225 ปริมาณเพ่มิ ข้ึน เม่ือเพม่ิ ปัจจยั การผลิตเขา้ ไปจะทาใหผ้ ลผลิตรวมเพ่ิมข้ึนในอตั ราที่สูงกวา่ ปัจจยั การผลิต ในระยะน้ีผผู้ ลิตจะขยายการผลิตใหม้ ากข้ึน ทาใหเ้ กิดการประหยดั จากขนาด (Economy of Scale) ซ่ึงใน ระยะน้ีจะเป็นช่วงแรกท่ีผลผลิตจะเพม่ิ ในอตั ราสูงข้ึน (Increasing Rate) 2. ระยะท่ี 2 ผลผลิตรวมเพ่มิ เทา่ กบั อตั ราการเพิ่มของปัจจยั การผลิต (Constant Returns to Scale) เร่ิมจากจุดผลผลิตเฉล่ียสูงสุด ไปถึงจุดซ่ึงผลผลิตส่วนเพ่ิมเท่ากบั ศูนย์ ระยะน้ีผลผลิตจะเพ่ิมชา้ หรือเพิม่ ในอตั ราท่ีลดลง (Diminishing Rate) ผลผลิตรวมจะสูงสุดที่จุดซ่ึงผลผลิตส่วนเพิ่มเท่ากบั ศูนย์ ระยะน้ี เป็ นระยะท่ีผลผลิตรวมที่ไดม้ ีปริมาณคงท่ี เม่ือเพ่ิมปัจจยั การผลิตเขา้ ไป ทาให้ผลผลิตรวมเพ่ิมข้ึนใน อตั ราส่วนเท่ากนั กบั ปัจจยั การผลิต ผผู้ ลิตมกั จะหยดุ การเพ่ิมการผลิตเนื่องจากการเพิ่มปัจจยั การผลิตทา ให้ได้ผลผลิตในอตั ราที่เพ่ิมเท่าน้ัน เช่น โรงงานที่มีการผลิตในปริมาณที่เหมาะสม ใช้ศกั ยภาพของ เครื่องจกั รและแรงงานอยา่ งเต็มที่ ไม่ตอ้ งการการผลิตที่มากข้ึน จะไม่คานึงถึงการผลิตในปริมาณมาก ซ่ึงในระยะน้ีจะเป็ นช่วงที่สองผลผลิตจะเพิ่มในอตั ราที่ลดลง (Diminishing Rate) จนกระทง่ั จานวน ผลผลิตสูงสุด 3. ระยะท่ี 3 ผลผลิตรวมเพ่ิมน้อยกว่าอตั ราการเพ่ิมของปัจจยั การผลิต (Decreasing Returns to Scale) เป็ นระยะที่เกิดข้ึนหลงั จากจุดที่ผลผลิตส่วนเพ่ิมข้ึนมีค่าน้อยกว่าศูนย์ (มีค่าเป็ นลบ) ระยะน้ี ผลผลิตจะลดลง (Decreasing Rate) โดยผลผลิตส่วนเพ่ิมและผลผลิตรวมจะลดลง เป็ นระยะที่ผลผลิต รวมที่ไดม้ ีปริมาณลดลง เม่ือเพ่ิมปัจจยั การผลิตเขา้ ไป ทาใหผ้ ลผลิตรวมเพิ่มข้ึนในอตั ราท่ีต่ากวา่ ปัจจยั การผลิต ผูผ้ ลิตท่ีอยใู่ นระยะน้ีจะพบผลเสียที่เกิดจากการขยายการผลิตท่ีมากเกินไป ดงั น้นั การผลิตใน ระยะยาว ผผู้ ลิตจะทาการผลิตในระยะที่หน่ึงและสอง เป็นระยะท่ีผผู้ ลิตไดร้ ับกาไร แต่ในระยะที่สามซ่ึง ผลผลิตรวมเพ่มิ ข้ึนในอตั ราที่ลดลง ผผู้ ลิตจะไมเ่ ลือกทาการผลิตเพราะเส่ียงกบั การขาดทุน ซ่ึงในระยะน้ี จะเป็นช่วงที่สามผลผลิตจะลดลง (Decreasing Rate) สรุป การผลิตสินคา้ หรือบริการของผผู้ ลิตน้นั มีจุดมุ่งหมายที่สาคญั คือ การแสวงหากาไรสูงสุด โดย การผลิตน้นั จะเป็ นข้นั ตอนเปลี่ยนแปลงปัจจยั การผลิตให้เป็ นผลผลิต ซ่ึงปัจจยั การผลิตหมายถึง ท่ีดิน แรงงาน ทุน ผปู้ ระกอบการและวตั ถุดิบที่ใชใ้ นกระบวนการผลิตท้งั หมดทุกข้นั ตอน รวมท้งั มีตน้ ทุนใน การผลิตท่ีสาคญั ในทางเศรษฐศาสตร์คือ ตน้ ทุนค่าเสียโอกาส ตน้ ทุนไม่ชดั แจง้ หรือตน้ ทุนแฝง และ ตน้ ทุนดา้ นสงั คม ท้งั น้ีการผลิตในทางเศรษฐศาสตร์แบ่งการวเิ คราะห์การผลิตออกเป็ นการผลิตระยะส้ัน และการผลิตระยะยาว จึงเกิดตน้ ทุนการผลิตในทางเศรษฐศาสตร์ซ่ึงก็คือตน้ ทุนระยะส้ันและต้นทุน ระยะยาวเช่นกนั โดยตน้ ทุนระยะส้ันประกอบดว้ ยตน้ ทุนคงที่และตน้ ทุนแปรผนั ในขณะท่ีตน้ ทุนระยะ ยาวประกอบดว้ ยตน้ ทุนแปรผนั เท่าน้นั และลกั ษณะเส้นตน้ ทุนท่ีเกิดข้ึนน้นั ในการวิเคราะห์การผลิต ในทางเศรษฐศาสตร์คือ ตน้ ทุนคงที่รวม ตน้ ทุนแปรผนั รวม ตน้ ทุนรวม ตน้ ทุนคงที่เฉลี่ย ตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ย ตน้ ทุนรวมเฉล่ียและตน้ ทุนเพ่มิ หน่วยสุดทา้ ย โดยเส้นตน้ ทุนรวมเฉลี่ยแบ่งไดเ้ ป็ นสองประเภทคือ
226 เส้นตน้ ทุนเฉลี่ยระยะส้ันและ เส้นตน้ ทุนเฉลี่ยระยะยาว ท้งั น้ีความสัมพนั ธ์ระหวา่ งตน้ ทุนต่าง ๆ มีความ เกี่ยวข้องกันผ่านรู ปแบบของสมการการผลิตที่มีรู ปแบบสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ที่แสดง ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปัจจยั การผลิตและจานวนผลผลิต แสดงใหเ้ ห็นถึงจานวนของผลผลิตที่ผผู้ ลิตผลิต ไดด้ ว้ ยการใช้ปัจจยั การผลิตจานวนหน่ึงภายใตเ้ ทคนิคท่ีมีอยูใ่ นช่วงระยะเวลาหน่ึง โดยที่ผูผ้ ลิตจะทา การผลิต ณ จุดท่ีเหมาะสมท่ีสุดคือจุดท่ีมีการประหยดั ต่อขนาดมากที่สุดและเป็ นจุดดุลยภาพของการ ผลิตในระยะยาว เน่ืองจากการผลิตในระยะยาวผผู้ ลิตสามารถเปล่ียนแปลงปัจจยั การผลิตทุกชนิดไดต้ าม ตอ้ งการจึงทาให้การเปล่ียนแปลงของผลผลิตรวมและเกิดการขยายการผลิตข้ึนในช่วงระยะเวลาต่างใน การของการผผู้ ลิตนนั่ เอง คาถามทบทวน 1. จงยกตวั อยา่ งกระบวนการผลิตและผลผลิตที่มีปัจจยั นาเขา้ คือยางพารา 2. จงยกตวั อยา่ งปัจจยั นาเขา้ และกระบวนการผลิตของป๋ ุยชีวภาพ 3. ตน้ ทุนในทางเศรษฐศาสตร์จุลภาค เนน้ ในเร่ืองใด 4. ตน้ ทุนค่าเสียโอกาส หมายความวา่ อยา่ งไร 5. ตน้ ทุนที่เห็นชดั แจง้ กบั ตน้ ทุนท่ีเห็นไม่ชดั แจง้ ตา่ งกนั อยา่ งไร อ้างองิ จุฑามาศ ทวไี พบูลยว์ งษ.์ (2553) . เศรษฐศาสตร์จุลภาค. กรุงเทพฯ: เพยี ร์สัน เอ็ดดูเคชนั่ อิโดไชน่า. ไพรินทร์ แยม้ จินดา. (2546) . หลกั เศรษฐศาสตร์. พมิ พค์ ร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ: เอมพนั ธ์. ฟังก์ชันการผลติ . สืบคน้ เม่ือ 11 กรกฎาคม 2555, จาก econ.tu.ac.th/archan/supachai/ec210_2_46/presentc4.ppt ภราดร ปรีดาศกั ด์ิ. (2547) . หลกั เศรษฐศาสตร์จุลภาค. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. วลยั ชวลิตธารง. (2549) . เศรษฐศาสตร์ธุรกจิ . พิมพค์ ร้ังที่ 6. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . วริ ุณสิริ ใจมา. (2553) . เศรษฐศาสตร์จุลภาค 1. พิมพค์ ร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สังวร ปัญญาดิลก. (2548) . เศรษฐศาสตร์ธุรกจิ . พมิ พค์ ร้ังท่ี 4. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . Baumol, W.J. &Blinder, A,S. (2005) . Microeconomics: Principles and policy. 9ed. The United States of Anerica: South-Wedem. Parkin, M., Powell, M. & Matthews, K. (2005) . Economics. 6 thed. Harlow: Pearson Addison- Wesley. Slavin.Stephen L. (2002) . Economics. 6ed. New York: McGraw-Hill Book Company
แผนการสอนประจาบทที่ 6 เรื่อง การวเิ คราะห์นโยบายและการกาหนดราคา ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และตลาดผูกขาด หวั ข้อเนื้อหาประจาบท ตลาดและตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ ความหมายและลกั ษณะตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ อุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉลี่ย และรายรับเพิ่มในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ อุปสงคแ์ ละอุปทานในตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ ดุลยภาพระยะส้นั และดุลยภาพระยะยาวในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ดุลยภาพระยะส้นั ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ดุลยภาพระยะยาวในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ การวเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์กรณีกาไรและขาดทุน ขอ้ ดีและขอ้ เสียของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ตลาดแข่งขนั ไมส่ มบูรณ์และลกั ษณะตลาดผกู ขาด อุปสงค์ รายรับเฉลี่ยและรายรับเพิม่ ในตลาดผกู ขาด การวเิ คราะห์ตลาดผกู ขาดกรณีที่ไม่มีการควบคุมและมีการควบคุม ดุลยภาพระยะส้นั และดุลยภาพระยะยาวในตลาดผกู ขาด ขอ้ ดีและขอ้ เสียของตลาดผกู ขาด วตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เม่ือศึกษาบทน้ีแลว้ ผศู้ ึกษาสามารถ 1. อธิบายลกั ษณะตลาดและจาแนกประเภทตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ 2. อธิบายลกั ษณะตลาดและจาแนกประเภทตลาดแข่งขนั ไมส่ มบูรณ์ 2. อธิบายลกั ษณะตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และตลาดผกู ขาด 3. สามารถอธิบายความสัมพนั ธ์ของอุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉล่ีย และรายรับเพิ่ม 4. เขา้ ใจอุปสงคใ์ นตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์และตลาดผกู ขาด 5. สามารถอธิบายดุลยภาพระยะส้นั และดุลยภาพระยะยาว 6. สามารถวเิ คราะห์การจุดดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และตลาดผกู ขาด 7. อธิบายขอ้ ดีและขอ้ เสียของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และตลาดผกู ขาด
228 8. อภิปรายและตอบคาถามได้ วธิ ีการสอนและกจิ กรรมการเรียนการสอนประจาบท 1. แนะนาเน้ือหารายวชิ าในบท 2. แนะนาเอกสารและตาราอ่ืนที่เก่ียวขอ้ ง สาหรับอ่านเพ่มิ เติม 3. แนะนากิจกรรมการเรียนการสอน การวดั ผลและการประเมินผล 4. บรรยายโดยใชเ้ อกสารและยกตวั อยา่ งการแข่งขนั ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ 5. ยกตวั อยา่ งกรณีศึกษา และร่วมกนั วเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ 6 ตอบคาถามและส่งงานคาถามทา้ ยบท 7. จดั ทารายงานคน้ ควา้ นอกช้นั เรียน พร้อมนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. เอกสาร ตารา และบทความท่ีเก่ียวขอ้ ง 3. เอกสารตวั อยา่ งกรณีศึกษาในปัจจุบนั 4. ชุดแผน่ ใสสรุปคาบรรยาย การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตจากเขา้ ช้นั เรียน ความสนใจในการเรียน 2. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมในช้นั เรียน 3. การตอบคาถาม การวเิ คราะห์กรณีศึกษาในช้นั เรียน 4. การตอบคาถามทา้ ยบท 5. รายงานการคน้ ควา้ นอกช้นั เรียนและการนาเสนอ บทที่ 6 การวเิ คราะห์นโยบายและการกาหนดราคา ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และตลาดผกู ขาด
229 ตลาดและตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ตลาด หมายถึง การที่ผูซ้ ้ือและผูข้ ายทาการตกลงแลกเปล่ียน ซ้ือขายสินค้า บริการ หรือ ทรัพยส์ ินต่าง ๆ โดยไม่จาเป็ นตอ้ งมีการพบกนั โดยตรง ไม่จาเป็ นตอ้ งมีสถานที่หรืออาณาเขตที่แน่นอน และไม่จาเป็ นตอ้ งชาระเงินหรือส่งมอบของกนั ทนั ที ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์จึงมีความหมายท่ีกวา้ ง กว่าตลาดในความหมายโดยทว่ั ไป (วิรุณศิริ, 2553) และ (ปิ ยะลกั ษณ์, 2553) กล่าวว่า ตลาดโดยทว่ั ไป หมายถึง สถานท่ีซ่ึงจดั ไว้เพ่ือให้ผูซ้ ้ือและผูข้ ายมาตกลงซ้ือขายแลกเปล่ียนสินค้ากัน แต่ในทาง เศรษฐศาสตร์ ตลาดไม่จาเป็ นตอ้ งมีสถานที่ทาการซ้ือขาย แต่หมายถึงการตกลงติดต่อซ้ือขายสินคา้ และ บริการ รวมท้งั ปัจจยั การผลิต ฉะน้นั ตลาดจึงสามารถเกิดข้ึนไดท้ ุกหนทุกแห่ง ถา้ มีอุปสงคแ์ ละอุปทาน ต่อสินคา้ ดงั น้นั จึงสามารถสรุปไดว้ า่ ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง การท่ีผซู้ ้ือและผขู้ ายทาการตก ลงซ้ือขายแลกเปล่ียนสินคา้ โดยที่ผูซ้ ้ือและผูข้ ายมีการตกลงซ้ือขายแลกเปล่ียนสินคา้ ตลาดในทาง เศรษฐศาสตร์จึงสามารถมีสินคา้ สาหรับแลกเปลี่ยนหรือไม่มีก็ได้ เช่น ตลาดสินคา้ (Product Market) ตลาดปัจจยั การผลิต (Factor Market) ตลาดเงิน (Money Market) และตลาดทุน (Capital Market) ท่ีพบ เห็นทวั่ ไป เช่น ตลาดหลกั ทรัพย์ ตลาดซ้ือขายสินคา้ การเกษตรล่วงหนา้ เป็นตน้ โดยการกาหนดปริมาณ การผลิตและการต้งั ราคาของสินคา้ ท่ีเหมาะสมเป็ นส่ิงสาคญั สาหรับผูผ้ ลิต ความรู้เก่ียวกบั อุปสงค์และ พฤติกรรมของผูบ้ ริโภค พฤติกรรมผูผ้ ลิต ตน้ ทุนและรายรับจากผูผ้ ลิต จะทาให้ผูผ้ ลิตสามารถทราบ แนวทางในการกาหนดระดบั ผลผลิตที่ทาใหไ้ ดก้ าไรสูงสุด การศึกษาโครงสร้างของตลาดแตล่ ะประเภท จะทาใหผ้ ผู้ ลิตสามารถกาหนดปริมาณผลผลิตและการต้งั ราคาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ทาใหก้ ิจการมีกาไรที่ เหมาะสมได้ เนื่องจากเส้นอุปสงค์ของตลาดท่ีผูผ้ ลิตตอ้ งเผชิญมีความแตกต่างกนั ตามโครงสร้างของ ตลาดแต่ละประเภท ดงั น้นั ผูผ้ ลิตจึงตอ้ งศึกษาพฤติกรรมผูบ้ ริโภคในแต่ละตลาด ศึกษาเกี่ยวกบั ตน้ ทุน รายได้ และกาไรจากการผลิต เพ่ือใหท้ ราบถึงแนวคิดในการกาหนดราคาและปริมาณผลผลิต ที่จะทาให้ ผูผ้ ลิตไดร้ ับกาไรสูงสุดหรือขาดทุนน้อยสุด จากเง่ือนไขดุลยภาพของตลาดประเภทต่าง ๆ ท้งั ในระยะ ส้ันและระยะยาวไดโ้ ครงสร้างตลาดแบ่งได้ 2 ประเภท คือ ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และตลาดแข่งขนั ไม่ สมบูรณ์ ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์สามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ ตลาดผกู ขาด ตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายและ ตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึงผูกขาด ซ่ึงตลาดแต่ละประเภทมีวิธีการกาหนดปริมาณผลผลิตและการต้งั ราคาท่ี เหมาะสมแตกตา่ งกนั ซ่ึงจะอธิบายประเภทของตลาดไดด้ งั ต่อไปน้ี ประเภทของตลาด เนื่องจากการแบ่งประเภทของตลาดสามารถทาไดห้ ลายแนวทางข้ึนอยู่กบั วตั ถุประสงค์และ เกณฑท์ ี่ใช้ โดยตลาดในทางเศรษฐศาสตร์สามารถแบ่งประเภทตลาดไดจ้ ากการพิจารณา จานวนผผู้ ลิต ความยากง่ายในการเขา้ สู่ตลาดของผูผ้ ลิตรายใหม่ และสินคา้ ที่สามารถใช้ทดแทนไดซ้ ่ึงเป็ นลกั ษณะ
230 สาคญั ของตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ ท้งั น้ี (วมิ ลและสมชาย, 2553) ไดก้ ล่าวถึง การจาแนกประเภทและ หลกั เกณฑท์ ่ีจะนามาใชแ้ บง่ แยกเป็นสาคญั มีลกั ษณะดงั น้ี 1. จาแนกตามลกั ษณะการแข่งขนั ของตลาด การกาหนดราคาและปริมาณผลผลิต แบ่งประเภท ของตลาดตามลกั ษณะการแข่งขนั เป็น 2ประเภท คือ 1.1 ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfectly Competitive Market) มีลักษณะสาคัญคือ มี จานวนผูซ้ ้ือผูข้ ายมาก สินคา้ มีลกั ษณะใกลเ้ คียงกนั มาก ผูข้ ายหรือผูผ้ ลิตสินคา้ รายใหม่สามารถเขา้ สู่ ตลาดไดโ้ ดยง่าย ผขู้ ายสามารถเคล่ือนยา้ ยสินคา้ ไปยงั ท่ีต่าง ๆ ไดง้ ่าย ผูซ้ ้ือและผูข้ ายมีขอ้ มูลข่าวสารใน ตลาดอยา่ งสมบูรณ์และเทา่ เทียมกนั 1.2 ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ (Imperfectly Competitive Market) มีลกั ษณะท่ีสาคญั คือ ผูข้ ายมีจานวนไม่มาก ลกั ษณะสินคา้ ไม่เหมือนกนั ทุกประการ อาจจะแตกต่างกนั ที่คุณภาพ การบริการ หรือการรับรู้ของผูบ้ ริโภค การเขา้ หรือออกจากการผลิตทาได้ยาก ผูซ้ ้ือและผูข้ ายไม่มีความรู้เรื่อง การตลาดหรือขอ้ มูลการตลาดอย่างสมบูรณ์ทาให้ราคาแตกต่างกนั ซ่ึงแบ่งออกเป็ นกลุ่มใหญ่ไดอ้ ีก 3 ประเภท ไดแ้ ก่ - ตลาดผูกขาดท่ีแทจ้ ริง (Pure Monopoly Market) มีลกั ษณะสาคญั คือ มีผผู้ ลิต เพียงรายเดียว สินคา้ มีลกั ษณะท่ีไม่เหมือนใครไม่สามารถหาสินคา้ อ่ืนมาทดแทนได้ และมีการกีดกนั การเขา้ ตลาดของผผู้ ลิตรายใหม่ - ตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึงผูกขาด (Monopolistic Competitive Market) มีลกั ษณะท่ี คลา้ ยตลาดแข่งขนั สมบูรณ์คือ มีจานวนผูซ้ ้ือและผูข้ ายมากจานวนหน่ึง ผูผ้ ลิตรายใหม่สามารถเขา้ สู่ ตลาดไดง้ ่าย แต่ส่ิงท่ีแตกต่างก็คือ สินคา้ ของผผู้ ลิตแต่ละรายมีความแตกต่างกนั หรืออาจจะไม่แตกต่าง กนั เลย แต่ผูซ้ ้ือมีการรับรู้ถึงความแตกต่าง ซ่ึงวิธีทาให้สินคา้ ของตนแตกต่างจากคนอ่ืน อาจทาไดโ้ ดย การโฆษณา เป็นตน้ - ตลาดผูข้ ายน้อยราย (Oligopoly) เป็ นตลาดที่ผูข้ ายมีสินคา้ คล้ายกันหรือ แตกต่างกนั แต่สามารถทดแทนกนั ได้ ตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายมีลกั ษณะที่สาคญั คือ จานวนผผู้ ลิตเพียงไม่ก่ี ราย ผผู้ ลิตแต่ละรายมีสดั ส่วนการคา้ ค่อนขา้ งสูงเมื่อเทียบกบั ปริมาณท้งั หมดในตลาด สินคา้ หรือบริการ ของผูผ้ ลิตแต่ละรายอาจมีลกั ษณะเหมือนกนั หรือแตกต่างกนั ไดแ้ ต่สามารถใชท้ ดแทนกนั ได้ ผูผ้ ลิตราย ใหม่อาจถูกกีดกนั หรือมีอุปสรรคต่อการเขา้ สู่ตลาด การแข่งขนั ในตลาดประเภทน้ีเป็ นการแข่งขนั ที่ไม่ ใชร้ าคา หรือผขู้ ายแตล่ ะรายอาจร่วมมือกนั กาหนดราคาหรือปริมาณสินคา้ ในตลาดได้ 2. จาแนกตามวตั ถุประสงคข์ องการดาเนินกิจการ แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ 2.1 ตลาดสินคา้ และบริการ (Goods and Service Market) หมายถึง ตลาดที่มีการซ้ือขาย สินคา้ และบริการเพอื่ นาไปใชใ้ นการบริโภคในครัวเรือน
231 2.2 ตลาดปัจจยั การผลิต (Factor Market) หมายถึง ตลาดท่ีมีการซ้ือขายปัจจยั การผลิต เพื่อนาไปผลิตสินคา้ เพ่ือจาหน่ายตอ่ ไป ความหมายและลกั ษณะตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ความหมายของตลาดสมบูรณ์ ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์เป็ นตลาดท่ีดีที่สุด ลกั ษณะของตลาดคือ ผูข้ ายและผูซ้ ้ือในตลาดมีมาก มี ความรู้ในเรื่องตลาดอยา่ งสมบูรณ์ สินคา้ ในตลาดมีลกั ษณะเหมือนกนั ทุกประการ สามารถใชท้ ดแทน กนั ไดอ้ ย่างสมบูรณ์ การเขา้ และออกจากตลาดทาได้อย่างเสรีและตลอดเวลาผูข้ ายและผูซ้ ้ือในตลาด จะต้องซ้ือขายสินค้าในราคาตลาดซ่ึงเป็ นราคาดุลยภาพตลาด หรือปฏิบตั ิตามราคาตลาดสินคา้ ที่มี ลกั ษณะใกลเ้ คียง เช่น สินคา้ เกษตร เป็นตน้ (สังวร,2549) ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ (Perfect Competitive Market) หมายถึง ตลาดที่มีผูซ้ ้ือและผูข้ ายจานวน มาก ซ่ึงสินคา้ หรือการบริการมีลกั ษณะท่ีเหมือนกนั และสามารถใช้ทดแทนกนั ไดง้ ่าย โดยผูซ้ ้ือและ ผขู้ ายเป็นผกู้ าหนดราคาร่วมกนั ณ ราคาตลาด (Market Price) ซ่ึงเป็นราคา ณ จุดดุลยภาพของตลาด ผซู้ ้ือ และผูข้ ายปฏิบตั ิตามกลไกราคาตลาด จากการท่ีตลาดแข่งขนั สมบูรณ์เป็ นตลาดที่มีผูซ้ ้ือและผูข้ าย จานวนมาก ผูซ้ ้ือและผูข้ ายมีความรู้เกี่ยวกบั สินคา้ และสภาพตลาดอย่างทวั่ ถึง (Perfect Knowledge) สินคา้ ในตลาดมีลกั ษณะเหมือนกนั ทุกประการ สามารถใชท้ ดแทนกนั ไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ การเขา้ และออก ตลาดของผู้ซ้ือและผู้ขายทาได้อย่างเสรี ตลาดแข่งขันสมบูรณ์จึงเป็ นตลาดในอุดมคติของนัก เศรษฐศาสตร์ ลกั ษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Characteristic of Perfect Competition) มีคุณสมบัติ ดงั ต่อไปน้ี 1. ผซู้ ้ือและผขู้ ายมีจานวนมาก โดยผซู้ ้ือหรือผขู้ ายแตล่ ะรายไม่มีอิทธิพลต่อการกาหนดราคาใน ตลาด ผซู้ ้ือหรือผขู้ ายไมส่ ามารถทาใหร้ าคาสินคา้ ที่ซ้ือขายกนั ในตลาดเปลี่ยนแปลงไปได้ และราคาของ สินคา้ ในตลาดจะถูกกาหนดโดยอุปสงคร์ วมและอุปทานรวมเมื่อผูซ้ ้ือและผูข้ ายไดร้ ่วมกนั กาหนดราคา ตลาดข้ึนแลว้ ผซู้ ้ือแต่ละรายจะซ้ือสินคา้ ในราคาตลาดในปริมาณท่ีตอ้ งการ และผขู้ ายแต่ละรายจะขาย สินคา้ ในปริมาณท่ีตอ้ งการ เนื่องจากราคาถูกกาหนดโดยผูซ้ ้ือและผูข้ ายหรืออุปสงค์และอุปทานของ ตลาด (Price Taker) จึงทาใหป้ ริมาณการซ้ือของผซู้ ้ือรายใดรายหน่ึงหรือผขู้ ายของปริมาณขายรายใดราย หน่ึงมีนอ้ ยมาก เมื่อเปรียบเทียบกบั ปริมาณซ้ือขายของตลาด 2. ผูซ้ ้ือหรือผขู้ ายสามารถเขา้ ออกจากตลาดไดอ้ ยา่ งเสรี โดยไม่มีการกีดกนั ในการเขา้ และออก จากตลาดและไม่มีการรวมตวั ระหวา่ งผซู้ ้ือหรือผูข้ าย ซ่ึงรัฐจะไม่เขา้ มายงุ่ เก่ียวกบั การกาหนดราคาหรือ จากัดปริมาณการผลิต ท้ังน้ีผู้ผลิตรายใหม่จะเข้ามาแข่งขันเม่ือเห็นว่าธุรกิจให้ผลตอบแทนสูง
232 ขณะเดียวกันผูผ้ ลิตแต่ละรายก็มีเสรีภาพในการที่จะออกจากตลาดหากผูผ้ ลิตเผชิญกบั สภาวการณ์ ขาดทุนเช่นกนั 3. สินคา้ มีลกั ษณะที่เหมือนกนั และใชท้ ดแทนกนั ได้ ซ่ึงสินคา้ ในตลาดน้ีจะไม่มีความแตกต่าง ในมุมมองของผูบ้ ริโภค ทาให้ผูข้ ายแต่ละรายอยูใ่ นฐานะที่เท่าเทียมกนั ผูซ้ ้ือจะไม่มีความรู้สึกแตกต่าง กนั ไม่ว่าจะซ้ือสินคา้ จากผูข้ ายรายใดก็ตาม โดยผูซ้ ้ือจะใช้ราคาสินคา้ ในการตดั สินใจว่าจะซ้ือสินคา้ จานวนเท่าใด และผซู้ ้ือสามารถที่จะซ้ือสินคา้ ณ ราคาตลาดจากผขู้ ายรายใดกไ็ ด้ 4. ผูซ้ ้ือและผูข้ ายรับรู้ขอ้ มูลข่าวสารเกี่ยวกบั สินคา้ และราคาอยา่ งทว่ั ถึง โดยผูซ้ ้ือและผขู้ ายรู้ถึง อุปสงคแ์ ละอุปทานรวมท้งั ราคาสินคา้ ในตลาดโดยรวม ทาให้ผูบ้ ริโภคทราบถึงความแตกต่างของราคา ถา้ หากผูผ้ ลิตรายใดขายสินคา้ ในราคาต่ากวา่ ท่ีควรจะเป็ น ผบู้ ริโภคจะพากนั มาซ้ือสินคา้ ของผูผ้ ลิตคน น้นั แต่ในทางดา้ นของผูผ้ ลิตก็ไม่มีเหตุผลท่ีจะลดราคาสินคา้ ลงเพราะท่ีราคาตลาดก็สามารถขายสินคา้ น้นั ๆ ได้ 5. การซ้ือขายทาไดโ้ ดยสะดวกผูซ้ ้ือและผูข้ ายติดต่อกนั โดยตรง ผูผ้ ลิตมีการเคลื่อนยา้ ยปัจจยั การผลิตไดอ้ ยา่ งสะดวก และสามารถเคล่ือนยา้ ยจากที่หน่ึงไปสู่อีกท่ีหน่ึงไดอ้ ยา่ งเสรี ซ่ึงปัจจยั การผลิต ไม่ถูกผูกขาดโดยผูผ้ ลิตรายใดรายหน่ึง ดงั น้ันปัจจยั การผลิตจึงสามารถโยกยา้ ยได้อย่างอิสระและ สมบูรณ์ เช่น แรงงาน สามารถโยกยา้ ยไปยงั แหล่งงานท่ีใหค้ ่าจา้ งสูงกวา่ เป็นตน้ 6. ผูผ้ ลิตแต่ละรายมีส่วนแบ่งการตลาดที่ไม่มากเม่ือเทียบกับปริมาณผลผลิตรวม เนื่องจาก ปริมาณการขายของผขู้ ายแตล่ ะรายมีสดั ส่วนขนาดเล็กเมื่อเทียบกบั ยอดขายรวมท้งั ตลาด เนื่องจากลกั ษณะของตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ที่กล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ ทาใหท้ ราบวา่ ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์จะไม่มีผูผ้ ลิตรายใดมีอานาจในการกาหนดปริมาณผลผลิตและต้งั ราคาสินคา้ เองได้ ดงั น้นั ถา้ ผผู้ ลิตรายใดต้งั ราคาสินคา้ ของตนสูงกวา่ ราคาตลาด จะทาใหข้ ายสินคา้ ของตนไม่ได้ โดยผบู้ ริโภคจะหันไป บริโภคสินคา้ ของผูผ้ ลิตรายอ่ืนท่ีสามารถใชท้ ดแทนกนั ไดใ้ นราคาที่ถูกกวา่ จึงทาให้เส้นอุปสงคข์ องตลาด น้นั มีลกั ษณะเส้นขนานกบั แกนปริมาณ ณ ระดบั ราคาตลาด ดงั น้นั อาจกล่าวไดว้ า่ ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ เป็ นเพียงตลาดในอุดมคติเพื่อนามาใชใ้ นการแบ่งประเภทของตลาดในทางเศรษฐศาสตร์เท่าน้นั ซ่ึงใน ความเป็นจริงน้นั ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ไม่สามารถหาไดใ้ นการดาเนินธุรกิจจริง แตจ่ ะมีเพยี งบางตลาดที่ ใกลเ้ คียงกบั ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์เทา่ น้นั อุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉลยี่ และรายรับเพม่ิ ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ 1. อุปสงคใ์ นตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ เน่ืองจากอุปสงคเ์ ป็ นความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปริมาณความ ตอ้ งการซ้ือกบั ราคา และในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ราคาถูกกาหนดจากตลาดทาให้สินคา้ มีราคาเดียว เส้น อุปสงคจ์ ึงเป็นเส้นตรงขนานกบั แกนนอน โดยเส้นอุปสงคข์ องตลาดหาไดจ้ ากสมการดงั ต่อไปน้ี
233 อุปสงคข์ องตลาด = PQ Q โดยที่ P = ราคาสินคา้ Q = ปริมาณสินคา้ 2. รายรับรวมในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ (Total Revenue: TR) สามารถหาไดจ้ ากราคาของสินคา้ หรือบริการคูณดว้ ยปริมาณขาย ดงั สมการต่อไปน้ี TR = PQ โดยที่ TR = รายรับรวม P = ราคาสินคา้ Q = ปริมาณสินคา้ 3. รายรับเฉลี่ยในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ (Average Revenue: AR) สามารถหาไดจ้ ากรายรับรวม หารดว้ ยปริมาณขาย ดงั สมการตอ่ ไปน้ี AR TR / Q PQ /Q P 4. รายรับเพ่มิ ในตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ (Marginal Revenue : MR) สามารถหาไดจ้ ากรายรับรวม ที่เปล่ียนแปลเมื่อมีการเปล่ียนแปลงในผลผลิตหน่ึงหน่วย ดงั สมการตอ่ ไปน้ี ∆ = ∆ โดยท่ี ∆ = ส่วนต่างของราคารวม ∆ = ส่วนต่างของปริมาณผลผลิต เน่ืองจากการกาหนดราคาสินคา้ ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ถูกกาหนดโดยตลาดไม่สามารถ เปล่ียนแปลงราคาได้ ดงั น้นั รายรับเพ่มิ จึงมีค่าเท่ากบั ราคา หรือ (MR = P)
234 ยกตวั อยา่ ง การหารายรับรวม รายรับเฉลี่ย และรายรับส่วนเพ่ิมของร้านขายไอศกรีมแห่งหน่ึง ซ่ึงมีขอ้ มูลการขายปริมาณสินคา้ ดงั ตารางที่ 6.1 ตารางท่ี 6.1 อุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉลี่ย รายรับส่วนเพิ่มเพม่ิ ของร้านขายไอศกรีม ราคา ปริมาณขาย รายรับรวม รายรับเฉล่ีย รายรับเพิม่ 500- - 51555 5 2 10 5 5 5 3 15 5 5 5 4 20 5 5 5 5 25 5 5 จากตารางที่ 6.1 การหาอุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉลี่ย รายรับเฉล่ีย รายรับส่วนเพิ่มขา้ งตน้ สามารถนามาวาดกราฟแสดงไดด้ งั ภาพ รายรับ TR 25 20 15 10 5 AR MR P D 0 ปริมาณ (Q) 12 3 4 5 ภาพแสดงท่ี 6.1 เส้นอุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉลี่ย รายรับส่วนเพิ่ม จากภาพแสดงที่ 6.1 เป็ นการแสดงเส้นอุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉลี่ย และรายรับส่วนเพิ่มใน ตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ ซ่ึงจะเห็นไดว้ า่ เส้นรายรับรวมเป็ นเส้นตรงเอียงข้ึนจากซา้ ยไปขวาและเริ่มตน้ ท่ีจุด กาเนิดน้นั หมายความวา่ ถา้ ผูผ้ ลิตไม่ทาการผลิตจะทาใหร้ ายรับรวมของหน่วยธุรกิจเท่ากบั ศูนย์ และเม่ือ ผลิตมากข้ึนรายรับรวมก็จะสูงข้ึนไปเป็ นลาดบั สาหรับเส้นรายรับเฉล่ียที่มีค่าเท่ากบั 5 โดยตลอดและ
235 เท่ากบั ราคาของสินคา้ เน่ืองจากเป็ นเส้นเดียวกันกบั เส้นรายรับหน่วยสุดทา้ ย ซ่ึงแสดงว่าผลผลิตทุก หน่วยท่ีเพิ่มข้ึนน้นั ทาใหร้ ายรับของหน่วยธุรกิจเพิ่มข้ึนเท่ากบั 5 เช่นกนั ยกตวั อยา่ ง การหารายรับของหน่วยผลิตในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ของโรงงานผลิตนาฬิกาแห่ง หน่ึงไดท้ าการผลิตนาฬิกาขายราคาเรือนละ 500 บาท สามารถแสดงไดใ้ นตารางที่ 6.2 ตารางท่ี 6.2 อุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉล่ีย รายรับเพิ่ม ราคา ปริมาณ รายรับรวม รายรับเฉลี่ย รายรับเพม่ิ 500 0 0 - - 500 1 500 500 500 500 2 1,000 500 500 500 3 1,500 500 500 500 4 2,000 500 500 จากตารางท่ี 6.2 การหารายรับของหน่วยผลิตในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ของโรงงานผลิตนาฬิกา สามารถนามาวาดกราฟแสดงไดด้ งั ภาพ รายรับ TR 2,500 2,000 1,500 1,000 500 AR MR P D 0 ปริมาณ (Q) 12345 ภาพแสดงท่ี 6.2 เส้นอุปสงค์ รายรับรวม รายรับเฉล่ีย และรายรับส่วนเพม่ิ
236 จากภาพแสดงที่ 6.2 ถา้ หากราคาสินคา้ คงที่ตลอดทุกระดบั ผลผลิตจะทาให้รายรับเพ่ิมเท่ากบั รายรับเฉล่ีย (500 บาท) และเส้นรายรับรวมเป็ นเส้นตรงเอียงข้ึนจากซา้ ยไปขวาซ่ึงเร่ิมตน้ ที่จุดกาเนิดจะ หมายความวา่ ถา้ ผผู้ ลิตไม่ทาการผลิตรายรับรวมของหน่วยธุรกิจเท่ากบั ศูนยแ์ ละเม่ือผลิตมากข้ึนรายรับ รวมก็จะสูงข้ึนไปตามลาดบั ทาให้ส่วนของเส้นรายรับเฉลี่ยมีค่าเท่ากบั 500 โดยตลอดซ่ึงเท่ากบั ราคา ของสินคา้ และเป็นเส้นเดียวกนั กบั เส้นรายรับหน่วยสุดทา้ ย และจะแสดงวา่ ผลผลิตทุกหน่วยท่ีเพ่มิ ข้ึนทา ใหร้ ายรับของหน่วยธุรกิจเพิม่ ข้ึนเทา่ กบั 500 อุปสงค์และอุปทานในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ อุปสงค์ในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ เน่ืองจากผูผ้ ลิตในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์แต่ละรายทาการผลิตสินคา้ จานวนน้อยเมื่อเทียบกบั สินคา้ ท้งั หมดในตลาด ดงั น้นั ผผู้ ลิตจะไม่มีอิทธิพลเหนือราคาตลาด และการเปลี่ยนแปลงปริมาณผลิต ของผูผ้ ลิตรายหน่ึงจะไม่มีผลกระทบต่อเส้นอุปสงค์ตลาด ดงั น้นั ผูผ้ ลิตจึงขายสินคา้ ท้งั หมดตามราคา ตลาดในขณะน้นั ทาให้เส้นอุปสงคข์ องผูข้ ายแต่ละรายมีลกั ษณะเป็ นเส้นขนานกบั แกนนอน เน่ืองจาก ผูผ้ ลิตแต่ละรายมีส่วนแบ่งการตลาดเพียงเล็กน้อยเม่ือเทียบกบั จานวนขายท้งั หมดในตลาด ผูข้ ายแต่ละ รายไม่สามารถกาหนดราคาสินคา้ ได้ ท้งั น้ีสามารถแสดงเส้นอุปสงค์ของผูผ้ ลิตแต่ละราย (Individual Demand Curve of a Firm) ในตลาตแขง่ ขนั สมบูรณ์ไดด้ งั น้ี ราคา P1 D ปริมาณ 0 Q1 Q2 Q3 ภาพแสดงที่ 6.3 อุปสงคใ์ นตลาดแข่งขนั สมบูรณ์
237 จากภาพแสดงที่ 6.3 สามารถอธิบายลกั ษณะของเส้นอุปสงคใ์ นตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ไดโ้ ดยท่ี P คือราคาสินคา้ ในตลาด Q คือปริมาณสินคา้ ในตลาด ยกตวั อยา่ ง เส้นอุปสงคข์ องผูผ้ ลิตสบู่แต่ละรายในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ โดยส้มราคาเท่ากบั 60 บาทต่อกิโลกรัม ผูซ้ ้ือและผขู้ ายมีความตอ้ งการซ้ือและตอ้ งการขาย สินคา้ จานวน 120 กิโลกรัม ดงั น้นั รายไดร้ วมเท่ากบั 60 × 120 บาท หรือเท่ากบั 7,200 บาท ซ่ึงสามารถแสดงเส้นอุปสงค์ อุปทานของตลาด และรายรับของผผู้ ลิตไดด้ งั น้ี ราคา D 60 S 0 ปริมาณ 120 ภาพแสดงที่ 6.4 เส้นอุปสงคข์ องผผู้ ลิตสบูแ่ ต่ละราย ในตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ จากการหาเส้นอุปสงค์ อุปทานของตลาดและรายรับของผผู้ ลิตขา้ งตน้ น้นั สามารถแสดงเส้นอุป สงคข์ องผผู้ ลิตสบูแ่ ตล่ ะรายในตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ ไดด้ งั น้ี
ราคา 238 60 D=AR=MR ปริมาณ 120 ภาพแสดงที่ 6.5 เส้นอุปสงค์ ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ จากภาพแสดงที่ 6.4 และ 6.5 แสดงใหเ้ ห็นวา่ เส้นอุปสงคข์ องตลาดคือ เส้น D และเส้นอุปทาน ของตลาดคือ เส้น S โดยราคาตลาดจะอยู่ ณ เส้น D ตดั กบั เส้น S ณ ระดบั ราคาตลาด 60 บาท เน่ืองจาก ผูข้ ายแต่ละรายมีส่วนย่อยของตลาดและไม่มีอิทธิพลในการกาหนดราคา ดงั น้นั หน่วยธุรกิจแต่ละราย จะตอ้ งขายสินคา้ ในราคา 60 บาท จึงทาให้เส้นอุปสงค์ของหน่วยธุรกิจจะเป็ นเส้นตรงขนานกับแกน นอนและเส้นอุปสงคม์ ีความยดื หยนุ่ มากที่สุด ยกตวั อยา่ ง เส้นอุปสงคข์ องผผู้ ลิตยาสีฟันแต่ละรายในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ โดยยาสีฟันราคา เท่ากบั 30 บาทต่อหน่วย ผูซ้ ้ือและผูข้ ายมีความตอ้ งการซ้ือและตอ้ งการขาย สินคา้ 100 หน่วย ดงั น้นั รายไดร้ วม (TR) จะเท่ากบั 30 × 100บาท หรือเทา่ กบั 3,000 บาท สามารถแสดงเส้นอุปสงค์ อุปทานของ ตลาด และรายรับของผผู้ ลิตไดด้ งั น้ี
239 ราคา 30 0 ปริมาณ 100 ภาพแสดงที่ 6.6 เส้นอุปสงคข์ องผขู้ ายยาสีฟันแตล่ ะรายในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ราคา D 30 D=AR=M S 0 ปริมาณ 100 ภาพแสดงที่ 6.7 เส้นอุปสงคใ์ นตลาดแข่งขนั สมบูรณ์
240 จากภาพแสดงที่ 6.6 และ 6.7 เส้นอุปสงคข์ องตลาดคือ เส้น D เส้นอุปทานของตลาดคือ เส้น S และราคาตลาดอยู่ ณ เส้น D ตดั กบั เส้น S ณ ระดบั ราคาตลาด 30 บาท โดยเส้นอุปสงคข์ องหน่วยธุรกิจ จะเป็ นเส้นตรงขนานกบั แกนนอน และเส้นอุปสงคม์ ีความยดื หยนุ่ มากท่ีสุด เน่ืองจากผขู้ ายแต่ละรายมี ส่วนยอ่ ยของตลาดและไมม่ ีอิทธิพลในการกาหนดราคา ดงั น้นั หน่วยธุรกิจแตล่ ะรายจะตอ้ งขายสินคา้ ใน ราคา 30 บาทนนั่ เอง อุปทานในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ อุปทานในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ หมายถึง ปริมาณผลผลิตท่ีผูผ้ ลิตไดผ้ ลิตข้ึนมาในราคาตลาด จากการแสวงหากาไรสูงสุด ท้งั น้ีการหาอุปทานในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์น้นั ผูผ้ ลิตระยะส้ันสามารถ พิจารณาไดจ้ ากตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ียและตน้ ทุนเพ่ิมตน้ ทุนเฉลี่ย โดยการสมมติราคาของตลาด ดงั ภาพ แสดงที่ 6.8 รารคาาคา S PP44 ปรปิมราิมณาณ PP33 PP22 PP11 DD44 DD11 DD22 DD33 ภาพแสดงที่ 6.8 อุปทานในตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์
241 ราคา MC AVC ATC A P4 B P3 C P2 D P1 ปริมาณ Q1 Q2 Q3 Q4 ภาพแสดงที่ 6.9 เส้นอุปทานในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ จากภาพแสดงที่ 6.8 และ 6.9 เม่ือ MC เท่ากบั ตน้ ทุนเพ่ิม MR เท่ากบั รายรับเพ่ิม AR เท่ากบั รายรับเฉล่ีย ATC เท่ากบั ตน้ ทุนรวมเฉล่ีย และ AVC เท่ากบั ตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ย เม่ือเส้นอุปทานของ หน่วยธุรกิจในระยะส้ันคือ การลากเส้นเช่ือมจุดดุลยภาพเม่ือระดบั ราคาเปล่ียนแปลงต้งั แต่จุด D ไปยงั จุด A ก็คือส่วนของเส้นต้นทุนส่วนเพ่ิมในระยะส้ันเริ่มต้งั แต่ค่าต้นทุนแปรผนั เฉล่ียต่าท่ีสุด โดย กาหนดให้เส้นอุปสงคเ์ ปล่ียนแปลงจาก D2 เป็ น D1 และตามลาดบั ทาใหร้ าคาตลาดเปลี่ยนแปลงจาก P4 เป็ น P3 P2 และ P1 ตามลาดบั ถา้ ระดบั ราคาเท่ากบั P4 ดุลยภาพจะอยู่ ณ จุด A ซ่ึงปริมาณการผลิตเท่ากบั Q4 แต่ถา้ ระดบั การผลิตเท่ากบั P3 ดุลยภาพจะอยู่ ณ จุด B ซ่ึงปริมาณการผลิตเท่ากบั Q3 ถา้ ระดบั ราคาอยู่ ท่ี P2 ดุลยภาพอยู่ ณ จุด C ซ่ึงปริมาณการผลิตเทา่ กบั Q2 และถา้ ระดบั ราคาเทา่ กบั P1 ดุลยภาพอยู่ ณ จุด D ซ่ึงปริมาณการผลิตเท่ากบั Q1 หน่วย ถา้ ระดบั ราคาต่ากว่า P1 จะทาให้ผูผ้ ลิตน้นั เลิกกิจการ ดงั น้นั เส้น อุปทานของหน่วยผลิตในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ คือเส้นที่อยเู่ หนือเส้นตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ยหรือจุดยุติการ ผลิต (Shutdown point) ถ้าราคาอยู่ต่ากว่าเส้นตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ยผูผ้ ลิตจะไม่ทาการผลิต แต่ถา้ ราคา สูงข้ึนมากกวา่ ตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย ปริมาณการผลิตจะถูกกาหนดดว้ ยเง่ือนไขกาไรสูงสุด เส้นอุปทาน ระยะส้ันของผูผ้ ลิตในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ที่มีจุดต่าท่ีสุดของเส้นอุปทานคือ จุดยุติการผลิตแสดงว่า
242 ราคาต่ากวา่ น้ีจะไม่มีการผลิต และเม่ือราคาสูงกวา่ จะเกิดกาไรสูงสุด ณ ทุกจุดบนเส้นอุปทาน ดงั ภาพ แสดงท่ี 6.10 ราคา AT MC C P5 AV C D5 P4 D4 P3 D3 P2 D2 P1 D1 Q1 Q2 Q3 Q4 Q5 ปริมาณ ภาพแสดงที่ 6.10 เส้นอุปทานระยะส้ัน จากภาพแสดงที่ 6.10 เมื่อ MC เท่ากบั ตน้ ทุนเพ่ิม MR เท่ากบั รายรับเพ่ิม AR เท่ากบั รายรับเฉล่ีย ATC เท่ากบั ตน้ ทุนรวมเฉล่ีย และ AVC เทา่ กบั ตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย ในดุลยภาพของผผู้ ลิตระยะส้นั พบวา่ ผูผ้ ลิตจะเลิกผลิตเมื่อราคาต่ากวา่ ตน้ ทุนเฉล่ียแปรผนั ต่าท่ีสุด ดงั น้นั การหาเส้นอุปทานของหน่วยธุรกิจ ในระยะส้ันจะหาได้จากการเปล่ียนแปลงดุลยภาพของธุรกิจ เมื่อราคาเปล่ียนแปลง ราคาตลาดจะ เปล่ียนแปลงซ่ึงเกิดจากอุปสงคห์ รืออุปทานของตลาดท่ีเปลี่ยนแปลงไป โดยเริ่มหาดุลยภาพต้งั แต่ราคา ตลาดเทา่ กบั ตน้ ทุนเฉลี่ยแปรผนั ต่าที่สุด และผผู้ ลิตจะผลิตท่ี MR = MC จึงจะไดก้ าไรสูงสุด แตเ่ นื่องจาก ในตลาดแข่งขนั อยา่ งสมบูรณ์เส้นอุปสงคร์ ายรับเฉลี่ยและรายรับส่วนเพ่ิมเป็ นเส้นตรงเส้นเดียวกนั และ ขนานกบั แกนปริมาณ ดงั น้นั เมื่อราคาสินคา้ เปล่ียนแปลงไป รายรับเฉล่ียและรายรับเพ่มิ จะเปล่ียนแปลง จึงทาใหด้ ุลยภาพผผู้ ลิตน้นั เปล่ียนแปลงไป และจากกราฟดงั กล่าวระดบั ราคาสินคา้ P2 P3 จะทาใหท้ ราบ ถึงเส้นอุปทานระยะส้ันในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ซ่ึงเป็ นจุดท่ีอยู่บนเส้นต้นทุนเพ่ิม กล่าวได้ว่าเส้น อุปทานในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์จะมีลกั ษณะท่ีเหมือนกบั เส้นตน้ ทุนส่วนเพิ่ม โดยผูผ้ ลิตจะทาการผลิต นบั ต้งั แต่จุดต่าท่ีสุดของตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ียข้ึนไป ถา้ ราคาสินคา้ ในตลาดมากข้ึนจะทาใหผ้ ูผ้ ลิตผลิตมากข้ึน แตถ่ า้ ราคาสินคา้ ในตลาดลดลงผผู้ ลิตกจ็ ะผลิตสินคา้ ลดลง ดงั ตอ่ ไปน้ี
รายรับ ตน้ ทุน 243 P2 MC ATC 0 รายรับ ตน้ ทนุ E2 P2 MR 0 ปริมาณ Q2 ภาพแสดงท่ี 6.11 เส้นอุปทานระยะส้ัน MC ATC E2 MR ปริมาณ Q2 ภาพแสดงท่ี 6.12 เส้นอุปทานระยะส้ัน
รายรับ ตน้ ทุน 244 MC ATC P3 E3 MR2 0 ปริมาณ Q3 ภาพแสดงท่ี 6.13 เส้นอุปทานระยะส้ัน จากภาพท้งั สาม แสดงให้เห็นว่าเส้นอุปทานระยะส้ันในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์มี 3 ระยะคือ ระยะแรกเม่ือราคาสินคา้ อยรู่ ะหวา่ งตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ียต่าท่ีสุด และตน้ ทุนรวมเฉลี่ยต่าที่สุด (AVCต่าท่ีสุด < P1 < ATCต่าท่ีสุด) ส่วนที่ขาดทุน คือ ตน้ ทุนคงท่ีเฉลี่ยผผู้ ลิตจะประสบการขาดทุน และระยะท่ีสองเมื่อ ราคาสินคา้ เท่ากบั ตน้ ทุนรวมเฉล่ีย P2 = ATC ธุรกิจไดร้ ับกาไรปกติ (Normal Profit) ผผู้ ลิตจะคุม้ ทุนหรือ กาไรเท่ากบั ศูนย์ และระยะท่ีสามเมื่อราคาสินคา้ สูงกวา่ ตน้ ทุนรวมเฉล่ีย (P3 > ATC) แสดงถึงผผู้ ลิตจะมี กาไรเกินปกติ (ExcessProfit) เน่ืองจากมีรายรับรวมสูงกว่าตน้ ทุนรวม ดงั น้นั จึงสรุปไดว้ า่ อุปทานใน ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์เกิดข้ึนที่เส้นตน้ ทุนส่วนเพ่ิมโดยจะเป็ นเส้นตน้ ทุนส่วนเพ่ิมที่อยเู่ หนือจุดยุติการ ผลิตข้ึนไป ยกตวั อย่าง การหาเส้นอุปทานในตลาดสมบูรณ์ของการปลูกทิวลิปเป็ นอุตสาหกรรมที่มีการ แข่งขนั สมบูรณ์ โดยผปู้ ลูกทิวลิปทุกรายมีเส้นตน้ ทุนเหมือนกนั ราคาตลาดทิวลิปเป็นมดั ละ 25 บาท และ ผปู้ ลูกแต่ละรายไดก้ าไรสูงสุดจากการผลิตสปั ดาห์ละ 2,000 มดั ตน้ ทุนรวมเฉลี่ยของการผลิตเป็ นมดั ละ 20 บาท และตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ียเป็ นมดั ละ 15 บาทโดยมีตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ยต่าท่ีสุดเป็ นมดั ละ 12 บาท สามารถวเิ คราะห์อุปทานในตลาดทิวลิปไดด้ งั น้ี
ตารางที่ 6.3 อุปทานในตลาดสมบูรณ์ 245 ปริมาณ ราคา ตน้ ทุนเฉลี่ย กาไร/หน่วย กาไรขาดทุนรวม 2000 25 20 5 10000 ราคา ตน้ ทุน MC ATC 25 MR 20 AVC 12 จุดปิ ดกิจการ 0 2,000 ปริมาณ ภาพแสดงที่ 6.14 อุปทานในตลาดสมบูรณ์ จากภาพแสดงท่ี 6.14 จะเห็นไดว้ า่ ราคาตลาด 25 บาท มากกวา่ ตน้ ทุนเฉลี่ย 20 บาท ดงั น้นั ผปู้ ลูก ทิวลิป ทากาไรทางเศรษฐศาสตร์มดั ละ 5 บาท ผปู้ ลูกแตล่ ะรายผลิตสปั ดาห์ละ 2,000 มดั ดงั น้นั ผปู้ ลูกแต่ ละรายทากาไรทางเศรษฐศาสตร์ ไดส้ ัปดาห์ละ 10,000 บาท โดยราคาซ่ึงผูป้ ลูกตดั สินใจปิ ดกิจการ เท่ากบั ตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ยต่าที่สุดมดั ละ 12 บาท และจุดปิ ดกิจการผูผ้ ลิตน้นั ขาดทุนทางเศรษฐศาสตร์ เท่ากบั ตน้ ทุนคงที่ท้งั หมด เม่ือผลิตสัปดาห์ละ 2,000 มดั ตน้ ทุนเฉล่ียเป็นมดั ละ 20 บาท และตน้ ทุนแปร ผนั เฉลี่ยเป็ นมดั ละ 12 บาท ดงั น้นั ตน้ ทุนคงท่ีเฉล่ียมดั ละ 8 บาท ตน้ ทุนคงที่ท้งั หมดเท่ากบั สัปดาห์ละ 16,000 บาท (8 × 2,000) ดงั น้ันที่จุดปิ ดกิจการผูป้ ลูกมีผลขาดทุนทางเศรษฐศาสตร์เท่ากบั สัปดาห์ละ 16,000 บาท จึงสรุปไดว้ ่าเส้นอุปทานในตลาดทิวลิปแห่งน้ีอยูบ่ นเส้นอุปสงคท์ ่ีระดบั ราคาสินคา้ ต้งั แต่ 12 บาทข้ึนไป
246 ยกตวั อยา่ ง การหาเส้นอุปทานระยะส้ันในตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ของราคาน้าอดั ลมในตลาดแห่ง หน่ึง ซ่ึงมีความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปริมาณ (Q) ราคา (P) ตน้ ทุนเฉล่ีย (AC) โดยสามารถวิเคราะห์อุปทาน ในตลาดน้าอดั ลมไดด้ งั น้ี ตารางที่ 6.4 ตน้ ทุนเฉล่ีย กาไร/หน่วย กาไร/ทุนรวม ผลลพั ธ์ ดุลยภาพ จุดดุลย ปริมาณ ราคา ตน้ ทุน กาไร/ กาไร/ทุน ผลลพั ธ์ เฉลี่ย หน่วย ที่ ภาพ รวม D1 A 600 19 15 4 2,400 กาไรสูงสุด D2 B 500 14 14 0 0 คุม้ ทุน D3 C 400 10 15 -5 2,400 ขาดทุนต่า ท่ีสุด D4 D 300 7 16 -9 2,700 ปิ ดโรงงาน การหาเส้นอุปทานระยะส้ันในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ของราคาน้าอดั ลมในตลาด สามารถแสดง ระดบั อุปสงคข์ องผผู้ ลิตได้ 4 ระดบั ไดแ้ ก่ 1. เม่ือระดบั ราคาเท่ากบั ตน้ ทุนผนั แปรเฉล่ียคือ 7 บาท ในกรณีถา้ หากวา่ ราคาต่ากวา่ จุด E หรือ ต่ากวา่ 7 บาท /หน่วย ธุรกิจน้ีจะเลิกผลิตจึงถือวา่ จุดน้ีเป็นจุดปิ ดโรงงาน 2. เมื่อระดบั ราคา 10 บาทซ่ึงเป็ นราคาที่สูงกวา่ ตน้ ทุนผนั แปรเฉล่ีย แต่อยตู่ ่าวา่ ตน้ ทุนเฉล่ีย ใน กรณีน้ีถือวา่ ขาดทุนแต่ยงั มีกาไรข้นั ตน้ ต่อหน่วย (Gross Margin Per Unit) = 10-7 = 3 ที่สามารถชดเชย ตน้ ทุนคงท่ีไดจ้ ึงตอ้ งทาการผลิตตอ่ ไป 3. เมื่อราคาเท่ากบั ตน้ ทุนเฉลี่ย 14 บาท ซ่ึงในกรณีน้ีเรียกวา่ มีกาไรปกติ (Normal Profit) หรือ จุดคุม้ ทุน (Break-Even point: BEP) 4. เม่ือระดบั ราคาอยูส่ ูงกวา่ ตน้ ทุนเฉลี่ยในกรณีที่ถือวา่ เกิดกาไรต่อหน่วยเท่ากบั 19-15 = 4 บาท และเกิดกาไรรวม = 4 x 600 = 2,400 บาท ในกรณีน้ีเรียกวา่ กาไรส่วนเกิน (Excess Profit) หรือ กาไรเกินปกติสรุปไดว้ า่ เส้นอุปทานจะอยบู่ นเส้นตน้ ทุนเพิม่ นบั ต้งั แต่จุดระดบั ราคา 7 บาทข้ึนไป จากการหาเส้นอุปทานระยะส้ันในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ สามารถแสดงระดบั อุปสงคข์ องผูผ้ ลิต ได้ 4 ระดบั ดงั ภาพ
247 บาท/หน่วย MC ATC 19 14 D4 MR4 10 D3 MR3 7 D2 MR2 D1 MR1 0 ปริมาณ 300 400 500 600 ภาพแสดงที่ 6.15 อุปสงคร์ ะยะส้ัน จากภาพแสดงท่ี 6.15 ดงั กล่าวระดบั อุปสงคข์ องผผู้ ลิตที่เส้น D1 เป็ นระดบั ราคาเท่ากบั ตน้ ทุน ผนั แปรเฉลี่ยเท่ากบั 7 บาท สาหรับเส้น D2 เป็ นระดบั ราคา 10 บาทซ่ึงเป็ นราคาท่ีสูงกวา่ ตน้ ทุนผนั แปร เฉล่ีย เส้น D3 เป็นระดบั ราคาเทา่ กบั ตน้ ทุนเฉลี่ย 14 บาท ซ่ึงเป็นจุดคุม้ ทุน และเส้น D4 เป็นระดบั ราคาอยู่ สูงกวา่ ตน้ ทุนเฉล่ียในกรณีที่ถือวา่ เกิดกาไรหรือเรียกวา่ กาไรส่วนเกิน (Excess Profit) หรือกาไรเกินปกติ ดุลยภาพระยะส้ันและดุลยภาพระยะยาวในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ดุลยภาพระยะส้ันในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ (Short – Run Equilibrium of the Firm) ดุลยภาพของหน่วยผลิต หมายถึง ภาวะท่ีหน่วยผลิตตดั สินใจเลือกระดบั ผลผลิตที่ก่อให้เกิด กาไรสูงสุดหรือขาดทุนนอ้ ยที่สุด เมื่อเขา้ สู่ภาวะน้ีแลว้ ผผู้ ลิตจะไม่มีแนวโนม้ ปรับเปล่ียนระดบั การผลิต อีกต่อไป ดุลยภาพระยะส้นั เป็นดุลยภาพท่ีหน่วยผลิตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัจจยั การผลิตบางชนิดให้ เป็ นปัจจยั แปรผนั ได้ ตน้ ทุนการผลิตท่ีเกิดข้ึนจึงมีท้งั ตน้ ทุนคงที่และตน้ ทุนแปรผนั แมผ้ ผู้ ลิตไม่ทาการ ผลิตออกมาในขณะน้นั ผูผ้ ลิตน้นั ก็ตอ้ งเสียตน้ ทุนจานวนหน่ึง ซ่ึงเท่ากบั ตน้ ทุนคงที่ท้งั หมดนนั่ เอง ใน
248 ระยะส้ันหน่วยผลิตในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์จะตดั สินใจผลิตสินค้าในปริมาณเท่าใด ผูผ้ ลิตจะต้อง พิจารณาเง่ือนไขของรายรับเปรียบเทียบกบั ตน้ ทุนท่ีเกิดข้ึนซ่ึงเป็ นดุลยภาพผูผ้ ลิตเป็ นสถานการณ์ที่ ผผู้ ลิตไดร้ ับกาไรสูงสุด จากเง่ือนไขกาไรเฉล่ียต่อหน่วย เท่ากบั รายรับเฉลี่ยต่อหน่วย ลบตน้ ทุนเฉล่ียต่อ หน่วย (ภราดร, 2550) ดุลยภาพในระยะส้ันของผูผ้ ลิตตลาดแข่งขนั สมบูรณ์สามารถทากาไรเกินปกติ กาไรปกติ หรือ ขาดทุนก็ได้ เนื่องจากเป็ นช่วงเวลาที่จานวนผูผ้ ลิตในตลาดมีจานวนคงที่ จึงทาให้กาไรหรือขาดทุนของ หน่วยธุรกิจข้ึนอยกู่ บั ราคาตลาดของสินคา้ น้นั ๆ ราคา S E P 0 ปริมาณ ภาพแสดงท่ี 6.16 ระดบั ราคาดุลยภาพ ในการตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ ราคา าา P D=MR=AR=P 0 ปริมาณ ภาพแสดงท่ี 6.17 เส้นอุปสงคใ์ นตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์
249 จากภาพแสดงท่ี 6.16 และ 6.17 เนื่องจากระดบั ราคาถูกกาหนดโดยอุปสงคแ์ ละอุปทาน ณ จุด E จึงเป็ นจุดท่ีผูข้ ายทาการขายสินคา้ หรือบริการในปริมาณท่ีเหมาะสมมากท่ีสุด และผูซ้ ้ือก็ซ้ือสินคา้ ใน ปริมาณท่ีเหมาะสมมากท่ีสุดโดยผซู้ ้ือและผขู้ ายจะทาการซ้ือขายกนั ที่จุดที่ MC=MR เรียกวา่ ดุลยภาพใน ตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ (Equilibrium in Perfectly Competitive Market) และจากจุดดุลยภาพท่ี จุด E ราคา ตลาดเท่ากบั P บาท ถา้ ผผู้ ลิตขายสินคา้ ในราคา P บาท ความตอ้ งการซ้ือของผูบ้ ริโภคจะมีอยา่ งไมจ่ ากดั ดงั น้นั เส้นอุปสงคข์ องผูผ้ ลิตแต่ละรายจะเป็ นเส้นขนานกบั แกนนอน ซ่ึงมีความยดื หยนุ่ ของอุปสงค์ต่อ ราคาเป็ นอนันต์ และถ้าผูผ้ ลิตรายใดขายสินค้าสูงกว่าราคา P จะไม่ได้รับอุปสงค์ของผูบ้ ริโภคเลย สาหรับรายรับของผูผ้ ลิตน้นั จะเท่ากบั ราคาตลาดคูณดว้ ยจานวนการผลิต เน่ืองจากอุปสงคข์ องตลาดท่ีมี อย่างไม่จากัด รายรับเฉลี่ยจะเท่ากบั ราคาตลาด รายรับส่วนเพ่ิมจะเท่ากบั ระดับราคาตลาดเช่นกัน เนื่องจากผูผ้ ลิตแต่ละรายขายสินคา้ ที่ระดบั ราคาตลาดเท่ากนั รายรับส่วนเพ่ิมจะคงท่ีทาให้เส้นรายรับ ส่วนเพิ่มเป็ นเส้นเดียวกบั เส้นอุปสงค์ดงั รูป จึงทาให้เส้นอุปสงค์ราคาตลาดและรายรับเพ่ิมเป็ นเส้น เดียวกนั ยกตวั อยา่ งการหาดุลยภาพระยะส้ันของส้มในตลาด โดยส้มที่จาหน่ายในทอ้ งตลาดเป็ นสินคา้ ท่ี ผบู้ ริโภคมองวา่ เหมือนกนั ทุกประการ โดยมีปริมาณความตอ้ งการซ้ือและตอ้ งการขายส้มท้งั สิ้น 8 ลา้ น กิโลกรัม และราคาส้มจาหน่ายกิโลกรัมละ 3 บาท ระดบั ราคาดงั กล่าวเป็ นราคาที่ถูกกาหนดโดยอุปสงค์ และอุปทานของตลาดส้ม ซ่ึงสามารถวเิ คราะห์รายรับตา่ ง ๆ และดุลยภาพระยะส้นั ตอ่ ไปน้ี TR PQ 3 8,000,000 TR 24,000,000 AR TR 24,000,000 3 Q 8,000,000 ดงั น้นั P = D = AR = MR จากการวเิ คราะห์รายรับตา่ ง ๆ และดุลยภาพระยะส้นั สามารถนามาเขียนกราฟไดด้ งั น้ี
250 ราคา S 3 ปริมาณ 8 ภาพแสดงที่ 6.18 ดุลยภาพระยะส้ันของส้มในตลาด ราคา P=D=AR=MR 3 ปริมาณ 8 ภาพแสดงที่ 6.19 ระดบั ราคาส้มของดุลยภาพระยะส้ัน
251 จากภาพแสดงที่ 6.18 และ 6.19 แสดงให้เห็นว่าว่าราคาดุลยภาพของสินคา้ ชนิดน้ีถูกกาหนด โดยอุปสงคแ์ ละอุปทานของตลาด ทาใหร้ าคาสินคา้ ชนิดน้ีหน่วยละ 3 บาทซ่ึงเป็นราคาที่ผผู้ ลิตแต่ละราย จะตอ้ งขายสินคา้ ในราคาหน่วยละ 3 บาท เพราะถา้ ขายในราคาที่สูงกวา่ 3 บาท จะไม่มีผบู้ ริโภคคนใด ซ้ือสินคา้ จากหน่วยผลิตน้ีแต่จะหนั ไปซ้ือของผผู้ ลิตรายอ่ืน ๆ ที่มีอยูม่ ากมาย เนื่องจากสินคา้ ในตลาดน้ี ไม่มีความแตกต่างกนั และไม่มีเหตุผลใดที่หน่วยผลิตรายน้ีจะขายสินคา้ ในราคาท่ีต่ากวา่ 3 บาทเพราะ ผผู้ ลิตกย็ งั สามารถขายไดแ้ ละจะขายไดใ้ นปริมาณที่ไมจ่ ากดั ยกตวั อยา่ ง การวิเคราะห์ดุลยภาพในระยะส้ันของลาไยที่จาหน่ายในทอ้ งตลาดนบั วา่ เป็ นสินคา้ ท่ีเหมือนกนั ทุกประการ โดยมีปริมาณความตอ้ งการซ้ือและตอ้ งการขายลาไยท้งั สิ้น 6 ลา้ นกิโลกรัม และ ราคาลาไยจาหน่ายกิโลกรัมละ 2 บาท ระดบั ราคาดงั กล่าวเป็นราคาที่ถูกกาหนดโดยอุปสงคแ์ ละอุปทาน ของตลาดลาไย ซ่ึงสามารถวเิ คราะห์ไดด้ งั ต่อไปน้ี TR PQ 26,000,000 AR TR 12,000,000 2 Q 6,000,000 ดงั น้นั P = D = AR = MR จากการวเิ คราะห์รายรับต่าง ๆ และดุลยภาพระยะส้นั สามารถนามาเขียนกราฟไดด้ งั น้ี ราคา S 2 D 0 ปริมาณ 6 ภาพแสดงที่ 6.20 ดุลยภาพระยะส้ันของลาไย
252 ราคา P=D=AR=MR 2 ปริมาณ 6 ภาพแสดงที่ 6.21 ราคาดุลยภาพระยะส้ันของลาไย จากภาพแสดงท่ี 6.20 และ 6.21 แสดงถึงราคาดุลยภาพของสินคา้ ชนิดน้ีท่ีถูกกาหนดโดยอุป สงคแ์ ละอุปทานของตลาด ทาใหร้ าคาสินคา้ เทา่ กบั หน่วยละ 2 บาท ซ่ึงเป็นราคาท่ีผผู้ ลิตแตล่ ะรายจะตอ้ ง ขายสินคา้ ในราคาหน่วยละ 2 บาท เพราะถา้ ขายในราคาที่สูงกวา่ 2 บาทจะไม่มีผูบ้ ริโภคคนใดซ้ือสินคา้ จากหน่วยผลิตน้ี แตจ่ ะหนั ไปซ้ือของผผู้ ลิตรายอ่ืน ๆ ที่มีอยมู่ ากมาย เน่ืองจากสินคา้ ในตลาดน้ีไม่มีความ แตกต่างกนั และไม่มีเหตุผลใดท่ีหน่วยผลิตรายน้ีจะขายสินคา้ ในราคาท่ีต่ากว่า 2 บาทเพราะผูผ้ ลิตก็ยงั สามารถขายไดแ้ ละจะขายไดใ้ นปริมาณท่ีไม่จากดั นน่ั เอง ดุลยภาพระยะยาวในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ (Long-Run Equilibrium) เนื่องจากตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ผูผ้ ลิตรายใหม่สามารถเขา้ สู่ตลาดไดท้ นั ที ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ในระยะยาวจึงเกิดข้ึนจากผผู้ ลิตรายใหม่ที่เขา้ มาในตลาด ภายใตส้ มมติฐานท่ีวา่ การผลิตในตลาดมีกาไร เกินปกติ ดงั น้นั ในตลาดท่ียงั มีกาไรเกินปกติผูผ้ ลิตรายใหม่จะเขา้ สู่ตลาดเพิ่มมากข้ึน ทาให้อุปทานของ สินคา้ เพ่ิมข้ึนส่งผลใหร้ ะดบั ราคาดุลยภาพลดลดลง รวมท้งั รายรับเฉล่ียและรายรับเพ่ิมของผูผ้ ลิตแต่ละ รายก็ลดลดลงดว้ ย จนกระทง่ั ผูผ้ ลิตไม่มีกาไรส่วนเพ่ิมซ่ึงเป็ นการเขา้ สู่ดุลยภาพในระยะยาวท่ีรายรับ เฉลี่ยเท่ากบั ต้นทุนเฉลี่ย ผูผ้ ลิตจะทาการผลิตที่จุดต่าที่สุดของตน้ ทุนเฉล่ียในระยะยาว (Long Run Average Cost หรือ LAC) หรือ ราคาเท่ากบั จุดต่าที่สุดของตน้ ทุนเฉล่ีย และ SMC = LMC ผผู้ ลิตจะเขา้ หรือออกจากการแข่งขนั ไดอ้ ยา่ งเสรีในระยะยาวเมื่อเห็นวา่ ไดก้ าไรหรือขาดทุน ดงั น้นั ดุลภาพระยะยาว จึงมีเพียงกาไรปกติเท่าน้นั ท้งั น้ีในการหาดุลยภาพการผลิตในระยะยาวน้นั ส่ิงท่ีพิจารณาตอ้ งอยู่ภายใต้ ขอ้ สมมุติคือ เง่ือนไขกาไรสูงสุดแบบการผลิตระยะส้ันโดยตน้ ทุนระยะยาว คือ LMC = LMR = P ซ่ึงทา ให้ผูผ้ ลิตมีโอกาสเปล่ียนแปลงขนาดโรงงานหรือเลิกผลิตได้หากเห็นว่าไม่คุม้ ทุน และจากเงื่อนไขที่ สามารถเขา้ ออกตลาดไดอ้ ยา่ งเสรีของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์น้นั จึงสรุปไดว้ า่ ในระยะยาวราคาตอ้ งเท่ากบั
253 จุดต่าที่สุดของตน้ ทุนเฉล่ีย และจะตอ้ งใชโ้ รงงานที่มีขนาดเหมาะสม (Optimum Size) ท่ีมีตน้ ทุนเฉล่ียต่า ที่สุดและ SMC = LMC ถา้ ราคาสูงกวา่ จุดต่าท่ีสุดของตน้ ทุนเฉล่ียผูผ้ ลิตจะมีกาไรเกินปกติ แต่ในทาง ตรงขา้ มกนั ถา้ ราคาอยตู่ ่ากวา่ ตน้ ทุนเฉล่ียผผู้ ลิตจะทนการขาดทุนไม่ไดแ้ ละจะตอ้ งเลิกกิจการ ดงั น้นั เพื่อ ความอยรู่ อดผผู้ ลิตจะตอ้ งปรับปรุงโรงงานใหม้ ีขนาดโรงงานท่ีมีตน้ ทุนต่าที่สุด ซ่ึงจะแสดงวา่ ดุลยภาพ การผลิตในระยะยาวกต็ อ้ งอยใู่ นดุลยภาพการผลิตระยะส้นั เช่นกนั ดงั ภาพ ราคา LMC SMC SAC LAC P D = MR = AR =P E 0 ปริมาณ Q ภาพแสดงท่ี 6.22 ดุลยภาพการผลิตระยะยาว จากภาพแสดงที่ 6.22 ดงั กล่าวเป็ นการแสดงถึงดุลยภาพการผลิตในระยะยาวของผูผ้ ลิตแต่ละ รายในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ท่ีจะทาการผลิตท่ีปริมาณผลผลิต ณ SMC = LMC = MR = P เท่ากบั จุดต่า ที่สุดของ LAC ซ่ึงระดบั ผลผลิตท่ีทาใหห้ น่วยผลิตในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์อยใู่ นดุลยภาพระยะยาวคือ ระดบั ผลผลิตที่ทาให้ SMC = LMC = SAC = LAC = P =MR ดงั น้นั ในระยะยาวผูผ้ ลิตจึงตอ้ งปรับปรุง โรงงานใหโ้ รงงานขนาดที่มีตน้ ทุนต่าที่สุด ยกตวั อย่าง การหาดุลภาพระยะยาวในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ของราคาน้าอดั ลมในตลาดท่ีขาย หน่วยละ 20 บาท ซ่ึงธุรกิจมีการแข่งขนั กนั อยา่ งสมบูรณ์และอยูใ่ นดุลยภาพระยะยาว ณ จุด A ตรงที่ P หรือ MR = SMC = LMC > SAC = LAC ผผู้ ลิตจะเสนอขายผลผลิต 500 ลา้ นหน่วย ถา้ การใชข้ นาดของ โรงงานท่ีเหมาะสมมากท่ีสุด (แสดงโดย SAC2) ณ จุด B ธุรกิจจะทากาไรไดห้ น่วยละ 5 บาทและกาไร รวมเป็น 2,500 ลา้ นบาท โดยสามารถวเิ คราะห์ดุลภาพระยะยาวในตลาดไดด้ งั น้ี
254 LMC ราคา SMC A SAC2 20 D2 MR2 LAC 15 B SAC1 D1 MR1 10 C ปริมาณ (ลา้ นหน่วย) 0 300 500 ภาพแสดงท่ี 6.23 ดุลยภาพระยะยาวในตลาด จากภาพแสดงท่ี 6.23 จะเห็นไดว้ า่ ณ จุด B ในระยะยาวผูผ้ ลิตยงั มีกาไรส่วนเกินทาให้มีผูผ้ ลิต รายอ่ืนเขา้ มาแข่งขนั ในอุตสาหกรรมมากข้ึนและทาให้อุปสงคข์ องตลาดมากข้ึน จึงทาใหร้ าคาดุลยภาพ น้นั ลดลงจนกระทงั่ จุดดุลยภาพอยทู่ ี่จุด C ซ่ึงเป็ นจุดท่ี P = MR = SMC = LMC = SAC = LAC ณ ระดบั ราคา 10 บาท และผผู้ ลิตจะผลิตในขนาดโรงงานที่เหมาะสม (SAC 1) ที่ปริมาณ 300 ลา้ นหน่วย จึงเรียก จุด C วา่ “จุดดุลยภาพในระยะยาว” เพราะเป็นจุดที่ทาใหม้ ีกาไรเท่ากบั ศูนยซ์ ่ึงเป็ นกาไรปกติ โดยเป็ นจุด ท่ีไมม่ ีผผู้ ลิตตอ้ งการออกจากตลาดและไมม่ ีผผู้ ลิตรายใหม่ตอ้ งการเขา้ สู่ตลาดเช่นกนั ยกตวั อยา่ ง การหาดุลยภาพในระยะยาวของราคาปากกาหน่วยละ 15 บาท ซ่ึงเป็ นธุรกิจแข่งขนั กนั อยา่ งสมบูรณ์และอยใู่ นดุลยภาพระยะยาว ณ จุด A ตรงที่ P หรือ MR = SMC = LMC > SAC = LAC ผผู้ ลิตจะเสนอขายผลผลิต 500 ลา้ นหน่วย ถา้ การใชข้ นาดของโรงงานท่ีเหมาะสมมากท่ีสุด (แสดงโดย SAC2) ณ จุด B ธุรกิจจะทากาไรไดห้ น่วยละ 3 บาทและกาไรรวมเป็น 1,500 บาทโดยสามารถวเิ คราะห์ ดุลภาพระยะยาวในตลาดไดด้ งั น้ี
255 ราคา SAC2 SMC LAC A 15 D2 MR2 12 B SAC1 D1 MR1 10 C LMC 0 ปริมาณ (ลา้ นหน่วย) 200 500 ภาพแสดงที่ 6. 24 ดุลยภาพในระยะยาว จากภาพแสดงที่ 6.24 จะเห็นวา่ ณ จุด B ในระยะยาว ผผู้ ลิตยงั มีกาไรส่วนเกิน ทาใหม้ ีผผู้ ลิตราย อื่นเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรมมากข้ึน อุปสงค์ของตลาดจึงมากข้ึน ทาให้ราคาดุลยภาพลดลง จนกระทง่ั จุดดุลยภาพอยูท่ ี่จุด C ซ่ึงเป็ นจุดที่ P = MR = SMC = LMC = SAC = LAC ณ ระดบั ราคา 10 บาท ผผู้ ลิตจะผลิตในขนาดโรงงานที่เหมาะสม (SAC 1) ที่ปริมาณ 200 ลา้ นหน่วย และจะมีกาไรเท่ากบั ศูนยซ์ ่ึงเป็ นกาไรปกติ โดยจุดท่ีไม่มีผูผ้ ลิตตอ้ งการออกจากตลาดและไม่มีผผู้ ลิตรายใหม่ตอ้ งการเขา้ สู่ ตลาดน้ีเรียกวา่ “จุดดุลยภาพในระยะยาว” ยกตวั อย่าง การเขา้ สู่ดุลยภาพในระยะยาวที่ผูผ้ ลิตมีกาไรปกติเท่าน้ัน โดยสินคา้ ชนิดหน่ึงมี ราคาตลาดเท่ากบั 150 บาท ผผู้ ลิตจะเลือกโรงงาน SAC และเสนอขายสินคา้ ในปริมาณ 300 หน่วย และ จะไดก้ าไรส่วนเกินทาให้ผผู้ ลิตเพ่ิมข้ึน จึงทาให้ราคาและกาไรท่ีไดล้ ดลงจนราคาตลาดเท่ากบั 100 บาท มีผเู้ สนอขายสินคา้ 200 หน่วยจึงเขา้ สู่ดุลยภาพในระยะยาว ที่ผูผ้ ลิตมีกาไรปกติเท่าน้นั ดงั น้นั การเขา้ สู่ ภาพดุลยภาพในระยะยาวที่ผผู้ ลิตมีกาไรปกติจึงแสดงไดด้ งั กราฟต่อไปน้ี
ราคา SAC 256 ตน้ ทุน LMC 150 LAC D3 AR3 MR3 100 D2 AR2 MR2 50 D1 AR1 MR1 0 ปริมาณผลผลิต 100 200 300 (หน่วย) ภาพแสดงท่ี 6.25 ดุลยภาพระยะยาวท่ีผผู้ ลิตมีกาไรปกติ การวเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์กรณกี าไรและขาดทุน การวเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์น้นั สามารถแบ่งได้ 2 กรณีคือ การวเิ คราะห์จุด ดุลยภาพในกรณีกาไรและการวเิ คราะห์จุดดุลยภาพในกรณีขาดทุน ซ่ึงมีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี การวเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์กรณกี าไร เน่ืองจากจุดดุลยภาพของผผู้ ลิตในตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์คือ จุดที่ตน้ ทุนส่วนเพม่ิ เทา่ กบั รายรับส่วน เพ่ิม (MC=MR) และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงราคาผผู้ ลิตก็จะมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิต จึงส่งผล ให้ปริมาณการผลิตรวมท้งั ตลาดเปล่ียนไปดว้ ย ดงั น้ันในการวิเคราะห์จุดดุลยภาพของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์จึงตอ้ งวเิ คราะห์ดว้ ยการกาหนดราคาในแตล่ ะระดบั ร่วมกบั ปริมาณผลผลิตรวม ดงั ตอ่ ไปน้ี
ราคา ตน้ ทุน รายได้ 257 P1 MC P2 D1 MR1 AR1 P1 P3 P4 AC D2 MR2 AR2 P2 AVC D3 MR3 AR3 P3 D4 MR4 AR4 P4 0 ปริมาณ Q1 Q2 Q3 Q4 ภาพแสดงท่ี 6.26 เส้นอุปทานของหน่วยผลิตในระยะส้นั จากภาพแสดงที่ 6.26 สามารถวิเคราะห์ดุลยภาพของผูผ้ ลิตในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ไดเ้ ป็ นสอง กรณี คือ กรณีที่ผูผ้ ลิตมีกาไรและผูผ้ ลิตขาดทุน โดยจะเห็นได้ว่าดุลยภาพของผูผ้ ลิตในตลาดแข่งขัน สมบูรณ์น้นั ข้ึนอยู่กบั ราคาตลาด ถา้ หากราคาสินคา้ อยู่ท่ี P1 บาทจุดดุลยภาพจะอยู่ที่จุด A ซ่ึงเป็ นจุดท่ี รายรับส่วนเพิ่มเท่ากบั ตน้ ทุนส่วนเพม่ิ (MR = MC) และปริมาณสินคา้ จะเท่ากบั Q4 เป็ นจุดที่รายรับรวม สูงกวา่ ตน้ ทุนรวม เมื่อผผู้ ลิตมีรายรับรวมสูงกวา่ ตน้ ทุนรวมที่จุดดุลยภาพน้ีผผู้ ลิตจะไดร้ ับกาไรเกินปกติ (Abnormal Profit) ดงั น้นั ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ระยะส้นั ผผู้ ลิตอาจไดร้ ับกาไรเกินปกติได้ ถา้ ราคา (P) มากกวา่ ตน้ ทุนการผลิต (C) ผูผ้ ลิตจะไดร้ ับกาไรเกินปกติเท่ากบั พ้ืนท่ีใตก้ ราฟส่ีเหลี่ยม PABC ดงั ภาพ แสดงที่ 6.27
258 ตน้ ทุนรายได้ MC D1 MR1 AR1 P1 A P1 AC C B 0 ปริมาณ Q1 ภาพแสดงท่ี 6.27 ดุลยภาพกรณีท่ีไดร้ ับกาไรเกินปกติ จากภาพแสดงท่ี 6.27 ถา้ ราคาสินคา้ อยูท่ ี่ P2บาท จุดดุลยภาพจะอยูท่ ี่จุดรายรับส่วนเพ่ิมเท่ากบั ตน้ ทุนส่วนเพิ่ม (MR = MC) โดยปริมาณสินคา้ จะเท่ากบั Q2ซ่ึงเป็ นราคาท่ีเท่ากบั จุดต่าที่สุดของเส้น ตน้ ทุนเฉล่ีย (P=AC) และเป็ นจุดที่รายรับเฉล่ียเท่ากบั ตน้ ทุนเฉล่ียพอดี โดยจุดดุลยภาพน้ีผูผ้ ลิตได้รับ กาไรปกติหรือเรียกวา่ “จุดคุม้ ทุน (Break-Even Point) ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์” และจากภาพแสดงที่ 6.27 ผูผ้ ลิตจะได้กาไรเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากบั CP (รายรับเฉลี่ยลบตน้ ทุนเฉล่ีย) และขายในจานวน Q1 ดงั น้นั กาไรเกินปกติท่ีผผู้ ลิตไดร้ ับคือ CP * CB เทา่ กบั พ้ืนที่ PABC นนั่ เอง
ราคา ตน้ ทุน รายรับ 259 D 20 MC 18.5 AC ปริมาณ 900 ภาพแสดงท่ี 6.28 เส้นอุปทานในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ จากภาพแสดงที่ 6.28 เน่ืองจากจุดดุลยภาพอยู่ท่ีตาแหน่งเส้นตน้ ทุนเพิ่มตดั กบั รายรับเพิ่ม ณ ปริมาณเท่ากบั 900 หน่วย ตน้ ทุนต่อหน่วยเท่ากบั 18.5 บาท ราคาต่อหน่วยเท่ากบั 20 บาท รายรับรวม (TR) เทา่ กบั 16,650 บาท ตน้ ทุนรวม (TC) เทา่ กบั 18,000 บาท และกาไรสุทธิเท่ากบั 1,350 บาท ซ่ึงเป็ น กาไรเกินปกติจึงทาใหม้ ีผคู้ า้ ในตลาดเพิ่มมากข้ึน ส่งผลใหร้ าคาลดลงและจุดดุลยภาพเลื่อนลงมาอยู่ ณ ระดบั ราคา 18 บาท ตน้ ทุนเฉล่ียเท่ากบั 18 บาท ปริมาณเท่ากบั 600 หน่วย รายรับรวม (TR) และตน้ ทุน รวม (TC) เท่ากบั 10,800 บาท ซ่ึงเป็ นจุดคุม้ ทุนในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และเป็ นจุดท่ีเกิดกาไรปกติ นน่ั เอง ยกตวั อยา่ ง การวเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ของบริษทั ผลิตแกว้ น้าแห่งหน่ึงมี ราคา (P) ปริมาณ (Q) ตน้ ทุนรวมเฉลี่ย (ATC) ตน้ ทุนเพ่ิม (MC) และรายรับเพ่ิม (MR) โดยสามารถ วเิ คราะห์ไดด้ งั น้ี
260 ราคา MC ATC 13 D 11.5 11 ปริมาณ 600 ภาพแสดงที่ 6.29 เส้นอุปทานในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ จากภาพแสดงท่ี 6.29 แสดงถึงจุดดุลยภาพท่ีอยู่ ณ ตาแหน่งเส้น MC ตดั กบั MR ปริมาณเท่ากบั 600 หน่วย ตน้ ทุนต่อหน่วยเท่ากบั 11.5 บาท ราคาต่อหน่วยเท่ากบั 13 บาท ตน้ ทุนรวม (TR) เท่ากบั 6,900 บาท รายรับรวม (TC) เท่ากบั 7,800 บาท และกาไรเท่ากบั 900 บาท ซ่ึงเป็ นกาไรเกินปกติและจะ ทาให้มีผูค้ า้ ในตลาดเพ่ิมมากข้ึน จึงทาให้ราคาลดลงโดยจุดดุลยภาพเลื่อนลงมาอยู่ที่จุดกาไรปกติหรือ จุดคุม้ ทุนในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์คือ ณ ระดบั ราคา 11 บาท ตน้ ทุนเฉล่ียเท่ากบั 11 บาท ปริมาณผลิต เท่ากบั 400 หน่วย รายรับรวมและตน้ ทุนรวมเท่ากบั 4,400 บาท การวเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดแข่งขันสมบูรณ์กรณขี าดทนุ เนื่องจากผผู้ ลิตในระยะส้ันอาจมีตน้ ทุนสูงกวา่ ราคาสินคา้ จากการผลิตท่ีไม่มีประสิทธิภาพ จึง ทาให้ผูผ้ ลิตพบกบั การขาดทุน ดงั น้นั ในการวิเคราะห์จุดดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์กรณีขาดทุน น้นั ผผู้ ลิตมีสองทางเลือก ไดแ้ ก่ 1. กรณขี าดทนุ แต่ทาการผลติ ต่อ ถา้ จุดดุลยภาพอยทู่ ี่จุด A ณ ระดบั ราคาสินคา้ อยทู่ ่ี P3บาท (จาก รูปแสดงท่ี 7.30) ซ่ึงเป็ นจุดท่ีรายรับส่วนเพิ่มเท่ากบั ตน้ ทุนส่วนเพิ่ม (MR = MC) โดยปริมาณสินคา้ จะ เท่ากบั Q3 ซ่ึงเป็นราคาท่ีทาใหผ้ ูผ้ ลิตขาดทุนเน่ืองจากราคาต่ากวา่ ตน้ ทุนเฉลี่ย อยา่ งไรก็ตามที่จุดดงั กล่าว ผูผ้ ลิตจะยงั คงดาเนินการผลิตอยู่ เพราะรายรับเฉลี่ยสูงกวา่ ตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ยแสดงถึงการดาเนินการ ผลิตที่ขาดทุนนอ้ ยกวา่ การเลิกผลิต ดงั น้นั การดาเนินการผลิตต่อของผผู้ ลิตจะตดั สินใจโดยพิจารณาจาก
261 รายรับรวมเทียบกบั ตน้ ทุนแปรผนั รวม ถา้ หากรายรับเพิ่มมากกว่าตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย (MR > AVC) ผผู้ ลิตกจ็ ะทาการผลิตตอ่ ไป ตน้ ทุน รายได้ MC C ATC ขาดทุน AVC P3 D = A 0 = ปริมาณ Q3 ภาพแสดงที่ 6.30 จุดดุลยภาพกรณีท่ีขาดทุนนอ้ ยสุด จากภาพแสดงที่ 6.30 จะเห็นได้ว่าผูผ้ ลิตมีตน้ ทุนท่ี OC และราค=าสินคา้ ในตลาดเท่ากบั OP ดงั น้นั จึงทาให้ผูผ้ ลิตขาดทุนเท่ากบั CP*OQ เม่ือผผู้ ลิตขาดทุนเฉล่ียเท่ากบั CP และผผู้ ลิตขายสินคา้ ได้ จานวน OQ หน่วย 2. กรณขี าดทุนและหยุดการผลิต ถา้ ดุลยภาพอยูท่ ี่จุด D ณ ระดบั ราคาสินคา้ อยทู่ ี่ P4 บาทซ่ึงจุด เป็ นจุดสุดทา้ ยท่ีผูผ้ ลิตจะทาการผลิต เน่ืองจากเป็ นจุดท่ีรายรับส่วนเพ่ิมเท่ากบั ตน้ ทุนส่วนเพ่ิม (MR = MC) และเป็ นจุดที่รายรับเท่ากบั ตน้ ทุนคงท่ีเฉลี่ยพอดี โดยปริมาณสินคา้ จะเท่ากบั Q4 ซ่ึงเป็ นจุดต่าท่ีสุด ของเส้นตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ย (AVC) แสดงถึงราคาที่ต่าท่ีสุดที่ผผู้ ลิตจะทาการผลิตอยู่ แตถ่ า้ ราคาต่ากวา่ P4 ผูผ้ ลิตจะเลิกทาการผลิตเพราะจะทาให้ขาดทุนมากกว่าการผลิต ซ่ึงเรียกว่า จุดปิ ดกิจการ (Shutdown Point) ดงั น้นั การท่ีผูผ้ ลิตจะไม่ผลิตอีกต่อไปหรือหยดุ ผลิตจะพิจารณาไดจ้ ากการท่ีตน้ ทุนเพ่ิมมากกวา่ ตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย (MR < AVC) นน่ั เอง
262 ยกตวั อยา่ ง การหยดุ ผลิตของผผู้ ลิตดินสอในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์แห่งหน่ึงมีรายรับ ตน้ ทุนการ ผลิตเฉลี่ย ตน้ ทุนผนั แปรเฉลี่ย และรายรับเพิ่ม ซ่ึงสามารถวิเคราะห์ดุลยภาพในตลาดสมุดไดด้ งั กราฟ ตอ่ ไปน้ี รายรับ ตน้ ทุน MC ราคา ATC 16 AVC 15 14 P=AR=MR ปริมาณ 600 ภาพแสดงท่ี 6.31 จุดดุลยภาพกรณีที่ขาดทุนและหยดุ การผลิต จากภาพแสดงที่ 6.31 จะเห็นไดว้ า่ ตน้ ทุนต่อหน่วยเท่ากบั 16 บาท ราคาต่อหน่วยเท่ากบั 14 บาท รายรับรวม (14 x 600) เท่ากบั 8,400 บาท และตน้ ทุนรวมเท่ากบั พ้ืนท่ี (ATC x Q) เท่ากบั 12,800 บาท เนื่องจากตน้ ทุนรวมสูงกวา่ รายรับรวมธุรกิจน้ีจึงขาดทุนจานวน 4,400 บาท ซ่ึงราคาขายท่ี 14 บาทเป็ น ราคาที่ต่ากวา่ ตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย 15 บาท ดงั น้นั กิจการแห่งน้ีจึงไม่ไดท้ าการผลิตหรือทาใหไ้ ม่มีผูผ้ ลิต ในตลาดแห่งน้ี
263 ยกตวั อย่าง การหยุดผลิตของผูผ้ ลิตสมุดในตลาดสมบูรณ์แห่งหน่ึงมีรายรับ ตน้ ทุนการผลิต เฉล่ีย ตน้ ทุนผนั แปรเฉล่ีย และรายรับเพิ่ม ซ่ึงสามารถวเิ คราะห์ดุลยภาพไดด้ งั น้ี รายรับ ตน้ ทุน MC ราคา ATC 20 AVC 15 10 P=AR=MR 0 จานวน 600 ผลิต ภาพแสดงที่ 6.32 กรณีขาดทุนและหยดุ การผลิต จากภาพแสดงที่ 6.32 จะเห็นไดว้ า่ ตน้ ทุนตอ่ หน่วยเทา่ กบั 20 บาท ราคาต่อหน่วยเทา่ กบั 10 บาท รายรับรวม (10 x 600) เท่ากับ 6,000 บาท ต้นทุนรวมเท่ากับพ้ืนท่ี (ATC x Q) เท่ากับ 20,000 บาท เน่ืองจากตน้ ทุนรวมสูงกว่ารายรับรวมจึงทาให้ธุรกิจน้ีขาดทุนจานวน 14,000 บาท ซ่ึงราคาขายที่ 10 บาทเป็ นราคาท่ีต่ากวา่ ตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย 15 บาท ดงั น้นั กิจการแห่งน้ีจึงไมไ่ ดท้ าการผลิตและทาใหไ้ ม่ มีผผู้ ลิตในตลาดแห่งน้ี
264 ข้อดีและข้อเสียของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ขอ้ ดีและขอ้ เสียของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์มีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี ข้อดี 1. สินคา้ หรือบริการสามารถตอบสนองความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคไดอ้ ย่างดี เน่ืองจากมีการ คุม้ ครองผลประโยชนข์ องผบู้ ริโภคไม่ใหถ้ ูกเอารัดเอาเปรียบดว้ ยกลไกตลาด 2. ผูผ้ ลิตรายใหม่เขา้ สู่ตลาดไดง้ ่ายเกิดการแข่งขนั ที่สูง และมีการปรับปรุงคุณภาพของสินคา้ ตลอดเวลา ทาให้มีการพฒั นาสินคา้ อยา่ งต่อเนื่องเป็ นการเพ่ิมอุปทานสินคา้ ท่ีผูบ้ ริโภคตอ้ งการใหม้ าก ข้ึน และการแขง่ ขนั น้นั ก่อใหเ้ กิดความเจริญกา้ วหนา้ ทางการผลิตอยา่ งรวดเร็ว 3. ผูผ้ ลิตแข่งขนั กนั ลดตน้ ทุน ทาให้ทรัพยากรถูกใช้อยา่ งคุม้ ค่าเกิดการเลือกใชท้ รัพยากรท่ีมี จากดั โดยใชเ้ ป็นปัจจยั ผลิตสินคา้ และบริการท่ีผบู้ ริโภคส่วนใหญต่ อ้ งการเทา่ น้นั จึงทาใหส้ งั คมมีการใช้ ทรัพยากรต่าง ๆ อยา่ งคุม้ ค่าเพือ่ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ 4. ราคาสินคา้ และบริการที่ถูกกาหนดข้ึนในสภาพการแข่งขนั เป็ นราคาที่ค่อนขา้ งยุติธรรมต่อ ผบู้ ริโภคคือราคาเทา่ กบั ตน้ ทุนเฉลี่ยและตน้ ทุนส่วนเพิ่ม และการผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุดคือผผู้ ลิต จะผลิตสินคา้ ณ จุดต่าที่สุดของเส้นตน้ ทุนเฉลี่ย 5. การแขง่ ขนั ก่อใหเ้ กิดการพฒั นาดา้ นเทคนิคและเทคโนโลยกี ารผลิตเกิดการใชท้ รัพยากรอยา่ ง มีประสิทธิภาพ และก่อใหเ้ กิดการจดั สรรทรัพยากรท่ีมีประสิทธิภาพให้เกิดสินคา้ ท่ีมีความหลากหลาย ข้ึนทาใหไ้ ดส้ ินคา้ และบริการท่ีมีคุณภาพมากยง่ิ ข้ึน 6. ทาให้เสียค่าใช่จ่ายในการส่งเสริมการขายไม่มากเพราะสินคา้ ของแต่ละรายเหมือนกนั ทุก ประการ ข้อเสีย 1. การแข่งขนั ท่ีรุนแรงเกินไป ทาใหผ้ ูผ้ ลิตที่พยายามลดราคามกั ไม่คานึงถึงคุณภาพสินคา้ เช่น กิจการดา้ นสาธารณูปโภค น้าประปาท่ีใชส้ ารเคมีราคาถูกแทนคลอรีน เป็นตน้ นอกจากน้นั ยงั ทาใหไ้ ม่มี แรงจูงใจสาหรับผผู้ ลิตมากนกั เนื่องจากกาไรท่ีไดร้ ับเป็นเพยี งแค่กาไรปกติ 2. การพฒั นาสินคา้ หรือบริการบางอยา่ งเกิดความสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ เน่ืองจากการ พยายามทาใหส้ ินคา้ ตนเองแตกต่างจากผอู้ ื่น 3. ทาใหม้ ีสินคา้ หรือบริการมีหลากหลายรูปแบบเกินความจาเป็น เป็นผลจากการดาเนินกลยุทธ์ การตลาดที่เนน้ รูปลกั ษณ์หรือความทนั สมยั เกินไป และไม่สามารถควบคุมการใชบ้ ริการอยา่ งพอเพียง ได้ อาจทาใหส้ งั คมมีการใชท้ รัพยากรไม่เกิดประโยชนส์ ูงสุด 4. ทาให้บางองค์กรหรือหน่วยงานรัฐแข่งขนั กบั ผูผ้ ลิตรายอื่นไดย้ าก เพราะไม่สามารถพฒั นา ศกั ยภาพใหแ้ ขง่ ขนั ได้ หรือปรับเปลี่ยนวฒั นธรรมองคก์ รไดท้ นั กบั ความตอ้ งการในตลาด
265 5. ไม่จูงใจให้มีการพฒั นาการผลิต ผ่านการวิจยั และพฒั นา และผูบ้ ริโภคไม่ไดร้ ับความพอใจ สูงสุดจากสินคา้ ท่ีไม่หลากหลาย 6. การแข่งขนั อาจทาใหผ้ ผู้ ลิตรายยอ่ ยเสียเปรียบทางการแข่งขนั และการแข่งขนั ที่สูงข้ึนทาให้ ตน้ ทุนการผลิตสูงข้ึนทาใหผ้ ผู้ ลิตตอ้ งซ้ือสินคา้ ในราคาที่แพงข้ึนนนั่ เอง ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์และลกั ษณะตลาดผูกขาด ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ (Imperfectly competitive Market) หมายถึง ตลาดที่ผผู้ ลิตสามารถใช้ อิทธิพลในการกาหนดราคาและปริมาณผลผลิตไดต้ ามใจตนเองในระดบั หน่ึง ผผู้ ลิตมีความสามารถใน การกาหนดราคาตลาดโดยอาศยั ความสามารถในการกาหนดราคาหรือปริมาณของสินคา้ ซ่ึงข้ึนอยู่กบั อานาจทางการตลาดท่ีตนมีอยู่ ดงั น้นั ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์จึงเป็ นตลาดที่มีผูซ้ ้ือผขู้ ายจานวนไม่มาก ในตลาดหรืออาจจะมีผูข้ ายเพียงหน่ึงรายหรือจานวนหน่ึง ซ่ึงสินคา้ มีลกั ษณะแตกต่างกนั ทาให้ผูข้ าย สามารถกาหนดราคาสินคา้ ได้ และตลาดแขง่ ขนั ไม่สมบูรณ์เป็ นตลาดท่ีใกลเ้ คียงกบั ตลาดในสภาพความ เป็ นจริงมากท่ีสุด โดยการที่ตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์น้นั เป็ นตลาดท่ีมีสภาพความเป็ นจริงเน่ืองมาจาก สาเหตุของจานวนผซู้ ้ือและผขู้ ายในตลาดมีจานวนไมม่ ากพอ จึงทาใหเ้ กิดอิทธิพลเหนือราคาสินคา้ และ การเขา้ ออกจากอุตสาหกรรมมีการขดั ขวางดว้ ยเทคนิคหรือทุนเช่นเดียวกบั ปัจจยั การผลิต นอกจากน้นั ยงั มีการโฆษณาช้ีชวนให้เห็นวา่ สินคา้ ของตนเหนือกวา่ สินคา้ อื่น เป็ นผลให้ผูบ้ ริโภคเกิดความรู้สึกวา่ สินคา้ แต่ละย่ีห้อที่แตกต่างกนั อีกด้วย โดยสามารถพิจารณาลกั ษณะของตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ได้ ดงั ต่อไปน้ี 1. สินคา้ มีความแตกต่างกนั ไม่สามารถใช้แทนกนั ไดอ้ ย่างสมบูรณ์ผูบ้ ริโภคมีความรู้สึกว่า สินคา้ แตล่ ะชนิดแตกตา่ งกนั (Heterogeneous Product) 2. มีจานวนผูซ้ ้ือหรือผูข้ ายไม่มาก ทาให้ผูซ้ ้ือหรือผูข้ ายมีความสามารถในการกาหนดราคา สินคา้ (Price Maker) 3. การเขา้ ออกจากตลาดไม่เสรี มีการกีดกนั ดว้ ยอิทธิพลหรือเงินทุนและการเคล่ือนยา้ ยปัจจยั การผลิตเป็นไปอยา่ งไมเ่ สรี 4. ผซู้ ้ือและผขู้ ายรับรู้ขอ้ มูลขา่ วสารเกี่ยวกบั สินคา้ และราคาอยา่ งไม่ทว่ั ถึง เน่ืองจากตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์สามารถแบ่งไดเ้ ป็ น 3 ประเภทคือ ตลาดผูกขาดแทจ้ ริง ตลาด ผูข้ ายน้อยรายและตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึงผูกขาด โดยการพิจารณาจากจานวนผูซ้ ้ือและจานวนผูข้ ายเป็ น เกณฑ์ โดยสามารถลาดบั จานวนจากผูข้ ายมากไปหานอ้ ย คือ ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึง ผกู ขาด ตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายและตลาดผกู ขาด ดงั น้นั จึงทาใหล้ กั ษณะความลาดเอียงของเส้นอุปสงคน์ ้นั เรียงลาดบั ความลาดเอียงจากตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ลาดเอียงน้อยไปหาตลาดผูกขาดที่มีความลาดเอียง มากที่สุด และตลาดแขง่ ขนั ไมส่ มบูรณ์จะแตกต่างกบั ตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ดงั ต่อไปน้ี
266 ตารางที่ 6.5 ความแตกต่างระหวา่ งตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และตลาดแขง่ ขนั ไมส่ มบูรณ์ จานวนผผู้ ลิต ตลาดแขง่ ขนั ตลาดผกู ขาด ตลาดผขู้ ายนอ้ ย ตลาดก่ึงแขง่ ขนั ลกั ษณะสินคา้ สมบูรณ์ ราย ผกู ขาด มาก รายเดียว นอ้ ย ปานกลาง การเขา้ สู่ตลาด เหมือนกนั แตกตา่ งสิ้นเชิง ของผคู้ า้ รายอ่ืน เหมือนหรือ แตกตา่ งกนั บา้ ง อตั ราการกระจุก ง่าย ไมม่ ีทาง แตกตา่ งกนั บา้ ง ปานกลาง ตวั ไมม่ ี ต่า ยาก ตวั อยา่ งสินคา้ สูง ขา้ ว น้าด่ืม ผกั กิจการรถไฟ ปานกลาง ผลไม้ ขา้ วโพด ประปา โรงกลนั่ เส้ือผา้ เคร่ือง รถยนต์ เครือข่าย อุปโภค บริโภค น้ามนั โทรศพั ทม์ ือถือ ทว่ั ไป โซดา นอกจากจานวนผซู้ ้ือและจานวนผขู้ ายเป็ นเกณฑ์ในการใชแ้ บ่งประเภทตลาดแลว้ ยงั มีการการ กีดกนั การเขา้ สู่ตลาด (Barriers to entry) ที่ใชใ้ นการแบง่ ประเภทตลาด โดยการกีดกนั การเขา้ สู่ตลาดเป็ น กระบวนการท่ีทาให้ผูผ้ ลิตรายใหม่ไม่สามารถเขา้ สู่ตลาดที่มีผูผ้ ลิตรายเดิมอยูแ่ ลว้ ไดด้ ว้ ยวิธีต่าง ๆ การ เป็นเจา้ ของปัจจยั การผลิต การไดร้ ับสมั ปทาน การจดลิขสิทธ์ิมาตรการทางศุลกากร หรืออานาจการกีด กนั การเขา้ สู่ตลาดเป็ นสาเหตุท่ีทาให้เกิดอานาจผูกขาดในตลาด (ภราดร, 2550) ไดก้ ล่าวว่า การกีดกนั ทางการคา้ หรือการกีดกนั การเขา้ สู่ตลาด คือ การท่ีรัฐบาลใชม้ าตรการแทรกแซง ลดปริมาณการนาเขา้ สินคา้ มาในประเทศตนหรือลดปริมาณการส่งออกสินค้าของประเทศอื่น เพ่ือปกป้องผูผ้ ลิตสินค้า ภายในประเทศ การใช้มาตรการท่ีทาให้ผูส้ ่งออกมีความสามารถในการแข่งขนั ทางการคา้ กบั ผูผ้ ลิต ภายในประเทศได้น้อยลง เช่น การเก็บภาษีนาเข้าในอัตราสูง หรือการจากัดปริมาณการนาเข้า นอกจากน้นั (ปัจจยั และสมคิด, 2550) กล่าวถึง อุปสรรคต่อการเขา้ สู่ตลาด หมายถึง ปัจจยั ต่าง ๆ ท่ีจะ อาจมีส่วนทาใหผ้ ผู้ ลิตรายใหม่ ๆ ในตลาดไม่สามารถเขา้ ไปผลิตเพื่อแข่งขนั กบั ผูผ้ ลิตรายเดิมท่ีมีอยแู่ ลว้ ทาใหต้ ลาดน้นั มีผผู้ ลิตอยรู่ ายเดียวหรือมีเพียงไม่กี่รายในช่วงเวลาหน่ึง ๆ สาเหตุแห่งการผกู ขาดไดแ้ ก่ 1. ผูผ้ ลิตในตลาดควบคุมอุปทานของทรัพยากรการผลิตที่ใช้ในการผลิตสินคา้ ชนิดน้ันไวแ้ ต่ เพยี งผเู้ ดียว 2. ผูผ้ กู ขาดเป็ นผไู้ ดร้ ับสัมปทานหรือลิขสิทธ์ิตามกฎหมายให้เป็ นผูด้ าเนินกิจการแต่เพียงรายเดียว การคุม้ ครองของกฎหมายเป็นอุปสรรคสาหรับผผู้ ลิตรายอ่ืนในการเขา้ มาแขง่ ขนั
267 3. ผผู้ ลิตไดร้ ับการจดั ต้งั ข้ึนภายใตส้ ิทธิทางการคา้ หรือการผลิตของรัฐบาลหรือบริษทั เอกชนให้ ดาเนินการในอาณาเขตหรือประเทศหน่ึง ๆ เพียงผูเ้ ดียว แต่อยู่ภายใตก้ ารควบคุมของรัฐบาลหรือ บริษทั เอกชนผใู้ หส้ ิทธ์ิน้นั 4. ผูผ้ ลิตอยูใ่ นอุตสาหกรรมท่ีก่อให้เกิดการประหยดั จากขนาด (Economies of scale) หรือการ ลดตน้ ทุนของอุตสาหกรรม (Decreasing cost industry) คือย่งิ ขยายขนาดของการผลิตตน้ ทุนเฉล่ียจะย่ิง ลดลง ดงั น้ัน จึงสรุปไดว้ า่ การกีดกนั ทางการคา้ ทาให้เป็ นผูผ้ ลิตรายใหม่เขา้ สู่ตลาดไดย้ ากและการ แข่งขนั ทางการคา้ ต่า เกิดผูม้ ีอานาจเหนือตลาดข้ึนมาและสามารถควบคุมราคาสินคา้ หรือปริมาณ สินคา้ ไดซ้ ่ึงเรียกวา่ “ตลาดผูกขาด” ความหมายตลาดผกู ขาด ตลาดผกู ขาดคือ ตลาดที่มีผขู้ ายเพียงคนเดียวผูกขาดในสินคา้ ที่มีลกั ษณะเหมือนกนั ทุกประการ สินคา้ แต่ละหน่วยท่ีนาออกขายจะแตกต่างกบั สินคา้ ของผูอ้ ื่นโดยสิ้นเชิง และไม่มีสินคา้ อ่ืนใดที่จะ สามารถใชแ้ ทนสินคา้ ดงั กล่าวได้ การท่ีผผู้ ลิตหรือผูข้ ายมีเพียงรายเดียวทาใหเ้ ป็ นผผู้ กู ขาด และผผู้ กู ขาด น้ีมีอิทธิพลมากในการควบคุมปริมาณการผลิตและการกาหนดราคา (ไพรินทร์ ,2547) และ (จุฑามาศ, 2550) กล่าววา่ ตลาดผูกขาดเกิดข้ึนเมื่อมีหน่วยธุรกิจเพียงรายเดียวขายสินคา้ หรือบริการชนิดหน่ึงซ่ึงไม่ มีสินค้าอ่ืนทดแทนได้ และมีอุปสรรคในการเขา้ มาแข่งขนั ของผูผ้ ลิตรายใหม่ เช่น ในบางพ้ืนที่มีผู้ ใหบ้ ริการโทรศพั ท์ แก๊ส ไฟฟ้าและประปาเป็นผผู้ กู ขาดในทอ้ งถิ่น ซ่ึงหมายถึงการผกู ขาดโดยมีขอ้ จากดั ณ ทอ้ งถิ่นน้นั หรือการผกู ขาดของหน่วยธุรกิจระดบั โลก เช่น เดอเบียร์ (DeBeer) มีการผูกขาดในตลาด เพชรในระหวา่ งประเทศท่ีอยใู่ นเขตใกลเ้ คียง ดงั น้นั จึงสรุปไดว้ า่ ตลาดผูกขาด (Monopoly Market) เป็ นตลาดที่มีผขู้ ายเพียงหน่ึงราย สินคา้ มี ลกั ษณะพิเศษไม่สามารถหาสินคา้ ชนิดอื่นมาใชท้ ดแทนได้ และการเขา้ สู่ตลาดสาหรับผูข้ ายรายอื่นไม่ สามารถทาได้ เนื่องจากถูกกีดกนั ทาให้ผูข้ ายมีอานาจในการกาหนดราคาสินคา้ หรือปริมาณขายตาม ตอ้ งการ ลกั ษณะตลาดผูกขาด ลกั ษณะของตลาดผกู ขาด (Characteristic of Monopoly) มีคุณสมบตั ิดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ปัจจยั การผลิตหรือวตั ถุดิบถูกครอบครองโดยผขู้ ายเพยี งรายเดียว เนื่องจากมีผผู้ ลิตสินคา้ เพียง รายเดียวดงั น้นั ผูผ้ ลิตกบั ตลาดจึงเป็ นส่ิงเดียวกนั เส้นอุปสงค์ของผูผ้ ูกขาดเป็ นเส้นเดียวกบั เส้นอุปสงค์ ของตลาดดว้ ย 2. ผูข้ ายมีอานาจในการกาหนดราคาสินคา้ หรือปริมาณขาย แต่หน่วยธุรกิจจะไม่สามารถ กาหนดปริมาณหรือราคาพร้อมกนั ได้ เพราะว่าเมื่อราคาสินคา้ สูงข้ึนปริมาณเสนอซ้ือสินคา้ จะลดลง
268 ดังน้ ันทาให้หน่วยธุ รกิจต้องเลื อกเป้ าหมายระหว่างการกาหนดราคาหรื อปริ มาณการผลิตสิ นค้าที่ ตอ้ งการเพียงอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเท่าน้นั 3. ผขู้ ายมีอานาจผกู ขาดการขายไม่มีคู่แข่งขนั โดยตรงอนั เน่ืองจากไดร้ ับลิขสิทธ์ิหรือสัมปทาน ในการผลิตหรือเป็นผรู้ ู้เทคนิคการผลิตแตเ่ พียงผเู้ ดียว นอกจากน้นั ยงั ไม่มีการแข่งขนั ทางดา้ นราคาสินคา้ ในตลาดผกู ขาดจึงมีความเป็นมาตรฐานเดียว 4. สินคา้ ของผผู้ ลิตในตลาดผูกขาดเป็ นสินคา้ ที่ทดแทนไดย้ าก และมีการกีดกนั การเขา้ สู่ตลาด ซ่ึงผผู้ ลิตรายใหมไ่ ม่สามารถเขา้ สู่ตลาดได้ สาเหตุของตลาดผกู ขาดสามารถเกิดข้ึนไดจ้ ากสาเหตุ ดงั ต่อไปน้ี 1. ผูผ้ ลิตมีอานาจผูกขาดในวตั ถุดิบท่ีใช้ในการผลิต และรัฐบาลออกกฎหมายให้มีผูผ้ ลิตที่ ผกู ขาดในการสัมปทาน เช่น บริษทั สัมปทานเหมืองแร่ ถ่านหิน เป็นตน้ หรือผผู้ ลิตเป็นเจา้ ของทรัพยากร หรือวตั ถุดิบในการผลิตสาคญั เพียงผเู้ ดียว 2. เป็ นกิจการของรัฐ ส่วนใหญ่เป็ นกิจการสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา เป็ นตน้ เน่ืองจาก กิจการเหล่าน้ีรัฐตอ้ งควบคุมราคาใหป้ ระชาชนไดร้ ับผลประโยชน์อยา่ งทว่ั ถึง 3. ผผู้ ลิตไดร้ ับสิทธิพเิ ศษในการขายหรือเป็นผปู้ ระดิษฐ์ สินคา้ การจดสิทธิบตั ร เช่นสิทธิบตั รใน ส่ิงประดิษฐ์ สิทธิบตั รยา สมั ปทาน การจดลิขสิทธ์ิตามกฎหมาย เป็นตน้ 4. ผูผ้ ลิตมีเทคโนโลยีท่ีทนั สมยั และกิจการมีขนาดใหญ่ใช้เงินลงทุนจานวนมาก ทาให้ใน ทอ้ งถ่ินหน่ึงหรือในประเทศหน่ึงมีกิจการประเภทน้ีไดเ้ พียงกิจการเดียว และไม่มีกิจการรายยอ่ ยแขง่ ขนั ได้ ทาให้เป็ นผูผ้ ูกขาดไปโดยปริยาย เช่น กิจการเหล็กกลา้ อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมประกอบ เคร่ืองบิน เป็นตน้ 5. การให้ใบอนุญาตเช่นใบประกอบวิชาชีพบางประเภท หรือผูผ้ ลิตหลายรายรวมตวั กนั เป็ น บริษทั เดียว อุปสงค์ รายรับเฉลย่ี และรายรับเพมิ่ ในตลาดผูกขาด อปุ สงค์ในตลาดผกู ขาด เนื่องจากตลาดผกู ขาดเป็ นตลาดที่มีผผู้ ลิตรายเดียว อุปสงคข์ องผบู้ ริโภคจึงเท่ากบั อุปสงคข์ องผู้ ผกู ขาด เส้นอุปสงคข์ องตลาดผกู ขาดจึงมีลกั ษณะเป็ นเส้นตรงและความชนั เป็นลบลาดลงจากซา้ ยไปขวา เส้นอุปสงค์ตลาดลกั ษณะน้ีแสดงถึงถา้ ผูผ้ ลิตข้ึนราคาสินคา้ จะทาให้ผูบ้ ริโภคซ้ือสินคา้ นอ้ ยลง หรือถา้ ผูผ้ ลิตลดราคาสินคา้ ผบู้ ริโภคจะซ้ือสินคา้ มากข้ึน แสดงใหเ้ ห็นวา่ แมผ้ ผู้ ลิตจะมีอิทธิพลเหนือตลาด แต่ก็ สามารถกาหนดราคาหรือปริมาณเพียงอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเท่าน้นั โดยถา้ ตอ้ งการขายสินคา้ ใหไ้ ดม้ ากข้ึน จะตอ้ งลดราคาสินคา้ ดงั น้นั หากผผู้ ลิตกาหนดราคาผลผลิตตลาดจะเป็ นผูก้ าหนดปริมาณผลผลิต แต่ถา้ ผผู้ ลิตกาหนดปริมาณผลผลิตตลาดจะเป็นผกู้ าหนดราคาผลผลิตเช่นกนั ดงั ภาพแสดงที่ 6.33
269 ราคา ปริมาณ 0 ภาพแสดงท่ี 6.33 เส้นอุปสงคใ์ นตลาดผผู้ กู ขาด เส้นรายรับเฉลยี่ และรายรับส่วนเพมิ่ ในตลาดผูกขาด เนื่องจากเส้นอุปสงคม์ ีความชนั เป็นลบจะแสดงถึงเม่ือผผู้ ลิตเพิม่ ราคาจะทาใหข้ ายไดน้ อ้ ยลง แต่ ถา้ ลดราคาจะทาใหข้ ายไดม้ ากข้ึนจึงแสดงใหเ้ ห็นวา่ เส้นรายรับเฉลี่ยมีลกั ษณะเดียวกบั เส้นอุปสงค์ ทาให้ ในตลาดผูกขาดเส้นรายรับเฉลี่ยเป็ นเส้นเดียวกบั เส้นอุปสงค์ และทาให้รายรับส่วนเพิ่มลดลงต่าหรือมี ความชนั ติดลบมากกวา่ รายรับเฉลี่ยนน่ั เอง รายรับ ราคา MR D,AR 0 D ปริมาณ ภาพแสดงท่ี 6.34 เส้นอุปสงค์ รายรับเฉล่ีย และรายรับส่วนเพ่มิ ในตลาดผกู ขาด
270 จากภาพแสดงท่ี 6.34 จะเห็นไดว้ ่าเส้นรายรับส่วนเพ่ิมน้นั จะอยูต่ ่ากวา่ เส้นรายรับเฉลี่ย โดยมี ความชนั เป็นสองเท่าของเส้นรายรับเฉล่ียและเส้นอุปสงค์ ดงั น้นั เส้นรายรับเฉล่ียจึงเป็ นเส้นเดียวกบั เส้น อุปสงค์ โดยสามารถคานวณหารายรับรวม รายรับเฉล่ีย และรายรับเพิ่มไดด้ งั น้ี TR PQ (Q) AR TR PQ P Q MR dTR dPQ dQ dQ เน่ืองจากในตลาดผูกขาดราคาสินคา้ ไม่คงท่ี เม่ือผูผ้ ลิตตอ้ งการขายสินคา้ เพ่ิมข้ึนผูผ้ ลิตจึงตอ้ ง ลดราคาสินคา้ ลง และถา้ ผผู้ ลิตเพ่ิมราคาสินคา้ จะทาให้ปริมาณตอ้ งการซ้ือของสินคา้ น้นั มีปริมาณลดลง เช่นกนั ซ่ึงสามารถคานวณหารายรับเพ่มิ ไดด้ งั น้ี MR P QdP dQ ดงั น้นั จึงสรุปไดว้ า่ รายรับส่วนเพ่ิมจะมีค่านอ้ ยกวา่ รายรับเฉล่ียต่อหน่วยทุก ๆ ปริมาณเดียวกนั เน่ืองจาก dP < 0 และทาใหร้ าคาของสินคา้ มีค่าเทา่ กบั รายรับเฉล่ียตอ่ หน่วย จึงส่งผลใหผ้ ผู้ ลิตไดร้ ับกาไร ในรูปแบบตา่ ง ๆ ซ่ึงจะอธิบายในหวั ขอ้ ต่อไป การวเิ คราะห์ตลาดผกู ขาดกรณที ไี่ ม่มีการควบคุมและมกี ารควบคุม การวเิ คราะห์ตลาดผกู ขาดน้นั สามารถแบ่งได้ 2 กรณีคือ การวเิ คราะห์ตลาดผกู ขาดในกรณีท่ีไม่ มีการควบคุมและการวเิ คราะห์ตลาดผกู ขาดในกรณีท่ีมีการควบคุม ซ่ึงจะอธิบายรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี การวเิ คราะห์ตลาดผกู ขาดกรณที ไ่ี ม่มีการควบคุม ในการวิเคราะห์ตลาดผูดขาดกรณีที่ไม่มีการควบคุมน้นั สามารถแบ่งการพิจารณาออกเป็ น 3 กรณี ไดแ้ ก่ 1. กรณีผู้ผลิตได้รับกาไรปกติ เนื่องจากเป็ นระดับผลผลิตที่ทาให้กาไรสูงสุดที่เส้นอุปสงค์ สัมผสั กบั เส้นตน้ ทุนเฉล่ีย ระดบั ผลผลิตดงั กล่าวผูผ้ ลิตสามารถขายผลผลิตไดใ้ นราคาที่เท่ากบั ตน้ ทุน เฉลี่ย (P = AC) หรือมีรายรับเฉล่ียเท่ากบั ตน้ ทุนเฉล่ีย (AR = AC) ดงั น้นั ผูผ้ ลิตจึงไดก้ าไรปกติหรือไม่มี กาไรทางเศรษฐศาสตร์ ดงั ภาพแสดงท่ี 6.35
ตน้ ทุน รายรับ ราคา 271 P MC ATC AVC MR D=AR ปริมาณ 0Q ภาพแสดงท่ี 6.35 ผผู้ ลิตในตลาดผกู ขาดที่ไดก้ าไรปกติ ยกตวั อยา่ ง จุดดุลยภาพท่ีกาไรปกติในตลาดผกู ขาด โดยผูผ้ กู ขาดรายหน่ึงกาหนดราคาสินคา้ ไว้ ที่ 15 บาทต่อหน่วยแต่ตน้ ทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากบั 15 บาท จึงมีกาไร 0 บาทต่อหน่วย ซ่ึงสามารถแสดง ไดด้ งั น้ี รายรับ ราคา MC ATC 15 MR D ปริมาณ 0 70 ภาพแสดงท่ี 6.36 ดุลยภาพในตลาดผกู ขาดกรณีไดร้ ับกาไรปกติ
272 จากภาพ ณ จุด MC = MR เป็นจุดที่เส้นรายรับเฉล่ียตดั กบั เส้นตน้ ทุนรวมเฉลี่ย ซ่ึงผผู้ ลิตจะผลิต ที่ปริมาณ 70 หน่วย และขายที่ราคา 15 บาท ตน้ ทุนต่อหน่วยเท่ากบั 15 บาท จึงแสดงให้เห็นวา่ ผูผ้ ลิต ไดร้ ับเพียงกาไรปกติเท่าน้นั 2. กรณผี ู้ผลติ ได้รับกาไรเกนิ ปกติ ในตลาดผูกขาดน้นั ผูผ้ ลิตจะมีอานาจในการกาหนดราคาหรื อปริมาณอย่างสมบูรณ์ เมื่อผูผ้ ลิตกาหนดราคาตลาดจะเป็ นผูก้ าหนดปริมาณ แต่ถา้ เม่ือผูผ้ ลิตกาหนด ปริมาณตลาดกจ็ ะเป็นผกู้ าหนดราคา จึงทาใหจ้ ุดดุลยภาพน้นั อยทู่ ี่กาไรสูงสุด หรืออยทู่ ่ีจุด MC = MR ซ่ึง ทาใหผ้ ผู้ ลิตในตลาดผกู ขาดน้นั ไดร้ ับกาไรสูงสุด ราคา ตน้ ทุน รายรับ MC ATC PA AVC CB MR D=AR ปริมาณ 0Q ภาพแสดงท่ี 6.37 จุดดุลยภาพในตลาดผกู ขาดกรณีกาไรเกินปกติ จากภาพแสดงที่ 6.37 เส้นอุปสงคน์ ้นั อยู่สูงกวา่ เส้นตน้ ทุนเฉล่ียซ่ึงแสดงถึงผูผ้ ลิตสามารถขาย ผลผลิตไดใ้ นราคาสูงกวา่ ตน้ ทุนเฉล่ีย (P > AC) หรือมีรายรับเฉล่ียสูงกวา่ ตน้ ทุนเฉลี่ย (AR > AC) โดย หาไดจ้ ากกาไรเฉล่ียเท่ากบั รายรับเฉลี่ยลบดว้ ยตน้ ทุนเฉลี่ย (OP – OC = PC) ทาใหก้ าไรเกินปกติท่ีไดร้ ับ จะเท่ากบั พ้ืนท่ีสี่เหล่ียม PABC ดงั น้นั กาไรท่ีผผู้ ลิตไดร้ ับจากตลาดผกู ขาดที่ไมม่ ีการควบคุมจะเป็ นกาไร เกินปกติ ณ ระดบั ผลผลิตที่ทาใหก้ าไรสูงสุด
273 ยกตวั อย่าง การวิเคราะห์กาไรเกินปกติในตลาดผูกขาดของผูผ้ ลิตรายหน่ึง โดยกาหนดราคา สินคา้ ไวท้ ่ี 10 บาทต่อหน่วย แต่ตน้ ทุนเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากบั 8 บาท ทาให้มีกาไร 2 บาทต่อหน่วย และ ทาใหม้ ีจุดดุลยภาพซ่ึงแสดงไดด้ งั ตอ่ ไปน้ี ตน้ ทุน รายรบั ราคา MC 10 ATC A 8B D=AR 0 50 ปริมาณ (พนั ชิ้น) MR ภาพแสดงที่ 6.38 ผผู้ ลิตท่ีไดร้ ับกาไรเกินปกติ จากกราฟขา้ งตน้ จะเห็นวา่ ผผู้ ลิตไดร้ ับกาไรเกินปกติเท่ากบั พ้ืนที่ส่ีเหลี่ยมของส่วนต่างระหวา่ ง รายรับเฉลี่ยกบั ตน้ ทุนเฉล่ีย หรือไดร้ ับกาไรปกติเทา่ กบั 2 x 50,000 เท่ากบั 100,000 บาท 3. กรณผี ู้ผลติ ขาดทุน กรณีขาดทุนในตลาดผูกขาดน้นั จะเกิดข้ึน ณ ระดบั ผลผลิตที่ทา ให้กาไรสูงสุด โดยเส้นอุปสงคอ์ ยู่ต่ากวา่ เส้นตน้ ทุนเฉล่ียซ่ึงแสดงวา่ ผูผ้ ลิตขายผลผลิตในราคาต่ากว่า ตน้ ทุนเฉลี่ย (P < AC) หรือมีรายรับเฉล่ียต่ากวา่ ตน้ ทุนเฉล่ีย (AR < AC) ดงั น้นั ผผู้ ลิตจะประสบกบั การ ขาดทุน แมผ้ ผู้ ลิตจะขาดทุนแต่ผูผ้ ลิตรายน้ีจะผลิตต่อไปเพราะผูผ้ ลิตยงั มีกาไรจากตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย และสามารถนาไปชดเชยกบั ตน้ ทุนคงที่ไดบ้ างส่วน ท้งั น้ีเม่ือผูผ้ ลิตขาดทุนผูผ้ ลิตมีทางเลือก 2 ทางคือ ผลิตต่อไปท้งั ที่ขาดทุนหรือเลิกผลิตทนั ที โดยการตดั สินใจของผูผ้ ลิตน้นั จะข้ึนอยกู่ บั การเปรียบเทียบ ระหวา่ งรายรับรวมกบั ตน้ ทุนแปรผนั รวม กล่าวคือถา้ ผผู้ ลิตมีรายรับรวมมากกวา่ ตน้ ทุนแปรผนั รวมก็จะ ผลิตตอ่ ไปแมจ้ ะขาดทุน เพราะการเลิกผลิตน้นั จะทาใหข้ าดทุนมากกวา่ เนื่องจากในระยะส้นั แมว้ า่ ผูผ้ ลิต
274 จะเลิกการผลิตแต่ตน้ ทุนคงที่ก็ยงั คงตอ้ งจ่าย ดงั น้นั ถา้ รายรับรวมมากกวา่ ตน้ ทุนแปรผนั รวมผูผ้ ลิตก็จะ คงผลิตต่อ โดยนารายรับส่วนที่เกินตน้ ทุนแปรผนั มาชดเชยตน้ ทุนคงท่ีซ่ึงบางส่วนทาให้ขาดทุนนอ้ ยลง แต่ในทางตรงขา้ มกนั ถา้ รายรับรวมน้อยกวา่ ตน้ ทุนแปรผนั รวมผูผ้ ลิตจะตอ้ งหยุดผลิตทนั ที เพราะถา้ ผลิตต่อไปจะขาดทุนเท่ากบั ตน้ ทุนคงที่รวมดว้ ยตน้ ทุนแปรผนั ส่วนท่ีสูงกวา่ รายรับรวม และถา้ รายรับ รวมเท่ากบั ตน้ ทุนแปรผนั รวมผูผ้ ลิตจะผลิตหรือไม่ก็จะขาดทุนเท่ากบั ตน้ ทุนคงท่ี แต่โดยปกติแลว้ น้นั ผผู้ ลิตจะผลิตต่อไปเพ่ือการดาเนินงานในอนาคต เช่น คนงานจะไดไ้ ม่วา่ งงานหรือสินคา้ ไม่หายไปจาก ตลาด เป็ นตน้ ซ่ึงสามารถนาไปชดเชยกบั ตน้ ทุนคงท่ีไดบ้ างส่วนและเป็นจุดที่รายรับเฉล่ียเท่ากบั ตน้ ทุน แปรผนั เฉล่ียหรือจุดที่เรียกวา่ “จุดขาดทุนนอ้ ยท่ีสุด” ดงั ภาพแสดงท่ี 6.39 ราคา ตน้ ทุน รายรบั MC ATC AVC A C PB MR D=AR 0Q ปริมาณ ภาพแสดงที่ 6.39 จุดขาดทุนต่าที่สุดในตลาดผกู ขาด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432