่คง ครานนั้ พ่ีน้องเฒ่าแก่ เอาศพโยมแม่ไปปลง เสรจ็ แลว้ ก็ได้มุ่งตรง ไปตามกิจสงฆ์งแต่วแต่ว(เป็นปกติ) ๘๐. จากน้ันท่านก็เดินทาง ไปถึงบ้านวางบ่อแก้ว พอไปถึงน่นั แลว้ มีแต่หมู่แมว้ หมู่ยาง เขาเคยถือผีถือเปรต เพราะเป็นฮีต(จารีต)เหตุปางหลงั ครบู าเลยเทศน์ห้ือ(ให้)ฟัง หมยู่ างเขาเลยชมช่ืน ๘๑. ครูบาเลยบอกไขปัน ว่าหื้อชวนกันสร้างเจดีย์ขึ้น เพ่ือความสุขบานหวานชน่ื หม่ยู างท่บี ้านแม่เตียม มาช่วยกันแป๋งกนั ปก มตี ึงขอบก(จอบ)จอบเสยี ม พ่ีน้องชาวบ้านแม่เตียม นบั ถือมาต้งั สมัยเกา่ ๘๒. คราน้ันชื่อเสียงครูบา เปน็ ทีล่ ือชาไปทุกหมเู่ หล่า อ้าเภอพะเยารูข้ ่าว ได้มาอาราธนา ไปสร้างพระเจ้าตนใหญ่ เพื่อเอาไวไ้ หวส้ า นมิ นต์ท่านเจ้าครูบา สร้างวิหารขึ้นมาแถมหลังหนึ่ง ๘๓. ทวี่ ดั ทุ่งเอยี้ งน้ันนา พนี่ ้องศรัทธาพากันทราบซ้ึง ว่ามตี นบุญรปู หนึ่ง มาสรา้ งวดั กว๊านพะเยา จับบางคนก็รับเอาแท่นแกว้ บางคนก็รับเอาเสา จบั บางคนก็มารับเอา ช่อฟ้าป้านลมหางนาค

๘๔. ขา่ วมันเลื่องลือไปไกล เป้ินพากันไหลมาบรจิ าค ปัจจยั หาได้บ่ยาก ได้เงินหลายป๊ิบน้ามัน หน้าแหนบมีเจ้าภาพแล้ว พ่องรับแท่นแกว้ ตีนฐาน พ่องรับประตูป่อง(หน้าตา่ ง)บาน จนเปน็ วหิ ารหลงั ใหญ่ ๘๕. ขอย้อนถึงอดีตกาล หลวงอนสุ ารเชยี งใหม่ ท่านก็มานึกใจได้ ใคร่ไปไหว้ครูบาศลี ธรรม กบั คุณหลวงศรปี ระกาศ เพราะขาดจากการติดตาม เจา้ แก้วนวรัฐและเจ้าท้าวแสนค้า เจา้ นายฝา่ ยเหนือและผู้ใหญ่ ๘๖. มาปรึกษากันเรื่องวดั พระสงิ ห์ แหง่ นครพิงค์เชยี งใหม่ ได้หกร้อยปีมาได้ บ่เดย่ี วมันหลมุ นั พัง เราใครน่ ึกสร้างแถมใหม่ ห้ือมันได้เหมือนเก่าเหมือนหลัง ใคร่ไปนิมนต์เอายัง ท่าครูบามานั่งเป็นประธานดกี ้า ๘๗. หลวงอนสุ ารเปน็ คนไปนิมนต์ ทกุ คนต่างกร็ อถา้ ครบู ามาเป็นประธานหวั หนา้ ส้าเร็จกู่อย่างพันอัน บว่ า่ คนเมืองคนดอย กต็ ดิ ตามรอยชว่ ยกัน แปดปที ี่ท่านท้างาน บม่ เี วลาพักผ่อน ๘๘. ทไ่ี หนไหนก็มาขอเพิ่งบุญ พ่องกต็ กลูนตกก่อน(ก่อน-หลัง) บางที่ท่านก็เหน่ือยอ่อน กเ็ ยี๊ยะ(ท้า)ไปตามแรงพอ จากนั้นท่านก็มาซ่อม ท่วี ัดสวนดอกแถมนน้ั หนอ สมัยน้ันมผี ู้แทน ส.ส. คือคุณหลวงศรีประกาศ ๘๙. เตียว(เดิน)ขึ้นดอยกับหลวงธัมรงค์ ลดั ปา่ ลัดดงไปตงั ดอยผาลาด กว่าจะผดจะแผว(ถึง)พระธาตุ กนิ อะหยังปอบะลา(ไม่อร่อย) บางเทื่อ(คร้ัง)มืดค่้าตามป่า ต้องไปเสาะขี้ยา้ (เช้ือไฟ)มาตาม(จุด) อู้กันว่าใคร่ได้ไฟฟ้าสักก้า ท่าจะม่วนงันเหลือเก่า(น่าจะดีกว่าเก่า)

๙๐. ลงดอยมาก็ลวดมาปรึกษา กบั ตนครูบาทา่ นเจ้า ท่านว่าวนั ฮือเม่ือเจ๊า ค่อยมาอู้เปน็ เรื่องเป็นราว จะเอาไฟฟา้ ถ้าจะล้าบาก มันยากกับสายกบั เสา ถา้ ตามความคิดของเรา แป๋ง(ทา้ )หนทางถ้าจะดีวเิ ศษ ๙๑. หลวงศรปี ระกาศท่านมาก๊ึดกอย(พิจารณา) สรา้ งทางข้ึนดอยจะต้องได้สังเกต เม่ือตะก่อนเจ้าบวรเดช อุปราชราชมณฑล วา่ จะสร้างทางขนึ้ ดอย ลองกึ๊ดกอย(พจิ ารณา)ตึงบเ่ สร็จสักหน เม่ือมาร่วมแรงไพร่พล ทกุ คนเขาก็ว่ายากขนาด ๙๒. ส่วนทา่ นครูบาศีลธรรม ทา่ นเป็นผู้นา้ จอมปราชญ์ ท่านมีความสามารถ จะสร้างหื้อถูกทบวง ครานัน้ คุณแมเ่ รือนแก้ว ปรึกษากับท่านคุณหลวง ออกประกาศทะลุปปุ วง ห้อื กา้ นันพ่อหลวงปกปา่ ว ๙๓. เหมือนมีมนต์มาโดนใจ พ่นี ้องทัง้ หลายรู้ข่าว บ่วา่ เมืองฝางเมืองพร้าว และเวยี งปา่ เป้าเชียงราย แม่แตงแมร่ ิมเชยี งใหม่ จังหวดั ต่างใกล้ต่างไกล ทางดอยสะเก็ดสันทราย ไหลกันมาบกมาเบิก ๙๔. วนั ทีเ่ กา้ พฤศจิกายน เวลามงคลสิบโมงได้ฤกษ์ เจ้าแก้วนวรัฐเอาขอบกลงเบิก เปิดปฐมฤกษ์ลงดิน ครานัน้ พน่ี ้องหญิงชาย ลกู่ นั (แย่งกัน)ขนทรายขุดหิน เป้นิ จนไดว้ ัดแผ่นดิน ห้ือบก(ท้า,ขุด)คนวาคนศอก ๙๕. ครบู าท่านเป็นประธาน รูใ้ ครรู้มันมันใครตึงบ่ได้บอก กว่ารถจะได้ว่ิงเขา้ ออก หา้ เดือนกับซาว(ยีส่ บิ )สองวัน เปน็ อนั ว่าเสร็จเรียบร้อย แตย่ ังบ่ค่อยมาตรฐาน เปิดเป็นเส้นทางขนาน พ.ศ.สองส่ีเจด็ แปด

๙๖. วนั ท่ีสามสิบเมษา เมื่อเช้าลุกมาก็ยงั มีแสงแดด แถมสักกา(อีกสกั ครู่)ฟ้าร้องแผดๆ ท้องฟ้าเป็นหมอกเป็นควัน แม้แต่รุกขเทวา ก็ยงั มาสาธุการ แม้แต่แผน่ ดินสวรรค์ เกิดการสะเทือนเฟือนฝั้น ๙๗. เม่ือเสร็จจากการทา้ ทาง ข้นึ เจติยังดอยสุเทพเม่ืออนั้ ไดร้ ับรางวัลตอนน้นั คือค้าสั่งถึงขน้ั อาญา ถกู นิมนตล์ งกรุงเทพ ถึงกรมการศาสนา เป็นดีเอ็นดูครูบา หาว่าสรา้ งวัดสรา้ งวาผิดระเบียบ ๙๘. คา้ สั่งเจ้าคณะบางตน เหมือนดั่งเราโดนปืนจ่อมดี เสียบ เขามาช่วยกันย้่ากันเหยียบ ทา่ นครูบาศรีวชิ ยั ว่าสรา้ งหกสิบวัดเถ่ือน โดนท่ีบ่มีเงื่อนไข ผิด พ.ร.บ.สงฆ์ไทย ทบี่ ย่ อมอยู่ใตอ้ ้านาจ ๙๙. นกั บุญแห่งลานนาไทย ทา่ นบเ่ คยมีใจอาฆาต ตอนนั้นหลวงศรีประกาศ ท่านไปเยีย่ มครูบาศีลธรรม ที่วัดเบญจมบพิธ ท่านได้อุทศิ บญุ กรรม ท่ไี ด้ตดิ โทษต้องจ้า เปน็ กรรมประเดิมเติมเพิ่ม ๑๐๐. ครบู าบอกหื้อคุณหลวงกลับไป ขะใจไ๋ ปจัย(รีบ ๆ ไปดู) หาหลวงพ่อเถ้ิม(อายุเยอะ) ท่านมีอาการแรกเริ่ม ขึ้นในสังขารอินทรยี ์ ณหลวงกลบั ขึน้ มาดู หลวงพ่อเถิ้มยังอย่สู บายสุขี ตกแถมรงุ่ เช้าพอดี หลวงพ่อก็ได้มรณภาพ ๑๐๑. ใครจะตายก่อนตายลูน กแ็ ล้วแตบ่ ุญแต่บาป คณุ หลวงก็ยกมือกราบ ทา่ นทราบรู้ได้อย่างไร เพราะท่านมญี าณวเิ ศษ วา่ จะเกิดเหตกุ ับใคร ครูบาท่านได้น่งั ทางใน สง่ กระแสจิตติดต่อ

๑๐๒. โลกนี้มแี ต่ความทุกข์ขัง มหี ูกต็ ้องฟังมีตาก็ผ่อ(ดู) กิเลสนน้ั เปน็ ตัวล่อ ตัณหาคือบ่อโคลนตม ขนาดว่าเฮาท้าดี มันกย็ ังมีคนทับถม ทงึ บ่ไดช้ มช่นื ขน่ื ขม บย่ อมห้ือ(ให้)อารมณ์มาเปน็ ใหญ่ ๑๐๓. คุณหลวงท่านกลับไปหา นมิ นต์ครูบากลับมาเชียงใหม่ ครูบารับนมิ นต์ไว้ แตย่ ังบแ่ น่บ่นอน รางวลั ท่ีเราไดร้ ับ โดนจับเป็นบร่ ้กู ่ีตอน เราได้ถูกอธิกรณ์ สดุ แสนอาวรณ์อย่างขมขื่น ๑๐๔. ครบู าท่านอู้(พูด)ความจริง รอวันน้าปิงมันจะไหลขึ้น จะขอพักหลับสักต่ืน เพื่อหื้อใจมีพลัง บ่เดี่ยวนี้ขอก่อนเถอะ ปา่ เล๊อะ(มากมาย)โอกาสวนั หลัง น้าตาคุณหลวงพอปัง(ใหล) กราบลาปิ๊กมา(กลบั )เชียงใหม่ ๑๐๕. ไปขอกรมศิลปากร หลอ่ รูปเป็นอนสุ รณ์องค์ใหญ่ จะเอามาไว้เชยี งใหม่ เป็นท่ีกราบไหว้บูชา เม่ือเสรจ็ จากการก่อสร้าง จะเอามาตั้งไหนหา ตีนดอยห้วยแก้วน้ันนา เปน็ ทางสามขาทางไคว่ ๑๐๖. เพ่ิอหมู่เราชาวล้านนา พากันมาสามาไหว้ หมู่เยาวชนรุ่นใหม่ จะไดร้ จู้ ักตา้ นาน แม่บัวซอนไดค้ ิด เป็นบุญญาฤทธโ์ิ วหาร เอาไวห้ ้ือลูกหื้อหลาน รู้จกั ต้านานขานเล่า ๑๐๗. ขอนิมนต์พระวิญญาณ ครบู าโปรดปรานข้าเจ้า จุง่ มาปกปักเกศเกลา้ บ่วา่ คนเล่าคนฟัง กันบ่ได้บันทึกไว้ อ่านได้อาจลืมวันหลัง ประวัติที่เราได้ฟัง เปน็ นักบุญดังระดับชาติ

๑๐๘. ทา่ นเป็นนักพัฒนา ปฏบิ ตั ิมาก็ตงึ เมินขนาด เมื่อท่านไดร้ บั อาพาธ พยาธเิ ร่ิมเข้าราวี เดียวกเ็ จ็บหลังเจ็บอก อายุย่างหกสิบปี มดหมอที่ไหนดีดี มาช่วยรักษายาโรค ๑๐๙. โรคริดสีดวงทวาร ชาวบ้านฮ้อง(เรียก)กันว่าโรคบ่าโหก(รดิ สีดวง) เลือดจักบ่อไหลโจกโจก โรคบา่ โหก(ริดสดี วง)มนั ทารณุ บดึ (เดี๋ยว)ก่อเป็นอ่อนเป็นอดิ ความดนั โลหติ กแ็ ทรกสูน(ผสมผสาน) คราน้นั ศรัทธาหน้าบุญ น้าเร่ืองขึ้นทลู ขึ้นกราบ ๑๑๐. ท่านเจ้าจักรค้าหละปนู ท่านได้รบั ทูลรบั ทราบ สง่ั ห้ือข้าหลวงไปกราบ นมิ นต์ครูบามาที เอารถไปรับเอาเน่อ สงั่ หื้อโชเฟอร์ดว่ นจ๋ี มาไว้วดั จามเทวี หาหมอดีดีมาใส่ ๑๑๑. บว่ ่าหมอเมืองบ่าวา่ หมอไทย หมอคนใดก็วา่ ยาบ่ได้(รักษาไม่ได้) เพราะมันเป็นยารากไม้ ยาตามแพทย์แผนโบราณ อาการหนักขึ้นเร่ือยเร่ือย ไข้เม่ือยก็ออกอาการ เพราะท่านบ่ฉนั อาหาร อาการทรดุ ลงเหลือเก่า ๑๑๒. คราน้ันพ่ีน้องวงศว์ าร ทเ่ี ป้ินพากนั มาเฝ้า นมิ นต์ครูบาท่านเจ้า ปก๊ิ (กลบั )ไปบ้านเก่าบา้ นปาง เพราะวา่ ครูบาทา่ นเจ้า ใคร่ปิ๊ก(กลับ)บ้านเกา่ บ้านหลัง ปิก๊ (กลบั )ไปทีว่ ดั บ้านปาง จนเต๊า(จนกระท่ัง)ทา่ นมรณภาพ ๑๑๓. ตอนน้ันพระนอ้ ยขะโยม(เณรน้อย) พากันประนมก้มกราบ พ่องไดด้ ้นิ ขวะด้ินควาด พ่องก็ต๊ืบตบ๊ื โยนโยน พ่องไห้สะอึกสะอื้น พ่องกห็ ยุ ขนึ้ โหงนโหงน ผอ่ (ดู)เขาล่น(ว่ิง)กันสนสน บางคนใจตกอกล่ัน

๑๑๔. เกิดชุลมนุ วุ่นวาย เหมือนเกาะทรายถูกน้านองป่ัน ชาวบ้านเดือดกันสน่ัน เป้ินกป็ ัดป่ันกันมา พ่องพอลืมเต้าลืมลูก เปน็ ท้ังข้ีมูกน้าตา พ่องก็ข้ึนอยู่บนหลังคา ร้องหาครบู าหื้อต่ืน ๑๑๕. วันท่ีซาว(ย่สี บิ )เป็นเดือนกุมภา เปน็ เวลาทุกคนต้องสะอ้ืน บอกนอนหลับได้สักตื่น เท่ียงคนื กับห้านาที พ.ศ.สองส่ีแปดหน่งึ ตนบุญท่ีพ่ึงไดจ้ ากลาหนี เทย่ี งคืนกับห้านาทีคร่ึงพอดี ทงั้ หกอินทรีย์ก็แนน่ ่ิง ๑๑๖. ศิษย์ยานุศิษยท์ ้ังหลาย ตา่ งก็มีใจน้อมหลิง่ จัดงานทุกอย่างทุกสิ่ง ตามจารีตประเพณี พ่องแป๋ง(ท้า)ปราสาทมณฑป เก็บศพไวถ้ ึงสามปี สว่ นทางวดั จามเทวี ยงั มานิมนต์ไปแถมเต่ือ ๑๑๗. บ่เหลือวา่ ตัวตายไปเป็นศพ เขายังมาประจบนิมนต์ไปแผ่เผ่ือ คิดแล้วเป็นหน้าดีเบ่ือ เอาไปสร้างหัวขวั สะพาน จดั พิธีสมโภช เพ่ือช่วยประโยชน์สถาน ได้สิบหา้ คืนกับสิบห้าวนั ทางราชการไดส้ ั่ง ๑๑๘. ขอเชญิ ภิกษุและสามเณร ท่านจงบา้ เพ็ญเอาไว้เปน็ ตัวอย่าง ความดีทที่ ่านได้สร้าง เป็นที่อวดอ้างเยนิ ยอ อันเหรียญรุ่นเกา่ รุ่นใหม่ มีไหนพอบ่ค้างบ่หลอ(ไม่เหลือ) พอ่ ง(บ้าง)กเ็ อามาห้อยคอ บร่ ูต้ ้นสายปลายเหตุ ๑๑๙. นกั บุญอยา่ งทา่ นครบู า ชอ่ื เสียงลือชาไปทั่วประเทศ อยากรตู้ ้นสายปลายเหตุ ซอื้ วซี ดี ีไปดู เราจะไดห้ ันถึงภาพ ซึมทราบเร่ืองราวเข้าหู ขอหื้อบุญค้าบุญชู ผฟู้ งั ผู้ดูทุกทา่ น วางเพลง………...

อตั ตชีวประวตั พิ ระเดชพระคุณท่ำนพระครูบำเจ้ำชัยยะวงศำพฒั นำ ประพนั ธ์โดย แม่ครูบัวซอน ถอมบุญ ท้านองเพลงออื่ ดวงพระวญิ ญาณครบู าทา่ นเจ้า ๑. สบิ นิว้ ขอนมัสการ ประวตั ทิ ่านคร.ู ..บาวงค์ เลศิ ดว้ ยบญุ อานสิ งค์ มอ่ นขา้ จักขอเล่าเค้า(ตอนแรก) เปน็ เดือนเจด็ แรมสองค่้า เมื่อท่านมาเอากา้ เนิด วันทยี่ ี่สิบสองเดอื นเมษามนั ตรง พอตาวนั ตกเดือนก็เรม่ สว่าง เขา้ สูเ่ ปน็ วัน...อังคาร ๒. พ.ศ.สองสี่ห้าหก เปน็ ลกู แม่แกว้ พ่อป๋ัน เท่ียงคืนสบิ ห้านาทีย่าง มีกันส่ีคนนัน้ น่อ ใครๆก็ทงึ รู้แลว้ พน่ี ้องทีเ่ กดิ ร่วมครรภ์ ชาตเิ ชอื้ ตระกูลทางพอ่ เมืองล้ีล้าพูนบญุ ...แรม ๓. ได้เกดิ มาเป็นตนบุญ เพ่นิ ชื่อวา่ พ่ออยุ้ แหงม เพ่ินเปน็ คนบา้ นก้อ เม่ือเปน็ บ่าวน้อยสาวแถ่ว(สาวรุ่น) เปน็ พอ่ อยุ้ ทางพ่อ อ้ยุ มาเมียรักคู่แอ้ม(เมยี ) หน่ึงนายป๋นั สองคือนายแกว้ ช่ือว่าน้องหลา้ ...ลลี า ๔. มลี กู สามคนกบั กัน เขา้ บวชในศาสนา แมญ่ ิงออกมาแถมแล้ว พอ่ ชายเกดิ มาบเ่ สยี เท่ยี ว นายปัน๋ ทเี่ ปน็ ลกู เค้า(คนแรก) เพ่อื ทดแทนคุณบิดา บวชเป็นพระอยู่ท่วี ัดหาดเส้ยี ว มาอยู่วัดวาเมินนาน ๕. บุญปั๋นอายสุ บิ สองปี อปุ ชั ณายะทา่ นได้จดั กา๋ ร ได้ปฏบิ ัติกวาดเผี้ยว(เก็บ) เปน้ิ เปน๋ ตุ๊เจา้ ตน๋ แก่ เปล่ียนชื่อว่าเณรจัน๋ ตะ๊ ครบู าอ่ินคา้ เป๋นเจา้ อธิการ เปน็ คนกลัวผีซา้ กึดเติงหาแม่ ล่นไปสนุ่ ครู...บาคา้ (วิ่งไปกอด) ๖. ไปอยวู่ ดั ไดส้ องปี เปน็ พระกลัวอะไรเพ่นิ ถาม ตกุ๊ แกร้องต๊กแก่ตก๊ แก่ ว่าเฮาจะสึกวนั พูก ธเุ จา้ เลยเอก๊ ซะ(พระเลยด่า) เลยบอกให้ครูบาคา้

๗. คนจะเกิดจะขจ้ี ะตด บ่มกี า้ หนดทึงบอกบ่าถูก เอาอะไรมามัดมาผกู ใครจะห้ามทง...บฟ่ ัง ขอสึกออกมาเป็น*น้อย ทึงบ่ต้่าก้อยอะหยงั (อะไร) ใครเหน็ ก็เอน้ิ ถามชาดดงั พีน่ อ้ ยจัน๋ ต๊ะสกึ ใหม่ ๘. อายุย่างสบิ ห้าปี เปน็ บา่ วจี๋ก้าลังขนึ้ ชาดใหญ่ จัน๋ ต๊ะเปน็ น้อยสึกใหม่ ช่วยพ่อทา้ ไร่...ทา้ นา อายสุ ิบแปดสิบเก้า เป็นบ่าวกา้ ลงั รหิ า เสรจ็ จากท้างานพิ๊ก(กลบั )มา คา้่ มาแต่งตัวไปแอ่ว(เท่ียว) ๙. สาวๆก็มีชาดหลาย ทงึ บ่พอใจเท่านอ้ งบัวแกว้ คา้่ มาก็ขนึ้ ไปแอว่ (เที่ยว) หาน้องบัวแก้ว...กาล(ู สกั คร้ัง) เอาอย่างงูกนิ เขยี ดหน้อย แมวพลอ้ ยผก(แอบ)กนิ หนู เพ่นิ เปน็ ลูกสาวพ่อฟู กบั แมแ่ ก้มมรมิ โทง้ (ทุ่งนา) ๑๐. พ.ศ.สองสี่ห้าสาม หนา้ บุญติดตามนา้ ส่ง พูดจากนั ถูกโล่ง กเ็ ลยตกลงแต่งงาน ตา่ งคนก็ต่างใจหมน้ั ลงหลกั ปกั บ้านเป็นฐาน จนมลี กู เตา้ ดว้ ยกนั มคี วามสุขบานเป็นเลศิ ๑๑. ลูกเคา้ (คนแรก)ซ้าเปน็ แม่ญิง ขอเอาความจริงมาเปิด ต่อมานั้นไดเ้ กิด แถมคนเปน็ ลูก...พ่อจาย อย่มู าประมาณหนง่ึ ขวบ ลูกพอ่ จายก็มาตาย พ่อแมก่ ่อมาอาลยั หาลูกพ่อจายทีต่ ายจาก ๑๒. บ่มผี ู้สบื ตระกลู บ่มไี ผสืบทุนงนู ราก ถึงเราจะทกุ ขจ์ ะยาก สองคนพอ่ แม่ก.็ ..ยอมทน แมแ่ กว้ กับพ่อจัน๋ ตะ๊ มานะต่อสกู้ ับความจน แม่แกว้ ก็เรมิ่ ต้องแถวคน คือลกู ชยั วงค์ของพ่อ

๑๓. ซ้าเป็นลกู พ่อชายแถม พอ่ อุ้ยแหงมกว็ ิง่ มาผอ่ (ด)ู ผา้ สน้ิ บ่ฮอ้ื (ให้)เอาห่อ เพราะลูกสเู ป็น...คนบญุ ใบหกู ย็ าวขนาด ผดิ จากเช้อื ชาติตระกูล สูจะได้เพ่งิ (พ่ึง)วันลนู (หลงั ) เปน็ แกว้ เปน็ คุณมากมาก ๑๔. ต่อจากนนั้ ไปแถม พอ่ อุ้ยแหงมก็ได้ตา๋ ยจาก เด๋ียวเปน็ อั้วะเปน็ ราก(อ๊วก) เป็นตามดื ฝา้ ...ฟางมัว เปน็ ลมครง่ั แคน้ สะอื้น มันมาเกดิ ดน้ึ กับตวั จั๋นตะ๊ ไดย้ ้ายครอบครวั มาอยู่ตี๋น(ชาน)ดอยบ้านลมุ่ ๑๕. แยกมาสร้างหลักสร้างฐาน อยูด่ ว้ ยกันต้งั แตห่ นมุ่ ๆ ย้ายมาอยู่บา้ นลมุ่ (ล่าง) ตอนนนั้ มีลูก...สามคน คนท่ีสองไดม้ าตายจาก เกดิ มาเอาชาติของตน เหลอื แต่เอ้ย(พีส่ าว)กบั ชัยวงค์สองคน แถมคนนนั้ มาตายจาก ๑๖. ชวี ิตของลูกชยั วงค์ นสิ ยั กนิ อยบู่ ่ยาก แต่บใ่ คร่อู้ใคร่ปาก อยู่ไหนชอบอยู่...คนเดยี ว ชอบขุดเอาดินดาก(เหนียว) เอามานวดหื้อ(ให้)เหนยี ว แป๋ง(ท้า)รปู พระเจ้าตาเขยี ว แปง๋ แลว้ พากนั เอาแห่ ๑๗. เหล้นตวยจาวบา้ นจาวจอง แห่ก้องแหก่ ๋องตี๋แส่ บใ่ ชว่ า่ ของแท้ เขาตกี ะโหล้ง(กะลา)...ถ้วยแบน แลว้ พากนั แป๋ง(ทา้ )ต้นดอก ครัวทานมาแห่มาแหน แป๋ง(ทา้ )รปู ปปู่แถนยา่ แถน(พอ่ เกดิ แม่เกิด) เอามาแป๋งธงแป๋งช่อ ๑๘. แล้วชวนชาวหมู่ทัง้ หลาย ขนเอาขี้ทรายมาก่อ พากนั ปักธงปักช่อ มาเป็นดผี อ่ ดีกอย(สวยงาม) ชวนกันเอาข้ีดินดาก(ดเิ หนียว) มาแปง๋ รูปปกน้ หอย บอกหื้อไอแ้ ก้วไอ้มอย ว่าจะมีปอย(งาน)วนั พูก(หรงุ่ น้)ี

๑๙. ช่วยกนั มีติดเกษา ใครเปน็ สล่าทา้ หื้อในถูก เฮาจะเอาแหว่ นั พกู (พรุ่งนี้) จาวหมกู ็พากนั มา จาวหมูละอ่อนหลายคน ตา่ งคนกต็ ่างสรรหา อันน้คี ือภมู ิปญั ญา ติดมาเมื่อชาติปางกอ่ น ๒๐. อายุไดห้ า้ หกปี เล่นตามประสีประสาละอ่อน บดึ ก็ฝนตกแดดรอ้ น ละอ่อนเล่นตามความซน บ่กลัวเปน็ เมื่อเป็นไข้ เมารา้ ยเขาทึงบ่สน บางวนั เป๋นไข้หวั โกร๋น กล๋ายมาเป๋นลมสันนิบาต ๒๑. ลมขึ้นเออะเออะหาวหาว ร้อนร้อนหนาวหนาบ่ขาด เพิ่นวา่ ลมสนั นบิ าต มบั ่ใช่ธรร-...มะดา มันข้นึ บด่ บิ บเ่ ด่ียว เลยเป็นลมเกีย่ วกินขา บม่ โี รงยกุ โรงยา(โรงพยาบาล) บ่เหมอื นสมัยบ่เด่ยี ว ๒๒. คนไทยวา่ เป็นตระควิ คนเมืองเพนิ่ วา่ เป็นเก่ิยว ก็พอปากบิดปากเบ้ยี ว มแี ตย่ าฝน...ยาทา อันยาฝรง่ั ยาจนี ยาวิตตามนิ บ่าถ้าถามหา จีวติ ชยั วงค์รอดมา เราพบุญครบู ามาใคว่ ๒๓. แมแ่ กว้ กับพ่อจนั๋ ตะ๊ พากนั ไปท้าขา้ วไร่ บอกหื้อชยั วงค์พี่อ้าย หอื้ ไปไล่นกก่อนงาย ห้ือไปกอ่ นตะวันออก เพราะว่านกจอกมนั หลาย ซ้าบห่ ือ้ (ให้)กนิ ข้าวงาย ต้องร้องข้นึ มาเปน็ หา่ ๒๔. เลยเทวหย่องหย้อหยอ่ งเยาะ(ยอ่ งๆ) ไปเซาะม่ะก่องเกาะในปา่ (ผลไมชนิดหนึ่งทอี่ ยู่ในปา่ ) ใครอ่ ยากกนิ ข้าวแทว้ ่า กินไปก็เลย...ลมิ ไป เผอ่ื กลับมาในไร่ เอาก้อนดินไลเ่ กอื บตาย เปน็ วา่ นกจอกผีพราย ลงมาหลายแทห้ ลายว่า

๒๕. เผ่ือพ่อจั๋นต๊ะมาหนั (เห็น) เลยเอก๊ (ตะโกน)เสียงดังก้องป่า ตายแลว้ ตายแลว้ ข้า พอเดือดเปน็ ฟืน...เป็นไฟ รอ้ งว่าไอ้วงคไ์ อว้ งค์ คิงไปเมาอยู่ที่ไหน ไอน้ ้ีข้ีคร้านถ้านตาย กูจะทบุ จนตายดกี า้ ๒๖. ครานั้นชยั วงค์กก็ ลวั เลยหมอบหัวมุดอยใู่ นป่า จนตะวนั หลับขอบฟา้ ทงึ บเ่ ขา้ บา้ นเข้าชอง ส่วนแมร่ อหาอยบู่ ้าน จนพอตหี น่งึ ตีสอง ไหวห้ าเสื้อบา้ นเสอ้ื ชอง ไปชว่ ยคุ้มครองลกู ในป่า ๒๗. บห่ ลา้ งจะมีเสอื สิงห์ คาบเอาไปกนิ แลว้ ก้า ไหวห้ าผีปูผ่ ยี ่า ปอชว่ ยลูกหลา้ ชยั วงค์ บก่ องลุกมาเมื่อเชา้ แม่ฟ่ัง(รีบ)หอขา้ วใส่ถง(ถุง) เขา้ ไปในไร่ในดง ไปเสาะหาชัยวงค์กอ่ นเพ่นิ ๒๘. แมร่ บี ปกั ขวดิ ปกั ขวาง(กลุ ีกุจอ) หูแม่ก่อฟังกอ่ เอ้นิ (เรียก) ข้ึนดูตามดอยถเล้นิ (เนิน) ลูกเหยขะใจ๋(รบี )ออกมา ลกู ได้ยนิ เสียงแจ้ว ๆ เป็นเสียงแม่แก้วร้องหา ชัยวงคฟ์ ง่ั ลน่ (รีบ)ออกมา หัวเปน็ แตด่ ินขฝ้ี ุ่น ๒๙. บ่กองชยั วงค์ลูกหนั (เห็น) ฟั่งเข้ามาหวนั มาสนุ่ (กอด) เมอื่ คืนลูกนอนตากฝุน่ มันหยังมาหนาว...เย็นคิง(กาย) มาเนอขวัญเจา้ ขวัญเจ้า ตกอยปู่ ่าเศร้าผสี ิง หวั แมต่ นี หวะ(เปดิ )ลูกหยงั บ่าฮคุ้ งิ (ไมร่ ตู้ วั ) สะดดุ ใส่บ่ก้อนหินกล้งิ ตกใส่ ๓๐. แม่บช่ ัง่ ทา้ จะอย่างไร เซาะหญา้ เมืองวาย(สาบเสือ)มาทบุ บใสห่ ้ืออา้ ย(พ่ี) วา่ อดเอาเนอแมเ่ อายาใส่ ลูกใหญแ่ ลว้ ตอ้ งทนทาน กนิ ขา้ วบ่ทนั หมดห่อ ซ้าพ่อนามมาหนั (เห็น) ว่าจะไปให้กินตายชา่ งมัน จะไปให้หัน(เห็น)แถมซ้าแถมชอก

๓๑. ลนื ขา้ วกพ็ ออรากกลืน หัวใจเหมือนโดนปลายหอก นา้ ตาชยั วงคไ์ หลออก จะวิง่ เข้าปา่ คนเดว สว่ นแมก่ ็ลุกไลจ่ นทนั จนตัวเปนควันเปน็ เปล่ียว ลกู เาทา้ ผิดครัง้ เดียว หอื้ อภัยหือ้ มนั เหยี กา่ (เสยี เถดิ ) ๓๒. ขอเถอะข้ามีกา้ ขอ พอพอพอจะไปเดือดไปด่า สูบ่ใช่เป็นพ่อนา้ คอ่ ยพดู ค่อยว่าดีดี ลูกเรายงั หนุ่มยังน้อย อายุได้แปดเก้าปี ความคดิ มนั ยังบ่มี จะร้ายจะดีก็เหมือนตัวน้ันน่อ ๓๓. ครานั้นลูกน้อยชัยวงค์ กก็ ้มหวั ลงไหวแ้ ม่กบั พ่อ ลูกบ่าเคยแข็งข้อ แม่พ่อผมก่อจะฟัง วา่ ผมขอโทษเถอะครับ ยอมรบั ขเี้ กา่ ขห้ี ลัง ต่อไปผมจะท้าอะหยัง(อะไร) ห้อื พ่อฆา่ ผมเถอะน่อ ๓๔. สว่ นพอ่ จั๋นต๊ะได้ยินค้าจา จนน่งั แปง๋ (ท้า)ตาเหม่อ ว่าทีพ่ อ่ สวนนเี้ น้อ อยากห้ือลูกเป็นคนดี เพิน่ ว่ามา้ ดีเต่ือมค้า ลูกรักตอ้ งดา่ ต้องตี กา้ สอนพอ่ แมแ่ ตล่ ะที เหมอื นน้าวารสี ะอาด ๓๕. ลูกหนอ้ ยได้ฟงั ค้าสอน ก็อดหลบั อดนอนขนาด เจา้ ก็บเ่ คยประมาท ช่วยแต่พอ่ แม่...ท้างาน เจ้าลกุ กอ่ นกากอ่ นไก่ ไปไร่ไผทึงบ่หัน(เหน็ ) ลวดขดุ แผวกลอยแผวมัน มานงึ่ ส่กู นั ป้อแม่ ๓๖. มคี วามขยนั ขนั แข็ง มะเต้ามะแต๋งก่อช่วยกันปลกู หากนิ วันน้ีขวี้ นั พกู ทา้ ไปตามบา่ ตามแรง บางวนั บไ่ ด้กนิ ขา้ ว กินแตบ่ ่าเต้าบ่าแต๋ง(แตงโม) บางวันหม่า(แช่)ขา้ วนงึ่ แคง น้ึงกลอยกับแอมหื้อนักเพ่มิ

๓๗. ชีวติ ของคนโบราณ สม้ สม้ หวานหวานมอกมะขามเก้ิม(สกุ ) หากนิ ตามดอยตามเถ้ิม ตุกขบ์ ่มีไผเทา่ ไผเทียม บ้านเมอื งยังบเ่ จริญ หาเงินก็ยากก่อเข๋ยี ม(หายาก) เพงิ่ บญุ ขอบกจอบเสยี ม รับจ้างบกดนิ สินราก ๓๘. เอากนั สูบบุหรีมูยา คนตะกอ่ นนนี้ าเพ่นิ ซ้ามามักหมาก แถวบ่เมิน(นาน)ได้ตัดตน้ ขดุ ราก กฎหมายใหม่มนั ...มนั แรง มกี ารเปลย่ี นแปลงระบบ ธรรมเนยี มขนบก็เปลีย่ นแปลง สมัยข้าวยากหมากแพง เพิ่นสั่งตัดตน้ ปูตน้ หมาก ๓๙. สมยั เมื่อตอนตระกลุ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าบุญมาก คนไหนกนิ ปูกนิ หมาก จะตอ้ งโทษอาญา เพ่ินออกกฎหมายเคร่งครัด ออกเปน็ อาญตั ิมาตรา ถา้ คนไหนมีวชิ า จะบไ่ ด้ทา้ นาทา้ ไร่ ๔๐. ตอนนน้ั อายชุ ัยวงค์ ไดส้ ิบเอ็ดปีมาใคว่ รู้จักมีความใคร่ได้ ใครม่ ีวิชา...ปัญญา เลยพดู กับพอ่ แม่ ขอไปรา่้ เรียนศึกษา ใคร่มีวชิ าปญั ญา ใหญม่ าจะได้เปน็ ทีพ่ งึ่ ๔๑. จะอยบู่ ด่ อกบ่ดาย กลัวจะเป็นควายหูหลึ่ง(หนวก) หลบั ตาอยูห่ ้นั พง่ ๆ มีแต่ซ้อมเอื้อง...อยา่ งเดียว เชอื กมดั ทึงขวาทึงซา้ ย มนั ยงั หวา้ ยยงั เหลยี ว กลัวได้เปนควายดงั เหนยี ว ถ้าบ่ได้เรยี นได้อา่ น ๔๒. ครานน้ั แมแ่ ก้วพ่อจัน๋ กเ็ พิ่กสากันหลายด้าน ลกู เราบ่ได้อยู่บ้าน คิดแล้วเป็นดีเอ็นดู แถมอยา่ งหนงึ่ กท็ งึ บ่มี ไผไปไลน่ กไลห่ นู หยังมาทกุ ข์ใจแต้ลู จะมีไผไปเฝ้าไร่

๔๓. ชยั วงคก์ ็ขอทงึ วนั ผอ่ พ่อจัน๋ นงั่ หายใจใหญ่ ว่าพอ่ จะสอนบ่อ้าย จะไปแอว่ เมื่อคา้่ ยามคืน ชยั วงค์ฟ่ังเกบ็ เส้ือผา้ มีหนั อยุห่ น้ั สามผิน เตวไปท่วี ดั แมต่ ืน น้าปุ้ดเปน็ ธเุ จ้า(พระ)อยู่ ๔๔. สะพายผ้าพกอันเดยี ว ก้มหนา้ เทวทงึ บม่ ีชาวหมู่ เข้าไปหาธุ(พระ)น้าเพิน่ อยู่ ถามว่าจะมา...จะฮือ(อย่างไร) ชยั วงค์จะบอกตุ้น้า ว่าจะมาเฮยี นหนังสอื ผมกลวั เปน็ ไอ้บือ นามสกุลเขาทรายแลตซ่ี ๔๕. ธุ(พระ)น้าว่าดดี ดี ี อะไรคงิ มเี อามากองไวน้ ี้ แล้วมาชว่ ยป้ันดินก่ี(อิฐ) ได้หลายหม่นื ก้อนเนอเรา เพนิ่ จะเอาสร้างธาตแุ ก่งสร้าย ซ้าบม่ หี ลัว(ฟนื )มาเผา ปั้นดินก็เซาะหลัวก็เฮา หวั จน๋ ปอเมาวันค่้า ๔๖. ไปเซาะหลัวก็ไดน้ ักแก ขนมาใส่แพล่องน้า เผ่ือแผว(ถง)ก็พอจะคาด กต็ าวันต่้า...ลมเชย ได้ยินเสยี งคนมาเอ้ิน(เรยี ก) วา่ ไอว้ งคเ์ หยวงค์เหย วา่ คงิ ขะใจ๋เวยๆ (เรว็ ๆ) วา่ พอ่ คิงตายแล้วเนอ ๔๗. ชยั วงคต์ กอกตกใจ นัง่ น้าตาไหลใจเหม่อ ตนี มือพอเปน็ เจ้อเค่อ(เหม่ย) บ่ช่างจะท้าย่างได ฟงั่ ไปบอกหอื้ ธุ(พระ)นา้ วา่ พอ่ ของข้าเพน่ิ ตาย จะห้ือผมไปก็บ่ห้อื (ให)้ ไป จะทา้ อยา่ งใดกันน่ี ๔๘. ธ(ุ พระ)นา้ วา่ บ่อถ้าไป จะได้สุม(ก่อ)ไฟเผาดนิ กี(่ อิฐ) คิงเป็นละอ่อนมอกอี้(เทา่ น้)ี บา่ ใจร้ ู้ข.้ี ..สกั อนั แล้วแต่พ่ีนอ้ งทางบา้ น เพ่ินทงึ มาช่วยจดั การ ธุ(พระ)นา้ บ่าพอสงสาร เราเลยบ่ได้หันศพพ่อ

๔๙. นัง่ ใหอ้ ยู่ที่ในเตา เขาจะฟ่งั เอาดินไปก่อ พระธาตุแก่งสรา้ ยน้นั น่อ พอบ่มีเวล้่า...เวลา เราไปกับธุ(พระ)น้า บไ่ ดเ้ รยี นหนงั สอื หนงั หา ตอนนั้นครบู าชยั ลังกา มาเป็นประธานสร้างธาตุ ๕๐. ตอนนน้ั เราเปน็ ขะโยม(เด็กวดั ) ไดอ้ บรมนวโอวาท ไดเ้ รยี นวิดๆ ขาดๆ เพราะท่านบ่มีเวลา นา้ เอาชยั วงคม์ าฝาก กบั ครบู าชัยลงั กา ได้เปน็ ลกู ศิษยค์ รบู า อายุไดส้ ิบสองขวบ ๕๑. ทา่ นครบู าชัยลังกา ท่านสอนสิกขาแบบรัดรวบ อายุย่างสามสิบขวบ เรียนได้ต่างๆนาๆ พอเดือนแปดเหนอื อาธิ วันวสิ าขะนั้นหนา ครบู าก็ร้องเรยี กมา แลว้ เอาผา้ เหลืองห้ือนุง่ ๕๒. ไดเ้ ป็นพระหน้อยแลว้ หนา จิตใจบ่อา้ แตกฟงุ้ ท่องสวดวันค้า่ คืนรุ่ง จิตใจหมายมุ่งต่อไป จนเต้ารอดเดือนเก้า พระเณรเถรเจา้ ตงั หลาย ไดช้ ว่ ยกันแปง(ท้า)บอกไฟ พอ่ งต้าดนิ ไฟตา้ มาด(ดนิ ประสนิ ) ๕๓. ไดพ้ ากันกบั ครบู า จะได้จุดบชู าพรพะธาตุ ตัดที่หว้ ยต้มพระบาท เพน่ิ มีงานประ...เพณี ทวี่ ดั พระบาทห้วยตม้ เพน่ิ ทึงมีงานทุกปี เพราะเปน็ งานประเพณี เพิน่ มีบอกไฟจุดแข่ง ๕๔. ของไผบข่ ึ้นระวงั โดนหม่ินหม้อขาง(กระทะ)ฟ้อนแยะฟ้อนแหย่ง เมาเหล้าอะหล่องต่องแต่ง(เมามาก) เขาเท๊กทาเฝ่า...จนดา้ ขน้ึ แล้วฟ้อนบ่ขึน้ ก็ฟ้อน เปน็ ทุกข์ย้อนไดต้ อกได้ต้า พอ่ งโดนมอมหมิ่นพอด้า เพราะเขาโดนฮา(รุม)ข้ีเฝ่า(ดินปืน)

๕๕. ตอนน้นั พระน้อยชยั วงค์ ไปตามพระสงฆ์ธุ(พระ)เจ้า คอยอุปฐากผ่อเผา้ ไปโตยทุกท่ี...ทุกทาง บว่ ่าเดนิ ดงเดนิ ป่า ทึบ่ห่วงหน้าหว่ งหลัง ไปแผวบ้านลัว๊ ะบ้านยาง ผด(ถงึ )ไปแผวบา้ นนา่้ ข่นุ ๕๖. ทงึ บก่ ลวั แดดกลวั ฝน ชยั วงคอ์ ดทนบุบุ่น(ทะลุ) ขี้นดอยลกู นี้ม่อนปัน(ดอยสูง) ในป่าหลายคนื ...หลายวนั ถ้าครบู าเตวบ่ได้ พระน้อยก็หามช่วยกนั พกั บ้านยางแดงเจด็ วนั ผดไปแผวบ้านทงุ่ เสลย่ี ม ๕๗. เพราะทา่ นได้แสวงบุญ ธรรมเปน็ ทุนยอดเยยี่ ม ครูบาลังกาหาเหลีย่ ม(ชอ่ งทาง) หลบขุนอฟู้ ้า...ไหว้วาน ขอหื้อเปน็ เจ้าอาวาส ครูบาท่านบ่ต้องการ เลยพาพระหน้อยลูกหลาย ไปอยูแ่ กง่ สร้อยสักเตือ้ (ครง้ั ) ๕๘. การเปน็ ธู(พระ)เจ้าครบู า ตอ้ งมีศัทธาความเช่ือ ล่้าดบั ลา้่ ดาถงึ เม่ือ มกี ารกดึ สรา้ งหนตาง ศทั ธาตนแก่ตนเฒ่า ทา่ นมาเปน็ เค้าแผว้ ถาง ทีเ่ พนิ่ จะสร้างหนทาง ขึ้นวดั แกง่ สรอ้ ยพระธาตุ ๕๙. ตามที่เพิน่ ได้นิมนต์ พระน้อยหลายตนก็ไปนกั ขนาด ไปช่วยสร้างทางขึน้ ธาตุ ส้าเรจ็ หลายวัน...หลายคืน ละแม่อยู่วดั บา้ นก้อ นกถึงแตน้ ่อต้องทนฝึกฝน เลยกลบั มาวัดแม่ตนื ด้วยความคดิ ถงึ เจ้าแม่ ๖๐. จิตใจของเณรชัยวงค์ มคี วามหมั้นคงแนว่ แน่ ส่วนครบู าลังกาตนแก่ ท่านแยกไปเดนิ ธุดงค์ สงั ขารเรมิ่ เฒา่ เร่ิมแก่ แตใ่ จทา่ นยงั ประสงค์ เลยพักจากการธดุ งค์ มาพักผ่อนองคเ์ ป็นหลักเป็นแหลง่

๖๑. อยู่เปน็ เจา้ วัดเจ้าวา ชว่ ยกนั พัฒนาตกแตง่ ไปมาหลายที่หลายแห่ง บ่เดี่ยวนี้แข้ง...บ่าทน จะมาอย่วู ดั ห้วยต้ม บ่หื้อตกล้มตกจม เฒ่าแลว้ สงั ขารมันโทรม หกั โหมมานานสงั ขารเส่ือม ๖๒. ตอ่ มามปี อ้ หนานวงค์ เพิ่นอยู่บ้านต้งเสลยี่ ม ท่านได้มาช่วยเตือ่ ม(เพิ่ม) อยู่กับพระหน้อยแถมคน ไปอยูห่ ้นั น้อยน้นี ้อย หยงั มาตา้่ กล้อยใจตน ทา่ นก็เลยได้นิมนต์ ไปอยู่พระบาทห้วยต้มดีกวา่ ก็เลยตกลงลวดขอลาธุ(พระ)น้า ๖๓. ตอนนัน้ พระหน้อยชยั วงค์ ไปอยู่พระบทหว้ ยต้ม...เปน็ คน เพน่ิ อนญุ าตห้ือขา้ ผดแผวเชียงรายเชียงแสน หนา้ แล้งพากนั ขึน้ ไป บว่ า่ ตกเหนือใต้ออก บ่รู้ดา้ ว(เขต)ร้แู ดน แล้วก่อกลับมาท่วี ัดจอมหมอก ๖๔. ไปมาเหยี ทุกทิศศา วา่ ครูบาขาวป๋ี...จะมา ขา่ วชาวบ้านเพิ่นบอก ก็เลยพากันไปหา สร้างพระธาตหุ ้วยเลิก้ เสร็จแลว้ ก่ลาธุดงคต์ ่อ ไปชวยขาวปี๋ครูบา ก็ได้ไปเจอะใส่สามหลวงป้อ ๖๕. เข้าปา่ ไปตามสัจจะ พบใส่หลวงป่หู ลวงลุง เป็นบาระมีสร้างก่อ จนไปผดแผว(ถึง)เชยี งตงุ พากนั เดนิ ดงวงกต ท่านกไ็ ดม้ รณาลาพราก เผ่อื กลบั มาหาธลุ ุง(หลวงลุง) ครูบาลังกามรณาจาก ๖๖. เผื่อพระชัยวงคก์ ลบั มา บ่รเู้ พ่นิ ตายเม่ือใด เพราะเราไปยากมายาก ไดแ้ ต่โศกเศรา้ เสยี ใจ คดิ ถงหาตุ๊ลุงเ(หลวงลงุ )จ้า ก้าลงั โดง่ ดังขนาด ตอนน้นั ครูบาศรวี จิ ยั จาวล้านนาศัทธาประกาศ ๖๗. ทา่ นเปน็ พระพัฒนา ชื่อว่าพระธาตุดวงเดยี ว ทา่ นจะมายกฉัตรพระธาตุ จนตวั เป็นฝ้ันเป็นเกลียว เณรวงค์ก็ไปชว่ ยทา่ น ควนเอาทา่ นเป็นตวั อย่าง ใจกม็ าคดึ เฉลียว

๖๘. ครูบาเจ้าศรีวิชัย ใครก็อวดก็อา้ ง ชื่อเสียงก็โด่งดงั กวา้ ง ตอ่ สรา้ งกุศลุ บญุ แรง เณรวงคก์ ลบั มาจอมหมอก มาบอกวาเราจะแป๋ง(ทา) บ่ว่าวิหารก้าแพง กุฏิหอสงฆ์องคเ์ ทศน์ ๖๙. ได้ข่าวครูบาศรวี ิชยั เพ่ินนมิ นต์ไปสรา้ งทางดอยสเุ ตพ ตามในประวตั ิสังเขป ท่านเปน็ ตนบญุ แรง พอเณรวงค์ร้ขู า่ ว กเ็ ลยทวย(ตาม)ไปช่วยแป๋ง(ทา) ตอนนนั เพิน่ ทานก้าแพง ที่ประตวู ดั สวนดอก ๗๐. ทา้ บญุ ร่วมกบั ครูบา แล้วกก่ ลับมาบ้านจอมหมอก เณรวงค์ก็กลับมาบอก หอื้ หมู่พ่ีน้องศทั ธา วา่ เราจะไปช่วยครูบา ศทั ธาบ่ตอ้ งกองหา ไปพักวัดศรีโสดา เป็นเวลาหลายเดอื นเศษ ๗๑. ทา่ นเจา้ ครูบาศลี ธรรม เปน็ ประธานน้าสังเกตุ ได้รับผมปฏิเวธ ไดห้ ้าเดือนปลายพอดี ตอนนน้ั เญรวงค์อายุ บรรลุได้ย่างเข้าย่สี บิ ปี สองสีเ่ จด็ หกพอดี เดือนแปดเหนือแรมสองค่้า ๗๒. อุปสมบทท่ีวดั ยางแปง นาบุญท่านแรงยิ่งลา้ บญุ กศุ ลเต่ือม(เพ่มิ )คา้ ทา่ นครบู าเจ้าพรมมา ตนเปน็ อปุ ชั ฌายะ พระจัน๋ ต๊ะเป็นกรรมวาจา พระชัยยะวงศาพัฒนา น้คี อื ฉายาพระใหม่ ๗๓. ทา่ นครูบาพรมจกั รสงั วร เป็นครูบายองตนยงิ่ ใหญ่ วปิ ัสสนาเทวไต่ เปน็ ตนอุปัช...ฌายา ครูบาขาวปสี๋ อนปริยัติ ครบู าพรมจักรเป็นตนเมตตา สงั่ สอนวิปัสสนา ตามปฏิทาท่านบอก ๗๔. จากน้นั ท่านก็มาหา ศทั ธาท่วี ัดจอมหมอก พ้นวัสสาแล้วก็บอก หอ้ื หมพู่ ่นี ้องชายญิง เข้าไปขอธงธรรมจักร ทสี่ ้านกั วดั พระสงิ ห์ ก็ไปได้ยนิ ตามความจริง พระเณรเถรน้อยเขาบอก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook