Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือรวมนิราศสุนทรภู่ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์

หนังสือรวมนิราศสุนทรภู่ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์

Published by kru Guy, 2019-10-31 09:30:35

Description: หนังสือรวมนิราศสุนทรภู่ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์

Search

Read the Text Version

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๙๖ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม เนือ้ หานริ าศอเิ หนา (ฉบับหอสมุดวชริ ญาณ) ๏ นิราศร้างหา่ งเหเสนหา พระพายพาพัดน้องเท่ยี วล่องลอย ปางอเิ หนาเศรา้ สดุ ถึงบุษบา สุชลปริม่ เปย่ี มเหยาะเผาะเผาะผอย ตลงึ เหลียวเปลย่ี วเปล่าให้เหงาหงิม น้องจะลอยลมบนไปหนใด โอเ้ ยน็ คา่ นา้ ค้างลงพร่างพร้อย ไปไว้หอ้ งชอ่ งสวรรคท์ ่ชี น้ั ไหน ฤๅเทวันชน้ั ฟ้ามาพาน้อง สหสั นัยจะช่วยรับประคับประคอง แมน้ นอ้ งน้อยลอยถงึ ชั้นตรึงศ์ไตร ไปร่วมอาสน์เวชยนั ตผ์ นั ผยอง ฤๅไปปะพระอาทติ ย์พศิ วาส เทย่ี วลอยลอ่ งเลยี บฟา้ ชมสาคร ฤๅเมขลาพาชวนนวลลออง บรเิ วณเมรมุ าศราชศิงขร ฤๅไปริมหิมพานตช์ านไกรลาส เที่ยวลอยร่อนรอบฟ้านภาไลย ฤๅจะออกนอกเนมนิ ทอ์ ิสนิ ธร จะมัวหมองมิ่งขวญั จะหว่นั ไหว โอ้ลมแดงแสงแดดจะแผดส่อง น่ีเวรใดเดด็ สวาทใหค้ ลาศคลา จะด้นั หมอกออกเมฆวเิ วกใจ เหน็ แต่กลบี เมฆเคลอื่ นเกล่อื นเวหา พระผนั แปรแลรอบขอบทวปี จะดฟู า้ ฟา้ คล้าให้ราจวญ จะแลดูสรุ ิยนตก์ ส็ นธยา เหน็ แท่นทองทป่ี ระธมภิรมย์สงวน ฝนื วิโยคโศกเศรา้ เข้าในห้อง ลหอ้ ยหวนหวิ โหยด้วยโรยแรง ไม่เห็นนุชสุดจะทรงพระองคซ์ วน ระทวยทดทอดทบซบกรรแสง ยลย่ีภปู่ ูเปลา่ เศร้าสลด ดูเหมือนแกลง้ พัดไปให้ไกลทรวง โอส้ ดุ แสนแคน้ อารมณ์ด้วยลมแดง ถงึ ชีวิตวอดวายไม่หายหว่ ง เสียดายเอย๋ เคยแอบแนบสนิท พีเ่ ปล่าทรวงทรวงดังจะพังโทรม โอ้นอ้ งนชุ บุษบาสดุ าดวง เคยเข้าที่พ่ีเคยไดเ้ ชยโฉม โอ้โพล้เพลเ้ วลาปานฉนี้ ยามประโคมมิรู้ลมื เจา้ ปลม้ื ใจ เหน็ แตห่ ้องน้องน้อยลอยโพยม แต่น้องน้อยลอยร่อนไปนอนไหน โอ้เขนยเคยหนนุ ยงั อนุ่ อ่อน วนั นไี้ กลกลอยสวาทอนาถนอน ยี่ภเู่ อย๋ เคยชิดสนทิ ใน รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรือ่ งท่ี ๕ นริ าศอเิ หนา

กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๙๗ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม โอร้ ินรนิ กลิ่นนวลยังหวนหอม เคยถนอมแนบทรวงดวงสมร ยงั รื่นรืน่ ชืน่ ใจอาไลยวอน สอน้ื อ้อนอารมณ์ระทมทวี จนฆ้องค่ายา่ ห่งึ หึง่ กระหึม ย่ิงเศรา้ ซมึ โศกาถึงยาหยี โอ้ยามอยู่คหู าเวลานี้ เคยพาทีทอดประทับไวก้ บั ทรวง โออ้ กเอย๋ เคยอ่นุ ลมนุ ลม่อม เคยโอบอ้อมอ่อนตามไมห่ ้ามหวง ยงั เคล้ิมเคลน้ เช่นประทมุ กระพุม่ พวง เคยแนบทรวงไสยาสน์ไม่คลาศคลาย จนเคล้มิ องค์หลงเชยเขนยหนุน ถนอมอุ่นแอบประโลมวา่ โฉมฉาย ครนั้ ร้สู ึกดกึ ด่ืนสอื้นอาย แสนเสยี ดายสดุ จะดน้ิ สิ้นชวี นั เห็นส่ิงของน้องนชุ ยิ่งสดุ เศรา้ พระไทยเฝ้าเคลิ้มไคลด้ งั ใฝ่ฝนั ยง่ิ ราฦกตรกึ ตรายงิ่ จาบลั ย สุดจะกลน้ั รบี ออกนอกบรรพต พินจิ จันทร์วนั เพ็งขึ้นเปล่งแสง กระจา่ งแจ้งแจม่ วงทั้งทรงกลด ส่พี ี่เลีย้ งเคียงพร้อมน้อมประนต พระเลีย้ วลดแลแสวงดแู สงเดือน ดูเก๋งก่อต่อเตาเห็นเงาคลา้ ย เขมน้ หมายม่งุ ไปกไ็ มเ่ หมือน เห็นเงาไม้ไหวหวน่ั ให้ฟ่ันเฟอื น จนเดอื นเคล่ือนคลอ้ ยฟ้าให้อาวรณ์ เห็นสระศรีทเี่ คยมาประพาศ รดะดาษดอกดวงบวั หลวงสลอน ลมราเพยเชยชายกระจายจร หอมเกสรเสาวคนธ์ทหี่ ลน่ โรย โอ้รินรินกลิน่ บุหงาสะตาหมัน เหมอื นกลน่ิ จนั ทนเ์ จอื นวลให้หวนโหย หอมยห่ี บุ สกุ รมดอกยมโดย พระพายโชยเฉ่ือยชืน่ ยนื ตลึง โอ้ทน่ี ศ่ี ลี าเคยมาน่งั เห็นบลั ลงั กแ์ ล้วยงิ่ นกึ ราฦกถึง ดูเง้ือมเขาเงาไม้พระไทรซ้ึง เสียงหึ่งหง่ึ ผ้ึงรวงเฝ้าหวงรงั จังหรีดหร่งิ ก่ิงไทรเรไรร้อง แว่ววา่ น้องนกึ เสยี วพระเหลยี วหลัง เหน็ นา้ พดุ ดุ ้นั ตรงบัลลงั ก์ เคยมานัง่ สรงชลที่บนเตยี ง เจ้าสรงด้วยช่วยพส่ี ขี นอง แต่นา้ ต้องถกู นิดก็หวีดเสียง โอ้ร่ืนร่นื ชืน่ เชยทเี่ คยเคียง พระทรวงเพยี งเผ่าร้อนถอนฤไทย รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๕ นริ าศอเิ หนา

กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๙๘ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม ทกุ เง้ือมเขาเหงาเงยี บเซยี บสงัด ใบไม้กวดั แกวง่ กิ่งประวงิ ไหว ยเยอื กเย็นเสน้ หญ้าพนาไลย ยง่ิ เยอื กในทรวงชา้ ระยาเย็น เทย่ี วรอบสระประทมุ าสตาหมนั เคยเหน็ ขวญั เนตรที่ไหนก็ไม่เห็น ชลไนยไหลซกตกกระเซน็ ยงิ่ เยอื กเยน็ หยุดยนื กลืนน้าตา จนดกึ ดนื่ รน่ื รนิ กลน่ิ กหุ ลาบ ตะลงึ เหลียวเสยี วซาบอาบนาสา เหมอื นปรางทองน้องนุชบษุ บา ฤๅกลบั มายนื แฝงอยู่แหง่ ใด เทีย่ วดูดาวเปล่าเปลี่ยวเสยี วสดุ้ง จนจวนรงุ่ รางรางสว่างไสว หนาวน้าคา้ งพร่างพรมพนมไพร ดวงดอกไม้บานแบ่งรับแสงทอง หอมมณฑาสารภีดอกยี่หบุ บ้างรว่ งหรบุ ถูกอรุ ะพระขนอง ภมุ รินบนิ ว่อนมารอ่ นร้อง อาบละอองเกสรขจรจาย จนแจ่มแจ้งแสงสว่างนภางค์พ้ืน ถอนสอ้ืนอาไลยพระไทยหาย ดเู วหาวา่ แสนแคน้ พระพาย ไมพ่ าสายสวาทคืนมาชนื่ ใจ จาจะตามทรามชมทางลมพัด เผอื่ จะพลัดตกลงท่ีตรงไหน ดาริห์พลางทางสทอ้ นถอนฤไทย ให้เตรียมพลสกลไกรจะไคลคลา จึงแปลงนามตามกันเปนปันจุเหร็จ จะเทีย่ วเตรด็ เตร่ในไพรพฤกษา พลางอุ้มองคย์ าหยวี ยิ ะดา ขึ้นรถแกว้ แววฟ้าแลว้ พาไป พระเหลียวดูภูผาสตาหมัน ท่ีสาคญั คหู าเคยอาไศรย จะแลลบั นบั ปแี ตน่ ี้ไป จะมิไดม้ าเห็นเหมือนเช่นเคย เสยี แรงแต่งแปลงสร้างจะร้างเรศิ ค่อยอยูเ่ ถิดแผ่นผาคหู าเอย๋ โอม้ ่งิ ไมไ้ พรพนมเคยชมเชย จะแลเลยลับแล้วทกุ แนวเนิน โอ้นกเอย๋ เคยพากันมาจับ จะแลลบั ฝูงนกระหกระเหนิ โอ้เขาสูงฝงู หงส์เคยลงเดนิ เคยเพลิดเพลินพิศวงด้วยหงสท์ อง จะเรดิ รา้ งหา่ งหงส์ไปดงอ่นื ทุกวันคืนคา่ เช้าจะเศร้าหมอง โอก้ า้ นก่งิ มง่ิ ไม้เรไรร้อง ประสานซ้องเสียงดงั ดูวังเวง รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๕ นิราศอเิ หนา

กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๙๙ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ได้เคยฟังคร้งั นี้มาวิบาก ต้องพลัดพรากเพราะวา่ ลมทาขม่ เหง แม้นพบเห็นเปนตวั ไม่กลัวเกรง จะราเพลงกฤชลาญสังหารลม น่จี นใจไม่เหน็ ด้วยเปนเคราะห์ มาจาเภาะพลัดคเู่ คยสู่สม ยง่ิ สุดแสนแคน้ ขดั อัดอารมณ์ จะแลชมอ่ืนอ่นื ไม่ช่นื ใจ แตจ่ าเปนเกนหลงมาดงด้วย ต้องชีช้ ่วยชมผาพฤกษาไสว กรดกระถนิ อนิ จนั ทน์พรรณไม้ มดี อกใบกา้ นกิง่ ขึน้ พริ้งเพรยี ว บา้ งแก่อ่อนซ้อนซบั สลับสล้าง บา้ งสดสร่างสชี มุ่ ชอุม่ เขยี ว ทีต่ ายตอหน่อหนุนข้นึ รนุ่ เรียว เถาวัลย์เกยี่ วกอดกิ่งเหมอื นชิงชา้ พระชวนพลอดกอดน้องประคองอุ้ม ใหช้ มเพลินเดินมงุมมงาหรา ปา่ ประเทศเขตรแควน้ แดนชวา อนิ ตผาลมั ชมุ สลุมพนั โกฏสดาจาปาดะดงองนุ่ สหสั คณุ เข้าระคนปนปาหนัน สลาสล้างนางแยม้ เข้าแกมกนั หญา้ ฝร่ันฝรงั่ เรียงขึ้นเคยี งดง โกฏกระวานกานพลูดรู ะบัด กาจายกาจดั สารพนั ตน้ ตันหยง หอมระรืน่ ช่ืนใจทีใ่ นดง พฤกษาทรงเสาวคนธ์ดงั ปนปรุง ที่พื้นปราบราบรายลว้ นทรายอ่อน เขา้ ดงดอนเลียบเดนิ เนินกุหนุง เทียนยหี่ รา่ ป่าฝิ่นส่งกลนิ่ ฟุ้ง สมสม้ กุ้งโกฏจฬุ าการบูร คดิ ถงึ นุชบุษบานิจาเอ๋ย มไิ ดเ้ ชยชมสบายมาหายสูญ ย่งิ โศกเสียวเหลยี วหาใหอ้ าดรู ย่งิ เพม่ิ ภูลพิศวงในดงแดน ดเู ล็บนางนึกถึงนางเหมือนอย่างเลบ็ เคยขว่ นเจบ็ รอยมีอยู่ที่แขน เห็นนมนางกลางพนมนึกชมแทน ลมา้ ยแม้นเหมือนเหมือนจะเย้ือนยิ้ม มะปรางตน้ ผลอย่างพระปรางน้อง น้าเนตรคลองคลอคลอ้ ยย้อยหยมิ หยิม ฝนื อารมณช์ มพลบั ต้นทบั ทมิ ขนึ้ รอบริมหวา่ งเขาลาเนาเนนิ พนมมาศลาดเล่ยี นเตียนตลิบ บา้ งสูงลิบลอยแหงนเปนแผ่นเผนิ บา้ งทมนึ ทนึ เท่งิ เปนเชงิ เทนิ เปนกรอกเกรน่ิ โกรกกรวยลาหว้ ยธาร รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งท่ี ๕ นริ าศอเิ หนา

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๐๐ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เสยี งสนิ ธุดดุ ัน้ ลน่ั พฦิ ก สท้านสทกึ โถมฟาดฉาดฉาดฉาน ที่นา้ โจนโผนพงั ดงั สท้าน บา้ งพซุ า่ นสาดสายสุหรา่ ยริน คนงึ ถึงนชุ บุษบาแม้นมาเห็น จะลงเล่นลาธารละหารหิน ฝงู ปลาทองท่องไลเ่ ลม็ ไคลกิน กระดิกดนิ้ ดงู ามตามกระบวน ปลาเน้อื อ่อนอ่อนกายขนึ้ ว่ายเกลอ่ื น ไมอ่ ่อนเหมือนเน้ือนอ้ งประคองสงวน ปลานวลจนั ทร์นน้ั ก็งามแต่นามนวล ไม่งามชวนชนื่ เชน่ ระเด่นดวง พลางรีบทัพขบั รถกาหนดแสวง ทุกหล้าแหล่งลาเนาภูเขาหลวง ไมป่ ระสบพบเห็นให้เยน็ ทรวง ให้เหงาง่วงเงยี บเหงาเศร้าพระไทย ถึงพลมากจากมิตรแตจ่ ติ รเปลี่ยว เหมือนมาเดยี วดงั่ จะพาน้าตาไหล เหน็ นกหกผกโผนโจนจบั ไม้ บา้ งฟุบไซป้ กี หางตา่ งตา่ งกนั นกกระตั้วคลัวเคลียตัวเมยี ปอ้ น เหมอื นขวญั อ่อนแอบประทบั พร่ี ับขวญั ป้อนสลาพาช่นื ทุกคืนวัน มาจากกันกรรมเอย๋ ไมเ่ คยเปน เหน็ นกเปลา้ เคล้าคูเ่ ขา้ ชูชื่น ถอนสอืน้ เหมือนไม่พอใจเหน็ พอเวลาสายณั ห์ตวนั เย็น นกยงู เลน่ ลมเพลินบนเนินเตยี น บา้ งเย้อื งอกหกหางก้อกางปีก แฉลกฉลีกเลยี้ วลัดฉวดั เฉวยี น บ้างยา่ งย่องจอ้ งประจงท่วี งเวียน ออกกลางเตียนตนี ขวดิ ดูกรีดกราย คิดถงึ ไปใชบ้ นได้ยลสมร เม่ือทอดกรฟ้อนรารบาถวาย โอ้อาภัพลับนุชสุดเสียดาย สอน้ื อายมยุราให้อาวรณ์ เหน็ เขาเขียวเด่ียวโดดล้วนโสดสงู แต่ล้วนฝูงหงส์จับสลับสลอน หงสก์ ง็ ามตามอยา่ งเพราะหางงอน เปนคูป่ ้อนปกปิดกนั ชดิ ชม อรหันนนั้ หน้าเหมือนมนุษย์ ปกี เหมอื นครุธครีบเทา้ มีเผ้าผม พวกม่าเหมีย่ วเทีย่ วเดนิ เนินพนม ลูกเล็กลม้ ลากจงู เหมอื นฝูงคน เหล่าเลมาะเงาะปา่ คลุ าอยู่ เท่ยี วกนิ ปเู ปี้ยวปา่ ผลาผล สงิ โตตนื่ ยืนหยดั สบัดตน เห็นผู้คนโผนขา้ มลาเนาเนนิ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่ืองที่ ๕ นิราศอเิ หนา

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๐๑ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม ฝูงมฤคถกึ เถ่ือนเท่ยี วเกลื่อนกล้มุ เปนคคู่ ุมเคียงนางไม่ห่างเหิน เห็นกวางทองย่องเย้ืองชาเลืองเดนิ เหมือนน้องเชญิ พานผ้าประหม่าเมียง พเี่ ข้าดว้ ยช่วยประคองพระน้องนุช สงสารสุดสุดสวาทไมอ่ าจเถยี ง โอ้ยามนม้ี ิได้นอ้ งประคองเคยี ง พ่ีก็เสีย่ งบุญตามเจ้าทรามเชย เปนกุศลหนหลงั เราทั้งสอง คงไดน้ ้องคืนมาเรียงเคียงเขนย แมน้ กรรมหนนุ บุญนอ้ ยจะลอยเลย มไิ ดเ้ ชยบุษบาพงางอน พระครวญคร่ารา่ ไรมาในรถ โศกกาสรดแสนเสยี ดายสายสมร พอเวลาสายณั ห์ตวนั รอน ปกั ษาร่อนรบี กลับมาจับรัง โอ้นกเอ๋ยเคยอยู่มาสูถ่ น่ิ แตย่ ุพินลบิ ลบั ไม่กลับหลัง ครัน้ แลดูสรุ แิ สงกแ็ ดงดงั หน่งึ น้าคร่ังคล้าฟา้ นภาไลย เหมอื นครั้งน้ีพมี่ าโศกแสนเทวษ ชลเนตรแดงเดอื ดดังเลอื ดไหล โอ้ตวันครน้ั จะลบภพไตร กอ็ าไลยโลกยังหยดุ ร้ังรอ ประหลาดนักรกั เอย๋ มาเลยลับ เหมอื นเพลงิ ดบั เดด็ เดี่ยวไปเจียวหนอ ชลไนยไหลหลั่งลงคลั่งคลอ ยง่ิ เยน็ ยอ่ เสยี วทรวงใหร้ ่วงโรย ชนีนอ้ ยห้อยไมเ้ รไรร้อง เสียงแซซ่ อ้ งเรมิ รวั เรียกผวั โหวย เหมอื นอกพ่ีท่ีถวลิ ใหด้ ้ินโดย ลห้อยโหยหานางมากลางไพร พระสุรยิ งคล์ งลบั พยับค่า ถงึ แนวนา้ เนินผาพฤกษาไสว หยดุ สานกั พักพลสกลไกร พระเนาในรถทองกบั น้องยา ถนอมแนบแอบองคห์ ลงหนงึ่ หรดั ให้บรรธมโสมนัสในรถั า ต้องจากวังคร้ังนเี้ พราะพพี่ า พระน้องมาอ้างว้างวังเวงใจ นอนเถดิ หนายาหยีพ่ีจะกลอ่ ม งามละม่อมมิ่งขวัญอยา่ หวน่ั ไหว คิรรี อบขอบเคียงเหมือนเวียงไชย อยู่รม่ ไม้เหมือนปราสาทราชวัง เคยสาเนยี งเสียงนางสรุ างค์เห่ มาฟงั เรไรแซเ่ หมือนแตรสงั ข์ เคยมีวสิ ูตรรูดก้นั บนบลั ลังก์ มากาบังใบไม้ในไพรวัน รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องท่ี ๕ นริ าศอเิ หนา

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๐๒ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม หนาวนา้ คา้ งกลางคืนสอน้ื อ้อน จะกางกรกอดน้องประคองขวัญ เอาดวงดาราระยับกับพระจันทร์ ต่างชอ่ ชั้นชวาลาระย้าย้อย จักรจัน่ หวั่นแว่วแจว้ แจ้วเสยี ง ตา่ งสาเนยี งขับครวญหวนละห้อย พระพายเอย๋ เชยมาต้องพระน้องน้อย เหมือนนางคอยหมอบกรานอยู่งานพดั โอ้เวลาปานฉนีเ้ จ้าพ่ีเอ๋ย กะไรเลยแลเงียบเซยี บสงดั น้าคา้ งเผาะเหยาะเยน็ กระเซ็นซดั ดกึ สงัดดวงจิตรจงนทิ รา พระขวัญเอ๋ยเคยนอนอยา่ รอ่ นเร่ ไปว้าเหวห่ วา่ งไม้ไพรพฤกษา ขวัญมาอยสู่ ูท่ ี่พระพ่ยี า พระมารดาบิตุเรศนิเวศนเ์ วยี ง พระขวญั เอย๋ เคยแอบแนบถนอม มาฟังกล่อมกลอนเพราะเสนาะเสยี ง โอ้แรมลว่ งดวงเดือนก็เลือ่ นเอียง พีพ่ ิศเพยี งพักตรแ์ ฝงพลิกแพลงบงั บุษบายาหยีเจา้ พเ่ี อ๋ย ชา่ งลอยเลยลิบลบั ไมก่ ลบั หลัง เม่ืออมุ้ ออกนอกเขตรนเิ วศน์วัง พระน้องนง่ั รถทรงที่ตรงริม พ่หี ยอกเย้าเซ้าซี้มีแตโ่ กรธ สอนื้ โอษฐโอษฐเอยี่ มเสง่ียมหงมิ อยใู่ กลเ้ คยี งเพย้ี งเอ๋ยได้เชยชมิ ถนอมน่ิมเน้ือนว่ มร่วมฤไทย พระครวญคร่าราฦกจนดึกเงยี บ เยน็ ระเยยี บหยอ่ มหญา้ พฤกษาไสว สงบเสยี งสิงสตั ว์สงัดไพร ทุกกอก่ิงมงิ่ ไม้พระไทรคร้ึม สุมาลยบ์ านกลนิ่ ระรนิ รนื่ ในเท่ยี งคืนเสียงแต่ผงึ้ หง่ึ กระหึม ผพี ระไทรไม้พุ่มงุมงุมงึม โขมดพึมผิวกหู่ วิวหวโู วย เหลา่ มารยาปา่ โป่งเท่ยี วโทงเถื่อน ตะโกนเพื่อนเพิกเสยี งสาเนยี งโหย นา้ คา้ งพรมลมเร่ือยเฉือ่ ยเฉ่อื ยโชย ยง่ิ ดิน้ โดยเดอื นดบั ไม่หลบั เลย จนทรวงเจบ็ เหน็บแนน่ แหงนดูฟา้ องคป์ ะตาระกาหลาเจา้ ขา้ เอ๋ย พระน้องนชุ บษุ บาเจา้ ขา้ เคย เปนคู่เชยชมช่นื ใหค้ ืนมา ทง้ั โกสยี ์ตรีเนตรเห็นเหตสุ นิ้ ว่ายพุ นิ อยู่ท่ีไหนนาไปหา หาไมฉ่ นั วานแต่พระสชุ าดา ชว่ ยอมุ้ พามาใหพ้ บประสบกนั รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๕ นิราศอิเหนา

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๐๓ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม ท้งั พรหมานวานแต่พาหนะหงส์ จะได้ทรงเหาะแสวงทุกแห่งสวรรค์ แม้นได้นชุ บุษบาวิลาวรรณ จะทาขวญั หงส์พรหมใหส้ มยศ จนพลบคา่ ราฦกนึกอนาถ ไม่ไสยาสน์ยามวิโยคโศกกาสรด จนแจ่มแจง้ แสงตวนั ใหร้ ันทด ใหย้ กทัพขบั รถเล้ียวลดเดิน ทกุ แว่นแคว้นแดนชวาสุธาทวปี เที่ยวเร็วรบี รอบเกาะดังเหาะเหิน ไมพ่ บเหน็ เปนเคราะห์จาเภาะพเอญิ ไปจนเกนิ มลากาภาราราย เมอื งระตูร้ทู ่วั กลวั อานาจ ตา่ งแตง่ ราชธดิ ามาถวาย ไม่ไยดอี ีนังแต่ซังตาย แม้นแก้วหายไดป้ ดั ไม่ทดเทียม แม้นมเิ หมือนเพ่ือนเชยทเ่ี คยชิด ไมข่ อคดิ นึกหนา่ ยละอายเหนียม แต่ปราไสไตถ่ ามตามธรรมเนยี ม ไมแ่ ละเลียมเลยแสวงทกุ แห่งไป ถงึ เจ็ดเดือนเคลือ่ นคลาศประหลาดแลว้ ไม่พบแก้วกลอยจิตรพสิ มยั จนพระรูปซบู ผอมเพราะตรอมใจ ทง้ั นายไพร่พลนิกรอ่อนกาลงั จนถงึ ทางร่วมท่ีบุรรี ัตน์ ทจ่ี ะตัดมรคาไปกาหลงั เห็นเขาเขนิ เนนิ ร่มพนมวงั ต้นดงรงั ครกึ คร้ืนระรื่นเยน็ ท่ธี ารถา้ นา้ พุทลลุ ั่น เปนช่องช้ันบัลลงั กน์ ่านั่งเล่น ผลาผลหลน่ กลาดดาษกระเด็น ดอกไมเ้ ปนดอกพร้อมหอมรญั จวน จะใครบ่ วชสวดมนต์อยูบ่ นเขา เพราะแสนเศร้าสุดจะตามทรามสงวน แมน้ มติ ามความรักเฝา้ ชักชวน ใหป้ ั่นป่วนไปตามเพราะความรัก จะหกั อ่ืนขนื หกั กจ็ กั ได้ หกั อาไลยนไ้ี มห่ ลุดสุดจะหัก สารพดั ตัดขาดประหลาดนัก แตต่ ดั รักน้ีไมข่ าดประหลาดใจ จะสรา้ งพรตอดรกั หักสวาท เผ่ือจะขาดข้อคดิ พสิ มยั แมน้ นอ้ งนุชบุษบานิคาไลย จะได้ไปสู่สวรรค์ช้นั โสฬศ จึงหยุดทัพยบั ย้งั ตงั้ อาศรม รกั ษาพรหมจรรยด้วยกนั หมด ปะตาปาอายันอยู่บรรพต อุสา่ ห์อดอาไลยก็ไม่คลาย รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๕ นิราศอเิ หนา

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๐๔ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม ภาวนาว่าจะตัง้ ปลงสังเวช ก็หลับเนตรเหน็ คไู่ ม่รู้หาย จะสวดมนตต์ น้ ถูกไปผูกปลาย กก็ ลับกลายเร่ืองราวเปนกลา่ วกลอน คดิ ถึงนุชบุษบาออกมานัง่ บนบัลลังก์เหลยี่ มผาหนา้ ศิงขร พระตรวจนา้ รา่ วา่ ด้วยอาวรณ์ หวงั สมรเหมือนจะคลาศในชาติ์น้ี จะอสุ ่าหป์ ะตาปารักษากิจ อวยอทุ ิศผลผลาถงึ ยาหยี จะเกิดไหนในจังหวัดปถั พี ใหเ้ หมอื นปี่กับขลุ่ยต้องทานองกัน เปนจีนจามพราหมณ์ฝรง่ั แลอังกฤษ ใหส้ นิทเสนหาตนุ าหงัน แมน้ เปนไทยใหเ้ ปนวงศร์ ่วมพงศ์พันธ์ุ พอโสกนั ตใ์ ห้ได้อยู่เปนคู่ครอง คร้นั กรวดน้าสาเรจ็ เสด็จกลับ เขา้ ห้องหบั โหยไห้พระไทยหมอง ทุกเช้าค่าราฦกเฝา้ ตรกึ ตรอง จนขาดครองคราวสวาทนริ าศเอย ๚ะ รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่อื งที่ ๕ นริ าศอเิ หนา

กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๑๐๕ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม เร่ืองที่ ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ (ฉบับหอสมดุ วชริ ญาณ) บทนา นิราศเมืองสุพรรณ แต่งเมื่อพุทธศักราช ๒๓๘๔ เป็นนิราศเรื่องด้อยที่สุดของสุนทรภู่ เพราะ แต่งเป็นโคลงซ่ึงสุนทรภู่ไม่สันทัด จึงทาให้หย่อนรสไปบ้าง มีลีลาสัมผัสคล้ายกลอนมาก บรรยายการ เดินทางทางเรือโดยมีบุตร ๒ คน และศิษย์หลายคนเดินทางไปด้วย ออกจากวัดเทพธิดาไปแม่นา เจ้าพระยาท่ีวัดราชบูรณะ ฯ ผ่านคลองบางกอกน้อย คลองบางใหญ่ ออกแม่นานครชัยศรีที่ตาบลลาน ตากฟ้า แล้วเดินทางตามแม่นานครชัยศรีไปเมืองสุพรรณ ขึนบกที่วังหิน เที่ยวหาแร่วิเศษหรือปูนเพชร สาหรับแปรธาตใุ ห้เป็นทอง เดนิ ทางผ่านหมบู่ า้ นกะเหรยี่ ง หมบู่ ้าละหวา้ แล้วเขา้ ป่า กล่าวชมนก ไม้ และ ปา่ พบพระเจดีย์สูง ๕ ศอก คาดว่าเป็นที่ไวล้ ่อนทอง บอกวิธแี ปรธาตุหรอื บรรจุแรป่ รอท ทาพธิ ีบวงศรวง สังเวยขอแต่ไม่สาเร็จ นอนค้างในป่าฝันว่ากษัตริย์องค์หน่ึงมาเตือนไม่ให้เช่ืองมงายเก่ียวกับแร่วิเศษ และยาอายุวัฒนะ ต้องเผชิญกับช้างป่าแต่ก็รอดกลับมาได้ แล้วล่องเรือจากตาบลสองพี่น้องกลับ กรุงเทพมหานคร คานาโคลงนิราศสุพรรณ ของหอสมุดวชริ ญาณ เม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๗ สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ สภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ สาหรับพระนคร ได้โปรดจัดหนังสือ เรื่องโคลงนิราศสุพรรณของท่านสุนทรภู่ ให้มหาเสวกโท พระยา สวุ รรณศิริ (ทองดี สุวรรณศริ ิ) พิมพเ์ ป็นครงั แรกแจกในโอกาสที่ได้รบั พระมหากรณุ าธิคุณโปรดเกลา้ ฯ ให้ เป็นพระยายืนชิงช้า โคลงนิราศสุพรรณที่พิมพ์ในคราวนัน พิมพ์ไว้ตอนท้ายว่า “จบบริบูรณ์” ซ่ึงมีโคลง ทงั หมดเพียง ๒๔๑ บท เขา้ ใจวา่ ในครังนันคงจะพบตน้ ฉบับโคลงนิราศสุพรรณของทา่ นสนุ ทรภู่แตเ่ พยี ง ๑ เล่มสมุดไทย ครนั เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ เจ้าหนา้ ท่ีกองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้พบต้นฉบับโคลง นิราศสุพรรณของท่านสุนทรภู่เพิ่มขึนอีก ๒ เล่มสมุดไทย มีบทโคลงเพิ่มขึนและดาเนินความต่อไปอีก ๒๒๑ บท รวมกับโคลงนิราศท่ีหอพระสมุดฯ ให้พมิ พไ์ ว้ก่อนแลว้ ๒๔๑ บท จงึ เป็น ๔๖๒ บท สมุดไทยที่ พบใหมน่ ี เป็นสมุดไทยดาเขียนด้วยดินสอขาว ลายมือเดียวกันกับลายมอื ในสมุดไทยเล่ม ๑ ใจความก็ต่อ กันสนิท เจ้าหน้าที่จึงได้คัดและตรวจสอบชาระขึนไว้ บัดนีเจ้าหน้าที่ในกองหอสมุดแห่งชาติ และกอง วรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร จะจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของท่านสุนทรภู่ ระหว่างวันที่ ๒๖ มิถุนายน ถึง ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ จึงมีความเห็นร่วมกันจัดพิมพ์โคลงนิราศ สุพรรณของท่านสนุ ทรภูอ่ อกเผยแพร่ เพอ่ื เปน็ ท่รี ะลึกและประกาศเกียรตคิ ุณของท่านมหากวีเอก ต้นฉบับสมุดไทยเรื่องโคลงนิราศสุพรรณท่ีมีอยู่ ณ หอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากรนี ถ้ามิใช่ ลายมือของท่านสุนทรภู่เอง อาจจะเป็นลายมือเสมียนเขียนตามคาบอกของท่านก็ได้ เพราะปรากฏว่ามี รอยลบแก้ใหม่ตลอดจนตกเติมมากมายหลายแห่ง จึงพิมพ์ตามอักขรวิธีในต้นฉบับสมุดไทย เพ่ือให้ท่าน รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๐๖ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม ผู้อ่านได้ศกึ ษาวิธีเขียนสะกดการันต์ และเสียงอ่านเสียงพูดท่ีเคยใช้กันมาในสมัยโบราณ เพราะในสมัยที่ ยงั ไม่มีพจนานุกรมเป็นหลักการเขียนเช่นในปัจจุบัน คนส่วนมากย่อมเขียนหนังสือตามสาเนียงที่พูดและ ออกเสียง แต่คาท่ีลักลั่นมากก็พยายามทาเชิงอรรถเทียบคาปัจจุบันไว้ด้วย ปรากฏว่ามีคาเป็นอันมากที่ เขียนตามเสียงพูด เช่น ผกา เขียนเป็น พกา, จมูก เขียนเป็น ตมูก, บุปผชาติ เขียนเป็น บุพชาติ, ชิงช้า เขียนเป็น ช่ิงช้า, จะร้อง เขียนเป็น จรอ้ ง, ชาวประมง เขียนเป็น เชาปมง, อายุวัฒนะ เขียนเป็น อายุวัน ชนะ, สุพรรณบุรี เขียนเป็น สูพัน หรือ สุพันบูรี เป็นต้น นอกจากนัน ก็มีคาท่ีพยายามเขียนให้ได้เอกโท ตามลักษณะบังคบั ของการแต่งโคลงอกี มาก ซึ่งทา่ นผู้อา่ นจะศกึ ษาได้จากฉบับพิมพน์ ี โคลงนิราศสุพรรณของท่านสุนทรภู่ ที่หอพระสมุดฯ เคยพิมพ์มาแล้ว มีใจความตังแต่ท่าน สุนทรภอู่ อกเดินทางไปสุพรรณบุรี เพอ่ื หาแร่หรือท่ีท่านเรียกว่าปรอท หรอื ปนู เพชร ซ่ึงเช่อื วา่ เปน็ แรท่ ่ีทา ให้กลายเป็นทองได้และมีอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี จากโคลงบทที่ ๒ แสดงว่าขณะนันท่านสุนทรภู่ยังคง บวชเปน็ พระภิกษุและจาพรรษาอยู่ ณ วดั เทพธิดาราม คงจะเดินทางจากวดั ลงเรือไป กล่าวถงึ คลองมหา นาคไว้ว่า ๏ มหานากฉวากวุ้ง คงุ้ คลอง ชุ่มชน่ื รื่นรกุ ขสี อง ฝ่งั นา คุกคิดมศิ หมายครอง สัจสวาดิ ขาดเอย กล้าตกรกเรือซา โศกทงั หมางสมร ฯ สมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ได้ทรงอธิบายไว้ในคานาโคลงนิราศสุพรรณ คราวที่ ตพี มิ พ์ครงั แรกเมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๗ ว่า “เหตุท่ีสุนทรภู่ไปเมืองสพุ รรณคราวท่ีแต่งนิราศนัน ความปรากฏใน เรื่องนิราศว่าไปหาแร่ ทานองจะเล่นแร่แปรธาตุเอง หรือมิฉะนันก็ไปหาแร่ให้ผู้อื่นท่ีเล่นแปรธาตุ เพราะ เช่ือกันว่าที่ในจังหวัดแขวงสุพรรณ มีแร่อย่างใดอย่างหน่ึงทรงคุณวิเศษสาหรับใช้แปรธาตุ พวกเล่นแร่ แปรธาตุยังเชือ่ กันมาจนทุกวันนี สุนทรภไู่ ปครงั นีพาบตุ รไปด้วยทัง ๒ คน แลมีศิษย์ไปด้วยก็หลายคน ลง เรือท่ีท่าวัดเทพธิดาผ่านมาทางคลองมหานาค เมื่อถึงวัดสระเกศกล่าวความว่าในเวลานันมารดาพึ่งตาย ศพยังฝังอยู่ท่ีวัดนัน แล้วล่องเรือไปออกปากคลองโอ่งอ่าง เมือไปถึงเมืองสุพรรณได้ขึนไปทางลานาข้าง เหนือเมือง ไปขึนเดินบกท่ีวังหิน เที่ยวหาแร่แล้วกลับลงเรือท่ีบ้านทึง ความที่พรรณนาในนิราศดูในเขต แขวงจังหวัดสุพรรณในสมัยนันยังเปลี่ยวมาก ทังข้างใต้แลฝ่ายเหนือเมือง ถึงไปปะเสือตามใกล้ๆ ลา แมน่ า แตแ่ ร่ทไ่ี ปหาจะไดห้ รือไมไ่ ดห้ าได้กลา่ วถึงไม่ เรอื่ งตานานนริ าศโคลงของสุนทรภู่มีดงั กล่าวมา” ตามท่ีสมเดจ็ ฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงอธิบายไว้วา่ “แต่แร่ท่ีจะไปหาจะไดห้ รือไมไ่ ด้ หาได้กล่าวถึงไม่” นันเพราะในคราวนัน ได้พบต้นฉบับสมุดไทยโคลงนิราศสุพรรณแต่เล่ม ๑ เพียงเล่ม เดยี ว และโคลงบทสดุ ท้ายของสมุดไทย เลม่ ๑ คือบทที่ ๒๔๑ จบลงเพียงตอนสนุ ทรภูก่ ับคณะอาลาสอง ตายายชอื่ ตาทองกับยายนากอายรุ ้อยยีส่ ิบกวา่ ปดี ้วยความอาลยั เท่านัน คือโคลงทว่ี ่า รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรือ่ งท่ี ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๐๗ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ๏ สาเรจรู้ผู่เถา้ ช่วย อวยภร สิบประการประกอบกลอน กลา่ วไว้ ขอสวดั สฐั าวอร ไวว้ า่ ลาเอย สองเท่าเฝ้าร้องไห้ ลเหีย่ ลห้อยหงอยเหงา ฯ ส่วนโคลงนิราศสุพรรณท่กี รมศิลปากรพบต่อไปอกี สองเล่มสมุดไทย ช่วยให้ได้ความรู้เก่ียวกับ การท่ีท่านสุนทรภู่ไปสุพรรณบุรีครังนันอย่างสมบูรณ์ กล่าวคือ ไปแล้วไม่ได้แร่ ซายังได้รับความลาบาก ยากเข็ญ ต้องผจญภัยต่างๆ นานาในป่าแทบเอาตัวไม่รอด เช่น ต้องเข้าไปอยู่ในดงว่านพิษ และไปพบ โขลงช้างอาละวาด เปน็ ตน้ การเดินทางไปสุพรรณบุรีของท่านสุนทรภู่ครังนัน เข้าใจว่ามีลูกชายและลูกเลียงเดินทางไป ด้วยอย่างน้อยสี่คน มีช่ือตามท่ีปรากฏในนิราศเรื่องนี คือ พัด ลูกท่ีเกิดจากจัน ตาบ ลูกท่ีเกิดจากนิ่ม กลั่นและชุบ ลูกเลียง นอกจากนันก็มีนายรอดคนนาทาง ซึ่งคนจะอกเดินทางไปด้วยตังแต่กรุงเทพฯ คณะของท่านสุนทรภู่เดินทางรอนแรมไปทางเรือ โดยเข้าทางคลองบางกอกน้อย ไปจนถึงสุพรรณบุรี แล้วขึนเดินบก ดังที่ปรากฏในพระนิพนธ์อธิบายของสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพท่ียกมาอ้าง ขา้ งตน้ แล้ว เมื่อไปถึงหมูบ่ า้ นกะเหรี่ยง ก็ได้พบกะเหรี่ยงชื่อกว่งั นาเขา้ ไปในหม่บู า้ น กะเหร่ียงชาวบ้านได้ เลียงอาหารด้วยไมตรีจิต ท่านสุนทรภู่แจกลูกปดั อันเป็นของที่พวกกะเหรี่ยงพอใจทัว่ กัน แล้วตากว่ังก็ได้ เพ่ือนกะเหรย่ี งช่อื สงั บเุ รหรือซ่งั บเุ รรว่ มไปเปน็ ผู้นาทางอกี คนหน่ึง ดังกลา่ วในโคลงบทท่ี ๓๐๕ วา่ ๏ ลูกปดั ตดั แจกถัว ตัวคน หมดยา่ มตามยากจน จดั ให้ ลาจากอยากตรมปรน นบิ ดั หนุ่ม อุ้มเอย ตากวัง่ ซ่งั บูเรได้ เพื่อนดว้ ยช่วยนา ฯ ถึงตอนนีไม่กล่าวถึงนายรอดเลย เข้าใจว่า เม่ือขึนบกแล้วแยกทางกับนายรอด หรือนายรอด อาจจะยังไปด้วย แต่ไม่มีบทบาทให้กล่าวถึงก็อาจเป็นได้ กะเหรี่ยงกวั่งกับสังบุเรนาทางเข้าไปในป่า จน ไปค้างคืนในป่าว่านพิษ แต่ท่านสุนทรภู่ได้ความรู้แก้พิษว่านไปจากสองตายาย คือตาทองกับยายนาก คณะของท่านจึงไม่เป็นอันตราย ครันแล้วกะเหรี่ยงก็พาเดินทางต่อไปจนถึงหมู่บ้านละว้า ซ่ึงเป็นที่รู้จัก นับถอื กนั อยู่ พวกละวา้ ต้อนรับเลียงขา้ วปลาอาหารเป็นอนั ดี แล้วทา่ นสุนทรภู่กไ็ ด้ ๏ ตาลวดยวดยิง่ ลวา้ ป่าเขียว เคยปะพระเจดเี ดียว เทีย่ วด้วย รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่อื งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๐๘ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม คือได้ตาลวดชาวละว้าซึ่งคงจะเป็นผู้อาวุโสอยู่ในหมู่บ้านหรือเป็นละว้าชันหัวหน้าร่วมทาง ไปดว้ ย พากันเดินทางบุกปา่ ฝา่ ดงไปดว้ ยความลาบาก ตอนนีท่านสุนทรภไู่ ดพ้ รรณนาลักษณะปา่ ไว้อย่าง ไพเราะกินใจมาก มีทังบทชมนก ชมนา ชมไม้ ชมสตั ว์ป่าต่างๆ จนกระท่ังไปพบพระเจดีย์สูงหกศอกข้าง ถาในป่า ซ่ึงคาดว่าคงจะเปน็ แหล่งที่ไว้ใบลานทองบอกวธิ ีแปรธาตุหรอื มฉิ ะนันก็บรรจุแร่ปรอทท่ีตอ้ งการ ลูกๆ ของท่านพากันผลักประตูแต่ก็ไม่อาจจะผลักให้เปดิ ได้ จงึ ได้ตังพิธีบวงสรวงสังเวยขอความสาเร็จใน การหาแร่สาคัญครังนี แต่ปรากฏว่าเทวดาเจ้าป่าไม่ยินดีช่วย แม้ว่าบวงสรวงสังเวยอย่างดีแล้วก็ตาม จึงต้องค้างคืนที่นั่น จนรุ่งเช้าได้พบโขลงช้างมาอาละวาดสกัดล้อมไว้จะทาร้าย กะเหร่ียงกับละว้าพาหนี ขึนไปอยู่บนที่สูง จนเวลาเที่ยงช้างก็ล่าถอยไป คณะของท่านสุนทรภู่ต้องค้างคืนที่นั่นอีก และยังไม่ละ ความพยายาม จึงตังพิธีบวงสรวงสังเวยอีกครังหน่ึง แล้วเข้าผลักประตู ๆ ทาท่าจะเปิด แต่แล้วก็กลับ กระดอนปิดสนิทแน่น ท่านสุนทรภู่เห็นว่าคงไม่สาเร็จก็คิดจะกลับ พอเคลิมหลับก็รู้สึกคล้ายถานันเป็น ทอ้ งพระโรง มีพระมหากษตั ริยแ์ ละนางพระยากบั ลูกเล็กๆ ไว้ผมจกุ มาปรากฏใหเ้ ห็น ตรัสเยนิ ยอสุนทรภู่ แล้วขอใหท้ า่ นขับกลอ่ มถวาย ทา่ นก็รับขับกล่อมตามพระประสงค์เปน็ ทพี่ อพระทัย กษัตริย์นันจึงทรงเล่า ความให้ฟังว่า ท่ีบริเวณนันแต่เดิมเคยเป็นบ้านเมืองมีปราสาทราชวัง แต่ถูกโรคห่ารบกวนจึงกลายเป็น เมืองร้างกลางป่า มีโขลงช้างคอยเฝ้าสมบัติมีค่า คือในพระเจดีย์นันมีแร่ปรอทสาหรับแปรธาตุเป็นทอง แต่พระองค์จะเก็บรักษาไว้ให้เป็นสมบัติของลูกๆ ที่ไว้จุก เมื่อมาเกิดแล้วจะได้ใช้สร้างปรางค์ทองต่อไป กล่าวไว้ในโคลงบทท่ี ๔๑๗ วา่ ๏ เจดีท่อี ยู่หอ้ ง ทองพทม ปรอดเสร็จเพชปูนปสม ใสไ่ ว้ สาหรับกบั ถั่วนม เนือแผด แปดแฮ ของลกู จกุ จได้ เกดิ สร้างปรางทอง ฯ แล้วกต็ รสั ห้ามต่อไปว่า ยาอายวุ ัฒนะนันไม่มีในโลก ขออยา่ ให้ทา่ นสุนทรภู่หลงใฝห่ าเลย เรอ่ื ง แร่ปรอทก็เป็นเรื่องบ้าเหลวไหลให้เลิกคิดแสวงหาเสีย กลับไปมุ่งแสวงกุศลผลบุญจากสมณเพศดีกว่า และขอให้แบงบุญกุศลให้พระองค์บ้าง ให้สุนทรภู่รีบหนีช้างไปเสีย กับทรงฝากลูกแก่ท่านเพื่อให้เรียน รามเกียรต์ิ และลูกจะไดช้ ่วยให้คณะของทา่ นสนุ ทรภู่เดินทางโดยปลอดภัย ครันแลว้ ท่านสุนทรภู่ก็ตนื่ ขึน วันนันเป็นวนั เกา้ คา่ จะเป็นขนึ แรมปีอะไรมไิ ด้กลา่ วไว้ แต่ท่านก็จดจาคาหา้ มทังสามประการได้ จึงพากัน ลาป่าปูเ่ จ้าเดินทางกลับ มาถึงเขตเสาหนิ ทพี่ ระเจดยี ์กพ็ บโขลงช้างป่าสกัดล้อมรอบไวอ้ ีก ตาลวดละว้าใช้ หน้าไม้ยิงช้างงาหักล้มแล้วก็ลุกขึนมาอีก ทังกะเหรี่ยงและละว้าจึงไหว้ปู่เจ้าเขาโพลงขอให้ช่วย ผีปู่เจ้า เขาโพลงมาเข้าสังบุเร กล่าวว่าตาลวดยิงช้างตายจะต้องเอาตาลวดไว้ใช้แทนช้าง แล้วสังบุเรก็สลบไป ท่านสุนทรภู่จึงราลึกถึงอานาจพุทธานุภาพขอให้ช่วย กะเหรี่ยงกับละว้าก็ฟ้ืนขึนเล่าความว่า มีเด็กไว้ ผมจุกมาช่วยจึงพ้นอันตราย ท่านสุนทรภู่จึงตรวจนาสวดสัพพีแผ่กุศลให้แก่เจ้าป่าและโขมดภูตผีไพร รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่ืองที่ ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๐๙ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ขอให้ช่วยอานวยให้เดินทางกลับโดยสะดวก ทันใดนนั ก็แว่วเสียงระนาดฆ้องดังมาวังเวง ท่านสุนทรภู่จึง ขอให้ลูกๆ ช่วยกันขับลาบวงสรวงเจ้าป่าเจ้าเขา แล้วจึงออกเดินทาง กะเหรี่ยงผู้นาทางแลเห็นมีเด็กไว้ ผมจุกจุดไต้มานาทางให้ จนกระท่ังออกพ้นป่าเป็นเวลายามหน่ึง ได้ยนิ เสียงช้างร้องแปร๋แปร้นอยู่แว่ว ๆ ทางเบืองหลัง จึงทราบว่าได้อาศัยบุญของเด็กลูกกษัตริย์เจ้าป่านาทางบังตาโขลงช้างมิให้เห็น คณะของ ท่านจึงเดินทางพ้นป่ามาได้โดยสวัสดิภาพ ครันถึงแดนละว้าแล้ว ท่านสุนทรภู่กับลูก ๆ ก็อาลากะเหร่ียง กับละว้า แล้วออกเดินทางต่อมาลงเรือท่ีอาเภอสองพี่น้องมุ่งหน้ากลับ เป็นอันจบการผจญภัยของท่าน สุนทรภคู่ ราวนี ในตอนท้ายท่านได้ฝากขอ้ คิดไว้วา่ ๏ หวงั ไว้ใหล้ ูกเต้า เหลา่ หลาน รเู้ รอ่ื งเปลืองป่วยการ เกิดร้อน อายุวนั ชนะขนาน นีพอ่ ขอเอย แร่ปรอดยอดยากข้อน คดิ ไว้ให้จา ฯ โคลงนิราศสุพรรณของท่านสุนทรภู่ จบบริบูรณ์ลงในบทที่ ๔๖๒ ดังที่พิมพ์ไว้ในเล่มนีแล้ว นอกจากจะมีความไพเราะซาบซึงและใหค้ วามสนุกเพลิดเพลินตามท้องเรื่องแล้ว โคลงนิราศสุพรรณนียัง ช่วยให้เราได้ทราบรายละเอียดในเรื่องการเดินทางไปสุพรรณบุรีของท่าน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ใน การศึกษาชีวประวัติของท่านเพ่ิมเติมอีกดว้ ย นอกจากนีท่ีสาคัญกค็ ือไดช้ ่วยให้ผู้ทียังหลงใหลในเรื่องเล่น แร่แปรธาตแุ ละหายาอายวุ ัฒนะ ซึ่งปจั จุบันนกี ็ยังมีผู้เช่ือว่ามี ได้ทราบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเร่ืองเหลวไหล ไร้สาระ ดังท่านสุนทรภู่ไดแ้ ถลงไวช้ ัดเจนแล้วในโคลงนริ าศสพุ รรณของทา่ นเรือ่ งนี อน่ึง เพ่ือให้ท่านผู้อ่านสามารถสร้างจินตนาการตามระยะเดินทางของท่านสุนทรภู่ กรม ศิลปากรจึงไดใ้ ห้เจ้าหน้าที่จดั ทาคาอธิบายเกี่ยวกับสถานที่ตามทป่ี รากฏให้เส้นทางเดนิ พร้อมทังทาแผน ทส่ี งั เขปแสดงระยะเดนิ ทางประกอบขึนไว้ ดงั ไดพ้ ิมพไ์ วต้ อนท้ายของโคลงนริ าศนี ณ อภิลกั ขิตสมัยคล้ายวันเกิดของท่านสนุ ทรภู่ เวยี นมาบรรจบในวันท่ี ๒๖ มถิ ุนายน ศกนี อีก ครังหนึ่ง กรมศิลปากรขอเชิญชวนท่านท่ีเคารพทังหลายโปรดร่วมใจน้อมคารวะ ระลึกถึงกิตติคุณอัน สูงส่งของท่านมหากวีเอก ซึ่งได้สรา้ งสมบัติวรรณกรรมอันไพเราะเพราะพริงและหาค่ามิได้ ไว้เป็นมรดก สาคญั ของชาตไิ ทย และเปน็ เครอื่ งประดบั ใจของอนุชนทุกยคุ ทุกสมยั ชวั่ นริ ันดร์. กรมศลิ ปากร ๒๖ มิถนุ ายน ๒๕๑๐ รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๖ โคลงนิราศสุพรรณ

กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๑๑๐ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม สถานที่ท่ีกล่าวถึงโคลงนิราศสุพรรณ ของหอสมดุ วชริ ญาณ มหานาค ชอื่ ตาบล ขนึ อาเภอปอ้ มปราบ มคี ลองมหานาค เลียบข้างวดั สระเกศออกไป วัดสระเกศ ขนานกับถนนดารงรักษไ์ ปผา่ นวงั สระปทมุ และไปบรรจบกับคลองแสนแสบ คลองมหานาคนตี ่อกับคลองบางลาภูและคลองโอ่งอ่าง ที่ตรงสะพานผา่ นฟ้า เชงิ เลน ลลี าศหน้ากรมโยธาเทศบาล วัดเลยี บ อยูป่ ากคลองมหานาค ตาบลสาราญราษฎร์ อาเภอพระนคร เดมิ ชอื่ วัดสะแก วัดแจ้ง เปน็ วดั โบราณ รชั กาลที่ ๑ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงรือ สถาปนาใหม่ พระราชทานนามใหมว่ า่ วัดสระเกศ ตอ่ มาในรัชกาล พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏสิ ังขรณ์และสร้างภูเขาถงึ รัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างพระเจดีย์บนยอดภูเขาทอง แต่ไม่สาเร็จ มาสาเร็จใน รชั กาลที่ ๕ และในรัชกาลปัจจุบันนี ได้มีการประดับกระเบืองทององค์พระ เจดีย์บนยอดภเู ขาทอง คือ วดั บพิตรพมิ ุข อยใู่ นคลองโอ่งอ่างฝัง่ ใต้ ตาบลจกั รวรรดิ อาเภอสัม พนั ธวงศ์ เดิมชอื่ วดั ตนี เลนหรือวดั เชิงเลน เป็นวดั โบราณ กรมพระราชวัง หลังทรงสถาปนาใหมใ่ นรชั กาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬา โลก พระราชทานนามเปล่ยี นใหมว่ ่า วดั บพติ รพิมขุ คอื วัดราชบุรณะ เป็นวดั โบราณ เดิมชื่อวัดเลยี บ อยู่ในเขตกาแพงพระนคร แถบพาหรุ ัด เจา้ ฟา้ กรมหลวงเทพหริรักษท์ รงปฏิสงั ขรณ์ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงช่วย และพระราชทานนามใหมว่ ่า วดั ราช บรุ ณะ รัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลยั โปรดใหถ้ อน สีมาเก่าแลว้ ทรงสร้างพระอุโบสถและพระวิหารใหม่ ถึงรัชกาลท่ี ๓ พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจ้าอยู่หัว ทรงสรา้ งพระปรางค์องคใ์ หญใ่ น รัชกาลตอ่ ๆ มา ให้ทรงปฏิสังขรณ์บ้าง เม่ือสงครามโลกคราวท่สี อง ไดถ้ ูก ระเบดิ ทาลายเสียหายยบั เยนิ เพ่ิงบูรณะขึนใหม่ในรชั กาลปัจจบุ นั คือ วัดอรุณราชวราราม อยู่บนฝัง่ ตะวันตกของลานาเจา้ พระยา เหนือ พระราชวงั เดมิ เป็นวัดโบราณ เดมิ ชอ่ื วัดแจง้ พระเจา้ ตากสินกรุงธนบุรี ทรง ปฏสิ งั ขรณ์ส่วนบนอโุ บสถเกา่ รัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้า นภาลยั ทรงสรา้ งพระอุโบสถใหม่ แลว้ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดอรณุ ราช รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรื่องที่ ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๑๑ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม ธารามกอ่ น ภายหลงั เปน็ วัดอรณุ ราชวราราม ถงึ รัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกลา้ เจา้ อยู่หัว ทรงสรา้ งพระปรางค์เปน็ ยอดมงกฎุ และปฏิสงั ขรณ์ ท่วั ทงั พระอาราม รชั กาลที่ ๔ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว ทรง เพม่ิ เติมบ้าง และในรัชกาลที่ ๕ ได้ทรงปฏสิ งั ขรณ์มาก เพราะเพลิงไหม้พระ อโุ บสถ ฉนวน ทางเดิน สาหรับเจ้านายฝ่ายในเสดจ็ ออกทางท่าราชวรดิษฐ์ ทา่ ชา้ งวงั หลวง อยบู่ นลานาเจา้ พระยาฝงั่ ตะวันออก ตรงขา้ มวดั ระฆังโฆสิตาราม อยใู่ นเขต ตาบลพระบรมมหาราชวัง อาเภอพระนคร วงั หลัง ตงั อยแู่ ถวบรเิ วณศริ ิราชพยาบาล สุนทรภู่มคี วามสมั พันธ์กบั วังหลงั มาก โดย ท่ีมารดาได้เปน็ นางนมพระธดิ าในกรมพระราชวงั หลัง สุนทรภูเ่ คยอยู่ในวงั หลงั กบั มารดา และได้ถวายตัวเป็นขา้ ในพระราชวงั หลังมาตงั แต่ยังเด็ก จนกระทั่งรนุ่ หนุ่ม ไดล้ อบรักใคร่กบั หญิงชือ่ จนั จนได้รับโทษทังสองคน แลว้ ตอ่ มาสุนทรภกู่ ็ได้จันเป็นภรรยา ทานองเจา้ ครอกข้างในชื่อทองอยู่ ซึง่ เปน็ อัครชายาในกรมพระราชวงั หลังจะยกประทานให้ คลองบางกอกน้อย คลองแยกแม่นาเจ้าพระยาฝั่งตะวนั ออกเหนือสถานีรถไฟธนบรุ ี เดิมเป็นลา นาเจา้ พระยา บ้านบุ ชอ่ื ตาบลขนึ ในอาเภอบางกอกนอ้ ย จงั หวดั ธนบุรี ปัจจบุ นั นียงั มตี ลาดบ้านบุ อยู่ วัดชีปขาว คอื วัดศรีสดุ าราม ตังอยฝู่ ่ังใต้ของคลองบางกอกน้อย วดั นเี ปน็ สานักศึกษา ในวยั เยาว์ของสุนทรภู่ เดมิ เรียกกันวา่ วดั ชีผา้ ขาว หรือเรียก วดั ประขาว ก็มี เป็นวัดโบราณ มมี าก่อนสมยั รัตนโกสินทร์ ครนั ในรัชกาลท่ี ๑ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และกรมสมเด็จพระศรีสดุ ารกั ษ์ ไดท้ รงสถาปนาใหม่ ต่อมาในรัชกาลท่ี ๔ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั โปรดให้ปฏสิ งั ขรณ์ แล้วพระราชทานนามใหมว่ า่ วดั ศรสี ุดาราม บางบารุ คอื บางบาหรุ ชื่อตาบล ในอาเภอบางกอกน้อย จังหวดั ธนบรุ ี บางทเี รยี กว่า บางตาหรุ ตงั อยู่ฝั่งเหนือของคลองบางกอกน้อย มีคลองบางบาหรุแยกจาก รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๑๑๒ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม บางระมาด คลองบางกอกน้อยทีใ่ ต้วัดนายโรง ไปจดวดั สนาม (นอก) เหนอื วัดพกิ ุลทอง สวนหลวง มวี ัดบางบาหรอุ ยู่ในลาคลองนี วัดพิกลุ ตาบลในอาเภอตลง่ิ ชัน จงั หวัดธนบุรี อยูท่ างฝง่ั ตะวันตกของคลองบางกอก บางขวาง นอ้ ย มีคลองบางระมาดแยกคลองศาลจา้ ว ตรงข้ามวัดสุวรรณครี ี (วัด บางกรวย ขีเหลก็ ) ไปจดหนองขเี หลก็ ในอาเภอตล่งิ ชัน บางศรีทอง อย่ฝู ั่งตะวันตกของคลองบางกอกน้อย ระหวา่ งวัดน้อยในถงึ วดั ชยั พฤกษ์ มาลา ต่อมาตกเปน็ ทข่ี องคุณจอมกลีบในรชั กาลที่ ๕ แล้วแบ่งขายบ้าง ถวาย เป็นท่ีธรณีสงฆ์ของวัดชัยพฤกษม์ าลาบ้าง และมที ่ีซึง่ ตกเปน็ ของนางช่นื แดง อรา่ ม ภายในทผ่ี ืนนี ยังมีสระกวา้ งยาวประมาณร้อยเมตร และมีลาคู (ตรง ข้ามวดั พิกุล) ขุดแยกจากคลองบางกอกน้อยฝ่งั ตะวนั ตกเขา้ ไปส่สู ระ ซงึ่ กล่าวกนั ว่า เปน็ ทางเรือพระท่ีนั่งในเวลาเสด็จประพาส แต่เดี๋ยวนีคแู ละสระ ตืนเขนิ เสียแลว้ ตงั อยฝู่ ง่ั ตะวันออกของคลองบางกอกน้อย บางทีก็เรยี กวา่ วดั พิกุลทอง เพอื่ ใหต้ ่างกับวดั พกิ ลุ แห่งหน่ึง ทีใ่ ต้อาเภอบางใหญ่ ซ่ึงเรยี กว่า วัดพกิ ุลเงิน ช่ือคลองอยูใ่ นท้องท่ีอาเภอบางกรวย จงั หวดั นนทบรุ ี แยกจากคลองมหา สวัสด์ิ ตรงข้ามวัดชยั พฤกษ์มาลา ปัจจบุ นั เรยี กกันวา่ คลองขวาง เปน็ ชอ่ื ตาบล ขนึ อาเภอบางกรวย จงั หวดั นนทบุรี ตงั ทว่ี า่ การอาเภอท่ีเหนือ วัดชะลอ มีคลองบางกรวยแยกจากแม่นาเจ้าพระยาฝ่ังตะวันตก ตรงขา้ มวัด เขมาภิรตาราม มาต่อกบั คลองวัดชะลอที่ขุดในรชั กาลสมเด็จพระมหา จกั รพรรดิ เหนอื วัดชะลอ คลองบางกรวยนี เดิมเป็นตอนหนงึ่ ของแม่นา เจ้าพระยา แตเ่ ม่ือขุดคลองใหม่ กระแสนาเปลี่ยนจากแม่นาออ้ มมาเดินทาง หน้าวดั เฉลิมพระเกียรติ แม่นาเดมิ จึงแคบและตืนเขนิ กลายเป็นคลองไป หรอื บางสที อง ชื่อตาบล ขนึ อาเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี มคี ลองบางสี ทองแยกจากแมน่ าเจา้ พระยาฝ่ังขวา ตอนหนา้ ศาลากลางจังหวดั นนทบุรี ไป ต่อกบั คลองแม่นาออ้ ม เหนอื ท่วี า่ การอาเภอบางกรวย บางสที องนี เคยมชี อ่ื ว่ามีลาไยดี รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งที่ ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๑๑๓ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม บางกรา่ ง ตาบลขึนอาเภอบางกรวย จังหวดั นนทบุรี บางขนุน ตาบลขึนอาเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี อยู่ริมคลองแมน่ าออ้ มฝงั่ ใต้ มี บางขุนกอง คลองบางขนุนแยกจากคลองแมน่ าอ้อมเขา้ ไป ในคลองนมี ีวัดบางขนุน เปน็ บางคเู วยี ง วดั โบราณ มีหอไตรเก่า ภายในพระอโุ บสถ มภี าพจติ รกรรมฝาผนัง ในนริ าศ บางม่วง พระประธมของ สนุ ทรภู่ อา้ งว่า แตก่ ่อนครังท้าวอู่ทองเรยี กกนั วา่ บางถนน บางใหญ่ ภายหลังมาเรยี กเพยี นเป็น บางขนนุ วัดใหมธ่ งทอง ตาบลขึนอาเภอบางกรวย จงั หวัดนนทบรุ ี มคี ลองแยกทางฝ่งั ตะวันตก บา้ นลานตากฟ้า บ้านกระจนั ตาบลขนึ อาเภอบางกรวย บางทเี รยี กบางโคเวยี ง อย่ตู ดิ กบั บางระนก มีคลอง บางคเู วียงแยกจากคลองแม่นาอ้อมฝัง่ ตะวนั ตก มาเช่ือมกบั คลองมหาสวัสดิ์ ทใ่ี ต้สถานีธรรมสพน์ ตาบลขนึ อาเภอบางใหญ่ จังหวดั นนทบุรี มคี ลองบางมว่ งแยกทางฝ่ัง ตะวนั ตก จากเหนือวัดอัมพวันหรือวดั บางม่วง ไปเช่ือมกับคลองบางโสน เป็นชอ่ื คลอง ตาบลและอาเภอ ขึนจังหวดั นนทบุรี ตังทีว่ า่ การอาเภอท่ีปาก คลองบางใหญ่ ทางฝั่งซา้ ยของลาคลองแม่นาอ้อม อาเภอบางใหญ่ เดมิ เป็น กิ่งอาเภอ เรียกก่ิงบางแม่นาง ตอ่ มายกเป็นอาเภอบางแมน่ าง แล้วภายหลงั เปลย่ี นเปน็ อาเภอบางใหญ่ คลองบางใหญ่ แยกจากคลองแมน่ าอ้อม ยาว ๑๒ กิโลเมตร ผ่านไปเขา้ คลอง โยง ผ่านตาบลลานตากฟา้ ออกแม่นานครชยั ศรี อาเภอนครชยั ศรี จงั หวดั นครปฐม ในสมัยโบราณเม่ือยังไม่ไดข้ ุดคลองมหาสวสั ดิใ์ นรชั กาลที่ ๔ การ คมนาคมระหวา่ งจังหวัดพระนคร ธนบรุ ี และนนทบุรี ได้อาศยั ผา่ นเสน้ ทาง สายนี ชือ่ วัดในตาบลบา้ นใหมธ่ งทอง อาเภอบางใหญ่ จังหวดั นนทบุรี ตาบลลานตากฟ้า อาเภอนครชยั ศรี จงั หวดั นครปฐม อยใู่ นตาบลทา่ กระจนั ขึนอาเภอนครชยั ศรี จังหวัดนครปฐม รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งที่ ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๑๔ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม บ้านศศธิ ร หรือบางขโมย บ้านขโมย อยู่ในตาบลบางปลา อาเภอบางเลน จงั หวัดนครปฐม บางปลา บางปลี อยใู่ นตาบลบางเลน อาเภอบางเลน จงั หวัดนครปฐม ในแผนที่ บางระกาอยู่ บางระกา ก่อนบางปลา อยใู่ นตาบลบางเลน อาเภอบางเลน จังหวดั นครปฐม บางยงุ หรือบางควาย บางกระบือ หรอื บา้ นบางไทร บา้ นไซ บา้ นหนิ มูล อยใู่ นตาบลบางหลวง อาเภอบางเลน จังหวดั นครปฐม บางหลวง อยู่ในตาบลบางเลน อาเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม บางนอ้ ย หรือบา้ นบางหวาย บางหวาย บ้านสามศาล หรือบา้ นบางซอ อยู่ในตาบลบางตาเกง อาเภอสองพีน่ อ้ ง จังหวัดสุพรรณบรุ ี บา้ นดา่ น มแี ต่บ้านสาเภาล่ม บางซอ บ้านตเภาทลาย บางปลาร้า บางสะแก รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๑๕ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม บา้ นคันช่งั อยใู่ นอาเภอสองพี่น้อง จงั หวัดสุพรรณบรุ ี บ้านกมุ่ อยู่ในอาเภอสองพนี่ ้อง จังหวัดสพุ รรณบุรี บางนางแม่หม้าย หรือบ้านบางแม่หม้าย ตาบลบางแมห่ ม้าย อาเภอบางปลามา้ จงั หวัด สุพรรณบรุ ี คลองกฤษณา ช่ือคลองในตาบลสาลี อาเภอบางปลาม้า จังหวดั สุพรรณบุรี บางเลน หรือบ้านบางเลน อยู่ในตาบลบางแมห่ มา้ ย อาเภอบางปลามา้ จังหวดั สุพรรณบุรี บางบัว อยใู่ นตาบลบางใหญ่ อาเภอบางปลามา้ จงั หวัดสุพรรณบุรี บ้านดารา อย่ใู นตาบลบางใหญ่ อาเภอบางปลามา้ จังหวดั สพุ รรณบุรี บา้ นชีปขาว อยู่ในตาบลตะค่า อาเภอบางปลาม้า จงั หวัดสุพรรณบุรี บา้ นชีหน หรือ บางย่หี น อยใู่ นอาเภอบางปลาม้า จังหวัดสพุ รรณบรุ ี บางปลาม้า อยูใ่ นตาบลโคกคราม อาเภอบางปลามา้ จงั หวดั สุพรรณบรุ ี คงุ้ โพกระ อยู่ในอาเภอบางปลามา้ จงั หวัดสุพรรณบรุ ี โคกคราม ช่ือตาบลในอาเภอบางปลามา้ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี วดั สวนหงส์ อยใู่ นตาบลบางปลาม้า อาเภอบางปลามา้ จังหวดั สุพรรณบุรี ตลาดแก้ว อยใู่ นตาบลบางปลามา้ อาเภอบางปลามา้ จงั หวดั สุพรรณบรุ ี วังตาเพชร อยใู่ นตาบลบางปลามา้ อาเภอบางปลามา้ จังหวดั สุพรรณบรุ ี สวนขงิ อยู่ในตาบลโคกคราม อาเภอบางปลามา้ จงั หวัดสพุ รรณบุรี บา้ นยอด อยใู่ นตาบลบางปลามา้ อาเภอบางปลามา้ จังหวดั สุพรรณบุรี บา้ นขนมจนี อยู่ในตาบลบางปลาม้า อาเภอบางปลามา้ จงั หวัดสุพรรณบรุ ี รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๑๖ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม โพธคิ์ อย ช่อื ประตนู าและประตรู ะบายนา ในคลองส่งนาบางปลามา้ อาเภอเมือง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี และมวี ดั โพธ์คิ อยในตาบลท่าระหัด อาเภอเมอื ง จงั หวดั บา้ นตาลราย สุพรรณบุรี วดั มนาวหวาน ทับขเี หลก็ อยใู่ นอาเภอเมือง จงั หวดั สพุ รรณบุรี วัดฝาง ทา่ ระหดั อยู่ในตาบลทบั ตีเหล็ก อาเภอเมอื ง จงั หวดั สุพรรณบรุ ี บางนางสขุ ย่านยายท้าว ปัจจบุ ันมีแต่ ตาบลทับตเี หล็ก อาเภอเมือง จงั หวัดสพุ รรณบุรี ทา่ โขลง บ้านกฎุ ที อง อยู่ในตาบลท่าระหัด อาเภอเมอื ง จังหวัดสพุ รรณบุรี โคกหม้อ บา้ นลาว ตาบลทา่ ระหัด อาเภอเมอื ง จังหวดั สุพรรณบรุ ี บางนาตก เมอื งสุพรรณบรุ ี อยู่ในอาเภอเมือง จงั หวัดสุพรรณบรุ ี วัดพระรูป วดั ประตูสาร อยใู่ นอาเภอเมือง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี อยูใ่ นตาบลทา่ ระหดั อาเภอเมือง จังหวดั สุพรรณบรุ ี อยใู่ นตาบลทบั ตีเหลก็ อาเภอเมอื ง จังหวัดสพุ รรณบุรี อยใู่ นตาบลทา่ ระหัด อาเภอเมือง จังหวดั สพุ รรณบุรี อยูใ่ นตาบลทา่ ระหดั อาเภอเมอื ง จงั หวัดสพุ รรณบุรี อยู่ในอาเภอเมือง จังหวดั สพุ รรณบุรี อยทู่ ่ตี าบลท่าพเี ลียง ปจั จุบนั คืออาเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบรุ ี อย่ใู นตาบลรัวใหญ่ อาเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี อยู่ในตาบลรวั ใหญ่ อาเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบรุ ี กล่าวกันวา่ บา้ นขนุ ชา้ ง อยูใ่ กลๆ้ วดั ประตูสาร มีผชู้ ีวา่ นา่ จะอยู่ตรงทเี่ ปน็ บริเวณโคกใหญ่ ระหวา่ ง คลองวดั ผงึ กบั แม่นาสุพรรณบุรี ใกลว้ ัดประตูสาร ปจั จุบนั มเี รอื น คุณยายไห นาคสวุ รรณ อายกุ ว่า ๘๔ ปี เป็นตน้ ตงั อยู่บนโคกนัน ท่านผู้ชีสถานที่ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๑๗ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม วัดกระไกร อธิบายบอกว่าโคกใหญน่ ี แม้ในฤดนู ามาก นาทว่ มไปทกุ หนทกุ แห่ง แต่ก็ไม่ ท่วมโคกนี และยังมีทเ่ี ปน็ แอง่ อยูข่ ้างโคกใหญ่ กล่าวกันวา่ เคยเปน็ คอกช้าง วดั แค ซ่งึ ดสู มกับท่วี า่ ขนุ ศรวี ชิ ยั บดิ าขนุ ช้างเปน็ นายกองช้าง กรมช้างนอก ทา่ สิบเบีย วดั ฝาโถ หรอื วัดตะไกร อยู่ติดกับวดั ประตสู าร ในตาบลรวั ใหญ่ ฝงั่ ตะวันตกของแมน่ า วดั ปา่ เลไลย์ สพุ รรณ ทราบว่า โบราณสถานของวัดตะไกรถูกรือเสียเมื่อราว ๑๐ กวา่ ปีมา นี แล้วปราบเนือทต่ี ังเป็นโรงเรยี นวัดประตูสาร จึงไม่มีโบราณสถานอนั ใด เหลืออยู่ แต่หลงั วัดประตสู ารออกมา ทางทศิ ตะวนั ออก ยังมีลาคลองวดั ปา่ ใหเ้ หน็ อยู่ และท่ถี นนหน้าศาลาวดั ประตสู าร กย็ ังเหน็ สะพานและปากคลอง รมิ แมน่ าสุพรรณเปน็ คลองคนั่ ระหว่างวัดประตูสารกบั วดั ตะไกรแต่เดมิ มา ใน เสภาเร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผนวา่ “ทองประศรนี ันอย่วู ดั ตะไกร” แตใ่ นโคลงนริ าศ สพุ รรณนี ท่านสนุ ทรภ่วู า่ “วดั กระไกรใกลบ้ ้านท่ี ศรีประจัน ถามเหลา่ ชาว สุพรรณ เพื่อนซี” อยใู่ นตาบลรัวใหญ่ อาเภอเมือง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี เปน็ วดั ทใ่ี นเสภาขนุ ช้าง ขุนแผนกลา่ วว่า ขนุ แผนเม่ือยังเป็นเณรแกว้ ได้มาอยูเ่ รียนวชิ าต่างๆ กับ อาจารย์คง ปจั จุบนั นีมตี น้ มะขามตน้ หน่ึง ลาต้นใหญ่กวา่ ๕ คนออ้ ม กล่าว กันวา่ เม่อื เณรแกว้ เรียนวชิ าเสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตน ได้ใชใ้ บมะขาม จากตน้ นี อยรู่ มิ ลานาสุพรรณ ในตาบลท่าพี่เลียง อาเภอเมือง จงั หวัดสพุ รรณบุรี อยใู่ นตาบลทา่ พ่เี ลียง อาเภอเมือง จงั หวัดสุพรรณบุรี ตงั อยู่แถวบริเวณท่ีเป็น บา้ นพกั ศึกษาธกิ ารและครูใหญโ่ รงเรียนสตรปี ระจาจงั หวดั ในปจั จุบัน วิหาร และอุโบสถถูกนาเซาะตลิง่ พงั จมหายไปในแมน่ าสุพรรณเสียแล้ว อยใู่ นตาบลรัวใหญ่ อาเภอเมือง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี ในวิหารมพี ระพุทธรูป โบราณนั่งห้อยพระบาทขนาดใหญ่สูงถงึ ๒๑ เมตร ซึ่งนักโบราณคดี สันนิษฐานกนั วา่ เดมิ เป็นพระพุทธรปู ปางประทานเทศนาสมัยทวารวดี แต่ ภายหลงั คงชารดุ แล้วถกู บรู ณะปฏสิ ังขรณ์ต่อมา ชา่ งผู้ปฏิสงั ขรณไ์ มท่ ราบ ความหมายเดิม จงึ ดัดแปลงพระหตั ถ์เปลย่ี นไป เลยเรยี กว่า พระปา่ เลไลย์ ในสมยั โบราณ วัดนีเป็นแหลง่ กลางท่ชี าวสพุ รรณบุรีมาร่วมกันทาบญุ บาเพ็ญ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๖ โคลงนิราศสุพรรณ

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๑๘ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม โพคลาน กุศลในงานเทศกาล เช่น งานสงกรานต์ก่อพระทราย เทศน์มหาชาติ งานไหว้ โพหลวง พระ สาประทิว อย่ใู นตาบลรัวใหญ่ อาเภอเมือง จงั หวัดสุพรรณบุรี บ้านรัดชา้ ง อยู่ในอาเภอเมือง จงั หวัดสุพรรณบุรี บ้านธรรมกูล อย่ใู นตาบลพหิ ารแดง อาเภอเมือง จงั หวัดสุพรรณบรุ ี วดั สว่างอารมณ์ อยใู่ นตาบลรวั ใหญ่ อาเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบรุ ี โพธ์ิพระยา อยใู่ นตาบลรวั ใหญ่ อาเภอเมือง จังหวดั สุพรรณบรุ ี บา้ นซอ่ ง อยู่ในตาบลพหิ ารแดง อาเภอเมอื ง จงั หวดั สุพรรณบุรี บางมดแดง ตาบลโพธ์พิ ระยา อาเภอเมือง จงั หวดั สพุ รรณบุรี วงั ยาง อยใู่ นตาบลโพธิ์พระยา ชายเขตอาเภอเมือง ต่อกับอาเภอศรีประจนั ต์ บา้ นตาลเสยี น ตาบลมดแดง อาเภอศรปี ระจันต์ บ้านศรีจนั หรอื บ้านวงั ยาง ตาบลวดั ยาง อาเภอศรีประจนั ต์ อย่ใู นตาบลวงั ยาง อาเภอศรปี ระจันต์ จังหวัดสพุ รรณบุรี ด่านขนอน หรือบา้ นศรีประจนั ต์ อยู่ในตาบลศรปี ระจนั ต์ อาเภอศรีประจันต์ จงั หวัด สพุ รรณบุรี บางกระพุ้ง หรือ หัวขนอน อยู่ในตาบลศรีประจันต์ อาเภอศรีประจันต์ จังหวดั บ้านใหม่ สพุ รรณบุรี บ้านกรา่ ง อยใู่ นตาบลศรีประจนั ต์ อาเภอศรปี ระจนั ต์ จังหวัดสพุ รรณบรุ ี อยู่ในตาบลบ้านกรา่ ง อาเภอศรปี ระจันต์ จงั หวดั สุพรรณบุรี อยใู่ นตาบลบา้ นกรา่ ง อาเภอศรีประจนั ต์ จังหวดั สุพรรณบุรี รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่อื งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๑๙ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม บ้านไร่ อยู่ในตาบลบา้ นกรา่ ง อาเภอศรีประจนั ต์ จังหวัดสพุ รรณบุรี วังปราน หรือ วังกรานต์ อยู่ในตาบลวงั นาซับ อาเภอศรปี ระจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี บางม่วง หรือ พังมว่ ง อย่ใู นตาบลวังนาซบั อาเภอศรีประจนั ต์ จังหวัดสพุ รรณบุรี บ้านยา่ นยาว อย่ใู นเขตอาเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบรุ ี ศาลป่เู จา้ อยู่ในตาบลบา้ นกรา่ ง อาเภอศรปี ระจนั ต์ จงั หวัดสพุ รรณบุรี บ้านกล้วย อย่ใู นตาบลบา้ นกรา่ ง อาเภอศรปี ระจนั ต์ จงั หวดั สพุ รรณบุรี คลองนาซับ หรือวงั นาซบั อยูใ่ นตาบลวังนาซับ อาเภอศรปี ระจันต์ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี บ้านหว้า หรือบ้านวังหว้า อยใู่ นตาบลวังหวา้ อาเภอศรปี ระจนั ต์ จังหวัดสพุ รรณบุรี วงั หนิ อยู่ในตาบลยา่ นยาว อาเภอสามชุก จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ย่านยาว อยใู่ นตาบลยา่ นยาว อาเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบรุ ี วังฉลาม อยใู่ นตาบลยา่ นยาว อาเภอสามชกุ จงั หวดั สพุ รรณบุรี บางขวาก อยู่ในตาบลยา่ นยาว อาเภอสามชกุ จังหวัดสพุ รรณบรุ ี สามชุก อยใู่ นตาบลสามชุก อาเภอสามชุก จงั หวดั สุพรรณบรุ ี สามเพ็ง อยู่ในตาบลสามชกุ อาเภอสามชุก จังหวัดสพุ รรณบุรี บ้านชดั หอม อยใู่ นตาบลสามชุก อาเภอสามชกุ จงั หวัดสุพรรณบุรี บา้ นทึง (วัดขีทึง) อยู่ในตาบลสามชกุ อาเภอสามชุก จงั หวัดสุพรรณบุรี บา้ นกระตวั บ้านโป่งแดง อยใู่ นตาบลหนองผกั นาก อาเภอสามชกุ จังหวดั สพุ รรณบุรี คลองกระเสยี ว อยใู่ นตาบลกระเสยี ว อาเภอสามชกุ จังหวดั สพุ รรณบรุ ี รวมนิราศของสุนทรภู่ เร่อื งท่ี ๖ โคลงนิราศสุพรรณ

กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๒๐ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม บางแวก อาเภอสองพีน่ ้อง สองพีน่ ้อง หมบู่ า้ นกะเหร่ียง หมู่บา้ นละว้า. เนือ้ หาโคลงนริ าศสพุ รรณา (ฉบับหอสมดุ วชิรญาณ) ดาดาว ๑ พร่างพร้อย ๏ เดอื นชว่ งดวงเดน่ ฟา้ เขนยแนบ แอบเอย เยือกฟา้ พาหนาว ฯ จรญู จรัดรศั มพี ราว ยามดึกนึกหนาวหนาว คุง้ คลอง เยน็ ฉ่านาคา้ งย้อย ฝง่ั นา สัจสวาดิ ขาดเอย ๒ โศกทังหมางสมร ฯ ๏ มหานาก[๑]ฉวากวุ้ง สรุ ธร[๕] ชมุ่ ชื่นรื่นรุกขี[๒]สอง เขดนี พีฝ่ าก มากเอย คกุ [๓]คิดมศิ [๔]หมายครอง พ่ใี ห้อไภยเจริญ ฯ กลา้ ตกรกเรือซา ๓ ๏ ขอฝากซากสวาดสิ รอ้ ย ไว้ทท่ี า่ สาคร ศาลานา่ วดั ภร[๖] ใครท่ีพี่เป็นผี รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งท่ี ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๒๑ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม ๔ หนา้ สวน[๗] ๏ จาร้างหา่ งนอ้ งนึก ยัว่ เยา้ สองฝ่ายชายหญิงยวน หวงั ชายฝา่ ยหญงิ ชวน ชน่ื เชน่ เหนเอย กลเชน่ เลน่ ซักเสรา้ เสพเผือนเฟือนเกษม ฯ ๕ คมลา ๏ เลียวลดั วดั ษเกษ[๘]ก้ม เกิดเกลา้ กฏุ ศพนบมานดา พน้ โลก โอกฆ[๙]เอย เดชะพระกศุ ลภา เสวยศุก[๑๐]ทกุ คา่ เชา้ ช่องชนั สวรรยางค ฯ ๖ ๏ เชิงเลนเปนตลาดสล้าง หลกั เรือ เกลือ่ นกลุ้ม โอง่ อา่ งบ้างอดิ เกลือ ลาบาก ยากแฮ หลกี ลอ่ งชอ่ งเล็กเหลอื ถฆี่ ้องสองยาม ฯ ออกแม่นาย่าถุม้ กงั สดาน ๗ แข่งฆ้อง ๏ แซ่เสยี งเวยี งราชกอ้ ง สงั ขีด[๑๒] ดดี เอย เหง่งหงง่ั ระฆงั ขาน สัง[๑๑]แตรแซ่เสียงประสาร ยามดกึ ครึกครนื ก้อง ปแ่ี ก้วแจ้วเสียง ฯ ๘ ๏ วัดเลยี บเงียบสงดั หนา้ อาราม แย่งน้อง ขกุ คิดเคยพญายาม สวาดร่วง ทรวงเอย รวยรนิ กลนิ่ สไบทราม เพราะเจ้าเบาใจ ฯ สรู กลน่ิ สริน[๑๓]กลอนพร้อง ๙ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอ่ื งที่ ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๒๒ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม ๏ เจรญิ บญุ สรุ ธร[๑๔]ไว้ ให้สมร สืบสวัสสฐั าภร[๑๕] ผ่องแผ้ว เชิญทราบกาพกลกลอน กลา่ วกล่นิ ถวนิ เอย จาฃาดชาตินีแคล้ว คลาดนอ้ งของสงวน ฯ ๑๐ เตียงนอน ๏ วดั แจ้งแตง่ ตกึ ตัง คพู่ ร้อง เคยปกนกน้อยคอน สมารสมกั [๑๖] รักเอย เคยลอบตอบสารสมร นกน้อยลอยลม ฯ จาจากพรากนุชนอ้ ง ๑๑ มคี ณุ [๑๗] ๏ สาวแกแ่ มม่ า่ ยแมน้ ราชรู้ ขอเดชะพระวรณุ แบ่งฝาก มากเอย ยามดกึ นึกส่งบุญ คดิ พร้องสนองเพลง ฯ วัดชว่ ยอวยสวัสดขิ ู้ ๑๒ เนตรนอง ๏ ยน[๑๘]ฉนวนหวนนกึ นา ทเ่ี ฝา้ พระธนิ ่ังบันลงั [๑๙]ทอง เสดจ็ สนดิ [๒๑] ชิดเอย ชาระพระนิพน[๒๐]สนอง กลบั ร้างห่างฉนวน ฯ สรินแผน่ ดนิ ปิ่นเกลา้ ๑๓ ชณิ วง[๒๓] ๏ แบง่ บุญสรุ ธร[๒๒]เชอื ผอ่ งแผ้ว สบื ซา่ งทางพทุ พง[๒๔] สารภเิ ศศ[๒๖] เสวตรเอย ถวายพระหรริ ัก[๒๕]ทรง กิจรา้ ยหายสูร[๒๘] ฯ ลุโลกโมฆ[๒๗]เมืองแก้ว รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๑๒๓ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม ๑๔ เชากรุง ๏ อีกองมงกุฎเิ กลา้ สบื กษตั รขัติยบารุง รอบแควน้ ถวายพระอนิสง[๒๙]พดงุ พเดช[๓๐]เฟ่ือง กเด่ืองเอย สง่ิ โศกโรคเร่อื งแคน้ ขจัดผ้ายวายเขน ฯ ๑๕ แหล่งสถาน ๏ ทา่ ชา้ งหวา่ งค่ายลอ้ ม ครงั พระโกฎ[๓๑]โปรฐ[๓๒]ประทาน ทใ่ี ห้ เคยอยู่คสู่ าราน รว่ มเย่า เจ้าเอย เหนแต่ท่ีหมีได้[๓๓] ภบนอ้ งครองสงวน ฯ ๑๖ เจ้าเอย ๏ วังหลงั ครังหนุม่ เหล้า เคยอยชู่ ชู ่นื เชย คา่ เช้า ยามนที ่ีเคยเลย ลมื ภัก[๓๔] พีแ่ ฮ ต่างชนื่ อืน่ แอบเคลา้ คลาศแคล้วแล้วหนอ ฯ ๑๗ ใคร่เตอื น ๏ คดิ คาลาฦก[๓๕]ไว้ เคยรกั เคยรว่ มเรือน รว่ มรู้ อย่าเคืองเร่ืองเราเยือน ยามแก่ แม่เอย ใครทีม่ ชี ชู้ ู้ ชว่ ยชาคาโคลง ฯ ๑๘ ลอยแล ๏ เลยี วทางบางกอกน้อย บ้านเก่าเยา่ เรือนแพ พวกพ้อง เงยี บเหงาเปลา่ อกแด ดูแปลก แรกเอย ลาฦกนกึ รกั ร้อง เรียกนอ้ งในใจ ฯ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรื่องที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๑๒๔ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวัดนครพนม นาคบริพนั ธ์ อุม้ สนอม กลอ่ มให้ ๑๙ ออมตรึก รฦกเอย ๏ สาวเอยเคยอ่อนหนุม้ ใครห่ ว้าหนา้ สวน[๓๖] ฯ ออมสนดิ ชดิ กลน่ิ หอม ตีขนั แจ่มฟา้ ไกลห่างว่างอกตรอม กินซกี ฉลีกแฮ นชุ ปลมื ลืมเดมิ ฯ เลยอ่นื ขึนครองไว้ ๒๐ อาวร ๏ ยนยา่ นบ้านบตุ ัง กับนอ้ ง เสมอชพี เรียมเอย ขกุ คิดเคยชมจรร[๓๗] แตกฟ้าผ่าสลาย ฯ ยามยากหากปันกนั หอ้ งนอน คอ่ นหวา้ [๔๐] มีคชู่ ชู นื่ หนา้ หอ่ นจาก ๒๑ ล่านอ้ งหมองหมาง ฯ ๏ เสียดายสายสวาดโอ้ รกั พ่ีมีโทษกร[๓๘] จาจากพรากพลัดสมร เสียนชุ ดจุ ทรวงตอ้ ง นาคบริพันธ์ ๒๒ ๏ เคราะกา[๓๙]จาหา่ งน้อง หวนนึกดึกเคยวอน คดิ ไวไมห่ ่างจร หากจติ รมศิ [๔๑]หลายหน้า รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอ่ื งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๒๕ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม ๒๓ สรุ ิยง ๏ เดือนตกนกร้องเรง่ ส่องฟ้า เยยี่ มยอดยุคุนท[๔๒]ทรง คนื ขนึ อีกเอย เดือนดบั ลับโลกคง นบั สรนิ ดินสวรร[๔๓] ฯ จันพีน่ ีลับหน้า ๒๔ เรียนเขยี น ๏ วดั ปขาว[๔๔]คราวรุ่นรู้ สมุท[๔๖]นอ้ ย ทาสรุ ท[๔๕]สอนเสมยี น หว่างวดั ปขาวเอย เดินรวางรวังเวยี น สวาดิหา้ งกลางสวน ฯ เคยชื่นกลืนกล่ินสรอ้ ย[๔๗] ๒๕ แรมโรย ๏ เหนเรอื นเพื่อนรกั รา้ ง ทเวด[๔๘]ด้วย โอ้อกอาดรู โดย หาดอก สรอ้ ยเอย ดูสวร[๔๙]ป่วนจิตรโหย ไมไ่ ดใ้ กล้กลาย[๕๐] ฯ แลลับกลบั ชาติมว้ ย ๒๖ กานดา ๏ บางบารบุ ารงุ แก้ว รา่ งแล้ว แก้วเนตรเชฐาชรา ภพ[๕๒]ชาติ อน่ื เอย ถือบวด[๕๑]ตรวจนาภา คลาศคา้ งห่างสมร ฯ ชาตนิ พี ่แี คลว้ ๒๗ คราวงาน ๏ บางรมาดม่ิงมดิ ครงั พยักหน้า บอกบทบญุ ยงั [๕๓]พยาน แทนฮ่อง[๕๕] หอเอย ประทนุ ประดิศถาน[๕๔] พีอ่ ้างรางวนั [๕๖] ฯ แหวนประดบั กับผ้า รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๒๖ โรงเรยี นสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๒๘ นองชล ๏ สงสารสายเนตรนอ้ ง ลเนตรพเ่ี พยี งฝอยฝน เฟา่ นอ้ ง จวนรุ่งร่าสอืนจน จาจาก แจม่ เอย คราวเคราะ[๕๗]เพราะนอ้ งต้อง พยกุ ลา้ สลาตนั ฯ ๒๙ ๏ สวรหลวง[๕๘]แลสลา่ งลว้ น พฤกษา เคยเสดจวงั หลังมา เม่อื น้อย ข้าหลวงเล่นปดิ ตา ตอ้ งอยู่ โยงเอย เหนแตพ่ ลบั กับสร้อย ซอ่ นซุ้มคลมุ โปง ฯ ๓๐ ๏ วดั พกิ ุน[๕๙]กรนุ่ กล่นิ เกลยี ง กลอยใจ แรกรุ่นรวยมาไล ไสเ่ หล้น เรียนรอ้ ยค่อยสอดไหม เหมือนแน่ และ[๖๐]เอย รอ้ ยคล่องตอ้ งน่ังเน้น นวดฟัน้ ท่านครู ฯ ๓๑ แขวงนน[๖๑] ๏ บางขวางข้างเขดแควน้ สองฟากหมากมพร้าวผล พรรไม้[๖๒] หอมรืน่ ชน่ื เชน่ ปน แปง้ ประ ปรางเอย เคลมิ จติ คดิ ว่าใกล้ กลิน่ เนอื เจือจรร ฯ ๓๒ คลาไคล ๏ เชงิ สวรล้วนรักนา ลูกดกรกเรือไบ[๖๓] บดิ พลวิ รักร้ายฝา่ ยคนไกล กลัวรกั นกั เอย เดจ[๖๔]ลูกถูกยางนิว หนดิ เนอื เหลือคัน ฯ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งท่ี ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ๑๒๗ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม ๓๓ บุญทาน ๏ บางกรวยตรวดนาแบง่ ผ่องแผว้ ส่งนม่ิ [๖๕]นชุ นิบพาน ทงิ พี่ หนีเอย จาจากพรากพลัดสถาน คลาศเลอื่ นเดือนปี ฯ เหนแต่คลองน้องแคล้ว ๓๔ เจ้าคลอง ๏ บางศรีทองคลองบา้ นเก่า ถน่ิ นี สเี พชผวั สีทอง[๖๖] สาเหนียก นามเอย เล่ืองฦๅชอ่ื เสยี งสนอง เชน่ ไสรไ้ สทอง ฯ คลองคดลดเลยี วชี ๓๕ ริมชลา ๏ ล่วงทางบางบา้ นเรียด สลบั สลา้ ง สองฝ่งั พรง่ั พฤกษา ดกดาศ กลาดเอย ไมป้ ลกู ลูกดอกดา ขอบคุ้งฟงุ้ ขจร ฯ ทรงกล่ินรินรน่ื ข้าง ๓๖ โลดโผน ๏ รอกแตแลลอดเลยี ว จับไม้ นกหกจกจิกโจน ท่องเที่ยว เยย่ี ว[๖๗]เอย ยางเจ่าเหลา่ ยางโทน ดว่ นขนึ กลืนกนิ ฯ โฉบฉาบคาบปลาได้ รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งที่ ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๒๘ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม ๓๗ เขด[๖๘]คลอง ๏ บางกรา่ งขา้ งคุ้งค่าม กอ่ สรา้ ง บางขนุนขนุ กอง ฃายน่า[๖๙] ท่าเอย ของสวนสว่ นเจ้าของ บกนาลาเรอื ฯ สาวแกแ่ มม่ า่ ยบ้าง ๓๘ แอดเสียง ๏ โรงหบิ หนบิ อ้อยออด รับนา สองข้างรางรองเรียง ค่วู ง่ิ เวยี รเอย อ้อยไส่ไล่ควายเคยี ง เช่นออ้ ยย่อยรยา ฯ อกพี่นชี อกชา ๓๙ กระลาการ ๏ หีบหนั นนั และเหล้[๗๐] หอ่ นเวน้ ขขู่ ่มเหงหักหาร[๗๑] เอาผดิ พ่อเอย เขา้ พวกคดิ อ่านพาล นกึ ชานาใจ ฯ กลหีบหนบิ นิดเน้น ๔๐ สวร[๗๒]ไสว ๏ บางคูเวยี งเสยี งสงัดล้วน ทา่ นตงั เวยี งชอ่ื ศรีท้าวไท กลบั รฦก นกึ เอย เวยี งราชคลาศแคล้วไกล ถิ่นปลมื ลืมกเษม ฯ ยามยากจากเมืองทัง ๔๑ เคยชวน ๏ บางม่วงทรวงเศรา้ คิด ศกุ รย้า ม่วง[๗๓]เกบมมว่ งสวน จติ ไม่ ใคร่แฮ มว่ งอ่นื รื่นรนั จวน เสน่[๗๕]เนอื เจือจรร[๗๖] ฯ ม่วงหมอ่ มหอมหว่ น[๗๔]หนา้ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งที่ ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๒๙ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๔๒ หวนหอม ๏ จันตน้ ผลห่ามให้ ไตเ่ คล้า แมลงภวู่ ู่เวียนตอม เสนห่ แ์ จม่ จรรเอย เพียงพี่ทส่ี ุดถนอม โศกร้างหา่ งจรร[๗๗] ฯ พร้องช่ือรือเสียวเศรา้ ๔๓ ด่านคอย ๏ ล่วงทางบางใหญ่บา้ น เลอ่ื นช้า เลียวล่องคลองเล็กลอย เพลินช่ืน ชมเอย สองฝัง่ พรัง่ พฤกษพลอย เสนห่ นอ้ งคลองสนอม ฯ แลเหล่าชาวสวนหน้า ๔๔ หลักตอ ๏ คลองคดลดเลยี วล้วน รอ่ งนา เกะกะรเรือรอ พายถ่อ พ่อเอย คดคลองช่องแคบพอ กวา่ นาลาคลอง ฯ คนคดลดเลยี วลา ๔๕ เรือนโรง ๏ ลว่ งย่านบา้ นวดั รา้ ง หย่อมไม้ ตกทุง่ ถึงคลองโยง ทต่ี ิด ตนื แฮ วดั ใหมธ่ งทองโถง เคลอ่ื นคล้อยลอยเลน ฯ ควายลากฝากเชือกไขว้ ๔๖ รนั ควาย ๏ คนข่ีตีต้อนเรง่ โกง่ โก้ ถอนถบี กบี กอมตกาย แหงนเบ่งิ เบอื นแฮ เหนือ่ ยนกั ชกั เชือกหงาย สอึกเตน้ เผน่ โผน ฯ คนหวดปวดป่วนโอ้ รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่อื งท่ี ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๓๐ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม ๔๗ ลาเหลอื ๏ ทุก[๗๘]ใครในโลกลน้ ไม่เท่าควายลากเรือ รับจา้ ง หอบฮักจักขุเจือ เจิ่งช่มุ ชลเอย มนุษดุจติดค้าง เฆี่ยนเรา้ เอาเงนิ ฯ ๔๘ ๏ สังเวท[๗๙]เหตดุ ้วยทรพั [๘๐] ศฤงฆาร ภาสัตววัตนสงสาร โศกเศรา้ ตรวดนารา่ ศีลทาน ทั่วสตั ว สวดั เิ อย จงศขุ ทุกค่าเช้า ชาติพ้นชณมาร[๘๑] ฯ ๔๙ เฟือยแขม ๏ ขา้ งคลองสองฝั่งเฟือ้ ย คาแฝกแซกเซยี ดแซม ซับซ้อน ไนพมุ่ กมุ่ กกแกม กอย่า[๘๒] รยา้ แฮ นกหกวกเวียรหวอ้ น วิง่ เต้นเผน่ โผน ฯ ๕๐ ๏ นกกกรมุ [๘๓]กลุ้มเกลอื่ นท้อง ทุ่งนา คมุ่ คุ่มสุ่มสับปลา ปากโงง้ ขยอกขยอกกลอกเหนยี งภา เพอื่ นเทีย่ ว เกรยี วแฮ สีส[๘๔]กระกรุมโล้ง เล่ลา้ นบ้านเรา ฯ ๕๑ กลางหนอง ๏ นกกทุงฝูงไหญ่กลุ้ม ลอยเลอื่ นเคล่ือนคลอประคอง คู่เคล้า คดิ เช่นเลน่ ลาคลอง คลอนุช น้อยเอย สอนว่ายฝ่ายพ่เี ฝ้า ฝกึ น้องคล่องไจ ฯ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอ่ื งที่ ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๓๑ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ๕๒ วาริน ๏ กานาดาแหวกหว้าย เก่งแท้ คาบขยอกขแยงกนิ ปเปียก[๘๕] ปกี แฮ เด็กโหโ่ ผลผ่ ลนุ บิน สนั่นร้องซอ้ งเสยี ง ฯ ยางกรอกดอกบวั แซ่ ๕๓ เวหา ๏ กาเยี่ยว[๘๖]เทีย่ วว้าวอ่ น โฉบได้ ร่อนร่ายหมายมจั ฉา กินสัตว์ สเู อย ขนุ นางอยา่ งเฉย่ี วกา เชน่ ขา้ ด่าตี ฯ โจมจับปรบั ไหมไช้ ๕๔ จกิ ปลา ๏ ยางเจา่ เซาจบั จอ้ ง ศุขลา กนิ เล่นเปน็ พักสา[๘๗] ถอื สัต[๘๙] สวัดิแฮ กระลาการท่านสัทา[๘๘] กลา่ วคลา้ ยฝ่ายยาง ฯ บนทรัพกลับกลนื กลา ๕๕ คลองโยง ๏ ออกแควแม่นาปาก เรยี ดคุ้ง แดน่ [๙๐]ดา่ นบ้านเรือนโรง ทุ่งรอบ ขอบแฮ ชอ่ื ลานตากฟา้ โถง ฟากฟ้าสากล ฯ เยนย่านาคา้ งฟุ้ง ๕๖ ตากปลา ๏ ชาวบ้านรา้ นเรอื กตัง เฟอื่ งฟุ้ง แตป่ ากวา่ ตากฟ้า ไว้ชอ่ ง คลองแฮ กวา่ งขวางทร่างวัดวา[๙๑] ยอดแย้มแซมไสว ฯ รมิ ฝั่งพรัง่ ผกั บุ้ง รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๖ โคลงนิราศสุพรรณ

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๓๒ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จังหวดั นครพนม ๕๗ อัศดง ๏ รอนรอนอ่อนอกโอ้ ลับฟ้า เลยี วเหลยี่ มพระสุเมรุลง พเ่ี ปล่ียว เดยี วเอย มดื คลมุ้ พุ่มไผ่พง นึกคร้ามหวามถวลิ ฯ เสียงพง่ึ [๙๒]หึง่ หงึ่ หน้า ๕๘ เขดคนั ๏ ทางเปลี่ยวเลยี วล่องคุ้ง กจา่ งฟ้า ย่อมยา่ นบา้ นกระจันจรร โศกสอนื อกเอย เงียบเหงาเปลา่ ทรวงกระสัน ไช่เนอื เจอื จรร[๙๓] ฯ จรรอ่นื ชนื่ แตห่ นา้ ๕๙ พรอยพราย ๏ ลาภดู ูหงิ่ หอ้ ย รอบก้อย เหมอื นเมดเพชรัต[๙๔]ราย สวาดิสบ เนตเอย วับวบั จบั เนตรสาย หบั หม้าน[๙๕]นานเหน ฯ วับเช่นเหน็ ห่งิ ห้อย ๖๐ โขลงหลวง ๏ ถึงยา่ นบา้ นฝัง่ ข้าม ลอ่ คลอ้ ง หมอเทา่ เจ้าเล่ลวง เนตรนูท[๙๖] พเ่ี อย ไชเ้ ล่นเช่นกบั ดวง ตดิ ไหไ้ ช้แรง ฯ บ่วงรกั ดกั พ่ตี อ้ ง ๖๑ ศรีธร[๙๗] ๏ ล่องทางบางบา้ นส แจม่ แจง้ คนเงียบ เสียบแฮ แปรช่ือครือจรร[๙๘]จร กล่าวอา้ งอย่างจรร ฯ เรือนตังฝัง่ สาคร บ้านไร่ใครหนอแกลง้ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอ่ื งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๓๓ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๖๒ ลมฝน ๏ ยามดึกครึกครืนล่ัน มดื คลุม้ ถงึ ยา่ นบา้ นขโมยมล รอ้ งฮุ่ม ฮูมแฮ จรเขเ้ ร่คารน แข่งขู้ฟูลอย ฯ มุง่ เขมน่ เห็นขุ้มขุ้ม[๙๙] ๖๓ บา้ นขโมย ๏ ราตรหี นตี เข้[๑๐๐]เคา่ ดว่ นพยุ้ เดกหนุม่ ส่มุ เรือโดย ปรายสัต สนัดแฮ ฝนปราพร่าเปรยี ะโปรย มุ่งทุม่ กมุ ภา ฯ ต่างง่าพร้าขวานมุย้ ๖๔ ฟขู นอง ๏ น่ากลวั ตัวตเคข่ ู้ ฟอ่ งเฟื้อย ฮดึ ฮาดฟาดฟมู ฟอง สงั วาด สวาดแฮ เคยี งคู่สสู่ มสอง เล่นนาปลาขนอง ฯ ยาวใหญ่ไล่โลดเลอื ย ๖๕ มองมัน ๏ เดกนอ้ ยคอยขเหม้นมุ่ง ปกับท้อง ว่าตเข้ขบกนั ดานสตั [๑๐๑] กานัด[๑๐๒]แฮ บูรานทา่ นวา่ สนั ติดคา้ งนางเมยี ฯ ปีหนง่ึ จงึ่ งอกต้อง รวมนิราศของสนุ ทรภู่ เร่อื งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๑๓๔ โรงเรยี นสหราษฎรร์ ังสฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม ๖๖ เซิงเสอื ๏ หนศี กึ วา่ ปะซุ้ม หลากลา ไดก้ บั เราแลว้ เหลอื รมิ เขด ขโมยแฮ หลบตเขเ้ ค่า[๑๐๓]จอดเรือ สตั เขเ้ ฉโก ฯ บกก็เสอื เรือซา ๖๗ โศรกสบาย ๏ รงุ่ เช้าเบาอกสรนิ มงุ่ ข้าม ลายา่ นบา้ นขโมยหมาย เฉอ่ื ยส่ง ตรงเอย นาขึนรื่นลมชาย สัตนาคล่าขนอง ฯ ทางเปลย่ี วเสยี วทรวงซา ๖๘ หญงิ ชาย ๏ บางปลาตาบ้านอยู่ ร่ายกล้วย[๑๐๔] สองฮ่องสองเรือนราย บ่ครั่น ตวนั เอย ชาวปา่ หน้านอนสบาย ดง่ั นที ่สี บาย ฯ มีคูอ่ ู๋เขา้ [๑๐๕]ด้วย ๖๙ เซงิ หนาม ๏ ซ้ายขวาปา่ ไผซ่ มุ้ รกเรือ สองฝั่งรังราราม งอนทอด ยอดเอย แพงพวยผักบงุ่ [๑๐๖]งาม หว่างไม้ไผส่ ลอน ฯ บนบกนกกับเนอื ๗๐ ตวงซาย ๏ บางปสีทีถ่ ่านตงั เรยี ดถา้ เผาไผ่ไม้ซากราย เช่นพูด อูดเอย หนุ่มสาวเหลา่ หญิงชาย แนบน้องลองโลม ฯ ดาทม่ืนทน่ื หน้า รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๓๕ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๗๑ ลอยลา ๏ นาวาคลาเคล่ือนคล้อย รกไม้ ล่วงย่านบา้ นบางรกา แทงพวก ชมวก[๑๐๘]แฮ สาวหนุม่ สมุ่ [๑๐๗]ซ่อนทา ดุกดอ้ งชอ่ นชโด ฯ ปลาติดปลดิ ปลดได้ ๗๒ เหล่าควาย ๏ บางยงุ คุ้งลาดล้วน เลน่ นา ลงปลักทลกั ทลาย แหงนเบ่งิ เทิง่ แฮ ดาผดุ ฟูดฟาดหงาย ปลอ่ ยห้อยอควาย ฯ ลูกเลก็ เดก็ เลยี งปลา ๗๓ นทิ าน นานเอย ๏ เขาควายรายรอ่ งนวิ ยุท[๑๐๙]พลิว วา่ พญาภาลีทยาน บง่ั บ่ัง ยงั แฮ ศรศี ะกระบือกระบาน เหน่ยี วเน้นเหนรอย ฯ นกึ เชน่ เปนรอยนิว ๗๔ สร้อยไสว ๏ บา้ นไซไซใหญย่ ้อย แซซ่ ้อง คิดเชน่ เลน่ ตน้ ไซ แกวง่ ชัก เชอื กเอย ผกู กิ่งชงิ ช้าไกว แนบเนอื เจือใจย ฯ เคยขพี่ ี่กับน้อง ๗๕ หนิ มลู ๏ เลยทางบางบา้ นแห่ง ปน่ ไว้ เดิมว่าเตาเผาปนู เสยี เปล่า เราเอย อาภพั ลบั ชื่อสรู ดุจอ้างอยา่ งปูน ฯ อกพีน่ ีและได้ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่ืองที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ๑๓๖ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม ๗๖ บางหลวง ๏ ถึงคลองร้องเรยี กบ้าน ลาฦกนกึ ถงึ ดวง ดอกฟา้ เงยี บเหงาเปลา่ เปลย่ี วทรวง แสนทเวท[๑๑๐] ทุเรด[๑๑๑]เอย อมู้ รักหนักอกถ้า เทียบเถา้ เขาหลวง ฯ ๗๗ น้องเอย ๏ บางน้อยพลอยนึกน้อย น้อยแนบแอบอกเคย คูเ่ คล้า เนือน้อยคอ่ ยสนอมเชย เชอื นชื่น อ่นื แม่ น้อยแตช่ อื่ หฤๅเจ้า จติ รนอ้ ยลอยลม ฯ ๗๘ คลองมี ๏ บางหวายท้ายคุ้งช่อง แดนนครไชยศรี สดุ สรนิ เข้าแดนสพุ ันบูรี[๑๑๒] รือเปลีย่ ว เดยี วเอย ท่งุ ทา่ ป่ายุงรนิ รกเรือเบื่อชม ฯ ๗๙ บอนแซง ๏ ชุมนักผกั ตบซ้อน บอนสพุ รรณหน่ั แกง อร่อยแท้ บอนบางกอกดอกแสลง เหลอื แหล่ แมเ่ อย บอนปากยากจะแก้ ไมส่ รินลินบอน ฯ ๘๐ ๏ บางสามศาร[๑๑๓]เจา้ ทรา่ ง ปางหลงั อารักศักสทิ รวัง[๑๑๔] แว่นแควน้ ศกุ ขีทข่ี า้ หวงั วานชว่ ย ด้วยแฮ กาจดั ศัตรูแมน้ มุ่งรา้ ยตายเอง ฯ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๑๓๗ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวดั นครพนม ๘๑ ฝ่ังกระแส ๏ ถึงบา้ นด่านดักตงั ค่ามคุ้ง สองพ่นี ้องคลองแคว ตาน[๑๑๕]สลบั สลา้ งเอย ตลงิ่ ตลิบโตล่งแล ถ่นิ อ้อกอแขม ฯ สรนิ ไผใ่ นแขวงถุ้ง[๑๑๖] ๘๒ ธารา ๏ ปลาชมุ กลุม้ เกลื่อนทอ้ ง หลบสรนิ ลอยเล่นเหน็ คนถลา ช่อนดุก พลุกแฮ สลิดสลาดสลบั ปลา กระโดดเหลน้ [๑๑๗]เห็นตัว ฯ กระด่ีกระดิกกระเดือกดนิ ๘๓ คลอเรอื ๏ นานาปลาว่ายเคล้า ซ่าสร้อย สเี สียดซิวกระโสงเสือ หลายหลาก มากเอย เพลยี ตภากตเพยี นเหลือ เรห่ ว้ายรายเรยี ง ฯ กรมิ กระตรับนับร้อย ๘๔ แตม้ ดา ๏ แกม้ ชาดาที่แก้ม แนะน้อง ดูเคลือ่ นเหมือนจนา จุมพิศ[๑๑๘] นิด[๑๑๙]เอย แรกรักปรักปรางประจา แต่งแตม้ แก้มสมร ฯ ชาเชน่ ปลายา้ [๑๒๐]ต้อง ๘๕ นอ้ งหญิง ๏ เนอื อ่อนห่อนซู่เนอื อนุ่ ลา อ่อนแอบแนบอกองิ แต่ชอ่ื ฦๅเอย นวลจนั นน่ั นวลจรงิ กลนิ่ เนือเหลอื นวล ฯ นวลทพ่ี ก่ี ลืนกลา รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอ่ื งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๓๘ โรงเรียนสหราษฎร์รงั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ๘๖ หวดหาง ๏ ปลาใหญไ่ ล่เลยี วฮบุ พ่นนา ฮืดฮาดฟาดโผงผาง เบอื นบดิ เบียวแฮ ปลาคา้ วเหล่าสวายคาง เคลอ่ื นคล้อยลอยแล ฯ กโฮ่[๑๒๑]โผล่ผดุ ขลา[๑๒๒] ๘๗ หลายกอ ๏ บางซอกอไผ่ล้อม สกั น้อย บ้านบม่ ีสีซอ พยุโยก โชกแฮ เรอื ใกล้ไผ่พุ่มภอ เอ่ือยอ้อซออิน[๑๒๓] ฯ ไผ่เบยี ดเอียดออดอ้อย ๘๘ อาทวา ๏ ทุง่ กว้างทางเปล่ยี วโอ้ กกู่ ้อง สองฝั่งฝา่ ยวหิ กา หาเหญ่ือ[๑๒๔] เร่ร่อนว่อนเวหา เรียกให้คนชม ฯ นกเถื่อนเหมอื นจร้อง ๘๙ น้องเอย ๏ ถึงทีส่ ีสนุกนนั คา่ เชา้ สนุกแตช่ าวบ้านเคย ชวดสนุก ทกุ [๑๒๕]แม่ พวกพี่ที่จากเชย สนกุ เถา้ [๑๒๖]นนั เอง ฯ สนุกท่ดี สู ูเจา้ ๙๐ เฟอื ยตวาง[๑๒๗] ๏ ชุมแท้แตส่ วะเฟ้อื ย กลบนา ลอยเลื่อนเกล่ือนกลาดกลาง ท่แี คบ ซอ้ นซับทับถมทาง ค่อยกว้างทางจร ฯ เรอื ขดั ตัดฟนั คา รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เร่ืองท่ี ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย ๑๓๙ โรงเรียนสหราษฎรร์ ังสฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวดั นครพนม ๙๑ ไรราย ๏ แหลมคุง้ ทงุ่ เถอ่ื นไม้ ทลุทอ้ ง ถงึ ยา่ นบ้านตเภาทลาย ชเลหาด ลาดแฮ เดิมทีน่ เ่ี ปน็ ชาย ติดเข้าตเภาทลาย ฯ เรือสดั [๑๒๘]พลัดมาตอ้ ง ๙๒ ตาน[๑๒๙]ราย ๏ แลลิว่ ทิวทุ่งตน้ ไปล่แปล้ ลบิ ลบิ ลมปลิวปลาย เฉิบเชน่ เหนแฮ เล่คนคดั [๑๓๐]ปีกฉาย พศิ ใหใ้ จเพลิน ฯ เรยี่ เรี่ยเตียต่าแจ ๙๓ ลาคลอง ๏ บางปลารา้ ปลาคล่านา มุ่งข้า[๑๓๒] คนเหลา่ เชาปมง[๑๓๑]มอง ปดิ เรอื ก เฝือกแฮ สุม่ ซอ่ นช้อนฉะนางปอง เรียดคุ้งคล้งุ โขลง ฯ เหม็นเนา่ คาวปลาร้า ๙๔ ขอดปลา ๏ ริมนาทาท่ีขึน ตมกู แก้ม เกล็จ[๑๓๓]ติดตัวตีนตา หอมช่ืน รรน่ื เอย คดิ ค่สู เู่ สน่หา ตดิ เนอื เหลือหอม ฯ โคลนเช่นเปนแปง้ แต้ม ๙๕ ทีวราย ๏ บางสแกแลสะลา่ งงิว แช่มชอ้ ย เรียงฝงั่ ดงั ฉตั รฉาย สวาดิเช่น เหนเอย งิวไมใ้ ชง่ วิ สาย นกึ หน้าอาไลย ฯ งิว[๑๓๔]พีท่ ่แี นง่ น้อย รวมนิราศของสุนทรภู่ เรือ่ งที่ ๖ โคลงนิราศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๔๐ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม ๙๖ หนาหนาม ๏ ยามยนต้นงิวป่า วุ่นแล้ว นกึ บาปวาบวบั หวาม สวาดเิ มอ่ื มว้ ยแฮ คงจะปะงิวทราม คนึ่ งิวล่วิ สงู ฯ งิวกับพ่หี มีแคลว้ ๙๗ เท่ียงตรง ๏ ถึงบา้ นคนั ชั่งแท้ รักนอ้ ง เพยี งพี่ทีต่ ารง สจั คิด สนดิ เอย เคยคซู่ ่ซู ื่อตรง พี่ใหใ้ จหาย ฯ ยามยากจากพวกพ้อง ๙๘ เฟือยไสว ๏ เหลียวซ้ายฝา่ ยฝัง่ เฟอ้ื ย รอบค้งุ พงไผ่ไม้ราไร ฟอนเรี่ยน เกรียนแฮ แลขวาป่าแฝกไฟ ถ่ินกว้างวางเวง ฯ ลบิ ล่ิวทิวท้องถงุ้ ๙๙ ตามแหลม ๏ ถึงย่านบา้ นกุ่มข้าม รกรา้ ง วดั เก่าเศร้าโทรมแรม ทรา่ ง[๑๓๕]วัด สวดั [ิ ๑๓๖]เอย ผใู้ ดไมซ่ ่อมแซม ทเวทให้ใจหาย ฯ เพยี งพี่ท่อี ้างวา้ ง ๑๐๐ รอ่ นบนิ ๏ ลมตกนกวา้ วอ่ น กู่ก้อง โฉบฉาบคาบปลากนิ เดินซ่อง มองแฮ ค้อนหอยค่อยคยุ้ ดิน จอ่ มนาปลาปลา ฯ ถิบถ่อกรอปีกจ้อง รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งท่ี ๖ โคลงนริ าศสุพรรณ

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๔๑ โรงเรียนสหราษฎรร์ งั สฤษดิ์ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๑๐๑ ไร้ผัว ๏ ถงึ บางนางแม่หม้าย หม่นไหม้ เปลย่ี วเปลา่ เศร้าหมองมวั ต่อม่าย หมายเอย คราวใครใคร่ฝากตวั ดบั หม้ายกลายมี ฯ พร้อมจิตคดิ จได้ ๑๐๒ คู่เคียง ๏ ตวันยอจอรเข้[๑๓๗]ฟู่ เราะทา้ ย ยาวใหญไ่ ลเ่ รือเรยี ง แซส่ มุ่ ขยมุ เอย เด็กตวาดผาดแผดเสยี ง ว่คู วา้ งขวางเรือ ฯ มนั บห่ ยดุ ผดุ หว้าย ๑๐๓ เขา้ ชาน[๑๓๘] ๏ เดชะพระพทุ ธิเจ้า แม่นแล้ว เคยชนะพญามาร ดุจเชน่ เหนแฮ รฦกถึงจ่งึ บันดาน คลาศคล้อยถอยหนี ฯ จอรเค่[๑๓๙]เหหา่ งแคล้ว ๑๐๔ กฤษนา ๏ ถึงชอ่ งคลองนาชอ่ื ร่าไว้ เข้าตอกออกตอก[๑๔๐]ตารา สนกุ แน่ แม่เอย คดิ สบภบถามหา กระดากเจา้ เฝา้ หวง ฯ นกึ จปลง[๑๔๑]คงได้ ๑๐๕ แหลง่ ปลา ๏ บางเลนเป็นท่หี ลมุ้ ขุ่นฃน้ แปลงปลักคลักคงคา พวกซ่อน ชอ้ นเอย ไท[๑๔๒]เจ๊กเดกใหญ่พา ทุกถวั [๑๔๓] ตวั ปลา ฯ บุญสง่ จงหลีกพน้ รวมนิราศของสุนทรภู่ เรอื่ งที่ ๖ โคลงนิราศสุพรรณ

กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๔๒ โรงเรยี นสหราษฎร์รังสฤษดิ์ อาเภอศรสี งคราม จงั หวัดนครพนม ๑๐๖ สนองนา ๏ บางบวั บา้ นช่อื พร้อง นกึ เช่นเห็นบวั คา คู่พร้อง เคา่ [๑๔๔]เหนยี วเกย่ี วมาทา แทนเคา่ [๑๔๕] เจา้ เอย คราวเคราะ[๑๔๖]เพราะเกีย่ วขอ้ ง ขัดคา้ งขวางเชิง ฯ ๑๐๗ ใบคลา ๏ ลมเร่ือยเฉ่อื ยช่ืนใช้ ถงึ ย่านบ้านดารา รกเรือ สองเรอื นเพอื่ นพูดจา เจ่านง่ั รวงั เอย คดิ ใคร่ไดช้ ิดเชือ ช่วยเฝา้ เย่าเรือน ฯ ๑๐๘ ๏ ใบรม่ ลมเรือ่ ยแหล้น[๑๔๗] ลีลา เหล่าหนมุ่ ช่มุ ช่นื พา เพอื่ นร้อง อเิ หนาเค่า[๑๔๘]มลกา กลเม็ด มากแฮ ฟงั เสนาะเพราะพร้อง พรกั พรอ้ มซอ้ มเสยี ง ฯ ๑๐๙ โบรา ๏ ถงึ ชีปฃาวยา่ นบา้ น ชไี มเ่ ห็นกาดา ดน่ื ร้อง เชาบ้านย่านนนั ทา แทงพวก ฉมวกแฮ ซาวแต่คาพรา่ พร้อง ชื่อนชี ปี ฃาว ฯ ๑๑๐ นวลขาว ๏ ฃาวอืน่ หมนื่ สิง่ ล้วน แพรพ่า[๑๔๙]ฟา้ ดินดาว ดจุ พร้อง ขาวดคู รู่เดียวคราว หน่ึงเบื่อ เหลอื แฮ ฃาวบ่เบ่อื เนือน้อง น่วมนวิ ผิวฃาว ฯ รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอ่ื งที่ ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ๑๔๓ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๑๑๑ ชหี ล[๑๕๐] ๏ คุ้งขวางบางบา้ นช่ือ ทางทศิ ทุกตาบล บอกแจ้ง อยูก่ ลางหวา่ งมนทน[๑๕๑] ทางรว่ ม รวมแฮ คนเปล่ียนเพียนช่ือแยง้ ย่านนยี หี น ฯ ๑๑๒ กอรกา ๏ บางปลามา้ ปา่ ออ้ ไม้ไผใ่ หญ่สลวยลา สะลา่ งเฟ้ือย ชาวบา้ นยา่ นนนั ทา ท่ไี ร่ ไวแ้ ฮ ปลกู ผักฟักแฟงเลือย ลกู หอ้ ยย้อยไสว ฯ ๑๑๓ กราบกราน ๏ ถงึ คุง้ โพกระก้ม โพอยบู่ รู านนาน เน่นิ แลว้ ชน่ื ช่มุ พมุ่ พิศดาร เดชะ พระเอย ฃออย่าให้ไภยแผว้ ผ่องพ้นกลโกง ฯ ๑๑๔ หวา่ นคราม ๏ โคกครามนามทบ่ี ้าน เฃียวชุ่มฉอมุ่ งาม กงิ่ ก้าน เหมือนศรี[๑๕๒]ทีน่ ชุ ทราม สวาดฮิ ุ่ม[๑๕๓] พมุ่ เอย เหนแตค่ รามนามบา้ น ไสบเจา้ เศรา้ สนู ฯ ๑๑๕ ๏ สวนหง[๑๕๔]วงวัดพร้อม พระเนร[๑๕๕] รื่นรอบขอบบริเวณ หว่างบ้าน เดกเยาเลา่ กนเกน กอ้ งที่ กดี[๑๕๖]แฮ ใช่ที่มีสวนสอ้าน ชอื่ อ้างปางหลัง ฯ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เรอ่ื งท่ี ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ

กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๔๔ โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๑๑๖ ตนฃาม ๏ ตลาดแก้วแถวถิ่นตเข้ สนบั หญ้า ตลิ่งตลาดแตล่ ้วนหนาม สสู้ ละ ปละเอย แกว้ อืน่ หมื่นแสนทราม จะเฝ้าเคลา้ สนอม ฯ รกั แต่แกว้ แววฟ้า ๑๑๗ ปางหลัง ๏ ถึงวงั ตาเพชอ้าง รกเรือ ไผพ่ ุม่ ซุ้มเซงิ รงั มเี ลา่ เจา้ เอย ตาเพชเหตุไดวงั ชาตทิ ้าวเจ้าเมือง ฯ ฤๅว่าตาเพชเชือ ๑๑๘ สวนมเฃอื ๏ สวนฃิงตล่งิ แต่ล้วน เรื่อไหร้[๑๕๘] พริกเทด[๑๕๗]เม็จอรา่ มเหลือ ครบซม่ [๑๕๙] มยมเอย กล้วยปลูกสกุ หา่ มเครือ แต่งตม้ ซ่มตา ฯ คดิ คู่อยู่สวนได้ ๑๑๙ ฝ่งั ชลา ๏ บา้ นยอดยอดไมส้ พร่งั กงิ่ คว้าง ยอดย่นื ชื่อฉ้อพกา ดาษทอด ยอดแฮ ยอดอน่ื หม่ืนแสนดา บไ่ ดใ้ จหาย ฯ ยอดรักจักหาบา้ ง ๑๒๐ ขนมจนี ๏ ลุดน[๑๖๐]ชนบทบา้ น ทา่ นา โรงเจ๊กตังริมตีน สยายเพ่า[๑๖๑] เล่าแฮ น่ังนับทรพั ส่ิงสนี สลับผ[ู้ ๑๖๒] หูหนาง[๑๖๓] ฯ เมียชา่ งสางสลวยลา รวมนริ าศของสนุ ทรภู่ เรอื่ งท่ี ๖ โคลงนิราศสุพรรณ

กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ๑๔๕ โรงเรยี นสหราษฎรร์ งั สฤษด์ิ อาเภอศรีสงคราม จงั หวดั นครพนม ๑๒๑ คู่เคยี ง ๏ โพคอยโพขึนอยู่ ลดั ถงุ้ [๑๖๔] ปากช่องคลองชลาเฉลียง รายอยู่ หมแู่ ฮ บา้ นตังฝ่ังนาเรยี ง เขดบา้ นตานราย ฯ แลรอบขอบแหลมคงุ้ ๑๒๒ มนาวหวาน ๏ ถงึ หนา้ ท่านาวัด รา่ พรอ้ ง ฦๅเลอ่ื งเบืองบูราน นกั เบือ่ เหลือแม่ หวานอื่นคลื่นไสร้[๑๖๕]นาน เสนาะนาคาหวาน ฯ หวานแตน่ าคานอ้ ง ๑๒๓ ขมเหลอื ๏ ทับคเี ลก[๑๖๖]เดกวา่ ตม้ กลบคนั ครนั แต่งแกงต้มเกลอื จบิ อรอ่ ย น้อยฤๅ พรกี ขิงสิ่งไสเ่ จือ แตน่ าคาขม ฯ ขมฃื่นคล่นื ไสร้นัน ๑๒๔ ใช่ฝาง ๏ วดั ฝางอา้ งชอื่ ไว้ ยิง่ ขรงั [๑๖๗] ฝางยอ่ มย้อมแพรยาง หมองคร่า ดาแฮ แดงศุก[๑๖๘]ถกู แดดหมาง ข[ู่ ๑๗๐]คลานาฝาง ฯ อกพีท่ แี่ ค้นขัง[๑๖๙] ๑๒๕ ท้องนา ๏ ทา่ ระหดั พัดนาท่วม คึ่นได้ หนั กลบั ขับคงคา หอ่ นภบ หลบเอย ใคร่จา้ งชา่ งรหัดหา รหดั นาพรา่ พรม ฯ อกพที่ ่ีร้อนให้ รวมนริ าศของสุนทรภู่ เร่อื งท่ี ๖ โคลงนริ าศสพุ รรณ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook