99พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี จนั ทนผ์ า ชื่อวงศ์ ASPARAGACEAE ชอ่ื สามัญ – ชอ่ื อนื่ ลกั กะจันนท์ เปน็ พชื คลา้ ยไม้ตน้ สูง 5–15 ม. ลาตน้ แยกแขนง ปล้องสนั้ เปลือกต้นสขี าวอมเทา เม่อื แกส่ นี า้ ตาลอมเทา เรียบ รอยแผลใบเหน็ ชัด ใบเป็นใบเด่ียวเรียงเวยี นเปน็ กระจกุ แน่น ทป่ี ลายกง่ิ หรอื ปลายลาต้น รปู ใบหอกแคบถงึ รูปรแี คบ กว้าง 2–5 ซม. ยาว 0.3–1 ม. ปลายใบ แหลมถงึ เรยี วแหลม โคนแคบสีออกแดง แผเ่ ปน็ กาบใบโอบหมุ้ ลาตน้ เสน้ กลางใบต้านปลายใบ นนู ทางด้านล่าง ดา้ นบนเรียบ เส้นใบขนานกนั จากโคนถงึ ปลายใบ ไมม่ ีเสน้ แขนงใบ ดอกออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงหลายชั้น ออกท่ีปลายยอด ยาวประมาณ 40 ซม. แกนกลาง ช่อมขี นนมุ่ หนาแน่น ดอกท่ชี อ่ ย่อยออกเปน็ กระจุกมี 6–7 ดอก ก้านดอกยาว 3–6 มม. บรเิ วณ ปลายมีขอ้ ตอ่ วงกลีบรวมสีเขียวออ่ นถึงสขี าว กว้าง 6–7 มม. โคนเชอื่ มตดิ กนั เป็นหลอดสัน้ ยาว 1.5–2 มม. ปลายแยกเป็น 6 แฉก ผลแบบผลมีเน้อื หนึ่งถงึ หลายเมลด็ รูปทรงค่อนข้างกลม เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 0.8–1.2 ซม. สกุ สสี ม้ มี 1–3 เมล็ด
100 Plant s in Valaya จามจรุ ี ชอื่ วงศ์ FABACEAE ชอื่ สามัญ Cow Tamarind, Rain Tree ชอ่ื อื่น กา้ มกราม, กา้ มกุ้ง, กา้ มป,ู จามจุรี (ภาคกลาง); ฉาฉา (ภาคเหนือ); ตุ๊ดตู่ (ตาก); ลงั , สารสา, สาสา (ภาคเหนือ) ไม้ตน้ สงู ไดถ้ ึง 25 ม. เรอื นยอดแผ่กว้าง ใบประกอบย่อยมี 2–5 คู่ มีตอ่ มระหว่าง กา้ นใบ ใบยอ่ ยมี 3–10 คู่ รปู รี หรอื รปู สี่เหล่ยี มขนมเปียกปูน เบ้ยี ว ยาว 1.5–6 ซม. ค่บู นขนาด ใหญ่ ปลายมนมีตง่ิ แหลม โคนกลมหรือตัด แผ่นใบดา้ นลา่ งมีขนละเอยี ด ช่อดอกแบบช่อเชิง หลั่น ดอกกลางชอ่ ไร้ก้าน กลบี เลีย้ งและกลีบดอกจานวนอย่างละ 7–8 กลีบ หลอดกลบี เลี้ยง ยาว 8–9 มม. หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 1.2 ซม. หลอดเกสรเพศผู้ยาวกวา่ กลบี ดอกเล็กน้อย ดอกดา้ นข้างมีกา้ นส้นั ๆ ขนาดเล็กกวา่ กลบี เล้ียงและกลีบดอกอยา่ งละ 5 กลบี หลอดเกสร เพศผสู้ ้นั กวา่ กลีบดอก ฝกั รูปแถบ ขอบหนา โคง้ เลก็ น้อย ยาว 15–20 ซม. ผนังช้ันกลาง มเี นือ้ น่ิม มี 15–25 เมล็ด รูปรี ยาวประมาณ 1 ซม.
101พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี จาปี × ช่อื วงศ์ MAGNOLIACEAE ชอ่ื สามัญ White champak ช่ืออื่น จุมป,ี จุ๋มปี๋ ไมต้ ้น สงู ไดถ้ งึ 30 ม. กิ่งมีขนสนั้ น่มุ โคนหใู บแนบตดิ กา้ นใบเกนิ กึ่งหนึง่ ใบรปู ไข่ ยาว 15–35 ซม. ปลายแหลมยาว 0.7–3 ซม. แผ่นใบดา้ นลา่ งมีขนสน้ั เส้นแขนงใบเรียง จรดกนั เปน็ เส้นขอบใน ก้านใบยาว 1.5–5 ซม. ช่อดอกยาว 1–1.7 ซม. ก้านดอกสนั้ ดอกมกี ลิ่นหอมแรง สขี าว มี 10–14 กลบี เรียงหลายวง ยาวเทา่ ๆ กนั รูปใบหอกกลบั ยาว 1.5–5 ซม. เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1 ซม. รวมแกนอับเรณู ก้านวงเกสรเพศเมยี ยาว 4–7 มม. มี 8–12 คาร์เพล สว่ นมากไม่ติดผล
102 Plant s in Valaya จกิ นมยาน ช่ือวงศ์ LECYTHIDACEAE ชอ่ื สามัญ – ชื่ออื่น จกิ เศรษฐี, จกิ นมุ่ , จกิ ไม้ตน้ ขนาดเลก็ สงู 5–10 ม. เปลือกสนี า้ ตาลเรยี บ หรือแตกเป็นรอ่ งตามยาว ตามก่ิงมชี อ่ งอากาศและรอยแผลใบ ท่ัวไป ใบเปน็ ใบเดย่ี ว เรียงเวียนถเี่ ป็นกระจุกตามปลายกง่ิ รปู ไข่กลับหรือรปู หอกกลับ กวา้ ง 5–18 ซม. ยาว 30–80 ซม. ปลายเรยี วแหลม โคนสอบ ขอบเรียบหรอื เปน็ คลื่นเล็กนอ้ ย แผ่นใบหนา ดา้ นบนสเี ขยี วเขม้ เป็นมัน เสน้ กลางใบเป็นสัน เม่อื ใบแหง้ ด้านล่างสีเขียวออ่ น เส้นแขนงใบข้างละ 20–30 เส้น แต่ละเส้นโคง้ ปลายเส้นจดกับเสน้ ถัดไปก่อนถึงขอบใบ ก้านใบยาว 0.5–1 ซม. ดอกออกแบบช่อกระจุก ออกตาม ปลายก่ิง ยาว 30–75 ซม. หอ้ ยลงใบประดบั รปู หอก รว่ งง่าย ก้านดอกยาวประมาณ 1 ซม. กลีบเลี้ยงยาว 1–2 ซม. โคนเชอื่ มตดิ กันเป็นรปู กรวย ปละแยกเป็น 2–4 แฉก กลีบดอก 4–6 กลีบ สขี าว รูปชอ้ นหรอื รปู ไขก่ ลบั ยาว 1.5–3 ซม. ผลแบบผลแห้งไมแ่ ตก รปู ทรงรี กว้าง 3–3.5 ซม. ยาว 8–12 ซม. มีสันตามยาว 4 สนั มกี ลีบเล้ยี ง และก้านยอดเกสรเพศเมียตดิ ทนทป่ี ลายผล เมล็ดรูปคลา้ ยผล มี 1 เมล็ด
103พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี จกิ สวน ชื่อวงศ์ LECYTHIDACEAE ชื่อสามัญ Common Putat, Hippo Apple, Powderpuff Tree, Wild Guava ชอ่ื อนื่ จกิ บา้ น, จกิ สวน (กรุงเทพฯ); ปูตะ (มาเลย–์ นราธวิ าส) ไม้ตน้ สูงได้ถึง 20 ม. ใบรูปไขก่ ลับ หรือแกม รปู ขอบขนาน ยาว 14–42 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรูปล่ิม มน หรอื เว้าตืน้ แผน่ ใบค่อนขา้ งบาง ขอบจักฟนั เลือ่ ย เส้นแขนงใบข้างละ 10–20 เส้น ก้านใบยาว 0.5–1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ ห้อยลง ยาวไดถ้ งึ 1 ม. ใบประดับรปู สามเหลยี่ ม ยาว 5–6 มม. ก้านดอกยาวได้ถงึ 1.5 ซม. ฐานดอก ยาว 0.4–1.2 ซม. เรยี บ กลบี เลย้ี งรูปไข่หรือรูป ขอบขนาน ยาว 0.6–1.3 ซม. ดอกสีชมพหู รอื ขาว มีปื้นชมพู กลบี รปู รี ยาว 1.5–2.5 ซม. เกสรเพศผู้ เรยี ง 5–6 วง ยาว 3.5–4 ซม. วงในยาว 1–2.5 ซม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 3–6.5 ซม. ผลรปู รี เปน็ เหลย่ี ม มน ๆ ยาว 5–9 ซม. มีเมล็ดเดยี ว รปู ไข่ ยาว 2–4 ซม.
