ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ คณะกรรมการอำ�นวยการจัดงานฉลองสริ ิราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จดั พิมพเ์ ป็นทร่ี ะลกึ เน่อื งในมหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๓๙
ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ คณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำ� นวยการจดั งานฉลองสิรริ าชสมบตั ิครบ ๕๐ ปี มอบให้กรมศลิ ปากรจัดพมิ พ์ในนามคณะกรรมการโครงการช�ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ชุดประชมุ พงศาวดาร เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวในมหามงคลสมัยฉลองสริ ิราชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี พิมพค์ รงั้ แรก พทุ ธศักราช ๒๕๖๔ จ�ำนวน ๑,๐๐๐ เลม่ ขอ้ มลู ทางบรรณานุกรมของส�ำ นกั หอสมดุ แห่งชาติ ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ – กรงุ เทพฯ : สำ�นักวรรณกรรมและประวตั ิศาสตร์ กรมศลิ ปากร, ๒๕๖๔. ๓๒๐ หน้า. ๑. ไทย -- ประวตั ศิ าสตร์. I. ชอ่ื เรอื่ ง. ๙๕๙.๓ ISBN 978-616-283-566-7 ทปี่ รกึ ษา อธบิ ดกี รมศิลปากร (นายประทปี เพง็ ตะโก) รองอธบิ ดีกรมศลิ ปากร (นายจารึก วไิ ลแก้ว) ผู้อำ� นวยการส�ำนกั วรรณกรรมและประวตั ิศาสตร์ (นางสาวศุกลรตั น์ ธาราศักดิ)์ ผอู้ ำ� นวยการกลมุ่ ประวตั ศิ าสตร์ (นายบณั ฑิต ลิว่ ชัยชาญ) คณะบรรณาธกิ าร ท่านผหู้ ญงิ วรุณยพุ า สนทิ วงศ์ ณ อยุธยา พลตรี ศรศักร ชสู วัสดิ์ นางวิไลเลขา ถาวรธนสาร นางยพุ า ชมุ จันทร์ นางนฤมล ธีรวัฒน์ นางสาวศริ ินนั ท์ บญุ ศิร ิ นางสาวอรวรรณ ทรพั ยพ์ ลอย ภาพประกอบ ส�ำนักหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ กรมศิลปากร ควบคุมการจดั พมิ พ์ นางสาวอรวรรณ ทรัพยพ์ ลอย นายไอยคุปต์ ธนบตั ร นางสาวอาทพิ ร ผาจนั ดา นางสาวระชา ภชุ ชงค์
(5) ค�ำ ปรารภ ในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จกั รนี ฤบดนิ ทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงปกครองสยามรฐั สมี าอาณาจักรถ้วนถงึ ๕๐ พรรษา ในพุทธศักราช ๒๕๓๙ เป็นสิ่งประเสริฐสุดท่ีมิเคยปรากฏมาแต่กาลก่อน แสดงบุญญาธิการอันไพศาล ยังความปลาบปลื้มปีติโสมนัสมาสู่ประชาชนชาวไทยทั้งชาติ รัฐบาลและอเนกชาตินิกรชนต่างสโมสร สมานฉันท์ จัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี เฉลิมพระเกียรติให้ปรากฏแผ่ไพศาล นับแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติตราบจนบัดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำ�รงอยู่ใน ทศพิธราชธรรม ทรงอุทิศพระองค์บำ�เพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ยังความร่มเย็นเป็นสุขแก่พสกนิกร ทุกถ้วนท่ัว ทรงเป็นม่ิงขวัญและศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของปวงชนชาวไทย ตลอดระยะเวลาในรัชสมัย ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าและม่ันคงเป็นปึกแผ่นตลอดมา พระมหากรุณาธิคุณน้ีเป็นส่ิงท่ี คนไทยทัง้ มวลจกั น้อมรบั ใส่เกลา้ ใสก่ ระหม่อมไว้ตลอดชวี ติ เพ่ือเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำ�นึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ รัฐบาล และประชาชนทุกหมู่เหล่าได้พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นราชสักการะ โดยการน้ี คณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำ�นวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั ิ ครบ ๕๐ ปี ได้พิจารณาเหน็ ชอบอนุมัติใหห้ นว่ ยราชการ องค์กร เอกชนจดั พิมพห์ นงั สือเฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ ในด้านต่าง ๆ เพื่อเผยแพรพ่ ระมหากรณุ าธิคุณและพระปรชี าสามารถใหป้ รากฏยง่ั ยืนอยู่ตราบกาลนาน ในนามของรัฐบาลและประธานกรรมการอำ�นวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ขออนุโมทนาในความอุตสาหวิริยะของทุกหน่วยราชการ องค์กร เอกชน และคณะกรรมการฝ่ายประมวล เอกสารและจดหมายเหตุ ตลอดจนคณะทำ�งานเฉพาะกิจทุกคณะที่ได้ริเร่ิมและสร้างสรรค์ผลงาน ทางวิชาการอันจะอำ�นวยคุณประโยชน์อย่างย่ิงแก่มหาชน น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นราชสักการะ แด่พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ผสู้ ถติ อยใู่ นหทยั ปวงประชาราษฎรตลอดกาลนริ นั ดร์ (นายบรรหาร ศิลปอาชา) นายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการอำ�นวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี
พระราชประวัติ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำ�นักราชเลขาธกิ าร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาล เมานท์ออเบอร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) รัฐแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts) สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจนั ทร์ เดอื นอ้าย ข้นึ ๑๒ ค่�ำ ปีเถาะนพศก จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกบั วันท่ี ๕ ธนั วาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช เป็นพระราชโอรส พระองค์เล็กในสมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทว)ี กบั สมเด็จพระราชชนนศี รีสงั วาลย์ ซงึ่ ภายหลังท้งั สองพระองคไ์ ดร้ ับการเฉลิมพระนามาภิไธย เป็น สมเดจ็ พระมหติ ลาธิเบศร อดุลยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินี และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประสตู ิเม่ือวนั อาทิตยท์ ่ี ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ ณ กรงุ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ กับพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสด็จพระราชสมภพเม่ือวันอาทิตย์ ท่ี ๒๐ กันยายน พุทธศกั ราช ๒๔๖๘ ณ เมอื งไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมนี เม่ือพุทธศักราช ๒๔๗๑ ได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนก ซ่ึงทรงสำ�เร็จการศึกษาปริญญา แพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา กลับประเทศไทยประทับ ณ วงั สระปทุม ต่อมาในวันที่ ๒๔ กันยายน พทุ ธศักราช ๒๔๗๒ สมเดจ็ พระบรมราชชนกสวรรคต ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงเจริญพระชนมายุได้ไม่ถึง ๒ ปี และเม่ือมีพระชนมายุ ได้ ๕ ปี ไดท้ รงเขา้ รับการศึกษาชั้นต้น ณ โรงเรียนมาแตรเ์ ดอี กรุงเทพ ฯ จนถึงพุทธศกั ราช ๒๔๗๖ จงึ เสดจ็ พระราชดำ�เนินไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคนิ ี และสมเดจ็ พระบรมเชษฐาธริ าช เพือ่ ทรงศกึ ษาตอ่ ในชน้ั ประถมศึกษาในโรงเรยี น Miremont ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ จากนั้นทรงเข้าศึกษาชั้นมัธยมศึกษา
(7) ทโ่ี รงเรยี น École Nouvelle de la Suisse Romande, Chailly - sur Lausanne เม่อื ทรงรับประกาศนยี บัตร Bachelier ès Lettres จาก Gymnase Classique Cantonal แห่งเมืองโลซานน์แล้ว ทรงเข้าศึกษา ในมหาวทิ ยาลัยโลซานน์ โดยทรงเลอื กศกึ ษาในแขนงวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ในพุทธศักราช ๒๔๗๗ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น พระมหากษัตรยิ ์ รชั กาลที่ ๘ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช จงึ ทรง ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๘ และได้โดยเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัตประเทศไทยเป็นคร้ังแรกในพุทธศักราช ๒๔๘๑ โดยประทับ ณ พระตำ�หนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เป็นการช่ัวคราวแล้วเสด็จพระราชดำ�เนิน กลับไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๘๘ จึงโดยเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นวิ ตั ประเทศไทยเปน็ ครั้งท่สี อง คร้ังน้ีประทับ ณ พระทนี่ ั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวงั ในวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคต โดยกะทันหัน ณ พระท่ีนั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลยเดช จึงเสด็จข้ึนครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกันน้ัน แต่เน่ืองจากยังมีพระราชกิจ ด้านการศึกษา จึงต้องทรงอำ�ลาประชาชนชาวไทยเสด็จพระราชดำ�เนินกลับไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกคร้ังหนึ่งในเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ เพื่อทรงศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม ในคร้ังน้ี ทรงเลือกศกึ ษาวชิ ากฎหมายและวชิ ารฐั ศาสตร์ แทนวิชาวทิ ยาศาสตร์ทท่ี รงศกึ ษาอยเู่ ดมิ ระหว่างที่ประทับศึกษาอยู่ในต่างประเทศนั้น ทรงพบหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาใน หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร กับหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร (ภายหลังพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ ถาปนาพระอสิ รยิ ยศหมอ่ มเจา้ นกั ขตั รมงคล กติ ิยากร ขึ้นเป็นพระวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้านักขตั รมงคล เมื่อพทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓ และขึ้นเป็นพระองค์เจา้ ต่างกรม มีพระนามว่า พระวรวงศ์เธอ กรมหม่ืนจันทบุรีสุรนาถ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๕) ต่อมาทรงหมั้น กบั หมอ่ มราชวงศส์ ริ กิ ติ ิ์ กิตยิ ากร ในวนั ท่ี ๑๙ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๒ ณ เมอื งโลซานน์ ประเทศ สวติ เซอร์แลนด์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๓ เสด็จนิวัตพระนคร ประทับ ณ พระท่ีนั่งอัมพรสถาน พระราชวัง ดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ต่อมา
(8) ในวันที่ ๒๘ เมษายน ปีเดียวกัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธี ราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำ�หนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซ่ึงในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสน้ี มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ ในวันท่ี ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระท่ีนั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรม มหาราชวงั เฉลมิ พระบรมนามาภไิ ธยตามทจี่ ารกึ ในพระสพุ รรณบฏั วา่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดช มหติ ลาธิเบศรรามาธิบดี จกั รนี ฤบดินทร สยามนิ ทราธิราช บรมนาถบพิตร พรอ้ มทงั้ พระราชทาน พระปฐมบรมราชโองการว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม และในโอกาสน้ี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินีสิริกิต์ิ ข้ึนเป็น สมเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินี หลังจากเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ได้เสด็จพระราชดำ�เนินไปทรงรักษาพระสุขภาพ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามท่ีคณะแพทย์ได้ถวายคำ�แนะนำ� และระหว่างที่ประทับใน เมืองโลซานน์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติการพระราชธิดาพระองค์แรก คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจา้ ฟ้าอุบลรตั นราชกัญญา สริ วิ ฒั นาพรรณวดี ซึ่งประสูติ ณ โรงพยาบาลมองซวั ซีส์ เมืองโลซานน์ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๔ และเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์แรก เจรญิ พระชนั ษาได้ ๗ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จนิวัตพระนคร ประทับ ณ พระตำ�หนัก จิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จากนั้นทรงย้ายท่ีประทับไปประทับ ณ พระท่ีน่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เนื่องจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปรับปรุงพระตำ�หนักจิตรลดารโหฐาน สำ�หรับเป็นท่ีประทับแทนการท่ีรัฐบาลจะจัดสร้างพระตำ�หนักข้ึนใหม่ และท่ีพระท่ีนั่งอัมพรสถานนี้เอง สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ิต์ิ พระบรมราชินี มพี ระประสตู กิ ารพระราชโอรสและพระราชธิดาอีกสามพระองค์ คอื สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ ในพุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
(9) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ ในพุทธศักราช ๒๕๒๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนา ขึ้นเป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระผนวชเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และประทับจำ�พรรษา ณ พระตำ�หนัก ปั้นหย่า วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำ�เร็จราชการ ทรงปฏิบัติราชการแผ่นดินแทนพระองค์ตลอดเวลา ๑๕ วัน ที่ทรงพระผนวชอยู่ และจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในตำ�แหน่งผู้สำ�เร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างเรียบร้อยเป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในปีเดียวกัน นั้นเอง และในวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ หลังจากทรงประกอบพิธีเฉลิมพระตำ�หนัก จิตรลดารโหฐาน ซึ่งได้ต่อเติมขึ้นใหม่แล้ว ทรงย้ายที่ประทับจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กลับไปประทับที่พระตำ�หนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จนถึงปัจจุบัน
คำ�น�ำ คณะกรรมการโครงการช�ำ ระและจัดพมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ชุดประชุมพงศาวดาร ประวัติศาสตร์เป็นเคร่ืองบ่งช้ีความเป็นชาติ และแสดงถึงความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของบุคคล ในชาติ เอกสารบันทึกประวัติศาสตร์ของชาติท่ีเรียกว่า พงศาวดาร จึงเป็นสมบัติล้�ำค่าของแผ่นดิน เมื่อสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราช กุมารี เสนอให้กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ช�ำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร ขึ้นใหม่เป็นชุดพิเศษ ในมหามงคลสมัยท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลย ราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จึงอนุมัติเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ ฯ ตามท่ีคณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ เห็นชอบและคณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือวันท่ี ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ แต่งต้ังคณะกรรมการโครงการ ช�ำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร เพ่ือให้ค�ำปรึกษาแนะน�ำการตรวจสอบช�ำระ และการเผยแพร่ประชุมพงศาวดารในรูปหนังสือและแผ่นซีดีรอม โดยมีกรมศิลปากรรับผิดชอบด�ำเนินการ หนังสือชุดประชุมพงศาวดารนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ “พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย” ได้ทรงริเริ่มรวบรวมชำ�ระและจัดพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๗ และ กรมศิลปากรได้สืบสานต่อมา จนจัดพิมพ์ถึงภาคที่ ๘๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ บางภาคอาจรวมเรื่องราวต่าง ๆ ไว้หลายเรื่อง ในการจัดพิมพ์ครั้งนี้ให้ชื่อว่า ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก ซึ่งได้พิจารณา จัดหมวดหมู่ใหม่ตามเนื้อหา เพื่อให้ผู้สนใจทั่วไปได้ศึกษาค้นคว้าสะดวกขึ้น ดังนี้ ๑. การเมืองการปกครอง ๒. ตำ�นานเรื่องเล่า ฯลฯ ๒.๑ บุคคล ๒.๒ สิ่งของ ๒.๓ สถานที่ ๓. หัวเมือง ๓.๑ ฝ่ายใต้ ๓.๒ ฝ่ายเหนือ
(11) ๔. สัมพันธภาพระหว่างประเทศ ๔.๑ พม่า ๔.๒ เขมรและญวน ๔.๓ จีน ๔.๔ ญี่ปุ่น ๔.๕ ชวา ๔.๖ ฝรั่งเศส ๔.๗ อังกฤษ ๔.๘ สหรัฐอเมริกา ในการตรวจสอบชำ�ระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก แต่ละเล่ม คณะกรรมการโครงการ ฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชำ�ระและจัดพิมพ์เผยแพร่ หนังสือประชุมพงศาวดารขึ้นดำ�เนินการเล่มละ ๑ ชุด หลักการตรวจสอบชำ�ระคือ พยายามสืบค้นและตรวจสอบชำ�ระกับต้นฉบับตัวเขียน หากไม่พบ ก็ยึดฉบับพิมพ์ครั้งแรกที่สุดที่สืบค้นได้เป็นหลัก หรือหากพบต้นฉบับที่สมบูรณ์กว่า ก็ชำ�ระเพิ่มเติม ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น การใช้ภาษา เนื่องจากหนังสือชุดประชุมพงศาวดารจัดพิมพ์เผยแพร่ต่อเนื่องมานานกว่า ๘๐ ปี ทั้งต้นฉบับเดิมบางฉบับเก่าถึงสมัยอยุธยา คณะกรรมการโครงการ ฯ คำ�นึงถึงประโยชน์ของผู้ใช้ส่วนใหญ่ จึงได้ยึดนโยบายตามรอยการชำ�ระจัดพิมพ์แต่แรกเริ่มสืบมา กล่าวคือ ปริวรรตอักขรวิธีให้เป็นแบบ ภาษาปัจจุบัน แต่ยังได้พยายามคงวิสามานยนามหรือชื่อเฉพาะตามต้นฉบับเดิมไว้ เพื่อให้คงเหลือ เป็นส่วนให้เห็นวิวัฒนาการทางภาษาบ้าง และคงไว้เป็นหลักฐานสำ�หรับการสืบค้นศึกษาชื่อเฉพาะต่าง ๆ เช่น ยศ ตำ�แหน่ง และราชทินนาม เป็นต้น นอกจากนี้ พงศาวดารบางเรื่องยังมีประวัติความเป็นมายาวนานซับซ้อน ผู้ตรวจสอบชำ�ระ จึงได้จัดทำ�คำ�ชี้แจงไว้ประจำ�เล่ม รวมทั้งจัดทำ�เชิงอรรถชี้แจงขยายความ เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษา ค้นคว้าให้มากที่สุด ตามโครงการหนังสือชุด ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก จะทยอยพิมพ์เผยแพร่ ประชุมพงศาวดาร ๕ เล่ม และดัชนีค้นคำ� ๑ เล่ม จนครบชุดประชุมพงศาวดาร ๒๐ เล่ม และดัชนีค้นคำ� ๔ เล่ม นอกจากนี้ยังได้รวบรวมผลิตซีดีรอมประชุมพงศาวดารฉบับพิมพ์ครั้งแรก รวม ๘๒ ภาค ไว้ในชั้นต้น เพื่อเป็นการอนุรักษ์ประชุมพงศาวดารของเดิมไว้ เป็นหลักฐานให้ศึกษาเปรียบเทียบและ จะทยอยผลิตซีดีรอม ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก ไปพร้อม ๆ กัน
(12) คณะกรรมการโครงการ ฯ มิได้หวังแต่เพียงว่า การจัดทำ� ประชุมพงศาวดารฉบับ กาญจนาภิเษก จะเป็นการสืบต่ออายุสมบัติหรือทรัพย์สินทางปัญญาอันลํ้าค่าของชาติเท่านั้น แต่หวังอย่างยิ่งว่าประชุมพงศาวดารจะเป็นแหล่งข้อมูลที่จะนำ�ไปสู่การศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สังคม และขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยและเพื่อนบ้าน ก่อให้เกิดความรักและภาคภูมิในประเทศ ชาติ และก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีถึงความเป็นมาของบ้านเมืองของเราและประเทศเพื่อนบ้าน จะได้เป็นรากฐานวัฒนธรรมที่มั่นคง พร้อมที่จะรับกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ อีกทั้งการจัดทำ�ซีดีรอม จะทำ�ให้พงศาวดารไทยได้เผยแพร่ออกไปกว้างไกลยิ่งขึ้นตามเครือข่ายสารสนเทศของโลกไร้พรมแดนนี้ (หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล) ประธานกรรมการโครงการชำ�ระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนังสอื ชดุ ประชมุ พงศาวดาร
(13) คำ�ชี้แจง คณะกรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิช�ำ ระและจดั พิมพ์เผยแพร่ หนงั สอื ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑๖ หนังสือประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา จำ�นวน ๓ เรื่อง ซึ่งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ ได้พิจารณาดำ�เนินการตรวจสอบชำ�ระโดยยึดตาม หลักการของคณะกรรมการโครงการชำ�ระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร ประกอบด้วย เนื้อหาโดยลำ�ดับ ดังนี้ ๑. จดหมายเหตุของหมอบรัดเล ๒. จดหมายเหตุเรื่องมิชชันนารีอเมริกันเข้ามาประเทศสยาม รวม ๒ ตอน ๓. จดหมายเหตุเรื่องทูตอเมริกันเข้ามาในรัชกาลที่ ๓ เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๓๙๓ เนื้อความ การตรวจสอบชำ�ระหนังสือประชุมพงศาวดาร ฯ ทั้งสามเรื่องนี้ คณะกรรมการ ฯ ได้พิจารณาสอบค้นต้นฉบับเพื่อตรวจสอบชำ�ระ โดยปริวรรตตัวสะกดการันต์เป็นภาษาปัจจุบันตาม พจนานุกรม ยกเว้นวิสามานยนาม หรือชื่อเฉพาะต่าง ๆ ยังคงรักษาอักขรวิธีตามต้นฉบับเพื่อประโยชน์ และความรู้ทางด้านอักษรศาสตร์ ดังนั้นนามเดียวกันจึงอาจสะกดแตกต่างกัน เพราะยึดการออกเสียง เป็นสำ�คัญ นอกจากนี้ ยังต้องคำ�นึงถึงการนับเวลาตามปฏิทินแบบเก่า (เดิมปีใหม่ไทยเริ่มนับ ในเดือนเมษายน และปลายปีเป็นเดือนมีนาคม แล้วจึงเปลี่ยนศักราชใหม่ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๘๔ จึงเริ่มปีใหม่ในเดือนมกราคมตามปฏิทินสากล) ในการนี้ จึงต้องสอบเทียบกับเอกสารของกรมวิชชาการ กระทรวงธรรมการ เรื่อง “ปฏิทินสำ�หรับค้นวันเดือนจันทรคติเป็นสุริยคติแต่ปีขาล จัตวาศก ร.ศ. ๑ พ.ศ. ๒๓๒๕ จ.ศ. ๑๑๔๔ ถึงปีวอก จัตวาศก ร.ศ. ๑๕๑ พ.ศ. ๒๔๗๕ จ.ศ. ๑๒๙๔” เชิงอรรถ การจัดพิมพ์ครั้งนี้ จะมีเชิงอรรถอธิบายความ ๒ ลักษณะ คือ - เชิงอรรถอธิบายความตามต้นฉบับเดิม จะคงไว้โดยใช้เครื่องหมายดอกจัน (*) หากคณะกรรมการ ฯ มีความเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติม จะทำ�ตัวเอนอธิบายความต่อท้ายไว้ในวงเล็บ - เชิงอรรถอธิบายความของคณะกรรมการ ฯ ใช้ตัวเลขกำ�กับ ภาพประกอบ คณะกรรมการ ฯ ได้ร่วมกันพิจารณาค้นคว้าภาพประกอบที่เกี่ยวข้อง เพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์แก่ผู้อ่านให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
(14) ภาคผนวก คณะกรรมการ ฯ ได้พิจารณาค้นคว้ารวบรวมเอกสารประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งค้นคว้าเรียบเรียงบทความวิชาการ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระ ตลอดจน ยังประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป คณะกรรมการ ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การตรวจสอบชำ�ระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือประชุม พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ จะอำ�นวยประโยชน์แก่ท่านผู้สนใจโดยทั่วกัน
(15) สารบัญ ค�ำ ปรารภ หน้า (๕) พระราชประวตั ิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช (๖) คำ�นำ� (๑๐) คำ�ชแ้ี จง (๑๓) จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล ๑ จดหมายเหตเุ ร่อื งมิชชนั นารอี เมรกิ นั เขา้ มาประเทศสยาม ๙๗ จดหมายเหตเุ รื่องทูตอเมรกิ นั เขา้ มาในรชั กาลที่ ๓ เม่อื ปจี อ พ.ศ. ๒๓๙๓ ๑๘๕ บรรณานุกรม ๒๒๖ ภาคผนวก ๑. ประวัตศิ าสนาจารย์ นายแพทยแ์ ดน บชี แบรดลยี ์ (พ.ศ. ๒๓๔๗ - ๒๔๑๖) ๒๓๑ ๒. หนังสือสญั ญาทางพระราชไมตรีประเทศอเมรกิ นั แลประเทศสยาม คฤษตศ์ ักราช ๑๘๓๓ ๒๖๗ ๓. หนงั สือสัญญาทางพระราชไมตรปี ระเทศอเมรกิ ันแลประเทศสยาม ๒๗๔ รายนามคณะกรรมการ ๒๙๓
จดหมายเหตขุ องหมอบรดั เล
2 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ ค�ำ นำ�ฉบับพิมพค์ ร้ังแรก 1 รองอำ�มาตยเ์ อก หลวงสมทุ โคจร (ม.ร.ว. เลก็ สุประดิษฐ ณ กรุงเทพ) มาแจง้ ความตอ่ กรรมการ หอพระสมดุ วชิรญาณวา่ จะทำ�การปลงศพสนองคณุ หมอ่ มเจ้าชายสงา่ งาม ต.ช.ต.ม. ในพระเจ้าบรมวงษเ์ ธอ ชั้น ๔ กรมหมื่นวิศณุนารถนิภาธร ผู้เปนบิดา มีความศรัทธาจะรับพิมพ์หนังสือเปนของแจกในงานศพ สักเรื่อง ๑ ขอให้กรรมการช่วยเลือกเรื่องหนังสือให้ ข้าพเจ้าจึงได้จัดหนังสือประชุมพงษาวดารภาคที่ ๑๒ มีเร่ืองจดหมายเหตุทูตฝร่ังเศสเข้ามาเมืองไทยกับจดหมายเหตุของหมอบรัดเล รวม ๒ เรื่องด้วยกัน ให้พิมพ์ตามประสงค์ แลหนังสือ ๒ เร่ืองท่ีรวมพิมพ์ในประชุมพงษาวดารภาคท่ี ๑๒ มีเร่ืองประวัติ เปนอธิบายดังจะกลา่ วตอ่ ไปน้ี เรื่องจดหมายเหตุทูตฝรั่งเศสนั้น เปนระยะทางราชทูตฝรั่งเศส ซึ่งพระเจ้าหลุยที่ ๑๔ ให้เข้ามา เจริญทางพระราชไมตรียังสมเด็จพระนารายน์มหาราช เมื่อคฤศตศก ๑๖๘๕ (พ.ศ. ๒๒๒๘) เจ้าพระยา ภาสกรวงษ์ (พร บุนนาค) แต่ยังเปนพระยาจางวางมหาดเล็กได้แปลจากภาษาอังกฤษออกเปนภาษาไทย ทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หนังสือเรื่องนี้ได้พิมพ์ไว้ในหนังสือวชิรญาณ แต่เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๒๘ คิดมาจนบัดนี้ได้ถึง ๓๔ ปี เกือบจะหาฉบับไม่ได้เสียแล้ว เห็นว่าผู้ที่ ยังไม่เคยอ่านจะมีมาก เปนเรื่องน่าอ่านอยู่ จึงเอามาพิมพ์ในหนังสือประชุมพงษาวดาร จดหมายเหตุของหมอบรัดเลนั้น หมอบรัดเลเปนมิชชันนารีอเมริกันเข้ามาตั้งสอนสาสนาคฤศตัง อยู่ในกรุงเทพ ฯ ตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๓ ได้จดหมายเหตุการณ์ซึ่งรู้เห็นลงไว้ ครั้นทีหลังเมื่อมาตั้งโรงพิมพ์ อยู่ที่ปากคลองบางกอกใหญ่ หมอบรัดเลทำ�หนังสือปดิทินเรียกว่า “บางกอกคาเลนดา” พิมพ์จำ�หน่าย ประจำ�ปี ๆ ละเล่ม ตั้งแต่คฤศตศก ๑๘๕๙ มาจนคฤศตศก ๑๘๗๓ คือตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๐๒ จน พ.ศ. ๒๔๑๖ หมอบรัดเลถึงแก่ความตาย หนังสือปดิทินนี้ก็หยุดมิได้พิมพ์ต่อมา ในหนังสือบางกอกคาเลนดา ที่หมอบรัดเลพิมพ์นั้น มีตอนหนึ่งเรียกว่าเหตุการณ์ที่ควรกำ�หนด คือในปีไหนเกิดเหตุการณ์อย่างไร เมื่อวันไรอันควรกำ�หนดจดจำ�ไว้ ก็จดพิมพ์ลงไว้แทบทุกเล่ม ข้าพเจ้าได้แปลจดหมายเหตุนี้ เลือกเฉภาะ แต่ที่เห็นว่าไทยจะอยากรู้เห็น ออกมาเรียบเรียงเปนส่วนหนึ่ง มีจดหมายเหตุการณ์ตั้งแต่ในรัชกาลที่ ๓ จนรัชกาลที่ ๕ เห็นว่าจะมีผู้ชอบอ่าน ด้วยมีการแปลก ๆ ที่น่ารู้อยู่ในจดหมายเหตุของหมอบรัดเล หลายอย่าง ซึ่งเอามาพิมพ์ไว้ในประชุมพงษาวดารด้วย อน่ึง เจ้าภาพได้จดข้อประวัติของหม่อมเจ้าชายสง่างามส่งมา โดยประสงค์จะให้พิมพ์ไว้ในสมุด เลม่ นี้ด้วย ประวตั ขิ องหม่อมเจา้ ชายสงา่ งามมเี น้ือความดงั นี้ 1 รักษาอกั ขรวธิ ีตามตน้ ฉบบั พิมพค์ รง้ั แรก พ.ศ. ๒๔๖๒
จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล 3 ประวัติหม่อมเจ้าชายสง่างาม หม่อมเจ้าชายสง่างาม ในพระเจ้าบรมวงษ์เธอช้ัน ๔ กรมหมื่นวิศณุนารถนิภาธร หม่อมแช่ม เปนมารดา ประสูตรในรัชกาลท่ี ๔ เมื่อ ณ วันจันทร์ เดือน ๙ ข้ึน ๑๓ ค�่ำ ปีมเสง จุลศักราช ๑๒๑๙ ตรงกับวันท่ี ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๐๐ เม่ือรัชกาลที่ ๕ ได้รับราชการอยู่ในกระทรวงนครบาล มีน่าท่ีหลายต�ำแหน่งโดยล�ำดับมา ตั้งแต่เปนเจ้าพนักงานการบาญชีในกรมลหุโทษ จนได้เล่ือนยศ เปนเจ้ากรมกองลหุโทษ ต่อมาย้ายไปรับราชการในต�ำแหน่งเจ้ากรมกองต�ำรวจพระนครบาลช้ันนอก แล้วได้เปนผู้ว่าราชการจังหวัดมินบุรีอยู่หลายปี จนออกจากราชการ หม่อมเจ้าชายสง่างาม ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ช้างเผือกแลมงกุฎสยาม ชั้นที่ ๓ ตริตาภรณ์ทั้ง ๒ อย่าง เมื่อออกจากราชการแล้วประชวรโรคอาโปธาตุพิการ อาการทรุดลงโดยลำ�ดับ สิ้นชีพิตักไษยเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๐ คำ�นวณชนมายุได้ ๖๐ ปี สิ้นความตามประวัติ ของหม่อมเจ้าชายสง่างามเพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในกุศลบุญราศีทักษิณานุปทาน ซึ่งรองอำ�มาตย์เอก หลวงสมุทโคจร ได้บำ�เพ็ญสนองคุณหม่อมเจ้าชายสง่างาม ผู้บิดา ด้วยความกตัญญูกตะเวที แลได้พิมพ์หนังสือประชุม พงษาวดารภาคที่ ๑๒ นี้ ให้แพร่หลายเปนครั้งแรก สภานายก หอพระสมดุ วชิรญาณ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๒
4 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑๖ ความนำ� “จดหมายเหตุของหมอบรดั เล” เดมิ จดั พมิ พอ์ ยใู่ นหนังสอื ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๒ ซึง่ ประกอบ ด้วยเนื้อหา จำ�นวน ๒ เรื่อง คือ จดหมายเหตุทูตฝรั่งเศสแลโปรตุเกตเข้ามาเมืองไทยในแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และจดหมายเหตุของหมอบรัดเล ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในงานพระราชทาน เพลิงพระศพหม่อมเจ้าชายสง่างาม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ จดหมายเหตุของหมอบรัดเลน้ัน มีท่ีมาจากบันทึกส่วนตัวของศาสนาจารย์ นายแพทย์แดน บีช แบรดลยี ์ (Rev. Dan Beach Bradley, M.D.) มิชชันนารีชาวอเมริกัน สงั กัดคณะ American Board of Commissioners for Foreign Missions (ABCFM) หมอแบรดลีย์ หรือท่ีคนไทยเรียกว่า หมอบรัดเล หรือปลัดเล เดินทางเข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในประเทศไทย ต้ังแต่วันท่ี ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๗๘ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาช่ัวคราว เม่ือวันท่ี ๑๒ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๙๐ ต่อมาเดนิ ทางเขา้ มาท�ำ งานในประเทศไทยอีกครง้ั เมือ่ วันท่ี ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๙๓ ตราบจนถึงแก่กรรม เม่ือวันท่ี ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๑๖ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั หมอบรัดเลเริ่มเขยี นบนั ทึกส่วนตัวต้ังแต่ พ.ศ. ๒๓๗๓ กอ่ นหน้าทจี่ ะเดนิ ทางมาประเทศไทย ๕ ปี และเขียนอย่างต่อเน่ืองจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ หรือประมาณเดือนเศษก่อนถึงแก่กรรม นับเวลาทีเ่ ขยี นบันทกึ รวม ๔๓ ปี บันทึกมีท้ังหมด ๒๕ ตอน แต่ละตอนมีความยาวประมาณ ๕๐๐ หน้า บุตรชายของหมอบรัดเลได้เก็บรักษาต้นฉบับนี้ไว้ ต่อมาได้อนุญาตให้ศาสนาจารย์จอร์จ ฮอวส์ เฟลตัส (George Haws Feltus) จดั ทำ�บทคดั ยอ่ (Abstract) บนั ทกึ ของหมอบรดั เลตีพมิ พเ์ ผยแพรใ่ น พ.ศ. ๒๔๗๙ โดยใช้ชื่อว่า Abstract of the Journal of Rev. Dan Beach Bradley, M.D. Medical Missionary in Siam 1835 - 1873 ปจั จุบันต้นฉบบั บันทกึ ทีส่ มบูรณเ์ กบ็ รักษาอยู่ ณ หอ้ งสมดุ ของวิทยาลัยโอเบอรล์ นิ (Oberlin College Library) เมอื งโอเบอร์ลิน รฐั โอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ในช่วงเวลาท่หี มอบรัดเลพำ�นกั อยใู่ นประเทศไทย ไดบ้ นั ทึกเรอ่ื งราวตา่ ง ๆ ของการด�ำ เนินงานของ คณะมิชชันนารีอเมริกัน ได้แก่ การเผยแผ่คริสต์ศาสนา การรักษาพยาบาล และกิจการด้านการพิมพ์ เหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในประเทศไทย การพบปะกับบุคคลต่าง ๆ นับต้ังแต่พระมหากษัตริย์ เจ้านาย ขนุ นาง และราษฎร รวมทัง้ ชาวตา่ งชาติ เชน่ คณะทตู และพ่อคา้ เปน็ ต้น
จดหมายเหตุของหมอบรัดเล 5 โดยเหตุท่ีหมอบรัดเลอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน จึงรับรู้ความเป็นไปต่าง ๆ ของสังคมไทย อย่างกว้างขวาง บันทึกของท่านจึงเป็นเอกสารชั้นต้นที่ทรงคุณค่าในการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย สมัยรัตนโกสินทร์ ผู้อ่านจะได้อรรถรสจากข้อมูลที่เขียนอย่างตรงไปตรงมาเก่ียวกับบุคคลต่าง ๆ ซึ่ง หาได้ยากจากการอ่านเอกสารทางราชการของไทย อย่างไรก็ตาม ควรอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์เพราะ เป็นทศั นคติของชาวต่างชาติ ถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หมอบรัดเลเริ่มออกวารสาร (Journal) รายปี พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ชื่อ บางกอกคาเลนดาร์ (Bangkok Calendar) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๐๑ (ค.ศ. ๑๘๕๙) และพิมพต์ ่อมาถงึ สมัยรัชกาลท่ี ๕ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๑๕ (ค.ศ. ๑๘๗๓) มีเนื้อหาสาระเกีย่ วกบั เรื่องราวตา่ ง ๆ ทม่ี ชิ ชนั นารแี ละชาวตะวันตกซ่ึงมาปฏิบตั ภิ ารกจิ ในประเทศไทยควรทราบ เชน่ ภมู ิอากาศ สถานที่ส�ำคัญ ตารางน้�ำข้ึนน้�ำลง ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ รายชื่อเรือสินค้าของนานาประเทศ รายการสินค้าเข้าสินค้าออก พระนามพระราชวงศ์ นามข้าราชการคนส�ำคัญ กงสุลและชาวต่างประเทศ ท่ีพ�ำนักอยู่ในประเทศไทย นอกจากน้ัน ยังมีบทความเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศาสนา และความเชื่อ ของคนไทยด้วย นอกจากนี้หมอบรัดเลยังได้น�ำเหตุการณ์ส�ำคัญต่าง ๆ ท่ีบันทึกไว้แต่ละปีมาสรุป โดยย่อและใช้ช่ือคอลัมน์ว่า Some of the Noticeable Events in Bangkok บางกอกคาเลนดาร์ ประจ�ำปีใดก็จะมีเหตุการณ์โดยย่อของปีก่อนหน้านั้นมารวมพิมพ์ไว้ท้ายเล่มด้วย ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพ ทรงพิจารณาว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบางกอกคาเลนดาร์ สมควรจะเผยแพร่เป็นความรู้แก่บุคคลท่ัวไป จึงทรงพิจารณาคัดเลือกเหตุการณ์ สำ�คัญท่ีน่าสนใจ นำ�มาแปลเป็นภาษาไทยและจัดพิมพ์รวมไว้ในหนังสือประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑๒ ใช้ชื่อวา่ “จดหมายเหตขุ องหมอบรดั เล” ในการนี้ เพื่อเพิ่มพนู ความรู้ความเขา้ ใจแกผ่ ู้อ่าน ได้ทรงพจิ ารณา อธิบายความเพ่ิมเติมไว้ในวงเล็บหลังข้อความ ทรงเรียงลำ�ดับเหตุการณ์ตามจุลศักราชและพุทธศักราช แบบไทย รวมท้ังทรงระบุคริสต์ศักราชตามแบบตะวันตกกำ�กับไว้ด้วย ทำ�ให้ผู้อ่านทราบเหตุการณ์และ สามารถเทียบลำ�ดับวัน เดือน ปี ทั้งแบบไทยและสากล การตรวจสอบช�ำ ระเอกสารประวัตศิ าสตรเ์ รอ่ื ง “จดหมายเหตขุ องหมอบรดั เล” ครั้งน้ี คณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิชำ�ระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ ได้ตรวจสอบชำ�ระกับฉบับพิมพ์คร้ังแรกและ Some of the Noticeable Events in Bangkok รวมทั้ง Abstract of the Journal of Rev. Dan Beach Bradley, M.D. Medical Missionary in Siam 1835 - 1873 ซึ่งพบว่า หลายเหตุการณ์ระบุวันที่ไม่ตรงกัน จึงพิจารณาจัดทำ�เชิงอรรถอธิบายความเพิ่มเติม สอบเทียบ ปีศักราช รวมทั้งจัดทำ�ภาคผนวกไว้ท้ายเรื่อง เพื่อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าต่อไป
6 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ ศาสนาจารย์ นายแพทยแ์ ดน บีช แบรดลยี ์ (Rev. Dan Beach Bradley) หรอื หมอบรดั เล มชิ ชนั นารีอเมริกัน ผู้มคี ุณูปการตอ่ สังคมไทย ผลงานส่วนหนงึ่ ของหมอบรัดเล
จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล 7 จดหมายเหตขุ องหมอบรดั เล รัชกาลที่ ๓ ปชี วด จุลศักราช ๑๑๙๐ พ.ศ. ๒๓๗๑ ๑๘๒๘ สิงหาคม ที่ ๒๓ มิชชันนารี ชื่อ ชาลส์ คุตสลัฟ1 คน ๑ เยมส์ ตอมลิน2 คน ๑ แรกเข้ามาสอนศาสนาคริสตังลัทธิโปรเตสตันต์ในกรุงเทพ ฯ (คุตสลัฟ คนน้ี ท่ีเรียกในหนังสือแสดงกิจจานุกิจว่า หมอกิศลับ) ปมี ะเสง็ จลุ ศักราช ๑๑๙๕ พ.ศ. ๒๓๗๖ ๑๘๓๓ มนี าคม ที่ ๒๕ มิชชันนารี ช่ือ ยอน เตเลอ โยนส์ 3 เข้ามากรุงเทพ ฯ (คนน้ี เรยี กในหนังสอื แสดงกจิ จานกุ จิ ว่า หมอยอน อเมริกัน) 1 ศาสนาจารยค์ ารล์ กุทซลฟั ฟ์ (Rev. Karl (Carl หรือ Charles) Friedrich Augustus Gutzlaff, M.D.) (พ.ศ. ๒๓๔๖ - ๒๓๙๔) มิชชันนารีชาวเยอรมัน เคยสังกัดสมาคม Netherlands Missionary Society ก่อนเข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนา ในประเทศไทยโดยทุนส่วนตัว พร้อมกับเจคอบ ทอมลิน (Jacob Tomlin) มิชชันนารีชาวอังกฤษ สังกัดสมาคม London Missionary Society ท้ังสองเดินทางเข้ามาถึงกรุงเทพ ฯ ใน พ.ศ. ๒๓๗๑ ตรงกับสมัยต้นรัชกาลท่ี ๓ นับเป็นมิชชันนารี โปรเตสแตนต์ชุดแรกท่ีเข้ามาเมืองไทย ถึง พ.ศ. ๒๓๗๒ (ค.ศ. ๑๘๒๙) เดินทางออกไปสิงคโปร์และกลับเข้ามาเมืองไทยอีกครั้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ นับตามปฏิทินแบบเก่ายังเป็น พ.ศ. ๒๓๗๒ (ค.ศ. ๑๘๓๐) มีผลงานส�ำคัญ ได้แก่ การแปลคัมภีร์ไบเบิล เป็นภาษาไทย ลาว เขมร และเรม่ิ จดั ท�ำพจนานกุ รมภาษาอังกฤษ - ไทย ศาสนาจารย์กทุ ซลฟั ฟย์ า้ ยไปประเทศจนี ใน พ.ศ. ๒๓๗๔ (ค.ศ. ๑๘๓๐) และได้เขียนบันทึกการเดินทางชื่อว่า Journal of the Three Voyages along the Coast of China in 1831, 1832, 1833, with Notices of Siam, Corea and the Loo - Choo Islands (London, 1834) ศาสนาจารย์กุทซลัฟฟ์ถึงแก่กรรม ที่เมืองกวางตุ้ง (กว่างโจว) ประเทศจีนใน พ.ศ. ๒๓๘๔ 2 ที่ถูกต้องควรเป็นเจคอบ ทอมลิน (Jacob Tomlin) (พ.ศ. ๒๓๓๖ - ๒๔๒๓) มิชชันนารีชาวอังกฤษ สังกัดสมาคม London Missionary Society เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในประเทศไทย พร้อมกับคาร์ล กุทซลัฟฟ์ใน พ.ศ. ๒๓๗๑ ทอมลนิ เผยแผ่ครสิ ตศ์ าสนาในไทย ๒ ช่วง คือ ช่วงแรก พ.ศ. ๒๓๗๑ - ๒๓๗๒ แล้วเดินทางไปสิงคโปร์ ชว่ งท่ีสอง พ.ศ. ๒๓๗๔ - ๒๓๗๕ เดินทางกลับมาพร้อมกับศาสนาจารย์เดวิด เอบีล (Rev. David Abeel) และจากน้ันไปท�ำงานเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ The Anglo - Chinese College เมืองมะละกา (วิทยาลัยย้ายไปฮ่องกงเม่ือ พ.ศ. ๒๓๘๖ ปัจจุบันมีช่ือว่า The Ying Wa College) ต่อมาทอมลินลาออกจาก London Missionary Society แล้วกลับไปอังกฤษและบวชในสังกัด Church of England ทอมลนิ ถงึ แกก่ รรมทีป่ ระเทศองั กฤษ 3 ศาสนาจารย์จอห์น เทย์เลอร์ โจนส์ (Rev. John Taylor Jones) (พ.ศ. ๒๓๔๕ - ๒๓๙๔) มิชชันนารีชาวอเมริกัน สังกัด American Baptist Board เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๖ - ๒๓๙๔ เป็นผู้แปลพระคัมภีร์ ไบเบลิ ฉบับพันธสญั ญาใหม่ (New Testament) ท้งั เลม่ เปน็ ภาษาไทย ศาสนาจารยจ์ อห์น เทย์เลอร์ โจนส์ ถงึ แก่กรรมท่ีเมอื งไทย
8 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ ศาสนาจารย์คารล์ กทุ ซลัฟฟ์ (Rev. Karl Gutzlaff) ศาสนาจารย์วิลเลียม ดีน (Rev. William Dean)
จดหมายเหตุของหมอบรดั เล 9 ปีมะเมยี จุลศกั ราช ๑๑๙๖ พ.ศ. ๒๓๗๗1 ๑๘๓๔2 กรกฎาคม ที่ ๑๘ มิชชนั นารี ชือ่ วลิ เลยี ม ดนี 3 กับหมอบรดั เล เขา้ มาถึงกรุงเทพ ฯ ปีน้ีแรกพวกมิชชันนารเี อาเครือ่ งพมิ พ์เขา้ มากรุงเทพ ฯ สิงหาคม ท่ี ๕ มิชชันนารีแรกเช่าท่ีนายกล่ิน (น้องชายสมเด็จพระพุทธโฆษา จารย์ จี่)4 ตั้งโอสถศาลา5 ข้างใต้ท่าวัดเกาะ6 (หมอบรัดเลอธิบายไว้ ในทอ่ี นื่ วา่ เมอื่ แรกมชิ ชนั นารเี ขา้ มาตงั้ ในเมอื งไทย ตง้ั ใจจะมาสอนศาสนา คริสตังแก่พวกจีน ซ่ึงเข้ามาอยู่ในเมืองไทย ด้วยเห็นว่า สอนที่เมืองจีน ได้ผลดี จึงเตรียมหนังสือสอนศาสนาท่ีพิมพ์ในภาษาจีนเข้ามา แลมาขอ อนุญาตต่อรัฐบาลเพ่ือจะสอนศาสนาแก่พวกจีน เมื่อไปต้ังโอสถศาลาท่ี วัดเกาะ มิชชันนารีแจกหนังสือสอนศาสนาแก่พวกจีน แลรับรักษา ไข้เจ็บให้ทั้งจีนแลไทย ๆ ไปรู้จักพวกมิชชันนารีด้วยการท่ีไปให้รักษาไข้ จึงเรียกบรรดามิชชนั นารวี ่า “หมอ” ทัง้ ทเี่ ป็นแพทยแ์ ลมิใชแ่ พทย์ จึงเรยี ก กันมาจนตราบเทา่ ทกุ วนั นี้ ๑ ท่ถี ูกต้อง เหตกุ ารณ์ใน พ.ศ. ๒๓๗๗ น้ี เกดิ ใน พ.ศ. ๒๓๗๘ 2 ท่ีถูกต้อง วิลเลยี ม ดนี และหมอบรัดเลเดินทางมาถึงกรุงเทพ ฯ เมื่อ ค.ศ. ๑๘๓๕ (พ.ศ. ๒๓๗๘) 3 ศาสนาจารย์วิลเลียม ดีน (Rev. William Dean) มิชชันนารีชาวอเมริกัน สังกัด American Baptist Board เดินทางมาจากเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา พร้อมกับหมอบรัดเลเม่ือวันท่ี ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๗๗ จากสิงคโปร์ถึงกรุงเทพ ฯ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๗๘ ดีนเผยแผ่คริสต์ศาสนาในประเทศไทย ๒ ช่วง คือ ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๗๘ - ๒๓๘๕ จากน้ันเดินทางไปเผยแผ่คริสต์ศาสนาในจีน เม่ือ พ.ศ. ๒๓๘๕ - ๒๔๐๗ และกลับเข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในไทยอีกคร้ัง เม่อื พ.ศ. ๒๔๐๗ - ๒๔๒๗ 4 นามเดมิ จ่ี (พ.ศ. ๒๓๓๖ - ๒๔๑๖) จ�ำพรรษา ณ วดั ประยุรวงศาวาส ไดร้ บั การสถาปนาเปน็ สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๐๐ 5 เป็นสถานท่ีแจกยาและรักษาโรค พวกมิชชันนารีอเมริกันศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ท่ีเดินทางเข้ามา ประเทศไทยในรัชกาลที่ ๓ เม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๗ ได้มาเช่าบ้านไม้สองชั้นของนายกล่ินเป็นท่ีอยู่และเปิดเป็น “โอสถศาลาวัดเกาะ” แจกยาและรักษาโรคเพ่ือจูงใจให้คนเปลี่ยนศาสนา ด้วยเหตุน้ี เขตวัดเกาะจึงเป็นแหล่งเผยแผ่คริสต์ศาสนานิกายโปรเตสแตนต์ แหง่ แรกในกรงุ รตั นโกสินทร์ 6 ปัจจุบนั คือ วัดสัมพนั ธวงศาราม ตั้งอยทู่ ถี่ นนทรงวาด แขวงสมั พันธวงศ์ เขตสมั พันธวงศ์ เดิมเปน็ วดั โบราณ ในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระโอรสในสมเด็จ พระเจา้ พน่ี างเธอ เจ้าฟา้ กรมพระศรสี ดุ ารักษ์ ทรงบรู ณปฏิสังขรณใ์ หมท่ ้งั พระอาราม ราว พ.ศ. ๒๓๓๙ เม่ือแลว้ เสรจ็ ได้น้อมเกล้า ฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า “วัดเกาะแก้วลังการาม” ด้วยเป็นวัดที่มีน้�ำล้อมรอบ ต่อมาพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้เปล่ียนนามเป็น วัดสัมพันธวงศาราม
10 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ กนั ยายน ที่ ๘ กปั ตนั เวลเลอ1 นายเรือองั กฤษ เกิดววิ าทกับพระวัดเกาะ เหตดุ ว้ ย เขา้ ไปยิงนกในวัด พระตีเอา บาดเจบ็ สาหสั ตลุ าคม ที่ ๕ โอสถศาลาของพวกมิชชันนารีถูกไล่จากวัดเกาะ เน่ืองในเหตุ ท่ีฝรั่งตีพระ ต้องมาอยู่ที่กุฎีจีน2 (หมอบรัดเลอธิบายในที่อ่ืนว่า เมื่อแรก มิชชันนารีเข้ามาท่ีในกรุงเทพ ฯ มีบ้านฝรั่งแต่ ๒ แห่ง คือ บ้านซินยอ คาลสซิลไวโร กงสุลโปจุเกต ไทยเรียกว่า “คาลศ”3 ได้เป็น ขุนนางไทย ต�ำแหน่งที่หลวงอภัยวานิช อยู่ตรงสถานทูตโปจุเกตทุกวันนี้แห่ง ๑ กับ รอเบติ ฮันเตอร์ 4 พอ่ ค้าอังกฤษ ไทยเรียกว่า “หนั แตร” พ่งึ บญุ คา้ ขายอยู่ ในสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงษ์ แต่ยังเป็นเจ้าพระยาพระคลัง ได้เป็นขุนนางไทยท่ีหลวงวิเศษพานิช อยู่ท่ีกุฎีจีนคน ๑ พวกมิชชันนารี ได้อาศัยฝร่ัง ๒ คนนี้ เม่ือโอสถศาลาถูกไล่จากวัดเกาะ จึงมาอาศัย อยู่ท่ีริมบ้านหันแตร ต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงษ์ ปลกู เรอื นให้เชา่ หมอบรดั เลจึงยา้ ยไปอยขู่ ้างใตค้ ลองกุฎจี ีน) 1 กัปตันเวลลาร์ (Captain Wellar) เป็นเพื่อนนายรอเบิร์ต ฮันเตอร์ เวลลาร์ถือปืนตามนายฮันเตอร์ไปเท่ียววัดเกาะ และยงิ นกตาย ๒ ตวั พระสงฆ์ซงึ่ สวดมนตท์ �ำวัตรเยน็ ไดย้ ินเสยี งปนื จงึ ออกมาดแู ละเกดิ โต้เถียงกัน เวลลาร์ถกู พระรมุ ตีได้รบั บาดเจ็บ 2 กฎุ จี นี เป็นชุมชนโบราณ ต้ังอย่รู ิมแม่น้�ำเจ้าพระยาฝ่งั ตะวนั ตกตรงข้ามปากคลองตลาด สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พ.ศ. ๒๓๑๑ - ๒๓๒๕) พระราชทานทดี่ นิ ใกลศ้ าลเจา้ จนี ใหช้ าวจนี และชาวไทยเชอ้ื สายโปรตเุ กสอยอู่ าศยั และสรา้ งโบสถว์ ดั ซางตาครสู้ วัดซางตาครู้ส (Santa Cruz Church) เป็นวัดในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ปัจจุบันต้ังอยู่ในซอยกุฎีจีน เขตธนบุรี กรงุ เทพมหานคร บาทหลวงหรอื คณุ พ่อกอร์ ชาวโปรตุเกส สรา้ งวดั บนท่ดี นิ ซ่ึงได้รับพระราชทานจากสมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช เม่ือวนั ท่ี ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๓๑๒ เนอื่ งจากวันดงั กล่าวตรงกับวันฉลองเทิดทนู ไมก้ างเขน บาทหลวงกอรจ์ งึ เรียกช่ือทดี่ นิ แปลงน้ี ว่า “ค่ายซางตาครู้ส” ต่อมาวันท่ี ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๑๓ บาทหลวงกอร์เร่ิมสร้างโบสถ์ชั่วคราวขนาดเล็ก และต้ังช่ือวัดว่า “วดั ซางตาครสู้ ” 3 กงสุลโปรตุเกสประจ�ำกรงุ เทพ ฯ ช่ือ Carlos de Silviera 4 รอเบริ ต์ ฮันเตอร์ (Robert Hunter) หรอื ที่คนไทยออกเสยี งว่า หันแตร เป็นพ่อค้าชาวอังกฤษเชอ้ื สายสกอต เข้ามาค้าขาย ในไทย เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๖๗ ภายหลงั จากพระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกลา้ เจ้าอยูห่ ัวเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ ๒ - ๓ สปั ดาห์ ฮนั เตอรน์ �ำปืน คาบศิลามาถวาย ถือเป็นความดีความชอบ จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงอาวุธวิเศษประเทศพานิช ฮันเตอร์ได้รับ พระราชทานท่ีดินหน้าวัดประยุรวงศาวาสให้ต้ังห้างค้าขาย พวกก�ำปั่นฝรั่งเรียกห้างฮันเตอร์ว่า “British factory” คนไทยเรียก “ห้างหันแตร” หรือ “ตึกฝรั่ง” ฮันเตอร์มีส่วนช่วยเหลือให้ท่ีพักและแนะน�ำพ่อค้าชาวตะวันตกติดต่อกับราชส�ำนักและขุนนางไทย ฮันเตอร์แต่งงานกับแอนเจลินา (ทรัพย์) ซ่ึงเช่ือว่ามีเช้ือสายของออกญาวิชาเยนทร์ (Constantine Phaulkon) ขุนนางชาวกรีก ในราชส�ำนักสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช ตอ่ มาฮนั เตอรป์ ระพฤติผดิ กฎหมาย คอื ลกั ลอบคา้ สนิ ค้าตอ้ งหา้ ม เชน่ นำ้� ตาล และฝ่ิน อีกทั้งยังพดู จาหมนิ่ พระบรมเดชานุภาพ จงึ ถูกเนรเทศออกนอกประเทศเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๗
จดหมายเหตุของหมอบรดั เล 11 หลวงนายสทิ ธิ์ (ช่วง บนุ นาค ตอ่ มาคือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์) ปีมะแม จลุ ศกั ราช ๑๑๙๗ พ.ศ. ๒๓๗๘ ๑๘๓๕ ตุลาคม ไทยแรกมเี รือก�ำป่นั ใบอย่างฝรั่ง เรอื ล�ำน้ี ๒ เสาครง่ึ ชือ่ เอริล1 หลวงนายสทิ ธิ์ (คือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรสี ุรยิ วงษ)์ ตอ่ ถวาย พฤศจกิ ายน ท่ี ๑๒ หลวงนายสิทธ์ิชวนหมอบรดั เล กบั มชิ ชนั นารชี ่ือ สตีฟนิ ยอนสนั 2 ลงเรือเอรลิ ไปเมืองจนั ทบุรี หลวงนายสทิ ธิเ์ ปน็ นายเรอื ไปเอง พฤศจกิ ายน ท่ี ๒๑ หมอบรัดเล ฯลฯ ไปถึงจันทบุรี พบเจ้าพระยาพระคลัง (คือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงษ์) ก�ำลังสร้างเมืองใหม่ เตรียมรบ กับญวน เห็นเรือก�ำปั่นใบหลวงนายสิทธ์ิก�ำลังต่ออยู่ท่ีจันทบุรีอีก ๓ ล�ำ ชอื่ คองเคอเลอ3 ล�ำ ๑ เซลโี ดเนีย4 ล�ำ ๑ วกิ ตอร5ี ล�ำ ๑ มชิ ชันนารี ยอนสนั อยจู่ ันทบุรี ๖ เดอื น แต่หมอบรดั เลอยู่เดือน ๑ กลบั กรงุ เทพ ฯ 1 Ariel ต่อมาพระราชทานนามว่า เรือแกล้วกลางสมุทร ระวาง ๑๑๐ ตัน เป็นเรือก�ำปั่นใบเหล่ียมแบบฝร่ังล�ำแรก ของไทย สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ชว่ ง บุนนาค) ขณะเปน็ หลวงนายสิทธ์นิ ายเวรเป็นผูต้ ่อในสมยั รชั กาลท่ี ๓ 2 ศาสนาจารย์สตีเฟน จอห์นสัน (Rev. Stephen Johnson) มิชชันนารีชาวอเมริกัน สังกัด American Board of Commissioners for Foreign Missions (ABCFM) เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๗ - ๒๓๘๙ จากน้นั เดนิ ทางไปเผยแผ่ศาสนาในประเทศจนี 3 Conqueror ต่อมาพระราชทานนามวา่ เรอื ระบิลบัวแก้ว 4 Caledonia 5 Victory ต่อมาพระราชทานนามว่า เรือวิทยาคม
12 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ ปีวอก จลุ ศักราช ๑๑๙๘ พ.ศ. ๒๓๗๙ ๑๘๓๖ มนี าคม ท่ี ๒๖1 ก�ำป่ันไฟเรือรบอเมริกนั ชอื่ ปคี อก2 ล�ำ ๑ เอนเตอไปรส3 ล�ำ ๑ มาทอดสันดอน เอดมอนด์ รอเบิด4 ทูตอเมริกันน�ำหนังสือสัญญา มาแลกเปลี่ยน มถิ ุนายน มิชชันนารี ชื่อ รอบินสัน5 แรกต้ังเครื่องพิมพ์พิมพ์อักษรไทย6 ในกรงุ เป็นครง้ั แรก 1 นับตามปฏิทนิ แบบเก่า ยังคงเป็น พ.ศ. ๒๓๗๘ 2 Peacock ช่ือเรือรบอเมริกัน เป็นเรือก�ำปั่นใบเสาเดียว (sloop) ซึ่งเอดมันด์ รอเบิร์ตส์ (Edmund Roberts) ทูตอเมริกันใช้เป็นพาหนะเดินทางจากสหรัฐอเมริกามากรุงเทพ ฯ เพ่ือเจรจาท�ำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์ ในเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๑๘๓๓) และเพ่ือแลกเปลย่ี นหนังสอื ใหส้ ัตยาบนั สนธสิ ัญญาดังกล่าวในวนั ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๓๗๙ (ค.ศ. ๑๘๓๖) 3 Enterprise ช่ือเรือรบอเมริกัน เป็นเรือก�ำปั่นใบ (schooner) มาพร้อมกับเรือพีคอก ซึ่งเอดมันด์ รอเบิร์ตส์ (Edmund Roberts) ทูตอเมริกันใช้เดินทางเข้ามากรุงเทพ ฯ ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๓๗๙ (ค.ศ. ๑๘๓๖) เพ่ือแลกเปล่ียนหนังสือ ให้สัตยาบันสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชย์ พ.ศ. ๒๓๗๕ 4 เอดมนั ด์ รอเบิร์ตส์ (Edmund Roberts) ทูตอเมริกนั คนแรกท่เี ดินทางเขา้ มาประเทศไทยเม่ือกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๑๘๓๓) ตรงกับรัชกาลพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้าเจา้ อยู่หัว และมกี ารลงนามสนธิสัญญาทางพระราชไมตรแี ละการพาณชิ ย์ กับไทย เม่ือวันท่ี ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๑๘๓๓) นับเป็นสนธิสัญญาฉบับแรกท่ีสหรัฐอเมริกาท�ำกับประเทศในเอเชีย เอดมันด์ รอเบิร์ตส์เดินทางมายังประเทศไทยอีกครั้งหน่ึงใน พ.ศ. ๒๓๗๙ เพ่ือแลกเปลี่ยนหนังสือให้สัตยาบันสัญญาดังกล่าว รอเบิรต์ ส์ป่วยและถึงแก่กรรมทีเ่ มืองมาเกา๊ 5 ศาสนาจารย์ชาลส์ รอบินสัน (Rev. Charles Robinson) มิชชันนารีชาวอเมริกัน สังกัด American Board of Commissioners for Foreign Missions เขา้ มาเผยแผค่ รสิ ตศ์ าสนาในประเทศไทยเม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๗ - ๒๓๘๘ 6 ตัวพิมพ์อักษรไทยส�ำหรับแท่นพิมพ์สร้างราว พ.ศ. ๒๓๖๐ ที่เมืองร่างกุ้ง ประเทศพม่า นางแอนน์ แฮเซลทีน จัดสัน (Mrs. Ann Hazeltine Judson) ภรรยาของศาสนาจารย์อะโดนิรัม จัดสัน (Adoniram Judson) มิชชันนารีอเมริกัน คณะแบปติสต์เป็นผู้ประดิษฐ์ ร่วมกับนายจอร์จ เอช. ฮัฟ (George H. Hough) ช่างพิมพ์ของคณะแบปติสต์ ถึง พ.ศ. ๒๓๖๒ คณะแบปติสต์ย้ายไปอยู่ที่เมืองเซรัมโปร์ (Shrirampur) ทางเหนือของกัลกัตตา และตั้งโรงพิมพ์คณะแบปติสต์ (The Baptist Mission Press) เมือ่ ร้อยเอก เจมส์ โลว์ (Capt. James Low) เขียนต�ำราเรียนไวยากรณไ์ ทย (เปน็ ภาษาอังกฤษ) ชื่อ “A Grammar of the Thai or Siamese Language” ไดส้ ่งไปพิมพ์ท่โี รงพมิ พ์ดังกลา่ วใน พ.ศ. ๒๓๗๑ (ค.ศ. ๑๘๒๘) อนึ่ง เม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๖ (ค.ศ. ๑๘๒๓) สมาคม London Missionary Society ซ้ือตัวพิมพ์อักษรไทยจากกัลกัตตา เข้ามาใช้กับโรงพิมพ์ที่สิงคโปร์ ใน พ.ศ. ๒๓๗๔ ได้พิมพ์ค�ำสอนศาสนาของสมาคม ฯ เป็นภาษาไทย จ�ำนวน ๖,๐๐๐ เล่ม ให้ศาสนาจารย์เอบลี (Abeel) น�ำเขา้ มาแจกจา่ ยในกรุงเทพ ฯ ต่อมาคณะ American Board of Commissioners for Foreign Missions ที่สิงคโปร์ได้ซ้ือแท่นพิมพ์และตัวพิมพ์ภาษาไทยจากคณะ London Missionary Society ใน พ.ศ. ๒๓๗๕ (ค.ศ. ๑๘๓๒) เม่ือหมอบรัดเลเดินทางเข้ามากรุงเทพ ฯ ใน พ.ศ. ๒๓๗๘ (ค.ศ. ๑๘๓๕) จึงน�ำแท่นพิมพ์ไม้และแผ่นหิน พรอ้ มตวั พิมพ์อกั ษรไทยจากสิงคโปร์เข้ามาดว้ ย สามารถพมิ พห์ นังสือดว้ ยตัวพิมพอ์ กั ษรไทยส�ำเรจ็ ในวันท่ี ๓ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๓๗๙ มีศาสนาจารย์รอบินสันเป็นช่างพิมพ์ ส่วนหมอบรัดเลเป็นผู้จัดพิมพ์ หนังสือที่พิมพ์เล่มแรกคือ “บัญญัติสิบประการของ ศาสนาครสิ ต์” มจี �ำนวน ๘ หนา้
จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล 13 (ทราบว่าตัวพิมพ์อักษรไทยน้ัน อังกฤษ ช่ือ นายพันโทโล1 เป็นผูเ้ ริ่มคิดขึ้น ด้วยรฐั บาลอังกฤษทอี่ นิ เดยี ใหแ้ ต่งไวยากรณภ์ าษาไทย แต่เมื่อในรัชกาลที่ ๒ ตัวพิมพ์น้ันหล่อท่ีเมืองบังกะหล่า2 แล้วส่งมาไว้ ท่ีเมืองสิงคโปร์ มิชชันนารีโยนส์ได้ค�ำแปลคัมภีร์ใหม่ศาสนาคริสตัง เป็นภาษาไทย ซึ่งมิชชันนารีแต่ก่อนได้ท�ำไว้ ยังต้องเอาออกไปพิมพ์ท่ี เมืองสิงคโปร์ ต่อเมื่อพวกมิชชันนารีตกลงกันจะเข้ามาตั้งเป็นหลักแหล่ง ในเมอื งไทย จงึ รบั ซอ้ื ตวั พิมพ์อกั ษรไทยเอาเข้ามากรุงเทพ ฯ) ตุลาคม ที่ ๑๘ สมเด็จพระอัครมเหสีในรัชกาลท่ีล่วงแล้ว (คือ สมเด็จพระศรี สุรเิ ยนทร)์ สวรรคต ๑๘๓๗ มกราคม ที่ ๑๓ ฉลองวดั เจา้ พระยาพระคลัง (คอื วัดประยรู วงษ์) ในงานฉลองนี้ ปืนใหญ่ (ท�ำไฟพะเนยี ง) แตก ถกู คนตายหลายคน หมอบรดั เลตัดแขน พระองค์ ๑ ที่ถูกปืนแตก ว่าได้ท�ำการตัดผ่าอย่างฝรั่งเป็นครั้งแรก ในเมอื งไทย3 1 สมยั รชั กาลท่ี ๓ รอ้ ยเอก เจมส์ โลว์ (Capt. James Low) ชาวองั กฤษ ขณะเมือ่ รบั ราชการอยทู่ ี่เมืองปีนัง (เกาะหมาก) ได้เรียนหนังสือไทยแล้วเขียนต�ำราเรียนไวยากรณ์ไทย (เป็นภาษาอังกฤษ) ส่งไปพิมพ์ที่โรงพิมพ์ของคณะแบปติสต์ท่ีกัลกัตตา ปัจจุบัน คือ เมืองโกลกาตา สาธารณรัฐอินเดีย 2 แคว้นเบงกอล (Bengal) ปจั จบุ นั คือ รฐั เบงกอลตะวนั ตก สาธารณรัฐอนิ เดยี 3 ตามหลักฐานการผ่าตัดครั้งแรกในประเทศไทยโดยหมอบรัดเลนั้น เป็นการผ่าตัดเนื้องอกโดยไม่ใช้ยาสลบให้แก่ชาวจีน เมอื่ วนั ที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๗๘
14 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ ปรี ะกา จลุ ศกั ราช ๑๑๙๙ พ.ศ. ๒๓๘๐ เมษายน ท่ี ๒๐ ไฟไหม้ที่ใต้วดั ส�ำเพ็ง1 ธันวาคม ท่ี ๒๐ พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งให้หมอหลวงไป หัดปลกู ทรพิษที่พวกมิชชนั นารี (เรื่องนี้หมอบรัดเลอธิบายไว้ในที่อื่น ว่าพวกหมอมิชชันนารี ได้พยายามปลูกทรพิษมาหลายปี ใช้พันธุ์จากฝีดาษที่งาม แต่ไม่มีใคร เช่ือ จนพวกมิชชันนารีปลูกลูกของตนเองเป็นตัวอย่าง คนอ่ืนจึงเชื่อว่า ปลูกได้จริง พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบวิธีปลูก ทรพิษแลต้องพระราชประสงค์จะให้ปลูกไทยนานอยู่แล้ว ครั้นทรงทราบ ว่าหมอมิชชันนารีปลกู ได้จริง จงึ มีรบั สงั่ ให้หมอหลวงไปหดั ) 1 เอกสารบางแห่งเรียกว่า วัดสามเพ็ง เดิมเป็นวัดโบราณ ตั้งอยู่ริมแม่น�้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกใต้วัดสัมพันธวงศาราม (วัดเกาะแก้วลังการาม) สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงบูรณะใหม่ท้ังพระอาราม เพ่ือทรงอุทิศพระราชกุศลถวาย สมเด็จพระปฐมบรมราชชนก (ทองดี) พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระราชทานนามใหม่ว่า วัดปทุมคงคา เคยใชเ้ ปน็ สถานที่ประหารชวี ิตและลอยพระอังคารเจา้ นาย
จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล 15 ปจี อ จุลศักราช ๑๒๐๐ พ.ศ. ๒๓๘๑ ๑๘๓๙ กมุ ภาพนั ธ์ ที่ ๙ หมอริเซอสัน1 อังกฤษ เดินบกเข้ามาจากเมืองเมาะล�ำเลิง2 มาถงึ กรงุ เทพ ฯ (เร่ืองนี้มีในจดหมายเหตหุ ลวงอุดมสมบตั )ิ กุมภาพันธ์ ที่ ๒๘ มิชชันนารีรอบินสันกับเตรซี3 พาครอบครัวไปอยู่อ่างหิน4 (เขา้ ใจว่าแรกฝรงั่ ไปตากอากาศรกั ษาตัวท่ีอ่างหนิ ) มีนาคม ไทยยกกองทพั เรอื ลงไปเมอื งสงขลา5 (คอื กองทพั สมเดจ็ เจา้ พระยา บรมมหาพิไชยญาติ แตย่ ังเปน็ พระยาศรพี ิพัฒน์ คราวท่ีหลวงอุดมสมบัติ จดหมายเหต)ุ 6 1 นายแพทย์ริชาร์ดสัน (Richardson) ชาวอังกฤษ หรือที่คนไทยเรียกว่านายริซะชอน เป็นทูตของผู้ปกครองสูงสุด ของอังกฤษ (Governor - General) ประจ�ำอินเดียของบริษัทอสี ต์อินเดีย (The East - India Company) ซ่งึ มอี �ำนาจปกครองอนิ เดยี ในขณะนน้ั เป็นผู้ถอื อกั ษรสาส์นและเครอ่ื งบรรณาการเข้ามาถวายรัชกาลท่ี ๓ เพอื่ เจรจาซือ้ ขายช้าง โค กระบือ แตไ่ ทยไม่ขายให้ เพราะสงสัยว่าเข้ามาสอดแนมเส้นทางที่เคยใช้เดินทัพระหว่างไทยกับพม่า เป็นเส้นทางเดินบกจากเมืองเมาะล�ำเลิงถึงกรุงเทพ ฯ 2 Moulmein หรือเมืองมะละแหม่ง ปัจจุบันเรียกว่า Mawlamying อยู่ในรัฐมอญ (Mon State) สาธารณรัฐแห่ง สหภาพเมยี นมา 3 ศาสนาจารยส์ ตเี ฟน เทรซี (Rev. Stephen Tracy, M.D.) เปน็ มชิ ชันนารีสงั กัด American Board of Commissioners for Foreign Missions เขา้ มาเผยแผ่คริสต์ศาสนาพร้อมกับภรรยาเมอื่ พ.ศ. ๒๓๘๑ และกลบั ออกไปเมือ่ พ.ศ. ๒๓๘๒ 4 เป็นหมู่บ้านชายทะเล ตง้ั อยู่ในเขตเมอื งบางปลาสร้อย ชาวตา่ งประเทศนยิ มไปพักผอ่ น ต่อมาในรชั กาลที่ ๕ มีการสร้าง บา้ นพกั ตากอากาศให้เชา่ ปัจจุบันคือ ต�ำบลอา่ งศลิ า อ�ำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี 5 สาเหตุที่ทางกรุงเทพ ฯ ต้องส่งกองทัพเรือลงไปเมืองสงขลา เนื่องจากเกิดกบฏที่เมืองไทรบุรีใน พ.ศ. ๒๓๘๑ หัวหน้า กบฏคอื หลานของเจา้ พระยาไทรบรุ ี (ตนกปู ะแงรนั ) ฉวยโอกาสยดึ เมอื งไทรบรุ ี ขณะทข่ี นุ นางผใู้ หญข่ องไทยซงึ่ ปกครองหวั เมอื งทางใต้ คือ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) และพระยาสงขลา (บุญฮุย ณ สงขลา) เดินทางมากรุงเทพ ฯ เพ่ือร่วมงานพระราชทาน เพลิงพระศพกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกกบฏเข้ายึดเมืองตรังและ ล้อมเมืองสงขลา พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค ต่อมา เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ในสมัยรัชกาลที่ ๔) เจ้ากรมพระคลังสินค้าเป็นแม่ทัพปราบกบฏ เมื่อทัพพระยา ศรีพิพัฒน์ ฯ ไปถึงเมืองสงขลาน้นั ปรากฏวา่ ทัพจากเมืองนครศรีธรรมราชสามารถปราบกบฏไทรบรุ ีได้แล้วใน พ.ศ. ๒๓๘๒ 6 หลวงอุดมสมบัติ (จัน) เป็นข้าราชการในกรมพระคลังสินค้าในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ท�ำหนา้ ทเ่ี สมือนเปน็ เลขานุการของเจา้ กรมคอื พระยาศรพี ิพฒั น์รตั นราชโกษา (ทตั บุนนาค) เมอ่ื พระยาศรพี พิ ัฒน์ ฯ ได้รบั พระบรม ราชโองการให้น�ำทัพจากกรุงเทพ ฯ ไปปราบกบฏไทรบรุ ีใน พ.ศ. ๒๓๘๑ ได้มอบหมายให้หลวงอดุ มสมบัตคิ อยตดิ ตามขอ้ ราชการ เกี่ยวกับการปราบกบฏไทรบุรีและการปกครองหัวเมืองทางใต้ในเวลาท่ีพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกขุนนาง แลว้ เขียนรวบรวมส่งเป็นจดหมายใหแ้ ก่พระยาศรพี พิ ฒั น์ ฯ เป็นคราว ๆ ไป จดหมายฉบบั แรกบันทึกในเดอื นกนั ยายน พ.ศ. ๒๓๘๑ ซึ่งเป็นเวลาที่พระยาศรีพิพัฒน์ ฯ ยังเตรียมทัพอยู่ในกรุงเทพ ฯ และจดหมายฉบับสุดท้ายบันทึกในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๓๘๒ รวม ๑๕ ฉบับ ความท่ีปรากฏในจดหมายเหล่าน้ี หลวงอุดมสมบัติเขียนจากการจ�ำพระราชด�ำรัสของพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า เจ้าอยหู่ วั ตลอดจนค�ำกราบบงั คมทูลของขนุ นางในขอ้ ราชการเกี่ยวกบั หวั เมอื งปกั ษใ์ ต้ ต่อมาจดหมายหลวงอุดมสมบัติ อยู่ในความครอบครองของเจ้าคุณคลี่ ธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ จนกระท่งั เจ้าคณุ คลีถ่ งึ แก่อสญั กรรมใน พ.ศ. ๒๔๔๘ ผู้รับมรดกคือ พระยาไกรเพชรรตั นสงคราม (แฉ่ บนุ นาค) ไดค้ น้ พบเอกสาร ประวตั ศิ าสตร์เรือ่ งนอี้ ย่ใู นตหู้ นังสอื จึงทลู เกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ใน พ.ศ. ๒๔๔๘
16 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑๖ ปกี นุ จลุ ศักราช ๑๒๐๑ พ.ศ. ๒๓๘๒ มีนาคม ที่ ๒๓ แผ่นดินไหว ๓ คร้งั 1 ถงึ น�้ำในแม่นำ้� ล�ำคลองกระฉ่อน ตน้ เดิมไหว ในเมืองพมา่ มีนาคม ที่ ๒๗ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานบ�ำเหน็จ แก่หมอหลวงแลหมอบรัดเล ท่ีได้ปลูกทรพิษ (ว่าพระราชทานแต่คนละ ๔๐๐ บาทลงมาจนถึง ๒๐๐ บาท) เมษายน ท่ี ๒๗ พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดใหป้ ระกาศหา้ มสบู ฝน่ิ 2 แลค้าฝิ่น หมายประกาศนี้ให้พิมพ์ท่ีโรงพิมพ์มิชชันนารี ๙,๐๐๐ ฉบับ เปน็ หมายประกาศฉบบั แรกท่ีรัฐบาลใหพ้ มิ พ์ 1 หนังสือ พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๓ ของเจา้ พระยาทพิ ากรวงศมหาโกษาธบิ ดี (ข�ำ บุนนาค) บันทึกเก่ียวกับแผ่นดินไหวในคร้ังน้ีว่า “ในวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๗ ค่�ำ เกิดแผ่นดินไหวเมื่อเวลา ๘ ทุ่ม คนต่ืนตกใจท้ังแผ่นดิน ไม่รู้ว่าเป็นเหตุอย่างไร ท่ีอยู่เรือนก็เหมือนจะทลาย ที่อยู่แพก็โยนไปมาเหมือนถูกคลื่น น้�ำในล�ำแม่น�้ำก็เทไปฟากข้างโน้น แล้วเทมาฟากข้างนี้ เปรียบเหมือนคนกรอกน�้ำในล�ำเรือฉันใดก็เหมือนกันเช่นน้ัน ต่อรุ่งสว่างข้ึนจึงรู้ว่าแผ่นดินไหว ไหวครั้งนั้น เป็นอัศจรรย์นัก สืบได้ข่าวท่ีเมืองพม่าก็ไหว แผ่นดินแยกด้วยพร้อมกัน แต่ท่ีกรุงเทพมหานครนี้ ไหวไปสิ้นอยู่เพียงล�ำแม่น�้ำ บางปะกงฝัง่ ข้างตะวันตก ฝัง่ ขา้ งตะวันออกขา้ งเมอื งพนสั นิคม เมืองชลบรุ ี ไม่ไดไ้ หว” 2 ในสมัยรัชกาลท่ี ๓ การสูบฝิ่นและค้าฝิ่นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และมีบัญญัติห้ามน�ำเข้าไว้ชัดเจนในสนธิสัญญาทาง พระราชไมตรีและการพาณิชยก์ บั อังกฤษ พ.ศ. ๒๓๖๙ หมอบรดั เลบันทกึ ไวว้ ่า สปั ดาห์นีพ้ มิ พป์ ระกาศดังกลา่ วแลว้ ๙,๐๐๐ แผน่ และแปลเปน็ ภาษาอังกฤษใหน้ ายฮนั เตอรด์ ้วย
จดหมายเหตุของหมอบรดั เล 17 พระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกล้าเจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ ๓ แหง่ กรงุ รัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๖๗ - ๒๓๙๔)
18 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ ประกาศหา้ มสูบฝน่ิ ประกาศพิมพ์ฉบับแรกของราชการ พ.ศ. ๒๓๘๒
จดหมายเหตุของหมอบรัดเล 19 ๑๘๔๐ มกราคม ท่ี ๑ นายเชสสี คัสเวล1 มิชชันนารีอเมริกันเข้ามาถึง (คนนี้ได้เป็น ครูสอนภาษาอังกฤษถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมอื่ ยงั ทรงผนวชอย่ใู นกรงุ ได้ ๙ ปี ตายเมื่อ ค.ศ. ๑๘๔๙ เรียกในหนังสอื แสดงกิจจานกุ ิจวา่ หมอกศั แวน) มกราคม ที่ ๓๐ หมอบรัดเล แรกปลูกทรพิษ2 ในกรุงเทพ ฯ ด้วยพันธุ์ท่ีได้ มาจากอเมริกาเปน็ ครงั้ แรก 1 ศาสนาจารยเ์ จสซี แคสเวลล์ (Rev. Jesse Caswell) สงั กดั คณะ American Board of Commissioners for Foreign Missions เข้ามาเผยแผค่ ริสต์ศาสนาพร้อมกบั ภรรยา ศาสนาจารย์แคสเวลล์สอนภาษาองั กฤษถวายพระวชริ ญาโณ (สมเดจ็ เจา้ ฟา้ มงกุฎ ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) กับคณะสงฆ์จ�ำนวนหนึ่งท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎ ทรงอนุญาตให้ศาสนาจารย์แคสเวลล์ แจกหนังสือสอนศาสนาได้ท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร เม่ือศาสนาจารย์แคสเวลล์ถึงแก่กรรม ใน พ.ศ. ๒๓๙๒ ภรรยาและบุตรเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา ต่อมา พ.ศ. ๒๔๐๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฝากเงินไปกับหมอมัตตูน (Dr. Mattoon) พระราชทานแก่นางแคสเวลล์ จ�ำนวน ๑,๐๐๐ ดอลลาร์ เพื่อแสดงความกตัญญู ต่อพระอาจารย์ และ พ.ศ. ๒๔๐๗ ทรงฝากเงินไปกับหมอเฮาส์ (Dr. House) พระราชทานแก่นางแคสเวลล์ อีกจ�ำนวน ๕๐๐ ดอลลาร์ นอกจากนน้ั ยงั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งอนสุ าวรีย์ศาสนาจารยแ์ คสเวลลท์ ส่ี ุสานของพวกโปรเตสแตนต์ เขตยานนาวา กรงุ เทพ ฯ 2 หมอบรัดเลเริ่มทดลองปลูกฝีโดยใช้วัคซีนต้ังแต่ พ.ศ. ๒๓๗๙ แต่การทดลองไม่ได้ผล คร้ังน้ีเป็นการปลูกฝีป้องกัน ไขท้ รพิษโดยใชว้ ัคซนี ใหแ้ กบ่ ตุ รธิดาของเจา้ พระยาพระคลงั (ดิศ บุนนาค) จ�ำนวน ๑๐ คน และเชลยมลายู จ�ำนวน ๖๕ คน กอ่ นหนา้ น้ี มชิ ชนั นารเี คยใชว้ ิธปี ลูกฝีแบบใช้สะเกด็ ฝี (inoculation) เป็นคร้งั แรกในประเทศไทยเม่ือเดอื นตุลาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ (ค.ศ. ๑๘๓๘)
20 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑๖ ปชี วด จลุ ศักราช ๑๒๐๓ พ.ศ. ๒๓๘๔1 ตุลาคม ท่ี ๑๗ พวกมิชชันนารีอเมริกันเพ่ิมเติมกันเข้ามาเป็นครั้งเป็นคราว มรี วมกนั อยูใ่ นกรุงเทพ ฯ ทัง้ บตุ รภรรยา ๒๔ คน ปฉี ลู จุลศักราช ๑๒๐๓ พ.ศ. ๒๓๘๕2 ๑๘๔๑ ตุลาคม โรงพิมพม์ ิชชนั นารหี ลอ่ ตวั พมิ พอ์ กั ษรไทยได้เองเปน็ ครั้งแรก ปขี าล จุลศกั ราช ๑๒๐๔ พ.ศ. ๒๓๘๕ ๑๘๔๒ ธนั วาคม เล่าลือแลตื่นกันในพวกไทยว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัวกร้ิวคนท่ีรับแจกหนังสือสอนศาสนาของพวกมิชชันนารี พากัน ท�ำลายหนังสือที่รับไปจากพวกมิชชันนารีเสียมาก ภายหลังปรากฏว่า หาได้กร้วิ อยา่ งที่ลอื ไม่ ธนั วาคม ท่ี ๕ เกิดโรคไข้ทรพิษ คนมาขอให้มิชชันนารีปลูก มิชชันนารีไม่มีพันธุ์ หนองฝีท่ีเคยได้มาจากอเมริกา ต้องเอาหนองฝีดาษปลูกลูกของตนเอง ก่อนแล้วปลูกให้ผู้อ่ืน มีตายบ้าง ๑๘๔๓ มกราคม ท่ี ๑๒ มิชชันนารีพิมพ์ปดิทินภาษาไทยครั้งแรก3 1 ควรจะเป็นปีชวด จลุ ศกั ราช ๑๒๐๒ พ.ศ. ๒๓๘๓ 2 ควรจะเปน็ ปีฉลู จุลศกั ราช ๑๒๐๓ พ.ศ. ๒๓๘๔ 3 สันนษิ ฐานวา่ ไมใ่ ช่ “ปฏทิ นิ ” ตามความหมายในปัจจบุ นั ซ่ึงระบเุ ฉพาะวันเดอื นปี แต่เป็นวารสารรายปีท�ำนองเดียวกับ Bangkok Calendar ที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ
จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล 21 ปีเถาะ จลุ ศกั ราช ๑๒๐๕ พ.ศ. ๒๓๘๖ พฤศจกิ ายน ท่ี ๑๘ นายยอน ฮัสเสต ชันดเลอ1 มิชชันนารีเข้ามาถึง (คนนี้ไทย เรยี กวา่ หมอจันดเล) มนี าคม ที่ ๔ เห็นดาวหางเอลกี เหน็ อยู่ในกรงุ เทพ ฯ สักเดือน ๑ คนต่นื กนั ๑๘๔๔ มกราคม ท่ี ๑๑ เรอื ก�ำปั่นไฟ ชอื่ เอก็ สเปรส2 ขน้ึ มาถงึ กรงุ เทพ ฯ เป็นเรอื ก�ำปัน่ ไฟล�ำแรกทไี่ ดเ้ หน็ ในแม่น�ำ้ เจา้ พระยา มนี าคม ที่ ๑๑ ไฟไหมท้ ร่ี ิมวัดเลยี บ3 มีนาคม ท่ี ๑๕ ไฟไหมท้ ่รี มิ วัดแจ้ง4 1 จอห์น ฮัสเซตต์ ชันดเลอร์ (John Hassett Chandler) ชาวอเมริกัน มีความเช่ียวชาญด้านการพิมพ์และเคร่ืองจักร เรือกลไฟ ชันดเลอร์เป็นมิชชันนารีที่ไม่ได้บวช (lay missionary) สังกัด American Baptist Board เคยปฏิบัติงานใน ประเทศพม่า จากน้ันจงึ เดินทางเขา้ มาประจ�ำในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๖ พระวชิรญาโณ หรอื สมเด็จเจา้ ฟา้ มงกฎุ (ต่อมาคอื พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั ) และสมเดจ็ เจ้าฟ้าจฑุ ามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) โปรดที่จะเสด็จ ฯ ไปทรงปรึกษาและขอความช่วยเหลือ ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่จากชันดเลอร์ ต่อมา พ.ศ. ๒๓๙๙ ชันดเลอร์แยกตัวออกจากคณะ American Baptist Board มาต้ังโรงพมิ พ์ของตนเองและท�ำธุรกจิ ต่าง ๆ กบั ราชส�ำนักไทย รวมท้ังเปน็ นายหนา้ ซื้อเคร่ืองจักรจากสหรัฐอเมรกิ า และค้าข้าวกบั จนี ระหวา่ ง พ.ศ. ๒๔๐๒ - ๒๔๐๔ ชันดเลอรท์ �ำหนา้ ทรี่ ักษาการกงสุลอเมริกนั ประจ�ำกรุงเทพ ฯ ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๔๐๘ ถูกฟ้องร้องเร่ืองไม่ยอมช�ำระค่าเครื่องจักรท่ีสั่งซ้ือจากสหรัฐอเมริกาในฐานะนายหน้าของราชส�ำนักไทย ชันดเลอร์แพ้คดี ต้องจ่าย หน้ีสินมลู ค่า ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์ รัฐบาลไทยช่วยเหลือชนั ดเลอร์โดยว่าจ้างเปน็ ล่ามและผูแ้ ปลเอกสารแกท่ างราชการ ใน พ.ศ. ๒๔๑๐ ไดเ้ ปน็ ครสู อนภาษาอังกฤษถวายสมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจ้าฟา้ จุฬาลงกรณ์ (ต่อมาคอื พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ) แทนแอนนา เลยี วโนเวนส์ (Anna Leonowens) ชนั ดเลอร์เดนิ ทางกลบั ไปสหรฐั อเมริกาในชว่ งปลายทศวรรษ ๒๔๑๐ 2 Express เป็นเรือก�ำป่ันไฟล�ำแรกทีเ่ ข้ามากรุงเทพ ฯ 3 วัดโบราณสมัยอยุธยา สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ (ต้นราชสกุล เทพหัสดิน) ทรงบูรณ ปฏิสังขรณ์ในรัชกาลท่ี ๑ และโดยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงร่วมบูรณะด้วย จึงพระราชทาน นามวา่ วัดราชบรุ ณ ชว่ งสงครามโลกครั้งที่ ๒ ใน พ.ศ. ๒๔๘๘ วดั ราชบรุ ณถกู ระเบิดเสียหายมาก ทง้ั พระอโุ บสถ พระวหิ ารและ กุฏิ เสนาสนะ จงึ ยบุ เลกิ วัด ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๙๑ มกี ารบูรณปฏิสงั ขรณ์ตั้งเปน็ วดั ข้ึนใหม่อีกครั้ง 4 วัดโบราณสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้�ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก เหนือพระราชวังกรุงธนบุรี หรือพระราชวังเดิม พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนสร้อยนามเป็น วดั อรุณราชวราราม
22 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ ปีมะโรง จลุ ศกั ราช ๑๒๐๖ พ.ศ. ๒๓๘๗ มีนาคม ที่ ๒๘ ขนุ นางผู้ใหญใ่ นกรมนาคน ๑ อายุ ๗๓ เป็นต้อตามืดมาชา้ นาน หมอบรดั เลตดั ตอ้ กลบั แลเห็นได้ เมษายน ขา้ วแพง ข้าวสารราคาถังละบาท กรกฎาคม ที่ ๔ พวกมิชชันนารีท�ำหนังสือพิมพ์ข่าวออกเป็นภาษาไทยครั้งแรก เรียกช่ือ บางกอกริคอเดอ1 สิงหาคม ที่ ๕ เร่ิมปลูกทรพิษอีกครั้ง ๑ ต้องหยุดมาถึง ๔ ปี เพราะขาด พันธุ์หนอง 1 บางกอกรีคอร์เดอร์ (Bangkok Recorder) เป็นหนังสือพิมพ์ภาษาไทยฉบับแรกในประเทศไทย ออกจ�ำหน่ายเป็น รายเดือนเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๘๗ หมอบรัดเล มชิ ชนั นารีอเมรกิ ันเปน็ เจ้าของและบรรณาธกิ าร ออกได้ประมาณปเี ดียว ก็หยุด เพราะจ�ำหน่ายไม่ดี ต่อมาในวันท่ี ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๗ (ค.ศ. ๑๘๖๕) มีการร้ือฟื้นบางกอกรีคอร์เดอร์อีกครั้ง เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ออกจ�ำหน่ายเป็นรายปักษ์ และในเดือนมีนาคมปีเดียวกัน มีการพิมพ์บางกอกรีคอร์เดอร์ฉบับภาษาไทย เป็นรายปกั ษด์ ้วย เรียกว่า “หนังสอื จดหมายเหต”ุ ฉบบั วนั ที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๐๗ (ค.ศ. ๑๘๖๕) เป็นฉบับแรก ออกจ�ำหน่ายได้ ๒ ปีก็ต้องหยุด ฉบับสุดท้ายคือฉบับวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๐๙ (ค.ศ. ๑๘๖๗) หมอบรัดเลให้เหตุผลว่า ขาดทุนมาก และรฐั บาลไทยไมค่ อ่ ยพอใจกับการมหี นงั สือพิมพ์ ส่วนฉบบั ภาษาองั กฤษหยดุ ไปก่อนนแี้ ลว้ เม่ือออกจ�ำหนา่ ยได้ ๒ ปี เพราะขาดทนุ และเป็นงานหนกั ไม่มใี ครช่วย จนท�ำใหไ้ มม่ ีเวลาสอนศาสนาซ่ึงเป็นงานหลกั
จดหมายเหตุของหมอบรัดเล 23 ปีมะเมยี จุลศกั ราช ๑๒๐๘ พ.ศ. ๒๓๘๙ ๑๘๔๖ เมษายน ที่ ๑๑ ได้พันธุ์หนองมาจากเมืองบอสตัน ได้ลงมือปลูกทรพิษซึ่ง หยดุ มาปี ๑ ปลูกคราวน้เี ป็นครั้งที่ ๓ ๑๘๔๗ มีนาคม พวกจีนจลาจลทท่ี า่ จนี 1 มีนาคม ที่ ๒๒ นายสตฟี ิน มตั ตนู 2 มิชชันนารกี บั หมอแซมยวล เฮาส์ 3 หมอใน พวกมชิ ชนั นารี เขา้ มาถึง (ไทยเรียกกันวา่ หมอมะตนู หมอเฮ้า) 1 ในสมัยรัชกาลท่ี ๓ มีชาวจีนอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นจ�ำนวนมาก เฉล่ียปีละประมาณ ๑๕,๐๐๐ คน ชาวจีนส่วนหนึ่งจัดต้ังสมาคมลับเรียกว่า ตั้วเหี่ย ต่อมาเรียก อ้ังย่ี เลียนแบบสมาคมลับในประเทศจีน มีจุดประสงค์เพ่ือช่วยเหลือ ชาวจีนเม่ือแรกอพยพเข้ามา เช่น ให้อาหาร ที่พักอาศัยและช่วยจัดหางานให้ ฯลฯ ต่อมาสมาคมตั้วเหี่ยเร่ิมหารายได้ อย่างผิดกฎหมาย ท้ังลักลอบค้าฝิ่น ปล้นสะดมเรือสินค้าและบ้านราษฎรท่ัวไป เป็นเหตุให้รัฐบาลต้องปราบปรามกันหลายครั้ง เช่น การปราบต้ัวเห่ียที่นครชัยศรี และสมุทรสาครใน พ.ศ. ๒๓๘๕ การปราบต้ัวเห่ียท่ีปากน้�ำเจ้าพระยาและบางปะกง ใน พ.ศ. ๒๓๘๗ การปราบตั้วเหี่ยท่ีภาคใต้ใน พ.ศ. ๒๓๘๘ เป็นต้น พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๓ ระบวุ า่ เกดิ เหตกุ ารณจ์ นี จลาจลทที่ า่ จนี ในเดอื นมนี าคม พ.ศ. ๒๓๙๐ (ค.ศ. ๑๘๔๘) มีจีนเพียวเป็นหัวหน้า ครั้งนั้นพระยามหาเทพท�ำหน้าท่ีรับผิดชอบในการปราบปราม แต่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ต่อมาจีนเพยี วจงึ คดิ ก�ำเริบถึงกับวางแผนจะเข้ามาตกี รงุ เทพ ฯ พระบาทสมเดจ็ พระนัง่ เกล้าเจา้ อยู่หัว จึงโปรดเกล้า ฯ ใหเ้ จา้ พระยา พระคลัง (ดิศ บุนนาค ต่อมาเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์) น�ำก�ำลังจากกรุงเทพ ฯ ไปปราบ สามารถจับจีนเพียว และสังหารลูกนอ้ งไดถ้ งึ ๔๐๐ คน 2 ศาสนาจารย์สตีเฟน มัตตูน (Rev. Stephen Mattoon) มิชชันนารีชาวอเมริกันสังกัดคณะ Presbyterian Board ใน พ.ศ. ๒๓๙๐ เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในประเทศไทย พรอ้ มภรรยาและศาสนาจารย์แซมวล เรโนลดส์ เฮาส์ (Rev. Samuel Reynolds House, M.D.) หลังจากที่เทาวน์เซนด์ แฮร์ริส (Townsend Harris) ทูตผู้มีอ�ำนาจเต็มของรัฐบาลอเมริกันได้ตกลง ท�ำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรี พาณิชย์และการเดินเรือระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย และจัดตั้งสถานกงสุลขึ้นในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๙ ศาสนาจารย์มัตตูนได้เป็นกงสุลอเมริกันประจ�ำประเทศไทยเป็นคนแรกจนกระท่ัง พ.ศ. ๒๔๐๒ จากนั้น จึงเดินทางกลบั สหรัฐอเมริการะยะหน่ึง เม่ือกลบั มากรุงเทพ ฯ อีกครั้ง กท็ �ำงานด้านเผยแผศ่ าสนาอย่างเดยี วจนถงึ พ.ศ. ๒๔๐๘ 3 ศาสนาจารย์แซมวล เรโนลด์ส เฮาส์ หรือที่คนไทยออกเสียงว่า “หมอเหา” เป็นแพทย์และมิชชันนารีชาวอเมริกัน สังกัดคณะ Presbyterian Board เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในไทยตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๙๐ - ๒๔๑๙ มีบทบาทส�ำคัญในการ เผยแพร่วิชาการแพทย์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และจัดต้ังโรงเรียนของมิชชันนารีทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัด หนึ่งในโรงเรียนท่ีหมอเฮาส์จัดต้ังข้ึนคือ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ส่วนภรรยาของหมอเฮาส์ (Harriet Pettit House) เป็นผู้กอ่ ตั้งโรงเรียนวัฒนาวทิ ยาลยั
24 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ ศาสนาจารย์สตเี ฟน มตั ตูน (Rev. Stephen Mattoon) ศาสนาจารยแ์ ซมวล เรโนลด์ส เฮาส์ (Rev. Samuel Renolds House)
จดหมายเหตุของหมอบรัดเล 25 ปีวอก จุลศกั ราช ๑๒๑๐ พ.ศ. ๒๓๙๑ ๑๘๔๙ มกราคม ที่ ๑๗ นายแซมยวล สมิท1 มิชชันนารีเข้ามาถึง (คนน้ีคือ หมอสมิท ที่บางคอแหลม) ปรี ะกา จลุ ศกั ราช ๑๒๑๑ พ.ศ. ๒๓๙๒ กรกฎาคม เกดิ อหวิ าตกโรค ปจี อ จลุ ศักราช ๑๒๑๒ พ.ศ. ๒๓๙๓ ๑๘๕๐ มีนาคม ที่ ๒๔ บาเลสเตยี 2 ทูตอเมรกิ นั มาขอท�ำสัญญาใหม่ ไมส่ �ำเร็จ สิงหาคม ท่ี ๒๒ เซอร์ เยมส บรกุ๊ 3 (ไทยเรยี ก เย สปั รษุ ) ทตู องั กฤษมาขอท�ำสญั ญา ใหม่ ไม่ส�ำเร็จ 1 ศาสนาจารย์แซมวล สมิท เป็นเด็กก�ำพร้าลูกคร่ึงอังกฤษ - อินเดียในพม่า เม่ือศาสนาจารย์จอห์น เทย์เลอร์ โจนส์ ไปเผยแผ่คริสต์ศาสนาในพม่าได้รับไว้เป็นบุตรบุญธรรม แล้วพาเข้ามากรุงเทพ ฯ ด้วยใน พ.ศ. ๒๓๗๖ ขณะน้ันสมิทมีอายุ ๑๒ ปี ตอ่ มาสมิทเดินทางออกไปสหรฐั อเมริกาแลว้ กลับมากรุงเทพ ฯ อกี คร้งั ใน พ.ศ. ๒๓๙๒ ในปเี ดยี วกันน้ีสมัครเข้าเป็นมชิ ชันนารี คณะ Baptist และใน พ.ศ. ๒๓๙๖ ได้แต่งงานกับภรรยาหม้ายคนที่ ๓ ของศาสนาจารย์โจนส์ ศาสนาจารย์สมิทได้แยกตัวออกจากคณะ Baptist ใน พ.ศ. ๒๔๑๑ และตั้งโรงพิมพ์ของตนเองข้ึนท่ีบางคอแหลม มีผลงานส�ำคัญ ๆ เช่น เป็นบรรณาธิการและผู้จัดพิมพ์หนังสือพิมพ์รายปักษ์ภาษาอังกฤษช่ือ The Siam Weekly Advertiser ต่อมาจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์อีก ๒ ฉบับ คือ The Siam Repository และ The Siam Directory ออกหนังสือพิมพ์รายวัน ภาษาไทยชื่อ “จดหมายเหตุสยามไสมย” เพื่อลงข่าวราชการและแจ้งความทั่วไป ศาสนาจารย์สมิทเริ่มน�ำวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี มาลงพิมพ์ติดต่อกันทุกวันจนจบเรื่อง อีกทั้งได้จัดพิมพ์เรื่อง พระอภัยมณี เป็นเล่มเล็ก ๆ ออกจ�ำหน่าย สามารถท�ำ ก�ำไรได้มากจนสามารถสร้างตึกได้ ๑ หลัง ศาสนาจารย์สมิทยังเขียนพจนานุกรมอังกฤษ - ไทย มีช่ือว่า “สรรพพจนานุโยค” แ ละเขียน2พ จโนจาเซนฟุกรบมัลไทเลยสเ-ตอยี ังรก์ (ฤJษosดeว้ pยhแBตa่เขllยีesนtยieังrไ)มทจ่ ตูบอกเถ็มึงรแกิ กนั ก่ รซรง่ึ มปเรสะยี ธกา่อนนาธใิบนดพีแซ.ศค.า๒รี ๔เท๕ย๒เ์ ลอร์ (Zachary Taylor) สง่ เขา้ มา ในสมัยรัชกาลที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๙๓ เพ่ือเจรจาขอแก้ไขสนธิสัญญาที่เอดมันด์ รอเบิร์ตส์ (Edmund Roberts) เป็นทูตมาท�ำไว้ เมอ่ื พ.ศ.3 ๒๓เ๗ซอ๕ร์เแจตมก่ สา์ รบเจรรุกจา(ใSนiเrบ้อืJaงตmน้ eไsมส่ B�ำrเoรจ็okจeงึ เพดนิ.ศท.าง๒ก๓ล๔บั ๖ไปเ-มอื่ ๒ว๔ัน๑ที่๑๒)๒เปเม็นษนาักยผนจญพ.ภศัย. ช๒า๓ว๙อัง๓กฤ(คษ.ศ.ได๑้ร๘ับ๕แ๐ต)่งตั้งจาก สุลต่านแห่งบรูไน (Brunei) ให้เป็นราชาแห่งซาราวัค (Sarawak) ใน พ.ศ. ๒๓๘๕ เพราะช่วยปราบกบฏของพวกดยัค (Dyak) ในซาราวัค ต่อมารัฐบาลอังกฤษแต่งตั้งให้เป็นผู้ส�ำเร็จราชการอังกฤษแห่งเกาะลาบวน (Labuan) ซ่ึงอยู่ทางเหนือของรัฐบรูไน และเป็นข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจ�ำเกาะบอร์เนียว (Borneo) มีบรรดาศักด์ิเป็นเซอร์ (Sir) ต่อมา พ.ศ. ๒๓๙๓ กระทรวง การต่างประเทศของอังกฤษแต่งต้ังให้เป็นทูตผู้มีอ�ำนาจเต็มเข้ามาเจรจากับราชส�ำนักไทย เพื่อขอแก้ไขสนธิสัญญาเจริญทาง พระราชไมตรีและพาณิชย์กับไทยใน พ.ศ. ๒๓๖๙ แต่การเจรจาไม่เป็นผลส�ำเร็จ เพราะราชส�ำนักไทยเห็นว่าอังกฤษเรียกร้อง ผลประโยชน์ทางการค้าและการเมืองมากเกินไป เซอร์เจมส์ บรุก จึงเสนอให้รัฐบาลอังกฤษใช้ก�ำลังทางทหารบีบบังคับไทย พอดีเป็นเวลาทป่ี ระเทศไทยเปล่ียนรชั กาล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัวทรงมีนโยบายผ่อนปรนและยอมแก้ไขสนธิสญั ญา ตามที่องั กฤษต้องการ ไทยจงึ รอดพน้ จากการถกู บบี บงั คบั ด้วยก�ำลงั ในทสี่ ุด
26 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ ศาสนาจารย์แซมวล สมทิ (Rev. Samuel Smith) เซอร์เจมส์ บรกุ (Sir James Brook)
จดหมายเหตขุ องหมอบรดั เล 27 กันยายน พวกไทยท่ีเป็นลูกจา้ งฝร่ัง พากันตืน่ ว่ากร้ิว ตลุ าคม พวกเสมยี นแลครไู ทยทไี่ ปท�ำการกบั มชิ ชนั นารี ถกู จบั ขงั หลายคน (เข้าใจว่าจะเป็นคราวนี้ที่เกิดความเรื่องนายโหมด อมาตยกุล1 พิมพ์ กฎหมาย) ๑๘๕๑ มกราคม ท่ี ๑๕ ไฟไหม้ทส่ี �ำเพ็ง ปีกนุ จุลศกั ราช ๑๒๑๓ พ.ศ. ๒๓๙๔ เมษายน ที่ ๓2 พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกล้าเจา้ อยู่หวั สวรรคต 1 เป็นบุตรพระยามหาอ�ำมาตยาธิบดี (ป้อม) ต้นสกุล อมาตยกุล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ใหเ้ ปน็ มหาดเลก็ รายงาน ก�ำกับราชการกรมชา่ งสิบหมู่ ชา่ งท�ำเรือพระทนี่ ัง่ และเรอื กระบวนต่าง ๆ และช่างสานเสอื่ เงินส�ำหรับปลู าด ในมณฑปพระพทุ ธบาท เมอื งสระบรุ ี นายโหมดมีความสนใจวทิ ยาการสมยั ใหมข่ องตะวันตกท่ีเรม่ิ แพรเ่ ข้ามาในประเทศไทยขณะนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาเคมีและเคร่ืองจักรกล จึงไปศึกษาหาความรู้จากมิชชันนารีชาวอเมริกัน เช่น หมอเฮาส์ และนายชันดเลอร์ หมอบรัดเลเขียนชมเชยนายโหมดว่า เป็นชายหน่มุ หน้าตาดีและมคี วามเฉลยี วฉลาดเปน็ เยีย่ ม ใน พ.ศ. ๒๓๙๐ นายโหมดได้จ้างหมอบรดั เลพิมพ์กฎหมายตราสามดวง ซึ่งเปน็ หนังสืออยูใ่ นหอหลวง ความยาว ๒ เล่ม จ�ำนวน ๒๐๐ ชุด เล่ม ๑ พิมพเ์ สร็จใน พ.ศ. ๒๓๙๓ จากน้นั จึงเริ่มออกจ�ำหนา่ ย เมื่อความทราบถงึ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ ให้ริบหนังสือกฎหมายตราสามดวง ท้ังที่พิมพ์เสร็จแล้วและท่ียังเป็นส�ำเนาคัดลอก เพราะทรงเกรงว่า จะเป็นช่องทางให้พวกหัวหมอน�ำไปใช้เป็นเคร่ืองมือส�ำหรับคดโกง ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ ให้คืนหนังสือกฎหมายตราสามดวงท่ีริบมาทั้งหมดคืนแก่นายโหมด และทรงอนุญาตให้จัดพิมพ์หนังสือกฎหมาย ตราสามดวงได้ เพราะทรงเห็นว่าเปน็ ประโยชนแ์ กป่ ระชาชนทั่วไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ ให้นายโหมดเป็นนายพิจิตรสรรพการ หุ้มแพรเวรฤทธ์ิ ต่อมา เป็นพระวสิ ตู รโยธามาตย์ เจา้ กรมกษาปณ์คนแรก ถงึ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อย่หู วั พ.ศ. ๒๔๑๑ โปรดเกลา้ ฯ ให้เป็นพระยากษาปนกจิ โกศล ใน พ.ศ. ๒๔๑๗ เปน็ ทีป่ รึกษาราชการแผน่ ดิน (State Council) และท่ปี รกึ ษาราชการในพระองค์ (Privy Council) นอกจากน้ันยังโปรดเกล้า ฯ ให้เป็นตุลาการศาลรับส่ัง ต่อมาเมื่อเกิดคดีพระยาอาหารบริรักษ์ (นุช บุญ - หลง) เสนาบดีกรมนา ถูกฟ้องร้องในข้อหาที่ไม่ยอมส่งบัญชีรายได้ให้หอรัษฎากรพิพัฒน์ตรวจสอบ พระยากษาปณกิจโกศลเป็นประธาน คณะตุลาการพิจารณาคดี พระยากษาปณกิจโกศลนับเป็นหนึ่งในก�ำลังส�ำคัญของกลุ่มขุนนาง ซึ่งสนับสนุนพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดิน อน่ึง เมื่อเกิดคดีพระปรีชากลการ (ส�ำอาง อมาตยกุล) ผู้เป็นบุตรชายถูกฟ้องร้องในข้อหาทุจริตและท�ำให้คนตาย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๒ พระปรีชากลการถูกตัดสินประหารชีวิต ส่วนพระยากษาปณกิจโกศล (โหมด) ถูกถอดจากต�ำแหน่งและคุมขัง อยู่จนถึง พ.ศ. ๒๔๒๕ ถึงแก่อนิจกรรมในวันท่ี ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๙ 2 พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๓ ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ในวนั พุธที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๓๙๔
28 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ รัชกาลท่ี ๔ พฤษภาคม ที่ ๑๕ บรมราชาภิเษกพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั พฤษภาคม ท่ี ๒๐ เลยี บพระนครทางบก พฤษภาคม ท่ี ๒๑ เลียบพระนครทางเรอื มิถุนายน ที่ ๓ พระบาทสมเดจ็ พระปิน่ เกลา้ เจา้ อยู่หวั เลียบพระนครทางบก กรกฎาคม ที่ ๒๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรม ราชานุญาต ให้พวกมิชชันนารีเช่าที่ส�ำหรับท�ำการ พวกมิชชันนารีหาท่ี มา ๒ ปแี ล้ว ไมส่ �ำเร็จ สงิ หาคม ที่ ๑๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งไปยังพวก มิชชันนารีให้จัดหาหญิงในพวกมิชชันนารีเข้าไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ใหข้ ้างใน พวกมิชชนั นารีประชุมปรกึ ษากันจัดหญงิ ในมชิ ชันนารี (๓ พวก ๓ พวกนั้น เพราะสังกัดอยู่ในสภาต่างกันในอเมริกา คือ สภาบับติสต์1 พวก ๑ สภาฟอเรนมิชชัน2 พวก ๑ สภาเปรสะบิเตอเรียน3 พวก ๑ แต่เป็นอเมริกันเหมือนกันทั้งนั้น) ผลัดเปล่ียนกันเข้าไปสอน อาทิตย์ละ ๒ วัน สอนอยสู่ ัก ๓ ปี จึงไดห้ ยดุ 1 American Baptist Board เป็นคณะมิชชันนารที ่สี ง่ ศาสนาจารยจ์ อหน์ เทยเ์ ลอร์ โจนส์ (Rev. John Taylor Jones) เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในไทย พ.ศ. ๒๓๗๖ ภายหลัง American Baptist Board รวมเข้ากับ American Board of Commissioners for Foreign Missions และมีชื่อใหม่ว่า American Baptist Board and American Board of Commissioners for Foreign Missions 2 American Board of Commissioners for Foreign Missions (ABCFM) มิชชันนารีคนแรกของคณะนี้ ท่ีเข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในประเทศไทยเม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๔ คือ ศาสนาจารย์เดวิด เอบีล (Rev. David Abeel) 3 Presbyterian Board หรืe Presbyterian Board of Foreign Missions หรือ Board of Foreign Missions, Presbyterian Church ตง้ั ขนึ้ ในสหรฐั อเมรกิ า เม่อื พ.ศ. ๒๓๘๐ ศาสนาจารยอ์ าร์. ดับเบลิ ย.ู ออร์ (Rev. R. W. Orr) เปน็ ตวั แทน เขา้ มาส�ำรวจประเทศไทย เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๘๑ ก่อนจะสง่ ศาสนาจารย์วลิ เลยี ม พ.ี เบยี ลล์ (Rev. William P. Buell) เข้ามาเผยแผ่ คริสตศ์ าสนาในประเทศไทย เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๘๓
จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล 29 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั รชั กาลท่ี ๔ แหง่ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ (พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๑๑) พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอย่หู ัว
30 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ ตุลาคม ท่ี ๑๑ กัปตันอิมเป1 เป็นนายทหารอังกฤษ เดินบกเข้ามาจากเมือง เมาะล�ำเลิง เข้ารับราชการเป็นครูทหารวังหลวง เป็นครูของครูเล็ก ครูกรอบ ครเู ชงิ เลงิ 2 ทเี่ ปน็ ครูทหารเมือ่ แรกรชั กาลท่ี ๕ ๑๘๕๒ กุมภาพนั ธ์ ที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรม ราชานุญาตให้มิชชันนารีเช่าที่หลังป้อมวิไชยประสิทธิ์3 (คือบ้าน ที่หมอบรัดเลอยู่จนตายเมื่อปีชวด จุลศักราช ๑๒๑๔ พ.ศ. ๒๓๙๕ ค.ศ. ๑๘๗๔)4 เมษายน ที่ ๑๕ ถวายพระเพลงิ พระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั 5 1 Captain Impey เป็นนายทหารอังกฤษท่ีมีสกุล แต่ชีวิตตกอับ ต้องเดินทางมาเสี่ยงโชคหางานท�ำในอินเดีย หรือตะวันออกไกล การหางานที่เสี่ยงโชคและผจญภัยเช่นนี้เป็นที่นิยมกันมากของคนอังกฤษสมัยคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ - ๑๙ ครั้งนั้นอิมเปและอดีตนายทหารอังกฤษคือ ร้อยเอก ทอมัส จอร์จ นอกซ์ (Thomas George Knox) เดินทางเข้ามาเมืองไทย ในสมัยรชั กาลที่ ๔ โปรดเกล้า ฯ ใหอ้ มิ เปเปน็ ผู้ฝึกสอนทหารแบบฝรง่ั ของวงั หลวง และนอกซ์เป็นผฝู้ กึ สอนทหารแบบฝรงั่ ของวังหนา้ 2 หมื่นทรงพยุห ได้เล่ือนเป็นขนุ เจนกระบวนหัด ศกั ดนิ า ๔๐๐ พนักงานฝกึ หดั ทหารอย่างยโุ รป เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๓ 3 เป็นชื่อป้อมบางกอกฝั่งตะวันตก เดิมที่บางกอกมีป้อมท้ังสองฝั่งแม่น�้ำเจ้าพระยา สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) โปรดเกล้า ฯ ให้ออกญาวิชาเยนทร์ หรือวิไชยเยนทร์ ข้าราชการชาวกรีกผู้มีชื่อเดิมว่า คอนสแตนติน ฟอลคอน (Constantine Phaulkon) เปน็ ผู้ออกแบบและเป็นแม่กองในการก่อสรา้ ง ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๒๒๘ เมือ่ พระเจ้าหลยุ ส์ที่ ๑๔ (Louis XIV พ.ศ. ๒๑๘๖ - ๒๒๕๘) แหง่ ฝรงั่ เศสส่งคณะทตู น�ำโดยเชอวาลเิ ยร์ เดอ โชมองต์ (Chevalier de Chaumont) เข้ามา เจริญสัมพันธไมตรีกับราชส�ำนักอยุธยา สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงขอให้นายช่างฝรั่งเศสช่ือ เดอ ลา มาร์ (de la Mare) ซ่งึ เดินทางมาพรอ้ มกบั คณะทตู ให้อยตู่ อ่ เพอ่ื ชว่ ยควบคมุ การสรา้ งปอ้ มและใหน้ ายเรือเอก เดอ ฟอร์แบง็ (de Forbin) เปน็ ผู้รักษา การเมืองบางกอก ใน พ.ศ. ๒๒๓๐ รัฐบาลไทยยินยอมให้กองทหารฝรั่งเศสจ�ำนวน ๔๙๓ คน เข้าประจ�ำการป้อมท้ังสองฝั่ง ของแม่น้�ำเจ้าพระยา ต่อมากองทหารฝร่ังเศสได้ถอนตัวออกไปใน พ.ศ. ๒๒๓๑ เม่ือสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จสวรรคต และเกิดการจลาจลต่อต้านทหารฝรั่งเศสขึ้นในกรุงศรีอยุธยา ถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชา (พ.ศ. ๒๒๓๑ - ๒๒๔๖) โปรดให้ร้ือ ป้อมทางฝั่งตะวันออกบางส่วน เพราะทรงพิจารณาว่าเกินก�ำลังท่ีทหารไทยจะรักษาไว้ได้ ในพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี เรียกป้อมทั้งสองฝั่งว่า ป้อมวิไชยเยนทร์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้า ฯ ให้ดัดแปลงบริเวณป้อมฝั่งตะวันตก เป็นพระต�ำหนักที่ประทับและพระราชทานนามใหม่ว่า ป้อมวิไชยประสิทธิ ต่อมาในสมัยรัชกาลท่ี ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้า ฯ ให้ร้ือป้อมทางฝั่งตะวันออก ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ เรียกว่า ป้อมวิชเยนทร์ประสิทธิ และรื้อก�ำแพงเมืองเก่าของกรุงธนบุรีบางส่วนลง เพื่อขยายเมืองให้กว้างออกไปและน�ำอิฐมาก่อสร้างก�ำแพงเมืองใหม่ด้วย 4 หมอบรดั เลถงึ แก่กรรมเม่ือวันท่ี ๒๓ มถิ ุนายน ค.ศ. ๑๘๗๓ ดังนนั้ ทถี่ ูกต้องควรเปน็ ปีระกา เบญจศก จลุ ศกั ราช ๑๒๓๕ พ.ศ. ๒๔๑๖ 5 พระราชพงศาวดารกรงุ รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ ระบวุ า่ ตรงกับวนั พธุ ที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๙๕
จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล 31 ตุลาคม ท่ี ๑๐ สมเดจ็ พระนางโสมนศั สิ้นพระชนม์ ธันวาคม กรมหลวงวงษาธิราชสนิท1 เสด็จยกกองทัพไปตเี มืองเชยี งตุง2 ปีฉลู จุลศักราช ๑๒๑๕ พ.ศ. ๒๓๙๖ ๑๘๕๓ มีนาคม ที่ ๑๙ พระราชทานเพลงิ พระศพสมเดจ็ พระนางโสมนศั กรกฎาคม ที่ ๒๙ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานที่ริมแม่น้�ำ ข้างใต้พระนครแหง่ ๑ ใหเ้ ปน็ ที่ฝังศพพวกโปรเตสตนั ต์ (ยงั ฝังศพฝรงั่ อยู่ จนทกุ วันนี)้ 1 พระนามเดิม พระองค์เจ้านวม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กับเจ้าจอมมารดาปราง ประสูติเม่ือวันท่ี ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๕๑ รัชกาลท่ี ๓ ทรงสถาปนาเป็นกรมหม่ืนวงษาสนิท เมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๕ โปรดเกล้า ฯ ให้ทรงก�ำกับราชการกรมหมอ พระองค์สนพระทัยวิชาการแพทย์แผนตะวันตกที่มิชชันนารีน�ำเข้ามาเผยแพร่และทรงพยายามศึกษา ทางดา้ นน้ี จนไดร้ ับประกาศนยี บัตรจาก New York Academy of Medicine ในรัชกาลที่ ๔ เลื่อนเปน็ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ โปรดเกล้า ฯ ให้เป็นแม่ทัพหลวงไปท�ำสงครามเชียงตุง (พ.ศ. ๒๓๙๕ - ๒๓๙๗) ก�ำกับราชการกรมหมอ กรมมหาดไทย กรมพระคลังสินค้า และเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน สิ้นพระชนม์เม่ือวันท่ี ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๔ ทรงเป็นต้นราชสกุล สนิทวงศ์ ในวาระแห่งวันคล้ายวันประสูติครบ ๒๐๐ ปีของพระองค์ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๑ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ประกาศยกย่องพระเกียรติคุณให้ทรงเป็นบุคคลส�ำคัญของโลก สาขาปราชญ์ และกวี พระนพิ นธ์ส�ำคญั เช่น ต�ำราสรรพคณุ ยาฉบับของกรมหลวงวงษาธริ าชสนทิ เพลงยาวสามชาย นริ าศพระประธม จนิ ดามณี เล่ม ๒ และการตรวจสอบช�ำระพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เป็นต้น 2 เป็นศึกเชียงตุงคร้ังท่ี ๒ ในสมัยรัตนโกสินทร์ คร้ังแรกเกิดข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๓๙๓ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า เจ้าอยู่หัว การที่ไทยยกทัพไปตีเชียงตุงก็เพ่ือใช้เป็นฐานในการช่วยเหลือเจ้านายเมืองเชียงรุ่งที่ขอความช่วยเหลือจากกรุงเทพ ฯ ในปลายสมยั รัชกาลท่ี ๓ แตไ่ มส่ �ำเร็จ ตอ่ มาเม่ือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อยู่หวั เสด็จข้นึ ครองราชย์ ทรงตดั สินพระราชหฤทัย ท�ำศกึ กบั เมอื งเชียงตงุ อกี แตก่ ็ไม่อาจเอาชนะเมืองเชียงตงุ ได้ จากหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ เมืองเชียงตุงสรา้ งขึ้นในสมยั พญามงั ราย เมือ่ พ.ศ. ๑๗๘๖ มคี วามสมั พันธ์ที่แน่นแฟน้ กบั เมอื งเชยี งใหม่ทางวัฒนธรรมและความผกู พันในฐานะบ้านพีเ่ มอื งน้อง เมืองเชยี งตุงตกเปน็ ประเทศราชของพมา่ เม่อื พ.ศ. ๒๑๐๗ แตย่ ังมีอ�ำนาจในการปกครองตนเอง ถงึ พ.ศ. ๒๓๕๐ เมืองเชยี งตงุ เปน็ อิสระจากพมา่ ระยะหน่ึง แลว้ กลับไปยอมรับอ�ำนาจพมา่ อีก เมืองเชียงตุงเป็นเมืองสามฝ่ายฟ้าของจีน พม่า และล้านนา จึงมีความสำ�คัญทางยุทธศาสตร์มาแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะพม่าถือว่าเชียงตงุ เป็นเมืองหน้าดา่ นสำ�คัญในการปอ้ งกันเขตแดน และเป็นฐานขยายอำ�นาจไปยงั หัวเมืองไทยใหญ่อนื่ ๆ ที่อยู่ใต้อำ�นาจของจีน ในด้านเศรษฐกิจ เมืองเชียงตุงเป็นศูนย์กลางการค้า รวมทั้งเป็นทางผ่านและจุดแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่าง จนี พมา่ และลา้ นนา ช่วง พ.ศ. ๒๔๘๕ ระหว่างสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ เมืองเชียงตุงเคยอยู่ภายใต้การปกครองของไทยในฐานะจังหวัดหนึ่ง ชื่อ “สหรัฐไทยเดิม” ปัจจุบันเชียงตุงเป็นเมืองส�ำคัญของรัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (พม่า) ที่ต้ังของเมืองเชียงตุง มลี ักษณะเปน็ แอ่งกระทะ มเี ทอื กเขาลอ้ มรอบอยรู่ ะหวา่ งแมน่ ำ้� สองสาย คือ แม่น้ำ� สาละวนิ ทางตะวนั ตก และแมน่ ้�ำโขงทางตะวนั ออก อาณาเขตทางเหนือติดต่อกับสิบสองปันนาของจีน ทางใต้ติดต่อกับล้านนา (ปัจจุบันอยู่ห่างจากชายแดนไทยด้านเหนือ อ�ำเภอ แม่สาย จังหวดั เชียงราย เป็นระยะทาง ๑๖๘ กิโลเมตร)
32 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑๖ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธริ าชสนทิ
จดหมายเหตขุ องหมอบรัดเล 33 ปีขาล จุลศักราช ๑๒๑๖ พ.ศ. ๒๓๙๗ ๑๘๕๔ ธนั วาคม ท่ี ๔ เปิดคลองผดุงกรงุ เกษม1 ธนั วาคม ที่ ๒๕ มีหมายประกาศให้ด่านคอยตรวจพวกมิชชันนารี ท่ีจะออกไป หัวเมอื งทางทะเล พวกลกู จ้างของมิชชนั นารพี ากันตกใจมาก ๑๘๕๕ กุมภาพนั ธ์ ที่ ๒๒ นายมัว เขา้ มาทางกงสลุ โปจเุ กต คลองผดงุ กรุงเกษม ๑ วนั เปิดคลองใน Abstract of the Journal of Rev. Dan Beach Bradley ระบุวา่ เปน็ วันท่ี ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๙๗ ส่วน พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสนิ ทร์ รัชกาลท่ี ๔ ระบุวา่ โปรดเกล้า ฯ ใหม้ กี ารฉลองวนั เปดิ คลองตัง้ แต่วนั ที่ ๓ - ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๓๙๗ คลองผดุงกรุงเกษมเปน็ คลองคพู ระนครชัน้ นอก ซึ่งพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั โปรดเกล้า ฯ ใหเ้ จา้ พระยา ศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ที่สมุหพระกลาโหมเป็นแม่กองอ�ำนวยการขุด เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๔ เพ่ือขยายพื้นที่พระนครรองรับ จ�ำนวนราษฎรท่เี พ่มิ มากข้นึ ปากคลองด้านเหนอื เริม่ จากรมิ แมน่ �ำ้ เจ้าพระยาข้างวดั เทวราชกญุ ชรมาออกแม่น้�ำเจา้ พระยาด้านทิศใต้ ข้างวัดแก้วฟ้า (เก่า) เป็นแนวขนานกับคลองรอบกรุงซึ่งขุดในรัชกาลที่ ๑ แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๓๙๕ กวา้ ง ๑๐ วา ลึก ๖ ศอก ยาว ๑๓๗ เส้น ๑๐ วา ส้ินค่าใช้จา่ ย ๓๙๑ ช่ัง ๑๓ ต�ำลึง ๑ บาท ๑ เฟือ้ ง เดิมชื่อว่า “คลองขดุ ใหม่” ตอ่ มา พ.ศ. ๒๔๑๑ พระราชทาน นามว่า คลองผดุงกรุงเกษม มีป้อมเรียงรายริมคลองส�ำหรับป้องกันข้าศึก จ�ำนวน ๘ ป้อม คือ ป้อมปัจจามิตร ป้อมปิดปัจจนึก ปอ้ มฮึกเหีย้ มหาญ ปอ้ มผลาญไพรรี าบ ป้อมปราบศตั รพู า่ ย ป้อมท�ำลายปรปักษ์ ปอ้ มหักก�ำลงั ดษั กร และปอ้ มมหานครรักษา การขุดคลองผดุงกรุงเกษมท�ำให้เขตพระนครมีเน้ือที่เพ่ิมข้ึนอีกประมาณ ๑ เท่า หรือประมาณ ๕,๕๕๒ ไร่ บริเวณ ปากคลองผดุงกรุงเกษมด้านทิศใต้เป็นที่ต้ังของสถานกงสุลชาติตะวันตก และเป็นบริเวณที่ชาวต่างประเทศนิยมต้ังบ้านเรือน และรา้ นคา้ มากกว่าทอ่ี ืน่
34 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ ปีเถาะ จุลศักราช ๑๒๑๗ พ.ศ. ๒๓๙๘ เมษายน ที่ ๓ เซอร์ยอน เบารงิ 1 ราชทูตองั กฤษ เขา้ มาขอท�ำหนงั สือสญั ญา เมษายน ที่ ๑๘ ท�ำหนังสือสัญญาไทยกบั องั กฤษ เมษายน ที่ ๒๓ เซอรย์ อน เบาริงกลับไป เมษายน ท่ี ๒๖ สมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาประยูรวงษพ์ ริ าลยั 2 ตลุ าคม ที่ ๒๘3 เรอื ก�ำปั่นใบของอเมริกนั ช่ือ ลกั เนา4 เข้ามาถงึ เรือพอ่ ค้าอเมริกัน ไมไ่ ด้มเี ข้ามาถงึ ๑๗ ปี พฤศจิกายน ท่ี ๑ พระราชทานเพลิงศพสมเดจ็ เจา้ พระยาบรมมหาประยรู วงษ์ 5 1 เซอร์จอห์น เบาว์ริง (Sir John Bowring, พ.ศ. ๒๓๓๕ - ๒๔๑๕) เป็นนักคิด นักเขียน กวี นักการเมือง และนักการทูตชาวอังกฤษ ใน พ.ศ. ๒๓๙๘ ขณะด�ำรงต�ำแหน่งราชทูตอังกฤษผู้มีอ�ำนาจเต็มประจ�ำประเทศจีนและข้าหลวงใหญ่ อังกฤษประจ�ำเกาะฮ่องกง เบาว์ริงได้รับแต่งต้ังจากรัฐบาลอังกฤษให้เป็นราชทูตผู้มีอ�ำนาจเต็มเข้ามาเจรจาท�ำสนธิสัญญาทาง พระราชไมตรีและการพาณิชย์กับราชส�ำนักไทย การเจรจาเป็นผลส�ำเร็จด้วยดี สนธิสัญญาฉบับน้ีเรียกโดยทั่วไปว่า “สนธิสัญญา เบาว์ริง” ท�ำให้ไทยต้องเปิดประเทศท�ำการค้าเสรีตามเงื่อนไขของอังกฤษ และให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขต (Extra - territorial rights) แก่คนในบังคับอังกฤษ ประเทศตะวนั ตกอนื่ ๆ กไ็ ดใ้ ชส้ นธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ เปน็ ตน้ แบบในการท�ำสนธสิ ญั ญากบั ประเทศไทย ในเวลาต่อมา เป็นผลให้ระบบเศรษฐกิจของไทยเปล่ียนเป็นระบบผลิตเพ่ือการตลาด และระบบทุนนิยมเริ่มขยายมากขึ้น ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของไทยเป็นอย่างมาก ต่อมาเซอร์จอห์น เบาว์ริง ได้รับแต่งตั้งให้ท�ำหน้าท่ี เป็นทูตพิเศษของรัฐบาลไทยติดต่อกับนานาประเทศในยุโรป รวมท้ังการเจรจาท�ำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรี และได้รับ พระราชทานบรรดาศักดิ์ว่า “พระสยามานุกูลกิจสยามิตรมหายศ” เบาว์ริงเขียนหนังสือเกี่ยวกับการเดินทางมาประเทศไทย มชี ่อื ว่า “The Kingdom and People of Siam” พิมพ์คร้งั แรกใน พ.ศ. ๒๔๐๐ 2 พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๔ ระบวุ า่ เปน็ วันพุธที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๓๙๘ 3 Abstract of the Journal of Rev. Dan Beach Bradley ระบวุ ่า เปน็ วนั ที่ ๒๔ ตุลาคม 4 เรือลกั เนา (Lucknow) มนี ายเรอื ชอ่ื นายพลัมเมอร์ (Plummer) 5 พระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสินทร์ รชั กาลที่ ๔ ระบวุ า่ เปน็ วนั พุธท่ี ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๙๘
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322