Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ວິຊາ การขนถ่ายวัสดุ

ວິຊາ การขนถ่ายวัสดุ

Published by lavanh5579, 2021-08-24 08:46:58

Description: ວິຊາ การขนถ่ายวัสดุ

Search

Read the Text Version

466 เอกสารประกอบการสอน วชิ าการขนถ่ายวสั ดุ การขนถ่ายวัสดขุ ึน้ -ลง 1. จะต้องมีข้ันตอนพิเศษ เช่น ตรวจสอบการสร้างสนามแม่เหล็กระยะแรกของ มอเตอร์กับการกาเนิดแรงบิดของมอเตอร์ การอุ่นเบรก เป็นต้น เพื่อป้องกันการเล่ือนตกหล่นของส่ิงของ และป้องกนั การสูญเสยี ความเรว็ 2. ในการยกข้ึน จะตอ้ งใชแ้ รงบดิ สาหรับสตารท์ จานวนมาก 3. ในเวลาที่หย่อนลง เน่ืองจากเป็นการเดินเคร่ืองแบบ Regenerative จาเป็นท่ี จะต้องใช้เร็กติฟายเออร์ PWM ท่ีสามารถ Regenerate กาลังไฟฟ้าไปที่แหล่งจ่ายไฟ หรือทาการป้องกัน แรงดันไฟฟา้ สงู เกิน โดยเชื่อมตอ่ กบั ความตา้ นทานการหยดุ ทีล่ งิ คก์ ระแสตรง ตวั อย่าง 10.7 เม่อื หย่อนส่ิงของมวล 10t ลงด้วยความเร็วคงท่ี 0.2 m/s ด้วยป้ันจัน่ ทใ่ี ช้มอเตอรเ์ หนย่ี วนา ขับด้วยอินเวอร์เตอร์ท่ีมีการ Regenerate กาลังไฟฟ้าไปที่แหล่งจ่ายไฟ จงหากาลังไฟฟ้า P ท่ี Regenerate ให้แหล่งจ่ายไฟกระแสสลับ อน่ึง กาหนดให้ประสิทธิภาพรวมของป้ันจั่น มอเตอร์ อินเวอร์เตอร์ และอุปกรณ์ปรบั กระแส PWM เท่ากับ 70% วธิ ีทา กาลังไฟฟ้าที่ Regenerate ได้ จะเท่ากับอัตราการลดลงของพลังงานศักย์ของส่ิงของคูณด้วย ประสิทธภิ าพ 70% P = mgv = 10,000 × 9.8 × 0.2 × 0.7 = 13.36 × 1,000 W = 13.64 kW ตอบ 10.3.1.4) กระบวนการผลิตเครน ในการผลติ เครนของบริษทั และบริษัทยอ่ ยมีขน้ั ตอนการผลติ ดังน้ี 1) การตรวจรับวัสดุจากผู้จัดหาวัสดุ (Material receiving) ก่อนเร่ิมเข้าสู่ กระบวนการผลิต ฝ่ายผลิตและฝ่ายควบคุมคุณภาพจะทาการตรวจรับวัสดุหลักที่ใช้เป็นส่วนประกอบใน การผลิต เช่น แผ่นเหล็กสาหรับประกอบเครน เหล็กฉาก ท่อสี่เหล่ียม และท่อกลม เป็นต้น เพื่อว่าให้เกิด ความมั่นใจว่าวัสดุท่ีจะนามาใช้ในการผลิตมีคุณสมบัติเป็นไปตามข้อกาหนดในแต่ละงาน โดยทาการตรวจ นับจานวนวัสดุ ความเรียบรอ้ ยของช้ินงาน การตรวจวดั ขนาดของวัสดุ ความตรงของแผ่นเหล็ก ความเรยี บ ของพื้นผิวแผน่ เหลก็ และตรวจสอบใบรับรอง (COA) ของเหล็กท่ีสง่ มาตอ้ งมีข้อมูลระบสุ ่วนประกอบ ขนาด คุณสมบตั แิ ละ Lot การผลติ เพอ่ื ทจ่ี ะสามารถสอบกลับไดห้ ากเหลก็ มีปญั หาเกิดข้ึน ดงั แสดงในรูปที่ 10.30 รูปท่ี 10.30 การตรวจรับวัสดุจากผ้จู ัดหาวสั ดุ (ทีม่ า : บรษิ ัท ออลล่า จากดั (มหาชน), 2559) 2) การเตรียมผิวช้ินงานโลหะ (Surface preparation) และงานทาสี (Painting) การเตรียมผิวชิ้นงานเหล็กก่อนที่จะนามาทาการผลิต โดยใช้เครื่องพ่นเม็ดโลหะ (Grit blast machine) อภิชาติ ศรชี าติ สาขาวศิ วกรรมเครอื่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอดุ รธานี

467 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถ่ายวสั ดุ การขนถา่ ยวัสดุขึ้น-ลง เพ่ือเปิดผิวเหล็กและทาความสะอาดผิวของแผ่นเหล็ก เช่น คราบน้ามัน สนิม จารบี รวมถึงส่งิ สกปรกอ่ืนๆ เพ่ือให้ได้ผิวของชิ้นงานตามมาตรฐานที่กาหนดไว้ จากน้ันนาไปทาสีรองพ้ืนเพื่อกันสนิม ยืดอายุการใช้งาน ให้ยาวนาน และความเรยี บรอ้ ยสวยงามของสินค้า ดงั แสดงในรูปท่ี 10.31 3) การเตรียมรอยต่อและการประกอบแผ่นงาน นาแผ่นเหล็กท่ีผ่านการเตรียม ผิวชิ้นงานเรียบร้อยแล้วมาทาการประกอบแผ่นงานให้มีขนาดความยาวตามที่ต้องการโดยการเชื่อมต่อกัน ท้ังนี้ ลักษณะการเตรียมรอยต่อ การบากมุม การเว้นระยะห่างระหว่างช้ินงานจะขึ้นอยู่กับความหนาของ ชิ้นงานและข้อกาหนดตามมาตรฐาน AWS D14.1 ซ่ึงเป็นมาตรฐานสากลของงานเช่ือมโครงสร้าง เม่ือทา การเชื่อมต่อแผ่นงานเรียบร้อยแล้วจะต้องทาการตรวจสอบงานเช่ือมและรอยต่อด้วยวิธีใช้คล่ืนความถี่สูง (U.T. test) เพื่อตรวจสอบหาจุดบกพร่องของแนวเช่ือมทาให้สามารถมั่นใจได้ว่าแนวเช่ือมต่อแผ่นมีความ สมบูรณ์และแขง็ แรง 100% หลงั จากนั้นทาการเชือ่ มต่อเหล็กฉากเข้ากบั แผน่ งานตามขนาดและระยะหา่ งที่ ระบุไว้ เพื่อเสริมความแข็งแรงของแผน่ เหลก็ ดา้ นข้างคาน (Girder) ดังแสดงในรูปที่ 10.32 4) การประกอบคานและงานเช่ือม ภายหลังจากเตรียมแผ่นงานที่จะใช้ประกอบ คานให้มีขนาดความยาวตามท่ีต้องการแล้ว จะต้องตัดแผ่นเสริมภายในคาน (Diaphragm) เพื่อทาให้คาน สามารถรองรับน้าหนักได้ดีขึ้น โดยในแต่ละคานจะมีแผ่นเสริมหลายแผ่นวางอยู่ในระยะห่างที่กาหนดไว้ หลังจากน้ันทาการเชอื่ มต่อแผ่นเสริมเข้ากับแผน่ ล่าง แล้วประกอบและเช่ือมต่อแผ่นข้างของคานท้ัง 2 ข้าง เข้ากับแผน่ ล่างและแผน่ เสริม สุดท้ายจะต้องประกอบแผ่นปิดคานซ่ึงมีลักษณะเหมือนกล่อง (Box Girder) หลังจากนั้นใส่รางวิ่งทางขวาง ทาจากเหล็กสี่เหล่ียมตัน (Square Bar) ท่ีมีความคงทน สึกหรอได้ยาก โดย วางเชื่อมยึดติดกับตัวคานด้านบน เพ่ือเป็นรางของล้อชุดรอกยก (มีเฉพาะเครนแบบคานคู่ Double Girder) แล้วทาการเช่ือมภายนอกคานโดยใช้เครื่องเช่อื ม 6 หวั ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ลดความเส่ียงที่จะ ทาให้กล่องคานเบี้ยว คด และช่วยลดอันตรายที่อาจเกิดข้ึนจากการใช้งาน ต่อจากนั้นจึงทาการตรวจสอบ งานเช่ือมภายนอกด้วยน้ายาแทรกซึม (P.T. test) และตรวจสอบความตรงของคาน ว่าได้ตามเกณฑ์ มาตรฐานที่กาหนด ดังแสดงในรูปที่ 10.33 5) การประกอบทางเดิน (Walkway) และคานล้อ การประกอบทางเดินจะใช้ สาหรบั เครนรางคู่ (Double Girder) ซง่ึ มไี วเ้ พ่อื ใหพ้ นักงานใช้เดินตรวจสอบสภาพเครน หรือซอ่ มแซม เป็น ต้น หลังจากน้ันจึงเชื่อมต่อชุดคานล้อเข้ากับเครน โดยใช้ Jig ตัด Span ท่ีผ่านการตรวจสอบระดับและมี ความแม่นยาสูง เพื่อให้ระยะความยาวของเครนไมค่ ลาดเคล่อื น ในระหว่างกระบวนการวัดระยะและระดับ มีจุดตรวจสอบคุณภาพโดย QA และ QC ตลอดกระบวนการ เมื่อระยะความยาวของเครนตรงตาม ข้อกาหนดแล้ว จะเชื่อมยึด Girderให้ติดกับคานล้อและตรวจสอบผลการเชื่อมโดยใช้น้ายาแทรกซึม (P.T. Test) เพอื่ ใหล้ กู ค้าม่นั ใจไดว้ า่ แนวเชื่อมท่ีจดุ รบั แรงมคี วามสมบรู ณแ์ ละแข็งแรง ดังแสดงในรปู ที่ 10.34 6) การทาสี เมื่องานเช่ือมจบกระบวนการแล้ว จะเตรียมผิวและทาความสะอาด เพ่ือทาสีตามท่ีลูกค้ากาหนด โดยการควบคุมความหนาของสีแต่ละชั้น โดยใช้เคร่ืองวัดความหนาสี (Coating Thickness Gauge Meter) ที่ถูกสอบเทียบเครื่องมือวัดจากหน่วยงานภายนอก สาหรับ กระบวนการทาสีจะใช้เครื่องพน่ แบบ Air Less Spray ดงั แสดงในรูปท่ี 10.35 อภชิ าติ ศรีชาติ สาขาวศิ วกรรมเคร่ืองกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี

468 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถ่ายวสั ดุ การขนถ่ายวสั ดุข้นึ -ลง รูปท่ี 10.31 การเตรียมผวิ ช้นิ งานโลหะ (ท่มี า : บริษทั ออลล่า จากดั (มหาชน), 2559) รปู ที่ 10.32 การเตรียมรอยต่อและการประกอบแผ่นงาน (ท่ีมา : บรษิ ทั ออลล่า จากัด (มหาชน), 2559) รูปท่ี 10.33 การประกอบคานและงานเชือ่ ม (ทม่ี า : บริษัท ออลลา่ จากัด (มหาชน), 2559) อภชิ าติ ศรีชาติ รูปที่ 10.34 การประกอบทางเดิน (Walkway) และคานล้อ (ทม่ี า : บริษัท ออลลา่ จากัด (มหาชน), 2559) สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี

469 เอกสารประกอบการสอน วชิ าการขนถา่ ยวัสดุ การขนถา่ ยวสั ดขุ ้นึ -ลง รปู ที่ 10.35 การทาสี (ท่ีมา : บรษิ ทั ออลลา่ จากัด (มหาชน), 2559) 8) การติดต้ังระบบไฟฟ้า เม่ืองานทาสีเรียบร้อยแล้ว จะนารอกไฟฟ้าที่ส่ังมาจาก ต่างประเทศตาม คุณสมบัติที่ลูกค้าต้องการ มาประกอบกับเครน และติดต้ังระบบควบคุมการทางานของ เครนทั้งระบบ โดยช่างผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ โดยทาการทดสอบระบบไฟฟ้าจากท่ีโรงงาน 100% เพ่ือให้เครนสามารถตอบสนองการทางานได้หลากหลายตรงตามความต้องการของลูกค้า ดังแสดงในรูปที่ 10.37 รูปท่ี 10.36 ระบบควบคุมคณุ ภาพและประกนั คุณภาพ (ทีม่ า : บริษัท ออลล่า จากดั (มหาชน), 2559) รปู ที่ 10.37 การติดตัง้ ระบบไฟฟา้ (ท่มี า : บรษิ ทั ออลล่า จากัด (มหาชน), 2559) 9) การเตรียมช้ินส่วนเพ่ือนาไปประกอบหน้างาน : หลังจากนั้นทาการเตรียม อุปกรณ์ต่างๆ เช่น มอเตอร์ ชุดหูยกที่ใช้สาหรับติดต้ังหน้างาน รอก รวมถึงทาสีช้ินงาน และติดสติ๊กเกอร์ เพ่ือเตรียมนาไปติดต้ังให้กับลูกค้า และเม่ือติดต้ังเสร็จ จะมี QC ตรวจสอบคุณภาพหน้างานหลังจากติดต้ัง เสรจ็ เพ่ือป้องกนั ขอ้ ผิดพลาดที่อาจเกิดขน้ึ ในระหว่างการติดต้งั ดงั แสดงในรูปที่ 10.38 อภชิ าติ ศรีชาติ สาขาวศิ วกรรมเครือ่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอดุ รธานี

470 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถา่ ยวัสดุ การขนถ่ายวัสดุขนึ้ -ลง รูปที่ 10.38 การเตรียมช้ินสว่ นเพอ่ื นาไปประกอบหน้างาน (ทม่ี า : บริษทั ออลลา่ จากดั (มหาชน), 2559) 10.3.2 รอก (Hoist) บริษัทและบริษัทย่อยเป็นผู้นาเข้าและจาหน่ายชิ้นส่วนประกอบเครนและรอกไฟฟ้าตราสินค้า STAHL และตราสินค้า ABUS ตามลาดับ โดยจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลักษณะการใช้งานของ ลกู คา้ ดังนี้ 10.3.2.1) ประเภทของรอก 1) รอกโซ่ไฟฟ้า (Electric chain hoist) โครงสร้างจะมีขนาดพอเหมาะ ซี่งสามารถ ใช้ งานได้ท้ังภายใน และภายนอกอาคาร สามารถเพิ่มระยะยกโดยการเปล่ียนความยาวโซ่ใหม่ได้ ตามความ ต้องการ ดงั แสดงในรปู ท่ี 10.39 2) รอกสลิงไฟฟ้า (Electric wire rope hoist) มีลักษณะโครงสร้างเป็นแบบ หุ้มมิด เหมาะสาหรับใช้งานท่ีกลางแจ้งหรือท่ีมีฝุ่นจานวนมาก แต่ไม่สามารถเปล่ียน ระยะยกได้ตามท่ีต้องการได้ เหมือนรอกโซ่ไฟฟา้ แต่มีความแข็งแรงทนทาน และความสามารถในการรับน้าหนักได้มากกว่ารอกโซ่ไฟฟ้า ดังแสดงในรูปที่ 10.40 (ก) รอกโซ่ไฟฟ้า ตราสนิ ค้า STAHL (ข) รอกโซ่ไฟฟ้า ตราสินคา้ ABUS รปู ท่ี 10.39 รอกโซไ่ ฟฟา้ (ทีม่ า : บริษัท ออลล่า จากดั (มหาชน), 2559) อภิชาติ ศรชี าติ สาขาวิศวกรรมเครอื่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

471 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถ่ายวัสดุ การขนถา่ ยวสั ดุขึ้น-ลง (ก) รอกสลงิ ไฟฟ้า ตราสินคา้ STAHL (ข) รอกสลงิ ไฟฟ้า ตราสนิ ค้า ABUS รูปที่ 10.40 รอกสลิงไฟฟ้า (ท่ีมา : บริษัท ออลล่า จากัด (มหาชน), 2559) 3) รอกโซ่มอื สาว (Manual chain hoist) เป็นอุปกรณ์ ชักรอก รอกมอื ไม่มีช้นิ ส่วนท่ีเป็น อเิ ลก็ ทรอนิกส์ จึงไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เหมาะสาหรบั งานยกแบบคร้งั คราว ดังแสดงในรปู ที่ 10.41 รูปท่ี 10.41 รอกโซม่ ือสาว (ท่ีมา : บริษัท ออลล่า จากัด (มหาชน), 2559) 4) รอกกันระเบิด (Explosion-Proof hoist) เป็นรอกท่ีมีคุณสมบัติป้องกันการเกิด ประกายไฟ โดยช้ินส่วนแต่ละช้ินในรอกกันระเบิด จะช่วยลดการเกิดประกายไฟ และมีการป้องกันไม่ให้ ประกายไฟท่ีเกิดจากการทางานเล็ดลอดออกมา เหมาะสาหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีหรืออุตสาหกรรมท่ี เกี่ยวกบั วตั ถุไวไฟ โดยรอกประเภทน้ีจะมที ง้ั แบบโซ่และแบบสลิง ดังแสดงในรปู ท่ี 10.42 อภิชาติ ศรชี าติ รปู ท่ี 10.42 รอกกันระเปิด (ทม่ี า : บริษทั ออลลา่ จากดั (มหาชน), 2559) สาขาวิศวกรรมเคร่อื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธานี

472 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถ่ายวสั ดุ การขนถา่ ยวสั ดขุ ึน้ -ลง 10.3.2.2) การออกแบบรอกขนสง่ รอก เป็นเครื่องกลท่ีใช้สาหรับยกของขึ้นท่ีสูงหรือหย่อนลงไปในท่ีต่า รอกมีลักษณะเป็น ลอ้ มหมนุ ไดค้ ล่องรอบตัว และมีเชอื กพาดลอ้ สาหรบั ยกตวั และดงึ วตั ถุ 1) รอกเด่ียวตายตัว (Fix Pulley) เป็นรอกที่ไม่ชว่ ยผ่อนแรง แตช่ ่วยอานวยความ สะดวก สมการที่ใช้ในการคานวณหาแรงทใี่ ชใ้ นการยกมดี ังน้ี รูปที่ 10.43 รอกเดย่ี วตายตวั (ท่มี า : อภิชาติ ศรชี าติ, 2559) E T (10.8) (10.9) และ (10.10) T W ดงั นน้ั E W เมอ่ื E = แรงดงึ (นิวตนั ) W = น้าหนกั หรือความตา้ นทาน (นิวตัน) T = แรงดงึ ของเชือก (นิวตนั ) เม่ือดึงวตั ถเุ คลื่อนที่ดว้ ยความเร็วคงท่ี 2) รอกเด่ียวเคล่ือนท่ี (Moveable Pulley) เป็นรอกท่ีช่วยอานวยความสะดวก และชว่ ยผอ่ นแรง สมการท่ีใชใ้ นการคานวณหาแรงทีใ่ ช้ในการยกมีดังน้ี อภชิ าติ ศรชี าติ รูปท่ี 10.44 รอกเดีย่ วเคลอื่ นท่ี (ท่มี า : อภชิ าติ ศรชี าติ, 2559) สาขาวิศวกรรมเคร่ืองกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี

473 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถา่ ยวสั ดุ การขนถา่ ยวัสดุขึ้น-ลง E T W (10.11) และ T  E (10.12) (เพราะเปน็ เชือกเสน้ เดยี วกนั ) ดงั นน้ั (10.13) E  E W 2E W (10.14) (10.15) ดงั นนั้ EW 2 เมอ่ื E = แรงดงึ (นิวตนั ) W = น้าหนกั หรือความต้านทาน (นวิ ตัน) T = แรงดึงของเชือก (นวิ ตนั ) เมื่อดงึ วัตถุเคล่ือนที่ด้วยความเร็วคงที่ 3) รอกพวง (Block Pulley) เกิดจากการนารอกหลายๆตัวมาผูกเป็นพวง เดียวกัน ทาให้ผ่อนแรงมากข้ึน การคานวณใหค้ ิดทีละตัวแบบรอกเดี่ยว สมการที่ใชใ้ นการคานวณหาแรงที่ ใช้ในการยกมีดังน้ี E   W 2 (10.13) 2 เมอ่ื E = แรงที่ใช้ดึงวตั ถุ (นวิ ตนั ) W = นา้ หนักของวัตถุ (นวิ ตนั ) n = จานวนรอกเดีย่ วเคลื่อนที่ อภชิ าติ ศรีชาติ รูปท่ี 10.45 รอกพวง (ท่มี า : อภชิ าติ ศรีชาติ, 2559) สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

474 เอกสารประกอบการสอน วชิ าการขนถา่ ยวสั ดุ การขนถ่ายวสั ดุขนึ้ -ลง 10.3.3 ปั้นจั่น (Hoist) ป้นั จั่น หมายถึง เครือ่ งจักรหรืออุปกรณ์ท่ีใช้ยกสิ่งของหรือวัสดุขึ้น-ลงตามแนวดิ่ง และเคลื่อนย้าย วสั ดนุ นั้ ในลกั ษณะแขวนลอยไปตามแนวราบ 10.3.3.1) ประเภทของปัน้ จ่นั ปั้นจ่ันสามารถแบ่งโดยใช้การเคล่ือนท่ีเป็นเกณฑ์ได้ 2 ประเภทหลักๆ คือ ป้ันจ่ันแบบอยู่ กับที่และปั้นจ่นั แบบเคลื่อนท่ี 1. ป้ันจ่ันแบบอยู่กับท่ี หมายถึง ปั้นจ่ันท่ีประกอบด้วยอุปกรณ์การควบคุมท่ีติด ต้ังอยู่บนหอสูง ขาตั้ง หรือบนล้อเลื่อน ซ่ึงการใช้งานจะถูกจากัดตามระยะท่ีขาต้ังหรือล้อเล่ือนเคลื่อนท่ีไป ได้ 2. ป้ันจ่ันแบบเคล่ือนท่ี หมายถึง ป้ันจั่นที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ควบคุมติดตั้งอยู่ บนยานพาหนะที่ขับเคล่ือนในตัว ป้ันจั่นแบบน้ีจะสามารถเคล่ือนที่ไปในท่ีต่างๆได้อย่างรวดเร็ว เช่น รถ ป้ันจ่ันหรือรถเครน เปน็ ต้น ดงั แสดงในรปู ที่ 10.46 10.3.3.2) หลักการทางานของป้นั จ่ัน ป้ันจ่ันเป็นเครื่องจักรที่ใช้บรรทุกสินค้าข้ึนเรือหรือรถไฟ เคลื่อนย้ายวัสดุ ผลิตภัณฑ์ใน โรงงานหรือในสถานประกอบการ ซึ่งจะมีหลายหลากประเภทข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งานและ เป้าหมาย ตัวอย่างของ Overhead Crane นอกจากจะใช้สาหรับโรงงานท่ัวไปแล้ว ปั้นจ่ันท่ีใช้งานกับการ ผลิตเหล็กน้ัน ยังแยกย่อยออกได้เป็น Ladle Crane, Stripper Crane, Charging Crane ต่างๆ เป็นต้น ซ่ึงจะข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน Overhead Crane จะพาดคานท่ีมีล้อบนรางเลื่อนที่ติดตั้งบน เสา ดงั แสดงในรูปท่ี 10.47 แลว้ ติดตั้ง Trolley ตดิ กว้านและให้ Trolley วง่ิ บนรางท่ีติดไวท้ ่ีคาน เวลาที่จะ เคลื่อนย้ายของ ก่อนอื่น จะต้องกว้านของน้ันขึ้นจนถึงตาแหน่งท่ีสูงกว่าส่ิงกีดขวางระหว่างทาง แล้ว เคลอื่ นย้ายไปยังตาแหน่งท่ตี ้องการโดยการเลือ่ นและเคลือ่ นทไี่ ป เมื่อไปถึงท่ีจงึ วางของลง อภิชาติ ศรชี าติ รปู ที่ 10.46 รถปั้นจัน่ หรือรถเครน (ทม่ี า : http://www.munckcranes.com, 2559) สาขาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี

475 เอกสารประกอบการสอน วชิ าการขนถา่ ยวสั ดุ การขนถ่ายวสั ดขุ น้ึ -ลง รูปท่ี 10.47 Overhead Crane (ท่มี า : http://www.munckcranes.com, 2559) 10.3.3.3) ส่วนประกอบของปั้นจ่นั สว่ นประกอบหลกั ของป้นั จ่ันมีดังน้ี 1. แขนบูม เป็นแขนโลหะซ้อนกันอยู่ ทาจากเหล็กกล้า มีโครงสร้างระบบไฮดรอ ลิค สามารถยืด-หดได้ ย่ิงแขนบูมย่ืนออกไปในแนวราบมาก การยกน้าหนักท่ีไม่ทาให้เครนล้ม ก็จะทาได้ น้อยลง ดงั แสดงในรูปท่ี 10.48 รปู ท่ี 10.48 แขนบูม (ทมี่ า : http://www.munckcranes.com, ออนไลน์) 2. กว้าน ทาหน้าท่ีควบคุมลวดสลิงเครนที่ใช้ในการยกส่ิงของ เมื่อกว้านม้วน ลวดสลิงเครนกลับเข้ามา ส่ิงของจะถูกยกลอยข้ึน ระบบของรอกชุดและลวดสลิงเครนท่ีอยู่ระหว่างบู มกับตะขอจะทาหน้าที่ช่วยผ่อนแรงให้กับกว้าน เช่น ถ้าน้าหนักยก 20 ตัน ลวดสลิงเครนจะผ่านรอก 4 หรือ 5 ตวั ถา้ น้าหนกั ยก 45 ตนั ลวดสลิงเครนจะผา่ นรอก 7 หรอื 11 ตวั ดงั แสดงในรปู ท่ี 10.49 3. ขายันพ้ืน ในระหว่างยกของหนัก เครนต้องพ่ึงขายันพื้นในการป้องกันไม่ให้ เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ขายันพ้ืนแต่ละอันจะทาหน้าท่ีเหมือนจุดหมุนของตาชั่ง ช่วยรักษาสมดุลระหว่าง อภชิ าติ ศรชี าติ สาขาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี

476 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถ่ายวัสดุ การขนถา่ ยวสั ดขุ ้นึ -ลง น้าหนกั ส่ิงของท่ยี กกับ น้าหนักของรถเครนเอง ขายนั พนื้ ทาจากเหล็กกล้าอลมู ิเนียม แต่ละขาสามารถเลอ่ื น ขึ้นลง-ได้อย่างอิสระ เพือ่ ทาใหร้ ถเครนวางตวั อยู่ในแนวระดับ ดงั แสดงในรูปท่ี 10.50 รปู ที่ 10.49 กว้าน รูปที่ 10.50 ขายนั พ้ืน (ท่มี า : http://www.munckcranes.com, 2559) (ท่มี า : http://www.munckcranes.com, 2559) 4. น้าหนักถ่วง น้าหนักถ่วงมีไว้เพื่อทาให้เครนสมดุล ขณะกาลังยกสิ่งของ ดัง แสดงในรูปท่ี 10.51 5. ลวดสลิงเครน ลวดสลิงท่ีใช้สาหรับรถเครน จะเป็นลวดสลิงที่เกลียวละเอียด เพอ่ื ให้มีความออ่ นตวั และยดื หย่นุ เหมาะกับการใชง้ านกับรอก ดงั แสดงในรปู ท่ี 10.52 6. ตะขอ ตะขอใช้สาหรับเกี่ยวกับสิ่งของท่ีต้องการยก ตะขอมีหลากหลาย รปู แบบ ตอ้ งเลือกใหถ้ กู ตอ้ งกับการใชง้ าน ดงั แสดงในรูปที่ 10.53 รูปที่ 10.51 น้าหนักถว่ ง (ทมี่ า : http://www.munckcres.com, 2559) อภชิ าติ ศรีชาติ รปู ที่ 10.52 ลวดสลงิ เครน (ที่มา : http://www.munckcres.com, 2559) สาขาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

477 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถ่ายวสั ดุ การขนถ่ายวสั ดุขึ้น-ลง รูปท่ี 10.53 ตะขอ (ท่ีมา : http://www.munckcres.com, 2559) 10.3.3.4) การคานวณเกย่ี วกบั ป้ันจั่น 1) การคานวณ Load เพือ่ เลือกเครนในการยก สาหรับการคานวณ Load สาหรับการ ยกวัตถุใดๆ ด้วยรถเครน มีความสาคัญ มาก ท้ังด้วยเรื่องของความปลอดภัย และราคาในการว่าจ้างรถเครนนั้น แต่ละ ระดับค่อนข้างต่างกันมาก ซง่ึ วธิ คี านวณคร่าวๆ นนั้ จึงเปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งมากในการเลอื กเชา่ รถเครน Load Chart หรือ ตารางแสดงความสามารถในการยกเครน เราสามารถหาได้ ทั่วไปซึ่งความสามารถในแต่ละย่ีหอ้ จะไม่ค่อยแตกต่างกนั มาก แนวแกนต้ังและแนวแกนนอน คือ เง่ือนไขท่ี มผี ลต่อประสทิ ธิภาพในการยก Load ของเครน 1. แนวแกนนอน คือ ระยะห่างระหว่าง Load กับตัวรถ ต้องดูจากสิ่งกีด ขวางหรอื สภาพหน้างาน ตาแหน่งการวาง Load และ รถเครน 2. แนวแกนต้ัง คือ ความสูงของแขนเครน (Boom) โดยขึ้นอยู่กับความ ตอ้ งการยกชน้ิ งานสงู ข้ึนเท่าใด จากการพิจารณาจะทาให้ทราบค่า Max Load หรือความสามารถสูงสุดท่ีเครน จะยกได้ หลังจากนน้ั หาน้าหนักรวมทั้งหมด (Total Weight) ดงั สมการ นา้ หนกั รวม = นา้ หนักของ Load + นา้ หนักอปุ กรณ์ชว่ ยยกและอ่นื ๆ (10.16) Lifting capacity rate คือ อัตราส่วนความสามารถในการยกชิ้นงาน โดยท่ี Lifting capacity rate หน่วยเปน็ % และตอ้ งมคี า่ ไม่เกิน 75% Lifting capacity rate = Total Weight / Max Load (10.17) ตัวอย่าง 10.8 จาคานวณหาค่า อัตราสว่ นความสามารถในการยกช้ินงาน โดย Total Weight = 28 Tons และ Max Load = 45 Tons วิธีทา จาก Lifting capacity rate = Total Weight / Max Load Lifting capacity rate = 28/45 = 62% สามารถยกชิ้นงานชิน้ นีไ้ ด้ ตอบ อภิชาติ ศรีชาติ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี

478 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถา่ ยวัสดุ การขนถ่ายวัสดขุ ึ้น-ลง รปู ท่ี 10.54 ตารางแสดงความสามารถในการยกเครน (Load Chart) (ท่ีมา : http:// thai-draftman.blogspot.com, 2559) 2) การคานวณแรงกดท่ีขาเครน (Bearing pressure under outriggers.) การคานวณแรงกดที่ขาเครน พิจารณาจาก “น้าหนักรวม” (น้าหนักรถเครน + น้าหนักช้ินงาน) และแรงกดของขารถเครนข้างที่ใกล้ช้ินงานให้คิดข้างละ 75% ของน้าหนักกด ส่วนข้างที่ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับช้ินงาน ให้คิดข้างละ 50% หลังจากน้ันนาจานวนพ้ืนที่หารน้าหนักในแต่ละข้าง จะได้ น้าหนักแรงกดตอ่ พื้นที่เพ่ือไปเปรยี บเทยี บกบั วิศวกรโยธา (Civil Engineer) ทค่ี านวณไว้ ตัวอย่าง 10.9 รถเครนน้าหนัก 96 ตัน น้าหนักถ่วง 135 ตัน ยกของ 49 ตัน ใชแ้ ผ่นเหล็กแบบ 2 X 2 ม. ขารถเครนแตล่ ะขา้ งรบั น้าหนักท่เี ท่าไหร่ วธิ ีทา น้าหนกั รวม คือ 96 + 135 + 49 ตนั = 280 ตนั จานวนพื้นที่ คือ 2 X 2 = 4 ตารางเมตร อภชิ าติ ศรชี าติ สาขาวิศวกรรมเคร่อื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

479 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถา่ ยวสั ดุ การขนถา่ ยวสั ดุขนึ้ -ลง ขารถเครนข้างฝ่งั ท่ยี กของคานวณที่ 75% จะได้ว่า 280 x 0.75 = 210 ตนั ตอบ แรงกดต่อตารางเมตร คือ 210 ตัน/4 ตารางเมตร = 52.5 ตนั ต่อตารางเมตร ตอบ ขารถเครนขา้ งฝ่ังตรงขา้ มคานวณที่ 50% จะไดว้ า่ 280 x 0.5 = 140 ตนั แรงกดตอ่ ตารางเมตร คือ 140 ตนั /4 ตารางเมตร = 35 ตนั ต่อตารางเมตร รอก 3) การคานวณหาคา่ รอบการทบสลิง (Calculate Parts of Line) ใช้สลงิ เส้นเดียว การยกของที่มีน้าหนักมาก สามารถทาได้โดยการทบลวดสลิงหลายๆ รอบกับตัว เดียว 1 การทบสลิง 2 รอบ สามารถรับน้าหนักได้เกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบ กับการ 2. การทบสลิง 2 รอบจะเคลื่อนที่ได้ช้ากว่าครึ่งหน่ึงของการใช้สลิง เส้น 3. ความเร็วในการขึน้ -ลงของรอกข้ึนอยู่กับจานวนรอบของการทบสลงิ การคานวณหาคา่ รอบการทบสลงิ โดยใชส้ มการดังต่อไปนี้ เมือ่ n n  WT (10.18) WT WS (10.19) WS = จานวนการทบสลงิ (เส้น) โดยท่ี = น้าหนกั รวมท้ังหมด (Tons) = น้าหนกั จากดั การยกของสลิง 1 เส้น (Tons) WT = WL + WHB + WH เมือ่ WL = น้าหนักวัตถทุ ่ียก (Load Weight) มหี นว่ ยเปน็ ตนั WHB = นา้ หนักรอก (Weight of Hook Block) มีหน่วยเป็นตัน WH = น้าหนักอุปกรณ์ท่ีใช้ยกทั้งหมด (Weight of Slings and Rigging Hardware) มหี นว่ ยเป็นตนั 4) การวางแผนการยก (Lift Planning) 1. จดุ ศนู ย์กลางเครน (Center of Crane) 2. ความยาวของบมู (Boom Length) 3. องศาของบูม (Boom Angle) 4. รศั มีการยก (Load Radius) 5 ระยะความสูงปลาย (Boom Point Elevation) 6. จุดศนู ย์ถ่วงวตั ถุที่ยก (C.G. of Load) 7 น้าหนกั ของวสั ดุ (Load Weight) อภิชาติ ศรชี าติ สาขาวิศวกรรมเคร่ืองกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี

480 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถา่ ยวัสดุ การขนถา่ ยวสั ดุข้นึ -ลง รูปท่ี 10.55 การวางแผนการยก (ทม่ี า : http:// thai-draftman.blogspot.com, 2559) ปัจจุบันมีการนา Software มาใช้ในการคานวณเพื่อวางแผนการยก ดังแสดงได้ ในรูปท่ี 10.56 และ 10.57 อภิชาติ ศรีชาติ สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

481 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถ่ายวัสดุ การขนถา่ ยวสั ดขุ น้ึ -ลง อภชิ าติ ศรชี าติ รปู ที่ 10.56 ตารางการวางแผนการยก (ทีม่ า : http:// thai-draftman.blogspot.com, 2559) สาขาวิศวกรรมเครอื่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี

482 เอกสารประกอบการสอน วชิ าการขนถ่ายวสั ดุ การขนถ่ายวสั ดขุ น้ึ -ลง รูปที่ 10.57 แผนภาพจาลองการวางแผนการยก (ท่มี า : http:// thai-draftman.blogspot.com, 2559) 10.3.3.5) การใช้งานปัน้ จนั่ 1) ความปลอดภัยในการใชป้ ้ันจั่น 1. ผู้ควบคุมปั้นจั่นต้องมีความรู้ในการควบคุมกฎความปลอดภัยและสัญญาณมือ ทใ่ี ชใ้ นการเคล่ือนย้ายวัสดุ 2. กรณีที่ห้องควบคุมปั้นจ่ันอยู่สูงจากพ้ืน บันไดขึ้นจะต้องมีครอบป้องกันโดย ตลอด ข้ันบันไดตอ้ งมคี วามแข็งแรง อภิชาติ ศรีชาติ สาขาวิศวกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุดรธานี

483 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถา่ ยวสั ดุ การขนถา่ ยวัสดุข้นึ -ลง 3. ผู้ควบคุมปั้นจั่นต้องมีสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วย ขณะปฏิบัติงานต้องสวมชุด ปฏิบัติงานที่รัดกุม ใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลตามความเหมาะสม เช่น ปลั๊กอุดหู หรือ หมวกนิรภยั เป็นตน้ 4. ก่อนเปิดสวิตซ์ใหญ่ควบคุมการทางาน ควรตรวจปุ่มควบคุมการทางานว่าอยู่ ในตาแหน่งปิด จากนั้นจึงเปิดสวิตซ์ใหญ่ แล้วทดสอบระบบการทางานต่างๆ เช่น การเคลื่อนท่ีเดินหน้า- ถอยหลัง ข้นึ -ลง เบรก สญั ญาณ เสยี ง และแสง เปน็ ต้น 5. ผู้ควบคุมการเคลื่อนย้ายวัสดุซ่ึงอยู่ข้างล่างจะต้องรู้จักวิธีการส่งสัญญาณมือที่ ใช้ในการเคล่ือนย้ายอย่างถูกต้อง และต้องสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล เช่น หมวก นิรภัย รองเทา้ นริ ภยั และถุงมือหนงั เปน็ ตน้ 6. รู้น้าหนักของที่จะยก และไม่ยกเกินท่ีเคร่ืองจักรสามารถยกระยะนั้น ตาม มาตรฐานท่ีกาหนดไว้ 7. กรณีที่ใช้ป่ันจั่นชนิดเคล่ือนที่ ก่อนยกเคล่ือนย้ายวัสดุต้องใช้ตีนช้าง (Outrigger) ยนั กบั พ้นื ท่มี น่ั คงแข็งแรงให้เรยี บร้อย 8. การเริ่มยกข้ึนครั้งแรก ควรดาเนินการอย่างช้าๆ และยกข้ึนเพียงเล็กน้อยเพื่อ ตรวจสอบความสมดุลย์และความสามารถในการยก กรณีท่ีวัสดุท่ียกหนักใกล้เคียงกับพิกัดกาหนด ควร ทดสอบการทางานของเบรคด้วย 9. ขณะวัสดุท่ีเคลอื่ นยา้ ยลอยสงู จากพนื้ จะตอ้ งปฏบิ ัติ ดังนี้ 9.1 ไมส่ ัมผสั สิง่ กีดขวาง หรอื ข้ามศีรษะผู้ปฏิบัติงานอื่น 9.2 หา้ มผ้ปู ฏิบัตงิ านเกาะบนสงิ่ ของท่ยี ก 9.3 กรณที ่ีเป็นป้ันจั่นชนิดทีอ่ ยู่กบั ท่ี ควรมสี ัญญาณเสยี งและแสง 9.4 หลีกเล่ียงการแขวนส่ิงของไว้กลางอากาศ แต่ถ้าจาเป็นต้องล็อค เคร่อื งดว้ ย หา้ มใช้เบรคเพยี งอย่างเดียว 9.5 กรณีมีลมพัดแรงมากจนวัสดุที่เคลื่อนย้ายแกว่งไปมาอย่างรุนแรง ต้องรีบวางวสั ดุลงทันที 9.6 เม่ือจาเป็นต้องวางของต่ามากๆ ต้องเหลือลวดสลิงไว้มากกว่า 2 รอบบนดรมั 10. การใช้ปั้นจั่นตั้งแต่ 2 เครื่องข้ึนไปยกของร่วมกัน ให้สัญญาณมือผู้ควบคุม การเคล่อื นย้ายเพยี งคนเดียว 11. การใช้ปั้นจั่นใกล้กับสายไฟฟ้าแรงสูง ช้ินส่วนต่างๆ ของปั้นจ่ันต้องห่างจาก สายไฟไม่น้อยกวา่ 3 เมตร หรือตามขนาดของแรงเคลอ่ื นไฟฟ้า ถา้ ไมส่ ามารถทาตามระยะท่ีกาหนดได้ ตอ้ ง มผี ูค้ อยสังเกตและให้สญั ญาณเตือน 12. การใชป้ ัน้ จั่นชนิดท่มี ีการถว่ งน้าหนกั ดา้ นท้าย ห้ามถ่วงเพิม่ จากที่กาหนด 13. การปฏิบัติงานตอนกลางคืนควรมีไฟแสงสว่างให้เพียงพอท่ัวบริเวณที่ ปฏิบัติงาน แต่แสงไฟต้องไมร่ บกวนการปฏบิ ัติงานของผู้ควบคมุ ป้ันจนั่ 14. กรณีที่ใช้ปั้นจ่ันบนตึกสูง ต้องมีสัญญาณไฟหรือสัญญาณบอกตาแหน่งให้ เครื่องบินทราบ อภิชาติ ศรชี าติ สาขาวิศวกรรมเคร่อื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

484 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถ่ายวสั ดุ การขนถา่ ยวสั ดุข้ึน-ลง 15. การยกของต้องยกข้ึนในแนวด่ิง ให้รอกตะขอตรงกับศูนย์กลางของน้าหนักที่ ยก และตรงกง่ึ กลางแขนของปั้นจนั่ 16. ปรบั ให้ตวั ปน้ั จัน่ มเี สถียรภาพมากทีส่ ดุ และไดด้ ่งิ 17. เมอ่ื หยุดหรือเลิกใช้งานปนั้ จ่นั ผู้ควบคุมควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 17.1 วางสงิ่ ของทยี่ กค้างอยลู่ งกับพืน้ 17.2 กวา้ นหรือมว้ น ลวดสลิงและตะขอ เกบ็ เข้าท่ี 17.3 ใสเ่ บรคและอุปกรณล์ ็อคช้นิ ส่วนทเี่ คลอ่ื นไหวได้ 17.4 ปลดสวติ ซ์ใหญท่ ีจ่ ่ายไฟให้ปัน้ จัน่ 18. ห้ามผไู้ ม่มีส่วนเกีย่ วขอ้ งอย่ใู นห้องควบคุมป้ันจั่น 19. ภายในห้องควบคุมป้ันจั่น ไม่ควรมีเคร่ืองมือท่ีไม่เกี่ยวข้องเก็บไว้แต่ต้องมีถัง ดบั เพลิง 20. ต้องบารุงรักษาเปน็ ระยะฯ โดยเฉพาะบริเวณทม่ี กี ารเคลือ่ นไหวหรือเสียดสี 2) การตรวจป้ันจนั่ ควรกระทาทุก 1 หรือ 3 เดือน หรือตามบริษัทผู้ผลิตแนะนา แต่ไม่น้อยกว่าท่ี กฎหมายกาหนด สาหรับปั้นจั่นที่หยุดใช้งานเกินกว่า 1 เดือน เม่ือนามาใช้งานควรตรวจสอบเช่นกัน การ ตรวจสอบปั้นจั่นทาไดด้ ังนี้ 1. ตรวจการทางานของอุปกรณ์และชิ้นส่วนควบคุมปั้นจ่ัน เพ่ือหาการสึกหรอ การชารดุ หรอื ความผดิ ปกติอนื่ ๆ 2. ตรวจการทางานและการชารุดของต้นกาลังระบบส่งกาลัง ผ้าเบรคและคลัช เปน็ ต้น 3. ตรวจที่รองรับ เช่น คาน เสา รางเล่ือน แขน และโครงสร้าง เป็นต้น เพ่ือหา การสึกหรอ สนมิ ผกุ รอ่ น และบิดเบีย้ ว โดยเฉพาะบรเิ วณทเี่ ช่อื มหรือยึดดว้ ยสลกั เกลียว 4. ตรวจการชารุดหรือสึกหรอของรอกหรือดรัม โดยเส้นผ่าศูนย์กลางของดรัม ตอ้ งมากกว่าของลวดสลงิ 15 ตอ่ 1 5. ตรวจการชารุดหรือสึกหรอของลวดสลิง เชือก หรือโซ่ ตามที่กล่าวแล้ว 6. ตรวจตะขอและทลี่ อ็ ค เพือ่ ดูการชารดุ บิดงอ ปากถ่าง หรอื แตกร้าว 7. สาหรับปั้นจ่ันที่ติดต้ังบนรถบรรทุก ต้องตรวจสอบรถบรรทุกเกี่ยวกับเบรค ยาง พวงมาลยั และไฟสญั ญาณต่างๆ 3) ความปลอดภยั ในการยกของ กอ่ นท่ีจะมกี ารยกของน้ันควรได้มกี ารตรวจสอบสภาพของการจับยึด การควบคุม ทศิ ทางของของที่ยกสลิงและอุปกรณ์ โดยเฉพาะอปุ กรณ์ท่ีมีการทาลายท้งิ เพือ่ ไม่ให้มกี าร นามาใช้โดยร้เู ทา่ ไมถ่ ึงการณ์ กฎทั่วไปประกอบด้วย 1. การจับยึดของท่ีจะยกต้องมีความแน่นหนาและเหมาะสม เพ่ือไม่ให้เกิดการ ร่วงหล่นขณะทม่ี ีการยกของขน้ึ ทสี่ งู อภชิ าติ ศรีชาติ สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี

485 เอกสารประกอบการสอน วชิ าการขนถ่ายวสั ดุ การขนถา่ ยวัสดขุ ้นึ -ลง 2. ต้องมีการใช้เชือกหรือสลิง (Tagline) ในการควบคุมบังคับทิศทางการหมุน หรือแกวง่ ตวั ของของทย่ี ก 3. ของท่ีจะยกจะต้องไม่ถูกยึดติดกับอะไร หรือถูกสิ่งอื่นทับอยู่ และสลิงทุกเส้น ตอ้ งไดร้ ับแรงเทา่ กนั โดยดูไดจ้ ากความตึงของสลิง และใช้สลงิ ทยี่ าวเทา่ กนั 4. หา้ มใชป้ นั้ จั่นในการลาก ดึง สง่ิ ของโดยเดด็ ขาด เพราะอาจทาให้ปนั้ จัน่ ลม้ ได้ 5. ตอ้ งระวังไมใ่ หส้ ลิงพนั กนั เพราะจะทาใหส้ ลิงขาด และเกิดอนั ตรายได้ 6. ต้องแจ้งให้ที่ไม่เก่ียวข้องกับการทางานออกจากพ้ืนที่ทางานก่อนที่จะมีการยก ยกเวน้ ว่าจะได้รบั มอบหมายและอบรมในการทางานกับบริเวณท่ีมีอนั ตราย 7. ห้ามคนน่ังหรือขึ้นไปกับของที่จะยกเด็ดขาด เน่ืองจากสลิงอาจขาดได้ทุกเมื่อ ขณะทไี่ มม่ อี ุปกรณ์ความปลอดภยั อน่ื มาช่วย 8. กอ่ นหมุนเคลอื่ นที่ หรือหมุนของทีย่ ก ผคู้ วบคุมหนา้ งานต้องดรู ศั มีทจี่ ะหมนุ ไป ไมม่ อี ะไรมากีดขวาง หรือเป็นอนั ตรายตอ่ ผทู้ ที่ างาน เพราะคนขบั รถป้ันจ่นั อาจมองไมเ่ ห็นชดั เจน 9. ห้ามคนทางานใต้ของที่แขวน ถ้าไม่มีการยึดอย่างแน่นหนาและตรวจสอบ อย่างดจี ากผ้คู วบคุมงาน 10.4 บทสรปุ บันไดเลื่อน คือ ระบบขนส่งด้วยสายพานแบบหน่ึงท่ีใช้บันไดในการลาเลียงคนจานวนมากด้วย ความเร็วทเ่ี หมาะสมและคงที่ การเคล่ือนท่ีของบันไดเลื่อนจะใช้โซ่ทมี่ ีขอ้ ตอ่ 1 คู่ (ลกั ษณะคล้ายโซ่จักรยาน หรือรถยนต์ยนต์แต่ใหญ่กว่า) คล้องผ่านเกียร์หรือเฟือง 2 คู่ (ด้านบนและด้านล่างของบันได) เฟืองจะขับ บนั ไดเลื่อนท่ีเรียงต่อกันหลายๆ ช้ัน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าท่ีระดับความเร็วคงที่ และเพื่อให้บันไดเลื่อนมีความ ปลอดภัยในการใช้งาน ราวบันไดจะถูกออกแบบมาให้เคลื่อนท่ีไปในทิศทางเดียวกับบันไดด้วยความเร็ว เท่ากับบันไดด้วย ดังนั้นมอเตอร์ขับบันไดเล่ือน นอกจากจะขับบันไดแล้วยังทาหน้าท่ีขับราวบันไดด้วย บันไดเลื่อนและทางเลื่อนเป็นเครื่องจักรกลที่ออกแบบให้ใช้งานง่าย และไม่มีความซับซ้อน มีวัตถุประสงค์ เพ่ือในการขนส่งคนโดยใช้ขั้นบันไดในการลาเลียงคนจานวนมากด้วยความเร็วที่เหมาะสม และคงที่ บันได เล่ือนมีวิวัฒนาการมาจากสายพานที่เลอ่ื นไปได้ไม่มจี บสน้ิ ใช้สาหรับนาสนิ คา้ เลื่อนไปในโรงงาน ตอ่ มามกี าร ใชส้ ายพานน้ีวางเอียงๆ เป็นเครือ่ งพานักท่องเท่ียวขึ้นไปบนหน้าผา น่ันเป็นรูปแบบด้ังเดิมของบันไดเลื่อนท่ี ไม่มีขั้นบันได สาหรับบันไดเลื่อนรูปแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น บันไดแต่ละขั้นจะยึดติดกัน และมีล้อเลื่อน ข้นึ ลงได้ไปตามรางใต้บันได ขั้นบันไดจะเล่ือนไปสู่ปลายด้านหนึง่ ของบันไดเลื่อน โดยจะค่อยๆ ลดระดับลง จนสดุ ท่ีปลายบันไดเลอ่ื นพาผู้ใชข้ ้ึนไปถงึ ท่พี ักบันไดเพ่ือเล่อื นกลับมาการทางานของบันไดเลอ่ื นจะมีมอเตอร์ ไฟฟ้าหมุนเฟืองอันใหญ่ฉุดให้ข้ันบันไดเคล่ือนท่ี นอกจากนี้ยังฉุดราวบันได ซ่ึงเป็นสายพานวิ่งได้รอบให้ เคลื่อนที่ตามด้วย สาหรับให้ผู้ใช้บันไดเล่ือนยึดจับได้ม่ัน ความเร็วของบันไดเลื่อนน้ัน ประมาณ ๔๐ ฟุตต่อ นาที แม้ลิฟท์จะขนคนขึ้นท่ีสูงได้เร็วกว่าแต่บันไดเล่อื นก็ยังเป็นส่ิงจาเป็นอยู่ดีเพราะบันไดเลื่อนเคล่ือนที่อยู่ ตลอดเวลา ทาให้ขนย้ายจานวนคนได้มากกว่าลิฟทใ์ นเวลาเทา่ กัน ลิฟต์เป็นพาหนะเคลื่อนที่ในแนวด่ิงชนิดหน่ึง มีประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายคนหรือส่ิงของ ระหว่างชั้นในอาคาร ลิฟต์ในปัจจุบันใช้พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้าในการทางาน การเคลื่อนที่ของลิฟต์ใช้ หลักการของรอกกว้านและน้าหนักถ่วงเพ่ือลดการใช้พลังงานในการขับเคล่ือนลิฟต์ โดยปลายเชือกรอก กวา้ นดา้ นหนึ่งของลิฟต์จะยดึ ตดิ กบั ตัวลิฟต์ ในขณะที่ปลายเชือกรอกกว้านอกี ด้านหน่ึงจะผูกติดกับน้าหนัก อภชิ าติ ศรชี าติ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

486 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถา่ ยวสั ดุ การขนถ่ายวสั ดุขึน้ -ลง ถ่วง โดยปลายเชือกรอกกว้านหรือสลิงจะมีความยาวเท่ากับความสูงของตึกโดยประมาณ ดังน้ันเม่ือลิฟต์ โดยสารจอดที่ชั้นล่างสุดของอาคาร น้าหนักถ่วงจะอยู่ช้ันบนสุด เม่ือลิฟต์โดยสารเคลื่อนที่ข้ึน น้าหนักถ่วง จะมีหน้าที่ขับลิฟต์ให้เคลื่อนที่ควบคู่ไปกับเบรคเพ่ือชะลอความเร็ว โดยมอเตอร์จะทาหน้าที่ควบคุม ความเรว็ ของลิฟต์ใหเ้ ปน็ ไปตามพกิ ัด ในทานองเดยี วกันหากลฟิ ตจ์ อดช้ันบนสดุ นา้ หนักถ่วงจะอยู่ช้ันล่างสุด ลฟิ ต์จะเคลอื่ นทีล่ งโดยอาศยั นา้ หนักของตัวลิฟต์ จากหลักการดังกลา่ วจะเหน็ ไดว้ า่ การออกแบบลิฟตใ์ หเ้ กิด ความได้เปรียบเชิงกลจะทาให้ลิฟต์ใช้พลังงานน้อยมากเม่ือเทียบกับเคร่ืองจักรอ่ืนๆ ท่ีใช้งานในอาคาร ใน ระยะเร่ิมต้นลิฟต์ได้ใช้แรงจากคนหรือสัตว์ ในยุคต่อมาเริ่มพัฒนาการใช้แรงกังหันน้าในช่วงศตวรรษที่ 3 งานก่อสร้างปิรามิดที่อียิปต์เป็นตัวอย่างหนึ่งในการใช้ลิฟท์จากแรงงานของทาสท้ังหลายในการยก รูปแบบ ของลิฟต์สมัยใหม่เกดิ ข้ึนจริงๆ ในปี 1743 ในฝรั่งเศสสาหรบั พระราชวังแวร์ซายส์ของพระเจ้าหลยุ สท์ ี่ 14 มี ความเชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ลิฟต์สาหรับนางสนมต่างๆ อย่างลับๆ ลิฟต์ได้พัฒนาการใช้เคร่ืองจักรกลใน ศตวรรษท่ี 19 ซึ่งมีลักษณะท่ีคล้ายคลึงกับระบบปัจจุบัน โดย Elisha Otis ประดิษฐ์ลิฟต์ที่มีระบบความ ปลอดภัยคร้งั แรกในราวปี 1850 ตัวลฟิ ต์จะเคลือ่ นท่ีขน้ึ ลงโดยระบบไฮดรอลิกหรือระบบตุ้มนา้ หนักมรี างรับ ด้านข้าง ซ่ึงติดตั้งตัวหนีบในกรณีฉุกเฉิน ถ้าลิฟท์มีการเคลื่อนที่เร็วเกินท่ีกาหนดระบบความปลอดภัยจะ ทางานโดยการชลอและหยุดลิฟท์ ทาให้เกิดความปลอดภยั ในการใชม้ ากขึ้น เครน หรือท่ีเรียกว่าป้ันจั่น หมายถึง เคร่ืองจักรกลที่ใช้ยกสิ่งของขึ้นลงตามแนวดิ่งและเคล่ือนย้าย สิ่งของเหล่านั้นในลักษณะแขวนลอยไปตามแนวราบ เครนแบ่งเป็นสามประเภทใหญ่ๆ คือ เครนเหนือ ศีรษะและเครนขาสูง (Overhead Crane) เครนหอสูง (Tower Crane) และรถเครน เรือเครน (Mobile Crane) ปัน้ จน่ั เป็นเครอื่ งจกั รทีเ่ หมาะสมสาหรับเคลือ่ นย้ายวัสดุที่มีนา้ หนักมากแต่วัสดุควรมรี ูปร่างแข็งแรง ถ้าเป็นวสั ดุที่อ่อนตัวง่ายหรือเป็นของเหลวต้องบรรจุอยู่ในภาชนะที่แข็งแรง ปั้นจ่ันใช้เคล่ือนย้ายวัสดุข้ึนลง ในแนวดิ่ง แล้วเคล่ือนที่ไปมาโดยรอบหรือตามทิศทางที่กาหนดไว้ ทั้งนี้การทางานของปั้นจ่ันจะผ่านทางส ลิง ซึ่งทาด้วยเหล็กเส้นบางๆ ถักสานเป็นโครง ตัวปั้นจั่นจะมีโครงสร้างเป็นเหล็กถัก เพื่อให้สามารถรับ น้าหนัก หรือภาระได้ตามออกแบบ และสาคัญ คือ มีน้าหนักเบา ซึ่งสามารถแบ่งชนิดของปั้นจั่นได้เป็น 2 แบบ คือ 1. ป้ันจ่ันชนิดที่อยู่กับที่ หมายถึง ป้ันจั่นที่อุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องต้นกาลังติดตั้งอยู่บน ขาต้ัง ล้อเล่ือน รางเล่ือน หรือหอสูง การใช้งานจะถูกจากัดตามระยะที่ขาต้ังหรือล้อเล่ือนจะเคลื่อนที่ไปได้ หรือแขนของปั้นจั่นที่ติดบนหอสูงจะยาวไปถึงปั้นจ่ันอยู่กบั ที่ใช้มากในโรงงานอุตสาหกรรม ท่าเรอื และการ ก่อสร้างอาคารสูง 2. ปั้นจ่ันชนิดเคลื่อนที่ หมายถึง ปั้นจั่นท่ีอุปกรณ์ต่างๆ และเครื่องต้นกาลังติดต้ังอยู่บน ยานพาหนะท่ีขับเคลื่อนในตัวเอง เช่น รถบรรทุก หรือรถตีนตะขาบ สามารถเคล่ือนท่ีไปทางานท่ีบริเวณ อน่ื ๆ ที่อยูห่ า่ งไกลได้อยา่ งรวดเรว็ อภชิ าติ ศรชี าติ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี

487 เอกสารประกอบการสอน วิชาการขนถา่ ยวัสดุ การขนถ่ายวสั ดุขึน้ -ลง แบบฝกึ หดั ท้ายบท 10.1 จงบรรยายความหมายของลิฟทแ์ ละอธิบายหลักการทางานของการขนถ่ายวสั ดดุ ว้ ยลฟิ ท์ 10.2 จงอธบิ ายประเภทของลิฟทแ์ ละองคป์ ระกอบของลิฟท์ 10.3 ลิฟต์กลุ่มหนึ่งมีจานวน 3 ตัว แต่ละตัวมีน้าหนักบรรทุก 1,350 กิโลกรัม, ความเร็ว 2.5 เมตร/วินาที โดยใช้แผนภาพค่าความตอ้ งการกาลังไฟฟ้าของเครื่องลฟิ ตแ์ รงฉุดจากความฝืดขับเคล่ือนด้วยเฟือง(geared machine) และขับเคล่ือนโดยตรง (gearless machine) 10.4 ลฟิ ต์กลุ่มหนงึ่ จานวน 6 ตวั แตล่ ะตัวมนี า้ หนักบรรทกุ 1,800 กโิ ลกรัม, ความเร็ว 2.0 เมตร/วนิ าที ชุด ควบคุมเป็นแบบ solid state control ให้คานวณความร้อนสูญเสียที่เกิดขึ้นในห้องเครื่องลิฟต์ ในช่วง การจราจรสูงสุดลิฟต์ทางานประมาณ 60% โดยขณะทางานใช้กาลังไฟฟ้า 80% ของพิกัด ใช้เคร่ืองลิฟต์ ขนาด 55 แรงม้า 10.5 จงคานวณเพื่อเลือกขนาดและจานวนลิฟต์ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งเป็นอาคารสูง 25 ชั้น พื้นท่ีใช้สอย 1,800 ตารางเมตรตอ่ ชน้ั ความสูงของช้นั 3.00 เมตร ใหเ้ ลอื กระบบลฟิ ต์ทเี่ หมาะสม 10.6 จงบรรยายความหมายของบันไดเลื่อน-ทางเลื่อนและอธิบายหลักการทางานของบันไดเล่ือน-ทาง เลอ่ื น 10.7 จงบรรยายสว่ นประกอบของบันไดเล่ือนและทางเลื่อน 10.8 จงคานวณหาค่าความร้อนสูญเสียของมอเตอร์ของบันไดเลื่อนที่ติดต้ังมอเตอร์ต้นกาลังขนาด 15 แรงม้า 10.9 จงบรรยายความหมายของเครน รอกไฟฟ้าและป้ันจ่ัน และอธิบายหลักการทางานของการขนถ่าย วัสดุดว้ ยเครน รอกไฟฟา้ และปน้ั จน่ั 10.10 จงอธิบายองค์ประกอบของรอกไฟฟ้าและปั้นจ่ัน 10.11 มีรถกระเช้าแบบ Well Bucket ตามข้อกาหนดดังต่อไปน้ี กาลังขาออกสูงสุด (kW) ที่มอเตอร์ต้อง ให้ในการขับเคร่ืองกว้านน้ีจะเท่ากับเท่าใด ท้ังน้ีให้มวลของกระเช้าแต่ละตู้เท่ากับ 3,000 kg พิกัดจานวน ผู้โดยสาร 20 คน น้าหนักผู้โดยสาร 65 kg/คน ความเร็วในการเดินเครื่อง 40 m/min ความชันของ เสน้ ทางเท่ากับ 20° ประสิทธิภาพเชงิ กลเท่ากับ 90% 10.12 Overhead Crane ซ่ึงมีมวลรวมในขณะเคล่ือนท่ี W (W1+W2+W3) เท่ากับ 20t ความเร็วในการ เคล่ือนที่เท่ากับ 40 m/min ความต้านทานการเคล่ือนที่เท่ากับ 20g×10-3 N/kg หากปิดมอเตอร์ขับใน ขณะทเี่ คลอ่ื นท่ดี ้วยความเร็ว 30 m/min ปั้นจัน่ จะเคล่ือนท่ีต่อไปดว้ ยแรงเฉ่ือยก่เี มตรจงึ จะหยุด 10.13 จาคานวณหาค่า อัตราส่วนความสามารถในการยกช้ินงาน โดย Total Weight = 35 Tons และ Max Load = 45 Tons 10.14 รถเครนน้าหนัก 120 ตัน น้าหนักถ่วง 150 ตัน ยกของ 64 ตัน ใช้แผ่นเหล็กแบบ 3 X 3 ม. ขารถ เครนแตล่ ะข้างรับนา้ หนกั ท่ีเท่าไหร่ อภชิ าติ ศรชี าติ สาขาวศิ วกรรมเคร่อื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอดุ รธานี

488 เอกสารประกอบการสอน วชิ าการขนถา่ ยวสั ดุ การขนถา่ ยวสั ดขุ น้ึ -ลง เอกสารอ้างอิง George R. Strakosch (1983). Vertical Transportation: Elevators and Escalators 2nd Edition. Wiley. H. G. Greiner (2006). Crane handbook: design data and engineering information used in the manufacture and application of cranes. Whiting Corporation. Ing J. Verschoof (1999). Cranes: Design, Practice and Maintenance. Wiley. Josef Kogan (1976). Crane Design : Theory and Calculations of Reliability. Wiley. Lubomír Janovský (1993). Elevator mechanical design : Ellis Horwood series in mechanical engineering. International Association of Elevator Engineers. Lubomír Janovský (1999). Elevator Mechanical Design : Ellis Horwood Series in Transportation. Elevator World Inc. M.Y.H. Bangash and T. Bangash (2007). Lifts, Elevators, Escalators and Moving Walkways/Travelators 1st Edition. CRC Press. Wilfred A. Barson (2007). Electric overhead travelling crane design. C. Lockwood and son. การคานวณเก่ียวกับปั้นจ่ัน (2559) แหล่งท่ีมา : http:// thai-draftman.blogspot.com/ การใช้งานเครื่องลิฟต์ (2559) แหล่งที่มา : Mechanical and Electrical Equipment for Buildings. ข้อมูลด้านเทคนิค ของ OTIS (2559) แหล่งที่มา : https://ienergyguru.com/ ข้อมูลด้านเทคนิค ของ Schindler 9500 (2559) แหล่งที่มา : https://ienergyguru.com/ เคร่ืองลิฟต์ขับเคลื่อนด้วยเฟือง (2559) แหล่งท่ีมา : https://www.isfelevator.com เคร่ืองลฟิ ต์ขบั เคล่อื นโดยตรง (2559) แหล่งที่มา : https://www.isfelevator.com เครื่องลิฟต์ที่ขับเคลื่อนโดยตรง (2559) แหล่งที่มา : https://ienergyguru.com/ ประเภทของเครน บริษัท ออลล่า จากัด (มหาชน) (2559) แหล่งที่มา : http://alla.co.th/ ปั้นจั่น (2559) แหล่งท่ีมา : http://www.munckcranes.com / รอกขนส่ง (2559) แหล่งที่มา : http://engineerknowledge.blogspot.com/ ลิฟต์ระบบไฟฟ้า (2559) แหล่งที่มา : http://www.archiexpo.fr ลิฟต์ระบบไฮดรอลิค (2559) แหล่งท่ีมา : http://www.allianceelevator.net อุปกรณเ์ รียกลฟิ ตท์ ่ีมหี น้าจอแบบสัมผสั (2559) แหลง่ ที่มา : https://cn.tripadvisor.com อุปกรณ์หลักของลิฟต์ (2559) แหล่งท่ีมา : http://www.asianelevators.com/ อุปกรณ์หลักของลิฟต์ (2559) แหล่งท่ีมา : http://3.bp.blogspot.com/ เอกสารประกอบการเรียนวิชาการขนถ่ายวัสดุ (2558) แหล่งท่ีมา : http://ie.pit.ac.th อภชิ าติ ศรชี าติ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี

489 การขนถา่ ยวสั ดุ ภาคผนวก ภาคผนวก สาขาวิศวกรรมเครือ่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

490 การขนถ่ายวัสดุ ภาคผนวก สาขาวิศวกรรมเคร่ืองกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี

491 การขนถ่ายวัสดุ ภาคผนวก ภาคผนวก ก ใบงาน สาขาวิศวกรรมเคร่อื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี

492 การขนถ่ายวัสดุ ภาคผนวก สาขาวิศวกรรมเคร่ืองกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี

493 การขนถา่ ยวสั ดุ ใบงาน ใบงานที่ 1 เรอื่ ง การออกแบบวธิ ีการขนถ่ายวสั ดุและการเลือกเคร่ืองมือการขนถา่ ยวัสดุ วิชา การขนถ่ายวัสดุ ชอ่ื – สกลุ .....................................................................รหัสนักศึกษา................................................... ช่อื – สกลุ .....................................................................รหสั นกั ศึกษา................................................... ชือ่ – สกลุ .....................................................................รหสั นักศึกษา................................................... วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผเู้ รยี นมีความร้แู ละทกั ษะดังนี้ 1. ผูเ้ รยี นมคี วามร้แู ละความเขา้ ใจเกี่ยวกับวธิ ีการขนถา่ ยวัสดุและการเลือกเครอื่ งมือการขนถ่าย วัสดุ 2. สามารถออกแบบวธิ กี ารขนถา่ ยวัสดุและการเลือกเคร่ืองมอื การขนถ่ายวัสดุ 3. สามารถออกแบบเสน้ ทางลาเลยี ง ชนิดของเครอ่ื งมือและอปุ กรณล์ าเลยี งวสั ดุ ทฤษฎี ในการลาเลียงวัสดุจากตาแหน่งหน่ึงไปยังอีกตาแหน่งหนึ่ง จะต้องมีการวิเคราะห์และวางแผน ปฏิบัติงานโดยแผนที่วางนั้นจะต้องคานึงถึงปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือช่วยประกอบการตัดสินใจเลือกเครื่องมือ ลาเลียงวัสดุ ตัวแปรที่เก่ียวข้อง เช่น ลักษณะของวัสดุหรอื ผลิตภัณฑ์ ลักษณะพื้นท่ีทางาน สภาวะแวดล้อม ประเภทของอุตสาหกรรม หน้าที่การทางานของเครื่องมือลาเลียงวัสดุและวิธีการลาเลียงวัสดุ ในการ วิเคราะห์ระบบลาเลียงวัสดุท่ีถูกต้อง ผู้วิเคราะห์ควรจะทาการศึกษาและทาความเข้าใจในตังแปรสาคัญแต่ ละตัวก่อน โดยตวั แปรประกอบสาคญั ในการวเิ คราะหร์ ะบบลาเลียงวสั ดุ มดี ังนี้ 1. ลกั ษณะผลติ ภัณฑ์ 2. พนื้ ทีท่ างาน 3. สภาวะแวดล้อมในการทางาน 4. ลกั ษณะของงานหรือประเภทอุตสาหกรรม 5. หน้าท่กี ารทางานของอปุ กรณ์ 6. เครอ่ื งมอื และวธิ กี ารใชง้ าน 7. ปจั จัยอ่ืน ๆ วิธีการขนถ่ายวัสดุ หมายถึง วิธีการใช้ในการเคลื่อนย้ายวัสดุ หรือผลิตภัณฑ์ จากจุดต้นทางสู่จุด ปลายทาง ประกอบดว้ ย องคป์ ระกอบ สาคัญ 3 ประการ คือ 1.1 ระบบ (Systems) 1.2 อปุ กรณ์ (Equipment) 1.3 หนว่ ยรองรับ (Transport units) การเลือกเคร่ืองมือขนถ่ายวัสดุที่ดีและเหมาะสม จะช่วยให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพ ลด ต้นทุนการผลิต ย่ิงถ้าการค้ามีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการต้องคานึงถึงต้นทุน เพราะต้นทุนจากอุปกรณ์ การขนถ่ายวัสดมุ ีมากถึง 30 % ของต้นทุนการผลิตท้ังหมด สาขาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี

494 การขนถา่ ยวสั ดุ ใบงาน ตารางท่ี 1.1 ตารางชนิดเคร่ืองมือลาเลยี งวัสดุ 7 ชนดิ ชนิดของเคร่ืองมือลาเลียง ลักษณะแรงกระทา ขีดความสามารถในการรับน้าหนัก ขนาด คุณสม ับ ิต ั่ทวไป ความเร็ว ความสามารถเกิดแถวคอย ระยะทาง ความ ี่ถในการเคลื่อนท่ี ความยืดหยุ่นของเส้นทางลาเลียง ความสามารถในการบก ้ึขน-ยกลง แขนกล ขณะใช้ ตา่ - กลาง ของแขง็ - ตา่ - ไม่ ส้นั บอ่ ย ตา่ สงู งาน กลาง กอ้ น กลาง รถลาเลยี ง ขณะใช้ ของแขง็ - อัตโนมตั ิ งาน กลาง กลาง ก้อน กลาง ไม่ กลาง บอ่ ย สงู สงู รถลาเลยี ง ขณะใช้ สูง กลาง- ของแข็ง- สงู ไม่ ไกล ตา่ ตา่ กลาง บนราง งาน ใหญ่ ก้อน ขณะใช้ ตา่ - ของแข็ง- เครน งาน กลาง กลาง กอ้ น ตา่ ไม่ กลาง ตา่ ตา่ สงู รถฟอรก์ ขณะใช้ สงู ใหญ่ ของแข็ง- กลาง ไม่ ไกล สูง สงู สงู ลิฟต์ งาน กอ้ น เคร่ืองมอื ตา่ - เลก็ - ของแข็ง- กลาง- สั้น- ลาเลยี ง ต่อเน่อื ง กลาง กลาง ก้อน สูง ไม่ กลาง ตา่ ตา่ กลาง แรงงานคน ขณะใช้ ตา่ กลาง ของแขง็ - ตา่ ไม่ สั้น สูง สูง สูง งาน กอ้ น ทม่ี า : http://www.pnkreis.com การกาหนดเส้นทางลาเลยี ง ลกั ษณะของการเคล่ือนย้ายหรือลักษณะของการลาเลยี ง สามารถแบ่ง ออกไดเ้ ป็น 4 สว่ น คือ 1. เสน้ ทางการลาเลียง (the path traveled) 2. การบงั คับเส้นทาง (the course followed) 3. ประเภทของการเคลือ่ นที่ (the kind of motion) 4. การเคลอื่ นยา้ ยแบบผสมผสาน (the mixing of motion) การเคลื่อนที่แบบผสมผสานและอุปกรณ์ลาเลียงวัสดุท่ีเกิดจากการผสมผสานกันเพ่ือให้เกิดความ สะดวกมากยิ่งขน้ึ เพราะจะลาเลยี งในทิศทางเดียวไมไ่ ดจ้ ะต้องผสมทิศทางอนื่ ๆ ไปดว้ ย จึงถือได้ว่าเปน็ การ ผสมผสานเพ่ือให้สะดวกสาหรับการใชง้ าน ซ่ึงเคร่ืองมือท่ีมีการเคลอ่ื นยา้ ยแบบผสมผสานสามารถแบ่งออก ไดเ้ ปน็ 4 กลุม่ ดังน้ี สาขาวิศวกรรมเครือ่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภัฏอุดรธานี

495 การขนถา่ ยวสั ดุ ใบงาน 1. เครื่องมือขนส่ง (transporting equipment) เป็นเครือ่ งมือทสี่ ร้างขึ้นเพื่อทาการขนส่ง ได้ทัง้ ในเส้นทางตรง เสน้ ทางโค้ง เส้นทางแนวระนาบ เส้นทางพืน้ เอยี ง และเส้นทางผสมผสาน 2. เครื่องมือยก (elevating equipment) เป็นเครื่องมือท่ีถูกออกแบบใหส้ ามารถลาเลียง ในแนวดง่ิ ซงึ่ ผสมการเคลื่อนทีท่ ้งั แบบตอ่ เนือ่ ง แบบไม่ต่อเนื่อง และแบบเคลอ่ื นทีส่ ่งตอ่ 3. เครื่องมือลาเลียง (conveying equipment) เป็นเคร่ืองมือท่ีประกอบข้ึนด้วยการ กาหนดขนาดของแรง ขนาดของมอเตอร์ขับ เพื่อลาเลียงตามเส้นทางตรงและเส้นทางโค้ง ทั้งแบบบังคับ ทิศทางและแบบไมบ่ งั คับทศิ ทาง เป็นตน้ 4. เครื่องมือถ่ายเท (transferring equipment) เป้นกลุ่มของเคร่ืองมือที่เน้นการบรรทุก ยกในเสน้ ทางท่ีตายตวั และการเคลอ่ื นทีม่ ลี กั ษณะเคล่อื น ๆ หยุด ๆ เปน็ ช่วง ๆ ชนิดของเครื่องมือและอุปกรณ์ลาเลยี งวัสดุ การแบ่งชนิดของเคร่ืองมือและอุปกรณ์ลาเลียงวัสดจะ อาศัยความแตกตา่ งของหนา้ ทกี่ ารทางาน ดงั สามารถแสดงไดด้ งั ตารางท่ี 1.2 โดยรายละเอยี ดจะประกอบ ไปดว้ ย ลักษณะของการลาเลียงและหนา้ ท่หี ลักของเคร่ืองมือ เคร่อื งมือทน่ี ามาใช้ในการลาเลียงวัสดุจะมี ลักษณะเฉพาะตัว เชน่ อุปกรณบ์ างตวั สามารถจบั หมุนวสั ดุไปพร้อม ๆ กบั การลาเลียงวัสดุ และมที ิศทางที่ ไมแ่ นน่ อน สว่ นเส้นทางการลาเลยี งทบี่ งั คบั ไว้แลว้ ก็จะเป็นเครอ่ื งมือประเภทสายพานลาเลยี ง เครน หรอื รางเลอื่ นต่าง ๆ ตารางท่ี 1.2 ชนดิ ของเคร่อื งมอื และอปุ กรณล์ าเลียงวสั ดุ ลักษณะ การ เสน้ ทางการลาเลียง การบังคับ ประเภทของการ บรรทุก เสน้ ทาง เคลือ่ นท่ี หน้าที่การทางาน ตามรปู แบบ ตาม แผนงาน หลักของเครือ่ งมือ รอง ัรบ นาพาไป แนวนอน แนว ่ดิง ระนาบ ้พืนเอียงข้ึน ระนาบ ืพ้นเอียงเอง แนวเ ้สนตรง แนวเส้นโค้ง บัง ัคบเ ้สนทาง ไม่ ับง ัคบเส้นทาง ต่อเ ื่นอง ไ ่ม ่ตอเนื่อง ่สงต่อ เครอ่ื งมือขนสง่   ● ●  เครอ่ื งมือยก  ● ●   เครือ่ งมือลาเลยี ง    ●       เครื่องมอื ถา่ ยเท   เครือ่ งมอื ป้อน-จ่าย วสั ดุด้วยตวั เอง     ● ●    ที่มา : http://www.pnkreis.com หมายเหตุ ● ไม่แนะนาให้ใช้ สาขาวิศวกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี

496 การขนถา่ ยวสั ดุ ใบงาน คาช้ีแจง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน พร้อมตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง ให้นักศึกษาออกแบบ วิธีการลาเลียงตามเคร่ืองมือและอุปกรณ์ลาเลยี งวัสดุที่กาหนด และอธิบายการวิธีการทางานของอุปกรณ์ท่ี เลอื ก ชนิดของ ลกั ษณะการ เสน้ ทางการลาเลยี ง การบังคบั ประเภท การทางาน เคร่อื งมือ บรรทุก ตามรปู แบบ ตามแผนงาน เส้นทาง ของการ ของการ ลาเลียง ลาเลยี ง การ ลาเลยี ง ด้วยแขน กล การ ลาเลียง ดว้ ยรถ ลาเลยี ง อัตโนมัติ การ ลาเลยี ง ดว้ ยรถ ลาเลยี งบน ราง การ ลาเลียง ดว้ ยเครน การ ลาเลียง ด้วยรถ ฟอร์ก ลิฟต์ สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี

497 การขนถา่ ยวัสดุ ใบงาน ชนิดของ ลกั ษณะการ เสน้ ทางการลาเลียง การบังคับ ประเภท การทางาน เครื่องมอื บรรทุก ตามรูปแบบ ตามแผนงาน เสน้ ทาง ของการ ของการ ลาเลยี ง ลาเลยี ง การ ลาเลียง ดว้ ยสาย ลาเลียง การ ลาเลยี ง ด้วย แรงงานคน สรปุ ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... .................................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... .................................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ............................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................................................................... ................................. ................................................................................................. ....................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................ ............................ ...................................................................................................... .................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... ................................................................................................................................................. ....................... ........................................................................................................... ............................................................. ............................................................................................................................. ........................................... ...................................................................................................................................................... .................. ................................................................................................................ ........................................................ ............................................................................................................................. ........................................... สาขาวศิ วกรรมเคร่อื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

498 การขนถา่ ยวัสดุ ใบงาน สาขาวิศวกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

499 การขนถา่ ยวสั ดุ ใบงาน ใบงานท่ี 2 เรื่อง การออกแบบระบบขนถ่ายวัสดุและการวิเคราะหต์ ้นทุนของการขนถา่ ยวสั ดุ วชิ า การขนถ่ายวสั ดุ ชือ่ – สกุล.....................................................................รหัสนกั ศึกษา................................................... ช่ือ – สกลุ .....................................................................รหัสนกั ศกึ ษา................................................... ช่ือ – สกลุ .....................................................................รหสั นกั ศกึ ษา................................................... วตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ ใหผ้ ้เู รียนมคี วามรแู้ ละทกั ษะดังน้ี 1. ผเู้ รยี นมีความรู้และความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การออกแบบระบบขนถ่ายวสั ดุ 2. ผ้เู รียนมคี วามรแู้ ละความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การวางผงั ขนถ่ายวสั ดุ การออกแบบระบบเคร่ืองมือขน ถา่ ยวสั ดุ 3. ผูเ้ รยี นสามารถออกแบบระบบขนถ่ายวัสดแุ ละการวเิ คราะห์ตน้ ทุนของการขนถา่ ยวสั ดไุ ด้ ทฤษฎี ระบบการเคลื่อนย้ายวัสดุ เม่ือทราบถึงลักษณะขอบเขตการขนย้ายวัสดุสินค้าแล้ว โรงงาน อุตสาหกรรมเองก็ต้องหาวิธีการ และการ เลือกใช้ระบบการเคล่ือนย้าย ซึ่งปัจจุบันมีเคร่ืองมือการขนย้าย อย่หู ลายอย่าง ท่ีสามารถจดั หาและนามาพัฒนาเพ่ือสรา้ งเปน็ ระบบของโรงงานอตุ สาหกรรมได้ ปจั จุบันการ เคลอ่ื นยา้ ยวสั ดุสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ซ่ึงมีเคร่อื งมือทใ่ี ช้ในแต่ละประเภทดงั ต่อไปนี้ 1. การเคลอื่ นย้ายโดยเคร่ืองจักร 2. การเคลอ่ื นย้ายอตั โนมตั ิ 3. การลาเลยี งดว้ ยลมหรอื นวิ เมติกคอนเวเยอร์ 4. การลาเลยี งด้วยแรงเขยา่ (Vibratory Conveyors) 5. สายพานลาเลียง (Belt Conveyors) 6. สกรูขนถา่ ย (Screw Conveyors) การเลือกใช้อุปกรณ์ท่ีช่วยในการขนย้ายตามลักษณะงาน การที่จะตัดสินใจนาเครื่องมือมาใช้ใน กิจการตอ้ งมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ แนวทางทใ่ี ช้ในการตัดสินใจเลอื กเคร่ืองมอื เคร่ืองจักรมาใชส้ าหรับ การเคล่อื นยา้ ยวัสดุทสี่ าคญั มี 6 ประการ คอื 1. เครือ่ งมอื เคร่ืองจกั รทนี่ ามาใช้ต้องมีมาตรฐานเทา่ ที่จะเป็นไปได้ 2. เครื่องมือเคร่ืองจักรที่นามาใช้ต้องช่วยในการเคล่ือนย้ายวัสดุเป็นไปอย่างต่อเนื่องในขณะ ปฏิบตั งิ านขนยา้ ย 3. ควรลงทุนในเคร่ืองมือเครื่องจักรชนิดที่สามารถเคลื่อนที่ได้มากกว่า ลงทุนในเคร่ืองมือ เครื่องจักรชนิดทต่ี ิดต้งั อยู่กบั ท่ี 4. ต้องใช้ประโยชนจ์ ากเครอื่ งมอื เคร่ืองจักรชนิดเคลื่อนทไ่ี ดใ้ ห้มากท่ีสุดเทา่ ทีจ่ ะเปน็ ไปได้ 5. พยายามเลือกเคร่ืองมือท่ีจะทาให้สัดสว่ นต้นทุนการเคล่ือนย้ายวสั ดุต่อน้าหนักหรือปรมิ าณของ วัสดทุ ี่เคลื่อนย้ายมีอตั ราตา่ สุด 6. พยายามที่จะใชป้ ระโยชน์จากแรงถว่ งของโลกในการเคลื่อนย้ายวัสดุ สาขาวศิ วกรรมเคร่ืองกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี

500 การขนถ่ายวัสดุ ใบงาน หลักเกณฑ์ในการวางผังการขนย้ายวัสดุ การเคลื่อนย้ายวัสดุมีหลักเกณฑ์ในการวางผังการขนย้าย วัสดุ ดงั นี้ 1. ความคล่องตวั สูง (maximum flexibility) 2. การประสานงานได้ดีท่ีสุด (maximum co-ordination) 3. ใชเ้ นอื้ ที่ใหม้ ากที่สดุ (maximum use of volume) 4. มองเห็นได้มากที่สุด (maximum visibility) 5. เขา้ ถึงได้ง่ายท่สี ดุ (maximum accessibility) 6. ระยะส้นั ทส่ี ุด (minimum handing) 7. การเคลื่อนยา้ ยน้อยท่ีสดุ (minimum handing) 8. สภาพแวดลอ้ มการทางานทด่ี ีท่สี ุด (maximum comfort) 9. ความปลอดภยั (inherent safety) 10. เคล่อื นย้ายวสั ดทุ างเดียว (unidirectional flow) การวางผังการขนย้ายวัสดุ การเลือกใช้เคร่ืองมือการขนย้ายวัสดุ เพื่อใช้ในการขนย้ายวัสดุเป็นใน การขนย้ายวัสดุเป็นค่าใช้จ่ายทางอ้อมท่สี าคัญมากอย่างหนึ่ง ทม่ี ีผลตอ่ คา่ ใช้จ่ายทัง้ หมดของการผลิต โดยมี ประโยชนข์ องการเลอื กใช้เครือ่ งมอื ขนยา้ ยวสั ดุในการวางผังโรงงาน มีวิธกี ารในการเลอื กใชเ้ ครอื่ งมือการขน ยา้ ยวัสดดุ งั น้ี 1. ทาให้เกดิ ความสมดุลในกระบวนการผลติ 2. ช่วยใหเ้ กิดความปลอดภัยในการทางาน 3. ใชแ้ รงงานอย่างมีประสิทธภิ าพ 4. ชว่ ยให้ใช้พื้นทโ่ี รงงานให้ไดป้ ระโยชนอ์ ย่างเต็มที่ 5. ช่วยมองเห็นการปรบั เปล่ียนพนื้ ท่ใี นอนาคต 6. ลดเวลาในการขนยา้ ยใหส้ น้ั ทส่ี ดุ ในการผลิตสนิ ค้าต่าง ๆ 7. ทาใหค้ นงานมีสุขภาพจติ ทดี่ ี 8. ชว่ ยลดสิ่งรบกวนตา่ ง ๆ การเคล่ือนย้ายวัสดุในโรงงาน เป็นกิจกรรมที่ไม่ได้สร้างมูลค่า แต่กลับจะเพิ่มต้นทุน ดังนั้นต้อง พิจารณาเครื่องขนย้าย ขนาดความกว้าง ความสูง ทิศทาง การเคล่ือนที่ให้เหมาะสมเพื่อนามาช่วยในการ ขนยา้ ย มหี ลายอย่าง ไดแ้ ก่ รางเล่อื น รถอุตสาหกรรม รถอัตโนมัติ ปั่นจ่นั และรอก และห่นุ ยนต์ เปน็ ต้น การวางผงั โรงงาน จะดาเนินการหลงั จากทไี่ ด้ทาการก่อสร้างอาคารโรงงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เปน็ เร่ืองท่ีเก่ียวกับการออกแบบในการวางผังโรงงานให้แก่ระบบการผลิตน้ัน ผู้ออกแบบจาเป็นต้องทราบถึง ข้ันตอนการผลิต เพื่อจัดสถานท่ีปฏิบัติการและจัดวางเคร่ืองจักรต่าง ๆ ให้เหมาะสมเพื่อท่ีจะให้การผลิต มี ความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด การจัดวางผังโรงงานให้ดีน้ัน จาเป็นต้องใช้ วิศวกรโรงงาน ผู้บริหารจะต้องให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิด จึงจะทาให้งานสาเร็จลงได้ และเกิดประโยชน์ สูงสดุ ตามวัตถุประสงค์ ดังน้ันความจาเป็นทต่ี อ้ งมีการวางผงั โรงงาน มสี าเหตหุ ลายประการดังนี้ 1. การเปลยี่ นแปลงลักษณะของผลติ ภัณฑ์ 2. ขยายหรอื ลดขนาดของหน่วยงาน สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี

501 การขนถ่ายวสั ดุ ใบงาน 3. การเปล่ียนแปลงเทคโนโลยขี องเครอ่ื งจกั ร 4. การยา้ ยหนว่ ยงานหรือแผนก 5. การเพมิ่ ชนดิ ของผลติ ภัณฑใ์ หม่ 6. การเปลย่ี นแปลงสภาพการทางานที่ไมเ่ หมาะสม ประเภทของการวางผังโรงงาน การวางผังโรงงานเป็นวิธีหนึง่ ที่จะช่วยให้องค์กรเกดิ ความได้เปรียบ เปรียบในด้านการแข่งขัน ในการจัดวางเคร่ืองมือเครื่องจักร และอุปกรณ์สาหรับการผลิต จะต้องทราบถึง ลักษณะของโรงงาน กระบวนการผลิต ความเหมาะสมในการนาไปใช้งานและข้อมูลการใช้งานของ เคร่อื งจักร โดยประเภทของการวางผังโรงงาน มีดังต่อไปนี้ 1. การวางผังตามกระบวนการผลิต (Process Layout) เป็นการจัดวางเครื่องมือ เคร่ืองจักร และ อุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้เป็นหมวดหมู่ หรือลักษณะการใช้งานเหมือนกันไว้ในแผนกเดียวกัน การวางผังโรงงาน แบบนี้เหมาะสาหรับการผลิตที่มีจานวนไม่มาก อาจผลิตตามใบสั่งซื้อ ขนาดของผลิตภัณฑ์ไม่แน่นอน สามารถเปลีย่ นแปลงได้ตลอดเวลาแต่ก็สามารถผลติ ได้หลายชนิด 2. การวางผังตามลักษณะผลิตภัณฑ์ (Product Layout) เป็นการจัดลาดับข้ันตอนการผลิต โดย จัดเรยี งแถวเครอ่ื งจักร ไปตามขนั้ ตอนการผลติ ซ่ึงจะมีการผลิตสินค้า เป็นแบบชนดิ เดยี วเหมาะสาหรับการ ผลิตแบบต่อเนอื่ ง เชน่ การผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ การผลิตรถยนต์ และการผลิตกระป๋อง เป็นตน้ 3. การวางผงั แบบอยู่กบั ที่ (Fixed Position Layout) เปน็ การวางผังโดยชิ้นงานจะอยู่กับท่ี โดยนา อุปกรณ์เคร่ืองมือ เครื่องจักรต่าง ๆ ไปใช้ในการผลิตชิ้นงานชิ้นหนึ่ง ซึ่งจะมีน้าหนักมากหรือมีขนาดใหญ่ เช่น การสรา้ งเขอ่ื น การสรา้ งเรอื และการสร้างเครอ่ื งบิน เป็นต้น 4. การวางผังแบบผสม(Mixed Layout) เป็นการวางผังท่ีผสมผสานรูปแบบการวางผังแบบ 1-3 โดยอาจจัดพนักงานให้ทางานเป็นกลุ่ม ซึ่งให้จัดงานกันเอง อาจจัดการทางานออกเป็นกลุ่มผลิต เพ่ือผลิต เพียงบางส่วนของผลิตภัณฑ์ เช่น การผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น แบงออกเป็น 3 กลุ่ม คือ การวางผังแบบเซลล์ (Cellular) การวางผังแบบปรับเปล่ียน (Flexible Manufacturing Systems) และการวางผังแบบผลติ ภณั ฑ์ผสม (Mixed Model Assembly Lines) การวางแผนกาลังการผลิต 1. กาลงั การผลติ (Capacity) คอื ความสามารถสงู สุดของหน่วยผลิตทส่ี ามารถจะผลิต รองรบั หรือ จดั เก็บได้ในชว่ งเวลาท่กี าหนด โดยสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คอื 1. กาลังการผลิตตามแผน ( )CPPlan คือ ความสามารถสูงสุดตามทฤษฏีท่ีระบบถูก ออกแบบไวเ้ พื่อให้ไดผ้ ลผลติ ที่ต้องการต่อหนึง่ หนว่ ยเวลา กาลงั การผลิตตามแผน (Planning Capacity Product) = PT (2.1) Time เม่ือ PT คอื ความสามารถสงู สุดตามทฤษฏีที่ระบบถูกออกแบบไว้เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลผลิตทีต่ ้องการ Time คือ เวลา 2. กาลังการผลิตที่มีประสิทธิผล ( CPPerformance ) คือ กาลังการผลิตที่องค์กรคาดหวังจะ ผลิตสนิ ค้าหรือบรกิ ารใหไ้ ดใ้ นระยะเวลาหนงึ่ ภายใตเ้ งอ่ื นไขตา่ งๆ ทเ่ี ป็นข้อจากดั ของกระบวนการ สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี

502 การขนถา่ ยวัสดุ ใบงาน กาลงั การผลติ ที่มปี ระสทิ ธิผล (Performance Capacity Product) = PC (2.2) Time เมือ่ PC คือ กาลังการผลิตทอ่ี งค์กรคาดหวงั จะผลติ สินค้าหรือบริการใหไ้ ดภ้ ายใต้เงื่อนไขต่างๆ ทเี่ ปน็ ข้อจากดั ของกระบวนการ Time คือ เวลา 9.2 ดัชนีช้วี ดั ประสิทธภิ าพของระบบ มที ัง้ สน้ิ 2 ดัชนี คือ การใช้ประโยชน์ (Utilization) = PR (2.3) CPPlan ประสทิ ธิภาพการผลิต (Efficiency) = PR (2.4) เม่ือ PR คอื ผลผลิตที่เกิดขนึ้ จรงิ CPPerform ance CPPlan คอื กาลงั การผลิตตามแผน CPPerformance คือ กาลังการผลติ ทีม่ ปี ระสิทธิผล การวิเคราะหจ์ ดุ คุ้มทนุ (Break-Even Analysis) การวิเคราะห์จุดคุ้มทุนสาหรับการวางแผนกาลังการผลิต เป็นการคานวณหาจานวนหน่วยในการ ผลติ ที่ทาให้ “ต้นทนุ รวม เทา่ กับ รายได้รวม” สมการท่ีใชใ้ นการคานวณจุดคุม้ ทุน มดี ังนี้ 1. จุดค้มุ ทนุ (จานวนชิ้น) จุดคุ้มทนุ = CS (2.5) SC  CV 2. จุดคุม้ ทุน (จานวนเงิน) จดุ ค้มุ ทุน = CS  (2.6) เมื่อ CS คอื ตน้ ทนุ คงที่  CV  1  SC  SC คือ ราคาขายต่อหนว่ ย  CV คือ ตน้ ทนุ แปรผัน สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธานี

503 การขนถ่ายวัสดุ ใบงาน คาชีแ้ จง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน พร้อมตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถูกต้อง ให้นักศึกษาออกแบบ ระบบการขนถ่ายวัสดุ คานวณหากาลังการผลิตตามแผน การใช้ประโยชน์ ประสิทธิภาพการผลิต ผลผลิต จริงท่ีประสิทธิภาพการผลิต 90% และวิเคราะห์หาจุดคุ้มทุนในการผลิตของโรงงานผลิตขนมปังไส่ไส้ โดย ให้เขียนแผนภาพการขนส่งวัตถุดิบเพื่อส่งต่อสายการผลิตในกระบวนการผลิตขนมปังไส่ไส้ ซึ่งมี กระบวนการผลิตทั้งสิ้น 6 กระบวนการ ดังแผนภาพที่ 2.1 เมื่อโรงงานผลิตขนมปังไส่ไส้ผลิตได้ 950,000 ชิ้น โดยโรงงานแห่งนี้ได้กาหนดกาลังการผลิตท่ีมีประสิทธิผลไว้ที่ 1,000,000 ช้ิน ถ้าโรงงานแห่งน้ีเปิด ทางาน 7 วันต่อสัปดาห์ วันละ 2 กะ กะละ 12 ช่ัวโมง สายการผลิตสามารถผลิตขนมปังได้ 2,500 ช้ินต่อ ช่ัวโมง โดยท่ีโรงงานแห่งนี้มีต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) ในการผลิตเท่ากับ 3,000,000 บาท ต้นทุนแรงงาน 1 บาทตอ่ ชิ้น และตน้ ทนุ วัตถุดิบ 3 บาทตอ่ ชิน้ โรงงานผลติ ขนมปงั ไสไ่ ส้แห่งน้ตี ง้ั ราคาขาย 8 บาทตอ่ ชนิ้ รูปท่ี 2.1 ดังแผนภาพกระบวนการผลติ 6 กระบวนการ ตอบ (ทมี่ า : อภชิ าติ ศรีชาต,ิ 2559) โดยที่ กระบวนการที่ 1 คือ การผสมแป้งและนวดแปง้ กระบวนการท่ี 2 คือ การรดี แปง้ แผน่ กระบวนการที่ 3 คือ การเตรียมไสข้ นมบัง กระบวนการที่ 4 คือ การผับแป้งแผ่นประกบไส้ขนมบังแล้วตดั เปน็ ชน้ิ กระบวนการที่ 5 คือ การอบขนมบงั กระบวนการที่ 6 คือ การบรรจุหีบหอ่ (บรรจุภัณฑ)์ 1. กาลังการผลติ ตามแผน กาลังการผลิตตามแผน (CPPlan ) = ความสามารถการผลติ ขนมปงั ได้ x เวลา = ........................................ = ........................................ CPPlan = ........................................ ชนิ้ สาขาวศิ วกรรมเคร่อื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี

504 การขนถ่ายวสั ดุ ใบงาน 2. การใช้ประโยชน์ (Utilization) = PR การใชป้ ระโยชน์ (Utilization) CPPlan = .......................................... ตอบ = ........................................... 3. ประสิทธภิ าพการผลติ (Efficiency) = PR ประสทิ ธภิ าพการผลติ (Efficiency) CPPerform ance = .............................................. ตอบ = .............................................. 4. ถา้ โรงงานแหง่ นี้ตอ้ งการประสทิ ธภิ าพการผลติ 90% บรษิ ัทแหง่ นจ้ี ะมีผลผลติ ทเ่ี กิดขึ้นจริงเทา่ ใด ประสทิ ธภิ าพการผลติ (%) = PR x 100 CPPerform ance .................... = ............................ x 100 .................... = ............................ x 100 PR = ................................... ผลผลิตที่เกิดขนึ้ จรงิ ( PR ) = ................................. ชน้ิ ตอบ จะได้ว่า ตน้ ทุนแปรผัน = ตน้ ทนุ แรงงาน + ต้นทนุ วตั ถุดิบ = ............................ + ........................... = ............................. (CV =............................) จุดคมุ้ ทนุ (จานวนชน้ิ ) = CS ชน้ิ ตอบ จุดคุ้มทุน (จานวนชิ้น) SC  CV = .......................................... = .......................................... = .......................................... จดุ คุ้มทุน (จานวนเงิน) = CS   CV  1  SC   = ............................................. = .............................................. จุดคุ้มทนุ (จานวนเงิน) = .............................................. ตอบ สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

505 การขนถา่ ยวสั ดุ ใบงาน สรปุ ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... .................................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ............................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................................................................... ................................. ................................................................................................. ....................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................ ............................ ...................................................................................................... .................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... ................................................................................................................................................. ....................... ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... .................................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ............................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................................................................... ................................. ................................................................................................. ....................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................................ ............................ ...................................................................................................... .................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... สาขาวิศวกรรมเครือ่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี

506 การขนถา่ ยวัสดุ ใบงาน สาขาวิศวกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

507 การขนถา่ ยวสั ดุ ใบงาน ใบงานท่ี 3 เรอ่ื ง การออกแบบอุปกรณ์เชอื่ มต่อกบั ระบบต้นกาลังขับอุปกรณข์ นถ่าย วิชา การขนถ่ายวัสดุ ชื่อ – สกลุ .....................................................................รหัสนักศึกษา................................................... ชื่อ – สกุล.....................................................................รหัสนักศึกษา................................................... ชอ่ื – สกลุ .....................................................................รหสั นักศึกษา................................................... วตั ถุประสงค์ เพ่อื ใหผ้ ้เู รียนมีความรู้และทกั ษะดังนี้ 1. ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับต้นกาลังขับอุปกรณ์ขนถ่าย มอเตอร์ไฟฟ้าขับอุปกรณ์ ขนถ่ายวัสดุ เครอ่ื งยนต์ขบั อปุ กรณ์ขนถ่ายวสั ดุ และระบบไฮดรอลิคขับอปุ กรณ์ขนถา่ ยวัสดุ 2. ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจเกยี่ วกบั การอปุ กรณเ์ ชอ่ื มตอ่ กับระบบตน้ กาลงั ขับอุปกรณข์ น ถ่าย อปุ กรณ์ลดความเร็ว โซ่ขับ สายพานรูปตวั วีและเฟือง และชดุ ขบั ไฟฟา้ ปรบั ความเรว็ 3. สามารถออกแบบอปุ กรณ์เชือ่ มต่อกบั ระบบตน้ กาลงั ขับอุปกรณ์ขนถา่ ยได้ ทฤษฎี ชุดต้นกาลังขับอุปกรณ์ขนถ่ายแบ่งตามเหตุผลได้เป็น 2 ประเภท คือ การแบ่งประเภทความเร็ว ตายตัวและความเร็วปรับได้ การแบ่งประเภทชุดขับอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุบนพ้ืนฐานของชุดต้นกาลังขับ อปุ กรณข์ นถา่ ย มีรายละเอยี ดดงั น้ี 1. ชดุ ขบั ความเรว็ คงที่ 1.1 ไม่มีการลดความเรว็ 1.1.1 มอเตอรเ์ ชอื่ มตอ่ เขา้ กับเพลาชดุ ขบั โดยตรง 1.2 การลดความเรว็ 1 ขน้ั ตอน 1.2.1 มอเตอร์สายพานรปู ตวั V และรอกเพลาชุดขับ 1.2.2 มอเตอร์โซ่ และลอ้ เฟืองโซ่ เพลาชุดขับ 1.2.3 มอเตอร์ ชดุ เฟอื งเกยี ร์ เพลาชุดขับ 1.2.4 มอเตอร์ อุปกรณ์เช่ือมต่อแบบลดความเร็ว (Coupling Reducer) และ อุปกรณเ์ ชื่อมตอ่ เพลาชดุ ขับ (Coupling Drive Shaft) 1.2.5 เฟอื งเกียร์ของมอเตอร์ หรอื ชุดมอเตอรล์ ดความเรว็ (Motorized Reducer) และอปุ กรณ์เชือ่ มต่อเพลาชุดขับ 1.3 การลดความเรว็ 2 ข้ันตอน 1.3.1 มอเตอรแ์ ละชุดลดความเรว็ (Reducer) 1. สายพานรปู ตวั V และรอก 2. โซแ่ ละลอ้ เฟืองโซ่ 3. ชุดเฟืองเกียร์ ระหว่างมอเตอร์กับชุดลดความเร็ว หรือระหว่างชุดลด ความเร็วกบั เพลาชดุ ขับ 1.3.2 เฟืองเกียร์ของมอเตอร์ (Gear motor) หรือชดุ มอเตอร์ลดความเร็วท่ใี ช้ สาขาวศิ วกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี

508 การขนถา่ ยวัสดุ ใบงาน 1. สายพานรูปตวั V และรอก 2. โซแ่ ละล้อเฟืองโซ่ 3. ชุดเฟืองเกียร์ระหว่างเพลาด้านออก (Output Shaft) กบั เพลาชดุ ขับ 1.3.3 การลดความเร็ว 2 ครง้ั 1. สายพานรปู ตวั V และรอก 2. โซแ่ ละลอ้ เฟอื งโซ่ 3. ชุดเฟอื งเกียร์ระหวา่ งมอเตอรก์ ับเพลาชุดขับ 1.4 การลดความเรว็ 4 ข้ันตอน 1.4.1 มอเตอรแ์ ละชุดลดความเร็ว (Reducer) ทีม่ กี ารลดความเรว็ 2 ครงั้ ผ่าน 1. สายพานรูปตวั V และรอก 2. โซแ่ ละลอ้ เฟอื งโซ่ 3. ชุดเฟืองเกียร์หลายชุด 1.4.2 การลดความเร็ว 3 ครั้ง ผ่านชุดเฟอื งเกยี ร์ 1.5 ล้อสายพานหลกั ของมอเตอร์ (Motorized Head Pulleys) สาหรับสายพานลาเลียง 2. ชุดขับปรับความเร็วได้ 2.1 เครอ่ื งกล 2.1.1 สายพานยางทใี่ ชก้ บั รอกทีเ่ ปล่ยี นระยะพิตได้ 2.1.2 โซท่ ี่ทม่ี ีลอ้ เฟืองโซ่ทีเ่ ปล่ยี นระยะพิตได้ 2.1.3 แหวนต่อชุดขับ (Ring Connected Driver) และล้อสายพานที่ทาเป็นข้ัน ของชุดตาม (Driven Cones) หรือลกู บอล และแผ่น Discs 2.2 ไฟฟา้ 2.2.1 มอเตอร์กระแสสลับท่ีถูกขับโดยกาลังจากเคร่ืองกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternator) 2.2.2 มอเตอร์กระแสสลบั ขับ Clutch แบบกระแสหมนุ วน (Eddy-Current) 2.2.3 มอเตอร์กระแสตรงที่ถูกขับโดยชุดมอเตอร์ผลิตไฟฟ้ากระแสตรงที่ เปล่ยี นแปลงค่ากระแสขาออกได้หรอื ชดุ เปลี่ยนแปลงอเิ ล็คทรอนกิ ส์ 2.2.4 มอเตอร์ควบคมุ แบบ Solid State (สภาวะต่อเนื่อง) 3. ชุดขับความเร็วเปล่ียนแปลงได้หรือชุดขับแบบใช้ของเพลาขับเคลื่อนคงที่ ( Hydraulic Constant) 3.1 อปุ กรณเ์ ชื่อมต่อแบบฉุดลาก (Traction Couplings) 3.2 ชุดขบั แบบ Hydro-static 3.3 ชดุ ขับแบบ Hydro-viscous 3.4 ชดุ ขบั แบบ Hydro-kinetic สาขาวิศวกรรมเครอื่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี

509 การขนถ่ายวสั ดุ ใบงาน การจดั วางชดุ ขับอปุ กรณ์ขนถ่ายวสั ดุ การจัดวางชุดขับอาจเปล่ียนแปลงจากอุปกรณ์ขนถ่ายตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหน่ึงได้มาก ข้ึนอยู่กับ ข้อกาหนดที่เจาะจงของระบบ ดังสามารถแสดงได้ดังรูปท่ี 3.1 เป็นส่วนประกอบลายเส้นแบบต่าง ๆ ซึ่ง อาจจะใชอ้ ย่ใู นระบบขนถา่ ยสว่ นใหญ่ รูปที่ 3.1 การวางระบบขับอปุ กรณ์ขนถ่าย (ท่ีมา : สนั ต์ สขุ แสนไกรศร , 2535) แนวทางการเลอื กชุดขบั อุปกรณข์ นถา่ ยวัสดุ จุดเริ่มต้นของการเลือกชุดขับ คือ ความเร็วและแรงบิดที่ต้องการ สาหรับอัตราขนถ่ายที่กาหนด การพิจารณาจะต้องนาการรับภาระแบบกระตุก (Shock) และภาระเกินพิกัด (Over load) มาพิจารณา ด้วย โดยท่ัวไปผู้ผลิตจะระบุคุณลักษณะเฉพาะของการรับภาระสาหรับอุปกรณ์ขนถ่ายแบบต่าง ๆ และจะ ใหแ้ ฟคเตอรเ์ พ่อื ใชก้ บั สมรรถนะกาลังม้าท่ีกาหนด สาขาวิศวกรรมเครือ่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

510 การขนถ่ายวสั ดุ ใบงาน คาชี้แจง ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน พร้อมตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง ให้นักศึกษาออกแบบ ระบบลาเลียงด้วยสายพานลาเลียงของการส่งข้าวสารถุงเพื่อบรรจุถุงเพ่ือจาหน่ายของโรงสีแห่งหน่ึง คานวณหาจานวนฟันเฟืองขับของระบบลาเลียงน้แี ละเลือกชนิดของต้นกาลัง เมื่อโรงสีต้องการอัตราเรว็ ใน การหมุนของเพลาท่ีทาให้เกิดการหมุนสายพานดว้ ยอตั รา 50 rpm ความยาวสายพาน 50 เมตร ใช้ฟันเฟือง ของฟันเฟืองตัวตามท่ีเช่ือมต่อกับเพลาตาม จานวน 42 ฟัน ระบบลาเลียงด้วยการสายพานนี้ใช้ต้นกาลัง ขนาด 5 HP ความเรว็ รอบ 1,400 rpm อปุ กรณ์ ตารางท่ี 3.2 ประสิทธิภาพทางกลของกลไกลดความเร็ว ประสทิ ธภิ าพทางกล โดยประมาณ ประเภทของกลไกลดความเรว็ 0.94 0.93 สายพานรปู ตัววี และลูกรอก 0.95 โซ่ลูกกลิง้ และล้อเฟืองโซ่ ไม่มีฝาปิด 0.95 โซ่ลูกกล้งิ และล้อเฟืองโซ่ มีฝาปดิ มีนา้ มันหลอ่ ล่นื อย่ภู ายใน เกยี ร-์ มอเตอร์หรือชุดลดความเรว็ แบบ Helicalหรอื Herring Bone Gear ลด 0.94 ความเรว็ 1 ขั้น เกียร-์ มอเตอร์ หรอื ชดุ ลดความเร็วแบบ Helical หรอื Herring Bone Gear 0.93 ลดความเร็ว 2 ขั้น เกียร-์ มอเตอร์ หรอื ชุดลดความเร็วแบบ Helical หรอื Herring Bone Gear 0.94 ลดความเรว็ 3 ขนั้ ชดุ ลดความเรว็ มีเพลาตดิ ต้ังอยู่ (Shaft-mounted) Helical Gear ลด 0.90 ความเร็ว 2 ขั้น ชดุ ลดความเร็ว เฟอื งเกยี ร์ตัวหนอน (Worm-gear) อัตราทดตา่ (ชว่ งต่าถงึ 20 0.70 :1) 0.50 ชุดลดความเรว็ เฟอื งเกยี รต์ วั หนอน อตั ราทดปานกลาง (ช่วง 20 : 1 ถึง 60 : 0.90 1) 0.85 ชุดลดความเรว็ เฟืองเกียร์ตัวหนอน อัตราทดสูง (ชว่ ง 60 : 1 ถงึ 100 : 1) Cut Spur Gears Cast Spur Gears ที่มา : สันต์ สุขแสนไกรศร , 2535 สาขาวศิ วกรรมเครือ่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

511 การขนถา่ ยวสั ดุ ใบงาน รูปที่ 3.3 การวางระบบขบั อปุ กรณ์ขนถ่าย (ทีม่ า : สนั ต์ สุขแสนไกรศร , 2535) สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี

512 การขนถ่ายวสั ดุ ใบงาน 1. ประสิทธภิ าพชุดลดความเรว็ การใช้ค่าประสิทธิภาพรวมของชุดขับเป็นผลลัพธ์ของประสิทธิภาพของชุดอุปกรณ์ร่วม ชุดขับ อุปกรณ์ประกอบด้วย จากตารางท่ี 3.1 จะได้คา่ ของประสิทธิภาพชดุ ลดความเร็ว 1.......................................................................... ค่าของประสิทธิภาพชุดลดความเร็ว คือ ............. 2.......................................................................... ค่าของประสิทธิภาพชดุ ลดความเร็ว คอื ............. 3.......................................................................... คา่ ของประสิทธภิ าพชุดลดความเรว็ คือ ............. 4.......................................................................... คา่ ของประสทิ ธภิ าพชดุ ลดความเร็ว คือ ............. 5.......................................................................... ค่าของประสทิ ธภิ าพชุดลดความเรว็ คือ ............. สามารถคานวณหาค่าประมาณของประสทิ ธิภาพรวมได้ คือ ......................x……………………x……………………x………………….x……………………. = …………………… ถ้ากาลงั ม้าขับของตน้ กาลงั ท่เี ลือก คอื .......................................... HP ดงั น้ัน กาลังมา้ ต่าสดุ ของตน้ กาลังทต่ี ้องการจะได้ เท่ากบั .................x….…………...= ………….. HP 2. แรงบดิ ของอุปกรณ์ต้นกาลงั สมการแรงบิดมอเตอร์  5,250 HP N จากตน้ กาลังขนาด ........................................ HP ความเรว็ รอบในการหมนุ ..................................... รอบต่อนาที คอื N = .............................. rpm แรงบิดของมอเตอร์ = …………………………………………. = …………………………………………. ดงั นั้น แรงบิดของอุปกรณต์ น้ กาลัง คอื ………………………………………………………… N.m 3. จานวนฟันเฟอื งขบั ของระบบลาเลยี ง สมการการทดรอบ Z1N1 = Z2N2 จากตน้ กาลังขนาด ........................................ HP สาขาวศิ วกรรมเครอื่ งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี

513 การขนถา่ ยวัสดุ ใบงาน ความเรว็ รอบในการหมนุ ..................................... รอบต่อนาที คือ N = .............................. rpm ฟันเฟอื งของฟนั เฟอื งตวั ตาม จานวน ..........................ฟนั คือ Z2 = ....................... ฟนั อัตราเรว็ ในการหมุนของระบบ คอื ............................. rpm คือ N2 = ..................... rpm จะได้วา่ Z1  Z2N2 = …………………………………………………….. N1 = ……………………………………………………… ดงั น้ัน จานวนฟนั เฟืองขบั ของระบบลาเลยี ง คือ .............................................ฟนั 4. เลอื กชนิดของตน้ กาลัง คือ ............................................................................................................. สรปุ ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... .................................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... .................................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ............................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................................................................... ................................. ................................................................................................. ....................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................... ................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................... .................................................................................................................................. ...................................... ............................................................................................ ............................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ....................................................................................................................................... ................................. ................................................................................................. ....................................................................... ............................................................................................................................. ........................................... สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี

514 การขนถา่ ยวัสดุ ใบงาน สาขาวิศวกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภัฏอุดรธานี

515 การขนถ่ายวสั ดุ ใบงาน ใบงานท่ี 4 เรอื่ ง การออกแบบอัตราขนถา่ ยของสกรูขนถ่าย กาลงั ม้าทต่ี ้องการและแรงบดิ วชิ า การขนถ่ายวัสดุ ท่ีต้องการของสกรขู นถา่ ย ชอ่ื – สกุล.....................................................................รหัสนกั ศึกษา................................................... ชือ่ – สกลุ .....................................................................รหสั นกั ศึกษา................................................... ชอ่ื – สกุล.....................................................................รหสั นกั ศึกษา................................................... วัตถปุ ระสงค์ เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมีความรูแ้ ละทกั ษะดงั นี้ 1. ผูเ้ รียนมคี วามร้แู ละความเขา้ ใจเก่ียวกับระบบเกลยี วลาเลยี งหรือสกรูขนถา่ ย 2. ผเู้ รยี นมคี วามร้แู ละความเขา้ ใจเกี่ยวกับการคานวณหาค่าอตั ราขนถ่ายของสกรูขนถา่ ย กาลงั มา้ ทต่ี ้องการและแรงบิดท่ีต้องการของสกรูขนถ่าย 3. สามารถออกแบบอตั ราขนถา่ ยของสกรูขนถ่าย กาลงั มา้ ที่ตอ้ งการและแรงบิดที่ตอ้ งการของสกรู ขนถ่ายได้ ทฤษฎี สกรูขนถ่ายเป็นอุปกรณ์ในการขนส่ง สามารถลาเลียงวัสดุได้มากมายหลายประเภท ซึ่งมี ความสามารถในการไหลดี ความสามารถในการไหลได้มีอธิบายไวแ้ ล้วในมาตรฐานการจดั ประเภทวสั ดขุ อง CEMA และแสดงถึงระดับของอิสรภาพของแต่ละอนุภาควัสดุท่ีเคล่ือนที่ผ่านซึ่งกันและกัน คุณสมบัติ เฉพาะตวั เหล่าน้มี คี วามสาคัญต่อการทางานของสกรูขนถ่ายเป็นแบบสกรเู กลยี ว (Screw Helix) ท่ตี ดิ ต้ังอยู่ กับเพลาหรือท่อตรงกลางหมุนอยู่ภายในรางหรือท่อท่ีอยู่กับที่ ผลักดันวัสดุไปตามส่วนล่างและด้านข้าง เฉือนวัสดุในช่องว่างแนวรัศมีระหว่างเกลียวกับรางและทาให้วัสดุกลิ้งหกคะเมนตีลังกาบนตัวมันเอง เป็น การเคล่ือนทไี่ ปบนผวิ ของใบเกลยี วก้นหอยทาให้วัสดุถูกยกขึ้น การนาสกรขู นถ่ายไปใชง้ านต่าง ๆ เริ่มดว้ ยปัจจยั 2 ประการ 1. คุณสมบตั ขิ องวัสดุท่ีจะขนถ่าย 2. การใชง้ านในลกั ษณะพิเศษ ถ้าใชส้ กรูขนถ่ายจะไดเ้ ปรียบกว่า ความโดดเด่นของสกรูขนถ่าย คือ เหมาะสมท่ีจะใช้ในการป้อนและปล่อยวัสดุได้หลายช่องโดย เพยี งแตม่ ปี ระตู เปดิ -ปิด ที่แตล่ ะจุดเท่านั้น ทาใหเ้ หมาะทีจ่ ะใช้รับและจ่ายวัสดุปรมิ าณมวลสาหรับคลังเก็บ วัสดุภายในโรงงาน ในกรณีท่ีขนถ่ายวัสดุต่างชนิดกันหรือต่างเกรดกันไปยังหรือมาจากถังเก็บวัสดุท่ี เหมาะสม นอกจากน้ันสกรูขนถ่ายยังอาจใช้สาหรับขนถ่ายวัสดุออกจากรถ ถังเก็บหรือกองวัสดุ อันเป็น ขบวนการแรกของวัสดุ ตัวอย่างการใช้งานได้แก่ คลังเก็บเมล็ดพืช เครื่องบดอาหารสัตว์ โรงสีข้าว และ โรงงานเคมี เป็นตน้ ดงั แสดงในรูปท่ี 4.1 สาขาวิศวกรรมเคร่อื งกล คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อดุ รธานี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook