Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี

พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี

Published by learnoffice, 2021-01-06 05:48:51

Description: หนังสือพรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี

Search

Read the Text Version

49พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ผล Fruit ผล (fruit): คือรังไข่ที่เจริญและพัฒนาเปลี่ยนแปลงไป อาจมีส่วนอ่ืนของดอกติดอยู่ เช่น ฐานรองดอก กลีบเล้ียง ซ่ึงผลมีหน้าท่ีปกป้องเมล็ดที่อยู่ภายใน และช่วยในการกระจาย ของเมลด็ ผนังหรอื เนอื้ ของผลเจริญมาจากผนงั ของรังไข่เรยี กผนงั ผล (pericarp) ผนังผลนี้แบ่ง ออกเป็น 3 ชั้น ผนังผลช้ันนอก (exocarp): เป็นส่วนทีอ่ ยนู่ อกสดุ เปน็ ผวิ ของผล ผนังผลชั้นกลาง (mesocarp): เป็นผนงั ผลทอ่ี ยู่ช้ันกลาง ระหวา่ งผนังผลชั้นนอกและชัน้ ใน ผนังผลชั้นใน (endocarp): เป็นผนงั ผลชัน้ ในสดุ ท่อี ยู่ตดิ กบั ผล

50 Plant s in Valaya ชนิดของผล (types of fruits) หากพจิ ารณาตามการกาเนิดของผลจากประเภทของเกสรเพศเมยี แบง่ ผลได้เป็น 3 กลมุ่ ใหญ่ คือ 1. ผลเดี่ยว (simple fruit): เกดิ จากดอกเดยี่ วทมี่ ีรังไข่เดียว หรอื รังไข่รวมทแ่ี ตล่ ะอนั เชื่อมตดิ กนั ตลอด เชน่ มะมว่ ง แตง 2. ผลกล่มุ (aggregate fruit): เกิดจากดอกเดีย่ วที่เกสรเพศเมียแต่ละอนั แยกกันเปน็ อิสระ เช่น นอ้ ยหน่า ลูกจาก จาปี 3. ผลรวม (multiple fruit): เกิดจากชอ่ ดอกซึ่งเบียดกนั แนน่ เม่อื เป็นผลแลว้ ดูคลา้ ยเปน็ ผลเดี่ยว เช่น สับปะรด ขนุน ยอ ผลเดยี่ ว simple fruit ผลกลมุ่ aggregate fruit ผลรวม multiple fruit ภาพที่ 15.1 ชนิดของผล (types of fruits)

51พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี 1. ผลสด (fleshy fruit): ผลท่มี ีเน้อื ของผลนุ่ม มหี ลายชนิดดงั น้ี • ผลเมลด็ เด่ยี วแข็ง (drupe): มผี นังผลแบง่ ออกเป็น 3 ชนั้ ชัดเจน ผนงั ผลชั้นกลางอ่อน นมุ่ รบั ประทานได้ เช่น มะมว่ ง พุทรา • ผลมีเนือ้ หลายเมล็ด (berry): เน้อื นมุ่ ฉา่ นา้ มหี ลายเมลด็ ผนังผลชัน้ กลาง และชน้ั ใน รวมกนั หรือแบ่งไม่ชัดเจน เช่น มะเขือเทศ องนุ่ • ผลแบบแตง (pepo): ผนังผลชัน้ นอกแข็งและเหนียว ผนังผลช้ันกลาง และชั้นใน ออ่ นนมุ่ มเี มลด็ มาก เชน่ แตงกวา ฟกั ทอง • ผลแบบสม้ (hesperidium): ทผ่ี นังผลชัน้ นอกหนา หรือ เหนียวมตี อ่ มน้ามนั (oil gland) ผนงั ชั้นกลางอาจหนา หรอื บาง มลี กั ษณะคลา้ ยนวม หรือเยื่อสีขาว ผนังผลชั้นใน ประกอบด้วยถงุ นา้ เล็ก ๆ จานวนมาก เช่น ส้ม มะนาว • ผลแบบแอปเปิล้ (pome): เกิดจากดอกทีร่ ังไขต่ ดิ อยูต่ า่ กว่าส่วนอื่น ๆ ของดอก เนื้อ ของผลเจริญมากจากฐานรองดอก และห่อหมุ้ ผนงั ผลทแี่ ท้จริงเอาไว้ภายใน เช่น แอปเป้ิล ชมพู่ • ผลแบบมปี ุยหมุ้ เมลด็ (aril): ผนังชน้ั นอกของออวลุ เปล่ียนเปน็ เนอ้ื นมุ่ ๆ รับประทานได้ เช่น เงาะ ลาไย

52 Plant s in Valaya ก้านผล peduncle ผลกลุม่ กลีบseเลp้ียaงl aggregate fruit ผล ผลแหง้ เมลด็ ล่อน fruit ฐreาcนeรpอtงaดcอlกe achene กา้ นผล ผลกลุ่ม peduncle aggregate fruit กลีบเลีย้ ง ผลเมล็ดเดยี วแขง็ sepal drupe ฐานรองดอก receptacle ผลเด่ยี ว ผล simple fruit fruit ผลมีเนอื้ หลายเมลด็ เมลด็ seed berry ก้านผล peduncle ผลรวม กลบี เลีย้ ง sepal multiple fruit เมลด็ ผลแบบมะเด่ือ peduncle syconium ภาพที่ 15.2 ชนิดของผล (types of fruits)

53พรรณไม้ในมหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวดั ปทุมธานี ผลเมลด็ เดยี วแข็ง เมล็ด drupe seed ผลแบบแตง เมลด็ pepo seed ผลแบบแอปเปิ้ล ก้านผล pome peduncle ผลแบบส้ม เมล็ด hesperidium seed เมล็ด กลีบเลี้ยง seed sepal ภาพท่ี 15.3 ชนดิ ของผล (types of fruits) ผลรวม multiple fruit

54 Plant s in Valaya 2. ผลแห้ง (dry fruit) : ผลท่ีเม่อื เจรญิ เตม็ ทแ่ี ล้วผนงั ผลมลี ักษณะแห้ง ไมม่ เี นื้อนุ่ม สามารถแบง่ ออกได้อีก 2 แบบ 2.1 ผลแหง้ แก่แล้วแตก (dry dehiscent fruit): ผนังผลจะแตกหรือแยกออกเมอื่ แก่ ทาให้เมล็ดภายในหลดุ กระจายออกไป ผลในกล่มุ นี้แบง่ ย่อยไดเ้ ป็นหลายแบบ • ผลแตกแนวเดียว (follicle) : เกิดจากรังไข่ทม่ี ีเกสรเพศเมยี 1 อนั มีหลายเมล็ด เม่อื แก่ จะแตกตามรอยตะเขบ็ 1 ดา้ น เชน่ สาโรง โมก จาปา • ผลแตกแบบฝักถ่ัว (legume) : เกิดจากรงั ไข่เด่ียวของเกสรเพศเมยี มหี นึ่งถึงหลายเมล็ด เมอ่ื แกจ่ ะแตกออกตามแนวตะเข็บทั้งสองดา้ นเป็น 2 ซีก เชน่ กระถินณรงค์ หางนกยูง • ฝกั หกั ข้อ (lomentum) : ฝักคลา้ ยผลแตกแบบฝกั ถว่ั แตม่ รี อยคอดเปน็ ข้อตามแนวขวาง สามารถหักได้เปน็ ข้อ ๆ แตล่ ะขอ้ มี 1 เมล็ด เชน่ คนู มะขาม • ผลแตกแบบผกั กาด (silique) : ผลจะแตกเป็น 2 ซกี จากทางก้านขึ้นไปทางปลาย มกั เหน็ ผนังเทียมบาง ๆ กั้นกลางเหลอื อยู่ เช่น ผกั กาด • ผลแยกแล้วแตก (schizocarp) : เมือ่ แกจ่ ัดจะแยกออกไดเ้ ป็น 2 ซีก แต่ละซีกจะมเี มล็ด อยู่ภายในเมล็ด เช่น ผลผักชี • ผลแห้งแตก (capsule) : เกิดจากรงั ไขข่ องเกสรเพศเมยี ที่มหี ลายคาร์เพล มกั มีเมล็ด จานวนมาก แบง่ ออกเป็นกล่มุ ย่อย ๆ ไดต้ ามลักษณะการแตกของผล - ผลแตกตามรอยประสาน (septicidal capsule): ผลเมื่อแก่แตกตรงผนังกน้ั (septum) พู หรอื ตรงรอยประสาน เชน่ กระเช้าสดี า - ผลแตกกลางพู (loculocidal capsule) : ผลเมื่อแก่แตกกลางระหวา่ งพู เช่น ทุเรียน - ผลแตกตามขวาง (circumcissile capsule) : ผนงั ผลจะแตกออกเปน็ วงตามขวาง โดยรอบผล ส่วนบนของผลจะหลดุ ออกไปคล้ายฝาปิด เช่น ผลหงอนไก่ แพรเซ่ยี งไฮ้ - ผลแตกเป็นชอ่ ง (poricidal capsule) : ผนงั ผลแตกเปน็ รูอยทู่ างปลายยอดของผล เมลด็ ขนาดเลก็ ทอ่ี ยภู่ ายในจะหลุดออกดว้ ยการแกวง่ ของผล เชน่ ฝน่ิ

55พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี 2.2 ผลแหง้ ไมแ่ ตก (dry indehiscent fruit): ผนังผลไมแ่ ตกออกเม่อื ผลแก่ • ผลแหง้ เมลด็ ลอ่ น (achene): ผลขนาดเล็ก หน่งึ ผลมีหนง่ึ เมล็ด มีผนังผลบาง ๆ ห้มุ อยู่ มลี กั ษณะแห้ง และแขง็ ไมเ่ ชือ่ มกับเปลือกเมลด็ (seed coat) เชน่ ทานตะวัน สตรอเบอรี่ • ผลแห้งเมล็ดติด หรือผลธัญพืช (caryopsis): ลักษณะทั่วไปคล้ายผลแห้งเมล็ดล่อน แต่ผนัง ผลติดกับเปลือกเมล็ด เชน่ ขา้ ว หญ้า • ผลแหง้ เปลอื กแขง็ เมลด็ เดียว (nut): ผนังผลหนา และแข็งมาก ส่วนมากภายในมีเมล็ดเดียว เชน่ เกาลดั มะม่วงหิมพานต์ • ผลแหง้ ปกี เดยี ว (samara): ผลท่ีผนังผลชั้นนอกเจรญิ แผ่ออกเปน็ แผ่นแบน เช่น ประดู่ ก่วม • ผลคล้ายผลปีกเดียว (samaroid): ผลที่มีปีกซึ่งเกิดจากกลีบเลี้ยงเจริญไปเป็นปีก ซ่ึงติดทน ไมห่ ลุดร่วง เช่น ยางนา พะยอม รกั ใหญ่

56 Plant s in Valaya ใบเลย้ี ง ผลแห้งเมล็ดลอ่ น cotyledon achene เอมบริโอ ผลแหง้ เมลด็ ตดิ embryo caryopsis เอนโดสเปริ ์ม endosperm ใบเลี้ยง cotyledon เอมบริโอ embryo ฐานรองดอก กาบแข็งรูปถ้วย receptacle cupule ผลแห้งเปลอื กแข็งมีกาบรปู ถ้วย ผลแหง้ เปลือกแข็งเมลด็ เดียว nut ติด acorn ภาพที่ 15.3 ชนดิ ของผล (types of fruits) ก้านผล peduncle เมล็ด seed ผลแหง้ ปีกเดียว samara

57พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี ก้านผล ก้านผล peduncle peduncle ฝกั แบบถั่ว ผลแตกแนวเดียว legume follicle เมลด็ เมลด็ seed seed ผลแตกกลางพู กา้ นผล loculicidal capsule peduncle ใบเลย้ี ง ผลแตกตามรอยประสาน sepal septicidal capsule ก้านผล peduncle ผลแตกแบบผกั กาด ชอ่ งเปดิ silique pore เมล็ด ผลแตกเปน็ ชอ่ ง seed poricidal capsule กา้ นผล ก้านผล peduncle peduncle ผลแตกตามขวาง circunsessile capsule ภาพท่ี 15.3 ชนิดของผล (types of fruits)

58 Plant s in Valaya

59พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี พรรณไม้ ท่ีพบในมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ

60 Plant s in Valaya กรรณกิ า ชือ่ วงศ์ OLEACEAE ชอ่ื สามญั Coral Jasmine, Night Blooming Jasmine, Night Jasmine ช่อื อน่ื กณกิ าร์, กรณกิ าร์, กรรณกิ าร์ (ภาคกลาง) ไมพ้ ุ่มหรอื ไม้ตน้ สูงไมเ่ กิน 10 ม. ก่ิงเปน็ เหล่ียม ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รี ยาว 6–12 ซม. แผน่ ใบมขี นขาว ก้านใบยาวได้ถงึ 1 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกสามแต่ละกระจุกมี 3–7 ดอก ไรก้ า้ น กลบี เลี้ยงรปู ระฆัง ขอบเรยี บ ดอกรูปดอกเข็ม สขี าว หลอดกลบี ดอกสีส้มแดง ยาว ประมาณ 1 ซม. มี 4–8 กลบี รูปขอบขนาน ยาว 5–7 มม. บิดเวยี นด้านขวา ปลายจกั เป็น พู เกสรเพศผู้ 2 อนั กา้ นชูอับเรณูส้นั มาก ตดิ เหนอื กลีบดอก รังไข่ 2 ช่อง กา้ นเกสรเพศเมีย ทรงกระบอก ปลายแยก 2 พู ผลแหง้ แตก คล้ายรูปหัวใจ แบน ๆ เสน้ ผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. แตล่ ะซกี มเี มล็ดเดียว

61พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวดั ปทุมธานี กระดงั งาจนี ชอ่ื วงศ์ ANNONACEAE ช่ือสามัญ Climbing Lang–Lang, Ylang–Ylang Vine ชอ่ื อื่น การเวก (ภาคกลาง); สะบนั งาเครือ, สะบนั งาจนี (ภาคเหนือ) ไม้เถาเนื้อแข็ง ยาวได้ถึง 10 ม. ลาต้นมีช่องอากาศ มักมีหนามยาว 2–4 ซม. กิ่งเกลีย้ ง หรือมขี นประปราย ใบ รูปขอบขนาน ยาว 6–25 ซม. เรยี งตัวแบบเวยี น แผ่นใบด้านลา่ งมขี น ละเอียดตามเส้นกลางใบ ช่อดอกมี 1–2 ดอก กา้ นชอ่ ยาวเท่า ๆ กา้ นดอกหรือส้นั กว่าเล็กนอ้ ย ก้านดอกยาว 1.5–2 ซม. กลบี เลีย้ งรูปไข่ ยาว 5–8 มม. พบั งอกลบั ด้านนอกมขี นละเอียด กลีบดอกรปู ขอบขนานหรือรปู ใบหอก กลบี ชน้ั ในขนาดเลก็ กวา่ เล็กนอ้ ย ยาว 3–4.5 ซม. โคนกลีบคอด ด้านนอกมขี นละเอียด เกสรเพศผวู้ งดา้ นนอกส่วนมากเป็นหมนั รยางค์มี 3 สัน ผลย่อยมี 7–15 ผล ผลยอ่ ยรปู รีกว้าง ยาว 2.5–4 ซม. กา้ นส้ันหรือไรก้ า้ น ปลายผลมีตง่ิ แหลม เมลด็ ยาว 1.5–2 ซม.

62 Plant s in Valaya กระดงั งาสงขลา ชอื่ วงศ์ ANNONACEAE ชื่อสามัญ Cananga Tree, Ylang–Ylang Tree ชอ่ื อื่น กระดังงา (ทว่ั ไป); กระดังงาไทย, กระดังงาใบใหญ่, กระดังงาใหญ่ (ภาคกลาง); สะบนั งา, สะบนั งาตน้ (ภาคเหนือ) ไมต้ น้ สูงไดถ้ ึง 30 ม. มขี นสนั้ นุ่มตามกิง่ อ่อน เส้นแขนงใบ ก้านใบ ช่อดอก กลีบเลยี้ ง และ กลีบดอก ใบเรียงเวยี น รปู รา่ งใบเปน็ รปู รีหรือ รปู ขอบขนาน ยาว 10–20 ซม. โคนเบยี้ ว ก้านใบยาว 1–1.5 ซม. ชอ่ ดอกออกเป็นกระจุก สน้ั ๆ ตามก่งิ หรอื ซอกใบ ก้านดอกยาว 2–5 ซม. กลบี เลยี้ ง 3 กลบี รูปไข่ พับงอกลับ ยาวประมาณ 7 มม. กลีบดอก 6 กลบี รูปแถบ ยาวเท่า ๆ กนั ขนาดความยาว ประมาณ 5–7.5 ซม. กา้ นกลีบสัน้ เกสรเพศผู้ จานวนมาก ยาวประมาณ 3 มม. แกนอบั เรณู มีรยางค์เป็นต่ิง คารเ์ พลแยกกนั ยอดเกสรเพศ เมียเปน็ ชนั้ บาง ๆ ติดจานฐานดอกเป็นรูปหมวก ผลย่อยรูปขอบขนาน ยาว 1.5–2.3 ซม. เมอื่ ผลสุกจะมีสดี า ก้านผลยาว 1.2–1.8 ซม. มเี มล็ด 2–12 เมลด็ เรียงสองแถว

63พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี กระถนิ ชื่อวงศ์ FABACEAE ชอ่ื สามญั False Koa, Horse Tamarind ช่ืออื่น กระถินไทย, กระถินบ้าน (ภาคกลาง); กระถินยักษ์, กะเส็ดโคก, กะเส็ดบก (ราชบุรี); ตอเบา, สะตอเทศ, สะตอเบา (ภาคใต)้ ; ผักกา้ นถิน (เชยี งใหม)่ ; ผกั หนองบก (ภาคเหนือ) ไมพ้ ุ่มหรือไมต้ ้น สงู 5–10 ม. แกนใบประกอบ ยาว 15–20 ซม. มตี ่อมบนก้าน ใต้รอยตอ่ ใบประกอบยอ่ ยช่วงล่าง ใบประกอบยอ่ ยมี 4–10 คู่ ยาว 5–10 ซม. ใบย่อยมี 5–20 คู่ รปู ขอบขนาน ถึงรปู แถบ ยาว 0.6–2 ซม. โคนเบ้ียว แผ่นใบดา้ นลา่ งมีนวล ช่อดอกแบบ ช่อกระจุกแน่น แยกแขนงแบบช่อกระจะ ก้านช่อยาว 2–5 ซม. ช่อกระจกุ เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 1.5–2 ซม. ดอกมขี นประปราย หลอดกลบี เล้ียงยาวประมาณ 2.5 มม. ปลายจัก 5 แฉก ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอก 5 กลีบ รปู ใบพาย ยาว 4.5–5 มม. เกสรเพศผู้ 10 อัน แยกกัน ยาว 0.8–1 ซม. อบั เรณูมีขน รังไข่มกี า้ น ก้านเกสรเพศเมยี เรียวยาว ฝกั แบนรูปแถบ ยาว 15–20 ซม. มี 10–20 เมล็ด

64 Plant s in Valaya

65พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวดั ปทุมธานี กระถนิ ณรงค์ ชอ่ื วงศ์ FABACEAE ชอ่ื สามัญ Earleaf Acacia, Wattle, Black Wattle, Wattle ชื่ออนื่ – ไม้ต้น สูงได้ถึง 15 ม. แผ่นกา้ นใบรูปขอบขนาน โค้ง ปลายเรยี วแหลมทั้ง 2 ด้าน ยาว 8–20 ซม. เส้นใบเรียงขนานกันตามยาว 3–4 เส้น ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงลด ยาว 4–10 ซม. ช่อดอกย่อยแบบชอ่ กระจุก ดอกไรก้ า้ น กลีบเลี้ยงยาว 0.5–1 มม. ขอบจกั กลีบดอกโค้งลง ยาว 1.5–2 มม. เกสรเพศผู้สเี หลอื ง กา้ นชูอับเรณูยาว 2.5–4 มม. รังไขม่ ีขนละเอียด ฝักแบน กว้าง 1–1.5 ซม. ยาว 6–7 ซม. บิดมว้ นเป็นวง ฝกั อ่อนมีนวล มี 5–12 เมล็ด รูปไข่หรอื รปู รี ยาว 4–6 มม.

66 Plant s in Valaya กระทอ้ น ชือ่ วงศ์ MELIACEAE ชอ่ื สามญั Santol ชื่ออ่ืน เตยี น, มะต้อง, มะติ๋น, ลอ่ น, สตยี า, สะตู, สะโต, สะท้อน ไม้ตน้ ก่ึงผลัดใบ สงู ประมาณ 30 ม. ใบเรยี งสลับ ใบประกอบมใี บย่อย 3 ใบ ก้านใบ ยาว 18.5 ซม. ใบย่อยรปู รีไปจนถึงรปู ไข่แกมขอบขนาน กวา้ ง 3–16 ซม. ยาว 6–26 ซม. ก้านใบย่อย ยาว 2–9 ซม. ก้านใบยาว 1 ซม. ปลายใบแหลมส้นั โคบใบกลมหรือเรยี วแหลม เลก็ น้อย ดอกออกเป็นช่อเกดิ ตามซอกใบ ยาวประมาณ 25 ซม. ดอกสมบรู ณ์เพศ สีเขยี วแกม เหลอื ง กว้างประมาณ 1.3 ซม. ยาวประมาณ 25 ซม. กลบี เลย้ี งรปู ถ้วย มี 5 กลีบ กลบี ดอก 5 กลีบ ผลสดมีเนอ้ื หลายเมลด็ รูปกลมแบน เส้นผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 10–12 ซม. ผลสกุ สี เหลอื งทอง มขี นอ่อนนมุ่ ปกคลุม เน้ือผลดา้ นนอกหนา แขง็ มีรสเปรย้ี วเลก็ น้อย เน้ือผลด้านใน มลี กั ษณะนุ่ม สขี าว มี 2–5 เมล็ด

67พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี กระทงิ ชื่อวงศ์ CALOPHYLLACEAE ช่ือสามัญ Alexandrian Laurel, Beach Calophyllum, Borneo Mahogany ชอ่ื อ่ืน กระทงิ , กระทงึ , กากระทึง, กากะทึง (ภาคกลาง); ทิง (กระบ่ี); เนาวกาน (น่าน); สารภีทะเล (ประจวบคีรขี ันธ์); สารภีแนน (ภาคเหนือ) ไมต้ น้ มักสงู ไม่เกนิ 15 ม. ใบเรียงตรงขา้ ม รูปรหี รอื รูปไข่กลับ ยาว 8–15 ซม. ปลายกลมหรือเว้าตนื้ แผน่ ใบหนา เสน้ แขนงใบจานวนมาก ก้านใบยาว 1–3 ซม. ชอ่ ดอกแบบ ชอ่ กระจุกแยกแขนงสั้น ๆ ตามซอกใบ ก้านดอกยาว 1.5–4 ซม. กลีบเลยี้ งคล้ายกลีบดอก มจี านวนอยา่ งละ 4 กลีบ สีขาว กลีบเลย้ี งยาวประมาณ 8 มม. คู่นอกกลม คู่ในรูปไขก่ ลบั กลบี ดอกรปู ไขก่ ลับ ยาว 1–1.2 ซม. ปลายกลม เกสรเพศผู้จานวนมาก กา้ นชูอับเรณูยาว 4–5 มม. อบั เรณสู ีเหลือง ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 6–7 มม. ยอดเกสรรปู โล่ ผลสด มีเมล็ดขนาด ใหญเ่ มล็ดเดยี ว เสน้ ผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5 ซม. เมอ่ื ผลสุกจะมีสีเหลือง

68 Plant s in Valaya กระทุ่มนา ชื่อวงศ์ RUBIACEAE ชอ่ื สามญั Mitrayna Korth ช่ืออ่นื กระทอ่ มข้ีหม,ู ต้มุ แซะ, ตุม้ นอ้ ย, ตุม้ น้า (ภาคเหนือ); กระทุ่มดง (กาญจนบุรี); กระท่มุ นา, กระท่มุ นา้ (ภาคกลาง); กาตมู (เขมร–ปราจนี บุรี); ตา (ส่วย–สุรนิ ทร์); ถม่ พาย (เลย); ทอ่ ม ขห้ี มู (สงขลา); ทอ่ มนา (สุราษฎรธ์ านี); โทมนอ้ ย (เพชรบรู ณ์) ไม้ต้น สูง 8–15 ม. หูใบรูปขอบขนาน ยาว 1–1.5 ซม. มีสันกลาง ใบรปู ไขห่ รอื รปู รี ยาว 5–16 ซม. มีตุ่มใบเป็นขน เสน้ แขนงใบเรียงจรดกัน ก้านใบยาว 1–2.5 ซม. ชอ่ ดอกเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5–2 ซม. มขี น ใบประดบั ยอ่ ยรปู เส้นด้าย ยาว 2–3 มม. หลอดกลบี เลี้ยงยาว ประมาณ 1.5มม.ปลายจักตื้น ๆ หลอดกลบี ดอกยาว 3–4 มม. กลบี รูปสามเหลี่ยมยาว 2.5–3.5มม. โคนดา้ นในมขี น กา้ นชูอบั เรณสู ้ัน อับเรณยู าวประมาณ 2 มม. รังไขเ่ กลี้ยง ก้านและยอดเกสร เพศเมยี ยาว 6–7 มม. ช่อผลเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 1.3–1.8 ซม. ผลยอ่ ยรูปไข่ ยาวประมาณ 5 มม.

69พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี กระพ้จี รนั่ ชือ่ วงศ์ FABACEAE ช่ือสามัญ – ชอ่ื อื่น จน่ั , ปี๊จ่ัน ไมต้ น้ ขนาดกลาง สงู 8–20 ม. เปลือกสเี ทาหรือน้าตาลเทา แตกเป็น สะเกด็ เลก็ ๆ ตามกง่ิ มรี อยแผลทวั่ ไป เรือนยอดทรงกลม โคนตน้ เปน็ พพู อน ใบเปน็ ใบประกอบแบบขนนก เรียงเวียน มีใบย่อยหลายใบ แผน่ ใบ รปู รีแกมขอบขนาน ปลายใบทู่ โคนใบ มนหรือสอบเบ้ียวเลก็ น้อย ขอบเรียบ หลังใบสเี ขยี วเขม้ ท้องใบสีจางกวา่ ใบแกเ่ กลย้ี ง มีขนประปรายตามเส้น กลางใบดา้ นล่าง ดอกรูปดอกถัว่ สขี าว ปนมว่ ง ออกดอกเปน็ ชอ่ ตามงา่ มใบ ผลเปน็ ฝักแบน โคนใบแคบกว่าปลาย เปลอื กเกลี้ยงหนาคล้ายแผ่นหนัง ขอบเปน็ สนั เมล็ดสีน้าตาลดา

70 Plant s in Valaya กร่าง ชอื่ วงศ์ MORACEAE ช่ือสามัญ Banyan Tree, Bar, East Indian Fig ช่ืออ่นื ไทรทอง, ลุง, ฮา่ งขาว, ฮา่ งหลวง, ไฮดา เป็นไมต้ น้ ขนาดใหญ่ ใบเป็นใบเดย่ี ว เรียงเวียน รูปรี หรอื รูปไขแ่ กมรปู ขอบขนานกวา้ ง 4–10 ซม. ยาว 10–15 ซม. ปลายมนติง่ แหลมสนั้ ๆ โคนค่อนข้างมน ขอบเรียบ แผน่ ใบหนา กา้ นใบยาว 2.5–3.2 ซม. หใู บรูปใบหอก 2 อัน โคนช่อดอกยังมี ใบประดับขนาดเลก็ ยาวประมาณ 5 มม. อกี 3 ใบ รองรับช่อดอก และตดิ อยู่กบั ผล ช่อดอกมรี ปู รา่ งคล้ายผล คือมีฐานรองดอกเจริญ แบบผลมะเดื่อ รูปไข่ ยาว 1.5–2.5 ซม. ผลสุกมีสีเหลอื ง สว่ นท่ีเป็น เนือ้ ของผลคือฐานรองดอกท่ขี ยาย

71พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี

72 Plant s in Valaya กลว้ ย ชือ่ วงศ์ MUSACEAE ชอ่ื สามัญ Banana ชือ่ อืน่ มะลิออ่ ง, ยาไข่, สะกุย ไมล้ ม้ ลุกอายหุ ลายปีหรอื ออกผลครัง้ เดียว (monocarpic) เจริญดา้ นขา้ งจากเหง้า ลาตน้ เทียม ประกอบด้วยกาบใบ ใบขนาดใหญ่ ก้านใบยาว ช่อดอกหรือปลีกลว้ ย ออกที่ยอดตง้ั ขึน้ หรือห้อยลง ใบประดบั หลากสี ชว่ งโคนเป็นดอกเพศเมยี ท่ีเกสร เพศผเู้ ป็นหมันหรือดอกสมบูรณเ์ พศ ชว่ งปลายเปน็ ดอกเพศผู้ท่ีเกสรเพศเมีย เปน็ หมนั ดอกสว่ นมากเรยี ง 1–2 แถว กลบี รวมไม่สมมาตร เรยี ง 2 วง วงละ 3 กลีบ วงใน 1 กลีบแยกออก 2 กลบี เชอ่ื มติดกนั เปน็ หลอด แยกจรดโคนด้านเดยี ว ปลายจกั ต้นื ๆ 5 จกั เกสรเพศผู้ 5 อัน รังไขใ่ ตว้ งกลีบ มี 3 ช่อง ออวุลจานวนมาก ตดิ แบบควา่ พลาเซนตารอบแกน ผลสดมหี ลายเมล็ด เมลด็ แขง็

73พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี กลว้ ยพดั ชอ่ื วงศ์ STRELITZIACEAE ช่ือสามัญ Snow banana ชือ่ อื่น กลว้ ยโทน (น่าน); กลว้ ยนวล (ภาคเหนือ); กล้วยศาสนา (เชียงใหม)่ ; กล้วยหวั โต (กรงุ เทพฯ); อะแพละ (กะเหรย่ี ง–แมฮ่ อ่ งสอน) ไมล้ ม้ ลุก สูงได้ถงึ 5 ม. ลาตน้ เดย่ี ว โคนแผ่กวา้ ง มจี ุดสีดาม่วงกระจาย น้ายางสเี หลอื ง อมส้ม ใบกว้าง 50–60 ซม. ยาว 1.4–1.8 ม. ปลายยาวคล้ายหาง แผน่ ใบเกล้ียง กา้ นใบส้ัน ช่อดอกรูปกรวย ห้อยลง ยาวไดถ้ งึ 2.5 ม. ใบประดบั สีเขียว ด้านในมีนวล แตล่ ะใบประดับ มี 10–20 ดอก กลีบรวมท่ีเชือ่ มตดิ กนั ยาวประมาณ 2.5 ซม. ปลายแยก 3 แฉก กลบี รวมที่ แยกกันรูปหวั ใจ สน้ั กวา่ กลีบรวมที่เชอ่ื มตดิ กนั ปลายเปน็ ตง่ิ ผลสกุ สีมว่ งเขม้ มีนวล รูปขอบ ขนานแกมรปู ไขก่ ลับ ยาวได้ถึง 9 ซม. เมลด็ สดี า ผิวเรียบ เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 1–1.2 ซม.

74 Plant s in Valaya กะตงั ใบ ชอ่ื วงศ์ VITACEAE ชื่อสามัญ Common tree–vine ชอ่ื อน่ื กะตังใบ (ท่ัวไป); คะนางใบ (ตราด); ชา้ งเขงิ (เงี้ยว); ดังหวาย (นราธวิ าส); ตองจ้วม, ตองตอ้ ม (ภาคเหนอื ); บงั บายตน้ (ตรัง) ไมพ้ มุ่ รอเล้อื ย หรือไม้ต้น สงู ไดถ้ ึง 7 ม. กง่ิ มชี ่องอากาศ หูใบมปี ีกรูปไขก่ ลบั ยาวไดถ้ งึ 6 ซม. ใบประกอบ 1–3 ชั้น ใบประกอบย่อยมีไดถ้ งึ 4 คู่ แกนกลางยาว 9–70 ซม. กา้ นยาว 7–34 ซม. ใบย่อยรปู ไข่ แกมรูปขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาวได้ถงึ 30 ซม. ขอบจกั ซฟ่ี ัน กา้ นใบยาว 0.2–2 ซม. ชอ่ ดอกส่วนมากยาวได้ถึง 27 ซม. แผก่ วา้ ง ก้านช่อดอกยาวได้ถงึ 10 ซม. ดอกสีเขยี วออ่ นหรืออมเหลอื ง ก้านดอกยาว 0.5–1.5 มม. กลบี เลย้ี งรูปถ้วยยาวประมาณ 2 มม. ปลายจักตนื้ ๆ กลบี ดอกยาว 3–4 มม. แฉกลึก ประมาณก่งึ หน่งึ หลอดเกสรเพศผู้ทเี่ ป็นหมนั ยาว 1.2–2.2 มม. โคนแยกกัน กา้ นชอู ับเรณู ยาวประมาณ 1 มม. กา้ นเกสรเพศเมียยาว 1–2 มม. ผลจักเปน็ พูเล็กนอ้ ย เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 0.9–1 ซม. ผลแก่มีสนี า้ ตาลแดง

75พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี

76 Plant s in Valaya กนั เกรา ชื่อวงศ์ GENTIANACEAE ช่อื สามญั Tembesu ชื่ออ่นื กันเกรา (ภาคกลาง); ตะมะซ,ู ตามูซู (มาเลย์–ภาคใต)้ ; ตาเตรา (เขมร– ภาคตะวนั ออก); ตาเสา, ทาเสา (ภาคใต้); มันปลา (ภาคเหนือ, ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ) ไมต้ ้น สูงได้ถึง 30 ม. เปลือกแตกเป็นรอ่ ง หูใบ ยาว 1–2 มม. ใบเรียงตรงข้าม รปู รี รูปขอบขนาน แกมรูป ไขห่ รอื รูปไข่กลับยาว7–11ซม.ปลายแหลมหรือยาวคล้าย หาง เสน้ แขนงใบขา้ งละ 5–9 เส้น ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ ยาว 4–12 ซม. ก้านชอ่ ยาว 2–6.5 ซม. กา้ นดอกยาว 3–6 มม. กลีบเล้ียง 5 กลีบ ยาว 2–3 มม. ปลายกลีบกลม ดอกรปู แตร สีครีมเปลยี่ นเป็นสีเขม้ กอ่ นรว่ ง หลอดกลีบดอกยาว 0.7–1.2 ซม. กลบี รปู ขอบขนาน ยาว 5–8 มม. พบั งอ กลับ เกสรเพศผู้ 5 อนั ย่ืนพ้นปากหลอดกลบี ดอก กา้ นชูอับเรณูแผ่กว้าง ยาว 1.5–2 ซม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 6 ซม. ยอดเกสรเพศเมียรูปโลห่ รอื จัก 2 พู ผลสด มีหลายเมล็ด เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 5–8 มม. เมื่อ สกุ มีสเี หลืองหรอื อมแดง ปลายมีติง่ แหลม เมล็ดขนาด ประมาณ 1 มม. เป็นเหลี่ยม

77พรรณไม้ในมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี กุหลาบมอญ × ชอื่ วงศ์ ROSACEAE ชื่อสามญั Damask Rose, Summer Damask Rose ช่อื อนื่ ยส่ี ่นุ เปน็ ไม้พมุ่ ลาต้นสงู ได้ถงึ 2.5 ม. มีหนามมากและมีขนแขง็ แซม ใบเปน็ ใบประกอบ แบบขนนกปลายค่ี ร่วงงา่ ย หูใบมักมีขอบจกั แนบกับก้านใบประกอบ มใี บย่อย 3–7 ใบ สเี ขยี ว อมเทา รูปไข่ถงึ รปู รี ปลายแหลมหรอื ป้าน โคนมน ขอบจกั ใต้ใบมขี นเล็กน้อย ดอกเปน็ ช่อ เชงิ หลน่ั ออกทป่ี ลายยอด ดอกอยู่รวมกันเปน็ กระจุก 3–5 ดอก กลิ่นหอม เส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 5 ซม. ก้านดอกเรียว กลีบเล้ยี งปลายเรยี วแหลม ร่วงง่ายหลงั ดอกบาน มีต่อมขน ทางด้านนอก กลีบดอกซอ้ นสีชมพู มีเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมียจานวนมาก ฐานดอกสีแดง รูปไขก่ ลับ ยาวประมาณ 2.5 ซม. มีขนแข็ง

78 Plant s in Valaya แกว้ ชื่ออวงศ์ RUTACEAE ช่อื สามัญ Andaman Satinwood, Chinese Box Tree, Moxk Orange, Orange Jasmine ช่อื อน่ื กะมูนงิ (มาเลย์–ปัตตาน)ี ; แก้ว, แกว้ ขาว (ภาคกลาง); แก้วข้ีไก่ (ยะลา); แกว้ พริก, ตะไหลแกว้ (ภาคเหนือ); แกว้ ลาย (สระบรุ ี); จา๊ พรกิ (ลาปาง) ไม้พุ่มหรอื ไมต้ ้นขนาดเล็ก สงู ไดถ้ งึ 10 ม. ใบประกอบชน้ั เดียว เรียงเวียน กา้ นใบไมม่ ีปกี ใบย่อยมี 3–9 ใบ เรยี งสลับระนาบเดยี ว รูปไขก่ ลบั ยาว 2.5–7 ซม. โคนเบ้ียว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกส้นั ๆ ตามปลายก่ิง กลบี เล้ยี ง 5 กลีบ เชอ่ื ม ติดกนั ท่โี คน รปู ไขห่ รือรปู ขอบขนาน ยาวไดถ้ งึ 2มม. ตดิ ทน กลบี ดอก 5 กลบี รูปขอบขนานแกมรปู ไข่ กลับ ยาว 1–2 ซม. เรียงซ้อนเหล่ือม ฐานดอกรปู วงแหวน เกสรเพศผู้ 10 อัน ยาวไมเ่ ท่ากนั ยาวประมาณก่งึ หน่ึงของกลีบดอก รังไขม่ ี 2–5 ชอ่ ง แต่ละชอ่ งมีออวุล 1–2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียยาว ประมาณ 7 มม. ยอดเกสรรูปโล่ ผลสดมหี ลายเมลด็ รปู รี ยาว 1–2 ซม. สกุ สแี ดง มี 1–2 เมล็ด มขี น เหนียวหุ้ม

79พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี

80 Plant s in Valaya แกว้ เจา้ จอม ไมต้ น้ สงู ไดถ้ ึง 15 ม. ขอ้ พองเปน็ ปุ่ม ใบประกอบปลายคู่ กา้ นใบยาว 0.5–1 ซม. ใบย่อยมี 2–3 คู่ รปู ไข่กลับหรอื รปู รีกวา้ ง ปลายมนกลม โคนรูปลมิ่ กว้าง ไรก้ ้าน ช่อดอกแบบ ช่อกระจุก มี 3–4 ดอก ออกตามปลายกิ่ง กลีบเล้ียงขนาดเลก็ 5 กลีบ ดอกสฟี ้าอมม่วงหรอื ขาว มี 5 กลีบ รูปขอบขนานหรอื แกมรูปไข่กลบั ยาว 1–2 ซม. รวมก้านสนั้ ๆ เกสรเพศผู้ 10 อัน อบั เรณูตดิ ที่ดา้ นหลัง รังไข่ 2–5 ชอ่ ง เกสรเพศเมยี 1 อัน ผลแหง้ แตกรูปหวั ใจแบน ยาว 1.5–2 ซม. ปลายมีติง่ แหลม ขอบหนา 2 ข้าง สีเหลืองอมส้ม มี 1–2 เมล็ด เมล็ดมีเยอ่ื หุ้มสแี ดง

81พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี ชื่อวงศ์ ZYGOPHYLLACEAE ชื่อสามญั Lignum Vitae ชือ่ อื่น –

82 Plant s in Valaya โกงกางเขา ช่อื วงศ์ GENTIANACEAE ช่อื สามญั – ชอื่ อืน่ แกว้ มกุ ดา, ฝ่ามือผี, โพดา, คนั โซ,่ นางสวรรค์, นว้ิ นางสรรค์ เป็นไมพ้ ุ่มขนาดเล็ก ขนาดสงู ของลาต้น 60–80 ซม. เปลือกสนี ้าตาลอ่อนปนเทา ลาต้นเปราะหกั งา่ ย ใบค่อนขา้ งหนาสเี ขยี วออ่ น ขอบใบเรียบมีเยื่อบางๆ โดยรอบ ปลายใบ เป็นต่งิ แหลม ฐานใบแคบ กวา้ ง 3.5–5 ซม. ยาว 8–10 ซม. เส้นกลางใบนนู เด่นทางด้านล่าง ดอกสขี าวคลา้ ยดอกแก้ว มีกล่นิ หอมอ่อนๆ ออกเป็นช่อสั้นๆ ที่ปลายกิ่ง ช่อหน่ึงมีประมาณ 2–6 ดอก ดอกตูมสีน้าตาลอมแดง มีขนสนี า้ ตาลข้ึนอยหู่ ่างๆ กา้ นดอกส้ัน กลีบดอกมี 5 กลบี เช่อื มติดกนั ที่โคนดอกเป็นหลอด แล้วผายออกเปน็ รูปกรวยหงาย ปลายกลบี ดอกแยกออกเปน็ แฉกมีขนาดเท่ากนั ดอกบานเต็มท่มี ขี นาด 2–3.5 ซม.

83พรรณไม้ในมหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี โกสน ชอ่ื วงศ์ EUPHORBIACEAE ชอ่ื สามญั Croton, Variegated Laurel, Garden Croton ชอ่ื อื่น กรีกะสม, กรสี าเก, โกรตน๋ เป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงได้ถึง 15 ฟุต ใบอ่อนมีสีเขียว ใบแก่ บางส่วนจะเปลี่ยนเป็นสีอื่น ส่วนใหญ่จะเปล่ียนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง แล้วกลายเป็นสีชมพู ส้ม แดง และม่วงอมดาหรือสีเปลือกมังคุด ดอกออกเป็นช่อเล็ก ๆ บริเวณปลายยอดของก่ิง ดอกเพศผู้และเพศเมียแยกกันอยู่คนละช่อ ดอกเพศเมียจะออกก่อน ช่อหนึ่งจะมีประมาณ 10–20 ดอก กา้ นดอกสัน้ กลบี เล้ียง 5 กลีบ กลีบดอก 5–6 กลบี ปลายเกสร เปน็ 3 แฉก สว่ นดอกเพศผู้ ออกตามมาทีหลัง ผลกลมสเี ขียวอ่อน เม่ือแก่จะมสี มี ่วง คลา้ เกือบดา ผลแกเ่ ต็มทีจ่ ะแตก และดีดเมลด็ กระเดน็ ออกไป

84 Plant s in Valaya ขนุน ชือ่ วงศ์ MORACEAE ชอ่ื สามัญ Jackfruit Tree ชอื่ อนื่ บักม,ี่ บา่ หนุน, มะหนุน ไม้ต้น สูงได้ถงึ 45 ม. โคนต้นมพี พู อน แยกเพศรว่ มต้น น้ายางสขี าว ก่ิงมีช่องอากาศ หูใบรปู ขอบขนาน ยาว 4–20 ซม. หุ้มยอด มขี นยาว ใบเรียงเวียน ใบอ่อนขอบจักลึก 3–5 พู ใบแก่รปู รี หรือรูปขอบขนาน ยาว 13–60 ซม. ก้านใบยาวได้ถงึ 10 ซม. ช่อดอกเพศผู้แบบ ช่อเชงิ ลด ออกเด่ียว ๆ รูปทรงกระบอก ยาว 6–15 ซม. กา้ นชอ่ หนา ยาว 3.5–7.5 ซม. มขี นประปราย กลีบรวมเป็นหลอดสนั้ ๆ ปลายจกั ต้ืน ๆ 2 พู เกสรเพศผู้ 1 อัน ยาวประมาณ 1 ซม. ช่อดอกเพศเมียแบบชอ่ กระจุกแน่น ออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ รปู รี ก้านช่อหนา ยาว 4.5–12 ซม. มีขนประปราย กลีบรวมเปน็ หลอดส้ัน ๆ มีขนรูปลม่ิ แคบหรอื รูปเส้นดา้ ย ยาว 0.6–1.2 ซม. ยอดเกสรเพศ เมียแยก 2 แฉก ช่อผลรปู รกี ว้าง ยาว 6–17 ซม. ปลายกลีบรวมตดิ บนผนงั ชอ่ ด้านนอก มี 2 ขนาด ผนังช่อชัน้ กลางนุ่ม ผลยอ่ ยรูปรี ยาว 0.8–1 ซม.

85พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี ข่อย ช่ือวงศ์ MORACEAE ช่อื สามัญ Siamese rough bush, Tooth brush tree ชอ่ื อน่ื กกั ไมฝ้ อย (ภาคเหนอื ); ขอ่ ย (ทั่วไป); ซะโยเส่ (กะเหร่ยี ง–แม่ฮ่องสอน); ตองขะแหน่ (กะเหรี่ยง–กาญจนบรุ ี); สม้ พอ (เลย); สะนาย (เขมร) ไม้ต้น สูงไดถ้ งึ 15 ม. มกั แตกกอ หูใบยาว 3–5 มม. ใบรูปรี รูปไขก่ ลับ หรือรปู ขอบขนาน ยาวได้ถงึ 13 ซม. แผ่นใบสาก ขอบจักฟันเลอ่ื ย เส้นแขนงใบข้างละ 4–8 เสน้ กา้ นใบยาว 1–5 มม. ช่อดอกเพศผูแ้ บบช่อกระจกุ แนน่ เส้นผา่ นศูนย์กลาง 0.5–1 ซม. กา้ นช่อยาวได้ถึง 1.5 ซม. ดอกเกือบไรก้ ้าน กลบี รวมยาวประมาณ 2 มม. เกสรเพศผยู้ าวเท่า ๆ กลบี รวม ช่อดอกเพศเมีย กา้ นช่อยาวไดถ้ ึง 2 ซม. กลบี รวมขยายในผล ยาว 5–8 มม. มขี นส้ันนุ่ม ยอดเกสรเพศเมีย ขยายในผลยาวได้ถึง 1.2 ซม. ผลเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 6–8 มม. สุกสีเหลอื งอมส้ม

86 Plant s in Valaya ข้เี หลก็ ชอ่ื วงศ์ FABACEAE ชื่อสามญั Cassod Tree, Thai Copper Pod ชอ่ื อน่ื ขเ้ี หล็ก (ท่ัวไป); ข้ีเหลก็ แกน่ (ราชบรุ ี); ข้ีเหลก็ บ้าน (ลาปาง, สรุ าษฎร์ธานี); ขเ้ี หล็กหลวง (ภาคเหนอื ); ขีเ้ หล็ก ใหญ่ (ภาคกลาง); ผักจ้ีล้ี (เง้ยี ว–แมฮ่ อ่ งสอน); แมะขีเ้ หละ พะโดะ (กะเหรี่ยง–แม่ฮอ่ งสอน); ยะหา (มาเลย์–ปัตตาน)ี ไม้ตน้ สูงไดถ้ ึง 20 ม. หใู บรปู ลม่ิ แคบ ใบประกอบมใี บยอ่ ย 7–15 คู่ แกนกลางยาว 10–35 ซม. ก้านใบสนั้ ใบยอ่ ยรปู รี รูปขอบขนาน หรือแกม รูปไข่ ยาว 3–7 ซม. ปลายกลมหรือเว้าตื้น มตี ่ิงแหลม โคนกลม แผ่นใบ ดา้ นลา่ งมีขนสน้ั นมุ่ ชอ่ ดอกออกท่ปี ลายกิ่ง ยาวได้ถงึ 1 ม. ก้านดอกยาว 2–3 ซม. กลีบเล้ียงค่นู อกยาวประมาณ 5 มม. 3 กลีบใน ยาวประมาณ 9 มม. กลีบดอกรูปเกือบกลม ยาว 1.5–2 ซม. เกสรเพศผอู้ ันยาว 2 อนั ก้านชูอบั เรณยู าวประมาณ 1 ซม. อับเรณยู าว 6–7 มม. อันสน้ั 5 อนั ก้านชูอับเรณยู าว 2–4 มม. อบั เรณยู าว 5–6 มม. ลดรูป 3 อนั รังไขม่ ีขนสน้ั นุม่ ฝกั รปู แถบ แบน ยาว 20–30 ซม. รอยเช่อื มเป็นสนั นูน มี 20–30 เมล็ด

87พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี

88 Plant s in Valaya เขม็ ชื่อวงศ์ RUBIACEAE ช่อื สามัญ West Indian Jasmine ชื่ออื่น – ไม้พุ่มหรือไมต้ ้นขนาดเล็ก หูใบรว่ มปลายเรียว เปน็ ตงิ่ แหลม ใบเรียงตรงข้ามสลบั ต้ังฉาก ก้านใบ เป็นข้อ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุก ช่อเชิงหลั่น หรือ ช่อแยกแขนง ออกตามปลายกง่ิ กลีบเลย้ี ง 4 กลีบ หรือขอบเรยี บ ตดิ ทน ดอกรูปดอกเขม็ สว่ นมาก ปลายแยกเปน็ 4 กลีบ เกสรเพศผู้ 4 อัน ตดิ ท่คี อ หลอดกลีบดอก มักยื่นพ้นปากหลอด ก้านชูอบั เรณู สน้ั มาก อับเรณูตดิ ด้านหลังใกลโ้ คน รงั ไข่ใต้วงกลีบ มี 2 ชอ่ ง แตล่ ะช่องมอี อวุล 1 เมด็ พลาเซนตารอบ แกนร่วม ยอดเกสรเพศเมียแยก 2 แฉก รปู เสน้ ดา้ ย บานออก ยนื่ พน้ ปากหลอด ผลผนังช้ันในแขง็ มี 2 ไพรนี

89พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี คนทีสอ ชื่อวงศ์ LAMIACEAE ชอื่ สามัญ Indian Privet. Indian Wild Pepper, Milla ชื่ออื่น คนที คนทสี อขาว คนุ ตีสอ ดอกสมุทร ดินสอ เทียนขาว มอู เพิ่ง สีสอ สเี สอ้ื น้อย ไม้พ่มุ ขนาดกลาง สงู 2–6 ม. ใบเปน็ ใบ ประกอบ มี 1–3 ใบยอ่ ย แผน่ ใบรปู รีหรอื รปู ไข่ กลับ กว้าง 1.2–4 ซม. ยาว 2.3–7 ซม. ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรียบ ใบย่อยใบ กลาง มักมีขนาดใหญก่ วา่ ใบยอ่ ยคู่ข้าง ช่อดอก เปน็ ช่อแยกแขนง ออกเป็นช่อท่ีปลายกิ่ง ยาว 4–15 ซม. ดอกสขี าวอมม่วง กลบี เลีย้ ง 5 กลบี เชื่อมตดิ กนั ท่ีฐานเป็นรปู ระฆัง กลีบดอก 5 กลีบ โคนเชือ่ มติดกนั ปลายแยกเปน็ รูปปากเปิด เกสรเพศผู้ 4 อนั ผลเกอื บกลม ขนาด 5–7 มม. สีเขยี วเมื่อแก่เปลยี่ นเปน็ สีน้าตาล

90 Plant s in Valaya คนทีเขมา ช่ือวงศ์ LAMIACEAE ช่ือสามญั Five–Leaved Chaste Tree, Chinese Chaste, Indian Privet, Negundo Chest Nut ชื่ออ่นื กุโนกามอ, กูนงิ ผีเสอ้ื ดา ไมพ้ ุม่ สูง 1–3 ม. เปลอื กต้นเรยี บสนี ้าตาลเข้มหรือดา กิง่ อ่อนรปู สี่เหลี่ยม มขี นประปราย ใบประกอบแบบน้วิ มอื เรียงตรงขา้ ม กา้ นใบยาว 3–7 ซม. มใี บย่อย 5 ใบ รูปใบหอกหรอื รปู รี กว้าง 1–4 ซม. ยาว 1–10 ซม. ปลายแหลมหรือเรียวแหลม โคนมนหรือสอบเรียว ขอบจักฟนั เลอื่ ยหรอื เรียบ แผน่ ใบคล้ายกระดาษ ดา้ นบนสเี ขียวเขม้ มขี นหรือเกล้ียง ดา้ นล่างสเี ทา มีขนสนั้ และตอ่ มกระจาย อยู่ทั่วเสน้ แขนงข้างใบข้างละ 5–10 เส้น ก้านใบย่อย ของใบยอ่ ยกลางยาว 5–15 มม. ก้านใบย่อยอื่นยาว 5–10 มม. ดอกออกเปน็ ช่อคลา้ ยชอ่ กระจกุ หรือชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามปลายยอด ช่อดอกยาว 10–20 ซม. ก้านช่อดอกยาว 2–5 ซม. ใบประดบั รูปแถบ ยาว 1–3 ซม. ด้านดอกยาว 1–3 มม. กลีบเลย้ี งสเี ขยี วอ่อนรูปถว้ ย ยาว 1.5–2.5 มม. ดา้ นนอกมขี นสั้นสีขาว กา้ นในเกล้ียง ปลายแยก 5 แฉก แต่ละแฉกรูปสามเหลย่ี ม กลบี ดอกสีม่วงมแี ต้มสีเหลือง รูปกรวย หลอดกลบี ดอกยาว 1–4 มม. ดา้ นนอกมีขนสัน้ ด้านในมีขนสีขาว ปลายแยกเป็นแฉกบนและแฉกลา่ ง แฉกบนจานวน 2 แฉก รูปสามเหล่ยี ม กว้างประมาณ 2 มม. แฉกลา่ งจานวน 3 แฉก รูปกลม กวา้ ง 1–2 มม. ยาว 1.5 – 2 มม. ขอบหยักมน เกสรตวั ผู้ จานวน 4 เกสร ก้านชูอบั เรณู ยาว 3–6 มม.ที่โคนมีขนสขี าว รงั ไขอ่ ยู่เหนอื วงกลีบ รปู รหี รือรูปกลม ผลรปู กลม เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 5–10 มม.

91พรรณไมใ้ นมหาวทิ ยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี

92 Plant s in Valaya ครสิ ติน่า ชื่อวงศ์ MYRTACEAE ชือ่ สามัญ Australian Rose Apple, Brush Cherry Lily Pilly ชอื่ อืน่ – เป็นไม้พ่มุ ทรงกระบอกหรอื พีระมดิ สูง 5–10 ม. ลาต้นสนี า้ ตาล ใบรูปขอบขนาน แกมรปู ใบหอก ปลายใบแหลม ใบอ่อนสชี มพูแดง ดอกออกเป็นช่อกระจกุ สขี าว ผลมเี นื้อคลา้ ยผลชมพู่

93พรรณไม้ในมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จงั หวัดปทุมธานี คดั เคา้ ชือ่ วงศ์ RUBIACEAE ช่อื สามัญ Siamese Randia ชอื่ อน่ื คดั เคา้ เครอื , คดั เค้าหนาม, เคด็ เค้า, พญาเทา้ เอว ไม้รอเล้ือยหรือไม้พุ่ม แตกกิ่งก้านไม่เป็นระเบียบ ปลายก่ิงก้านมีสีเขียว มหี นามโคง้ แข็ง ออกเปน็ คู่ตามขอ้ ใบเดีย่ ว เรียงตรงข้าม รปู รี แกมรูปขอบขนาน กว้าง 4–5 ซม. ยาว 6–12 ซม. ปลายแหลม โคนสอบ ขอบเรยี บ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกดอกตาม ซอกใบและปลายกิ่ง ดอกสขี าวนวลแกมสเี หลอื ง มีกลน่ิ หอมแรง กลีบเลยี้ งโคนเช่ือมตดิ กัน ปลายแยกเปน็ 5 แฉก ปลายแหลม กลีบดอกโคนเช่อื มติดกันเปน็ หลอดสัน้ ปลายแยก เป็น 5 แฉก กว้าง 1.5–2 ซม. เกสรเพศผ้มู ี 5 อนั เกสรเพศเมยี รปู กระสวย สีขาว ผลแบบผลมีเน้ือเมล็ดเดียว ทรงกลมรี สีเขียว เมื่อแก่สีดา ขนาด 1–1.5 ซม. ปลายผลมีรอยแผลนนู เปน็ วง เมลด็ ขนาดเล็ก มีจานวนมาก

94 Plant s in Valaya แคนา ชอื่ วงศ์ BIGNONIACEAE ชื่อสามัญ – ชื่ออ่ืน แคเกต็ ถวา, แคขาว (Chiang Mai); แคต้ยุ (Northern); แคทราย (Nakhon Ratchasima); แคนา (Central); แคแน (Northern); แคป่า (Lampang, Loei); แคฝอย, แคฝา (Northern); แคพูฮอ่ (Lampang); แคยาว (Prachin Buri); แคหยุยฮอ่ , แคแหนแห้ (Northern); แคอาว (Prachin Buri) ไมต้ ้น สงู ได้ถงึ 20 ม. ใบประกอบยาว 12–35 ซม. มีใบย่อย 3–5 คู่ รูปรหี รือรปู ไขก่ ลับ ยาว 5–14 ซม. ขอบใบจักห่าง ๆ โคนเบ้ียว ก้านใบ ยาว 0.5–1.3 ซม. ชอ่ ดอกยาว 2–3 ซม. ก้านดอก ยาว 1.8–4 ซม. กลบี เล้ยี งเปน็ กาบ ยาว 4–5 ซม. หลอดกลบี ดอกยาว 6–10 ซม. ปลายบานออก รูประฆัง ยาว 5–8 ซม. เกสรเพศผูย้ าว 3–5 ซม. เกสรเพศผู้ทเ่ี ป็นหมันยาวประมาณ 1 ซม. รังไข่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. กา้ นเกสรเพศเมียยาวไดถ้ ึง 12 ซม. ผลรปู แถบ บดิ งอ ยาวได้ถึง 85 ซม. เมลด็ รปู สีเ่ หลี่ยม ยาว 2.2–2.8 ซม. รวมปีกบางใส

95พรรณไม้ในมหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จงั หวดั ปทุมธานี แคบา้ น ชื่อวงศ์ FABACEAE ชื่อสามัญ Agasta, Sesban, Vegetable Humming Bird ช่อื อื่น : แค, แคบ้านดอกแดง, แคขาว (ภาคกลาง), แคแดง (เชยี งใหม)่ เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถงึ ขนาดกลาง แตกกง่ิ ก้านสาขาไมเ่ ปน็ ระเบียบ ความสูง ประมาณ 3–10 เมตร เนอื้ ไม้อ่อน ท่ีเปลือกตน้ เปน็ สีนา้ ตาลปนเทา เปลือกหนาและมรี อย ขรขุ ระ แตกเปน็ สะเกด็ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรยี งสลับ มีใบยอ่ ยขนาดเล็กรูปขอบ ขนาน ปลายใบมนกว้าง ขอบใบและแผน่ ใบเรียบ ใบสเี ขยี ว กว้างประมาณ 1–1.5 ซม. และ ยาวประมาณ 3–4 ซม. ดอกคลา้ ยดอกถัว่ ออกดอกเป็นชอ่ บริเวณซอกใบ 2–3 ดอก ดอกมี กลน่ิ หอม ดอกเป็นสขี าวหรอื สแี ดง มกี ้านเกสรตวั ผู้สีขาวอยู่ 60 อนั กลีบเล้ียงเปน็ รปู ระฆงั หรอื รปู ถว้ ย มีลักษณะเป็นฝกั กลมยาว มีความยาวประมาณ 8–15 ซม. ผสมเกสรโดยนก ฝักแก่จะแตกออกเป็น 2 ซีก และมีเมลด็ อยดู่ า้ นใน ฝักแคมีสเี ขยี วออ่ น สามารถรบั ประทาน เปน็ อาหารได้ เมล็ดแคบา้ น มีลกั ษณะเหมือนลิ่ม เมลด็ กลมแปน้ สีน้าตาล มีหลายเมล็ด

96 Plant s in Valaya แคฝรกงั่ ชอ่ื วงศ์ FABACEAE ชอ่ื สามัญ Madre de Cacao, Quick Stick ช่อื อ่นื – แคฝร่งั เป็นตน้ ไมข้ นาดกลางที่ สงู ได้ถึง 10–12 ม. เปลอื กไม้มี ลักษณะเรียบ สมี ีต้งั แต่เทาออกขาว ไปจนน้าตาลแดงเข้ม ใบเลี้ยงคู่ยาว ไดถ้ งึ 30 ซม. แตล่ ะใบมีใบยอ่ ยยาว ประมาณ 2–7 ซม. กว้างประมาณ 1–3 ซม. ดอกอยสู่ ่วนปลายของกง่ิ ท่ไี มม่ ีใบ ดอกมสี ีชมพสู ว่างไปจนถงึ ม่วงออ่ นแซมขาว ที่ฐานของดอก มกั มจี ดุ สเี หลืองอ่อน ผลของแคฝร่ัง มีลักษณะเปน็ ฝัก ยาวประมาณ 10–15 ซม. ขณะท่ยี ังไม่สกุ จะเปน็ สเี ขยี ว และจะกลายเปน็ สีน้าตาล เหลืองเมื่อสุก ฝักหนึ่งมเี มล็ดกลม สีน้าตาลอย่ภู ายในประมาณ 4–10 เมล็ด

97พรรณไมใ้ นมหาวิทยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี แคแสด ชอื่ วงศ์ BIGNONIACEAE ชื่อสามญั African Tulip Tree, Fore Bell, Fountain Tree, Nandi Flame, Pichkari ช่อื อน่ื แคแดง, แคแสด, ยามแดง (กรุงเทพฯ) ไม้ต้น สงู 10–25 ม. มีหูใบเทียม ใบประกอบช้ันเดียว เรียงตรงข้ามสลบั ต้งั ฉาก ยาว 30–40 ซม. มีใบย่อย 4–8 คู่ รปู รีถงึ รูปขอบขนาน ยาว 5–15 ซม. โคนเบี้ยว มกั มตี อ่ ม 1 คู่ ก้านใบย่อยสน้ั มากเกือบไร้กา้ น ชอ่ ดอกคล้ายช่อกระจุกแยกแขนง ออกท่ปี ลายก่งิ ดอกสสี ้ม กา้ นดอกสั้น กลีบเล้ียงเป็นกาบ ยาว 4–6 ซม. เปน็ สนั ปลายมจี ะงอย มขี นละเอียด ดอกรูประฆงั กวา้ ง หลอดกลีบดอกยาว 8–12 ซม. ปลายแยกเปน็ 5 กลีบ ต้ืน ๆ ยาวประมาณ 1.5 ซม. ขอบกลีบเป็นคล่ืน เกสรเพศผู้ 4 อนั รงั ไข่มี 2 ชอ่ ง ยอดเกสรเพศเมียจกั 2 พู ผลแห้งแตก รูปขอบขนาน ยาว 10–25 ซม. ปลายแหลม ผิวมีสนั แตกออกด้านเดียวรูปเรอื เมล็ดจานวนมาก มีปกี บางล้อมรอบ

98 Plant s in Valaya จจง๋ั ญจป่ี ่ ุน ชื่อวงศ์ ARECACEAE ชือ่ สามัญ Lady Palm, Bamboo Palm ชือ่ อน่ื จง๋ั , เท้าสาน, หมากญ่ปี ุ่น เป็นปาล์มแตกกอ ลาต้นขนาด 1.5–2.5 ซม. สูงไดถ้ งึ 3 ม. ตามลาตน้ มีแผน่ ใยหยาบ ๆ สนี า้ ตาลเข้มคลุมอยู่บางๆ ใบรูปฝ่ามือ จักเป็นใบยอ่ ย 4–10 ใบ แผป่ ระมาณครึ่งวงกลม ใบย่อยแขง็ ปลายใบทู่ ชอ่ ดอกออกระหว่างกาบใบ ผลกลม ขนาด 0.5 ซม.