คำนำ นโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นรปู ธรรม นโยบายหน่ึง คือ การปรับลดเวลาเรียนของเด็กให้น้อยลง เป็นการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดยให้สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐานพิจารณาปรับลดช่ัวโมงเรียนของบางวิชาให้น้อยลง แต่ต้องไม่กระทบเน้ือหาหลักท่ีเด็ก ๆ ควรเรียนรู้ ครูต้องใช้ความสามารถในการอธิบายและบูรณาการให้ครบถ้วนอย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน และ กาหนดใหส้ ถานศกึ ษาตอ้ งจดั กจิ กรรมสร้างสรรคใ์ ห้ผู้เรียนอย่างหลากหลาย เพอ่ื เพม่ิ พูนทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ความมีนา้ ใจต่อกนั การทางานเปน็ ทมี กระตุน้ ใหผ้ ู้เรียนไดค้ ้นหาศักยภาพและความชอบของตนเอง สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ซึ่งมีหน้าที่ โดยตรงในการนานโยบายดังกล่าวไปสกู่ ารปฏิบตั ิ ได้จัดทาเอกสารเพื่อให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ใช้ศึกษาประกอบการปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามเป้าหมายทีก่ าหนด โดยเอกสารทีจ่ ดั ทาขึ้นเปน็ ชุด จานวน ๔ รายการ ประกอบดว้ ย ๑. คู่มอื บรหิ ารจัดการเวลาเรยี น “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” ๒. แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๓ ๓. แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔ – ๖ ๔. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ – ๓ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ขอขอบคุณ คณะทางานทุกคนท่ีได้นาความรู้และประสบการณ์มาร่วมแลกเปล่ียนและจัดทาเป็นเอกสารฉบับนี้ สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐานหวงั เป็นอยา่ งยิ่งว่าเอกสารฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลอ่ื น การนานโยบาย “การลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลาเรียน” ส่กู ารปฏิบตั ไิ ดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน
สำรบัญ หนำ้ เรอ่ื ง 1 5 คานา 7 8 สารบญั 9 คาชแ้ี จง 9 ส่วนที่ 1 บทนา 15 สว่ นที่ 2 แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” 29 ส่วนที่ 3 ตัวอยา่ งการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” 39 46 หมวดท่ี 1 กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น (กจิ กรรมบงั คบั ตามหลกั สตู ร) 74 หมวดที่ 2 สรา้ งเสรมิ สมรรถนะและการเรียนรู้ 74 กลุ่มกิจกรรมท่ี 4 พฒั นาความสามารถด้านการส่อื สาร 86 กล่มุ กจิ กรรมท่ี 5 พฒั นาความสามารถดา้ นการคิดและการพัฒนา 94 กรอบความคดิ แบบเปดิ กวา้ ง (Growth Mindset) 98 กลมุ่ กิจกรรมท่ี 6 พัฒนาความสามารถดา้ นการแก้ปญั หา กลุ่มกิจกรรมที่ 7 พัฒนาความสามารถดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยี 106 กลุ่มกิจกรรมที่ 8 พัฒนาทักษะการเรียนรู้ทีส่ ่งเสรมิ การเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ 106 หมวดท่ี 3 สร้างเสรมิ คุณลักษณะและค่านยิ ม กลมุ่ กจิ กรรมที่ 9 ปลูกฝงั ค่านยิ ม และจิตสานึกการทาประโยชนต์ อ่ สงั คม 121 มีจิตสาธารณะและการใหบ้ รกิ ารดา้ นต่าง ๆ ท้งั ท่ีเป็นประโยชน์ 146 ตอ่ ตนเองและต่อส่วนรวม 157 กล่มุ กจิ กรรมท่ี 10 ปลกู ฝังความรกั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ 168 กลุ่มกจิ กรรมที่ 11 ปลูกฝังคณุ ธรรม จรยิ ธรรม (มีวนิ ัย ซ่อื สัตย์ สจุ รติ เสยี สละ 180 อดทน มงุ่ มน่ั ในการทางาน กตัญญ)ู 183 กลมุ่ กจิ กรรมที่ 12 ปลูกฝงั ความรกั ความภาคภูมิใจในความเปน็ ไทย และหวงแหน สมบตั ิของชาติ หมวดที่ 4 สรา้ งเสรมิ ทักษะการทางาน การดารงชพี และทักษะชีวิต กลุ่มกิจกรรมที่ 13 ตอบสนองความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผูเ้ รียน ตามความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล กลุม่ กจิ กรรมท่ี ๑4 ฝกึ การทางาน ทกั ษะทางอาชีพ ทรัพย์สนิ ทางปัญญา อยู่อย่าง พอเพยี ง และมวี นิ ัยทางการเงิน กลุ่มกจิ กรรมท่ี ๑5 พัฒนาความสามารถดา้ นการใชท้ ักษะชวี ติ กลุ่มกจิ กรรมท่ี ๑6 สรา้ งเสริมสมรรถนะทางกาย ส่วนที่ 4 รายชอ่ื หนว่ ยงาน/ องค์กรท่สี ามารถจัดกจิ กรรมรว่ มกบั สถานศึกษา บรรณานกุ รม คณะผ้จู ัดทา
คำชแ้ี จง การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สถานศึกษาแต่ละแห่ง ควรแต่งต้ังคณะทางานเพ่ือศกึ ษา วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ คุณธรรมพ้ืนฐาน ๘ ประการ ของ กระทรวงศึกษาธิการ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ รวมท้ังจุดเน้นและอัตลักษณ์ของโรงเรียน เป็นต้น แลว้ วางแผน หรอื กาหนดกิจกรรมของโรงเรยี น กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ควรมีรายละเอียดเกี่ยวกับ ช่ือกิจกรรม เวลาท่ีใช้ วัตถุประสงค์ ข้ันตอนการจัดกิจกรรม วัสดุอุปกรณ์หรือส่ือท่ีจาเป็นต้องใช้ ผลที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน และแต่ละส่วน มขี ้อควรคานงึ ดังนี้ ๑. ชอ่ื กจิ กรรม กาหนดให้ชดั เจน ดงึ ดดู ความสนใจของผเู้ รียน ๒. เวลาที่ใชใ้ นการจัดกจิ กรรมแต่ละคร้ัง ควรใช้เวลาประมาณหนง่ึ ถงึ หนงึ่ ช่ัวโมงครงึ่ ๓. วัตถุประสงค์ ควรอยู่ในกรอบท่ีผู้เรยี นสามารถปฏิบตั ิได้อย่างมีความสุข มีความพึงพอใจ ๔. ขั้นตอนการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ควรให้ผู้เรียนได้ศึกษา คิดวิเคราะห์ เตรียมการ ลงมือปฏิบัติ สรุปและชื่นชมผลงาน รวมท้ังจัดเก็บกวาดดูแลรักษาบริเวณท่ีจัดกิจกรรมให้อยู่ ในสภาพดดี ังเดิม ๕. สอ่ื การเรียนรู้ ควรจัดใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรมและเพยี งพอกบั ผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม ๖. การประเมินผลเน้นการสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม ความสาเร็จของงาน และ ความพึงพอใจในการเข้าร่วมกจิ กรรม กรณีท่ีสถานศึกษาไม่สามารถกาหนดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ได้ สามารถเลือกกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ที่เหมาะสมกับระดับช้ัน หรือช่วงวัยของผู้เรียน จากตัวอย่างกิจกรรมในเอกสาร แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ที่สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา จัดทาขนึ้ ๓ รายการ ดงั น้ี ๑. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ๒. แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ ๓. แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓
1 ส่วนท่ี ๑ บทนำ การจัดการเรียนรู้ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ หรือโลกไร้พรมแดนเน้นการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ ๒๑ / ประชาคมอาเซียน หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ความเป็นไทยและอัตลักษณ์ไทย และหลักการ “สุ จิ ปุ ลิ” เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต ดังน้ัน ในการจัดการศึกษาจาเป็นต้องปรับการเรียนการสอนให้สามารถพัฒนาผู้เรียนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม องค์ความรู้จะไม่จากัดอยู่แต่ในห้องเรียนเท่านั้น ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านส่ือการเรียนรู้ และชอ่ งทางท่ีหลากหลายไดอ้ ยา่ งมีความสุข ผลการสงั เคราะหเ์ อกสารและงานวจิ ัยเกยี่ วกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และผลการใช้หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตลอดจนผลการประเมิน คุณภาพการศึกษาต่าง ๆ พบว่า ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของผู้เรียนต่ากว่าเกณฑ์ที่กาหนด ท้ังผลการทดสอบระดับชาติ (O - NET) ผลการสอบ PISA เป็นต้น ถึงแม้ว่าสถานศึกษาจะใช้เวลาในการ จัดการเรียนการสอนมาก สถานศึกษาบางแห่งใช้เวลา ๗ - ๘ ช่ัวโมงต่อวัน อัดแน่นเน้ือหาวิชาการมากกว่า ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนมีภาระงาน หรือการบ้านมาก หรือต้องนาการบ้านไปทาท่ีบ้าน หรือ ต้องเรยี นพเิ ศษ ทาให้เด็กเกดิ ความเครยี ด เด็กคดิ ไม่เปน็ วิเคราะหไ์ ม่ได้ ขาดทกั ษะชวี ติ เป็นต้น จากสภาพและปัญหาดังกลา่ วกระทรวงศึกษาธิการจึงกาหนดนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” เพื่อลดเวลาเรียนภาควิชาการลง แต่ต้องไม่กระทบเน้ือหาหลักท่ีผู้เรียนควรเรียนรู้ และครูปรับการเรียน การสอน การจัดกิจกรรม โดยเพิ่มเวลาและโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เพ่ือสร้างเสริมทักษะ การเรียนรู้ทุกด้านในรูปแบบกิจกรรมเสริมหลักสูตร ให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้ตามโครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาภายในเวลา ๑๔.๓๐ น. ส่วนเวลาหลงั จากน้นั จนถึงเวลาเลิกเรียน ใหจ้ ัดกิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” โดยเร่ิมดาเนินการในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ และมีสถานศึกษากลุ่มเป้าหมาย เข้าร่วมโครงการอย่างน้อยร้อยละ ๑๐ ของจานวนสถานศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ทั้งหมดครอบคลุมกระจายทุกสภาพพ้ืนที่ทั้งนอกเมืองในเมืองจานวน ๓,๘๓๑ โรงเรียน ทั้งนี้ จะดาเนินการในสถานศึกษาทุกแห่งในปีการศึกษา ๒๕๕๙ สาหรับสถานศึกษาสังกัดอื่นให้พิจารณา ดาเนินการตามบริบทและความพรอ้ มของสถานศึกษาแต่ละแห่ง กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยสานัก วิชาการและมาตรฐานการศึกษา สารวจความคิดเห็นจากผู้เรียน ผู้ปกครอง ครู และบุคคลท่ัวไปเกี่ยวกับ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” เพ่ือให้แนวดาเนินการมีความสมบูรณ์ คือ การปรับปรุงเนื้อหาภายในของแต่ละวิชาของหลักสูตร และการจัดโครงสร้างเวลาเรียนในระดับ ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา การเตรียมความพร้อมของครูและสถานศึกษาที่จะเข้าร่วมโครงการ การจัดทีม Smart Trainers ช่วยกากับ ดูแลและให้คาแนะนาในการบริหารจัดการเวลาเรียน และการจัด กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” พร้อมท้ังมีการประเมินผลการดาเนินการ และศึกษาแนวทาง แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ - 3
2 การดาเนินการจากสถานศึกษาที่ประสบความสาเร็จ เพ่ือขยายผลการดาเนินการไปยังสถานศึกษาอ่ืน ในภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ รวมทงั้ รวบรวมปัญหาและอุปสรรค เพอื่ ปรบั ปรุงการดาเนินการต่อไป ดังน้ัน เพื่อให้การขับเคล่ือนแนวทางการบริหารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” สกู่ ารปฏิบัตขิ องสถานศกึ ษามีประสิทธิภาพ ครูปรับเปลย่ี นรปู แบบการจัดการเรียนรทู้ ี่เนน้ ให้ผูเ้ รียนไดล้ งมือ ปฏิบัติและเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น และผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพ มีความสุขในการเรียน รู้ อย่างแท้จริง สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน จงึ ไดจ้ ัดทาแนวทำงกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ “ลดเวลำเรยี น เพ่ิมเวลำรู้” สาหรบั สถานศึกษาเลือก หรือ นาไปปรบั ใช้ในการจดั กจิ กรรมไดอ้ ย่างเป็นรปู ธรรม ในการบริหารจดั การเวลาเรียน และจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สถานศึกษาแต่ละแห่ง ควรมีการตรวจสอบ หรือทบทวนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาตามหลักสูตรสถานศึกษา ในประเด็น โครงสร้างเวลาเรียน รายวิชาพื้นฐาน รายวิชาเพิ่มเติม การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การจัดการเรียนรู้ ของครู และศึกษาทาความเข้าใจนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” และการขับเคล่ือนนโยบาย สู่การปฏิบัติได้จากเอกสารคู่มือการบริหารจัดการเวลาเรียน เอกสารแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” รวมท้ังศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ จุดเน้นและอัตลักษณ์ของสถานศึกษา เพ่ือเตรียมการจัดตารางสอนตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา โดยจัดรายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชาเพ่ิมเติม และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ให้เสร็จสิน้ ภายในเวลา ๑๔.๓๐ เปน็ ตน้ การวางแผนจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ควรคานึงถึงความสนใจ ความต้องการ ของผู้เรียนเป็นหลักหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม โดยแบ่งงานหน้าที่รับผิดชอบ สารวจ สืบค้น รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ นาเสนอแลกเปล่ียน และสรุปข้อมูลจากการศึกษาโดยใช้ชุมชนส่ิงแวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศรอบตัวเป็นแหล่งเรียนรู้ จะช่วยให้ผู้เรียนได้เผชิญกับสภาพจริงของชีวิต หลากหลายมิติ ได้สัมผัสกับธรรมชาติและได้ประสบการณ์ตรงกับการเรียนรู้กับผู้คนท่ีมีความแตกต่าง หลากหลายช่วงวยั มีส่วนร่วมในการถา่ ยทอดประสบการณ์ การเพิ่มเวลาร้เู ปน็ การถา่ ยทอดแนวคิด ประสบการณ์ จรยิ วัตรและวิถปี ฏิบตั ทิ ี่พึงให้กับผู้เรียน และ เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศเรียนรู้ร่วมกัน ถ่ายโอน ส่งทอดประสบการณ์จากผู้เรียนท่ีต่างวัยกัน รวมทั้งผู้เรียนจะได้ฝึกฝนทักษะความสามารถพื้นฐานต่าง ๆ เช่น การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน การวางแผน การแบ่งปันหน้าที่กันทางาน การสังเกต การสารวจค้นคว้า การลงมือปฏิบัติ การรวบรวม ข้อมูล การวิเคราะห์ประเมินผล การแก้ปัญหา การปรับปรุง การนาเสนอ การแลกเปล่ียน การสรุปความรู้ ทกั ษะทางสังคม การเรียนรรู้ ว่ มกบั ผู้อืน่ และทักษะชีวิต เป็นตน้ คณุ ลักษณะสำคัญและธรรมชำติของผูเ้ รยี นระดบั ประถมศึกษำและมัธยมศึกษำ ผูเ้ รียนแต่ละคนจะมีคณุ ลักษณะสาคัญและธรรมชาติท่ีเหมือน หรอื คล้ายกัน และมีความแตกต่างกัน ตามช่วงวัย การเข้าใจคุณลักษณะสาคัญและธรรมชาติของผู้เรียนจะช่วยให้การจัดการเรียนรู้ประสบ ผลสาเรจ็ ซง่ึ ผเู้ รยี นระดบั ประถมศกึ ษาและมัธยมศกึ ษามีคุณลักษณะสาคัญและธรรมชาติ ดงั นี้ แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้” ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ - 3
3 1. คุณลักษณะสำคัญและธรรมชำติของผู้เรียนระดับประถมศึกษำ เป็นวัยของการเจริญเติบโต อยากรู้อยากเห็น ชอบทดลอง ทาอะไรด้วยตนเอง ชอบเคลื่อนไหว ไม่อยู่นิ่ง มีทักษะพ้ืนฐานทางภาษา ฟัง ดู พูด อ่านและเขียน มีทักษะการคดิ คานวณ มีทักษะการคิดขั้นพื้นฐาน มีทักษะชวี ิต ร้จู ักความสามารถ ของตนเอง รักและเห็นคณุ ค่าในตนเอง รจู้ กั อาชีพในโลกกว้าง 2. คุณลกั ษณะสำคญั และธรรมชำติของผู้เรียนระดับมัธยมศกึ ษำตอนต้น เปน็ วัยของการเจรญิ เตบิ โต อยา่ งรวดเรว็ เป็นวัยของการเปลีย่ นแปลงของร่างกาย อารมณ์ และสังคม สนใจและใหค้ วามสาคัญกบั เพื่อน อยากลอง ชอบความทา้ ทาย ชอบอิสระ เช่อื ม่นั ในตนเอง ชอบแสวงหาความรู้ ร้จู ักใชเ้ ทคโนโลยใี หม่ ๆ มที ักษะ ทางภาษา วเิ คราะหแ์ ละเลือกใช้ขอ้ มูลอย่างเหมาะสม มีทกั ษะการคิดข้นั สูง มที กั ษะชีวิต รจู้ ักความสามารถ ของตนเอง รักและเห็นคณุ ค่าในตนเอง รู้จกั และเลือกอาชีพต่าง ๆ ข้นั ตอนกำรจดั กิจกรรม “ลดเวลำเรียน เพิม่ เวลำรู้” เม่อื สถานศึกษาบรหิ ารจัดการเวลาเรยี น จดั ทาโครงสร้างเวลาเรียน โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา และจัดตารางสอน ที่เอ้ือต่อ “การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” และขั้นตอนต่อไปครูต้องการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ให้ผู้เรยี นปฏบิ ตั ิ ควรมขี ้ันตอนการดาเนินงาน ดงั นี้ ๑. จดั ข้อมลู สารสนเทศ เกี่ยวกับความถนัด ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียนเปน็ รายบคุ คล เพอ่ื ใช้ประกอบการวางแผนการจดั กจิ กรรม ๒. วิเคราะห์สภาพความพร้อมของสถานศึกษา ทั้งด้านบุคลากร ภูมิปัญญาท้องถ่ิน วัสดุอุปกรณ์ ส่ือ แหลง่ เรียนรู้ สถานที่ งบประมาณ หรือประสานทรัพยากรภายนอกสถานศึกษามาใหก้ ารสนับสนนุ สถานศึกษา ๓. กาหนดแนวทางการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนปฏิบตั ิ อาจจะกาหนดได้ ดงั น้ี ๓.๑ สถำนศึกษำจัดกิจกรรมอย่ำงหลำกหลำยให้ผู้เรียนได้เลือกปฏิบัติกิจกรรมตำมควำมถนัด ควำมสนใจ โดยอาจจะปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล หรอื เป็นกลุ่ม มีครูเปน็ ท่ีปรึกษา แนวทางนเ้ี หมาะสม สาหรับระยะเวลาเร่ิมต้นท่ีผู้เรียนยังไม่มีความพร้อม หรือยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ในการปฏิบัติกิจกรรม อย่างแท้จริง หรืออาจจะเป็นสถานศึกษาระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓ ที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนา กระบวนการคิด ความรับผิดชอบ และยังต้องคานึงถึงความพร้อมของอุปกรณ์ประกอบกิจกรรม จานวนครู ความรู้ความสามารถของครู และความปลอดภยั ของผู้เรยี นในการปฏิบัติกิจกรรมท้ังในและนอกห้องเรยี น กจิ กรรมท่ีกาหนดให้ผู้เรียนเลือกปฏิบัติ ได้แก่ กิจกรรมภาคปฏิบัติจากกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรม โครงงาน กิจกรรมจิตสาธารณะ กิจกรรมอิสระตามความถนัด ความสนใจของผู้เรียน กิจกรรมสร้างสรรค์ทาง วิชาการ (ศึกษา ค้นคว้า อิสระ) กิจกรรมสร้างสรรค์ที่ครูกาหนดร่วมกับผู้เรียน กิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกับ ผู้ปกครอง ชุมชน กิจกรรมวันสาคัญต่าง ๆ ให้ผู้เรียนปฏิบัติร่วมกับ ผู้ปกครอง ชุมชน กิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ กจิ กรรมแข่งขันทางวชิ าการ กจิ กรรมส่งเสริมทักษะกระบวนการ / ทักษะทางอาชีพ เปน็ ตน้ ๓.๒ สถำนศึกษำเปิดโอกำสให้ผู้เรียนแต่ละคน หรือรวมกลุ่มกันเสนอกิจกรรมท่ีจะปฏิบัติ โดยผู้เรียนท่ีรวมเป็นกลุ่ม อาจจะเป็นผู้เรียนห้องเดียวกัน หรือผู้เรียนระดับชั้นเดียวกัน หรือผู้เรียน หลายระดับชั้น มาปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน หรืออาจจะปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครอง / ชุมชน มาปฏิบัติ กิจกรรมร่วมกัน การเสนอกิจกรรมดังกล่าวต้องมีครูเป็นที่ปรึกษา ให้ข้อเสนอแนะให้การทากิจกรรม แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ - 3
4 ที่มีความเหมาะสม ถูกต้อง ปลอดภัย และสร้างค่านิยมท่ีถูกต้อง กิจกรรมที่ผู้เรียนนาเสนออาจจะเป็น กิจกรรม ๔ หมวด ๑๖ กลุ่มกิจกรรม หรือเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่สัมพันธ์ หรือจาลองจากสภาพจริงใน ท้องถ่ิน ในสังคม ให้ผู้เรียนได้เรยี นรู้เพ่อื เพิ่มทกั ษะการแก้ปญั หาให้กบั ผู้เรยี น หรือให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจ ความภาคภูมใิ จ ความผูกพัน และหวงแหนในท้องถ่นิ มากข้ึน เปน็ ต้น ๓.๓ สถำนศึกษำใชท้ ั้งสองแนวทำงร่วมกนั กรณีนี้เหมาะสาหรับสถานศึกษาทจ่ี ัดการศกึ ษา หลายระดับ เช่น โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ ถึงช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ หรือสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ให้สถานศึกษาพิจารณาตามบริบทและ ความพร้อมของสถานศกึ ษา ๔. นิเทศ กากับ ติดตาม และประเมินควำมก้ำวหน้ำในกำรปฏิบัติกิจกรรม ควำมพึงพอใจ ของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้ครูทุกคนเป็นที่ปรึกษาการทากิจกรรม เพ่ืออานวยความสะดวก ประสานงาน ใหข้ ้อเสนอแนะ และดแู ลความปลอดภัยของนักเรียน ๕. จัดนาเสนอผลงานของผู้เรียน ประชมุ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ภายในโรงเรียน เพื่อพัฒนาการดาเนินงาน อยา่ งต่อเน่อื ง ๖. สรุป และรายงานผลการดาเนินงาน ส่วนที่ ๒ แนวทำงกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ “ลดเวลำเรียน เพ่มิ เวลำรู้” แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ - 3
5 กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ท่ีสถานศึกษาจัดอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยเพ่ิมพูนทักษะการคิดวิเคราะห์ ความมีน้าใจต่อกัน การทางานเป็นทีม และกระตุ้นให้ผู้เรียน ได้คน้ หา ศกั ยภาพและความชอบของตนเอง เพราะมีความเช่อื ว่าผู้เรียนทุกคนมีความพเิ ศษ มคี วามสามารถ ในแบบฉบับของตนเอง กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมท่ีให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติตามความถนัด ความสนใจ ความต้องการ ท้ังปฏิบัติด้วยตนเอง หรือปฏิบัติเป็นกลุ่ม เป็นทีม โดยการปฏิบัติกิจกรรมไม่จาเป็นต้อง เปิดให้เฉพาะผู้เรียนห้องเดียวกัน หรือระดับช้ันเดียวกัน บางกิจกรรมสามารถศึกษา หรือปฏิบัติร่วมกัน หลายระดับช้ันได้ เพื่อให้ผู้เรียนรู้จักการปรับตัว การช่วยเหลอื ดูแลกัน การมีปฏิสัมพันธ์กับคนหลายช่วงวัย โดยเป็นการจาลองสภาพจริงในสังคม ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ซ่ึงจะย่ิงช่วยเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหาให้กับ เดก็ ไทย การจดั กิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้” มีแนวทางในการดาเนินงาน ดงั น้ี ๑. กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สามารถจัดได้ทุกระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้แก่ สถานศึกษาระดับประถมศึกษาที่จัดการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ หรือโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษาระดับชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ถึงช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ หรือโรงเรียนมัธยมศกึ ษาทจี่ ัดการศกึ ษา ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๖ หรอื โรงเรียนการศึกษาพิเศษ การศึกษาสงเคราะห์ โดยสถานศึกษาตอ้ งจัด กจิ กรรมไดเ้ หมาะสมกับผ้เู รียนแต่ละช่วงวยั ๒. การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ตามขนาดโรงเรียน จานวนผู้เรียน จานวนครูและ บุคลากรทางการศกึ ษาของสถานศึกษา มแี นวดาเนินการ ดังน้ี ๒.๑ โรงเรียนประถมศึกษา และโรงเรยี นขยายโอกาสทางการศึกษา ขนาดเลก็ มีครูไม่ครบช้ัน ทงั้ โรงเรียนที่จัดการศึกษาเปน็ เอกเทศ หรอื จัดการศึกษาแบบเรยี นรวม ควรจัดกลุ่มผู้เรยี นเป็นชนั้ ช่วงชั้น คละชั้น หรือรวมกลุ่มท้ังโรงเรียน (กรณีเปน็ โรงเรยี นขนาดเลก็ มาก) ให้สอดคลอ้ งกบั จานวนครูทีจ่ ะรบั ผิดชอบ หรือเป็นผู้ดูแลกิจกรรม การจัดกิจกรรมของโรงเรียนขนาดเล็กในบางพ้ืนท่ีท่ีสามารถเดินทางไปมาสะดวก อาจนาผู้เรียนหมุนเวียนกันไปจัดรวมกบั โรงเรียนใกลเ้ คียงได้ ๒.๒ โรงเรียนขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง ทีม่ ีครูพอดีชั้น หรือมีครูเพียงพอควรจัดกลุ่มนักเรียน ให้เหมาะสมกับกิจกรรมไม่ให้มีจานวนท้ังกลุ่มมากเกินไป และคานึงถึงความสนใจและความต้องการของ ผู้เรียนเปน็ หลกั ๒.๓ โรงเรียนขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ ที่มีผู้เรียนจานวนมาก ต้องมีการวางแผนที่รัดกุม เนอ่ื งจากโรงเรียนอาจมขี อ้ จากัดดา้ นสถานที่ และต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกกิจกรรมได้อยา่ งหลากหลาย ท้งั น้ี อาจเลือกกจิ กรรมที่เหมาะสมกบั ช่วงเวลาไดต้ ลอดวนั ๒.๔ โรงเรียนการศึกษาพิเศษ และการศึกษาสงเคราะห์ ให้พิจารณาตามความเหมาะสมกับ บริบทและความพร้อม ๓. การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ควรเป็นกิจกรรมที่เป็นไปตามความต้องการความสนใจ ของผเู้ รยี น ผ้ปู กครอง กจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” แบ่งออกเป็น ๔ หมวด ๑๖ กลุ่มกิจกรรม มรี ายละเอียด ดังนี้ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ - 3
6 หมวดท่ี ๑ กิจกรรมพัฒนำผูเ้ รยี น (กจิ กรรมบงั คับตำมหลักสตู ร) ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๒. กิจกรรมนกั เรยี น ๓. กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ หมวดที่ ๒ สรำ้ งเสริมสมรรถนะและกำรเรยี นรู้ ๔. พฒั นาความสามารถด้านการสอ่ื สาร ๕. พัฒนาความสามารถด้านการคิดและการพัฒนากรอบความคิดแบบเปิดกว้าง (Growth Mindset) ๖. พัฒนาความสามารถด้านการแก้ปญั หา ๗. พัฒนาความสามารถด้านการใชเ้ ทคโนโลยี ๘. พัฒนาทักษะการเรียนรู้ทส่ี ง่ เสริมการเรียนรู้๘ กล่มุ สาระการเรียนรู้ หมวดท่ี ๓ สรำ้ งเสริมคณุ ลักษณะและคำ่ นยิ ม ๙. ปลูกฝังค่านิยมและจิตสานึกการทาประโยชน์ต่อสังคมมีจิตสาธารณะและการให้บริการ ด้านตา่ ง ๆ ทั้งท่เี ปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและต่อสว่ นรวม ๑๐. ปลูกฝังความรกั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ ๑๑. ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม (มีวินัย ซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทางาน กตญั ญ)ู ๑๒. ปลกู ฝงั ความรกั ความภาคภมู ใิ จในความเป็นไทยและหวงแหนสมบตั ิของชาติ หมวดท่ี ๔ สรำ้ งเสริมทกั ษะกำรทำงำน กำรดำรงชีพ และทักษะชีวิต ๑๓. ตอบสนองความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผู้เรียนตามความแตกต่างระหว่าง บุคคล ๑๔. ฝึกการทางาน ทักษะทางอาชีพ ทรัพย์สินทางปัญญา อยู่อย่างพอเพียงและมีวินยั ทางการเงิน ๑๕. พัฒนาความสามารถดา้ นการใชท้ ักษะชีวิต ๑๖. สรา้ งเสริมสมรรถนะทางกาย กิจกรรมหมวดท่ี ๑ ให้ใช้กิจกรรมพัฒนำผู้เรียนตำมหลักสูตร ส่วนกิจกรรมหมวดที่ ๒ – ๔ ให้สถานศึกษาตั้งคณะทางานเพ่ือศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ คุณธรรมพ้ืนฐาน ๘ ประการ ของกระทรวงศึกษาธิการ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ รวมทงั้ จดุ เน้นและอัตลักษณข์ องโรงเรยี น เป็นต้น แล้ววางแผนจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” หรือ เลอื กจากตวั อยา่ งกจิ กรรม ดงั ตอ่ ไปนี้ ส่วนที่ ๓ ตวั อยำ่ งกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ “ลดเวลำเรยี น เพ่ิมเวลำรู้” แนวทางการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้” ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ - 3
7 หมวดท่ี ๑ กจิ กรรมพัฒนำผเู้ รยี น (กจิ กรรมบงั คบั ตำมหลักสูตร) หมวดท่ี ๒ สรำ้ งเสริมสมรรถนะและกำรเรียนรู้ หมวดท่ี ๓ สรำ้ งเสริมคณุ ลักษณะและค่ำนยิ ม หมวดที่ ๔ สรำ้ งเสริมทักษะกำรทำงำน กำรดำรงชีพ และทักษะชีวิต หมวดท่ี ๑ กิจกรรมพฒั นำผ้เู รยี น (กิจกรรมบังคับตำมหลักสตู ร) แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ - 3
8 กลมุ่ กจิ กรรมที่ ๑ กจิ กรรมแนะแนว กลุ่มกจิ กรรมท่ี ๒ กจิ กรรมนักเรียน กลุม่ กจิ กรรมที่ ๓ กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสำธำรณประโยชน์ กำรจัดกิจกรรมหมวดที่ ๑ กิจกรรมพัฒนำผู้เรียน ให้สถำนศึกษำจัดกิจกรรมตำมท่ีหลักสูตร แกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ กำหนด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียน ได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพ่ือความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ท้ังร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสานึก ของการทาประโยชนเ์ พอื่ สงั คม สามารถจดั การตนเองได้ และอย่รู ว่ มกับผู้อืน่ อย่างมคี วามสขุ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน แบ่งเปน็ ๓ ลักษณะ ดังนี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตท้ังด้านการเรยี น และอาชีพ สามารถปรบั ตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมท่ีช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ผู้ปกครอง ในการมีสว่ นร่วมพัฒนาผ้เู รยี น ๒. กจิ กรรมนกั เรยี น เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามที่ดี ความรับผิดชอบ การทางาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจท่ีเหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอื้ออาทร และ สมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติ ด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทางาน เน้นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของ สถานศึกษาและท้องถ่ิน กจิ กรรมนกั เรยี นประกอบดว้ ย ๒.๑ กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ยวุ กาชาด ผบู้ าเพญ็ ประโยชน์ และนักศกึ ษาวชิ าทหาร ๒.๒ กจิ กรรมชมุ นมุ ชมรม ๓. กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสำธำรณประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถิ่น ตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพฒั นาตา่ ง ๆ กิจกรรมสรา้ งสรรคส์ ังคม สถำนศึกษำสำมำรถเลือกกิจกรรมได้จำกเอกสำร / คู่มอื / แนวทำง ที่สำนักงำนคณะกรรมกำร กำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำนจัดทำ แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้” ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ - 3
9 หมวดท่ี ๒ สรา้ งเสรมิ สมรรถนะและการเรียนรู้ กลมุ่ กจิ กรรมที่ 4 พัฒนาความสามารถดา้ นการส่ือสาร ตัวอยา่ งกิจกรรมท่ี ๑ ๑. ชือ่ กจิ กรรม Chinese Domino ๒. เวลาทีใ่ ช้ ๑ ชว่ั โมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้ผเู้ รียนได้นำควำมรู้ภำษำจนี ไปใชใ้ นกำรส่ือสำรในชีวติ ประจำวนั ๒. เพ่ือให้ผเู้ รียนได้ฝึกปฏบิ ตั ิ และเรยี นรภู้ ำษำจำกกำรเลน่ เกมโดมโิ น ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครูเตรียมอปุ กรณโ์ ดมโิ น ให้เพียงพอกับนกั เรียน ๒. ใหน้ ักเรียนศึกษำวธิ กี ำรเล่นจำกคูม่ ือในเกมโดนโิ น ๓. นักเรียนแบ่งกลุม่ เลน่ เกมโดมโิ นตำมข้อแนะนำ และวิธกี ำรทกี่ ำหนดในคู่มือกำรเล่น ๔. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปผลจำกกำรเล่นเกมโดมโิ น ๕. สือ่ การเรยี นรู้ และแหล่งการเรียนรู้ ๑. หนงั สือกจิ กรรมสร้ำงสรรค์ภำษำจีนหรรษำ ๒. Chinese Domino 6. การวัดผลและประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงำนควำมสำเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจต่อกำรเขำ้ ร่วมกิจกรรมของนกั เรียน นอ้ ยท่สี ุด นอ้ ย ปำนกลำง มำก มำกทส่ี ุด
10 ตวั อย่างกิจกรรมท่ี ๒ ๑. ช่ือกจิ กรรม Learning English through games ๒. เวลาท่ใี ช้ ๒ ชวั่ โมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้ผเู้ รยี นได้นำควำมรู้ภำษำองั กฤษไปใช้ส่ือสำรในสถำนกำรณ์จริง ๒. เพือ่ ให้ผเู้ รยี นไดฝ้ ึกปฏิบัตแิ ละเรียนรภู้ ำษำจำกกำรเล่นเกม ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครเู ตรียมอุปกรณเ์ กมภำษำอังกฤษ ให้เพยี งพอกบั นักเรียน ๒. ให้นักเรยี นศึกษำวธิ ีกำรเล่นจำกค่มู ือในเกมภำษำอังกฤษ ๓. นักเรียนแบ่งกลุ่มเล่นเกมภำษำองั กฤษตำมข้อแนะนำ และวธิ กี ำรท่ีกำหนดในคู่มือกำรเลน่ ๔. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปผลจำกกำรเลน่ เกมภำษำอังกฤษ ๕. สื่อการเรียนรูแ้ ละแหล่งการเรยี นรู้ ๑. หนังสอื เกมภำษำอังกฤษ ๒. หนังสือกิจกรรมเสริมกำรเรยี นกำรสอนภำษำอังกฤษชุดที่ ๑ และ ๒ ของสำนักพิมพ์ไทยวฒั นำ พำนิช ๖. การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ัติกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงำนควำมสำเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจต่อกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมของนกั เรยี น น้อยที่สดุ น้อย ปำนกลำง มำก มำกทส่ี ดุ
11 ตวั อยา่ งกิจกรรมท่ี ๓ ๑. ชื่อกิจกรรม ทักษะการเล่านทิ าน ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ชั่วโมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. นกั เรยี นสำมำรถฝกึ ทักษะกำรสอื่ สำรโดยใชภ้ ำษำและท่ำทำง ๒. นกั เรียนเกิดทกั ษะกำรคิดและวำงแผนในกำรทำงำนร่วมกันแบบเป็นทีม ๓. นกั เรยี นกลำ้ คดิ กลำ้ แสดงออกตอ่ สังคม ๔. นักเรียนนำหลกั ธรรมและข้อคิดไปเผยแพร่ผ่ำนทำงกำรเล่ำนทิ ำน ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. นกั เรียนและครูรว่ มเลือกนิทำนทีใ่ หค้ ตสิ อนใจต่อสงั คม โดยใช้กระบวนกำรถกแถลง ๒. ฝกึ ทักษะกำรแสดงกำรเล่ำโดยเลำ่ ให้นอ้ งๆหรอื เพ่ือนๆฟัง ๓. เมื่อเล่ำจนชำนำญแลว้ ให้นกั เรียนนกั เล่ำแสดงควำมสำมำรถในชุมชน เชน่ งำนวนั ปใี หม่ งำนวันเด็ก หรอื ส่งประกวดในระดบั ตอ่ ไป ๕. สือ่ การเรยี นรูแ้ ละแหล่งการเรยี นรู้ ๑. หนงั สอื แบบเรียนสงั คมศึกษำสำระกำรเรยี นรู้ พระพทุ ธศำสนำ ๒. กำรต์ ูนนทิ ำนชำดก หรือ กำร์ตนู ทีใ่ ห้ข้อคดิ ๓. อนิ เทอร์เน็ต ๔. ห้องสมุด ๕. อนื่ ๆ ๖. การวัดและประเมนิ ผล 6.1 สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปน้ี 6.1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะปฏบิ ัติกิจกรรม 6.1.2 สังเกตผลงำนควำมสำเรจ็ ของกิจกรรม 6.2 แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจต่อกำรเขำ้ รว่ มกจิ กรรมของนกั เรยี น นอ้ ยทส่ี ุด น้อย ปำนกลำง มำก มำกทส่ี ุด
12 ตัวอย่างกิจกรรมที่ ๔ 1. ช่ือกจิ กรรม มัคคเุ ทศกน์ อ้ ย ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๑๒ ชั่วโมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือใหน้ ักเรยี นฝึกทกั ษะกำรส่อื สำร ๒. เพื่อใช้ทักษะกำรสือ่ สำรผำ่ นกำรแนะนำแหลง่ ท่องเทย่ี วในทอ้ งถ่นิ ๓. เพื่อให้นักเรียนสรปุ และนำเสนอแผนผงั ควำมคดิ (Mind Map) เกี่ยวกบั กำรใช้ทักษะกำรสอื่ สำร ผ่ำนกำรแนะนำแหล่งท่องเทย่ี วในท้องถ่ินได้ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รำยถงึ ปัญหำกำรสือ่ สำรในสังคมไทย และขอ้ เสนอในกำรแก้ปัญหำ ร่วมกัน ๒. ครูนำเสนอกระบวนกำรสื่อสำรให้นักเรยี นทรำบ ดงั ต่อไปนี้ สำร ผสู้ ง่ สำร กระบวนกำรสื่อสำร ผูร้ ับสำร ขอ้ มูลย้อนกลบั ๓. นักเรียนฝึกกำรรบั – สง่ สำรผ่ำนเกมขำ่ วลอื ๔. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภปิ รำยถงึ แหล่งท่องเทยี่ วในทอ้ งถิ่น และจัดทำทะเบียนแหล่งทอ่ งเท่ียวใน ทอ้ งถิน่ ๕. ครูเชิญวิทยำกรภำยนอกด้ำนมคั คุเทศก์มำบรรยำยเทคนิคกำรเป็นมัคคเุ ทศกม์ ืออำชีพ ๖. ให้นักเรียนฝึกปฏบิ ัติกำรเป็นมคั คุเทศก์ แนะนำแหลง่ เรียนร้ใู นโรงเรยี น โดยแบง่ นกั เรียนเป็นกลมุ่ ๗. นักเรียนนำเสนอกำรฝึกเป็นมคั คุเทศก์น้อย ๘. นักเรียนจัดทำแผนกำรแนะนำแหล่งท่องเท่ียวในท้องถน่ิ และอภิปรำยถึงแผนกำรดำเนนิ งำน ๙. นักเรียนปฏิบัตกิ ำรเปน็ มัคคเุ ทศก์น้อยตำมแหลง่ ท่องเที่ยวในทอ้ งถน่ิ โดยมีครูเป็นที่ปรกึ ษำ ๑๐. นกั เรียนนำเสนอผลกำรปฏิบตั กิ ำรเปน็ มคั คเุ ทศกน์ ้อย และจัดทำรำยงำนผลกำรดำเนินงำน ๑๑. นักเรียนร่วมกนั สรปุ บทเรยี น ในประเดน็ ต่อไปนี้ ๑) กระบวนกำรท่ีใชใ้ นกำรสื่อสำรผำ่ นกจิ กรรมมัคคุเทศก์น้อย ๒) กำรเรียนรู้ทีไ่ ด้จำกกำรเป็นมัคคเุ ทศก์น้อย ๑๒. นักเรียนจดั ทำสรุปและแผนผังควำมคดิ (Mind Map) เกยี่ วกับกำรใช้ทักษะกำรสื่อสำรผ่ำนกำร แนะนำแหลง่ ท่องเท่ียวในท้องถิ่น
๕. สอื่ การเรียนร้แู ละแหล่งการเรยี นรู้ 13 1. วทิ ยำกร 2. สถำนทีท่ ่องเท่ียว/สถำนท่ีสำคญั ในท้องถน่ิ 3. ส่ือต่ำงๆ เช่น เอกสำร วำรสำร อนิ เทอรเ์ น็ต มำกที่สดุ ๖. การวัดผลประเมินผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเรื่องต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงำนควำมสำเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถำมควำมพึงพอใจต่อกำรเข้ำรว่ มกิจกรรมของนกั เรียน นอ้ ยทสี่ ุด นอ้ ย ปำนกลำง มำก 7. ภาพประกอบ 8. อ้างอิงแหล่งที่มาของขอ้ มลู http://campus.sanook.com/ https://blog.eduzones.com
14 ตัวอยา่ งกิจกรรมท่ี ๕ 1. ชื่อกิจกรรม ฟุด ฟิด ฟอ ไฟ สไตล์มูฟว่ี ๒. เวลาท่ีใช้ ๖ ช่ัวโมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้นกั เรียนสำมำรถแปลคำศัพท์จำกภำพยนตรไ์ ด้ ๒. เพื่อให้นกั เรียนเกดิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ด้ำนกำรปฏิบัติตนในกำรอยู่ร่วมกับผอู้ ่นื และ กำรใชเ้ วลำวำ่ งให้เกิดประโยชน์ 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 – 2 ครูเปิดภำพยนตรภ์ ำคภำษำอังกฤษ (Soundtrack) ให้นกั เรยี นชม ชั่วโมงท่ี 3 – ๔ ๑. ครใู ห้นกั เรียนเดำคำศัพทจ์ ำกลกั ษณะท่ำทำงของตัวละครในขณะชมภำพยนตร์ ๒. แบ่งนักเรยี นออกเป็นกล่มุ ๆ ละ ๕ คน ช่วยกนั หำคำศพั ทแ์ ละช่วยกนั แปลคำศพั ท์ จำกกำรชมภำพยนตร์ อย่ำงน้อยกลมุ่ ละ ๒๐ คำ ชวั่ โมงท่ี ๕ – ๖ ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลุม่ ออกมำนำเสนอคำศัพท์และคำแปลที่ไดจ้ ำกกำรชม ภำพยนตร์ โดยใหเ้ พื่อน ๆ กลุ่มอ่ืน ๆ ลองแปลควำมหมำยคำศพั ท์ จำกนัน้ ใหน้ ักเรียนช่วยกนั สรุปแง่คิดทไ่ี ด้ จำกกำรชมภำพยนตร์ 5. สื่อการเรียนรแู้ ละแหล่งเรียนรู้ ๑. ภำพยนตร์ตำ่ งประเทศ ๒. ใบกิจกรรม ฟุต ฟิต ฟอ ไฟ สไตล์ มฟู วี่ ๖. การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงำนควำมสำเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจต่อกำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมของนักเรียน นอ้ ยที่สุด นอ้ ย ปำนกลำง มำก มำกท่ีสุด
15 ๗. ภาพประกอบ ตวั อย่างภาพยนตร์ ๘. อ้างอิงแหลง่ ทม่ี าของขอ้ มลู กระปุก (Kapook). ๒๕๕๘. “SHERLOCK HOLMES” [ระบบออนไลน์] แหล่งทม่ี ำ http://movie.kapook.com/photo/sherlockholmes_297.html (๑๕ กันยำยน ๒๕๕๘) กระปุก (Kapook). ๒๕๕๘. “THE LORD OF THE RINGS” [ระบบออนไลน์] แหล่งที่มำ http://movie.kapook.com/photo/sherlockholmes_297.html (๑๕ กันยำยน ๒๕๕๘) กระปุก (Kapook). ๒๕๕๘. “TWILIGHT NEW MOON” [ระบบออนไลน์] แหลง่ ที่มำ http://movie.kapook.com/photo/sherlockholmes_297.html (๑๕ กันยำยน ๒๕๕๘) กระปุก (Kapook). ๒๕๕๘. “HARRY POTTER” [ระบบออนไลน์] แหลง่ ท่มี ำ http://movie.kapook.com/photo/sherlockholmes_297.html (๑๕ กนั ยำยน ๒๕๕๘) กระปุก (Kapook). ๒๕๕๘. “IRON MAN 3” [ระบบออนไลน์] แหล่งท่ีมำ http://movie.kapook.com/photo/sherlockholmes_297.html (๑๕ กนั ยำยน ๒๕๕๘)
16 ใบกจิ กรรม ฟตุ ฟดิ ฟอ ไฟ สไตล์ มฟู ว่ี ชอ่ื กลุม่ ............................................................................ ช่ือ........................................................................ เลขที.่ .............. ชน้ั ............... ชอ่ื ........................................................................ เลขท่.ี .............. ช้ัน............... ชอ่ื ........................................................................ เลขที่............... ชัน้ ............... ชอ่ื ........................................................................ เลขท่.ี .............. ช้ัน............... ชอ่ื ........................................................................ เลขที่............... ชั้น............... คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ หำคำศัพท์จำกภำพยนตร์ท่ดี ู ๑. ....................................................... คำอำ่ น........................................... คำแปล...................................... ๒. ....................................................... คำอำ่ น........................................... คำแปล...................................... ๓. ....................................................... คำอำ่ น........................................... คำแปล...................................... ๔. ....................................................... คำอ่ำน........................................... คำแปล...................................... ๕. ....................................................... คำอ่ำน........................................... คำแปล...................................... แบบประเมนิ การเข้ารว่ มกิจกรรม กิจกรรม ฟตุ ฟิด ฟอ ไฟ สไตล์ มูฟวี่ รายการประเมิน รอ่ งรอย/ ปฏิบตั ิ ยอมรบั มสี ว่ นรว่ มใน ที่ ช่อื - สกลุ ผลงาน ตามกฎกตกิ า ความคิดเหน็ กจิ กรรมหรือ สรุปผล การเขา้ ร่วม ของกลมุ่ ของผู้อื่น งานกล่มุ กจิ กรรม (ลงชอื่ )...............................................................ผูป้ ระเมนิ (...............................................................) เกณฑก์ ารผ่าน นกั เรยี นแสดงพฤติกรรมอันเปน็ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ อยำ่ งน้อย ๒ รำยกำร
17 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ กิจกรรม กิจกรรมฟตุ ฟดิ ฟอ ไฟ สไตล์ มูฟว่ี ช่อื -สกลุ ผบู้ นั ทกึ ................................................................ชน้ั ..............เลขท่ี............... วัน เดือน ปี............................................................เวลา................................... ความพงึ พอใจตอ่ กจิ กรรมทป่ี ฏิบตั ิ ............................................................................................................................. .......................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... .......................................................................................................................................................... ...... ความพึงพอใจต่อความรู้/ประสบการณท์ ่ไี ดร้ บั ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................. ................... ความพึงพอใจในภาพรวมของการเขา้ กิจกรรม มำกท่สี ดุ มำก ปำนกลำง นอ้ ย น้อยที่สดุ ความคดิ เหน็ หรือข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ............................................................................................................................. .......................... ................................................................................................................................................................
18 หมวดท่ี ๒ สร้างเสรมิ สมรรถนะและการเรยี นรู้ กลุ่มกิจกรรมที่ ๕ พฒั นาความสามารถด้านการคิดและการพฒั นากรอบความคดิ แบบเปดิ กว้าง (Growth Mindset) ตัวอย่างกิจกรรมที่ ๑ ๑. ชื่อกจิ กรรม หมวก 6 สีคิดดไี ฉน ๒. เวลาท่ใี ช้ ๑ ช่ัวโมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพ่อื ส่งเสริมทกั ษะการคิดทแี่ ตกต่างกันใน 6 ลักษณะ ๒. เพื่อฝกึ การกระตนุ้ ให้เกดิ ความสมดลุ ในสมอง ๓. เพอ่ื ให้เกดิ ความสนกุ สนานในการคิด ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ครสู นทนากบั นักเรยี นถึงปัญหาตา่ งๆ ที่พบในโรงเรียน โดยให้นกั เรียนนาเสนอปัญหาท่พี บ เช่น “ปญั หาการทงิ้ ขยะไม่เป็นทีใ่ นโรงเรยี น” “ปัญหาส่งิ แวดล้อมท่ีไม่ดีในโรงเรียน” “ปญั หาหอ้ งเรยี นไม่ สะอาด” ๒. ครูยกประเดน็ ปญั หามา 1 ประเด็น ใหน้ ักเรยี นคดิ แก้ไขปัญหา โดยจบั สลากจดั เป็นกลุม่ ๆ ละ ๖ คน ตามสีทนี่ ักเรยี นได้ คือ สีขาว สแี ดง สเี หลือง สีเขียว สีดา และสีนา้ เงนิ ๓. ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนไปหยบิ หมวก 6 สี ท่คี รูจัดไวม้ าให้เพอ่ื นในกล่มุ สวม เพอ่ื ใช้เป็นสญั ลักษณห์ รือส่งิ แทนใหน้ กั เรียนได้แสดงความคิดประเดน็ ต่าง ๆ ตามสขี องหมวกที่สวม (ครูอาจ ใชก้ ระดาษ ผา้ พันคอ หรอื สญั ลักษณ์อ่นื ใดแทนหมวกก็ได้) ๔. ครูแจกใบความรูท้ ่ี ๑ เรื่องหมวก ๖ สี คดิ ดไี ฉน ให้นักเรยี นศกึ ษาโดยใชก้ ระบวนการถกแถลง บทบาทของผสู้ วมหมวกแตล่ ะสี เพอื่ พิจารณาตั้งปญั หา ประโยชน์ อปุ สรรค โอกาส จดุ อ่อน จุดแข็ง แลว้ สรุปเปน็ ขอ้ เสนอแนะ ทางเลอื ก แนวทางแกไ้ ข และแสดงบทบาทของตนเองตามสีของหมวกท่ีไดร้ บั เรียงลาดบั สดี ังน้ี น้าเงนิ ขาว แดงเหลอื งดาเขียวน้าเงนิ ๕. ครูใหน้ กั เรียนท่ีสวมหมวกสนี ้าเงนิ เป็นผู้เริ่มตน้ พูดถึงบทบาทขนั้ ตอน และกติกาในการอภปิ ราย หมวกสนี า้ เงินจึงมักเป็นบทบาทของหวั หน้าทาหนา้ ท่ีควบคุมบทบาทของสมาชกิ ให้บรรลุเป้าหมายทตี่ ้องการ ๖. ใหน้ ักเรยี นท่ีสวมหมวกสีขาว บอกข้อเท็จจรงิ ความรู้ ข้อมูลของปัญหา โดยศึกษาจากตัวอย่าง คาถามในใบความรทู้ ี่ 1 ๗. ใหน้ ักเรียนทส่ี วมหมวกสแี ดง บอกความรู้สึกต่อส่งิ น้ัน ๆ โดยศึกษาจากตัวอยา่ งคาถามในใบ ความร้ทู ่ี ๑ ๘. ใหน้ ักเรียนทส่ี วมหมวกสเี หลอื งบอกข้อดี ข้อเด่นของสิง่ น้นั โดยศึกษาจากตัวอยา่ งคาถามในใบ ความรู้ท่ี ๑
19 ๙. ใหน้ กั เรียนทสี่ วมหมวกสดี า บอกข้อจากดั ข้อบกพรอ่ งของสง่ิ นัน้ โดยศึกษาจากตัวอย่างคาถาม ในใบความร้ทู ่ี ๑ ๑๐. ให้นกั เรยี นทีส่ วมหมวกสีเขียว บอกทางเลือกอนื่ ท่ีทาได้และเปน็ ประโยชน์ โดยศึกษาจาก ตวั อยา่ งคาถามในใบความรู้ท่ี ๑ ๑๑. ครใู ห้นักเรยี นท่ีสวมหมวกสนี ้าเงินของแตล่ ะกลุ่ม เป็นผูส้ รปุ ความคิดท่ีได้มาจากการอภิปราย และนามาเสนอหนา้ ช้นั เรียน เป็นการแลกเปล่ียนเรียนรู้กับกลุ่มอน่ื ๆ ๕. สื่อการเรยี นรแู้ ละแหลง่ การเรยี นรู้ ใบความร้ทู ี่ ๑ เรือ่ ง หมวก ๖ สี คิดดไี ฉน ๖. การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในเรื่องต่อไปนี้ 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ัติกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนกั เรยี น นอ้ ยท่ีสดุ น้อย ปานกลาง มาก มากทส่ี ดุ ๗. อ้างอิงแหล่งทม่ี าของข้อมูล พิมพนั ธ์ เดชะคปุ ต.์ การเรียนการสอนท่เี นน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคญั : แนวคิด วธิ ีและเทคนิคการสอน 2 (พิมพค์ รัง้ ท่ี 1). กรุงเทพฯ : บรษิ ัทเดอะมาสเตอร์กรุป๊ แมเนจเมน้ ท์ จากัด 2544. ประพันธ์ศริ ิ สเุ สารจั . การพฒั นาการคดิ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์หา้ งหุ้นสว่ นจากดั 9119, เทคนิคพริ้นตง้ิ , 2553. De Bono, Eduward. Six Thinking Hats. England : Mica Management Resources, 1985.
20 ใบความรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง หมวก ๖ สี คิดดีไฉน ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ เดอ โบโน คิดวธิ ีคิดโดยใชห้ มวกสตี ่าง ๆ แทนแบบการคดิ ผู้สวมหมวกเพื่อการคดิ แต่ละใบหรอื แต่ ละสี ผ้นู นั้ จะมีบทบาทท่เี ก่ยี วข้องกบั การคิดดงั ต่อไปน้ี ๑. สวมหมวกขาว สขี าวเปน็ สที ่ีเปน็ กลางและเป็นปรนยั หมวกขาวจึงเก่ยี วข้องกบั ความจรงิ และตัวเลข ผใู้ ดสวมหมวก สขี าว หมายถึง ความต้องการให้ผ้อู น่ื บอกข้อเทจ็ จริงหรือความรู้ หรือข้อมูลแกส่ มาชิก ๒. สวมหมวกแดง สีแดงบ่งบอกถึงความโกรธฉุนเฉียวและอารมณ์ หมวกแดงจึงเป็นการแสดงความคิดเห็น โดยใช้ อารมณ์เป็นหลัก ผู้ใดสวมหมวกสีแดง หมายถึง ความต้องการให้ผู้อื่นแสดงความรู้สึกของตนต่อเร่ืองราว ตา่ ง ๆ เชน่ ชอบ ไม่ชอบ ดี ไมด่ ี ช่นื ชม ตาหนิ ๓. สวมหมวกดา สีดาเป็นสเี ศรา้ หมองและสดี ้านลบ หมวกดาจงึ หมายถึงการแสดงความคดิ ในแง่ลบ ความคิดไม่ดี เมือ่ มีการสวมหมวกสีดา คือ ความต้องการใหส้ มาชกิ อืน่ บอกข้อเสีย ข้อจากดั ข้อบกพร่อง ข้อผดิ พลาด ๔. สวมหมวกเหลือง สีเหลืองเปน็ สขี องแสงอาทติ ย์และสดี า้ นบวก หมวกเหลืองจงึ เปน็ การแสดงความคิดดา้ นบวกและ มองโลกในแงด่ ี เมื่อมีการสวมหมวกสแี ดง คือ ความต้องการให้ผูอ้ น่ื บอกข้อดี ข้อเด่น คุณค่า คุณประโยชน์ ๕. สวมหมวกเขยี ว สเี ขียวเปน็ สีของหญา้ ตน้ ไม้ และความอดุ มสมบูรณ์ หมวกเขียวจงึ แสดงถึงความคิดสรา้ งสรรค์และ ความคิดใหม่ ๆ เมื่อมีการสวมหมวกสเี ขยี ว คอื ความต้องการให้ผู้อ่ืนแสดงความคิดใหม่ ๆ ความคดิ แปลก ๆ ท่เี ป็นไปได้และเป็นประโยชน์ตอ่ สังคม ๖. สวมหมวกสีน้าเงิน สีนา้ เงินเป็นสีของความเย็นและเป็นสีของท้องฟ้า ซ่ีงอยู่เหนือทุกส่ิงทุกอย่างบนโลก หมวกน้าเงินจงึ เปน็ การแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกับการควบคุม และการจดั ระบบการคดิ และรวมถึงการใช้ หมวกใบอน่ื ๆ ด้วย เม่ือมีการสวมหมวกสนี ้าเงนิ ผ้ทู สี่ วมหมวกน้นั โดยสรุปมีหนา้ ท่คี วบคุมการคิดของสมาชิกในกลมุ่ ให้ดาเนนิ ไป ดว้ ยดี รวมท้งั ควบคมุ บทบาทของสมาชิกในกลุ่ม
21 บทบาทของผ้สู วมหมวกแต่ละสมี บี ทบาทดังแผนภาพข้างลา่ งน้ี หมวกสขี าว (บอกข้อเท็จจริง ความรู้ ข้อมลู ) หมวกสีนา้ เงนิ หมวกเพอ่ื การคดิ 6 ใบ หมวกสแี ดง (ควบคมุ สมาชกิ ในการคิด) (six thinking hats) (บอกความรสู้ กึ ต่อส่ิงน้นั ๆ) หมวกสีดำ หมวกสีเหลอื ง (บอกขอ้ จำกดั ขอ้ บกพร่อง) (บอกข้อดี ข้อเดน่ ) หมวกสีเขยี ว (บอกสงิ่ แปลกใหม่ ทีท่ าไดแ้ ละเปน็ ประโยชน์) แผนภาพ บทบาทของผู้สวมหมวกสีต่าง ๆ เพ่ือการคิด 6 ใบ ตามแนวคิดของเดอ โบโน ตัวอยา่ งคาถาม เพ่ือใหไ้ ด้มาซึ่งความคดิ หมวกสนี ้าเงิน - ขอบเขตของปญั หาคืออะไร - ปญั หาน้มี วี ิธกี ารแก้อยา่ งไร บอกขนั้ ตอนการแกป้ ัญหา - พวกเรากาลังอยู่ในประเด็นทกี่ าหนดหรือไม่ - เร่ืองนต้ี อ้ งการสรปุ ความคดิ แบบไหน หมวกสีขาว - ปัญหานีม้ ีขอ้ เท็จจรงิ อะไรบ้าง - มีขอ้ มูลอน่ื อีกหรือไม่เกยี่ วกับทยี่ นื ยันสง่ิ นี้ - ไดข้ ้อมลู มาดว้ ยวิธใี ด มแี หล่งอ้างอิงข้อมูลหรือไม่ - มีการจดบันทกึ ข้อมลู นีไ้ ว้วา่ อยา่ งไรบ้าง หมวกสีแดง - รูส้ ึกอยา่ งไรกับปัญหาน้ี - ร้สู ึกอยา่ งไรกบั การกระทาเช่นน้ี - มคี วามเห็นอยา่ งไรกบั ข้อมลู นี้ - ชอบหรือไม่ชอบสิง่ นี้
22 หมวกสเี หลือง - สง่ิ นีม้ ปี ระโยชนอ์ ะไร - สงิ่ สาคัญของเร่ืองนี้คืออะไร - มันจะก่อใหเ้ กิดผลดีอยา่ งไร หมวกสดี า - เร่ืองนมี้ ีจุดอ่อนอะไร - จะเกิดผลเสียอะไรบ้าง ถ้าทุกคนไม่รว่ มมือกนั คดิ แกป้ ัญหาน้ี - ขอ้ มูลท่ีไดไ้ มถ่ ูกตอ้ งเพราะอะไร หมวกสีเขยี ว - มีทางเลือกอื่นอกี สาหรบั เรื่องน้ีอย่างไร - ต้องเปล่ยี นแปลงอะไรบา้ งเพ่ือส่ิงนี้ดีข้นึ - มวี ิธกี ารใดท่จี ะทาให้ปญั หานีด้ ีขนึ้
23 ตวั อยา่ งกจิ กรรมท่ี ๒ 1. กิจกรรม นกั คณิตคิดเป็น 2. เวลาทใี่ ช้ 1 ชวั่ โมง 3. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื ให้นกั เรียนมีความสามารถในการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ คิดสรา้ งสรรค์ ๒. เพอื่ เสริมสร้างประสบการณ์ความร้ทู างคณิตศาสตรน์ อกเหนือจากกจิ กรรมในหอ้ งเรยี น ๓. เพอ่ื ให้นกั เรียนมีทกั ษะในการทางาน รกั การทางาน สามารถทางานรว่ มกบั ผอู้ ่ืนได้และ มีเจตคติทดี่ ีต่อวชิ าคณิตศาสตร์ ๔. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนมีทกั ษะในการแสวงหาความรูด้ ว้ ยตนเอง รักเรียนรู้ และพฒั นาตนเองอย่าง ต่อเนอื่ ง 4. กิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 ชแี้ จงจุดประสงค์ของกิจกรรมให้นกั เรียนรบั ทราบ 4.2 แบง่ นักเรียนออกเป็นกล่มุ ๆ ละ 3 – ๔ คน และใหน้ ักเรียนศกึ ษากตกิ าการเลน่ Sudoku ดังน้ี ๑) ทุกแถวในแนวนอน ต้องมตี วั เลข 1 – 9 และต้องไมซ่ า้ กัน ๒) ทกุ แถวในแนวตั้ง ต้องมตี วั เลข 1 – 9 และต้องไม่ซา้ กนั ๓) ทุกตารางย่อย 3 x 3 ตอ้ งมตี ัวเลข 1 – 9 และตอ้ งไม่ซ้ากัน ๔.๓ นักเรยี นปฏิบตั ิกิจกรรมตามใบงาน เรื่อง ซูโดกุ (Sudoku) ๔.๔ ตัวแทนแตล่ ะกลุ่มแสดงความรูส้ ึกทม่ี ีต่อกจิ กรรมและความรู้ทไ่ี ด้รับจากการเล่นเกมซูโดกุ 5. สอื่ การเรียนรู้และแหลง่ การเรยี นรู้ 5.1 สือ่ การเรียนรู้ ๑) ใบความรู้ เรอ่ื ง ซโู ดกุ ๒) ใบงาน เร่อื ง ซูโดกุ 5.2 แหล่งการเรียนรู้ 1) หอ้ งสมดุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ 2) หอ้ งสมดุ โรงเรียน 3) หอ้ งคอมพิวเตอร์ 4) หอ้ งปฏิบัตกิ ารทางคณติ ศาสตร์ (Math Lab) 6. การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม
2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนกั เรียน 24 น้อยทสี่ ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากที่สดุ 7. ภาพประกอบ ซโู ดกุ 8. อ้างอิงแหลง่ ท่ีมาของขอ้ มูล นานมบี ุ๊ค. ๒๕๕๘. “Sudoku”. [ระบบออนไลน์] แหล่งที่มา http://movie.kapook.com (๑๕ กนั ยายน ๒๕๕๘)
25 ตวั อยา่ งกิจกรรมที่ ๓ ๑. กิจกรรม ศิลปะสรา้ งสรรค์ ๒. เวลาทใ่ี ช้ 1 ชว่ั โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑) เพอ่ื คน้ หาพลังความฉลาดเชงิ สร้างสรรค์ ๒) เพอื่ ฝึกใหน้ กั เรยี นยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื ๓) เพ่ือให้นักเรยี นมีเจตคติที่ดีต่อวชิ าศิลปะ 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ชแ้ี จงจุดประสงค์ของกจิ กรรมให้นักเรียนรบั ทราบ 2. ใหน้ ักเรยี นฝึก บทเรยี น“จินตนาการเลศิ ล้า” โดยใหน้ กั เรียนใช้จินตนาการโดยวาดภาพ เหตกุ ารณท์ จ่ี ะเกิดขนึ้ เป็นลาดับต่อไปจากภาพต่อไปนี้ 3. นกั เรียนจับคู่กันแลกเปล่ยี นภาพวาด เพ่ือให้เพื่อนช่วยวจิ ารณ์งานของกันและกัน 4. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละคนจนิ ตนาการวา่ ตนเองเป็น “ผเี สือ้ ” แล้ววาดภาพลงในกรอบท่คี รู กาหนดให้ ดงั นี้ ภาพผเี สื้อตาม จนิ ตนาการ 5. ครูสุ่มนกั เรยี นประมาณ 5 คน ให้ออกนาเสนอผลงาน พร้อมท้งั เล่าเรื่องจากภาพตาม จินตนาการทวี่ าด ครูให้การเสริมแรงเชงิ บวก โดยใชก้ ารวิจารณ์เชงิ บวกสาหรับนักเรยี นแต่ละคน ๖. นักเรียนสรุปความรู้ ทักษะ ที่ไดร้ ับ
26 ๕. สอ่ื การเรยี นร้แู ละแหลง่ การเรียนรู้ 5.1 ส่ือการเรยี นรู้ ใบงาน บทเรียน“จนิ ตนาการเลศิ ล้า” 5.2 แหลง่ การเรยี นรู้ 1) ห้องสมดุ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ ๒) หอ้ งสมุดโรงเรียน ๓) ห้องคอมพวิ เตอร์ ๖. การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนักเรียน น้อยทส่ี ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากที่สดุ ๗. ภาพประกอบ ๘. อ้างองิ แหล่งทมี่ าของขอ้ มลู เบรน เคล็กก์ และ พอลบริช. 2546. คมู่ อื เกมและกจิ กรรมฝึกสรา้ งความคดิ สรา้ งสรรค์. กรงุ เทพมหานคร : สานกั พมิ พ์ Be Bright Books.
27 แบบประเมนิ การเข้าร่วมกิจกรรม กิจกรรม ศลิ ปะสร้างสรรค์ รายการประเมิน รอ่ งรอย/ ปฏิบตั ิ ยอมรับ มีสว่ นรว่ มใน ท่ี ชื่อ - สกลุ ผลงาน ตามกฎกตกิ า ความคดิ เห็น กิจกรรมหรอื สรปุ ผล การเข้าร่วม ของกลมุ่ ของผู้อื่น งานกลุ่ม กิจกรรม (ลงชอ่ื )...............................................................ผู้ประเมนิ (...............................................................)
28 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ กจิ กรรม ศลิ ปะสร้างสรรค์ ชื่อ-สกลุ ผบู้ นั ทกึ ................................................................ช้นั ..............เลขท.ี่ .............. วนั เดือน ปี............................................................เวลา................................... ความพงึ พอใจต่อกจิ กรรมท่ปี ฏิบตั ิ ............................................................................................................................. .......................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ........................................................................................ ........................................................................ ความพงึ พอใจตอ่ ความรู้/ประสบการณท์ ่ไี ดร้ ับ ............................................................................................................................. .......................... ................................................................................................. ............................................................... ............................................................................................................................. ................................... ความพึงพอใจในภาพรวมของการเข้าร่วมกจิ กรรม มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยทสี่ ุด ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ............................................................................................................................. .......................... ............................................................................................................................. ...................................
29 ใบงาน เร่อื ง บทเรยี นจินตนาการเลิศลา้ ชื่อ-สกุล.................................................................................ชน้ั ..............เลขที.่ .............. คาชี้แจงใหน้ ักเรยี นวาดรูป “ผีเสื้อ” ตามจินตนาการของตนเองลงในกรอบท่ีกาหนดให้ ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี ๔
30 ๑. ช่ือกิจกรรม สรา้ งสรรคง์ านพบั กระดาษ ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ชัว่ โมง ๓.วตั ถุประสงค์ ๓.๑ เพอื่ พฒั นาความคดิ สร้างสรรค์ ๓.๒ เพ่ือฝึกสมาธิ ๓.๓ เพอ่ื ใหน้ ักเรียนเรียนรู้อยา่ งมคี วามสุข ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ครนู าตวั อยา่ งผลงานท่เี กิดจากการพับกระดาษมาให้นักเรยี นดจู ากผลงานจริง ๒. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสนทนาแลกเปล่ยี นประสบการณ์การพบั กระดาษของนักเรยี นทผ่ี า่ นมา ว่าพบั กระดาษเปน็ รูปอะไรได้บ้างแบง่ กลุ่มนกั เรยี นตามความสมคั รใจ ให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ศึกษาเพ่ิมเตมิ วิธีการพบั กระดาษในรปู แบบต่าง ๆ ทงั้ ของไทยและแบบญ่ีปนุ่ จากเอกสาร รูปภาพ วีดิทศั น์ สอื่ การเรยี นรู้ แหลง่ เรยี นรู้ จากอนิ เตอรเ์ นต็ ทุกรายการและเลอื กพับกระดาษทีน่ กั เรยี นชอบตามความสนใจคนละ ๑๐ ชิน้ ไม่ให้ซ้ากัน และไมใ่ ห้ซ้ากับเพอื่ น เมื่อผลงานเสร็จนกั เรยี นนาเสนอผลงานแลกเปลยี่ นเรียนรกู้ นั และจดั นทิ รรศการผลงานการพับกระดาษของนักเรียนช่วยกันจัดหมวดหมผู่ ลงาน ๓. นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรุปความคิดเหน็ ของนักเรียนที่ไดจ้ ากการเรียนรูจ้ ากกจิ กรรมการพบั กระดาษของผ้เู รียนเปน็ ผังความคดิ ๕. ส่อื การเรียนรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้ ๑. สอ่ื จากเอกสาร รูปภาพ วีดที ัศน์ สื่อการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้ จากอินเตอร์เน็ต ๒. วัสดุ กรรไกร กระดาษหลายๆชนิดและมีสตี า่ ง ๆ ๖. การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏิบัติกจิ กรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนกั เรยี น น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก มากท่ีสุด ๗. ภาพประกอบ
31 ตวั อยา่ งภาพประกอบ ๘. อ้างอิงแหลง่ ท่มี าของขอ้ มูล อินเตอร์เนต็
32 เวริ ์ดเพรส (Worldpress). ๒๕๕๗. “วิธกี ารพับกระดาษเปน็ รปู สัตว์นา่ รกั ๆ ในวันวา่ ง (พบั กบ)”. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่ีมา : www.gdsweet.com (๒๒ กนั ยายน 2558) แบบประเมินการเขา้ ร่วมกจิ กรรม เร่ือง สรา้ งสรรคง์ านพับกระดาษ รายการประเมิน ร่องรอย/ ปฏิบัติ ยอมรับ มีสว่ นร่วมใน ท่ี ชอ่ื - สกุล ผลงาน ตามกฎกตกิ า ความคดิ เห็น กิจกรรมหรือ สรุปผล การเขา้ รว่ ม ของกลุ่ม ผูอ้ ืน่ งานกลมุ่ กิจกรรม (ลงชื่อ)...............................................................ผู้ประเมนิ (...............................................................)
33 แบบประเมนิ ความพึงพอใจ กิจกรรม สร้างสรรค์งานพับกระดาษ ชือ่ -สกลุ ผบู้ นั ทกึ ................................................................ช้ัน..............เลขท.ี่ .............. วัน เดอื น ป.ี ...........................................................เวลา................................... ความพึงพอใจตอ่ กิจกรรมทีป่ ฏบิ ัติ .................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ความพงึ พอใจตอ่ ความรู้/ประสบการณท์ ไี่ ดร้ บั ............................................................................................................................. .......................... .................................................................................. .............................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ความพึงพอใจในภาพรวมของการเขา้ ร่วมกิจกรรม มากท่สี ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยที่สดุ ความคดิ เห็นหรอื ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ............................................................................................................................. .......................... ................................................................................................. ...............................................................
34 หมวดท่ี ๒ สร้างเสรมิ สมรรถนะและการเรยี นรู้ กลุ่มกจิ กรรมที่ 6 พฒั นาความสามารถด้านการแกป้ ญั หา ตวั อยา่ งกจิ กรรมท่ี ๑ ๑. ชื่อกิจกรรม ถกแถลง แสดงความคดิ เห็น ๒. เวลาท่ใี ช้ ๔ ช่วั โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่ือให้นกั เรียนร่วมกนั “ถก” หรือ “อภิปราย” ในประเดน็ หรือหวั ข้อย่อยต่าง ๆ เปน็ กลุ่มยอ่ ย และนาผลมา “แถลง” ตอ่ กลุ่มใหญ่ ๒. เพอื่ ให้นักเรียนมปี ฏิสมั พันธ์ และมีการแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ซงึ่ กันและกัน นาไปสู่ การแก้ปัญหารว่ มกนั ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขน้ั เตรยี มการ ๑) จดั กลมุ่ ถกแถลง กลุ่มละ 6-8 คน แตล่ ะกลมุ่ เลอื กสมาชิก ปฏิบัตหิ นา้ ท่ีดังน้ี ประธาน เป็นผู้นาการถกแถลง โดยดาเนินการให้สมาชิกในกลมุ่ แสดงความคิดเห็นให้ ตรงกับหัวขอ้ ท่กี าหนด รองประธาน ชว่ ยงานที่ประธานมอบหมาย ปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน กรณปี ระธาน ไมอ่ ยู่ หรืออยู่แต่ไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ได้ เลขานกุ าร จดบันทึก เพื่อจัดทาข้อสรุปของหวั ขอ้ ท่ีถกแถลงเสนอตอ่ กล่มุ ใหญ่ ผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร ชว่ ยงานตามที่เลขานุการมอบหมาย สมาชกิ กล่มุ รว่ มแสดงความคดิ เห็น เสนอแนะและยอมรบั ความคิดเหน็ ของสมาชกิ อ่นื ๒) จดั ถกแถลง 2 ครั้ง ๓) ระยะเวลาการถกแถลง ครั้งละ 2 ชั่วโมง แบ่งเป็นเวลาสาหรับ “ถก” ในกลุ่มย่อย ๑ ชวั่ โมง แล้วส่งผู้แทนกลมุ่ นาเสนอผลการถกแถลง ในกลุม่ ใหญ่ ๑๐ นาที ให้สมาชกิ กลมุ่ อืน่ ซักถาม ๑๐ นาที ทง้ั นี้ผูแ้ ทนกลมุ่ แตล่ ะคนต้องนาเสนอไม่ซ้ากนั ๔) กาหนดให้กลุ่มถกแถลงส่งบันทึกสาระสาคัญของการถกแถลง พร้อมช่ือผู้เข้าประชุมถก แถลงเป็นเอกสารตามแบบทกุ ครั้ง ๔.๒ ข้นั ดาเนนิ การ ประธานกลุม่ กลา่ วนา เรอ่ื งตอ่ ไปน้ี ๑) การกาหนด/คดั เลอื ก หัวขอ้ ถกแถลง เช่น “ทาไมคนไทยตอ้ งรักชาติ” ๒) การกาหนดข้อตกลงเบ้ืองตน้ กาหนดขอบเขตของปญั หาที่มผี ลกระทบต่อหัวข้อทถี่ กแถลง วิธีแสดงความรักชาติ ๑) การตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่อนาความรู้มาพัฒนาประเทศชาติ ๒) คนในชาติมคี วามสามคั คกี ัน ๓) การประหยดั พลังงาน ๔) การรกั ษาวฒั นธรรมอนั ดีงามของชาติ ๕) พูด และใชภ้ าษาไทยไดถ้ กู ต้อง ๖) ยนื ตรงเคารพเพลงชาติไทยและธงชาติไทย
35 ๓) ข้อเทจ็ จรงิ ๓.๑) นกั เรียนเป็นวัยทกี่ าลังศึกษาเล่าเรยี น ตอ้ งต้งั ใจแสวงหาความรูจ้ ะเตบิ โตเปน็ คนดี มีความรคู้ วามสามารถ และใชค้ วามรู้ประกอบอาชีพท่สี ุจริต เชน่ ริท เดอะสตาร์ ญาญ่า เป็นตน้ ๓.๒) ถ้ารักชาติ คนในชาติต้องสามัคคี ชาติจะเจริญได้ คนในชาติต้องไม่แตกแยกกัน รู้จัก ให้อภยั กนั และช่วยเหลอื ผ้อู ื่นตามโอกาสอันควร เหน็ ความสาคญั ของคนอืน่ ทุกคน ๓.๓) การประหยดั พลังงาน พลงั งานเปน็ สง่ิ สาคญั ท่แี สดงถงึ ความม่ังค่งั ของชาติ ๓.๔) การรกั ษาวฒั นธรรมอันดีงาม วัฒนธรรมเปน็ เอกลักษณข์ องชาติต้องอนุรกั ษไ์ ว้ ๓.๕) การพูดภาษาไทยไดถ้ กู ตอ้ ง การมีภาษาเปน็ ของตนเอง แสดงว่ามเี อกราช ๓.๖) การยืนตรงเคารพเพลงชาติไทยและธงชาติทยแสดงไว้ซ่ึงความภูมใิ จในความเป็นไทย ๔) ขอ้ พิจารณา ๔.๑) “ความรักชาติ” ประเมนิ ไดจ้ ากพฤตกิ รรมใดของคนไทยในปัจจบุ นั ๔.๒) ถา้ มคี นถามว่า “ความรักชาติคอื อะไร” นักเรียนจะตอบว่าอยา่ งไร ๔.๓) ถ้านักเรียนเปน็ คนที่รกั ชาติ ตอ้ งปฏิบตั ติ นอยา่ งไร ๔.๔) จริงหรอื ไมท่ ีจ่ ะกลา่ ววา่ “รักชาติ คนในชาตติ ้องสามคั คี” ๕) ข้อสรปุ ความรักชาติที่ถูกต้อง คือ ทุกคนรู้จักหน้าท่ีของตนเอง เสียสละความสุข เพื่อประโยชน์ สว่ นรวม ๖) ข้อเสนอแนะ คนไทยทุกคน ต้องแสดงความรักชาติ ดังที่รัชกาลที่ 6 ทรงมีพระราชาธิบายว่า “ให้คน ไทยเอ้อื เฟ้ือซงึ่ กันและกนั ประพฤติตนเป็นพลเมืองดี เสยี สละใหช้ าติ ไม่ยอมใหใ้ ครมาแยง่ ถิน่ ที่ตง้ั ของชาติ” ๔.๓ ข้นั สรปุ ผล ๑) สมาชิกทุกคนในกลุ่มบันทึกข้อสรุปและข้อเสนอแนะและประโยชน์ท่ีได้รับจากการ ถกแถลง ลงในสมดุ บนั ทกึ การถกแถลงของตนเอง ๒) สมาชิกทุกคนในกลมุ่ ร่วมกันอภิปรายสรปุ ประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการถกแถลง ๕. ส่อื การเรยี นรูแ้ ละแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. สมดุ บันทึกการถกแถลง ๒. กระดาษ A4 ๖. การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นในเร่ืองต่อไปน้ี 1.๑ สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกจิ กรรม และการยอมรบั ข้อตกลงของกลมุ่ ใหญ่ 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ ร่วมกจิ กรรมของนกั เรยี น น้อยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ
36 ตวั อยา่ งกจิ กรรมที่ ๒ ๑. ชอ่ื กจิ กรรม ของเล่นเชงิ วทิ ยาศาสตร์ – โมเดลหอคอย ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ชัว่ โมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอื่ ฝึกทักษะเพมิ่ เติมเกย่ี วกบั วชิ าบุกเบิกของลกู เสือ ๒. เพอ่ื ฝึกปฏบิ ัตกิ ารผูกแนน่ แบบต่าง ๆ ๓. เพื่อนาวชิ าบุกเบิกของลูกเสือมาสร้างชนิ้ งานของเลน่ เชิงวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ฝกึ ปฏบิ ตั ิการผกู แน่นแบบตา่ งๆ ๒. ฝึกการผูกแนน่ ดว้ ยวธิ กี ารผูกทะแยง ผกู กากบาท การผูกประกบ การผูกประกบ 3 ท่อน ๓. ประดิษฐข์ องเล่นเชงิ วิทยาศาสตร์ด้วยโมเดลทางลูกเสือ - เสาธงลอย - หอคอยเสา 3 ตน้ - หอคอยเสา 4 ตน้ - หอคอยพรี ามิด - สะพานแขวน วสั ดุทีใ่ ช้ เชือก ไม้ลาดวน ไม้เสียบปลาดุกย่าง หรอื ไมเ้ สียบลกู ชิ้น คีมตัดกง่ิ ไม้ ๕. สือ่ การเรียนรแู้ ละแหลง่ เรยี นรู้ ๑. ตัวอยา่ งช้ินงานท่ีทาเสรจ็ แลว้ ๒. หอ้ งกจิ กรรมลูกเสือ ๖. การวัดและประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนกั เรียน นอ้ ยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีส่ ดุ
37 ตัวอยา่ งกจิ กรรมที่ ๓ ๑. ชอ่ื กิจกรรม คู่ Buddy พรี่ หัส ๒. เวลาทใ่ี ช้ 1 ช่วั โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อใหน้ ักเรียนใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ด้วยการทาการบา้ น ๒. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนรุ่นพีแ่ ละร่นุ นอ้ งมีสมั พนั ธภาพทดี่ ตี ่อกนั และให้ความชว่ ยเหลือซึง่ กนั และกนั ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. นักเรียนท่ีเป็นนักเรยี นรนุ่ พ่ีและรนุ่ น้องจับคู่กันเป็น “คู่ Buddy พรี่ หัส”ทาสัญญาหรือข้อตกลง ต่อกนั ในการใหค้ วามชว่ ยเหลอื เก้อื กูลกนั ๒. นักเรียนท่ีเป็น “คู่ Buddy พี่รหัส” ใช้เวลาว่างในการทาการบ้านรายวิชาต่าง ๆ ในสถานที่ท่ี เหมาะสม ๓. นักเรียนท่ีเป็น “คู่ Buddy พี่รหัส” อาจขอรับคาแนะนาหรือคาปรึกษาจากครูผู้สอน ครูท่ี ปรึกษาตามความจาเป็นและความต้องการได้ ๔. นักเรียนท่เี ปน็ “คู่ Buddy พรี่ หัส” บอกความประทับใจ ความภาคภูมใิ จหรอื ความรูส้ กึ ทมี่ ตี ่อ การเป็นนักเรยี นคูส่ ัญญา “คู่ Buddy พ่ีรหสั ” ๕. สือ่ การเรียนร้แู ละแหลง่ การเรยี นรู้ ห้องสมดุ ห้องเรียน หรอื ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ๖. การวัดผลและประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกิจกรรมของนกั เรียน น้อยทีส่ ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ุด
38 แบบประเมนิ ความพึงพอใจ กจิ กรรม““คู่ Buddy พร่ี หสั ”” -------------------------------------------------------- คาชแี้ จง ให้ทาเครื่องหมาย ใหต้ รงกบั ความคิดเหน็ ของนักเรียน ระดับ 5 หมายถงึ นักเรียนพึงพอใจมากทีส่ ดุ ระดบั 4 หมายถงึ นกั เรียนพงึ พอใจมาก ระดับ 3 หมายถึง นกั เรียนพึงพอใจปานกลาง ระดบั 2 หมายถึง นักเรยี นพึงพอใจน้อย ระดับ 1 หมายถงึ นกั เรียนพงึ พอใจน้อยท่ีสุด ขอ้ รายการประเมิน ระดับความพงึ พอใจ ท่ี 5 4 3 2 1 1 ทาให้นักเรยี นเกดิ ความรกั ความเข้าใจ ผกู พนั กันมากข้นึ 2 นกั เรียนได้ช่วยเหลอื เกอ้ื กูลซึ่งกันและกนั 3 เปดิ โอกาสให้นกั เรียนทากจิ กรรมได้อย่างอสิ ระ 4 ทาใหน้ ักเรยี นรจู้ ักใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 5 บรรยากาศในการปฏบิ ัติกิจกรรมเปน็ กันเอง ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอ่ื )...............................................................ผ้ปู ระเมนิ (..................................................................)
39 ตวั อยา่ งกิจกรรมที่ ๔ ๑. ชื่อกจิ กรรม นกั วทิ ยาศาสตรน์ ้อย ๒. เวลาทีใ่ ช้ ๑ ชว่ั โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. เพอื่ ฝึกทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ๒. เพ่ือฝึกทักษะการแก้ปญั หา ๓. เพ่ือเกดิ เจตคตทิ ่ีดีต่อวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นา ๔.๑ ครนู าลูกปงิ ปอง และก้อนดินน้ามัน ใส่ลงในบกี เกอรท์ ่ีมีน้าอยู่ ๒๐๐ cm3 ให้นกั เรียนสังเกต แลว้ ตง้ั คาถาม ดังนี้ ๑) ลกู ปงิ ปองและก้อนดนิ นา้ มนั เมือ่ ใส่ลงในน้า มคี วามแตกตา่ งกันอย่างไร (แนวคาตอบ : ลกู ปงิ ปองจะลอยในน้า สว่ นกอ้ นดินน้ามนั จะจมในนา้ ) ๒) ทาไมลูกปงิ ปองจึงลอยนา้ ส่วนก้อนดินนา้ มนั จึงจมนา้ (แนวคาตอบ : เก่ียวกับค่าความหนาแน่นของน้า ลูกปิงปองมีความหนาแน่นน้อยกวา่ นา้ จะลอยน้า สว่ นกอ้ นดนิ น้ามนั มคี วามหนาแนน่ มากกว่าน้า จะจมนา้ ) ๓) ทาอย่างไรดนิ นา้ มันจงึ จะลอยนา้ ได้ ข้นั กจิ กรรม ๔.๒ ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน ร่วมกันเสนอแนวคิดการแก้ปัญหา โดยใช้ กระบวนการถกแถลง เพื่อพิจารณาถึงสาเหตุ ปัญหา อุปสรรค แล้วสรุปถึงข้อเสนอแนะ ทางเลือก และ แนวทางแกไ้ ข ๔.๓ ให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนไปหยิบอุปกรณ์ที่ครจู ดั ไว้ ๔.๔ นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ปฏบิ ัตกิ ารทดลองเพ่อื แกป้ ัญหา โดยให้ใชเ้ วลา 25 นาที ขนั้ สรุป ๔.๕ ครใู ห้นักเรียนแต่ละกล่มุ นาเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาตามกระบวนการถกแถลง (แนวทางการแก้ปัญหา : นักเรียนต้องป้ันก้อนดินน้ามันให้เป็นรูปถ้วย เพ่ือให้มีปริมาตร มากข้ึน ค่าความหนาแน่นนอ้ ยกว่าน้า ดินนา้ มนั จงึ ลอยได้) ๔.๖ ครรู ว่ มกับนักเรยี นสรปุ ดังน้ี การท่ีจะทาให้ก้อนดินน้ามันลอยน้าได้ ต้องเปล่ียนก้อนดินน้ามันให้เป็นรูปถ้วย เพือ่ เพิม่ ปริมาตรใหม้ ากขนึ้ จนค่าความหนาแน่นน้อยกวา่ น้า ดนิ น้ามนั จงึ ลอยนา้ ได้
40 ๕. สอ่ื การเรยี นรู้และแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. ลูกปงิ ปอง ๑ ลูก ๒. กอ้ นดินน้ามันเท่าจานวนกลุ่ม ๓. บีกเกอร์ขนาด ๒๕๐ cm3 เทา่ จานวนกลมุ่ ๔. ปรมิ าณนา้ กล่มุ ละ ๒๐๐ cm3 ๖. การวัดและประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรียน น้อยทีส่ ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากท่สี ุด ๗. อา้ งองิ แหล่งท่มี าของขอ้ มลู New Science Discovery For Lower Secondary Volume1 (2nd Edition). Singapore : Pearson Education South Asia Pte Ltd, 2008.
แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 41 ชั้นมัธยมศึกษาปที ่.ี ................ กล่มุ ท่ี........... หมายเหตุ คาชแ้ี จง ให้ใส่เคร่อื งหมาย () ตรงกบั ผลการประเมิน รายการประเมนิ ผลการประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง (๓) (๒) (๑) ๑. การวางแผนการทดลอง ๒. การดาเนินการทดลอง ๓. การเก็บรักษาอปุ กรณ์ ๔. การนาเสนอข้อมลู ๕. การสรปุ ผลการทดลอง รวม รวมทง้ั หมด ลงชื่อ………………….……………….ผู้ประเมิน (………………………………………………) ……./…………………/……………
42 หมวดท่ี ๒ สร้างเสรมิ สมรรถนะและการเรียนรู้ กล่มุ กจิ กรรมท่ี ๗ พฒั นาความสามารถด้านการใช้เทคโนโลยี ตวั อย่างกจิ กรรมที่ ๑ ๑. ช่ือกิจกรรม พฒั นาทักษะชีวิตด้วยทักษะคอมพิวเตอร์ ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ช่ัวโมง ๓. วัตถุประสงค์ เพื่อให้นักเรยี นพัฒนาทักษะชีวติ ด้วยทักษะคอมพิวเตอร์ ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. นักเรียนบอกถึงความถนัดดา้ นคอมพิวเตอร์ของนกั เรียน ๒. นักเรียนศึกษาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ท่นี ักเรียนถนัด ๓. นกั เรียนปฏิบตั ิการเรียนรโู้ ปรแกรมคอมพวิ เตอร์ตา่ ง ๆ ๔. นกั เรยี นปฏบิ ตั งิ านออกมาเปน็ ช้นิ งาน ๕. จัดการแขง่ ขนั ให้นักเรียนเพอ่ื พัฒนาทักษะนกั เรียน ๕. สือ่ การเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ ๑. ศึกษาข้อมูลผ่านอนิ เทอร์เน็ต ๒. คอมพิวเตอร์ ๖. การวดั ผลและประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกิจกรรมของนกั เรยี น น้อยที่สุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ุด
43 ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี ๒ ๑. ช่ือกิจกรรม คอมพิวเตอร์สร้างสรรค์ ๒. เวลาที่ใช้ ๒ ชว่ั โมง ๓. วัตถุประสงค์ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีทักษะการใช้เทคโนโลยีในการนาเสนองาน ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูสาธติ วธิ กี ารใช้โปรแกรมนาเสนองานด้วย ProShow ๒. ให้นักเรยี นการใช้เครอ่ื งมือของโปรแกรมนาเสนองานตามเรือ่ งที่ตนเองสนใจ ๓. ให้นักเรยี นนาเสนอผลงานตนเองใหเ้ พื่อนในกลุ่มดู ๔. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายผลงานของนักเรียน ๕. สื่อการเรียนรแู้ ละแหล่งการเรยี นรู้ ๑. คอมพวิ เตอร์ ๒. โปรแกรมนาเสนองาน Proshow ๖. การวัดผลและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี นในเรื่องต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนกั เรียน น้อยท่สี ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ
44 ตวั อย่างกจิ กรรมที่ ๓ ๑. ชื่อกิจกรรม ใช้เทคโนโลยอี ย่างคุ้มค่า จาก SmartPhone ๒. เวลาทใี่ ช้ ๑ ช่วั โมง ๓. วัตถุประสงค์ เพอื่ ใหน้ กั เรียนนาเทคโนโลยมี าใช้ในการสบื คน้ ขอ้ มลู และฝกึ ทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยีอย่าง สรา้ งสรรค์ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครูแบ่งกลมุ่ นักเรียน กลุ่มละ ๓-๕ คน ๒. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ใช้ SmartPhone เป็นสื่อในการสืบค้นข้อมูล ๓. ครกู าหนดหวั ข้อและเวลาในการสบื คน้ จานวน ๑๐ ขอ้ ข้อละ ๒ นาที ๔. ครเู ฉลยคาตอบทีละข้อ แล้วใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มบนั ทึกคะแนนของกลุ่มตนเอง ๕. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปผลการสืบค้น และมอบรางวัลให้นกั เรยี นตามความเหมาะสม ๕. สอ่ื การเรียนรู้และแหลง่ การเรียนรู้ SmartPhone ๖. การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ รว่ มกจิ กรรมของนักเรียน น้อยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทส่ี ดุ
45 ตวั อย่างกิจกรรมท่ี ๔ ๑. ช่ือกิจกรรม แปลประโยคไทยเป็นสากลบน SmartPhone ๒. เวลาท่ีใช้ ๑ ชั่วโมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ เพ่ือให้นักเรียนนาเทคโนโลยีมาใช้ในการแปลความหมายข้อมูล และฝึกทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยี อย่างสร้างสรรค์ ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ครแู บ่งกล่มุ นกั เรียน กลุม่ ละ ๓-๕ คน ๒. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ใช้ SmartPhone เป็นส่อื ในการแปลภาษา ๓. ครูกาหนดประโยคเป็นภาษาไทย จานวน ๕ ประโยค โดยให้นักเรยี นแปลประโยคเป็น ภาษาสากล และเรียบเรยี งประโยคใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การใช้ภาษา ๔. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานของตนเอง ๕. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปผลการแปลประโยคที่ถูกต้องตามหลกั การใชภ้ าษา และมอบรางวลั ให้นักเรียนตามความเหมาะสม ๕. ส่ือการเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้ SmartPhone ๖. การวดั ผลและประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปนี้ 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ ร่วมกจิ กรรมของนกั เรยี น นอ้ ยที่สดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทส่ี ุด
46 ตัวอยา่ งกิจกรรมท่ี ๕ ๑. ชื่อกจิ กรรม ทายคนค้นพบมิตร ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ชั่วโมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. นกั เรยี นมที ักษะการสังเกตได้ (P) ๒. นกั เรียนมที กั ษะชา่ งพูด ช่างเจรจาที่ชัดเจน คล่องแคลว่ ได้ (P) ๓. นกั เรยี นมเี จตคติท่ดี ีต่อการทากจิ กรรมทายคนค้นพบมติ รได้ (A) 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันแลกเปล่ียนความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะของบุคคล จักรราศี 12 ราศี ท่ีเก่ียวข้องกับชีวิตของบุคคล ความชอบของสีของบุคคลว่ามีอิทธิพลต่อจิตใจ หรือวิถีชีวิตหรือไม่ อย่างไร และให้นักเรียนเชื่อมโยงกับเทคนิคแนวทางการทากิจกรรมหมอดู พร้อมกับแบ่งกลุ่มตามความสนใจของ ประเภทหมอดูกลุ่มละ 3 คน หรือตามความเหมาะสม โดยครูยกตัวอย่าง การดูดวงด้วยไพ่ป๊อก การดูดวง ด้วยไพ่ทาโรต์ การเสี่ยงเซียมซี การเส่ียงทายด้วยทราย การเสี่ยงทายด้วยหนังสือ การดูดวงด้วยรูปพรรณ ของเจา้ ของชะตา การดลู ายมอื 2. ครูนาภาพการดูดวง รูปภาพที่ 1 รูปภาพท่ี 2 รูปภาพท่ี 3 และรูปภาพที่ 4 มาให้นักเรียนดู และครูแนะนาเพ่ิมเติม นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลของการดูดวงแต่ละประเภทตามความสนใจจาก ห้องสมดุ คอมพวิ เตอร์ อนิ เทอรเ์ นต็ 3. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มไปศึกษาเรือ่ งราวการดูดวงโชคชะตาตามความสนใจ 4. นักเรียนฝึกเทคนิคการดูดวงที่ตนเองศึกษาให้แก่เพื่อน ๆ และแลกเปล่ียนประสบการณ์ซ่ึงกัน และกนั 5. นักเรยี นและครูสรุปอภิปรายกิจกรรม ทายคนค้นพบมติ ร ๕. สื่อการเรียนรูแ้ ละแหล่งการเรยี นรู้ ๑. หอ้ งคอมพวิ เตอร์ท่มี ีอินเทอรเ์ น็ต ๒. หอ้ งสมุด ๓. รูปภาพ ๖. การวัดผลประเมินผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะปฏิบัติกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกิจกรรม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200