๗. ชื่อเสียงพระอทุ ุมพร ดงั ขจรไปเหียทุกแห่ง หลายประเทศเขตแหลง่ ตา่ งเล่าสืบสบื กนั ไป ตอนนั้นพระเณรเถรเจ้า บา้ นเรายังบ่มีหลาย มพี ระเมืองสโุ ขทัย ก้าลงั เรมิ่ ไปเรียนต่อ ๘. ช่ือพระอะโนมะทัสสี และพระสุมะนะน้นั น่อ ได้ไปศึกษาเรียนตอ่ ที่กรงุ ศรีอยุธยา ไปเรียนพระไตรปิฎก ทา่ นได้ไปจ้าพรรษา ส้านักอุทุมพรมหา ครบหา้ วสั สาตามหลักสตู ร ๙. กลบั มาเมืองสโุ ขทยั ร่งุ เรอื งไรเป็นสมณทูต พระไตรปิฎกเรียนจบตามสตู ร เผยแผ่แก่หมศู่ รัทธา ใครใคร่บาชเป็นธุเจ้า (พระ) เข้าสู่ในศาสนา ภิกษุสองรปู จะได้พา ไปบวชในเมอื งพม่า ๑๐. ตอนนนั้ พระอุทมุ พร ไดพ้ ยากรณ์ไว้ว่า พระศาสนาจะเจริญก้าวหนา้ ขึน้ ในผนื แผ่นดินไทย ขอให้พระสงฆท์ ุกรูป ชว่ ยกันเผยแพรข่ ยาย แผพ่ ระธรรมวินัย ตามโอวาทปาฏิโมกข์ ๑๑. สว่ นพระอะโนมะทัสสี ไปอยู่ธานีสวรรคโลก นา้ ธรรมะปาฏิโมก ที่สวนศรีสชั นาลัย ส่วนพระสุมะนะเถรา ก็ไปสอนศรทั ธาตังหลาย ท่ีในเมืองสุโขทัย จาวเมอื งมีใจชมชื่น ๑๒. มีเร่ืองปาฏิหาระ พระสมุ ะนะหลบั สะดุง้ ต่ืน ยามจกั ใกลแ้ จ้งร่งุ ข้นึ ทา่ นกน็ ิมิตฝนั ไป มีเทวะดาเจ้ามาบอก ชี้แนะแจ่มแจ้งแถลงไข วา่ ขอนมิ นต์ท่านไป ขุดเอาพระบรมธาตุ
๑๓. มอี ย่ทู ี่เมืองปางจา ทพ่ี ระเจา้ ธรรมาอโศกราช ได้เคยน้าเอาพระธาตุ บรรจไุ ว้หนั้ เมินนาน (ท่ีน่นั นานมาก) อันว่าสารรี กิ ธาตุ ยงั คงประดิษฐาน ใต้ตน้ ดอกเข็มเต็มลาน สณั ฐานด่ังรูปมา้ น่งั ๑๔. เม่อื พระสุมะนะสะด้งุ ตื่นมา ก็ไปกราบทลู สาฟ้าวฟัง่ (รบี ) ได้ทลู ความฝันทุกอย่าง หอื้ (ให)้ เจ้าเมืองสโุ ขทยั ได้ทราบเร่ืองราวนมิ ิต พระองค์ทรงคิดสงสยั ทีเ่ มืองศรสี ัชนาลยั ขอพระเจ้าฤาทัยทรงอนญุ าต ๑๕. พระเจา้ ธรรมะราชา ไดพ้ าเสนาอามาตย์ ไปลองขดุ ที่พระบรมธาตุ ฤทัยเจา้ ราชบญั ชา สองพระหน่อเจ้าจอมไตร ทรงรว่ มพระทยั อาสา ไหวส้ าเจ้าทีเ่ ทวา ทรงโผด (ปราณี) ขุณณาด้วยเถดิ ๑๖. ถวายเคร่อื งเสน้ ยอโยง กอ่ นจะขุดหาองค์พระธาตุประเสรฐิ เครื่องสักการะลา้ เลิศ บา้ เพญ็ กุศลบนบาน ไพร่ฟ้าข้าคนนอ้ มไหว้ ตัง้ ใจร่วมอธิษฐาน บังเกดิ เปน็ โชตะนาก๋าร แสงปาฏหิ าริย์ร่งุ โรจน์ ๑๗. พทุ ธะเจา้ ปาฏหิ ารยิ ์ รศั มีเบ่งบานฉายโฉด บางพ่องก็ลุกกระโดด ด้วยความปีตยิ ินดี หันแสงระยิบระยบั อา่ นนับมายมายหลายสี พระธาตุองค์พระมุนี เกดิ รศั มีทีท่า ๑๘. ครานั้นองคธ์ ิราชา สั่งห้อื เสนาไพร่ฟา้ สมาทานศีลแปดห้า เหมือนกนั ทุกหวั ตัวคน กายวาจาใจสะอาด หื้อได้เป็นบุญกุศล พอไดฤ้ กษย์ ามมงคล ก็ขุดเขตบนตั๊ดท่ี
๑๙. ตา่ งชว่ ยกนั ขุดกันขวั ะ (ตัก) กไ็ ด้ไปพบใส่บา่ ดนิ กี่ (ก้อนอิฐ) เตรียมดางเครื่องมอื เต็มที่ พ่องขนดินกี่ (อฐิ ) ขนดนิ กว่าจะได้เห็นผะอบ ทเี่ พน่ิ ฝงั กลบด้วยก้อนหนิ บไ่ ช่มรี ถขุดดนิ เหมอื นสมยั วทิ ยาศาสตร์ ๒๐. ผอ่ (ดู)เขาขุดกร่นุ จนฝุ่นตลบ พบใสผ่ อบท่ีบรรจุพระธาตุ เป็นทองเหลืองใสสะอาด บรรจพุ ระธาตมุ าเมนิ (นาน) บก่ องขดุ ออกมาได้ ต่างยกมือไหว้สรรเสรญิ ชั้นทส่ี องน้ันเป็นเงนิ ชั้นในยังมีแถมอยู่ ๒๑. ชาวบา้ นไหลกันมากอย (ดู) นกั อย่างกับปอยเพิ่นอู้ (คนเยอะเหมอื นมีงาน) ตา่ งกใ็ ครห่ ันใคร่รู้ ผอบธาตุเจ้าองค์ค้า ใครห่ ันองคพ์ ระธาตุเจ้า คนหนมุ่ คนเฒ่าไหลหลาม พอเปิดดูชั้นทีส่ าม เป็นผอบทองคา้ นี่ ๒๒. ชน้ั ท่ีสามเป็นทองคา้ ดี แล้วกย็ งั มีแผวช้ันที่ส่ี ในผอบชน้ั น้ี งามบ่มที ปี่ ระมาณ ขนคงิ เราจนพอหลู้ (ลุก) ได้ยนิ เพนิ่ เลา่ กลา่ วขาน เป็นผอบแกว้ ประทาน ป้าหยงั ใครห่ นั (เหน็ )แตน๊ ่อ ๒๓. องค์พระธาตเุ จ้าบุริม เท่าเมด็ ทับทมิ บ่กอ๊ (เมด็ เล็กๆ) ต่างคนก็มาคิดผอ่ (ด)ู ว่ามันจะแมน่ ก็ชา เซาะหาที่เปิดท่ีปดิ มดิ ชิดสนทิ แหน้นหนา พากนั ตั้งสตั ยา อธษิ ฐานอานุภาพ ๒๔. พระสมุ ะนะเถรา ยกมอื ขึ้นสาน้อมกราบ ด้วยเดชฤทธิอ์ านุภาพ ผอบกเ็ ปดิ เองเดียว หัน (เห็น) พระบรมธาตุ ประมาณเท่าเม็ดถ่ัวเขยี ว สเี หลอื งดง่ั ทองคา้ เปลว จรดงดงามสะพรงั่
๒๕. พากนั สกั การะบชู า ปสาทะศรัทธาเป็นที่ต้ัง สง่ั หื้อเสนาฟา้ วฟ่ัง (รีบ) ไปเมืองศรสี ัชนาลัย เสนากท็ ูลเจา้ ราช ขา้ บาทขอทูลถวาย บา่ กองทราบรู้พระเจ้าฤาทัย ทรงมีจติ ใจขมชื่น ๒๖. ส่ังหือ้ ขา้ ทาสบรวิ าร แป๋ง (ทา้ ) ยงั สุวรรณปราสาทขึน้ พระทรงปตี ิตันตืน้ งดงามดง่ั ยอดเชียงคาน อญั เชิญพระธาตุศักดิส์ ทิ ธ์ิ นั้นข้นึ ประดิษฐาน บนปราสาทแกว้ สุวรรณ จัดคนลอ้ มในล้อมนอก ๒๗. ส่วนวา่ พระเจา้ ฤาทัย สงั่ อ้ามาตย์ไปไขบอก ฝูงหมู่ชาวเมืองรอบนอก นา้ ธปู เทยี นดอกมาลา ครานน้ั ญงิ จายหนุม่ เฒ่า ตา่ งหลัง่ ไหลเขา้ มาไหวส้ า พระเจา้ ธรรมะราชา ทรงพระปรีดาล้ายิ่ง ๒๘. พระเจ้ากรงุ สโุ ขทยั ทรงมพี ระทัยน้อมหล่งิ ฟงั เร่อื งปาฏหิ ารยิ ท์ ุกสิ่ง ปูน๋ ดใี ครห่ นั (เห็น)สักวนั เพ่นิ วา่ สิบซาวค้าเล่า บเ่ ทา่ สองตาได้หัน เปน๋ เรื่องน่าอัศจร๋ รย์ ปูน๋ ดใี ครห่ นั พระธาตุ ๒๙. พระเจา้ ธรรมะราชา เลยสั่งหื้อ (ให้) เสนาข้าราษฎร์ ไปอญั เชิญพระบรมธาตุ จากเมืองศรสี ชั นาลัย มาถึงเมืองสุโขทยั สมมโนนัยมุ่งหมาย พระองค์ทรงจัดถวาย เคร่ืองสกั การะเป็นพเิ ศษ ๓๐. แล้วตง้ั สัตยาธษิ ฐาน ขอเกดิ ปาฏิหาริย์ิห้ือ (เห็น) ทอดพระเนตร พระองค์ทรงไดส้ ังเกต ก็บบ่ งั เกิดเหตอุ นั ใด บม่ ีอา้ นาจเดชฤทธ์ิ จากสง่ิ ศักด์ิสิทธ์ิท้ังหลาย พระองค์ทรงอ่อนพระทัย บ่มีส่งิ ใดบังเกิด
๓๑. ค้าเล่าบ่เท่าตาหัน (เห็น) เป็นค้าเล่าขานประเจอ้ ประเจิด ทา่ นว่าเอาคนื ไปเถดิ บอกกบั สมุ ะนะเถรา เมืองสุโขทยั เราน้ี คงบม่ ีวาสนา พระเจา้ ธรรมราชา ทรงพระอานุญาตให้ ๓๒. ยกห้อื พระสมุ ะนะ เป็นมหาเถระอาจารย์ใหญ่ สอนปรยิ ตั ธิ รรมให้ แกช่ าวเมืองสโุ ขทยั คา้ สอนขององค์พระพุทธ หอ้ื แก่ศรทั ธาตังหลาย แผว (ถึง) เมืองศรีสชั นาลัย ทา่ นเผยแพร่ไปผับใคว่ ๓๓. ตอนนจ้ี กั ขอย้อนมา ถึงเมืองลา้ นนาเชียงใหม่ มเี จา้ แผน่ ดินเป็นใหญ่ น้ันคอื พญากือนา ต้ังอยใู่ นทศพธิ อทุ ศิ พระศาสนา ใคร่หือ้ มีการศึกษา ข้นึ ที่ในเวียงเชียงใหม่ ๓๔. หวังพึง่ ศลี ะพระธรรม ในพธิ กี รรมน้อยใหญ่ ได้สบื ถามไปผบั ใคว่ ใคร่มีพระสงฆ์องคช์ ี ผูท้ รงพระไตรปฎิ ก ธรรมะแหง่ พระชินสหี ์ รู้ขา่ วพระสวามี เจ้ามใี นเมืองพมา่ ๓๕. สง่ ราชทตู อาสา ตามพระอาญาเจา้ ฟ้า พอไปถึงเมืองพมา่ เข้าถงึ สา้ นักมณฑล ทา่ นเลยได้มอบลูกศิษย์ แทนตัวท่านมาสบิ ตน มอบหมายหื้อพระอานนท์ เป็นประธานตนผใู้ หญ่ ๓๖. ไดน้ า้ พระศาสนา เผยแพร่สู่เมอื งเชียงใหม่ พระเจ้ากือนาโปรดให้ ชาวเมอื งได้ฟงั ได้ยนิ ไดเ้ ขา้ กราบสักการะ รู้จักไหว้พระรับศีล คณะสงฆไ์ ด้พักพิน ส้านักโมฬีวัดโลก ๓๗. นบั ต่อจากน้นั มา พระเจ้ากอื นากเ็ ริ่มท้าโฉลก เพือ่ ห้ือพน้ ทุกขพ์ ้นโศรก เชียงใหม่จะได้รม่ เย็น มีราชโองการถึงพระ ทเี่ ปน็ คณะมหาเถร จะได้บวชพระบวชเณร ขน้ึ ในเขตเมอื งเชยงใหม่
๓๘. คา้ ตอบพระสงฆต์ ังหลาย วา่ ทา้ ตามวนิ ยั บอ่ ได้ พระอุปชั ฌาย์ผู้ใหญ่ บ่อได้มอบหมายต๋นมา หมู่เราเป็นเพียงลูกศิษย์ กลวั ผดิ กรรมวาจา บส่ ามารถฉลองศรทั ธา องค์พระกอื นาเจา้ ราช ๓๙. คณะสงฆ์ได้ทลู สนอง วา่ มีพระองคร์ องจอมปราชญ์ ทา่ นเปน็ ลูกศิษย์กน้ บาตร สา้ นกั พระอทุ ุมพร อยู่ที่เมืองสุโขทยั ได้ไปเผยแพร่ส่งั สอน ศาสนะพระบวร ท่านสอนมาโดยตลอด ๔๐. ครานัน้ พระเจา้ กือนา ไดม้ ีอาญาสั่งสอด หือ้ หมืน่ เงนิ กองกับผา้ ขาวยอด ไปท่ีเมืองสโุ ขทัย รับปากบ่ได้กังวล สามคนกับผา้ ขาวสาย ไปวัดป่าแกว้ สุโขทัย กราบทลู ถวายหลวงปู่ ๔๑. หลวงปูส่ ุมะนะเถระ มอบห้ือพระนนั ทะนน้ั อยู่ ส่วนตวั ทา่ นก็ได้มุ่งสู่ นครเชียงใหมธ่ านี พรอ้ มกบั ลูกศษิ ยร์ ปู หนึ่ง อายปุ ระมาณซาว (ยส่ี ิบ) ปี ช่ือกัสสะปะเดิมที คอยอปุ ฐากกอยผ่อ (คอยดู) ๔๒. พญากือนาทรงหา้ งร้พี ล รบั ท่ีตา้ บลแสนข้าวห่อ เชิญสุมะนะหลวงพอ่ มาพักทีว่ ัดพระยืน มีวนั ออกเมืองล้าพูน ศรัทธานาบญุ มาเป็นแผ่นเป็นผนื เมืองหละปูนวัดพระยนื ทุกคนื มาฟงั พระสวด ๔๓. ในปีหนึ่งเก้าหนึ่งสอง ได้จัดฉลองนกั บวช มอี ยู่หลายหมูห่ ลายหมวด นกั บวชทึงพระทึง (กับ) เณร ตอนนั้นพระกัสสะปะ ไดน้ า้ เถระพระเถร ปฏิบตั ติ ามกฏเกณฑ์ บ้าเพญ็ ตามปจั จเวกขณ์
๔๔. ตอนนัน้ พระสุมะนะเถระ ไดร้ ับสมณาภิเษก เปน๋ ราชครตู นเอก จากพญากือนา ตัง้ ชื่อพระสุมะนะ บุพผารตั นะมหา สวามีเจา้ นั้นนา พญากือนาตง้ั แต่ง ๔๕. เป็นใหญแ่ ก่คณะสงฆ์ ไดข้ ้นึ ด้ารงต้าแหนง่ แผ่นดินล้านนาเขตแห่ง เจา้ ราชวงศม์ ังราย ยามนัน้ พระสวามเี จ้า ได้นา้ เร่ืองเข้าถวาย เล่าความเป็นมาเปน็ ไป เก่ียวกับพระบรมธาตุ ๔๖. ส่วนว่าพญากือนา ก่อบังเกดิ ศรัทธาขะหนาด ไปอญั เจิญพระบรมธาตุ ขององค์พระศาสดา สง่ั หอ้ื (ให)้ เอาน้าสะอาด ใส่ถาดทองค้ามาหา รองรบั พระธาตอุ งคศ์ าสดา ด้วยสคุ นธาใสสวา่ ง ๔๗. ดว้ ยพทุ ธปาฏิหาริย์ บังเกดิ เหตุการณต์ ่าง ๆ พระธาตลุ อยขึน้ พรพุ รง่ั ปทักษิณแวดไปมา พญากือนาสังเกต ทอดพระเนตรเต็มสองตา มดื ฟ้าบดฝนลงมา เป็นตี้นา่ อัศจาประหลาด ๔๘. พระทรงปีติศรัทธา ส่งั หือเสนาอามาตย์ รกั ษาดแู ลพระธาตุ ตง้ั เวรสอ่ งสวาดวนั คนื ห้ามหมศู่ รัตรูอามติ ร ไผอยา่ ได้คดิ ฝ่าฝนื สา้ นักวัดพระเจา้ ยนื ต้งั เวรทกุ วนั คืนเข้าออก ๔๙. ทีพ่ ระสุมะนะเถรา ไดอ้ าศัยมาท่านบอก ได้ย้ายไปอยู่วดั สวนดอก เม่อื เป็นสรา้ งเป็นพระอาราม เป็นป่าดอกไม้คะยอม ลูกศิษย์พากนั ติดตาม ช่ือวา่ วัดบุพผาราม พระราชทานนามต้งั บอก
๕๐. ถึงสมยั ปจั จบุ ัน เพน่ิ เรยี กกนั ว่าวัดสวนดอก พญากือนาท่านบอก มอบหมายหื้อพระสวามี ตั้งห้ือเปน็ เจา้ อาวาส ของวดั สวนดอกหลายปี ได้พร้อมกน๋ั สร้างเจดยี ์ เป็นปูชนยี ์ภิวาทย์ ๕๑. สบิ นิว้ ยอข้ึนประนม พระบรมสารรี ิกธาตุ สั่งห้ือขา้ หลวงข้าราษฎร์ ห้อื มาสรงน้าทุกคน ทรงตง้ั สัตยาอาธิ ต๋ามพระด้ารแิ หง่ ตน ขอธาตุองค์ทศพล แยกเปน็ สองทลสองสว่ น ๕๒. บังเกดิ เปน็ อัศจรรย์ ทกุ คนต่างหันน้าเดือนปปุ ่วน พระธาตแุ ยกเป็นสองส่วน มีเมด็ สเี หลอื งเชียงคาน เปลง่ แสงประกายใสสวาด ด้วยอ้านาจอธิษฐาน ในผอบแกว้ แพรวพรรณ ตามในต้านานท่านบอก ๕๓. ส่วนหนงึ่ เอาเปน็ ปูชนยี ์ บรรจเุ จดยี ท์ ใ่ี นวัดสวนดอก บ่วา่ คนในคนนอก ไดส้ ากราบไหวบูชา พญากือนาราชะ ปรกึ ษาสมุ ะนะมหา วา่ ใคร่สถาปนา พระธาตเุ จา้ แถมองค์หนึ่ง ๕๔. ไวใ้ นเสฏฐสถาน ไว้หือ้ ลกู หลานได้เป็นที่พ่ึง ตอ้ งหาท่ีใดท่ีหนึ่ง สร้างพระเจดยี ์มงคล อัญเจิญผอบพระธาตุ ปทักษิณรอบสามหน ขึ้นส่หู ลังจา๊ งมงคล เข้าสู่ไพรสณฑห์ นปา่ ๕๕. จา๊ งมงคลคชสาร ออกจากสถานอวา่ ยหน้า น้าฝูงขบวนไพร่ฟ้า เข้าสูใ่ นป่าคีรี ตา่ งคนมใี จแซซ่ ้อง เอากลองเอาฆ้องมาต๋ี ตามหลังมงคลหตั ถี ตุริยะนนถรี ้อยแปด ๕๖. เตรยี มพยหุ ะไพร่พล ทึงบ่กลัวฝนกลัวแดด ชา้ งมงคลส่งเสียงแผด ๆ สามครง้ั แล้วออกประตูเวียง ฟงั คนปากันรอ้ งโห่ ฟงั ช้างโอกโอส้ ่งเสียง มงุ่ ไปตังวันตกเวียง ถงึ ดอยชา้ งนูนช้างมบู
๕๗. ครานัน้ พญากือนา และพระเถระทุกรปู หันชา้ งคานคานมูบมบู แลว้ กเ็ ดนิ หนา้ ต่อไป ไปหยุดอย่ดู อยลกู นน้ั จากห้ันไปแถมบ่อไกล๋ ตอนนน้ั ช้างมงคลชยั เหมอื นจะหยุดหายใจนงิ่ เงียบ ๕๘. เสนาพากันเลง็ กอย (ดู) ทบี่ นหลังดอยราบเรยี บ พากนั น่งั ลงพบั เพียบ ต่างนอ้ มไหวส้ าวอนวาน ว่าขอนา้ เอาพระธาตุ น้ไี ปประดิษฐาน หยดุ พกั ได้ปอประมาณ เพิ่นเรียกกนั วา่ ดอยสามยอด ๕๙. พอช้างไดพ้ ักผอ่ นกาย ก่อเดนิ ต่อไปตลอด พน้ จากบนดอยสามยอด ไปแถมเจ้นเรยี กได้ยิน ดอยลกู น้มี นั สงู ล้า จนน้าบ่มจี ะกนิ ช้างก็คกุ เข่าลงดนิ แล้วเดนิ ทกั ษิณาสามเตอื้ (รอบ) ๖๐. ปู๋นดสี ะหล้ังสงั ก๋า (สังเกต) ปรากฏแก่ตาเหมอื นสิ่งเหลือเชื่อ บเ่ คยไดเ้ หน็ ค้าเตื้อ หนั (เห็น) ชา้ งเผือกแกว้ มอบลง แล้วสง่ เสยี งฮอ้ งครวญคราง ดังก้องในปา่ เขาโขง แลว้ ช้างกอ่ คุกเขาลง ยองวงขึน้ ทอดพระธาตุ ๖๑. หมูท่ ีต่ ิดตามหลามผด (เข้าไปด)ู พากนั สลดเอน็ ดขู นาด เขา้ ไปอัญเจิญยังองค์พระธาตุ ลงจากหลงั ช้างมงคล น้าตาช้างคชราช ยอ้ ยอยาดตามแกม้ ตามขน เทวเป็นด้นดน้ หนหน กลง้ิ ตกหลงั บนดอยสุเต้พ ๖๒. พ่อช้างไดอ้ ุทิศกาย วางวายจากบุญหนนุ เสพ ได้เป็นเทวาเจ้าเทพ รกั ษาองค์พระเจ๋ดยี ์ ขอห้ือวิญญาณพอ่ ช้าง จงมีแต่ความสุขี เลยพากันสร้างอนสุ าวรยี ์ เรียกว่ากยู่ ชี ้างเผอื ก
๖๓. ช้างของพอ่ เจ้ากือนา ม่งิ มว้ ยชวี าไปแลว้ หนง่ึ เชือก ผลบญุ จงุ่ ได้เป็นเปลอื ก ปกปกั ห่อหุ้มคุ้มดอย ขบวนพอ่ เจา้ กือนา ศรทั ธาทา่ นบ่ยอมถอย สงั่ ห้อื เขาขดุ ยอดดอย ลกึ ลงประมาณแปดศอก ๖๔. ความกว้างประมาณหนึง่ วา เอาก้อนดินหนามาทบั ตางนอก หอ้ื หนาประมาณเจด็ ศอก บรรจุพระธาตุลงดนิ พ่อเจา้ กอื นาก้าชับ ตังบนหอ้ื ทบั ด้วยหิน กือนาพ่อเจ้าแผน่ ดนิ ทรงพระศรัทธาชมชื่น ๖๕. พระธาตุสุเทพนน้ี า พญาก๋ือนาเป๋นผูส้ ร้างข้นึ ใครกน็ ิยมจมจน้ื จน๋ เตา๊ ถงึ ปจั จุบนั องค์พระธาตุเจ้าเจดยี ์ เป็นปูชนียส์ ถาน เป็นท่เี ล่อื งจช่ือลือนัน อรัญเขตขวัญพระธาตดุ อยสุเทพ วางเพลง………
ปรชั ญาศาสนา บทซอเรอ่ื ง ตัว๋ เฮาบ่าไจ้ของเฮา ทานองเพลงอ่ือ ประพันธ์โดย แม่ครูบวั ซอน ถนอมบญุ ๑. ค่อยฟงั ยงั ก่อนเทอะนาย บ่าว่าหญิงชายแกเ่ ถ้า มอ่ น (ตัว) ขา้ จกั ขอเล่าเคา้ เรือ่ งคนก้าเนิดเกดิ มา พอ่ งก็เป็นทอมเปน็ ตดุ๊ มนุษย์ในโลกโลกา ข้าเจ้าจักไขขียา (บรรยาย) ตามอภธิ รรมท่านวา่ ๒. มีเกิดมีแก่มเี จบ็ มตี าย ทั้งหญงิ ท้ังชายป่ลู ุงแมป่ า้ เร่ืองเทวทตู ทง้ั หา้ มอ่ น (ตัว) ข้าจะได้บรรยาย ชาตเิ กิดมาเปน็ คน มีเกดิ มีแกม่ เี จ็บมีตาย ไม่ว่าเจ้าว่านาย เรากจ็ ักตายเหมอื นเพ่ือน ๓. อนั วา่ ชาตธิ ัมโม เมือ่ แม่เจบ็ ท้องกล้งิ เกลอื่ น เหงื่อปอไหลไคลปอเลื่อน หยงั มาลา้ บากเต็มที กนั (คร้นั ) พ้นจากท้องแม่เจ้า เขากเ็ อาไปชว่ ยล้างขัดสี ได้สหี่ า้ เดอื นพอดี ฝกึ นอนสะแกง (ตะแคง) ปิน้ (พลกิ ) อวบ ๔ พอ่ แมเ่ ล้ียงดผู อ่ เฝ้า จนเจา้ ย่างเข้าเกอื บขวบ กา้ ลงั ฝกึ คลานฝึกอวบ ปากยงั บา่ เปน็ คา้ คน (พูดยังไม่รูภ้ าษา) ก้าลงั เกาะไหนลุกหนั้ ย่างบา่ เปน็ บาทเปน็ หน (ก้าลงั หดั เดนิ ) กวา่ จะได้มาเปน็ คน ฝึกหดั ยา่ งเทว (เดนิ ) ก่อนน้อ ๕. กนั ได้ขวบหน่งึ ปีปลาย ก่อฝึกฮ้องแมร่ ้องพ่อ มาเปน็ ทกุ ขแ์ ม่ไดผ้ ่อ จนเท่าใหญห่ น้ากล้าบาน สอนทงั้ คา้ อู้กา้ จาก้าอู้ จนรู้ยะเวยี กทาการ (ท้างาน) จนเต้า (ย่างเขา้ ) ใหญ่หนา้ กล้าบาน ยะการ (ทา้ งาน) แทนมือพ่อแม่ ๖. เร่ิมเขา้ ทุกขธัมโม เร่ิมใหญ่เร่มิ โตแล้วแหล่ ก้าลงั วังชากล้าแก่ เหมอื นดังดอกไม้แบง่ บาน อายุยา่ งเข้าซาว (ยสี่ บิ ) นา้ เรียกวา่ คนล้าฉกรรจ์ รูจ้ กั ทา้ การท้างาน มาเป็นทกุ ขังแทน้ ่อ
๗. บ้างหาเงนิ เลย้ี งลูกเลี้ยงเมีย บา้ งหาเลยี้ งแม่เลยี้ งพ่อ บา้ งหาไวก้ ินสบื ต่อ บา้ งหาเล้ยี งตัว๋ คนเดียว บา้ งก็มีของมีข้าว บา้ งถงึ กับหน้าเศรา้ หนา้ เขยี ว มันก็เหมือนกนั กู่เมียว (คล้ายคลึงกัน) ผดา (ธรรมดา) เกิดมาในโลก ๘. อายุส่สี ิบหา้ สบิ เข้ามา มาเปน็ ทุกขาทุกโขก บางพ่องเรม่ิ เป็นมะโหก (ริดสีดวง) บา้ งยา่ ง (เดิน) สเรเปปงั พอ่ งเปน็ หลังเกาะหลังก่อง (หลงั คอ่ ม) มาเทยี วขาว้องฟดั กนั (เดินขาขวิดกนั ) พอ่ งเปน็ หูตาฝ้าฟาง ทุกขะธัมมังมาไคว่ ๙. อายหุ กสบิ เจ็ดสบิ พ่องกเ็ ป็นอิด (เหนือ่ ย) ยะหยังปอบา่ ได้ (ไม่ได)้ ชราธัมโมมาไควถ่ ึง มัจจรุ าชไล่ทวย (ตาม) มา บา้ งเจ็บแอวปวดท้อง พอ่ งเปน็ เจบ็ หัวมัวตา พ่องเปน็ เจบ็ แขง้ ปวดขา ลกู หลานพอชังพอหน่าย ๑๐. เปยี ธิ(พยาธ)ิ นี้ก่าธมั โม มาเป็นดีเบือ่ ดีกา่ ย (เบอ่ื หน่าย) ลูกหลานพอจังพอหน่าย มาเปน็ อืดๆครางๆ (โอดโอย) บดึ (เดยี๋ ว) ก็ก๊ัด (แน่น) หลังกดั๊ แหล่ รอ้ งลกู หลานมานวดบบี หลงั ลูกหลานพอหน่ายพอชัง วา่ ตายกบ็ า่ ตายสกั เทอ่ื ๑๑. แปดสิบเก้าสิบมาทนั เนือ้ หนงั ผวิ พรรณทงึ บา่ ใสบ่าเรอ่ื (ไมส่ ดใส) โรคชราเข้ามาเจอ่ื ๆ (บ่อย) จกั เข้าสมู่ รณา ให้ระวงั เถอะเจา้ มว่ ่าแกเ่ ถา้ เดก็ ขา อนิจจังวฏั สังขารา มันตงึ บา่ หมัน้ บ่เตย่ี ง (ไมเ่ ท่ียงแท)้ ๑๒. อันมรณาความตาย มันทงึ ไมไ่ ดห้ ลีกเล่ยี ง มนั ทึงรู้บิดรู้เบยี่ ง รู้วา่ เหงยี่ ง (เอียง) คว้่าไปมา มเี กิดมีแก่มีทุกข์ มนุษยใ์ นโลกโลกา อนจิ จังทกุ ขังอนัตตา มนั เปน็ ธรรมดาของโลก
๑๓. ไมร่ ู้เวลานาที อุทกภยั รีเกดิ วปิ โยก มาตายกองกันโอกโหยก (มากมายก่ายกอง) บา่ ตนั รู้เน้ือรู้คงิ (ไมท่ นั รู้ตัว) เพราะเกดิ ภยั ธรรมชาติ เพราะมัจจรุ าชเข้าสงิ บ่าวา่ เฒ่าแกช่ ายหญงิ ตายบ่าได้ลาได้สง่ั ๑๔. เป็นท่ีหนา้ สลดใจ วา่ คนไทยคนหลง่ั ไมเ่ หลอื อะไรสักอยา่ งสักอยา่ ง บา่ วา่ เบยี้ หอยเงินทอง ถกู เคล่อื นทะเลโหดซดั พดั ลงทะเลเปน็ กอง เห็นแล้วสยดสยอง มันเปน็ เร่อื งหน้าอนาถ ๑๕. บางคนน่งั รถเกง๋ มา ถกู นา้ พดั พาลงหาด บา้ งก็แขนขาดขาขาด พัดไปคนทค่ี นทาง คลนื่ ชูนามปิ น่ั ป่วน ทว่ มตกึ จมไปหลายหลงั ระนาดระเนเพพงั มาเปน็ ทกุ ขังเศรา้ โศก ๑๖. เพ่ินร้อง (เขาเรียก) มหันตภัย เกิดความเสยี หายเป็นอันดบั โลก ที่มันเกดิ วปิ โยค ตามในพุทธตา้ นาน คนตายกระอกั กระอว่ ม น้าทว่ มเจ็ดเช่นตน้ ตาล คนท่ีเคยอยสู่ ุขบาน แสนทรมานแห้งเห่ยี ว ๑๗. ตามแหลง่ ภเู กต็ พังงา เปน็ แดนดาราท่องเทยี่ ว เดี๋ยวนก้ี ลายเป็นป่าเรี่ยว (ปา่ ช้า) เหมอื นดง่ั สุสานคนเปน็ คนตายกับภัยบา้ บิน่ อากาศส่งกล่ินเนา่ เหมน็ บางพอ่ งคลื่นพดั สะเดน็ (กระเดน็ ) ไปตกในหลุมในบ่อ ๑๘. ผัวตายละเมีย เมยี ตายละผัว ลกู ทลู หวั ตายจากแม่พ่อ เป็นท่นี ่าเอน็ ดแู ทน้ ่อ เขาบ่อ ชา่ งหวา้ ยชา่ งลยู (ว่ายน้าไมเ่ ป็น) บางพ่องก็รอดมาได้ มาน่งั ไห้ๆหุยๆ (ครวญคราง) อดอยากปากแหง้ เปน็ ผยุ ๆ ไมม่ ีข้าวกนิ๋ น้าอาบ
๑๙. บางพ่องนุ่งเส้อื ตวั เดยี ว เน้อื ตวั พอเหนยี วเหนบิ หนาบ หนั แตซ่ ากทะเลสาบ ทงึ บ่อมฟี ืนมีไฟ อนั โทรเลขโทรศพั ท์ สอ่ื สารเครือ่ งรับเสียหาย หันแตซ่ ากศพคนตาย ไหลข้นึ อดื นองพองไก้ ๒๐. บ่าวา่ เจ้ารถเจา้ เรอื มนั ทึงไมเ่ หลือให้ไว้ บางคนก็มานงั่ ไห้ ไหวห้ าพระเจ้าพระธรรม ลูกเมยี ก็เสียชีวติ ดว้ ยคลนื่ วกิ ฤตกรรม เคยอยูบ่ ้านสวนงามๆ เปน็ วิมานยามพักผ่อน ๒๑. เกดิ ความพนิ าศฉิบหาย หวั ใจจนพอเหนื่อยอ่อน เหมือนคนตีนกดุ มือหล้อน (แขนขาพิการ) รา่ งกายทงึ อ่อนทงึ เพลีย มาหนั แตน่ ้ากับทราย สมบัตลิ ม้ ละลายหายเสีย มาขาดทึงลูกทึงเมยี ใจมนั อ่อนเพลียบา้ คลง่ั ๒๒. บางคนก็ศพหายไปเลย บ้างมาตายเกยรมิ ฝัง่ บางคนก็ถูกนา้ ท่ัง (น้าพดั ) บ้างเป็นตีนงอมืองอ บ้างเทวดาชว่ ยไว้ ค้างบนปลายไมป้ ลายตอ (ติดบนตอไม้) บางคนก็หันก่าคอ (เหน็ แต่คอ) ตวั จมในดนิ ในคลน่ื ๒๓. คนเจบ็ กม็ ีชาดหลาย (มากมาย) คนตายกม็ เี ป็นหมื่น ไม่ว่าบ้านอนื่ เมืองอ่นื มนั มหี ลายบ้านหลายชอง (หลายหมบู่ ้าน) บา้ งก็โดนบา้ นล้มทบั พอ่ งกท็ รายทบั ลงหนอง บ้างก็ศพเนา่ อดื พอง หล้อง (โลงศพ) จนไม่มีจะใส่ ๒๔. ตามหัน(เห็น)ข่าวในทีวี ใจพอบด่ ผี อ่ พอบ่ได้ (ดแู ล้วสใจเสยี ) มันเป็นเคราะห์กรรมภาคใต้ ขอท่านโปรดไดเ้ จือจุน ชว่ ยกนั บรจิ าคทรัพย์ ช่วยเหลอื ภาคใต้ท่ีได้เสียศูนย์ ไดโ้ ปรดเออื้ เฟ้ือเจือจุน แผบ่ ุญใหเ้ ขาด้วยเถิด
๒๕. มาช่วยกันอธฐิ าน ใหว้ ญิ ญาณเขาได้ไปเกิด เทวดาตนประเสริฐ พาเขาไปสทู่ างดี ที่ถูกภยั อบุ ัติเหตุ อยา่ ไดเ้ ป็นเปรตเปน็ ผี ไหว้สาแม่ธรณี ที่มีในเกาะในหาด ๒๖. ไหว้สาเจา้ แม่คงคา ครฑุ นาคนาคาธิราช พระยายมองค์มัจุราช ทา่ นจงโปรดให้อภัย คนรา้ ยคนช่ัวกม็ ี คนดีก็มีชาดหลาย (มากมาย) บ้างก็เป็นเจา้ เป็นนาย ท่มี ีบุญหนักศกั ด์ิใหญ่ ๒๗. ตกตา่ เป้นิ ปนุ ดใี คร่หวั ตกตา่ ตวั ปนุ ดีใคร่ไห้ (ทุกขค์ นอื่นน่าหวั เราะ) (ทกุ ข์ตนเองน่ารอ้ งไห้) ใครทงึ ชว่ ยใครไม่ได้ เปน็ ดีสังเวชสังวรณผ์ (หนา้ สงสาร) อันผีทะเลมนั บา้ คนเฒา่ เคยด่าเคยสอน เป็นว่ามแี ทแ้ นน่ อน เปน็ อทุ าหรณ์ครั้งแรก ๒๘. เคยไดย้ ินเป็นอาจณิ ท่ีวา่ แผน่ ดินมันแยก อนั ความหวาดเสียวเหลยี วแหลก มใี นพืน้ ฟา้ บนดิน เหมอื นด่ังนางจนิ จายะฑุต มาหลอกพระพทุ ธองค์พระทรงศลี แม่ธรณสี บู เขา้ ในดนิ เพราะใจทมิฬเห้ยี มโหด ๒๙. ทุกทา่ นที่ได้ฟงั ซอ ข้าเจ้าจะขอท่านจงนโิ รธ ขอให้บญุ มผี โี ผด เหมือนกันคหู่ ัวตัวคน เลย้ี งเปด็ ใหไ้ ดก้ นิ ไข่ ปลูกไม้ให้ได้กินผล ซ้ือหวยก็ขอให้โดน แจ็คพ็อตรางวัลท่ีหน่ึง วางเพลง………
