2. ควรมกี ารจัดกิจกรรม หรือเสวนาแลกเปล่ียนระหวางหนวยงานสวนกลางและสวน ภมู ิภาค ในประเด็นความรูรวมกนั เพ่อื หาความสอดคลอ งรวมถึงการแลกเปล่ยี นองคค วามรูตางๆ ระหวา งกัน 3. ควรมีการจัดต้งั คณะกรรมการของสถาบันฯ ในการพิจารณาองคค วามรูทเี่ ปน ประโยชนตอองคก ร และดําเนินการจดั สัมมนาแลกเปล่ยี นเพื่อกลนั่ กรองใหม ีความชดั เจนและ ดําเนนิ การเผยแพรท้ังภายในองคก ร และผูส นใจภายนอกตอ ไป รวมถงึ การวางแผนการ ประชาสมั พันธเ ผยแพรอ งคค วามรทู ่ีจดั เกบ็ อยา งเปน ระบบ
โครงการประชุมสัมมนาเครือขายการจดั การความรูฯ คร้งั ท่ี12 “การจดั การความรสู ูมหาวิทยาลยั นวตั กรรม” (Knowledge Management: Innovative University) สาํ หรับนักศกึ ษา ชอ่ื เรอื่ ง/แนวปฏิบตั ทิ ด่ี ี การสอนดนตรไี ทยใหก บั ชมุ ชน “โรงเรียนวัดโปง แรด” TEACHING THAI MUSICFORCOMMUNITY“WATPONGRAD SCHOOL” ช่ือ-นามสกลุ ผูนาํ เสนอ 1. นางสาวเจนจริ า นามโคตร นกั ศึกษาปริญญาตรีชัน้ ปท่ี 4 E-Mail address : [email protected]โทร. 086 1095439 2. นางสาวพรพรรณ สุขถาวร นกั ศึกษาปรญิ ญาตรชี นั้ ปท ี่ 4 E-Mail address:[email protected]โทร. 063 1971749 ช่อื สถาบนั การศึกษา วิทยาลยั นาฏศลิ ปจันทบรุ ี หนว ยงาน สถาบนั บณั ฑิตพัฒนศลิ ปกระทรวงวัฒนธรรม เบอรโทรสาร 039 313214 อาจารยทปี่ รกึ ษา นางธนันญภา บุญมาเสมอ โทร. 089 2458589 นางสาวธนพตั ธรรมเจริญพงศ โทร. 089 1548590
บทสรุป การสอนดนตรไี ทยใหก ับชุมชน “โรงเรยี นวดั โปง แรด” เปนการดาํ เนนิ กจิ กรรมการสอนดนตรีไทยของนกั ศึกษา ปริญญา ตรชี ั้นปท่ี 4 สาขาวชิ าดนตรคี ตี ศิลปไทยศึกษา วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปจนั ทบรุ จี ํานวน 14คนทีไ่ ดรับการส่ังสมและบมเพาะจากการ เรยี นในหลักสตู รศึกษาศาสตรบณั ฑิต (ครู 5 ป) ตามอัตลักษณของสถาบนั บัณฑติ พัฒนศิลป“มอื อาชพี งานศลิ ป” รปู แบบของ กจิ กรรมเปนการสอนดนตรไี ทยและจดั การบรรเลงรวมวงแสดงผลงานในระดับปฐมวัยและประถมศึกษาปท่ี 1 -6 โรงเรยี นวัด โปงแรดจาํ นวน 45 คน เครอ่ื งดนตรที ีส่ อน ไดแ ก กลองยาว ซอดวง ซออู ขลุย ขมิ จะเข ระนาดเอก ระนาดทุม และฆอ งวงใหญ กิจกรรมจัดขึน้ ในระหวา งวันที่1 กันยายน - 2 ตลุ าคม 2561กจิ กรรมการสอนแบงเปน 3 รปู แบบไดแ ก1)การสอนดนตรีไทย สําหรับเด็กปฐมวัย2) การสอนดนตรไี ทยเบ้ืองตนสาํ หรบั เด็กประถมศึกษา 3) การสอนดนตรไี ทยสําหรบั เด็กประถมศึกษาท่ีผาน การฝกปฏบิ ตั ิเบ้อื งตน เรยี นมาแลวองคความรูท ่ไี ด คอื แนวทางการจัดกิจกรรมการสอนดนตรีไทย แนวทางการสอนดนตรีไทย ในระดับปฐมวยั และประถมศึกษา และแบบฝก ปฏิบัติทักษะดนตรไี ทยตามรปู แบบการสอน จากการจดั กิจกรรมสอนดนตรไี ทย สง ผลให 1. นักศกึ ษาไดร บั ประสบการณตรงในการทํางาน เสริมสรางทักษะการสอนสามารถพฒั นาวธิ กี ารสอนใหเ หมาะสมตาม ศกั ยภาพของผเู รยี น ทาํ ใหมที ักษะการสอนดนตรไี ทยอยางครมู ืออาชีพ 2.สรา งสรรคส อื่ การสอนเคร่ืองดนตรีผลไม เงาะ มงั คดุ ทเุ รียน สําหรับเดก็ ปฐมวยั 3.นักเรยี นโรงเรียนวดั โปงแรดทีเ่ ขารว มทุกคนสามารถเลนดนตรีไทยได 1 ช้ิน 4. สรางความยงั่ ยืนดานศลิ ปวัฒนธรรมดนตรีไทยใหก ับชุมชนกลมุ เปาหมายนักเรียนในโรงเรียนวดั โปง แรด คําสาํ คญั การสอน ดนตรไี ทย ชมุ ชน โรงเรยี นวดั โปงแรด Summary The Fourth Year leamers of Bachelor of Education program in Thai Music Education from Chanthaburi College of Dramatic Arts had taught Thai Music to Early Childhood and pratomsuksa1-6 students at Watpongrad School during 1st September to 2nd October, 2018. They had taught how to play Long Drums, Saw U, Saw Dung, Klui, Kim, Chakhe, Ranad-Ek, Ranad-Thum and GongwongYai. This activity had 3 types : 1)Teaching Thai Music for Early Childhood 2)Teaching Basic Thai Music for Elementary Students 3)Teaching Thai Music for Elementary students who used to play. The knowledge getting from this were the approach to teach Thai Music, Thai Music for Early Childhood and Elementary students and to develop Thai Music Skill Exercises according to Teaching Model. The result of this activity were to : 1. The learners could get experiences, develop Teaching Model and have skill in teaching. 2. They could create instruments like the fruit to be instructional Media for Early Childhood.
3. The students at Watpongrad School could play one kind Thai MusicalInstruments. 4. It was the creation sustainability in Thai Musical Culture for community. Key Words : Teaching, Thai Music, Community, Watpongrad School บทนํา วิทยาลัยนาฏศลิ ปจนั ทบรุ ี เปน สถาบันฯ ดา นนาฏศลิ ป ดนตรี และ คตี ศลิ ป แหงเดียวในภาคตะวนั ออก การบริการชุมชนเปนภารกิจหนง่ึ ท่สี ําคัญ การสอนดนตรีไทยใหกับชมุ ชนเปนการใหบ ริการทางวชิ าการท่ีมกี ารดาํ เนินโครงการ อยางตอ เนอื่ ง เปนการสัง่ สมประสบการณใหก ับนักศกึ ษา เพอ่ื จะไดนาํ ไปประกอบอาชีพในอนาคต โดยเฉพาะผูท่ีศกึ ษาวิชาชีพครู ตองมคี วามรคู วามสามารถทจี่ ะประยกุ ตใชความรใู หเ ปน ประโยชนตอสงั คมท้งั ทางตรงและทางออ มอกี ท้งั ตอ งมีทกั ษะและเทคนิค วธิ ีการสอนในระดบั ตา ง ๆ มคี วามรูความชํานาญการสอนอยา งมอื อาชีพ ซ่ึงจะทําใหผเู รยี นเกิดการเรยี นรแู ละพฒั นาตามศักยภาพ ของตนเอง การสอนดนตรีไทยใหกบั ชมุ ชน “โรงเรียนวัดโปง แรด” นักศกึ ษาไดน ําความรแู ละประสบการณทีส่ ั่งสมจากการ เรียนและทํากิจกรรมตา ง ๆ ทไ่ี ดก ลัน่ กรองตามกระบวนการจัดการความรู นาํ ไปจัดกจิ กรรมสอนดนตรีไทย เปน การนาํ องค ความรูมาใชใหเ ปน ประโยชนก ับชุมชนอยางบูรณาการเพือ่ ใหเ กดิ ความยง่ั ยนื ทางวฒั นธรรมดานดนตรีไทย และคานิยมที่ดงี ามให เกิดข้ึนในตัวบุคคล โดยเฉพาะเยาวชนซงึ่ เปนตนกลาที่สําคัญ ควรไดร บั การวางรากฐานดานศิลปวฒั นธรรมเพอ่ื ใหเ กิดความ เขมแขง็ ในสังคมซึง่ สอดคลองกบั บรบิ ทของสถานศึกษา การสอนดนตรไี ทยใหกบั ชุมชนไดม กี ารดําเนนิ โครงการทกุ ปอ ยางตอเนื่อง เพื่อใหนกั ศึกษาไดน าํ ความรู ความสามารถทางดา นดนตรไี ทยไปถา ยทอดใหก บั เด็ก ๆ ในชมุ ชนท่ีเปนเยาวชนของชาติ เพื่อใหเกดิ ความรักและซาบซึง้ ในวฒั นธรรม ดนตรีไทย นบั วันจะสูญหายไปจากสังคมโดยเฉพาะเยาวชนในปจจบุ นั ไดห ันไปช่ืนชอบตามคา นยิ มของตะวนั ตก ทงั้ ยงั เปน การฝก ทักษะกระบวนการสอน การทํางานของนักศึกษา จากการดําเนินงานทผี่ า นมาพบวา ในการดําเนนิ กิจกรรมการสอนควรนาํ หลักการ ทฤษฎกี ารสอน แนวทางการจัดกิจกรรมมาวางแผนดาํ เนนิ การอยางเปน ระบบ โดยการรว มวางแผนจากงานและฝาย ตา ง ๆ ท่ีเก่ยี วขอ งซงึ่ จะทาํ ใหก ิจกรรมประสบความสําเร็จเปนอยา งดี วิธกี ารดําเนนิ งาน การสอนดนตรไี ทยใหแกชมุ ชน “โรงเรยี นวัดโปง แรด”นกั ศึกษาชั้นปริญญาตรปี ท ี่ 4 สาขาวิชาดนตรคี ตี ศลิ ปไ ทยศกึ ษา ไดม ีการทาํ งานรวมกันอยางเปนระบบ มกี ารนาํ กระบวนการ PDCA มากําหนดเปนแนวทางการทํางานตามกระบวนการ จดั การความรู 7 ขั้นตอน โดยเรม่ิ ตั้งแตการประชุมวางแผนรวมกัน การปฏบิ ัติงานตามแผนทว่ี างไว มกี ารตรวจสอบ กระบวนการปฏบิ ัตงิ านทุกคร้งั นําผลทพ่ี บจากการตรวจสอบมาปรบั ปรุงพฒั นาในการดําเนนิ งานจดั การความรูใ นการสอน ดนตรีไทยใหกบั ชมุ ชนมีการคนควา รวบรวมขอ มูล เรยี นรนู าํ หลกั การทฤษฎีตาง ๆ มาปรับใชออกแบบวิธีสอนอยา งเหมาะสม
สรา งแบบฝก ปฏิบัติดนตรีไทย เพอ่ื ใชเ ปนแนวทางในการเรยี นการสอนอยางมคี ุณภาพ เหมาะสมตามความสามารถของผูเรียน ซงึ่ ผา นการตรวจสอบจากผเู ชยี่ วชาญทางดา นดนตรีไทย โดยมกี ารดําเนินงานดังนี้ เมอ่ื นักศึกษาไดร บั ทราบถึงนโยบายของสถาบนั ฯ จงึ ประชุมรว มกนั ระหวางนักศกึ ษาและอาจารยทีม่ สี ว นเก่ยี วของ ประกอบดว ย งานสโมสรนักศกึ ษาภาควิชาดรุ ยิ างคศลิ ป อาจารยประจาํ หลักสตู ร และงานการจัดการความรู จํานวน7 คน และ นักศกึ ษาสาขาวิชาดนตรีคีตศลิ ปไทยศกึ ษา ระดับชัน้ ปรญิ ญาตรปี ท ี่ 4 จาํ นวน 14 คนในทป่ี ระชุมไดม ีขอ คิดเหน็ วา ควรจัด อบรมบรรยายใหความรคู วามเขาใจกระบวนการของการจัดการความรู ( KM) ใหแ กน กั ศึกษา เพือ่ จะไดมคี วามรคู วามเขาใจใน กระบวนการมากข้นึ ภาพที่ 1ประชุมคณะกรรมการKM ภาพที่ 2ประชุมนกั ศกึ ษา นกั ศกึ ษารับฟง การบรรยายใหความรูในเรอื่ งการจัดการความรเู พอ่ื สรางความเขา ใจในการดาํ เนนิ งานจากวา ที่รอ ยตรีชู ชาติ สรอ ยสังวาลย เปน วทิ ยากรบรรยายใหค วามรูและฝก ปฏิบัตกิ ระบวนการแลกเปลยี่ นเรยี นรรู ว มกันวางแผนขน้ั ตอนการ ดําเนินงานโดยแบงหนา ท่ีกันรับผิดชอบแตละฝายแตล ะงาน ภาพท่ี 3วิทยากรบรรยายใหค วามรเู ร่อื ง KM ภาพท่ี 4นกั ศึกษารบั ฟงการบรรยาย จากน้นั จัดกิจกรรมแลกเปล่ียนความรูกับครู อาจารย ท่มี ีประสบการณใ นการสอนนักเรียนทห่ี ลากหลายรูปแบบท่ีมี ประสบการณส อนไมน อ ยกวา 30 ป และจดบันทึกวิธีการสอน เทคนคิ การสอน ประสบการณส อนและอืน่ ๆ ท่เี ก่ยี วขอ ง เพ่อื นาํ มาเปนแนวทางในการลงพ้นื ทปี่ ฏบิ ัตกิ ารสอนดนตรไี ทยใหก บั ชมุ ชนโดยเชิญ นายบรรเลง พระยาชยั ซง่ึ มีประสบการณส อน ดนตรไี ทยใหกับนกั เรียนในวิทยาลยั นาฏศลิ ปแ ละโรงเรยี นภายนอกทว่ั ไป และ ผูชว ยศาตราจารยประสาน ธัญญะชาติ อดตี
อาจารยสอนดนตรไี ทยมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั รําไพพรรณี เพื่อนําไปเปน แนวทางในการสอนดนตรไี ทยใหก ับชุมชน โดย เลขานุการเปนผูจดบันทึกและสรปุ ขอมลู ท่ีได ภาพท่ี 5อ.บรรเลง พระยาชัย บรรยาย ภาพท่ี 6 ผศ.ประสาน ธญั ญะชาติ บรรยาย นกั ศึกษาลงพืน้ ทโ่ี รงเรียนวัดโปงแรดสํารวจเก็บขอ มลู มาวางแผนอยางเปน ระบบ ในการท่จี ะออกแบบและวากงาแรผสนอน ดนตรไี ทย มีการประชุมรวมกบั ทานผอู ํานวยการและรองผูอํานวยการฝา ยวิชาการ โดยสมั ภาษณเกบ็ ขอ มลู ในประเดน็ ของ จํานวนนกั เรยี น สภาพความพรอมของผูเ รียน ระดับชนั้ ทมี่ ีการจัดการเรยี นการสอนระบบการเรยี นการสอนของทางโรงเรยี นท่ี จะเออ้ื ตอการจดั กจิ กรรมการสอนดนตรีไทยทีไ่ มก ระทบตอ การเรยี นปกตขิ องนักเรียน แลวนาํ ขอ มลู ที่ไดมาวเิ คราะห วพิ ากษ ประมวลผล พบวา โรงเรยี นวัดโปง แรดมปี ระวัติความเปนมาทีม่ ชี ่อื เสยี งทางดานดนตรไี ทย เคยประกวดและไดร บั รางวัลตา ง ๆ มากมาย และสราบง ุคคลทม่ี ชี ือ่ เสยี ง อาทิเชนอดีตทา นผูวา ราชการจงั หวัดทา นกลา ณรงค พงษเ จริญ ทานพงศพฒั พงษเจใรนญิ ปจจุบันทา น ผอ.ลัดดาวัลย วเิ ศษะภตู ิ เปน ผูอาํ นวยการ ซึง่ ทางโรงเรียนมนี โยบายตามทก่ี ระทรวงศึกษาธิการไดก าํ หนดไว นักเรยี นทกุ คนเมอ่ื เรยี นสาํ เร็จชน้ั ประถมศกึ ษาตองสามารถเลน ดนตรีได ดงั น้นั โรงเรยี นวดั โปง แรดจึงไดก าํ หนดเปนเปา หมาย ของนกั เรียนทุกคนเมื่อจบการศกึ ษาช้นั ประถมศึกษาปที่ 6 ตอ งมคี วามสามารถในการบรรเลงเคร่ืองดนตรีไทยอยา งนอยคนละ 1 ชิ้น โดยผลทนี่ ักศึกษาไดเก็บขอมลู เบื้องตนมี ดังน้ี - โรงเรียนวัดโปงแรดจดั การเรยี นการสอนตง้ั แตระดับชน้ั อนบุ าล จนถึงระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ี่ 6 - ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี 1 – 2 ปจจุบนั เริม่ ฝก เรียนขลยุ - ชน้ั ประถมศกึ ษาปที่ 3 ปจ จบุ นั เรม่ิ ฝกเรียนซอ - ช้ันประถมศึกษาปท ่ี 4 – 6 มพี ้ืนฐานการเรียนดนตรไี ทยมาบา งแลว จากนนั้ นกั ศึกษาไดน ําขอ มูลมาออกแบบวางแผนการสอนดนตรีไทย สรางแบบฝก ปฏบิ ัติดนตรีไทยใหเหมาะสมตามวัย ตามความสามารถ และความพรอมของผูเรยี นโดยใหอาจารยผ เู ช่ยี วชาญตรวจสอบความถูกตองของแบบฝก และมกี ิจกรรมพา นกั ศกึ ษาไปเรียนรกู ารจัดการเรียนการสอนดนตรีสําหรบั เด็กอนบุ าลทโี่ รงเรียนบุญสมอนุบาล จงั หวดั จันทบุรี ภาพท่ี 7เรยี นรกู ารสอนดนตรีเดก็ ปฐมวยั ภาพที่ 8สัมภาษณ ผอ.โรงเรยี นบุญสมอนุบาล
จากนัน้ นําขอมูลทไี่ ดมารว มกนั วางแผนดังนี้ 1. จัดกิจกรรมนันทนาการเพอ่ื สรา งความสมั พนั ธระหวา งครูผูส อนกบั นักเรยี น และนกั เรียนกบั เพ่อื น ๆ ท่ี รว มกิจกรรม 2. แบงกลมุ นกั ศกึ ษารับผดิ ชอบในการสอนแตล ะเคร่อื งมอื ตามความสามารถ และสาขาวิชาเอก ดังน้ี - ช้ันอนุบาล 3 สอนกลองยาว เน่ืองจากเปนเครอ่ื งดนตรีประเภทตี นกั เรยี นช้นั อนุบาลสามารถปฏิบัตไิ ด และ เลือกทํานองท่งี ายตอ การจําซ่งึ นกั ศึกษาไดเ รียนวชิ าการสอนดนตรีสาํ หรับเดก็ ปฐมวัยมาแลว จึงไดน ําความรู หลกั การ ทฤษฎี ตาง ๆ มาปรบั ใช - ช้ันประถมศกึ ษาปท่ี 1 - 2ฝกปฏิบตั ิพน้ื ฐานการเรยี นเปาขลยุ - ชั้นประถมศกึ ษาปท ่ี 3ฝกปฏบิ ัติพน้ื ฐานการเรียนซอดวง ซออู - ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ่ี 4 – 6 เรยี นระนาดเอก ระนาดทมุ ฆองวงใหญซอดว ง ซออู ขิม จะเขซ งึ่ นกั เรยี น กลมุ นีไ้ ดเ รยี นและตอเพลงมาบา งแลว จงึ ไดกําหนดตอ เพลง แขกบรเทศ 2 ช้ันและชน้ั เดียวสําหรบั บรรเลงเปนวง 3. จดั กิจกรรมนาํ เสนอผลงานการสอน โดยทางโรงเรยี นไดม ีการจัดการแสดงมุฑิตาจติ ใหแ กครทู ีเ่ กษยี ณอายุราชการ มีการเชญิ ผูปกครอง และผูท ีเ่ กีย่ วขอ งมารว มในกจิ กรรมนดี้ ว ย 4. กาํ หนดระยะเวลาในการดําเนนิ กิจกรรมจาํ นวน 4 ครั้ง ในวนั ศกุ ร ต้งั แตเ วลา 09.00 – 12.00 น. ทางโรงเรยี นเล้ียง อาหารกลางวันใหก ับนักศึกษา เม่อื กาํ หนดแผนปฏบิ ัตงิ านแลวไดลงพนื้ ทส่ี อนดนตรีไทยใหก ับชุมชน “โรงเรยี นวัดโปง แรด” ครง้ั ที่ 1 นักศกึ ษาไดก ลาว รายงานถงึ วัตถปุ ระสงคของกจิ กรรม และแนะนําเพื่อนนกั ศกึ ษาทีม่ าสอนใหคณุ ครูและนกั เรยี นไดร ูจกั ทุกคน เสรมิ กิจกรรม นันทนาการ เกมส เพลง ตามเวลาพอสมควร จากน้ันจงึ ไดแ ยกกลมุ ปฏิบัตกิ ารสอนตามท่ีวางแผนไว โดยมีครปู ระจาํ ชน้ั คอย สังเกตการณแ ละรวมเรียนรกู ารสอนดนตรไี ทยไปดว ย เมอ่ื กลับจากการลงพืน้ ทส่ี อนในคร้งั ท่ี 1 นกั ศึกษาและอาจารยท ีป่ รึกษา ไดน ําผลการปฏบิ ัติงานมาทบทวนถึงปญ หา อุปสรรค ขอ ดี ขอเสยี ความเปนไปได พบวา นกั เรียนบางกลุม ยงั ไมสามารถปฏบิ ตั ิพ้ืนฐานการจําตวั โนต ระดับเสียง การใชน วิ้ การใชมอื ที่ถกู วิธไี ด จึงไดวางแผนดังนี้ - ปรับเพลงท่จี ะสอนใหง ายขึ้นสําหรบั นกั เรียนท่ีเริม่ หัดเลน ดนตรใี หสามารถแสดงผลงานการบรรเลงได - สรางแบบฝก ปฏิบตั ิเพลงสําหรับการปฏบิ ตั ิเบือ้ งตน ไลนิว้ ไลเ สียง มาคิดเปน ทาํ นองใหกลมกลืนกับจังหวะกลองยาว ทีเ่ ด็กอนบุ าลฝกปฏบิ ัติ - สรางแบบฝก ดนตรีไทยเบ้ืองตน สําหรับเดก็ อนบุ าล - บนั ทึกโนตแบบฝก ในแตล ะเครอื่ งมือใหครทู ่ีสอนแตล ะช้ัน ไดใ หนกั เรียนทอ งโนตเพลงหลงั เลกิ เรยี นทุกวัน เพื่อใหจาํ เสยี งทํานองเพลงได และใหค รทู ่สี อนดนตรไี ทยประจาํ ท่โี รงเรียนเปน ผูคอยใหค วามชวยเหลือ ชแี้ นะ และใหครปู ระจาํ ชั้นชวย ทบทวนการทองโนต
ภาพท่ี 11 สอนกลองยาวเด็กอนุบาล ภาพที่ 12เดก็ อนบุ าลเรียนอยา งมีความสุข ปฏบิ ตั ิการสอนคร้ังท่ี 2 โดยแยกตามกลมุ เดมิ ทีไ่ ดส อนไปแลว นกั ศึกษาแตละกลุมไดใหน กั เรยี นทบทวนบทเรยี นที่ได สอนไปแลว พบวา นักเรียนทําไมไ ดจ งึ ไดป รับรปู แบบการสอนตามทไี่ ดวางแผนพัฒนาจากการสอนครั้งแรก ดงั น้ี - นักเรียน ช้ันอนุบาล 3 สอนกลองยาว ในจงั หวะ งา ยๆ โดยนําหลกั จิตวทิ ยาและเทคนคิ การสอนในระดบั ชนั้ ปฐมวัย มาใช คือ ลักษณะของเดก็ อนบุ าล ชอบเรอื่ งเลา และการรอ งเพลงเรยี นรูจ ากการกระทํา เรยี นรโู ดยการเลยี นแบบอยา งจาก ผใู หญ เด็กๆ มคี วามสนใจในระยะสั้นๆการสอนดนตรีตอ งใหท าํ ซํ้า ๆ บอ ย ๆ ชา ๆ ชดั เจน ใหกาํ ลังใจ ชมเชย ใหข องรางวลั ใช คาํ พดู ทีอ่ อ นโยนมเี มตตา - นักศึกษาไดส รางเครื่องดนตรีสาํ หรบั เดก็ ปฐมวยั เพอ่ื เปนสอื่ ในการสอน อยา งเหมาะสมตามวยั โดยสรา งเครื่องดนตรี ประกอบจงั หวะการตีกลองยาว มีแนวความคดิ ในการสรางเครือ่ งดนตรีทบ่ี งบอกถึงจดุ เดนของจงั หวัดจันทบุรีท่เี ปนเมืองผลไม จึงไดประดิษฐเ ครอ่ื งดนตรผี ลไมส ําหรับใชส อนเด็กอนุบาล คอื เคร่ืองดนตรีทุเรยี น มงั คดุ และเงาะ - ชัน้ ประถมศึกษาปที่ 1 – 2เรยี นเปาขลุย เบอ้ื งตนตอจากคร้ังแตรากมแบบฝก และเพ่ิมการไลน้ิวไลเ สยี งจากเสยี งต่าํ ไปหา เสยี งสงู - ชัน้ ประถมศึกษาปท่ี 3 เรียนสีซอเบ้อื งตน (ซอดวง ซออู) ตามแบบฝก ปฏิบัติลงนว้ิ ไลเ สยี งจากสายทมุ ไปสายเอก - ช้นั ประถมศกึ ษาปท ี่ 4 – 6 เรียนเครื่องดนตรี ซอดวง ซออู ขมิ ขลยุ ระนาดเอกระนาดทุม ฆอ งวงใหญ ตอเพลงแข กบรเทศ 2 ชั้นและช้นั เดยี ว ตามแบบฝกเพิม่ จากครัง้ แรก เม่ือกลบั จากการลงพื้นทีส่ อนในครง้ั ที่ 2 นกั ศกึ ษาและอาจารยท ่ีปรึกษา ไดน าํ ผลการปฏิบัตมิ าทบทวนวิเคราะห วพิ ากษ เพือ่ พัฒนาคร้งั ตอไป พบวา นักเรียนเริ่มมคี วามเขา ใจและเรยี นรูไ ดต ามวยั สามารถปฏิบัติเลนดนตรไี ทยไดบ าง มี นกั เรียนบางคนท่ปี ฏิบตั ิไดชา จงึ ไดจดบันทกึ ไวเ ปน ขอมูลในการสอนตอ ไป
ปฏิบัติการสอนคร้ังที่ 3 สอนตอเนื่องจากครั้งทแ่ี ลว นกั ศึกษาแตละกลุมไดใ หน กั เรยี นทบทวนบทเรยี นทไ่ี ดสอนไปแลว พบวา นกั เรยี นทําไดม ากขึ้น และสนุกกับการเรียนดนตรีไทย จึงไดดาํ เนนิ การสอนตอ เน่ืองตามทไ่ี ดว างแผนไวแ ละมีการพฒั นา จากการสอนครัง้ ท่ีแลว ดังน้ี - นกั เรยี น ชน้ั อนุบาล 3 สอนกลองยาว ฝก การตีกลองยาวเปน จงั หวะ และใหนกั เรยี นท่ีตีไมไ ดมาเลนเคร่ืองดนตรี ผลไมท นี่ ักศกึ ษาไดป ระดษิ ฐขน้ึ - ชัน้ ประถมศึกษาปท ่ี 1 – 2เรยี นเปา ขลยุ เบื้องตนตอ จากครั้งแรก และเพ่มิ การไลน ว้ิ ไลเสยี งจากเสยี งตา่ํ ไปหาเสยี งสงู และจากเสียงสูงลงมาหาเสยี งตํา่ - ช้ันประถมศกึ ษาปท่ี 3 เรยี นสซี อเบือ้ งตน (ซอดว ง ซออู) ปฏบิ ตั ลิ งน้ิวไลเ สยี งจากสายทมุ ไปสายเอกและจากสายเอก ลงมาสายทุม เพ่มิ แบบฝกไลเ สียงจาก เสียงโดตา่ํ ไปหาโดสงู จากเสยี งโดสูงไปหาเสยี งโดตา่ํ - ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี 4 – 6 เรียนเครือ่ งดนตรี ซอดวง ซออู ขมิ ขลยุ ระนาดเอก ระนาดทมุ ฆอ งวงใหญ ตอเพลงแข กบรเทศ 2 ช้ันและชั้นเดยี ว เพิม่ จากครง้ั แรกจนจบบทเพลง เมอื่ กลับจากการลงพ้ืนทีส่ อนในครัง้ ที่ 3 นักศึกษาและอาจารยท ปี่ รกึ ษา ไดน าํ ผลการปฏิบัตมิ าทบทวนวิเคราะห วพิ ากษ เพ่ือพัฒนาครั้งตอไป พบวา นกั เรยี นสามารถเลนเคร่อื งดนตรีไดม ากข้ึน มที วงทาํ นอง และเสยี งท่ชี ัดเจนขนึ้ มนี ักเรียน บางคนที่ปฏิบัติไดชา จงึ ไดจ ดบันทกึ ไวเปน ขอมลู ในการสอนตอไป ภาพท่ี 15 สอนซอ ภาพที่ 16 สอนขลยุ ปฏิบตั ิการสอนคร้ังท่ี 4 ใหน ักเรียนท่ีเรียนแตล ะกลมุ ทบทวนบทเรยี นและฝกซอมเพลงใหแมนยาํ และเตรียม จดั รูปแบบการนําเสนอผลงานการแสดงแตล ะกลุม เพ่ือเปนการวัดและประเมินผลการสอน จากการลงพื้นทสี่ อนครง้ั ท่ี 4พบวา นกั เรยี นแตล ะกลุม มคี วามพรอมในการแสดงผลงาน
กิจกรรมการ บรรเลงรวมวงแสดงผลงาน ในวนั ท่ี 2 ตุลาคม 2561 ณ โรงเรยี นวัดโปง แรด จังหวดั จันทบุรี ประกอบดวย กิจกรรม ดังนี้ 1) กลา วรายงานโดยประธานนายธนวรรธนฉิมจ๋ิว 2) กลา วเปดงาน โดยทานผูอาํ นวยการ ลัดดาวัลย วิเศษะภูติ ผอู ํานวยการโรงเรียนวัดโปงแรด 3) มอบของที่ระลกึ ใหกับโรงเรียนวดั โปง แรด 4) กจิ กรรมนนั ทนาการ 5) การแสดงตกี ลองยาวโดยนกั เรยี นช้ันอนุบาล 3 6) การสาธิตการเปา ขลุยเบือ้ งตน โดยนกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ 1 – 2 7) การสาธติ การสซี อเบื้องตน โดยนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที่ 3 8) การบรรเลงวงปพาทยผสมเคร่ืองสาย เพลงแขกบรเทศ 2 ช้นั และชั้นเดยี ว โดยนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาป ที่ 4 – 6 ภาพท่ี 17แสดงผลงานกลองยาวเดก็ อนบุ าลภาพที่ 18แสดงผลงานปฏิบตั ิซอเบ้อื งตน ภาพท่ี 19แสดงผลงานปฏบิ ัตขิ ลุยเบ้อื งตน ภาพท่ี 2 0แสดงผลงานบรรเลงรวมวง หลังจากกิจกรรมการแสดงผลงานเสร็จสิน้ แลว ไดมีการสัมภาษณผ ูอาํ นวยการและครูท่เี กีย่ วขอ ง พบวา - การสอนดนตรีเดก็ ปฐมวัย ประสบความสาํ เร็จเปนทน่ี า พอใจ และวงดนตรีสําหรับเดก็ ประถมศกึ ษาท่มี ีพนื้ ฐาน มาแลว สามารถบรรเลงไดอยางไพเราะ สว นนกั เรียนทีเ่ ร่มิ ฝกหัดเบอื้ งตนยังคงตอ งมกี ารสอนอยางตอเนอ่ื ง โดยใหค รผู สู อน ดนตรไี ทยของโรงเรียนเปน ผดู แู ลใหท บทวนอยางตอ เน่ือง
- กระบวนการสอนในระหวา งทไ่ี ปสอนในแตล ะสัปดาห ครูประจําช้นั ไดเ รยี นรูท ักษะการสอนและใหโ นตเพลงสําหรับ ใหน ักเรียนทบทวนในแตละวันกอ นกลบั บาน เพอื่ ใหจ าํ ไดอยา งแมนยํา และนําแนวทางการสอนทน่ี กั ศึกษาไดจ ดั ทาํ เปนเอกสาร ไปใชส อนอยา งตอ เนอื่ ง - การสอนดนตรีไทยใหกับชุมชน “โรงเรยี นวดั โปง แรด” เปน การสรางความยั่งยืนใหเกดิ ข้ึนกบั ชมุ ชน โดยครูสามารถ สอนดนตรีไทยไดแ ละนกั เรียนสามารถเลน ดนตรีไทยได ภาพที่ 21มอบของท่ีระลกึ ภาพที่ 22ทีมนกั ศกึ ษาและนักเรยี น ผลและอภิปรายผลการดาํ เนินงาน การจดั การความรขู องนักศึกษา เร่ือง การสอนดนตรไี ทยใหกับชมุ ชน “โรงเรยี นวัดโปง แรด” เปน การนําเนอื้ หาความรู และทักษะการสอนดนตรไี ทย ไปถายทอดใหกบั นักเรียนในระดบั ปฐมวัยและประถมศึกษา ทัง้ หมด จํานวน 45 คน โดย แบงเปน 3 กลุม ตามความพรอ มของผเู รยี น เพอื่ ใหเกิดการเรยี นรตู ามศกั ยภาพ ผเู รียนมีความสุขในการเรียน รูจักใชเวลาวา ง ใหเกิดประโยชน ผลจากการจดั การความรขู องนกั ศึกษาทาํ ใหไดคมู ือแนวทางการจดั กจิ กรรมการสอนดนตรีไทยใหก บั ชมุ ชน “โรงเรียนวดั โปง แรด” สาํ หรบั ใชเปน แนวทางในการจดั กิจกรรมสอนดนตรไี ทยใหกบั ชมุ ชน สามารถแบง ประเภทไดดงั น้ี 1. แนวทางการจดั กจิ กรรมการสอนดนตรไี ทยใหก ับชุมชน 1) ประชมุ วางแผน 2) ลงพืน้ ที่สาํ รวจขอ มูลเบ้อื งตนในสถานทท่ี ี่จะจดั กจิ กรรมการสอน โดยการรว มประชุมกับคณะครูอาจารย การ สมั ภาษณข อมูลจากทานผูอาํ นวยการ ฝายวชิ าการ ครู บคุ ลากรท่ีเกยี่ วขอ ง เพ่ือนาํ มาวางแผนรว มกบั คณะกรรมการของชุมชน และความรคู วามสามารถของนกั ศึกษาที่มีอยู 3) นําขอ มลู ท่ไี ดม าวางแผนในการดาํ เนนิ กจิ กรรมการสอนดนตรไี ทยใหกบั ชุมชน 4) ออกแบบการสอนแตละเคร่ืองมอื ใหเ หมาะสมตามพน้ื ฐานของผูเ รยี น 5) ลงพื้นท่ปี ฏบิ ตั ิกจิ กรรมการสอนตามทีก่ ําหนด ประกอบดวย - กิจกรรมนันทนาการ เกมส เพลง สรางความสัมพันธระหวางครูผสู อนกบั นักเรยี น และนกั เรยี นกับนกั เรียน - คดั แยกแบง นกั เรียนออกเปน 2 ระดับ ไดแก กลมุ นักเรยี น ระดบั ปฐมวัย และระดบั ประถมศึกษา ในกลุม ระดับประถมศกึ ษา ไดแ บง ออกเปน 2 กลุม คอื กลมุ ท่ียังไมเ คยเรยี น และกลุมทเ่ี ตยเรียนมาแลว 6) ทบทวนและปรับปรงุ การสอนตามความเหมาะสม 7) สรปุ และประเมนิ การสอนโดยจดั กิจกรรมแสดงผลงานตามลําดบั ดงั น้ี
7.1 การแสดงกลองยาวของเดก็ ปฐมวยั 7.2การสาธติ การปฏิบตั ขิ ลยุ เบ้อื งตน 7.3 การสาธติ การปฏิบัติซอดวงและซออูเ บอื้ งตน 7.4 การบรรเลงวงปพาทยผสมเคร่อื งสายเพลงแขกบรเทศ 2 ชน้ั และชั้นเดียว 2. แนวทางการสอนดนตรไี ทยในระดบั ปฐมวัยและประถมศกึ ษา แบงเปน 3 รปู แบบ 2.1 แนวทางการสอนดนตรไี ทยสําหรบั เด็กปฐมวัย มดี ังน้ี 1) เลือกประเภทของเครือ่ งดนตรีทเ่ี หมาะสมตามวัยของผเู รยี น 2) สอนใหนักเรยี นรูจกั ประเภทของเครื่องดนตรี 3) อธบิ ายถงึ เสยี งของเคร่อื งดนตรี โดยเลือกเสยี งทท่ี ําไดอยา งงา ย ๆ 4) สาธิตตใี หนักเรียนดูอยา งถูกตอ งทลี ะเสียงชา ๆ ชดั ๆ และใหนักเรียนรองเปลง เสยี งตามทเี่ สียงดนตรี ทาํ ซํ้า หลาย ๆ รอบ 5) สอนวิธีการปฏบิ ตั เิ บอ้ื งตน ตง้ั แตการนั่ง การใชม ือ การจับ การทาํ ใหเ กิดเสยี ง 6) สอนสอดแทรกใหเ ดก็ ๆ รจู ักเคารพและรกั เครือ่ งดนตรที ต่ี นเองเรยี น 7) ผสู อนชมเชยดวยการใหก ําลังใจ และชน่ื ชม ยกยอ ง ใหรางวัล 8) นาํ ส่ือเครอ่ื งดนตรีท่มี สี ีสันสวยงาม มาใชอยางบรู ณาการ 9) เม่ือเห็นวานกั เรียนเรม่ิ ไมม สี มาธจิ ึงไดใ หพ ักหรือเลานิทานใหฟ ง 10) นักเรียนมคี วามพรอมทจ่ี ะเรียนตอ จงึ ไดเพมิ่ เนื้อหา 11) ปรบั ปรงุ พฒั นาการสอนตามความเหมาะสม 12) สรปุ บทเรยี นโดยครแู ละนักเรยี นปฏบิ ตั พิ รอมกนั 13) ทบทวนบทเรยี น 14) วัดผลประเมินผลตามความเหมาะสม 2.2 แนวทางการสอนดนตรไี ทยเบ้ืองตนสําหรบั เด็กประถมศึกษา 1) สอนใหน กั เรยี นรจู กั ประเภทเคร่อื งดนตรี ทม่ี าของเครอ่ื งดนตรี 2) สอนการปฏิบัติเบือ้ งตน ตัง้ แต - การน่ัง โดยใหน ั่งพับเพียบ - บอกสว นประกอบของเครอ่ื งดนตรี - วิธกี ารจับเคร่ืองดนตรี วิธีการบรรเลง วิธกี ารทําใหเกิดเสียง 3) การฝกปฏบิ ัติตามวธิ ีการของเครอ่ื งดนตรแี ตล ะชนิด โดยทาํ เปนแบบฝก ปฏิบตั ิเคร่ืองดนตรีเบอ้ื งตน 4) ตอ เพลงงาย ๆ สาํ หรับฝกการไลน้วิ ไลเ สียง ไลมือ 5) ฝก ทบทวนดว ยตนเอง 6) ทดสอบการปฏิบตั โิ ดยครูผสู อน 7) สรุปบทเรยี น 8) วดั ผลประเมินผลเปนกลุมหรือรายบุคคล 2.3 แนวทางการสอนดนตรีไทยสําหรับเดก็ ประถมศึกษาท่ีเคยเรยี นมาแลว
1) ใหนกั เรียนทบทวนความรเู ดิมที่ไดเรยี นมาแลว เพ่อื ทีจ่ ะวเิ คราะหวา นกั เรยี นปฏิบัติเครอ่ื งดนตรีที่ตนเองเลอื ก เรยี นไดในระดับใด มีพ้นื ฐานการปฏิบัติอยา งไร นํามาเปน ขอ พจิ ารณาในการเลือกเพลงท่จี ะสอน หรือตอ งเสริมในการปฏบิ ตั ิ เคร่ืองดนตรอี ยา งไรบาง นํามาพฒั นาใหผ ูเ รยี นสามารถปฏบิ ตั ิเครือ่ งดนตรีไดอยางมีคณุ ภาพ 2) เมอ่ื ไดขอมูลแลว จึงพจิ ารณาเลอื กเพลงทีค่ นุ หู และงายสาํ หรบั การปฏิบตั ิ มีทวงทํานองที่ไพเราะ 3) ครูตอเพลงตามทไี่ ดกําหนด 4) ทบทวนใหปฏบิ ัตไิ ดอยา งถูกตองตามทาํ นอง 5) ฝกซอ มรวมวง 6) สรปุ บทเรียน 7) วัดผลประเมนิ ผลการเรียน 3. แบบฝก ปฏบิ ัตดิ นตรีไทย สาํ หรับเด็กปฐมวัย แบบฝก ปฏบิ ัตเิ บื้องตน สาํ หรับเดก็ ประถมศึกษา และแบบฝกปฏิบตั ิเพลง ไทยสําหรบั เด็กประถมศึกษาที่เคยเรยี นมาแลว ตัวอยางแบบฝก ตีกลองยาวสําหรบั เด็กปฐมวัย “โรงเรียนวัดโปง แรด” ลําดับที่ 1 - - - บอ ม - - - บอม - - - บอ ม - - - บอ ม - - - เพิง่ - - - เพงิ่ - - - เพงิ่ - - - เพ่ิง ลาํ ดับที่ 2 - - - บอ ม - - - บอม - - - บอ ม - - - บอ ม - - - เพง่ิ - - - เพิง่ - - - เพงิ่ - - - เพ่ิง ลําดับที่ 3 - - - บอม -เพิ่ง-บอม -เพง่ิ -บอ ม -เพงิ่ -บอ ม - - - บอ ม -เพิ่ง-บอม -เพิง่ -บอ ม -เพิ่ง-บอม จากการดาํ เนนิ กจิ กรรมการจัดการความรูของนกั ศกึ ษาเรอ่ื ง การสอนดนตรไี ทยใหกบั ชุมชน “โรงเรยี นวัดโปงแรด” พบวา เปนกิจกรรมทดี่ แี ละมีประโยชนตอ นักศึกษาทีม่ าสอนและตอ นักเรียนทไี่ ดเรยี นโดยในสวนของนกั ศึกษาไดฝก ทกั ษะการ สอน การทํางานอยางสรา งสรรค การแกไขปญ หา ความเปนผูน าํ สง ผลใหม คี วามเปนครูผูสอนดนตรไี ทยอยางมอื อาชีพ เปน การสบื ทอดวฒั นธรรมดา นดนตรีไทยใหอยูกับเยาวชนสรางคา นิยมทีด่ งี ามใหอยูกับชมุ ชนไดอยา งยั่งยนื ในสว นของนักศกึ ษา หลงั จากไดจ ดั กจิ กรรมเรยี บรอ ยแลว ไดมีการประชุมทบทวนและสรปุ การดําเนินกิจกรรม การ สอนดนตรไี ทยใหกับชมุ ชน “โรงเรยี นวดั โปง แรด” พบวา 1. นกั ศกึ ษาไดม ที กั ษะในการสอนดนตรใี นระดบั ปฐมวยั และในระดับประถมศกึ ษาไดเ ปน อยางดี โดยวัดไดจ ากการ แสดงผลงานของผเู รยี น นกั ศึกษานาํ ประสบการณไ ปปรบั ใชใ นการออกฝก ปฏบิ ตั กิ ารสอน หรอื สามารถนาํ ไปประกอบอาชพี ครู ในอนาคตได 2. ทางโรงเรียนวัดโปงแรด โดยทานผูอํานวยการลัดดาวัลย วิเศษะภตู ิ และคุณครูทกุ คนใหความรว มมือเปนอยางดี มี การเรียนรู สามารถนาํ ไปใชส อนและทบทวนเพลงชว งเวลาหลังเลิกเรียนกอ นกลับบา น ทาํ ใหช มุ ชนเกดิ การเรียนรูอยา งมสี ว น รว ม 3. นักเรียนรูจกั และเลนเครอ่ื งดนตรีไทยไดท กุ คนบรรลุตามวัตถุประสงคของโรงเรยี น 4. นกั ศกึ ษาไดป ระดิษฐเครือ่ งดนตรีผลไม ขึ้นใหม สําหรบั ใชสอนเด็กปฐมวยั อยา งสรางสรรค สรุป
นกั ศึกษาชัน้ ปริญญาตรีปท ี่ 4 สาขาวิชาดนตรีคีตศลิ ปไ ทยศกึ ษา ไดด ําเนนิ กิจกรรมการจดั การความรูตามกระบวนการ 7 ข้ันตอน โดยนําระบบ PDCA มาใชด ําเนินงาน มกี ารประชุมวางแผนการทํางาน แบง หนาที่รบั ผิดชอบตามความรู ความสามารถของแตล ะคน มกี ารคน ควา รวบรวมขอมลู เรียนรนู ําหลกั การทฤษฎีตา ง ๆ มาปรบั ใชออกแบบวธิ ีสอนอยาง เหมาะสม การดาํ เนนิ กิจกรรมไดบ ูรณาการรว มกบั งานสโมสรนักศึกษา และอาจารยป ระจาํ หลักสูตร ลงพื้นที่สอนดนตรีไทย ใหกบั นักเรยี นในชน้ั อนบุ าล 3 สอนการตกี ลองยาว ช้ันประถมศกึ ษาปท่ี 1 –6 สอนเคร่อื งดนตรี ซอดว ง ซออู ขลยุ ขมิ จะเข ระนาดเอก ระนาดทมุ และฆองวงใหญ ในการดาํ เนนิ งานไดรับการสนับสนุนและกําลงั ใจจากคณะผูบริหารของวิทยาลัยฯ เปนอยางดี เมื่อเสรจ็ สิน้ การสอนทุกครงั้ ไดนาํ ผลการดําเนนิ งานมาสรปุ เพอื่ หาแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาการสอนดนตรีไทย และกระบวนการทํางานตามขัน้ ตอนตา ง ๆ ใหม ีคณุ ภาพย่ิงขน้ึ ไดแ ก การสรา งแบบฝกตกี ลองยาวสําหรบั เดก็ ปฐมวัย การสรา ง เครอ่ื งดนตรผี ลไมส าํ หรับเด็กอนบุ าล 3 และการพัฒนาแบบฝกปฏิบตั เิ คร่ืองดนตรีไทยเบ้ืองตน สาํ หรบั เด็กประถมศึกษา นาํ ขอ ปรับปรงุ พัฒนาที่ไดว างแผนไวไ ปดําเนนิ การใชส อนดนตรไี ทยครั้งตอไป โดยผลท่ไี ดจ ากการดาํ เนนิ งานอยา งเปน ระบบ สงผลใหกจิ กรรมการสอนดนตรไี ทยประสบความสาํ เรจ็ ประเมินไดจ ากกจิ กรรมการแสดงผลงาน จากการจัดกิจกรรมการ สอนดนตรไี ทย “โรงเรยี นวดั โปงแรด” สามารถนาํ องคความรูไปตอยอดประดษิ ฐเคร่ืองดนตรี สรา งแบบฝกสาํ หรบั สอนดนตรี ในระดับปฐมวัยและประถมศกึ ษาเพอ่ื ใชเปนแนวทางในการสอนดนตรไี ทยใหมีคณุ ภาพตอไป ขอ เสนอแนะ 1. ควรมีกิจกรรมตดิ ตามการสอนอยา งตอ เนอื่ งทุกป 2. เพม่ิ ขอบขายการสอนดนตรไี ทยใหบริการชมุ ชนใหมากขนึ้ หลาย ๆ โรงเรยี น 3. การบรรเลงดนตรคี วรเทียบเสียงใหไดระดบั เสยี งไมเ พี้ยน 4. ควรเพิ่มระยะเวลาในการสอนใหมากกวานี้ เน่ืองจากนกั เรยี นสวนใหญไมเ คยเรียนดนตรีไทย 5. นําการแสดงผลงานของเดก็ ๆ ไปรว มกิจกรรมในวนั วิชาการของวทิ ยาลัยฯ
1 บทความการจัดการความรู้ ประจาปี งบประมาณ 2561 สถาบนั บัณฑติ พฒั นศลิ ป์ ช่ือเร่ือง เทคนคิ การสร้างแรงบันดาลใจการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะ ช่อื -สกลุ นายนพดล ไทรแก้ว และคณะ หน่วยงาน วิทยาลัยชา่ งศิลปนครศรีธรรมราช การจดั การความรดู้ า้ น การเรียนการสอน Email address [email protected] บทสรปุ การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของนกั ศึกษา มีท่ีมาที่แตกต่างกันออกไป โดยการสรา้ งสรรค์ ผลงานเกิดจากแรงบันดาลใจอันเป็นแรงผลักดันให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานออกมา ในงานศิลปะ ในการเรียนรายวิชาต่าง ๆ เช่น จิตรกรรม องค์ประกอบศิลป์ วาดเส้น ภาพพิมพ์ และศิลปะไทย เป็นต้น ซึ่งแรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์ผลงานเกิดขึ้นจากหลายกรณี เช่น แรงบันดาลใจจาก ธรรมชาติ แรงบันดาลใจจากส่งิ ที่มนุษย์สร้างข้ึนท่ีอยู่แวดลอ้ มรอบตัวเรา เช่น ถนน อาคาร ชุมชน สังคม ความเชื่อ ความคิด วัฒนธรรม ประเพณี ผลงานศิลปะตัวอย่างที่ศิลปินสร้างข้ึน ประสบการณ์ในอดีต เทคโนโลยี วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจนจินตนาการ และความรู้สึกของ ผู้สร้างสรรค์ เป็นต้น แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจึงมีความสาคัญในการเรียน รายวิชาศิลปะ มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานของนักศึกษา แรงบันดาลใจอาจเกิดจาก ประสบการณ์ในอดีต ส่ิงแวดล้อมรอบตัว สังคม ที่ผู้เรียนได้สัมผัส อย่างไรก็ตามการสร้างสรรค์ ผลงานศลิ ปะ นักศกึ ษาจาเป็นตอ้ งศกึ ษาคน้ คว้า หาข้อมลู เชิงลึก เพือ่ ท่จี ะนาเสนอขอ้ มลู ในรปู แบบ ผลงานศลิ ปะอันสะท้อนออกมาให้ปรากฏในผลงานศิลปะของตน ซึ่งหากนกั ศึกษาไม่มีแรงบันดาล ใจในการสรา้ งสรรค์ผลงานจะส่งผลใหก้ ารทางานไม่ประสบความสาเรจ็ หรือไม่สามารถสร้างสรรค์ ผลงานได้ สง่ ผลต่อผลการเรยี น และความสาเรจ็ ในการเรยี น การจัดการความรู้เรอื่ ง เทคนิคการสร้างแรงบนั ดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เป็น การจดั กระบวนการการจดั การความรู้ แบ่งปันความรู้ และแลกเปลย่ี นเรียนรูร้ ว่ มกันของนักศึกษา วิทยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช ท่ีมีผลงานศิลปะเป็นที่ยอมรับ ได้รับรางวัลในการประกวด ระดับชาติ และนักศึกษาผู้มีผลการเรียนสูงสุดในช้ันเรียน จัดเป็นกระบวนการท่ีมุ่งพัฒนา กระบวนการทางความคิดของผู้เรียน สามารถพัฒนาความคิด การนาเสนอข้อมูล ผู้เรียนได้ใช้ ความคดิ เชิงเหตผุ ล วิเคราะห์ วจิ ารณ์ แลกเปลย่ี นเรียนรู้ระหว่างกัน ซ่ึงเกดิ ประโยชน์แก่นักศึกษา ด้านการส่ือสาร การส่ือความท่ีดี ช่วยให้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธภิ าพ สามารถ
2 เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่นักศึกษาในวิทยาลัย และผู้สนใจจากภายนอก เพื่อเสริมจุดแข็ง ลดจุดอ่อน และช่วยสร้างลักษณะนิสัยการค้นคว้าหาข้อมูลเพ่ือสร้างแรงบันดาลใจในการ สรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะ ใหก้ บั นักศึกษา ตลอดจนนิสยั ใฝ่รู้ใฝเ่ รยี นตลอดชวี ติ Summary Students’ Art creation come from different inspiration. Students can create their works of Art because they have inspiration for their working in Art subjects, such as Painting, Composition, Drawing, Print Making, and Thai Art. The inspiration comes from many ways, such as inspiration from nature, environment around us, such as streets, buildings, public, social, belief, thinking, culture, the example of works of art, experience, technology, materials, imagination, artists’ feeling, and so on. The inspiration is important for art creation. Art students should learn to have inspiration for their works of art creation. It can make them to be successful in art creation and they can improve their achievement studying. The knowledge management in the topic of Inspiring in Art Creation Technique is performed in knowledge management process. Students have knowledge sharing in group. We provided students who used to get reward from art contests in the national level, and students who get very good grades to learn and share their knowledge about inspiring in art creation technique. This performance is useful for students. They have more knowledge about inspiring in art creation technique, and they can learn about rational thinking, analytical thinking, critical thinking, good communication and presentation, and team work. This performance also guides students to learn about independent study, and lifelong learning. คาสาคญั Inspiration Creation Works of Art บทนา การวิวัฒนาการทางการศึกษาในปัจจุบันมีความแตกต่างจากการเรียนรู้ในอดีตเป็นอย่าง มาก โดยสภาพการเรียนรู้ในปัจจบุ ันมีการเปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การพัฒนาด้านเทคโนโลยี สารสนเทศส่งผลให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ตลอดเวลา และสามารถส่ือสารได้ทันที ท้ังนี้การพัฒนาความคิดอย่างมีวิจารณญาณ และความคิดสร้างสรรค์ จึงเป็นสิ่งจาเป็นในการ พัฒนาทักษะชีวิตอย่างสมบูรณ์และสามารถให้ผู้เรียนดาเนินชีวิตอยู่ในอนาคตได้อย่างมีคุณภาพ ศิลปะมีบทบาทสาคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้และศักยภาพของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะการ แสดงออกทางด้านอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการ การสร้างสรรค์กิจกรรมทัศนศิลป์ นอกจากจะเพ่ิมพูนประสิทธิภาพทางด้านความคิดสร้างสรรค์ การฝึกทักษะการเรียนรู้ในด้าน
3 ต่าง ๆ แล้ว ยังช่วยพัฒนาด้านมนุษยสัมพันธ์ และปลูกฝังระเบียบวินัยในการทางาน อีกท้ังเป็น สว่ นหนงึ่ ของการ ดารงรกั ษาวัฒนธรรม และสะทอ้ นถงึ ทกั ษะชีวติ ความเปน็ อยใู่ นสังคมปจั จบุ นั นักศึกษาสาขาศิลปกรรม วิทยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราชจะต้องศึกษาตามหลักสูตร สาระวิชาประกอบด้วยวชิ าชีพ วิชาชพี เลอื ก วิชาศกึ ษาทั่วไป เพื่อพฒั นาทกั ษะความเป็นมนุษย์ ซ่งึ นักศกึ ษาผเู้ ข้ามาศึกษา ส่วนใหญ่เปน็ ผมู้ ีทักษะในวิชาศิลปะ ในขณะเดียวกันพวกเขาจะต้องศึกษา ทฤษฎีต่าง ๆ ให้ครบถ้วนจึงจะจบการศึกษา โดยท่ัวไปนักศึกษาจะประสบปัญหาการทางานใน วิชาศิลปะไม่ทัน ไม่ส่งงาน ขาดเรียนในรายวิชาศึกษาท่ัวไป ส่งผลให้เกิดการติด ร. ม.ส. หรือผล การเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ จากปัญหาดังกล่าววิทยาลัย ได้ตระหนักถึงความสาคัญในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการทางานในรายวิชาศิลปะไม่ทันส่งตามกาหนดอันส่งผลกระทบให้เกิด ปัญหาอ่ืน ๆ ตามมา จึงได้ดาเนินงานจัดการความรู้สาหรับนักศึกษาเร่ืองเทคนิคการสร้างแรง บันดาลใจในการสร้างสรรคผ์ ลงานศิลปะ ซ่ึงสามารถสง่ เสริมใหน้ ักศึกษาสามารถค้นหาแนวทางใน การศึกษาค้นคว้า หาข้อมูลและวิธีการสร้างความกระตือรือร้นอันเป็นแรงบันดาลใจในการ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการจัดการความรู้ แบ่งปันความรู้ และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของนักศึกษาในวทิ ยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช ท่ีมีผลงานศิลปะเป็น ที่ยอมรับ ได้รับรางวัลการประกวดระดับชาติ และนักศึกษาผู้มีผลการเรียนสูงสุดในชั้นเรียน เพอื่ ทีจ่ ะนาองค์ความร้เู ผยแพร่ แบ่งปนั แลกเปล่ียนเรยี นรู้ อนั จะเกิดประโยชน์แก่นักศึกษา ท้ังใน วทิ ยาลยั ช่างศิลปนครศรีธรรมราช และสถาบันการศกึ ษาอ่ืนทไี่ ด้นาองค์ความรไู้ ปใช้ วิธดี าเนินการ การจัดการความรู้เร่ืองเทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ มี วัตถุประสงค์เพ่ือ (1) รวบรวมองค์ความรู้เก่ียวกับเทคนิคการสรา้ งแรงบันดาลใจในการสรา้ งสรรค์ ผลงานศิลปะ (2)เพ่ือให้นักศึกษาได้แลกเปล่ียนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจใน การสรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะ และ (3) เพอื่ เผยแพร่องค์ความรู้ เรอื่ งเทคนิคการสร้างแรงบนั ดาลใจ ในการสรา้ งสรรค์ผลงานศิลปะ ทัง้ ภายในสถานศึกษา และสถานศึกษาอน่ื ทีส่ นใจนาองค์ความรู้ไป ใช้ โดยการดาเนินงานจัดการความรู้ ไดด้ าเนินการ 7 ขนั้ ตอน ดังนี้ 1.การค้นหาความรู้ ดาเนินการประชุม ติดต่อประสานงาน เพ่ือค้นหานักศึกษาผู้มีความรู้ เกี่ยวกับ เทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ โดยเลือกนักศึกษาผู้ท่ีมี ผลงานศิลปะเป็นที่ยอมรับ ได้รับรางวัลจากการประกวดผลงานศิลปะในระดับชาติ และนักศึกษา ผูม้ ผี ลการเรียนสงู สดุ ในชน้ั เรียน เป็นกรรมการและเปลี่ยนเรยี นรู้ 2.การสร้างและแสวงหาความรู้ จัดประชุมเพ่ือให้คณะกรรมการ KM นาเสนอความรู้ เกย่ี วกับเทคนิคการสรา้ งแรงบันดาลใจในการสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ 3.การจัดการความรใู้ หเ้ ปน็ ระบบ นาข้อมลู ที่ได้จากการนาเสนอแลกเปล่ียนเรยี นร้ใู นแต่ ละครงั้ มา กล่นั กรอง และจดั หมวดหมู่ จัดพิมพเ์ ป็นเอกสาร 4.การประมวลและกลัน่ กรององค์ความรู้ คณะกรรมการ KM นาขอ้ มูลที่ได้จากการจดั
4 หมวดหมู่มาปรับภาษาใหเ้ ปน็ ภาษาทส่ี ามารถเขา้ ใจได้ง่าย จดั ทารูปเล่ม แจกจา่ ยแก่คณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบแกไ้ ข 5.การแบง่ ปันแลกเปลีย่ นความรู้ นาองค์ความรทู้ ่ีจัดรปู เลม่ แจกจ่ายในห้องสมุดวิทยาลัยฯ เผยแพร่ ไปยังนักศกึ ษา ครู อาจารย์ และผู้สนใจ รวมท้งั แจง้ ให้ทราบถงึ ชอ่ งทางการเข้าถึงข้อมลู 6.การเข้าถึงความรู้ นาข้อมูลเผยแพร่ความรู้ในรูปแบบเอกสาร ลงเวปไซด์วิทยาลัย เฟสบุ๊ค และไลน์กลุ่ม รวมทั้งประชาสัมพันธ์องค์ความรู้เรอื่ งเทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจในการ สร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ แก่นกั ศึกษา ครู อาจารย์ ผู้สอนไดน้ าแนวทางไปประยกุ ตใ์ ช้ 7.การเรยี นรู้ ได้นาเสนอและประชาสัมพันธ์ในโอกาสการจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของนกั ศึกษา นาเสนอหน้าเสาธงในการเขา้ แถวตอนเช้า และในการประชุมประจาเดือนเก่ยี วกับเทคนิคการสร้าง แรงบันดาลใจในการสรา้ งสรรค์ผลงานศิลปะ สรุปและอภปิ รายผลการดาเนนิ งาน สรปุ ผลการดาเนนิ งาน จากการนาเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของคณะกรรมการซึ่งเป็นตัวแทนนักศึกษา ท่ีได้ คัดเลือกเป็นกรรมการ ผลที่ได้จากการจัดการความรู้เรื่อง เทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจในการ สรา้ งสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ มรี ายละเอยี ดดงั นี้ การนาเสนอผลงานที่สะท้อนออกมาในรูปแบบผลงานศลิ ปะท่ไี ด้รบั รางวัลในการประกวด ผลงานศิลปะในระดับชาติ และผลงานศิลปะในรายวิชาต่าง ๆ เช่น จิตรกรรม องค์ประกอบศิลป์ วาดเส้น ภาพพิมพ์ และศิลปะไทยท่ีได้คะแนนสูงสุด ของนักศึกษา ซึ่งนักศึกษาเจ้าของผลงาน ดังกล่าวได้นาเสนอแนวทางการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของตน โดยได้ นาผลงานตวั อยา่ งท่แี สดงใหเ้ ห็นถงึ ท่ีมาของแรงบันดาลใจมานาเสนอจานวน 6 ผลงาน จากผลงาน ทงั้ สน้ิ จานวน 18 ผลงาน ดงั น้ี นายสิทธพิ งศ์ โยธา ชือ่ ผลงาน แต่...พลังงานไม่มวี ันตาย ขนาด 60 X 40 ซ.ม. เทคนคิ ส่ือผสม ใช้สงั กะสีและเศษไม้มา สร้างสรรคโ์ ดยการแปะ ปะติดเปน็ รูปทรง ไดร้ บั รางวลั ชนะเลศิ ในการประกวด ผลงาน Energy Painting ปี 2561 หวั ข้อ “มพี ลังมีความสุข”จัดโดย กระทรวงพลังงาน แนวคิด บนแผ่นดินไทยน้ี พระองค์ทรงเดินทางไปเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของราษฎร ได้ถามถึงปัญหา และความต้องการของราษฎร พระองค์ท่านจึงทรงสร้างสรรค์ส่ิงต่าง ๆ ข้ึนเพ่ือผลิตพลังงานในแต่
5 ละภูมภิ าคเพ่ือบรรเทาทุกข์ของประชาชน พลงั งานของพระองค์จึงเป็นส่งิ ทีย่ ัง่ ยืน ความทกุ ข์ที่มีจึง กลายเปน็ ความสุขตลอดมา แรงบันดาลใจ ไดแ้ รงบันดาลใจจากในหลวงรัชกาลท่ี 9 ทที่ รงสรา้ งสิ่งต่าง ๆ ไว้เพ่ือบรรเทาทกุ ข์ บารงุ สขุ แก่ราษฎรชาวไทยไว้มากมาย นายศริ ชิ ัย ศรีสุวรรณ นางสาวอรพรรณ ศรเี พชรพูล ชื่อผลงาน ภมู ิใจไทยแลนด์ ขนาด 60 X 80 ซ.ม. เทคนคิ ภาพพมิ พ์ สอี คริลคิ (wood cut) ไดร้ ับรางวัลดีเดน่ ในการแข่งขัน ศิลปกรรม ปตท.ปี พ.ศ. 2561 แนวคดิ เป็นผลงานที่ตอ้ งการสอ่ื ใหเ้ ห็น ถึงความสามัคคีของชาวไทย โดยมี หมปู ่าเป็นผปู้ กป้องสมาชกิ ทัง้ 13 คน สร้างสรรค์ผลงานใหเ้ กดิ แทก็ เจอร์ (รอ่ งรอยตะปุ่มตะป่า) เพอ่ื สื่อถึงความยากลาบากของผ้ทู เี่ ข้าไป ช่วยเหลอื แรงบันดาลใจ เกิดจากการติดตามข่าวทีมหมูป่า แล้วได้ซึมซับถึงความสามัคคี ความร่วมมือของ ชาวไทยในการช่วยเหลอื ทีมหมปู า่ จงึ รูส้ ึกประทับใจและหยบิ ยกมาทางาน ขน้ั ตอนวิธกี ารทางาน 1.ร่างภาพใหไ้ ดร้ ูปแบบทชี่ ัดเจน 2.ร่างภาพลงบนไมท้ จ่ี ะแกะ 3.ทาการแกะไม้โดยใช้เทคนิค woodcut จนเสร็จ 4.ผสมสีอคลลิ ิคแลว้ ทาลงบนไม้ทลี ะช่อง 5.เก็บรายละเอียดของผลงาน นางสาวมณีรัตน์ รัตนสุภา ชื่อผลงาน ทาความดีเพื่อพอ่ ขนาด 56 X 76 ซ.ม. เทคนคิ สีชอลค์ นา้ มนั ขูดสี ไดร้ ับรางวัลดเี ดน่ ในการประกวดภาพ PMAC World Art Contest 2017 แนวคดิ เปน็ การรวมตัวกนั ของชาวบ้าน ในหมู่บา้ นท่ีมีความจงรักภกั ดีตอ่ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช
6 รวมตัวกันทาความดีสร้างฝายชะลอน้าไว้กักเก็บน้าเพ่ือความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ถวายแด่ท่าน เป็นครัง้ สดุ ท้าย ตามพระราชดารขิ องทา่ น ซงึ่ ทา่ นทรงเปน็ ต้นแบบในการทาความดี แรงบันดาลใจ ครั้งที่คนไทยร้องให้ เสียใจกันท้ังประเทศ คือวันที่รู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชทรงสวรรคต ทว่าทุกคนร่วมกันทาความดีต่าง ๆ มากมายเพ่ือถวายแด่ท่านเป็น ครั้งสดุ ท้าย เหตกุ ารณ์ทไ่ี ด้ถ่ายทอดออกมานัน้ เป็นส่วนหน่ึงของการทาความดี ได้เหน็ ความสามคั คี กันของคนในชาติ ขั้นตอนวธิ ีการทางาน ในการทางานชิน้ นใ้ี ช้การขูดสี โดยใช้สีชอลค์ น้ามัน เลอื กสที ี่มีโทนสว่าง และสอี ่อนระบาย ลงไปในแต่ละที่ตามที่ได้ร่างภาพไว้ให้เต็มแผ่น และระบายทับลงไปอีกช้ันด้วยสีที่มีโทนเข้ม มืด ๆ เพ่ือ คุมโทนสีโดยรวมของงาน และใช้มีดหรือปากกาที่ไม่ใช้แล้วมาขูดขีด แล้วสีท่ีลงไว้ช้ันแรกจะ ปรากฏข้ึน เป็นเสน้ สว่าง เป็นลวดลายและรายละเอียดท่ีสวยงาม นายพรี วิชญ์ ใจหา้ ว ช่อื ผลงาน ออกเล งานวชิ า องคป์ ระกอบศลิ ป์ ขนาด 120 X 90 ซ.ม. เทคนคิ เพ้น, ส่ือผสม คะแนนทไ่ี ด้ A แนวคดิ ชาวประมงใตผ้ กู พันกับทอ้ งทะเลเปน็ อย่างมาก เม่ือเกดิ มาก็ได้เหน็ ไดอ้ ยู่ได้สมั ผสั กับ ท้องทะเลทตี่ ้องพงึ่ พากัน ทาเพ่ือเล้ยี งชีพ คา้ ขาย มากันตง้ั แตบ่ รรพบรุ ุษ พูดได้วา่ ทงั้ ปอี าจใชช้ ีวติ อยู่ ในพ้นื ทะเลมากกวา่ พืน้ แผน่ ดินใหญ่ ผมเลยได้นา เรือ่ งประมงออกเล มาถ่ายทอดเป็นงานศลิ ปะ โดย หาวัสดุอปุ กรณ์ที่อยู่รมิ หาดมาสร้างสรรคผ์ ลงาน ด้วย เพื่อให้ไดถ้ งึ ความร้สู กึ ของภาพ ข้ันตอนการดาเนินงาน 1.สเกต็ งานเพ่ือให้เห็นภาพโดยรวมเพอ่ื นาเอาไปทางานจรงิ 2.เมื่อสเก็ตผา่ นกม็ าร่างใสเ่ ฟรมทเี่ ตรียมไวต้ ามขนาดที่ต้องการ 3.ลงสีส่วนที่จะเพน้ ใหเ้ หมือนจรงิ 4.นาไม้ วสั ดุทเ่ี ก็บมาคอลลาสในงานให้เสมือนงานมีมิติออกมาสมจรงิ 5.เกบ็ รายละเอยี ด
7 นายโสภณวิชย์ ทองแก้ว ชือ่ ผลงาน ใต้รม่ พระบารมจี กั รีวงศ์ ขนาด 60 X 40 ซ.ม. เทคนิค สีอคลลิ คิ บนผา้ ใบ ได้รับรางวลั ชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวด ผลงานศิลปะภายใตห้ ัวข้อ ใต้รม่ พระบารมี จกั รีวงศ์ วทิ ยาลัยชา่ งศิลปนครศรีธรรมราช แนวคิด เป็นผลงานที่แสดงถึงพระกรณยี กจิ ของพระเจ้าอยู่หวั ในราชวงศจ์ ักรี ให้เหน็ ถงึ ความดีงามท่ีพระองค์ไดท้ าอย่างเหน็ดเหน่อื ย แรงบันดาลใจ พระกรณียกิจของพระเจา้ อยูห่ วั ทไ่ี ด้เห็นถึงความดงี ามที่พระองค์ไดท้ างาน ขน้ั ตอนวิธีการทางาน 1.สรา้ งแรงบันดาลใจทจ่ี ะอธิบายถงึ พระองคใ์ หไ้ ดม้ ากทีส่ ุด 2.ลงมือรา่ งภาพ วางองค์ประกอบของภาพให้ลงตัวใหม้ ากที่สุด 3.เร่มิ ลงสโี ดยการใชน้ ้าสอี คลลิ ิครองพ้ืนกอ่ นใชเ้ น้ือสี และเก็บรายละเอียดทีหลัง 4.เมื่อลงสีโดยรวมเสร็จแล้วก็เก็บรายละเอียดบนหน้าพระองค์ และเส้ือผ้าเพ่ือความ สมจริง นายสิรเิ วช ทองสกลุ ชอ่ื ผลงาน พระแม่ธรณี ขนาด 60 X 80 ซ.ม. เทคนิค การใชส้ ฝี นุ่ และใช้ลวดลายไทย ไดค้ ะแนน A+ เปน็ งานสรปุ ของวิชาลายไทย แรงบนั ดาลใจ การดูลวดลายของกระหนก อันสวยงามของเคร่ืองทรงของพระแมธ่ รณี และได้นามาผูกลาย แนวคดิ เปน็ ใช้ลายไทยมาผูกลายใหส้ วย และใชพ้ ระแม่ธรณีในการเป็นตัวผกู ลาย ขน้ั ตอนวิธที างาน 1. หาตัวผกู ลายทเ่ี ราสนใจ 2. ให้อาจารยแ์ นะนาเกยี่ วกับกระหนก และการผูกลาย 3. เรม่ิ วางโครงสรา้ งของลายต่าง ๆ 4. ใส่ลายละเอียดของลาย 5. ลงสีและเก็บลายละเอียด
8 สรุปผลการจดั การความร้ขู องนกั ศึกษา การจัดการความรู้นักศึกษา เร่ืองเทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจการสร้างสรรค์ผลงาน ศิลปะ จากการนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับเทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ศิลปะ ของนักศึกษา สามารถสรุปแนวทางการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ไดด้ งั น้ี 1.การเกิดแรงบันดาลใจในการสรา้ งสรรคผ์ ลงานศิลปะ เกดิ จากสถานการณต์ ่าง ๆ ดังน้ี 1.1 แรงบันดาลใจเกิดจากประสบการณเ์ ดมิ เช่น การไดร้ ับการเลีย้ งดูในวยั เด็ก การศกึ ษา เล่าเรยี นหรอื การเรียนรู้จากอดตี ความทรงจาเดิม และประสบการณท์ ีอ่ ยใู่ นความทรงจา เปน็ ตน้ 1.2 แรงบันดาลใจที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่อาศัย ครอบครัว สถานท่ี เหตุการณ์ ตา่ ง ๆ ในสังคม ศิลปวฒั นธรรม และวิถีทางในการดาเนินชีวิตในครอบครัวและสงั คม เปน็ ตน้ 1.3 แรงบนั ดาลใจจากการไดร้ บั ฟงั ข้อมลู จากเรอื่ งเลา่ ขา่ วสารในชวี ติ ประจาวนั การเรียน การสอนในชั้นเรยี น และการแนะนาจากครผู สู้ อน เปน็ ตน้ 2.ท่ีมาในการเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ ผลงานศลิ ปะ มีที่มาในการเริ่มต้นการสร้างสรรคผ์ ลงาน ดังน้ี 2.1 การได้รับมอบหมายงานในช้ันเรียนในรายวิชาชีพ เช่น วิชาวาดเส้น ภาพพิมพ์ องค์ประกอบศิลป์ ศิลปะไทย จิตรกรรมสีน้า ฯลฯ ซึ่งจะต้องทางานตามที่ได้รับมอบหมาย ครู อาจารยใ์ นบางรายวชิ ามีการสอนตามหลักทฤษฎีในเบื้องต้น หลังจากได้เรียนรู้ทฤษฎีแล้วจะมีการ มอบหมายงานให้รบั ผดิ ชอบ ซึง่ มีแนวทางในการสรา้ งแรงบนั ดาลใจ ดงั นี้ - การมอบหมายงานตามหวั ขอ้ ท่ี ครู อาจารย์ผู้สอนกาหนด ขอยกตัวอยา่ งในบางรายวิชา เช่น วิชาองค์ประกอบศิลป์ ครู อาจารย์ผู้สอนได้กาหนดหัวข้อเรื่องให้ทางาน นักศึกษาต้อง สรา้ งสรรค์ผลงานให้สอดคล้องกบั หัวข้อเรื่อง เชน่ เรอ่ื งสง่ิ แวดล้อม นักศึกษาแต่ละคนจะพยายาม สรา้ งสรรค์ผลงานทเี่ กยี่ วข้องกบั สงิ่ แวดล้อมตามประสบการณ์เดิม โดยคิดเทคนคิ วธิ ีการสรา้ งสรรค์ ซึ่งผลงานของนักศึกษาจึงออกมาอย่างหลากหลาย และหากครู อาจารย์มอบหมายให้สร้างสรรค์ เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในอาเซียน ผลงานที่นักศึกษาสร้างสรรค์ออกมาจะมาจากการค้นคว้าข้อมูล เพ่ิมเติม เช่น ศึกษาภาพเขียนของนักเขียนในประเทศอาเซียน หรืออ่านเรื่องราว หรือหาข้อมูลที่ เกี่ยวกับประเทศอาเซียน แล้วนามาสร้างสรรค์ผลงานโดยใชเ้ ทคนคิ วธิ ีการท่ีตนสนใจ มีความถนัด และเหมาะสมกับเรอื่ งราวท่นี าเสนอ - การมอบหมายงานตามหลกั วิชาการในรายวชิ า เชน่ วชิ าศิลปะไทย มกี ารมอบหมายงาน เกยี่ วกบั การผูกลาย เพื่อใหน้ ักศึกษาเกิดทักษะ ครู อาจารยผ์ ู้สอน จะมอบหมายใหเ้ ขียนลายซ้า ๆ หลายคร้ัง จนเกิดความชานาญ แล้วนาลายท่ีฝึกเขียนจนชานาญแล้วมาประยุกต์ใช้ในการ สร้างสรรค์การเขียนลาย การผกู ลายของแต่ละคน
9 2.2 การส่งผลงานประกวด เมื่อได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการส่งผลงานประกวด นักศึกษาได้ อ่านรายละเอียดเก่ียวกับหัวข้อท่ีหน่วยงานจัดประกวดกาหนด ซึ่งส่วนใหญ่มีการกาหนดหัวข้อ กาหนดระยะเวลาในการส่งผลงาน แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเกิดจากการหาข้อมูล จากหัวข้อที่กาหนด เช่น หัวข้อเรื่องเก่ียวกับราชวงค์จักรี ผู้สร้างสรรค์มีความรู้เดิมและหาความรู้ หรือรายละเอียดเพิ่มเติมแล้วนามาสร้างสรรค์ผลงาน หรือหัวข้อพลังงาน ผู้สร้างสรรค์ต้องคิด สร้างสรรค์ผลงานให้สอดคล้องกับหัวข้อโดยการศึกษาข้อมูลด้านพลังงานแล้วนามาสร้างสรรค์ ผลงานศิลปะ การกาหนดหัวข้อเรื่องการประกวดในบางคร้ังจะกาหนดหัวข้อกว้าง ๆ เช่น หัวข้อ ภูมิใจไทยแลนด์ ผู้สร้างสรรค์ผลงานก็จะนาความประทับใจท่ีได้รับรู้ในสังคม ข้อมูลข่าวสาร ประจาวัน และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมแล้วนามาสร้างสรรค์ ดังภาพประกวดท่ีสื่อออกมา เกย่ี วกบั 13 หมูปา่ เป็นต้น 3. แนวคิดเกี่ยวกับการสรา้ งแรงบนั ดาลใจในการสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ การเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ประการแรกเกิดจากความรู้และ ประสบการณ์เดิม ส่ิงสาคัญคือต้องศึกษารายละเอียดเพ่ิมเติมเพื่อให้สามารถสร้างสรรค์และสื่อให้ เห็นถึงความแท้จริง ความชัดเจน ความมีเอกลักษณ์เฉพาะ และสร้างความประทับใจ ความ นา่ สนใจใหเ้ กดิ ขนึ้ ในผลงานสร้างสรรค์ ซ่งึ อาจเกิดจากการใชเ้ ทคนิควิธกี ารที่เหมาะสม หรือการสง่ั สมทักษะ และปรึกษาครู อาจารย์ และสิ่งสาคัญท่ีขาดไม่ได้คือความมุ่งมั่น ขยัน พยายามเพ่ือให้ งานที่ตนสร้างสรรค์มีความสมบูรณ์ และมีประสทิ ธิภาพ การนาองคค์ วามร้ไู ปใช้ การจัดการความรู้เรื่องเทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ได้ สาเร็จลลุ ่วงไปดว้ ยดตี ามกระบวนการการจดั การความรู้ สง่ ผลให้เกิดการพัฒนาในการสรา้ งสรรค์ ผลงานศิลปะอย่างมีประสิทธิภาพของนักศึกษา มีการเผยแพร่องค์ความรู้อย่างเป็นรูปธรรม เกิด การต่อยอดในการนาองค์ความรู้ไปถ่ายทอดแก่นักศึกษาในวิทยาลัย โรงเรียนเครือข่าย อาจารย์ ผู้สอนศิลปะ และผู้สนใจโดยท่ัวไป รวมท้ังได้เผยแพร่ไปสู่การจัดการเรียนการสอนแก่นักศึกษา ในวิทยาลัย ส่งผลให้นักศึกษาในวิทยาลัยมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น และได้รับรางวัลในการ ประกวดผลงานศิลปะในระดับชาติอย่างต่อเนื่อง นอกจากน้ีผลการจัดการความรู้สามารถใช้เป็น แนวทางแก่นักศึกษาในรุ่นต่อไปและผู้สนใจจากภายนอก ได้นาความรู้เก่ียวกับเทคนิคการสร้าง แรงบันดาลใจในการสรา้ งสรรค์ผลงานศิลปะ ไปใชใ้ นการสร้างสรรคผ์ ลงานอย่างแพร่หลาย อภิปรายผลการดาเนินงาน การจัดการความรู้เรื่องเทคนิคการสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ นักศึกษามีกระบวนการดาเนินงาน ดังนี้ 1.เทคนิคในการทางานให้สร้างสรรค์แนวทางท่ีเปน็ เอกลักษณ์ของตัวเอง ใฝห่ าความรโู้ ดย การศึกษาผลงานศิลปิน จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือในห้องสมุด จากเวปไซต์ หรือ
10 สูจิบัตรการแสดงผลงานศิลปะ เป็นต้น รวมท้ังศึกษาการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากเพ่ือน รุ่นพ่ี รุ่นน้อง หรือให้ครูผู้สอนปฏิบัติให้ดู สังเกตวิธีการ หรือกระบวนการสร้างสรรค์แล้วคิดวิเคราะห์ ดัดแปลงเปน็ ของตนเอง 2.หลังจากศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลตามข้อ 1 เรียบร้อยแล้ว ก็ดาเนินการสร้างสรรค์ ผลงานให้สอดคล้องกับหัวข้อท่ีได้รับ ดาเนินงานตามขั้นตอน โดยเร่ิมจากการเตรียมความพร้อม ของวัสดุอุปกรณ์ แล้วทาการร่างภาพหรือสเกตภาพ หลังจากนั้นให้เพื่อนช่วยดู หรือให้อาจารย์ ผู้สอนแนะนา แล้วลงมือปฏิบัติงานต่อไป แล้วให้เพื่อนและอาจารย์ดูเพ่ือขอคาแนะนาในการ ทางาน ปรบั ปรุงแก้ไข ต่อยอดจนผลงานลงตวั และเสร็จสมบูรณ์ 3.วางแผนเร่ืองเวลาในการทางานเป็นเรื่องสาคัญ ต้องให้งานเสร็จทนั เวลา โดยใหค้ วาม สาคญั กับวชิ าเรยี นแตล่ ะวชิ า แบ่งเวลาอยา่ งเหมาะสม และลาดับความสาคัญในการทางาน มีขอบเขตเวลาในการทางานโดยต้องเฉลี่ยให้ครอบคลมุ ครบถ้วนทกุ วิชา เพื่อให้สามารถสง่ งาน ไดท้ นั ตามกาหนดในทุกวชิ าเรยี น หรอื ในการสง่ ผลงานประกวด ปัจจยั แห่งความสาเร็จ 1. ความร่วมมือและความมุ่งม่ันของครู อาจารย์ที่ปรึกษาและนักศึกษาที่ได้รับคัดเลือก เป็นคณะกรรมการการจดั การความรู้ รว่ มกนั ผลักดนั ให้การดาเนนิ งานสาเรจ็ ตามเป้าหมาย 2. การได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ซึ่งถือเป็นอีกหน่ึงปัจจัย สาคญั ทก่ี อ่ ใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ท่ีเป็นรปู ธรรม เกดิ ประโยชนแ์ กน่ ักศกึ ษา สังคม และประเทศชาติ บรรณานกุ รม ชูเกียรติ สทุ นิ : แรงบนั ดาลใจจากวถิ ีชวี ิตชาวประมงค.์ 2561.วทิ ยาลัยช่างศิลปนครศรธี รรมราช : นครศรธี รรมราช. ชลูด นิ่มเสมอ : ผลงานขนาดเลก็ บนกระดาษ http:2//oknation.nationtv.tv/blog/u- sabuy/2009/12/28/entry-1 http:2//oknation.nationtv.tv/blog/u-sabuy/2009/12/28/entry-1 ................................................................
ช่ือเรอ่ื ง เทคนิคการตีบทของนาฏศลิ ปไทย ช่อื – นามสกุลผนู ําเสนอ นางสาวณฐั พร แกว จันทร นางสาวเบญจา กําจาย หนว ยงาน วิทยาลยั นาฏศิลปสโุ ขทยั การจดั การความรูด าน การจัดการความรสู ําหรบั นกั ศึกษา เบอรโ ทรศัพทม ือถอื 0911529025 0913822559 E-mail address [email protected] [email protected] บทสรปุ การจัดการความรูเรื่อง เทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย จัดทําขึ้นภายใตประเด็นยุทธศาสตรการ พัฒนาการการจัดการการศึกษาดานนาฏศิลป ดุริยางคศิลปและคีตศิลป ใหมีคุณภาพและเปนมาตรฐานเปนท่ี ยอมรับระดับชาติ โดยมีวัตถุประสงคเพ่ือรวบรวมเทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทยเพื่อจัดทําคูมือการสอน และเพ่ือพัฒนาการเรียนการสอน จากวัตถุประสงคดังกลาววิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัยไดมอบหมายให คณะกรรมการการจัดการความรูดําเนินการแตงตั้งคณะอนุกรรมการการจัดการความรูดานการเรียนการสอน เพื่อประชุมหาคลังความรูวาความรูใดบางท่ีมีความสําคัญตอเทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย จัดใหมีการ แลกเปล่ียนความรู นําองคความรูท่ีไดมาจัดเปนหมวดหมู และนําความรูปรับปรุงภาษาใหอานแลวเขาใจงาย นําองคความรูที่ผานการประมวลผลและกล่ันกรองแลวมาจัดเปนคูมือการสอนและใหบุคลากรนําไปใชในการ เรียนการสอน การจัดการความรูเร่ือง เทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย เปนการรวบรวมเทคนิคการตีบทของ ครูผูสอน ตั้งแตพ้ืนฐานองคประกอบของนาฏศิลป ไดแก นาฏยศัพท ภาษาทานาฏศิลป แมทา แมบทใหญ จารตี นาฏศิลปไทย ในการดําเนินการจัดการความรูเร่ือง เทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย เม่ือกล่ันกรองความรูแลวจึง จัดทําเปนคูมอื เทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทยและสรางเพจ facebook ใชชื่อวา “ทิงนองนอย” ท่ีมีภาพใน รปู แบบ info graphic เปน ความรทู ี่สามารถเผยแพรและเขาถึงไดงาย ครูและโรงเรียนตางๆสามารถนําความรู ไปใชในการเรียนการสอนใหเกิดประโยชนได และเพื่อเปนการพัฒนาการจัดการศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลป สุโขทัยจะดําเนินการจัดการความรูเก่ียวกับเทคนิคการสอนในแขนงตางๆใหครูผูสอนไดนําองคความรูไป พัฒนาการสอนและพฒั นาคุณภาพผูเรียนตอ ไป Conclusion Knowledge management techniques for the interpretation of Thai classical dance is prepared under the theme of the development of dance and music education
management, to be of national quality and standard. The objective is to gather techniques and to create a teaching manual for teaching Thai classical dance and to develop teaching and learning. From these objectives, Sukhothai College of Dramatic Arts has assigned the Knowledge Management Committee to prepare a knowledge management plan. A sub- committee on knowledge management for teaching and learning has also been appointed to find a knowledge base for any knowledge that is necessary and important to the technique of teaching dance, provide knowledge exchange and bring knowledge acquired into categories. Bring the knowledge that has been categorized and improve the language into a language that is easy to understand. Bring the knowledge that has been processed and scrutinized to be used as a teaching manual and for the personnel to use in teaching and learning. Knowledge management techniques for the interpretation of Thai classical dance is a collection of techniques for teachers from the basic elements of dance in interpretation, such as dance definition, dance steps, Mae Bot Yai master and traditional Thai dance. In the implementation of knowledge management techniques for the interpretation of Thai classical dance, when scrutinizing the knowledge, then create a manual of the Thai dance technique and create a facebook page, called \"Ting Nong Noy\", which contains both images and text in the form of info graphic, which can be published and accessed easily. Teachers and general personnel can use this useful knowledge online and other schools can used in teaching. And to develop educational management, Sukhothai College of Dramatic Arts will conduct knowledge management on various teaching techniques for teachers to apply the knowledge to develop teaching and quality development of learners. บทนํา ศกั ยภาพเปนส่งิ หน่ึงทีส่ ามารถพฒั นาหรือปรากฏใหเ ปนท่ีประจักษ คุณสมบตั ิน้ีตอ งผานการฝกฝน ทักษะใหเ กดิ ความชาํ นาญเพื่อเกิดการพัฒนาความสามารถของมนษุ ยใหเ ต็มศักยภาพ การศกึ ษาเปน กระบวนการอยางหนึง่ ทส่ี ง ผานความรู ทักษะ จารีตประเพณแี ละคานิยมท่ีสงผา นมารุน สูรนุ เพ่อื ใหมนษุ ยไดเรยี นรูส ่งิ แวดลอ มและการอยูร ว มกนั ในสงั คม ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน
พุทธศกั ราช 2551 ไดจ ดั การศกึ ษากลมุ สาระศลิ ปะท่ีชว ยพัฒนาผูเรยี นมีความคิดริเร่ิมสรางสรรค มี สนุ ทรียภาพ ความมีคณุ คาซ่งึ สงผลตอ คุณภาพชีวิตมนษุ ยชว ยพัฒนาผเู รียนท้ังดานรางกาย จติ ใจ อารมณและ ปลูกฝงใหผเู รยี นเห็นคุณคา มรดกทางวฒั นธรรม ซึ่งการเรียนนาฏศลิ ปไทยนน้ั เปน การเรยี นทต่ี อ งฝกฝน ทางดานทักษะพิสัย จติ พิสัย พทุ ธพิ ิสัยในการจําและใหเกิดความเขา ใจองคประกอบของนาฏศิลปไทยไดแก นาฏยศพั ท ภาษาทา นาฏศลิ ป แมทา แมบ ทใหญใหส ามารถวเิ คราะหองคป ระกอบตา งๆเพอื่ พัฒนาศักยภาพ เกดิ ความสามารถในดานการตีบท และสงั เคราะหการตบี ทเพ่ือนาํ ไปใชสรา งสรรคป ระดิษฐท ารําในการแสดง ท้ังทีม่ ีบทรอ งหรือไมมีบทรอง นอกจากน้นั ผเู รียนสามารถใชวธิ ีการตีบทในการแสดงโขนตอนท่มี บี ทพากษ – เจรจารวมถงึ การแสดงละครไดอยางมปี ระสิทธภิ าพ แตปจจบุ นั ผเู รยี นไมส ามารถเขาถึงการตบี ทได จึงไม สามารถประดิษฐท า รําสรางสรรคแ ละทาํ ใหการแสดงไมไดอยางมปี ระสิทธิภาพมากนัก รวมถงึ เปน สาเหตุท่ีไม สามารถสอบชิงทุนการศึกษา ทม่ี กี ารทดสอบโดยการใชวธิ ีการตีบทในการราํ ได นักศกึ ษาปรญิ ญาตรปี ท่ี 3 จึง คดิ ที่จะศกึ ษาและรวบรวมเทคนิคการตีบทของนาฏศลิ ปไทยเพ่ือเพิ่มความรแู ละทกั ษะดานการตีบทใหแก นกั เรียนนกั ศึกษาวทิ ยาลยั นาฏศลิ ปสโุ ขทัย และครูผูสอนนาฏศลิ ปสังกดั เขตพนื้ ท่ีการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานในการ ประดิษฐแ ละสรางสรรคง านนาฏศลิ ปเ พื่อเกดิ ประโยชนตอ วชิ าชีพที่ตนเรยี นและสามารถสรา งสรรคผ ลงาน ทางดา นนาฏศลิ ปท่สี ามารถนําไปใชในโอกาสตา งๆเชน การแสดงความยินดี การประกวดแขง ขัน และเปนการ เผยแพรศ ลิ ปวัฒนธรรมท่ีมนุษยค ดิ ริเร่ิมสรางสรรคปลกู ฝง ใหเ ห็นคณุ คาและสบื สานมรดกวัฒนธรรม วทิ ยาลัยนาฏศิลปสุโขทัย สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศิลป เปนสถาบันที่สบื สาน อนรุ กั ษ รวมท้งั เผยแพร วัฒนธรรม โดยทางวทิ ยาลยั นาฏศิลปสโุ ขทยั เล็งเห็นความสาํ คัญของการพฒั นาศักยภาพบุคคลทีอ่ ยูในองคกร ใหม ีความชํานาญและมีประสิทธิภาพเชนกนั คําสําคัญ เทคนคิ การตบี ท, นาฏศลิ ปไทย วธิ กี ารดําเนินงาน ในการจัดการความรเู รอ่ื ง เทคนิคการตีบทของนาฏศลิ ปไ ทย ไดดําเนนิ การแผนการจัดการความรูทั้ง 7 ขัน้ ตอน ซึ่งมกี ระบวนการดงั ตอ ไปนี้ ขัน้ ตอนที่ 1 การคนหาความรู ในการจัดการความรูประจําปงบประมาณ พ.ศ.2561 วิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัย ไดรับมอบหมายให นักศึกษาปริญญาตรีช้ันปที่ 3 เปนคณะ KM Team เพื่อเปนผูดําเนินงาน โดยนางเกษร เอมโอด เปนครูท่ี ปรกึ ษาเพื่อผลักดนั ใหก ารจัดการความรเู ปนไปตามแผนทีก่ ําหนดโดยคณะ KM Team ไดดําเนินการเพื่อคนหา ความรดู ังน้ี
1. คณะ KM Team ไดดําเนินการประชุมเพ่ือคนหาความรูท่ีมีความสําคัญตอการพัฒนาองคกร และ เหมาะสมท่ีจะนํามาเปนประเด็นความรู ท่ีควรนํามาสูการจัดการความรู ซึ่งคณะ KM Team ไดเล็งเห็น ความสําคัญของศักยภาพของนักเรียน นักศึกษาที่ควรพัฒนาในการตีบทการแสดงนาฏศิลปเพ่ือพัฒนาฝมือ ทางดานวิชาชีพ และสามารถนําความรูมาประดิษฐสรางสรรคทารํา ซึ่งประเด็นความรูที่คณะ KM Team จะ นํามาจัดการความรู คอื เทคนคิ การตีบทของนาฏศิลปไทย เพราะตรงตามแผนกลยุทธการพัฒนาวิทยาลัยนาฏ ศิลปสุโขทัย พ.ศ. 2561 ดานการเรียนการสอน ซ่ึงจําเปนตอการผลักดันประเด็นยุทธศาสตรของวิทยาลัย ใน ดา นการพฒั นาการจดั การศึกษาดา นนาฏศลิ ป ใหม ีคณุ ภาพและมาตรฐานเปน ทีย่ อมรบั ระดับชาติ 2. คณะ KM Team จัดทําแผนการจัดการความรูเร่ือง เทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย เพื่อ กําหนดรายละเอียดกิจกรรม ระยะเวลาในการดําเนินกิจกรรม ตัวชี้วัดความสําเร็จของกิจกรรมเปาหมาย กลมุ เปา หมาย และผรู บั ผดิ ชอบในแตละกิจกรรม สําหรับเปนตัวกําหนดในการดําเนินกิจกรรมตาง ๆ ใหสําเร็จ ตามท่ีแผนกําหนด 3. คณะ KM Team ดําเนินการแตงต้ังคณะทํางาน การจัดการความรูเร่ือง เทคนิคการตีบทของ นาฏศลิ ปไทย โดยคัดเลอื กจากนักศึกษาช้ันปรญิ ญาตรีปท ่ี 3 วทิ ยาลยั นาฏศิลปสโุ ขทยั จาํ นวน 30 คน 4. คณะ KM Team ดําเนินการจัดประชุมคณะทํางาน การจัดการความรูเรื่อง เทคนิคการตีบทของ นาฏศิลปไทยเพ่ือกําหนดขอบเขตเน้ือหา กําหนดสถานท่ี กําหนดเวลา และกําหนดครู ผูมีประสบการณดาน การสอนนาฏศิลปใหกับผูพิการ ที่คณะทํางานจะดําเนินการจัดเก็บองคความรู ซึ่งในการประชุมคณะทํางาน การจัดการความรู ไดกําหนดเนื้อหาที่จะดําเนินการจัดการความรูเก่ียวกับเทคนิคการสอนนาฏศิลปสําหรับผู พิการ โดยจะลงพื้นที่เพื่อเก็บองคความรูจากครูผูมีประสบการณดานการสอนนาฏศิลปใหกับผูพิการจํานวน 5 ทาน ไดแ ก 1. นางฉตั รดา ย้ิมแยม 2. นางเหมือนขวญั สวุ รรณศลิ ป 3. นายอฐธน เดชะกูล 4. นายภมู รินทร มณวี งษ 5. นายบดนิ ทร เจนาวนิ ขัน้ ตอนที่ 2 การสรา งและแสวงหาความรู ในข้ันตอนการสรางและแสวงหาความรูเรื่อง เทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย เปนองคความรูที่ สามารถแสวงหาความรูจากบุคคลภายในหนวยงานได โดยแสวงความรูจาก ครูวิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัย ซ่ึง เปน ผทู ่มี ปี ระสบการณในการสอนนาฏศลิ ปไ ทย 10 ปข้ึนไป และมีประสบการณในการแสดงโขน ละคร 5 ทาน ดังมีรายชื่อขางตน
โดยคณะทาํ งานการจัดการความรูเ รื่อง เทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย ไดลงพ้ืนท่ีเพ่ือสัมภาษณครู ผูมีประสบการณดานการสอนนาฏศิลปและมีประสบการณในการแสดงโขน ละคร โดยใหครูไดอธิบายถึง เทคนิคการตีบทนาฏศิลปไทย โดยคณะทํางานจะทําการบันทึกองคความรูดวยเคร่ืองบันทึกเสียง เครื่อง บนั ทึกภาพและการจดบนั ทกึ ขอ มูล ข้ันตอนที่ 3 การจัดความรใู หเปนระบบ ในกระบวนการการจดั การความรใู หเปน ระบบนั้นคณะทํางานไดน าํ ความรูท่ไี ดจากการลงพืน้ ทมี่ าถอด ความ และจัดใหเปนหมวดหมูไดแ ก จารีตของนาฏศลิ ปไ ทย นาฏยศพั ทเบื้องตน ภาษาทา นาฏศิลป ความหมายของคาํ หลักคํากลอน ลกั ษณะบทรองและทาํ นอง แมทา แมบทใหญ ตามที่ไดก าํ หนดไวใน Knowledge Mapping ขั้นตอนท่ี 4 การประมวลและกล่ันกรองความรู ในการประมวลและกล่ันกรองความรูคณะทํางานการจัดการความรูไดนําขอมูลที่ไดดําเนินการจัดการ ใหเปนหมวดหมูแลว นัน้ มาดาํ เนินการตามขน้ั ตอนดังนี้ 1. นาํ ประเด็นความรทู จ่ี ัดหมวดหมแู ลว มาปรบั ปรุงภาษาใหส ามารถอา นเขาใจไดง ายและสะดวกตอ การนาํ ไปใช 2. นาํ เอกสารท่ีกลนั่ กรองแลว ใหบคุ ลากรดา นภาควิชานาฏศิลปและอาจารยท ีป่ รึกษาการจดั การ ความรู เพ่ือตรวจสอบความถูกตองขององคความรูทีไ่ ดและใหคาํ เสนอแนะ 3. คณะ KM Team นําเอกสารทผี่ านการตรวจสอบแลว มาแกไ ขขอบกพรอง ขนั้ ตอนที่ 5 การเขา ถงึ ความรู 1. เผยแพรความรูผานชองทางท่ีหลากลายรูปแบบ โดยเผยแพรผานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ไดแก เพจ Facebook เว็บไซตข องวทิ ยาลัยนาฏศลิ ปสุโขทยั ข้นั ตอนที่ 6 การแบงปนแลกเปลย่ี นความรู คณะทํางานการจัดการความรู นําองคความรูท่ีจัดทําเปนรูปเลมมอบใหแกบุคลากรของวิทยาลัยและ ประชาสมั พันธใ หแกบุคลากรทราบถงึ ชองทางในการเขา ถึงขอ มูล และจัดกิจกรรมสมั มนาเรื่อง เทคนิคการสอน
นาฏศิลปส าํ หรับผพู กิ าร โดยใหคณะทาํ งานการจัดการความรเู รื่อง เทคนิคการสอนนาฏศิลปสําหรับผูพิการ มา ถายทอดองคค วามรใู หแ กบ ุคลากร นักเรยี น นักศกึ ษา ของวิทยาลัยนาฏศลิ ปสโุ ขทยั ขั้นตอนที่ 7 การเรยี นรู 1. จัดการสมั มนาโดยเชญิ คณะบคุ ลากรภาควิชานาฏศิลป วทิ ยาลยั นาฏศิลปสุโขทัยทม่ี ีประสบการณ ในการสอนนาฏศลิ ปไทย 10 ปข ้ึนไปและมปี ระสบการณในการแสดงโขน ละคร มาบรรยายประสบการณ เพิม่ เติมและแลกเปลย่ี นความรเู พอื่ ใหน ักศึกษาไดม โี อกาสพูดคยุ ซกั ถามขอสงสยั และแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ 2. ใหนักเรยี นและนักศกึ ษาทุกคนรวมรบั ฟง การสัมมนา ผลและอภิปรายผลการดําเนนิ งาน การจัดการความรูเรื่อง เทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย เปนการจัดการความรูดานการเรียนการ สอน ซึง่ มวี ัตถปุ ระสงคด งั น้ี 1. เพอ่ื รวบรวมเทคนคิ ของครูผสู อนท่ใี ชใ นการสอนนาฏศิลปไ ทย 2. เพอ่ื จดั ทาํ คมู ือเทคนคิ การตีบทของนาฏศิลปไ ทย 3. เพือ่ เผยแพรค วามรูเทคนิคการตบี ทของนาฏศลิ ปไทย ผลการดําเนนิ งาน จดั การความรู เรอื่ ง เทคนคิ การตีบทของนาฏศลิ ปไทย ซึ่งไดดําเนินการโดยการลงพื้นท่ีและเก็บขอมูล ของนักศึกษาช้ันปริญญาตรีปที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัย จํานวน 3 คร้ัง และไดนําองคความรูที่ไดจากการ สมั ภาษณบุคลากรมาจัดใหเปนระบบไวใน Knowledge Mapping จึงเกิดเปนองคค วามรูที่มีความชัดแจงและ นํามาจัดเปนคูมือการตีบทของนาฏศิลปไทย เพ่ือเผยแพรใหกับบุคลากรนําไปใชเพื่อพัฒนาการเรียน การสอน ซง่ึ มีผลการดําเนนิ งานตามวตั ถุประสงค ดงั นี้ จารตี ของนาฏศิลปไทย จารตี นาฏศลิ ป หมายถึง ระเบียบแบบแผนขอปฏิบตั ิทีส่ ืบทอดกันมาจากรุนสูรุน และเปนจารีตท่ีเหลา นาฏศิลปนยึดม่ันปฏิบัติอยางเครงครัด และจารีตแตละยุคสมัยทําใหสะทอนถึงพัฒนาการของศิลปวัฒนธรรม ในยุคน้ันอีกดว ย จารีตนาฏศิลปโดยรวมแลว สามารถแยกได 3 อยา งคอื ขอหาม ขอปฏิบตั ิ เคลด็ ลาง คา นยิ ม 1. ขอ ปฏบิ ตั ิ
เปนจารีตท่ีควรปฏิบัติท้ังในการแสดงและการปฏิบัติตนท่ัวไป เชน เร่ิมการแสดงโขนและ ละคร ที่เปนตอนตัวแสดงจะเริ่มออกฉากเม่ือปพาทยทําเพลงวาเพื่อเปนการโหมโรง ตําแหนงของ นักแสดงก็เปนสวนท่ีสําคัญ จะเห็นไดวา ตัวละครนางจะอยูทางขวาของตัวพระ ยักษ ลิงซึ่งตัวละคร ดังกลาวเปนผูชาย ผูหญิงท่ีเปนตัวนางจะอยูทางขวาเสมอ เหตุผลท่ีวาเวลาตัวผูชายจะตีบทเขาคู สวนมากจะมีความถนัดดานขวาและเพ่ือความคลองตัวจึงใหตัวนางผูหญิงอยูขวา รวมไปถึงเรื่องการ แบงแยกฝายทัพ ฝายธรรมะจะอยูดานขวาของเวที อธรรมจะอยูดานซาย ดวยความเช่ือของศาสนา พราหมณท ใ่ี หค วามสาํ คัญของมือขวาหรือการเวียนขวา (ทักษณิ าวรรต) ซึง่ ใชในพิธีมงคล เราเลยไดรับ อิทธิพลขอปฏิบัติมา ผูที่จะปฏิบัติตามขอปฏิบัติของจารีตไดนั้นจะตองเขาใจหัวใจหลักของจารีตและ จากประสบการณที่ผใู หญคอยสอนและแนะนาํ ผูน อย 2. ขอ หา ม เปนขอหามทีค่ รูคอยเตือนศษิ ยถึงสิ่งที่ไมควรทําประกอบดวยหลักเหตุผลท่ีใชไดจริงเชน หาม นําหัวโขนยักษซอนบนหัวลิง ดวยเหตุผลความเช่ือวาทั้งสองหัวอยูคนละฝายกันจึงเกิดการสูรบกันทํา ใหหัวโขนมรี อยขดี ขว นเหมอื นการสูรบ แตอีกแงคิดหนึง่ ครูทา นจะสอนใหเรารูจักการเก็บรักษาหัวโขน มีการแยกประเภทเพื่อความเปนระเบยี บเรียบรอ ยและปลกู ฝง ใหเรารูจักการรักษาส่ิงของ หรือขอหาม การนอนในเครื่องแตงกายใครปฏิบัติถือเปนพวกธรณีสาร ซึ่งเปนเร่ืองอัปมงคล แตเพราะดวยเหตุผล ที่วา อาจทาํ ใหเ คร่ืองแตงหายชํารุดเสยี หายไดแ ละหากนอนสบายหลับสนิทจะออกฉากการแสดงไมทัน เพอ่ื ปองกันเหตุการณน้ีดวย ขอหามสรางข้ึนเพื่อปองกันไมใหเกิดความเสียหายและเปนอันตรายตอผู แสดงหรือส่ิงของการแสดงน้นั เอง 3. เคลด็ ลาง เคล็ดลางคือความเช่ือท่ีศิลปนใหความสําคัญเปนพิเศษ เปนส่ิงท่ีจะตองปองกันไมใหเกิดข้ึน หากเกิดขึ้นจะถือวาเปนความอัปมงคล โดยจะมีวิธีแกเคล็ดลางเพื่อเรียกขวัญกําลังใจในการแกไขวิธี ตางๆซ่ึงเราไดรับความเช่ือจากศาสนาพราหมณและพุทธศาสนาเชน หัวหลุดกลางโรง ศีรษะท่ีนํามา สวมถอื วา เปรยี บเสมอื นหัวของเราเมื่อเกิดหลุดออกถือเปนลางไมดี ดวยสาเหตุที่วาเวลาสวมศีรษะจะ มีการผูกเชือกรัดคาง หรือคาบเชือกอยางแนนหนาซ่ึงเปนเร่ืองที่ควรเกิดข้ึนยาก หากเกิดข้ึนจึงถือวา เปน เร่ืองไมดีและยังทําใหการแสดงน้ันเสียภาพที่งดงามอีกดวย ยังทั้งมีเรื่องความเชื่อแมวดําเดินผาน โรงจะเปน เรอื่ งไมดี แตดวยเหตุผลท่ีแมวเปนสัตวท่ีมีนิสัยตกใจงายจึงกลัววา การแสดงที่เกิดเสียดังจะ ทาํ ใหแมวไปตะกยุ ตะกายทําใหผาหรือเครือ่ งแตง กายเสียหาย
4. คานยิ ม เปน การปฏบิ ตั พิ ฤตกิ รรม ของสมาชิกในสังคมท่ยี ึดเปน แนวทางมาตรฐานในการปฏิบัติซึ่งชาว นาฏศลิ ปจะมกี ารปฏบิ ตั ิตนท่ีมลี ักษณะพเิ ศษทีป่ ลกู ฝง จริยธรรมตา งๆทไ่ี มเ ห็นในวิชาชีพอ่ืนมากนักเชน คานิยมความกตัญูกตเวทิตา เปนจริยธรมท่ีปลูกฝงการรูพระคุณเปนขอที่ขาดไปไมไดหากขาด จริยธรรมขอนี้ถือวาอยูรวมกับสังคมไมไดจึงกอใหเกิดพิธีไหวครูทําใหลูกศิษยไดมากราบไหว ขอสมา ลาโทษในส่งิ ที่ตนทาํ ผดิ พลาด คา นยิ มเรอ่ื งสาํ นกึ หนาที่และรูจักฐานะของตน จึงทําใหบุคคลกลายเปน คนนอบนอมถอ มตนเพราะรูจ กั วาตนเองเปนใครทําหนาที่อะไร เปนศิษยตองเคารพครู รุนพี่หรือคนท่ี อายุมากกวา คานิยมความสามัคคี หากเราเครพผูอ่ืนเราก็จักอยูรวมกันไดดวยการชวยเหลือ และมี น้าํ ใจซึง่ กนั และกนั คา นยิ มสดุ ทายคือ การใหอภยั ซ่ึงกันและกัน ทั้งกายวาจาและใจเปนการขอสมาลา โทษกับเพื่อนรวมการแสดง เพ่ือหลีกเล่ียงการขุนเคืองซ่ึงจะไปเชื่อมโยงกับวิธีปฏิบัติของพระสงฆคือ การปลงอาบัติ ทีพ่ ระสงฆท ี่อยูรว มกนั สามารถตกั เตือน หรือสารภาพผดิ เพ่อื ใหอ ภัยและแกไ ขสิง่ น้ันได จะเห็นไดวา เมื่อเราเขาใจหัวใจของจารีตนาฏศิลป และปฏิบัติตามแนวทาง สังคมนาฏศิลปก็จะมี ความสุขอยูร ว มกันไดดว ยความเขา ใจซงึ่ กนั และกัน นาฏยศัพทเบอ้ื งตน นาฏยศพั ทเปน ศัพทท ่ใี ชเ รยี กทารําและเปนพ้ืนฐานของการราํ แบงออกเปน 3 ประเภท คือ 1. นามศัพท หมายถงึ ศัพทท่เี รืยกชือ่ ทารํา หรือชื่อทา ทีบ่ อกอาการการกระทาํ ของผนู ั้น เชน วง จบี สลัดมอื มว นมือ คลายมือ กรายมือ ฉายมอื ปาดมือ กระทบ กระดก ยกเทา กาวเทา ประเทา ตบเทา กระทงุ กระเทาะ จรดเทา แตะเทา ซอยเทา ขยั่นเทา ฉายเทา สะดุดเทา รวมเทา โยตวั ยักตวั ตีไหล กลอ มไหล 2. กิรยิ าศพั ท หมายถงึ ศัพททีใ่ ชเ รยี กในการปฏบิ ตั ิบอกอาการกริ ยิ า แบงออกเปน 2.1 ศพั ทเ สรมิ หมายถึง ศัพทท ่ใี ชเรยี กเพื่อปรับปรุงทาทีใหถ ูกตองสวยงาม เชน กนั วง ลดวง สงมือ ดงึ มือ หกั ขอ หลบศอก เปด คาง กดคาง ทรงตัว เผน ตวั ตึงไหล กดไหลด ึงเอว กดเกลียวขา ง ทบั ตัว หลบ เขา ถีบเขา แข็งเขา เปดสน ชกั สน 2.2 ศพั ทเ ส่อื ม หมายถงึ ศัพททใี่ ชเรียกช่ือทาราํ หรอื ทวงทีของผูราํ ท่ีไมถูกตองตามมาตรฐาน เพื่อใหผรู ํารูตัวและแกไขทา ทีของตนใหดี เชน วงลา วงควํา่ วงเหยยี ด วงหกั วงลน คอดม่ื คางไก ฟาดคอ เกร็งคอ หอบไหล ทรุดตัว ขยม ตวั เหล่ยี มลา รําแอ ราํ ลน ราํ เลอ้ื ย รําล้ําจงั หวะ รําหนว งจังหวะ 3. นาฏยศพั ทเ บ็ดเตลด็ หมายถึง ศัพทต า งๆ ที่ใชเรียกในภาษานาฏศิลป นอกเหนือจากนามศัพท และกริ ิยาศพั ท เชน จีบยาว จบี ส้ัน ลักคอ เดินมือ เอยี งทางวง คนื ตวั ออ น เหลย่ี ม เหล่ยี มลาง แหลงทมี่ า http://www.banramthai.com/html/character.html
ภาษาทานาฏศลิ ป ภาษาทานาฏศิลปเปนภาษาทาที่ส่ือความหมาย อากัปกิริยาตางๆหรือเปนการรวบรวมทานาฏยศัพท มาเรยี งรอยใหเ ปนภาษาทานาฏศิลปใหเ กิดความสวยงาม มี 2 ประเภทดงั น้ี ทา ธรรมชาติ คอื ทาที่เลียนแบบจากธรรมชาติใหเกิดความสวยงามขึ้น เชน ฝนหลวง ในแมบ ทใหญไมมี คํานี้ เพราะฉะนั้นเราจะตองประดิษฐข้ึนมาใหม นาฏยประดิษฐ แตถามันประดิษฐไมไดมันตองเปนทา ธรรมชาติ สมมตุ ิวาเราจะทําเปน จีบดา นบนแลวก็พรมลงมาขา งลาง นาจะเปนทาเรียนแบบธรรมชาติ คือถาเรา มองวา สายฝนในเปน เชิงทั่วไป กค็ อื ฝนตก มีเมด็ ฝนรว งลงมาจากทองฟา พรมน้วิ ลงมา เพราะฉะนั้นการท่ีจะทํา ใหทาธรรมชาติสวยข้ึนก็คือ เปนจีบ เปนเม็ดฝน แลวก็ลงมาถึงพ้ืน และทาเดิน แบบธรรมชาติมันไมไดมีความ สวยงาม เราก็ตองแปลงใหม ันสวยๆ กเ็ ปน การกรดี นว้ิ กรีดมือ กาวเทาใหเปนจังหวะ ทารองไห คนเรารองไหก็ มักจะกมหนา ปาดน้ําตา เอามือมาปอง หรือจะยิ้ม ยิ้มอยางเดียวถาเปนละครไทย คนท่ีอยูขางหลังเขาจะไม เห็น จะตองใชมอื ขน้ึ มาแทนเหมอื นรมิ ฝปาก ทําใหเหน็ ชดั เจนข้นึ สวนนาฏยประดิษฐ เปนสรางสรรคทาใหเกิดความสวยงาม เชนระบําเทวีศรีสัชนาลัย คือทาท่ีเกิดขึ้น ใหม ท่ีเราเปน คนคิดเอง ไดจากภาพจําลกั ษณและจนิ ตนาการผสมผสานกันใหเกิดนาฏยประดิษฐที่สวยงาม ซึ่ง เปนทาท่ีเกิดขึ้นมาใหม เรียกวา ทานาฏยประดิษฐ ซ่ึงไมเคยมีทาเกิดขึ้นมากอน และกับทาธรรมชาติ มัน แตกตาง เพราะฉะนั้น สองแบบน้ีสามารถนํามาประกอบการตบี ทได แมบทใหญ รําแมบทเปนการรวบรวม ทาจากเพลงชา เพลงเร็วซ่ึงเปนแมแ บบของการฝก หดั นาฏศิลปมาเรียบเรยี ง ใหเปนกระบวนทา โดยตั้งช่อื ทาราํ และผูกเปน บทกลอน นับเปนขัน้ ตอนที่ตอ จากการเรียนเพลงชา เพลงเรว็ แมบ ทมี 2 แบบ แบบแรกทใ่ี ชรํากันท่วั ไป กบั อีกแบบแมบ ทนางนารายณหรอื แมบทเลก็ มเี นอ้ื เพลงดงั นี้ เน้อื เพลงแมบ ทใหญ สอดสรอ ยมาลา ชานางนอน เทพประนม ปฐม พรหมสี่หนา กังหันรอ น แขกเตา เขา รงั พระรถโยนสาร มารกลบั หลัง ผาลาเพยี งไหล พสิ มยั เรียงหมอน มงั กรเรยี กแกวมุจลนิ ทร กระตายชมจนั ทร พระจนั ทรทรงกลด ทา พระรามโกง ศลิ ป เยื้องกราย ฉุยฉายเขาวงั หลงไหลไดส ิ้น หงสลนิ ลา กนิ นรราํ ซํา้ ชา งประสานงา รํายวั่ ชกั แปงผัดหนา ภมรเคลา มัจฉาชมวารนิ เหราเลน นาํ้ บวั ชฝู ก ทาสงิ โตเลนหาง นางกลอมตัว พระนารายณฤ ทธิ์รงคขวางจักร ลมพัดยอดตอง บังพระสรุ ยิ า พระลกั ษณแผลงอิทธิฤทธิ์ นาคามว นหาง กวางเดนิ ดง ขดั จางนาง ทานายสารถี ชางหวา นหญา หนมุ านผลาญยกั ษ กินนรฟอนฝงู ยงู ฟอนหาง
ตระเวนเวหา ขมี่ า ตคี ลี ตโี ทนโยนทบั งขู วา งคอน รํากระบส่ี ที่ า จนี สาวไส ทาชะนรี ายไม ทิ้งขอน เมขลาลอ แกว กลางอัมพร กนิ นรเลียบถ้ํา หนงั หนาไฟ ทาเสอื ทาํ ลายหาง ชา งทาํ ลายโรง โจงกระเบนตเี หลก็ แทงวิไสย จรดพระสุเมรุ เครือวลั ยพ นั ไม ปราไลยวาด คดิ ประดิษฐทาํ กระหวดั เกลา ข่ีมาเลียบคา ย กระตายตองแรวแคลวถาํ้ ชกั ซอสามสาย ยา ยลํานํา เปน แบบราํ แตก อนที่มมี า เนื้อเพลงแมบทนางนารายณ หรอื แมบ ทเล็ก เทพนมปฐมพรหมส่ีหนา สอดสรอยมาลาเฉดิ ฉิน ทัง้ กวางเดนิ ดงหงสบนิ กินรินเรยี บถํา้ อาํ ไพ อีกชานางนอนภมรเคลา ทัง้ แขกเตา ผาลาเพียงใหล เมขลาโยนแกว แววไว มยเุ รศฟอนในอาํ พร ยอดตองตอ งลมพรหมนิมติ ร ทัง้ พิศมยั เรยี งหมอน ยา ยทามจั ฉาชมสาคร พระสีก่ รขวา งจักรฤทธิรงค ฝา ยวานนทกกร็ ําตาม ดว ยความพศิ มัยไหลหลง ถึงทานาคามว นหางวง ชต้ี รงถูกเพลาทนั ใด แมท า แมทาเปนกระบวนการในการใชท ารําฝกหัดนาฏศิลปไทย ซ่ึงประกอบดว ยตัวโขนยกั ษ และโขนลิง ท่ี ใชในการฝกพื้นฐานมคี วามแตกตา งของทาทางตามลกั ษณะกริ ยิ าของตัวแสดง กระบวนทา รําทใ่ี ชใ นการฝกหัดนาฏศิลปโ ขนของฝา ยยักษ ประกอบดวย กระบวนทาเรมิ่ ตน ต้งั แต “ทา นง่ั ไหว” จนถงึ “ทาบาก” เรียกวา “หัวแมทา” หรอื “กระบวนแมท า ตอนตน ” จากนน้ั จงึ เรมิ่ แม ทา 1 จนจบแมท า 5 กระบวนทารําแมทาลงิ นัน้ ประกอบดวยทาทเ่ี รยี กวา ทาที่ 1 ถงึ ทา ที่ 7 การฝกหดั แมทา ลงิ และได กําหนดขนั้ ตอนไว 2 ชวง คอื “คร่งึ ทาแรก” และ “คร่ึงทา หลัง” คร่ึงทา แรก มี 90 ทา สว นครงึ่ ทาหลงั ทา ทาง สวนใหญจ ะเนนอากปั กริยาของลิง มักเปน ทา ทางเบ็ดเตล็ด เชน ทา จบั แมลงวนั ทาจับหมัด ทาเลนแมลงและ เลนหมัด เปนตน ความหมายของคํา การตบี ทน้นั จะตอ งเขาใจบทประพันธหรอื ความหมายของคาํ ท่ีจะสือ่ ถึงส่ิงตางๆ จะตอ งมคี วามรดู าน ภาษาไทยควบคกู บั ดานนาฏศิลป เพราะในวรรณคดไี ทยจะไมมคี ําท่แี ปลตรงตวั สว นใหญจ ะเปน คาํ ราชาศัพท
และคาํ พอ งรปู คําพองเสียงหรอื คําท่ีมคี วามหมายเหมือนกัน แตเรยี กตางกันเพ่ือเพิม่ ความไพเราะของภาษา ผู ทต่ี บี ทจงึ ตองมีทักษะความรทู างภาษาและความหมายของคํา เมอ่ื เขาใจถึงความหมายจงึ จะสามารถนําทา มาตี บทตามคํารอ งได เชน คาํ วา นภา คอื ทองฟา ควรจะใชท าอะไร สมมุตวิ า มีการตบี ทไปแลว กลาวถึงคาํ วา นภา ภรณ จึงใชท า กางอําภรได แตถาทาน้ถี ูกใชไ ปแลว สามารถทาํ ทาอ่นื หรือ นาฏยประดิษฐไดอ ีก คือช้แี ลว มอง บน หรือกาวไขวแ ลว ก็มองบน หรอื สะดดุ ช้ีดึง คือสามารถเอานาฏยประดษิ ฐ หรอื แมบท ทา ธรรมชาติมาใช แต ถา มคี วามหมายลึกกวา น้ี ผทู ี่คิดตองมีความชาญฉลาดในการแปลความ หรือสุนทรยี ะในการแปลความ หลักคาํ กลอน บทและคําประพนั ธท่นี ํามาใชในการตีบทของละครน้ันเปนกลอนบทละคร กลอนหก กลอนแปด สวน โขนการพากยใชกาพยยานี11 และกาพยฉบัง16 เพราะฉะนั้นในการรวมคําใหเกิดความหมายภายใน 1 วรรค จะใชทา 2 ทาในการตีบทเชน พระลออดิลกเลิศเฉิดฉวี การแบงคําคือ พระลออ/ดิลกเลิศเฉิดฉวี ซ่ึงคําวา พระลอ จะใชก ารจีบเขา อก สวนดิลกเลิศเฉิดฉวี ใชทาท่ีมีความหมายสูงศักด์ิในแมบทใหญ เชน ทาสอดสูงเปน ตน สว นการตบี ทของโขน 1 วรรค จะใชทา 1 ทาจะเปนการตีบททายคํารอง ตามความเหมาะสมของตัวละคร และบทกลอน ผตู ีบทจําเปนตองเขาใจฉันทลักษณข องกลอนดังน้ี ลกั ษณะบทรองและทํานอง ความสําคัญของการบรรจุเพลงเปนส่ิงสําคัญ เมื่อบทประพันธมีการเพ่ิมทํานอง การรองจะทําใหบท ประพันธนั้นมีการเอ้ือน ซึ่งจะสอดคลองกับการนําทารํามาตีบท จากหัวขอหลักคํากลอน 1 วรรค ใชทา รํา 2 ทา แตหากมีการเอื้อนจะตองเพ่ิมทาอีก 1 – 2 ทาท่ีไมมีความหมาย เรียกวา ทาเช่ือม เชน ทาเลน มือ สะบดั มอื สะบัดจีบ หรือเลนเทา หรือวาเปล่ียนทาน้ันเปนทาอ่ืน บทรองและทํานองจะมีความแตกตางกัน ตามประเภทของละคร ที่แตล ะละครจะมีเอกลกั ษณ สาํ เนยี งหรอื การใชภ าษาแตกตา งกัน ผูตีบทจะตองมีความ ชาํ นาญเร่ืองเพลง หากรอ งเพลงไดย ง่ิ เปนการเสรมิ ใหเ ขา ใจเพลงและปฏิบัติทาราํ ได สรปุ ผลการดําเนินงาน เมอ่ื ผูฝ กตีบทเขา ใจถงึ องคป ระกอบของนาฏศลิ ปเชน จารตี ของนาฏศลิ ปไ ทย นาฏยศัพท เบอ้ื งตน ภาษาทา นาฏศิลป ความหมายของคาํ หลกั คํากลอน ลกั ษณะบทรอ งและทํานอง แมทา แมบทแลว การหมนั่ ฝก ซอม การใสใ จและใฝเ รียนรู พัฒนาศกั ยภาพของตนเองเปนสง่ิ สําคัญ ทําใหเ กิดประสบการณท จ่ี ะ ทําใหช ํานาญการตบี ทมากยง่ิ ขน้ึ อีกดวย ในการจัดการความรูนั้นเมื่อเสร็จกระบวนการแลวเพ่ือใหเปนประโยชนและตอบสนองตามความ ตองการของสงั คมไทยในยคุ 4.0 ไดม กี ารนําองคค วามรูมาประยุกตใชเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางาน หรือ ใชสรางสื่อท่ีจะชวยใหการทํางานเปนไปไดสะดวกและดีขึ้น ซ่ึงในการจัดการความรูครั้งน้ีนั้น ผูสนใจสามารถ
นําสื่อคูมือเทคนิคการตีบทของนาฏศิลปไทย ไปใชใหเกิดประโยชนและพัฒนาตอยอดในรูปแบบของ สื่ออิเล็กทรอนิกส เชน คอมพิวเตอรชวยสอน CAI , WBI , e-Learning ,E-Book , E-Training , Learning Object , Line โดยทางคณะทํางานไดจัดสรางเพจ facebook เพื่อเผยแพรขอมูลเกี่ยวกับเทคนิคการตีบท โดยใชช อื่ วา “ทงิ นองนอย” ทีม่ ที ั้งภาพในรูปแบบ info graphicsและขอ ความบรรยายท่สี ามารถเขา ถงึ ไดง าย
บทความการจดั การความรู ประจําปง บประมาณ ๒๕๖๑ สถาบนั บัณฑิตพัฒนศิลป ชอื่ เร่อื ง แนวทางการเตรียมตัวนกั ศึกษาฝกประสบการณว ชิ าชพี ครูสอดคลองกบั การเรียนรใู น ศตวรรษที่ ๒๑ ของนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศลิ ป หนวยงาน ฝายอุดมศึกษาคณะทาํ งานการจัดการความรูในสว นของนกั ศกึ ษา บทสรุปผูบรหิ าร การจัดการความรูเร่ืองแนวทางการเตรียมตัวนักศึกษาฝกประสบการณวิชาชีพครูสอดคลองกับการ เรยี นรูในศตวรรษท่ี ๒๑ ของนกั ศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป โดยมีวัตถุประสงค เพื่อใหนักศึกษาปริญญาตรีช้ันปท่ี ๑-๔ มีการเตรียมตัวในการฝกประสบการณวิชาชีพครูในระดับปริญญาตรีช้ันปท่ี ๕ และเพ่ือลดปญหาในการ ฝกประสบการณวิชาชีพครูในระดับปริญญาตรีชั้นปที่ ๕ เพื่อใหผลการฝกมีประสิทธิผล และประสิทธิภาพ ตามนโยบายของฝา ยการจัดการศกึ ษาระดับอุดมศึกษาและเพื่อใหนักศึกษามีคุณลักษณะตามวัตถุประสงคของ หลกั สูตร โดยกลุมเปาหมายในครง้ั น้ี คือ นักศกึ ษาปรญิ ญาตรชี ั้นปท่ี ๑-๔ วิทยาลยั นาฏศิลป Knowledge management approach to prepare student teachers is consistent with learning in the 21st Century 21 's The college of dramatic Arts students and are intended to give undergraduate students the first year 1-4 are preparing for training teachers in the.Quench undergraduate first year 5 and to minimize problems in training teachers in the undergraduate class year 5, training effectiveness and efficiency. Management policy, higher education, and to provide students with the features of the course objectives. This time the target is, by a group of undergraduate students into the first year 1-4 The college of dramatic Arts students. คําสาํ คัญ แนวทางการเตรียมตวั /นกั ศกึ ษาฝก ประสบการณว ิชาชีพครู/การเรยี นรูในศตวรรษที่ ๒๑ Guidelines for preparation / Students of training, professional experience / Learning in the 21st
บทนาํ การจัดการศึกษาในวิทยาลัยนาฏศิลป มี ๒ ระดับ คือ ๑. การศึกษาขั้นพื้นฐานในหลักสูตรพื้นฐาน วิชาชีพวิทยาลัยนาฏศิลป พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ระดับ มัธยมศึกษาตอนตน และหลักสูตรพ้ืนฐานวิชาชีพวิทยาลัยนาฏศิลป พ.ศ.๒๕๕๓ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๒. ระดับอุดมศึกษา หลักสูตรศึกษาศาสตร บัณฑิต สาขาวิชานาฏศิลปไทยศึกษา ๕ ป ตามหลักสูตรหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิตดังกลาว อยูในคณะ ศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป ซึ่งมีปรัชญาวา “ครูสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป คือ ครูที่มีความรู ความ ชํานาญ ในสาขาวิชานาฏศิลปไทยและศิลปวัฒนธรรมของชาติ มีคุณธรรมจริยธรรม คิดริเริ่มสรางสรรค งาน นาฏศิลป นวัตกรรม และงานวิจัย สามารถประยุกตใชใหเกิดประโยชนแกสังคม ประเทศชาติ และอยางหนึ่ง คือ ใหผูเรียนไดรับรูถึงบทบาทหนาที่และภาระงานครู คุณลักษณะของครูที่ดี คุณธรรมและจริยธรรมของ วิชาชีพครูตามมาตรฐานของวิชาชีพครู รวมถึงการสรางจิตสํานึก และการปลูกฝงจิตวิญญาณความเปนครู อีก ท้ังนําทฤษฎี ทกั ษะและศาสตรท เ่ี กี่ยวขอ งมาบูรณาการ ประยุกตใชไดอ ยา งมปี ระสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล ตามหลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตัฒนศิลป กําหนดใหมีการการฝก ประสบการณวิชาชีพครูของนักศึกษาในช้ันปท่ี ๕ เปนเวลา ๒ ภาคการศึกษา ภาคละ ๖ หนวยกิต การฝก ประสบการณวิชาชีพครูท่ีผานมาประสบปญหาท่ีแตกตางกันไป เนื่องจากนักศึกษา ไมมีการเตรียมตัว ทําให เกิดการเสียเวลา แกไขปญหาไมทัน ภาวะเครยี ด เปน ตน ดังนนั้ เพอ่ื ลดปญ หาและผลกระทบตอ การออกฝกประสบการณวิชาชีพของนักศึกษาช้ันปที่ ๕จึงควรมี การจดั ทาํ เอกสารเพือ่ เปนแนวทางการเตรียมตัวนักศึกษาสูการฝกประสบการณวิชาชีพครูใหนักศึกษาทุกชั้นป โดยศกึ ษาจากปญหา และแนวทางการแกปญ หา จากครผู ูด แู ลงานฝก ประสบการณวชิ าชพี และนักศึกษาท่ีออก ฝกประสบการณวิชาชีพครู นํามาจดั ทาํ เอกสารเพอ่ื เปนแนวทางในการฝกประสบการณวชิ าชีพครู ทําใหผลการ ฝกมีท้งั ประสทิ ธผิ ลและประสิทธภิ าพ นกั ศึกษามีศักยภาพ มีสมรรถนะในสาขาวิชาทีศ่ กึ ษา และมีคุณลักษณะท่ี พงึ ประสงค ตามท่ีหลักสตู รกาํ หนด
วิธีการดาํ เนนิ งาน ในบทนี้จะกลาวถึงข้ันตอนและวิธีการจัดการความรูในเร่ืองของวิธีการจัดทําแนวทางการเตรียมตัว นักศกึ ษาฝก ประสบการณว ชิ าชีพครู โดยนําขน้ั ตอนของการจัดการความรู KM มาใชโดยมีกระบวนการจัดการ ความรู (Knowledge Management Process ) ดังนี้ ๑. การบง ชีค้ วามรู หมายถงึ การกาํ หนดนิยามของส่ิงท่ีองคกรตองการใหบุคลากรเรียนรเู พือ่ บรรลุเปา หมายขององคกร ๒. การสรา งและแสวงหาความรู หมายถงึ สรา งความรูใหมๆ และนาํ ความรทู ีเ่ ราตองการมาจัดเก็บรวบรวม ๓. การจดั ความรูใหเปนระบบ หมายถงึ การนาํ ความรูทีร่ วบรวมมาจดั ประเภท เพ่อื สะดวกตอการคน หาและใชงาน ๔. การประมวลและกลน่ั กรองความรู หมายถึง การทาํ ใหเนื้อหาความรมู คี วามสมบรู ณ ๕. การเขา ถงึ ความรู หมายถึงการนําความรูมาใชง านใหส ามารถเขาถึงขอมูลไดง า ย ๖. การแบง ปนแลกเปล่ียนความรู หมายถงึ มีการแบง ปน ความรูใหก นั ๗. การเรียนรู หมายถงึ นาํ ความรูมาใชใหเ กิดประโยชนแ ละชวยพฒั นาองคกร จะทําใหเ กิดการเรียนรู ประสบการณ ใหม และหมุนเวยี นไป โดยคณะทํางาน มวี ิธกี ารจัดทาํ แนวทางการเตรยี มตัวนกั ศึกษาฝกประสบการณวชิ าชีพครู ดงั นี้ ๑. การบง ชคี้ วามรู ทมี นกั ศกึ ษา ไดระดมความคดิ เพื่อหาประเดน็ หัวขอ หลกั ที่จะดําเนินการจัดการความรู โดยไดประเด็น ความรูท่ีตองการศึกษา คือการศึกษาเก่ียวกับปญหาของการออกฝกประสบการณวิชาชีพครูสอดคลองกับการ เรียนรูในศตวรรษท่ี ๒๑ ของนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป จะดําเนินการจัดการความรู โดยไดประเด็นความรูท่ี ตอ งการศึกษา ดงั นี้ ๑.๑ ปญหาท่นี ักศึกษาฝกสอนพบมากที่สุด ๑.๒ แนวทางการแกไ ขปญหาท่พี บ ๒. การสรางและแสวงหาความรู มีการกําหนดหนาท่ีในการดําเนินงานสรางและแสวงหาความรู ในหัวขอ แนวทางการเตรียมตัว นักศึกษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู สอดคลองกบั การเรยี นรใู นศตวรรษท่ี ๒๑ ของนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป
มีการระดมความคิดและแลกเปลี่ยนเรียนรูระหวางกัน และการสัมภาษณคุณครูที่ดูแลในเร่ืองการฝก ประสบการณวิชาชีพครู และมกี ารสัมภาษณนกั ศึกษาปริญญาตรีช้ันปที่ ๕ ในปปจจบุ นั ทก่ี าํ ลังฝกประสบการณ วิชาชพี ครวู าพบปญหาอะไรบา งและมีแนวทางแกไขอยางไร ๓. การจดั ความรใู หเ ปน ระบบ นําขอมูลที่ไดจากการสรางและการแสวงหาความรูมาประมวลผลขอมูล ตรวจสอบขอมูลใหมีความ สมบูรณ เรียบเรียง สรุปและเรียงลําดับวาปญหาใดท่ีพบมากท่ีสุดและมีวิธีใดในการแกไขปญหา เปนองค ความรูเกีย่ วกบั แนวทางการเตรียมตัวนักศึกษาฝกประสบการณวิชาชีพครูสอดคลองกับการเรียนรูในศตวรรษ ท่ี ๒๑ ของนกั ศกึ ษาวทิ ยาลยั นาฏศลิ ป เพ่ือใหส ามารถคน หาและนาํ ความรูไปใชประโยชนได ๔. การประมวลและกล่นั กรองความรู ในการประมวลและกล่ันกรองความรู คณะนักศึกษาทีมKm ไดดําเนินการวิพากษและแลกเปล่ียน ความรู เพ่ือดาํ เนนิ การจัดทาํ เอกสารสรปุ องคความรู ตรวจสอบความถูกตองของเน้ือหา แกไขขอบกพรอง ปรับ ภาษาเพอ่ื ใหอ า นแลว เขา ใจงา ย จัดทําเปนรปู เลม ๕. การแบงปนแลกเปล่ียนความรู ทําหนังสือเปนแนวทางการเตรียมตัวนักศึกษาฝกประสบการณวิชาชีพครู สอดคลองกับการเรียนรูใน ศตวรรษท่ี ๒๑ ของนักศกึ ษาวิทยาลัยนาฏศิลป ๖. การเขาถึงความรู คณะนักศึกษาทมี Km ไดนาํ เอกสารการจัดการความรูท่ีไดจากการแลกเปลย่ี นเรยี นรู เร่อื ง แนวทาง การเตรียมตวั นกั ศกึ ษาฝกประสบการณวชิ าชพี ครู สอดคลองกบั การเรียนรูในศตวรรษท่ี ๒๑ ของนกั ศึกษา วิทยาลยั นาฏศิลป จดั ทําองคความรูใ นรูปแบบของเอกสาร โดยมกี ระบวนการในการเผยแพรองคความรูไ ปสู นักศึกษาในระดบั ช้ันปริญญาตรปี ท่ี ๑-๔ ๗. การเรยี นรู หลังจากการดําเนินการเผยแพรองคความรู เรื่อง แนวทางการเตรียมตัวนักศึกษาฝกประสบการณ วิชาชีพครู สอดคลองกับการเรียนรูในศตวรรษท่ี ๒๑ ของนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป พบวา มีผูที่สนใจนํา ความรูที่ไดจากการจัดการความรูไปใชเปนใชเปนแนวทางในการเตรียมตัวกอนออกฝกสอน และ คณะ นกั ศกึ ษาทีมKm จะนําผลจากการนําองคค วามรูไปใช มาแกไข ปรับปรุงองคความรูเดิมตามขอเสนอแนะตางๆ เพื่อใหม ีความชัดเจน และมีความสมบูรณขององคค วามรู
สรุปผลการดาํ เนนิ การ การจัดการความรู ดานการวิจัย เรื่อง “แนวทางการเตรียมตัวนักศึกษาฝกประสบการณวิชาชีพครู สอดคลองกับการเรียนรูในศตวรรษที่ 21ของนักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป” เปนการตั้งเปาหมายการจัดการ ความรเู พื่อพัฒนาวทิ ยาลยั นาฏศลิ ปใหเ ปนองคก รแหง การเรยี นรู ที่เริ่มตนจากการพัฒนางานพัฒนาคน เพ่ือมุง สูองคกรการเรียนรู โดยเฉพาะอยางย่ิงในการพัฒนาการเตรียมตัวรับมือการฝกประสบการณวิชาชีพครูจอง นกั ศึกษา จดั วาเปน แรงจูงใจประการหน่ึงทสี่ ง ผลใหร ะบบการศกึ ษามคี วามเจริญกาวหนาทง้ั ผเู รียนและผสู อน ขอ เสนอแนะ ควรจัดกิจกรรม/เสวนา/แลกเปล่ียนเรียนรูระหวางผูที่ฝกประสบการณวิชาชีพครู ครูผูสอน ครูผูชวย เพ่อื การพัฒนานักศึกษาใหเ ตรยี มตัวและเตรียมพรอมแกป ญหา กอนออกไปฝก ประสบการณว ิชาชีพครู
การนําเสนอแนวปฏิบตั ิที่ดี โครงการประชุมสมั มนาเครอื ขายการจดั การความรฯู ครัง้ ท่ี 12 “การจดั การความรูส มู หาวิทยาลยั นวตั กรรม” (Knowledge Management : Innovative University) สาํ หรบั นกั ศกึ ษา ช่อื เรื่อง/แนวปฏบิ ัตทิ ่ดี ี การจดั การกลอนลาํ ของหมอลําสมชาย เงินลา น The Knowledge Klonlam of Molam Somchai Ngernlan ช่ือ-นามสกุล ผูน ําเสนอคนที่ 1 นายทรงพล หนอกระโทก ผนู าํ เสนอคนท่ี 2 นายพงษพฒั น เหมราช ช่อื สถาบนั การศึกษา สถาบันบณั ฑิตพัฒนศลิ ป หนว ยงาน วทิ ยาลยั นาฏศลิ ปรอ ยเอด็ เบอรโทรศพั ทมอื ถือ 0996185539 เบอรโทรสาร 043511244 E-Mail address [email protected]
การจดั การกลอนลาํ ของหมอลําสมชาย เงินลา น The Knowledge Klonlam of Molam Somchai Ngernlan นายทรงพล หนอกระโทก นายพงษพัฒน เหมราช บทสรปุ การจัดการกลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน คณะ KM Team ไดเห็นความสําคัญในดาน กลอนลาํ เนอ่ื งจากการแสดงหมอลาํ ถือเปนองคความรูท่ีอยูในตัวบุคคล โดยเฉพะกลอนลําของหมอลํา สมชาย เงินลาน เปนกลอนลําท่ีมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรูดานประวัติศาสตร ดานพุทธศาสนา ดาน ศลี ธรรม และคณุ ธรรม จริยธรรม และปจ จุบันหมอลาํ สมชาย เงนิ ลา นทานอยูในวยั ชรามากแลวหากไม มีการบันทึกหรือจัดเก็บขอมูล ความรูเหลาน้ันอาจจะสูญหายไปพรอมกับตัวบุคคลได โดยมี วัตถุประสงคคือ 1) เพ่ือจัดเก็บกลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน 2) เพ่ือถายทอดองคความรูดาน กลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน การถายทอดองคความรูดานกลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน ไดนําองคความรูไปเผยแพรใหแก นักเรียน นักศึกษา และเยาวชนหรือผูที่มีความสนใจดาน หมอลาํ ในเขตจงั หวัดรอ ยเอด็ พรอ มทงั้ ทาํ หนงั สอื ราชการขอความอนเุ คราะหใหนําองคความรู เรื่องการ จัดการกลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน ไปใชในการฝกหัดหมอลํา และจัดพิมพเผยแพรทาง เวบ็ ไซตเพื่อใหหนว ยงานราชการ บุคลากรของวิทยาลัย นักเรียน นักศึกษา หมอลํา ตลอดจนผูที่สนใจ มาศึกษาการลาํ ของหมอลําสมชาย เงินลาน การที่ไดน ําองคความรูดา นการจัดการกลอนลําของหมอลํา สมชาย เงนิ ลา นไปเผยแพรแ ละศึกษา เปน การสงเสรมิ และสืบสานศลิ ปวฒั นธรรมใหคงอยูสบื ไป คําสําคญั กลอนลํา หมอลาํ Summary The management of the Lam Lam Somchai silver lump KM Team Saw the importance Side bolt Because of the show Considered as a body of knowledge By the poem of Lam Lam Somchai money Is a verse that has content about knowledge History Buddhism Moral and moral aspects And now, Mor Lam Somchai million You are already very old If there is no recording or data storage Those knowledge may be lost along with the person With the objective of 1) To store the Lam Lam of Somchai money 2) To transfer knowledge about the Lam Lam Somchai's silver bolt Knowledge transfer The Lam's Bolt, Somchai Somchai, Million Baht Has brought the knowledge to be distributed to Students and youth People who are interested in Mor Lam Or those
who are interested in Mor Lam in Roi Et Province Along with making official books, asking for help, bringing knowledge The management of the Lam Lam verse of Somchai million Used in the training of Mor Lam And published on the website for government agencies Personnel of the College of Student Affairs As well as those interested in studying the Lam Lam Somchai money The introduction of knowledge in the management of Lam Lam Somchai's money To publish and study To promote and preserve the culture and arts. Key words : Lam, Mor Lam.
บทนํา หมอลําเปน มหรสพพ้ืนบา นทีส่ าํ คัญท่สี ดุ ของชาวอีสาน คําวา “ลาํ ” แปลวา “ขับรอง” มาจาก คําเดิมวา “ขับลํานํา” ท้ังนี้วิเคราะหไดจากหลักฐานท่ีปรากฏในทองถ่ินตาง ๆ ของชาวไทยและชาว ลาว ดังน้ีคือ ในภาคเหนือของไทยใชคําวา “ขับ” เชน ขับซอ ซึ่งหมายถึงการขับรองที่ประสานดวย เสยี งซอ แตป จจุบันนิยมเรียกตาเพียงวา “ซอ” เชน ซอจับนก ซึ่งหมายถึงขับรองชมธรรมชาติ แทนที่ จะเรียกวา ขับซอจับนก ในตอนเหนือของลาว ใชคําวา “ขับ” เชนเดียวกัน เชน ขับง่ึม ขับซําเหนือ ขับทุมหลวงพระบาง ขับเซียงขวาง ในภาคอีสานของไทยใชคําวา “ลํา” เชนลําพื้น ลํากลอน ลําหมู และลําซ่ิง สว นในภาคใตข องลาวใชค ําวา “ลํา” เชน ลําบานซอก ลํามหาชัย ลําสีพันดอน และลําคอน สะหวัน สวนในภาคกลางของไทยเดิมใชคําวา “ขับลํานํา” ปจจุบันใชคําวา “ขับรอง” (เจรญิ ชัย ชนไพโรจน และ สทิ ธศิ กั ดิ์ จําปาแดง. 2543 : 1) จารุวรรณ ธรรมวัตร (2530 : 58) กลา ววา ลํากลอนเปนเพลงพื้นบานภาคอสี านทม่ี บี ทบาทให การศึกษาแกผูฟงเปนอยางมาก ในยุคกอนสงครามโลกคร้ังท่ี 2 โดยพ้ืนฐานของศิลปนที่เรียกวา “หมอลํา” น้ันไดรับการศึกษาและการฝกฝนมาอยางดีจนมีคํากลาววา “นักปราชญผูรูบปานเจาพอ แตกลํา” ขั้นตอนหน่ึงของการลํากลอนเปนการลําแขงขันความรูกัน เรียกวาลําประชัน โดยหมอลําจะ ผลัดกนั ถาม ผลัดกนั ตอบโตคดีโลกคดธี รรม ทนี่ าสนใจใหส ารประโยชน หมอลําเปนศิลปะการแสดงพื้นบาน ท่ีมีบทบาทดานการใหความรูทางโลก ทางธรรมและ ความบันเทิง เปนส่ือในการบันทึกพฤติกรรมของคนไทยในสังคม เปนส่ือในการสืบทอดวัฒนธรรม ประเพณีและความเช่ือ ตาง ๆ จึงเห็นไดวาหมอลําเปนศิลปะการแสดงท่ีผูกพันกับชีวิตคนไดสืบมา หลายช่ัวอายุจนกระท่ังถึงปจจุบัน ลํากลอนเปนการลําที่ใชบทกลอนโตตอบระหวางหมอลําฝายชาย และหมอลาํ หญงิ ในเร่อื งราวตา ง ๆ โดยมีแคนเปนเคร่ืองดนตรีประกอบ กอนที่จะทําการแสดงทุกคร้ัง จะตอ งมกี ารไหวค รู เพื่อเปนการเคารพครูซ่ึงเปนผูถายทอดวิชาความรูและถือเปนขนบประเพณีที่ตอง ยดึ ปฏิบัติ เนื้อหาสาระของการลํามีหลายประเภท เชนกลอนเกี้ยวพาราสี กลอนศีลธรรม กลอนนิทาน กลอนพรรณนาธรรมชาติ และกลอนที่เก่ียวของกับวิชาการตาง ๆ นอกจากนี้เนื้อหาของกลอนลํายัง เปนเรื่องที่ประเทืองปญญาและอารมณ เนื้อหาสาระมีบาเกิดมาจากวรรณกรรม พุทธศาสนา นิทาน พื้นบาน และคําสอนโบราณของชาวอีสานมักจะนิยมแทรกซอนเน้ือหาท่ีมีคติธรรมขอคิด เตือนใจ โวหารท่ีคมคาย บางคนอาจแทรกเนื้อหาดวยเร่ืองเพศไวบางเพ่ือความสนุกสนาน (วันเพ็ญ แสงพันธุ. 2545 : 1) หมอลําสมชาย เงินลาน เปนศิลปนหมอลําระดับแนวหนาอีกคนหนึ่งที่ไดรับความนิยมจาก มหาชนจนประสบความสําเร็จในดานอาชีพหมอลําโดยไดรับการยกยองจากศิลปนหมอลํา ผูรับชมรับ ฟงหลายทาน และสถาบันตาง ๆ จึงทําใหหมอลําสมชาย เงินลาน ไดรับรางวัลนาคราชทองคํา เชิดชู เกียรติศิลปนพื้นบานอีสานประจําป 2552 สาขาดนตรีและนาฏยศิลป (หมอลําเพลิน) สถาบันวิจัย
ศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และไดรับรางวัล โลเชิดชูเกียรติศิลปนมรดก อีสาน สาขาศิลปะการแสดง ประจําป 2556 เน่ืองในวโรกาสคลายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพ รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี และวันอนุรักษมรดกไทย หมอลําสมชาย เงินลาน เปนหมอลําท่ีมี ความชํานาญในการลําและสามารถลําไดหลายประเภท เชน ลํากลอน ลําเพลิน ลําพ้ืน ลําสินไซ และ หนังประโมทัย หมอลําสมชาย เงินลาน เปนหมอลําที่มีฝปากคารมท่ีดี มีปฏิภาณ ไหวพริบ และมี นํ้าเสียงท่ีดี ในการแสดงหมอลําของหมอลําสมชาย เงินลาน มีการลําท่ีเปนเอกลักษณเฉพาะตัว และ เนือ้ หาของกลอนมกี ารสอดแทรกคตธิ รรม หลกั ธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนาไวในกลอนลําอีกดวย จึงสามารถดึงดูดจิตใจอารมณ ของผูฟงการแสดงหมอลําของหมอลําสมชาย เงินลาน ไวไดเปนอยางดี จากผลงานที่เคยไดร ับรางวลั ตาง ๆ อยางมากมายทําใหหมอลําสมชาย เงินลาน มีช่ือเสียงโดง ดงั เปน ท่ียอมรบั ของประชาชนและหนว ยงานตาง ๆ โดยเฉพาะในดานหมอลํากลอน คณะผูดําเนินงาน ไดเหน็ ความสําคญั ของวาทลําและวาดฟอนของศลิ ปนหมอลาํ กลอนผนู ้ี จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะศึกษา เปนองคความรูใหมและเปนการอนุรักษศิลปะการแสดงพื้นบานอีสานซ่ึงเปนวัฒนธรรมทองถิ่นคณะผู ดําเนินงานหวังเปนอยางยิ่งวาจะเปนโยชนตอการสืบทอดหมอลํากลอน การศึกษาหมอลํากลอนการ อนุรกั ษศ ลิ ปวัฒนธรรมของชมุ ชน ซ่ึงเปนมรดกของชาตใิ หคงอยสู ืบไป วิธีการดําเนินงาน 1. การคน หาความรู วิทยาลัยนาฏศิลปรอยเอ็ด มอบหมายใหบุคลากรของวิทยาลัย นายโยธิน พลเขต เปน คณะ KM Team เขารวมสัมมนาเชิงปฏิบัติการการจัดการความรู ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2561 ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลปจัดขึ้นเม่ือวันที่ 1-2 กุมภาพันธ 2561 เพ่ือรวมกําหนดการบงชี้ความรูและ ประเด็นความรทู ี่จาํ เปน ในการเขารวมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพ่ือบงช้ีความรูและประเด็นความรูที่จําเปนน้ันคณะ KM Team วิทยาลัยนาฏศิลปรอยเอ็ด ไดกําหนดประเด็นความรูท่ีสอดคลองกับประเด็นยุทธศาสตร ของวทิ ยาลัยในดานการสงเสริมสนับสนุนการสรางงานวิจัย งานสรางสรรคนวัตกรรม องคความรูดาน ศิลปวัฒนธรรมเปนที่ยอมรับทั้งในและตางประเทศมาเปนตัวกําหนดประเด็นความรู และเปาหมาย ในการจดั การความรูคือ “การจัดการความรูกลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน” เพ่ือนําองคความรู ที่ไดมาพัฒนารูปแบบการเรียนกลอนลําและนํามาถายทอดสูชุมชน โดยมีเปาหมายในการจัดการ ความรูประกอบดว ย ปราชญชาวบา น และบคุ ลากรของวทิ ยาลยั นาฏศิลปะรอ ยเอด็ จากการกําหนดประเด็นความรูคณะ KM Team ไดรวมกันจัดทําแผนการจัดการความรู เสนอตอสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป และแตงตั้งคณะกรรมการการจัดการดานความรูโดยคัดเลือกจาก ปราชญชาวบาน จํานวน 1 คน และบุคลากรของวิทยาลัยนาฏศิลปรอยเอ็ด ท่ีมีความรูในดานหมอลํา
เมื่อแตงตั้งคณะกรรมการจัดการความรูเสร็จเรียบรอยแลว จึงประชุมคณะกรรมการเพื่อจัดทํา Knowledge Mapping หากวาความรูใดมีความสําคัญตอการจัดการความรูเรื่องกลอนลํา ซึ่งสามารถ แยกออกเปนประเด็นในการจัดการกลอนลาํ ไดดงั นี้ 2. การสรางและแสวงหาความรู คณะ KM Team ไดล งพ้ืนทเี่ กบ็ ขอ มูลโดยการสัมภาษณแ ละการบันทึกภาพขั้นตอนวิธีการ ลําโดยละเอียดต้ังแตเริ่มตนจนถึงกระบวนการจัดรูปแบบกลอนลําใหอยูในหองเพลง ข้ันแรกคือ การศึกษาประวัติและผลงาน วาดฟอนแมบท และกลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน จากน้ันจึง เลือกกลอนลําท่ีมีความนาสนใจ มีเน้ือหาสาระดานความรู ดานประวัติศาสตร ดานพระพุทธศาสนา ดานศีลธรรม และคุณธรรม จริยธรรม เปนกลอนที่เปนประโยชนตอการศึกษาและสังคม แลวจึงได นํามาจดบันทึกโดยการถายทอดขอมูลจากหมอลําสมชาย เงินลาน กลอนลําที่ไดนํามาจัดการความรู จําแนกประเภทไดดังนี้ 1. กลอนลําทางคดีโลก 2. กลอนลําทางคดีธรรม แลวจึงนํามาจัดใหอยูใน รูปแบบหอ งเพลงทส่ี ามารถอานไดง า ย และอานกลอนลาํ ไดถ กู ตองของจังหวะกลอนลาํ ภาพที่ 1 การสัมภาษณห มอลําสมชาย เงินลา น คณะ KM Team ไดจัดเสวนาเพื่อการจัดการกลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน ที่หอง ประชมุ อาคารเทพประสิทธ์ิ วิทยาลัยนาฏศิลปรอยเอ็ด โดยเชิญหมอลําสมชาย เงินลาน และบุคลากร ของวิทยาลัยท่ีมีความรูดานหมอลํา รวมทั้งนักศึกษาสาขาวิชาศิลปะดนตรีและการแสดงพ้ืนบาน มารว มเสวนาแลกเปล่ยี นความรใู นประเดน็ การจัดการ “กลอนลํา” ของหมอลําสมชาย เงินลาน โดยมี รองผูอํานวยการเปนประธานรวมการเสวนาในครั้งน้ี และการเสวนามีประธานคณะกรรมการ KM Team เปนผูดําเนินรายการเชิญหมอลําปราชญชาวบานแตละทานพูดถึงความรูดานกลอนลํา
คณะ KM Team ไดน าํ รปู แบบของกลอนลําท่ีไดลงพ้ืนที่เก็บขอมูลไวมานําเสนอบนจอเพ่ือใหทุกคนได เห็นข้ันตอนการจดั การกลอนลําอยา งละเอยี ดชัดเจน ภาพที่ 2 การเสวนาแลกเปลยี่ นความรูในประเดน็ การจัดการ “กลอนลาํ ” ของหมอลาํ สมชาย เงนิ ลาน การนําขอมูลท่ีไดจากการลงพื้นท่ีเก็บขอมูลและการจัดเสวนาที่ไดบันทึกในรูปแบบวีดีโอและ บันทึกเสียงไวมาเรียบเรียง และเขียนออกมาเปนความเรียงจัดเนื้อหาใหเปนหมวดหมู เขียนรายงาน ตามประเด็นหัวขอ ที่กาํ หนด ภาพที่ 3 การบันทึกวดี ิโอ 3. การจัดความรูใหเ ปน ระบบ ในการจัดการความรู เรื่องการจัดการ “กลอนลํา” ของหมอลําสมชาย เงินลาน ใหเปน ระบบน้ัน คณะ KM Team ไดนําความรูที่ไดจากการลงพ้ืนท่ีสัมภาษณและจากการเสวนาแลกเปล่ียน เรียนรูในขั้นตอนการสรางและแสวงหาความรูในแตละคร้ังมาจัดใหเปนหมวดหมู จํานวน 2 ครั้ง คือ วันท่ี 20 มิถุนายน 2561 และวันที่ 8 กรกฎาคม 2561 นํามาจัดระบบโดยจําแนกตามลักษณะกลอน
ลําคือ กลอนลําทางคดีโลก และกลอนลําทางคดีธรรม ลงเว็บไซตวิทยาลัยเพื่อใหผูสนใจสามารถมา ศกึ ษากลอนลําได 4. การประมวลและกลน่ั กรองความรู คณะ KM Team ไดนําความรูที่จัดหมวดหมูมาปรับปรุงภาษาท่ีอานแลวเขาใจงายมีการ ตรวจสอบโดยนําเอกสารที่ปรับปรงุ ภาษาเสรจ็ เรยี บรอย มาใหผ ทู ม่ี คี วามเช่ียวชาญและมีความรูในดาน หมอลํา เพอ่ื ตรวจสอบวาภาษาทใี่ ชสามารถอา นเขาใจงายหรอื ไม แลว นาํ มาแกไขขอบกพรองอีกครัง้ 5. การเขา ถึงความรู การถายทอดองคความรู โดยจัดทําเอกสารรูปเลมเพ่ือมอบใหแก หมอลํา บุคลากรของ วิทยาลัยนาฏศิลปรอยเอ็ด ท่ีรวมสัมมนานําองคความรูท่ีไดไปใชในการศึกษากลอนลําในคร้ังตอไป และจัดพิมพเ อกสารเผยแพรใหแก นกั เรียน นักศึกษา และเยาวชนหรือผูที่มีความสนใจดานหมอลําใน เขตจังหวัดรอยเอ็ดพรอมท้ังทําหนังสือราชการขอความอนุเคราะหใหนําองคความรู เรื่องการจัดการ กลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน ไปใชในการฝกหัดหมอลํา และแจงกลับมายังคณะกรรมการ เพ่ือคณะกรรมการ ติดตามผลการการนําไปใช จัดพิมพเผยแพรทางเว็บไซตเพื่อใหหนวยงานราชการ บุคลากรของวิทยาลัย นกั เรยี น นกั ศึกษา หมอลํา ตลอดจนผูท่สี นใจมาศกึ ษาการลําของหมอลําสมชาย เงนิ ลา น โดยตอ งแจงใหคณะกรรมการทราบเพ่ือคณะกรรมการจะไดด าํ เนนิ การติดตามการนําไปใช ภาพที่ 4 การถา ยทอดองคค วามรสู ชู มุ ชน 6. การแบงปนแลกเปล่ียนความรู คณะ KM Team จัดอบรมเชิงปฏิบัติการการแสดงลํากลอนของหมอลําสมชาย เงินลาน โดยเชญิ นักเรียน นักศึกษาและผูที่สนใจเขารวมกิจกรรมดังกลาว โดยถือวาเปนการแลกเปล่ียนเรียนรู ดา นกลอนลําของหมอลาํ สมชาย เงนิ ลา น 7. การเรยี นรู หลังจากกิจกรรมแบงปนแลกเปลี่ยนความรู คณะ KM Team ไดติดตามประเมินผล ผเู ขา รวมกจิ กรรม เกี่ยวกบั การนําความรทู ่ีไดรบั ไปใชประโยชนใ นการศกึ ษากลอนลาํ ประเภทตา ง ๆ
สรปุ ผลและอภิปรายผลการดาํ เนนิ งาน จากการดําเนินกิจกรรมการถายทอดองคความรูการจัดการกลอนลําของหมอลําสมชาย เงนิ ลา น พบวา กลุม เปาหมายทเ่ี ปน เยาวชนรนุ ใหม สถานศกึ ษา และหนว ยงานตาง ๆ ไดหันมาใหความ สนใจและรวมสงเสริมในดานศิลปวัฒนธรรมพ้ืนบานอีสานมากข้ึน และใหการตอบรับเปนอยางดี โดยเฉพาะกลอนลําของหมอลําสมชาย เงินลาน เปนกลอนลําที่มีเน้ือหาที่เปนความรูในดาน ประวัติศาสตร ดานภูมิศาสตร ดานพระพุทธศาสนา ซ่ึงสามารถที่จะนําไปใชในการเรียนการสอนใน กลุม สาระตา งๆ เชน กลุมสาระการเรยี นรสู ังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ไดนํากลอนประวัติศาสตร ชาตไิ ทยไปประยุกตใชในการเรียนการสอน กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทยนําหลักการประพันธกลอน ไปประยุกตใชในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และในการถายทอดองคความรูดานกลอนลําได ถา ยทอดใหกลมุ เปา หมายไดเรยี นรเู ร่อื งศิลปวัฒนธรรมพ้ืนบานอีสาน ดานกระบวนการลํา และเน้ือหา ของบทกลอน จึงทําใหนักเรียน นักศึกษา และผูท่ีสนใจไดความรูจากเน้ือหาของบทกลอน ดาน ประวัตศิ าสตร ดานศีลธรรม ดานพระพุทธศาสนา และยังเปนการขัดเกลาจิตใจใหมุงเนนปฏิบัติตนให เปน คนดสี ืบไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251