94 2. ลทั ธิจักรวรรดินยิ ม ลัทธิจักรวรรดนิ ิยมเริ่มจากปลายคริสต์ศตวรรษท่ี 19 เม่อื มกี ารปฏิวัติ อตุ สาหกรรม ทำใหต้ อ้ งการวัตถุดิบและตลาดระบายสินค้า มหาอำนาจยโุ รป เชน่ องั กฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนั เนเธอรแ์ ลนด์ ต่างแข่งขนั กนั ขยายอำนาจในการครอบครองดนิ แดนในทวปี เอเชียอเมริกากลาง และแอฟรกิ า 3. การแบง่ กลุ่มอำนาจและการแตกแยกของชาติมหาอำนาจ กลุ่มไตรพันธมติ ร ( Triple Alliance) และกลุ่มไตรภาคี (Triple Entente) 4. ปัญหาในคาบสมุทรบอลขา่ น การขดั แยง้ ระหวา่ งออสเตรยี -ฮงั การีกบั เซอรเ์ บียในเรื่องการ สร้างอทิ ธิพลในคาบสมทุ รบอลข่าน 5. การแข่งขันทางด้านกำลงั และอาวุธ การแข่งขนั สะสมอาวธุ ทางนาวี (Naval Arms Race) โดย อังกฤษและเยอรมัน ฉนวนของสงครามเกดิ ขึน้ เม่อื กฟั รโี ล ปรินซปี นักเรียนชาวเซิรบ์ บอสเนีย ได้ลอบปลงพระชนม์ อาร์คดยคุ ฟรานซ์ เฟอรด์ นิ านด์แห่งออสเตรยี รชั ทายาทแหง่ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ในวนั ท่ี 26 มิถนุ ายน ค.ศ. 1914 ท่เี มืองซาราเยโว ผซู้ ึง่ เป็นสมาชกิ ของสมาคมลบั ช่ือวา่ มือมืด โดยมีเป้าหมายที่จะรวม ชาวยูโกสลาฟ หรอื สลาฟใต้เข้าไว้ดว้ ยกัน และประกาศเอกราชจากจกั รวรรดอิ อสเตรีย-ฮังการี เหตุการณ์ การลอบสงั หารน้ไี ด้กอ่ ให้เกดิ เหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ลุกลามต่อมาจนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ เมอื่ จกั รวรรดิออสเตรีย-ฮังการีตอ้ งการใหเ้ ซอรเ์ บยี ลงโทษผ้กู ระทำผิดแต่เซอร์เบียปฏิเสธความเกยี่ วข้องกบั การกระทำใด ๆ ท่ีเกิดขนึ้ ในวนั นนั้ จักรวรรดิออสเตรยี -ฮังการีจงึ ประกาศสงครามตอ่ เซอรเ์ บีย ทำให้ มหาอำนาจยุโรปจำนวนมากต้องเข้าส่สู งครามภายในหน่งึ สปั ดาห์เนือ่ งจากขอ้ ตกลงการป้องกนั รว่ มกัน และการเขา้ แทรกแซงสงครามของประเทศพนั ธมิตรของตน 2) สาเหตุทสี่ หรฐั อเมรกิ าเข้าร่วมในสงครามโลกคร้งั ที่ 1 1. ความผกู พันใกล้ชิดระหวา่ งองั กฤษและสหรฐั อเมรกิ า อังกฤษและสหรฐั อเมรกิ ามคี วามผกู พนั ทางดา้ นภาษาและวฒั นธรรม ตลอดจนธุรกจิ การค้าระหว่างสหรัฐอเมรกิ ากบั องั กฤษได้ดำเนินมาด้วยดใี น หม่ชู นชน้ั สูงด้วย 2. ความต้องการจะรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ของคนอเมรกิ นั เอง หากสหรฐั อเมริกาไม่ ร่วมมือกบั พนั ธมิตรเยอรมนั อาจมชี ัยและเป็นใหญ่ในยุโรป ซง่ึ จะมผี ลกระทบกระเทือนถงึ สวสั ดภิ าพของ สหรัฐอเมรกิ าอยา่ งย่ิง
95 3. การโฆษณาชวนเชอ่ื ในสหรัฐอเมรกิ าได้ผลเป็นอย่างดี คนอเมริกนั ไดร้ ับการชกั ชวนให้เชื่อว่า ฝ่ายพันธมิตรตอ่ สเู้ พ่อื เสรภี าพ อิสรภาพ และสนั ติภาพของโลก และเยอรมนั เปน็ ผู้ก่อสงครามอนั หฤโหด ครงั้ นขี้ นึ้ มา 4. ความไมพ่ อใจตอ่ เยอรมนั ท่ที ำสงครามเรือดำนำ้ อย่างไมม่ ีขอบเขต 5. เนื่องจากอเมริกามีการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ในขณะท่ีเยอรมนั มกี ารปกครองแบบ สมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ ดงั นัน้ อเมริกาจึงยอมไมไ่ ด้ท่จี ะให้เยอรมนั เปน็ ฝา่ ยชนะในสงคราม ทง้ั นเี้ พื่อเป็น การปกป้องลัทธปิ ระชาธปิ ไตยและตอ่ ต้านเผดจ็ การทหารแบบเยอรมนั 7.1.2 บทบาทของสหรฐั อเมรกิ าในสงครามโลกคร้งั ที่ 1 1) สงครามเรือดำนำ้ ในขณะท่ีสหรัฐอเมรกิ าประกาศตนเป็นกลางในระยะต้นของการสงคราม องั กฤษได้ลอ้ มปดิ อา่ ว และเมืองทา่ ในยโุ รปเพือ่ ปอ้ งกนั มิให้สนิ ค้าตกไปถึงมือข้าศกึ ทำใหส้ หรัฐอเมริกาเดือดร้อนในการคา้ ทาง ทะเลเป็นอันมาก ในเวลาเดียวกนั เนือ่ งจากเยอรมนั ได้ถกู ปิดลอ้ มทางทะเลทำให้เกิดการขาดแคลนเสบียง อาหารและวัตถดุ บิ เยอรมันจงึ เริม่ ใชเ้ รอื ดำนำ้ (U-boat) โจมตเี รือฝา่ ยพนั ธมิตรรวมท้งั เรือของทุกประเทศ ทีเ่ ข้ามาในเขตน่านน้ำทีเ่ ยอรมนั เพราะถือว่าเป็นเขตสงคราม ในเดอื นพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1915 เรอื เดิน สมทุ รไมไ่ ดต้ ดิ อาวธุ ของอังกฤษ ช่ือวา่ ลูซติ าเนยี (Lusitania) ถกู เรอื ดำนำ้ ของเยอรมนั โจมตีจมลงใกลๆ้ ชายฝัง่ ทะเลของไอรแ์ ลนด์ มผี ้โู ดยสารเสียชวี ิตราว 1,198 คน รวมทั้งชาวอเมรกิ ันท่โี ดยสารไปกับเรือลำ ดงั กลา่ วดว้ ยราว 128 คน การสญู เสยี ชีวิตผคู้ นเป็นจำนวนมากทั้งเดก็ และสตรเี รา้ อารมณ์คนอเมริกนั ให้ เกดิ ความโกรธแคน้ ประธานาธิบดวี ลิ สันจงึ ได้ยน่ื สาสน์ประท้วงต่อเยอรมนั สหรัฐอเมรกิ าประทว้ งรนุ แรง ยงิ่ ข้ึนจนเยอรมันต้องยอมลดทา่ ทีลงโดยยอมรบั รองว่า กอ่ นที่เรือดำน้ำของตนจะโจมตีเรอื โดยสารหรือเรอื สินค้าจะเตือนใหร้ ้ตู วั เสยี กอ่ นและจะชว่ ยชวี ติ คนโดยสารไว้ 2) สหรัฐอเมริกาเขา้ สสู่ งคราม ในช่วงตน้ ปี ค.ศ. 1917 น้นั เยอรมันตอ้ งเผชิญกบั สภาวะขาดแคลนอย่างหนักจากการถูกปิดล้อม ขององั กฤษ เยอรมันจึงประกาศใช้เรอื ดำน้ำใหจ้ มเรือทกุ ลำไมว่ า่ จะติดอาวุธหรอื ไม่ หากเห็นอยรู่ อบๆ เกาะองั กฤษและในท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนอกี ประธานาธิบดวี ลิ สันโต้ตอบการลอ้ มปิดเกาะองั กฤษของ เยอรมันดว้ ยการตดั สัมพนั ธท์ างการทูตกบั เยอรมัน ในขณะเดียวกนั ในตน้ เดือนมนี าคม มตมิ หาชนก็หันไป เป็นศตั รูกับฝา่ ยมหาอำนาจกลางอย่างเตม็ ทเี่ นอื่ งจากหน่วยสืบราชการลบั ทางนาวขี ององั กฤษแอบดักจับ โทรเลขลับที่รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงการต่างประเทศเยอรมัน ซิมเมอร์มาน แจ้งให้ทูตเยอรมนั ประจำ เมก็ ซโิ กทราบถงึ การตัดสินใจของรัฐบาลทจ่ี ะเปิดฉากสงครามเรือดำนำ้ อยา่ งไม่มีขอบเขตของเยอรมัน
96 และสัง่ วา่ ถา้ หากเยอรมนั ทำสงครามกับสหรฐั อเมริกา ทูตเยอรมันประจำเมก็ ซิโกจะต้องซกั ชวนใหเ้ ม็กซโิ ก กบั ญปี่ ุ่นเข้าขา้ งฝ่ายมหาอำนาจกลาง ร่วมกันต่อสู้กบั สหรฐั อเมริกา แลว้ เยอรมันจะสนับสนนุ ใหเ้ ม็กซโิ กได้ ดินแดนนวิ เมก็ ซิโก เทกซัส และแอรโิ ซนาคืนจากสหรัฐอเมรกิ า มหาชนอเมริกันต่างพากนั โกรธแคน้ เยอรมันเป็นอยา่ งมากและตา่ งเรียกร้องใหป้ ระกาศสงครามกับเยอรมนั ดงั นั้นวนั ท่ี 2 เมษายน ค.ศ. 1917 ประธานาธบิ ดวี ลิ สันไดอ้ า่ นสาสน์ ประกาศสงครามต่อรัฐสภาและสรปุ ท้ายสาสน์ อนั เปน็ ทป่ี ระทบั ใจแก่ผูฟ้ ัง ยง่ิ นกั ว่า “เราจะตอ้ งทำใหโ้ ลกน้ปี ลอดภยั เพอ่ื ธำรงไว้ซงึ่ ระบอบประชาธิปไตย สนั ตภิ าพของโลกจะตอ้ ง ตั้งอย่บู นพนื้ ฐานแห่งเสรภี าพทางการเมอื งท่ีได้ผา่ นการทดสอบกนั มาแลว้ เรามไิ ด้มีจุดมุง่ หมายท่ีเห็นแก่ ตวั ไมป่ รารถนาชยั ชนะ ไมป่ รารถนาอาณานคิ ม ไม่ต้องการคา่ ไถถ่ อนชดเชยใหต้ นเอง ไม่ปรารถนาการ ชดเชยดว้ ยวตั ถุตอ่ การเสยี สละทั้งหลายแหล่ท่ีเราจะทำให้โดยไมห่ วงั ค่าตอบแทน” อีกสองวันตอ่ มารัฐสภา ได้ลงมตใิ ห้ความเหน็ ชอบการประกาศสงครามของประธานาธบิ ดีวิลสนั ด้วยคะแนนเสียงในวุฒิสภา 82 ต่อ 6 และในวันท่ี 6 เมษายน สภาผู้แทนราษฏรกล็ งคะแนนเสียงใหว้ ลิ สัน 373 ต่อ 50 สหรฐั อเมริกาไดเ้ ข้าสู่ สงครามนบั ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1917 เป็นต้นมา การเขา้ ร่วมสงครามกับฝ่ายพันธมิตรทำให้ สหรฐั อเมริกาตอ้ งกระทำส่งิ ท่ีตนไมเ่ คยกระทำมาก่อนสองประการ คอื การสง่ คนจำนวนมหาศาลข้าม มหาสมทุ รถึง 3,000 ไมล์ ไปรบกับมหาอำนาจฝ่ายมหาอำนาจกลาง และจะตอ้ งระดมเศรษฐกิจของทั้ง ทวปี เพือ่ สนับสนุนฝา่ ยพนั ธมิตร 3) สงครามในยโุ รป สหรัฐอเมรกิ าได้สง่ ทหารถงึ 2 ลา้ นคนเขา้ ไปรว่ มรบในสมรภมู ยิ โุ รปภายใตก้ ารนำของนายพล จอห์น เจ. เปอร์ชิง (John J. Pershing) การเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งท่ี 1 ของสหรัฐอเมรกิ าถอื วา่ เปน็ ส่วนสำคญั ยิ่งท่ีทำใหฝ้ ่ายพันธมติ รได้รับชัยชนะในทส่ี ดุ เนอ่ื งจากในปลายปี ค.ศ. 1917 นัน้ จักรวรรดิ รุสเซยี ได้พ่ายแพแ้ กเ่ ยอรมันอันเป็นผลทำให้ฝ่ายพันธมติ รออ่ นกำลงั ลงเปน็ อยา่ งมาก และทหารเยอรมนั จากแนวรบดา้ นตะวนั ออกได้ถกู ย้ายมาทางแนวรบด้านตะวันตก ซ่ึงเยอรมันไดท้ มุ่ กำลงั ท้งั หมดเข้าทะลวง แนวปอ้ งกนั ของฝา่ ยพันธมติ รเพอื่ เข้าตีกรุงปารีสในต้นปี ค.ศ. 1918 แตไ่ มเ่ ปน็ ผลสำเรจ็ และกองทัพของ ฝา่ ยพนั ธมิตรสามารถตีโต้กลบั ไปไดใ้ นเวลาตอ่ มา ครน้ั เม่ือสหรฐั อเมรกิ าเข้าร่วมสงครามจงึ เข้าไปเสริม กำลงั ทางแนวรบด้านตะวนั ตก นอกจากนั้นรัฐบาลสหรฐั อเมริกายงั ให้เงินกู้แกฝ่ ่ายพันธมิตรเปน็ เงนิ จำนวน มาก เพื่อใหฝ้ ่ายพนั ธมิตรสามารถซอื้ เสบยี งอาหารและอาวธุ ยทุ ธโธปกรณไ์ ว้ใชใ้ นการรบตอ่ ไป และในเวลา เดียวกันน้นั กองทพั เรอื ของสหรัฐอเมรกิ าก็ไดเ้ ข้ารว่ มในการปิดลอ้ มเยอรมันอยา่ งมปี ระสิทธิภาพมากยงิ่ ขนึ้ ตลอดจนได้ชว่ ยเหลือในการไล่ลา่ เรอื ดำน้ำของเยอรมนั มใิ ห้ออกอาละวาดไดอ้ กี ต่อไป และมีการใชเ้ รือ พฆิ าตในการคมุ้ กนั เรอื สนิ ค้าตา่ งๆ เพ่อื มิใหถ้ กู เรือดำน้ำของเยอรมนั โจมตไี ดอ้ กี ในทส่ี ดุ กองทพั ฝ่าย
97 พนั ธมติ รรวมทงั้ ทหารกวา่ ล้านคนของสหรฐั อเมริกากส็ ามารถเจาะแนวรับฮินเดนเบริ ์กของเยอรมนั ไดเ้ ปน็ ผลสำเร็จในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1918 และต่อมาในวนั ท่ี 11 พฤศจิกายน เยอรมนั ก็ยอมจำนนใน ท่สี ุด สหรัฐอเมริกาเสียชีวิตทหารของตนไปในสนามรบ 48,000 คน หายสาบสูญไปในการรบ 2,900 คน เสยี ชีวิตเพราะโรคภยั 56,000 คน เม่ือเทียบกับการสูญเสยี ของฝ่ายพนั ธมิตรในยโุ รปแลว้ นับว่าเป็น จำนวนน้อยมาก เพราะฝ่ายพันธมิตรตอ้ งสรู้ บมาต้งั แต่ ปี ค.ศ. 1914 รุสเซียเสียชีวติ ทหารไปในการรบ 1,700,000 คน เยอรมัน 1,800,000 คน ฝรั่งเศส 1,385,000 คน องั กฤษ 947,000 คน ออสเตรยี -ฮังการี 1,200,000 คน แต่หากคำนึงถึงระยะเวลาอันสั้นเพียง 18 เดือนที่กองทัพอเมริกันทำการรบอยู่ในสมรภูมิ แลว้ กจ็ ะตอ้ งยอมรบั ว่าสหรัฐอเมรกิ าได้สูญเสียทง้ั ชีวิตทหารและทรพั ยากรของชาตไิ ปในการสงครามคร้งั นี้อยา่ งมหาศาลเกนิ กว่าท่ีคนอเมรกิ นั คาดไวม้ ากมาย 7.1.3 สถานการณใ์ นสหรฐั อเมริการะหวา่ งสงครามโลกครั้งท่ี 1 1) ลัทธิอเมรกิ นั และการเตรยี มกำลงั รบ การสงครามยง่ิ เนนิ่ นานคนอเมรกิ ันก็ยิ่งเพ่มิ ความหวาดหวน่ั วิตกยงิ่ ขนึ้ แมว้ ่าสหรัฐอเมริกาจะอยู่ หา่ งไกลจากสงครามก็ตาม ในภาวะเช่นนคี้ นอเมริกันได้ไขวค่ วา้ หาสญั ลักษณ์ที่คิดวา่ จะเอาไวช้ ่วยคมุ้ ครอง ตนให้พน้ จากสง่ิ รบกวนรอบๆ ตวั ได้ “ลัทธอิ เมรกิ ัน”(Americanism) จงึ กลายเปน็ สญั ลักษณ์ทใ่ี ช้ต่อตา้ น หรือทำลายสิง่ ทตี่ นหวาดระแวง ไมว่ ่าจะเปน็ นิโกร หรอื คาทอลิก หรอื ยิว หรือพวกท่ีเรยี กรอ้ งให้สตรีมีสิทิ ออกเสยี งเลอื กตัง้ ทางการเมือง หรอื การทดสอบคนเข้าเมืองดว้ ยวิธีการทดสอบว่าอา่ นออกเขียนไดห้ รือไม่ ล้วนแต่มขี อ้ อ้างวา่ ทำไปเพื่อพทิ ักษ์ความเป็นอเมรกิ นั หรอื เพื่อลัทธอิ เมรกิ ันทงั้ สิ้น ประธานาธิบดีวิลสนั ได้ หันไปสนับสนนุ การขยายกำลังทพั บก ทพั เรือ และเรอื พาณชิ ย์ ในเดอื นมถิ ุนายน ค.ศ. 1916 รฐั บาล อเมรกิ ันออก กฎหมายป้องกันชาติ (The National Defense Act) เพ่มิ กำลงั กองทัพบก กองทัพเรอื และ กองทหารรักษาการณแ์ ห่งชาติ จัดตงั้ วิทยาลัยและมหาวิทยาลยั การทหาร ออกกฎหมายจัดตัง้ สภาพาณชิ ย์ นาวีแหง่ สหรฐั อเมริกา อนุมตั ิเงิน 50 ลา้ นดอลลาร์ ซอื้ หรอื สร้างเรอื เดินสมุทรพาณิชย์ ในขณะเดยี วกนั ประธานาธิบดวี ลิ สนั กจ็ ดั ต้ัง สภาป้องกันชาติ (Council of National Defense) เตรยี มไว้ในยามสงคราม 2) การเลอื กตั้งในปี ค.ศ. 1916 วิลสันเสนอนโยบายสามประการในการรณรงค์หาเสียงเลอื กตั้งครงั้ นี้ คอื สันติภาพ เตรียมพรอ้ ม และลทั ธโิ พรเกรสซีฟ(Progressivism) พรรครีพับลกิ นั ส่ง ชาร์ลส์ อแี วนส์ ฮวิ ส์ ผ้พู ิพากษาศาลสูงสุด อดตี ผู้ว่าการนครนวิ ยอร์กผู้มชี ่อื เสียงเขา้ รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธบิ ดี ฮิวส์เสนอนโยบายให้สหรัฐอเมรกิ า วางตนเป็นกลาง และโจมตีนโยบายของวลิ สันในด้านแรงงาน และการสร้างความสัมพนั ธก์ ับเม็กซโิ กว่าตน สามารถทำไดแ้ ขง็ กร้าวกวา่ วลิ สัน การหาเสียงของฮวิ สไ์ มน่ ่าตืน่ เต้นนกั ปัญหาเรอ่ื งสงครามเป็นประเด็น
98 ใหญ่ท่ีประชาชนสนใจว่ารฐั บาลใหม่จะทำสงครามหรือไม่ ผลของการเลอื กต้งั ของทั้งสองพรรคใกล้เคยี ง กนั มาก พรรครีพบั ลกิ นั คดิ ว่าตนจะเป็นฝ่ายมชี ัยในข้ันแรก แต่เม่ือภาคใตท้ ั้งภาคและภาคตะวนั ตกเปลีย่ น ใจมาเลอื กพรรคเดโมแครท พรรครีพบั ลกิ ันจงึ ปราชยั อยา่ งหวดุ หวดิ พวกโพรเกรสซฟี สังคมนิยม กรรมกร ชาวนา และนกั ต่อต้านสงครามลงคะแนนเสยี งให้แก่พรรคเดโมแครท 3) การปรบั ตัวให้เข้ากบั สภาวะสงครามของคนอเมริกัน และการเรยี กระดมพล ขณะท่ปี ระกาศสงคราม สหรฐั อเมริกามที หาร 378,000 คนทเ่ี ขา้ ประจาการในกองทพั และกอง ทหารรกั ษาการณแ์ หง่ ชาติ รฐั สภาออกกฎหมายเกณฑท์ หาร ชายฉกรรจอ์ ายตุ งั้ แต่ 21 ถึง 30 ปี (ต่อมา ยืดออกเป็น 18 ปี ถงึ 45 ปี) จะตอ้ งขนึ้ ทะเบียนเป็นทหาร ซึ่งแบง่ ออกเป็น 5 ชนั้ ดว้ ยกนั ชน้ั ที่หนงึ่ ไดแ้ ก่ ชายดสดไมม่ พี นั ธะตอ้ งเลยี้ งดผู ใู้ ด จานวน 2,810,000 คน ทาหนา้ ที่รบั ใชใ้ นกองทพั บก ชน้ั ตอ่ ๆ ไป ไดแ้ ก่ ชายท่ีมพี นั ธะมากขนึ้ เป็นลาดบั จนถงึ ชนั้ ท่ีเป็นผสู้ งู อายุ และมีพนั ธะตอ้ งเลยี้ งดคู รอบครวั มาก ทส่ี ดุ 4) การจดั การเงนิ ค่าใช้จ่ายในยามสงครามสูงมาก ช่ัวระยะเวลาจากเดอื นเมษายน ค.ศ. 1917 ถึงเดือนมถิ ุนายน ค.ศ. 1920 คดิ เป็นจำนวนเงินถึง 32.8 พันล้านดอลลาร์ ในเดอื นเมษายน ค.ศ. 1917 รัฐบาลของ ประธานาธิบดวี ิลสนั ออก กฎหมายก้เู งนิ ยามฉกุ เฉิน (Emergency Loan Act) และอาศัยอำนาจตามรฐั บญั ญตั นิ ้ีขายพนั ธบัตรเงนิ กู้ เรียกกันวา่ พันธบัตรเสรภี าพ (The Liberty Bonds) จำนวน 5,000 ลา้ น ดอลลาร์ โดยจ่ายดอกเบ้ียอัตราต่ำกว่าปกติ คอื ร้อยละ 3 ครึง่ รัฐบาลได้นำเงินน้ีไปใหฝ้ ่ายพนั ธมิตรและ ชาตอิ นื่ ๆ ทเ่ี ข้าข้างฝ่ายพันธมิตรกูเ้ งนิ ในอัตราดอกเบ้ยี ร้อยละ 3 รวมหนี้ที่ให้ต่างประเทศก้เู ปน็ เงนิ จำนวน ถึง 7 พันลา้ นดอลลาร์ ในเดอื นตลุ าคม ค.ศ. 1917 รัฐบาลออก รฐั บัญญตั ิเงนิ รายได้ยามสงคราม (The War Revenue Act) เก็บภาษสี ินค้าฟมุ่ เฟือยทกุ ชนดิ เพิ่มข้นึ เช่น รถยนต์ บัตรภาพยนตร์ หมากฝรง่ั นำ้ หอม เครื่องเพชรพลอย เครอ่ื งดนตรี ตลอดจนยารักษาโรค บรษิ ัทประกันชีวติ และทรพั ย์สินก็ถกู เก็บ ภาษีสงู ข้ึนโดยถูกจดั ว่าอยู่ในรายการสินค้าประเภททแ่ี ขง่ ขันกับพันธบัตรของรัฐบาล นอกจากน้ียังเพม่ิ อตั ราภาษีรายได้สูงขึ้น โดยเกบ็ ถงึ สองในสามของผู้มีรายได้ 2,000,000 ดอลลาร์ 5) การเร่งผลติ และการควบคุมอาหารและสง่ิ จำเปน็ ในยามสงคราม รฐั บาลได้เรง่ การผลิตท้ังด้านอาหารและยทุ ธสมั ภาระให้ทันความต้องการของฝ่ายพันธมติ ร นัก อุตสาหกรรม เกษตรกร และนักธุรกิจต่างใหค้ วามรว่ มมอื เป็นอยา่ งดี รัฐบาลจัดตง้ั สภาอุตสาหกรรมยาม สงคราม ภายใต้การควบคุมของ เบอรน์ าร์ด บารุช (Bernard Baruch) สภานีไ้ ด้ใช้อำนาจเผด็จการจัดการ เศรษฐกิจของคนอเมรกิ นั โดยทำหนา้ ทีต่ ัดสนิ ใจเสียเองว่า ควรจะใช้หรอื ไม่ควรใช้วสั ดุประเภทใดในการ
99 ผลิต ดแู ลการผลิตโดยประหยัดแรงงานและวัสดุ และผลติ ให้ได้ตามขนาดมาตรฐานทีใ่ ช้กนั อยูท่ วั่ ไป ใน เดือนธันวาคม ค.ศ. 1917 รัฐบาลเขา้ ควบคุมรถไฟทุกสาย และลดอัตราค่าโดยสารอยา่ งตำ่ สุด ยกเลกิ การ แขง่ ขันในทางการคา้ การจราจรทางนำ้ ก็เช่นเดยี วกันถกู รัฐบาลเข้าควบคมุ ไม่มีการเพ่มิ ทนุ กำไรทไ่ี ดต้ ้อง จ่ายเป็นเงินปนั ผลให้แกผ่ ้ถู ือหุ้นโดยตรงไม่ใหบ้ รษิ ัทนำไปลงทุนอกี คนอเมรกิ ันกล่าวว่าคร้งั นเ้ี ปน็ การกา้ ว ก่ายในธุรกจิ ของเอกชนท่รี ุนแรงท่ีสุดในประวตั ิศาสตร์เศรษฐกิจของคนอเมริกนั แต่ก็มิไดม้ ใี ครตอ่ ต้าน เพราะเห็นวา่ เปน็ ยามสงคราม รัฐบาลได้จดั ตง้ั สภาการพาณิชย์ในยามสงคราม เข้าควบคุมการค้ากับ ตา่ งประเทศ และคอยป้องกันมใิ ห้สินคา้ อเมริกันตกอยู่ในเง้ือมมอื ของศัตรูอกี ด้วย ชาวนาได้รบั การ สนับสนุนให้ปลูกมากขึ้น โดยรัฐบาลขน้ึ ราคาขา้ วสาลีและผลิตผลทางการเกษตรชนดิ อ่นื ๆ เป็นการล่อใจ เช่นเดยี วกับการผลติ ถา่ นหนิ และนำ้ มนั ราคาข้าวสาลขี น้ึ จากบุชเชลละ 1.43 ดอลลาร์ ใน ค.ศ. 1916 เป็น 2.16 ดอลลาร์ ใน ค.ศ. 1919 7.2 สหรฐั อเมรกิ าระหวา่ งสงครามโลกคร้ังที่ 2 7.2.1 ภูมหิ ลงั สงครามโลกคร้ังท่ี 2 สงครามโลกครั้งทส่ี อง (องั กฤษ: World War II หรือ Second World War มกั ย่อเป็น WWII หรือ WW2) เป็นความขัดแยง้ ทางทหารระดับโลกต้งั แต่ ค.ศ. 1939 ถึง 1945 ซ่ึงเกีย่ วขอ้ งกับประเทศสว่ นใหญ่ ในโลกรวมทง้ั รัฐมหาอำนาจท้ังหมด ประเทศผูร้ ว่ มสงครามรวมตวั กนั เป็นพนั ธมติ รทางทหารคู่สงครามสอง ฝา่ ย คือ ฝา่ ยสมั พนั ธมิตรและฝา่ ยอกั ษะระหว่างสงครามมีการระดมทหารกวา่ 100 ลา้ นนาย ด้วยลักษณะ ของ \"สงครามเบด็ เสรจ็ \" ประเทศผรู้ ่วมสงครามหลักได้ทุ่มเทขดี ความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และวทิ ยาศาสตร์เพอ่ื ความพยายามของสงครามท้ังหมด โดยลบเส้นขดี แบง่ ระหว่างทรพั ยากรของพลเรอื น หรอื ทหาร ประเมนิ กันว่าสงครามมีมลู ค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยประการท้ังปวง สงครามโลก ครงั้ ท่สี องจงึ นับวา่ เป็นสงครามขนาดใหญ่ท่ีสุด ใช้เงินทุนมากทสี่ ุด และนองเลือดท่ีสดุ ในประวัติศาสตร์ มนษุ ยชาติ ประเมินกันว่ามผี เู้ สียชีวิตระหวา่ ง 40 ถึงมากกว่า 70 ลา้ นคนโดยท่ัวไปมกั ถอื วา่ สงครามโลก ครั้งทีส่ องเรม่ิ ต้งั แต่การบกุ ครองโปแลนด์ของเยอรมนี ในวันท่ี 1 กนั ยายน ค.ศ. 1939 อันนำไปส่กู าร ประกาศสงครามตอ่ เยอรมนขี องฝรัง่ เศสและประเทศสว่ นใหญใ่ นจักรวรรดอิ ังกฤษและ เครือจกั รภพ ภายในหนง่ึ ปี เยอรมนีกม็ ชี ยั เหนือยโุ รปตะวนั ตกเกือบท้งั หมด คงเหลอื เพียงสหราช อาณาจักรและเครือจักรภพท่ยี ังเปน็ กำลงั หลกั ที่ยังตอ่ กรกับเยอรมนที ง้ั ที่เกาะบรเิ ตน แอฟริกาเหนือ และ กลางแอตแลนติกอยา่ งยดื เย้ือ ในเดือนมิถนุ ายน ค.ศ. 1941 ฝ่ายอกั ษะบกุ ครองสหภาพโซเวียต เปิดฉาก เขตสงครามภาคพ้นื ดินท่ีใหญ่ท่ีสดุ ในประวัตศิ าสตร์ ฝ่ายจกั รวรรดญิ ี่ปุ่นซ่ึงกำลงั ทำสงครามกบั จนี มาตงั้ แต่ ค.ศ. 1937 ด้วยปรารถนาจะยดึ ครองเอเชียทั้งหมด จึงฉวยโอกาสโจมตเี พิรล์ ฮาร์เบอร์และส่งทหารบุก
100 ครองหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ และขยายดินแดนออกไปอยา่ งกวา้ งขวางและรวดเรว็ การ รกุ คบื ของฝ่ายอกั ษะยตุ ลิ งใน ค.ศ. 1942 หลงั ความพา่ ยแพใ้ นญ่ีป่นุ ในยทุ ธนาวมี ดิ เวย์ และหลังความพ่าย แพข้ องฝ่ายอักษะยุโรปในอยี ิปต์และทสี่ ตาลนิ กราด ใน ค.ศ. 1943 จากความปราชยั ของเยอรมนีท่ีเคิสก์ ในยโุ รปตะวนั ออก การบุกครองอติ าลขี องฝ่ายสมั พันธมิตร ตลอดจนถงึ ชัยชนะของสหรัฐอเมริกาใน แปซฟิ กิ ไดท้ ำลายการริเรม่ิ และส่งผลทำให้ฝ่ายอักษะลา่ ถอยทางยุทธศาสตร์ในทกุ แนวรบ ใน ค.ศ. 1944 ฝา่ ยสัมพนั ธมติ รเปดิ แนวรบใหม่ในฝรงั่ เศส เช่นเดียวกับสหภาพโซเวยี ตท่ียดึ ดนิ แดนคนื และบุกครอง เยอรมนแี ละพนั ธมติ รสงครามในยุโรปยตุ ิลงหลงั กองทัพแดงยึดกรงุ เบอร์ลินได้ และการยอมจำนนอยา่ งไม่ มีเงื่อนไขของเยอรมนีเมอ่ื วันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1945 แมจ้ ะถกู โดดเดีย่ วและตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบ อยา่ งยิ่ง ญี่ปนุ่ ยงั ปฏเิ สธที่จะยอมจำนน กระทัง่ มีการท้ิงระเบิดนิวเคลียรส์ องลูกถล่มญปี่ ่นุ และการบุก ครองแมนจเู รยี จึงไดน้ ำไปสูก่ ารยอมจำนนอย่างเปน็ ทางการของญ่ีปนุ่ เม่ือวนั ท่ี 2 กนั ยายน ค.ศ. 1945 สงครามยตุ ลิ งดว้ ยชยั ชนะของฝ่ายสมั พันธมติ ร ผลของสงครามได้เปลย่ี นแปลงการวางแนวทางการเมือง และโครงสรา้ งสงั คมของโลก สหประชาชาติถูกสถาปนาขนึ้ เพอ่ื ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและ เพอื่ ป้องกนั ความขดั แย้งในอนาคต สหรัฐอเมรกิ ากับสหภาพโซเวยี ตกา้ วเป็นอภิมหาอำนาจของโลกอนั เป็น คูป่ รปักษ์กนั นำไปส่คู วามขัดแยง้ บนเวทแี ห่งสงครามเยน็ ซึง่ ได้ดำเนนิ ตอ่ มาอีก 46 ปีหลังสงคราม ขณะเดยี วกนั การยอมรับหลักการการกำหนดการปกครองดว้ ยตนเอง เร่งให้เกิดการเคลอ่ื นไหวเพื่อ เรียกร้องเอกราชในทวีปเอเชยี และทวีปแอฟรกิ า พรอ้ ม ๆ กับทห่ี ลายประเทศได้มุ่งหนา้ ฟน้ื ฟเู ศรษฐกจิ ซึ่ง อตุ สาหกรรมได้รับความเสยี หายระหว่างสงคราม และบูรณาการทางการเมอื งได้เกิดขึ้นทวั่ โลกในความ พยายามท่จี ะรกั ษาเสถยี รภาพความสมั พนั ธ์หลังสงคราม 1) สาเหตุของสงครามโลกครง้ั ที่ 2 1. สนธสิ ัญญาสันตภิ าพท้งั หลายโดยเฉพาะสนธสิ ัญญาแวร์ซายล้วนแตไ่ มไ่ ดแ้ ก้ปญั หาความ ขดั แย้งระหว่างประเทศในเรื่องดนิ แดน เศรษฐกิจ และอาณานคิ ม อันเปน็ สาเหตุทีท่ ำให้สงครามโลกคร้ังที่ 1 เกิดข้ึน มิหนำซำ้ สนธิสญั ญาสนั ติภาพเหลา่ นยี้ ังกอ่ ให้เกดิ ความขดั แย้งในกรณที ี่คลา้ ยคลงึ กันเมขึน้ อีก หลายกรณี 2. การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยไม่สามารถท่ีจะหยง่ั รากฐานลงในประเทศยโุ รปกลางและ ยโุ รปตะวนั ออกได้ ท้งั น้บี รรดาประเทศท่เี กิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในภูมภิ าคนล้ี ว้ นแตป่ กครอง โดยระบอบเผด็จการทง้ั ส้นิ ยกเวน้ ประเทศเชโกสโลวะเกียเทา่ นัน้ ทั้งนเี้ นอ่ื งด้วยอดุ มการณ์ของ ประชาธปิ ไตยกับเผด็จการแตกต่างกันมาก ดังน้ันการแบ่งแยกทางหลกั การและอดุ มการณย์ ิง่ ทำให้การ รกั ษาสนั ตภิ าพเปน็ ไปโดยความยากลำบากมากข้ึน
101 3. การเคลอ่ื นไหวทจ่ี ะสถาปนาสันตภิ าพทยี่ ัง่ ยนื ในโลกของประเทศตา่ งๆ ในแงข่ องการปฏิบัติ เป็นไปอย่างไม่มีประสทิ ธิภาพ ดงั จะเห็นได้จากการก่อตัง้ องคก์ ารสันนิบาติชาติและการทำสนธสิ ญั ญา สันตภิ าพตา่ งๆ น้ันลว้ นแต่ไมป่ ระสบความสำเรจ็ ในการรักษาสันตภิ าพไวไ้ ด้ ท้ังน้ีเพราะฝา่ ยประชาธปิ ไตย ไม่กล้าทต่ี ดั สินใจในการใชก้ ำลังเพอ่ื รกั ษาข้อสญั ญาเอาไว้ ส่วนฝ่ายเผดจ็ การเองกไ็ มม่ คี วามซ่อื สตั ยแ์ ละ ความจริงใจในการท่ีจะรกั ษาสัญญาเอาไว้ ดังนั้นการท่ี องั กฤษ สหรัฐอเมริกา และ ฝรง่ั เศส ละเลยตอ่ การรุกรานของกลมุ่ ประเทศฝ่ายอกั ษะ อันได้แก่ เยอรมนี ญปี่ ่นุ และอติ าลี ท่มี ีตอ่ ประเทศเล็กๆ อ่ืนๆ ทำ ใหก้ ลุ่มอกั ษะย่งิ ได้ใจ มหิ นำซำ้ สหภาพโซเวียตท่ีไมไ่ วใ้ จทง้ั ประเทศฝา่ ยประชาธปิ ไตยกับกลุม่ ประเทศ อักษะอยู่แล้วกไ็ มไ่ ดส้ นใจสันติภาพของโลกเทา่ ไหร่ นอกจากการขยายอำนาจและลทั ธิคอมมวิ นสิ ต์ของตน ต่อไป 4. เยอรมนีภายใต้การนำของพรรคนาซี ไดถ้ ูกปลอ่ ยให้สร้างแสนยานุภาพอยา่ งมหาศาล ใน ขณะเดียวกนั ทอ่ี ังกฤษและฝรั่งเศสไม่ไดเ้ ตรยี มพรอ้ มทางทหารเท่าท่ีควร 5. ญีป่ นุ่ ได้เขา้ รกุ รานและขยายอำนาจในตะวนั ออก โดยการยดึ ครองแมนจเู รียของจีนซง่ึ เป็นสง่ิ ท่ีสะท้อนให้เหน็ วา่ กฎบัตรขององค์การสนั นิบาตชาติตลอดจนสนธสิ ัญญาสนั ติภาพต่างๆน้นั ไม่ได้มกี าร บงั คบั ใชอ้ ย่างจรงิ จัง ทำใหเ้ ยอรมนแี ละอติ าลเี หน็ วา่ สนธิสญั ญาตา่ งๆไม่มีความหมายใดๆ ดังนั้นจงึ กระทำ การตามรอยญ่ปี ุ่นอยา่ งรวดเร็ว 2) การรุกรานของญี่ปุน่ ในเอเชียตะวันออก ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1931 ญีป่ ุน่ ได้ยกเลิกพนั ธะสญั ญาตา่ งๆทไ่ี ดท้ ำต่อสหรฐั อเมรกิ า ตาม นโยบายเปิดประตู ดว้ ยการรุกรานแมนจเู รียของจนี และด้วยความเข้มแขง็ และมีประสิทธภิ าพของกองทพั ญี่ปุ่นทำใหส้ ามารถเอาชนะจนี ไดใ้ นทส่ี ุดและยึดแมนจเู รียไว้ไดท้ ง้ั หมด และเปลี่ยนชอ่ื ใหม่เป็น แมนจกู วั และแตง่ ตง้ั รฐั บาลหนุ่ ขน้ึ ปกครองในปี ค.ศ. 1932 การกระทำเชน่ นข้ี องญ่ีปนุ่ ทำใหป้ ระเทศตา่ งๆในยุโรป รวมท้ังสหรฐั อเมรกิ าได้ย่ืนของประทว้ ง การกระทำในครั้งนข้ี องญ่ปี นุ่ แตญ่ ป่ี ุ่นเองกไ็ ม่ไดส้ นใจกบั ขอ้ ประทว้ งของบรรดาประเทศในยุโรปและ สหรฐั อเมรกิ าเลย ในท่ีสดุ สหรฐั อเมริกาจงึ ไดป้ ระกาศ หลกั การสตมิ สนั (Stimson Doctrine) โดยมี สาระสำคัญคอื สหรฐั อเมรกิ าไม่รับรแู้ ละไม่รับรองการเปลย่ี นแปลงเขตแดนในเอเชยี ตะวันออกที่ได้มาโดย การใชก้ ำลัง นั่นกค็ ือไมร่ ับรองแมนจูกวั ของญีป่ ุน่ แต่ถึงกระน้ันหลกั การสตมิ สนั กไ็ ม่สามารถท่ีจะทำให้ ญ่ีปุ่นเปลีย่ นแปลงทา่ ทีหรือนโยบายของตนแต่อย่างใด ในส่วนขององคก์ ารสนั นิบาตชาตไิ ด้ประชมุ กนั และลงมติประณามการรุกรานจีนของญ่ปี นุ่ แต่ ญ่ีปุ่นกไ็ มไ่ ดส้ นใจกับคำประณามน้ันแต่อยา่ งใด และเมือ่ เหน็ องคก์ ารสันนบิ าตชาตมิ ีท่าทีท่รี ุนแรงกับตนก็
102 ตัดสนิ ใจลาออกจากการเป็นสมาชกิ องค์การสนั นิบาตชาติ และหนั มาเตรียมความพรอ้ มที่จะใชก้ ำลังทหาร ขยายอำนาจของตนออกไปอีก 3) การสรา้ งอำนาจของเยอรมนี ผลของสนธิสัญญาแวรซ์ ายส์ทำให้เยอรมนีต้องเผชิญหนา้ กับความตกต่ำทางเศรษฐกจิ และความ เส่อื มโทรมทางสงั คม แมว้ ่าสหรัฐอเมรกิ าและอังกฤษจะเขา้ ช่วยเหลอื ในด้านเศรษฐกิจแก่เยอรมนีแต่ สถานการณเ์ ศรษฐกิจของเยอรมนกี ย็ ังไมด่ ีข้นึ โดยใน ค.ศ. 1930 ความตกต่ำทางเศรษฐกจิ และสงั คมของ เยอรมนกี ็ยิง่ ทวคี วามรนุ แรงมากข้ึน เป็นเหตุให้ ฮติ เลอร์ (Hitler) และพรรคสังคมนิยมแห่งชาติ (National Socialist) ได้ฉวยโอกาสเขา้ มาปกครองประเทศและเข้แก้ไขปญั หาเศรษฐกิจของเยอรมนี โดย ใหส้ ญั ญาวา่ จะทำให้เยอรมนหี ลุดพ้นจากพันธะหรอื การผูกขาดของสนธสิ ญั ญาแวร์ซายส์ และจะรวม เผ่าพันธุ์ของเยอรมนเี ข้าไวเ้ ปน็ ชาติเดยี วกันภายใต้รัฐบาลที่เขม้ แข็ง และในชว่ งระยะเวลาไม่กี่ปี ฮิตเลอร์ก็สามารถกุมอำนาจทางการเมืองและการทหารไว้ไดท้ ั้งหมด รวมทง้ั สามารถแก้ไขปญั หาภายในประเทศตามทีไ่ ด้สญั ญาเอาไว้กบั ประชาชนไดส้ ำเร็จเปน็ ขน้ั ๆไป ค.ศ. 1935 ฮติ เลอรใ์ ห้ราษฎรในแควน้ ซาร์ออกเสียงวา่ จะรวมกันกับเยอรมนหี รือฝร่งั เศส โดยการ ออกเสยี งน้ีเปน็ ไปอย่างถกู ตอ้ งตามทก่ี ำหนดไวใ้ นสนธิสญั ญาแวรซ์ ายสแ์ ละเปน็ ผลทำให้เยอรมนไี ด้แคว้น ซารม์ าเขา้ รว่ มไดส้ ำเร็จ และในอีก 2 เดอื นต่อมา ฮติ เลอรก์ ป็ ระกาศอยา่ งเปิดเผยว่าเยอรมนไี ดส้ ร้าง กองทพั อากาศอันเปน็ การละเมิดตอ่ สนธสิ ัญญาแวรซ์ ายส์เรียบร้อยแลว้ โดยการทเี่ ยอรมนลี ะเมดิ สนธิสัญญาแวร์ซายส์อย่างจงใจเช่นน้ี ทางด้านกล่มุ ประเทฝ่ายพนั ธมิตร ก็ยงั ไมส่ นใจที่จะเอาเร่อื งกับเยอรมนี ทงั้ นกี้ ็เพราะวา่ บรรดาประเทศฝ่ายพนั ธมิตรเองกต็ า่ งไมไ่ วว้ างใจซึ่ง กันและกัน รวมทง้ั กลัวว่ารุสเซียซงึ่ มรี ะบบการปกครองแบบสังคมนยิ มจะหันมารุกรานตนจงึ ตอ้ งการท่ีใช้ เยอรมนีเปน็ เครือ่ งถ่วงดุลกับรสุ เซยี โดยเฉพาะอังกฤษนน้ั นอกจากจะไมข่ ัดขวางเยอรมนีในการละเมิด สนธิสญั ญาแวรซ์ ายส์แล้วยังเปดิ โอกาสให้เยอรมนีสรา้ งกำลงั รบทางทะเลขนาด 35 ส่วนใน 100 ของ กองทพั เรืออังกฤษ และยงั เปิดโอกาสใหเ้ ยอรมนีสร้างกองทพั เรือดำน้ำอกี ด้วย 4) การรกุ รานของอิตาลีในเอธิโอเปยี ทางด้านมสุ โสลนิ ีแหง่ อติ าลไี ดเ้ ริ่มงานใน ค.ศ. 1927 โดยประกาศวา่ ในปี ค.ศ. 1935 เขาจะสรา้ ง เสรมิ อิตาลีให้อย่ใู นฐานะทสี่ ูงส่งเพ่อื ทำให้ประเทศอนื่ ๆเคารพตอ่ สิทธแิ ละผลประโยชน์อนั ชอบธรรมของ อิตาลี นอกจากนเี้ ขายงั มีแนวคิดทจ่ี ะสร้างจักรวรรดโิ รมนั ขนึ้ ใหม่ใหร้ ุ่งเรืองเหมือนในอดีตโดยการขยาย อาณาเขตของออกไปยังดินแดนต่างๆ โดยประเทศแรกทีอ่ ติ าลสี นใจก็คอื เอธโิ อเปยี หรอื อบิสซิเนีย ซ่งึ
103 เป็นดนิ แดนที่อดุ มสมบรู ณด์ ว้ ยทรัพยากรธรรมชาตินานาชนดิ แตม่ กี ำลงั ทหารอ่อนแอและตัง้ อยรู่ ะหว่าง ดนิ แดนทเ่ี ปน็ อาณานิคมของอิตาลี 2 แหง่ คอื แควน้ อิรเิ ซีย และ โซมาลแี ลนด์ ใน ค.ศ. 1935 อิตาลีสง่ กองทัพเรอื เข้าโจมตเี อธิโอเปีย และยึดครองไวไ้ ด้สำเรจ็ ในปเี ดียวกนั ดา้ น พระเจ้าไฮส์เลเซลสั ซี แหง่ เอธโิ อเปียได้ย่นื ฟอ้ งต่อองค์การสนั นิบาตชาตวิ า่ อติ าลรี กุ รานเอธโิ อเปยี และ ขอให้องค์การสันนิบาตชาติช่วยเหลอื เอธโิ อเปีย ทั้งนอี้ งคก์ ารสันนบิ าตชาติไดป้ ระชุมกันและลงมติ ประณามอติ าลีว่าเปน็ ชาติรกุ ราน และใหด้ ำเนินการลงโทษดว้ ยการแซงชัน ( Sanction) คือ ไม่ให้ชาติ สมาชกิ ขายอาวธุ อนุมตั ิสนิ เชื่อ และส่งสินค้าทุกชนิดให้แกอ่ ิตาลี แตถ่ ึงกระนน้ั อติ าลกี ไ็ ม่ไดเ้ กรงกลัวกับ ทลงโทษนี้แต่อย่างใด แตก่ ลับเร่งมอื เข้ารกุ รานเอธิโอเปยี จนยดึ ครองได้สำเรจ็ ดังทไ่ี ด้กลา่ วไปแลว้ ในข้างต้น 5) สงครามกลางเมอื งในสเปน ใน ค.ศ. 1931 ชาวสเปนไดร้ วมกันก่อการปฏวิ ัตโิ ค่นล้มการปกครองแบบกษัตริยแ์ ละจัดการ ปกครองในรปู แบบของสาธารณรัฐ ผลการปฏิวัตคิ รง้ั นไ้ี ดส้ ร้างความยงุ่ ยากทางการเมืองใหแ้ ก่สเปนเปน็ อย่างยิ่ง กลา่ วคือ มีพรรคการเมืองฝ่ายขวาและฝา่ ยซ้ายขึน้ ในประเทศและมักมีนโยบายทข่ี ัดแย้งกนั ตลอดเวลา ตอ่ มาในปี ค.ศ. 1936 ได้มีการจัดการเลือกตงั้ ข้ึนซึง่ ผลการเลอื กตั้งคร้ังน้ี กค็ ือพรรคการเมอื ง ฝา่ ยซา้ ยได้รบั ชัยชนะและได้เข้ามาบรหิ ารประเทศดว้ ยการจดั ต้งั รฐั บาลผสมขึ้น ทางด้านพรรคการเมือง ฝ่ายขวานัน้ ไม่พอใจท่ีแพ้การเลอื กตั้งจงึ ดำเนนิ นโยบายขัดขวางรฐั บาลผสมชุดนี้อยู่ตลอดเวลา และยิ่งเมือ่ ได้รบั คำสญั ญาจากอิตาลีและเยอรมนที จี่ ะชว่ ยเหลอื ทางดา้ นอาวธุ แลว้ ทำให้พรรคการเมืองฝ่ายขวายง่ิ มี กำลงั ใจมากขึ้น และได้เปลี่ยนช่ือพรรคใหม่เปน็ พรรคคณะชาติ และได้เร่มิ กอ่ การปฏวิ ตั ใิ นกลางฤดูร้อน ของปี ค.ศ. 1936 ภายใตก้ ารนำของนายพลฟรังโก (Franco) ส่วนพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายก็ไดร้ ับความ ช่วยเหลือจากรสุ เซียนำไปสกู่ ารเกดิ สงครามกลางเมอื งขึน้ ในสว่ นของ องั กฤษ สหรัฐอเมรกิ า ฝรงั่ เศส ได้ วางตวั เปน็ กลางในเหตกุ ารณ์นี้ โดยผลของสงครามในครัง้ นก้ี ็คือ พรรคคณะชาตขิ องนายพลฟรงั โกได้รับ ชัยชนะ 7.2.2 สหรฐั อเมรกิ าระหว่างสงครามโลกคร้งั ที่ 2 การสิ้นสุดความเปน็ กลางของสหรฐั อเมรกิ าใน ค.ศ. 1941 สหรัฐอเมริกาเรม่ิ มีนโยบายช่วยเหลอื ฝ่าย พันธมิตรมากขึน้ จะเหน็ ได้จากเม่ือสหรัฐอเมรกิ าทราบวา่ อังกฤษไม่มีเงนิ สดเพยี งพอในการท่ีจะซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์จากตนได้ ดังนนั้ รสู เวลต์จงึ ไดเ้ สนอให้รฐั สภาทราบวา่ สหรัฐอเมริกาได้ผลิตอาวุธสงครามเพิม่ ข้นึ อกี เป็นจำนวน มากซึ่งสงิ่ เหลา่ นรี้ ัฐบาลอาจให้อังกฤษหรอื ประเทศท่ที ำสงครามกับเยอรมนี เชา่ หรอื ยืมได้ ซ่งึ นโยบายให้
104 เชา่ ยมื ของรสู เวลตไ์ ด้รบั การวิพากษว์ จิ ารณอ์ ย่างกวา้ งขวาง โดยมีทง้ั ผู้ทเี่ ห็นด้วยและไม่เหน็ ด้วย แต่ใน ท่ีสุดรฐั สภาได้ออกพระราชบัญญัตเิ ชา่ -ยืม (Lend-Lease Act) ในเดอื นมีนาคม ค.ศ. 1941 มสี าระสำคญั ว่า ให้ประเทศตา่ งๆท่ีทำสงครามกับเยอรมนสี ามารถเช่า-ยืม อาวธุ สงครามและสง่ิ จำเป็นอนื่ ๆทจี่ ะใช้ใน สงครามจากสหรัฐอเมรกิ าได้ (โดยมีเง่อื นไขวา่ ต้องคืนให้สหรัฐอเมริกาเปน็ จำนวนเท่ากับทยี่ มื ไป) การที่ สหรัฐอเมริกาออกพระราชบญั ญตั ิฉบบั นีท้ ำให้ ฮิตเลอรไ์ ม่พอใจมาก เพราะการทำเชน่ น้เี ป็นการแสดงให้ เห็นอยา่ งชดั เจนวา่ สหรฐั อเมริกามีนโยบายชว่ ยเหลอื พันธมติ ร และด้วยเหตนุ ีจ้ งึ เป็นจุดเริม่ ต้นทท่ี ำให้ เยอรมนีทำสงครามทางทะเลกับสหรัฐอเมริกาโดยไมม่ กี ารประกาศสงครามกนั กอ่ น 1) ปัจจัยในการเข้ารว่ มรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา ในวนั ที่ 17 พฤศจกิ ายน ค.ศ.1941 เอกอัครราชทูตญ่ีปุน่ ประจำกรงุ วอชงิ ตนั ดี.ซี. คือ นายพลเรือ เอกกีจิซาบโู ร โนมูโร ไดน้ ำผทู้ ่ีทำหน้าทีเ่ ปน็ ทูตพเิ ศษรว่ มกับเขาคือ นายซูบโู ร กุรุซู เขา้ พบกบั คอร์เดลฮลั รัฐมนตรีกระทรวงตา่ งประเทศของสหรฐั อเมริกา จดุ ประสงคก์ ็เพอ่ื เปน็ ตัวแทนรฐั บาลญ่ีปนุ่ ในการท่ีจะ อธิบายและปรบั ความเข้าใจกบั รัฐบาลอเมรกิ นั ณ กรงุ วอชงิ ตนั ท้งั นเ้ี นอ่ื งจากสหรัฐอเมริกาได้แสดงท่าที คดั ค้าน การท่ีญี่ปุ่นไดข้ ยายตวั เข้าสดู่ นิ แดนแถบเอเชียอาคเนย์ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในแถบแหลมอนิ โดจีน และกำลังจะขยายเข้าสปู่ ระเทศตา่ งๆในภาคพื้นทวีปอย่างเชน่ ไทย มลายู พม่า นอกจากนญี้ ีป่ นุ่ ยังมี จดุ ประสงค์ทจ่ี ะสรา้ งความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหว่างญป่ี นุ่ กับสหรฐั อเมริกาด้วย แต่วา่ การเจรจาดงั กล่าวไมป่ ระสบความสำเรจ็ ท้ังนเ้ี พราะญป่ี นุ่ เรยี กร้องมากเกินไปและ สหรัฐอเมรกิ าเองก็ยืนกรานท่จี ะไมโ่ อนออ่ นผ่อนตามข้อเรยี กร้องของญ่ปี ่นุ ในวนั ท่ี 6 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ประธานาธบิ ดีรูสเวลตไ์ ด้มสี าส์นสว่ นตัวไปถวายจักรพรรดแิ ห่งญปี่ นุ่ และชี้แจงเหตุผลให้จักรพรรดิทราบ ถงึ สถานการณ์ซึ่งอาจจะรา้ ยแรงไดห้ ากญีป่ นุ่ ขยายอำนาจเขา้ ไปในเอเชยี อาคเนย์ วนั ท่ี 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ทตู พเิ ศษผ้มู ีอำนาจเตม็ ของญปี่ นุ่ ทง้ั สองทา่ นไดเ้ ดินทางมาพบกับ รฐั มนตรีกระทรวงการตา่ งประเทศของสหรฐั อเมริกาอีกคร้งั พรอ้ มดว้ ยสาส์นยนื่ คำขาดจากจกั รพรรดิ ญปี่ ุ่นซ่ึงได้กล่าวหาวา่ สหรัฐอเมริกากำลงั วางแผนทจี่ ะขยายเขตสงครามออกไปยงั ดนิ แดนตะวนั ออกไกล แลพรอ้ มกบั วางแผนโจมตสี หรัฐอเมรกิ า โดยในขณะทีร่ ฐั มนตรกี ระทรวงการตา่ งประเทศของ สหรฐั อเมริกากำลังที่จะให้สมั ภาษณ์หนังสือพิมพช์ ี้แจงถึงขอ้ กล่าวหาของญี่ป่นุ นัน้ กองทัพอากาศของ ญีป่ ุ่นก็ไดโ้ จมตสี หรัฐอเมรกิ าโดยการทงิ้ ระเบดิ ลงทีฐ่ านทัพเรอื ของสหรัฐอเมรกิ าซึง่ ต้งั อยู่ที่ เพริ ล์ ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbour) ในวันท่ี 8 ธนั วาคม ค.ศ.1941 ทงั้ ๆทย่ี งั ไมไ่ ด้ประกาศสงครามกับสหรฐั อเมรกิ าเลย นอกจากนีย้ ังไดท้ ำการกวาดล้างกองทพั องั กฤษและฝร่งั เศสในแถบเอเชียตะวนั ออกได้อย่าง รวดเรว็ และไดเ้ ข้ายดึ เกาะกวมของสหรัฐอเมริกา เกาะออ่ งกง สงิ คโปรแ์ ละมลายขู ององั กฤษ