บทซอเรือ่ ง พระเจ้าสบิ ชาติ ตอนที่ ๑ พระเตมียใ์ บ้ ทานองเพลงอื่อ ประพนั ธโ์ ดยแม่ครูบัวซอน ถนอมบุญ ๑. สบิ น้ิวขอยกมือยอ กอ่ นที่จะซอจะขออภวิ าท เปน็ เรื่องราวพระเจ้าสบิ ชาติ มหานบิ าตคมั ภรี ์ ได้แตง่ เปน็ บทบาทสร้อย เป็นซอคา่ วถอ้ ยวาจี เรอื่ งพระกุมารเตมยี ์ สรา้ งบารมีครั้งแรก ๒. โปรดตัง้ ใจฟังดดี ี สรา้ งปารมีมันมีหลายแผนก ชาตทิ ี่หนึ่งขอแยก เปน็ เรือ่ งกุมารเตมีย์ มีพระเจา้ สิกราช เปน็ เจา้ นาถเมืองพาราณสี อย่กู ับมหาเทวี ไมม่ หี ลานมลี ูก ๓. ไม่มีใครมาสืบบัลลังก์ คดิ พะวงั ทา้ อะไรไม่ถูก วา่ เราน้ีอยากไดล้ ูก อายแุ ก่ไปทุกวัน ให้นางจนั ทเทวี จัดท้าพิธสี ู่ขวญั พรอ้ มสาวสนมก้านนั บวงสรวงวญิ ญาณมาเกดิ ๔. พระอคั รองค์มเหสี ได้เข้าพธิ ีประเสรฐิ ต่อมากไ็ ด้ใหก้ ้าเนิด เกดิ มหี น่อนอ้ ยกุมาร ผู้มบี ญุ ญาแก่กล้า มาจากช้ันฟ้าสวรรค์ เปน็ โพธิสัตว์กุมาร เปน็ ท่ีโปรดปรานพ่อแม่ ๕. สองพระองคท์ รงได้โปรดปราน ทรงได้ขนานพระนามให้แก่ พระโอรสของแม่ ชอ่ื วา่ เตมีย์กมุ าร ให้วา่ ชาวดนิ ชาวฟ้า ต่างก็มาสาธุการ อวยพรให้พระกมุ าร ใหส้ ุขสา้ ราญบานชน่ื ๖. เป็นทร่ี าบรืน่ ชน่ื ชม ไมม่ ีระทมขมขื่น ชาวเมอื งก็ต่างชมชนื่ ในตัวหนอ่ น้อยกุมาร วนั หนงึ่ ตดิ ตามพ่อฟ้า ไดไ้ ปว่าราชการ ลงโทษโจรร้ายใจมาร ตามความรายงานอา้ มาตย์
๗. คนทห่ี นงึ่ ส่งั ให้เสนา เอาแส้หวายมาแล้วกเ็ ฆยี่ นก็ฟาด ค้าสั่งเจา้ สกิ ราช สง่ั ว่าใหฟ้ าดแรงแรง เนอื้ ตัวจนส่ันดอ่ ยด่อย(สนั่ กลัว) เพราะถูกตดี ้วยไมแ้ ขง็ แลว้ เขากเ็ ผาแผน่ เหลก็ แดง ให้ไอ้โจรหัวแขง็ เอาตนี เหยยี บ ๘. คนที่สองสัง่ โดนเอาหอกแทง เพราเขาเปน็ แก๊งค์ทา้ ผดิ ระเบียบ บ้างงก็กระทบื บเหยียบเหยยี บ จนดิน้ เป็นปลาเป็นงู เจา้ สกิ ราชไดส้ ง่ั แล้วตีกองไฟย่างอย่างเขาย่างหมู ถา้ ใครขดั ขืนค้าส่งั ของกู พวกสูจะต้องโดนตายเรยี บ ๙. คนท่สี ามโทษหนักไม่เบา สง่ั ให้เอาหลาวมาเสยี บ เขาต้องยอมสโิ รเรยี บ เอาไปปักไว้นอกประตูวัง คนทส่ี เ่ี อาขังห้องใต้ดนิ ไมใ่ ห้ไดก้ นิ อะหยงั (อะไร) ให้เขาชดใช้กรรมหลัง โดนขังอยูใ่ นห้องมืด ๑๐. ไมร่ เู้ ม่ือคนื เมอ่ื วนั แสนทรมานงา่ งงืด (มากๆ) หายใจพอกบ๊ั พอฝดื (ไม่ออก) คงตายอย่างทรมาร ก้าสั่งเจ้าพ่อราชะ เจ้าเตมียะได้หนั (เห็น) ทีพ่ ่อส่งั ใหล้ งทัณฑ์ กลัวกรรมมาทันสนองตอบ ๑๑. มนั เปน็ วงกรรมวงเกวยี น มันคงจะเวียนมารอบ มีการเวียนวา่ ยส้ายตอบ(กลบั คนื ) ป่าจยิ อบก็เมืองวาย(ป่าไมยราบยกั ษ์หรอื สาบเสอื ) เจ้ากุมารน้อยเตมีย์ เลยหาวธิ แี ก้ไข เห็นแลว้ อ่อนอกออ่ นใจ น้าจนพอไหลนองเนตร ๑๒. ตอนนนั้ แม่เทวดา เสดจ็ ลงมาสงั เกตุ มาแฝงเสารฉ์ ตั รเศวต บอกใหห้ น่อน้อยกมุ าร แม่จะแนะนา้ วิธี มันมีอยหู่ ลายประการ ขะแนม (ขอให้) ลกู นอ้ ยกมุ าร ตอ้ งอดทานเอาหน่อย
๑๓. ประการท่ีหนี่งแม่ลงความเห็น ใหเ้ จา้ แกล้งเป็นคนง่อย (พกิ าร) จะเปน็ หนทางปลดปล่อย พน้ จากเปน็ เจ้าพญา กลวั ได้ตกหม้ออบาย (นรก) ภายในอนาคตา ตอ่ ไปให้เริม่ ลลี า แกลง้ เป็นคนใบ้หูหนวก ๑๔. ให้เจา้ มั่นใจต่อสู้ ไมต่ ้องไปอยู่กับพักพวก จะท้าห้ือใจสะดวก ท้าไปตามสโลแกน นเ้ี ปน็ การเริ่มลลี า แม่เทวาวางแผน ให้มันถงึ ด้าวถึงแดน แม้จะสุดแสนลา้ บาก ๑๕. ให้เจา้ บ้าเพญ็ ถือศลี ไม่ต้องยอมกินยอมปาก สว่ นนางผู้อุปถาก ว่ิงไปทลู เจา้ ผญา ว่าเตมียห์ นอ่ เหนา้ ไม่ยอมกินข้าวกนิ ปลา กานนั้ (คราน้ัน) สองเจ้าผญา ทา่ นเปน็ ใจตกอกส่ัน ๑๖. เหมอื นกบั ผีเข้าเหลา้ ตือ ตนี (เท้า) มือแม่จนพอสน่ั เม่ือเหน็ ลูกน้อยแม่นน้ั ผดิ ไปจากธรรมดา หรอื เป็นโรคภยั ไขเ้ หน็บ ลูกหล้าแมเ่ จบ็ ไหนหา ลกู จา๋ ลกู เป็นอะไรข้ึนมา ทา้ ไมไม่พดู ไมจ่ ากับแม่ ๑๗. ประกาศไปท่วั พารา เสาะหาหมอยาเฒา่ แก่ หอ้ื (ให้) เขามาตรวจลกู แม่ ว่าลูกจะเป็นอะไร พร่อง (บา้ ง) ก็มาบีบมานวด ตรวจไปตามเสน้ ตามสาย ตรวจทง้ั ภายนอกภายใน ไม่มโี รคอะไรสกั อยา่ ง ๑๘. เจา้ ผญาบอกหมอยาท้งั หลาย จะเรยี กเอาเทา่ ใดเป็นค่ายาคา่ จ้าง ขอใหล้ ูกกหู ายทุกอย่าง ตัวกูไม่กลวั เสยี เร่อื งเงนิ พวกสูต้องช่วยลูกกู มนั นา่ เอ็นดเู หลือเกิน จะใสข่ นั ตั้งขนั เชิญ กจู ะรบั ใสเ่ งินหลายหลายเทา่ ๑๙. บดึ กล็ ่น( เดีย๋ วก็ว่ิง) ไปบนผีตายโหง บึด (ดีย๋ ว) ก็ไปโยงพ่อเจ้า บดึ ขอปจู่ า๋ น (มคั ทายก) มามนต์ข้าว เอามาหว่านเม่ือค่้าเม่ือคืน ไปหาหมอคงกระพัน ลงยันต์เปน็ สบิ ซาว (ยีส่ บิ ) ผนื กอ่ นนอนเม่ือคา่้ เมอื่ คนื ไหว้ไปตามจ๊อกตามแจ่ง (ตามมมุ )
๒๐. ต้ังแตล่ กู เราเกิดมา สนุกเฮฮากล้าแกร่ง เด๋ยี วน้ีอะหยั่ง (อะไร) มากลัน่ แกล้ง ท้าใหล้ ูกเราเปลีย่ นไป ส่วนวา่ กุมารลกู รกั ก็ลกั (แอบ) ไคห่ วั (หวั เราะในใจ) ถงึ แมจ้ ะทา้ อยา่ งไร ลูกทงึ ก็ไม่ท้าไมเด็ดขาด ๒๑. กานน้ั (คราน้นั ) พ่อเจ้าพญา ก็เลยปรกึ ษากบั เสนาอา้ มาตย์ วา่ ถา้ ลกู เราเป็นประสาท หือ้ อา้ มาตย์ลองพิสูจนด์ ูมัน อุ้มไปไวท้ ี่เรือนห่าง ไมต่ ้องใหก้ นิ อาหาร ฟืนไฟบ่ต้องตา๋ ม(จุดไฟ)มัน ดูมันจะทนไดก้ ่อ ๒๒. กาน้ันเสนาท้งั หลาย เขาพากันไปผกผ่อ (แอบดู) หันกุมารเจา้ หน่อ กน็ ั่งอย่างธรรมดา น่งั เฉยอยา่ งกบั พระเจา้ ไมย่ อมกนิ ขา้ วกนิ ปลา เขามาทูลเจ้าพญา ว่าบผ่ ดิ สงั กาสงั เกตุ ๒๓. ต้ังมั้นอยู่ในอัตหิ ท่านเอาขันติเปน็ เขต เหมือนดง่ั ธรรมะพระเทศน์ ตวั เราต้องเพ่งิ (พึ่ง) ตวั เรา ใครอยากพ้นจากหม้อนรก ให้มนั กลง้ิ ครกขึ้นเขา ตวั เราไม่ชว่ ยตวั เรา อยา่ มวั รอให้เขามาชว่ ย ๒๔. เราจะตอ้ งทา้ ให้ได้ จะแต่งเปน็ ใบ้เปน็ ง่วย (พกิ าร) มนั จะเป็นผลไดช้ ว่ ย ให้ถงึ รอดด้วยเวียงงาม ครานัน้ เสนาเฒา่ หนมุ่ เขาอุ้มไปกลางสนาม ไมว่ า่ แดดร้อนฝนฮา (ฝนตก) ปล่อยชา้ งพู้ (ผู้) ก้่ามาย่า (เหยยี บ) ๒๕. เจ้ากุมารทึงบอ่ กลวั น่งั แขง็ ตวั อยู่หัน้ (น้นั ) วันคา้่ เขาปลอ่ ยชา้ งตกมันมาย่าเหยียบ ชา้ งก็ซา้ เข้ามานนู (หนุน) ชา้ งเฒ่าเอางวงเข้าสอด กอดแลว้ แกว่งให้ตวั หมุน เจา้ เตมีย์ตนบญุ ถูกเขาทารณุ บเ่ คยหว่ัน ๒๖. ค้าส่งั ของเจา้ ผญา สั่งให้เสนาพวกนั้น วา่ ให้ยา้ ยจากทีน่ ั่น ชาวบา้ นพากันมาดู เสนาเอาเชอื กมามัด รัดอย่างลูกหมาลูกหมู แล้วอ้มุ ไปปลอ่ ยเปาะ (รวม) งู ผอ่ (ดู) รมู นั จะทนได้กอ่ (ดมู นั จะทนไดไ้ หม)
๒๗. มีท้งั งูเหา่ งูจอง เขาเอามากองมาก่อ เจา้ กุมารน้อยนัง่ ผ่อ (ดู) อย่างเขาดหู นังทวี ี สง่ั ใหเ้ สนาอ้ามาตย์ เอาแสม้ าฟาดมาตี ส่วนเจ้ากมุ ารเตมยี ์ ทงึ บย่ อมวง่ิ หนีข้ีขลาด ๒๘. บางพ่องแตง่ (แกลง้ ) เปน็ ซีอุย เพยี (หยิบ) เอามีดซยุ จะมาฟันมาพาด (ตัด) แกว่งมาเหมือนเพชฌฆาต จะตัดคอเจา้ กุมาร เขาคา่ (ทรมาณ) เจ้าเตมียะ กม็ สี ะพะ (มากมาย) เหตกุ ารณ์ เจา้ อดทนทรมาน ก็มีรอ้ ยอันพนั แบบ ๒๙. เวลาผ่านมาเจ็ดปี กมุ ารเตมยี ์ทนต่อความเจ็บแสบ กท็ นมาทุกรปู แบบ ต่อความโศกเศร้าหมองมวั อายสุ ิบหกย่างเข้า จะเรม่ิ เปน็ บ่าวเตม็ ตัว (หนุ่ม) ค้าสง่ั เจ้าพ่อเหนือหวั หือ้ หมูร่ ้างสาวชาวร่งุ (หมูสาวๆ) ๓๐. มาอย่ดู ้วยพระกุมาร ใส่ทัง้ น้าจันน้าฟุ้ง บางคนก็มาแกผ้ า้ นุ่ง มายงุ่ ซีนอซแี น (กระเซ้าเยา้ แหย่) สว่ นว่าเจา้ เตมยี ะ ไม่มีราคะแยแส บางคนก็สาระแน มาแป๋ง(ท้า)ตาแลตาเหลอื ก ๓๑. เจา้ กุมารก็ไม่ปรารถนา เปรยี บไปมอก (เหมอื น) หมามันหนั (เห็น) ข้าวเปลอื ก บา้ งก็ทา้ ตวั เหมือนเหลือก ชอบดดู เลอื ดห้ือแมงงน (ใหแ้ มลงวัน) ถึงเขาจะยวั่ จะเยา้ กุมารเจ้าก็ไมส่ น จนเขากระวายกระวน จนได้เปลยี่ นเลห่ ์กลแบบใหม่ใหม่ ๓๒. ส่วนพอ่ สิกะราจา (ราชา) ปรกึ ษาเสนาน้อยใหญ่ จะเอาวธิ ีแผนใหม่ เราจะทา้ อย่างใดดี สิ่งท่ที ้าผา่ นผ่านมา ก็เปน็ เวลาเจด็ ปี มนั ท่าจะเปน็ กาลกิณี เสนาบดีเขาจหุ๊ ลอก
๓๓. อนั สว่ นเจ้าแม่มารดา ไดย้ นิ เจา้ ผญาท่านบอก ว่าให้กุมารนีอ้ อก จากเมืองเขา้ สูด่ งรี ใชใ้ ห้อา้ มาตย์ใจคต เอาไปข้นึ รถลากผี สุนนั ตะสารถี เอาไปฝงั ดงผดี ิบป๊นุ (นนู้ ) เน้อ ๓๔. กุมารนอ้ ยได้ฟังค้า แตง่ (แกล้ง) ท้าเปน็ ตามองตาเหมอ พอเปน็ ตีนเคอ่ มอื เค่อ (มือเท้ากระดา้ ง) อนั น้ีกา (หรอื ) พ่อของกู ส่ังเอาลกู ไปฝั่งดิน ตามที่ได้ยินกบั หู จนเจ้าพ่อไมเ่ อน็ ดู ยง่ิ กว่าศัตรงู เู ห่า ๓๕. เด่ียวนีม้ นั จะมกี ่อชา พ่อใจพาลาฆ่าลกู ตัวเกา่ ทึงใครถ่ ามใบ้ถามงา่ ว (อยากถามจริงๆ) เหมอื นธรรมเทศน์ เลา่ สบื มา ตามไดย้ ินธรรมหลายผูก ค่า (ทรมาน) ลกู อย่างหมูอย่างหมา มาหันลกู ไก่ลูกปลา อยดู่ ว้ ยแมม่ นั เป็นหมู่ ๓๖. เป็นถงึ พระเจ้าแผ่นดนิ ไม่ใหล้ ูกไดก้ นิ ได้อยู่ ใม่ใชค่ นเขยี นอวดรู้ อู้ (พูด) แล้วจนตกตะลึง นา้ ตาพอตกพ๊กึ พ๊กี (นา้ ตาไหล) ใครใคร ก็ตึงนึกบ่ถงึ ถ้าเป็นบ่าเดีย่ วน้ี (เดี๋ยวน)้ี ตงึ จะไปขอเอามาเป็นลกู ๓๗. เขียนไปกร็ า่้ ไห้ไปด้วย คิดอันใดไม่ออกไมถ่ ูก เปน็ ทั้งน้าตานา้ มูก นึกถึงลูกเราตายไป ไผบเ่ จอไผกท็ งึ งบ่ รู้(ใครไม่เจอไมร่ ู้สึก) ไมร่ ู้จะพูดหื้อไผ (ให้ใคร) งืด (คิดไม่ถงึ ) เจา้ ผญาซากตาย จติ ใจท้าไมเห้ียมโหด ๓๘. จะเอาลูกไปฝัง่ ดนิ ใหต้ าย มนั จะสบิ หายวายโคตร ซอไปก็เป็นดีไคโ่ ขด (ร้สู ึกโกรธ) เลยโดดว่าเหียหลายคา้ เปน็ ซอพระเจ้าสิบชาติ ผิดพลาดทางวจีกัมม์ ขอย้อนไปถงึ เน้ือความ ให้มันถกู ตามสดั ส่วน
๓๙. สว่ นมเหสีได้ฟัง วา่ ขอปะทงั อยา่ ดว่ น ขออยา่ ทา้ เรื่องปั่นป่วน เอ็นดูลูกน้อยกมุ าร เจ้าพผ่ี ญาตรสั ไว้ พีว่ า่ จะให้ของขวัญ จะมอบสมบัติหลักฐาน วนั ที่หม่อมฉนั ประสูติลกู ๔๐. บดั นี้จะเอาลกู ไปฝงั ขา้ น้องมาฟังว่ามันไม่ถูก จะมอบบา้ นเมืองใหล้ ูก ต้องทา้ ใหถ้ ูกบญั ชา คา้ สง่ั ราชาคัดแคว้ หรือลืมไปแล้วพีจ่ ๋า ถ้าผิดศลี ข้อมุสา ก็เปน็ เจา้ ผญาหัวหมาเนา่ ๔๑. หนักใจสิกราชราชา มานง่ั น้าตาคลอเบ้า ปลอบขวัญเทวคี ูเ่ ฝ้า น้องเจา้ ท้าใจดีดี กลัวมันเดอื ดร้อนประชาชน ลูกเราเปน็ เค่งิ คนเคิ่งผี (ครงึ่ คนครึง่ ผี) จะเอามาปกครองบุรี กลวั จะมีแต่ฉิบหายวายวอด ๔๒. มอบใหส้ ามวนั เจ็ดวัน ไม่ใชใ่ หก้ ุมารครองไปตลอด ไหนๆพี่กต็ ดั ทอด จะเอาฝัง่ ทง้ั ดบิ ทั้งแดง นาพอ (เกือบ) จะหมดสติ แต่งทา้ ถลิใจแข็ง พอบห่ ื้อได้กนิ แหนง (เพื่อไม่ให้ไดเ้ ช่อื ใจ) ก่อนลกู แดงจะถูกเพชฌฆาต ๔๓. กาน้ัน (ครานั้น) พอ่ เจ้าผญา ก็ได้สงั่ เสนาอ้ามาตย์ ใหพ้ วกเจา้ ไปปา่ วประกาศ ให้ หมูข่ า้ ทาสชาวเมือง ว่าเจา้ กมุ ารเตมีย์ราช จะได้ข้ึนครองอาสน์ค้าเหลอื ง ไดเ้ ปน็ ผญาเจ้าเมือง พาราณสีอา้ งเอก ๔๔. แตง่ ต้ังเปน็ มหากษัตริย์ ปกครองสมบัตินานาเอนก ตวั ขา้ จะได้อภเิ ษก แด่เจ้ากมุ ารเตมีย์ ในฐานันดรเจา้ ฟ้า เปีย่ มด้วยสงา่ ราศี สว่ นเจ้ากุมารเตมีย์ ไมย่ นิ ร้ายยนิ ดีสักอย่าง
๔๕. เสนาห้าง (เตรียม) ขนั อัญเชญิ เจ้าก็บอ่ ยอมเดนิ ยอมย่าง มาน่งั ตัวแขง็ กระดา้ ง ไมบ่ ่มีอาการแสดง ส่วนวา่ เตมยี แ์ มไ่ ท้ มีแต่ร่า้ ไห้กรรแสง แมน่ ้หี มดเรีย่ วหมดแรง ลกู แดงแม่คงจะถึงฆาต ๔๖. ตอนนั้นพ่อเจา้ พญา เลยเกดิ โกรธาขนาด (โกรธมากๆ ) ส่ังสนุ นั ตะอา้ มาตย์ จดั การกุมารเตมยี ์ ให้เกยี ม (ตรยี ม) บกขอเจา (จอบ) เอาไปใสร่ ถลากผี แล้วมาอุ้มเจ้าเตมีย์ ท้าด่ังกชู้ ้บี อก ๔๗. ส่วนวา่ นายสารถี พาเจ้าเตมียเ์ ล้ียวไปทางวันออก (ตะวนั ออก) เพราะเทวดามาบอก หื้อเป็นด๊ดด๊ดงงงง (คิดทางไม่ออก) ไมร่ ตู้ ะวนั ออกตะวันตก ซมื ๆ ลืมๆ หลง มา้ ลากไปถงึ กลางดง มนั ก็หยดุ ลงบ่ายอมว่ิง ๔๘. มที ง้ั จอบทั้งเสียม ทีม่ ันเตรยี มมาด้วยทกุ ส่ิง จะฆ่าเจา้ กุมารทิ้ง ป่าช้าผีดบิ คนเดียว ขุดดินขดุ หลมุ ขดุ บ่อ มนั ทึงบ่ผ่อบ่เหลียว (เหลียวมองหน้า) เจ้ากุมารลุกลงเตียว (เดิน) มนั ยงั บเ่ หลียวมาผอ่ (ไมห่ ันมามอง) ๔๙. ส่วนเจา้ เตมีย์กมุ าร รวมพลงั งานหื้อผ่อ (ใหด้ ู) มายกรถทึง (ท้งั ) สี่ล้อ แลว้ เอาแกวง่ หอ้ื ผ่อ (ให้ดู) สบาย เพราแกลง้ เป็นง่อย (พกิ าร) มาเมิน (นาน) เลือดไม่ได้เดนิ ขยาย เป็นการยืดเสน้ ยดื สาย ไปตามดกู (กระดกู ) เอ็นเส้นต่อ ๕๐. ส่วนวา่ นายสารถี เมาขุดขุม (หลุม) ผีขมุ บ่อ เจา้ เตมยี ท์ า้ ทีมาถามผ่อ (ดู) เห่ือมันจ๋นปอปิปอปัง (เหงื่อไหล) เจา้ เตมยี บ์ อกว่าหยดุ หยุด ลุงมาขุดเอาอะหยัง่ (อะไร) มนั บอกวา่ ลุงจะขดุ ขมุ (หลุม) ฝงั ลกู พระเจ้าแผน่ ดนิ น่ะก่ะ(นน่ั เอง)
๕๑. เหงือ่ ยอ้ ยปดุ ปดุ ปดิ ปดิ (ไม่หยุด) อดิ กอ็ ิดทงึ บ่เหลยี วผ่อหนา้ (เหนอ่ื ยมาก) พอๆจะไปมาถามขา้ บ่ใช่เป็นหัวหน้าทนาย เจ้ากุมารก็แตง่ ถามค้ัน (คาดค้ัน) ว่าละอ่อน (เด็ก) คนน้นั เปน็ ลูกหลานไผ เขาท้าผิดเร่ืองอนั ใด แล้วมนั มที ไ่ี หนหน้ั กอ่ (กัน) ๕๒. นง่ั อยใู่ นรถหน้ั ลู (นนั้ เอง) ยงั บไ่ ปดูไปผอ่ (ดู) เปน็ ลกู ราชะเจ้าพ่อ มนั เปน็ กาลกิณี อายุก้าลงั สิบหก ผมด้างามดกใสสี จะไปถามนักเวลาข้าบ่หมี (ฉันไมม่ เี วลา) ถา้ ใคร่รู้ดีห้อื (ให้)ไปถามมันผ่อ (ถามเอาเอง) ๕๓. เจ้ากมุ ารก็เลยลองหายใจ วา่ ขา้ นเ้ี ปน็ ใครลุงเคยรจู้ ักก่อ (รจู้ กั ใหม) นายสารถมี าคอ้ ยผอ่ (ค่อยด)ู หยั๋ง (ทา้ ไม) มาคับคล้ายคับคลา จะวา่ เตมยี ะใบ้ เอะท่าจะไมใ่ ช่จริงหนา อันนน้ั เป็นหยั่ง (อะไร) ยังบ่ออู้บ่อจา (ไม่พูดไมจ่ า) แขง้ ขามันก็เป็นงอ่ ย ๕๔. เจา้ เตมยี ะกุมาร แต่งถามซุ่นซานบ่อยๆ เราเคยอยู่มาดว้ ยกันมาแตน่ ้อย เปน็ ลูกแม่จันทะเทวี ลงุ นบี้ า้ บา้ บอบอ หรือว่าอองออ (สมอง) บ่หมี (ไมม่ ี) คานนั้ (คราน้นั ) อา้ ยสารถี มนั เป็นแขง้ ส่ันขาส่นั ๕๕. มองดูแขนขาหน้าอก รสู้ กึ ใจตกอกสั่น เมื่อเป็นความจริงดง่ั อนั้ (อยา่ งน้นั ) ทรุดตวั นงั่ ลงดิน ดมู นั น่งั ไห้ไหวก้ ราบ ไม่ใชใ่ จบาปใจหิน ค้าสงั่ พ่อเจา้ แผน่ ดนิ เป็นผู้ตดั สินทกุ ขนั้ ๕๖. เรื่องราวมันเป็นชาใด (อย่างไร) พระองคช์ ายถึงท้าอย่างอ้ัน (นน้ั ) ที่ตัวเราทา้ อยา่ งนัน้ เพราะกลัวไดเ้ ปน็ พระเจา้ แผ่นดนิ มนั เป็นปัญหาหนักอก เรือ่ งมรดกทรัพย์สนิ ไม่อยากเป็นพระเจ้าแผ่นดนิ อยากไปจา้ ศีลเปน็ นักบวช
๕๗. เราทา้ เป็นง่อยพิการ แสนทรมารเจ็บปวด ตวั เราอยากเป็นนักบวช อยากจะสรา้ งบารมี เราใชข้ นั ติทนทาน มาได้ประมาณเจด็ ปี บอกให้นายสารถี ไปทูลเจ้าพ่อเจา้ แม่ ๕๘. นายสารถีกห็ กวิ่งแจว บ่ากองไปแผว(ไปถึง)ก็ฟั่ง(รบี ) ปอ้ ละแหม้ (น่งั พบั เพยี บ) มนั อดิ ฮ่อแฮ่ฮ่อแฮ่ (อิดโรย) เหื่อหลุเห่ือหลมุ้ ฟูมฟาย (เหง่ือเปียกไปทงั้ ตัว) กราบทลู เจ้าพ่อราชะ เจ้าเตมีย์นั้นยังบต่ าย ขอเชิญเจา้ พ่อเสดจ็ ไป หากมุ ารชายในป่า ๕๙. มนั เปน็ ความจริงแท้กา เสนาตอบวา่ เจ้าค่ะเจา้ ค่า กเ็ ลยห้างช้างหา้ งมา้ (เตรียมช้างมา้ ) ไปรับกุมารเตมยี ์ เจา้ แมเ่ ทวไี ดส้ ัง่ ใหส้ ูแตง่ หา้ งบายศรี (ท้าบายศรี) รับขวัญลกู น้อยเตมยี ์ เพ่ือเปน็ ศรี..ยิ่งยวด ๖๐. แมเ่ ทวดาเปน็ ผ้วู างแผน ลูกทนสดุ แสนเจบ็ ปวด เพราะลูกตง้ั ใจอยากบวช ไดส้ ืบศาสนาบุญ ขอพระพอ่ แม่อภัยโทษ ขอท่านไดโ้ ปรดเกื้อหนนุ ขอบวชสรา้ งสมส่วนบุญ เพอ่ื ราชตระกูลเจา้ ราช ๖๑. สว่ นตัวแมเ่ จา้ เทวี ยออัญชลุ ีอภวิ าท พร้อมกบั เจ้าสิกราช อนุญาตให้กุมาร เหตุการณท์ ี่พ่อดา้ ริ โปรดอโหสิหอ้ื (ให้)กนั ตอนน้เี ตมีย์กุมาร ลาพอ่ ลาแมไ่ ปบวช.. วางเพลง………
บทซอเรื่อง พร ๑๐ ประการ ข้นึ ต้นเพลงเง้ียว ประพนั ธ์โดย แม่ครบู วั ซอน ถนอมบญุ ยอพนมกร ขอไขทศพรกณั ฑ์เก๊า (กณั ฑ์ที่1) ปางเมือ่ นางผุสดแี ม่เจา้ จะเขา้ มารับปอนสิบประการ กบั พระอินทรท์ ่านท้าว เจ้าแห่งแหง่ มัฆวาน นานท่านนาน ก่อนน้าวญิ ญาณมาจตุ ิกา้ เนิด พระอนิ ทรท์ ่านไดป้ ระทาน ก่อนจะส่งวิญญาณแมน่ างมาเกิด ขอรบั ปอนดเี ป็นศรีประเสรฐิ กอ่ นจะมาเกดิ ....เมอื งคน ขอห้ือได้ปะ(เจอ)ผละแหง่ ผล อันเป็นกุศลในอดีตชาติ ผ่านมา แลว้ แมน่ างก็ได้ผาถะนา (อธิษฐาน) ก่อนทจี่ ะลาลงมาเกิดในโลก เพลงอื่อ ๑. พรข้อทห่ี นึ่งนางอาธิฐานา ใหไ้ ดเ้ กิดมาในวังผะสารท (ปราสาท) ของพระเจา้ สิวิราช ซีง่ มอี า้ นาจเอกองค์ มรี าชอาณาจักร แผ่บญุ ไปทั่วเขตโขง และมีไพร่ฟ้าข้าองค์ รกั ษาพระโรงโขงเขต ๒. พรข้อท่สี องนางปรารถนา ใหม้ ีดวงตาหรือว่าพระเนตร เหมอื นแกว้ นิลค้าวเิ ศษ ดงั ตากวางดา้ งามงอน พรข้อท่สี ามขอให้มีขนควิ้ โก่งพรว้ิ ดงั่ กับคนั ศร มขี นตาดา้ งามงอน ไมต่ ้องได้ถอนไดว้ าด ๓. พรข้อทีส่ ่ี นางปรารถนา หากได้เกดิ มาเปน็ คนแถม (อีก) ชาติ ขอได้รบั อนญุ าต ช่อื วา่ นางผสุ ดี เพราะเป็นช่ือเก่าของขา้ บญุ ญาแก่กลา้ สขุ ขี มีใจโอบอ้อมอารี บญุ ปารมพี ันผูก ๔. พรข้อทีห่ า้ นางปรารถนา หากได้เขา้ วิวาหม์ ลี กู หนอ่ เนือ้ สกุลบุญปลูก ให้เปน็ โอรสเอกองค์ มีจติ ใจเป็นธรรมะ ขอหื้อไดเ้ ปน็ พระเป็นสงฆ์ ได้อยู่สืบสานจรรโลง เป็นท่ีมนั่ คงอ้างอวด
๕. พรข้อทหี่ ก นางปรารถนา ทรงคพั ภาไม่ใหน้ ูนใหส้ วด เหมือนดั่งยายด่ังทวด คนธรรมดาสามญั พรข้อทีเ่ จ็ดค้าอธฐิ านเจ้า ขอใหส้ องเต้าเนนิ ถัน ให้มันต่งึ เต่งเบ่งบาน อยา่ ใหเ้ ตา้ หย่อนยานหดหู่ ๖. พรข้อทแ่ี ปดนางปรารถนา ขอให้เสน้ เกษาดา้ เหมอื นปีกแมงภู่ ขอพระองคจ์ งทราบรู้ ท่านจงโปรดได้อวยพร ขออยา่ ได้ขาวได้หงอก กล่ินหอมด่งั ดอกไกสร และมรี ูปทรงองคอ์ ร เหมือนกินนารอนลอยลอ่ ง ๗. พรข้อเกา้ นางปรารถนา ขอให้มีกายาผุดผ่อง ใบหนา้ ใบตาเอ่ียมออ่ ง ไปด้วยมหาสีเน(มหาเสน่ห์) และปราศจากไผฝ้า อยา่ ได้เป็นปากอ้าตาเข งามเหมือนนางเอกลเิ ก มหาสเี นมาหลอมหล่อ ๘. พรข้อสิบนางปรารถนา กับพระยาอนิ ตา นนั้ น่อ ขอประเสรฐิ ถึงสิบข้อ สมดั่งค้าอธฐิ านยา ขอมีสมองผ่องติ๊บ(สมองดี) และมีไหวพรบิ ผะหญา๋ (ปญั ญา) และมีอ้านาจอาชญา ปลดปล่อยทาสานกั โทษ ๙. เมื่อนางไดร้ บั ค้าพร พระยาอนิ ทรทรงโปรด กม็ าจตุ ินโิ รจน์ เมืองกษตั รยิ ์ มัทะรา ทรงเจริญอายุ บรรลสุ บิ หกชันษา ได้เข้าอภวิ วิ าห์ กบั ทา้ วสนชัยมหาราช ๑๐. เปน็ ลูกของเจ้าเมืองสีพี มีความสขุ ีขนาด จนเท้า (จนกระทั่ง) ได้ไอรสราช ชือ่ ว่าพระเวสสนั ดร เรอ่ื งราวสลับซับซอ้ น ขอกล่าวย้อนเป็นตอนตอน ได้สร้างเป็นบทละคร มีอยหู่ ลายตอนหลายชว่ ง วางเพลง………
บทซอเรือ่ ง พุทธประวตั ิ ทานองเพลงอื่อ ประพันธ์โดย แม่ครูบวั ซอน ถนอมบญุ ๑. กอ่ นท่ีจะซอพุทธประวัติ ขอยอพระหัตถ์น้อมอภิวาท พระเจ้าโอกกากราช เป็นเก๊า (ผูร้ ิเร่ิม) แหง่ ศาสดาองค์ ปกครองเมืองโอกการาช มีพระอ้านาจในเขตโขง มบี ตุ รธดิ าเก้าองค์ สมพระประสงค์ฝนั ใฝ่ ๒. มเหสที า่ นได้ทวิ งคต ทา่ นเลยเสกสมรสแถมใหม่ (อกี คร้ัง) เลยไดม้ อบสมบัตใิ ห้ ลกู ของเมยี ใหม่ปกครอง สว่ นบตุ รธดิ าทัง้ เกา้ มแี ต่ความโศกเศรา้ เหงาหมอง ได้หนอี อกบา้ นออกจอง จากเวียงวงั ทองเข้าปา่ ๓. พร้อมกบั อ้ามาตย์เสนา พระเจ้าโอกกาตรสั ว่า ใหส้ ูหา้ งช้างห้างม้า (เตรยี มขบวน) ไปสง่ ลกู ข้าเดนิ ทาง ตอ้ งเตรยี มเคร่ืองมือเคร่ืองไม้ เอาไปไว้เผว้ ไว้ถาง (ถางหญา้ ) ด้วยความเป็นอนจิ จงั ไดพ้ ดั บ้านเมืองตัวเกา่ (ตัวเอง) ๔. ก่อนทีล่ ูกๆจะลา ก็เข้าไปหาบิดาพอ่ เจ้า วา่ ขอทลู ลาพ่อท้าว ขอไปตามกรรมตามเวร ส่วนพระเจา้ โอกการาช ก็ใหโ้ อวาทความเห็น ลูกพ่อจงได้ร่มเย็น พ้นจากทุกขเ์ ขญ็ ล้าบาก ๕. ขอพระองค์ทรงพระเจริญ แลว้ ก็พากันเดินทางจาก เผชญิ ต่อความล้าบาก เขา้ สูป่ า่ ดงพงไพร โอย๋ นอวิถีชวี ิต จะต้องพิชิตอีกหลาย ถา้ หากบญุ มีไม่ตาย เราคงจะไดเ้ สวยราชย์ ๖. ตอนน้ีโอรสธดิ า พรอ้ มกับเสนาอา้ มาตย์ ออกจากเมอื งโอกการาช สุดแสนอนาถอาวรณ์ ไดพ้ ดั ทน่ี อนทีอ่ ยู่ เขา้ สภู่ พู ิงค์สิงขร พากนั ไปสร้างนคร กบลิ พสั ดอ์ุ าศัยอยู่
๗. สว่ นว่าพนี่ อ้ งแปดองค์ ก็ไดต้ กลงสมสู่ แตง่ งานอย่กู ินเปน็ คู่ ตามกฎแหง่ เจ้าราชา สร้างเมอื งกบลิ พสั ด์ุ จะขอรวบรัดเข้าหา เจา้ สีหะนุพระนางกาญจนา มีบุตรธิดามาเจ็ดหน่อ (เจ็ดองค)์ ๘. มหี นงึ่ พระเจ้าสุทโธ พระเจ้าสุกโกตดิ ต่อ เจ้าอมิโตทนะอีกหน่อ เจา้ โธโตสบื ตอ่ เกิดมา เจา้ ฆานโิ ตทนะ หน่อเช้อื ราชะวงศา พระนางปมิตาและอมิตา เปน็ สองธิดาผาเสรฐิ (ประเสริฐ) ๙. ส่วนวา่ คนโตพีส่ าว ลกู หลานหมเู่ ราพากนั ฟังไว้เถิด ตามพระนามในก้าเนดิ ชอ่ื ว่ายโสธรา ได้ไปแตง่ งานกบั เจา้ อัญชนะ แห่งโลกียะวงศา เทวทะหะพารา ได้มีบุตรธิดาท้ังส่ี ๑๐. หนึ่งเจา้ สปุ ปพุทธะ ทัณฑะปาณิองคน์ ้องของพี่ สริ ิมหามายานอ้ งน้ี เปน็ องค์ทส่ี ามตามมา มกี นั ส่คี นพน่ี อ้ ง ท่ีเกดิ ร่วมท้องมาตา ปชาบดีโคตะมนี น้ี า เปน็ องคน์ ้องหลา้ ถว้ นส่ี ๑๑. ส่วนเจ้าสุปะพทุ ธะ เปน็ ลกู ราชะผู้พ่ี จงตั้งใจฟงั ใหถ้ ว้ นถ่ี ถึงจะร้คู วามเป็นมา ได้ไปแต่งงานกับลูกผู้นอ้ ง ไดอ้ ยู่ร่วมห้องเคหา กับพระนางอมติ า ที่เป็นลูกน้าตัวเก่า (ตัวเอง) ๑๒. หน่อเนอ้ื ชาติเชอื้ นาบญุ ไดส้ ืบสกลุ พงศเ์ ผา่ จนมีลูกหลานตา่ นเต้า(คา้ สรอ้ ย) สบื แตเ่ คา้ เหงา้ เดิมมา คนทีห่ นึ่งชอ่ื เทวทตั ท้งั สารพัดปญั หา ยโสธราพิมพา น้ีเปน็ ลกู หล้าของแม่
๑๓. ความทุกข์ของมนุษยท์ ้ังหลาย แลว้ จะมีใครทไ่ี หนมาแก้ ย่ิงนานมันก็ย่ิงแย่ ปัญหาน้จี ะแก้อยา่ งไร มนษุ ยค์ นเราเกิดแล้วแก่แลว้ ตายแล้วจะไปอยู่ไหน พวกเทวดาทั้งหลาย เลยประชมุ สนั นบิ าต ๑๔. ไปทูลเชิญเอาพระโพธิสัตว์ มาช่วยกาจัดกาจาด (ก้าจดั ) องค์พระไถลใสสวาท จุติชาตจิ ากเมืองบน ขอมาชว่ ยมวลมนุษย์ ได้ถงึ นริ ตุ มรรคผล พ้นจากวฏั วงั วน ทุกผู้ทุกคนในโลก ๑๕. เทวบตุ รและเทวดา ท่านกย็ ังพากนั อปุ โหลก เหาะข้นึ ไปพรหมโลก ไปหาพระยาอินตา ขอท่านส่งเทวบุตร องคบ์ ริสทุ ธนิ ้นั หนา หน่อเนื้อชาตเิ ช้ือโพธา เสดจ็ ลงมาประสตู ิ ๑๖. พระนางสริ ิมหามายา ท่านก็ไหว้สาหาเทวทูต ปรึกษากับพระเจ้าทนะโทสทู อยากได้พระบุตรสบื สนั ติวงศ์ ไหว้สาเทพาเทพไท้ ขอได้ดังใจประสงค์ จากนนั้ ท้ังสองพระองค์ ก็ไหวส้ ายอโยงอาราธ ๑๗. เผอื่ จะไดผ้ ้มู บี ญุ มาสืบสกลุ มลู ญาติ ปกครองข้าหลวงขา้ ราษฎร์ ตามอา้ นาจฐานนั ดร ไหวว้ อนหาส่งิ วิเศษ แลว้ กม้ พระเกศลงหมอน เวลาเดกิ๊ (ดึก) มาออนชร นางนอนฝันแปลกประหลาด ๑๘. ฝันช้างเผือกแก้วงางอน พญากุญชรมาอาละวาด มนั ข้นึ มายา้่ ปราสาท แลว้ แกวง่ งวงฟาดเวยี นวน ในยามดกึ ๆดื่นๆ คนต่นื เป็นโกลาหล ไหวส้ าองค์ทศพล พอช้ีเหตผุ ลหื้อผ่อ (ให้ฟังด)ู
๑๙. แมน่ างสริ ิมายา น่ังเชด็ น้าตาใจหดใจฝอ่ เรียกหมอโหรมาทายผอ่ วา่ มันจะเป็นจาใด แจง้ มาหมอปุโรหติ เข้ามาปลอบจติ ปลอบใจ ลงเลขผ่อมาผ่อไป มาแป๋ง(ทา้ )ย้ิมนอ้ ยย้ิมใหญ่ ๒๐. กา (คา้ ) เดยี วขา้ บาทจะเฉลย อยู่เฉยๆ เถอะพระองค์ที่ไหว้ ไมใ่ ชเ่ ร่ืองเลวเรอื่ งร้าย มันเป็นเรอ่ื งธรรมดา พระวิญญาณบริสุทธ์ิ เข้ามาเปน็ พระบุตรสมปรารถนา ผู้มีบุญหนกั ศักดา ทา่ นจะมาเอากา้ เนิด ๒๑. ตามท่ีหมอโหรกราบทลู ว่ามีตนบญุ มาเกดิ เป็นผู้ทรงบญุ ประเสรฐิ มาเกดิ ในท้องมารดา นางไดถ้ นอมครรภะ บ่อปะมาทะลาสา จนถึงครบสิบเดือนมา ตรงวนั วิสาขมาส ๒๒. ตอนนั้นพระนางมายา ได้เวลาทต่ี อ้ งประพาส ชวนเอาสนมกรมนาถ นง่ั รถราชออกจากวัง ฮีต (จารีต) เมืองอนิ เดยี ตะก่อน (เม่อื ก่อน) ผหู้ ญงิ ตอ้ งย้อนไปเกดิ บา้ นหลัง เลยไปประสูติที่กลางทาง ตัด๊ ต้ี (ตรงท)่ี เกา๊ ไม้ (ตน้ ไม้) รังตน้ ใหญ่ ๒๓. ทสี่ วนลมุ พินวี ัน เจบ็ พระครรภ์จนประสตู ไิ ด้ เสนาอ้ามาตย์ทาสไท้ ต่างยกมือไว้เตปา (เทวา) ไหว้สาเจ้าทอี่ ารักษ์ จุ่งมาปกปักรักษา เหลา่ หมูเ่ ทพยดา เสดจ็ ลงมาโปรยดอกไม้ข้าวตอก ๒๔. อนั หมสู่ นมกรมใน ลน่ (วง่ิ ) มาลน่ ไปหนา้ อยา่ งโดนผีหลอก แม่ธรณีก็เสดจ็ ออก มาช่วยแมน่ างมายา ว่าเชิญเสดจ็ ลกุ ข้นึ เกาะก่งิ ไม้ไทรใบหนา กานนั้ (ครานน้ั ) เจ้ากุมารา เสดจ็ ออกจากคพั ภาของแม่
๒๕. ผิวพรรณวรรณะผ่องศรี และก็ไม่มีสายฮก(สายรก)สายแห่ หน้าอัศจรรย์แท้ๆ พระแมก่ บ็ ่อหมองมวั แม้แตน่ ้าเลือดโลหติ กไ็ ม่มีติดเป้ือนตวั เดินกา้ วไปต๋ามดอกบวั มารับรองเอาพระบาท ๒๖. ตอนน้ันเจา้ กุมมารา ไดเ้ ปลง่ วาจามาอย่างองอาจ ว่าจะขอสู้ฟันฟาด ต่อสง่ิ อุบาทวน์ านา ความดีจะเปน็ อาวธุ ชว่ ยใหม้ นษุ ยพ์ ้นจากโศกา คาอู้ (คา้ พูด) เจา้ กุมารา น้ันไม่ใช้ภาษาละอ่อน (เด็ก) ๒๗. ผ้มู ีบุญญาธกิ าร สรา้ งสมพานมาบห่ ย่อน อันน้จี ะขอเลา่ ย้อน วันทา่ นประสูติออกมา วนั ศกุ รข์ น้ึ ๑๕ คา่้ เป็นเดอื นหกใต้ตรงได้ปหี มา เป็นวันเกิดพระบุตรา ตามในต้าราได้อ่าน ๒๘. เปน็ เรอ่ื งพทุ ธประวตั ิ บวั ซอนไดจ้ ัดถวายให้ทา่ น เสนาอา้ มาตย์พวกน้ัน มากราบทลู เจ้าพญา พระแม่นางอคั ระ ประสตู ิองคพ์ ระบุตรา กานนั้ พ่อเจ้าพญา ปอจะเป็นบ้าเป็นก่งั (ทา้ อะไรไม่ถูก) ๒๙. ร้องออกปากวา่ ขะใจ๋ๆ (เรว็ ๆ) เสนาท้งั หลายห้างม้าหา้ งชา้ ง บึ๊ดเป็นลุกๆนั่งๆ ใจร้อนเหมือนฟนื เหมือนไฟ บ๊ึดกเ็ ตวออกเตวเข้า ไค่ (อยาก) หันลกู เต้าสายใจ วิด (กระโดด) ข้นึ มา้ อาชาไน น้าขบวนไปในป่า ๓๐. พระเจา้ สทุ โทไปถึง กท็ รงรา้ พงึ ปากวา่ วา่ โอย๋ หนอเจ้าแม่ฟา้ มาเกดิ ในป่าดงไพร เขา้ ไปประโลมประเล้า น้องอย่าโศกเศร้าเสยี ใจ พี่จะมารับเอาไป กลบั หอวังชยั ปราสาท
๓๑. อมุ้ เอาสิรมิ ายา ขนึ้ สู่พลบั พลามหาราช มาถึงหอวงั ปราสาท ไดค้ รบสามวันพอดี พระฤษมี าขอเข้าเฝ้า องค์พระหน่อเหนา้ ทรงศรี หันใส่กงจกั รที่โอง้ ปา๋ ตามี ยออญั ชุลีอภิวาท ๓๒. ยกตีนพระกุมารขน้ึ มาเจาะหวั วา่ เปน็ ทีน่ า่ กลวั ขนาด เจ้าตนบญุ ทรงองอาจ อา้ นาจไผบเ่ ตยี มองค์ เปน็ ลูกมหากษัตริย์ กบัลพสั ดเ์ุ ขตโขง ฤาษีท่านก้มกราบลง นา้ ตาจึดงย้อยหยวาด ๓๓. พระเจ้าสุทโทถามพระฤษี วา่ ท่าจะมเี รื่องแปลกประหลาด หนั น้าตาทา่ นย้อยหยวาด ถามว่ามันเป็นจาใด หังอู้กนั๋ อยู่หยกๆ (คยุ กนั ) น้าตามาตกมาไหล ขา้ บาทนึกถงึ ความตาย เปน็ ดนี ้อยใจตั๋วเกา่ (ตวั เอง) ๓๔. อนั พระกุมารนี้นา ถา้ เปน็ ราชาเจอ่ื งเจ้า ปกครองข้าบาททาสท้าว จะได้อยู่สขุ สา้ ราญ ถา้ ทา่ นสละกิเลส จะได้สา้ เร็จเปน็ พระอรหันต์ เพราะต่านมีปญั ญาญาณ จะได้ขม่ สนั ดานม้วยมาด ๓๕. ทน่ี ้าตาอาตมาไหล ท่ีจะบไมไ่ ด้ไหว้องคพ์ ระใสสวาท สงั ขารกแ็ กข่ นาด เปล่ียนไปตามวนั เวลา เพราะเราเกิดมาอาภัพ ขอจบั แค่โอง้ ปาตา จากนั้นท่านก็อ้าลา พ๊ิก (กลบั )อาสนาของทา่ น ๓๖. ก้าสัง่ สุทโทราชา สงั่ ให้เสนาข้าบา้ น หมมู่ ตี ้าแหน่งแหงง่ ขนั้ ใหเ้ ขาแตง่ ตัวดดี ี อันหมูค่ นเฒา่ หวั หงอก มาช่วยแตง่ ดอกบายศรี ทางกลุม่ แม่บ้านสตรี ปากน๋ั มาตกมาแต่ง ๓๗. มีทงั้ จา้ ปาจ้าปี ท้ังสารภบี านแบ่ง มีทง้ั สลิดแสล่ง เขามาแต้มแต่งเรียงราว มตี ังตา๋ เหนิ มะลิ แตกดอกบานผลสิ ีขาว จดั ต้ังอาหารหวานคาว มที ั้งงคนสาวคนหนุ่ม
๓๘. อันเป็นขา้ วปลาอาหาร จดั โรงทานเป็นซมุ้ เปน็ ซุ้ม มีทั้งพริกแดงพริกหนุ่ม มีแผว (รวมถงึ )ช้นิ จมุ่ ปลายา้ พ่องก็กกชิ้นปก๊ ๆ (ทา้ ครวั ) พ่องกเ็ ปีย๋ (หยบิ ) ครกมาตา้ ฝ่ายทางชอบเต้นชอบรา้ พ่องขบั ล้านา้ เพลงอื่อ ๓๙. จดั งานขน้ึ ในพลับพลา เจา้ พ่อพญามอบหนา้ ทใ่ี ห้ เชิญหมอโหรานั้นมาตง้ั ช่ือ ใหอ้ งคห์ น่อแกว้ กุมาร ลวด (เลย) เรยี กร้องขวญั เจา้ มรี ัก มาส่สู ้านักสถาน โกญทัญโหรผเู้ ชีย่ วชาญ ลงเลขกระดาษเขียนวาด ๔๐. ตงั้ ชื่อเจา้ ราชบุตร ตนบริสุทธิองอาจ สพุ นามวา่ ศรธี าตุ ผู้มอี า้ นาจยืนยง ตามที่หมอโหรไดต้ วาย (ทาย) คอื เจา้ ชายสมประสงค์ ลนั่ ฆอ้ งจัยยะ (กลองชยั มงคล) โหมโรง ถวายแด่หนอ่ องค์บุญมาก ๔๑. เสรจ็ แล้วหมู่พราหมณท์ ั้งหลาย กไ็ ด้ทลู ถวายลาจาก เร่อื งราวยงั มีอีกมาก คอยฟังตามบทตามกลอน พอไดเ้ จ็ดวันมาไคว่ กเ็ กดิ ลางรา้ ยสงั หรณ์ มหาเทวมี ารดร ก็เสดจ็ เมอื มรม้วยมาด ๔๒. สว่ นพระสุทโทราชา กับกุมมาราศรธี าตุ หนั พระมารดาม้วยมาด ต่างก็รา่้ ไห้ร้าพัน นอ้ งมาเมือ่ มรมว้ ยมดิ หนจี ากชวี ติ สังขาร ตายละลกู แกว้ ผัวขวญั บ่าตนั (ไม่ทนั ) ไดล้ าไดส้ ่งั ๔๓. ตกอยใู่ นความมืดมน ทุกคนนา้ ตาย้อยหล่ัง ลกู ยังไม่ทันคว้่าตันน่งั คดึ (นึก) แล้วเปน็ ดีอนิ ดู (เอ็นด)ู มาละลกู เป็นก้าพรา้ มนั เปน็ ทีน่ ่าอดสู ใครจะมาเลยี้ งมาดู มาทกุ ข์ใจกูแท้วา่ ๔๔. ตกต่าเปิน้ เป็นดีไคห่ ัว (หวั เราะ) ตกต่าตว๋ั ปอจะเปน็ บา้ เลยไปทลู ขอแม่น้า ช่อื ประชาโคตะมี เอามาเล้ียงดูผ่อเฝ้า หนอ่ เหนา้ พระโอรสศรี พระน้าประชาโคตะมี มาเปน็ เทวอี งค์ใหม่
๔๕. พระแม่นางโคตะมี เมตตาปราณเี อาใจใส่ จนเตา้ (จนกระทั่ง) โอรสขน้ึ ใหญ่ เจ็ดปมี าไควน่ ายมอน อาจารย์วิสวมิต มาเป็นครูคดิ ครูสอน ด้วยใจโอบเอื้ออาทร ทกุ บทบาทตอนทกุ สิง่ ๔๖. เป็นอักษรศาสตร์ภาษา ทา่ นกจ็ บมาโยชน์ยง่ิ ท่านได้เรียนรู้กสู่ ิ่ง (ทกุ ส่ิง) เพราะไม่เคยน่ิงดดู าย ดา้ นคณิตวทิ ยาศาสตร์ และดา้ นอ้านาจกฎหมาย ทั้งดา้ นรา่ งกายจิตใจ เพ่อื ป้องกนั ภัยอุบาทว์ ๔๗. เวลาล่วงเลยผ่านไป จนกวา่ องค์ชายศรธี าตุ อายุสิบหกมาดๆ มที ง่ั อ้านาจพลงั เจา้ พ่อก็ได้ประกาศ ให้สร้างปราสาทสามหลัง สามฤดูขน้ึ ในวงั สมหวงั ในยามพักผ่อน ๔๘. แลว้ จัดสนมกรมใน คอยเอาใจในยามเหนอ่ื ยอ่อน หนา้ ฝนหนา้ หนาวหนา้ ร้อน ปฎิบัตหิ ลอ่ นยามนอน เรอื่ งเจา้ ชายสิทธัตถะ มีทง้ั สาระค้าสอน ม่อนตัวขา้ แม่บวั ซอน แต่งเปน็ ซอกลอนบทร่าย (หลอก) ๔๙. ฟงั แล้วโปรดไดต้ ริตรอง ขอเปล่ียนทา้ นองเพลงใหม่ เพราะกลัวคนฟังเพิน้ ก้าย (เบ่ือ) ฟังเพลงอื่อไปเมนิ นาน จะเอาพระลอพม่า ก็บช่ ่างว่าเหมือนกัน (ยังไม่รู้) ตอ่ ไปเจ้าชายกุมาร จะหาคู่แต่งงานแลว้ เนอ้ ...เลยไป... วางเพลง………
บทซอเรื่อง พุทธประวตั ิ ทานองเพลงเงย้ี ว ประพนั ธโ์ ดย แม่ครบู ัวซอน ถนอมบุญ ๑. พระสุทโธทนะใหอ้ ้ามาตย์เสนา ไปทูลขอชายาหื้อกุมารหน่อต๊าว (ทา้ วผเู้ ป็นใหญ่) หมูท่ ่เี ปน็ ลูกนายสายเจ้า กรงุ กบิลพัสด์ทุ ่านบป่ รารถนา ไปแผว (ถงึ ) กรุงเทวทะหะ ก็เลยไปปะ (พบ) ยโสธราปมิ ปา (พิมพา) นาเจา้ ป้นี า นอ้ งนงพะงางามบ่มีไผเต๊า (ไมม่ ใี ครเกนิ ) เป็นลูกของเจา้ สปุ พุทธะ รูปสรรี ะงามเหมือนหลอ่ เบ้า พิก๊ มา (กลับมา) กราบทลู สทุ โธพ่อท้าว เลา่ เร่ืองราวใหฟ้ ังทกุ อย่าง ทา้ ดี ทา่ นกจ็ ัดการตามราชประเพณี จดั พธิ ตี อ้ นรบั ย่ิงใหญ่ ๒. สุทโธพ่อทา้ วไดเ้ ขยี นราชสาสน์ และเครื่องบรรณาการไปทลู ท่านท้าว เสนาทั้งหลายเอาไปถวายเจ้า สุปะพทุ ธะราชะกษตั รยิ ์ตา เขตแคว้นเทวะทะหะ ราชทตู ะเขา้ กราบทูลราชา นาทา่ นนา ทรงโปรดเมตตาเปดิ ราชสาสน์ อา่ น พระส้านวนกวนจารณา สทุ โธราชาเขียนมาดัง่ อ้นั สุปะภูวนยั กบ็ ไ่ ด้คัดคา้ น ท่ีพระเจ้าสทุ โธปรารภทกุ อยา่ ง เรว็ พลนั ไดป้ ระกาศคณาญาติบริภาร ใหม้ าประชนั กนั ดา้ นความรู้ความเกง่ ๓. สปุ ะพุทธะทา่ นอยากได้เขยขวัญ ทมี่ ีความชา้ นาญเชย่ี วชาญความรู้ ชาติอาชาไนยมีใจเปน็ นักสู้ เพอ่ื จะได้กอบกู้ในประเทศเขตแขวง ลกู เจา้ เมอื งไหนที่มคี วามสามารถ พรอ้ มกบั เจ้าศรีธาตุไดม้ าร่วมแสดง แนงเจา้ พี่แนง ตา่ งก็มาแสดงในทุกทว่ งท่า สว่ นเจ้าศรธี าตุเชอ้ื ชาตติ ระกลู หนอ่ เน้อื นาบุญทรงคณุ เกริกกล้า เหนือกว่าชายใดที่อยูใ่ ต้พื้นฟา้ ท่านทรงแกรง่ กลา้ ไปทุกอนั พันอยา่ ง พนั อนั หมนู่ างสนมที่มาดเู หตกุ ารณ์ ยงั ไดร้ บั ของขวญั จากเจ้าศรีธาตุ ๔. ยะโสธราไดม้ าดูเหตุการณ์ กไ็ ดย้ กมือสานองค์ศรธี าตุไท้ ทรงพระดา้ เนินเดนิ เข้ามาใกล้ แล้วยกมือไหวอ้ ย่างสุภาพอ่อนหวาน ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ท่านเกง่ กลา้ เกินจนขึ้นช่อื ลือนัน ชัยชนะของพระผู้เกรยี งกาจญน์ ขอไดเ้ ป็นมงิ่ ขวญั อาณาประชาราษฏร์ ดว้ ยบญุ ญาและอานิสงส์ ทงั้ สองพระองค์มาต้ังอดตี ชาติ ยะโสธรากบั องคเ์ จ้าศรีธาตุ ตงั้ อเนกาจาได้สร้างมาปางก่อน เพยี งพอ สรอ้ ยมรกตปลดจากพระศอ เอาสวมสอดคอให้พิมพาน้องนาฎ
๕. ได้อภิเษกสมรสตามราชประเพณี ไปอยปู่ ราสาทสสี ามฤดูนั้น ได้สามสิบปีในคมั ภรี ์ดัง่ อ้นั (เชน่ นน้ั ) ได้สบื เจ่ืองจั้นในราชตระกูล มาอยใู่ นกรุงกบิลพัสดุ์ หนา้ ทปี่ ฏิบัตกิ เ็ ร่ิมทวคี ณู จนได้หนอ่ เน้ือชาตเิ ช้อื ตระกูล องค์พระราหุลหน่อเนอื้ เช้ือราช พอพระชนั ษาย่างเข้าซาว (ยี่สบิ ) เกา้ องค์พระหน่อเหนา้ ได้เสดจ็ ประพาส อยากจะไปชมลมฟ้าอากาศ องคเ์ จ้าศรธี าตไุ ด้เหน็ สิง่ แปลกๆ เนอนาย ได้ไปเห็นใสค่ นเจบ็ คนแกค่ นตาย ตอนสุดท้ายไปหนั ใส่ (ไปเจอ) นักบวช ๖. พระเทวทตู ท่านได้มาจ้าแลง ท่านมาแสดงหื้อได้หนั ถึงหา้ ครั้ง เกดิ ความอ่อนใจพระทยั ไม่ตง้ั ทรงคิดคลุ้มคลง่ั พะวงั สังกา เป็นทน่ี า่ อนาจอเหนจ็ ปางเมื่อเสดจ็ แล้วไดไ้ ปเห็นมา นาเจ้าปีน้ า จากนน้ั ต่อมามีแตค่ วามฟงุ่ ซ่าน โลกภายนอกกบั โลกภายใน แตกตา่ งหา่ งไกลกนั คนละดา้ น วถิ คี นมนั ตา่ งคนตา่ งชนั้ ใจพระองค์นัน้ คดิ จะหาทางชว่ ย หาทาง ท่ีเหน็ มาแลว้ ไมใ่ ชส่ ่ิงลวงพลาง พระองค์ทรงวางทางชว่ ยใหร้ อด ๗. เราอยใู่ นวงั ราชพร้อมนางนาฏสนม เอาชีวิตมาจมในอารมณโ์ น้มน้าว บางทกี ็สขุ สนั ต์บางวนั กโ็ ศกเศรา้ อยู่กบั ลกู เต้ากับเมยี เจา้ จอมขวัญ พระองค์ทรงครนุ่ คดิ อยู่ ให้สลดหดห่ขู ึน้ อยท่ ุกวนั วันเจ้าพี่วนั นกึ ถึงเหตุการณใ์ จมนั ร้อนรุ่ม โลกนมี้ ีแต่ปัญหา องค์พระสติ ธามีแต่ความกลดั กล้มุ กักตัวขังอยูใ่ นวังในคมุ้ ยิง่ คิดก็ยิ่งกล้มุ ตึงไค่ (อยาก) หนีไปบวช นอนาย พระองคค์ ดิ อยแู่ ต่ไม่คุยใหใ้ คร แลว้ ก็ตัดสินใจออกบวชแนๆ่ ๘. เจา้ ชายสทิ ธัตถะเรยี กฉนั นะสหาย วา่ ขะใจข๋ ะใจ๋ (เรว็ ) เร็วไวอยา่ ชา้ ห้อื นายฉนั นะนนั้ ไปเตรียมมา้ น้ามาให้ข้าในยามราตรีกาล อภนิ ิหาริย์นั้นได้บังเกิด เทวดาไดม้ าเปิดประตทู างทวาร มีนายฉนั นะติดตามพระทรงญาณ มีพวกพญามารพากนั มาเกิ๊ด (ปดิ ลอ้ ม) ดา่ น วา่ หยดุ หยดุ หยุดเจ้าศรีธาตกุ มุ าร ใหก้ ลบั หลงั หนั ป๊กิ (กลบั ) เข้าเมืองเข้าบ้าน แถมก้าหนดเจด็ วันเทา่ นั้น ท่านจะไดป้ กครองทวีปใหญ่ท้ังสี่ ทูลเชิญ ท่านกลับไปเปน็ จอมจักรพรรดิ จักรทพิ รตั น์จักบงั เกดิ แก่ท่าน
๙. ปก๊ี ไปเหยี เต๊อะ (กลับไป) หมู่พญามารเหย กู (ฉนั ) บา่ อยากจะเสวยสมบตั เิ หล่านัน้ เถิง(ถึง)จะเปน็ ทงั้ เจา้ ฟา้ เจ้าบ้าน ส่ิงนอกกายน้ันถึงไม่พงึ ปรารถนา พานายฉนั นะขี่มา้ เหาะขา้ ม ไปถงึ ฝัง่ น้าแม่อะโนมา นาท่านนา แลว้ มา้ กพ็ าลงหาดทรายน้าท่า จะสละกิเลสถือเพศบรรพชิต จะหาทางคิดแกป้ ัญหาทางหน้า แล้วมอบข้าวของเครือ่ งครองเจา้ ฟ้า ใหน้ ายฉันนเอากลบั มาวังเกา่ เนอนาย สว่ นมา้ กัณฐกะม้าร่วมพระสหาย กเ็ ลยขาดใจตายอาลยั เจา้ ศรธี าตุ ๑๐. เหมอื นสายฟ้าฟาดอสนุ ีบาตทรวง คนในเมืองหลวงป่นปี้เดอื ดซ้าว (เสียงดงั ) พากันเสาะหาองค์ศรีธาตุเจา้ ต้งั แต่เม่ือเจา้ ไผบร่ ู้บ่หนั (ตงั้ แต่เชา้ ไม่มใี ครพบ) ลกู ขา้ หายไปโดยบร่ ู้สาเหตุ องค์ปิตเุ รศก็พรอดพร้า่ รา้ พนั จะเอาตวั รอดมาตอดตุมบัน ลูกน้อยจอมขวญั ยังไมท่ ันใหญ่ ยะโสธราพมิ มา อุ้มลกู น้อยมาเปน็ ร้องเป็นไห้ นกึ ถงึ ค้าหมอปโุ รหติ ทายไว้ ดใี จเสียใจได้ท้ังรอ้ งไหพ้ ร้่าบ่น นอนาย ยะโสธราเมยี รักจอมใจ คิดถึงองค์ชายพอเปน็ ลมล้มโค่น (ลม้ ลง) ๑๑. สุทโธทนะองคพ์ ระปิตา นกึ ถึงคาจา (ค้าพูด) ท่ีดาบสทายไว้ ทา่ นก็เลยยกมอื ขนึ้ ไหว้ ขอเจ้าลกู ไท้ไดส้ มปรารถนา ตามคา้ พยากรณข์ องทา่ นดาบส ท่ีไดป้ รากฏและทูลถวายมา เลยปลอบขวญั แม่นางพิมพา มาชว่ ยกนั โมทนาอย่าไปเมาหมองหม่น ทท่ี า่ นดาบสและโหราจารย์ ไดท้ ูลเหตุการณ์มาตง้ั แตต่ น้ ขอพระองคจ์ งบรรลุล่วงพน้ ไพร่ฟา้ ขา้ คนจะส่งใจไปช่วย วนั ลนู (ภายหลัง) แลว้ ไปตรสั แก่หลานน้อยราหลู ถา้ หลานมบี ญุ ถึงจะหันหน้าพ่อ ๑๒. สว่ นองค์ศรธี าตทุ รงตัง้ ผาถะนา (อธฐิ าน) อยรู่ มิ ฝง่ั ธาราอโนมาแห่งนน้ั บค่ ดิ ถงึ ใครใดในทบี่ า้ น ตัง้ สติม้นั แล้วตัดพระเกศา อธษิ ฐานแล้วขวา้ งขึน้ บนอากาศ เจ้าอินตาราชฟ่ัง (รีบ) เสด็จลงมา ท่านไดน้ า้ เอาผอบทองมา รองรับพระเกศาไปจุฬาแกว้ เกศ ทเ่ี พนิ่ (ท่าน,เขา) ร้องว่าจฬุ ามณี องค์พระเจดีย์องค์ท่ีวิเศษณ์ พญาพรหมเสด็จลงมาจากนิเวศน์ เอาบาตรกบั จวี รน้ันลงมามอบ นายมอน แลว้ ท่านถวายพรขอทา่ นไดส้ ขุ สม คตกิ าลพรหมก็เหาะข้นึ บนอากาศ
๓. พอท่านบวชแลว้ ทรงต้ังอธิษฐาน ทา่ นบ่ฉันอาหารท่านฉนั แตก่ ่าน้า (ด่มื แต่น้า) บญุ กศุ ลจงบันดลช่วยค้า ไดเ้ ป็นทางขา้ มโอฆะสงสาร มมุ านะแตบ่ ่าเคยละลด ไปถงึ แควน้ มคธเป็นเวลายาวนาน วานเจ้าพ่วี าน พญาพมิ พิสารเชญิ ไปเสวยราชย์ พระองค์ทา่ นไมร่ บั ทลู เชญิ สมบัติทองเงินใชม้ าเมินขนาด (ใชม้ านาน) ต่อไปนจ้ี ะไม่ขอเปน็ ทาส อา้ นาจสมบตั นิ นั้ คือตวั กิเลส นานา จากน้ันกไ็ ดเ้ ดินแสวงหา วชิ าปัญหาตามส้านกั ต่างๆ ๑๔. พอไปถึงส้านักอาฬารดาบส เรยี นมาครบหมดจรดมากูจ้ ้นั (ทุกช้นั ) สา้ นักอทุ ะกะดาบสอกี นั้น เรียนมาจนขนึ้ เต็มไอคิวสมอง กองสมาบัต (การปฏิบัตธิ รรม) ก็ถนดั ถว้ นถ่ี อรปู ณาณสน่ี บ้ี เ่ คยเป็นรอง ท่านได้ทรงดา้ ริตริตรอง มนั ยังบส่ นองหวั ใจ๋ได้สมอยาก ปัญหาวิโยกกับชาวโลกท้งั หลาย จะตอ้ งได้แกไ้ ขก็ยังมหี ลายหลาก ถงึ แม้ปัญหาจะสดุ แสนล้าบาก จะต้องพยายามท้าห้ือมนั ลลุ ่วง สักวนั จากนนั้ ท่านก็มาทรมานสงั ขาร บย่ อมกนิ อาหารเหลือกา่ (เหลอื แต่) หนังกบั ดูก ๑๕. ท่านทรงทรมานสงั ขารอินทรีย์ มปี ญั จวคั คีมาดูดีดูร้าย ทา่ นมาถวายเปน็ ผูร้ บั ใช้ จนกวา่ จะได้ส้าเร็จอรหนั ต์ จนปอหน้าดา้ ก้่าเส้า อดน้าอดข้าวมาได้หลายวนั จนหมดสตเิ กือบจะสิ้นลมปราณ ต๊าว (จนกระทัง่ ) มัฆวานเสด็จลงมาชว่ ย เมอ่ื ท่านบ้าเพ็ญทกุ ะระกิริยา จา้ ศลี ภาวนาในดงหนาป่าห้วย ท่านพระอินทรม์ าดีดพณิ ใหช้ ่วย ให้ทา่ นได้ฟงั มีพลงั คิดใหม่ ตามทาง พณิ สามสายทท่ี า่ นได้ฟัง ปฎิบัตสิ ายกลางมาโดยตลอด ๑๖. แมน่ างสุชาดาเอาข้าวมาถวาย กา้ ลังที่เสียหายกเ็ ลยกายตนื่ ฟ้ืน ก่อนที่พระองคจ์ ะตรัสรู้ขึ้น ภาวะอนื่ ๆจะตอ้ งต่ืนตาหนั ไดเ้ สวยขา้ วสส่ี บิ เก้าก้อน เจ้าไหมยอดม้อนสุชาดามาทาน ก่อนท่ีจะส้าเรจ็ พระโพธญิ าณ ปัญจวัคคีนน้ั กห็ นีไปท่ีอืน่ มชั ฌมิ าปฏิปทา องค์พระโปธามีปัญญาเกดิ ขึ้น ค้นหาพระธรรมนา้ มาปูพนื้ ตรสั ร้ขู ึน้ ในวันสิบห้าค้่า เดอื นเพ็ญ วสิ าขามาสทรงประกาศใหเ้ หน็ เปน็ วนั พุธเป็ง (วันเพ็ญ) ปีละกาไก่
๑๗. พระองคต์ รสั รเู้ พ่ือตอ่ สูเ้ วรกรรม มีโสธิยพราหมณ์ตดิ ตามมาถึงแลว้ ถวายหญ้าคาเลยกลายเป็นแท่นแกว้ พญามารเห็นแล้วกเ็ กดิ ความตัณหา ใช้ลกู สาวมนั มาจา๋ ฟู่(คา้ พดู ) พอ่ งก็ข่มขูต่ า่ งๆนานา นาทา่ นนา หนอ่ พระโปธาบม่ คี วามไหวหวน่ั พ่องกเ็ ปย๋ี (หยิบ)ไม้จะเอามาทุบตี แมธ่ รณีรักษาอยู่ทน่ี ั่น ฮูดน้า (รดี น้า) มวยผมออกมาตอนน้นั ทว่ มพญามารตายเสยี ทึงหมู่ (ท้ังหมด) ทันที ด้วยอนิสงส์ทานะบารมี แม่ธรณีท่านได้ออกมาช่วย ๑๘. สัพะปาปัสะเปน็ ธรรมปฐม ทา้ วสหะบดพี รหมมาบังคมกราบนอ้ ม เทวดาเสดจ็ มาแวดอ้อม (หอ้ มล้อม) มคี วามหล่งิ น้อมกราบสาธุการ ขอพระตะไลทา่ นไดผ้ ่ายโผด ไปถงึ นโิ รธพ้นจากโทษสันดาน สัตว์มนุษย์ในโลกสงสาร ทกุ คนต้องการได้พบแสงสว่าง แล้วทา่ นทรงนึกถงึ สองทา่ นอาจารย์ เสด็จไปโปรดปรานยงั สา้ นักทีนน้ั ซา้ สองอาจารยไ์ ด้จากไปแลว้ น้ัน บท่ นั ได้ฟงั ธรรมะมรณะไปเสียก่อน พอดี แลว้ กเ็ สดจ็ ไปโปรดปัญจวคั คี ท่อี ิสิตะนาเอาธรรมะไปโปรด ๑๙. พระธรรมจกั รน่ีเปน็ หลักที่ดี เปรียบยบเหมอื นแสงสรุ ยี โ์ ผลข่ ึ้นขอบฟ้า พระปญั จวคั คที ั้งหา้ อวดเก่งอวดกล้าตา่ งยนิ ยอมน้อมถวาย ซาบซง้ึ ท่ีไดฟ้ ังธรรมะ อัญญาโกญทญั ญะขอบวชติดตามไป นายทา่ นนาย พระรัตนตรัยน้นั ก็ได้บงั เกดิ เปน็ สิบส่ีค่า้ ก่อนวันเขา้ พรรษา พระศาสดาเอาธรรมะประเสรฐิ พระธรรมจักรน่เี ป็นหลักดีเลศิ ทุกคนไดฟ้ ังคือทางไมป่ ระมาท แท้นา พระธรรมที่พระเจ้าเอามาเทศนา คอื พระธรรมาจักรกัปวัตนะสูตร ๒๐. ท่านเสดจ็ ไปโปรดพระเจา้ พมิ พสิ าร ท่านเลยสร้างวหิ ารถวายทานตอนนัน้ พระเจ้าพิมพสิ ารอธษิ ฐานไว้ม่ัน นับตงั้ แตน่ ้นั ก็เริ่มฟังธรรมจ้าศีล จากน้นั พระเจา้ เสด็จเข้าสหู่ ้อง ไปถึงพวกพ้องสามพ่ีน้องชฎนิ พวกใบบ้ า้ ช่วั ช้าทมิฬ ทฐิ มิ ลทนิ ไมร่ ู้ศลี บุญบาป หลังจากไปโผดพีน่ ้องสามชฎิน ฝา่ ยกรงุ กบลิ ก็ได้ข่าวได้ทราบ ใหก้ าฬุกายีน้ีไปนมิ นต์กราบ หนอ่ พระโปธาใหเ้ สดจ็ มาโปรด ธรรมโม พระสโุ ธทนะและแมน่ างยะโส กบั ทะราหโู ลยังรอพระองคท์ ่าน
ระบาซอนา่ นเรือ่ ง พทุ ธประวตั ิ ประพนั ธ์โดย แมค่ รูบัวซอน ถนอมบญุ ๑. พระพุทธเจา้ เข้าไปเทศนา โปรดพระปิตาและพิมพาคู่ห้อย และพระบุตต๋าราหุลลกู น้อย ท่านไดส้ ืบสรอ้ ยสืบศาสนา ตามองคพ์ ุทธพระพ่อปติ า ญาติโยมวงศาอาวอาใหญน่ ้อย หนลี ะเมอื งกบิลไปถือศีลเรียบร้อย ๒. จากนนั้ พระองค์ทรงไปโปรดเมตตา พทุ ธมารดาบนสวรรค์ชั้นแก้ว พอท่านเสด็จลงมาจากเมืองฟ้าแล้ว พี่แกว้ น้องแกว้ ไดต้ ักบาตรเทโว ทา่ นได้เผยแพรม่ แี ต่สโุ ข พุทธโธธมั โมสงั โฆเทา่ น้ี เปน็ บญุ บาารมีเพราะความดเี ทา่ นี้ ๓. ธรรมปฏโิ มกข์ได้โปรดโลกสงสาร พน้ จากทุกข์ผานรนรานร้อนไหม้ ท่านได้ไปฉนั อาหารมื้อสุดทา้ ย ท่นี ายจนุ ทะคารวะยอทาน จากน้ันพระองคก์ เ็ สดจ็ ดับขนั ธ์ เปน็ วันองั คารเป็นปีงูน้อย มนุษยเ์ ทวดาต่างน้าตาหลัง่ ย้อย ๔. ทรงเหลอื ธรรมะละไว้เป็นค้าสอน อีแ่ ม่บัวซอนจะขอยอมือไหว้ ล้วนเปน็ ค้าดีทงึ บ่มีค้าร้าย ใครปฏบิ ตั ิได้กจ็ ะไดเ้ จรญิ ค้าสอนพระพทุ ธทมี่ นุษย์สรรเสริญ บา่ ได้ลว่ งเกินหา่ งเหินลว่ งข้าม ขอให้ได้สุขขี คุณความดีชว่ ยคา้ ……............ โอ่แหละนอขอจบซอเท่าน้ี
บทซอเรอื่ ง ศาสนาเหมอื นมหาสมบตั ิ ประพันธ์โดย แม่ครบู ัวซอน ถนอมบุญ ชาย วิกฤตการณ์เกดิ ข้นึ สารพัด หลอน..โลกของมนษุ ย์ในยคุ ปัจจุบัน ท้ังราษฎรท์ ้ังรฐั ฟัดกันดา้ นกฎหมาย วกิ ฤตการณ์เกิดขึน้ สารพัด เพราะมันเป็นยุคแห่งโลกาภิวัฒน์ ใหใ้ จคนปลิวพัดบ่รวู้ ัดบร่ ู้วา เน่อเจ้า โลกมนุษย์ในยุคปัจจุบัน เหงอ่ื ย้อยพกึ พึก(เร่ือยๆ)บ่าชา่ ง(ไม่รู)้ จะแกป้ ัญหา สดุ แตว่ ่าปลาพอจะลาจากน้า เดียวนี้อธรรมก้าลังกระหน่้าฟัด พูนดใี คร่ลา (อยากลา) ไปบวชเปน็ ฤาษี เหน็ ท่ีไหนก็ใจเต้นทกึ ทึก ชา่ งแซะช่างส้อนตกแหตกจา(ใชแ้ หและยอหาปลา) แม้แตว่ ่าปูพอจะหนีจากนา ร่วมมิตรติดตามสายพี่สายน้อง เห็นแลว้ แสนเวทนา ใครจะทุกข์จะมีใครบ่เกี่ยวข้อง อยู่ถา้ . เรามานึกถึงคนสมัยก่อน ตามจารีตของลานนา แตจ่ ติ ใจเพิ่น (เขา,ท่าน) ยังไม่ไรศ้ ีลธรรม หนั ธหุ ันพระ(เหน็ พระสงฆ)์ เพ่ิน(เขา,ทา่ น)กไ็ หวก้ ส็ า เพ่ิน (เขา,ท่าน) บม่ ีการชิงเด่นชงิ ดี เข้าคลับเข้าบารว์ ัดวาบ่เขา้ ใกล้ อย่ดู ้วยกันตามประสาพ่นี ้อง น้ีและนอ ..ร่ายเเล่นานายมอน วนั ศีลวนั ธรรมเพน่ิ (เขา,ท่าน)ทึงบล่ ะ(ไมท่ อดท้ิง) เพราะคนสมัยนี้เขาไมฟ่ ังใครสอน สมยั เดี๋ยวน้ี (สมยั น้ี) ตามที่เคยเห็นมา ขอเจ้ามอนนายมอนจะไปยะอย่างอน้ั (อยา่ ทา้ ช่วั ) บ่ใชต่ ัวชายอ้ายเขาจะมากลา่ ว นแี้ ละนอ น้ันแล่นา ไม่ใช่ว่าผมเขาจะคุยจู้จ้ี ไปหลงโลกีย์แสงสนี ีออน บว่ า่ ท่านเกจวิ ิศาสนาจารย์ ตวยตามโบราณคนสมัยก่อน พ่อน้อยพ่อหนาน(ทิด)ลูกหลานเจ้าข้า รบั ตัดจะปุคร่ึงท่อนล่าง เร่ืองแต่งบทจดกลอนตัวผมบ่ใคร่ท้า...จิ่มฯ ๑. ก่อนท่ีจะซอจะขออโหสิ นักบุญนักศลี นักกนิ นักทาน ขอพออภยั ใหล้ ูกศิษย์บัวซอน ๒. ที่จริงการซอมนั ซอได้สะป๊ะ อาวะมังคละมีวาทะสรา้ งสม จะซอต่อตา้ นเรื่องด้านสังคม เป็นการปลุกอารมณ์ให้เขาศิโรราพณ์ บางพ่องกซ็ อร่้าก่ากน้ กา่ ก๋อย(ลามก) บ่เพิง (ไม่เหมาะสม) กบั เจ้าปอยมันเสยี หนา้ เจา้ ภาพ คนใดมาซอกม็ ีก่าค้าหยาบ บา่ มีประสิทธิภาพ ลีลา เขาวา่ ช่างซอนั้นเป็นคนช้นั ต้า่ ทา้ ใหเ้ ขาเหยียบยา่้ ว่าบม่ ีการศึกษา เป็นแตช่ ่างซอเขาบ่าพัฒนา ทอ้ งถ่นิ ภาษาตกเหนือออกใต้ คนญ่ีปุ่นเพิ่น (เขา,ทา่ น) ยังมีกระบซี่ ามูไล ศิลปะของไทยจะใดบร่ ักษาไว้ ... จิ่มฯ
๓. ข้ากร็ ู้แก่ตวั เป็นคนหวั หนอมแน้ม จะขอถามแค้มแค้ม (เนน้ ) ใหม้ ันถึงแกน่ สาร ถา้ ตัวจะมาซอเร่ืองบเู๊ ด็ดเผ็ดมัน เจ้าของงานเพิ่น (เขา,ท่าน) ว่าบ่มีประโยชน์ ถา้ อยากจะฟังซอค้าหยาบค้าคาย ทเ่ี ขาอัดขายมีกองโก้กองโกฎ วนั นเ้ี ราจะซอในเร่ืองธรรมะโคตร เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ สังคม ถา้ จะเมามาซอเร่ืองอบายมุข บ่อเกิดแหง่ ความทุกขม์ ีแต่ความลม่ จม จะซอต่อต้านเร่ืองด้านสังคม ซอใหถ้ ูกอารมณ์ใหจ้ ิตใจพ่องแผ้ว จะซอเร่ืองธรรมะของพระศาสดา เลยเป็นการศึกษาไปในตัวแลว้ ... จิ่มฯ ๔. เราเปน็ ชา่ งซอบา่ ใชเ่ อาแป้ (ชนะ)เอากา๊ น (แพ)้ เร่ืองทีข่ ้าจะถามนน้ั จะถามเร่ืองศาสนา พระพุทธเจา้ น้ันตรสั รู้มา อยากจะรเู้ วลาไดก้ ี่ปีมาแล้ว ปใี ดเดือนใดวันใดกันนา ทีพ่ ระพุทธาได้ปัญญาผอ่ งแผว้ ตามความเดิมเรื่องทีผ่ า่ นมาแล้ว ประวตั ิพระหน่อแก้ว โคดม เพิน่ (เขา,ท่าน) วา่ คนขเี่ รือต้องอาศัยแม่น้า ถ้าบม่ ีถ่อจ้ามนั บ่คว่้าก็จม แต่ว่าความดีขององค์พระโคดม ตกน้ากบ็ ่จมถูกลมกบ็ ่เว้ิง (ไม่เปน็ อันตราย) ขนาดพญามารมาขบั พ่ายไลห่ นี พระองค์มีขันตีกบ็ ่ไหวบ่เน้ิง... จมิ่ ฯ ๕. พ.ศ ยังบ่มีเมินหลายปีขนาด เม่ือพระองคป์ ระกาศพุทธศาสนา หมเู่ ราชาวพุทธไดน้ ับถือกนั มา พระธรรมนัน้ นาเปน็ ส่ิงที่ประเสริฐ เปน็ ธรรมะไว้ชา้ ระจติ ใจ เป็นส่ิงแก้ไขความเวียนวา่ ยตายเกิด พระรัตนะนน้ั เป็นส่ิงประเสรฐิ แล้วพระตรยั นั้นเกิด เมื่อใด เมื่อมวี ันเกิดพุทธะธรรมะ แล้วพระสังฆะลอท่านเกดิ วันไหน ท่ีเราเรยี กกันวา่ พระรตั นตรัย มนั เป็นใครคนใดท่ีมาบวชตอนนั้น คนท่ีบวชครัง้ แรกเพน่ิ (เขา,ทา่ น) ร้องว่าสาวก มันเป็นไอ้มลู หัวง๊กกาวา่ ปู่พกหัวลา้ น…จิม่ ฯ ๖. พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมะ อญั ญาโกญทญั ญะทา่ นเกดิ ความเล่ือมใส ถงึ จะไดเ้ กิดมีพระรัตนตรัย ได้ฟงั ธรรมผูกใดจากพระมหาปัจเจก ธรรมเจี้ย(เรอ่ื งตลกแกมลามก)ธรรมค่าวทา่ นเล่าท่านสอน จะถามลูกศิษย์บัวซอนตวั เปน็ นักธรรมเอก ถ้าตอบบ่ไดก้ ็จะโดนบ่าเหง็ก (ก้าปั้นทุบหวั ) ขอเชญิ ลงสะเตทผามซอไป พระเจ้าได้น้าเอาพระธรรมวิเศษ ตอนท่ที ่านมาเทศน้ันเพิน่ (เขา,ท่าน) เทศท่ไี หน เทศเมืองฝร่ังเมืองจนี เมืองไทย เพิ่น (เขา,ท่าน) เทศบ่าดายกาว่าไปรับจา้ ง ถา้ เปน็ ธรรมมัทรีน้าตากจ็ ะตก ถา้ เปน็ ธรรมธุจก(พระนักเทศน)์ กไ็ คห่ วั (หวั เราะ)อั้งอ้งั ..จ่มิ ฯ
๗. พระธรรมจกั รกัปวัฒนสตู ร เป็นส่ิงท่ีดึงดูดหื้อใจเดนิ สายกลาง รู้จกั ความระมัดรูจ้ ักความระวัง อยู่ในปานกลางบ่พอยานบพ่ อเค่ง (ทางสายกลาง) รักเพ่ือนรักมิตรอย่าคิดเป็นศรัตรู อย่าอวดวา่ ตัวกเู ป็นคนดังคนเก่ง เม่ือมวี ันรวยมนั ต้องมวี นั เจ๊ง (หมดตวั ) อย่าไปเก่งนอกลู่ นอกทาง พระโพธิสัตว์ท่านได้ตรสั รู้ ท่านถึงไดร้ ู้อนจิ จังทุกขงั โลภโมโตสะรู้บนั ยะบันยัง องค์พระพุทธังตรัสรูม้ าได้ มนั จะมีกผี่ ูกพอบอกใหส้ กั ค้า แล้วข้าจะไดจ้ ้าใส่กะโหล้ง(กะลา) หัวไว้..จิ่มฯ ๘. น้าธรรมค้าสอนองค์เจ้ากลิน่ กู้ ทา่ นไดต้ รัสรแู้ ปดหมื่นส่พี ันขันธ์ ท่จี ะน้ามาโผดพวกคนโฉดจัณฑาล พระอรหันต์นน้ั คือสาวก ผมู้ ีจกั ษุจะบรรลุถงึ สวรรค์ ตาบอดบ่าหันจะได้ตกหม้อหน้ารก (ตกนรก) สมมุตอิ ้ายเปน็ ปู่พรหมณเ์ ฒ่าชูชก จะขอนหอบผ้าพกตามแม่อมิตดา พ่องว่าศาสนาพ่องวา่ ศาสนะ ขอถามหน่อยนะจ๊ะขอพอบอกไขจา พระเจ้าพระธรรมอ้ายกจ็ า้ แล้วนา แลว้ ศาสนาลอมันมีไหนน้ัน(เป็นอยา่ งไร) มนั เป็นสาดสะแลป๊ คาว่าสาดกะลา ถา้ บบ่ อกให้ฮา (ฉัน)หมายความตวั ค้าน(แพ)้ …จม่ิ ฯ ๙. ตวั ว่าศาสนาเหมือนมหาสมบัติ อ้ายฟังบ่ถนัดเพราะขห้ี มู ันตัน กาว่าศาสนานน้ั เป็นธนาคาร อา้ ยใคร่ไดส้ ักอนั จะเอาไปไว้บา้ น ทึงวันน้ี (ทุกวันนี)้ ริหา (เสาะหา) ยังบ่าปอ หากนิ ทางซอก้นก็จนมนั ด้าน จะเอาศาสนานั้นมาไวใ้ นบ้าน จะนัง่ นับเงินล้าน สบาย กินก็ดีกินทานก็ดีทาน เท่อื (บางครั้ง)ก็นา่ ร้าคาญบา่ รู้เอาตางค์(เงิน)ทไ่ี หน ทงั้ นต้ี ่อไปถ้าจะได้สบายใจ จะเอาศาสนาไปไว้ในบ้าน ถ้าว่าศาสนาเหมือนมหาสมบัติ จะจ้างตวั มาจดั เงินวันลา้ นสองลา้ น...จ่ิมฯ ๑๐. ตัววา่ ศาสนาเป็นของอันทรงเกียรติ ต้องเลา่ รายละเอียดมาทลี ะประการ ความร้บู ่นักอย่าอวดเป็นอาจารย์ แก่นตา (ดวงตา) บ่หัน (ไม่เห็น) จะไปอู้ไปเล่า คนเราจะแก่ให้แกด่ ว้ ยผญา (ปัญญา) ข้ีเล่าขี้จาน้นั เหมือนหมาข้เี ห่า ตา่้ อนาถาเหมือนหมาบ่มเี จ้า แอ่วเห่าเซาะกินข้าวทุกวัน ตัววา่ ศาสนาเปรยี บไดถ้ ึงสบิ อย่าง ความหมายมันมีกวา้ งแตล่ ะอย่างกนั คนทบ่ี ่ผ่อ (ไมด่ ู) น้ันมันตึงบ่หัน (ไม่เห็น) ไดย้ ินสียงไก่ขนั เวลามันก็จะแจ้ง ตัวว่าศาสนานน้ั เปรียบเหมือนหนทาง ลองบอกใหข้ า้ ฟังข้าจะเป็นคนแยง้ ...จ่ิมฯ
๑๑. ตัววา่ ศาสนาเหมือนหนทางซเู ปอร์ เตยี ว (เดิน) แหงนแหงนเง้อเง้อจะถูกรถชนตาย ทตี่ ัวอู้ (พูด) มาขา้ ก็พอจะเข้าใจ หนทางเส้นในบ่าใช้หนทางเส้นนอก ตามที่ไปซอตวยอี่แกว้ อ่คี ้า เวลาเราถามเขายงั บช่ า่ งบอก พ่องกเ็ ป็นชา่ งซอหวั พอล้านพอลอก มีแต่ความสอกกอก มายา พ่องกเ็ ปน็ ชา่ งซอพ่องก็เป็นชา่ งสอ่ เพิน่ (เขา,ทา่ น)เอาข้มี าล่อกวา๊ บ(ตะครุบ)เอาอยา่ งกับหมา ถ้ามันทัด (ตรง)ใสใ่ ครก็จะขอสูมา ปากปูปากปลาชอบจู้ๆจ้ีๆ ประการที่สองวา่ เหมือนยานพาหนะ ขอถามหน่อยนะจ๊ะพอบอกมาบ่าเดี่ยวนี้ ...จิม่ ฯ ๑๒. ธุเจา้ (พระสงฆ์) เป็นผ้ขู บั ศรัทธาเป็นผู้ข่ี อริยะสจั ส่นี ้เี ป็นทางจูงใจ แล้วข้าจะขอถามอันข้อต่อไป ทวี่ า่ ศาสนาเหมือนอาหารมีประโยชน์ ศาสนาเหมือนอาหารจานเด็ด สงั่ ทา้ ส้าเร็จเป็นอาหารจานโปรด ข้าจะแปง(ทา้ )คา้ ข้าวโอง้ ขะโหล้ง(เป็นแอง่ )เข้าโหงด (โกยขึน้ ) ของโปรดอ้ายคือลาบควายดา้ ตัววา่ ศาสนาเหมือนอาหารมีประโยชน์ ข้าเป็นดไี คโ่ หงดข้าปูนดไี คห่ งวม(อยากโกยเอาบ้าง) กินเหล้ามอกจับ (พอด)ี กับลาบควายด้า เขาวา่ กนิ ลาบบ่ล้าเพราะมันบ่มีเหล้า บ่าทธี เุ จ้า (พระสงฆ์)อยูว่ ัดยงั บ่ากินศาสนา เขายงั อุ้มบาตรมาขอขา้ วฮา(ฉัน)กเู้ จ๊า(ทกุ เชา้ ).. จมิ่ ฯ ๑๓. ผักปังผักแคบมนั บ่แซบฮาบ่มกั (ฉันไม่ชอบ) ขอจะไปอูน้ กั (อย่าพดู มาก) เป็นคนบ่อรู้ใจ ของกินแมห่ ญิงกนิ หยัง (อะไร) กก็ ินไป ของกินผชู้ ายยะลาๆ (ท้าให้อร่อย) เสียหน่อย ผู้ชายขา้ เปน็ หัวหนา้ ครอบครัว เสาะเงินมาให้ตัววันตัง้ สองสามร้อย แม่หญงิ อยบู่ ้านคุ้มคา่ (เพียงแต)่ เลีย้ งลูกน้อย กนิ ก่าเหด็ หิ่งห้อย ก็ยังดี ตัววา่ ศาสนาเหมือนอาหารโภชนา ถ้าเราบา่ เสาะมามันก็ตึงบม่ ี แตว่ า่ อาหารขององค์พระมนุ ี หล่อเลี้ยงอินทรยี ต์ ้องท้าดถี ูกต้อง เราต้องกินเพื่ออยบู่ ่าใช่อยู่เพื่อกิน ถ้าจะเมาคา่ (มัวแต่) ถือศีลท้องมันก็จะร้อง ...จิ่ม ๑๔. กนิ ลาบทุกวันไอ่แป๊ว (พยาธ)ิ มนั จะตยุ้ อา้ ยตามใจพ่ออุ้ยเพราะเขยี้ วเปิ้นบ่ามี (ไมม่ ี) อยู่กบั คนเฒ่าต้องเลี้ยงเพิ่น (ท่าน,เขา) ดีดี เข้าของเปิน้ (ท่าน,เขา)ก็มีมอบให้เรากอู้ ยา่ ง(ทกุ อยา่ ง) ในฐานะเป็นผู้สบื สกลุ ตอบบุญแทนคุณบา่ ใชว่ ่ารับจ้าง แถมบเ่ มินถ้าเพนิ่ (ทา่ น,เขา)ปา่ งกะด่าง(ตกจากทส่ี ูง) จะได้เป็นนายห้าง คนเดียว กินอาหารรสจัดต้องสัมผัสด้วยล้ิน แกงเอ็นแกงชิ้นพ่ออุ้ยว่ามันเหนียว ของท่ีลน่ื คอมกี ่า (มีแต่) ลาบอยา่ งเดียว ของแข็งของเหนียวคนเฒ่าเคี้ยวบไ่ ด้ แล้วข้อต่อไปมันเปน็ อะหยั่งก่อ (อะไรนะ) พอบอกให้กาลอ (ถือรอ) แม่ช่างซอหัวไบร้ ...จิ่มฯ
๑๕. ตุ๊เจา้ ท่อี ่ืนทา่ จะบา่ มกี า้ (น่าจะไม่มี) แตต่ ุ๊เจ้า(พระ)บ้านขา้ มนั มัก(ชอบรบั ประทาน)สา้ ดีขม นา้ แข็งโซดาสุราแสงโสม บา่ ใช่ว่าตัวผมมาทบั ถมธุเจ้า (พระ) บา่ ใชผ่ มวอกตามมันออกทวี ี พ่องก็เล่นแมช่ ีพ่องก็กนิ แผ๋ว (ถึง) เหล้า ท้าใหม้ ันเสยี สถาบันธเุ จา้ (พระ) หนังสือพิมพ์กล็ งขา่ วกราวเกรียว ออกแผว (ถงึ ) ทีวีออกแผว๋ (ถึง) วิทยุ เรื่องพระเร่ืองตุ๊ (พระ) ฟังแล้วหน้าหวาดเสยี ว ร้อยตนพันตนก็มเี หีย (มีเพียง) ตน (รูป) เดียว ทขี่ ้คี ้านเตยี ว(ข้ีเกียจเดิน)ไปกุมบาตรกุมขา้ ว(ออกบณิ ฑบาตร) หัน(เห็น) ธุเจ้า (พระ)บ้านข้าสบายพอจะตาย หาวา่ บา่ สบายแทม้ ันขีค้ ้าน(ขเ้ี กียจ)ลุกเจา๊ (ตื่นเช้า)..จิ่มฯ ๑๖. สูเปน็ ลูกเมยี มีหน้าที่ลุก (ตนื่ ) ก่อน ข้านอนพักผ่อนบ่าใช่ได้ลกุ ขวาย (ต่ืนสาย) มีวันเดียวเทา่ นั้นเนาะเพราะอ้ายบส่ บาย บึด (เดย๋ี ว) กส็ วนบ่ลา้ ไยบึด (เด๋ียว)กส็ วนบ่าล้นิ จ่ี พอบ่ามีเวลาไปวดั ไปวา เร่ืองศาสนาเลยบา่ รู้ถ้วนถ่ี เรื่องมหาสมบัตขิ ้อถัดต่อไปน้ี ขอพอจมี้ ันจะเป็นอย่างใด ตวั ว่าศาสนาเปรียบเหมือนหยุกเหมือนยา โรคฝ่อโรคชากินแล้วมนั ชา่ งหาย กาว่า (หรือวา่ ) มันจะเป็นตัวยาสมุนไพร จะเป็นยาแบบไหนเป็นน้ากาเป็นก้อนแกโ้ รค ปวดเจ็บชาเหน็บดูกเอ็น กินกับน้าเย็นกาว่าน้าร้อน... จ่ิมฯ ๑๗. ศาสนาเหมือนยาหลายชนิด ยาเบื่อยาพิษชวี ติ ต้องถึงตาย เอามาเปรียบศาสนาได้อย่างใด มาจุ๊กนั ตายอย่างเอนจอนาถ ยาเบ่ือยาม้ายาบ้าฟรู ิดอน เชื่อลูกย่าบวั ซอนตึง (ก็) บ่ได้เด็ดขาด เพราะแมม่ ันเป็นเมียมจั จุราช หลอกห้ือกันผดิ พลาด กินยา หาว่าศาสนาเหมือนยาทุกชนิด เปน็ ยาเบื่ออย่าพิษกนิ แลว้ มีปัญหา แต่วา่ อันยาของพระศาสนา ทต่ี ัวว่ามาข้าบ่ไคเ่ จื่อ (ไม่อยากเชือ่ )สักน้อย ขนาดยาบ้าหมู่คนค้าลักหลอน ยังถูกฆ่าตัดตอนไปหลายพันหลายร้อย...จิ่มฯ ๑๘. พระศาสนานนั้ ยาได้สะป๊ะ (ทุกอย่าง) เป็นว่าหลักธรรมได้ชา้ ระแก้ไข ครอบครวั บ่าเป็นสุขฉุกระหุกวุ่นวาย กินแลว้ จิตใจจะหายงา่ วหายใบ้ ถา้ ว่าเรารูจ้ ักธรรมจักศีล ชา่ งฮิ (หาเงนิ เก่ง)ช่างกินจะมีเงินเหลอื ใจ ยาปฏิชวี นะธรรมะนนั้ ชว่ ยได้ จะจา้ ไวถ้ ้ามันดจี ริง ตะก่อน (เม่ือก่อน) ทาหลังบ่ได้ยนิ ใครอู้ (พูด) อา้ ยตึง (ก็) บ่รู้มันตันผติ นั ผิง คนทปี่ ฎิบตั ิเพ่นิ (ท่าน,เขา) รู้หลกั ความจรงิ ขอบคุณน้องหญิงที่ได้บอกให้อ้าย อนั ข้อต่อไปขอให้นายบอกมา ทีว่ า่ ศาสนานน้ั เปรียบเหมือนดอกไม้ ...จ่ิมฯ
๑๙. เป็นวา่ ศาสนามคี ่าเหมือนดอกไม้ มาช่วยกันปลูกไว้ในดินแดนสยาม บ้านเมืองเราเป็นดนิ แดนสวยงาม มวี ัดวาอารามวิสูงคามสา้ นัก ฝรง่ั มังค่าพม่าเมืองลาว เขาจะมาแอ่วบา้ นเราอยากมานอนผ่อนพัก เมืองล้านนาไทยคนใดก็น่ารัก คกึ คักตึงบ้านนอกในเวยี ง เมืองดอกไมห้ อมผ้ึงตอมจนพอหลูบ (ลดลง) ดอกจี(ดอกบาน)ดอกหูบ(ดอกตูม)ทึง(ทงั้ )ดอกแก้วดอกเกี๋ยง ทึง (ก็) บ่มที ี่ไหนจะมาเท่ามาเพยี ง (เท่ากัน) จะอู้เรื่องบนเตียงไผบ่เพียง (เก่ง) เท่าขา้ อ่านหนังสือธรรมะตาข้ามันบ่เวย (ช้า) เร่ืองแทงหดู ูหวยเวย (เรว็ )เหมือนนกจอกฟ้า...จิม่ ฯ ๒๐. พระศาสนาน้ันเปรียบเหมือนดอกไม้ ถ้าใคร่ (อยาก) ให้มันใหญ่ใหห้ มนั่ ได้ใสป่ ยุ๋ เปน็ เวทีเอาไวท้ ่ีลกู คุย (ก้าปัน้ ) ตีมดี ตีมุย (ขวาน)กย็ ังเพิ่งบุญเส่า อนั ความดีของพระศาสนา ในโลกนน้ี าจะเอาอะหย่ังมาเท่า ตง้ั ต่อน้ีไปจะเลิกยาเลิกเหลา้ จะเขา้ หาธเุ จ้า (พระ) ทึงวัน (ทุกวัน) ศาสนาเป็นเคร่ืองประดบั ประดอย จะเป็นเพชรเป็นพลอยขา้ ปูนดีใคร่หนั เส้นไหนค่าแสนคา่ หม่ืนค่าพัน บางคนก็ใส่กนั พอหลามหลูดหลามหลู้ (มากมาย) ยั่วตาพ่อชาย (ผชู้ าย) เป็นคุณนายเน้ือหอม ของแท้ของปลอมหุก็ยงั บ่ารู้ ... จมิ่ ฯ ๒๑. กินหือ้ ชา่ งกนิ (ให้รจู้ ักกนิ )หย้องหอ้ื ช่างหย้อง(ให้รูจ้ กั แต่งตวั )ยะ(ทา้ )ให้มนั ถูกต้องมอกพอดีพอตัว(พอประมาณ) เพนิ่ (เขา,ท่าน)ถึงว่าเมียทบี่ ฟ่ ังคา้ ผวั เงนิ กองเท่าหวั มันก็ทึง (จะ) บ่คา้ ง ถา้ ว่าผวั น้ันบฟ่ ังคา้ เมีย มขี า้ วเต็มเยีย (ข้าวเต็มยุ้งฉาง) จะฉิบหายไหลหล่ัง เป็นการพนันอ้ายบ่ชอบสักอย่าง อ้ายชอบก่าแทงหว่างสองฮิม พระศาสนาเป็นของอันทรงเกยี รติ จะไปหื้อ (ให้) มเี สนียดจะไปห้ือ (ให้) มสี นิม ไปหื้อ (ให้) มีคู่อยู่ห้ือ (ให้) มคี ิม หยั่วะๆหยิมๆมันเข้ากันบ่ได้ เพราะปากคนบ่าเดี่ยวชอบปากมดปากหมอ ยง่ิ พวกหมชู่ า่ งซอหมูน่ ้ีแถมซ้าร้าย...จ่ิมฯ ๒๒. พระศาสนานน้ั เปน็ ของวิเศษ เอาเป็นรั้วรอบขอบเขตเพื่อเอาไว้ป้องกัน ข้ายินภาคใต้ยังร้อนไหม้ทึงวนั (ทุกวัน) ฆา่ กนั ยิงกันทึงวัน (ทุกวัน) มีสัพพะ (มากมาย) ฆา่ แผว (รวมถึง) ตา้ รวจฆา่ แผว (รวมถึง) ทหาร ครูประชาบาลฆา่ แผวตแุ๊ ผวพระ (ฆา่ ทั้งพระสงฆ์) ยังบ่หนั (เห็น) ใครไปช่วยเป็นธุระ เขามายะ (ท้า) เป็นตะพึดตะพือ อวดเปน็ ใหญ่เป็นสงู ใครมาจูงมาส่อน มาอนิ ดู (เอ็นดู) ละอ่อน (เดก็ ) พอบ่ได้เรยี นหนังสือ แล้วจะเอาหยัง (อะไร) มาต่อตีนต่อมือ จะไปเรียนหนังสือก็กลวั โดนโจรฆ่า พ่องกว็ างระเบดิ เกดิ (ดัก) ปล้นทรัพย์สนิ อินดู (เอ็นดู) ครจู หู ลนิ ตายสาบดนิ สญู ฟา้ ...จิม่ ฯ
๒๓. ถา้ เอาศาสนามาเป็นรั้วรอบขอบชดิ ทกุ ชวิ ิตมีแต่ความสุขสนั ต์ พ่องกต็ ิดเหล้าพ่องกต็ ิดการพนัน พาเอาการเอางานเท่ียวรุกรานขม่ ขู่ แต่งตัวอะเละ (แต่งตัวดี) เต๊ะ (ท้า) ท่าผดู้ ี เวลาเงินบม่ ีลน่ (วง่ิ ) มายืมเจ้าหมู่ (เพ่ือน) ถา้ เปน้ิ (ทา่ น,เขา)บ่หอื้ (ให)้ แตง่ (แกลง้ )ชักปนื มาขู่ ไอ่พวกนกอ่ปี ู่ลืมรัง ตัวว่าศาสนาเปรียบเหมือนท่ีอยู่ ข้ามาฟังตัวอู้พอลืมหน้าลมื หลัง บางพ่องกแ็ ป๋ง (ท้า) บ้านใหญ่อย่างกบั วัง คนมีสตางคด์ ูต้างกึ๊ดต้างสร้าง (ท้าอะไรก็ได้) กันว่าศาสนาเปน็ ที่อยู่อาศยั ฮา (ฉัน) จะเตบ้าน (รื้อบา้ น) ขายตึงบ่หื้อ เคน้ิ คา้ ง (ไม่ให้เหลือ) ...จิ่มฯ ๒๔. จะเอามรรคเอาผลเป็นกุศลอย่างแรง ลกู รกั เมียแปง (ลูก เมีย) บ่นอกอกนอกใจ อย่ดู ว้ ยกันมีความสขุ สบาย อันที่ข้อต่อไปว่าเปรียบเหมือนแม่น้า มนั จะเป็นนา้ ขุน่ กาว่า (หรือ) เปน็ น้าใส กาว่า (หรือ) เป็นนา้ ไหลออกจากรูจากถ้า จะเหมือนพายุเกย์คลนื่ ทะเลกระหน่้า ไหลลงส่ตู ้า่ ทะเล ตวั ว่าแมน่ ้านั้นมันมีประโยชน์ ขา้ หนั ทะเลโหดยังอกส่ันขวัญเขว คลนื่ สึนามิหรือคล่นื พายเุ กย์ น้าล้นทะเลทว่ มจอง (บ้าน) ทว่ มบ้าน อนั ท่วี ่าแม่นา้ เปรยี บเหมือนศาสนา เปน็ น้าหนู ้าตากาวา่ (หรือ) น้าอนั นั้น...จิ่มฯ ๒๕. พระศาสนาเหมือนน้าบริสุทธ์ิ น้าบ่อเราบา่ ขุดมนั ตึง (ก็) บ่ได้กิน น้าธรรมค้าสอนขององค์พระมุนนิ น้าธรรมค้าศีลน้ีเป็นสะอาด น้าตาน้าลายน้าเลือดน้าหนอง รวมมีสิบสองน้ันคืออาโปธาตุ มใี นรา่ งกายถ้าน้าใดมันขาด ตอ้ งมว้ ยมาดขาดมรณา พระศาสนาของพระพทุ ธองค์ ขอห้ือ (ให้) ไดย้ ืนยงห้าพันพระวสา เรามาหันหน้าพากันเข้าวดั เข้าวา เรามีศรัทธาเป็นทส่ี าท่ีไหว้ เอาเป็นออกซิเจนชว่ ยสืบลมหายใจ หนีห้ือ (ให้) เปิ้น (ท่าน,เขา)เสียดายตายห้ือ (ให)้ เพิ่น (ท่าน,เขา) เล่าไว้...จิ่มฯ
๒๖. เรามวี ดั มีวามีครบู าสังฆะ ช่วยก๊ีด (คิด)สร้างสัพพะ (มากมาย) เป็นสงา่ ราศรี ตนหนมุ่ คนเฒ่าเข้ากันก็ชาดดี(ดมี าก) บ่าเดยี ว(เด๋ียวน)้ี มนั หงั มีค่าา(มีเฉพาะ) คนเฒา่ หวั หงอก คนหนุ่มเขา้ วัดนีม้ นั ตงึ อนัตตา เขาเมาไปศึกษาแผว (ถึง) เมืองนาเมืองนอก แถมน้อยถ้าเสี้ยงเช่นคนเฒ่าหัวหงอก จะมีใครมาบอกหื้อ (ให้) เขาจา มวี ดั มวี าครูบาบช่ า่ งบอก มีก่ะ (มีแต่) ข้ีนกจอกมีก่ะ (มแี ต)่ ขีต้ ีนหมา อันน้ีจะขอฝากกับพีน่ ้องศรัทธา ท่ชี ่างเอาแมวเอาหมาไปฝากกับตเุ๊ จา้ (พระ) แลว้ มาเดือดว่าตุ๊เจา้ หมู่นีก้ ินข้าวเปลือง สู (ทา่ น)จะไดไ้ หวผ้ า้ เหลืองพกตอบา่ ปา๊ ว(มะพรา้ ว)..จิ่มฯ ๒๗. เสยี งแมวเสยี งหมาหอนตายซ๊าวๆ (เสงี ดัง) บ้านบวั ซอนเมืองพรา้ วบ่ใช่ข้าใคร(อยาก) เล่าขวญั กึด๊ ฮอด (คิดถึง) ปีแลว้ ผมไปแอ่วบา้ นมัน ผมยังไปหัน (เหน็ ) ตุ๊เจา้ (พระ) แปง (ท้า) ฟาร์มไก่ วัดบ้านตวั เป็นวดั ระดับพระครู แปง (ทา้ ) ฟาร์มไก่ฟาร์มหมขู ้าว่าใชบ้ ่ได้ เขาเอามาเล่ากันผับไคว่(ทวั่ )เชยี งใหม่ ว่าธุเจ้า (พระ) เลีย้ งไก่ ซีพี คาบ่มไี ผก็ทึงบ่เลา่ (ไม่มีจริงไม่มใี ครพูด) คา้ ที่เพนิ่ (ท่าน,เขา) บ่เลา่ ก็เพราะวา่ มันบ่มี วัดหลวงวัดใหญม่ าเลยี้ งไก่ซีพี วันนัน้ ผดิ กับแมช่ มี ันลักเอาไก่ไปต้ม เดือดร้อนไปแผว (ถึง) กรมการศาสนา มนั อายหนา้ อายตามานง่ั แปง(ทา้ )หัวง้ม(กม้ หนา้ )..จ่มิ ฯ ๒๘. ผมวา่ เลน่ บ่ดายบ่ใชผ่ มวา่ แท้ ตวั เปน็ คนเฒ่าคนแกจ่ ะไปว่าไปหลาย ตะกี้ (เม่ือกี้) ตัวผมก็วา่ เล่นบ่ดาย ต่างคนต่างเข้าใจเรามาดีห้ือ (ให)้ กนั น่อ เราพากนั ซอเรื่องศาสนา ค้าอู้ค้าจา (ค้าพดู ) มันเป็นการหยอกล้อ เรามาชว่ ยกนั สานเรามาช่วยกนั ตอ่ หอื้ (ให้) มันได้แตกหน่อ ใบงาม บ่าเด่ียวพอจะถึงสองพันห้าร้อยหา้ สบิ น้าจะทว่ มลบุ๊ ลบิ (สุดลกู หลู ูหตา)เจด็ เชน่ (เท่า)ตน้ บา่ ขาม ตามพุทธต้านานเพ่ิน(ท่าน)เลา่ สบื เลา่ ตาม กลัวศาสนาธรรมมันจะหายขาดคว้า มาช่วยกันท้าความดีมีไว้กับตัว เปรยี บเหมือนเรากา่ ยขวั (พาดสะพาน)เอาไวข้ า้ มแม่น้า..จิม่ ฯ วางเพลง………
บทซอเร่อื ง ปดั เคราะห์ เรียกขวัญ มดั มือ สอนศีล พระลูกแกว้ ทานองเพลงอ่ือ ประพนั ธ์โดย แมค่ รูบวั ซอน ถนอมบุญ ๑. กอ่ นท่จี ะมัดมือทอื ขวัญ ขอสาธุการเสียก่อน เบอ้ื งผูข้ า้ น้อยม่อน จะขอปดั เคราะห์ปัดภยั ทั้งเคราะห์สิบสามท้งั นามสิบหก ขอหื้อ (ให้) ตกไปไกลๆ ตกลงแมน่ ้าวังใส หื้อ (ให้) ไหลไปหล่าย (ข้าง ๆ) เมอื งกอก ๒. บว่ ่าเคราะหเ์ จบ็ หวั มัวใจ ทง้ั เคราะห์เจบ็ ในไขน้ อก แม่จกั ปดั เคราะห์เจ้าออก ไปดว้ ยคาถาบาลี ว่าโอมพทุ ธโธพุทธัต หอ้ื (ให้) ได้ก้าจดั ถอยหนี วา่ โอมธรรมะธรรมมี หอื้ (ให้) เคราะห์ได้หนไี ด้พ่าย (หนีไปไกล ๆ) ๓. อนั วา่ โอมสังฆัสสะ หอ้ื (ให้) เคราะห์ได้หลวั ะ (หลุด) ไปตามเส้นฝ้าย หอ้ื (ให้) หนีเขา้ ดงป่าไม้ ตกไปหมนื่ วาแสนวา หื้อ (ให้) หนเี ขา้ ดงป่าเสา้ ที่พระเจ้าบ่ไวศ้ าสนา เคราะห์อยา่ ได้พิก (กลบั ) คนื มา หาเจ้าแถมซ้าแถมซอก ๔. สะป๊ะวา่ โลกาภยั บอ่ วา่ เคราะหเ์ จ็บในไขน้ อก เคราะหท์ ั้งหลายถอยออก จะนา้ ขันดอกนิมนต์ จะได้เรียกร้องขวัญเจ้า หอื้ (ให้) เขา้ มาอยู่กับตน แลว้ จักเอาฝา้ ยมงคล มดั อยตู่ ิดตนตลอด ๕. ขอเชิญสามสบิ สองขวัญ เจา้ จงุ มาพันจุจอด เชิญขวญั มือมาสบุ สอด แหวนแกว้ มณียองคา้ ขอเชญิ มาทรงห่มตุ้ม ทง้ั ผา้ ตาหิงตาจ๋า (ผ้าสวิงและยอ) ผา้ มว้ นผ้าไหมแพรงาม ทง้ั สีลายแซงแพงค่า (ลา้ ค่า) ๖. ขวัญเจ้าสะดุ้งฆ้องกลอง(ขวัญหาย) เมาอยตู่ ามคลอง (ถนน) ตามท่า บด่ ไี ปเล่นไปล่า กับหมูว่ อกค่างนางนี อันหม่เู สอื สิงห์กระทงิ ร้าย กลัวมนั หกั ไม้ไลต่ ี อนั เปน็ ปา่ ช้างทางหมี เจา้ บด่ ีไปเดด็ ขาด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243