(ฒ) การสง่ เสรมิ การประเมนิ วทิ ยฐานะข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (ณ) การส่งเสริมและยกย่องเชดิ ชเู กียรติ (ด) การส่งเสริมมาตรฐานวชิ าชีพและจรรยาบรรณวชิ าชีพ (ต) การสง่ เสรมิ วนิ ยั คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมส�ำ หรบั ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา (ถ) การรเิ ร่มิ สง่ เสริมการขอรบั ใบอนญุ าต (ท) การพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา การด�ำ เนินการท่ีเก่ียวกับการบรหิ ารงานบคุ คล ให้เป็นไปตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการนนั้ (๔) ด้านการบรหิ ารทว่ั ไป (ก) การพัฒนาระบบและเครอื ขา่ ยข้อมลู สารสนเทศ (ข) การประสานงานและพฒั นาเครือขา่ ยการศกึ ษา (ค) การวางแผนการบรหิ ารงานการศึกษา (ง) งานวิจยั เพื่อพฒั นานโยบายและแผน (จ) การจดั ระบบการบริหารและพฒั นาองคก์ ร (ฉ) การพฒั นามาตรฐานการปฏิบัตงิ าน (ช) งานเทคโนโลยเี พ่ือการศึกษา (ซ) การดำ�เนนิ งานธรุ การ (ฌ) การดูแลอาคารสถานท่ีและสภาพแวดล้อม (ญ) การจดั ทำ�ส�ำ มะโนผู้เรียน (ฎ) การรับนักเรยี น (ฏ) การเสนอความเหน็ เก่ยี วกับเร่ืองการจัดต้งั ยบุ รวมหรอื เลิกสถานศึกษา (ฐ) การประสานการจดั การศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอธั ยาศัย (ฑ) การระดมทรัพยากรเพอื่ การศึกษา (ฒ) การทัศนศกึ ษา (ณ) งานกิจการนักเรยี น (ด) การประชาสมั พนั ธง์ านการศกึ ษา (ต) การส่งเสริม สนับสนุนและประสานการจัดการศึกษาของบุคคล ชุมชน องค์กร หนว่ ยงานและสถาบนั สงั คมอื่นทจ่ี ดั การศกึ ษา (ถ) งานประสานราชการกบั ส่วนภมู ภิ าคและส่วนท้องถ่ิน (ท) การรายงานผลการปฏิบัติงาน (ธ) การจัดระบบการควบคุมภายในหน่วยงาน (น) แนวทางการจดั กจิ กรรมเพ่อื ปรับเปล่ียนพฤติกรรมในการลงโทษนกั เรียน 42 แนวทางการเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษในสถานศกึ ษาข้นั พื้นฐาน
ข้อ ๒ การกระจายอำ�นาจการบริหารและการจัดการศึกษาตามข้อ ๑ ให้คำ�นึงถึงหลักการ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ความพร้อมและความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเขตพ้ืนที่การศึกษา ส�ำ นกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา และสถานศึกษา ท่จี ะสามารถรับผดิ ชอบดำ�เนินการตามขดี ความสามารถไดอ้ ยา่ ง มปี ระสทิ ธิภาพ (๒) ความสอดคลอ้ งกบั กฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศหรอื มตคิ ณะรฐั มนตรที เี่ กย่ี วขอ้ งกบั เรอื่ งที่ จะกระจายอำ�นาจ (๓) ความเป็นเอกภาพดา้ นมาตรฐานและนโยบายดา้ นการศึกษา (๔) ความเป็นอสิ ระและความคล่องตวั ในการบรหิ ารและการจดั การศกึ ษา (๕) ม่งุ เนน้ การมีส่วนร่วมของชุมชน และผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี ในพื้นท่ี (๖) ม่งุ ให้เกิดผลส�ำ เร็จแก่สถานศึกษา โดยเนน้ การกระจายอ�ำ นาจใหแ้ กส่ ถานศึกษาใหม้ ากทีส่ ดุ เพือ่ ให้สถานศกึ ษาน้นั มคี วามเข้มแขง็ และความคลอ่ งตัว (๗) เพมิ่ คุณภาพและประสทิ ธภิ าพให้แกส่ ถานศึกษา (๘) เพอ่ื ให้ผ้มู หี นา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบในการด�ำ เนินการเป็นผตู้ ดั สนิ ใจในเรอ่ื งนน้ั ๆ โดยตรง แนวทางการเปดิ ห้องเรียนพเิ ศษในสถานศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน 43
๔. แผนพฒั นาการศกึ ษาของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ฉบบั ท่สี บิ เอด็ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ สำ�นักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (๒๕๕๕) ได้จัดทำ�แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวง ศึกษาธิการ ฉบับท่ีสิบเอ็ด พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ท่ีเก่ียวข้องกับการดำ�เนินงานพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษ ที่กลา่ วในยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ ดังน้ี ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ผลิตและพัฒนาคุณภาพกำ�ลังคนรองรับการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ การแข่งขันของประเทศ จดุ มุ่งหมาย มุ่งผลิตและพัฒนากำ�ลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอาชีวศึกษาที่มีคุณภาพมาตรฐาน มีสมรรถนะ มคี วามรู้ ความสามารถในการปฏิบัตงิ านตามมาตรฐานวชิ าชพี และสามารถแขง่ ขนั ไดใ้ นระดับสากล รวมท้ังการเตรยี มความพรอ้ มของผู้เรียนและก�ำ ลงั แรงงานรองรบั การเขา้ สู่สังคมและประชาคมอาเซียน กลยทุ ธแ์ ละแนวทางการด�ำ เนนิ งาน ๕. สง่ เสรมิ สนับสนนุ การพฒั นาผู้มีความสามารถพเิ ศษอยา่ งตอ่ เนื่องทุกระดบั ๕.๑ พัฒนาระบบการคดั กรอง สรรหาเดก็ และเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษดา้ นต่าง ๆ เพื่อ ให้ได้รบั การส่งเสริม สนับสนนุ ด้านการศึกษาในรปู แบบท่ีเหมาะสม เตม็ ศกั ยภาพ และตอ่ เน่ือง ๕.๒ พัฒนาหลักสูตร รูปแบบและกระบวนการจัดการศึกษาสำ�หรับผู้มีความสามารถพิเศษ ให้ทนั สมยั สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงหรอื ความก้าวหนา้ ทางวิชาการ ๕.๓ สรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื ในการจดั การศกึ ษาส�ำ หรบั ผมู้ คี วามสามารถพเิ ศษทง้ั กบั บคุ คล องค์กรหรอื หน่วยงานที่มีความเปน็ เลิศ ทงั้ ในและต่างประเทศ ๕.๔ ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้มีความสามารถพิเศษอันโดดเด่น โดยการส่งเข้าแข่งขัน ทางวชิ าการ การจัดประกวดส่ิงประดษิ ฐค์ ิดค้น หรือการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ในระดบั ประเทศหรือระหว่างประเทศ 44 แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษในสถานศึกษาข้นั พน้ื ฐาน
งานวิจยั ท่ีเก่ียวข้อง อาทติ ย์ อาจหาญ (๒๕๕๘) การพฒั นารปู แบบการประเมนิ การจดั การเรยี นรู้ ของโรงเรยี นหอ้ งเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตรร์ ะดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย โดยการวจิ ยั ครง้ั นี้ มคี วามมงุ่ หมายเพอ่ื พฒั นารปู แบบการประเมนิ การจดั การเรยี นรขู้ องโรงเรยี นหอ้ งเรยี น พเิ ศษวิทยาศาสตรร์ ะดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ผลการวจิ ยั พบวา่ ๑. รูปแบบการประเมินการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนห้องเรียนพิเศษ วทิ ยาศาสตรร์ ะดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายมลี กั ษณะเปน็ แผนภมู โิ ครงสร้างทส่ี มั พนั ธก์ นั ๗ องค์ประกอบ คือ หัวข้อการประเมิน วัตถปุ ระสงค์ของการประเมนิ สิง่ ทม่ี งุ่ ประเมิน วธิ ีการประเมิน ผทู้ ำ�การประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ และผูใ้ ช้สารสนเทศโดยมีวตั ถปุ ระสงค์ ของการประเมนิ เพอ่ื เปน็ สารสนเทศในการพฒั นาคณุ ภาพการจดั การเรยี นรขู้ องโรงเรยี น หอ้ งเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตรร์ ะดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สงิ่ ทมี่ งุ่ ประเมนิ ประกอบดว้ ย ๕ ด้าน ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ ด้านปัจจัยเบื้องต้นในการจัดการเรียนรู้ ดา้ นกระบวนการจดั การเรียนรู้ ด้านผลผลิตการจดั การเรียนรู้และดา้ นการบริหารเครือขา่ ย การจัดการเรียนรู้ วิธีการประเมินประกอบด้วยขั้นตอนในการประเมินเครื่องมือท่ีใช้ ในการประเมนิ และระยะเวลาการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ เปน็ เกณฑส์ มั บรู ณท์ พ่ี ฒั นา โดยผู้เชีย่ วชาญ ๒. ผลการประเมินรูปแบบการประเมินการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้านความเหมาะสม ด้านความถูกต้อง ด้านความเป็นไปได้ และด้านประโยชน์ในการนำ�ไปใช้โดยรวม อยใู่ นระดบั มากทสี่ ดุ เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายดา้ นอยใู่ นระดบั มากทส่ี ดุ ทกุ ดา้ น โดยสรปุ รปู แบบ การประเมินการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียนห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายที่พัฒนาขึน้ ทำ�ใหโ้ รงเรยี นมีพัฒนาการในการจัดการเรียนร้แู ละ มีมาตรฐานการประเมินด้านการใช้ประโยชน์ มีความเหมาะสม มีความถูกต้องและ มีความเปน็ ไปไดส้ ามารถน�ำ ไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ เกวลิน ไชยสวัสดิ์ (๒๕๕๗) วิจัยการวิเคราะห์องค์ประกอบและตัวบ่งช้ี คุณภาพการจัดการศึกษาห้องเรียนพิเศษโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ (SME) ของโรงเรียนมัธยมศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือค้นหา องค์ประกอบและตัวบ่งชี้คุณภาพการจัดการศึกษาห้องเรียนพิเศษโครงการพัฒนา วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ภาษาองั กฤษ (SME) ของโรงเรยี นมธั ยมศกึ ษา และเพอ่ื สรา้ ง แนวทางการพัฒนาตามองค์ประกอบและตัวบ่งชี้คุณภาพการจัดการศึกษาห้องเรียน พิเศษโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ (SME) ของโรงเรียน มัธยมศึกษา ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบและตัวบ่งช้ีคุณภาพการจัดการศึกษา แนวทางการเปิดห้องเรยี นพิเศษในสถานศึกษาขน้ั พื้นฐาน 45
ห้องเรียนพิเศษโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ (SME) ของ โรงเรียนมัธยมศึกษาประกอบด้วย ๔ องค์ประกอบ คือ ๑) ด้านความพร้อมของ สถานศกึ ษาและบคุ ลากร ๒) ดา้ นการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษา ๓) ดา้ นการมสี ว่ นรว่ ม ในการจัดการศึกษา ๔) ด้านการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน แนวทาง การพัฒนาการจัดการศึกษาห้องเรียนพิเศษโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาองั กฤษ (SME) ของโรงเรยี นดา้ นความพรอ้ มของสถานศกึ ษาและบคุ ลากรมี ๓ แนวทาง คอื ๑) การเตรยี มความพรอ้ มในดา้ นบคุ ลากรทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั โครงการ SME ๒) การเตรยี ม ความพร้อมในด้านการจดั กิจกรรมต่าง ๆ ในโครงการ SME ๓) การเตรยี มความพร้อม ดา้ นการประเมนิ ผลโครงการและการพฒั นาโครงการ SME อยา่ งตอ่ เนอื่ งดา้ นการบรหิ าร จัดการสถานศึกษามี ๓ แนวทาง คือ ๑) การพัฒนาด้านการบริหารจัดการ โครงการ SME ๒) การพฒั นาสถานท่ี สภาพแวดล้อมและแหล่งเรยี นรู้ ๓) การพฒั นา ด้านบุคลากรในโครงการ SME ด้านการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษามี ๒ แนวทาง คือ ๑) การกำ�หนดคุณสมบัติหน้าท่ีและสนับสนุนให้บุคลากรทุกคนท่ีเกี่ยวข้องกับ โครงการ SME ได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ ๒) กำ�หนด ให้มีการจัดกิจกรรมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานท้ังภาครัฐและภาคเอกชนและ ดา้ นการสง่ เสริมและพัฒนาศักยภาพของผเู้ รยี นมี ๒ แนวทาง คือ ๑) ดา้ นการสง่ เสริม และพฒั นาศกั ยภาพผเู้ รยี นจากบคุ ลากรทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั โครงการ SME ๒) การสง่ เสรมิ ให้ ผเู้ รยี นไดน้ �ำ ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการเรยี นการสอนในโครงการ SME ไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ดจ้ รงิ ในการด�ำ เนนิ ชวี ติ ขอ้ เสนอแนะในการน�ำ ผลการวจิ ยั ไปใช้ คอื ๑) กระทรวงศกึ ษาธกิ าร หรือหน่วยงานที่เก่ียวข้องควรมีการส่งเสริมและสนับสนุนให้ขยายการศึกษา ในรูปแบบของการจัดการเรียนการสอนห้องเรียนพิเศษโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ (SME) โดยการกำ�หนดหลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้ การวัดผลประเมนิ ผล ระบบติดตามประเมนิ ผลและการดำ�เนนิ การตา่ ง ๆ ทช่ี ัดเจนมาก ย่ิงขนึ้ ๒) ใชอ้ งคป์ ระกอบและตวั บ่งชที้ ี่ไดจ้ ากงานวิจัยมาใช้ในการประเมนิ ผลโครงการ ๓) หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานในชุมชนได้มีส่วนในการสนับสนุนให้โรงเรียนได้มี แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายและมีความทันสมัยมีการนำ�เทคโนโลยีทางการศึกษาต่าง ๆ มาใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน ๔) การน�ำ แนวทางไปใชค้ วรประยุกตใ์ ห้เหมาะสมกบั บรบิ ทและความพร้อมของโรงเรยี น ส�ำ นกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา (๒๕๕๖) ศกึ ษาประเมนิ การด�ำ เนนิ งาน โครงการหอ้ งเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตรผ์ ลการประเมนิ พบวา่ รอ้ ยละ ๙๑.๘ ของบคุ ลากร ของโรงเรียนระบุว่าทราบและเห็นด้วยว่าโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์เป็น การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่ีแก้ไข เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ในส่วนที่เก่ียวกับการจัดการศึกษาสำ�หรับผู้มี ความสามารถพิเศษในขณะท่รี ้อยละ ๔.๖ ของบุคลากรของโรงเรียนระบุวา่ ทราบบ้าง 46 แนวทางการเปิดห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน
แตไ่ มท่ ราบโดยละเอยี ด รอ้ ยละ ๐.๕ ทราบแตเ่ ฉย ๆ ไมค่ า้ นและไมส่ นบั สนนุ รอ้ ยละ ๐.๕ ทราบแตไ่ มเ่ หน็ ดว้ ย และรอ้ ยละ ๐.๕ ไมท่ ราบเรอ่ื งน้ี บคุ ลากรของโรงเรยี นเพยี งรอ้ ยละ ๔๘.๘ ระบวุ า่ มคี วามมนั่ ใจวา่ นกั เรยี นทมี่ าสมคั รเพอ่ื เขา้ รบั การคดั เลอื กเขา้ เปน็ นกั เรยี น ในโครงการห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์เป็นนักเรียนที่มีศักยภาพสูงด้านคณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตรอ์ ยใู่ นระดบั ๑๐% บนของกลุ่มอายุและมีเพียงร้อยละ ๒๒ ท่รี ะบวุ า่ นกั เรยี นในโครงการในโรงเรยี นของตนจ�ำ นวนมากกว่ารอ้ ยละ ๘๐ เปน็ ผ้มู ีศกั ยภาพสงู ดา้ นคณิตศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ในระดับ ๑๐% บนของกลุ่มอายุ ในขณะที่บคุ ลากรของ โรงเรยี นรอ้ ยละ ๒๐ ระบวุ า่ นกั เรยี นในโครงการในโรงเรยี นของตนมจี �ำ นวนไมถ่ งึ รอ้ ยละ ๓๐ ทม่ี ศี กั ยภาพสงู ดา้ นคณติ ศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตรอ์ ยใู่ นระดบั ๑๐% บนของกลมุ่ อายุ จากการแจงนับข้อมูลการตอบแบบสอบถามของบุคลากรของโรงเรียนท่ีเกี่ยวกับหลักสูตร และกิจกรรมการเรยี นการสอนของโครงการหอ้ งเรียนพเิ ศษวิทยาศาสตรพ์ บว่า (๑) บคุ ลากรของโรงเรยี น จ�ำ นวนรอ้ ยละ ๘๕.๖ ระบวุ า่ การจดั การเรยี นการสอน ให้นักเรียนในโครงการมีความแตกต่างไปจากการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียน ห้องเรียนปกติในขณะท่ีบุคลากร จำ�นวนร้อยละ ๗.๒ ระบุว่าไม่มีความแตกต่างกัน และร้อยละ ๓.๒ ระบวุ ่ามที งั้ แตกต่างและไม่แตกตา่ ง (๒) บคุ ลากรของโรงเรยี น จ�ำ นวนรอ้ ยละ ๘๘.๗ ระบวุ า่ นกั เรยี นไดป้ ระโยชน์ จากการทโี่ ครงการก�ำ หนดใหม้ นี กั เรยี น ๓๐ คนตอ่ ๑ หอ้ งเรยี น สว่ นรอ้ ยละ ๕.๖ ระบวุ า่ ไมม่ คี วามชดั เจนวา่ นกั เรยี นจะไดร้ บั ประโยชนอ์ ย่างไรจากการทก่ี �ำ หนดขนาดหอ้ งเรยี น ใหม้ จี ำ�นวน ๓๐ คนตอ่ หอ้ งเรียน แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพิเศษในสถานศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน 47
(๓) ดา้ นประเด็นวธิ กี ารสอนบคุ ลากรของโรงเรยี น จำ�นวนรอ้ ยละ ๔๑.๑ ระบวุ า่ วธิ กี ารสอนทใ่ี ชก้ บั นกั เรยี นในโครงการแตกตา่ งไปจากวธิ กี ารสอนทใ่ี ชก้ บั นกั เรยี น หอ้ งปกตมิ าก สว่ นรอ้ ยละ ๕๑.๓ ระบุวา่ มีความแตกตา่ งกันไมม่ ากนกั และรอ้ ยละ ๖.๒ ระบุวา่ ไมแ่ ตกตา่ งกัน (๔) ด้านงานการบ้านและกิจกรรมท่ีจัดให้นักเรียนในโครงการกับที่จัดให้ นกั เรยี นหอ้ งปกตนิ น้ั บคุ ลากรของโรงเรยี น จ�ำ นวนรอ้ ยละ ๔๘.๗ ระบวุ า่ มคี วามแตกตา่ ง กันมาก ส่วนร้อยละ ๔๓.๑ ระบุว่ามีความแตกต่างกันไม่มากนักและร้อยละ ๗.๒ ระบุวา่ ไมแ่ ตกต่างกนั (๕) บุคลากรของโรงเรียน จำ�นวนร้อยละ ๔๑.๕ ระบุว่ากิจกรรม การเรยี นการสอนทจ่ี ดั ใหน้ กั เรยี นในโครงการสามารถพฒั นาใหน้ กั เรยี นมศี กั ยภาพและ คณุ ภาพตามอดุ มการณแ์ ละเปา้ หมายในการพฒั นานกั เรยี นไดใ้ นระดบั สงู สว่ นรอ้ ยละ ๔๙.๗ ระบุว่าได้ในระดับปานกลางและร้อยละ ๘.๒ ระบุวา่ ไดใ้ นระดบั ต่ํา (๖) ด้านหลักสูตรบุคลากรของโรงเรียน จำ�นวนร้อยละ ๔๐ ระบุว่า หลกั สตู รทใ่ี ชส้ �ำ หรบั นกั เรยี นในโครงการมคี วามเหมาะสมดแี ลว้ ไมม่ ปี ระเดน็ ใดตอ้ งแกไ้ ข ในขณะท่ี ร้อยละ ๔๗.๗ ระบุว่ายังมปี ระเด็นตา่ ง ๆ ที่ตอ้ งไดร้ บั การแก้ไข (๗) ดา้ นความพงึ พอใจบคุ ลากรของโรงเรยี น จ�ำ นวนรอ้ ยละ ๖๘.๓ ระบวุ า่ มีความพึงพอใจหลักสูตรที่ใช้สำ�หรับนักเรียนในโครงการ ในขณะที่บุคลากรจำ�นวน ร้อยละ ๒๑ ระบุว่ายังสรุปไม่ได้ว่ามีความพึงพอใจหรือไม่และรอ้ ยละ ๗.๒ ระบุว่าไมม่ ี ความพงึ พอใจหลักสูตรทใี่ ช้สำ�หรบั นักเรยี นในโครงการ อดิศักดิ์ มุ่งชู (๒๕๕๕) ศึกษาพัฒนารูปแบบการบริหารงานการพัฒนา ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ ๑) ศึกษาองค์ ประกอบและพัฒนารูปแบบการบริหารงานการพัฒนานักเรียนห้องเรียนพิเศษ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีและ ๒) พฒั นารูปแบบการบริหารงานการพัฒนานักเรียน ห้องเรยี นพิเศษวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ผลการวิจัยพบวา่ ๑. องคป์ ระกอบของการพฒั นารปู แบบการบรหิ ารงานการพฒั นาหอ้ งเรยี น พิเศษวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามความคิดเห็นของผู้บริหารโรงเรียนที่เปิดสอน ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหัวหน้างานผู้รับผิดชอบโครงการ หอ้ งเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยพี บว่า องคป์ ระกอบของการพฒั นารปู แบบ การบรหิ ารงานการพฒั นาหอ้ งเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยมี ี ๔ ดา้ น ประกอบดว้ ย ๑) การพัฒนาด้านบริหาร ๒)การพัฒนาด้านวิชาการ ๓) การพัฒนาด้านบุคลากร และ ๔) การพฒั นาด้านปจั จัยเออ้ื ตอ่ การเรียนการสอนได้ตวั บ่งช้ี จำ�นวน ๖๔ ตัวบ่งชี้ 48 แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษในสถานศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน
๒. พัฒนารูปแบบการบริหารงานการพัฒนาห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีประกอบด้วยองค์ประกอบสำ�คัญ คือ ๑) การพัฒนาด้านบริหาร ๒)การพฒั นาดา้ นวชิ าการ๓)การพฒั นาดา้ นบคุ ลากรและ๔)การพฒั นาดา้ นปจั จยั เออ้ื ตอ่ การเรียนการสอนเป็นการนำ�วงจรคุณภาพ PDCA มาบริหารงานการพัฒนานักเรียน ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงาน การพัฒนาห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพบว่า ผลการประเมินตัวบ่งชี้ ความส�ำ เรจ็ ขององคป์ ระกอบของการพฒั นารปู แบบการบรหิ ารงานการพฒั นาหอ้ งเรยี นพเิ ศษ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จ�ำ นวน ๖๔ ตวั บ่งชี้ โดยรวมมีความเหมาะสมอย่ใู นระดบั มาก นอกจากนผี้ ลการประเมนิ รปู แบบการบรหิ ารงานการพฒั นาหอ้ งเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยผี รู้ ว่ มสมั มนามคี วามเหน็ วา่ เปน็ รปู แบบทดี่ มี คี วามเหมาะสมมคี วามเปน็ ไปไดแ้ ละมีประโยชน์ตอ่ การน�ำ ไปใชอ้ ยา่ งยงิ่ สุรศักดิ์ สว่างแสง (๒๕๕๒) ศึกษาการพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียน ในโครงการการจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พอื่ (๑) ศกึ ษาประสิทธผิ ลของโครงการจัดการเรยี นการสอนเปน็ ภาษา อังกฤษตามหลกั สูตรกระทรวง ศึกษาธกิ าร (๒) ศึกษาวธิ ีปฏบิ ตั ทิ ่เี ป็นแบบอยา่ งที่ดขี อง การบรหิ ารโรงเรยี นในโครงการการจดั การเรยี นการสอนเปน็ ภาษาองั กฤษตามหลกั สตู ร กระทรวงศึกษาธิการ (๓) ออกแบบรูปแบบการบริหารโรงเรียนในโครงการการจัด การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษตามหลกั สตู รกระทรวงศึกษาธกิ าร ท่มี ีประสิทธผิ ล (๔) ตรวจสอบ ปรับปรุง และนำ�เสนอรูปแบบการบริหารโรงเรียนในโครงการการจัด การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการที่มีประสิทธิผล ผลการวิจยั พบวา่ ๑. ประสิทธิผลของโครงการจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการพบว่า เกิดจากการทำ�งานอย่างถูกวิธี ตามแผน ปฏิบัติการที่ตอบสนองวัตถุประสงค์ท่ีต้ังไว้ทุกข้อ โดยมีผู้ปกครอง และชุมชนเข้ามา มีส่วนร่วมในทุกข้ันตอนของการบริหาร ตามความสามารถในการปรับตัว เพื่อรองรับ การเปลยี่ นแปลงของสงั คม และสามารถพฒั นาใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มทเี่ ปลยี่ นแปลง ตลอดเวลา ทั้งทางด้านเทคโนโลยี การศึกษา เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เป็นต้น ความสามารถในการสร้างความสามัคคีของบุคลากร เพ่ือก่อให้เกิดความเป็นนํ้าหน่ึง ใจเดยี วกนั เสยี สละ ชว่ ยเหลอื เก้ือกูลกนั มคี วามรักและผกู พันกัน จนสามารถปฏิบตั ิ ภารกิจต่าง ๆ ของโครงการจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษตามหลักสูตร กระทรวงศกึ ษาธกิ ารใหเ้ กิดประสทิ ธผิ ลสงู สุด โดยเฉพาะตัวนักเรยี นในโครงการท่เี ป็น เป้าหมายสำ�คัญจะต้องมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยสูงข้ึนทุกปี มีพฤติกรรม อนั พงึ ประสงคแ์ ละสามารถด�ำ รงชวี ติ อยบู่ นรากฐานของความเปน็ ไทยในสงั คมไดอ้ ยา่ งดี แนวทางการเปิดห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศึกษาข้ันพนื้ ฐาน 49
๒. วิธีปฏิบัติที่เป็นแบบอย่างท่ีดีของการบริหารโรงเรียนในโครงการ การจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ พบว่า เกดิ จากภาวะผนู้ �ำ ทเี่ ดน่ ชดั ของผบู้ รหิ ารโรงเรยี น มกี ารจดั ท�ำ วสิ ยั ทศั น์ เปา้ หมาย วตั ถปุ ระสงค์ และกลยุทธ์เป็นเฉพาะ มีการจัดทำ�หลักสูตรข้ึนมาใหม่เป็นการเฉพาะ โดยการเน้น การฝกึ ทกั ษะทางภาษาเพอ่ื การสอื่ สารใหน้ กั เรยี นสามารถใชเ้ ทคโนโลยชี ว่ ยในการศกึ ษา คน้ คว้าด้วยตนเอง ฝึกให้นกั เรียนสรุปใจความสำ�คญั ของเน้ือหาและเรอื่ งท่สี อนทกุ ครัง้ ท่ีเข้าสอนจัดทำ�คู่มอื และเอกสารประกอบการเรียนเปน็ ภาษาอังกฤษในกลมุ่ สาระหลัก มีการกำ�หนดโครงสร้างการบริหารข้ึนมาใหม่เสมือนเป็นรองผู้อำ�นวยการอีกฝ่ายหน่ึงท่ีมา ดูแลรับผิดชอบโครงการจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษตามหลักสูตรกระทรวง ศกึ ษาธกิ ารโดยเฉพาะ ใชก้ ารบรหิ ารแบบมสี ว่ นรว่ มโดยบรหิ ารดว้ ยคณะกรรมการทม่ี า จากผมู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งทง้ั หมดมกี ารสรา้ งเครอื ขา่ ยทางการศกึ ษาของโรงเรยี นในโครงการ จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการด้วยกันเอง การพฒั นาครู ดว้ ยการจดั อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารใหค้ รทู �ำ ผลงานวชิ าการโดยใชเ้ ทคโนโลยี มกี ารประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านของบคุ ลากรในโครงการจดั การเรยี นการสอนเปน็ ภาษา องั กฤษตามหลกั สตู รกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ใน ๒ ลกั ษณะ คอื ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน โดยใช้เครื่องมือและเกณฑ์เป็นมาตรฐานเดียวกันท้ังโรงเรียน กับการประเมินผล การปฏิบัติงานโดยใช้เคร่ืองมือและเกณฑ์เป็นมาตรฐานต่างกันโดยยึดลักษณะงาน เปน็ หลกั ไมน่ �ำ ผลการประเมนิ มาพจิ ารณารวมกนั ทงั้ โรงเรยี น แตม่ กี ารสรา้ งขวญั ก�ำ ลงั ใจ ใหเ้ ป็นพเิ ศษ ๓. รูปแบบการบริหารโรงเรียนในโครงการการจัดการเรียนการสอนเป็น ภาษาอังกฤษตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ ส่วนนำ� (ความเป็นมาของรูปแบบ วัตถุประสงค์ของรูปแบบ และแนวคิดและหลักการสำ�คัญ ทนี่ �ำ มาสรา้ งรปู แบบ) การบรหิ ารโรงเรยี นในโครงการการจดั การเรยี นการสอนเปน็ ภาษา องั กฤษตามหลกั สตู รกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (ปจั จยั ความส�ำ เรจ็ และกระบวนการบรหิ าร) และเงอื่ นไขการน�ำ รปู แบบไปใช้ รปู แบบทพ่ี ฒั นาขน้ึ มคี วามชดั เจน ครอบคลมุ งา่ ย และ สะดวกในการน�ำ ไปใช้ ตา่ งจากเดมิ ทเ่ี ปน็ การบรหิ ารโรงเรยี นปกตทิ วั่ ไป โดยใชโ้ ครงสรา้ ง การบริหารแบบเดมิ การยืนยันรูปแบบทมี่ ีประสิทธผิ ล โดยผู้ทรงคณุ วฒุ ิ ผลตรวจสอบ พบวา่ มคี วามเหมาะสมในระดับมากท่สี ุด โดยมีค่าเฉล่ีย ๔.๕๘ และมีความเปน็ ไปได้ ในทางปฏิบตั ใิ นระดบั มาก โดยมคี ่าเฉลยี่ ๓.๙๑ และเป็นรปู แบบทม่ี ีประสิทธิผล วสัน ปุ่นผล (๒๕๕๑) ศึกษาพัฒนาตัวบ่งชี้คุณลักษณะนักเรียนท่ีมี ความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ระเบียบวิจัยแบบผสานวิธีตามลำ�ดับ ขนั้ ตอนการวจิ ยั ๓ ขนั้ ตอน คอื ขนั้ การสรา้ งตวั บง่ ชค้ี ณุ ลกั ษณะทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษ ทางวิทยาศาสตร์ ข้ันใช้ระเบียบวิจัยเชิงคุณภาพ ข้ันการศึกษาทฤษฎีเอกสารและ งานวจิ ัยที่เกย่ี วข้อง ผลการวิจัยพบว่า 50 แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน
๑. ตัวบ่งชี้คุณลักษณะนักเรียนท่ีมีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ ท่ีพฒั นาขน้ึ มี ๗ องคป์ ระกอบ ๖๒ ตัวบง่ ชี้ ได้แก่ องค์ประกอบด้านความสามารถทาง สติปัญญาและใฝ่รู้ทางวิทยาศาสตร์ ๑๑ ตัวบ่งชี้ องค์ประกอบด้านความคิดริเริม สรา้ งสรรค์ทางวทิ ยาศาสตร์ ๗ ตวั บ่งช้ี องคป์ ระกอบด้านความมีเหตุผลและรอบครอบ ๑๐ ตัวบ่งช้ีองค์ประกอบด้านความอดทน ๗ ตัวบ่งช้ี องค์ประกอบด้านความเชื่อมั่น ในตนเอง ๙ ตัวบ่งช้ี องคป์ ระกอบด้านความรับผิดชอบ ๘ ตวั บ่งช้ี และองคป์ ระกอบ ด้านความสามารถในการแกป้ ัญหาทางวิทยาศาสตร์ ๑๐ ตวั บง่ ช้ี ๒. ผลการทดสอบความตรงของตัวบ่งช้ีด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบ เชิงยืนยันอันดับพบว่า แบบจำ�ลองของตัวบ่งชี้คุณลักษณะนักเรียนที่มีความสามารถ พิเศษทางวิทยาศาสตร์มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์โดยมีค่า = ๕๗๓.๕๘, df = ๑๒๖๔, p = ๐.๑๐๗, GFI = ๐.๙๒, AGFI = ๐.๙๑, RMSEA = ๐.๐๓๙ และมีค่านํ้าหนักองค์ประกอบเป็นบวกโดยมีพิสัย ๐.๓๒ ถึง ๐.๗๖ อย่างมีนัยสำ�คัญ ทางสถติ ิที่ .๐๑ ทุกคา่ ๓. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำ�หนดน้ําหนักความสำ�คัญในการสร้าง องค์ประกอบคุณลักษณะนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์พบว่า องคป์ ระกอบทมี่ คี วามส�ำ คญั เรยี งจากมากไปนอ้ ย ไดแ้ ก่ องคป์ ระกอบดา้ นความสามารถ ด้านสติปัญญาและความใฝ่รู้ทางวิทยาศาสตร์ ร้อยละ ๒๒.๘๔ องค์ประกอบด้าน ความสามารถในการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ร้อยละ ๑๙.๘๐ องค์ประกอบด้าน ความรบั ผดิ ชอบ รอ้ ยละ ๑๕.๗๔ องคป์ ระกอบดา้ นความคดิ สรา้ งสรรค์ รอ้ ยละ ๑๓.๗๐ องคป์ ระกอบดา้ นความมเี หตผุ ลและรอบคอบ รอ้ ยละ ๑๑.๖๗ องคป์ ระกอบดา้ นความอดทน รอ้ ยละ ๙.๑๔ องคป์ ระกอบดา้ นความเชื่อม่นั ในตนเอง รอ้ ยละ ๗.๑๑ ตามลำ�ดับ อ้อมธจิต แป้นศรี (๒๕๕๑) พัฒนารูปแบบการประเมินการจัดการศึกษา แบบสองภาษาในสถานศกึ ษาระดบั การศึกษาขน้ั พื้นฐานโดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพ่อื พฒั นา รูปแบบการประเมินการจัดการศึกษาแบบสองภาษาในสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยมวี ัตถุประสงคเ์ ฉพาะดังนี้ ๑) เพอื่ วเิ คราะหส์ งั เคราะห์แนวคิดทฤษฎสี ภาพปัจจุบนั ปัญหาและอุปสรรค์เกี่ยวกับการจัดการศึกษาแบบสองภาษาในสถานศึกษาระดับ การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ๒) เพอ่ื สรา้ งรปู แบบการประเมนิ การจดั การศกึ ษาแบบสองภาษา ในสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ๓) เพื่อทดลองการใช้รูปแบบการประเมิน การจดั การศึกษาแบบสองภาษาในสถานศึกษาระดบั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ๔) เพ่อื ประเมิน รูปแบบการประเมินการจัดการศึกษาแบบสองภาษาในสถานศึกษาระดับการศึกษา ขนั้ พ้ืนฐาน ผลการวจิ ัยพบว่า คณุ ภาพการจัดการศึกษาแบบสองภาษาในสถานศกึ ษาระดับ การศึกษาขัน้ พื้นฐานประกอบดว้ ยมาตรฐาน ๓ ดา้ นใหญ่ คอื ด้านปจั จยั นำ�เข้า (Input) ประกอบดว้ ย ๗ มาตรฐาน ไดแ้ ก่ ด้านตัวหลกั สตู รด้านสื่อการเรยี นการสอน ดา้ นผ้รู ับ ผิดชอบโครงการ ด้านคุณภาพของครูผู้สอน ด้านความพร้อมพื้นฐานของนักเรียน แนวทางการเปิดห้องเรียนพิเศษในสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน 51
ดา้ นลกั ษณะของแหลง่ เรยี นรแู้ ละดา้ นการมสี ว่ นรว่ มและสนบั สนนุ จากผปู้ กครองและชมุ ชน ดา้ นกระบวนการ (Process) ประกอบดว้ ย ๖ มาตรฐาน ไดแ้ ก่ ดา้ นการบรหิ ารจดั การ ดา้ นการจัดการเรียนการสอน ด้านการเตรยี มการสอนของครู ด้านการพัฒนาคุณภาพ ของครู ดา้ นการวดั และประเมินผลนกั เรียนและด้านการนิเทศติดตามผลหลักสูตรและ ผลผลิต (Output) ประกอบดว้ ย ๒ มาตรฐาน ไดแ้ ก่ ดา้ นผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นและ ดา้ นลักษณะที่พงึ ประสงค์ของนกั เรยี นรวมท้ังส้นิ ๑๕ มาตรฐาน ๗๙ ตวั บ่งช้ี รปู แบบ การประเมินมี ๔ ขนั้ ตอน ได้แก่ ข้ันเตรียมการประเมนิ ขนั้ สรปุ ผลการประเมิน และ ขนั้ รายงานผลการประเมนิ โดยสาระในการประเมนิ ๑๕ มาตรฐาน ๗๙ ตวั บง่ ช้ี ผปู้ ระเมนิ คอื ผทู้ ม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั การจดั การศกึ ษาแบบสองภาษาประกอบดว้ ยผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา คณะกรรมการสถานศึกษาครูผู้สอนผู้ปกครองและนักเรียนเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมิน มีลักษณะเป็นเกณฑ์สัมบูรณ์ และเมื่อนำ�รูปแบบการประเมินการจัดการศึกษา แบบสองภาษาในสถานศกึ ษาระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐานไปใชใ้ นสถานการณจ์ รงิ พบว่า มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับได้ตามเกณฑ์คุณภาพงานประเมินทั้งด้านความเป็นไปได้ ความมีประโยชน์ ความเหมาะสมและความถกู ตอ้ งอยใู่ นระดับมาก พรชยั อนิ ทรฉ์ าย (๒๕๔๙) วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหร์ ปู แบบการบรหิ ารงาน การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษของสถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและพัฒนารูปแบบการบริหารงานพัฒนาและส่งเสริม ผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันส่งเสริมผู้มี ความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอนาคต ผลงานวิจัยปรากฏว่า รูปแบบการบริหารงาน การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบัน ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอนาคตระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ควรจดั เปน็ ชนั้ เรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาปกตมิ จี �ำ นวนนกั เรยี นตอ่ หอ้ งประมาณ ๒๔ - ๓๐ คน การบริหารจัดการจะต้องครอบคลุมเก่ียวกับประเด็นท่ีสำ�คัญ ๓ ส่วนใหญ่ คือ ๑) การสรรหาและการคดั เลือก ๒) การพฒั นาและสง่ เสริมศักยภาพทางวิชาการและ ๓) การบรหิ ารโครงการโดยมรี ปู แบบดงั น้ี ๑) การสรรหาและคดั เลือกผ้มู คี วามสามารถ พเิ ศษทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีมี ๓ ขั้นตอน คอื ขน้ั ที่ ๑ การกรองด้วยวิธีการ สอนคัดเลือกและวิธีการสรรหาที่หลากหลายข้ันท่ี ๒ เข้าค่ายวิชาการกล่ันกรองด้วย เครือ่ งมอื ทห่ี ลากหลายขั้นที่ ๓ พิจารณาโดยผทู้ รงคุณวุฒิ ๒) การพฒั นาและสง่ เสรมิ ศักยภาพทางวชิ าการมี ๓ วิธี คือ วธิ ที ี่ ๑ การจดั การเรยี นโดยใชโ้ ปรแกรมเสรมิ และกจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ วธิ ีท่ี ๒ การขยายหลักสูตรท่ีกว้างและลึกมากกว่าปกติพร้อมทั้งจัดทำ� หลกั สูตรการเรียนลว่ งหน้าเปน็ รายบคุ คล 52 แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษในสถานศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน
วธิ ที ี่ ๓ การฝกึ งานกับอาจารยพ์ ี่เลย้ี งท่ีเปน็ นกั วทิ ยาศาสตร์ ๓) การบริหาร โครงการณศูนย์โรงเรียนเพื่อให้การดำ�เนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมีวิธีการ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ๖ สว่ น คอื สว่ นที่ ๑ การสง่ เสรมิ สอื่ อปุ กรณก์ ารเรยี นการสอนทเ่ี พยี งพอ ส่วนที่ ๒ ความพร้อมด้านห้องเรียนห้องปฏิบัติการและห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ สว่ นที่ ๓ ครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษามีมาตรฐานสงู สว่ นท่ี ๔ มเี ครือข่ายให้ นักเรียนได้ฝึกประสบการณ์ ส่วนที่ ๕ มีงบประมาณสนับสนุนเพียงพอและส่วนท่ี ๖ มีโครงสร้างคณะกรรมการบรหิ ารโครงการครอบคลมุ เครือขา่ ยอย่างเหมาะสม มลวิ ลั ย์ ลบั ไพรี และคณะ (๒๕๔๕) ท�ำ การวจิ ยั เรอื่ ง สภาพการจดั การศกึ ษา สำ�หรับเด็กที่มีความสามารพิเศษของประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งเป็นความประสงค์ ร่วมกันระหว่างสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติและอาจารย์ประจำ�คณะ ครศุ าสตรจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพือ่ ให้มีการสำ�รวจและการวิจยั สภาพการส่งเสริม เดก็ ที่มีความสามารถพเิ ศษของสถานศึกษาและหน่วยงานทางการศกึ ษาต่าง ๆ ทมี่ อี ยู่ ในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งจำ�นวนเด็กท่ีมีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาองั กฤษ ว่ามจี ำ�นวนมากน้อยเพียงใด ผลการวจิ ยั ไดข้ อ้ สรปุ ซงึ่ แบง่ ออกเปน็ ๕ ดา้ น โดยพจิ ารณาจากโรงเรยี นและ หนว่ ยงานทจ่ี ดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ เดก็ ทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษเทา่ นน้ั ส�ำ หรบั โรงเรยี นและ หนว่ ยงานทต่ี อบวา่ ไมม่ เี ดก็ ความสามารถพเิ ศษ หรอื มเี ดก็ เหลา่ นนั้ แตไ่ มจ่ ดั กจิ กรรมให้ จะน�ำ มาแสดงใหเ้ หน็ ในกรณที ี่จ�ำ เป็นเท่านนั้ ๑. ดา้ นจ�ำ นวนเดก็ และโรงเรยี นทจ่ี ดั จากการศกึ ษาพบวา่ การจดั การศกึ ษา สำ�หรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษ มีแนวโน้มท่ีดี มีความตื่นตัวจากหน่วยงานและ โรงเรียนหลายแห่ง โรงเรียนและหน่วยงานต่าง ๆ เร่ิมมีโครงการและจัดต้ังองค์กร ขึ้นมารับผิดชอบหน่วยงานและโรงเรียนที่ไม่มีนโยบายเกือบทุกแห่งตอบว่าจะมี นโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอนาคต ผลการศึกษาเฉพาะโรงเรียนท่ีสุ่มตัวอย่าง พบว่า โรงเรียนท่ีจัดกิจกรรมส่งเสริมเด็กท่ีมีความสามารถพิเศษในปัจจุบันยังมีจำ�นวนน้อย สาเหตสุ ว่ นหนง่ึ อาจเปน็ เพราะโรงเรยี นขาดความพรอ้ มและคดิ ว่าเดก็ ทมี่ คี วามสามารถ พิเศษเป็นเพียงเฉพาะเด็กที่อัจฉริยะเท่านั้น โรงเรียนร้อยละ ๖๐ ตอบว่าไม่มี เด็กท่ีมีความสามารถพิเศษเลย สำ�หรับโรงเรียนที่ตอบว่ามีเด็กท่ีมีความสามารถพิเศษ กลับไม่มีการจัดกิจกรรมใด ๆ ถึงร้อยละ ๓๘ เด็กผู้หญิงมีความสามารถพิเศษท่ีมี สดั สว่ นสงู กวา่ เดก็ ผชู้ ายในทกุ สาขาวชิ า ยกเวน้ ดา้ นกฬี าและดนตรใี นระดบั มธั ยมศกึ ษา โรงเรยี นในระดบั มธั ยมศกึ ษาทม่ี เี ดก็ ทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษมกี ารจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ ใน สดั สว่ นสูงกว่าโรงเรยี นระดับประถมศึกษา ๒. ดา้ นรปู แบบการจดั การศกึ ษา ส�ำ หรบั รปู แบบทจ่ี ดั กนั มหี ลากหลายรปู แบบ ในขณะที่โรงเรียนหน่ึง ๆ ก็ยังมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายด้วย โดยเฉพาะ การสอนเสริม การให้ทุนการศึกษา การจัดกิจกรรมพิเศษ การสนับสนุนสื่อ อุปกรณ์ แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพิเศษในสถานศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน 53
และการส่งเด็กเข้าแข่งขัน รูปแบบของกิจกรรมที่เป็นการจัดการศึกษาโดยตรงนั้น ยังมีนอ้ ย เชน่ การจดั หลกั สตู รพิเศษ การรบั เขา้ เปน็ กรณีพเิ ศษ การย่นระยะเวลาเรยี น รูปแบบการจัดการศึกษาท่ีแท้จริงนนั้ เปน็ การจัดในลักษณะการสอนเสรมิ และการส่ง เด็กเก่งไปเรียนกับผู้เชี่ยวชาญน้ัน เป็นที่นิยมค่อนข้างมาก โดยภาพรวมรูปแบบของ กจิ กรรมส่วนใหญเ่ ป็นการให้โอกาสเดก็ มากกวา่ เชน่ การใหท้ ุน การส่งเด็กเขา้ แข่งขัน การตงั้ ชมรมต่าง ๆ รวมทงั้ การสนบั สนุนสือ่ อุปกรณต์ ่าง ๆ เพมิ่ เตมิ ผู้ที่มีบทบาทในการคัดเลือกเด็กให้ได้รับการส่งเสริมนั้น ส่วนใหญ่ของ โรงเรียนที่จัดกิจกรรมจะให้ครูประจำ�ช้ันหรือครูประจำ�วิชาเป็นผู้ดำ�เนินการ ยกเว้น การใหท้ นุ การศกึ ษาและการจดั หอ้ งเรยี นพเิ ศษ ซง่ึ จะอยใู่ นความดแู ลของคณะกรรมการ เฉพาะและฝ่ายวิชาการ ตามลำ�ดับ สำ�หรับเกณฑ์การคัดเลือก พบว่า การเสนอชื่อ จากครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นเกณฑ์ในการบ่งชี้เด็กท่ีมีความสามารถพิเศษมากที่สุด รองลงมาเป็นการพิจารณาคะแนนรายวิชาคะแนนเฉล่ียสะสม และการตัดสินจาก ผูเ้ ชยี่ วชาญ สว่ นเกณฑ์ความประพฤติ น�ำ มาใชใ้ นการพจิ ารณานอ้ ยกว่าเกณฑ์ตวั อืน่ ๓. ดา้ นการบรหิ ารจดั การและการตดิ ตาม จากการสอบถามผบู้ รหิ าร พบวา่ หนว่ ยงานสว่ นกลางยงั ให้การสนบั สนุนการบรหิ ารจดั การของโรงเรยี นต่าง ๆ ในสงั กัด น้อยหน่วยงาน บางแห่งเปิดโอกาสให้โรงเรียนดำ�เนินกิจกรรมเอง แต่ก็ให้กำ�ลังใจ เทา่ นน้ั เนอ่ื งจากขาดงบประมาณสนบั สนนุ อยา่ งไรกด็ ี โรงเรยี นเกอื บทงั้ หมดทเ่ี ปน็ กลมุ่ ตวั อยา่ งใหค้ วามส�ำ คญั กบั การจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ เดก็ กลมุ่ น้ี โดยโรงเรยี นทจ่ี ดั กจิ กรรม ให้ความสำ�คัญกับการส่งเสริมเด็กท่ีมีความสามารถพิเศษสูงกว่าโรงเรียนท่ีไม่มีการจัด กิจกรรม 54 แนวทางการเปิดหอ้ งเรียนพิเศษในสถานศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน
แม้ว่าโรงเรียนท่ีจัดกิจกรรมส่งเสริมเด็กท่ีมีความสามารถพิเศษจะมีความมุ่งมั่น เพียงใด แต่จากการศึกษา พบว่า โรงเรียนเหล่าน้ีส่วนใหญ่ยังมีปัญหาทางด้าน การบรหิ ารจดั การ โรงเรียนส่วนใหญ่ (รอ้ ยละ ๖๔.๐๔) ไมม่ กี ารก�ำ หนดนโยบายเป็น ลายลักษณ์อักษร โรงเรียนร้อยละ ๓๕.๗๑ ไม่มีการแจ้งนโยบายให้ครูหรือผู้ปกครอง ทราบเลย โรงเรียนส่วนหน่ึง ยังขาดการประชาสัมพันธ์ในกิจกรรมส่งเสริมของตน โรงเรยี นประมาณรอ้ ยละ ๕๐ ไมม่ กี ารแตง่ ตงั้ บคุ คล หรอื คณะบคุ คลขน้ึ มาดแู ลนโยบาย เปน็ การเฉพาะ โรงเรยี นรอ้ ยละ ๖๓.๑๙ ไมม่ กี ารปรบั โครงสรา้ งการบรหิ าร ครปู ระจ�ำ ชนั้ และครูประจ�ำ วชิ าเป็นผู้ได้รับมอบหมายใหเ้ ปน็ ผรู้ ับผิดชอบโดยตรง ในด้านการส่งต่อเด็กที่มีความสามารถพิเศษน้ัน โรงเรียนเกือบร้อยละ ๙๐ ไมม่ กี ารด�ำ เนนิ การในดา้ นน้ีสว่ นในดา้ นการตดิ ตามนนั้ มโี รงเรยี นรอ้ ยละ ๖๒ทดี่ �ำ เนนิ การ ลักษณะของการติดตามจะเป็นการสอบถามจากสมาคมศิษย์เก่ามากกว่าที่จะ มกี ารดำ�เนินการอย่างเปน็ ระบบ การศึกษาในด้านนโยบาย พบวา่ โรงเรยี นรอ้ ยละ ๙๐ ทราบนโยบายทป่ี รากฏในพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ แตม่ โี รงเรยี น เพียงร้อยละ ๖๓.๒๑ เทา่ นัน้ ทไี่ ด้รบั แจง้ จากหนว่ ยงานต้นสังกัด ๔. ด้านบุคลากร การวิจัยพบว่า โรงเรียนเฉพาะที่โดดเด่นและเป็นกรณี ตัวอย่างและโรงเรียนทั่วไปจากการสุ่มแบบสอบถามมีปัญหาคล้ายคลึงกัน ในด้าน บคุ ลากร คือ ขาดบุคลากรทมี่ ีความเชี่ยวชาญเฉพาะมาจดั การศึกษา ครูท่มี ีอยู่มีความรู้ ไม่เพียงพอ ภาระหน้าที่จัดการศึกษาให้กับเด็กกลุ่มนี้ยังคงเป็นของครูประจำ�ช้ันและ ครูประจำ�วิชา ครูภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ินเขา้ มาร่วมจัดการศึกษาให้ในโรงเรียนเป็นส่วนนอ้ ย คิดเป็นเพียงร้อยละ๒๕.๒๗ ของโรงเรียนทั้งหมด เช่นเดียวกับนักจิตวิทยาและครู การศึกษาพิเศษ ๕. ด้านทรัพยากรและการเป็นหุ้นส่วน โรงเรียนส่วนใหญ่ดำ�เนินการจัด กจิ กรรมตามล�ำ พงั โดยใช้ทรพั ยากรของโรงเรียนเอง ไมม่ คี วามร่วมมอื กับหน่วยงานอนื่ การสนบั สนนุ ความชว่ ยเหลอื ทโี่ รงเรยี นไดร้ บั สว่ นใหญเ่ ปน็ เรอ่ื งสอ่ื อปุ กรณก์ ารเรยี นการสอน ทุนการศึกษาและวิทยากร ซง่ึ มาจากภาคธรุ กจิ เอกชนและชุมชน หน่วยงานส่วนกลาง มีบทบาทในด้านการอบรมบุคลากร แต่ก็คิดเป็นเพียงร้อยละ ๑๐ ของโรงเรียน ที่ได้รับความช่วยเหลือท้ังหมดเทา่ น้ัน ขณะเดียวกันพ่อแม่ ผู้ปกครอง ซ่ึงเป็นผู้มีส่วน เก่ียวขอ้ งส�ำ คญั ท่ีสุดแต่ก็มีบทบาทน้อย เชน่ กนั บทบาทสำ�คญั ในการสง่ เสรมิ เนน้ หนกั ไปทางดา้ นการสนับสนนุ คา่ ใช้จ่าย และเป็นวทิ ยากรให้ แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน 55
ปัญหาและอุปสรรค ปัญหาและอุปสรรคที่โรงเรียนประสบมากหลังจากจัดกิจกรรมให้เด็กท่ีมี ความสามารถพเิ ศษ ทง้ั ทเ่ี ปน็ โรงเรยี นทจี่ ดั การศกึ ษาโดยเฉพาะและโดดเดน่ กบั โรงเรยี น ท่ีทำ�การสำ�รวจและจัดกิจกรรมการส่งเสริมน้ัน มีองค์ประกอบท่ีหลากหลายซึ่งมี น้ําหนักใกล้เคียงกันปัญหาสำ�คัญเรียงจากมากไปหาน้อย คือ ปัญหาขาดบุคลากรท่ีมี ความรู้ นโยบายของสว่ นกลางไมช่ ดั เจน ขาดทรพั ยากร อาคารสถานท่ี สอ่ื วสั ดอุ ปุ กรณ์ การศกึ ษา ออ่ นทางดา้ นการบรหิ ารการจดั การหลกั สตู รปกตทิ ไี่ มย่ ดื หยนุ่ การมสี ว่ นรว่ ม ของพอ่ แม่ ผปู้ กครองนอ้ ยไมม่ เี กณฑใ์ นการพจิ ารณาคดั เลอื กเดก็ และการวดั ประเมนิ ผลทดี่ ี และไม่มีกฎหมายและระเบยี บทเี่ ออื้ ใหม้ ีการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนสง่ิ ที่โรงเรยี นตอ้ งการมากท่สี ุด คอื การสนับสนุนทางดา้ นหลักสตู รจากสว่ นกลาง การอบรมวชิ าการ ใหค้ า่ ใชจ้ ่ายรายหวั และผเู้ ชย่ี วชาญด้านการศึกษาพเิ ศษ 56 แนวทางการเปิดห้องเรียนพเิ ศษในสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
บทท่ี ๓ การเปิดห้องเรียนพิเศษ โดยส�ำ นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กำ�หนดหลักการ ในข้อ ๓ ว่าสังคมต้องมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของ ทอ้ งถน่ิ และขอ้ ๕ หลกั สตู รการศกึ ษาตอ้ งเนน้ ผเู้ รยี นเปน็ ส�ำ คญั สอดคลอ้ งกบั จดุ หมายของหลกั สตู ร ขอ้ ๒ ท่กี ล่าวว่า มีความร้เู ป็นสากลท่เี นน้ การสื่อสารการคิด การแกป้ ญั หา การใชเ้ ทคโนโลยี และ ทักษะชีวิต การจัดหลักสูตรและการเรียนการสอนจึงจำ�เป็นต้องมีความเป็นพลวัต ก้าวทันกับ ความเปล่ียนแปลงต่าง ๆ ในปัจจุบันสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานได้ผลักดันให้มี การปรับเปลี่ยนหลักสูตรและกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือเพิ่มศักยภาพการจัดการศึกษาไทยให้พร้อม ส�ำ หรบั การแขง่ ขนั ในเวทโี ลกในศตวรรษท่ี ๒๑ โรงเรยี นจงึ ตอ้ งเปน็ หนว่ ยบรกิ ารทางการศกึ ษาในมติ ิ ท่ีกวา้ งขึ้น มหี ลกั สตู รการเรียนการสอนที่มคี วามเป็นสากล มกี ารพฒั นาทักษะการคิดมีการปลกู ฝัง คุณธรรม จริยธรรม มกี ารสอนด้านเทคโนโลยีและอาชพี ภาษาตา่ งประเทศทีม่ ปี ระสิทธิภาพ ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานจงึ สง่ เสรมิ ใหส้ ถานศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานในสงั กดั เปิดห้องเรียนพิเศษ เพ่ือพฒั นาศกั ยภาพนกั เรยี นท่ีมคี วามสามารถพเิ ศษ โดยก�ำ หนดไว้ในนโยบาย และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนแต่ละปีว่า “โรงเรียนที่จัดห้องเรียนพิเศษ ให้รับนักเรียน ตามวัตถุประสงค์ของการจัดห้องเรียนพิเศษที่ส่งเสริมความสามารถด้านวิชาการและด้านอื่น ๆ ” ดังนั้น เพื่อให้การเปิดห้องเรียนพิเศษเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานจงึ ก�ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละแนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี น พิเศษ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพิจารณาการขอเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษของสำ�นักงาน เขตพื้นท่ีการศึกษา เพื่อเป็นแนวทางให้สำ�นักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา และสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ด�ำ เนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกนั แนวทางการเปิดห้องเรยี นพิเศษในสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน 57
วัตถุประสงค์ ๑. เพ่ือให้สำ�นักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาและสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัด สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน มีหลักเกณฑ์และแนวทางการเปิด ห้องเรียนพิเศษ โดยสำ�นักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา ๒. เพื่อให้การเปิดห้องเรียนพิเศษเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และประสทิ ธิผล นิยาม หอ้ งเรยี นพเิ ศษ หมายถงึ หอ้ งเรยี นทสี่ ถานศกึ ษามงุ่ เนน้ จดั การเรยี นการสอน ที่ส่งเสริมศักยภาพนักเรยี นทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษด้านวชิ าการและดา้ นอื่น ๆ ห้องเรียนพิเศษ โดยสำ�นักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา หมายถึง ห้องเรียน ที่สถานศึกษามุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนเพ่ือส่งเสริมศักยภาพของนักเรียน ท่ีมีความสามารถพิเศษทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ ศิลปะ ดนตรี กฬี า ICT การอาชีพ ฯลฯ โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการพจิ ารณา การขอเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษของสำ�นักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา ภาษาต่างประเทศ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการพัฒนา ทักษะการใช้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีน ภาษาญป่ี ่นุ ภาษาเวียดนาม ภาษาเกาหลี ภาษาเขมร ภาษาลาว ภาษาสเปน ฯลฯ ศิลปะ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนท่ีมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลงาน ในด้านตา่ ง ๆ เช่น ทศั นศิลป์ วจิ ติ รศลิ ป์ ประติมากรรม ฯลฯ กีฬา หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นทักษะ ความสามารถ ด้านกฬี า เช่น ฟตุ บอล วอลเล่ย์บอล แบดมนิ ตนั ฯลฯ ดนตรี นาฏศิลป์ หมายถงึ การจดั การเรียนการสอนท่มี ุ่งเนน้ พัฒนารูปแบบ แบบแผนของการแสดง เช่น ดนตรีไทย ดนตรีสากล การขบั รอ้ ง ศิลปะการแสดง ฯลฯ การอาชีพ หมายถึง การจัดการศึกษาท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะ ในการประกอบอาชพี ไดแ้ ก่ การโรงแรม การอาหาร คหกรรม ธรุ กจิ และการประกอบการ ฯลฯ ระดับช้ัน หมายถึง ระดับชั้นท่ีขอเปิดห้องเรียนพิเศษ ได้แก่ ระดับ ประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น และระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 58 แนวทางการเปิดหอ้ งเรยี นพิเศษในสถานศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน
แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ โดยส�ำ นกั งานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา หลกั เกณฑ์การเปดิ ห้องเรยี นพิเศษ โดยส�ำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษา ๑. สถานศึกษาต้องมีความพร้อมทางด้านบุคลากร นักเรียน การระดมทรัพยากร แผนการจัด การเรียนการสอน อาคารสถานที่ และด้านบริหารจัดการในการจัดการเรียนการสอน เพ่ือส่งเสริมศักยภาพ นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษในด้านวิชาการและด้านอื่น ๆ โดยกำ�หนดวิธีการรับนักเรียนห้องเรียนพิเศษ ใหส้ อดคล้องกับนโยบายการรับนกั เรียนของสำ�นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ๒. สถานศึกษาท่ีเปิดห้องเรียนพิเศษ ต้องเป็นไปตามความต้องการของผู้ปกครอง คณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาการขอเปิดห้องเรียนพิเศษของ ส�ำ นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษาตามค�ำ สงั่ ของส�ำ นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา ทง้ั น้ี ใหข้ อเปดิ ในชน้ั แรกของแตล่ ะระดบั เชน่ ชัน้ อนบุ าล ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ และชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ เท่านน้ั ๓. สถานศึกษาที่ขอเปิดห้องเรียนพิเศษ ต้องมีค่าเฉล่ียผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ขน้ั พน้ื ฐาน (O - NET) กลมุ่ สาระการเรยี นรหู้ ลกั ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ไดแ้ ก่ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สังคมศกึ ษา และภาษาอังกฤษ ในระดบั ชน้ั ทเี่ ปดิ สอนสูงกวา่ ค่าเฉลยี่ ระดบั ประเทศ ๓ ปียอ้ นหลัง และหากเป็น การเปิดห้องเรียนพิเศษ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และด้านภาษา ต้องมีค่าเฉลี่ยผลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาติข้ันพ้ืนฐาน (O - NET) เฉพาะกล่มุ สาระการเรยี นรนู้ ั้น ๆ สูงกว่าค่าเฉลยี่ ระดบั ประเทศ ๓ ปี ย้อนหลงั ดว้ ย เช่น การขอเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษ EP ช้นั อนบุ าล ๑ หรอื ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ สถานศกึ ษาจะตอ้ ง มผี ลคะแนน O - NET ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ๕ กลมุ่ สาระหลัก สงู กว่าคา่ เฉลยี่ ระดบั ประเทศ ๓ ปยี ้อนหลงั และจะตอ้ งมผี ลคะแนน O - NET ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ภาษาองั กฤษสงู กวา่ คา่ เฉลย่ี ระดบั ประเทศ ๓ ปยี อ้ นหลงั การขอเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษวทิ ยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ สถานศึกษาจะตอ้ งมีผลคะแนน O - NET ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ๕ กลุ่มสาระหลักสูงกว่าค่าเฉล่ียระดับประเทศ ๓ ปีย้อนหลัง และจะต้องมี ผลคะแนน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ วทิ ยาศาสตรส์ งู กวา่ คา่ เฉลย่ี ระดบั ประเทศ ๓ ปยี อ้ นหลงั และจะตอ้ งมผี ลคะแนน O - NET ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ คณติ ศาสตรส์ งู กวา่ คา่ เฉลย่ี ระดบั ประเทศ ๓ ปยี อ้ นหลงั การขอเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ กฬี า ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ สถานศึกษาจะตอ้ งมผี ลคะแนน O - NET ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๖ ๕ กลมุ่ สาระหลัก สงู กวา่ คา่ เฉลีย่ ระดับประเทศ เปน็ ตน้ แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษในสถานศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน 59
๔. สถานศึกษาที่ต้องการเปิดห้องเรียนพิเศษ ต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อสำ�นักงานเขตพื้นที่ การศึกษา โดยคณะกรรมการพจิ ารณาการขอเปดิ ห้องเรียนพเิ ศษของส�ำ นกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา ภายในเดือน พฤษภาคม ของปกี ารศึกษากอ่ นหนา้ ปีการศึกษาท่ีตอ้ งการเปิดห้องเรยี นพิเศษน้ัน ๕. สถานศึกษาท่ีได้รับความเห็นชอบและอนุมัติให้เปิดห้องเรียนพิเศษ ให้ดำ�เนินการภายใน ๑ ปีการศึกษา หากไม่ดำ�เนนิ การภายในเวลาที่กำ�หนด ใหถ้ อื ว่าโครงการนั้นสน้ิ สดุ ๖. สถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนห้องเรียนพิเศษ หากมีความประสงค์จะเลิกดำ�เนินการ ต้องแจ้งผู้ปกครองนักเรียนทราบล่วงหน้า และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน แลว้ เสนอสำ�นกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาทราบ ๗. สถานศึกษาท่ีแจ้งยกเลิกการดำ�เนินการห้องเรียนพิเศษไปแล้ว หากมีความประสงค์จะขอเปิด ห้องเรียนพิเศษ ให้ดำ�เนินการขอเปิดหอ้ งเรียนพิเศษใหม่ ๘. สถานศึกษาท่ีจัดการเรียนการสอนห้องเรียนพิเศษ ควรให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ดำ�เนินการตรวจสอบและทบทวนการดำ�เนินงานของสถานศึกษาทั้งระบบโดยมุ่งเน้นคุณภาพของผู้เรียน ท้ังคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และจัดทำ�เป็นรายงานประจำ�ปีเสนอต่อสำ�นักงาน เขตพ้นื ที่การศึกษา และผเู้ ก่ียวขอ้ งเพื่อพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาอย่างต่อเนื่อง ขน้ั ตอนการด�ำ เนนิ การเปิดห้องเรียนพิเศษ โดยส�ำ นักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา ระดบั สถานศึกษา ๑. เตรยี มความพรอ้ มทางดา้ นหลกั สตู ร บคุ ลากร อาคารสถานท่ี แหลง่ เรยี นรแู้ ละสอื่ การเรยี นการสอน ในการจัดการศึกษาเพ่ือส่งเสริมศักยภาพนักเรียนท่ีมีความสามารถพิเศษในด้านวิชาการและด้านอ่ืน ๆ โดยกำ�หนดการรับนักเรียนห้องเรียนพิเศษให้สอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียน สังกัดสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน ๒. สำ�รวจข้อมูลความต้องการในการเปิดห้องเรียนพิเศษของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ชุมชน และ ผทู้ ม่ี ีส่วนเก่ยี วขอ้ งกบั สถานศึกษา ๓. จดั ท�ำ ขอ้ มลู และวเิ คราะหข์ อ้ มลู ความพรอ้ มในการขอเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษตอ่ นกั เรยี น ครู ผปู้ กครอง ชมุ ชน และผทู้ ่ีมีสว่ นเกย่ี วข้องกบั สถานศึกษา ๔. นำ�เสนอข้อมูล เหตุผล และความจำ�เป็นในการเปิดห้องเรียนพิเศษ และขอความเห็นชอบ จากคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐานของสถานศึกษา 60 แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพิเศษในสถานศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
๕. เสนอเร่ืองการขอเปิดห้องเรียนพิเศษไปยังสำ�นักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา พร้อมเอกสารประกอบ เชน่ แบบส�ำ รวจขอ้ มลู การขอเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ ตารางวเิ คราะหข์ อ้ มลู ความพรอ้ ม ส�ำ เนาคา่ เฉลยี่ ผลการทดสอบ ทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน (O - NET) กลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ ภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สงั คมศึกษา และภาษาองั กฤษ ในระดับชนั้ ท่ีขอเปิดสอน ๓ ปยี อ้ นหลงั และ หากเป็นการเปิดห้องเรียนพิเศษ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และด้านภาษา ต้องมีค่าเฉล่ียผลการทดสอบ ทางการศึกษาระดับชาตขิ ้นั พ้ืนฐาน (O - NET) เฉพาะกลุ่มสาระการเรยี นรนู้ ้ัน ๆ ๓ ปียอ้ นหลงั ด้วย โครงสรา้ ง หลกั สตู ร โครงการ ภาพถา่ ยหอ้ งเรยี น หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร อาคารสถานที่ ส�ำ เนารายงานการประชมุ และความเหน็ ชอบ ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พร้อมผลสำ�รวจความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง เป็นต้น ภายในเดือน พฤษภาคมของปีการศึกษาก่อนหน้าปีการศึกษาท่ีขอเปิดห้องเรียนพิเศษน้ัน ทั้งน้ี จะกล่าวอ้างเหตุผลที่ขอเปิด ห้องเรยี นพิเศษแต่ระยะเวลาไมเ่ ป็นไปตามทีก่ �ำ หนดไวไ้ ม่ได้ ๖. ประกาศผลการขอเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษใหน้ ักเรยี น ครู ผู้ปกครอง ชุมชน และผู้ท่ีมสี ่วนเกี่ยวข้อง ของสถานศึกษาทราบ ๗. สถานศกึ ษาก�ำ หนดผูร้ บั ผิดชอบหอ้ งเรยี นพิเศษ ๘. กำ�หนดแผนปฏิบัติการดำ�เนินงานในการเปิดหอ้ งเรียนพิเศษ ๙. รายงานผลการด�ำ เนนิ งานการจดั การเรยี นการสอนหอ้ งเรยี นพเิ ศษ เมอื่ สนิ้ ปกี ารศกึ ษาตอ่ ส�ำ นกั งาน เขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา และผ้เู ก่ยี วขอ้ ง แนวทางการเปดิ ห้องเรียนพเิ ศษในสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน 61
ระดบั ส�ำ นกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษา ๑. ตรวจสอบขอ้ มลู และเอกสารประกอบการเสนอเรอ่ื งการขอเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษใหเ้ ปน็ ไปตามแบบ การเสนอขอเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษ ๒. แต่งต้งั คณะกรรมการประเมินความพรอ้ มในการขอเปิดห้องเรยี นพเิ ศษ ประกอบดว้ ย ๒.๑ รองผอู้ �ำ นวยการเขตพน้ื ท่กี ารศกึ ษาที่รบั ผดิ ชอบ ประธานกรรมการ ๒.๒ ผแู้ ทนผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา กรรมการ ๒.๓ ศกึ ษานเิ ทศก์ผู้รบั ผดิ ชอบกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีจะเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษ กรรมการ ๒.๔ ผ้ทู รงคณุ วุฒดิ า้ นหลักสตู ร กรรมการ ๒.๕ ผูอ้ ำ�นวยการกลุม่ ทีร่ บั ผดิ ชอบการเปิดห้องเรียนพเิ ศษ กรรมการ และเลขานกุ าร โดยให้ผู้รับผิดชอบงานการเปิดห้องเรียนพิเศษ เป็นผู้รวบรวมข้อมูลประกอบการประเมิน ความพร้อมในการเปิดห้องเรียนพิเศษ เสนอต่อคณะกรรมการประเมินความพร้อมในการเปิดห้องเรียนพิเศษ และให้ดำ�เนินการประเมินให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมของปีการศึกษาก่อนหน้าปีการศึกษาที่จะเปิด ห้องเรยี นพเิ ศษ ๓. แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการขอเปิดห้องเรียนพิเศษของสำ�นักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประกอบด้วย ๓.๑ ผอู้ �ำ นวยการสำ�นกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษา ประธานกรรมการ ๓.๒ ผูแ้ ทนผบู้ ริหารสถานศึกษา กรรมการ ๓.๓ ผูอ้ �ำ นวยการกลุ่มนิเทศตดิ ตามและประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษา กรรมการ ๓.๔ ผทู้ รงคณุ วุฒิ กรรมการ ๓.๕ ผอู้ �ำ นวยการกลุม่ ที่รบั ผิดชอบการเปิดห้องเรยี นพเิ ศษ กรรมการ และเลขานุการ 62 แนวทางการเปิดห้องเรียนพเิ ศษในสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน
๔. ให้คณะกรรมการพิจารณาการเปิดห้องเรียนพิเศษ พิจารณาให้ความเห็นชอบการเปิดห้องเรียน พเิ ศษให้แลว้ เสร็จภายในเดอื นกนั ยายนของปีการศึกษาก่อนหน้าปีการศกึ ษาทจี่ ะเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษ ๕. จัดทำ�ประกาศการเปดิ ห้องเรยี นพิเศษและแจง้ ให้สถานศึกษาทราบ เพ่ือด�ำ เนินการเปดิ หอ้ งเรียน พิเศษ ๖. รายงานสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐานทราบ ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันอนุมัติ การเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษ ๗. ติดตามและประเมินผลการดำ�เนินการจัดการเรียนการสอนห้องเรียนพิเศษของสถานศึกษา ที่ได้รับอนุมัติ อย่างน้อยปีละ ๑ คร้ัง (แบบห้องเรียนพิเศษ ๓) และรายงานการประเมินผลต่อสำ�นักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐานทราบ กรอบการด�ำ เนนิ งานเปิดหอ้ งเรยี นพเิ ศษ โดยส�ำ นกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา ๑. ขอ้ ก�ำ หนดวิชาที่เปิดสอน ๒. คุณสมบตั ขิ องครูผูส้ อน ๓. คุณสมบตั ขิ องนกั เรยี น ๔. จำ�นวนนกั เรียนต่อห้องเรยี น ๕. ระยะเวลาการรบั นกั เรยี น ๑. ข้อก�ำ หนดวชิ าทเ่ี ปิดสอน ๑.๑ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และด้านอ่นื ๆ ระดับก่อนประถมศึกษา จัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และด้านอ่ืน ๆ ไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๓๐ ของหน่วยการเรียน โดยคำ�นึงถงึ ความรู้ความเขา้ ใจในเนอ้ื หาวิชานน้ั ระดับประถมศึกษา จัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และด้านอื่น ๆ ไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๓๐ ของเวลาเรียนตลอดปีการศกึ ษา โดยคำ�นงึ ถงึ ความรคู้ วามเขา้ ใจในเนือ้ หาวิชานัน้ ระดับมัธยมศึกษา จัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และด้านอื่น ๆ ไม่น้อยกว่า รอ้ ยละ ๓๐ หนว่ ยการเรียนต่อปีการศกึ ษา โดยคำ�นงึ ถึงความรคู้ วามเขา้ ใจในเน้อื หาวชิ านัน้ ๑.๒ ดา้ นภาษา ระดับก่อนประถมศึกษา จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของหนว่ ยการเรียน ส�ำ หรับนักเรยี นกอ่ นประถมศกึ ษา ระดับประถมศึกษา จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของเวลาเรียนตลอดปกี ารศกึ ษา โดยคำ�นงึ ถึงความรู้ความเข้าใจในเน้ือหาวิชาของศาสตร์นนั้ ระดับมัธยมศึกษา จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของ หน่วยการเรยี นแตล่ ะชน้ั โดยคำ�นงึ ถึงความรู้ความเข้าใจในเนอ้ื หาวชิ าของศาสตรน์ ั้น แนวทางการเปดิ ห้องเรียนพิเศษในสถานศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน 63
๒. คุณสมบัติของครผู สู้ อน ๒.๑ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และด้านอืน่ ๆ มคี รทู จี่ บสาขาวชิ าเอกทเี่ ปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษอย่างเพยี งพอ สถานศกึ ษาอาจจดั หาวทิ ยากรพเิ ศษ มาเสริมศักยภาพและความรู้ของผู้เรยี นเพิ่มเติม ๒.๒ ครผู ู้สอนภาษาต่างประเทศ ๑) ครูผู้สอนท่ีเป็นชาวต่างชาติ ต้องมีคุณสมบัติท่ีกระทรวงศึกษาธิการกำ�หนด สามารถใช้ ภาษาท่ีเปดิ สอนไดถ้ กู ตอ้ งตามหลกั ภาษา และใช้ภาษาไทยในการส่อื สารง่าย ๆ ได้ หรือจัดให้มคี รไู ทยที่สามารถ ใชภ้ าษาต่างประเทศท่เี ปิดสอนในหอ้ งเรียนพิเศษในการส่ือสารเข้าไปมีสว่ นรว่ ม ๒) ครผู สู้ อนชาวตา่ งชาตติ อ้ งไดร้ บั การอบรมภาษาและวฒั นธรรมของประเทศไทย อยา่ งนอ้ ย ๑๕ ชั่วโมง ๓) จัดให้ครูผ้สู อนทำ�สัญญาปฏบิ ตั ิงาน ใหค้ รบ ๑ ปีการศกึ ษาเป็นอยา่ งนอ้ ยและมีบทลงโทษ ทเ่ี ขม้ งวดหากละเมิดสัญญาจา้ ง ๔) ครผู สู้ อนทกุ คนตอ้ งจบปรญิ ญาตรเี ปน็ อยา่ งนอ้ ย และตอ้ งมหี ลกั ฐานการศกึ ษาในสาขาวชิ า ทีจ่ ะสอนหรือสาขาท่เี กี่ยวข้อง ๕) ครผู สู้ อนทกุ คนตอ้ งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเดก็ และวธิ กี ารจดั การเรยี นการสอนโดยมหี ลกั ฐาน การศกึ ษาดา้ นการสอน ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๕ หน่วยกิต ๖) สถานศึกษาต้องจัดให้ครูผู้สอนทุกคนท่ีจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาไทยและ ภาษาต่างประเทศท่ีขอเปิดห้องเรียนพิเศษ ได้ศึกษาวิธีการจัดการเรียนการสอนซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ ในการจดั การเรยี นการสอนที่เนน้ ผเู้ รียนส�ำ คัญทีส่ ุด ๗) ครผู สู้ อนทกุ คนตอ้ งมโี อกาสไดร้ บั การพฒั นา โดยไดร้ บั การฝกึ อบรมศกึ ษาดงู านในประเทศ หรอื หน่วยงานทางการศกึ ษา / สถานศึกษาต่างประเทศ ที่มีการท�ำ ข้อตกลงทางการศึกษาร่วมกบั สถานศกึ ษา 64 แนวทางการเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษในสถานศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน
๓. คณุ สมบัตขิ องนกั เรียน ๓.๑ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ กอ่ นประถมศกึ ษา ๑. อายุ ๔ ปีบรบิ รู ณ์ นับถงึ วนั ที่ ๑๖ พฤษภาคม ของปกี ารศึกษาท่จี ะสมัครเขา้ เรียน ๒. มีความพร้อมทจ่ี ะเขา้ เรยี น ๓. ผ้ปู กครองมคี วามพร้อมทีจ่ ะให้การสนบั สนุนค่าใชจ้ า่ ยตลอดเวลาทศี่ กึ ษาอยู่ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ๑. มีอายยุ ่างเข้าปที ี่ ๗ หรอื จบการศกึ ษาระดับก่อนประถมศกึ ษา ๒. มคี วามสนใจและมีความรู้พน้ื ฐานในสาระการเรยี นรู้ทจ่ี ะสมคั รเข้าเรยี นหอ้ งเรียนพิเศษ ๓. ผูป้ กครองมีความพร้อมที่จะให้การสนบั สนนุ ค่าใช้จา่ ยตลอดเวลาท่ศี กึ ษาอยู่ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ๑. สำ�เร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ เทียบเทา่ หรือก�ำ ลังศึกษาอยู่ในชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ของปีการศึกษาก่อนจะสมัครเขา้ เรียน ๒. มผี ลการเรยี นเฉลยี่ รวมชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ และชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ ไมต่ า่ํ กวา่ ๒.๗๕ และมผี ลการเรยี นในกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์ไม่ต่าํ กวา่ ๓.๐๐ ๓. เป็นโสด ๔. มีความประพฤติเรียบรอ้ ย มรี ะเบยี บวนิ ัย และอยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่นื ได้เป็นอยา่ งดี ๕. สุขภาพอนามัยสมบูรณ์แข็งแรง ๖. ผูป้ กครองมคี วามพร้อมทจ่ี ะใหก้ ารสนบั สนุนค่าใช้จา่ ยตลอดเวลาทศี่ ึกษาอยู่ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๑. สำ�เร็จการศึกษาช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ เทียบเทา่ หรือกำ�ลงั ศึกษาอย่ชู ั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ของปกี ารศึกษากอ่ นจะสมัครเขา้ เรยี น ๒. มผี ลการเรยี นเฉลยี่ รวมช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ และชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ไมต่ ่าํ กวา่ ๒.๗๕ และมผี ลการเรียนในกล่มุ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์ไมต่ ่าํ กว่า ๓.๐๐ ๓. มคี วามประพฤติเรียบรอ้ ย มีระเบียบวนิ ัย และอยรู่ ่วมกบั ผ้อู ื่นไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ๔. สขุ ภาพอนามยั สมบูรณแ์ ข็งแรง ๕. ผู้ปกครองมีความพรอ้ มที่จะให้การสนับสนนุ คา่ ใชจ้ า่ ยตลอดเวลาทีศ่ กึ ษาอยู่ ๓.๒ ดา้ นกฬี า ICT และด้านอ่นื ๆ ก่อนประถมศึกษา ๑. อายุ ๔ ปีบรบิ ูรณ์ นับถงึ วนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม ของปกี ารศึกษาทจ่ี ะสมัครเขา้ เรยี น ๒. มีความพรอ้ มทีจ่ ะเขา้ เรยี น ๓. ผปู้ กครองมีความพรอ้ มทจี่ ะให้การสนบั สนุนค่าใช้จา่ ยตลอดเวลาทศ่ี ึกษาอยู่ แนวทางการเปดิ ห้องเรียนพิเศษในสถานศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน 65
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ๑. มีอายุย่างเขา้ ปที ี่ ๗ หรอื จบการศกึ ษาระดบั กอ่ นประถมศกึ ษา ๒. มีความสนใจและมีความรพู้ นื้ ฐานในสาระการเรียนรทู้ ่ีจะสมัครเขา้ เรียนหอ้ งเรียนพเิ ศษ ๓. ผปู้ กครองมีความพรอ้ มทจ่ี ะให้การสนบั สนนุ ค่าใชจ้ ่ายตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ๑. สำ�เร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ เทียบเทา่ หรือก�ำ ลงั ศึกษาอยู่ในชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ของปีการศกึ ษากอ่ นจะสมคั รเข้าเรยี น ๒. มผี ลการเรยี นเฉลยี่ รวมชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ และชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ ไมต่ า่ํ กวา่ ๒.๐๐ ๓. มคี วามประพฤตเิ รียบรอ้ ย มรี ะเบยี บวินยั และอยู่ร่วมกบั ผู้อ่นื ได้เป็นอยา่ งดี ๔. สขุ ภาพอนามยั สมบูรณแ์ ข็งแรง ๕. ผู้ปกครองมีความพรอ้ มทีจ่ ะให้การสนบั สนุนคา่ ใช้จ่ายตลอดเวลาทศ่ี ึกษาอยู่ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๑. สำ�เร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ เทยี บเทา่ หรอื กำ�ลังศึกษาอย่ชู ั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ของปกี ารศึกษากอ่ นจะสมัครเข้าเรียน ๒. มีผลการเรียนเฉล่ียรวมชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ และชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ไมต่ ํ่ากว่า ๒.๐๐ ๓. มคี วามประพฤตเิ รียบร้อย มีระเบียบวนิ ยั และอยรู่ ่วมกบั ผ้อู นื่ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ๔. สุขภาพอนามยั สมบรู ณ์แข็งแรง ๕. ผปู้ กครองมคี วามพร้อมทจ่ี ะให้การสนับสนุนคา่ ใช้จา่ ยตลอดเวลาท่ีศึกษาอยู่ ๓.๓ ดา้ นภาษา กอ่ นประถมศกึ ษา ๑. อายุ ๔ ปบี รบิ รู ณ์ นบั ถงึ วันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ของปกี ารศึกษาท่จี ะสมคั รเข้าเรียน ๒. มคี วามพรอ้ มท่ีจะเขา้ เรยี น ๓. ผปู้ กครองมคี วามพรอ้ มที่จะใหก้ ารสนับสนนุ ค่าใชจ้ า่ ยตลอดเวลาทศ่ี กึ ษาอยู่ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ ๑. มอี ายุยา่ งเข้าปที ่ี ๗ หรอื จบการศกึ ษาระดบั ก่อนประถมศึกษา ๒. มีความสนใจและมคี วามร้พู นื้ ฐานในสาระการเรยี นรทู้ จี่ ะสมัครเขา้ เรียนหอ้ งเรียนพเิ ศษ ๓. ผปู้ กครองมคี วามพรอ้ มทจ่ี ะใหก้ ารสนบั สนุนคา่ ใช้จา่ ยตลอดเวลาที่ศึกษาอยู่ 66 แนวทางการเปิดหอ้ งเรยี นพิเศษในสถานศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ๑. สำ�เร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ เทยี บเท่า หรอื ก�ำ ลงั ศึกษาอยใู่ นชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ของปกี ารศกึ ษากอ่ นจะสมคั รเข้าเรียน ๒. มผี ลการเรียนเฉลี่ยรวมชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ และช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ ทุกกล่มุ สาระ การเรียนรู้ ไม่ต่ํากว่า ๒.๕๐ และกลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ ไมต่ าํ่ กวา่ ๒.๕๐ ๓. มคี วามประพฤติเรยี บรอ้ ย มรี ะเบียบวนิ ยั และอยู่รว่ มกับผอู้ น่ื ไดเ้ ป็นอย่างดี ๔. สขุ ภาพอนามยั สมบูรณแ์ ข็งแรง ๕. ผู้ปกครองมคี วามพรอ้ มทจี่ ะให้การสนับสนนุ ค่าใชจ้ ่ายตลอดเวลาท่ีศึกษาอยู่ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔ ๑. สำ�เร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ เทยี บเทา่ หรือกำ�ลังศึกษาอยชู่ นั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓ ของปีการศึกษาก่อนจะสมัครเขา้ เรยี น ๒. มีผลการเรียนเฉลี่ยรวมช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ทุกกลุ่มสาระ การเรยี นรไู้ มต่ ่าํ กว่า ๓.๐๐ และกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ ไม่ตาํ่ กว่า ๓.๐๐ ๓. เป็นโสด ๔. มีความประพฤตเิ รียบรอ้ ย มรี ะเบียบวินัย และอยู่รว่ มกับผ้อู น่ื ไดเ้ ปน็ อย่างดี ๕. สุขภาพอนามัยสมบูรณแ์ ข็งแรง ๖. ผปู้ กครองมีความพรอ้ มท่จี ะใหก้ ารสนบั สนนุ คา่ ใช้จ่ายตลอดเวลาทีศ่ ึกษาอยู่ ๔. จ�ำ นวนนักเรยี นต่อหอ้ งเรยี น ๔.๑ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และอืน่ ๆ ระดบั ก่อนประถมศึกษา ไมเ่ กินหอ้ งละ ๒๕ คน ระดบั ประถมศึกษา ไม่เกนิ ห้องละ ๓๐ คน ระดับมัธยมศึกษา ไมเ่ กนิ ห้องละ ๓๐ คน ๔.๒ ดา้ นภาษา ระดบั ก่อนประถมศกึ ษา ไม่เกินห้องละ ๒๕ คน ระดับประถมศกึ ษา ไมเ่ กนิ ห้องละ ๓๐ คน ระดับมัธยมศกึ ษา ไม่เกนิ ห้องละ ๓๐ คน ๔.๓ ดา้ นกีฬาและดา้ นอ่ืน ๆ ระดบั ก่อนประถมศกึ ษา ไม่เกินหอ้ งละ ๒๕ คน ระดบั ประถมศึกษา ไมเ่ กินหอ้ งละ ๓๐ คน ระดบั มัธยมศึกษา ไมเ่ กนิ หอ้ งละ ๓๐ คน แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษในสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน 67
จำ�นวนหอ้ งเรยี น ให้สถานศึกษาดำ�เนินการเปิดห้องเรียนพิเศษตามจำ�นวนที่กำ�หนดไว้ในนโยบายและแนวปฏิบัติ เกย่ี วกับการรับนกั เรยี น สงั กัดสำ�นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานแตล่ ะปีการศึกษา การรบั นกั เรียน ใหส้ ถานศกึ ษาด�ำ เนนิ การรบั นักเรยี นให้สอดคลอ้ งกับนโยบายและแนวปฏิบัตเิ กย่ี วกับการรับนักเรียน สงั กดั สำ�นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ในแตล่ ะปีการศึกษา ๑. ระดับก่อนประถมศึกษา และช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ ใหร้ ับนักเรยี นโดยการประเมนิ ความพรอ้ ม ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำ หนด ๒. ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ และชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ใชว้ ธิ กี ารคดั เลอื กจากการสอบ โดยใชแ้ บบทดสอบ วัดความสามารถทางวิชาการและด้านอืน่ ๆ ตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากำ�หนด ๕. ระยะเวลาการรับนกั เรียน ให้สถานศกึ ษาด�ำ เนินการรบั นักเรียนให้สอดคลอ้ งกบั นโยบายและแนวปฏบิ ตั ิเกี่ยวกบั การรับนักเรยี น สงั กัดส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในแตล่ ะปกี ารศึกษา 68 แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน
แผนภมู ิการเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ โดยสำ�นักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา สถานศกึ ษาเสนอข้อมลู ตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน ไม่เห็นชอบ คณะกรรมการสถานศกึ ษา ขัน้ พ้นื ฐานพจิ ารณา สถานศึกษาเสนอเรอ่ื งไปยังสำ�นกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา ส่งกลบั สถานศกึ ษา (ภายในเดือนพฤษภาคมของปกี ารศึกษาก่อนหนา้ ปีการศกึ ษาท่ีขอเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษ) สำ�นกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาแต่งต้งั กรรมการประเมนิ และดำ�เนินการประเมนิ ตรวจสอบขอ้ มลู ของสถานศกึ ษา (ภายในเดอื นกรกฎาคมของปีการศกึ ษากอ่ นหนา้ ทีข่ อเปิดห้องเรยี นพิเศษ) คณะกรรมการพิจารณาการขอเปดิ หอ้ งเรียนพิเศษของ ไม่เห็นชอบ ส�ำ นกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษา พิจารณา (ภายในเดือนกันยายนของปีการศกึ ษากอ่ นหนา้ ปีการศึกษาท่ีขอเปดิ ห้องเรียนพเิ ศษ) สำ�นักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประกาศให้เปดิ ห้องเรียนพเิ ศษ และรายงานสำ�นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน สถานศึกษาประชาสมั พันธ์ และรบั นกั เรียน แนวทางการเปิดหอ้ งเรียนพิเศษในสถานศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน 69
ขอ้ เสนอแนะในการประเมนิ ความพร้อมของสถานศึกษาทีข่ อเปิดหอ้ งเรียนพเิ ศษ ๑. ใหใ้ ชแ้ บบเสนอการขอเปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ โดยส�ำ นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา (แบบหอ้ งเรยี นพเิ ศษ ๑) ประเมินสถานศกึ ษาท่ขี อเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษ พรอ้ มเอกสารของสถานศกึ ษาท่ีส่งมาให้ ๒. การตอบแบบประเมิน ๒.๑ กรรมการทุกคนหรือต้องมีกรรมการจำ�นวนไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของกรรมการท้ังหมด เปน็ ผ้ตู อบแบบประเมนิ ๒.๒ กรรมการส่งแบบประเมินที่กรอกเรียบร้อยแล้วให้ฝ่ายเลขานุการ ฝ่ายเลขานุการสรุปผล และนำ�เสนอทป่ี ระชมุ กอ่ นทปี่ ระธานจะตดั สนิ ทกุ ครง้ั ท่ปี ระเมนิ ๓. วธิ กี ารประเมิน / ข้นั ตอนการประเมนิ ๓.๑ คณะกรรมการพบผบู้ รหิ ารโรงเรียน และคณะครูท่สี อนห้องเรยี นพิเศษ ๓.๒ สถานศกึ ษาสรุปความพร้อมและการด�ำ เนินการ ๓.๓ คณะกรรมการซกั ถาม ๓.๔ คณะกรรมการทุกคนศึกษา / สำ�รวจรายละเอยี ดต่าง ๆ ทจี่ ะแสดงให้เห็นถึงความพรอ้ ม ของสถานศึกษาที่ขอเปดิ หอ้ งเรียนพิเศษ เช่น หลกั สตู รหอ้ งเรียน หอ้ งปฏิบตั กิ าร อาคารสถานที่ / อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ และรวบรวมเอกสารต่าง ๆ ของโรงเรียนเพื่อนำ�มาประกอบการพิจารณาดว้ ย ๔. เกณฑก์ ารให้คะแนน (ใช้แบบประเมนิ ห้องเรยี นพเิ ศษ ๒) ตอนท่ี ๑ ข้อมูลทั่วไป เติม / กรอกขอ้ มลู ใหค้ รบถ้วน ๗ ขอ้ ตอนที่ ๒ ความพร้อมของโรงเรียน เปน็ แบบ Rating Scale ๓ ระดับ คือ ดีมาก หมายถงึ มผี ลการด�ำ เนนิ งานความส�ำ เรจ็ /ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ๘๐-๑๐๐% ให้คะแนน ๓ ด ี หมายถงึ มผี ลการด�ำ เนนิ งานความส�ำ เรจ็ / ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ๖๐ - ๗๙% ใหค้ ะแนน ๒ พอใช้ หมายถงึ มผี ลการด�ำ เนนิ งานความส�ำ เรจ็ / ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั ตาํ่ กวา่ ๕๙% ให้คะแนน ๑ ๕. หาคะแนนเฉลยี่ ในแตล่ ะดา้ น ๕.๑ น�ำ คะแนนท่ีให้ (๓ หรือ ๒ หรือ ๑) บวกกนั ทุกข้อแลว้ หารด้วยจำ�นวนขอ้ เพอื่ หาคะแนนเฉล่ีย ๕.๒ นำ�คะแนนเฉลี่ยที่หาได้มาเทียบเกณฑ์ ดังนี้ ๒.๓๔ - ๓.๐๐ คอื พรอ้ มมาก ๑.๖๗ - ๒.๓๓ คือ พร้อม ๑.๖๖ ลงมา คอื ไมพ่ ร้อม ๖. สรุปผลการประเมนิ คะแนนเฉลย่ี ของทกุ ด้าน ตอ้ งผา่ นเกณฑค์ วามพร้อมไมต่ ่าํ กวา่ ๑.๖๗ ๗. เลขานกุ ารคณะกรรมการประเมนิ ความพร้อมในการเปิดห้องเรยี นพเิ ศษ รวบรวมผลการประเมนิ เสนอตอ่ ประธาน ประธานสรปุ ผลการประเมนิ ๘. ประธานคณะกรรมการประเมินความพร้อมในการเปิดห้องเรียนพิเศษนำ�ผลเสนอท่ีประชุม คณะกรรมการและเสนอตอ่ คณะกรรมการพจิ ารณาเปิดห้องเรียนพิเศษของสำ�นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา 70 แนวทางการเปิดหอ้ งเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน
แบบหอ้ งเรียนพเิ ศษ ๑ แบบเสนอการขอเปิดห้องเรียนพเิ ศษ ๑. ชอ่ื สถานศกึ ษา..............................................อ�ำ เภอ / เขต.................................จงั หวดั .................................... สังกดั .............................................................................................................. ๒. ขอ้ มลู พื้นฐานของสถานศกึ ษา ๒.๑ สถานศึกษาได้รบั ประกาศจัดต้งั เม่อื ปี พ.ศ. ............................... ๒.๒ ปีการศึกษา...........................................(ปัจจบุ นั ) สถานศกึ ษามีจำ�นวนนกั เรยี นและจำ�นวนหอ้ งเรยี น และแนวโนม้ ทคี่ าดว่าจะรบั นกั เรียนได้ ดังนี้ แนวโน้มที่คาดว่าจะไดร้ บั ร ะดบั ชน้ั ปีการศกึ ษา.......ปจั จุบัน ปีการศึกษา......... ปีการศึกษา........ ปีการศึกษา......... จ�ำ นวน จ�ำ นวน จำ�นวน จ�ำ นวน จ�ำ นวน จ�ำ นวน จำ�นวน จ�ำ นวน หอ้ ง นกั เรียน ห้อง นกั เรยี น ห้อง นกั เรียน ห้อง นกั เรยี น อ.๑ อ.๒ ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ม.๑ ม.๒ ม.๓ ม.๔ ม.๕ ม.๖ รวมทงั้ สิน้ แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพิเศษในสถานศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน 71
๒.๓ ในปีการศกึ ษา (ปัจจบุ นั )......................................สถานศึกษาได้เปดิ ห้องเรยี นพิเศษ ดงั น้ี ๑) ดา้ น..............................ระดับ....................จำ�นวน......................หอ้ ง นักเรยี น....................คน ๒) ดา้ น..............................ระดับ....................จำ�นวน......................หอ้ ง นักเรยี น....................คน ๓) ด้าน..............................ระดับ....................จ�ำ นวน......................ห้อง นกั เรียน....................คน ๔) ดา้ น..............................ระดับ....................จำ�นวน......................หอ้ ง นักเรยี น....................คน ๕) ดา้ น..............................ระดับ....................จำ�นวน......................หอ้ ง นักเรยี น....................คน ๒.๔ งบประมาณที่ไดจ้ ดั สรรใน ๓ ปยี อ้ นหลงั ปีงบประมาณ งบลงทนุ ประเงภบทองุดบหปนรนุะม าณนอกงบประมาณ รวมทง้ั สน้ิ ๒.๕ ผลการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติข้ันพืน้ ฐาน (O - NET) ๓ ปีย้อนหลัง ระดบั ชนั้ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๖ กลุม่ สาระการเรียนร ู้ ปกี ารศึกษา....... ปีการศกึ ษา....... ปีการศึกษา....... ภาษาไทย คณิตศาสตร ์ วทิ ยาศาสตร ์ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษ รวม เฉลย่ี 72 แนวทางการเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษในสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน
๓. ปีการศึกษา (ปีทข่ี อเปิด)................................สถานศกึ ษาเสนอขอเปิดหอ้ งเรยี นพเิ ศษ ดงั น้ี ๓.๑ ด้าน......................................ระดับ....................จ�ำ นวน......................ห้อง นักเรยี น....................คน ๓.๒ ดา้ น......................................ระดบั ....................จ�ำ นวน......................ห้อง นกั เรยี น....................คน ๓.๓ ดา้ น......................................ระดับ....................จำ�นวน......................ห้อง นกั เรียน....................คน ๓.๔ ด้าน......................................ระดบั ....................จำ�นวน......................หอ้ ง นักเรยี น....................คน ๓.๕ ด้าน......................................ระดับ....................จำ�นวน......................หอ้ ง นักเรยี น....................คน ๔. ขอ้ มลู เกี่ยวกบั บุคลากร ปจั จบุ นั สถานศกึ ษามีบุคลากร ดงั นี้ ๔.๑ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา รวม.................คน แยกเปน็ ข้าราชการครู...............................................................คน บุคลากรทางการศึกษา................................................คน พนกั งานราชการ.........................................................คน ๔.๒ อตั ราจ้าง (คร)ู ครูไทย ................คน ครตู า่ งประเทศ................คน รวม..................คน แยกเป็น อัตราจา้ งช่ัวคราวจากเงนิ งบประมาณ (ไทย) .................คน อตั ราจ้างชวั่ คราวจากเงินนอกงบประมาณ..................คน ๔.๓ ลูกจา้ ง รวม.....................................................................คน แยกเป็น ลกู จา้ งประจำ�..............................................................คน ลกู จา้ งชว่ั คราวจากเงินงบประมาณ.............................คน ลกู จ้างชวั่ คราวจากเงนิ นอกงบประมาณ......................คน ๔.๔ จำ�นวนครู พนกั งานราชการ และอัตราจา้ งท่มี ีวฒุ ิ / วิชาเอก - โท ๑) วุฒกิ ารศกึ ษา ที่ วุฒกิ ารศกึ ษา ขา้ ราชการครู พนกั งานราชการ อตั ราจ้าง รวม ๑ (จำ�นวน) (จ�ำ นวน) (จำ�นวน) ๒ ๓ ๔ รวมทงั้ ส้ิน แนวทางการเปิดหอ้ งเรียนพิเศษในสถานศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน 73
๒) วิชาเอก - โท ขา้ ราชการครูและพนักงานราชการ อตั ราจา้ ง รว(มคทนั้ง)สน้ิ ท่ ี วิชาเอก - โท วิชาเอก วิชาโท รวม วชิ าเอก วิชาโท รวม ๑ ภาษาไทย (คน) (คน) (คน) (คน) (คน) (คน) ๒ คณติ ศาสตร ์ ๓ วิทยาศาสตร์ท่ัวไป ๔ เคม ี ๕ ชีววทิ ยา ๖ ฟสิ ิกส ์ ๗ สงั คมศึกษา ๘ สขุ ศึกษา ๙ พลศึกษา ๑๐ ศลิ ปะ ๑๑ พาณิชยกรรม ๑๒ คหกรรม (ผา้ อาหาร คหกรรมทวั่ ไป) ๑๓ คอมพวิ เตอร์ศึกษา ๑๔ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสอ่ื สาร ๑๕ ภาษาอังกฤษ ๑๖ ภาษาฝร่งั เศส ๑๗ ภาษาญี่ปุ่น ๑๘ ภาษาเยอรมนั ๑๙ ภาษาจีน ๒๐ ภาษาเวียดนาม ๒๑ ภาษาเกาหล ี ๒๒ ภาษาอาเซียน ๒๓ อาชพี 74 แนวทางการเปิดหอ้ งเรยี นพเิ ศษในสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
ขา้ ราชการครูและพนักงานราชการ อัตราจา้ ง รวมทั้งสน้ิ (คน) ที่ วิชาเอก - โท วิชาเอก วิชาโท รวม วิชาเอก วิชาโท รวม (คน) (คน) (คน) (คน) (คน) (คน) ๒๔ อื่น ๆ (ระบ)ุ ... ๒๕ ๒๖ ๒๗ รวมทง้ั สน้ิ ๕. ขอ้ มลู อาคารสถานที่ ปัจจุบนั โรงเรียนมอี าคารเรยี นและอาคารประกอบใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน ดังน้ี ๕.๑ อาคารเรียน จำ�นวน..............................หลงั ดงั น้ี ๑) อาคารเรียนแบบ......................................จ�ำ นวน.......................ห้อง สร้างปี พ.ศ. .......... ๒) อาคารเรียนแบบ......................................จ�ำ นวน.......................ห้อง สรา้ งปี พ.ศ. .......... ๓) อาคารเรยี นแบบ......................................จ�ำ นวน.......................หอ้ ง สรา้ งปี พ.ศ. .......... ๕.๒ อาคารฝกึ งาน จำ�นวน........................................หลัง ดงั นี้ ๑) อาคารฝกึ งาน......................................จ�ำ นวน.......................ห้อง สรา้ งปี พ.ศ. .......... ๒) อาคารฝกึ งาน......................................จำ�นวน.......................หอ้ ง สร้างปี พ.ศ. .......... ๕.๓ การใช้อาคารเรียนและส่ิงกอ่ สร้างทมี่ อี ยู่แล้ว ๑) ใชเ้ ป็นหอ้ งเรยี นปกติ รวม.......................................ห้อง ๒) ใช้เป็นห้องพกั ผบู้ รหิ ารและหอ้ งพกั ครู รวม.................................หอ้ ง ๓) ใชเ้ ปน็ ห้องปฏิบตั ิการตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้ รวม......................หอ้ ง ๕.๔ ห้องเรยี นพเิ ศษและสือ่ อุปกรณ์เทคโนโลยี ๑) คอมพวิ เตอร์ จำ�นวน.............................เครอื่ ง ๒) ระบบอินเทอร์เน็ต..................................................... ๓) ห้องปฏิบัติการทางวทิ ยาศาสตร์ รวม..............................ห้อง ๔) หอ้ งปฏิบตั กิ ารทางภาษา รวม................................ห้อง ๕) หอ้ งเรียนพเิ ศษอืน่ ๆ ระบ.ุ ....................................................รวม.......................หอ้ ง ๕) แหล่งเรยี นรอู้ น่ื ๆ ระบ.ุ .........................................................รวม.......................แห่ง แนวทางการเปิดหอ้ งเรยี นพเิ ศษในสถานศึกษาข้นั พื้นฐาน 75
๖. ข้อมูลแผนการบรหิ ารจัดการ โดยระบวุ า่ จะดำ�เนินการอยา่ งไร ๖.๑ การบรหิ ารงานด้านวชิ าการ................................................................................................................. ๖.๒ การบรหิ ารงานดา้ นงบประมาณ.......................................................................................................... ๖.๓ การบรหิ ารงานดา้ นการบริหารงานบุคคล............................................................................................ ๖.๔ การบรหิ ารงานดา้ นการบรหิ ารทว่ั ไป................................................................................................... ๖.๕ ด้านอื่น ๆ ............................................................................................................................................ ๗. ขอ้ มูลภาพความสำ�เรจ็ ของสถานศึกษา (๓ ปีย้อนหลงั ) ๗.๑ ............................................................................................................................................................ ๗.๒ ............................................................................................................................................................ ๗.๓ ............................................................................................................................................................ ลงช่ือ....................................................ผู้รายงานข้อมลู (...................................................) ตำ�แหนง่ ผอู้ �ำ นวยการโรงเรียน.................................................. ................ / .................. / ................ 76 แนวทางการเปิดห้องเรียนพเิ ศษในสถานศึกษาขั้นพน้ื ฐาน
ขัน้ ตอนการประเมนิ สถานศกึ ษาทข่ี อความเห็นชอบด�ำ เนินโครงการห้องเรียนพิเศษ ประจ�ำ ปีการศึกษา ๒๕......... ล�ำ ดับ กจิ กรรม หมายเหตุ ประมาณ ๓๐ นาที - ๑ ชว่ั โมง ๑ ประชมุ กรรมการตามค�ำ สั่งส�ำ นกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา เรอ่ื ง แต่งต้งั คณะกรรมการประเมินความพรอ้ มสถานศกึ ษา เพ่ือสรา้ งความเขา้ ใจตรงตาม ทีข่ อความเหน็ ชอบโครงการจดั การเรียนการสอนหอ้ งเรยี นพิเศษ “คำ�ส่ัง” คณะกรรมการ ๒ ชแี้ จงแบบประเมินความพรอ้ มสถานศกึ ษา เพ่ือพิจารณา - รบั ฟงั การน�ำ เสนอ เปิดหอ้ งเรียนพเิ ศษ - เก็บรวมรวมขอ้ มลู - ตรวจเอกสาร ๓ สถานศกึ ษาน�ำ เสนอการเตรยี มความพร้อมเพือ่ รบั การประเมนิ - พิจารณาคุณวุฒคิ รู ตามแบบประเมิน พรอ้ มเอกสารการน�ำ เสนอ ตา่ งประเทศ / ความเหมาะสม ตอนท่ี ๑ ข้อมูลทัว่ ไปของสถานศึกษา / ตามสภาพจรงิ ตอนที่ ๒ ความพรอ้ มของสถานศกึ ษา ๑. ดา้ นวชิ าการ กรรมการลงมติ / แจง้ ผลให้ ๒. ดา้ นงบประมาณ สถานศกึ ษาทราบ / ๓. ด้านการบรหิ ารงานบคุ คล ผอ.สพป./สพม. จะเหน็ ชอบ ๔. ด้านการบริหารงานทว่ั ไป ๕. ด้านอืน่ ๆ ๔ สถานศึกษานำ�คณะกรรมการชมอาคารสถานท่ี / หอ้ งเรยี น / หอ้ งประกอบ ฯลฯ ๕ คณะกรรมการประชมุ ร่วมกันเพอ่ื ประเมิน ๖ ถา้ ข้อมลู ไม่เพยี งพอใหส้ ถานศกึ ษาชีแ้ จงเพิม่ ๗ เลขานุการรวบรวมผลคะแนนเข้าทป่ี ระชุม สรปุ ผล เพื่อเสนอคณะกรรมการพจิ ารณาการเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษ ของส�ำ นักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษา แนวทางการเปิดหอ้ งเรียนพเิ ศษในสถานศึกษาข้นั พื้นฐาน 77
แบบหอ้ งเรยี นพิเศษ ๒ แบบประเมนิ ความพรอ้ มของสถานศกึ ษาทข่ี อเปดิ ห้องเรียนพิเศษ ขอเปิดห้องเรียนพเิ ศษด้าน............................................................................................. ปีการศกึ ษา ๒๕.............. ระดับ ก่อนประถมศึกษา ประถมศกึ ษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย ค�ำ ช้ีแจง ๑. แบบประเมนิ ฉบบั นี้ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ส�ำ รวจความพรอ้ มของสถานศกึ ษา ส�ำ หรบั เปน็ ขอ้ มลู ในการพจิ ารณา สถานศึกษาทข่ี อเปิดห้องเรียนพิเศษ ๒. แบบประเมนิ ฉบับนมี้ ี ๒ ตอน ดงั น้ี ตอนที่ ๑ ข้อมลู ทั่วไปของสถานศึกษา ตอนที่ ๒ ความพรอ้ มของสถานศึกษา ตอนที่ ๑ ข้อมูลทวั่ ไปของสถานศกึ ษา คำ�ชแ้ี จง โปรดขีดเครอ่ื งหมาย √ ลงใน และเติมข้อความลงในช่องว่างตามสภาพทีเ่ ปน็ จริงของสถานศึกษา ๑. ชือ่ สถานศกึ ษา............................................................................ถนน............................................................. ต�ำ บล...........................................อ�ำ เภอ...................................................จงั หวัด.......................................... โทรศพั ท.์ .......................................โทรสาร.........................................E - mail………………………………………… สังกัดส�ำ นักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษา................................................................................................................. ๒. ชอ่ื ผู้บริหารสถานศกึ ษา............................................................วุฒกิ ารศกึ ษา.................................................. สาขา / วชิ าเอก.........................................................................สถาบนั ........................................................... ประสบการณ์ดา้ นบรหิ าร..............................ปี ๓. จำ�นวนนักเรียนท้ังหมด...................................คน ระดับกอ่ นประถมศึกษา จำ�นวนหอ้ งเรียน.............................หอ้ ง จ�ำ นวน..........................คน ระดับประถมศึกษา จ�ำ นวนห้องเรียน..............................ห้อง จ�ำ นวน..........................คน ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น จำ�นวนหอ้ งเรยี น..............................ห้อง จำ�นวน..........................คน ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จ�ำ นวนหอ้ งเรยี น..............................ห้อง จำ�นวน..........................คน 78 แนวทางการเปดิ ห้องเรียนพิเศษในสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
๔. จ�ำ นวนครูทงั้ หมด........................คน ครูกลุม่ สาระท่ขี อเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษ.................................คน ครูในกลุ่มสาระการเรยี นรู้อ่นื หรอื วทิ ยากรพิเศษท่ีจะสอนหอ้ งเรยี นพิเศษ.................................คน ๕. อตั รากำ�ลงั ครขู องสถานศกึ ษา ต่าํ กว่าเกณฑ.์ .............คน พอดเี กณฑ์ เกนิ เกณฑ.์ .....................คน ๖. เหตุผลการสนบั สนนุ การเข้าร่วมโครงการ (ตอบไดม้ ากกว่า ๑ รายการ) มีแหล่งเรยี นร้ทู ่สี นบั สนุนการเรยี นสาขาท่ีเปิดหอ้ งเรียนพเิ ศษ มสี ถานที่ท่องเท่ียวที่สำ�คัญ เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการชมุ ชน มแี หลง่ อตุ สาหกรรมต่างประเทศ มพี ้ืนที่ตดิ ตอ่ กับชายแดนประเทศเพือ่ นบา้ น มีข้อตกลงกับสถาบันอดุ มศึกษาเพือ่ การรบั นักเรยี นเข้าศึกษาตอ่ อืน่ ๆ ................................................... ๗. ความต้องการของผปู้ กครอง ผ้ปู กครองนักเรียนตอ้ งการใหเ้ ปิดห้องเรยี นพิเศษ เห็นดว้ ย ไม่เห็นดว้ ย ๘. คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน เห็นชอบให้เปิดห้องเรยี นพเิ ศษตามมตทิ ปี่ ระชมุ คร้งั ท่ี......... / ................ วนั ที่..............เดอื น..............................พ.ศ. ................. ๙. ผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ ั้นพืน้ ฐาน (O - NET) ๓ ปยี อ้ นหลัง ๙.๑ คะแนนเฉลีย่ รวม ๕ กลมุ่ สาระการเรยี นรหู้ ลัก ในระดับชั้นท่ีขอเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษ ระดบั ชั้นทขี่ อเปิด พิจารณาผลคะแนน O - Net ปีการศึกษา.......... ปีการศกึ ษา.......... ปีการศึกษา.......... ชั้นอนุบาล ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ แนวทางการเปดิ หอ้ งเรยี นพิเศษในสถานศึกษาข้นั พนื้ ฐาน 79
๙.๒ คะแนนเฉล่ยี สาระการเรียนรู้ท่ีขอเปิดหอ้ งเรียนพิเศษ ในระดับชน้ั ทขี่ อเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษ ๑) สาระการเรยี นร.ู้ .................................. ระดบั ชั้นทข่ี อเปดิ พิจารณาผลคะแนน O - Net ปีการศึกษา.......... ปกี ารศึกษา.......... ปีการศกึ ษา.......... ชน้ั อนุบาล ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๔ ๒) สาระการเรียนรู้................................... ระดับช้นั ท่ีขอเปดิ พจิ ารณาผลคะแนน O - Net ปีการศกึ ษา.......... ปกี ารศึกษา.......... ปกี ารศึกษา.......... ช้ันอนบุ าล ๑ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔ 80 แนวทางการเปดิ ห้องเรียนพิเศษในสถานศกึ ษาข้นั พื้นฐาน
ตอนท่ี ๒ ความพร้อมของสถานศกึ ษา ผลการประเมิน สรุปผล รายการประเมนิ ดมี าก ด ี พอใช ้ (๓) (๒) (๑) ๑. การบริหารงานด้านวชิ าการ ๑) มีหลักสูตรสถานศึกษาสำ�หรับหอ้ งเรียนพิเศษชดั เจน สอดคลอ้ งกับหลักสูตรการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน ของกระทรวงศึกษาธิการ ๒) มีหนังสอื เรียนครบตามหลกั สตู รทีก่ ระทรวงศกึ ษา - ธกิ ารก�ำ หนด อยา่ งนอ้ ย ๑๐ ชุด ไวใ้ นห้องเรยี นพเิ ศษ ๓) เอกสารประกอบการเรียนการสอน หนังสอื คะแนนเฉลย่ี ..... แบบฝกึ หัด หนงั สอื อา่ นเพิม่ เติม มีจ�ำ นวนเพียงพอ ผา่ น กบั จ�ำ นวนผเู้ รยี น สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาตามหลกั สตู ร ไม่ผ่าน ๔) มแี นวทางการประเมินผลสมั ฤทธิ์ดา้ นการเรยี นของ นกั เรียนชัดเจน ๕) มแี ผนการรบั นักเรียน (ส�ำ รวจความต้องการ ประชาสัมพันธ์โครงการ ฯลฯ) ๖) มแี ผนการคัดเลือกนักเรยี นท่ีมคี วามสามารถ ผา่ นเกณฑใ์ ห้เขา้ เรยี น ๗) มแี นวปฏิบัติการรบั นักเรยี นชดั เจน ๘) มีแผนการจดั จำ�นวนนักเรยี นในแต่ละหอ้ ง ตามหลักเกณฑท์ กี่ ำ�หนด ๙) มีการจัดระบบประกนั คณุ ภาพการศึกษา รวม ๒. การบริหารงานดา้ นงบประมาณ ๑) มวี ิสัยทัศน์ เปา้ หมาย และแผนการดำ�เนนิ งาน ของโครงการ ชดั เจนและเหมาะสม ๒) มีแหลง่ รายได้ / งบประมาณ เพอ่ื ด�ำ เนินงานโครงการ ชดั เจนและเปน็ ไปได้ แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน 81
ผลการประเมิน สรุปผล รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช ้ (๓) (๒) (๑) ๓) มีคณะกรรมการบรหิ ารงานโครงการ ๔) คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั การเรยี นการสอนห้องเรียนพเิ ศษ คะแนนเฉลย่ี ..... เหมาะสมกับแผนการใชเ้ งิน ผ่าน ไมผ่ ่าน ๕) แผนการใชจ้ ่ายเกี่ยวกบั การจดั กจิ กรรม / การเรยี น การสอนปกติให้นกั เรียนเหมาะสมกับสภาพของ สถานศกึ ษา ๖) แผนจดั หาทุนการศกึ ษาเพือ่ สนับสนุนนักเรียน รวม ๓. การบริหารงานดา้ นการบริหารงานบุคคล ๑) มแี ผนการพฒั นาครูและบุคลากร ๒) มแี ผนและดำ�เนินการจัดหาครแู ละบคุ ลากร ๓) ผบู้ รหิ ารมแี นวคดิ / วสิ ยั ทัศนต์ ่อโครงการ ๔) ผูบ้ รหิ ารมวี ธิ ีการสร้างความเขา้ ใจแก่บุคลากร ในสถานศกึ ษาและชมุ ชน ๕) ครมู ีวุฒกิ ารศึกษาไมต่ า่ํ กว่าปรญิ ญาตรใี นสาขาวิชา คะแนนเฉล่ยี ..... ท่สี อนและ / หรอื มีความรคู้ วามสามารถในวชิ า ผ่าน ท่เี ปิดห้องเรียนพิเศษ ไม่ผา่ น ๖) ครูชาวต่างประเทศมีหลักฐานดา้ นการสอนผ่าน การอบรมด้านการสอน ไม่น้อยกวา่ ๑๕ หนว่ ยกติ หรอื ครูผู้สอนที่ไมใ่ ชเ่ จ้าของภาษา (สำ�หรับ ห้องเรยี นพเิ ศษดา้ นภาษา) ๗) ครชู าวต่างประเทศไดร้ บั การอบรมด้านหลกั สูตร การเรียนการสอน ภาษาและวฒั นธรรม อย่างนอ้ ย ๑๕ ชว่ั โมง (ส�ำ หรบั หอ้ งเรยี นพเิ ศษด้านภาษา) ๘) ครผู สู้ อนทุกคน มคี วามรู้ความสามารถในการสอน ในห้องเรียนพเิ ศษในวชิ าที่เปดิ สอน 82 แนวทางการเปิดห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน
ผลการประเมนิ สรปุ ผล รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ (๓) (๒) (๑) ๙) ผู้รับผิดชอบโครงการ มคี วามรแู้ ละความสามารถ ในการประสานงานโครงการ รวม ๔. การบรหิ ารงานด้านการบริหารทัว่ ไป ๑) ห้องเรียนมมี าตรฐานตามเกณฑข์ องต้นสงั กดั และเพียงพอ (โดยไมก่ ระทบกับจ�ำ นวนหอ้ งเรยี นปกติ) ๒) มหี ้องปฏิบตั ิการทางภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ คะแนนเฉลีย่ ..... คอมพิวเตอร์ พลศึกษา ดนตรี ศิลปะ หรอื สาขาอนื่ ๆ ผ่าน ที่เปิดสอนและมีอปุ กรณ์เพียงพอ ไมผ่ ่าน ๓) ห้องสมดุ มีหนงั สือและวัสดุอปุ กรณ์เหมาะสม และเพียงพอทีจ่ ะสง่ เสริมการจดั การเรยี นการสอน หอ้ งเรยี นพเิ ศษ ๔) มีชมุ ชนใหก้ ารสนับสนุน ๕) มีแหล่งสนับสนนุ การเรียนรู้ รวม แนวทางการเปิดห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน 83
ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติม ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ........................................................ประธานกรรมการ (.......................................................) ลงช่อื ........................................................กรรมการ ลงช่อื ........................................................กรรมการ (.......................................................) (.......................................................) ลงช่อื ........................................................กรรมการ ลงช่อื ........................................................กรรมการและเลขานกุ าร (.......................................................) (.......................................................) 84 แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
ข้อเสนอแนะในการประเมนิ การด�ำ เนินงานห้องเรยี นพเิ ศษ โดยส�ำ นกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา ๑. ให้ใช้แบบติดตามประเมินผลการดำ�เนินงานห้องเรียนพิเศษ โดยสำ�นักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา (แบบหอ้ งเรยี นพเิ ศษ ๓) เพอ่ื ตดิ ตามและประเมนิ ผลการด�ำ เนนิ งานของสถานศกึ ษาทจี่ ดั การเรยี นการสอนหอ้ งเรยี น พเิ ศษ โดยสำ�นกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษา ๒. การตอบแบบตดิ ตามประเมิน ให้ ๒.๑ กรรมการทุกคนหรือต้องมีคณะกรรมการไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของกรรมการท้ังหมด เป็นผ้ตู อบแบบประเมิน ๒.๒ กรรมการส่งแบบประเมินท่ีกรอกเรียบร้อยแล้วให้ฝ่ายเลขานุการ และฝ่ายเลขานุการ สรุปผล และน�ำ เสนอท่ปี ระชุมก่อนท่ีประธานจะตดั สนิ ทกุ ครัง้ ที่ประเมิน ๓. วธิ ีการตดิ ตามประเมิน / ขนั้ ตอนการตดิ ตามประเมนิ ๓.๑ คณะกรรมการพบผบู้ รหิ าร ผู้ปกครองนกั เรยี น และคณะครทู ่สี อนห้องเรยี นพเิ ศษ ๓.๒ สถานศึกษาสรปุ ผลการดำ�เนินงานรายงานตอ่ คณะกรรมการตดิ ตามประเมิน ๓.๓ คณะกรรมการซักถาม สัมภาษณ์ เก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ท่ีเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บริหาร ครผู สู้ อน ครูผู้รับผดิ ชอบงานวิชาการ งบประมาณ นักเรยี น ผู้ปกครอง นกั เรยี น เป็นตน้ ๓.๔ คณะกรรมการวิเคราะห์สรปุ ขอ้ มูลตามประเดน็ ท่ีไดร้ บั มอบหมายเสนอฝ่ายเลขานกุ าร ๔. การใหค้ ะแนน กรรมการให้คะแนนผลการตดิ ตามประเมนิ เปน็ แบบ Rating Scale ๕. หาคะแนนเฉลย่ี แต่ละด้าน ๕.๑ น�ำ คะแนนเฉล่ียทไี่ ด้มาเทยี บเกณฑ์ ดังน้ี คะแนนระหวา่ ง ๒.๓๔ - ๓.๐๐ หมายถึง สถานศกึ ษามคี วามพร้อมมาก คะแนนระหวา่ ง ๑.๖๗ - ๒.๓๓ หมายถงึ สถานศึกษามคี วามพร้อม คะแนนระหวา่ ง ๑.๖๖ ลงมา หมายถงึ สถานศกึ ษายังไมม่ ีความพร้อม ๖. สรปุ ผลการประเมนิ คะแนนเฉลย่ี ของทกุ ดา้ น ๕ ดา้ น ตอ้ งผา่ นเกณฑค์ วามพรอ้ มไมต่ าํ่ กวา่ (๑.๖๗) ๗. ฝา่ ยเลขานกุ าร รวบรวมผลการประเมินเสนอประธาน สรุปผลการประเมนิ และสรปุ ความคดิ เห็น และข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ ๘. นำ�เสนอผลการประเมินการดำ�เนินการห้องเรียนพิเศษต่อคณะกรรมการพิจารณาการขอเปิด ห้องเรยี นพเิ ศษของส�ำ นกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน 85
แบบหอ้ งเรยี นพเิ ศษ ๓ แบบตดิ ตามประเมนิ ผลการด�ำ เนินงานห้องเรยี นพเิ ศษ โดยส�ำ นักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา ช่อื สถานศึกษา.................................................. อำ�เภอ/เขต ....................................จังหวัด.................................. สงั กัดส�ำ นักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา......................................................................................................................... ผลการประเมนิ สรุปผล ดมี าก ด ี พอใช้ รายการประเมิน (๓) (๒) (๑) ๑. ด้านนกั เรยี น (สัมภาษณ์นักเรยี น) ๑) ความสามารถในการสอนของครู ๒) ส่อื , อุปกรณก์ ารสอนเพียงพอ ๓) มคี วามพงึ พอใจตอ่ หอ้ งเรียน คะแนนเฉล่ยี ..... - คณิตศาสตร์ ผา่ น - วทิ ยาศาสตร์ ไมผ่ ่าน - ภาษาอังกฤษ - ภาษาจีน - ภาษาญ่ปี ุ่น - ภาษาฝร่งั เศส - ภาษาเวียดนาม - ศลิ ปะ - ดนตรี - กีฬา - อน่ื ๆ ระบ.ุ ......................... รวม 86 แนวทางการเปดิ ห้องเรียนพิเศษในสถานศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน
ผลการประเมนิ สรุปผล ดีมาก ดี พอใช้ รายการประเมิน (๓) (๒) (๑) ๒. ด้านครูผสู้ อน (สมั ภาษณ์ครผู ูส้ อน) คะแนนเฉล่ยี ..... ๑) ผูบ้ ริหารใหก้ ารดแู ล ก�ำ กบั ติดตามการด�ำ เนนิ งาน ผา่ น ไมผ่ า่ น หอ้ งเรียนพเิ ศษ ๒) งบประมาณทใี่ ห้ครจู ัดการเรยี นการสอนได้รับเพยี งพอ ตอ่ การด�ำ เนนิ งาน ๓) มกี ารพัฒนาครูเพื่อการเรยี นการสอนและดา้ นอืน่ ๆ อยา่ งต่อเน่ือง รวม ๓. ด้านวิชาการ (สมั ภาษณ์ครูผรู้ บั ผิดชอบงานวิชาการ) คะแนนเฉล่ีย..... ๑) คา่ เฉลีย่ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นของนกั เรยี น ผา่ น ไมผ่ ่าน ๒) ครูผสู้ อนมีวุฒกิ ารศึกษาตรงสาขาวิชาทสี่ อน ห้องเรยี นพเิ ศษ ๓) งบประมาณมีเพยี งพอต่อการดำ�เนนิ การ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ รวม ๔. ดา้ นผู้ปกครอง (สัมภาษณผ์ ู้ปกครอง) คะแนนเฉลย่ี ..... ๑) สภาพหอ้ งเรียน มบี รรยากาศเออ้ื ตอ่ การเรียนการสอน ผา่ น ไมผ่ า่ น ๒) ความรคู้ วามสามารถของครใู นการสอน ๓) ผลการเรียนของนกั เรยี น ๔) การพฒั นาศกั ยภาพผเู้ รียน รวม แนวทางการเปิดหอ้ งเรียนพเิ ศษในสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน 87
ผลการประเมนิ สรปุ ผล ดีมาก ดี พอใช ้ คะแนนเฉล่ีย..... รายการประเมนิ (๓) (๒) (๑) ผ่าน ไมผ่ ่าน ๕. ดา้ นงบประมาณ (สัมภาษณผ์ ู้รับผิดชอบงบประมาณ) ๑) สถานศึกษาใช้งบประมาณไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ทีต่ ้ังไว้ ๒) มีการระดมทรพั ยากรจากหนว่ ยงานภายนอกองคก์ ร ชุมชน ๓) การขอรับการสนบั สนนุ เงินระดมทรัพยากรเพิ่มเตมิ รวม สรปุ ผล ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะเพมิ่ เติม ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ลงช่อื ........................................................ประธานกรรมการ (.......................................................) ลงชือ่ ........................................................กรรมการ ลงชอ่ื ........................................................กรรมการ (.......................................................) (.......................................................) ลงชื่อ........................................................กรรมการ ลงชอ่ื ........................................................กรรมการและเลขานกุ าร (.......................................................) (.......................................................) 88 แนวทางการเปิดห้องเรียนพเิ ศษในสถานศึกษาขั้นพ้นื ฐาน
แบบหอ้ งเรียนพิเศษ ๔ ประกาศส�ำ นักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา.............................................................................................. เร่อื ง การเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ................................................ อาศยั อ�ำ นาจ...............................................................................................................และมติทปี่ ระชมุ คณะกรรมการพจิ ารณาการขอเปดิ ห้องเรียนพเิ ศษของสำ�นักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาในคราวประชมุ ครง้ั ท.่ี ......... เม่อื วันท.่ี ............ใหเ้ ปิดห้องเรียนพิเศษในสถานศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน จ�ำ นวน..............โรงเรยี น ดังน้ี ๑. โรงเรยี น.......................................เปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ.................ระดบั .............ปกี ารศกึ ษา........... ๒. โรงเรยี น.......................................เปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ.................ระดบั .............ปกี ารศกึ ษา........... ๓. โรงเรยี น.......................................เปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ.................ระดบั .............ปกี ารศกึ ษา........... ๔. โรงเรยี น.......................................เปดิ หอ้ งเรยี นพเิ ศษ.................ระดบั .............ปกี ารศกึ ษา........... ประกาศ ณ วันท่.ี ...............เดือน........................................พ.ศ. ................................... (..............................................................) ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นักงานเขตพื้นที่การศกึ ษา.....................เขต ................. แนวทางการเปดิ ห้องเรยี นพเิ ศษในสถานศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน 89
บทท่ี ๔ การเปิดหอ้ งเรียนพิเศษ โดยสำ�นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และทแี่ ก้ไขเพมิ่ เติมทกุ ฉบบั มาตรา ๑๐ กำ�หนดให้มกี ารจัดการศึกษาส�ำ หรับบคุ คลซ่ึงมีความสามารถพิเศษ ต้องจดั ดว้ ยรูปแบบทเี่ หมาะสม โดยคำ�นึงถึงความสามารถของบุคคลน้ัน มาตรา ๒๒ กำ�หนดว่า การจัดการศึกษาโดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมีความสามารถเรียนรู้พัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำ�คัญท่ีสุด กระบวนการ จัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ประกอบ กบั แนวความคดิ ในการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นใหม้ ที กั ษะด้านการเรยี นรแู้ ละการศกึ ษาตอ่ และทกั ษะ การด�ำ รงชวี ติ ในศตวรรษท่ี ๒๑ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารจงึ ก�ำ หนดนโยบาย ในการพฒั นาขดี ความสามารถ สมรรถนะและศักยภาพในการแข่งขันของผู้เรียนในการแข่งขันเวทีโลก ซึ่งประเด็นดังกลา่ วข้างต้น เป็นมูลเหตุให้เกิดความตระหนัก ในการส่งเสริมการผลิตและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ มศี กั ยภาพสงู สดุ ตามเจตนารมณ์ดังกลา่ ว กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้จัดทำ� โครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ มีโอกาสเรียนรู้อย่างเหมาะสม โดยให้สถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานเปดิ หอ้ งเรียนพเิ ศษ เช่น ห้องเรียนพิเศษ EP และหอ้ งเรียนพิเศษ MEP ตามโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ ห้องเรียน พิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ตามโครงการเสริมสร้างศักยภาพ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ห้องเรียนพิเศษ พัฒนาประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาคตามโครงการพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค (Education Hub) เปน็ ตน้ เพ่ือให้การเปิดห้องเรียนพิเศษเป็นไปอย่างเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ สำ�นักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน จงึ ก�ำ หนดหลกั เกณฑแ์ ละแนวทางการเปดิ หอ้ งเรียนพิเศษ ตามโครงการของสำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือเป็นแนวทางให้สำ�นักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน ส�ำ นกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา และสถานศกึ ษา ด�ำ เนนิ การตอ่ ไป แนวทางการเปิดหอ้ งเรยี นพิเศษในสถานศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน 91
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222