105 ซึง่ การกระทำของญ่ีปุ่นในครงั้ น้ีทำใหส้ หรัฐอเมริกาโกรธมากและไดป้ ระกาศสงครามกับฝา่ ย อกั ษะในค.ศ.1941 พรอ้ มกับสง่ กำลงั ทหารและเสบียงอาหารเข้าชว่ ยเหลือฝ่ายพนั ธมติ รอย่างเต็มที่ หลงั จากท่ีญปี่ ุน่ ไดโ้ จมตกี องทพั เรอื ของสหรฐั อเมริกาที่ อ่าวเพริ ์ล ฮารเ์ บอร์ เมอื่ วนั ที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ซึ่งไดส้ รา้ งความตกตะลึงและอัปยศอยา่ งใหญ่หลวงใหแ้ ก่ชาวอเมริกนั อยา่ งมาก ซ่งึ ทางด้าน ประธานาธบิ ดรี สู เวลตเ์ องก็รู้สกึ วา่ การกระทำของญ่ปี ุ่นในคร้ังน้ีเปน็ การกระทำทีอ่ ุกอาจ ดังนนั้ ด้วยเหตนุ สี้ หรฐั อเมรกิ าจงึ ตัดสินใจเข้ารว่ มในสงครามโลกคร้ังที่ 2 นอี้ ยา่ งเตม็ ตวั และ สามารถเอาชนะฝ่ายสัมพันธมิตรได้ในที่สดุ 7.2.3 ผลของสงครามโลกครัง้ ที่ 2 1) ผลทางสังคม ชายฉกรรจ์จำนวนกวา่ 14 ล้านคนต้องเข้ามาเป็นทหารและอกี 14 ล้านคนตอ้ งโยกย้ายทอี่ ยู่ อาศัยและที่ทำกินไปหางานในทอ้ งถ่นิ อืน่ ๆ หรอื บางคนก็ยา้ ยมาอยู่บริเวณที่ใกล้ๆกับกรมกองทหารทสี่ ามี ของตนปฏบิ ัตริ าชการอยู่ ท้ังน้ชี าวชนบทและชาวเมอื งเลก็ ๆไดพ้ ากันเขา้ มาหางานทำในโรงงานอตุ สาหกรรมทางภาค ตะวันออกเฉียงเหนืออยา่ งหนาแนน่ รวมไปถงึ บริเวณย่านอตุ สาหกรรมและกองทหารในภาคตะวันตก กลางและภาคใต้ นอกจากน้ียังมแี รงงานนโิ กรจากชนบทของภาคใต้ได้พากันออกมาหางานทำตามโรงงาน อุตสาหกรรมท่วั ไปอย่างรวดเรว็ การโยกยา้ ยถน่ิ ฐานในครง้ั นี้ทำใหเ้ กิดปัญหาทางสังคมตามมา โดยเฉพาะอย่างยิง่ ปัญหาในชวี ติ ครอบครัวท้ังน้เี พราะว่าสงครามทำให้พอ่ แม่ ลูก สามี ภรรยา ครู่ ัก ต้องพลดั พรากกนั เพือ่ รับใช้ ประเทศชาติ พ่อแมม่ เี วลาอบรมเล้ียงดูลกู นอ้ ยลง นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาการสำส่อนทางกามรมณ์ โรคตดิ ต่อ ปญั หาลกู นอกกฎหมาย อตั ราการหย่ารา้ งท่เี พ่ิมสงู ข้นึ รวมไปถึงจำนวนของยวุ อาชญากรที่ เพิม่ ขึน้ อย่างรวดเร็ว 2) ผลทางเศรษฐกจิ สงครามโลกครง้ั ที่ 2 นเ้ี ป็นส่วนสำคญั ที่ทำใหร้ ัฐบาลสามารถแก้ปัญหาวกิ ฤตกิ ารณ์เศรษฐกจิ ตกตำ่ ของสหรัฐอเมริกาได้เปน็ ผลสำเร็จ อย่างเชน่ ปญั หาเรอื่ งท่ชี าวนาผลติ พืชพันธุ์ธญั ญาหารออกมาจน เกนิ ความต้องการของตลาดจนรัฐบาลต้องควบคุมไม่ใหช้ าวนาผลิตพชื ผลทางการเกษตรในปรมิ าณท่ีมาก เกินความจำเป็นเพราะถา้ ยังปลอ่ ยให้เป็นเช่นน้ตี ่อไปจะทำใหร้ าคาสนิ ค้าเกษตรในประเทศยิ่งตกต่ำมากข้ึน ซึ่งจะสง่ ผลกระทบตอ่ ชาวนาอยา่ งมาก แตเ่ มอื่ สงครามโลกครง้ั ท่ี 2 เร่ิมตน้ ขนึ้ ปัญหานีก้ ห็ มดไปเพราะ
106 ชาวนาอเมรกิ ันสามารถผลติ พชื พนั ธ์ตุ า่ งๆออกมาไดอ้ ย่างเตม็ ทเี่ น่ืองจากมีตลาดต่างประเทศรองรบั อยู่เปน็ จำนวนมากเพราะตอ้ งการนำไปใชเ้ ปน็ เสบยี งในยามสงคราม ในสว่ นของปัญหาคนว่างงานซงึ่ เป็นปัญหาท่ีสำคัญอกี ปญั หาหน่ึงท่เี กิดขน้ึ จากวิกฤติการณ์ เศรษฐกิจตกตำ่ เชน่ กนั แต่เมือ่ เกิดสงครามขน้ึ กช็ ว่ ยทำให้ปัญหาน้หี มดไป เพราะในโรงงานอตุ สาหกรรม ตา่ งๆโดยเฉพาะอย่างยิง่ โรงงานอตุ สาหกรรมท่ีผลิตอาวธุ ยุทโธปกรณท์ ่จี ำเปน็ ตอ้ งใช้ในสงครามไดเ้ ปิดรับ แรงงานจำนวนมากเพื่อเรง่ การผลิตจนจำนวนแรงงานไม่เพยี งพอกบั งานจนต้องมีการเปดิ รับแรงงานสตรี เขา้ มาทำงานดว้ ย นอกจากนร้ี ัฐบาลสหรัฐอเมรกิ ายังไดจ้ ัดตงั้ คณะกรรมการการผลิตเพื่อการสงครามขึน้ โดยให้ คณะกรรมการดงั กลา่ วน้ีทำหนา้ ทีใ่ นการจัดการการผลติ ของอตุ สาหกรรมตา่ งๆ เชน่ การดัดแปลง โรงงานผลติ รถยนต์เป็นโรงงานผลติ รถถัง เปน็ ตน้ ท้งั น้ีคณะกรรมการชดุ นีย้ ังมีหน้าที่ในการจดั ระเบยี บการ ผลิตว่าจะผลิตอะไรหรือจะผลิตอะไรก่อนหลงั นอกจากนยี้ ังควบคมุ การใชน้ ้ำมนั ยาง อาหารและแรงงาน อกี ดว้ ย 3.3 ผลทางการตา่ งประเทศ หลงั จากท่ีสงครามโลกครง้ั ที่2 ส้ินสุดลงทำให้สหรัฐอเมริกาก้าวเขา้ สกู่ ารเปน็ มหาอำนาจของโลก และเป็นผู้นำในทางดา้ นการปกครองแบบประชาธปิ ไตย เกิดความขัดแย้งกบั โซเวียตรสั เซยี ในด้านอุดมการณท์ างการเมืองจนนำไปสู่การเกิดสงครามเย็น ในเวลาตอ่ มา 7.3 สหรัฐอเมรกิ าระหวา่ งสงครามเย็น 7.3.1 ภมู ิหลังของสงครามเย็น 1) สภาวการณ์ของโลกกอ่ นการเกิดสงครามเย็น ในปี ค.ศ. 1945 หลังการสน้ิ สดุ สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 ประเทศมหาอำนาจของโลกได้ค่อย ๆ เสื่อม ความเปน็ มหาอำนาจลง และเหลอื เพยี ง 2 ประเทศ คอื สหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวยี ต ซ่ึงมปี ัจจัยที่ ทำให้ทง้ั 2 ประเทศ กลายเป็นชาติมหาอำนาจเพียง 2 ชาติ จากในปี ค.ศ. 1939 ทม่ี ีชาตมิ หาอำนาจมาก ถงึ 7 ชาติ (เยอรมนี , องั กฤษ , โซเวยี ต , อเมรกิ า , ญ่ีปนุ่ , ฝรง่ั เศส และ อิตาล)ี ดงั น้ี 1. เยอรมนี อติ าลี และ ญปี่ ุน่ ซ่งึ เปน็ ประเทศมหาอำนาจในช่วงสงครามโลกคร้งั ที่ 2 กลายเปน็ ประเทศผแู้ พ้สงคราม ทำใหห้ มดสถานะของการเป็นประเทศมหาอำนาจ
107 2. ฝร่งั เศส เปน็ ประเทศมหาอำนาจฝา่ ยสมั พนั ธมิตรทท่ี ่ไี ดร้ บั ผลจากสงครามมากท่ีสุด เนอ่ื งมาจาก ฝรั่งเศสถกู ยึดครองโดยชาติฝ่ายอักษะ คือ เยอรมนี และ ไดร้ บั การชว่ ยเหลือใหเ้ ป็นอสิ ระโดย องั กฤษและอเมริกา ทำให้ฝรง่ั เศสต้องใชเ้ วลาในการฟื้นตัว สถานการเปน็ ชาติมหาอำนาจจงึ ด้อง 3. องั กฤษ เปน็ ชาติทท่ี ่มุ เทกบั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 อย่างเตม็ ท่ี ทำใหอ้ ังกฤษ สูญเสียท้งั ทรพั ยากร กำลงั คน และเงนิ ทองจำนวนมหาศาล สถานภาพจงึ ด้อยลงในฐานะชาติมหาอำนาจ 4. สหภาพโซเวยี ต ได้รบั ผลเสียจากการเข้ารว่ มในสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 อย่างมาก แต่อาศัยปัจจัย ภายในของประเทศทม่ี ที รพั ยากรมหาศาลและมีพ้ืนทีก่ วา้ งใหญ่ไพศาล และมีผู้นำท่มี ีความสามารถทำให้ สามารถฟน้ื ตวั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ทำให้สามารถสรา้ งเปน็ ชาติมหาอำนาจได้ 5. สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่เขา้ รว่ มสงครามโลกหลังประเทศอื่น ประกอบกบั มียทุ ธศาสตรท์ ี่ดี คอื เป็นประเทศบนเกาะทวปี หา่ งไกลสามารถป้องกนั ตนเองได้ดี รวมทัง้ เปน็ ชาติทคี่ รอบครองระเบดิ ปรมาณแู ต่ผ้เู ดยี ว ทำให้กลายเปน็ ชาติท่ีมีสถานะเป็นชาตมิ หาอำนาจได้ ปัจจยั เหลา่ น้ที ำให้อเมริกา และ โซเวียตกลายเป็นชาติมหาอำนาจ 2 ชาติ ในช่วงหลงั สงครามโลก ครั้งท่ี 2 และเนอื่ งจาก สหภาพโซเวียตดำเนนิ การปกครองในระบอบคอมมิวนสิ ต์ ในขณะท่ีอเมรกิ ามีการ ปกครองแบบประชาธไิ ตย ซึ่งเปน็ ลกั ษณะการปกครองท่ีแตกต่างกนั สดุ ขวั้ แมว้ ่าในช่วงสงครามโลกครัง้ ที่2 ความขัดแยง้ ดงั กลา่ วจะไมถ่ กู กล่าวถงึ มากนกั จนกระท่งั หลงั การสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งท่ี 2 ความ ขดั แยง้ ในเรอ่ื งระบบการปกครองจึงเร่ิมปรากฏชดั เจนมากขน้ึ 2.) สาเหตขุ องการเกดิ สงครามเย็น 1. อดุ มการณ์ทางการเมืองทีแ่ ตกต่างกัน ระหวา่ งอเมริกาท่ีดำเนนิ การปกครองแบบ ประชาธิปไตย และเชดิ ชูว่าเปน็ การปกครองทด่ี ที ่ีสดุ กบั โซเวียตทด่ี ำเนินการปกครองแบบคอมมิวนสิ ต์ และเชือ่ วา่ การปกครองเชน่ นจ้ี ะสร้างความเทา่ ให้กบั คนในสังคมมากท่ีสดุ และพยายามเผยแพร่การ ปกครองเช่นนเ้ี พ่ือให้โลกมกี ารปกครองในระบอบเดียว ทำให้อเมรกิ า มองวา่ เป็นการพยายามสร้างระบอบ การปกครองที่กดข่ีและลิดรอนสิทธิของประชาชนในประเทศนน้ั ๆ อเมรกิ าจึงดำเนนิ การในวธิ ีการตา่ ง ๆ เพอ่ื ขดั ขวางและขจัดภัยจากการปกครองแบบคอมมิวนสิ ต์ 2. การแข่งขนั การทางด้านขดี ความสามารถทางด้านเทคโนโลยกี ารทหารและอาวธุ นวิ เคลยี ร์ ทำใหเ้ กิดการแบง่ ข้ัวทางการเมืองระหวา่ งประเทศออกเป็น 2 ฝ่ายและดำเนนิ การเพอ่ื โค่นลม้ อกี ฝา่ ยใหไ้ ด้ โดยเรว็ ทส่ี ุด และพยายามหลีกเลีย่ งการก่อสงครามอยา่ งเต็มรูปแบบ
108 3. ความขัดแย้งของผู้นำชาตมิ หาอำนาจ ในเรอ่ื งของนโยบายดา้ นการตา่ งประเทศ เนอื่ งจาก เป็นผลมาจากอดุ มการณ์ทางการเมืองทแี่ ตกต่างกนั ทำใหม้ กี ารดำเนินนโยบายท่ีขัดแยง้ กนั ส่งผลใหเ้ กดิ การดำเนนิ การเพ่ือพยายามโค่นล้มอกี ฝ่ายใหไ้ ด้ สหรฐั อเมริกากับสงครามเย็น 7.3.2 บทบาทสหรฐั อเมริการะหวา่ งสงครามเยน็ 1) การแบ่งค่ายทางการเมืองระหว่างประเทศในช่วงสงครามเยน็ โซเวยี ตและอเมรกิ าไมไ่ ด้มีความไว้วางใจซ่ึงกันและกันอยา่ งจรงิ ใจเลยแม้ในชว่ งการรว่ มมอื กันใน สงครามโลกคร้ังที่ 2 ดงั น้นั เม่อื สงครามสิน้ สุดลงแล้ว อเมรกิ าซ่ึงไดร้ ับการกดดนั จากพลเมอื งอเมริกัน ก็ จำเปน็ ต้องถอนทหารออกจากเขตยดึ ครองในยุโรปตะวันออก ในขณะที่โซเวียตซ่ึงมกี ารปกครองแบบ คอมมิวนสิ ต์กไ็ ดค้ งทหารเอาไว้ และดำเนินการเพ่มิ จำนวนทหารเข้าไปใน กรีต และ ตรุ กี ผลก็คอื โซเวียต สามารถยึดครองชาติในยโุ รปตะวนั ออกไดจ้ ำนวนมากแมย้ ังไม่ท้งั หมดกต็ าม ประกอบกบั องั กฤษ ซึ่ง ออ่ นแอมากหลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 กไ็ มส่ ามารถดำรงสถานะของผถู้ ่วงดุลอำนาจในยุโรปได้ เน่อื งมาจาก องั กฤษประสบปญั หาทางเศรษฐกิจอยา่ งหนัก อเมริกาจึงไมส่ ามารถท่จี ะเพกิ เฉยต่อ สภาวการณท์ ี่สมุ่ เส่ยี งเช่นนไี้ ด้ ทำให้อเมรกิ า และ โซเวียต กลายเป็นชาติปฏิปกั ษ์ กันอย่างชัดเจน เพราะ ทัง้ สองประเทศ ดำเนินนโยบายทางดา้ นการต่างประเทศทขี่ ัดแยง้ กนั 7.4 สรุป • . สรปุ บทบาทสหรฐั อเมริการะหว่างสงครามโลกครง้ั ท่ี 1 อเมรกิ าเคยตั้งตนเป็นกลางตงั้ แต่ชว่ งแรก ก็เกิดประสบปัญหาทางทะเลอย่างหนกั เม่อื องั กฤษ ปดิ ล้อมอ่าวของประเทศเยอรมันเพื่อป้องกันการขนสง่ อาวธุ เยอรมนั จงึ เปลยี่ นมาเป็นใช้เรือดาน้า U- Boat ในการโจมตเี รอื ฝ่ายพนั ธมิตร รวมท้ังเรอื ทกุ ประเทศที่ผา่ นเข้าน่านนา้ ท่เี ป็นเขตสงคราม สดุ ท้าย เร่ือง ก็เกดิ ข้นึ เม่อื เรอื เดินสมทุ รของประเทศอังกฤษถูกเรอื ดานา้ ของเยอรมันโจมตี ภายในเรือมีชาว โดยสาร อเมรกิ าไปดว้ ยกถ็ กู เรอื ดานา้ ของเยอรมนั โจมตจี นตกลงไปในทสี่ ุด ทาให้เกิดผู้เสียชีวติ 128 คน อเมริกาจงึ เขา้ เจรจากับฝ่ายเยอรมนั เรื่องยุตคิ วามรนุ แรง ครั้งแรกการเจรจาผ่านไปไดด้ ้วยดี แต่ ด้วยความ ทเี่ ยอรมนั ทนความกดดนั ไมไ่ หว จึงได้ก่อสงครามทางทะเลอกี จนได้ ทาให้อเมริกาไมพ่ อใจ จงึ เข้า ร่วม สงครามในทส่ี ุด ในช่วงแรกของสงคราม มหาอานาจกลางเป็นฝา่ ยได้เปรยี บ แตห่ ลังจากทอี่ เมริกาเข้า รว่ มกับฝ่าย พันธมิตร พรอ้ มกบั ส่งอาวุธยุทโธปกรณแ์ ละกาลงั พลเกือบ 5 ลา้ นคน ทาใหพ้ ันธมติ ร กลบั มาไดเ้ ปรยี บ
109 และสามารถเอาชนะฝา่ ยมหาอานาจกลางได้อย่างเด็ดขาด ในที่สุดฝ่ายมหาอานาจกลางยอมแพแ้ ละเซ็น สญั ญาสงบศกึ เมอื่ วันท่ี 11 พฤศจกิ ายน ค.ศ. 1918 สงครามโลกคร้งั ท่ี 1 ซ่งึ กนิ ระยะเวลายาวนาน 4 ปี 5 เดือนจงึ ยุติลงอย่างเปน็ รูปธรรม • สรปุ บทบาทสหรฐั อเมริการะหว่างสงครามโลกคร้ังที่ 2 เนือ่ งจากการเกดิ ลัทธิชาตินยิ ม ลัทธิจกั รวรรดินยิ ม ลทั ธทิ หารนิยม การแบง่ กลมุ่ พันธมติ ร และ ความอ่อนแอของสันนิบาตชาติ และนโยบายอย่โู ดดเดี่ยว (Isolationism) ของ สหรัฐอเมริกา ซ่ึงมี ผลกระทบอย่างมากต่อการเกดิ สงครามคร้ังที่ 2 ด้วยเชน่ กนั เมอื่ สงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ชาวอเมรกิ นั ต่างเบ่อื หน่ายสงคราม ต้องการทจ่ี ะกลับไปสู่ ความสงบตาม นโยบายอยู่อย่างโดดเดยี่ วเพ่อื ให้สอดคล้องกับวาทะมอนโร (Monroe doctrine) พรรครีพับลิกัน (Republican Party) จึงชนะการเลือกต้งั และไดบ้ รหิ ารประเทศตดิ ต่อกนั มาถึง 12 ปี และพยายามรกั ษา ประเทศอยา่ งโดดเดี่ยว กล่าวคือสหรฐั อเมริกาจะไมเ่ ขา้ แทรกแซงกจิ การของ ประเทศอ่ืน และไม่ยอมให้ ผู้อ่นื แทรกแซงประเทศของตนเชน่ กนั ขณะเดียวกันรักษาผลประโยชน์ ทางเศรษฐกิจของตนดว้ ย รฐั บาลพรรครีพับลกิ ันขณะนนั้ ใชน้ โยบายอยโู่ ดดเดย่ี วตามวาทะมอนโร จะเกี่ยวข้อง กับกิจการ ต่างประเทศก็เม่อื มผี ลประโยชน์เกีย่ วขอ้ งกบั ชาวอเมริกัน เชน่ การเข้ารว่ มประชุมลด อาวุธทก่ี รุงวอชงิ ตัน หรอื ลงทนุ ในกติกาสัญญา บรอิ อง – เคลลอก (Briand – Kellog Pact) แต่ เน่ืองจากพรรครีพับลิกนั เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และมิได้พยายามจะแก้ไขอยา่ งจริงจัง ประชาชนจงึ หนั ไปนยิ มพรรคเดโม แครต แฟรงคลนิ ดีรสุ เวลท์ (Franklin D. Roosevelt)จึงไดร้ บั เลอื กต้งั เป็นประธานาธบิ ดสี ืบต่อมาถึง 4 สมยั (ค.ศ. 1933 – ค.ศ. 1945) และถึงแกก่ รรมใน ตำแหนง่ มรี องประธานาธิบดีทรูแมน เป็น ประธานาธิบดีคนต่อมา รฐั บาลเดโมแครตสนใจในด้านตา่ งประเทศแตย่ ังคงไมเ่ ขา้ รว่ มเปน็ สมาชิกองคก์ าร สันนบิ าตชาติ และพยายามวางตนเปน็ กลางตลอดเวลาที่เร่มิ สงครามขึ้นในยุโรป แต่เหตกุ ารณ์ เปลย่ี นแปลงไปอยา่ ง รวดเร็ว มหาอำนาจอกั ษะแสดงทา่ ทเี่ ป็นศัตรแู ละคุกคามผลประโยชน์ของ สหรฐั อเมริกา เช่น การใชเ้ รอื ดำนำ้ จมเรือสินค้าอเมริกัน นอกจากน้ีผลประโยชน์ของสหรฐั อเมรกิ า ในแปซฟิ กิ ยังถกู ญปี่ ่นุ คกุ คาม สหรฐั อเมริกาจึงเรียกรอ้ งให้ญ่ปี ุ่น หยดุ รกุ รานอธิปไตยของจนี และอินโดจนี และงดค้าขายด้วย ญีป่ ุน่ จึง โจมตีฐานทัพใหญข่ องสหรัฐอเมริกาท่ีอ่าวเพิรล์ (Pearl Harbour) • สรปุ บทบาทสหรฐั อเมริการะหว่างสงครามเยน็ การแบง่ คา่ ยทางการเมืองระหว่างประเทศในช่วงสงครามเยน็
110 โซเวยี ตและอเมริกาไม่ไดม้ ีความไว้วางใจซง่ึ กันและกันอย่างจรงิ ใจเลยแม้ในช่วงการ ร่วมมือกันในสงครามโลกคร้ังที่ 2 ดังน้นั เมื่อสงครามสน้ิ สดุ ลงแลว้ อเมรกิ าซ่งึ ไดร้ ับการกดดันจาก พลเมอื งอเมรกิ ัน กจ็ ำเป็นต้องถอนทหารออกจากเขตยดึ ครองในยโุ รปตะวนั ออก ในขณะท่ีโซ เวียตซึ่งมีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ก็ได้คงทหารเอาไว้ และดำเนนิ การเพมิ่ จำนวนทหารเข้าไป ใน กรีต และ ตุรกี ผลก็คอื โซเวยี ตสามารถยดึ ครองชาตใิ นยุโรปตะวนั ออกได้จำนวนมากแม้ยัง ไมท่ ง้ั หมดกต็ าม ประกอบกับ องั กฤษ ซ่งึ ออ่ นแอมากหลงั สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 ก็ไม่สามารถดำรง สถานะของผถู้ ่วงดลุ อำนาจในยุโรปได้ เนอื่ งมาจาก อังกฤษประสบปญั หาทางเศรษฐกิจอยา่ งหนกั อเมริกาจงึ ไม่สามารถท่ีจะเพกิ เฉยต่อสภาวการณ์ที่ส่มุ เสย่ี งเชน่ นไ้ี ด้ ทำใหอ้ เมรกิ า และ โซเวยี ต กลายเปน็ ชาตปิ ฏิปักษ์ กันอยา่ งชัดเจน เพราะทัง้ สองประเทศ ดำเนินนโยบายทางด้านการ ต่างประเทศทข่ี ัดแยง้ กนั
111 บรรณานุกรม สงครามโลกคร้ังท่ี 1. (2563). [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก : https://th.wikipedia.org/wiki/. (วันที่สืบคน้ ขอ้ มูล10 ธันวาคม 2563). สหรัฐอเมรกิ าระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 . (2563). [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก : https://www.slideshare.net/nidthawann/. (วันท่ีสบื ค้นขอ้ มลู 10 ธนั วาคม 2563). สงครามโลกคร้ังที่ 2 . (2563). [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก : https://pennapa000053181100127.wordpress.com/about/. (วันที่สบื คน้ ขอ้ มูล10 ธันวาคม 2563). สหรฐั อเมรกิ าระหวา่ งสงครามโลกคร้ังที่ 2 . (2563). [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://pennapa000053181100127.wordpress.com/about/. (วนั ท่สี ืบคน้ ขอ้ มูล10 ธันวาคม 2563). สงครามเย็น . (2563). [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้จาก : https://www.gotoknow.org/posts/340100/. (วนั ที่สืบค้นข้อมูล10 ธนั วาคม 2563). สหรัฐอเมริการะหว่างสงครามเย็น . (2563). [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงได้จาก : https://www.gotoknow.org/posts/340100/. (วันที่สืบคน้ ข้อมูล10 ธันวาคม 2563).
112 บทที่ 8 สงครามเย็นและปัญหาการเมืองยคุ 60-80 ความนำ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศสหรัฐกลายเป็นหนึ่งในสองมหาอำนาจที่โดดเด่น, โดยมีโซ เวียตเป็นอีกประเทศหนึ่ง. วุฒิสภาสหรัฐลงมติอนุมัติการมีส่วนร่วมของสหรัฐในองค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งแสดงความหมายถึงการหันออกจากลทั ธิโดดเดี่ยวแบบดั้งเดมิ ของสหรัฐ และไปสู่การมสี ่วนร่วม ระหวา่ งประเทศเพ่มิ มากขน้ึ เปา้ หมายหลักของอเมรกิ นั ระหว่างช่วงปี 1945-1948 คือการช่วยเหลอื ยุโรปจากการทำลายล้าง ของสงครามโลกคร้ังท่ีสอง และเพื่อจำกัดการขยายตัวของลัทธิคอมมวิ นสิ ต์, ที่เป็นตัวแทนโดยสหภาพโซ เวียต. ลัทธิทรูแมนปี 1947 จะให้ความช่วยเหลือทางทหารและทางเศรษฐกิจกับกรซี และตุรกีเพือ่ รับมอื กับภัยคุกคามของการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ในคาบสมุทรบอลข่าน. ในปี 1948 ประเทศสหรัฐ แทนทโ่ี ปรแกรมความชว่ ยเหลอื ทางการเงินทีละน้อยดว้ ยแผนการมาร์แชลล์ที่ครอบคลุม, ซึง่ อดั ฉีดเงินเข้า สู่ระบบเศรษฐกิจของยโุ รปตะวันตกและร้ือถอนอุปสรรคทางการคา้ , ในขณะท่ี ทำแนวทางการปฏิบัติด้าน การบริหารจดั การของธุรกจิ และรฐั บาลให้ทนั สมยั จดุ สดุ ยอดของเสรีนยิ มมาในกลางปี 1960s กบั ความสำเร็จของประธานาธิบดี ลนิ ดอน บี จอห์น สัน (1963-1969) ในการได้รับการผ่านกฎหมายของรัฐสภาสำหรับโปรแกรมสังคมที่ยิ่งใหญ่(อังกฤษ: Great Society programs) ของเขา. โปรแกรมนี้รวมถึง สิทธิของมนุษยชน, การสิน้ สุดของการแบง่ แยก เชอื้ ชาติ ศาสนา หรอื วัฒนธรรม, การขยายสวสั ดิการ, การชว่ ยเหลอื จากรัฐบาลกลางเพือ่ การศึกษาในทุก ระดับ, เงนิ อุดหนนุ สำหรบั ศิลปะและมนษุ ยศาสตร์, การเคลื่อนไหวดา้ นส่ิงแวดล้อม และชุดของโปรแกรม ท่ีออกแบบมาเพอื่ ลบล้างความยากจน ท่ามกลางสงครามเยน็ , สหรัฐเขา้ ร่วมสงครามเวยี ดนาม, ประเทศทมี่ กี ารเจริญเตบิ โตไมเ่ ปน็ ทีน่ ิยม ได้รับการเลี้ยงดูด้วยการเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีอยู่แล้ว, รวมทั้ง ในกลุ่มผู้หญิง, ชนกลุ่มน้อย และ คน หนุ่มสาว. โครงการทางสังคมทยี่ ง่ิ ใหญ่ของประธานาธิบดีลินดอน บี จอห์นสัน และคำวนิ จิ ฉัยจำนวนมาก โดย วอร์เรน คอร์ท ได้รวมเข้ากับความหลากหลายของ การปฏิรูปสังคมในระหว่างทศวรรษที่ 1960s และ 1970s. สตรีนยิ มและการเคลื่อนไหวด้านส่ิงแวดล้อมกลายเปน็ พลงั ทางการเมือง, และความคืบหน้า ไดต้ ่อเนอื่ งไปสสู่ ิทธิของชาวอเมริกันทุกคน. การปฏวิ ัตวิ ฒั นธรรมไดก้ วาดไปทั่วประเทศและหลายประเทศ
113 ในโลกตะวันตกในช่วงปลายยุคหกสิบและต้นยุคเจ็ดสิบ, แบ่งชาวอเมริกันต่อไปใน \"สงครามวัฒนธรรม\" แตย่ งั นำมาซ่งึ มมุ มองของสังคม ที่มีอสิ รเสรมี ากขน้ึ 8.1 สมัยสงครามเย็น (1945 – 1959) 8.1.1 ความเป็นมาของสงครามเยน็ สงครามเยน็ หนงึ่ ในสงครามครงั้ สำคญั ท่ถี ูกบันทกึ ไวใ้ นหนา้ ประวัตศิ าสตร์โลก แมว้ ่า สงครามเยน็ จะเป็นสงครามที่เกิดจากความขัดแย้งอุดมการณ์ทางการเมือง แต่มันก็ได้ลุกลามและแผ่ขยายจนสร้าง ความตึงเครียดไปทั่วโลก สำหรับ สงครามเย็น เป็นการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มประเทศ 2 กลุ่ม ที่มี อุดมการณ์ทางการเมืองและระบอบการเมืองต่างกันระหว่างกลุ่มประเทศโลกเสรี นำโดยสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ นำโดยสหภาพโซเวียต ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วง ประมาณ ค.ศ.1945-1991 (พ.ศ. 2488-2534) โดยประเทศมหาอำนาจท้งั 2 ฝ่ายจะไม่ทำสงครามกันโดยตรง แต่จะพยายามสร้างแสนยานุภาพ ทางการทหารของตนไว้ข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม และสนับสนุนให้ประเทศพันธมิตรของตนเข้าทำสงครามแทน หรอื ท่ีเรยี กอีกอย่างหนง่ึ ว่าสงครามตัวแทน (Proxy War) เหตทุ ี่เรียก สงครามเย็น เนอ่ื งจากเป็นการต่อสู้ กันระหว่างมหาอำนาจ โดยใช้จิตวิทยา ไม่ได้นำพาไปสู่การต่อสู้ด้วยกำลังทหารโดยตรง แต่ใช้วิธีการ โฆษณาชวนเชื่อการแทรกซึมบ่อนทำลาย การประณาม การแข่งขันกันสร้างกำลังอาวุธ และแสวงหา อทิ ธพิ ลในประเทศเลก็ สาเหตขุ องสงครามเย็น สงครามเยน็ มีสาเหตมุ าจากความขัดแยง้ ทางดา้ นอุดมการณ์ทางการเมอื งของประเทศมหาอำนาจ ทั้งสอง ที่ยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ และความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์ และเขตอิทธิพล เพื่อครองความเป็นผู้นำของโลก โดยพยายามแสวงหาผลประโยชน์และเขตอิทธิพลใน ประเทศต่าง ๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ผู้ยิ่งใหญ่หรือผู้นำทางการเมืองของโลกในสมยั กอ่ น คือ อังกฤษ เยอรมัน ได้หมดอำนาจในภายหลงั สงครามโลกครั้งท่ี 2 ลกั ษณะของสงครามเยน็ 1.การแขง่ ขันสรา้ งพันธมิตรทางทหาร 2.การแข่งขนั ด้านอุดมการณ์ 3.การแข่งขันดา้ นเทคโนโลยี (ด้านอวกาศ การทหาร) 4.การทำสงครามตวั แทน
114 8.1.2 การเมอื งการปกครอง หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 พันเอก แฮร์รี เอส ทรูแมน (อังกฤษ: Harry S. Truman)8 พฤษภาคม ค.ศ. 1884 – 26 ธันวาคม ค.ศ. 1972) นักการเมืองและทหารบกชาวสหรัฐอเมริกา เป็น ประธานาธิบดีคนที่ 33 ของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 ถึง 1953 ซึ่งรับตำแหน่งต่อจาก ประธานาธบิ ดแี ฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์ทีถ่ งึ แก่อสญั กรรม ในขณะทดี่ ำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดี เขา ได้นำแผนมารแ์ ชลลม์ าใช้เพ่อื ฟื้นฟเู ศรษฐกิจของยุโรปตะวนั ตกและก่อต้ังลทั ธทิ รแู มนและองคก์ รเนโท ทรูแมนได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสภาสหรัฐในปี ค.ศ. 1934 และได้มีชื่อเสียงระดับชาติในฐานะ ประธานคณะกรรมการทรูแมนเพื่อมุ่งเป้าหมายไปที่การลดความสูญเสียและไร้ประสิทธิภาพในข้อตกลง สงคราม ไม่นานหลังจากทไ่ี ดร้ บั ตำแหน่งประธานาธิบดี เขาไดอ้ นมุ ติให้ใชร้ ะเบดิ นิวเคลียรเ์ ป็นคร้งั แรกและ ครั้งเดียวในสงคราม การบรหิ ารประเทศของทรูแมนมีส่วนรว่ มในนโยบายการต่างประเทศและละท้ิงลัทธิ โดดเดียว เขาได้รวบรวมการรว่ มมือสัญญาใหมข่ องเขาในชว่ งการเลือกต้ังเข้าชงิ ตำแหน่งประธานาธิบดี ปี ค.ศ. 1948 และได้รับชัยชนะอย่างนา่ ตกใจที่รกั ษาตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาไวไ้ ดอ้ กี วาระหนึ่ง ทรูแมนได้ควบคุมการขนส่งทางอากาศไปยังกรงุ เบอร์ลิน ปี ค.ศ. 1948 เมื่อคอมมิวนสิ ต์เกาหลี เหนอื ได้เขา้ รุกรานเกาหลใี ต้ เขาไดร้ บั การอนุมตั ิจากองคก์ ารสหประชาชาติในการดำเนินนโยบายคร้ังใหญ่ ทเี่ รยี กวา่ สงครามเกาหลี สามารถปกปอ้ งเกาหลีใต้เอาไว้ไดแ้ ละเกือบจะยึดครองเกาหลีเหนือแต่จีนได้เข้า มาแทรกแซงกองทัพยูเอ็น/สหรัฐจึงถกู ผลักดัน และป้องกันการตโี ต้กลับของคอมมิวนิสต์เกาหลเี หนือ ใน เรื่องภายในประเทศ ธนบัตรท่ไี ดร้ ับการรับรองจากทรูแมนไดร้ ับการคัดค้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่การ บริหารของเขาได้ประสบความสำเรจ็ ในการเศรษฐกิจสหรฐั ผ่านความท้าทายเศรษฐกิจในชว่ งหลังสงคราม ในปี ค.ศ. 1948 เขาไดเ้ สนอกฎหมายสิทธิพลเมืองที่ครอบคลมุ เปน็ ครง้ั แรกและออกคำสงั่ การบริหารเพ่ือ รเิ ริ่มการรวมตวั ทางเชื้อชาตใิ นกองทัพและหน่วยงานของรฐั บาลกลาง ด้วยข้อกล่าวหาของการคอรัปชั่นในการบรหิ ารของทรูแมนไดก้ ลายเป็นประเด็นที่สำคัญในการ รณรงค์หาเสยี งเลือกตั้งในสว่ นภาคกลางในการเลือกตัง้ เขา้ ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ปี ค.ศ. 1952 และ ผลปรากฏว่าดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวรจ์ ากพรรครพิ ับลิกนั ได้ชนะในการเลอื กตั้งกับ Adlai Stevenson II จาก พรรคเดโมแครต การถูกปลดเกษียณที่ยากลำบากทางการเงินของทรูแมนได้เป็นจุดเด่นโดยการสืบค้น ห้องสมุดประธานาธิบดีและสิ่งสือพิมพ์บนั ทึกความทรงจำของเขา เมื่อเขาได้ออกจากตำแหน่ง การดำรง เป็นประธานาธบิ ดขี องทรูแมนได้ถูกวิพากษว์ จิ ารณอ์ ยา่ งหนกั แต่นักวิชาการไดฟ้ ้ืนฟูภาพลกั ษณ์ของเขาใน ปี ค.ศ. 1960 และได้รบั การจัดอนั ดบั วา่ เป็นหนงึ่ ในประธานาธิบดีทีด่ ที ีส่ ดุ
115 หลังจาก ทรูแมน ลงจากตำแหน่งจอมพล ดไวต์ เดวิด ไอก์ ไอเซนฮาวร์ (อังกฤษ: Dwight David \"Ike\" Eisenhower; 14 ตุลาคม ค.ศ. 1890 - 28 มีนาคม ค.ศ. 1969) เป็นชาวอเมริกันที่ดำรง ตำแหน่งพลเอกแห่งกองทัพและรัฐบุรุษที่ทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ คนที่ 34 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 ถงึ ปี ค.ศ. 1961 ในชว่ งสงครามโลกคร้ังที่สอง เขาไดเ้ ป็นนายพลระดบั ห้าดาวในกองทพั สหรัฐและ ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกำลังรบนอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรในทวีปยุโรป เขาได้ รับผิดชอบในการวางแผนและควบคมุ ดูแลในการบุกครองแอฟริกาเหนอื ในปฏิบัติการคบเพลงิ ในปี ค.ศ. 1942-43 และประสบความสำเร็จในการบุกครองฝร่ังเศสและเยอรมนีในปี ค.ศ. 1944-45 จากแนวรบ ด้านตะวนั ตก การเกดิ ของเดวิด ดไวต์ ไอเซนฮาวร์ทเี่ มืองเดนิสัน รัฐเท็กซัส เขาไดถ้ กู รบั เลี้ยงดูในรัฐแคนซัสใน ครอบครัวขนาดใหญ่ของเชื้อสายชาวดัตช์จากเพนซิลเวเนียส่วนใหญ่ ครอบครัวของเขามีพื้นฐานทาง ศาสนาทเี่ ครง่ ครดั แมข่ องเขาต้งั แตเ่ กดิ มานับถอื นิกายลูเธอรนั เมื่อได้สมรสที่ River Brethren และต่อมา ได้กลายเป็นพยานพระยะโฮวา อย่างไรก็ตาม, ไอเซนฮาวร์นั้นไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในศาสนานิกายใดๆ จนกระท่ังปี ค.ศ. 1952 เขาไดอ้ ้างถงึ การย้ายถน่ิ ฐานอย่างต่อเนืองในช่วงการงานอาชีพทางทหารของเขา เป็นเหตุผลเดยี ว เขาไดจ้ บการศกึ ษาจากโรงเรียนนายรอ้ ยทหารบกเวสต์พอยต์ในปี ค.ศ. 1915 และต่อมา ก็ได้สมรสกับนางมามี เดาด์ ซ่งึ ได้มลี ูกชายสองคน ในชว่ งสงครามโลกครั้งทหี่ นึ่ง เขาไดป้ ฏิเสธคำขอให้ไป ทำหนา้ ท่ใี นสมรภูมิทวปี ยุโรปและแทนที่จะสง่ั การหน่วยทไี่ ด้รับการฝึกฝนให้เป็นพลขับรถถงั หลงั สงคราม เขาได้ทำหน้าที่ภายใต้นายพลต่างๆและได้รับการเลื่อนยศเป็นพลจัตวาในปี ค.ศ. 1941 ภายหลังจากที่ สหรฐั ได้เขา้ สสู่ งครามโลกครัง้ ท่ีสอง ไอเซนฮาวร์ไดค้ วบคุมในการบุกครองที่ประสบความสำเร็จท่ีแอฟริกา เหนือและเกาะซซิ ิลี กอ่ นท่ีจะควบคุมดแู ลการบุกครองฝร่ังเศสและเยอรมนี ภายหลงั สงคราม ไอเซนฮาวร์ ได้ทำหนา้ ทีเ่ ปน็ เสนาธิการกองทพั บกและรบั บทบาทเป็นอธิการบดขี องมหาวิทยาลัยโคลมั เบีย ในปี ค.ศ. 1951-52 เขาได้ทำหนา้ ท่เี ป็นผูบ้ ญั ชาการทหารสูงสุดแหง่ องคก์ รนาโตคนแรก ในปี ค.ศ. 1952 ไอเซนฮาวร์ได้เข้าการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในฐานะที่เป็นคนของ พรรครพี ันลกิ ันเพือ่ สกดั ก้นั นโยบายตา่ งประเทศท่ไี ม่ฝกั ใฝ่ฝา่ ยใดของวุฒิสมาชิก Robert A. Taft ท่ีต่อต้าน องค์กรนาโตและต้องการที่จะไม่ยุง่ เกย่ี วพันกบั ต่างประเทศ เขาได้รบั ชยั ชนะในการเลือกต้ังและชัยชนะท่ี สำคัญในการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1956 ตัง้ สองครง้ั ที่เอาชนะ Adlai Stevenson II เขาไดก้ ลายเป็นคนของ พรรครีพันลิกันคนแรกที่สามารถเอาชนะมาได้นับตัง้ แต่เฮอร์เบิรต์ ฮูเวอร์ ในปี ค.ศ. 1928 เป้าหมายหลัก ของไอเซนฮาวร์ในสำนกั งาน อันไดแ้ ก่ การแผ่ขยายอิทธพิ ลของสหภาพโซเวียต และลดการขาดดุลรัฐบาล กลาง ในปี ค.ศ. 1953 เขาได้ข่มขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์จนกว่าจีนจะยินยอมในข้อตกลงสันติภาพใน
116 สงครามเกาหลี ซึ่งจนี เห็นดว้ ยและการสงบศึกนน้ั ที่ยังคงมีผลอยู่ นโยบายการมองใหม่ของเขาในการยับยั้ง นิวเคลยี รซ์ ่ึงไดจ้ ัดลำดับความสำคญั ของอาวุธนิวเคลยี ร์ท่ีราคาไม่แพงในขณะทีไ่ ด้ตัดงบประมาณจากกอง พลของกองทัพบกทีม่ ีราคาแพง เขายังคงถอื นโยบายของแฮรร์ ี เอส. ทรูแมนจากการรับรองวา่ สาธารณรัฐ จีนในฐานะที่เป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศจีนและเขาได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาของ Formosa Resolution การปกครองของเขาได้ให้ความช่วยเหลือที่สำคัญในการช่วยให้ฝรั่งเศสต่อสู้กับ คอมมิวนิสต์เวียดนามในสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง หลังจากที่ฝรั่งเศสได้ถอนตัวออกไป เขาได้ให้การ สนับสนนุ ทางการเงินที่เข้มแขง็ ให้กับรฐั ใหม่ของเวียดนามใต้ เขาได้สนับสนุนการก่อรฐั ประหารของทหาร ท้องถิ่นที่ต่อต้านกับรัฐบาลในอิหร่านและกัวเตมาลา ในช่วงวิกฤตการณ์คลองสุเอซ ในปี ค.ศ. 1956 ไอ เซนฮาวร์ได้กล่าวประณามอิสราเอล องั กฤษ และฝรง่ั เศสทไ่ี ด้บุกครองอยี ิปต์ และเขาได้บังคับให้พวกเขา ถอนตัว นอกจากน้ีเขายงั ได้กล่าวประณามการบุกครองของโซเวียตในช่วงการปฏิวัตฮิ งั การี ค.ศ. 1956 แต่ ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ในช่วงวิกฤตการณ์ซีเรีย เขาได้อนุมัติแผนของซีไอเอ-เอ็มไอ6 เพื่อดำเนินเหตุการณ์ ชายแดนปลอมท่ีเปน็ ข้ออา้ งสำหรับการบุกครองโดยประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันตกที่สนับสนุนของซีเรีย [2] ภายหลังจากสหภาพโซเวยี ตได้เปดิ ตัว สปุตนิก ในปี ค.ศ. 1957 ไอเซนฮาวร์ได้อนุมัตใิ หจ้ ัดต้งั องค์กร นาซา ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันอวกาศ เขาได้ส่งทหาร 15,000 นายในช่วงวิกฤตการณ์เลบานอน ปี ค.ศ. 1958 เมือ่ ใกลถ้ งึ สิ้นสดุ ของวาระ ความพยายามของเขาในการจดั ตงั้ การประชุมสุดยอดกับสหภาพโซเวียต ทีพ่ ังทลายลง เมื่อเครื่องบินสายลบั ของสหรฐั ถกู ยงิ ตกเหนือน่านฟา้ รสั เซยี เขาไดอ้ นมุ ัติในการบุกครองอ่าว หมู ซง่ึ ได้ท้งิ ใหแ้ ก่ผ้รู ับช่วงต่อจากเขา จอหน์ เอฟ. เคนเนดี เพ่อื ดำเนนิ ตอ่ ไป ในด้านภายในประเทศ, ไอเซนฮาวร์เป็นนักอนุรักษนิยมค่อนข้างปานกลางที่ยังคงสานต่อ หน่วยงานโครงการสัญญาใหม่ และขยายความมั่นคงทางสังคม เขาได้แอบต่อต้าน Joseph McCarthy และมสี ่วนทำให้การสน้ิ สุดของ McCarthyism โดยอ้างสิทธ์กิ ารบริหารประเทศอย่างเปิดเผย ไอเซนฮาวร์ ได้ลงนามกฎหมายสิทธิพลเมือง ปี ค.ศ. 1957 และส่งกองกำลังทหารของกองทัพเพื่อบังคับคำสั่งศาล รัฐบาลกลางทีร่ วมตวั กันท่ีโรงเรียนใน Little Rock, Arkansas โครงการขนาดใหญ่ของเขาคือ ระบบทาง หลวงระหว่างรัฐ เขาได้ให้ความสำคัญในการจัดตั้งการศึกษาวิทยาศาสตร์ที่เข้มแข็งผ่านด้วยกฎหมาย การศึกษาด้านการป้องกันประเทศ ข้อตกลงสองข้อของไอเซนฮาวร์ได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นคั่งทาง เศรษฐกิจที่แพร่หลายซ่ึงยกเว้นเพียงแค่ภาวะเศรษฐกิจทีถ่ ดถอย ในปี ค.ศ. 1958 ในคำกล่าวสุนทรพจน์ การอำลาต่อประเทศของเขา ไอเซนฮาวร์ได้แสดงถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอันตรายของการใช้ งบประมาณทางทหารจำนวนมาก การใชง้ บประมาณดุลการคา้ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ และสญั ญาของรัฐบาล ที่ต่อโรงงานการผลติ ทางทหารของภาคเอกชน เขาได้รับการโหวตให้เปน็ ชายที่ได้รับการยกย่องมากท่สี ดุ
117 ถึงสิบสองครั้งของ Gallup และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งภายในและนอกสำนักงาน การ ประเมนิ ผลทางประวัติศาสตร์ของตำแหน่งประธานาธบิ ดีของเขาทำใหเ้ ขาอยู่เหนือช้ันของประธานาธิบดี สหรัฐ ดไวต์ ดี ไอเซนฮาวร์ได้ถึงแก่อสญั กรรมด้วยภาวะหวั ใจลม้ เหลว เมอื่ วันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1969 รวมอายุได้ 78 ปี 8.1.3 เหตกุ ารณ์สำคัญ 1947 ลัทธทิ รูแมน (องั กฤษ: Truman Doctrine) เป็นนโยบายซง่ึ เสนอโดยประธานาธิบดสี หรฐั อเมริกา แฮรร์ ี เอส. ทรูแมน เมอ่ื วันท่ี 12 มีนาคม ค.ศ. 1947 โดยกล่าวว่า สหรัฐจะสนับสนนุ กรซี และตุรกี โดยให้ ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการทหาร เพื่อป้องกันมิให้ประเทศทั้งสองตกอยูภ่ ายใต้อิทธิพลของโซ เวยี ต ทรูแมนกลา่ ววา่ ทฤษฎดี งั กล่าวจะเปน็ \"นโยบายของสหรัฐอเมริกาเพอ่ื สนับสนนุ อิสรชนผู้ซ่ึงกำลัง ต่อต้านความพยายามปราบปรามโดยชนกลุ่มน้อยติดอาวุธหรือโดยแรงกดดันจากภายนอก\" ทรูแมนให้ เหตุผลวา่ เนื่องจาก \"ระบอบเผด็จการเบด็ เสร็จ\" เหลา่ นี้บบี บงั คบั \"อสิ รชน\" พวกเขาจึงเปน็ สญั ลักษณ์ของ ภัยคกุ คามตอ่ สนั ติภาพสากลและความมัน่ คงของสหรัฐอเมริกา ทรแู มนออกแถลงการณ์ดงั กล่าวท่ามกลาง วิกฤตการณ์สงครามกลางเมืองกรซี (1946-49) เขาโต้แย้งว่าหากกรีซและตุรกีไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ ต้องการโดยดว่ นแล้ว ทั้งสองประเทศอาจตกอยู่ภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์อย่างแก้คืนไม่ได้และจะสร้าง ผลกระทบร้ายแรงตลอดภูมิภาค แตเ่ ดิม สหราชอาณาจกั รเคยใหก้ ารสนับสนนุ กรซี มาก่อน แตต่ อนนี้องั กฤษกลบั ตกอยู่ในสถานะ แทบล้มละลายและถูกบังคับให้ลดการให้ความช่วยเหลือลงอย่างมาก ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 สหราชอาณาจักรร้องขออย่างเป็นทางการต่อสหรัฐอเมริกาเพือ่ แทนทีต่ นในบทบาทการสนับสนนุ รัฐบาล กรีซ นโยบายดงั กลา่ วไดร้ บั การสนับสนุนจากพรรครีพบั ลิกนั ซึง่ มีเสยี งข้างมากในรัฐสภาสหรัฐอเมริกา และส่งเงินจำนวน 400 ล้านดอลลา่ ร์สหรฐั ไปยงั ภมู ภิ าคดงั กลา่ ว แตม่ ไิ ดส้ ง่ กำลงั ทหารใด ๆ ไป ผลกระทบ จากนโยบายดงั กลา่ วทำใหภ้ ยั คุกคามคอมมวิ นสิ ตห์ มดลงไป และใน ค.ศ. 1952 ทั้งสองประเทศเขา้ รว่ มกับ นาโต พนั ธมิตรทางการทหารซ่ึงรับประกนั การค้มุ ครองทง้ั สองประเทศ ลัทธิดังกล่าวต่อมาแพร่หลายอย่างไม่เป็นทางการจนกลายมาเป็นรากฐานของนโยบาย สหรัฐอเมริกาในสงครามเย็น ตลอดทวีปยุโรปและทั่วโลกโดยเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศที่มีต่อ
118 สหภาพโซเวียตจากยุคแห่งการผ่อนคลายความตึงเครียด ไปเป็นนโยบายการจำกัดการขยายตัวของโซ เวยี ต นักประวัตศิ าสตร์มักถือว่าการประกาศลัทธทิ รแู มนเป็นจดุ เร่มิ ต้นของสงครามเยน็ แผนมาร์แชลล์ (อังกฤษ: Marshall Plan) หรือชื่อทางการคือ แผนงานฟื้นฟูยุโรป (European Recovery Programme: ERP) เกิดขึ้นเมื่อ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ของนายพล จอร์จ แคตเลตต์ มาร์แชลล์ (George Catlett Marshall) เป็นโครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมรกิ าแก่ยุโรป ตะวันตก เพื่อป้องกันการพังทลายทางเศรษฐกิจ และเพื่อฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมรัฐชาติของ ยุโรปตะวันตกข้นึ มาใหม่ โดยในแผนมารแ์ ชลล์น้ยี ุโรปได้รบั มากกวา่ 12 พนั ลา้ นดอลลารท์ ัง้ ในรปู เงินก้แู ละ เงินช่วยเหลือตลอดระยะเวลาระหว่างปี ค.ศ. 1948-1951 แผนมาร์แชลล์อย่างเป็นทางการโปรแกรมกู้ ยุโรปที่เรียกว่าช่วยมาร์แชลล์เป็นโปรแกรมช่วยสหรัฐมุ่งเป้าไปที่ยุโรปซึ่งเปิดตัวในปี 1947 หลังจาก สงครามโลกคร้ังที่สองโดยสหรัฐอเมริกาเลขานุการของรัฐโปรแกรมจอรจ์ มาร์แชลลไ์ ด้ริเริ่มขึ้นหลังจากที่ มารแ์ ชลลไ์ ด้รับเมื่อสปั ดาห์ท่ีหก การเดนิ ทางไปทัว่ ยุโรปซ่งึ เขาก็เชื่อว่าทวีปสงครามฉีกขาดไม่สามารถอยู่ รอดได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาและสั่งขนาดใหญ่โปรแกรมการช่วยเหลือสหรัฐ แผนเปิดตวั โดยมารแ์ ชลลใ์ นการพดู ที่ Harvard University 5 มิถุนายน 1947 เข้ารว่ มสงครามกลางเมอื งกรีซ (Greek Civil War) เปน็ การตอ่ สูใ้ นกรีซในปี พ.ศ. 2489(1946)- พ.ศ. 2492(1950) ระหว่างกองทัพรัฐบาลกรีก (ได้รับการสนับสนุนโดยสหราชอาณาจักรและ สหรัฐอเมริกา) และกองกำลังประชาธิปไตยกรซี (DSE,ทหารของพรรคคอมมิวนสิ ต์กรีก (KKE) สนับสนุน จากยูโกสลาเวีย แอลเบเนียเช่นเดียวกับบัลแกเรีย) การต่อสู้สง่ ผลใหพ้ วกกอ่ การร้ายคอมมิวนิสต์พ่ายแพ้ กองกำลังของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์แห่งกรีซก่อตั้งขึ้นและได้รับทุนจากประเทศคอมมิวนิสต์เช่น ยูโกสลาเวยี ประชาธิปตั ย์กองทพั กรีซรวมถึงบุคลากรหลายคนที่เคยตอ่ สู้กับเยอรมันและอิตาลีในช่วงการ ยดึ ครองในช่วงสงครามโลกครั้งท่สี อง สงครามกลางเมืองเป็นผลมาจากการต่อสู้แบ่งขั้วระหว่างอุดมการณ์ซ้ายและขวาที่เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2486(1944) จากปี พ.ศ. 2487(1945) แต่ละด้านท่ีกำหนดเป้าหมายที่จะข้ึนมาปกครองหลังส้นิ สุด ของการยึดครองรวมระหว่างเยอรมันและอิตาลี (พ.ศ. 2484(1942)-พ.ศ. 2488(1945)) ในที่สุดฝ่ายขวา สามารถได้ขึ้นมาปกครองได้ การต่อสู้กลายเป็นหนึ่งในความขัดแย้งช่วงแรกในสงครามเย็น (พ.ศ. 2490(1947)-พ.ศ. 2534(1992)) และเป็นสงครามตัวแทนแรกในสงครามเย็น กรีซในที่สุดได้รับการ สนับสนุนโดยสหรฐั (ผ่านทรูแมนหลักคำสอนและแผนมาร์แชลล์) และเข้าร่วมนาโต (พ.ศ. 2495(1952)) ระหว่างสงครามสหภาพโซเวียตโจเซฟ สตาลินต้องการสงครามสิ้นสุดลงเพื่อรักษาข้อตกลงเปอร์เซ็นตไ์ ว้ ส่วนทางดา้ นยูโกสลาเวียยอซีป บรอซ ตีโตอยากจะให้ทำสงครามต่อไป[13]ตโี ตม้ คี วามมุง่ มั่นที่จะช่วยให้
119 พวกคอมมิวนิสต์กรีกในความพยายามของพวกเขาได้ยั่วโมโหสตาลินซึ่งเรื่องจะเป็นหนึ่งในสาเหตุของ ความแตกแยกระหว่างตโี ต้-สตาลินในอนาคต แม้ว่ากองกำลังของรัฐบาลจะมีอุปสรรคในปี พ.ศ. 2489(1946)-พ.ศ. 2491(1948)แต่จากการ เพิ่มความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ, ความล้มเหลวของ DSE และผลข้างเคียงของการแยกตโี ต้-สตาลิน พ.ศ. 2491 ในที่สุดก็นำไปสู่ชัยชนะของกองกำลังรัฐบาล นำไปสู่การเป็นสมาชิกของกรีซในนาโต้ (พ.ศ. 2495) และชว่ ยในการกำหนดความสมดุลอุดมการณข์ องพลังงานในทะเลอเี จยี นสำหรบั ท้งั สงครามเย็น สงคราม กลางเมืองทำใหก้ องทพั มีอำนาจมากกว่ารัฐบาลนำไปสกู่ ารจัดตง้ั รฐั บาลทหารกรีก 1967-1974 และมรดก ของขัว้ ทางการเมืองวา่ จนถงึ วันน้ี 1950 เข้าสนับสนุนเกาหลีใต้ ในสงครามเกาหลี\"สงครามปลดปล่อยปิตุภูมิ\"; 25 มิถุนายน 1950 – 27 กรกฎาคม 1953)[23][24][a] เปน็ สงครามระหวา่ งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลเี หนือ)(โดยได้รบั สนับสนุ จากจนี และสหภาพโซเวียต) และสาธารณรฐั เกาหลี (เกาหลีใต)้ (โดยได้รับ การสนับสนุนจากสหประชาชาติ โดยเฉพาะอย่างย่ิงจากสหรัฐ) สงครามเริ่มตน้ ขึน้ เม่ือวันท่ี 25 มิถุนายน ค.ศ. 1950 เมอ่ื เกาหลเี หนือไดส้ ่งกองทพั เข้ารกุ รานเกาหลใี ต้ ในช่วงสงครามโลกครัง้ ที่สองได้ยตุ ิลง สหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาได้เข้าปลดปล่อยเกาหลี จากการควบคุมดินแดนอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ภายหลังจาก สงครามยตุ ลิ ง เกาหลไี ดถ้ ูกแบ่งแยกอย่ทู ี่เสน้ ขนานที่ 38 กลายเป็นสองเขตแดนของการยึดครอง โซเวตี ได้ ปกครองดินแดนส่วนครึ่งนึงจากทางเหนือและอเมริกันก็ปกครองดินแดนอีกส่วนครึ่งนึงจากทางใต้ ด้วย ชายแดนตง้ั อยู่ทีเ่ ส้นขนานท่ี 38 ในปี ค.ศ. 1948 สองรฐั เอกราชได้ถูกสถาปนาขน้ึ อันเป็นผลมาจากความ ตึงเครียดทางการเมืองของสงครามเย็น(ระหว่างสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกา) รัฐสังคมนิยมได้ถูก กอ่ ต้ังขึน้ ในสว่ นทางภาคเหนือภายใตผ้ นู้ ำฝ่ายลัทธคิ อมมวิ นิสต์ของนายคมิ อิล-ซอ็ งและรฐั ทุนนิยมในส่วน ทางภาคใตภ้ ายใต้ผนู้ ำฝ่ายต่อต้านลัทธิคอมมวิ นิสตข์ องนายอี ซึง-มนั ทง้ั สองรัฐบาลของรัฐเกาหลีใหม่ต่าง อา้ งว่าเป็นรัฐบาลที่มีความชอบธรรมดว้ ยกฏหมายแต่เพียงฝ่ายเดียวของเกาหลที ้ังหมดและไม่ยอมรับเขต ชายแดนเป็นการถาวร ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นจนนำไปสู่สงคราม เมื่อกองทัพเกาหลีเหนือ(กองทัพประชาชนเกาหลี, KPA)—ที่ได้รบั การสนับสนุนโดยสหภาพโซเวียตและจนี —ได้ขา้ มเขตชายแดนและรุกเข้าสู่เกาหลีใต้ เม่ือ วันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1950[. คณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติได้อนุญาตให้มีการ จัดตั้งกองบัญชาการสหประชาชาตแิ ละส่งกองทัพไปยังเกาหลี[31] เพื่อขับไล่ส่ิงท่ีได้เป็นท่ียอมรับแล้วว่า
120 เป็นการรุกรานของเกาหลีเหนือ ยี่สิบเอ็ดประเทศของสหประชาชาติต่างได้มีส่วนร่วมในกองทัพ สหประชาชาติ กบั สหรฐั อเมรกิ าได้ให้ประมาณ 90% ของบคุ ลากรทางทหาร ภายหลังสองเดือนแรกของสงคราม กองทัพเกาหลีใต้(ROKA)และกองทัพสหรัฐที่ถูกส่งมายัง เกาหลีอย่างรวดเร็วนั้นกำลังจะพ่ายแพ้ กองทัพเกาหลีใต้และกองกำลังทหารสหรัฐได้ถอยร่นกลับไปยงั พื้นที่ขนาดเล็กหลังแนวป้องกนั ทีเ่ ปน็ ทีร่ ู้จักกันกันคือ วงรอบปูซาน ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1950 การยก พลขึ้นบกเพื่อต่อต้านการรุกของสหประชาชาตไิ ด้ถกู เปิดฉากข้ึนที่เมืองอินชอ็ น และตัดกำลังของกองทพั ประชาชนเกาหลเี ป็นจำนวนมากในเกาหลีใต้ มีผทู้ ่หี นรี อดจากการถกู โอบล้อมและถูกจับกุมเพื่อบังคับให้ กลบั ไปยังทางเหนือ กองทัพสหประชาชาตไิ ด้รุกเขา้ สู่เกาหลีเหนือในเดอื นตุลาคม ค.ศ. 1950 และเคล่ือน ทพั อย่างรวดเร็วไปยังแม่น้ำยาลู-ซ่ึงเป็นชายแดนติดกับจีน-แต่เม่ือวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 1950 กองกำลัง ทหารจีนของกองทัพอาสาสมัครของประชาชน(PVA)ได้ข้ามแม่น้ำยาลูและเข้าสู่สงคราม[35] การ แทรกแซงของจนี ท่นี า่ ประหลาดใจทำใหก้ องทัพสหประชาชาติตอ้ งล่าถอยออกไปและกองทพั จนี ได้รุกราน เข้าสเู่ กาหลีใตใ้ นปลายเดอื นธนั วาคม ในส่งิ เหล่านแี้ ละการต่อส้ทู ี่ตามมานน้ั กรงุ โซลถกู ยดึ เปน็ คร้งั ทสี่ ่ีและกองทัพฝา่ ยคอมมิวนิสตไ์ ดถ้ ูก ผลักดันกลับไปยงั จุดตำแหน่งเส้นขนานที่ 38 ใกล้กับจุดเริ่มต้นสงคราม ภายหลังจากนี้แนวหน้าได้ถกู ทำ ให้คงที่และสองปีสุดท้ายของการสูร้ บไดก้ ลายเป็นสงครามบ่ันทอนกำลัง สงครามในอากาศ อย่างไรก็ตาม ไมเ่ คยถกู ทำใหจ้ นมมุ เกาหลีเหนอื ได้อยู่ภายใต้การทพั อากาศทงิ้ ระเบิดขนาดใหญ่ของสหรัฐ เคร่ืองบินขับ ไล่ไอพน่ ไดเ้ ผชญิ หนา้ กนั แต่ละฝา่ ยในการรบทางอากาศตอ่ อากาศเปน็ คร้ังแรกในประวตั ิศาสตรแ์ ละนักบิน โซเวียตไดบ้ นิ อยา่ งลับ ๆ เพ่อื ปกปอ้ งพันธมิตรฝา่ ยลัทธคิ อมมวิ นสิ ตข์ องพวกเขาเอง การสู้รบได้ยุติลง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1953 ความตกลงการสงบศึกเกาหลีได้ถูกลงนาม ขอ้ ตกลงครั้งนไี้ ด้สร้างเขตปลอดทหารเกาหลี (DMZ) เพอ่ื เป็นการแบ่งแยกเกาหลเี หนอื และเกาหลีใต้ และ อนญุ าตให้มีการส่งตวั เชลยศกึ กลับคนื อยา่ งไรก็ตาม สนธสิ ัญญาสนั ตภิ าพไมม่ ีลงนามและท้ังสองประเทศ เกาหลยี ังคงทำสงครามกนั อย่แู ละมสี ว่ นรว่ มในความขัดแย้งที่ถูกแช่แขง็ เอาไว้ ในเดอื นเมษายน ค.ศ. 2018 ผู้นำเกาหลเี หนอื และผนู้ ำเกาหลีใตไ้ ดม้ าพบกันท่ีเขตปลอดทหารเกาหลีและทำข้อตกลงที่จะทำงานร่วมกัน ภายใตส้ นธิสัญญาเพือ่ ยตุ ิสงครามเกาหลอี ยา่ งเป็นทางการ แตท่ วา่ ต้องหยดุ ชะงักลง เน่ืองจากผูแ้ ปรพักตร์ ในฝั่งเกาหลีใต้ทำโฆษณาชวนเชื่อโจมตีใส่รัฐบาลเกาหลีเหนือและนายคิม จ็อง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคน ปัจจุบัน เป็นเหตุทำให้เกาหลีเหนือต้องระเบิดสำนักประสานงานร่วมของสองชาติเกาหลีในเมืองแคซ็อง ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับพรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ จากเหตุการณ์ครัง้ นั้นทำให้สองชาติ ต้องกลบั เข้าสู่สภาวะความตงึ เครยี ดอีกครั้งทอี่ าจจะนำไปสูส่ งครามเกาหลคี ร้ังใหม่กเ็ ปน็ ไปได้
121 สงครามเกาหลีเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่มีการทำลายล้างมากที่สุดในยุคปัจจุบัน ด้วยจำนวน ผูเ้ สยี ชวี ติ จากสงครามประมาณ 3 ลา้ นคน และพลเรอื นเสียชีวิตท้งั หมดในสัดสว่ นท่ีใหญ่กว่าสงครามโลก ครั้งที่สองหรือสงครามเวียดนาม มันทำให้เกิดการทำลายล้างเมืองสำคัญต่างๆของเกาหลีทั้งหมด การ สังหารหมู่จำนวนนับพันคนของทั้งสองฝา่ ย(รวมถึงการสังหารหมู่จำนวนนบั หม่ืนคนของผู้ทีต่ กเป็นผู้ต้อง สงสัยว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์โดยรัฐบาลเกาหลีใต้) และการทรมานและความอดอยากของเชลยศึกโดย กองบัญชาการเกาหลีเหนือ เกาหลเี หนอื กลายเปน็ ประเทศที่ถูกทง้ิ ระเบดิ อย่างหนักทีส่ ดุ ในประวตั ศิ าสตร์ 1955 มารต์ ิน ลเู ธอร์ คงิ จเู นยี ร์ เกดิ ในเมอื งแอตแลนตา รัฐจอรเ์ จยี ใน พ.ศ. 2472 (1929) เป็น บุตรของศิษยาภิบาลคณะแบปทสิ ต์ ศาสนาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเขาเสมอมา เนื่องจากทัง้ พอ่ และป่ขู อง เขาเป็นนักเทศน์ในนกิ ายแบปทิสต์ (Baptist) เขาเรียนผา่ นช้นั มธั ยมปลายได้อย่างงา่ ยดาย แต่โดนทำร้าย รุนแรง โดยเรียนจบเมื่ออายุได้ 15 ปีเท่านั้น จากนั้นจึงได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยท่ี มอร์เฮาส์ คอเลจ (Morehouse College) และใช้เวลาอีกสามปเี พ่ือศึกษาดา้ นเทววิทยาที่ Crozer Seminary เขาเรียนจบ ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบอสตนั ชีวิตส่วนตัว ขณะที่เรยี นปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยบอสตันอยู่ เขา ได้พบกับ คอเร็ดดา สกอตต์ ภรรยาของเขาซึ่งภายหลังทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 4 คน คิงและครอบครัวต้ัง รกรากกันท่เี มอื งมอนต์กอเมอรี ในรัฐแอละแบมา (Montgomery, Alabama) ทีซ่ ึ่งเขาได้เปน็ นักเทศน์คน ท่ี 20 ของโบสถแ์ บ๊บตสิ ตบ์ นถนนเดก็ ซเ์ ตอร์ เอเวนิว (Dexter Avenue Baptist Church) การสุนทรพจน์ ว่าด้วยการเหยียดสีผวิ เหตุการณ์ในปี 1955 ที่หญิงผิวสี โรซา พาร์คส์ ถูกจับเนื่องจากปฏิเสธที่จะสละท่ี นง่ั บนรถเมลเ์ มืองมอนตก์ อเมอรีใหก้ ับชายผวิ ขาว เป็นสิ่งที่ทำให้การเรยี กร้องสิทธิพลเมอื งท่ีคุกรุ่นอยู่แล้ว เกิดร้อนระอุขึ้นมา “การคว่ำบาตรระบบรถขนส่งมวลชนในมอนกอเมอรี รัฐอะลาแบมา ถือว่าประสบ ความสำเรจ็ มาก เพราะเขาได้วางแผนมันอยา่ งดี และทำงานรว่ มกับหลายคน เพ่อื ใหค้ นในเมืองมอนต์กอ เมอรี อะลาแบมาเข้าใจว่าพวกเขาจะไมท่ นกับเรอ่ื งแบบน้อี กี ต่อไป” ประสบการณ์ ความทุ่มเท และการเปน็ ที่รู้จักในชุมชนของคิง ทำให้เขามีคุณสมบัติเหมาะสมจะ เปน็ ผู้นำในการควำ่ บาตรรถขนส่งมวลชนของเมอื งซึ่งยาวนานถงึ 381 วนั ในวันท่ี 20 ธนั วาคม 1956 ศาล ฎกี าได้ตัดสินว่าการแบง่ แยกทน่ี ่งั ตามสีผวิ บนรถเมล์เปน็ เรอ่ื งที่ขัดกับรัฐธรรมนญู ซ่ึงเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ ของการเคลอ่ื นไหวเพื่อสิทธพิ ลเมืองของคนผิวสี และเปน็ เคร่ืองยืนยนั ว่าการประท้วงแบบไร้ความรุนแรง ของคงิ ไดผ้ ล ถึงตอนน้ี คงิ เปน็ ตวั แทนการเรียกร้องสิทธพิ ลเมืองท่รี ู้จักไปทง้ั ประเทศ เขาถกู คมุ ขังมากกว่า 20 ครั้ง เคยถูกแทงท่ีหน้าอก บ้านเคยถูกวางระเบดิ นอกจากน้ี ทั้งเขาและครอบครัวก็โดนทำร้ายนับครัง้ ไม่
122 ถ้วน สำหรับชายที่ต้องการต่อสู้อย่างไร้ความรุนแรง ชีวิตส่วนใหญ่ของเขากลับตกเป็นเหยื่อของความ รนุ แรงอย่างไมว่ า่ งเว้น แตก่ ระนัน้ การคุกคามไมเ่ คยหยุดเขาได้ “ดร.คิงเป็นแรงบันดาลใจให้คนหลายพัน ผ่านการพูดที่คมคายและความกล้าหาญของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังบ้านเขาถูกวางระเบิด ทั้งภรรยา ลูกและตัวเขายังแสดงออกว่าพวกเขาพร้อมจะ เส่ยี งชีวิตในการเรยี กรอ้ งเสรีภาพน้ี” ในปี 1983 ประธานาธบิ ดี โรนัลด์ เรแกน ไดล้ งนามในประกาศทางการทกี่ ำหนดให้ทกุ วันจันทร์ที่ 3 ของเดือนมกราคมเป็นวัน มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการเพื่อเฉลิมฉลองให้ชายผู้น้ี และทกุ สิง่ ท่เี ขายนื หยัดต่อสมู้ า 1957 เขา้ รวมสงครามเวียดนาม หรืออีกช่อื หน่ึงวา่ สงครามอนิ โดจีนคร้งั ท่สี องและในเวียดนาม เรียก สงครามต่อต้านอเมริกา หรือเรียกง่าย ๆ ว่า สงครามอเมริกา เป็นความขัดแย้งในเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2498(1955) จนกรุงไซ่ง่อนถูกยึด เมื่อวันท่ี 30 เมษายน 2518 (1975) เปน็ สงครามอนิ โดจนี คร้ังที่สองและเป็นการต่อสู้ระหว่างเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้อย่างเป็น ทางการ เวียดนามเหนือได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต จีนและประเทศพันธมิตรฝ่ายลัทธิ คอมมิวนิสต์อื่น เวียดนามใต้ได้รับการสนับสนุนโดยสหรัฐ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ไทย และ ประเทศพันธมิตรฝ่ายต่อตา้ นลัทธิคอมมิวนิสตอ์ ื่นบางคนถือสงครามนี้เป็นสงครามตัวแทนในยุคสงคราม เย็น ซึ่งกินระยะเวลาถงึ 19 ปี โดยการมีสว่ นเกย่ี วขอ้ งโดยตรงของสหรัฐสนิ้ สุดลงในปี 2516 (1973) และ รวมไปถึงสงครามกลางเมืองลาว (1953) และสงครามกลางเมืองกัมพูชาซง่ึ จบลงดว้ ยทั้งสามประเทศได้ กลายเป็นคอมมวิ นิสตใ์ นปี 2518 (1975) 8.1.4 เศรษฐกิจ แผนงบประมาณ 13 พันล้าน $ อยู่ในบริบทของ จีดีพี ของสหรัฐที่ $ 258 พันล้านในปี 1948 และอยู่ในส่วนเพิ่มอีก 12 พันล้านดอลลาร์ในการช่วยเหลือของสหรัฐที่จะให้กับยุโรประหว่างช่วงการ สิ้นสุดของสงครามจนถึงการเริ่มต้นของแผนการมาร์แชลล์. ประมุขแห่งรัฐของสหภาพโซเวียต, โจเซฟ สตาลิน ป้องกันประเทศบริวารของเขาจากการมีส่วนร่วม, และจากจุดนั้นต่อมา, ยุโรปตะวันออก, ที่มี เศรษฐกิจแบบรวมศูนย์ทีไ่ ม่มีประสิทธิภาพ, ตกต่ำลงไปเรื่อยๆและตาม หลังยุโรปตะวันตกในแงข่ องการ พัฒนาเศรษฐกจิ และความเจริญรุง่ เรอื ง. ในปี 1949, สหรฐั , ที่ไดป้ ฏิเสธนโยบายยาวนานที่จะไม่มีการเป็น พันธมิตรทางทหารในยามสงบ, ได้รวมตัวเพื่อสร้างพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (อังกฤษ: North Atlantic Treaty Organization (NATO)) ที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง เข้ามาในศตวรรษท่ี 21. ในการตอบสนอง โซเวยี ตไดจ้ ดั ตั้งสนธิสัญญาวอรซ์ ออังกฤษ: Warsaw Pact)ของรัฐคอมมิวนสิ ต์
123 ในหลายทศวรรษหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศสหรัฐกลายเป็นผู้มีอิทธพิ ลของโลกในดา้ น เศรษฐกิจ, การเมือง, การทหาร, วัฒนธรรมและกิจกรรมทางเทคโนโลยี. เริ่มต้นใน ปี 1950s, วัฒนธรรม ชนชน้ั กลางจะหมกมุ่นอยู่กับสินคา้ อุปโภคบริโภค. อเมริกนั ผวิ ขาวมีจำนวนเกอื บ 90% ของประชากรในปี 1950 8.2 ปญั หาการเมอื งยุค 60 – 80 (1960-1991) 8.2.1 ความเปน็ มา ภายหลังจากวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ระยะใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นซึ่งเห็นได้จากความแตกแยก ระหว่างจีน-โซเวียตที่มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนในวงการคอมมิวนิสต์ ในขณะที่พันมิตรของสหรัฐ โดยเฉพาะฝรั่งเศส ได้แสดงให้เห็นถึงการมีอิสระในปฏิบัติการมากขึ้น สหภาพโซเวียตได้เข้ารุกรานเช โกสโลวาเกียและบดขยี้ ปรากสปริง โครงการของการได้รับเอกราช ปี ค.ศ. 1968 ในขณะที่สงคราม เวียดนาม (ค.ศ. 1955-75) ได้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของสาธารณรฐั เวียดนามใต้ที่มีสหรฐั คอยหนุนหลงั ทำให้มีการปรับเปลี่ยนแผนการมากขึ้น นอกเหนือจากนี้ สหรัฐยังประสบกับความวุ่นวายภายในจาก ขบวนการเพื่อสทิ ธพิ ลเมืองและฝา่ ยต่อต้านสงครามเวยี ดนาม ในปี ค.ศ. 1960-70 ขบวนการเพ่ือสันตภิ าพ ระหว่างประเทศได้เกิดข้ึนในทา่ มกลางประชาชนท่ัวโลก ขบวนการต่อตา้ นการทดสอบอาวธุ นิวเคลียร์และ เพื่อปลดอาวุธนวิ เคลียร์ได้เกิดขน้ึ พรอ้ มกับการประท้วงตอ่ ต้านสงครามขนาดใหญ่ ในปี ค.ศ. 1970 ทั้งสองฝ่ายไดเ้ ริม่ เอาใจใส่ในความพยายามประนปี ระนามเพ่ือสรา้ งระบบระหว่างประเทศ ที่มีเสถียรภาพและสามารถคาดการณไ์ ด้มากขึ้น การเปิดฉากการผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งเห็นไดจ้ าก การเจรจาจำกัดอาวธุ ทางยุทธศาสตร์และสหรัฐได้เปิดความสัมพันธก์ ับสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะที่ เปน็ ตวั ถว่ งดุลอำนาจทางยุทธศาสตรต์ อ่ สหภาพโซเวยี ต การผ่อนคลายความตงึ เครียดได้ยุตลิ งในช่วงปลาย ทศวรรษด้วยสงครามโซเวียตในอัฟกานิสถานได้เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1979 ช่วงต้นปี ค.ศ. 1980 เป็น ชว่ งเวลาแหง่ ความตงึ เครยี ดท่ีเพมิ่ สูงขนึ้ อีกครัง้ ด้วยเครื่องบินโคเรยี นแอร์ไลน์ เทยี่ วบินที่ 007 ถกู โซเวียต ยิงตก (ค.ศ. 1983) และการซ้อมรบทางทหารของนาโต้ \"เอเบิล อาชเชอร์\"(ค.ศ. 1983) สหรัฐอเมริกาได้ เพิ่มแรงกดดันทางการทูต ทางทหารและทางเศรษฐกิจต่อสหภาพโซเวียต ในช่วงเวลาที่รัฐคอมมิวนิสต์ กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา ในช่วงกลางปี ค.ศ. 1980 ผู้นำโซเวียตคนใหม่อย่างมี ฮาอิล กอร์บาชอฟได้แนะนำการปฏิรูปแบบเสรีของเปเรสตรอยคา(\"การปรับโครงสร้าง\", ค.ศ. 1987) และกลัสนอสต์(\"โปร่งใส\", ค.ศ. 1987) และยุติการมีสว่ นร่วมของโซเวียตในอัฟกานิสถาน แรงกดดันเพอ่ื เอกราชของชาติได้เพ่ิมมากข้ึนในยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ คือ โปแลนด์ กอร์บาชอฟปฏิเสธท่ีจะ ใช้กองกำลังทหารโซเวียตเพื่อคำ้ จุดระบอบสนธิสญั ญาวอร์ซอที่ไม่มัน่ คงดังที่เคยเป็นในอดีต ผลลัพธ์ในปี
124 ค.ศ. 1989 คือ คลื่นแห่งการปฏิวัติด้วยสันติวิธี(ยกเว้นเพียงการปฏิวัติโรมาเนีย) ได้ล้มล้างระบอบ คอมมิวนิสต์ทั้งหมดในยุโรปกลางและตะวันออก พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตได้สูญเสียการ ควบคุมและถูกสั่งห้าม ภายหลังจากมีการพยายามกอ่ รัฐประหารซึ่งประสบผลไมส่ ำเร็จในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1991 สิ่งน้ไี ด้นำไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตอย่างเป็นทางการในเดอื นธันวาคม ค.ศ. 1991 และการล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ในประเทศอื่นๆ เช่น มองโกเลีย กัมพูชา และเยเมนใต้ สหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศมหาอำนาจเพียงหนงึ่ เดียวของโลกมาจนถึงทกุ วันนี้ 8.2.2 การเมอื งการปกครอง หลงั จาก ไอเซนฮาวร์ ลงจากตำแหนง่ จอหน์ ฟิตซ์เจอรลั ด์ เคนเนดี (29 พฤษภาคม ค.ศ. 1917 — 22 พฤศจกิ ายน ค.ศ. 1963) มกั จะเรยี กดว้ ยช่ือย่อของเขาวา่ เจเอฟเค และ แจค๊ เปน็ นักการเมืองชาว สหรฐั อเมริกาท่ีทำหน้าที่เปน็ ประธานาธบิ ดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา ตัง้ แตป่ ี ค.ศ. 1961 จนกระทั่งถูก ลอบสงั หารในเดอื นพฤศจกิ ายน ค.ศ. 1963 เคเนดีไดท้ ำหนา้ ทใ่ี นระดับสูงในชว่ งสงครามเยน็ และงานส่วน ใหญ่ของเขาในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับสหภาพโซเวียตและคิวบา จาก พรรคเดโมแครต เคเนดีได้เป็นตัวแทนของรัฐแมสซาชูเซตส์ในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒสิ ภาสหรัฐ ก่อนที่ จะเป็นประธานาธิบดี เคเนดีเกิดในครอบครัวนกั การเมืองที่มง่ั คัง่ รำ่ รวยในบรูคลิน รฐั แมสซาชูเซตส์ เขาไดจ้ บการศึกษา จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี ค.ศ. 1940 ก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพเรือสำรองสหรัฐในปีต่อมา ในช่วง สงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้เป็นผู้บัญชาการบังคับการเรือลาดตระเวนตอร์ปิโดในเขตสงครามแปซิฟิก และได้รับเหรียญหน่วยทหารแห่งกองทัพเรือและนาวิกโยธิน(Navy and Marine Corps Medal) จาก ปฏิบัติหน้าท่ีของเขา ภายหลงั จากในช่วงเวลาสน้ั ๆ ในส่อื มวลชนหนังสอื พิมพ์ เคเนดเี ป็นตัวแทนของเขต อำเภอบอสตันที่เป็นชนชั้นแรงงานในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 ถึง ค.ศ. 1953 ต่อมา เขาได้รบั เลอื กใหเ้ ป็นวุฒิสภาสหรัฐและดำรงตำแหน่งเปน็ วุฒิสมาชิกรุน่ น้องจากรัฐแมสซาชูเซตส์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 ถึง ค.ศ. 1960 ในขณะทีด่ ำรงตำแหนง่ ในวฒุ สิ ภา เคเนดีได้ตพี มิ พห์ นังสือของท่ชี ื่อวา่ โปร์ไฟล์ ในความกล้าหาญ ซง่ึ ไดร้ บั รางวัลพูลติ เซอร์ ในการเลอื กตั้งชิงตำแหนง่ ประธานาธบิ ดี ปี ค.ศ. 1960 เขาได้ เอาชนะอยา่ งฉวิ เฉยี ดกับรชิ าร์ด นกิ สนั คู่แข่งจากพรรครพี บั ลกิ ัน ซึ่งดำรงตำแหนง่ เป็นรองประธานาธบิ ดี การบริหารปกครองของเคเนดีรวมทัง้ ความตงึ เครยี ดสูงกับรฐั คอมมวิ นิสต์ในสงครามเยน็ ดว้ ยเหตุ น้ี เขาได้เพิ่มจำนวนที่ปรึกษาทางทหารอเมริกันในเวียดนามใต้ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 เขาได้มี อำนาจในความพยายามที่จะโค่นล้มรัฐบาลคิวบาของฟิเดล กัสโตรในการบุกครองอ่าวหมู เคเนดีได้มี อำนาจในโครงการคิวบาในเดือนพฤศจกิ ายน ค.ศ. 1961 เขาได้ปฏิเสธปฏิบตั ิการนอร์ทวู้ด(แผนการด้วย
125 การโจมตีธงปลอมเพื่อไดร้ ับอนุมัติในการทำสงครามกับคิวบา) ในเดือนมนี าคม ค.ศ. 1962 อย่างไรก็ตาม การบริหารปกครองของเขายังคงวางแผนที่จะบุกครองคิวบาในฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1962 ในเดือนตุลาคม ตอ่ มา เคร่ืองบินสอดแนมของสหรัฐได้ค้นพบฐานจรวดขีปนาวธุ ของโซเวียตที่ถกู ติดตงั้ ขึน้ ในควิ บา ในช่วง เวลาที่เกิดความตึงเครียด ซึ่งถูกเรียกว่า วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ซึ่งเกือบที่จะส่งผลทำให้เกิดแพร่ ระบาดของความขดั แย้งเทอร์โมนวิ เคลยี ร์ทว่ั โลก โครงการหมบู่ า้ นเชงิ ยุทธศาสตรไ์ ดเ้ ริ่มต้นขนึ้ ในเวียดนาม ในชว่ งทีเ่ ขาดำรงตำแหนง่ ประธานาธิบดี จากภายในประเทศ เคเนดไี ด้เปน็ ประธานในการจัดต้ังกองกำลัง รักษาสันติภาพและสืบสานโครงการอวกาศที่ชื่อว่า อพอลโล นอกจากนี้เขายังได้สนับสนุนขบวนการ เคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมือง แต่ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในการส่งผ่าน ชายแดนใหม่ นโยบาย ภายในประเทศของเขา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 เขาได้ถูกลอบสังหารในแดลลัส รัฐเท็กซัส รอง ประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อเคเนดีได้เสียชวี ิตลง ลี ฮาร์วยี ์ ออสวอลด์ ผนู้ ิยมมารก์ ซิสต์และอดีตนาวิกโยธนิ สหรัฐ ถูกจบั กุมดว้ ยขอ้ หากอ่ อาชญากรรมต่อรัฐ แต่เขาก็ ถกู ยิงและเสยี ชีวิตโดยแจ็ก รบู ี สองวันต่อมา สำนักงานสอบสวนกลาง(FBI) และคณะกรรมการวอร์เรนต่าง สรุปกันว่า ออสวอลด์เป็นผูก้ ระทำแต่เพยี งผู้เดียวในการลอบสังหาร แต่มีกลุ่มต่างๆ ได้โต้แย้งต่อรายงาน วอร์เรนและเชื่อว่าเคเนดีเป็นเหยื่อของการสมรู้ร่วมคิด ภายหลังจากเคเนดีเสียชีวิต สภาคองเกรสได้รบั ข้อเสนออันมากมายของเขารวมทั้งกฎหมายสิทธิพลเมืองและกฎหมายสรรพากร ปี ค.ศ. 1964 เคเนดี ได้รับการจัดดับสูงสุดในการสำรวจความคิดเห็นต่อประธานาธิบดีสหรัฐกับนักประวัติศาสตร์และ สาธารณชนทั่วไป ชีวิตด้านส่วนตัวของเขายังเป็นจุดรวมของการได้รับความสนใจที่ยั่งยืนอย่างมากมาย ภายหลังจากการเปิดเผยต่อสาธารณชนในช่วงปี ค.ศ. 1970 เกย่ี วกบั สุขภาพของเขาทเ่ี จ็บปว่ ยเรื้อรังและ การคบชู้สาว หลงั จาก JFK ลงจากตำแหน่ง ถดั มาเป็นลนิ ดอน เบนส์ จอห์นสัน (27 สงิ หาคม ค.ศ. 1908 - 22 มกราคม ค.ศ. 1973), มักจะเรียกด้วยชื่อย่อของเขาว่า แอลบีเจ เป็นนักการเมืองชาวอเมริกันที่ดำรง ตำแหนง่ เปน็ ประธานาธิบดีคนท่ี 36 ของสหรฐั อเมริกา ตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1963 ถงึ ค.ศ. 1969 และเคยดำรง ตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีคนท่ี 37 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 ถึง ค.ศ. 1963 เขาได้เข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีในภายหลังจากการลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี พรรคเดโมแครตจาก รัฐเทก็ ซสั จอหน์ สันยังดำรงตำแหนง่ เปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐและผนู้ ำเสียงข้างมากในวุฒิสภา สหรัฐ จอห์นสันเป็นหนึ่งในสี่คนเท่านั้นที่ได้ดำรงตำแหนง่ ในทั้งส่ีตำแหน่งท่ีได้รับการเลอื กตั้งจากรัฐบาล กลาง
126 เขาเกิดในบ้านไร่ในสโตนวอลล์ รัฐเท็กซัส จอห์นสันเป็นครูสอนโรงเรียนมัธยมและทำงานเป็น ผู้ช่วยรัฐสภาก่อนท่จี ะชนะการเลอื กต้ังสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรสหรัฐในปี ค.ศ. 1937 จอห์นสันได้รับชัย ชนะการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากรัฐเท็กสันในปี ค.ศ. 1948 ภายหลังจากได้รับชัยชนะในการ เสนอชื่อของพรรคเคโมแครตด้วยคะแนนเสียงที่จำกัดอย่างไม่น่าเชื่อ[1] เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรง ตำแหน่งเป็นวุฒิสภาผู้คุมเสียงข้างมาก ในปี ค.ศ. 1951 เขาได้กลายเป็นวุฒิสภาผู้นำเสียงข้างน้อยในปี ค.ศ. 1953 และวุฒิสภาผ้นู ำเสยี งขา้ งมากในปี ค.ศ. 1955 เขากลายเป็นที่รู้จักกนั จากบุคลิกภาพที่โดดเดน่ และ\"การปฏิบัตแิ บบจอห์นสัน\" การถูกบีบบังคับ อย่างก้าวร้าวของนักการเมืองที่มีอำนาจในการออกกฎหมาย พร้อมกับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรฐั แซม เรยเ์ บิร์น วฒุ สิ ภาผคู้ ุมเสียงข้างมาก Earle Clements และสภาผ้แู ทนราษฎรผคู้ ุมเสยี งขา้ งมาก Carl Albert จอหนส์ ันไม่ได้ลงนามในคำแถลงการณภ์ าคใต้ซง่ึ ถูกร่างโดย Dixie South จากพรรคเดโมแครตใน การประชุมรัฐสภาสหรัฐครัง้ ที่ 84 แมว้ ่าตวั แทนของรัฐทง้ั หมดท่มี กี ารแบ่งแยกเชอื้ ชาติของโรงเรียนของรัฐ เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายก่อนจะเกิดคดี Brown v. Board of Education ปี ค.ศ. 1954 ที่ถูกตัดสนิ โดยศาลสูงสุดสหรัฐ ในฐานะที่เป็นผู้นำเสียงข้างมาก จอห์นสันได้ควบคุมผ่านกระบวนกฎหมายสิทธิ พลเมือง ปี ค.ศ. 1957 และ ค.ศ. 1960 การรา่ งกฎหมายสทิ ธิพลเมืองฉบบั แรกที่ส่งผานโดยรัฐสภาสหรัฐ ตั้งแตย่ ุคบรู ณะ (ค.ศ. 1863–1877). จอห์นสนั ได้ถกู นำเสนอช่อื จากพรรคเดโมแครตในการเลอื กตัง้ ประธานาธิบดี ปี ค.ศ. 1960 แมว้ ่า จะไม่ประสบความสำเรจ็ เขาก็ตอบรับคำเชญิ ของวุฒิสภา จอหน์ เอฟ. เคนเนดจี ากรัฐแมสซาชูเซตส์ให้มา เป็นเพอ่ื นร่วมงานของเขา พวกเขาต้องการทีจ่ ะเอาชนะการเลือกตัง้ อย่างใกล้ชดิ กับรายช่อื สมาชิกผู้สมัคร รับเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันอย่างริชาร์ด นิกสัน และ Henry Cabot Lodge Jr. เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 เคเนดีถูกลอบสังหารและจอห์นสันไดส้ ืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากเขา ปีต่อมา จอห์สันได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย เอาชนะวุฒิสมาชิก Barry Goldwater จากรัฐแอริโซนา ด้วยคะแนนโหวตนยิ ม 61.1 เปอรเ์ ซน็ ต์ จอหส์ นั ได้รบั สว่ นแบ่งขนาดใหญข่ องคะแนนโหวตนิยมสูงสุดของ ผสู้ มคั รรบั เลือกตั้งรายใดกต็ าม นับตง้ั แตไ่ มม่ ใี ครเลยทจ่ี ะออกมาโตแ้ ย้งในการเลือกต้งั ปี ค.ศ. 1820 ในนโยบายภายในประเทศ จอห์นสันไดอ้ อกแบบร่างกฎหมาย\"มหาสงั คม\" เพ่อื ขยายสิทธิพลเมือง การเผยแพร่กระจายข่าวต่อสาธารณะ โครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลกลางแก่ผู้สูงอายแุ ละผู้ทุพพล ภาพ(เมดิแคร์) แก่ผู้พิการและผู้มีรายได้น้อย(เมดิเคด) ความช่วยเหลือด้านการศึกษา ศิลปะ และการ พัฒนาในเมืองและชนบท บริการแก่สาธารณะ และ\"สงครามบนความยากจน\"ของเขา ได้รับความ ช่วยเหลือเพียงบางส่วนจากเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต สงครามบนความยากจนได้ช่วยชีวิตแก่ชาวอเมริกนั
127 หลายล้านคนได้กา้ วผา่ นเส้นความยากจนในช่วงการบริหารปกครองของเขา การร่างกฎหมายสทิ ธิพลเมอื ง ที่เขาลงนามในกฎหมายห้ามเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในสถานที่สาธารณะ การค้าระหว่างรัฐ สถานที่ ทำงานและทอี่ ยู่อาศัย กฎหมายสิทธิในการลงคะแนนเสียงได้ห้ามข้อกำหนดบางประการในรัฐทางใต้ท่ีใช้ ในการตัดสิทธิการออกเสียงของชาวแอฟริกันอเมรกิ ัน ด้วยการผ่านกฎหมายคนเข้าเมืองและสัญชาติ ปี ค.ศ. 1965 ระบบการเข้าเมอื งของประเทศไดร้ ับการปฏริ ูป สง่ เสริมการอพยพเขา้ เมอื งจากภมู ิภาคอนื่ ๆ ที่ ไม่ได้มาจากยุโรป การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของจอห์นสันเป็นจุดสูงสุดของลัทธิเสรีนิยมสมัยใหม่ หลังยุคสญั ญาใหม่ ในนโยบายตา่ งประเทศ จอห์นสันได้เพ่ิมการมีส่วนร่วมมากขึ้นของอเมรกิ นั ในสงครามเวยี ดนาม ในปี ค.ศ. 1964 สภาคองเกรสได้ผา่ นลงมติอา่ วตังเกี๋ย ซึ่งทำให้จอหน์ สนั มีอำนาจในการใช้อำนาจในการ ใช้กำลังทหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยปราศจากการขออนุมัติในการประกาศสงครามอย่างเป็น ทางการ บุคลากรทางทหารชาวอเมริกันจำนวนมากในเวียดนามได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากจำนวนที่ ปรกึ ษาทางทหาร 16,000 นายทีไ่ มม่ บี ทบาทในการรบในปี ค.ศ. 1963 ถึง 525,000 นายในปี ค.ศ. 1967 มีจำนวนมากในบทบาทการรบ การบาดเจ็บล้มตายของชาวอเมริกันได้เพิ่มสูงขึ้นและกระบวนการ สันตภิ าพไดห้ ยดุ นง่ิ ความกงั วลที่เพิ่มข้นึ จากสงครามไดก้ ระตุน้ ใหเ้ กดิ ขบวนการเคล่ือนไหวตอ่ ต้านสงคราม ขนาดใหญ่ที่โกรธเกรี้ยวโดยส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในการเกณฑ์ทหารภายในเขต มหาวทิ ยาลัย จอหน์ สนั ต้องเผชิญหน้ากบั ปัญหาท่ีเพมิ่ มากข้นึ เมือ่ การกอ่ จลาจลในช่วงฤดูร้อนซ่ึงเริ่มต้นขึ้นใน เมืองใหญ่ ในปี ค.ศ. 1965 และอัตราการก่ออาชญากรรมก็เพิม่ สูงข้ึน เนื่องจากฝ่ายตรงขา้ มได้เรียกร้อง นโยบาย\"กฎหมายและระเบียบ\" ในขณะทีจ่ อหน์ สนั ไดเ้ ร่ิมดำรงตำแหน่งประธานาธบิ ดีด้วยความเห็นชอบ อย่างกว้างขวาง การสนับสนุนแก่เขาได้ลดลง เนื่องจากสาธารณชนเริ่มไม่พอใจทั้งสงครามและความ รุนแรงที่เพิ่มขึ้นในบ้าน ในปี ค.ศ. 1968 พรรคเดโมแครตได้แยกตัวเป็นฝ่ายต่อต้านสงคราม ซึ่งได้ ประณามต่อจอหน์ สัน เขาได้ยุตกิ ารเสนอชอ่ื เขา้ รบั การเลอื กตัง้ ของเขา ภายหลังจากจบการแข่งขันอย่าง น่าผิดหวังในนิวแฮมป์เชียร์เบื้องต้น นิกสันได้รับเลือกตั้งสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา ในขณะที่แนวร่วม สัญญาใหมท่ ค่ี รองอำนาจการเมอื งของประธานาธบิ ดีมา 36 ปี ต้องลม่ สลายลง ภายหลงั จากเขาออกจาก ตำแหน่งในเดือนมกราคม ค.ศ. 1969 จอห์นสันได้เดินทางกลับไปที่ไร่ฟามปศุสัตว์ในรัฐเท็กซัส ซึ่งเขา เสยี ชีวิตดว้ ยอาการหวั ใจวาย เมือ่ อายุ 64 ปี เมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1973 เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ชื่นชอบของนักประวัติศาสตร์หลายคน เนื่องจากนโยบาย ภายในประเทศของเขาและการผ่านกฎหมายสำคญั หลายฉบบั ท่ีสง่ ผลกระทบตอ่ สทิ ธิพลเมอื ง การควบคุม
128 อาวธุ ปืน การอนรุ กั ษ์ทีด่ ินรกร้างวา่ งเปลา่ และความม่งั คงทางสงั คม แม้ว่าเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่าง มากเกีย่ วกบั การขยายตวั ของสงครามเวยี ดนาม ต่อมาเป็นริชาร์ด มิลเฮาส์ นิกสัน(9 มกราคม ค.ศ. 1913 – 22 เมษายน ค.ศ. 1994) เป็น ประธานาธิบดีคนท่ี 37 แห่งสหรัฐ ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 จนถึงปี ค.ศ. 1974 สมาชิกของ พรรครีพับลิกัน นิกสันเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีคนที่ 36 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 ถึงปี ค.ศ. 1961 ไดก้ า้ วขึน้ สู่การมชี ื่อเสยี งระดบั ประเทศในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐ แคลิฟอร์เนีย ภายหลังจาก 5 ปีในทำเนียบขาวที่ได้แสดงให้เห็นข้อสรุปของการมีส่วนร่วมของสหรัฐใน สงครามเวียดนาม การผ่อนคลายความตึงเครียดกับสหภาพโซเวียตและจีน และก่อตั้งสำนักงานปกป้อง สง่ิ แวดล้อม และเขาเป็นประธานาธิบดเี พียงคนเดียวทล่ี าออกจากตำแหนง่ นิกสันเกดิ ในครอบครวั ยากจนในเมืองเล็กๆ ทางตอนใตข้ องรัฐแคลิฟอร์เนีย เขาจบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยดุ๊กโรงเรียนมัธยมกฏหมายในปี ค.ศ. 1937 และเดินทางกลับไปยังแคลิฟอร์เนียเพื่อฝึกฝน ดา้ นกฏหมาย เขาและภรรยาทชี่ ่ือว่า แพต ได้ยา้ ยไปยงั วอชงิ ตนั ในปี ค.ศ. 1942 เพือ่ ทำงานให้กับรัฐบาล กลาง เขาไดร้ ับการเขา้ ประจำการในกองทพั เรือสำรองในชว่ งสงครามโลกครง้ั ท่ีสอง เขาไดร้ บั เลือกต้ังเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี ค.ศ. 1946 การติดตามของเขาต่อกรณีฮิสส์ได้สร้างชื่อเสียงให้กับเขาใน ฐานะผู้นำตอ่ ต้านคอมมิวนิสต์ ซ่งึ ทำใหเ้ ขามีชอื่ เสียงระดบั ประเทศ ในปี ค.ศ. 1950 เขาไดร้ บั เลือกตั้งเป็น สมาชิกวุฒสิ ภา เขาเป็นเพอ่ื นรว่ มงานของดไวต์ ด.ี ไอเซนฮาวร์ ผทู้ า้ ชงิ ตำแหนง่ ประธานาธิบดีจากพรรครี พับลิกันในการเลือกตั้ง ปี ค.ศ. 1952 ต่อมาก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีมาเป็นเวลาแปดปี เขาได้ลงสมคั รทา้ ชิงตำแหนง่ ประธานาธิบดซี ึง่ ไมป่ ระสบความสำเร็จในปี ค.ศ. 1960 เกอื บทีจ่ ะเอาชนะไป ได้อย่างหวุดหวิดให้กับจอห์น เอฟ. เคนเนดี นิกสันก็ต้องพ่ายแพ้ในการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ แคลิฟอร์เนียให้กับแพต บราวน์ในปี ค.ศ. 1962 ในปี ค.ศ. 1968 เขาได้ลงสมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่ง ประธานาธบิ ดอี ีกคร้ังและได้ถูกรับเลือกตง้ั ไดเ้ อาชนะฮิวเบิร์ต ฮัมเฟรยแ์ ละ George Wallace ในการปิด การเลือกต้ัง นิกสันได้ยุติการมีส่วนร่วมของอเมริกันในสงครามเวียดนามในปี ค.ศ. 1973 เป็นอันสิ้นสุดของ การเกณฑท์ หารในปีเดยี วกนั นกิ สันเยือนประเทศจีนในปี ค.ศ. 1972 จนนำไปสคู่ วามสัมพนั ธ์ทางการฑูต ระหวา่ งสองประเทศ และการริเรม่ิ การทำสนธสิ ัญญาจรวดต่อต้านขีปนาวุธกบั สหภาพโซเวยี ตในปีเดยี วกัน การบริหารปกครองของเขาโดยทั่วไปได้ถ่ายโอนอำนาจจากการควบคุมของรัฐบาลกลางไปสูก่ ารควบคมุ ของรัฐ เขาได้กำหนดค่าจ้างและควบคุมราคาเป็นเวลา 90 วัน บีบบังคับให้การขจัดการแบ่งแยกผิวใน โรงเรียนรัฐทางใต้ ก่อตั้งสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม และเริ่มต้นการทำสงครามกับมะเร็ง เขายังเป็น
129 ประธานสักขีพยานของการลงจอดบนดวงจันทร์ของยานอวกาศอะพอลโล 11 ซึ่งเป็นสัญญาณสิ้นสุดลง ของการแข่งขันบนดวงจันทร์ เขาได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในหนึ่งในการเลือกตั้งถล่มทลายครั้งใหญ่ที่สุดใน ประวัติศาสตร์อเมรกิ าในปี ค.ศ. 1972 เมอ่ื เขาเอาชนะจอร์จ แมคโกเวริ น์ ในวาระตำแหน่งที่สองของเขา นิสันได้ออกคำสั่งให้การขนส่งทางอากาศเพื่อช่วยกู้คืนความ สูญเสียของอิสราเอลในสงครามยมคิปปูร์ สงครามซึ่งนำไปสู่วิกฤตการณ์น้ำมันที่บ้าน ในปลายปี ค.ศ. 1973 คดวี อเตอรเ์ กตได้เกิดบานปลายมากขนึ้ ทำใหน้ กิ สันสญู เสียในการสนับสนนุ ทางการเมืองเป็นอย่าง มาก ในวนั ท่ี 9 สิงหาคม ค.ศ.1974 เขาไดล้ าออกจากตำแหนง่ เนอ่ื งจากเกือบที่จะถูกฟ้องรอ้ งและถูกถอด ถอนออกจากตำแหนง่ -ซึ่งเปน็ เพียงครั้งเดียวท่ีประธานาธิบดีสหรัฐจะทำเช่นนี้ ภายหลังจากที่เขาลาออก เขาได้รับการอภัยโทษซึ่งเป็นทโ่ี ต้แย้งจากผู้สืบทอดตำแหน่งตอ่ จากเขา เจอรัลด์ ฟอรด์ ในชว่ งเวลา 20 ปี ของการเกษียณอายุ นิกสันได้เขียนบันทึกความทรงจำและหนังสืออีก 9 เล่มและเดินทางไปเยือนต่าง ประเทศหลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ การฟื้นฟูภาพลักษณ์ของเขาทำให้กลายเป็นรัฐบุรุษระดับอาวุโสและ ผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นนำด้านต่างประเทศ เขาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เมื่อ วันท่ี 18 เมษายน ค.ศ. 1994 และเสยี ชวี ติ ในอีก 4 วนั ต่อมา เมอ่ื มอี ายุ 81 ปี และถัดมา เจอรัลด์ รูดอล์ฟ ฟอร์ด จูเนียร์ (มีชื่อเดิมว่า เลสลี ลีนช์ คิง จูเนียร์ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1913 – 26 ธันวาคม ค.ศ. 2006) เป็นนักการเมืองชาวอเมริกันที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี สหรัฐคนท่ี 38 ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1974 จนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 1977 ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ ตำแหน่งประธานาธบิ ดี ฟอร์ดดำรงตำแหนง่ รองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 40 ต้งั แตเ่ ดือนธันวาคม ค.ศ. 1973 จนถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1974 ฟอร์ดเป็นเพียงคนเดียวที่ได้ดำรงตำแหน่งทั้งรองประธานาธิบดี และประธานาธิบดโี ดยไม่ได้รบั เลือกให้ดำรงตำแหน่งใดๆ จากคณะผเู้ ลอื กต้ัง (Electoral College) เขาเกิดในโอมาฮา รัฐเนแบรสกา และเติบโตในแกรนด์ แรพิดส์ รัฐมิชิแกน ฟอร์ดจบการศึกษา จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและโรงเรียนกฎหมายเยล ภายหลังจากการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ เขาได้เข้า ประจำการในกองทพั เรือสำรองสหรฐั ตง้ั แต่ปี ค.ศ. 1942 ถงึ ค.ศ. 1946 เขาได้ละทง้ิ ยศตำแหนง่ นาวาตรี ฟอร์ดเริ่มต้นอาชีพทางการเมืองในปี ค.ศ. 1949 ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร์สหรัฐจากเขต รัฐสภาที่ 5 ของรัฐมชิ ิแกน เขาไดท้ ำหนา้ ทนี่ ้มี าเปน็ เวลา 25 ปี เก้าคนสดุ ท้ายในฐานะผ้นู ำเสียงขา้ งน้อยใน สภา ในเดอื นธนั วาคม ค.ศ. 1973 สองเดือนภายหลงั จากการลาออกของ Spiro Agnew ฟอรด์ กลายเป็น บุคคลแรกที่ได้รับแต่งต้ังให้ดำรงตำแหนง่ เป็นรองประธานาธิบดีภายใต้เงื่อนไขของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คร้ังท่ี 25 โดยประธานาธบิ ดี ริชารด์ นกิ สัน ภายหลังในเวลาตอ่ มา การลาออกของประธานาธบิ ดี ริชาร์ด นิกสันในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1974 ฟอร์ดได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีทันที การดำรงตำแหน่ง
130 ประธานาธิบดใี นช่วงตลอด 895 วันของเขานั้นช่างสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐสำหรับประธานาธิบดี คนใดก็ตามทไ่ี มเ่ สียชวี ติ ในตำแหนง่ น้ี ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี ฟอร์ดได้ลงนามข้อตกลงเฮลซิงกิ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ของการนำไปสกู่ ารผ่อนคลายความตึงเครียดในสงครามเย็นพรอ้ มกับการลม่ สลายของเวียดนามใต้ในเวลา เก้าเดือนในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา การมีส่วนร่วมของสหรัฐในเวียดนามจึงสิ้นสุดลง ภายในประเทศ ฟอรด์ ไดด้ ำรงตำแหนง่ ในช่วงท่ามกลางเศรษฐกิจที่เลวรา้ ยทสี่ ุดในรอบสี่ทศวรรษนับตั้งแต่ ภาวะเศรษฐกจิ ตกต่ำครั้งใหญ่ ดว้ ยอัตราเงินเฟ้อทีเ่ พ่ิมมากขนึ้ และภาวะเศรษฐกิจท่ถี ดถอยในช่วงระหว่าง ดำรงตำแหน่ง หนึ่งในกฎหมายที่เป็นทำให้เป็นขัดแย้งมากที่สุดของเขา เขาได้ประกาศอภัยโทษแก่ ประธานาธิบดี รชิ ารด์ นกิ สัน สำหรับบทบาทของเขาในคดีวอเตอร์เกตท่ีอ้อื ฉาว ในช่วงการดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีของฟอรด์ นโยบายต่างประเทศนน้ั มีลกั ษณะตามข้นั ตอนของวาระโดยบทบาททีเ่ พิ่มขึ้นของ สภาคองเกรสที่เริ่มจะมีบทบาท และโดยการควบคุมที่สอดคล้องในอำนาจของประธานาธิบดี[2] ในการ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันในปี ค.ศ. 1976 ฟอร์ดได้เอาชนะ อดีตผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย โรนัลด์ เรแกน จากการถูกเสนอชื่อการเลือกตั้งของพรรครีพับลิกัน เขาได้ พ่ายแพ้อย่างน่าเสียดายในการเลอื กตั้งชงิ ตำแหน่งประธานาธบิ ดีให้กับผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต อดีต ผู้วา่ การรัฐจอรเ์ จีย จมิ มี คาร์เตอร์ ภายหลังจากการดำรงตำแหนง่ ประธานาธิบดีของเขาอยูห่ ลายปี ฟอรด์ ยงั คงทำงานอยู่ในพรรครี พับลิกัน มุมมองความคิดเห็นปานกลางของเขาเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมต่างๆ ทำให้เขามีความขัดแยง้ กบั สมาชิกอนรุ กั ษน์ ยิ มภายในพรรคในปี ค.ศ. 1990 และต้นปี ค.ศ. 2000 ในการเกษยี ณอายุ ฟอร์ดไดเ้ ลกิ ท่จี ะเป็นศัตรูที่เขารู้สึกที่มีตอ่ คาร์เตอร์ในภายหลังจากการเลือกตัง้ ปี ค.ศ. 1976 และอดีตประธานาธิบดี ทั้งสองต่างได้พัฒนาความสัมพันธ์แบบมิตรภาพ ภายหลังจากประสบปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เขาจึง เสยี ชวี ิตทบี่ ้าน เมอื่ วนั ที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2006 ตอ่ มาเจมส์ เอิร์ล \"จมิ มี\" คาร์เตอร์ จเู นยี ร์ (อังกฤษ: James Earl \"Jimmy\" Carter, Jr), เกิด 1 ตุลาคม ค.ศ. 1924) เป็นนักการเมือง ผู้ใจบุญ และอดีตชาวไร่ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของ สหรัฐ คนท่ี 39 ตัง้ แต่ปี ค.ศ. 1977 ถงึ ค.ศ. 1981 สมาชกิ ของพรรคเดโมแครต เขาได้ดำรงตำแหน่งก่อน หนา้ น้ีคอื วุฒิสภาสหรฐั จากรัฐจอร์เจีย ตง้ั แต่ปี ค.ศ. 1963 ถึง ค.ศ. 1967 และเป็นผวู้ า่ การรฐั จอร์เจยี คน ที่ 76 ตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1971 ถึง ค.ศ. 1975 นบั ตั้งแตเ่ ขาได้ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี คาร์เตอรย์ ังคงมี ส่วนร่วมในโครงการทางการเมืองและสังคมในฐานะพลเมืองเอกชน ในปี ค.ศ. 2002 เขาได้รับรางวัล โนเบลสาขาสนั ตภิ าพจากผลงานของเขาในการร่วมมือกอ่ ตงั้ ศนู ย์คาร์เตอร์
131 เติบโตในเพลนส์ รัฐจอร์เจีย คาร์เตอร์ได้จบการศกึ ษาจากโรงเรยี นนายทหารเรือสหรัฐในปี ค.ศ. 1946 ดว้ ยระดับวทิ ยาศาสตรบัณฑติ และเขา้ รว่ มกบั กองทัพเรอื สหรัฐ ซ่งึ ทำหน้าท่ีบนเรือดำน้ำ ภายหลัง จากการเสียชวี ติ ของบิดาของเขาในปี ค.ศ. 1953 คาร์เตอรไ์ ด้ละทิง้ อาชีพทหารเรือของเขาและกลบั บ้าน เกิดที่รัฐจอร์เจียเพื่อควบคุมธุรกิจปลูกถั่วลิสงที่กำลังเติบโตของครอบครัวของเขา คาร์เตอร์ได้รับมรดก ค่อนขา้ งนอ้ ย เน่อื งจากหนส้ี ินท่พี อ่ ของเขากอ่ ไว้ไดร้ ับการปลดและมรดกไดถ้ กู แบ่งปันไปใหแ้ ก่น้องสามคน อยา่ งไรก็ตาม ดว้ ยความทะเยอทะยานของเขาเพ่ือท่จี ะขยายและเติบโต ธุรกจิ ปลูกถัว่ ลิสงของคาร์เตอร์ก็ ประสบความสำเร็จ ในช่วงเวลานั้น คาร์เตอร์ได้รับแรงบันดาลใจในการต่อต้านบรรยากาศทางการเมือง ของการแบ่งแยกเชื้อชาติและสนับสนุนขบวนการสิทธิพลเมืองที่กำลังเติบโตมากขึ้น เขากลายเป็นนัก เคลื่อนไหวภายในพรรคเดโมแครต ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963 ถึง ค.ศ. 1967 คาร์เตอร์ได้ดำรงตำแหน่งเป็น สมาชิกวุฒิสภาแห่งรัฐจอร์เจยี และในปี ค.ศ. 1970 เขาไดร้ ับเลอื กต้งั ในการดำรงตำแหนง่ เป็นผู้ว่าการรัฐ จอร์เจยี ไดเ้ อาชนะอดีตผู้ว่าการ คาร์ล แซนเดอรส์ ในการเลอื กตง้ั ขัน้ ตน้ ของพรรคเดโมแครตบนเวทีการ ต่อต้านการแบ่งแยกเชื้อชาติที่ได้ให้การสนับสนุนในการยืนยันสิทธิสำหรับชนกลุ่มน้อย คาร์เตอร์ยังคง ดำรงตำแหนง่ เป็นผวู้ ่าการรัฐจนถงึ ปี ค.ศ. 1975 แม้ว่าจะเปน็ ผูส้ มัครม้ามืดทไี่ ม่คอ่ ยมีใครรู้จักนอกจากรัฐ จอร์เจียในช่วงเริ่มต้นรณรงค์หาเสียง คาร์เตอร์ได้รับการเสนอชื่อในการเป็นตัวแทนการเลือกตั้งเข้าชิง ตำแหน่งประธานาธิบดีในพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งทั่วไป คาร์เตอร์ได้ดำเนินการในฐานะ บคุ คลภายนอกและเอาชนะได้อย่างหวุดหวิดตอ่ เจอรัลด์ ฟอรด์ จากพรรครีพบั ลกิ นั ซงึ่ ดำรงตำแหน่งเป็น ประธานาธิบดอี ยูก่ ่อนแลว้ วันที่สองในการเข้ารบั ตำแหน่งของเขา คาร์เตอร์ได้อภยั โทษให้แก่ผูห้ ลีกเลี่ยงสงครามเวยี ดนาม ทั้งหมดโดยออกคำประกาศท่ี 4483 ในช่วงวาระของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของคาร์เตอร์ ได้มี การจัดตั้งหน่วยงานระดับคณะรัฐมนตรีใหม่มาสองกระทรวงคือ กระทรวงพลังงานและกระทรวง การศึกษา เขาไดจ้ ดั ต้งั นโยบายพลังงานแหง่ ชาติ ซงึ่ รวมถงึ การอนรุ กั ษ์ ควบคุมราคา และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในด้านการต่างประเทศ คาร์เตอร์ได้ติดตามข้อตกลงแคมป์เดวิด สนธิสัญญาคลองปานามา การพูดคุย เกี่ยวกับการจำกัดอาวุธปืนเชิงยุทธศาสตร์ครั้งที่สอง(SALT II) และการส่งคืนเขตคลองปานามาให้กับ ปานามา ในด้านทางเศรษฐกจิ เขาต้องเผชิญกับภาวะเงนิ เฟ้อ การรวมตวั อยา่ งตอ่ เน่อื งของอตั ราเงินเฟ้อที่ สูง การว่างงานสูงและเติบโตช้า การสิ้นสุดของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดขี องเขาไดถ้ ูกกำหนดโดย วิกฤตการณ์ตัวประกันอิหร่าน ปี ค.ศ. 1979 - ค.ศ. 1981 วิกฤตการณ์พลังงาน ปี ค.ศ. 1979 อุบัติเหตุ นิวเคลียร์เกาะทรีไมล์และโซเวียตบุกครองอฟั กานสิ ถาน ในการตอบสนองของการบุกครอง คาร์เตอร์ได้ ยกระดบั สงครามเยน็ เมอื่ เขาไดย้ ตุ กิ ารผ่อนคลายความตงึ เครียด กำหนดมาตรการหา้ มส่งออกข้าวธัญพืช
132 ไปให้กับโซเวยี ต ประกาศหลักการคารเ์ ตอร์ และเป็นผนู้ ำของการควำ่ บาตรโอลิมปิกฤดรู อ้ น ปี ค.ศ. 1980 ในกรุงมอสโก ในปี ค.ศ. 1980 คาร์เตอร์ได้เผชิญกับความท้าทายจากวุฒิสมาชิก เท็ด เคนเนดีในการ เลือกตั้งคัดเลือกตัวแทน แต่เขาได้รับการเสนอชื่ออีกครั้งในการประชุมแห่งชาติของพรรคเดโมแครต ปี ค.ศ. 1980 คาร์เตอรไ์ ด้พ่ายแพ้ในการเลือกตัง้ ทั่วไปให้กับโรนัลด์ เรแกน ผเู้ สนอชอ่ื จากพรรครีพับลิกันใน การเลือกต้ังอย่างถล่มทลาย การสำรวจความคดิ เห็นของนกั ประวัติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์มกั จัดอันดบั ให้กับคารเ์ ตอร์ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีท่ีคา่ เฉลี่ยท่ีต่ำกวา่ เขามักจะไดร้ บั การประเมินในเชิงบวกมาก ขน้ึ สำหรบั งานชว่ งหลงั ดำรงตำแหน่งประธานาธบิ ดีของเขา. ในปี ค.ศ. 1982 คาร์เตอร์ได้ก่อตั้งศูนย์คาร์เตอร์เพื่อส่งเสริมและขยายสิทธิมนุษยชน เขาได้ เดินทางไปทั่วเพื่อทำการเจรจาอย่างสันติภาพ สังเกตุการณ์ในการเลือกตั้ง และก้าวหน้าในการป้องกัน และกำจัดเช้อื โรคในประเทศทก่ี ำลงั พฒั นา คารเ์ ตอร์ได้ถือวา่ เปน็ บุคคลสำคัญในฐานะผู้ใจบุญขององค์การ ท่อี ยู่อาศยั เพื่อมนษุ ยชาติสากล เขาได้เขียนหนังสอื มากกว่า 30 เล่ม ต้ังแต่บันทกึ ความทรงจำทางการเมอื ง ไปจนถึงบทกวี ในขณะที่ยังคงแสดงความคิดเห็นอย่างแข็งขันเกีย่ วกับสถานกาณ์ภายในของอเมริกาและ ทัว่ โลกทก่ี ำลงั ดำเนินอยู่ เช่น ความขัดแยง้ ระหว่างอสิ ราเอล-ปาเลสไตน์ ประธานาธิบดีสหรัฐท่ียงั มชี ีวิตอยู่ ถึงห้าคน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นคนแรกสุด คาร์เตอร์เป็นประธานาธิบดีที่มีอายุยืนยาวที่สุด เป็น ประธานาธิบดีท่ีเกษียณอายุยาวนานที่สุด คนแรกที่มชี ีวติ อยู่ไดถ้ งึ สีส่ ิบปีภายหลังจากการเข้ารับตำแหนง่ และเป็นคนแรกท่ีมอี ายุถึง 95 ปี ต่อมา โรนัลด์ วิลสัน เรแกน (อังกฤษ: Ronald Wilson Reagan; 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2454(1911) – 5 มิถุนายน พ.ศ. 2547(2004)) เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 40 (พ.ศ. 2524(1981)–2532(1989)) สังกัดพรรครีพับลิกัน นอกจากนี้เรแกนยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ แคลิฟอรเ์ นีย คนที่ 33 (พ.ศ. 2510(1967)-พ.ศ. 2518(1975)) ก่อนหนา้ นน้ั เขาเคยเปน็ ผู้ประกาศข่าวและ นกั แสดงมากอ่ น เรแกนเกิดในเมือง ตัมปีโก, รัฐอิลลินอยส์ เติบโตมาในดิกซัน แรแกนได้ศึกษาเขา้ ท่ีมหาวิทยาลัย Eureka โดยได้หารายไดจ้ ากศิลปศาสตรบัณฑิต ปริญญาในสาขาเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยา หลังจาก สำเร็จการศึกษา เรแกนได้ย้ายไปยัง รัฐไอโอวา โดยทำหน้าที่เป็นผู้กระจายเสียงทางวิทยุ หลังจากในปี พ.ศ. 2480(1937) เรแกนได้ไปยงั เมอื ง ลอสแอนเจลสิ เมอ่ื เรแกนเร่ิมทำงานโดยการเปน็ นกั แสดง โดยเปน็ ครั้งแรกในภาพยนตร์และครั้งสุดท้ายในวิทยุ หนึ่งในภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดของเขามีดังน้ี Knute Rockne, All American 1 9 4 0(2483), Kings Row 1 9 4 2 (2485), and Bedtime for Bonzo 1 9 5 1 (2494) เรแกนทำหน้าที่เป็นประธานของสมาคมนักแสดงหน้าจอและต่อมาเป็นโฆษกสำหรับ General
133 Electric (GE) จุดเริ่มต้นของแรแกนในทางการเมอื งท่ีเกิดข้ึนในระหว่างการทำงานของเขาสำหรบั จีอี แต่ เดิมเขาเป็นสมาชิกของพรรคเดโมแครต (สหรัฐอเมริกา) แต่เนื่องจากฝ่ายขยับแพลตฟอร์มในระหว่างปี พ.ศ. 2493(1950) เปลยี่ นไปอยู่ในพรรคริพับลกิ ัน (สหรัฐอเมรกิ า) ใน พ.ศ. 2505(1962) หลงั จากการส่ง มอบคำพูดท่ีเร้าใจในการสนับสนุนของผู้สมัครประธานาธิบดี แบรี่ โกรวอทเธอร์ ในปี พ.ศ. 2507(1964) , เขาถูกชักชวนให้ไปหาผูว้ า่ จ้างแคลิฟอเนีย , เขาชนะสองปีและอีกครั้งในปี พ.ศ. 2513(1970) เขาก็พ่าย แพ้ในระยะของเขาสำหรับพรรคริพับลิกันเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2511(1968) และในปี พ.ศ. 2519(1976) โรนัลด์ เรแกน เป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 40 สังกัดพรรครีพับลิกัน เคยเป็น นักแสดงหนังแอ็คชัน คาวบอย ก่อนทีจ่ ะก้าวขึน้ เป็นผูว้ ่าการรฐั แคลิฟอร์เนียคนที่ 33 และประธานาธบิ ดี คนที่ 40 ของสหรัฐฯ เรแกนเป็นอดีตประธานาธิบดีที่มอี ายุยนื ทีส่ ุด เป็นประธานาธบิ ดีทอ่ี ายุมากที่สุดเม่ือ ได้รับเลือก (69 ปี 349 วัน) เป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่เคยหย่าร้างเมื่อได้รับเลือก และเป็น ประธานาธิบดีคนเดยี วทแี่ ต่งงานกับหญิงมคี รรภ์ ผลงานระหว่างที่เป็นประธานาธิบดีนั้น เรแกนมีส่วนให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศ มหาอำนาจจนถึงทุกวันน้ี หลังจากที่ภาพลักษณ์ประเทศตกต่ำไปหลายปีภายใต้การบริหารประเทศของ ประธานาธบิ ดีจากพรรคเดโมแครต และมสี ่วนในการยุติสงครามเย็นและการล่มสลายโลกคอมมิวนิสต์อีก ดว้ ย และ จอร์จ เฮอร์เบิร์ต วอลก์ เกอร์ บชุ (อังกฤษ: George Herbert Walker Bush; 12 มิถุนายน พ.ศ. 2468(1925) – 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561(2018)) เป็นประธานาธิบดีคนท่ี 41 ของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2532(1989)–พ.ศ. 2536(1993)) และเปน็ บดิ าของจอรจ์ ดบั เบลิ ย.ู บชุ ประธานาธบิ ดีคนท่ี 43 จอรจ์ บชุ เปน็ รองประธานาธิบดีให้กบั ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน จากพรรคริพบั ลิกัน และลง สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดหี ลังจากหมดสมัยของเรแกน เหตุการณ์สำคัญในสมัยของเขาคือสงคราม อา่ วเปอรเ์ ซยี จอร์จ บุช จบจากมหาวิทยาลยั เยล เคยเป็นนกั บนิ ในสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเอกอคั รราชทตู สหรัฐประจำองคก์ ารสหประชาชาติ เคยเปน็ ผู้อำนวยการใหญ่ซไี อเอ บุชได้รับเลือกตังให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 41 เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2532(1989) เขาดำรงตำแหน่งตอ่ จากโรนลั ด์ เรแกน เขาก้าวเขา้ มาสู่ตำแหนง่ ประธานาธบิ ดีในขณะท่ีโลก กำลังเปล่ยี นแปลง เช่น การทำลายของกำแพงเบอรล์ นิ การลม่ สลายของสหภาพโซเวยี ต เขาไดส้ ัง่ ใหท้ หาร เริ่มเคลื่อนไหวในประเทศปานามาและอ่าวเปอร์เซีย และเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง ก็ทำให้เศรษฐกิจในประเทศ
134 ย่ำแย่ลง และทำให้ต้องยกเลิกคำพูดที่ให้ไว้ว่าจะไม่มีภาษีใหม่ และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาแพ้ในการ เลือกต้ังประธานาธบิ ดสี หรฐั อเมรกิ า พ.ศ. 2535 (1992) 8.2.3 เหตุการณส์ ำคัญ 1961 โครงการอะพอลโลเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1961 จากการที่จอหน์ เอฟ เคเนอดี้ไดัประกาศต่อ สาธารณชนว่าสหรัฐฯจะต้องไปเหยียบดวงจันทร์ให้ได้ภายในสิ้นปี 1970 ทำให้NASAจึงเริ่มแผนปฏิบัติ การโครงการส่งนักบินอวกาศไปยังดวงจันทร์ที่ชื่อว่า อะพอลโล แต่เริ่มต้นโครงการอะพอลโล 1 (เดิม เรียกว่า AS-201 ก่อนที่จะมาเปลี่ยนในโครงการอะพอลโล 4) ก็เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้นักบินทั้ง 3 คน เสียชวี ิต จึงไดช้ ะลอแผนโครงการ และมาเรมิ่ ต้นตอ่ ในโครงการอะพอลโล 4 จนถึงโครงการอะพอลโล 17 ก็เกดิ เหตุการณส์ งครามเวียดนามจึงได้ยกเลิกโครงการอะพอลโล 18-20 ไป เพอ่ื ลดงบประมาณลงไป การรกุ รานอา่ วหมู (อังกฤษ: Bay of Pigs Invasion, สเปน: Invasión de Bahía de Cochinos), การรุกรานหาดฮิรอน (Invasión de Playa Girón) หรือ ยุทธการที่ฮิรอน (Batalla de Girón) เป็น ปฏิบัติการล้มเหลวที่ดำเนินการโดยซีไอเอให้การสนับสนุนกลุ่มทหารกองพลน้อย2506 ท่ี 17 เมษายน พ.ศ. 2504 ทหารปฏิวตั ิ ผา่ นการฝึกอบรมและไดร้ ับทนุ จากรฐั บาลสหรัฐอเมรกิ าและสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) กองพลน้อย 2506 เป็นส่วนหนึ่งของแนวหน้าปฏิวัติประชาธิปไตยคิวบา (DRF) และตั้งใจที่จะ โค่นล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของฟิเดล กัสโตรซึ่งได้ยกพลมาจากกัวเตมาลาและนิการากัว และไดเ้ จอการ ต้านทานอยา่ งหนักและพา่ ยแพภ้ ายในสามวนั การปฏิวัติคิวบา พ.ศ. 2495-2502 ได้บังคับเผด็จการฟุลเคนเซียว บาติสตา เป็นพันธมิตรของ สหรัฐอเมริกาถูกเนรเทศ เขาถูกแทนที่โดยกลุ่มขบวนการ 26 กรกฎาคมนำโดยฟิเดล กัสโตร ตัดขาดกับ สหรัฐหลังจากเขา้ ยึดสินทรัพยก์ ิจการอเมริกันในควิ บา (ธนาคาร, โรงกลัน่ น้ำมนั , น้ำตาล และสวนกาแฟ พร้อมกับธุรกิจอ่ืน ๆ ที่ชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ) และการพัฒนาที่แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ เป็นพันธมติ ร สหภาพโซเวยี ตซึ่งในเวลานน้ั ท่ีสหรัฐอเมริกาเปน็ กำลังวุ่นอยู่ในสงครามเย็น ประธานาธบิ ดีสหรัฐดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ เป็นกังวลมากในทิศทางท่ีรัฐบาลของกสั โตรกำลังกระทำอยู่และมนี าคม 1960 เขาได้รบั การ จดั สรร 13.1 ลา้ นดอลลาร์สหรัฐให้ซีไอเอในการวางแผนล้มล้างของกัสโตร (แม้วา่ แผนการท่ีจะโค่นล้มกัส โตรจะถูกตดั สนิ ใจโดยจอหน์ เอฟ. เคนเนดใี นเวลาต่อมา) ซไี อเอดำเนนิ การจดั ระเบียบการดำเนนิ การด้วย ความชว่ ยเหลอื ของกองกำลังปฏิวัติคิวบาต่าง ๆ การฝกึ อบรมดับกองพลน้อย 2506 ในกัวเตมาลา จอห์น เอฟ. เคนเนดี ได้รับการอนุมตั ิแผนบกุ คร้งั สดุ ท้ายเมื่อ 4 เมษายน 1961
135 กองกำลังกึ่งทหารกว่า 1,400 นาย แบ่งออกเป็นห้ากองพันทหารราบและกองพันผสมใน กัวเตมาลาก่อนออกเดินทางไปคิวบาโดยเรือวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2504 สองวันต่อมาเมื่อวันที่ 15 เมษายน ซไี อเอได้นำเครอื่ งบนิ ทงิ้ ระเบดิ B-26 โจมตีสนามบนิ คิวบาและแล้วบินกลบั สหรัฐอเมรกิ า ในคืนวันที่ 16 เมษายน กองกำลงั ไดย้ กพลขนึ้ บกท่ีหาดฮิรอน (Playa Girón) ในอ่าวหมู ในตอน แรกกองกำลงั ไดป้ ะทะกบั กองกำลงั อาสาสมัครปฏวิ ตั ิทอ้ งถ่นิ กองทพั ควิ บานำโดยโฮเซ รามอน เฟรน์ นั เดซ (José Ramón Fernández) ซ่งึ ภายหลังฟเิ ดล กสั โตรไดต้ ดั สินใจท่จี ะคมุ เอง ทว่ั โลกใหค้ วามสำคญั ในการ บุกครั้งนี้, เคนเนดี้ตัดสินใจไม่ให้ในให้มีการโจมตีอากาศในการสนับสนุนปฏิบัติการบุก[5]ซึ่งผิดจากการ แผนเดิมที่วางแผนของประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ของเขาจำเป็นต้องใช้ทั้งอากาศและเรือสนับสนุน เม่ือ วันท่ี 20 เมษายนกองพลน้อย 2506ยอมจำนน หลังจากนั้นเพียงสามวัน ส่วนใหญ่ที่ถูกสอบปากนและ ส่งไปเรือนจำคิวบา บุกที่ล้มเหลวช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำของกัสโตรทำให้เขาเป็น วรี บรุ ุษของชาติ นอกจากน้ียังมีความเข้มแข็งความสมั พันธร์ ะหวา่ งควิ บาและสหภาพโซเวียต นน้ี ำไปสูก่ าร เหตุการณ์ที่เกิดวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี พ.ศ. 2505 การบุกรุกเป็นความล้มเหลวที่สำคัญสำหรบั นโยบายต่างประเทศของสหรัฐ เคนเนดี้มคี ำสั่งให้ตรวจสอบทั่วละตินอเมริกา กองกำลังคิวบาภายใต้การ นำของกัสโตรปะทะโดยตรงกับกองกำลงั สหรัฐอกี ครัง้ ในระหว่างการบกุ เกรเนดาอีก 20 ปตี ่อมา การขยายขอบเขตของเคนเนดี ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2503 สมาชิกวุฒิสภา จอห์น เอฟ. เคนเนดี ชนะรองประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แม้ไอเซนฮาวร์เคยเตือนเคนเนดีเกี่ยวกับ ประเทศลาวและเวียดนาม ทวีปยุโรปและละตินอเมริกา \"น่ากลัวกว่าทวีปเอเชียในวิสัยทัศน์ของเขา\" ใน สุนทรพจน์รบั ตำแหน่งของเขา เคนเนดีปฏิญาณทะเยอทะยานวา่ \"จะจ่ายทกุ ราคา แบกรับทกุ ภาระ เผชญิ ทกุ ความยากลำบาก สนับสนนุ มิตรทกุ คน ตอ่ กรศตั รทู ั้งปวง เพือ่ รบั ประกันความอยู่รอดและความสำเร็จ ของเสรภี าพ\" ในเดอื นมถิ นุ ายน 2504 เขาเห็นแย้งอยา่ งขมข่ืนกับนายกรัฐมนตรีโซเวียต นีกีตา ครุชชอฟ เมื่อทั้งสองประชุมในกรุงเวียนนาเพื่อปรึกษาประเด็นสหรัฐ–โซเวียตที่สำคัญ เพียง 16 เดือนให้หลัง วิกฤตการณ์ขีปนาวธุ คิวบา (16–28 ตุลาคม 2505) มีการแพรส่ ัญญาณโทรทัศน์วโลก เป็นช่วงที่สงคราม เย็นใกล้บานปลายเป็นสงครามนิวเคลียร์เต็มขั้นที่สุด และสหรัฐเร่งระดับความพรอ้ มของกองบัญชาการ อากาศยทุ ธศาสตร์ (SAC) เปน็ เดฟคอน 2 รฐั บาลเคนเนดยี งั ยึดมน่ั กับนโยบายตา่ งประเทศสงครามเยน็ ซึง่ รับช่วงจากรัฐบาลทรูแมนและไอ เซนฮาวร์ ในปี 2504 สหรัฐมีทหาร 50,000 นายประจำอยใู่ นเกาหลี แลเั คนเนดีเผชิญกับวกิ ฤตการณ์สาม ส่วน ได้แก่ ความล้มเหลวของการบุกครองอ่าวหมู การก่อสร้างกำแพงเบอร์ลิน และการระงับข้อพิพาท
136 ระหว่างรฐั บาลลาวที่นิยมตะวันตกับขบวนการคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว วิกฤตการณ์เหล่านี้ทำให้เคนเนดี เชื่อว่าความล้มเหลวอีกครั้งของสหรัฐในการเข้าควบคุมและหยุดการขยายตัวของคอมมิวนิสต์จะสร้าง ความเสียหายร้ายแรงตอ่ ความน่าเชือ่ ถือของสหรัฐกับพันธมติ รและชื่อเสียงของเขาเอง ฉะนั้นเคนเนดีจึง มุ่งมั่น \"ขีดเส้นในทราย\" และป้องกันชัยของคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม เขาบอกเจมส์ เรสตันแห่งเดอะ นิวยอร์กไทมส์ ทันทีหลังการประชุมกับครุชชอฟในกรุงเวียนนาว่า \"บัดนี้เรามีปัญหาในการทำให้อำนาจ ของเรานา่ เช่อื ถอื และเวยี ดนามดเู ปน็ ทแ่ี ห่งนัน้ \" ในเดือนพฤษภาคม 2504 รองประธานาธิบดีสหรัฐ ลินดอน บี. จอห์นสันเยือนกรุงไซ่ง่อนและ ประกาศอย่างกระตือรอื ร้นว่าเสี่ยมเป็น \"วินสตัน เชอร์ชิลล์แห่งทวีปเอเชีย\" เมื่อถามว่าเหตุใดเขาจึงเห็น เช่นนั้น จอห์นสันตอบว่า \"เสี่ยมเป็นเด็กคนเดียวของเราข้างนอกนั้น\" จอห์นสันประกันการช่วยเหลือ เพม่ิ เติมในการกอ่ ร่างกำลงั รบซง่ึ สามารถต่อต้านคอมมิวนิสต์ไดแ้ ก่เสีย่ ม นโยบายของเคนเนดตี ่อเวยี ดนามใต้อาศัยสมมติฐานวา่ เส่ียมและกำลังของเขาจำตอ้ งพิชิตกองโจร ได้ด้วยตนเอง เขาต่อต้านการวางกำลังรบอเมริกันและสังเกตว่า \"การนำกำลังสหรัฐขนานใหญ่ที่นั่น ในตอนน้ี แม้อาจมีผลกระทบทางทหารน่าพอใจในทีแรก แทบแนน่ อนว่าจะนำไปสู่ผลลพั ธ์ทางการเมืองที่ เลว และในระยะยาวรวมถึงผลลัพธ์ทางทหารท่ีเลวด้วย\" ทว่า คุณภาพของกองทัพเวียดนามใต้ยังเลวอยู่ ความเปน็ ผนู้ ำท่ีเลว การฉอ้ ราษฎร์บังหลวง และการเลือ่ นยศทางการเมืองลว้ นมีส่วนในการทำให้กองทัพ เวียดนามใต้อ่อนแอ การโจมตีของกองโจรมีความถี่เพิ่มขึ้นเมื่อการก่อการกำเริบเริ่มได้ท่ี แม้การ สนับสนุนเวียดกงของรัฐบาลเวียดนามเหนือจะมีสว่ นบ้าง แตค่ วามไรส้ ามารถของรัฐบาลเวียดนามใต้เป็น ศูนย์กลางของวิกฤต ประเด็นหลกั หน่ึงที่เคนเนดยี กข้ึนมาคอื โครงการอวกาศและขปี นาวุธของโซเวียตล้ำหนา้ โครงการ ของสหรัฐหรือไม่ แม้เคนเนดีเน้นภาวะเสมอภาคขีปนาวุธพิสัยไกลกับโซเวียต แต่เขายังสนใจในการใช้ กำลังพิเศษสำหรับการสงครามต่อต้านการก่อการกำเริบในประเศโลกที่สามที่ถูกการก่อการกำเริบ คอมมิวนิสต์คุกคาม แม้เดิมตั้งใจใช้หลังแนวหน้าหลังการบุกครองทวีปยุโรปของโซเวียตตามแบบ แต่ เคนเนดเี ชอ่ื วา่ กลยทุ ธก์ องโจรท่ีกำลงั พิเศษใชอ้ ย่างกรนี เบอเรตจ์ ะมีประสิทธภิ าพในสงคราม \"ไฟไมพ้ ุ่ม\" ใน เวยี ดนาม ที่ปรึกษาของเคนเนดี แม็กซ์เวลล์ เทย์เลอร์และวอลต์ รอสตอว์ แนะนำให้ส่งกำลังสหรัฐไป เวียดนามใต้โดยปลอมตัวเป็นคนงานช่วยเหลืออุทกภัย เคนเนดีปฏิเสธความคิดดังกล่าวแต่เพิ่มการ สนบั สนนุ ทางทหารอีก ในเดือนเมษายน 2505(1962) จอห์น เคนเนธ กัลไบรธเตือนเคนเนดีถึง \"อนั ตราย ที่เราเป็นกำลังอาณานิคมในบริเวณแทนฝรั่งเศส และหลั่งเลือดเช่นเดียวกับที่ฝรั่งเศสเคยมาแล้ว\" เมื่อ
137 เดือนพฤศจิกายน 2506(1963) มีทหารอเมริกัน 16,000 นายในเวียดนามใต้ เพิ่มขึ้นจากที่ปรึกษา 900 คนในสมัยไอเซนฮาวร์ มีการริเริ่มแฮมเล็ตยุทธศาสตร์ในปลายปี 2504(1961) โครงการร่วมสหรัฐ– เวียดนามใต้นี้พยายามตั้งถิ่นฐานประชากรชนบเข้าค่ายมีป้อมสนาม มีการนำไปปฏิบัติในต้นปี 2505(1962) และมีการบังคับย้ายถิ่นฐาน การกักกันหมูบ่ ้าน และการแยกออกซึ่งชาวเวียดนามใต้ชนบท บ้างเปน็ ชุมชนใหมซ่ ่งึ จะเป็นการแยกชาวนาจากผ้กู อ่ การกำเริบคอมมิวนิสต์ มีความหวังวา่ ชุมชนใหม่นี้จะ ให้ความปลอดภัยแก่ชาวนาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชาวนากับรัฐบาลกลาง ทว่า ในเดือน พฤศจิกายน 2506(1963) โครงการเร่ิมเส่อื ม และยตุ อิ ยา่ งเปน็ ทางการในปี 2507(1964) วันที่ 23 กรกฎาคม 2505(1962) สิบสีป่ ระเทศ รวมทัง้ จีน เวียดนามใต้ สหภาพโซเวตี ย เวยี ดนาม เหนือและสหรัฐลงนามความตกลงให้คำมน่ั เคารพความเปน็ กลางของประเทศลาว ข้าราชการสหรัฐเริ่มอภิปรายถึงความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนรัฐบาลระหว่างกลางปี 2506 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐโดยทั่วไปเห็นชอบกับการส่งเสริมรัฐประหาร ส่วนกระทรวงกลาโหมยงั นยิ มเส่ียมอยู่ การเปล่ียนแปลงท่มี กี ารเสนอที่สำคญั ได้แก่ การถอดถอนน้องชายของเส่ยี มคือญู ผู้ควบคุม ตำรวจลับและกำลังพิเศษ ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปราบปรามชาวพุทธและในภาพรวมเป็น สถาปนิกการปกครองของตระกูลโง ข้อเสนอดังกล่าวมีการถ่ายทอดไปยังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐใน กรุงไซง่ ่อนในโทรเลขภายใน 243 1962 วกิ ฤตการณ์ขปี นาวุธควิ บา (องั กฤษ: Cuban Missle Crisis) คอื การเผชญิ หนา้ ทางทหาร ระหว่างสหรัฐอเมริกาฝ่ายหนึ่ง กับสหภาพโซเวียตและประเทศคิวบาอีกฝ่ายหนึ่ง ในช่วงเวลาที่สงคราม เย็นอยู่ในช่วงความตึงเครียดจนเกือบจะกลายไปเป็นสงครามปรมาณู ชาวรัสเซียเรียกเหตุการณ์นี้ว่า วกิ ฤตการณแ์ คริบเบยี น สว่ นชาวควิ บาเรยี กมนั วา่ วิกฤตการณ์เดือนตุลาคม เหตกุ ารณ์คร้ังน้ีถือเป็นหน่ึงใน การเผชญิ หนา้ ครงั้ สำคญั ในสงครามเย็นนอกจากการปิดล้อมเบอรล์ นิ การเผชิญหน้าเริ่มขึ้นเมอื่ วันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1962 เมอ่ื ภาพถ่ายจากเครื่องบนิ สงั เกตการณ์ ยู- 2 ของสหรัฐอเมริกา เผยให้เห็นฐานปล่อยขีปนาวุธ กำลังถูกสร้างขึ้นในคิวบา ภายใต้การปกครองของฟิ เดล กสั โตร เพ่ือตอบโตก้ ารสร้างฐานขีปนาวุธของสหรัฐอเมรกิ า ณ บรเิ วณพรมแดนของตุรกีและสหภาพ โซเวียต ทางสหรฐั อเมรกิ าไดก้ ำหนดมาตรการกักกัน ส่งเรือรบเขา้ ปดิ ล้อมคิวบา หา้ มเรอื บรรทุกสินค้าทุก ลำผา่ นเขา้ มาในนา่ นน้ำทะเลแคริบเบียน เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1962 หลงั จากการเผชญิ หนา้ ผ่านการ โต้ตอบทางการทูตอย่างดุเดือด ในวันท่ี 28 ตุลาคม ค.ศ. 1962 ทั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จอห์น เอฟ. เคนเนดี และนายกรัฐมนตรีแห่งสหภาพโซเวียต นิกิตา ครุสชอฟ ต่างตกลงยินยอมที่จะถอนอาวธุ
138 ปรมาณูของตนออกจากตุรกีและคิวบาตามลำดับ จากการร้องขอของอู ถั่น ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สหประชาชาติในเวลานัน้ 1963 สำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ติดต่อกับนายพลที่กำลังวางแผนโค่นเสี่ยม พวกเขาได้รับคำ บอกว่าสหรัฐจะไม่ขัดขวางการกระทำดังกล่าวหรือลงโทษนายทหารด้วยการตัดการสนับสนุน ประธานาธิบดีเสี่ยมถูกโค่นและประหารชีวิต ร่วมกับน้องชายของเขา ในวันท่ี 2 พฤศจิกายน 2506(1963) เมือ่ เคนเนดไี ด้รับแจ้งข่าว แม็กซเ์ วล เทย์เลอร์จำได้วา่ เขา \"รบี รุดออกจากห้องพร้อมกับมี หน้าตาตื่นตระหนกและหวาดกลัว\" เคนเนดีไม่คาดหมายการฆ่าเสี่ยม เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำ เวียดนามใต้ เฮนรี คาบ็อต ลอดจ์ เชญิ ผู้นำคณะรัฐประหารไปยงั สถานเอกอัครราชทตู และแสดงความยินดี เอกอัครราชทูตลอดจ์แจ้งเคนเนดีว่า \"แผนขณะนี้มีสำหรับสงครามระยะสั้นลง\" เคนเนดีเขียนจดหมาย แสดงความยนิ ดกี ับลอดจส์ ำหรับ \"งานดี\" มาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ในจำนวนสุนทรพจน์ทั้งหมดที่ด๊อกเตอร์คิงเคยกล่าว ไม่มีอันใดเป็น อมตะไปกว่า สุนทรพจน์ \"ผมมีฝัน\" (I Have a Dream) ที่กล่าว ณ ขั้นบันไดของอนุสาวรีย์ลินคอล์นอัน เป็นสญั ลกั ษณ์ ในปี 1963 ตอ่ หน้ามวลชนกว่า 250,000 คน ทง้ั ผิวขาวและผิวสี คิงกลายมาเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดมากในสหรัฐ จนกระทัง่ นิตยสาร ไทมส์ ยกย่องให้ เขาเป็น “บุรุษแห่งปี” ในปี 1963 เป็นรางวลั ทีน่ ่าพอใจแนน่ อน แต่กลับดูเป็นเรื่องเล็กไปเมือ่ ในปี 1964 เขาได้เป็นชายอายนุ อ้ ยทสี่ ุดท่ีได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันตภิ าพ 22 พฤศจิกายน 1963 เคนเนดี เขาได้ถูกลอบสังหารในแดลลัส รัฐเท็กซัส โดย ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ 1964 จุดสุดยอดของเสรีนิยมมาในกลางปี 1960s กับความสำเร็จของประธานาธิบดี ลนิ ดอน บี จอห์นสัน (1963-1969) ในการได้รับการผ่านกฎหมายของรัฐสภาสำหรับโปรแกรมสังคมที่ยิ่งใหญ่ (องั กฤษ: Great Society programs) ของเขา.[55] โปรแกรมนร้ี วมถงึ สทิ ธิของมนษุ ยชน, การส้ินสุดของ การแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรือวัฒนธรรม, การขยายสวัสดิการ, การช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางเพื่อ การศึกษาในทุกระดับ, เงินอุดหนุนสำหรับศิลปะและมนุษยศาสตร์, การเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม และ ชุดของโปรแกรมที่ออกแบบมาเพอ่ื ลบล้างความยากจน 1968 มาร์ติน ลเู ธอร์คิง จเู นยี ร,์ ผ้ไู ด้รบั รางวลั โนเบลสาขาสันติภาพ สำหรับความพยายามของ เขาเพื่อให้บรรลุความเท่าเทียมกันของเชื้อชาติ, ขณะที่อยู่ในเมืองเมมฟิสเพื่อนำการเดินขบวนประท้วง ปกป้องสิทธิของคนงานขนขยะที่สไตรค์หยุดงานเมื่อปี 1968 คิงได้กล่าวสุนทรพจน์ปลุกใจที่มีชื่อว่า
139 “ข้าพเจ้าได้ไปถึงยอดเขา” (I’ve Been to The Mountain Top) ซึ่งจะเป็นสุนทรพจน์สุดท้ายของเขา ขณะที่ยืนอย่บู นระเบยี งชั้นสองหนา้ ห้องที่โรงแรมลอเรน ในเมอื งเมมฟสิ คิงถูกลอบยงิ และเสียชีวิต 1975 ริชาร์ด นิกสัน ได้ทำข้อตกลงสันติภาพกรุงปารีสเดือนมกราคม 2516 (1974) เป็นการ ถอนกำลังสหรัฐทั้งหมดในเวียดนาม และการผ่านคำแปรญัตติเคส–เชิร์ชของรัฐสภาสหรัฐในวันที่ 15 สิงหาคม 2516 (1974) ยุติการมีส่วนเกี่ยวข้องทางหทารโดยตรงของสหรัฐอย่างเป็นทางการ ข้อตกลง สันติภาพล่มแทบทันที และการต่อสู้กินเวลาต่อไปอีก 2 ปี กรุงพนมเปญเสียให้แก่เขมรแดงในวันที่ 17 เมษายน 2518 (1975) และระหวา่ งการรกุ ฤดใู บไม้ผลิ PAVN ยึดกรุงไซ่ง่อนได้ในวนั ที่ 30 เมษายน เป็น การยุติสงคราม ประเทศเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้รวมเขา้ ด้วยกนั ในปถี ดั มา 1979 วิกฤตการณ์ตัวประกันอิหร่าน ในสมัยของ จิมมี่ คาร์เตอร์ ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 1979 กลุ่มนักศึกษาปฏิวัติมุสลิมเคร่งศาสนา โกรธที่สหรัฐอเมริการับอดีตกษัตริย์ชาห์ ปาห์เลวี (Shah Pahlavi) แห่งอิหร่านให้ลี้ภัยในแผ่นดินสหรัฐอเมริกาได้ จึงได้จับตัวผู้ทำงานสถานทูตสหรัฐในกรุง เตหะราน (Tehran) ผูท้ ำงานดา้ นการทตู สหรัฐ 52 คน ถูกกกั ตวั ไว้นาน 444 วัน เหตุการณ์น้ี นับเป็นความรุนแรงที่ทำใหม้ ีการตัดความสัมพันธ์ระหว่างสหรฐั อเมริกากับอหิ รา่ น และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาตอ่ ชาวอิหร่านสายกลางได้สน้ิ สุดลง นายกรัฐมนตรี Mehdi Bazargan ผู้ไม่ เหน็ ดว้ ยกบั การจบั ตวั ประกันได้ลาออกในเวลาตอ่ มา ส่วนฝา่ ยทจี่ บั ตวั ประกนั ใหเ้ หตผุ ลว่า เป็นการตอบโต้ ต่อสหรัฐ อันเป็นผลจากการที่สหรัฐหนุนหลังให้มีการรัฐประหารล้มอำนาจของนายกรัฐมนตรี Mosaddeq ในอิหร่านในปี ค.ศ. 1953 โดยกล่าวว่า “ท่านไม่มีเหตุผลใดที่ได้จับประเทศอิหร่านเป็นตัว ประกนั ในปี ค.ศ. 1953” นอกจากน้ี ชาวอิหร่านบางสว่ นกงั วลวา่ สหรฐั อเมรกิ าจะวางแผนรัฐประหารในปี ค.ศ. 1979 ในท่ีสดุ ตัวประกันการทูตของสหรฐั อเมริกา กไ็ ดร้ บั การปล่อยตัว แตก่ ารกกั ตวั ทูตและผู้ทำงาน การทูตในครั้งนั้น นับเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศเรื่อง ความละเมิดมิไดเ้ กี่ยวกบั สถานท่ขี อง คณะผู้แทนทางการทตู ตามขอ้ 22 แห่งอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายทางการทูต ค.ศ. 1961 สว่ นในชว่ งการกักตวั ประกันไว้ในสถานทูต สหรฐั อเมรกิ าได้ใช้ความพยายามชว่ ยตัวประกัน โดย มี “ปฏิบัติการกรงเล็บอินทรี” (Operation Eagle Claw) ในวันท่ี 24 เมษายน ค.ศ. 1980 แต่ล้มเหลว ทำให้เสียทหารไป 8 นาย และต้องล้มเลิกแผนงาน เหตุวิกฤติจบลงในที่สุด เมื่อมีการลงนามในสัญญา Algiers Accords ในประเทศแอลจีเรียในวันท่ี 19 มกราคม ค.ศ. 1981 และมีการปล่อยตัวประกัน ใน ข้อตกลง มีการปล่อยตัวคนอเมริกันที่ถูกกักตัวในอิหร่าน และอีกด้านหนึ่ง มีการปล่อยตัวคนสัญชาติ อหิ รา่ นทตี่ ้องโทษในสหรัฐอเมรกิ า
140 เกิดสงครามอัฟกานิสถานที่เป็นพันธมิตรของโซเวียตได้ต่อสู้กับมุจญาฮิดีนซุนนีย์ที่อเมริกา สนับสนุน ในที่สุดมุจญาฮิดีนซุนนีย์ได้รับชัยชนะ ทำให้โซเวียตเสียพันธมิตรไป ใน ค.ศ.1989 ได้มีการ เรียกรอ้ งความเป็นประชาธปิ ไตยในกลุม่ สนธิสัญญาวอร์ซอ ทำให้โซเวยี ตเสียพันธมิตรในกลุ่มสนธสิ ัญญา วอร์ซอ ทำใหร้ ฐั ในโซเวียตเรยี กร้องอิสรภาพ สง่ ผลใหส้ หภาพโซเวียตล่มสลายในเวลาตอ่ มา 1991 สหภาพโชเวยี ตลม่ สลาย จุดสิน้ สุดสงครามเย็นระหว่าง 2 ขัว้ อำนาจ 8.2.4 เศรษฐกิจ ประธานาธิบดีจอห์นเอฟเคนเนด้ี (1961-1963) นำวิธีการทำกิจกรรมมากขึน้ ในการปกครอง ใน ระหว่างการหาเสียงของประธานาธิบดี 1960 เคนเนดี้กล่าวว่าเขาจะขอให้ชาวอเมริกันที่จะตอบสนอง ความท้าทายของ “พรมแดนใหม่.” ในฐานะประธานเขาพยายามที่จะเร่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐและการตัดภาษีและเขากดเพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์สำหรับ ผ้สู ูงอายุทชี่ ่วยเหลือเมอื งชั้นในและเพิ่มเงนิ ทุนสำหรบั การศกึ ษา หลายขอ้ เสนอเหล่าน้ีไมไ่ ดถ้ กู ตราแม้วา่ วิสัยทัศน์ของเคนเนดใี นการส่งชาวอเมริกนั ในตา่ งประเทศ จะช่วยใหป้ ระเทศกำลังพัฒนาไม่เปน็ รูปธรรมด้วยการสร้างสนั ตภิ าพ เคนเนดี้ยังก้าวข้ึนสำรวจอวกาศชาว อเมริกนั หลังจากการตายของโครงการอวกาศอเมริกนั ทะลุสำเร็จโซเวียตและ culminated ในการลงจอด ของนักบินอวกาศชาวอเมริกันบนดวงจนั ทรใ์ นกรกฎาคม 1969 การลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนด้ีในปี 1963 กระตุ้นให้สภาคองเกรสออกกฎหมายมากของ วาระการประชุมสภานิติบัญญัติของเขา ทายาทลินดอนจอห์นสัน (1963-1969), พยายามที่จะสร้าง “สังคมใหญ่” โดยการกระจายผลประโยชนข์ องเศรษฐกิจเจริญรงุ่ เรืองของอเมรกิ าให้กับประชาชนมากขึ้น การใช้จ่ายของรัฐบาลกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเรว็ ขณะที่รัฐบาลเปิดตวั โปรแกรมใหม่ ๆ เช่นเมดิแคร์ (การ ดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ) แสตมป์อาหาร (ความช่วยเหลือด้านอาหารสำหรับคนยากจน) และริเริ่ม การศกึ ษาจำนวนมาก (ความช่วยเหลอื แกน่ ักเรยี นเช่นเดยี วกับเงินอดุ หนุนให้กับโรงเรียนและวทิ ยาลัย) ใช้จ่ายทางทหารเพิม่ ขน้ึ กบั การปรากฏตวั ของชาวอเมรกิ ันในเวียดนามขยายตัว สง่ิ ทีไ่ ดเ้ รม่ิ ตน้ เปน็ ปฏิบัติการทางทหารขนาดเล็กภายใต้เคนเนดี้ mushroomed เป็นความคิดริเริ่มทางทหารที่สำคัญ ระหว่างการเป็นประธานาธิบดีจอห์นสัน กระแทกแดกดันการใช้จ่ายทั้งในสงคราม - สงครามกับความ ยากจนและการตอ่ สู้กบั สงครามในเวยี ดนาม - มสี ว่ นรว่ มเพอ่ื ความเจรญิ รุ่งเรอื งในระยะสนั้ แตใ่ นตอนทา้ ย ของทศวรรษที่ 1960 ความล้มเหลวของรัฐบาลท่ีจะเพิ่มภาษีที่จะจ่ายสำหรับความพยายามเหล่าน้ีนำไปสู่ การเร่งอตั ราเงินเฟ้อซึง่ กดั เซาะความเจรญิ ร่งุ เรืองน้ี
141 ห้ามน้ำมัน 1973-1974 โดยสมาชิกขององค์การโอเปก (OPEC) ผลักดันให้ราคาพลังงานอย่าง รวดเร็วสูงขึน้ และสรา้ งการขาดแคลน แม้หลังจากทีห่ า้ มจบราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสงู , การเพิม่ อัตรา เงินเฟอ้ และในที่สดุ ทำให้อตั ราการเพม่ิ ข้นึ ของการวา่ งงาน การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางเพิ่มข้ึน การแข่งขนั ต่างประเทศทวีความรุนแรงมากและตลาดหนุ้ ทรุด สงครามเวียดนามลากบนจนถึงปี 1975 ประธานาธิบดีรชิ าร์ดนกิ สัน (1969-1973) ลาออกภายใต้ เมฆของค่าใช้จ่ายในการฟ้องรอ้ งและกลุ่มของชาวอเมริกันที่ถูกจับเป็นตวั ประกันทีส่ ถานทูตสหรัฐในกรุง เตหะรานและจัดขึ้นเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี ประเทศดูเหมือนไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์รวมท้ัง เศรษฐกจิ อเมริกาขาดดลุ การคา้ เพิม่ ข้นึ เปน็ ราคาต่ำและบอ่ ยครั้งทีก่ ารนำเขา้ มีคุณภาพสงู ของทกุ อย่าง ในท้ายที่สุดในการลดภาษีรวมกับการใช้จ่ายทางทหารที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับลดการใช้จ่ายใน โครงการทางสังคมในประเทศ นี้ส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางที่ไปไดด้ ีเกินกว่าระดับ การขาดดุลในช่วงต้นปี 1980 จาก $ 74 พันล้านดอลลาร์ในปี 1980 การขาดดุลงบประมาณของรฐั บาล กลาง ballooned 221 $ พันล้านดอลลาร์ในปี 1986 มันกลับลงไปถึง 150 พันล้าน $ ในปี 1987 แต่ จากน้ันก็เร่มิ การเจรญิ เติบโตอกี ครง้ั 8.3 สรปุ สงครามเย็นและเหตกุ ารณ์ต่างๆ ได้ทิ้งมรดกที่สำคัญเอาไว้ มักจะถูกอ้างอิงถึงในวฒั นธรรมสมยั นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยประเด็นเรื่องของการจารกรรมและภัยคุกคามของการสงครามนิวเคลียร์ ในขณะดียวกัน สถานะความตึงเครียดที่เกดิ ขึ้นใหม่อีกครั้งระหว่างหนึ่งในรัฐที่สืบทอดมาจากสหภาพโซ เวียต สหพนั ธรฐั รัสเซีย และสหรฐั อเมรกิ าในศตวรรษที่ 21 (รวมท้งั พนั ธมติ รตะวนั ตก) เชน่ เดียวกับความ ตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐและพนั ธมิตรตะวันตกซึ่งทัง้ สองฝา่ ยต่างมอี ำนาจมากขึน้ ซึ่งเรียก กนั วา่ สงครามเยน็ ครั้งท่สี อง ลำดบั เหตกุ ารณ์ นโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมรกิ าและสหภาพโซเวียตในช่วงเวลาดงั กล่าว คำนึงถึงสงคราม เย็นเป็นหลัก นับจากปี ค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) จนกระทั่งการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ใน ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) สมัยเริ่มต้นสงครามเย็น น่าจะอยู่ในสมัยวิกฤตการณ์ทางการทูตในตอนกลางและ ปลาย ค.ศ. 1947 เม่อื สหรัฐอเมรกิ ากับสหภาพโซเวียตเกิดขัดแย้งเรอ่ื งการจดั ต้ังองค์การสันติภาพในตุรกี ยโุ รปตะวันออกและเยอรมนี ความตึงเครียดเนื่องจากการเผชญิ หนา้ กันระหวา่ งอภิมหาอำนาจ แต่ยังไมม่ ีการประกาศสงครามหรือใช้ กำลัง เป็นสมยั ลัทธิทรแู มน วนั ท่ี 12 มีนาคม ค.ศ. 1947 กบั ประกาศแผนการมาร์แชลล์ เพื่อฟื้นฟูบูรณะ
142 ยุโรปตะวันตก ซึ่งได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่สอง การขยายอิทธิพลของโซเวียตในยุโรป ตะวนั ออก และการแบง่ แยกเยอรมนี การวิจัยและพัฒนาโครงการทางการทหารทั้งขนาดเลก็ และขนาดใหญ่จำนวนมาก เกิดขึ้นในใน ช่วงเวลานี้ รวมถึงการแข่งขันกันสำรวจอวกาศ และการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ด้วย ทั้งหมดนี้เป็นไปเพ่ือ แสดงแสนยานุภาพของฝา่ ยตน เรมิ่ ตน้ ของสงครามเย็น (ค.ศ. 1945-1950) นกั บินกำลังลำเลียงนมขึน้ เครอ่ื งบินที่สง่ ไปช่วยเหลือชาวเบอร์ลินตะวนั ตกในช่วงปดิ ล้อมเบอร์ลิน ระยะแรกของสงครามเย็นเร่ิมในสองปใี หห้ ลังสงครามโลกคร้งั ที่สองยุตใิ น ค.ศ. 1945 สหภาพโซเวียตรวบ การควบคมุ เหนอื รัฐในกลุ่มตะวนั ออก โดยสหภาพโซเวียตได้นำกองทพั เข้ารฐั ประหารประเทศต่าง ๆ กลุ่ม ตะวันออกและพยายามเขา้ แทรกแซงทางการเมอื งในกรีซและตรกุ ี ขณะท่สี หรัฐอเมริกาเร่ิมได้เร่ิมลัทธิทรู แมนคือการจำกัดการขยายตัวของลัทธิที่ไม่พึงปรารถนาทั่วโลกเพื่อท้าทายโซเวียต โดยแผนมาร์แชลล์ ขยายความช่วยเหลือทางทหารและการเงินแก่ประเทศยุโรปตะวันตก (ตัวอย่างเช่น การสนับสนุนฝ่าย ต่อต้านคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมืองกรีซ) การตั้งพันธมิตรเนโท จากนั้นสหภาพโซเวียตได้ปิดล้อม เบอรล์ นิ ไมใ่ ห้กลมุ่ ตะวนั ตกเข้าชว่ ยเหลือชาวเบอร์ลนิ ตะวันตก โดยหวังว่าจะให้ชาวเบอร์ลินตะวันตกจะ มาร่วมกับเบอร์ลินตะวันออก แต่กลุ่มตะวันตกได้ส่งของทางอากาศช่วยเหลือชาวเบอร์ลินตะวันตก โซ เวียตเหน็ วา่ ไม่ได้ผลจงึ ยกเลกิ การปดิ ก้ันให้กลมุ่ ตะวนั ตกเข้ามาเกดิ สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม การผอ่ นคลายครัง้ แรก (ค.ศ. 1974-1979) ในคริสตท์ ศวรรษ 1970 ทงั้ สองฝา่ ยต่างสนใจในการผ่อนปรนเพื่อสถาปนาระบบระหว่างประเทศ ทเี่ สถยี รม่นั คงและทำนายไดม้ ากขึ้น อันเรมิ่ ระยะการผอ่ นคลายความตึงเครียดซ่ึงมีการเจรจาจำกัดอาวุธ ยุทธศาสตร์และสหรัฐเปิดความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นการถ่วงดุลยุทธศาสตร์กับ สหภาพโซเวียต และเจรญาสนธิสัญญาควบคมุ อาวุธ วิกฤตการณ์คร้งั ท่สี อง (ค.ศ. 1979-1989) การผ่อนคลายความตงึ เครยี ดทลายลงเมื่อสน้ิ ทศวรรษโดยสงครามโซเวียตในอัฟกานิสถานเริ่มใน ค.ศ. 1979 เป็นการพยายามให้อัฟกานิสถานยังเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ ต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 เป็นอีก ช่วงหนึ่งที่มีความตงึ เครียดเพ่ิมข้ึน โดยการท่ีโซเวยี ตยิงโคเรียนแอร์ไลน์ เทยี่ วบินท่ี 007 ตก (ค.ศ. 1983) และการซ้อมรบ \"เอเบิลอาร์เชอร์\" ของเนโท (ค.ศ. 1983) สหรัฐเพิ่มการกดดันทางการทูต ทหารและ เศรษฐกจิ ตอ่ สหภาพโซเวียต
143 การผอ่ นคลายคร้งั สองและส้ินสดุ สงครามเยน็ (ค.ศ. 1985-1991) เป็นช่วงปลายสงครามเย็น สหภาพโซเวียตกำลังประสบภาวะเศรษฐกิจซบเซาอยู่แล้ว ในกลาง คริสต์ทศวรรษ 1980 ผู้นำโซเวียตคนใหม่ มีฮาอิล กอร์บาชอฟ ริเริ่มการปฏิรูปเปิดเสรีเปเรสตรอยคา (ค.ศ. 1987) และกลัสนอสต์ (ประมาณ ค.ศ. 1985) ยุติการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในสงครามโซเวียตใน อัฟกานิสถาน และการสนธิสัญญาควบคมุ ขีปนาวุธ INF การกดดันเรียกร้องเอกราชของชาติยิ่งเตบิ โตขึ้น ในยุโรปตะวนั ออก โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ประเทศโปแลนด์ ฝ่ายกอร์บาชอฟไม่ยอมใช้ทหารโซเวยี ตเพ่ือค้ำจุด ระบอบสนธิสัญญาวอร์ซอทีไ่ ม่มั่นคงดังที่เคยเป็นในอดีต ผลลงเอยด้วยใน ค.ศ. 1989 เกิดคลื่นปฏิวัติซ่งึ โค่นระบอบคอมมิวนิสตท์ ง้ั หมดในยโุ รปกลางและยโุ รปตะวนั ออก พรรคคอมมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตเองเสียการควบคุมและถูกห้ามหลังความพยายาม รัฐประหารอันไรผ้ ลในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1991 แล้วนำไปสู่การยุบสหภาพโซเวียตอย่างเป็นทางการใน เดอื นธนั วาคม ค.ศ. 1991 และการล่มสลายของระบอบคอมมิวนสิ ตใ์ นประเทศอืน่ อย่างประเทศมองโกเลีย กัมพชู าและเยเมนใต้ สหรัฐเหลอื เปน็ ประเทศอภิมหาอำนาจของโลกแตผ่ ู้เดียว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179