Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ 1-2563 (สมบูรณ์)

เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ 1-2563 (สมบูรณ์)

Published by Thitiyaporn Keebsantia, 2021-03-07 10:20:08

Description: เล่มแผนการจัดการเรียนรู้ 1-2563 (สมบูรณ์)

Search

Read the Text Version

4ช้ันมัธยมศึกษาปีที่



หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2561) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 บทนา ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 นไี้ ดก้ าหนด สาระการเรียนรู้ออกเปน็ 4 สาระ ไดแ้ ก่ สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตร์โลกและ อวกาศ และสาระที่ 4 เทคโนโลยี มีสาระเพิ่มเติม 4 สาระ ไดแ้ ก่ สาระชีววทิ ยา สาระเคมี สาระฟสิ ิกส์สาระโลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ และสาระเทคโนโลยี ซง่ึ องค์ประกอบของหลักสูตร ทงั้ ในดา้ นของเนื้อหาการจัดการเรียน การสอน และการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้นัน้ มคี วามสาคัญอย่างยง่ิ ในการวางรากฐานการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ของผูเ้ รยี นในแตล่ ะระดับช้นั ใหม้ ีความต่อเนือ่ งเชื่อมโยงกนั ตง้ั แตช่ นั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1 จนถงึ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 สาหรับกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ไดก้ าหนดตัวชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลางที่ผูเ้ รยี น จาเปน็ ต้อง เรียนเปน็ พืน้ ฐาน เพือ่ ให้สามารถนาความรนู้ ้ีไปใชใ้ นการดารงชีวิต หรือศึกษาตอ่ ในวิชาชพี ท่ตี ้องใช้วิทยาศาสตร์ได้ โดยจดั เรยี งลาดับความยากง่ายของเนื้อหาแตล่ ะสาระในแตล่ ะระดับช้ันใหม้ ีการเช่ือมโยงความรู้กบั กระบวนการ เรยี นรู้ และการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ที่สง่ เสรมิ ให้ผู้เรียนพฒั นาความคิด ท้ังความคิดเป็นเหตเุ ป็นผล คดิ สร้างสรรค์ คดิ วเิ คราะหว์ ิจารณ์มที ักษะทส่ี าคัญ ทงั้ ทกั ษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ในการ คน้ ควา้ และสรา้ งองค์ความรดู้ ้วย กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สามารถ ตัดสนิ ใจโดยใช้ขอ้ มลู หลากหลาย และประจักษพ์ ยานทต่ี รวจสอบได้ สถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท.) ตระหนกั ถึงความสาคญั ของการจดั การ เรียนร้วู ทิ ยาศาสตรท์ ีม่ ุ่งหวังใหเ้ กิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากท่ีสดุ จงึ ได้จัดทาตัวช้วี ัด และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานพทุ ธศักราช 2551 ขึ้น เพ่อื ให้สถานศกึ ษา ครูผสู้ อน ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ได้ใชเ้ ป็นแนวทางในการ พฒั นาหนงั สอื เรียน คูม่ อื ครู สอื่ ประกอบการเรยี นการสอน ตลอดจนการวัดและประเมนิ ผล โดยตัวชี้วัดและสาระ การเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตร แกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 ท่จี ดั ทาขน้ึ นไี้ ด้ปรับปรุง เพ่ือใหม้ ีความสอดคล้องและเช่อื มโยง กันภายในสาระการเรยี นรเู้ ดียวกันและระหวา่ งสาระการเรียนรูใ้ นกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนการเชอื่ มโยงเนอ้ื หาความรู้ทางวิทยาศาสตรก์ บั คณติ ศาสตรด์ ้วย นอกจากน้ียงั ได้ปรับปรุงเพ่ือใหม้ ีความ ทันสมัยต่อการเปลย่ี นแปลง และความเจริญก้าวหน้าของวทิ ยาการต่างๆ และทดั เทียมกบั นานาชาติกลุ่มสาระการ เรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีสรปุ เป็น แผนภาพไดด้ งั นี้

วทิ ยาศาสตรเ์ พ่มิ เตมิ  สาระฟิสกิ ส์  สาระชีววิทยา  สาระเคมี  สาระเทคโนโลยี  สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เปา้ หมายวทิ ยาศาสตร์ ในการเรยี นการสอนวิทยาศาสตรม์ ุง่ เนน้ ให้ผเู้ รยี นไดค้ ้นพบความรู้ดว้ ยตนเองมากทส่ี ุด เพ่ือใหไ้ ด้ท้ัง กระบวนการและความร้จู ากวธิ กี ารสงั เกต การสารวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนาผลท่ไี ด้ มาจัดระบบเปน็ หลักการ แนวคิด และองคค์ วามรกู้ ารจดั การเรียนการสอนวทิ ยาศาสตรจ์ ึงมีเป้าหมาย ที่สาคัญ ดังนี้ 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการ ทฤษฎีและกฎทเ่ี ป็นพืน้ ฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ 2. เพอ่ื ให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวทิ ยาศาสตร์ และขอ้ จากัดในการศกึ ษาวชิ าวิทยาศาสตร์ 3. เพื่อใหม้ ีทกั ษะทสี่ าคญั ในการศึกษาค้นคว้า และคิดคน้ ทางเทคโนโลยี

4. เพ่อื ใหต้ ระหนกั ถึงความสมั พนั ธร์ ะหว่างวชิ าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีมวลมนุษย์ และสภาพแวดล้อม ในเชิงท่ีมอี ิทธิพลและผลกระทบซ่ึงกันและกัน 5. เพอื่ นาความรู้ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ ต่อสังคมและการด ดารงชวี ิต 6. เพื่อพัฒนากระบวนการคดิ และจินตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หา และการจัดการทกั ษะในการ ส่อื สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ 7. เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ผู้ทมี่ ีจติ วทิ ยาศาสตรม์ คี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี อยา่ งสร้างสรรค์ เรียนรอู้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ มุง่ หวังใหผ้ เู้ รียนได้เรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับ กระบวนการ มีทกั ษะสาคัญในการค้นควา้ และสรา้ งองค์ความรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการในการสบื เสาะหาความรู้และ แกป้ ัญหาที่หลากหลาย ให้ผ้เู รยี นมสี ว่ นรว่ มในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทากจิ กรรมดว้ ยการลงมือปฏิบัติจริง อย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดับช้ัน โดยกาหนดสาระสาคญั ดงั นี้ ✧ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรเู้ กีย่ วกับชวี ติ ในสิ่งแวดลอ้ ม องคป์ ระกอบของสงิ่ มีชีวิต การดารงชีวติ ของ มนุษย์และสตั ว์การดารงชีวติ ของพืช พันธกุ รรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวฒั นาการของสิง่ มชี วี ิต ✧ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ เรยี นรเู้ ก่ยี วกบั ธรรมชาตขิ องสาร การเปล่ยี นแปลงของสาร การเคลื่อนที่ พลังงาน และคลืน่ ✧ วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรยี นรเู้ กย่ี วกบั องคป์ ระกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายใน ระบบสรุ ยิ ะ เทคโนโลยอี วกาศ ระบบโลก การเปลย่ี นแปลงทางธรณวี ิทยา กระบวนการเปล่ียนแปลงลม ฟา้ อากาศ และผลต่อ ส่ิงมชี ีวิตและส่ิงแวดล้อม ✧ เทคโนโลยี  การออกแบบและเทคโนโลยี เรยี นรูเ้ กยี่ วกบั เทคโนโลยเี พ่อื การดารงชีวิตในสังคมทมี่ ี การเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเรว็ ใช้ความรูแ้ ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ เพ่อื แกป้ ัญหาหรอื พฒั นางานอยา่ งมีความคดิ สร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสมโดยคานึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ติ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม  วิทยาการคานวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการคดิ เชงิ คานวณ การคิดวิเคราะห์แกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอนและเป็นระบบ ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรดู้ า้ นวทิ ยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการแก้ปญั หาที่พบในชวี ิตจริงไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างส่งิ ไม่มชี ีวิต กับสิ่งมีชีวติ และความสมั พันธร์ ะหว่างส่งิ มชี ีวติ กบั ส่ิงมีชีวติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบท่ีมีต่อทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม รวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของส่ิงมีชีวิต หน่วยพนื้ ฐานของส่งิ มีชวี ิต การลาเลยี งสารเข้าและ ออกจากเซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าท่ขี องระบบต่างๆ ของสตั ว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ งและหน้าท่ีของอวยั วะตา่ งๆ ของพืชท่ีทางานสมั พนั ธ์กนั รวมท้ังนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมสาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธกุ รรมทมี่ ผี ลตอ่ ส่ิงมีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ฒั นาการของ สิง่ มีชีวิต รวมทัง้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิของ สสารกับโครงสรา้ งและแรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจาวนั ผลของแรงทีก่ ระทาตอ่ วตั ถุ ลักษณะ การเคลื่อนที่แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกบั เสยี ง แสง และคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซดี าวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้ังปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสรุ ยิ ะทส่ี ่งผลตอ่ ส่งิ มชี ีวิตและการประยุกตใ์ ช้ เทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสัมพันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลง ภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพบิ ัติภัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทัง้ ผลตอ่ สิ่งมีชวี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม

สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยี เพอื่ การดารงชีวติ ในสังคมทม่ี กี าร เปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็ว ใช้ความรูแ้ ละทักษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ่นื ๆ เพือ่ แก้ปัญหา หรอื พฒั นางานอย่างมคี วามคิดสร้างสรรค์ดว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ ง เหมาะสมโดยคานงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิตสงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอนและเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่าง มปี ระสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทัน และมีจริยธรรม วิสัยทศั น์ พันธกิจ และเป้าประสงค์ของกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิสยั ทัศน์ มงุ่ พฒั นาผู้เรยี นด้านวทิ ยาศาสตร์ ให้มีคุณภาพตามเกณฑม์ าตรฐานการศึกษา พนั ธกจิ พฒั นาการจัดการเรยี นการสอนด้านวทิ ยาศาสตร์พฒั นางานในกล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ให้เปน็ ระบบและมีประสิทธภิ าพ เป้าประสงค์ 1. นกั เรยี นมีความรู้ ความสามารถดา้ นวิทยาศาสตรต์ ามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษา 2. การปฏิบัติงานของกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ดาเนินไปอยา่ งเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน มุ่งใหผ้ ูเ้ รียนเกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรบั และสง่ สาร มีวัฒนธรรมในการ ใชภ้ าษา ถา่ ยทอดความคดิ ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ขา่ วสารและ ประสบการณ์อนั จะเปน็ ประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทัง้ การเจรจาต่อรอง เพื่อขจัดและลดปัญหา ความขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลอื กรับหรือไม่รับขอ้ มูลข่าวสารด้วยหลกั เหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจนการเลอื กใช้ วิธีการสื่อสาร ทีม่ ปี ระสิทธิภาพโดยคานงึ ถึงผลกระทบทม่ี ตี อ่ ตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ การคิดสงั เคราะห์ การคดิ อยา่ ง สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพอ่ื นาไปส่กู ารสรา้ งองคค์ วามรู้ หรือสารสนเทศเพ่อื การตัดสนิ ใจเก่ียวกับตนเองและสงั คมไดอ้ ย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอปุ สรรคต่างๆ ทีเ่ ผชญิ ไดอ้ ยา่ ง อยา่ งถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คณุ ธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เขา้ ใจความสมั พนั ธแ์ ละการ

เปลยี่ นแปลงของเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกตค์ วามรู้มาใช้ในการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หา และมกี ารตัดสนิ ใจท่ีมีประสทิ ธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบที่เกดิ ขน้ึ ต่อตนเอง สังคมและสิง่ แวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆ ไปใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง การเรียนร้อู ย่างต่อเนอื่ ง การทางาน และการอยู่รว่ มกนั ในสังคมด้วยการสรา้ ง เสรมิ ความสัมพันธ์อนั ดรี ะหว่างบคุ คล การจดั การปญั หาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตวั ให้ทนั กับการเปลย่ี นแปลงของสงั คมและสภาพแวดล้อม และการร้จู กั หลีกเล่ียงพฤตกิ รรมไม่พึงประสงค์ทสี่ ง่ ผลกระทบ ตอ่ ตนเองและผูอ้ ืน่ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยีดา้ นต่างๆ และมี ทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพฒั นาตนเองและสังคม ในด้านการเรยี นรู้ การสือ่ สาร การทางาน การ แก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน มุง่ พฒั นาผเู้ รยี นให้มคี ณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่อื ให้สามารถ อยู่รว่ มกบั ผู้อื่นในสังคมได้อยา่ งมคี วามสขุ ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รกั ชาตศิ าสน์ กษัตรยิ ์ 2. ซื่อสตั ย์สจุ ริต 3. มีวนิ ัย 4. ใฝเ่ รียนรู้ 5. อยูอ่ ยา่ งพอเพียง 6. ม่งุ มั่นในการทางาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ คุณภาพผู้เรยี น จบชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 1) เข้าใจลกั ษณะและองค์ประกอบที่สาคัญของเซลล์สิ่งมีชีวิต ความสัมพันธข์ องการทางานของระบบ ต่างๆ ในรา่ งกายมนุษย์ การดารงชีวติ ของพืช การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม การเปลย่ี นแปลงของยีนหรอื โครโมโซมและตัวอยา่ งโรคท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลงทางพันธกุ รรม ประโยชน์และผลกระทบของส่ิงมีชวี ิตดดั แปร พันธุกรรมความหลากหลายทางชวี ภาพ ปฏสิ ัมพนั ธ์ขององค์ประกอบของระบบนิเวศ และการถา่ ยทอดพลงั งานใน ส่ิงมชี ีวิต

2) เข้าใจองค์ประกอบและสมบตั ิของธาตุ สารละลาย สารบริสุทธิ์ สารผสม หลกั การแยกสาร การเปลี่ยนแปลงของสารในรปู แบบของการเปลีย่ นสถานะ การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมแี ละสมบตั ิ ทางกายภาพและการใช้ประโยชนข์ องวสั ดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามกิ และวสั ดผุ สม 3) เขา้ ใจการเคลอ่ื นท่ี แรงลัพธแ์ ละผลของแรงลัพธ์กระทาต่อวัตถุ โมเมนตข์ องแรง แรงท่ปี รากฏใน ชีวติ ประจาวนั สนามของแรง ความสมั พันธข์ องงาน พลงั งานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถว่ ง กฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งาน การถา่ ยโอนพลังงาน สมดุลความร้อน ความสมั พันธข์ องปริมาณทางไฟฟา้ การตอ่ วงจรไฟฟ้าในบา้ นพลังงานไฟฟ้า และหลักการเบ้อื งต้นของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 4) เขา้ ใจสมบตั ขิ องคล่นื และลกั ษณะของคล่ืนแบบต่าง ๆ แสง การสะท้อน การหกั เหของแสงและ ทัศนอุปกรณ์ 5) เขา้ ใจการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์ การเกดิ ฤดู การเคลื่อนท่ีปรากฏของดวงอาทติ ย์การ เกิดขา้ งข้ึนขา้ งแรม การขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเกดิ น้าขนึ้ นา้ ลง ประโยชน์ของเทคโนโลยอี วกาศและ ความกา้ วหน้าของโครงการสารวจอวกาศ 6) เขา้ ใจลักษณะของชั้นบรรยากาศ องคป์ ระกอบและปัจจัยท่มี ีต่อลมฟา้ อากาศ การเกดิ และ ผลกระทบของพายฟุ า้ คะนอง พายุหมนุ เขตร้อน การพยากรณ์อากาศ สถานการณก์ ารเปลี่ยนแปลงภูมอิ ากาศโลก กระบวนการเกิดเช้ือเพลงิ ซากดึกดาบรรพ์และการใช้ประโยชน์ พลังงานทดแทนและการใช้ประโยชน์ ลกั ษณะ โครงสรา้ งภายในโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงทางธรณีวทิ ยาบนผวิ โลก ลักษณะช้นั หนา้ ตดั ดิน กระบวนการเกิด ดิน แหล่งนา้ ผิวดนิ แหล่งนา้ ใต้ดิน กระบวนการเกิดและผลกระทบของภัยธรรมชาตแิ ละธรณีพิบัตภิ ัย 7) เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยี ไดแ้ ก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ความสัมพนั ธ์ระหว่างเทคโนโลยกี ับศาสตร์อืน่ โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ หรือคณติ ศาสตร์ วเิ คราะห์ เปรียบเทยี บ และตดั สนิ ใจเพ่ือเลือกใชเ้ ทคโนโลยี โดยคานงึ ถึงผลกระทบต่อชีวติ สังคม และส่ิงแวดล้อม ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ ทักษะ และทรพั ยากรเพือ่ ออกแบบและสรา้ งผลงานสาหรับการแกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวันหรอื การประกอบอาชพี โดยใชก้ ระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม รวมทั้งเลือกใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ และเครอ่ื งมือไดอ้ ย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย รวมทง้ั คานงึ ถึงทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา 8) นาขอ้ มลู ปฐมภูมเิ ข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วเิ คราะห์ ประเมนิ นาเสนอข้อมลู และสารสนเทศได้ตาม วัตถปุ ระสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชีวติ จริง และเขียนโปรแกรมอยา่ งง่ายเพอ่ื ชว่ ยใน การแก้ปญั หา ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารอยา่ งรู้เทา่ ทนั และรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม 9) ตัง้ คาถามหรอื กาหนดปญั หาที่เชือ่ มโยงกับพยานหลกั ฐานหรือหลักการทางวทิ ยาศาสตร์ ที่มกี ารกาหนดและควบคุมตัวแปร คดิ คาดคะเนคาตอบหลายแนวทาง สร้างสมมตฐิ านท่ีสามารถนาไปสกู่ ารสารวจ ตรวจสอบ ออกแบบและลงมอื สารวจตรวจสอบโดยใชว้ ัสดุและเคร่อื งมือทีเ่ หมาะสม เลอื กใช้เคร่อื งมือและ เทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเหมาะสมในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล ทง้ั ในเชิงปริมาณและคุณภาพท่ไี ดผ้ ลเท่ียงตรงและ ปลอดภยั

10) วิเคราะหแ์ ละประเมนิ ความสอดคล้องของข้อมูลทไ่ี ด้จากการสารวจตรวจสอบจากพยานหลกั ฐานโดย ใชค้ วามรแู้ ละหลักการทางวิทยาศาสตรใ์ นการแปลความหมายและลงขอ้ สรุปและส่ือสารความคิด ความรู้ จากผล การสารวจตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ หรอื ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือให้ผู้อนื่ เขา้ ใจได้อย่างเหมาะสม 11) แสดงถงึ ความสนใจ มงุ่ ม่ัน รับผิดชอบ รอบคอบ และซือ่ สัตย์ ในสิง่ ท่ีจะเรียนรู้ มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ เก่ียวกบั เร่ืองทีจ่ ะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เครื่องมือและวิธกี ารท่ใี หไ้ ด้ผลถูกต้อง เชอื่ ถอื ได้ ศึกษา คน้ ควา้ เพิม่ เตมิ จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ แสดงความคดิ เห็นของตนเอง รบั ฟังความคิดเห็นผู้อื่น และยอมรับการ เปล่ยี นแปลงความรู้ที่คน้ พบเม่ือมขี อ้ มูลและประจักษ์พยานใหม่เพิม่ ขนึ้ หรือแย้งจากเดมิ ตระหนักในคณุ ค่าของ ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทใ่ี ช้ในชีวิตประจาวัน ใช้ความรูแ้ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยใี นการดารงชวี ิต และการประกอบอาชีพ แสดงความช่นื ชม ยกย่องและเคารพสิทธิในผลงานของผูค้ ดิ คน้ เข้าใจผลกระทบท้งั ดา้ นบวกและด้านลบของการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มและต่อบรบิ ทอ่นื ๆ และ ศกึ ษาหาความรเู้ พ่ิมเตมิ ทาโครงงานหรือสร้างช้ินงานตามความสนใจ 12) แสดงถึงความซาบซ้ึง หว่ งใย มีพฤติกรรมเกีย่ วกับการดแู ลรักษาความสมดลุ ของระบบนิเวศและ ความหลากหลายทางชวี ภาพ

คำอธบิ ำยรำยวิชำ รำยวชิ ำ ว30115 กำรออกแบบและเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 4 เวลำเรียน 20 ชัว่ โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกิต ศึกษา วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยีท่ีเกิดข้ึน และความสัมพนั ธข์ องเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น ออกแบบ สร้าง หรือพัฒนาผลงานสาหรับแก้ปัญหาท่ีคานึงถึง ผลกระทบตอ่ สงั คมในประเด็นทเี่ ก่ียวข้องกบั สขุ ภาพและการบรกิ าร โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ใชค้ วามรทู้ ักษะ และเลือกใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์ ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนาเสนอผลงาน เพ่ือแกป้ ัญหาได้อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม ปลอดภัย คานึงถงึ ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา ตวั ชี้วัด ว 4.1 เทคโนโลย(ี การออกแบบและเทคโนโลยี) ว 4.1 ม.4/1 วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี ความสัมพันธก์ บั ศาสตร์อ่ืนโดยเฉพาะ วิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ รวมทั้งประเมนิ ผลกระทบทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ต่อมนษุ ย์ สังคม เศรษฐกิจ และส่งิ แวดลอ้ ม เพือ่ เป็นแนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี ว 4.1 ม.4/2 ระบปุ ัญหาหรือความตอ้ งการท่ีมีผลกระทบต่อสงั คม รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมูลและ แนวคิดทเ่ี กย่ี วข้องกับปญั หาท่มี คี วามซบั ซอ้ นเพ่ือสงั เคราะหว์ ธิ กี าร เทคนิคในการ แก้ปัญหา โดยคานงึ ถงึ ความถกู ต้องดา้ นทรพั ยส์ ินทางปัญญา ว 4.1 ม.4/3 ออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตดั สินใจเลือกข้อมูลทจ่ี าเป็น ภายใต้เงอื่ นไขและทรัพยากรทม่ี ีอยู่ นาเสนอแนวทางการแก้ปญั หาให้ผูอ้ ืน่ เข้าใจด้วย เทคนคิ หรือวิธีการท่ีหลากหลายโดยใช้ซอฟต์แวร์ชว่ ยในการออกแบบ วางแผนข้ันตอน การทางานและดาเนนิ การแก้ปัญหา ว 4.1 ม.4/4 ทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์และใหเ้ หตุผลของปญั หาหรือขอ้ บกพร่องทเี่ กดิ ข้ึน ภายใต้กรอบเงื่อนไขหาแนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข และนาเสนอผลการแกป้ ัญหา พรอ้ มทั้งเสนอแนวทางการพฒั นาต่อยอด ว 4.1 ม.4/5 ใช้ความรแู้ ละทักษะเก่ยี วกับวสั ดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนกิ ส์ และเทคโนโลยีทซ่ี ับซ้อนในการแกป้ ัญหาหรอื พฒั นางาน ได้อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภยั ว 4.1 ม.5/1 ประยุกตใ์ ช้ความรู้และทักษะจากศาสตรต์ า่ ง ๆ รวมท้งั ทรพั ยากรในการทาโครงงาน เพอื่ แก้ปัญหาหรือพัฒนางาน รวมทงั้ หมด 6 ตัวชว้ี ดั

โครงสร้ำงรำยวิชำ รำยวิชำ ว30115 กำรออกแบบและเทคโนโลยี กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 4 เวลำเรียน 20 ชั่วโมง/ภำคเรียน จำนวน 0.5 หนว่ ยกติ หน่วยกำรเรียนรู้ ่ีท ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนฯ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำเรยี น น้ำหนกั และตวั ชี้วดั / onsite online คะแนน ผลกำรเรยี นรู้ (รหัสตวั ชว้ี ัด) 1 เทคโนโลยีน่ารู้ มฐ. ว 4.1 - ระบบทางเทคโนโลยี เปน็ กล่มุ ของ 32 15 ม.4/1 ส่วนต่าง ๆ ตงั้ แต่สองส่วนข้นึ ไปประกอบ เข้าด้วยกันและทางานร่วมกัน การทางาน ของระบบทางเทคโนโลยีจะประกอบ ไปด้วย ตัวปอ้ น (input) กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) ที่สัมพนั ธก์ ัน อาจมีขอ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) เพือ่ ใช้ปรับปรงุ การทางาน ไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ - เทคโนโลยมี กี ารเปลยี่ นแปลง ตลอดเวลา ซ่ึงมสี าเหตุหรือปัจจัยมาจาก หลายดา้ น เชน่ ปัญหา ความตอ้ งการ ความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ตา่ งๆ เศรษฐกจิ สังคม วฒั นธรรม ส่ิงแวดลอ้ ม 2 ความรแู้ ละทักษะ มฐ. ว 4.1 - วัสดุแต่ละประเภทมีสมบตั ิแตกตา่ งกนั 3 2 15 พน้ื ฐานเฉพาะด้าน ม.4/5 เช่น ไมส้ งั เคราะห์ โลหะ จึงตอ้ งมกี าร วิเคราะห์สมบัติเพ่ือเลอื กใช้ใหเ้ หมาะสม กบั ลักษณะของงาน - การสร้างช้ินงานอาจใชค้ วามรู้ เรอ่ื ง กลไก ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนิกส์ เชน่ LDR sensor เฟอื ง รอก คาน วงจร สาเร็จรปู - อปุ กรณแ์ ละเครือ่ งมือในการสร้าง ชนิ้ งาน หรือพฒั นาวธิ ีการมีหลายประเภท ตอ้ งเลือกใช้ใหถ้ กู ต้อง เหมาะสมและ ปลอดภัย รวมทงั้ รู้จักเกบ็ รกั ษา

หน่วยกำรเรียนรู้ ่ีท ช่ือหนว่ ยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนฯ สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำเรียน นำ้ หนกั และตวั ช้ีวัด/ onsite online คะแนน ผลกำรเรียนรู้ (รหสั ตวั ช้ีวัด) 3 กระบวนการออกแบบ มฐ. ว 4.1 - ปญั หาหรอื ความต้องการทม่ี ีผลกระทบ 6 2 30 เชงิ วิศวกรรม ม.4/2 ,ม.4/3 ตอ่ สงั คม เชน่ ปัญหาด้านการเกษตร ,ม.4/4 ,ม.5/1 อาหาร พลงั งาน การขนสง่ สุขภาพ และ การแพทย์ - การวเิ คราะห์สถานการณ์ปัญหาโดย อาจใช้เทคนิคหรือวิธกี ารวิเคราะหท์ ่ี หลากหลาย ช่วยให้เขา้ ใจเงื่อนไขและ กรอบของปญั หาได้ชดั เจน เพือ่ นาไปสู่ การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา - การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหา ทาได้หลากหลายวิธี เชน่ การรา่ งภาพ การเขียนแผนภาพ การเขยี นผังงาน - การทดสอบและประเมินผลเพอื่ หา ขอ้ บกพร่อง และดาเนนิ การปรบั ปรุง โดยอาจทดสอบซา้ เพื่อใหส้ ามารถแกไ้ ข ปัญหาได้อย่างมีประสิทธภิ าพ - การนาเสนอผลงานสามารถทาไดห้ ลาย วิธี เชน่ การทาแผ่นนาเสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ การนา เสนอผ่านส่อื ออนไลน์ หรือการนา เสนอต่อภาคธรุ กจิ เพอื่ การพัฒนาต่อยอดสู่งานอาชีพ - การทาโครงงาน เปน็ การประยกุ ต์ใช้ ความรแู้ ละทกั ษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทัง้ ทรัพยากรในการสร้างหรือพฒั นา ชิ้นงานหรือวธิ กี าร เพือ่ แกป้ ัญหาหรอื อานวยความสะดวกในการทางาน สอบกลำงภำค 1 20 สอบปลำยภำค 1 20 รวม 12 8 100

กำหนดกำรสอนตำมโครงสร้ำงรำยวชิ ำ ว30115 กำรออกแบบและเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษำปีท่ี 4 จำนวน 20 ช่วั โมง จำนวน 0.5 หนว่ ยกิต ท่ี ชื่อหนว่ ยกำรเรียนรู้ เร่อื ง มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด จำนวนชัว่ โมง นำ้ หนัก Onsite online คะแนน 1 เทคโนโลยนี า่ รู้ 1. ระบบทาง ว 4.1 ม.4/1 วเิ คราะหแ์ นวคิด 3 2 15 เทคโนโลยีท่ซี บั ซ้อน หลักของเทคโนโลยี 2. การเปลีย่ นแปลง ความสัมพนั ธก์ ับศาสตร์อนื่ ของเทคโนโลยี โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือ 3. ผลกระทบของ คณิตศาสตร์ รวมทั้งประเมนิ ผล เทคโนโลยี กระทบทจ่ี ะเกิดข้ึนต่อมนษุ ย์ สังคม เศรษฐกจิ และ สง่ิ แวดลอ้ ม เพอื่ เปน็ แนวทาง ในการพฒั นาเทคโนโลยี 2 ความรูแ้ ละทักษะ 4. วสั ดแุ ละเครอื่ งมือ ว 4.1 ม.4/5 ใชค้ วามร้แู ละ 3 2 15 พน้ื ฐานเฉพาะด้าน พืน้ ฐาน ทกั ษะเกีย่ วกบั วสั ดุ อปุ กรณ์ 5. กลไก ไฟฟ้า และ เคร่อื งมือ กลไก ไฟฟา้ และ อิเล็กทรอนกิ ส์ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และเทคโนโลยี ท่ซี บั ซอ้ นในการแกป้ ญั หาหรือ พัฒนางาน ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย 3 กระบวนการ 6. กระบวนการ ว 4.1 ม.4/2 ระบปุ ญั หาหรอื 6 2 30 ออกแบบเชงิ ออกแบบเชงิ วิศวกรรม ความตอ้ งการทีม่ ผี ลกระทบต่อ วิศวกรรม 7. กรณศี กึ ษาการ สงั คม รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมลู แก้ปัญหาตาม และแนวคดิ ที่เกีย่ วขอ้ งกับ กระบวนการออกแบบ ปัญหาที่มคี วามซบั ซอ้ นเพ่อื เชงิ วศิ วกรรม สงั เคราะหว์ ิธีการ เทคนิคในการ แกป้ ัญหา โดยคานึงถึงความ ถูกตอ้ งด้านทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา ว 4.1 ม.4/3 ออกแบบวธิ ีการ แก้ปญั หา โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตดั สินใจเลอื ก ขอ้ มลู ท่ีจาเปน็ ภายใตเ้ ง่ือนไข และทรัพยากรท่มี อี ยู่ นาเสนอ แนวทางการแกป้ ัญหาให้ผู้อนื่

ท่ี ช่อื หนว่ ยกำรเรียนรู้ เรอื่ ง มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด จำนวนชัว่ โมง น้ำหนกั Onsite online คะแนน เขา้ ใจด้วยเทคนิคหรอื วิธกี ารท่ี หลากหลายโดยใชซ้ อฟต์แวร์ ชว่ ยในการออกแบบ วางแผน ข้นั ตอนการทางานและ ดาเนินการแกป้ ัญหา ว 4.1 ม.4/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล วิเคราะหแ์ ละ ใหเ้ หตุผลของปญั หาหรอื ขอ้ บกพรอ่ งท่ีเกิดขึ้นภายใต้ กรอบเง่ือนไขหาแนวทางการ ปรับปรงุ แกไ้ ข และนาเสนอผล การแก้ปญั หา พร้อมทงั้ เสนอ แนวทางการพัฒนาต่อยอด ว 4.1 ม.5/1 ประยกุ ต์ใช้ ความรแู้ ละทกั ษะจากศาสตร์ ต่าง ๆ รวมทั้งทรพั ยากรในการ ทาโครงงานเพอ่ื แกป้ ญั หาหรือ พัฒนางาน รวม 12 8 100

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรือ่ ง เทคโนโลยีน่ารู้

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยนี ่ารู้ รายวชิ า ว30115 การออกแบบและเทคโนโลยี เรือ่ ง ระบบทางเทคโนโลยที ซี่ บั ซ้อน ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 1 ชวั่ โมง กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 ผสู้ อน นางฐิตยิ าภรณ์ ทวี 1. มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชี้วัด มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี เพอ่ื การดารงชวี ติ ในสงั คมทมี่ กี ารเปลี่ยนแปลง อยา่ งรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพอ่ื แกป้ ัญหาหรือ พฒั นางานอย่างมีความคิดสรา้ งสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลอื กใช้เทคโนโลยอี ย่าง เหมาะสม โดยคานึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวิต สังคม และส่ิงแวดล้อม ตวั ชว้ี ัด ม.4/1 วิเคราะห์แนวคดิ หลักของเทคโนโลยคี วามสมั พันธ์กับศาสตร์อนื่ โดยเฉพาะ วทิ ยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ รวมทง้ั ประเมนิ ผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นต่อมนษุ ย์ สังคม เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อม เพอื่ เปน็ แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เรียง K P A) 2.1 นกั เรียนสามารถวิเคราะห์ระบบทางเทคโนโลยีและระบบย่อยของเทคโนโลยีได้ (K) 2.2 นกั เรียนสามารถอธิบายความสัมพันธ์ของระบบย่อยและวิเคราะหร์ ะบบเทคโนโลยีที่ซบั ซ้อนได้ (K) 2.3 นกั เรยี นสามารถเขยี น Mind map และนาเสนอเนื้อหาระบบทางเทคโนโลยที ี่ซับซอ้ นได้ (P) 2.4 นกั เรียนมคี วามรับผดิ ชอบงานที่ได้รบั มอบหมาย (A) 3. สมรรถนะท่สี าคญั 3.1 ความสามารถในการส่ือสาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 3.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (ตามหลกั สตู ร) 4.1 มวี นิ ัย 4.2 ใฝเ่ รียนรู้ 4.3 มุ่งมน่ั ในการทางาน 5. สาระสาคญั ระบบทางเทคโนโลยี ประกอบดว้ ย ตัวปอ้ น (input) กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) และในบางระบบอาจมีข้อมลู ยอ้ นกลบั (feedback) เพือ่ ชว่ ยปรบั ปรงุ หรือแก้ไขการทางานของระบบใหม้ ี

ความสมบูรณ์ตามตอ้ งการ เทคโนโลยีบางอย่างอาจประกอบไปดว้ ยระบบย่อย (Subsystems) ตง้ั แตส่ อง ระบบขนึ้ ไปทางานร่วมกนั เรียกว่า ระบบทางเทคโนโลยีท่ซี ับซ้อน หากระบบย่อยใดทางานผดิ พลาด จะสง่ ผล ตอ่ การทางานของระบบใหญท่ าให้เทคโนโลยที างานไมไ่ ดห้ รือไดไ้ ม่สมบูรณ์ การเรียนรรู้ ะบบทาง เทคโนโลยีทา ใหเ้ ขา้ ใจการทางานของเทคโนโลยีและสามารถแก้ไขปญั หาหรอื ซ่อมบารงุ รวมทงั้ นาไปสู่ การพัฒนาตอ่ ยอด เทคโนโลยไี ด้ 6. สาระการเรยี นรู้/เนอ้ื หายอ่ ย 6.1 ระบบคอื อะไร 6.2 ระบบทางเทคโนโลยี 7. ภาระงาน/ชิน้ งาน 7.1 Mind Map เรื่อง ระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ บั ซ้อน 8. เกณฑก์ ารประเมิน (แนบท้ายแผน) 9. กิจกรรมการเรียนรู้ สอนแบบ online ช่ัวโมงท่ี 1 9.1 ครผู ู้สอนแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ให้นกั เรยี น สอนแบบ onsite ทราบ ผ่าน Google Meet 9.2 ผเู้ รยี นเข้าทาแบบทดสอบก่อนเรยี นใน Google 9.1 ครูผู้สอนแจง้ จุดประสงค์การเรียนร้ใู หน้ ักเรยี น Forms เร่อื ง เทคโนโลยีน่ารู้ จานวน 20 ขอ้ ทราบ 9.3 ครผู ูส้ อนใชค้ าถามนาให้ผ้เู รยี นได้คิดเกีย่ วกบั คา 9.2 ผู้เรียนเขา้ ทาแบบทดสอบก่อนเรยี นใน Google ว่า ระบบ โดยใช้คาถามว่า นักเรียนเคยไดย้ ินคาว่า Forms เรอื่ ง เทคโนโลยีนา่ รู้ จานวน 20 ขอ้ ระบบ ในเรอ่ื งใดบ้าง และคาวา่ ระบบ ในบรบิ ท 9.3 ครผู ู้สอนใช้คาถามนาใหผ้ ้เู รียนไดค้ ิดเก่ยี วกับคา น้ันมีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร ผ่าน Google Meet วา่ ระบบ โดยใช้คาถามวา่ นักเรียนเคยได้ยนิ คาว่า 9.4 ผู้เรยี นศึกษาคน้ คว้าหาความรู้ ในเว็บไซต์ ระบบ ในเร่อื งใดบ้าง และคาวา่ ระบบ ในบรบิ ท http://gg.gg/DAT-M4 บทท่ี 1 หัวขอ้ เร่ือง ระบบ น้นั มีลกั ษณะเป็นอย่างไร คอื อะไร และระบบทางเทคโนโลยี 9.4 ผเู้ รยี นศึกษาคน้ คว้าหาความรู้ จากหนังสือเรียน สสวท. วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี ชนั้ 9.5 ครผู ู้สอนและผูเ้ รียนร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 บทท่ี 1 หวั ข้อเร่อื ง ระบบคอื อะไร หัวข้อเรื่อง ระบบคอื อะไร และระบบทางเทคโนโลยี และระบบทางเทคโนโลยี ผา่ น Google Meet เพื่อตรวจสอบความรู้ ความ 9.5 ครูผู้สอนและผ้เู รียนร่วมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั เขา้ ใจ โดยให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น ครูแนะนา หัวข้อเรื่อง ระบบคืออะไร และระบบทางเทคโนโลยี เพม่ิ เตมิ เพ่ือตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจ โดยให้นกั เรยี น แสดงความคิดเหน็ ครูแนะนาเพ่มิ เตมิ

สอนแบบ onsite สอนแบบ online 9.6 ผู้เรียนสรปุ เน้ือหาและออกแบบ Mind Map 9.6 ผเู้ รียนสรุปเนือ้ หาและออกแบบ Mind Map เรือ่ ง ระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ บั ซ้อน ในโปรแกรม เร่ือง ระบบทางเทคโนโลยที ่ซี ับซอ้ น ในโปรแกรม Mind Mup 2.0 เพ่อื ตรวจสอบความรคู้ วามเข้าใจ Mind Mup 2.0 เพอื่ ตรวจสอบความร้คู วามเข้าใจ 9.7 ผู้เรยี นสง่ งาน Mind Map ในช้นั เรียน Google 9.7 ผูเ้ รยี นสง่ งาน Mind Map ในช้ันเรียน Google Classroom Classroom 9.8 ครผู ู้สอนอภิปรายและสรุปองคค์ วามรเู้ ร่ือง 9.8 ครูผู้สอนอภิปรายและสรุปองคค์ วามรเู้ ร่ือง ระบบคอื อะไร และระบบทางเทคโนโลยี ระบบคอื อะไร และระบบทางเทคโนโลยี ผา่ น Google Meet 10. สื่อการเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ online onsite 10.1 เวบ็ ไซต์ http://gg.gg/DAT-M4 10.1 หนังสอื เรียน สสวท. วิชาการออกแบบและ 10.2 โปรแกรม Mind Mup 2.0 เทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 10.3 Google Classroom 10.2 โปรแกรม Mind Mup 2.0 10.4 Google Forms 10.3 Google Classroom 10.5 Google Meet 10.4 Google Forms 11. การวัดและประเมนิ ผล 11.1 วธิ กี าร 1) ทดสอบก่อนเรยี น 2) ประเมนิ ชน้ิ งาน 3) สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ 11.2 เครื่องมือ 1) แบบทดสอบก่อนเรยี น 2) แบบประเมนิ ช้ินงาน 3) แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ 11.3 เกณฑ์การประเมิน 1) มีผลการประเมนิ ชิน้ งานระดบั คุณภาพดี 2) มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพดี





แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ือง เทคโนโลยนี ่ารู้ *********************** รายวชิ า ว30115 การออกแบบและเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 จานวน 20 ข้อ 30 นาที ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถกู ตอ้ งทสี่ ุดเพยี งขอ้ เดียว 1. ระบบ หมายถงึ อะไร 5. จากภาพหมายเลข 2 ควรเติมคาใด ก. กำรอยู่รว่ มกนั ขององคป์ ระกอบต่ำงๆ ข. เปน็ สิง่ ทม่ี นษุ ยส์ ร้ำงข้ึนหรอื พัฒนำขึน้ เพอ่ื ใช้แกป้ ญั หำ สนองควำมตอ้ งกำร ค. เปน็ คำใชเ้ รยี กแทนสง่ิ ต่ำงๆทมี่ สี ว่ นประกอบตง้ั แตส่ อง ก. กระบวนกำร ข. ตัวปอ้ น สว่ นขึน้ ไปรวมเขำ้ ดว้ ยกันและทำงำนสมั พันธ์กัน ค. ผลผลติ ง. ขอ้ มูลยอ้ นกลับ ง. ตวั ป้อน (input) กระบวนกำร (process) ผลผลิตหรอื ผลลพั ธ์ (output/outcome) 6. จากภาพหมายเลข 3 ควรเตมิ คาใด 2. ระบบทางเทคโนโลยี หมายถึง ก. กำรแปลงรูปธรรมให้เปน็ นำมธรรมและแปลงนำมธรรม ให้เปน็ รูปธรรม ข. กำรเปลีย่ นปรำกฏกำรณ์ทเ่ี ป็นกฎธรรมชำติให้เปน็ ก. กระบวนกำร ข. ตัวป้อน คณิตศำสตร์ ค. ผลผลติ ง. ข้อมูลย้อนกลับ ค. กำรดัดแปลงคณติ ศำสตรใ์ ห้อยใู่ นรปู แบบใหม่ ทอ่ี ธิบำย ปรำกฏกำรณ์ธรรมชำตไิ ดล้ ึกซึ้งขึน้ 7. จากภาพหมายเลข 4 ควรเติมคาใด ง. กล่มุ ของสว่ นต่ำงๆตง้ั แตส่ องสว่ นขนึ้ ไปประกอบเขำ้ ดว้ ยกันและทำงำนร่วมกนั เพอื่ ใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ 3. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งคป์ ระกอบของระบบทางเทคโนโลยี ก. ตวั ป้อน (input) ก. กระบวนกำร ข. ตวั ป้อน ข. กระบวนกำร (process) ค. ผลผลิตหรือผลลพั ธ์ (output/outcome) ค. ผลผลติ ง. ขอ้ มลู ยอ้ นกลับ ง. หนว่ ยควำมจำ (memory) 4. จากภาพหมายเลข 1 ควรเตมิ คาใด 8. ขอ้ ใดคอื นิยามของคาว่าระบบทางเทคโนโลยีท่ีซบั ซอ้ น ก. เป็นระบบท่ีนำสัญญำณจำกผลลัพธ์ของระบบปอ้ นกลับมำ เปรยี บเทียบกับสญั ญำณจำกตัวป้อนใหก้ บั ระบบ ข. สง่ิ ทเี่ ปน็ ข้อจำกัดหรอื ขอ้ คำนึงถงึ ในกำรสรำ้ งสรรค์ และ พัฒนำเทคโนโลยี ค. เปน็ ระบบทตี่ ่ำของผลลัพธไ์ มม่ ีผลตอ่ กำรควบคุม ก. กระบวนกำร ข. ตัวปอ้ น กระบวนกำรของระบบ ไม่มีกำรนำเอำค่ำของผลลพั ธ์ทป่ี ้อนให้กบั ค. ผลผลติ ง. ข้อมูลยอ้ นกลับ ระบบ ง. เทคโนโลยีท่ปี ระกอบไปดว้ ยระบบยอ่ ยตัง้ แต่สองระบบขึน้ ไป ทำงำนรว่ มกัน

9. ระบบหม้อหุงขา้ วไฟฟ้า ในชอ่ ง ผลผลติ ควรเปน็ สงิ่ ใด 13. การเปลีย่ นแปลงในขอ้ ใดมีสาเหตหุ ลกั มาจากปัจจยั ดา้ น สงั คมและวฒั นธรรม ก. กำรเดินทำงโดยเครอ่ื งบนิ ข. กำรกำจดั ขยะด้วยตู้ซอ้ื ขยะ ค. บทสวดมนตใ์ นรปู แบบหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ง. กำรใชร้ ถไฟฟ้ำขับเคล่อื นด้วยพลังงำนแสงอำทิตย์ ก. ขำ้ วทหี่ งุ สุก 14. เหตุผลใดไม่ใช่สาเหตุหรอื ปัจจยั ของการพฒั นาระบบโอน ข. ข้ำว+นำ้ เงิน ในข้อความตอ่ ไปนี้ “จดุ เด่นของระบบโอนเงนิ ระบบน้ี คือ ค. พลงั งำนไฟฟ้ำ รวดเรว็ โอนและรับเงินไดท้ วั่ โลก โดยไมต่ อ้ งมบี ญั ชีกบั ธนาคาร ง. กำรเปลยี่ นพลงั งำนไฟฟ้ำเปน็ ควำมรอ้ นเพ่ือทำใหน้ ้ำเดือด สะดวก มีจุดใหบ้ รกิ ารทวั่ ประเทศ และใหบ้ รกิ ารบน 10. ระบบหม้อหุงข้าวไฟฟา้ ในชอ่ ง กระบวนการ ควรเปน็ Application มอื ถือได้” สง่ิ ใด ก. ควำมกำ้ วหนำ้ ด้ำนเทคโนโลยี ข. กำรตอบสนองดำ้ นวถิ ีชีวิตของคนในสงั คม ค. กำรแก้ปญั หำใหก้ ำรทำธุรกรรมปลอดภยั มำกขน้ึ ง. กำรแกป้ ญั หำใหม้ พี น้ื ทก่ี ำรบริกำรครอบคลมุ มำกข้นึ 15. ขอ้ ใด \"ไม่ใช่\" ตวั อย่างของการทางานของเทคโนโลยีใน รปู แบบ Internet of Things (IoT) ก. ข้ำวทีห่ ุงสุก ก. รถยนต์ไรค้ นขับ ข. ระบบกำรทำฟำร์มอัจฉริยะ ข. ขำ้ ว+น้ำ ค. ปำกกำลบหมกึ ได้ ง. หนุ่ ยนตก์ ู้ภยั ค. พลังงำนไฟฟ้ำ 16. ข้อใดเปน็ การวเิ คราะหผ์ ลกระทบของเทคโนโลยดี า้ นสังคม ง. กำรเปลย่ี นพลังงำนไฟฟ้ำเป็นควำมรอ้ นเพื่อทำให้น้ำเดอื ด และวฒั นธรรม ก. รถยนต์ กอ่ ใหเ้ กิดมลพษิ ทำงอำกำศ 11. ข้อใดเปน็ การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยที มี่ ีปจั จัย ข. โทรศัพท์ ช่วยใหก้ ำรส่ือสำรทำไดร้ วดเร็วข้ึน เนื่องจากสภาพสิง่ แวดล้อมในปัจจุบนั ค. โทรศพั ท์ เมื่อหมดอำยุกำรใช้งำนกใ็ ห้เกดิ ขยะอิเล็กทรอนกิ ส์ ก. กำรทำนำเกลือ เพิ่มขน้ึ ข. กำรขำยสินคำ้ ผำ่ นระบบออนไลน์ ง. เครือ่ งปรับอำกำศ ก่อใหเ้ กิดภำวะโลกรอ้ นและเป็นแหลง่ ค. กำรใช้เลเซอรก์ ำจดั รอยแผลเป็น สะสมของเช้อื โรค ง. กำรผลติ ขวดน้ำจำกวสั ดุย่อยสลำยง่ำย 12. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ าเหตุทีท่ าใหเ้ กิดการเปลย่ี นแปลงหูฟงั 17. ขอ้ ใดเป็นการวเิ คราะห์ผลกระทบของเทคโนโลยีดา้ น แพทยจ์ ากเป็นเครอ่ื งมือท่มี ีขนาดเล็ก นา้ หนักเบา กลายเปน็ เศรษฐกิจ ก. กำรสื่อสำรผ่ำนเครือข่ำยสงั คมออนไลน์ ทำใหค้ วำมสมั พันธ์ หฟู ังอิเลก็ ทรอนิกส์ ของคนในสงั คมลดลง ก. ควำมกำ้ วหนำ้ ด้ำนวัสดุอิเล็กทรอนิกส์ ข. กำรสรำ้ งเขอ่ื น ตอ้ งตดั ต้นไม้เป็นจำนวนมำก และสตั ว์บำง ข. ควำมตอ้ งกำรควำมแมน่ ยำในกำรวนิ ิจฉัย ชนดิ อำจสญู พันธ์ ค. ควำมแตกตำ่ งดำ้ นเพศของแพทยแ์ ละผูป้ ่วย ค. กำรสรำ้ งสนำมบิน กอ่ ใหเ้ กิดมลภำวะทำงอำกำศแก่ผู้ที่ ง. ควำมต้องกำรควำมรวดเรว็ ในกำรวินิจฉัย อำศยั ในบริเวณใกลเ้ คียง ง. กำรใชห้ ุ่นยนตเ์ ป็นแรงงำนในกำรผลิต ช่วยลดต้นทุนในกำร ผลติ ของโรงงำนอตุ สำหกรรมได้

18. ขอ้ ใดเป็นการวเิ คราะหผ์ ลกระทบของเทคโนโลยีดา้ น 20. ข้อใดวิเคราะหผ์ ลกระทบของเคร่อื งถา่ ยเอกสารทมี่ ีผลต่อ ส่งิ แวดล้อม สงั คมและวัฒนธรรมได้ถูกต้องเหมาะสมมากท่สี ดุ ก. กำรใช้พลำสตกิ ทำใหเ้ กดิ ขยะท่ยี อ่ ยสลำยยำก ก. ดำ้ นบวก ใชง้ ำนง่ำย ขน้ั ตอนไม่ซับซ้อน ข. กำรใช้พลำสติก ทำให้ลดกำรปนเปื้อนของอำหำร ข. ดำ้ นบวก ได้เอกสำรปริมำณมำก ในรำคำถูก ค. กำรใชห้ ุน่ ยนต์ ทำให้เกดิ ปัญหำกำรว่ำงงำน ค. ดำ้ นลบ สง่ เสริมให้เกิดกำรละเมดิ ลขิ สิทธิ์ทำงปัญญำ ง. กำรใช้อปุ กรณ์กำรแพทย์ทีท่ ันสมัย ทำใหค้ นมอี ำยยุ นื ยำว ง. ดำ้ นลบ หมกึ จำกกำรถ่ำยเอกสำรอำจเปน็ อันตรำยต่อผใู้ ช้ 19. ขอ้ ใด \"ไม่ใช\"่ ผลกระทบดา้ นบวกของรถยนต์ไฮบริดท่ี ใช้ไฟฟา้ เป็นพลงั งานแทนการใช้น้ามันในการขับเคลื่อน ก. ชว่ ยลดมลพิษในสิ่งแวดล้อม ข. ผ้ใู ช้ลดคำ่ ใชจ้ ่ำยในกำรใช้รถยนต์ ค. เพิ่มทำงเลอื กในกำรใช้พำหนะในกำรเดนิ ทำง ง. เกิดควำมก้ำวหน้ำของวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีด้ำน ยำนยนต์

ส่ือการเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ บทเรียนออนไลน์ รายวิชา ว30115 การออกแบบและเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เว็บไซต์ http://gg.gg/ DAT-M4 ที่สรา้ งด้วย Google Sites สรา้ งโดย นางฐิตยิ าภรณ์ ทวี ***********************

ส่อื การเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ หนงั สอื เรียน สสวท. วชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 ***********************

สื่อการเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ โปรแกรม Mind Mup 2.0 สาหรับสรา้ ง Mind Map ***********************

สอื่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ หอ้ งเรยี นสาหรบั ส่งงาน ทส่ี รา้ งด้วย Google Classroom ***********************

สือ่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรียนหลงั เรียน ทส่ี ร้างด้วย Goggle Forms ***********************

สื่อการเรียนรู/้ แหล่งเรยี นรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหลงั เรยี น ทีส่ ร้างด้วย Google Meet ***********************

แบบสงั เกตพฤติกรรมผู้เรียน ชน้ั ...............................................จำนวน...................คน สงั เกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้ วนั ท่.ี .............เดอื น....................................................พ.ศ........................ พฤตกิ รรม ความ ความ การตอบ ทางานทัน มีสว่ นร่วม ตั้งใจใน สนใจ คาถาม ตาม ในกจิ กรรมหรอื รวม (20) เลขท่ี ชือ่ -สกลุ การเรยี น และการ (4) กาหนดเวลา งานกลุ่ม (4) ซกั ถาม (4) (4) (4) 1. 2. 3. 4. 5. ลงชื่อ ......................................ผู้ประเมิน ............/............/.......... เกณฑ์การประเมนิ ในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ มีดังนี้ คะแนน 18 – 20 ดมี ำก คะแนน 14 – 17 ดี คะแนน 10 – 13 พอใช้ คะแนน 0 – 9 ควรปรบั ปรุง เกณฑ์ให้คะแนนจากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ คอื เกณฑก์ ำรให้คะแนน 4 คะแนน เมื่อนกั เรียนแสดงพฤติกรรมตำมที่ตอ้ งกำรเปน็ ประจำสม่ำเสมอ เกณฑ์กำรให้คะแนน 3 คะแนน เม่ือนักเรียนแสดงพฤตกิ รรมตำมท่ตี ้องกำรค่อนข้ำงจะสม่ำเสมอ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน 2 คะแนน เมอ่ื นักเรยี นแสดงพฤตกิ รรมตำมทตี่ อ้ งกำรคอ่ นขำ้ งน้อย เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน 1 คะแนน เมือ่ นกั เรียนแสดงพฤติกรรมตำมทต่ี อ้ งกำรนอ้ ย

เกณฑก์ ารประเมนิ การสงั เกตพฤตกิ รรมผเู้ รียน เกณฑ์การใหค้ ะแนน รายการประเมนิ ดีมาก(4) ดี(3) พอใช(้ 2) ต้องปรบั ปรงุ (1) 1. ความต้ังใจในการเรยี น สนใจในกำรเรียนไม่ สนใจในกำรเรียน สนใจในกำรเรยี น ไม่สนใจในกำร 2. ความสนใจและการ ซักถาม คยุ หรือเลน่ กัน คยุ กันเลก็ นอ้ ย คุยกนั และเล่นกนั เรยี นคยุ และเล่น 3. การตอบคาถาม ในขณะเรยี น ในขณะเรยี น ในขณะเรยี นเปน็ กนั ในขณะเรียน 4. ทางานทนั ตาม บำงครง้ั กาหนดเวลา มกี ำรถำมในหวั ขอ้ ท่ี มกี ำรถำมใน มีกำรถำมใน ไมถ่ ำมในหวั ข้อท่ี 5. มีส่วนรว่ ม ในกจิ กรรมหรืองานกลมุ่ ตนไมเ่ ข้ำใจทกุ เร่อื ง หวั ขอ้ ทต่ี นไม่ หวั ขอ้ ทตี่ นไม่ ตนไมเ่ ข้ำใจและ และกลำ้ แสดงออก เขำ้ ใจเปน็ เขำ้ ใจเปน็ บำงคร้ัง ไมก่ ลำ้ แสดงออก ส่วนมำกและกล้ำ และไมค่ ่อยกล้ำ แสดงออก แสดงออก รว่ มตอบคำถำมใน ร่วมตอบคำถำม ร่วมตอบคำถำม ไมต่ อบคำถำม เรอ่ื งท่คี รถู ำมและ ในเรอื่ งท่ีครูถำม ในเรื่องทีค่ รถู ำม ตอบคำถำมถูกทุกขอ้ และตอบคำถำม เป็นบำงครงั้ และ ส่วนมำกถกู ตอบคำถำมถูก เปน็ บำงครง้ั ทำงำนสง่ ตำมเวลำที่ ทำงำนส่งตำม สง่ งำนช้ำและไม่ สง่ งำนช้ำและไม่ กำหนดและถูกต้อง เวลำทก่ี ำหนด ค่อยถกู ต้อง ถูกตอ้ ง ชัดเจน และส่วนใหญ่ ชดั เจน ถูกตอ้ ง ร่วมมอื และชว่ ยเหลือ รว่ มมือและ รว่ มมือและ ไมม่ ีควำมรว่ มมอื เพอ่ื นในกำรทำ ช่วยเหลอื เพ่ือน ชว่ ยเหลอื เพ่ือนใน ในขณะทำ กจิ กรรม เป็นสว่ นใหญใ่ น กำรทำกิจกรรม กิจกรรม กำรทำกิจกรรม เปน็ บำงครัง้

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เทคโนโลยนี า่ รู้ รายวชิ า ว30115 การออกแบบและเทคโนโลยี เรอื่ ง ระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซอ้ น ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลา 1 ช่วั โมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 ผู้สอน นางฐติ ยิ าภรณ์ ทวี 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ และตวั ชี้วัด มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี เพอ่ื การดารงชวี ิตในสงั คมท่มี ีการเปลีย่ นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อืน่ ๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรือ พฒั นางานอย่างมีความคิดสรา้ งสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสม โดยคานงึ ถึงผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และสง่ิ แวดล้อม ตัวชว้ี ัด ม.4/1 วิเคราะหแ์ นวคิดหลกั ของเทคโนโลยคี วามสมั พนั ธก์ ับศาสตร์อื่นโดยเฉพาะ วิทยาศาสตร์ หรือคณติ ศาสตร์ รวมทงั้ ประเมินผลกระทบท่จี ะเกิดขึ้นตอ่ มนษุ ย์ สงั คม เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อม เพ่ือเปน็ แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (เรยี ง K P A) 2.1 นักเรยี นสามารถวเิ คราะห์ระบบทางเทคโนโลยีและระบบย่อยของเทคโนโลยีได้ (K) 2.2 นกั เรยี นสามารถอธิบายความสมั พนั ธ์ของระบบยอ่ ยและวิเคราะหร์ ะบบเทคโนโลยีทซ่ี บั ซอ้ นได้ (K) 2.3 นกั เรียนสามารถเขยี นแผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยีและความสัมพนั ธ์ของระบบย่อยได้ (P) 2.4 นักเรยี นมีความรับผดิ ชอบงานท่ีได้รบั มอบหมาย (A) 3. สมรรถนะท่ีสาคัญ 3.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 3.2 ความสามารถในการคิด 3.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 4. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (ตามหลกั สูตร) 4.1 มีวินัย 4.2 ใฝเ่ รียนรู้ 4.3 มุ่งม่นั ในการทางาน 5. สาระสาคญั ระบบทางเทคโนโลยี ประกอบด้วย ตวั ป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลติ (output) และในบางระบบอาจมขี อ้ มลู ย้อนกลบั (feedback) เพ่ือช่วยปรับปรุงหรือแก้ไขการทางานของระบบให้มี

ความสมบรู ณ์ตามตอ้ งการ เทคโนโลยบี างอย่างอาจประกอบไปดว้ ยระบบยอ่ ย (Subsystems) ตัง้ แต่สอง ระบบข้นึ ไปทางานรว่ มกนั เรยี กว่า ระบบทางเทคโนโลยที ี่ซบั ซ้อน หากระบบย่อยใดทางานผดิ พลาด จะส่งผล ต่อการทางานของระบบใหญท่ าให้เทคโนโลยีทางานไมไ่ ด้หรือไดไ้ มส่ มบรู ณ์ การเรียนรรู้ ะบบทาง เทคโนโลยีทา ใหเ้ ขา้ ใจการทางานของเทคโนโลยีและสามารถแก้ไขปญั หาหรือซ่อมบารงุ รวมท้งั นาไปสู่ การพฒั นาตอ่ ยอด เทคโนโลยไี ด้ 6. สาระการเรยี นร้/ู เนือ้ หาย่อย 6.1 ระบบทางเทคโนโลยีทซ่ี ับซ้อน 6.2 การทางานผิดพลาดของระบบ 7. ภาระงาน/ช้นิ งาน 7.1 ใบงานที่ 1.1 ระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี 8. เกณฑก์ ารประเมนิ (แนบท้ายแผน) 9. กจิ กรรมการเรียนรู้ สอนแบบ online ชวั่ โมงที่ 2 9.1 ครูผสู้ อนใชค้ าถามชวนคิดวา่ “นกั เรยี นคิดวา่ สอนแบบ onsite เทคโนโลยใี นชีวิตประจาวนั มรี ะบบยอ่ ยหลายระบบ ทางานร่วมกนั ได้หรอื ไม่ อยา่ งไร” ผ่าน Google 9.1 ครผู ู้สอนใช้คาถามชวนคดิ วา่ “นกั เรียนคดิ ว่า Meet เทคโนโลยใี นชวี ิตประจาวนั มีระบบยอ่ ยหลายระบบ 9.2 ผเู้ รียนศกึ ษาค้นคว้าหาความรู้ ในเวบ็ ไซต์ ทางานรว่ มกนั ไดห้ รือไม่ อย่างไร” http://gg.gg/DAT-M4 บทที่ 1 หัวข้อเร่อื ง ระบบ ทางเทคโนโลยีท่ีซบั ซอ้ น และการทางานผิดพลาดของ 9.2 ผ้เู รียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้ จากหนังสือเรียน ระบบ สสวท. วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี ชั้น มัธยมศึกษาปที ่ี 4 บทท่ี 1 หัวขอ้ เร่ือง ระบบทาง 9.3 ครูผู้สอนและผเู้ รยี นรว่ มกันอภปิ รายเก่ยี วกบั เทคโนโลยที ซ่ี บั ซ้อน และการทางานผดิ พลาดของ หวั ข้อเรื่อง ระบบทางเทคโนโลยีท่ซี ับซอ้ น และการ ระบบ ทางานผิดพลาดของระบบ ผา่ น Google Meet เพื่อ 9.3 ครูผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันอภิปรายเกยี่ วกับ ตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจ โดยใหน้ ักเรียนแสดง หัวข้อเร่อื ง ระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซอ้ น และการ ความคิดเหน็ ครูแนะนาเพ่ิมเตมิ ทางานผิดพลาดของระบบ เพื่อตรวจสอบความรู้ 9.4 ผเู้ รียนทาใบงานที่ 1.1 ระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี ความเข้าใจ โดยใหน้ ักเรียนแสดงความคดิ เหน็ ในโปรแกรม Google Doc เพือ่ ตรวจสอบความรู้ ครแู นะนาเพ่ิมเติม ความเข้าใจ 9.4 ผู้เรยี นทาใบงานที่ 1.1 ระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี ในโปรแกรม Google Doc เพ่อื ตรวจสอบความรู้ ความเขา้ ใจ

สอนแบบ onsite สอนแบบ online 9.5 ผู้เรียนส่งใบงานท่ี 1.1 ในช้นั เรียน Google 9.5 ผเู้ รยี นส่งใบงานท่ี 1.1 ในชนั้ เรียน Google Classroom Classroom 9.6 ครผู ู้สอนอภิปรายและสรปุ องคค์ วามรูเ้ ร่ือง 9.6 ครูผู้สอนอภปิ รายและสรุปองค์ความรู้เรอ่ื ง ระบบทางเทคโนโลยที ีซ่ บั ซอ้ น ระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ บั ซ้อน ผ่าน Google Meet 10. สอื่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรียนรู้ online onsite 10.1 เว็บไซต์ http://gg.gg/DAT-M4 10.1 หนังสือเรียน สสวท. วชิ าการออกแบบและ 10.2 Google Doc เทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 10.3 Google Classroom 10.2 Google Doc 10.4 Google Meet 10.3 Google Classroom 11. การวัดและประเมนิ ผล 11.1 วธิ ีการ 1) ประเมินชิ้นงาน 2) สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ 11.2 เคร่ืองมอื 1) แบบประเมินชิน้ งาน 2) แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ 11.3 เกณฑก์ ารประเมนิ 1) มผี ลการประเมนิ ชิ้นงานระดบั คณุ ภาพดี 2) มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ผ่านเกณฑ์ระดบั คุณภาพดี





ส่ือการเรียนร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ บทเรียนออนไลน์ รายวิชา ว30115 การออกแบบและเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เว็บไซต์ http://gg.gg/ DAT-M4 ที่สรา้ งด้วย Google Sites สรา้ งโดย นางฐิตยิ าภรณ์ ทวี ***********************

ส่อื การเรยี นรู/้ แหลง่ เรยี นรู้ หนงั สอื เรียน สสวท. วชิ า การออกแบบและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 4 ***********************

สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้ โปรแกรม Google Doc ***********************

สอื่ การเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ หอ้ งเรยี นสาหรบั ส่งงาน ทส่ี รา้ งด้วย Google Classroom ***********************

สื่อการเรียนรู/้ แหล่งเรยี นรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรยี นหลงั เรยี น ทีส่ ร้างด้วย Google Meet ***********************

ใบงานท่ี 1.1 ระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี ******************************* หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เทคโนโลยีน่ารู้ รายวิชา ว30115 การออกแบบและเทคโนโลยี ประกอบแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2 ระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี ับซอ้ น ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 เวลา 1 ชัว่ โมง จานวน 0.5 หนว่ ยกิต คาช้แี จง : ให้นักเรยี นเลอื กเทคโนโลยีท่สี นใจ 1 อย่าง เพือ่ วเิ คราะห์การทางานของเทคโนโลยี แลว้ เขียน แผนภาพแสดงการทางานในรูปแบบของระบบเทคโนโลยี โดยระบุระบบย่อยท่ีเกี่ยวข้องอยา่ งน้อย 3 ระบบ พรอ้ มอธิบายความสัมพนั ธ์ของระบบยอ่ ยเหลา่ น้ัน (ใสภ่ าพท่นี ี้) แผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยีของ………………………………………….. ตวั ปอ้ น(input) กระบวนการ(process) ผลผลติ (output) ข้อมูลย้อนกลับ(feedback)

เทคโนโลยีที่เลือก มรี ะบบยอ่ ยท่ีเก่ียวขอ้ งและองคป์ ระกอบของระบบยอ่ ย ดงั น้ี ระบบยอ่ ย ตัวป้อน กระบวนการ ผลผลติ ขอ้ มลู ย้อนกลบั ระบบยอ่ ยท1ี่ ระบบยอ่ ยที่2 ระบบย่อยที่3 ระบบย่อยท4่ี แผนภาพแสดงความสัมพนั ธ์ (เขยี นแผนภาพทนี่ ี้)

ใบงานที่ 1.1 ระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี ******************************* หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เทคโนโลยนี า่ รู้ รายวิชา ว30115 การออกแบบและเทคโนโลยี ประกอบแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 ระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ ับซอ้ น ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 เวลา 1 ชว่ั โมง จานวน 0.5 หนว่ ยกติ คาชี้แจง : ใหน้ ักเรียนเลือกเทคโนโลยีทส่ี นใจ 1 อยา่ ง เพื่อวเิ คราะห์การทางานของเทคโนโลยี แลว้ เขียน แผนภาพแสดงการทางานในรปู แบบของระบบเทคโนโลยี โดยระบรุ ะบบย่อยท่ีเกย่ี วขอ้ งอยา่ งน้อย 3 ระบบ พร้อมอธิบายความสัมพันธ์ของระบบยอ่ ยเหลา่ นัน้ แผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยีของ………………………………………….. ตัวป้อน(input) กระบวนการ(process) ผลผลติ (output) - พลังงานเช้ือเพลงิ การทางานของเครอื่ งยนต์ การเคลอ่ื นท่ีของ - การติดเครือ่ งยนต์ เพ่ือใหร้ ถเคลอ่ื นท่ไี ปได้ รถจกั รยานยนต์ ข้อมูลยอ้ นกลับ(feedback) การปรับระดับความเร็วโดยการปรับระดับ คันเร่งเกยี ร์ หรือเบรก

เทคโนโลยีท่ีเลือก มรี ะบบย่อยที่เก่ยี วขอ้ งและองค์ประกอบของระบบยอ่ ย ดงั น้ี ระบบย่อย ตัวป้อน กระบวนการ ผลผลติ ข้อมลู ย้อนกลบั ระบบย่อยท1ี่ การให้แรงกระทา สายเบรกส่งแรงไป ลอ้ หมนุ ช้าลงหรอื การปรบั อัตราเร็ว ระบบหา้ มลอ้ หรือ ตอ่ เบรก ยังอปุ กรณ์ห้ามลอ้ หยดุ ของรถโดยปรับ เบรก ระบบแรงกระทา ต่อเบรก ระบบยอ่ ยท2่ี การเปลยี่ นเกยี ร์ การเปล่ยี นคเู่ ฟอื ง กาลังสง่ ท่ีไดจ้ าก การเปลยี่ นเกียร์ ระบบเกยี ร์ ขับและเฟอื งตาม ระบบเกยี ร์ ตามสภาพถนน เพอื่ ให้เกดิ การทด หรอื อตั ราเรว็ ท่ี แรง ต้องการ ระบบย่อยที่3 ระบบเกียรท์ างาน โซ่หรือสายพาน ลอ้ หมนนุ อาจมไี ด้ทงั้ การ ระบบลอ้ โดยสง่ แรงผา่ นโซ่ ทางานเพอ่ื สง่ กาลัง ปรับแรงกระทาต่อ หรือสายพาน ไปยงั ลอ้ รถ เบรกหรือการ เปล่ียนเกยี ร์ แผนภาพแสดงความสมั พันธ์

แบบประเมินใบงานที่ 1.1 ระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี ******************************* หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เทคโนโลยีนา่ รู้ รายวิชา ว30115 การออกแบบและเทคโนโลยี ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ ับซ้อน ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 เวลา 1 ชั่วโมง จานวน 0.5 หนว่ ยกิต --------------------------------------------------------------------------------------- ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 /............... ประเด็น ประเดน็ รวมคะแนน ระดับ เลขที่ ชอ่ื -สกุล ประเมนิ ท่ี 1 ประเมนิ ท่ี 2 8 คณุ ภาพ 4 4 ลงชอ่ื ผู้ประเมนิ (........................................................) เกณฑ์การตัดสินระดบั คณุ ภาพ คะแนน 7 -8 คะแนน หมายถงึ ระดบั คณุ ภาพ ดีมาก คะแนน 5 -6 คะแนน หมายถงึ ระดบั คุณภาพ ดี คะแนน 3 -4 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนน 1 -2 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารประเมนิ ประเด็น ระดบั คะแนน การประเมนิ 4 3 2 1 การวิเคราะห์ เขียนแผนภาพของ เขียนแผนภาพของ เขยี นแผนภาพของ เขยี นแผนภาพของ ระบบทาง ระบบทางเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยี เทคโนโลยี ท่ีเลอื ก แจกแจงสว่ น ท่ีเลือก แจกแจงสว่ น ทเ่ี ลอื ก แจกแจงส่วน ทเี่ ลอื ก แจกแจงสว่ น และระบบยอ่ ย ประกอบของระบบ ประกอบของระบบ ประกอบของระบบ ประกอบของระบบ ของเทคโนโลยี ยอ่ ย และเขียน ยอ่ ย และเขยี น ย่อย และเขียน ย่อย และเขียน และอธิบายความ แผนภาพแสดง แผนภาพแสดง แผนภาพแสดง แผนภาพแสดง สัมพนั ธข์ อง ความสมั พันธข์ อง ความสัมพนั ธข์ อง ความสมั พันธข์ อง ความสมั พนั ธ์ของ ระบบยอ่ ย ระบบย่อย รวมทัง้ ระบบย่อย รวมทงั้ ระบบย่อย รวมทั้ง ระบบยอ่ ย รวมท้ัง อธิบายความสมั พนั ธ์ อธบิ ายความสมั พนั ธ์ อธิบายความสัมพนั ธ์ อธิบายความสมั พันธ์ ของระบบยอ่ ยไดอ้ ย่าง ของระบบย่อยได้ ของระบบย่อยได้ ของระบบยอ่ ยได้แต่ ครบถว้ นสมบรู ณ์ ถูกตอ้ งเป็นสว่ นใหญ่ ถกู ตอ้ งบางส่วน ไม่ถกู ต้อง การวเิ คราะห์ เขียนแผนภาพระบบ เขียนแผนภาพระบบ เขียนแผนภาพระบบ เขียนแผนภาพระบบ ระบบทาง ทางเทคโนโลยี ทางเทคโนโลยี ทางเทคโนโลยี ทางเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่ จาแนกระบบยอ่ ย จาแนกระบบย่อย จาแนกระบบยอ่ ย จาแนกระบบย่อย ซบั ซอ้ น และเขียนแผนภาพ และเขียนแผนภาพ และเขียนแผนภาพ และเขยี นแผนภาพ แสดงความสัมพนั ธ์ แสดงความสมั พันธ์ แสดงความสัมพนั ธ์ แสดงความสมั พันธ์ ของระบบยอ่ ย ของระบบย่อย ของระบบยอ่ ย ของระบบยอ่ ย รวมทงั้ อธิบาย รวมทง้ั อธบิ าย รวมทัง้ อธบิ าย รวมท้ังอธิบาย ความสัมพันธ์ของ ความสัมพนั ธข์ อง ความสมั พันธ์ของ ความสมั พันธข์ อง ระบบยอ่ ย ระบบย่อย ระบบยอ่ ย ระบบย่อย พร้อมอธบิ ายความ พร้อมอธิบายความ พร้อมอธิบายความ พรอ้ มอธบิ ายความ ผิดพลาด ของระบบ ผดิ พลาดของ ระบบ ผดิ พลาดของ ระบบ ผิดพลาดของ ระบบ ที่อาจเกดิ ข้นึ ได้อยา่ ง ที่อาจเกดิ ขึ้น ได้อย่าง ทีอ่ าจเกดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ ง ทีอ่ าจเกิดข้นึ ได้แต่ ถูกตอ้ งครบถว้ น ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ถูกต้องบางส่วน ไม่ถกู ตอ้ ง

แบบสงั เกตพฤติกรรมผู้เรียน ชน้ั ...............................................จำนวน...................คน สงั เกตพฤติกรรมกำรเรียนรู้ วนั ท่.ี .............เดอื น....................................................พ.ศ........................ พฤตกิ รรม ความ ความ การตอบ ทางานทัน มีสว่ นร่วม ตั้งใจใน สนใจ คาถาม ตาม ในกจิ กรรมหรอื รวม (20) เลขท่ี ชือ่ -สกลุ การเรยี น และการ (4) กาหนดเวลา งานกลุ่ม (4) ซกั ถาม (4) (4) (4) 1. 2. 3. 4. 5. ลงชื่อ ......................................ผู้ประเมิน ............/............/.......... เกณฑ์การประเมนิ ในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ มีดังนี้ คะแนน 18 – 20 ดมี ำก คะแนน 14 – 17 ดี คะแนน 10 – 13 พอใช้ คะแนน 0 – 9 ควรปรบั ปรุง เกณฑ์ให้คะแนนจากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ คอื เกณฑก์ ำรให้คะแนน 4 คะแนน เมื่อนกั เรียนแสดงพฤติกรรมตำมที่ตอ้ งกำรเปน็ ประจำสม่ำเสมอ เกณฑ์กำรให้คะแนน 3 คะแนน เม่ือนักเรียนแสดงพฤตกิ รรมตำมท่ตี ้องกำรค่อนข้ำงจะสม่ำเสมอ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน 2 คะแนน เมอ่ื นักเรยี นแสดงพฤตกิ รรมตำมทตี่ อ้ งกำรคอ่ นขำ้ งน้อย เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน 1 คะแนน เมือ่ นกั เรียนแสดงพฤติกรรมตำมทต่ี อ้ งกำรนอ้ ย

เกณฑก์ ารประเมนิ การสงั เกตพฤตกิ รรมผเู้ รียน เกณฑ์การใหค้ ะแนน รายการประเมนิ ดีมาก(4) ดี(3) พอใช(้ 2) ต้องปรบั ปรงุ (1) 1. ความต้ังใจในการเรยี น สนใจในกำรเรียนไม่ สนใจในกำรเรียน สนใจในกำรเรยี น ไม่สนใจในกำร 2. ความสนใจและการ ซักถาม คยุ หรือเลน่ กัน คยุ กันเลก็ นอ้ ย คุยกนั และเล่นกนั เรยี นคยุ และเล่น 3. การตอบคาถาม ในขณะเรยี น ในขณะเรยี น ในขณะเรยี นเปน็ กนั ในขณะเรียน 4. ทางานทนั ตาม บำงครง้ั กาหนดเวลา มกี ำรถำมในหวั ขอ้ ท่ี มกี ำรถำมใน มีกำรถำมใน ไมถ่ ำมในหวั ข้อท่ี 5. มีส่วนรว่ ม ในกจิ กรรมหรืองานกลมุ่ ตนไมเ่ ข้ำใจทกุ เร่อื ง หวั ขอ้ ทต่ี นไม่ หวั ขอ้ ทตี่ นไม่ ตนไมเ่ ข้ำใจและ และกลำ้ แสดงออก เขำ้ ใจเปน็ เขำ้ ใจเปน็ บำงคร้ัง ไมก่ ลำ้ แสดงออก ส่วนมำกและกล้ำ และไมค่ ่อยกล้ำ แสดงออก แสดงออก รว่ มตอบคำถำมใน ร่วมตอบคำถำม ร่วมตอบคำถำม ไมต่ อบคำถำม เรอ่ื งท่คี รถู ำมและ ในเรอื่ งท่ีครูถำม ในเรื่องทีค่ รถู ำม ตอบคำถำมถูกทุกขอ้ และตอบคำถำม เป็นบำงครงั้ และ ส่วนมำกถกู ตอบคำถำมถูก เปน็ บำงครง้ั ทำงำนสง่ ตำมเวลำที่ ทำงำนส่งตำม สง่ งำนช้ำและไม่ สง่ งำนช้ำและไม่ กำหนดและถูกต้อง เวลำทก่ี ำหนด ค่อยถกู ต้อง ถูกตอ้ ง ชัดเจน และส่วนใหญ่ ชดั เจน ถูกตอ้ ง ร่วมมอื และชว่ ยเหลือ รว่ มมือและ รว่ มมือและ ไมม่ ีควำมรว่ มมอื เพอ่ื นในกำรทำ ช่วยเหลอื เพ่ือน ชว่ ยเหลอื เพ่ือนใน ในขณะทำ กจิ กรรม เป็นสว่ นใหญใ่ น กำรทำกิจกรรม กิจกรรม กำรทำกิจกรรม เปน็ บำงครัง้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook