275 ยกตวั อยา่ ง กรณีขาดทุนนอ้ ยท่ีสุดในตลาดผกู ขาดโดยผผู้ กู ขาดรายหน่ึงต้งั ราคาสินคา้ เท่ากบั 10 บาท ผลิตสินคา้ จานวน 40,000 หน่วยของตน้ ทุนผนั แปรเฉล่ียเท่ากบั 10 บาท และตน้ ทุนท้งั หมดเฉลี่ย เทา่ กบั 12 บาทต่อหน่วยจึงทาใหข้ าดทุนหน่วยละ 2 บาท ดงั ภาพแสดงท่ี 6.40 ATC ตน้ ทุน รายรับ ราคา MC 12 10 B MR D=AR 0 40,000 ปริมาณ ภาพแสดงที่ 6.40 จุดเลิกการผลิตในตลาดผกู ขาด จากภาพแสดงท่ี 6.40 จะเห็นไดว้ า่ ผูผ้ ลิตจะขาดทุน ณ จุดขาดทุนนอ้ ยท่ีสุดเท่ากบั 80,000 บาท ซ่ึงเป็ นจุดที่รายรับเฉลี่ยเท่ากบั ตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย แต่ถา้ ผูผ้ ลิตขาดทุนมากกวา่ น้ีผูผ้ ลิตจะตอ้ งทาการ หยดุ ผลิตทนั ที ยกตวั อยา่ ง กรณียกเลิกการผลิตของผผู้ ลิตในตลาดผกู ขาด โดยผูผ้ ูกขาดรายหน่ึงต้งั ราคาสินคา้ เท่ากบั 14 บาท ผลิตสินคา้ จานวน 80,000 หน่วย ตน้ ทุนผนั แปรเฉล่ียเท่ากบั 17 บาท และตน้ ทุนเฉลี่ย รวมเทา่ กบั 18 บาทตอ่ หน่วย ซ่ึงจะทาใหผ้ ผู้ ลิตรายน้ีขาดทุนหน่วยละ 4 บาท ดงั น้ี
ตน้ ทุน รายรับ 276 18 MC 17 ATC 14 AVC D=AR ปริมาณ (พนั หน่วย) 0 80 MR ภาพแสดงที่ 6.41 การต้งั ราคาของผผู้ กู ขาด จากภาพแสดงที่ 6.41 จะเห็นไดว้ า่ ราคาขายสินคา้ ของผผู้ ลิตเท่ากบั 14 บาท ซ่ึงอยตู่ ่ากวา่ ระดบั ตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ยที่ 17 บาท อยู่ 3 บาท และอยตู่ ่ากวา่ ระดบั ตน้ ทุนรวมเฉลี่ยที่ 18 บาท แสดงใหเ้ ห็นวา่ ผูผ้ ลิตรายน้ีขาดทุน 320,000 บาท ซ่ึงเป็ นภาวะที่ผูผ้ ลิตไม่ทาการผลิตโดยผผู้ ลิตจะเลิกทาการผลิตต้งั แต่ ขาดทุน 80,000 บาทข้ึนไป แต่อยา่ งไรกต็ ามในตลาดผกู ขาดน้นั ราคาสินคา้ มกั จะสูงกวา่ ตน้ ทุนส่วนเพ่ิม (MC) เสมอ ไม่ว่าผูผ้ ลิตจะมีกาไรสูงสุดหรือขาดทุนก็ตามเน่ืองจากผูผ้ ลิตมีอานาจในการกาหนดราคา เหนือตลาดนน่ั เอง การวเิ คราะห์ตลาดผูกขาดกรณที มี่ ีการควบคุม การควบคุมราคามี 2 แบบ คือ แบบแรกต้งั อยูบ่ นแนวคิดท่ีว่า ผูผ้ ลิตควรไดร้ ับผลตอบแทนท่ี ยตุ ิธรรม และแบบท่ีสองมีแนวคิดในการใชท้ รัพยากรอยา่ งมีประสิทธิภาพสูงสุด แนวคิดแรกระดบั ราคา สินคา้ จะเป็ นราคาที่ทาใหผ้ ูผ้ ลิตมีเพียงกาไรปกติ คือราคาเท่ากบั ตน้ ทุนเฉล่ีย (P = AC) หรือ (AC = AR) เรียกระดบั ราคาน้ีวา่ ราคายตุ ิธรรม ซ่ึงเป็ นราคาท่ีผูผ้ ลิตจะไม่ขาดทุน แต่ก็จะไม่มีกาไรส่วนเกินจากการ ขายท่ีระดบั ราคาน้ี (ภราดร, 2550) ดงั ภาพแสดงที่ 6.42
277 ราคา รายรับ ตน้ ทนุ M Pm MC F Pf AC Pi I MR D=AR 0 Qm Qf Qi ปริมาณผลผลิต (Q) ภาพแสดงท่ี 6.42 ระดบั ราคาและปริมาณกรณีราคายตุ ิธรรม จากภาพแสดงที่ 6.42 จะเห็นว่า ณ ระดบั ของราคายุติธรรม (Pf) น้นั อยู่สูงกว่าเส้นตน้ ทุนส่วน เพ่ิม (MC) ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นถึงการผลิตที่มีการใช้ทรัพยากรน้อยเกินกวา่ ความตอ้ งการของผูบ้ ริโภค แต่ ในบางคร้ังราคายตุ ิธรรม (Pf) ก็จะอยตู่ ่ากวา่ เส้นตน้ ทุนส่วนเพ่ิม (MC) โดยจะเห็นถึงการผลิตท่ีมีการใช้ ทรัพยากรมากเกินกวา่ ความตอ้ งการของผูบ้ ริโภค จึงทาใหร้ าคายตุ ิธรรมส่งผลดีกบั ผูบ้ ริโภคเท่าน้ันแต่ ไม่ทาให้เกิดในด้านการใช้ทรัพยากรอย่างคุม้ ค่า สาหรับแนวคิดในส่วนที่สองด้านเกี่ยวกับราคาที่ กาหนดข้ึนน้ีเรียกว่า “ราคาอุดมคติ” คือราคาท่ีเท่ากบั ตน้ ทุนส่วนเพ่ิมของสินคา้ (P = MC) หรือกาไร สูงสุด (MC = AR) โดย ณ ราคาอุดมคติน้ีจะทาให้เกิดการใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพหรือก่อ ประโยชน์แก่สังคมสูงสุด เน่ืองจากตน้ ทุนส่วนเพิ่มเป็ นตวั สะทอ้ นตน้ ทุนค่าเสียโอกาสของปัจจยั การ ผลิตท่ีสังคมไดส้ ูญเสียไป ดงั น้นั ตน้ ทุนส่วนเพิม่ ของสินคา้ จึงเป็นตน้ ทุนส่วนเพ่มิ ของสงั คมดว้ ย
ราคา ตน้ ทุน รายรับ 278 MC Pm M I AC Pi F Pf MR D=AR Q 0 Qm Qf Qi ภาพแสดงท่ี 6.43 ระดบั ราคาและปริมาณกรณีราคาอุดมคติ จากภาพแสดงท่ี 6.43 เมื่อรัฐบาลเขา้ มาควบคุมโดยกาหนดให้ขายสินคา้ ในระดบั ราคาอุดมคติ (P = MC) จะเกิดการผลิตสินคา้ ในจานวน Qi หน่วยและขายในราคาหน่วยละ Pi บาท จะทาให้ผูผ้ ลิต ขาดทุน แต่ถา้ หากรัฐบาลตอ้ งการใหผ้ ูผ้ ลิตและขาย ณ ระดบั Qi น้ีต่อไปในระยะยาว รัฐบาลอาจให้เงิน อุดหนุนเพอ่ื ชดเชยส่วนที่ขาดทุนน้ีมิฉะน้นั จะทาใหผ้ ผู้ กู ขาดดาเนินกิจการต่อไป ยกตวั อยา่ ง การวิเคราะห์ผูผ้ ลิตในตลาดผูกขาดกรณีไม่มีการควบคุมจากรัฐและกรณีท่ีรัฐบาล ควบคุมให้ขายในราคาอุดมคติ โดยผูผ้ ลิตในตลาดผูกขาดรายหน่ึงมีตน้ ทุนดงั กราฟ และถา้ ไม่มีการ ควบคุมจากรัฐบาลผผู้ ลิตรายน้ีจะผลิตสินคา้ ในปริมาณ 30 หน่วย และในราคาขายหน่วยละ 100 บาทซ่ึง จะทาให้ไดก้ าไรเกินปกติ แต่ถา้ รัฐบาลเขา้ มาควบคุมโดยการกาหนดให้ขายสินคา้ ในอุดมคติและผลิต สินคา้ ในจานวน 50 หน่วย ขายในราคาหน่วยละ 60 บาท ผูผ้ ลิตจะขาดทุนหน่วยละ 20 บาท ดงั น้นั ถา้ รัฐบาลตอ้ งการใหผ้ ผู้ ลิตและขายท่ีระดบั 60 บาท ในระยะยาวรัฐบาลอาจใหเ้ งินอุดหนุนเพื่อชดเชยส่วน ที่ขาดทุนน้ีไมเ่ ช่นน้นั จะทาใหผ้ ผู้ กู ขาดดาเนินกิจการต่อไปไมไ่ ด้ ดงั ภาพแสดงที่ 6.44
279 ราคา 100 MC AC 60 D=AR 0 ปริมาณ 30 50 ภาพแสดงที่ 6.44 ระดบั ราคาอุดมคติและราคาระดบั กาไรสูงสุด ยกตวั อยา่ ง การวิเคราะห์ผผู้ ลิตตลาดผกู ขาดรายหน่ึงในกรณีท่ีไมม่ ีการควบคุมจากรัฐบาล กรณี ราคายุติธรรมและกรณีราคาอุดมคติ ซ่ึงมีตน้ ทุนการผลิตและปริมาณต่าง ๆ ดังกราฟ และสามารถ วเิ คราะห์ไดค้ ือ หากไม่มีการแทรกแซงใด ๆ จากรัฐบาลผผู้ ูกขาดจะผลิตสินคา้ ในปริมาณ 50 หน่วยและ ขายในราคาหน่วยละ 130 บาทจึงทาให้มีกาไรเกินปกติ แต่ถา้ รัฐบาลเขา้ มาควบคุมราคา รัฐบาลอาจ กาหนดให้ผูผ้ ูกขาดขายสินคา้ ในราคายตุ ิธรรมซ่ึงเป็ นราคาท่ีเท่ากบั ตน้ ทุนเฉล่ีย (P =AC) ในท่ีน้ีคือราคา หน่วยละ 100 บาท หรืออาจจะกาหนดใหข้ ายในราคาอุดมคติหรือราคาที่ทาใหส้ ังคมไดร้ ับผลประโยชน์ สูงสุดคือราคาท่ีเท่ากบั ตน้ ทุนส่วนเพ่ิม (P = MC) ในที่น้ีในราคาอุดมคติจะเท่ากบั หน่วยละ 110 บาทซ่ึง เป็ นระดบั ราคาที่เท่ากบั ตน้ ทุนส่วนเพ่มิ ของสินคา้ (P = MC) โดยระดบั ราคาน้ีจะทาใหก้ ารใชท้ รัพยากร มีประสิทธิภาพหรือก่อประโยชนส์ ูงสุด
ราคา (บาท) 280 130 MC 110 AC 100 D=AR=P 0 50 70 80 ปริมาณ ภาพแสดงที่ 6.45 ระดบั ราคาอุดมคติ ราคายตุ ิธรรม และกาไรสูงสุด ดุลยภาพระยะส้ันและดุลยภาพระยะยาวในตลาดผกู ขาด ดุลยภาพระยะส้ันในตลาดผูกขาด (Short Run Equilibrium in Monopoly Market) ตลาดผกู ขาดเป็นตลาดท่ีมีผขู้ ายเพยี งรายเดียวและสินคา้ ที่มีการซ้ือขายกนั มีลกั ษณะแตกต่างจาก สินคา้ ของผูผ้ ลิตรายอื่นโดยสิ้นเชิง โดยไม่มีสินคา้ ใดที่สามารถทดแทนได้ ดงั น้นั เส้นอุปสงคข์ องตลาด จึงมีลกั ษณะลาดลงจากซา้ ยมาขวา ในกรณีน้ีเส้นรายรับส่วนเพ่มิ จึงไม่ใช่เส้นเดียวกบั เส้นอุปสงคเ์ หมือน ในกรณีตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ และเส้นรายรับส่วนเพ่ิมจะมีความชนั เป็ น 2 เท่าของเส้นอุปสงค์ ในตลาด ผูกขาดจึงไม่มีการตอบสนองระหว่างราคากบั ปริมาณท่ีแน่นอนและไม่มีเส้นอุปทาน เพื่อให้ไดก้ าไร สูงสุดหรือขาดทุนต่าที่สุด ดงั น้นั ผูผ้ ูกขาดจะผลิตที่จุดซ่ึงตน้ ทุนส่วนเพ่ิมเท่ากบั รายรับส่วนเพ่ิม หรือ MC=MR ซ่ึงจะผลิตในปริมาณสูงสุดเทา่ ท่ีจะขายได้ เน่ืองจากการท่ีไดผ้ ลิตไปแลว้ กาไรจะมากหรือน้อย น้นั ข้ึนอยกู่ บั ราคาสินคา้ เป็นสาคญั ดงั น้นั ดุลยภาพระยะส้นั ในตลาดผกู ขาดผผู้ กู ขาดอาจไดร้ ับกาไรเกินปกติ กาไรปกติหรือขาดทุน ก็ได้ ซ่ึงในกรณีท่ีขาดทุนการพิจารณาว่าผู้ผูกขาดจะทาการผลิตต่อไปหรือไม่ผลิตต่อน้ันจะใช้ หลกั เกณฑ์เช่นเดียวกบั การพิจารณาของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ทุกประการ ซ่ึงสามารถอธิบายดุลยภาพ ระยะส้นั ในตลาดผกู ขาดได้ 3 กรณีดงั ต่อไปน้ี
281 1. ดุลยภาพระยะส้ันในตลาดผูกขาดกรณไี ด้รับกาไรเกนิ ปกติ ตน้ ทุน รายรบั ราคา MC ATC P C D=AR MR Q ปริมาณ ภาพแสดงที่ 6.46 ดุลยภาพผูผ้ กู ขาดระยะส้ัน ในกรณีกาไรเกินปกติ ราคา MC ATC AVC PA B C MR D=AR 0 ปริมาณ Q1 ภาพแสดงที่ 6.47 กาไรเกินปกติในตลาดผกู ขาด
282 จากกราฟดงั กล่าวจะเห็นไดว้ า่ ราคาขายมากกวา่ ตน้ ทุนทาใหผ้ ผู้ ลิตมีกาไรเกินปกติเท่ากบั พ้ืนที่ ส่ีเหลี่ยม PABC ตน้ ทุน,รายรบั TC TR ปริมาณ 0 Q3 ภาพแสดงที่ 6.48 ดุลยภาพผูผ้ กู ขาดระยะส้ันในกรณีกาไรเกินปกติ ยกตวั อย่าง การวิเคราะห์กรณีกาไรเกินปกติในตลาดผูกขาด โดยร้านขายเส้ือผูกขาดรายหน่ึง ขายในราคาและปริมาณที่ต่างกนั โดยมีรายรับของหน่วยผลิตในตลาดผกู ขาด ดงั น้ี ตารางท่ี 6.6 รายรับร้านขายเส้ือในตลาดผกู ขาด ราคา ปริมาณ รายรับรวม รายรับเฉลี่ย รายรับเพม่ิ 53 400 21,200 53 - 65 350 22,750 65 1,550 80 300 24,000 80 1,250
283 ATC MC ตน้ ทุน, ราคา (บาท) 80 B 55 0 MR D=AR จานวนผลิต (หน่วย) 300 ภาพแสดงท่ี 6.49 กรณีกาไรเกินปกติในตลาดผกู ขาด จากภาพแสดงที่ 6.49 จะเห็นไดว้ า่ ในกรณีท่ีผูผ้ ลิตมีกาไรสูงสุด จุดดุลยภาพจะอยูท่ ี่จุด B โดยมี ตน้ ทุนต่อหน่วยเท่ากบั 55 บาท ปริมาณการผลิต 300 หน่วย ตน้ ทุนรวมเท่ากบั 16,500 บาท ราคาต่อ หน่วยเทา่ กบั 80 บาท รายรับรวมเท่ากบั 24,000 บาท กาไรตอ่ หน่วยเทา่ กบั 25 บาท และกาไรรวม 7,500 บาทเป็ นตน้
284 2. ดุลยภาพระยะส้ันในตลาดผูกขาดกรณไี ด้รับกาไรปกติ ตน้ ทุน MC ATC P,C D MR 0Q ปริมาณ ภาพแสดงที่ 6.50 ดุลยภาพผผู้ กู ขาดระยะส้ันกรณีกาไรปกติ TC ตน้ ทุน,รายรบั TR ปริมาณ 0Q ภาพแสดงท่ี 6.51 ดุลยภาพผผู้ กู ขาดระยะส้ัน กรณีกาไรปกติ
285 MC ราคา ATC AVC P 0 MR D=AR ปริมาณ Q ภาพแสดงที่ 6.52 กาไรปกติในตลาดผกู ขาด จากภาพแสดงท่ี 6.52 อธิบายไดว้ ่า ผูผ้ ลิตขายสินคา้ ไดใ้ นราคาเท่ากบั ตน้ ทุนรวมเฉลี่ย ทาให้ ผผู้ ลิตรายน้ีไดร้ ับเพยี งกาไรปกติ ยกตวั อยา่ ง การวเิ คราะห์กรณีกาไรปกติในตลาดผกู ขาดของโรงงานผลิตเงาะอดั กระป๋ องผูกขาด รายหน่ึง โดยทาการผลิตสินคา้ ขายในราคาและปริมาณท่ีต่างกนั ซ่ึงมีรายรับของหน่วยผลิตในตลาด ผกู ขาดดงั น้ี ตารางที่ 6.7 รายรับของโรงงานเงาะกระป๋ องในตลาดผกู ขาด ราคา ปริมาณ รายรับรวม รายรับเฉลี่ย รายรับเพม่ิ 85 1,000 85,000 85 - 70 1,500 105,000 70 20,000 50 2,000 100,000 50 -5,000 จากการวเิ คราะห์กรณีกาไรปกติในตลาดผูกขาดของโรงงานผลิตเงาะอดั กระป๋ อง สามารถวาด กราฟแสดงความสมั พนั ธ์ของเส้นกาไรเทา่ กบั ศูนยใ์ นตลาดผกู ขาดไดด้ งั น้ี
ตน้ ทุน , ราคา (บาท) 286 MC ATC C 85 D=AR จานวนผลิต (หน่วย) MR 0 1,000 ภาพแสดงท่ี 6.53 ผผู้ ลิตท่ีไดร้ ับกาไรปกติในตลาดผกู ขาด จากภาพแสดงท่ี 6.53 สามารถสรุปในกรณีที่ผูผ้ ลิตมีกาไรเท่ากบั ศูนยไ์ ด้ โดยราคาดุลยภาพ เท่ากบั 50 บาท ปริมาณผลิตเท่ากบั 1,000 หน่วย รายรับรวมเท่ากบั 50,000 บาท ตน้ ทุนรวมเท่ากับ 50,000 บาท และกาไรหรือขาดทุนเท่ากบั 0 บาท จึงเรียกไดว้ า่ การผลิตที่กาไรหรือขาดทุนเท่ากบั ศูนย์ น้นั มี “กาไรปกติ” เทา่ น้นั 3. ดุลยภาพระยะส้ันในตลาดผกู ขาดกรณขี าดทุน ในกรณีท่ีผผู้ ลิตผกู ขาดน้นั ขาดทุนจะสามารถ พจิ ารณาได้ 3 กรณี ไดแ้ ก่ 3.1 ดุลยภาพของผูผ้ ูกขาดในระยะส้ันในกรณีที่ขาดทุนแต่ยงั คงทาการผลิตต่อไป เนื่องจาก TR > TVC
ตน้ ทุน 287 ,รายรับ MC ATC AVC E P MR 0 ปริมาณ Q ภาพแสดงที่ 6.54 ระดบั ราคากรณีขาดทุนแต่ยงั ผลิตตอ่ จากภาพแสดงท่ี 6.54 จะเห็นไดว้ า่ ผผู้ ลิตจะขายสินคา้ ราคา P บาทแต่มีตน้ ทุน E บาทต่อหน่วย จึงทาใหข้ าดทุนหน่วยละ EP บาท แต่อยา่ งไรก็ตามราคาที่ขายยงั คงมากกวา่ ตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ีย พราะ ฉะน้นั ผผู้ ลิตจะยงั คงทาการผลิตต่อไป ตน้ ทุน,รายรับ TC ATC TR ปริมาณ 0Q ภาพแสดงที่ 6.55 ตน้ ทุนและรายรับกรณีขาดทุนแต่ยงั ผลิตต่อ
288 3.2 ดุลยภาพของผผู้ กู ขาดในระยะส้ัน ในกรณีท่ีขาดทุนนอ้ ยท่ีสุด เน่ืองจาก TR = TVC ตน้ ทุน รายรบั ราคา ATC MC AVC C P AR=D D=AR MR ปริมาณ 0Q ภาพแสดงที่ 6.56 ดุลยภาพของผผู้ กู ขาดกรณีขาดทุนนอ้ ยที่สุด ตน้ ทุน,รายรบั TC TVC TR ปริมาณ 0Q ภาพแสดงที่ 6.57 ดุลยภาพของผผู้ กู ขาดกรณีขาดทุนนอ้ ยที่สุด
289 ยกตวั อยา่ ง การวิเคราะห์ดุลยภาพของผูผ้ ูกขาดกรณีขาดทุนน้อยที่สุดของร้านขายขา้ วมนั ไก่ ผูกขาดร้านหน่ึงซ่ึงจะขายขา้ วมนั ไก่ทุกวนั ในราคาและปริมาณท่ีต่างกนั โดยมีรายรับของหน่วยผลิตใน ตลาดผกู ขาด ดงั น้ี ตารางท่ี 6.8 รายรับของร้านขายขา้ วมนั ไก่ในตลาดผกู ขาด ราคา ปริมาณ รายรับรวม รายรับเฉล่ีย รายรับเพ่มิ 25 950 23,750 25 - 35 850 29,750 35 6,000 55 500 27,500 55 -2,250 จากการการวเิ คราะห์ดุลยภาพของผผู้ กู ขาดกรณีขาดทุนนอ้ ยท่ีสุด สามารถนามาวาดกราฟแสดง ความสัมพนั ธ์ของเส้นขาดทุนในตลาดผกู ขาดไดด้ งั น้ี ATC ตน้ ทุน (บาท) MC 35 AVC 25 B MR D=AR 0 จานวน 500 ภาพแสดงท่ี 6.58 ผผู้ ลิตกรณีขาดทุนในตลาดผกู ขาด
290 จากแสดงที่ 6.58 จะเห็นไดว้ า่ ในกรณีท่ีผผู้ ลิตในตลาดผกู ขาดน้นั ขาดทุน ถา้ จุดดุลยภาพ คือ จุด B ทาให้ราคาหน่วยละ 25 บาท ตน้ ทุนต่อหน่วยเท่ากับ 35 บาท ปริมาณการผลิตเท่ากบั 500 หน่วย ตน้ ทุนรวมเท่ากบั 17,500 บาท รายรับรวมเท่ากบั 12,500 บาท ขาดทุนหน่วยละ 10 บาท ขาดทุนรวม เท่ากบั 5,000 บาท ผูผ้ ลิตจะยงั คงทาการผลิตต่อจนกระทงั่ ราคาเท่ากบั ตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ียจึงจะหยดุ การ ผลิต 3.3 ดุลยภาพของผูผ้ ูกขาดในระยะส้ันในกรณีท่ีขาดทุนและผูผ้ ูกขาดตดั สินใจเลิกกิจการ เน่ืองจาก TR < TVC ตน้ ทุน รายรับ ราคา MC B ATC C AVC A P AR MR Q ปริมาณ ภาพแสดงท่ี 6.59 ดุลยภาพผูผ้ กู ขาดระยะส้ันกรณีเลิกกิจการ ตน้ ทุน,รายรับ TC TVC TR 0Q ปริมาณ ภาพแสดงที่ 6.60 ดุลยภาพผูผ้ กู ขาดระยะส้ันกรณีเลิกกิจการ
291 ดุลยภาพระยะยาวในตลาดผูกขาด (Long Run Equilibrium in Monopoly Market) ในการวิเคราะห์ดุลยภาพของตลาดผูกขาดน้นั เพ่ือที่จะให้ไดร้ ับกาไรสูงสุด ผูผ้ ูกขาดในตลาด ผูกขาดจะผลิต ณ จุดซ่ึง MC = MR เสมอไม่วา่ จะในดุลยภาพระยะส้ันหรือในระยะยาว แต่ในดุลยภาพ ระยะยาวน้นั มีปัจจยั การผลิตทุกตวั เป็ นปัจจยั แปรผนั กล่าวคือสามารถเปล่ียนการใชป้ ัจจยั การผลิตไดท้ ้งั ในรูปของชนิดปัจจยั การผลิตและปริมาณปัจจยั การผลิต เพ่ือวิเคราะห์ดุลยภาพในระยะยาวน้นั เส้นที่ นามาใช้ประกอบการอธิบายดุลยภาพระยะยาวในตลาดผูกขาดจึงเป็ นเส้นตน้ ทุนในระยะยาวคือ เส้น ตน้ ทุนเฉล่ียในระยะยาวและเส้นส่วนเพิ่มระยะยาว (LMC) ซ่ึงจะแทนเส้นตน้ ทุนต่าง ๆ ในระยะส้ัน ท้งั น้ีในการวเิ คราะห์ดุลยภาพการแสวงหากาไรสูงสุดในระยะส้ัน MC =MR หรือ SMC = SMR โดยท่ี S จะแสดงถึงระยะส้ัน เมื่อวเิ คราะห์ดุลยภาพระยะยาวจะเปล่ียนไปเป็ น LMC = LMRโดยท่ี L แสดงถึง ระยะยาว และเปลี่ยนจาก P AVC ไปเป็ น P LAC เช่นเดียวกบั ท่ีกล่าวมาแล้วในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ แต่เน่ืองจากการเขา้ อุตสาหกรรมของหน่วยธุรกิจรายใหมใ่ นตลาดผูกขาดไม่ไดเ้ ป็ นไปโดยเสรี เหมือนในกรณีของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ในระยะยาวผูผ้ ูกขาดจึงอาจจะมีดุลยภาพท่ีไดก้ าไรเกินปกติ หรือกาไรปกติก็ได้ และในการวิเคราะห์ดุลยภาพระยะยาวของผูผ้ ูกขาดไม่ว่าผูผ้ ูกขาดจะใช้โรงงาน ขนาดใดในการผลิตก็ตามจะยงั ใชห้ ลกั เกณฑ์ในการพิจารณาเหมือนกนั คือ ระยะยาวผูผ้ ูกขาดจะได้รับ กาไรสูงสุดเมื่อเลือกทาการผลิตในปริมาณการผลิตที่ทาให้ LMC = MR และเลือกใชโ้ รงงานขนาดท่ี SMC ของโรงงานน้นั ตดั กบั MR ดว้ ย ดงั น้นั เง่ือนไขของดุลยภาพในระยะยาวในตลาดผกู ขาดก็คือ SMC = LMC = MR และ SAC = LAC ดว้ ย ซ่ึงแสดงดุลยภาพในระยะยาวของผผู้ กู ขาดไดด้ งั น้ี ตน้ ทุน รายรบั P A LMC LAC SAC1 B C AR ปริมาณ MR 0 Q1 ภาพแสดงที่ 6.61 ดุลยภาพผูผ้ กู ขาดระยะยาว กรณีไดก้ าไรเกินปกติ
292 ตน้ ทุน LMC SAC1 A P LAC C B AR MR 0 Q1 ปริมาณ ภาพแสดงท่ี 6.62 ดุลยภาพผผู้ กู ขาดระยะยาว จากภาพแสดงที่ 6.61 และ 6.62 สามารถอธิบายดุลยภาพในระยะยาวผูผ้ ูกขาดไดว้ ่า ผูผ้ ูกขาด สามารถปรับขนาดของโรงงานให้เหมาะสมกบั ขนาดการผลิตได้ ซ่ึงขนาดของโรงงานที่ผูผ้ ูกขาด เลือกใชใ้ นการผลิตในระยะยาวไมจ่ าเป็ นตอ้ งเป็ นโรงงานขนาดที่เหมาะสมเพียงขนาดเดียว แต่อาจเป็ น โรงงานขนาดท่ีเลก็ กวา่ โรงงานท่ีเหมาะสมกไ็ ด้ ข้อดแี ละข้อเสียของตลาดผกู ขาด ขอ้ ดีและขอ้ เสียของตลาดผกู ขาด มีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี ข้อดี 1. ควบคุมการใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดได้เป็ นการสงวนทรัพยากรได้ และ ก่อให้เกิดการประหยดั ต่อขนาด เป็ นการหลีกเลี่ยงความสิ้นเปลืองจากการมีปัจจยั การผลิตก่อให้มี มาตรฐานของผลผลิตเดียวกนั 2. ผผู้ ลิตไดร้ ับกาไรเกินปกติ 3. สามารถควบคุมคุณภาพทรัพยากรมนุษยใ์ นสินคา้ หรือบริการของประชาชน เช่น สาธารณสุข การศึกษา เป็นตน้ 4. สินคา้ และบริการบางอยา่ งตอ้ งมีการผกู ขาดเพ่ือประโยชน์ของประชาชน เช่น ไฟฟ้า ประปา เป็นตน้
293 5. กิจการบางอย่างตอ้ งอาศยั ตน้ ทุนการผลิตสูง จึงตอ้ งมีการออกกฎหมายรับรองการ ผกู ขาดเพื่อใหผ้ ผู้ ลิตสามารถใชท้ รัพยากรที่มีอยไู่ ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพมากที่สุด ข้อเสีย 1. ผบู้ ริโภคเสียเปรียบผผู้ ลิตดา้ นราคาสินคา้ และตวั เลือกสินคา้ ถูกผลิตสินคา้ ผกู ขาดเอา เปรียบจากการที่ขายสินคา้ ในราคาสูง เนื่องจากสินคา้ ในตลาดน้ีหาสินคา้ อ่ืนทดแทนไดย้ าก 2. ใช้ทรัพยากรในการผลิตที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สอดคล้องกบั ความตอ้ งการของ ผบู้ ริโภค 3. ผผู้ กู ขาดไม่ไดร้ ับผลกระทบในกรณีที่ผลิตสินคา้ ท่ีไม่มีประสิทธิภาพ เน่ืองจากเป็ นผู้ เดียวผลิต จึงทาใหข้ ายสินคา้ ไดเ้ สมอ และไมเ่ กิดการพฒั นาจากกลไกการแขง่ ขนั 4. กาลงั การผลิตถูกใชไ้ ม่เต็มประสิทธิภาพ และเกิดความไม่เสมอภาคในการกระจาย รายไดไ้ ม่เป็นธรรม 5. การผูกขาดทาให้การผลิต เทคนิคและเทคโนโลยีการผลิตไม่มีการพฒั นาและขาด ประสิทธิภาพ สรุป ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง การท่ีผูซ้ ้ือและผขู้ ายทาการตกลงซ้ือขาย แลกเปลี่ยนสินคา้ โดยท่ีผูซ้ ้ือและผูข้ ายมีการตกลงซ้ือขายแลกเปลี่ยนสินคา้ กนั การแบ่งประเภทของตลาดจาแนกตาม วตั ถุประสงคข์ องการดาเนินกิจการ แบ่งเป็ น 2 ประเภทคือ ตลาดสินคา้ และบริการ และตลาดปัจจยั การ ผลิต จาแนกตามลกั ษณะการแข่งขนั ของตลาด แบ่งออกเป็ น 2 ประเภทคือตลาดแข่งขนั สมบูรณ์และ ตลาดแขง่ ขนั ไมส่ มบูรณ์ ดุลยภาพระยะส้นั ในตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ คือ ช่วงเวลาท่ีจานวนผผู้ ลิตในตลาด มีจานวนคงท่ี กาไรหรือขาดทุนของหน่วยธุรกิจข้ึนอยูก่ บั ราคาตลาดของสินคา้ ส่วนดุลยภาพระยะยาว ในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์น้ันต้องอยู่ภายใตข้ อ้ สมมุติ คือเงื่อนไขกาไรสูงสุด ขอ้ ดีของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์คือการแข่งขนั ก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางการผลิตอย่างรวดเร็วทาให้สังคมมีการใช้ ทรัพยากรต่าง ๆ อยา่ งคุม้ ค่าเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ ขอ้ เสียของตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ คือ การพฒั นาสินคา้ หรือบริการบางอยา่ งเกิดความสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ ทาใหม้ ีสินคา้ หรือบริการมี หลากหลายรูปแบบเกินความจาเป็น และในส่วยของตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์น้นั หมายถึง ตลาดที่ผผู้ ลิต สามารถใชอ้ ิทธิพลในการกาหนดราคาและปริมาณผลผลิตไดต้ ามใจตนเองในระดบั หน่ึง หรือผูผ้ ลิตมี ความสามารถในการกาหนดราคาตลาดไดต้ ลาดแข่งขนั ไมส่ มบูรณ์สามารถแบ่งโดยพิจารณาจากจานวน ผซู้ ้ือและจานวนผูข้ ายเป็ นเกณฑไ์ ด้ 3 ประเภทคือ ตลาดผกู ขาดแทจ้ ริง ตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายและตลาดก่ึง แข่งขนั ก่ึงผูกขาดซ่ึงตลาดผูกขาดแทจ้ ริง คือ ตลาดท่ีมีผูข้ ายเพียงหน่ึงรายสินคา้ มีลกั ษณะพิเศษ ไม่ สามารถหาสินคา้ ชนิดอ่ืนมาใช้ทดแทนได้ลักษณะตลาดผูกขาดคือ ปัจจยั การผลิตหรือวตั ถุดิบถูก ครอบครองโดยผขู้ ายเพียงรายเดียวผขู้ ายมีอานาจผูกขาดการขายและมีอานาจในการกาหนดราคาสินคา้
294 การวิเคราะห์ตลาดผูกขาดสามารถแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็ น 2 ลกั ษณะ คือตลาดผูกขาดท่ีไม่มีการ ควบคุมและตลาดผกู ขาดที่มีการควบคุม กรณีตลาดผกู ขาดที่ไม่มีการควบคุม กาไรเกินปกติจุดดุลยภาพ ของผผู้ ลิต อยทู่ ี่ MC = MRกาไรปกติรายรับเฉล่ียจะเท่ากบั ตน้ ทุนเฉลี่ย (AR = AC) ขาดทุนรายรับเฉล่ีย จะต่ากวา่ ตน้ ทุนเฉลี่ย (AR < AC) ส่วนกรณีตลาดผกู ขาดที่มีการควบคุมผูผ้ ลิตมีเพียงกาไรปกติ คือราคา เท่ากบั ตน้ ทุนเฉล่ีย (P = AC) หรือ (AC = AR) เรียกระดบั ราคาน้ีวา่ ราคายุติธรรม ซ่ึงดุลยภาพระยะส้ัน ในตลาดผูกขาดผูผ้ ูกขาดจะผลิตท่ีจุดซ่ึงตน้ ทุนส่วนเพ่ิมเท่ากบั รายรับส่วนเพ่ิม (MC = MR) ส่วนดุลย ภาพระยะยาวในตลาดผกู ขาด คือSMC = LMC = MR และ SAC = LAC ขอ้ ดีของการผกู ขาดคือ ควบคุม การใชท้ รัพยากรท่ีมีอยูอ่ ยา่ งจากดั ไดก้ ่อให้เกิดการประหยดั หลีกเล่ียงความสิ้นเปลืองจากการมีปัจจยั การผลิต และขอ้ เสียของการผูกขาดคือใชท้ รัพยากรในการผลิตท่ีไม่มีประสิทธิภาพ และสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคและไม่ทาใหเ้ กิดการพฒั นาจากกลไกการแข่งขนั คาถามทบทวน 1. ตลาดมีก่ีประเภท อะไรบา้ ง 2. ตลาดในอุดมคติของนกั เศรษฐศาสตร์มีลกั ษณะอยา่ งไร 3. อธิบายลกั ษณะของตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ 4. ดุลยภาพระยะส้นั และดุลยภาพระยะยาวตา่ งกนั อยา่ งไร 5.ยกตวั อย่างสินค้าที่มีลักษณะใกล้เคียงตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ และวิเคราะห์จุดดุลยภาพ ในตลาด 6. จงอธิบายลกั ษณะตลาดผกู ขาด 7. อุปสงคแ์ ละอุปทานในตลาดผกู ขาดเป็นอยา่ งไร 8. อธิบายดุลยภาพระยะส้นั และดุลยภาพระยะยาวในตลาดผกู ขาด 9. ยกตวั อยา่ งธุรกิจที่มีลกั ษณะใกลเ้ คียงกบั ตลาดผกู ขาด บอกถึงขอ้ ดีและขอ้ เสีย 10. รัฐมองตลาดผกู ขาดอยา่ งไร และมีวธิ ีจดั การอยา่ งไร
295 อ้างองิ ปิ ยะลกั ษณ์ สิทธิเดช. (2553) . เศรษฐศาสตร์จุลภาค. พิมพค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ภราดร ปรีดาศกั ด์ิ. (2550) . หลกั เศรษฐศาสตร์จุลภาค. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ วมิ ล ประคลั ภพ์ งศ,์ สมชาย เบญจวรรณ์, สุรชยั ภทั รบรรเจิด. (2553) . การเงินธุรกิจ. พิมพค์ ร้ังที่ 16. กรุงเทพฯ : วริ ัตน์ เอด็ ดูเคชนั่ . วริ ุณสิริ ใจมา. (2553) . เศรษฐศาสตร์จุลภาค 1. กรุงเทพฯ: บริษทั ทวี พริ้นท์ จากดั . วลิ าส วศินสงั วร. (2549) . ตลาดแข่งขันสมบูรณ์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . Besanko, D.A. & Braeutigam, R.R. (2006) . Microeconomics. 2 th ed. India: John Wiley & Sons. Christopher P. Thomus.and S. Chartes Maurice, (2008) . Managerial Economics. 9th edition. USA: McGraw-Hill Companies.Inc McConnell, C.R. & Brue, S.L. (2005) . Economics: Principles, policies, and polices. 16 th ed. Boston: McGraw- Hill/Irwin. Rose, P . S. and Marquis, M. H. (2008) . Money and Capital Markets. Boston: McGraw Hill Irwin จรินทร์ เทศวานิช. (2550) . หลกั เศรษฐศาสตร์เบอี้ งต้น 1. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. จุฑามาศ ทวไี พบูลยว์ งษ.์ (2550) . เศรษฐศาสตร์จุลภาค. กรุงเทพฯ: เพยี ร์สนั เอ็ดดูเคชนั่ อินโดไชน่า. เดช กาญจนางกรู . (2551) . จุลเศรษฐศาสตร์. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพโ์ อเดียนสโตร์. ประยรู เถลิงศรี และพจิ ิตร ชาญโกเวทย.์ (2551) . หลกั เศรษฐศาสตร์. พิมพค์ ร้ังท่ี 4. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ปัจจยั บุญนาค และสมคิด แกว้ สนธิ. (2550) . จุลเศรษฐศาสตร์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ไพรินทร์ แยม้ จินดา. (2547) . หลกั เศรษฐศาสตร์. พิมพค์ ร้ังที่ 2. กรุงเทพฯ: บริษทั สานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ จากดั . ภราดร ปรีดาศกั ด์ิ. (2550) . หลกั เศรษฐศาสตร์จุลภาค. กรุงเทพฯ : มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ รัตนา สายคณิต และชลลดา จามรกลุ . (2554) . เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . วริ ุณสิริ ใจมา. (2553) . เศรษฐศาสตร์จุลภาค 1. กรุงเทพฯ: บริษทั ทวี พริ้นท์ จากดั . Christopher P. Thomus.and S. Chartes Maurice, (2008) . Managerial Economics. 9th edition. USA: McGraw-Hill Companies.Inc McConnell, C.R. & Brue, S.L. (2005) . Economics: Principles, policies, and polices. 16 th ed. Boston: McGraw- Hill/Irwin. Lipsey. Richard G. and peter O.Stener. (2002) . Economic. 15hed. New York: Harper and Row Publisher
แผนการสอนประจาบทที่ 7 เรื่อง การวเิ คราะห์นโยบายและการกาหนดราคา ในตลาดผ้ขู ายน้อยรายและตลาดกงึ่ แข่งขนั กงึ่ ผูกขาด หวั ข้อเนื้อหาประจาบท ลกั ษณะของตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย เส้นอุปสงคแ์ ละการกาหนดราคาและจานวนผลผลิตในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย แบบจาลองต่าง ๆ แบบจาลองคูโน แบบจาลองการรวมตวั กนั แบบการต้งั ราคาตามผนู้ า การวเิ คราะห์ตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายกรณีกาไรและขาดทุน ขอ้ ดีและขอ้ เสียของตลาดผแู้ ขง่ ขนั นอ้ ยราย ลกั ษณะของตลาดก่ึงแขง่ ขนั ก่ึงผกู ขาด เส้นอุปสงคแ์ ละการกาหนดราคาในตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึงผกู ขาด เส้นอุปสงคข์ องตลาดก่ึงแขง่ ขนั ก่ึงผกู ขาด ดุลยภาพระยะส้นั และดุลยภาพระยะยาวในตลาดก่ึงแขง่ ขนั ก่ึงผกู ขาด ดุลยภาพระยะส้นั ในตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึงผกู ขาด ดุลยภาพระยะยาวในตลาดก่ึงแขง่ ขนั ก่ึงผกู ขาด การต้งั ราคารูปแบบอื่น ๆ วตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อศึกษาบทน้ีแลว้ ผศู้ ึกษาสามารถ 1. อธิบายลกั ษณะตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย 2. อธิบายลกั ษณะการกาหนดราคาและจานวนผลผลิตในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย 3.สามารถอธิบายและวเิ คราะห์แบบจาลองต่าง ๆ ในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย 4. สามารถอธิบายดุลยภาพระยะส้นั ในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย 5. สามารถอธิบายการกาหนดราคาในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย 6. สามารถวเิ คราะห์ตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย 7. อธิบายขอ้ ดีและขอ้ เสียของตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย 8. อธิบายลกั ษณะตลาดก่ึงแขง่ ขนั ก่ึงผกู ขาด
298 9. สามารถเขา้ ใจอุปสงคข์ องตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึงผกู ขาด 10. สามารถอธิบายและวเิ คราะห์ดุลยภาพระยะส้ันและดุลยภาพระยะยาวในตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึง ผกู ขาด 11. สามารถอธิบายการกาหนดราคาของตลาดตา่ ง ๆ ในทางปฏิบตั ิ 12. อภิปรายและตอบคาถามได้ วธิ ีการสอนและกจิ กรรมการเรียนการสอนประจาบท 1. แนะนาเน้ือหารายวชิ าในบท 2. แนะนาเอกสารและตาราอ่ืนท่ีเก่ียวขอ้ ง สาหรับอา่ นเพ่มิ เติม 3. แนะนากิจกรรมการเรียนการสอน การวดั ผลและการประเมินผล 4. บรรยายโดยใชเ้ อกสารและยกตวั อยา่ งการแขง่ ขนั ในตลาดผแู้ ขง่ ขนั นอ้ ยราย 5. ยกตวั อยา่ งกรณีศึกษา และร่วมกนั วเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยราย 6. ตอบคาถามและส่งงานคาถามทา้ ยบท 7. จดั ทารายงานคน้ ควา้ นอกช้นั เรียน พร้อมนาเสนอหนา้ ช้นั เรียน ส่ือการเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. เอกสาร ตารา และบทความที่เกี่ยวขอ้ ง 3. เอกสารตวั อยา่ งกรณีศึกษาในปัจจุบนั 4. ชุดแผน่ ใสสรุปคาบรรยาย การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตจากเขา้ ช้นั เรียน ความสนใจในการเรียน 2. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมในช้นั เรียน 3. การตอบคาถาม การวเิ คราะห์กรณีศึกษาในช้นั เรียน 4. การตอบคาถามทา้ ยบท 5. รายงานการคน้ ควา้ นอกช้นั เรียนและการนาเสนอ
บทที่ 7 การวเิ คราะห์นโยบายและการกาหนดราคา ในตลาดผ้ขู ายน้อยรายและตลาดกงึ่ แข่งขนั กง่ึ ผกู ขาด ลกั ษณะของตลาดผู้ขายน้อยราย ตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยราย หมายถึง ตลาดที่ประกอบดว้ ยผขู้ ายต้งั แต่ 2 รายข้ึนไป ถา้ มีเพยี งสองราย จะเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ ตลาดผขู้ ายสองราย (Duopoly) แต่ไม่วา่ จะมีผผู้ ลิตก่ีรายก็ตาม ปริมาณสินคา้ ของ ผผู้ ลิตแตล่ ะรายจะมีสดั ส่วนคอ่ นขา้ งมาก เม่ือเปรียบเทียบกบั สินคา้ ท้งั หมดในตลาด สินคา้ อาจมีลกั ษณะ เหมือนหรือแตกต่างกนั ได้ แต่เง่ือนไขในการเขา้ สู่ตลาดของผูผ้ ลิตรายใหม่ไม่สามารถเขา้ สู่ตลาดได้ โดยง่าย ในความเป็ นจริงตลาดผูแ้ ข่งขนั น้อยรายมกั เกิดจากการผลิตท่ีมีการลดตน้ ทุนของกิจการขนาด ใหญ่ เพื่อให้เกิดการประหยดั ต่อขนาด (Economic of Scale) ทาใหผ้ ผู้ ลิตรายยอ่ ยไม่สามารถเขา้ สู่ตลาด ได้ ธุรกิจในตลาดน้ีจึงเป็ นธุรกิจที่มีการลงทุนสูง เช่น ธุรกิจผลิตรถยนต์ ธุรกิจผลิตเครื่องบิน โรงกลน่ั น้ามนั หา้ งสรรพสินคา้ โรงงานปูนซีเมนต์ เครือข่ายมือถือ สถานีโทรทศั น์ เป็นตน้ เน่ืองจากตลาดผูข้ าย นอ้ ยรายเป็ นตลาดแข่งขนั ไม่สมบูรณ์ท่ีมีลกั ษณะอยูร่ ะหวา่ งตลาดผูกขาดและตลาดก่ึงแข่งขนั ก่ึงผูกขาด ซ่ึงหน่วยธุรกิจในตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายอาจผลิตสินคา้ ที่มีลกั ษณะคลา้ ยกนั (Identical Product) และแข่งขนั กนั ทางดา้ นราคา หรืออาจผลิตสินคา้ ท่ีมีลกั ษณะแตกต่างกนั (Differentiated Product) และแข่งขนั กนั ทางดา้ นคุณภาพผลิตภณั ฑแ์ ละการตลาด ดงั น้นั ตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายจึงมีลกั ษณะท่ีสาคญั ซ่ึงจะอธิบายใน หวั ขอ้ ต่อไปน้ี ลกั ษณะของตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย (Characteristic of Oligopoly) มีคุณสมบตั ิที่สาคญั ดงั ต่อไปน้ี 1. มีผูผ้ ลิตจานวนน้อย และผูผ้ ลิตแต่ละรายมีปฏิกิริยาโตต้ อบการกระทาซ่ึงกนั และกนั อย่าง หลีกเล่ียงไม่ได้ 2. สินคา้ อาจมีลกั ษณะคลา้ ยกนั หรือมีลกั ษณะตา่ งกนั แต่สามารถทดแทนได้ 3. ส่วนแบ่งการตลาดของผูผ้ ลิตแต่ละรายมีสัดส่วนสูง โดยมีการกาหนดราคาแบบการรวมตวั กนั ในตลาด และเกิดการประหยดั ต่อขนาด 4. มีการกีดกนั การเขา้ สู่ตลาดของผผู้ ลิตรายใหมค่ ่อนขา้ งสูง ตลาดผูแ้ ข่งขนั น้อยรายสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็ น 2 รูปแบบ คือ ตลาดผูแ้ ข่งขนั นอ้ ยรายที่สินคา้ เหมือนกนั และตลาดผแู้ ขง่ ขนั นอ้ ยรายท่ีสินคา้ ตา่ งกนั ซ่ึงมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี 1. ตลาดผูแ้ ข่งขนั นอ้ ยรายที่มีสินคา้ เหมือนกนั (Homogeneous Oligopoly) เป็ นตลาดที่ผูข้ ายมี การขายสินคา้ ที่เหมือนกนั (Homogeneous Product) หรือไม่มีความแตกต่างในมุมมองผบู้ ริโภค เรียกวา่ ตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายที่แทจ้ ริง (Pure Oligopoly) เช่น แกส๊ หุงตม้ ป๊ัมน้ามนั เคร่ืองดื่มชาเขียว เบียร์ เป็นตน้
300 ในตลาดผแู้ ขง่ ขนั นอ้ ยรายที่สินคา้ เหมือนกนั น้ี ผแู้ ขง่ ขนั จะดาเนินกลยทุ ธ์การแขง่ ขนั โดยไมใ่ ชร้ าคาเป็ น หลกั (Non-Price Competition) แตจ่ ะแข่งขนั กนั ท่ีความแตกต่างในดา้ นบริการ การโฆษณาหรือส่งเสริม การขายเป็ นหลัก เพ่ือให้เกิดความแตกต่างของสินค้าในมุมมองผูบ้ ริโภค สาเหตุท่ีผูผ้ ลิตในตลาดผู้ แข่งขนั นอ้ ยรายไม่นิยมใชก้ ลยุทธ์การแข่งขนั ดา้ นราคา เนื่องจากการแข่งขนั กนั ลดราคา มกั โตต้ อบกนั ดว้ ยการลดราคา ทาใหผ้ ลกาไรรวมของท้งั คู่ลดลงและการลดราคาย่งิ ทาใหม้ ีผลเสียต่อภาพลกั ษณ์ของ สินคา้ อีกดว้ ย 2. ตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยรายท่ีมีสินคา้ แตกต่างกนั (Differentiated Oligopoly) เป็ นตลาดที่ผผู้ ลิตมี การขายสินค้าที่แตกต่างกันในมุมมองของผูบ้ ริโภค แต่สามารถใช้ทดแทนกันได้ เช่น รถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เป็ นตน้ ในตลาดผูแ้ ข่งขนั นอ้ ยรายที่สินคา้ แตกต่างกนั น้ี จะนิยมใชก้ ารแขง่ ขนั โดยใช้ ราคาเป็ นหลกั ดงั น้นั จึงสรุปไดว้ า่ ในตลาดแข่งขนั นอ้ ยรายน้นั ประกอบไปดว้ ยผแู้ ข่งขนั จานวนไม่มาก ผูผ้ ลิต จึงผลิตสินคา้ นอ้ ยกวา่ ขนาดการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซ่ึงเป็ นระดบั ผลผลิตที่นอ้ ยกวา่ ระดบั ต่าท่ีสุดของ เส้นตน้ ทุนเฉลี่ยระยะส้ันและระยะยาว หน่วยธุรกิจแต่ละรายมีส่วนแบ่งตลาดมากและข้ึนอยูซ่ ่ึงกนั และ กนั (Interdependence) ทาใหก้ ารเปลี่ยนแปลงการผลิตของผผู้ ลิตแต่ละราย ส่งผลกระทบตอ่ อุปสงคแ์ ละ อุปทานของราคา รวมท้งั กาไรของผผู้ ลิตรายอื่นในตลาดดว้ ย จึงทาใหก้ ารแข่งขนั ระหวา่ งผแู้ ข่งขนั น้นั มี ความรุนแรง เม่ือผขู้ ายรายหน่ึงมีการเปล่ียนแปลงราคาหรือจานวนผลผลิตจะกระทบต่อผแู้ ข่งขนั รายอ่ืน ในตลาดทนั ที และผขู้ ายรายอื่นจะมีการตอบโตเ้ ช่นกนั ดงั น้นั การตดั สินใจเปล่ียนการผลิตแต่ละคร้ังของ ผแู้ ขง่ ขนั ที่อยใู่ นตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายจึงตอ้ งคานึงถึงผลกระทบและการโตต้ อบของผผู้ ลิตรายอ่ืนในตลาด ดว้ ย เช่น ธุรกิจร้านกาแฟในชุมชนหน่ึงมีท้งั หมด 3 ร้าน หากรายหน่ึงลดราคาส่วนแบ่งตลาดจะเพ่ิมข้ึน และกาไรจะมากข้ึน จึงทาใหร้ ายอื่นตอ้ งลดราคาแขง่ เช่นเดียวกนั เส้นอุปสงค์และการกาหนดราคาและจานวนผลผลติ ในตลาดผู้ขายน้อยราย เน่ืองจากการกาหนดราคาและปริมาณผลผลิตในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย (Determination Of Prices and Outputs Under Oligopoly) จะกาหนดราคาและปริมาณผลผลิตท่ีระดบั ตน้ ทุนส่วนเพ่มิ เทา่ กบั รายรับ ส่วนเพิ่มซ่ึงเป็ นระดบั ที่ไดร้ ับกาไรสูงสุด และลกั ษณะเส้นอุปสงคม์ ีความชนั เป็ นลบ ลดลงจากซ้ายไป ขวา ซ่ึงจะมีลกั ษณะที่เช่นเดียวกบั ตลาดผกู ขาด และนอกจากเงื่อนไขกาไรสูงสุด การกาหนดราคาและ ปริมาณผลผลิตในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย ผขู้ ายจะกาหนดโดยการพิจารณาการโตต้ อบของผผู้ ลิตรายอื่นใน ตลาดดว้ ย เน่ืองจากผูผ้ ลิตแต่ละรายจะทราบอุปสงคท์ ่ีชดั เจนในตลาด ทาให้สามารถกาหนดราคาและ ปริมาณผลผลิตได้ แต่ถา้ ผูผ้ ลิตไม่ทราบอุปสงคท์ ่ีชดั เจนจะไม่สามารถกาหนดราคาหรือปริมาณผลผลิต ได้ ซ่ึงในทางปฏิบตั ิน้นั ผูข้ ายในตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยรายยงั มีการรวมตวั กนั กาหนดราคาหรือต้งั ราคาตาม ผผู้ ลิตรายใหญ่ ทาใหผ้ ขู้ ายไมส่ ามารถไดร้ ับกาไรสูงสุดทุกคร้ัง
301 ดงั น้นั การกาหนดราคาและจานวนผลผลิตจึงไมส่ ามารถกาหนดไดแ้ น่นอนในตลาดผกู ขาดนอ้ ย ราย เช่น ถา้ ผูผ้ ลิตรายหน่ึงลดราคาสินคา้ ของตน ปริมาณการขายท่ีจะเปล่ียนแปลงไปจะข้ึนอยู่กบั การ กระทาโตต้ อบของผผู้ ลิตอ่ืน คือ ปริมาณการขายจะเพิ่มข้ึนมากถา้ ผผู้ ลิตอื่นขายในราคาเดิม แต่ถา้ ผผู้ ลิต ลดราคาตามลงมาปริมาณขายจะไม่เพ่ิมมากนกั และปริมาณขายจะลดลงกวา่ เดิมถา้ ผผู้ ลิตอื่นทาการตดั ราคา เมื่อผูผ้ ลิตแต่ละรายไม่มีอิสระในการกาหนดราคา ในทางปฏิบตั ิผูผ้ ลิตมกั จะรวมตวั กนั ในการ กาหนดราคาสินคา้ หรือต้งั ราคาตามผูน้ า (Price Leader) ทาให้ในตลาดไม่มีการแข่งขนั ในเรื่องราคา เพราะการแขง่ ขนั ลดราคาจะทาลายประโยชน์ของผผู้ ลิตทุกราย ท้งั การรวมตวั กนั กาหนดราคาสินคา้ อาจ เป็นทางการ (Formal Collusion) หรือไม่เป็นทางการ (Informal Collusion) ยกตวั อย่าง การกาหนดราคาและปริมาณผลผลิตในตลาดผูข้ ายน้อยรายของอุตสาหกรรม หนงั สือพิมพใ์ นประเทศไทย โดยผูป้ ระกอบการในอุตสาหกรรมหนงั สือพิมพร์ ายวนั ฉบบั ภาษาไทยมี จานวน 16 ราย อยใู่ นรูปแบบบริษทั จากดั (มหาชน) 6 ราย บริษทั จากดั 10 ราย ออกหนงั สือพมิ พจ์ านวน 25 รายชื่อ มีมูลค่าของสินทรัพย์ในอุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์อยู่ท่ีประมาณ 17,752 ล้านบาท ผูป้ ระกอบการในอุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์มีจานวนน้อย จึงส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์รวมของ อุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์ต่อ (GDP) มีสัดส่วนท่ีน้อยลงไปด้วย โดยสาเหตุท่ีผู้ประกอบการใน อุตสาหกรรมมีจานวนนอ้ ยเนื่องจากอุตสาหกรรมตอ้ งลงทุนสูง ผปู้ ระกอบการที่จะอยไู่ ดต้ อ้ งอาศยั ปัจจยั ภายในคือ การวางแผนที่ดี ผู้บริ หารต้องมีวิสัยทัศน์และวิธีการระดมทุนจานวนมาก จึงทาให้ ผูป้ ระกอบการมีแนวโนม้ เป็ นบริษทั จากดั (มหาชน) มากข้ึน ซ่ึงปัจจุบนั สัดส่วนบริษทั จากดั ต่อบริษทั จากดั (มหาชน) อยทู่ ี่ 62 เปอร์เซ็นต์ และจากการสัมภาษณ์มีหลายบริษทั ท่ีเป็ นผปู้ ระกอบการขนาดกลาง และกาลังมีโครงการที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนในการดาเนินกิจการแข่งขันกับ ผปู้ ระกอบการรายใหญ่ในตลาดดา้ นต่าง ๆ เช่น พฤติกรรมการแข่งขนั ดา้ นราคา จึงเป็นการต้งั ราคาท่ีเนน้ การขายสินคา้ ในราคาต่า เพ่ือการกระจายข่าวสารสู่ผูอ้ ่านอยา่ งกวา้ งขวาง ถึงแมจ้ ะไม่มีสงครามการตดั ราคาอยา่ งดุเดือด แต่การต้งั ราคาต่ากวา่ ทุนในระยะเวลาท่ีนานเปรียบเสมือนสงครามเยน็ ดา้ นราคาของ อุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์ไทย และเป็ นอุปสรรคของผูป้ ระกอบการรายใหม่ที่ตอ้ งการเขา้ สู่ตลาด นอกจากน้ียงั มีการต้งั ราคาเชิงซ้อนในรูปแบบของการขายให้สมาชิกและลูกคา้ ทวั่ ไป โดยสมาชิกจะได้ ราคาที่ต่ากวา่ การซ้ือปลีกทว่ั ไป นอกจากน้ีมีการต้งั ราคาเลือกปฏิบตั ิในรูปแบบของการขายหนงั สือพิมพ์ แต่ละประเภทในราคาที่ต่างกนั เช่น หนงั สือพิมพแ์ นวเศรษฐกิจและแนวกีฬา จาหน่ายในราคาสูงกวา่ หนงั สือพมิ พข์ ่าวชุมชน ท้งั น้ีจากการศึกษาพฤติกรรมของหน่วยผลิตในตลาดผูข้ ายนอ้ ยรายมีหลายลกั ษณะ จึงทาให้มี แบบจาลองหลายแบบที่นามาอธิบายพฤติกรรมเหล่าน้นั ซ่ึงแบบจาลองต่าง ๆ ที่นามาอธิบายจะมีความ เหมาะสมสาหรับวชิ าเศรษฐศาสตร์จุลภาคในระดบั เบ้ืองตน้ เทา่ น้นั ซ่ึงสามารถอธิบายไดใ้ นหวั ขอ้ ต่อไป
302 แบบจาลองต่าง ๆ แบบจาลองท่ีนามาอธิบายเพ่ือศึกษาพฤติกรรมของหน่วยผลิตในตลาดผูข้ ายน้อยรายน้ัน มี ดงั ตอ่ ไปน้ี แบบจาลองเส้นอปุ สงค์หักมุม (Kinked Demand Curve) แบบจาลองเส้นอุปสงคห์ ักมุมน้นั ถูกคิดคน้ โดย พอล สวีซี (Pual M.Sweezy) ซ่ึงจะอธิบายถึง ราคาตามลกั ษณะความยืดหยนุ่ ที่สามารถพบไดใ้ นแบบจาลองของตลาดผูข้ ายนอ้ ยรายหลายแบบ ราคา สินคา้ ในตลาดถูกกาหนดตายตวั (Price Rigidity) ไม่เปล่ียนแปลงง่ายตามการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ และอุปทานเป็ นตวั กาหนดของราคา ท้งั น้ีแบบจาลองอุปสงคห์ กั มุมเป็นแบบจาลองท่ีมีขอ้ สมมติฐานวา่ ราคาสินคา้ ในตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายจะไม่เปล่ียนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงของอุปสงคแ์ ละอุปทานเพียง อยา่ งเดียว โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงตามการตอบโตก้ นั ของผูข้ าย และอุปสงคข์ องตลาดผขู้ ายน้อยราย สามารถอธิบายไดด้ ว้ ย เส้นอุปสงคห์ กั มุม (Kinked Demand Curve) ที่เป็นลกั ษณะเส้นตรงและมีการหกั มุม ทาใหเ้ ส้นอุปสงคม์ ีความยืดหยนุ่ ไม่เท่ากนั เนื่องจากมีความแตกต่างระหวา่ งการข้ึนราคาและการลด ราคา ซ่ึงข้ึนอยกู่ บั การตอบโตก้ นั ของผูข้ าย ถา้ ผผู้ ลิตรายหน่ึงลดราคาสินคา้ ผผู้ ลิตรายอ่ืนในตลาดจะลด ราคาเช่นกนั แต่ถา้ ผผู้ ลิตรายหน่ึงข้ึนราคาผผู้ ลิตรายอ่ืนจะไม่ข้ึนราคาตาม ดงั ภาพแสดงท่ี 7.1 ราคา A ยดื หยนุ่ มาก PP ยดื หยนุ่ นอ้ ย D 0 ปริมาณ ภาพแสดงที่ 7.1 เส้นอุปสงคห์ กั มุม เน่ืองจากเส้นอุปสงคห์ กั มุมเกิดจากการแข่งขนั ของผขู้ ายในตลาดผูข้ ายนอ้ ยราย ท่ีผขู้ ายรายหน่ึง มีการเปลี่ยนระดบั ราคาของสินคา้ ทาให้ผขู้ ายอีกรายตอ้ งมีการโตต้ อบกนั ทางดา้ นราคาเช่นกนั ภายใต้ สมมุติฐานดงั ต่อไปน้ี 1. เม่ือผผู้ ลิตรายหน่ึงข้ึนราคา ผผู้ ลิตรายอื่นในตลาดจะไม่ข้ึนราคาตาม ทาใหส้ ่วนแบง่ การตลาด ลดลงอยา่ งมากทนั ที เส้นอุปสงคช์ ่วง AP จะมีความยดื หยนุ่ มาก (Elastic)
303 2. เม่ือผผู้ ลิตรายหน่ึงลดราคา ผผู้ ลิตรายอื่นในตลาดจะลดราคาเช่นกนั ทาใหส้ ่วนแบง่ การตลาด ของผผู้ ลิตแต่ละรายคงท่ี เส้นอุปสงคช์ ่วง PD จะมีความยดื หยนุ่ นอ้ ย (Inelastic) 3. ในการแข่งขนั ท่ีไม่มีการโตต้ อบกนั ราคาจะอยู่ที่จุด P เป็ นจุดที่เส้นอุปสงค์จะไม่มีความ ยดื หยนุ่ (Perfectly Inelastic) จากสมมุติฐานของเส้นอุปสงคท์ ่ีมีการหกั มุมน้นั เส้นอุปสงคจ์ ึงเกิดจากผผู้ ลิตแต่ละรายแข่งขนั กนั ดว้ ยราคา ถา้ ผผู้ ลิตรายใดรายหน่ึงเพิ่มราคาสินคา้ โดยมีความหวงั วา่ ถา้ ส่วนแบ่งตลาดเท่าเดิมทาให้ รายไดข้ องตนเพม่ิ ข้ึน แตผ่ ขู้ ายรายอ่ืนไมข่ ้ึนราคาตามจะทาใหป้ ริมาณขายของตนลดลง ในขณะเดียวกนั ถา้ ผูผ้ ลิตรายหน่ึงลดราคาสินคา้ ของตนเพ่ือให้ขายสินคา้ ไดเ้ พ่ิมข้ึน แต่ปรากฏว่าผูผ้ ลิตรายอื่นกลบั ลด ราคาดว้ ยจะทาให้ปริมาณการขายเพ่ิมไม่มากนกั ดงั น้นั จากการเพิ่มหรือลดราคาจะมีผลทาให้เส้นอุป สงคห์ กั มุมมีลกั ษณะดงั ภาพแสดงท่ี 7.2 ราคา าA P2 P P0 B P1 D D’ ปริมาณ 0 Q1 Q0 Q2 Q3 ภาพแสดงที่ 7.2 เส้นอุปสงคห์ กั มุม จากภาพแสดงท่ี 7.2 กาหนดใหเ้ ส้น AD เป็ นเส้นอุปสงคข์ องสินคา้ ในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย และ ราคาที่ผผู้ ลิตแต่ละรายเสนอขายในตลาดเทา่ กบั P0 (จุด P) ถา้ ผผู้ ลิตรายใดรายหน่ึงลดราคาจาก P0 เป็น P1 เพื่อท่ีจะขายสินคา้ ใหเ้ พ่ิมจาก Q0 เป็ น Q3 แต่ปรากฏวา่ ผูผ้ ลิตรายอื่นลดราคาตาม ทาให้ปริมาณขายของ ตนเพ่มิ เพยี ง Q2 ส่วนท่ีเหลือจะถูกเฉลี่ยไปยงั ผูผ้ ลิตรายอื่นท่ีลดราคาดว้ ย แต่ในทางตรงขา้ มถา้ ผผู้ ลิตราย หน่ึงข้ึนราคาสินคา้ จาก P0 เป็ น P2 ผูผ้ ลิตรายอ่ืนไม่ข้ึนราคาตาม ทาใหป้ ริมาณขายของตนจะลดลงอยา่ ง เตม็ ท่ีเทา่ กบั Q1 ดงั น้นั เส้นอุปสงคข์ องผผู้ ลิตจึงเป็นเส้นหกั มุม
ราคา ตน้ ทุน 304 A MC AC P0 P B D = AR C 0 Q0 M, MR ปริมาณ ภาพแสดงท่ี 7.3 ดุลยภาพของผผู้ ลิตในตลาดผแู้ ขง่ ขนั นอ้ ยราย จากภาพแสดงที่ 7.3 ถึงการหาเส้นรายรับส่วนเพ่มิ (MR) ซ่ึงแบ่งไดเ้ ป็น 2 ช่วง คือ AB และ CM โดยเส้นอุปสงค์มีการหกั มุมท่ีจุด P ซ่ึงเป็ นระดบั ราคาสินคา้ ในตลาด การที่เส้นอุปสงคห์ ักมุมจะทาให้ เส้นรายรับส่วนเพิ่มเกิดการขาดตอน ณ ระดบั ราคาตลาดเช่นกนั คือท่ี จุด B และ จุด C อย่างไรก็ตาม ผผู้ ลิตยงั คงผลิตท่ีตน้ ทุนส่วนเพ่ิมเท่ากบั รายรับส่วนเพ่มิ หรือ MC = MR ถา้ ตน้ ทุนส่วนเพม่ิ ตดั กบั รายรับ ส่วนเพ่มิ ในช่วงที่รายรับส่วนเพ่มิ ขาดตอน จะแสดงถึงตน้ ทุนปกติของผผู้ ลิต แตถ่ า้ หากตน้ ทุนเพม่ิ ตดั กบั รายรับเพ่ิมในช่วงที่รายรับส่วนเพิ่มไม่ขาดตอนในช่วง AB จะแสดงถึงตน้ ทุนที่สูงเกินปกติ หรือถา้ ตน้ ทุนส่วนเพิ่มตดั กบั รายรับส่วนเพ่ิมในช่วง CM แสดงถึง ตน้ ทุนท่ีต่ากวา่ ปกติ เม่ือผูผ้ ลิตต้งั ราคาท่ีจุด B ตรงที่อุปสงคน์ ้นั หกั มุมผผู้ ลิตจะไดร้ ับกาไรส่วนเกินหรือกาไรปกติในระยะส้ันซ่ึงเป็นราคาท่ีมากกวา่ ตน้ ทุนผนั แปรเฉล่ียของสินคา้ และในตาแหน่งหกั มุมของอุปสงคไ์ ม่วา่ ตน้ ทุนจะเพิ่มหรือลดจะไม่ส่งผล มาถึงการกาหนดราคาสินคา้ ที่อยู่ ณ จุดอุปสงค์หกั มุม แต่ในระยะยาวผูผ้ ลิตสามารถปรับเปล่ียนขนาด ของกิจการตามตอ้ งการได้ ดงั น้นั ผูผ้ ลิตจึงสามารถปรับเปล่ียนตน้ ทุนไดต้ ราบใดที่ยงั คงทาให้ตน้ ทุน ส่วนเพิ่มตดั กบั รายรับส่วนเพิ่มอยูใ่ นช่วงที่ขาดตอนโดยผูผ้ ลิตจะไดก้ าไรสูงสุดตามเดิม ทาให้ในระยะ ส้ันผูผ้ ลิตในตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยรายไดร้ ับกาไรเกินปกติ กาไรปกติ หรือขาดทุนไดเ้ ช่นกนั ข้ึนอยูก่ บั เส้น ตน้ ทุนเฉลี่ยของผผู้ ลิตแตล่ ะรายเม่ือเทียบกบั ระดบั ราคาตลาด
305 ดุลยภาพระยะส้ันของผู้ผลติ ในตลาดผู้ขายน้อยราย เน่ืองจากดุลยภาพระยะส้ันของตลาดผูข้ ายน้อยรายเกิดข้ึนที่ระดบั ราคาและปริมาณผลผลิต เพื่อใหไ้ ดก้ าไรสูงสุด หรือ MC = MR แต่การที่เส้นอุปสงคเ์ ป็ นเส้นหกั มุม ณ ราคาตลาดขณะน้นั ทาให้ เส้นรายรับส่วนเพิ่มขาดตอน ดงั น้นั ราคาขายและปริมาณผลผลิตจึงค่อนขา้ งคงที่ ณ ระดบั ท่ีเส้นอุปสงค์ หักมุม ซ่ึงเป็ นผลจากการที่เส้นตน้ ทุนตดั กบั เส้นรายรับส่วนเพิ่มในช่วงที่ขาดตอน ซ่ึงจะแสดงดงั ภาพ แสดงท่ี 7.4 ราคา รายรับ ตน้ ทุน MC AC P P0 AVC B D = AR =P C 0 Q0 ปริมาณ MR ภาพแสดงที่ 7.4 ดุลยภาพระยะส้นั ของผผู้ ลิตในตลาดผูข้ ายนอ้ ยรายกรณีไดก้ าไรสูงสุด จากภาพแสดงท่ี 7.4 แสดงใหเ้ ห็นวา่ เส้นตน้ ทุนเฉลี่ยอยตู่ ่ากวา่ ราคา ทาใหผ้ ผู้ ลิตไดก้ าไรเกินกวา่ ปกติในระยะส้ัน และเกิดเส้นอุปสงคห์ ักมุม ณ จุด P ระดบั ราคา P0 และเส้น MR ขาดตอนในช่วง BC ผผู้ ลิตจะไดร้ ับกาไรสูงสุด เม่ือกาหนดปริมาณผลผลิต ณ ระดบั ที่ตน้ ทุนส่วนเพ่ิมเท่ากบั รายรับส่วนเพ่มิ ในช่วงที่รายรับส่วนเพม่ิ ขาดตอนปริมาณผลผลิตคือ Q0 และราคาขายคือ P0 ซ่ึงเป็นระดบั ราคา ณ จุดหกั มุมพอดี จากการศึกษาแบบจาลองอุปสงคห์ กั มุมในอดีตน้นั ไดร้ ับความนิยมมาก แต่ในระยะต่อมาความ นิยมกลบั ลดลงเนื่องจากไดร้ ับการวจิ ารณ์จุดอ่อนหลายอยา่ ง แมว้ า่ ทฤษฎีเส้นอุปสงคห์ กั มุมแจะสามารถ อธิบายได้ว่าราคาตลาดค่อนขา้ งคงที่ แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าระดบั ราคาคงที่ถูกกาหนดข้ึนมาได้ อยา่ งไร พร้อมกบั ขอ้ สมมติท่ีว่าถา้ ผูผ้ ลิตรายหน่ึงมีการข้ึนราคาผูผ้ ลิตรายอ่ืนจะไม่ข้ึนราคาตาม แต่ถา้ ผูผ้ ลิตรายหน่ึงมีการลดราคาผูผ้ ลิตรายอื่นจะลดราคาตาม ซ่ึงเป็ นขอ้ สมมติฐานท่ีไม่ถูกตอ้ งเสมอไป ทา
306 ให้มีการศึกษาแบบจาลองอื่นท่ีสามารถอธิบายพฤติกรรมของผูผ้ ลิตในตลาดผูข้ ายน้อยรายได้ดี กว่า เนื่องจากมีผวู้ จิ ารณ์วา่ แบบจาลองเส้นอุปสงคห์ กั มุมไมค่ อ่ ยสอดคลอ้ งกบั ความเป็นจริง ยกตวั อยา่ ง การวิเคราะห์จุดดุลยภาพในตลาดผูแ้ ข่งขนั น้อยรายของบริษทั บางกอก จากดั ได้ ดงั น้ี ราคา ตน้ ทุน รายรับ 50 MC ATC 30 AVC B D =AR 10 0 2,000 ปริมาณ MR ภาพแสดงที่ 7.5 ดุลยภาพในตลาดผแู้ ขง่ ขนั นอ้ ยรายของบริษทั บางกอก จากดั จากภาพแสดงที่ 7.5 การวเิ คราะห์ดุลยภาพในตลาดผขู้ ายน้อยราย จุดดุลยภาพของเส้นอุปสงค์ คือจุด B ราคาต่อหน่วยเท่ากบั 50 บาท รายรับรวมเท่ากบั 100,000 บาท ตน้ ทุนต่อหน่วยคือเส้น ATC เท่ากบั 30 บาท ตน้ ทุนรวมเท่ากบั 60,000 บาท ตน้ ทุนแปรผนั ต่อหน่วยคือเส้น AVC เท่ากบั 10 บาท ตน้ ทุนแปรผนั รวม 20,000 บาท ตน้ ทุนคงท่ีตอ่ หน่วยเท่ากบั 20 บาท ตน้ ทุนคงท่ีรวม 40,000 บาท ดงั น้นั บริษทั บางกอก จากดั จะมีกาไรเท่ากบั 40,000 บาท
307 ยกตวั อย่าง การวิเคราะห์จุดดุลยภาพของบริษทั ยูกิจงั อินเตอร์เนชั่นแนล จากัด ในตลาดผู้ แข่งขนั นอ้ ยรายไดด้ งั น้ี ราคา ตน้ ทุน รายรับ 70 MC ATC 35 AVC B D = AR 15 0 1,900 ปริมาณ MR ภาพแสดงท่ี 7.6 ดุลยภาพในตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยรายของบริษทั ยกู ิจงั จากดั จากภาพแสดงที่ 7.6 เป็นการวเิ คราะห์ดุลยภาพในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย โดยเส้นอุปสงคข์ องตลาด ผูข้ ายนอ้ ยราย ณ จุดดุลยภาพคือจุด B ราคาต่อหน่วยเท่ากบั 70 บาท รายรับรวมเท่ากบั 133,000 บาท ตน้ ทุนตอ่ หน่วยคือเส้น ATC เทา่ กบั 35 บาท ตน้ ทุนรวมเทา่ กบั 66,500 บาท ตน้ ทุนแปรผนั ต่อหน่วยคือ เส้น AVC เท่ากบั 15 บาท ตน้ ทุนแปรผนั รวม 28,500 บาท ตน้ ทุนคงที่ต่อหน่วยเท่ากบั 20 บาท ตน้ ทุน คงที่รวม 38,000 บาท จึงทาใหบ้ ริษทั ยกู ิจงั อินเตอร์เนชนั่ แนล จากดั มีกาไร เทา่ กบั 38,000 บาท
308 ยกตวั อยา่ ง การวเิ คราะห์จุดดุลยภาพการผลิตสินคา้ ชนิดหน่ึงของบริษทั สยามเอน็ จิเนียร่ิง จากดั ในตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยราย แสดงไดด้ งั ภาพแสดงท่ี 7.7 ราคา ตน้ ทุน รายรับ ATC 40 MC 38 AVC B 30 D = AR 0 1,600 ปริมาณ MR ภาพแสดงท่ี 7.7 ดุลยภาพการผลิตสินคา้ ในตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยราย จากภาพแสดงท่ี 7.7 การวเิ คราะห์ดุลยภาพในตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายบริษทั สยามเอน็ จิเนียร่ิง จากดั จะมีกาไรเน่ืองจากเส้นอุปสงค์หกั มุมของตลาดผูข้ ายน้อยรายที่จุดดุลยภาพคือจุด B เกิดข้ึนที่ (MC = MR) ราคาต่อหน่วยเท่ากบั 40 บาท รายรับรวมเท่ากบั 64,000 บาท ตน้ ทุนต่อหน่วย (ATC) เท่ากบั 38 บาท ตน้ ทุนรวมเท่ากบั 60,800 บาท ตน้ ทุนแปรผนั ต่อหน่วย (AVC) เท่ากบั 30 บาท ตน้ ทุนแปรผนั รวม 48,000 บาท ตน้ ทุนคงท่ีต่อหน่วย (ATC – AVC = AFC) เท่ากบั 8 บาท ตน้ ทุนคงที่รวม 12,800 บาท ดงั น้นั บริษทั สยามเอน็ จิเนียริ่ง จากดั มีกาไร ณ จุดดุลยภาพเทา่ กบั 12,800 บาท แบบจาลองคูโน (Cournot Model) เน่ืองจากตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายน้นั มีลกั ษณะสินคา้ ท่ีมีท้งั สินคา้ ที่เหมือนกนั และต่างกนั ผผู้ ลิตใน ตลาดน้ีอาจมีการรวมตวั กนั หรือแข่งขนั ก็ได้ พฤติกรรมของผผู้ ลิตรายหน่ึงจึงสามารถกระทบผผู้ ลิตราย อ่ืนได้ ทาให้รูปแบบการกาหนดราคาในตลาดน้ีมีความซับซ้อน เส้นอุปสงค์ของผูข้ ายน้อยรายไม่ สามารถกาหนดไดแ้ น่นอนข้ึนอยูก่ บั การโตต้ อบของผูผ้ ลิตรายอ่ืนในตลาด ตลาดผูข้ ายนอ้ ยรายจึงมีการ กาหนดราคาในรูปแบบอื่น ในทางปฏิบตั ิผผู้ ลิตในตลาดผูข้ ายน้อยรายมกั จะไม่แข่งขนั กนั ในดา้ นราคา
309 สินคา้ ผผู้ ลิตอาจมีการร่วมมือกนั เพอื่ ให้ผผู้ ลิตแต่ละรายไดก้ าไรมากที่สุด และไม่มีผผู้ ลิตรายใหม่เขา้ มา ในตลาดไดด้ ว้ ยแบบจาลองคูโน (Cournot Model) วิธีการต้งั ราคาตามผูน้ า (Price Leadership) หรือการ รวมตวั กนั กาหนดราคา (Collusion) ซ่ึงในหัวขอ้ น้ีจะเป็ นการอธิบายลกั ษณะของแบบจาลองคูโน ดงั ตอ่ ไปน้ี แบบจาลองคูโน (Cournot Model) เป็ นแบบจาลองท่ีใชอ้ ธิบายตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย โดยชื่อของ แบบจาลองน้ีมาจากชื่อนักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส (Augustin Cournot) ที่ได้เสนอรูปแบบการ วเิ คราะห์ข้ึนในปี ค.ศ. 1838 ซ่ึงให้ความสาคญั กบั ปฏิกิริยาโตต้ อบของผูแ้ ข่งขนั ในตลาดเป็ นหลกั โดย สมมติฐานแบบจาลองคูโนมีดงั น้ี 1. มีผผู้ ลิตสองราย 2. ผผู้ ลิตท้งั สองรายตอ้ งการกาไรสูงสุด 3. การเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิตของผผู้ ลิตท้งั สองมีผลกระทบต่อกนั 4. สินคา้ ของผผู้ ลิตท้งั สองมีลกั ษณะเหมือนกนั เน่ืองจากแบบจาลองคูโนกาหนดให้มีผูผ้ ลิตท้งั สองเป็ นผูผ้ ูกขาดท่ีตอ้ งการทากาไรสูงสุดโดย พิจารณาจากส่วนแบ่งท่ีเหลือในตลาด ดุลยภาพของแบบจาลองน้ีจะเขา้ สู่จุดท่ีมีเสถียรภาพ และหน่วย ผลิตท้งั สองรายจะขายสินคา้ ไดใ้ นปริมาณท่ีเท่ากนั ซ่ึงปริมาณการผลิตจะพบว่าปริมาณการผลิตของ ตลาดน้ีจะมากกว่าตลาดผูกขาด และในส่วนราคาดุลยภาพของตลาดน้ีจะต่ากว่าระดบั ราคาในตลาด ผกู ขาดแต่จะสูงกวา่ ระดบั ราคาในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์ ดงั ภาพแสดงท่ี 7.8 ราคา รายรับ ตน้ ทุน P2 P3 P1 LRAC = MC = LRIS D 0 Q2 Q3 Q1 ปริมาณ ภาพแสดงที่ 7.8 แบบMจRาลองของคูโน
310 จากภาพแสดงที่ 7.8 กาหนดให้เส้นอุปสงคแ์ ละเส้นรายรับเพ่ิมมีความชนั เป็ นลบ โดยให้เส้น ตน้ ทุนเฉลี่ยระยะยาว เส้นตน้ ทุนเพ่ิมและเส้นอุปทานของอุตสาหกรรมในตลาดระยะยาวเป็ นเส้นตรง ขนานกบั แกนนอน ดุลยภาพในตลาดผูกขาดจะเกิดข้ึน ณ ระดบั ราคาเท่ากบั P2 และปริมาณเท่ากบั Q2 แตด่ ุลยภาพในแบบจาลองของคูโนจะเกิดข้ึน ณ ระดบั ปริมาณเท่ากบั Q3 โดยที่ Q = (2Q1/3) ซ่ึงส่วนแบ่ง ตลาดของผูผ้ ลิตท้งั สองรายจะเท่ากนั และผูผ้ ลิตท้งั คู่จะกาหนดราคา ณ ระดบั P3 ในขณะท่ีดุลยภาพใน ตลาดแข่งขนั สมบูรณ์จะเกิดข้ึน ณ ระดบั ราคาเท่ากบั P1 และปริมาณเทา่ กบั Q1 ยกตวั อย่าง การวิเคราะห์จุดดุลยภาพแบบจาลองของคูโนโดยกาหนดให้เส้นอุปสงค์และเส้น รายรับเพ่ิมสาหรับร้านขายคุกก้ีแห่งหน่ึง มีตน้ ทุนเฉลี่ยระยะยาว เส้นตน้ ทุนเพ่ิมและเส้นอุปทานของ อุตสาหกรรมในระยะยาวคงท่ี ซ่ึงดุลยภาพในตลาดแข่งขนั สมบูรณ์จะเกิดข้ึน ณ ระดบั ราคาเท่ากบั 100 บาทและปริมาณเท่ากบั 1,200 กล่อง ขณะท่ีดุลยภาพในตลาดผกู ขาดจะเกิดข้ึน ณ ระดบั ราคาเท่ากนั และ ปริมาณเทา่ กบั 900 กล่อง สามารถนาวาดกราฟไดด้ งั น้ี ราคา 120 110 100 LRAC = MC = LRIS D 0 900 800 1,200 ปริมาณ MR ภาพแสดงท่ี 7.9 ดุลยภาพในแบบจาลองของคูโน จากภาพแสดงท่ี 7.9 สามารถอธิบายไดว้ ่าดุลยภาพในแบบจาลองของคูโนจะเกิดข้ึน ณ ระดบั ปริมาณเท่ากบั 800 = [2 x (1200/3) ] ซ่ึงส่วนแบง่ ตลาดของผูผ้ ลิตท้งั สองรายจะเท่ากนั และผูผ้ ลิตท้งั คู่จะ กาหนดราคา ณ ระดบั 110 บาท
311 ยกตวั อย่าง การวิเคราะห์ของแบบจาลองคูโนซ่ึงผูผ้ ลิตแต่ละรายในตลาดต้งั สมมติฐานว่า ปริมาณการผลิตของคู่แข่งขนั มีจานวนคงที่ แลว้ ดาเนินการผลิตสินคา้ ของตนภายใตก้ ารโตต้ อบของ ผผู้ ลิตรายอื่น สามารถอธิบายไดด้ งั น้ี ราคา รายรับ ตน้ ทุน D1 D2 MC MR2 MR1 0 250 500 ปริมาณสินคา้ 1,000 ภาพแสดงที่ 7.10 การกาหนดปริมาณการผลิตในแบบจาลองของคูโน จากภาพแสดงที่ 7.10 จะเห็นไดว้ ่าเส้นอุปสงคข์ องตลาดคือ เส้น D1 โดยเร่ิมแรกผูผ้ ลิตรายที่ หน่ึงคาดวา่ ผผู้ ลิตรายท่ีสองไมผ่ ลิตสินคา้ ออกจาหน่ายเลย เส้นอุปสงคข์ องตลาดซ่ึงเทา่ กบั D1 จึงเป็นเส้น อุปสงคข์ องผผู้ ลิตรายท่ีหน่ึงดว้ ยและตน้ ทุนหน่วยสุดทา้ ยของผผู้ ลิตรายที่หน่ึงมีค่าคงท่ีดว้ ย ปริมาณการ ผลิตที่ทากาไรสูงสุด จึงทาให้ผูผ้ ลิตรายท่ีหน่ึงจะอยู่ ณ จุดท่ี MC = MR1 ซ่ึงเท่ากบั 500 หน่วย แต่ถ้า ผูผ้ ลิตรายท่ีหน่ึงคาดว่าผูผ้ ลิตรายท่ีสองจะผลิตสินคา้ ออกจาหน่าย 500 หน่วยเช่นกนั เส้นอุปสงคข์ อง ผูผ้ ลิตรายที่หน่ึงจะเลื่อนระดบั ลดลงเปลี่ยนจากเส้น D1 เป็ น D2 และจุดผลิตก็จะเปลี่ยนไปอยู่ ณ จุดที่ MC = MR2 ซ่ึงเท่ากบั 250 หน่วย ดงั น้นั จึงทาใหป้ ริมาณการผลิตท่ีทากาไรสูงสุดใหแ้ ก่ผูผ้ ลิตรายหน่ึงใน กรณีน้ีลดลงตามลาดบั ของการคาดคะเนถึงปริมาณการผลิตของผผู้ ลิตรายท่ีสอง แบบจาลองการรวมตัวกนั เน่ืองจากตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายแต่ละรายมีอานาจใกลเ้ คียงกนั จึงเกิดการรวมตวั กนั ของผูผ้ ลิตเขา้ ดว้ ยกนั ในตลาดเพื่อตกลงราคาร่วมกนั อาจเป็นการรวมตวั กนั อยา่ งเปิ ดเผย (Formal Collusion) หรือเป็ น การรวมตวั กนั อยา่ งไม่เปิ ดเผย (Informal Collusion) แต่มีจุดประสงคเ์ ดียวกนั คือ ต้งั ราคาท่ีทาให้ผูผ้ ลิต ไดร้ ับกาไรรวมสูงสุดท่ีปริมาณผลผลิตรวมท้งั กลุ่ม ณ จุดท่ีตน้ ทุนเพ่ิมของท้งั กลุ่มเท่ากบั รายไดเ้ พ่มิ ของ
312 ท้งั กลุ่ม ผูผ้ ลิตแต่ละรายจะแบ่งสัดส่วนการผลิตตามขอ้ ตกลงและขายสินคา้ ในราคาท่ีกาหนดข้ึน ซ่ึงจะ สามารถอธิบายการกาหนดราคาของผขู้ ายนอ้ ยรายจากแบบจาลองการรวมตวั กนั ไดด้ งั น้ี แบบจาลองการรวมตวั กนั (The Collusion) เป็ นแบบจาลองในกาหนดราคา โดยมีสมมุติฐานวา่ ผผู้ ลิตแต่ละรายจะกระทาตนเหมือนกบั หน่วยธุรกิจเพียงหน่วยเดียวในตลาด เกิดข้ึนเมื่อหน่วยธุรกิจทุก รายตกลงร่วมมือกนั ในการดาเนินนโยบายเดียวกนั เพอ่ื ลดปริมาณการผลิต และเพม่ิ ราคาสินคา้ จะทาให้ กาไรรวมของกลุ่มสูงสุด ดงั น้นั ปริมาณการผลิตท้งั หมดจะเกิดข้ึนเม่ือรายรับส่วนเพิ่มของกลุ่มเท่ากบั ตน้ ทุนส่วนเพ่ิมของกลุ่ม และผูผ้ ลิตหน่วยแต่ละรายจะไดร้ ับการจดั สรรโควตา้ การผลิตตามขอ้ ตกลง โดยขายสินคา้ ในราคาท่ีกลุ่มไดก้ าหนดไว้ การกระทาดงั กล่าวน้ีเปรียบเสมือนพฤติกรรมของผูผ้ ลิตใน ตลาดผกู ขาด การรวมกลุ่มธุรกิจเพือ่ กาหนดราคาและปริมาณการผลิต เรียกวา่ คาร์เทล (Cartel) ยกตวั อยา่ ง การกาหนดราคาในตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยรายของอุตสาหกรรมน้ามนั ซ่ึงประกอบดว้ ย หน่วยธุรกิจจานวน 15 รายแต่ละรายมีกาลงั การผลิต 10 ลา้ นบาร์เรล ปริมาณการผลิตท้งั หมดเทา่ กบั 150 ลา้ นบาร์เรล ดงั น้นั จะเป็นไปตามกลไกตลาด ดงั ภาพแสดงที่ 7.11 ราคา S = MC 20 10 D 0 ปริมาณ (ลา้ นบาร์เรลล)์ ภาพแสดงท่ี 7.11 การกาหนดราคาในตลาดผแู้ ขง่ ขนั นอ้ ยรายของอุตสาหกรรมน้ามนั จากภาพแสดงท่ี 7.11 อธิบายไดว้ า่ ราคาน้ามนั ในตลาดโลกเท่ากบั 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ณ ระดับราคาดังกล่าว หน่วยธุรกิจแต่ละรายจะผลิตน้ามนั 10 ล้านบาร์เรลต่อวนั หากหน่วยธุรกิจ ตดั สินใจรวมกลุ่มเพ่ือลดกาลงั การผลิตน้ามนั ลง โดยมีขอ้ ตกลงวา่ ให้หน่วยธุรกิจแต่ละราย ลดกาลงั การ ผลิตของตนลงร้อยละ 20 หรือลดลงรายละ 2 ลา้ นบาร์เรลต่อวนั เปรียบเหมือนกบั ตลาดผกู ขาด และเส้น อุปทาน (S) ของตลาดคือผลรวมของเส้นตน้ ทุนส่วนเพ่มิ ในหน่วยธุรกิจท้งั 15 ราย เม่ือราคาน้ามนั เทา่ กบั 20 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะทาใหห้ น่วยธุรกิจแตล่ ะรายจะมีกาไรเพม่ิ ข้ึน
313 ยกตวั อยา่ ง การวเิ คราะห์ตามแบบจาลองการรวมตวั กนั ของบริษทั Jame และบริษทั Sam โดยมี การตกลงท่ีจะรวมกลุ่มกนั กาหนดราคาสินคา้ ของตน บริษทั Jame มีการผลิตสินคา้ ประมาณ 170.57 หน่วย และบริษทั Sam มีการผลิตสินคา้ ประมาณ 284.29 หน่วย ซ่ึงตกลงราคาขายรวมกนั เท่ากบั 545.14 บาทต่อหน่วย ท้งั สองบริษทั ตอ้ งการให้ไดก้ าไรสูงสุดคือ MC = MR สามารถวาดกราฟพร้อมวเิ คราะห์ ไดด้ งั น้ี P PP 545.1 M AC MCSJ AC MC MC 4J T PC E C CD S MR 0 Q Q 454.8 Q 170.5 284.29 7 ผผู้ ลิต Sam 6 ผผู้ ลิต Jame การรวมตวั กนั ภาพแสดงท่ี 7.12 แบบจาลองการรวมตวั กนั จากภาพแสดงท่ี 7.12 บริษทั Jame และบริษทั Sam เม่ือมีการร่วมมือกนั จะเห็นไดว้ า่ ตน้ ทุนการ ผลิตของบริษทั Jame และบริษทั Sam โดยที่ MCJ และ MCS เป็ นเส้นตน้ ทุนส่วนเพิ่มของหน่วยผลิต บริษทั Jame และบริษทั Sam ผลรวมของ MCJ และ MCS ตามแนวนอนคือเส้น MCT ซ่ึงเป็ นตน้ ทุนส่วน เพ่ิมของกลุ่ม เส้น DC คือเส้นอุปสงคข์ องตลาด เส้น MR เป็ นรายรับของกลุ่มผผู้ ลิต เพ่ือให้มีกาไรสูงสุด กลุ่มผผู้ ลิตจะผลิตสินคา้ ในปริมาณ 454.86 หน่วย และขายในราคาหน่วยละ 545.14 หน่วย ปริมาณการ ผลิตน้ีถูกจดั สรรให้สมาชิกผลิตตามประสิทธิภาพของแต่ละราย โดยปริมาณการผลิตของแต่ละรายจะ ตรงกบั ระดบั ที่ MC เท่ากบั ระดบั MR ของกลุ่ม นนั่ คือ หน่วยผลิตบริษทั Jame จะผลิต 170.57 หน่วย และหน่วยผลิตบริษทั Sam จะผลิต 284.29 หน่วย โดยที่ผลรวมของท้งั สองรายน้ีจะเทา่ กบั 454.86 หน่วย ซ่ึงเป็ นผลผลิตรวมของกลุ่มพอดี ดงั น้นั จากแบบจาลองการรวมตวั กนั (The Collusion) ผูผ้ ลิตเหล่าน้ีจึงทาขอ้ ตกลงโดยลดการ ผลิตและเพ่ิมราคาขาย ทาให้ผผู้ ลิตแต่ละรายไดร้ ับกาไรมากข้ึน รูปแบบการรวมตวั กนั กาหนดราคาจะ ประสบความสาเร็จได้ โดยมีเง่ือนไขคืออุปสงคข์ องสินคา้ จะตอ้ งไม่มีความยืดหยุ่น เนื่องจากสินคา้ ที่
314 ทดแทนไดง้ ่ายผบู้ ริโภคจะหนั ไปบริโภคสินคา้ อ่ืนทดแทน และสมาชิกแตล่ ะรายในแบบจาลองน้ีจะตอ้ ง ทาตามขอ้ ตกลงอยา่ งเขม้ งวด แบบการต้งั ราคาตามผู้นา แบบจาลองการต้งั ราคาตามผูน้ า (Price Leadership) เป็ นแบบจาลองที่เกิดข้ึนจากการกาหนด ราคาเพื่อให้ไดร้ ับกาไรสูงสุดร่วมกนั ภายใตก้ ารกาหนดราคาตามผูน้ า (Price Leadership) ซ่ึงผูน้ าน้ีอาจ เป็ นผูท้ ่ีมีตน้ ทุนการผลิตต่าที่สุด (Low Cost Firm) หรือเป็ นผูผ้ ลิตรายใหญ่ (Dominant Firm) เม่ือใน ตลาดผูข้ ายนอ้ ยรายมีผผู้ ลิตที่มีอานาจสูงกวา่ รายอื่นจะถูกเรียกวา่ “ผนู้ า” ซ่ึงผนู้ าในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย น้นั จะเป็ นผูก้ าหนดราคาและปริมาณการผลิตของตนแลว้ ผูผ้ ลิตรายอ่ืนจะตอบรับกบั ราคาและผลผลิต น้นั โดยผูน้ าจะกาหนดราคาข้ึนดว้ ยตนเองและกาหนดอุปสงคข์ องตนจากอุปสงคข์ องตลาดหกั ดว้ ยอุป สงคข์ องผตู้ ามท้งั หมด โดยสมมติฐานของแบบจาลองการต้งั ราคาตามผนู้ า ดงั ต่อไปน้ี 1. ผผู้ ลิตรายใหญซ่ ่ึงเป็นผนู้ าราคาตอ้ งการกาไรสูงสุด และเป็นผคู้ วบคุมราคา 2. ผผู้ ลิตรายเลก็ จะไม่รวมตวั แข่งขนั ราคากบั ผนู้ า 3. ตลาดจะตอ้ งประกอบดว้ ยผผู้ ลิตรายใหญแ่ ละผผู้ ลิตรายเลก็ ท้งั น้ีเพ่ือหลีกเลี่ยงปัญหาการแข่งขนั ราคาที่จะเกิดข้ึน การต้งั ราคาตามผูผ้ ลิตรายใหญ่อาจทาให้ ผูผ้ ลิตบางรายไม่ไดร้ ับกาไรสูงสุด เนื่องจากตน้ ทุนของผูผ้ ลิตแต่ละรายไม่เท่ากนั ทาให้การต้งั ราคา ลกั ษณะน้ีผผู้ ลิตจะไดร้ ับกาไรมากหรือนอ้ ยน้นั ข้ึนอยกู่ บั ตน้ ทุนของผผู้ ลิตแตล่ ะราย ซ่ึงในทางปฏิบตั ิน้นั จะมีการกาหนดนโยบายการเป็นผนู้ าราคา เป็นวธิ ีการท่ีง่ายที่สุดในการขจดั ปัญหาการกระทบกระทง่ั กนั ระหว่างหน่วยธุรกิจและเป็ นที่ใชอ้ ยู่โดยทวั่ ไป คือ ผูน้ าราคาโดยผูผ้ ลิตรายใหญ่ (Price Leadership by Dominant Firm) และผนู้ าราคาโดยผผู้ ลิตท่ีมีตน้ ทุนต่า (Price Leadership by Low Cost Firm) ยกตัวอย่าง การต้ังราคาตามผู้นาของบริ ษัทผู้นาผลิตรถจักรยานยนต์ และบริ ษัทผลิต รถจกั รยานยนตร์ ายเล็ก โดยมีปริมาณผลผลิตตอ่ ราคาเป็นดงั น้ี ตารางที่ 7.1 การต้งั ราคาของผตู้ ามตลาด ราคา ผลผลิต 10,000 0 20,000 100 30,000 200
315 ตารางท่ี 7.2 การต้งั ราคาของผนู้ าตลาด ผลผลิต ราคา 400 10,000 200 0 20,000 30,000 จากตารางท่ี 7.2 สามารถนามาวิเคราะห์จุดดุลยภาพตามแบบจาลองการต้งั ราคาตามผูน้ าและ สร้างกราฟของหน่วยผลิตรายเล็กและหน่วยผลิตผนู้ าดงั น้ี ราคา (บาท) ราคา (บาท) 40,000 MC F S MC S 30,000 20,000 A B B C D 10,000 A ผลผลิต MR ผลผลิต 0 100 200 300 400 (หน่วย) 0 100 200 300 400 (หน่วย) (ก) ผตู้ ามตลาด (ข) ผนู้ าตลาด ภาพแสดงที่ 7.13 อุปสงคข์ องตลาดและอุปทานของผผู้ ลิตรายเลก็ และผนู้ า จากภาพแสดงท่ี 7.13 (ก) แสดงอุปสงคข์ องตลาดและอุปทานรวมของบรรดาหน่วยผลิตรายเล็ก ภาพ (ข) แสดงอุปสงคร์ ายรับและตน้ ทุนส่วนเพิ่มของผูน้ าเส้นอุปสงคข์ องผนู้ า คือเส้น FBC ซ่ึงเท่ากบั ผลต่างระหว่างอุปสงค์ของตลาด (เส้น D) กบั ปริมาณอุปทานที่หน่วยผลิตรายเล็กรวมกนั (เส้น SS = MC) ณ ระดับราคาต่าง ๆ ท่ีเส้น MC ตดั กับ MR ของผูน้ า ผูน้ าจะผลิตสินคา้ ออกขายเท่ากับ 200 หน่วยและต้งั ราคาท่ีหน่วยละ 20,000 บาท ในขณะที่หน่วยผลิตรายเล็กจะขายในราคาน้ีดว้ ยโดยการผลิต ออกขายท้งั สิ้น 100 หน่วย ดงั น้นั ปริมาณการผลิตท้งั หมดในตลาดจะเท่ากบั ปริมาณซ้ือในระดบั ราคาจะ เท่ากบั 300 หน่วย
316 การวเิ คราะห์ตลาดผู้ขายน้อยรายกรณกี าไรและขาดทนุ การวเิ คราะห์จุดดุลยภาพในตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายน้นั สามารถแบ่งการวิเคราะห์ไดเ้ ป็ น 2 กรณีคือ การวิเคราะห์จุดดุลยภาพในกรณีกาไรและการวิเคราะห์จุดดุลยภาพในกรณีขาดทุน ซ่ึงมีรายละเอียด ดงั ต่อไปน้ี การวเิ คราะห์ตลาดผู้ขายน้อยรายกรณกี าไร การวิเคราะห์ตลาดผูข้ ายน้อยรายกรณีกาไรน้ันสามารถวิเคราะห์ได้ 2 ลกั ษณะคือ กรณีกาไร ปกติและกรณีกาไรเกินปกติ โดยท่ีผผู้ ลิตจะทาการผลิต ณ จุดดุลยภาพและตน้ ทุนส่วนเพ่ิมตดั กบั รายรับ ส่วนเพ่มิ (MC=MR) ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี 1. กรณีกาไรปกติ ในกรณีท่ีเกิดกาไรปกติของตลาดผูข้ ายนอ้ ยรายน้นั เป็ นกรณีท่ีมีการ แขง่ ขนั กนั หรือมีผขู้ ายมากข้ึนในระยะยาวอาจทาใหผ้ ผู้ ลิตไดร้ ับกาไรปกติ ดงั ภาพแสดงท่ี 8.14 ราคา รายรับ ตน้ ทุน MC A AC ATC P D = AR E 0 ปริมาณ Q MR ภาพแสดงท่ี 7.14 ดุลยภาพในตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายกรณีไดร้ ับกาไรปกติ จากภาพแสดงท่ี 7.14 เป็ นการแสดงถึงดุลยภาพในตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายกรณีไดร้ ับกาไรปกติ ซ่ึง ปริมาณสินคา้ ท่ีเหมาะสมอยจู่ ุดดุลยภาพท่ีรายรับเฉลี่ยและรายรับรวมเท่ากบั ตน้ ทุนเฉล่ียและตน้ ทุนรวม ผผู้ ลิตจะมีปริมาณท่ีผลิตคือ Q มีรายรับเฉล่ียเท่ากบั ตน้ ทุนเฉลี่ยและเท่ากบั ราคา จึงทาใหผ้ ผู้ ลิตมีกาไรต่อ หน่วยเท่ากบั ศูนย์ และมีเพยี งกาไรปกติเทา่ น้นั
317 ยกตวั อยา่ ง ดุลยภาพในตลาดผูข้ ายนอ้ ยรายกรณีกาไรปกติของโรงงานไทยไทยผลิตเตารีด ซ่ึง สามารถวเิ คราะห์ตน้ ทุนต่อหน่วยและกาไรไดด้ งั น้ี รารคาคาาตตน้ น้ททุนุน รายรับ 200 D = AR ปริมาณ 0 2,000 MR ภาพแสดงท่ี 7.15 ดุลยภาพในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย กรณีกาไรปกติ จากภาพแสดงท่ี 7.15 ดงั กล่าวจะเห็นไดว้ า่ ปริมาณสินคา้ ที่เหมาะสมอยทู่ ี่ตน้ ทุนส่วนเพิม่ เท่ากบั รายรับส่วนเพ่ิม (MR = MC) ซ่ึงเป็ นจุดดุลยภาพท่ีรายรับเฉลี่ยและรายรับรวมเท่ากบั ตน้ ทุนเฉลี่ยและ ตน้ ทุนรวม ผผู้ ลิตจะมีปริมาณที่ผลิตคือ 2,000 หน่วย มีรายรับเฉล่ียเท่ากบั 200 บาทต่อหน่วย มีตน้ ทุน เฉลี่ยเท่ากบั 200 บาทต่อหน่วย รายรับรวมเท่ากบั 400,000 ตน้ ทุนรวมเท่ากบั 400,000 จึงทาใหผ้ ผู้ ลิตมี กาไรต่อหน่วยเทา่ กบั ศูนยแ์ ละมีเพียงกาไรปกติเทา่ น้นั 2. กรณีกาไรเกินปกติ ในกรณีกาไรเกินปกติของตลาดผูข้ ายน้อยรายน้นั ผูผ้ ลิตจะมี อิทธิพลในการกาหนดราคาจึงทาใหผ้ ผู้ ลิตสามารถมีกาไรเกินปกติไดด้ งั น้ี ปริ มา ณ ณ ณ ณ ณ ณ มา ญ ณ ณ
ราคา ตน้ ทุน 318 รายรับ MC P0 AC P1 D = AR 0Q ปริมาณ MR ภาพแสดงที่ 7.16 ดุลยภาพกรณีกาไรเกินปกติ ในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย จากภาพแสดงที่ 7.16 จุดดุลยภาพหรือปริมาณสินคา้ ท่ีเหมาะสมอยู่ที่ตน้ ทุนส่วนเพ่ิมเท่ากบั รายรับส่วนเพิ่ม (MR = MC) ซ่ึงปริมาณที่ผลิตคือ Q ผูผ้ ลิตจะมีรายรับเฉล่ียเท่ากบั P0 และมีตน้ ทุนเฉลี่ย เท่ากบั P1 ซ่ึงจะทาใหผ้ ผู้ ลิตมีกาไรท้งั หมดเทา่ กบั ผลตา่ งระหวา่ งราคา P0 และ P1 คูณดว้ ยปริมาณหรือ (P0 - P1) x Q นน่ั เอง ยกตวั อยา่ ง ดุลยภาพในตลาดผูข้ ายน้อยรายกรณีกาไรเกินปกติของโรงงาน ABC ผลิตชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์เพอื่ จาหน่ายต่อใหก้ บั โรงงาน FC ซ่ึงสามารถวเิ คราะห์ตน้ ทุนต่อหน่วยและกาไรไดด้ งั น้ี
ราคา 319 35 MC 30 ATC 20 D = AR ปริมาณ 0 1,500 MR ภาพแสดงท่ี 7.17 ดุลยภาพของโรงงาน ABC ในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย จากภาพแสดงท่ี 7.17 จุดดุลยภาพหรือปริมาณสินคา้ ที่เหมาะสมอยู่ท่ีตน้ ทุนส่วนเพ่ิมเท่ากบั รายรับส่วนเพิม่ (MR = MC) ซ่ึงปริมาณท่ีผลิตคือ 1,500 หน่วย ผผู้ ลิตจะมีรายรับเฉล่ียเท่ากบั 30 บาทต่อ หน่วยและมีตน้ ทุนเฉล่ียเท่ากบั 20 บาทต่อหน่วย ซ่ึงจะทาให้ผูผ้ ลิตมีกาไรท้งั หมดเท่ากบั 15,000 บาท โดยมีราคาต่อหน่วยเท่ากบั 30 บาท รายรับรวมเท่ากบั 45,000 ตน้ ทุนตอ่ หน่วยเทา่ กบั 20 บาท ตน้ ทุนรวม เท่ากบั 30,000 บาท ในการวิเคราะห์จุดดุลยภาพในตลาดผูข้ ายน้อยรายกรณีกาไรเกินปกติน้ีจะเห็นไดว้ า่ ผูผ้ ลิตมี รายรับรวมสูงกว่าตน้ ทุนรวม ซ่ึงพิจารณา ณ จุดเส้นรายรับส่วนเพ่ิมตดั กบั รายรับส่วนเพิ่ม ค่ารายรับ เฉลี่ยอยสู่ ูงกวา่ คา่ ตน้ ทุนเฉล่ีย จะแสดงวา่ ผผู้ ลิตมีกาไรเกินปกติในระยะส้ันผูผ้ ลิตในตลาดที่มีผูข้ ายนอ้ ย จึงสามารถมีกาไรเกินปกติได้ การวเิ คราะห์ตลาดผู้ขายน้อยรายกรณขี าดทนุ การวิเคราะห์ตลาดผูข้ ายน้อยรายกรณีขาดทุนน้ันสามารถวิเคราะห์ได้ 2 ลกั ษณะคือ กรณี ขาดทุนแต่ทาการผลิตตอ่ และกรณีปิ ดกิจการ ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี 1. กรณขี าดทุนแต่ทาการผลติ ต่อ เนื่องจากผผู้ ลิตในตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายมีโอกาสพบกบั การขาดทุนในระยะส้ันได้ ดงั ภาพแสดงท่ี 7.18
ราคา ตน้ ทุน รายรับ 320 P1 MC P0 ATC • AVC D = AR ปริมาณ 0 Q MR ภาพแสดงท่ี 7.18 ดุลยภาพในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย กรณีขาดทุนแต่ทาการผลิตตอ่ จากภาพแสดงท่ี 7.18 แสดงถึงการผลิตระดบั ดุลยภาพคือการผลิตในปริมาณสินคา้ ที่เหมาะสม โดยตน้ ทุนส่วนเพิ่มเท่ากบั รายรับส่วนเพิ่ม (MR = MC) ซ่ึงเป็ นรายรับเฉลี่ยและรายรับรวมน้อยกว่า ตน้ ทุนเฉลี่ยและตน้ ทุนรวม ปริมาณท่ีผลิตเท่ากบั Q โดยท่ีผูผ้ ลิตมีรายรับเฉล่ียเท่ากบั P0 และมีตน้ ทุน เฉล่ียเท่ากบั P1 จะทาใหผ้ ผู้ ลิตพบกบั การขาดทุนหน่วยละ P1 – P0และขาดทุนรวมเท่ากบั (P1– P0) x Q นน่ั เอง ยกตวั อย่าง ดุลยภาพในตลาดผูข้ ายน้อยรายกรณีขาดทุนแต่ทาการผลิตต่อของโรงงาน UD ทา การผลิตอุปกรณ์กลอ้ งถ่ายภาพ ซ่ึงสามารถพจิ ารณาตน้ ทุนตอ่ หน่วยและมีผลขาดทุนหรือกาไร ไดด้ งั น้ี
321 ราคา MC ATC 70 50 AVC D = AR 0 2,000 MR ปริมาณ ภาพแสดงท่ี 7.19 ดุลยภาพในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย กรณีขาดทุนแต่ทาการผลิตต่อ จากภาพแสดงท่ี 7.19 แสดงถึงปริมาณสินคา้ ที่เหมาะสมอยทู่ ่ีตน้ ทุนส่วนเพิ่มเทา่ กบั รายรับส่วน เพ่ิม (MR = MC) ซ่ึงเป็ นการผลิตระดบั ดุลยภาพ รายรับเฉล่ียและรายรับรวมนอ้ ยกวา่ ตน้ ทุนเฉลี่ยและ ตน้ ทุนรวม ปริมาณที่ผลิตเท่ากบั 2,000 หน่วย โดยท่ีผูผ้ ลิตมีรายรับเฉล่ียเท่ากบั 50 บาทต่อหน่วย และมี ตน้ ทุนเฉล่ียเท่ากบั 70 บาทต่อหน่วย ซ่ึงจะทาใหผ้ ูผ้ ลิตพบกบั การขาดทุนหน่วยละ 70 – 50 และขาดทุน รวม ท้งั หมดเท่ากบั (70 - 50) x 2,000 เนื่องจากการผลิตดงั กล่าวมีราคาต่อหน่วยเท่ากบั 50 บาท รายรับ รวมเทา่ กบั 100,000 บาท ตน้ ทุนต่อหน่วยเทา่ กบั 70 บาท ตน้ ทุนรวมเทา่ กบั 140,000 บาท ตน้ ทุนแปร ผนั เทา่ กบั 40 บาท ตน้ ทุนแปรผนั รวมเท่ากบั 80,000 บาท ตน้ ทุนคงที่เท่ากบั 30 บาท ตน้ ทุนคงที่ รวมเท่ากบั 60,000 บาท และเกิดการขาดทุนรวมเทา่ กบั 40,000 บาท 2. กรณจี ุดปิ ดกจิ การ เม่ือผูผ้ ลิตพบกบั การขาดทุนถึงระดบั หน่ึง เนื่องจากตน้ ทุนที่ปรับ สูงข้ึนหรือการแข่งขนั ท่ีรุนแรงข้ึน ผผู้ ลิตรายน้นั ก็ตอ้ งปิ ดกิจการซ่ึงเป็ นระดบั ที่เรียกวา่ “จุดปิ ดกิจการ” ดงั ภาพแสดงท่ี 7.20
ราคา ตน้ ทุน รายรับ 322 AC AVC P1 MC P0 A D = AR 0Q ปริมาณ MR ภาพแสดงท่ี 7.20 จุดยตุ ิการผลิตในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย จากภาพแสดงที่ 7.20 จะเห็นไดว้ า่ ปริมาณสินคา้ ที่เหมาะสมอยูท่ ี่ตน้ ทุนส่วนเพ่ิมเท่ากบั รายรับ ส่วนเพิ่ม (MR = MC) ณ จุดดุลยภาพผผู้ ลิตจะผลิตที่ปริมาณ Q ซ่ึงมีรายรับเฉล่ีย เท่ากบั P0 และมีตน้ ทุน เฉล่ีย เท่ากบั P1 โดยที่มีตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ยเท่ากบั P0 เช่นกนั ซ่ึงขาดทุนรวมเทา่ กบั (P1 – P0) x Q ซ่ึงการ ขาดทุนน้นั เป็นจุดปิ ดกิจการ ยกตวั อยา่ ง การวเิ คราะห์ตน้ ทุน กาไรหรือขาดทุนของบริษทั CR ซ่ึงเป็นบริษทั ท่ีผลิตน้ามนั ราย ใหม่ของไทยโดยทาการสารวจและทาการขดุ เจาะเอง และมีค่าใชจ้ า่ ยท่ีใชใ้ นการผลิตสูงมาก ซ่ึงสามารถ พจิ ารณาไดด้ งั น้ี
ราคา รายรับ ตน้ ทุน 323 ATC AVC 100 MC 80 D = AR 0 4,000 ปริมาณ MR ภาพแสดงที่ 7.21 จุดยตุ ิการผลิตของบริษทั จากภาพแสดงท่ี 7.21 จะเห็นไดว้ า่ ปริมาณสินคา้ ท่ีเหมาะสมอยทู่ ี่จุดดุลยภาพ ซ่ึงผผู้ ลิตจะผลิตท่ี ปริมาณ 4,000 หน่วย มีรายรับเฉลี่ยเทา่ กบั 80 บาทต่อหน่วย และมีตน้ ทุนเฉล่ียเทา่ กบั 100 บาทต่อหน่วย โดยที่มีตน้ ทุนแปรผนั เฉลี่ยเท่ากบั 80 บาทเช่นกนั จึงเป็ นจุดปิ ดกิจการ เนื่องจากการผลิตดงั กล่าวมีราคา ต่อหน่วยเท่ากบั 80 บาท รายรับรวมเท่ากบั 320,000 บาท ตน้ ทุนต่อหน่วยเท่ากบั 100 บาท ตน้ ทุนรวม เท่ากบั 400,000 บาท ตน้ ทุนแปรผนั เท่ากบั 80 บาท ตน้ ทุนแปรผนั รวมเท่ากบั 320,000 บาท ตน้ ทุนคงท่ี เท่ากบั 20 บาท ตน้ ทุนคงที่รวมเท่ากบั 80,000 บาท และเกิดการขาดทุนรวมเท่ากบั 40,000 บาท ซ่ึง กิจการจะขาดทุนรวมเท่ากบั (100 –80) x 4,000 หรือ 80,000 บาท ยกตวั อย่าง การวิเคราะห์ตน้ ทุน กาไรหรือขาดทุน ณ จุดดุลยภาพกรณีปิ ดกิจการของบริษทั NKVC เป็ นบริษทั น้องใหม่ที่นาเข้าน้ามนั ดิบรายย่อยของไทย เริ่มเปิ ดกิจการได้เพียง 2 ปี แต่ก็ต้อง ประสบกบั ปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่าในปัจจุบนั สามารถพิจารณาไดด้ งั ต่อไปน้ี
ราคา ตน้ ทุน รายรับ 324 250 MC ATC 200 AVC D = AR ปริมาณ 0 2,000 MR ภาพแสดงท่ี 7.22 จุดยตุ ิการผลิตของบริษทั ในตลาดผขู้ ายนอ้ ยราย จากภาพแสดงที่ 7.22 ปริมาณการสินคา้ ที่เหมาะสมอยู่ท่ีจุดดุลยภาพ ผูผ้ ลิตจะผลิตที่ปริมาณ 2,000 หน่วย ซ่ึงมีรายรับเฉลี่ยเทา่ กบั 200 บาทตอ่ หน่วย และมีตน้ ทุนเฉล่ียเทา่ กบั 250 บาทต่อหน่วย โดย ท่ีมีตน้ ทุนแปรผนั เฉล่ียเท่ากบั 200 บาทเช่นกนั เนื่องจากการผลิตดงั กล่าวมีราคาต่อหน่วยเท่ากบั 200 บาท รายรับรวมเท่ากบั 400,000 บาท ตน้ ทุนต่อหน่วยเท่ากบั 250 บาท ตน้ ทุนรวมเท่ากบั 500,000 บาท ตน้ ทุนแปรผนั เท่ากบั 200 บาท ตน้ ทุนแปรผนั รวมเท่ากบั 400,000 บาท ตน้ ทุนคงท่ีเท่ากบั 50 บาท และ ตน้ ทุนคงท่ีรวมเท่ากบั 100,000 บาท ซ่ึงขาดทุนรวมเท่ากบั (250 –200) x 2,000 หรือ 100,000 บาทจึงทา ใหเ้ กิดการปิ ดกิจการของบริษทั ข้อดแี ละข้อเสียของตลาดผู้แข่งขนั น้อยราย ขอ้ ดีและขอ้ เสียในตลาดผแู้ ข่งขนั นอ้ ยรายมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี ข้อดี 1. ผขู้ ายจานวนนอ้ ยมีอิทธิพลต่อตลาดสูง สินคา้ และบริการสามารถทดแทนกนั ไดอ้ ยา่ งดี ทาให้ ผขู้ ายแตล่ ะรายตอ้ งสนใจท่ีจะแข่งขนั ในดา้ นบริการเพอ่ื ดึงดูดผบู้ ริโภค ซ่ึงเป็นโอกาสทองของผบู้ ริโภค 2. ไม่มีการแข่งขนั กนั ในเร่ืองของราคา เพราะการแข่งขนั ลดราคาจะทาลายผลประโยชน์ของ ผผู้ ลิตดว้ ยกนั โดยมีการต้งั ราคาที่มุ่งใหไ้ ดร้ ับกาไรสูงสุด
325 3. มีการแบ่งปันสัดส่วนทางการตลาดน้อยหรือมีผูท้ ่ีขายสินคา้ ชนิดเดียวกนั น้อยรายทาให้มี โอกาสขายมาก 4. เป็ นธุรกิจท่ียงั ไม่เป็ นท่ีนิยมทาขายกนั ทาให้ไม่มีการแข่งขนั กนั มากนกั และลูกคา้ สามารถ ต่อรองราคาสินคา้ ไดบ้ า้ งตามความตอ้ งการของตนเอง 5. มีโอกาสเกิดการวิจยั และพฒั นาผลิตภณั ฑ์สูง เพราะผูข้ ายแต่ละรายมีส่วนแบ่งตลาดมาก มี กาไรมาก ขณะเดียวกนั ก็ตอ้ งการแข่งขนั เพ่ือช่วงชิงตลาดในอนาคต หรือกา้ วไปขา้ งหน้าเหนือคู่แข่ง สังคมจึงไดป้ ระโยชน์ในเรื่องของการวจิ ยั และพฒั นาจากตลาดประเภทน้ี ข้อเสีย 1. ถา้ หากวา่ ผขู้ ายรายใดเปล่ียนราคาหรือนโยบายการผลิตและการขายก็จะกระทบกระเทือนต่อ ผผู้ ลิตรายอื่น ๆ ถา้ หากผูผ้ ลิตรายใดลดราคาสินคา้ ผผู้ ลิตอื่นจะลดตาม ทาใหจ้ านวนขายไม่เพ่ิมข้ึนมาก นกั เพราะจานวนขายท่ีเพ่ิมข้ึนจะถูกเฉล่ียระหวา่ งผูผ้ ลิตท้งั หมดในตลาด ถา้ ผูผ้ ลิตคนใดข้ึนราคาสินคา้ ผผู้ ลิตอ่ืนจะไมข่ ้ึนตามทาใหจ้ านวนขายลดลง 2. ตลาดยงั สามารถมีผูผ้ ลิตรายใหม่เขา้ มาทาการผลิตแข่งขนั ได้ ถา้ จานวนผผู้ ลิตเพ่ิมข้ึนเร่ือย ๆ ทาใหไ้ ม่สามารถดารงสภาพตลาดที่มีผขู้ ายนอ้ ยรายไวไ้ ด้ 3. การดาเนินงานของหน่วยธุรกิจแต่ละรายมีผลกระทบตอ่ ผผู้ ลิตรายอื่นมาก และผผู้ ลิตรายใหม่ อาจถูกกีดกนั หรือมีอุปสรรคต่อการเขา้ สู่ตลาด 4. การกาหนดราคาและจานวนผลผลิตยงุ่ ยากไม่สามารถกาหนดไดแ้ น่นอนทาใหไ้ มม่ ีมาตรฐาน และผผู้ ลิตแตล่ ะรายขาดอิสระในการกาหนดราคา 5. การมีผูข้ ายนอ้ ยและมีอานาจตลาดสูง อาจทาให้ราคาสินคา้ และบริการสูงจากการท่ีผผู้ ลิตแต่ ละรายมีอานาจผกู ขาดอยใู่ นระดบั หน่ึง 6. หากผูผ้ ลิตในตลาดสามารถร่วมมือกนั ไดท้ ่ีจะไม่แขง่ ขนั ในดา้ นราคา และเม่ือการร่วมมือกนั น้นั มีความใกลช้ ิดกนั มาก ผูข้ ายนอ้ ยรายก็จะยึดถือตามนโยบายของกลุ่มผขู้ ายในตลาด โดยมีจุดหมาย เพื่อให้ผลประโยชน์ของกลุ่มสูงสุด ซ่ึงหมายความว่าพฤติกรรมในการกาหนดราคาหรือปริมาณการ จาหน่ายของผขู้ ายนอ้ ยราย จะเป็นเช่นเดียวกนั กบั กรณีของตลาดผกู ขาด
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432