Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานวิจัย-การพัฒนารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า - อ.ไพสิฐ

รายงานวิจัย-การพัฒนารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า - อ.ไพสิฐ

Published by E-books, 2021-03-02 03:49:06

Description: รายงานวิจัย-การพัฒนารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า-ไพสิฐ

Search

Read the Text Version

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 187 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แนวทางเร่ืองข้าวโพดว่าจะมีทางออกอย่างไร มีการจัดการเผาค่อนข้างดี อาทิ การชงิ เผา การสร้างแนวกันไฟ การ เฝ้าระวังราดตระเวน มีเร่ืองของการทาฝาย มีท้องถ่ินสนับสนุนกองทุน ตอนน้ีขาดแค่พื้นที่พูดคุยกัน ทาให้ความ เป็นเครือข่ายออ่ นลง ดงั นั้น จึงมีข้อเสนอในการริเร่ิมพูดคุยกันในระดับหมู่บ้าน ระดับตาบล จนทาให้เกิดเครือข่าย และพ้นื ทีก่ ารทาแผน จวบจนการบรู ณาการกบั หนว่ ยงานภาครัฐ ตลอดจนเวทีปรกึ ษาหารอื กนั ในระดับจังหวดั 5.4.5 ความสาเรจ็ และอปุ สรรคในการดาเนินงานแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพน้ื ท่ีลุ่มนา้ ลี้ตอนบน ในด้านความสาเร็จในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนท้ังการจัดงบประมาณให้คนในชุมชนได้ตระหนักถึง ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จัดชุดเดินเท้าหมู่บ้านละ 10-20 คน คอยสังเกตการณ์ไฟป่าซ่ึงมีประสิทธิภาพในการ จัดการปัญหาไฟป่ามากกว่าท่ีหน่วยงานท้องถ่ินใช้รถดับเพลิงเป็น 10 คัน เพราะไม่สามารถเข้าไปในพื้นท่ีได้ ไม่มี ถนนเข้าป่า คนจึงสาคัญกว่าโดยท่ีผ่านมาต้องวางกาลังคนไว้ทุกหมู่บ้านทุกผืนป่าในการดูแลป่า และเพ่ือให้เกิด ความย่ังยืนต้องวางแผนเตรียมการไว้ก่อน มีการเดินเท้า มีการสังเกตการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อมีไฟชาวบ้านจะ เข้าไปดับ แม้หลายครั้งพบว่าเกิดไฟลามมาจากเขตอื่น ท้ังน้ีสาหรับผลการจัดการไฟป่าถ้าดูจากค่า hotspot พบว่าในปี 2561 มจี านวนจุดความร้อนลดลงจานวน 3 จุด

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 188 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 189 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั อยา่ งไรก็ตาม การจัดการปัญหาโดยความร่วมมอื ของชาวบ้านน้นั แมจ้ ะทาให้ลดปัญหาไฟปา่ หมอกควันใน พนื้ ท่ไี ปไดม้ าก แตอ่ ปุ สรรคปญั หาในการดาเนินการเรอ่ื งนี้ก็มีหลายประการ ไดแ้ ก่ 1) ชาวบ้านยังต้องการเผาในช่วง 60 วนั ห้ามเผา ผู้นาชุมชนตอ้ งทาข้อตกลงร่วมกันกับชุมชนและเชือ่ มกบั หนว่ ยงานท้องที่ และทอ้ งถนิ่ ใหม้ ารบั รเู้ พือ่ ไมใ่ หช้ าวบา้ นทาผิดกฎหมาย 2) ที่ผ่านมายังไม่มีแผนการทางานที่ต่อเนื่องชัดเจน หน่วยงานรัฐเข้ามาถ่ายรูปกันแค่ปีล่ะคร้ังแล้วก็กลับ การทางานแบบต่อเน่ืองยังไม่มี เช่น การทาแผนชุมชน การวางแผนการมีส่วนร่วมของชาวบ้านเป็นไปในแบบ ฉาบฉวย ทาให้การมสี ว่ นร่วมมนี ้อยหรือเขา้ ไปทาในขณะท่ชี าวบา้ นไมพ่ ร้อม 3) ในพนื้ ที่ยังขาดงบประมาณในการดาเนินงานเพ่ือให้เกิดความต่อเนื่อง ทั้งงบในการลาดตระเวน การทา แนวกันไฟ ซึ่งท่ีผ่านมางบประมาณท่ีได้รับการอุดหนุนไม่เพียงพอ เช่น ใช้คน 40 คน ทาการลาดตระเวน ทาแนว กันไฟได้ 10 กิโลเมตร ในขณะที่ มีแผนในการป้องกันว่าจะขยายออกไป 15-20 กิโลเมตร แต่ไม่มีงบประมาณ เพียงพอ 4) เครอื ข่ายฯ มีโอกาสพบปะพุดคยุ กันไม่มากเนอื่ งจากขาดงบประมาณสนบั สนุนกจิ กรรม 5) ขาดเวทีปรกึ ษาหารอื ร่วมกันระหวา่ งหน่วยงานท่ีเกีย่ วขอ้ งในพน้ื ที่ บทเรียนการทางานท่ีสาคัญคือ ต้องถ่ายทอดแผนร่วมกันทั้งหมดแล้วออกแบบหาแนวทางร่วมกัน ถ้า สามารถวางแผนร่วมกันได้ชาวบ้านจะมีเวลาเตรียมตัวทางานร่วมกัน ไม่ใช่เพียงประกาศ 60 วันอันตรายห้ามเผา ท้ังที่ชาวบ้านเคยมีการอนุรักษ์รักษาป่ามาอย่างยาวนาน ในขณะท่ี บางหมู่บ้านผู้ใหญ่บ้านสั่งห้ามนาของออกจาก ป่าแม้แต่ไม้ไผ่ลาเดียวก็ไม่ได้ จึงทาให้พ้ืนท่ีป่าบริเวณนั้นอุดมสมบูรณ์มากแต่หากต้องการนาไม้มาสร้างบ้านนั้น อนุญาตให้ทาได้จึงทาให้เกิดปัญหาตามมาคือการตัดไม้ทาลายป่า ในส่วนการจัดการไฟที่ชาวบ้านช่วยกันควบคุม รักษาไว้ หากมีหน่วยงานรฐั ให้ความสาคัญจะส่งผลใหเ้ กิดขวัญกาลังใจแก่คนในหมู่บ้านรวมถึงอาจพัฒนาเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวไดใ้ นอนาคต 5.4.6 ข้อเสนอแนะต่อแนวทางการดาเนนิ งานและการบูรณาการความร่วมมือ 1) เพ่ือให้การจัดการปัญหามีประสิทธิภาพและยั่งยืน จาเป็นต้องให้เกิดความร่วมมือในระดับเครือข่าย และมีข้อตกลงร่วมกัน เช่น ก่อนท่ีจะประกาศห้ามเผาชาวบ้านจะทาอะไร เพื่อที่จะตอบสนองนโยบายและ ตอบสนองการเพาะปลูกของชาวบ้านด้วย เพราะที่ผ่านมาหลายครั้งชาวบ้านเป็นแพะเพราะเจ้าหน้าท่ีซุ่มจับ ชาวบ้านเพื่อผลงาน ส่วนใหญ่การประชุมประจาเดือนส่วนใหญ่เปน็ การรับคาสง่ั ไม่ได้คุยการมีข้อตกลงร่วมกันจาก ทกุ ฝา่ ยจะลดปัญหาความขัดแยง้ และนาไปสู่แนวทางการแกป้ ญั หาท่ีมีประสิทธิภาพ 2) เครือข่ายแก้ไขปญั หาไฟปา่ และหมอกควันในพ้ืนที่ลุ่มน้าล้ีตอนบน ควรจะประกอบดว้ ยองค์ประกอบที่ หลากหลาย ทั้งจาก ชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น ท้องท่ี กลุ่ม ทสจ. ภาคเอกชน องค์กรสนับสนุนจากภายนอก เช่น มูลนธิ พิ ฒั นาภาคเหนอื เป็นตน้ การมีสว่ นร่วมตอ้ งไม่ใชฝ่ า่ ยใดฝ่ายหน่งึ ท่ีพร้อม แต่ต้องเปน็ ทุกฝา่ ยท่ีมสี ่วนเกี่ยวขอ้ ง

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 190 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ในเรอ่ื งนนั้ ๆเขา้ มามีส่วนรว่ ม ตอ้ งถ่ายทอดแผนรว่ มกันท้ังหมดแล้วออกแบบหาแนวทางร่วมกนั ถา้ สามารถวางแผน ร่วมกันได้ ในอนาคตทุกภาคส่วนก็จะเข้ามามีส่วนร่วมกันและคนข้างนอกก็จะมีความเข้าใจชาวบ้านมากยิ่งข้ึน เพ่ือให้เกิดกระบวนการการทางานในการขับเคลื่อนปัญหาร่วมกันจากทุกภาคส่วนและเพื่อสร้างความร่วมมือใน ระดับพื้นท่ี 3) เครือข่ายฯ ต้องมีแผนการทางานท่ีต่อเนื่องชัดเจน ควรเปิดพ้ืนท่ีให้คนในชุมชนได้วางแผนก่อนว่ามี ปญั หาอะไร ตอ้ งการแก้ไขอย่างไร เพื่อสร้างแนวทางร่วมกนั หากไม่ให้เผาป่าแล้วจะทาอยา่ งไร ต้องมีแนวทางแก้ไข ใหช้ าวบา้ น ถา้ หญ้าขน้ึ จะทาอย่างไร จะสง่ เสริมด้านเศรษฐกจิ หรอื ไม่ ต้องร่วมกนั คิดช่วยกนั หาวธิ กี าร 4) ควรมีการบูรณาการงบประมาณให้ท่ัวถึง บางท่ีอาจจะไม่มีงบประมาณแต่เป็นการแบ่งปันเงินเก็บเล็ก ผสมน้อยร่วมกันจัดกิจกรรม ท้ังนี้ท้องที่กับท้องถิ่นยังไม่เปิดใจเข้าหากัน อาจจาเป็นต้องมีตัวกลางเข้ามาชวนคิด ชวนคุยว่าจะขบั เคลอื่ นอย่างไร 5) การก่อรูปเป็นเครือข่ายระดับจังหวัดนั้น ควรมีการจัดตั้งเครือข่ายตาบลเริ่มจากจุดเล็กๆ และขยายไป ยังหมบู่ า้ น และตาบลอ่ืนๆ จะมีประสทิ ธภิ าพมากกวา่ และสามารถดแู ลผนื ปา่ มากกวา่ หน่งึ หม่นื ไรข่ น้ึ ไป ใหเ้ กิดเป็น รปู ธรรมและยอมรับจากชาวบา้ นและคอ่ ยๆมารว่ มเป็นเครอื ข่ายในระดับจังหวดั 6) ควรให้ภาครัฐเข้ามาดูแลใส่ใจในปัญหาระดับพ้นื ที่มากขึ้น เช่น การเข้ามาทาวิจัยว่าทาไมเผาป่า ทาไม ปลูกขา้ วโพด การให้ชาวบ้านเลกิ การปลกู ขา้ วโพด แล้วจะนาไปสู่ช่องทางหารายไดอ้ ื่นอยา่ งไรในระยะยาว 7) ควรมีการให้เงินรางวัล หรือเกียรติบัตร หรือให้ค่าอาหารกลางวันในการร่วมกันทางานเพื่อสร้าง แรงจูงใจอีกทางหนึ่ง หรือสนับสนุนในแต่ละกิจกรรมไป ในฐานะชาวบ้านอยู่ในพื้นที่เร าอยากเห็นการใช้ งบประมาณอย่างคุ้มค่า เกิดความรว่ มมือช่วยเหลือแก้ไขระหว่างกัน เชน่ ในทุกหมบู่ า้ นมกี ารจดั การปา่ แตพ่ ื้นท่ีการ รับผิดชอบอาจแตกต่างกัน อย่างพ้ืนท่ีหมู่ 11 ไม่มีป่าให้ดูแลปกครอง ต้องไปดูแลปกครองและใช้ประโยชน์กับหมู่ 10 บางหมู่ก็เป็นเจ้าของพื้นที่และดูแลป่าร่วมกัน นัยหนึ่งเราต้องมีการวางแผนที่ชัดเจน ชาวบ้านจะเห็นถึง ความสาคญั 8) สร้างโมเดลชุมชนต้นแบบความร่วมมือวางแผนและดึงหน่วยงานท่ีอยู่ในแผนเข้ามามีส่วนร่วม และ สนับสนนุ งบประมาณให้พ้นื ที่ 9) ควรเปิดพื้นท่ีใหส้ ่อื มวลชลเข้ามามสี ว่ นรว่ มในการสร้างความเข้าใจ และประชาสมั พนั ธก์ ารทางานของ เครือขา่ ยฯ เพือ่ ให้ส่อื หยบิ ยกข้อมลู และขอ้ เทจ็ จรงิ ในการนาเสนอ

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 191 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั บทที่ 10 บทสรปุ ข้อเสนอแนะ โครงการพัฒนารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควันภาคเหนือ ซ่ึงดาเนินงานในปี 2561 น้ัน นอกจากจะมุ่งเน้นสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายความรู้ร่วมเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพในการจัดการของ เครือข่ายเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่าแล้ว ยังเป็นไปเพ่ือศึกษาวิเคราะห์ รูปแบบการสร้างเครือข่าย บทเรยี นต่างๆ ในการดาเนินงานด้านไฟปา่ หมอกควันของทกุ ภาคสว่ นในพ้ืนทภี่ าคเหนือ และพนื้ ทบี่ ูรณาการความ ร่วมมือในการเฝ้าระวังไฟป่าหมอกควัน รวมถึง วิเคราะห์ปัญหาความรุนแรงของพื้นท่ีเส่ียง และเสนอแนะวิธีการ นาไปขยายผลสู่พน้ื ที่อื่นๆ ในภาคเหนอื ซึง่ จะนาไปสกู่ ารขยายผลเพ่อื พัฒนารปู แบบการสร้างเครือขา่ ยอาสาสมัคร เฝา้ ระวงั ไฟป่าลดหมอกควันและดาเนนิ การในพ้นื ทอี่ ่นื ๆ ให้เกดิ ขึ้นได้อยา่ งกว้างขวาง ซงึ่ ภาพรวมในการทางานพบ บทเรียน เงื่อนไข และขอ้ เสนอแนะทเ่ี ก่ยี วข้องดังตอ่ ไปน้ี 10.1 เงอ่ื นไขและปจั จยั การเพิ่มประสทิ ธภิ าพในการบรหิ ารจดั การไฟปา่ หมอกควนั การบริหารจัดการไฟป่าหมอกควัน โดยรูปแบบการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนในการเฝ้าระวังไฟป่า ลด หมอกควัน ภาคเหนือ นับเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะชุมชนที่อยู่รอบพ้ืนที่ป่าเกิดความ ตระหนักรู้และเข้ามามสี ว่ นรว่ มดาเนินงาน บทเรียนจากการดาเนินงานสร้างเครอื ข่ายเฝา้ ระวังไฟปา่ ลดหมอกควนั ภาคเหนือในปี 2561 ค้นพบว่าเง่ือนไขและปัจจัยการเพ่ิมประสิทธิภาพในการบริหารจัดการไฟป่าหมอกควัน ประกอบดว้ ย 1) องค์กรในการจัดการ 2) ความรู้ 3) ระบบสนบั สนุน 4) ความร่วมมอื และการจัดการรว่ ม 10.1.1 องคก์ รในการจดั การ การบริหารจัดการไฟป่าหมอกควัน ควรต้องมีการจัดองค์กรที่หลากหลายองค์ประกอบ กล่าวคือ จากเดิม เป็นรูปแบบองค์กรเชิงเด่ียว บางพ้ืนที่มีหน่วยงานภาครัฐดาเนินการ หรือบางพื้นท่ีมีองค์กรชาวบ้านจัดการตัวเอง โดยลาพัง เปลี่ยนมาเปน็ “เครือข่ายความร่วมมือ” ระหว่างองค์กรชุมชน และภาคีที่เก่ียวข้องหลายฝ่าย พร้อมท้ัง

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 192 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั จัดความสัมพันธ์ วางบทบาทท่ีเหมาะสม มีกลไกท่ีประสานความร่วมมือท้ังภายในและภายนอกเชื่อมโยงกับภาค ส่วนอ่นื ๆได้ ทั้งน้ี องคก์ รในการบรหิ ารจดั การไฟปา่ หมอกควนั ที่มปี ระสทิ ธภิ าพควรมลี กั ษณะดงั นี้ 1) เปน็ องคก์ รการจดั การไฟป่าหมอกควนั ตามแนวคดิ การจดั การทรัพยากรร่วม หากประยุกต์จากแนวคิดการจัดการทรัพยากรร่วม (Common-Pool Resources) ของ Elinor Ostrom องค์กรในการจัดการทรัพยากรที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพน้ัน จาเป็นต้องมีกฎกติกาในการบริหารจัดการ โดยหลกั การออกแบบกตกิ าในการจัดการให้เกดิ ประสทิ ธิภาพ มี 8 ประการ ได้แก่ ประการแรก ความชัดเจนของขอบเขต (Boundaries)ขอบเขตในที่น้มี ี 2 ส่วนคือ (1) ขอบเขตเกี่ยวกบั ผู้ใช้ คือ ชุมชนที่ประสบความสาเร็จในการจัดการทรพั ยากรสามารถแยกแยะกันเองในชุมชนได้วา่ ใครคือคนท่ีมหี รือไม่มี สิทธ์ิในทรัพยากรน้ัน และ (2)ขอบเขตของทรัพยากรคือ ทรัพยากรท่ีถูกจัดการน้ันมีขอบเขตชัดเจน สามารถ แยกแยะไดร้ ะหวา่ งขอบเขตของระบบทรพั ยากรที่ชมุ ชนดแู ลกบั ระบบนิเวศเชิงสงั คมที่ใหญ่กวา่ นน้ั ประการท่ีสอง ความสอดคล้อง (Congruence) มี2 ส่วนเช่นกัน คือ (1) ความสอดคล้องระหว่างกติกาวา่ ด้วยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากร และบารุงรักษาระบบทรัพยากรกับเงื่อนไขทางสังคมและส่ิงแวดล้อมในพื้นท่ี (2) ความสอดคลอ้ งกนั ระหว่างประโยชนท์ ี่สมาชกิ จะไดต้ ้องสอดคลอ้ งกบั ต้นทนุ ที่ลงไปด้วย ประการที่สาม คนส่วนใหญ่ท่ีได้รับผลจากการจัดการทรัพยากรมีสิทธ์ิร่วมตัดสินใจและปรับปรุงกฎกติกา ในการจดั การทรัพยากร (Collective Choice Arrangements) ประการท่ีสี่ การสอดส่องดูแล (Monitoring) มี 2 ส่วนดังนี้คือ (1) มีการสอดส่องดูแลพฤติกรรมการใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรและการบารุงรักษาระบบทรัพยากรของผู้ใช้ทรัพยากรว่าเป็นไปตามกติกาที่วางไว้หรือไม่ และ (2) มีการสอดสอ่ งดแู ลสภาพของทรัพยากรอยา่ งสม่าเสมอ ประการที่ห้า การลงโทษอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Graduated Sanctions) คือ หากสอดส่องดูแลแล้วพบผู้ กระทาผดิ การลงโทษในครั้งแรกๆ จะค่อนขา้ งเบามาก ในขณะท่ีการลงโทษผู้กระทาผิดละเมดิ กฎซา้ ซากจะมีความ รุนแรงเพม่ิ ขึ้น ประการท่ีหก มีกลไกในการจัดการความขัดแย้ง (Conflict Resolution Mechanisms) ชุมชนท่ีประสบ ความสาเร็จในการจัดการทรพั ยากรจะมีกลไกในการจัดการความขัดแย้งระหว่างผู้ใชก้ ันเองหรอื ผู้ใชก้ บั เจ้าหน้าที่รัฐ ท่ีรวดเรว็ และมีต้นทุนต่า ประการที่เจ็ด รัฐบาลรับรู้และให้สิทธ์ิแก่ผู้ใช้ทรัพยากรในการวางกติกาการใช้และจัดการทรัพยากร (Minimal Recognition of Rights)

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 193 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ประการที่แปด กติกาและการจัดการทรัพยากรเช่ือมโยงและสอดคล้องกับระบบที่ใหญ่กว่า (Nested Enterprises) ท้ังน้ีเน่ืองจากระบบทรัพยากรและการจัดการทรัพยากรเองก็ต้ังอยู่และเช่ือมโยงกับระบบนิเวศเชิง สังคมท่ีใหญ่กว่านน้ั ระบบการจัดการและกตกิ าจึงจาเป็นตอ้ งสอดคล้องกบั ระบบที่ใหญ่กวา่ 2) เป็นองค์กรการจัดการหลายระดับ ตั้งแตร่ ะดบั พน้ื ที่ ระดบั อาเภอ และระดับจงั หวดั องค์กรการจัดการไฟป่าหมอกควันควรมีหลายระดับต้ังแต่ระดับพื้นท่ี ระดับอาเภอ และระดับจังหวัด สาระสาคัญของการจัดระดับองค์กรอยู่ที่การกระจายอานาจการจัดการ กล่าวคือ ควรเป็นการกระจายอานาจการ จดั การให้กับองค์กรระดับปฏบิ ัติการ โดยเฉพาะองค์กรปฏบิ ัติในระดับพ้ืนทค่ี วรเปน็ หลักในการวางแผนและบริหาร จัดการปัญหาระดับพน้ื ที่ โดยองคก์ รสนับสนุนในระดบั จังหวดั ทาหน้าท่สี นับสนนุ อยา่ งแทจ้ ริง “การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กรในการจัดการไฟป่าหมอกควัน คือ การกระจายอานาจการจัดการลง ไปสู่พ้นื ที่ หมายถึงองค์กรปฏิบัติจะต้องเป็นแกนหลักในการจัดการและมีอานาจในการวางแผนการจัดการ ในขณะ ท่ีองค์กรสนับสนุนเป็นกองหนุนอย่างแท้จริง ไม่ติดกรอบราชการและกรอบงบประมาณ รูปธรรมท่ีชัดเจนควรมี กฎหมายเพื่อรองรับอานาจการจัดการของท้องถิ่น เช่น พรบ. ป่าชุมชน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร จัดการโดยการกระจายอานาจให้กับชุมชนท้องถ่นิ ในการจัดการปัญหาในระดบั พน้ื ท่ี” (เดโช ไชยทัพ มลู นธิ ิเพ่อื การ พัฒนาท่ยี ัง่ ยืน,27 มถิ นุ ายน 2561) 3) องค์กรมีแผนการจัดการและเป้าหมายท่ีชดั เจน สอดคลอ้ งกนั ในทกุ ระดบั องค์กรจัดการไฟป่าหมอกควันต้องสามารถกาหนดเป้าหมายและมีการวางแผนในการจัดการไฟป่าหมอก ครัน โดยสามารถกาหนดเปา้ หมายและแผนเป็นระยะ ตง้ั แตร่ ะยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งน้ี ส่ิงสาคัญคือ เป็นการวางแผนที่มาจากระดับเล็กๆหรือมาจากองค์กรปฏิบตั ิในพน้ื ท่ี กล่าวคือ องค์กรหรือเครือข่ายปฏิบตั ิการไฟ ป่าในพ้ืนที่เป็นแกนสาคัญในการกาหนดเป้าหมายและจัดทาแผนการจัดการในพ้ืนที่ ในขณะเดียวกัน องค์กร สนับสนุนในระดับต่างๆควรให้การยอมรับและสนับสนุนต่อแผนการจัดการที่เกิดข้ึนมาจากพ้ืนท่ีมากกว่าเป็นการ กาหนดแผนการจดั การจากขา้ งบน ทงั้ น้ีเพื่อใหแ้ ผนการจดั การบรรลุเป้าหมายในการจัดการควรไดร้ ับการสนับสนุน งบประมาณตามแผนการจดั การของพ้นื ที่ “การจัดการไฟป่าหมอกควันที่ผ่านมาจะพบว่าองค์กรปฏิบัติไม่ได้คิดแผน ไม่ได้เชื่อมโยงแผนกันอย่าง ชัดเจน ชาวบ้านเองก็ยังขาดความรู้ในการจัดทาแผน ในขณะท่ีหน่วยสนับสนุนให้ชาวบ้านจัดทาแผนก็ยังไม่ค่อย เกิดข้ึน แผนการจัดการจึงมาจากจังหวัด มาจากหน่วยงานมากกว่า ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการ องค์กรระดบั ปฏบิ ัตกิ าร หรอื เครอื ขา่ ยชาวบ้านควรเป็นหลกั ในการคิดแผนการจัดการใหไ้ ด้ ในขณะเดยี วกนั องค์กร สนับสนุนทัง้ หลายก็ทาหนา้ ที่เปน็ กองหนนุ อยา่ งแท้จริง” (เดโช ไชยทัพ มูลนิธิเพ่อื การพัฒนาท่ีย่ังยนื ,27 มิถุนายน 2561)

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 194 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 4) องคก์ รมีรปู แบบของการจดั การไฟป่าหมอกควนั ท่ีหลากหลายตามบรบิ ทพ้นื ที่ องค์กรในการจัดการไฟป่าหมอกควันมีรูปแบบการจัดการไฟป่าท่ีหลากหลายตามบริบทพื้นท่ี และตาม ระบบนเิ วศ เช่น การชิงเผาในป่าผลัดใบ โดยเฉพาะป่าเต็งรัง เบญจพรรณเป็นป่าที่ติดไฟได้ง่ายโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ชาวบ้านจึงจัดการโดยใช้วิธีชิงเผาเพ่ือลดการสะสมของเช้ือเพลิง ลดความรุนแรงของไฟป่าในฤดูแล้ง ส่วนวิธีการ เผาจะเลือกจุดไฟให้ไหม้จากสันดอนลงมาถึงลาห้วย เพราะการเผาจากที่สูงลงมาท่ีต่าทาให้ไฟลุกลามได้ชาและ ควบคมุ ไฟได้ โดยมักจะใชช้ ่วงเวลาบ่ายถงึ เย็นเพ่ือการจดั ควบคุมเวลาไหมข้ องไฟกอ่ นคา่ คือการถางทาความสะอาดพื้นที่ให้โล่งเตียนเป็นแนวยาวเพ่อื กาจัดเศษเชื้อเพลิง แนวกันไฟจะสกัดไม่ให้ ไฟที่เกิดขึ้นจากพื้นทด่ี า้ นหนึ่งลุกลามเขา้ ไปยงั พื้นท่ีอีกฟากหน่ึงเพราะไม่มีเชอ้ื เพลงิ ทาให้ไฟไหมอ้ ยู่ภายในขอบเขต ท่ีกันไฟไว้จนหมดเชอื้ เพลิงและดบั ไปเอง การลาดตระเวนไฟ ชุมชนท่ีมีการจัดการไฟป่าจะมีการตั้งคณะกรรมการทาหน้าท่ีควบคุมดูแลไฟป่า ช่วง ฤดูแล้งคณะกรรมการดังกล่าวจะจัดเวรยามออกลาดตระเวนตรวจไฟป่าอย่างสม่าเสมอ สมาชิกในชุมช นจะ ผลัดเปลย่ี นหมนุ เวียนกนั ทาหน้าท่ีอยา่ งเป็นระบบ การป้องกันและดับไฟ ในปา่ ไม้ผลัดใบ เช่นป่าดบิ เขาซึ่งมักถูกกันเขตไวเ้ ป็นป่าอนุรักษ์หรือป่าต้นน้าลาธาร ของชมุ ชน ปา่ ประเภทนี้เป็นระบบนิเวศท่ีไม่คุ้นเคยกับไฟ มีซากพชื ซากสัตว์ทับถมในปริมาณมากหากเกิดไฟป่าจะ มีความรนุ แรงมาก กินเน้ือท่ีกว้างขวางและสรา้ งความเสียหายแก่ระบบนิเวศ ดังนนั้ วธิ ีการท่นี ามาใช้ป้องกันและดบั ไฟ ได้แก่ การทาแนวกันไฟ การปล่อยวัวเข้าไปกินหญ้าเพื่อลดเช้ือเพลิงในพ้ืนท่ีป่า การลาดตระเวนตรวจไฟ และ การช่วยกันดบั ไฟเม่อื เกดิ ไฟป่าข้นึ การปล่อยสัตว์เลี้ยงช่วยกาจัดเชื้อเพลิง อาทิ วัว ควายเข้าไปกินหญ้าในป่าเพื่อกาจัดเช้ือเพลิงเป็นวิธีการ ปอ้ งกันไฟป่าอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะสัตว์เลี้ยงเหล่าน้ีจะชว่ ยกาจัดเศษวัชพืชท่ีอาจเป็นเช้อื เพลิงของไฟป่าในฤดูแล้ง ได้ ลดความรุนแรงและความถข่ี องไฟลง การทาฝายชะลอน้า ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ หลายแห่งท่ีอยใู่ กล้ชิดป่าตระหนักดถี งึ ภาวะความแห้งแล้งท่ีเพิม่ มากขึ้น ทุกปี ดังนั้นเพื่อสร้างความชุ่มช้ืนให้กับผืนป่าด้วยการทาฝายชะลอน้าจึงเป็นวิธีการหน่ึงที่ช่วยลดปัญหาความ รุนแรงของไฟปา่ และความแหง้ แล้งได้

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 195 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 10.1.2 ความรู้ ความรู้ในการจัดการไฟป่าหมอกควัน ที่ผ่านมาพบว่ามีความหลากหลายแต่สิ่งสาคัญคือการขาดการ ยอมรบั ตวั องคค์ วามรู้เหลา่ นน้ั เพอ่ื นามาใชใ้ นการจัดการ สง่ ผลให้พน้ื ทีใ่ นการจัดการไฟปา่ ใชอ้ งคค์ วามรู้แตกต่างกัน ตามข้อตกลงและการยอมรับในแต่ละพื้นท่ี การเพ่ิมประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาไฟป่าหมอกควันจึงควรมี แนวทางดา้ นความรู้ ดงั นี้ 1) มกี ารยอมรบั ในองค์ความรูก้ ารจัดการไฟป่าหมอกควันทเ่ี กิดจากการบูรณาการท้งั ความรู้ในเรอื่ งระบบ นิเวศ สังคม สิทธิ สุขภาพ เศรษฐกิจ ไม่เพียงแต่ใช้ความรู้ใดความรู้หนึ่งในการจัดการและต้องมีการศึกษาวิจัย รูปแบบการจดั การไฟปา่ ท่ีเกดิ ประสิทธภิ าพเข้ามาเปน็ แนวทางในการจดั การ 2) มีการผสมผสานชุดความรู้ องค์ความรู้ในการจัดการไฟป่าและการจัดการทรัพยากรท่ีหลากหลาย กล่าวคือ ท้ังชุดความรู้จากภูมิปัญญาท้องถ่ิน ความรู้วิชาการ ความรู้เชิงเทคนิค ความรู้ด้านนโยบาย กฎหมายท่ี เกี่ยวข้องนามาใช้ในการจัดการไฟป่า หมอกควนั 3) มีหน่วยในการจัดการความรู้ลงไปสู่ชุมชน และมีหน่วยงานหรือภาคส่วนต่างๆเข้ามาศึกษาวิจัยรูปแบบ การจดั การ องค์ความรทู้ ่เี หมาะสมในการจดั การไฟป่าหมอกควันอย่างเปน็ ระบบ 4) เพ่ิมตัวช้ีวัดทางสังคมในการวัดประสิทธิภาพในการจัดการไฟป่าหมอกควันนอกเหนือจากตัวช้ีวัดทาง กายภาพ โดยมีการยกระดับตัวช้ีวดั เรื่องความเข้มแข็งของกลไกการจัดการในฐานะเปน็ เคร่ืองมือหรือตัวชี้วัดที่ช่วย เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการไฟป่าหมอกควัน มีการศึกษาประเมินผลความเข้มแข็งของกลไกการจัดการของ ชมุ ชน จากบทเรียนการดาเนินงานการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควัน ภาคเหนือ พบว่า สิ่งท่ีได้ ดาเนินการไป ไดแ้ ก่ การเสริมสร้างความรู้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทสังคมปัจจุบนั โดยมีการประยุกต์ชุด ความรู้สมัยใหม่ผสมผสานกับความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ามาจัดการ เช่น กฎหมายและนโยบายท่ีเกี่ยวข้อง ประสบการณ์การจัดการไฟป่าและหมอกควันในต่างประเทศ การใช้แผนที่และภาพถ่ายดาวเทียมตลอดจนระบบ สารสนเทศทางภมู ศิ าสตร์เปน็ เครื่องมอื ในการวเิ คราะห์ข้อมูล นอกจากน้ี ยงั ส่งเสริมและยกระดบั องคค์ วามร้ใู นการ จัดการไฟป่าหมอกควันของชาวบ้านให้เป็นท่ยี อมรับแก่หน่วยงานและสังคม ท้ังการชงิ เผาในป่าผลัดใบ การทาแนว กันไฟ การปล่อยสัตว์เล้ียงช่วยกาจัดเชื้อเพลิง การทาฝายชะลอน้า เพ่ือให้สามารถบรู ณาการรูปแบบวิธกี ารในการ จัดการไฟปา่ ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ “ความรใู้ นการจัดการไฟปา่ มีความหลากหลายตามลกั ษณะภมู นิ ิเวศ และควรได้รับการยอมรบั จากทกุ ฝ่าย ว่าการจัดการไฟป่าหมอกควันน้ันต้องอาศัยองค์ความรู้ท่ีหลากหลาย” (ดุลฤทธิ์ วรุณรัตน์ ผอ.ศูนย์ส่งเสริมการ ควบคมุ ไฟป่าภาคเหนอื ที่ 1, 25 มิถุนายน 2561)

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 196 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 10.1.3 ระบบสนบั สนนุ บทเรียนท่ีผ่านมาของการจัดการไฟป่าหมอกควันพบว่าระบบสนับสนุนที่ดีควรเป็นระบบสนับสนุนท่ี ต่อเนื่อง กล่าวคือ มีทั้งกองทุนการจัดการไฟป่าหมอกควัน มีการสนับสนุนด้านข้อมูลความรู้ การเช่ือมโยงภาคี นักวิชาการ นักธุรกิจภาคเอกชน การพัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ และการสร้างระบบติดตามประเมินผล ตลอดจนมี นโยบายสนับสนุนท่ีชดั เจน สอดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มด้านเศรษฐกิจ สังคม ระบบนเิ วศ 1) ระบบสนับสนุนตามมติของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ 8 วันท่ี 23 ธันวาคม 2558 (สานักงาน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ,2558) เรื่องทบทวนมตสิ มัชชาสุขภาพแหง่ ชาติ เร่ืองการจัดการปญั หาหมอกควันท่ี มผี ลกระทบต่อสุขภาพ เสนอใหม้ คี ณะกรรมการประสานความรว่ มมือสนับสนนุ การจดั การปัญหาหมอกควันและไฟ ป่าอย่างย่ังยืน โดยมีผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมเป็นประธาน และมีกรมส่งเสริมคุณภาพ สิ่งแวดล้อมเป็นฝ่ายเลขานุการโดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานหลัก ไดแ้ ก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมควบคุมมลพิษ สานักงานกองทุนส่ิงแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สานักงาน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สถาบันอุดมศึกษา มูลนิธิเพ่ือการ พัฒนาทีย่ ั่งยนื มูลนิธิสัมมาชีพ และผู้แทนภาคธุรกจิ เอกชน ผแู้ ทนชุมชน ท้องถ่ินและทอ้ งท่เี ปน็ คณะกรรมการ โดย มภี ารกิจดังตอ่ ไปนี้ - ประสานเช่ือมโยงเพื่อพัฒนาระบบและบูรณาการแผนการจัดการหมอกควันและไฟป่าในระดับภาคและ ระดับชาติ จัดทาแผนงานโครงการเพื่อสนับสนุนการทางานของคณะทางานระดับจังหวัดและพื้นที่รูปธรรม ตลอดจนประสานกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหาหมอกควันและไฟป่า เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมกระทรวง คมนาคม รวมถึงเชื่อมโยงและรายงานผลการดาเนินงานต่อศูนย์อานวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ระดับชาตแิ ละระดบั ภาค - สนับสนนุ ใหจ้ ดั ทาแผนปฏบิ ัติการเชงิ รุกท้ังดา้ นการป้องกันการเผชญิ เหตุ และการพฒั นาอย่างมสี ่วนร่วม และย่ังยืน ในทุกพืน้ ท่ีเสี่ยงในระดับจังหวดั รวมถึงสนับสนุนให้เกิดศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการหมอกควันและ ไฟป่าแบบบรู ณาการเพื่อขยายผล เป็นกลไกการถ่ายทอดความรู้สชู่ ุมชนและการสือ่ สารสาธารณะ -สนบั สนนุ ให้มกี ารบรู ณาการหน่วยงานทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ระบบขอ้ มูลสารสนเทศทางภมู ศิ าสตร์ ร่วมกันพัฒนา ระบบ โดยให้สานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานหลักในการ ดาเนินการเพ่ือให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้าถึงข้อมูลและนาข้อมูลไปใช้ในการบริหารจัดการ ติดตามเฝ้าระวังและ ประเมินผล

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 197 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั - สนับสนุนให้เกิดการวิจัยเชิงปฏบิ ัติการเพื่อปรับเปลี่ยนระบบการผลิตพชื เชิงเดี่ยวไปสู่ระบบการผลิตทาง เกษตรกรรมท่ีเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อมท่ีเหมาะสมตอ่ การลดปญั หาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่เกษตรและพื้นท่ีป่า โดยคานึงถึงความสามารถในทางเศรษฐกิจผลกระทบต่อวิถีชีวิต วัฒนธรรมภูมิปัญญา และปัญหาปากท้องของ ประชาชน พร้อมท้ังจัดทาข้อเสนอทางนโยบาย ระเบียบ กฎหมายให้สอดคล้องกับการแก้ไขปญั หาอย่างยั่งยืนเพื่อ เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สานักงานกองทุน สนับสนุนการวิจัย(สกว.) สานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนการทา วิจัยและสร้างนวัตกรรม เชน่ นาวัสดทุ เี่ หลอื จากการเก็บเกย่ี วมาสร้างมลู คา่ เพ่ิมเปน็ ต้น - จัดทาแผนงานโครงการความรว่ มมอื จากหนว่ ยงานภาครัฐภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการระดม การสนับสนุน การแก้ปัญหา และความช่วยเหลือทั้งงบประมาณ องค์ความรู้และอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนให้กลไก ดังกล่าว สามารถดาเนินการป้องกันและแก้ไขปญั หาระยะเร่งด่วน และการพฒั นาระบบการจัดการเชิงระบบได้ใน ระยะยาว - ส่งเสริมให้ความรู้ สร้างจิตสานึก และทักษะแก่เด็ก เยาวชนประชาชนและเอกชนทุกภาคส่วน ในการให้ ความร่วมมือแก้ไขปัญหาหมอกควนั และไฟป่าในพน้ื ท่ีอย่างเหมาะสม และประสานกับกระทรวงศึกษาธิการในการ ดาเนินการตลอดจนกรมประชาสัมพันธใ์ นการเผยแพรใ่ ห้ความรู้ - สนับสนุนให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องร่วมกับสถาบันวิชาการและภาคส่วนที่เก่ียวข้องศึกษายกร่างปรับปรุง และพัฒนากฎระเบียบ กฎหมาย รวมถึงการจัดตั้งกองทุน เพ่ือแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่าเพ่ือเสนอต่อการ พจิ ารณาของคณะรัฐมนตรี - ส่งเสริมและสนบั สนุนระบบการเฝา้ ระวังการติดตาม และการดูแลผลกระทบด้านสุขภาพทเี่ กิดจากหมอก ควันและไฟปา่ รวมทั้งเพม่ิ ความรคู้ วามสามารถในการดแู ลสขุ ภาพจากปญั หาหมอกควนั โดยเฉพาะพน้ื ทหี่ า่ งไกล ตามมติของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติคร้ังท่ี 8 วันท่ี 23 ธันวาคม 2558 (สานักงานคณะกรรมการสุขภาพ แห่งชาติ,2558) เสนอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินแต่งต้ังและสนับสนุนคณะทางานความร่วมมือในการ สนบั สนุนองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ และทอ้ งที่ องคก์ รชมุ ชนและเครอื ข่ายต่าง ๆ ให้มกี ารจัดทากฎหมาย ระเบียบ ข้อตกลงในระดับชุมชน และข้อบัญญัตขิ องท้องถน่ิ เพ่ือใหเ้ กิดระบบการบริหารจัดการและการป้องกันปัญหาหมอก ควันและไฟป่าในระดับพ้ืนท่ี รวมถึงการจัดระบบการดูแลอาสาสมัครและการจัดการทรัพยากรที่ดินป่าไม้ร่วมกับ หน่วยงานรัฐอย่างบูรณาการ โดยมีสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นผู้แทนองค์กรชุมชน ท้องถ่ิน ท้องท่ี และองค์กร สาธารณประโยชน์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม หน่วยงานและ เครือข่ายท่ีเก่ยี วข้องร่วมเปน็ คณะทางาน

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 198 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสานักงบประมาณ สานักงานตรวจ เงินแผ่นดนิ รว่ มกนั ในการพฒั นา ปรบั ปรุงระบบวธิ ีการงบประมาณ ระบบการตรวจสอบการใชจ้ า่ ยเงินงบประมาณ และเงินนอกงบประมาณที่เออ้ื ต่อการแก้ไขปญั หาหมอกควนั และไฟปา่ สอดคลอ้ งกบั แผนงานและจังหวะเวลาอย่าง คุม้ คา่ และมีประสิทธภิ าพของงบประมาณ ทั้งน้ใี ห้รีบดาเนินการใหแ้ ลว้ เสรจ็ ก่อนข้ึนปงี บประมาณต่อไป ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ประสานสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในระดับภาครัฐความร่วมมือของคณะทางานภาคประชาชนกลุ่มประเทศ อาเซียนรวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ เพ่ือให้เกิดการแลกเปล่ียนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์และการจัดทา แผนการป้องกันการแกไ้ ขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในกล่มุ ประเทศอาเซียน เสนอให้มีคณะทางานขับเคลื่อนพลังชุมชนแก้ไขปญั หาหมอกควันและไฟป่าระดับจังหวัดในทุกจังหวัดท่ีมี ปญั หาโดยมีผูว้ า่ ราชการจงั หวัดเปน็ ประธาน ผู้อานวยการสานกั งานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมจงั หวัดเป็น เลขานุการ โดยมีองค์ประกอบจากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องที่เสนอโดยคณะกรรมการประสานความร่วมมือสนับสนุน การจัดการปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างย่ังยืน ผู้แทนสมัชชาสุขภาพจังหวัด องค์กรเอกชนด้านการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม สถาบันการศึกษาในพ้ืนที่ ผู้แทนชุมชน ท้องถ่ินท้องท่ี และเครือข่ายท่ีเกี่ยวข้องในจานวนท่ีเหมาะสม เพอื่ ร่วมกันดาเนินงาน ดังน้ี - ประสาน บูรณาการและเชื่อมโยงแผนงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดเพื่อสนับสนุนการ แก้ไขปัญหาหมอกควนั และไฟป่า และรายงานผลการดาเนินงานต่อศูนย์อานวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอก ควันและไฟปา่ ระดบั จงั หวัด - สนับสนุนใหอ้ งค์กรชุมชน สภาองค์กรชุมชน เครือข่ายป่าชุมชนเครือขา่ ยสง่ิ แวดลอ้ มชมุ ชน เครือข่ายลุ่ม น้าและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มเครือข่ายและอาสาสมัครของหน่วยงาน และกลไกที่เกี่ยวข้องจัดทา แผนปฏิบัติการเชิงรุกท้ังด้านการป้องกัน การเผชิญเหตุ และการพัฒนาอย่างย่ังยืน ในพ้ืนท่ีเส่ียงให้เป็นพ้ืนท่ี รูปธรรมในระดับจังหวัด รวมทั้งสร้างศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการหมอกควันและไฟป่าแบบบูรณาการเพ่ือ ขยายผล และเปน็ กลไกการถา่ ยทอดความรู้สชู่ มุ ชนและการสือ่ สารสาธารณะในทุกระดบั - สนับสนุน เอ้ืออานวยให้เกิดการจัดทาแผนปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วมระดับชุมชน ตาบล อาเภอ และ จงั หวัด ท้งั แผนระยะสัน้ และระยะยาว รวมท้ังกาหนดใหเ้ ป็นตัวชีว้ ัดในระดับจังหวัด - สนับสนุนให้กาหนดมาตรการลดการเผาในพ้ืนทช่ี มุ ชน การจัดการเช้ือเพลิงในพน้ื ท่ีป่าของรฐั และเอกชน และพื้นที่เกษตร การจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์และเหมาะสม ให้เป็นรูปธรรมตามหลัก วชิ าการ

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 199 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั - ส่งเสริมองค์ความรู้ ทักษะ และสร้างจิตสานึกแก่ประชาชนและเอกชนทุกภาคส่วนในจังหวัดในการให้ ความรว่ มมือกนั แก้ไขปัญหาหมอกควนั และไฟปา่ ในพืน้ ที่อยา่ งเหมาะสมในระดบั จงั หวดั - ประสานให้ภาคเอกชนกาหนดมาตรการที่ชัดเจน รวมท้ังการสร้างนวัตกรรมเพ่ือใช้วัสดุท่ีเหลือจากการ เกบ็ เก่ยี วใหเ้ ป็นประโยชน์ 2) องค์กรสนับสนุนมีการกระจายอานาจการจัดการเพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นมีความคล่องตัวในการจัดการไฟ ปา่ หมอกควัน กล่าวคือ มีระบบสนับสนุนให้ชมุ ชนเป็นแกนหลักในการจัดการปัญหาไฟป่าหมอกควัน การกระจาย อานาจให้ชุมชนสามารถบรหิ ารจัดการในพื้นท่ี มีการวางแผนงานเอง และมีงบประมาณในการจัดการตามแผนงาน น้นั ๆ อย่างคลอ่ งตัว “การเพ่ิมประสิทธิภาพให้กับแผนการจัดการไฟป่าและหมอกควัน หน่วยสนับสนุนควรกระจาย งบประมาณเพื่อสนับสนุนให้เกิดแผนในระดับพื้นที่ปฏิบัติการ และสนับสนุนกองทุนการจัดการไฟป่าหมอกควันที่ ต่อเน่ือง ให้ชุมชนท้องถ่ินเป็นแกนในการจัดทาแผนและจัดการงบประมาณมากกว่าระบบงบประมาณท่ีต้องผ่าน จังหวัดทุกปี” (สัญญา ทุมตะขบ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชานาญการพิเศษ สานักงานส่ิงแวดล้อมจังหวัดลาพูน,29 มิถุนายน 2561) 3) มีระบบสนับสนุนที่เปิดช่องให้ภาคส่วนต่างๆนอกจากภาครัฐเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน เช่น ภาคธุรกิจ ภาคสงั คม เข้ามาหนนุ เสรมิ การทางานของกลไกการจัดการท้ังระดับพื้นท่แี ละระดบั นโยบาย โดยเฉพาะการรณรงค์ สนับสนุนให้เกิดกองทุนการจัดการไฟป่าหมอกควันโดยการหนุนเสริมจากภาคธรุ กิจและสังคมในรูปแบบธุรกิจเพื่อ สังคมหรือ SE (Social Enterprise) “มีความพยายามให้เกิดการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆจากภาคธุรกิจและภาคสังคม ทั้งจากกลุ่มธุรกิจ ใหญ่ๆ อย่างตลาดหลักทรัพย์ การบนิ ไทย สมาคมการท่องเที่ยวฯ สภาอุตสาหกรรม ให้เข้ามาสนับสนุนในฐานะผทู้ ี่ ได้รับผลกระทบ มีการรณรงค์รับบริจาคเพ่ือสมทบกองทุนการจัดการไฟป่า และการเสนอให้มี ระบบพี่เลี้ยงจาก 1 ภาคธุรกิจ 1 ชุมชน หรือ 1 วัด 1 ชุมชน หรือความพยายามในการผลักดันให้เกิดรูปแบบการสนับสนุนจากธุรกิจ เพ่ือสังคมหรือ SE (Social Enterprise)ซึ่งยังอยู่ในข้ันนโยบายมากกว่าการปฏิบัติ” (ดุลฤทธิ์ วรุณรัตน์ ผอ.ศูนย์ สง่ เสริมการควบคมุ ไฟปา่ ภาคเหนือท่ี 1, 25 มถิ นุ ายน 2561) ท้ังนี้ จากบทเรียนการดาเนินงานการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่าลดหมอกควัน ภาคเหนือ พบว่าการ พัฒนาระบบสนับสนนุ ทเี่ กดิ ขน้ึ บา้ งแล้ว ไดแ้ ก่

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 200 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั (1) การยกระดับศักยภาพชุมชนท้องถิ่นในการจัดการไฟป่าหมอกควัน โดยการจุดประกายให้ชาวบ้านเกิด ความตระหนักในปัญหา มีศักยภาพในการคิด วิเคราะห์ปัญหา สรุปบทเรียน และเกิดความเข้าใจร่วมกันในการ แสวงหาทางออกท่ไี ปในทิศทางเดียวกัน (2) การเสริมสร้างองค์ความรู้ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของพื้นท่ี สังคมปัจจุบัน ทั้งชุดความรู้ จากภูมิปัญญาท้องถ่ิน ความรู้วิชาการ ความรู้เชิงเทคนิค ความรู้ด้านนโยบาย กฎหมายที่เก่ียวข้องนามาใช้ในการ จดั การไฟปา่ หมอกควนั (3) สนับสนุนการพัฒนาระบบฐานข้อมูลท่มี ปี ระสทิ ธิภาพเพ่อื การตดั สนิ ใจร่วมกนั ของชมุ ชนท้องถิน่ (4) การขยายเครือข่ายและแนวร่วมในการจัดการไฟป่าหมอกควัน ระหว่างชุมชนต่างๆ ชุมชนใกล้เคียง และข้ามพ้ืนท่ีตาบลและจังหวัด ประสานงานกับภาคีหนว่ ยงานภาครัฐ นักวิชาการ คนในเมือง ตลอดจนสื่อมวลชน เพอื่ สรา้ งความเข้าใจทถ่ี ูกตอ้ ง (5) สนับสนุนการผลักดันในเชิงนโยบาย ให้ชุมชนมีส่วนร่วมกาหนดแผนหรือมาตรการแก้ไขปัญหาทั้งใน ระดับท้องถ่ินและระดับชาติ พร้อมกับการจัดสรรงบประมาณกองทุนไฟป่า ในการจัดการไฟป่าหมอกควันให้แก่ ชุมชนทอ้ งถิน่ 10.1.4 ความรว่ มมอื และการจดั การรว่ ม การจัดการร่วมเป็นกระบวนการจัดการระหว่างผู้มีส่วนไดส้ ่วนเสีย (stakeholders) หรือผู้มีส่วนเก่ียวข้อง เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพและความเท่าเทียมกันในการจัดการและเกิดการมีส่วนร่วมในการดาเนินการจัดการ ทรัพยากรระดับพื้นที่ มีกระบวนการจัดทาแผนความร่วมมือท่ีมาจากการมีส่วนร่วมหลายฝ่าย กล่าวคือ ความ ร่วมมอื เกิดข้ึนจากหลายกลุ่มองคก์ ร และเป็นท่ียอมรับกนั ในทุกระดบั โดยมีหลกั การสาคญั ดังนี้ 1) ตัง้ อยู่บนหลักการมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย โดยเน้นให้ประชาชนในท้องถ่ินมีส่วนร่วมในการ ตดั สินใจเลอื กแนวทางในการจดั การปัญหา 2) การมสี ่วนร่วมตัง้ อยบู่ นพ้นื ฐานของวฒั นธรรม ธรรมเนยี มปฏิบตั ขิ องท้องถิ่น และสภาพการณท์ แี่ ทจ้ ริง ของท้องถน่ิ ทั้งด้านทรพั ยากร เศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื ง 3) ต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการจัดการ โดยอาจมีการปรับปรุงระเบียบ ต่างๆ รวมทงั้ เปดิ โอกาสให้ชมุ ชน เขา้ มารว่ มในการวางแผน และการดาเนนิ การให้สามารถปฏิบัติตาม กฎระเบียบต่างๆไดด้ ขี ้นึ และลดค่าใชจ้ า่ ยในการดาเนินการ

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 201 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 4) ระดับการมีส่วนร่วมระหว่างชุมชนกับรัฐอาจจะแตกต่างกันไปตามสภาพปัญหาและความจาเป็น โดย เน้นให้มีการดาเนินการอย่างเป็นกระบวนการ เพื่อไปสู่ข้อตกลงร่วมกันท้ังในแง่กฎเกณฑ์ และวิธี ปฏิบตั ิ ทงั้ นี้ ในการสรา้ งเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่าลดหมอกควัน ภาคเหนอื ท่ีผา่ นมาได้ดาเนินการตามแนวทางการ จดั การร่วมในหลายกจิ กรรม ไดแ้ ก่ 1) การจัดเวทีสาธารณะในระดับพ้ืนที่ตาบล อาเภอ และจังหวัดเพื่อแลกเปล่ียนปญั หาและความต้องการ รว่ มกันของหลายฝา่ ยทีเ่ กยี่ วขอ้ ง 2) การปรับเปลี่ยนแนวทางการดาเนินงานเป็นเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาสังคม บูรณาการแผนความร่วมมือกันในระดบั จังหวัด 3) การยกระดับความสามารถของเครือข่ายองค์กรชุมชนในการจัดการไฟป่าหมอกควัน ท้ังด้านการจัดทา ข้อมูล แผนที่ ตลอดจนสร้างพน้ื ที่เรยี นรู้เรอ่ื งการจดั การไฟปา่ หมอกควัน 4) การจัดทาข้อบัญญัติท้องถิ่นด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ว่าด้วยการจัดการ ปัญหาไฟปา่ และหมอกควัน อย่างไรก็ตาม ข้อค้นพบจากการดาเนินงานในปีน้ีพบว่า รูปแบบความร่วมมือที่ควรได้รับการส่งเสริม เพ่อื ใหก้ ารบริหารจดั การไฟป่าหมอกควันมีประสิทธภิ าพ มีดงั น้ี 1) การมีส่วนร่วมในการจัดการไฟป่าหมอกควันเป็นเรื่องท่ีต้องมองควบคู่ไปกับสิทธิและอานาจของ ประชาชน โดยเฉพาะชุมชนท้องถ่ินในพื้นที่ปัญหา หมายความว่า ความสมดุลแห่งอานาจระหว่างรัฐกับชุมชนเป็น ปัจจัยหน่ึงของการสร้างประสิทธภิ าพในการบริหารจัดการ ต้องสร้างให้อานาจระหวา่ งรัฐกับชุมชนมีความสมดุล มี การต่อรองกันไดม้ ากข้ึน มองเห็นเป้าหมายเดียวกัน มองปญั หาคล้ายๆกันและหาทางออกร่วมกันได้ อย่างไรก็ตาม การจัดการร่วมไม่ได้หมายความว่าไม่มีความขัดแย้ง ในขณะเดียวกันเครือข่ายฯ ต้องจัดการความขัดแย้งท่ีเกิดขึ้น ให้ได้ การมีส่วนร่วมในการจัดการไฟป่าหมอกควันน้ัน ต้องร่วมกับชุมชนและทุกส่วนที่เก่ียวข้อง ร่วมกันตั้งแต่ กระบวนการคิดวางแผนการจัดการ ไปจนถึงมเี ป้าหมายร่วมกัน “การมีส่วนร่วมในการจัดการไฟป่าหมอกควันเป็นเรื่องที่ต้องมองควบคู่ไปกับสิทธิและอานาจของ ประชาชน” (เดโช ไชยทพั มลู นิธเิ พอ่ื การพัฒนาท่ียงั่ ยืน ,27 มถิ นุ ายน 2561) 2) ความร่วมมือในการจัดการไฟป่าหมอกควนั ควรเป็นความร่วมมือระดับภูมิสังคม กล่าวคือ แนวทางการ แก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันควรมีกลไกที่มาจากกระบวนการความร่วมมือในแบบภูมิสังคม หรือการจัดการร่วม ผ่านแนวคิดเรื่อง “แทนคุณนิเวศ” คือแนวคิดที่มองว่าปัญหาไฟป่าหมอกควันไม่ใช่เพียงเป็นเร่ืองของคนในพื้นที่

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 202 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั เท่านั้น หรือมองว่าสาเหตุของปัญหาหมอกควันแท้จริงแล้วคนทุกคนในสังคมมีส่วนทาให้เกิด ทุกคนต่างใช้ ทรพั ยากรรว่ มกันทั้งคนอยู่กับปา่ และคนในเมือง ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาจงึ ควรมกี ลไกทมี่ าจากกระบวนการ ความร่วมมือในแบบภูมิสังคม หรือการจัดการร่วมโดยการสร้างกลไกที่สามารถขับเคลื่อนเชื่อมโยงกันท้ังระบบ มี ฝ่ายปฏิบัตกิ ารและมีฝา่ ยสนับสนนุ เป็นเจา้ ภาพร่วมกัน มีการพฒั นากระบวนการในการแก้ไขปญั หาร่วมกันทั้งคนใน พื้นท่ี และคนในเมือง “ในการจัดการไฟป่าหมอกควนั เรามองว่าเจ้าภาพไม่ใช่แค่เพียงพี่น้องท่ีอยู่ในปา่ แตเ่ ปน็ กระบวนการความ ร่วมมือแบบภูมิสังคม เราจะไม่ปล่อยให้ประชาชนใกล้ป่าเป็นยามเฝ้าป่าอย่างเดียวโดยไม่ได้รับการหนุนเสริมจาก คนในเมือง ตามแนวคิดแทนคุณนิเวศคือทุกคนมาร่วมด้วยชว่ ยกันทั้งคนในปา่ และคนท่ีอยู่ในเมืองเพราะเรามองว่า สาเหตุของปัญหา และการใช้ทรัพยากรเกิดข้ึนจากทุกคนไม่ใช่เพียงชาวบ้านที่อยู่กับป่า การแทนคุณนิเวศจึงเป็น แนวทางท่ีต้องการแสวงหาแนวร่วมในการเข้ามาแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันอย่างเป็นระบบของคนในสังคมร่วม รบั ผิดชอบกนั ” (ดุลฤทธ์ิ วรณุ รตั น์ ผอ.ศนู ยส์ ่งเสรมิ การควบคมุ ไฟปา่ ภาคเหนอื ที่ 1, 25 มิถุนายน 2561) 10.2 ขอ้ เสนอแนะต่อทศิ ทางการขยายผลเครือขา่ ยความรว่ มมอื 10.2.1 ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบตั ิ 1) ผลักดันองค์ความรู้และรูปธรรมท่ีเกิดจากการดาเนินงานของเครือข่ายเฝ้าระวังไฟป่า ลดหมอกควัน ภาคเหนือ นาเสนอต่อหน่วยงานและทุกภาคส่วนท่ีเก่ียวขอ้ งเพื่อสรา้ งความเข้าใจตอ่ รปู แบบการดาเนินงานในแบบ เครือขา่ ยการมีส่วนรว่ มของภาคประชาชน ตลอดจนขยายผลใหพ้ ้นื ทีอ่ ืน่ ใช้เปน็ แนวทางในการบริหารจัดการปัญหา ไฟปา่ หมอกควันในพ้นื ที่ 2) หาแนวทางและวิธีการลดการใช้ประโยชน์จากป่าทางตรง โดยผ่านความร่วมมือจากทุกภาคส่วนท้ัง ภาครัฐ เอกชนและภาคสังคม เช่น จากภาคเอกชนเข้ามาส่งเสริมด้านการท่องเท่ียว ภาครัฐสนับสนุนด้านการ ส่งเสริมพัฒนาอาชีพเพ่ือเพิ่มรายได้แก่คนในชมุ ชน ภาคสังคมคนในเมือง สนับสนุนให้เกิดกลุ่มจิตอาสารณรงค์ด้าน สิง่ แวดล้อมในเมอื งเพ่ือลดการเกดิ ปญั หาทางออ้ ม 3) ขยายเครือข่าย “ยามเฝ้าป่า” ซึ่งเป็นคนในพ้ืนที่ให้เข้ามามีบทบาทการจัดการ และมาดูแลป่าโดยตรง พฒั นาศกั ยภาพใหก้ ับแกนนาในการจัดการไฟป่า ในขณะเดียวกัน ขยายเครอื ขา่ ย “กองหนุน” คนทั้งสงั คมทีม่ สี ่วน ในการใช้ทรัพยากรทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว กลุ่มคนในเมือง สร้างกลไกท่ีสามารถ ขบั เคลื่อนเชอ่ื มโยงกนั ท้งั ระบบ

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 203 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 4) ปลุกกระแสความรับผิดชอบต่อปัญหาส่ิงแวดล้อมร่วมกันผ่านแนวคิดแทนคุณนิเวศ และปัญหา ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ ให้คนในเมืองหนั มาช่วยกันลดหมอกควนั จากคนในเมอื งดว้ ย 10.2.2 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 1) ในทางนโยบายมีการจัดทาข้อเสนอที่ค่อนข้างครอบคลุมไวใ้ น มตสิ มัชชาสุขภาพคร้ังที่ 8 กรมส่งเสริม ในฐานะหน่วยางานท่ีเก่ียวข้องกับนโยบายในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และเป็นส่วนหนึ่งท่ี ขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพ ผลักดันข้อเสนอแนะตามมติของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งท่ี 8 วันที่ 23 ธันวาคม 2558 (สานักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ,2558) เสนอให้มีคณะทางานขับเคลื่อนพลังชุมชนแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่าระดับจังหวัดในทุกจังหวัดที่มีปัญหาโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ผู้อานวยการ สานกั งานทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อมจังหวัดเปน็ เลขานกุ าร โดยมีองคป์ ระกอบจากหน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้องที่ เสนอโดยคณะกรรมการประสานความร่วมมือสนับสนุนการจัดการปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างยั่งยืน ผู้แทน สมัชชาสุขภาพจังหวัด องค์กรเอกชนดา้ นการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม สถาบันการศึกษาในพน้ื ท่ี ผู้แทนชมุ ชน ท้องถ่ิน ท้องท่ี และเครือขา่ ยท่เี กี่ยวข้องในจานวนทเ่ี หมาะสมเพอื่ รว่ มกันดาเนนิ งาน 1.1) ประสาน บูรณาการและเช่ือมโยงแผนงานระหว่างหน่วยงานที่เก่ียวข้องระดับจังหวัดเพื่อสนับสนุน การแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า และรายงานผลการดาเนินงานต่อศูนย์อานวยการป้องกันและแก้ไขปัญหา หมอกควันและไฟป่าระดบั จงั หวัด 1.2) สนับสนนุ ให้องคก์ รชุมชน สภาองค์กรชุมชน เครือขา่ ยป่าชุมชนเครือข่ายสิ่งแวดล้อมชุมชน เครือขา่ ย ลุ่มน้าและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน กลุ่มเครือข่ายและอาสาสมัครของหน่วยงาน และกลไกท่ีเกี่ยวข้องจัดทา แผนปฏิบัติการเชิงรุกทั้งด้านการป้องกัน การเผชิญเหตุ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในพื้นที่เส่ียงให้เป็นพื้นท่ี รูปธรรมในระดับจังหวัด รวมทั้งสร้างศูนย์การเรียนรู้การบริหารจัดการหมอกควันและไฟป่าแบบบูรณาการเพื่อ ขยายผล และเปน็ กลไกการถา่ ยทอดความรสู้ ชู่ มุ ชนและการสือ่ สารสาธารณะในทุกระดบั 1.3) สนับสนุน ให้เกิดการจัดทาแผนปฏิบตั ิการอย่างมีส่วนร่วมระดับชุมชน ตาบล อาเภอ และจังหวดั ทั้ง แผนระยะสัน้ และระยะยาว รวมทง้ั กาหนดให้เปน็ ตวั ช้วี ัดในระดับจงั หวัด 1.4) ให้กาหนดมาตรการลดการเผาในพ้ืนที่ชุมชน การจัดการเชื้อเพลิงในพืน้ ที่ป่าของรัฐและเอกชน และ พนื้ ทเ่ี กษตร การจดั การวัสดเุ หลือใช้ทางการเกษตรใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ละเหมาะสม ให้เป็นรปู ธรรมตามหลกั วชิ าการ 1.5) ส่งเสริมองค์ความรู้ ทักษะ และสร้างจิตสานึกแก่ประชาชนและเอกชนทุกภาคส่วนในจังหวัดในการ ใหค้ วามร่วมมือกันแกไ้ ขปญั หาหมอกควนั และไฟป่าในพน้ื ทีอ่ ยา่ งเหมาะสมในระดบั จงั หวดั

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 204 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 2) สนับสนุนความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนเพอื่ การจัดการทรัพยากร และการจัดการไฟป่าลดหมอกควัน ท้ังความเข้มแข็งของกลไกคณะทางานประสานงานในพ้ืนที่ การพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้ตระหนักในปัญหาทรัพยากร และปญั หาไฟป่าหมอกควัน 3) สนับสนุนการจัดทาแผนการจัดการไฟป่าหมอกควันในระดับชุมชนปฏิบตั ิการ และสนับสนุนให้ชมุ ชนมี กองทุนการจัดการไฟป่าหมอกควันท่ีมีความยั่งยืน ใชฐ้ านการจัดการกองทุนโดยชมุ ชนท้องถิ่นเพ่อื ลดอุปสรรคจาก ระบบงบประมาณของภาครัฐ 4) สนับสนุนการจัดประชุมเครือข่ายและการประสานงานร่วมกับองค์กร หน่วยงานทั้งภาคราชการและ ภาคเอกชนที่เกยี่ วขอ้ งทัง้ ในระดบั พนื้ ที่ ขา้ มพ้ืนท่ี ในระดบั ตาบล จังหวดั และระดบั ภาค 5) สนับสนุนการยกร่างข้อเสนอทางนโยบายในการจัดการไฟป่าหมอกควันท่ีเกิดขึ้นจากองค์ความรู้ที่ หลากหลาย และความร่วมมือจากหลายภาคส่วนร่วมกันจัดทาร่างนโยบาย พัฒนาเป็นนโยบายสาธารณะภาค พลเมือง ในรปู แบบสมชั ชาแกป้ ญั หาไฟป่าหมอกควนั ภาคเหนือ

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 205 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั บรรณานกุ รม กรมควบคมุ มลพษิ . (2550) แผนปฏิบตั ิการณแ์ ก้ไขปญั หาหมอกควันและไฟปา่ ปี 2551-2554 ________ (2560) .แผนปฏิบตั ิการป้องกันและแกไ้ ขปัญหาหมอกควนั ภาคเหนอื ปี 2560. กรมปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั . (2556). แผนปฏบิ ัตกิ ารปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาไฟปา่ การเผาในที่ โลง่ และมลพษิ หมอกควัน พ.ศ. 2556 – 2562. กระทรวงมหาดไทย. กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตว์ปา่ และพนั ธุ์พืช. (2560). ยุทธศาสตร/์ มาตรการแก้ไขปัญหาไฟปา่ ปี 2561. (เอกสารอัดสาเนา). กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม. กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั ว์ป่า และพนั ธพ์ุ ืช (2558). สวนรกุ ขชาตพิ ระบาท. กรมสง่ เสริมคณุ ภาพส่งิ แวดล้อม. (2559). ประชารฐั ร่วมใจหนนุ ชมุ ชนลดไฟป่า ลดหมอกควนั . ชล บุญนาค. (2555). แนวคดิ ว่าดว้ ยการจดั การทรัพยากรร่วม:ประสบการณ์จากต่างประเทศและแนวคิด ในประเทศไทย. เข้าถึงได้จาก: http://v-reform.org/wp-content/uploads/2012. บุญตา สบื ประดิษฐ.์ (2557). การจดั การรว่ มในฐานะพนื้ ทต่ี ่อรองเพ่อื สรา้ งธรรมาภิบาลทอ้ งถิ่น ของ เครือขา่ ยการจัดการทรพั ยากร ในจงั หวดั เชยี งใหม่. วทิ ยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑติ (การพฒั นา สงั คม) คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ วิจารย์ สิมาฉายา. (2554). เอกสารสาหรับการสัมมนา ” วิกฤตโลกรอ้ น มลพษิ หมอกควนั มหนั ตภัยใกล้ ตัว” ของคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม วุฒิสภา 11 กุมภาพันธ์ 2554 จังหวัด เชยี งใหม่. สามารถ ใจเตี้ย. (2560). การจดั การน้าในพน้ื ท่ลี ่มุ น้าล้ี แนวคดิ การปฏิบตั ิตามแบบแผนนิเวศวฒั นธรรม. วารสารสิง่ แวดล้อม ปีท่ี 21 ฉบับที่ 1 มกราคม-มนี าคม 2560. เสรี พงศ์พศิ . (2545). เครอื ขา่ ยชมุ ชน และประชาสงั คม : แนวคดิ ประสบการณ์ ตัวอยา่ ง. สถาบันวิจยั ระบบสุขภาพ (สวรส.). สมชยั เบญจชย. (2554). การใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรปา่ ไมอ้ ย่างบรู ณาการยงั่ ยนื กรณตี น้ นา้ ลี้ ตาบล ตะเคยี นปม อาเภอทงุ่ หวั ช้าง จังหวัดลาพนู . สานักบรหิ ารพ้ืนทีอ่ นุรักษ์ท่ี 16 (เชยี งใหม)่ , กรมอุทยาน แห่งชาติ สตั วป์ ่า และพนั ธพุ์ ชื , กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม. สานกั อทุ ยานแหง่ ชาติ กรมอทุ ยานแห่งชาตสิ ัตวป์ า่ และพันธพ์ุ ืช. มอ่ นพระยาแช่ (วน.) (Mon Phraya Chae). เข้าถึงไดจ้ าก http://park.dnp.go.th.

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 206 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั สานักงานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภูมสิ ารสนเทศ (องคก์ ารมหาชน). (2560). สรปุ สถานการณไ์ ฟป่า และหมอกควนั ดว้ ยภาพถ่ายจากดาวเทียมประจาปี พ.ศ.2560. สานักงานสงิ่ แวดล้อมภาคท่ี 1.(2560). รายงานสถานการณ์หมอกควนั และไฟป่า ปี 2560 (เชยี งใหม่ เชียงราย ลาพนู แม่ฮ่องสอน). สานักงานพฒั นาเทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (องค์การมหาชน),2560 กรมควบคมุ มลพษิ (2561). สานกั ประชาสัมพันธ์ เขต 3 เชยี งใหม.่ (24ธนั วาคม 2560). จงั หวดั ลาพูนเตรียมการป้องกันและแก้ไข ปญั หาหมอกควัน ปี 2561. เข้าถงึ ไดจ้ าก http://region3.prd.go.th/ct/news/viewnews.php?ID=171224141956. สานกั งานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มจังหวัดลาพูน.(พฤษภาคม 2561). สรปุ การป้องกนั แกไ้ ข ปัญหาหมอกควนั จงั หวัดลาพนู ปี 2561. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://www.mnre.go.th/lamphun/th/news/detail/16514. สานกั งานคระกรรมการสุขภาพแหง่ ชาติ. (2558). รายงานทบทวนมตสิ มัชชาสขุ ภาพแห่งชาติการจัดการ ปญั หาหมอกควันทม่ี ผี ลกระทบต่อสุขภาพ สมัชชาสขุ ภาพแหง่ ชาติครั้งที่ 8 (23 ธันวาคม 2558). สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต.ิ (2560). คณะกรรมการยุทธศาสตรช์ าติ ด้านการสร้างการเตบิ โตบนคุณภาพชีวติ ท่ีเป็นมิตรต่อส่งิ แวดลอ้ ม เดินหนา้ วาง 6 เป้าหมาย. เข้าถงึ ไดจ้ าก: http://www.nesdb.go.th/ewt_news.php?nid=7198&filename=index. ศนู ยอ์ านวยการบรรเทาสาธารณภยั . (2561). แผนการป้องกนั และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควนั ในปี 2561 .ตามหนงั สอื ดว่ นทีส่ ดุ ที่ มท 0624(บกปภ.ช.ป/ว1 ลงวนั ท่ี 12 มกราคม 2561. UN ประเทศไทย. (2015). เปา้ หมายการพฒั นาอย่างย่ังยนื ของประเทศไทย. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก: http://www.un.or.th/globalgoals/th/the-goals/

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 207 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ภาคผนวก รายละเอยี ดการตดิ ตามการจดั การไฟปา่ หมอกควัน แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนับสนนุ เครือขา่ ยอาสาสมคั รเฝา้ ระวงั ไฟป่าลดหมอกควนั สว่ นท1ี่ ขอ้ มลู พนื้ ฐานชมุ ชน 1. ช่ือชุมชน…บ้านม่อนเขาแก้ว 2. ช่ือกองทนุ …กองทนุ ปอ้ งกันไฟปา่ และแก้ไขปญั หาหมอกควันหมทู่ ี3่ บา้ นมอ่ นเขาแก้ว 3. ที่อยู่…69/2 ม.3 ต.พิชยั อ.เมือง จ.ลาปาง 4. จานวนหลงั คาเรอื น 220 ครัวเรือน 5. จานวนพน้ื ทปี่ ่าทร่ี บั ผดิ ชอบ(ประมาณก่ีไร่) 1000 ไร่ ทศิ เหนอื ติดกบั บา้ นทรายใต้ ทศิ ใตต้ ิดกับ บา้ นไร่ศลิ าทอง ทศิ ตะวนั ออกตดิ กับ อ.แมเ่ มาะ ทิศตะวันตกติดกบั บ้านไรศ่ ลิ าทอง 6. สถานภาพทางกฎหมายของพ้ืนทปี่ า่ ปา่ สงวน สว่ นท2่ี ขอ้ มลู การบริหารจดั การไฟปา่ หมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1. พัฒนาการการจดั การทรพั ยากรของชมุ ชน(เรม่ิ เมอ่ื ไหร่ เพราะอะไร ไดร้ บั การสนับสนนุ จากหนว่ ยงานไหนบา้ ง) - เริม่ ปี 2554 - ตอ้ งการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละใหช้ าวบา้ นรว่ มกนั ดแู ลปละใชป้ ระโยชนจ์ ากปา่ - ปา่ ไม,้ ธกส 2. พัฒนาการการจดั การไฟป่าหมอกควันของชมุ ชน(เรม่ิ ปไี หน สาเหตุของการจดั การเพราะอะไร ได้รบั การ สนบั สนนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานใดบา้ ง - เรม่ิ ปี 2555 - ชาวบ้านได้รบั ผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควนั และเป็นนโยบายของจงั หวัด - ปา่ ไม้ 3. คณะทร่ี บั ผดิ มจี ติ อาสาบา้ นทรายใต้

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 208 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 4. รายชอ่ื คณะทางานหลกั พอ้ มเบอร์โทรศพั ท(์ อยา่ งนอ้ ย3รายชอ่ื ) นายเกรยี งไกร แสงสรุ ยิ า 084-1452987 นายกติ ติศักด์ิ เครือปญั ญา 087-1902707 นายอนิ ปั๋น ปิงเมือง 093-6647198 5. กจิ กรรมการจัดการไฟปา่ หมกควนั ในป2ี 561 ทาแนวกันไฟจานวน 20 วัน จานวนคนเข้าร่วม 25 คน ชว่ งเดอื นทที่ าป่าชมุ ชนบา้ นม่อนแก้ว เฝ้าระวงั ลาดตระเวนในช่วงเดือน ก.พ-เม.ย จานวน 60 คร้งั ครัง้ ละประมาณ 10 คน เกิดไฟในพน้ื ท่ี 0 ครงั้ ดับ 0 ครงั้ กิจกรรมอ่นื ๆ รณรงคร์ ว่ มกบั ปา่ ไม้ 6. ปี2561ไดร้ บั การสนับสนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองค์กรหนว่ ยงานไหนบ้าง จานวนเทา่ ไหร่ - ตอนนี้ยงั ไม่ไดร้ ับงบประมาณจากหนว่ ยงาน 7. ปัญหาอุปสรรคสาคัญในการจดั การไฟป่าหมอกควนั ทรพั ยากร ปัญหาภายในชุมชน ชาวบา้ นท่ไี ปชว่ ยกันช่วยกันได้เปน็ อยา่ งดแี ตป่ ัญหาคือ ดา้ นงบประมาณช่วยเหลอื เพราะ ต้องเตมิ นา้ มนั รถ กินข้าว และด้านครอบครัวของผทู้ ี่ไปชว่ ยสว่ นใหญ่หาเชา้ กนิ ค่าทาใหเ้ ดอื ดร้อน ปญั หาภายนอก หน่วยงานทีร่ ับผดิ ชอบไม่ลงพ้ืนทีอ่ ยา่ งเตม็ ทเ่ี หมอื นปล่อยใหห้ มบู่ า้ นดาเนนิ การเอง ไมจ่ ริงใจใน การสนบั สนนุ งบประมาณ 8. แผนงานในอนาคต(สง่ิ ทอ่ี ยากใหเ้ กิดขนึ้ ,ส่ิงทจี่ ะทา) อยากให้มงี บประมาณสนบั สนนุ อย่างพอเพียง ส่งเสรมิ ใหม้ กี ิจกรรมท่ตี อ้ งทาตลอด เชน่ ปลูกปา่ สรา้ งฝาย ปลกู ฝงั ใหม้ คี วามรักป่า

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 209 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนับสนุนเครือขา่ ยอาสาสมคั รเฝ้าระวงั ไฟปา่ ลดหมอกควนั สว่ นท1่ี ขอ้ มลู พนื้ ฐานชมุ ชน 1. ชอื่ ชุมชน…บา้ นทรายใต้ 2. ชือ่ กองทนุ …กองทนุ ปอ้ งกันไฟป่าและแกไ้ ขปญั หาหมอกควันหม่ทู 8่ี บา้ นทรายใต้ 3. ที่อยู่…บา้ นทรายใต้ ม.8 ต.พชิ ยั อ.เมือง จ.ลาปาง 4. จานวนหลังคาเรอื น 165 ครัวเรือน 5. จานวนพ้ืนทป่ี ่าทร่ี บั ผิดชอบ(ประมาณกี่ไร)่ 1600 ไร่ ทศิ เหนอื ตดิ กบั บา้ นต้นตองหมทู่ ี่ 5 ทิศใตต้ ดิ กบั บา้ นไรศ่ ลิ าทองหมทู่ ี่ 10 ทศิ ตะวันออกติดกบั อ.แมเ่ มาะ ทิศตะวนั ตกติดกบั บ้านอุทมุ พรหมู่ที่ 12 6. สถานภาพทางกฎหมายของพื้นทีป่ ่า อทุ ยานแหง่ ชาตสิ ัตวป์ า่ และพันธุ,์ ปา่ ไม้ สว่ นท2่ี ขอ้ มลู การบรหิ ารจัดการไฟปา่ หมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1. พัฒนาการการจดั การทรพั ยากรของชมุ ชน(เรมิ่ เมอ่ื ไหร่ เพราะอะไร ไดร้ บั การสนับสนนุ จากหนว่ ยงานไหนบ้าง) การพัฒนาการจัดการทรพั ยากรของชมุ ชนเร่มิ ตน้ ปี พ.ศ 2558 มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่อื สรา้ งจิตใตส้ านึกดา้ น ส่ิงแวดลอ้ มชมุ ชน และไดร้ บั การสนบั สนนุ จากหน่วยงาน 2. พฒั นาการการจดั การไฟป่าหมอกควนั ของชมุ ชน(เรม่ิ ปไี หน สาเหตขุ องการจดั การเพราะอะไร ได้รบั การ สนบั สนนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานใดบา้ ง พฒั นาการจัดการไฟปา่ หมอกควนั ของชมุ ชน เร่ิมปี พ.ศ 2558 สาเหตุของการจัดการเพอ่ื ลดปรมิ าณมลพิศทาง อากาศในชุมชนและสรา้ งจติ ใตส้ านกึ สง่ิ แวดล้อมของชุมชน และไดร้ บั สนับสนุนจากองค์กรหน่วยงานของกรมปา่ ไม้ กรมอทุ ยานแหง่ ชาตสิ ตั วป์ า่ และพนั ธ์ุพืช 3. คณะทร่ี บั ผดิ มจี ติ อาสาบา้ นทรายใต้ 4. รายชอ่ื คณะทางานหลักพอ้ มเบอร์โทรศพั ท(์ อยา่ งนอ้ ย3รายชอื่ ) นายนรินทร์ ฟูคา 087-7866899 นายธนวัฒน์ ปคู า 089-8504948 นายสยาม ทพิ ยศ์ รีบตุ ร นางสาวณชิ านนท์ กาวนั นา 093-2726605

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 210 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 5. กจิ กรรมการจัดการไฟปา่ หมกควนั ในป2ี 561 ทาแนวกนั ไฟระยะทาง 15 กโิ ลเมตร จานวน 30 วนั จานวนคนเขา้ รว่ ม 25 คน ช่วงเดือนทท่ี า ก.พ-เม.ย เฝ้าระวังลาดตระเวนในชว่ งเดือน เม.ย-พ.ค จานวน 120 คร้งั คร้งั ละประมาณ 15 คน เกิดไฟในพื้นที่ 4 คร้งั ดบั 4 ครัง้ กจิ กรรมอืน่ ๆ รณรงคแ์ ละประชาสมั พนั ธก์ ารปอ้ งกันไฟปา่ 6. ปี2561ได้รบั การสนบั สนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบ้าง จานวนเทา่ ไหร่ - กองทนุ หม่บู ้าน(เงินลา้ น) จานวน 1000 บาท 7. ปัญหาอปุ สรรคสาคญั ในการจดั การไฟป่าหมอกควันทรัพยากร ปญั หาภายในชมุ ชน ขาดกาลงั คนที่เป็นจติ อาสาวยั แรงงานส่วนมากจะเป็นผสู้ งู อายุ ปัญหาภายนอก ไมม่ ี 8. แผนงานในอนาคต(สง่ิ ท่อี ยากใหเ้ กิดขนึ้ ,สงิ่ ท่ีจะทา) ทาแนวกันไฟแบบเป็นบล็อคๆเพือ่ ที่เวลาไฟไหมม้ ากจ็ ะไหมเ้ ฉพาะบล็อกนัน้ ๆแล้วยังสามารถปอ้ งกนั ไฟไหม้ บริเวณกว้างอีกทางหน่งึ ทาฝายชะลอน้าน้าเพ่มิ เพราะเวลาหน้าแลง้ จะได้มนี า้ ใช้และเวลาเกิดไฟไหมส้ ามารถนา นา้ ในฝายไปรดไฟท่ไี หม้ได้อีกดว้ ย

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 211 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนบั สนนุ เครอื ขา่ ยอาสาสมคั รเฝา้ ระวงั ไฟปา่ ลดหมอกควัน สว่ นท1ี่ ขอ้ มลู พน้ื ฐานชมุ ชน 1. ช่ือชมุ ชน…บา้ นไรศ่ ิลาทอง 2. ชอ่ื กองทนุ …กองทุนป้องกันไฟปา่ และแก้ไขปญั หาหมอกควนั หม่ทู ี1่ 0 บ้านไรศ่ ิลาทอง 3. ทีอ่ ยู่…116/1 ม.10 ต.พชิ ัย อ.เมอื ง จ.ลาปาง 4. จานวนหลงั คาเรอื น 329 ครัวเรอื น 5. จานวนพ้นื ทป่ี า่ ทร่ี บั ผิดชอบ(ประมาณกไ่ี ร่) 2000 ไร่ ทศิ เหนือติดกับ บา้ นมอ่ นเขาแกว้ และบา้ นทรายใต้ ทิศใต้ตดิ กับ วดั มอ่ นพะเยาแช่ ทศิ ตะวนั ออกตดิ กบั อ.แมเ่ มาะ ทศิ ตะวนั ตกติดกับ คลองชลประทาน 6. สถานภาพทางกฎหมายของพืน้ ทป่ี า่ ป่าสงวนแหง่ ชาติ สว่ นท2่ี ขอ้ มลู การบรหิ ารจัดการไฟปา่ หมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1. พัฒนาการการจัดการทรพั ยากรของชมุ ชน(เรมิ่ เมอื่ ไหร่ เพราะอะไร ไดร้ บั การสนับสนนุ จากหนว่ ยงานไหนบ้าง) เริ่มเมื่อปี 2553 โดยเรม่ิ ตน้ จากชมุ ชน 2. พฒั นาการการจัดการไฟป่าหมอกควันของชุมชน(เรมิ่ ปไี หน สาเหตขุ องการจดั การเพราะอะไร ได้รบั การ สนบั สนนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานใดบา้ ง เร่มิ ต้นเม่อื ปี พ.ศ 2539 สาเหตเุ กดิ มาจากหมู่บา้ นประสบภยั พบิ ตั ทิ างธรรมชาติ 3. คณะทรี่ บั ผดิ คณะกรรมการรกั ษาปา่ บา้ นไร่ศิลาทอง 4. รายชอ่ื คณะทางานหลักพ้อมเบอร์โทรศพั ท(์ อยา่ งนอ้ ย3รายชอื่ ) นายเฉลิม เกาะสมึ นายพะยอม เกาะสมึ นายทองสขุ ปนั ตาตบ๊ิ 5. กจิ กรรมการจัดการไฟปา่ หมกควนั ในป2ี 561 ทาแนวกนั ไฟระยะทาง 15 กโิ ลเมตร จานวน 20 วัน จานวนคนเขา้ รว่ ม 142 คน ชว่ งเดือนทท่ี า ม.ค-เม.ย เฝ้าระวังลาดตระเวนในชว่ งเดือน มีนาคม จานวน 20 ครงั้ ครั้งละประมาณ 4 คน เกิดไฟในพ้ืนท่ี 5 ครงั้ ดบั 5 คร้งั

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 212 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั กจิ กรรมอื่นๆ ซอ่ มแซมฝายเดิม 6. ปี2561ได้รับการสนบั สนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบา้ ง จานวนเทา่ ไหร่ - ทสจ. - กรมส่งเสริมคุรภาพสงิ่ แวดล้อม - งบขาด 7. ปัญหาอุปสรรคสาคัญในการจดั การไฟปา่ หมอกควนั ทรพั ยากร ปญั หาภายในชมุ ชน ภมู ิประเทศเป็นดอยลกู ชนั ปญั หาภายนอก ไมม่ งี บประมานท่ชี ดั เจน 8. แผนงานในอนาคต(สง่ิ ท่อี ยากใหเ้ กิดขน้ึ ,สงิ่ ทจ่ี ะทา) อยากให้จดั การอบรมงบประมาณใหส้ อดคลอ้ งกับสถานการณ์

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 213 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนับสนนุ เครอื ขา่ ยอาสาสมคั รเฝา้ ระวังไฟปา่ ลดหมอกควัน สว่ นท1ี่ ขอ้ มลู พืน้ ฐานชมุ ชน 1. ชื่อชุมชน…บ้านท้าหน้าค่าย 2. ชอื่ กองทุน…กองทนุ ป้องกันไฟป่าและแก้ไขปัญหาหมอกควัน 3. ทอ่ี ยู่…บา้ นท้าหน้าคา่ ย “ไรพ่ ฒั นา,สายธารวลิ ล่า,ไรแ่ ผ่นดนิ ทอง” 4. จานวนหลงั คาเรือน 440 ครัวเรือน 5. จานวนพ้นื ทปี่ ่าทร่ี บั ผิดชอบ(ประมาณก่ไี ร)่ 13 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือติดกบั ค่ายสุรศกั ดิ ม์ นตรี ทิศใต้ตดิ กับ เขตเทศบาลเมืองเมลางค์นคร ทิศตะวนั ออกติดกับ วดั ม่อนพระยาแช่ ทิศตะวันตกติดกับ เขตเทศบาลนครลาปาง 6. สถานภาพทางกฎหมายของพืน้ ทป่ี ่า สว่ นท2ี่ ขอ้ มลู การบรหิ ารจดั การไฟปา่ หมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1. พฒั นาการการจดั การทรพั ยากรของชมุ ชน(เรมิ่ เมอ่ื ไหร่ เพราะอะไร ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากหนว่ ยงานไหนบ้าง) 2. พฒั นาการการจัดการไฟปา่ หมอกควนั ของชุมชน(เรมิ่ ปีไหน สาเหตุของการจดั การเพราะอะไร ได้รบั การ สนบั สนนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานใดบา้ ง 3. คณะทรี่ บั ผดิ มีจิตอาสารกั ษ์ป่า 4. รายชอื่ คณะทางานหลกั พอ้ มเบอร์โทรศพั ท(์ อยา่ งนอ้ ย3รายชอื่ ) พญ.เสถียรพงค์ เครอื อน่ิ แก้ว นายสรุ พล สายจันทร์ นางอรพิน พรหมเสพ 5. กจิ กรรมการจดั การไฟปา่ หมกควันในป2ี 561 ทาแนวกันไฟระยะทาง 50 กโิ ลเมตร จานวน 20 วัน จานวนคนเขา้ รว่ ม 15-20 คน ช่วงเดือนทท่ี า ม.ค-ก.พ เฝ้าระวงั ลาดตระเวนในชว่ งเดือน ก.พ-ม.ี ค ครั้งละประมาณ 15 คน เกดิ ไฟในพ้นื ท่ี 1 คร้ัง ดับ 1 ครงั้ กจิ กรรมอ่ืนๆ - รณรงค์การปลูกฝังร่วมกนั วณอทุ ยานมอ่ นพระยาแช่ - บวชปา่ ร่วมกับวณอุทยานมอ่ นพระยาแช่

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 214 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั - คืนฟ้าใสใหค้ นลาปางรว่ มกบั ทางจงั หวัด 6. ป2ี 561ได้รับการสนับสนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองค์กรหนว่ ยงานไหนบ้าง จานวนเทา่ ไหร่ - มูลนธิ ิการพัฒนาที่ยง่ั ยนื ร่วมกบั กรมสง่ เสรมิ คุณภาพสงิ่ แวดลอ้ ม 7. ปญั หาอุปสรรคสาคญั ในการจดั การไฟป่าหมอกควันทรัพยากร ปัญหาภายในชุมชน งาดงบประมาณจากทางภาครฐั ขาดอุปกรณไื ม่เพียงพอ ปัญหาภายนอก ไม่มี 8. แผนงานในอนาคต(สง่ิ ท่ีอยากใหเ้ กิดขน้ึ ,สิ่งทจี่ ะทา)

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 215 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนบั สนุนเครือข่ายอาสาสมคั รเฝ้าระวงั ไฟป่าลดหมอกควัน สว่ นท1ี่ ขอ้ มลู พ้นื ฐานชมุ ชน 1. ชอื่ ชุมชน…บ้านมิ่งมงคล 2. ช่ือกองทุน…กองทุนป้องกันไฟปา่ และแกไ้ ขปญั หาหมอกควนั 3. ทอ่ี ยู่…158/7 ม.17 ต.พิชัย อ.เมอื ง จ.ลาปาง 4. จานวนหลงั คาเรอื น 340 ครัวเรือน 5. จานวนพนื้ ทปี่ า่ ทรี่ บั ผิดชอบ(ประมาณกไ่ี ร่) 50ไร่ ทศิ เหนือติดกับ ต.เสร็จ ทศิ ใตต้ ิดกบั บ้านวังชัยพัฒนา ทศิ ตะวนั ออกตดิ กับ อ.แมเ่ มาะ ทิศตะวนั ตกติดกบั สถาบนั วิจยั การเกษตร 6. สถานภาพทางกฎหมายของพืน้ ท่ีป่า สว่ นท2ี่ ขอ้ มลู การบริหารจดั การไฟปา่ หมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1. พฒั นาการการจัดการทรพั ยากรของชมุ ชน(เรม่ิ เมอ่ื ไหร่ เพราะอะไร ไดร้ บั การสนับสนนุ จากหนว่ ยงานไหนบ้าง) พ.ศ 2555 2. พัฒนาการการจัดการไฟป่าหมอกควันของชุมชน(เรมิ่ ปีไหน สาเหตุของการจดั การเพราะอะไร ได้รบั การ สนับสนนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานใดบา้ ง อ.บ.ต พิชัย เครอื ข่ายเผา้ ระวงั ไฟปา่ ลดหมอกควันภาคเหนอื 3. คณะทร่ี บั ผดิ มกี องทนุ ปอ้ งกันไฟปา่ และแก้ไขปญั หาหมอกควนั 4. รายชอื่ คณะทางานหลกั พอ้ มเบอรโ์ ทรศพั ท(์ อยา่ งนอ้ ย3รายชอื่ ) นายสุทศั น์ วรรณบตุ ร 083-0677413 นายทวี ชุ่มธิ 081-9985302 นายทองคา แกน่ จนั ทรว์ งศ์ 097-9725465 5. กจิ กรรมการจัดการไฟปา่ หมกควนั ในป2ี 561 ทาแนวกนั ไฟระยะทาง 2 กิโลเมตร จานวน 10 วนั จานวนคนเขา้ รว่ ม 20 คน ช่วงเดอื นทท่ี า ก.พ เฝา้ ระวงั ลาดตระเวนในชว่ งเดือน เม.ย จานวน 10 ครั้ง คร้งั ละประมาณ 10 คน เกดิ ไฟในพ้ืนท่ี 3 ครงั้ ดับ 5 คร้ัง

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 216 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 6. ป2ี 561ได้รบั การสนับสนนุ งบประมาณ/กองทุนจากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบ้าง จานวนเทา่ ไหร่ - อ.บ.ต พชิ ยั 7. ปญั หาอุปสรรคสาคัญในการจดั การไฟป่าหมอกควนั ทรัพยากร ปัญหาภายในชมุ ชน คนเข้าไปหาของป่า ปญั หาภายนอก ไมม่ ี 8. แผนงานในอนาคต(สงิ่ ท่อี ยากใหเ้ กิดขน้ึ ,สง่ิ ที่จะทา) ขอจติ รอาสาทุกภาคสว่ นร่วมกนั ดาเนินงาน

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 217 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนบั สนนุ เครอื ข่ายอาสาสมคั รเฝา้ ระวงั ไฟป่าลดหมอกควัน สว่ นท1่ี ขอ้ มลู พ้นื ฐานชมุ ชน 1. ชอ่ื ชมุ ชน…บ้านวงั ชยั พัฒนา 2. ชอ่ื กองทนุ …กองทุนป้องกันไฟป่าและแกไ้ ขปญั หาหมอกควันหมูท่ 1ี่ 6 บ้านวงั ชัยพัฒนา 3. ท่อี ยู่…บ้านวังชัยพฒั นา ม.16 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลาปาง 4. จานวนหลังคาเรอื น 153 ครวั เรือน 5. จานวนพื้นทป่ี ่าทรี่ บั ผิดชอบ(ประมาณก่ไี ร่) ทิศเหนือตดิ กบั ลาห้วยปู่ใจ ทศิ ใตต้ ิดกบั ลาห้วยแมช่ อ่ ฟ้า ทศิ ตะวันออกตดิ กับ อ.แม่เมาะ ทิศตะวันตกติดกับ สถาบนั วจิ ัย ม.ราชมงคลล้านนาลาปาง 6. สถานภาพทางกฎหมายของพ้ืนทีป่ า่ วณอุทยานม่อนพระยาแช่ สว่ นท2่ี ขอ้ มลู การบริหารจดั การไฟปา่ หมอกควนั และทรพั ยากรโดยรวม 1. พฒั นาการการจัดการทรพั ยากรของชมุ ชน(เรม่ิ เมอื่ ไหร่ เพราะอะไร ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากหนว่ ยงานไหนบ้าง) เร่ิมเมอื่ มี พ.ศ 2555 ปัญหาหมอกควนั ไฟปา่ เริ่มทวีความรนุ แรงขึ้น 2. พัฒนาการการจดั การไฟป่าหมอกควนั ของชุมชน(เรม่ิ ปีไหน สาเหตุของการจัดการเพราะอะไร ได้รบั การ สนบั สนนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานใดบา้ ง อบต.พชิ ัย เครือข่ายเฝ้าระวงั ไฟป่าลดหมอกควนั ภาคเหนอื กรมป่าไม้ ทสจ.ลาปาง และภาคเครือข่าย ภาคเอกชน ได้แก่ บรษิ ทั ลาปางแอลพีจีจากัด สถานการณห์ มอกควนั ไฟปา่ เรม่ิ ทวีความรุนแรงขึน้ ซง่ึ เป็นวาระ แหง่ ชาติของจังหวดั ลาปาง 3. คณะทร่ี บั ผดิ เครอื ขา่ ยป้องกันไฟป่าและแก้ไขปญั หาหมอกควันหมู่ที่ 16 บ้านวังชัยพฒั นา 4. รายชอ่ื คณะทางานหลักพอ้ มเบอรโ์ ทรศพั ท(์ อยา่ งนอ้ ย3รายชอื่ ) นายกติ ติภณ เตชะกัน 089-9999003 นายสง่า คาเดชศักด์ิ 088-5655328 นายปัน๋ เครอื วงค์นอ้ ย 089-5605030 5. กจิ กรรมการจดั การไฟปา่ หมกควนั ในป2ี 561

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 218 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ทาแนวกันไฟระยะทาง 5 กิโลเมตร จานวน 10 วนั จานวนคนเข้ารว่ ม 15 คน ช่วงเดอื นทีท่ า ก.พ เฝา้ ระวังลาดตระเวนในชว่ งเดือน มีนาคม จานวน 32 ครงั้ ครัง้ ละประมาณ 5 คน เกิดไฟในพน้ื ท่ี 4 ครั้ง ดบั 4 ครง้ั กจิ กรรมอนื่ ๆ รณรงคส์ รา้ งความตระหนัก 6. ปี2561ได้รบั การสนบั สนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบ้าง จานวนเทา่ ไหร่ 7. ปัญหาอปุ สรรคสาคัญในการจดั การไฟปา่ หมอกควนั ทรัพยากร ปญั หาภายในชมุ ชน งบประมานสนับสนุน จติ อาสามภี ารงานหนกั คนในชมุ ชนขาดความตระหนักในปัญหา หมอกควันไฟปา่ ปญั หาภายนอก คนนอกชมุ ชน สภาพภูมิประเทศสูงชันไฟปา่ มาจาก อ.แมเ่ มาะ จ.ลาปาง 8. แผนงานในอนาคต(สงิ่ ทีอ่ ยากใหเ้ กดิ ขนึ้ ,สง่ิ ทีจ่ ะทา) การกาหนดแผนงานทชี่ ัดเจนมีงบประมาณสนบั สนนุ ท่ีสอดคล้องกับแผนปฏบิ ัติงาน ขยายเครอื ขา่ ยคนทางาน การรณรงค์สร้างความตะหนักในปญั หาหมอกควันไฟป่า

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 219 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนบั สนนุ เครอื ขา่ ยอาสาสมคั รเฝ้าระวังไฟป่าลดหมอกควนั สว่ นท1ี่ ขอ้ มลู พนื้ ฐานชมุ ชน 1. ชอื่ ชมุ ชน…บา้ นพิชัย 2. ช่ือกองทนุ …หมอกควันไฟปา่ ต.พชิ ัย ม.1 บ้านพิชยั 3. ที่อยู่…ม.1 ต.พชิ ยั อ.เมอื ง จ.เชียงใหม่ 4. จานวนหลังคาเรือน 5. จานวนพน้ื ทปี่ ่าทร่ี บั ผิดชอบ(ประมาณกีไ่ ร)่ ทิศเหนือติดกับ บ้านไรศ่ ิลาทอง ทิศใต้ตดิ กับ บา้ นไร่แผน่ ดินทอง ทิศตะวันออกติดกับ อ.แม่เมาะ ทิศตะวันตกติดกับ ม.7 บา้ นไรแ่ ผน่ ดนิ ทอง ต.พระมาน 6. สถานภาพทางกฎหมายของพนื้ ทป่ี า่ วณอทุ ยานมอ่ นพระยาแช่ สว่ นท2่ี ขอ้ มลู การบรหิ ารจัดการไฟปา่ หมอกควนั และทรพั ยากรโดยรวม 1. พัฒนาการการจัดการทรพั ยากรของชมุ ชน(เรม่ิ เมอ่ื ไหร่ เพราะอะไร ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากหนว่ ยงานไหนบ้าง) ภาคประชาชน เรม่ิ เม่อื ปี 2552 ไดร้ ับการสนับสนนุ จาก อบต.พิชยั , ทสจ.ลาปาง สวนรกุ ขชาติ จ.ลาปาง (สนบั สนนุ กล้าไม้ เริ่มจากเหน็ ไฟไหม้ป่าและเหน็ เขาหวั โล้นจงึ อยากจะคนื ธรรมชาติใหป้ า่ 2. พฒั นาการการจดั การไฟปา่ หมอกควันของชุมชน(เรมิ่ ปีไหน สาเหตุของการจัดการเพราะอะไร ไดร้ บั การ สนับสนนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานใดบา้ ง ภาคประชาชน(กลุ่มเฮาฮักม่อนพระยาแช่)เรม่ิ ปี 2552 ทช่ี มุ ชนเขา้ มาพฒั นาจดั การไฟป่า 3. คณะทรี่ บั ผดิ ชมุ ชนแก้ไขปญั หาหมอกควนั ไฟป่า, กลามเฮาฮักม่อนพระยาแช่ 4. รายชอื่ คณะทางานหลักพอ้ มเบอรโ์ ทรศพั ท(์ อยา่ งนอ้ ย3รายชอ่ื ) นามนนั ยา ปมตาลี 087-1842407 นางคมคาย สภาวรรณ 090-8932197 นายเชน่ จันทะวงศ์ 095-2724478 5. กจิ กรรมการจดั การไฟปา่ หมกควนั ในป2ี 561 ทาแนวกนั ไฟระยะทาง 10 กโิ ลเมตร จานวน 20 วนั จานวนคนเข้าร่วม 10-60 คน ชว่ งเดือนทที่ า เม.ย เฝา้ ระวังลาดตระเวนในชว่ งเดือน เม.ย จานวน 20 ครัง้ ครงั้ ละประมาณ 2-20 คน

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 220 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั เกิดไฟในพ้ืนที่ 3 ครั้ง ดับ 3 คร้งั กิจกรรมอ่ืนๆ 6. ปี2561ไดร้ บั การสนบั สนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบ้าง จานวนเทา่ ไหร่ - ไม่มี 7. ปญั หาอุปสรรคสาคญั ในการจดั การไฟปา่ หมอกควนั ทรัพยากร ปัญหาภายในชุมชน ปญั หาภายนอก ไฟลามมาจากที่อื่น 8. แผนงานในอนาคต(สงิ่ ทอ่ี ยากใหเ้ กดิ ขน้ึ ,สง่ิ ทีจ่ ะทา) อยากทางานเชิงรกุ มากกว่าโดยสร้างจติ ใตส้ านกึ ักป่าให้เดก็ และเยาวชนและชมุ ชนให้ตระหนกั ถงึ โทษร้ายจาก การทาลายป่า ทาใหเ้ กดิ ภัยธรรมชาติ และมผี ลเสียย่างมากต่อสขุ ภาพ

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 221 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนบั สนุนเครอื ขา่ ยอาสาสมคั รเฝ้าระวงั ไฟปา่ ลดหมอกควัน สว่ นท1่ี ขอ้ มลู พืน้ ฐานชมุ ชน 1.ช่อื ชมุ ชน บา้ นใหม่พัฒนา 2.ชอ่ื กองทุน ป้องกนั ไฟป่าและแก้ไขปญั หาหมอกควัน หมู่ที่ 13 บ้านใหมพ่ ฒั นา 3.ทีอ่ ยู่ 239 หมทู่ ี่ 13 ตาบลพิชัย อาเภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่ 4.จานวนหลงั คาเรอื น 314 ครัวเรอื น 5.จานวนพื้นทป่ี า่ ทรี่ บั ผดิ ชอบ(ประมาณกไี่ ร่) 4,500 ไร่ ทศิ เหนอื บา้ นวังชัยพัฒนา ทศิ ใต้ บา้ นตน้ ตอง ทศิ ตะวนั ออก แม่เมาะ ทศิ ตะวนั ตก บา้ นตน้ ยาง 6. สถานภาพทางกฎหมายของพ้นื ท่ีปา่ เปน็ ภเู ขาสูง สว่ นท2่ี ขอ้ มลู การบรหิ ารจดั การไฟปา่ หมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1.พฒั นาการการจดั การทรัพยากรของชมุ ชน เรมิ่ เดือนมกราคมในการวางแผนงานรณรงคใ์ ห้ความรกู้ บั ชาวบ้าน 2.พฒั นาการการจดั การไฟป่าหมอกควนั ของชมุ ชน เร่ิมปี พ.ศ.2557 การตดั การเพราะมหี มอกควนั มากข้ึนและมกี ารปลกู ปา่ ชมุ ชนได้จัดกรรมการป่าและจิตอาสา รักษาปา่ หนว่ ยงานสนบั สนนุ จากสานักงานส่ิงแวดลอ้ ม องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบลพชิ ัย สานักงานป่าไม้ 3.คณะทางานทรี่ บั ผดิ ชอบ ปา่ ชมุ ชนบ้านใหมพ่ ฒั นาและจติ อาสา 4.รายชอื่ คณะทางานหลกั พรอ้ มเบอรโ์ ทรศพั ท์ นายสมเกยี รติ ยศปินตา 062-6099773 นายสมบูรณ์ ตนั ชมุ่ 086-1917418 นายอนันต์ นามปนั 097-9705976 5.กจิ กรรมการจดั การไฟปา่ หมอกควนั ในปี 2561 ทาแนวกนั ไฟระยะทาง 3 กโิ ลเมตร จานวน 20 วนั จานวนคนเขา้ รว่ ม 10 คน

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 222 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ชว่ งเดือนทีท่ า ปา่ ชุมชนบา้ นใหม่พัฒนา เฝา้ ระวัง ลาดตระเวน ในชว่ งเดือน มีนาคม-เมษายน จานวน 20 ครง้ั ครง้ั ละประมาณ 4 คน เกิดไฟปา่ ในพื้นที่ 2 ครั้ง ดบั กคี่ รั้ง 2 กจิ กรรมอน่ื ๆ ทาฝาย เล้ียงผตี น้ นา้ 6.ปี 2561 ไดร้ บั การสนับสนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบ้าง ไม่มี 7. ปัญหาอปุ สรรคสาคญั ในการจดั การไฟปา่ หมอกควันและทรพั ยากร ปัญหาภายในชมุ ชน ขาดคนทมี่ ีอายุนอ้ ย สว่ นมากจะมผี ทู้ ี่อายุ 50-70 ปญั หาภายนอก ไฟป่า สาเหตุเกดิ บนภเู ขามาก่อนกว่าจะไปดับไฟได้กใ็ ชเ้ วลาเปน็ ชั่วโมง เพราะตดิ กับแม่ เมาะ 8. แผนงานในอนาคต แผนงานควรทาแนวสนั เขาและเฝ้าระวงั ช่วงเดอื นมีนาคมและเมษายน ควรให้เจา้ หน้าทอี่ อกประชุมชาวบา้ นให้ เขา้ ใจทุกหมบู่ า้ น ผใู้ หข้ อ้ มลู ประธานป่าชมุ ชนบา้ นใหม่พัฒนาและจิตอาสา ชือ่ -นามสกลุ นายสมเกียรติ ยศปนิ ตา ทอี่ ยู่ 239 หมทู่ ่ี 13 ต.พชิ ยั อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เบอร์ 062-6099773 ตาแหน่ง กานนั ตาบลพชิ ัย อาเภอเมือง จังหวดั เชียงใหม่

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 223 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนับสนนุ เครอื ขา่ ยอาสาสมคั รเฝา้ ระวังไฟป่าลดหมอกควัน สว่ นท1ี่ ขอ้ มลู พื้นฐานชมุ ชน 1.ช่ือชุมชน บา้ นห้วยยาง หมู่ 6 ต.บา้ นเสดจ็ อ.เมืองลาปาง 2.ชอ่ื กองทนุ กองทุนไฟป่า และแก้ไขปญั หาหมอกควัน 3.ท่อี ยู่ 85/1 ต.บ้านเสด็จ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 4.จานวนหลงั คาเรือน 200 หลังคาเรือน 5.จานวนพืน้ ทปี่ า่ ทร่ี บั ผดิ ชอบ(ประมาณกไ่ี ร)่ 500 ไร่ ทศิ เหนอื ป่าบา้ นเสด็จ หมู่ 5 ทศิ ใต้ ป่าบา้ นห้วยยาง หมู่ 14 ทศิ ตะวนั ออก ชุมชนแม่เมาะ ทศิ ตะวนั ตก ป่าชมุ ชน 6. สถานภาพทางกฎหมายของพื้นที่ปา่ ปา่ ชมุ ชน สว่ นท2่ี ขอ้ มลู การบรหิ ารจัดการไฟป่าหมอกควนั และทรพั ยากรโดยรวม 1.พฒั นาการการจดั การทรัพยากรของชุมชน เรม่ิ เม่อื ปี 2560 มกราคม เนอื่ งจากเขตพนื้ ท่ลี าปางชมุ ชนมีหมอกควนั ไฟปา่ และเกิดอัคคีภัยทกุ ปี และได้รบั งบประมาณหนว่ ยงาน สานกั งานปา่ ไม้ เขตที่ 3 2.พัฒนาการการจดั การไฟปา่ หมอกควันของชมุ ชน ปี 2560 เพราะเกิดไฟไหมป้ ่าและเกิดหมอกควันไฟปา่ ทุกปี ไดร้ บั งบประมาณจากสานกั งานป่าไมเ้ ขตท่ี 3 3.คณะทางานทรี่ บั ผดิ ชอบ จติ อาสาป้องกนั หมอกควันไฟปา่ 4.รายชอ่ื คณะทางานหลกั พรอ้ มเบอรโ์ ทรศพั ท์ นายวุฒิกร กนั ทะวงั 080-6734856 นางสาวบงั อร คาปัน 080-6804294 นายทดั ธาตรุ กั ษ์ 081-1650818 5.กจิ กรรมการจดั การไฟปา่ หมอกควนั ในปี 2561 ทาแนวกันไฟระยะทาง 4 กิโลเมตร จานวน 25 วัน จานวนคนเขา้ รว่ ม 20 คน ชว่ งเดอื นที่ทา กมุ ภาพนั ธ์-มีนาคม

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 224 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั เฝา้ ระวงั ลาดตระเวน ในช่วงเดือน มกราคม-กมุ ภาพนั ธ์ จานวน 20 คร้ัง ครงั้ ละประมาณ 20 คน เกิดไฟปา่ ในพ้นื ท่ี 4 คร้งั ดับกคี่ รัง้ 5 กจิ กรรมอืน่ ๆ บวชป่า ทาฝาย กรมปา่ ไมแ้ ละส่งิ แวดล้อม 6.ปี 2561 ไดร้ บั การสนบั สนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองค์กรหนว่ ยงานไหนบา้ ง สานกั งานป่าไม้ เขตลาปางที่ 3 งบประมาณ 25,000 บาท 7. ปญั หาอุปสรรคสาคัญในการจดั การไฟปา่ หมอกควนั และทรพั ยากร ปัญหาภายในชมุ ชน ชมุ ชนตอ้ งการเผาตอซงั ขา้ วและเศษขยะใบไม้ ซง่ึ มีการจับกุมอยา่ งจริงจงั และยังมีคนฝา่ ฝนื ปัญหาภายนอก ไฟป่าลุกลามมาจากเขตตดิ ตอ่ จากตาบลอื่น และเขา้ ไปดบั ยาก เพราะเป็นพน้ื ท่ีภูเขาสงู ชัน 8. แผนงานในอนาคต มกี ารทาแนวกนั ไฟ ออกลาดตระเวนไฟฟา้ เฝ้าระวัง มีการตง้ั ชุดไฟป่าแต่ละชุมชนอย่าง ถาวร มีการปลูกปา่ บวชป่า และบรู ณาการอยา่ ตอ่ เน่ือง ผใู้ หข้ อ้ มลู ผู้ใหญบ่ ้าน ชือ่ -นามสกลุ นายวฒุ ิกร กันทะวัง ทอี่ ยู่ 85/1 ม.6 ต.บา้ นเสดจ็ อ.เมอื ง จ.ลาปาง เบอร์ 080-6734856 ตาแหนง่ ผใู้ หญ่บา้ น

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 225 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือข่ายเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนับสนนุ เครอื ขา่ ยอาสาสมคั รเฝ้าระวังไฟปา่ ลดหมอกควัน สว่ นท1่ี ขอ้ มลู พื้นฐานชมุ ชน 1.ช่อื ชุมชน บ้านตน้ ต้อง 2.ช่อื กองทุน กองทุนป้องกันไฟปา่ และแก้ไขปัญหาหมอกควัน 3.ทีอ่ ยู่ บา้ นตน้ ต้อง ม.5 ต.พชิ ยั อ.เมือง จ.ลาปาง 4.จานวนหลงั คาเรือน 346 ครัวเรอื น 5.จานวนพ้นื ทปี่ า่ ทรี่ บั ผิดชอบ(ประมาณกไ่ี ร)่ 4,000 ไร่ ทศิ เหนือ บา้ นใหมพ่ ฒั นา ม.18 ทศิ ใต้ บา้ นทรายใต้ ม.8 ทศิ ตะวนั ออก อุทยานเตรยี มการเขลางค์บรรพตะ ทศิ ตะวนั ตก บ้านฝายน้อย ม.9 6. สถานภาพทางกฎหมายของพนื้ ทปี่ ่า สว่ นท2ี่ ขอ้ มลู การบริหารจัดการไฟปา่ หมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1.พัฒนาการการจดั การทรพั ยากรของชมุ ชน การอนุรกั ษ์ ฟื้นฟู ทรพั ยากรปา่ ไมด้ ว้ ยการปลกู ป่า ทาฝายชะลอน้า การทาแนวป้องการไฟปา่ รวมทงั้ การ รณรงค์ การอบรมชาวบ้าน 2.พฒั นาการการจดั การไฟป่าหมอกควนั ของชมุ ชน การพฒั นาครบวงจรทั้งรณรงค์และปฏิบตั ิจรงิ ในพน้ื ท่ี ไดร้ ับการสนับสนนุ จากหน่วยงานภายใต้กระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม กรมปา่ ไม้ กรมอทุ ยาน สจ.ลาปาง ส่งิ แวดลอ้ มภาค อปท. รฐั วิสาหกจิ สถานศึกษา 3.คณะทางานทรี่ บั ผิดชอบ ปา่ ชุมชนบา้ นตน้ ตอ้ ง 4.รายชอื่ คณะทางานหลกั พรอ้ มเบอรโ์ ทรศพั ท์ นาย มานติ อย่เู ครอื 095-4473984 นางยุพนิ 088-9590087 นาย นิยม คาปันบุตร 080-6757623 นายศรวี รรณ ลทั ธเิ ครือ 080-49494713 นายนกิ ร 091-0678826 5.กิจกรรมการจดั การไฟปา่ หมอกควนั ในปี 2561 ทาแนวกนั ไฟระยะทาง 15 กโิ ลเมตร จานวน 3 คร้งั ครั้งละประมาณ 8 วนั จานวนคนเขา้ ร่วม 15 คน

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 226 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ชว่ งเดอื นที่ทา กมุ ภาพนั ธ์-เมษายน เกดิ ไฟป่าในพ้นื ที่ 2 คร้งั ดับกค่ี รัง้ 2 ในพนื้ ท/่ี ไปรว่ มหมู่บา้ นข้างเคียงประมาณ 20 คร้งั ครัง้ ละ15 คน มหี น่วยงานไหนบ้างเขา้ มาช่วยดบั ไฟ วนอทุ ยานม่อนพระอาแช่, ไฟป่าลาปาง, ทสจ.ลาปาง, อบต., สนง.3, สานักงานอนุรักษท์ ี่ 13 6.ปี 2561 ไดร้ บั การสนับสนนุ งบประมาณ/กองทุนจากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบ้าง กรมอทุ ยานไฟปา่ 20,000 บาท ทสจ.ลาปาง 20,000 บาท 7. ปญั หาอปุ สรรคสาคญั ในการจดั การไฟปา่ หมอกควนั และทรพั ยากร ปญั หาภายในชมุ ชน ชาวบ้านวยั แรงงานมีงานประจาไมส่ ามารถมารว่ มกจิ กรรมวันปกตไิ ด้ มีเพยี งวนั หยดุ เท่าน้นั มเี พียงสว่ นท่ีประกอบอาชีพอสิ ระหรืองานสว่ นตวั เทา่ นน้ั ทีร่ ว่ มปฏบิ ัติได้ 8. แผนงานในอนาคต ทากิจกรรมครบวงจร ทกุ ๆด้าน เชน่ รณรงค์ เฝ้าระวัง ทาฝายหรือซอ่ มแซมฝายชะลอน้าทีช่ ารดุ / เฝ้าระวังไฟป่า รวมถึงการทาแนวปอ้ งกนั ไฟป่า เฝ้าระวงั การตดั ไมท้ าลายปา่ หรอื บกุ รกุ ผืนป่า และปลอ่ ยสัตว์คืนสธู่ รรมชาตทิ าสัตว์ บก สัตวน์ า้ สัตว์ครงึ่ บกครึง่ น้า ผใู้ หข้ อ้ มลู ชือ่ -นามสกลุ นายมานติ อุ่นเครอื ทอี่ ยู่ 127/1 ม.5 ต.พชิ ัย อ.เมอื ง จ.ลาปาง เบอร์ 095-4473984 ตาแหน่ง ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมการป่าชมุ ชนบา้ นต้นตอ้ ง

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 227 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนบั สนุนเครือขา่ ยอาสาสมคั รเฝา้ ระวงั ไฟป่าลดหมอกควัน สว่ นท1ี่ ขอ้ มลู พ้นื ฐานชมุ ชน 1.ชอ่ื ชมุ ชน บ้านต้นต้อง 2.ชื่อกองทนุ ป่าชมุ ชนตน้ ต้อง 3.ทีอ่ ยู่ 4/2 ม.5 ต.พชิ ยั อ.เมือง จ.ลาปาง 4.จานวนหลังคาเรอื น 365 5.จานวนพืน้ ทป่ี ่าทร่ี บั ผดิ ชอบ(ประมาณกไ่ี ร)่ 1500 ไร่ ทศิ เหนอื ปา่ ชุมชนบ้านใหม่พัฒนา ทศิ ใต้ ปา่ ชมุ ชนทรายใต้ ทศิ ตะวนั ออก ปา่ แมเ่ มาะ ทศิ ตะวนั ตก ท่นี ายทนู ไร่ อ.ส. 6. สถานภาพทางกฎหมายของพืน้ ทป่ี ่า เปน็ ดอยเขาสูง สว่ นท2ี่ ขอ้ มลู การบรหิ ารจดั การไฟป่าหมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1.พฒั นาการการจดั การทรัพยากรของชมุ ชน 1 มกราคม ของทุกปี ไดร้ บั การสนับสนนุ จากทางกรมปา่ ไมแ้ ต่ละพ้ืนท่ี 2.พัฒนาการการจดั การไฟป่าหมอกควนั ของชมุ ชน พ.ศ.2553 สาเหตบุ ่อนา้ ในหมบู่ ้านแหง้ แล้ง และเปน็ โรคระบบทางเดนิ หายใจ หดื หอบ ภูมิแพ้ 3.คณะทางานทร่ี บั ผดิ ชอบ ปา่ ชุมชนตน้ ตอ้ ง 4.รายชอ่ื คณะทางานหลกั พรอ้ มเบอรโ์ ทรศพั ท์ นายนิยม คาปนั บุตร นางยพุ นิ ดว้ งคาฟู นายวีระพล ยะสุทธิ 5.กจิ กรรมการจดั การไฟปา่ หมอกควนั ในปี 2561 เฝา้ ระวัง ลาดตระเวน ในช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน จานวน 70 ครงั้ คร้งั ละประมาณ 10 คน เกิดไฟป่าในพ้นื ที่ 5 คร้งั ดบั กค่ี ร้งั 10 ครงั้ กจิ กรรมอืน่ ๆ การบวชป่า 1 ครงั้ ทาฝาย 10 ครั้ง เลยี้ งผตี น้ นา้ 1 ครัง้

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 228 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั 6.ปี 2561 ไดร้ บั การสนับสนนุ งบประมาณ/กองทนุ จากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบ้าง กรมปา่ ไม้ ธนาคาร ธกส. สนับสนนุ 7. ปัญหาอปุ สรรคสาคญั ในการจดั การไฟปา่ หมอกควนั และทรพั ยากร ปญั หาภายในชมุ ชน ดอยสูง ปัญหาภายนอก 8. แผนงานในอนาคต

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 229 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั แบบฟอรม์ ขอ้ มลู การสนบั สนุนเครอื ข่ายอาสาสมคั รเฝ้าระวงั ไฟป่าลดหมอกควัน สว่ นท1่ี ขอ้ มลู พื้นฐานชมุ ชน 1.ชือ่ ชุมชน ชุมชนตาบลพิชยั 2.ชื่อกองทุน กองทุนตาบลพิชยั 3.ท่อี ยู่ 444 ม.7 ต.พชิ ัย อ.เมอื งลาปาง 4.จานวนหลังคาเรือน 4000 ครวั เรือน 5.จานวนพ้นื ทป่ี ่าทร่ี บั ผิดชอบ(ประมาณกไ่ี ร)่ 7000 ไร่ ทศิ เหนอื ต.บา้ นเสด็จ ทศิ ใต้ ต.พระบาท ทศิ ตะวนั ออก ต.บา้ นดง / ต.บา้ นแม่เมาะ ทศิ ตะวนั ตก 6. สถานภาพทางกฎหมายของพืน้ ที่ปา่ เขตปา่ ชุมชน เขตป่าสงวน สว่ นท2่ี ขอ้ มลู การบรหิ ารจดั การไฟป่าหมอกควันและทรพั ยากรโดยรวม 1.พฒั นาการการจดั การทรัพยากรของชมุ ชน เรม่ิ ปี 2552 ไดร้ บั การสนบั สนนุ งบประมาณจาก อปน. อบต.พชิ ยั จาก สนง.ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม จากชมุ ชนเอง 2.พฒั นาการการจดั การไฟป่าหมอกควันของชมุ ชน เรมิ่ ปี 2556 เปน็ ตน้ มา สาเหตุคอื มลพิษทางอากาศยา่ แย่ หายใจลาบาก ได้รบั การสนับสนุนจาก อาเภอ/ จังหวดั และอบต.พิชัย 3.คณะทางานทร่ี บั ผดิ ชอบ สนป., อบต.พิชัย 4.รายชอื่ คณะทางานหลกั พรอ้ มเบอรโ์ ทรศพั ท์ นายมานิต อ่นุ เครือ นายชายชาญ นายสมพร สตแิ ป 5.กิจกรรมการจัดการไฟปา่ หมอกควนั ในปี 2561

รายงานฉบบั สมบรู ณ์ 230 โครงการพฒั นารูปแบบการสร้างเครือขา่ ยเฝา้ ระวงั ไฟป่า ลดหมอกควนั ทาแนวกันไฟระยะทาง 1 กโิ ลเมตร จานวน 10 วัน คร้งั ละประมาณ 3 วัน จานวนคนเข้าร่วม 10 คน ช่วงเดอื นทท่ี า ธนั วาคม-เมษายน เฝา้ ระวัง ลาดตระเวน ในชว่ งเดือน ธันวาคม-เมษายน จานวน 30 ครงั้ ครงั้ ละประมาณ 5 คน เกดิ ไฟปา่ ในพื้นที่ 5 คร้งั ดับกคี่ ร้งั 4 ชม. การดับไฟแต่ละครง้ั ใช้คน 10 คน กจิ กรรมอ่นื ๆ 6.ปี 2561 ไดร้ บั การสนับสนนุ งบประมาณ/กองทุนจากองคก์ รหนว่ ยงานไหนบ้าง อบต.พิชัย ทหารผ่านศกึ 10000 บาท 7. ปัญหาอปุ สรรคสาคัญในการจดั การไฟปา่ หมอกควนั และทรพั ยากร ปญั หาภายในชมุ ชน ขาดจติ อาสาอายนุ อ้ ยๆ ปัญหาภายนอก ขาดงบประมาณสนบั สนุน, ขาดวัสดแุ ละอุปกรณ์ 8. แผนงานในอนาคต ทาแนวกันไฟตัดสันเขา ม่อนพระผาแช่-ม.ราชมงคล และแนวยอ่ ยตามสนั เขา ระยะทาง 100 km. ผใู้ หข้ อ้ มลู ช่อื -นามสกลุ นายสมพร สตแิ น่ ทอี่ ยู่ 444 ม.7 ต.พชิ ัย อ.เมอื ง จ.ลาปาง เบอร์ 064-4163592 ตาแหนง่ ปลัดอบต.พชิ ยั