Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore IR เอกสารประกอบการสอน

IR เอกสารประกอบการสอน

Published by sulaiman.ha, 2020-07-03 22:57:37

Description: IR เอกสารประกอบการสอน

Search

Read the Text Version

องค์กรท้ังสองนี้มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับองค์การสหประชาชาติ ผ่านทางสภาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งสหประชาชาติ (Economic and Social Council-ECOSOC) ในฐานะหน่วยงานชานาญการ พิเศษ แต่การตัดสนิ ใจในเรอ่ื งการใหเ้ งินกูอ้ ยูใ่ นอานาจการพิจารณาของธนาคารโลกเทา่ นัน้ ธนาคารโลกทางาน ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ขององค์การสหประชาชาติหลายหน่วยงาน เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) และ โครงการพัฒนาของสหประชาชาติ (UNDP) 2. กองทุนการเงนิ ระหว่างประเทศ (IMF) กองทุนการเงนิ ระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Monetary Fund) หรือ ไอเอ็มเอฟ (IMF) เป็นองค์กรที่รัฐบาลของกลุ่มประเทศพันธมิตร ได้ร่วมก่อต้ังข้ึน มีฐานะเป็นทบวงการชานาญพิเศษของสหประชาชาติ โดยมี ข้อบังคับว่าประเทศท่ีจะเป็นสมาชิกธนาคารโลก และจะต้องเป็นสมาชิกของ IMF ด้วย เร่ิมเปิดดาเนินการในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1947 ประเทศท่ีสมัคร เป็นสมาชิกกองทุนการเงินฯ จะต้องเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติอยู่ก่อนแล้ว ในปัจจุบันมีสมาชิก 185 ประเทศ (Montenegro เป็นสมาชกิ อนั ดับท่ี 185 เข้าร่วมเมือ่ วันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 2007) 2.1 วัตถุประสงคแ์ ละหนา้ ที่ วัตถุประสงค์ของการก่อตง้ั IMF คือ จัดการและควบคุมระบบการเงินของโลกและช่วยเหลือประเทศที่ เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ โดยจะประสานการทางานกับกระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติของแต่ละประเทศ หนา้ ท่ีหลกั ของ IMF มอี ยู่ 3 ประการคือ 1. จดั ระบบการเงนิ โลก 2. กากบั กติกาทางเศรษฐกจิ ของโลก เพอื่ ให้เกิดความม่นั คงมเี สถยี รภาพ 3. สร้างเงินซ่ึงเป็นเงินสารองระหว่างประเทศ เป็นเงินที่เป็นกลาง ไม่ได้เป็นเงินของประเทศใด ประเทศหนึ่ง 3. สหภาพยโุ รป European Union : EU สหภาพยุโรป พัฒนามาจาก ประชาคมยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวมองค์การทางเศรษฐกิจ 3 องค์การเข้า ด้วยกัน คือ ประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้ายุโรป ประชาคมเศรษฐกิจยุโรป หรือตลาดร่วมยุโรป และ ประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรป จัดต้ังข้ึนเพื่อยกระดับทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปให้ดีขึ้น โดยอาศัยความร่วมมอื ของประเทศสมาชกิ 3.1 ประวัตคิ วามเป็นมา พ.ศ.2493 ประเทศฝรง่ั เศสมโี ครงการจะกอ่ ตัง้ ประชาคมถา่ นหนิ และเหล็กกล้ายุโรป (The European Coal and Steet Community : ECSC) ข้ึน เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยยกฐานะทางเศรษฐกิจของ ประเทศในยุโรปแล้ว ยังเป็นการสร้างพ้ืนฐานในการที่จะก้าวไปสู่การเป็นสหพันธ์รัฐในอนาคตด้วย ฝรั่งเศสจึง

ขอความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป โดยการแถลงการณ์ต่อบรรดาผู้แทนของหนังสือพิมพ์ทั่วโลก และเมืองฝร่ังเศสแถลงการณ์ออกไปแล้ว ประเทศเยอรมนี เบลเยียม อิตาลี ลักเซมเบอร์ก และเนเธอร์แลนด์ ได้ตกลงร่วมมือสมัครเข้าเป็นสมาชิก และได้จัดต้ังเป็นองค์การ ECSC อย่างเป็นทางการเม่ือวันท่ี 18 เมษายน พ.ศ.2494 ต่อมาผู้นาประเทศทั้ง 6 ได้ร่วมกันจัดตั้งองค์การป้องกันยุโรป (European Defence Council : EDC) ขึ้นอีกองค์การหนึ่ง เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้มีความร่วมมือกันทางการเมือง และเพื่อเป็นการสนับสนุน องค์การนาโตด้วย และในการจัดต้ังองค์การน้ีจะทาให้ยุโรปมีกองทัพที่สมบูรณ์ แต่ EDC ก็ไม่สามารถ ดาเนินงานไปได้ เพราะรัฐสภาของฝรั่งเศสไม่ยอมให้สัตยาบัน แต่ด้วยความจาเป็นที่ยุโรปจะต้องมีนโยบาย ตา่ งประเทศรว่ มกัน เพื่อจะให้กองทพั มีบูรณภาพ รฐั มนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชกิ ท้งั 6 จึงมอบหมาย หน้าที่ให้สภาของ ECSC เตรยี มโครงการจัดตั้งประชาคมการเมืองยุโรป (European Political community : EPC) ขึ้น เพื่อเสนอต่อรัฐบาลของประเทศท้ัง 6 องค์การ EPC มีจุดประสงค์ท่ีจะดาเนินนโยบายทางการ ต่างประเทศและการป้องกันประเทศ แต่ก็ถกู วิจารณ์อย่างรุนแรง ดังนนั้ EPC จึงต้องเลิกล้มโครงการไป ต่อมา ประเทศทั้ง 6 ก็เปล่ียนแนวทางจากการรวมตัวทางการเมืองมาเป็นการรวมตัวทางเศรษฐกิจแทน และได้ ร่วมมือกันก่อตั้งกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจยุโรป หรือตลาดร่วมยุโรป (The European Economic Community : EEC ) และประชาคมพลังงานปรมาณูยุโรป หรือยูเรตอม (European Atomic Energy Community : EAEC หรือ Euratom) ขึ้นใน พ.ศ.2500 การก่อตั้งองค์การท้ัง 2 น้ี เพ่ือแสดงให้เห็นถึง ความสาเร็จในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจท่ีสาคัญของยุโรปตะวันตก คือ ECSC, EEC และ EAEC โดยเฉพาะ องค์การ EEC และ EACE นี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับ ECSC มาก แต่มีอานาจน้อยกว่า ECSC และต่อมาเพ่ือ เป็นการเสริมสร้างความมั่งคงให้แก่ทวีปยุโรป จึงมีการรวมองค์การบริหารของ ECSC, EEC และ EAEC เข้า ด้วยกัน ใช้ชื่อว่า ประชาคมยุโรป (European Community) : EC) ในพ.ศ. 2510 เพื่อผลประโยชน์ทางด้าน เศรษฐกิจ ต่อมาวันท่ี 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2536 EC เปลี่ยนชื่อเป็น สหภาพยุโรป (European Union : EU) เพราะนอกจากจะร่วมมือกันทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นองค์การความร่วมมือทางด้านการเมืองระหว่าง ประเทศสมาชกิ ดว้ ย ในปัจจุบัน สหภาพยุโรป มีสมาชิกทั้งส้ิน 27 ประเทศ ประกอบด้วย สาธารณรัฐออสเตรีย ราชอาณาจักรเบลเยียม สาธารณรัฐบัลแกเลีย สาธารณรัฐไซปรัส สาธารณรัฐเช็ก ราชอาณาจักรเดนมาร์ก สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐฟินแลนด์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน สาธารณรัฐเฮล เลนิก สาธารณรัฐฮังการี ไอร์แลนด์ สาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐลัตเวีย สาธารณรัฐลิทัวเนีย ราชรัฐลัก ซัมเบร์ก สาธารณรัฐมอลตา ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สาธารณรัฐโปแลนด์ สาธารณรัฐโปรตุเกส โรมาเนีย สาธารณรัฐสโลวัก สาธารณรัฐสโลวิเนีย ราชอาณาจักรสเปน ราชอาณาจักรสวีเดน และสหราชอาณาจักรบ รเิ ตนใหญ่และไอรแ์ ลนด์เหนือ 3.2 วัตถปุ ระสงค์ในการกอ่ ตัง้ 1. เพ่ือรวบรวมระบบเศรษฐกิจ ความร่วมมือในการพัฒนาสังคม และการปกครองแบบ ประชาธิปไตยของประเทศสมาชิกให้เปน็ อันหนง่ึ อนั เดยี ว 2. เพอ่ื ยกระดับการดารงชีวิตของประชากรขาวยุโรปใหด้ ีขน้ึ

3. เพื่อจัดตั้งสหภาพศุลกากรโดยการขจัดอปุ สรรคต่างๆ ทางการคา้ ระหว่างประเทศ ผลการปฏบิ ัติงาน ต้ังแต่เร่มิ กอ่ ตงั้ จนกระทง่ั ถึง พ.ศ. 2525 ปรากฏวา่ สหภาพยุโรป ได้มีการติดต่อค้าขายระหวา่ งกัน มี มลู คา่ สูงถงึ 25 เทา่ ของ พ.ศ. 2501 และในการค้ากับต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุม่ ประเทศท่ีไม่ฝกั ใฝ่ฝ่ายใด หากเปรียบเทยี บการคา้ ใน พ.ศ. 2501 และ 2525 แล้ว ปรากฏว่าสหภาพ ยโุ รปส่งสินค้าออกไปยงั กลุม่ ประเทศท่ไี ม่ฝกั ใฝ่ฝ่ายใด มีมูลค่าถงึ 18 เทา่ และสงั่ สนิ คา้ เข้าสงู ถงึ 13 เท่าของ พ.ศ.2501 ท้งั นีเ้ พราะสหภาพ ยโุ รปไดเ้ ลิกการจากัดปริมาณสนิ ค้าเขา้ และยกเลิกระบบภาษีศลุ กากรจากประเทศสมาชิกอย่างเดด็ ขาดและ ลดหยอ่ นข้อจากดั อ่ืนๆ แกป่ ระเทศนอกลุ่มสมาชิกลง สหภาพยโุ รปไดพ้ ัฒนาไปจนเกือบถงึ ระดับเปน็ สหภาพเศรษฐกิจสมบรู ณ์แบบอันเปน็ ช้ันสูงสดุ ของการ ร่วมกลมุ่ ทางเศรษฐกจิ สหภาพยโุ รปจึงไดก้ ้าวขึน้ มาเป็นองคก์ ารความร่วมมอื ทางดา้ นการเมือง คือ พ.ศ. 2534 สภาสหภาพยุโรป ได้คัดเลือกเจ้าหน้าทบ่ี รหิ ารข้ึนมา 20 คน เพอื่ จัดให้มีการประชมุ มาระหว่างประเทศและ ดาเนนิ การใหบ้ รรลวุ ตั ถุประสงคข์ องสนธสิ ญั ญามาสตรกิ ต์ (Maastricht Treaty, 1992) ในการทีจ่ ะให้ประเทศ สมาชกิ ไดใ้ ชเ้ งนิ หน่วยเดยี วกัน ตั้งแต่ พ.ศ.2542 หรอื อยา่ งชา้ ไม่เกนิ พ.ศ.2545 และกาหนดกรอบนโยบาย ปอ้ งกันประเทศ และนโยบายต่างประเทศร่วมกนั แตก่ ารดาเนินการดังกลา่ วยงั ตอ้ งประชุมปรึกษาหารือกนั ตอ่ ไป ท้งั นเ้ี พราะประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป ต่างมีภาวะเศรษฐกจิ สังคม และประชากรแตกตา่ งกัน สาหรับความคืบหน้าในด้านความร่วมมือกันทางการเงิน สหภาพยุโรปได้ต้ังธนาคารกลางยุโปรขึ้น เมื่อ พ.ศ.2541 และต้ังแต่วันท่ี 1 มกราคม พ.ศ. 2542 สมาชิกสหภาพยุโรป 11 ประเทศ (ยกเว้น สหราช อาณาจักร เดนมารก์ สวีเดน และกรีซ) ได้เริ่มร่วมกนั ใชเ้ งินสกลุ เดียว เรยี กว่า “เงนิ ยูโร” โดยในระยะแรกจะใช้ เงินนี้ในระบบบัญชีไปก่อน ส่วนการใช้เงินสดยังคงใช้เงินประจาชาติจนถึงวันท่ี 1 มกราคม พ.ศ.2545 จึงจะมี ธนบัตรและเหรยี ญยโู รเข้าสรู่ ะบบเงนิ ของสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 11 ประเทศท่ีใช้เงนิ สกลุ เดียว 3.3 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างไทยกับกลุ่มสหภาพยโุ รป 1. ด้านการเมือง ไทยกับประเทศต่างๆ ในกลุ่มสหภาพยุโรปมีความสัมพันธ์อันดีตลอดมา โดยมีผู้นา ของแตล่ ะฝา่ ยไดเ้ ดินทางไปเยี่ยมเยอื นเพื่อกระชับความสมั พันธไมตรีต่อกนั 2. ด้านการค้าขาย ไทยได้มีการค้าขายกับประเทศสมาชิกของกลุ่มสหภาพยุโรปมาเป็นระยะเวลาอัน ยาวนาน โดยเฉพาะกับสหราชอาณาจักร ฝร่ังเศส เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และเดนมาร์ก กระทั่งถึงปัจจุบัน ไทยก็ยังมีสัมพันธไมตรีทางการค้ากับประเทศเหล่านี้อยู่ สินค้าสาคัญของไทยที่ส่งให้ประเทศต่างๆ ในกลุ่ม ประเทศในสหภาพยุโรป ได้แก่ มันสาปะหลัง ส่ิงทอ และเส้ือผ้าสาเร็จรูป ส่วนสินค้าท่ีไทยนาเข้า ได้แก่ เครื่องจักรกล และยานยนต์ 3. ด้านสังคมและวัฒนธรรม ไทยมักจะได้รับความสนใจและความช่วยเหลือจากประเทศสมาชิกใน กลุ่มสหภาพยุโรปอยู่บ่อยๆ เช่น การส่งนักวิชาการและผู้เช่ียวชาญทางด้านต่างๆ มาให้คาแนะนาหรือเป็นที่ ปรกึ ษาโครงการตา่ งๆ และการใหท้ นุ แก่นกั ศกึ ษาไทยไปศึกษาต่อ ณ ประเทศเหลา่ น้นั

4. องค์การการค้าโลก ( World Trade Organization : WTO ) เปน็ องค์การที่ถือกาเนิดในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1995 อั น เปน็ ผลมาจากการเจรจาการคา้ พหุภาคีรอบอรุ ุกวัย ภายใต้การประชุม ของ ความตกลงทว่ั ไปว่าด้ายภาษศี ุลกากรและการค้าหรือแกตต์ ( General Agreement on Tariffs and Trade : GATT ) องค์การการค้าโลก มี สมาชิกผู้ก่อตั้ง 81 ประเทศ ปัจจุบันมีสมาชิกเพ่ิมข้ึนถึง 144 ประเทศ โดย ไต้หวันเป็นสมาชิกใหม่ล่าสุดเข้าเป็นสมาชิกเมื่อวันท่ี 1 มกราคม ค.ศ. 2002 องค์การการค้าโลกมีสานักงาน ใหญ่อยู่ท่ีกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดร.ศุภชัย พานิชภักด์ิ อดีตรองนายกรัฐมนตรีของไทยดารง ตาแหน่งผู้อานวยการในต้ังแต่ 1 กันยายน ค.ศ. 2002 ถึง ค.ศ. 2005 นับว่าเป็นผู้อานวยการ WTO คนแรก ของเอเซียและของประเทศทก่ี าลงั พฒั นาท่ีก้าวไปมีบทบาทในสถาบนั เศรษฐกจิ ระดับโลก 4.1 วตั ถุประสงคข์ ององค์กรการการคา้ โลก องค์การการค้าโลกทาหน้าทีด่ ูแลการค้าโลกใหเ้ ป็นไปในทางเสรีและมีความเป็นธรรม มีบทบาทหน้าที่ ดังน้ี 1. เป็นเวทีเพื่อเจรจาลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก ในรูปของมาตรการภาษีศุลกากร และมาตรการท่ีไมใ่ ชภ่ าษีศลุ กากร 2. เป็นเวทีให้สมาชิกหันหน้าเข้าหารือ เพ่ือแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้าและหากตกลงกันไม่ได้ก็จะ จดั ตง้ั คณะลกู ขุน ( Panel ) ทาหนา้ ทีต่ รวจสอบข้อเท็จจรงิ และใหข้ อ้ เสนอแนะ 3. เป็นผู้เฝ้าดูแลสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ และ จัดให้มีการทบทวนนโยบายการค้าของ สมาชกิ อยา่ งสม่าเสมอ 4. ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกาลังพัฒนาในด้านข้อมูล ข้อแนะนาเพ่ือให้สมาชิกปฎิบัติตาม พนั ธกรณไี ด้อย่างเพียงพอ ตลอดจนทาการศึกษาประเด็นการค้าทส่ี าคญั 5. ประสานงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และ ธนาคารโลกเพื่อให้นโยบายเศรษฐกิจโลก สอดคล้องกนั ยิ่งขึน้ 4.2 หลกั การสาคญั ขององคก์ ารการคา้ โลก หลักการในการดาเนินงานขององค์การการค้าโลก ทาหน้าท่ีดแู ลการค้าสินค้าครอบคลุมถึงการค้าการ บริการ สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และ มาตรการการลงทุนท่ีเกี่ยวกับการค้า โดยพยายามลดอุปสรรค และ มาตรการในการกีดกันทางการค้า หลกั การปฎิบัติที่สาคัญมี ดังนี้ 1. การไม่เลือกปฎิบัติ ( Non – Discrimination ) ในการใช้มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ โดยการปฎิบัติต่อสินค้าจากทุกประเทศเท่าเทียมกัน ( Most Favoured Nation Treatment : MFN ) การ เรียกเก็บค่าธรรมเนียม และ ภาษีศุลกากรหรือมาตรการอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับสินค้าที่นาเข้าต้องเรียกเก็บเท่า เทียมกันทุกประเทศ และ ต้องปฎิบตั ิต่อสินคา้ นาเขา้ เท่าเทียมกบั สนิ ค้าภายในประเทศ

2. ต้องมีความโปร่งใส เก่ียวกับข้อกาหนด และ มาตรการทางการค้าที่นามาบังคับใช้กับสินค้า ประเทศสมาชิกจะต้องพิมพ์กฎระเบียบเก่ียวกับมาตรการทางการค้า เผยแพร่ให้สาธารณชนทราบ และ ต้อง แจง้ เมื่อเกดิ การเปล่ียนแปลงกฎระเบียบ 3. ใช้ภาษีศุลกากรเท่านั้น ( Tariff – only Protection ) ในการคุ้มครองผู้ผลิตภายใน ห้ามใช้ มาตรการจากัดการนาเข้าทุกชนดิ ยกเวน้ กรณีทสี่ อดคล้องกบั บทบญั ญตั ิขององค์การคา้ โลก 4. ให้มีการรวมกลุ่มทางการค้าเพื่อลดภาษีระหว่างกัน ท้ังน้ีต้องมีเง่ือนไขในการรวมกลุ่มต้องไม่มี วัตถุประสงค์เพื่อกีดกันการนาเข้าจากประเทศนอกกลุ่ม ต้องไม่กระทบกระเทือนผลประโยชน์เดิมของประเทศ นอกกลุ่ม 5. ส่งเสริมการแข่งขันการค้าที่เป็นธรรม แต่ประเทศสมาชิกสามารถเก็บภาษี และ ตอบโต้การทุ่ม ตลาด และ การอุดหนุนสินค้าเข้าได้ หากมีการไต่สวนตามกฎระเบียบขององค์การการค้าโลกแล้วพบว่า ประเทศผู้ส่งออกกระทาการทุ่มตลาดและให้การอุดหนุนจริง ได้ก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งสินค้าอุตสาหกรรม ภายในประเทศ 6. มกี ระบวนการยุตขิ ้อพิพาททางการค้า เมอ่ื เกิดกรณีมีข้อขดั แย้งทางการค้าให้เจรจาหารือเพือ่ ยตุ ิข้อ พิพาท หากทาไม่สาเร็จให้นาข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการขององค์การการค้าโลก เป็นการสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่กระบวนการยุตขิ อ้ พิพาททางการคา้ ระหว่างประเทศ 5. ประเทศไทยกับองคก์ ารการคา้ โลก ประเทศไทยได้เขา้ เป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกอันดับที่ 59 ใน ค.ศ. 1995 ไทยได้รับสิทธิประโยชน์ หลายประการในการเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก เช่น ได้รับการลดหย่อนภาษีจากประเทศภาคีอ่ืน ได้รับความช่วยเหลือด้านข้อมูลวิชาการต่างๆ ขณะเดียวกันก็มีข้อผูกพันที่ต้องปฎิบัติตามกฎระเบียบและยอม รับคาตัดสิน ในกรณีเกิดข้อพิพาททางการค้า การเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลกทาให้ประเทศไทยได้รับ ประโยชนใ์ นดา้ นตา่ งๆ พอสรุป ดงั น้ี 1. มีกฎระเบียบท่ีรดั กุม โปร่งใส และ เป็นธรรม การมีกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศขององคก์ าร การค้าโลก ช่วยสง่ เสริมการแข่งขนั ทางการคา้ ทเี่ ป็นธรรม สร้างความมัน่ ใจให้แก่ผู้คา้ และผู้ลงทุน 2. ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสามารถคาดการณ์และวางแผนการค้าระหว่างประเทศล่วงหน้าได้เนื่องจากมี ความโปรง่ ใสโดยเฉพาะในเร่ืองภาคี 3. การส่งออกขยายตัวและตลาดเปิดกว้างมากขึ้น จากการท่ีประเทศสมาชิกต้องเปิดตลาดตาม พันธกรณี ส่งผลให้การส่งออกของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรของไทยเดิมต้องประสบปัญหา ความผันผวนของราคาตลาดโลกมาตลอด เพราะไม่มีกฎเกณฑ์การค้าสินค้าเกษตรมากากับดูแล หลักจากการ เปิดเสรีสินค้าเกษตรได้สาเร็จเป็นครั้งแรก ในการเจรจาของ GATT รอบอุรุกวัย ทาให้ไทยเปิดสินค้าเกษตรได้ มากข้ึน โดยเฉพาะตลาดญีป่ ุ่น และ เกาหลี จาเปน็ ตอ้ งเปิดตลาดขา้ ว สหภาพยุโรปตอ้ งเปิดตลาดนา้ ตาล ทาให้ ไทยมีโอกาสส่งออกไปยังตลาดเหล่าน้ีเพิ่มข้ึน โดยเฉพาะอย่างย่ิง ส่ิงทอ และ เครื่องนุ่งห่ม เป็นสินค้าที่จะเปิด เสรมี ากขึ้นโดยมีการขยายโควต้านาเข้าในแต่ละปีและจะยกเลกิ ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2005 ซ่ึงเปน็ โอกาสของไทย ทีจ่ ะเขา้ ไปแข่งขันได้

