73 บทที่ 4 ศาสนาอาเซียน
74 ศาสนาคอื อะไร คําวา “ศาสนา” มาจากภาษาสันสกฤตวา ศาสนํ หมายถึงคําแนะนําสั่งสอน สวน ภาษาอังกฤษใชคําวา Religion หมายถึง ความสัมพันธแทางวิญญาณของมนุษยแกับผูเป็นเจา กลาวคือ การมอบวิญญาณบูชา และยําเกรงตอผูเป็นเจาวาพระองคแเป็นผูสรางโลกและสรรพสิ่ง สิ่งตาง ๆ ที่ เกิดขึ้นพระองคแเป็นผูกําหนดใหเป็นไป ดังนั้นจึงตองเชื่อมั่น และปฏิบัติตอคําสอนของพระองคแโดยไม ตองมีการพิสจู นแ และตองอทุ ิศวิญญาณตอ พระองคแดวย (มนตแ มองชยั 2530 : 1) องค์ประกอบของศาสนา การจะเป็นศาสนาไดนั้น จะตองมีองคแประกอบที่สมบูรณแ ซึ่งขอประมวลแนวคิดเกี่ยวกับ องคแประกอบของศาสนาจากนกั วิชาการหลายทานมากลาวโดยสรปุ ดงั น้ี 1. ศาสดา หรือผู้ก่อต้ัง (Founder or Prophet) คือ ผูกอตั้งศาสนาน้ัน ๆ ขึ้นมา เชน ผูกอต้ัง ศาสนาพุทธคือ พระพุทธเจา ผูกอตั้งศาสนาคริสตแคือ พระเยซู ผูกอต้ังศาสนาอิสลามคือ พระมหะ หมัด ผูกอตงั้ ศาสนาเชน คือ มหาวีระ เปน็ ตน 2. คําสอน หรือศาสนธรรม (Teaching) เป็นคําสอนที่ถูกถายทอดโดยศาสดา จะบรรจุไวเป็น คัมภีรแ เชน ศาสนาพุทธคือ คัมภีรแพระไตรปิฎก ศาสนาคริสตแคือ คัมภีรแไบเบิล ศาสนาอิสลามคือ คัมภรี แอลั กุรอาน ศาสนาพราหมณคแ ือ คมั ภรี แพระเวทยแ เป็นตน 3. นักบวช สาวก หรือศาสนบุคคล (Priests or Disciple) คือ ผูที่ทําหนาที่นําคําสอนออกเผย แผไปยังสาสนิกชน เชน พระภิกษุในพระพุทธศาสนา นักบวชในศาสนาคริสตแ ครูสอนศาสนาใน ศาสนาอสิ ลาม เป็นตน 4. ศาสนิก (Followers) คือ ผูที่ยอมรับนับถือ หรือมีความศรัทธาในศาสนานั้น ๆ แลวนําคํา สอนในศาสนาที่ตนนับถือน้ันมาประพฤติปฏิบตั ิตาม เชน ชาวพุทธศาสนิกชน คริสตแศาสนิกชน อิสลา มิกชน ฮินดชู น เป็นตน 5. ศาสนสถาน (Sacred Place) คอื สถานที่สาํ หรับใชประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เชน วัดใน พระพุทธศาสนา โบสถแในศาสนาคริสตแ มัสยิดในศาสนาอิสลาม เทวสถานในศาสนาพราหมณแ เป็น ตน 6. พิธีกรรม หรือศาสนพิธี (Ritual Performance) คือ พิธีกรรมที่ปฏิบัติในศาสนานั้น ๆ เชน พิธีอุปสมบทในพุทธศาสนา พิธีฮัจญแในศาสนาอิสลาม พิธีถือศีลจุม พิธีสารภาพบาปในศาสนาคริสตแ เปน็ ตน (คนู โทขนั ธแ 2537 : 3-4) สาเหตทุ ท่ี าํ ใหเ้ กิดมีศาสนา 1. ความไมรู 2. ภยั และความกลัว
75 3. ความศรัทธา 4. ตองการหาทีพ่ ึ่งทางใจ 5. ตองการความสงบสุขในสงั คม 6. เพือ่ คนหาความจริงของชีวติ (คูน โทขันธแ 2537 : 8-9) ประเภทของศาสนา ในการแบงประเภทของศาสนาน้ันมีนักวิชาการไดแบงโดยใชเกณฑแตาง ๆ ซึ่งสรปุ ไดดังนี้ 1. แบง่ ตามมีผู้ที่ยงั นับถืออยู่ และไมม่ ีผทู้ ีน่ บั ถือ 1.1 ศาสนาที่ตายไปแลว หรือศาสนาที่ไมมีผูนับถือแลวในปใจจุบัน เชน ศาสนาของอียิปตแ โบราณ ศาสนาของชาวกรีกโบราณ (มนตแ ทองชัย 2530 : 4) 1.2 ศาสนาทีย่ ังมชี ีวติ อยู หรอื ศาสนาทีย่ ังมผี นู ับถืออยูในปใจจุบัน มีท้ังหมด 11 ศาสนาคือ พุทธ คริสตแ อสิ ลาม เชน พราหมณแ ขงจ้อื เตเา ยูดา หรอื ยิวชนิ โต สิข และโซโรอัสเตอรแ 2. แบ่งตามความเชือ่ หรอื นบั ถือพระเจา้ และไม่นับถอื พระเจ้า 2.1 ศาสนาท่ีนับถือพระเจ้า (Theism) คือเชื่อวามีพระเป็นเจาเป็นผูสรางและคอยกําหนด ความเปน็ ไปของส่งิ ตา ง ๆ ท้ังหมด ซึง่ สามารถแยกยอยได ดังน้ี 2.2.1 เอกเทวนิยม (Monotheism) คือ เชื่อหรือนับถือพระเจาเพียงองคแเดียว เชน ศาสนาครสิ ตแ อิสลาม โซโรอสั เตอรแ ยิว เปน็ ตน 2.2.2 พหุเทวนิยม (Polytheism) คือ เชื่อในพระเจาหลายองคแ เชน ศาสนาพราหมณแที่ นบั ถือเทพเจา ตาง ๆ เชน พระพรหม พระอิศวร พระวิษณฯุ ลฯ 2.2 ศาสนาท่ีไม่นับถือพระเจ้า (Atheism) คือ ศาสนาที่ไมเชื่อวามีพระเจาเป็นผูสรางและ คอยกําหนดสิ่งตาง ๆ สิ่งตาง ๆ ยอมมีเหตุปใจจัยทําใหเกิดขึ้น ปใจจุบันศาสนาที่มีแนวคิดดังกลาวนี้คือ ศาสนาพุทธ และศาสนาเชน 3. แบ่งตามการนับถือระดบั ชาติและระดบั สากล 3.1 ศาสนาประจาํ ชาติ คือ ศาสนาทีม่ กี ารนบั ถือในชาตินั้น ๆ ไมแพรหลายไปยังประเทศอื่น มากนกั เชน ศาสนาขงจอื้ และศาสนาเตาเ ในประเทศจนี ศาสนาชินโตในประเทศญี่ปุน 3.2 ศาสนาสากล คือ ศาสนาที่มีการนับถือกันอยางแพรหลาย กวางขวางไปในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งมีอยู 3 ศาสนาหลักคือ 1. ศาสนาพุทธที่มีผูนับถือกันในประเทศไทย ลาว พมา กัมพูชา ลังกา ทิเบต เกาหลี ญี่ปุน เป็นตนศาสนาคริสตแมีผูนับถือกันอยางแพรหลายในทวีปยุโรป และอเมริกา ใต และ 3. ศาสนาอิสลามที่นับถือกันแพรหลายในกลุมประเทศอาหรับ แอฟริกา ปากีสถาน จีน อินเดีย เปน็ ตน
76 คุณคา่ หรอื ประโยชน์ของศาสนา 1. เป็นหลักใหมนุษยแมีหลักที่ปฏิบัติที่ถูกตองดูงาม ทําใหเป็นมนุษยแที่มีความสมบูรณแท้ังกาย และใจ 2. เป็นบอเกิดของจรรยา ศลิ ปะ และขนบธรรมเนยี มอันดีงาม 3. เปน็ ทีพ่ ึ่งทางกายและใจ บําบดั ทุกขแ และชวยแกไขปญใ หาในชีวติ 5. ทําใหเกิดความสขุ สงบขึ้นในสงั คม 6. เป็นมรดกอนั ล้ําคาและทางรอดของมวลมนษุ ยชาติ (คนู โทขนั ธแ 2530 : 11-13) ศาสนาในประเทศกมั พชู า รัฐธรรมนูญของประเทศกัมพูชาไดบัญญัติใหพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ พบวามี ผูนับถือประมาณรอยละ 95 ของประชากรทั้งหมด สวนศาสนาที่มีผูนับถือรองลงมาคือศาสนา อิสลาม ศาสนาครสิ ตแ ศาสนาพราหมณแ-ฮินดู รวมกนั ประมาณรอยละ 5 (ดนัย ไชโยธา 2557 : 13) ศาสนาพุทธ : เขาไปเผยแผในกัมพูชาราวศตวรรษที่ 10 และมีความรุงเรืองที่สุดในรัชสมัย ของพระเจาชัยวรมันที่ 10 โดยกลายมาเป็นศาสนาหลักแทนศาสนาพราหมณแ แมวาในยุคที่เขมรแดง เรืองอํานาจ นั้นพุทธศาสนาจะถูกทําลายลาง แตปใจจุบันก็ไดรับการฟื้นฟูใหกลับมามีความเจริญและ มัน่ คงในกัมพูชาอีกครั้ง (พวงพิจ คําปงใ สแุ 2555 :67) ในประเทศกัมพูชามีการนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทเหมือนกับในประเทศไทย และแยก เป็น 2 นิกายยอย คือ มหานิกายและธรรมยุติกนิกาย โดยแตละนิกายนั้นจะมีสมเด็จพระสังฆราชเป็น ผูปกครอง ซึ่งตางจากประเทศไทยที่แมจะมี 2 นิกาย แตก็มีสมเด็จพระสังฆราชพระองคแเดียวกันเป็น ผปู กครองสูงสดุ จากการที่กมั พูชามีพระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจําชาติ จึงทําใหเกิดประเพณีและ วัฒนธรรม รวมถึงมีหลักปฏิบัติในทางศาสนาคลายกับคนไทยมาก เชน ผูสูงวัยจะนิยมเขาวัดฟใงธรรม มีงานบุญประเพณี วันสงกรานตแ รวมทั้งมีวันสารทของเขมรดวย ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 คํ่าเดือน 10 (ณรงคแ โพธิ์พฤกษนนั ทแ 2556 : 120-126)สาํ หรับวัดทางพระพุทธศาสนาที่กระจายอยูในภูมิภาคตาง ๆ ของประเทศกัมพูชานั้นก็มีจํานวนหลายวัดดวยกัน ดังจะขอยกตัวอยางวัดที่สําคัญ ๆ จํานวน 2 วัดมา กลาวเปน็ ตัวอยางคอื ดังน้ี 1. วัดพนม (Wat Phanom) มตี าํ นานกลาววาผูที่สรางวัดแหงนี้คือยายเพ็ญ สังเกตไดจากลาน วัดทางทิศใตมีการสรางศาลาเล็ก ๆ ไวสําหรับตั้งรูปปใ้นของยายเพ็ญไวดวย ภายในวัดแหงนี้ยังมีภาพ จิตกรรมฝาผนังที่เป็นเร่ืองราวของรามเกียรติ์ดวย แมวาวัดแหงนี้จะเป็นวัดทางพุทธศาสนานิกายเถร วาท แตก ็ยงั ปรากฏความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาอ่นื แฝงอยูดว ย เชน มีรูปภาพของขงจ้ือ และเทวรูปพระ นารายณแ 8 กร เปน็ ตน
77 2. วัดอณุ าโลม (Wat Unalom) วัดนี้ถือวาเป็นศนู ยแกลางคณะสงฆแของประเทศกัมพูชา พบวา สรางขึ้นราวศตวรรษที่ 15 วัดแหงนี้เคยถูกกลุมเขมรแดงซึ่งนําโดยนายพอลพตบุกเขาทําลาย ทําให พระพุทธรูปตาง ๆ ถูกทําลายไปเป็นจํานวนมาก ตอมาไดมีการบูรณะขึ้นใหม และไดนําพระพุทธรูปที่ ถูกทําลายไปมาประกอบใหมอีกครั้ง ปใจจุบันถือวาวัดแหงนี้เป็นวัดที่สําคัญที่สุดในกรุงพนมเปญ (ณรงคแ โพธิ์พฤกษนนั ทแ 2556 : 131) ศาสนาพราหมณ์ : ถือเป็นศาสนาเกาแกในกัมพูชาแมวาจะเขามามีอิทธิพลในกัมพูชา ภายหลังความเชื่อในอํานาจลี้ลับเหนือธรรมชาติ แตศาสนาพราหมณแก็เป็นศาสนาที่ทรงอิทธิพลในชวง ระยะเวลาหนึ่งกระท่ังกอใหเกิดศาสนสถานเป็นปราสาทนอยใหญเพื่อบูชาเทพเจาของศาสนาดังกลาว จากหลักฐานทางศิลปกรรมและเอกสารตางๆ ที่คนพบเป็นสิ่งที่ชี้ใหเห็นวาศาสนาพราหมณแไดเขาสู ดินแดนแหง น้ีตงั้ แตสมยั ฟูนนั ในราวคริสตแศตวรรษที่ 5 ทั้งนี้เป็นที่ทราบดีวาศาสนาพราหมณแในกัมพูชา นั้นแบงออกเป็น 2 นิกาย คือ ไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพเจาสูงสุด และ ไวษณพนิกาย ซึ่งนับ ถือพระนารายณแหรอื พระวษิ ณเุ ป็นเทพเจาสูงสดุ อยางไรก็ตามการสรา งศาสนสถานเพื่ออุทิศถวายแดองคแพระวิษณุยังพบไมมากเทาศาสนสถานที่สราง เพื่ออุทิศถวายแดพระศิวะ จวบกระท่ังสมัยของพระเจาสุริยวรมันที่ 2 ทรงมีความเลื่อมใสในพระวิษณุ เป็นอยางมาก จึงทรงสรางปราสาทนครวัดเพื่ออุทิศถวายแดพระวิษณุ และภายหลังที่พระองคแ สิ้นพระชนมแทรงไดรับพระราชสมญานามวา “บรมวิษณุโลก” อันสะทอนใหเห็นถึงความเชื่อที่วาเม่ือ พระองคและจากโลกนีไ้ ปแลวจะไดไปรวมกับพระวษิ ณุ เม่ือเขาสูสมัยพระเจาชัยวรมันที่ 7 ราว ค.ศ.1181 ศาสนาพราหมณแเริ่มเสื่อมลงเน่ืองจากองคแ พระมหากษัตริยแไดหันไปรับนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน และตามมาดวยการเผยแผ พระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาทในดินแดนกัมพูชา จึงทาํ ใหศาสนาพราหมณลแ ดความสําคัญลงไปทุกขณะ แมวาจะยังคงมีอยูจวบกระทั่งปใจจุบัน แตก็จะสังเกตไดวาปรากฏอยูในระดับราชสํานักเป็นสวนใหญ อาทิ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่มีพราหมณแเป็นผูดําเนินการประกอบพิธี แตใน ขณะเดียวกนั ความเช่อื และพิธีกรรมทางศาสนา พราหมณแที่มีความเกี่ยวของกับประชาชนน้ันมีนอยกวา ความเชือ่ ดง้ั เดิมและพระพุทธศาสนา (รุงโรจนแ ธรรมรุงเรือง และศานติ ภักดีคํา 2557 : 43-45) ความเชื่อเร่ืองผี : สําหรับความเชื่อเร่ืองผีน้ันชาวกัมพูชามีความเชื่อวาผีมีอยูจริง ซึ่งจะ สังเกตจากการที่ชาวกมั พูชาจะสรางศาลใหเ ปน็ ทีสถิตของวิญญาณ หรอื ผใี นระดับตาง ๆ ศาสนาอิสลาม : ไดกลาวไวขางตนแลววาเป็นศาสนาที่มีผูนับถือในกัมพูชามากเป็นอันดับที่ สองรองจากศาสนาพุทธ โดยมากจะเปน็ กลุมของชาวจามทีเ่ ปน็ ชนกลุมนอยที่อพยพมากจากเวียดนาม ราวศตวรรษที่ 18 ชาวจามกลุมนี้จะนับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนี ซึ่งนิกายนี้ในกัมพูชาจะไมปฏิบัติ เครงครัดมากนัก เชน จะถือศีลอดสัปดาหและ 1 วันในเดือนรอมฎอน แมจะไมกินเนื้อหมู แตก็นิยมดื่ม สุรา เม่ือเขาสูยุคที่เขมรแดงมีอํานาจศาสนาอิสลามก็ถูกกวาดลางทําลาย ในปใจจุบันก็มีการฟื้นฟูขึ้น
78 อีกคร้ังโดยการสนับสนุนจากรัฐบาลมาเลเซียที่ไดใหความชวยเหลือดานเงินทุน การศึกษา ตําราทาง ศาสนา และการสรา งมสั ยิด (พวงพิจ คาํ ปใงสุแ 2555 : 71-72) ศาสนาในประเทศพม่า ประชากรในประเทศพมารอยละ 89 นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท นับถือศาสนา คริสตแรอยละ 4 นับถือศาสนาอิสลามรอยละ 4 และอีกประมาณรอยละ 3 นับถือคติความเชื่อเดิมที่มี อยูกอนแลว (ดนัย ไชโยธา 2557 : 27) ศาสนาพุทธ : ในปีพุทธศักราช 2517 รัฐธรรมนูญของประเทศพมาไดบัญญัติให พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ ดวยความที่ประชากรสวนใหญของประเทศนับถือพุทธศาสนา และถกู บญั ญตั ิใหเ ปน็ ศาสนาประจําชาติน้เี อง จงึ ทําใหพระพุทธศาสนามีอิทธิพลตอจิตวิญญาณและวิถี ชิตของชาวพมาเปน็ อยางมาก ทําใหมีศาสนสถานทางพุทธศาสนา เชน วัด เจดียแตาง ๆ กระจายอยูทั่ว ทุกภูมิภาคของประเทศพมา (ณรงคแ โพธิพฤกษนันทแ 2556 : 145) ในประเทศพมามีหลักวิธีปฏิบัติอัน เนือ่ งมาจากพุทธศาสนาอยูในหลาย ๆ ดานดังจะขอยกตวั อยางมากลาว 2 ดา น ดงั นี้ 1. การส่ังสมกุศลหรือบุญ ชาวพมามีหลักปฏิบัติในการสั่งสมบุญหลายแบ เชน การบริจาค ทรัพยแ การบวช การสักการบูชาพระพุทธรูป การปฏิบัติกรรมฐาน การแผเมตตา การบริกรรม ลูกประคํา เป็นตน โดยมีความเชื่อวาผลบุญที่ไดส่ังสมไวนี้จะสงผลใหมีความสุข มีจิตใจสงบ มี ปใญญา มีความคิดเป็นกุศล และทําใหชีวิตมีความปลอดภัย ดวยความเชื่อดังกลาวมานี้ จึงสงผลให คนในประเทศพมาทุกเพศทุกวัยนิยมเขาวัด ทําบุญ สวดมนตรแ น่ังภาวนา ทางภาครัฐโดยเฉพาะใน ดานสื่อก็จะใหความสําคัญดานศาสนา ดังจะสังเกตจากที่มีรายการธรรมะออนแอรแอยูอยางตอเน่ือง เชน รายการสวดพระปริตร เพลง นทิ านทางศาสนา เปน็ ตน 2. การขอพร นอกจากจะมคี วามเชือ่ และมีหลักปฏิบัติในเรือ่ งของการส่งั สมบญุ แลว ชาวพมา ยังมีความเชื่อในเร่ืองของการขอพรอีกดวย โดยชาวพมาจะไดรับการปลูกฝใงมาต้ังแตเด็ก ๆ ใหขอพร จากพระพทุ ธรปู เจดียแ และรับพรจากปชู นียบคุ คล เชน พระ บิดามารดา โดยชาวพมามีความเชื่อวา พรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพรจากปูชนียบุคคลจะชวยคุมครองใหมีความปลอดภัย นอกจากการขอพร แลว ชาวพมายังนิยมออกเดินทางไปแสวงบุญยังสถานที่สําคัญทางพุทธศาสนาตาง ๆ อีกดวย (วิรัช นิยมธรรม และอรนุช นิยมธรรม 2551 : 108-111) เชน นิยมเดินทางไปแสวงบุญยังเจดียแชเวดากอง เมืองยางกุง ซึง่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จไปสักการะเจดียแแหงนี้ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2503 พระธาตุอินแขวนที่รัฐมอญพระมหาธาตุเจดียแ ชเวมอดอที่เมืองพะโค และที่ถัดจากเมืองยางกุงคือ เมืองสิเรียม ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ แตกม็ ีพระเจดียแทีส่ ําคัญประดิษฐานอยู คือ พระเจดียแกลางน้ํา หรือ เย- เล-พญา กลาวกันวาพระเจดียแแหงนี้บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจาดวย ภายในเจดียแยังเป็นที่ ประดิษฐานหลวงพอกลางน้ํา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย (ปางชนะมาร) โดยแกะสลักจากหินหยก
79 ถึง 6 ชิน้ แลว นาํ มาประกอบกนั กลาวกนั วาผทู ีส่ รา งเปน็ คหบดีชาวมอญ (ธีรภพ โลหิตกุล 2557 : 69- 78) พระมหาเจดียแที่วัดกุโสดอวแ วัดแหงนี้เคยเป็นสถานที่ทําสังคายนาคร้ังที่ 5 และไดจารึกคําสอน ทางพุทธศาสนา (พระไตรปิฎก) ลงบนแผนศิลาถึง 84,000 พระธรรมขันธแ โดยไดรับการบนั ทึกไววาเป็น แผนจารึกพระไตรปิฎกทีใ่ หญทีส่ ดุ ในโลก (ณรงคแ โพธิพฤกษนันทแ 2556 : 149) ศาสนาพราหมณ์ : หรือฮินดูในพมานั้นมีผูนับถืออยูประมาณ 44,000 คน สวนใหญเป็นชาว พมาทีม่ เี ช้อื สายอินเดีย ศาสนาพราหมณแไดเขาสูดินแดนพมาทางรัฐยะไข เพราะรัฐนี้มีอาณาเขตติดกับ รัฐมณีปุระของอินเดีย ศาสนาพราหมณแหรือฮินดูเคยมีอิทธิพลในพมามากอนชวงลาอาณานิคม สังเกตไดจากมีสถาปใตยกรรมทางศาสนาตาง ๆ ที่เมืองพุกาม หรือการรับเอาภาษาบาลีและสันสกฤต มาใชจนถึงปจใ จบุ ัน ชาวพมานับถือเทพเจา ในศาสนาพราหมณแหลายองคแ เชน พระศิวะ พระวิษณุ พระ นางสรุ ัสวดี นอกจากนีย้ ังมีวรรณกรรมที่รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณคแ ือรามายณะดวย ศาสนาคริสต์ : ศาสนาคริสตแในประเทศพมานั้น สวนใหญจะนับถือกันในหมูชาวคะชินคาง และชาวกะเหรีย่ ง ประมาณสีใ่ นหาของชาวคริสเตียนในพมาเปน็ ชาวโปรเตสแตนตแ (Wikipedia 2017) ศาสนาอิสลาม : ในประเทศพมาน้ันสวนใหญจะมีผูนับถือกันอยู 2 กลุม คือ ชาวโรฮิงญา และชาวปในทาย โดยเฉพาะชาวโรฮิงญานี้ในเบื้องตนไมไดรับการยอมรับวาเป็นกลุมชาติพันธุแที่อยูใน พมา แมวาภายหลังจากที่พมาไดรับเอกราชจากอังกฤษแลว ชาวโรฮิงยาถูกรับรองความเป็นกลุมชาติ พันธแุในสมัยรัฐบาลอูนุ ในการประชุมสภาในปีค.ศ. 1950 แตภายหลังการยึดอํานาจของนายพล เน วิน ในปีค.ศ. 1978 ไดใชวิถีทางสังคมนิยมแบบพมา สรางความรูสึกชาตินิยมพมาพุทธขึ้น จึงนําไปสูความ เกลียดชังกลุมชาติพันธุอื่นที่ตางจากพมา คือผูอาศัยในดินแดนอาระกัน หรือระคายในปใจจุบัน ซึ่งมี ลกั ษณะใกลเคียงกับคนในบังคลาเทศมากกวาพมา นับถือทั้งศาสนาอิสลาม ฮินดูและพุทธ (ศิววงศแ สุข ทวี 2013) ความเชื่อเร่ืองนัต : นอกจากคนพมาจะมีความศรัทธาและยึดม่ันในศาสนาตาง ๆ ดังกลาว มาขางตน ทีแ่ ตกตางกันไปแลว คนพมายังมีความเชื่อเกี่ยวกับนัตหรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของผูตายราย อีกดวย วิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้มีฐานะกึ่งผีกึ่งเทพ นัตจึงไมใชผีทั่วไป แตเป็นผีที่มีพลังอํานาจมากกวาผี ธรรมดา เพราะเป็นวิญญาณที่ตายดวยภัยที่รายแรง เชน ถูกฆาตาย งูกัดตาย เสือกัดตาย ตรอมใจ ตาย เป็นไขตาย ตายโหง เป็นตน ชาวบานโดยทั่วไปจะใหความเคารพและยึดวิญญาณนี้เป็นที่พึ่ง เพราะมีความเชื่อวานัตจะใหความคุมครองคนที่กราบไหวบูชา การติดตอกับนัตนั้นจะติดตอผานราง ทรง ผานการสนทนาดวยศัพทแชั้นสูงดุจเดียวกับสนทนากับราชา นอกจากนี้ยังจะตองใหความเคารพ ยําเกรงตอศาลอันเป็นที่สถิตของนัต เชน ไมสวมรองเทาเขาสูบริเวณศาล ไมแสดงกิริยาลบหลู หาก จะเทียบนัตกบั ความเชือ่ ของคนไทยแลว นัตจะอยูในฐานะเจาพอหรอื เจาแมต าง ๆ ทีค่ นไทยนิยมบูชากัน (วิรัช นิยมธรรม และอรณุ นิยมธรรม. 2542 : 85-87)
80 ศาสนาในประเทศลาว ในประเทศลาวมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ และเป็นศาสนาที่มีคนนับถือมาก ที่สุด สวนประชาชนที่อาศัยอยูชนบทแถบภูเขาจะนับถือผีซึ่งเป็นความเชื่อดังเดิม คนที่นับถือศาสนา คริสตแสวนใหญนั้นเป็นคนที่อพยพมาจากประเทศเวียดนาม และคนที่มีเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งจริง ๆ แลวในชว งหนง่ึ ก็มีศาสนาครสิ ตแเขาไปเผยแผโดยชาวฝรั่งเศส แตก็ไมเป็นสามารถแผขยายได และเม่ือ เขาสูยุคคอมมิวนิสตแก็ไดหยุดเผยแผไป สวนศาสนาอิสลามมีคนนับถือยูจํานวนนอยมาก ประมาณไม ถึง 1,000 คน (ณรงคแ โพธิ์พฤกษนนั ทแ 2556 : 130) พระพุทธศาสนา : เขาสูประเทศลาวที่หลวงพระบางราวศตวรรษที่ 13 โดยเจาฟูางุมปฐม กษัตริยแลานชาง พระองคแทรงสถาปนาใหศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจําชาติ แมวาในปี ค.ศ.1975 จะ ถูกกลุมผูนิยมคอมมิวนิสตแทําลาย แตก็ไดรับการฟื้นฟูใหกลับมารุงเรืองเหมือนเดิม (พวงพิจ คําปใงสุแ 2555 : 67) ดวยเหตทุ ีม่ พี ระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาตินี้เอง จึงทําใหพุทธศาสนามีอิทธิพลตอ วิถีชีวแิ ละการเมอื งการปกครองของลาวเป็นอยางมาก ดังจะขอยกตวั อยางมากลาวใหเ หน็ ภาพดงั นี้ ในดานวัฒนธรรมประเพณีอันเกิดจากพุทธศาสนานั้นก็มีความคลายคลึงกับไทยมาก เชน มีฮีต 12 หรือจารีต 12 ดังจะขอนํากลาวพิธีที่สําคัญ ๆ ในบางเดือนมาเป็นตัวอยางดังนี้เดือนอาย บุญ เขากรรม (ชว งเดือนธันวาคมซึ่งเป็นชวงฤดูหนาว) โดยพระภิกษุจะเขากรรมเพือ่ ปลงอาบัติในเขตที่จํากัด ไว เพื่อศีล และชําระจิตใจใหสะอาดเดือนยี่ บุญคูณลาน (หลังเก็บเกี่ยว) โดยจะมีการนิมนตแพระสงฆแ มาเจริญพระพุทธมนตแเพื่อทําบุญขวัญขาวเดือน 3 บุญขาวจ่ีเพื่อถวายพระภิกษุ-สามเณรเดือน 4 บุญ พระเวส หรือบุญฟใงเทศนแมาชาติชาดกเดือน 8 บุญเขาพรรษาเดือน 11 บุญออกพรรษา ตักบาตรเทโว โรหณะ กวนขาวทิพยแ บญุ ประสาทผ้ึงเดือน 12 บญุ กฐิน (ณรงคแ โพธิพ์ ฤกษนันทแ 2556 : 130) ประเทศลาวมีวัดทางพระพุทธศาสนากระจายอยูทั่วประเทศมากถึง 3,000 วัด ดังจะขอ ยกตวั อยางวดั ทีส่ าํ คัญ ๆ มานาํ เสนอเปน็ ตัวอยางดงั นี้ 1. วัดเชียงทอง วัดนี้ไดรับการยกยองวาเป็นอัญมณีแหงสถาปใตยกรรมของลาว สรางโดย พระโพธิสารราชเจา ในปี ค.ศ.1560มีฐานะเป็นวัดหลวง ภายในวัดมีวิหารแดงที่ใชประดิษฐาน พระพุทธรูปปางไสยาสนแ ซึ่งเคยถูกนําไปจัดแสดงที่กรุงปารีสเม่ือปี ค.ศ.1931 จากนั้นก็นําไป ประดิษฐานที่นครเวียงจนั ทนแ และนํากลับคืนสหู ลวงพระบางอกี ครั้งเมื่อ ค.ศ. 1964 2. วัดสขุ าราม เป็นวัดเกาแกในหลวงพระบาง ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ซึ่งมีพระ พักตรแที่งดงาม มีรอยพระพุทธบาทจําลอง พระอุโบสถของวัดนี้มีสีแดง มีภาพเขียนที่ลงรักปิดทอง สวยทีส่ วยงามมาก 3. วัดวิชนุ ราช อาจถือไดวาวัดนี้เป็นวัดที่มีความงดงามที่สุดในหลวงพระบาง ภายในวัดแหง นีม้ ีพระธาตุเจดียแที่มลี ักษณะโคงมนเหมอื นลกู แตงโม ภายในพระอุโบสถมีการเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ จากที่ตา ง ๆ ไวเป็นจาํ นวนมาก
81 4. พระธาตุจอมสี ต้ังอยูเมืองหลวงพระบาง กลาวกนั วาใครที่ไปเยือนหลวงพระบางแลวไมได ไปนมสั การพระธาตุจอมสถี ือวายงั ไปไมถึงหลวงพระบาง การขึ้นไปสูยอดเขาที่ประดิษฐานพระธาตุน้ัน จะตองเดินขึ้นบันใดถึง 328 ข้ัน บนยอดเขาสามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางไดอยางชัดเจนตัวพระ ธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาดวยสีทอง ยอดพระธาตุประดับดวยเศวตฉัตรทองสําริด 9 ช้ัน ชวงเวลาที่สามารถชมพระธาตุไดสวยที่สุดคือชวงบาย เพราะแสงอาทิตยแจะสองสีทองของพระธาตุทํา ใหเกิดความงดงามมาก (ฝาุ ยวิชาการเจเนซีส มีเดียคอม ม.ป.ป. : 25-27) ศาสนาคริสต์ : ไดเขามาเผยแผในลาวโดยชาวฝร่ังเศส แตก็ไมไดรับการนับถือมากนัก สวน ใหญคนที่นับถือศาสนาคริสตแจะเป็นชาวเวียดนามที่อพยพเขามาอยูในลาว โดยมากจะอยูตามเมือง ใหญ ๆ ศาสนาครสิ ตแจึงผกู พันกบั ชาวเวียดนามมากกวาคนลาว แมวาตามเมืองใหญ ๆ เชน นครหลวง เวียงจันทรแจะมีโบสถแคริสตแอยู แตกม็ ีผูศรัทธาไมมากนัก แมวาในเวลาตอมาจะมีกลุมมิชฃันนารีเขาไป เผยแผศาสนาครสิ ตแ แตก ็ไมไดรับความนยิ มมากนกั ปจใ จุบนั จึงมีผูทีน่ บั ถือศาสนาคริสตแในลาวมีอยูราว 1-2 เปอรแเซ็นตแเทานั้น ศาสนาอิสลาม : ในสวนคนที่นับถือศาสนาอิสลามนั้นมีอยูจํานวนนอยมาก สวนมากจะเป็น กลุมมุสลิมที่อพยพมาจากแควนปใญจาบและทมิฬของอินเดีย และชาวจามที่อพยพหนีสงครามมาจาก เขมรแดงกับกัมพูชา และบางสวนก็คือกลุมชาวจีนที่อพยพมาจากมณฑลหยุนหนาน ดังน้ันมัสยิดใน ประเทศลาวจึงมีเพียงไมกีแ่ หง เทาน้ัน (พวงพิจ คําปใงสุแ : 70-71) ศาสนาในประเทศอินโดนเี ซีย ชาวอินโดนีเซียประมาณรอยละ 87 นับถือศาสนาอิสลาม นับถือศาสนาคริสตแประมาณรอย ละ 6 แบงเป็นคริสตแนิกายโปรแตสแตนทแ 3.5 คริสตแนิกายโรมันคาทอริก 1.8 และนับถือศาสนาพุทธ ประมาณรอยละ 1.3 ประชาชนที่กระจายอยูในเขตตาง ๆ ของประเทศอินโดนีเซียก็จะมีความเชื่อทาง ศาสนาทีแ่ ตกตางกันออกไป(ณรงคแ โพธิพฤษนันทแ 2556 : 98) เชน กลุมคนที่อาศัยอยูบนเกาะชวาและ บาหลีจะยึดแนวทางของพุทธและฮินดู ซึ่งกอใหเกิดมีนาฏศิลปและดุริยางคศิลป ประชาชนจะเนนให ความเคารพซึ่งกันและกัน กลุมชนที่อาศัยอยูริมฝ่ใงทะเลและเกาะตาง ๆ จะมีวิถีตามแบบของอิสลาม อยางเครงครัด โดยมากจะเป็นกลุมนักธุรกิจยุคใหม สวนกลุมคนที่อาศัยอยูตามเทือกเขาจะมีวิถีแบบ ชนเผา (ฝาุ ยวิชาการเจเนซีส มีเดียคอม ม.ป.ป.: 17-18) ศาสนาพุทธ : ในอดีตอินโดนีเซียเคยมีพุทธศาสนานิกายมหายานเขามาประดิษฐาน และมี ความเจริญรุงเรืองมากอนศาสนาอิสลาม (ณรงคแ โพธิพฤษนันทแ 2556 : 100)สิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยัน ใหเห็นถึงความเจริญมาจนถึงปใจจุบันนี้ก็คือ 1. พุทธสถานบูโรพุทโธ (โบโรบุดูรแ) ซึ่งไดรับการจด ทะเบียนใหเป็นมรดกโลก มีอายุมาแลวราว 1,200 ปี ถือวาเป็นพุทธสถานที่ใหญที่สุดในโลก ตั้งอยูที่
82 ราบเกฑุ (kedu) ในภาคกลางของชวา หางจากยอกจาการแตาไปทางทิศเหนือ 40 กิโลเมตร 2. วิหาร เมนดดุ ตั้งอยูหา งจากบูโรพุทโธไปทางทิศตะวันออกราว 3 กิโลเมตร (ธีรภพ โลหิตกุล 2557 : 119) สําหรับวัดทางพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซียในปใจจุบันมีทั้งนิกายหินยาน และ มหายานรวมกันประมาณ 150 วัด แบงเป็นวัดพุทธนิกายมหายาน 100 วัด และวัดพุทธนิกายหินยาน 50 วัด ในจํานวนน้ันมีวดั ไทยอยูดว ย 4 วัด คือ วัดพุทธเมตตา วัดวิปใสสนานาคราหะ วัดเมนดุตพุทธ ศาสนวงศแ และวัดธรรมทีปาราม สวนคัมภีรแทางพุทธศาสนาแบบชวาน้ันมีอยู 2 แบบดวยกันคือ 1. คัมภีรแสังหยังกามาหานิกัน (Sang hyang Kamahaanikan) 2. คัมภีรแกามาหายานันมันตรานายา (Kamahayanan Mantranaya) (วิกิพีเดีย 2559) (1) ศาสนาฮนิ ดู : เขาสูอนิ โดนีเซียต้ังแตศ ตวรรษแรกโดยชาวอินเดียที่เขามาคาขาย จนมาฝใงราก ลึกอยูที่เกาะบาหลีจนถึงปใจจุบันนอกจากนี้ยังมีชุมชนชาวฮินดูจํานวนมากอาศัยอยู บริเวณหมูเกาะ ขนาดเล็กทางตะวันออกของเกาะชวา สวนบริเวณเกาะชวาทางฝ่ใงตะวันออกก็ยังมีหมูบานฮินดูกระจัด กระจายอยูทั่วไปศาสนาฮินดูแบบบาหลี (อินโดนีเซีย: Agama Hindu Dharma) หรือ ลัทธิวารี ศักดิ์สิทธิ์ (อินโดนีเซีย: Agama Tirtha) เป็นศาสนาฮินดูรูปแบบหนึ่งที่ปฏิบัติในกลุมชาวบาหลีบนเกาะ บาหลีในประเทศอนิ โดนีเซีย มีความแตกตางจากศาสนาฮินดูสายหลักคือมีการสักการะผีพื้นเมือง บูชา ผบี รรพบุรษุ และเคารพพระโพธิสตั วแซึ่งเปน็ คติทางศาสนาพทุ ธดวย ชาวฮินดูแบบบาหลีจะนับถือพระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุตามคติดั้งเดิมแบบที่มาจาก อินเดียแตมีเอกลักษณแพิเศษคือมีเทพพื้นเมืองเพิ่มเขาไปดวยซึ่งหนึ่งในนั้นคือซังฮฺยังวีดี (Sang Hyang Widhi) หรือ อจินไตย (Acintya) เป็นหนึ่งในเทพเจาตามคติบาหลี ตอมาไดถูกนับถือเป็นเทพเจาสูงสุด เ พี ย ง พ ร ะ อ ง คแ เ ดี ย ว ต า ม ห ลั ก ป รั ช ญ า ปใ ญ จ ศี ล ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ อิ น โ ด นี เ ซี ย โ ด ย พ ร ะ อ ง คแ มี ที่ ป ร ะ ทั บ เรียกวา “ปทใ มาสนแ” คือ มีลักษณะเป็นเกาอี้วางเปลา ซึ่งจะพบไดทั่วไปตามบานเรือนและศาสนสถาน ตาง ๆนอกจากนี้ศาสนาฮินดูแบบบาหลียังมีเทพเจาอีกจํานวนมาก เชน เทพเจาแหงขาวหรือเทวี ศรี หรือแมแตเทพเจาแหงขุนเขาหรือมหาสมุทรก็มี โดยชาวบาหลีเชื่อวาเทพเจาจะสถิตอยูยอดเขาสูง พืน้ ดินคอื ทีอ่ ยูของมนษุ ยแ สวนมหาสมุทรคือที่สถิตของวิญญาณราย ชาวบาหลีจึงนิยมสรางวัดบริเวณ กึ่งกลางระหวางภูเขาและทะเลเพื่อปูองกนั ภยันตรายตาง ๆ (วิกิพีเดีย 2560) (2) ศาสนาคริสต์ : ในประเทศอินโดนีเซียมีทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนตแ เขา มามาสูอนิ โดนีเซียต้ังแตค ริสตศตวรรษที่ 6 โดยชาวโปรตเุ กส ชาวดตั ซแ และชาวอังกฤษ เริ่มเผยแผทาง ฝ่ใงอินโดนีเซียตะวันออกแถวโมลุกกะ สุลาเวสีเหนือ นุสา เต็งการา ปาปใว และกาลิมันตัน จากนั้นก็ ขยายไปยงั ชายฝใ่งแถวเกาะบอเนียว และที่อื่น ๆ (Jesudas M.Athyal,Editor 2015 : 120) แมวาปใจจุบันมี ชาวอินโดนีเซียที่เป็นคริสเตียนซึ่งถือวาเป็นชนกลุมนอยของประเทศ แตชนกลุมนี้ก็เป็นกลุมชนที่มี
83 การศึกษา ไดรับการสงเสริมใหไปศึกษาในประเทศยุโรป เม่ือกลับมารับใชบานเมืองก็ไดรับตําแหนง สําคญั ๆ ในรฐั บาล กองทัพ และวงการธุรกิจการคา(กรมประชาสัมพันธแ 2017) ศาสนาอิสลาม : เขามาเผยแผและฝใงรากลึกอยูในสังคมอินโดนีเซียน้ันมี 2 แนวคิดคือ แนวคิดแรกเชื่อวา เขามาต้ังแตค ริสตแศตวรรษที่ 7 แนวคิดที่สองเชื่อวาเขามาในคริสตแศตวรรษที่ 13 จน ตอมาในชวงทายของคริสตแศตวรรษที่ 15 อาณาจักรตาง ๆ ในหมูเกาะอินโดนีเซียราว 20 แหงก็หันเขา มานับถือศาสนาอิสลาม จนทําใหประเทศอินโดนีเซียมีชาวมุสลิมมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต (รฐั กบั มสุ ลิมในอินโดนีเซีย 2550 : 5) แมว าในปจใ จุบนั ประเทศอนิ โดนีเชยี จะเปน็ เมอื งมุสลิม แตรัฐบาล ก็ไดใหความสําคัญตอศาสนาอื่น ๆ ที่เผยแผและมีการนับถืออยูในประเทศ ใหความสําคัญกับความ เชื่อที่แตกตางกันซึ่งเห็นไดจาก การที่รัฐบาลไดกําหนดใหประชาชนมีวันหยุดเนื่องในวันสําคัญทาง ศาสนาตาง ๆ ท้ังพุทธ คริสตแ อิสลาม และฮนิ ดู ซึ่งในงานมหกรรมรามายณะนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ที่จัดขึ้นที่โรงละครแหงชาติ ก็มีชุดการแสดงรามายณะจากประเทศอินโดนีเซียมาแสดงในงานนี้ดวย ถือไดวาทางการของอินโดนีเซียไดใหความสําคัญกับศาสนาที่มีคนนับถือในสวนนอยดวย ดังเชน ศาสนาพราหมณแแ มว าจะเป็นศาสนาทีม่ คี นนบั ถือนอยในปใจจุบนั แตก็ไดฝงใ รากลึก และเป็นตนแบบทาง งานศลิ ปะของประเทศ จะสังเกตจากที่ประเทศอินโดนีเซียไดใชพญาครุฑปใญจศีลเป็นตราของประเทศ (ธีรภพ โลหิตกุล 2557 : 118) ศาสนาในประเทศเวียดนาม ประชากรสวนใหญของประเทศเวียดนามนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานประมาณรอยละ 83 นับถือศาสนาคริสตแประมาณรอยละ 8 ที่เหลือจะมีนับถือศาสนาขงจ้ือและอิสลาม (ณรงคแ โพธิ์ พฤกษนันทแ 2556 : 152) ศาสนาพุทธ : ไดเขามาเผยแผและฝใงรากลึกอยูในสังคมของชาวเวียดนามมากวา 2,000 ปี แลว โดยการนํามาของชาวอินเดียและชาวจีนหลักฐานจดหมายเหตุของจีนกลาวไววา เวียดนามทาง ตอนใตเป็นที่ตั้งของอาณาจักรจามปา (Champa Kingdom) ราวพ.ศ. 950 ในสมัยจักรพรรดิทุกฟาน เริ่มมีการรับอารยธรรมอินเดียเขามา พระสงฆแอินเดียนําโดยพระวีนีตรุจิ (Vinitaruchi) จาริกมายัง เวียดนามโดยทางเรือสินคา และเดินทางผานมาจากทางจีน ไดนําเอาศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธแบบ มหายานเขามายังเวียดนามดวย พระวีนีตรุจิไดพยายามใหมีการศึกษาเลาเรียนพระสูตรของ พระพุทธศาสนามากถึง 15 พระสูตรและไดวางรูปแบบนิกายฉันหรือฉาน (Ch’an Sect) เป็นนิกายแรก ของเวียดนามตอมาก็มีพระสงฆแอินเดียนามวามหาชีวกะ (Mahajivaka) ไดมาประกาศพุทธศาสนาใน เวียดนาม จากน้ันทานก็เดินทางตอไปยังจีน ในเวลาไลเลี่ยกันก็ไดมีพระสงฆแอินเดียอีกรูปหนึ่งนามวา พระกัลยาณรุจิ (Kalyanaruchi) หรือฉีโจงโหลงเขามาเผยแผพุทธศาสนาในเวียดนามอยูนานหลายปี มี การแปลคัมภีรแสําคัญทางพุทธศาสนาหลายเลมจากภาษาจีนเป็นภาษาเวียดนาม และจากภาษา
84 สนั สกฤตเปน็ ภาษาเวียดนามจึงทําใหมีชาวเวียดนามเปลี่ยนจากการนับถือพราหมณแฮินดูไปนับถือพุทธ ศาสนาในเวลาตอมาทําใหเวียดนามกลายเป็นประเทศเดียวในแถบสุวรรณภูมิที่นับถือพุทธศาสนา มหายานมาอยางตอเนื่อง คราใดบานเมืองเกิดสงคราม เร่ืองทางศาสนาก็หยุดชะงักลง แตคราใด บานเมืองสงบสขุ พระพทุ ธศาสนากก็ ลบั มาเจริญรงุ เรอื งข้นึ อกี ในสมัยราชวงศแเลและราชวงศแลี้ พุทธศาสนาก็มีความเจริญรุงเรืองอยางมาก เพราะ พระมหากษัตริยแทรงทํานุบํารุงมาโดยตลอด ราชวงศแลี้นับวาเป็นราชวงศแที่ใกลชิดพุทธศาสนามาก กษตั รยิ แหลายพระองคแไดทรงออกผนวชเป็นแบบอยางของชนรุนหลัง ทรงยึดถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่ พึ่ง พุทธศาสนาในเวียดนามจึงแพรหลายเขาไปถึงประชาชนทุกหนแหง แตหลังจากที่เวียดนามตกเป็น อาณานิคมของฝรัง่ เศสในปี พ.ศ. 2426-2497 ก็สงผลใหพ ุทธศาสนาที่กําลังเจริญรุงเรืองไดหยุดชะงัก ลงไป พุทธศาสนาถูกจําจัดในการเผยแผ คัมภีรแทางพุทธศาสนายังถูกนําไปทําลายอีกดวย แมชาว พทุ ธในเวียดนามจะพยามยามฟืน้ ฟแู ละเผยแผแ ตก็ถูกตอตาน เชน ถูกหามไมใหต้ังวัดเพิ่ม ไมใหมีการ บวชพระ ผูที่จะเป็นขาราชการจะตองเปลี่ยนศาสนาเสียกอนถึงจะไดรับการแตงต้ัง เป็นตน ท้ังนี้ เพราะฝรั่งเศสตอ งการนาํ เอาศาสนาคริสตนแ ิกายโรมนั คาทอลิกมาแทนทีศ่ าสนาพุทธในเวียดนาม หลังจากเวียดนามไดรับเอกราชจากฝร่ังเศสแลว แทนที่สถานการณแทางพุทธศาสนาจะดีขึ้น แตกลับเลวรายลงไปอีก เพราะเวียดนามถูกปกครองดวยระบบคอมมิวนิสตแที่ถือไดวาเป็นภัยตอพุทธ ศาสนา เพราะมีการจํากดั และกดขีข่ ม เหงในเรื่องการนับถือศาสนา จนตองมีการรวมตัวกันเดินขบวน ประทวง ซึ่งนําโดยพระภิกษุ สามเณร และแมชีเพื่อปกปูองพระพุทธศาสนา ในปี พ.ศ. 2506 พระมหา เถระชาวเวียดนามคือ \"พระติช๊ กวางด๊กึ \" จากวัดเทียนหมู ซึง่ อยูเมืองเว ทนเห็นความโหดรายทารุณที่ รัฐบาลปราบปรามชาวพุทธไมไหว จึงไดยอมสละชีวิตดวยการจุดไฟเผาตนเองตายที่หนาสถานทูต กัมพูชาในกรุงไซงอน (ปใจจุบันคือเมืองโฮจิมินหแ) เพื่อใหรัฐบาลหยุดปราบปรามชาวพุทธและรักษา พระพุทธศาสนาไว นับวาทานเปน็ พระสงฆแรปู แรกที่อุทิศชีวติ เพื่อปกปูองพทุ ธศาสนา เม่ือภาวะทางการเมืองเริ่มสงบ รัฐบาลไดลดการจํากัดสิทธิการนับถือศาสนา ชาวพุทธจึง พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นใหมจนมีอยูหลากหลายนิกายในปใจจุบัน อาทิ พุทธศาสนาแบบจีน เธียน (เซน, ฌาน), แบบเถรวาท, แบบหินยาน, นิกายดินหแโต, นิกายขัตสี ฯลฯ ซึ่งตางก็อยูรวมกัน อยางสงบสุข วัดหรือที่ภาษาเวียดนามเรียกวา \"จ่ัว\" หรือ \"ตื้อ\" ไดกลายเป็นศูนยแกลางการศึกษาของ ชนชั้นทุกระดับ เป็นที่พึ่งของชุมชน และยังเป็นสถานที่ชุมนุมของชาวพุทธในการพบปะปรึกษาหารือ กิจกรรมตาง ๆ ทั้งในดานศาสนาและการเมอื ง โดยมีพระสงฆแเป็นศูนยแรวมจิตใจของประชาชน (กานตแ จอมอนิ ตา 2557) ศาสนาคริสต์ : ที่เขามาเผยแผในเวียดนามน้ันไดแกศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่ง หมอสอนศาสนาไดนําเขามาเผยแผทางตอนเหนือของเวียดนามในปี 1533 และเขามาสูตอนกลางของ เวียดนามในปี 1596 แตก็ไมไดรับการยอมรับมากนัก จนในปี 1615 คณะหมอสอนศาสนาชาว
85 โปรตุเกสก็ไดเผยแผศาสนาคริสตแอยางถาวรในเมืองโฮยอัน ดานัง และฮานอย ทําใหคนเวียดนาม บางสวนจากหลายชนชั้นเริ่มหันมานับถือศาสนาคริสตแมากขึ้น ซึ่งก็ทําใหชนชั้นปกครองของเวียดนาม เกิดความวิตกวา ศาสนาใหมนี้จะเป็นภัยตอระเบียบสังคม ความเชื่อและพิธีกรรมด้ังเดิมที่มีความเชื่อ เร่ืองนรกสวรรคแ และการบูชาพรรพชน จึงไดออกกฎหมายหามนับถือศาสนาคริสตแในเวียดนามเหนือ ขึ้นระหวางปี 1712-1720 และในปี 1750 หมอสอนศาสนาที่เผยแผอยูทางตอนใตของเวียดนามก็ถูก สงกลบั ไป ทาํ ใหสถานการณแของศาสนาคริสตแในเวียดนามนั้นไมสูดีนัก ผูปกครองของเวียดนามหลาย ทานไดตอตา นและปราบปรามคนทีน่ ับถือศาสนาคริสตแ จนมีผูนับถือศาสนาคริสตแตองพลีชีพเพื่อดํารง ไวในศาสนาคริสตแไปหลาย คนการปราบปราบดังกลาวสิ้นสุดลงเม่ือปี 1885 เม่ือฝร่ังเศสเขามามี อํานาจปกครองเหนอื เวียดนาม จนกระท่งั ในปี 1975 ศาสนาคริสตแก็ไดรับการรับรองตามกฎหมายของ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งก็ไดใหเสรีภาพในการนับถือศาสนา ทําใหกิจกรรมทางคริสตแ ศาสนาเริ่มกลับมาปฏิบัติกันอีกครั้ง จนในอีก 10 ปีถัดมา รัฐบาลเวียดนามก็ลดการเขมงวดและผอน ปรนมากขึ้น สังเกตไดจากการที่อนญุ าตใหมีการบวชพระ และสอนศาสนาตามโบสถแในหมูบานแถบที่มี การนบั ถือศาสนาครสิ ตแได ศาสนาอิสลาม : ในประเทศเวียดนามมีการนับถือกันอยูไมมากนัก มีเพียงชุมชนเล็ก ๆ เทาน้ัน สวนใหญจะเปน็ กลุมชาวจาม และชาวเอเชียใต ชาวมุสลิมในเวียดนามนี้ไมคอยปฏิบัติเครงครัด ตามหลักศาสนาเหมือนชาวมุสลิมในประเทศตา ง ๆ เทาใดนกั เชน ไมไดเดินทางไปแสวงบุญ หรือทําพิธี ฮัจญแที่นครเมกกะ ประเทศซาอดุ ิอาระเบีย จะสวดมนตแเฉพาะในวนั ศุกรแ และถือศีลอดเพียงแค 3 วันใน เดือนรอมฎอน แมว าจะไมกินเน้ือหมู แตก็มีการดื่มสุรา และยังมีพิธีกรรมทางศาสนาที่ผสมไปกับฮินดู และลทั ธิวิญญาณนิยมอกี ดวย ศาสนาขงจ้ือ : ถูกนําเขามาในเวียดนามกวา 2,000 ปีมาแลว ขงจ้ือในอดีตนั้นมีอิทธิพลตอ ระบบการคิด และการเมืองการปกครองของชาวเวียดนามเป็นอยางมาก ดังจะเห็นไดจากการนําเอา ความรูทางศาสนาขงจ้ือมาเป็นขอสอบในการสอบเขารับราชการต้ังแตปี ค.ศ. 1076-1919 นอกจากนี้ ยังมีการนาํ เอาความรูทางศาสนาพุทธ เตเา และเตนิ เยามาเป็นขอสอบดวย ดงั น้ันจึงทําใหศาสนาขงจ้ือ ไดรับความนิยมโดยปริยาย แมวาในปใจจุบันเวียดนามจะหลุดพนจากอํานาจการปกครองของจีนแลว แตหลักปรัชญาคําสอนของศาสนาขงจ้ือก็ยังคงอยูในจิตวิญญาณของชาวเวียดนามไมเสื่อมคลาย (สรณี วงศเแ บีย้ สัจจแ 2549 : 83-90) ศาสนาในประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปรแเป็นประเทศเลก็ ๆ มีประชากรประมาณ 5.2 ลานคน สวนใหญนับถือศาสนา พุทธรอยละ 33.9 นับถือศาสนาอิสลามรอยละ 14.3 นับถือศาสนาเตเารอยละ 11.3 นับถือศาสนา คริสตแนิกายโรมันคาทอลิกรอยละ 7.1 นับถือศาสนาคริสตแนิกายอื่น ๆ รอยละ 11 นับถือศาสนาอื่น ๆ
86 รอยละ 0.7 และไมนับถือศาสนาใดเลยรอยละ 16.5 (สํานักอาเซียน กรมการเจรจาการคาระหวาง ประเทศ 2016) ประเทศสิงคโปรแแมจะเป็นประเทศเลก็ ๆ และมีจํานวนประชากรไมมากนักเม่ือเทียบกับ ประเทศอน่ื ในอาเซียน แตก็มีกลุมชาติพันธุแอาศัยอยูถึง 4 กลุม ซึ่งแตละกลุมก็มีการนับถือศาสนาตาง ๆ ดงั น้ี 1. กลุ่มชาติพันธ์ุจีน ที่ไดอพยพเขามาอาศัยในประเทศสิงคโปรแนั้น ในปใจจุบันเป็นประชากร สวนใหญของประเทศ และไดนาํ เอาความเชอ่ื เกีย่ วกบั พระพุทธศาสนานิกายมหายานเขามาดวย เป็นผล ทําใหพุทธศาสนานิกายมหายานไดฝใงรากลึกและเจริญรุงเรืองในแผนดินของสิงคโปรแมาจนถึงปใจจุบันนี้ สังเกตไดจากการที่จัดใหมีกิจกรรมทางพุทธศาสนาอยางสมํ่าเสมอ เชน เปิดการเรียนการสอนทาง พุทธศาสนา ต้ังโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตยแ มีการจัดกิจกรรมบรรยายความรูทางพุทธศาสนาตาม สถาบันการศึกษาตาง ๆ มีการจดั ตงั้ องคแกรพุทธยานแหงสิงคโปรแ ฯลฯ และยังมีวัดทางพุทธศาสนาอยู หลายแหง เพื่อเป็นสถานเผยแผ และประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนา (วีณแ วุฒิชัยและคณะ 2556 : 35-36) นอกจากพระพุทธศาสนานิกายมหายานจะไดรับการนับถือและเจริญในประเทศสิงคโปรแแลว พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทก็ยังมีผูนับถือและเผยแผอยูในสิงคโปรแดวยเชนกัน โดยนําเขาไปจาก ประเทศไทยและศรีลังกา ในสิงคโปรแมีวัดไทยที่สําคัญอยู 2 วัด คือ วัดอนันทเมตยาราม สราง เมื่อ พ.ศ. 2475 และวัดปุาเลไลยกแ สรางเม่อื 2506 (วิกิพีเดีย. 2560)(3) กลุมชาติพันธุแจีนนี้นอกจากจะนับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน และเถรวาทแลว ยังนับถือ ศาสนาเตเาอีกดวย ดวยหลักคําสอนของศาสนาเตเาที่มุงใหใชชีวิตไปตามวิถีแหงธรรมชาติ ใหรัก สันโดษ จึงทําใหศาสนาเตเาไดผสมผสานกับหลักการทางพุทธศาสนาไดอยางกลมกลืน ทําใหใน ปใจจบุ ันหลกั ปรชั ญาของศาสนาเตาเ กย็ งั คงมีอทิ ธิพลอยูในสงั คมของชาวสิงคโปรแอยูไมนอย 2. กลุ่มชาติพันธุ์มาลายู ไดอพยพมาจากทางตอนใตของอินเดีย เขามาอาศัยอยูในประเทศ สิงคโปรแพรอมกับนําความเชื่อศาสนาอิสลามเขามาดวย ศาสนาอิสลามของชาวมาลายูนี้นอกจากจะ เป็นหลักคําสอนทางศาสนาแลว ยังเป็นเสมือนกฎหมายในการดําเนินชีวิตอีกดวย ซึ่งกลุมชาติพันธุแ มาลายูที่เขามาอาศัยในสิงคโปรแนี้เขามาดวยเหตุผล 2 ประการดวยกันคือ เพื่อแสวงหาโอกาสในการ งานที่จะทําใหชีวิตดีขึ้น และเพื่อลงเรือไปยังนครเมกะเพื่อแสวงบุญ ดวยเหตุนี้หลาย ๆ คนจึงไดต้ังถิ่น ฐานอยางถาวรในสิงคโปรแ 3. กล่มุ ชาติพันธ์ุอินเดีย อพยพมาจากตอนใตของอินเดียแถบอาวเบงกอล โดยมากจะนับ ถือศาสนาอิสลาม บางสวนนับถือศาสนาฮินดูและบางสวนก็นับถือศาสนาโซโรอัสเตอรแ ซึ่งเป็นศาสนา ด้ังเดิมที่นับถือกันอยูในประเทศอิหราน ศาสนาโซโรแอสเตอรแนี้จะมีการบูชาพระอาทิตยแตลอดท้ัง กลางวันและกลางคนื ดังนน้ั ไฟจงึ เป็นสญั ลกั ษณแสําคัญของศาสนานี้ 4. กลมุ่ ชาติพันธุอ์ ื่น ๆ กลุมนีโ้ ดยมากจะเปน็ ชาวตะวันตกทีไ่ ดนําศาสนาคริสตแเขามาในชวงที่ เขามาติดตอ คาขาย ตอ มาก็ไดรับความนยิ มเพิม่ ข้นึ เร่อื ย ๆ โดยการเผยแผของบาทหลวงน้ันจะเนนการ
87 สอนที่คอนขางทันสมัย ซึ่งตา งไปจากศาสนาอืน่ ๆ กลาวคือ จะเนนกลาวสอนถึงศักยภาพของแตละคน วาคนเรามีศักยภาพที่จะประสบความสําเร็จได และเนนการสรางความสุขใหกับตนเอง (komchadluek 2553) ศาสนาในประเทศฟิลิปปินส์ ประชาชนสวนใหญนับถือศาสนาคริสตแรอยละ 92 นับถือศาสนาอิสลามรอยละ 5 นับถือ ศาสนาพราหมณ-แ ฮินดรู อ ยละ 2 และนบั ถือศาสนาพุทธรอยละ1.5 (ศูนยแอาเซียนศกึ ษา (มจร.) 2558) ศาสนาพุทธ : ศาสนาพุทธนิกายมหายานเขามาเผยแผในประเทศฟิลิปปินสแโดยชาวจีน และ ชาวเวียดนาม โดยกอนหนาน้ันคนฟิลิปปินสแนับถือศาสนาคริสตแตามแบบของสเปนและอเมริกา เพราะ เวียดนามเคยตกเป็นเมืองขึ้นของสองประเทศนี้มากอน ศาสนาพุทธในประเทศฟิลิปปินสแนี้จะมีการนับ ถือกันอยูในยานที่มีชาวจีนและชาวเวียดนามอาศัยอยู เชน เมืองมนิลา และตามเมืองใหญ ๆ ใน ฟิลิปปินสแมีนติ ยสารทางพทุ ธศาสนาชื่อ “พู่ทซี ”ู่ (ตนโพธิ)์ ซึง่ ชาวจีนโพนทะเลในฟิลิปปินสแนิยมอานกัน มาก นิตยสารฉบับนีม้ ีเน้อื หาธรรมะงาย ๆ เชน สารคดี ปาฐกถา บทวิจารณแ นิทานชาดก ปริศนาธรรม สอนพระพทุ ธศาสนาเบือ้ งตน ขา วสารทางพระพทุ ธศาสนารอบโลก และยังมีบทความภาษาอังกฤษอีก ดวย ปใจจุบันไดมีคณะสงฆแจากประเทศตาง ๆ ซึ่งสวนใหญเป็นนิกายมหายานและวัชรยาน ซึ่งมีความ ใกลชิดกับความเป็นชุมชนชาวจีนมากกวา เขามาเผยแผศาสนาในฟิลิปปินสแ เชน คณะสงฆแไตหวัน โดยทานซิง หยวน (Ven. Master Hsing Yun) แหง วดั โฝวกงซัน ไดใหศิษยแในสายงานของทานไปเผยแผ ต้ังวดั อยูในชมุ ชนชาวจีนหรอื เขตทีม่ คี นจีนอาศัยอยู (วิกิพีเดีย 2559)(4) ศาสนาอิสลาม : เริ่มเขามาสูคนพื้นเมืองฟิลิปปินสแเม่ือคริสตแศตวรรษที่ 14 โดยชนชาว อาหรับไดเขามาระหวางที่มีการติดตอคาขายกับฟิลิปปินสแ ปใจจุบันศาสนาอิสลามเริ่มมีบทบาท และ อิทธิพลตอวิถีชีวิตของชาวฟิลิปปินสแมากขึ้น กลุมนี้จะเรียกตนเองวา “โมโร” อยูทางตอนใตของ ประเทศฟิลิปปินสแในเกาะมินดาเนา และเกาะซลู ู (บานจอมยทุ ธ 2543) ศาสนาคริสต์ : ในประเทศฟิลิปปินสแน้ันมีทั้งศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิก และนิกาย โปเตสแตนตแ นาํ เขามาเผยแผโดยชาวสเปน และอเมริกาซึ่งเขามามีอํานาจปกครองเหนือฟิลิปปินสแ โดย นิกายโรมันคาทอลิกจะมีผูที่นับถือมากที่สุด ดวยความที่ฟิลิปปินสแเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือ ศาสนาครสิ ตแมากทีส่ ุดเปน็ อนั ดับตน ๆ ของโลก และเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต จึงทําให มีพระคาดนิ ัลดแ ซึ่งเป็นพระระดบั สงู ถึง 2 รูป ทานยังเป็นผูที่มีบทบาททางการเมืองในประเทศฟิลิปปินสแอีกดวย เหตุผลหลักที่ทําใหคน ฟิลิปปินสแนับถือศาสนาครสิ ตแนกิ ายโรมนั คาทอลิกมากกวานิกายโปเตสแตนตแนั้น เพราะผูที่นับถือนิกาย โรมันคาทอลิกจะไดรับการยกเวนภาษี และผลประโยชนแตาง ๆ จากรัฐ นับไดวาศาสนาคริสตแนั้นมี
88 ความสําคัญตอชาวฟิลิปปินสแเป็นอยางมาก เพราะไมเพียงแตจะเป็นหลักที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแลว ยัง สงผลใหไ ดรับความมนั่ คงในการดําเนินชีวติ อีกดวย (วรางคณา นิพทั ธแสขุ กิจ 2553 : 31) ศาสนาในประเทศบรูไน ประเทศบรูไนมผี นู ับถือศาสนาอสิ ลามนิกายซนุ นีรอยละ 67 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน รอยละ 13 นับถือศาสนาคริสตแรอยละ 10 นับถือศาสนาอื่น ๆ และไมมีศาสนารอยละ 10 เดิมน้ันคน บรูไนนับถือความเชื่อด้ังเดิม คือ เชื่อในสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ มีพิธีกรรมการบูชายัญตอสิ่งที่เหนือ ธรรมชาติดวยสัตวแที่มีชีวิต ตอมาศาสนาอิสลามไดเขามาเผยแผและกลายเป็นศาสนาประจําชาติใน ปใจจบุ นั แมวา จะมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจําชาติ แตประชาชนชาวบรูไนก็สามารถที่จะเลือกนับ ถือศาสนาไดอยางเสรี (ตลยา เทียนทอง 2557 : 22) ศาสนาอิสลาม : เขามาเผยแผและรุงเรืองอยูในประเทศบรูไนตั้งแตคริสตแศตวรรษที่ 15 พบวาสุลตานทุกพระองคแน้ันเป็นผูที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งสิ้น โดยเฉพาะพระองคแปใจจุบันทรงไดรับ การอภิบาลตามแบบอิสลามประเพณี ในสายตาและความรูสึกของประชาชนน้ัน พระองคแเป็นผูที่มี ความเครงครัดในศาสนาเปน็ อยางยิ่ง ทรงเป็นแบบอยางของประชาชนในการอุทิศตนเพื่อฮัลลอฮุ เชน การละหมาด การทําพธิ ีฮัจญแ ณ นครเมกะ ประเทศซาอดุ ิอาระเบียถึง 6 คร้ัง และสิ่งที่เป็นเคร่ืองยืนยัน ถึงพระราชศรัทธาของพระองคแตอศาสนาอิสลามอีกอยางหนึ่งคือ ในโอกาสงานเฉลิมฉลองการ ครองราชยแครบ 25 ปีนั้น พระองคแทรงมีพระดํารัสวา “พระองคแจะยึดม่ันในศาสนาอิสลาม ศาสนา อิสลามเป็นศาสนาประจําชาติ ประจําพระราชวงศแและประจําตระกูลของขาราชบริพาร อีกทั้งเป็น ศาสนาของประชาชนท่วั ไปอีกดวย” (ตลมนรรจแ บากา และชัยวัฒนแ มีสัณฐาน 2557 : 106-107) ศาสนาพุทธ : เริ่มเขามาเผยแผในประเทศบรูไนต้ังแตศตวรรษที่ 7 ซึ่งเป็นสมัยอาณาจักรศรี วิชัย จนถึงพทุ ธศตวรรษที่ 20 ก็แทบจะไมมีปรากฏใหเห็นวามีการนับถืออยู จนกระท่ังมีชาวจีนอพยพ เขามาสูดินแดนของประเทศบรูไนกไ็ ดมนี าํ พุทธศาสนานิกายมาหายานเขามาดวย จึงทําใหศาสนาพุทธมี ประชากรที่นับถือเพิ่มมากขึ้น ปใจจุบันก็มีท้ังชาวญี่ปุน ชาวไทย และอื่น ๆ เขาไปอาศัยอยู แมวา ประเทศนี้จะมีชาวพุทธเพียงรอยละ 13 เทานั้น แตก็สามารถสรางความหลากหลายทางวัฒนธรรม ของประเทศบรูไนไดเปน็ อยางดี (กรมการศาสนา 2555 : 30) ศาสนาในประเทศมาเลเซีย ประเทศมาเลเซียมีผูนับถือศาสนาอิสลามรอยละ 60 นับถือศาสนาพุทธรอยละ 19 นับถือ ศาสนาครสิ ตแรอยละ 12 นบั ถือศาสนาฮนิ ดูรอยละ 6.3 นับถือศาสนาขงจ๊ือและเตเารอยละ 1.3 นับถือ ศาสนาอ่นื ๆ รอยละ 2 และไมนับถือศาสนาใดเลยรอยละ 6.1 (วิกิพีเดีย 2560)(5)
89 ศาสนาอิสลาม : มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ใชศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจําชาติ รวมท้ังใชหลักอิสลามในการดําเนินชีวิตและพัฒนาประเทศจนกาวเขาเป็นประเทศที่พัฒนาแลว ทั้งนี้ เป็นเพราะประเทศมาเลเซียสวนใหญมีประชากรเป็นมุสลิม รัฐบาลจึงใหความสําคัญกับศาสนาอิสลาม เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชน (ศูนยแศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล 2560) ศาสนา อิสลามแผขยายเขามาในคาบสมุทรมาลายูคร้ังแรกผานพอคาชาวอาหรับและอินเดียที่เดินทางมา คาขายในคริสตแศตวรรษที่ 13 และไดกลายเป็นสวนหนึ่งสังคม รวมถึงปรากฏอยูในสถาปใตยกรรม อาหาร และวิถีชีวิตของชาวมาเลเซีย (สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน 2556) ปใจจุบันศาสนา อิสลามไดเขาไปมีบทบาทในการดําเนินชีวิตของชาวมาเลเซียทั้งใน ทางโลกและทางธรรม มี กระบวนการอิสลามภิวัตนแเกิดขึ้นต้ังแตปลายคริสตแศตวรรษที่ 19 จนถึงปใจจุบัน ศาสนาอิสลามจึงเป็น ศาสนาที่เปน็ ตัวชีว้ ัดสําคัญในทางการเมืองทีส่ ง ผลตอเสียงสนบั สนุนของรัฐบาลทีไ่ ดจากประชาชน อิสลามภิวัตนแ เป็นกระบวนการเคลื่อนไหวของศาสนาอิสลาม โดยมีวัตถุประสงคแใหเกิดการ สอนศาสนาอิสลาม ใหศาสนาอิสลามเขาไปอยูในการเมือง เศรษฐกิจ องคแกรทางสังคม ระบบ การศึกษา คุณคาทางศีลธรรม ตลอดจนทุกแงมุมของชีวิต อิสลามภิวัตนแจึงเป็นการสรางสังคมใหมที่ อทุ ิศใหกับหลกั คําสอนของศาสนาอสิ ลามนั่นเอง (แพร ศริ ิศักดิด์ ําเกิง 2557 : 138) ศาสนาพุทธ : จากหลักฐานทางประวัติศาสตรแ พุทธศาสนานิกายเถรวาทเขาสูมาเลเซีย ตั้งแตพ ทุ ธศตวรรษที่ 3 แตไมไดรับการนับถือเทาใดนัก ตอมาในพุทธศตวรรษที่ 12 พุทธศาสนานิกาย มหายานก็ไดเขามาเผยแผในมาเลเซีย แตความรุงเรืองของพุทธศาสนาแบบมหายานก็มีระยะเวลาที่ไม นานนัก เหตุเพราะวาเม่ือ พระเจาปรเมศวรแหงอาณาจักรมะละกา ทรงอภิเษกกับเจาหญิงแหงปาไซที่ เป็นมุสลิม พระองคแก็ไดละทิ้งศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธไปเขารีตศาสนาอิสลาม อีกท้ังตอมาใน รัชกาลของสุลตานมัลโซรแชาหแ พระองคแก็ทรงมีความเลื่อมใสในศาสนาอิสลาม จึงทําใหราษฎรเขารีต ศาสนาอิสลามตามพระองคแดวย แตเน่ืองจากยังมีชาวไทยและชาวจีนที่อาศัยอยูในมาเลเซียทางเหนือ คือ รัฐเกดะหแ กลันตัน และปะลิสมาเป็นเวลานาน ตางก็ไดพยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาใหมีความ เจริญข้ึน ซึ่งชาวจีนไดใหการสนบั สนุนทางการเงินดวย การเผยแผศาสนาพุทธในประเทศมาเลเซียน้ันมกั จะมอี ุปสรรค เพราะวาในประเทศมาเลเซียมี สภาการศาสนาชาวมุสลิม (Muslim Religious Council) ที่คอยบริหาร และดูแลผลประโยชนแของชาว มุสลิม ฉะนั้น การจะเผยแผและชักจูงใหชาวมาลายูหันมานับถือศาสนาพุทธนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทําไดยาก มาก แมจะมีการเรียกรองจากศาสนาตาง ๆ ใหแตละศาสนาไดมีอํานาจปกครองตนเองเหมือนใน ประเทศไทย แตก็ถูกปฏิเสธจากทางภาครัฐของมาเลเซีย ซึ่งในมาเลเซียนั้นพระสงฆแไมสามารถ บิณฑบาตได เพราะขัดกับกฎหมายของมาเลเซีย ปใจจุบันคนที่นับถือศาสนาพุทธจึงมีเฉพาะคนที่มีเชื้อ สายจีน ลังกา พมา และไทย สวนวัดในทางพุทธศาสนานั้นก็มีทั้งวัดไทย วัดพมา วัดลังกา และวัด จนี กระจายอยูในเขตที่มชี าวพุทธอาศัยอยู วัดไทยที่สําคัญเชน วัดเชตวันในกรุงกัวลาลัมเปอรแ วัดนี้เป็น
90 ความรวมมือของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย สรางตามแบบของสถาปใตยกรรมไทยที่มีความ สวยงามเป็นอยางมาก วัดไชยมังคลารามในเมืองปีนัง วัดนี้ประดิษฐานพระพุทธไสยาสนแ และวิหาร พระพทุ ธเจดียแ (วิกิพีเดีย 2560)(6) ศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู : เชื่อวาเขามาสูดินแดนมาเลเซียนานแลว คนที่นับศาสนาฮินดู โดยมากจะเปน็ ชาวอินเดียเช้ือสายทมิฬ ในมาเลเซียนั้นมีวัดพราหมณแอยูหลายวัด แตวัดที่ถือวาสําคัญ และเป็นศูนยแรวมศรัทธาของชาวฮินดูคือ “วัดถ้ําบาตู” ต้ังอยูหางไปทางตอนเหนือของเมือง กวั ลาลัมเปอรแประมาณ 14 กิโลเมตร ศาสนาในประเทศติมอรเ์ ลสเต ประเทศติมอรแเลสเต มีชื่อเต็มวา สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอรแเลสเต (The Democratic Republic of Timor-Leste) ตั้งอยูทางตะวันออกของหมูเกาะอินโดนีเซีย มีพื้นที่ 15,007 ตาราง กิโลเมตร จากการสํารวจเม่ือปี พ.ศ. 2557 พบวามีประชากร 1,201,542 คน เดิมน้ันติมอรแเลสเตเคย ตกอยูภายใตอาณานิคมของโปรตุเกสมาต้ังแตปี พ.ศ. 2063 หลังจากโปรตุเกสไดถอนกําลังออกไปใน ปี พ.ศ. 2518 ทางการอินโดนีเซียก็ไดเขามามีอํานาจปกครองเหนือติมอรแเลสเต ตอมาในวันที่ 30 สิงหาคม 2542 ทางการอินโดนีเซียไดจัดใหมีการลงประชามติวาติมอรแเลสเตจะแยกเป็นเอกราชจาก อินโดนีเซียหรือไม ผลปรากฏวาประชากรรอยละ 80 อยากแยกตัวออกจากอินโดนีเซีย แตก็มี บางสวนที่ไมยินยอม ซึ่งโดยมากเป็นกลุมที่นิยมอินโดนีเซีย จึงไดกอการจลาจลขึ้น ทําให สหประชาชาติตอ งสง กองกําลงั เขาไปรักษาสนั ติภาพในติมอรแเลสเต ในที่สุดติมอรแเลสเตก็ไดรับเอกราช จากอินโดนีเซียในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 (สถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตรแ 2560) ประชากรสวนใหญของประเทศติมอรแเลสเตนับถือศาสนาคริสตแ โดยแบงเป็นศาสนาคริสตแ นิกายโรมันคาทอลิกรอยละ 96.5 ศาสนาคริสตแนิกายโปรเตสแตนตแรอยละ 2.2 นับถือศาสนาดั้งเดิม คือผีหรอื ไสยศาสตรแรอ ยละ 2.2 นบั ถือศาสนาอสิ ลามรอยละ 0.3 นบั ถือศาสนาพุทธรอยละ 0.06 นับ ถือศาสนาพราหมณแ-ฮินดูรอยละ 0.02 และนับถือศาสนาอื่น ๆ รอยละ 0.08 (วิกิพีเดีย 2560)(7) แมว าในปจใ จบุ นั ประชากรสวนใหญของประเทศจะนับถือศาสนาคริสตแ แตรัฐธรรมนูญก็ไมได ระบุใหศาสนาใดศาสนาหนึ่งเปน็ ศาสนาประจาํ ชาติ และศาสนาด้ังเดิมของติมอรแเลสเตก็ยังมีอิทธิพลตอ ความเชื่อและการดําเนินชีวิตของคนในประเทศนี้อยูไมนอย ดูไดจากตํานานกําเนิดเกาะติมอรแเลสเตที่ กลาวไววา มีเด็กชายคนหน่งึ ไปพบกบั ไขของจระเข และเม่ือไขไดฟใกตัวออกมาท้ังคูก็ไดกลายเป็นเพื่อน รักกัน ตอมาจระเขไดตายไปกอนและกลายมาเป็นเกาะติมอรแเลสเตในปใจจุบัน ดวยเหตุนี้คนติมอรแ เลสเตจงึ ใหความเคารพในจระเขมาก เพราะเชอ่ื เป็นผูใหกําเนิดประเทศของพวกเขา (พรชัย สุจิต 2557 : 13)
91 สําหรับศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิกที่ชาวติมอรแเลสเตนับถือเป็นอันดับหนึ่งนั้น เขามาสู ติมอรแเลสเตต้ังแตคริสตแศตวรรษที่ 16 และเม่ือ ค.ศ. 1975 ที่เกิดเหตุการณแที่ทางการอินโดนีเซียไดสง กองกําลังเขาไปยึดครองดินแดนของติมอรแเลสเต ศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิกก็ไดมีบทบาทเป็น อยางมากในการเป็นแกนนําตอตานอํานาจของอินโดนีเซีย ทําใหชาวติมอรแเลสเตหันเขามานับถือ ศาสนาครสิ ตแมากขึ้นดว ย (สิทธา เลิศไพบูลยแศิริ และ อรพรณ ลีนะนิธิกุล 2555 : 17) ศาสนาในประเทศไทย จากการสํารวจเม่อื ปี พ.ศ. 2557 ประชากรในประเทศไทยนับถือศาสนาพุทธรอยละ 94.5 นับถือศาสนาอิสลามรอยละ 4.2 นับถือศาสนาคริสตแรอยละ 1.1 และนับถือศาสนาอื่น ๆ รอยละ 0.1 โดยสัดสวนของการนับถือศาสนาตาง ๆ ในแตละภาคคิดเป็นรอยละแลวพบวา ศาสนาพุทธมีผูนับถือ มากที่สุดในภาคกลาง ศาสนาคริสตแมีผูนับถือมากที่สุดในภาคเหนือ สวนศาสนาอิสลามน้ันมีผูนับถือ มากทีส่ ดุ ในภาคใตของประเทศไทย ศาสนาอิสลาม : ชาวมุสลิมเป็นประชากรขนาดใหญที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประเทศไทย ใน บริเวณสีจ่ ังหวัดชายแดนภาคใต ไดแก จังหวดั ปใตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล ตลอดจนบางสวนของ จังหวัดสงขลาและชุมพร ประชากรมุสลิมในไทยมีความหลากหลายและมีวัฒนธรรมที่แตกตางกัน โดยมีกลุมเช้ือชาติอพยพเขามาจากจีน ปากีสถาน กมั พูชา บังกลาเทศ มาเลเซีย และอนิ โดนีเซีย ศาสนาคริสต์ : ถูกนําเขามาเผยแผโดยมิชชันนารีชาวยุโรปต้ังแตสมัย อาณาจักร อยุธยา ประมาณคริสตแทศวรรษ 1550 (พ.ศ. 2093) ศาสนาคริสตแมีบทบาทสําคัญในการพัฒนา ประเทศใหทันสมัย โดยเฉพาะอยางยิ่งในสถาบันสังคม การศึกษา สาธารณสุข และเทคโนโลยี ปใจจุบันประเทศไทยมีองคแกรคริสตจักรที่กรมการศาสนารับรองอยู 5 องคแกร ไดแก สภาประมุขแหง บาทหลวงโรมันคาทอลิกแหง ประเทศไทย สภาคริสตจักรในประเทศไทย สหกิจคริสเตียนแหงประเทศไทย มูลนิธิคริสตจักรคณะแบ฿บติสตแ และ มูลนิธิครสิ ตจักรวันเสารแแหง ประเทศไทย คริสตแศาสนิกชนสวนใหญอาศัยอยูตามภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ทวั่ ทกุ จังหวดั ในประเทศไทย ปใจจบุ นั มีจาํ นวนคริสตศแ าสนิกชนรวมกันราว 820,000 คน (อันดับที่ 3 ใน ประเทศไทย) ศาสนสถานรวมกันราว 5,500 แหงท่ัวประเทศ ประกอบดวย 2 นิกาย ไดแก โปรเตสแตนตแ และโรมันคาทอลิกสวนนิกายอีสเทิรแนออรแทอดอกซแ ปกครองโดยมูลนิธิชาว คริสตศแ าสนิกชนดง้ั เดิมออรแโธดอ็ กซแในประเทศไทย (วิกิพีเดีย 2560)(8) ศาสนาพุทธ : นิกายเถรวาทเขาสูดินแดนสุวรรณภูมิราว พ.ศ. 236 โดยสมณะทูตชาวอิน เดียวคือพระโสณะและพระอุตตระไดนําเขามาเผยแผ ซึ่งไดรับความอุปถัมภแจากพระเจาอโศกมหาราช ในยุคนีเ้ ช่อื วาเป็นยุคสมัยทวารวดี ในสมยั อาณาจักรอายลาว บรรพชนไทยซึ่งเคยอาศัยอยูในลุมแมน้ํา
92 แยงซีเกียง เม่ืออพยพเขามาสูดินแดนไทยในปใจจุบันก็ไดนําเอาพุทธศาสนานิกายมหายานแบบอินเดีย เขามา ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัยซึ่งอยูในชวงศตวรรษที่ 12-13 พบวากษัตริยแศรีวิชัยทรงมีพระราช ศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอยางมาก ในสมัยนี้พบพุทธสถานที่สําคัญ ๆ ไดแก เจดียแพระบรมธาตุไช ยา เจดียแโบโรพุทโธ รูปหลอพระโพธิสัตวแอวโลกิเตศวร รวมถึงหลักฐานทางโบราณคดีอื่น ๆ อีก จาํ นวนมาก ซึ่งพบกระจายอยูท่ัวไปในดินแดนสวุ รรณภูมิ ในสมัยลพบรุ ี ซึง่ ตรงกบั พทุ ธศตวรรษที่ 15 พบวากมั พชู าเรืองอํานาจและแผขยายอิทธิพลไป ยังสวนตา ง ๆ ของสวุ รรณภูมิซึง่ รวมถึงประเทศไทยดวย กษัตริยแกัมพูชาสมัยนี้มีการนับถือศาสนาพุทธ นิกายมหายานผสมกับศาสนาพราหมณแ อีกท้ังยังมีพุทธศาสนาแบบเถรวาทแบบด้ังเดิมอยูดวย สําหรับศาสนสถานที่เป็นที่ประจักษแพยานใหไดศึกษาถึงความเป็นมาแหงพระพุทธศาสนาในประเทศ ไทยคร้ังนั้น ไดแกพระปรางคแสามยอดที่จังหวัดลพบุรี ปราสาทหินพิมาย ที่จังหวัดนครราชสีมา และ ปราสาทหินเขาพนมรุงที่จังหวัดบุรีรัมยแ เป็นตน สวนพระพุทธรูปที่สรางในสมัยนั้นถือเป็นศิลปะอยูใน กลุมศิลปะสมัยลพบรุ ี สมัยกรุงสุโขทัย ภายหลังจากที่ขอม หรือกัมพูชาเสื่อมอํานาจลง ไทยก็ไดต้ังตัวออกเป็น อิสระ และไดตั้งอาณาจักรขึ้น 2 อาณาจักร คือ อาณาจักรสุโขทัย และอาณาจักรลานนา ซึ่งสมัย อาณาจักรสโุ ขทัยน้ัน พอ ขุนรามคําแหงทรงสดับกิตติศัพทแของพระสงฆแลังกา จึงทรงอาราธนาพระมหา เถระสังฆราช ซึ่งเป็นพระเถระชาวลังกาที่มาเผยแผศาสนาอยูที่ นครศรีธรรมราชมาเผยแผ พระพุทธศาสนาในกรงุ สุโขทยั พระพทุ ธศาสนาแบบลงั กาวงศแไดเขามาเผยแผในประเทศไทย ถึง 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ในสมยั พอขนุ รามคําแหงมหาราช และครั้งที่ 2 ในสมัยพระยาลิไท ในยุคนี้พระพุทธศาสนา เจริญรงุ เรอื งมาก ศลิ ปะสมยั สุโขทัยไดรับการกลาวขานวางดงามโดยเฉพาะพระพทุ ธรปู สมัยสุโขทัยนั้น มีลักษณะงดงาม ไมมีศลิ ปะสมัยใดเหมือน สมัยลานนา หลังจากที่พญามังรายไดสรางเมืองสําเร็จแลว พระองคแซึ่งมีพระราชศรัทธาใน พระศาสนาเป็นอยางมาก พระองคแทรงไดสรางวัดและทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาใหมีความ เจริญรุงเรือง สมัยพระเจาติโลกราชแหงเชียงใหมไดทรงจัดใหมีการทําสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นเป็น ครั้งแรกในดินแดนสยาม ที่วัดมหาโพธาราม (วัดเจ็ดยอด) เม่ือ ปี พ.ศ. 2020 ในสมัยลานนา ไดเกิดมี พระเถระนักปราชญแชาวลานนาหลายรูป ทานเหลานั้นไดรจนาคัมภีรแสําคัญทางพระพุทธศาสนาไว เป็นจํานวนมาก ไดแก พระสิริมังคลาจารยแ พระญาณกิตติเถระ พระรัตนปใญญา พระโพธิรังษี พระนนั ทาจารยแ และพระสวุ รรณรังสี สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธศาสนาในยุคนี้ไดประสมประสานกับความเชื่อทางศาสนา พราหมณแ กษัตริยแและประชาชนมีความศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอยางมาก มีการสรางวัดและศาสน สถานทางพุทธศาสนาขึน้ หลายแหง แตเ นือ่ งจากในยุคนี้ไทยตองทําสงครามกับพมาอยูบอยคร้ัง จึงทํา ใหมีผลกระทบตอพระพุทธศาสนาอยูไมนอย แตก็ไมอาจําทําใหคนไทยคลายความศรัทธาในพุทธ
93 ศาสนาลงได โดยพบวาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงปกครองบานเมืองดวยความสงบ รมเย็น ทรงทํานุบาํ รุงพระพทุ ธศาสนา ทรงออกผนวชเป็นเวลา 8 เดือน เม่ือ พ.ศ. 1998 และทรงให พระราชโอรสกับพระราชนัดดาผนวชเปน็ สามเณรดวย ซึ่งสนั นิษฐานวาเป็นการเริ่มตนของประเพณีการ บวชเรยี นของเจานายและขาราชการ ในรัชสมัยของพระองคแยังไดมีการรจนาหนังสือมหาชาติคําหลวง ใน พ.ศ. 2025 ในสมัยตอมา ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2031 – 2173 พบวากษัตริยแและประชาชนนิยมสรางวัดประจํา ตระกูลขึ้นมาก สมัยพระเจาทรงธรรมทรงโปรดใหราชบัณฑิตรจนาพระมหาชาติขึ้นดวย ในสมัยของ สมเดจ็ พระนารายณแมหาราช พระองคแทรงมบี ทบาทอยางมากทั้งตอฝุายอาณาจักรและศาสนจักร ทรง สงเสริมพระพุทธศาสนาอยางแรงกลา สมัยนี้ฝรั่งเศสไดเขามาติดตอกับไทย และไดพยายามเผยแผ คริสตแศาสนา และทูลขอใหพระนารายณแเขารีต แตพระองคแทรงม่ันคงในพระพุทธศาสนาสมัยพระเจา บรมโกศนนั้ ทรงมพี ระศรทั ธาในพทุ ธศาสนามาก ทรงกาํ หนดวา ผทู ี่จะเขาเปน็ ขาราชการในพระองคแน้ัน จะตองผา นการบวชเรียนมา กอนเทานั้น ในสมัยนี้พุทธศาสนาในลังกาเกิดปใญหา พระองคแทรงสงพระภิกษุเขาไปเผยแผศาสนาจน ทําใหพุทธศาสนาในลังกาเจริญรุงเรืองอีกคร้ัง จึงเป็นที่มาของพุทธศาสนานิกายสยามวงศแในประเทศ ลังกา ซึ่งยงั คงมีอยูจนถึงปจใ จบุ ันนี้ ในสมัยกรุงธนบุรี พระพุทธศาสนามีความเสื่อมโทรมเป็นอยางมาก เน่ืองจากไทยตองเสียกรุง ศรอี ยธุ ยาใหกับพมา ทําใหบานเมือง รวมทั้งศาสนสถานถูกทําลาย หลังจากที่พระเจาตากสินทรงกอบ กูเอกราชแลว ก็ไดยายเมืองหลวงไปต้ังยังกรุงธนบุรี พระองคแทรงฟื้นฟูพุทธศาสนา อีกท้ังยังมีการ กาํ จัดภิกษุอลชั ชีออกไปเป็นจํานวนมาก สมัยกรุงรัตนโกสินทรแ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูาจุฬาโลกทรงขึ้นครองราชยแ กท็ รงยายเมอื งหลวงจากธนบุรีมาเปน็ กรุงรตั นโกสินทรแ ในสมัยนี้เริ่มมีการสรางเมืองหลวงใหม รวมทั้ง มีการฟื้นฟพู ระพทุ ธศาสนาใหก ลบั มามีความเจรญิ รุงเรอื งอกี ครั้ง ซึ่งพระราชกรณียกิจในแตละรัชกาล ทีเ่ กีย่ วกบั พุทธศาสนานั้นมีโดยสรปุ ดังน้ี รัชกาลที่ 1 ทรงสรางและปฏิสังขรณแวัดตาง ๆ เชน การสรางวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัด สุทัศนแเทพ วราราม วัดสระเกศ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นตน โปรดใหมีการสังคายนา พระไตรปิฎกครั้งที่ 9 และถือเปน็ คร้ังที่ 2 ในดินแดนประเทศไทยปใจจุบัน ณ วัดมหาธาตุ ทรงสถาปนา สมเด็จพระสังฆราชองคแแรกของกรุงรัตนโกสินทรแ โดยสถาปนาพระสังฆราช (ศรี) เป็นสมเด็จ พระสังฆราช เมือ่ ปี พ.ศ. 2352 รัชกาลที่ 2 ทรงทาํ นุบาํ รุงสง เสริมพระพทุ ธศาสนาเหมือนอยางพระมหากษัตรยิ แไทยแตโบราณ ในรัชสมัยของพระองคแไดทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชถึง 3 พระองคแ คือ สมเด็จพระสังฆราช (มี) , สมเด็จพระสังฆราช (สุก) , และสมเด็จพระสังฆราช (สอน) ทรงจัดสงสมณทูต 8 รูป ไปฟื้นฟู
94 พระพุทธศาสนาในประเทศลังกา ไดจัดใหมีการจัดงานวันวิสาขบูชาขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยกรุง รตั นโกสินทรแ เมอ่ื พ.ศ. 2360 รัชกาลที่ 3 โปรดใหมกี ารสรา งพระไตรปิฎกฉบบั หลวงเพิม่ จํานวนขึ้นไวอีกหลายฉบับครบถวน กวารชั กาลกอน ๆ โปรดใหแปลพระไตรปิฎกเปน็ ภาษาไทย ทรงบรู ณปฏิสังขรณแวัดวาอารามหลายแหง และสรางวัดใหม คือ วัดเทพธิดาราม วัดราชราชนัดดา และวัดเฉลิมพระเกียรติ ในสมัยนี้ก็เกิดคณะ สงฆแธรรมยุติกายขึน้ รัชกาลที่ 4 เม่ือทรงเป็นเจาฟูามงกุฎไดผนวช 27 พรรษา แลวไดลาสิกขาขึ้นครองราชยแเม่ือ พระชนมายุ 57 พรรษา ใน พ.ศ. 2394 ดานการพระศาสนา ทรงพระราชศรัทธาสรางวัดใหมขึ้นหลาย วดั เชน วัดปทุมวนาราม วดั โสมนัสวิหาร วัดมกฏุ กษตั รยิ าราม วดั ราชประดิษฐแสถิตมหาสีมาราม และ วัดราชบพิธ เป็นตน ตลอดจนบูรณะวัดตาง ๆ อีกมาก โปรดใหมีพระราชพิธี \"มาฆบูชา\" ขึ้นเป็นคร้ัง แรก ใน พ.ศ. 2394 ณ ทีว่ ัดพระศรีรัตนศาสดาราม รัชกาลที่ 5 ทรงสรางวัดใหมขึ้น คือ วัดราชบพิตร วัดเทพศิรินทราวาส วัดเบญจม บพิตร วัดอัษฎางนิมิตร วัดจุฑาทิศราชธรรมสภา และวัดนิเวศนแธรรมประวัติ ทรงบูรณะวัดมหาธาตุ และวดั อื่น ๆ อีก ทรงนพิ นธแวรรณกรรมทางพุทธศาสนาจํานวนมาก ยุคนี้มีการสรางมหาวิทยาลัยทาง พทุ ธศาสนาขึน้ 2 แหง คอื มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั และมหามกุฎราชวิทยาลยั รัชกาลที่ 6 ทรงพระปรีชาปราดเปร่ืองในความรูทางพระศาสนามาก ทรงนิพนธแหนังสือแสดง คําสอนในพระพุทธศาสนาหลายเร่ือง เชน เทศนาเสือปุา พระพุทธเจาตรัสรูอะไร เป็นตน ถึงกับทรง อบรมส่ังสอนขา ราชการดวยพระองคแเอง รัชกาลที่ 7 โปรดใหมีการทําสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้น ต้ังแต พ.ศ. 2468 - 2473 เพื่อถวาย เป็นพระราชกุศลแดพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นการสังคายนาครั้งที่ 3 ใน เมืองไทย แลวทรงจัดใหพิมพแพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ชุดละ 45 เลม จํานวน 1,500 ชุด และ พระราชทานแกประเทศตาง ๆ ประมาณ 500 ชุด และทรงใหมีหลักสูตรธรรมศกึ ษาขึ้น รัชกาลที่ 8 ไดมีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย แบงเป็น 2 ประเภท คือ 1. พระไตรปิฎก แปลโดยอรรถ พิมพแเป็นเลมสมุด 80 เลม เรียกวาพระไตรปิฎกภาษาไทย แตไมเสร็จสมบูรณแ และได ทําตอจนเสร็จเม่ืองานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เม่ือปี พ.ศ. 2500 2. พระไตรปิฎก แปลโดยสํานวน เทศนา พิมพแใบลาน แบงเป็น 1250 กัณฑแ เรียกวา พระไตรปิฎกฉบบั หลวง เสรจ็ เมือ่ พ.ศ. 2492 รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นศาสนูปถัมภก ทรงใหการ อุปถัมภแแกทุกศาสนา ทรงสรางวัดแหงหนึ่งที่จังหวัดชลบุรี และทรงปกครองบานเมืองโดยสงบรมเย็น ตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยแทรงเป็นประมุข ในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 ทรงสงเสริมพุทธ ศาสนาดานตาง ๆ มากมาย ปใจจุบันในประเทศไทยมีประชากรไทยนับถือพุทธศาสนามากกวารอยละ
95 94 และมีพุทธศาสนิกชนมากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากประเทศจีน ญี่ปุน และเวียดนามตามลําดับ (วิกิพีเดีย 2560)(9) แบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 4 1. ขอ ใดไมใชความหมาของคาํ วา Religion ที่ใชใ นภาษาอังกฤษ ? ก. คําสั่งสอน ข. การอุทิศตนเพื่อพระผูเปน็ เจา ค. ความสมั พนั ธแทางวิญญาณของมนษุ ยแกบั พระเจา ง. การมอบวิญญาณแดผูเปน็ เจา 2. ขอ ใดกลาวผดิ เกีย่ วกบั คัมภรี แทีบ่ รรจคุ ําสอนของศาสนาตาง ๆ ทีม่ นี บั ถือกนั ในประเทศอาเซียน ? ก. พทุ ธ คือ พระไตรปิฎก ข. อิสลาม คือ อัลกุรอาน ค. คริสตแ คือ คัมภรี แไบเบิล ง. พราหมณแ คือ พระเวช 3. ขอใดกลาวผดิ เกี่ยวกบั ศาสดา หรอื ผกู อตั้งศาสนาที่นบั ถือกนั ในกลุมของประเทศอาเซียน ? ก. คริสตแ คือ พระยโฮวาหแ ข. อิสลาม คือ พระมะหะหมัด ค. พุทธ คอื พระพุทธเจา ง. เตเา คือ เลาจ้ือ 4. ปจใ จุบนั ศาสนาที่ไมนบั ถือพระเจา หรอื ไมเช่อื วาพระเจา เปน็ ผูสรา งและคอยบันดาลส่ิงตา ง ๆ ? ก. ศาสนาครสิ ตแ และศาสนายิว ข. ศาสนาอสิ ลาม และศาสนาเชน ค. ศาสนาพทุ ธ และศาสนาเชน ง. ศาสนาพราหมณแ และศาสนาพทุ ธ 5. ประเทศใดบางในภูมภิ าคอาเซียนที่บญั ญตั ิใหพ ุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจําชาติ ? ก. ไทย ลาว เวียดนาม ข. ลาว ไทย พมา ค. ลาว กมั พูชา พมา ง. ลาว ไทย กัมพูชา 6. ประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใตทีบ่ ัญญตั ิใหศาสนาอสิ ลามเป็นศาสนาประจําชาติ ? ก. บรูไน ข. อินโดนีเซีย ค. ฟิลิปปินสแ ง. มาเลเซีย 7. ตราประเทศของอินโดนีเซียคืออะไร และมีทีม่ าจากความเชอ่ื ในศาสนาใด ? ก. พญาครฑุ ปใญจศลี จากศาสนาพราหมณแ ข. ดวงดาวและพระจันทรแเสีย้ ว จากศาสนาอิสลาม ค. ดอกบัว จากศาสนาคริสตแ ง. พระครุฑพาหแ จากศาสนาพทุ ธ
96 8. ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จไปนมัสการพระมหาเจดียแชเวดากองทีเ่ มอื งยางกุงในปี พ.ศ.ใด ? ก. พ.ศ. 2503 ข. พ.ศ. 2505 ค. พ.ศ. 2507 ง. พ.ศ. 2509 9. พระพุทธศาสนาในประเทศใดในกลุมประเทศอาเซียนที่มีสมเด็จพระสังฆราช 2 องคแปกครองพรอม กัน ? ก. ลาว ข. ไทย ค. กัมพูชา ง. พมา 10. ประชากรสวนใหญของประเทศเวียดนามนบั ถือศาสนาใด ? ก. คริสตแ ข. อิสลาม ค. ขงจ้อื ง. พุทธ 11. ความรทู างศาสนาใดที่เคยนํามาเป็นขอสอบเพื่อคัดเลือกบุคคลเขารับราชการในประเทศเวียดนาม ตั้งแตป ี ค.ศ. 1076 – 1919 ? ก. ศาสนาเตาเ ข. ศาสนาครสิ ตแ ค. ศาสนาขงจอื้ ง. ศาสนาพุทธ 12. สุลตา นของประเทศใดที่ไดรับการอภบิ าลแบบอิสลามประเพณี ? ก. มาเลเซีย ข. บรไู น ค. อนิ โดนีเซีย ง. ติมอรแเลสเต 13. กษัตริยแพระองคแใดในสมัยกรุงสุโขทัย ที่ไดนิมนตแพระเถระสายลังกาจากเมืองนครศรีธรรมราชมา เผยแผพระพุทธศาสนาทีก่ รงุ สุโขทยั ? ก. พอขุนศรีอนิ ทราทิตยแ ข. พอขนุ รามคาํ แหง ค. พอขุนบาลเมอื ง ง. พระยาลิไทย 14. ประชากรสวนใหญของประเทศสิงคโปรแนบั ถือศาสนาใด ? ก. ศาสนาครสิ ตแ ข. ศาสนาพุทธ ค. ศาสนาอสิ ลาม ง. ศาสนาฮนิ ดู 15. วดั ถ้าํ บาตูในประเทศมาเลเซียเปน็ ศูนยแรวมของศาสนิกในศาสนาใด ? ก. อิสลาม ข. พราหมณแ-ฮินดู ค. พทุ ธ ง. คริสตแ 16. ขอใดกลาวผดิ เกีย่ วกบั นตั ในความเช่อื ของชาวพมา ? ก. เป็นวิญญาณกึง่ ผีกึง่ เทพ ข. เป็นวิญญาณทีต่ ายรายแรง ค. เชอ่ื วาจะคอยคุมครองคนที่บูชา ง. เป็นวิญญาณทีเ่ กิดจากการปฏิบตั ิธรรม
97 17. ขอใดกลาวผดิ เกี่ยวกับการนบั ถือศาสนาของกลุมชาติพนั ธแตา ง ๆ ทีอ่ าศัยอยูในประเทศสิงคโปรแ ? ก. กลุมชาติพนั ธุแจนี สวนมากนับถือศาสนาพุทธ ข. กลุมชาติพนั ธแอินเดียโดยมากนับถือศาสนาฮนิ ดู ค. กลุมชาติพนั ธุแมาลายูสวนมากนบั ถือศาสนาอิสลาม ง. กลุมชาติพนั ธุแตะวันตกสวนมากนับถือศาสนาครสิ ตแ 18. เปน็ ที่ทราบกนั วาประเทศฟิลิปปินสแมีประชากรสวนใหญนับถือศาสนาคริสตแ ซึ่งถือวาเป็นอันดับตน ๆ ของโลก อยากทราบวาในฟิลิปปินสแมีพระคาดนิ ัลดแอยูจาํ นวนกีท่ าน ? ก. 2 ทาน ข. 3 ทาน ค. 4 ทาน ง. 7 ทาน 19. พุทธสถานบโู รพทุ โธ (โบโรบดุ ูรแ) ตง้ั อยูในประเทศใด ? ก. เวียดนาม ข. อินโดนีเซีย ค. ไทย ง. พมา 20. กลุมชาติพันธแใดในพมาทีน่ ับถือศาสนาอสิ ลาม ? ก. ไทยใหญ และกะเหร่ยี ง ข. มอญ และมเู ซอ ค. โรฮิงญา และปในทาย ง. ญวน และมง 21. กษัตรยิ แพระองคแใดในอินเดียที่ไดสงสมณะทูตเขามาเผยแผพทุ ธศาสนายังดนิ แดนสุวรณภูมิ ? ก. พระเจา อชาติศรัตรู ข. พระเจา ปเสนทิโกศล ค. พระเจาอโศกมหาราช ง. พระเจา พิมพิสาร 22. กระแสอสิ ลามภิวตั นเแ กิดข้ึนในประเทศใด ? ก. อินโดนีเซีย ข. บรไู น ค. ไทย ง. มาเลเซีย 23. วัดพระศรรี ัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังสรางข้ึนในสมัยรัชกาลใด ? ก. รัชกาลที่ 1 ข. รัชกาลที่ 2 ค. รชั กาลที่ 4 ง. รัชกาลที่ 7 24. พระมหากษตั รยิ แไทยพระองคแใดเคยอปุ สมบทอยูในบวรพทุ ธศาสนาถึง 27 ปี ? ก. สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ข. สมเดจ็ พระเจา อยูหวั บรมโกศ ค. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว ง. สมเด็จพระเจา ทรงธรรม 25. ประเทศใดในอาเซียนที่ใหค วามเคารพในจระเข เพราะเช่อื วาจระเขเป็นตนกําเนิดประเทศของตน ? ก. ติมอรแเลสเต ข. ฟิลิปปินสแ ค.. เวียดนาม ง. สิงคโปรแ --------------------------------------
98 บรรณานุกรม กฎชนก สขุ สถิต. (2555). สงั คม วฒั นธรรม ประชาคมอาเซียน 10 ชาติ. กรุงเทพฯ : แสดงดาว. กรมการศาสนา. (2555). ศาสนาในอาเซียน. กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา. กรมประชาสัมพันธแ (2017) ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย. เขาถึงเม่ือ 26 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=2850&filename=index. กานตแ จอมอินตา. (2557). ธรรมาภิวัตน์ : เหลียวดูพุทธศาสนาใน 'เวียดนาม'.เขาถึงเม่ือ 28 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9570000061564. คนู โทขันธแ. (2537). ศาสนาเปรียบเทยี บ. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร.แ ณรงคแ โพธิ์พฤกษนนั ทแ. (2556). อาเซียนศึกษา. กรงุ เทพฯ : แมคกรอ-ฮิล. ดนัย ไชโยธา. (2557). อาเซียนศึกษา. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร.แ ตลมนรรจแ บากา และชยั วฒั นแ มีสนั ฐาน. (2557). ประวตั ิศาสตรบ์ รูไน. กรงุ เทพฯ : มูลนิธิโครงการตาํ ราสงั คมศาสตรแและมนุษยศาสตร.แ ตลยา เทียนทอง. (2557). บรไู น. กรุงเทพฯ : นานมบี ุ฿คสแพบั ลิเคช่นั ส.แ ธีรภพ โลหติ กุล. (2557). หรรษาอาเซียน. กรงุ เทพฯ : มตชิ น. บานจอมยทุ ธ. (2543). สาระความรู้ ข้อมลู อาเซียน. เขาถึงเมอ่ื 25 กรกฎาคม 2560 จาก https://www.baanjomyut.com/library_2/asean_community/philippines/01.htm. ฝาุ ยวิชาการเจเนซีส มีเดียคอม (ม.ป.ป.). หนังสือหนึง่ ในประชาคมอาเซียน ชดุ ประเทศลาว. กรุงเทพฯ : เจเนซีส มีเดียมคอม จาํ กดั . ฝาุ ยวิชาการเจเนซีส มีเดียคอม (ม.ป.ป.). หนงั สือหนึง่ ในประชาคมอาเซียน ชดุ ประเทศอินโดนเี ซีย. กรงุ เทพฯ : เจเนซีส มีเดียมคอม จาํ กัด. พรชยั สุจิตตแ. (2557). แนะนําประเทศติมอร์เลสเต. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ. พวงพิจ คาํ ปใงสแุ. (2555). ลาวและกมั พูชา. กรงุ เทพฯ : หนา ตางสโู ลกกวาง. แพร ศิรศิ กั ดิ์ดาํ เกิง. (2557). อิสลามภิวตั น์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม : เปรียบเทียบมาเลเซีย และไทย. กรงุ เทพฯ : เอส.เอม.เซอรแคทิ เพรส จํากดั . ฟืน้ ดอกบวั . (2554). ประวัติพทุ ธศาสนาในนานาประเทศ. กรงุ เทพฯ : หจก.เมด็ ทรายพรนิ้ ตงิ้ . มนตแ ทองชัย. (2530). 4 ศาสนาสําคัญของโลกยุคปัจจบุ นั . กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริน้ ตงิ้ .เฮกสแ. รฐั กบั สังคมมุสลมิ ในอินโดนีเซีย. (2550). รฐั กับสงั คมมุสลิมในอินโดนีเซีย. จุลสารความมั่นคงศึกษา , 5-37.
99 รุงโรจนแ ธรรมรุงเรือง และ ศานติ ภักดีคํา. (2557). ศิลปะเขมร. กรุงเทพฯ : มตชิ น. วิกิพีเดีย. (2559).(1) ศาสนาพุทธในประเทศอินโดนเี ซีย. เขาถึงเม่อื 20 กรกฎาคม 2560. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพุทธในประเทศอนิ โดนีเซีย. วิกิพีเดีย. (2560).(2) ศาสนาฮนิ ดูแบบบาหลี. เขาถึงเม่อื 26 กรกาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาฮินดแู บบบาหลี. วิกิพีเดีย.(2560).(3) ศาสนาพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปร์. เขาถึงเม่อื 20 กรกฎาคม 2560. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพุทธในประเทศสิงคโปรแ. วิกิพีเดีย. (2559).(4) ศาสนาพทุ ธในประเทศฟิลิปปินส.์ เขาถึงเม่อื 25 กรกฎาคม 2560. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพุทธในประเทศฟิลิปปินสแ. วิกิพีเดีย. (2560).(5) ประเทศมาเลเซีย. เขาถึงเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2560. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศมาเลเซีย. วิกิพีเดีย. (2560).(6) ศาสนาพทุ ธในประเทศมาเลเซีย. เขาถึงเม่อื 28 กรกฎาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพทุ ธในประเทศมาเลเซีย. วิกิพีเดีย. (2560).(7) ประเทศติมอรเ์ ลสเต. เขาถึงเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศตมิ อรแ-เลสเต#cite_note-Statistisches_Amt-9. วิกิพีเดีย. (2560).(8) ศาสนาในประเทศไทย. เขาถึงเม่อื 29 กรกฎาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาในประเทศไทย. วิกิพีเดีย. (2560).(9) พุทธศาสนาในประเทศไทย. เขาถึงเม่อื 29 กรกฎาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพทุ ธในประเทศไทย. วิรัช นิยมธรรม และอรนุช นิยมธรรม. (2542). ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของชาว พมา่ . ศนู ยแพมา ศกึ ษา สาํ นกั อธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร. วิรชั นยิ มธรรม และอรนุช นยิ มธรรม. (2551). เรยี นร้สู งั คม และวัฒนธรรมพม่า. พิษณุโลก : ตระกูล ไทย. วรางคณา นิพทั ธแสขุ กิจ. (2553). ฟิลิปปินส์ประวตั ิศาสตรแ์ หง่ การตอ่ สู้. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ. ศนู ยแอาเซียนศกึ ษา (มจร.) (2558). ศาสนาของประชาชนในประชาคมอาเซียน. เขาถึงเมอ่ื 20 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.asc.mcu.ac.th/?bwl_kb=religions-asean. ศูนยแศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล. (2560). เปิดโฉมหน้ามุสลิมมาเลเซีย : การ จัดการอิสลามในยุคโลกาภิวัตน์. เขาถึงเม่ือ 28 กรกฎาคม 2560. จ า ก http://www.peace.mahidol.ac.th/th/index.php?option=com_content&task=view
100 &id=197&Itemid=155. ศวิ วงศแ สขุ ทวี. (2013). โรฮิงยา ชีวติ ภายใตอ้ ํานาจ จากชายแดนพมา่ ถงึ ไทย. เขาถึงเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.prachatai.com/journal/2013/08/48462. สิทธา เลิศไพบูลยแศิริ. (2555). ติมอร์ตะวันออก : เส้นทางสู่เอกราช. กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการ ตาํ ราสังคมศาสตรแและมนษุ ยศาสตรแ. สถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตรแ (2560). สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์- เลสเต. เขาถึงเม่ือ 26 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.apecthai.org/index.php/ขอมูล รายประเทศทวั่ โลก/เอเซีย/626-สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอรแ-เลสเต.html. สรณี วงศเแ บยี้ สัจจแ. (2549). เวียดนาม. กรงุ เทพฯ : หนา ตางสโู ลกกวาง. สาํ นักอาเซียนศกึ ษา กรมเจรจาการคาระหวางประเทศ. (2516). สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Republic of Singapore). เขา ถึงเมอ่ื 25 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.dtn.go.th/files/86/country/asia/singapore_cp_0315.pdf. Jesudas M.Athyal,Editor. (2015). Religion in Southeast Asia. California. Komchadluek. (2553). สิงคโปรก์ ับศาสนาคริสตใ์ หม่เฟื่องฟู. เขาถึงเมอ่ื 20 กรกฎาคม 2560 จาก komchadluek website : http://www.goo.gl/ugRdsp. Wikipedia. (2017). Religion in Myanmarเขาถึงเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2560 จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Religion_in_Myanmar.
101 แผนบริหารการสอนประจําบทที่ 5 3(3-0-6) มส.สว.013 วฒั นธรรมอาเซียน (ASEAN Culture) บทท่ี 5 ภาษาอาเซียนเบือ้ งตน (อินโดนีเซีย) จํานวน 3 ชั่วโมง ผเู้ ขียน อาจารยแโซนี่ ตาตารแ คริสตโิ น (Mr. Sony Tatar Kristiono) จุดประสงค์ 1. นักศึกษาเขาใจความหมายของภาษาอินโดนีเซียเบือ้ งตนได เนือ้ หาสาระ 1. ภาษาอินโดนีเซียที่ใชใ นชีวติ ประจําวัน กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. ทาํ แบบประเมินกอนเรียน (Pre Test) 2. จับกลุมฝกึ หัดพูดภาษาอินโดนีเซีย สือ่ ประกอบการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. สือ่ ประกอบการนําเสนอ (พาวเวอรแพอยตแ) การวดั และประเมินผล 1. ประเมินผลจากแบบทดสอบกอนเรียน 2. ประเมินผลจากการสอบหลังเรียนหนวยที่ 5 3. ประเมินผลจากการสอบปลายภาคเรียน
102 บทที่ 5 ภาษาอาเซียน เบื้องต้น (ภาษาอินโดนีเซีย)
126 แผนบริหารการสอนประจาํ บทท่ี 6 3(3-0-6) มส.สว.013 วัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Culture) บทท่ี 6 วรรณกรรมอาเซียน จํานวน 6 ชวั่ โมง ผูเ้ ขียน อาจารยแรตั นาวดี ปาแปง จุดประสงค์ 1. นกั ศึกษาสามารถอธิบายความหมาย ลักษณะ ประเภท และคุณคาของวรรณกรรมอาเซียน ประเภทนิทานพ้ืนบานได 2. นักศึกษาสามารถอธิบายความสมั พันธแของวรรณกรรมอาเซียนประเภทนิทานพื้นบานทีม่ ีตอ สงั คม และวัฒนธรรมของประเทศตา งๆ ในอาเซียนได เนือ้ หาสาระ 1. ขอบขายของวรรณกรรมอาเซียน 2. ความหมายของนิทานพ้ืนบาน 3. ลักษณะของนทิ านพืน้ บาน 4. ประเภทของนิทานพืน้ บาน 5. คณุ คาของนิทานพ้นื บาน กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. ทดสอบความรูพื้นฐานเกี่ยวกับวรรณกรรมอาเซียนประเภทนิทานพื้นบาน จากคําถามกอน เรียน 4 ขอ 2. ใหผูเรยี นจบั กลุมละ 10 คน เปลีย่ นกันเลานิทานพ้ืนบานทีต่ นเองรับรูคนละ 1 เรือ่ ง 3. ฝึกอานและวิเคราะหแนิทานพื้นบานอาเซียน อธิบายความความสัมพันธแของวรรณกรรมที่มีตอ สังคมประเทศนนั้ ๆ
127 สือ่ การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน 2. วีดิทัศนนแ ิทานพ้นื บานอาเซียน 3. พาวเวอรแพอยตแ 4. การประเมินผลการเรียน 1. ประเมินผลจากการทําแบบทดสอบกอนเรียนและหลงั เรยี น 2. ประเมินผลจากกิจกรรมและการตอบคาํ ถามทายบท
128 บทที่ 6 วรรณกรรมอาเซียน
129 1. ขอบขา่ ยของวรรณกรรมอาเซียน วรรณกรรม หมายถึง งานหนังสือ งานประพันธแ บทประพันธแทุกชนิดทั้งที่เป็นรอยแกวและรอย กรอง เชน วรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทรแ วรรณกรรมฝรั่งเศส วรรณกรรมประเภทสื่อสารมวลชน วรรณกรรม คือ งานเขียนชนดิ หนง่ึ ทีใ่ ชภาษาเป็นสือ่ กลางเพื่อใหเขาใจเร่ืองราว เชน นวนิยาย วรรณคดี เรื่องสั้น บทความ และวรรณกรรมที่เลาสืบตอกันมา (ราชบัณฑิตยสถาน, 2554 : 1100) สอดคลองกับ สิทธา พินิจภูวดล และคณะ (2560 : ระบบออนไลนแ) ที่กลาววา วรรณกรรม หมายถึงงานเขียน ในรูป บทกวีนิพนธแ รอยกรอง และขอเขียนท้ังหมดที่ใชภาษารอยแกว ไดแก บทความ สารคดี นวนิยาย เร่ือง สั้น เรียงความ บทละคร บทภาพยนตรแ บทโทรทศั นแ ตลอดจนคอลัมนแตาง ๆ ในหนงั สอื พิมพแ เป็นตน อาเซียน (ASEAN) เป็นการรวมตัวกันของ 10 ประเทศ ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต โดยผูนํากลุม ประเทศอาเซียนไดรวมลงนามในปฎิญญาวาดวย ความรวมมืออาเซียนเห็นชอบใหจัดตั้งประชาคม อาเซียน (ASEAN Community) เป็นองคแกรระหวางประเทศ ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต มี จุดเริ่มตนจากประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลปิ ปินสแ ไดรว มกนั จดั ตั้งสมาคมอาสา (Association of South East Asia) เม่ือเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 เพื่อความรวมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แต ดําเนินการไปเพียง 2 ปี ตองหยุดชะงักลง เนื่องจากความผกผันทางการเมือง ระหวางประเทศ อินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย จนกระทั่งมีการฟื้นฟูสัมพันธแทางการฑูตระหวางสองประเทศ จึง กลับมาสรางความรวมมือกันอีกครั้ง และใหสําเร็จภายในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) แตตอมาไดตกลง รนระยะเวลาจัดตง้ั ใหเสร็จในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) ในปีนน้ั เองจึงมีการเปิดกวางใหประชาชนในแต ละประเทศสามารถเขาไปทํางานในประเทศอื่นๆ ในประชาคมอาเซียนไดอยางเสรี เสมือนดังเป็น ประเทศเดียวกัน ปใจจุบันประเทศสมาชิกในกลุมประชาคมอาเซียน ไดแก ประเทศ ไทย สิงคโปรแ มาเลเซีย พิลิปปินสแ อินโดนีเซีย บรูไน เวียดนาม ลาว พมา และกัมพูชาตามลําดับการเขาเป็นสมาชิก (LVC ASEAN CENTER, 2560 : ระบบออนไลนแ) ดังนน้ั วรรณกรรมอาเซียน จึงหมายถึงงานเขียนทุกชนิดในรูปแบบรอยแกวและรอยกรอง โดย ใชภาษาเป็นสื่อกลางในการถายทอดใหเขาใจเร่ืองราว เหตุการณแ สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของกลุมชนที่อาศัยอยูในประเทศกลุมประชาคมอาเซียน ท้ัง 10 ประเทศ เชน เรือ่ งส้ัน นวนิยาย บทความ ความเรยี ง บทละคร บทภาพยนตรแ รวมไปถึงวรรณกรรมที่เลาสืบตอกันมา ไดแก นิทานชาดก นิทานอีสป และนิทานพื้นบาน เป็นตน ซึ่งในหนวยความรูนี้จะยกตัวอยางเฉพาะ วรรณกรรมอาเซียนประเภทนิทานพืน้ บานมาเปน็ กรณีศกึ ษา ดงั น้ี
130 2. ความหมายของนิทานพืน้ บา้ น นิทานเป็นวรรณกรรมประเภทหนึ่งที่เลากันปากตอปากสืบตอกันมา และมีจํานวนมากที่ไดรับ การบันทึกไวเป็นลายลักษณแอักษร ในทางคติชนถือวานิทาน คือ มรดกทางวัฒนธรรมอยางหนึ่งของ มนษุ ยแ เปน็ สิ่งที่มคี วามหมายและมีคณุ คา (วิไล มาศจรัส, 2539 : 13) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (2542 : 488) ใหความหมายของคําวา นิทาน วา เป็นเรื่องทีเ่ ลากนั มา เชน นทิ านชาดก นิทานอสี ป กิ่งแกว อัตถากร (2519 : 12) กลาววา นิทานที่ใชในทางคติชนวิทยาหมาถึง เร่ืองเลาที่สืบทอด ตอๆ กนั มา จนถือเปน็ มรดกทางวัฒนธรรมอยางหนึ่ง บางพื้นที่เรียกนิทานพื้นบาน นิทานพื้นเมือง และ นิทานชาวบานบาง ประคอง นิมมานเหมินทแ (2551 : 5) กลาววา นิทานเป็นภาษาบาลีแปลวาเหตุการณแ เร่ืองเลา นิทาน และมคี าํ ศพั ทแนทิ านกถา แปลวา การเลาเรื่อง กิ่งแกว เพ็ชรราช (2545 : 115-116) กลาววา นิทานเป็นเร่ืองเลากันดวยปาก ถายทอดมาจาก บรรพบุรุษดวยถอยคําธรรมดา ไมทราบวาใครเป็นผูแตง เป็นมรดกทางวัฒนธรรม และสะทอน วฒั นธรรมประเพณีของกลุมชน ภายหลังอาจมผี นู ํานิทานไปเขียนบันทึกไว เร่ืองเลา นิทานชาดก นิทาน อีสป เมือ่ เลาสืบตอกันมายอมมีการผิดเพี้ยนหรือแตงเติมเพื่อสรางอรรถรสและความบันเทิงใหกับผูฟใง ทุกเพศทกุ วยั เชนกัน ดงั นน้ั นทิ านจงึ เป็นเรอ่ื งเลาที่เลาสืบตอกนั มาจากรุนสูรนุ ไมทราบวาใครเป็นผูแตง ตอมามีการ จดบนั ทึกไวเปน็ ลายลกั ษณแอักษร ถอื วาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอยางหนึ่งของมนุษยแที่สะทอนประเพณี และวฒั นธรรมของกลุมชน มีจุดมุงหมายเพือ่ ความบันเทิงและสอดแทรกความรใู นดานอืน่ ๆ ไปดวย 3. ลกั ษณะของนิทานพื้นบา้ น กุหลาบ มลั ลิกะมาส (2518 : 99 - 100) ไดสรปุ ลกั ษณะของนทิ านพืน้ บาน ไวดงั น้ี 1. เปน็ เรื่องเลาดวยถอยคาํ ธรรมดา เป็นภาษารอยแกวไมใชรอยกรอง 2. เลากันดวยปากสืบทอดกันมาเป็นเวลาชานาน และเม่ือการเขียนเจริญขึ้น ก็อาจมีการเขียนขึ้น ตามเคา เดิมทีเ่ คยเลาดวยปาก 3. ไมปรากฏวาผเู ลาด้ังเดิมเปน็ ใคร อา งแตว าเป็นของเกาฟงใ มาจากผูเลา ซึง่ เป็นบคุ คลสาํ คัญยิ่ง ในอดีต อีกตอหนึง่ ผิดกับนิยายสมัยใหมที่ทราบตัวผแู ตง แมน ิทานทีป่ รากฏชื่อผูแตงเชน นิทานของกริมมแ ก็อาง วาเลาตามเคานิทานทีม่ มี าแตเ ดิมไมใชต นแตง ข้ึนเอง
131 สอดคลองกับ เจือ สตะเวทิน (2517 : 16 อางถึงใน พระสมเกียรติ ติดชัย, 2550 : 19) ได อธิบายลกั ษณะสําคัญของนทิ านพืน้ บาน ไวดังนี้ 1. ตองเปน็ เรื่องเกา 2. ตองเลากันดวยภาษารอยแกว 3. ตองเลากนั ดวยปากมากอน 4. ตองแสดงความคิด ความเช่ือของชาวบาน 5. เรือ่ งจรงิ ที่มคี ตินบั อนุโลมเป็นนิทานได เชน มะกะโท ชาวบานบางระจัน เปน็ ตน ดังนน้ั ลกั ษณะที่สําคัญของนิทานพ้ืนบาน คอื เป็นเร่อื งที่เลาสืบตอกันมา โดยไมรูวา ใครเป็นผู แตง คนแรก มักถายทอดดวยปากตอปากหรือการเขียนกไ็ ด 4. ประเภทของนิทานพ้ืนบ้าน การแบงประเภทนิทานพื้นบานสามารถแบงไดหลายวิธี ในทีน่ ้จี ะไดจดั จําแนกประเภทนิทาน ออกเปน็ 14 ประเภท (เรไร ไพวรรณแ, 2551: 38-40) 1. นิทานปรัมปราหรือนิทานทรงเคร่ือง (fairy tale) ลักษณะเดนชัดคือ เป็นเร่ืองคอนขาง ยาว มีเหตุการณแที่เป็นจุดขัดแยงประกอบอยูหลายเหตุการณแหรือหลายอนุภาค เนื้อเร่ืองจะประกอบ ไปดวยอิทธิปาฏิหาริยแตางๆ ซึ่งพนวิสัยมนุษยแสถานที่เกิดเหตุไมแนชัดวาเกิดขึ้นที่ใด ตัวเอกของเร่ือง เป็นผูมีคุณสมบัติพิเศษ เชนมีบุญบารมีของวิเศษที่สามารถตอสูอุปสรรคขวากหนามทําใหศัตรูพายแพ ไปในที่สุดและจบลงดวยความสุข เชนโสนนอยเรือนงาม ปลาบูทอง นางสิบสอง สังขแทอง เป็นตน (กุหลาบ มลั ลิกะมาส, 2518 : 106) เนือ้ หาของนิทานประเภทนี้สนุกสนานต่ืนเตน การดําเนินเร่ืองอยูใน โลกของจินตนาการ มีความมหัศจรรยแจากอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริยแของตัวละครที่เป็นอมนุษยแ เชนยักษแ เทวดา พญานาค เขามาเกี่ยวของในบางแหงจึงเรียกนิทานประเภทนี้วา “นิทานมหัศจรรยแ” และเนอ เร่ืองที่สนุกสนานดังกลาว ปใจจุบันจึงมีผูนํามาดัดแปลงใชสําหรับแสดงลิเก ละคร ภาพยนตรแ และการ แสดงอน่ื ๆ 2. นิทานท้องถ่ินหรือนิทานประจําท้องถ่ิน (legend) นิทานประเภทนี้ผูเลาจะเลาเร่ืองดวย ความเชื่อ เหตุการณแหรือปรากฏการณแที่เกิดขึ้นเป็นเร่ืองจริงและมักมีหลักฐานอางอิงประกอบ มีตัว บุคคลจริง ๆ สถานที่จริงๆ กําหนดไวแนนอนกวานิทานปรัมปรา เชน พระรวง เจาแมสรอยดอกหมาก ทาวแสนปม เมืองลับแล พระยากง พระยาพาน เป็นตน 3. นิทานประเภทอธิบายหรือนิทานอธิบายเหตุ (explanatory tale) เป็นเร่ืองที่ตอบ คําถามวาทําไม เพื่ออธิบายความเป็นมาของบุคคล สัตวแ ปรากฏการณแตางๆของธรรมชาติ อธิบายชื่อ สถานที่ตางๆ สาเหตุความเชื่อบางประการ รวมท้ังเร่ืองเกี่ยวกับสมบัติที่ฝใงไว นิทานประเภทนี้ของไทย
132 ไดแก เหตุใดกาจึงมี สีดํา ทําไมมดตะนอยจึงเอวคอด ปูุโสมเฝูาทรัพยแ นิทานที่พบมากคือ เร่ือง เกี่ยวกบั สถานที่ เชน เกาะหนเู กาะแมว ในจงั หวัดสงขลา ถ้ําผานาคอย จังหวัดแพร เป็นตน 4. นิทานชีวิต (novally or romantic tale) เป็นเร่ืองคอนขางยาวประกอบดวยหลายอนุภาค หลายตอน (กิ่งแกว อัตถากร,2519 : 15) เน้ือหาของนิทานคลายชีวิตจริงมากขึ้น ตัวละครในนิทาน ประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นคนธรรมดาสามัญมากกวาทาวพระยามหากษัตริยแ มรบทบาทในการใชชีวิต เหมอื นปุถชุ นทั่วไป แกนของเรอ่ื งเป็นเรองเกี่ยวกบั ความรกั ความโกรธ ความหลง ความกลัว การพจญ ภัย สะเทือนอารมณแมาก กวานิทานปรัมปรา ตัวเอกของเรืองใชภูมิปใญญา และความสามารถในการ แกไขปญใ หาตางๆซึ่งเป็นอุปสรรคของชีวิต แสดงความกลาหาญ อดทน อดกลั้น เอาชนะอุปสรรค ศัตรู จนบรรลุจุดหมายไว ฉากและบรรยากาศนิทานชนิดน้มี ลี กั ษณะสมจริงมากขึ้น นิทานชีวิตของไทยที่รูจัก กันทว่ั ไปก็คือ เรื่องขนุ ชางขนุ แผน พระลอ ไกรทอง ของตะวันตกไดแกนิทาน ชุดเดคาเมรอน นิทาน ของตะวันออก ไดแก อาหรบั ราตรี 5. นิทานเร่ืองผี (ghost tale) เป็นนิทานที่มีตัวละครเป็นผี วิญญาณ มีเหตุการณแเกี่ยวกับผี ผีหลอก ผีสิง เน้ือเร่ืองต่ืนเตนเขยาขวัญ ท้ังผูเลาและผูฟใงคอนขางเชื่อวาเป็นเร่ืองจริง นิทานเร่ืองผีนี้ สะทอนใหเห็นถึงความเชื่อของคนไทยในเร่ืองวิญญาณ และภูตผีตางๆ อยางชัดเจน ผีหรือวิญญาณใน นิทานจะมาปรากฏรางหรอื การกระทาํ เพือ่ ใหความชวยเหลือ เพื่อแกแคน และเพื่อแสดงอทิ ธิฤทธิ์ 6. นิทานวีรบุรุษ (hero tale) เป็นนิทานที่กลาวถึงคุณธรรม ความสามารถ ฉลาดเฉลียว ความกลาหาญของบุคคล สวนมากเป็นวีรบุรุษของชาติหรือบานเมือง นิทานประเภทนี้คลายกับนิทาน ปรัมปรา คือ ตัวเอกเป็นวีรบุรุษเหมือนกัน แตมีขอแตกตางกันคือ นิทานวีรบุรุษมักกําหนดสถานที่และ เวลาในเร่ืองแนชัดขึ้น แกนเร่ืองนิทานวีรบุรุษเป็นวีรกรรมของตัวเอกซึ่งเกิดจากการตอสูเพื่อคนสวน ใหญ การพจญภัยตาง ๆ ที่เกงกลาเกินคนทั่วไป นิทานวีรบุรุษตะวันตก เชน โรบินฮูด เฮอรแคิวลีส ของ ไทย เชนไกรทอง เจาสายน้ําผ้ึง พระรวงวาจาสิทธิ์ เป็นตน ชื่อบุคคล ชื่อบานเมืองเหตุการณแหรือเคา เรื่องมีสว นทีเ่ ปน็ ความจรงิ อยูดว ย แตเ ลาตกแตงเพิ่มเติมเสริมขนึ้ จนเป็นรูปนิทานไป 7. นิทานคติสอนใจหรอื นิทานประเภทคาํ สอน (fable) เปน็ เรือ่ งสั้นๆ ไมสมจริง มีเน้ือหาเชิง สอนใจ ใหแนวทางใจการดําเนินชีวิตที่ถูกตองทํานองคลองธรรมบางเร่ืองสอนโดยวิธีบอกตรงๆ บาง เร่ืองใหเป็นแนวเปรียบเทียบเป็นอุทาหรณแในบางแหงจึงเรียกนิทานประเภทนี้วา นิทานอุทาหรณแบาง หรือนิทานสุภาษิตบางตัวละครในเร่ืองอาจจะเป็นคน สัตวแ เทพยาดา เป็นตัวดําเนินเร่ือง สมมุติวาเป็น เรือ่ งจรงิ ทีเ่ กิดข้ึนในอดีต เชน เรือ่ งหนกู ัดเหลก็ นิทานอสี ป นิทานจากปใญจตนั ตระ เปน็ ตน 8. นิทานศาสนา (religious tale) เป็นนิทานเกี่ยวกับศาสนา พระเจา นักบวชตางๆ มีประวัติ อภนิ ิหารหรืออิทธิฤทธิ์ เร่ืองลักษณะนี้ชาวตะวันตกมีมาก เชนเร่ืองพระเยซูและนักบุญตางๆ ของไทยก็ มีบางที่เกี่ยวกับอภินิหารของนักบวชที่เจริญภาวนามีฌานแกกลามีอิทธิฤทธิ์พิเศษ เชน เร่ืองหลวงพอ ทวด สมเดจ็ เจาแตงโม เปน็ ตน
133 9. นิทานชาดก (jataka tale) ชาดก หมายถึงเร่ืองพระพุทธเจาที่มีมาในชาติกอนๆ เน้ือเร่ือง จะกลาวถึงประวตั ิและพระจรยิ วตั รของพระพุทธเจาเม่ือครั้งยังเป็นพระโพธิสัตวแเสวยพระชาติในภพภูมิ ตางๆ เป็นคนบาง เป็นสัตวแบาง ไมวาพระพุทธเจาจะเสวยพระชาติเป็นอะไรก็ตามจะมีคุณสมบัติ แตกตางจากผูอน่ื ทีเ่ ห็นไดชัดอยู 2 ประการ คือรูปสมบัติ จะมีรางกายสมบูรณแ ถาเป็นสัตวแ จะเป็นเพศ ผู ถาเป็นคนจะเป็นเพศบุรุษ มีความสงางามเป็นที่ประทับตาประทับใจแกผูพบเห็น และมีน้ําเสียง ไพเราะ และธรรมสมบตั ิ คอื จะมีคณุ ธรรมสูง โดยเฉพาะทศบารมี (พิสิฐ เจริญสุข, 2539 : 3-4) ไดแก ทาน ศีล เนกขมั มแ ปใญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา แทรกคติธรรมคําสอนไวในเน้ือ เรือ่ ง นทิ านชาดกทีเ่ ปน็ ที่รจู กั กันไปท่วั กค็ ือ ทศชาดก โดยเฉพาะชาดกสุดทาย คือ พระเวสสันดรชาดก 10. ตํานานหรือ เทพนิยาย (myth) เป็นนิทานที่มีตัวละครสําคัญเป็นเทพยาดา นางฟูา หรือ บุคคลในเร่ืองตองมีสวนสัมพันธแกับความเชื่อทางศาสนา และพิธีกรรมตางๆ มนุษยแปฏิบัติอยูเชน เร่ือง ทาวมหาสงกรานตแ หรอื เรือ่ งเกี่ยวกับพระอนิ ทรแ เป็นตน 11. นิทานสัตว์ (animal tale) เป็นนิทานที่มีตัวเอกเป็นสัตวแ แตสมมติใหมีความนึกคิด การ กระทําและพูดไดเหมือนคน มีทั้งที่เป็นสัตวแปุา และสัตวแบาน บางที่ก็เป็นเร่ืองที่มีคนเกี่ยวชองดวยและ พดู โตตอบ ปฏิบตั ิตอ กันเสมอื นเป็นคนดวยกัน บางเร่ืองก็แสดงถึงความเฉลียวฉลาด หรือความโงเขลา ของสัตวแ บางทีก็เป็นเร่ืองของสัตวแที่มีลักษณะเป็นตัวโกงคอยกลั่นแกลงสัตวแอื่น แลวก็ไดรับความ เดือดรอนเอง นิทานสัตวแถาเลาโดยเจตนาจะส่ังสอนคติธรรมอยางใดอยางหนึ่งชัดเจน ก็จัดเป็นนิทาน คติสอนใจ 12. นิทานตลก (jest) สวนใหญเป็นนิทานสั้นๆ ซึ่งจุดสําคัญของเร่ืองอยูที่พฤติกรรม หรือ เหตกุ ารณทแ ี่ไมนา จะเปน็ ไปไดตา ง ๆ อาจเปน็ เรือ่ งที่เกีย่ วกบั ความโง การแสดงไหวพริบปฏิภาณ การแก เผ็ดแกลําการพนันขันตอ การเดินทางผจญภัยที่กอเร่ืองผิดปกติในแงขบขันตางๆ ตัวเอกของเร่ือง อาจจะเป็นคนโงเขลาที่สดุ และทาํ เร่อื งผิดปกติวสิ ัยของมนุษยแที่มีสติปใญญาธรรมดาเขาทํากันเชน เร่ือง ศรธี นญชัย หัวลานนอกครู เปน็ ตน สตีธ ธอมปสัน (อางถึงใน กิ่งแกว อัตถากร, 2519 : 17) ไดประมวลแนวคิดที่เดนของเร่ืองตลก วามี 16 แนวคิดคือ 12.1 ความฉลาด 12.2 ความโง 12.3 การชนะการแขง ดว ยกลลวง 12.4 การตอ รองแบบกลลวง 12.5 การลักขโมยและการหลอกตม 12.6 การหนดี วยกลลวง
134 12.7 กลลวงที่ทารุณ 12.8 การลอลวงและการผิดประเพณี 12.9 กลลวงโดยวิธีเบงทบั 12.10 การปลอมแปลง 12.11 การกลาวหาที่ผิด 12.12 ภรรยาเลว 12.13 ความเกียจคราน 12.14 คนหูหนวก 12.15 นกั บวช 12.16 การมดเท็จและการโม นอกจากนี้ ยังมีนิทานตลกเกี่ยวกับเร่ืองเพศ ซึ่งมักจะมีลักษณะหยาบโลน มักเลากันเฉพาะ กลุมบางโอกาสเทาน้ัน แตม ีขอที่นาสังเกตอยูประการหนึ่ง คือ นิทานลักษณะนี้ของไทยมักใชกลวิธีทาง ภาษา คือผวนคํามาเป็นขอขบขัน ถาผูฟใงผวนคําไมไดหรือไมก็จะเป็นตัวตลกเสียเอง ตลกเกี่ยวกับเพศ ของไทยมักจะใหตัวละครเป็นพระ ชี ซึ่งปกติตองอยูในพรหมจรรยแ แตกลับประพฤติผิดศีลขอหามหรือ ใหเปน็ เรือ่ งพฤติกรรมทางเพศทีไ่ มเหมาะสมระหวางพี่เขยและนองเมยี ลูกเขยกับแมย าย เป็นตน 13. นิทานเข้าแบบ (formular tale) เป็นนิทานที่มีแบบแผนในการเลาเป็นพิเศษแตกตางจาก นิทานประเภทอื่นๆ เชน ที่เลาซ้ําตอเน่ืองกันไป หรือมีตัวละครหลายๆตัว มีพฤติกรรมเกี่ยวของกันเป็น ทอดๆ นทิ านประเภทนี้แบงไดเป็น 4 ชนิด คือ 13.1 นิทานไมรูจบ เป็นนิทานที่มีความยาวไมจํากัด เลาตอเน่ืองไปเร่ือยๆ โดยไมมีจุด จบจนกวาผฟู ใงจะเบื่อหนาย มักเปน็ เรือ่ งเกีย่ วกับการนับ หรอื การกระทาํ ซ้าํ ๆ นิทานลักษณะนี้เหมาะสม กบั ความสนใจของเด็ก 13.2 นิทานไมจบเร่ือง เป็นนิทานที่ผูเลาหยอกเยาผูฟใงใหเกิดความสนุกสนาน ผูเลา มกั จะเร่มิ จากเรอ่ื งทีน่ าสนใจในทองถิ่น แลวกจ็ ะหาทางใหเร่อื งจบอยางกะทันหัน ทั้งๆ ทีไ่ มนา จบ 13.3 นิทานหลอกผูฟใง เป็นนิทานที่ผูเลามีเจตนาใหผูฟใงมีสวนรวมในการเลานิทานอา จะมีคําถามคําตอบใหตอบ ผูฟใงคาดวาคําตอบนาจะถูกตอง แตเม่ือเฉลยแลวจะเป็นคําตอบที่นาขบขัน และไมมเี หตุผล 13.4 นิทานลูกโซ เป็นนิทานทีม่ เี รื่องราวดําเนินไปอยางเดียว แตม ีตวั ละครหลายตัวและ มีพฤติกรรมเกี่ยวของกันเป็นทอดๆ พฤติกรรมน้ันอาจจะไมสัมพนั ธแกบั ตวั ละครเดิมก็ได นิทานลูกโซของ ไทยที่รจู กั กันไปทั่ว คือ ยายกะตาปลกู ถั่วปลกู งาใหหลานเฝาู 14. นิทานปริศนา (riddle tale) เป็นนิทานที่มีการผูกถอยคําเป็นเง่ือนงําใหทายหรือใหคิดใน เนือ้ เรื่อง อาจไวทายเร่ือง หรือตอนสําคัญๆ ของเน้ือเร่ืองก็ได เพื่อผูฟใงไดมีสวนรวมแสดงความรูความ
135 คิดเห็นเกี่ยวกับนิทานที่ไดฟใงหรืออาน นิทานปริศนาที่พบมากในไทยอีกเร่ืองหนึ่งไดแก นิทานปริศนา ธรรม นิทานเวตาลทีร่ ับเขามาก็จัดเปน็ นิทานปริศนา อีกเรื่องหน่งึ ที่รจู กั คือเรือ่ งสงกรานตแ นิทานพ้นื บานบางเรอ่ื งอาจจะมีเน้ือหาคาบเกี่ยวกนั ในการแบงประเภทนิทานผศู กึ ษาจงึ ควร พิจารณาวัตถปุ ระสงคแและทัศนคตขิ องผเู ลาประกอบกบเนือ้ เรือ่ งของนทิ าน ถาเหน็ วาลกั ษณะใดเดนชดั กจ็ ัดจําแนกเขาประเภทนั้น 5. คุณคา่ นิทานพื้นบา้ น ประคอง นิมมานเหมนิ ทแ (2551 : 75 – 80) ไดอธิบายบทบาทของนทิ านทีม่ ีตอ สงั คมไวดังนี้ 1. ใชใหความเพลิดเพลิน เนื่องจากทําใหความจําเจของกิจกรรมหรือความอึดอัดใจหายไป โดยไม รูสกึ ตวั 2. ชวยกระชบั ความสัมพนั ธแ คือ การสรา งความสัมพนั ธแระหวางเพื่อนรว มงาน หรอื บคุ คลใน ครอบครวั เมื่อไดเลาสเู รือ่ งราวในวงสนทนา 3. ชวยใหก ารศกึ ษาและเสริมสรางจินตนาการ เนื่องจากนิทานเป็นผลงานการสรางสรรคแของ มนษุ ยแ ในรปู แบบตางๆ ทีท่ าํ ใหผูเลาและผฟู ใงเขาใจลกั ษณะของมนุษยแในแงม มุ ตางๆ ไดเปน็ อยางดี 4. ชวยปลกู ฝงใ จรธิ รรมและรกั ษาบรรทัดฐานของสังคม เน่ืองจากไดสอดแทรกและปลูกฝใงคติ สอนใจ ตางๆ ใหผูเลาและผฟู ใงไดรบั รูผานการสงั่ สอนโดยออม ในรูปแบบความบนั เทิงทีค่ ุนชิน สอดคลองกับ เรไร ไพวรรณแ (2553 : 24 - 25) กลาววา นิทานพื้นบานเป็นขอมูลทางคติชนที่ ไดรบั ความสนใจมากทีส่ ดุ ต้ังแตอ ดีตจนถึงปจใ จุบัน คณุ คานิทานพ้ืนบานมมี ากมาย กลาวโดยสรุปดงั น้ี 1. เป็นเครือ่ งใหความบนั เทิงใจ ยามวางของคนทกุ เพศทุกวยั 2. เป็นเครื่องมอื ในการอบรมสงั่ สอนในสิ่งที่ดีงามตามที่สังคมตองการ เป็นการสอนท้ังทางตรง และทางออ ม นิทานบางเรือ่ งจะสรปุ คําสอนไวในตอนทายเร่ืองวาสอนใหรูเร่ืองใด ในบางเร่ืองผูเลาหรือ ผฟู ใงตอ งพินจิ พิจารณาขอคิดคําสอนเอง นิทานที่ใหขอคิดคําสอนและเป็นที่รูจักกันอยางกวางขวางก็จะ นํามาใชพูดกันเป็นสํานวนภาษิตในชีวิตประจําวัน เชน เด็กเลี้ยงแกะ งูเหา หมาจ้ิงจอก ดอกพิกุลรวง เปน็ ตน 3. ใหความรูในเรือ่ งตางๆ นิทานจะเป็นปรากฏการณแทางธรรมชาติ ประวัติสถานที่ สภาพทาง ภูมศิ าสตรแ ประวตั ิศาสนา ภาษา ฯลฯ การใหคาํ ตอบในบางเรอ่ื งแมจะเปน็ การใหเหตผุ ลผสม จนิ ตนาการแตกเ็ ปน็ คาํ ตอบทีส่ นุกสนานและคลายความสงสยั ไปไดในระดับหน่งึ
136 4. เปน็ แหลงบันดาลใจใหเกิดการสรางสรรคศแ ลิ ปะในดานตางๆ เชน วรรณคดี จิตรกรรม ละคร เป็นตน และมีสว นสมั พันธแกับประเพณีและพิธีกรรมตางๆ ดวย เชน พญาคันคากกับประเพณีบุญบ้ังไฟ แมโ พสพกับพิธีทําขวัญขาว เปน็ ตน รวมทั้งงานสรางสรรคแทางการโฆษณา และประชาสัมพันธแในธุรกิจ ตางๆ ทางสื่อสิ่งพิมพแ และสื่อโทรทัศนแอีกดวย เชน ละครโทรทัศนแเร่ืองปลาบูทอง โสนนอยเรือนงาม เป็นตน จงึ สรปุ สามารถคุณคาของนทิ านไดดังนี้ คือ 1. นิทานทาํ ใหเ กิดความสนกุ สนานเพลิดเพลิน 2. นิทานชวยกระชับความสัมพนั ธแระหวางบุคคล 3. นิทานทําใหเ กิดการศึกษาและเสริมสรา งจินตนาการ 4. นิทานใหข อคิดและคตสิ อนใจ 5. นิทานชวยสะทอนใหเหน็ ภาพสงั คมสงั คมและวัฒนธรรมในอดีตอยางหลากหลาย 1. นิทานพื้นบา้ นประเทศไทย ทีม่ า : http://www.kiriwong.ac.th/index.php/2011-06-03-10-24-05/393--10- เรอ่ื งที่ 1 ไกรทอง (พิจติ ร)
137 ทีม่ า : http://thaigoodview.com/node/8150 ทีใ่ ตลาํ น้าํ พิจิตร มีถ้ําอยูแหงหนึ่ง ซึ่งมีความสวยสดงดงามแปลกประหลาดมหัศจรรยแกวาที่อื่น ใดหมด ถ้ําที่แหงหนไหนจะสวยงามอยางไรก็ไมวิเศษเทาถ้ําแหงนี้ ในถ้ํามีแกววิเศษสาดสองประกาย แวววาว จงึ มแี สงสวา งสอ งไสวประดุจเวลากลางวันอยูตลอดเวลา ถ้ําวิเศษนี้เป็นถิ่นที่อยูของจระเขดวย อํานาจแหงความวิเศษของแกวมณี จะบันดาลใหจระเขในถ้ํานี้กลายรางเป็นมนุษยแไดโดยอัตโนมัติไม ตองใชคาถาอาคมเขาชวย แตเม่ือใดที่จระเขออกไปจากถ้ําก็จะกลายเป็นจระเขตามเดิมจระเข ครอบครัวนี้อยูดีมีสุขสงบเร่ือยมาเพราะมีผูนําทรงศีลทรงธรรม นามวาทาวรําไพ ทาวรําไพเป็นพญา จระเขผูเฒา ที่ไมกินมนุษยแและสัตวแอื่นๆ ตลอดทั้งไมทํารายใครๆ ใหไดรับความเดือดรอนแลวยังทํา หนา ที่คอยสงั่ สอนจระเขอื่นๆ ใหดํารงอยูในศลี ธรรมอกี ดวย ความตั้งอยูในศีลในธรรมของทาวรําไพ เป็นที่เลื่องลือกันท่ัวไป แมแตเทวดาก็ยังรับรู และดวย ผลบุญอันนี้จึงทําใหทาวราํ ไพอิม่ ทิพยแอยูตลอดเวลา ไมจาํ เปน็ ตองอาหารก็อยูได แตแมทาวรําไพจะเป็น จระเขทีด่ ีแสนดอี ยางไร พวกจระเขลูกๆ หลานๆ กลับไมมีใครเอาเยี่ยงอยางเลย นับวานาเสียดายอยาง ยิ่งครอบครวั ใดกต็ ามทีม่ บี รรพบุรุษ หรือมีผูหลักผูใหญของครอบครัวเป็นคนดีหรือมีผลงานสรางสรรคแ อะไรไว ครอบครัวนั้นนบั วามีตนทุนชีวิตที่ดี ผูมีตนทุนชีวิตยอมประสบผลสําเร็จในชีวิตงายดายกวาผูไม มีตนทุนจึงควรรักษาตนทุนชีวิตไวใหดีๆ ดวยการยกยองบูชาและดวยการปฏิบัติตามใหเจริญงอกงาม ตอไปทาวรําไพ มีลูกชายชื่อ ทาวโคจร ทาวโคจร มีลูกชายชื่อ ชาลวัน เพราะเหตุที่ลูกหลานของทาว โคจรไมไดดํารงตนอยูในศีลธรรมจึงไมมีบุญใหอิ่มทิพยแ ทําใหตองออกไปลาสัตวแลาคนกินเป็นอาหาร ประจํา วนั หนึง่ ทาวโคจรลูกของทาวรําไพไดออกไปนอกถ้ํา และไดเกิดการตอสูกับจระเขอีกิ 2 ตัว คือ ทาวพันตา และพญาพันวัง ทั้ง 3 ตัวตอสูกัน ไมมีใครแพใครชนะ เพราะเกงพอๆ กัน แตไดตอสูจนตาย ไปท้ัง 3 ตัว ทาวรําไพเสียใจอยูเหมือนกัน ที่ลูกชายมาตายเสียได เพราะตั้งใจไววาจะใหครอบครองถ้ํา วิเศษในอีกไมชานีแ้ ลว
138 ตอมาทาวรําไพแกชราลง ประกอบกับเริ่มเบื่อหนายชีวิตอยางโลกๆ คิดจะบําเพ็ญศีลเจริญ ภาวนาแสวงหาความสงบสุขเป็นที่ตั้ง จึงต้ังใหเจาชาละวันหลานชายเป็นผูปกครองถ้ําและบริวารจระเข แทนตนพอไดเปน็ ใหญ ชาละวันผูไมไดถือศีลธรรมอยางปุูก็ใชอํานาจบาตรใหญ เพื่อแสดงฤทธิ์เดชและ เพื่อความสุขอยางโลกๆ ใหแกตนจนเป็นที่หวาดหวั่นของสัตวแและมนุษยแท้ังหลาย เจาชาละวัน เป็น จระเขหา วหาร มีพละกําลังมากไดทาํ หนาปกครองถ้าํ และดูแลจระเขบริวารมิใหถูกรังแกไดอยางดีเยี่ยม เม่ือไดเป็นหัวหนาใหญ ชาละวันไดนางจระเขมาเป็นเมีย 2 ตัว คือ วิมาลา เมียหลวงและเลื่อม ลายวรรณเป็นเมียนอย ชาละวันมักไมคอยเชื่อฟใงคําส่ังสอนของปุู (ทาวรําไพ) ที่สอนใหดํารงตนอยูใน ศีลธรรมและใหนั่งสมาธิบําเพ็ญภาวนา แตมักเที่ยวอาละวาดกัดกินชาวบานเมืองอยูเนืองๆ เป็นที่ หวาดกลัวของชาวบานยิ่งนัก เม่ือไดลิ้มรสชาติเนื้อมนุษยแ ทําใหชาละวันอยากกินเนื้อมนุษยแยิ่งขึ้น ตอง ออกจากถ้ําวายสูลําน้ํา เที่ยวแสวงหาลามนุษยแมาเป็นอาหารอยูบอยคร้ัง คร้ังลาสุด จาวชาลวันไดวาย น้าํ ไปที่ทาน้าํ หนา บานเศรษฐีใหญแหงเมืองพิจติ ร ขณะนั้น ตะเภาแกวกับตะเภาทองสองสาวแสนสวยธิดาของทานเศรษฐีกําลังเลนน้ําอยูกับพี่ เลี้ยงทีท่ านาํ้ เจา ชาลวนั เห็นหญิงงามเป็นไมได ตองรูรักใครและอยากไดมาเป็นเมียเสียทุกที จึงตรงเขา ไปคาบตะเภาทอง พาไปยังถ้ําแกวมณี กลายรางเป็นมนุษยแและใชกําลังบงั คับสมสูกับนาง ตะเภาทองไม เห็นหนทางรอดไปอยางไรได จึงตองยอมเป็นเมียตกเป็นเบี้ยลางอยูใตอํานาจของเจาชาละวันเร่ือยมา มิใชแตจะตองทนรับความชอกช้ําจากเจาชาละวัน ตะเภาทองยังตองทนตอการเบียดเบียนของนางวิ มาลากับนางเลื่อมลายวรรณ เมียหลวงเมียนอยของชาละวันอีกดวย แตตะเภาทองก็ทนอยูตอไป เพื่อ รักษาชีวติ ไว ไมวาคนหรอื สัตวแ ชีวติ ของตนยอมเป็นของรกั ของหวงทีส่ ดุ ของตน เมื่อตะเภาทองถูกจระเขชาละวันคาบ ไป ทานเศรษฐีจึงตอ งพึ่งโหราศาสตรแไปหาหมอดูใหชวยดูชะตาชีวติ ของตะเภาทองวาเป็นไปอยางใด “ทานหมอ! ชวยดูใหห นอ ยเถอะ ตะเภาทองลูกสาวสุดรักสุดหวงมันจะมีชะตากรรมเป็นอยางไร บาง?” โหรจับยามสามตา แลวทายวา“ตะเภาทองยังไมตายนะยังมีชีวิตอยู ไอเจาชาละวันมันเอาไปไว ในถ้าํ เพื่อทาํ เมยี จงึ จะตองใชผูมวี ิชาอาคมกลาแข็งลงไปชวยเหลือจึงจะได” ทานเศรษฐีดใี จที่ยังพอมที างชวยลูกสาว จึงส่ังบริวารใหตีฆองรองปุาวประกาศใหเป็นที่รับรูกัน ท่ัวไปวา “ผูใดมีวิชาสามารถไปชวยตะเภาทองมาได ทานเศรษฐีจะยกตะเภาแกวใหเป็นภริยาและจะ แบงทรัพยแสมบัติใหครง่ึ หนึ่ง” เม่ือประกาศนี้ไดเผยแพรไป ปรากฏวาไดมีคนเกงออกมาอาสาเป็นจํานวนมากมาย แตแลวแต ละคนกถ็ ูกเจา ชาละวันกัดตายเสียหมด อยูมาไมนาน ไดมีหนุมชายนนทบุรีคนหนึ่ง ชื่อวาไกรทอง เป็นคนมีวิชาอาคมกลาแขง สามารถ หายตัวได ใชเทียนระเบิดน้ํา แลวน้ําก็จะแหวกเป็นชองทางเดินใหเดินไดสะดวก เป็นผูมีพละกําลังมี
139 ความวองไวปราดเปรียว และไหวพริบดี เพราะไดเลาเรียนวิชามาจากทานอาจารยแคงผูวิเศษ ไกรทอง นาํ เรือสนิ คาไปคาขายทางภาคเหนือ เมื่อผานมาทางพิจิตรไดยินขา วเกี่ยวกับคําประกาศของทานเศรษฐี พิจิตร คิดจะลองเสี่ยงอาสาชวยเหลือ แตจะตองไปกราบเรียนทานอาจารยแคงใหรูเสียกอนพออาจารยแ คงฟใงไกรทองบอกเร่ืองราว อาจารยแคงก็จับยามสามตามองเหตุการณแที่ผานมารูหมดทุกอยาง และ มองไปในอดีตก็รูวา ไกรทองอาสาสูครั้งนี้จะทําการไดสําเร็จอยางแนนอน “ตามดวงชะตา เอ็งจะตอง ทําการไดสําเร็จแน ขาจะใหเทียนระเบิดน้ํา มีดหมอ และหอกสัตตโลหะลงคาถาอาคมแลวใหเอ็งไป” ไกรทองรบั ของสําคัญแลวก็กราบเทาพระอาจารยแ 3 คร้ัง เดินออกจากวัดอยางมีหวัง รีบบายหนาไปยัง เมืองพิจติ รทันที ฝาุ ยเจา ชาละวันอยูในถ้ําแกวมณี เป็นสุขอยูกับเมียท้ังสาม ก็เพลิดเพลินอยูในโลกียสุขอยางไม ลืมหลู มื ตาจนกระท้ังถึงวันที่ไกรทองไดฤกษแอาสา เม่ือถึงฤกษแงามยามดี ตามที่ตําราโหราศาสตรแกลาว ไววา ไกรทองกป็ ระกอบพิธีกรรมในคืนวันนน้ั ชาลวันหลับฝนใ ไปวา “ไดเกิดไฟไหมถ้ําแกวมณี จากน้ันได มีเทวดาตนหนึ่งถือพระขรรคแเลมหนึ่งมาตัดหัว และสาวไสออกมาใหกากิน” ชาละวันตกใจตื่นขึ้นมา กลางดกึ รีบปลกุ นางวิมาลาเมยี หลวงซึ่งนอนอยูดวยขึน้ มาเลาความฝในใหฟใง นางวิมาลาฟใงแลวก็ตกใจ จงึ บอกวา “พี่ชาลวนั ! นีเ้ ปน็ ฝนใ รา ย ควรจะไปหาปูุใหทานแกความฝในให” ชาละวนั รบี ไปหาทาวรําไพ เลาความฝนใ ใหฟใง ทาวรําไพฟใงแลวก็รูวาชาละวันมีชะตาถึงฆาต ฝใน นีเ้ ปน็ ลางสงั หรณแบอกใหรู จึงกลาวขึน้ วา“นีเ้ ปน็ ลางรายบอกเหตุวาหลานจะตองถึงฆาตเสียชีวิต แตเรา สามารถแกหนักใหเ ป็นเบาไดอยูโดยใน 7 วัน นี้หามเจาออกไปจากถ้ําโดยเด็ดขาด ถาฝุาฝืนก็จะตองถึง แกชีวติ อยางแนนอน ในระหวาง 7 วันที่อยูในถ้ํา จะตองจําศีลเจริญภาวนาอยางเครงครัดหนักก็จะเบาลง รายก็จะคอยผอน คลายเปน็ ดี” ชาลวนั ฟงใ แลวก็ตกใจถึงกบั หนา ซีดเซียว รบั ปากปูุวา “หลานจะทําตามคําแนะนําของปูุทุก อยาง” จากนั้นไดสั่งบริวารใหชวยกันขนกอนหินมาปิดปากถ้ําไวใหแนนหนา มีเวรรักษาอยางแข็งขัน คอยดูแลอยาใหใครเล็ดลอดมาไดเป็นอนั ขาด นบั แตวันนน้ั เจาชาละวันก็อยูแตในถ้ํา ต้ังม่ันในศีล เจริญ ภาวนาอยางเดียว สวนเจาไกรทองหนุมเมืองนนทแไดน่ังบนลงแพหยวกลอยอยูกลางลําน้ําทําพิธีอยู 3 วัน 3 คืน ฤทธิ์ของคาถาอาคมทําใหชาลวันและจระเขบริวารเกิดอาการรอนรนกระวนกระวายอยู ตลอดเวลา โดยในวันที่ 3 ชาละวนั ตอ งอํานาจมนตแถกู เรียกใหขนึ้ มาอยูเหนอื น้ํา ทําใหไมอาจทนอยูในถ้ํา ได แลวก็เป็นผูที่ทําลายหินที่ปิดปากถ้ําเสียเอง โดยบริวารทั้งหลายไมอาจขัดขวางไดเลย แลวก็แหวก วายไปหาไกรทองทันที ในที่สุดจอมจระเขกับจอมคนก็ไดตอสูกัน เป็นการตอสูที่มุงหมายเอาชีวิตของ กันและกัน ชาละวันอาศัยความดุรายและพละกําลัง สวนไกรทองอาศัยคาถาอาคม มีดหมอ หอกสัตต โลหะ ความฉลาดปราดเปรียวเป็นสําคัญ ท้ังสองสูกันไปไดพักหนึ่ง ในที่สุดชาลวันก็ถูกแทงไปหลายที ไดแผลฉกรรจไแ ปไมนอย จนไมอาจจะยืนหยัดสูตอไปได ตองรีบดําน้ําหนีกลับถ้ําไปทันที ไกรทองเห็นวา ใกลจะมีชัยชนะ จึงไมปลอยใหโอกาสทองหลุดลอยไปงายๆ รีบทําพิธีเสกกระทงใสเคร่ืองพลีเสี่ยงให
140 ลอยไปตามชาละวันหวงั จะไดรวู าถ้ําชาละวันอยูตรงไหน ปรากฏวา กระทงเคร่ืองบัตรพลีเสี่ยงทาย ลอยไปวนอยูเหนือวังวนจระเข เห็นวาไดการแลว ไกรทองจึงจุดเทียนระเบิดขึ้น สายน้ําก็เปิดเป็น ชองทางเดินไปจนถึงถ้าํ ชาละวนั เม่ือเขาไปในถ้ํา เห็นความงามของถ้ําแกวมณี ถึงกับตกตะลึงจึงเดินชมดวยความเพลิดเพลิน กระทัง่ ไปพบนางวิมาลาเมยี หลวงผเู ลอโฉมของชาละวัน เกิดความรกั ใครเสนหา ปากพูดจาเกี้ยวพาราสี สวนมือก็ไขวควาจับตองเอาอยางไมเกรงใจใคร นางวิมาลาปกปูองตัวเองไมไหว จึงรองใหชาละวัน ออกมาชวย ตอนน้ันชาละวันอยูในระหวางรักษาแผล เพราะถูกแทงท้ังมีดทั้งหอก จนไดรับบาดเจ็บอยู หลายแหง แลวพิษบาดแผลกแ็ รงนัก ถึงขนาดตองนอนซมทีเดียว แตครั้นไดยินเสียงรองเรียกใหชวย ชา ละวันก็ไมยอทอ รีบออกไปชวยภริยาทันที จึงไดพบกับเจา ไกรทองเขาให การตอสูจึงเกิดขึ้นอีกคร้ัง หนึ่ง แตคร้ังนี้ ชาละวันอยูในรางมนุษยแ การตอสูระหวางลูกผูชายสองคนผูกลาแข็ง จึงไดเกิดขึ้นอยาง ถึงพริกถึงขิงและรุนแรงที่สุด และแลวไกรทองก็เอาชนะได โดยใชมีดหมอปใกตรงที่น่ังพระอิศวรหรือ พระศิวะ ใชส ายสิญจนผแ ูกตาชาละวัน เปุาคาถารายมนตแสะกด ชาละวันสิ้นฤทธิ์ สิ้นเรี่ยวแรง ไรกําลังที่ จะตอสู พายแพแกไกรทองอยางสิ้นเชิง แลวก็กลายรางกลับเป็นจระเขตามเดิม ปราบชาละวันจนอยู หมัดแลว ไกรทองก็ยังไมกลับขึ้นเมืองมนุษยแอยูสมสูกับเมียชาละวันอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ ครั้นเบื่อหนาย แลว จงึ พาตะเภาทองกลบั เมืองมนษุ ยแ พาไปสงคืนใหแ กเศรษฐีพิจิตรผเู ป็นบิดา เศรษฐีพิจิตรพอไดลูกสาวกลับคืนมาสูออมอกก็ใหรูสึกดีใจจนไมมีสิ่งใดเปรียบเทียบได เพราะ ลูกคือแกวตาแกวใจของพอแม สวนสัญญาที่ใหไวแกไกรทอง ทานเศรษฐีก็มิไดทําเป็นหลงลืมไดยก ตะเภาแกวใหเป็นภริยา โดยไมตองเสียสินสอดทองหมั้น แลวยังแบงทรัพยแสมบัติใหถึงครึ่งหนึ่ง ไกร ทองสร้างเรือนอยู่ท่ีบ้านเศรษฐีและครองเรือนอย่างมีความสุขจนตลอดชีวิต (เอกรัตนแ อุดมพร, 2551 : 19 – 27)
141 เร่อื งที่ 2 พระสธุ น – มโนราห์ ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/458734 นางมโนราหแ...เป็นธิดาองคแเล็กของทาวทุมราชผูเป็นพระยากินนร นางมีพระพี่นางอีกหกองคแ ลวนมหี นา ตาเหมอื นๆ กัน งดงามยิ่งกวานางมนุษยแ รปู รางหนาตาของพวกเขาเหมือนมนุษยแแตมีปีกและ หางทีถ่ อดออกได เมื่อใสปีกใสหางแลวกินนรก็สามารถบินไปยงั ที่ตา งๆ ได นางมโนราหแและพี่นองท้ังหกไดไปเลนน้ําที่สระน้ําอโนดาต เจอพรานบุญที่ตองการจับตัวนาง กินรีเพราะเห็นวานางงดงามคูควรแกพระสุธน โอรสแหงเมือง ปใญจาลนคร พรานบุญจึงไปยืมบวง นาคบาศจาก ทาวชมพูจิต พญานาคราช ซึ่งไดใหยืมบวงนาคบาศ เพราะพรานบุญเคยชวยชีวิตเอาไว และเหน็ วาพระสธุ นกับนางมโนราหเแ ป็นเนือ้ คูกนั พรานบญุ ไดจับนางมโนราหไแ ปถวายแคพระสุธน พระสุ ธนเหน็ เขากเ็ กิดหลงรักนางและพานางกลบั เมือง และไดอภิเษกกัน ตอมาปุโรหิตคนหนึ่งไดเกิดจิตอาฆาตแคนแกพระสุธน เพราะวาพระสุธนไมใหตําแหนงแกบุตรของตน เม่ือถึงคราวเกิดสงคราม พระสุธนออกไปรบ พระบิดาไดทรงพระสุบิน ปุโรหิตไดทํานายวาจะเกิดภัย พิบัติ คร้ังใหญ ใหนาํ นางมโนราหไแ ปบชู ายญั ซึง่ ทาวอาทิตยวงศไแ ดยินยอมตามนน้ั นางมโนราหแรูเขาก็เกิดตกใจ จึงออกอุบายขอปีกกับหางขอนางคืน เพื่อรายรําหนากองไฟกอน จะตาย เม่ือนางไดปีกกับหางแลว นางก็รายรําไดสักพักก็บินหนีไป ไปเจอฤาษี ก็ไดกลาวกับฤาษีวา หากพระสุธนตามมาใหบอกวาไมตองตามนางไป เพราะมีอันตรายมากมาย และไดฝากภูษาและ ธํามรงคแใหพระสุธน เม่ือนางมโนราหแไดกลับไปที่เมืองก็จะไดมีพิธีชําระลางกลิ่นอายมนุษยแ ฝุายพระสุ
142 ธนที่กลับจากสงครามไดลงโทษปุโรหิต และติดตามหานางมโนราหแ เม่ือเจอพระฤาษี พระสุธนจะ ติดตามนางมโนราหแตอไป โดยมีพระฤาษีคอยชวยเหลือ เป็นเพราะเวรกรรมแตชาติที่แลวน่ัน คือ \"มโนราหแ\" นางมโนราหแ คือ พระนางเมรี และ พระสุธน คือ พระรถเสน ทําใหพระสุธนไดรับความลําบาก มาก เม่ือพระสุธนมาถึงสระน้ําอโนดาต ไดแอบเอาพระธํามรงคแใสลงในคนโทของนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่ง นางกินรีไดนําน้ํานั้นไปสรงใหนางมโนราหแ พระธํามรงคแไดตกลงมาที่แหวนของนางพอดี ทําใหนางรูวา พระสุธนมาหานาง นางจึงไดแจงแกพระมารดา ซึ่งพระบิดาตองการทราบวาพระสุธนมีความรักจริงตอนาง มโนราหแหรอื ไม ไดรบั พระสธุ นมาทีเ่ มืองและใหพ ระสุธนบอกวานางไหนคือนางมโนราหแ ซึ่งนางมโนราหแ และพี่ๆ มีหนาตาละมายคลายคลึงกัน รอนถึงองคแอินทรแ ตองแปลงกายมาเป็นแมลงวันทอง จับที่ผม ของนางมโนราหแ ทาํ ใหนางมโนราหแแ ละพระสุธนไดเคียงคูอยางมีความสุข ครั้นถึงวันทดสอบทาวทุมราชรับส่ังใหนางกินรีพี่นองท้ัง 7 ซึ่งมีรูปรางสิริโฉมงดงามและ คลายคลึงกนั มากออกราย รําใหพระสุธนหาตัวนางมโนราหแ พระสุธนเองรูสึกหนักใจมากเพราะทั้งหมด ดูคลายคลึงกัน เพื่อใหความรักของพระองคแสมหวัง พระอินทรแจึงลงมาชวยโดยการกระซิบบอกวาถา นางใดมีแมลงวันทองบินมาจับที่ใบหนานางน้ันคือพระชายาของพระองคแ พระสุธนยินดียิ่งนักและ มองเห็นแมลงวันสีทองเกาะอยูบนหนา ของมโนราหแ จึงรีบดึงพระกรของนางมาทันที พระราชาและทุกๆ คนตางก็มีความยินดียิ่งนักที่ไดเห็นทั้งคูสวมกอดกัน จึงจัดพิธีอภิเษกสมรสอยางยิ่งใหญใหทั้งสอง พระองคแอีกคร้ังหนึ่ง อยางไรก็ตามที่มาบางแหงก็กลาววา พระสุธนจํานางมโนราหแไดก็เพราะพระองคแ เห็นแหวนในนิ้ว มือของนางและไมไดกลาวถึงพระอินทรแมาชวยแตอยางใดเลย แตจะอยางไรก็ตามทั้ง สองพระองคแก็ไดอยูรวมกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ตองพลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากพิธีอภิเษก สมรสแลว พระสุธนก็ทูลขอพระราชานุญาตจากทาวทุมราช ใหพระองคแและนางมโนราหแกลับไปเยี่ยม บานเมืองของพระองคแ ทาวทุมราชทรงอนุญาตและรวมเสด็จไปยังเมืองปใญจาลนคร ดวย ทาวทุมราช ไดพบกับพระบิดาของพระสธุ น กษัตรยิ แทั้งสองทรงแลกเปลี่ยนของขวญั และรวมเปน็ พระสหายกันแตบัด น้ัน หลังจากประทับอยูในพระราชวัง 7 วันแลว ทาวทุมราชลาธิดาของพระองคแและทุกๆ คนเดินทาง กลบั พระนครของพระองคแ ภายหลังพระสุธนไดขึ้นครองราชยแและใชชีวิตรวมกับนางมโนราหแจนกระท่ัง วาระสดุ ทายแหงพระชนมชแ ีพของพระองคแ (พลอยโพยม, 2560 : ระบบออนไลนแ)
143 2. นิทานพื้นบา้ นสิงคโปร์ ที่มา : http://www.kiriwong.ac.th/index.php/2011-06-03-10-24-05/393--10- เรอ่ื ง กําเนดิ ประเทศสิงคโปร์ ที่มา : http://www.rromdtour.com/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C %E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A 3%E0%B9%8C.html นานมาแลว มีเจาชายแหงปาเลมบังทรงพระนามวา “ปรเมศวร*”พระองคแเป็นนักลาสัตวแมือ ฉมังจนเป็นที่เลื่องชื่อลือนามไปท่ัวฝีมือยิงธนูและพุงหอกลาสัตวแตองยกใหพระองคแ เจาชายปรเมศวร ทรงออกลาสตั วแบอย คราวหนึง่ พระองคแพาพราน ทหาร ขาราชบริพารไปลาสัตวแบนเกาะริโอ คร้ันถึงเกาะริโอไมทนั ไดพกั ผอน ก็มีกวางตัวหนึ่งทะยานอกมาจากพุมไมผ า นหนาขบวนเสด็จ ท้ังๆ ที่ ยงั มองหาที่เหมาะสมเป็นที่ปลกู พลบั พลาทีป่ ระทับมิไดเลย...
144 เม่ือกวางตัวนั้นกระโดดผานหนา พระองคแรับส่ังขึ้นวา “ยิง..ยิงเลย” พวกพรานและขาราช บริพารตา งมอี าวุธนานาชนิดอยูในมอื แตล ะคน คร้ันมีรับสั่งเชนน้ัน พรานก็ถือธนูก็นาวยิงผูถือหอกก็พุง หอกหลาวออกไป ท้ังพรานและเหลาขาราชบริพารตางทําหนาที่ของตน อาวุธทุกชนิดพุงใสรางกวางตัว น้ันราวกบั หา ฝน ทวาไมมคี มอาวุธใดระคายผวิ เจากวางตัวนนั้ เลย มันวิ่งหนไี ปไดอยางรวดเรว็ เจาชายรีบเสด็จตามกวางไปติดๆ พระองคแรูสึกประหลาดพระทัยที่ เจากวางตัวนน้ั ไมบาดเจบ็ จึงเสดจ็ ตามอยางไมลดละจนถึงยอดเขาทรงรสู ึกเหน็ดเหนื่อยแทบหมดกําลัง คร้ันทรงยืนมองไปรอบๆ ตวั ทอดพระเนตรไมเห็นกวางตวั น้ัน... “เอ฿ะ..มันหายไปไหนรวดเรว็ เหลือเกิน” “นั่นสิพะยะคะพวกเราไลตามหลงั มาติดๆ”พรานคูพระทยั ตอบ พวกเขาตางมองหารองรอยของกวางตัวน้ัน พระองคแทอดพระเนตรทัศนียภาพบนภูเขาและ ทอดพระเนตรออกไปไกลสุดสายตาทรงเห็นเกาะแกง และหาดทรายสวยงามที่สะทอนแสงสีทองใน เปลวแดดระยับยิบ... “โอ...ทะเลเกาะแกงและหาดทรายที่นี่สวยงามเหลือเกิน” ตรัสเอยชมความงามของธรรมชาติ โดยแทบไมกระพริบพระเนตร “เกาะทีอ่ ยูตรงหนา โนนชือ่ อะไร” ตรัสถามนายทหารคนสนิททีต่ ามเสดจ็ ใกลชิดตลอดเวลา “เกาะตมุ ะเสกพะยะคะ” ทหารคนสนิทตอบ “ถางั้นพวกเรากลบั ลงเรือ ไปทีเ่ กาะนนั่ เจากวางโชคดีตัวนั้นปลอยมันไปเถอะ” ตรัสพลางหมุน พระวรกายสูงสงาเสด็จนําหนามาลงเรอื ทีเ่ ทียบทาคอยอยู เมื่อเรอื พระที่น่งั ของเจา ชายปรเมศวรพรอมดวยขบวนเรือตามเสด็จของเหลาขาราชบริพารใกล จะถึงเกาะตุมะเสก พลันธรรมชาติเกิดแปรปรวน เริ่มดวยทองฟูามืดครึ้ม ตามมาดวยหระกายสายฟูา แลบแปลบปลาบ พรอมดวยเสียงคํารณคํารามของฟูารองและฟูาผา ระคนสายลมที่พัดแรงขึ้นเร่ือยๆ พรอมกันนั้นสายฝนก็เทกระหนํ่าลงมาอยางแรงคร้ันพายุโหม ทองทะเลและคลื่นก็ปใ่นปุวย คลื่นแตละ ลกู สูงทวมเรือ ทาํ ใหเรือแตละลํากระเด็นกระดอนตามปลายลูกคลืน่ ทั้งน้ําฝนที่ตกกระหนํ่า และน้ําจาก คลื่นทะเลไหลเขาลาํ เรอื สภาพของเรือแตละลําไมตางจากเศษไมเล็กๆ ที่พรอมเอียงวูบลมลงสูกนทะเล ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ยิ่งมีขาวของและเคร่ืองใชบรรทุกมาเต็มลํา ยิ่งทําใหเรือแตละลําหนักและเอียง อยางเสียศนู ยแ จนทหารผูเป็นหัวหนากราบทลู ขึน้ วา “ขอเดชะ พระอาญาไมพนเกลา ขาวของที่อยูในเรือไมวาจะเสบียง อาวุธ และเคร่ืองใชตางๆ ตองทิง้ จากเรอื ใหหมดไมเชนนนั้ เอจะลมแนนอนพะยะคะ” เมือ่ เจา ชายหนุมทรงอนุญาต ขาวของทุกอยางตองสะทิ้งอยางจําใจเพื่อใหเรือเบาขึ้น และรักษาชีวิตคน ในเรอื แตล ะลาํ ... เรือพระที่นงั่ ที่เจา ชายปรเมศวรประทบั อยูยังเอียงวูบๆ”
145 “ขอเดชะ พระอาญาไมพนเกลา แมแตมงกุฎทองบนพระเศียรของพระองคแก็ตองถอดโยนทิ้ง ทะเล มิเชนนนั้ เรือลม แนพ ะยะคะ”นายทหารใกลชิดกราบทลู “ไมได...มงกุฎทองตองอยูกับเราตลอดเวลา เราสวมมงกุฎอยู ณ ที่ใดที่นั่นคืออาณาจักรของ เรา” เจาชายหนุมตรัสอยางไมเห็นดว ย พระองคแไมทรงถอดมงกุฎทอง ทวาท้ังพายุฝน ลมแรง และคลื่นสูงกระหนํ่าเขามาไมหยุดหยอนและดูจะรุนแรงขึ้นเร่ือยๆ เรือ พระทีน่ ่งั ขึน้ ลงตามยอดคลืน่ ยกั ษแท้ังสท่ี ิศมดื มิดดว ยสายฝนและลมแรงตามอํานาจพายคุ ล่งั ในทะเล “ขอเดชะพระอาญาไมพนเกลา หากพระองคแไมสละมงกุฎทองเรือจะตองลมแนนอน แลวทุกคน จะจมนาํ้ ตายพะยะคะ” เม่ือไมมีหนทางใด เพราะพายุคลื่นลมแรงยิ่งกระหน่ําหนักลําเรือมีน้ําขังแมทหารจะชวยกันวิด ออก แตมิอาจตานทานน้ําจากฟูาและน้ําจากทะเลที่ไหลเขามา ทําใหเรือเอียงวูบซายที ขวาที เม่ือไมมี ทางเลือกเจาชายทรงถอดมงกุฎทองออกจากพระเศียร พระองคแทรงทอดพระเนตรมงกุฎทองเป็นครั้ง สุดทาย แลวทรงโยนลงทะเลดวยพระหตั ถแของพระองคแเอง ทนั ใดนั้น พายุคลืน่ ลมในทะเลก็สงบลงทนั ที เรอื แตล ะลาํ แลนเขาสูเกาะ และเทียบฝใ่งโดยไมมีเหตุการณแ รายเกิดขึ้น ... เมอ่ื เจาชายหนุมและขา ราชบริพารไดพกั ผอ นกินอาหารที่พอมีตกคางอยูในลําเรือกันแลว เจาชายทรงตอ งการจะลาสัตวแบนเกาะแหง น้ีแสงตะวนั ยงั เจิดจา มีเวลาพอที่พระองคแจะลาสัตวแในปุาบน เกาะขณะทีเ่ สด็จนาํ หนา มสี ัตวแตวั หน่งึ นง่ั อยูบนโขดหิน มันเป็นสตั วแทีพ่ ระองคแไมทรงเคยเห็นมากอนเลย เจาสัตวแนน้ั มขี นหัวสีดํา คอยาว และตวั มีขนสแี ดง “เจาสัตวแที่นง่ั อยูโขดหินริมหาดนั่นคืออะไร” “มนั คือสิงโตพะยะคะ” “เจาสัตวแตัวนี้เป็นสัญลักษณแของที่นี่ เราจะยายเมืองหลวงมาตั้งที่เกาะนี้ เราชอบที่นี่มาก ธรรมชาติสวยงาม มีความอุดมสมบูรณแ พวกเจาคิดยังไง” “เหมาะมากพะยะคะ จะทรงตง้ั ชือ่ วา อะไรพะยะคะ” “เราจะใหชือ่ วา สงิ หปุระ อันหมายถึง นครแหง สงิ โต” พระองคแตรสั ขณะทรงทอดพระเนตรเจา สัตวแประหลาดนั้นโดยไมคิดจะลามัน ตั้งแต่นั้น “สิงหปุระ” จึงถูกเรียกต่อๆ มา และค่อยๆ เพี้ยน เป็นคาํ วา่ “สิงคโปร์ *หมายเหตุ ตํานานกําเนิดประเทศสิงคโปร์ในบางสํานวนจะเป็นเจ้าชายสิงนิลาอุตมะ แห่ง อาณาจกั รศรวี ิชยั (โชติ ศรสี วุ รรณ (2), 2555) : 19 - 23)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241