104 Plant s in Valaya ชงโค ชอื่ วงศ์ FABACEAE ชอ่ื สามัญ Orchid tree, Purple Bauhinia ชอื่ อืน่ กะเฮอ (กะเหรย่ี ง–แม่ฮ่องสอน); ชงโค (ภาคกลาง); สะเปซี (กะเหร่ยี ง–แม่ฮอ่ งสอน); เสย้ี วดอกแดง (ภาคเหนอื ); เส้ียวหวาน (แมฮ่ ่องสอน) ไมต้ น้ สงู ไดถ้ ึง 10 ม. ใบรูปเกือบกลม กว้างและ ยาวประมาณ 12 ซม. ปลายแฉกลึกเกอื บกงึ่ หนงึ่ แผ่นใบ ด้านล่างมีขนประปราย เส้นโคนใบข้างละ 4–6 เสน้ กา้ นใบยาว 2–3 ซม. ช่อดอกมี 6–10 ดอก กา้ นดอกหนา ยาว 1–1.5 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยตดิ ประมาณกงึ่ กลางก้าน ตาดอกรูปกระบอง มสี ันนูน 4–5 สัน ยาว 3–4 ซม. มขี นกามะหยีห่ นาแน่น ฐานดอกยาว 0.7–1.2 ซม. ดอกสชี มพูหรือม่วง กลีบรูปใบหอก ยาว 3–5 ซม. ก้านกลีบยาว 0.5–1 ซม. เกสรเพศผู้ 3 อัน กา้ นชูอบั เรณู ยาวเท่า ๆ กลีบดอก โคนเช่อื มติดกัน 3–4 มม. เกสรเพศ ผู้ทเ่ี ปน็ หมนั 5–6 อนั รปู เสน้ ด้าย ยาว 0.6–1 ซม. รังไข่ มีขนกามะหยี่หนาแนน่ กา้ นเกสรเพศเมียโค้งงอ ยาวเท่า ๆ เกสรเพศผู้ ฝักรูปแถบ ยาว 20–30 ซม. มี 10–15 เมลด็
105พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี
106 Plant s in Valaya ชบา ชอ่ื วงศ์ MALVACEAE ชอื่ สามญั Checkered Hibiscus, China rose, Shoe flower ชอ่ื อน่ื ชบา (ภาคกลาง); ชบาขาว, ชมุ บา (ปตั ตาน)ี ; บา (ภาคใต้); ใหม่, ใหม่แดง (ภาคเหนือ) ไมพ้ มุ่ สูง 1–3 ม. มขี นรูปดาวกระจาย ตามกิ่ง เส้นแขนงใบด้านล่าง ก้านดอก ร้ิวประดบั กลบี เล้ยี ง และหูใบ หูใบรูปเสน้ ดา้ ย ยาว 0.5–1.2 ซม. ใบรูปไข่ ยาว 4–9 ซม. ขอบจกั ซ่ฟี ันหรือจกั เปน็ พู เส้นโคนใบขา้ งละ 1 เสน้ กา้ นใบยาว 0.5–2 ซม. ดอกเดย่ี ว ออกตามซอกใบ ใกลป้ ลายกิง่ ก้านดอกยาว 3–7 ซม. ปลายกา้ น มีขอ้ ร้ิวประดบั 6–7 อัน รูปเสน้ ดา้ ย เช่ือมติดกันที่ โคน ยาว 0.8–1.5 ซม. กลีบเลย้ี งรูปไข่หรือแกมรปู ใบหอก ยาวประมาณ 2 ซม. ตดิ ทน ดอกรูปแตร สีแดงหรือสม้ อมเหลอื ง ดอกบานเสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 6–10 ซม. แผ่นกลบี รปู ไข่กลับ มขี นยาวดา้ นนอก เสา้ เกสรยาว 4–8 ซม. เกลยี้ ง อบั เรณูกระจาย เฉพาะชว่ งบน ผลรปู ไข่ ยาวประมาณ 2.5 ซม. ปลายเปน็ จงอย
107พรรณไม้ในมหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี ชมนาด ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE ช่ือสามัญ Bread flower ชื่ออน่ื ชมนาด, ชามะนาด, ชามะนาดกลาง (ภาคกลาง); ชามะนาดฝรั่ง, ดอกข้าวใหม่ (กรุงเทพฯ); อม้ ส้าย (ภาคเหนือ) ไม้เถา ใบรูปรี ยาว 10–17 ซม. ปลายมีติ่งแหลม กา้ นใบยาว 0.5–3 ซม. ช่อดอกยาว ไดถ้ ึง 10 ซม. แผก่ วา้ ง กา้ นช่อสัน้ กลบี เล้ียงบานออกหรอื พับงอกลับ รปู สามเหล่ยี มแคบ ๆ ยาว 4–5.5 มม. ดอกสขี าวอมเหลืองหรอื เขยี วอ่อน หลอดกลีบดอกยาว 7–9 มม. กลีบรูปไข่ ปลายแหลม ยาวประมาณ 1 ซม. ด้านนอกมขี นส้นั นมุ่ ก้านชอู บั เรณูยาว 2–4 มม. ติดด้าน ประมาณจุดกงึ่ กลางหลอดกลีบดอก อบั เรณยู าวประมาณ 5 มม. จานฐานดอกมีขนตามปลาย จกั กา้ นเกสรเพศเมียรวมยอดเกสรยาวประมาณ 6 มม. มีขนสนั้ นมุ่
108 Plant s in Valaya ชมพพู นั ธ์ทุ ิพย์ ชือ่ วงศ์ BIGNONIACEAE ช่อื สามัญ Pink Trumpet Shrub, Pink Trumpet Tree, Pink Tecoma ช่อื อนื่ ชมพอู ินเดยี , ตาเบบยู า, ธรรมบูชา
109พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี ไมต้ ้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เรอื นยอดรูปไขห่ รอื ทรงกลม เปลือกตน้ เรยี บสเี ทาหรอื สีนา้ ตาล ใบประกอบรูปนิ้วมอื ใบย่อย 5 ใบ ก้านชอ่ ใบยาว 5–30 ซม. ก้านใบย่อยยาว 0.5–2.5 ซม. ใบรูปขอบขนานหรอื รูปไขแ่ กมรูปรี กวา้ ง 3–7 ซม. ยาว 7.5–16 ซม. ปลายใบ แหลมหรอื เรยี วแหลม โคนใบมนหรือสอบ ขอบใบเรยี บ ดอกสชี มพอู อ่ น ชมพสู ดและขาว กลางดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อแบบกระจุกทปี่ ลายก่ิง มดี อกยอ่ ยจานวนมาก โคนกลบี ดอก เชอ่ื มตดิ กันเป็นหลอดปลายแยกเป็น 5 แฉก คล้ายรูปแตร ยาว 5–7 ซม. ผลแหง้ แตก เปน็ ฝักกลม ยาว 15–30 ซม. เมอื่ แก่แตกเป็น 2 ซกี เมลด็ แบน สีนา้ ตาล มปี กี
110 Plant s in Valaya ชมพู่ ชอ่ื วงศ์ MYRTACEAE ชือ่ สามัญ Rose Apple ชอื่ อ่นื – ไม้ต้น สูงได้ถึง 15 ม. ใบออกตรงข้ามกัน มกี ้านใบส้ัน ปลายใบแหลมหรือเรยี วแหลม ดอกออกท่ซี อกใบปลายยอดหรอื ตามก่ิงแก่ ดอกมสี ีขาวหรือสีชมพู ฐานรองดอกขนาดใหญ่ มีเกสรตัวผู้จานวนมาก และร่วงง่ายพร้อมกลีบ ดอก เมือ่ ติดผลฐานรองดอกจะขยายขนาด เมือ่ สุกมสี แี ดงหรือแดงเข้ม หรือเขียวอ่อนอมแดง เรอื่ เนือ้ นุ่มโปร่ง ภายในมีเมลด็ กลม
111พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ชมพ่มู ่าเหม่ียว ช่อื วงศ์ MYRTACEAE ชือ่ สามญั Pomerac, Malay Apple ช่ืออ่ืน ชมพูแ่ ดง, ชมพู่สาแหรก ไมต้ น้ ขนาดเลก็ สูงถึง 8 ม. ใบเป็น ใบเดย่ี ว ออกตรงกันขา้ ม รูปรีแกมรปู ขอบ ขนาน กว้าง 13–13.5 ซม. ยาว 31–36 ซม. ปลายใบแหลมหรือทู่ โคนใบรปู ลม่ิ เส้นใบ เชอ่ื มกันบรเิ วณรมิ ขอบใบ ผิวมนั ดอกสแี ดงสด ออกเปน็ กระจกุ บริเวณซอกใบ ฐานรองดอก เจรญิ เป็นรปู ถว้ ย กลีบเล้ียง 4 กลีบ รปู เกอื บกลม กลบี ด้านนอกมขี นาดเล็กกว่า กลีบด้านใน กลีบดอก 4 กลีบ รูปมนกลม กว้าง 8–9 มม. เกสรเพศผู้จานวนมาก ยาว 15–17 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 21 มม. ผลสีแดงสดหรอื แกมมว่ ง รปู เกือบกลมแกม ขอบขนาน ผิวมัน ขนาน 4–6 ซม.
112 Plant s in Valaya ชอ้ งนาง ชือ่ วงศ์ ACANTHACEAE ชอ่ื สามัญ Bush Clockvine, Bush Thunbergia ช่อื อื่น ช้องนางเลก็ ไม้พุ่ม สูง 1–3 ม. กิ่งก้านโค้งงอ ใบเด่ียว ออกตรงขา้ ม รูปไข่ กว้าง 3–4 ซม. ยาว 4–7 ซม. ปละและโคนแหลม ขอบเปน็ คลน่ื ดอกออกเด่ยี วตามซอกใบและปลายกง่ิ สขี าวหรอื ม่วง มีใบประดับสีเขยี วขนาดใหญร่ ูปโค้ง 2 อัน ขณะดอกตมู ใบประดับจะหุ้มเกอื มมดิ กลบี เลีย้ งสีขาว เปน็ เสน้ 10–15 เสน้ กลีบดอกเปน็ หลอดขนาดใหญ่ ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ยาว 5 ซม. เมื่อบาน เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 3–4 ซม. เกสรตวั ผู้ 4 อนั ผลเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายเปน็ จงอย ผลแกส่ นี ้าตาล แตกได้
113พรรณไม้ในมหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ชะมวง ชือ่ วงศ์ CLUSIACEAE ชือ่ สามญั Cowa ชื่ออืน่ กะมวง, มวงส้ม, หมากโมก, กานิ ไม้ต้นขนาดกลาง ลาต้นเกลยี้ งและแตกกิง่ ตอนบนของลาตน้ เปลอื กต้นสดี าน้าตาล ขรขุ ระ ใบเป็นใบเด่ยี ว ใบออ่ นสีเขียวอ่อนหรือเขียวอมมว่ งแดง ใบแก่สีเขยี วเข้ม ใบออกเปน็ คู่ ตรงขา้ มกนั บรเิ วณปลายก่งิ มกั แตกเป็น 1–3 ยอด ตัวใบคอ่ นข้างหนาและแขง็ กา้ นใบสีเขยี ว ยาว 1.2–1.9 ซม. ตวั ใบยาว 18–20 ซม. ขอบใบเรยี บมีกลิ่นเล็กนอ้ ย เสน้ ใบไม่ชดั แตด่ ้านหลัง ของใบเหน็ เสน้ กลาง ดอกมีกลีบแขง็ คลา้ ยดอกมะดนั สีนวลเหลอื ง มีกล่นิ หอมและออกจานวน มาก ใหญ่ประมาณ 10–15 มม. ดอกออกตามกิ่ง ผลคล้ายมังคดุ
114 Plant s in Valaya ชะอม ชื่อวงศ์ FABACEAE ชือ่ สามญั Impala Lily, Pink Bignonia, Mock Azalea, Desert Rose ช่ืออ่ืน ผักขา, ผักหละ, ผักหล๊ะ, ฝ่าเซง้ ดู่, พซู ูเด๊าะ, โพซุยโดะ, อม ไมพ้ ุ่มขนาดย่อม ตามลาต้นและก่งิ มีหนามแหลม ใบเปน็ ใบประกอบขนาดเลก็ ใบย่อยมีกลิน่ ฉุนคล้ายกล่ินเมล็ดสะตอ ใบ เรยี งแบบสลับ ใบย่อยออกตรงกันข้าม รปู รี มีจานวน 13 – 28 คู่ ปลายแหลม ขอบใบเรียบ ดอกออกท่ซี อกใบ สขี าวหรือขาวนวล ดอกขนาดเลก็ จะเหน็ ชดั เฉพาะเกสรตัวผทู้ ี่เป็นเสน้ ฝอย
115พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ชาฮกเก้ยี น ชื่อวงศ์ BORAGINACEAE ชอื่ สามญั Eukien Tea ชื่ออืน่ ชาดัดใบมัน, ข่อยจีน, ชาญวน ไม้พุ่มขนาดเลก็ ลาต้นแตก กง่ิ กา้ นจานวนมากเป็นพมุ่ แนน่ ทึบ ใบเดี่ยว เรียงสลบั มกั ออกเป็น กระจกุ สน้ั ๆ ตามกง่ิ รปู ไขก่ ลับแคบ กวา้ ง 0.5–2 ซม. ยาว 1–4 ซม. ปลายแยกเป็นพแู หลมมกั เป็นต่ิง หนามอ่อน โคนใบรูปลิ่ม ขอบใบ หยกั ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเปน็ มัน คอ่ นข้างหนาด้านหลงั ใบสีเขยี วออ่ น ดอกสขี าวออกเปน็ ชอ่ แบบช่อกระจุก ตามซอกใบ ดอกย่อย 2–5 ดอก กลบี เลีย้ ง 5 กลีบ รูปแถบสเี ขียว ออ่ น ด้านนอกมีขนยาวประปราย โคนกลีบดอกเช่อื มติดกันเลก็ น้อย เปน็ รปู กรวย ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานเตม็ ที่กว้าง 0.8 มม. ผลสด รูปกลมขนาด 6 มม. สีสม้ แดง มี 4 เมล็ด
116 Plant s in Valaya ชมุ เห็ดเทศ ชื่อวงศ์ FABACEAE ชือ่ สามัญ Acapulo, Candelabra Bush, Candle Bush, Ringworm Bush ช่ืออนื่ ขี้คาก, ชมุ เหด็ ใหญ่, ตะล่พี อ, ลบั มืนหลวง, หมากกะลิงเทศ ไมพ้ ุ่ม สูงประมาณ 2–3 ม. แตกกง่ิ กา้ นแนวขนานกบั พนื้ ดนิ กิง่ แผอ่ อกด้านข้าง มขี น ส้นั นุ่ม เปลอื กลาตน้ เรียบ สนี า้ ตาล ใบเปน็ ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ ออกเรยี งสลบั ใบยอ่ ย 8–20 คู่ ยาว 5–15 ซม. ใบย่อยรูปขอบขนาน ยาว 5–15 ซม. แกมรปู รี โคนใบมน ปลายใบมน กลม หรือเวา้ เลก็ น้อย ไมม่ ีตอ่ ม ฐานใบมนไมเ่ ทา่ กนั ทง้ั สองดา้ น ขอบใบเรียบ มีสีแดง แกนกลางใบหนา ยาวประมาณ 30–60 ซม. ก้านใบประกอบยาวประมาณ 2 ซม. หใู บรูปตงิ่ หู สามเหล่ียม ยาว 6–8 มม. ติดทน ดอกออกเปน็ ช่อใหญต่ ้ัง ออกตามซอกใบและ ปลายก่ิง ช่อดอกแบบช่อกระจะ แคบๆ ออกตามซอกใบ ยาว 20–50 ซม. ดอกสเี หลืองทอง กลบี ดอกมี 5 กลีบ สเี หลืองสด แผ่นกลบี รปู ไขเ่ กอื บกลม หรอื รปู ช้อน ยาวประมาณ 2 ซม. มกี า้ นกลบี ส้ันๆ เกสรเพศผู้มปี ระมาณ 10 อนั อนั ยาว 2 อัน ก้านเกสรหนา ยาวประมาณ 4 มม. อับเรณยู าว 1.2–1.3 ซม. เกสรเพศผอู้ นั สัน้ 4 อัน ก้านเกสรยาวประมาณ 2 มม. อับเรณูยาว 4–5 มม. เกสรเพศผู้ท่ีลดรูป 4 อนั อับเรณเู ปดิ ที่ปลาย รงั ไขเ่ กลย้ี ง ออวลุ จานวน มาก ยอดเกสรขนาดเลก็ ใบประดับมสี ีน้าตาลแกมเหลอื ง หมุ้ ดอกท่ียังไม่บาน ใบประดับ รูปรี ยาว 2–3 ซม. ร่วงงา่ ย ก้านดอกสน้ั 2–4 มลิ ลิเมตร กลีบเลยี้ ง 5 กลีบ เรียงซ้อนเหล่ือม ในตาดอก รูปขอบขนาน ยาวไม่เท่ากัน ยาว 1–2 ซม. ผลเปน็ ฝัก รูปแถบ ยาว แบน เกลยี้ ง ขนาดกว้าง 1.5–2 ซม. ยาว 10–20 ซม. ฝกั แกม่ สี ีดาแตกตามยาว มสี ันกวา้ ง 4 สัน มปี ีกกว้าง ประมาณ 5 มม. ฝกั มีผนังกัน้ เมลด็ มี 50–60 เมล็ดแบนรูปสามเหลย่ี มผิวขรขุ ระสดี า
117พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี
118 Plant s in Valaya ชามะเลยี ง ชือ่ วงศ์ SAPINDACEAE ช่ือสามญั Luna Nut, Chammaliang ชื่ออื่น โคมเรียง (ตราด, ภาคใต้); ชามะเลียง, ชามะเลียงบ้าน (ภาคกลาง); พุมเรียง (ภาคใต้); พุมเรียงสวน (ภาคกลาง); พูเวียง (นครราชสีมา); มะเถา้ (ภาคเหนือ) ไม้พุม่ หรอื ไม้ตน้ อาจสูงได้ถึง 15 ม. กง่ิ บางคร้ัง มีช่องอากาศ หูใบเทียมคล้ายใบติดเป็นคู่ท่ีโคน กา้ นใบ รูปรีกว้างหรอื กลม ยาว 2–4 ซม. ก้านสั้น ใบประกอบปลายค่ี เรียงเวียน ใบย่อยมี 5–7 คู่ เรียงสลับหรือตรงข้าม รูปขอบขนานหรือรูปใบ หอก ยาว 9–40 ซม. ใบปลายส่วนมากลดรูป ก้านใบยาว 3–5 มม. ช่อดอกออกตามก่ิงหรือ ซอกใบ ยาวได้ถึง 75 ซม. ก้านดอกยาวได้ถึง ประมาณ 1 ซม. กลีบเล้ียง 4 กลีบ รูปรีกว้าง ยาว 2–4 มม. ดอกสีมว่ งอมแดงหรือขาว มี 4 กลีบ รูปไข่หรือรูปไข่กลับ ยาว 1.5–3 มม. ขอบมขี นครุย เกสรเพศผ้มู ี 5–8 อนั ก้านชู อับเรณูส้ันมาก ผลรูปรีหรือรูปไข่ ยาว 1–3 ซม. สุกสีมว่ งดา มี 2 เมล็ด ยาว 1–2 ซม. มขี ัว้
119พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี เชอร่ไี ทย ชื่อวงศ์ MALPIGHIACEAE ช่ือสามญั Barbados Cherry ชือ่ อนื่ เชอร่ี ไมพ้ ุ่มขนาดกลาง แตกกงิ่ กา้ นออกเป็นพมุ่ ลาตน้ สูงประมาณ 2–4 ม. ใบรปู มนรี ปลายใบแหลม ขอบใบเรยี บ สีเขียวแก่ เป็นมัน ยาวประมาณ 8 ซม. ดอกเดย่ี วสีขาวอมชมพู กลบี ดอกย่น ดอกบานเตม็ ท่ีมขี นาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง ประมาณ 1 ซม. ผลสุกมีสีแดงสด ผลแก่จัดมีขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 1 ซม.
120 Plant s in Valaya ตอ้ ยตร่งิ ฝรรงั่ ชอ่ื วงศ์ ACANTHACEAE ชอ่ื สามัญ Britton’s Wild Petunia, Mexican Bluebell ช่อื อื่น ต้อยติ่งเทศ, ตอ้ ยต่ิงน้า, องั กาบฝร่งั , ต้นองั กาบ, เปา๊ ะแปะ๊ , ฟา้ ประทานพร
121พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวดั ปทุมธานี ไม้ดอกอายุหลายปี พุ่มสูง 45–60 ซม. ลาต้นมีข้อ ปล้องโป่งพอง โคนปล้องมีขนสีขาว ใบรูปแถบแกม ขอบขนาน ปลายแหลม โคนสอบ เส้นใบเป็นร่องลึก แผ่นใบหนา สีเขยี วเขม้ ดอกออกเปน็ ช่อ ดอกรูปกรวย ปลายแยก 5 กลีบ ขนาดดอก 3–4 ซม. กลีบดอก สีชมพแู ละม่วง กลางดอกสีเข้ม ผลเป็นฝักรูปกระบอก ยาว 2–3 ซม. สีเขียวเข้มเกือบดา เม่ือฝักแก่ได้รับ ความช้ืนหรือสัมผัสน้าจะดีดตัวอย่างแรงเพื่อกระจาย เมลด็ ออกมา
122 Plant s in Valaya ตะโกนา ชื่อวงศ์ EBENACEAE ช่อื สามัญ Ebony ช่ืออื่น โก (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ); ตะโกนา (ท่ัวไป); นมงัว (นครราชสีมา); มะโก (ภาคเหนือ); มะถ่านไฟผี (เชยี งใหม)่ ไม้ตน้ สงู ได้ถงึ 15 ม. ใบรูปไขห่ รอื รูปไขก่ ลบั ยาว 3–12 ซม. แผ่นใบด้านลา่ งมีขนส้ันนุ่ม เสน้ แขนงใบข้างละ 5–8 เสน้ ก้านใบยาว 2–7 มม. ดอกเพศผูอ้ อกเปน็ ช่อกระจุกส้นั ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว 1–2 มม. กลีบเลี้ยงรูประฆงั ยาว 3–4 มม. มี 4 กลีบ แฉกตืน้ ๆ ด้านนอกมีขนสัน้ นมุ่ มขี นหยาบด้านใน ตดิ ทน ดอกรูปคนโท ยาว 0.8–1.2 ซม. มี 4 กลีบ แฉกตน้ื ๆ เกสรเพศผู้ 14–16 อัน รังไข่ทไ่ี ม่เจรญิ มขี น ดอกเพศเมยี ออก เด่ยี ว ๆ ก้านดอกยาว 2–3 มม. รังไขม่ ี 4 ชอ่ ง มขี นคล้ายขนแกะ กา้ นเกสรเพศเมียมีขนหยาบ เกสรเพศผู้ที่เป็นหมนั มี 8–10 อนั ผลเสน้ ผ่าน ศูนยก์ ลาง 1.5–2.5 ซม. มีขนกามะหย่ีหนาแน่น ผลแกเ่ กลย้ี ง แห้งเปราะ ก้านผลยาว 2–5 มม. กลบี เล้ียงแฉกลึกเกินกงึ่ หน่ึง ไมพ่ ับงอกลับ
123พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ตะขบป่ า ชือ่ วงศ์ SALICACEAE ชอื่ สามญั Governor’s plum, Indian plum ชื่ออ่ืน ตะขบป่า (ภาคกลาง); ตานเสี้ยน, มะเกว๋นนก, มะเกว๋นป่า (ภาคเหนือ); หมากเบน (หนองคาย) ไม้ตน้ สงู ไดถ้ ึง 20 ม. แยกเพศตา่ งตน้ ลาต้นมีหนามหรอื ไม่มี มีขนสัน้ นุม่ ตามก่งิ ช่อดอก กา้ นดอก กลีบเล้ียงดา้ นใน หูใบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรียงเวยี น รูปรีหรือรูปไข่ ยาว 4–12 ซม. แผ่นใบมักมขี นตามเส้นแขนงใบด้านลา่ ง ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย ปลายจกั มีตอ่ ม กา้ นใบยาว 0.3–1 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 1–2 ซม. มขี นสนั้ นุ่ม ใบประดบั คลา้ ยใบ ก้านดอกยาว 3–8 มม. กลีบเลี้ยง 3–7 กลีบ เรียงซอ้ นเหลื่อม รูปไข่ ยาว 1.5–2 มม. ขอบมีขนครยุ ไมม่ ีกลีบดอก เกสรเพศผจู้ านวนมาก ก้านชูอับเรณยู าวประมาณ 3 มม. ไม่มีทีเ่ ปน็ หมนั ในดอกเพศเมีย จานฐานดอกเปน็ วงหรอื จกั ตนื้ ๆ รังไข่มี 5–7 ช่อง แต่ละชอ่ ง มีออวุล 2 เมด็ ไม่มีท่ีเป็นหมนั ในดอกเพศผู้ ก้านเกสรเพศเมยี 5–6 อัน แยกกันหรือ เชอื่ มติดกันที่โคน ยาว 2–2.5 มม. ติดทน ยอดเกสรคล้ายรูปเกือกมา้ ผลผนงั ชั้นในแขง็ เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 0.8–2.5 ซม. สุกสแี ดง สว่ นมากมี 10–14 ไพรีน
124 Plant s in Valaya ตะขบฝรกงั่ ชอื่ วงศ์ MUNTINGIACEAE ช่ือสามัญ Bajelly Tree, Jamaican Cherry, Panama Berry, Strawberry Tree ช่อื อืน่ ครบฝร่ัง (สุราฎร์ธานี); ตะขบฝร่ัง (ภาค กลาง) ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 10 ม. มีขน กระจุกสั้นนุ่มตามก่ิง แผ่นใบ ก้านใบ และกลีบ เล้ียง หูใบร่วมขนาดเล็ก ยาวไม่เท่ากัน ใบเรียง สลับระนาบเดียว รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 5–10 ซม. ปลายแหลม โคนเบี้ยว ขอบใบ จักฟนั เลื่อย ก้านใบยาว 2–5 มม. ดอกออกตาม ซอบใบเป็นกระจุก 1–3 ดอก กา้ นดอกยาว 1.5–3 ซม. กลีบเล้ียง 5 กลีบ รูปใบหอก พับงอกลับ กลีบดอกมี 5–7 กลีบ รูปรี ยาวประมาณ 1 ซม. มีกา้ นกลีบสน้ั ๆ เกสรเพศผ้จู านวนมาก จานฐานดอกรูปวงแหวน รังไข่เกลี้ยง ก้านเกสร เพศเมียสั้น ยอดเกสรมี 5–7 พู ผลสด ขนาด ประมาณ 1 ซม. เปลือกบาง สุกสีแดง ก้านยาว 2–3 ซม. เมลด็ ขนาดเล็ก จานวนมาก
125พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี ตะเคยี นทอง ชือ่ วงศ์ DIPTEROCARPACEAE ชอ่ื สามัญ Ironwood ชือ่ อืน่ กะกี้, โกก้ี (กะเหร่ียง–เชียงใหม่); แคน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ); จะเคียน (ภาคเหนือ); จืองา (มาเลย์–นราธวิ าส); จเู ค,้ โซเก (กะเหรีย่ ง–กาญจนบุรี); ตะเคยี น, ตะเคียนทอง, ตะเคียนใหญ่ (ภาคกลาง); ไพร (ละว้า–เชียงใหม่) ไม้ต้น สูงไดถ้ งึ 40 ม. มขี นสนั้ นุ่มตามก่งิ อ่อน หูใบ ช่อดอก และกลบี เลย้ี ง ใบรูปขอบ ขนานหรือรปู ใบหอกแกมรปู ไข่กลับ หรือโค้งเล็กน้อย ยาว 5–14 ซม. โคนเบย้ี ว เส้นแขนงใบ ข้างละ 8–12 เสน้ มักมตี ุ่มใบเป็นรู เกล้ียง ก้านใบยาว 1–1.5 ซม. ช่อดอกยาว 3–10 ซม. ช่อย่อยมี 4–10 ดอก กลีบเลยี้ งรปู ไข่ ยาว 1–3 มม. ดอกสีครมี อมเหลือง กลีบรูปรีหรือ รปู ขอบขนาน ยาว 2–3 มม. ขอบเป็นชายครุย เกสรเพศผู้ 15 อนั รยางค์ยาวเท่า ๆ อบั เรณู รงั ไขแ่ ละฐานกา้ นเกสรเพศเมียรปู ไข่ ยาวประมาณ 2 มม. ก้านเกสรเพศเมียส้ัน กลบี เล้ียง ขยายเป็นปกี มีขนสน้ั นมุ่ ประปราย ปีกยาว ยาว 3–6 ซม. ปกี ส้ันยาว 5–7 มม. ผลรูปไข่ เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 6–8 มม. มีขุยเกลด็
126 Plant s in Valaya ตะแบก ช่ือวงศ์ LYTHRACEAE ชื่อสามญั Bungor ช่ืออน่ื ตะแบกไข่, ตะแบกนา, บางอยะมู, เป๋อื ยนา ไม้พ่มุ หรอื ไมต้ ้น กิ่งออ่ นมกั เป็นสีเ่ หลี่ยม ใบเรียงตรงข้ามหรือเกือบตรงขา้ ม ไม่มีหใู บ ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง ชอ่ ยอ่ ยแบบชอ่ กระจกุ ใบประดบั ขนาดเล็ก ร่วงเรว็ ปลายดอกตูม มกั มีต่มุ กลีบเลีย้ งและกลีบดอกสว่ นมากจานวนอย่างละ 6 กลบี กลีบเล้ียงเชือ่ มตดิ กนั เปน็ หลอด ผวิ เรยี บหรือเป็นสัน ตดิ ทน บางครงั้ มีรวิ้ ประดับเปน็ รยางค์ ดอกสขี าว ชมพู หรือ ม่วง มีก้านกลบี เกสรเพศผจู้ านวนมาก ตดิ บนหลอดกลีบดอก ส่วนมากวงนอกมี 6–12 อนั กา้ นชูอับเรณูหนาและอับเรณูใหญก่ ว่าอนั ใน รงั ไข่ 3–6 ชอ่ ง ก้านเกสรเพศเมียยาว ยอดเกสร ขนาดเล็ก ผลแหง้ แตกเป็น 4–6 ซีก เมล็ดจานวนมาก แบน มปี กี ตดิ ท่ีสนั ข้ัวเมล็ด
127พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ตะลงิ ปลงิ ชอ่ื วงศ์ OXALIDACEAE ชอ่ื สามญั Bilimbi ชื่ออื่น ปลมี งิ , หลิงปลิง, กะลิงปลิง ไมต้ น้ ขนาดเล็กสงู ประมาณ 6 ม. แตกกิ่งกา้ นสาขามากตามกิ่งจะปกคลมุ ดว้ ย ขนนุ่ม เปลือกสีชมพู ผวิ เรียบ ใบเปน็ ใบประกอบ ก้านใบหนึ่งประกอบดว้ ยใบย่อย 11–37 ใบ ใบย่อยมีรูปร่างเป็นใบรปู หอก ปลายแหลม โคนมน ใบกว้าง 1.25 ซม. ยาว 2.5–7.5 ซม. ใบสเี ขียวออ่ นและมขี นน่มุ ปกคลมุ ดอกเป็นดอกชอ่ ออกตามลาต้นและก่ิงก้าน ดอกมกี ลีบดอก 5 กลบี กลบี ดอกสีแดง กลบี เล้ยี ง สเี ขยี วอมชมพู ดอกมกี ลิน่ หอม เกสรตรงกลางเป็นสเี ขยี วออ่ น ผลเปน็ ชอ่ ผลรปู รา่ งยาวรี ยาว 5–8 ซม. กว้าง 2.5 ซม. ผิวของลกู อ่อนสีเขียว รสเปรยี้ วจดั เม่ือแกก่ ลายเป็นสีเหลอื ง
128 Plant s in Valaya ตาล ชอ่ื วงศ์ ARECACEAE ชอ่ื สามญั Palmyra Palm, Lontar Palm ,Fan Palm, Brab Palm ช่ืออืน่ ตาล (ชลบุรี, ภาคกลาง); ตาลไก้ (เลย); ตาลร้ัง (จนั ทบุรี); เตา่ ร้างหนู (จันทบรุ ี, ภาคใต)้ ปาลม์ ขนาดเลก็ แตกกอ สงู ไดถ้ ึง 2 ม. ลาต้นเส้นผ่านศนู ยก์ ลางโตได้ถงึ 2 ซม. ใบมี ประมาณ 10 ใบ เรยี งเวยี น ใบประกอบแบบขนนก กา้ นใบประกอบยาว 30–60 ซม. ใบย่อย เรยี งห่าง ๆ มี 4–10 ใบ รูปส่เี หลยี่ มขา้ วหลามตดั โคนเรียวแคบ ยาว 20–80 ซม. ปลายจกั ไม่ เปน็ ระเบยี บ แผ่นใบด้านล่างมนี วลสีเงนิ อมเทา ช่อดอกแบบชอ่ เชิงลด มี 2–3 ชอ่ ออกตาม ซอกใบใกล้โคน ยาว 25–30 ซม. โคง้ ลง ช่วงปลายสว่ นมากเป็นช่อดอกเพศเมีย พบนอ้ ยทีแ่ ตก แขนง ผลกลม เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 1–1.5 ซม. ผลแก่สีสม้ อมแดง
129พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ตาลฟ้ า ช่ือวงศ์ ARECACEAE ชอ่ื สามัญ Bismarck palm ช่ืออ่ืน - เปน็ ปาลม์ ต้นเดยี่ ว เจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเร็ว ลาตน้ ขนาด 40–50 ซม. สงู ไดถ้ งึ 25 ม. ใบรปู พดั แกนโคง้ กา้ นใบยาว 2 ม. และมีนวลสีขาวปกคลุม แผน่ ใบกว้าง 2–3 ม. สฟี ้าอมเขียว ขอบใบจกั ลกึ ถึงครง่ึ ตวั ใบ แยกเพศเปน็ ต้นตวั ตวั เมยี ออกชอ่ ดอกระหว่างกาบใบ ผลกลมรี ยาว 4 ซม.
130 Plant s in Valaya ตีนเป็ ดนา้ ชื่อวงศ์ APOCYNACEAE ช่ือสามัญ Grey Milkwood, Pong Pong Tree, Sea Mango, Suicide Tree ชอ่ื อ่นื ตีนเป็ด, ตนี เปด็ ทะเล, ตมุ (กาญจนบรุ ี); มะตะกอ (มาเลย์–นราธิวาส); สั่งลา (กระบ่ี) ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 12 ม. ใบรูปไข่กลับ ยาว 9–30 ซม. ปลายแหลม เส้นแขนง ใบเรียงจรดกันเป็นเส้นขอบใน ก้านใบยาว 1.5–4 ซม. ช่อดอกยาว 8–35 ซม. ก้านดอกยาว 1–4 ซม. กลีบเลี้ยงรปู แถบ ยาว 0.8–2.5 ซม. ดอกสีขาว มีแต้มสีเหลืองรอบปากหลอด หลอด กลบี ดอกยาว 1–2 ซม. กลีบยาว 1.2–3.8 ซม. มีขนสั้นนุ่มด้านในหลอดกลีบคร่ึงบน เกสรเพศ ผตู้ ดิ ประมาณก่ึงกลางหลอดกลบี ดอก ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 มม. ผลกลมหรือรูปไข่ ยาว 4.5–7.7 ซม. สกุ สีเขยี ว
131พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี เต่ารา้ ง ช่อื วงศ์ ARECACEAE ช่ือสามัญ Fishtail Palm, Wart Fishtail Palm ช่ืออ่ืน เขืองหมู่ (ภาคเหนือ); งือเด็ง (มาเบย์–นราธิวาส); เต่าร้าง (ทั่วไป); เต่าร้างแดง (นครศรีธรรมราช); มะเดง็ ยะลา) ปาลม์ แตกกอ สูงได้ถึง 10 ม. ลาตน้ เส้นผา่ นศนู ยก์ ลางโตไดถ้ งึ 20 ซม. กา้ นใบยาว 0.8–2 ม. แกนกลางใบประกอบยาว 2–2.8 ม. ใบประกอบยอ่ ยข้างละ 10–23 ใบ ใบประกอบ ยอ่ ยชนั้ ที่สองข้างละ 10–20 ใบ ใบย่อยรูปสามเหลี่ยมเรียวแหลม ปลายจกั ยาว 20–30 ซม. บางคร้งั แฉกลึกจรดโคน 2–3 แฉก คล้ายหางปลา ช่อดอกโคง้ ลง ยาวได้ถงึ 85 ซม. แกนช่อ ยาว 20–65 ซม. ช่อย่อยจานวนมาก ดอกเพศผกู้ ลีบดอกยาว 1.2–1.5 ซม. ดอกเพศเมีย กลีบดอกยาว 4–5 มม. ผลเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 1–2 ซม. สกุ สมี ว่ งดา ส่วนมากมเี มลด็ เดียว เน้ือในเมล็ดเป็นชน้ั
132 Plant s in Valaya ชอื่ วงศ์ FABACEAE ช่อื สามัญ Bastard Teak, Bengal Kino, Flame Of The Forest ชื่ออื่น กวาว, กา๋ ว (ภาคเหนือ); จอมทอง (ภาคใต้); จ้า เขมร-สุรนิ ทร)์ ; จาน (อุบลราชธานี); ทองกวาว (ภาคกลาง); ทองต้น (ราชบรุ ี); ทองธรรมชาติ, ทองพรมชาติ (ภาคกลาง) ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. แตกก่ิงต่า หูใบ และหูใบย่อยขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบประกอบมี 3 ใบย่อย ก้านใบยาวได้ถึง 10 ซม. ใบย่อย ขนาดไม่เท่ากัน ยาว 14-17 ซม. ปลายกลมหรือ เว้าตื้น ๆ โคนมักเบ้ียว ใบปลายรูปไข่กลับกว้าง เกือบกลม ก้านยาวได้ถึง 5 ซม. ใบข้างรูปไข่ ก้านยาว 0.5-1 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง คล้ายช่อกระจุก ออกตามซอกใบหรือตามกิ่ง ยาวได้ถงึ 50 ซม. มขี นละเอียด ใบประดับขนาด เล็ก ร่วงเร็ว กลีบเลี้ยงรูปถ้วย ยาว 1-1.2 ซม. มขี นท้ังสองด้าน ปลายจักตื้น ๆ กลีบบน 2 กลีบ กลีบล่าง 3 กลีบ ดอกโค้งงอ สีส้มหรือเหลือง ยาว 5-5.5 ซม. มีขนละเอียด กลีบกลางรูปไข่ แกมรูปขอบขนาน กลีบปีกและกลีบคู่ล่าง รูปเคยี ว เชอ่ื มติดกัน กลีบคู่ล่างใหญ่กว่ากลีบปีก เล็กน้อย ก้านชูอับเรณูเช่ือมติดกัน 2 กลุ่ม กลุ่ม หนึ่งมี 9 อัน อีกกลุ่มหน่ึงมี 1 อัน รังไข่มีขน ละเอียด ก้านเกสรเพศเมียโค้งเข้า ยอดเกสร เป็นตุ่ม ฝักรูปขอบขนาน แบน ยาว 12-15 ซม. ปลายกลม ก้านยาวประมาณ 1.5 ซม. มีเมล็ด เดียวอย่ทู ปี่ ลายผล แบน ยาว 3-3.5 มม.
133พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี ทองกวาว
134 Plant s in Valaya ทองหลางลาย ชอ่ื วงศ์ FABACEAE ชื่อสามญั Indian Coral Tree, Tiger’s Claw, Variegated Coral Tree ชอ่ื อืน่ ทองบ้าน, ทองเผือก (ภาคเหนือ); ทองหลาง ดา่ ง, ทองหลางลาย (กรงุ เทพฯ) ไม้ตน้ สูงได้ถงึ 20 ม. ลาตน้ มหี นาม หใู บรูปใบ หอก ยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ร่วงเรว็ ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย เรียงเวียน ก้านใบยาว 10–15 ซม. ใบย่อยรปู ไขก่ ว้าง หรือสี่เหลีย่ มข้าวหลามตัด ยาว 4–25 ซม. กว้างได้ถึง 30 ซม. โคนมีตอ่ ม 1 คู่ เส้นโคนใบ 3 เสน้ แผน่ ใบมกั มี ลายดา่ งตามเสน้ กลางใบและเส้นแขนงใบ ช่อดอกแบบ ช่อกระจะ ออกทีป่ ลายกง่ิ ยาว 10–15 ซม. ก้านยาว 7–10 ซม. ดอกหนาแน่น ใบประดับรว่ งเร็ว ก้านดอก หนา ยาว 0.3–1 ซม. กลีบเล้ยี งแยกจรดโคนด้านเดียว ยาว 2–3 ซม. ดอกสีแดง กลบี กลางรูปขอบขนาน ยาว 5–6 ซม. มีกา้ นส้ัน กลีบปีกและกลบี คลู่ ่าง ยาวเทา่ ๆ กนั ส้ันกวา่ กลีบกลาง กลบี คู่ลา่ งแยกกนั กา้ นชอู ับเรณเู ชื่อมตดิ กัน 2 กลุม่ กล่มุ หนงึ่ มี 9 อนั อีกกลุ่มหนึ่งมี 1 อัน ยาว 4–6 ซม. รงั ไขม่ ีขนละเอียด ฝกั รูปทรงกระบอก ยาว 10–45 ซม. คอดตามเมล็ด เมลด็ สแี ดงสด มี 2–10 เมลด็
135พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ทองอุไร ชือ่ วงศ์ BIGNONIACEAE ชื่อสามัญ Ginger–Thomas, Yellow Bells, Yellow Elder, Yellow Trumpet Bush ช่ืออื่น ดอกละคร (เชียงใหม่); ทองอุไร, พวงอุไร, สรอ้ ยทอง (กรุงเทพฯ) ไมพ้ มุ่ ไมม่ หี ูใบ ใบประกอบเรยี งตรงขา้ มสลบั ตง้ั ฉาก กา้ นใบยาว 3–6 ซม. ใบย่อยมี 2–4 คู่ รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 2.5–15 ซม. ขอบจกั ฟันเลือ่ ย ก้านใบสน้ั ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามปลายกงิ่ ยาว 5–12 ซม. กลีบเลีย้ งรปู กรวย 5 กลีบ ยาว 5–8 มม. มี ามเหล่ียม ยาว 2–3 มม. ดอกสเี หลือง รปู แตร ยาว 3.5–6 ซม. โคนหลอดกลบี แคบ ดา้ นในมขี นสัน้ โคนมตี ่อม มี 5 กลีบ เรยี งซ้อนเหลือ่ ม รปู ค่อนขา้ งกลม ยาว 1–1.5 ซม. เกสรเพศผู้ 2 คู่ ยาวไม่เทา่ กัน ไมย่ ่ืนพ้น ปากหลอดกลีบ กา้ นชอู ับเรณู ยาวประมาณ 2 ซม. อับเรณู แยกกัน กางออก มีขนส้ัน มีเกสรเพศผู้ทเ่ี ปน็ หมัน 1 อนั รังไขม่ ปี ุ่มกระจาย ก้านเกสรเพศเมียยาว 1.8–2 ซม. ยอด เกสรเพศเมยี แยกเปน็ แผน่ บาง 2 แฉก ผลแหง้ แตกเป็น 2 ซีก รปู แถบ แบน ยาว 12–16 ซม. ปลายเรียวแหลม ผวิ มชี ่องอากาศ เมล็ดจานวนมาก แบน รูปรี ยาวประมาณ 1 ซม. ขอบมีปีกบางใสประมาณ 1 ซม.
136 Plant s in Valaya ทบั ทมิ ชือ่ วงศ์ LYTHRACEAE ชอื่ สามญั Pomegranate ชอื่ อ่นื เซียะลว้ิ (จนี ); ทบั ทมิ (ภาคกลาง); พลิ า (หนองคาย); พลิ าขาว, มะกอ่ งแก้ว (นา่ น); มะเกา๊ ะ (ภาคเหนือ); หมากจงั (เงย้ี ว–แมฮ่ อ่ งสอน) ไม้พ่มุ หรือไมต้ ้น สูงได้ถงึ 5 ม. หรือ มากกวา่ กงิ่ มักลดรูปเปน็ หนาม ใบเรยี งเกือบ ตรงขา้ มหรอื รอบขอ้ รปู รีถึงรูปใบหอก หรอื แกมรปู ไขก่ ลับ ยาว 2–10 ซม. ดอกออกเปน็ กระจกุ 1–5 ดอก ตามปลายกิ่งหรอื ซอกใบ เกอื บไร้กา้ น ฐานดอกรปู กรวยหนาห้มุ รังไข่ ยาว 2–3.5 ซม. กลีบเล้ียงหนา มี 5–8 กลีบ รูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 1 ซม. ดอกสีสม้ กลบี รูปไขก่ ลับกว้าง ยาว 1.5–3 ซม. เกสรเพศผจู้ านวนมาก รงั ไขใ่ ตว้ งกลีบ มหี ลายช่อง ก้านเกสรเพศเมยี บิด ผลสดกลม ผนงั หนา เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 5–12 ซม. กลบี เลีย้ งตดิ ทน เมล็ดจานวนมาก เยื่อหุ้มสดฉา่ ใสหรอื ชมพูอมแดง
137พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี เทียนหยด ชอ่ื วงศ์ VERBENACEAE ชอ่ื สามัญ Golden Dewdrop, Pigeon Berry, Sky Flower ชือ่ อื่น เครือออน (แพร่); เทยี นหยด, พวงม่วง, ฟองสมทุ ร (กรงุ เทพฯ); สาวบ่อลด (เชยี งใหม่) ไมพ้ มุ่ สงู ได้ถงึ 5 ม. ก่งิ มีช่องอากาศ มกั มี หนามตามซอกใบ ใบเรียงตรงข้ามสลับต้งั ฉาก รูปไข่ หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 2–7 ซม. ปลายแหลม โคนเรียวสอบ ขอบจักฟนั เล่อื ยชว่ งปลายใบ กา้ นใบ สนั้ ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลดออกตามซอกใบหรือปลาย ก่ิง หอ้ ยลง ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ใบประดับขนาดเล็ก กลบี เลย้ี งเชื่อมติดกนั เป็นหลอด คล้ายรูปปากเปดิ ยาว 4–5 มม. กลีบบน 3 กลบี ยาวกวา่ กลีบคู่ลา่ ง เลก็ นอ้ ย ตดิ ทน ดอกรูปดอกเข็ม สีม่วงหรือขาว หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 6 มม. แยกเปน็ 5 กลีบ รูปรีกว้าง ยาวประมาณ 6 มม. เกสรเพศผู้ 4 อนั ติดเหนือก่งึ กลางหลอดกลบี ไมย่ ื่นพ้นปาก หลอด มี 4 คาร์เพล แตล่ ะคารเ์ พลมี 2 ช่อง แต่ละ ชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดียว ก้านเกสรเพศเมียส้ัน ยอดเกสร เปน็ ตมุ่ ผลผนังชัน้ ในแข็ง เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 0.5–1.5 ซม. มกี ลบี เล้ียงหุ้ม สดหนา สุกสีเหลอื ง
138 Plant s in Valaya ไทรทอง ชื่อวงศ์ MORACEAE ชอื่ สามัญ Gloden Leaves ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 5–10 ม. ไม่ผลดั ใบ เปลือกต้นสีน้าตาลออ่ นเรียบ แตก เป็นรอ่ งต้นื ๆ สนี วลตามแนวขวางและมรี าก อากาศ ใบเดยี่ ว เรียงสลบั รูปไข่กลับ กวา้ ง 2.5–4 ซม. ยาว 5–7 ซม. ปลายใบติง่ แหลม โคนใบสอบเรยี ว ขอบใบเรียบ แผน่ ใบค่อนขา้ ง หนา และเหนียว สีเขยี วอมเหลือง เรยี บเปน็ มนั ก้านใบยาว 0.5 –1 ซม. ใบออ่ นถา้ ได้รับแสง เตม็ ท่ีจะมีสเี หลอื งทองและเปลย่ี นเปน็ สีเขียว เมอ่ื ใบแก่หรือไดร้ บั แสงแดดนอ้ ย ดอกสีเขยี วอม เหลือง ออกเปน็ ช่อรปู ร่างคล้ายผล มีฐานรอง ดอกแผข่ ยายใหญ่เปน็ กระเปาะมีรูเปดิ ทปี่ ลาย โอบดอกไว้ ดอกมี ขนาดเล็กแยกเพศใน กระเปาะ ไมม่ กี ้านชอ่ ดอก ผลสดแบบมะเดอื่ ทรงกลมแป้นเส้นผ่านศูนย์กลาง 1–1.2 ซม. ออกเดีย่ วหรือเป็นคู่ท่ซี อกใบใกลป้ ลายก่งิ สีออ่ นกว่า มีจดุ สีครีมทว่ั ผล ไมม่ ีก้าน ที่ขว้ั ผลมี กาบเล็กๆ 3 กาบรองรบั เมื่อสกุ สชี มพูหรอื ชมพู อมม่วง ดา้ นบนมีวงแหวนและมีรอยบ๋มุ ไมม่ ี ก้านผล เมล็ดทรงกลม ขนาดเลก็ จานวนมาก
139พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี ไทรยอ้ ยใบแหลม ชื่อวงศ์ MORACEAE ช่อื สามัญ Benjamin’s Fig, Golden Fig, Weeping Fig ชอ่ื อน่ื จาเรย (เขมร); ไทร (นครศรธี รรมราช); ไทรกระเบอื้ ง (ประจวบครี ขี ันธ์); ไทรย้อย, ไทรย้อยใบ แหลม (กรุงเทพฯ, ตราด) ไมต้ ้น ก่ึงอาศัยหรอื ขน้ึ บนพื้นดนิ สูงได้ ถึง 35 ม. หูใบยาว 0.5–2.8 ซม. ร่วงเร็ว ใบรูปรถี งึ หรือรูปขอบขนาน หรอื แกมรูปไข่ กลบั ยาว 2–14 ซม. แผน่ ใบหนา เกล้ียง เสน้ แขนงใบยอ่ ยเรยี งขนานกนั มีตอ่ มไขท่ี โคนเสน้ กลางใบ ก้านใบยาว 0.5–2 ซม. ดอกอยูภ่ ายในฐานดอกทขี่ ยายออกเด่ยี ว ๆ หรอื เป็นคู่ตามซอกใบ รปู กลม รปู ไข่กลบั หรอื รูปรี เกลย้ี งหรือมขี นประปราย เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 0.5–1.8 ซม. สุกสีเหลอื ง อมส้ม แดงเข้ม หรอื ม่วง ไร้ก้าน ชอ่ งเปิด กว้าง 1–2 มม. มขี นประปรายด้านใน ใบ ประดบั ด้านบนขนาดเลก็ เรยี งซอ้ นเหลอ่ื ม
140 Plant s in Valaya นนทรี ชอ่ื วงศ์ FABACEAE ช่ือสามญั Copper pod, Yellow flame, Yellow Poinciana ชอื่ อื่น กระถนิ แดง, กระถนิ ปา่ (ตราด); นนทรี (ทวั่ ไป); สารเงิน (แม่ฮ่องสอน) ไมต้ ้นผลดั ใบ สงู ไดถ้ งึ 25 ม. มีขนสนี ้าตาล แดงตามก่งิ ออ่ น ช่อดอก และกลบี เลยี้ งดา้ นนอก หูใบยาว 1-2 มม.ใบประกอบยาว 25-30 ซม. ใบประกอบย่อยมี 4-13 คู่ ใบยอ่ ย มี 10-22 คู่ รูปขอบขนานแกมรูปไข่ยาว 1.2-1.8 ซม. ปลายกลม เวา้ ตน้ื โคนเบ้ียว แผน่ ใบมีขนส้ันนมุ่ ด้านลา่ ง ชอ่ ดอก แบบช่อแยกแขนงออกที่ปลายกงิ่ ยาว 20-40 ซม. ใบประดบั ยาว 5-8 มม. ก้านดอกยาว 5-7 มม. ตาดอกกลม กลีบเลี้ยงรปู รี ยาว 5-8 มม. กลบี ดอกรูปไข่กลับ โคนและกา้ นกลบี มขี น กา้ นชอู ับเรณูยาว 1.2-1.5 ซม. รงั ไข่มีก้านสั้น ๆ มีขน ฝกั รูปใบหอก ปลายแหลม โคนเรยี วแคบ ยาวได้ ถงึ 12 ซม. ขอบมีปกี กว้าง 4-5 มม. มี 1-4 เมลด็
141พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี
142 Plant s in Valaya นอ้ ยหน่า ช่ือวงศ์ ANNONACEAE ช่ือสามญั Sugar Apple, Custard Apple, Sweet Sap ชือ่ อ่ืน ลาหนงั , หมกั เขียบ, มะนอแน่, มะแน่, หน่อเกล๊าะ, แซ, มะออจ้า, มะโอจ่า, เตยี บ ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก แตกก่งิ กา้ นสาขาออกเป็นก้านเลก็ ๆ ลาตน้ ผิวเกล้ียง สีเทาอม นา้ ตาล สูงประมาณ 8 ม. ใบเดย่ี วเรียงสลบั กันไปตามขอ้ รูปรี ปลายและโคนใบแหลม กว้าง 1–2.5 น้ิว ยาว 3–6 น้ิว สีเขยี ว กา้ นใบยาว 0.5 น้วิ ดอกออกเด่ียวๆ อยู่ตามงา่ มใบ มี 2 ชนั้ ๆ ละ 3 กลบี ชน้ั ในกลีบดอกจะส้ันกว่าชั้นนอก สีเหลืองอมเขยี ว กลีบเลย้ี งมี 3 กลบี ผลทรงกลม ป้อม ขนาด 3–4 นว้ิ มผี ิวขรขุ ระเปน็ ชอ่ งกลมนูน ในแตล่ ะช่องภายในเปน็ เน้อื สีขาวและมีเมลด็ สีดาหรือนา้ ตาลเขม้ เปลือกสเี ขียว ถ้าสุกตรงขอบช่องนูนจะสีขาว
143พรรณไม้ในมหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี นอี อน ช่ือวงศ์ SCROPHULARIACEAE ช่ือสามัญ Ash Bush, Purple Sage, Sensia, Silverleaf, Texas Ranger, White Sage ช่ืออนื่ – ไม้พ่มุ ก่ิงมขี นสั้นนุ่ม ใบเรียง เวยี นหรอื เกือบตรงขา้ ม รูปไขก่ ลับกว้าง หรอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 1–3.5 ซม. แผน่ ใบมขี นสน้ั น่มุ ดา้ นล่างสเี ทาเงิน ดา้ นบนสเี ขยี วออ่ น ก้านใบ 1–2 มม. ชอ่ ดอกออกส้ัน ๆ ตามซอกใบ มีดอก เดียว ไมม่ ีใบประดบั กลีบเลยี้ งรูประฆงั มี 5 กลีบ แฉกลกึ เกินกึ่งหนึ่ง รปู ขอบ ขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 3–5 มม. ดอกรูประฆงั สีชมพอู มม่วง หลอดกลีบ ดอกไมช่ ดั เจน ยาว 1.8–2.6 ซม. กลบี รปู ปากเปิด มขี นสน้ั นุ่ม กลีบบน 2 กลีบ กลีบล่าง 3 กลีบ ด้านในมีจุด สนี ้าตาลกระจาย เกสรเพศผู้ 4 อัน ตดิ ใกล้โคนหลอดกลีบดอก รังไขม่ ี 2 ช่อง ยอดเกสรเพศเมียจัก 2 พู ผลแห้งแตก
144 Plant s in Valaya บวั สวรรค์ ชื่อวงศ์ LECYTHIDACEAE ช่ือสามัญ Majestic Heaven Lotus, Janiparindiba, Gustavia ช่ืออนื่ กสั ตาเวยี , บัวฝรงั่ ไมพ้ มุ่ หรือไม้ต้นขนาดเลก็ สงู 3–6 ม. ใบเดี่ยว แผน่ ใบคลา้ ยแผ่นหนงั รปู ใบหอกถงึ รูป ขอบขนาน ขนาดกวา้ ง 3.5 7.5 ซม. ยาว 20–40 ซม. ขอบใบเป็นจกั ฟนั เล่อื ยถ่ี ปลายใบยาวเรียวแหลม ฐานใบตอบ เสน้ ใบแตก แขนงเดน่ ชัด ดอกเกดิ ทปี่ ลายกงิ่ หรอื บนลาต้น ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลาง 10 ซม. กลีบดอกสีชมพูหรือสีชมพูอมมว่ ง จานวน 8 กลบี รปู ใบหอกกลับ ถงึ รูปไข่ เกสรเพศผูม้ ีเป็นจานวนมากเชือ่ มติดกัน อับเรณสู เี หลืองมีขนาด 0.2 ซม. ผลทรงคร่ึงวงกลม ปลายตดั เส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 5.5 ซม. สูง 4.5 ซม. ทป่ี ากตัดมขี อบหนา 0.2 ซม. ภายในมหี ลายเมลด็ เมลด็ เกอื บกลม มีแผน่ รยางคย์ าว 3 ซม. ตดิ อยดู่ า้ นหน่ึง
145พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี
146 Plant s in Valaya บานบุรี ช่ือวงศ์ APOCYNACEAE ช่อื สามัญ Be Still Tree, Lucky Nut, Trumpet Flower, Yellow Oleander ชื่ออื่น กระบอก, กะทอก (กรุงเทพฯ); แซ น่าวา, แซะศาลา (ภาคเหนือ); บานบุรี, ย่ีโถ ฝร่ัง (กรุงเทพฯ); ราพน (ภาคเหนือ); ราเพย (ภาคกลาง) ไมพ้ ุม่ สูงไดถ้ งึ 4 ม. น้ายางสีขาว ใบเรียงเวียน รปู แถบ ยาว 6–12 ซม. มตี อ่ ม ตามซอกใบ เส้นใบไมช่ ดั เจน ก้านใบสัน้ ชอ่ ดอก แบบชอ่ กระจุก มี 5–8 ดอก บานคร้งั ละ 1–2 ดอก กลบี เลย้ี ง 5 กลีบ รูปสามเหล่ยี มแคบ ยาว 0.7–1 ซม. ตดิ ทน ดอกสเี หลอื ง รูปลาโพง กลบี ดอกเรียงซ้อนทับด้านซา้ ยในตาดอก หลอดกลีบดอกยาว 2.5–3 ซม. มี 5 กลบี รูปขอบขนาน บิดเวียน เรยี งซ้อนเหลื่อม ยาวประมาณ 3 ซม. ด้านใน มขี นส้ันนุม่ กะบงั ขนาดเลก็ อยู่ด้านบนและล่างของเกสรเพศผู้ มีขนสั้นนุม่ เกสรเพศผู้ 5 อนั ติดประมาณกง่ึ กลางหลอดกลีบดอก จานฐานดอกสูงประมาณ 1 มม. คาร์เพล 2 อนั เช่อื มติดกันครึ่งล่าง ก้านเกสรเพศเมียรูปเสน้ ด้าย ยาวประมาณ 1 ซม. ผลผนังชั้นในแขง็ ยาว 3–5 ซม. มี 2 ซีกเช่อื มติดกนั คล้ายรูปสามเหลี่ยมกลับ แตล่ ะซกี มีเมลด็ เดยี ว
147พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี บุหงาส่าหรี ชือ่ วงศ์ VERBENACEAE ชื่อสามญั Florida Fiddlewood, Spiny Fiddlewood ชื่ออน่ื บุหงาแต่งงาน, บุหงาสา่ หรี, ราชาวดี (กรงุ เทพฯ) ไม้พุ่มหรอื ไม้ต้น สงู ได้ถึง 15 ม. แยกเพศต่างตน้ ก่งิ เปน็ 4 เหล่ียม ใบเรยี งตรงขา้ ม สลบั ต้ังฉาก รูปรี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่กลับ ยาว 3–20 ซม. โคนเรยี วแคบจรดก้านใบ แผ่นใบเกลีย้ งหรอื มขี นประปรายดา้ นลา่ ง เสน้ แขนงใบข้างละ 3–6 เสน้ ก้านใบสสี ม้ อมแดง ยาว 1–2.5 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะออกทปี่ ลายก่งิ หรอื ซอกใบ ยาวได้ถึง 40 ซม. ห้อยลง กลบี เลี้ยงรูปถ้วย ยาว 3–4 มม. ปลายจักต้นื ๆ 5 แฉก หรือเกือบเรยี บ ติดทน ดอกรปู ดอก เข็มหลอดกลบี ดอกยาว 3–6 มม. มี 5 กลีบ รูปขอบขนานยาวเทา่ ๆ หลอดกลีบดอก ปาก หลอดกลบี มีขนสน้ั นมุ่ เกสรเพศผูอ้ ันสัน้ 2 อนั อนั ยาว 2 อัน ตดิ ประมาณกึ่งกลางหลอดกลีบ ไมย่ ่ืนพน้ ปากหลอดกลีบ ยอดเกสรเพศเมียแยก 2 พู ผลผนงั ช้ันในแข็ง สุกสดี าอมมว่ ง
148 Plant s in Valaya ใบเงนิ ใบทอง ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE ชอื่ สามัญ Gold Leaves, Caricature Plant ชือ่ อืน่ ใบรวยทอง, ทองลงยา, ทองคาขาว ไมพ้ ุ่ม สูงประมาณ 1–2 ม. ใบรูปไข่ถงึ รูปรี ขอบใบหยกิ เว้าต้ืนๆ ใบคอ่ นขา้ งหนา มสี ี เขยี วเขม้ และด่างสขี าวถงึ เหลือง ดอกออกเปน็ ชอ่ ตามปลายยอด โคนกลบี เปน็ หลอด ปลายแยก 5 แฉก สขี าวเหลอื บม่วงหรือประดุจสมี ว่ ง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294