4. มีเวทีร้องเรียนข้อพิพาททางการค้า และมีแนวร่วมต่อสู้กับประเทศใหญ่เพ่ือให้เกิดความเป็นธรรม เช่น ไทยเคยถูกกีดกันการนาเข้ากุ้ง โดยอ้างว่าการจับกุ้งของไทยเป็นอันตรายต่อเต่าทะเล ซึ่งไม่เป็นความจริง ไทยจึงรว่ มมือกับอนิ เดยี บราซิลฟอ้ งสหรฐั อเมรกิ าผลการตัดสินฝา่ ยไทยเปน็ ฝ่ายชนะ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคทางการค้าท่ีพบในปัจจุบัน ท่ียังคงต้องแก้ปัญหาต่อไปนี้คือ ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่พฒั นาแลว้ มกั จะนามาตรการท่ีไม่ใช่ภาษศี รุ กากรมาเปน็ เคร่ืองมอื กดี กันทางการค้าดังเช่น สหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อต้านการการทุ่มตลาดสินค้าไทยหลายประการ นาเอาเร่ืองการคุ้มครองทรัพย์สินทาง ปัญญามาเป็นข้ออ้างในการตัดสิทธิพิเศษทางศุลกากรโดยท่ัวไป ( Generalized System of Preferences : GSP ) ตลอดจนนาเรื่องแรงงานและส่ิงแวดล้อมมาผูกโยงกับประเด็นการค้า ญี่ปุ่นก็มีการเข้มงวดด้านคุณภาพ และมาตรฐานสินค้าโดยเฉพาะอาหารต้องติดฉลากสินค้า GMOs หรือปลอด GMOs ส่วนสหภาพยุโรปก็มี มาตรการการเข้มงวดเกี่ยวกับนโยบายความปลอดภัยด้านอาหาร การควบคุมมาตรฐานสุขอนามัย และ การ คุ้มครองสิง่ แวดลอ้ ม 6. บทบาทของไทยในองค์การการค้าโลก บทบาทของไทยในองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) องค์การการค้าโลกคือ อะไร องคก์ ารการค้าโลก หรอื WTO เปน็ องค์กรระหวา่ งประเทศทีจ่ ัดตัง้ ข้ึนเม่ือวันที่ 1 มกราคม 2538 เป็น ผลมาจากการเจรจาการคา้ พหภุ าครี อบอุรุกวัยภายใต้ข้อตกลงระหวา่ งประเทศว่าด้วยภาษีศลุ กากรและการค้า (GATT) มีสมาชิกจัดต้ังเร่ิมแรก 76 ประเทศ ปัจจุบัน WTO มีประเทศสมาชิกทั้งส้ิน 147 ประเทศ (สมาชิก ล่าสุด คือ เนปาล) ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก WTO เม่ือวันท่ี 28 ธันวาคม 2537 เป็นสมาชิกลาดับท่ี 59 มี สถานะเป็นสมาชิกก่อต้ัง ขณะนี้มีประเทศที่อยู่ระหว่างกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO อีก 24 ประเทศท่ี สาคญั อาทิ รัสเซีย ซาอุดอิ าระเบยี เวียดนาม ลาว เป็นต้น มูลคา่ การค้าระหว่างประเทศสมาชิก WTO ด้วยกัน คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 90 ของการค้าโลก และการขยายตัวของจานวนสมาชิกจะมีผลให้การค้าระหว่าง ประเทศสมาชิกขยายตัวเพิ่มข้ึนเป็นลาดับด้วยไทยให้ความสาคัญกับการเจรจาการค้าพหุภาคีในกรอบ WTO เน่ืองจากการค้าระหว่างประเทศเป็นแหล่งรายไดส้ าคัญของประเทศ ในปี 2546 ไทยมีรายได้จากการส่งออกสูง ถึง 3,333 พันล้านบาท โดยตลาดส่งออกท่ีสาคัญของไทย ได้แก่ อาเซียน สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญ่ีปุ่น ดังนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่พ้นท่ีไทยจะต้องการให้มีกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศท่ีชัดเจนเป็นธรรม เนื่องจาก การใช้มาตรการทางการค้าใดๆ ของประเทศคู่ค้า ย่อมส่งผลกระทบต่อไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้การดาเนินงานของ WTO WTO เปน็ องคก์ รท่ีทาหน้าทีก่ าหนดกฎกตกิ าการค้าระหวา่ งประเทศ เปน็ เวทีในการเจรจาลดอุปสรรค และข้อกีดกันทางการค้าเพื่อสนับสนุนให้การค้าระหว่างประเทศมีความเสรียิ่งข้ึน โดยอยู่บนพื้นฐานของการ แข่งขันที่เป็นธรรมท้ังประเทศเล็กและประเทศใหญ่ ภายใต้หลกั การไม่เลือกปฏบิ ัติ มีความโปร่งใส เท่าเทียมใช้ ระบบฉันทามติ เน้นการใช้ภาษีเพียงอย่างเดียวเป็นเครื่องมือในการปกป้องอุตสาหกรรมภายใน รวมท้ัง มี กระบวนการยตุ ิขอ้ พิพาททางการคา้ ระหวา่ งประเทศ ซ่งึ เปน็ กลไกหนงึ่ ท่ีปอ้ งกนั มใิ ห้ประเทศเลก็ ถกู รังแก WTO มีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพ่ือค่อยๆ เปดิ เสรีการค้าระหว่างประเทศตามความพร้อมและระดับ การพัฒนาของประเทศสมาชิก กฎกติกาตา่ งๆ ของ WTO ได้กาหนดใหม้ ีการปฏิบตั อิ ย่างเป็นพิเศษหรอื แตม้ ต่อ

แก่ประเทศกาลังพัฒนา (Special and Differential Treatment : S&D) เพ่ือให้สามารถเข้าร่วมในระบบ การค้าพหุภาคีได้ WTO จึงเป็นองค์กรท่ีไม่หยุดน่ิง จะมีการเจรจาเพ่ือพัฒนาและสร้างกฎกติกาใหม่ๆ เพื่อให้ สามารถรองรับวิวัฒนาการของการค้าระหว่างประเทศและรูปแบบการค้าโลกที่เปล่ียนไปอย่างต่อเนื่อง การ เป็นสมาชิกของ WTO ทาให้ประเทศสมาชิกมีสิทธิและข้อผูกพัน (Rights and Obligations) ท่ีจะต้องปฏิบัติ ตามภายใตค้ วามตกลงต่างๆ ของ WTO กฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศของ WTO นอกจากช่วยส่งเสรมิ ให้ การแข่งขันทางการค้าเป็นธรรมแล้ว ยังสร้างความมั่นใจให้แก่ทั้งผู้ค้าและผู้ลงทุน ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสามารถ คาดการณ์และวางแผนการค้าระหว่างประเทศล่วงหน้าได้ ความตกลงภายใต้ WTO และพันธกรณีท่ีสมาชิก ต้องปฏิบัติ WTO กากับดูแลความตกลงย่อยหลายความตกลง เช่น เกษตร บริการ สิ่งทอ SPS TBTAD เป็นต้น (รายละเอียดเพม่ิ เติมสามารถหาอา่ นได้ท่ี www.wto.org) สรุปความตกลงสาคญั ได้ ดังน้ี ความตกลงว่าด้วยสินค้าเกษตรกาหนดให้เปลี่ยนมาตรการท่ีไม่ใช่ภาษีศุลกากร เช่น การกาหนด ปริมาณ หรือการห้ามการนาเข้า เป็นมาตรการภาษีศุลกากรทั้งหมด (tariffication) โดยประเทศพัฒนาแล้ว จะต้องลดภาษีลงร้อยละ 36 ภายใน 6 ปี ส่วนประเทศกาลังพัฒนาจะต้องลดภาษีลงร้อยละ 24 ภายใน 10 ปี และแตล่ ะรายการสินค้าจะตอ้ งลดลงอยา่ งนอ้ ยร้อยละ 10 นอกจากน้ี สมาชิกท่ีเป็นประเทศพัฒนาแล้วจะต้องลดมาตรการอุดหนุนภายในที่บิดเบือนการค้าลง ร้อยละ 20 ภายใน 6 ปี ส่วนประเทศกาลังพัฒนาจะต้องลดลงร้อยละ 13 ภายใน 10 ปี ส่วนการอุดหนุนการ สง่ ออก ใหป้ ระเทศพัฒนาแลว้ ลดปริมาณท่ไี ด้รับการอุดหนุนสง่ ออกลงร้อยละ 21 และลดเงินอดุ หนุนส่งออกลง ร้อยละ 36 ภายใน 6 ปี ส่วนประเทศกาลังพัฒนาลดปริมาณที่ได้รับการอุดหนุนส่งออกลงร้อยละ 14 และลด การให้เงินอุดหนุนส่งออกร้อยละ 24 ภายใน 10 ปี เป็นต้น ความตกลงสิ่งทอและเส้ือผ้าประเทศผู้นาเข้า จะต้องปรับตัว โดยค่อยๆ ยกเลิกมาตรการจากัดการนาเข้าดังกล่าวให้หมดไปภายใน 10 ปี นับจากปี 2538 และในช่วง 10 ปี รายการใดท่ีถูกจากัดโควต้าก็จะต้องขยายโควต้าให้มากข้ึน ในขณะเดียวกันลดจานวน รายการสินค้าท่ีมีจากัดโควตา้ ความตกลงวา่ ด้วยการค้าบริการความตกลงท่ัวไปว่าด้วยการค้าบรกิ ารมีหลักการ สาคัญๆ ทานองเดียวกับความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า (แกตต์) แต่เนื่องจากเป็นความตกลงใหม่ท่ีเพ่ิงกาเนิด ข้ึนจากการเจรจารอบอุรุกวัย จึงมีหลักการสาคัญๆ ไม่กี่ประการ เช่น MFN ความโปร่งใส และการเปิดเสรี การค้าบริการ เป็นต้น ความตกลงว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญาท่ีเกี่ยวกับการค้ากาหนดขอบเขตและมาตรฐาน การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาประเภททีส่ าคญั ๆ ได้แก่ สทิ ธิ บัตร เคร่อื งหมายการคา้ ลิขสทิ ธิ์ การออกแบบ วงจรรวม ช่อื ทางภมู ิศาสตร์ และความลับทางการคา้ ความเข้าใจว่าด้วยกระบวนการระงับข้อพิพาทเปิดโอกาสให้ประเทศสมาชิก WTO ดาเนินการ รอ้ งเรียนความเสียหายท่ีเกิดขึ้นภายใต้ความตกลงการค้าฉบับใดฉบับหน่ึงที่อยู่ภายใต้การดูแลของ WTO โดย กาหนดบทบัญญัติให้ประเทศที่ถูกฟ้องต้องดาเนินการตามผลการพิจารณาของคณะลูกขุน (panel) อย่างไรก็ ตาม ประเทศดังกล่าวสามารถขออทุ ธรณ์ได้ หากไม่พอใจผลการพิจารณา แต่จะต้องเป็นการอุทธรณ์ในเฉพาะ ประเด็นทางกฎหมายเท่าน้ัน และเม่ือคณะอุทธรณ์ (Appellate Body) ได้ตัดสินออกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อยา่ งไรประเทศที่ถกู ฟ้องและคกู่ รณจี ะต้องปฏิบัติตามคาตัดสินนนั้ ๆ โดยไมม่ ีเง่อื นไขการให้ความช่วยเหลอื ทาง วิชาการแก่ประเทศกาลังพัฒนา มีบทบัญญัติให้ประเทศพัฒนาแล้วให้แต้มต่อ รวมท้ังให้ความช่วยเหลือทาง

วิชาการแก่ประเทศกาลังพัฒนาปรากฏอยู่ในความตกลงต่างๆ เช่น ความตกลงเกษตร ความตกลงว่าด้วยการ อุดหนุน เป็นต้น ความตกลงว่าด้วยสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Agreement : ITA)เป็นความตกลงภายหลังการเจรจารอบอุรุกวัย โดยสมาชิก WTO 47 ประเทศ มีการค้าสินค้า IT รวมกัน ประมาณร้อยละ 93 ของการค้า IT โลก ตกลงจะลดภาษีศุลกากรสินค้า IT ลงเหลือศูนย์ ภายในปี 2543 (ประเทศกาลังพฒั นาขยายเวลาได้ถึงปี 2548 เฉพาะบางรายการสินคา้ )บทบาทของไทยใน WTO จากความสาคัญของ WTO ดังที่กล่าวข้างต้น ทาให้ไทยต้องแสดงบทบาทใน WTO เพ่ือปกป้องและ รักษาผลประโยชน์ของไทย ทัง้ ในฐานะผสู้ ง่ ออกและในฐานะที่จะต้องให้การคมุ้ ครองปกปอ้ งสินคา้ และบริการท่ี มคี วามอ่อนไหวของประเทศ ตลอดจนในฐานะประเทศกาลังพัฒนาขนาดกลางในเวทีการคา้ โลก นอกจากไทย จะไดเ้ ข้ารว่ มการประชุมต่างๆ และเจรจาในนามของประเทศไทยแล้ว ไทยยังได้เข้าร่วมประชมุ กับกลุ่มประเทศ สมาชิกท่ีมีท่าทีคล้ายกันเพ่ือแลกเปล่ียนความเห็นในเร่ืองสถานการณ์การเจรจา ตลอดจนเพ่ือให้การผลักดัน ประเด็นต่างๆ ของไทยมีน้าหนักมากยิ่งข้ึนด้วย เช่น ร่วมกับกลุ่มเคร์นส์และกลุ่ม G20 ในการเจรจาเกษตร กลุ่ม AD Friends ในการเจรจากฎระเบียบ กลุ่มอาเซียนในการเจรจาเพ่ือจัดทากลไกปกป้องฉุกเฉินสาหรับ การค้าบริการ และกลุ่ม GI Friends เพื่อผลักดันเรื่องการขยายสินค้าท่ีจะได้รับความคุ้มครองส่ิงบ่งช้ีทาง ภมู ศิ าสตร์ และร่วมกบั กลมุ่ ประเทศกาลังพัฒนาอน่ื ๆ เพอ่ื ผลกั ดนั เร่ืองการแกไ้ ขปัญหายาจาเป็น เป็นตน้ โดยท่ี การเจรจาใน WTO ครอบคลุมเร่ืองต่างๆ ที่หลายหลาย ท่าทีไทย และสมาชิกต่างๆ จึงแตกต่างกันไปตาม ผลประโยชน์ในแตล่ ะเรอื่ ง ไม่จาเป็นว่าประเทศกาลังพัฒนาเหมอื นกนั จะตอ้ งรวมกลุ่มกันเพื่อต่อสู้กับประเทศ พัฒนาแลว้ ทกุ ครง้ั ในบางเรอื่ งไทยกอ็ าจเปน็ พันธมิตรกับประเทศพฒั นาแลว้ ท่ีมีผลประโยชนร์ ว่ มกันก็ได้ เช่น - ในกลุ่มเคร์นส์ ไทยเป็นพันธมิตรกับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา เพ่ือผลกั ดันการเปิดตลาด สินค้าเกษตร - ในกลุ่ม AD Friends ไทยเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นแคนาดา นอร์เว และประเทศกาลังพัฒนาเช่น เกาหลี ชิลี ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น เพื่อร่วมกันผลักดันการปรับปรุงแก้ไขความตกลง AD ให้ลดการใช้ดุลย พินิจของผู้ไต่สวน และมีความชัดเจน เป็นธรรมมากข้ึน - ในกลุ่ม GI Friends ไทยเป็นพันธมิตรกับสหภาพ ยุโรป อินเดีย เพื่อผลักดันให้มีการขยายความคุ้มครองสินค้าท่ีจะได้รับการคุ้มครองสิ่งบ่งช้ีทางภูมิศาสตร์- ใน กลุ่ม G20 ไทยได้เข้าร่วมกับประเทศกาลังพัฒนา เช่น บราซิล จีน อินเดีย อินโดนีเซียเป็นต้น เพื่อสร้างพลัง ต่อรองกบั ประเทศพฒั นาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ใหเ้ ปิดตลาด เลกิ การอุดหนนุ สง่ ออก และลดการ อุดหนุนภายในสินค้าเกษตร ซึ่งหากไม่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรเหล่านี้คงจะเป็นเร่ืองลาบากท่ีจะต่อรองกับ ประเทศขนาดใหญ่ให้เปิดเสรีเกษตรไทยได้ประโยชน์อะไรจาก WTO การที่ไทยเป็นสมาชิก WTO ทาให้ไทย ได้รับประโยชน์จากการที่สมาชิกซ่ึงปัจจุบันมีจานวน 147 ประเทศ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก ทั้งประเทศ พัฒนาแล้วและประเทศกาลงั พัฒนา จะต้องปฏิบัตติ ามหลักการค้าเสรี และเป็นธรรมของ WTO นอกจากน้ี ยัง ได้รับประโยชน์จากหลักการทั่วไปของ WTO เช่น หลักการไม่เลือปฏิบัติ ( MFN และ National Treatment) หลกั การเร่ืองความโปร่งใส หลักการคุ้มครองผู้ผลิตภายในด้วยภาษีศุลกากรเท่าน้ัน เป็นต้น รวมทั้ง ประโยชน์ จากพันธกรณีที่สมาชิกผูกพันไว้ในความตกลงย่อยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองการลดภาษีศุลกากร การอุดหนุน และอุปสรรคทางการค้าต่างๆ การเปิดเสรีสินค้าเกษตร การเปิดเสรีสินค้าสิ่งทอ การใช้มาตรการสุขอนามัย ต่างๆ ต้องเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ เป็นต้นการมีกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศของ WTO ช่วยส่งเสริมให้การแข่งขันทางการค้าเป็นธรรม และสร้างความมน่ั ใจใหแ้ ก่ท้ังผู้คา้ และผู้ลงทุนผู้ผลิตและ

ผู้ส่งออกสามารถคาดการณ์และวางแผนการค้าระหว่างประเทศล่วงหน้าได้ เน่ืองจากผู้บริโภคมีทางเลือกจาก การมีผปู้ ระกอบการเพิ่มข้ึน ตลอดจนได้รบั สินค้าและบริการที่มีคุณภาพมากขึ้นและราคาถูกลง ซ่งึ เป็นผลจาก การเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศในระยะท่ีผ่านมีเวทีในการร้องเรียนข้อพิพาททางการค้า และมีแนวร่วมใน การต่อสู้กับประเทศใหญ่ในกรณีท่ีประเทศเหล่าน้ันมีการใช้มาตรการท่ีบิดเบือนการค้า ซ่ึงไทยได้รับประโยชน์ และชนะคดีท่ีประเทศอ่ืนๆ กีดกันการค้าในหลายกรณี เช่น - กรณีกาหนดราคาอ้างอิงนาเข้าข้าวของสหภาพ ยุโรป ไทยขอหารือ และเจรจาตกลงได้โดยสหภาพยุโรปเพ่ิมโควตาแป้งมันสาปะหลัง และลดภาษีนาเข้าข้าวให้ เป็นการชดเชย - กรณีท่ีสหรัฐฯ นาเร่ืองการอนุรักษ์เต่าทะเลมาเป็นข้ออ้างในการกีดกันการนาเข้ากุ้ง ซึ่งไทยยกเรื่อง ขึ้นฟ้องใน WTO และสามารถแก้ไขปัญหาได้- กรณีที่อียิปต์ท่ีห้ามนาเข้าปลาทูนากระป๋องของไทย โดยอ้างว่า ผลิตจากน้ามันถ่ัวเหลือง GMOs ซึ่งไทยได้ขอหารือกับอียิปต์ภายใต้กระบวนการระงับข้อพิพาทของ WTO และสามารถผลักดันให้อียิปต์ยกเลิกมาตรการได้- กรณีพิพาทเรื่องน้าตาล ไทยได้ร่วมกับออสเตรเลีย และ บราซิล ฟ้องสหภาพยุโรปที่ให้การอุดหนุนส่งออกน้าตาล- กรณีพิพาทเรื่องไก่หมักเกลือ ไทยได้ขอให้ WTO จัดตั้งคณะผู้พิจารณาเพ่ือตัดสินกรณีสหภาพยุโรปปรับพิกัดภาษีศุลกากรไก่หมักเกลือ - กรณีกฎหมาย Byrd Amendment ของสหรัฐฯ ไทยได้ร่วมกับสมาชิก WTO เช่น สหภาพยุโรป ญ่ีปุ่น เกาหลี อินเดีย และ ออสเตรเลีย เป็นต้น ฟ้องสหรัฐฯ เร่ืองกฎหมาย Byrd Amendment ท่ีให้สหรัฐฯ นาเงินที่เก็บได้จากการใช้ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด มาตง้ั เป็นกองทนุ เพื่อชว่ ยเหลืออุตสาหกรรมภายในซ่ึงองค์กรระงับข้อพพิ าทของ WTO ตดั สนิ ใหส้ หรัฐฯ แพ้คดี และตอ้ งปรบั แกไ้ ขกฎหมายใหส้ อดคล้องกับความตกลง การมีตลาดที่เปดิ กว้างขนึ้ ซ่ึงเป็นผลจากการลดภาษขี องประเทศสมาชกิ ต่างๆ โดยเฉพาะตลาดสง่ ออก สาคัญของไทย เช่น สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรมและประมงโดยเฉล่ียลงจากร้อยละ 5.5 เหลือร้อยละ 3.5 สหภาพยุโรปลดภาษีลงจากร้อยละ 5.7 เหลือร้อยละ 4.3 ญ่ีปุ่นลดภาษีลงร้อยละ 3.7 เหลือร้อยละ 1.4 เป็นต้น ทาให้การส่งออกของไทยขยายตัวอย่างมากในช่วงท่ีผ่านมา เช่นข้าว ไทยส่งออกไปตลาดญ่ีปุ่นเพิ่มข้ึน จาก 56,630 ตนั ในปี 2538 เป็น 145,509 ตัน ในปี 2542 ส่งออกไปตลาดสหภาพยโุ รปเพ่ิมข้ึนจาก 156,582 ตัน ในปี 2538 เป็น 220,029 ตัน ในปี 2542 และส่งออกไปสหรัฐฯ เพ่ิมขึ้นจาก 201,526 ตัน ในปี 2538 เป็น 251,662 ตัน ในปี 2542 เป็นต้น เน้ือไก่แช่เย็นแช่แข็ง ไทยส่งออกไปสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นจาก 15,628 ตัน ในปี 2538 เป็น 59,092 ตัน ในปี 2542 ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นเพ่ิมขึ้น จาก 119,434 ตัน ในปี 2538 เป็น 138,718 ตัน ในปี 2542 และส่งออกไปตลาดสหรฐั ฯ เพิ่มขึน้ จาก 67 ตัน ในปี 2538 เปน็ 101 ตัน ในปี 2542 เปน็ ตน้ มีเวทีเจรจารักษาผลประโยชน์ต่างๆ เช่น - เจรจากับจีนภายใต้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO ส่งผลให้จีนเข้าเป็นสมาชิก WTO ในปี 2544 แต่จีนก็จะต้องจ่ายค่าผ่านประตูในราคาแพง เน่ืองจากจะต้อง ปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ภายในประเทศให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของ WTO เช่น การยกเลิกระบบ dual price การปรับปรุงกฎระเบียบเร่ืองแรงงาน ที่ทาให้จีนมีความได้เปรียบในทางการค้ามานานเพราะสามารถ ขายสินค้าได้ไม่ต้องคานึงถึงต้นทุน การปรับลดภาษีศุลกากรทั้งในส่วนสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรม เป็นต้น ขณะเดยี วกันสมาชิกยังสามารถถือว่าจนี เปน็ ประเทศที่ไม่ใชก่ ลไกตลาด (non market economy) ใน การไต่สวนมาตรการ ADกับจีน เป็นต้น นอกจากน้ีสมาชิกยังสามารถทบทวน และตรวจสอบการดาเนิน

นโยบาย และมาตรการทางการค้าของจีนให้สอดคล้องกับ WTO ทุกปี เช่น ท่ีผ่านมา สมาชกิ ยังคงเรยี กร้องให้ จีนปรับปรุงการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การผ่อนปรนข้อจากัดด้านการค้าบริการกับบริษัทต่างชาติ เป็น ต้น ดังน้ัน จึงอาจกล่าวได้ว่า หากจีนไม่เล็งเห็นประโยชน์ในการเข้าเป็นสมาชิก WTO ก็คงไม่ยอมเสียค่าผ่าน ประตูแพงเช่นนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้รับประโยชน์จากการเจรจากับจีนภายใตก้ ระบวนการเขา้ เป็นสมาชิก WTO เชน่ จนี ยอมเปิดตลาดขา้ ว และนา้ ตาลให้ไทย โดยปรับมาตรการนาเข้าข้าว และนา้ ตาลจากระบบโควตา มาใชโ้ ควตาภาษี เชน่ เปดิ ตลาดข้าวให้ไทยในปี 2547 ถึง 5.32 ลา้ นตนั โดยเรยี กเกบ็ ภาษนี าเขา้ ข้าว รอ้ ยละ 1 เป็นตน้ ยางพารา จีนตกลงทจี่ ะลดอัตราภาษนี าเขา้ จากร้อยละ 30 เหลอื รอ้ ยละ 20 - เจรจากับซาอุดิอารเบียภายใตก้ ระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของซาอุดิอารเบีย ซึ่งไทยสามารถ ตกลงสองฝา่ ย และทาบันทึกความเข้าใจกับซาอุฯ เรอื่ งการเขา้ เปน็ สมาชิก WTO ได้เมอื่ เดอื นกมุ ภาพันธ์ 2547 โดยซาอุฯ จะต้องปรบั มาตรการและนโยบายการค้าให้สอดคล้องกับความตกลง WTO ตลอดจนจะตอ้ งลดภาษี เพ่ิมเติมให้กับสินค้าออกสาคัญของไทย เช่น แปง้ ข้าวเจ้า น้าสับปะรด และเคร่ืองปรับอากาศ เปน็ ตน้ ตลอดจน ตอ้ งยอมเปิดตลาดการค้าบริการ เช่น ในสาขาก่อสร้าง โรงพยาบาล การศึกษา และภัตตาคาร เป็นต้น- เจรจา กับรัสเซียภายใต้กระบวนการเข้าเปน็ สมาชกิ WTO ของรัสเซีย ไทยไดข้ อให้รัสเซยี แก้ไขปญั หาเร่ืองการควบคุม และจัดสรรโควตาไก่ ปรับปรุงข้อเสนอด้านการค้าบริการ โดยเฉพาะการเข้าไปทางานของคนไทยในรัสเซีย เปน็ ต้น- กรณีการขยายสมาชิกภาพของสหภาพยโุ รป ไทยได้ร่วมกับสมาชิกอื่น เช่นฯ ฮ่องกง ออสเตรเลีย เป็น ต้น หารือแลกเปล่ียนความเห็นเรื่องการขยายสมาชิกของสหภาพยุโรป ตลอดจนหยิบยกข้อกังวลของไทยใน ประเด็นต่างๆ ขึน้ สอบถามสหภาพยุโรปในเวทกี ารประชุมต่างๆ ของ WTO เช่น การใช้มาตรการ AD และการ กาหนดโควตาสิ่งทอ เปน็ ต้นความคบื หน้าล่าสดุ ของการเจรจารอบโดฮา ในการประชุมระดับรัฐมนตรี WTO คร้ังที่ 4 เมื่อวันท่ี 9-13 พฤศจิกายน 2544 ณ กรุงโดฮาประเทศกาตาร์ สมาชิกได้ตกลงกันเปิดการเจรจารอบใหม่ โดยเน้นความสาคัญเรื่องการพัฒนา เรียกช่ือว่า Doha Development Agenda มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกเจรจาเปิดเสรีทางการค้าในด้านต่างๆ เพ่ิมขึ้น เช่น การค้าสินค้าเกษตร การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม การเปิดตลาดการค้าบริการ เป็นต้น ตลอดจนให้มีการ เจรจาเพ่ือแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามพันธกรณีของการเจรจารอบอุรุกวัย ให้มีการแก้ปัญหาให้ประเทศท่ี ประสบโรคระบาดมียาราคาถูกรักษา และให้สมาชิกตกลงโดยมีฉันทามติที่เปิดเผยว่าจะเปิดการเจรจาในเรื่อง ใหม่ๆ (Singapore Issues) ได้แก่ การลงทุน นโยบายการแข่งขัน ความโปร่งใสในการจัดซ้ือโดยรัฐ และการ อานวยความสะดวกทางการค้า ในการประชุมระดับรัฐมนตรี ครัง้ ที่ 5 หรือไม่ โดยกาหนดให้ปิดการเจรจารอบ โดฮาภายในวันที่ 1 มกราคม 2548ปัจจยั หน่ึงท่ีทาให้สมาชกิ ประสบความสาเรจ็ ในการเปิดการเจรจาการค้าพหุ ภาครี อบใหม่ อาจ เกิดจากสถานการณภ์ าวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และเหตุการณก์ ่อการร้ายเดือนกันยายน ทา ให้สมาชิกหันหน้าเข้าหากัน แสดงความจริงใจ และพร้อมจะประนีประนอมผ่อนปรนกัน เพื่อรักษาระบบ การค้าพหุภาคีของโลกไว้ ในการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งท่ี 5 เม่ือวันท่ี 10-14 กันยายน 2546 ณ เมืองแคนคูน ประเทศ เม็กซิโก การประชุมประสบความล้มเหลวในการหาข้อสรุปเพื่อกาหนดรูปแบบการเปิดเสรีสินค้าเกษตร และ การเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม ตลอดจนการตัดสินใจว่าจะเปิดการเจรจาเร่ืองใหม่ๆ (Singapore Issues) หรอื ไม่ สาเหตสุ าคัญประการหนงึ่ อาจเปน็ เพราะการเจรจาทีแ่ ท้จรงิ เรม่ิ ต้นลา่ ช้า โดยการเจรจาไม่ได้ เร่ิมที่เจนี

วาก่อนการประชุม แต่ไปรอเร่ิมที่แคนคูน ซึ่งการท่ีสมาชิกมีเรื่องท่ีจะต้องตัดสินใจหลายเรื่อง แต่ถูกจากัดโดย เง่ือนเวลา ต้องพยายามหาข้อสรุปให้ได้ภายใน 5 วัน นอกจากนี้ อาจเป็นเพราะระบบของ WTO ท่ีเน้นเรื่อง ฉันทามติ และการมีส่วนร่วมของสมาชิกทุกประเทศ เมื่อ WTO มีสมาชิกมากถึงร้อยกว่าประเทศ ทาให้ ผลประโยชน์ และความเห็นของสมาชิกหลากหลาย ส่งผลให้การดาเนินงานขององค์กรคืบหน้าไปได้ช้า เพราะ ใช้กระบวนการตัดสินใจแบบฉันทามติ อยา่ งไรก้ดี การประชมุ ท่ีแคนคูนท่ีเป็นการประชุมครั้งแรกของ WTO ที่ สมาชิกทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศกาลังพัฒนาได้แสดงบทบาท และพยายามมีส่วนร่วมในการเจรจา เช่น กลุ่มประเทศกาลังพัฒนาได้รวมตัวกันเป็นกลุ่ม G20 ต่อรองกับประเทศขนาดใหญ่เร่ืองเกษตร หรือกลุ่ม ประเทศกาลังพัฒนาขนาดเล็กในอัฟริกา ได้รวมตัวกันย่ืนข้อเสนอให้ประเทศพัฒนาแล้วยกเลิกการอุดหนุน ส่งออกฝ้าย หรือกลุ่มประเทศกาลังพัฒนาบางประเทศ รวมตัวกันเรียกว่า Core Group คัดค้านการเปิดเจรจา เรื่องใหมๆ่ เปน็ ตน้ ภายหลังการประชุมระดับรัฐมนตรี WTO ท่ีแคนคูน เม่ือวันท่ี 10-14 กันยายน 2546 ประสบความ ล้มเหลวในการหาข้อสรุปเพ่ือกาหนดรูปแบบการเปิดเสรีสินค้าเกษตร และการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม ตลอดจนการตัดสินใจว่าจะเปิดการเจรจาเรื่องใหม่ๆ (Singapore Issues ) หรือไม่ สมาชิก WTO ยังคงยืนยัน ที่จะยึดม่ัน และให้ความสาคัญกับระบบการค้าพหุภาคี ตลอดจนต้องการให้มีการเจรจารอบโดฮากันต่อไป เพือ่ ใหก้ ารเจรจาสามารถหาข้อสรุปไดภ้ ายในเวลาทีก่ าหนด สรปุ ความเคล่อื นไหวสาคัญในชว่ งทผี่ า่ นมา ได้ดงั นี้ - การออกหนังสือของผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (นาย Robert Zoellick) ถึงรัฐมนตรีการค้าประเทศ สมาชิก WTO เม่ือวันที่ 11 มกราคม 2547 เรียกร้องให้ฟ้ืนการเจรจา และไม่ให้ปี 2547 เป็นปีท่ีสูญเปล่า - การออกหนังสือของสหภาพยุโรป (นาย Lamy และนาย Fischler) ถึงรัฐมนตรีการค้าสมาชิก WTO เม่ือวันที่ 9 พฤษภาคม 2547 แจ้งท่าทีของสหภาพยุโรปที่ผ่อนปรนมากข้ึน เช่น ในเร่ืองเกษตร หากการเปิดตลาด และ การอุดหนุนภายในมีความคืบหน้าเป็นท่ีพอใจ ก็พร้อมที่จะให้กาหนดวันสาหรับยกเลิกการอุดหนุนส่งออก แต่ ประเทศสมาชิกอื่นจะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน (parallelism) คือ เลิกการอุดหนุนส่งออกท่ีแฝงอยู่ในรูปแบบ อื่นๆ เช่น export credit, food aid, state trading enterprise ไปพร้อมกันด้วย เร่ือง Singapore Issues ยอมให้เรื่องการอานวยความสะดวกทางการคา้ เป็นเพียงเร่ืองเดียวที่อยู่ใน DDA Single Undertaking โดยพัก การเปิดเจรจาอีก 3 เร่ืองที่เหลือไว้ก่อนได้ เรื่อง development issues มีการเสนอให้เป็น Round for free แก่ประเทศ weak or vulnerable developing countries โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม G90 ไม่จาเป็นต้อง เปิดตลาดในการเจรจาเกษตร และ NAMA ให้มากกว่าที่ได้ผูกพันไว้อยู่แล้ว และควรได้รับประโยชน์จาก ข้อเสนอการเปิดตลาดของประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศ advanced developing countries ด้วย ซึ่ง ได้รับการคัดค้านจากประเทศกาลังพัฒนาบางประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย ชิลี และคอสตาริกา ซ่ึงไม่ต้องการ แบ่งแยกประเทศกาลังพัฒนา และเห็นว่าข้อเสนอนี้จะมีผลกระทบในทางลบต่อระบบการค้าของ WTO ใน ระยะยาว - การประชุมรฐั มนตรี OECD และการประชุมระดับรัฐมนตรกี ลุ่มย่อยในช่วงการประชุม OECD (วันที่ 13-14 พฤษภาคม 2547) ณ กรุงปารีส สาหรับการประชุม OECD Ministerial Council ที่ประชุมได้ออก แถลงการณ์แสดงความต้ังใจทจี่ ะจัดทา agreements o-n framework for key issues of DDA ภายในเดือน กรกฎาคม ศกน้ี และยอมรับว่าความคบื หน้าเรื่องเกษตรจะช่วยผลักดันการเจรจาเร่ืองอนื่ ๆ ได้ จงึ ต้องพยายาม

หาข้อสรุปการเจรจาท้ัง 3 pillars ในเรื่องเกษตรให้ได้ สาหรับเร่ือง Singapore Issues เห็นว่าน่าจะหาฉันทา มติให้เร่อื งการอานวยความสะดวกทางการค้าอยู่ใน single undertaking ได้ และให้ working group ดูแลอีก 3 เรื่องท่ีเหลือต่อไป การประชุมกลุ่ม NG 5 สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเริ่มตระหนักว่า สูตรการลดภาษี (Blended Formula) ที่ตนพยายามผลักดัน กลุ่ม G20 และกลุ่มเคร์นส์ไม่เห็นด้วย และยังมีเร่ืองทางเทคนิค อีกมาก ในส่วนของการอุดหนุนภายในท่ีจะต้องหารือกันต่อไป ซ่ึงกลุ่ม G20 และกลุ่มเคร์นส์ ได้ตกลงท่ีจะทา ข้อเสนอเรือ่ งการเปิดตลาดร่วมกันต่อไป - การประชุมระดับรัฐมนตรีการค้าของกลุ่ม LDC เมื่อวันท่ี 4-5 พฤษภาคม 2547 ณ เมือง Dakar ประเทศเซเนกัล มีการจัดทา Dakar Declaration แสดงท่าทีของกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยท่ีสุดต่อการเจรจา รอบโดฮา เช่น ให้ประเทศพัฒนาแล้ว provide bound duty-free and quota-free market access แก่ สนิ ค้าเกษตร และอตุ สาหกรรมจากประเทศ LDCs ปัญหาเรื่อง erosion of preferences ท่ีจะเกิดจากการลด ภาษี MFN จะตอ้ งถูกแก้ไขโดยการให้ compensation แก่ LDCs เรื่อง Singapore Issues ต้อง clarify เร่ือง การอานวยความสะดวกทางการค้าก่อนจึงจะตัดสินใจท่ีจะเจรจา และให้ keep Singapore Issues อีก 3 เร่ืองทเี่ หลือ ออกจาก DDA work programme - การประชุมระดับรัฐมนตรีของกลุ่ม African Union เม่ือวันที่ 27-28 พฤษภาคม 2547 ณ เมืองคิกา รี ประเทศราวันดา มีการจัดทา Kigali Declaration แสดงท่าทีของกลมุ่ ประเทศอฟั ริกาต่อการเจรจารอบโดฮา โดยท่าทสี ่วนใหญ่จะยา้ ทา่ ทีใน Dakar Declaration - การประชุมระดับรัฐมนตรกี ารค้าเอเปค ระหวา่ งวนั ท่ี 4- 5 มิถุนายน 2547 ณ เมือง Pucon ประเทศชิลี มีการออก Ministerial Statement สนับสนุนการจัดทา Framework Agreement ภายในเดือนกรกฎาคม 2547 โดยประกอบด้วยเร่ืองที่สาคัญ เช่น เกษตร (ให้ กาหนดวันยกเลิกการอุดหนุนส่งออก) NAMA และรับท่ีจะเปิดการเจรจาเรื่องการอานวยความสะดวกทาง การค้า โดยถือว่าเป็นเร่ืองที่อยู่ในSingle undertaking เป็นต้น - การประชุมระดับผู้นาประเทศกลุ่ม G8 ระหว่างวนั ท่ี 8-10 มิถุนายน ทเ่ี กาะ Sea Islandรัฐจอร์เจยี ประเทศสหรัฐอเมรกิ า สนับสนุนให้สมาชิกร่วมกัน ดาเนินการเพอื่ จัดทา framework agreements ให้เสร็จภายในเดอื นกรกฎาคม ศกนี้ การประชมุ สาคญั ที่จะเกิดขึน้ ในอนาคต เชน่ - การประชุมอังค์ถัด คร้ังที่ 11 ระหว่างวันท่ี 13-18 มิถุนายน 2547 ณ เมืองเซาเปาโล ประเทศ บราซิล ซ่ึงจะมีการประชุมระดับรัฐมนตรีของกลุ่ม NG 5 และการประชุมระดับรัฐมนตรีของกลุ่ม G20 ด้วย เพ่ือหาทางออกในปัญหาการเจรจาที่ยังค้างอยู่ ให้สามารถจัดทา framework agreements ให้เสร็จภายใน เดือนกรกฎาคมล่าสุด สมาชิกมีความเห็นร่วมกันท่ีจะจัดทา July Packageหรือกรอบความตกลงเพ่ือเป็นแนว ทางการเจรจาต่อไปในเร่ืองต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะจัดทาให้เสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2547 (ก่อน Summer break) เพราะไม่ต้องการให้ปี 2547 เป็นปีท่ีสูญเปล่า จึงต้องการวางแนวทางสาหรับการเจรจา ต่อไปในอนาคต เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของปี 2547 จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สาคัญในหลาย ประเทศ เช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2547 การเลือกตั้งรัฐสภา และ ปรับเปล่ียนฝ่ายบรหิ ารของสหภาพยุโรปในช่วงเดือนมถิ นุ ายน และตลุ าคมตามลาดับ เป็นต้น นอกจากน้ี สมาชิกยังคงเห็นว่าการเจรจาระบบพหุภาคีมีความสาคัญ แม้ว่าหลายประเทศเร่ิมหันไป เจรจาจัดทาเขตการค้าเสรีมากข้ึนก็ตาม เพราะปัญหาหลายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้โดยผ่านการทาความตกลง

FTAs เพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการเจรจาระบบการค้าพหุภาคี เช่น การบังคับให้ประเทศพัฒนาแล้วต้อง ลดเลิกการอุดหนุนส่งออก การอุดหนนุ ภายใน และเปิดตลาดสินคา้ เกษตร การแกไ้ ขความตกลง AD ใหม้ ีความ เป็นธรรมมากข้ึน เป็นต้น ความคืบหน้าล่าสุด (การจัดทา July Package) เมื่อวันท่ี 8 มิถุนายน 2547 ประธานคณะมนตรีทั่วไปได้เชิญประชุมหัวหน้าคณะผู้แทนสมาชิก WTO ท้ังหมดอย่างไม่เป็นทางการ เพ่ือขอ ทราบความเห็นสมาชิกในเรื่อง the shape of July Package โดยประธานฯ แจ้งว่า เอกสาร July Package จะประกอบด้วย 9 paragraph คือ (1) paragraph ยืนยันมติโดฮา และยืนยันความตั้งใจของสมาชิกท่ีจะ เจรจาให้บรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมาย (2) เกษตร ซ่ึงจะมี recommendation ของ TNC ตามท่ีได้รับรายงาน จากประธานกลุ่มเจรจา พร้อมรายละเอียดของ framework for negotiations ปรากฏใน annex A (3) ฝ้าย (4) NAMA ซ่ึงจะมี recommendation ของ TNC ตามที่ได้รับรายงานจากประธานกลุ่มเจรจา พร้อม รายละเอียดของ framework for negotiations ปรากฏใน annex B (5) development issues พร้อม รายละเอียดหากสมาชิกสามารถตกลงกันได้ ปรากฏใน annex C (6) other negotiating issues โดยอาจมี รายละเอียดในเร่ืองบริการ DSB TRIPS การค้าและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าท่ีประธานกลุ่ม ต่างๆ รายงานต่อ TNC (7) Singapore issues เป็นการตัดสินใจเริ่มการเจรจาเร่ืองการอานวยความสะดวก ทางการค้า โดยมีรายละเอียดปรากฏใน annex D (8) work programme รวมท้ังเร่ืองการจัดประชุมระดับ รัฐมนตรี ครง้ั ที่ 6 และการต่ออายุ moratorium 2 เร่อื ง คือ e-commerce และ TRIPS non-violation และ (9) paragraph ย้าความพยายามที่จะให้ overall package มีความสมดุล ทั้งน้ี ประธานฯ ย้าว่า July package ไม่ใช่ Ministerial Declaration และไม่ใช่ การทา text เพ่ือสรุปผลการเจรจา จึงหยิบยกเฉพาะ เร่ืองท่ีสาคัญเท่านั้น ไม่จาเป็นต้องลงรายละเอียดของทุกเร่ือง สาหรับกระบวนการทางานต่อไป ผู้อานวยการ ใหญ่ WTO คงจะจัดการประชุม ในวันที่ 30 มิถุนายน และประธานฯ จะเชิญประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทน อย่างไม่เป็นทางการเต็มคณะอีกคร้ังในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม เพื่อพิจารณาความคืบหน้าในการเจรจา โดย หวังว่าจะสามารถออก Text ได้ในช่วงคร่ึงแรกของเดือนกรกฎาคม สมาชิกส่วนใหญ่ เช่น สหรัฐฯ สหภาพ ยโุ รป ไทย ฮอ่ งกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จีน ปากีสถานอนิ เดีย มาเลเซีย และนอร์เว เป็นต้น สนับสนุน outline ของ ประธานฯ เพราะตระหนักถึงข้อจากัดด้านเวลา จึงต้องการ focus shape of July Package อยู่เฉพาะเร่ือง สาคัญตามท่ีประธานฯ เสนออย่างไรก็ดี มีบางประเทศ เช่น อินเดียต้องการเพ่ิม paragraph เรื่องบริการ ประเทศกลุ่มประเทศอัฟริกา ต้องการเพ่ิมเติมประเด็นอ่ืนๆ ท่ีตนเห็นว่าสาคัญไว้ใน July package ด้วย แต่ก็ คาดว่า สมาชิกคงจะพยายามระมัดระวัง และพยายามรอมชอมเรื่อง shape of July package เพราะ ข้อจากัดด้านเวลา ปญั หาน่าจะอยู่ substance หรือสาระของเรอ่ื งต่างๆ ใน July package เพราะสมาชิกยังมีความเห็น ต่างกันในเร่ืองต่างๆ เชน่ - Singapore issues (เรอ่ื งใหมๆ่ ) ประเทศกลมุ่ อัฟรกิ ัน และ LDCs ต้องการให้ seek clarification ในเร่ือง Trade facilitation ก่อนเริ่มเจรจา และมาเลเซียต้องการ drop 3 issues ท่ีเหลือออก จาก WTO Agenda ขณะท่ีสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซ่ึงเป็นประเทศที่ผลักดันต้องการให้เปิดการเจรจาเร่ือง ใหม่ๆ ใน WTO มาโดยตลอด ยงั ไม่แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะผลักดนั เรื่องเหล่าน้ีแคไ่ หน เป็นต้น- เกษตร สมาชิก ยังไม่สามารถตกลงได้ในเร่ืองสูตรการเปิดตลาด ในขณะท่ีเร่ืองการกาหนดวันเพื่อยกเลิกการอุดหนุนส่งออก

และการสร้างกฎระเบียบเพ่ือจากัด และลดการอุดหนุนภายในสินค้าเกษตรสมาชิกเร่ิมมีท่าทีผ่อนปรนเข้าหา กันมากข้นึ 7. กลมุ่ ประเทศผู้สง่ นา้ มันเปน็ สินค้าออก Organization of Petroleum Exporting Countries ( OPEC ) กลุ่มประเทศผู้ส่งน้ามันเป็นสินค้าออก เป็นองค์การนานาชาติ ที่จัดต้ังข้ึนเพ่ือความร่วมมือทางด้าน นโยบายน้ามัน และช่วยเหลอื ด้านเทคนคิ และเศรษฐกจิ แก่ประเทศสมาชิก 7.1 ประวัตกิ ารก่อตั้ง โอเปค จัดต้ังข้ึนเม่ือเดือน มกราคม พ.ศ.2503 โดยประเทศอิหร่าน อิรัก คูเวต ซาอุดิอาระเบีย และ เวเนซุเอลา ต่อมามีสมาชิกเพิ่มอีก 8 ประเทศ ได้แก่ กาตาร์ อินโดนีเซีย ลิเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอลจีเรีย ไนจีเรีย เอกวาดอร์ และกาบอง รวมมีสมาชิก 13 ประเทศ ต่อมาเอกวาดอร์ลาออก เมื่อ พ.ศ. 2535 และกาบองลาออก เม่ือ พ.ศ.2538 ปจั จุบัน จึงเหลือสมาชิกเพียง 11 ประเทศ โอเปคเดิมมีสานักงาน ใหญ่ อยมู่ นี ครเจนวี า ประเทศสวติ เซอร์แลนด์ ต่อมา พ.ศ.2508 ได้ยา้ ยไปอย่ทู ่กี รุงเวยี นนา ประเทศออสเตรยี 7.2 วตั ถปุ ระสงค์ในการกอ่ ตง้ั ในระยะเร่ิมต้นของการก่อตั้งกลุ่มโอเปค การขุดเจาะน้ามันในประเทศสมาชิกต่างเป็นการลงทุนและ ดาเนนิ การโดยบริษทั น้ามันต่างชาติ ประเทศเจา้ ของบอ่ น้ามนั ไดร้ ับค่าภาคหลวงตอบแทน ซ่ึงเป็นผลประโยชน์ ส่วนน้อย การรว่ มมือของกลมุ่ โอเปคในชว่ งน้ี จงึ มีจดุ มุ่งหมายสาคญั 3 ประการ คือ 1. เพ่ือเจรจากับบรษิ ัทนา้ มันผู้ไดร้ ับสมั ปทานในการต้ังกองทนุ น้ามนั ดบั ให้เทา่ กันทุกประเทศ 2. เพอ่ื นาราคาน้ามันดิบที่เป็นผลมาจากการเจรจาใชเ้ ป็นฐานในการคานวณเปน็ รายไดข้ องประเทศ 3. เพ่อื เป็นอานาจต่อรองในการยดึ ครองหรือโอนกิจการนา้ มันเป็นของรัฐตอ่ ไป กลุ่มโอเปคได้ดาเนินงานไปตาวัตถุประสงค์จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจและต่อมาเม่ือมีสามชิกเพ่ิมขึ้นอีก 8 ประเทศ ทาให้มีอานาจต่อรองมากข้ึนและขยายวัตถปุ ระสงคเ์ พือ่ รักษาผลประโยชน์ของประเทศสมาชิกมาก ขึ้นคอื 1. เพอ่ื ปกปอ้ งราคานา้ มนั ตกต่าและเจรจาขายน้ามันดับในเงอื นไขท่ีดี 2. เพื่อเก็บภาษเี งนิ ได้จากบรษิ ัทนา้ มันผ้ผู ลิตนา้ มนั ในอตั ราท่สี งู ขึ้น 3. เพอื่ ให้ได้มาซ่ึงอานาจในการประกาศเพิ่มราคาน้ามนั 7.3 ผลการปฏิบัติงาน ในปัจจุบันโอเปคเป็นองค์การระหว่างประเทศที่มีอิทธิพลสูงมากท้ังต่อระบบเศรษฐกิจและการเมือง ระหว่างประเทศ เพราะมนุษย์จาเป็นต้องใช้พลังงานท่ีมาจากน้ามัน แต่ด้วยเหตุท่ีประเทศสมาชิกของกลุ่ม โอเปคมีสภาพเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมวัฒนธรรมแตกต่างกนั ทั้งยังมีปริมาณน้ามันสารองไม่เท่ากันด้วย การกาหนดราคาและโควตาการผลิตน้ามันของกลุ่มโอเปคในระยะหลังมานี้ มักไม่มเี อกภาพ กล่าวคือประเทศคู

เวค กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตา่ งเป็นประเทศที่มีปริมาณน้ามันสารองอยู่มาก และมี ความม่ันคงทางเศรษฐกิจ สามารถปฏิบัติตามมติของโอเปคได้ แต่ประเทศอิหร่านแม้มีปรมิ าณน้ามันสารองอยู่ มาก แต่หลังสงครามกับอิรักแล้วต้องลอบผลิตน้ามันออกจาหน่ายเกินโควตาท่ีโอเปคให้ไว้ เพ่ือนาเงินมาฟ้ืนฟู บรู ณะประทศ ประเทศอริ ัก มีแหลง่ น้ามันสารองมากประเทศหนึ่ง แต่ไดร้ ับความเสยี หายจากสงครามกับอหิ ร่านและ พ่ายแพ้สงครามในการปิดล้อมคูเวต ซึ่งสหประชาชาติได้ออกมาตรการต่างๆ มากาหนด ทาให้ผลิตและ จาหน่ายน้ามันได้อย่างจากัด ส่วนประเทศไนจีเรียมีปริมาณน้ามันสารองน้อย เป็นประเทศยากจน และมี จานวนประชากรมาก จึงต้องผลิตนา้ มันเกิดโควตาและจาหน่ายในราคาทีต่ า่ กว่าท่ีโอเปคกาหนด กิจกรรมสาคัญที่โอเปคดาเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ.2516 เป็นต้นมา คือ การปรับราคาน้ามันดิบ ซ่ึงได้ กระทาหลายคร้ัง จนราคาน้ามันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมาก ทาให้ประเทศผู้ส่งน้ามันเป็นสินค้าออกเหล่าน้ีมี ฐานะม่ังคั่งร่ารวยข้ึน และได้นาเงนิ ตราเหล่าน้ีไปใช้เสริมสร้างความมั่นคงและพัฒนาประเทศในดา้ นตา่ งๆ เช่น การซ้ืออาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อป้องกันประเทศ การสร้างโรงกลั่นนา้ มันเพ่ือการส่งออก การส่งเสรมิ อุตสาหกรรม ปิโตรเลียม การให้สวสั ดกิ ารและยกระดับมาตรฐานความเปน็ อยูข่ องประชาชน เปน็ ตน้ นอกจากน้ี สมาชิกของกลุ่มโอเปคยังได้จัดต้ังกองทุนเพ่ือช่วยเหลือประเทศกาลังพัฒนา โดยเฉพาะ ประเทศอาหรบั ทีม่ ไิ ด้เปน็ สมาชิกของโอเปค และประเทศอน่ื ทีป่ ระชากรบางสว่ นนับถอื ศาสนาอสิ ลาม 7.4 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกบั กลมุ่ ประเทศผู้ส่งน้ามันเป็นสินคา้ ออก ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศโอเปค ส่วนใหญ่เป็นการติดต่อค้าขายน้ามันและด้าน แรงงานท่ไี ทยสง่ ไปยงั ประเทศเหลา่ น้ี สว่ นการตดิ ตอ่ กนั ในด้านอืน่ ๆ นับวา่ มนี ้อยมาก พอสรปุ ได้ดงั น้ี 1. ทางด้านกาค้า ไทยยังมีการค้าขายกับกลุ่มโอเปค โดยการนาเข้าน้ามันดิบจากประเทศเหล่าน้ี โดยเฉพาะประเทศโอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย และสินค้าออกที่สาคัญของไทยท่ีส่งไป ยังกลุ่มโอเปค ไดแ้ ก่ ข้าวโพด ข้าว เส้อื ผ้า เครอื่ งแต่งกาย และเครอื่ งหนงั 2. ทางด้านแรงงาน เปน็ เรอ่ื งท่ีสาคัญและน่าสนใจ เพราะไทยได้จดั สง่ แรงงานเขา้ ไปทางานในประเทศ กลุ่มโอเปคเปน็ จานวนมาก จงึ จาเป็นทที่ างรฐั บาลไทยตอ้ งติดตามและให้ความคุ้มครองช่วยเหลอื ประเทศกลุ่ม โอเปคท่ีคนงานไทยไปทางานมากในปัจจบุ ัน คือ ลิเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคเู วต ทางด้านประเทศอิรัก ซ่ึงเคยมีคนงานไทยไปทางานกันมาก แต่หลงั สงครามอา่ วเปอร์เซยี แล้วมีจานวนคนงานไทยลดลง 3. ด้านการเมือง เป็นความสัมพันธ์ทางด้านการทูตและการเย่ียมเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธไมตรี ของผู้นาประเทศ 4. อื่นๆ กลุ่มโอเปคได้ให้ความช่วยเหลือในเรื่องเงินกู้ ส่วนไทยก็ได้ให้ความสะดวกแก่ประเทศเหล่าน้ี โดยการใหน้ ักวชิ าการมาศึกษาดงู านในไทย โดยเฉพาะทางด้านการเกษตร 8. สมาคมการคา้ เสรีแหง่ ยโุ รป (EFTA) 8.1 วตั ถุประสงค์ในการก่อตั้ง 1. เพื่อปฏริ ูประบบการค้าของสินคา้ อตุ สาหกรรมภายกลุ่มประเทศสมาชกิ

2. เพอ่ื กาหนดนโยบายการคา้ ของประเทศสมาชกิ และประเทศนอกกลุ่มสมาชิก 8.2 ความสัมพันธ์ระหวา่ งไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป ไทยทาการค้ากับเอฟตา เป็นอันดับสองรองจากอีอีซี โดยมีประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นคู่ค้าสาคัญ ท่ีสุด ส่วนบรรดาประเทศสมาชิกระดับรองลงมา ท่ีไทยติดต่อการค้าด้วยคือ สวีเดน ฟินแลนด์ นอร์เว และ ออสเตรีย ตามลาดบั สินค้าสาคัญที่ไทยส่งออกไปยังประเทศกลุ่มเอฟตา คือ อัญมณี สิ่งทอ น้าตาลทรายดิบ สัตว์น้า ข้าว และเคร่ืองใช้สาหรับการเดินทาง โดยเฉพาะประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซ่ึงเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติ น้อย ผลิตอาหารได้ไม่เพียงพอแก่การบริโภคภายในประเทศ มีการนาเข้าอาหารและวัตถุดิบมาก นอกจากนี้ สวิตเซอรแ์ ลนด์ยงั มีนโยบายากรคา้ เสรี และอตั ราภาษีขาเข้าอยู่ในเกณฑ์ต่า ทาให้ลทู่ างการขยายตลาดของไทย เกี่ยวกับสินค้าประเภทอาหารมีมาก ส่วนสินค้าที่ไทยนาเข้าจากประเทศต่างๆในกลุ่มเอฟตา ได้แก่ เคร่ืองจักร วัตถุที่ใช้ทากระดาษ เหล็ก ส่ิงสกัดที่ใช้ในการฟอกหนังและย้อมสี เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และยานพาหนะทาง บก

บทที่ 3 สรปุ แนวโน้มของความสัมพันธร์ ะหวา่ งประเทศในปจั จบุ ัน จากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ก็พอจะเห็นลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าไปในรูปใดบ้าง ใน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศน้ัน ประเทศต่างๆใช้เครื่องมือหลายชนิด อาทิเช่น เคร่ืองมือทางเศรษฐกิจและ การเมือง เคร่ืองมอื ทางการพูด มือทางการทหาร และเคร่อื งมือทางจิตวทิ ยา จูงใจหรือให้ประเทศอ่ืนกระทาสิ่ง หนึ่งสิ่งใดตามความต้องการของตน ถ้าพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่าประเทศต่างๆมีความสามารถในการใช้ เครื่องมือดังกลา่ วไม่เท่าเทยี มกัน เพราะเนอ่ื งจากประเทศต่างๆเราน้ีมีปัญหาอานาจที่อยูใ่ นการครอบครองของ ตนไม่เท่าเทียมกัน บางประเทศอาจใช้เคร่ืองมือทุกอย่างได้ แต่บางประเทศไม่อาจจะกระทาได้ เช่น สหรัฐอเมริกาสามารถใช้เครื่องมือทางทหารได้เป็นอย่างดี แต่ประเทศเล็กๆไม่อาจจะใช้ได้ เป็นต้น อย่างไรก็ ตาม ก็ไม่จาเป็นเสมอไปท่ีประเทศทส่ี ามารถใชเ้ ครื่องมือทุกอย่างจะประสบความสาเร็จในจุดมุ่งหมายท่ีตนวาง ไว้ทุกคร้ังไป บางคร้ังประเทศท่ีใช้เครื่องมือไม่ครบหมดทุกอย่างก็สามารถที่จะประสบความสาเร็จได้ซึ่งทั้งนี้ ขึ้นอยกู่ ับศลิ ปในการใช้เคร่ืองมอื ดงั กลา่ วในการดาเนนิ นโยบายต่างประเทศ ในสมยั โบราณนัน้ เมื่อประเทศใดไมส่ ามารถบังคับหรือจูงใจใหป้ ระเทศอ่ืนปฏิบัตติ ามที่ตนต้องการ กม็ ัก ใช้วิธีการข่มขู่โดยการใช้กาลังบังคับในกรณีท่ีประเทศมหาอานาจด้วยแล้วก็จะใช้กาลั งเข้าบังคับประเทศที่ อ่อนแอทันที ซึ่งการกระทาดังกล่าวไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวาง ด้วยเห็นน้ีดังกล่าวรัฐบุรุษของประเทศต่างๆจึงได้ พยายามสร้างองค์การระหว่างประเทศข้ึนเพ่ือควบคุมการดาเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้เป็นไปตาม กฎเกณฑ์ และกฎหมายระหว่างประเทศท่ีได้กาหนดไว้ ความสาเรจ็ อันแรกของความพยายามดังกล่าวกค็ ือการ จัดตั้งสันติบาตชาติ ผลสาเร็จในลาดับต่อมาก็ได้แก่ การจัดต้ังองค์การสหประชาชาติ และเป็นที่หวังกันว่าอง การสหประชาชาติในปัจจุบันคงจะช่วยรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศให้คงอยู่ต่อไปจนถึง อนาคตท้ังทั้งที่มีองค์การสหประชาชาติก็ตาม ความตึงเครียดและการต่อสู้ระหว่างประเทศยังคงปรากฏอยู่ใน เวทีการเมืองระหว่างประเทศ ทั้งน้ีอาจสันนิษฐานได้ว่าเกิดจากความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์อย่างรุนแรง และการสร้างสะสมอาวุธแข่งขันระหว่างประเทศต่างๆโดยเฉพาะอย่างย่ิงประเทศมหาอานาจ อย่างไรก็ตาม องค์การสหประชาชาติก็หาละท้ิงความพยายามไม่ แต่กลับพยายามเพิ่มข้ึนทุกวิถีทางท่ีจะช่วยลดความตึง เครียด ความรุนแรงท่ีมีอยู่ในวถิ ีการเมืองระหว่างประเทศให้รดนอ้ ยลง ซึ่งก็ไมไ่ ด้รบั ผลสาเรจ็ มากเท่าใด ท้ังน้ีก็ เพราะประเทศมหาอานาจบางประเทศไมค่ ่อยให้ความร่วมมือ แม่บัวแต่ข้างในเรื่องอุดมการณ์แห่งชาติของตน เช่น สหภาพโซเวียต จีนแดง เป็นต้น ถึงแม้ว่าจีนแดงจะได้เปล่ียนโฉมหน้าใหม่ในนโยบายต่างประเทศโดย ยินยอมเจรจาในระดับประมุขของประเทศกับสหรัฐอเมริกาก็ตาม ก็ไม่มีใครกล้าท่ีจะพูดออกมาว่า จีนแดง กาลังจะเลิกนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ซึ่งได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเป็นเวลานับสิบปี และไม่อาจหวังได้นักว่า ผลของ การจะได้จาระหว่างประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา ผู้นาของจีนแดง จะก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงท่ีดีในวิถีทาง การเมืองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะผู้สันทัดในวงการเมืองได้ให้ความเห็นว่าการที่จีนแดง

เปล่ียนท่าทีมาติดต่อกับโลกภายนอกน้ันเกิดจากการได้รับการบีบบังคับจากเหตุการณ์เฉพาะหน้าท่ีจีนแดง เผชิญอยู่มากกว่าการเลิกนิยมหลงใหลในอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ปัญหาเฉพาะหน้าท่ีว่า ก็คือการแตกร้าว ระหว่างสหภาพโซเวียตกบั จีนแดงในเรอ่ื งพรมแดน ซ่งึ ไมอ่ าจจะตกลงหรอื ประนปี ระนอมกันได้ เพราะนอกจาก จะติดต่อกับประเทศภายนอก เช่น สหรัฐอเมรกิ าแล้ว จีนเเดงได้สร้างความสมั พันธ์ทางการทูตกับญี่ปุ่น เพราะ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีกาลังทางเศรษฐกิจท่ีเข้มแข็งที่สุดในเอเชีย และมีท่าทีที่ว่านี้จะเพ่ิมกาลังทหารให้มากข้ึน ตามคาเรียกร้องของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจีนคอมมิวนิสต์เช่ือว่าอาจคุกคามของตนได้ในอนาคต การที่ญ่ีปุ่นมี ความสมั พันธ์ทางการทูตกบั จีนได้ไดใ้ หญ้ ปี่ ุ่นประกาศตัวตัดความสมั พันธท์ างการทูตกบั จีนไต้หวันทนั ทเี ม่ือวันที่ 19 พฤศจิกายนค.ศ. 1972 จากสภาพการณ์ระหว่างประเทศดังกล่าวท่ีได้กล่าวมาข้างต้น ก็พอจะสรุปถึงลักษณะของระบบ ความสมั พันธ์ระหวา่ งประเทศไดด้ งั ต่อไปน้ี คอื (1) ระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน เป็นระบบที่มีศูนย์กลางอยู่ 3 ศูนย์กลางด้วยกัน มี ศูนย์กลางใหญ่ท่ี สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต เป็นศูนย์ท่ีรองลงมาก็คือจีนแดง ท้ัง 3 ประเทศต่างก็เป็น ประเทศมหาอานาจปรมาณูและมีบทบาทสาคัญที่สุดในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งผิดกับระบบ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสมัยก่อนๆที่มีศูนย์กลางอยู่ในยุโรปแต่เพียงแห่งเดียว เพราะประเทศยุโรปใน สมัยนนั้ มบี ทบาทสาคัญที่สุดในการควบคมุ ประเทศต่างๆในเอเชยี ยโุ รป และอัฟริกา (2) ในปัจจุบัน ประเทศมหาอานาจโดยเฉพาะอย่างย่ิงสหรัฐอเมริกา จีนแดง และสหภาพโซเวียตต่างก็ ทางานแขง่ ขันกนั เพ่อื สรา้ งอานาจและอิทธิพลไปท่ัวโลก ซ่ึงผิดกับแต่กอ่ นท่ีประเทศมหาอานาจในยโุ รปแขง่ ขัน ในการแสวงห าดินแดนอาณานิคมในแถบเอเชียและแอฟริกาอันเป็ นอาณ าบริเวณ ท่ียังไม่มีฝ่ายได้เข้าไป ครอบครอง ผลของการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอานาจทาให้ประเทศอ่นื ๆจาเป็นต้องตดั สินใจเลือกเขา้ ฝา่ ย ใดฝ่ายหน่ึง จึงทาให้เกิดเป็นกลุ่มข้ึนเรียกว่า กลุ่มตะวันออกและกลุ่มตะวันตก ได้มีผู้คาดคะเนวา่ อาจจะมีกลุ่ม ของจีนแดงเกิดขึ้นอีกกลุ่มหนึ่งในอนาคตถ้าหากว่าจีนแดงสามารถแผ่ขยายอานาจและอิทธิพลไปทั่วโลกได้ สาเรจ็ ส่วนพวกท่ีไม่เข้าข้างฝา่ ยใดฝา่ ยหน่ึง ก็กลายเป็นกลุ่มที่เป็นกลาง (Non-Alignment)ซึ่งในปัจจบุ ันยังไม่ มีผู้นาของกลุ่มที่เห็นได้ชัดสมาชิกของแต่ละกลุ่มมักจะสนับสนุนผู้นาของตนในการแก้ไขปั ญหาการเมืองของ โลก โดยไม่คานึงถึงความผิดดูถูกของผู้นาของตน อย่างไรก็ตามนับต้ังแต่ปีขอสอ 1958 เป็นต้นมา ความ สามัคคีภายในกลุ่มเร่ิมเส่ือมคลายลง จะเห็นไดว้ ่า ฝร่ังเศสดาเนินนโยบายที่แตกตา่ งไปจาก สหรฐั อเมริกา และ บางคร้ังประณามนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา สาหรับทุกฝ่ายของประเทศคอมมิวนิสต์จีนแดงก็ได้ ประณามสภาพโซเวียตว่า ไม่ยึดมั่นในหลักและอุดมการณ์ของคาลมาร์ก เเละเลนิน เราได้ว่าในปัจจุบันมีกลุ่ม รฐั อยู่ 3 กลุม่ คือ กลมุ่ ฝา่ ยประเทศตะวันตก กลุ่มฝ่ายประเทศตะวนั ออก และกลุม่ ฝ่ายประเทศทเี่ ป็นกลางหรือ ทเ่ี รยี กวา่ \"โลกท่สี าม\" (Third World) (3) ความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศในปัจจุบันข่าวประเทศท่ีทาหน้าทเ่ี ปน็ ผู้รักษาดลุ ภาพ Balancer หรือ ตัวถ่วงดุลท่ีเด่น หรือกล่าวอีกนัยหน่ึงก็คือ มีประเทศที่ยิ่งใหญ่พอที่จะควบคุมพฤติกรรมของรัฐที่มิชอบด้วย

กฎหมายระหวา่ งประเทศ ซงึ่ ผิดกับสมยั ทีศ่ นู ย์กลางเป็นความสมั พันธ์ระหว่างประเทศอย่ใู นยุโรป โดยมีอังกฤษ เป็นผู้คอยรักษาดุลอานาจในยุโรป โดยพยายามป้องกันไม่ให้ฝร่ังเศส เยอรมัน หรือประเทศหนึ่งประเทศใดมี อานาจสงู สุดแต่เพียงผู้เดียวในยโุ รป หรอื กระทาการใดใดอนั ทาลายสันตภิ าพและความมน่ั คงระหว่างประเทศ ในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาและสาภาพโซเวียตต่างพยายามท่ีจะถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ตามบริเวณส่วน ต่างๆของโลก แต่ถ้าเป็นบริเวณเขตอิทธิพลของฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงมักจะไม่เข้าไปเก่ียวข้องโดยทาหน้าที่เป็นตัว ถ่วงดุลในบริเวณดังกล่าว สาหรับจีนแดงน้ันยังไม่เข้าข้ันเพราะกาลังอานาจยังด้อยกว่าประเทศมหาอานาจท้ัง สอง แต่อาจเป็นผู้ถ่วงดุลอานาจได้ในบางกรณี เราจะมีสันติภาพหรือความมั่นคงมากแค่ไหน ข้ึนอยู่กับ พฤติกรรมของประเทศมหาอานาจดังกล่าว ซึ่งต่างฝ่ายต่างคอยคุมเชิงกันอยู่ ไม่กล้าท่ีจะใช้กาลังต่อกันเพราะ ต่างฝ่ายต่างอยู่ในภาวะดุลเเห่งความกลัว (Balance of Teror) เพราะฉะน้ันสงครามท่ีใหญ่ๆโดยเฉพาะอย่าง ยง่ิ สงครามนิวเคลยี ร์ จนยากท่ีจะเกิดข้ึนได้ ยกเว้นเกิดขน้ึ โดยอุบัติเหตุ และถ้าหากจะมีสันติภาพเกิดขน้ึ จรงิ ใน โลก: ก็คงเป็นไปในแบบที่ไม่ค่อยจะราบร่ืนนัก จนกว่าประเทศมหาอานาจท้ังสองคนรวมถึงจีนแดงจะหันหน้า เขา้ หากนั และร่วมมอื กนั ในการรักษาไว้ซง่ึ เสรีภาพอนั แท้จริงของโลก

บรรณานกุ รม โคริน เฟอ่ื งเกษม.แนวคิดและทฤษฎคี วามสัมพันธร์ ะหวา่ งประเทศ.กรงุ เทพฯ สานักพิมพแ์ หง่ จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย,2548. จฑุ าทิพ คลา้ ยทบั ทิม.หลักการความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ.พิมพค์ ร้งั ที่ 2. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์,2553. สมพงศ์ ชมู าก.ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยุคปจั จบุ นั (ทศวรรษ 1990 และแนวโน้ม).กรงุ เทพฯ สานกั พมิ พ์ แห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั ,2544. สมเกยี รติ วันทะนะ.อุดมการณท์ างการเมืองรว่ มสมยั .นครปฐม: โรงพิมพศ์ ูนย์สง่ เสริมและฝึกอบรมการเกษตร แหง่ ชาติ,2544. ศโิ รตม์ ภาคสุวรรณ.ความสัมพันธร์ ะหวา่ งประเทศเบื้องตน้ .กรุงเทพฯ สานักพมิ พม์ หาวทิ ยาลัยรามคาแหง. มหาวิทยาลยั รามคาแหง,2545. กัญญณฏั ฐา อิทธนิ ติ วิ ุฒิ. (2549). องค์การระหวา่ งประเทศ. เชียงใหม่ : คนึงนจิ การพมิ พ์. จันตรี สินศุภฤกษ์. (2547). กฎหมายระหวา่ งประเทศกบั การเมืองระหวา่ งประเทศ. กรงุ เทพมหานคร : สานักพิมพว์ ญิ ญูชน. จุลชพี ชนิ วรรโณ. (บก.). (2547). ความสมั พนั ธร์ ะหว่างประเทศ แนวคดิ ทฤษฎี และกรณศี ึกษา. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พม์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ไชยรัตน์ เจริญสนิ โอฬาร. (2551). รัฐศาสตรแ์ นววิพากษ์. กรงุ เทพมหานคร : สานักพิมพ์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. ณชั ชาภทั ร อ่นุ ตรงจิตร. (2547). อานาจ ดุลแหง่ อานาจ และชาตินยิ ม. เชียงใหม่ : คนึงนิจการพมิ พ์. ศิโรตม์ ภาคสวุ รรณ. (2542). ความสมั พนั ธร์ ะหว่างประเทศเบื้องตน้ . กรุงเทพมหานคร : สานักพมิ พ์ มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง. สมเกียรติ วนั ทะนะ. (2551). อดุ มการณท์ างการเมอื งรว่ มสมัย. กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพ์อักษรข้าวสวย. สมพงศ์ ชมู าก. (2547). ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งประเทศยุคปัจจุบัน (ทศวรรษ 1990 สทู่ ศวรรษแรกแห่งศตวรรษ ที่ 21). กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สุรพงษ์ ชยั นาม. (2550). การทตู -การเมือง ไมใ่ ช่เรอ่ื งส่วนตัว. กรุงเทพมหานคร : สานกั พิมพศ์ ยาม.อภญิ ญา รัตนมงคลมาศ. (2548). นโยบายตา่ งประเทศ แนวทางศกึ ษา ทฤษฎี และระเบียบวิธีวิจัย. กรงุ เทพมหานคร : สานกั พมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.

ภาษาองั กฤษ Ducan, W Raymond, Jancar-Webster, Barbara and Switky, Bob. World Politiccs in the 21st Century, New York : Peason Longman,2004 Huntington, Samuel P. The Clash of Civilization and the Remaking of World Order, New York: Simon and Schuster,1995 Thucydides. History of the Peloponnesian War, Translated R.Warner.New York :Penguin,1972. Waltz,Kenneth.”Structural Realism after the Cold War.”International Security.25(1),2000. Waltz,Kenneth. The Emerging Structure of International Politics.”International Security.18(1),1993. Waltz,Kenneth.The of International Politics.MA: Addison-Wesley,1979. ขอ้ มูลจากเวบ็ ไซต์ http://www.kan1.go.th/asean55/page007.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook