Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอนรายวิชาวัฒนธรรมอาเซียน

เอกสารประกอบการสอนรายวิชาวัฒนธรรมอาเซียน

Published by Dr.Tan Na Nakhon, 2019-12-27 01:12:14

Description: เอกสารประกอบการสอนรายวิชาวัฒนธรรมอาเซียน

Search

Read the Text Version

73 บทที่ 4 ศาสนาอาเซียน

74 ศาสนาคอื อะไร คําว฽า “ศาสนา” มาจากภาษาสันสกฤตว฽า ศาสนํ หมายถึงคําแนะนําสั่งสอน ส฽วน ภาษาอังกฤษใช฾คําว฽า Religion หมายถึง ความสัมพันธแทางวิญญาณของมนุษยแกับผู฾เป็นเจ฾า กล฽าวคือ การมอบวิญญาณบูชา และยําเกรงต฽อผ฾ูเป็นเจ฾าว฽าพระองคแเป็นผู฾สร฾างโลกและสรรพสิ่ง สิ่งต฽าง ๆ ที่ เกิดขึ้นพระองคแเป็นผู฾กําหนดให฾เป็นไป ดังนั้นจึงต฾องเชื่อมั่น และปฏิบัติต฽อคําสอนของพระองคแโดยไม฽ ต฾องมีการพิสจู นแ และต฾องอทุ ิศวิญญาณตอ฽ พระองคแด฾วย (มนตแ มองชยั 2530 : 1) องค์ประกอบของศาสนา การจะเป็นศาสนาได฾นั้น จะต฾องมีองคแประกอบที่สมบูรณแ ซึ่งขอประมวลแนวคิดเกี่ยวกับ องคแประกอบของศาสนาจากนกั วิชาการหลายท฽านมากล฽าวโดยสรปุ ดงั น้ี 1. ศาสดา หรือผู้ก่อต้ัง (Founder or Prophet) คือ ผ฾ูก฽อตั้งศาสนาน้ัน ๆ ขึ้นมา เช฽น ผู฾ก฽อต้ัง ศาสนาพุทธคือ พระพุทธเจ฾า ผู฾ก฽อตั้งศาสนาคริสตแคือ พระเยซู ผู฾ก฽อต้ังศาสนาอิสลามคือ พระมหะ หมัด ผู฾ก฽อตงั้ ศาสนาเชน คือ มหาวีระ เปน็ ต฾น 2. คําสอน หรือศาสนธรรม (Teaching) เป็นคําสอนที่ถูกถ฽ายทอดโดยศาสดา จะบรรจุไว฾เป็น คัมภีรแ เช฽น ศาสนาพุทธคือ คัมภีรแพระไตรปิฎก ศาสนาคริสตแคือ คัมภีรแไบเบิล ศาสนาอิสลามคือ คัมภรี แอลั กุรอ฽าน ศาสนาพราหมณคแ ือ คมั ภรี แพระเวทยแ เป็นต฾น 3. นักบวช สาวก หรือศาสนบุคคล (Priests or Disciple) คือ ผ฾ูที่ทําหน฾าที่นําคําสอนออกเผย แผ฽ไปยังสาสนิกชน เช฽น พระภิกษุในพระพุทธศาสนา นักบวชในศาสนาคริสตแ ครูสอนศาสนาใน ศาสนาอสิ ลาม เป็นต฾น 4. ศาสนิก (Followers) คือ ผู฾ที่ยอมรับนับถือ หรือมีความศรัทธาในศาสนานั้น ๆ แล฾วนําคํา สอนในศาสนาที่ตนนับถือน้ันมาประพฤติปฏิบตั ิตาม เชน฽ ชาวพุทธศาสนิกชน คริสตแศาสนิกชน อิสลา มิกชน ฮินดชู น เป็นต฾น 5. ศาสนสถาน (Sacred Place) คอื สถานที่สาํ หรับใช฾ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช฽น วัดใน พระพุทธศาสนา โบสถแในศาสนาคริสตแ มัสยิดในศาสนาอิสลาม เทวสถานในศาสนาพราหมณแ เป็น ต฾น 6. พิธีกรรม หรือศาสนพิธี (Ritual Performance) คือ พิธีกรรมที่ปฏิบัติในศาสนานั้น ๆ เช฽น พิธีอุปสมบทในพุทธศาสนา พิธีฮัจญแในศาสนาอิสลาม พิธีถือศีลจ฽ุม พิธีสารภาพบาปในศาสนาคริสตแ เปน็ ต฾น (คนู โทขนั ธแ 2537 : 3-4) สาเหตทุ ท่ี าํ ใหเ้ กิดมีศาสนา 1. ความไม฽ร฾ู 2. ภยั และความกลัว

75 3. ความศรัทธา 4. ต฾องการหาทีพ่ ึ่งทางใจ 5. ต฾องการความสงบสุขในสงั คม 6. เพือ่ ค฾นหาความจริงของชีวติ (คูน โทขันธแ 2537 : 8-9) ประเภทของศาสนา ในการแบ฽งประเภทของศาสนาน้ันมีนักวิชาการได฾แบ฽งโดยใช฾เกณฑแต฽าง ๆ ซึ่งสรปุ ได฾ดังนี้ 1. แบง่ ตามมีผู้ที่ยงั นับถืออยู่ และไมม่ ีผทู้ ีน่ บั ถือ 1.1 ศาสนาที่ตายไปแล฾ว หรือศาสนาที่ไม฽มีผู฾นับถือแล฾วในปใจจุบัน เช฽น ศาสนาของอียิปตแ โบราณ ศาสนาของชาวกรีกโบราณ (มนตแ ทองชัย 2530 : 4) 1.2 ศาสนาทีย่ ังมชี ีวติ อยู฽ หรอื ศาสนาทีย่ ังมผี นู฾ ับถืออย฽ูในปใจจุบัน มีท้ังหมด 11 ศาสนาคือ พุทธ คริสตแ อสิ ลาม เชน พราหมณแ ขงจ้อื เตเา ยูดา หรอื ยิวชนิ โต สิข และโซโรอัสเตอรแ 2. แบ่งตามความเชือ่ หรอื นบั ถือพระเจา้ และไม่นับถอื พระเจ้า 2.1 ศาสนาท่ีนับถือพระเจ้า (Theism) คือเชื่อว฽ามีพระเป็นเจ฾าเป็นผ฾ูสร฾างและคอยกําหนด ความเปน็ ไปของส่งิ ตา฽ ง ๆ ท้ังหมด ซึง่ สามารถแยกย฽อยได฾ ดังน้ี 2.2.1 เอกเทวนิยม (Monotheism) คือ เชื่อหรือนับถือพระเจ฾าเพียงองคแเดียว เช฽น ศาสนาครสิ ตแ อิสลาม โซโรอสั เตอรแ ยิว เปน็ ต฾น 2.2.2 พหุเทวนิยม (Polytheism) คือ เชื่อในพระเจ฾าหลายองคแ เช฽น ศาสนาพราหมณแที่ นบั ถือเทพเจา฾ ต฽าง ๆ เช฽น พระพรหม พระอิศวร พระวิษณฯุ ลฯ 2.2 ศาสนาท่ีไม่นับถือพระเจ้า (Atheism) คือ ศาสนาที่ไม฽เชื่อว฽ามีพระเจ฾าเป็นผ฾ูสร฾างและ คอยกําหนดสิ่งต฽าง ๆ สิ่งต฽าง ๆ ย฽อมมีเหตุปใจจัยทําให฾เกิดขึ้น ปใจจุบันศาสนาที่มีแนวคิดดังกล฽าวนี้คือ ศาสนาพุทธ และศาสนาเชน 3. แบ่งตามการนับถือระดบั ชาติและระดบั สากล 3.1 ศาสนาประจาํ ชาติ คือ ศาสนาทีม่ กี ารนบั ถือในชาตินั้น ๆ ไม฽แพร฽หลายไปยังประเทศอื่น มากนกั เชน฽ ศาสนาขงจอื้ และศาสนาเตาเ ในประเทศจนี ศาสนาชินโตในประเทศญี่ปุน 3.2 ศาสนาสากล คือ ศาสนาที่มีการนับถือกันอย฽างแพร฽หลาย กว฾างขวางไปในหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งมีอยู฽ 3 ศาสนาหลักคือ 1. ศาสนาพุทธที่มีผ฾ูนับถือกันในประเทศไทย ลาว พม฽า กัมพูชา ลังกา ทิเบต เกาหลี ญี่ปุน เป็นต฾นศาสนาคริสตแมีผ฾ูนับถือกันอย฽างแพร฽หลายในทวีปยุโรป และอเมริกา ใต฾ และ 3. ศาสนาอิสลามที่นับถือกันแพร฽หลายในกล฽ุมประเทศอาหรับ แอฟริกา ปากีสถาน จีน อินเดีย เปน็ ต฾น

76 คุณคา่ หรอื ประโยชน์ของศาสนา 1. เป็นหลักให฾มนุษยแมีหลักที่ปฏิบัติที่ถูกต฾องดูงาม ทําให฾เป็นมนุษยแที่มีความสมบูรณแท้ังกาย และใจ 2. เป็นบ฽อเกิดของจรรยา ศลิ ปะ และขนบธรรมเนยี มอันดีงาม 3. เปน็ ทีพ่ ึ่งทางกายและใจ บําบดั ทุกขแ และช฽วยแก฾ไขปญใ หาในชีวติ 5. ทําให฾เกิดความสขุ สงบขึ้นในสงั คม 6. เป็นมรดกอนั ล้ําค฽าและทางรอดของมวลมนษุ ยชาติ (คนู โทขนั ธแ 2530 : 11-13) ศาสนาในประเทศกมั พชู า รัฐธรรมนูญของประเทศกัมพูชาได฾บัญญัติให฾พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ พบว฽ามี ผ฾ูนับถือประมาณร฾อยละ 95 ของประชากรทั้งหมด ส฽วนศาสนาที่มีผู฾นับถือรองลงมาคือศาสนา อิสลาม ศาสนาครสิ ตแ ศาสนาพราหมณแ-ฮินดู รวมกนั ประมาณร฾อยละ 5 (ดนัย ไชโยธา 2557 : 13) ศาสนาพุทธ : เข฾าไปเผยแผ฽ในกัมพูชาราวศตวรรษที่ 10 และมีความร฽ุงเรืองที่สุดในรัชสมัย ของพระเจ฾าชัยวรมันที่ 10 โดยกลายมาเป็นศาสนาหลักแทนศาสนาพราหมณแ แม฾ว฽าในยุคที่เขมรแดง เรืองอํานาจ นั้นพุทธศาสนาจะถูกทําลายล฾าง แต฽ปใจจุบันก็ได฾รับการฟื้นฟูให฾กลับมามีความเจริญและ มัน่ คงในกัมพูชาอีกครั้ง (พวงพิจ คําปงใ สแุ 2555 :67) ในประเทศกัมพูชามีการนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทเหมือนกับในประเทศไทย และแยก เป็น 2 นิกายย฽อย คือ มหานิกายและธรรมยุติกนิกาย โดยแต฽ละนิกายนั้นจะมีสมเด็จพระสังฆราชเป็น ผ฾ูปกครอง ซึ่งต฽างจากประเทศไทยที่แม฾จะมี 2 นิกาย แต฽ก็มีสมเด็จพระสังฆราชพระองคแเดียวกันเป็น ผปู฾ กครองสูงสดุ จากการที่กมั พูชามีพระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจําชาติ จึงทําให฾เกิดประเพณีและ วัฒนธรรม รวมถึงมีหลักปฏิบัติในทางศาสนาคล฾ายกับคนไทยมาก เช฽น ผู฾สูงวัยจะนิยมเข฾าวัดฟใงธรรม มีงานบุญประเพณี วันสงกรานตแ รวมทั้งมีวันสารทของเขมรด฾วย ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 คํ่าเดือน 10 (ณรงคแ โพธิ์พฤกษนนั ทแ 2556 : 120-126)สาํ หรับวัดทางพระพุทธศาสนาที่กระจายอย฽ูในภูมิภาคต฽าง ๆ ของประเทศกัมพูชานั้นก็มีจํานวนหลายวัดด฾วยกัน ดังจะขอยกตัวอย฽างวัดที่สําคัญ ๆ จํานวน 2 วัดมา กล฽าวเปน็ ตัวอย฽างคอื ดังน้ี 1. วัดพนม (Wat Phanom) มตี าํ นานกล฽าวว฽าผ฾ูที่สร฾างวัดแห฽งนี้คือยายเพ็ญ สังเกตได฾จากลาน วัดทางทิศใต฾มีการสร฾างศาลาเล็ก ๆ ไว฾สําหรับตั้งรูปปใ้นของยายเพ็ญไว฾ด฾วย ภายในวัดแห฽งนี้ยังมีภาพ จิตกรรมฝาผนังที่เป็นเร่ืองราวของรามเกียรติ์ด฾วย แม฾ว฽าวัดแห฽งนี้จะเป็นวัดทางพุทธศาสนานิกายเถร วาท แตก฽ ็ยงั ปรากฏความเชื่อเกี่ยวกับศาสนาอ่นื แฝงอย฽ูดว฾ ย เชน฽ มีรูปภาพของขงจ้ือ และเทวรูปพระ นารายณแ 8 กร เปน็ ต฾น

77 2. วัดอณุ าโลม (Wat Unalom) วัดนี้ถือว฽าเป็นศนู ยแกลางคณะสงฆแของประเทศกัมพูชา พบว฽า สร฾างขึ้นราวศตวรรษที่ 15 วัดแห฽งนี้เคยถูกกล฽ุมเขมรแดงซึ่งนําโดยนายพอลพตบุกเข฾าทําลาย ทําให฾ พระพุทธรูปต฽าง ๆ ถูกทําลายไปเป็นจํานวนมาก ต฽อมาได฾มีการบูรณะขึ้นใหม฽ และได฾นําพระพุทธรูปที่ ถูกทําลายไปมาประกอบใหม฽อีกครั้ง ปใจจุบันถือว฽าวัดแห฽งนี้เป็นวัดที่สําคัญที่สุดในกรุงพนมเปญ (ณรงคแ โพธิ์พฤกษนนั ทแ 2556 : 131) ศาสนาพราหมณ์ : ถือเป็นศาสนาเก฽าแก฽ในกัมพูชาแม฾ว฽าจะเข฾ามามีอิทธิพลในกัมพูชา ภายหลังความเชื่อในอํานาจลี้ลับเหนือธรรมชาติ แต฽ศาสนาพราหมณแก็เป็นศาสนาที่ทรงอิทธิพลในช฽วง ระยะเวลาหนึ่งกระท่ังก฽อให฾เกิดศาสนสถานเป็นปราสาทน฾อยใหญ฽เพื่อบูชาเทพเจ฾าของศาสนาดังกล฽าว จากหลักฐานทางศิลปกรรมและเอกสารต฽างๆ ที่ค฾นพบเป็นสิ่งที่ชี้ให฾เห็นว฽าศาสนาพราหมณแได฾เข฾าส฽ู ดินแดนแหง฽ น้ีตงั้ แต฽สมยั ฟูนนั ในราวคริสตแศตวรรษที่ 5 ทั้งนี้เป็นที่ทราบดีว฽าศาสนาพราหมณแในกัมพูชา นั้นแบ฽งออกเป็น 2 นิกาย คือ ไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ฾าสูงสุด และ ไวษณพนิกาย ซึ่งนับ ถือพระนารายณแหรอื พระวษิ ณเุ ป็นเทพเจ฾าสูงสดุ อย฽างไรก็ตามการสรา฾ งศาสนสถานเพื่ออุทิศถวายแด฽องคแพระวิษณุยังพบไม฽มากเท฽าศาสนสถานที่สร฾าง เพื่ออุทิศถวายแด฽พระศิวะ จวบกระท่ังสมัยของพระเจ฾าสุริยวรมันที่ 2 ทรงมีความเลื่อมใสในพระวิษณุ เป็นอย฽างมาก จึงทรงสร฾างปราสาทนครวัดเพื่ออุทิศถวายแด฽พระวิษณุ และภายหลังที่พระองคแ สิ้นพระชนมแทรงได฾รับพระราชสมญานามว฽า “บรมวิษณุโลก” อันสะท฾อนให฾เห็นถึงความเชื่อที่ว฽าเม่ือ พระองคและจากโลกนีไ้ ปแล฾วจะได฾ไปรวมกับพระวษิ ณุ เม่ือเข฾าสู฽สมัยพระเจ฾าชัยวรมันที่ 7 ราว ค.ศ.1181 ศาสนาพราหมณแเริ่มเสื่อมลงเน่ืองจากองคแ พระมหากษัตริยแได฾หันไปรับนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน และตามมาด฾วยการเผยแผ฽ พระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาทในดินแดนกัมพูชา จึงทาํ ให฾ศาสนาพราหมณลแ ดความสําคัญลงไปทุกขณะ แม฾ว฽าจะยังคงมีอย฽ูจวบกระทั่งปใจจุบัน แต฽ก็จะสังเกตได฾ว฽าปรากฏอยู฽ในระดับราชสํานักเป็นส฽วนใหญ฽ อาทิ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่มีพราหมณแเป็นผ฾ูดําเนินการประกอบพิธี แต฽ใน ขณะเดียวกนั ความเช่อื และพิธีกรรมทางศาสนา พราหมณแที่มีความเกี่ยวข฾องกับประชาชนน้ันมีน฾อยกว฽า ความเชือ่ ดง้ั เดิมและพระพุทธศาสนา (รุ฽งโรจนแ ธรรมร฽ุงเรือง และศานติ ภักดีคํา 2557 : 43-45) ความเชื่อเร่ืองผี : สําหรับความเชื่อเร่ืองผีน้ันชาวกัมพูชามีความเชื่อว฽าผีมีอย฽ูจริง ซึ่งจะ สังเกตจากการที่ชาวกมั พูชาจะสร฾างศาลใหเ฾ ปน็ ทีสถิตของวิญญาณ หรอื ผใี นระดับต฽าง ๆ ศาสนาอิสลาม : ได฾กล฽าวไว฾ข฾างต฾นแล฾วว฽าเป็นศาสนาที่มีผู฾นับถือในกัมพูชามากเป็นอันดับที่ สองรองจากศาสนาพุทธ โดยมากจะเปน็ กล฽ุมของชาวจามทีเ่ ปน็ ชนกล฽ุมน฾อยที่อพยพมากจากเวียดนาม ราวศตวรรษที่ 18 ชาวจามกลุ฽มนี้จะนับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนนี ซึ่งนิกายนี้ในกัมพูชาจะไม฽ปฏิบัติ เคร฽งครัดมากนัก เช฽น จะถือศีลอดสัปดาหและ 1 วันในเดือนรอมฎอน แม฾จะไม฽กินเนื้อหมู แต฽ก็นิยมดื่ม สุรา เม่ือเข฾าสู฽ยุคที่เขมรแดงมีอํานาจศาสนาอิสลามก็ถูกกวาดล฾างทําลาย ในปใจจุบันก็มีการฟื้นฟูขึ้น

78 อีกคร้ังโดยการสนับสนุนจากรัฐบาลมาเลเซียที่ได฾ให฾ความช฽วยเหลือด฾านเงินทุน การศึกษา ตําราทาง ศาสนา และการสรา฾ งมสั ยิด (พวงพิจ คาํ ปใงสุแ 2555 : 71-72) ศาสนาในประเทศพม่า ประชากรในประเทศพม฽าร฾อยละ 89 นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท นับถือศาสนา คริสตแร฾อยละ 4 นับถือศาสนาอิสลามร฾อยละ 4 และอีกประมาณร฾อยละ 3 นับถือคติความเชื่อเดิมที่มี อยู฽ก฽อนแล฾ว (ดนัย ไชโยธา 2557 : 27) ศาสนาพุทธ : ในปีพุทธศักราช 2517 รัฐธรรมนูญของประเทศพม฽าได฾บัญญัติให฾ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ ด฾วยความที่ประชากรส฽วนใหญ฽ของประเทศนับถือพุทธศาสนา และถกู บญั ญตั ิใหเ฾ ปน็ ศาสนาประจําชาติน้เี อง จงึ ทําให฾พระพุทธศาสนามีอิทธิพลต฽อจิตวิญญาณและวิถี ชิตของชาวพม฽าเปน็ อย฽างมาก ทําให฾มีศาสนสถานทางพุทธศาสนา เช฽น วัด เจดียแต฽าง ๆ กระจายอยู฽ทั่ว ทุกภูมิภาคของประเทศพม฽า (ณรงคแ โพธิพฤกษนันทแ 2556 : 145) ในประเทศพม฽ามีหลักวิธีปฏิบัติอัน เนือ่ งมาจากพุทธศาสนาอยู฽ในหลาย ๆ ด฾านดังจะขอยกตวั อย฽างมากล฽าว 2 ดา฾ น ดงั นี้ 1. การส่ังสมกุศลหรือบุญ ชาวพม฽ามีหลักปฏิบัติในการสั่งสมบุญหลายแบ เช฽น การบริจาค ทรัพยแ การบวช การสักการบูชาพระพุทธรูป การปฏิบัติกรรมฐาน การแผ฽เมตตา การบริกรรม ลูกประคํา เป็นต฾น โดยมีความเชื่อว฽าผลบุญที่ได฾ส่ังสมไว฾นี้จะส฽งผลให฾มีความสุข มีจิตใจสงบ มี ปใญญา มีความคิดเป็นกุศล และทําให฾ชีวิตมีความปลอดภัย ด฾วยความเชื่อดังกล฽าวมานี้ จึงส฽งผลให฾ คนในประเทศพม฽าทุกเพศทุกวัยนิยมเข฾าวัด ทําบุญ สวดมนตรแ น่ังภาวนา ทางภาครัฐโดยเฉพาะใน ด฾านสื่อก็จะให฾ความสําคัญด฾านศาสนา ดังจะสังเกตจากที่มีรายการธรรมะออนแอรแอยู฽อย฽างต฽อเน่ือง เชน฽ รายการสวดพระปริตร เพลง นทิ านทางศาสนา เปน็ ต฾น 2. การขอพร นอกจากจะมคี วามเชือ่ และมีหลักปฏิบัติในเรือ่ งของการส่งั สมบญุ แล฾ว ชาวพม฽า ยังมีความเชื่อในเร่ืองของการขอพรอีกด฾วย โดยชาวพม฽าจะได฾รับการปลูกฝใงมาต้ังแต฽เด็ก ๆ ให฾ขอพร จากพระพทุ ธรปู เจดียแ และรับพรจากปชู นียบคุ คล เช฽น พระ บิดามารดา โดยชาวพม฽ามีความเชื่อว฽า พรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพรจากปูชนียบุคคลจะช฽วยค฾ุมครองให฾มีความปลอดภัย นอกจากการขอพร แล฾ว ชาวพม฽ายังนิยมออกเดินทางไปแสวงบุญยังสถานที่สําคัญทางพุทธศาสนาต฽าง ๆ อีกด฾วย (วิรัช นิยมธรรม และอรนุช นิยมธรรม 2551 : 108-111) เช฽น นิยมเดินทางไปแสวงบุญยังเจดียแชเวดากอง เมืองย฽างกุ฾ง ซึง่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จไปสักการะเจดียแแห฽งนี้ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช 2503 พระธาตุอินแขวนที่รัฐมอญพระมหาธาตุเจดียแ ชเวมอดอที่เมืองพะโค และที่ถัดจากเมืองย฽างก฾ุงคือ เมืองสิเรียม ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ แต฽กม็ ีพระเจดียแทีส่ ําคัญประดิษฐานอย฽ู คือ พระเจดียแกลางน้ํา หรือ เย- เล-พญา กล฽าวกันว฽าพระเจดียแแห฽งนี้บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ฾าด฾วย ภายในเจดียแยังเป็นที่ ประดิษฐานหลวงพ฽อกลางน้ํา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย (ปางชนะมาร) โดยแกะสลักจากหินหยก

79 ถึง 6 ชิน้ แลว฾ นาํ มาประกอบกนั กล฽าวกนั ว฽าผท฾ู ีส่ รา฾ งเปน็ คหบดีชาวมอญ (ธีรภพ โลหิตกุล 2557 : 69- 78) พระมหาเจดียแที่วัดกุโสดอวแ วัดแห฽งนี้เคยเป็นสถานที่ทําสังคายนาคร้ังที่ 5 และได฾จารึกคําสอน ทางพุทธศาสนา (พระไตรปิฎก) ลงบนแผ฽นศิลาถึง 84,000 พระธรรมขันธแ โดยได฾รับการบนั ทึกไว฾ว฽าเป็น แผ฽นจารึกพระไตรปิฎกทีใ่ หญ฽ทีส่ ดุ ในโลก (ณรงคแ โพธิพฤกษนันทแ 2556 : 149) ศาสนาพราหมณ์ : หรือฮินดูในพม฽านั้นมีผ฾ูนับถืออยู฽ประมาณ 44,000 คน ส฽วนใหญ฽เป็นชาว พม฽าทีม่ เี ช้อื สายอินเดีย ศาสนาพราหมณแได฾เข฾าสู฽ดินแดนพม฽าทางรัฐยะไข฽ เพราะรัฐนี้มีอาณาเขตติดกับ รัฐมณีปุระของอินเดีย ศาสนาพราหมณแหรือฮินดูเคยมีอิทธิพลในพม฽ามาก฽อนช฽วงล฽าอาณานิคม สังเกตได฾จากมีสถาปใตยกรรมทางศาสนาต฽าง ๆ ที่เมืองพุกาม หรือการรับเอาภาษาบาลีและสันสกฤต มาใช฾จนถึงปจใ จบุ ัน ชาวพม฽านับถือเทพเจา฾ ในศาสนาพราหมณแหลายองคแ เช฽น พระศิวะ พระวิษณุ พระ นางสรุ ัสวดี นอกจากนีย้ ังมีวรรณกรรมที่รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณคแ ือรามายณะด฾วย ศาสนาคริสต์ : ศาสนาคริสตแในประเทศพม฽านั้น ส฽วนใหญ฽จะนับถือกันในหมู฽ชาวคะชินคาง และชาวกะเหรีย่ ง ประมาณสีใ่ นห฾าของชาวคริสเตียนในพม฽าเปน็ ชาวโปรเตสแตนตแ (Wikipedia 2017) ศาสนาอิสลาม : ในประเทศพม฽าน้ันส฽วนใหญ฽จะมีผู฾นับถือกันอย฽ู 2 กล฽ุม คือ ชาวโรฮิงญา และชาวปในทาย โดยเฉพาะชาวโรฮิงญานี้ในเบื้องต฾นไม฽ได฾รับการยอมรับว฽าเป็นกล฽ุมชาติพันธุแที่อยู฽ใน พม฽า แม฾ว฽าภายหลังจากที่พม฽าได฾รับเอกราชจากอังกฤษแล฾ว ชาวโรฮิงยาถูกรับรองความเป็นกล฽ุมชาติ พันธแุในสมัยรัฐบาลอูนุ ในการประชุมสภาในปีค.ศ. 1950 แต฽ภายหลังการยึดอํานาจของนายพล เน วิน ในปีค.ศ. 1978 ได฾ใช฾วิถีทางสังคมนิยมแบบพม฽า สร฾างความรู฾สึกชาตินิยมพม฽าพุทธขึ้น จึงนําไปส฽ูความ เกลียดชังกล฽ุมชาติพันธุอื่นที่ต฽างจากพม฽า คือผู฾อาศัยในดินแดนอาระกัน หรือระคายในปใจจุบัน ซึ่งมี ลกั ษณะใกล฾เคียงกับคนในบังคลาเทศมากกว฽าพม฽า นับถือทั้งศาสนาอิสลาม ฮินดูและพุทธ (ศิววงศแ สุข ทวี 2013) ความเชื่อเร่ืองนัต : นอกจากคนพม฽าจะมีความศรัทธาและยึดม่ันในศาสนาต฽าง ๆ ดังกล฽าว มาข฾างตน฾ ทีแ่ ตกต฽างกันไปแล฾ว คนพม฽ายังมีความเชื่อเกี่ยวกับนัตหรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของผู฾ตายร฾าย อีกด฾วย วิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้มีฐานะกึ่งผีกึ่งเทพ นัตจึงไม฽ใช฽ผีทั่วไป แต฽เป็นผีที่มีพลังอํานาจมากกว฽าผี ธรรมดา เพราะเป็นวิญญาณที่ตายด฾วยภัยที่ร฾ายแรง เช฽น ถูกฆ฽าตาย งูกัดตาย เสือกัดตาย ตรอมใจ ตาย เป็นไข฾ตาย ตายโหง เป็นต฾น ชาวบ฾านโดยทั่วไปจะให฾ความเคารพและยึดวิญญาณนี้เป็นที่พึ่ง เพราะมีความเชื่อว฽านัตจะให฾ความคุ฾มครองคนที่กราบไหว฾บูชา การติดต฽อกับนัตนั้นจะติดต฽อผ฽านร฽าง ทรง ผ฽านการสนทนาด฾วยศัพทแชั้นสูงดุจเดียวกับสนทนากับราชา นอกจากนี้ยังจะต฾องให฾ความเคารพ ยําเกรงต฽อศาลอันเป็นที่สถิตของนัต เช฽น ไม฽สวมรองเท฾าเข฾าส฽ูบริเวณศาล ไม฽แสดงกิริยาลบหลู฽ หาก จะเทียบนัตกบั ความเชือ่ ของคนไทยแล฾ว นัตจะอย฽ูในฐานะเจ฾าพ฽อหรอื เจ฾าแมต฽ ฽าง ๆ ทีค่ นไทยนิยมบูชากัน (วิรัช นิยมธรรม และอรณุ นิยมธรรม. 2542 : 85-87)

80 ศาสนาในประเทศลาว ในประเทศลาวมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ และเป็นศาสนาที่มีคนนับถือมาก ที่สุด ส฽วนประชาชนที่อาศัยอยู฽ชนบทแถบภูเขาจะนับถือผีซึ่งเป็นความเชื่อดังเดิม คนที่นับถือศาสนา คริสตแส฽วนใหญ฽นั้นเป็นคนที่อพยพมาจากประเทศเวียดนาม และคนที่มีเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งจริง ๆ แล฾วในชว฽ งหนง่ึ ก็มีศาสนาครสิ ตแเข฾าไปเผยแผ฽โดยชาวฝรั่งเศส แต฽ก็ไม฽เป็นสามารถแผ฽ขยายได฾ และเม่ือ เข฾าส฽ูยุคคอมมิวนิสตแก็ได฾หยุดเผยแผ฽ไป ส฽วนศาสนาอิสลามมีคนนับถือยู฽จํานวนน฾อยมาก ประมาณไม฽ ถึง 1,000 คน (ณรงคแ โพธิ์พฤกษนนั ทแ 2556 : 130) พระพุทธศาสนา : เข฾าส฽ูประเทศลาวที่หลวงพระบางราวศตวรรษที่ 13 โดยเจ฾าฟูางุ฾มปฐม กษัตริยแล฾านช฾าง พระองคแทรงสถาปนาให฾ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจําชาติ แม฾ว฽าในปี ค.ศ.1975 จะ ถูกกลุ฽มผู฾นิยมคอมมิวนิสตแทําลาย แต฽ก็ได฾รับการฟื้นฟูให฾กลับมาร฽ุงเรืองเหมือนเดิม (พวงพิจ คําปใงสุแ 2555 : 67) ด฾วยเหตทุ ีม่ พี ระพทุ ธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาตินี้เอง จึงทําให฾พุทธศาสนามีอิทธิพลต฽อ วิถีชีวแิ ละการเมอื งการปกครองของลาวเป็นอย฽างมาก ดังจะขอยกตวั อย฽างมากล฽าวใหเ฾ หน็ ภาพดงั นี้ ในด฾านวัฒนธรรมประเพณีอันเกิดจากพุทธศาสนานั้นก็มีความคล฾ายคลึงกับไทยมาก เช฽น มีฮีต 12 หรือจารีต 12 ดังจะขอนํากล฽าวพิธีที่สําคัญ ๆ ในบางเดือนมาเป็นตัวอย฽างดังนี้เดือนอ฾าย บุญ เข฾ากรรม (ชว฽ งเดือนธันวาคมซึ่งเป็นช฽วงฤดูหนาว) โดยพระภิกษุจะเข฾ากรรมเพือ่ ปลงอาบัติในเขตที่จํากัด ไว฾ เพื่อศีล และชําระจิตใจให฾สะอาดเดือนยี่ บุญคูณลาน (หลังเก็บเกี่ยว) โดยจะมีการนิมนตแพระสงฆแ มาเจริญพระพุทธมนตแเพื่อทําบุญขวัญข฾าวเดือน 3 บุญข฾าวจ่ีเพื่อถวายพระภิกษุ-สามเณรเดือน 4 บุญ พระเวส หรือบุญฟใงเทศนแมาชาติชาดกเดือน 8 บุญเข฾าพรรษาเดือน 11 บุญออกพรรษา ตักบาตรเทโว โรหณะ กวนข฾าวทิพยแ บญุ ประสาทผ้ึงเดือน 12 บญุ กฐิน (ณรงคแ โพธิพ์ ฤกษนันทแ 2556 : 130) ประเทศลาวมีวัดทางพระพุทธศาสนากระจายอยู฽ทั่วประเทศมากถึง 3,000 วัด ดังจะขอ ยกตวั อย฽างวดั ทีส่ าํ คัญ ๆ มานาํ เสนอเปน็ ตัวอย฽างดงั นี้ 1. วัดเชียงทอง วัดนี้ได฾รับการยกย฽องว฽าเป็นอัญมณีแห฽งสถาปใตยกรรมของลาว สร฾างโดย พระโพธิสารราชเจ฾า ในปี ค.ศ.1560มีฐานะเป็นวัดหลวง ภายในวัดมีวิหารแดงที่ใช฾ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางไสยาสนแ ซึ่งเคยถูกนําไปจัดแสดงที่กรุงปารีสเม่ือปี ค.ศ.1931 จากนั้นก็นําไป ประดิษฐานที่นครเวียงจนั ทนแ และนํากลับคืนสห฽ู ลวงพระบางอกี ครั้งเมื่อ ค.ศ. 1964 2. วัดสขุ าราม เป็นวัดเก฽าแก฽ในหลวงพระบาง ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ซึ่งมีพระ พักตรแที่งดงาม มีรอยพระพุทธบาทจําลอง พระอุโบสถของวัดนี้มีสีแดง มีภาพเขียนที่ลงรักปิดทอง สวยทีส่ วยงามมาก 3. วัดวิชนุ ราช อาจถือได฾ว฽าวัดนี้เป็นวัดที่มีความงดงามที่สุดในหลวงพระบาง ภายในวัดแห฽ง นีม้ ีพระธาตุเจดียแที่มลี ักษณะโค฾งมนเหมอื นลกู แตงโม ภายในพระอุโบสถมีการเก็บรวบรวมโบราณวัตถุ จากที่ตา฽ ง ๆ ไว฾เป็นจาํ นวนมาก

81 4. พระธาตุจอมสี ต้ังอยู฽เมืองหลวงพระบาง กล฽าวกนั ว฽าใครที่ไปเยือนหลวงพระบางแล฾วไม฽ได฾ ไปนมสั การพระธาตุจอมสถี ือว฽ายงั ไปไม฽ถึงหลวงพระบาง การขึ้นไปสู฽ยอดเขาที่ประดิษฐานพระธาตุน้ัน จะต฾องเดินขึ้นบันใดถึง 328 ข้ัน บนยอดเขาสามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางได฾อย฽างชัดเจนตัวพระ ธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาด฾วยสีทอง ยอดพระธาตุประดับด฾วยเศวตฉัตรทองสําริด 9 ช้ัน ช฽วงเวลาที่สามารถชมพระธาตุได฾สวยที่สุดคือช฽วงบ฽าย เพราะแสงอาทิตยแจะส฽องสีทองของพระธาตุทํา ให฾เกิดความงดงามมาก (ฝาุ ยวิชาการเจเนซีส มีเดียคอม ม.ป.ป. : 25-27) ศาสนาคริสต์ : ได฾เข฾ามาเผยแผ฽ในลาวโดยชาวฝร่ังเศส แต฽ก็ไม฽ได฾รับการนับถือมากนัก ส฽วน ใหญ฽คนที่นับถือศาสนาคริสตแจะเป็นชาวเวียดนามที่อพยพเข฾ามาอย฽ูในลาว โดยมากจะอย฽ูตามเมือง ใหญ฽ ๆ ศาสนาครสิ ตแจึงผกู พันกบั ชาวเวียดนามมากกว฽าคนลาว แม฾ว฽าตามเมืองใหญ฽ ๆ เช฽น นครหลวง เวียงจันทรแจะมีโบสถแคริสตแอย฽ู แต฽กม็ ีผ฾ูศรัทธาไม฽มากนัก แม฾ว฽าในเวลาต฽อมาจะมีกล฽ุมมิชฃันนารีเข฾าไป เผยแผ฽ศาสนาครสิ ตแ แตก฽ ็ไม฽ได฾รับความนยิ มมากนกั ปจใ จุบนั จึงมีผู฾ทีน่ บั ถือศาสนาคริสตแในลาวมีอย฽ูราว 1-2 เปอรแเซ็นตแเท฽านั้น ศาสนาอิสลาม : ในส฽วนคนที่นับถือศาสนาอิสลามนั้นมีอยู฽จํานวนน฾อยมาก ส฽วนมากจะเป็น กล฽ุมมุสลิมที่อพยพมาจากแคว฾นปใญจาบและทมิฬของอินเดีย และชาวจามที่อพยพหนีสงครามมาจาก เขมรแดงกับกัมพูชา และบางส฽วนก็คือกล฽ุมชาวจีนที่อพยพมาจากมณฑลหยุนหนาน ดังน้ันมัสยิดใน ประเทศลาวจึงมีเพียงไม฽กีแ่ หง฽ เท฽าน้ัน (พวงพิจ คําปใงสุแ : 70-71) ศาสนาในประเทศอินโดนเี ซีย ชาวอินโดนีเซียประมาณร฾อยละ 87 นับถือศาสนาอิสลาม นับถือศาสนาคริสตแประมาณร฾อย ละ 6 แบ฽งเป็นคริสตแนิกายโปรแตสแตนทแ 3.5 คริสตแนิกายโรมันคาทอริก 1.8 และนับถือศาสนาพุทธ ประมาณร฾อยละ 1.3 ประชาชนที่กระจายอย฽ูในเขตต฽าง ๆ ของประเทศอินโดนีเซียก็จะมีความเชื่อทาง ศาสนาทีแ่ ตกต฽างกันออกไป(ณรงคแ โพธิพฤษนันทแ 2556 : 98) เช฽น กลุ฽มคนที่อาศัยอย฽ูบนเกาะชวาและ บาหลีจะยึดแนวทางของพุทธและฮินดู ซึ่งก฽อให฾เกิดมีนาฏศิลป฼และดุริยางคศิลป฼ ประชาชนจะเน฾นให฾ ความเคารพซึ่งกันและกัน กลุ฽มชนที่อาศัยอยู฽ริมฝ่ใงทะเลและเกาะต฽าง ๆ จะมีวิถีตามแบบของอิสลาม อย฽างเคร฽งครัด โดยมากจะเป็นกล฽ุมนักธุรกิจยุคใหม฽ ส฽วนกลุ฽มคนที่อาศัยอย฽ูตามเทือกเข฾าจะมีวิถีแบบ ชนเผา฽ (ฝาุ ยวิชาการเจเนซีส มีเดียคอม ม.ป.ป.: 17-18) ศาสนาพุทธ : ในอดีตอินโดนีเซียเคยมีพุทธศาสนานิกายมหายานเข฾ามาประดิษฐาน และมี ความเจริญรุ฽งเรืองมาก฽อนศาสนาอิสลาม (ณรงคแ โพธิพฤษนันทแ 2556 : 100)สิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยัน ให฾เห็นถึงความเจริญมาจนถึงปใจจุบันนี้ก็คือ 1. พุทธสถานบูโรพุทโธ (โบโรบุดูรแ) ซึ่งได฾รับการจด ทะเบียนให฾เป็นมรดกโลก มีอายุมาแล฾วราว 1,200 ปี ถือว฽าเป็นพุทธสถานที่ใหญ฽ที่สุดในโลก ตั้งอยู฽ที่

82 ราบเกฑุ (kedu) ในภาคกลางของชวา ห฽างจากยอกจาการแตาไปทางทิศเหนือ 40 กิโลเมตร 2. วิหาร เมนดดุ ตั้งอย฽ูหา฽ งจากบูโรพุทโธไปทางทิศตะวันออกราว 3 กิโลเมตร (ธีรภพ โลหิตกุล 2557 : 119) สําหรับวัดทางพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซียในปใจจุบันมีทั้งนิกายหินยาน และ มหายานรวมกันประมาณ 150 วัด แบ฽งเป็นวัดพุทธนิกายมหายาน 100 วัด และวัดพุทธนิกายหินยาน 50 วัด ในจํานวนน้ันมีวดั ไทยอยู฽ดว฾ ย 4 วัด คือ วัดพุทธเมตตา วัดวิปใสสนานาคราหะ วัดเมนดุตพุทธ ศาสนวงศแ และวัดธรรมทีปาราม ส฽วนคัมภีรแทางพุทธศาสนาแบบชวาน้ันมีอย฽ู 2 แบบด฾วยกันคือ 1. คัมภีรแสังหยังกามาหานิกัน (Sang hyang Kamahaanikan) 2. คัมภีรแกามาหายานันมันตรานายา (Kamahayanan Mantranaya) (วิกิพีเดีย 2559) (1) ศาสนาฮนิ ดู : เข฾าส฽ูอนิ โดนีเซียต้ังแตศ฽ ตวรรษแรกโดยชาวอินเดียที่เข฾ามาค฾าขาย จนมาฝใงราก ลึกอย฽ูที่เกาะบาหลีจนถึงปใจจุบันนอกจากนี้ยังมีชุมชนชาวฮินดูจํานวนมากอาศัยอย฽ู บริเวณหมู฽เกาะ ขนาดเล็กทางตะวันออกของเกาะชวา ส฽วนบริเวณเกาะชวาทางฝ่ใงตะวันออกก็ยังมีหมู฽บ฾านฮินดูกระจัด กระจายอยู฽ทั่วไปศาสนาฮินดูแบบบาหลี (อินโดนีเซีย: Agama Hindu Dharma) หรือ ลัทธิวารี ศักดิ์สิทธิ์ (อินโดนีเซีย: Agama Tirtha) เป็นศาสนาฮินดูรูปแบบหนึ่งที่ปฏิบัติในกล฽ุมชาวบาหลีบนเกาะ บาหลีในประเทศอนิ โดนีเซีย มีความแตกต฽างจากศาสนาฮินดูสายหลักคือมีการสักการะผีพื้นเมือง บูชา ผบี รรพบุรษุ และเคารพพระโพธิสตั วแซึ่งเปน็ คติทางศาสนาพทุ ธด฾วย ชาวฮินดูแบบบาหลีจะนับถือพระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุตามคติดั้งเดิมแบบที่มาจาก อินเดียแต฽มีเอกลักษณแพิเศษคือมีเทพพื้นเมืองเพิ่มเข฾าไปด฾วยซึ่งหนึ่งในนั้นคือซังฮฺยังวีดี (Sang Hyang Widhi) หรือ อจินไตย (Acintya) เป็นหนึ่งในเทพเจ฾าตามคติบาหลี ต฽อมาได฾ถูกนับถือเป็นเทพเจ฾าสูงสุด เ พี ย ง พ ร ะ อ ง คแ เ ดี ย ว ต า ม ห ลั ก ป รั ช ญ า ปใ ญ จ ศี ล ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ อิ น โ ด นี เ ซี ย โ ด ย พ ร ะ อ ง คแ มี ที่ ป ร ะ ทั บ เรียกว฽า “ปทใ มาสนแ” คือ มีลักษณะเป็นเก฾าอี้ว฽างเปล฽า ซึ่งจะพบได฾ทั่วไปตามบ฾านเรือนและศาสนสถาน ต฽าง ๆนอกจากนี้ศาสนาฮินดูแบบบาหลียังมีเทพเจ฾าอีกจํานวนมาก เช฽น เทพเจ฾าแห฽งข฾าวหรือเทวี ศรี หรือแม฾แต฽เทพเจ฾าแห฽งขุนเขาหรือมหาสมุทรก็มี โดยชาวบาหลีเชื่อว฽าเทพเจ฾าจะสถิตอยู฽ยอดเขาสูง พืน้ ดินคอื ทีอ่ ย฽ูของมนษุ ยแ ส฽วนมหาสมุทรคือที่สถิตของวิญญาณร฾าย ชาวบาหลีจึงนิยมสร฾างวัดบริเวณ กึ่งกลางระหว฽างภูเขาและทะเลเพื่อปูองกนั ภยันตรายต฽าง ๆ (วิกิพีเดีย 2560) (2) ศาสนาคริสต์ : ในประเทศอินโดนีเซียมีทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายโปรเตสแตนตแ เข฾า มามาส฽ูอนิ โดนีเซียต้ังแตค฽ ริสตศตวรรษที่ 6 โดยชาวโปรตเุ กส ชาวดตั ซแ และชาวอังกฤษ เริ่มเผยแผ฽ทาง ฝ่ใงอินโดนีเซียตะวันออกแถวโมลุกกะ สุลาเวสีเหนือ นุสา เต็งการา ปาปใว และกาลิมันตัน จากนั้นก็ ขยายไปยงั ชายฝใ่งแถวเกาะบอเนียว และที่อื่น ๆ (Jesudas M.Athyal,Editor 2015 : 120) แม฾ว฽าปใจจุบันมี ชาวอินโดนีเซียที่เป็นคริสเตียนซึ่งถือว฽าเป็นชนกล฽ุมน฾อยของประเทศ แต฽ชนกลุ฽มนี้ก็เป็นกล฽ุมชนที่มี

83 การศึกษา ได฾รับการส฽งเสริมให฾ไปศึกษาในประเทศยุโรป เม่ือกลับมารับใช฾บ฾านเมืองก็ได฾รับตําแหน฽ง สําคญั ๆ ในรฐั บาล กองทัพ และวงการธุรกิจการค฾า(กรมประชาสัมพันธแ 2017) ศาสนาอิสลาม : เข฾ามาเผยแผ฽และฝใงรากลึกอย฽ูในสังคมอินโดนีเซียน้ันมี 2 แนวคิดคือ แนวคิดแรกเชื่อวา฽ เข฾ามาต้ังแตค฽ ริสตแศตวรรษที่ 7 แนวคิดที่สองเชื่อว฽าเข฾ามาในคริสตแศตวรรษที่ 13 จน ต฽อมาในช฽วงท฾ายของคริสตแศตวรรษที่ 15 อาณาจักรต฽าง ๆ ในหมู฽เกาะอินโดนีเซียราว 20 แห฽งก็หันเข฾า มานับถือศาสนาอิสลาม จนทําให฾ประเทศอินโดนีเซียมีชาวมุสลิมมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต฾ (รฐั กบั มสุ ลิมในอินโดนีเซีย 2550 : 5) แมว฾ ฽าในปจใ จุบนั ประเทศอนิ โดนีเชยี จะเปน็ เมอื งมุสลิม แต฽รัฐบาล ก็ได฾ให฾ความสําคัญต฽อศาสนาอื่น ๆ ที่เผยแผ฽และมีการนับถืออยู฽ในประเทศ ให฾ความสําคัญกับความ เชื่อที่แตกต฽างกันซึ่งเห็นได฾จาก การที่รัฐบาลได฾กําหนดให฾ประชาชนมีวันหยุดเนื่องในวันสําคัญทาง ศาสนาต฽าง ๆ ท้ังพุทธ คริสตแ อิสลาม และฮนิ ดู ซึ่งในงานมหกรรมรามายณะนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ที่จัดขึ้นที่โรงละครแห฽งชาติ ก็มีชุดการแสดงรามายณะจากประเทศอินโดนีเซียมาแสดงในงานนี้ด฾วย ถือได฾ว฽าทางการของอินโดนีเซียได฾ให฾ความสําคัญกับศาสนาที่มีคนนับถือในส฽วนน฾อยด฾วย ดังเช฽น ศาสนาพราหมณแแ มว฾ ฽าจะเป็นศาสนาทีม่ คี นนบั ถือน฾อยในปใจจุบนั แต฽ก็ได฾ฝงใ รากลึก และเป็นต฾นแบบทาง งานศลิ ปะของประเทศ จะสังเกตจากที่ประเทศอินโดนีเซียได฾ใช฾พญาครุฑปใญจศีลเป็นตราของประเทศ (ธีรภพ โลหิตกุล 2557 : 118) ศาสนาในประเทศเวียดนาม ประชากรส฽วนใหญ฽ของประเทศเวียดนามนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานประมาณร฾อยละ 83 นับถือศาสนาคริสตแประมาณร฾อยละ 8 ที่เหลือจะมีนับถือศาสนาขงจ้ือและอิสลาม (ณรงคแ โพธิ์ พฤกษนันทแ 2556 : 152) ศาสนาพุทธ : ได฾เข฾ามาเผยแผ฽และฝใงรากลึกอยู฽ในสังคมของชาวเวียดนามมากว฽า 2,000 ปี แล฾ว โดยการนํามาของชาวอินเดียและชาวจีนหลักฐานจดหมายเหตุของจีนกล฽าวไว฾ว฽า เวียดนามทาง ตอนใต฾เป็นที่ตั้งของอาณาจักรจามปา (Champa Kingdom) ราวพ.ศ. 950 ในสมัยจักรพรรดิทุกฟาน เริ่มมีการรับอารยธรรมอินเดียเข฾ามา พระสงฆแอินเดียนําโดยพระวีนีตรุจิ (Vinitaruchi) จาริกมายัง เวียดนามโดยทางเรือสินค฾า และเดินทางผ฽านมาจากทางจีน ได฾นําเอาศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธแบบ มหายานเข฾ามายังเวียดนามด฾วย พระวีนีตรุจิได฾พยายามให฾มีการศึกษาเล฽าเรียนพระสูตรของ พระพุทธศาสนามากถึง 15 พระสูตรและได฾วางรูปแบบนิกายฉันหรือฉาน (Ch’an Sect) เป็นนิกายแรก ของเวียดนามต฽อมาก็มีพระสงฆแอินเดียนามว฽ามหาชีวกะ (Mahajivaka) ได฾มาประกาศพุทธศาสนาใน เวียดนาม จากน้ันท฽านก็เดินทางต฽อไปยังจีน ในเวลาไล฽เลี่ยกันก็ได฾มีพระสงฆแอินเดียอีกรูปหนึ่งนามว฽า พระกัลยาณรุจิ (Kalyanaruchi) หรือฉีโจงโหลงเข฾ามาเผยแผ฽พุทธศาสนาในเวียดนามอย฽ูนานหลายปี มี การแปลคัมภีรแสําคัญทางพุทธศาสนาหลายเล฽มจากภาษาจีนเป็นภาษาเวียดนาม และจากภาษา

84 สนั สกฤตเปน็ ภาษาเวียดนามจึงทําให฾มีชาวเวียดนามเปลี่ยนจากการนับถือพราหมณแฮินดูไปนับถือพุทธ ศาสนาในเวลาต฽อมาทําให฾เวียดนามกลายเป็นประเทศเดียวในแถบสุวรรณภูมิที่นับถือพุทธศาสนา มหายานมาอย฽างต฽อเนื่อง คราใดบ฾านเมืองเกิดสงคราม เร่ืองทางศาสนาก็หยุดชะงักลง แต฽คราใด บ฾านเมืองสงบสขุ พระพทุ ธศาสนากก็ ลบั มาเจริญรงุ฽ เรอื งข้นึ อกี ในสมัยราชวงศแเลและราชวงศแลี้ พุทธศาสนาก็มีความเจริญร฽ุงเรืองอย฽างมาก เพราะ พระมหากษัตริยแทรงทํานุบํารุงมาโดยตลอด ราชวงศแลี้นับว฽าเป็นราชวงศแที่ใกล฾ชิดพุทธศาสนามาก กษตั รยิ แหลายพระองคแได฾ทรงออกผนวชเป็นแบบอย฽างของชนร฽ุนหลัง ทรงยึดถือเอาพระรัตนตรัยเป็นที่ พึ่ง พุทธศาสนาในเวียดนามจึงแพร฽หลายเข฾าไปถึงประชาชนทุกหนแห฽ง แต฽หลังจากที่เวียดนามตกเป็น อาณานิคมของฝรัง่ เศสในปี พ.ศ. 2426-2497 ก็ส฽งผลใหพ฾ ุทธศาสนาที่กําลังเจริญรุ฽งเรืองได฾หยุดชะงัก ลงไป พุทธศาสนาถูกจําจัดในการเผยแผ฽ คัมภีรแทางพุทธศาสนายังถูกนําไปทําลายอีกด฾วย แม฾ชาว พทุ ธในเวียดนามจะพยามยามฟืน้ ฟแู ละเผยแผแ฽ ต฽ก็ถูกต฽อต฾าน เช฽น ถูกห฾ามไม฽ให฾ต้ังวัดเพิ่ม ไม฽ให฾มีการ บวชพระ ผ฾ูที่จะเป็นข฾าราชการจะต฾องเปลี่ยนศาสนาเสียก฽อนถึงจะได฾รับการแต฽งต้ัง เป็นต฾น ท้ังนี้ เพราะฝรั่งเศสตอ฾ งการนาํ เอาศาสนาคริสตนแ ิกายโรมนั คาทอลิกมาแทนทีศ่ าสนาพุทธในเวียดนาม หลังจากเวียดนามได฾รับเอกราชจากฝร่ังเศสแล฾ว แทนที่สถานการณแทางพุทธศาสนาจะดีขึ้น แต฽กลับเลวร฾ายลงไปอีก เพราะเวียดนามถูกปกครองด฾วยระบบคอมมิวนิสตแที่ถือได฾ว฽าเป็นภัยต฽อพุทธ ศาสนา เพราะมีการจํากดั และกดขีข่ ม฽ เหงในเรื่องการนับถือศาสนา จนต฾องมีการรวมตัวกันเดินขบวน ประท฾วง ซึ่งนําโดยพระภิกษุ สามเณร และแม฽ชีเพื่อปกปูองพระพุทธศาสนา ในปี พ.ศ. 2506 พระมหา เถระชาวเวียดนามคือ \"พระติช๊ กวางด๊กึ \" จากวัดเทียนหม฽ู ซึง่ อยู฽เมืองเว฾ ทนเห็นความโหดร฾ายทารุณที่ รัฐบาลปราบปรามชาวพุทธไม฽ไหว จึงได฾ยอมสละชีวิตด฾วยการจุดไฟเผาตนเองตายที่หน฾าสถานทูต กัมพูชาในกรุงไซ฽ง฽อน (ปใจจุบันคือเมืองโฮจิมินหแ) เพื่อให฾รัฐบาลหยุดปราบปรามชาวพุทธและรักษา พระพุทธศาสนาไว฾ นับว฽าท฽านเปน็ พระสงฆแรปู แรกที่อุทิศชีวติ เพื่อปกปูองพทุ ธศาสนา เม่ือภาวะทางการเมืองเริ่มสงบ รัฐบาลได฾ลดการจํากัดสิทธิการนับถือศาสนา ชาวพุทธจึง พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นใหม฽จนมีอย฽ูหลากหลายนิกายในปใจจุบัน อาทิ พุทธศาสนาแบบจีน เธียน (เซน, ฌาน), แบบเถรวาท, แบบหินยาน, นิกายดินหแโต, นิกายขัตสี ฯลฯ ซึ่งต฽างก็อยู฽ร฽วมกัน อย฽างสงบสุข วัดหรือที่ภาษาเวียดนามเรียกว฽า \"จ่ัว\" หรือ \"ตื้อ\" ได฾กลายเป็นศูนยแกลางการศึกษาของ ชนชั้นทุกระดับ เป็นที่พึ่งของชุมชน และยังเป็นสถานที่ชุมนุมของชาวพุทธในการพบปะปรึกษาหารือ กิจกรรมต฽าง ๆ ทั้งในด฾านศาสนาและการเมอื ง โดยมีพระสงฆแเป็นศูนยแรวมจิตใจของประชาชน (กานตแ จอมอนิ ตา 2557) ศาสนาคริสต์ : ที่เข฾ามาเผยแผ฽ในเวียดนามน้ันได฾แก฽ศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่ง หมอสอนศาสนาได฾นําเข฾ามาเผยแผ฽ทางตอนเหนือของเวียดนามในปี 1533 และเข฾ามาสู฽ตอนกลางของ เวียดนามในปี 1596 แต฽ก็ไม฽ได฾รับการยอมรับมากนัก จนในปี 1615 คณะหมอสอนศาสนาชาว

85 โปรตุเกสก็ได฾เผยแผ฽ศาสนาคริสตแอย฽างถาวรในเมืองโฮ฽ยอัน ดานัง และฮานอย ทําให฾คนเวียดนาม บางส฽วนจากหลายชนชั้นเริ่มหันมานับถือศาสนาคริสตแมากขึ้น ซึ่งก็ทําให฾ชนชั้นปกครองของเวียดนาม เกิดความวิตกว฽า ศาสนาใหม฽นี้จะเป็นภัยต฽อระเบียบสังคม ความเชื่อและพิธีกรรมด้ังเดิมที่มีความเชื่อ เร่ืองนรกสวรรคแ และการบูชาพรรพชน จึงได฾ออกกฎหมายห฾ามนับถือศาสนาคริสตแในเวียดนามเหนือ ขึ้นระหว฽างปี 1712-1720 และในปี 1750 หมอสอนศาสนาที่เผยแผ฽อยู฽ทางตอนใต฾ของเวียดนามก็ถูก ส฽งกลบั ไป ทาํ ให฾สถานการณแของศาสนาคริสตแในเวียดนามนั้นไม฽ส฾ูดีนัก ผ฾ูปกครองของเวียดนามหลาย ท฽านได฾ต฽อตา฾ นและปราบปรามคนทีน่ ับถือศาสนาคริสตแ จนมีผ฾ูนับถือศาสนาคริสตแต฾องพลีชีพเพื่อดํารง ไว฾ในศาสนาคริสตแไปหลาย คนการปราบปราบดังกล฽าวสิ้นสุดลงเม่ือปี 1885 เม่ือฝร่ังเศสเข฾ามามี อํานาจปกครองเหนอื เวียดนาม จนกระท่งั ในปี 1975 ศาสนาคริสตแก็ได฾รับการรับรองตามกฎหมายของ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งก็ได฾ให฾เสรีภาพในการนับถือศาสนา ทําให฾กิจกรรมทางคริสตแ ศาสนาเริ่มกลับมาปฏิบัติกันอีกครั้ง จนในอีก 10 ปีถัดมา รัฐบาลเวียดนามก็ลดการเข฾มงวดและผ฽อน ปรนมากขึ้น สังเกตได฾จากการที่อนญุ าตให฾มีการบวชพระ และสอนศาสนาตามโบสถแในหม฽ูบ฾านแถบที่มี การนบั ถือศาสนาครสิ ตแได฾ ศาสนาอิสลาม : ในประเทศเวียดนามมีการนับถือกันอยู฽ไม฽มากนัก มีเพียงชุมชนเล็ก ๆ เท฽าน้ัน ส฽วนใหญ฽จะเปน็ กลุ฽มชาวจาม และชาวเอเชียใต฾ ชาวมุสลิมในเวียดนามนี้ไม฽ค฽อยปฏิบัติเคร฽งครัด ตามหลักศาสนาเหมือนชาวมุสลิมในประเทศตา฽ ง ๆ เท฽าใดนกั เช฽น ไม฽ได฾เดินทางไปแสวงบุญ หรือทําพิธี ฮัจญแที่นครเมกกะ ประเทศซาอดุ ิอาระเบีย จะสวดมนตแเฉพาะในวนั ศุกรแ และถือศีลอดเพียงแค฽ 3 วันใน เดือนรอมฎอน แมว฾ ฽าจะไม฽กินเน้ือหมู แต฽ก็มีการดื่มสุรา และยังมีพิธีกรรมทางศาสนาที่ผสมไปกับฮินดู และลทั ธิวิญญาณนิยมอกี ด฾วย ศาสนาขงจ้ือ : ถูกนําเข฾ามาในเวียดนามกว฽า 2,000 ปีมาแล฾ว ขงจ้ือในอดีตนั้นมีอิทธิพลต฽อ ระบบการคิด และการเมืองการปกครองของชาวเวียดนามเป็นอย฽างมาก ดังจะเห็นได฾จากการนําเอา ความร฾ูทางศาสนาขงจ้ือมาเป็นข฾อสอบในการสอบเข฾ารับราชการต้ังแต฽ปี ค.ศ. 1076-1919 นอกจากนี้ ยังมีการนาํ เอาความรู฾ทางศาสนาพุทธ เตเา และเตนิ เยามาเป็นข฾อสอบด฾วย ดงั น้ันจึงทําให฾ศาสนาขงจ้ือ ได฾รับความนิยมโดยปริยาย แม฾ว฽าในปใจจุบันเวียดนามจะหลุดพ฾นจากอํานาจการปกครองของจีนแล฾ว แต฽หลักปรัชญาคําสอนของศาสนาขงจ้ือก็ยังคงอยู฽ในจิตวิญญาณของชาวเวียดนามไม฽เสื่อมคลาย (สรณี วงศเแ บีย้ สัจจแ 2549 : 83-90) ศาสนาในประเทศสิงคโปร์ ประเทศสิงคโปรแเป็นประเทศเลก็ ๆ มีประชากรประมาณ 5.2 ล฾านคน ส฽วนใหญ฽นับถือศาสนา พุทธร฾อยละ 33.9 นับถือศาสนาอิสลามร฾อยละ 14.3 นับถือศาสนาเตเาร฾อยละ 11.3 นับถือศาสนา คริสตแนิกายโรมันคาทอลิกร฾อยละ 7.1 นับถือศาสนาคริสตแนิกายอื่น ๆ ร฾อยละ 11 นับถือศาสนาอื่น ๆ

86 ร฾อยละ 0.7 และไม฽นับถือศาสนาใดเลยร฾อยละ 16.5 (สํานักอาเซียน กรมการเจรจาการค฾าระหว฽าง ประเทศ 2016) ประเทศสิงคโปรแแม฾จะเป็นประเทศเลก็ ๆ และมีจํานวนประชากรไม฽มากนักเม่ือเทียบกับ ประเทศอน่ื ในอาเซียน แต฽ก็มีกล฽ุมชาติพันธุแอาศัยอย฽ูถึง 4 กล฽ุม ซึ่งแต฽ละกล฽ุมก็มีการนับถือศาสนาต฽าง ๆ ดงั น้ี 1. กลุ่มชาติพันธ์ุจีน ที่ได฾อพยพเข฾ามาอาศัยในประเทศสิงคโปรแนั้น ในปใจจุบันเป็นประชากร ส฽วนใหญ฽ของประเทศ และได฾นาํ เอาความเชอ่ื เกีย่ วกบั พระพุทธศาสนานิกายมหายานเข฾ามาด฾วย เป็นผล ทําให฾พุทธศาสนานิกายมหายานได฾ฝใงรากลึกและเจริญร฽ุงเรืองในแผ฽นดินของสิงคโปรแมาจนถึงปใจจุบันนี้ สังเกตได฾จากการที่จัดให฾มีกิจกรรมทางพุทธศาสนาอย฽างสมํ่าเสมอ เช฽น เปิดการเรียนการสอนทาง พุทธศาสนา ต้ังโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตยแ มีการจัดกิจกรรมบรรยายความรู฾ทางพุทธศาสนาตาม สถาบันการศึกษาต฽าง ๆ มีการจดั ตงั้ องคแกรพุทธยานแห฽งสิงคโปรแ ฯลฯ และยังมีวัดทางพุทธศาสนาอยู฽ หลายแห฽ง เพื่อเป็นสถานเผยแผ฽ และประกอบกิจกรรมทางพุทธศาสนา (วีณแ วุฒิชัยและคณะ 2556 : 35-36) นอกจากพระพุทธศาสนานิกายมหายานจะได฾รับการนับถือและเจริญในประเทศสิงคโปรแแล฾ว พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทก็ยังมีผ฾ูนับถือและเผยแผ฽อย฽ูในสิงคโปรแด฾วยเช฽นกัน โดยนําเข฾าไปจาก ประเทศไทยและศรีลังกา ในสิงคโปรแมีวัดไทยที่สําคัญอย฽ู 2 วัด คือ วัดอนันทเมตยาราม สร฾าง เมื่อ พ.ศ. 2475 และวัดปุาเลไลยกแ สร฾างเม่อื 2506 (วิกิพีเดีย. 2560)(3) กล฽ุมชาติพันธุแจีนนี้นอกจากจะนับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน และเถรวาทแล฾ว ยังนับถือ ศาสนาเตเาอีกด฾วย ด฾วยหลักคําสอนของศาสนาเตเาที่มุ฽งให฾ใช฾ชีวิตไปตามวิถีแห฽งธรรมชาติ ให฾รัก สันโดษ จึงทําให฾ศาสนาเตเาได฾ผสมผสานกับหลักการทางพุทธศาสนาได฾อย฽างกลมกลืน ทําให฾ใน ปใจจบุ ันหลกั ปรชั ญาของศาสนาเตาเ กย็ งั คงมีอทิ ธิพลอยู฽ในสงั คมของชาวสิงคโปรแอย฽ูไม฽น฾อย 2. กลุ่มชาติพันธุ์มาลายู ได฾อพยพมาจากทางตอนใต฾ของอินเดีย เข฾ามาอาศัยอยู฽ในประเทศ สิงคโปรแพร฾อมกับนําความเชื่อศาสนาอิสลามเข฾ามาด฾วย ศาสนาอิสลามของชาวมาลายูนี้นอกจากจะ เป็นหลักคําสอนทางศาสนาแล฾ว ยังเป็นเสมือนกฎหมายในการดําเนินชีวิตอีกด฾วย ซึ่งกลุ฽มชาติพันธุแ มาลายูที่เข฾ามาอาศัยในสิงคโปรแนี้เข฾ามาด฾วยเหตุผล 2 ประการด฾วยกันคือ เพื่อแสวงหาโอกาสในการ งานที่จะทําให฾ชีวิตดีขึ้น และเพื่อลงเรือไปยังนครเมกะเพื่อแสวงบุญ ด฾วยเหตุนี้หลาย ๆ คนจึงได฾ต้ังถิ่น ฐานอย฽างถาวรในสิงคโปรแ 3. กล่มุ ชาติพันธ์ุอินเดีย อพยพมาจากตอนใต฾ของอินเดียแถบอ฽าวเบงกอล โดยมากจะนับ ถือศาสนาอิสลาม บางส฽วนนับถือศาสนาฮินดูและบางส฽วนก็นับถือศาสนาโซโรอัสเตอรแ ซึ่งเป็นศาสนา ด้ังเดิมที่นับถือกันอยู฽ในประเทศอิหร฽าน ศาสนาโซโรแอสเตอรแนี้จะมีการบูชาพระอาทิตยแตลอดท้ัง กลางวันและกลางคนื ดังนน้ั ไฟจงึ เป็นสญั ลกั ษณแสําคัญของศาสนานี้ 4. กลมุ่ ชาติพันธุอ์ ื่น ๆ กล฽ุมนีโ้ ดยมากจะเปน็ ชาวตะวันตกทีไ่ ด฾นําศาสนาคริสตแเข฾ามาในช฽วงที่ เข฾ามาติดตอ฽ ค฾าขาย ตอ฽ มาก็ได฾รับความนยิ มเพิม่ ข้นึ เร่อื ย ๆ โดยการเผยแผ฽ของบาทหลวงน้ันจะเน฾นการ

87 สอนที่ค฽อนข฾างทันสมัย ซึ่งตา฽ งไปจากศาสนาอืน่ ๆ กล฽าวคือ จะเน฾นกล฽าวสอนถึงศักยภาพของแต฽ละคน ว฽าคนเรามีศักยภาพที่จะประสบความสําเร็จได฾ และเน฾นการสร฾างความสุขให฾กับตนเอง (komchadluek 2553) ศาสนาในประเทศฟิลิปปินส์ ประชาชนส฽วนใหญ฽นับถือศาสนาคริสตแร฾อยละ 92 นับถือศาสนาอิสลามร฾อยละ 5 นับถือ ศาสนาพราหมณ-แ ฮินดรู อ฾ ยละ 2 และนบั ถือศาสนาพุทธร฾อยละ1.5 (ศูนยแอาเซียนศกึ ษา (มจร.) 2558) ศาสนาพุทธ : ศาสนาพุทธนิกายมหายานเข฾ามาเผยแผ฽ในประเทศฟิลิปปินสแโดยชาวจีน และ ชาวเวียดนาม โดยก฽อนหน฾าน้ันคนฟิลิปปินสแนับถือศาสนาคริสตแตามแบบของสเปนและอเมริกา เพราะ เวียดนามเคยตกเป็นเมืองขึ้นของสองประเทศนี้มาก฽อน ศาสนาพุทธในประเทศฟิลิปปินสแนี้จะมีการนับ ถือกันอย฽ูในย฽านที่มีชาวจีนและชาวเวียดนามอาศัยอย฽ู เช฽น เมืองมนิลา และตามเมืองใหญ฽ ๆ ใน ฟิลิปปินสแมีนติ ยสารทางพทุ ธศาสนาชื่อ “พู่ทซี ”ู่ (ต฾นโพธิ)์ ซึง่ ชาวจีนโพ฾นทะเลในฟิลิปปินสแนิยมอ฽านกัน มาก นิตยสารฉบับนีม้ ีเน้อื หาธรรมะง฽าย ๆ เชน฽ สารคดี ปาฐกถา บทวิจารณแ นิทานชาดก ปริศนาธรรม สอนพระพทุ ธศาสนาเบือ้ งตน฾ ขา฽ วสารทางพระพทุ ธศาสนารอบโลก และยังมีบทความภาษาอังกฤษอีก ด฾วย ปใจจุบันได฾มีคณะสงฆแจากประเทศต฽าง ๆ ซึ่งส฽วนใหญ฽เป็นนิกายมหายานและวัชรยาน ซึ่งมีความ ใกล฾ชิดกับความเป็นชุมชนชาวจีนมากกว฽า เข฾ามาเผยแผ฽ศาสนาในฟิลิปปินสแ เช฽น คณะสงฆแไต฾หวัน โดยท฽านซิง หยวน (Ven. Master Hsing Yun) แหง฽ วดั โฝวกงซัน ได฾ให฾ศิษยแในสายงานของท฽านไปเผยแผ฽ ต้ังวดั อยู฽ในชมุ ชนชาวจีนหรอื เขตทีม่ คี นจีนอาศัยอยู฽ (วิกิพีเดีย 2559)(4) ศาสนาอิสลาม : เริ่มเข฾ามาสู฽คนพื้นเมืองฟิลิปปินสแเม่ือคริสตแศตวรรษที่ 14 โดยชนชาว อาหรับได฾เข฾ามาระหว฽างที่มีการติดต฽อค฾าขายกับฟิลิปปินสแ ปใจจุบันศาสนาอิสลามเริ่มมีบทบาท และ อิทธิพลต฽อวิถีชีวิตของชาวฟิลิปปินสแมากขึ้น กล฽ุมนี้จะเรียกตนเองว฽า “โมโร” อยู฽ทางตอนใต฾ของ ประเทศฟิลิปปินสแในเกาะมินดาเนา และเกาะซลู ู (บ฾านจอมยทุ ธ 2543) ศาสนาคริสต์ : ในประเทศฟิลิปปินสแน้ันมีทั้งศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิก และนิกาย โปเตสแตนตแ นาํ เข฾ามาเผยแผ฽โดยชาวสเปน และอเมริกาซึ่งเข฾ามามีอํานาจปกครองเหนือฟิลิปปินสแ โดย นิกายโรมันคาทอลิกจะมีผู฾ที่นับถือมากที่สุด ด฾วยความที่ฟิลิปปินสแเป็นประเทศที่มีประชากรนับถือ ศาสนาครสิ ตแมากทีส่ ุดเปน็ อนั ดับต฾น ๆ ของโลก และเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต฾ จึงทําให฾ มีพระคาดนิ ัลดแ ซึ่งเป็นพระระดบั สงู ถึง 2 รูป ท฽านยังเป็นผู฾ที่มีบทบาททางการเมืองในประเทศฟิลิปปินสแอีกด฾วย เหตุผลหลักที่ทําให฾คน ฟิลิปปินสแนับถือศาสนาครสิ ตแนกิ ายโรมนั คาทอลิกมากกว฽านิกายโปเตสแตนตแนั้น เพราะผ฾ูที่นับถือนิกาย โรมันคาทอลิกจะได฾รับการยกเว฾นภาษี และผลประโยชนแต฽าง ๆ จากรัฐ นับได฾ว฽าศาสนาคริสตแนั้นมี

88 ความสําคัญต฽อชาวฟิลิปปินสแเป็นอย฽างมาก เพราะไม฽เพียงแต฽จะเป็นหลักที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแล฾ว ยัง ส฽งผลใหไ฾ ด฾รับความมนั่ คงในการดําเนินชีวติ อีกด฾วย (วรางคณา นิพทั ธแสขุ กิจ 2553 : 31) ศาสนาในประเทศบรูไน ประเทศบรูไนมผี น฾ู ับถือศาสนาอสิ ลามนิกายซนุ นีร฾อยละ 67 นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ร฾อยละ 13 นับถือศาสนาคริสตแร฾อยละ 10 นับถือศาสนาอื่น ๆ และไม฽มีศาสนาร฾อยละ 10 เดิมน้ันคน บรูไนนับถือความเชื่อด้ังเดิม คือ เชื่อในสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ มีพิธีกรรมการบูชายัญต฽อสิ่งที่เหนือ ธรรมชาติด฾วยสัตวแที่มีชีวิต ต฽อมาศาสนาอิสลามได฾เข฾ามาเผยแผ฽และกลายเป็นศาสนาประจําชาติใน ปใจจบุ นั แม฾วา฽ จะมีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจําชาติ แต฽ประชาชนชาวบรูไนก็สามารถที่จะเลือกนับ ถือศาสนาได฾อย฽างเสรี (ตลยา เทียนทอง 2557 : 22) ศาสนาอิสลาม : เข฾ามาเผยแผ฽และรุ฽งเรืองอยู฽ในประเทศบรูไนตั้งแต฽คริสตแศตวรรษที่ 15 พบว฽าสุลต฽านทุกพระองคแน้ันเป็นผ฾ูที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งสิ้น โดยเฉพาะพระองคแปใจจุบันทรงได฾รับ การอภิบาลตามแบบอิสลามประเพณี ในสายตาและความร฾ูสึกของประชาชนน้ัน พระองคแเป็นผู฾ที่มี ความเคร฽งครัดในศาสนาเปน็ อย฽างยิ่ง ทรงเป็นแบบอย฽างของประชาชนในการอุทิศตนเพื่อฮัลลอฮุ เช฽น การละหมาด การทําพธิ ีฮัจญแ ณ นครเมกะ ประเทศซาอดุ ิอาระเบียถึง 6 คร้ัง และสิ่งที่เป็นเคร่ืองยืนยัน ถึงพระราชศรัทธาของพระองคแต฽อศาสนาอิสลามอีกอย฽างหนึ่งคือ ในโอกาสงานเฉลิมฉลองการ ครองราชยแครบ 25 ปีนั้น พระองคแทรงมีพระดํารัสว฽า “พระองคแจะยึดม่ันในศาสนาอิสลาม ศาสนา อิสลามเป็นศาสนาประจําชาติ ประจําพระราชวงศแและประจําตระกูลของข฾าราชบริพาร อีกทั้งเป็น ศาสนาของประชาชนท่วั ไปอีกด฾วย” (ตลมนรรจแ บากา และชัยวัฒนแ มีสัณฐาน 2557 : 106-107) ศาสนาพุทธ : เริ่มเข฾ามาเผยแผ฽ในประเทศบรูไนต้ังแต฽ศตวรรษที่ 7 ซึ่งเป็นสมัยอาณาจักรศรี วิชัย จนถึงพทุ ธศตวรรษที่ 20 ก็แทบจะไม฽มีปรากฏให฾เห็นว฽ามีการนับถืออย฽ู จนกระท่ังมีชาวจีนอพยพ เข฾ามาสู฽ดินแดนของประเทศบรูไนกไ็ ด฾มนี าํ พุทธศาสนานิกายมาหายานเข฾ามาด฾วย จึงทําให฾ศาสนาพุทธมี ประชากรที่นับถือเพิ่มมากขึ้น ปใจจุบันก็มีท้ังชาวญี่ปุน ชาวไทย และอื่น ๆ เข฾าไปอาศัยอยู฽ แม฾ว฽า ประเทศนี้จะมีชาวพุทธเพียงร฾อยละ 13 เท฽านั้น แต฽ก็สามารถสร฾างความหลากหลายทางวัฒนธรรม ของประเทศบรูไนได฾เปน็ อย฽างดี (กรมการศาสนา 2555 : 30) ศาสนาในประเทศมาเลเซีย ประเทศมาเลเซียมีผ฾ูนับถือศาสนาอิสลามร฾อยละ 60 นับถือศาสนาพุทธร฾อยละ 19 นับถือ ศาสนาครสิ ตแร฾อยละ 12 นบั ถือศาสนาฮนิ ดูร฾อยละ 6.3 นับถือศาสนาขงจ๊ือและเตเาร฾อยละ 1.3 นับถือ ศาสนาอ่นื ๆ ร฾อยละ 2 และไม฽นับถือศาสนาใดเลยร฾อยละ 6.1 (วิกิพีเดีย 2560)(5)

89 ศาสนาอิสลาม : มาเลเซียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ใช฾ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจําชาติ รวมท้ังใช฾หลักอิสลามในการดําเนินชีวิตและพัฒนาประเทศจนก฾าวเข฾าเป็นประเทศที่พัฒนาแล฾ว ทั้งนี้ เป็นเพราะประเทศมาเลเซียส฽วนใหญ฽มีประชากรเป็นมุสลิม รัฐบาลจึงให฾ความสําคัญกับศาสนาอิสลาม เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชน (ศูนยแศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล 2560) ศาสนา อิสลามแผ฽ขยายเข฾ามาในคาบสมุทรมาลายูคร้ังแรกผ฽านพ฽อค฾าชาวอาหรับและอินเดียที่เดินทางมา ค฾าขายในคริสตแศตวรรษที่ 13 และได฾กลายเป็นส฽วนหนึ่งสังคม รวมถึงปรากฏอย฽ูในสถาปใตยกรรม อาหาร และวิถีชีวิตของชาวมาเลเซีย (สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน 2556) ปใจจุบันศาสนา อิสลามได฾เข฾าไปมีบทบาทในการดําเนินชีวิตของชาวมาเลเซียทั้งใน ทางโลกและทางธรรม มี กระบวนการอิสลามภิวัตนแเกิดขึ้นต้ังแต฽ปลายคริสตแศตวรรษที่ 19 จนถึงปใจจุบัน ศาสนาอิสลามจึงเป็น ศาสนาที่เปน็ ตัวชีว้ ัดสําคัญในทางการเมืองทีส่ ง฽ ผลต฽อเสียงสนบั สนุนของรัฐบาลทีไ่ ด฾จากประชาชน อิสลามภิวัตนแ เป็นกระบวนการเคลื่อนไหวของศาสนาอิสลาม โดยมีวัตถุประสงคแให฾เกิดการ สอนศาสนาอิสลาม ให฾ศาสนาอิสลามเข฾าไปอย฽ูในการเมือง เศรษฐกิจ องคแกรทางสังคม ระบบ การศึกษา คุณค฽าทางศีลธรรม ตลอดจนทุกแง฽มุมของชีวิต อิสลามภิวัตนแจึงเป็นการสร฾างสังคมใหม฽ที่ อทุ ิศให฾กับหลกั คําสอนของศาสนาอสิ ลามนั่นเอง (แพร ศริ ิศักดิด์ ําเกิง 2557 : 138) ศาสนาพุทธ : จากหลักฐานทางประวัติศาสตรแ พุทธศาสนานิกายเถรวาทเข฾าสู฽มาเลเซีย ตั้งแตพ฽ ทุ ธศตวรรษที่ 3 แต฽ไม฽ได฾รับการนับถือเท฽าใดนัก ต฽อมาในพุทธศตวรรษที่ 12 พุทธศาสนานิกาย มหายานก็ได฾เข฾ามาเผยแผ฽ในมาเลเซีย แต฽ความร฽ุงเรืองของพุทธศาสนาแบบมหายานก็มีระยะเวลาที่ไม฽ นานนัก เหตุเพราะว฽าเม่ือ พระเจ฾าปรเมศวรแห฽งอาณาจักรมะละกา ทรงอภิเษกกับเจ฾าหญิงแห฽งปาไซที่ เป็นมุสลิม พระองคแก็ได฾ละทิ้งศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธไปเข฾ารีตศาสนาอิสลาม อีกท้ังต฽อมาใน รัชกาลของสุลต฽านมัลโซรแชาหแ พระองคแก็ทรงมีความเลื่อมใสในศาสนาอิสลาม จึงทําให฾ราษฎรเข฾ารีต ศาสนาอิสลามตามพระองคแด฾วย แต฽เน่ืองจากยังมีชาวไทยและชาวจีนที่อาศัยอยู฽ในมาเลเซียทางเหนือ คือ รัฐเกดะหแ กลันตัน และปะลิสมาเป็นเวลานาน ต฽างก็ได฾พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให฾มีความ เจริญข้ึน ซึ่งชาวจีนได฾ให฾การสนบั สนุนทางการเงินด฾วย การเผยแผ฽ศาสนาพุทธในประเทศมาเลเซียน้ันมกั จะมอี ุปสรรค เพราะว฽าในประเทศมาเลเซียมี สภาการศาสนาชาวมุสลิม (Muslim Religious Council) ที่คอยบริหาร และดูแลผลประโยชนแของชาว มุสลิม ฉะนั้น การจะเผยแผ฽และชักจูงให฾ชาวมาลายูหันมานับถือศาสนาพุทธนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทําได฾ยาก มาก แม฾จะมีการเรียกร฾องจากศาสนาต฽าง ๆ ให฾แต฽ละศาสนาได฾มีอํานาจปกครองตนเองเหมือนใน ประเทศไทย แต฽ก็ถูกปฏิเสธจากทางภาครัฐของมาเลเซีย ซึ่งในมาเลเซียนั้นพระสงฆแไม฽สามารถ บิณฑบาตได฾ เพราะขัดกับกฎหมายของมาเลเซีย ปใจจุบันคนที่นับถือศาสนาพุทธจึงมีเฉพาะคนที่มีเชื้อ สายจีน ลังกา พม฽า และไทย ส฽วนวัดในทางพุทธศาสนานั้นก็มีทั้งวัดไทย วัดพม฽า วัดลังกา และวัด จนี กระจายอย฽ูในเขตที่มชี าวพุทธอาศัยอย฽ู วัดไทยที่สําคัญเช฽น วัดเชตวันในกรุงกัวลาลัมเปอรแ วัดนี้เป็น

90 ความร฽วมมือของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาเลเซีย สร฾างตามแบบของสถาปใตยกรรมไทยที่มีความ สวยงามเป็นอย฽างมาก วัดไชยมังคลารามในเมืองปีนัง วัดนี้ประดิษฐานพระพุทธไสยาสนแ และวิหาร พระพทุ ธเจดียแ (วิกิพีเดีย 2560)(6) ศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู : เชื่อว฽าเข฾ามาส฽ูดินแดนมาเลเซียนานแล฾ว คนที่นับศาสนาฮินดู โดยมากจะเปน็ ชาวอินเดียเช้ือสายทมิฬ ในมาเลเซียนั้นมีวัดพราหมณแอย฽ูหลายวัด แต฽วัดที่ถือว฽าสําคัญ และเป็นศูนยแรวมศรัทธาของชาวฮินดูคือ “วัดถ้ําบาตู” ต้ังอย฽ูห฽างไปทางตอนเหนือของเมือง กวั ลาลัมเปอรแประมาณ 14 กิโลเมตร ศาสนาในประเทศติมอรเ์ ลสเต ประเทศติมอรแเลสเต มีชื่อเต็มว฽า สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอรแเลสเต (The Democratic Republic of Timor-Leste) ตั้งอย฽ูทางตะวันออกของหมู฽เกาะอินโดนีเซีย มีพื้นที่ 15,007 ตาราง กิโลเมตร จากการสํารวจเม่ือปี พ.ศ. 2557 พบว฽ามีประชากร 1,201,542 คน เดิมน้ันติมอรแเลสเตเคย ตกอยู฽ภายใต฾อาณานิคมของโปรตุเกสมาต้ังแต฽ปี พ.ศ. 2063 หลังจากโปรตุเกสได฾ถอนกําลังออกไปใน ปี พ.ศ. 2518 ทางการอินโดนีเซียก็ได฾เข฾ามามีอํานาจปกครองเหนือติมอรแเลสเต ต฽อมาในวันที่ 30 สิงหาคม 2542 ทางการอินโดนีเซียได฾จัดให฾มีการลงประชามติว฽าติมอรแเลสเตจะแยกเป็นเอกราชจาก อินโดนีเซียหรือไม฽ ผลปรากฏว฽าประชากรร฾อยละ 80 อยากแยกตัวออกจากอินโดนีเซีย แต฽ก็มี บางส฽วนที่ไม฽ยินยอม ซึ่งโดยมากเป็นกลุ฽มที่นิยมอินโดนีเซีย จึงได฾ก฽อการจลาจลขึ้น ทําให฾ สหประชาชาติตอ฾ งสง฽ กองกําลงั เข฾าไปรักษาสนั ติภาพในติมอรแเลสเต ในที่สุดติมอรแเลสเตก็ได฾รับเอกราช จากอินโดนีเซียในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 (สถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตรแ 2560) ประชากรส฽วนใหญ฽ของประเทศติมอรแเลสเตนับถือศาสนาคริสตแ โดยแบ฽งเป็นศาสนาคริสตแ นิกายโรมันคาทอลิกร฾อยละ 96.5 ศาสนาคริสตแนิกายโปรเตสแตนตแร฾อยละ 2.2 นับถือศาสนาดั้งเดิม คือผีหรอื ไสยศาสตรแรอ฾ ยละ 2.2 นบั ถือศาสนาอสิ ลามร฾อยละ 0.3 นบั ถือศาสนาพุทธร฾อยละ 0.06 นับ ถือศาสนาพราหมณแ-ฮินดูร฾อยละ 0.02 และนับถือศาสนาอื่น ๆ ร฾อยละ 0.08 (วิกิพีเดีย 2560)(7) แมว฾ ฽าในปจใ จบุ นั ประชากรส฽วนใหญ฽ของประเทศจะนับถือศาสนาคริสตแ แต฽รัฐธรรมนูญก็ไม฽ได฾ ระบุให฾ศาสนาใดศาสนาหนึ่งเปน็ ศาสนาประจาํ ชาติ และศาสนาด้ังเดิมของติมอรแเลสเตก็ยังมีอิทธิพลต฽อ ความเชื่อและการดําเนินชีวิตของคนในประเทศนี้อย฽ูไม฽น฾อย ดูได฾จากตํานานกําเนิดเกาะติมอรแเลสเตที่ กล฽าวไว฾ว฽า มีเด็กชายคนหน่งึ ไปพบกบั ไข฽ของจระเข฾ และเม่ือไข฽ได฾ฟใกตัวออกมาท้ังคู฽ก็ได฾กลายเป็นเพื่อน รักกัน ต฽อมาจระเข฾ได฾ตายไปก฽อนและกลายมาเป็นเกาะติมอรแเลสเตในปใจจุบัน ด฾วยเหตุนี้คนติมอรแ เลสเตจงึ ให฾ความเคารพในจระเข฾มาก เพราะเชอ่ื เป็นผู฾ให฾กําเนิดประเทศของพวกเขา (พรชัย สุจิต 2557 : 13)

91 สําหรับศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิกที่ชาวติมอรแเลสเตนับถือเป็นอันดับหนึ่งนั้น เข฾ามาส฽ู ติมอรแเลสเตต้ังแต฽คริสตแศตวรรษที่ 16 และเม่ือ ค.ศ. 1975 ที่เกิดเหตุการณแที่ทางการอินโดนีเซียได฾ส฽ง กองกําลังเข฾าไปยึดครองดินแดนของติมอรแเลสเต ศาสนาคริสตแนิกายโรมันคาทอลิกก็ได฾มีบทบาทเป็น อย฽างมากในการเป็นแกนนําต฽อต฾านอํานาจของอินโดนีเซีย ทําให฾ชาวติมอรแเลสเตหันเข฾ามานับถือ ศาสนาครสิ ตแมากขึ้นดว฾ ย (สิทธา เลิศไพบูลยแศิริ และ อรพรณ ลีนะนิธิกุล 2555 : 17) ศาสนาในประเทศไทย จากการสํารวจเม่อื ปี พ.ศ. 2557 ประชากรในประเทศไทยนับถือศาสนาพุทธร฾อยละ 94.5 นับถือศาสนาอิสลามร฾อยละ 4.2 นับถือศาสนาคริสตแร฾อยละ 1.1 และนับถือศาสนาอื่น ๆ ร฾อยละ 0.1 โดยสัดส฽วนของการนับถือศาสนาต฽าง ๆ ในแต฽ละภาคคิดเป็นร฾อยละแล฾วพบว฽า ศาสนาพุทธมีผ฾ูนับถือ มากที่สุดในภาคกลาง ศาสนาคริสตแมีผ฾ูนับถือมากที่สุดในภาคเหนือ ส฽วนศาสนาอิสลามน้ันมีผู฾นับถือ มากทีส่ ดุ ในภาคใต฾ของประเทศไทย ศาสนาอิสลาม : ชาวมุสลิมเป็นประชากรขนาดใหญ฽ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประเทศไทย ใน บริเวณสีจ่ ังหวัดชายแดนภาคใต฾ ได฾แก฽ จังหวดั ปใตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล ตลอดจนบางส฽วนของ จังหวัดสงขลาและชุมพร ประชากรมุสลิมในไทยมีความหลากหลายและมีวัฒนธรรมที่แตกต฽างกัน โดยมีกลุ฽มเช้ือชาติอพยพเข฾ามาจากจีน ปากีสถาน กมั พูชา บังกลาเทศ มาเลเซีย และอนิ โดนีเซีย ศาสนาคริสต์ : ถูกนําเข฾ามาเผยแผ฽โดยมิชชันนารีชาวยุโรปต้ังแต฽สมัย อาณาจักร อยุธยา ประมาณคริสตแทศวรรษ 1550 (พ.ศ. 2093) ศาสนาคริสตแมีบทบาทสําคัญในการพัฒนา ประเทศให฾ทันสมัย โดยเฉพาะอย฽างยิ่งในสถาบันสังคม การศึกษา สาธารณสุข และเทคโนโลยี ปใจจุบันประเทศไทยมีองคแกรคริสตจักรที่กรมการศาสนารับรองอย฽ู 5 องคแกร ได฾แก฽ สภาประมุขแห฽ง บาทหลวงโรมันคาทอลิกแหง฽ ประเทศไทย สภาคริสตจักรในประเทศไทย สหกิจคริสเตียนแห฽งประเทศไทย มูลนิธิคริสตจักรคณะแบ฿บติสตแ และ มูลนิธิครสิ ตจักรวันเสารแแหง฽ ประเทศไทย คริสตแศาสนิกชนส฽วนใหญ฽อาศัยอยู฽ตามภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ทวั่ ทกุ จังหวดั ในประเทศไทย ปใจจบุ นั มีจาํ นวนคริสตศแ าสนิกชนรวมกันราว 820,000 คน (อันดับที่ 3 ใน ประเทศไทย) ศาสนสถานรวมกันราว 5,500 แห฽งท่ัวประเทศ ประกอบด฾วย 2 นิกาย ได฾แก฽ โปรเตสแตนตแ และโรมันคาทอลิกส฽วนนิกายอีสเทิรแนออรแทอดอกซแ ปกครองโดยมูลนิธิชาว คริสตศแ าสนิกชนดง้ั เดิมออรแโธดอ็ กซแในประเทศไทย (วิกิพีเดีย 2560)(8) ศาสนาพุทธ : นิกายเถรวาทเข฾าสู฽ดินแดนสุวรรณภูมิราว พ.ศ. 236 โดยสมณะทูตชาวอิน เดียวคือพระโสณะและพระอุตตระได฾นําเข฾ามาเผยแผ฽ ซึ่งได฾รับความอุปถัมภแจากพระเจ฾าอโศกมหาราช ในยุคนีเ้ ช่อื ว฽าเป็นยุคสมัยทวารวดี ในสมยั อาณาจักรอ฾ายลาว บรรพชนไทยซึ่งเคยอาศัยอยู฽ในล฽ุมแม฽น้ํา

92 แยงซีเกียง เม่ืออพยพเข฾ามาส฽ูดินแดนไทยในปใจจุบันก็ได฾นําเอาพุทธศาสนานิกายมหายานแบบอินเดีย เข฾ามา ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัยซึ่งอยู฽ในช฽วงศตวรรษที่ 12-13 พบว฽ากษัตริยแศรีวิชัยทรงมีพระราช ศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย฽างมาก ในสมัยนี้พบพุทธสถานที่สําคัญ ๆ ได฾แก฽ เจดียแพระบรมธาตุไช ยา เจดียแโบโรพุทโธ รูปหล฽อพระโพธิสัตวแอวโลกิเตศวร รวมถึงหลักฐานทางโบราณคดีอื่น ๆ อีก จาํ นวนมาก ซึ่งพบกระจายอยู฽ท่ัวไปในดินแดนสวุ รรณภูมิ ในสมัยลพบรุ ี ซึง่ ตรงกบั พทุ ธศตวรรษที่ 15 พบว฽ากมั พชู าเรืองอํานาจและแผ฽ขยายอิทธิพลไป ยังส฽วนตา฽ ง ๆ ของสวุ รรณภูมิซึง่ รวมถึงประเทศไทยด฾วย กษัตริยแกัมพูชาสมัยนี้มีการนับถือศาสนาพุทธ นิกายมหายานผสมกับศาสนาพราหมณแ อีกท้ังยังมีพุทธศาสนาแบบเถรวาทแบบด้ังเดิมอยู฽ด฾วย สําหรับศาสนสถานที่เป็นที่ประจักษแพยานให฾ได฾ศึกษาถึงความเป็นมาแห฽งพระพุทธศาสนาในประเทศ ไทยคร้ังนั้น ได฾แก฽พระปรางคแสามยอดที่จังหวัดลพบุรี ปราสาทหินพิมาย ที่จังหวัดนครราชสีมา และ ปราสาทหินเขาพนมรุ฾งที่จังหวัดบุรีรัมยแ เป็นต฾น ส฽วนพระพุทธรูปที่สร฾างในสมัยนั้นถือเป็นศิลปะอย฽ูใน กลุ฽มศิลปะสมัยลพบรุ ี สมัยกรุงสุโขทัย ภายหลังจากที่ขอม หรือกัมพูชาเสื่อมอํานาจลง ไทยก็ได฾ต้ังตัวออกเป็น อิสระ และได฾ตั้งอาณาจักรขึ้น 2 อาณาจักร คือ อาณาจักรสุโขทัย และอาณาจักรล฾านนา ซึ่งสมัย อาณาจักรสโุ ขทัยน้ัน พอ฽ ขุนรามคําแหงทรงสดับกิตติศัพทแของพระสงฆแลังกา จึงทรงอาราธนาพระมหา เถระสังฆราช ซึ่งเป็นพระเถระชาวลังกาที่มาเผยแผ฽ศาสนาอย฽ูที่ นครศรีธรรมราชมาเผยแผ฽ พระพุทธศาสนาในกรงุ สุโขทยั พระพทุ ธศาสนาแบบลงั กาวงศแได฾เข฾ามาเผยแผ฽ในประเทศไทย ถึง 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ในสมยั พ฽อขนุ รามคําแหงมหาราช และครั้งที่ 2 ในสมัยพระยาลิไท ในยุคนี้พระพุทธศาสนา เจริญรง฽ุ เรอื งมาก ศลิ ปะสมยั สุโขทัยได฾รับการกล฽าวขานว฽างดงามโดยเฉพาะพระพทุ ธรปู สมัยสุโขทัยนั้น มีลักษณะงดงาม ไม฽มีศลิ ปะสมัยใดเหมือน สมัยล฾านนา หลังจากที่พญามังรายได฾สร฾างเมืองสําเร็จแล฾ว พระองคแซึ่งมีพระราชศรัทธาใน พระศาสนาเป็นอย฽างมาก พระองคแทรงได฾สร฾างวัดและทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาให฾มีความ เจริญรุ฽งเรือง สมัยพระเจ฾าติโลกราชแห฽งเชียงใหม฽ได฾ทรงจัดให฾มีการทําสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้นเป็น ครั้งแรกในดินแดนสยาม ที่วัดมหาโพธาราม (วัดเจ็ดยอด) เม่ือ ปี พ.ศ. 2020 ในสมัยล฾านนา ได฾เกิดมี พระเถระนักปราชญแชาวล฾านนาหลายรูป ท฽านเหล฽านั้นได฾รจนาคัมภีรแสําคัญทางพระพุทธศาสนาไว฾ เป็นจํานวนมาก ได฾แก฽ พระสิริมังคลาจารยแ พระญาณกิตติเถระ พระรัตนปใญญา พระโพธิรังษี พระนนั ทาจารยแ และพระสวุ รรณรังสี สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธศาสนาในยุคนี้ได฾ประสมประสานกับความเชื่อทางศาสนา พราหมณแ กษัตริยแและประชาชนมีความศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย฽างมาก มีการสร฾างวัดและศาสน สถานทางพุทธศาสนาขึน้ หลายแห฽ง แตเ฽ นือ่ งจากในยุคนี้ไทยต฾องทําสงครามกับพม฽าอย฽ูบ฽อยคร้ัง จึงทํา ให฾มีผลกระทบต฽อพระพุทธศาสนาอย฽ูไม฽น฾อย แต฽ก็ไม฽อาจําทําให฾คนไทยคลายความศรัทธาในพุทธ

93 ศาสนาลงได฾ โดยพบว฽าในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงปกครองบ฾านเมืองด฾วยความสงบ ร฽มเย็น ทรงทํานุบาํ รุงพระพทุ ธศาสนา ทรงออกผนวชเป็นเวลา 8 เดือน เม่ือ พ.ศ. 1998 และทรงให฾ พระราชโอรสกับพระราชนัดดาผนวชเปน็ สามเณรด฾วย ซึ่งสนั นิษฐานว฽าเป็นการเริ่มต฾นของประเพณีการ บวชเรยี นของเจ฾านายและข฾าราชการ ในรัชสมัยของพระองคแยังได฾มีการรจนาหนังสือมหาชาติคําหลวง ใน พ.ศ. 2025 ในสมัยต฽อมา ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2031 – 2173 พบว฽ากษัตริยแและประชาชนนิยมสร฾างวัดประจํา ตระกูลขึ้นมาก สมัยพระเจ฾าทรงธรรมทรงโปรดให฾ราชบัณฑิตรจนาพระมหาชาติขึ้นด฾วย ในสมัยของ สมเดจ็ พระนารายณแมหาราช พระองคแทรงมบี ทบาทอย฽างมากทั้งต฽อฝุายอาณาจักรและศาสนจักร ทรง ส฽งเสริมพระพุทธศาสนาอย฽างแรงกล฾า สมัยนี้ฝรั่งเศสได฾เข฾ามาติดต฽อกับไทย และได฾พยายามเผยแผ฽ คริสตแศาสนา และทูลขอให฾พระนารายณแเข฾ารีต แต฽พระองคแทรงม่ันคงในพระพุทธศาสนาสมัยพระเจ฾า บรมโกศนนั้ ทรงมพี ระศรทั ธาในพทุ ธศาสนามาก ทรงกาํ หนดวา฽ ผท฾ู ี่จะเข฾าเปน็ ข฾าราชการในพระองคแน้ัน จะต฾องผา฽ นการบวชเรียนมา ก฽อนเท฽านั้น ในสมัยนี้พุทธศาสนาในลังกาเกิดปใญหา พระองคแทรงส฽งพระภิกษุเข฾าไปเผยแผ฽ศาสนาจน ทําให฾พุทธศาสนาในลังกาเจริญรุ฽งเรืองอีกคร้ัง จึงเป็นที่มาของพุทธศาสนานิกายสยามวงศแในประเทศ ลังกา ซึ่งยงั คงมีอยู฽จนถึงปจใ จบุ ันนี้ ในสมัยกรุงธนบุรี พระพุทธศาสนามีความเสื่อมโทรมเป็นอย฽างมาก เน่ืองจากไทยต฾องเสียกรุง ศรอี ยธุ ยาให฾กับพม฽า ทําให฾บ฾านเมือง รวมทั้งศาสนสถานถูกทําลาย หลังจากที่พระเจ฾าตากสินทรงกอบ กู฾เอกราชแล฾ว ก็ได฾ย฾ายเมืองหลวงไปต้ังยังกรุงธนบุรี พระองคแทรงฟื้นฟูพุทธศาสนา อีกท้ังยังมีการ กาํ จัดภิกษุอลชั ชีออกไปเป็นจํานวนมาก สมัยกรุงรัตนโกสินทรแ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟูาจุฬาโลกทรงขึ้นครองราชยแ กท็ รงย฾ายเมอื งหลวงจากธนบุรีมาเปน็ กรุงรตั นโกสินทรแ ในสมัยนี้เริ่มมีการสร฾างเมืองหลวงใหม฽ รวมทั้ง มีการฟื้นฟพู ระพทุ ธศาสนาใหก฾ ลบั มามีความเจรญิ ร฽ุงเรอื งอกี ครั้ง ซึ่งพระราชกรณียกิจในแต฽ละรัชกาล ทีเ่ กีย่ วกบั พุทธศาสนานั้นมีโดยสรปุ ดังน้ี รัชกาลที่ 1 ทรงสร฾างและปฏิสังขรณแวัดต฽าง ๆ เช฽น การสร฾างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัด สุทัศนแเทพ วราราม วัดสระเกศ และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นต฾น โปรดให฾มีการสังคายนา พระไตรปิฎกครั้งที่ 9 และถือเปน็ คร้ังที่ 2 ในดินแดนประเทศไทยปใจจุบัน ณ วัดมหาธาตุ ทรงสถาปนา สมเด็จพระสังฆราชองคแแรกของกรุงรัตนโกสินทรแ โดยสถาปนาพระสังฆราช (ศรี) เป็นสมเด็จ พระสังฆราช เมือ่ ปี พ.ศ. 2352 รัชกาลที่ 2 ทรงทาํ นุบาํ รุงสง฽ เสริมพระพทุ ธศาสนาเหมือนอย฽างพระมหากษัตรยิ แไทยแต฽โบราณ ในรัชสมัยของพระองคแได฾ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชถึง 3 พระองคแ คือ สมเด็จพระสังฆราช (มี) , สมเด็จพระสังฆราช (สุก) , และสมเด็จพระสังฆราช (สอน) ทรงจัดส฽งสมณทูต 8 รูป ไปฟื้นฟู

94 พระพุทธศาสนาในประเทศลังกา ได฾จัดให฾มีการจัดงานวันวิสาขบูชาขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยกรุง รตั นโกสินทรแ เมอ่ื พ.ศ. 2360 รัชกาลที่ 3 โปรดให฾มกี ารสรา฾ งพระไตรปิฎกฉบบั หลวงเพิม่ จํานวนขึ้นไว฾อีกหลายฉบับครบถ฾วน กว฽ารชั กาลก฽อน ๆ โปรดให฾แปลพระไตรปิฎกเปน็ ภาษาไทย ทรงบรู ณปฏิสังขรณแวัดวาอารามหลายแห฽ง และสร฾างวัดใหม฽ คือ วัดเทพธิดาราม วัดราชราชนัดดา และวัดเฉลิมพระเกียรติ ในสมัยนี้ก็เกิดคณะ สงฆแธรรมยุติกายขึน้ รัชกาลที่ 4 เม่ือทรงเป็นเจ฾าฟูามงกุฎได฾ผนวช 27 พรรษา แล฾วได฾ลาสิกขาขึ้นครองราชยแเม่ือ พระชนมายุ 57 พรรษา ใน พ.ศ. 2394 ด฾านการพระศาสนา ทรงพระราชศรัทธาสร฾างวัดใหม฽ขึ้นหลาย วดั เชน฽ วัดปทุมวนาราม วดั โสมนัสวิหาร วัดมกฏุ กษตั รยิ าราม วดั ราชประดิษฐแสถิตมหาสีมาราม และ วัดราชบพิธ เป็นต฾น ตลอดจนบูรณะวัดต฽าง ๆ อีกมาก โปรดให฾มีพระราชพิธี \"มาฆบูชา\" ขึ้นเป็นคร้ัง แรก ใน พ.ศ. 2394 ณ ทีว่ ัดพระศรีรัตนศาสดาราม รัชกาลที่ 5 ทรงสร฾างวัดใหม฽ขึ้น คือ วัดราชบพิตร วัดเทพศิรินทราวาส วัดเบญจม บพิตร วัดอัษฎางนิมิตร วัดจุฑาทิศราชธรรมสภา และวัดนิเวศนแธรรมประวัติ ทรงบูรณะวัดมหาธาตุ และวดั อื่น ๆ อีก ทรงนพิ นธแวรรณกรรมทางพุทธศาสนาจํานวนมาก ยุคนี้มีการสร฾างมหาวิทยาลัยทาง พทุ ธศาสนาขึน้ 2 แหง฽ คอื มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั และมหามกุฎราชวิทยาลยั รัชกาลที่ 6 ทรงพระปรีชาปราดเปร่ืองในความร฾ูทางพระศาสนามาก ทรงนิพนธแหนังสือแสดง คําสอนในพระพุทธศาสนาหลายเร่ือง เช฽น เทศนาเสือปุา พระพุทธเจ฾าตรัสร฾ูอะไร เป็นต฾น ถึงกับทรง อบรมส่ังสอนขา฾ ราชการด฾วยพระองคแเอง รัชกาลที่ 7 โปรดให฾มีการทําสังคายนาพระไตรปิฎกขึ้น ต้ังแต฽ พ.ศ. 2468 - 2473 เพื่อถวาย เป็นพระราชกุศลแด฽พระบาทสมเด็จพระเจ฾าอยู฽หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นการสังคายนาครั้งที่ 3 ใน เมืองไทย แล฾วทรงจัดให฾พิมพแพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ ชุดละ 45 เล฽ม จํานวน 1,500 ชุด และ พระราชทานแก฽ประเทศต฽าง ๆ ประมาณ 500 ชุด และทรงให฾มีหลักสูตรธรรมศกึ ษาขึ้น รัชกาลที่ 8 ได฾มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย แบ฽งเป็น 2 ประเภท คือ 1. พระไตรปิฎก แปลโดยอรรถ พิมพแเป็นเล฽มสมุด 80 เล฽ม เรียกว฽าพระไตรปิฎกภาษาไทย แต฽ไม฽เสร็จสมบูรณแ และได฾ ทําต฽อจนเสร็จเม่ืองานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เม่ือปี พ.ศ. 2500 2. พระไตรปิฎก แปลโดยสํานวน เทศนา พิมพแใบลาน แบ฽งเป็น 1250 กัณฑแ เรียกว฽า พระไตรปิฎกฉบบั หลวง เสรจ็ เมือ่ พ.ศ. 2492 รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา และทรงเป็นศาสนูปถัมภก ทรงให฾การ อุปถัมภแแก฽ทุกศาสนา ทรงสร฾างวัดแห฽งหนึ่งที่จังหวัดชลบุรี และทรงปกครองบ฾านเมืองโดยสงบร฽มเย็น ตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริยแทรงเป็นประมุข ในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 ทรงส฽งเสริมพุทธ ศาสนาด฾านต฽าง ๆ มากมาย ปใจจุบันในประเทศไทยมีประชากรไทยนับถือพุทธศาสนามากกว฽าร฾อยละ

95 94 และมีพุทธศาสนิกชนมากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากประเทศจีน ญี่ปุน และเวียดนามตามลําดับ (วิกิพีเดีย 2560)(9) แบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 4 1. ขอ฾ ใดไม฽ใช฽ความหมาของคาํ ว฽า Religion ที่ใชใ฾ นภาษาอังกฤษ ? ก. คําสั่งสอน ข. การอุทิศตนเพื่อพระผู฾เปน็ เจา฾ ค. ความสมั พนั ธแทางวิญญาณของมนษุ ยแกบั พระเจา฾ ง. การมอบวิญญาณแด฽ผู฾เปน็ เจา฾ 2. ขอ฾ ใดกล฽าวผดิ เกีย่ วกบั คัมภรี แทีบ่ รรจคุ ําสอนของศาสนาต฽าง ๆ ทีม่ นี บั ถือกนั ในประเทศอาเซียน ? ก. พทุ ธ คือ พระไตรปิฎก ข. อิสลาม คือ อัลกุรอาน ค. คริสตแ คือ คัมภรี แไบเบิล ง. พราหมณแ คือ พระเวช 3. ข฾อใดกล฽าวผดิ เกี่ยวกบั ศาสดา หรอื ผกู฾ ฽อตั้งศาสนาที่นบั ถือกนั ในกลุ฽มของประเทศอาเซียน ? ก. คริสตแ คือ พระยโฮวาหแ ข. อิสลาม คือ พระมะหะหมัด ค. พุทธ คอื พระพุทธเจ฾า ง. เตเา คือ เล฽าจ้ือ 4. ปจใ จุบนั ศาสนาที่ไม฽นบั ถือพระเจ฾า หรอื ไม฽เช่อื ว฽าพระเจา฾ เปน็ ผู฾สรา฾ งและคอยบันดาลส่ิงตา฽ ง ๆ ? ก. ศาสนาครสิ ตแ และศาสนายิว ข. ศาสนาอสิ ลาม และศาสนาเชน ค. ศาสนาพทุ ธ และศาสนาเชน ง. ศาสนาพราหมณแ และศาสนาพทุ ธ 5. ประเทศใดบ฾างในภูมภิ าคอาเซียนที่บญั ญตั ิใหพ฾ ุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจําชาติ ? ก. ไทย ลาว เวียดนาม ข. ลาว ไทย พมา฽ ค. ลาว กมั พูชา พม฽า ง. ลาว ไทย กัมพูชา 6. ประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต฾ทีบ่ ัญญตั ิให฾ศาสนาอสิ ลามเป็นศาสนาประจําชาติ ? ก. บรูไน ข. อินโดนีเซีย ค. ฟิลิปปินสแ ง. มาเลเซีย 7. ตราประเทศของอินโดนีเซียคืออะไร และมีทีม่ าจากความเชอ่ื ในศาสนาใด ? ก. พญาครฑุ ปใญจศลี จากศาสนาพราหมณแ ข. ดวงดาวและพระจันทรแเสีย้ ว จากศาสนาอิสลาม ค. ดอกบัว จากศาสนาคริสตแ ง. พระครุฑพ฽าหแ จากศาสนาพทุ ธ

96 8. ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จไปนมัสการพระมหาเจดียแชเวดากองทีเ่ มอื งย฽างกุ฾งในปี พ.ศ.ใด ? ก. พ.ศ. 2503 ข. พ.ศ. 2505 ค. พ.ศ. 2507 ง. พ.ศ. 2509 9. พระพุทธศาสนาในประเทศใดในกลุ฽มประเทศอาเซียนที่มีสมเด็จพระสังฆราช 2 องคแปกครองพร฾อม กัน ? ก. ลาว ข. ไทย ค. กัมพูชา ง. พม฽า 10. ประชากรส฽วนใหญ฽ของประเทศเวียดนามนบั ถือศาสนาใด ? ก. คริสตแ ข. อิสลาม ค. ขงจ้อื ง. พุทธ 11. ความรท฾ู างศาสนาใดที่เคยนํามาเป็นข฾อสอบเพื่อคัดเลือกบุคคลเข฾ารับราชการในประเทศเวียดนาม ตั้งแตป฽ ี ค.ศ. 1076 – 1919 ? ก. ศาสนาเตาเ ข. ศาสนาครสิ ตแ ค. ศาสนาขงจอื้ ง. ศาสนาพุทธ 12. สุลตา฽ นของประเทศใดที่ได฾รับการอภบิ าลแบบอิสลามประเพณี ? ก. มาเลเซีย ข. บรไู น ค. อนิ โดนีเซีย ง. ติมอรแเลสเต 13. กษัตริยแพระองคแใดในสมัยกรุงสุโขทัย ที่ได฾นิมนตแพระเถระสายลังกาจากเมืองนครศรีธรรมราชมา เผยแผ฽พระพุทธศาสนาทีก่ รงุ สุโขทยั ? ก. พ฽อขุนศรีอนิ ทราทิตยแ ข. พ฽อขนุ รามคาํ แหง ค. พ฽อขุนบาลเมอื ง ง. พระยาลิไทย 14. ประชากรส฽วนใหญ฽ของประเทศสิงคโปรแนบั ถือศาสนาใด ? ก. ศาสนาครสิ ตแ ข. ศาสนาพุทธ ค. ศาสนาอสิ ลาม ง. ศาสนาฮนิ ดู 15. วดั ถ้าํ บาตูในประเทศมาเลเซียเปน็ ศูนยแรวมของศาสนิกในศาสนาใด ? ก. อิสลาม ข. พราหมณแ-ฮินดู ค. พทุ ธ ง. คริสตแ 16. ข฾อใดกล฽าวผดิ เกีย่ วกบั นตั ในความเช่อื ของชาวพม฽า ? ก. เป็นวิญญาณกึง่ ผีกึง่ เทพ ข. เป็นวิญญาณทีต่ ายร฾ายแรง ค. เชอ่ื ว฽าจะคอยคุ฾มครองคนที่บูชา ง. เป็นวิญญาณทีเ่ กิดจากการปฏิบตั ิธรรม

97 17. ข฾อใดกล฽าวผดิ เกี่ยวกับการนบั ถือศาสนาของกล฽ุมชาติพนั ธแตา฽ ง ๆ ทีอ่ าศัยอย฽ูในประเทศสิงคโปรแ ? ก. กล฽ุมชาติพนั ธุแจนี ส฽วนมากนับถือศาสนาพุทธ ข. กลุ฽มชาติพนั ธแอินเดียโดยมากนับถือศาสนาฮนิ ดู ค. กลุ฽มชาติพนั ธุแมาลายูส฽วนมากนบั ถือศาสนาอิสลาม ง. กล฽ุมชาติพนั ธุแตะวันตกส฽วนมากนับถือศาสนาครสิ ตแ 18. เปน็ ที่ทราบกนั ว฽าประเทศฟิลิปปินสแมีประชากรส฽วนใหญ฽นับถือศาสนาคริสตแ ซึ่งถือว฽าเป็นอันดับต฾น ๆ ของโลก อยากทราบว฽าในฟิลิปปินสแมีพระคาดนิ ัลดแอยู฽จาํ นวนกีท่ ฽าน ? ก. 2 ท฽าน ข. 3 ท฽าน ค. 4 ท฽าน ง. 7 ท฽าน 19. พุทธสถานบโู รพทุ โธ (โบโรบดุ ูรแ) ตง้ั อย฽ูในประเทศใด ? ก. เวียดนาม ข. อินโดนีเซีย ค. ไทย ง. พม฽า 20. กล฽ุมชาติพันธแใดในพม฽าทีน่ ับถือศาสนาอสิ ลาม ? ก. ไทยใหญ฽ และกะเหร่ยี ง ข. มอญ และมเู ซอ ค. โรฮิงญา และปในทาย ง. ญวน และม฾ง 21. กษัตรยิ แพระองคแใดในอินเดียที่ได฾ส฽งสมณะทูตเข฾ามาเผยแผ฽พทุ ธศาสนายังดนิ แดนสุวรณภูมิ ? ก. พระเจา฾ อชาติศรัตรู ข. พระเจา฾ ปเสนทิโกศล ค. พระเจ฾าอโศกมหาราช ง. พระเจา฾ พิมพิสาร 22. กระแสอสิ ลามภิวตั นเแ กิดข้ึนในประเทศใด ? ก. อินโดนีเซีย ข. บรไู น ค. ไทย ง. มาเลเซีย 23. วัดพระศรรี ัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังสร฾างข้ึนในสมัยรัชกาลใด ? ก. รัชกาลที่ 1 ข. รัชกาลที่ 2 ค. รชั กาลที่ 4 ง. รัชกาลที่ 7 24. พระมหากษตั รยิ แไทยพระองคแใดเคยอปุ สมบทอยู฽ในบวรพทุ ธศาสนาถึง 27 ปี ? ก. สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ข. สมเดจ็ พระเจา฾ อย฽ูหวั บรมโกศ ค. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล฾าเจ฾าอย฽ูหัว ง. สมเด็จพระเจา฾ ทรงธรรม 25. ประเทศใดในอาเซียนที่ใหค฾ วามเคารพในจระเข฾ เพราะเช่อื ว฽าจระเข฾เป็นต฾นกําเนิดประเทศของตน ? ก. ติมอรแเลสเต ข. ฟิลิปปินสแ ค.. เวียดนาม ง. สิงคโปรแ --------------------------------------

98 บรรณานุกรม กฎชนก สขุ สถิต. (2555). สงั คม วฒั นธรรม ประชาคมอาเซียน 10 ชาติ. กรุงเทพฯ : แสดงดาว. กรมการศาสนา. (2555). ศาสนาในอาเซียน. กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา. กรมประชาสัมพันธแ (2017) ลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย. เข฾าถึงเม่ือ 26 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.aseanthai.net/ewt_news.php?nid=2850&filename=index. กานตแ จอมอินตา. (2557). ธรรมาภิวัตน์ : เหลียวดูพุทธศาสนาใน 'เวียดนาม'.เข฾าถึงเม่ือ 28 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9570000061564. คนู โทขันธแ. (2537). ศาสนาเปรียบเทยี บ. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร.แ ณรงคแ โพธิ์พฤกษนนั ทแ. (2556). อาเซียนศึกษา. กรงุ เทพฯ : แมคกรอ-ฮิล. ดนัย ไชโยธา. (2557). อาเซียนศึกษา. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร.แ ตลมนรรจแ บากา และชยั วฒั นแ มีสนั ฐาน. (2557). ประวตั ิศาสตรบ์ รูไน. กรงุ เทพฯ : มูลนิธิโครงการตาํ ราสงั คมศาสตรแและมนุษยศาสตร.แ ตลยา เทียนทอง. (2557). บรไู น. กรุงเทพฯ : นานมบี ุ฿คสแพบั ลิเคช่นั ส.แ ธีรภพ โลหติ กุล. (2557). หรรษาอาเซียน. กรงุ เทพฯ : มตชิ น. บ฾านจอมยทุ ธ. (2543). สาระความรู้ ข้อมลู อาเซียน. เข฾าถึงเมอ่ื 25 กรกฎาคม 2560 จาก https://www.baanjomyut.com/library_2/asean_community/philippines/01.htm. ฝาุ ยวิชาการเจเนซีส มีเดียคอม (ม.ป.ป.). หนังสือหนึง่ ในประชาคมอาเซียน ชดุ ประเทศลาว. กรุงเทพฯ : เจเนซีส มีเดียมคอม จาํ กดั . ฝาุ ยวิชาการเจเนซีส มีเดียคอม (ม.ป.ป.). หนงั สือหนึง่ ในประชาคมอาเซียน ชดุ ประเทศอินโดนเี ซีย. กรงุ เทพฯ : เจเนซีส มีเดียมคอม จาํ กัด. พรชยั สุจิตตแ. (2557). แนะนําประเทศติมอร์เลสเต. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ. พวงพิจ คาํ ปใงสแุ. (2555). ลาวและกมั พูชา. กรงุ เทพฯ : หนา฾ ต฽างสโู฽ ลกกว฾าง. แพร ศิรศิ กั ดิ์ดาํ เกิง. (2557). อิสลามภิวตั น์กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม : เปรียบเทียบมาเลเซีย และไทย. กรงุ เทพฯ : เอส.เอม.เซอรแคทิ เพรส จํากดั . ฟืน้ ดอกบวั . (2554). ประวัติพทุ ธศาสนาในนานาประเทศ. กรงุ เทพฯ : หจก.เมด็ ทรายพรนิ้ ตงิ้ . มนตแ ทองชัย. (2530). 4 ศาสนาสําคัญของโลกยุคปัจจบุ นั . กรุงเทพฯ : โอ.เอส.พริน้ ตงิ้ .เฮกสแ. รฐั กบั สังคมมุสลมิ ในอินโดนีเซีย. (2550). รฐั กับสงั คมมุสลิมในอินโดนีเซีย. จุลสารความมั่นคงศึกษา , 5-37.

99 รุ฽งโรจนแ ธรรมรุ฽งเรือง และ ศานติ ภักดีคํา. (2557). ศิลปะเขมร. กรุงเทพฯ : มตชิ น. วิกิพีเดีย. (2559).(1) ศาสนาพุทธในประเทศอินโดนเี ซีย. เข฾าถึงเม่อื 20 กรกฎาคม 2560. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพุทธในประเทศอนิ โดนีเซีย. วิกิพีเดีย. (2560).(2) ศาสนาฮนิ ดูแบบบาหลี. เข฾าถึงเม่อื 26 กรกาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาฮินดแู บบบาหลี. วิกิพีเดีย.(2560).(3) ศาสนาพุทธศาสนาในประเทศสิงคโปร์. เข฾าถึงเม่อื 20 กรกฎาคม 2560. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพุทธในประเทศสิงคโปรแ. วิกิพีเดีย. (2559).(4) ศาสนาพทุ ธในประเทศฟิลิปปินส.์ เข฾าถึงเม่อื 25 กรกฎาคม 2560. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพุทธในประเทศฟิลิปปินสแ. วิกิพีเดีย. (2560).(5) ประเทศมาเลเซีย. เข฾าถึงเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2560. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศมาเลเซีย. วิกิพีเดีย. (2560).(6) ศาสนาพทุ ธในประเทศมาเลเซีย. เข฾าถึงเม่อื 28 กรกฎาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพทุ ธในประเทศมาเลเซีย. วิกิพีเดีย. (2560).(7) ประเทศติมอรเ์ ลสเต. เข฾าถึงเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศตมิ อรแ-เลสเต#cite_note-Statistisches_Amt-9. วิกิพีเดีย. (2560).(8) ศาสนาในประเทศไทย. เข฾าถึงเม่อื 29 กรกฎาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาในประเทศไทย. วิกิพีเดีย. (2560).(9) พุทธศาสนาในประเทศไทย. เข฾าถึงเม่อื 29 กรกฎาคม 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ศาสนาพทุ ธในประเทศไทย. วิรัช นิยมธรรม และอรนุช นิยมธรรม. (2542). ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมของชาว พมา่ . ศนู ยแพมา฽ ศกึ ษา สาํ นกั อธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร. วิรชั นยิ มธรรม และอรนุช นยิ มธรรม. (2551). เรยี นร้สู งั คม และวัฒนธรรมพม่า. พิษณุโลก : ตระกูล ไทย. วรางคณา นิพทั ธแสขุ กิจ. (2553). ฟิลิปปินส์ประวตั ิศาสตรแ์ หง่ การตอ่ สู้. กรงุ เทพฯ : เมืองโบราณ. ศนู ยแอาเซียนศกึ ษา (มจร.) (2558). ศาสนาของประชาชนในประชาคมอาเซียน. เข฾าถึงเมอ่ื 20 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.asc.mcu.ac.th/?bwl_kb=religions-asean. ศูนยแศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล. (2560). เปิดโฉมหน้ามุสลิมมาเลเซีย : การ จัดการอิสลามในยุคโลกาภิวัตน์. เข฾าถึงเม่ือ 28 กรกฎาคม 2560. จ า ก http://www.peace.mahidol.ac.th/th/index.php?option=com_content&task=view

100 &id=197&Itemid=155. ศวิ วงศแ สขุ ทวี. (2013). โรฮิงยา ชีวติ ภายใตอ้ ํานาจ จากชายแดนพมา่ ถงึ ไทย. เข฾าถึงเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.prachatai.com/journal/2013/08/48462. สิทธา เลิศไพบูลยแศิริ. (2555). ติมอร์ตะวันออก : เส้นทางสู่เอกราช. กรุงเทพฯ : มูลนิธิโครงการ ตาํ ราสังคมศาสตรแและมนษุ ยศาสตรแ. สถาบันอาณาบริเวณศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตรแ (2560). สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์- เลสเต. เข฾าถึงเม่ือ 26 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.apecthai.org/index.php/ข฾อมูล รายประเทศทวั่ โลก/เอเซีย/626-สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอรแ-เลสเต.html. สรณี วงศเแ บยี้ สัจจแ. (2549). เวียดนาม. กรงุ เทพฯ : หนา฾ ต฽างสโู฽ ลกกว฾าง. สาํ นักอาเซียนศกึ ษา กรมเจรจาการค฾าระหว฽างประเทศ. (2516). สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Republic of Singapore). เขา฾ ถึงเมอ่ื 25 กรกฎาคม 2560 จาก http://www.dtn.go.th/files/86/country/asia/singapore_cp_0315.pdf. Jesudas M.Athyal,Editor. (2015). Religion in Southeast Asia. California. Komchadluek. (2553). สิงคโปรก์ ับศาสนาคริสตใ์ หม่เฟื่องฟู. เข฾าถึงเมอ่ื 20 กรกฎาคม 2560 จาก komchadluek website : http://www.goo.gl/ugRdsp. Wikipedia. (2017). Religion in Myanmarเข฾าถึงเมอ่ื 26 กรกฎาคม 2560 จาก https://en.wikipedia.org/wiki/Religion_in_Myanmar.

101 แผนบริหารการสอนประจําบทที่ 5 3(3-0-6) มส.สว.013 วฒั นธรรมอาเซียน (ASEAN Culture) บทท่ี 5 ภาษาอาเซียนเบือ้ งตน฾ (อินโดนีเซีย) จํานวน 3 ชั่วโมง ผเู้ ขียน อาจารยแโซนี่ ตาตารแ คริสตโิ น (Mr. Sony Tatar Kristiono) จุดประสงค์ 1. นักศึกษาเข฾าใจความหมายของภาษาอินโดนีเซียเบือ้ งต฾นได฾ เนือ้ หาสาระ 1. ภาษาอินโดนีเซียที่ใชใ฾ นชีวติ ประจําวัน กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. ทาํ แบบประเมินก฽อนเรียน (Pre Test) 2. จับกล฽ุมฝกึ หัดพูดภาษาอินโดนีเซีย สือ่ ประกอบการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. สือ่ ประกอบการนําเสนอ (พาวเวอรแพอยตแ) การวดั และประเมินผล 1. ประเมินผลจากแบบทดสอบก฽อนเรียน 2. ประเมินผลจากการสอบหลังเรียนหน฽วยที่ 5 3. ประเมินผลจากการสอบปลายภาคเรียน

102 บทที่ 5 ภาษาอาเซียน เบื้องต้น (ภาษาอินโดนีเซีย)

126 แผนบริหารการสอนประจาํ บทท่ี 6 3(3-0-6) มส.สว.013 วัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Culture) บทท่ี 6 วรรณกรรมอาเซียน จํานวน 6 ชวั่ โมง ผูเ้ ขียน อาจารยแรตั นาวดี ปาแปง จุดประสงค์ 1. นกั ศึกษาสามารถอธิบายความหมาย ลักษณะ ประเภท และคุณค฽าของวรรณกรรมอาเซียน ประเภทนิทานพ้ืนบ฾านได฾ 2. นักศึกษาสามารถอธิบายความสมั พันธแของวรรณกรรมอาเซียนประเภทนิทานพื้นบ฾านทีม่ ีตอ฽ สงั คม และวัฒนธรรมของประเทศตา฽ งๆ ในอาเซียนได฾ เนือ้ หาสาระ 1. ขอบข฽ายของวรรณกรรมอาเซียน 2. ความหมายของนิทานพ้ืนบ฾าน 3. ลักษณะของนทิ านพืน้ บ฾าน 4. ประเภทของนิทานพืน้ บ฾าน 5. คณุ ค฽าของนิทานพ้นื บ฾าน กิจกรรมการเรยี นการสอน 1. ทดสอบความร฾ูพื้นฐานเกี่ยวกับวรรณกรรมอาเซียนประเภทนิทานพื้นบ฾าน จากคําถามก฽อน เรียน 4 ข฾อ 2. ให฾ผู฾เรยี นจบั กลุ฽มละ 10 คน เปลีย่ นกันเล฽านิทานพ้ืนบ฾านทีต่ นเองรับร฾ูคนละ 1 เรือ่ ง 3. ฝึกอ฽านและวิเคราะหแนิทานพื้นบ฾านอาเซียน อธิบายความความสัมพันธแของวรรณกรรมที่มีต฽อ สังคมประเทศนนั้ ๆ

127 สือ่ การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน 2. วีดิทัศนนแ ิทานพ้นื บ฾านอาเซียน 3. พาวเวอรแพ฾อยตแ 4. การประเมินผลการเรียน 1. ประเมินผลจากการทําแบบทดสอบก฽อนเรียนและหลงั เรยี น 2. ประเมินผลจากกิจกรรมและการตอบคาํ ถามท฾ายบท

128 บทที่ 6 วรรณกรรมอาเซียน

129 1. ขอบขา่ ยของวรรณกรรมอาเซียน วรรณกรรม หมายถึง งานหนังสือ งานประพันธแ บทประพันธแทุกชนิดทั้งที่เป็นร฾อยแก฾วและร฾อย กรอง เช฽น วรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทรแ วรรณกรรมฝรั่งเศส วรรณกรรมประเภทสื่อสารมวลชน วรรณกรรม คือ งานเขียนชนดิ หนง่ึ ทีใ่ ช฾ภาษาเป็นสือ่ กลางเพื่อให฾เข฾าใจเร่ืองราว เช฽น นวนิยาย วรรณคดี เรื่องสั้น บทความ และวรรณกรรมที่เล฽าสืบต฽อกันมา (ราชบัณฑิตยสถาน, 2554 : 1100) สอดคล฾องกับ สิทธา พินิจภูวดล และคณะ (2560 : ระบบออนไลนแ) ที่กล฽าวว฽า วรรณกรรม หมายถึงงานเขียน ในรูป บทกวีนิพนธแ ร฾อยกรอง และข฾อเขียนท้ังหมดที่ใช฾ภาษาร฾อยแก฾ว ได฾แก฽ บทความ สารคดี นวนิยาย เร่ือง สั้น เรียงความ บทละคร บทภาพยนตรแ บทโทรทศั นแ ตลอดจนคอลัมนแต฽าง ๆ ในหนงั สอื พิมพแ เป็นต฾น อาเซียน (ASEAN) เป็นการรวมตัวกันของ 10 ประเทศ ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต฾ โดยผู฾นํากล฽ุม ประเทศอาเซียนได฾ร฽วมลงนามในปฎิญญาว฽าด฾วย ความร฽วมมืออาเซียนเห็นชอบให฾จัดตั้งประชาคม อาเซียน (ASEAN Community) เป็นองคแกรระหว฽างประเทศ ระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต฾ มี จุดเริ่มต฾นจากประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลปิ ปินสแ ได฾รว฽ มกนั จดั ตั้งสมาคมอาสา (Association of South East Asia) เม่ือเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 เพื่อความร฽วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แต฽ ดําเนินการไปเพียง 2 ปี ต฾องหยุดชะงักลง เนื่องจากความผกผันทางการเมือง ระหว฽างประเทศ อินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย จนกระทั่งมีการฟื้นฟูสัมพันธแทางการฑูตระหว฽างสองประเทศ จึง กลับมาสร฾างความร฽วมมือกันอีกครั้ง และให฾สําเร็จภายในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) แต฽ต฽อมาได฾ตกลง ร฽นระยะเวลาจัดตง้ั ให฾เสร็จในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) ในปีนน้ั เองจึงมีการเปิดกว฾างให฾ประชาชนในแต฽ ละประเทศสามารถเข฾าไปทํางานในประเทศอื่นๆ ในประชาคมอาเซียนได฾อย฽างเสรี เสมือนดังเป็น ประเทศเดียวกัน ปใจจุบันประเทศสมาชิกในกล฽ุมประชาคมอาเซียน ได฾แก฽ ประเทศ ไทย สิงคโปรแ มาเลเซีย พิลิปปินสแ อินโดนีเซีย บรูไน เวียดนาม ลาว พม฽า และกัมพูชาตามลําดับการเข฾าเป็นสมาชิก (LVC ASEAN CENTER, 2560 : ระบบออนไลนแ) ดังนน้ั วรรณกรรมอาเซียน จึงหมายถึงงานเขียนทุกชนิดในรูปแบบร฾อยแก฾วและร฾อยกรอง โดย ใช฾ภาษาเป็นสื่อกลางในการถ฽ายทอดให฾เข฾าใจเร่ืองราว เหตุการณแ สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของกลุ฽มชนที่อาศัยอยู฽ในประเทศกล฽ุมประชาคมอาเซียน ท้ัง 10 ประเทศ เช฽น เรือ่ งส้ัน นวนิยาย บทความ ความเรยี ง บทละคร บทภาพยนตรแ รวมไปถึงวรรณกรรมที่เล฽าสืบต฽อกันมา ได฾แก฽ นิทานชาดก นิทานอีสป และนิทานพื้นบ฾าน เป็นต฾น ซึ่งในหน฽วยความรู฾นี้จะยกตัวอย฽างเฉพาะ วรรณกรรมอาเซียนประเภทนิทานพืน้ บ฾านมาเปน็ กรณีศกึ ษา ดงั น้ี

130 2. ความหมายของนิทานพืน้ บา้ น นิทานเป็นวรรณกรรมประเภทหนึ่งที่เล฽ากันปากต฽อปากสืบต฽อกันมา และมีจํานวนมากที่ได฾รับ การบันทึกไว฾เป็นลายลักษณแอักษร ในทางคติชนถือว฽านิทาน คือ มรดกทางวัฒนธรรมอย฽างหนึ่งของ มนษุ ยแ เปน็ สิ่งที่มคี วามหมายและมีคณุ ค฽า (วิไล มาศจรัส, 2539 : 13) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (2542 : 488) ให฾ความหมายของคําว฽า นิทาน ว฽า เป็นเรื่องทีเ่ ล฽ากนั มา เชน฽ นทิ านชาดก นิทานอสี ป กิ่งแก฾ว อัตถากร (2519 : 12) กล฽าวว฽า นิทานที่ใช฾ในทางคติชนวิทยาหมาถึง เร่ืองเล฽าที่สืบทอด ต฽อๆ กนั มา จนถือเปน็ มรดกทางวัฒนธรรมอย฽างหนึ่ง บางพื้นที่เรียกนิทานพื้นบ฾าน นิทานพื้นเมือง และ นิทานชาวบ฾านบ฾าง ประคอง นิมมานเหมินทแ (2551 : 5) กล฽าวว฽า นิทานเป็นภาษาบาลีแปลว฽าเหตุการณแ เร่ืองเล฽า นิทาน และมคี าํ ศพั ทแนทิ านกถา แปลว฽า การเล฽าเรื่อง กิ่งแก฾ว เพ็ชรราช (2545 : 115-116) กล฽าวว฽า นิทานเป็นเร่ืองเล฽ากันด฾วยปาก ถ฽ายทอดมาจาก บรรพบุรุษด฾วยถ฾อยคําธรรมดา ไม฽ทราบว฽าใครเป็นผู฾แต฽ง เป็นมรดกทางวัฒนธรรม และสะท฾อน วฒั นธรรมประเพณีของกล฽ุมชน ภายหลังอาจมผี นู฾ ํานิทานไปเขียนบันทึกไว฾ เร่ืองเล฽า นิทานชาดก นิทาน อีสป เมือ่ เล฽าสืบต฽อกันมาย฽อมมีการผิดเพี้ยนหรือแต฽งเติมเพื่อสร฾างอรรถรสและความบันเทิงให฾กับผ฾ูฟใง ทุกเพศทกุ วยั เช฽นกัน ดงั นน้ั นทิ านจงึ เป็นเรอ่ื งเล฽าที่เล฽าสืบต฽อกนั มาจากร฽ุนส฽ูรน฽ุ ไม฽ทราบว฽าใครเป็นผ฾ูแต฽ง ต฽อมามีการ จดบนั ทึกไว฾เปน็ ลายลกั ษณแอักษร ถอื ว฽าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย฽างหนึ่งของมนุษยแที่สะท฾อนประเพณี และวฒั นธรรมของกล฽ุมชน มีจุดม฽ุงหมายเพือ่ ความบันเทิงและสอดแทรกความรใ฾ู นด฾านอืน่ ๆ ไปด฾วย 3. ลกั ษณะของนิทานพื้นบา้ น กุหลาบ มลั ลิกะมาส (2518 : 99 - 100) ได฾สรปุ ลกั ษณะของนทิ านพืน้ บ฾าน ไว฾ดงั น้ี 1. เปน็ เรื่องเล฽าด฾วยถ฾อยคาํ ธรรมดา เป็นภาษาร฾อยแก฾วไม฽ใช฽ร฾อยกรอง 2. เล฽ากันด฾วยปากสืบทอดกันมาเป็นเวลาช฾านาน และเม่ือการเขียนเจริญขึ้น ก็อาจมีการเขียนขึ้น ตามเค฾า เดิมทีเ่ คยเล฽าด฾วยปาก 3. ไม฽ปรากฏว฽าผเู฾ ล฽าด้ังเดิมเปน็ ใคร อา฾ งแตว฽ ฽าเป็นของเก฽าฟงใ มาจากผู฾เล฽า ซึง่ เป็นบคุ คลสาํ คัญยิ่ง ในอดีต อีกต฽อหนึง่ ผิดกับนิยายสมัยใหม฽ที่ทราบตัวผแู฾ ตง฽ แมน฾ ิทานทีป่ รากฏชื่อผู฾แต฽งเชน฽ นิทานของกริมมแ ก็อ฾าง ว฽าเล฽าตามเค฾านิทานทีม่ มี าแตเ฽ ดิมไม฽ใชต฽ นแตง฽ ข้ึนเอง

131 สอดคล฾องกับ เจือ สตะเวทิน (2517 : 16 อ฾างถึงใน พระสมเกียรติ ติดชัย, 2550 : 19) ได฾ อธิบายลกั ษณะสําคัญของนทิ านพืน้ บ฾าน ไว฾ดังนี้ 1. ต฾องเปน็ เรื่องเก฽า 2. ต฾องเล฽ากันด฾วยภาษาร฾อยแก฾ว 3. ต฾องเล฽ากนั ด฾วยปากมาก฽อน 4. ต฾องแสดงความคิด ความเช่ือของชาวบ฾าน 5. เรือ่ งจรงิ ที่มคี ตินบั อนุโลมเป็นนิทานได฾ เช฽น มะกะโท ชาวบ฾านบางระจัน เปน็ ต฾น ดังนน้ั ลกั ษณะที่สําคัญของนิทานพ้ืนบ฾าน คอื เป็นเร่อื งที่เล฽าสืบต฽อกันมา โดยไม฽ร฾ูวา฽ ใครเป็นผู฾ แตง฽ คนแรก มักถ฽ายทอดด฾วยปากต฽อปากหรือการเขียนกไ็ ด฾ 4. ประเภทของนิทานพ้ืนบ้าน การแบ฽งประเภทนิทานพื้นบ฾านสามารถแบ฽งได฾หลายวิธี ในทีน่ ้จี ะได฾จดั จําแนกประเภทนิทาน ออกเปน็ 14 ประเภท (เรไร ไพวรรณแ, 2551: 38-40) 1. นิทานปรัมปราหรือนิทานทรงเคร่ือง (fairy tale) ลักษณะเด฽นชัดคือ เป็นเร่ืองค฽อนข฾าง ยาว มีเหตุการณแที่เป็นจุดขัดแย฾งประกอบอย฽ูหลายเหตุการณแหรือหลายอนุภาค เนื้อเร่ืองจะประกอบ ไปด฾วยอิทธิปาฏิหาริยแต฽างๆ ซึ่งพ฾นวิสัยมนุษยแสถานที่เกิดเหตุไมแน฽ชัดว฽าเกิดขึ้นที่ใด ตัวเอกของเร่ือง เป็นผ฾ูมีคุณสมบัติพิเศษ เช฽นมีบุญบารมีของวิเศษที่สามารถต฽อส฾ูอุปสรรคขวากหนามทําให฾ศัตรูพ฽ายแพ฾ ไปในที่สุดและจบลงด฾วยความสุข เช฽นโสนน฾อยเรือนงาม ปลาบ฽ูทอง นางสิบสอง สังขแทอง เป็นต฾น (กุหลาบ มลั ลิกะมาส, 2518 : 106) เนือ้ หาของนิทานประเภทนี้สนุกสนานต่ืนเต฾น การดําเนินเร่ืองอยู฽ใน โลกของจินตนาการ มีความมหัศจรรยแจากอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริยแของตัวละครที่เป็นอมนุษยแ เช฽นยักษแ เทวดา พญานาค เข฾ามาเกี่ยวข฾องในบางแห฽งจึงเรียกนิทานประเภทนี้ว฽า “นิทานมหัศจรรยแ” และเน฾อ เร่ืองที่สนุกสนานดังกล฽าว ปใจจุบันจึงมีผู฾นํามาดัดแปลงใช฾สําหรับแสดงลิเก ละคร ภาพยนตรแ และการ แสดงอน่ื ๆ 2. นิทานท้องถ่ินหรือนิทานประจําท้องถ่ิน (legend) นิทานประเภทนี้ผู฾เล฽าจะเล฽าเร่ืองด฾วย ความเชื่อ เหตุการณแหรือปรากฏการณแที่เกิดขึ้นเป็นเร่ืองจริงและมักมีหลักฐานอ฾างอิงประกอบ มีตัว บุคคลจริง ๆ สถานที่จริงๆ กําหนดไว฾แน฽นอนกว฽านิทานปรัมปรา เช฽น พระร฽วง เจ฾าแม฽สร฾อยดอกหมาก ท฾าวแสนปม เมืองลับแล พระยากง พระยาพาน เป็นต฾น 3. นิทานประเภทอธิบายหรือนิทานอธิบายเหตุ (explanatory tale) เป็นเร่ืองที่ตอบ คําถามว฽าทําไม เพื่ออธิบายความเป็นมาของบุคคล สัตวแ ปรากฏการณแต฽างๆของธรรมชาติ อธิบายชื่อ สถานที่ต฽างๆ สาเหตุความเชื่อบางประการ รวมท้ังเร่ืองเกี่ยวกับสมบัติที่ฝใงไว฾ นิทานประเภทนี้ของไทย

132 ได฾แก฽ เหตุใดกาจึงมี สีดํา ทําไมมดตะนอยจึงเอวคอด ปูุโสมเฝูาทรัพยแ นิทานที่พบมากคือ เร่ือง เกี่ยวกบั สถานที่ เชน฽ เกาะหนเู กาะแมว ในจงั หวัดสงขลา ถ้ําผานาคอย จังหวัดแพร฽ เป็นต฾น 4. นิทานชีวิต (novally or romantic tale) เป็นเร่ืองค฽อนข฾างยาวประกอบด฾วยหลายอนุภาค หลายตอน (กิ่งแก฾ว อัตถากร,2519 : 15) เน้ือหาของนิทานคล฾ายชีวิตจริงมากขึ้น ตัวละครในนิทาน ประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นคนธรรมดาสามัญมากกว฽าท฾าวพระยามหากษัตริยแ มรบทบาทในการใช฾ชีวิต เหมอื นปุถชุ นทั่วไป แก฽นของเรอ่ื งเป็นเร฽องเกี่ยวกบั ความรกั ความโกรธ ความหลง ความกลัว การพจญ ภัย สะเทือนอารมณแมาก กว฽านิทานปรัมปรา ตัวเอกของเรืองใช฾ภูมิปใญญา และความสามารถในการ แก฾ไขปญใ หาต฽างๆซึ่งเป็นอุปสรรคของชีวิต แสดงความกล฾าหาญ อดทน อดกลั้น เอาชนะอุปสรรค ศัตรู จนบรรลุจุดหมายไว฾ ฉากและบรรยากาศนิทานชนิดน้มี ลี กั ษณะสมจริงมากขึ้น นิทานชีวิตของไทยที่ร฾ูจัก กันทว่ั ไปก็คือ เรื่องขนุ ช฾างขนุ แผน พระลอ ไกรทอง ของตะวันตกได฾แก฽นิทาน ชุดเดคาเมรอน นิทาน ของตะวันออก ได฾แก฽ อาหรบั ราตรี 5. นิทานเร่ืองผี (ghost tale) เป็นนิทานที่มีตัวละครเป็นผี วิญญาณ มีเหตุการณแเกี่ยวกับผี ผีหลอก ผีสิง เน้ือเร่ืองต่ืนเต฾นเขย฽าขวัญ ท้ังผ฾ูเล฽าและผู฾ฟใงค฽อนข฾างเชื่อว฽าเป็นเร่ืองจริง นิทานเร่ืองผีนี้ สะท฾อนให฾เห็นถึงความเชื่อของคนไทยในเร่ืองวิญญาณ และภูตผีต฽างๆ อย฽างชัดเจน ผีหรือวิญญาณใน นิทานจะมาปรากฏร฽างหรอื การกระทาํ เพือ่ ให฾ความช฽วยเหลือ เพื่อแก฾แคน฾ และเพื่อแสดงอทิ ธิฤทธิ์ 6. นิทานวีรบุรุษ (hero tale) เป็นนิทานที่กล฽าวถึงคุณธรรม ความสามารถ ฉลาดเฉลียว ความกล฾าหาญของบุคคล ส฽วนมากเป็นวีรบุรุษของชาติหรือบ฾านเมือง นิทานประเภทนี้คล฾ายกับนิทาน ปรัมปรา คือ ตัวเอกเป็นวีรบุรุษเหมือนกัน แต฽มีข฾อแตกต฽างกันคือ นิทานวีรบุรุษมักกําหนดสถานที่และ เวลาในเร่ืองแน฽ชัดขึ้น แก฽นเร่ืองนิทานวีรบุรุษเป็นวีรกรรมของตัวเอกซึ่งเกิดจากการต฽อสู฾เพื่อคนส฽วน ใหญ฽ การพจญภัยต฽าง ๆ ที่เก฽งกล฾าเกินคนทั่วไป นิทานวีรบุรุษตะวันตก เช฽น โรบินฮ฾ูด เฮอรแคิวลีส ของ ไทย เช฽นไกรทอง เจ฾าสายน้ําผ้ึง พระร฽วงวาจาสิทธิ์ เป็นต฾น ชื่อบุคคล ชื่อบ฾านเมืองเหตุการณแหรือเค฾า เรื่องมีสว฽ นทีเ่ ปน็ ความจรงิ อย฽ูดว฾ ย แตเ฽ ล฽าตกแต฽งเพิ่มเติมเสริมขนึ้ จนเป็นรูปนิทานไป 7. นิทานคติสอนใจหรอื นิทานประเภทคาํ สอน (fable) เปน็ เรือ่ งสั้นๆ ไม฽สมจริง มีเน้ือหาเชิง สอนใจ ให฾แนวทางใจการดําเนินชีวิตที่ถูกต฾องทํานองคลองธรรมบางเร่ืองสอนโดยวิธีบอกตรงๆ บาง เร่ืองให฾เป็นแนวเปรียบเทียบเป็นอุทาหรณแในบางแห฽งจึงเรียกนิทานประเภทนี้ว฽า นิทานอุทาหรณแบ฾าง หรือนิทานสุภาษิตบ฾างตัวละครในเร่ืองอาจจะเป็นคน สัตวแ เทพยาดา เป็นตัวดําเนินเร่ือง สมมุติว฽าเป็น เรือ่ งจรงิ ทีเ่ กิดข้ึนในอดีต เชน฽ เรือ่ งหนกู ัดเหลก็ นิทานอสี ป นิทานจากปใญจตนั ตระ เปน็ ต฾น 8. นิทานศาสนา (religious tale) เป็นนิทานเกี่ยวกับศาสนา พระเจ฾า นักบวชต฽างๆ มีประวัติ อภนิ ิหารหรืออิทธิฤทธิ์ เร่ืองลักษณะนี้ชาวตะวันตกมีมาก เช฽นเร่ืองพระเยซูและนักบุญต฽างๆ ของไทยก็ มีบ฾างที่เกี่ยวกับอภินิหารของนักบวชที่เจริญภาวนามีฌานแก฽กล฾ามีอิทธิฤทธิ์พิเศษ เช฽น เร่ืองหลวงพ฽อ ทวด สมเดจ็ เจ฾าแตงโม เปน็ ต฾น

133 9. นิทานชาดก (jataka tale) ชาดก หมายถึงเร่ืองพระพุทธเจ฾าที่มีมาในชาติก฽อนๆ เน้ือเร่ือง จะกล฽าวถึงประวตั ิและพระจรยิ วตั รของพระพุทธเจ฾าเม่ือครั้งยังเป็นพระโพธิสัตวแเสวยพระชาติในภพภูมิ ต฽างๆ เป็นคนบ฾าง เป็นสัตวแบ฾าง ไม฽ว฽าพระพุทธเจ฾าจะเสวยพระชาติเป็นอะไรก็ตามจะมีคุณสมบัติ แตกต฽างจากผ฾ูอน่ื ทีเ่ ห็นได฾ชัดอยู฽ 2 ประการ คือรูปสมบัติ จะมีร฽างกายสมบูรณแ ถ฾าเป็นสัตวแ จะเป็นเพศ ผ฾ู ถ฾าเป็นคนจะเป็นเพศบุรุษ มีความสง฽างามเป็นที่ประทับตาประทับใจแก฽ผู฾พบเห็น และมีน้ําเสียง ไพเราะ และธรรมสมบตั ิ คอื จะมีคณุ ธรรมสูง โดยเฉพาะทศบารมี (พิสิฐ เจริญสุข, 2539 : 3-4) ได฾แก฽ ทาน ศีล เนกขมั มแ ปใญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา แทรกคติธรรมคําสอนไว฾ในเน้ือ เรือ่ ง นทิ านชาดกทีเ่ ปน็ ที่รจ฾ู กั กันไปท่วั กค็ ือ ทศชาดก โดยเฉพาะชาดกสุดท฾าย คือ พระเวสสันดรชาดก 10. ตํานานหรือ เทพนิยาย (myth) เป็นนิทานที่มีตัวละครสําคัญเป็นเทพยาดา นางฟูา หรือ บุคคลในเร่ืองต฾องมีส฽วนสัมพันธแกับความเชื่อทางศาสนา และพิธีกรรมต฽างๆ มนุษยแปฏิบัติอยู฽เช฽น เร่ือง ท฾าวมหาสงกรานตแ หรอื เรือ่ งเกี่ยวกับพระอนิ ทรแ เป็นต฾น 11. นิทานสัตว์ (animal tale) เป็นนิทานที่มีตัวเอกเป็นสัตวแ แต฽สมมติให฾มีความนึกคิด การ กระทําและพูดได฾เหมือนคน มีทั้งที่เป็นสัตวแปุา และสัตวแบ฾าน บางที่ก็เป็นเร่ืองที่มีคนเกี่ยวช฾องด฾วยและ พดู โต฾ตอบ ปฏิบตั ิตอ฽ กันเสมอื นเป็นคนด฾วยกัน บางเร่ืองก็แสดงถึงความเฉลียวฉลาด หรือความโง฽เขลา ของสัตวแ บางทีก็เป็นเร่ืองของสัตวแที่มีลักษณะเป็นตัวโกงคอยกลั่นแกล฾งสัตวแอื่น แล฾วก็ได฾รับความ เดือดร฾อนเอง นิทานสัตวแถ฾าเล฽าโดยเจตนาจะส่ังสอนคติธรรมอย฽างใดอย฽างหนึ่งชัดเจน ก็จัดเป็นนิทาน คติสอนใจ 12. นิทานตลก (jest) ส฽วนใหญ฽เป็นนิทานสั้นๆ ซึ่งจุดสําคัญของเร่ืองอย฽ูที่พฤติกรรม หรือ เหตกุ ารณทแ ี่ไม฽นา฽ จะเปน็ ไปได฾ตา฽ ง ๆ อาจเปน็ เรือ่ งที่เกีย่ วกบั ความโง฽ การแสดงไหวพริบปฏิภาณ การแก฾ เผ็ดแก฾ลําการพนันขันต฽อ การเดินทางผจญภัยที่ก฽อเร่ืองผิดปกติในแง฽ขบขันต฽างๆ ตัวเอกของเร่ือง อาจจะเป็นคนโง฽เขลาที่สดุ และทาํ เร่อื งผิดปกติวสิ ัยของมนุษยแที่มีสติปใญญาธรรมดาเขาทํากันเช฽น เร่ือง ศรธี นญชัย หัวล฾านนอกครู เปน็ ต฾น สตีธ ธอมป฼สัน (อ฾างถึงใน กิ่งแก฾ว อัตถากร, 2519 : 17) ได฾ประมวลแนวคิดที่เด฽นของเร่ืองตลก ว฽ามี 16 แนวคิดคือ 12.1 ความฉลาด 12.2 ความโง฽ 12.3 การชนะการแขง฽ ดว฾ ยกลลวง 12.4 การตอ฽ รองแบบกลลวง 12.5 การลักขโมยและการหลอกต฾ม 12.6 การหนดี ฾วยกลลวง

134 12.7 กลลวงที่ทารุณ 12.8 การล฽อลวงและการผิดประเพณี 12.9 กลลวงโดยวิธีเบ฽งทบั 12.10 การปลอมแปลง 12.11 การกล฽าวหาที่ผิด 12.12 ภรรยาเลว 12.13 ความเกียจคร฾าน 12.14 คนหูหนวก 12.15 นกั บวช 12.16 การมดเท็จและการโม฾ นอกจากนี้ ยังมีนิทานตลกเกี่ยวกับเร่ืองเพศ ซึ่งมักจะมีลักษณะหยาบโลน มักเล฽ากันเฉพาะ กล฽ุมบางโอกาสเท฽าน้ัน แตม฽ ีข฾อที่น฽าสังเกตอยู฽ประการหนึ่ง คือ นิทานลักษณะนี้ของไทยมักใช฾กลวิธีทาง ภาษา คือผวนคํามาเป็นข฾อขบขัน ถ฾าผ฾ูฟใงผวนคําไม฽ได฾หรือไม฽ก็จะเป็นตัวตลกเสียเอง ตลกเกี่ยวกับเพศ ของไทยมักจะให฾ตัวละครเป็นพระ ชี ซึ่งปกติต฾องอยู฽ในพรหมจรรยแ แต฽กลับประพฤติผิดศีลข฾อห฾ามหรือ ให฾เปน็ เรือ่ งพฤติกรรมทางเพศทีไ่ ม฽เหมาะสมระหว฽างพี่เขยและน฾องเมยี ลูกเขยกับแมย฽ าย เป็นต฾น 13. นิทานเข้าแบบ (formular tale) เป็นนิทานที่มีแบบแผนในการเล฽าเป็นพิเศษแตกต฽างจาก นิทานประเภทอื่นๆ เช฽น ที่เล฽าซ้ําต฽อเน่ืองกันไป หรือมีตัวละครหลายๆตัว มีพฤติกรรมเกี่ยวข฾องกันเป็น ทอดๆ นทิ านประเภทนี้แบ฽งได฾เป็น 4 ชนิด คือ 13.1 นิทานไม฽รู฾จบ เป็นนิทานที่มีความยาวไม฽จํากัด เล฽าต฽อเน่ืองไปเร่ือยๆ โดยไม฽มีจุด จบจนกว฽าผฟ฾ู ใงจะเบื่อหน฽าย มักเปน็ เรือ่ งเกีย่ วกับการนับ หรอื การกระทาํ ซ้าํ ๆ นิทานลักษณะนี้เหมาะสม กบั ความสนใจของเด็ก 13.2 นิทานไม฽จบเร่ือง เป็นนิทานที่ผู฾เล฽าหยอกเย฾าผู฾ฟใงให฾เกิดความสนุกสนาน ผู฾เล฽า มกั จะเร่มิ จากเรอ่ื งทีน่ ฽าสนใจในท฾องถิ่น แล฾วกจ็ ะหาทางให฾เร่อื งจบอย฽างกะทันหัน ทั้งๆ ทีไ่ ม฽นา฽ จบ 13.3 นิทานหลอกผู฾ฟใง เป็นนิทานที่ผ฾ูเล฽ามีเจตนาให฾ผ฾ูฟใงมีส฽วนร฽วมในการเล฽านิทานอา จะมีคําถามคําตอบให฾ตอบ ผู฾ฟใงคาดว฽าคําตอบน฽าจะถูกต฾อง แต฽เม่ือเฉลยแล฾วจะเป็นคําตอบที่น฽าขบขัน และไม฽มเี หตุผล 13.4 นิทานลูกโซ฽ เป็นนิทานทีม่ เี รื่องราวดําเนินไปอย฽างเดียว แตม฽ ีตวั ละครหลายตัวและ มีพฤติกรรมเกี่ยวข฾องกันเป็นทอดๆ พฤติกรรมน้ันอาจจะไม฽สัมพนั ธแกบั ตวั ละครเดิมก็ได฾ นิทานลูกโซ฽ของ ไทยที่รจ฾ู กั กันไปทั่ว คือ ยายกะตาปลกู ถั่วปลกู งาให฾หลานเฝาู 14. นิทานปริศนา (riddle tale) เป็นนิทานที่มีการผูกถ฾อยคําเป็นเง่ือนงําให฾ทายหรือให฾คิดใน เนือ้ เรื่อง อาจไว฾ท฾ายเร่ือง หรือตอนสําคัญๆ ของเน้ือเร่ืองก็ได฾ เพื่อผู฾ฟใงได฾มีส฽วนร฽วมแสดงความรู฾ความ

135 คิดเห็นเกี่ยวกับนิทานที่ได฾ฟใงหรืออ฽าน นิทานปริศนาที่พบมากในไทยอีกเร่ืองหนึ่งได฾แก฽ นิทานปริศนา ธรรม นิทานเวตาลทีร่ ับเข฾ามาก็จัดเปน็ นิทานปริศนา อีกเรื่องหน่งึ ที่รจู฾ กั คือเรือ่ งสงกรานตแ นิทานพ้นื บ฾านบางเรอ่ื งอาจจะมีเน้ือหาคาบเกี่ยวกนั ในการแบ฽งประเภทนิทานผศู฾ กึ ษาจงึ ควร พิจารณาวัตถปุ ระสงคแและทัศนคตขิ องผเู฾ ล฽าประกอบกบเนือ้ เรือ่ งของนทิ าน ถ฾าเหน็ ว฽าลกั ษณะใดเด฽นชดั กจ็ ัดจําแนกเข฾าประเภทนั้น 5. คุณคา่ นิทานพื้นบา้ น ประคอง นิมมานเหมนิ ทแ (2551 : 75 – 80) ได฾อธิบายบทบาทของนทิ านทีม่ ีตอ฽ สงั คมไว฾ดังนี้ 1. ใช฾ให฾ความเพลิดเพลิน เนื่องจากทําให฾ความจําเจของกิจกรรมหรือความอึดอัดใจหายไป โดยไม฽ รู฾สกึ ตวั 2. ช฽วยกระชบั ความสัมพนั ธแ คือ การสรา฾ งความสัมพนั ธแระหว฽างเพื่อนรว฽ มงาน หรอื บคุ คลใน ครอบครวั เมื่อได฾เล฽าสเ฽ู รือ่ งราวในวงสนทนา 3. ช฽วยใหก฾ ารศกึ ษาและเสริมสร฾างจินตนาการ เนื่องจากนิทานเป็นผลงานการสร฾างสรรคแของ มนษุ ยแ ในรปู แบบต฽างๆ ทีท่ าํ ให฾ผ฾ูเล฽าและผฟู฾ ใงเข฾าใจลกั ษณะของมนุษยแในแงม฽ มุ ต฽างๆ ได฾เปน็ อย฽างดี 4. ช฽วยปลกู ฝงใ จรธิ รรมและรกั ษาบรรทัดฐานของสังคม เน่ืองจากได฾สอดแทรกและปลูกฝใงคติ สอนใจ ต฽างๆ ให฾ผู฾เล฽าและผฟู฾ ใงได฾รบั ร฾ูผ฽านการสงั่ สอนโดยอ฾อม ในรูปแบบความบนั เทิงทีค่ ฾ุนชิน สอดคล฾องกับ เรไร ไพวรรณแ (2553 : 24 - 25) กล฽าวว฽า นิทานพื้นบ฾านเป็นข฾อมูลทางคติชนที่ ได฾รบั ความสนใจมากทีส่ ดุ ต้ังแตอ฽ ดีตจนถึงปจใ จุบัน คณุ ค฽านิทานพ้ืนบ฾านมมี ากมาย กล฽าวโดยสรุปดงั น้ี 1. เป็นเครือ่ งให฾ความบนั เทิงใจ ยามว฽างของคนทกุ เพศทุกวยั 2. เป็นเครื่องมอื ในการอบรมสงั่ สอนในสิ่งที่ดีงามตามที่สังคมต฾องการ เป็นการสอนท้ังทางตรง และทางออ฾ ม นิทานบางเรือ่ งจะสรปุ คําสอนไว฾ในตอนท฾ายเร่ืองว฽าสอนให฾รู฾เร่ืองใด ในบางเร่ืองผ฾ูเล฽าหรือ ผฟู฾ ใงตอ฾ งพินจิ พิจารณาข฾อคิดคําสอนเอง นิทานที่ให฾ข฾อคิดคําสอนและเป็นที่รู฾จักกันอย฽างกว฾างขวางก็จะ นํามาใช฾พูดกันเป็นสํานวนภาษิตในชีวิตประจําวัน เช฽น เด็กเลี้ยงแกะ งูเห฽า หมาจ้ิงจอก ดอกพิกุลร฽วง เปน็ ต฾น 3. ให฾ความร฾ูในเรือ่ งต฽างๆ นิทานจะเป็นปรากฏการณแทางธรรมชาติ ประวัติสถานที่ สภาพทาง ภูมศิ าสตรแ ประวตั ิศาสนา ภาษา ฯลฯ การให฾คาํ ตอบในบางเรอ่ื งแม฾จะเปน็ การให฾เหตผุ ลผสม จนิ ตนาการแต฽กเ็ ปน็ คาํ ตอบทีส่ นุกสนานและคลายความสงสยั ไปได฾ในระดับหน่งึ

136 4. เปน็ แหล฽งบันดาลใจให฾เกิดการสร฾างสรรคศแ ลิ ปะในด฾านต฽างๆ เชน฽ วรรณคดี จิตรกรรม ละคร เป็นต฾น และมีสว฽ นสมั พันธแกับประเพณีและพิธีกรรมต฽างๆ ด฾วย เช฽น พญาคันคากกับประเพณีบุญบ้ังไฟ แมโ฽ พสพกับพิธีทําขวัญข฾าว เปน็ ต฾น รวมทั้งงานสร฾างสรรคแทางการโฆษณา และประชาสัมพันธแในธุรกิจ ต฽างๆ ทางสื่อสิ่งพิมพแ และสื่อโทรทัศนแอีกด฾วย เช฽น ละครโทรทัศนแเร่ืองปลาบ฽ูทอง โสนน฾อยเรือนงาม เป็นต฾น จงึ สรปุ สามารถคุณค฽าของนทิ านได฾ดังนี้ คือ 1. นิทานทาํ ใหเ฾ กิดความสนกุ สนานเพลิดเพลิน 2. นิทานช฽วยกระชับความสัมพนั ธแระหว฽างบุคคล 3. นิทานทําใหเ฾ กิดการศึกษาและเสริมสรา฾ งจินตนาการ 4. นิทานใหข฾ ฾อคิดและคตสิ อนใจ 5. นิทานช฽วยสะท฾อนให฾เหน็ ภาพสงั คมสงั คมและวัฒนธรรมในอดีตอย฽างหลากหลาย 1. นิทานพื้นบา้ นประเทศไทย ทีม่ า : http://www.kiriwong.ac.th/index.php/2011-06-03-10-24-05/393--10- เรอ่ื งที่ 1 ไกรทอง (พิจติ ร)

137 ทีม่ า : http://thaigoodview.com/node/8150 ทีใ่ ต฾ลาํ น้าํ พิจิตร มีถ้ําอย฽ูแห฽งหนึ่ง ซึ่งมีความสวยสดงดงามแปลกประหลาดมหัศจรรยแกว฽าที่อื่น ใดหมด ถ้ําที่แห฽งหนไหนจะสวยงามอย฽างไรก็ไม฽วิเศษเท฽าถ้ําแห฽งนี้ ในถ้ํามีแก฾ววิเศษสาดส฽องประกาย แวววาว จงึ มแี สงสวา฽ งสอ฽ งไสวประดุจเวลากลางวันอย฽ูตลอดเวลา ถ้ําวิเศษนี้เป็นถิ่นที่อย฽ูของจระเข฾ด฾วย อํานาจแห฽งความวิเศษของแก฾วมณี จะบันดาลให฾จระเข฾ในถ้ํานี้กลายร฽างเป็นมนุษยแได฾โดยอัตโนมัติไม฽ ต฾องใช฾คาถาอาคมเข฾าช฽วย แต฽เม่ือใดที่จระเข฾ออกไปจากถ้ําก็จะกลายเป็นจระเข฾ตามเดิมจระเข฾ ครอบครัวนี้อยู฽ดีมีสุขสงบเร่ือยมาเพราะมีผ฾ูนําทรงศีลทรงธรรม นามว฽าท฾าวรําไพ ท฾าวรําไพเป็นพญา จระเข฾ผู฾เฒ฽า ที่ไม฽กินมนุษยแและสัตวแอื่นๆ ตลอดทั้งไม฽ทําร฾ายใครๆ ให฾ได฾รับความเดือดร฾อนแล฾วยังทํา หนา฾ ที่คอยสงั่ สอนจระเข฾อื่นๆ ให฾ดํารงอย฽ูในศลี ธรรมอกี ด฾วย ความตั้งอย฽ูในศีลในธรรมของท฾าวรําไพ เป็นที่เลื่องลือกันท่ัวไป แม฾แต฽เทวดาก็ยังรับรู฾ และด฾วย ผลบุญอันนี้จึงทําให฾ท฾าวราํ ไพอิม่ ทิพยแอยู฽ตลอดเวลา ไม฽จาํ เปน็ ต฾องอาหารก็อยู฽ได฾ แต฽แม฾ท฾าวรําไพจะเป็น จระเข฾ทีด่ ีแสนดอี ย฽างไร พวกจระเข฾ลูกๆ หลานๆ กลับไม฽มีใครเอาเยี่ยงอย฽างเลย นับว฽าน฽าเสียดายอย฽าง ยิ่งครอบครวั ใดกต็ ามทีม่ บี รรพบุรุษ หรือมีผู฾หลักผู฾ใหญ฽ของครอบครัวเป็นคนดีหรือมีผลงานสร฾างสรรคแ อะไรไว฾ ครอบครัวนั้นนบั ว฽ามีต฾นทุนชีวิตที่ดี ผู฾มีต฾นทุนชีวิตย฽อมประสบผลสําเร็จในชีวิตง฽ายดายกว฽าผู฾ไม฽ มีต฾นทุนจึงควรรักษาต฾นทุนชีวิตไว฾ให฾ดีๆ ด฾วยการยกย฽องบูชาและด฾วยการปฏิบัติตามให฾เจริญงอกงาม ต฽อไปท฾าวรําไพ มีลูกชายชื่อ ท฾าวโคจร ท฾าวโคจร มีลูกชายชื่อ ชาลวัน เพราะเหตุที่ลูกหลานของท฾าว โคจรไม฽ได฾ดํารงตนอย฽ูในศีลธรรมจึงไม฽มีบุญให฾อิ่มทิพยแ ทําให฾ต฾องออกไปล฽าสัตวแล฽าคนกินเป็นอาหาร ประจํา วนั หนึง่ ท฾าวโคจรลูกของท฾าวรําไพได฾ออกไปนอกถ้ํา และได฾เกิดการต฽อส฾ูกับจระเข฾อีกิ 2 ตัว คือ ท฾าวพันตา และพญาพันวัง ทั้ง 3 ตัวต฽อสู฾กัน ไม฽มีใครแพ฾ใครชนะ เพราะเก฽งพอๆ กัน แต฽ได฾ต฽อสู฾จนตาย ไปท้ัง 3 ตัว ท฾าวรําไพเสียใจอยู฽เหมือนกัน ที่ลูกชายมาตายเสียได฾ เพราะตั้งใจไว฾ว฽าจะให฾ครอบครองถ้ํา วิเศษในอีกไม฽ช฾านีแ้ ล฾ว

138 ต฽อมาท฾าวรําไพแก฽ชราลง ประกอบกับเริ่มเบื่อหน฽ายชีวิตอย฽างโลกๆ คิดจะบําเพ็ญศีลเจริญ ภาวนาแสวงหาความสงบสุขเป็นที่ตั้ง จึงต้ังให฾เจ฾าชาละวันหลานชายเป็นผู฾ปกครองถ้ําและบริวารจระเข฾ แทนตนพอได฾เปน็ ใหญ฽ ชาละวันผ฾ูไม฽ได฾ถือศีลธรรมอย฽างปุูก็ใช฾อํานาจบาตรใหญ฽ เพื่อแสดงฤทธิ์เดชและ เพื่อความสุขอย฽างโลกๆ ให฾แก฽ตนจนเป็นที่หวาดหวั่นของสัตวแและมนุษยแท้ังหลาย เจ฾าชาละวัน เป็น จระเข฾หา฾ วหาร มีพละกําลังมากได฾ทาํ หน฾าปกครองถ้าํ และดูแลจระเข฾บริวารมิให฾ถูกรังแกได฾อย฽างดีเยี่ยม เม่ือได฾เป็นหัวหน฾าใหญ฽ ชาละวันได฾นางจระเข฾มาเป็นเมีย 2 ตัว คือ วิมาลา เมียหลวงและเลื่อม ลายวรรณเป็นเมียน฾อย ชาละวันมักไม฽ค฽อยเชื่อฟใงคําส่ังสอนของปุู (ท฾าวรําไพ) ที่สอนให฾ดํารงตนอยู฽ใน ศีลธรรมและให฾นั่งสมาธิบําเพ็ญภาวนา แต฽มักเที่ยวอาละวาดกัดกินชาวบ฾านเมืองอยู฽เนืองๆ เป็นที่ หวาดกลัวของชาวบ฾านยิ่งนัก เม่ือได฾ลิ้มรสชาติเนื้อมนุษยแ ทําให฾ชาละวันอยากกินเนื้อมนุษยแยิ่งขึ้น ต฾อง ออกจากถ้ําว฽ายสู฽ลําน้ํา เที่ยวแสวงหาล฽ามนุษยแมาเป็นอาหารอยู฽บ฽อยคร้ัง คร้ังล฽าสุด จ฾าวชาลวันได฾ว฽าย น้าํ ไปที่ท฽าน้าํ หนา฾ บ฾านเศรษฐีใหญ฽แห฽งเมืองพิจติ ร ขณะนั้น ตะเภาแก฾วกับตะเภาทองสองสาวแสนสวยธิดาของท฽านเศรษฐีกําลังเล฽นน้ําอยู฽กับพี่ เลี้ยงทีท่ ฽านาํ้ เจา฾ ชาลวนั เห็นหญิงงามเป็นไม฽ได฾ ต฾องรู฾รักใคร฽และอยากได฾มาเป็นเมียเสียทุกที จึงตรงเข฾า ไปคาบตะเภาทอง พาไปยังถ้ําแก฾วมณี กลายร฽างเป็นมนุษยแและใช฾กําลังบงั คับสมสู฽กับนาง ตะเภาทองไม฽ เห็นหนทางรอดไปอย฽างไรได฾ จึงต฾องยอมเป็นเมียตกเป็นเบี้ยล฽างอย฽ูใต฾อํานาจของเจ฾าชาละวันเร่ือยมา มิใช฽แต฽จะต฾องทนรับความชอกช้ําจากเจ฾าชาละวัน ตะเภาทองยังต฾องทนต฽อการเบียดเบียนของนางวิ มาลากับนางเลื่อมลายวรรณ เมียหลวงเมียน฾อยของชาละวันอีกด฾วย แต฽ตะเภาทองก็ทนอย฽ูต฽อไป เพื่อ รักษาชีวติ ไว฾ ไม฽ว฽าคนหรอื สัตวแ ชีวติ ของตนย฽อมเป็นของรกั ของหวงทีส่ ดุ ของตน เมื่อตะเภาทองถูกจระเข฾ชาละวันคาบ ไป ท฽านเศรษฐีจึงตอ฾ งพึ่งโหราศาสตรแไปหาหมอดูให฾ช฽วยดูชะตาชีวติ ของตะเภาทองว฽าเป็นไปอย฽างใด “ท฽านหมอ! ช฽วยดูใหห฾ นอ฽ ยเถอะ ตะเภาทองลูกสาวสุดรักสุดหวงมันจะมีชะตากรรมเป็นอย฽างไร บ฾าง?” โหรจับยามสามตา แล฾วทายว฽า“ตะเภาทองยังไม฽ตายนะยังมีชีวิตอยู฽ ไอ฾เจ฾าชาละวันมันเอาไปไว฾ ในถ้าํ เพื่อทาํ เมยี จงึ จะต฾องใช฾ผู฾มวี ิชาอาคมกล฾าแข็งลงไปช฽วยเหลือจึงจะได฾” ท฽านเศรษฐีดใี จที่ยังพอมที างช฽วยลูกสาว จึงส่ังบริวารให฾ตีฆ฾องร฾องปุาวประกาศให฾เป็นที่รับร฾ูกัน ท่ัวไปว฽า “ผู฾ใดมีวิชาสามารถไปช฽วยตะเภาทองมาได฾ ท฽านเศรษฐีจะยกตะเภาแก฾วให฾เป็นภริยาและจะ แบ฽งทรัพยแสมบัติให฾ครง่ึ หนึ่ง” เม่ือประกาศนี้ได฾เผยแพร฽ไป ปรากฏว฽าได฾มีคนเก฽งออกมาอาสาเป็นจํานวนมากมาย แต฽แล฾วแต฽ ละคนกถ็ ูกเจา฾ ชาละวันกัดตายเสียหมด อยู฽มาไม฽นาน ได฾มีหน฽ุมชายนนทบุรีคนหนึ่ง ชื่อว฽าไกรทอง เป็นคนมีวิชาอาคมกล฾าแข฾ง สามารถ หายตัวได฾ ใช฾เทียนระเบิดน้ํา แล฾วน้ําก็จะแหวกเป็นช฽องทางเดินให฾เดินได฾สะดวก เป็นผ฾ูมีพละกําลังมี

139 ความว฽องไวปราดเปรียว และไหวพริบดี เพราะได฾เล฽าเรียนวิชามาจากท฽านอาจารยแคงผู฾วิเศษ ไกรทอง นาํ เรือสนิ ค฾าไปค฾าขายทางภาคเหนือ เมื่อผ฽านมาทางพิจิตรได฾ยินขา฽ วเกี่ยวกับคําประกาศของท฽านเศรษฐี พิจิตร คิดจะลองเสี่ยงอาสาช฽วยเหลือ แต฽จะต฾องไปกราบเรียนท฽านอาจารยแคงให฾ร฾ูเสียก฽อนพออาจารยแ คงฟใงไกรทองบอกเร่ืองราว อาจารยแคงก็จับยามสามตามองเหตุการณแที่ผ฽านมารู฾หมดทุกอย฽าง และ มองไปในอดีตก็ร฾ูว฽า ไกรทองอาสาสู฾ครั้งนี้จะทําการได฾สําเร็จอย฽างแน฽นอน “ตามดวงชะตา เอ็งจะต฾อง ทําการได฾สําเร็จแน฽ ข฾าจะให฾เทียนระเบิดน้ํา มีดหมอ และหอกสัตตโลหะลงคาถาอาคมแล฾วให฾เอ็งไป” ไกรทองรบั ของสําคัญแล฾วก็กราบเท฾าพระอาจารยแ 3 คร้ัง เดินออกจากวัดอย฽างมีหวัง รีบบ฽ายหน฾าไปยัง เมืองพิจติ รทันที ฝาุ ยเจา฾ ชาละวันอย฽ูในถ้ําแก฾วมณี เป็นสุขอย฽ูกับเมียท้ังสาม ก็เพลิดเพลินอย฽ูในโลกียสุขอย฽างไม฽ ลืมหลู มื ตาจนกระท้ังถึงวันที่ไกรทองได฾ฤกษแอาสา เม่ือถึงฤกษแงามยามดี ตามที่ตําราโหราศาสตรแกล฽าว ไว฾วา฽ ไกรทองกป็ ระกอบพิธีกรรมในคืนวันนน้ั ชาลวันหลับฝนใ ไปว฽า “ได฾เกิดไฟไหม฾ถ้ําแก฾วมณี จากน้ันได฾ มีเทวดาตนหนึ่งถือพระขรรคแเล฽มหนึ่งมาตัดหัว และสาวไส฾ออกมาให฾กากิน” ชาละวันตกใจตื่นขึ้นมา กลางดกึ รีบปลกุ นางวิมาลาเมยี หลวงซึ่งนอนอย฽ูด฾วยขึน้ มาเล฽าความฝในให฾ฟใง นางวิมาลาฟใงแล฾วก็ตกใจ จงึ บอกว฽า “พี่ชาลวนั ! นีเ้ ปน็ ฝนใ รา฾ ย ควรจะไปหาปูุให฾ท฽านแก฾ความฝในให฾” ชาละวนั รบี ไปหาท฾าวรําไพ เล฽าความฝนใ ให฾ฟใง ท฾าวรําไพฟใงแล฾วก็รู฾ว฽าชาละวันมีชะตาถึงฆาต ฝใน นีเ้ ปน็ ลางสงั หรณแบอกให฾รู฾ จึงกล฽าวขึน้ ว฽า“นีเ้ ปน็ ลางร฾ายบอกเหตุว฽าหลานจะต฾องถึงฆาตเสียชีวิต แต฽เรา สามารถแก฾หนักใหเ฾ ป็นเบาได฾อย฽ูโดยใน 7 วัน นี้ห฾ามเจ฾าออกไปจากถ้ําโดยเด็ดขาด ถ฾าฝุาฝืนก็จะต฾องถึง แก฽ชีวติ อย฽างแน฽นอน ในระหว฽าง 7 วันที่อยู฽ในถ้ํา จะต฾องจําศีลเจริญภาวนาอย฽างเคร฽งครัดหนักก็จะเบาลง ร฾ายก็จะค฽อยผ฽อน คลายเปน็ ดี” ชาลวนั ฟงใ แล฾วก็ตกใจถึงกบั หนา฾ ซีดเซียว รบั ปากปูุวา฽ “หลานจะทําตามคําแนะนําของปูุทุก อย฽าง” จากนั้นได฾สั่งบริวารให฾ช฽วยกันขนก฾อนหินมาปิดปากถ้ําไว฾ให฾แน฽นหนา มีเวรรักษาอย฽างแข็งขัน คอยดูแลอย฽าให฾ใครเล็ดลอดมาได฾เป็นอนั ขาด นบั แต฽วันนน้ั เจ฾าชาละวันก็อยู฽แต฽ในถ้ํา ต้ังม่ันในศีล เจริญ ภาวนาอย฽างเดียว ส฽วนเจ฾าไกรทองหน฽ุมเมืองนนทแได฾น่ังบนลงแพหยวกลอยอยู฽กลางลําน้ําทําพิธีอยู฽ 3 วัน 3 คืน ฤทธิ์ของคาถาอาคมทําให฾ชาลวันและจระเข฾บริวารเกิดอาการร฾อนรนกระวนกระวายอย฽ู ตลอดเวลา โดยในวันที่ 3 ชาละวนั ตอ฾ งอํานาจมนตแถกู เรียกให฾ขนึ้ มาอยู฽เหนอื น้ํา ทําให฾ไม฽อาจทนอย฽ูในถ้ํา ได฾ แล฾วก็เป็นผู฾ที่ทําลายหินที่ปิดปากถ้ําเสียเอง โดยบริวารทั้งหลายไม฽อาจขัดขวางได฾เลย แล฾วก็แหวก ว฽ายไปหาไกรทองทันที ในที่สุดจอมจระเข฾กับจอมคนก็ได฾ต฽อสู฽กัน เป็นการต฽อสู฾ที่ม฾ุงหมายเอาชีวิตของ กันและกัน ชาละวันอาศัยความดุร฾ายและพละกําลัง ส฽วนไกรทองอาศัยคาถาอาคม มีดหมอ หอกสัตต โลหะ ความฉลาดปราดเปรียวเป็นสําคัญ ท้ังสองสู฾กันไปได฾พักหนึ่ง ในที่สุดชาลวันก็ถูกแทงไปหลายที ได฾แผลฉกรรจไแ ปไม฽น฾อย จนไม฽อาจจะยืนหยัดส฾ูต฽อไปได฾ ต฾องรีบดําน้ําหนีกลับถ้ําไปทันที ไกรทองเห็นว฽า ใกล฾จะมีชัยชนะ จึงไม฽ปล฽อยให฾โอกาสทองหลุดลอยไปง฽ายๆ รีบทําพิธีเสกกระทงใส฽เคร่ืองพลีเสี่ยงให฾

140 ลอยไปตามชาละวันหวงั จะได฾รว฾ู ฽าถ้ําชาละวันอยู฽ตรงไหน ปรากฏว฽า กระทงเคร่ืองบัตรพลีเสี่ยงทาย ลอยไปวนอยู฽เหนือวังวนจระเข฾ เห็นว฽าได฾การแล฾ว ไกรทองจึงจุดเทียนระเบิดขึ้น สายน้ําก็เปิดเป็น ช฽องทางเดินไปจนถึงถ้าํ ชาละวนั เม่ือเข฾าไปในถ้ํา เห็นความงามของถ้ําแก฾วมณี ถึงกับตกตะลึงจึงเดินชมด฾วยความเพลิดเพลิน กระทัง่ ไปพบนางวิมาลาเมยี หลวงผเ฾ู ลอโฉมของชาละวัน เกิดความรกั ใคร฽เสน฽หา ปากพูดจาเกี้ยวพาราสี ส฽วนมือก็ไขว฽คว฾าจับต฾องเอาอย฽างไม฽เกรงใจใคร นางวิมาลาปกปูองตัวเองไม฽ไหว จึงร฾องให฾ชาละวัน ออกมาช฽วย ตอนน้ันชาละวันอย฽ูในระหว฽างรักษาแผล เพราะถูกแทงท้ังมีดทั้งหอก จนได฾รับบาดเจ็บอย฽ู หลายแห฽ง แล฾วพิษบาดแผลกแ็ รงนัก ถึงขนาดต฾องนอนซมทีเดียว แต฽ครั้นได฾ยินเสียงร฾องเรียกให฾ช฽วย ชา ละวันก็ไม฽ย฽อท฾อ รีบออกไปช฽วยภริยาทันที จึงได฾พบกับเจ฾า ไกรทองเข฾าให฾ การต฽อส฾ูจึงเกิดขึ้นอีกคร้ัง หนึ่ง แต฽คร้ังนี้ ชาละวันอยู฽ในร฽างมนุษยแ การต฽อสู฾ระหว฽างลูกผู฾ชายสองคนผ฾ูกล฾าแข็ง จึงได฾เกิดขึ้นอย฽าง ถึงพริกถึงขิงและรุนแรงที่สุด และแล฾วไกรทองก็เอาชนะได฾ โดยใช฾มีดหมอปใกตรงที่น่ังพระอิศวรหรือ พระศิวะ ใชส฽ ายสิญจนผแ ูกตาชาละวัน เปุาคาถาร฽ายมนตแสะกด ชาละวันสิ้นฤทธิ์ สิ้นเรี่ยวแรง ไร฾กําลังที่ จะต฽อส฾ู พ฽ายแพ฾แก฽ไกรทองอย฽างสิ้นเชิง แล฾วก็กลายร฽างกลับเป็นจระเข฾ตามเดิม ปราบชาละวันจนอย฽ู หมัดแล฾ว ไกรทองก็ยังไม฽กลับขึ้นเมืองมนุษยแอย฽ูสมสู฽กับเมียชาละวันอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ ครั้นเบื่อหน฽าย แล฾ว จงึ พาตะเภาทองกลบั เมืองมนษุ ยแ พาไปส฽งคืนใหแ฾ ก฽เศรษฐีพิจิตรผเ฾ู ป็นบิดา เศรษฐีพิจิตรพอได฾ลูกสาวกลับคืนมาส฽ูอ฾อมอกก็ให฾ร฾ูสึกดีใจจนไม฽มีสิ่งใดเปรียบเทียบได฾ เพราะ ลูกคือแก฾วตาแก฾วใจของพ฽อแม฽ ส฽วนสัญญาที่ให฾ไว฾แก฽ไกรทอง ท฽านเศรษฐีก็มิได฾ทําเป็นหลงลืมได฾ยก ตะเภาแก฾วให฾เป็นภริยา โดยไม฽ต฾องเสียสินสอดทองหมั้น แล฾วยังแบ฽งทรัพยแสมบัติให฾ถึงครึ่งหนึ่ง ไกร ทองสร้างเรือนอยู่ท่ีบ้านเศรษฐีและครองเรือนอย่างมีความสุขจนตลอดชีวิต (เอกรัตนแ อุดมพร, 2551 : 19 – 27)

141 เร่อื งที่ 2 พระสธุ น – มโนราห์ ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/458734 นางมโนราหแ...เป็นธิดาองคแเล็กของท฾าวทุมราชผู฾เป็นพระยากินนร นางมีพระพี่นางอีกหกองคแ ล฾วนมหี นา฾ ตาเหมอื นๆ กัน งดงามยิ่งกว฽านางมนุษยแ รปู ร฽างหน฾าตาของพวกเขาเหมือนมนุษยแแต฽มีปีกและ หางทีถ่ อดออกได฾ เมื่อใส฽ปีกใส฽หางแล฾วกินนรก็สามารถบินไปยงั ที่ตา฽ งๆ ได฾ นางมโนราหแและพี่น฾องท้ังหกได฾ไปเล฽นน้ําที่สระน้ําอโนดาต เจอพรานบุญที่ต฾องการจับตัวนาง กินรีเพราะเห็นว฽านางงดงามคู฽ควรแก฽พระสุธน โอรสแห฽งเมือง ปใญจาลนคร พรานบุญจึงไปยืมบ฽วง นาคบาศจาก ท฾าวชมพูจิต พญานาคราช ซึ่งได฾ให฾ยืมบ฽วงนาคบาศ เพราะพรานบุญเคยช฽วยชีวิตเอาไว฾ และเหน็ ว฽าพระสธุ นกับนางมโนราหเแ ป็นเนือ้ คู฽กนั พรานบญุ ได฾จับนางมโนราหไแ ปถวายแค฽พระสุธน พระสุ ธนเหน็ เข฾ากเ็ กิดหลงรักนางและพานางกลบั เมือง และได฾อภิเษกกัน ต฽อมาปุโรหิตคนหนึ่งได฾เกิดจิตอาฆาตแค฾นแก฽พระสุธน เพราะว฽าพระสุธนไม฽ให฾ตําแหน฽งแก฽บุตรของตน เม่ือถึงคราวเกิดสงคราม พระสุธนออกไปรบ พระบิดาได฾ทรงพระสุบิน ปุโรหิตได฾ทํานายว฽าจะเกิดภัย พิบัติ คร้ังใหญ฽ ให฾นาํ นางมโนราหไแ ปบชู ายญั ซึง่ ท฾าวอาทิตยวงศไแ ด฾ยินยอมตามนน้ั นางมโนราหแร฾ูเข฾าก็เกิดตกใจ จึงออกอุบายขอปีกกับหางขอนางคืน เพื่อร฽ายรําหน฾ากองไฟก฽อน จะตาย เม่ือนางได฾ปีกกับหางแล฾ว นางก็ร฽ายรําได฾สักพักก็บินหนีไป ไปเจอฤาษี ก็ได฾กล฽าวกับฤาษีว฽า หากพระสุธนตามมาให฾บอกว฽าไม฽ต฾องตามนางไป เพราะมีอันตรายมากมาย และได฾ฝากภูษาและ ธํามรงคแให฾พระสุธน เม่ือนางมโนราหแได฾กลับไปที่เมืองก็จะได฾มีพิธีชําระล฾างกลิ่นอายมนุษยแ ฝุายพระสุ

142 ธนที่กลับจากสงครามได฾ลงโทษปุโรหิต และติดตามหานางมโนราหแ เม่ือเจอพระฤาษี พระสุธนจะ ติดตามนางมโนราหแต฽อไป โดยมีพระฤาษีค฽อยช฽วยเหลือ เป็นเพราะเวรกรรมแต฽ชาติที่แล฾วน่ัน คือ \"มโนราหแ\" นางมโนราหแ คือ พระนางเมรี และ พระสุธน คือ พระรถเสน ทําให฾พระสุธนได฾รับความลําบาก มาก เม่ือพระสุธนมาถึงสระน้ําอโนดาต ได฾แอบเอาพระธํามรงคแใส฽ลงในคนโทของนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่ง นางกินรีได฾นําน้ํานั้นไปสรงให฾นางมโนราหแ พระธํามรงคแได฾ตกลงมาที่แหวนของนางพอดี ทําให฾นางร฾ูว฽า พระสุธนมาหานาง นางจึงได฾แจ฾งแก฽พระมารดา ซึ่งพระบิดาต฾องการทราบว฽าพระสุธนมีความรักจริงต฽อนาง มโนราหแหรอื ไม฽ ได฾รบั พระสธุ นมาทีเ่ มืองและใหพ฾ ระสุธนบอกว฽านางไหนคือนางมโนราหแ ซึ่งนางมโนราหแ และพี่ๆ มีหน฾าตาละม฾ายคล฾ายคลึงกัน ร฾อนถึงองคแอินทรแ ต฾องแปลงกายมาเป็นแมลงวันทอง จับที่ผม ของนางมโนราหแ ทาํ ให฾นางมโนราหแแ ละพระสุธนได฾เคียงคู฽อย฽างมีความสุข ครั้นถึงวันทดสอบท฾าวทุมราชรับส่ังให฾นางกินรีพี่น฾องท้ัง 7 ซึ่งมีรูปร฽างสิริโฉมงดงามและ คล฾ายคลึงกนั มากออกร฽าย รําให฾พระสุธนหาตัวนางมโนราหแ พระสุธนเองร฾ูสึกหนักใจมากเพราะทั้งหมด ดูคล฾ายคลึงกัน เพื่อให฾ความรักของพระองคแสมหวัง พระอินทรแจึงลงมาช฽วยโดยการกระซิบบอกว฽าถ฾า นางใดมีแมลงวันทองบินมาจับที่ใบหน฾านางน้ันคือพระชายาของพระองคแ พระสุธนยินดียิ่งนักและ มองเห็นแมลงวันสีทองเกาะอย฽ูบนหนา฾ ของมโนราหแ จึงรีบดึงพระกรของนางมาทันที พระราชาและทุกๆ คนต฽างก็มีความยินดียิ่งนักที่ได฾เห็นทั้งคู฽สวมกอดกัน จึงจัดพิธีอภิเษกสมรสอย฽างยิ่งใหญ฽ให฾ทั้งสอง พระองคแอีกคร้ังหนึ่ง อย฽างไรก็ตามที่มาบางแห฽งก็กล฽าวว฽า พระสุธนจํานางมโนราหแได฾ก็เพราะพระองคแ เห็นแหวนในนิ้ว มือของนางและไม฽ได฾กล฽าวถึงพระอินทรแมาช฽วยแต฽อย฽างใดเลย แต฽จะอย฽างไรก็ตามทั้ง สองพระองคแก็ได฾อย฽ูร฽วมกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ต฾องพลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากพิธีอภิเษก สมรสแล฾ว พระสุธนก็ทูลขอพระราชานุญาตจากท฾าวทุมราช ให฾พระองคแและนางมโนราหแกลับไปเยี่ยม บ฾านเมืองของพระองคแ ท฾าวทุมราชทรงอนุญาตและร฽วมเสด็จไปยังเมืองปใญจาลนคร ด฾วย ท฾าวทุมราช ได฾พบกับพระบิดาของพระสธุ น กษัตรยิ แทั้งสองทรงแลกเปลี่ยนของขวญั และร฽วมเปน็ พระสหายกันแต฽บัด น้ัน หลังจากประทับอย฽ูในพระราชวัง 7 วันแล฾ว ท฾าวทุมราชลาธิดาของพระองคแและทุกๆ คนเดินทาง กลบั พระนครของพระองคแ ภายหลังพระสุธนได฾ขึ้นครองราชยแและใช฾ชีวิตร฽วมกับนางมโนราหแจนกระท่ัง วาระสดุ ท฾ายแห฽งพระชนมชแ ีพของพระองคแ (พลอยโพยม, 2560 : ระบบออนไลนแ)

143 2. นิทานพื้นบา้ นสิงคโปร์ ที่มา : http://www.kiriwong.ac.th/index.php/2011-06-03-10-24-05/393--10- เรอ่ื ง กําเนดิ ประเทศสิงคโปร์ ที่มา : http://www.rromdtour.com/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C %E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A 3%E0%B9%8C.html นานมาแล฾ว มีเจ฾าชายแห฽งปาเลมบังทรงพระนามว฽า “ปรเมศวร*”พระองคแเป็นนักล฽าสัตวแมือ ฉมังจนเป็นที่เลื่องชื่อลือนามไปท่ัวฝีมือยิงธนูและพุ฽งหอกล฽าสัตวแต฾องยกให฾พระองคแ เจ฾าชายปรเมศวร ทรงออกล฽าสตั วแบ฽อย คราวหนึง่ พระองคแพาพราน ทหาร ข฾าราชบริพารไปล฽าสัตวแบนเกาะริโอ คร้ันถึงเกาะริโอไม฽ทนั ได฾พกั ผ฽อน ก็มีกวางตัวหนึ่งทะยานอกมาจากพ฽ุมไมผ฾ า฽ นหน฾าขบวนเสด็จ ท้ังๆ ที่ ยงั มองหาที่เหมาะสมเป็นที่ปลกู พลบั พลาทีป่ ระทับมิได฾เลย...

144 เม่ือกวางตัวนั้นกระโดดผ฽านหน฾า พระองคแรับส่ังขึ้นว฽า “ยิง..ยิงเลย” พวกพรานและข฾าราช บริพารตา฽ งมอี าวุธนานาชนิดอย฽ูในมอื แตล฽ ะคน คร้ันมีรับสั่งเช฽นน้ัน พรานก็ถือธนูก็น฾าวยิงผู฾ถือหอกก็พุ฽ง หอกหลาวออกไป ท้ังพรานและเหล฽าข฾าราชบริพารต฽างทําหน฾าที่ของตน อาวุธทุกชนิดพ฽ุงใส฽ร฽างกวางตัว น้ันราวกบั หา฽ ฝน ทว฽าไม฽มคี มอาวุธใดระคายผวิ เจ฾ากวางตัวนนั้ เลย มันวิ่งหนไี ปได฾อย฽างรวดเรว็ เจ฾าชายรีบเสด็จตามกวางไปติดๆ พระองคแร฾ูสึกประหลาดพระทัยที่ เจ฾ากวางตัวนน้ั ไม฽บาดเจบ็ จึงเสดจ็ ตามอย฽างไม฽ลดละจนถึงยอดเขาทรงรสู฾ ึกเหน็ดเหนื่อยแทบหมดกําลัง คร้ันทรงยืนมองไปรอบๆ ตวั ทอดพระเนตรไม฽เห็นกวางตวั น้ัน... “เอ฿ะ..มันหายไปไหนรวดเรว็ เหลือเกิน” “นั่นสิพะย฽ะค฽ะพวกเราไล฽ตามหลงั มาติดๆ”พรานค฽ูพระทยั ตอบ พวกเขาต฽างมองหาร฽องรอยของกวางตัวน้ัน พระองคแทอดพระเนตรทัศนียภาพบนภูเขาและ ทอดพระเนตรออกไปไกลสุดสายตาทรงเห็นเกาะแก฽ง และหาดทรายสวยงามที่สะท฾อนแสงสีทองใน เปลวแดดระยับยิบ... “โอ฾...ทะเลเกาะแก฽งและหาดทรายที่นี่สวยงามเหลือเกิน” ตรัสเอ฽ยชมความงามของธรรมชาติ โดยแทบไม฽กระพริบพระเนตร “เกาะทีอ่ ยู฽ตรงหนา฾ โน฽นชือ่ อะไร” ตรัสถามนายทหารคนสนิททีต่ ามเสดจ็ ใกล฾ชิดตลอดเวลา “เกาะตมุ ะเสกพะย฽ะค฽ะ” ทหารคนสนิทตอบ “ถ฾างั้นพวกเรากลบั ลงเรือ ไปทีเ่ กาะนนั่ เจ฾ากวางโชคดีตัวนั้นปล฽อยมันไปเถอะ” ตรัสพลางหมุน พระวรกายสูงสง฽าเสด็จนําหน฾ามาลงเรอื ทีเ่ ทียบท฽าคอยอย฽ู เมื่อเรอื พระที่น่งั ของเจา฾ ชายปรเมศวรพร฾อมด฾วยขบวนเรือตามเสด็จของเหล฽าข฾าราชบริพารใกล฾ จะถึงเกาะตุมะเสก พลันธรรมชาติเกิดแปรปรวน เริ่มด฾วยท฾องฟูามืดครึ้ม ตามมาด฾วยหระกายสายฟูา แลบแปลบปลาบ พร฾อมด฾วยเสียงคํารณคํารามของฟูาร฾องและฟูาผ฽า ระคนสายลมที่พัดแรงขึ้นเร่ือยๆ พร฾อมกันนั้นสายฝนก็เทกระหนํ่าลงมาอย฽างแรงคร้ันพายุโหม ท฾องทะเลและคลื่นก็ปใ่นปุวย คลื่นแต฽ละ ลกู สูงท฽วมเรือ ทาํ ให฾เรือแต฽ละลํากระเด็นกระดอนตามปลายลูกคลืน่ ทั้งน้ําฝนที่ตกกระหนํ่า และน้ําจาก คลื่นทะเลไหลเข฾าลาํ เรอื สภาพของเรือแต฽ละลําไม฽ต฽างจากเศษไม฾เล็กๆ ที่พร฾อมเอียงวูบล฽มลงส฽ูก฾นทะเล ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ยิ่งมีข฾าวของและเคร่ืองใช฾บรรทุกมาเต็มลํา ยิ่งทําให฾เรือแต฽ละลําหนักและเอียง อย฽างเสียศนู ยแ จนทหารผ฾ูเป็นหัวหน฾ากราบทลู ขึน้ ว฽า “ขอเดชะ พระอาญาไมพ฾นเกล฾า ข฾าวของที่อยู฽ในเรือไม฽ว฽าจะเสบียง อาวุธ และเคร่ืองใช฾ต฽างๆ ต฾องทิง้ จากเรอื ให฾หมดไม฽เช฽นนนั้ เอจะล฽มแน฽นอนพะย฽ะค฽ะ” เมือ่ เจา฾ ชายหนุ฽มทรงอนุญาต ข฾าวของทุกอย฽างต฾องสะทิ้งอย฽างจําใจเพื่อให฾เรือเบาขึ้น และรักษาชีวิตคน ในเรอื แตล฽ ะลาํ ... เรือพระที่นงั่ ที่เจา฾ ชายปรเมศวรประทบั อย฽ูยังเอียงวูบๆ”

145 “ขอเดชะ พระอาญาไม฽พนเกล฾า แม฾แต฽มงกุฎทองบนพระเศียรของพระองคแก็ต฾องถอดโยนทิ้ง ทะเล มิเช฽นนนั้ เรือลม฽ แนพ฽ ะย฽ะค฽ะ”นายทหารใกล฾ชิดกราบทลู “ไม฽ได฾...มงกุฎทองต฾องอย฽ูกับเราตลอดเวลา เราสวมมงกุฎอยู฽ ณ ที่ใดที่นั่นคืออาณาจักรของ เรา” เจ฾าชายหน฽ุมตรัสอย฽างไม฽เห็นดว฾ ย พระองคแไม฽ทรงถอดมงกุฎทอง ทว฽าท้ังพายุฝน ลมแรง และคลื่นสูงกระหนํ่าเข฾ามาไม฽หยุดหย฽อนและดูจะรุนแรงขึ้นเร่ือยๆ เรือ พระทีน่ ่งั ขึน้ ลงตามยอดคลืน่ ยกั ษแท้ังสท่ี ิศมดื มิดดว฾ ยสายฝนและลมแรงตามอํานาจพายคุ ล่งั ในทะเล “ขอเดชะพระอาญาไม฽พ฾นเกล฾า หากพระองคแไม฽สละมงกุฎทองเรือจะต฾องล฽มแน฽นอน แล฾วทุกคน จะจมนาํ้ ตายพะย฽ะค฽ะ” เม่ือไม฽มีหนทางใด เพราะพายุคลื่นลมแรงยิ่งกระหน่ําหนักลําเรือมีน้ําขังแม฾ทหารจะช฽วยกันวิด ออก แต฽มิอาจต฾านทานน้ําจากฟูาและน้ําจากทะเลที่ไหลเข฾ามา ทําให฾เรือเอียงวูบซ฾ายที ขวาที เม่ือไม฽มี ทางเลือกเจ฾าชายทรงถอดมงกุฎทองออกจากพระเศียร พระองคแทรงทอดพระเนตรมงกุฎทองเป็นครั้ง สุดท฾าย แล฾วทรงโยนลงทะเลด฾วยพระหตั ถแของพระองคแเอง ทนั ใดนั้น พายุคลืน่ ลมในทะเลก็สงบลงทนั ที เรอื แตล฽ ะลาํ แล฽นเข฾าส฽ูเกาะ และเทียบฝใ่งโดยไม฽มีเหตุการณแ ร฾ายเกิดขึ้น ... เมอ่ื เจ฾าชายหนุ฽มและขา฾ ราชบริพารได฾พกั ผอ฽ นกินอาหารที่พอมีตกค฾างอยู฽ในลําเรือกันแล฾ว เจ฾าชายทรงตอ฾ งการจะล฽าสัตวแบนเกาะแหง฽ น้ีแสงตะวนั ยงั เจิดจา฾ มีเวลาพอที่พระองคแจะล฽าสัตวแในปุาบน เกาะขณะทีเ่ สด็จนาํ หนา฾ มสี ัตวแตวั หน่งึ นง่ั อย฽ูบนโขดหิน มันเป็นสตั วแทีพ่ ระองคแไม฽ทรงเคยเห็นมาก฽อนเลย เจ฾าสัตวแนน้ั มขี นหัวสีดํา คอยาว และตวั มีขนสแี ดง “เจ฾าสัตวแที่นง่ั อย฽ูโขดหินริมหาดนั่นคืออะไร” “มนั คือสิงโตพะย฽ะค฽ะ” “เจ฾าสัตวแตัวนี้เป็นสัญลักษณแของที่นี่ เราจะย฾ายเมืองหลวงมาตั้งที่เกาะนี้ เราชอบที่นี่มาก ธรรมชาติสวยงาม มีความอุดมสมบูรณแ พวกเจ฾าคิดยังไง” “เหมาะมากพะย฽ะค฽ะ จะทรงตง้ั ชือ่ วา฽ อะไรพะย฽ะค฽ะ” “เราจะให฾ชือ่ วา฽ สงิ หปุระ อันหมายถึง นครแหง฽ สงิ โต” พระองคแตรสั ขณะทรงทอดพระเนตรเจ฾า สัตวแประหลาดนั้นโดยไม฽คิดจะล฽ามัน ตั้งแต่นั้น “สิงหปุระ” จึงถูกเรียกต่อๆ มา และค่อยๆ เพี้ยน เป็นคาํ วา่ “สิงคโปร์ *หมายเหตุ ตํานานกําเนิดประเทศสิงคโปร์ในบางสํานวนจะเป็นเจ้าชายสิงนิลาอุตมะ แห่ง อาณาจกั รศรวี ิชยั (โชติ ศรสี วุ รรณ (2), 2555) : 19 - 23)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook